เหตุเกิดจากความหิว
ตอนที่ 15
กินจริงป่วยจริง
วันที่สองที่ได้หยุดก่อนจะเปิดไปเรียนต่อถือเป็นวันสำคัญของพายเพราะมันคือวันล้างผลาญเงินในกระเป๋าของรุ่นพี่ตัวใหญ่ที่ยังนอนหลับอุตุอย่างต้นน้ำอย่างไงกัน พายลุกขึ้นนั่งแล้วยกแขนขึ้นบิดขี้เกียจก่อนจะค่อยๆพยุงตัวลุกออกจากเตียงนอนแต่ยังไม่ทันจะได้ลุกขึ้นยืนดีๆข้อมือเขาก็ถูกคนที่หลับอยู่รั้งเอาไว้
“ไปไหน” ต้นน้ำถามเสียงงัวเงีย
“กลับห้องสิ”
“กลับไม”
“ไปอาบน้ำแต่งตัวเตรียมไปรับประทานอาหารไงพี่มึง”
“อ๋อ โอเค”
ต้นน้ำปล่อยมือแล้วพลิกตัวหันไปอีกด้านเพื่อนอนต่อเมื่อได้รับคำตอบ เขาง่วงเกินกว่าจะลุกจากเตียงในตอนนี้กว่าเมื่อคืนจะได้หลับก็ปาไปตีสองได้และที่เขานอนดึกก็เพราะว่าเล่นเกมเพลินผิดกับคนข้างตัวที่หัวถึงหมอนก็หลับไปตั้งแต่ห้าทุ่ม
“ถ้าผมกลับมาแล้วพี่ยังไม่ลุกผมจะถีบพี่ตกเตียงจริงๆด้วย”
“อือๆ เดี๋ยวลุก”
ได้ยินอย่างนั้นพายก็รีบสาวเท้าเดินจากห้องไปพร้อมกับคีย์การ์ดสำรองบนโต๊ะโดยที่คนบนเตียงก็เดินทางเข้าสู่ห้วงนิทราอีกครั้ง และทันทีที่พายถึงห้องตัวเองเขาก็รีบเดินตรงไปที่ตู้เย็นเพื่อกินนมหนึ่งกล่องก่อนจะจัดการอาบน้ำแต่งตัว เขาไม่มีทางปล่อยให้ท้องว่างเกินไปหรอกมันไม่ใช่สไตล์
เจ้าของห้องริมสุดของชั้นห้าใช้เวลากับการอาบน้ำเพียงห้านาทีและออกมาเลือกเสื้อผ้าใส่ง่ายๆอีกสามนาทีซึ่งชุดที่ใส่ก็แค่เสื้อยืดสีขาวที่พาดสกรีนยี่ห้อแบรนด์ดังกับกางเกงยีนขาดเข่าสีดำและรองเท้าแตะยี่ห้อเดียวกับเสื้อ กางแต่งตัวพื้นๆที่ราคารวมๆแล้วไม่พื้นเอาเสียเลยแต่พายไม่ได้ใส่ใจมันเท่าไหร่นัก เก็บสัมภาระเล็กๆน้อยๆอย่างกระเป๋าตังค์ มือถือ และถุงลูกอมลงในกระเป๋าคาดอกสีน้ำตาลเข้มเสร็จก็ได้ฤกษ์ออกจากห้องตัวเองเสียทีและทันทีที่ก้าวเข้าไปในห้องของต้นน้ำพายก็พบว่าอีกคนยังนอนอยู่ที่เดิมไม่ขยับไปไหน
“พี่ต้น”
“...”
“พี่มึง!”
ตุ๊บ! แล้วแรงจากฝ่าเท้าของพายก็ถีบเข้าไปเต็มแรงตรงช่วงตัวของต้นน้ำที่ซ่อนอยู่ในผ้าห่มผืนค่อนข้างหนา ดีแค่ไหนแล้วที่เขาถอดรองเท้าออกไปแล้ว ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้คือตัวของต้นน้ำกลิ้งไปเกือบตกเตียง พายยืนกอดอกหน้านิ่งในขณะที่คนถูกกระทำผุดขึ้นนั่งด้วยหน้าตาหงุดหงิด มือทั้งสองข้างของตัวเองยกขึ้นยีหัวอย่างเอาเป็นเอาตาย
“ชักช้า ผมหิวแล้วนะ”
“แต่พี่เจ็บนะพาย”
เจ้าของห้องตัวใหญ่พูดด้วยน้ำเสียงติดจะหงุดหงิดเพียงเล็กน้อยแต่นั่นก็มากพอที่จะทำให้คนที่โมโหหิวสงบลง พายมองหน้าอีกคนนิ่งๆและจากที่ยืนกอดอกแขนทั้งสองข้างก็แนบลงที่ข้างตัว กลีบปากอิ่มก็ถูกเม้มจนเป็นเส้นตรง
“ผมขอโทษ”
“...”
“พี่ต้นน้ำ” พูดไปก็ช้อนตากลมๆที่คลอไปด้วยน้ำของตัวเองไปหาคนที่สาวเท้ามาหยุดอยู่ตรงหน้า "พี่อย่าโกรธผมนะ”
“พี่ไม่โกรธเราหรอก โอ๋ๆ” ต้นน้ำรวบตัวคนที่ตัวเล็กกว่าเข้ามาในอ้อมกอดแล้วโยกตัวไปมา "ไม่ร้องไห้นะ พี่ก็ขอโทษที่หงุดหงิดใส่เรา”
“อือ”
“ในตู้เย็นน่าจะมีขนมเหลือนะ ลองเปิดดูก่อนเดี๋ยวพี่รีบอาบน้ำ”
“ครับ” พายเอาหัวถูไถไปมาที่ช่วงลาดไหล่ก่อนจะผละตัวออกพร้อมทำสีหน้าลูกแมวขออาหารใส่
จุ๊บ!
คนตัวใหญ่อดใจไม่ไหวเลยกดจูบลงที่หน้าผากเนียนไปเต็มแรงก่อนจะเดินไปเข้าในห้องน้ำส่วนคนที่ถูกจูบก็ยืนมองเจ้าของห้องไปจนกระทั่งบานประตูห้องน้ำปิดลง พายยกยิ้มขึ้นมานิดๆก่อนจะโคลงหัวตัวเองไปมา ดูก็รู้แล้วว่าอีกฝ่ายแพ้ท่าทางเขาแบบไหน มันไม่ยากเลยที่จะทำให้คนอย่างต้นน้ำไปไหนไม่รอด เขาจะต้องไม่ใช่คนที่ถูกทิ้งอีกต่อไป
กว่าจะได้ออกจากห้องก็เป็นเวลาสิบโมงครึ่งซึ่งแผนการวันนี้ก็คือการไปบุฟเฟ่ต์ที่โรงแรมและต่อด้วยการไปกินขนมที่บ้านของต้นน้ำแล้วถึงพาพายกลับไปส่งบ้านและการเดินทางของวันนี้ก็คือรถยนต์ของต้นน้ำส่วนรถของพายก็จอดทิ้งอยู่ที่หอพัก การจราจรในวันนี้ถือว่าตัดขัดระดับปานกลางติดบ้างในบางช่วงเท่านั้น
“บ้านพี่อยู่แถวไหนอะ”
“ก็ในเมือง”
“แล้วบ้านพี่ทำอะไรอะ ผมเห็นพี่หิ้วของกินมาให้ผมบ๊อยบ่อย”
“อืม ก็ขายของนะ”
“สงสัยร้านใหญ่แน่ๆเลย”
“ก็ใหญ่นิดนึง แล้วนี่ตอนเย็นพี่ต้องไปส่งเราที่บ้านพี่ต้องทำตัวยังไงดี”
“ก็ทำตัวปกติแหละ บ้านผมใจดีทุกคน”
“เชื่อได้แน่เหรอ ไม่ใช่ไปถึงเจอพ่อเราถือปืนรอหน้าบ้านนะ”
“ประสาทแล้วพี่ นั่นมันในละครมะ”
ซึ่งตลอดทางที่เข้าเมืองก็มีพายถามโน่นถามนี่แบบไม่เบื่อหน่ายโดยที่หน้าตักก็มีขนมไข่เต่าที่หยิบเอาเข้าปากเป็นระยะๆและก็มีบ้างที่จะยื่นไปป้อนคนที่กำลังขับรถอยู่ด้วยจนกระทั่งรถยนต์สัญชาติยุโรปของต้นน้ำวนเข้าไปในตัวห้างใหญ่ใจกลางเมือง
“จะแวะห้างก่อนเข้าบ้านเหรอพี่”
“อืม”
“แล้วบุฟเฟ่ต์โรงแรมผมอะ”
“ก็นี่ไง โรงแรมอยู่ถัดไปข้างใน”
“อ๋อ” พายพยักหน้าหงึกหงัก
รถของต้นน้ำวนขึ้นไปหลายชั้นของส่วนที่จอดรถวนจนถึงชั้นด้านบนสุดแต่ถามว่าพายเกิดความสงสัยไหมก็ตอบเลยว่าไม่เจ้าตัวยังคงเพลิดเพลินกับการพิมพ์แชทกับคนในบ้านอยู่จนไม่ทันสังเกตเลยว่าส่วนที่เขามาจอดนั้นมันสงวนสิทธิ์เอาไว้ให้กับลูกหลานเจ้าของห้างน่ะนะ
“พาย”
“อือ ถึงแล้วเหรอครับ”
อืม คิดไว้ยังว่าอยากกินอะไรเป็นพิเศษบ้าง”
“อยากกุ้งแม่น้ำอะ ว่าแต่มันมีไหมอะพี่ คือที่ผมดูรีวิวไว้อีกที่คือมันมี”
“ถ้าพายอยากกินเดี๋ยวพี่บอกเขาให้”
“บอก?”
ดวงตากลมโตของพายฉายแววสงสัยออกมาอย่างปิดไม่มิดแต่ต้นน้ำก็ทำตีมึนแถมยังถือวิสาสะกุมมือของคนเด็กกว่าให้เดินไปตามทางอีกต่างหาก เจ้าตัวยังตีมึนไม่รู้ไม่ชี้แม้ว่าพนักงานในส่วนของโรงแรมจะเริ่มมองมาแถมบางส่วนยังยกมือไหว้ให้อีกด้วยซึ่งเขาเองก็ยกมือไหว้กลับไปตามมารยาท ส่วนพายก็มีท่าทางเก้ๆกังๆอย่างเห็นได้ชัดจนกระทั่งทั้งสองคนเดินมาถึงส่วนของชั้นอาหารที่เปิดอยู่
“พี่ ผมว่ามันแปลกๆ”
“ก็ไม่นี่”
“ทำไมเขาต้องไหว้พี่ด้วยอะแถมมองเหมือนรู้จักกันดีอีก”
“หึงเหรอครับน้องพาย”
“บ้าเหรอไงไม่ได้หึงโว้ย”
“เชื่อๆ”
“แล้วผมจำได้นะว่าที่นี้ไม่มีบุฟเฟ่ต์อะ”
“อ้าวเหรอ แต่พี่พามาแล้วอะทำไงดี” ต้นน้ำแสร้งทำสีหน้าเป็นกังวล
“ผิดคำพูดอะ นิสัยไม่ดีแต่ผมหิวมากแล้วงั้นผมสั่งเลยแล้วกัน”
ต้นน้ำพยักหน้ารับก่อนจะเอนหลังไปกับเก้าอี้นั่งโดยที่สายตาก็มองไปที่พายที่ดูจะเคร่งเครียดกับการเลือกอาหารจากเมนูที่มีไม่กี่หน้า เขาไม่ได้ละสายตาไปจากหน้าของพายเลยสักนิดและไม่คิดจะหันไปมองอะไรอย่างอื่นด้วยเพราะมันไม่ได้น่าสนใจเท่ากับท่าทางของพายเลยสักนิด
“ผมสั่งเลยนะ”
“อืม”
“แล้วพี่ไม่เลือกบ้างเหรอ”
“พี่กินได้หมดแหละ เราเลือกเลย”
“งั้นอย่ามาบ่นผมทีหลังก็แล้วกัน”
“ครับๆ”
จบบทสนทนาสั้นๆพายก็เรียกพนักงานหนุ่มที่อยู่ไม่ไกลให้มาหาและเริ่มสั่งอาหารไปถึงสี่เมนูในขณะที่ต้นน้ำก็ทำเพียงแค่นั่งฟังอยู่เฉยๆไม่ได้เอ่ยปากอะไรออกมาสักอย่างจนกระทั่งพนักงานเดินหายไปทางครัวแล้วต้นน้ำก็ยังนั่งอมยิ้มมองพายไปเรื่อยๆ
“ถามจริง พี่ดูดอะไรมาปะยิ้มอยู่ได้”
“ก็แค่อยากยิ้มแปลกตรงไหน”
“มันขนลุกอะ พี่กำลังทำตัวประหลาดอะ หรือพี่มีความลับอะไรกับผมรึเปล่า” พายหรี่ตามอง
“ก็เปล่า”
“จริ--”
“ต้นน้ำลูก”
แล้วจู่ๆเสียงหวานๆของใครสักคนก็ดังแทรกเข้ามากลางวงสนทนา พายรีบหันหน้าไปทางต้นเสียงทันทีซึ่งเขาก็เจอกับหญิงสาวที่น่าจะอยู่ในช่วงวัยกลางคนและเดาได้ไม่ได้เลยว่าคงเป็นคุณแม่ของพี่ต้นน้ำ ใบหน้าที่ดูละม้ายคล้ายกันนั้นก็คือคำตอบแล้ว เขารีบลุกจากเก้าอี้แล้วยกมือไหว้ด้วยท่าทางนอบน้อม
“สวัสดีครับคุณแม่พี่ต้นน้ำ”
“สวัสดีค่ะน้องพาย”
“ค-ครับ”
“นั่งเถอะลูก แม่แวะมาหาแค่แป๊บเดียว”
“ครับ”
“แล้วนี่หนูสั่งอะไรมากันรึยังคะ”
“สั่งเรียบร้อยแล้วครับ”
หญิงสาวตรงหน้าพายพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้มหวานก่อนเธอจะหันไปทางลูกชายตัวเองที่นั่งเก๊กท่าอย่างน่าหยิก
"แล้วนี่คิดจะกลับบ้านมาก็ไม่คิดจะบอกคุณแม่เลยใช่ไหมคะ”
“โถ่ แม่ครับผมว่าผมส่งข้อความหาแล้วนะ”
“ข้อความบางทีคุณแม่ก็ไม่ได้เปิดอ่าน โทรมาดีกว่าค่ะ”
“โอเคครับ ผมขอโทษ”
“ถ้าเป็นเมื่อก่อนแม่จะตีให้เนื้อลายเลย” เธอว่าพร้อมกับยกมือขึ้นหยิกไปที่ท้องแขนของลูกชายตัวเอง "ถ้างั้นคุณแม่ไม่กวนแล้ว วันนี้คุณแม่ต้องไปดูงานหน่อยนะคะ”
“ครับคุณแม่”
“ดูแลน้องดีๆด้วยนะคะ”
“ครับผม”
“น้องพาย ถ้าไม่อิ่มก็สั่งได้เรื่อยๆนะลูก”
“อ-อ๋อครับ ขอบคุณมากๆนะครับ”
“จ้า”
คุณแม่ของต้นน้ำส่งยิ้มเอ็นดูไปให้พายก่อนจะยกมือขึ้นลูบแก้มเบาๆแล้วถึงจะเดินออกไปโดยไม่ลืมแวะสั่งงานกับพนักงานโถงอาหารนี้อีกนิดหน่อยจนกระทั่งร่างระหงเดินหายไปจากกรอบสายตาของพาย เขารีบหันหน้าไปทางต้นน้ำที่นั่งเท้าคางมองสีหน้าเคร่งเครียดของอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้ม
“พี่ต้น”
“ว่าไงคะน้องพาย”
“ที่บอกว่าบ้านนี่คือที่นี้เหรอ?”
“จะว่างั้นก็ได้”
“พี่เป็นเจ้าของที่นี้เหรอ” พายพูดไปก็ตาโตไปด้วย
“เหอะ ของพ่อกับลุงพี่ต่างหาก พี่มันเป็นแค่พนักงานต๊อกต๋อยเอง”
“ผมไม่เล่นนะ”
“พี่พูดจริง”
พายยกมือขึ้นตบหน้าผากตัวเอง เขารู้สึกหมดคำจะพูด
“โกรธพี่เหรอ”
“ก็เปล่า แต่แบบผมทำตัวไม่ถูกใครจะไปคิดว่าพี่แม่งเป็นถึงทายาทตระกูลดัง”
“ทำตัวแบบเดิมแหละพาย พี่ก็ยังเป็นพี่ต้นคนเดิม ส่วนนามสกุลมันก็แค่เป็นส่วนประกอบเท่านั้น”
“อ-อืม”
“ยิ้มก่อนเร็วน้องพาย”
พายส่งยิ้มแกนๆกลับไปให้ก่อนจะหลบตาอีกฝ่ายเพื่อมองออกไปยังท้องฟ้าด้านนอก ที่บอกไปว่าทำตัวไม่ถูกก็คือทำตัวไม่ถูกจริงๆ เขาไม่เคยรู้มาก่อนและที่สำคัญเขาก็ไม่ใส่ใจถึงชื่อนามสกุลของอีกฝ่ายสักนิดแม้ว่าตอนที่รู้ชื่อนามสกุลจริงจะรู้สึกตงิดใจเล็กๆก็เถอะ
“แล้วทำไมพี่บอกว่าแค่ว่าบ้านขายของว่ะ ทำไมไม่ขยายความ” พายพูดทั้งที่ยังทิ้งสายตาไว้ที่นอกหน้าต่างกระจกบานใหญ่
“ก็บ้านพี่ขายของจริงๆนี่ พี่ไม่รู้ว่าจะขยายความยังไง”
“เออก็จริง”
แล้วจากนั้นบทสนทนาก็ไม่มีอะไรต่อเนื่องจากอาหารที่สั่งไปนั้นถูกนำมาเสิร์ฟ และการกินอาหารนั้นถูกยิงยาวไปจนถึงบ่ายเพราะนอกจากอาหารที่พายเลือกแล้วยังมีของหวานที่เหมือนแม่ของต้นน้ำจะสั่งทิ้งไว้ให้ถูกนำมาเสิร์ฟต่อ
พายลูบพุงกะทิตัวเองเบาๆเมื่อตักเค้กชาไทยเข้าปากเป็นคำสุดท้ายในขณะที่ต้นน้ำยอมยกธงขาวไปตั้งแต่มื้ออาหารคาวหมดลงไป
“พี่ ผมไม่เคยคิดเลยว่าจะมีวันที่ผมกินจนรู้สึกเหนื่อย”
“ไหวไหมนั่น”
“ไม่ไหว” พายพิงตัวไปกับพนักเก้าอี้ "ผมเข้าใจแล้วว่าความรู้สึกของชูชกที่กินจนตายมันเป็นยังไง”
ต้นน้ำถึงกับหลุดขำออกมา สภาพของพายตอนนี้เรียกได้ว่าหมดสภาพอย่างแท้จริงและขนาดเขาขำขนาดนี้อีกคนยังไม่หันมาด่าเลยสงสัยว่าจะเหนื่อยจากกินเยอะจริงๆ เขากวาดตามองอาหารบนโต๊ะก็นึกทึ่งและภูมิใจไม่น้อยที่อีกคนกวาดเรียบเพราะในอดีตที่ผ่านมาไม่ว่าจะแฟนเก่าหรือคู่ควงมักจะสั่งมาเยอะแต่กินไม่หมด กินเหมือนแมวดมบ้างละจนเขาที่เสียดายต้องจัดการจนหมดแทน
“งั้นขึ้นไปนั่งพักบนห้องพี่ก่อนไหมพาย”
“ได้! พี่แบกผมไปได้ไหม ผมเดินไม่ไหวแล้วเนี้ย”
“เอ็นดูว่ะ” ต้นน้ำเอื้อมมือไปดึงแก้มของพายเบาๆ "พี่ก็บอกแล้วว่าไม่ไหวก็ให้พอ ห่อกลับก็ได้”
“ผมขี้เกียจถือกลับนี่ อีกอย่างอาม่าบอกไว้ว่าถ้าคนเขาตั้งใจทำอะไรให้กินก็ต้องกินให้หมดเพื่อไม่ให้เสียน้ำใจ”
“โอเคๆ พี่ไม่เถียงแล้วครับ”
พวกเขานั่งคุยต่อกันอีกสักพักจนพายเอ่ยปากขึ้นมาว่าเดินไหวต้นน้ำถึงจูงมืออีกคนออกไปจากโถงอาหารชั้นนี้เพื่อพาขึ้นลิฟต์ฝั่งที่พักไปยังห้องของตัวเองที่อยู่สูงขึ้นไปอีกสองชั้นเท่านั้น ซึ่งห้องที่ว่านั้นก็สภาพเหมือนห้องสูทธรรมดาเท่านั้นแต่แค่ขนาดใหญ่กว่าปกติ
“แม่พี่ดูไม่โมโหไม่ถามอะไรผมเท่าไหร่เลย” พายพูดพร้อมกับนั่งลงที่โซฟาตัวใหญ่
“เขารู้อยู่แล้ว”
“พี่บอกแม่เหรอ หมายถึงเรื่องระหว่างเรา”
“ถึงไม่พูดแม่พี่เขาก็รู้เอง”
“แล้วอย่างนี้...”
“อย่าคิดมาก บ้านพี่เขาไม่ใช่พวกหัวโบราณสิ่งเดียวที่เขาคาดหวังจากพี่คือเรื่องเรียนและเรื่องการทำงานในอนาคตมากกว่า”
“...”
“ไม่เอาไม่ทำหน้าบึ้งสิ มาจุ๊บเหม่งหน่อยซิ” ว่าจบก็โน้มตัวไปจูบที่หน้าผากเนียนหนึ่งที "แต่แม่พี่เขาเอ็นดูเรานะปกติแค่มาทักทายแล้วไม่ได้สนใจอะไร”
“ถ้าพี่ว่างั้นผมก็โล่งใจ”
“อย่าคิดมาก เดี๋ยวเย็นๆพี่ไปส่งบ้าน”
“อือ”
พายมองคนตัวใหญ่เดินไปเดินมาในห้องทำโน่นทำนี่ซึ่งก็คือการเก็บกวาดกองหนังสือและชีทเรียนที่อยู่กระจัดกระจายไปพลางๆและปล่อยให้เสียงจากทีวีจอใหญ่เป็นเพียงเสียงประกอบฉาก เขากำลังคิดว่าเพราะอะไรที่ทำให้เขารู้สึกกับผู้ชายคนนี้ได้มากขนาดนี้เผลอๆอาจจะมากกว่าคนเก่าๆด้วยซ้ำและแน่นอนว่าตอนนี้เขาเองก็ไม่มีคำตอบให้กับสิ่งที่เขาสงสัย
พวกเขาสองคนคลุกกันอยู่ในห้องนั้นจนกระทั่งถึงหกโมงเย็น ตอนแรกต้นน้ำก็อ้อนให้อีกคนอยู่ค้างคืนแต่เจ้าตัวก็ยืนยันคำเดิมว่าอยากกลับบ้านอย่างนั้นแล้วเขาเลยต้องทำหน้าที่เป็นสารถีเพื่อไปส่งที่บ้านที่อยู่เกือบชานเมืองแต่ในระหว่างที่กำลังขับผ่านแยกๆหนึ่งพายก็สะกิดแขนคนขับยิกๆ
“?”
“ผมอยากกินเครปอะ”
“กินเครปตอนนี้เดี๋ยวก็กินข้าวเย็นไม่ได้หรอกพาย”
“ชิ้นเดียวไม่เป็นไรหรอก นะพี่ต้น”
พายพูดเสียงอ้อนแถมยังเอานิ้วจิ้มที่ต้นแขนไม่หยุดซึ่งต้นน้ำจะทำอะไรนอกจาก
“โอเคๆ พี่เข้าใจแล้วครับ”
ตอบตกลงและเบี่ยงรถจอดเทียบข้างทางแล้วทำตามความต้องการของพายน่ะนะ
เด็กตัวผอมที่แอบมีพุงกะทิเล็กๆรีบเปิดประตูรถออกไปต่อแถวสั่งเครปไส้ทูน่าแฮม ดวงตากลมโตมองกระทะทำเครปเป็นประกายซึ่งทำให้คนที่ลอบมองอยู่รู้สึกเอ็นดูหนักยิ่งกว่าเดิม เขาคอยมองอีกคนจากในตัวรถอยู่พักใหญ่จนอีกฝ่ายเดินกลับเข้ามานั่งประจำที่
“กินเปล่าพี่”
“ฮึ กินเถอะเดี๋ยวพายไม่อิ่ม”
“โอเค”
แล้วเครปตรงหน้าก็ถูกจัดการอย่างรวดเร็วแบบที่ว่าต้นน้ำยังเผลอคิดว่าพายเป็นเครื่องสูบอาหาร เด็กอะไรกินเก่งซะจริงแถมยังเก่งแบบที่ว่าถือกินมือหนึ่งแล้วอีกมือก็กดมือถือไปด้วยในระดับความเร็วที่ช้ามากๆก็เถอะ
“กินดีๆพาย” ต้นน้ำเอื้อมมือไปเช็ดซอสที่ขอบปากในช่วงที่รถติดไฟแดง
“ขอบคุณครับ” พูดจบก็ฉีกยิ้มกว้างกลับไปให้ต้นน้ำใจเต้นเล่นๆ "วันนี้ที่บ้านมีแค่พี่สาวผมอยู่อะ ป๊ากับม๊าไปต่างจังหวัดพี่จะค้างบ้านผมแทนไหมหรือจะกลั--”
“ค้าง”
“ผมก็ว่าพี่ต้องค้างอยู่แล้ว”
“พายอยู่ไหนพี่ก็อยู่ด้วยนั่นแหละ”
“ขี้เว่อร์ตลอด” ถึงปากจะว่าแบบนั้นแต่ใจคนฟังกลับเต้นรัวยิ่งกว่าอะไรเสียอีก
ทั้งพายและต้นน้ำก็เดินทางมาถึงบ้านของพายที่เป็นบ้านเดี่ยวหลังขนาดค่อนข้างใหญ่แถมสวนหน้าบ้านที่กว้างพอสมควรในตอนหนึ่งทุ่มกว่า ต้นน้ำเข้ากับคนที่บ้านอย่างพี่สาวของพายที่อายุมากกว่าเขาอยู่สามปีได้ค่อนข้างดีซึ่งส่วนหนึ่งก็เพราะเรื่องราวของต้นน้ำก็ถูกเล่าในไลน์กลุ่มไปเยอะพอสมควร วันนี้ก็เหมือนเป็นการพามาแนะนำแบบตัวเป็นๆก็เท่านั้น พี่สาวเขาไม่ใช่คนจุกจิกหรืออะไรเจ้าตัวก็แค่ถามไถ่เรื่องทั่วๆไปก็เท่านั้นในช่วงมื้ออาหารตอนเย็น
“พายเป็นเด็กกินเก่ง เราดูแลไหวนะ”
“พี่แพรวผมก็กินปกติหรอก”
“ปกติของเรากับคนอื่นมันไม่เท่ากันน่ะสิ”
“พี่แพรวอะ!” พายเบะปากใส่ก่อนจะสะบัดหน้าหนี
“ไหวครับ แค่นี้สบายมาก”
“มันก็ต้องงั้นอยู่แล้วไหมอะ พี่แพรวๆรู้ปะว่าครอบครัวพี่ต้นคือเจ้าของห้องxxx อะ”
“รู้สิ”
“อ้าว ทำไมรู้อะ”
“น้องพายคะ คนที่บ้านเนี้ยเขาต้องสืบประวัติคนที่เราจะพามาแนะนำหน่อยไหม เขาคงไม่ได้รับฟังเฉยๆหรอก”
“โห งี้ก็มีแค่ผมดิที่เพิ่งรู้อะ”
พี่แพรวพี่สาวของพายก็ได้แต่ถอนหายใจก่อนจะเก็บจานบนโต๊ะไปด้วยโดยไม่ลืมบอกทิ้งท้ายว่ากินเสร็จก็อย่าลืมเอาจานชามไปเก็บในครัวด้วยแล้วก็อย่าลืมล็อกบ้านด้วยเพราะเธอจะรีบขึ้นไปทำงานต่อซึ่งพายก็เลือกที่จะบ่นต่อ
“ได้ไงอะ ทำไมมีแต่ผมที่เพิ่งรู้อะ”
“ก็เรามันเด็กเด๋อนี่”
“เออ ยอมรับ”
พายยังคงบ่นงุบงิบไปเรื่อยส่วนต้นน้ำที่ช่วยพายเก็บจานชามไปที่ครัวก็ได้แต่นึกเอ็นดู พายน่ะเป็นเด็กเด๋อของจริงแบบที่ไม่ได้เสแสร้งด้วยเพราะคิดดูแล้วอีกฝ่ายก็เด๋อใส่เขาตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอแบบที่ไม่นับเรื่องอ้วกนะ คนอะไรจำหน้าพี่คณะตัวเองไม่ได้ทั้งๆที่เขาก็ออกมาคุมน้องออกจะบ่อยตอนที่พายอยู่ปีหนึ่งน่ะนะ
กว่าจะปิดบ้านจัดการทำความสะอาดจานที่เสร็จถึงคุณแม่บ้านของบ้านจะบอกว่าจะจัดการให้แต่พายก็ไม่ยอมก็เสร็จเอาตอนสี่ทุ่ม ทั้งพายและต้นน้ำก็เดินนำชั้นไปยังห้องที่อยู่มุมในสุดด้านหลังของบ้านซึ่งบานประตูก็มีชื่อของพายแปะอยู่เพื่อบอกว่าใครคือเจ้าของห้อง และทันทีที่เปิดเข้าไปก็จะเจอพื้นไม้ลามิเนตที่เป็นขั้นเล็กๆและมีฟูกใหญ่วางอยู่ เครื่องนอนเป็นสีชมพูอ่อนรวมไปถึงวอลล์เปเปอร์ที่เป็นสีชมพูอีกด้วยส่วนเฟอร์นิเจอร์อื่นก็เป็นสีขาวและนั่นทำเอาต้นน้ำรู้สึกแปลกใจอยู่ไม่น้อย
“ชอบสีชมพูเหรอพาย”
“เหอะ แต่ก็ไม่เถียงหรอกนะว่ามันคือหนึ่งในสีที่ผมชอบอยู่เหมือนกัน”
“น่ารักว่ะ”
“พูดมาก พี่จะอาบก่อนหรือให้ผมอาบก่อน”
“เชิญเจ้าของบ้านก่อนเลยครับ"
เจ้าบ้านตัวผอมไหวไหล่ก่อนจะชิ่งไปอาบน้ำก่อนและไม่ลืมที่จะค้นเสื้อผ้าในตู้ตัวเองเพื่อแขกของบ้านด้วย ส่วนต้นน้ำก็เอาแต่เดินวนสำรวจห้องนอนของพายไปพลางๆ
00.30am
พายรู้สึกปวดท้องจนต้องลืมตาขึ้นมา มันเป็นความรู้สึกที่ปวดท้องมวนๆแถมยังพะอืดพะอมอีกด้วย เขาคิดว่าถ้าเข้าห้องไปก็คงหายน่าจะท้องเสียธรรมดา เขายกแขนของต้นน้ำที่พาดทับอยู่ออกจากตัวอย่างช้าๆก่อนจะลุกไปห้องน้ำอย่างรวดเร็ว
00.50am
หลังจากเข้าห้องน้ำไปรอบก็ไม่หายคราวนี้พายรู้สึกว่ามันหนักกว่าเดิม เหงื่อเริ่มซึมออกตามไรผมทั้งมือทั้งสองข้างยังเย็นเหมือนถูกเอาไปแช่ฟรีซ เขาลืมตาขึ้นมาก่อนจะรีบลุกจากเตียงตรงไปยังห้องน้ำเพื่ออ้วก อ้วกแบบที่ว่าหมดไส้หมดพุง
“พาย เป็นอะไร”
“แค่กๆ”
ต้นน้ำที่เดินสะลึมสะลือมาก็ย่อตัวแล้วลูบหลังให้กับพายที่ดูจะไม่หยุดอ้วกแถมน้ำหูน้ำตาก็ไหลออกมาด้วย
“เดี๋ยวพี่ไปเอาน้ำมาให้”
“ฮืออ ไม่เอาอย่าไปพี่ต้น--”
ไม่ทันขาดคำของเสียระลอกใหม่ก็พากันออกมา ต้นน้ำกุมขมับตัวเองก่อนจะตัดสินใจพาพายไปโรงพยาบาล เขาคิดว่าปล่อยไว้อย่างนี้คงไม่หยุดอ้วกง่ายๆแน่ๆและก่อนออกเขาก็ไม่ลืมเดินไปบอกเจ้าบ้านอีกคนอย่างพี่สาวของพายให้ทราบซึ่งเจ้าตัวก็บอกว่าให้นำไปก่อนเลยแล้วจะตามไป
ต้นน้ำใช้เวลาไม่ถึงสิบห้านาทีในการขับมาถึงโรงพยาบาลเอกชนที่มีชื่อและระหว่างทางพายก็ไม่หยุดอ้วก เขารู้สึกสงสารและก็เจ็บปวดที่ทำอะไรไม่ได้เลยในตอนนี้นอกจากพยายามยกมือขึ้นลูบหัวอีกคนแผ่วเบา และทันทีที่เขาพามาถึงพายก็ถูกเข็นเข้าห้องฉุกเฉินไป สภาพของพายคือหน้าซีดจนเขามือสั่นเพราะทำได้แค่ยืนมอง อีกคนร้องไห้งอแงออกมาเหมือนเด็กและไม่ยอมให้ตัวเขาขยับตัวไปไหนซึ่งเขาก็เต็มใจ
“พี่อย่าไปไหนนะ ฮืออ”
“ไม่ไปครับๆ พี่จะอยู่ตรงนี้นะ”
“ฮืออ”
พายงอแงหนักเมื่อคุณหมอเข้ามาตรวจดูอาการและได้ผลลัพธ์ว่าอาหารเป็นพิษ คุณหมอเลยตัดสินใจให้ฉีดยาแต่ในระหว่างที่ฉีดไปได้ไม่ถึงครึ่งเข็มคนไข้ก็อาเจียนออกมาอีกสุดท้ายเลยต้องจัดการแอดมิทเพื่อความปลอดภัย
“ยังไงเดี๋ยวเชิญญาติคนไข้กรอกรายละเอียดที่ด้านนอกด้วยนะคะ”
“ครับ”
“พี่ต้น”
“แป๊บเดียวเดี๋ยวพี่มา” พายยกมือขึ้นลูบหัวอีกคนอย่างแผ่วเบา
“อือ”
ถึงปากพายจะตอบรับแต่มือก็ยังกำขากางเกงของต้นน้ำไว้แน่น ดวงตากลมโตที่คลอด้วยหยาดน้ำตาจ้องมองจนเขาทำตัวไม่ถูกไม่อยากจะเดินไปไหนเลยแถมอีกฝ่ายยังเอาแต่ส่ายหน้าไปมาอีกต่างหาก แล้วอย่างนี้เขาจะต้องทำยังไงดี
“ผมขอยืนกรอกเอกสารตรงนี้ได้ไหมครับ”
“ได้ค่ะ”
คุณพยาบาลที่ดุมีอายุหน่อยเธอยิ้มให้อย่างอ่อนแต่ยังไม่ทันที่เธอก้าวผ่านเขตม่านที่ปิดอยู่เสียงหวานๆของแพรวพี่สาวของพายก็ดังเข้ามา ท่าทางเธอดูรีบร้อนแถมในมือยังมีถุงกระดาษใบใหญ่ติดมือมาด้วย
“เดี๋ยวต้นรอพาน้องไปที่ห้องพักเลยเดี๋ยวพี่จัดการทางนี้เอง”
“เอางั้นก็ได้ครับ”
เธอขยับปากบอกน้องชายที่ได้รับการดูแลว่าเดี๋ยวพี่ตามไปหาก่อนจะเดินไปจัดการเรื่องต่อ เธอปล่อยให้น้องชายอยู่ในความดูแลของต้นน้ำโดยที่ไม่ได้ห่วงอะไรเพราะสายตาที่อีกฝ่ายใช้มองน้องของเธอก็เป็นคำตอบได้ดีว่าคนที่ชื่อต้นน้ำดูแลพายได้อย่างแน่นอน
คนป่วยในตอนนี้ถูกพามาที่ห้องพักที่อยู่ชั้นที่สิบโดยที่มีต้นน้ำคอยอยู่ห่างๆไม่ห่าง ภาพของเด็กตรงหน้าทำเอาลืมภาพทุกอย่างที่เคยผ่านมาแต่ก็พอเข้าใจได้ว่าทำไม และจนกระทั่งมือข้างซ้ายของพายถูกเจาะน้ำเกลือและให้ยาเสร็จพยาบาลสามคนก็พากันเดินออกไปโดยที่ไม่ลืมย้ำว่าตอนเช้าคุณหมอประจำตัวจะเข้ามาตรวจอีกทีและถ้าในระหว่างนี้คนไข้มีอาการอาเจียนอีกให้กดปุ่มเรียกได้ทันที
“ตอนนี้รู้สึกยังไงบ้างพาย บอกพี่หน่อยสิครับ”
“เวียนหัวอะ”
“แล้วอยากอ้วกอีกไหม”
“คิดว่าไม่นะ”
“อืม ถ้างั้นก็นอนนะ พักผ่อนๆ”
“..พี่ต้น”
“ครับ”
“ขอบคุณนะครับ”
“อืม นอนเถอะ แต่ถ้ารู้สึกไม่โอเคบอกพี่นะ พี่จะนั่งอยู่ตรงนี้นี่แหละ”
“ครับ”
ต้นน้ำยกมือขึ้นลูบหัวคนป่วยอย่างแผ่วเบาก่อนจะโน้มใบหน้าไปหาแล้วกดจูบลงที่หน้าผากเนียนไปหนึ่งทีแล้ว เขาขยับปากบอกฝันดีซึ่งพายก็หยักหน้ารับนิดๆแล้วหลับตาลง เขาสำรวจใบหน้าที่ซีดเผือดแล้วก็รู้สึกปวดใจในตอนนี้พายดูเปราะบางจนเขาไม่กล้าแตะหรือสัมผัสแรงๆเลย มันน่าตลกดีที่นี่เป็นครั้งที่สองที่อีกฝ่ายอ้วกต่อหน้าเขาน่ะนะ และเพราะมัวแต่มองหน้าคนป่วยที่หลับไปแล้วจนไม่ทันรู้สึกตัวเลยสักนิดว่ามีคนเดินเข้ามาเมื่อไหร่
“ต้นน้ำ”
ต้นน้ำหันไปทางต้นเสียง “ครับพี่แพรว”
“ไปอาบน้ำอีกรอบเถอะ พี่เอาเสื้อผ้ามาให้”
“ขอบคุณครับพี่”
“เอ่อแล้วก็..”
“ครับ?”
“ขอบคุณนะที่ดูแลเจ้าพายน่ะ ขอบคุณที่ไม่รังเกียจอ้วกน่ะนะ”
“เรื่องแค่นี้เองครับ ผมเต็มใจ”
“ขอบใจนะ ขอบใจจริงๆ”
“ครับพี่”
เธอส่งยิ้มบางๆไปให้ก่อนจะหมุนตัวกลับมาหาน้องชายตัวเองที่หลับไปแล้ว มือข้างหนึ่งก็ยกขึ้นลูบผมที่นุ่มนิ่มของพายไปเรื่อยๆจนอีกคนเดินออกจากห้องน้ำ
“พี่จะกลับไปพักที่บ้านก่อนก็ได้นะครับ ผมอยู่เฝ้าให้”
“เอางั้นเหรอ”
“ครับ ผมเห็นพี่น่าจะยังเคลียร์งานไม่เสร็จ”
“อา..นั่นสินะ งั้นเดี๋ยวตอนสายๆพี่จะเข้ามาอีกทีแล้วกัน ฝากน้องพี่ด้วยนะต้น”
“ครับพี่”
“อ๋อแล้วก็พี่อยากจะถามอะไรหน่อย วันนี้เจ้าเด็กนี่ได้กินทูน่ากระป๋องไปรึเปล่า”
ต้นน้ำนึกย้อนไปไม่นานเหตุการณ์ตอนซื้อเครปก็แวบเข้ามาในหัว
“เหมือนว่าพายจะซื้อเครปไส้ทูน่าไปนะครับ”
“ถ้างั้นก็ไม่แปลกที่เป็นแบบนี้แล้วล่ะ เจ้าเด็กนี่แพ้ทูน่ากระป๋องน่ะ กินทีไรเป็นเรื่องตลอดคราวหน้าพี่ฝากดูๆด้วยนะต้น อ๋อแล้วไม่ต้องทำหน้ารู้สึกผิดหรอก พายไม่บอกเพราะว่าจะแอบกินยังไงล่ะ เด็กนี้ดื้อจะตาย”
“ครับ”
“พี่ไปละ แล้วก็ไม่ต้องคิดมากด้วยนะ”
เจ้าของกายสูงใหญ่เดินไปส่งพี่สาวของพายจนถึงที่จอดรถแล้วถึงจะเดินกลับไปที่ห้อง เขานั่งลงที่เก้าอี้ข้างเตียงก่อนจะยกมือขึ้นไปกุมมือขาวๆไว้หลวมๆ
“เด็กดื้อจริงๆเลยนะพาย”
----------------------------------------------------
วงวารน้องพายในบางที555555555555555555555
ขอบคุณคนอ่านที่ยังคงติดตามกันนะคะ /ไหว้ย่อ
อีกไม่ไกลเรื่องนี้ก็จะจบแล้วนะคะ ใจหายวาบๆ ;-;