## พันธะพัวพัน ## [ตอนที่ 29:: คนรู้จัก] UPDATE 20/10/62
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ## พันธะพัวพัน ## [ตอนที่ 29:: คนรู้จัก] UPDATE 20/10/62  (อ่าน 48196 ครั้ง)

ออฟไลน์ j123

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 699
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +75/-1
โดยตอนของหนุ่มอื่นคั่น อีวานยังไม่มาสักที รออ่านตอนหน้าน๊า  :call: :call: :call:

ออฟไลน์ ●GreenTEA●

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 684
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-2
สนุกมากกก รอตอนต่อไปนะ

ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0

ออฟไลน์ loveview

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1915
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-10
มาให้กำลังใจนักเขียนค่ะ จุ๊บๆ

ออฟไลน์ La_Pomme

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 51
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-0
บทที่ 17
::ข่มขู่::





**

จ้านนั่งอยู่ในร้านกาแฟ ที่ตั้งอยู่เยื้องกับสปอร์ตคลับระดับไฮคลาสในย่านนี้ เมื่อก่อนเคยคิดที่จะสมัครสมาชิกไว้เพราะเพื่อนหลายคนที่เข้าร่วมอยู่ แต่พอรู้ว่าใครเป็นเจ้าของ จ้านก็เปลี่ยนใจทันที

ชายหนุ่มดื่มคาปูชิโน่ร้อนไปจนหมดแก้ว เอาโทรศัพท์ขึ้นอ่านข่าวเหตุการณ์บ้านเมืองก็แล้ว คนที่เขารอพบกลับไม่ยังมาไม่ถึง เห็นว่าวันนี้เจ้าของสปอร์ตคลับจะแวะมาออกกำลังกายจ้านจึงนัดในสถานที่ที่ชายคนนั้นสะดวกที่สุด เวลาก็นัดชัดเจนไปแล้ว มาสายขนาดนี้ยังเรียกตัวเองว่าเป็นนักธุรกิจได้อีกหรือ

บ่นในใจไปสักครู่ ที่หน้าประตูร้านก็มีใครคนหนึ่งกำลังเดินเข้ามา ชายหนุ่มสวมเสื้อเชิ้ตแขนสั้น กางเกงผ้าสีอ่อนพร้อมเข็มขัดสีดำหัวเรียบ ข้างกายไม่มีใครติดตามอย่างที่เคย เมื่อเห็นจ้านอยู่ตรงมุมหนึ่งของร้าน ชายคนดังกล่าวก็เดินเข้าไปขยับเก้าอี้และนั่งลงยังหัวโต๊ะของอีกฝั่งทันที

เขาเห็นแก้วกาแฟของจ้านถูกดื่มจนหมดก็เอ่ยขึ้น “ดูเหมือนผมจะมาช้าไป”

จ้านทำได้เพียงยิ้มรับโดยไม่พูดอะไรกลับ พยายามควบคุมอารมณ์ตัวเองไว้อย่างมั่นคง ยืดอก ขยับเสื้อคลุมเล็กน้อย จ้องมองนัยน์ตาชายที่เพิ่งเจอกันอย่างไร้อาการอึกอัก

“ขอแนะนำตัวอย่างเป็นทางการนะครับ” ว่าจบก็ผายมือไปตรงหน้าเพราะเห็นว่าอีกฝ่ายมีความเป็นต่างชาติ จึงตั้งใจจะทักทายแบบฝรั่ง “ผมจิตตากร คุณจะเรียกสั้นๆ ว่าจ้านก็ได้”

“ผมรู้จักคุณ และคุณเองก็คงรู้จักชื่อผมแล้ว” ความหมายคือเขาจะไม่แนะนำตัวเองกลับ จ้านได้ยินแค่นั้นก็ขบฟันกร้าว อุตส่าห์วางตัวดีก่อนแล้วกลับถูกทำเมินใส่ เขาจึงต้องเก็บมือตัวเองไว้โดยที่เผลอกำมือแน่นอย่างไม่รู้ตัว

“คุณทำธุรกิจหลากหลายดีนะครับ ไม่แปลกที่จะประสบความสำเร็จขนาดนี้”

“ชมกันเกินไป ผมก็เป็นแค่นักธุรกิจธรรมดาเท่านั้นเอง” ลูเซียนตอบด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย

“ไม่บ่อยที่ผมจะได้ยินชื่อคุณจากสื่อ ดูเหมือนคุณจะชอบเก็บตัวเป็นพิเศษ” คำพูดของจ้านทำให้คนฟังถึงกับยิ้มมุมปาก เห็นว่าอีกฝ่ายติดตามเรื่องราวของตนสมควร จึงตอบกลับในทันใด

“คุณรู้จักผมดีกว่าที่คิดซะอีก”

“รัณย์เคยพูดเรื่องคุณให้ผมฟังน่ะครับ” จ้านเป็นฝ่ายยิ้มกลับบ้าง

“ถ้าอย่างนั้น... คงมีแต่เรื่องที่ไม่ค่อยดีนัก”

“ผมรู้อะไรไม่มากหรอกครับ เพราะมันไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร” ว่าจบก็เผยรอยยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ ลูเซียนรู้ทันกับประโยคที่ตั้งใจเจาะจงเป็นพิเศษ ถ้าเป็นคนอื่นคงขุ่นเคืองไม่น้อย แต่ลูเซียนกลับมองว่าชายคนนี้เปี่ยมไปด้วยความทะนงตน อีกทั้งยังมีนิสัยกล้าได้กล้าเสียไม่เบา

“อย่างน้อยมันก็น่าจะมีส่วนที่ทำให้คุณอยากนัดเจอผม” ลูเซียนเอ่ยอย่างจงใจ

“และคุณก็ตอบรับอย่างรวดเร็วจนอดแปลกใจไม่ได้... ขอบคุณนะครับที่ให้เกียรติกันขนาดนี้” คนอายุน้อยกว่าสวนกลับโดยไม่ใช้เวลาคิด “เอาล่ะครับ ผมไม่อยากรบกวนเวลาของคุณมาก จะขอเข้าเรื่องเลยแล้วกัน”

“ครับ ผมรอฟังอยู่”

“ผมรู้เรื่องที่คุณจะช่วยกันอีวานออกไปจากชีวิตรัณย์แล้ว ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเจ้านั่นคิดอะไรอยู่กันแน่ แต่ผมคงปล่อยให้เขาสร้างความลำบากใจให้กับคุณไม่ได้” จ้านหยิบเหตุผลต่างๆ นานา กระทั่งแววตาจริงจังถูกส่งผ่านไปยังคนตรงหน้า เขาก็พูดต่อทันที “ฉะนั้น... ผมจะจัดการเรื่องนี้ต่อเอง”

จ้านไม่เคยนั่งพูดคุยเป็นส่วนตัวกับลูเซียนมาก่อน มีแต่เคยเจอหน้าผ่านๆ และได้ฟังเรื่องของนักธุรกิจคนนี้มาจากกรัณย์เท่านั้น หลังจากตัดสินใจได้ว่าจะเป็นคนปกป้องเพื่อนรักเอง เขาก็ติดต่อไปทางเลขาของลูเซียนเพื่อนัดพบอย่างเร็วที่สุด ด้วยความที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนและจ้านเองก็เป็นเพียงนักศึกษา การจะเข้าพบกับผู้บริหารบริษัทได้คงไม่ใช่เรื่องง่าย แต่เวลาผ่านไปไม่นานอีกฝ่ายก็ตอบรับกลับมาอย่างน่าประหลาดใจ

สิ่งที่จ้านเอ่ยไปเมื่อครู่ฟังชัดทุกคำ ลูเซียนหรี่ตามองคนอายุน้อยกว่าก่อนจะเอ่ยขึ้น

“เพิ่งมาเสนอตัวเอาตอนนี้ รู้ช้าเกินไปมากนะครับ” จ้านรู้ว่าอีกฝ่ายตั้งใจเหน็บแหนม แต่ไม่นำมาใส่ใจ

“หลังจากนี้ผมจะไม่ให้เขาเจอคุณอีก หวังว่าคุณก็จะอยู่ห่างจากเขาเหมือนกัน”

“นอกจากอีวานแล้ว คุณคงเห็นผมเป็นตัวอันตรายสำหรับรัณย์ด้วยอีกคน... แต่สำหรับผม เด็กคนนั้นไม่ใช่คนที่ยอมให้ใครมารังแกง่ายๆ ผมเคยโดนเขาโกรธเกลียดมาก่อน รู้ดีว่าการต่อกรกับเขาไม่ใช่เรื่องดีนัก” ลูเซียนพูดถึงกรัณย์ในมุมมองของตัวเอง พร้อมระบุข้อสงสัยที่ยังติดใจอยู่ “รัณย์กล้าเผชิญหน้ากับทุกคนที่สร้างความเจ็บแค้นให้ ขอเพียงไม่พอใจเขาก็จะตอบกลับอย่างเจ็บแสบ... แต่หลังจากเจออีวานวันนั้นเขากลับดูหวาดหวั่น กระวนกระวายใจ ขนาดมีนิสัยเย่อหยิ่งยิ่งกว่าอะไรแต่กลับเดินมาขอให้คนอย่างผมช่วย ทั้งๆ ที่เคยบอกเองกับปากว่าจะตัดขาดกับผมแล้วแท้ๆ”

“หึ... คุณจะบอกว่าเขาอยากพึ่งคุณมากกว่า อย่างนั้นสินะ”

“เปล่าเลย ผมแค่สงสัยในการกระทำของเขาช่วงหลังมานี้ สงสัยว่าเขามีเหตุผลอะไรที่จะต้องกลัวอีวานถึงขนาดยอมทำทุกอย่างที่ผมสั่ง นิสัยผิดแปลกไม่เหมือนเก่า ยอมลดตัวมาเป็นพนักงานในไนต์คลับทั้งๆ ที่นักธุรกิจใหญ่อย่างอีวานเสนอตัวว่าจะรับเลี้ยง ถ้าคุณกับเขาสนิทกันมากก็น่าจะรู้สึกประหลาดใจบ้าง จริงมั้ยครับ” เห็นได้ชัดว่าลูเซียนต้องการความคิดเห็นของอีกฝ่าย เพราะมั่นใจว่าสิ่งที่ตนเองตระหนักจะต้องมีคนคิดเหมือนกัน

“ผมกับรัณย์โตมาด้วยกัน ไม่เคยห่างกันไปไหน แต่ทันทีที่พ่อเลี้ยงล้มละลายและต้องถูกทอดทิ้งให้อยู่ตัวคนเดียว เจ้านั่นเตลิดไปไกลทำให้ผมไม่ได้เจอเขานานหลายปี จนตอนที่เขากลับเข้ามาในชีวิตอีกครั้ง ผมก็บอกตัวเองทันทีว่าจะไม่ปล่อยให้เขาอยู่เพียงลำพังอีก เพราะในระหว่างที่จิตใจเขาอ่อนแอ มันเป็นเรื่องง่ายที่จะมีอะไรมาฉุดดึงให้เขาเดินไปในทางที่ผิด” จ้านรู้จักนิสัยใจคอของกรัณย์มาตั้งแต่เล็ก และการปกป้องเพื่อนคนนี้ก็เป็นสิ่งที่เขาทำมาตลอด “รัณย์ไม่ได้เข้มแข็งอย่างที่คุณเห็นจากภายนอก อย่าเอาความรู้สึกของคุณมาตัดสินใครแบบนี้สิครับ”

จ้านใส่อารมณ์กับการอธิบายเรื่องของกรัณย์อย่างช่วยไม่ได้

“จริงอยู่ที่คุณคงรู้อะไรมากกว่าผม แต่ถ้าเทียบกับช่วงเวลาที่รัณย์ไม่มีคุณอยู่ในชีวิต แค่สามสี่ปีมานี้ผมพอจะบอกได้ว่าอะไรที่เป็นตัวเขา... และอะไรที่ไม่ใช่”

“คุณจะพูดอะไรกันแน่” จ้านชักเริ่มหวั่นใจกับสิ่งที่ลูเซียนคิด

“ผมมีเรื่องบางอย่างที่ต้องรู้ให้ได้”

“เรื่องอะไร”

“อุบัติเหตุที่ทำให้เขาต้องรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล”

หางคิ้วจ้านกระตุกเล็กน้อย สัมผัสได้โดยสัญชาตญาณว่าชายคนนี้ต้องไปรู้อะไรมา ตอนนั้นแม้จะจับสัญญาณโทรศัพท์ได้แต่ลูเซียนก็น่าจะรู้แค่ว่ากรัณย์อยู่ที่โรงพยาบาล ส่วนจะไปทำอะไรนั้นขึ้นอยู่กับอีกฝ่ายว่าจะให้คนสืบต่อหรือไม่ กระทั่งมาพูดถึงเรื่อง ‘อุบัติเหตุ’ เอาตอนนี้ แสดงว่ามีอะไรบางอย่างจุดชนวนให้ลูเซียนอยากรู้เรื่องนั้นขึ้นมา

“คุณสนใจว่าเจ้านั่นจะเป็นตายร้ายดียังไงด้วยหรอครับ” จ้านแฝงความประชดประชัน

“ผมแค่บังเอิญไปเจอเรื่องที่ไม่ชอบมาพากลเข้า และมันน่าสนใจดี” สีหน้าไร้อารมณ์ของลูเซียนยิ่งทำให้จ้านคิดไม่ตก เดิมทีอยากพูดคุยแบบง่ายๆ ตกลงกันง่ายๆ และจากกันแบบง่ายๆ แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะทำให้เป็นเรื่องยากซะเอง

จ้านนั่งตระหนักอยู่ชั่วอึดใจ ก่อนจะหยิบซองเอกสารสีน้ำตาลขึ้นมาวางไว้บนโต๊ะ

“ถ้าคุณยืนยันอย่างนั้น มันก็ช่วยไม่ได้”

นักศึกษาหนุ่มแนบหลังพิงกับพนักเก้าอี้อย่างเฉยชา ลูเซียนนั่งมองซองนั่นไม่นานก็หยิบขึ้นมาเปิดดูด้านใน มีเอกสารที่ถูกปริ้นมาพร้อมเย็บเข้ารูปเป็นอย่างดี เขาจึงนำมันขึ้นมาเปิดอ่านทีละหน้าอย่างใจเย็น

จ้านจับจ้องดวงตาคมของอีกฝ่ายแล้วสงสัยไปด้วย ระหว่างดูเอกสารทำไมลูเซียนถึงไม่แสดงสีหน้าตื่นตระหนก ทั้งๆ ที่เอกสารพวกนั้นเป็นหลักฐานที่จะเปิดโปงธุรกิจด้านมืดของตัวเอง!

ลูเซียนเคยเกี่ยวข้องกับการติดต่อซื้อขายอาวุธเถื่อนในขณะที่ยังไม่ได้มีชื่อในฐานะนักธุรกิจ ตอนนั้นนักการเมืองหลายคนใช้ให้เขาเป็นตัวกลางในการทำเรื่องผิดกฎหมายเพื่อเป็นใบเบิกทางในการสนับสนุนเงินทุน จนเมื่อมีบริษัทเงินกู้ที่ทำรายได้เดือนละหลายร้อยล้านก็ไม่มีการบอกที่มาที่ไปของเงินหมุนเวียนได้อย่างชัดเจน ซ้ำยังมีธุรกิจไนต์คลับ สปอร์ตคลับที่สร้างขึ้นมาเพื่อใช้เป็นศูนย์กลางในการติดต่อแขกระดับวีไอพี จึงไม่แปลกที่ลูเซียนจะรู้จักกับผู้ทรงอิทธิพลหลายคน

“คุณกำลังขู่ผม?” ลูเซียนเอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ

“ถ้าคุณสัญญากับผมว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับรัณย์อีก หลักฐานทั้งหมดนั่นผมขอยกให้คุณ” จ้านดูไม่ลนลานกับสิ่งที่ตัวเองกำลังตัดสินใจทำ แม้เรื่องนี้จะถูกมองว่าก้าวล้ำอำนาจมืดที่ใหญ่เกินกว่านักศึกษาอย่างเขาจะรับมือได้ก็ตาม

“นานมากแล้วที่ผมรู้ตัวว่ามีใครบางคนพยายามตามสืบเรื่องของผม... รวบรวมรายชื่อคนที่เกี่ยวพัน สอบถามข้อมูลจากอดีตคนที่เคยทำงานให้ และคงสนิทกับคนในกรมตำรวจจนถึงขั้นเอาหลักฐานที่สุ่มเสี่ยงออกมาได้”

นักธุรกิจหนุ่มยกเท้าขึ้นไขว่ห้าง พลางจ้องคนอายุน้อยกว่าด้วยแววตาดุดัน...

 “เป็นคุณเองสินะ” ว่าแล้วก็วางเอกสารลงกับโต๊ะราวกับเป็นของไร้ค่า “ลงทุนเก็บหลักฐานตั้งนาน แน่ใจหรอว่าจะเอาไพ่ตายมาใช้กับเรื่องนี้ ผมนึกว่าคุณคิดจะทำการใหญ่ซะอีก... อยากทำลายผมเพื่อรัณย์จริงหรือเปล่า ถ้าอย่างนั้นก็ควรเจาะข้อมูลให้ลึกกว่านี้อีกหน่อยสิ เพราะของพรรณนี้ทำอะไรผมไม่ได้”

จ้านมีเพียงข้อมูลที่ยังพอมีหลักฐานหลงเหลืออยู่ ซึ่งล้วนแต่เป็นอดีตในช่วงที่ลูเซียนก้าวเข้าสู่วงการ หากแต่เวลาล้วงเลยมาจนถึงตอนนี้ การไต่ขึ้นมาสู่ระดับที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ทำให้เขาสามารถล้มล้างหรือกุมอำนาจเหนือกว่านักธุรกิจบางคนได้เลย แม้หลักฐานนั้นจะก่อให้เกิดปัญหาให้เสียเวลาตามล้างตามเช็ด แต่ก็นับว่าสิ่งจ้านรู้มาเป็นเพียงแค่เศษฝุ่นที่ใช้มือปัดเล็กน้อยก็ปลิวหายไป

“ผมสืบเรื่องของคุณจริง แต่รัณย์ไม่เกี่ยวด้วย ถ้าไม่พอใจอะไรก็เชิญมาลงกับผมนี่” ได้ยินอีกฝ่ายเอ่ยถึงกรัณย์แล้วจ้านถึงกับต้องออกหน้าเพื่อไม่ให้เพื่อนรักเดือดร้อน

“อุตส่าห์เรียนนิติศาสตร์มา ผมจะถือว่าคุณกำลังหาประสบการณ์แล้วกัน” ฟังจากคำพูดคำจา ดูเหมือนลูเซียนจะไม่ทุกข์ร้อนกับหลักฐานที่จ้านนำมาจริงๆ

“คุณจะเอายังไง”

“กลับไปช่วยเจ้านั่นเก็บของเถอะ”

“ผมไม่ยอมให้รัณย์ไปอยู่กับคุณอีกแน่!” จ้านกล่าวเสียงแข็ง คนในร้านต่างพากันหันมามอง

“คุณจิตตากร...” ลูเซียนเน้นเสียงหนัก เป็นการปรามคนตรงหน้าให้สงบสติอารมณ์ ก่อนจะเอ่ยต่อพร้อมใบหน้าเรียบเฉยเช่นเคย “คุณไม่ได้สืบเรื่องผมอยู่ฝ่ายเดียวหรอกนะ”

คนฟังขมวดคิ้วมุ่น พลางขบฟันกรามแน่น

“อันที่จริง ผมไม่ได้รู้จักคุณในฐานะเพื่อนสนิทของรัณย์อย่างเดียว แต่มีโอกาสได้รู้ชื่อ นามสกุล ประวัติส่วนตัว เรื่องทางบ้าน และอะไรต่อมิอะไรเกี่ยวกับคุณจากเอกสารที่คนของผมรวบรวมมา จนบังเอิญเจอกับเรื่องหนึ่งที่น่าสนใจเข้า” ลูเซียนยิ้มอย่างมีเลศนัย “ผมอยากถามคุณเรื่องคดีที่พ่อเลี้ยงของรัณย์ถูกตั้งข้อหาหนัก กลายเป็นบุคคลล้มละลาย เด็กคนนั้นต้องแยกทางกับพ่อและน้องชาย มีชีวิตโดดเดี่ยวตัวคนเดียว ใครกันที่เป็นคนเปิดโปงเรื่องคอรัปชั่นกับตำรวจในตอนนั้น”

“ข่าวนั่นออกใหญ่โต ใครๆ ก็รู้กันทั้งนั้น... คุณจะเอาเรื่องเก่าขึ้นมาพูดเพื่ออะไร”

ลูเซียนได้ยินประโยคนั้นก็เลิกคิ้วสูง เกริ่นถึงขนาดนี้อีกฝ่ายกลับพูดเหมือนไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร เป็นไปได้ว่าจ้านอาจจะเข้าใจเหตุการณ์ในตอนนั้นเหมือนคนอื่นๆ ที่เสพข่าวจากโทรศัพท์และหน้าหนังสือพิมพ์เพียงอย่างเดียว

“ผมรู้มาว่ามีตำรวจนิรนามที่รับบทบาทสำคัญในคดีนี้ เขาทำภารกิจสำเร็จแต่ก็ไม่ขอเปิดเผยว่าตัวเองเป็นหัวแรงหลักในการหาหลักฐานมาเปิดโปงเรื่องทุจริตของนักการเมืองคนนั้น สุดท้ายแม้เขาจะไม่มีชื่อในการทำคดี แถมนายตำรวจท่านอื่นยังได้ออกหน้าออกตากับสื่อแทนอีก แต่เขาก็ยังได้เลื่อนขั้นเป็นนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่อย่างรวดเร็ว” ลูเซียนพูดพลางดูปฏิกิริยาของนักศึกษาหนุ่มไปพลาง “เคยสงสัยมั้ยครับว่าทำไมนายตำรวจคนนั้นทำคดีสำเร็จได้ ถ้าผมบอกคุณคงคิดว่ามันง่ายดายอย่างไม่น่าเชื่อ เพราะเขาหาหลักฐานมาจับกุมพ่อของรัณย์ได้โดยอาศัยความเป็นเพื่อนสนิท... ที่อยู่บ้านใกล้เรือนเคียงกัน”

จ้านหูผึ่ง ประสาทการรับฟังกระตุ้นให้ริมฝีปากของเขาสั่นโดยอัตโนมัติ

“จริงสิ ไม่กี่ปีมานี้พ่อคุณก็ได้เลื่อนขั้นเป็นผู้กับการตำรวจใช่มั้ยครับ”

“ไม่จริง!”

ระดับความอดกลั้นเกินขีดจำกัด นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินเรื่องไร้สาระแบบนี้ ซ้ำยังมาจากปากคนที่เขามองว่าเป็นตัวอันตราย ไว้ใจไม่ได้ จ้านกำมือแน่น ทั้งโกรธเคืองทั้งร้อนรน จิตใจกระวนกระวายคล้ายมีไฟโหมรุนแรงสุ่มอยู่ในอก

กระทั่งลูเซียนพูดประโยคสุดท้ายที่ทำให้เขายิ่งรู้สึกเหมือนจมดิ่งลงไปในเหวลึก



“มันอยู่ที่คุณแล้ว... ว่าอยากให้รัณย์รู้เรื่องนี้ด้วยรึเปล่า”

**













TBC


ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
เอาละสิ..........   :z3: :z3: :z3:
จ้านเตรียมหลักฐานเอกสารไปขู่ลูเซียน ให้เลิกยุ่งกับรัณย์
ที่ไหนได้ กลับเจอเรื่องขู่กลับใหญ่กว่า
กลายเป็นพ่อตัวเองทำเรื่องให้ครอบครัวรัณย์เสียหาย ล้มละลาย แตกแยก
แล้วพ่อจ้านได้หน้าตา มียศใหญ่โต มันยากที่จะรีบจริงๆ
จ้าน จะช่วยรัณย์ แต่พ่อตัวเองทำร้ายรัณย์ซะนี่  :serius2: :serius2: :serius2:
        :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
 :a5:
อะไรจะพัวพันกันไปหมดเนี่ย สงสารแต่รัณย์
 :mew6:

ออฟไลน์ fullfinale

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 687
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
เฮ้อออ แต่ละคนยุ่งไปหมด ฝั่งโน้นก่มีความลับ ฝั่งนี้ก็มีความลับ

แต่ยังไงยังลงเรือ #ลูเซียนรัณย์ เหมือนเดิม แอบเชียร์ให้จำไม่ได้ จะได้ไม่ต้องเจ้บปวด

ออฟไลน์ cheezett

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
อีรุงตุงนัง สุดท้ายรัณย์เจ็บสุด

ออฟไลน์ Januarysky

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 507
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
 :a5:
ยิ่งมึนหนักเบย
เชียร์จ้านดีก่า

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ insomniac

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1483
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-3
ช่างเป็นพล๊อตเรื่องที่สมกับชื่อเรื่องจริงๆ พัวพันกันไปหมดแล้ว แต่งเก่งมากครับ

ออฟไลน์ rockiidixon666

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-3
พี่ลูแกถือไพ่เหนือกว่าไม่สะทกสะท้านกับหลักฐานของจ้านและกลับเป็นจ้านเองที่งานเข้า แอบสงสารจ้าน แต่เชียพี่ลูนะ 555
ตายๆๆๆๆ พัวพันจริงๆๆ หยุดอ่านเรื่องนี้ไม่ได้เลย  :katai1:
 

ออฟไลน์ mkianit

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 301
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-3
ปมในปมในปม อีวานไปไหน55555555555หรือค่าตัวหมดแล้ว

ออฟไลน์ pe-ar

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 351
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
ตอนแรกก็จะทีม อิวานอยู่นะ
แต่ตอนนี้ ลูเซียนมาวินจ้าาา

ออฟไลน์ j123

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 699
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +75/-1
จ้านนี่บทพระรองจริงๆ ทำไรไม่ได้มาก สุดท้ายรัณย์ก็ต้องไปอยู่กับลูเซียน รอดูอีวานกลับมาทวงรัณย์กับลูเซียน  :laugh:

ออฟไลน์ La_Pomme

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 51
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-0
บทที่ 18
::บ้านใหม่::





“ครับ ผมมาถึงหน้าบ้านแล้ว”

ผมคุยกับเลขาของลูเซียนผ่านทางโทรศัพท์ ขณะกำลังลงจากรถแท็กซี่ที่วิ่งมาจอดตรงหน้าบ้านเดี่ยวหลังใหญ่ตามโลเคชั่นที่ระบุไว้ในข้อความ ก่อนหน้านี้ผมคิดทั้งคืนว่าจะใช้วิธีพูดยังไงเพื่อให้จ้านเปลี่ยนใจ พอมาตอนเช้าก็หวั่นใจแทบตายเพราะสีหน้าของจ้านไม่สู้ดีนัก แต่แล้วจู่ๆ บรรยากาศกลับเปลี่ยนไปอย่างน่าประหลาด เขาถามผมเพียงว่าตัดสินใจดีแล้วใช่มั้ย พอผมพยักหน้าเขาก็พูดสั้นๆว่า...

‘ตามใจนาย’

จ้านปล่อยให้ผมเก็บของใส่กระเป๋าโดยไม่พูดอะไรสักพัก ไม่มีคำบอกลายืดยาว และดูนิ่งเฉยซะจนอดกังวลใจไม่ได้ ผมก็ย้ำหลายครั้งนะว่าให้ไปแน่หรอ สุดท้ายเขาทำเพียงพยักหน้าช้าๆ และเดินเข้าไปในห้อง กว่าจะได้ยินเสียงอีกก็ตอนที่ผมบอกว่ากำลังไป

ตอนนั้นจ้านทำเพียงเดินมาส่งผมขึ้นรถแท็กซี่และยิ้มให้อย่างฝืนๆ บอกตามตรงว่าผมไม่สบายใจเลย ต้องย้ำเขาให้แน่ใจอีกครั้งว่า ‘ไม่เป็นไรแน่นะ’ จ้านก็ยืนนึกอะไรอยู่นาน สุดท้ายกลับตอบมาเพียง ‘อืม’

ยืนอยู่หน้าบ้านไม่นานประตูรั้วก็เลื่อนเปิดโดยอัตโนมัติ ผมเห็นคุณเลขาเดินมาแต่ไกล

“เชิญ” เขาส่งสัญญาณให้ผมเดินเข้าไปด้านใน ระหว่างทางก็ยังพูดเปรยถึงที่นี่ให้ฟัง “บ้านหลังนี้คุณเซียนอาศัยอยู่คนเดียว พนักงานทำความสะอาดจะเข้ามาทำงานระหว่างที่ท่านไม่อยู่บ้าน และจะกลับออกไปก่อนท่านมาถึงเท่านั้น เพราะท่านไม่ชอบเห็นใครเดินในบ้าน ส่วนเรื่องอาหารท่านจะทานข้างนอกหรือโทรสั่งที่บ้านทุกครั้ง เวลาเธออยู่นี่ก็ออกไปหาอะไรทานข้างนอกเอานะ มีร้านมินิมาร์ทอยู่ไม่ไกล”

ฟังจบผมสงสัยอยู่หนึ่งข้อ เลยถามไปตามตรง “แล้วผมต้องทำอะไรบ้างครับ”

“เรื่องนั้นคุณเซียนจะบอกเธอเอง” ว่าจบก็แนะนำบ้านในส่วนอื่นต่อ ผมมองผ่านๆ รู้สึกว่าการแต่งดูเรียบง่ายแต่ทันสมัย แม้บ้านไม่ได้ใหญ่โออาถึงขั้นเดินหลงแต่ก็มีพื้นที่ใช้สอยอยู่มาก ถ้ามองด้วยตาเปล่าข้าวของเครื่องใช้ไม่ได้เยอะมากมายอะไร ออกจะโล่งสบายตาด้วยซ้ำ เดินดูได้สักพักคุณจักรพงษ์ก็ผายมือเชื้อเชิญให้ผมขึ้นบันไดไปด้านบน

“นี่คือห้องของเธอ... วันก่อนฉันให้คนมาทำความสะอาดแล้ว พักผ่อนตามสบายได้เลย” คุณเลขาพูดจบก็เตรียมจะเดินไป แต่ผมยังไม่เคลียร์กับการที่ต้องอยู่ที่นี่เลยนะ

“คุณจะไปแล้วหรอครับ” ผมถาม

“ฉันมีธุระต้องไปทำต่อ”

“แล้วจะให้ผมอยู่ที่นี่คนเดียว?”

“ฉันไม่อยากจะพูดแบบนี้ แต่...” คุณจักรพงษ์เว้นเสียงไปสักพัก ดูกึ่งจิตกึ่งใจ แต่สุดท้ายก็พูดออกมา “ระหว่างอยู่ที่นี่อย่าพยายามสร้างเรื่องวุ่นวายให้คุณเซียนเป็นพอ”

 










ผมเอาเสื้อผ้ากับข้าวของเครื่องใช้มาไม่มาก ใช้เวลาแปบเดียวก็จัดของทุกอย่างในห้องใหม่จนเสร็จ หลังจากนั้นก็ไม่มีอะไรทำต่อ ผมเลยนั่งอ่านหนังสือและเผลอหลับไปจนถึงกลางดึก รู้สึกตัวอีกทีเพราะท้องร้องส่งสัญญาณว่าหิวข้าว กะว่าจะออกไปหาอะไรกินในครัวแต่ดันว่างเปล่า ทั้งๆ ที่มีเครื่องครัวครบครันแต่กลับไม่มีของกินอยู่ในตู้เย็นนอกจากน้ำเปล่า

ระหว่างนั้นผมได้ยินเสียงรถยนต์ เดินไปดูด้วยความสงสัยก็พบว่าลูเซียนกำลังเปิดประตูลงมาจากรถ เจ้าของบ้านมาแล้วผมควรทำตัวยังไง อยู่ๆ ก็รู้สึกกระวนกระวายใจแบบไปไม่ถูก กระทั่งได้ยินเสียงคนกำลังกดรหัสหน้าประตู ผมยืนเกร็งตัวโดยอัตโนมัติ เมื่อลูเซียนเห็นผม แวบแรกเขาทำเพียงปรายตามองด้วยสีหน้าที่ไร้อารมณ์ ก่อนปลดกระดุมแขนเสื้อระหว่างเดินมาหาตู้เย็นเพื่อเปิดน้ำดื่ม ผมอยู่ตรงนั้นพอดีเลยต้องเดินหลีกไปอีกทาง

ความเงียบของบรรยากาศภายในบ้าน ยังไม่ทำให้ผมวังเวงเท่ากับการยืนดูทุกการกระทำของลูเซียนโดยที่ต่างฝ่ายต่างไม่พูดอะไรสักคำ จนเมื่อท้องผมไม่อาจทนต่อความหิวได้ สุดท้ายจึงต้องเป็นฝ่ายพูดก่อน

“เออ... เดี๋ยวผมขอออกไปซื้ออะไรกินก่อนนะครับ” พูดจบก็รอว่าอีกฝ่ายจะว่ายังไง ผมรอจนเขาดื่มน้ำเกือบหมดขวด คนหน้าตึงคร่ำเคร่งก็เดินมาหาผมพร้อมกับยื่นอะไรบางอย่างให้

กุญแจรถ? เขาจะให้ผมขับรถไปเองงั้นหรอ

หูย~ บทจะใจดีก็ใจดีอย่างน่าเหลือเชื่อเลยแฮะ

“ไม่เป็นไรครับ ร้านมินิมาร์ทอยู่หน้าปากซอยเอง” เอาตรงๆ คือผมขับรถไม่เป็นอ่ะ

“มีของอยู่หลังรถฉัน ไปเอาเข้ามา”

“…”

รู้สึกเหมือนมีเศษแก้วตกอยู่แถวนี้ หน้าแตกยับเยิน และดูท่าว่าจะละเอียดมากด้วย

ผมรับกุญแจจากมือของลูเซียนมาอย่างน่าอับอาย รีบเดินออกไปเปิดประตูหลังรถที่จอดอยู่ เห็นถุงอะไรสักอย่างวางอยู่ก็หยิบขึ้นมา มันเป็นกล่องอะไรสักอย่าง จู่ๆ ก็ได้กลิ่นหอมโชยมาทำให้ท้องร้อง ผมรู้สึกว่ามันน่ากินทั้งๆ ที่ไม่รู้ว่ามันคืออะไร พอกลับเข้าบ้านก็เห็นลูเซียนกำลังโทรศัพท์ เขาทอดสายตามองออกไปนอกกระจกของหน้าต่างบานใหญ่ ก่อนจะหันมาหาผมแล้วขอวางสายทันที

“ให้ผมวางไว้ตรงไหนครับ”

ลูเซียนไม่ตอบ แค่แบมือขอสิ่งที่ผมถืออยู่เท่านั้น ผู้ชายคนนี้สงบปากสงบคำเสียจนผมรู้สึกหงุดหงิดจริงๆ แต่ก็เอาเถอะ อยากถือไปหาที่วางเองก็ตามใจ

ผมยื่นของในมือทั้งสองข้างไปตรงหน้าเขา ซ้ายเป็นกุญแจรถ ส่วนขวาเป็นถุงที่บรรจุกล่องสี่เหลี่ยมไว้ ลูเซียนไม่ลังเลที่จะคว้ากุญแจไปจากมือผมก่อนจะเอ่ยกลับด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย

“ถุงนั้น... ของนาย”

ว่าจบก็เดินผ่านผมไปโดยไม่รอให้ซักถามหรือฟังคำขอบคุณ หันไปอีกทีก็เห็นหลังเขาขึ้นบันไดไปไวไว ผมยืนฉงนใจอยู่สักพักก็เปิดกล่องในถุงดู ปรากฏว่ามันคือของกินตามที่จมูกผมได้กลิ่น ลูเซียนตั้งใจซื้อมาหรือว่าตัวเองกินอิ่มแล้วเลยยกให้กันนะ คือผมก็อยากถือคติว่าอย่าติดค้างคนอย่างลูเซียนมากนัก แต่ภาพตรงหน้ามันยั่วใจซะเหลือเกิน

เอาน่า... ไม่กินเดี๋ยวก็บูด เสียดายของแย่












หลังจากกินเสร็จผมแทบลุกจากโซฟาไม่ได้ เพราะอาหารที่ลูเซียนซื้อมามันเยอะเกินกว่าจะกินคนเดียว แต่เพราะความหิวทำให้ผมจัดการไม่เหลือ ทีนี้คิดขึ้นได้ว่ามีเรื่องบางอย่างที่ต้องถามเจ้าของบ้านให้เข้าใจ ผมเลยเดินขึ้นไปเคาะห้องที่มีแสงไฟลอดออกมา ใช้เวลารอไม่นานเจ้าของห้องก็เปิดประตู

ลูเซียนแสดงสีหน้าบอกบุญไม่รับ เหมือนผมไปขัดอะไรเขาเข้า ดูทรงแล้วเจ้าตัวน่าจะกำลังถอดเสื้อผ้าอยู่ เพราะกระดุมตรงบริเวณอกถูกปลดออกไปสามเม็ดแล้ว

“คือ... ผมอยากรู้ว่าระหว่างอยู่ที่นี่ต้องทำอะไรบ้าง” รีบพูดรีบไป เดี๋ยวจะหาว่ากวนใจ “เมื่อตอนกลางวันถามคุณเลขาไปแล้ว แต่เขาบอกให้มาถามคุณเอง”

คนตรงหน้ายกมือกอดอกพลางจ้องหน้าผม ลักษณะเหมือนกำลังใช้ความคิด 

“อยู่แบบไม่ให้ฉันรู้สึกว่านายอยู่... ทำได้มั้ย”

“หา?”

“มีอะไรอีก?”

“ไม่มีแล้วครับ”

ทุกอย่างดูเร็วมาก เขาถามมาผมตอบปุ๊บโดยไม่ได้ผ่านการกลั่นกรองใดใด เมื่อกี้เหมือนจะเข้าใจในสิ่งที่ลูเซียนต้องการ แต่ดันจับใจความได้ไม่หมด มารู้ตัวอีกทีลูเซียนก็กำลังจะปิดประตูใส่หน้าผมแล้ว

“เดี๋ยวก่อนครับ!”

ผมรีบเอามือไปขวางประตูไว้โดยไม่ทันคิดให้ดีว่าการกระทำนั้นเกือบจะทำให้ตัวเองเจ็บตัว หากลูเซียนไม่ใช้ความเร็วในการดึงประตูออกมือผมคงโดนประตูหนีบไปแล้ว

“ทำบ้าอะไร!” เสี้ยววินาทีนั้นลูเซียนใช้สายตาดุดันจ้องผมอย่างเอาเรื่อง การถลึงตาโตแสดงอาการไม่พอใจ มันทำให้ผมรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังโดนดุได้มากกว่าเสียงตะคอกใส่เป็นไหนๆ

 “เอ่อ คือ... ผมจะขอรหัสไวไฟน่ะครับ” มือถือผมไม่มีเน็ต เงินก็ไม่มี จะติดต่อหาจ้านก็ต้องใช้โซเชียลอื่นแทน

“ไม่อ่านหนังสือรึไง”

“ผมข้องใจโจทย์คณิต เลยกะว่าจะโทรไลน์ไปถามจ้านเพราะผมไม่มีเงินในโทรศัพท์” แม้บอกเหตุผล ลูเซียนก็ยังมองผมอย่างสงสัย “ไม่งั้นคุณให้ผมยืมโทรศัพท์มั้ยล่ะครับ”

“ไปเอาโจทย์มาดู”

“เอ๋?”

ร้องอุทานเพราะแทบไม่เชื่อหูตัวเอง และท่าทางคนพูดก็ใช่ว่าจะล้อเล่น จู่ๆ เขาก็เดินไปเปิดโคมไฟตรงโต๊ะทำงานทั้งๆ ที่ประตูยังเปิดค้างไว ลูเซียนเอาจริงหรอเนี่ย คือ... ผมไม่ได้แปลกใจที่เขามีความรู้เรื่องคณิตศาสตร์นะ แต่ไอ้การที่เขาเอ่ยปากว่าจะดูให้ต่างหากที่น่าเหลือเชื่อ

ผมเดินกลับไปเอาหนังสือพร้อมกระดาษเปล่าแล้วย้อนกลับมาที่ห้องนอนของลูเซียน แวบแรกเห็นเขากำลังนั่งหลังตรงพลางกระดิกนิ้วชี้ให้กระทบกระโต๊ะเป็นจังหวะ พอผมเอาหนังสือไปวางตรงหน้าพร้อมบอกจุดที่สงสัยไป เขาก็อธิบายเป็นขั้นเป็นตอน ท่าทางใจเย็น ไม่รีบร้อน ได้เห็นเขาในมุมนี้ความรู้สึกอึดอัดที่มีต่อเขาก็เริ่มกลายเป็นความผ่อนคลาย แม้ภายนอกจะดูเย็นชาจนผมไม่อาจเข้าถึง ก็ยังดีกว่าทำหน้าบึ้งตึงทั้งวันเหมือนมนุษย์ที่ไร้หัวใจ

พอไขข้อกระจ่างได้ผมก็ขอบคุณคนสอนแล้วเดินลาออกไป พยายามให้เวลาไม่เกินสิบนาทีเหมือนอย่างที่ลูเซียนกำหนดมาตลอด แต่กลับมาทบทวนแปบๆ ก็เจอข้อสงสัยอีกแล้ว ขืนปล่อยไว้อย่างนี้มีหวังผมนอนไม่หลับทั้งคืนแน่ ก็ถามตัวเองนะว่าลูเซียนจะโกรธมั้ยถ้าผมจะกลับไปถามเขาอีกรอบ กำลังอยู่ในระหว่างตัดสินใจ ขาผมก็เดินมาถึงหน้าห้องของผู้เป็นเจ้าของบ้านซะแล้ว ทีนี้เลยเข้าสเต็ปเดิม เคาะประตู ลูเซียนเดินมาเปิด ผมถามจุดที่สงสัย จากนั้นเขาก็เดินไปเปิดโคมไฟบนโต๊ะ อธิบายให้ฟัง เสร็จแล้วผมก็กลับห้อง

เอาล่ะ... สบายใจละ

ประมาณห้าทุ่มผมกลับมารอบที่ห้า เปิดประตูมาคราวนี้ตรงโคมไฟยังส่องแสงสว่างอยู่ ผมก็คิดนะว่าจะยุติทันทีที่ลูเซียนแสดงอารมณ์ขุ่นเคืองทางสีหน้าหรือบอกผมตามตรงว่าพอก่อน แต่ถึงจะเดินมารอบนี้เขาก็ยังไม่ออกอาการใดใด แถมยังอธิบายโจทย์คณิตให้ฟังพร้อมใบหน้าที่ไร้อารมณ์อย่างนั้นแหละ แถมน้ำเสียงก็ไม่มีความตึงเครียดด้วย

“อ้า~ เข้าใจแล้วครับ ขอบคุณมาก” ผมลุกจากเก้าอี้ กำลังจะเดินออกไป

“เดี๋ยว”

“ฮะ?”

“ลากเก้าอี้มาตั้งตรงนี้”

“เก้าอี้?”

อยู่ๆ ลูเซียนถามถึงเก้าอี้ ผมงงแต่ก็รีบมองหาไปรอบห้อง สุดท้ายเขากลับชี้นิ้วไปตรงมุมห้อง บอกให้ไปยกเก้าอี้ตรงนั้นมาพร้อมปรายตามองผมอย่างช้าๆ

“เห็นนายเดินเข้าๆ ออกๆ ฉันรำคาญ”

ไปๆ มาๆ ผมต้องนั่งเป็นเด็กนักเรียนเพื่อให้ลูเซียนสอนหนังสือ เป็นครั้งแรกที่เขาไม่กำหนดเวลาคุยกับผม ไม่ใช้สายตามองอย่างเหยียดหยามหรือพูดจาดูถูก

ตกลงว่าลูเซียน... เป็นคนยังไงกันแน่

 










ผมตื่นแต่เช้า เพราะไม่อยากให้เจ้าของบ้านมองว่าเป็นพวกขี้เกียจสันหลังยาว นึกขึ้นได้ว่าลูเซียนไม่ค่อยทานข้าวที่บ้าน ในตู้เย็นเลยไม่มีของกินอะไรนอกน้ำเปล่า ที่เห็นชัดๆ ก็มีแต่กาน้ำร้อนกับเครื่องชงกาแฟที่วางเด่นอยู่ตรงเคาน์เตอร์ สงสัยว่าเขาจะดื่มแค่กาแฟก่อนออกไปทำงานทุกเช้า ตอนนี้ผมตั้งใจว่าจะไปออกกำลังกายและแวะซื้อของกินขากลับ แต่ต้องรอบอกลูเซียนเพื่อขอกุญแจบ้านไว้ก่อน

ระหว่างนั้นผมเห็นว่าเมื่อคืนเขาช่วยอธิบายโจทย์คณิตยากๆ ให้ตั้งหลายข้อ แล้วไหนจะเรื่องข้าวเย็นอีก อย่างน้อยก็น่าจะทำอะไรเพื่อเป็นการตอบแทนเขาซะหน่อย

คิดได้แค่นั้นผมก็เดินไปในครัวทันที ค้นหาแก้วกาแฟตามตู้แล้วจัดการชงมันออกมาตามความพอดี ใช้เวลาศึกษาเครื่องทำไม่นานก็พอเดาๆทางได้ แถมหน้าตาตอนทำออกมาดูไม่เลวเท่าไหร่ พอชิมไปหนึ่งแก้วรู้สึกขมขึ้นคอ สงสัยจะต้องลดปริมาณกาแฟลงแล้วเพิ่มน้ำตาลแทน

จับเจ่าอยู่ในครัวพักใหญ่ ผมก็ได้ยินเสียงฝีเท้าของลูเซียนที่กำลังเดินมาในบริเวณนี้

“คุณจะมาชงกาแฟใช่มั้ยครับ รอแปบนึงนะ ผมกำลังทำให้คุณอยู่”

“ฉันไม่ได้สั่ง”

“ผมอยากทำให้ครับ อย่างน้อยก็แทนคำขอบคุณที่ช่วยผมเมื่อคืน” ผมพูดในขณะที่กำลังจับช้อนขนกาแฟให้เข้ากัน “คุณอุตส่าห์ช่วยติวให้ผม ทั้งๆ ที่เราพนันกันไว้ว่าถ้าผมสอบเข้ามหา’ลัยได้คุณจะยกหนี้ให้แท้ๆ”

ลูเซียนไม่ตอบกลับ ผมเลยคิดว่าเขายอมรับน้ำใจของผม

หากทว่า...

“วันนั้นฉันไม่ได้โทรหาอีวาน” ผมชะงัก วางมือจากทุกอย่างตรงหน้าก่อนจะหันไปมองลูเซียนอย่างไม่เข้าใจ

“อะไรนะครับ”

“ฉันโกหกนาย” ลูเซียนพูดอย่างเฉยชา ไม่มีอาการทุกข์ร้อนใดใด เขายอมรับมาตามตรงว่าไม่ได้บอกอะไรกับอีวานตามที่ผมคาดหวัง และดูเหมือนจะเป็นผลกับคนซื่ออย่างผมที่ดันเชื่อเป็นตุเป็นตะ ขนาดเรื่องเงินสิบล้านที่เขายกขึ้นมาต่อรองผมยังหลงเชื่อเลย มันน่าโมโหนะ ผมควรโกรธ แสดงความไม่พอใจ

แต่ไม่รู้ทำไมถึงรู้สึก ‘โล่งอก’ มากกว่า

“แปลว่า... ผมไม่ต้องกังวลเรื่องเงินสิบล้านนั่นแล้วใช่มั้ย”

“ฉันอาจไม่อยากช่วยนายจริงๆ ไม่กังวลเรื่องนั้นเลยรึไง” 

“แต่คุณก็ให้ผมมาอยู่ที่นี่แล้วนี่ครับ ถ้าอีวานรู้เข้าเขาคงเข้าใจว่าผมเป็นคนของคุณแน่”

ลูเซียนเงียบเสียงอีกครั้ง ปรายตามองแก้วกาแฟที่ผมวางไว้ตรงหน้า จากนั้นก็หยิบขึ้นมาสูดกลิ่นช้าอย่างๆ ก่อนจะยกดื่มเพียงนิดเพื่อลิ้มรส

“ไอ้สิ่งที่ใช้แทนคำขอบคุณของนาย...”

นัยน์ตาคมจดจ้องมาที่ผมไม่วางตา คล้ายมีความลึกลับซับซ้อนบางอย่างแอบแฝงมาด้วย โดยเฉพาะคำพูดทิ้งท้ายที่เขาเปล่งด้วยน้ำเสียงนุ่มจนผมรู้สึกเหมือนมีอะไรมาสะกดให้ชะงักค้าง



“มันหวานเกินไป”















TBC



ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
 :really2:
อยู่ด้วยกัน เดี๋ยวก็รักกันไปเอง

ออฟไลน์ loveview

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1915
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-10
โอ้?  บรรยากาศไม่ธรรมดา

ออฟไลน์ rockiidixon666

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-3
พี่ลูของน้องงง  :-[

ออฟไลน์ ●GreenTEA●

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 684
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-2
ประโยคท้าย มีแอบเขินแฮะ  :-[

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ fullfinale

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 687
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
อะเฮื้ออออ กัปตันเรือมาแล้ว ทีม #เซียนรัณย์   :z2:

ฮือออ ลูเซียนเห็นความตั้งใจของรัณย์แล้วใช่มั๊ย

กาแฟไม่เป็นไรครั้งหน้าชงใหม่เนาะ

ดีใจมาอัพต่อแล้วเย่ :pig4:


ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ Januarysky

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 507
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
ยิ่งพัวพันหนักแว้วลุง
ถ้าอีวานมาคงยิ่งรัดหนักกว่านี้แน่
อิวานๆๆๆๆๆๆ

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ยังไงๆ........กาแฟที่รัณย์ ชงให้ลู มันขมมากกก
แต่ลู บอกว่า  “ไอ้สิ่งที่ใช้แทนคำขอบคุณของนาย.......มันหวานเกินไป”  ชักจะยังไง   o18
ก็คือที่รัณย์บอกว่า   
“........... ถ้าอีวานรู้เข้าเขาคงเข้าใจว่าผมเป็นคนของคุณแน่”
แอ๊ะ......หวานเกินไปตรงที่รัณย์เป็นคนของลู  ใช่ป่ะ  กรี๊ดดดดดดด  :z3: :z3: :z3:

ลู บอกไม่ชอบเห็นคนเดินไปมาในบ้าน
แต่รัณย์ เดินไป-กลับ เคาะประตูห้องถามปัญหาหลายเที่ยว
ไม่เห็นลูจะโกรธ หรือรำคาญเลย
แถมอธิบายอย่างปกติ   :really2: :really2: :really2:

ลูเซียน  รัณย์    :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ ♥lvl♀‘O’Deal2♥

  • หานิยายถูกใจยากจัง!
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2665
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +176/-4
มารอด้วย อ่านไปอ่านมาสนุก แต่เดาทางยากชะมัด

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
มันมีนัยอะไรหรือเปล่านะ  ไอ้คำว่า มันหวานเกินไป

ออฟไลน์ Dangdang

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 72
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
อ่านถึงตอนนี้ชักไม่มั่นใจพระเอกลูเซียนหรืออีวานกันแน้ :hao4:

ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
อีวานไม่โผล่เลยหรือเป็นประกอบอุสาห์เชียร์

ออฟไลน์ La_Pomme

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 51
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-0
บทที่ 19
::ขอร้อง::





พรุ่งนี้ถึงวันสอบ ผมเลยนั่งอ่านหนังสือเพื่อทบทวนส่วนที่ต้องทำความเข้าใจอีกรอบ จนถึงช่วงเที่ยงก็เดินออกจากบ้านเพื่อไปซื้อของกินที่มินิมาร์ทใกล้ๆ เมื่อก่อนตอนอยู่กับจ้านผมไม่ต้องออกไปไหนเลย เพราะเขาจะทำกับข้าวง่ายๆ วางไว้ให้ผมก่อนไปมหาวิทยาลัยทุกครั้ง และถ้าวันไหนจ้านหยุดผมก็จะลองๆ ทำดู ทานได้บ้างไม่ได้บ้างถือเป็นเรื่องที่พอนึกแล้วก็ทำให้ยิ้มได้ จนถึงตอนนี้ฝีมือทำอาหารของผมก็พอไปวัดไปวา เลยคิดว่าจะซื้อของง่ายๆ มาฝึกฝีมือหน่อย ไหนๆ ที่บ้านหลังนั้นก็มีห้องครัวแล้ว

พอนึกถึงจ้านผมก็อยากโทรหาเขา เลยเติมเงินมือถือแล้วโทรหาจ้านในระหว่างเดินกลับบ้าน

“ฮัลโหล จ้าน” ผมทักทายอย่างร่าเริงเพื่อให้จ้านรู้ว่าผมสบายดี “ฉันอยากโทรหานายตั้งแต่เมื่อคืนแล้วแต่ไม่มีเงินในโทรศัพท์”

[ขอโทษที่ไม่ได้โทรหา... พอดีกูยุ่งนิดหน่อย]

“อ้อ~ ฉันก็นึกว่านายจะโกรธเรื่องที่ไม่ยอมเชื่อฟังซะอีก” ผมยอมรับว่ากังวลที่อยู่ๆจ้านก็เงียบไป ไม่โทรหา ไม่อะไรเลย ที่ผ่านมาผมคงรู้สึกว่าตัวเองได้รับการเอาใจใส่มาตลอด ก็เลยหวั่นใจไปต่างๆ นานา

[กูไม่เคยโกรธมึง... ไม่แม้แต่ครั้งเดียว] ได้ยินแบบนี้แล้วค่อยโล่งใจหน่อย

“พรุ่งนี้ฉันจะสอบแล้ว รู้สึกตื่นเต้นยังไงไม่รู้”

[กูอาจไปไม่ได้นะ] ผมชะงักเท้า และหยุดเดินเพื่อฟังสิ่งที่จ้านกำลังพูดอย่างตั้งใจ [พรุ่งนี้พ่อกูมีงานเลี้ยงสำคัญ ถึงกับกำชับกูว่าต้องไปให้ได้ก็เลยไม่อยากขัดเขา]

“ไม่เป็นไรหรอก แค่นายทำเรื่องสมัครให้ก็ถือว่าช่วยมากแล้ว ไหนจะช่วยติว แล้วไหนจะเอาหนังสือมาให้อ่านอีก ต้องขอบคุณนายมากจริงๆ” ผมเดินหน้าต่อพร้อมพูดประโยคอย่างจริงจัง “รับรองว่าสอบครั้งนี้ฉันต้องผ่านแน่ ไว้พรุ่งนี้ก่อนสอบฉันจะโทรไปขอกำลังใจจากนายแล้วกัน”

[เอาสิ] จ้านตอบสั้นๆ ก่อนที่ผมจะได้ยินเสียงรถวิ่งอยู่ในสาย

“ตอนนี้นายอยู่ไหน เหมือนฉันได้ยินเสียงรถด้วย”

[คือ... กูกำลังจะเดินเข้าไปหาซื้อเสื้อในห้าง พรุ่งนี้ต้องออกงาน ต้องดูดีหน่อย]

“อ้อ~” ผมพยักหน้าประกอบ

[ว่าแต่... มึงสบายดีใช่มั้ย]

“ก็ยังไม่มีอะไรแย่ ถึงอยู่บ้านในลูเซียนแต่ก็ไม่ค่อยได้เจอกันหรอก เขาออกไปทำงานแต่เช้ากว่าจะกลับก็ดึก เห็นบอกอีกว่าอยากให้ฉันอยู่แบบไม่ให้เขารู้ว่าอยู่ ถือว่าวินวินทั้งคู่”

[อืม... ถ้างั้นแค่นี้ก่อนนะ กูต้องไปแล้ว]

“โอเค”

ความกะทันหันทำให้ผมต้องบอกลาจ้านอย่างเร่งรีบและจากนั้นสายก็ตัดไป ผมเก็บโทรศัพท์ไว้ในกระเป๋ากางเกงตามเดิมก่อนจะเดินหน้าต่อ ทว่ามุมหนึ่งของถนนตรงหน้า ผมเห็นแผ่นหลังของใครบางคนที่คุ้นตา มันไว้มากเหมือนผ่านไปเพียงแวบเดียว หลังจากข้ามถนนมาผมจึงรีบตามไปและพบว่าเขาคนนั้นขึ้นรถยนต์ไปซะแล้ว

แต่เดี๋ยวก่อน! นั่นมัน... รถจ้านไม่ใช่หรอ?

ไม่นานรถยนต์ที่จอดริมฟุตปาธก็ขับเคลื่อนออกไป จ้านตามผมมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ไหนเมื่อกี้บอกว่ากำลังหาซื้อชุดสำหรับไปงานเลี้ยง แต่เท่าที่เดินผ่านมาแถวนี้ไม่มีร้านตัดชุดเลยนี่ ทำไมต้องทำลับๆ ล่อๆ ด้วย หรือว่าจ้านจะเป็นห่วงผม แต่ถ้าแบบนั้นเขาก็ควรบอกผมตรงๆ สิ ไม่ใช่มาโกหกกันอย่างนี้

กำลังคิดอะไรอยู่สักพักก็มีสายโทรเข้ามาอีก แต่คราวนี้เป็นเบอร์แปลก

“สวัสดีครับ”

[หายหัวไปไหน ทำไมไม่มาทำงาน]

“คุณ!” ผมเผลออุทานเสียงดัง จนต้องเลี่ยงหลบไปริมทางเดินเพื่อตั้งสติ

ไทด์รู้เบอร์ผมได้ไง!

[พอพูดแบบนั้นกับฉันแล้วก็คิดจะชิ่งงั้นหรอ]

“เปล่านะครับ”

[แล้วที่หยุดไปหลายวันโดยไม่บอกฉัน มันหมายความว่าไง]

“เลขาของลูเซียนยังไม่บอกคุณหรอครับ”

[บอกเรื่องอะไร] ถามแบบนี้จะให้ตอบยังไง ถ้าให้เล่าตรงๆ สงสัยต้องสาวเรื่องยาวแน่ และลูเซียนเองก็คงไม่ชอบใจหากผมปากยื่นปากยาวป่าวประกาศเรื่องที่มีเขามาเกี่ยวข้องให้คนอื่นฟัง

“คือ... ผมมาทำงานที่บ้านลูเซียนชั่วคราวน่ะครับ”

[บ้านบอส? เขาหวงพื้นที่ส่วนตัวจะตาย ขนาดอาฉันที่เป็นเลขาส่วนตัวยังไม่เคยนอนค้าง แล้วนายเป็นใคร... แม่บ้านระดับมาสเตอร์ยังสำคัญกว่า มีเหตุผลอะไรที่บอสจะต้องให้นายไปอยู่ด้วย]

“ทำไมคุณไม่ไปถามเขาเองล่ะครับ”

[เอ๊ะไอ้นี่! ยอกย้อนอีก] เขาขึ้นเสียงจนผมต้องเอาโทรศัพท์ห่างจากหูแปบนึง

จะว่าไป ผมก็มีเรื่องจะคุยกับไทด์อยู่พอดี...

“ว่าแต่... คุณยังไม่บอกเรื่องของผมกับใครใช่มั้ยครับ”

[แสดงว่านอกจากฉันแล้วยังไม่มีใครรู้] อยู่ๆ น้ำเสียงของเขาก็เปลี่ยนไป ไทด์คิดอะไรอยู่นะ ผมหวั่นใจจนรู้สึกกระวนกระวายไปหมด คิดว่ามีสิ่งไหนที่ทำได้ผมก็รีบทำทันที

“ขอร้องนะครับ อย่าเอาเรื่องนี้ไปบอกใคร” สิ่งเดียวที่ผมทำได้ตอนนี้คือขอความเห็นใจจากเขา

[ให้คนอื่นรู้แล้วมันยังไง นายไม่ได้ทำอะไรไม่ดีหนิ ถ้าทุกคนรู้ว่านายความจำเสื่อมก็จะได้มองนายใหม่ แบบนี้ไม่ดีรึไง] ผมเข้าใจความหมายในคำถามนั้น ถึงได้รู้ว่าไทด์ต่างหากที่ไม่เข้าใจในสิ่งที่ผมทำ

“คุณยังจำตอนที่เคยหลอกผมเรื่องแผลเป็นได้มั้ยครับ” ผมถาม “คุณระแคะระคายเรื่องของผมถึงได้แต่งเรื่องขึ้นมาเพื่อลองเชิง ตอนนั้นผมเชื่อคุณสนิทใจ ยอมทำตามที่บอกทุกอย่าง แล้วถ้าเกิดคนไม่หวังดีกับผมรู้เข้า เขาจะไม่เอาจุดอ่อนเรื่องที่ผมสูญเสียความทรงจำมาทำร้ายผมหรอครับ”

ผมลืมทุกอย่างที่เคยเกิดขึ้นในชีวิต การกระทำดีเลวของตัวเองล้วนแต่ฟังคนอื่นบอก เรื่องไหนจริงเรื่องไหนเท็จผมไม่มีทางรู้ และดูท่าว่าจุดอ่อนนี้จะเลวร้ายเข้าไปอีกเมื่อคนส่วนใหญ่มองผมเป็นคนไม่ดี เลยอดระแวงไม่ได้ว่าถ้าปล่อยให้คนพวกนั้นรู้ความจริงเข้ามันจะกลายเป็นภัยต่อผมขึ้นมาจริงๆ

หลังจากเงียบเสียงกันไปสักพัก ผมก็ได้ยินเสียงไทด์จากปลายสายอีกครั้ง 

[สรุปว่ายังไม่ได้ลาออกใช่มั้ย]

“ครับ”

[สมองเสื่อม... ชีวิตนายนี่มันพิลึกพิลั่นดีจริงๆ] ผมไม่รู้ว่าไทด์พูดด้วยความรู้แบบไหน จึงฟังไปเงียบๆ [แต่ก็ควรอยู่หรอก อย่างน้อยฉันก็ไขข้อข้องใจเรื่องที่นายยอมกินกุ้งได้แล้ว]

“เอ่อ แล้วเรื่องที่ผมขอ...”

[ความจริงฉันก็ไม่ได้อยากยุ่งเรื่องส่วนตัวของนายนักหรอกนะ]

“ขอบคุณครับ” ได้ยินแบบนั้นค่อยโล่งใจ ขอเพียงไทด์ไม่ใส่ใจเรื่องของผมเหมือนอย่างที่เคยทำมาตลอดก็ไม่น่ามีปัญหา หรือถ้าอยากให้ต่างคนต่างอยู่ผมก็จะไม่ขัดข้อง

[เชื่อใจฉันรึไง] คำถามของไทด์ทำให้ฉุกคิดว่าที่ผ่านมาผมมองหัวหน้าพนักงานเสริฟ์คนนี้เป็นอย่างไร หากไม่นับตอนเจอกันครั้งแรกหรือทัศนคติที่มีต่อผม เขาก็ดูไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร

“คุณอาจไม่ชอบขี้หน้าผม แต่คุณไม่ใช่คนไม่ดีหรอกครับ”












รู้สึกเครียดแต่เช้า ไม่รู้ว่าข้อสอบวันนี้จะเอาตัวรอดไปได้รึเปล่า ผมเตรียมเอกสารใส่กระเป๋าสะพายเรียบร้อย เดินมาหยิบขนมปังที่ซื้อไว้ในครัวพร้อมกับหาเครื่องปิ้งขนมปัง วันนี้ขอทำอะไรง่ายๆ กินก่อนไม่งั้นไม่ทันเวลาแน่ ทว่าสิ่งที่ผมพบกลับเป็นเครื่องใหม่เอี่ยม ลักษณะไม่น่าจะเคยถูกใช้งานสักครั้ง

เห็นแล้วผมไม่กล้าใช้เลย สงสัยจะต้องไปขออนุญาตเจ้าของบ้านก่อน...

ผมเคาะประตูห้องนอนลูเซียนเป็นจังหวะ แล้วรอเวลาให้คนด้านในมาเปิด ผ่านไปเพียงชั่วอึดใจชายร่างสูงก็ปรากฏตรงหน้า เขาเตรียมพร้อมที่จะไปทำงาน ใส่สูทเต็มยศ ขาดก็แต่เนกไทที่ยังต้องจัดให้เรียบร้อย

“ผมขอใช้เครื่องปิ้งขนมปังในครัวได้มั้ยครับ” พูดจบก็รอคำตอบ แต่อีกฝ่ายกลับไม่แสดงท่าทีอะไรเลย “ผมจะใช้อย่างระวัง ไม่ทำให้ของคุณเสียหายแน่นอน”

“ฉันบอกให้อยู่ที่นี่เหมือนไม่อยู่ มันยากนักหรือไง” น้ำเสียงของเขาไม่สบอารมณ์เท่าไหร่

“ให้ผมใช้ของโดยไม่ขอคุณก่อนก็เสียมารยาทสิครับ”

“นายเคยสนเรื่องนั้นด้วยรึไง” เหมือนกำลังถูกด่าเลยแฮะ   

“คือ... ผมจะทำขนมปังทาแยม คุณอยากรับสักชิ้นมั้ยครับ เดี๋ยวผมทำเผื่อ”

“ไม่ต้อง” ตอบแบบไม่ต้องคิด และสิ่งที่ทำให้ผมหน้าชากว่าเดิมก็ตอนที่เขาปิดประตูใส่หน้าเนี่ยแหละ ปฏิเสธซะหนักแน่น จะเกรี้ยวกราดไปถึงไหน

ผมเดินลงมาจัดการขนมปังแผ่นเพื่อทำเป็นอาหารเช้าคู่กับโอวัลตินซองที่ซื้อมาพร้อมกัน ขณะนั้นผมมองสลับกับแก้วกาแฟที่ชงให้ลูเซียนดื่มเมื่อวาน เขาบอกหวานไปแสดงว่าอยากให้รสน้ำตาลอีกนิด ไม่ได้ปฏิเสธหนักแน่นทำนองว่าผมไม่ต้องเสร่อทำมาอีก ครั้งแรกตอบแทนน้ำใจเขาไม่สำเร็จก็แปลว่าผมต้องแก้ตัว

แต่... เขาบอกว่าให้เราอยู่ที่นี่เหมือนไม่อยู่นี่หว่า

เวลาผ่านไปห้านาที ผมเห็นลูเซียนเดินลงบันไดมาพร้อมกับบุคลิกมาดเข้ม โดยรวมแล้วไม่ต้องจัดการอะไรอีกก็สามารถออกจากบ้านได้เลย ทีนี้ผมรอจังหวะให้เขาหันมามอง พอสบตากันในเสี้ยวนาทีนั้นผมก็หันไปกดน้ำร้อนใส่แก้วกาแฟแล้วเดินถือไปหาเขาอย่างเร่งรีบ

“ลองชิมแก้วนี้ก่อนครับ รับรองว่ารสชาติถูกปากคุณกว่าเมื่อวานแน่ๆ” ผมตั้งใจพูดดักไว้ก่อน เพราะรู้ว่าหลังจากนี้ลูเซียนจะเดินเข้าครัวเพื่อชงกาแฟดื่มก่อนไปทำงาน

แต่จากสีหน้านิ่งๆ และดูจะไม่สบอารมณ์ของเขาแล้ว ผมอาจโดนปฏิเสธน้ำใจอีกแน่เลย...

ลูเซียนยืนมองแก้วกาแฟในมือผมโดยไม่พูดอะไรประมาณสิบวินาทีได้ กำลังสงสัย ลังเล หรือไม่แน่ใจอะไรก็ไม่ยอมพูดออกมา ลำพังเดาจากสีหน้าก็ยากอยู่แล้ว ยังจะต้องให้เดาสิ่งที่อยู่ในใจเขาอีกหรอ

ทว่าในฉับพลันนั้นทุกอย่างจะหยุดชะงักลง เมื่อคนตรงหน้ายกแก้วกาแฟไปจากมือผม

“นึกว่าคุณจะไม่รับซะอีก” ผมยิ้มเล็กน้อย พลางยกมือเกาหัวไปมา 

“นายมันก็เป็นแบบนี้ตลอด ไม่เคยใส่ใจคำปฏิเสธของฉัน ทั้งดื้อดึง ทั้งหัวรั้น... ฉันรำคาญเต็มทน” ความหมายของเขาคือรับไปให้มันจบๆ สินะ พูดยังกับว่าเมื่อก่อนเขาบอกปัดผมบ่อยๆ แต่ผมก็ยังตื้อไม่เลิกอย่างงั้นแหละ

“ถ้าครั้งนี้ไม่ถูกปากคุณอีก ผมจะไม่ทำแล้วก็ได้ครับ” นัยน์ตาคมหรี่มองผมชั่วครู่ จากนั้นยกแก้วกาแฟขึ้นดื่มเพียงนิด ผมลุ้นโดยไม่แสดงอาการ โดยหวังอย่างยิ่งว่าการตอบแทนเขาเรื่องอธิบายโจทย์เลขจะได้ชดใช้เสียที 

แต่จู่ๆ ชายคนนี้กลับหยิบอะไรบางอย่างมาวางไว้ตรงหน้าผมแทน

“กุญแจประตูหลัง เผื่อแม่บ้านที่จะเข้ามาทำความสะอาดไม่อยู่ตอนนายกลับมา” เดี๋ยวๆ อย่าข้ามบทแบบนี้สิ

“แล้วเรื่องรสชาติล่ะครับ” ถามจบ คนตัวสูงแค่มองผมแล้วถอนหายใจนิดหน่อย ใครที่อยู่ในสถานการณ์เดียวกับผมคงเดาได้อย่างเดียวว่าโดนรำคาญอีกแล้วแน่ๆ แค่ไม่อยากติดหนี้บุญคุณลูเซียน กลับกลายเป็นก่อความวุ่นวายให้เขา

โอเค ไม่ทำแล้วก็ได้วะ

ผมกำลังก้มหน้าถอนหายใจทิ้ง จู่ๆ แก้วกาแฟก็ถูกวางลงบนโต๊ะโดยฝีมือของลูเซียน จากนั้นก็ได้ยินเสียงฝีเท้าหนักหน่วงเดินออกไปจากครัวในจังหวะเดียวกับที่ผมเหลือบมองภาพอันน่าประหลาดใจตรงหน้า


ลูเซียน... ดื่มซะเกลี้ยงเลย 













TBC

หายไปหลายวัน เดี๋ยวพรุ่งนี้จะอัพเดตตอนต่อไปให้เวลาประมาณ 2 ทุ่มละกันเนอะ

รู้สึกว่าจะมีคนถามหาอีวานกันเยอะเลย เขามาแน่นอนจ้า อีกไม่กี่ตอนต่อจากนี้แหละ

รับรองว่าสมแก่การรอคอยแน่นอน 55555

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-06-2018 01:07:56 โดย La_Pomme »

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด