## พันธะพัวพัน ## [ตอนที่ 29:: คนรู้จัก] UPDATE 20/10/62
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ## พันธะพัวพัน ## [ตอนที่ 29:: คนรู้จัก] UPDATE 20/10/62  (อ่าน 48342 ครั้ง)

ออฟไลน์ minenat

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1661
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-3
พันกันให้วุ่นน

ออฟไลน์ Januarysky

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 507
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
พันกันใหญ่แว้วววว
กดบวกขอบคุณ

ออฟไลน์ rockiidixon666

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-3
พี่วานขยันหิ้วรัณย์จริงๆ ชีวิตรัณย์วุ่นวายน่าดู พี่ลูต้องเอารัณย์กลับมาให้ได้นะ  :hao7:
อยากให้ไทค์มีคู่จัง ตายๆ ชอบผู้ชายทั้งเรื่องเลย  :laugh:
แต่เชียร์พี่ลูนะคะ ชอบคนซึนที่เกรี้ยวกราด 55555

ออฟไลน์ myd3ar

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1531
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-4
กำลังลุ้นเลย น้องรัณย์ จะรอดมั้ยคราวนี้

ออฟไลน์ La_Pomme

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 51
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-0
บทที่ 24
::ไม่สนถูกผิด::





**

ระหว่างรอจ้านขึ้นมาหาบนห้องทำงาน ลูเซียนบอกให้ไทด์กลับไปก่อนเพราะเห็นว่าไม่มีเรื่องอะไรให้ช่วยเหลือแล้ว แต่ไทด์กลับขออยู่จนกว่าจะได้เบาะแสของกรัณย์ บอสใหญ่จึงย้ำให้กลับไปทำหน้าที่ของตัวเองซะ ไทด์เห็นว่าผู้เป็นนายเอาจริง ถ้ารั้นจะอยู่ก็เท่ากับขัดคำสั่ง 

หลังจากจักรพงษ์กับหลานชายเดินออกจากห้องทำงานไปไม่นาน จ้านก็เปิดประตูห้องพรวดพราดเข้ามาโดยไม่มีการเคาะเป็นสัญญาณแต่อย่างใด...

“รัณย์ถูกอีวานจับตัวไปอีกแล้วใช่มั้ย” จ้านยืนต่อหน้าลูเซียน “ผมตามสัญญาณโทรศัพท์ไม่ได้เพราะเครื่องถูกปิด คุณรู้หรือเปล่าว่ามันพาตัวรัณย์ไปไหน ผมจะได้ตามไปช่วย”

“ผมไม่รู้” เจ้าของบริษัทกล่าวสั้นๆ ดูราวกับไม่สะทกสะท้าน ซึ่งนั่นทำให้จ้านโมโหมาก

“เนี่ยน่ะหรอที่บอกว่าการเป็นคนของคุณจะช่วยคุ้มครองรัณย์จากไอ้หมอนั่นได้ ดูมันเกรงใจคุณมากเลยสิ แผนวางให้รัณย์เป็นคนของคุณแล้วยังไง ถ้ามันอยากจะได้ซะอย่าง... คุณเองก็ชะล่าใจแบบนี้แล้วจะไปปกป้องใครได้”

“อีวานไม่ใช่คนทำอะไรผลีผลาม เขาไม่ยอมเสี่ยงกับอะไรแม้จะเป็นเรื่องเล็กน้อย... แต่กับรัณย์มันต่างออกไป ไม่ใช่ว่าผมเป็นคนที่เขาต่อกรได้ แต่เด็กคนนั้นต่างหากที่ทำให้เขาแหกกฎของตัวเอง”

“คุณจะบอกว่าหมอนั่นชอบรัณย์มากงั้นหรอ” จ้านดูจะอารมณ์ขึ้นกับทุกคำที่ออกมาจากปากลูเซียนในเวลานี้ “บ้านเมืองมีขื่อมีแป มันเป็นแค่คนต่างชาติ จะให้มาคุกคามคนอื่นตามใจชอบแบบนี้ไม่ได้”

“ก็ถ้าเพื่อนคุณไม่เอาตัวเข้าแลกจนเขามาติดพัน มันจะเกิดเรื่องนี้ขึ้นรึไง”

“ว่าไงนะ? เอาตัวเข้าแลกอะไร?” จ้านผงะกับสิ่งที่ตัวเองเพิ่งได้ยิน ในขณะที่ลูเซียนเองก็สงสัยท่าทีประหลาดใจของคนตรงหน้า ถ้าเป็นอย่างนี้ก็แสดงว่ากรัณย์ไม่ได้เล่ารายเอียดที่ตัวเองต้องเข้าไปพัวพันกับอีวานให้จ้านฟัง

“อีวานบอกเองว่าเหตุผลที่ยอมเซ็นสัญญากับผม ก็เพราะต้องการทำตามข้อต่อรองของรัณย์”

ลูเซียนนึกย้อนไปหลังจากตอนที่เขาเรียกกรัณย์มาพบเพื่อพูดถึงความต้องการของอีวานให้ฟัง เมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายสนใจกรัณย์ก็ตกลงที่จะไปเจอตามนัด โดยหลังจากคุยกับอีวานแล้วเด็กหนุ่มก็มาบอกลูเซียนเรื่องข้อตกลงกับทางนั้นทันที

ช่วงนาทีแรกที่ฟังจบ เขาพูดไว้ว่า ‘เอาตัวเข้าแลกกับเขาเพื่อให้ได้นอนกับฉัน นายคิดบ้าอะไรอยู่’

แต่กรัณย์ทำเพียงแสยะยิ้มให้ ก่อนจะเอ่ยช้าๆ ‘คุณไม่รู้จริงๆ หรอ’

“เด็กนั่นเสนอตัวให้อีวาน เขาไม่ได้บอกคุณรึไง” ลูเซียนถามจ้านหลังจากหยุดความคิดในหัวเอาไว้แค่นั้น

“ทำไมรัณย์ต้องยอมทำขนาดนั้น” เมื่อถูกจ้านถามกลับ บอสใหญ่นิ่งไปเพราะเจ้าตัวเคยตีความไว้หลายอย่าง อีกทั้งไม่อยากพูดถึงข้อตกลงที่กรัณย์เคยคุยกับเขาด้วยปากของตัวเองด้วย

“เอาเป็นว่าเรื่องของอีวานกับเจ้าเด็กนั่นผมเป็นคนดูแลอยู่ คุณอย่ากังวลไปเลย” ลูเซียนพูดจบก็จะเดินไป แต่จ้านกลับผายมือมาขวางหน้าไว้

“ถ้าคุณเห็นอีวานเป็นหุ่นส่วนที่แตะต้องไม่ได้ก็นั่งทำใจเย็นต่อไปเถอะ... เรื่องของรัณย์ผมจัดการเอง”

“การที่ผมไม่หัวร้อนจะเป็นจะตายเหมือนคุณ มันแปลว่าผมชะล่าใจงั้นสิ”

“คนอย่างคุณจะไปเข้าใจอะไร เพราะรัณย์เกี่ยวข้องกับคุณเขาถึงเจอแต่เรื่องแย่ๆ ไม่ใช่หรอ ถ้าไม่คิดจะช่วยรัณย์จริงๆ ก็ไม่น่าออกตัวแต่แรก เห็นมั้ยว่ามันเกิดอะไรขึ้นบ้าง” บทสนทนาของพวกเขาแทบจะไม่เหลือความเกรงอกเกรงใจกันอีก และดูจะหนักขึ้นเมื่อจ้านใช้นิ้วชี้หน้าลูเซียนพร้อมเอ่ยต่อ “ถ้ารัณย์เป็นอะไรไป ผมคิดบัญชีกับคุณแน่”

บอสใหญ่ไม่หลบแววตาของคนตรงหน้า ซ้ำยังวางท่ามาดมั่นเพื่อแสดงให้เห็นว่าเขาไม่สนใจกับคำขู่นั้น

“ถ้าไม่อยากให้ผมเสียเวลาจัดการเรื่องนี้ ก็หยุดพล่ามซะเถอะ”

“คุณจะจัดการยังไง” ลูเซียนไม่ตอบคำถามในทันที ได้แต่เดินไปหยิบเสื้อคลุมขึ้นมาสวมเพื่อเตรียมตัวออกข้างนอก “รีบตอบมา ผมรอฟังอยู่”

“ถ้าได้เรื่องอะไรผมจะส่งข่าวไป”

“ไม่! ไม่ได้... ผมจะไปช่วยรัณย์เอง ส่วนคุณก็อยู่เฉยๆ เหมือนที่เคยทำมาตลอดเถอะ”

จ้านยกเรื่องในอดีตขึ้นมาเหน็บแนม เนื่องจากกรัณย์เคยเล่าให้ฟังว่าตลอดสามปีที่จากกันไป เจ้าตัวมีโอกาสได้เจอกับลูเซียน ชายหนุ่มผู้ลึกลับและเต็มเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์น่าค้นหา แม้ในคำบอกเล่าจะพูดถึงเรื่องแย่ๆ แต่แววตาของกรัณย์กลับบ่งบอกชัดเจนว่าอาทรชายคนนั้นขนาดไหน

สำหรับจ้านแล้ว ลูเซียนก็เป็นแค่ผู้ชายเลือดเย็นที่ไม่เคยแคร์ใครนอกจากผลประโยชน์ทางธุรกิจ กรัณย์เคยอยู่ข้างกายชายคนนั้นชีวิตถึงได้พลิกผัน ต้องกลายเป็นผู้ชายขายตัวในขณะที่ลูเซียนไม่คิดทำอะไรเลย พอคิดอย่างนั้นจ้านจึงได้แต่โทษตัวเองว่าหากสามปีก่อนเขาตั้งใจตามหาเพื่อนสนิทอีกสักนิด ชีวิตของกรัณย์ก็คงไม่ต้องมาเจอกับลูเซียน

“คุณควรรู้จักสงบสติอารมณ์ซะบ้าง” ลูเซียนกระแทกเสียง

“คุณไม่เคยเป็นห่วงใคร อย่าพูดเลยดีกว่า” จ้านยังมีเรื่องในใจที่อยากกล่าวกับคนตรงหน้าให้จบ “ต่อให้เอาเรื่องในอดีตระหว่างพ่อผมกับครอบครัวของรัณย์ขึ้นมาขู่อีกผมก็ไม่สน คุณอยากทำอะไรก็เชิญ เพราะหลังจากช่วยรัณย์ได้แล้วผมจะบอกเรื่องทุกอย่างให้เขาฟังเอง”

“แสดงว่าคุณสืบเรื่องคดีของพ่อรัณย์อย่างละเอียดแล้ว” บอสใหญ่เอ่ยอย่างรู้ทัน ซึ่งมันก็เป็นจริงนั้น

เหตุผลที่จ้านยอมให้รัณย์ไปอยู่กับลูเซียนเกือบหนึ่งอาทิตย์ เป็นเพราะเขาต้องการใช้เวลาค้นข้อมูลเกี่ยวกับคดีของพ่อรัณย์ที่เกิดขึ้นเมื่อสามถึงสี่ปีก่อน แล้วค่อยนำรายละเอียดที่สืบได้ไปซักถามกับพ่อให้รู้ดำรู้แดง จนสุดท้ายฝ่ายที่โดนจี้จำต้องยอมรับตามตรงว่าเป็นคนหักหลังเพื่อนของตัวเอง หากแต่สิ่งที่ทำไปนั่นไม่ใช่ความผิด แต่มันเป็นหน้าที่และความรับผิดชอบ เมื่อจ้านพยายามพูดให้พ่อฟังว่าเราเป็นต้นเหตุที่ทำให้รัณย์ต้องใช้ชีวิตอยู่อย่างเลวร้าย พ่อของเขากลับพูดว่า…

‘ยังคบกันอยู่อีกหรอ ไหนว่าไม่ได้เจอกันแล้ว’

จ้านจึงรู้ในทันทีว่าพ่อคงไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับตระกูลรัตนเตศวรอีก ไม่ว่าจะเป็นเพราะความละอายใจ รู้สึกผิด หรืออะไรก็ตาม เขาจะไม่ซักให้อีกฝ่ายเสียความรู้สึก เพราะหากพูดถึงความถูกต้อง แม้ลำบากใจเขาก็ควรเข้าข้างพ่อ

แต่ถ้าจะให้เลิกคบกับกรัณย์ไป เขาไม่มีทางยอมแน่!

“พ่อก็ส่วนพ่อ ผมก็ส่วนผม รัณย์รู้ดีว่าผมหวังดีกับเขาที่สุด” จ้านเอ่ยอย่างจริงจัง

“คิดจะพูดอะไรก็ได้ เพราะเห็นเขาเป็นแบบนี้งั้นหรอ”

“แบบนี้ที่ว่า... คุณหมายถึงอะไร”

“รัณย์ไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว ต่อให้เรื่องร้ายแรงแค่ไหนก็คงพร้อมจะมองข้ามอดีตเพื่อเริ่มต้นใหม่... คุณคงคิดแบบนี้นี้สินะ” จ้านรู้สึกทะแม่งๆ เหมือนจะข้องใจในสิ่งที่ลูเซียนเอ่ย เดิมทีเข้าใจว่าไม่แปลกที่ลูเซียนจะคิดอย่างนั้น เพราะแค่กรัณย์ไปทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟในไนต์คลับ คนที่เคยรู้จักก็ต้องรู้สึกว่ากรัณย์เปลี่ยนไปอยู่แล้ว

มองข้ามอดีต? เริ่มต้นใหม่?

“หรือว่าคุณ...”

“ผมรู้แล้วว่ารัณย์ความจำเสื่อม”


**

 










ผมรู้สึกถึงความนุ่มตั้งแต่บริเวณหลังคอไปจนถึงแผ่นหลัง ได้กลิ่นหอมสดชื้นของดอกไม้หรือน้ำหอมอะไรสักอยู่ใกล้เลยเกิดอาการสงสัย ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาแล้วกวาดสายตามองไปทั่ว ก่อนจะพบว่าผมกำลังอยู่บนเตียงนอน

ภาพตรงหน้าคือห้องนอนขนาดไม่ใหญ่มาก แต่การตกแต่งภายในหรูหรามีราคา ครั้งสุดท้ายจำได้ว่าผมอยู่บนรถยนต์กับลูกน้องของอีวาน หลับไปตอนไหนไม่รู้ ตื่นมาอีกทีก็อยู่ที่นี่แล้ว โชคดียังดีที่ร่างกายยังไม่รู้สึกผิดปกติอะไร แถมเสื้อผ้ายังอยู่ครบ

ผมรีบคลานลงจากเตียง จากนั้นก็รู้เหมือนพื้นมันโคลงเคลงยังไงชอบกล ความสงสัยทำให้ผมมองออกไปนอกหน้าต่าง ก่อนจะพบว่าด้านนอกมีแต่... ท้องทะเล

นี่ผมอยู่บน ‘เรือ’ อย่างนั้นหรอ!

ตกใจได้สักพักก็มีคนเปิดประตูเข้ามา...

“นายตื่นแล้ว” แวบแรกที่เห็นว่าเป็นใคร ผมรีบถอยกรูไปติดกำแพงพร้อมมองหาอะไรแข็งๆ ไว้เพื่อป้องกันตัวเอง

“ผมอยู่ที่ไหน”

“ยังไม่เห็นข้างนอกอีกหรอ” ว่าแล้วก็เดินเข้ามานั่งตรงปลายเตียงอย่างสบายใจ แม้จะไม่เจอกันหลายอาทิตย์ผมก็รู้สึกว่าเวลามันผ่านไปแปบเดียวเอง และที่ตลกคือผมพยายามเอาตัวรอดจากผู้ชายคนนี้ ด้วยการทำทุกอย่างเพื่อให้เป็นคนของลูเซียน ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านั้นผมพูดดิบดีว่าจะไม่ไปยุ่งกับเขาอีก แต่สุดท้าย... ผมก็ยังไม่หลุดพ้นอยู่ดี

สงสัยว่าเรื่องที่ผมคงทำไม่ดีกับคนอื่นในอดีต จะเป็นกรรมตามสนองมาถึงตอนนี้

“เรากำลังจะไปไหนกัน” ผมถามโดยไม่หลบตา

“ฉันชอบที่นายใช้คำว่า ‘เรา’ นะ”

โดนสายตากรุ้มกริ่มสวนกลับมาแบบนี้ผมจำต้องเบือนหน้าหนีจริงๆ ไม่ไหวจะสู้ แล้วไหนจะรอยยิ้มนั่นอีก บอกตามตรงว่าผมเกลียดทุกการกระทำที่เขาแสดงออกในเชิงมีเลศนัย เพราะมันทำให้ผมอึดอัด อยากจะอาเจียน ถ้าไม่ติดว่าข้างนอกเป็นทะเล ผมคงกระโดดลงไปนานแล้ว

“เจ็บหรือเปล่า” อีวานชี้ข้อมือของตัวเองเพื่อให้ผมเข้าใจว่าถามถึงอาการเจ็บตรงส่วนไหน

จริงสิ... ตอนปะทะกันก่อนหน้านี้ ผมโดนลูกน้องของอีวานออกแรงจับตรงข้อมือจนเป็นรอยแดง

“ลำพังผมไม่เท่าไหร่หรอก แต่ลูกน้องของคุณทำร้ายคนอื่นที่เขาไม่เกี่ยวอะไรด้วย มีกันตั้งหลายคนกลับรุมทำร้ายคนคนเดียว ตกลงว่าพวกคุณเป็นนักธุรกิจหรือนักเลงกันแน่” ผมนึกไปถึงไทด์ทันที เป็นห่วงว่าเขาจะเป็นอะไรมากหรือเปล่า ป่านนี้จะไปหาหมอหรือยัง แล้วไหนจะจ้านอีก ตอนเกิดเรื่องผมไม่ได้วางสายจากเขา ก็แปลว่าเขาน่าจะรู้แล้ว

“ถ้านายยอมขึ้นรถดีดีแต่แรก คนที่นายเรียกว่า ‘คนอื่น’ จะโดนแบบนั้นมั้ยล่ะ”

“ห๊ะ? แปลว่าผมไม่มีสิทธิ์เลือก ส่วนคุณมีสิทธิ์จะทำอะไรก็ได้ตามใจชอบงั้นหรอ” ผมพูดด้วยความโมโห “เพราะอะไร? เพราะคุณไม่เคยแคร์ความรู้สึกของคนอื่น หรือไม่รู้ว่าสิ่งที่ทำอยู่มันผิด”

“สำหรับตอนนี้... ฉันไม่สนความถูกผิดทั้งนั้น” ผมเอะใจว่าอีวานคิดจะทำอะไร เพราะมันฟังเหมือนกับว่าการพาตัวผมมาที่นี่คือสิ่งที่เขาคิดการณ์ล่วงหน้ามาแล้ว 

“ล่าสุดผมจำได้ว่ากำลังนั่งรถไปกับลูกน้องคุณ แล้วอยู่ๆ ผมมาโผล่ที่นี่ได้ยังไง เป็นไปได้หรอที่ผมจะถูกพาขึ้นเรือโดยไม่รู้สึกตัวเลย” พูดถึงตรงนี้ ผมก็ฉุกคิดอะไรขึ้นได้ “หรือว่า... เป็นเพราะน้ำนั่น”

“ใช่ ฉันให้นายดื่มน้ำที่ผสมยานอนหลับ”

ได้ยินอย่างนั้น สมองของผมก็พลันนึกไปถึงเหตุการณ์ในรถที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้...

ภาพคือชายหัวโล้นหยิบขวดน้ำขึ้นมาเปิดฝาและยื่นให้ผม แต่อยู่กับคนไม่น่าไว้ใจใครจะกล้าดื่ม ผมเลยบอกปัดไปแบบยังไงก็ไม่เอา คิดว่าทำแบบนั้นแล้วอีกฝ่ายจะเฉยไปเอง หากทว่า...

‘คุณต้องดื่ม’ ทำไมต้องรบเร้ากันด้วย ผมเริ่มสงสัย

‘ผมไม่หิว’

‘คุณมีทางเลือกเดียวคือต้องดื่มมันเข้าไป... เพราะถ้าไม่ดื่มเอง ผมจะเป็นคนกรอกให้’

จากคำพูดที่ว่ามา คิดๆ ดูผลสุดท้ายผมก็ต้องได้ดื่มอยู่ดี และที่สำคัญคือตอนนั้นผมต่อสู้จนอ่อนล้าเรี่ยวแรงแทบไม่เหลือแล้ว ถ้าจะให้ต่อต้านอีกก็พอเดาออกว่าใครแพ้ เลยหยิบมาดื่มส่งๆ โดยที่ในใจก็คิดอยู่แล้วว่าในน้ำต้องมีอะไรแน่ แต่ก็คงไม่ถึงกับตายหรอก เพราะถ้าพวกเขาอยากฆ่าผมจริง ก็คงหักคอผมได้ตั้งแต่โดนรวบตัวแล้ว

“ทำไมต้องให้ยานอนหลับผมด้วย”

“นายต้องขึ้นเฮลิคอปเตอร์มาที่นี่ แล้วไหนจะต้องต่อรถไปลงเรืออีก ฉันกลัวว่านายจะตื่นตระหนกเกินเหตุ พลอยทำให้ทริปสุดสวีทของเราพังไม่เป็นท่า ก็เลยอยากให้นายลืมตาขึ้นมา แล้ว... เซอร์ไพร์ส!” เจ้าของนัยน์ตาสีฟ้ายิ้มร่า เน้นคำสุดท้ายจริงจังราวกับเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่มาก ผมได้แต่ยืนมองโดยไม่พูดอะไร จากนั้นเขาถึงจะหุบยิ้มลงช้าๆ

“คุณอยากเคลื่อนย้ายผมแบบไม่ให้เกิดเรื่องยุ่งยากมากกว่า” คำพูดของผมทำให้อีวานเผยยิ้มอีกครั้ง แสดงว่ามันเป็นจริงตามที่ผมคาดเดา

“ถ้าไม่ทำแบบนั้น ระหว่างทางนายคงเอาแต่ถามลูกน้องฉันอย่างโน้นอย่างนี้ จนตัวเองคิดฟุ้งซ่านไปต่างๆ นานา” ผมจ้องอีวานเขม็ง แน่นอนว่ามันมีแต่ความไม่ไว้ใจ “อย่ามองอย่างนั้นสิ ฉันไม่พานายไปขายหรอกน่า”

“เรือจะแล่นไปขึ้นฝั่งที่ไหน” ผมถาม

“เกาะสมุย”

“ไปทำอะไรที่นั่น”

“ฉันมีเรื่องสำคัญบางอย่างที่ต้องทำ” จู่ๆ น้ำเสียงและสีหน้าของอีวานก็เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง “หรืออาจเรียกได้ว่ารอเวลานี้มานานมาก... ฉันเลยอยากให้นายอยู่ด้วย”

“ทำไมต้องเป็นผม”

ได้ยินมาว่าอีวานทั้งเนื้อหอมในฐานะนักธุรกิจไฟแรงและนักรักที่เปลี่ยนคู่นอนไม่ซ้ำหน้า แสดงว่าเขาน่าจะมีคนอ้อมล้อมเยอะแยะ ไม่ว่าจะถูกพาไปที่ไหนก็คงเต็มใจแน่... แต่ทำไมต้องเป็นผมล่ะ

“เพราะว่าต้องเป็นนายไง” นี่เขาตั้งใจตอบแล้ว หรือคิดจะกวนประสาทผมกันแน่!

“เมื่อไหร่จะปล่อยผมไปสักที ผมไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับคุณอีก แค่เรื่องที่เจออยู่ทุกวันนี้ก็ทำให้ผมลำบากมากพอแล้ว ทำไมจะต้องก่อกวนผมด้วยการจับไปโน้นที ไปนี่ที เหมือนผมเป็นสิ่งของด้วย” ระดับเสียงเริ่มดังขึ้นตามระดับอารมณ์ที่พุ่งสูง ผมพูดไปเจ็บใจไป ไม่มีใครอยากอ่อนแอหรอก และผมอยากก็เห็นแก่ตัวด้วยการเอาซวยที่ได้มาจากความโง่เขลาไปให้จ้านช่วยเหมือนกัน แต่ติดตรงที่ผมทำไม่ได้ สุดท้ายก็เลยต้องจมปรักเป็นคนงานของลูเซียนอย่างจำยอม “ถ้าคุณออกไปจากชีวิตแต่แรก ผมก็คงได้เริ่มชีวิตใหม่ ไม่ต้องรับรู้เรื่องในอดีตที่ทำให้ผมรู้สึกแย่เหมือนอย่างตอนนี้”

“รัณย์...”

“อย่าเข้ามา!” ผมร้องทันทีที่เห็นอีวานลุกจากปลายเตียงเพื่อเดินมาหา

สองเท้าขยับให้ห่างไปอีก ทุกอย่างเป็นไปโดยอัตโนมัติ ผมปากสั่น มือไม้ก็สั่น เรียกได้ว่าความทรงจำแย่ๆ ในคืนนั้นมันย้อนกลับเข้ามาหมด ผมรู้สึกได้กระทั่งว่าร่างกายส่วนไหนที่โดนเขาดูดจนเป็นรอยจ้ำๆ เสียงฮึกเหิมคำรามลอดไรฟันยังดังก้องอยู่ข้างหู แค่นึกถึงช่วงเวลานั้นก็สั่นไปทั้งตัวแล้ว

ผมไม่สบตาอีวาน ขออยู่กับตัวเองเพื่อควบคุมสติสักพัก ทว่าเพียงเสี้ยวนาทีที่ผมละสายตาไปอีวานก็มาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้า จากนั้นก็ใช้มือรวบเอวผมแล้วดึงให้เข้าหา ตอนนี้เลยกลายเป็นว่าผมอยู่ในอ้อมแขนของเขาเรียบร้อย

“ฉันอยากน่ากลัวในสายตาของศัตรู เพราะมันจะทำให้ฉันยิ่งเข้มแข็ง เหมือนตัวเองได้รับชัยชนะ” ผมเงยหน้ามองแววตาลุกโชนที่แฝงไปด้วยโทสะของอีวาน “แต่สำหรับแววตาของนายในตอนนี้ ฉันกลับรู้สึกเหมือน... กำลังพ่ายแพ้”

เมื่อครู่เขาดูดุดันมาก แต่ผ่านไปจนถึงประโยคสุดท้ายเจ้าของนัยน์ตาสีฟ้าครามที่ปั่นป่วนเหมือนพายุก็สงบลง โดยหลังจากนั้น เขาก็พูดด้วยน้ำเสียงนุ่มละมุนจนผมขนลุกไปทั่วร่าง

“นายจะโกรธจะเกลียดฉันยังไงก็ได้ แต่ขออย่างเดียว... อย่ากลัวฉัน” 














TBC.

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-07-2018 17:51:30 โดย La_Pomme »

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ ♥lvl♀‘O’Deal2♥

  • หานิยายถูกใจยากจัง!
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2665
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +176/-4
จะลูเซียนหรืออีวานหรือไทด์ก็ได้ แต่ไม่ใช่จ้าน

ออฟไลน์ fullfinale

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 666
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
ฮือออ สับสนวุ่นวายไปหมด

ออฟไลน์ loveview

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1912
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-10
โอ๊ยๆได้ใจมาอีวาน

ออฟไลน์ masochism2018

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 428
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1
รัณยือย่าง่าย!!

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Januarysky

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 507
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
มีลุ้นทุกตอน รออ่านทุกวัน
ประโยคท้ายนี่อิวานทิ้งระเบิดไว้อีกล่ะ
พัวพันยังไงกะนู๋รัณย์อีก
กดบวกขอบคุณ

ออฟไลน์ rockiidixon666

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-3
พี่ลูเป็นคนฉลาด นางต้องมีแผนอยู่ในหัวแน่ๆว่าจะช่วยรัณย์ยังไง

ออฟไลน์ mkianit

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 298
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-3
เนี่ยยย ชอบความร้ายของอีวานอะ

ออฟไลน์ La_Pomme

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 51
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-0
บทที่ 25
::ปล่อยนายไปไม่ได้::





ใบหน้าของอีวานเด่นชัดอยู่เพียงคืบ ผมกัดปากตัวเองท่ามกลางสถานการณ์ตึงเครียด และเมื่อหลบนัยน์ตาสีฟ้าคู่นั้นไปได้ ผมไม่รอช้า จัดการผลักตัวอีวานออกให้ห่าง ก่อนจะพูดอะไรบางอย่างเพื่อเป็นการเตือนสติเขา

“ผมเคยบอกแล้วว่าจะไม่อภัยให้กับสิ่งที่คุณทำไว้”

“แต่นายเป็นคนเสนอข้อต่อรองนั้นเองนะ”

“เพราะงั้นคุณก็เลยมีสิทธิ์ใช้กำลังบีบบังคับผมหรือไง” ผมขึ้นเสียงกลับ “เคยคิดสักนิดมั้ยว่าผมอาจจะต้องการเวลา หรือไม่พร้อมที่จะมีอะไรกับคุณในคืนนั้น”

ผมพยายามจะเข้าใจว่ามันคือการรับผิดชอบต่อคำพูด และไม่ยอมบอกอีวานไปตรงๆ ว่าผมความจำเสื่อม แต่ถึงอย่างนั้น ในสถานการณ์ที่ผมขอร้องให้เขาปล่อย ขอร้องว่าอย่าทำ ต้องกล้ำกลืนฝืนทน น้ำตาไหลอย่างหวาดกลัว เขาเห็นทุกอย่างแต่ก็ยังไม่ยั้งมือ ใช้กายถาโถมเข้าหาอย่างตามใจชอบ แบบนี้ผมควรมองว่าเขาเป็นคนยังไง

จนถึงตอนนี้อีวานยังเงียบอยู่ และผมก็ได้แต่ยืนมองว่าเขาจะพูดอะไรมั้ย

“ฉันขอโทษ” ม่านตาผมขยายกว้างทันที อีวานพูดประโยคแรกโดยไม่มองหน้าผม แต่หลังจากนั้นก็หันมาแล้วว่าต่อ “ฉันเข้าใจผิดไป... ไม่สิ ฉันผิดเอง ฉันไม่ควรทำแบบนั้นกับนาย”

“พูดเอาตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์แล้ว”

“งั้นฉันควรทำยังไงนายถึงจะยอมยกโทษให้”

“ปล่อยผมไป...” คำตอบของผมทำให้อีวานหรี่ตาลง คล้ายกำลังครุ่นคิดอะไรในใจ

“เป็นเพราะลูเซียนใช่มั้ย”

เดี๋ยวนะ... พูดแบบนี้แปลว่าเขารู้เรื่องระหว่างผมกับลูเซียนงั้นหรอ แล้วผมจะรู้ได้ยังไงว่าอีวานมองออกจากการที่ผมไปอยู่บ้านลูเซียน หรือเข้าใจความสัมพันธ์ของเราสองคนว่าเป็นยังไงตั้งแต่ก่อนที่ผมจะรู้จักเขาแล้วกันแน่

“ในเมื่อคุณรู้เหตุผลแล้ว ผมยังต้องอธิบายอะไรอีก” ไหนๆ อีวานก็เปิดทางมาให้แล้ว ผมก็แค่ต้องเล่นตามน้ำไป และถ้าถามว่าผมภูมิใจกับการนำเสนอตัวเองเหมือนเป็นสมบัติของผู้ชายอีกคนมันรู้สึกยังไง

ตอบได้เลยว่าน่าสมเพช...

ผมไม่ได้อยากถูกผู้ชายด้วยกันสนใจ ไม่อยากเป็นที่ต้องตาของใครต่อใคร แต่มารู้ตัวเอาตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์ เพราะก่อนหน้านี้ผมเป็นคนเอาตัวเองเข้าไปพัวพันกับคนมีอำนาจพวกนั้นเอง ใครทำยังไงก็ได้อย่างนั้น อยากจะหลุดพ้นให้ได้ผมก็ต้องฉลาดทันเกมคนอื่น เข้มแข็งเพื่อปกป้องตัวเองและคนรอบข้าง แน่นอนว่าถ้ายังไม่ตายผมก็ยังมีโอกาสเริ่มต้นใหม่ ขอเพียงออกไปจากพันธะที่พันแข้งพันขาผมไว้ให้ได้เป็นพอ 

หากทว่า...

“ฉันปล่อยนายไปไม่ได้”

“เพราะอะไร”

“ฉันชอบนาย”

คำพูดเพียงไม่กี่คำดังก้องอยู่ในหัว มันเป็นเพียงประโยคสั้นๆ แต่ความหมายกว้างใหญ่ ผมได้แต่ยืนนิ่งโดยไม่พูดอะไรไปหลายวินาที กำลังงงหรือสับสนก็ยังตอบไม่ได้ อยู่ๆ ก็ต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์ไม่คาดฝัน ผมรู้สึกอื้ออึง ทำตัวไม่ถูก เหมือนอาการตอบสนองมันเชื่องช้าไปดื้อๆ แต่ถึงอย่างนั้น มันกลับมีคำพูดประโยคหนึ่งที่ก้องอยู่ในหัว

เขาเอาอะไรมาชอบผม ไม่มีเหตุผลเอาซะเลย!

สักพักผมได้ยินเสียงฝีเท้าเดินเข้ามาใกล้ เมื่อแหงนหน้าขึ้นผมเห็นอีวานเอาหน้าพุ่งเข้ามาอย่างไม่ทันตั้งตัว ฝ่ามือทั้งสองประคองใบหน้าผมไว้อย่างมั่นคง ก่อนจะตามมาด้วยสัมผัสร้อนที่บนเบียดลงมาบนริมฝีปาก

ผมเบิกตากว้าง จะร้องห้ามก็ทำได้เพียงส่งเสียงอู้อี้เล็ดรอดออกมาจากไรฟัน จังหวะเร่งเร้ารุ่มร้อนอย่างกระหายทำให้ผมตื่นตระหนกจนต้องรวบรวมแรงทั้งหมดสลัดตัวเองออกมาอย่างทุลักทุเล

“ทำบ้าอะไร!”

คล้ายกับเพิ่งโดนดูดวิญญาณไปยังไงอย่างงั้น ผมหอบหนัก ยกมือขึ้นมาเช็ดปากตัวเองเพื่อให้รสสัมผัสของอีวานหายไป สมองผมรวน รู้สึกสติหลุดแถมกระสับกระส่ายไปมา ไม่รู้ว่ากำลังมึนหัวเพราะตัวเองเมาเรือด้วยหรือเปล่า แต่ที่แน่ๆ คือผมอยากออกไปจากตรงนี้ให้เร็วที่สุด     

ไม่ใช่แค่คิด ผมเลือกทำจริงๆ เริ่มจากมองหาประตูทางออกแล้ววิ่งพรวดออกไปโดยไม่สนเสียงเรียกของไอ้ฝรั่งนั่น ตอนนี้ภาพตรงหน้าคือทางขึ้นบันไดไปชั้นดาดฟ้าเรือ กับชายหัวโล้นที่ยืนเฝ้าหน้าประตูอยู่ เมื่อผมพาตัวเองพ้นจากนั้นแล้วมองรอบๆ ก็เห็นเป็นเรือยอร์ชขนาดกลาง มีคนขับเรือหน้าตาคุ้นๆ กับชายใส่สูทดำอีกหนึ่งคน แน่นอนว่าพวกเขาล้วนเป็นคนเดียวกับที่พาผมมานี่

พอลูกน้องคนสนิทของอีวานตามขึ้นมา ผมรีบวิ่งไปข้างตัวเรือพร้อมกับจับราวด้วยมือทั้งสองข้าง น้ำทะเลซัดเซปั้นเป็นเกลียวคลื่น ผมมองเห็นความสูงของเรือกับระดับน้ำทะเล ดูแล้วไม่น่ากลัวเท่าสถานการณ์ที่กำลังประสบอยู่ เกาะน้องใหญ่สุดลูกหูลูกตา ถ้าลองคำนวณดูผมจะต้องใช้กำลังแค่ไหนจึงจะว่ายไปถึงเกาะที่ใกล้ที่สุดในตอนนี้

“นายจะทำอะไร”

“หยุดอยู่ตรงนั้นเลย!” ผมตวาดใส่ทันทีที่เห็นอีวานกับชายหัวโล้นกำลังเดินเข้ามาใกล้

“รัณย์ เข้ามาข้างในก่อน” อีวานพูดกับผมอย่างใจเย็น

“จะเชื่อได้ไงว่าคุณจะไม่คิดทำอะไรบ้าๆ ผมอีก”

“ถ้านายโกรธเรื่องเมื่อกี้ ฉันสัญญา... จะไม่ทำอีกแล้ว” ผมส่ายหน้าไปมาอัตโนมัติ กระบวนการวิเคราะห์ของผมแทบจะเป็นศูนย์ ก็คิดเหมือนกันนะว่าถ้ายิ่งหนีก็จะยิ่งอ่อนแอ แต่สุดท้ายผมก็เลือกที่จะทำอย่างแรก

อยากต่อสู้ แต่ก็กลัวมือตัวเองจะเจ็บซะก่อน

“คุณบีบให้ผมต้องทำแบบนี้...”

“รัณย์!”

ตู้ม!!!

เพียงเสี้ยวนาทีที่สัมผัสมวลน้ำทะเล ร่างของผมจมลึกลงไปก่อนจะค่อยๆ ตีขึ้น ทั้งแขนและขาตะเกียดตะกายให้เป็นท่า พยายามหัวเอาให้พ้นน้ำ หากแต่ออกแรงไปสักพัก... ถึงรู้ตัวว่าว่ายน้ำไม่เป็น

เหมือนจะกินน้ำเข้าไปหลายอึก ผมไม่ไปไหนจากที่เดิมเพิ่มเติมคือร่างกายเริ่มอ่อนล้า จนท้ายที่สุดก็ปล่อยให้ทุกอย่างจบสิ้นตรงนั้น เรียกได้ว่าเป็นอีกครั้งที่ผมรู้สึกใกล้ตายเต็มที จวบจนการสั่งลาโลกนี้มาถึง ผมก็เพิ่งนึกได้ว่าอะไรเป็นปัจจัยที่ทำให้ผมต้องเอาชีวิตตัวเองมาเสี่ยงทำอะไรแบบนี้

เมื่อครั้งที่ผมไปโรงพยาบาลเพื่อหมอตามนัด ระหว่างพูดถึงอาการโดยรวม คุณหมอก็ถามว่า...

‘นับจากวันที่คุณตื่นขึ้นมาจนถึงวันนี้ พอจะรู้สึกมั้ยว่าตัวเองหวาดกลัวอะไร หรือมีอาการต่อต้านกับบางสิ่งบ้างรึเปล่า... คุณสูญเสียความทรงจำไปทั้งหมด นับเป็นแคสที่หาได้ยาก จากการตรวจสอบพบว่าเซลล์ประสาทของคุณไม่ได้รับความเสียหาย จึงเป็นไปได้ว่าคุณอาจมีสภาวะช็อคอย่างรุนแรงกับอุบัติเหตุในครั้งนั้น แม้ยังยืนยันไม่ได้แต่เราก็ควรวิเคราะห์ในหลายๆ แง่ เพราะสมองส่วนที่ควบคุมอารมณ์มันซับซ้อนมาก และมีกลไกบางอย่างที่เรียกว่าการป้องกันตัวเองจากสิ่งที่กระทบกระเทือนจิตใจ ผมเลยอยากอธิบายให้ฟังว่าถ้าคุณจำไม่ได้กระทั่งว่าตัวเองเคยกลัวอะไร ระดับไหน... สิ่งเดียวที่จะทำให้คุณรู้ได้ก็คือตอนเจอกับตัว จากนั้นจิตใต้สำนึกก็จะกระตุ้นให้คุณรู้สึกและตัดสินใจว่าควรทำยังไง... หากในอดีตคุณเคยเสียใจอย่างหนัก มีสภาวะเครียด เคยถูกทำร้าย กล้ำกลืนฝืนทนกับเรื่องแย่ๆ หรือเคยหวาดกลัวต่ออะไรก็ตาม ยิ่งถูกสะสมไว้ในใจมากๆ คุณก็จะยิ่งตอบสนองด้วยการหาวิธีปกป้องตัวเองและต่อต้านมันอย่างสุดกำลัง’

ผมหลับตาลอยเคว้งอยู่ในน้ำทะเลและค่อยๆ จมลงไปเรื่อยๆ แต่แล้วจู่ๆ ก็มีมือปริศนามาจับแขนผมไว้ ก่อนจะว่ายน้ำพาขึ้นไปจนพ้นผิวน้ำ

ขณะนี้ผมรู้สึกตัวทุกอย่าง พอลืมตาขึ้นก็พบว่าคนที่กระโดดลงมาช่วยคือ... อีวาน

“แค่กๆๆ”

เพราะดื่มน้ำไปหลายอึก เลยทำให้สำลักน้ำออกมา อีวานจับผมตัวผมให้ลูกน้องสองคนพาขึ้นไปตรงท้ายเรือ พอถึงพื้นเท่านั้นแหละ ผมล้มตัวนอนหงายเลย คิดว่าจะขอพักหายใจตรงนี้สักเดี๋ยว แต่อีวานกลับจับตัวผมให้นอนตะแคงแทน

“แสบนักนะ... ต้องทำขนาดนี้เลยหรอ” ได้ยินเสียงอีวานชัดขึ้นมาหน่อย เขาทำกระฟัดกระเฟียดก่อนจะหัวเราะออกมาราวกับรู้ทันว่าผมทำไปเพื่ออะไร

ผมค่อยๆ ลุกขึ้นมานั่ง แล้วหันไปพูดกับเขา “คุณจะพาผมกลับเมื่อไหร่”

“ขอเวลาวันสองวัน ถ้าเสร็จเรื่องแล้วฉันจะพานายกลับทันที และถ้าถามว่าทำไมต้องพานายมาด้วยอีกล่ะก็ ฉันคงตอบเหมือนเดิมว่าอยากให้นายอยู่ข้างๆ ในงานคืนพรุ่งนี้”

“หมายถึงงานอะไร”

“งานประมูลวัตถุโบราณ”

ถ้าระดับลูเซียนเข้าร่วมด้วยงานคงยิ่งใหญ่น่าดู แต่ฟังแล้วก็เหมือนเพวกเศรษฐีที่มีงานอดิเรกเป็นการสะสมพวกของโบราณทั่วไป ไม่เห็นต้องพูดเวอร์วังว่ามันสำคัญขนาดนั้นเลยนี่น่า

“อยากให้ผมไปเป็นเพื่อน แค่นั้นจริงๆ ใช่มั้ย” ผมยังไม่ไว้ใจ เลยถามย้ำเพื่อให้เขาพูดให้ชัดเจน

“ใช่... แต่ถ้านายคิดหนี ฉันก็จะให้เหย้าเหวินคอยไปรับนายอยู่เรื่อยๆ” นั่นไงล่ะ! หาเรื่องข่มขู่กันจนได้

“แปลว่าถ้าผมอยู่ที่นี่กับคุณดีดี คุณจะไม่สั่งให้คนพาตัวผมไปไหนมาไหนตามใจชอบอีก”

“ใช่... เพราะฉันจะเป็นฝ่ายไปหานายเอง”

“ห๊ะ?”

“นายจะปิดกั้นฉันทุกช่องทางไม่ได้นะ” อีวานพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ฉันสารภาพความรู้สึกกับนายไปแล้วก็ควรเปิดโอกาสให้ฉันได้ทำคะแนนบ้างสิ”

ผมส่ายหน้าทันที “คุณจะเสียเวลาเปล่าๆ”

“ฉันเคยทำให้นายผิดหวังกับคืนแรกของเรา ฉะนั้นต่อจากนี้ฉันจะพยายามแก้ตัวจนกว่านายจะยอมรับและให้อภัยฉัน” ทันทีที่พูดจบ ลูกน้องของเขาส่งผ้าขนหนูให้ หลังจากรับมาก็คลี่ออกแล้วห่มให้ผม

“ไปอาบน้ำซะ จะได้มาทานข้าว... นายยังไม่ได้กินอะไรเลยหนิ”

 











**

อีวานสั่งให้ลูกน้องพากรัณย์ไปยังห้องอาบน้ำ ระหว่างยืนมองเด็กหนุ่มเดินเข้าไปด้านใน เหย้าเหวินก็เดินมาแนบข้างผู้เป็นนายเนื่องจากมีข้อสงสัยบางอย่างที่ค้างคาใจ

“เป็นการสารภาพรักที่หวานปนขมมากครับ” อีวานรู้ได้โดยอัตโนมัติว่ากำลังถูกคนสนิทล้อเลียน

“อยู่ๆ ลูเซียนก็ยื่นจมูกเข้ามายุ่มย่ามแบบโจ่งแจ้ง ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้เขาได้แต่อยู่เฉยเหมือนไม่แคร์อะไร ถึงฉันจะยังไม่รู้เหตุผลที่แท้จริงแต่ก็ชะล่าใจไม่ได้” เว้นช่วงไปพักหนึ่ง เจ้าของนัยน์ตาสีฟ้าก็เอ่ยต่อ “ถ้าฉันไม่รุกให้หนัก ลูเซียนมีหวังได้ตัวรัณย์กลับไปอยู่ข้างกายเหมือนที่ผ่านมาแน่”

“ผมสงสัยครับ... ก่อนกระโดดลงไปกรัณย์เมื่อกี้ นายท่านคิดอะไรอยู่”

เหย้าเหวินจำได้แม่นว่าตอนที่กรัณย์กระโดดลงไปในน้ำ เขาจะอาสาลงไปช่วย แต่อีวานกลับยกมือห้ามไว้ แววตาซ้อนความลึกลับทอดมองร่างของเด็กหนุ่มที่กำลังตระเกียดกระกายแหวกว่ายเพื่อพยุงตัว เป็นเวลาเกือบหนึ่งนาทีที่อีวานยืนนิ่งโดยไม่มีปฏิกิริยาใดใด กระทั่งร่างของกรัณย์หายไปต่อหน้า เขาถึงพูดออกมาว่า...

‘ฉันเอง’ และกระโดดลงน้ำไป

“เด็กคนนั้นตั้งใจต่อกรกับฉัน เพราะเขาไม่เชื่อว่าฉันจะรักษาสัญญา ถึงได้กระโดดลงไป” อีวานหันไปจ้องคนสนิทแบบไม่กะพริบตา “ถือเป็นคำเตือน... ว่าเขายอมตายดีกว่ายอมตกเป็นของฉัน”

“ขนาดนั้นเลยหรอครับ” เหย้าเหวินค่อนข้างประหลาดใจ แต่กับผู้เป็นนาย... จวบจนตอนนี้เขายังไม่รู้เลยว่าเผลอยิ้มกับการกระทำของเด็กคนนั้นไปกี่ครั้งกี่หน


“เจ้าตัวเปี๊ยก... ชักน่าสนใจขึ้นทุกทีแล้วสิ”

**












TBC.

