ตอนที่ 4 : ครอบครัว"เข้ามาสิปิง"
"ขอบคุณครับ" ปิงค้อมศีรษะให้เจ้านาย เขาเดินตรงไปยังเก้าอี้หน้าโต๊ะทำงานของคุณเพียงดาว
"ที่เรียกมาไม่เกี่ยวกับเรื่องงานหรอกนะ"
"ครับ" ปิงรับคำอย่างสุภาพ แม้จะเกิดความสงสัยแต่เขาเพียงแค่ส่งยิ้มให้เจ้านาย
"พี่จะถามว่าเสาร์อาทิตย์นี้ปิงติดอะไรหรือเปล่า"
"ไม่ติดครับ คุณดาวจะให้ผมทำอะไรหรือเปล่าครับ"
"เปล่า พี่ไม่ได้จะไหว้วานอะไร พอดีคีรินทร์ชวนที่บ้านไปเที่ยวทะเล พี่เห็นว่าปิดเทอมคราวนี้มายังไม่ได้ไปเที่ยวไหนเลยตกลงว่าจะไปด้วย ตอนที่คุยกันพี่อยู่ในห้องทำงานของคีรินทร์ หนูบลูก็เลยได้ยินท่าทางตื่นเต้นเชียว พี่เลยจะชวนปิงไปด้วยกัน ติดอะไรหรือเปล่า"
"คือ.." ปิงอึกอัก เจ้านายของเขาเป็นคนใจดีก็จริงแต่ยังไงเขาก็เป็นเพียงลูกน้อง เรียกว่าระดับล่างเลยก็ว่าได้ การต้องไปกับเจ้านายทั้งครอบครัว บอกตามตรงว่าเขาไม่แน่ใจ กลัวว่าจะอึดอัดวางตัวไม่ถูก
"อย่าเกรงใจ ถ้าพี่ไม่อยากให้ไปด้วยคงไม่ชวน ปิงต้องเห็นหน้าหลาน บลูตื่นเต้นมากนะถึงไม่พูดแต่พี่ดูก็รู้ว่าอยากไปมาก"
ปิงไม่อยากบอกเลยว่าเขาไม่ได้เกรงใจ แต่กลัวว่าไปแล้วจะตัวลีบตัวแบนมากกว่า
"ว่าไงจ้ะ"
"ครับ ขอบคุณครับ" ปิงจำใจรับคำเชิญ ไอ้เรื่องเที่ยวทะเลถ้าบลูอยากไปเขาขับรถพาไปเสาร์อาทิตย์นี้เลยก็ได้ พาแม่ไปด้วย กินเที่ยวกันตามประสายายน้าหลานสบายใจกว่าเยอะ แต่ในเมื่อเจ้านายออกปากขนาดนี้เขาคงปฏิเสธไม่ได้ เอาวะสองวันหนึ่งคืนเท่านั้นน่าจะพอไหว
"เรื่องที่พักพี่จัดการเอง ปิงจะไปพร้อมพี่หรือจะขับรถไป"
"ขับรถไปเองครับ" เขาตอบโดยไม่ต้องคิด
"ตามใจจ้ะแต่ถ้าเปลี่ยนใจบอกได้นะ พี่เอารถตู้ไปนั่งได้สบายๆ"
"ขอบคุณครับ"
"งั้นก็ไม่มีอะไรแล้วออกไปทำงานเถอะ"
"ครับ" ปิงยกมือไหว้คุณเพียงดาว ขยับตัวลุกขึ้นยืน
"อ้อ ปิงแวะไปบอกหลานก่อนก็ดีนะจะได้ดีใจ"
"ครับ"
ปิงเปิดประตูออกจากห้องคุณเพียงดาว ลอบถอนใจเบาๆ หลังประตูปิดลง ไปกับเจ้านายคนเดียวก็เกร็งจะแย่ นี่ไปกับเจ้านายถึงสามคนเขาไม่อยากจะคิด
"ตกลงไปใช่ไหม"
ปิงเหลือบตาไปมองเจ้านายคนใหม่ สายตายิ้มๆ ทำให้เขาหมั่นไส้นิดหน่อยเพราะเหมือนอีกฝ่ายเดาทุกอย่างได้หมด
