(END) [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Mini Special [14-08-19]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: (END) [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Mini Special [14-08-19]  (อ่าน 146896 ครั้ง)

ออฟไลน์ Spenguin

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 173
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
จะดิ้นหนีอีกเปล่าเนี่ยยย  :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ soul love

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 197
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-1
กรี๊ด กรี๊ด กรี๊ด!!!!!

ออฟไลน์ sz4music

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 280
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดด ลุ้นๆๆๆๆๆ

ออฟไลน์ พิศตะวัน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 496
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-3

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
ในที่สุดก้อรู้ตัวซะทีแคมเบลล์ กด1 ได้กันเล้ย..ยยยยยยย
ยินดีกับบัณฑิตด้วยนาจา

ออฟไลน์ u_cosmos

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1114
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-1
คริสเตียนรู้แล้ววววว!!!!  อยากจะจุดพลุฉลอง
แล้วยังรู้ด้วยว่ามีชื่ออยู่บนหลังคอ
ความลับบนตัวคุณมันถูกเปิดเผยออกมาแล้วค่ะเจย์เดน ขอแสดงความเสียใจด้วย >///<

ออฟไลน์ Pa'veaw

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1305
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +98/-1
เอาแหล่ววว

แล้วจะเกิดอะไรขึ้นต่อน้าา

ออฟไลน์ Kumamon_Kung

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 31
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

ไม่รอดแล้วเจย์เดนเขารู้แล้วยอมเถอะะะะ
 :interest: :interest: :interest:

ออฟไลน์ joborcusier

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 194
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
รู้ตัวแล้ว หลังจากนี้คงแซ่บน่าดู

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ padthaiyen

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 943
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-2
เอาหล่ะสิมีกระชากเสื้อด้วย

ออฟไลน์ Hazel_nut

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 164
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +164/-3
Chapter 8

Why I became a loser?

 

[Christian]


 

ทั้งที่ผมชนะ แต่ผมกลับรู้สึกว่าตัวเองพ่ายแพ้ให้แก่เขาซะมากกว่า

 

“แคมเบลล์!”

เจย์เดนตะโกนดังลั่น ใบหน้าของเขาตื่นตะลึง...หรืออาจจะเป็นตื่นตระหนก ตกใจ ไม่ว่าจะอะไรก็ตาม แต่เขากำลังเสียขวัญเพราะการกระทำของผม

ถ้าผมใจดีสักนิดผมก็คงจะหยุดคุกคามเขา แต่บังเอิญว่าผมไม่ใช่คนแบบนั้น

เจย์เดนกระชากแขนออกจากมือผมได้สำเร็จ เขาผลักผมออกห่าง พยายามหาทางหลบหนีไปให้ไกลจากผม แล้วคิดหรือว่าผมจะยอม ถึงเราจะเป็นผู้ชายเหมือนกัน แต่สถาปนิกอย่างเขาไม่มีทางสู้แรงคนที่เคยฝึกฝนร่างกายเพื่อให้แข็งแกร่ง มากพอจะออกไปเก็บภาพถ่ายกลางสนามรบจนโชกโชนอย่างผมได้หรอก

เสื้อเชิ้ตของอีกฝ่ายขาดหลุดรุ่ย แต่ก็ยังไม่มากพอให้ผมได้เห็นตัวอักษรบนแผ่นอกของเขาแบบชัดๆ เต็มสองตา ผมต้องถอดมันออก

“ถอดมันออกซะคาร์เตอร์!” ผมตวาดใส่เขา แต่เจย์เดนส่ายหน้า เขาตะโกนใส่ผมเสียงดัง มือข้างหนึ่งพยายามจับเสื้อที่ไร้กระดุมเอาไว้แน่น

“ไม่มีทาง!”

“อย่าดื้อด้านได้มั้ย!?”

“นายไม่ควรทำแบบนี้กับฉันนะแคมเบลล์! ฉันบอกว่าไม่ก็คือไม่! และถอยให้ห่างจากฉัน ให้ฉันกลับบ้าน!” อีกฝ่ายถลึงตามองผม ดวงตาของเขาเดือดดาลไปด้วยความโกรธ แต่ผมก็มองเห็นความหวาดหวั่นอยู่ในนั้นด้วยเช่นกัน “เดี๋ยวนี้!”

“ฉันจะไม่ปล่อยนายไปไหนจนกว่าเราจะคุยกันให้รู้เรื่อง” ผมลดเสียงลง พูดด้วยน้ำเสียงโทนปกติ หวังว่าเขาจะเย็นลงแล้วยอมคุยกันดีๆ

แต่ดูเหมือนวิธีนี้จะไม่ได้ผล “ไม่คุย!”

ผมหมดความอดทนแล้วเหมือนกัน

ผมกระโจนเข้าไปหาเขาอีกครั้ง จับเขาเหวี่ยงไปกระแทกกับกำแพง…เจย์เดนที่ไม่ทันตั้งตัวดูเหมือนจะจุกไปเลย และนั่นทำให้ผมรู้สึกผิดขึ้นมาวูบหนึ่ง แต่ก็สลัดความรู้สึกนั้นทิ้งไปอย่างรวดเร็ว ไว้ผมค่อยขอโทษเขาเมื่อเราคุยกันจบแล้วก็แล้วกัน

“ปล่อยฉัน!” เจย์เดนคำรามลั่น ผมอาศัยจังหวะที่เขายังเจ็บตัวกระชากเสื้อเชิ้ตของเขาออกจากร่างกายกำยำ

เวลานี้เขาไม่มีเสื้อคอยปกปิดความลับบนตัวเขาจากผมอีกแล้ว

กดไหล่เขาเข้ากับผนัง บังคับไม่ให้ได้มีโอกาสขยับตัวหนี เจย์เดนนิ่วหน้าด้วยความเจ็บ แต่ผมไม่มีเวลาได้สนใจ เพราะดวงตากำลังจับจ้องอยู่บนแผ่นอกของเขา…ตัวอักษรสวยงามสลักอยู่บนนั้น ซึ่งแน่นอน…มันเป็นชื่อของผม

Christian

“ยังจะโกหกอีกมั้ยว่านี่ไม่ใช่ชื่อฉัน”

ผมเหลือบขึ้นสบตาเจย์เดน เอ่ยถามเสียงเข้มขึงกดต่ำ อีกฝ่ายลอบกลืนน้ำลายด้วยความประหม่า ผมเห็นเพราะเราอยู่ใกล้กันมาก และผมรู้สึกได้ถึงลมหายใจของเขาที่ขาดห้วงไปชั่ววินาทีหนึ่งเลยด้วยซ้ำ

“…” เขาไม่ยอมพูด

ผมกระตุกยิ้ม ขยับใบหน้าเข้าไปใกล้อีกฝ่ายมากขึ้น “ว่าไง ยังจะปฏิเสธอยู่อีกมั้ย?  ถ้าใช่ก็พูดออกมาเลย”

“ฉัน...” เขาเม้มปากแน่น “นายไม่คิดหรือไงว่าบางทีนี่อาจจะเป็นชื่อของคนอื่น”

ผมอยากจะหัวเราะให้กับคำบ่ายเบี่ยงของเขา แต่ผมกลับขำไม่ออก และคิดว่าไม่มีใครขำออกด้วยถ้าต้องมาตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้

“จริงดิพวก ยังจะปฏิเสธอีกเรอะ?”

“โซลเมตของฉันอาจจะแค่ชื่อเหมือนนายก็ได้”

“ชื่อนี่น่ะ” ผมจิ้มลงไปบนตัวอักษรอันสวยงาม เอ่ยย้ำกับเขาอีกครั้ง “มันจะมีสีเข้มขึ้น หรือกะพริบเวลาโซลเมตเข้าใกล้กัน และตอนนี้มันก็กำลังเป็นแบบนั้นอยู่ด้วย”

“...” เจย์เหลือบสายตาลงมองรอยสลักบนแผ่นอกตัวเอง มันกำลังกระพริบอยู่จริงอย่างที่ผมพูด และนั่นทำให้สีหน้าของอีกฝ่ายดูกลืนไม่เข้าคายไม่ออกเข้าไปใหญ่ เป็นสีหน้าในแบบที่ผมอยากจะเห็นเลยล่ะ

ผมจะต้อนเขาให้จนมุม ไม่ยอมให้เขาหนีพ้นได้แน่!

“ซึ่งตรงนี้มีแค่ฉันกับนาย ยังจะปฏิเสธอีกมั้ย?” ผมถามเขาด้วยประโยคเดิมอีกครั้ง

เจย์เดนเบือนหน้าหนี “ฉัน...”

“คาร์เตอร์” ผมแทรกก่อนที่เขาจะได้ทันหาอะไรมาแก้ตัวอีก ถ้าเขายังพูดไม่รู้เรื่องอยู่แบบนี้ ผมก็ชักจะหมดความอดทนขึ้นมาอีกหนแล้วเหมือนกัน “แค่ยอมรับว่าฉันเป็นโซลเมตของนายมันยากนักหรือไง”

“นายไม่เข้าใจ!” เขาตวาด หันกลับมามองหน้าผมด้วยความขุ่นเคือง แววตาของเขามีทั้งความโกรธ หวาดเกรง และรวดร้าวในแบบที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน “นายไม่มีทางเข้าใจความรู้สึกของฉัน!”

“ถ้านายพูดออกมาฉันก็พร้อมที่จะเข้าใจ” ผมกล่าว แต่เจย์เดนกลับส่ายหน้า

“แล้วเราเป็นอะไรกันงั้นเหรอ ฉันถึงต้องเล่าเรื่องส่วนตัวของฉันให้นายฟังน่ะ?”

ผมชะงัก สิ่งที่เขาพูดมามันก็ถูก ผมไม่ได้เป็นอะไรกับเขานอกจากคนรู้จัก เพื่อน หรือก็แค่โซลเมต และนั่นยังไม่มากพอให้เราพร้อมที่จะแลกเปลี่ยนเรื่องราวทุกอย่างที่มีต่อกัน แต่ถึงอย่างนั้น...

“ถ้าเป็นเรื่องครอบครัวของนาย...”

“หุบปากซะแคมเบลล์!”

โอเค ผมคงจะล้ำเส้นเขามากเกินไปแล้ว

“นายอยากให้ฉันเข้าใจนายไหมล่ะเจย์เดน” ผมเลิกคิ้ว สมองพลันนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้...อีกฝ่ายมองผมอย่างไม่ไว้ใจนัก เขาหรี่ตา และพยายามดิ้นหนีจากแรงกดที่ไหล่ ซึ่งผมไม่แม้แต่จะคิดคลายมันออก ผมไม่มีทางยอมให้เขาหนีไปได้หรอกน่ะ “มันมีวิธีที่ทำให้เราเข้าใจความรู้สึกกันได้อยู่นะ”

“นายหมายถึงอะ...”

เสียงของเขาขาดหายไปในทันทีเมื่อผมประกบปากจูบเขา บดขยี้ริมฝีปากที่ผมเคยได้สัมผัสมาแล้วครั้งหนึ่งอย่างไม่ออมแรง ผมเพิ่งมารู้ตัวว่าเผลอทำรุนแรงออกไปก็ตอนที่ได้ลิ้มรสคาวเลือดเพราะปากเจย์เดนแตกจากแรงกระแทกบังคับจูบของผม และผมเพิ่งรู้ตัวว่ากำลังกรุ่นโกรธอยู่ภายในมากแค่ไหนก็ตอนนี้เช่นกัน

“คริสเตียน!”

เจย์เดนผลักผมออกได้สำเร็จ เขาถลึงตามองผม ยกหลังมือป้ายเลือดที่ซึมออกมาตรงริมฝีปากขึ้นดู จากนั้นสีหน้าของเขาก็ยิ่งเข้มขึงราวกับมีเงามืดสายหนึ่งพาดผ่าน

“…” ผมจดจ้องเขา ระหว่างเราไม่มีคำพูดอะไรอยู่นาน แต่แล้วเจย์เดนก็เป็นฝ่ายก้าวเท้าเข้ามาใกล้ผมอย่างรวดเร็ว ตามด้วยง้างหมัดซัดโหนกแก้มผมเข้าเต็มๆ

ผัวะ!

“ไอ้ระยำเอ๊ย! นายทำบ้าอะไรของนาย!?”

“พิสูจน์ไง!” เรากลับมาอารมณ์ร้อนใส่กันอีกครั้งแล้ว ผมคว้าแขนเขาเหวี่ยงไปที่พื้นข้างโซฟา...เขาล้มลง

“ไอ้เวร! พิสูจน์อะไรของนายวะ!?” เจย์เดนสบถด่าอีกหลายคำแต่ผมไม่สนใจ

ผมคร่อมทับเขา จับตัวเขาพลิกลงนอนคว่ำ คว้าแขนข้างหนึ่งของเขาไขว้หลัง…ท่านี้ผมได้รับการสอนตอนที่เข้ารับการฝึกป้องกันตัวแบบพิเศษกับครูฝึกซึ่งเป็นทหาร ก่อนหน้าที่ผมจะออกไปทำงานพร้อมกล้องคู่ใจกลางสนามรบที่มีแต่กระสุนและลูกระเบิด มันเอาไว้ใช้ล็อกตัวศัตรูให้อยู่นิ่งๆ ได้

“โอ๊ย!” เจย์เดนร้องโอดโอย แต่ผมไม่เห็นใจเขาหรอกนะ

อยากให้ผมเข้าใจเขาใช่ไหม? เพราะเรายังไม่ได้เป็นอะไรกันเขาก็เลยไม่เล่าเองใช่ไหม?

ได้! ถ้างั้นผมจะเป็นฝ่ายทำให้เขาได้รับรู้ความรู้สึกของผม และนั่นจะทำให้ผมได้รับรู้ความรู้สึกของเขาด้วยเช่นกัน วิธีมันก็ง่ายนิดเดียว...แค่ทำให้เขาเป็นของผมซะก็จบแล้ว!

ผมโน้มลงไปกระซิบที่ข้างใบหูของเขา “รู้มั้ยเจย์เดน ถ้าโซลเมตมีเซ็กซ์กัน…”

“ปล่อยฉันนะโว้ย ไอ้คริสเตียน!”

“พวกเขาจะสามารถรับรู้ความรู้สึกต่างๆ ของกันและกันได้”

“!!!”

“เรียกง่ายๆ ก็คือการแลกเปลี่ยนความรู้สึกกันนั่นล่ะ ซึ่งถ้าเราทำแบบนั้นด้วยกันเมื่อไหร่ ฉันก็จะได้เข้าใจความรู้สึกของนายสักทีไงที่รัก”

“หยุด! หยุดเดี๋ยวนี้!” เจย์เดนเบิกตากว้าง พยายามสะบัดตัวหนีจากพันธนาการของผมอีกครั้ง “ปล่อยฉันแคมเบลล์!”

ผมไม่รู้ว่าอะไรเข้าสิง อาจจะเป็นปีศาจหรือวิญญาณร้าย ไม่ว่าจะอะไรก็ตาม แต่ความโกรธเคืองของผมคือเรื่องจริง…เจย์เดนไม่ยอมบอกผมเรื่องที่เราเป็นโซลเมตกัน เขาจงใจปิดเป็นความลับ แถมยังปฏิเสธที่จะยอมรับแม้ตัวเองจะโดนผมไล่ต้อนเสียจนมุม ซึ่งมันแน่นอนอยู่แล้วว่านั่นทำให้ผมไม่พอใจมาก ผมคิดว่าหากคนเราตัวลุกเป็นไฟได้เพราะความโกรธ ผมก็คงเป็นแบบนั้นไปแล้ว

ผมอยากจะเข้าใจเขามากกว่านี้ ถ้าเขาไม่ยอมพูด ทางเดียวก็คือเราต้องมีเซ็กซ์กัน และผมพร้อมจะทำมันโดยไม่ตะขิดตะขวงใจใดๆ ทั้งสิ้นด้วย

“คริสเตียน แคมเบลล์! ฉันบอกให้ปล่อยไงวะไอ้บัดซบเอ๊ย!”

“อย่างเดียวที่ฉันจะปล่อยใส่นายก็คือน้ำรักจากไอ้หนูของฉัน แต่ปล่อยนายไปน่ะไม่มีทางแน่!”

“Fuck!!!”

เจย์เดนสบถและดิ้นรุนแรงมากขึ้น จนผมต้องกดตัวเขาแนบกับพื้นมากกว่าเดิม

ผมใช้มือข้างที่ว่างปลดเข็มขัดของตัวเองออก แล้วนำมันไปมัดข้อมือของเจย์เดนเข้าไว้ด้วยกัน แต่กว่าจะมัดสำเร็จก็เล่นเอาเหนื่อยหอบ…หมอนี่ต่อต้านผมสุดกำลังเลยให้ตายสิ!

เขายังคงโวยวาย สบถ และด่าทอผมด้วยทุกๆ คำหยาบคายทั้งหมดที่พอจะนึกออก แต่คิดว่าผมสนหรือไง? ไม่ ผมไม่สะเทือนสักนิดแม้ว่าเขาจะเพิ่งด่าผมว่ามาร์เธอร์ฟัคเกอร์ก็ตาม

“มาสนุกกันดีกว่าที่รัก”

ผมสอดมือไปถอดเข็มขัดเขาออก ตามด้วยกางเกงยีนแสนอึดอัดที่เขาใส่อยู่ ใช้เวลารวดเร็วแทบเก็บสถิติได้เลยด้วยซ้ำ ผมมั่นใจว่าไม่เคยเปลื้องผ้าใครได้เร็วเท่านี้มาก่อน

เจย์เดนเป็นคนผิวขาว คงเพราะทำงานในออฟฟิศมากกว่าออกนอกสถานที่ ไม่เหมือนผมที่ผิวเข้มกว่ามาก เราสองคนเหมือนช็อกโกแลตกับนมร้อนที่ถูกนำมาวางคู่กัน

“จะทำอะไร!?” อีกฝ่ายเอี้ยวใบหน้าหันมาถาม แววตาเขาตื่นตระหนกจนเกือบผวา

ผมยิ้มเยาะ “เรื่องแค่นี้นายก็น่าจะรู้ไหมพวก”

จากนั้นผมก็ลากฝ่ามือไปแตะขอบชั้นในของเขา อีกฝ่ายพยายามขยับหนี แต่มันไม่มีที่ให้เขาหนีหรอก เมื่อเขาอยู่ใต้ร่างผมแบบนี้ โดนมัดเอาไว้แบบนี้…เขาหนีผมไม่พ้นแล้ว

“อึก บัดซบ!”

เจย์เดนสบถทันทีที่ผมแตะกึ่งกลางลำตัวของเขา รูดคลึงมันผ่านเนื้อผ้านุ่มของกางเกงชั้นในสีเข้ม ผู้ชายถูกกระตุ้นได้ง่าย และเพียงไม่นานไอ้หนูของเขาก็แข็งชันดุนดันจนหัวหยักสีอ่อนโผล่พ้นขอบออกมา

ผมหัวเราะในลำคอ กดจูบที่ข้างกกหูของคนใต้ร่าง สอดมือเคล้าคลึงท่อนลำโดยตรง สัมผัสความร้อนผ่าวของความกระสันอยากที่แสดงออกมาเพราะถูกกระตุ้น ผมได้ยินเสียงเจย์เดนสูดหายใจสั่นระริก

“เด็กดี”

“อึก…คริสเตียน…” น้ำเสียงของอีกฝ่ายแหบพร่า แรงดิ้นต่อต้านหายไปกลายเป็นแรงผลักดันขึ้นลงของเอวแกร่ง เจย์เดนพยายามทำให้ก้อนเนื้อกลมของเขาสัมผัสกับฝ่ามือผมมากกว่าเดิม

ผมคิดว่านาทีนี้เขาไม่มีอะไรจะเสียอีกแล้ว และสัญชาตญาณกับความต้องการของผู้ชายบอกให้เขายอมจำนนต่อผม ซึ่งนั่นล่ะคือสิ่งที่ผมต้องการ

ผมพลิกร่างเจย์เดนให้กลายเป็นตะแคงข้าง จับใบหน้าของเขาให้หันมารับจุมพิตร้อนผ่าว ลมหายใจของอีกฝ่ายถี่กระชั้นตามแรงอารมณ์…เรากลืนกินริมฝีปากของกันและกัน ผมสอดลิ้นเข้าหาเขา เกี่ยวกระหวัดรัดรึงปลายลิ้นของกันและกันจนน้ำเหนียวใสไหลล้นออกมาจากมุมปาก

…มันหยดลงมาถึงปลายคาง เสียงจูบหยาบโลนคลอเคล้าไปด้วยเสียงครางสั่นและเสียงลมหายใจหอบพร่า

มือที่รูดคลึงท่อนลำร้อนเร่งจังหวะเร็วขึ้นกว่าเดิม ผมบีบเคล้นหนักหน่วงสลับแผ่วเบา แต่แค่นี้น่ะมันยังไม่พอหรอก...ผมอยากสัมผัสและมอบให้เขามากกว่านี้

เหลือบตาขึ้นมองใบหน้าอีกฝ่าย ที่จริงแล้วเจย์เดนเป็นคนหน้าตาดี แม้ไม่ได้ชวนดึงดูดสายตาในแวบแรก แต่ถ้าได้มองอย่างตั้งใจก็คงจะอดหันมามองซ้ำๆ ไม่ได้ ยิ่งเมื่อสีหน้าของเขาเหยเกเต็มไปด้วยอารมณ์ของกามราคะที่ผมมอบให้ เขาก็ยิ่งดูน่ามอง

ผมถอยลงจนใบหน้าเสมอกับท่อนลำร้อนผ่าว ความแข็งขึงของมันชี้โด่แทบจะทิ่มหน้าผม ปลายหัวมีหยดน้ำเหนียวใสปริซึมออกมา...ผมแลบลิ้นเลียมัน

“คริส...เตียน!” เจย์เดนสะดุ้งเฮือก ดวงตาคู่สวยมองผมด้วยความตกใจ และเบิกตากว้างมากกว่าเดิมเมื่อผมครอบริมฝีปากลงไปบนท่อนเนื้อของเขา “ฮ้า!...”

เสียงครางของอีกฝ่ายดังขึ้นเรื่อยๆ ตามแรงดูดดึงท่อนเนื้อร้อน ยิ่งผมดูดมันแรงเท่าไหร่เขาก็ยิ่งเสียวกระสันจนสะโพกบิดเร่า ผมจับขาเขาอ้าออกกว้างมากกว่าเดิม รูดรั้งรัวเร็วสลับกับไล้เลียบดขยี้ส่วนปลาย

“ฉันใกล้...” อาการหดเกร็งหน้าท้องของเจย์เดนทำให้ผมรู้ว่าเขาใกล้จะเสร็จแล้ว ผมผละออกแล้วรูดให้เขาด้วยฝ่ามือแทน และเพียงไม่กี่นาทีต่อมาอีกฝ่ายก็ปลดปล่อยน้ำขุ่นขาวออกมาเลอะเต็มฝ่ามือของผม

ดวงตาของโซลเมตหัวดื้อปรือปรอยจากแรงอารมณ์ที่เพิ่งได้รับการปลดปล่อย สีหน้าดิบเถื่อนยามเพิ่งสุขสมของเขาทำเอาผมร้อนผ่าวและแข็งชันขึ้นมาบ้างแล้ว แต่มันยังไม่จบแค่นี้หรอก

กัดฟันข่มกลั้นความต้องการของตัวเอง ใช้มือที่ยังเปรอะเปื้อนคราบขาวขุ่นเลื่อนไปแตะที่ช่องทางด้านหลังของเจย์เดนอย่างรวดเร็ว คลึงนิ้วกับปากทางหนักๆ และทำเอาคนที่ไม่ทันตั้งตัวสะดุ้งโหยง

“คริสเตียน!”

“ฉันขอ” ผมกระซิบบอกเขาเสียงสั่นพร่าเต็มไปด้วยความกระหายอยาก สติของผมเลือนราง มันเต็มไปด้วยม่านหมอกของความต้องการในตัวอีกฝ่ายอย่างรุนแรง และผมไม่รู้เลยว่าจะหยุดมันได้ยังไง...หรือบางทีผมอาจจะไม่อยากหยุดมันก็ได้ ผมอยากได้เขาเป็นบ้าเลย!

“ไม่…”

แต่ก่อนที่ผมจะได้ดุนดันปลายนิ้วเข้าไปเพื่อขยายช่องทาง โดยไร้ซึ่งสตินึกคิดว่าควรจะอ่อนโยนกับเขาให้มากกว่านี้ น้ำเสียงแผ่วเบาของเจย์เดนก็รั้งผมเอาไว้ซะก่อน…ผมตื่นตะลึงทันทีที่เห็นใบหน้าหวาดหวั่นของเขา

โซลเมตของผมเม้มปากแน่น เขาไม่ได้ร้องไห้ ไม่มีน้ำตาสักหยด แต่ถึงอย่างนั้นดวงตาทั้งสองข้างของเขาก็ยังแดงก่ำและดูประหวั่นพรั่นพรึง ให้ตายเถอะ เขากำลังกลัวผม

เป็นวินาทีที่ราวกับโลกถล่มลงมาใส่หน้า ผมได้สติในตอนนั้นเองว่ากำลังทำเกินกว่าเหตุไปมาก…มากเกินไปเลยทีเดียวด้วย

อีกฝ่ายอ้อนวอนผมเสียงสั่น “...ได้โปรด”

คำขอร้องของเขาทำให้ผมยอมจำนนโดยไม่ต้องเสียเวลาคิด

ทั้งที่ผมคาดคั้นเอาความลับซึ่งอีกฝ่ายปิดซ่อนเอาไว้ออกมาได้สำเร็จ ผมคือผู้ชนะ…แต่กลับรู้สึกพ่ายแพ้ให้แก่เจย์เดน คาร์เตอร์ซะมากกว่า

ถอยห่างจากเขา รีบแก้มัดให้มือของเขาได้เป็นอิสระ เจย์เดนถอนหายใจด้วยความโล่งอก และทันทีที่อีกฝ่ายได้รับการปลดปล่อย เขาก็ผุดลุกขึ้นนั่งพิงโซฟา กระชากกางเกงกลับมาใส่ด้วยท่าทีลนลาน สองมือของอีกฝ่ายสั่นระริกอย่างเห็นได้ชัด ท่าทางของเขาเหมือนเด็กน้อยไร้เดียงสาที่เพิ่งรอดพ้นจากการโดนข่มขืน

หรือบางทีอาจจะใช่ เพราะผมดูเหมือนไอ้แก่ตัณหากลับที่พยายามขืนใจเด็กหนุ่มอายุน้อยกว่าเลยให้ตายสิ!

แววตาของเขายังหวาดระแวงผม

“ฉัน…ขอโทษ” ผมบอกกับเขา และผมคิดว่าเจย์เดนไม่มีทางให้อภัยผมหรอก ก็ดูสิ่งที่ผมทำกับเขาสิ ผมมันเลวบัดซบ ไอ้ระยำเอ๊ย!

แต่ผิดคาดเมื่อเจย์เดนส่ายหน้า

“ช่างมันเถอะ ฉันไม่…” เขาเงียบไป พักใหญ่กว่าจะพูดออกมาได้ “จะพยายามไม่โกรธก็แล้วกัน”

สถานการณ์ตอนนี้ไม่ควรตลก แต่ผมกลับหลุดขำออกมาซะได้ แถมยังเป็นเสียงหัวเราะที่ฝืดเฝื่อนสิ้นดี

“ฉันคิดว่า…” ผมเลียริมฝีปากแห้งผากของตัวเอง สิ่งที่เขาเพิ่งพูดออกมามันประหลาดมาก ผมเกือบจะข่มขืนเขาอยู่แล้วนะ เขาจะไม่โกรธผมจริงๆ น่ะเรอะ? แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ดีแล้วที่เขาไม่โกรธ “ควรให้นายไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า เดี๋ยวฉันจะหาชุดใหม่มาให้นายแล้วกัน ถือเป็นการ เอ่อ ขอโทษ”

“ดูเป็นของตอบแทนที่ไม่คุ้มกันเลยเมื่อเทียบกับสิ่งที่นายทำกับฉันเมื่อกี้”

ผม...ผมไม่มีอะไรจะโต้แย้งสักนิด

“แต่การที่นายยังไม่ได้ปลดปล่อยไอ้หนูของนายให้ไปถึงฝั่งฝัน” เจย์เดนเหลือบสายตามองเป้ากางเกงที่ยังโป่งพองของผม “นั่นก็เป็นความทรมานที่สมเหตุสมผลกันดีกับที่ฉันโดนไป”

“อ่า...” ผมขมวดคิ้ว ก้มมองเป้าตัวเองบ้าง ความคับแน่นดุนดันจนกางเกงยีนเนื้อดีโป่งพอง และสารภาพอย่างตรงไปตรงมาว่าผมโคตรจะทรมานเลยจริงๆ นะ

“ถ้านายอยากให้ฉันหายโกรธ...ก็อย่าได้คิดที่จะช่วยตัวเองเด็ดขาด”

“!!!” ผมจ้องเขาตาค้าง แต่เจย์เดนกลับยิ้มบาง สีหน้าของเขาดูสะใจเป็นอย่างมาก

“หากนายอดทนจนมันสงบลงเองได้ ถือว่าเราหายกัน”

ไม่มีเหตุผลที่ผมต้องทำตามคำสั่งของเขา แต่สุดท้ายผมก็ทำ อดทนข่มกลั้นความอยากที่จะปลดปล่อยไอ้หนูของผมให้เป็นอิสระจากความอึดอัดอยู่นาน…นานมาก

และให้ตายเถอะพระเจ้า นี่เท่ากับว่าผมดันแพ้ให้เขาในนาทีสุดท้ายน่ะสิ!


__________
มาแล้วๆ ขอโทษที่ช้าค่ะ ไฟต์กับเน็ตอยู่ ฮือ ไม่ทอล์กเยอะด้วย จะรีบไปอ่านนิยายต่อบ้างแล้ว 555 เอาเป็นว่าตอนนี้ก็อย่างที่ได้รับชมกันไป คิดหรือว่าคริสเตียนจะได้กินเจย์เดนง่ายๆ ฝันไปก่อนนน อิอิ เอาล่ะ เจอกันตอนหน้านะคะ ไปแล้ววว

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-01-2019 22:38:24 โดย Hazel_nut »

ออฟไลน์ u_cosmos

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1114
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-1
แอบกรีดร้องตอนคริสเตียนถอดกุงเกง
เอาจริงๆก็อยากให้คุณคริสตบจูบพอเป็นพิธีแล้วก็มีสติกลับมาแบบนี้ค่ะ
อยากให้เจย์เดนเต็มใจมากกว่า ไม่อยากให้เจ็บทั้งตัวทั้งใจ(ลำเอียงสุดๆ)
ลงโทษเขาแบบนี้ก็ดีแล้วเนอะ แลดูสะใจดี ฮ่าๆ

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
 :z6: :z6: :z6:  อีคริสเตียนเลวจัง

ออฟไลน์ joborcusier

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 194
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
เกือบเสร็จคริสเตียนสะแล้ววว (ฉันหวังให้พวกเค้าได้กัน)  :mew2:

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
อะไรจะหื่นถึงขนาดนั้น คริสเตียน  :hao6:

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
อุ้ย พลังโซลเมทนี่น่ารักจัง แค่คริสเตียนไม่อ่อนโยนจริงๆ เกือบไปละ

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
ก็คิดว่าคริสคงไม่ได้กินเจย์ง่ายๆ แต่ก็อดลุ้นไม่ได้  :hao7:

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ พิศตะวัน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 496
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-3

ออฟไลน์ ma-prang

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 469
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
ดีนะหยุดได้ ไม่งั้นเจย์เดนคงโกรธขั้นสุดอ่ะ
ค่อยๆปรับตัวเข้าหากันดีกว่าน้อ

โอ๋ๆเจย์เดน

ออฟไลน์ Rumraisin

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 673
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
เกือบแล้วเจย์เดน คุณคริสหน้ามืดสุดๆ ขอบคุณค่ะ  :กอด1:

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
นุ้งเจย์แอบแสบ...เอ็นดู   :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
นี่คือการทำนายอนาคนว่า daddy จะกลัวเมียเด็กไหม :laugh:

 :L2: :L1: :pig4:

ออฟไลน์ Spenguin

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 173
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
อ้าว...อด อิอิ :katai3: :katai3:

ออฟไลน์ ก้อนขี้เกียจ

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 580
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-1
ร้ายกาจ เจย์เดนร้ายกาจจจ

ออฟไลน์ YounIn

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1524
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-8
สนุกๆ

ออฟไลน์ JustWait

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4

ออฟไลน์ Hazel_nut

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 164
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +164/-3
Chapter 9

When I try to believe in soulmate


 

‘ฉันคิดว่าเราต้องคุยกัน’

‘ใช่ เราต้องคุยกัน...แต่ไม่ใช่วันนี้’


 

นั่นคือบทสนทนาส่งท้ายของเราสองคน ก่อนที่ผมจะขอตัวกลับบ้านหลังจากได้รับเสื้อผ้าชุดใหม่แล้ว

คริสเตียนดูท่าจะอยากคุยกันให้รู้เรื่องในทันที แต่เขาลืมคิดไปหรือเปล่าว่าในสถานการณ์ที่ผมเพิ่งถูกเขาลวนลาม เอ่อ หรือเรียกว่าล่วงเกิน...เอาเป็นว่าจะคำไหนก็แล้วแต่ นั่นล่ะคือความหมายที่ผมต้องการจะสื่อ

และในสภาพแบบนั้นยังคิดอีกหรือว่าผมพร้อมที่จะคุยกับเขา หมอนั่นคุกคามผมเป็นครั้งแรก ตอนที่จูบกันในคลับยังไม่ทำให้ผมรู้สึกว่าตัวเองโดนคุกคามได้เท่านี้มาก่อน เขาน่ะเกือบจะ...ให้ตายสิ ผมไม่มีวันพูดมันออกมาได้แน่ ไม่สามารถบรรยายเรื่องที่เกิดขึ้นให้ใครฟังได้เด็ดขาด

เอาเป็นว่าผมต้องกลับมาตั้งหลัก และจนกว่าจะพร้อม ผมไม่มีทางไปเจอคริสเตียนแน่นอน

ถามว่าผมโกรธเขาไหม? ก็แน่สิทำไมผมจะไม่โกรธกันล่ะ แต่พอเห็นใบหน้าซีดเผือดของเขาตอนที่เอ่ยขอโทษผม ความโกรธที่มีก็กระจายหายไปราวกับเป็นเศษทรายที่ถูกลมพัดปลิวออกจากกำมือจนหมด

โชคชะตาบ้าๆ ของการเป็นโซลเมตกันทำให้ผมหายโกรธเขาอย่างรวดเร็วอย่างได้อย่างไม่น่าเชื่อ ใจผมอ่อนยวบลงไปอีกเมื่อเห็นแววตารู้สึกผิดอย่างจริงใจของเขาที่มองมา แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ไม่ได้คิดที่จะให้อภัยเขาง่ายๆ เช่นกัน

บทลงโทษของคนหื่นกามคือการโดนสั่งไม่ให้ช่วยตัวเองทั้งที่ไอ้นั่นแข็งปึ๋ง นี่ล่ะสมเหตุสมผลที่สุดแล้ว

คิดแล้วก็ขำ สีหน้าของเขาตอนผมสั่งห้ามดูอดกลั้นแทบทนไม่ไหว ตอนที่เขาส่งผมขึ้นรถ (แน่นอนเขาเสนอตัวมาส่งผมด้วยตัวเอง แต่ผมไม่ยอม สุดท้ายเขาก็เลยสั่งให้คนที่น่าจะเป็นผู้ช่วยของเขามาส่งผมแทน) ผมเห็นเขากัดฟันกรอด และเป้าของเขาก็ยังตุงอยู่เหมือนเดิม

แมตต์รู้เรื่องในวันต่อมา ผมไปทำงานตามปกติและเล่าให้เขาฟังแค่คร่าวๆ ก็แค่บอกว่าโดนจับได้ที่โกหกเรื่องโซลเมต (แต่เรื่องที่คริสเตียนรูดไอ้หนูให้ผมน่ะ ไม่มีทางที่ผมจะพูดออกไปเด็ดขาด) เท่ากับว่าตอนนี้คริสเตียนรู้แล้วว่าโซลเมตของผมคือเขา ไม่ใช่ผู้หญิงชื่อคริสติน่า

ที่จริงผมไม่ได้ตั้งใจจะเล่าให้แมตต์ฟัง แต่เพราะว่าเขาสังเกตเห็นอาการเหม่อลอยของผมที่เป็นอยู่บ่อยครั้งได้น่ะสิ ผมจึงโดนคาดคั้นเอาคำตอบจนได้ว่าเมื่อวานหลังเขากลับไปมันเกิดอะไรขึ้นบ้าง

“นั่นมัน...โอ้พระเจ้า เป็นเรื่องดีที่เขาได้รู้ความจริงนะ!”

“ชู่ว!” ผมขมวดคิ้ว นิ้วชี้แตะปากเพื่อบอกให้เพื่อนรักเงียบเสียงลงหน่อย ตะโกนขนาดนี้อยากให้คนทั้งบริษัทรู้เรื่องของผมนักหรือยังไง

“โทษที” แมตต์ยิ้มแหย “แต่นั่นน่ะ นั่นมัน...พระเจ้า น่ายินดี น่ายินดี”

“น่ายินดีกับผีแกสิวะ!” ผมถลึงตามองอีกฝ่าย “ฉันกับเขาแค่เป็นโซลเมตกัน แต่ไม่ได้เป็นคนรักกันซะหน่อย”

“อีกไม่นานก็ได้เป็น เชื่อฉันสิ แกหนีลิขิตแห่งฟ้าไม่ได้หรอก”

ผมกลอกตา “น้ำเน่าฉิบ”

“เฮ้ อย่าพูดไป หนีอะไรก็หนีได้ แต่แกหนีสิ่งที่พระเจ้ากำหนดมาไม่ได้หรอก”

อ่า นั่นสินะ ที่แมตต์พูดก็ถือว่าเป็นเรื่องจริง ผมอยากจะไม่เชื่อว่าพระเจ้ามีจริง เพราะถ้าท่านมีจริงคงไม่สร้างให้ชีวิตคนคนหนึ่งต้องเกิดมาพร้อมความเจ็บปวด...อย่างที่ผมเจอ แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังคงเชื่อเรื่องโซลเมต แค่ไม่ศรัทธาในมันก็เท่านั้น

หากศรัทธาแล้วชีวิตรักของผมต้องพังยับเยินเหมือนพ่อกับแม่ ผมเลือกที่จะเชื่อว่าพลังโซลเมตมีอยู่จริง แต่ไม่เอาตัวเองเข้าไปหลงอยู่ในวังวนความรักที่เกิดจากมันคงดีกว่า

“แล้วแกจะเอายังไงต่อไปวะ?” แมตต์ถาม

ผมถอนใจ ไหวไหล่เบาๆ “ไม่รู้สิ อาจจะ...อยู่ให้ห่างจากเขาล่ะมั้ง”

“แต่เขาอยากเคลียร์กับแกนะ”

“แกแน่ใจได้ยังไง เขาอาจจะแค่พูดไปอย่างนั้นก็ได้ นี่ก็ผ่านมาเป็นวันๆ แล้ว บางทีเขาอาจจะลืมไปแล้วก็ได้ว่าทำอะไรกับฉันเอาไว้เมื่อวาน” ผมโต้แย้ง

“หือ? เขาทำอะไรแก?” แมตต์เลิกคิ้วถาม

ผมชะงัก ให้ตาย เกือบหลุดปากออกไปแล้วสิว่าเกือบโดนปล้ำ ซึ่งถ้าแมตต์รู้มันจะเป็นอะไรที่น่าอายมากสำหรับผม ดังนั้นผมไม่มีวันบอกเขาหรอก

ผมโบกมือปัดๆ “ไม่มีอะไรหรอก”

“ถ้าฉันเป็นเขา ฉันต้องอยากคุยกับแกแน่นอนเจย์” ผมหันไปสบตาเพื่อน และแมตต์ยืนยันคำพูดตัวเองด้วยการพยักหน้าให้ “เชื่อฉันเถอะเพื่อน เขาเพิ่งได้รู้ว่าใครคือโซลเมตของเขา แถมยังมีเรื่องคาใจอีกว่าทำไมแกถึงปิดบังเขามาได้ตั้งนาน ไหนจะคาดคั้นเอาคำตอบแล้วแกโกหกเขาบ้างล่ะ บ่ายเบี่ยงบ้างล่ะ ปฏิเสธบ้างล่ะ ทั้งที่มีหลักฐานชัดเจนอยู่บนนมตัวเองแท้ๆ”

ผมถอนหายใจอีกครั้ง ไม่มีอะไรจะทุ่มเถียงกับแมตต์ได้อีก ทั้งหมดที่อีกฝ่ายพูดมาล้วนเป็นเหตุจูงใจมากพอให้คุณโซลเมตอยากจะคุยกับผมให้รู้เรื่อง และเพราะแบบนั้นผมถึงได้กลัวไงล่ะ ผมกลัว...ว่าจะควบคุมหัวใจตัวเองไม่ได้

กลัว...ว่าจะตกหลุมรักคริสเตียน

“เอาเถอะ ไม่ว่าแกจะตัดสินใจยังไง อย่าลืมว่าแกมีเพื่อนอย่างฉันอยู่เสมอนะเว้ย” แมตต์ตบบ่าให้กำลังใจผม

“อืม” ผมพยักหน้ารับ เรายกกำปั้นขึ้นมาชนกัน ก่อนเพื่อนรักจะขอตัวไปคุยโทรศัพท์กับคริสติน่าแฟนสาว

จะว่าไปผมยังไม่ทันได้ขอให้คริสติน่าช่วยมาเป็นโซลเมตปลอมๆ ให้เลยแฮะ ดันโดนจับได้ซะก่อนนี่สิ

ถอนหายใจทิ้งอีกเฮือกใหญ่ คิดไม่ตกว่าจะทำอย่างไรต่อไปดี...สุดท้ายผมก็เลือกที่จะเลิกคิดแล้วปล่อยให้โชคชะตาทำหน้าที่ของมัน ยังไงผมก็หนีไม่พ้นหรอก หากคริสเตียนคิดจะมาหาผมจริงๆ แค่อำนาจในฐานะผู้ช่วยของรองประธานบริษัทแคมเบลล์ เพียงกระดิกนิ้วเขาก็คงเรียกคนมาอุ้มผมไปหาเขาได้แล้วมั้ง

 

...ถึงอย่างนั้นผมก็ไม่คิดว่าเขาจะมาหาผมเองถึงที่

เย็นวันนี้หลังจากหาอะไรลงท้องให้ตัวเองได้แล้วผมก็กลับบ้านทันที...ไม่มีคลับ บาร์ หรือร้านอาหารที่เสิร์ฟแอลกอฮอล์ที่ไหน ร้านอาหารสตรีทฟู๊ดข้างทางคือมื้อเย็นของผม ดังนั้นทันทีที่ผมกลับถึงบ้าน การเจอคริสเตียนยืนพิงรถหรูสีดำเงาวับอยู่หน้าบ้านของตัวเองก็ดูจะเป็นอะไรที่ทำให้ผมตั้งรับไม่ทัน

เรามองหน้ากันด้วยความกระอักกระอ่วนไม่น้อย

“เอ่อ...”

“นายพูดก่อน” คริสเตียนผายมือให้ผม

ผมขมวดคิ้วเล็กน้อย “นายมาทำอะไร...ที่นี่?”

คนถูกถามเลิกคิ้ว ตามด้วยแค่นหัวเราะ “ถามจริงดิ? ไม่รู้เหรอว่าฉันมาหานายทำไม?”

“โอเค รู้แล้ว อย่าได้พูดมันออกมาเชียวนะ” ผมรีบยกมือห้ามเขา

คุณโซลเมตหัวเราะ ห้านาทีต่อมาผมก็นั่งอยู่บนโซฟาเดี่ยวในบ้านของตัวเอง โดยมีคริสเตียนนั่งอยู่ที่โซฟาฝั่งตรงข้ามกัน เราไม่ได้พูดอะไรออกมาสักประโยค แค่มองหน้ากันไปมาราวกับจะพิสูจน์ว่าใครอดทนไม่เปิดปากพูดได้ก่อนเป็นฝ่ายชนะ

ความเงียบโรยตัวอยู่รอบๆ ผมน่าจะเปิดโทรทัศน์ อย่างน้อยเวลานี้รายการเกมโชว์ยอดฮิตตอนเย็นก็น่าจะสลายบรรยากาศกดดันระหว่างเราสองคนได้บ้าง

และให้ตายเถอะ คนที่หมดความอดทนก่อนดันเป็นผม...

“มาเพื่อนั่งจ้องหน้าฉันหรือไง?”

ผู้ชายที่กำลังกอดอกเอนหลังพิงพนักโซฟาเลิกคิ้วให้ผม เขายิ้มมุมปากในแบบที่เหมือนหัวโจกจอมเกเรในโรงเรียน ที่กำลังคิดจะหาเรื่องไอ้เนิร์ดสวมแว่นหนาเตอะสักคน

“ก็อยากจะทำแบบนั้นอยู่หรอก เพราะการมองหน้านายทำให้ฉันรู้สึกดีพิลึก”

คำพูดของเขาเป็นอะไรที่เฮงซวยมาก แต่บัดซบยิ่งกว่าคือการที่ผมดันใจเต้นแรงไปกับสิ่งที่เขาพ่นออกมาน่ะสิ ไอ้บ้าเอ๊ย นี่เขาพี้ยามาใช่มั้ยถึงได้พูดอะไรแปลกๆ แบบนี้กับผม หรือเพราะรู้แล้วว่าผมคือโซลเมตของเขา เขาก็เลยคิดจะจีบกันถึงได้พูดประโยคชวนหวานเลี่ยนใส่

อ่า ให้ตาย ผมไม่ควรจะหลงคิดเข้าข้างตัวเองแบบนั้น อย่างผมเนี่ยนะ? คนอย่างคริสเตียนน่ะเหรอคิดจะจีบกัน บ้าไปแล้ว

“เข้าเรื่องดีกว่ามิสเตอร์แคมเบลล์ มาหาฉันมีธุระอะไรกันแน่”

“ธุระเหรอ?” คริสเตียนหรี่ตา “ถ้านายมองว่าการเคลียร์กันถึงปัญหาที่เกิดขึ้นเมื่อวานคือธุระระหว่างเรา โอเค มันอาจจะใช่ แต่เหนือสิ่งอื่นใดฉันอยากให้เรียกว่าปรับความเข้าใจกันมากกว่า”

“ใช้คำพูดได้น่าขนลุกมากครับคุณโซลเมต” ผมเผลอเรียกเขาด้วยชื่อที่มักเรียกแค่ในใจ ซึ่งนั่นเป็นอะไรที่พลาดมาก เพราะอีกฝ่ายยิ้มกว้างขึ้นกว่าเดิม ราวกับยินดีในสิ่งที่ได้ยิน

“โอเคคุณโซลเมต” เขาเรียกผมกลับด้วยถ้อยคำเดียวกัน และผมล่ะอยากจะตั๊นหน้าเขาฉิบ! “เรื่องเมื่อวาน ฉันอยากจะ...แบบว่าขอโทษนายอีกครั้ง”

“...” ผมรอฟังต่อ

คริสเตียนพรูลมหายใจ “ฉันทำเกินไป รุนแรงกับนาย ล่วงเกินนาย เอ่อ ทำตัวหยาบคายและระยำบัดซบกับนาย”

“ดีใจที่นายรู้ตัว” ผมแทรกขึ้น ยิ้มขำให้กับสีหน้าแข็งเป็นหินของเขา

อีกฝ่ายกลอกตา “เอาเป็นว่าฉันขอโทษ”

เขาดูเหมือนไม่เต็มใจจะเอ่ยคำนั้นออกจากปาก แต่ผมกลับรับรู้ได้ว่าเขาพูดออกมาด้วยใจจริง...เขาอยากจะขอโทษผมจริงๆ ซึ่งนั่นทำให้ผมใจอ่อนกับเขามากกว่าเมื่อวานเสียอีก

คนคนนี้มีอิทธิพลกับผมมากเกินไปแล้ว เป็นแค่โซลเมตแท้ๆ แต่ทำไมถึงส่งผลต่อความรู้สึกนึกคิดของผมได้มากมายขนาดนี้ แล้วสุดท้ายผมก็ให้อภัยเขาจนได้

“ฉันไม่โกรธแล้ว”

คริสเตียนยิ้มกว้างมากขึ้นกว่าเดิม “ขอบใจ”

“แค่นี้เหรอ เรื่องที่นายอยากคุย?” ผมเลิกคิ้วถาม

“ไม่หรอก มีอีกหลายเรื่อง แต่ฉันไม่แน่ใจว่านายจะยอมตอบฉันหรือเปล่า เพราะดูจากเมื่อวานที่นายพยายามปฏิเสธสุดๆ มันทำให้ฉันไม่เข้าใจเลยว่าแค่ยอมรับออกมาตรงๆ มันยากตรงไหน”

“มันยากสิ” ผมแทรก จ้องเขม็งเข้าไปในดวงตาของเขา “เพราะฉันไม่พร้อมจะมีโซลเมต และไม่คิดจะพร้อมด้วย”

“ทำไม?” เขาย้อนถาม ขมวดคิ้วจนแทบผูกเป็นโบว์

ผมไม่ตอบแต่ย้อนถามเขา “นายเชื่อเรื่องพวกนี้มากแค่ไหน?”

“นายหมายถึงอะไร?” แล้วเขาก็ย้อนถามกลับมาอีกเช่นกัน นี่เรากำลังเล่นเกมยี่สิบคำถามสามคำตอบกันอยู่หรือเปล่าเนี่ย

“เรื่องโซลเมต เรื่องโชคชะตา เรื่องลิขิตของพระเจ้าที่เสนอตัวจับคู่ให้คนบนโลกโดยไม่ถามความเห็นกันก่อน”

แววตาของคริสเตียนดูเหมือนจะกระจ่างแจ้งในสิ่งที่ผมถาม

“นายไม่เชื่อเรื่องโซลเมตสินะ” อีกฝ่ายขยับตัวนั่งหลังตรง จดจ้องเข้ามาในดวงตาของผมราวกับจะสะกดจิตกัน

“เปล่า เชื่อ แต่ไม่ชอบใจเท่าไหร่”

“เพราะแบบนี้สินะนายถึงได้ปฏิเสธเรื่องที่เราเป็นโซลเมตกัน” เขาสรุป และมันถูกต้องราวกับเขาเข้ามานั่งลงกลางใจผม ผู้ชายคนนี้ฉลาดเกินไปแล้ว “นายกำลังกลัวด้วยใช่มั้ย? นายกลัวอะไรเจย์เดน กลัวโชคชะตาที่จับคู่เราทั้งๆ ที่เราไม่ได้รักกันน่ะเหรอ?”

“...”

“หรือเพราะเรื่องราวในอดีต ครอบครัวที่ล้มเหลวทำให้นายกลัวที่จะรักโซลเมตตัวเอง”

เขาคาดเดาได้ตรงเกินไปแล้ว แต่นั่นกลับปลดล็อกอะไรบางอย่างในตัวผม ดลใจให้ผมเผยความรู้สึกลึกๆ ของตัวเองออกไปให้เขาได้ฟัง

“พ่อกับแม่ฉันเป็นโซลเมตกัน พวกเขารักกัน แต่สุดท้ายก็เลิกรักกันง่ายดายราวกับความรักก่อนหน้านั้นเป็นเพียงภาพมายาแห่งความฝัน” ผมทิ้งตัวลงพิงพนักโซฟาอย่างหมดแรง เหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง หวนระลึกถึงความเจ็บปวดที่ผ่านมา เปิดเผยหมดเปลือกถึงเรื่องราวในอดีตของตนเอง

ตลอดเวลาที่ผมพ่นแทบจะทุกสิ่งอย่างในใจออกไป ทั้งความอึดอัด ความกดดัน ความเจ็บปวด ความกลัว และความเสียใจ...คริสเตียนทำเพียงนั่งฟังผมเงียบๆ ปล่อยให้ผมได้ระบายความบัดซบของชีวิต

ผมมารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่กำลังกำมือแน่น กัดฟันกรอดด้วยความอัดอั้นใจ นั่นทำให้คุณโซลเมตลุกขึ้นจากที่นั่งตัวเองเพื่อเดินมาหาผม แล้วดึงผมไปนั่งบนโซฟาตัวใหญ่ด้วยกัน

เขาโอบบ่าผมเอาไว้หลวมๆ ลูบไหล่ปลอบอย่างอ่อนโยน รั้งศีรษะของผมให้ซบลงไปบ่าของเขา กระซิบถ้อยคำอ่อนโยน เสียงของเขานุ่มนวล...ช่างปลอบประโลมใจเหลือเกิน

“มันผ่านมาแล้ว นายไม่เป็นไรแล้ว”

“ไม่ มันยังเป็นอยู่ มันยังฝังอยู่ในใจของฉัน แม้แต่ตอนนี้การเจอหน้าพ่อกับแม่ก็ยังทำร้ายฉันอยู่เสมอ พ่อเกลียดฉัน เขามองว่าฉันเป็นภาระมาโดยตลอด ส่วนแม่ก็เอาแต่เศร้าเวลาที่เรามองสบตากัน เธอเอาแต่ขอโทษฉันซ้ำๆ ในสิ่งที่ฉันไม่อยากได้ยิน”

ผมก้มหน้าลง ปล่อยตัวเองให้เอนพิงผู้ชายที่ได้ชื่อว่าเป็นโซลเมตของผม ลืมเลือนไปสิ้นว่าเมื่อวานมันเกิดอะไรขึ้นระหว่างเรา

“เพราะเรื่องที่ฉันเจอมานี่ไง ที่ทำให้ฉันไม่อยากศรัทธาในคู่ชีวิตที่พระเจ้ากำหนด ฉันไม่อยาก...ไม่อยากรักนาย”

“ฉันก็ไม่ได้อยากให้เรารักกันนะ รู้มั้ยพวก”

ผมเงยหน้าขึ้นมองคนพูด ขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ “นายกำลังหมายถึง...”

“เราเป็นเพื่อนกันก็ได้นี่”

“แค่เพื่อน?” ผมทวนถาม “แค่เพื่อนแน่เหรอ เมื่อวานนายเกือบจะปล้ำฉันนะพวก”

คริสเตียนระเบิดหัวเราะเสียงดัง “โอเคๆ ก็มีบ้างนิดหน่อยที่ฉันคิดว่าอยากจะเป็นมากกว่านั้น”

“ฉัน...” ผมทำท่าจะแย้ง แต่อีกฝ่ายก็รีบพูดรัวเร็วตามมา

“ยอมรับนะว่าเรายังรู้จักกันน้อยไป แต่อาจจะเป็นเพราะโชคชะตาที่พระเจ้ากำหนดอะไรนี่ก็ได้ที่ทำให้ฉันสนใจในตัวนาย เพียงแต่ฉันไม่รู้ตัว เพิ่งจะมารู้ตัวเอาก็เมื่อวานนั่นล่ะ” เขาหัวเราะในลำคอแผ่วเบา

“พลังโซลเมตงี่เง่า” ผมก่นด่า คริสเตียนยิ้มขำ

“นั่นล่ะ แต่โดยสรุปก็คือฉันสนใจนาย แต่จะไม่บังคับถ้านายไม่อยากจะสานสัมพันธ์ของเราให้เกินกว่าคำว่าเพื่อน หรือสถาปนิกกับลูกค้า จะอะไรก็ช่าง แต่ฉันจะไม่บังคับนายให้มาเป็นคนรัก หรืออะไรทำนองนั้น”

“เดี๋ยวนะ ทำไมเรามาคุยกันเรื่องนี้ได้ล่ะเนี่ย” ผมขยับตัวออกห่างจากเขา

“แล้วไม่ถูกต้องตรงไหน?”

ผมส่ายหน้า “มันไม่ถูกน่ะสิ ฉันก็บอกอยู่ว่าไม่อยากมีความรักกับโซลเมต แต่นายพูดเหมือนกับว่าเราสามารถสานสัมพันธ์กันจนพัฒนาเป็นความรักได้”

“ฉันก็ไม่ได้บังคับ แค่อยากให้นายลองเปิดใจดูบ้างก็เท่านั้น ก็อย่างที่บอก...เป็นเพื่อนกันก่อนก็ได้”

มันดูย้อนแย้งแปลกๆ นะ”

“อีกอย่าง...เมื่อวานนายกับฉันก็เข้ากันได้ดีนะ ไม่คิดแบบนั้นหรือไงพวก?”

เข้ากันได้ดีงั้นเหรอ?

ผมนิ่งคิดตาม แล้วก็พบว่าตัวเองหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาในทันที “คริสเตียน ไอ้เวรเอ๊ย!”

เข้ากันได้ดีของเขาก็คือเรื่องที่เขาใช้มือรูดไอ้หนูใต้กางเกงให้ผมสินะ ให้ตายเถอะ หมอนี่มัน...!

“เฮ้ ไม่เอาน่า แค่เปิดใจเอง”

คำว่าแค่ของเขา แต่มันคือคำว่าต้องของผมต่างหาก...ต้องเปิดใจรับคนที่เป็นโซลเมต ทั้งที่ผมกลัวมากเหลือเกินว่าชีวิตและความสัมพันธ์ของเราจะล้มเหลวเหมือนที่ผมเคยเห็นพ่อกับแม่เป็น

ถ้าหากผมตกหลุมรักเขาขึ้นมา นั่นน่ะมันน่ากลัวมากเลยนะสำหรับผม

“รู้อะไรมั้ย” คุณโซลเมตเอ่ยขึ้นอีกครั้ง “ฉันเองก็กลัว” ผมหันไปสบตาเขา ตั้งใจรอฟัง “พ่อกับแม่ของฉันไม่ใช่โซลเมตกัน พวกท่านรักกันก่อนที่แม่จะเจอโซลเมตซะอีก หลังจากแม่มีแคส...พี่ชายของฉันน่ะนะ แม่ก็เจอกับโซลเมตเขาโดยบังเอิญ อีกฝ่ายเป็นลูกค้าคนหนึ่งที่เช่าซื้อคอนโดฯ ของบริษัท และหลักจากที่รู้ว่าเป็นโซลเมตกัน ผู้ชายคนนั้นก็ดูเหมือนพยายามจะเข้ามาในชีวิตของแม่ โดยไม่สนใจว่าแม่จะแต่งงานแล้ว”

ผมมองเขาตาค้าง “แล้วพ่อกับแม่นาย…”

“เป็นโชคดีที่พ่อกับแม่รักกันมาก และพ่อก็เชื่อใจว่าแม่จะไม่มีวันนอกใจไปหาโซลเมตของตัวเอง”

“เดี๋ยวนะ แล้วโซลเมตของพ่อนาย?”

“เขาตายก่อนที่พ่อจะเจอแม่แล้วรักกันน่ะ โซลเมตของพ่อเป็นผู้ชาย แต่ว่าป่วยตาย พ่อก็เลยได้มาเริ่มต้นชีวิตใหม่กับแม่ของฉัน” คริสเตียนเงียบไปหลายนาทีกว่าจะเริ่มพูดต่อ “และหลังจากแม่มีฉันจนฉันอายุได้สิบสอง พ่อก็ตายเพราะอุบัติเหตุ”

“อ่า เสียใจด้วยนะ”

คุณโซลเมตของผมหัวเราะเบาๆ เขายื่นมือมาเคาะจมูกของผม ผมปัดออกแทบไม่ทัน...คิดว่าผมเป็นเด็กหรือยังไงกัน

“หลังพ่อตายแม่ก็แต่งงานใหม่กับโซลเมตของตัวเอง ปัจจุบันเขาคือพ่อเลี้ยง...ที่ฉันเกลียดฉิบหาย”

“เอ่อ...” ผมอยากจะพูดอะไรสักอย่างปลอบใจเขาบ้าง แม้ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงเกลียดพ่อเลี้ยง แต่ทั้งคู่คงมีความหลังฝังใจอะไรบางอย่างต่อกัน

คริสเตียนยิ้มให้ผม “ประเด็นที่ฉันอยากจะพูดก็คือ...นายกลัวที่จะรักโซลเมต เพราะเห็นถึงความสัมพันธ์แย่ๆ ของพ่อกับแม่ที่ต้องจบลง ทั้งที่โชคชะตาลิขิตมาให้คู่กัน ส่วนฉันเองก็เกลียดการจับคู่ให้คนอื่นของพระเจ้า ที่ดันเลือกไอ้ระยำมาเป็นโซลเมตของแม่ นั่นเท่ากับว่าเรามีประสบการณ์บัดซบเกี่ยวกับเรื่องนี้คล้ายๆ กัน”

ผมพยักหน้าคล้อยตาม “นายพูดถูก”

“อีกประเด็นก็คือ...ถึงนายกับฉันจะไม่ศรัทธาในโซลเมตสักเท่าไหร่ แต่ฉันสนใจนายจริงๆ นะเจย์เดน อยากให้นายลองเปิดใจ แค่เป็นเพื่อนกันก่อนก็ได้”

“เพื่อนกันคงไม่จูบกันหรอกมั้ง” ผมเลิกคิ้ว “ไม่รูดไอ้หนูให้กันด้วย”

“โอเค ย้ำอีกครั้งว่าฉันไม่อยากเป็นแค่เพื่อน แต่ก็ไม่ได้เรียกร้องให้เป็นถึงขั้นคนรัก พอใจไหมครับมิสเตอร์คาร์เตอร์”

“งั้นจะเรียกความสัมพันธ์ระหว่างเราสองคนว่าอะไรล่ะ? Friend with benefit เรอะ?”

คริสเตียนดีดนิ้ว “คำนั้นก็เข้าท่า ถ้านายยอมเปิดใจให้ฉัน”

ผมถอนใจ ถึงจะไม่อยากแต่ก็ต้องยอมรับเหมือนกันว่าผมเองก็สนใจเขา ไม่ว่าจะด้วยพลังโซลเมตหรือแรงดึงดูดอะไรก็ตาม แต่ผมก็อยากจะลองเดินไปในเส้นทางที่ตัวเองกลัวดูสักครั้ง แม้ผลลัพธ์ในตอนท้ายอาจกลายเป็นความฉิบหายก็ตาม

ผมยื่นมือออกไปหาคริสเตียน อีกฝ่ายไม่ลังเลสักนิดที่จะยื่นมือมาจับกับผม...เราสบตากัน ผมยิ้มให้เขา

“ตามนั้น”

หากว่าผมจะล้มเหลวเหมือนพ่อกับแม่ แต่อย่างน้อยผมก็ได้ลองคิดที่จะรักใครสักคนแล้ว


__________
มาช้าไปหน่อย ขอโทษด้วยค่ะ พอดีเริ่มปั่นต้นฉบับให้บก. แบบจริงจังก็เลยอาจจะมาช้าหน่อยนะคะ แต่ไม่ทิ้งช่วงนานแน่นอน แล้วก็คำผิดยังไม่ได้เช็ก ตรงจุดไหนที่อ่านแล้วงงบอกได้นะคะ ไว้จะเข้ามาแก้พรุ่งนี้อีกทีค่ะ

เอาล่ะ เจย์เดนยอมเปิดใจแล้ว แต่มันจะง่ายสำหรับคนที่กลัวมาตลอดจริงๆ น่ะเหรอ? คริสเตียนเองก็ไม่ได้เชื่อในโซลเมตเท่าไหร่ แต่เขาก็ไม่ได้ต่อต้าน มาดูกันว่าคุณเขาจะเข้าไปในหัวใจของเจย์เดนแล้วจับอีกฝ่ายกินบนเตียงได้สำเร็จหรือไม่ //เอ๊ะ...


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-01-2019 22:41:05 โดย Hazel_nut »

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด