Chapter 8
Why I became a loser?
[Christian]
ทั้งที่ผมชนะ แต่ผมกลับรู้สึกว่าตัวเองพ่ายแพ้ให้แก่เขาซะมากกว่า
“แคมเบลล์!”
เจย์เดนตะโกนดังลั่น ใบหน้าของเขาตื่นตะลึง...หรืออาจจะเป็นตื่นตระหนก ตกใจ ไม่ว่าจะอะไรก็ตาม แต่เขากำลังเสียขวัญเพราะการกระทำของผม
ถ้าผมใจดีสักนิดผมก็คงจะหยุดคุกคามเขา แต่บังเอิญว่าผมไม่ใช่คนแบบนั้น
เจย์เดนกระชากแขนออกจากมือผมได้สำเร็จ เขาผลักผมออกห่าง พยายามหาทางหลบหนีไปให้ไกลจากผม แล้วคิดหรือว่าผมจะยอม ถึงเราจะเป็นผู้ชายเหมือนกัน แต่สถาปนิกอย่างเขาไม่มีทางสู้แรงคนที่เคยฝึกฝนร่างกายเพื่อให้แข็งแกร่ง มากพอจะออกไปเก็บภาพถ่ายกลางสนามรบจนโชกโชนอย่างผมได้หรอก
เสื้อเชิ้ตของอีกฝ่ายขาดหลุดรุ่ย แต่ก็ยังไม่มากพอให้ผมได้เห็นตัวอักษรบนแผ่นอกของเขาแบบชัดๆ เต็มสองตา ผมต้องถอดมันออก
“ถอดมันออกซะคาร์เตอร์!” ผมตวาดใส่เขา แต่เจย์เดนส่ายหน้า เขาตะโกนใส่ผมเสียงดัง มือข้างหนึ่งพยายามจับเสื้อที่ไร้กระดุมเอาไว้แน่น
“ไม่มีทาง!”
“อย่าดื้อด้านได้มั้ย!?”
“นายไม่ควรทำแบบนี้กับฉันนะแคมเบลล์! ฉันบอกว่าไม่ก็คือไม่! และถอยให้ห่างจากฉัน ให้ฉันกลับบ้าน!” อีกฝ่ายถลึงตามองผม ดวงตาของเขาเดือดดาลไปด้วยความโกรธ แต่ผมก็มองเห็นความหวาดหวั่นอยู่ในนั้นด้วยเช่นกัน “เดี๋ยวนี้!”
“ฉันจะไม่ปล่อยนายไปไหนจนกว่าเราจะคุยกันให้รู้เรื่อง” ผมลดเสียงลง พูดด้วยน้ำเสียงโทนปกติ หวังว่าเขาจะเย็นลงแล้วยอมคุยกันดีๆ
แต่ดูเหมือนวิธีนี้จะไม่ได้ผล “ไม่คุย!”
ผมหมดความอดทนแล้วเหมือนกัน
ผมกระโจนเข้าไปหาเขาอีกครั้ง จับเขาเหวี่ยงไปกระแทกกับกำแพง…เจย์เดนที่ไม่ทันตั้งตัวดูเหมือนจะจุกไปเลย และนั่นทำให้ผมรู้สึกผิดขึ้นมาวูบหนึ่ง แต่ก็สลัดความรู้สึกนั้นทิ้งไปอย่างรวดเร็ว ไว้ผมค่อยขอโทษเขาเมื่อเราคุยกันจบแล้วก็แล้วกัน
“ปล่อยฉัน!” เจย์เดนคำรามลั่น ผมอาศัยจังหวะที่เขายังเจ็บตัวกระชากเสื้อเชิ้ตของเขาออกจากร่างกายกำยำ
เวลานี้เขาไม่มีเสื้อคอยปกปิดความลับบนตัวเขาจากผมอีกแล้ว
กดไหล่เขาเข้ากับผนัง บังคับไม่ให้ได้มีโอกาสขยับตัวหนี เจย์เดนนิ่วหน้าด้วยความเจ็บ แต่ผมไม่มีเวลาได้สนใจ เพราะดวงตากำลังจับจ้องอยู่บนแผ่นอกของเขา…ตัวอักษรสวยงามสลักอยู่บนนั้น ซึ่งแน่นอน…มันเป็นชื่อของผม
Christian
“ยังจะโกหกอีกมั้ยว่านี่ไม่ใช่ชื่อฉัน”
ผมเหลือบขึ้นสบตาเจย์เดน เอ่ยถามเสียงเข้มขึงกดต่ำ อีกฝ่ายลอบกลืนน้ำลายด้วยความประหม่า ผมเห็นเพราะเราอยู่ใกล้กันมาก และผมรู้สึกได้ถึงลมหายใจของเขาที่ขาดห้วงไปชั่ววินาทีหนึ่งเลยด้วยซ้ำ
“…” เขาไม่ยอมพูด
ผมกระตุกยิ้ม ขยับใบหน้าเข้าไปใกล้อีกฝ่ายมากขึ้น “ว่าไง ยังจะปฏิเสธอยู่อีกมั้ย? ถ้าใช่ก็พูดออกมาเลย”
“ฉัน...” เขาเม้มปากแน่น “นายไม่คิดหรือไงว่าบางทีนี่อาจจะเป็นชื่อของคนอื่น”
ผมอยากจะหัวเราะให้กับคำบ่ายเบี่ยงของเขา แต่ผมกลับขำไม่ออก และคิดว่าไม่มีใครขำออกด้วยถ้าต้องมาตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้
“จริงดิพวก ยังจะปฏิเสธอีกเรอะ?”
“โซลเมตของฉันอาจจะแค่ชื่อเหมือนนายก็ได้”
“ชื่อนี่น่ะ” ผมจิ้มลงไปบนตัวอักษรอันสวยงาม เอ่ยย้ำกับเขาอีกครั้ง “มันจะมีสีเข้มขึ้น หรือกะพริบเวลาโซลเมตเข้าใกล้กัน และตอนนี้มันก็กำลังเป็นแบบนั้นอยู่ด้วย”
“...” เจย์เหลือบสายตาลงมองรอยสลักบนแผ่นอกตัวเอง มันกำลังกระพริบอยู่จริงอย่างที่ผมพูด และนั่นทำให้สีหน้าของอีกฝ่ายดูกลืนไม่เข้าคายไม่ออกเข้าไปใหญ่ เป็นสีหน้าในแบบที่ผมอยากจะเห็นเลยล่ะ
ผมจะต้อนเขาให้จนมุม ไม่ยอมให้เขาหนีพ้นได้แน่!
“ซึ่งตรงนี้มีแค่ฉันกับนาย ยังจะปฏิเสธอีกมั้ย?” ผมถามเขาด้วยประโยคเดิมอีกครั้ง
เจย์เดนเบือนหน้าหนี “ฉัน...”
“คาร์เตอร์” ผมแทรกก่อนที่เขาจะได้ทันหาอะไรมาแก้ตัวอีก ถ้าเขายังพูดไม่รู้เรื่องอยู่แบบนี้ ผมก็ชักจะหมดความอดทนขึ้นมาอีกหนแล้วเหมือนกัน “แค่ยอมรับว่าฉันเป็นโซลเมตของนายมันยากนักหรือไง”
“นายไม่เข้าใจ!” เขาตวาด หันกลับมามองหน้าผมด้วยความขุ่นเคือง แววตาของเขามีทั้งความโกรธ หวาดเกรง และรวดร้าวในแบบที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน “นายไม่มีทางเข้าใจความรู้สึกของฉัน!”
“ถ้านายพูดออกมาฉันก็พร้อมที่จะเข้าใจ” ผมกล่าว แต่เจย์เดนกลับส่ายหน้า
“แล้วเราเป็นอะไรกันงั้นเหรอ ฉันถึงต้องเล่าเรื่องส่วนตัวของฉันให้นายฟังน่ะ?”
ผมชะงัก สิ่งที่เขาพูดมามันก็ถูก ผมไม่ได้เป็นอะไรกับเขานอกจากคนรู้จัก เพื่อน หรือก็แค่โซลเมต และนั่นยังไม่มากพอให้เราพร้อมที่จะแลกเปลี่ยนเรื่องราวทุกอย่างที่มีต่อกัน แต่ถึงอย่างนั้น...
“ถ้าเป็นเรื่องครอบครัวของนาย...”
“หุบปากซะแคมเบลล์!”
โอเค ผมคงจะล้ำเส้นเขามากเกินไปแล้ว
“นายอยากให้ฉันเข้าใจนายไหมล่ะเจย์เดน” ผมเลิกคิ้ว สมองพลันนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้...อีกฝ่ายมองผมอย่างไม่ไว้ใจนัก เขาหรี่ตา และพยายามดิ้นหนีจากแรงกดที่ไหล่ ซึ่งผมไม่แม้แต่จะคิดคลายมันออก ผมไม่มีทางยอมให้เขาหนีไปได้หรอกน่ะ “มันมีวิธีที่ทำให้เราเข้าใจความรู้สึกกันได้อยู่นะ”
“นายหมายถึงอะ...”
เสียงของเขาขาดหายไปในทันทีเมื่อผมประกบปากจูบเขา บดขยี้ริมฝีปากที่ผมเคยได้สัมผัสมาแล้วครั้งหนึ่งอย่างไม่ออมแรง ผมเพิ่งมารู้ตัวว่าเผลอทำรุนแรงออกไปก็ตอนที่ได้ลิ้มรสคาวเลือดเพราะปากเจย์เดนแตกจากแรงกระแทกบังคับจูบของผม และผมเพิ่งรู้ตัวว่ากำลังกรุ่นโกรธอยู่ภายในมากแค่ไหนก็ตอนนี้เช่นกัน
“คริสเตียน!”
เจย์เดนผลักผมออกได้สำเร็จ เขาถลึงตามองผม ยกหลังมือป้ายเลือดที่ซึมออกมาตรงริมฝีปากขึ้นดู จากนั้นสีหน้าของเขาก็ยิ่งเข้มขึงราวกับมีเงามืดสายหนึ่งพาดผ่าน
“…” ผมจดจ้องเขา ระหว่างเราไม่มีคำพูดอะไรอยู่นาน แต่แล้วเจย์เดนก็เป็นฝ่ายก้าวเท้าเข้ามาใกล้ผมอย่างรวดเร็ว ตามด้วยง้างหมัดซัดโหนกแก้มผมเข้าเต็มๆ
ผัวะ!
“ไอ้ระยำเอ๊ย! นายทำบ้าอะไรของนาย!?”
“พิสูจน์ไง!” เรากลับมาอารมณ์ร้อนใส่กันอีกครั้งแล้ว ผมคว้าแขนเขาเหวี่ยงไปที่พื้นข้างโซฟา...เขาล้มลง
“ไอ้เวร! พิสูจน์อะไรของนายวะ!?” เจย์เดนสบถด่าอีกหลายคำแต่ผมไม่สนใจ
ผมคร่อมทับเขา จับตัวเขาพลิกลงนอนคว่ำ คว้าแขนข้างหนึ่งของเขาไขว้หลัง…ท่านี้ผมได้รับการสอนตอนที่เข้ารับการฝึกป้องกันตัวแบบพิเศษกับครูฝึกซึ่งเป็นทหาร ก่อนหน้าที่ผมจะออกไปทำงานพร้อมกล้องคู่ใจกลางสนามรบที่มีแต่กระสุนและลูกระเบิด มันเอาไว้ใช้ล็อกตัวศัตรูให้อยู่นิ่งๆ ได้
“โอ๊ย!” เจย์เดนร้องโอดโอย แต่ผมไม่เห็นใจเขาหรอกนะ
อยากให้ผมเข้าใจเขาใช่ไหม? เพราะเรายังไม่ได้เป็นอะไรกันเขาก็เลยไม่เล่าเองใช่ไหม?
ได้! ถ้างั้นผมจะเป็นฝ่ายทำให้เขาได้รับรู้ความรู้สึกของผม และนั่นจะทำให้ผมได้รับรู้ความรู้สึกของเขาด้วยเช่นกัน วิธีมันก็ง่ายนิดเดียว...แค่ทำให้เขาเป็นของผมซะก็จบแล้ว!
ผมโน้มลงไปกระซิบที่ข้างใบหูของเขา “รู้มั้ยเจย์เดน ถ้าโซลเมตมีเซ็กซ์กัน…”
“ปล่อยฉันนะโว้ย ไอ้คริสเตียน!”
“พวกเขาจะสามารถรับรู้ความรู้สึกต่างๆ ของกันและกันได้”
“!!!”
“เรียกง่ายๆ ก็คือการแลกเปลี่ยนความรู้สึกกันนั่นล่ะ ซึ่งถ้าเราทำแบบนั้นด้วยกันเมื่อไหร่ ฉันก็จะได้เข้าใจความรู้สึกของนายสักทีไงที่รัก”
“หยุด! หยุดเดี๋ยวนี้!” เจย์เดนเบิกตากว้าง พยายามสะบัดตัวหนีจากพันธนาการของผมอีกครั้ง “ปล่อยฉันแคมเบลล์!”
ผมไม่รู้ว่าอะไรเข้าสิง อาจจะเป็นปีศาจหรือวิญญาณร้าย ไม่ว่าจะอะไรก็ตาม แต่ความโกรธเคืองของผมคือเรื่องจริง…เจย์เดนไม่ยอมบอกผมเรื่องที่เราเป็นโซลเมตกัน เขาจงใจปิดเป็นความลับ แถมยังปฏิเสธที่จะยอมรับแม้ตัวเองจะโดนผมไล่ต้อนเสียจนมุม ซึ่งมันแน่นอนอยู่แล้วว่านั่นทำให้ผมไม่พอใจมาก ผมคิดว่าหากคนเราตัวลุกเป็นไฟได้เพราะความโกรธ ผมก็คงเป็นแบบนั้นไปแล้ว
ผมอยากจะเข้าใจเขามากกว่านี้ ถ้าเขาไม่ยอมพูด ทางเดียวก็คือเราต้องมีเซ็กซ์กัน และผมพร้อมจะทำมันโดยไม่ตะขิดตะขวงใจใดๆ ทั้งสิ้นด้วย
“คริสเตียน แคมเบลล์! ฉันบอกให้ปล่อยไงวะไอ้บัดซบเอ๊ย!”
“อย่างเดียวที่ฉันจะปล่อยใส่นายก็คือน้ำรักจากไอ้หนูของฉัน แต่ปล่อยนายไปน่ะไม่มีทางแน่!”
“Fuck!!!”
เจย์เดนสบถและดิ้นรุนแรงมากขึ้น จนผมต้องกดตัวเขาแนบกับพื้นมากกว่าเดิม
ผมใช้มือข้างที่ว่างปลดเข็มขัดของตัวเองออก แล้วนำมันไปมัดข้อมือของเจย์เดนเข้าไว้ด้วยกัน แต่กว่าจะมัดสำเร็จก็เล่นเอาเหนื่อยหอบ…หมอนี่ต่อต้านผมสุดกำลังเลยให้ตายสิ!
เขายังคงโวยวาย สบถ และด่าทอผมด้วยทุกๆ คำหยาบคายทั้งหมดที่พอจะนึกออก แต่คิดว่าผมสนหรือไง? ไม่ ผมไม่สะเทือนสักนิดแม้ว่าเขาจะเพิ่งด่าผมว่ามาร์เธอร์ฟัคเกอร์ก็ตาม
“มาสนุกกันดีกว่าที่รัก”
ผมสอดมือไปถอดเข็มขัดเขาออก ตามด้วยกางเกงยีนแสนอึดอัดที่เขาใส่อยู่ ใช้เวลารวดเร็วแทบเก็บสถิติได้เลยด้วยซ้ำ ผมมั่นใจว่าไม่เคยเปลื้องผ้าใครได้เร็วเท่านี้มาก่อน
เจย์เดนเป็นคนผิวขาว คงเพราะทำงานในออฟฟิศมากกว่าออกนอกสถานที่ ไม่เหมือนผมที่ผิวเข้มกว่ามาก เราสองคนเหมือนช็อกโกแลตกับนมร้อนที่ถูกนำมาวางคู่กัน
“จะทำอะไร!?” อีกฝ่ายเอี้ยวใบหน้าหันมาถาม แววตาเขาตื่นตระหนกจนเกือบผวา
ผมยิ้มเยาะ “เรื่องแค่นี้นายก็น่าจะรู้ไหมพวก”
จากนั้นผมก็ลากฝ่ามือไปแตะขอบชั้นในของเขา อีกฝ่ายพยายามขยับหนี แต่มันไม่มีที่ให้เขาหนีหรอก เมื่อเขาอยู่ใต้ร่างผมแบบนี้ โดนมัดเอาไว้แบบนี้…เขาหนีผมไม่พ้นแล้ว
“อึก บัดซบ!”
เจย์เดนสบถทันทีที่ผมแตะกึ่งกลางลำตัวของเขา รูดคลึงมันผ่านเนื้อผ้านุ่มของกางเกงชั้นในสีเข้ม ผู้ชายถูกกระตุ้นได้ง่าย และเพียงไม่นานไอ้หนูของเขาก็แข็งชันดุนดันจนหัวหยักสีอ่อนโผล่พ้นขอบออกมา
ผมหัวเราะในลำคอ กดจูบที่ข้างกกหูของคนใต้ร่าง สอดมือเคล้าคลึงท่อนลำโดยตรง สัมผัสความร้อนผ่าวของความกระสันอยากที่แสดงออกมาเพราะถูกกระตุ้น ผมได้ยินเสียงเจย์เดนสูดหายใจสั่นระริก
“เด็กดี”
“อึก…คริสเตียน…” น้ำเสียงของอีกฝ่ายแหบพร่า แรงดิ้นต่อต้านหายไปกลายเป็นแรงผลักดันขึ้นลงของเอวแกร่ง เจย์เดนพยายามทำให้ก้อนเนื้อกลมของเขาสัมผัสกับฝ่ามือผมมากกว่าเดิม
ผมคิดว่านาทีนี้เขาไม่มีอะไรจะเสียอีกแล้ว และสัญชาตญาณกับความต้องการของผู้ชายบอกให้เขายอมจำนนต่อผม ซึ่งนั่นล่ะคือสิ่งที่ผมต้องการ
ผมพลิกร่างเจย์เดนให้กลายเป็นตะแคงข้าง จับใบหน้าของเขาให้หันมารับจุมพิตร้อนผ่าว ลมหายใจของอีกฝ่ายถี่กระชั้นตามแรงอารมณ์…เรากลืนกินริมฝีปากของกันและกัน ผมสอดลิ้นเข้าหาเขา เกี่ยวกระหวัดรัดรึงปลายลิ้นของกันและกันจนน้ำเหนียวใสไหลล้นออกมาจากมุมปาก
…มันหยดลงมาถึงปลายคาง เสียงจูบหยาบโลนคลอเคล้าไปด้วยเสียงครางสั่นและเสียงลมหายใจหอบพร่า
มือที่รูดคลึงท่อนลำร้อนเร่งจังหวะเร็วขึ้นกว่าเดิม ผมบีบเคล้นหนักหน่วงสลับแผ่วเบา แต่แค่นี้น่ะมันยังไม่พอหรอก...ผมอยากสัมผัสและมอบให้เขามากกว่านี้
เหลือบตาขึ้นมองใบหน้าอีกฝ่าย ที่จริงแล้วเจย์เดนเป็นคนหน้าตาดี แม้ไม่ได้ชวนดึงดูดสายตาในแวบแรก แต่ถ้าได้มองอย่างตั้งใจก็คงจะอดหันมามองซ้ำๆ ไม่ได้ ยิ่งเมื่อสีหน้าของเขาเหยเกเต็มไปด้วยอารมณ์ของกามราคะที่ผมมอบให้ เขาก็ยิ่งดูน่ามอง
ผมถอยลงจนใบหน้าเสมอกับท่อนลำร้อนผ่าว ความแข็งขึงของมันชี้โด่แทบจะทิ่มหน้าผม ปลายหัวมีหยดน้ำเหนียวใสปริซึมออกมา...ผมแลบลิ้นเลียมัน
“คริส...เตียน!” เจย์เดนสะดุ้งเฮือก ดวงตาคู่สวยมองผมด้วยความตกใจ และเบิกตากว้างมากกว่าเดิมเมื่อผมครอบริมฝีปากลงไปบนท่อนเนื้อของเขา “ฮ้า!...”
เสียงครางของอีกฝ่ายดังขึ้นเรื่อยๆ ตามแรงดูดดึงท่อนเนื้อร้อน ยิ่งผมดูดมันแรงเท่าไหร่เขาก็ยิ่งเสียวกระสันจนสะโพกบิดเร่า ผมจับขาเขาอ้าออกกว้างมากกว่าเดิม รูดรั้งรัวเร็วสลับกับไล้เลียบดขยี้ส่วนปลาย
“ฉันใกล้...” อาการหดเกร็งหน้าท้องของเจย์เดนทำให้ผมรู้ว่าเขาใกล้จะเสร็จแล้ว ผมผละออกแล้วรูดให้เขาด้วยฝ่ามือแทน และเพียงไม่กี่นาทีต่อมาอีกฝ่ายก็ปลดปล่อยน้ำขุ่นขาวออกมาเลอะเต็มฝ่ามือของผม
ดวงตาของโซลเมตหัวดื้อปรือปรอยจากแรงอารมณ์ที่เพิ่งได้รับการปลดปล่อย สีหน้าดิบเถื่อนยามเพิ่งสุขสมของเขาทำเอาผมร้อนผ่าวและแข็งชันขึ้นมาบ้างแล้ว แต่มันยังไม่จบแค่นี้หรอก
กัดฟันข่มกลั้นความต้องการของตัวเอง ใช้มือที่ยังเปรอะเปื้อนคราบขาวขุ่นเลื่อนไปแตะที่ช่องทางด้านหลังของเจย์เดนอย่างรวดเร็ว คลึงนิ้วกับปากทางหนักๆ และทำเอาคนที่ไม่ทันตั้งตัวสะดุ้งโหยง
“คริสเตียน!”
“ฉันขอ” ผมกระซิบบอกเขาเสียงสั่นพร่าเต็มไปด้วยความกระหายอยาก สติของผมเลือนราง มันเต็มไปด้วยม่านหมอกของความต้องการในตัวอีกฝ่ายอย่างรุนแรง และผมไม่รู้เลยว่าจะหยุดมันได้ยังไง...หรือบางทีผมอาจจะไม่อยากหยุดมันก็ได้ ผมอยากได้เขาเป็นบ้าเลย!
“ไม่…”
แต่ก่อนที่ผมจะได้ดุนดันปลายนิ้วเข้าไปเพื่อขยายช่องทาง โดยไร้ซึ่งสตินึกคิดว่าควรจะอ่อนโยนกับเขาให้มากกว่านี้ น้ำเสียงแผ่วเบาของเจย์เดนก็รั้งผมเอาไว้ซะก่อน…ผมตื่นตะลึงทันทีที่เห็นใบหน้าหวาดหวั่นของเขา
โซลเมตของผมเม้มปากแน่น เขาไม่ได้ร้องไห้ ไม่มีน้ำตาสักหยด แต่ถึงอย่างนั้นดวงตาทั้งสองข้างของเขาก็ยังแดงก่ำและดูประหวั่นพรั่นพรึง ให้ตายเถอะ เขากำลังกลัวผม
เป็นวินาทีที่ราวกับโลกถล่มลงมาใส่หน้า ผมได้สติในตอนนั้นเองว่ากำลังทำเกินกว่าเหตุไปมาก…มากเกินไปเลยทีเดียวด้วย
อีกฝ่ายอ้อนวอนผมเสียงสั่น “...ได้โปรด”
คำขอร้องของเขาทำให้ผมยอมจำนนโดยไม่ต้องเสียเวลาคิด
ทั้งที่ผมคาดคั้นเอาความลับซึ่งอีกฝ่ายปิดซ่อนเอาไว้ออกมาได้สำเร็จ ผมคือผู้ชนะ…แต่กลับรู้สึกพ่ายแพ้ให้แก่เจย์เดน คาร์เตอร์ซะมากกว่า
ถอยห่างจากเขา รีบแก้มัดให้มือของเขาได้เป็นอิสระ เจย์เดนถอนหายใจด้วยความโล่งอก และทันทีที่อีกฝ่ายได้รับการปลดปล่อย เขาก็ผุดลุกขึ้นนั่งพิงโซฟา กระชากกางเกงกลับมาใส่ด้วยท่าทีลนลาน สองมือของอีกฝ่ายสั่นระริกอย่างเห็นได้ชัด ท่าทางของเขาเหมือนเด็กน้อยไร้เดียงสาที่เพิ่งรอดพ้นจากการโดนข่มขืน
หรือบางทีอาจจะใช่ เพราะผมดูเหมือนไอ้แก่ตัณหากลับที่พยายามขืนใจเด็กหนุ่มอายุน้อยกว่าเลยให้ตายสิ!
แววตาของเขายังหวาดระแวงผม
“ฉัน…ขอโทษ” ผมบอกกับเขา และผมคิดว่าเจย์เดนไม่มีทางให้อภัยผมหรอก ก็ดูสิ่งที่ผมทำกับเขาสิ ผมมันเลวบัดซบ ไอ้ระยำเอ๊ย!
แต่ผิดคาดเมื่อเจย์เดนส่ายหน้า
“ช่างมันเถอะ ฉันไม่…” เขาเงียบไป พักใหญ่กว่าจะพูดออกมาได้ “จะพยายามไม่โกรธก็แล้วกัน”
สถานการณ์ตอนนี้ไม่ควรตลก แต่ผมกลับหลุดขำออกมาซะได้ แถมยังเป็นเสียงหัวเราะที่ฝืดเฝื่อนสิ้นดี
“ฉันคิดว่า…” ผมเลียริมฝีปากแห้งผากของตัวเอง สิ่งที่เขาเพิ่งพูดออกมามันประหลาดมาก ผมเกือบจะข่มขืนเขาอยู่แล้วนะ เขาจะไม่โกรธผมจริงๆ น่ะเรอะ? แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ดีแล้วที่เขาไม่โกรธ “ควรให้นายไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า เดี๋ยวฉันจะหาชุดใหม่มาให้นายแล้วกัน ถือเป็นการ เอ่อ ขอโทษ”
“ดูเป็นของตอบแทนที่ไม่คุ้มกันเลยเมื่อเทียบกับสิ่งที่นายทำกับฉันเมื่อกี้”
ผม...ผมไม่มีอะไรจะโต้แย้งสักนิด
“แต่การที่นายยังไม่ได้ปลดปล่อยไอ้หนูของนายให้ไปถึงฝั่งฝัน” เจย์เดนเหลือบสายตามองเป้ากางเกงที่ยังโป่งพองของผม “นั่นก็เป็นความทรมานที่สมเหตุสมผลกันดีกับที่ฉันโดนไป”
“อ่า...” ผมขมวดคิ้ว ก้มมองเป้าตัวเองบ้าง ความคับแน่นดุนดันจนกางเกงยีนเนื้อดีโป่งพอง และสารภาพอย่างตรงไปตรงมาว่าผมโคตรจะทรมานเลยจริงๆ นะ
“ถ้านายอยากให้ฉันหายโกรธ...ก็อย่าได้คิดที่จะช่วยตัวเองเด็ดขาด”
“!!!” ผมจ้องเขาตาค้าง แต่เจย์เดนกลับยิ้มบาง สีหน้าของเขาดูสะใจเป็นอย่างมาก
“หากนายอดทนจนมันสงบลงเองได้ ถือว่าเราหายกัน”
ไม่มีเหตุผลที่ผมต้องทำตามคำสั่งของเขา แต่สุดท้ายผมก็ทำ อดทนข่มกลั้นความอยากที่จะปลดปล่อยไอ้หนูของผมให้เป็นอิสระจากความอึดอัดอยู่นาน…นานมาก
และให้ตายเถอะพระเจ้า นี่เท่ากับว่าผมดันแพ้ให้เขาในนาทีสุดท้ายน่ะสิ!
__________
มาแล้วๆ ขอโทษที่ช้าค่ะ ไฟต์กับเน็ตอยู่ ฮือ ไม่ทอล์กเยอะด้วย จะรีบไปอ่านนิยายต่อบ้างแล้ว 555 เอาเป็นว่าตอนนี้ก็อย่างที่ได้รับชมกันไป คิดหรือว่าคริสเตียนจะได้กินเจย์เดนง่ายๆ ฝันไปก่อนนน อิอิ เอาล่ะ เจอกันตอนหน้านะคะ ไปแล้ววว