>….ตอนที่ 35 [100%]….<
ภูริอุ่นอาหาร เทมันใส่จานแล้วก็เอามาเสิร์ฟ ตามด้วยน้ำเปล่าเย็นๆ เป็นการปิดท้ายก่อนเดินมานั่งข้างๆ แล้วเริ่มทานมื้อเที่ยง ภูริไม่ได้ถาม ไม่ได้ชวนคุยอะไร ต่างคนต่างกินไปเรื่อยๆ จนกระทั่งมันหมด
บอกความจริงให้หนึ่งอย่าง...ภูริไม่ได้มารยาทดีแต่โคตรหิว!
คือเมื่อเช้ามันตื่นไม่ไหวก็เลยนอนลากยาวมานี่แหละเที่ยงวัน น้ำท่าก็ไม่อาบ แค่ล้างหน้าแปรงฟันให้เรียบร้อย กินยาก่อนอาหาร ยาระงับฟีโรโมนแล้วถึงมาอุ่นข้าว ท้องเขาแม่งถือป้ายร้องประท้วงกันเย้วๆ ตอนที่กลิ่นอาหารแม่งลอยออกมาจากตู้อบ อารมณ์แบบ...กินเลยไม่รอร้อนได้ไหมวะ แต่จะให้กินอาหารเย็นๆ มันก็ไม่อร่อย ดังนั้นเพื่อรสชาติที่ดีเขาต้องรออีกนิสสสส
แล้วพอกำลังจะอิ่มหนำสำราญใจกับอาหารเที่ยงควบมื้อเช้าอีธานก็ดันโพล่มา ด้วยการเป็นคนดีโลกจดจำ ภูริก็เลยต้องบริการอุ่นและเสิร์ฟอาหารให้เจ้าของห้อง เคยได้ยินไหม อยู่บ้านท่านอย่างนิ่งดูดาย ปั้นวัว ปั้นควายให้ลูกท่านเล่นน่ะ แค่อีธานไม่มีลูก ภูริเลยไม่ได้โชว์สกิวปั้นดินที่แสนจะห่วยแตก
สมัยเรียนอาจารย์วิชาศิลปะนี่กุมขมับเลยนะ เพราะให้ทำอะไรก็เละเทะไม่มีชิ้นดี วิชาง่ายๆ ยังสอบได้คะแนนน้อยสุดของห้อง พอเข้ามัธยมปลาย เขารู้และ เขาไม่เหมาะอะไรกับคำว่าศิลปะ เขาเลยไปเข้าสายวิทคณิต ที่นี้ล่ะคุณเอ้ยยยยย หายนะของแท้มันคือวิทคณิตนี่แหละ แทบจะโอดครวญขอกลับไปให้อาจารย์วิชาศิลปะด่ากันเลยทีเดียว
“แผลเป็นไงบ้าง ดีขึ้นไหม” พอกินอะไรเสร็จเรียบร้อย ภูริเอาจานไปล้างอีธานก็ดันถามขึ้น เขาหันหน้าไปทางร่างสูง จับชายเสื้อนอนยืดย้วยแสนเก่ากึ๊กของตัวเองถลกขึ้นโชว์พุงพลุ้ยๆ ของตัวเอง
“อย่างที่เห็น” เขียวปั๊ด ช้ำปนม่วงด้วย เป็นจุดที่ภูริโดนต่อยแล้วด้านสีข้างก็มีรอยช้ำเพราะโดนเตะ
อีธานลุกขึ้นจากเก้าอี้ทรงสูง ตรงเข้าไปหาภูริที่เอาเสื้อลงปิดพุงอันไม่น่ามองของตัวเอง ร่างโปร่งก็งงๆ ขณะที่งงฝ่ามือของอีธานก็ลูบไล้ตรงรอยช้ำก่อนจะถลกเสื้อขึ้นดูอีกหนหนึ่ง ราวกับจะดูให้ใกล้ๆ ได้เห็นชัดๆ ว่าเป็นอย่างไรบ้าง
“คุณทายาหรือยัง”
“ผมเพิ่งตื่น...” เป็นการตอบคำถามที่ต้องใช้สมองคิดเองนิดหนึ่ง ว่าไอ้เพิ่งตื่นเนี่ยมันหมายถึงทาแล้วหรือยังไม่ได้ทา อีธานครุ่นคิดเล็กน้อย...ไม่เข้าใจว่าการตอบว่าทาหรือยังมันยากตรงไหน?
“ทาหรือยังไม่ได้ทาล่ะ”
“ยังดิ เพิ่งตื่นไง”
“ก็แค่นั้น ตอบยากตรงไหน”
“ก็อยากให้ใช้สมองเยอะ”
“แค่นี้ก็เยอะจนปวดหัวแล้วคุณ งานการผมไม่ได้แค่ออกไปหาลูกค้าแล้วหว่านล้อมให้ซื้อของจากบริษัทเราเยอะๆ เหมือนคุณนะ ผมมีอะไรต้องจัดการเยอะแยะเต็มไปหมด แต่ละอย่างก็น่าเบื่อหน่าย...” ได้ทีก็บ่นใหญ่ ภูริยิ้มขำน้อยๆ
“เบื่อตรงไหนครับ” เขาดึงมืออีธานออก พลิกกายหันไปล้างจานสองใบให้เสร็จ
“ตรงคนนี่แหละ พวกกรรมการบริหารเก่าๆ ที่ยังไม่หมดวาระ มีแต่พวกคิดในกรอบ...คิดอะไรที่ซ้ำซากจำเจไม่ยอมเปลี่ยน ผมอยากให้ชนชั้นอื่นอย่างเบต้าหรือโอเมก้าขึ้นมามีบทบาทในตำแหน่งสูงๆ แทนอัลฟ่าอย่างเดียวที่เคยมีมา แต่พวกเขาไม่เห็นด้วย พวกเขาบอกว่าเบต้ากับโอเมก้ามันจะไปมีความเป็นผู้นำเท่ากับอัลฟ่าที่เกิดมาพร้อมสัญชาตญาณผู้นำได้ยังไง ผมก็เข้าใจนะ...ผมเคยคิดอย่างนั้นเหมือนกัน แต่ดูจากที่ผ่านมาสิ...มันไม่ใช่อะ” อีธานสวมกอดเอวภูริจากด้านหลัง เอาหัวของภูริเป็นที่วางคางเพราะว่ามันสามารถเห็นจานที่ภูริกำลังล้างได้
“คุณก็เคยคิดแบบนั้นนี่ เคยบอกว่าคุณค่าของคนอยู่ที่ผลงาน” ภูริล้างจานเสร็จแล้ว อยากบอกว่าหัวท่านหนักมากครับ แต่คิดว่าอีธานคงเหนื่อยๆ เลยปล่อยให้อีกฝ่ายอยู่ในท่านั้นต่อสักพักหนึ่ง
“ก็ใช่ไง ถึงบอกว่าเข้าใจ แต่ตอนนี้อะไรๆ มันเปลี่ยนไปแล้ว ผมอยากปรับปรุงระบบ...อยากปรับปรุงคนของตัวเอง อัลฟ่าบางคนในบางแผนกก็เหมาะสมจะขึ้นรับตำแหน่งแทนหัวหน้าที่โดนปลดไป แต่ก็มีอีกหลายแผนกที่อัลฟ่ามีประสิทธิภาพด้อยกว่าโอเมก้าหรือเบต้า” อีธานคลายมือออกจากเอว เขาเลื่อนไปจับมือภูริแล้วลากให้ไปที่โซฟากลางห้อง
“อ่าฮะ แล้วแผนกผมล่ะ” ภูรินั่งลงข้างอีธาน ตรงโต๊ะกลางมีถุงยาวางอยู่ เขาจะกินยาหลังอาหารแต่ยังไม่ทายานะ ต้องอาบน้ำก่อน
“แผนกคุณเป็นเบต้าที่จะขึ้นมารับตำแหน่งแทนคนเดิม แน่นอนว่าไม่มีใครเห็นด้วย...ผมให้เขาดูอะไรบางอย่างแล้วค่อยตอบว่าเราจะมีวิธีที่ดีกว่าผมไหม ถ้ามี ผมจะรับฟังแล้วเราเอามาปรับใช้กัน ยังไงบริษัทก็ต้องเดินหน้าต่อด้วยอะไรที่ดีขึ้น” อีธานนั่งพิงพนักเต็มตัว แต่มือของเขาข้างหนึ่งยังคงโอบเอวภูริเอาไว้
“งั้นเหรอ...” ภูริกินยาเสร็จแล้ว เขาทิ้งร่างลงบนแขนของอีธานเพื่อพิงพนัก
“ใช่ ทำไม มองหน้าผมแบบนั้นมีอะไรหรือเปล่า หรือว่าคุณมีข้อเสนออะไร...” ภูริส่ายหน้า
ภูริไม่มีแนวคิดในการบริหารคนหรอก เขาไม่เคยคิดที่จะควบคุมใครให้อยู่ใต้อาณัตของตัวเองเลย เพราะเขาเป็นแค่ลูกจ้าง ทำงานตามคำสั่งนายมาตลอด ก็จริงที่ภูริเป็นหัวหน้าครอบครัว แต่ครอบครัวเขาไม่มีแบบแผน เขาแค่ซัพพอร์ตแม่กับน้องให้อยู่อย่างสบายที่สุดเท่านั้น นอกนั้นก็ไม่มีอะไร
“ผมไม่มีข้อเสนอ แค่คิดว่า...คุณดูหล่อขึ้นเยอะเลยเนอะ ฮ่าๆ” ว่าแล้วก็หัวเราะร่า
หล่อในที่นี้หมายถึงอะไรพอเข้าใจกันไหม ไม่ใช่หน้าตาที่หล่อนะ อันนั้นน่ะมันแน่อยู่แล้ว แต่ที่ภูริหมายถึงน่ะ...มันคือใจต่างหาก อีธานเปลี่ยนไปจากครั้งแรกที่เขารู้จักพอสมควร ท่าประธานคนเดิมนั้นปากร้าย มีคำหยาบคายอยู่ในบางครั้งยามอารมณ์ไม่ดี ไม่ค่อยเห็นหัวใครและคิดว่าอัลฟ่าคือที่สุดของชนชั้น
ก็นะ...คนที่เอาแต่ด่าโอเมก้าว่าชั้นต่ำเปลี่ยนมาได้ขนาดนี้ก็นับว่าเยอะทีเดียว
“ผมมีเวลาอีกยี่สิบนาที...” ภูริชะงัก หัวเราะกำลังมันๆ เข้าสู่โหมดงงในทันใด
“แล้ว?”
“ผมต้องไปทำงานและคุณก็ต้องอาบน้ำทายา” คิ้วขมวดแล้วล่ะ มันยังไง...ใครเข้าใจอธิบายดิ้ อีธานหมายถึงอะไรกัน เมื่อกี้คุยเรื่องงานเครียดๆ พอเขาชมเข้าปุ้บก็เปลี่ยนเรื่องปั้บ อันนี้ไอ้ภูตามไม่ทันจริงๆ ครับท่านประธานที่เคารพ
“อาฮะ”
“จะทำเบาๆ” เดี๋ยยวววววว!
ยังไม่ทันได้ถามเลยว่าอะไรคือทำเบาๆ อีธานเล่นล็อกคอเขาเข้าไปจูบดูดปากเสียแล้ว พอลิ้นสอดเข้ามาสัมผัสกับลิ้น ภูริก็เลิกถามว่าอะไรคือจะทำเบาๆ และมีเวลาแค่ยี่สิบนาที ต้องอาบน้ำทายาเหรอ เฮอะ...พูดอ้อมโลกมาไกลขนาดนั้นทำไมกัน
แล้วนี่มีคนไม่เข้าใจไหม...ไม่เข้าใจไปจิ้นต่อเองนะครับ พอดีว่า...ครางอยู่ ไม่ว่างอธิบาย!
อีธานอุ้มภูริมาส่งที่ห้องน้ำ วางลงในอ่างเปิดน้ำอุ่นให้พร้อมก่อนจะออกไปทำงาน ภูริโบกมือตามหย็อยๆ ไม่รู้อีธานเห็นไหมแต่ถือว่าเขาได้โบกมือส่งเรียบร้อยก็แล้วกันนะ ร่างโปร่งเอนกายพักผ่อนอยู่ในสายน้ำวนอุ่นๆ ชีวิตนี้ไม่เคยมีหรอกไอ้ของแบบนี้ ไม่เคยสัมผัสด้วย แล้วมาอยู่ตั้งนานก็ไม่ค่อยได้ลงมานอนแช่
ตอนเช้ามันเป็นเวลาเร่งรีบ ไม่มีใครมาแช่น้ำในอ่างตอนเช้ากันหรอก จะบอกว่าตอนเช้ามืดไง แอบตื่นเช้าๆ เลยแล้วก็นอนแช่สักสามสิบนาที แต่ภูริไม่ไหว ขี้เกียจะตื่น ตอนเย็นกลับมาก็อยากแช่ให้สบาย แต่มาถึงห้องก็ดึกแล้ว ง่วงด้วย เลยจบที่การอาบน้ำไวๆ ไม่เคยเกินห้านาที
ถือเสียว่า...วันนี้เป็นวันสบายๆ นอนแช่สักชั่วโมงก็แล้วกัน
ตามนั้น ภูริแช่ไปชั่วโมงกว่า ขึ้นมานี่ตัวเปื่อยเลย เอาเข้าปากไม่ต้องเคี้ยวนะ เนื้อนุ่มละลายในปากทันทีทันใด เขาเอาชุดคลุมมาสวมแล้วเดินออกมาทายาทั้งที่ตัวยังไม่แห้ง ทาแค่ท้องกับสีข้าง ทั้งตัวไม่แห้งก็ช่างมันสิจริงปะ ทาเสร็จแล้วทำอะไร?
ไปหนังสือมาอ่านไงภูริ...ตลก! ระดับภูริแล้วเอนกายเปิดทีวีนอนดูชิวๆ ไป หนังสงหนังสืออ่านทำไม นี่ไม่ใช่ช่วงเวลาแห่งการสอบ นี่เป็นช่วงเวลาแห่งการนอนย่อยอาหารเที่ยงต่างหากล่ะ
นอนไปก็นึกนาฬิกาที่อีธานเอามาให้เมื่อวานนี้ ภูริเก็บมันไว้ใต้หมอนที่นอนหนุนนั่นแหละ พอดีเป็นคนขี้เห่อชั่วคราว อยากจะใส่ก็กลัวอีกฝ่ายมาค่อนคอด เลยเก็บไว้ใต้หมอน เอาไปฝันว่าได้ใส่ไปทำงานแทนใส่จริงก็ถือว่าเป็นเรื่องดีแล้ว นี่ถ้าไม่เจ็บเขาอยากไปทำงานมากเลยนะ จะได้ใส่นาฬิกาเรือนใหม่หล่อๆ อะไรเงี้ย
ปกติแล้วภูริเป็นคนขี้เกรงใจอยู่พอสมควร อะไรที่อีธานให้มาเขามักจดจำเพื่อที่จะหามาคืนเขาได้สักวันหนึ่ง ถึงแม้ว่าจะรู้ตัวดีว่ามันยากแค่ไหน อีธานน่ะเป็นมนุษย์เงินถุงเงินถังเลยนะ อะไรที่เขาให้ก็คงจะไม่กระเตื้องความรู้สึกเขานัก แต่ที่ยอมรับนาฬิกามาง่ายๆ ก็เพราะอีธานบอกว่าไม่ชอบมันเนี่ยแหละ
มันเป็นของเหลือ...เป็นของที่อีธานไม่ชอบยังไงวันหนึ่งมันก็ถูกทิ้ง แต่นี่แหละเป็นการทิ้งที่ถูกต้อง ทิ้งให้คนที่อยากได้มัน เหมือนบริจากของไม่ใช้แล้วให้คนที่ขาดแคลน คนได้ก็ต้องดีใจมากเป็นเรื่องธรรมดา ประหนึ่งว่ารับบริจาคเสื้อผ้ามา มีแต่เสื้อผ้าผุพัง แล้วบังเอิญมันมีเสื้อผ้าที่ดีมากๆ ยังไม่ได้ใส่หลงเหลือมาถึงมือเราไง...
ว่าแล้วก็เอามาใส่ดีกว่า...
สรุปการประชุมที่กินเวลาตั้งแต่เช้ามาจนถึงบ่ายสาม มติเป็นเอกฉันจ์ให้ดำเนินการตามแบบแผนของอีธาน เพราะพวกเขาไม่สามารถหาหนทางที่ดีกว่าขึ้นมาเสนอได้ ประเด็นที่ว่ายังไงอัลฟ่าก็ดีกว่าอีธานปัดมันตกไปเพราะนั่นแค่ความเชื่อไม่ใช่สิ่งที่พิสูจน์ได้ ถ้าบอกว่าดีกว่า...ใช่ ดีมากเลยโกงมาได้หลายปีทีเดียว
แน่นอนว่าผู้ใหญ่หลายคนไม่พอใจกับทางออกนี้ พวกเขาแค่จนหนทาง คิดหาข้อโต้แย้งที่เป็นเหตุเป็นผลไปโต้กับอีธานไม่ได้ เหมือนผู้ใหญ่เถียงเด็กแล้วก็โดนเด็กมันถอนงอกเข้าให้ เพื่อเซฟตัวเอง ทุกคนจำต้องยอมไหลไปตามน้ำ แล้วก็คิดเสียว่าตราบใดที่ผลกำไรยังดีก็ปล่อยให้อีธานจัดการไปเถอะ
เพื่อนสนิทภูริที่เป็นเบต้าอยู่ในแผนกถูกเลื่อนขั้นเป็นหัวหน้าแผนก คำสั่งมีผลบังคับใช้ทันที พร้อมกับแผนกอื่นๆ ที่มีการปรับเปลี่ยน พนักงานทุกคนได้รับประกาศใหม่ รวมถึงกฎระเบียบใหม่ที่มีการเพิ่มเติมเข้ามาในช่วงเย็นก่อนเลิกงาน
เป็นเรื่องน่าแปลกใจ แต่ก็น่าดีใจในเวลาเดียวกัน พวกชนชั้นที่อยู่ล่างกว่าอัลฟ่าทั้งหลายรู้สึกปลอดโปร่ง ในที่สุด...วันที่ไม่ต้องอดทนกับการโดนกดขี่ก็มาถึงเสียที พวกเขาหวังแบบนั้น และคิดว่าสิ่งที่อีธานได้ทำนี้จะส่งผลดีต่อพวกเขาระยะยาว ไม่ใช่ดูดีแค่แผนการแต่ใช้งานจริงไม่ได้
หลายคนเอาเรื่องที่มีการปรับเปลี่ยนระบบและกฎของการทำงานนี้ว่าเป็นผลมาจากภูริ เพราะช่วงนี้อีธานมักมาทำงานพร้อมภูริ กลับบ้านก็พร้อมภูริ รวมถึงเรื่องที่ว่าภูริเป็นคู่แท้กับอีธาน มันก็ใช่ที่ว่าเคยมีข่าวประมาณภูริเป็นแค่เด็กเลี้ยง เป็นนายบำเรอที่ขายร่างกายของตัวเองให้ท่านประธาน
แต่ตอนนี้ไม่ว่าภูริและอีธานจะมีสถานะใดต่อกันมันไม่สำคัญ เพราะผลพวงของมันคือพวกเขาได้รับความเป็นธรรมมากขึ้นเสียที พวกเขารู้สึกขอบคุณภูริและอีธาน อย่างน้อยถึงการเปลี่ยนแปลงนี้จะทำให้สังคมดีขึ้นทั้งหมดไม่ได้ แต่สังคมการทำงานที่พวกเขาต้องใช้เวลาเกือบครึ่งชีวิตกับมันนั้นก็เริ่มดีขึ้นมาแล้ว...
ต่อไป หากมีใครคนใดโดนข่มแหงรังแก ไม่ว่าจะด้วยทางกายหรือวาจา พวกเขาไม่จำเป็นรายงานกับหัวหน้า แต่สามารถรายงานผ่านโดยตรงด้วยไลน์เฉพาะกิจของบริษัท เป็นที่รับเรื่องร้องทุกข์ ทีนี้จะไม่มีใครรู้ว่าใครรายงาน ที่จริงแล้ว...กล่องดำมันก็มี แต่ลายมืออ่านได้ และหัวหน้าก็สามารถแอบไปเปิดได้ การรายงานผ่านระบบอัตโนมัติอาจระบุถึงตัวคนรายงานได้ทันที แต่คนอื่นนอกเหนือจากผู้รับเรื่องจะไม่มีทางรู้เด็ดขาด
เหมือนมันมีช่องว่าง หากคุณไม่ชอบใจใครก็สามารถรายงานได้ แต่ไม่ เมื่อรับเรื่องรายงานแล้วคนของอีธานจะทำการตรวจสอบอย่างละเอียดทันที หากคนที่โดนรายงานมานั้นทำผิดจริงตามที่ได้รับ คนคนนั้นจะโดนสอบ บทลงโทษมีทั้งลดเงินเดือน ลดตำแหน่ง ถึงขั้น...ไล่ออก
แต่อีธานไม่ได้บอกว่าตรวจสอบยังไงเพราะต้องการให้เป็นความลับ หากรู้วิธีการแต่เนิ่นๆ พวกที่พยายามเอาตัวรอดก็จะหาช่องทางได้ง่ายขึ้น อีธานไม่ได้ขอให้พวกเขาเชื่อในระบบใหม่ แต่ขอให้ทุกคนลองให้โอกาสเขาดู ซึ่งทุกคนก็ยินดีที่จะลองดูกับท่านประธานไปพร้อมๆ กัน เพื่อตัวพวกเขาเอง
อีธานเชื่อว่ามันจะต้องดีขึ้น ทั้งการรายงาน การประเมินที่ใช้คนนอกครึ่งหนึ่ง คนในครึ่งหนึ่ง โดยทุกคนที่เข้าไปประเมินแต่ละแผนกนั้นจะต้องเปลี่ยนเวียนคนไปเรื่อยๆ ซ้ำกันน้อยเท่าไหร่ยิ่งดี เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการยัดใต้โต๊ะเพื่อสร้างผลงานจอมปลอมอย่างที่เคยมีมา และคนที่เข้ามาตรวจสอบก็จะไม่มีการโดนแจ้งล่วงหน้า เมื่อถึงเวลา...คำสั่งจะมาถึงพวกคุณเอง
การปรับใช้อะไรก็ตาม ทุกอย่างจำเป็นต้องใช้เวลาในการปรับตัวเพื่อทำความเข้าใจ อีธานไม่รีบร้อนให้เกิดผลวันนี้วันนั้นทันที แค่มันดีขึ้นบ้างก็เท่ากับว่าสิ่งที่เขาได้ทำนั้นเกิดผลแล้ว ที่สำคัญกว่าการคอรัปชั่นในบริษัทคือการเหลื่อมล้ำทางเพศภาพ ส่วนนี้นี่แหละที่อีธานต้องการเปลี่ยนให้ได้ และนั่นคือเหตุผลที่เขายอมลงทุนจ้างคนมาเพื่อจับตามองพนักงานในบริษัทให้ใกล้ชิดกว่าเดิม
โลกมันมีมุมเน่าเฟะ...มันไม่ได้มีแค่การเหยียดสีผิว เหยียดฐานะ เหยียดรูปร่างหน้าตา แต่มันลึกล้ำถึงขั้นเหยียดกันยันเพศที่สอง เขาเคยเป็นแบบนั้น มันยากที่ต้องยอมรับตัวเอง ยากกว่าการต้องยอมรับความจริงในบริษัทที่ตัวเองบริหารอยู่ด้วยซ้ำ แต่เพื่อให้ตัวเองก้าวไปเป็นผู้บริหารที่ดีขึ้น การยอมรับในความผิดพลาดของตัวเองคือสิ่งที่สำคัญที่สุด
และเขาก็ก้าวมันผ่านมาได้...
ตอนเย็นอีธานมีนัดพบกับตำรวจเรื่องดำเนินคดีอีกเล็กน้อย จากนั้นไปพบคุณวีระและวิชุตาเพื่อขอโทษแล้วเอาข้อเสนอในการชดเชยให้กับเขาทั้งสอง เป็นโชคดีที่คุณวีระไม่โกรธเคือง ทุกที่มักมีคนแบบนี้ เขาเข้าใจมันพอๆ กับที่เข้าใจโลก บทสนทนาและข้อตกลงจบลงด้วยดี อีธานขอตัวกลับก่อนจะได้ทานอาหารค่ำเพราะว่าเขามีนัดกับคู่ครองของตนเอง
ไอ้คู่ครองที่ว่าไม่รู้ตัวหรอกว่าโดนนัด นอนหลับคาชุดคลุมอาบน้ำโดยใส่นาฬิกาเรือนหรูเอาไว้ ช่างขัดกับชุด ไม่ก็ต้องคิดเสียว่าภูริมาอาบน้ำรอสาวมาบริการ โถ...สาวของภูริตัวใหญ่กว่าภูริเสียอีกเนี่ยสิ
อีธานมาถึงห้องแล้ว เขาแบกความเหนื่อยล้าทางสมองมาด้วย แต่พอเห็นภาพอล่างฉ่างของภูริแล้วก็ยิ่งเหนื่อยเข้าไปอีก เล่นนอนที่โซฟา เอาขาข้างหนึ่งก่ายมันขึ้นไปที่พนักพิง แล้วดูชุดสิ...ชุดคลุมอาบน้ำนะ ข้างในนี่เป็นยังไงเห็นหมดเลย
ยอมรับว่าตัวเองเคยดูถูกชนชั้นอื่นไว้มากมันได้นะ แต่ต้องมายอมรับว่ามีคู่เป็นโอเมก้าที่...ที่แบบเนี่ย มันยากยังไงบอกไม่ถูก จะบอกว่าไม่มีความเป็นกุลสตรีก็ไม่ได้ ภูริไม่ใช่ผู้หญิง จะบอกว่าไม่มีความเป็นสุภาพบุรุษมันก็แปลกๆ นอนอ้าซ่าแบบนี้มันรวมความเป็นสุภาพบุรุษไหม?
อีธานมีคำบ่นมากมายอยู่ในหัว แต่มันก็แค่อยู่ในหัวเพราะเขาเหลือบไปเห็นนาฬิกาที่ตัวเองได้ซื้อให้อีกฝ่าย ซื้อให้ไม่บอกด้วยนะว่าตั้งใจให้ ไม่รู้สิ...บอกแล้วภูริจะรับมันหรือเปล่า อาจดีใจก็ได้นะที่ได้ของหรูหราขนาดนี้ไว้ในครอบครอง หรือไม่ก็ปฏิเสธไม่เลยเพราะมันแพงเกินไป
อีธานตัดสินใจเดินเข้าไปนั่งเบียดบนโซฟา เขาปิดทีวีที่ตอนนี้มันดูคนแทนคนดูมันเรียบร้อยแล้ว จากนั้นค่อยๆ เลิกเสื้อคลุมอาบน้ำของภูริขึ้นเพื่อมองดูรอยช้ำ มันไม่หายหรอก ไอ้ช้ำๆ นี่แหละที่อยู่ติดตัวได้นานกว่าบาดแผลอื่น
“คุณกลับมาแล้วอ๋อ” แล้วไอ้คนหลับก็เอ่ยทัก ตายังไม่ยอมลืมขึ้นมามองหน้าเลย
“ผมนึกว่าคุณหลับอยู่”
“ก็หลับ เพิ่งตื่นเมื่อกี้เลย...ได้กลิ่นคุณ”
“เป็นหมาเหรอถึงมาได้กลิ่นกันง่ายขนาดนี้”
“มั้ง” แล้วภูริก็อ้าปากหาวออกมาวอดใหญ่ ปรือตานิดๆ แต่กะพริบตาถี่ๆ อีธานนี่เข้ามาในห้องมืดๆ ก็ไม่เปิดไฟเลยนะ
“คุณนี่มันนอนไม่มียางอายเลยนะ ดูพาดขาเสียเห็นอะไรๆ หมดดแล้วเนี่ย” อีธานพยายามจับชายเสื้อคลุมปิดส่วนที่โป๊
“มันสบายอะ เย็นไข่ด้วย” ดูหน้าทะเล้นๆ ของภูริแล้วอยากจะดีดไข่จริงๆ เลย
“ไปอาบน้ำอาบท่าเลยไป ผมหิวข้าว...ออกมากินข้าวเร็วๆ ผมจะได้พักบ้าง เหนื่อย”
“แต่ผมเพิ่งอาบน้ำเองนะ”
“ตอนไหน?”
“ตอนเที่ยง”
“นี่กี่โมงแล้ว”
“แต่ผมอาบแล้วผมก็หลับเลยนะ ไม่ได้ทำอะไรต่อ ไม่เสียเหงื่อ ตัวก็ไม่เหนียว เพราะงั้นตอนนี้ผมยังสะอาดอยู่ ไม่ต้องอาบหรอกเนอะ” ภูริยิ้มตาปิด เชิดหน้าขึ้นนิดๆ เพื่อโชว์ความตาหายของตัวเอง
“ตรรกะอะไรของคุณ ไม่เอา...ไปอาบน้ำใหม่เลย ไม่เหนียวตัวก็ต้องอาบ เนี่ย นอนมันอยู่อย่างนี้ทั้งวันมีกลิ่นตัวแล้ว” อีธานก้มหน้าไปสูดดมเนื้อตัวภูริตรงบริเวณคอ ก็ไม่เหม็นอะไร กลิ่นสบู่ยังอยู่แต่อยากให้ภูริไปอาบน้ำใหม่เท่านั้น
“แค่ล้างหน้าได้ไหม ผมขี้เกียจอาบอะ น้า...ผมตัวไม่เหม็นหรอก” ภูริทำหน้าอ้อนในระยะประชิด เห็นแบบนี้แล้วอดถอนหายใจไม่ได้
“ก็ได้ งั้นไปล้างหน้าซะ นี่นอนไปได้ยังไงทั้งวัน แล้วแบบนี้กลางคืนคุณจะหลับไหม บอกก่อนเลยนะว่าผมเหนื่อยมาก คุณไม่หลับก็ห้ามรบกวนผมล่ะ” พูดไปก็ดึงภูริให้ลุกขึ้นด้วย
“เดี๋ยวผมนวดให้ แต่กินข้าวก่อนนะ...” ช่วยพูดเรื่องเดียวกับอีธานที ขอถอนหายใจอีกรอบ..นิสัยพูดคนละเรื่องนี่แก้ได้ไหมนะ?
“งั้นก็รีบๆ” ถ้ามันไม่แย่ก็ช่างมันเถอะ อีธานส่ายหน้าเบาๆ ยามมองร่างโปร่งเดินเข้าห้องน้ำแทนที่จะไปเปิดไฟห้องก่อน
….100%….
มาแล้ววววว รีบมาเลย เมื่อวานหายหน้าหายตาเพราะว่าติดเกม แฮ่ เล่นเกมกับเพื่อนเพลินไปหน่อยต้องขออภัยค่ะ นานๆ จะเข้าไปเล่นกับเขาซะที ยิ่งเจองานสิ้นเดือนเยอะๆ นี่แบบ…ขอผ่อนคลายสมองโหน่ยยยยย
ส่วนคู่รักแสนซึนน้าน…มีอะไรหวานกว่าพวกเขาอีกไหมคะ?