#เจนไม่นก
เจนชอบ อยากได้ ขอนะ
“………….”
“………….”
“พี่เคลเป็นพี่ที่นับถือกันน่ะครับ ลูกของพ่อบุญธรรม” นักรบไม่ได้ถามออกไปหรอก
แต่เจนตอบมันขึ้นมาเอง…
ก็ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเข้าใจความต้องการของเขาหรือแค่อยากจะพูดออกมาเอง ทว่าความกระจ่างชัดก็ทำให้รู้สึกสบายใจ ในตอนนี้เขาคงป่วยเกินกว่าจะคิด ถึงจะไม่รู้ว่าจริงอย่างพูด หรือฝ่ายพี่เคลอะไรนั่นคิดกับเจนแค่น้องหรือเปล่า แต่นักรบจะหยุดมันไว้เท่านี้ กลิ่นข้าวต้มหอมฉุยกับกระเทียมเจียวที่เขาชอบนั้นเรียกความต้องการอาหารออกมา ดูแล้วมันก็เหมือนจะยังอุ่นๆอยู่ คาดว่าทำเสร็จอีกฝ่ายคงต้องดิ่งมาหากันเป็นแน่ ความเอาใจใส่นี่…ทำให้เขาตัดใจกับเรื่องที่ค้างคานั่นไม่ลงเลยทีเดียว
นักรบนั่งกินอาหารเงียบๆ มีเจนที่คอยจัดนั่นเตรียมนี่ ยังคงไม่อยู่เฉยเพราะการอยู่เฉยจะทำให้เจนรู้สึกอึดอัดขึ้นมา ทว่าก็ไม่สามารถหยุดมองเขาได้เลย ในยามที่เผลอไผลเจนจะต้องมองสำรวจเขาทุกครั้งไป ก็ไม่รู้ว่าเขารู้ตัวหรือไม่ แต่ถ้ารู้ตัวก็ถือว่าใจดีมากเพราะเขาไม่แซวอะไร ยังคงนิ่งๆทำเป็นไม่สนใจแล้วกินอาหารต่ออย่างนั้น
ใบหน้าของคนป่วยดูโทรมๆ ผิวของเขาขึ้นสีชมพูเพราะพิษไข้ ดวงตาก็ดูจะคลอไปด้วยหยาดน้ำใส เขาป่วยและดูอ่อนแอจริงๆจนน่าสงสาร ความลังเลทั้งหลายทั้งปวงตอนที่กำลังเดินทางมานั้นหายไปหมดแล้วเมื่อได้เห็นสภาพเหล่านี้ เจนไม่สามารถคิดเป็นอื่นไปได้เลยเพราะแม้เราจะอยู่ใกล้กัน ก็ยังรู้สึกห่วงหาขนาดนี้ อย่างที่คิดไว้เลยว่าเจนนั้นพยายามก้าวถอยหลังแต่จริงๆแล้วที่เหนื่อยแสนสาหัสมาทั้งหมด
ที่ทำลงไปคือการย่ำอยู่กับที่ไม่ได้ไปไหนเลย
“ยาครับ” หลังจากเขาวางช้อน เจนก็รินน้ำให้ใหม่และยื่นยาให้ คนป่วยควรได้รับการพักผ่อนที่เหมาะสมตามที่เขาเรียกร้อง นักรบรับยาจากมือเจนไป แต่เขาก็ยังไม่เอามันเข้าปากอยู่ดี
หรือว่าคุณรบจะไม่ชอบกินยา….
“ต้องกินนะครับ”
“อย่าเพิ่งเร่งสิ” ไม่ชอบกินขนาดนั้นเลยเหรอ เจนมองตาเขา แววดื้อรั้นอยู่ในนั้น ยังคงไม่เอาเข้าปาก แต่เจนคงไม่เข้าใจเขาหรอก เพราะคุณรบไม่ได้มีปัญหากับการกินยา
แต่มีปัญหากับเจนหลังจากนี้….
แต่สุดท้ายเขาก็กลืนมันลงคอไปเสียอย่างนั้น สุดท้ายแล้วก็ปากหนักเหมือนเดิม เจนเองก็อดแปลกใจไม่ได้ที่สมมติฐานของตนจะผิดพลาด คุณรบไม่ได้ไม่ยอมกินยา แต่แค่ไม่กินมันเท่านั้น เขาก็ดูเหมือนผู้ใหญ่ทั่วไปเวลากินยา ไม่ได้มีสีหน้าไม่ชอบหรืออะไรเป็นพิเศษ กินเสร็จแล้วก็ลุกเดินไปที่เตียงนอน หยิบผ้าห่มขึ้นมาคลี่ๆก่อนจะหันมาหาเจนที่ยังคงยืนอยู่ที่เดิม
“จะกลับเลยไหม”
“………..” เขาไล่เจนเหรอ?
“ไม่ได้ไล่หรอกนะ”
“…………”
“ผมต้องขอบคุณก่อนสิ…ขอบคุณนะที่มา” ในที่สุดก็กลับมามีมารยาทที่ดี เจนพยักหน้าตอบรับคำขอบคุณของเขา แต่ในส่วนคำถามแรกก็ยังไม่ได้ตอบออกไป
เพราะไม่รู้จะเอาไงเหมือนกัน
เขาค่อยๆเอนตัวลงนอน ก่อนจะพลิกตัวตะแคงหันหลังให้ การพักผ่อนที่ดีไม่ควรมีเจนอยู่สายตา คนตัวเล็กที่มองแผ่นหลังของเขาได้แต่เม้มปาก มีอยู่เป็นร้อยพันคำที่อยากพูดออกไป แต่ก็ไม่มีประโยคใดหลุดออกไป เจนครุ่นคิดดีแล้วจึงถอนหายใจ คนตัวเล็กนั้นเดินไปเก็บข้าวของของตนเอง ทุกอย่างดูชักช้าอ้อยอิ่ง ดูไม่ใช่เจนรักษ์ที่ทะมัดทะแมงทำอะไรรวดเร็วคนก่อนเลย ไม่รู้ว่าตั้งใจ หรือหมดกำลังใจกันแน่เหมือนกัน
ทว่านักรบยังไม่ได้เข้าสู่นิทราอย่างสมบูรณ์ แม้ว่าเขาจะอยากพักผ่อนแค่ไหน แต่เสียงของความเคลื่อนไหวของเจนนั้นดึงความสนใจของเขาไปเสียหมด ในขณะที่หลับตา เขาก็เงี่ยหูฟัง และในขณะที่รับฟัง เขาก็ได้ยินทุกอย่างชัดเจน เจนเก็บของอยู่ เจนกำลังก้าวเดิน และเจนกำลังบิดลูกบิดประตู….
นั่นหมายความว่าเจนนั้นกำลังจากไป???
“………….” แต่เขาก็ไม่ได้ลืมตาขึ้นมาเพื่อพิสูจน์ความจริง นักรบไม่ควรคาดหวังว่าเจนจะอยู่ เพราะเขาไม่มีสิทธิ์เช่นนั้น สิ่งที่ทำกับเจนลงไปนั้นมันเลวร้าย เขารู้ทั้งรู้ว่าการล้อเล่นกับหัวใจคนที่เจ็บปวดมันเป็นเรื่องที่ไม่สมควรที่สุด ตัวเขาเองยังไม่ชอบอะไรเช่นนั้นเลย และทำไมถึงได้ไปทำเช่นนั้นกับเจนรักษ์เล่า แค่มองตาก็รู้แล้วว่าเจนนั้นหวั่นไหวกับเขามากแค่ไหน บางทีเราสองคนอาจจะเป็นเอามากพอกัน หวาดกลัวกับเรื่องความรักพอกัน กลัวที่จะยอมรับความรู้สึกเหล่านั้นที่มีให้กันพอกัน เราอาจจะรู้สึกหวั่นไหวและสับสนอยู่พอกัน ในตอนนี้…ความคิดและหัวใจของเราก็อาจจะกำลังต่อสู้กันอยู่ และยังไม่มีการประกาศผลแพ้ชนะใดๆ นักรบเสียเวลามามากพอไหมกับความพยายามที่เหมือนจะไร้ค่าที่ผ่านมา เราใช้เวลาที่จะหลีกเลี่ยงกันมานานหรือยัง แล้วถ้ายังมีใครสักคนล้ำเส้นเข้าไป ใครอีกคนจะตอบรับเช่นไร
ถ้าเจนกลับมาลอยหน้าลอยตาตรงหน้า…เขาควรจะทำเช่นไรดี
ระหว่างจับมือเล็กนั่นให้แน่น กับเดินหันหลังให้และไม่มีวันหวนกลับไปตลอดกาล….
“คุณรบ” เจนเผลอเรียกชื่อของเขาออกมา เมื่อมือใหญ่ของคนป่วยจับข้อมือของตนเอาไว้ ดวงตาโตของเจนเบิกกว้างตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น เจนก็แค่เอาผ้าขนหนูชุบน้ำไปวางบนหน้าผากให้ด้วยหวังให้คนป่วยหายเร็วๆแค่นั้นเอง
นี่ไปทำอะไรให้เขาโกรธอีกหรือเปล่า….
“………….” เจนก็แค่….ยังไม่อยากจากไปเท่านั้นเอง
ลังเลอยู่ไม่นาน แต่มันนานในความรู้สึก จริงๆแล้วเจนไม่ควรอยู่ต่อ หากต้องการจะปกป้องความรู้สึกของตนเองที่ยิ่งถลำลึกนี่ล่ะก็ เจนไม่ควรจะอยู่รอดูเขากินยาด้วยซ้ำ แต่ก็อยากอยู่ อยากมั่นใจว่าเขาจะไม่เป็นไร และอีกส่วนมันเหมือนกับความรู้สึกผิดที่มีต่อคนที่เราแคร์มาก เจนอยากจะอยู่เพื่อกอบกู้ความรู้สึกผิดบางอย่าง และอยากจะอยู่….เพราะวันนี้ไม่มีที่ไหนบนโลกที่น่าอยู่เท่าห้องๆนี้อีกต่อไปแล้ว และนี่คงเป็นครั้งแรกในรอบหลายวันที่เจนยอมรับความต้องการของหัวใจอย่างตรงไปตรงมา
แทนที่จะกลับไป ร่างเล็กเดินไปเก็บข้าวของ เหลือบมองเขาที่ยังนอนนิ่งซ่อนใบหน้าเอาไว้ไม่ให้ได้เห็น ลังเลตีกันไปมาในหัวอยู่หลายครั้งและคิดได้ว่าไม่ชอบอะไรแบบนี้เลย เราเหมือนทะเลาะทั้งๆที่ไม่เคยเปิดประเด็นพูดคุยอะไรสักคำ วันนั้นเจนอาจจะพูดตรงๆ แต่การพูดตรงๆครั้งนั้น ไม่ได้ทำให้เกิดผลที่ชัดเจนเลย จะเอายังไงดีล่ะ แตกหักกันไปเลยไหม ในเมื่อเรากลับไปอยู่ในจุดที่ควรเป็นก็ไม่ได้ งั้นเดินหน้าไปให้รู้เรื่องกันไปเลยดีไหม
จะได้ไม่ต้องฝืนธรรมชาติกันอีกต่อไป
เมื่อตัดสินใจว่าจะอยู่ เจนก็เดินไปเข้าห้องน้ำ เอาผ้าขนหนูผืนเล็กมาชุบน้ำบิดมาดๆก่อนจะนำไปวางบนซีกหน้าของคนที่ยังเอาแต่หลับซุกหมอนอย่างนั้น เจนทำมันอย่างแผ่วเบาด้วยไม่อยากรบกวน แต่เกรงว่ามันยังคงไม่พอเพราะเขานั้นสะดุ้งและจับมือกันทันที ไม่เปิดโอกาสให้เจนได้ชักมือกลับด้วยซ้ำ เจนว่าทำทุกอย่างอย่างเงียบเชียบแล้วเชียว หรือเสียงเต้นของหัวใจ….มันดังเกินไปจนเขาได้ยินเหรอ
“……….”
“เรามาคุยกันดีกว่านะ” นั่นคือสิ่งที่เจนพูดอยู่ในใจ หากแต่เป็นริมฝีปากของคุณรบที่ถ่ายทอดมันออกมา เขาเองก็คิดไม่ต่าง เจนจ้องมองดวงตาคมของเขา มันไม่ได้แข็งกร้าวเหมือนเคย อาจจะเพราะเขายังป่วยด้วยกระมัง เจนพยักหน้าเบาๆ มือของเขายังคงอยู่ที่ข้อมือของตน แม้เจนจะยอมแล้วแต่นักรบก็ไม่ปล่อยไป ไม่รู้ว่ากลัวอะไรอยู่หรือเปล่า เจนไม่หนีไปหรอก แต่ไม่ใช่แค่นักรบที่ไม่อยากปล่อยกันไป เจนเอง….ก็ไม่อยากให้เขาปล่อยให้เจนจากไปอีกเช่นกัน
“คุณรบคุยได้เหรอครับ”
“หืม?”
“หมายถึง พักผ่อนก่อนไหม”
เพราะเจนรอได้
“เจนไม่ไปไหน”
แต่นักรบรอไม่ได้
“คุยตอนนี้แหละ”
ก็ไม่ใช่ว่าไม่เชื่อใจ
“คุณคิดว่าผมจะหลับลงได้เหรอ”
แน่นอนว่าไม่ได้
“เรามาคุยกันให้รู้เรื่องกันดีกว่านะ” เจนก็หวังว่าเราจะได้ทำอะไรให้มันชัดเจนจริงๆเสียที
ทว่าเรากลับตกอยู่ในห้วงแห่งความเงียบงันอีกครั้ง ความตั้งใจก็ส่วนนึงแต่การเริ่มต้นมันช่างยากเย็น เจนนั้นลงมานั่งบนเตียง อยู่ใกล้ชิดกันในระดับที่นักรบเห็นได้ว่าแก้มใสนั้นกำลังขึ้นสีแม้เจ้าตัวจะก้มหน้าหนี มือของเขายังคงจับอยู่ที่ข้อมืออย่างเอาแต่ใจ ก็ไม่รู้หรอกว่าบทสนทนาของเราจะสรุปเรื่องราวนั้นๆออกมาเป็นอย่างไร แต่บรรยากาศเงียบๆตอนนี้ช่วยฟื้นฟูความแห้งเหี่ยวของจิตใจได้ดีทีเดียว
ก็ได้แต่หวังว่าเรา…จะใจตรงกัน
“บอกว่าจะคุยแต่เราก็ไม่พูดอะไรสักที”
“ก็…..” เขาไม่ได้โทษเจนรักษ์ที่เงียบเป็นเป่าสากทั้งๆที่ปกติเป็นคนพูดมากเจื้อยแจ้วเจรจาหรอก การเผชิญหน้ากับคู่ค้าครั้งไหนก็ไม่เคยเหมือนครั้งนี้ นักรบเองก็ยอมรับว่ารับมือไม่ค่อยได้ แต่โชคดีที่อีกฝ่ายไม่ได้เร่งเร้าหรือกดดันกัน ดังนั้นเรามาคุยกันแบบค่อยเป็นค่อยไป แต่ให้มันชัดเจนต่อจากนี้ดีไหม
“รู้ใจผมบ้างหรือเปล่า ถามจริงๆ”
“ก็รู้บ้าง…ไม่รู้บ้างครับ” เหมือนคนที่พยักหน้าและส่ายหน้าพร้อมๆกัน แต่นักรบกลับยิ้มออกมา เขาเอนตัวลงกับหมอนที่เอามาวางตั้งไว้ให้มากขึ้น แต่มือก็ยังไม่ปล่อยไป
“แล้วรู้ใจตัวเองหรือเปล่า”
“รู้ครับ” เป็นคำตอบที่เสียงเบาแต่ชัดเจน
“เยี่ยม แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว” นักรบพอใจแล้วเมื่อมาถึงตรงนี้ และคำตอบของเขาก็ทำให้หัวใจของเจนเต้นแรง เจนเคารพในการตัดสินใจของตัวเองเสมอ และก็คิดว่าที่ผ่านมาอาจจะมีการตัดสินใจผิดถูกไปบ้าง แต่ไม่คิดว่าคู่กรณี…ก็ยินดีกับมันเช่นกัน บอกแล้วไง ไม่มีใครเชื่อเจนเลย…ว่าภายใต้ท่าทางที่แสนเย็นชาไม่สนใจใคร
จริงๆคุณรบนั้นแสนดี…ดีจนเจนไม่เคยคิดว่าจะมีโอกาสได้เอื้อมถึงด้วยซ้ำ
แต่เขาก็ยื่นมือมาจับมือเจน…ด้วยตัวเองแล้ว
“เจน….”
“……..”
“อย่าหลบหน้าสิ เงยขึ้นมามองกันก่อน ผมป่วยอยู่นะ”
“ก็เจนเขินอ่ะ ไม่ได้อ๋อ!” ระบายไม่ได้ก็โวยวายซะแบบนี้ เขาหัวเราะออกมาก่อนจะไอค่อกแค่ก เออเนอะ ถ้าเจนป่วยตามนี่คุ้มไม่คุ้ม รับผิดชอบชีวิตเจนเลยนะ
“เขินได้ แต่ต้องคุยด้วย อย่าให้ผมพูดคนเดียวสิเจ็บคอ”
“หรือจะคุยกันทีหลังดีละครับ”
“เจน….”
“…………..”
“ก็รู้ว่ารอไม่ได้นี่”
“ก็….”
“เอาไงดี จะให้ผมฉุดคุณหนีตามกันเลยไหม”
“คุณรบ!”
“ก็รู้นี่ว่าผมคิดยังไงอยู่” แต่ไม่รู้ไงว่าจริงจังแค่ไหน แล้วรู้ตัวเองแล้วหรือไงถึงมาทำแบบนี้ เจนไม่ได้เชื่อคนง่ายนะ….
แต่คุณรบก็ไม่ใช่คนขี้โกหกเหมือนกัน….
“บอกแล้วไงครับว่ารู้บ้าง ไม่รู้บ้าง” โอ้ย เหนื่อย! ทำไมคุณรบงอแงเก่ง!
“ก็ยังถือว่ารู้หรือเปล่า”
“คุณรบข้ามขั้นตอนไปปะครับ จะฉุดทำไมเนี่ย เจนก็อยู่บ้านคุณรบปะ”
“สรุปจะกลับไปอยู่บ้านผมใช่ไหม”
“แล้วเจนเคยพูดตอนไหนว่าจะไม่อยู่”
“เคยบอกว่าจะไม่อยู่ตลอดไป พูดเองจำไม่ได้เหรอ” เขาอยากถามให้แน่ใจ ตอนนี้นักรบก็ไม่ได้ต้องการอะไรมากกว่าการทำให้เจนรักษ์ได้อยู่ใกล้ๆตัว ได้ยิ้ม หัวเราะ และมีความสุขตอนที่อยู่กับเขา และมันจะเป็นไปได้ไหมว่าถ้าเราเป็นแฟนกันแล้ว….นักรบจะได้อะไรแบบนั้นจากเจน เจนจะยังกลัวอยู่ไหม แต่เขาไม่กลัวแล้วนะ…
“เออว่ะ” อนาคตก็คืออนาคต ตอนนั้นถ้ามันจะเกิด ค่อยกลัวก็คงยังไม่สายหรอก ในเมื่อเจนรักษ์เห็นมาทุกด้านแม้แต่ด้านแย่ๆของเขาหมดแล้ว จะวางมาดไปเพื่ออะไรอีก ถ้าจะต้องเลิกกันและร้องไห้บ้านแตก ก็ถือว่าเราเท่าเทียม นักรบก็คนหนึ่งคน เขาคงไม่สามารถเป็นต้นแบบที่ดีหรือดูเท่ในสายตาใครสักคนได้ตลอดเวลา และกับคนที่เขารัก…..เราจะมาสนใจทำไมว่าเรามีด้านที่น่าสมเพชแค่ไหน และนี่เจนนะไม่ใช่รดา เขาจะเอาบรรทัดฐานแบบเดิมมาใช้ไม่ได้หรอก ไม่ลองก็ไม่รู้หรอกจริงๆไหม อย่าทำให้รักมันเป็นเรื่องยากกว่าการเซ็นสัญญาซื้อที่ดินสิ การลงทุนไหนๆก็ไม่แน่นอนหรอก ข้อมูลแน่นแค่ไหนก็พลาดกันได้หมด
“ไม่ผิดหรือเปล่าที่ผมจะระแวง ไหนมองหน้ากันดีๆ” เหิมเกริมนะครับ ใครใช้ให้อยู่ๆกับเอามือมาจับแก้มให้หันไปทางพี่แก แค่จับจะไม่ว่าเลย บีบเล่นไม่ได้เว้ย!
“โอ้ยเหนื่อย เจนไม่คุยด้วยแล้วได้ไหม”
“เอาไงดี เอาไงดี” เขายิ่งเร่งเร้า
“คุณรบข้ามขั้นตอนไปปะครับ” บ่องตง!
“ข้ามเหรอ?”
“ไหนต้องพูดยังไงก่อน พูดกับเจนดีๆก่อน” พอเขาเล่นหัวมา เจนก็แฟร์ เล่นหัวกลับ นี่ไงคนจริงกระทิงแดง ที่อึดอัดแบบเมื่อครู่นี้เหมือนไม่เคยเกิดขึ้นจริง เจนรักษ์คนเดิมนั้นกลับมาแล้ว กลับมาพร้อมๆกับคุณรบนี่เลย ถ้าไม่ป่วยก็อยากจะซัดซักดอกเหมือนกัน เจ้านายก็เจ้านายเถอะ
“ชอบ อยากได้ ขอได้ไหมครับ” คุณร๊บบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบ!!!!!!!!
“ถามจริงครับ ตอนขอเมียเก่าแต่งงานได้พูดอะไรแบบนี้ปะครับ” ไม่แปลกเลยที่เมียจะขอหย่า….แต่คำพูดห่ามๆไม่เต็มบาทของเขาก็ทำให้เจนหน้าแดงเขิน ตกใจเพราะไม่เคยคาดเลยว่าคุณรบจะเป็นผีบ้าไปกับเขาอีกคน ให้เจนบ้าคนเดียวก็พอแล้ว คุณรบอย่าทำตัวเจริญรอยตามเจนและเลขาตัวเองแบบนี้สิ หรือเจนต้องพาคุณรบไปโรงพยาบาลจริงๆ
“ไม่รู้สิ โดนคลุมถุงชนเลยไม่เคยขอแต่งงาน” และเขาก็ไม่ได้ขอเจนแต่งนะ คิดไกลเกินไปแล้ว โชคดีที่ยังไม่โทรเรียกทนายมาคุยเรื่องมรดกสินสมรสบ้าบอ โอ้ยยยยยยยยยยย
“แล้วปกติคุณรบพูดแบบนี้เหรอครับ” นี่ไม่ใช่คุณรบที่รู้จัก คุณรบที่รู้จักไม่พูดหยาบคายแบบนี้ จริงๆเขาก็ไม่ได้พูดหยาบคายเลย แต่คำพูดมันดาเมจกันรุนแรงราวเอาค้อนปอนด์ทุบหัวเจน นี่หัวกูยังวิ้งอยู่เลยนี่!
“ไม่พูดกับใคร แต่เคยสุภาพคุยกับเมียเก่าแล้วเขาไม่เอา เลยคิดว่าคนน่าจะชอบผู้ชายแบบนี้”
“คุณรบ….” ในเนื้อความเล่นๆ แฝงไปด้วยความไม่มั่นใจของเขา มันทำให้ไปไม่เป็น
“ก็ไม่แย่นะ พูดตรงๆเลยก็สบายใจดี ชัดเจน แต่ถ้าเจนไม่ชอบก็บอกได้” เขาก็จะแฟร์ๆเหมือนกัน
“หมายความตามที่พูดจริงๆเหรอครับ” เรื่องหยาบคายไม่ใช่ปัญหา ตราบใดที่มันเป็นความจริงที่ออกมาจากปากเขา เจนว่าเจนรับได้ ไม่สิ เจนไม่จำเป็นต้องสนใจวิธีพูด แต่ความรู้สึกที่แท้จริงๆต่างหาก เจนแคร์มาก แคร์จริงๆด้วย เขายอมรับความรู้สึกตัวเองได้แล้วจริงๆเหรอ เขาจะรักเจนจริงๆใช่ไหม แล้วเจนล่ะ….ไม่กลัวการมีความรักในตอนนี้แล้วเหรอ
“อืม….”
“……….”
“ผมอาจจะป่วย พูดจาแปลกๆไปบ้าง แต่ผมคิดอย่างนั้นจริงๆ คิดมาดีแล้วด้วย ตอนแรกก็ว่าจะไม่เอาอยู่หรอก ก็เหมือนที่คุณคิดแหละว่ามันอาจจะไม่เวิร์ค” จริงๆเราต่างก็คิดเหมือนกัน พอได้ยินเช่นนี้เจนเลยเข้าใจเขาอย่างถ่องแท้ ในหัวของเราเต็มไปด้วยความหวาดกลัวว่าเมื่อเราเปลี่ยนความสัมพันธ์แบบนั้นแล้ว เส้นสายสัมพันธ์ดีๆที่มีจะพังทลายลง
และที่สำคัญไม่ใช่แค่ความรู้สึกของอีกฝ่ายที่ต้องเสียไป แต่ความรู้สึกของตัวเองล่ะ เขาสองคนยังกลัวความล้มเหลวในชีวิตรักอยู่นะ แผลทางความรู้สึกจะนานแค่ไหน สะกิดมันยังเจ็บ นับประสาอะไรกับแทงแผลใหม่ขึ้นมาล่ะ จริงๆต่อให้เราห่างกันไปและไม่สนใจกันอีก ก็ไม่สมควรโทษอีกฝ่ายเลย เราเหมือนกันกว่าที่คิด และมันก็เข้าใจได้หากเราจะงี่เง่าเหมือนกัน แต่มันจะดีกว่าหรือไม่…ถ้าหันหน้าเข้าหากัน และยอมเป็นคนแพ้ต่อโชคชะตาดูสักครั้ง เจนเองก็เจ็บมาเยอะ….เจ็บอีกสักครั้งมันจะเป็นอะไรไปล่ะ ยังไงที่พยายามหักห้ามใจมาหลายวัน ก็ทำไม่ค่อยจะได้อยู่แล้วนี่….
“เจนเองก็….ชอบ….อยากได้”
“หะ”
“ขอ…ได้ไหมครับ”
“………..”
“เฮ้อ คุณรบอย่าทำเจนเก้อดิ”
“………..”
“เจนก็ชอบคุณรบนะ”
หน้าของเจนจะระเบิดอยู่แล้ว
“แล้วก็…จะลองเสี่ยง…ดู” จริงๆเจนไม่มีทางแน่ใจได้หรอกว่านี่คือทางที่ถูกต้องไหม บางทีพรหมลิขิตอาจจะไม่ได้กำหนดให้เราได้คู่กันนาน แต่วันนี้เจนมั่นใจว่าซื้อกันวันนี้ แถมฟรีความรักให้เลย
ขายเก่งขนาดนี้จะรีรออะไร….
เลิกปิดกั้นตัวเองสักที เราควรจะรักกันได้แล้ว!
“มาลองรักกับเจนดูนะครับคุณรบ อุ้บ!” เจนนี่พูดมากจริงๆ ไม่ได้คุยกับเขานานพอเปิดปากให้พูดก็พูดไม่หยุด ทำแบบนี้มันน่ารำคาญรู้ไหม เขารู้แล้วว่าชอบ อยากได้ ขอความรักกัน และเขาก็รู้แล้วเช่นกันว่าการปิดกั้นไม่ได้ช่วยให้มีความสุขได้เลยจริงๆ แม้ว่าความรักจะน่ากลัว แต่กี่ครั้งเมื่อมันมาเยือนต่อหน้าและเป็นอะไรที่เขาเองก็ชอบกลับเหมือนกันแบบนี้ เขาก็ห้ามใจไม่ค่อยได้หรอก ก็อย่างที่บอก
ชอบนะ อยากได้….ขอได้ไหม
ริมฝีปากของเราที่ประกบกันอย่างแผ่วเบา มันพลิ้วไหวราวสายลมอันอบอุ่น ในยามแรกที่โดนจู่โจม เจนนั้นตกใจและไม่เคยคิดว่าคุณรบจะทำแบบนี้ ทว่าความกะทันหันในยามแรกได้แปรเปลี่ยนเป็นความอ่อนโยน ไม่มีการรุกล้ำอะไรมากกว่านั้น เจนรู้สึกได้ถึงอุณหภูมิร่างกายของเขาที่กำลังไม่สบาย แต่ก็ยังบ้าบอแสร้งลืมและปล่อยให้ริมฝีปากของตนแนบชิดกับของเขา
ดวงตาของเจนปิดลง ให้ประสาทสัมผัสทั้งหมดในร่างกายทำงานน้อยลงเพื่อที่จะได้จดจ่อกับจูบแรกของคนที่เพิ่งได้สารภาพรักไป เราอยู่บนเตียงในโรงแรม สภาพล่อแหลมอย่างนี้อาจจะก่อให้เกิดเรื่องไม่น่าไว้ใจ ทว่ามันไม่มีการรุกล้ำใดๆมากกว่านั้น ริมฝีปากของคุณรบขยับน้อยๆจนเจนใจหาย กลัวว่าเขาจะผละออกไปแต่ไม่ คุณรบเองก็อยากอยู่ตรงนี้ต่อเหมือนกัน เขาดูดคลึงริมฝีปากอิ่มที่เอาแต่เจื้อยแจ้ว เป็นบทลงโทษแสนหวานที่คนขี้รำคาญได้รับการจ่ายที่ดูจะคุ้มค่า แต่คุณรบเขี้ยวแค่ไหนใครก็รู้ดี เขายังคงตักตวงเอาจากเจนรักษ์ราวกับไม่อิ่ม บางทีถ้าเขาบดขยี้กันมากกว่านี้ อาจจะกินกำไรได้มากกว่าหรือเปล่า
ของแบบนี้ไม่ลองก็ไม่รู้สิเนอะ
“อืม” เสียงครางแผ่วเบาๆของเจนดังขึ้น เขาดูดดึงริมฝีปากล่าง ก่อนจะบดเบียดจูบหนักหน่วงขึ้น เรียวลิ้นของเขาที่เจนไม่เคยรู้ว่ามันช่ำชองขนาดนี้กำลังสำรวจกันไปหมด ไม่ทันที่สติจะทำงาน เจนก็ตอบรับและสวนกลับไปด้วยเสน่หาที่มี
ร่างเล็กของเจนเหมือนจะถูกดึงให้ไปแนบชิดกับเขามากขึ้น ก่อนที่เราสองคนจะเอนตัวลงมา มือของเจนเกาะอยู่ที่อกของเขาซึ่งนอนราบไปกับหมอนที่เคยตั้งไว้ มือของเขาดันหลังของเจนให้ลำตัวยิ่งเข้ามาแนบชิดกันขึ้นไปอีก เจนเองก็ใจง่าย ไม่คิดจะผละออกทั้งๆที่มีสติแต่ก็ยังยอมถูกล่อลวงไปกับรสจูบที่หลากหลายนี่ เขาเหมือนจะดูดกลืนไปมากกว่าริมฝีปากของเจน เราแลกจูบกันอย่างนั้นราวกับมันจะไม่มีวันจบสิ้น ไม่ใช่แค่มือของเจนที่สัมผัสได้ถึงเสียงเต้นของหัวใจ ริมฝีปากของเจนก็ได้สำรวจสถานที่ที่ซึ่งน้อยคนนักจะได้ลิ้มลอง จากความวาบหวามเบาบางนั้น เมื่อไหร่กันนะที่จูบของเราถึงถลำลึกมาได้ขนาดนี้ รู้แค่ว่าทุกวินาทีที่เสียไป มันก็ยิ่งร้อนแรง น่ากลัวว่าตอนนี้ใบหน้าของเจน อาจจะร้อนกว่าอุณหภูมิร่างกายของคุณรบแล้วจริงๆ
เราผละออกจากัน ใบหน้าของคุณรบนั้นอยู่ไม่ไกลจนเจนอาจจะห้ามใจไม่ไหวจูบที่แพขนตาที่ปกคลุมดวงตาคมดุนั่น ริมฝีปากของเขาบวมเจ่อขึ้นมา มันต้องเป็นเพราะจูบอันร้อนแรงของเราเมื่อครู่แน่นอน เจนไม่ได้จับเวลาไว้แต่คิดว่ามันนานอยู่เหมือนกัน จะว่าไปนี่อาจจะไม่ใช่จูบแรกของเรา แต่เป็นจูบแรกที่นานที่สุดของเจนก็ว่าได้ มันเต็มไปด้วยความหลงใหลคะนึงหา การหลอกตัวเองที่ทำมานานทำให้เราหลงใหลริมฝีปากของกันและกันได้นานขนาดนั้น โชคดีที่มันไม่ได้ไปต่อถึงอะไรที่ลึกซึ้งขึ้น ไม่งั้นเราสองคนต้องตายกันไปข้างแน่นอน และคุณรบก็ป่วยอยู่ด้วย
“ผมป่วยอยู่”
“คุณเริ่มก่อนนะ” ห้ามโทษเจนเด็ดขาด
“โทษที เคยเห็นแต่ในละคร อยากรู้ว่าถ้าทำจริงๆจะเป็นไง” ก็เลยจับเจนไปจูบปิดปากแบบนั้นนี่นะ สรุปทุกคนในเรื่องนี้จะมีความเป็นแฟนละครหลังข่าวทุกคนให้ได้เลยใช่ไหม
“……….” แต่คนเขาเป็นลูกมีพ่อมีแม่นะเฟ้ย! ยกขันหมากมาขอเลย เจนจะให้แม่เรียกสินสอดสักร้อยล้าน
“ขอโทษ คุณจะไม่เป็นอะไรใช่ไหม” ตัวแพร่เชื้ออยู่นี่เอง ตอนนี้มารู้สึกผิดก็สายไปแล้ว
“คุณรบก็หายมาดูแลเจนสิ” เขาหัวเราะออกมา เจนยังคงอยู่บนตัวเขา เอาสิเมื่อกี๊ยังเป็นแค่เจ้านายกับพี่เลี้ยงเด็กที่มึนตึงอยู่เลย ตอนนี้เหิมเกริมขึ้นมาอยู่บนตัวกันได้แล้ว อะไรจะว่องไวปานกามนิตหนุ่มขนาดนั้น
“ยังไม่ทันได้เป็นแฟนเลย เรียกร้องเสียแล้ว” เจนค้อนกลับ คนอะไรปากไม่ดี จูบกันจนปากเจ่อแล้วยังมีหน้ามาพูดแบบนี้อีก
“ดี! งั้นไม่เป็นแล้ว ไม่คุ้ม เดี๋ยวป่วย เจนไปก่อนนะ”
“เดี๋ยวสิ ยังไม่ได้ขอเลย ปฏิเสธซะแล้ว” เขารั้งเจนที่กำลังจะลุกหนีกัน นี่ไง เพราะเป็นคนแบบนี้ไง!
อมยิ้มจนแก้มจะแตกแล้ว ต้องรอให้ไข้แดกก่อนใช่ไหมถึงจะได้เป็นแฟนพี่รบน่ะ!
((ฝึกเรียกพี่ในใจไปก่อน พอของจริงมาแล้วจะได้ชินปาก))
“เป็นแฟนกันนะครับ”
“อืม”
“น่ารัก”
“ตั้งนานแล้วเหอะ” เขายิ้ม แฟนใหม่คนนี้นี่เซี้ยวจริงๆ
“ดีครับ งั้นกลับไปหาน้องวินกันนะ”
“ถึงไม่กลับด้วย ก็จะไปหาน้องวินอยู่ดี”
“ดีครับฝึกไว้นะ”
“………..”
“เดี๋ยวนอนก่อน เจนก็ไปกินยาดักก่อนนะ อยากดูแลอยู่หรอก แต่ป่วยไม่ดีจริงๆ ลูกเล็ก เข้าใจกันเนอะ” เจนพยักหน้า ก่อนจะลงจากตัวเขาแต่โดยดี คนป่วยมีไออยู่บ้างนิดหน่อย เมื่อครู่ก็จูบลืมตายเลย เจนคงต้องไปกินยาดักไว้จริงๆ
“หายไวไวนะครับ”
“อืม” เขายิ้มให้ ก่อนจะเปลี่ยนท่านอนมาตะแคงด้านที่เจนอยู่ ดวงตาของเขาเยิ้ม ใบหน้าก็ยังคงแดงเพราะพิษไข้ แต่รอยยิ้มจากปากและตาทำให้เจนเขิน อีกนิดแอปเปิ้ลที่กินแก้เขินก็พาลจะติดคอไปด้วย
“หลับได้แล้วครับ เดี๋ยวไม่หายหรอก”
“ครับ รอหายก่อนนะ”
“………..” บีหนึ่ง แกได้ยินแบบที่ฉันได้ยินไหม
“หายแล้ว พี่จะรีบไปรับผิดชอบเจนนะ” ฉันก็คิดว่าได้ยินว่ะบีสอง
ได้เวลาไอ้เจนระเบิดตัวตายตรงนี้แล้วครับ
มาพ่งมาพี่อะไร คนบว้า! แง่ม!
Tbc
Talk: เป็นบทบรรยายจูบที่เขียนเพลินมากๆ เรื่องนี้หวานเย็นมานานพอดราม่าก็ยิงยาว เล่นเอาเราอึดอัดไปเหมือนกัน พอได้ปลดปล่อยเราเลยต้องให้เขาตักตวง อาจจะเป็นบทจูบกากๆไม่ถูกใจต้องขอโทษด้วยนะคะ น้องเจนคนฉดฉัยของเรากลับมาแล้ว ปล่อยให้น้องได้วิ่งเล่นในทุ่งลาเวนเดอร์กับคุณรบสักพักนะคะ ตอนหน้าฟ้าจะเปิดร้อยเปอร์ ให้กำลังใจเจนไม่นกแล้วด้วยนะคะ
ตอนหน้าเจนฟ้าเปิดว่าจะมาพรุ่งนี้นะคับ
ขอหายหน้าไปพักนึง จะกลับมาพร้อมกับการจัดการปมอื่นๆที่เหลืออยู่
อาจจะมีเรื่องระทึกใจนิโหน่ยให้พอใจหายคว่ำ แต่การกลับมาจะไม่ทิ้งช่วงนานในแต่ละตอนแน่นวล
#เจนไม่นก twitter @reallyuri