"ครับ" ปิงตอบเสียงเรียบ เดินตรงไปหาหลานชายที่นั่งเล่นอยู่บนพรม
"บลู" ปิงทรุดตัวลงนั่งข้างหลานชาย เห็นสภาพแวดล้อมที่หลานอยู่ทีไรเขาก็ยิ้มได้ทุกที มันดีกว่าใต้โต๊ะมากจริงๆ
"ค้าบ"
"อยากไปทะเลไหมครับ"
"หยักคับ หยัก น้าปิงจะพาบูปายเหยอ" เด็กชายมีอาการตื่นเต้นขึ้นมาทันที หยุดเล่นของเล่นที่อยู่ในมือ
"ก็ต้องดูก่อนว่าบลูน่ารักไหม"
"บูล้ากกน้าปิงที่ฉุด" เด็กชายบลูรีบลุกขึ้นยืน แขนป้อมๆ กอดไปรอบคอน้าชาย ปากอิ่มจูบซ้ายจูบขวาวนไปเรื่อยๆ
"หึๆ เจ้าลูกหมูเอ๊ย ไปก็ไปครับ " ปิงลูบหัวหลานชายด้วยความเอ็นดู
"อาเป็นคนชวนไม่เห็นหอมอาบ้างเลย" เสียงทุ้มดังแทรกขึ้น ตอนนี้เขารู้แล้วว่าใครเป็นต้นเหตุ
"ล้ากกลินลิน" เจ้าหลานชายตัวแสบส่งยิ้มเอาใจ เรานะเราช่างไม่รู้เลยว่าทำน้าชายลำบากใจแค่ไหน
"หึๆ " ร่างสูงหัวเราะขำ ก่อนเบือนสายตาไปมองหลานชายที่ก้มหน้าก้มตาเล่นเกมในมือ "มา"
"ครับ" มาเงยหน้าจากโทรศัพท์ขึ้นมองอาหนุ่ม
"วันเสาร์อาจะขับรถไปเอง อยากลองรถใหม่ที่เพิ่งมาส่งด้วย มาจะไปกับพ่อหรือจะไปกับอา"
"ไปกับอาครับ ผมอยากลองนั่งรถอา" สายตาของมาเป็นประกาย อาของเขาเพิ่งได้รับรถที่สั่งเข้ามา เขาชอบรถยนต์จึงสนใจเป็นพิเศษ
"บลูล่ะอยากไปกับอาไหม"
"หยักคับ" ปิงส่งสัญญาณให้หลานชายไม่ทันจริงๆ เจ้าตัวอ้วนยิ้มแป้นแล้น ตอบรับเต็มปากเต็มคำ
"ไม่เป็นไรดีกว่าครับ ผมเกรงใจ" ปิงค่อยๆ หมุนตัวไปหาเจ้านายคนใหม่ ส่งยิ้มเหมือนถูกใครบังคับให้ยิ้ม
"แล้วนายจะไปยังไง ไปกับพี่ดาวเหรอ"
"เปล่าครับ ผมขับรถไปเอง"
"จะเอาไปทำไมหลายคัน ต้องรู้จักช่วยชาติประหยัดน้ำมันสิ" ปิงอ้าปากค้าง แล้วใครล่ะที่ไม่ยอมไปกับพี่ชายเพราะอยากลองรถ เขาขอถอนคำพูดที่ว่าใครได้เจ้านายของเขาไปโชคดีได้ไหม "บลูตกลงไปกับอาใช่ไหมครับ ไปกับพี่มาด้วย"
"คับ"
"ตกลงตามนั้น เดี๋ยวผมไปรับคุณที่บ้านบอกที่อยู่มา”
ปิงได้แต่มองเจ้านายคนใหม่ด้วยสายตาเกินคำบรรยาย คนอะไรตีมึนเก่งขนาดนี้ ผู้ใหญ่มีไม่คุย ไปคุยกับเด็กสามสี่ขวบแล้วรวบรัดตามใจตัวเองหน้าตาเฉย
“ปิง..ที่อยู่”
“ครับ เดี๋ยววาดแผนที่ให้ครับ” ใช่ว่างานมันจะหาง่ายๆ จะให้เขาตอบอะไรได้อีก
• • • • • • • •
ปิงมองร่างสูงที่ยืนรออยู่ข้างรถ คีรินทร์มารับเขากับเด็กชายบลูที่บ้าน ชายหนุ่มอยู่ในเสื้อผ้าแปลกตา ปิงไม่เคยเห็นคีรินทร์ในลุคนี้มาก่อน
เสื้อฮาวายสีฟ้าอ่อนลายใบไม้สีเทา กางเกงสีเทาเข้มสั้นเหนือเข่า รองเท้าผ้าใบสีขาว ผมที่เคยหวีเรียบปล่อยสบายๆ ดูยุ่งนิดๆ ทำให้ชายหนุ่มดูเด็กลงไปอีกหลายปี
“ลินลิน~” เด็กชายบลูวิ่งด้วยขาสั้นๆ ไปหาอาผู้ใจดีของเขา ชายหนุ่มก้มตัวลงอุ้มเจ้าลูกหมูขึ้น
“พร้อมหรือยังครับ”
“พ้อมคับ”
“งั้นไปกันเลย”
ถ้าไม่เป็นห่วงหลานปิงจะปล่อยให้ไปกันเองเสียให้เข็ด เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยจริงๆ ลืมน้าเลยนะเจ้าลูกหมู
“เดี๋ยวครับ” ปิงต้องเรียกเอาไว้เมื่อคีรินทร์เปิดประตูรถ ร่างสูงหันกลับไปมองคนที่ยืนนิ่งอยู่ “ขึ้นรถสิ ไม่ไปเหรอ”
ปิงถอนใจเบาๆ ยกสิ่งที่วางอยู่ข้างตัวขึ้น “บลูต้องใช้เก้าอี้เด็กครับ ขอผมติดตั้งก่อน”
“อ๋อ” ชายหนุ่มพยักหน้า ถอยออกจากประตูรถปล่อยให้เขาจัดการ
“เรียบร้อยครับ” ปิงถอยตัวออกปล่อยให้คีรินทร์วางเด็กชายบลูลงบนเก้าอี้ หยิบเข็มขัดขึ้นมาคาดให้
“มา~” เด็กชายบลูยิ้มแก้มแทบปริ เมื่อเห็นว่าใครนั่งอยู่ข้างๆ
“เราจะนอนห้ามกวน” มารีบดักคอเจ้าตัวยุ่ง แม่ปลุกเขาตั้งแต่เช้าเพื่อตื่นมาอาบน้ำแต่งตัว เขายังงัวเงียไม่หาย มาขยับหมวกแก๊ปที่ใช้บังหน้าลงมามากขึ้น
“เลาม่ายกวน” เด็กชายรับคำแข็งขัน
“พร้อมกันหรือยังครับ” คีรินทร์ถามเมื่อทุกคนขึ้นนั่งบนรถเรียบร้อย เขาคิดว่าเดี๋ยวเด็กชายตัวกลมต้องรีบตอบ แต่กลับเงียบกริบ
“พร้อมครับ” มีเพียงน้าของเด็กชายที่หันมาตอบเขาด้วยรอยยิ้มที่คีรินทร์แปลความหมายได้ว่า..เอาวะไม่มีใครตอบให้ก็ได้
คีรีนทร์หมุนพวงมาลัยรถออกจากหน้าหน้าบ้านของลูกน้อง เขามองเด็กๆ ผ่านกระจกมองหลัง มาน่าจะหลับส่วนเด็กชายบลูมองตอบเขาด้วยดวงตาใสแจ๋ว
“ตื่นเต้นไหมครับบลู”
“......”
“ไปทะเลบ่อยไหมเรา”
“.....”
คีรินทร์ขมวดคิ้วเข้าหากัน เขาหันไปสบตากับน้าของเด็กชาย ดูเหมือนปิงกำลังสงสัยพฤติกรรมของหลานชายเช่นกัน
“บลูทำไมไม่ตอบคุณอาครับ” ปิงเอี้ยวตัวไปมอง เจ้าลูกหมูสบตากับเขาแต่ริมฝีปากเม้มเข้าหากันเป็นเส้นตรง
“บลูเป็นอะไรครับ”
“มาหลาบ บูม่ายกวน”
!!
“ฮ่าๆ” คีรินทร์หัวเราะเสียงดังเมื่อเข้าใจพฤติกรรมของเด็กชายตัวกลม เขายิ่งเอ็นดูเด็กชายมากขึ้นเป็นสองเท่า
“ผมไม่ได้ห้ามให้พูดสักหน่อย” เสียงแก้ตัวดังมาจากคนกอดอกนอนพิงเบาะ
“มาตื่นแย้ววว” เด็กชายบลูหันไปมองด้วยความดีใจ ดวงตาสดใสเป็นประกาย “ปายทะเลกาน”
“อืม”
“เล่นน้ำกาน”
“อืม”
“ตื่นเต้น ตื่นเต้น” เจ้าตัวยุ่งขย่มตัวเบาๆ
“น้าปิงครับบลูพูดมากจัง” มาเกาะเบาะของอาหนุ่ม ชะโงกหน้าไปตรงกลางระหว่างเบาะคู่หน้า
“น้องอยู่ในวัยช่างพูดช่างเจรจาครับ เห็นอะไรก็สนใจอยากซักอยากถาม มารำคาญน้องหรือเปล่า ย้ายมานั่งแทนน้าปิงไหมครับ น้าปิงไปนั่งกับน้องเอง” ปิงหาทางรอดให้กับตัวเอง นั่งตรงนี้เขาไม่รู้จะคุยอะไรกับเจ้านาย
มาหันไปสบตากับดวงตาคู่กลม เจ้าตัวเห็นเขามองก็ยิ้มแฉ่งให้ มาถอนใจออกมาเบาๆ เอนตัวกลับมานั่งพิงเบาะด้านหลังเหมือนเดิม “ไม่เป็นครับน้าปิง ผมถามเฉยๆ ไม่ได้รำคาญอะไร”
“บูน่าล้ากกก”
“ใครถาม” มาทั้งขำทั้งหมั่นไส้หน้าแป้นแล้นที่เห็น
“ลู้” เจ้าตัวทำหน้าภูมิใจจนมาต้องกลั้นยิ้ม
“กินบราวนี่ไหมครับน้าปิงเอามาด้วย” ปิงรีบสงบศึกกลัวว่าลูกชายเจ้านายจะเบื่อหลานชายตัวน้อยของตน
“กินครับ” มารีบตอบ เขาเริ่มหิวเพราะมัวแต่ง่วงจึงกินอาหารเช้ามาน้อยมาก
“กินนน” เด็กชายบลูยกมือขึ้นสูงสุดแขน
ปิงเปิดกล่องขนมที่ถือขึ้นมาบนรถด้วย หยิบบราวนี่ชิ้นเล็กสองชิ้นส่งให้เด็กๆ “กินไหมครับ” เขาถามคนขับ
“อืม ขอสักชิ้น”
ปิงเลือกชิ้นที่คนขับจะถือได้สะดวกมือ เขายื่นส่งไปให้ แต่คนขับไม่ยอมจับขนมดันมาจับที่ข้อมือเขาแทน
“ขี้เกียจมือเปื้อน” ปิงมองมือตัวเองที่ถูกจับยกขึ้นเพื่อให้ขนมพอดีปากอีกฝ่าย เล่นง่ายมากนะพี่
“หึๆ”
ปิงเลิกคิ้วขึ้นเมื่ออีกฝ่ายหัวเราะเบาๆ ดวงตาเป็นประกาย ดูเหมือนคีรินทร์จะรู้ว่าเขาสงสัยจึงเฉลยให้ฟัง
“แค่คิดว่าเราเหมือนครอบครัวดีนะ ไปเที่ยวพักผ่อนด้วยกัน”
“จะเหมือนได้ไงครับ! ผมไม่ใช่ผู้หญิง” ปิงรีบชักมือออก หน้าแดงนิดๆ ขยับตัวเพราะไม่ไว้ใจอีกฝ่าย ไม่เห็นมีใครบอกเลยว่าเจ้านายของเขาเป็นเกย์
“เดี๋ยว ฮ่าๆ” ปิงมองคนหัวเราะตาคว่ำ ตลกอะไรนักหนาวะ หัวเราะอยู่ได้ “นี่คุณคิดไปถึงไหน ผมหมายถึงคนในครอบครัวไปเที่ยวกัน อาหลาน ป้าน้าลุงอะไรแบบนั้น หมายถึง..” คนพูดทำหน้าคิดนิดหนึ่ง “ผมหมายถึงมันอบอุ่น มีความสุข”
คราวนี้ปิงหน้าแดงของจริง ไอ้บ้าบิงเอ๊ยปล่อยไก่ตัวเบ้อเริ่มเลย เขาไม่รู้จะทำยังไงจึงได้ยิ้มแห้งๆ ให้เจ้านายคนใหม่
“ฮ่าๆ” คนเหลือบตามามองยิ่งหัวเราะดังขึ้น ขำเข้าไปใครฟังแล้วจะไม่เข้าใจผิดบ้างวะ
“ก็น่าสนใจนะ”
“อะไรครับ” เขามีประสบการณ์แล้วรอบนี้จึงขอถามให้แน่ใจก่อน
“ไม่มีอะไร ป้อนต่อสิผมเพิ่งกินไปได้คำเดียว” คนพูดพยักพเยิดมาที่ขนมในมือเขา
ปิงหลุบตาลงมองขนมในมือ ลอบถอนใจ เอาวะเพิ่งหน้าแตกไปจะทำอะไรได้ ขืนทำยึกยักอีกฝ่ายคงขำเขาตาย หาว่าตื่นตูมไม่เข้าเรื่อง
“นี่ครับ” ปิงยื่นขนมไปให้ถึงปาก อีกฝ่ายไม่รู้ร้อนรู้หนาวกับท่าทางฝืนๆ ของเขาเลย ยังยื่นมือมาจับข้อมือเอาไว้ราวกับกลัวว่าเขาจะชักมือหนีไม่ให้กิน
“อร่อย” เสียงชมดังเบาๆ
“ซื้อมาครับ”
“หึๆ”ดูเหมือนอีกฝ่ายจะถูกใจคำตอบเขา ดูจากดวงตาขำๆ ที่มองมา
“อาหย่อยย” เสียงลูกหมูตัวกลมดังขึ้น ราวกับต้องการยืนยันความอร่อยอีกเสียง
“พอก่อนครับเพิ่งทานข้าวเช้าไป” เพราะรู้นิสัยหลานชายดีว่าถ้าพูดแบบนี้ยิ้มแบบนี้คืออ้อนขออีกชิ้นแน่ๆ ปิงจึงรีบเบรกเอาไว้ก่อน เจ้าลูกหมูทำหน้าหงอย เหลือบสายตาไปมองขนมในมือของมา กลืนน้ำลายลงคอเบาๆ ดวงตาละห้อย
มาทำเฉย พยายามไม่มอง แต่เจ้าตัวยุ่งมองขนมในมือของเขาไม่วางตา
“อะ เอาไป” มายื่นขนมให้ทนสายตาเจ้าตัวกลมไม่ไหวจริงๆ
“ม่ายอาว” เจ้าลูกหมูส่ายหน้าแรงๆ
“แน่นะ”
“อืม มากินเยย” คนพูดปฏิเสธ แต่มองขนมตาวาว กลืนน้ำลายลงคออีกรอบ”
“ไม่กินแล้ว อิ่ม” คนกินข้าวเช้ามาน้อยทำหน้าไม่อยากกิน
“เหยอมาอิ่มแย้วเหยอ” เจ้าลูกหมูตาโต ดีใจจนออกนอกหน้า
“อืม”
“อาว อาว น้าปิงบูกินน้า” เด็กชายไม่ลืมหันไปขออนุญาตน้าชาย
“ก็ได้ครับ” ปิงเห็นว่าเหลือชิ้นไม่ใหญ่นักจึงอนุญาต มือป้อมเอื้อมไปรับบราวนี่ชิ้นเล็กมาจากพี่ชายตัวโต ดวงตาวาวๆ ตกลงมองขนม ก่อนเงยหน้าขึ้นมองพี่ชายดุแต่ใจดีของเขา แก้มกลมพองออกเป็นรอยยิ้มกว้าง
“ล้ากมาที่ฉุดเยย”
“รักเราหรือรักขนมเอาดีๆ”
เด็กชายบลูทำหน้าคิด เขารู้สึกว่ามันเป็นคำถามที่ยากมาก คิ้วน้อยๆ ขมวดเข้ากัน คิดอยู่นานกว่าจะเงยหน้าขึ้นมองพี่ชายตัวโต “อาวหมดเยย”
“ฮ่าๆ” คีรินทร์หัวเราะเสียงดัง มองเด็กๆ ผ่านกระจกหลัง เด็กชายมาทำหน้าเบื่อๆ แต่ก็แอบอมยิ้ม ขณะนี้น้าชายอย่างเขารู้สึกถึงบรรยากาศที่อบอุ่นและผ่อนคลาย เฮ้อออ นี่เขากำลังรู้สึกเหมือนเจ้านายคนใหม่ใช่ไหม กว่าจะเข้าใจเล่นเอาหน้าแตกหมอไม่รับเย็บ เอาวะ ถ้ามันจะดีแบบนี้ครอบครัวก็ครอบครัว ปิงสรุปในใจก่อนยิ้มออกมา
✪✣✤✥✦TBC✤✥✦✧✪
.
Darin ♥ FANPAGE Twitter :
primdarin