 

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-07-2018 23:46:24 โดย La_Pomme »

ออฟไลน์ masochism2018

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 428
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1
อีวานดูปลอม ไม่จริงจัง
ทีมพี่ลูแล้วกันนะ  :katai3:

ออฟไลน์ fullfinale

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 666
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
ก่อนความจำเสื่อม โดนอะไีรมานะ

ยอมใจรัณย์เลยกระโดดไปเลยเนี่ย ถ้าอีวานไม่ช่วยก็จะแย่เอา

พระเอกคือใครไม่รู้ ที่รู้ๆ #ทีมลูเซียน

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3

ออฟไลน์ loveview

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1912
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-10
คืออะไรกัน เล่นๆกันไปหมดอ่าาาางงใจ

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
“นายจะปิดกั้นฉันทุกช่องทางไม่ได้นะ” ลูเซียนพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ฉันสารภาพความรู้สึกกับนายไปแล้วก็ควรเปิดโอกาสให้ฉันได้ทำคะแนนบ้างสิ”
ตรงนี้ต้องเป็นอีวานหรือเปล่า

อดีตของรัณย์ก็ซับซ้อน   :เฮ้อ:  อยากเผือก  :z3:
มีความกลัว ความกดดันอะไรที่ไม่ชัดเจน
เอ่อ.......หวาดเสียว รัณย์ว่ายน้ำไม่เป็น แต่โดดทะเลเฉยเลย  o22
นอกจากชอบเซ็กซ์กับรัณย์แล้ว  ยิ่งทำให้อีวานสนใจชอบรัณย์้เข้าไปอีก
อีวานนี่จริงใจกับรัณย์จริงๆหรือ   :hao3:
แต่ที่แน่ๆตอนนี้ใครๆก็สนใจรัณย์แล้ว   :z3:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-07-2018 04:08:44 โดย ♥►MAGNOLIA◄♥ »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ rockiidixon666

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-3
สงสารรัณย์ เหนื่อยแทนรัณย์ที่ต้องเจอกับความวุ่นวายรอบตัว อยากรู้จังว่าก่อนความจำเสื่อมเกิดอะไรขึ้นบ้าง :z3:

ออฟไลน์ La_Pomme

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 51
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-0
บทที่ 26
::งานประมูล::





ผมได้เสื้อผ้าใหม่เอี่ยมอ่อง ราวกับเพิ่งเสกออกมาให้ ตอนแรกคิดคงเป็นใครสักคนบนเรือที่ให้ยืมใส่ แต่มันบนปกเสื้อยังไม่เอาป้ายราคาออก แถมไซส์ยังเท่ากับตัวผมอีก มันเป็นไปไม่ได้ที่คนตัวสูงใหญ่จะใส่เสื้อตัวเท่านี้ได้ เลยถามอีวานไปตรงๆ ว่าไปเอาเสื้อใครมาให้ใส่ คำตอบคือซื้อมาให้ผมโดยเฉพาะ

ถึงขั้นเตรียมการซื้อของใช้สำหรับพักข้างคืนขนาดนี้ แสดงว่าเขาคิดไว้แต่แรกแล้วว่าจะพาผมมาที่นี่...

ระหว่างล่องเรือไปเรื่อยๆ อีวานให้ผมนั่งบนนั่งทานของว่างระหว่างกินลมชมวิว ก่อนจะขึ้นฝั่งไปทานของหนักในร้านอาหาร เขาสั่งพวกอาหารทะเลมาเพียบ ผมรู้แล้วแหละว่าตัวเองแพ้แต่ไม่ได้บอกไป เพราะคิดว่าดูตั้งใจแน่วแน่ว่ามาทะเลก็ต้องสั่งอาหารซีฟู๊ด เมื่อถึงตาผมสั่งก็บอกไปว่าขอเป็นกับข้าวธรรมดาก็ได้ อีวานได้ยินรีบปฏิเสธ ผมเลยต้องบอกตามตรงว่าแพ้อาการทะเล

เพียงเท่านั้น... อีวานไม่พูดพร่ำทำเพลง เรียกพนักงานมาที่โต๊ะเพื่อสั่งอาหารใหม่ทันที

ท้องอิ่มแล้วอีวานก็พาผมขึ้นไปยังห้องพักของโรงแรม ระหว่างเดินตามหลังผมไม่พูดอะไรสักคำ คืนนี้ต้องพักห้องเดียวกับอีวานสิ่งเดียวที่ผมกำลังคิดก็คือ... ‘ไม่น่าไว้ใจ’

ขนาดอีวานเดินมาถึงหน้าประตูแล้ว ผมยังยืนนิ่งไม่ตามเขาเข้าไปด้านใน คือตอนนี้ผมไม่มีอะไรติดตัวสักอย่าง เสื้อผ้าที่สวมอยู่ก็ไม่ใช่ของตัวเอง ลำพังจะขออีวานให้เปิดห้องอีกหนึ่งห้องก็กลัวจะหาว่าทำเกินกว่าเหตุไป เพราะนี่เป็นห้องสวีท หรูหราด้วยของตกแต่ง ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าราคาค้างคืนจะแพงขนาดไหน อีกอย่างเขาก็บอกผมเองว่าขอเวลาไม่กี่วัน ถ้าปฏิเสธอีกก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้ว 

“ยืนทำอะไรอยู่ เข้ามาสิ”

ผมได้สติก็เดินเข้าไปในด้านแบบที่ยังเป็นกังวลอยู่ แต่พอเห็นวิวทะเลด้านนอกกับแสงไฟริมหาดก็ทำให้ผมเริ่มรู้สึกดีขึ้นบ้าง อีวานเดินนำผมไปตรงระเบียงด้านนอกก่อนจะควักมือเรียกให้ผมเดินตามไปดูบรรยากาศโดยรอบโรงแรม

“ชอบมั้ย”

“วิวสวยดี” ผมตอบแบบขอไปที

“เสร็จแล้วก็มาทางนี้เถอะ” เขาจับมือผมเพื่อพาไป แต่ผมยื้อไว้ก่อน เรียกว่าชะงักค้างมันตรงนั้นเลย และที่ผมไม่สะบัดมือออกเดี๋ยวนั้นเพราะอยากให้เขาเป็นฝ่ายถอยห่างผมไปเองบ้าง

สุดท้ายอีวานยอมปล่อยมือผม ก่อนจะเดินนำไปยังห้องนอนที่อยู่ทางซ้ายมือ พอเปิดประตูไปก็เห็นมีเตียง ทีวี ตู้เสื้อผ้า เฟอร์นิเจอร์ทุกอย่างที่ห้องสุดหรูในโรงแรมเขามีกัน จากนั้นอีวานก็เดินมาหยุดตรงปลายเตียงที่มีชุดสูทกับโบว์ไทค์สีแดงวางพาดอยู่คู่กัน

“นั่นเป็นชุดที่นายจะต้องใส่เข้างานคืนพรุ่งนี้” พูดถึงงานนั่น ผมมีเรื่องข้องใจอยู่นิดหน่อย

“งานประมูลวัตถุโบราณมันสำคัญยังไง คุณถึงอยากให้ผมไปด้วย”

“มีของล้ำค่าสิ่งหนึ่งที่ฉันอยากครอบครอง... เพราะมันบอกได้ว่าฉันเป็นใคร และเกิดมาเพื่ออะไร” เขาหนักแน่น ดูจริงจังกับคำพูดในประโยคนี้จนผมไม่กล้าขัด “ตลอดชีวิตฉันต้องแบกรับความภาคภูมิใจของตระกูล ฉะนั้นไม่ว่าแลกด้วยอะไรฉันก็ต้องได้มันมา”

“มันคือ...”

“เอาไว้นายไปเห็นในงานดีกว่า แล้วฉันจะบอกให้ฟังอย่างละเอียดเลย” ผมตัดใจไม่รบเร้าเอาคำตอบ เลยหันไปหยิบชุดสูทขึ้นมาดู ก่อนจะเห็นว่าขนาดมันเล็กเกินกว่าที่ผมจะใส่พอดี

“ดูจากทรงแล้ว ผมไม่น่าจะใส่ได้”

“มันเป็นชุดสั่งตัด พอดีตัวนายแน่นอน”

“ชุดพวกนี้ต้องวัดขนาดตัวอย่างละเอียดถึงจะตัดออกมาได้ไม่ใช่หรอ” ผมถามเพราะข้องใจ จนพูดจบแล้วอีวานก็ส่งสายแต่ที่มีเลศนัยพร้อมรอยยิ้มกว้างให้ผม

“ฉันเคยสัมผัสร่างกายนายมาแล้ว ทำไมจะไม่รู้ว่าตรงไหนขนาดเท่าไหร่ ไซส์อะไร” ไม่พูดเปล่า แต่ยังก้าวเท้าเข้ามาใกล้อีกต่างหาก ผมกลืนน้ำลายลงคอช้าๆ พยายามไม่สบตาอีกฝ่าย ก่อนจะหาเรื่องตัดบทไป

“ผมง่วงนอนแล้ว”

อีวานขำออกเสียง แม้เพียงสั้นๆ แต่ก็ทำให้ผมหงุดหงิดไม่น้อย

“ประตูห้องฉันไม่ได้ล็อค ถ้ามีอะไรเข้ามาหาได้ตลอดนะ” ว่าจบแล้วก็กำลังจะเดินหันหลังไป ทว่าจู่ๆ ผมก็นึกอะไรขึ้นได้ เลยร้องเรียกอีวานไว้ก่อนที่เขาจะเดินออกประตูไป

“เดี๋ยวก่อน”

“อะไร? จะเปลี่ยนใจไปนอนห้องเดียวกับฉันหรอ” แค่ฟังก็ขนลุกแล้วให้ตายสิ

“มือถือผมล่ะ”

อีวานเลิกคิ้วสูง จากนั้นก็หยิบโทรศัพท์ของผมออกมจากกระเป๋าเสื้อสูทของตัวเองขึ้นมา ผมแบมือรอหวังได้คืน แต่อีวานกลับเอาเก็บไว้ที่เดิม ก่อนจะเอ่ยสั้นๆ ว่า...

“ฉันยึด”









ตื่นเช้ามา ผมเดินขยี้ตาออกไปจากห้องนอนเพื่อหาน้ำดื่ม ไม่เห็นอีวานเลยคิดว่าเขายังไม่ตื่น สบโอกาสได้เดินดูรอบๆ เพราะเมื่อคืนไม่ได้สำรวจอะไร พอหัวถึงหมอนก็หลับยาวไปด้วยความเพลีย ผมหวังว่าจะได้เจอของที่ติดตัวมาแต่แรกอย่างกระเป๋าสตางค์กับโทรศัพท์ แต่หาไปเรื่อยๆ กลับสะดุดกระดาษแผ่นเล็กๆ ที่วางไว้บนโต๊ะกระจกแถวๆ โซฟาแทน

‘ฉันออกไปวิ่ง... ถ้าหิวก็โทรสั่งรูมเซอร์วิสเอา อยากกินอะไรพวกเขาจะหามาให้นายทุกอย่าง’

ทุกอย่าง? ผู้ชายคนนี้ชอบทำอะไรให้มันเวอร์ตลอดเลยสินะ...

เอาเข้าจริงผมจะหาทางหนีไปตอนนี้เลยก็ได้ แต่ถ้าออกจากโรงแรมแล้วเอาไงต่อล่ะ ผมอยู่บนเกาะ แถมไม่มีเงินติดตัวสักบาท โดนคนของอีวานเอาของส่วนตัวไปหมดแบบนั้นผมก็เท่ากับเป็นคนตัวเปล่า ไม่มีทางเอาตัวรอดได้แน่ และถึงจะไปแจ้งความว่าโดนคนจับตัวมาก็ไม่มีประโยชน์ เพราะถ้าตำรวจทำอะไรอีวานได้ ป่านนี้เขาคงถูกสอบสวนไปตั้งแต่ผมโดนพาตัวไปตั้งแต่ครั้งแรกแล้ว

ตัดใจไม่ทำอะไรวู่วาม ผมเลือกอยู่อย่างนี้ด้วยการโทรสั่งอาหารจากรูมเซอร์วิสตามที่อีวานบอก และเมื่ออาหารเช้ามาวางตรงหน้า ผมจัดการจนเรียบก่อนจะเดินออกไปย่อยตรงระเบียง รับแดดรับลมทะเล บรรยากาศอบอุ่น ผืนทะเลสีฟ้าครามกับทรายละเอียด เห็นแล้วสบายตามาก

ถ้าคิดในแง่ดี ผมว่านี่คือโมเม้นท์ที่ผ่อนคลายสุดๆ เลยล่ะ

กระทั่งได้ยินเสียงประตูเปิด ผมเอี้ยวตัวหันไปมองก็พบว่าอีวานกลับมาแล้ว อยู่ๆ ก็เข้าใจเลยว่ารู้สึกหมดอารมณ์มันเป็นยังไง ผมเลื่อนบานกระจกเพื่อเข้ามาด้านใน กะว่าจะเดินเข้าห้องตัวเองเพื่อหลีกเลี่ยงอีวาน แต่สุดท้ายกลับโดนเขาเอาตัวมาขวางซะก่อน

เจ้าของนัยน์ตาสีฟ้าจ้องผมเขม็ง จากนั้นก็เอาหลังมือขึ้นมาทาบตรงหน้าผาก สัมผัสนั้นทำผมสะดุ้งจนต้องรีบเอาหัวหลบไปโดยอัตโนมัติ แต่ก็ยังเห็นอยู่ว่าสีหน้าของอีวานดูหงุดหงิดยังไงชอบกล

“ไม่สบายจนได้ นี่ไงล่ะ... ผลจากการที่นายทำอะไรโง่ๆ” เขาเค้นเสียงดุ คงพูดถึงเหตุการณ์ที่ผมตัดสินใจกระโดดลงน้ำทะเลจนทำให้ตัวเองไม่สบาย แต่ผมก็ลองจับหน้าผากตามแล้วนะ ไม่เห็นร้อนตรงไหนเลย

“ผมสบายดี เมื่อกี้ออกไปตากแดดตรงระเบียงมา ตัวก็เลยร้อน”

“แต่สีหน้านายไม่ค่อยดี กินยากันไว้หน่อยดีกว่า” จะจริงจังไปทำไม หรือว่า...

“กลัวผมจะไปงานประมูลกับคุณไม่ได้ใช่มั้ยล่ะ”

“นั่นก็ด้วย”

ผมถอนหายใจ ไหนๆ ผมก็ตามน้ำมาจนถึงตอนนี้แล้ว ถ้าเขาคิดจะพาผมกลับในวันสองวันนี้ตามที่บอก ผมก็จะพยายามไม่ขัดเขาเพื่อความสบายใจของทั้งสองฝ่าย

“แล้วยาอยู่ไหนล่ะ” ผมจำยอมในขณะที่อีวานยิ้มกว้าง ถามจริง มันตลกตรงไหน จะถามว่าขำทำไมก็ดันเดินไปไหนไม่รู้ เห็นอีกทีก็ตอนถือแก้วน้ำกับยาพารามาให้

ผมหยิบเข้าปากสองเม็ดก่อนจะดื่มน้ำตาม เสร็จเรียบร้อยเจ้าฝรั่งก็ขยี้หัวผมแล้วก็พูดว่า “เด็กดี”

อะไรของเขาวะ!

ยังไม่ทันอ้าปากต่อว่าเจ้าฝรั่งบ้าก็เดินร่างที่เต็มไปด้วยเหงื่อเข้าห้องตัวเองไป ทำไมต้องลูบหัวด้วย ไม่เห็นเข้าท่าเลย ผมอายุยี่สิบกว่าแล้ว ทำเป็นเด็กๆ ไปได้









เมื่อถึงเวลาเข้างานประมูลวัตถุโบราณ ผมถูกผู้ชายหัวโล้นทื่ชื่อว่า ‘เหย้าเหวิน’ หรือก็คือคนสนิทของอีวานช่วยจัดทรงผมพร้อมดูเสื้อผ้าให้เรียบร้อย เขาเล่าว่างานนี้มีชาวต่างชาติมากกว่าครึ่ง เพราะวัตถุโบราณส่วนใหญ่มีแหล่งที่มาจากทั่วโลก แต่เนื่องจากผู้ครอบครองเป็นชาวไทยและเคยถูกจัดแสดงมาก่อน มันถึงได้ก่อเกิดความน่าสนใจขึ้นมา

อีวานสวมใส่ชุดทักซิโด้สีดำ ทรงผมเนี้ยบทำให้ดูสุขุม รูปร่างสูงใหญ่กับบ่ากว้างของเขาดูเข้ากับชุดไปทุกสัดส่วน บอกตามตรงว่าตอนเดินเข้างานกับอีวานผมรู้สึกประหม่ามาก ก็เขาดูสง่าไปซะหมด ทั้งหล่อกว่า รูปร่างดีกว่า แค่ส่วนสูงผมก็สู้ไม่ได้แล้ว มันต้องเกิดการเปรียบเทียบแน่ๆ ผมไม่มั่นใจในตัวเองสักนิด รู้สึกอย่างเดียวคืออยากออกจากงานนี้แล้ว

ภายในงานมีมุมที่ถูกจัดคอกเทล ตรงไปเป็นเวทีและโพเดียม เก้าอี้สำหรับผู้ประมูลถูกวางไว้อย่างเป็นระเบียบ ที่เหลือก็รอเพียงงานเริ่ม ระหว่างนั้นอีวานมีโอกาสได้พูดคุยกับคนอื่นๆ โดยบอกให้ผมยืนอยู่ตรงโต๊ะคอกเทลไปก่อน ตรงจุดนี้ผมค่อนข้างโอเค เพราะถ้าให้ยืนอยู่ด้วยผมคงอึดอัดน่าดู   

“วันนี้ฉันให้นายเป็นญาติห่างๆ ไม่ต้องเสียใจไปนะ” อีวานยืนอยู่ข้างหลังผมตอนไหนไม่รู้ ฟังประโยคเมื่อกี้คงมีคนถามว่าผมเป็นใคร และพอหันไปมองหน้า เขาก็ยิ้มให้ผมพร้อมพูดต่อ “อย่าห่วงเลย ฉันไม่ให้นายอยู่ฐานะนี้นานหรอก”

สิ้นเสียงอีวาน ผมเบือนหน้าหนีทันที ของกินตรงนี้ยังน่าสนใจกว่าคำพูดเลี่ยนๆ ของเขาซะอีก

