## พันธะพัวพัน ## [ตอนที่ 29:: คนรู้จัก] UPDATE 20/10/62
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ## พันธะพัวพัน ## [ตอนที่ 29:: คนรู้จัก] UPDATE 20/10/62  (อ่าน 48314 ครั้ง)

ออฟไลน์ angel_Z4

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 783
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-1
เจ้มจ้นๆ

ออฟไลน์ anythinginitt

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 184
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
สนุกอ่าา

ออฟไลน์ Januarysky

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 507
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
อ้าวๆๆๆ งี้ยิ่งพัวพัน พันพัวกับป๋าลูเข้าไปใหญ่เลยอ่ะดิ
+ และเป็ดขอบคุณ
 :z2:

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ loveview

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1912
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-10
ติดเรื่องนี้อย่างหนัก แว๊บเข้ามาดูเป็นระยะ

ออฟไลน์ j123

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 699
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +75/-1
รออ่านตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว คืนนี้จะมาต่อไหมจ๊ะ  :call: :call: :call:

ออฟไลน์ La_Pomme

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 51
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-0
บทที่ 15
::หลงกล::





**

อีกไม่กี่วันกรัณย์จะสอบเข้ามหาวิทยาลัยเดียวกับจ้าน คนเป็นเพื่อนสนิทจึงเดินมาหาในห้องสมุดเพื่อดูตำราที่จะนำไปติวเพิ่มเติมให้ ช่วงนี้กรัณย์ขยันเป็นพิเศษหากเทียบกับเมื่อก่อนที่ไม่เคยใส่ใจการเรียนสักครั้ง ชายหนุ่มถือหนังสือหลายเล่มไว้ในเต็มมือ แต่ก็ยังเดินไปตรงหมวดหนังสือคณิตศาสตร์แบบสรุปเนื้อหาและสังคมทั่วไปเพื่อดูอีกสองสามเล่ม

“ไอ้จ้าน!”

เสียงคุ้นหูทักทายเขาจากด้านหลัง ชายหนุ่มหันไปดูก็พบว่าเป็นเพื่อนสนิทสมัยมัธยมของตน เขาจึงกล่าวทักทายกลับ ก่อนจะหันมาเลือกหนังสือตรงหน้าต่อ

“ทำอะไรอยู่วะ ธีสิสยังไม่เรียบร้อยอีกหรอ” ติณณ์เห็นจ้านถือหนังสือเต็มมือ จึงคิดไปว่าบางทีเจ้าเพื่อนคนนี้อาจเข้ามาในห้องสมุดด้วยสาเหตุเดียวกัน “ของกูแม่งไม่เข้าร่องเข้ารอยสักทีว่ะ เจอแต่ปัญหาร้อยแปดอย่าง หลายวันมานี้กูแทบไม่ได้นอน สงสัยต้องหาตัวช่วยแล้วมั้ง”

ตัวช่วยที่ว่าคงหมายถึงกลุ่มคนที่รับจ้างทำงานวิจัย จ้านคิดอย่างนั้นเพราะติณณ์เคยเกริ่นเรื่องนี้ขึ้นมาลอยๆ ซ้ำยังบอกว่าถ้าเป็นหนทางสุดท้ายจริงๆ เขาคงตัดสินใจทำ โดยเหตุผลหลักๆ อาจเกิดจากการที่ติณณ์ไม่อยากเรียนบริหารอยู่แล้ว แต่เพราะต้องเชื่อฟังคำสั่งพ่อจึงทำให้เจ้าตัวไม่มีทางเลือก

“ทำอะไรด้วยตัวเองไปเถอะน่า เวลามันสำเร็จมึงจะได้รู้สึกภูมิใจ... อีกอย่าง คนอย่างมึงถ้าตั้งใจทำอะไรก็ทำได้อยู่แล้วไม่ใช่ไง” จ้านยังเอ่ยปากปรามติณณ์เหมือนเคย แน่นอนว่ามันทำให้อีกฝ่ายรับรู้ถึงความหวังดี แต่จากการพูดไปด้วยสนใจหนังสือตรงหน้าไปด้วย กลับสร้างความไม่พอใจเล็กๆ จนก่อให้เกิดความสงสัยขึ้นมา

“มึงหาหนังสือพวกนี้ไปทำไมวะ หรือจะรับจ้างสอนพิเศษ” ติณณ์พูดติดตลก

“จะเอาไปให้ไอ้รัณย์อ่าน อีกไม่ถึงอาทิตย์มันต้องสอบเข้ามหา’ลัยแล้ว” คำตอบนั้นทำให้ติณณ์หน้าตึง ขบกรามกรอด ใจมันร้อนรุ่มเหมือนกำลังมอดไหม้ เขาพยายามแสดงสีหน้าเรียบเฉยเพื่อปกปิดสิ่งที่ตัวเองคิด สุดท้ายกลับไปไม่รอด

“มันอยากเรียนต่อจริงเหรอ ทำไมอยู่ๆ...” พูดยังไม่ทันสิ้นเสียง จ้านก็หันขวับมาจ้องหน้าติณณ์อย่างรวดเร็ว

“คนเราจะคิดเปลี่ยนแปลงตัวเองบ้างไม่ได้รึไง”

“เพราะเป็นไอ้รัณย์ต่างหากกูถึงสงสัย” น้ำเสียงเริ่มสูงขึ้นจากอารมณ์ที่ส่งผ่าน “ตั้งแต่รู้จักกันมามันเคยคิดจะหาความรู้ใส่หัวด้วยหรอ ที่มันเรียนจบม.ปลายมาได้ก็เพราะพวกเราคอยช่วยมันทั้งนั้น หรือมึงจะเถียงว่าไม่จริง”

“ที่นี่ห้องสมุด เงียบเสียงหน่อย” จ้านเอ็ดพร้อมแสดงแววตาเอาเรื่อง กำลังจะพาตัวเองออกจากความตึงเครียดที่ไม่ได้เป็นคนก่อ แต่กลับโดนอีกฝ่ายเดินมาดักหน้าไว้

“ทำไมเราต้องมีปากเสียงแล้วก็ต้องหมางเมินกันเพราะไอ้รัณย์ตลอดเลย กูพูดความจริงไม่ได้เลยใช่มั้ย ถามจริงเหอะ มึงจะปกป้องมันไปจนถึงเมื่อไหร่ อย่าลืมสิว่ามึงก็มีชีวิตของตัวเองเหมือนกัน จำได้รึเปล่าว่าในอนาคตมึงอยากเป็นทนายที่ประสบความสำเร็จ หรือต้องให้ไอ้รัณย์ฉุดลงไปกว่านี้ก่อนมึงถึงจะตาสว่างสักที” ติณณ์พยายามคุมเสียงพูดให้เบาที่สุด โดยหวังว่ามันคงดังพอที่จะสะท้อนบางอย่างให้คนตรงหน้าได้ตระหนักและถึงคิดสิ่งที่เขาพูดบ้าง สักนิดก็ยังดี

“มึงยังเห็นไอ้รัณย์เป็นเพื่อนอยู่มั้ย”

นับเป็นคำพูดที่ติณณ์ไม่คิดว่าจะได้ยิน แน่นอนว่าเขาไม่เคยลืมว่าจ้านกับกรัณย์เป็นเพื่อนสนิทกันก่อนที่เขาจะก้าวเข้าไป ความสัมพันธ์แน่นแฟ้นจากวัยเยาว์เป็นเรื่องน่าอิจฉาสำหรับเขามาตลอด อีกทั้งยังรู้ดีว่าต่อให้พยายามแค่ไหนก็ไม่อาจแทรกกลางได้ จะว่าไป คำถามของจ้านทำให้ติณณ์ฉุกคิดทั้งๆ ที่มีคำตอบในใจมานานแล้ว ถ้าอย่างนั้นมันคงถึงเวลาที่เขาจะพูดเรื่องในใจออกมาสักที

“กูจำได้ว่ามันเป็นเพื่อนที่ทำให้เรามีความทรงจำร่วมกัน แต่ทุกวันนี้... คนที่ทำให้กูมองมันเปลี่ยนไปก็คือมึง” ดวงตายังคงจับจ้อง แม้ในใจสั่นไหวก็ไม่อาจทำให้เขากระพริบตา “กูไม่อยากให้มันมาทำลายมึงถึงได้คอยเตือนอยู่แบบนี้ แต่แล้วยังไง สุดท้ายมึงก็เห็นว่ากูเป็นคนใจร้ายอย่างนั้นใช่มั้ย”

จ้านยืนฟังโดยไม่มีคำพูดใดออกมาจากปาก

“กูจะบอกให้นะ… คนที่ไม่เห็นไอ้รัณย์เป็นเพื่อนแล้วไม่ใช่กู แต่เป็นมึงต่างหาก!”

ติณณ์รับรู้มานานแล้วว่าในใจจ้านคิดเกินเลยกับรัณย์มาตลอด เริ่มจากการปกป้อง ตามใจทุกอย่าง แม้ถูกทำให้ผิดหวังเสียใจก็ยังให้อภัยเหมือนคนโง่ จ้านทำแบบนี้จนกลายเป็นความเคยชิน และเมื่อมารู้ตัวอีกทีก็ไม่อาจห้ามความรู้สึกนั้นได้แล้ว ถึงจ้านจะหลงคิดว่าตัวเองปกปิดมิดชิด แต่ก็ไม่อาจรอดพ้นสายตาเขาไปได้

จ้านอยู่ในสายตาติณณ์เสมอมา และมันไม่ยากเลยที่จะมองการกระทำของเพื่อนสนิทคนนี้ได้อย่างทะลุปรุโปร่ง ในเมื่อเขาเองก็ตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกันนี้เช่นกัน...

“ไหนๆ ก็พูดแล้ว กูขอเตือนอะไรมึงไว้อย่าง” ติณณ์ตัดสินใจพูดหลังจากยืนนิ่งอยู่ชั่วครู่ “รู้ใช่มั้ยว่าตอนนี้ไอ้รัณย์กลับไปหาลูเซียนอีกแล้ว ถึงจะไม่เข้าใจว่าทำไมต้องลดตัวไปเป็นพนักงานที่นั่น แต่กูก็มั่นใจว่ามันต้องมีอะไรแน่ๆ ถ้ามึงยังเล่นตามน้ำไปกับไอ้รัณย์อยู่อย่างนี้ มึงก็คงเป็นได้แค่เพื่อนที่เคยแก้ปัญหาให้มัน หรือไม่แน่บางทีมึงอาจต้องทำใจที่จะเห็นมันไปได้กับคนอื่นเหมือนอย่างที่เคยเป็นมาตลอด”

ใช้ความกล้าพูดออกไปโดยไม่กลัวผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้น ติณณ์เดาปฏิกิริยาตอบสนองของจ้านไม่ออก ไม่รู้ว่าจะปฏิเสธเสียงแข็ง หรือยืนนิ่งแล้วทำเฉย

จนกระทั่ง...

“กลับไปทำงานวิจัยของมึงให้เสร็จเถอะ” ว่าจบก็กำลังจะเดินจากไป การกระทำเย็นชานั้นทำให้ติณณ์โกรธจนลมออกหู ท่าทางแบบนี้หมายความว่ายังไง จะทำเหมือนกับคำพูดเขาเป็นอากาศ ไร้ความหมาย หรือจะปล่อยมันผ่านไปโดยไม่ใส่ใจอย่างนั้นใช่มั้ย

ได้! งั้นก็ไม่ต้องมานั่งเป็นห่วงว่าจะทำให้ใครเสียใจกันแล้ว

“ไอ้รัณย์บอกมึงหรือยังว่ามันกำลังจะไปอยู่กับลูเซียน”

จ้านชะงักฝีเท้า แสดงสีหน้าคร่ำเคร่งอย่างเห็นได้ชัด

“ไม่มีทาง”

“เมื่อคืนกูแอบฟังตอนที่สองคนนั้นคุยกัน”

ติณณ์นึกย้อนถึงตอนไปดื่มเหล้าที่ไนต์คลับเมื่อคืน บังเอิญเห็นรัณย์เดินไปทางห้องส่วนตัวของลูเซียน เขาจึงเดินตามไปทั้งๆ ที่ยังมีอาการอึนๆ เพราะฤทธิ์เหล้าเล็กน้อย แต่ถึงจะมีสติไม่เต็มร้อย เขาก็มั่นใจว่าได้ยินไม่ผิดแน่

ชายหนุ่มในชุดนักศึกษาเดินเข้าไปใกล้เพื่อนสนิทที่เรียนคณะนิติศาสตร์พร้อมรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยเลศนัย ใบหน้าเรียบเนียนเงยขึ้นตามความสูงของอีกฝ่าย ก่อนจะเอ่ยทิ้งท้ายให้ได้คิด

“ตราบใดที่พวกเขายังเจอกันอยู่แบบนี้... ความหวังของมึงก็ไม่มีทางเป็นจริงหรอก”

จ้านปล่อยให้ติณณ์พูดจนจบ และยังมองตามหลังเจ้าของเสียงจนเดินลับออกไป หลังจากถูกทิ้งให้ยืนอยู่กับกองหนังสือในมือ ชายหนุ่มเม้มปากหนัก พ่นลมหายใจออกอย่างกระฟัดกระเฟียด ดึงเนกไทที่รัดอยู่ให้คลายออกเล็กน้อยเพื่อคลายความโมโห ก่อนจะนำหนังสือที่แบกไว้ไปวางลงบนชั้นของหนังสือที่อ่านแล้ว เขาไม่มีกะจิตกะใจทำอะไรต่อ กำลังจะเดินออกจากห้องสมุดด้วยความผิดหวัง แต่พอมาคิดดูอีกที ความตั้งใจของรัณย์ในหลายวันมานี้ไม่ใช่เรื่องที่จะเกิดขึ้นง่ายๆ เลยพลอยทำให้เขาตัดใจทิ้งไม่ลง จนต้องเดินกลับมาแล้วแบกหนังสือทั้งหมดไปยังเคาน์เตอร์เพื่อทำการยืม

**

 








ผมเอาเรื่องที่ลูเซียนเสนอไปคิดทบทวน ถ้าให้บอกตามตรงผมคงไม่ปฏิเสธว่ากำลังลังเลใจ เพราะนอกจากจ้านแล้วผมไม่ไว้ใจใครทั้งนั้น อีวานยิ่งแล้วใหญ่ ขนาดเรื่องผ่านมาหลายอาทิตย์ ทุกวันนี้ผมยังไม่ลืมเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในคืนนั้นเลย ผมทั้งเกลียดทั้งกลัวเขา อยากพาตัวเองหนีไปให้พ้นๆ ถึงขนาดยอมไปขอความช่วยเหลือจากลูเซียน ผู้ที่เป็นตัวต้นเหตุให้ผมต้องเจอกับฝรั่งตาสีฟ้านั่น ผมยอมเสี่ยงเพื่อไม่ให้จ้านต้องเดือนร้อนด้วย และครั้งนี้ก็เหมือนกัน ถ้าทางเลือกคือการเข้าไปอยู่ที่บ้านของลูเซียนชั่วคราว ผมก็ควรหาเหตุผลดีดีที่ฟังขึ้นไปพูดกับจ้านเพื่อให้เขาเห็นด้วย

ระหว่างกำลังจัดเรียงขวดเหล้าที่บาร์แทนยักษ์ที่ป่วยกะทันหัน ผมก็นึกไปถึงเรื่องที่ลูเซียนพูดไว้

‘ในฐานะที่เป็นคู่ขาของฉัน... คิดว่าตัวเองควรทำอะไรล่ะ’

พอจับใจความได้ผมก็ตกใจสุดขีด ไม่คิดว่าจะได้ยินคำพูดนี้จากปากของลูเซียน

‘ไหนคุณบอกว่าไม่มีทางนอนกับผมไง’ แววตาฉายความกังวล แต่ตอนนั้นเขากลับขมวดคิ้วใส่ผม

‘คิดไปถึงไหน’

‘แล้วคุณพูดแบบนั้นมันหมายความว่ายังไงล่ะครับ’

‘คู่ขาของคนทั่วไปจะปฏิบัติต่อกันยังไงก็ช่าง แต่ระหว่างฉันกับนาย’ ลูเซียนจ้องผมเขม็ง ก่อนจะเอ่ยประโยคสั้นๆ ออกมาในขณะที่ผมตั้งใจฟังเต็มที่ ‘ฉันให้ได้แค่คนอาศัย’

ตอนแรกก็พยักหน้าเข้าใจ แต่พอเวลาผ่านไปอีกหน่อยผมก็เริ่มร้อนที่ใบหน้าจนอยากจะแทรกแผ่นดินหนี

ขายหน้าชะมัด!

“เฮ้!” เสียงดังจากด้านหลังทำให้ผมสะดุ้งเฮือก ก่อนจะรีบหันไปมอง

ให้ตายเถอะ เป็นไทด์นั่นเอง... จะมีสักวันที่เขาไม่ทำเสียงดุใส่ผมบ้างมั้ยนะ

“หน้าที่นายรึไง”

“ยักษ์ไม่สบาย ผมเลยทำงานแทนเขา”

“ใครสั่ง”

“ผมทำเองครับ”

จู่ๆ ไทด์ก็หรี่ตามองผมอย่างสงสัย ยืนจดจ้องโดยไม่พูดอะไรต่อ ผมไม่เข้าใจการกระทำของเขาในหลายวันมานี้เลย ทำไมจะต้องคอยใช้สายตาแบบนั้นมองผมด้วย มีเรื่องอะไรในใจทำไม่ไม่พูดออกมาตรงๆ เอาแต่ทำหน้ามุ่ยเหมือนไม่มีอะไรได้ดั่งใจ แล้วก็พลอยขุ่นเคืองใส่ผมอย่างนี้มันใช่เรื่องหรอ

“จะบอกให้ว่าทำไมการต่อยนายถึงไม่ทำให้ฉันเกลียดขี้หน้านายน้อยลง”

“ฮะ?”

“ตามมา”

ผมยังจับใจความประโยคแรกไม่ได้ทั้งหมด เจ้าของคำพูดก็เดินนำไปซะแล้ว มันเรื่องอะไรวะ ผมยกมือเกาหัวตัวเองก่อนจะตัดสินใจผละจากงานตรงหน้าเพื่อเดินตามไทด์ไป

ห้องน้ำ?

ผมยืนเก้ๆ กังๆ อยู่หน้าทางเข้าทั้งๆ ที่ไทด์เดินเข้าไปเป็นนาทีแล้ว ถ้าให้เชื่อสัญชาตญาณตัวเอง ผมไม่ควรเข้าไปเด็ดขาด อยู่ๆ เขาก็จะบอกเรื่องที่ว่าทำไมถึงเกลียดผมอะไรสักอย่าง ฟังยังไงก็ไม่ปกติ หรือเพิ่งคิดได้ว่าต้องเอาคืน มันอาจเป็นผลจากที่ผมไปท้าให้เขาต่อยหน้าก็ได้ แย่ล่ะสิ รูปร่างสูงใหญ่ขนาดนั้นคว่ำผมได้สบายๆ เลยนะ

“ไม่เป็นไรน่า เดี๋ยวมันก็ผ่านไป” ปลอบใจตัวเองเสร็จก็หายใจเข้าให้เต็มปอด

จนเมื่อเดินตามไทด์เข้าไปในห้องน้ำ สิ่งแรกที่ผมเห็นคือเขากำลังปลดเข็มขัดกางเกง...

ปลดทำไมอ่ะ?

ผมถอยหลังครูดไปติดกำแพงโดยอัตโนมัติ ในใจคิดว่ารอก่อน เขาคงรู้ตัวแหละว่ากำลังทำอะไรอยู่ จากนั้นก็มองรอบๆ สลับกับดูไทด์ปลดเข็มขัดออกจนลามไปถึงซิปกางเกง มันชัวร์ตรงที่ว่าในห้องน้ำไม่มีใครนอกจากเรา แต่ไม่ชัวร์คือเจ้าคนตรงหน้าผมนี่

ตั้งใจจะทำของเขาวะเนี่ย!

“ดูให้ดี” ไทด์พูดแค่นั้น ก็จัดการแหวกกางเกงให้เห็นเชิงกรานที่มีรอยอะไรบางอย่าง

ผมเอียงคอสงสัย รู้ว่าตัวเองเห็นอะไรแต่ยังไม่ชัดพอ จึงตัดสินใจเดินเข้าไปใกล้อีกนิด และอีกนิด จนสุดท้ายผมต้องก้มมองดูอย่างละเอียด ก่อนจะพบว่ามันคือ ‘แผลเป็น’ ลักษณะนูนเป็นทางยาวตรงเชิงกรานไปจนถึงสะโพก

“นี่มัน...”

“ฝีมือนาย”

ผมอ้าปากค้างจนต้องยกมือขึ้นมาปิด แผลนั่นดูท่าจะเคยได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัสมาก่อน ในใจอยากรู้ว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไงแต่กลับถามไม่ได้ ในเมื่อเขาบอกเองว่าผมเป็นคนทำก็แปลว่าผมต้องรู้เรื่องเหตุการณ์นั้นดี

ไม่อยากเชื่อว่าผมจะทำร้ายคนอื่นจนมีแผลเป็นติดตัวแบบนี้ การชดใช้เพียงแค่ชกกลับมันน้อยเกินไปจริงๆ ถ้าเทียบกับแผลเป็นที่ต้องติดตัวคนคนหนึ่งไปตลอดชีวิต 

“ผมขอโทษ” คงพูดได้เพียงเท่านี้ ผมคิดคำอื่นไม่ออกจริงๆ

“ถ้าให้ฉันเอาคืน นายจะยินดีมั้ยล่ะ”

ไทด์ท้าทายผมด้วยสีหน้าที่ไม่สะทกสะท้าน ซ้ำยังยิ้มเยาะเหมือนทีเล่นทีจริง ผมเดาไม่ออกว่าอีกฝ่ายพูดจริงมั้ย จนเมื่อเขาหยิบมีดสั้นเล่มหนึ่งขึ้นมา หัวใจผมเต้นแรงระส่ำระส่าย นึกไปว่าถ้าจิตใจเขาสามารถเยียวยาด้วยการเห็นความเจ็บปวดของผมได้ มันก็สมควรทำ

ไม่รอช้า ผมดึงเสื้อเชิ้ตออกจากกางเกงขายาว ก้มปลดตะขอพร้อมถลกเสื้อขึ้น

“ถ้ามันจะพอชดใช้ให้คุณได้ ก็ทำเถอะครับ” หลังจากพูดจบ เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นไทด์ยิ้มกว้างขนาดนั้น เสียงเดินย่ำกับพื้นกระเบื้องทำให้รู้ว่าเขากำลังเดินเข้ามาใกล้ ผมยืนตัวแข็ง ริมฝีปากผมสั่นระริก กระทั่งอีกฝ่ายมายืนตรงหน้าเพียงหนึ่งไม้บรรทัด ผมก็ค่อยๆ หลับตาลงในที่สุด

“แผลนี่ ฉันได้มาตอนรถมอเตอร์ไซค์ล้มเมื่อสองปีก่อน...”

“ครับ ผมเป็นต้นเหตุเอง” ทำเหมือนเป็นความรับผิดชอบ แต่ไม่อาจคุมเสียงตัวเองไม่ให้สั่นได้

“สองปี... ก่อนที่ฉันจะรู้จักนาย”

เอ๊ะ?

“อะไรนะครับ” ผมลืมตาขึ้นมาถามอย่างฉงนใจ ทว่าคนตัวสูงกว่ากลับดันผมติดกำแพงก่อนจะเอามือขึ้นมาคั่นผมด้วยการเท้ากำแพงไว้ทั้งสองข้าง

ผมเบิกตากว้างด้วยความตกใจ สถานการณ์เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ อยากทักท้วงเรื่องเมื่อสองปีก่อนให้หายข้องใจ แต่เหมือนผมถูกสะกดไว้ด้วยแววตาที่ฉายแววจริงจังของคนตรงหน้า 

“นายเป็นใครกันแน่”

เป็นคำถามที่ทำให้ผมกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก อย่าบอกนะว่าเมื่อกี้เพิ่งปล่อยไก่ตัวใหญ่ไป ให้ตายเถอะ อยากขย้ำหัวตัวเองแล้วดึงแรงๆ จริงๆ เลย คิดบ้าอะไรถึงได้หลวมตัวเชื่ออะไรง่ายๆ บื้อซะไม่มี

“คุณหลอกผม?” ถึงจะมั่นใจว่าเป็นอย่างนั้น ผมก็ยังอยากถาม

“นายมาเป็นพนักงานในไนต์คลับแทนที่จะไปใช้ชีวิตหรูหรา ใส่เสื้อผ้าเกรดต่ำ ไม่ใส่นาฬิกาแบรนด์เนม คำพูดคำจาเปลี่ยนไปยังกับคนละคน แล้วยังจะกินกุ้งเข้าไปเหมือนไม่รู้ว่าตัวเองแพ้นั่นอีก... ฉันเลยคิดเล่นๆ ว่าอาจมีวิญญาณคนอื่นมาเข้าสิงนาย แต่บังเอิญว่าฉันไม่เชื่อเรื่องไสยศาสตร์ไร้สาระนั่น” ไทด์ยังยืนท่าเดิม ไม่ได้รู้สึกตัวเลยหรอว่ากำลังทำให้ผมอึดอัด โดนจ้องหน้าใกล้กันแค่นี้ แถมหลังยังติดกำแพง จะมุดออกไปก็หาจังหวะไม่ได้ เลยต้องยืนฟังอีกฝ่ายพูดต่อไป “พอเห็นวันก่อนนายไปหาหมอเกี่ยวกับสมอง ฉันก็เลยคิดไปว่าสมองนายอาจกระทบกระเทือนจนทำให้บุคลิกเปลี่ยนไป แต่เมื่อกี้นายดันเชื่อเรื่องแผลเป็นที่ฉันกุขึ้นมาด้วย แปลว่านายจำอะไรไม่ได้... เพราะอะไรล่ะ? ความจำเสื่อมงั้นหรอ?”

การตีความของเขาเล่นซะผมอึ้งไปเลย

“คุณน่าจะเอาเรื่องนี้ไปแต่งนิยายขายนะครับ” เห็นจังหวะสบโอกาส ผมรีบมุดออกไปจากการกักตัวของคนตัวสูงกว่า แต่รอดไปได้ไม่ถึงหน้าประตูทางออกน้ำห้อง ผมก็โดนคว้าหมับที่แขนซะก่อน

“ไม่ต้องเดินหนี!” ไทด์จับต้นแขนผมไว้แน่น “นิยายงั้นหรอ? ก็ดี ฉันจะเอาไปบอกให้คนอื่นฟังด้วย ดูซิว่ามันจะบันเทิงแค่ไหน”

“อย่านะครับ!”

“ก็บอกมาตรงๆ สิ”

ถูกคาดคั้นจนได้ วันนี้คำแก้ตัวไม่ได้ดั่งใจสักอย่าง ยิ่งหาทางดิ้นความจริงยิ่งรัดตัวเอง ไทด์เห็นผมที่โรงพยาบาลวันนั้น ถึงได้ประติดประต่อเรื่องให้เข้ากันก่อนจะมาพิสูจน์ด้วยการลองเชิงผม สุดท้ายก็เลยเป็นอย่างที่เห็น

เอาเถอะ! ไหนๆ เรื่องก็มาถึงขนาดนี้แล้ว



“คุณพูดถูก... ผมสูญเสียความทรงจำ”













TBC

ไม่ได้มาตามนัดอีกแล้ว รู้สึกผิดจัง  :mew2:
หลังจากนี้เลยกะว่าจะไม่ระบุวันและเวลาลงไปสักระยะ แฮะๆ
ยังไงก็ขอบคุณที่เฝ้าคิดตามกันน๊า รู้ว่ายังมีคนตามอ่านอยู่ก็ยังพอมีแรงฮึดที่จะแต่งต่อไป
เนื้อเรื่องหลังจากนี้ยังมีอะไรพีคๆ อีกเยอะ รอลุ้นไปด้วยกันนะจ๊ะ



 

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ magic-moon

  • magKapleVE
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 495
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-2
    • Freedom of meetups, no obligations
ต้องเป็นน้องของไทด์แน่ๆๆๆๆ

ออฟไลน์ fullfinale

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 666
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
ไทด์อีกคนหรอ  :hao7:
รัณย์ต้องระวังตัวมากๆๆๆนะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ loveview

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1912
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-10
ชื่นใจ มาต่อแล้วววววว....จ้านอย่าทิ้งรัณย์ไปนะ  น่าสงสารรัณย์

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
ตั้งแต่อ่านตอนแรก ก็คิดว่าจ้านเป็นคนแอบรักรัณย์นะ ดูแล้วน่าสงสารมากๆ

ออฟไลน์ rockiidixon666

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-3
คนรอบข้างรัณย์นอกจากจ้านแล้วมีแต่คนน่ากลัวทั้งนั้นเลย สงสารรัณย์จัง  :hao5:
จ้านชอบรัณย์ ส่วน ติณก็ชอบจ้าน  :z3:
พัวพันสมชื่อเรื่องจริงๆค่ะ นิยายสนุกมากเลยค่ะ เราติดเรื่องนี้เลย รออ่านทุกวัน 55  เหมือนคนอ่านได้ลุ้นไปพร้อมๆกับรัณย์ ไม่รู้ว่าใครดีหรือร้าย ไม่รุ้ว่าก่อนหน้านี้ตัวเองไปทำไรไว้บ้าง รอเฉลยไปพร้อมกับตัวละครเลย



ออฟไลน์ kingkongkaew

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 92
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
ถ้าวันนึงรัณย์ความทรงจำกลับมาแล้วจะเป็นยังไง สงสารจ้าน ตอนนี้กรัณย์เป็นคนดีกว่าแต่ก่อนมาก ลูเซียนถึงทำท่าว่าไม่ชอบแต่ใจจริงคงสนใจกรัณย์อยู่จนลูกน้องถึงกับหาทางกำจัดกรัณย์

ออฟไลน์ j123

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 699
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +75/-1
เนื้อเรื่องยังมีแต่ปม รอตอนคลี่คลายปมต่างๆ  มาต่อไวๆ นะคะ รออ่านทุกวันเลย  :pig4:

ออฟไลน์ anythinginitt

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 184
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
ไทด์เป็นแฟนละครบุพเพสันนิวาสรึป่าว 555555
รันย์ยังไม่สงสัย เราขอสงสัยรอเรืีองอุบัติเหตุว่าเกิดได้ไง
รอตอนต่อไปจ้าาา

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ชัดเลยลูเซียน รู้เรื่องรัณย์แล้ว  :z3: :z3: :z3:
 
ไทด์ก็รู้แล้วเหมือนกัน 

ติณณ์ ชอบจ้าน จ้านชอบรัณย์   :hao3:
        :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-05-2018 20:43:54 โดย ♥►MAGNOLIA◄♥ »

ออฟไลน์ nevergoodbye

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1240
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-2
ไม่ชอบลูเซียนเลย  :hao5:

ออฟไลน์ Januarysky

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 507
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
พี่ไทด์มารอเจ้าที่ท่าน้ำทุกวัน
 :mew3:

ออฟไลน์ loveview

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1912
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-10
มาเกะขอบสนาม

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ rockiidixon666

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-3
รอน้าา

ออฟไลน์ La_Pomme

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 51
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-0
บทที่ 16
::ไม่ให้คลาดสายตา::





ผมกลับมาถึงคอนโดของจ้านประมาณตีสามเหมือนทุกคืน ระหว่างกำลังเตรียมตัวอาบน้ำก็นึกย้อนไปถึงตอนที่คุยกับไทด์ในห้องน้ำ เขาเข้าใจว่าผมมีปัญหาทางสมองและต้อนให้ผมพูดความจริง แต่พอผมยอมบอกเขาก็เอาแต่ยืนนิ่งไม่พูดไม่จา ทำสีหน้าเหมือนลังเลใจที่จะเชื่อ และเมื่อสถานการณ์เริ่มกระอักกระอ่วนผมก็เลยขอตัวไปทำงานเพื่อออกจากตรงนั้นให้เร็วที่สุด ซึ่งตอนเลิกงานผมก็พยายามหลีกเลี่ยงเขาอย่างสุดความสามารถเช่นกัน

เมื่อกลับมาถึงคอนโด ธรรมดาจ้านจะนอนรอผมอยู่ตรงโซฟา แต่วันนี้เขากลับเข้าห้องปิดไฟเงียบ ความรู้สึกแรกคือโล่งใจที่เขายอมฟังผม แต่อีกใจก็รู้สึกว่ามันมีอะไรแปลกๆ แต่ช่างเถอะ สิ่งที่ผมควรคิดไตร่ตรองในตอนนี้คือเรื่องไปอยู่บ้านเดียวกับลูเซียน ผมอาบน้ำไปด้วยคิดไปด้วย ขนาดหัวหนุนหมอนก็ยังคิดอยู่ เอายังไงดี ยิ่งคิดเปอร์เซ็นที่ควรไปก็เริ่มสูงขึ้น เอาจริงๆ ไอ้เรื่องไปนอนบ้านคนอื่นมันไม่น่าหวั่นใจเท่ากับการคิดว่าจะหาทางบอกจ้านยังไง 

เช้าวันอาทิตย์ ผมตื่นนอนตามเวลาปกติ ออกมาดื่มน้ำเห็นห้องเงียบๆ เลยคิดว่าจ้านอาจไปมหาวิทยาลัย ช่วงใกล้จะจบคงยุ่งๆ ถ้าผมเข้าไปใช้ชีวิตเป็นนักศึกษาในมหาวิทยาลัยบ้างจะเป็นยังไงก็ไม่รู้ กำลังนึกตื่นเต้นก็ได้ยินเสียงเปิดประตู ผมเลยรู้ว่าจ้านอยู่ในห้อง

“วันนี้ไม่ได้ออกไปหรอ” ผมถามพลางยืนมองจ้านถือหนังสือหลายเล่มออกมาว่างไว้บนโต๊ะหน้าทีวี

“ตอนนี้กูรอรับปริญญาอย่างเดียวแล้ว”

“จริงดิ! จะได้เกียรตินิยมด้วยใช่มั้ย” ถามอย่างตื่นเต้น คนที่ต้องให้คำตอบเดินมาหาผมตรงตู้เย็น สายตาคนสูงกว่ามองมายังแก้วที่อยู่ในมือผม ส่งซิกให้รู้ว่าเขาอยากจะดื่มบ้าง คนมีจิตบริการอย่างผมจึงเทน้ำให้เขาใหม่ โดยใช้แก้วที่ผมดื่มแล้วนั่นแหละยื่นให้เขา

“ทำไมถามเหมือนรู้ จำได้แล้วหรอว่ากูเรียนเก่ง” หยิบน้ำจากมือผมไปก็พูดคำโต ไม่มีการถ่อมตัวแต่อย่างใด จ้านก็มีมุมที่ติดตลกขำปนหมั่นไส้ได้เหมือนกันนะเนี่ย

“ติวหนังสือให้คล่องขนาดนั้น ถ้าไม่เก่งก็คงพูดให้ฉันเข้าใจไม่ได้หรอก”

“เออนี่... กูขนหนังสือพวกนั้นมาจากห้องสมุดของมหา’ลัย มึงลองเอาไปอ่านนะ ถ้าไม่เข้าใจตรงไหนเดี๋ยวกูเขียนสรุปให้” อ้า เป็นหนังสือที่เขาจะเอามาให้ผมนี่เอง

“ขอบใจ” พูดไปเพียงอึดใจ ผมก็นึกอะไรขึ้นได้

ช่วงเวลาก่อนสอบในอีกไม่ถึงอาทิตย์ ถ้าผมไปอยู่บ้านลูเซียนแล้วใครจะติวในหัวข้อที่ผมไม่เข้าใจให้ล่ะ รู้ๆ กันอยู่ว่าจ้านเต็มที่กับผมในเรื่องการสอบเข้ามหาวิทยาลัยมาก ขืนบอกว่าจะไปอยู่ที่อื่นเอาตอนนี้มีหรอที่เขาจะเห็นด้วย

โธ่เอ้ย ไม่เอาน่า เวลานี้ไม่ควรมานั่งคิดมากแล้ว ลูเซียนบอกให้คนมารับตั้งแต่วันพรุ่งนี้ ถ้าไม่ตกลงก็เป็นอันจบ เขาไม่จำเป็นต้องช่วยเหลืออะไรอีก ไม่ดีๆ แบบนี้แย่แน่นอน คราวที่แล้วอีวานพาคนบุกมาถึงคอนโดจ้านและจับตัวผมไปได้ ถ้าครั้งนี้เขากลับมาเห็นว่าผมยังอยู่ที่นี่ เรื่องระหว่างผมกับลูเซียนก็คงไม่มีน้ำหนักอะไรให้เชื่อได้เลย

เอาวะ! ทำให้จ้านเป็นกังวล ก็ยังดีกว่าเป็นต้นเหตุทำให้เขาเดือดร้อน

“จ้าน คือ... ฉันมีเรื่องจะคุยด้วย”

พูดจบ คนที่ได้ชื่อว่าเป็นเพื่อนสนิทผมก็ยกน้ำดื่มรวดเดียวกันหมดแก้ว ก่อนจะคว่ำลงบนชั้นวางที่ทำจากกระจกใสด้วยน้ำหนักมือที่ทำให้เสียงดังกังวานไปทั่วห้อง

“เอ่อ...” ตอนนี้จ้านเหมือนรังสีทะมึนตึงบางอย่างแผ่ออกมา เล่นเอาผมพูดไม่ออกเลย

“มึงเชื่อใจกูมั้ย” ถามด้วยสีหน้าจริงจัง

“เชื่อสิ”

“งั้นก็เลิกไปยุ่งเกี่ยวกับลูเซียนซะ ส่วนเรื่องของอีวานปล่อยให้กูจัดการเอง”

“จ้าน...”

“ไม่ต้องสนใจว่าการปกป้องมึงจะทำให้กูเดือดร้อน... ตอนนั้นมึงความจำเสื่อม อาจลืมไปว่าคนอย่างกูทำอะไรได้บ้าง แต่ต่อจากนี้กูอยากให้มึงคิดใหม่ เพราะไม่ว่าใครจะใหญ่มาจากไหนกูก็ไม่กลัวทั้งนั้น” จ้านกระแทกเสียงลงท้ายทุกคำ สะกดให้ผมได้แต่ยืนฟังอยู่นิ่งๆ “แต่ก่อนกูไม่เคยคัดค้านอะไรเพราะเห็นว่ามึงมีเหตุผล แต่ตอนนี้กูจะไม่ตามใจมึงแล้ว จะไม่อยู่เฉยๆ เพื่อดูมึงเดินไปตามเส้นทางผิดๆ อีก อะไรที่คิดว่าไม่ดีกูจะห้าม ไม่มีทางปล่อยให้มึงคลาดสายตาอีกเด็ดขาด”

คำพูดทุกประโยคสื่อให้เห็นว่าจ้านเป็นห่วงและหวังดีกับผมมากแค่ไหน

“ฉันเชื่อใจนายนะ แต่เรื่องนี้มันอาจจะอยู่เหนือความควบคุมของนายเกินไป”

“ตอนเด็กๆ มึงเห็นกูเป็นที่พึ่งเสมอ แต่หลังจากพ่อมึงพาลูกชายเขาไปอยู่ต่างประเทศทุกอย่างก็เปลี่ยนไปหมด มึงเริ่มตีตัวออกห่างเพื่อนๆ เดือนร้อนแค่ไหนก็ไม่ยอมปรึกษาใคร ตอนนั้นมึงหายไปจากชีวิตกูเป็นปีๆ พอกลับมาพบกันได้แปบเดียวมึงก็ความจำเสื่อม กูหลงคิดว่าหลังจากนี้มึงคงเห็นกูเป็นที่พึ่งได้แบบจริงๆ จังๆ เหมือนเมื่อก่อนสักที แต่เปล่าเลย... เพราะไอ้รัณย์ที่สูญเสียความทรงจำยังเป็นหนักกว่าไอ้รัณย์ที่กูรู้จักหลายเท่า” แววตาดุดันจับจ้อง อีกฝ่ายเริ่มผ่อนคลายตัวเองด้วยการหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะเอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง “ทำไมมึงถึงกลายเป็นคนตีตนไปก่อนไข้ได้ขนาดนี้วะ ยังไม่ทันเกิดเรื่องอะไรขึ้นก็คิดไปต่างๆ นานา กังวลไปซะทุกอย่าง อย่างตอนไปถามลูเซียนเรื่องในอดีตของตัวเอง มึงก็ผลีผลามไปโดยไม่รอกูก่อน อีวานตามตอแยก็ไปหาลูเซียนทั้งๆ ที่มีกูอยู่ทั้งคน มึงคิดไปเองว่าจะทำให้กูเดือดร้อน ในใจกลัวแทบตายแต่กลับยิ้มต่อหน้ากู ทำไมวะ! หรือกูเป็นคนแปลกหน้าสำหรับมึงไปแล้ว”

จ้านขึ้นเสียงในตอนท้าย ทำให้ผมถึงกับผงะด้วยความตกใจ

“ฉันแค่กลัวว่า...”

“กูรู้ปัญหาของมึงช้ากว่าคนอื่นทั้งๆ ที่กูเป็นเพื่อนสนิท มึงคิดว่ากูจะรู้สึกยังไง ถ้าให้พูดตรงๆ ก็คือกูรู้สึกเหมือนถูกมองข้าม... คือ... กูเข้าใจว่ามึงเป็นกังวลเว้ย แต่อย่างน้อยก็ควรเล่าให้กูฟังสักนิดสิ ไม่ใช่ตัดสินใจอะไรคนเดียวแล้วปล่อยให้กูรู้เรื่องทีหลังแบบนี้” คล้ายเป็นความอัดอั้นตันใจที่เก็บไว้มานาน ผมสัมผัสถึงความหวังดีของจ้าน ความสัมพันธ์ที่ยาวนานและแน่นแฟ้น มันมีมากซะจนผมรู้สึกแย่ที่ไม่มีความทรงจำของเขาอยู่ในหัวเลย

“ฉันเป็นห่วงนาย ยิ่งเห็นนายคอยดูแลเอาใจใส่ ฉันก็ยิ่งอยากปกป้องนายจากเรื่องไม่ดี” ผมพยายามพูดในส่วนที่อยากให้จ้านเข้าใจ “ครอบครัวนายเป็นคนใหญ่คนโต มีหน้ามีตา และอีกไม่นานนายก็จะได้เป็นทนาย... เรื่องของฉันพัวพันกับคนมีอิทธิพล มันไม่ใช่แค่นายที่อาจได้รับผลกระทบ แต่ฉันคิดไกลไปถึงพ่อแม่นายด้วย... ที่เลือกทำแบบนี้เพราะคิดว่าการจะต่อกรกับคนอันตรายพวกนั้นได้ ก็ต้องให้คนประเภทเดียวกันจัดการเท่านั้นเอง”

“กูมีวิธีของกู” จ้านสวนกลับแทบจะทันที ซ้ำยังจ้องลึกมาในดวงตาผมพร้อมอย่างตั้งมั่นและจริงจัง “จะไม่มีใครเดือดร้อนแน่ มึงเลิกคิดที่จะไปอยู่บ้านเดียวกับลูเซียนได้เลย”

เอ๊ะ? เดี๋ยวนะ ทำไมจ้านถึง...

“นายรู้เรื่องที่ฉันจะไปอยู่กับลูเซียนได้ไง”

“ไม่สำคัญหรอก”

“จ้าน ฉันแค่ไปอยู่บ้านลูเซียนชั่วคราว เพราะอีวานกำลังจะกลับมาแล้ว”

“หึ... จะบอกว่าทำไปเพราะให้ไอ้มาเฟียนั่นหลงเชื่องั้นหรอ”

“เอาเข้าจริงมันอาจไม่เป็นอย่างที่ฉันคิดก็ได้นะ ถ้าอีวานกลับมาแล้วไม่มายุ่งกับฉัน ถึงตอนนั้นก็ไม่มีเหตุผลที่ฉันต้องไปข้องเกี่ยวกับลูเซียนอีก”

“แล้วถ้าอีวานยังเกาะแกะมึงอยู่ล่ะ” คำถามของจ้านทำให้ผมชะงักไปเล็กน้อย

“เรื่องนั้น...”

“จะบอกว่าคนที่ช่วยมึงได้คือลูเซียนงั้นสิ” จ้านเลิกติ้วสูง “อำนาจของมันปกป้องมึงได้มากแค่ไหน อำนาจที่กูมีก็ไม่ได้น้อยไปกว่ามันเหมือนกัน”

คนตรงหน้ายังคงดักทางออกตรงครัวเอนกประสงค์ ผมจึงได้แต่ยืนจับเจ่าตรงหน้าตู้เย็นอยู่อย่างนี้

ถึงพูดอะไรต่อจ้านก็คงยืนยันคำเดิม เพื่อความสบายใจของเขาผมคงต้องเลยตามเลย หากแต่มีอยู่อย่างหนึ่งที่ผมยังคิดไม่ตก คือตอนนั้นที่ผมรับคำลูเซียนว่าจะทำทุกอย่างเพียงเพื่อให้อีวานออกไปจากชีวิต กระทั่งมาเป็นพนักงานในไนต์คลับ ผมได้เงินมาซื้อของกินของใช้เลยคิดว่าการทำแบบนี้ต่อไปก็จะได้แบ่งเบาภาระจ้านด้วย

ล่าสุดผมเริ่มคุ้นกับงานที่นั่นแล้ว และใช่ว่าจะได้เจอลูเซียนทุกวัน หากเก็บเงินค่าเข้าเรียนเทอมแรกมันก็ไม่เสียหาย ตอนนี้เลยกลายเป็นว่าผมทำงานโดยคิดถึงแต่เงิน แถมลืมไปซะสนิทว่าก่อนหน้านี้ทำไปเพราะลูเซียนสั่ง

“โอเคจ้าน ถ้านายไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้ ฉันจะไม่ไปอยู่กับลูเซียนก็ได้ แต่เรื่องทำงานที่ไนต์คลับ...”

“ไม่ต้องคิดอะไรที่เกี่ยวกับลูเซียนแล้วจะได้มั้ย!”

โดนคนตรงหน้าเกรี้ยวกราดใส่ ผมเบิกตากว้างเพราะไม่เคยเห็นจ้านเป็นแบบนี้มาก่อน กระทั่งมือหนาของอีกฝ่ายวางไว้บนบ่าทั้งสองข้าง เจ้าของนัยน์ตาคมกริบก็เอ่ยกับผมอย่างชัดถ้อยชัดคำ

“อย่าไปให้ความไว้ใจกับใคร ให้กูเป็นเพียงคนเดียวที่มึงพึ่งพาได้ก็พอ”

 










**

ไทด์มาเข้างานตามเวลาเดิมของทุกวัน เพียงแต่วันนี้เขาไม่ได้เดินไปเปลี่ยนเสื้อผ้าตรงล็อคเกอร์เป็นอันดับแรก สองเท้าก้าวเดินไปหลังร้านแล้วสอดส่ายสายตามองรอบๆ เวลานี้กรัณย์ควรอยู่ที่นี่เพื่อเช็คจำนวนเครื่องดื่มที่มาส่งในแต่ละวัน แต่ไม่ว่าจะหาตัวยังไงเขาก็พบเพียงหนุ่มรุ่นน้องที่กำลังทำงานอย่างแข็งขัน

“ไอ้ยักษ์” เสียงดังลั่นของไทด์ทำให้เจ้าของชื่อรีบตาลีตาเหลือกหันมา

“ครับเฮีย”

“เจ้านั่นอยู่ไหน”

“ใครครับ”  ไทด์อึกอักลังเลว่าจะพูดยังไง

“รัณย์...”

“อ้อ วันนี้ผมยังไม่เห็นเขาเลย” คิ้วหนาของไทด์ขมวดเข้ากันโดยอัตโนมัติ และยังไม่ทันถามอะไรกลับก็พลันมีเสียงคนพูดแทรกเข้ามา

“ไม่ใช่ว่าลาออกไปแล้วหรอ” โก้บังเอิญเดินผ่านมาเข้าห้องน้ำพอดี เห็นไทด์ถามถึงกรัณย์จึงตอบไปตามที่เข้าใจ “เห็นวันก่อนบอสเรียกไปคุยตั้งนาน เมื่อวานที่เป็นวันหยุดมึงเขาก็ไม่ได้มาด้วย”

ยักษ์แสดงสีหน้าตกใจไม่ต่างจากหัวหน้าพนักงานเสิร์ฟอย่างไทด์

“โหย... ถ้าเป็นงั้นจริงก็น่าเสียดายแย่ ผมกับเขาเกือบจะสนิทกันอยู่แล้วเชียว” คำพูดของยักษ์ทำให้ไทด์เหลือบมองอย่างเอือมระอา เมื่อก่อนยังไม่กล้าสู้หน้าและกระอักกระอ่วนใจที่จะพูดคุยกับกรัณย์อยู่เลย มาตอนนี้กลับบอกว่าเกือบสนิทกัน แถมคนที่พูดดันเป็นเด็กผู้ชายอายุสิบแปดที่พูดน้อย เงียบๆ ไม่ค่อยสุงสิงกับใครซะด้วย

“หมอนั่นเคยทำอะไรมึงไว้ ลืมไปแล้วรึไง” ไทด์ถามถึงอดีต เมื่อครั้งที่เกิดเรื่องใหญ่ขึ้นในไนต์คลับ ซึ่งนับว่าเป็นเหตุการณ์ที่ยักษ์ไม่อาจลืมมันได้ง่ายๆ

“เฮีย~ ถ้าลองคิดดูดีดีผมก็ผิดจริงๆ นะครับ ยังดีที่ตอนนั้นเขายังไม่ทานอาหารจานที่ผมเสิร์ฟผิดไป ไม่งั้นผมต้องเป็นต้นเหตุที่ทำให้คนตายแน่ๆ” ยักษ์ย้อนนึกถึงภาพที่ตัวเองเคยเสิร์ฟเมนูทานเล่นที่เป็นกุ้งชุบแป้งทอดให้กรัณย์ หลังจากกินไปคำแรกอีกฝ่ายถึงกับโวยวายใหญ่โต ทั้งตะโกนด่าและหยิบจานอาหารขึ้นมาเขวี้ยงใส่ ปรากฏว่าไปโดนหน้าผากของยักษ์พอดี จึงเป็นเหตุให้น้องเล็กสุดในไนต์คลับต้องโดนเย็บหลายเข็ม ปัจจุบันนี้ยังมีรอยแผลเป็นจางๆ อยู่เลย

ไทด์ได้ฟังอย่างนั้นก็รู้สึกเหมือนโดนจี้จุดอย่างแรง เพราะเขาเองก็เคยทำให้กรัณย์ช็อกจนหมดสติมาแล้ว แม้ไม่ได้ตั้งใจแต่ก็ถือว่าเป็นความผิด ไม่อยากเก็บมาใส่ใจสุดท้ายกลับรู้สึกแย่อย่างบอกไม่ถูก อีกทั้งยังตั้งแง่สงสัยว่ากรัณย์ยอมกินกุ้งตามที่บอกเพราะอะไร กระทั่งเจ้าตัวมาบอกเขาสั้นๆ ง่ายๆ ว่า ‘ความจำเสื่อม’

เดี๋ยวก่อน! เจ้านั่นคงไม่ได้คิดจะลาออกเพราะเราดันไปรู้ความลับหรอกนะ

“ผมว่าพักหลังมานี้เขาดูเปลี่ยนไปเป็นคนละคนเลยนะครับ พูดจาดี แถมยังช่วยทำงานแทนผมอีก เขาเพิ่งจะเริ่มคุ้นกับงานที่นี้แล้วแท้ๆ ไม่น่าลาออกเลย” ยักษ์ตัดพ้อ ในขณะที่ไทด์กำลังคิดหนัก

“มีคนงานลาออกทั้งคนแล้วกูจะไม่รู้ได้ไง หรือมันเห็นกูเป็นหัวหลักหัวตอ” อยู่ๆ หัวหน้าพนักงานเสิร์ฟก็รู้สึกหัวเสีย พาลโกรธคนที่ไม่ได้อยู่ตรงนี้อย่างเป็นจริงเป็นจัง

“ทำอย่างกับเฮียเคยสนใจเขางั้นแหละ” ยักษ์พูดพึมพำพร้อมทำหน้ามุ่ย ทั้งที่แต่ก่อนเห็นไทด์เป็นดั่งพี่ชายแท้ๆ และเจ้านายที่เคารพรัก แต่พอกรัณย์เปลี่ยนไปเข้าหน่อยยักษ์ก็ปฏิบัติตัวกับอีกฝ่ายต่างไปจากเดิมราวกับพลิกฝ่ามือ ซ้ำยังเข้าข้างกันออกหน้าออกตาอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน

“มึงก็โทรไปถามสิไอ้ยักษ์” โก้พูดแทรกอีกครั้ง เพราะเป็นจังหวะที่เจ้าตัวเดินออกมาจากห้องน้ำพอดี

“จริงสิ! ลืมคิดไปเลย”

ไทด์ยืนมองยักษ์ที่กำลังหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกงด้วยความประหลาดใจ เรื่องความสนิทกับกรัณย์เริ่มมีหลักฐานบ่งชี้ ไม่ให้เป็นการพูดจาลอยๆ เพียงคนเดียว

“มึงมีเบอร์เจ้านั่นด้วย?” ไทด์เลิกคิ้วสูง

“ผมถึงบอกไงว่าเราเกือบจะสนิทกันแล้ว... และไม่ใช่แค่ผมที่มีนะครับ ทุกคนในนี้ก็มีเบอร์เขาทั้งนั้น” พูดจบก็ปรายตามองคนตรงหน้าพร้อมรอยยิ้มมุมปาก “ยกเว้นเฮียสินะ”

หัวหน้าพนักงานเสิร์ฟรู้สึกหัวร้อนทั้งๆ ที่ไม่ใครหาเรื่อง มันหงุดหงิดงุ่นง่านไปหมด ยิ่งตอนที่มองยักษ์โทรศัพท์หาคนปลายสายที่ไทด์ก็อดคิดไม่ได้ว่า... เขาเป็นเพียงคนเดียวที่ไม่มีเบอร์เจ้านั่นจริงๆ หรือ

“โอ๊ะ สายไม่ว่างแฮะ” ยักษ์นำโทรศัพท์ออกจากหู “งั้น... ไว้พักแล้วผมค่อยโทรหาอีกที”

พูดจบก็เก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋าตามเดิม กำลังจะเดินไปเช็คของอีกฝั่ง แต่ไทด์กลับดึงคอเสื้อด้านหลังไว้

ชายหนุ่มลูบหัวสกินเฮดของตัวเอง ยืนจ้องคนอายุน้อยกว่าที่มองเขากลับด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความสงสัย ไทด์ลังเลอยู่นานว่าจะพูดดีมั้ย

จนกระทั่ง...



“บอกเบอร์เจ้านั่นมาซิ”

**










TBC

ฝากช่องทางอัพเดตนิยายด้วยจ้า >> twitter

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-06-2018 03:52:42 โดย La_Pomme »

ออฟไลน์ fullfinale

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 666
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
หนักใจแทนรัณย์ คนนึงก็เพื่อนที่ห่วง กับอีกคนที่คิดว่าจะช่วยตัวเองได้

มีโอกาสไหมที่จะกลับมาจำได้ :z3:

ออฟไลน์ loveview

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1912
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-10
คือแบบลูเซียนทำไงต่อไปน้าาาา จ้านช่วยเต็มที่เลย

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
อะไร ใครๆ ก็สนใจแต่รัณย์ทั้งนั้น เพราะอะไรน้อออ

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
บางทีก็คิดเหมือนจ้านนะ  :mew2:
แต่ก็เข้าใจรัณย์ ที่อยากช่วยตัวเองก่อน
และรัณย์ก็ห่วงจ้านเรื่องผลกระทบที่จะตามมา

นิสัยรัณย์คนใหม่ดี เข้ากับคนอื่นได้  :hao4:
จนตอนนี้เพื่อนร่วมงานพากันชอบรัณย์กันหมด
ขนาดมีเบอร์มือถึอรัณย์กันทุกคน  :mew1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
ขอแก้ที่ผิดนะ
มึงก็พลีพล่ามไป -------  ผลีผลาม

ออฟไลน์ rockiidixon666

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-3
ปวดหัวแทนรัณย์จริงๆๆ  :z3: ยังต้องมีเรื่องวุ่นวายอีกเยอะแน่ๆ

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ anythinginitt

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 184
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
เริ่มมีเค้าความอีรุงตุงนังเบาๆ 555555

ออฟไลน์ Januarysky

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 507
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
เย้ววววว เชียร์จ้านกับอิวาน
เค้าชอบอิวาน
เค้าทีมอีวานมิอาจเปลี่ยนใจ
 :hao7:

ส่วนนู๋รัณย์พัวพันกับลุงลูเยอะๆ เลยนะๆๆๆ
 :mew1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด