>….ตอนที่ 38 [100%]….<
ดูไปกลัวไปแต่ก็ยังดู ช่างเป็นการดูหนังที่ทรมานเสียนี่กระไร คิดดู พอถึงฉากผีจะโพล่ต้องมีซาวด์ลุ้นระทึก จากนั้นมันจะเงียบไป แล้วก็ตึ้ง! ดังๆ ขึ้นมา เล่นเอาภูริคนนี้ตัวลอยจากเก้าอี้เลยจ้า คนมันกลัวปะ ใครให้ทำซาวด์น่ากลัวได้ขนาดนี้วะ อยากเห็นหน้าคนทำซาวด์จริงๆ ไม่ได้จะไปด่า จะไปกราบเพราะว่าเทพจริงๆ ยิ่งผีนะ...ไม่เห็น =_=
ก็ปิดตาดูตอนผีมาอะ มันเลยไม่เห็นว่าผีหน้าตาเป็นยังไง รู้แค่ว่าเป็นผีผู้หญิงเท่านั้นเอง โดนฆ่าตายเด้วยนะ ตายตอนท้องเลย เฮี้ยนสุดๆ บรึ๋ย คิดแล้วก็ขนลุก หนังอะไรมันจะน่ากลัวได้ขนาดนี้ รู้งี้นะไม่ดูหรอก ไปซื้อตั๋วดูหนังการ์ตูนที่เข้าห่างจากเรื่องนี้สิบนาทีดีกว่า
“หนังอะไรไม่สมจริงเลยคุณ ผีนี่...ต้องใส่ชุดขาวผมยาวแบบนี้ตลอดเลยเหรอ แล้วคนตายนี่ถ้าตายนานๆ ตัวมันจะอืดแล้วก็ดำเมี่ยม นี่อะไร ไม่เห็นเหมือนเลย” อีธานเดินพ้นประตูโรงหนังได้ก็บ่น
“นี่คุณพูดออกมาอย่างสบายๆ ได้ยังไง” เฮ้ย หนังน่ากลัวมากนะ ไม่สะทกสะท้านอะไรบ้างเหรอ
“ก็ไม่เห็นน่ากลัวตรงไหน คุณอะกลัวจนเวอร์ ผีตอนไอจนอ้วกออกมาเป็นน้ำเหลืองน้ำหนองนี่ไม่เนียนเลย ดูยังไงก็รู้ว่าซีจี ดูคุณสะดุ้งโหยงๆ สนุกกว่าอีก” โปรดดูหน้าคนสะดุ้งด้วย ซีดเป็นไก่ต้มขนาดนี้ อีธานดันบอกว่าดูภูริสนุกกว่าซะงั้น
“คุณโรคจิตไง ชอบดูผมทรมาน พอผมทรมานคุณก็มีความสุข ซาดิสม์นี่หว่า”
“ได้ข่าวว่าเลือกดูเรื่องนี้เอง” เบะปาก อย่าย้อนในสิ่งที่เถียงไม่ได้ดิ
“เออ ผมเลือกเอง ก็มันน่าดูนี่ ไม่คิดว่าจะน่ากลัวขนาดนี้ นี่ผีจะเดินตามหลังไหม...” ว่าแล้วก็หันไปดูข้างหลังเล็กน้อย มีหญิงสาวคนหนึ่งเดินอยู่ เธอผมยาวใส่ชุดแซ็กสีขาว
“มองอะไร ไม่เห็นมีอะไรเลย” อีธานเห็นอยู่หรอก แต่แกล้งบอกว่าไม่เห็น
ภูริหันหน้ากลับมาแบบช้าๆ สโลว์เหมือนผีที่ค่อยๆ เงยหน้ามอง ซึ่งหน้าภูริตอนนี้ก็เหมือนผีเพราะมันซีดจนไม่มีสีเลือด ภูริคว้ามืออีธานมาจับเอาไว้แน่น ไม่แค่นั้น เขาแทบจะเอาร่างตัวเองสิงลงไปกับร่างของอีธานด้วยการกอดแขน เขาว่ากันว่า เจอผีอย่าทัก อย่าทำให้ผีรู้ตัว ถ้าผีมันรู้มันจะโกรธมาก
ใครบอกมา? ไม่รู้ ภูริจำมาจากหนังผีแหละ!
ร่างสูงผู้โดนลากให้เดินตามแอบขำอยู่เบาๆ ปกติเขาไม่แกล้งอะไรภูริ รู้สึกการแกล้งกันมันเป็นเรื่องของเด็กๆ แต่ว่า...พอได้แกล้งดูบ้างมันก็สนุกดีนะ เขาปล่อยให้ภูริลากเขาไปยังที่สว่างๆ และคนเดินกันขวักไขว่ ร่างโปร่งหันไปมองข้างหลังอีกครั้ง เมื่อไม่เห็นหญิงสาวในชุดขาวผมยาวแล้วก็ลูบหน้าอกตัวเอง ถอนหายใจยาวๆ
“ขวัญเอ้ยขวัญมา”
“ขวัญคือใคร” พออีธานพูดมางี้ ภูรินี่มองหน้าเลยครับ
“นี่คุณกวนประสาทผมปะ? ขวัญอะขวัญ ขวัญที่อยู่บนหัวน่ะ” เอานิ้วจิ้มไปที่ขวัญตัวเองโชว์ อีธานก็ยังนิ่ง
“ผมอะนะ”
“เออ ผมก็ผม ว่าแต่เมื่อกี้ไม่เห็นจริงดิ มีผู้หญิงใส่ชุดขาวเดินตามหลังเรามาอะ ผมยาวๆ โอยตาย...วันนี้คุณไปรับผมนะ ไม่กลับเองแล้ว กลัว” ทำไหล่สั่นๆ โชว์ให้เห็นว่ากลัวผีมากแค่ไหน
“ผมไม่เห็นอะไรเลย เราออกมาจากโรงคู่สุดท้ายนะ แต่ถ้าอยากให้ไปรับก็ได้...เดี๋ยวไป” อีธานจูงมือภูริตรงไปยังร้านอาหารยิ้มๆ ภูรินี่สิ ยังไม่วายหันไปมองข้างหลังอยู่ดี
“ก็จริง แต่ผมเห็นนะ”
“คุณตาฝาดละมั้ง ผีมันมีที่ไหนกัน”
“ตาฝาดได้สมจริงขนาดนั้นเลยเหรอ”
“ใช่สิ กลัวมากๆ ก็จะสร้างภาพหลอนให้ตัวเองไง คุณไม่เคยอ่านสารคดีเกี่ยวกับจิตวิทยาเหรอ ผมว่ามันอธิบายเรื่องภาพมายาได้ดีเลยนะ ทั้งเรื่องของภูตผีวิญญาณก็ไขข้อกระจ่างได้ดีเลยล่ะ ที่ห้องมีเดี๋ยวผมเอาให้อ่าน”
“มีแบบเป็นคลิปมะ”
“อ่าน!” โด่ว...ไรแว้ ไม่อยากอ่านนี่ จะให้ไปอ่านไม่ได้จริงๆ นะ ต้องกินกาแฟสักห้าถุง ตบด้วยแบรนด์ ให้ตามันค้างๆ แล้วค่อยอ่าน แค่นึกถึงไนหนังสือก็ง่วงแล้ว
ภูริยังจ้อเรื่องผีที่เดินตามหลังมาไม่หยุด เขาเชื่อมั่นมากว่านั่นเป็นผีจริงๆ แต่อีธานก็ดันเถียงเขา เถียงกันจนกระทั่งอาหารเที่ยงตอนบ่ายกว่าได้หมดลง ภูริต้องแยกย้ายไปทำงานของตัวเองแล้ว เขาแอบระแวงนิดหน่อยว่าผีจะตามเขาไปไหม เรียกว่าระแวงจนอีธานต้องบ่นไปอีกหนึ่งชุดใหญ่ๆ ระหว่างเดินไปยังลานจอดรถ
ไม่มีผีตัวไหนตามแต่คนน่ะมี ร่างบางของชายหนุ่มซึ่งมีผิวขาวกระจ่างราวกับหิมะ สวมเสื้อยืดสีเทาเพ้นลวดลายคล้ายใยแมงมุม กางเกงขาสั้นกับรองเท้าผ้าใบราคาแพง ดวงตากลมโตคู่นั้นกำลังจับจ้องชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ ผู้มีผมสีดำและดวงตาสีฟ้าครามดุดันอยู่ไม่ห่าง
ไม่เจอกันมาเกือบสิบปี คนคนนี้ก็แทบไม่เปลี่ยนไปเลย ยังขี้บ่นกับคนที่ตัวเองรัก ยังดุกับเรื่องที่ดูไร้สาระ แววตาเรียบนิ่งทว่าแฝงไปด้วยความดุดันอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ร่างบางไม่ได้สนใจหนุ่มโอเมก้าข้างกายอีธาน เพราะดูยังไง...ก็ชั้นต่ำกว่าตัวเองอย่างแน่นอน
ลีออนไม่คิดว่าการมาเที่ยวพักร้อนในกรุงเทพหนนี้จะทำให้เขาโคจรกลับมาเจออดีตคนรัก ผู้ฝากความโกรธเกรี้ยวเอาไว้ในใจของเขา วาจาของอีธานในวันนั้นยังเป็นสิ่งที่ลีออนจดจำไม่มีวันลืม เพราะเขาเชื่อว่าสิ่งที่เขาทำมันไม่ผิด
ช่วงเวลาที่ห่างหายกันไป ลีออนรู้ว่าอีธานทำอะไร ก็นะ...อีธานเป็นคนดัง ไม่แปลกที่เรื่องของอีธานจะไปถึงหูลีออนได้ง่ายกว่าเรื่องที่ลีออนหักอกเพื่อนตัวเอง เวลาที่อีธานไม่สนใจอะไร คนคนนั้นจะตัดสิ่งนั้นให้หายออกไปจากการมองเห็นของตัวเองอย่างสิ้นเชิง ทั้งลีออน ทั้งเพื่อนทรยศ อีธานไม่ให้ค่ากับมัน ทั้งยังแบนออกจากลุ่มของตัวเองโดยไม่ต้องเอ่ยวาจาแม้แต่คำเดียว
ชีวิตลีออนกับอีธานต่างกัน พอเรียนจบ พ่อกับแม่ยกลีออนให้กับคนใหญ่คนโตในพรรคการเมือง เพื่อเป็นคู่ครองกับลูกชายซึ่งเป็นอัลฟ่าของอีกฝ่าย มันเป็นช่วงเวลาที่เลวร้ายสำหรับลีออน เพราะเขาไม่ได้รักอัลฟ่าคนนั้น ทั้งยังเกลียดอัลฟ่ายิ่งกว่าอะไรดี
แต่มันเป็นชีวิตที่เลือกไม่ได้ ลีออนเก็บเกี่ยวความสุข ความสะใจจากการทำให้อัลฟ่าทั้งหลายเจ็บปวดได้แค่นั้น เมื่อเขาต้องแต่งงาน เขาก็ไม่อาจทำอย่างเดิมได้อีก สามีถูกต้องตามกฎหมายได้ทำการผูกมัดกับเขาเอาไว้ตั้งแต่วันแรกที่เข้าหอ
ลีออนร้องไห้...ไม่ใช่เพราะรู้สึกดีแต่สิ้นหวัง
เขาต้องทำใจอยู่นานกับสิ่งที่เกิดขึ้น ชีวิตที่เลือกเองไม่ได้ สามีของลีออนเป็นนักการเมืองเต็มตัว ช่วงแรกเสพสมกับร่างกายเขาราวกัยจะไม่มีโอกาสได้ทำแบบนั้นอีก แต่เมื่อเวลาผ่านไปราวๆ สามเดือน สามีก็ไม่ได้ทำหน้าที่สามีเท่าที่ควร ลีออนชอบนะ ไม่ต้องอยู่กับคนที่ตัวเองเกลียด ทว่าสามีคนนี้เริ่มจะพูดเรื่องลูกขึ้นมา ลีออนไม่ยอมมีให้ และทางนั้นก็เริ่มจะพูดว่าหากลีออนไม่ยอมท้องเขาก็จะไปเอาคนอื่น
ลีออนไม่แคร์ ทว่าพ่อแม่เขาไม่ใช่...พ่อแม่กำลังบีบเขาให้ท้องเสียที ก่อนจะต้องมีลูกอย่างที่ผู้ใหญ่ต้องการ ลีออนขอเวลาเที่ยวสักพัก สัญญาว่ากลับไปจะทำตามที่ทุกคนต้องการ
ลีออนเดินตามทั้งคู่ไปเรื่อยๆ เขาไม่เคยลืมอีธาน แค่ไม่คิดว่าจะได้เจอ ความเคืองขุ่นในสมัยก่อนแอบปะทุขึ้นเบาๆ อัลฟ่าคนอื่นที่ลีออนหักหลังมักจะร้องไห้ต่อหน้า มักจะนิ่งเงียบ หรือบางคนก็ยอมเข้าใจและให้อภัยกับการที่เขาไปฮีตใส่คนอื่น ไม่มีอัลฟ่าคนไหนเลยที่ด่าเขาอย่างที่อีธานทำ
คนเกลียดโอเมก้าอย่างอีธานดันมาเดินกระหนุงกระหนิงกับคนรักโอเมก้าเนี่ยนะ...
อีธานส่งภูริขึ้นรถเรียบร้อย เขายืนมองจนกระทั่งร่างโปร่งขับรถคันหรูที่เพิ่งได้มาสดๆ ร้อนๆ ออกไป จากนั้นเดินวนกลับเข้าไปในห้างสรรพสินค้าเพราะว่าวันนี้เขาให้อลันขับรถมาให้ ป่านนี้อลันคงนั่งทำงานรอเพลินจบไปหลายงานแล้วล่ะมั้ง
นี่ได้เวลาเขาเรียกตัวคนขับรถกลับมาทำงานหรือเปล่า?
“ไง...” กำลังจะเดินเข้ามาข้างในห้าง กลับโดนร่างบางเอ่ยทักทำให้ขาทั้งสองชะงักอยู่ก่อนถึงประตู
“...”
“อย่าบอกนะว่าลืมผมไปแล้ว ผมไม่ลืมคุณเลยนะ...อีธาน” คนโดนทักเอาสองมือล้วงเข้ากระเป๋ากางเกง ดวงตาสีฟ้าดุดันจ้องมองหน้าอีกฝ่ายอย่างไร้อารมณ์
“นึกว่าตายไปแล้ว” เป็นคำทักทายแรกในรอบสิบปีที่เจ็บปวด ลีออนยิ้มหยันใส่ พลางเดินเข้าไปใกล้ช้าๆ
“ผมไม่ตายง่ายๆ หรอก แถมชีวิตยังดีมากอีกซะด้วยนะ คุณล่ะ เป็นยังไงบ้าง คนรักโอเมก้าของคุณมัน...ดูชั้นต่ำจังเนอะ” ว่าแล้วก็หัวเราะ อีธานชักสีหน้าไม่พอใจ
“มีอะไรต่ำกว่าพวกติดสัดอย่างนายด้วยเหรอลีออน”
“โอเมก้าของคุณไม่ติดสัดงั้นสิ นี่...ระวังนะ เวลาเขาฮีตน่ะ” ลีออนเดินเข้ามาใกล้ ใช้มือลูบไล้ไปที่แผงอกของอีธานแต่ก็ถูกปัดออก
“เขาหน้าตาดี รูปร่างก็โอเค เมื่อกี้ผมเห็นเขายิ้มด้วย...ไม่ธรรมดานะอีธาน คนอย่างนั้นน่ะมีคนเข้าหานับไม่ถ้วนแน่นอน แล้วคุณไว้ใจเขาได้เหรอ ผูกมัดเขาไปแล้วหรือไง เอ๊ะ ไม่สิ คุณยังไม่ได้กัดเขา เพราะหลังคอของเขาไม่มีแม้รอยขีดข่วน ฮ่าๆ ผมนี่เห็นอนาคตคุณเลยล่ะอีธาน สงสัย...ประวัติศาสตร์มันจะซ้ำรอยนะ” เหมือนโดนสะกิดความทรงจำครั้งก่อน เหตุที่ทำให้เขาตัดสินใจไม่รับโอเมก้าเข้ามาในชีวิต
เพราะการหักหลังที่เคยเกิดขึ้นมันเจ็บปวดสำหรับอีธาน
“นิ่งแบบนี้แสดงว่าลึกๆ คุณก็ยังเป็นอีธานคนเดิมสินะ ไหนล่ะ...ที่ว่าเกลียดโอเมก้า ไหนล่ะ ที่บอกว่าไม่ต้องการให้โอเมก้าเข้ามาอยู่ในชีวิตนเอง หรือว่าข่าวลือในสมัยนั้นมันเป็นเรื่องโกหก เอ๊ะ หรือว่าที่จริงแล้วคุณมันก็แค่กลืนน้ำลายตัวเองล่ะ โอเมก้ามันชั้นต่ำไม่ใช่เหรอ แล้วที่อ่อนโยนกับโอเมก้าคนนั้นล่ะอีธาน...คุณกลายเป็นทาสของพวกชั้นต่ำไปแล้วสิใช่ไหม ฮ่าๆ น่าสมฉิบหาย นี่แหละอัลฟ่า...ไม่ว่าสูงส่งแค่ไหนสุดท้ายก็เมาฟีโรโมนเหมือนสัตว์ตัวผู้ทุกๆ ตัวนั่นแหละ” ลีออนได้ทีขยับเข้าใกล้อีกนิด ยื่นหน้าเข้าใกล้แผงอกหนาเพื่อกระซิบกระซาบ
“โอเมก้ามันเหมือนกันหมดแหละ...เวลาที่มันฮีตน่ะ จะใครก็ได้ คนของคุณไม่ใช่ข้อยกเว้นหรอกอีธาน” อีธานผลักลีออนออกจากตัว
“คิดว่าทุกคนร่านเหมือนนายเหรอลีออน หึ…นายมันสำคัญตัวผิดจริงๆ ภูริน่ะถึงจะเป็นแค่พนักงานบริษัท แต่จิตใจเขาสูงกว่าคนอย่างนายจนนายเทียบไม่ติดเลยล่ะ ไม่งั้นผมคงไม่เอาเข้าไว้ข้างกาย ทะนุถนอมเขา ดูแลเขา และให้คุณค่ากับความเป็นเขา ซึ่งสิ่งเหล่านั้น...นายคงไม่มีวันได้มันจากใคร เพราะไม่มีใครเขารักนายหรอก” อีธานยิ้มบางขณะก้าวเท้าออกมาจากร่างของลีออนเพื่อจะเข้าไปข้างในห้าง ทว่าก่อนจะจากไป...
“โสโครกขนาดนี้ มีใครรักลงด้วยเหรอ” อีธานก็ไม่วายทิ้งวาจาหยามเหยียดให้ลีออนเจ็บใจ
และเมื่ออีธานตัดสินใจจะเดินจากมา เขาก็ไม่คิดหันไปมองสีหน้าเดือดดานของอดีตคนรัก ภายใต้ความสุขุม ใช่ว่าคำพูดของลีออนจะไม่เข้าไปกระทบกระเทือนความรู้สึกของอีธานเสียเมื่อไหร่
มันกระทบมากเกินไป...
ภูริไม่เคยเป็นอย่างที่ลีออนพูดขึ้นมา แต่ไม่ได้หมายความว่ามันจะไม่มีโอกาสเกิดขึ้นได้เลย ภูริมีเสน่ห์ ใครๆ ก็เข้าหา หลายครั้งที่คำชื่นชมของลูกค้าถูกส่งมาให้บริษัทพร้อมระบุชื่อของภูริ
แล้วถ้าวันหนึ่ง...เหตุการณ์ที่อีธานเคยกลัวมันเกิดขึ้นล่ะ
คำพูดลีออนกระตุ้นความหวาดระแวง ความสับสน ความเกรี้ยวโกรธบางอย่างให้เกิดขึ้นมาใจของอีธาน เขาไม่สามารถวางเรื่องนี้ลงได้ ไม่อาจหยุดคิดถึงคำพูดของลีออนได้เลย
ทุกก้าวย่างที่ผ่านไป อีธานพยายามตั้งสติ พยายามระงับอารมณ์ที่เกิดขึ้นแล้วคิดดีๆ เขาประทับใจกับความเป็นภูริ แต่มันใช่จริงๆ เหรอ ทุกสิ่งทุกอย่างที่มันเกิดขึ้นมันคืออุบัติเหตุ เขาหลงใหลมัวเมาอยู่กับฟีโรโมนที่เข้ากันได้ดีของภูริ มัวเมาอยู่กับรสชาติของเรื่องบนเตียงที่เข้ากันได้ เขาพยายามนึกย้อนถึงความตั้งใจเดิม ความต้องการที่จะแยกทางกับโอเมก้าคนนี้
ใช่…นั่นคือทางที่เขาเลือกมาตลอดไง
มันคนละเรื่องกับที่ว่าภูริเป็นแค่พนักงานจนๆ หาเช้ากินค่ำไปวันๆ มันคนละเรื่องกับว่าคนคนนี้เป็นเบต้ามาก่อนไหม หรือยังมีความเป็นเบต้าอยู่ในยีนส์มากเท่าไหร่ แต่สิ่งที่มันชัดเจนคือภูริเป็นโอเมก้า เป็นชนชั้นที่อีธานชิงชัง เพราะลึกๆ อีธานยังกลัว
การยอมรับในข้อนี้ทำให้เขารู้สึกแย่ไม่ใช่น้อย อัลฟ่าระดับเขากลัวการมีโอเมก้ามาเป็นคู่ กลัวที่จะต้องเผชิญกับสิ่งที่เคยเกิดขึ้นแล้ว และไม่รู้ว่าอนาคตจะเกิดขึ้นอีกไหม
เขาจะไม่อยากเจ็บปวดกับโอเมก้าอีก...
นั่นคือเป้าหมายของเขา นั่นคือสิ่งที่เขาคิดมาตลอด คือสิ่งที่เขาเชื่อมาตลอด อีธานมีเป้าหมายไว้เพื่อทำให้สำเร็จ ไม่ได้มีเป้าหมายเอาไว้ประดับเล่นเท่านั้น อีธานพยายามลบภาพรอยยิ้มเยาะเย้ยที่ลีออนมอบให้เขา
คำพูดดูถูกอีธานที่ลีออนเอ่ยออกมาแต่ละคำทำให้อีธานแค่เจ็บๆ คันๆ เท่านั้น ส่วนที่มันทำให้หงุดหงิด ทำให้เขาโมโห เพราะลีออนดูถูกภูริ คนอย่างภูริเรียกว่าชั้นต่ำไม่ได้หรอก คนที่ทำเพื่อคนอื่นขนาดนั้นเป็นพวกชั้นต่ำ...แล้วคนระดับสูงอย่างเขาที่ทำเพื่อตัวเองล่ะ เรียกว่าอะไร
“รู้ไหมว่าความคืบหน้าเรื่องยาแก้คู่แท้ไปถึงไหนแล้ว” อีธานเอ่ยถามอลันหลังจากออกรถมาได้สักพักหนึ่ง
“เรื่องนั้นคุณครามจะเข้ามาแจ้งท่านด้วยตัวเองพรุ่งนี้ครับ”
“ดีเลย” อีธานทิ้งร่างพิงพนักหลังเต็มตัว
ตอนนี้เขามีความสุขไหมนะที่ได้อยู่กับภูริ มีความสุขหรือเปล่ากับการมีคู่ครองแบบไม่ได้ตั้งใจนี้
มีสิ...มีความสุข
อีธานนวดขมับตัวเองเบาๆ ทอดสายตามองออกไปยังท้องถนนและปล่อยให้สมองมันรันภาพระหว่างเขากับภูริไปเรื่อยแบบที่มันอยากจะทำ ความรู้สึกที่เกิดขึ้นมันค่อยๆ ชัดเจนจนน่ากลัว
เขากลัวที่จะทำตามคำพูดตัวเองไม่ได้ กลัวที่เป้าหมายมันจะไม่สำเร็จเพียงเพราะอารมณ์ชั่ววูบหนึ่งของตัวเอง คำพูดของลีออนทำให้อีธานกลับมามีสติอีกหลังจากที่เขาปล่อยให้ตัวเองจมลงไปในความรู้สึกที่ก่อเกิดขึ้นระหว่างตัวเองกับภูริ
ยาจะมาเร็วๆ นี้
อยากให้มาวันนี้หรือพรุ่งนี้เลยด้วยซ้ำ มาก่อนที่เขาจะถอยหลังไปจากจุดนี้ไม่ได้อีก แต่คงไม่มีอะไรน่าห่วง อีธานคิดว่าแค่ระยะเวลาอีกไม่นานแค่นี้เขาจัดการกับมันได้แน่ๆ เขาทนได้ ฝืนตัวเองได้ และ...ทุกอย่างจะผ่านไปอย่างที่ตั้งใจแน่นอน
ร่างสูงกลับมาตั้งใจทำงานอีกครั้ง ตัวหนังสือในหน้าจอตรงหน้าทำให้เขามีสมาธิจดจ่อ ไม่ใช่ล่องลอยไร้สาระหลังโดนลีออนปั่นหัวให้โมโห เขากลับมาอยู่กับงาน อยู่กับความเป็นจริง อยู่กับหน้าที่ของตัวเอง
อีธานทำงานทั้งวันจนค่ำมืด กว่าจะเห็นว่าล่วงเลยเวลากลับบ้านก็ผ่านมาแล้วเกือบสามชั่วโมง เจ้าตัวคว้าสูทแล้วเดินออกมา ปล่อยห้องเอาไว้ให้พนักงานมาปิดไฟตามทีหลัง เขายังต้องไปรับคนบางคน
นึกขึ้นมาแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ...เขาไม่ได้อยากมีคู่เป็นโอเมก้า อีธานท่องมันอยู่ซ้ำๆ ท่องอยู่ตลอดการเดินทางไปรับภูริกลับบ้าน โชคดีที่ค่อนข้างดึกแล้วรถไม่ติด ไม่งั้นอีธานคงได้ฟุ้งซ่านไปเป็นชั่วโมงๆ
มาถึงเขาโทรหาภูริ ถามคำถามสั้นง่ายว่าอยู่ไหน แค่นั้น ภูริตอบกลับและต้องเอารถบริษัทกลับด้วย ต่างคนจึงต่างขับรถของตัวเองกลับมายังคอนโด ภูริมีท่าทางเหนื่อยอ่อน เจ้าตัวไม่พูดพร่ำ ตรงเข้าห้องน้ำไปอาบน้ำอาบท่า
ส่วนอีธาน...เขาเลือกเข้าห้องทำงานของตัวเอง
“นี่คุณ ดึกแล้วมานอนเหอะ” คิดว่าภูริไม่รู้เหรอว่าเวลานี้อีธานอยู่ไหน หึ...ไม่รู้อะ นี่สุ่มห้องเปิดเอา
“ไปนอนก่อนเลย”
“งานคุณเยอะเหรอ อ่า...งั้นผมไม่กวนก็ได้” ดูอารมณ์ดีให้กวนได้ที่ไหนล่ะ
“อืม” แปลก ภูริว่ามันแปลกนะ อีธานไม่เคยเงียบใส่เขาแบบนี้อะ ต้องแบบ...บ่นๆ บ้างดิ นี่เขาดื่มมาด้วยนะ ไม่เห็นว่าที่เขาดื่มเลยแฮะ
“ผมได้เงินเกินห้าหมื่นแหละ พรุ่งนี้ผมโอนเงินคืนคุณหมื่นหนึ่งนะ โอเคปะ” ภูริทำตาโตๆ ยิ้มแย้มเหมือนเคย พอดีเป็นคนอารมณ์ดีเสมอต้นเสมอปลาย การที่อีธานทำงานมากจนไม่เงยหน้ามองเขานี่จิ้บๆ
“อืม” แต่มันแปลกอะ มีอะไรบางอย่างไม่ปกติ
“พรุ่งนี้ผมมีงานไม่เยอะ ตอนเย็นเราไปกินข้าวกันนะ ผมเลี้ยงไง เลี้ยงกาแฟด้วย...กินสตาร์บั๊กปะ ผมซื้อให้”
“อืม” เอ้า อะไรวะ นี่มันอะไรกัน...อีธานเป็นอะไร?
สงสัยจะมีเรื่องต้องคิดมากล่ะมั้ง หรือว่างานอีธานมีปัญหาถึงได้ดูเครียดแบบนั้นกัน เออ แต่ไม่กวนแล้วท่าจะดีที่สุด ไม่อยากทำให้อีธานต้องมาเครียดกับตัวเองทั้งที่งานก็เยอะอยู่แล้วด้วย ภูริปิดประตูห้องให้อีธานเบาๆ จากนั้นเดินกลับเข้าห้องนอนด้วยความรู้สึกแปลกๆ
เขาไม่คิดมาก แต่ก็...มีบางอย่างเกิดขึ้นในความรู้สึก
ช่างเหอะไอ้ภู อีธานคงผีเข้าแหละ งานเยอะ เครียดกับงาน ก็เลยไม่มีอารมณ์มาสนใจเขานักสักเท่าไหร่ล่ะมั้ง นี่กลับมายังไม่ถามสักคำเลยว่ากินอะไรหรือยัง หิวไหม แวะกินอะไรไหม ก็จริงที่ว่านั่งรถคนละคันมา แต่ปกติอีธานจะถามไง กลับมาถึงห้องก็ต้องถามอยู่ดี
หรือเขาจะคิดมากไปเองนะ อีธานก็คืออีธานนั่นแหละ เนอะ
….100%….
เฮ้อ…ภูริจะรู้ไหมว่าอีธานเริ่มโหยหายาแก้คู่อีกแล้ว แต่ก็นะ อีธานมีเป้าหมายไว้พุ่งชนไง ตั้งใจแล้วก็จะทำอย่างที่ตั้งใจ ภูริคงทำไรไม่ได้นอกจาก…ตามนั้น
ช่วงนี้อากาศเปลี่ยนจริงๆ ค่ะ หลังจากมีนักอ่านเตือนให้ระวังสุขภาพ วันต่อมาไข้รับประทานไปเลยจ้าาาา ทุกคนก็ระวังกันหน่อยนะคะ เทคแคร์ค่ะ ^^