“เหย้าเหวินเซตผมให้นายแบบนี้ ลุคผู้ใหญ่ขึ้นเป็นกองเลย” ว่าแล้วใช้มือตัวเองจัดๆ ทรงให้ผมแบบลวกๆ

“อย่าน่า” ผมปัดมืออีวานออกแล้วจัดผมตัวเองให้เข้าที่ ก่อนจะมองรอบๆ เพื่อดูว่ามีใครมองอยู่หรือเปล่า เพราะแค่ยืนเฉยๆ ผมยังคิดอยู่ตลอดว่าวางตัวถูกหรือเปล่า แล้วอยู่ๆ ดันโดนอีวานแกล้งแบบนี้ ผมก็ยิ่งกังวลสิ ไม่รู้ว่าคนในงานเขาจะมองเราสองคนยังไง   

“ทำไมต้องเกร็งด้วย นายน่าจะเคยมางานแบบนี้บ่อยหนิ... หรือว่าพ่อเลี้ยงของนายไม่เคยพาออกงาน” ผมมองอีวานตาไม่กะพริบ กำลังจะถามว่าทำไมถึงพูดเหมือนรู้เรื่องครอบครัวผมนัก แต่ยังไม่ทันเอ่ยปาก คนตรงหน้ากลับรู้ทัน เลยพูดดักทางไว้ “เคยบอกแล้วไงว่าฉันรู้ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับนาย”

ผมเฉยชากับคำพูดนี้ ฟังแล้วรู้สึกว่าตัวเองเคยโดนจับตา ถูกตามสืบเรื่องส่วนตัวอะไรทำนองนั้น ยิ่งตอนนี้สูญเสียความทรงจำไป ก็อาจเป็นไปได้ว่าอีวานจะรู้เรื่องผมมากกว่าตัวผมเองซะอีก

ไม่นานเสียงประกาศเริ่มการประมูลก็ดังขึ้น...

“ไปนั่งที่กันเถอะ” อีวานเอ่ยชวน

“ผมรอคุณอยู่ตรงนี้ดีกว่า”

“เฮ่... ฉันให้นายมานั่งข้างๆ ไม่ใช่มายืนกินของจุกจิกพวกนี้ ถ้าอยากกินฉันจะสั่งคนจัดไว้ให้ทีหลัง” เดี๋ยวนะ พูดยังกับผมเห็นแก่กินงั้นแหละ ไม่ใช่สักหน่อย ผมแค่นึกภาพตอนตัวเองไปนั่งเอ๋อๆ อยู่ตรงนั้น เพราะไม่ได้อินกับการประมูลเหมือนพวกคนไฮโซต่างหาก

“มันเหมือนไม่ใช่ที่ของผม” พูดจบก็ก้มหน้าลง ขนาดมองชุดที่ใส่อยู่ยังดูเหมือนไม่ใช่ตัวผมเลย แต่แล้วจู่ๆ อีวานก็จับคางผมเชยขึ้น ดวงตาสีฟ้าฉายแววจริงจังอยู่ตรงหน้า เล่นเอาผมนิ่งไปเดี๋ยวนั้น

“ขอแค่นายต้องการ... ไม่ว่าที่ไหนบนโลกนี้ ฉันก็ทำให้มันเป็นที่ของนายได้หมด”

ผมขมวดคิ้ว จัดการปัดมืออีวานให้ออกจากตัวอีกครั้ง “เมื่อไหร่คุณจะเลิกพูดจาโอเวอร์สักที”

“ฉันไม่ได้พูดเล่นนะ”

“ผมไม่ได้หวังให้ตัวเองอยู่ได้ทุกที่สักหน่อย... เอาแค่อยู่ในที่ที่ไม่มีคุณก็พอ” ผมไม่สนใจว่าอีวานจะพูดอะไรต่อ และเลือกที่จะเดินนำไปยังเก้าอี้ว่างที่เรียงกันเป็นแถวตอนลึกสองฝั่ง

การประมูลเริ่มขึ้น มีวัตถุโบราณออกมาให้ทำงานเสนอราคาพลัดกันไป โดยที่คนให้ราคาในชนิดที่คนอื่นสู้ไม่ไหว จะเป็นผู้ครอบครองวัตถุโบราณดังกล่าว  เจ้าหน้าที่นำของออกมาเรื่อยๆ แต่อีวานไม่ยอมเสนอราคาสักครั้ง เขากำลังรอสมบัติชนิดไหนกัน ผมเห็นฝรั่งตาฟ้านั่งไขว่ห้างมองคนอื่นเอาของสิ่งนั้นสิ่งนี้ไปแบบชิวๆ

จนกระทั่ง...

“เอาล่ะครับ ลำดับต่อเป็นไปป์เครื่องเงินทรงบิลเลียตในศตวรรษที่ 19 เบ้าเป็นทรงกระบอกที่มีฐานด้านล่างมน ทำจากเครื่องเงินสลักลาย ปลายด้ามแบบเรียวทำจากทองสัมฤทธิ์ ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นของขวัญแด่ดยุคแห่งรัสเซีย ไปป์ด้ามนี้จึงมีเพียงชิ้นเดียวในโลก”

ผมเห็นแววตาของอีวานเปล่งประกาย เหมือนเขากำลังมองสิ่งที่คลั่งไคล้หลงใหล ของประมูลชิ้นล่าสุดดึงความสนใจคนทั้งงาน ไม่รู้ว่าเป็นเพราะมันสวยงามหรือมีเพียงชิ้นเดียวในโลกกันแน่

มีบางคนเริ่มยกป้ายประมูลราคากันแล้ว อีวานเริ่มคร่ำเคร่ง สอดส่ายสายตามองคนที่ประมูลเกทับกันไปมา จนราคาเพิ่มขึ้นไปถึงยี่สิบล้านเหรียญ เขาก็ยกป้ายขึ้นและเพิ่มราคาประมูลไปที่สามสิบล้านเหรียญ!

ผมอ้าปากค้าง ของเก่าชิ้นแค่นั้นมีมูลค่าขนาดนี้เชียว...

ราคายิ่งสูงขึ้นบรรยากาศในงานก็เริ่มคึกคัก เว้นแต่ผู้ประมูลที่กำลังต่อสู้กันอย่างเอาจริงเอาจัง ตอนแรกผมรู้สึกประหม่ากับการร่วมงานแบบนี้ แต่พอเห็นความตั้งใจของอีวานที่อยากได้ไปป์โบราณ ผมก็เผลอลุ้นไปด้วย ไม่รู้ว่าเป็นเพราะโบราณวัตถุชิ้นนี้คือสมบัติของชาติตัวเองหรือเปล่า เขาถึงเอาจริงเอาจังขนาดนี้ ไม่ว่าอีกฝ่ายเพิ่มราคาขึ้นเท่าไหร่ เขาก็ยกป้ายสู้ราคาตลอด และเมื่อพิธีกรเริ่มนับให้ราคาสี่สิบสามล้านเหรียญ ซึ่งเป็นราคาที่สูงสุดในขณะนี้ อีวานไม่พูดพร่ำทำเพลงรีบยกป้ายขึ้นมาแล้วตะโกนเสียงดัง

“ห้าสิบล้าน!”

คนในงานฮือฮากันยกใหญ่ พิธีกรนับถึงสามก่อนจะเคาะราคาอยู่ที่ห้าสิบล้านเหรียญ ผมทั้งตกตะลึงและตื่นเต้นไปกับสถานการณ์ที่พาไป มารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่อีวานจับมือผมแล้วกุมไว้

ในช่วงเวลาที่ทุกสายตาของคนในงานมองชายหนุ่มที่ได้วัตถุโบราณชิ้นนี้ไปครอบครอง ผมโฟกัสไปที่เจ้าของมือหนาพร้อมขืนตัวเองด้วยการบิดข้อมือเพื่อเตือนว่าเขาควรปล่อยได้แล้ว แต่ทันทีที่เห็นอีวานยิ้มร่าหน้าบานพร้อมหันมามองผมโดยไม่พูดอะไร... วินาทีนั้น ผมคล้อยตามความดีใจที่อีกฝ่ายแสดงออกอย่างไม่ปิดบัง จนไม่อาจขวางความสุขของเขาได้ลง


เหตุผลที่อีวานอยากให้ผมอยู่ข้างๆ หมายถึงช่วงเวลานี้งั้นหรอ...















TBC.

NEXT UPDATE 15/07/2018 TIME 20.00 น.

 

 

 

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
ห่ะ อะไรเนี่ย อีวานลุคพระเอกสุดๆ อยากได้แบบนี้มั่ง
 :z2: :z2:

ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
ใครจะได้ใจนายเอกเนี่ย

ออฟไลน์ masochism2018

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 428
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1
สับสนเหลือเกิน  :katai5:

ออฟไลน์ j123

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 699
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +75/-1
ชอบพระเอกสายเปย์ ชัดเจน เชียร์อีวานจ้า  :laugh:

ออฟไลน์ loveview

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1912
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-10
อยากให้อีวานเป็นพระเอก ฮ่าฮา

ออฟไลน์ magic-moon

  • magKapleVE
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 495
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-2
    • Freedom of meetups, no obligations
มาขนาดนี้แล้วต้อง สามพีเท่านั้น!!!!

ออฟไลน์ Januarysky

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 507
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
เชียร์อีวาน
อีวาน!!
อีวาน!!
 :hao7:
กดบวกขอบคุณ
รีเควส ขอจ้านกับไทด์โหน่ยยยย


 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด