>….ตอนที่ 36 [100%]….<
ภูริเข้มแข็งกว่าที่อีธานคาดคิดเอาไว้มาก ทั้งที่เจอเรื่องราวสะเทือนใจที่ป้ายรถเมล์นั้นไปแต่เจ้าตัวก็ยังดูแฮปปี้ดีกับชีวิตที่ต้องอยู่ติดกับห้องของอีธาน เขามักจะกลับมาที่ห้องตอนเที่ยงวัน กลับมากินมื้อเที่ยงแล้วก็นั่งเล่นอยู่กับภูริชั่วโมงนิดๆ แล้วกลับไปทำงานต่อ ซึ่งมันก็ไม่เชิงว่านั่งเล่นอย่างเดียว แต่บ่นให้ภูริฟังด้วยมากกว่า
อีธานมักเล่าเรื่องที่บริษัทให้ฟัง อัปเดตการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะสถานการณ์ของกรรมการบริหาร ยันพนักงานทั่วไป ภูริเป็นผู้ฟังที่ดี...ฟังไปนั่งกินขนมไปด้วย บางวันอีธานจะพาภูริไปหาหมอเพื่อตรวจสุขภาพ ข้างนอกอาจจะดูไม่เป็นอะไร อีธานห่วงเรื่องอวัยวะภายในที่บอบช้ำมากกว่า แต่ดีที่ภูริเป็นคนแข็งแรง ยาที่กินก็เป็นแค่ยาแก้ปวด แก้อักเสบ ยาคลายกล้ามเนื้อพื้นฐานไม่มีตัวไหนหนักพอจะให้เสี่ยงเกิดอาการแพ้ยา
ติดอยู่นิดหน่อย...ยาแก้ปวดไม่ได้ผลกับภูรินัก
จากที่ภูริคุยกับหมอคือภูริมักกินยาแก้ปวดตัวนี้เป็นประจำ เวลาปวดหัวหรือไม่สบายเป็นไข้หวัดทั่วไป ทำให้ร่างกายคุ้นชินกับตัวเองและเกิดการดื้อยาขึ้น อีธานบ่นน้อยๆ ว่าแค่ยาแก้ปวดยังดื้ออีก ภูริไหวไหล่...ทำไมล่ะ ก็คนมันดื้อนี่!
พออาการดีขึ้นมาก แล้วงานก็ไม่เยอะเท่าไหร่ อีธานจึงพาภูริมากินข้าวนอกบ้านหลังจากไปหาหมอเสร็จ อาการหายเกือบจะร้อยเปอร์เซ็นแล้ว วันจันทร์นี้ภูริก็สามารถกลับไปทำงานได้ตามปกติ คนป่วยดีใจใหญ่เลย ยิ้มกว้างใส่เขาพร้อมบอกว่าผมอยากจะกลับไปหาเงินเต็มที ช่างเป็นคนที่คิดถึงแต่เรื่องเงินๆ ทองๆ จริงเลย
“คุณจะซื้อโทรศัพท์เหรอ...” ภูริชะโงกหน้าจากข้างหลังของอีธาน ก็ร่างสูงเล่นตรงดิ่งมาร้านขายมือถือโดยไม่บอกไม่กล่าว ไม่ดูเลยว่าขายาวๆ นั่นทำให้คนโดนจูงมือเดินตามแทบจะไม่ทัน ไอ้บ้าเอ้ย เตะตัดขาซะเลยหนิ
“แล้วเห็นว่าผมเข้าร้านอะไรล่ะ ตาคุณก็มีหนิ หรือว่าเอาแต่ไปมองอะไรอยู่ ผมเห็นนะ...เบต้าสาวเมื่อกี้หน้าอกหน้าใจใหญ่ไม่ใช่เล่นเลยว่าไหมล่ะ” เอ้า แค่อยากรู้ว่าของแท้หรือเปล่าผิดเหรอ? ว่าแต่...สังเกตขนาดว่าเขามองอะไรเลยหรือไงกัน
อ๋อ...รู้แล้ว!
“คุณเองก็มองคนเดียวกับผมชิมิล่า ไม่งั้นไม่รู้หรอกว่าผมมองคนไหนอะ” ภูริเอานิ้วจิ้มไหล่อีธานจึ้กๆ อย่างกับเพื่อนแซวกัน
“เปล่า เห็นคุณมองจนคอหันเลยต่างหาก นี่ถ้าผมไม่จูงมือคุณอยู่ คุณคงเดินชนถังขยะตรงไหนสักที่ไปแล้วล่ะ หัดสนใจทางเดินบ้าง ไม่ใช่ให้ความสนใจกับอะไรแบบนั้น ให้ตายดิ...สมองคุณมีแต่เรื่องใต้สะดือหรือไง” บ่นยาวเลยเว้ย ก็เท่านั้นแหละ บ่นได้บ่นดี บ่นทุกวัน บ่นจนจะส่งไปรายการแข่งแร็ปแล้ว น่าจะเข้าแข่งได้อยู่
“ผมแค่สงสัยว่านมจริงไหม มันใหญ่มากเลยนะ”
“ทะลึ่ง” อีธานส่ายหัวกับความสนใจอันไร้สาระของภูริมาที่มือถือตรงหน้า
จะว่าไป มือถือเขาหน้าจอแตกไปตั้งแต่ตอนโดนกระทืบนี่นะ เรียกว่ามันร้าวข้างในแต่ไม่ได้แตกละเอียดจนเล่นไม่ได้ พออีธานให้ความสนใจกับโทรศัพท์ตรงหน้า ภูริก็หันไปให้ความสนใจกับมันเช่นกันแต่เป็นคนละเครื่อง คือ...อีธานเล่นดูเครื่องเกือบสี่หมื่น กระผมไม่ไหวจริงๆ ขอรับ ขอไปดูเครื่องถูกๆ สักไม่เกินสี่พันเพื่อตั้งเป้าหมายให้ตัวเองซื้อเดือนหน้าดีกว่า
อันที่จริงเดือนนี้เงินก็พอเหลือ แต่เขาไม่กล้าใช้มัน เก็บเอาไว้สำรองสำหรับแม่กับน้องแล้วก็กินรายวันดีกว่า มือถือก็ไม่ถึงกับใช้ไม่ได้ แถมเขาเองก็ไม่ใช่พวกติดโซเชี่ยลสักเท่าไหร่ ดูยูทูปได้ก็จบแล้ว
“คุณชอบสีอะไร” ขณะที่กำลังมองเครื่องล่ะสามพันเก้าอยู่อีธานก็เดินเข้ามาถาม ช่างเป็นคำถามที่ชวนงงมากมาย
“ฮะ...สีเหรอ ชอบสีฟ้านะ สีดำก็สวย อืม...สีม่วงก็เท่ดี” พูดไปยิ้มไป ลองนึกดูว่าอีธานใช้มือถือสีม่วง...
“ม่วง?”
“ใช่ๆ ผมชอบสีม่วง เท่นะคุณ ถ้าคุณจะซื้อคุณซื้อสีม่วงใช้เลย ไม่เหมือนใครดี” แอบขำในใจแป๊บ ท่านประธานของทุกคนกำลังจะพกมือถือสีม่วงแหละครับทุกคน!
“สีมันไม่เหมาะกับผู้ชายเลยนะ ผมว่าสีดำดูดีกว่าไหม สีทองงี้ สีขาวงี้ เอาอะไรที่มันดูธรรมดาดีกว่าเหอะ ไอ้สีแปลกๆ แบบนั้นน่ะเขาทำมาเพื่อผู้หญิงใช้เพราะผู้หญิงจะชอบสีสันมากกว่า” ดูมีเหตุมีผล แต่ทำไมอะ...สีม่วงอีธานก็ใช้ได้นะ
“โหยคุณ เอาสีม่วงนี่แหละ ไม่ต้องเหมือนใคร” ยักคิ้วให้หนึ่งที ยุเต็มที่เพราะหวังว่าจะได้เห็นอีธานใช้มือถือสีม่วงแวววาวเครื่องนั้น
“อืม” อีธานเดินจากไปหาพนักงาน ภูรินี่ชะโงกหน้ามองตามอย่างไว
อย่าบอกนะว่าซื้อสีม่วงจริงอะ ฮุ่ย....อีธานพกมือถือสีม่วง ฮ่าๆ
ภูริไม่เข้าไปใกล้ขณะที่อีธานกำลังตกลงซื้อมือถือราคาหลายหมื่นอยู่ จริงๆ เขาแอบเผือกอยู่ใกล้ๆ นี่แหละ ไม่ได้ไปไหน หูก็แอบฟัง ได้ยินอีธานสั่งเครื่องสีม่วงจริงอย่างที่คิดเอาไว้เล่นๆ ไม่นึกว่าจะเอาจริงอะนะ พอนึกว่าอีธานใช้มันแล้วเขาก็อมยิ้มอยู่กับตัวเองไม่ยอมหุบ
ทีนี้พ่อจะแซวให้บ่อยๆ เลย
“คุณเอามือถือมาหน่อยดิ” อีธานเดินมาสะกิด
“เอาไปทำอะไรอ่า...”
“เอามาเหอะ” ไม่ว่าเปล่า อีธานล่วงมือเข้ากระเป๋ากางเกงของภูริเพื่อจะหยิบมือถือที่เขาเห็นว่าอีกฝ่ายเอาใส่ไว้
“เดี๋ยวๆ” ไม่ทันแล้ว อีธานเอามือถือเขาเดินไปหาพนักงานเรียบร้อย
คราวนี้ไม่สามารถแอบเผือกห่างๆ ได้เมื่ออีธานกำลังส่งมือถือให้พนักงานงัดแงะเครื่องของเขา ภูริรีบปรี่เข้าไปหมายจะเอ่ยปากห้ามแต่อีธานก็ดึงให้เขานั่งลงข้างกัน ภูริมองอีธานสลับกับพนักงานไปมาด้วยความไม่เข้าใจในสถานการณ์ ไม่ได้โง่นะ แค่แบบว่า...ไม่เข้าใจแค่นั้นเอง
“เดี๋ยวช่วยล็อกอินเมลให้หน่อยนะคะ” พนักงานส่งมือถือเครื่องใหม่เอี่ยมสีม่วงจ๋าจัดมาให้อีธาน
“เอาจัดการสิคุณ” อีธานหันมาทางเขาต่อ หมายถึง...เขาต้องล็อกอินเหรอ?
“ผม?” ภูริชี้ไปที่ตัวเอง
“ใช่ คุณนั่นแหละ ชอบไม่ใช่เหรอ..มือถือสีม่วงอะ” ทำไมรอยยิ้มคุณมันช่าง...ฮ่วย!
“เอ่อ ผมนึกว่าคุณจะใช้เอง เฮ้ย...เดี๋ยวดิ ไม่เอาสีม่วงดิ”
“อย่าเยอะ เร็วๆ ผมรีบ” อีธานตัดบทฉับ สายตาบังคับข่มขู่พุ่งตรงมาที่ภูริจนคนโดนมองไม่อาจขัดขืนอะไรได้
กะว่าจะแกล้งเขา สุดท้าย...เวรกรรมดันเข้าตัวเอง โถ สงสารชีวิตไอ้ภู ตอนนี้ต้องมาใช้มือถือสีม่วง แต่ไม่เป็นไร...บนโลกใบนี้มีสิ่งที่เรียกว่าเคสมือถือ ฮ่าๆ ไม่ได้แดกกูหรอก ภูริพูดในใจแล้วก็รับมือถือมาจัดการตามที่พนักงานต้องการ
ใช้เวลาในการซื้อมือถืออยู่ราวครึ่งชั่วโมง ชายหนุ่มทั้งสองก็เดินออกมาจากร้าน อีธานยังคงมีสีหน้าราบเรียบแต่ภูรินี่ยิ้มกว้างจนหน้าบานไปหมด เอ้า ไม่ดีใจเหรอ ได้มือถือใหม่ เครื่องหนึ่งนี่เกือบสี่หมื่นเลยนะ โอ้โห...แพงกว่าเงินเดือนข้าพเจ้าอีก
“ซื้อให้จริงดิ?” ภูริเงยหน้ามองอีธานทั้งที่กำลังเดินอยู่ด้วยกัน
“ก็คุณบอกว่าผมทำให้คุณซวยไม่ใช่เหรอ ผมก็รับผิดชอบให้ด้วยการซื้อมือถือให้ใหม่นี่ไง แต่บอกไว้ก่อนนะ ถ้าคุณระวังตัวมากกว่านี้เหตุการณ์นั้นก็จะไม่เกิดขึ้น คราวต่อไปอย่าทำอะไรที่มันเสี่ยงแบบนั้นอีก อย่าทำตัวให้ผมเป็นห่วงนัก” เป็นห่วง...เป็นห่วงนะครับผม ภูริเอามือถือใส่เข้าไปในถุงแล้วควงแขนอีธาน
“รู้แล้วพ่อ” เอ้า อีธานไม่เหมือนพ่อเหรอ? ภูริว่าเหมือนนะ บ่นซะอย่างกับเขาเป็นลูกสาวงั้นแหละ
“ปากดีเดี๋ยวโดน” ก็ว่าไปงั้น ภูริคนนี้รู้ทันหรอกท่าน ได้แค่บ่น ได้แค่ว่า แล้วก็ขู่ไปเรื่อยเปื่อยตามประสา แต่ไม่เคยทำอะไรเขาเลย
อีธานพาภูริเดินมายังโซนอาหาร เขาตั้งใจจะเข้าร้านอาหารไทยตามแบบที่ตัวเองชอบ แต่เห็นแล้วล่ะว่าสายตาของภูริกวาดไปมองร้านสเต็กตรงหัวมุมบันไดเลื่อน อีธานไม่สนใจ เขาปล่อยให้ภูริมองสเต็กตาละห้อยแล้วลากร่างโปร่งเข้าร้านอาหารไทยไป
ภูริไม่ใช่คนเรื่องมากเรื่องการกิน เลี้ยงอะไรก็กินอันนั้น ไม่เรียกร้อง ไม่อ้อนขอ ส่วนที่อีธานรู้ว่าภูริอยากกินอะไรแต่ไม่พาไปกินนั้นเพราะเขารู้สึกว่าร้านแบบนั้นมันเป็นเนื้อสำเร็จรูป มันไม่อร่อย ถ้าจะกินสเต็กชั้นดีมันต้องไปร้านอื่น และคราวหน้าเขาค่อยพาภูริไปกินก็ยังไม่สาย
ภูริปล่อยให้อีธานสั่งอาหารไปตามเรื่องตามราว เขาไม่มีอะไรที่อยากกินเป็นพิเศษ แค่ไม่เผ็ดมากเขาโอเคหมดทุกเมนู ที่สำคัญ...มือถือเครื่องหรูกำลังรอเขาเล่นอยู่คร้าบ เปิดเครื่องนะ เข้าการตั้งค่าแล้วเอาหูฟังมาเสียบ ตั้งค่าเสียงดนตรีต่างๆ สายเรียกเข้าเอย เสียงข้อความเอย หรือแม้แต่ภาพหน้าจอที่ภูริเอารูปการ์ตูนขึ้น
นาฬิกาก็แพง มือถือก็แพง...โอ้ยๆ รู้สึกตัวเองรวย!
แบบนี้เรียกรวยได้ไหมอะ ถึงไม่รวยแต่ก็ดูเป็นคนมีอันจะกินมากขึ้นนะ นี่ถ้าเขาซื้อเสื้อผ้าใหม่ เอาแบบ...มีแบรนด์หน่อยรับรองเลยว่าสาวๆ ต้องกรี๊ด หนุ่มๆ ต้องอิจฉา แต่เอ๊ะ นึกถึงกระเป๋าเป้สะพายของตัวเองแล้ว...ก็ยังดูจนอยู่ดีอะเนอะ ไม่สิ ต้องเรียกว่าเขามันสายลุย กระเป๋ามันก็จะมอมๆ หน่อย แค่นั้นเอ๊งงงงง
“นั่งอมยิ้มจนเหมือนคนบ้าแล้วน่ะ” อีธานบ่นลอยๆ
“ผมเห็นคุณนั่งมองผมตลอด นึกว่าชินแล้วซะอีก” เก็บมือถือใส่กระเป๋าแล้วมานั่งประสานมือไว้ใต้คางเลียนแบบท่าทางของอีธาน
“ผมเปล่ามอง”
“จ้ะ” หึหึ...คิดว่านี่ไม่สังเกตไงจ้ะ นั่งมองอย่างกับเขาเป็นแมวกำลังนอนเลียขนตัวเองอยู่งั้นแหละ
อาหารเริ่มทยอยมาเสิร์ฟทีละอย่างสองอย่าง ภูริต้องเลิกเลียนแบบอีธานแล้วมาตั้งหน้าตั้งตาดูอาหารบนโต๊ะ พอดีเมื่อกี้เอาแต่เล่นมือถือเลยไม่ได้ยินหรอกว่าอีธานสั่งอะไรมากินบ้างในมื้อนี้ แต่จะว่าไป...มาอยู่กับอีธานนี่ข้อดีเด่นๆ เลยก็คงจะเป็นเรื่องกินนี่แหละมั้ง กินดีอยู่ดีจริงๆ เลยไอ้ภูเนี่ย
อิ่มหนำสำราญกับอาหารแล้วก็ยังไปเดินเล่นกันต่ออีกหน่อย ซึ่งส่วนที่อีธานดูเป็นพิเศษนั้นจะเป็นเสื้อผ้า ภูริดันใส่กางเกงสามส่วนตลาดนัดกับเสื้อยืดราคาถูก ช่างไม่เหมาะกับโซนนี้เป็นอย่างมากถึงมากที่สุด โปรดมองไปที่รองเท้านะ แกมโบ น่อว ดีแค่ไหนแล้วที่เขาไม่ต้องใส่ช้างดาวอะ
อีธานแวะเข้าไปซื้อของอยู่สองสามร้าน ซึ่งภูริก็แค่เดินดูบ้างประปรายไม่ได้สนใจเท่าไหร่ คือเขากับอีธานมีการแต่งตัวที่ไม่ไปทางเดียวกัน เขานี่ใส่แค่เชิ้ตกับกางสแล็กทำงาน ชุดอยู่บ้านก็กางเกงบอล เสื้อยืด ซื้อเอาตามตลาดถูกๆ แต่อีธานไม่ใช่แบบนั้น ความต่างมันยิ่งมากขึ้นไปอีกเมื่อภูริลองพลิกดูป้ายราคาของเสื้อผ้าในร้านที่อีธานเข้า
โอ้โห....วางมึงวาง!
ทำงานได้เดือนละล้านเดี๋ยวจะซื้อใส่นะ ยิ่งเป็นกางเกงยีนส์นี่ น้ำตาจิไหล เขามองทางอีธาน เจ้านั้นเอามาทาบแล้วทาบอีก เปลี่ยนอยู่สองสามแบบ สุดท้ายก็กวาดมาสามตัวนั้นเลย เหอะๆ คนรวยนี่คนรวยจริงๆ หลายร้านที่ภูรินั่งเล่นมือถือรอตรงที่ที่เขาจัดไว้ให้ เพราะอีธานค่อนข้างจะเลือกเสื้อผ้านานอยู่เหมือนกัน
นี่ผัวหรือเมีย?
แต่ภูริไม่คิดอะไรมาก เวลามากับลูกค้าก็แบบนี้ แต่นั่งรอสบายๆ อย่างนี้ไม่ได้เท่านั้น ผู้หญิงบางคนต้องเข้าไปช่วยเลือก ไปเสนอความคิดเห็นให้เธอเหล่านั้นเพื่อความสบายใจและเพื่อยอดขายที่ดีขึ้น
เผลอแป็บเดียวถุงเสื้อผ้าก็เต็มไม้เต็มมืออีธาน ดีนะที่เขาไม่ต้องช่วยอีกฝ่ายถือ คือเสนอความช่วยเหลือไปแล้วแหละแต่อีธานไม่ต้องการ เขาก็เลยได้แค่เดินจับมือไปกับอีธานจนกระทั่งอีธานได้ของตามที่ตัวเองต้องการหมดแล้วถึงได้นั่งรถกลับมาที่ห้อง
ภูริทิ้งร่างเปื่อยๆ ของตัวเองไว้ที่โซฟากลางโถงชั้นล่าง เน็ตในนี้แรงเขาก็เลยเริ่มโหลดแอพพลิกเคชั่นต่างๆ เอาไว้ในเครื่อง ด้วยความที่มือถือเครื่องนี้มันดีกว่าเครื่องเก่ามาก ความจำก็เยอะ แถมยังใส่เมมเมอร์รี่จากเครื่องเก่าได้อีก ภูริเลยจัดแอพไปเพียบ โดยเฉพาะแอพที่เอาไว้ดูไอดอลสาวในดวงใจ
“ทำอะไร...” อีธานเอาของไปเก็บเสร็จก็เดินมานั่งข้างๆ ภูริเอนกายพิงไหล่หนาทันทีด้วยความชิน
“ดูน้องๆ ไลฟ์สด คุณดูดิ...น่าร้าก” ภูริยื่นหน้าจอให้อีธานดู มือถือเครื่องม่วงจ๋าโชว์ภาพเด็กสาววัยสิบแปดกำลังยิ้มหวานตาหยี เอ่ยขอบคุณคนที่ซื้อโดมให้เธอ ซึ่งโดมหนึ่งอันมีมูลค่าเป็นพันบาท เรียกง่ายๆ ว่านี่คือการเปย์ของโอตะที่แท้จริง
“ไร้สาระ นั่งดูเธอพูดๆ ไปเนี่ยมันได้อะไรเหรอ”
“ความสุขไง นี่ถ้าผมมีเงินนะ ผมจะเปย์!” สีหน้าเอาจริงเอาจังมาก แต่ตอนนี้เปย์ได้แค่หัวใจดวงล่ะห้าสิบบาท อะ...อย่าเพิ่งคิดว่าเขาเปย์ ไม่ๆ แค่พูดเฉยๆ ว่าเปย์ได้แค่นั้น เขาไม่ยอมจ่ายง่ายๆ หรอก เสียดายเงิน
“ต้องเสียเท่าไหร่ถึงได้มานอนด้วย” อีธานพูดงี้ภูรินี่เงยหน้ามองขวับเลย!
“เสียเป็นแสนแขนก็ไม่ได้แตะ!” มันเป็นความจริง ถึงเขาจะไม่ค่อยได้เข้ามาดูอะไรอย่างนี้แต่ภูริรู้ดีว่าไอดอลสาวคนหนึ่งนี่มีคนเปย์ได้หนักมาก บางคนอาจได้ถึงหลักล้าน แต่ก็...ได้แค่คำขอบคุณกับยิ้มหวานๆ
“หึ ถ้าเสียเป็นแสนนี่ผมเอาตัวท๊อปๆ มาบริการได้เลยนะ สนใจไหมล่ะ ดีกว่ามานั่งเปย์แล้วไม่ได้อะไรอย่างนี้เยอะเลย”
“คุณแม่งไม่เข้าใจความสุขของผมเลยอะ ผมไม่ได้จะเอาเธอเว้ย ผมแค่ชอบที่เธอยิ้มเธอหัวเราะเนี่ย น่าร้าก ไม่เห็นเหรอ ดูความสดใสนี่สิ โอ้ย...ใจจะวาย” สีหน้าภูริเพ้อเจ้อมาก ยิ้มหวานจนตาปิดไปแล้ว โคตรน่าหมั่นไส้
“นี่แค่มองยังเยิ้มขนาดนี้ ถ้าได้เปย์จะขนาดไหน”
“บรรลุธรรรมเลยล่ะ” ภูริตอบโดยไม่คิด มันเป็นความใฝ่ฝันของโอตะตัวน้อยๆ ที่เลี้ยงตัวเองก็ยังไม่รอดอย่างเขามากเลยนะเว้ย
อีธานควักมือถือตัวเองออกมา เขามองไปที่หน้าจอของภูริก่อนจะหาแอพพลิกเคชั่นนั้น เมื่อรู้ว่าอันไหนก็โหลดพร้อมกับผูกบัญชีเรียบร้อยโดยที่ภูริยังนั่งฟังเธอพูดเจือแจ้วไปเรื่อยเปื่อย
ก็...เข้าใจไงว่าแค่นั่งฟังคนคนนหนึ่งพูด นั่งดูคนคนคนหนึ่งยิ้มแล้วมันมีความสุขได้ยังไง
“อะ...” อีธานส่งมือถือของตัวเองมาตรงหน้า
“ครับ? เอามาให้ทำไม”
“ให้ลองเปย์ไง ลองดู”
“ได้เหรอ? นี่คุณยอมให้ผมทำอะไรไร้สาระขนาดนั้นด้วยเหรอ”
“แค่สงเคราะห์พวกติ่งไม่มีจะกินอะ เอ้า ลองดู เป็นประสบการณ์ไง แต่บอกก่อนนะว่า...ไม่ฟรี” ภูริขยับนั่งเบียด แย่งมือถือมาเรียบร้อยโดยไม่สนคำว่าไม่ฟรีของอีธาน
“ผมรู้ แต่ผมขอสวมบทเป็นโอตะสายเปย์ก่อน จากนั้น...อะไรจะเกิดก็ช่างแม่ม!” เออ หนักแน่นจนอีธานปวดหัวเลย
ภูริเริ่มต้นการเปย์ของตัวเองด้วยการกดโดมราคาสามพันให้เธออย่างสวยงาม หญิงสาวในไลฟ์ยกมือไหว้ ยิ้มหวานแล้วเอ่ยชื่อของอีธาน อ๋อ ไม่ต้องแปลกใจ เพราะว่าชื่อแอคเคาท์มันเป็นของอีธาน ภูริพิมพ์กลับไปว่าให้เรียกชื่อตนเอง เมื่อหญิงสาวรู้ว่าเรียกชื่อผิดก็รีบเรียกใหม่ โอ้ย...น่ารักเกินห้ามใจ เปย์อีก เปย์มันเข้าไป
การทุ่มเงินให้น้องอันเป็นที่รักนี่มันมีความสุขจริงๆ ได้ยินเธอเรียกแต่ชื่อตัวเอง พูดคุยกับตัวเองนี่มันฝันที่เป็นจริงชัดๆ ภูริกดสติ๊กเกอร์ซึ่งต้องใช้เงินซื้อรัวๆ ด้วยความเพลินมือ รอยยิ้มของสาวสวยทำให้ภูริมีสติน้อยนิด ลืมไปแล้วว่าเงินที่เขาเอามาใช้ไร้สาระจนหมดไปหลายหมื่นนี่ไม่ใช่เงินตัวเองเลยแม้แต่บาทเดียว
อีธานมองการกระทำที่หาประโยชน์อะไรไม่ได้ของภูริไปเรื่อยเปื่อย ภูริทั้งพูด ทั้งคุยกับคนในไลฟ์ หน้าตาแช่มชื่น ยิ้มจนแก้มฉีกไปถึงหูได้แล้ว โคตรน่าหมั่นเขี้ยว แต่ยังมองต่อไป ดูภูริทำในสิ่งที่อยากจะทำไปเรื่อยๆ โดยไม่ว่า ไม่ดุไม่ด่าอะไรเลย
รอยยิ้มเต็มแก้มขนาดนี้จะด่าอะไร...ทำไม่ลงจริงๆ
ภูริขยับตัวขึ้นนั่งตักอีธาน เอนหายพิงอีธานเต็มตัวเพื่อให้อีธานได้ดูความน่ารักสดใสของน้องไอดอลสาว ไม่วายชวนอีธานเปย์ให้เธออีก ซึ่งอีธานไม่สนใจ นั่งกอดเอวภูริไปเงียบๆ แบบนั้น คนในไลฟ์มันไม่ได้ถูกอกถูกใจอะไรเขานี่ ก็เหมือนคนธรรมดาทั่วไปที่หน้าตาไม่ได้วิเศษขนาดนั้น แค่น่ารัก ยิ้มสวย แค่นั้นอะ ไม่มีอะไรเลย
ตลอดการไลฟสดหรือจะเรียกให้ถูกว่าตลอดการเปย์แบบไม่บันยะบันยังของภูรินั้น เจ้าตัวมีความสุขมาก มากจนเรียกว่าเข้าไปอยู่ในโลกอันสวยสดงดงามที่ไหนสักแห่งไปเป็นที่เรียบร้อย มุมเพ้อเจ้อของภูริน่ะอีธานเห็นมาหลายมุม แต่มุมนี้เพิ่งเคยเห็น แล้วก็รู้สึกว่าภูริเหมือนคนเมามาก มันดูแบบ...เพ้อเจ้อหนักหนาสาหัสจริงๆ
“ฮ่า....มีฟามสุข” เธอคนนั้นปิดไลฟไปแล้ว
“กดให้เขาซะไม่นึกถึงเงินผมเลยนะ” นั่นแหละ...ภูริหันขวับอีกครั้ง
“เออวะ เงินคุณนี่ ฉิบหายล่ะ หมดไปเท่าไหร่อะคุณ เช็กได้ปะ ผมกดเพลินเลยอะ...ขอโทษ” แทบจะลงไปกราบแทบเท้า ก็ใครให้อีธานเงียบไม่เบรกเขาเลยวะ ปกติต้องเบรกเขาสักหน่อยดิ นี่ปล่อยเขาจิ้มเอาจิ้มเอา โอ้ยตาย แบบนี้โทษเขาคนเดียวไม่ได้แล้วนะเนี่ย
“เช็กไปก็ไม่มีเงินคืนผมอยู่ดี ว่าแต่....พอใจคุณแล้วใช่ไหม ได้เวลาที่ผมต้องตักตวงความพึงพอใจของตัวเองมั้งแล้ว” อีธานแย่งมือถือตนเองออกจากมือภูริ จากนั้นก็จับร่างโปร่งให้พลิกกายหันมาเผชิญหน้า
“แฮ่ๆ เชิญคร้าบ...” ไม่พูดเปล่า ภูริคนนี้จับชายเสื้อยืดเลิกขึ้นเชื่องช้าราวกับเชิญชวนอีกฝ่ายให้เข้ามาตักตวงได้เลย
….100%….
มือถือสีม่วงกับเจ้าของเอ๋อๆ และ…โอตะสายเปย์คนใหม่ผู้ใช้เงินหลังในแลการเปย์สาวเจ้าค่าาาาาาา
เปย์เสร็จมันก็จะต้องทำงานใช้เอวกันหน่อยอะนะ อิอิ