เหตุเกิดจากความหิว
ตอนที่ 7
'น้องเขาน่ารักดี'
วันอาทิตย์มาถึงไวยิ่งกว่าสามจีพายไม่ได้กลับบ้านเนื่องจากมีภารกิจที่ต้องทำรออยู่ วันนี้เขาตื่นมาแต่เช้ามาอาบน้ำแต่งตัวซึ่งชุดที่เลือกในวันนี้ทำเอาเขาคิดหนักพอสมควรแต่สุดท้ายก็ได้ชุดเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนลายทางกับกางเกงขาสั้นสีดำและรองเท้าผ้าใบสีขาว พายคิดว่าตัวเองดูดีมากนะ ยกยิ้มให้กับตัวเองหนึ่งทีหน้ากระจกก่อนจะเดินออกจากห้องพร้อมกระเป๋าคาดไหล่สีเดียวกับกางเกงไปที่ห้องต้นน้ำ
พายยกมือขึ้นเคาะประตูห้องเป็นจังหวะบ้างอย่างอารมณ์ดีแต่ยังไม่ทันได้จบทำนองดีบานประตูห้องก็ถูกเปิดมาพร้อมกับสีหน้ายุ่งๆของต้นน้ำซึ่งเจ้าตัวอยู่ในชุดพร้อมออกและมันเป็นเรื่องบังเอิญที่ทั้งเขาและรุ่นพี่ตรงหน้าใส่เสื้อแบบเดียวกันต่างตรงที่อีกคนใส่กางเกงทรงกระบอกขาเต่อสีคาราเมลแค่นั้นเอง
“พี่แต่งตัวตามผม คนแก่ขี้ก็อป”
“ถ้าพูดว่าคนแก่อีกทีกูปากล่องมาการองลงพื้นแล้วเอาเท้าขยี้นะ”
“นิสัยเสีย แม่พี่ไม่สอนเหรอไงว่าห้ามเอาเท้าเหยียบของกินอะ”
“สอนแต่กูไม่จำ ทำไม”
“ผมก็ว่างั้นอะ ไหนเอาขนมมาเลย”
“กินขนมแต่เช้า อ้วนแน่มึง”
“อ้วนก็อ้วนสิผมกินผมไม่ได้ดม”
ยอม--ต้นน้ำคิดก่อนจะยื่นกล่องขนมราคาแพงไปให้เด็กกินจุตรงหน้า เขามองอีกคนเดินนำไปที่หน้าลิฟต์ไปพลางคิดว่ากินเยอะขนาดนี้แต่ไม่อ้วนสงสัยพยาธิเยอะแน่นอน
“แวะกินข้าวเช้าก่อนกูหิว”
“มันต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว ก่อนจะเจอศึกใหญ่ท้องต้องอิ่ม”
“มึงก็พูดเว่อร์ไปไหม”
“ไม่หรอก ดูๆแล้วแฟนเก่าพี่เขาก็เอาเรื่องอยู่นะ ถ้าผมโดนทำร้ายร่างกายผมเรียกค่าเสียหายเพิ่มได้ไหม”
“มึงก็พูดไปแฟนเก่ากูเขาไม่ทำไรมึงหรอก”
“ปกป้องขนาดนี้ไม่ต้องให้ผมไปช่วยแล้วมั้ง”
ต้นน้ำหันไปหรี่ตามองแวบหนึ่งเพื่อมองสีหน้าบูดบึ้งของคนที่นั่งเป็นตุ๊กตาหน้ารถมองยังไงก็น่าแกล้งและทันทีที่รถหยุดตามไฟจราจรเขาก็รีบละสายตาจากท้ายรถคันหน้ามามองเด็กกินจุที่เริ่มจะทำหน้าเคร่งเครียด มุมปากเขายกขึ้นก่อนที่จะเอื้อมมือไปจับแก้มแล้วดึงให้มันยืด
“โอ๊ย!! พี่ผมเจ็บ”
พายหันไปมองตาขวางพร้อมกับพยายามปัดมืออีกคนออกแต่พอปัดได้มือของอีกฝ่ายก็ย้ายไปอีกฝั่งวนไปวนมากับแก้มเขาจนไฟจราจรเปลี่ยนเป็นสีเขียวนั่นแหละถึงเลิก พายยกมือขึ้นมานวดแก้มตัวเองที่ตอนนี้คงจะเป็นสีแดงเถือกไปแล้ว
“ผมอยากกินโจ๊กสามย่านเป็นมื้อเช้า”
“ไกล”
“พี่ทำร้ายผมจนแก้มผมชาแบบนี้ไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ”
“กูต้องฟังมึงเหรอไงพาย”
“ถ้าพี่ไม่ฟังผมกัดหูพี่ขาดแน่แล้วจะบอกแฟนเก่าพี่ว่าพี่อยากคืนดีกับเขาใจจะขาด” พายจ้องเขม็งไปที่ใบหน้าด้านข้างของต้นน้ำ
คนที่หน้าหน้าที่ขับรถไม่ได้พูดอะไรตอบกลับไปนอกจากเบี่ยงรถออกไปอีกเลนเพื่อตรงไปยังร้านโจ๊กที่ว่า เอาเข้าจริงเขาไม่จำเป็นต้องไปฟังคำสั่งของเด็กนี่เลยสักนิดถึงเพราะเรื่องนี้มันเหนือข้อแลกเปลี่ยนที่ว่าจะแลกเปลี่ยนแค่ช่วงที่กันแฟนเก่าไปได้เท่านั้นแต่เขาก็ไม่มีเหตุผลที่จะขัดใจพาย
ระยะทางจากหอพักตรงไปยังร้านโจ๊กที่ว่าก็ใช้เวลานานพอสมควรและก็เป็นโชคดีที่ต้นน้ำได้ที่จอดใกล้ร้านพอดี พายรีบเดินนำจากรถตรงไปสั่งโจ๊กอย่างรวดเร็วก็เดินไปหาที่นั่งซึ่งที่ว่างก็คือเกือบจะในสุด
“มึงรีบไปรึเปล่าพาย แล้วสั่งให้กูยัง”
“แล้วครับ ถ้าไม่รีบก็โดนคนแย่งที่นั่งดิพี่” ประโยคหลังพูดเหมือนกระซิบ
“มึงนี่นะ”
“แล้วนี่แฟนเก่าพี่เขานัดกี่โมงอะ”
“สิบโมงประมาณนั้น”
“ทันเนอะ เรารีบๆกิน”
“อย่างมึงไม่ต้องรีบก็หมดเร็วพาย”
พายสะบัดหน้าหนีไปทางอื่นส่วนต้นน้ำก็เท้าคางทำทีเป็นมองรอบๆร้านแต่จริงๆก็คือมองหน้าพายนั่นแหละ การได้มองใบหน้าของคนตรงหน้าก็เพลินดีแถมแก้มสองข้างที่ยังคงแดงอยู่นั้นก็ทำให้เขารู้สึกว่าไม่อยากละสายตาออกมาเลย
“ผมรู้นะว่าพี่มองผมน่ะ”
“...”
“แหนะ ทำเป็นเงียบ หลงผมแล้วอะดิ” พายฉีกยิ้มกว้างใส่หน้าต้นน้ำ “กิ้วๆ ผมรู้ว่าผมหน้าตาดีไงเป็นธรรมดาที่พี่จะต้องหลง”
เวลาเดียวกันที่ต้นนำถูกล้อโจ๊กชามใหญ่สองชามก็ถูกนำมาเสิร์ฟ ควันร้อนๆลอยขึ้นมาจากชามจนเห็นได้ชัดและสิ่งๆนั้นก็ทำให้พายหยุดพูดและทำสีหน้าล้อเลียนและหันไปทำตาโตใส่ชามโจ๊ก
“เอาละกินได้”
ต้นน้ำหลุดยิ้มออกมาหลังจากพยายามดึงหน้าอยู่นานท่าทางที่คนโจ๊กหรือดวงตาเป็นประกายเวลาเห็นอาหารของพายมันน่าเอ็นดูจริงๆ
“ถ้ากูหลงมึงขึ้นมาจริงๆมึงจะรับผิดชอบกูไหมพาย”
“...”
“...”
“..เมาโจ๊กแน่ๆ” พายพูดงึมงำ
และตลอดมื้ออาหารก็มีเพียงเสียงดังจอแจรอบตัวเท่านั้น ทั้งสองคนเหมือนจะจมจ่อไปกับความคิดของตัวเองและอาหารตรงหน้าจนกระทั่งกลับขึ้นมาบนรถก็แล้วก็ยังไม่มีใครเริ่มต้นพูดอะไรคนหนึ่งตั้งใจขับรถอีกคนเอาแต่เหม่อออกไปด้านนอก และในตอนนี้ก็มีเพียงเสียงเพลงในรถเท่านั้นที่ดังคลออยู่--
ใกล้เกินกว่าที่จะพูดคำใดๆออกไป
มันใกล้เกินกว่าจะมองเห็นใคร
เมื่อเราใกล้จนอยากจะหยุดหายใจ เพลงจังหวะสบายๆยังคงดำเนินไปและถึงแม้ว่าคนเป็นเจ้าของรถจะฟังบ่อยแล้วแต่ไม่รู้ว่าทำไมครั้งนี้พอฟังแล้วเพลงมันดันเพราะขึ้นกว่าเดิมก็ไม่รู้
“กูชอบเพลงนี้”
“ผมก็ชอบ”
“...”
“จริงๆผมชอบพี่ตอนแทนตัวเองว่าพี่มากกว่ากูอีกนะไหนจะเรียกผมว่ามึงด้วย”
ทางเดินมีสองทาง เราคงต้องตัดสินใจ
เราจะไปทางไหนกันดี จะอยู่หรือไป “อือน้องพาย” แล้วเพลงใกล้ของสครับก็จบลงโดยที่ต่างคนต่างอมยิ้มให้กับทัศนียภาพข้างหน้าโดยที่ไม่รู้ตัวและแม้ว่าเพลงจะถูกสับเปลี่ยนไปเป็นเพลงอื่นแล้วแต่ความรู้สึกยังคงตกค้างอยู่ในใจ
บรรยากาศภายในมหาวิทยาลัยใจกลางเมืองนั่นแตกต่างจากมหาลัยนอกตัวเมืองหลวงอย่างพายค่อนข้างมาก รอบๆพื้นที่อาจจะไม่กว้างแต่กลับซับซ้อนและนั่นทำให้พายต้องเผลอหยุดเดินแล้วมองรอบๆตลอดในขณะที่ต้นน้ำก็พยายามจะเดินให้ช้าลงจากที่เคยเป็น
“พายเดินไวๆ มันช้ามาสิบนาทีแล้วนะ”
“ก็ได้ๆ”
ทั้งสองคนพากันเดินไปยังตึกเรียนของคณะศิลปกรรมศาสตร์พายดูจะตื่นตาตื่นใจกับสิ่งรอบตัวแม้ว่าจะไม่ได้แสดงออกอย่างชัดเจนแต่สายตาเป็นประกายนั่นก็ทำให้ต้นน้ำรู้ เขาหยุดฝีเท้าตัวเองเพื่อรออีกคนก่อนจะคว้าข้อแขนมาจับไว้
“พี่มาที่นี้บ่อยเหรอ”
“อืม ช่วงปีก่อนๆที่ยังคบกันกูก็แวะมาหาเขาตลอดทุกครั้งที่ว่าง”
“ความรักทำให้คนอดทนฝ่ารถติด นับถือใจพี่เลย” พายว่าก่อนจะหันมองสีหน้านิ่งๆของต้นน้ำ "ผมน่ะบางทีก็ไม่กลับบ้านหรอกวันศุกร์รถติดขี้เกียจขับรถ”
“พี่ไม่ใช่คนที่อดทนอะไรเก่งหรอกนะแต่ทำไงได้ละ ไม่มาหาก็โดนงอน”
ดวงตาคมของต้นน้ำนั้นมีแต่ความว่างเปล่าเมื่อนึกถึงตอนที่ทะเลาะกันแทบตายด้วยเรื่องที่เขาขี้เกียจขับรถเข้าเมืองมาหา มันเป็นเรื่องที่ชวนปวดหัวจริงๆในตอนนั้นความเอาแต่ใจของมีนมันมากขึ้นจนเขาก็แทบรับไม่ไหว
พายและต้นน้ำมาถึงห้องห้องหนึ่งที่ดูแล้วมันถูกจำลองเป็นสตูดิโอขนาดย่อม ภายในห้องมีคนอยู่ประมาณหกเจ็ดคนแน่นอนว่ารวมมีนด้วย เจ้าตัวกำลังเดินไปเดินมาจัดเสื้อผ้านายแบบคนหนึ่งที่หน้าฉากพร้อมกับใบหน้าติดจะหยิ่งๆไว้ด้วย
“มีน” ต้นน้ำพูดขึ้น "โทษทีที่มาช้าพอดีรถติดน่ะ”
“ไม่่เป็นไร เดี๋ยวต้นตามมีนมาเปลี่ยนชุดนะ”
“ไม่ต้องหรอกเดี๋ยวให้พายเข้ามาช่วยดีกว่า”
มีนปรายตามองรุ่นน้องที่ติดสอยห้อยตามต้นน้ำมา เขาแสดงแววตาอย่างชัดเจนว่าไม่ชอบขี้หน้าเด็กตัวสูงตรงหน้า มันคงไม่มีแฟนเก่าคนไหนบนโลกชอบคนคุยใหม่ของคนที่เคยคบกันมาหรอก
“ต้นกลัวอะไรเหรอ นั่นมันเสื้อผ้าที่เป็นผลงานของมีนมีนต้องรู้ดีสิว่าต้องใส่อย่างไง”
“แต่--”
“ไม่เป็นไรพี่ เดี๋ยวผมรอข้างนอกดีกว่าเกิดผมเข้าไปช่วยแล้วทำเสื้อผ้าพี่มีนพังขึ้นมาคงแย่”
“งั้นพายไปนั่งรอพี่ตรงแถวๆนั้นแล้วกันนะ”
“ครับ”
พายฉีกยิ้มให้พร้อมกับยกมือขึ้นลูบต้นแขนเบาๆก่อนจะเดินไปนั่งตรงเก้าอี้ข้างโต๊ะตัวที่วางคอมพิวเตอร์ยี่ห้อผลไม้โดยตรงนั้นก็มีตากล้องที่เป็นนิสิตนั่งเช็กกล้องอยู่ด้วยในขณะที่ต้นน้ำก็คอยมองจนสุดสายตาก่อนจะเดินตามแรงดึงแขนจากมีน
และทันทีที่เข้ามาส่วนของห้องแต่งตัวมีนก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยพอใจ
“ต้น”
“อะไร”
“จะพาเด็กนั่นทำไม”
“เอาเสื้อผ้ามาเดี๋ยวต้นเปลี่ยนเอง” ต้นน้ำไม่คิดจะต่อความยาวสาวความยืดไปมากกว่านี้นอกจากเปลี่ยนเรื่องไปเลยแต่ดูเหมือนมีนจะไม่ให้ความร่วมมือสักเท่าไหร่
“ตอบมีนมาก่อนสิ”
“ตอบแล้วยังไงละมีนก็ไม่ชอบหน้าพายอยู่ดี แล้วยื่นเสื้อผ้ามาสักทีจะได้รีบถ่ายๆให้มันเสร็จๆ”
“ถามจริงๆนะ เอาเด็กนั่นมากันมีนใช่ไหม”
ต้นน้ำถอนหายใจก่อนจะคว้าเอาเสื้อผ้าในมือของมีนมา เขาเลือกจะถอดเสื้อเปลี่ยนมันตรงนั้นเลยโดยไม่ได้สนใจสีหน้าไม่พอใจของมีนที่กำลังออกอย่างชัดเจนในตอนนี้
“ต้นตอบสิ”
“ไม่ใช่ นั่นแฟนใหม่ต้นเอง” มือทั้งสองข้างก็กลัดกระดุมไปด้วย "แล้วเลิกถามเรื่องไร้สาระแบบนี้ด้วย”
มีนกำมือทั้งสองข้างแน่น เขาไม่พอใจแต่ทำอะไรไม่ได้และตอนนี้ทำได้แค่โฟกัสกับงานตรงหน้า มีนเข้าไปช่วยจัดแจงชุดที่ออกแบบและตัดเย็บเองด้วยสีหน้าเคร่งเครียดซึ่งทุกอย่างถูกจัดแจงจนเสร็จภายในเวลาไม่กี่นาที
ต้นน้ำออกมาในชุดเสื้อเชิ้ตสีดำสนิทที่ปลดกระดุมออกเสียตั้งสามเม็ดและกางเกงยีนขาดเข่าสีดำเช่นกันส่วนรองเท้านั้นเป็นรองเท้าแตะกึ่งสาน พายมองอีกคนแบบไม่กะพริบตาและเขาอดจะชื่นชมในใจไม่ได้ว่าอีกคนโคตรจะดูดี สัดส่วนและความหนาของร่างกายนั่นช่างสมบูรณ์เหลือเกิน
“เดี๋ยวเซตผมหน่อยนะ” มีนหันไปพูดกับเพื่อนของเจ้าตัวก่อนจะหันไปหาตากล้อง "ไม่เกินสามสิบนาทีนะเกน”
“ตามสบาย”
มนุษย์ที่ชื่อเกนตอบรับก่อนจะหันไปชวนพายพูดคุยระหว่างที่รอซึ่งต้นน้ำที่กำลังถูกจับเซตผมแต่งหน้าก็คอยมองตลอดและเห็นด้วยว่าพายกำลังหัวเราะชอบใจ เขากำลังรู้สึกหงุดหงิดกับภาพที่เห็น ความไม่พอใจผุดขึ้นมาจนเรียวคิ้วขมวดเข้าหากันอัตโนมัติ
“เอ่อต้นน้ำรบกวนคลายคิ้วนิดนึงนะ” ผู้หญิงที่รับผิดชอบส่วนแต่งหน้าเซตผม
“โทษที”
“ไม่เป็นไรจ้า”
“...”
“คนนั้นชื่อเกน รุ่นๆเดียวกันเป็นคนมีฝีมือถ่ายภาพมาก”
“...”
“เป็นคนคารมดีแต่ก็เจ้าชู้พอสมควร”
“บอกเราทำไม” ต้นน้ำพูดเสียงนิ่งๆ
“เรารู้ว่าต้นอยากรู้ เห็นตามองน้องที่พามาด้วยไม่กะพริบเลย หึงละสิ”
ว่าที่นายแบบวันนี้แม้จะแสดงออกว่านิ่งแค่ไหนแต่ในใจกลับปั่นป่วนยิ่งกว่าอะไรและจนต้นน้ำแต่งตัวทำผมอะไรเสร็จแล้วคนที่ชื่อเกนกับพายก็ยังคุยเล่นกันไม่เสร็จสักทีแต่พอจะเดินเข้าไปทักมีนก็ดึงเขาไปที่หน้าเซตเสียก่อน
“เดี๋ยวใส่จิวนี่ด้วยนะ” มีนยื่นจิวต่างหูสีดำไปตรงหน้า "ยังใส่ได้ใช่ไหม”
“อืม”
“ย่อตัวลงหน่อยเดี๋ยวใส่ให้”
“ไม--”
“เร็วๆต้น”
“เออๆ”
นายแบบจำเป็นไม่มีสิทธิ์ต่อรองอะไรนอกจากทำตามอีกฝ่าย มีนค่อยๆใส่จิวต่างหูให้ก่อนจะจับเสื้อผ้าหน้าผมและใส่ส่วนของผ้าอะไรอีกทีต้นน้ำไม่ได้สนใจเท่าไหร่เพราะสายตามันเอาแต่จ้องไปที่พายที่ตอนนี้เหมือนจะหันมามองตนเองแล้ว เขาพยายามสื่อสารทางสายตาว่าให้อีกคนเดินมาหาแต่อีกคนกลับทำเพียงขยับปากบอกเขาว่าสู้ๆ
หงุดหงิดโว้ย!!!!
กว่าที่นายแบบจะแต่งตัวอะไรเสร็จเวลาก็ผ่านไปแล้วหนึ่งชั่วโมงเต็มก่อนจะเริ่มถ่ายรูปซึ่งการถ่ายรูปในครั้งนี้คือการส่งพอร์ตผลงานส่งอาจารย์ของมีนและแน่นอนว่าชุดนี้จะถูกนำไปขายในร้านอีกต่อหนึ่ง เสียงชัตเตอร์ดังขึ้นอย่างต่อเนื่องและพายเองก็มองทุกอย่างด้วยความตื่นตาตื่นใจ เขาไม่เคยเห็นพวกเบื้องหลังอะไรแบบนี้เท่าไหร่
แชะ! แชะ!
“หันซ้ายทีครับ”
ทั้งเสียงคนและเสียงชัตเตอร์นั้นไม่ได้ดึงความสนใจของพายได้มากเท่านายแบบจำเป็นอย่างต้นน้ำเลยเพราะทันทีที่เขาเทความสนใจไปที่รุ่นพี่ตรงหน้าเขาก็ละสายตาออกไปไหนไม่ได้อีกเลย อีกฝ่ายสลัดภาพนักศึกษาวิศวะกากๆไปจนหมดหลงเหลือเพียงผู้ชายที่มีเสน่ห์เหลือล้น
พายไม่รู้เลยว่าอีกคนเจาะหูด้วยซึ่งจิวที่หูนั่นยิ่งขับให้ใบหน้าอีกคนหล่อเหลามากกว่าเดิมและนี่ไม่รวมกับทรงผมที่ถูกเซตปัดข้างซึ่งผมด้านนั่นเหมือนว่ามันจะยาวไม่มากพอจะเดาได้ว่าก่อนหน้าอีกคนคงจะไถมาแน่นอน สิ่งที่เห็นนั่นทำเอาใจดวงน้อยของพายเต้นแรงเสียจนควบคุมไม่อยู่ รู้สึกเขินแม้ไม่ได้ถูกมองตาตรงๆ มองเพลินจนไม่รู้เลยว่างานถ่ายแบบตรงหน้าจบลงแล้ว
“ขอบคุณมากนะเกน” เสียงของมีนดังขึ้นมา
“ไม่เป็นไร”
“ต้นด้วยนะ”
มีนไม่ได้พูดเปล่าแต่กลับเดินตรงไปหานายแบบของวันนี้แล้วเขย่งเท้าแล้วกดจมูกลงที่แก้มของต้นน้ำ มีนฉีกยิ้มหวานให้ก่อนจะมอบสีหน้าแห่งชัยชนะไปให้กับพายที่ยืนอยู่ไม่ไกลซึ่งปฏิกิริยาที่ได้คือเจ้าตัวทำหน้าเหวอไปแล้ว
“ทุกคนเก็บของกันเลย” ผู้หญิงที่แต่งหน้าทำหน้าผมให้ต้นน้ำพูดขึ้นอย่างดีใจ "ไปกินข้าวด้วยกันไหมต้นน้ำแล้วก็น้อง?”
“พายครับ”
“ใช่เลย น้องพายไปกินข้าวด้วยกันไหมเอ่ย”
“ไว้โอกาสหน้าดีกว่าครับ” พายตอบกลับอย่างสุภาพ
“โอเคจ้า”
ผู้คนภายในห้องเริ่มกระจัดกระจายไปตามมุมเพื่อเก็บของในขณะที่เขาก็ยืนงงๆอยู่ใกล้ๆกับประตูห้องโดยที่มีเกนห้อยกระเป๋าใส่กล้องอยู่ข้างๆตนเอง อีกฝ่ายดูจะเป็นยิ้มเรี่ยราดพอสมควรแถมดวงตายังยิ้มตามอีกมันก็ดูมีเสน่ห์แต่พายก็พอรู้ว่าคนตรงหน้านี้ไม่ควรเข้าใกล้มากนัก
“เออน้องพายจะเป็นไรไหมถ้าพี่ขอไลน์ไว้ เพื่อไว้คุยกันเรื่องร้านอาหารอร่อยๆน่ะ”
“เอ--”
“พายกลับกัน”
ยังไม่ทันได้พูดปฏิเสธอะไรออกไปต้นน้ำก็เดินเข้ามาพร้อมกับจับมือพายไว้เสียแน่นแถมทำสีหน้าหาเรื่องเกนอีกต่างหาก ดวงตาคมดูดุขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
“น้องพาย”
“คือผมไม่ค่อยได้เล่นไลน์น่ะพี่ ผมกลับก่อนนะครับพี่เกน”
“งั้นก็ได้ ไว้ว่างๆพี่จะแวะไปหาที่มหาลัยนะ”
“ไปทำไมให้เกะกะ” ต้นน้ำพูดแทรกขึ้น "ไปพาย”
ต้นน้ำพูดจบก็เตรียมลากพายออกมาจากห้องแต่ไม่วายโดนเกนดึงไหล่เอาไว้ อีกฝ่ายโน้มตัวเขามาใกล้ๆก่อนจะกระซิบบอกด้วยประโยคที่ฟังแล้วเขาหัวร้อนขึ้นมาทันที--
“น้องเขาน่ารักขนาดนี้จะหวงก้างไว้คนเดียวคงไม่ดีมั้งครับ”
“มึง”
“ดูก็รู้แล้วว่าไม่ได้เป็นแฟนกันจริงๆ หึ”
เกนตบบ่าต้นน้ำไปสองสามทีก่อนจะเป็นคนเดินออกจากห้องไปก่อนโดยทิ้งรอยยิ้มกวนประสาทเอาไว้ส่วนต้นน้ำได้แต่กัดฟันกรอด หัวเขาร้อนจนถ้าวัดอุณหภูมิมันคงขึ้นสูงจนปรอทแตกแน่นอน เขากำลังรู้สึกโมโหและหงุดหงิดจนอยากหยิบอะไรสักอย่างทุ่มลงกับพื้นมันเดี๋ยวนี้
“พี่ไปกินข้าวกันเถอะ ผมหิวแล้ว” พายพูดขึ้นพร้อมมองหน้าอีกคนงงๆ "ใจเย็นๆไม่ต้องโมโหหิวนะ รอบนี้พี่เลือกเลยว่าอยากกินอะไร”
แต่ความหัวร้อนก็หายไปเพราะเด็กตรงหน้า เจ้าตัวที่ทำหน้าเด๋อนี่กำลังพยายามปลอบใจเขาซึ่งเดาได้ว่าอีกคนคงเข้าใจว่าเขาถูกพูดกวนตีนใส่แต่ไม่รู้เนื้อความแน่นอน
“งั้นแวะห้างใกล้ๆนี่แล้วกัน”
"งั้นผมขอแนะนำร้านชาบูร้านxxxนะ น้ำซุปอย่างอร่อย อันนี้คือคำแนะนำนะพี่จะไม่ไปก็ได้”
พายมองต้นน้ำตาแป๋วในขณะที่เดินลงจากตึกคณะซึ่งเขาไม่ได้ตอบอะไรกลับไปเพราะคิดว่ายังไงคงไปตามร้านที่อีกคนแนะนำนั่นแหละ ใครจะไปปฏิเสธเด็กนี่ลงกันและความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นมาความอยากเอาคืนตอนโดนอ้วกใส่มันหายไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้
----------------------------------
พระเอกทำไมน่าสงสารก็ไม่รู้เนอะ55555555555555
ขอบคุณทุกคนนะคะที่เข้ามาอ่าน ขอบคุณจากใจค่ะ
ติดแท็กอะไรงี้ก็ได้นะคะ #ต้นน้ำพาย แล้วก็มีหน้าทวิตที่เพิ่งเปิดด้วย @happythurday ค่ะเพื่อไว้อัพเกี่ยวกับนิยายซึ่งมีอยู่เรื่องเดียว555555555555