เหตุเกิดจากความหิว
ตอนที่ 11
'ตาต่อตา ฟันต่อฟัน'
เกนคล้ายใครนั่นคือความคาใจของต้นน้ำถึงเขาจะสงสัยมากขนาดไหนแต่ก็ไม่ได้ถามออกไปตรงๆนอกจากการพยายามใส่ใจและสังเกตพฤติกรรมอย่างใกล้ชิด และแม้ว่าจากวันนั้นมาจะผ่านมาแล้วจนถึงหนึ่งสัปดาห์เต็มเขาก็ไม่ได้รับความคืบหน้าอะไรเลยนอกจากเขาจะเรียนรู้ว่าพายเป็นคนพิมพ์ตอบข้อความช้ามาก
“นั่นไง ด.เด็กอะ” ต้นน้ำพูดขึ้นในตอนที่ชะโงกไปมองหน้าจอคนที่เดินอยู่ข้างๆ
“อือ” พายตอบก่อนจะเอานิ้วจิ้มไปที่ตัวอักษรตัวนั้นก่อนเงยหน้ามองตาขวาง "พี่เลิกแอบมองหน้าจอผมได้แล้ว นิสัยเสียจริงๆ”
ต้นน้ำไหวไหล่ก่อนจะเขี่ยก้อนน้ำแข็งในแก้วน้ำโค้กตัวเองขึ้นมาเคี้ยวกรุบๆโดยไม่สนใจสายตาเหมือนแมวขี้หงุดหงิดจากพายเลยสักนิด บรรยากาศยามดึกภายในรั้วมหาลัยตอนนี้มีแต่ความเงียบงัน ท้องฟ้าสีเข้มนั้นมีเพียงแสงริบหรี่จากดวงดาวดวงเล็กๆเท่านั้นและมันแทบไม่ได้ให้ความสว่างเลยสักนิด
“คืนนี้ไม่มีพระจันทร์” พายพูดขึ้นพลางสูดลมหายใจเข้าลึกๆพลางมองไปรอบๆพื้นที่แสนสงบนี้
“แต่ถึงไม่มีทุกคืนพายก็มีพี่นะ”
“...”
“...”
“พ..พี่” พายหันไปมองใบหน้าด้านข้างของต้นน้ำก่อนจะ "ฮ่าๆ อย่างเสี่ยวอะ โอ๊ยยยย! ไม่คิดว่าพี่จะเป็นคนแบบนี้อะ ให้ตายเถอะ”
พายหัวเราะจนน้ำตาไหลในขณะที่คนเล่นมุกเสี่ยวไปได้แต่เขี่ยน้ำแข็งในแก้วเคี้ยวอย่างเอาเป็นเอาตายและภายใต้ใบหน้านิ่งๆนั่นกำลังซ่อนความเขินอายเอาไว้ สาบานได้ว่าไม่ได้คิดจะเล่นหรอกแต่มันหลุดพูดออกไปแล้วให้ทำไงได้แต่เด็กข้างๆนี่ก็ขำเยอะเกินไป ต้นน้ำโยนแก้วลงถังขยะข้างทาง
“ขำอะไรขนาดนั้นพาย”
“ก็มันตลกอะ คราวหลังไม่เอาละนะ ฮ่าๆ”
“เออ”
“น้อยใจเหรอพี่”
เจ้าเด็กตัวผอมข้างกายยกมือขึ้นแตะลงที่ต้นแขนแถมยังทิ้งสายตาเว้าวอนมาให้อีก นี่พายคงไม่รู้ตัวมั้งว่าทำแบบนี้แล้วมันทำให้ต้นน้ำใจอ่อนยวบจนหัวใจอาจกลายสถานะเป็นของเหลว ต้นน้ำยังคงตีหน้านิ่งโดยปล่อยให้พายบ่นงุบงิบไปเรื่อยๆจนกระทั่งเดินมาหยุดตรงสวนริมสระที่อยู่ไม่ไกลจากคณะสัตวแพทย์ซึ่งในตอนที่มาถึงนั้นก็มีแต่เสียงจิ้งหรีดร้องเท่านั้น
“พายเรือปะ” ต้นน้ำถามขึ้น
“พายตอนนี้เนี่ยนะ”
“อือ”
“ดึกแล้ว ยุงกัดอะ กลับหอกันเหอะค่อยมาอีกอย่างตอนนี้เขาคงปิดไม่ให้ยืมเรือพายแล้ว”
“รีบไปไหน พรุ่งนี้วันเสาร์ไม่มีเรียนสักหน่อย”
“แต่พรุ่งนี้ผมต้องตื่นเช้า พรุ่งนี้น้องขึ้นสแตนด์เชียร์ผมต้องไปดูน้อง พี่ลืมเหรอไง”
“จะลืมได้ไง”
“แล้ว?”
“ก็แค่อยากอยู่กับพายสองคน”
จบประโยคต้นน้ำก็ยังไม่ยอมหันไปมองหน้าพายที่ยอมนั่งลงบนพื้นหญ้าข้างๆ เขาเอาแต่ปล่อยสายตาไปที่ผืนน้ำสีเข้มตรงหน้า ความนิ่งของมันทำให้ใจเขาสงบขึ้นแต่จ้องมองมันได้ไม่นานเขาก็ถูกรั้งใบหน้าให้หันไปมองเด็กตัวผอมแทน
“ผมก็ไม่ได้ล้านทำไมขี้น้อยใจจัง”
“เปล่านี่”
“ถามจริงพี่เป็นไรรึเปล่าช่วงนี้ ดูแปลกๆ”
“พี่ก็ปกติดีนะ”
“เหรอ” พายเชิดปากใส่ "ถึงเราจะรู้จักมาเป็นเดือนๆแต่ผมก็ดูพี่ออกนะว่าพี่กำลังทำตัวแปลกๆ”
“...”
“หรือสงสัยเรื่องพี่เกน?”
“...”
“ชัวร์เลย” พายอมยิ้มในขณะเดียวกันก็ใช้นิ้วจิ้มไปที่แก้มของต้นน้ำไปด้วย "มิน่าช่วงนี้ถึงชอบแอบมองมือถือผมบ่อยๆ”
“จะด่าว่าเสือก?”
“ผมยังไม่ทันพูดเลยพี่จะด่าตัวเองทำไม”
“เออ พี่ชิงด่าตัวเองก่อนจะได้ไม่รู้สึกเจ็บมาก”
“พี่แม่ง ทำไมตลกงี้อะ คนคูลๆตอนแรกหายไปไหนแล้วครับ”
“มันโดนมึงแดกลงท้องแล้วน้องพาย”
พายหัวเราะเสียงดังแถมดวงตากลมโตตอนนี้ยังหรี่ลงจนเป็นสระอิอีกและนั่นทำเอาใจคนมองเต้นรัวยิ่งกว่าจังหวะกลองในเพียงร็อกเสียอีก ต้นน้ำหลุดยิ้มออกมาก่อนจะยกมือขึ้นประคองใบหน้าของพายให้หันขึ้นมามองตนเองแม้ว่าอีกฝ่ายจะยังไม่หยุดขำก็ตาม
“พาย”
“อ—อืม..” กลีบปากของพายถูกครอบครองโดยต้นน้ำด้วยสัมผัสที่แผ่วเบาเหมือนถูกขนนกสัมผัส เรียวลิ้นร้อนแตะสัมผัสไปตามริมฝีปากอิ่มอย่างเชื่องช้าก่อนที่ความร้อนชื้นจะถูกแทนที่ด้วยริมฝีปากนุ่มหยุ่นของเจ้าตัว ไม่ได้มีการมอบสัมผัสที่มากไปกว่านี้แต่เพียงเท่านี้ก็ทำเอาใจของพายพองโต “...พี่”
“พี่ชอบพาย”
“...”
“เป็นแฟนกันไหม”
คนถามถามไปด้วยความคาดหวังที่สูง ต้นน้ำจ้องมองไปที่นัยน์ตาใสของพายและถึงแม้ว่าเขาจะผละใบหน้าตัวเองออกมาให้อยู่ในระยะที่ห่างพอสมควรแต่เขาจับสังเกตได้ว่าในดวงตามีความสั่นไหว ความไม่แน่ใจอะไรบางอย่างถูกแสดงออกมาและ--
“ผมว่าดึกมากแล้วเรารีบกลับหอกันเถอะพี่”
และเขาก็รู้ว่าความผิดหวังนี่ก็ทำให้รู้สึกเจ็บเหมือนกัน
“อ-เออ กลับกัน พี่จอดไว้แถวนี้แหละ เมื่อเช้ามันไม่มีที่จอดน่ะ”
“ครับ”
ระหว่างทางกลับไปยังรถยนต์คันสีดำนั้นมีแต่ความเงียบและมันยังคงความเงียบมาจนกระทั่งทั้งสองคนถึงหน้าห้องที่หอพัก ต้นน้ำยังคงเดินมาส่งพายถึงหน้าห้องเช่นเดิม เขายกมือขึ้นโยกหัวอีกฝ่ายนิดๆก่อนจะส่งยิ้มให้ ดวงตาคมทอดมองใบหน้าของอีกฝ่ายด้วยความรู้สึกที่หลากหลายแบบที่ไม่สามารถอธิบายออกมาได้
“ฝันดี พรุ่งนี้เช้าเจอกันที่โรงยิมนะ”
“ครับ”
ต้นน้ำพยักหน้านิดๆก่อนจะหันหลังเพื่อกลับไปที่ห้องของตนเองซึ่งมันก็แค่ไม่กี่ก้าวเท่านั้น เขาแค่คาดหวังว่าพายอาจจะดึงรั้งเขาไว้เพื่ออธิบายอะไรมากกว่านี้แต่ก็ต้องผิดหวังซ้ำซ้อนเมื่อได้ยินเสียงบานประตูห้องปิดลง เขายิ้มเหยาะให้กับตัวเอง นี่เขากำลังจะทำอะไรอยู่กันแน่ น่าตลกสิ้นดี
02.30am
Rrrrrr
ท่ามกลางความมืดสนิทเสียงโทรศัพท์ของต้นน้ำก็ดังขึ้นแทรกความเงียบงัน เขาที่กำลังจะเคลิ้มหลับต้องสะดุ้งตื่นขึ้นมา เขาพ่นลมหายใจอย่างหงุดหงิดก่อนจะควานเอามือถือตรงแถวหัวเตียงขึ้นมากดรับทั้งๆที่ไม่ได้มองด้วยซ้ำว่าเป็นใครที่โทรเข้ามาและทันทีที่เตรียมจะด่าไปเสียงของคนที่เพิ่งแยกไปดังขึ้นมาเสียก่อน
“พี่ต้นนอนรึยัง”
ถ้าเป็นเพื่อนสาบานเลยว่าต้นน้ำคงด่ากลับไปแบบให้ลืมทางกลับบ้านแต่นี่คือพาย
“กำลังจะน่ะ มีอะไรรึเปล่าพาย”
“คือผม..”
“...”
“ผมขอโทษ”
“เอ่อ ช่างมันเถอะ”
“...”
“พี่ขอโทษแล้วกันถ้าทำให้พายอึดอัดใจ” ต้นน้ำยังคงใช้โทนเสียงนิ่งๆกลับไป "นอนเถอะพรุ่งนี้ต้องตื่นเช้านี่”
“ครับ”
“...”
“พี่ต้น”
“อือ”
“ผมอยากตอบคำถามนั้นนะแต่ผมขอเวลาหน่อยได้ไหม มันอาจจะฟังดูเห็นแก่ตัวนะแต่ผมอยากให้พี่รอ” พายเม้มปากตัวเองแน่นหลังจากที่พูดจบและเขาก็พยายามที่จะมุดตัวลงไปในผ้าห่มผืนนุ่มของตัวเอง เขาได้ยินเสียงลมหายใจของอีกคนมาตามสายจนไม่แน่ใจว่าหลับไปแล้วหรือเปล่า "..พี่ครับ”
“กับพาย พี่รอได้อยู่แล้ว”
“ขอบคุณนะครับพี่”
พายกลั้นยิ้มกับตัวเองก่อนจะกดตัดสายไป เขาพลิกตัวนอนมองเพดานห้องด้วยความรู้สึกใจเต้นแรง ถ้าถามว่าความรู้สึกตอนนี้ที่มีต่อรุ่นพี่ห้องข้างๆมันมีมากแค่ไหนก็คงบอกว่ามากแต่มันยังคงไม่มากพอที่จะกลบความกลัวและความกังวลบางอย่างในใจออกไป
พายตื่นขึ้นมาตอนหกโมงเช้าและเขาก็รีบแต่งตัวด้วยเสื้อยืดขาวกับกางเกงยีนส์และรองเท้าผ้าใบ ออกจากห้องด้วยสภาพที่ค่อนข้างรีบเพราะพายตั้งใจจะไปซื้อน้ำเต้าหู้กับปาท่องโก๋หน้ามหาลัยแล้วถึงค่อยเข้ามหาลัย ข้าวเช้าวันนี้จะต้องเป็นไปตามที่หวังไว้จะไม่มีการพลาดเพราะร้านปิดอีก
และทันทีที่กดรีโมทรถยนต์ของตัวเองเสียงฝีเท้าของใครสักคนก็เดินมาหยุดอยู่ที่ด้านหลังตัวของพาย เขาเอี้ยวตัวเพื่อหันไปมองว่าเป็นใครซึ่งจริงๆก็พอเดาได้อยู่
“ผมนึกว่าพี่จะออกสายกว่านี้ซะอีก”
“ตอนแรกก็คิดงั้นแต่เพื่อนมันโทรตาม”
“โห คนอย่างประธานรุ่นโดนเพื่อนโทรตาม แปลกนะ”
“แปลกตรงไหน ปกติเหอะ แล้วนี่จะเอารถไป?”
“เปล่า ผมกดรีโมทรถเล่นๆ”
“กวนตีนนะเรา เดี๋ยวจะโดน”
ต้นน้ำยกมือยีผมพายอย่างเอ็นดูในขณะที่เจ้าตัวก็หัวเราะคิกคักอย่างอารมณ์ดี พวกเขาตกลงกันว่าจะไปกันโดยรถของพายและต้นน้ำก็เป็นคนนั่งบ้างแต่ทันทีที่รถเคลื่อนตัวออกจากช่องจอดรถตรงไปยังทางออกของตึกต้นน้ำก็ต้องยกมือขึ้นจับเข้าที่ข้อมือของคนขับ
“อะไรพี่”
“ถามจริงใครสอนพายให้เหยียบเบรกแบบนี้”
“ทำไมอะ”
“เบรกกระชากมาครับน้องพาย”
“พี่คิดไปเองชัดๆ”
จบประโยคเจ้าของรถยนต์สัญชาติญี่ปุ่นก็ไม่ได้ใส่ฟังเสียงของต้นน้ำอีกเลยนอกจากมองทางแล้วขับตรงไปยังหน้ามหาลัยเพื่อไปซื้อข้าวมื้อเช้ากินและตลอดทางที่ไปนอกจากจะมีเสียงบ่นของรุ่นพี่ตัวใหญ่แล้วก็ยังมีเพลงจากช่องวิทยุดังคลอไปด้วย
“ถึงละ ผมขอซื้อข้าวเช้าก่อนพี่เอาด้วยไหม”
“เดี๋ยวกูลงไปด้วย” ต้นน้ำพูดไปด้วยใบหน้าติดจะบึ้ง
“เป็นไรอะ”
“กูจะอ้วกเพราะมึงเนี่ยพาย เบรกแรงไปไหนแล้วนี่ขากลับมหาลัยเดี๋ยวกูขับเอง”
“เหอะ ทำมาเป็นบ่นไปได้ไม่เห็นจะเบรกไม่ดีตรงไหนเลย”
“จ้า ถ้าน้องพายมั่นใจแบบนั้นก็แล้วแต่เลยแต่ถ้าอยู่กับพี่เนี่ยไม่เอาแล้วเนอะเดี๋ยวพี่ขับให้เอง อยากบริการน้องพายใจจะขาด”
คนฟังถึงกับเบ้ปากใส่เพราะฟังจากมุมไหนก็คือประชดประชันและการกวนประสาท พายรีบสาวเท้าเดินตรงไปยังร้านรถเข็นที่อยู่ไม่ไกลจากที่จอดซึ่งก็มีคนต่อคิวแล้วแม้จะยังเช้ามากก็ตามส่วนต้นน้ำก็เดินตามหลังอยู่ไม่ห่าง
“เอาน้ำเต้าหู้ไม่ใส่เครื่องใส่แก้วกับปาท่องโก๋สิบบาทครับ”
“จ้า”
คุณป้าเจ้าของร้านส่งยิ้มให้นิดๆก่อนจะหันไปตักน้ำเต้าหู้ใส่แก้วด้วยความรวดเร็วก่อนจะตักปาท่องโก๋ใส่ถุงต่อซึ่งรวมๆแล้วใช้เวลาแค่พริบตาเดียว คือถ้าป้าหลับตาป้าก็ทำได้แบบสบาย พายยื่นเงินไปให้พร้อมกับหยิบของที่สั่ง
“ขอบคุณครับ”
“จ้า แล้วพ่อหนุ่มคนนั้นละลูก”
“ผมเอาเหมือนน้องเขาครับป้า”
พายหันไปมองตาขวางเพื่อส่งสายตาไปว่าว่าขี้ก็อปแค่กินมื้อเช้ายังต้องลอกอีกในขณะที่ต้นน้ำก็ทำท่าทางไม่รู้ร้อนไม่รู้หนาวจนกระทั่งได้ของที่สั่งไปทั้งสองคนก็เดินกลับไปที่รถ ต้นน้ำรีบฉวยเอากุญแจรถของพายมาไว้กับตัวและแน่นอนว่าถูกพายเอาหัวโหม่งมาที่ต้นแขน เขาน่ะไม่เจ็บหรอกแต่--
“พี่แม่งนิสัยไม่ดี ผมเจ็บนะ” พายตะโกนโวยวายทันทีที่ขึ้นมานั่งบนรถ
“พี่ผิด?”
“ผิดดิ”
“ผิดยังไงไหนบอกมาซิ”
“ผิดที่ต้นแขนพี่มันแข็งอะ หัวผมโนรึเปล่าก็ไม่รู้”
“ต้องเป่าเหม่งไหมจะหายไวๆ”
“ไม่ต้องเดี๋ยวน้ำลายพี่มันกระเด็นออกมา รีบๆขับรถไปเลย”
“ครับๆ”
ต้นน้ำหัวเราะก่อนจะยื่นแก้วกับถุงปาท่องโก๋ในมือไปให้คนที่นั่งข้างๆก่อนจะสตาร์ทรถแล้วบังคับให้รถเคลื่อนไปตามทาง และเมื่อมาถึงลานจอดรถก็แทบจะเต็มแล้วซึ่งในขณะที่ต้นน้ำกำลังถอยรถเข้าซองจอดพายก็กินมื้อเช้าจนเกลี้ยงแล้ว แก้มของเจ้าตัวขยับขึ้นลงเป็นจังหวะในคำสุดท้าย ดวงตากลมโตมองจ้องไปที่ด้านหน้า
“อย่างกับกระรอก”
“อะไอ” (อะไร)
“น้องพายกลืนก่อนก็ได้ครับ”
“ขี้บ่น” พายพูดก่อนจะดูดน้ำเต้าหู้ส่วนสุดท้ายลงคอ "พี่ๆ”
“อะไร” ต้นน้ำขานตอบในตอนที่แตะเบรกเมื่อจอดจนเสร็จ
“ผมมีอะไรจะบอก”
“ว่า”
พายดึงไหล่ให้ต้นน้ำมาใกล้ๆก่อนจะโน้มใบหน้าไปใกล้เพื่อให้ปากอยู่ตรงกับใบหูที่ไร้จิวสีดำ
“เอิ๊กกกกกก”
ความดังของเสียงเรอนั่นทำเอาต้นน้ำผละตัวออกแทบไม่ทันส่วนพายพอปล่อยเสียงเรอเสร็จก็หัวเราะสะใจ ต้นน้ำแทบอยากหัวโขกกับพวงมาลัยรถ ใครจะไปคิดว่าภาพลักษณ์ภายนอกของพายจะแตกต่างกับนิสัยขนาดนี้แต่ถึงอย่างนั้นแล้ว
“ถ้าเรอใส่หูพี่อีกพี่ตดอัดหน้าเลยนะน้องพาย”
“อี๋ สกปรกอะ ผมรับไม่ได้”
“เหรอออออน้องพาย”
“เอาของพี่ไปเลย แล้วนี่พี่ต้องไปที่ไหนอะผมต้องเข้าไปดูน้องที่โถงคณะ”
“พี่ต้องเข้าไปในห้องสโมฯ”
“โอเคงั้นเจอกันอีกทีที่โรงยิมใช่ป่ะ”
“คงงั้น”
แล้วทั้งสองคนก็เดินแยกย้ายกันไปหลังจากตกลงกันในรถจนเสร็จ พายตรงไปทำภารกิจคุมน้องที่ต้องเตรียมขึ้นแสดงสแตนด์เชียร์ในตอนเวลาสิบโมงเช้าที่จะถึงนี้ซึ่งก่อนเข้าไปคุมก็เกิดนึกขึ้นได้ว่าลืมเอาเสื้อช็อปมาด้วย ก็คือมัวแต่ห่วงข้าวเช้าจนลืมเครื่องแบบ
ยอดเยี่ยมไปเลยพาย
พายได้แต่มองซ้ายมองขวาว่าจะเอายังไงถ้าขับรถวนกลับไปที่หอก็เสียเวลาแถมกลับมาจะเหลือที่จอดไหมก็ไม่รู้อีก ตัดสินใจไม่ได้ก็เดินตรงไปที่ห้องสโมฯของคณะก่อนก็แล้วกันเพื่อเจอเสื้อใครวางไว้ก็ยืมมาก่อนแล้วกัน
“อ้าว น้องพายมาทำอะไร” รุ่นพี่ปีสามคนหนึ่งเอ่ยทัก
“พี่พอจะมีเสื้อช็อปให้ยืมก่อนไหมครับผมลืมหยิบมาด้วย”
“อ๋อ น่าจะมีนะเดี๋ยวพี่ไปดูให้”
รุ่นพี่มีหนวดเดินไปค้นๆแถวกล่องลังในห้องอยู่สักพักก็เดินกลับมาพายที่ยืนรออยู่หน้าห้อง เสื้อช็อปสีกรมท่าที่ดูยับๆถูกยื่นมาให้ สภาพก็ดูเหมือนถูกทิ้งไว้มานานพอสมควรแต่นั่นไม่ใช่ปัญหาหรอกเพราะเขาก็แค่ขอยืมชั่วคราว
"ตัวนี้แล้วกันนอกนั้นมันมีแต่ตัวใหญ่ๆ"
“ขอบคุณมากครับพี่”
พายยกมือไหว้ก่อนจะหยิบเสื้อมาสะบัดๆก่อนถึงจะหยิบมาสวม พูดก็พูดเสื้อนี้โคตรจะยับเหมือนว่าถูกขยุ้มเป็นก้อนมาอย่างยาวนานแต่พายก็แค่บ่นในใจก่อนจะรีบสาวเท้าเดินออกจากห้องซึ่งก็เป็นจังหวะเดียวกันกับต้นน้ำที่เดินสวนมาพอดี
“เอาเสื้อใครมาใส่”
“ไม่รู้อะ ยืมจากในห้องสโมฯมา”
“ยับมาก ถอดออกเลยเดี๋ยวใส่เสื้อพี่แทน”
“พี่มี?”
“เออ มีสองตัวตัวที่ทิ้งไว้ในล็อคเกอร์มันเล็กไปซื้อมาผิดไซส์”
“ก็ได้”
แล้วพายก็ได้เสื้อช็อปของต้นน้ำมาใส่อย่างชั่วคราว อย่างน้อยก็เดินเข้าไปคุมน้องได้โดยที่ไม่โดนสายตาทิ่มแทงจากเพื่อนน่ะนะ
กิจกรรมของการโชว์สแตนด์เชียร์ในตอนนี้ได้เริ่มขึ้นแล้วรุ่นพี่ทุกคนยืนอยู่ที่ด้านล่างต่างคนต่างยืนมองด้วยใบหน้าเรียบเฉยแต่ภายใต้สีหน้านั้นกลับเต็มไปด้วยความรู้สึกภูมิใจ เสียงเพลงและเสียงกลองเริ่มดำเนินไปรวมถึงการแสดงของหลีดคณะ เสียงของน้องปีหนึ่งนั้นดังกึกก้องไปทั่วโรงยิมใหญ่ การแสดงในธีมสัตว์ป่าถูกดำเนินไปจนจบลงในตอนที่เสียงประกาศบอกหมดเวลาซึ่งมันเป๊ะและพอดีอย่างที่วางแผนกันมา
“ขอขอบคุณครับ/ค่ะ”
สิ้นเสียงของเด็กปีหนึ่งเหล่ารุ่นพี่คณะวิศวกรรมก็ปรบมือเสียงดังรวมถึงพายด้วยเช่นกันแม้ว่าเขาจะทำหน้าที่อยู่ด้านหลังมากกว่าแต่มันก็อดที่จะภูมิใจไม่ได้จริงๆ
กิจกรรมในโรงยิมยังคงดำเนินต่อไปแต่ทันทีที่พาน้องๆมาที่ลานกว้างพวกรุ่นพี่ก็พากันมาตีวงล้อมแล้วบูมให้เหมือนเป็นการบอกกลายๆว่าพวกเขาน่ะยอมรับแล้วแต่ถึงอย่างนั้นตลอดหนึ่งปีก็ยังคงมีกิจกรรมที่ต้องทำอีกเรื่อยๆซึ่งหลังจากที่เสร็จกิจกรรมส่วนนี้รุ่นพี่ก็คุมน้องไปที่คณะเพื่อส่งน้องให้กลับบ้านหรือหอพัก พายเองก็ยืนอยู่ตรงแถวๆหน้าคณะกับเพื่อนสนิทสองคนแถมด้วยรุ่นพี่ปีสามอย่างต้นน้ำ
“เย็นนี้กลับบ้านรึเปล่าพาย” ต้นน้ำถามขึ้น
“น่าจะไม่อะ ผมขี้เกียจว่าจะกลับอาทิตย์หน้า พี่มีอะไรรึเปล่า”
“ไปเยาวราชไหม?”
“ไป!” ไม่ต้องเสียเวลาให้คิดนาน
“แล้วมึงละกันต์ แมนด้วยไปไหม”
“ไปดีไหมนะ” กันต์ส่งรอยยิ้มยียวนไปหาพี่รหัสตัวเอง
“ก็แล้วแต่มึงเถอะ”
“เอาไงวะแมน”
แต่พอแมนจะอ้าปากตอบก็มีเสียงแขกไม่ได้รับเชิญแทรกเข้ามาเสียก่อนและคนทั้งสามก็พร้อมใจกันหันไปมอง
“เห็นว่าจะไปเยาวราชกัน ผมไปด้วยได้ไหมครับคุณต้นน้ำ”
“พี่เกน”
เจ้าของชื่อยกยิ้มให้กับพายพร้อมกับส่งสายตาเป็นประกายกลับมาให้ซึ่งต้นน้ำได้แต่ทำหน้าเหม็นเบื่อส่วนแมนกับกันต์ได้แต่หันกันมองหน้าเลิ่กลั่กก่อนที่แมนจะขยับถอยออกมาพร้อมดึงตัวกันต์มาด้วย
“ฉิบหายเอาไงดีวะ”
“เออ กูนี่งงไปหมด”
“กูว่ากูไม่ไปดีกว่าได้ตายกลางสงครามแน่นอน”
“ใจกูก็อยากไม่ไปหรอกนะแต่ด้วยสายเลือดของสายรหัสกูต้องไปช่วยพี่รหัสกู”
“ถ้างั้นเชิญมึงเลย กูขอเป็นกำลังใจให้จากตรงนี้”
“ทำมาเป็นพูด มึงจะไปรังสิตก็บอก ถุ้ย!”
“เออน่า มึงคือตัวแทนของกูไงหรือจะพาไอ้น้ำไปด้วยก็ได้นะ เห็นมันบ่นอยู่ว่าอยากไป”
“ความคิดดี”
ส่วนอีกด้านนั้นก็เต็มไปสภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกพายที่อยู่ตรงกลางก็ได้มองหน้าคนทั้งสองคนสลับกันไปมา พูดเลยว่าพายเหมือนเห็นเอฟเฟ็กต์สายฟ้าผ่านสายตาของเกนและต้นน้ำ
“น้องพายพี่ไปด้วยได้ไหมครับ”
“เอ่อ..” พายเหลือบตามองต้นน้ำที่ยืนทำหน้านิ่งพร้อมกับกอดอก "ก็ได้มั้งครับ”
“ดีเลยงั้นไปรถพี่เนอะ”
“ไม่ได้ พายต้องไปกับกู”
“น้องพาย”
ไม่อยากชื่อนี้แล้วโว้ยยยยยยยย—พายคิดแต่ถึงอย่างนั้นก็ส่งยิ้มแห้งๆกลับไป
“พอดีผมเอารถมาน่ะพี่เกน เราไปเจอกันที่โน่นเลยดีกว่า”
“เสียดายเลย แต่เอางั้นก็ได้ครับ”
“ครับพี่”
“แล้วนี่จะไปกันเลยรึเปล่า”
“เสือกจริง” ต้นน้ำพูดขึ้นลอยๆ
“เสียงนกเสียงกามันเยอะนะครับแถวนี้”
คนที่ยืนตรงกลางอยากจะสลายหายตัวไปในอากาศมันเดี๋ยวนี้เลย พายแอบเห็นว่ามือที่กอดอกไว้นั้นถูกกำแน่นจนเห็นเส้นเลือดปูดขึ้นมาเดาได้ไม่อยากเลยว่าถ้าพี่เกนพูดอะไรอีกนิดคงมีมวยเกิดขึ้นแน่นอน
“พาย เดี๋ยวกูกลับก่อนนะมีธุระหน่อย” แมนพูดจบก็ส่งสายตาเป็นกำลังไปให้ก่อนจะยกมือไหว้รุ่นพี่ในคณะอย่างต้นน้ำ "โชคดีนะพี่”
“พี่เดี๋ยวผมไปด้วยแต่รอเพื่อนผมอีกคนได้เปล่าครับ” กันต์พูดขึ้น
“อืม”
“รอใครวะมึง” พายหันไปถาม
“ไอ้น้ำไง มันบอกอยากไปกินเต้าฮวยแถวนั้น”
“อ๋อเออ” พายพยักหน้าก่อนจะหันไปหาเกนที่เขยิบตัวเข้ามาใกล้ตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้ "ผมว่าเดี๋ยวเราแยกย้ายกันไปเลยก็ได้นะครับพี่”
“เอางั้นก็ได้ครับ”
“เจอกันครับพี่”
เกนทิ้งท้ายส่งสายตาหาเรื่องให้กับต้นน้ำก่อนจะเดินไปซึ่งพออีกฝ่ายเดินไปได้ไกลพอสมควรพายก็รีบถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ รู้สึกหายใจคล่องขึ้นเยอะส่วนต้นน้ำก็ยังคงนิ่งเหมือนเดิมเพิ่มเติมคือรังสีความน่ากลัวลดน้อยลง
“พี่เกนนี่คือสุดยอดแห่งญาณทิพย์เลยว่ะ รู้ได้ไงวะ” กันต์พูดขึ้น
“กูจะไปรู้เหรอ แต่เขาคงรู้จากเพื่อนของเพื่อนไรงี้มั้งกูเดาเอา”
“มึงอะระวังตัวไว้เถอะ มาแบบนี้ตามไม่ปล่อยชัวร์” กันต์พูดจบก่อนจะหันไปหาพี่รหัสตัวเอง "ไหวปะพี่”
“ไหว แค่หมาตัวเดี๋ยวกูเตะทีเดียวก็ตายห่าแล้ว”
“สุดยอดไปเลยไอดอล”
พวกเขาสามคนยืนคุยอะไรไปเรื่อยเปื่อยอยู่พักเดียวน้ำก็เดินออกมาจากตึกด้วยสภาพที่ไร้เสื้อช็อปเหลือเพียงเสื้อยืดสีดำตัวโคร่งกับกางเกงยีนพับขาพร้อมรองเท้าแตะและกระเป๋าสะพายข้างใบเล็ก ใบหน้าของหญิงสาวหน้าหมวยผมประบ่าฉีกยิ้มมาแต่ไกล
“แป๊ะยิ้มครับ รบกวนไวหน่อยหรือต้องให้กูบรรเลงเพลงจีนถึงจะเหาะมาได้” กันต์พูดเสียงดัง
“เกลียดมึงอิกันต์”
“เรื่องมึง”
“พี่ต้นน้ำสวัสดีค่ะ” น้ำพูดขึ้นพร้อมกับมองหน้ารุ่นพี่กับพายสลับกันอย่างเจ้าเล่ห์ "เอ๊ะหรือต้องบอกว่าสวัสดีค่ะว่าที่ผัวเพื่อน โอ๊ย! กูเขินอะมึง”
หญิงสาวที่พูดเองแล้วก็กรี๊ดกร๊าดเองทำเอากันต์ปล่อยเสียงหัวเราะออกมาซะดังส่วนคนถูกล้อแบบแพ็คคู่ก็ทำเป็นเมินหน้ากันมองไปทางอื่นเสียอย่างนั้น
“พูดมากจริงมึง รีบไปเหอะเดี๋ยวรถติด”
พายรีบเดินหนีไปทางลานจอดรถในทันทีที่พูดจบเช่นเดียวกับต้นน้ำส่วนคนติดสอยห้อยตามมานั้นก็ยังคงพูดล้อไปตลอดทางเดินจนกระทั่งขึ้นมานั่งบนรถน้ำก็ยังไม่พูดไม่หยุดโดยที่มีกันต์ค่อยพูดเสริมอยู่เนืองๆ
“นี่ถ้ามึงกับพี่ต้นน้ำไปถึงเยาวราชป้ายสีแดงคงเป็นสีชมพูแน่นอน ความรักฟุ้งกระจาย”
“พูดมากเงียบๆไปเลยมึงน่ะ”
“แหม่ เขินเหรอไง ทำเป็นเงียบๆไม่ให้กูรู้เรื่องแต่ขอโทษเถอะกูก็รู้ได้เองอยู่ดี กูใส่ใจเก่ง”
“...” พายกลอกตามองบน
“หัวเราะไปให้พอเดี๋ยวไปถึงโน่นมึงจะขำไม่ออก” กันต์พูดขึ้น
“ทำไมวะ”
“มีคู่ต่อสู้พี่ต้นน้ำโผล่มาเว้ย”
“โอ้โห อิจฉาแป๊บ นี่กูเกิดมาจนอายุยี่สิบปียังไม่เคยมีใครมาแย่งกูเลยอะ” น้ำบ่น "แต่ยังไงหนูก็ทีมพี่ต้นนะคะ”
แล้วตลอดทางก็มีเพียงแค่เสียงพูดของน้ำและกันต์ สองคนนี้เหมือนคนเก็บกดเหมือนคนไม่เคยได้พูดส่วนต้นน้ำก็มีพูดตอบกลับไปบ้างแต่พายนั้นชิงหลับไปตั้งแต่ต้นๆบทสนทนาซึ่งการหลับของพายคือหลับจริงหลับลึกแบบที่ว่าเสียงดังๆของหญิงสาวคนเดียวบนรถก็ทำอะไรไม่ได้
“พี่ต้น”
“ครับ”
“หนูดูออกว่าพี่ชอบมันจริงๆพี่อย่าถอยนะสู้ให้ถึงที่สุด อย่างเพิ่งท้อนะพี่ ให้เวลามันหน่อยมันมีอะไรในใจเยอะ”
“..พี่ให้เวลาพายได้อยู่แล้ว”
“หนูเชื่อในคำพูดพี่นะ แล้วก็สิ่งที่พี่คาใจน่ะสักวันมันจะบอกพี่เอง”
คำพูดของน้ำทำให้ต้นน้ำเข้าใจอะไรมากขึ้น เขาสัญญากับตัวเองว่าจะรออีกคนและรอฟังว่าสิ่งที่อยู่ในใจของพายคืออะไร เด็กคนนี้แสดงออกด้วยความสดใสก็จริงแต่หลังจากที่รู้จักกันมาเขาก็พอมองออกว่าลึกๆแล้วเจ้าตัวยังมีกำแพงสูงที่กั้นเขาไว้อยู่
สักวันเขาจะต้องทำลายกำแพงเพื่อเข้าไปหาพายให้ได้
--------------------------------------------------------------
ขอบคุณคุณทุกๆคนที่เข้ามาอ่านนะคะ ขอบคุณจากใจ<3
#ต้นน้ำพาย ทาด้าาาา~