#ชอกะเชร์คู่กันต์
ตอนที่ 08 : ตึงตั้งแต่หน้ายันเป้าเกง (PART 2/2)
กันต์กวินทร์: พอร์ช
P: จ๋า
กันต์กวินทร์: ผมกินส้มตำปูปลาร้ามา ไว้กลับไทยไปกินด้วยกัน
กันต์กวินทร์: ในซอยบริษัทผมมีเจ้าเด็ด พนักงานไปนั่งกินตอนเที่ยงตลอด พอร์ชต้องชอบ
P: เดี๋ยว
P: บอกแล้วไงว่ามีอะไรก็ทักได้ ไม่ต้องถึงขั้นเล่นมุก 555555
กันต์กวินทร์: ผมไม่ได้ล้อเล่น มันอร่อยแปลก ๆ ไม่ได้แย่อย่างที่เคยคิด แต่ต้องใส่พริกไม่เกินสองเม็ดนะ ไม่งั้นผมคงเหงื่อออกตาย
P: โอเค เก็ท แต่นึกยังไงอยู่ดี ๆ ไปกินของแบบนั้น?
P: กันต์เครียดเหรอ ให้ผมไปหาไหม?
กันต์กวินทร์: เรื่องเครียดมันก็มีบ้าง แต่ไม่เกี่ยวกับส้มตำ
P: ผมกลับไทยอาทิตย์หน้า แต่ถ้ากันต์ไม่ไหวก็เฟซไทม์มาได้เลย
P: นี่ยังคิดมากเรื่องเพื่อนอยู่เหรอ?
กันต์กวินทร์: เปล่า ไม่ใช่เรื่องนั้นหรอก
กันต์กวินทร์: ตอนนี้ผมปวดหัวเรื่องเด็กผู้ชายคนนึง
P: คนคุยใหม่หรือว่าไง?
กันต์กวินทร์: ไม่เชิง เรียกว่าผมมัดมือชกให้เขามาเป็นแฟนด้วยน่าจะถูกกว่า
P: ให้ตาย นี่กันต์เหงาถึงขั้นต้องบังคับขู่เข็นคนอื่นแล้วเหรอ 55555 นอกจากผม เพื่อนเที่ยวกันต์ก็มีอีกหลายคนนะ?
กันต์กวินทร์: ผมเลิกทำแบบนั้นตั้งแต่บอกคุณว่าเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันดีกว่า
กันต์กวินทร์: พอร์ช เด็กคนนั้นดื้อมาก ดื้อสุด ๆ ไปเลย
P: อะ ๆ เล่ามา
กันต์กวินทร์: ผมไม่เข้าใจว่าทำไมถึงชอบอะไรแบบนั้นได้ ไม่รู้สิ มันย้อนแย้งในใจบอกไม่ถูก ผมรู้สึกดีเวลาโดนเมินในบางครั้ง เพราะผมชอบความรู้สึกเวลาเป็นฝ่ายตาม
P: ยกเว้นเรื่องงาน ส่วนเรื่องอื่นกันต์ไม่ชอบถูกตามใจไปซะทุกอย่าง เรื่องนี้ผมรู้
กันต์กวินทร์: แต่พอถูกเมินหนัก ๆ มันก็หงุดหงิด เหมือนจะเหนื่อยด้วย ผมไม่เคยพยายามกับใครมากถึงขนาดนี้
P: เด็กเล่นตัวเหรอ?
P: แสดงว่าต้องเป็นนายแบบเด็ด ๆ สักคนที่โดนเล็งเยอะ ตัวเลือกมีพอสมควรเลยไม่ง่าย
กันต์กวินทร์: ตรงกันข้ามเลย เขาเป็นเด็กฝึกงานธรรมดา หน้าตาก็งั้น ๆ
P: oh... interesting...
กันต์กวินทร์: เราเป็นแฟนกันทางเสียง
P: กันต์ ผมจะขำจริง ๆ แล้วนะ
กันต์กวินทร์: ขำสิ ผมไม่เห็นหน้าคุณอยู่แล้ว
กันต์กวินทร์: เหอะ
P: เล่นอะไรเป็นเด็ก ๆ เชียว แต่ก็น่ารักไปอีกแบบนะ ไม่ค่อยได้เห็นกันต์มุมนี้สักเท่าไหร่
กันต์กวินทร์: เขาก็ดูไม่ได้ซีเรียสกับข้อตกลงนี้ เหมือนเป็นเพื่อนคุยเล่นแก้เหงากันอะไรเทือก ๆ นั้นน่ะ ล่าสุดเมื่อวานผมบินไปบ้านเขาที่ต่างจังหวัด เราใช้เวลาอยู่ด้วยกันเกือบยี่สิบสี่ชั่วโมง ทำอะไรหลายอย่างแบบที่ไม่เคยทำมาก่อน
P: แล้วกันต์สนุกไหม?
กันต์กวินทร์: ครับ
กันต์กวินทร์: เวลาที่ได้ทำอะไรร่วมกันกับเขา มันทำให้ผมรู้สึกพิเศษ ปลอดภัย อย่างน้อยก็จากความกลัวในใจตัวเอง
P: เขาไม่ใช่สเปกกันต์ แต่ตอนนี้กันต์เห็นเขาเป็น safe zone ไปแล้ว
P: ว่าแต่เขาไม่มีแฟนเหรอ?
กันต์กวินทร์: ไม่มีก็เหมือนมี
กันต์กวินทร์: ผมทำตัวเป็นเด็กใส่เขาตั้งแต่เมื่อวาน เพราะเขาซื้อน้ำหวานไปฝากผู้หญิงคนนึงที่ดูเหมือนว่าจะมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกันอยู่
P: อ้าวยังไง เขาเป็นชายแท้?
กันต์กวินทร์: อืม
P: โธ่กันต์ กันต์จะเป็นคนชอบเอาชนะเรื่องไหนก็ได้นะ แต่เรื่องบางอย่างก็อย่าฝืนเลย มันเสียเวลาเราเปล่า ๆ
P: เปลี่ยนอะไรเปลี่ยนได้ แต่เปลี่ยนใจคนมันไม่ง่ายนะ
กันต์กวินทร์: ผมก็คิดอย่างนั้น
กันต์กวินทร์: แต่ผมชอบเขามากขึ้นทุกวัน และทุกครั้งที่รู้สึกอย่างนั้น ผมจะรู้สึกโง่
P: ตัดใจไหม?
กันต์กวินทร์: ก็น่าอยู่ ล่าสุดเขาทักมาหาผมแบบนี้
[ คุณกำลังส่งรูป... ]P: 55555555555555
P: อะไรคือ ‘ตอนแม่ผมเป็นเมนส์ยังไม่งี่เง่าเก่งเท่าบอสเลย กากสุด’
P: ‘คืนนี้ก็นอนถ่างตาเหงา ๆ คนเดียวไปน้า บ๊ายยยยยยย’
P: กวนเอาเรื่อง 55555
กันต์กวินทร์: มันน่าไหมพอร์ช?
P: จากรูปที่กันต์แคปมา ผมว่าเด็กมันมีของ
กันต์กวินทร์: ถ้าเป็นแฟนจริง ๆ เมื่อไหร่ผมจะจับฟัดจนกว่าจะร้องขอชีวิตเลย
P: โอ้โห... ถึงขั้นคิดเป็นแฟน แสดงว่าไม่ล้อเล่นจริง ๆ
P: แต่เดี๋ยว เมื่อกี้เหมือนเห็นแวบ ๆ ว่ามีคนคิดอยากจะตัดใจ?
กันต์กวินทร์: ไม่ตัดหรอก ยังมีเวลาอีกหลายเดือนกว่าจะปีใหม่
P: กันต์บังคับเขาให้คบด้วยจนถึงตอนนั้นเหรอ?
กันต์กวินทร์: อืม
P: so cute <3
กันต์กวินทร์: ถ้าเขาไม่คิดจะง้อ เห็นทีว่าพรุ่งนี้ผมคงต้องหายเอง
โยนมือถือลงบนเตียงแล้วนอนเงยหน้ามองเพดาน จะผ่านไปอีกวันอยู่แล้วแต่เชร์ก็ยังต่อต้านด้วยการไม่สนใจ ไหนบอกแจ็คว่าแฮปปี้เวลาอยู่กับเขาไง แล้วทำไมชั่วโมงที่แล้วถึงลงรูปโต๊ะเหล้ากับเพื่อน เหมือนอยากให้รู้ว่าสุขใจมาก ๆ ที่ไม่ต้องเฟซไทม์กล่อมเขานอนคืนนี้
‘งี่เง่า’คิดว่าคนเกินครึ่งโลกคงมองกันต์กวินทร์แบบนี้ เขาเคยคิดจะลองปรับเปลี่ยนนิสัยอยู่หลายครั้ง แต่ก็ไม่เคยสำเร็จ กระทั่งมีคนอย่างเชร์มาช่วยขยี้ คอยทำให้เขารู้สึกว่าถ้าทำตัวแย่จะไม่ได้รับความรักจากคนที่รู้สึกดีด้วย
เรื่องของความรู้สึกมันพูดยากนัก ทำไมถึงใจอ่อนเพราะเด็กขนาดนั้น จนถึงตอนนี้กันต์ก็ยังคงถามตัวเอง ก็ถึงขั้นวางแผนล่วงหน้าแล้วว่าจะสร้างความบังเอิญอย่างไรเพื่อให้ตีเนียนกลับมาคุยกันเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ก็คิดดูแล้วกันว่าอาการหนักแค่ไหน
ก็แค่เด็กผู้ชายปากร้ายคนหนึ่งที่คงไม่มองเพศเดียวกัน แต่เด็กนั่นก็น่ารักเป็นบ้าเลย
ในเมื่อเจ้าตัวไปเมา คนงี่เง่าที่คิดถึงมาก ๆ จึงทำได้แค่ดูคลิปเก่า ๆ วนไป กันต์มองแก้มทั้งสองข้างที่อัดแน่นไปด้วยของกินและเผลอยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว เขาคิดว่าคงหลับไปกับคลิปนี้ได้ แต่เพียงชั่วอึดใจหน้าจอก็วูบเป็นสีดำพร้อมเบอร์โทรคนที่คิดถึง
กันต์ไม่อยากลีลาเพราะกลัวเชร์ไม่รอ เขาจึงกระแอมไอวอร์มเสียงแล้วกดรับสาย
( บอส )
“ครับ?”
( มาหาผมหน่อย )
ชายหนุ่มต้องพยายามยั้งปากตัวเองไว้เพื่อไม่ให้พ่นคำประชดประชันออกไป ไม่ว่าเด็กคนนั้นจะเมาแอ้จนหาทางกลับหอไม่ได้ หรือเมาแล้วอยากอ้อนใครเล่น ๆ กันต์กวินทร์ก็ลุกขึ้นคว้าแว่นกับกุญแจรถแล้ว
“ที่ไหนครับ?”
( โรงพัก )
*
แม้ว่าจะผ่านไปหลายชั่วโมงแล้ว แต่เขากลับรู้สึกเหมือนเพิ่งเจอเชร์นั่งอยู่กับคู่กรณีเมื่อห้านาทีก่อน กันต์จำแววตาที่ว่างเปล่าคู่นั้นได้ ไม่มีใครอยากมานั่งตรงนี้ เชร์นั่งเงียบขณะที่คู่กรณีกำลังอธิบายในส่วนของตนเอง เด็กคนนี้ไม่แม้แต่จะแก้ตัวเพื่อให้ตนเองพ้นผิด
นั่นไม่ใช่เด็กที่เคยกวนประสาทแล้วหัวเราะอย่างออกรส วูบหนึ่งกันต์รู้สึกเหมือนเชร์เป็นใครสักคนที่เขาไม่เคยรู้จัก
‘ให้ผมโทรหาแจ็คหรือเปล่า?’
‘อย่า’
‘...’
‘ผมไม่อยากให้พี่ ๆ รู้เรื่องนี้ พวกมันจะคิดมาก’
‘งั้นผมจะไปส่งคุณที่หอ’
‘ผมไม่อยากกลับ’
‘...’
‘ขับรถไปเรื่อย ๆ ได้ไหม พาผมไปไหนก็ได้ ให้มันไกลจากตรงนี้’นั่นคือประโยคสุดท้ายที่ทั้งคู่คุยกันหลังจากสะสางกับคู่กรณีเสร็จเรียบร้อย กันต์ไม่ค่อยประหลาดใจสักเท่าไหร่ถ้าอีกฝ่ายจะมีเรื่องทะเลาะวิวาทหลังจากดื่มเหล้า แต่พอรู้ว่าเป็นเพื่อนคู่กรณี คำถามจึงเกิดขึ้นในหัวอีกครั้ง
‘กูพูดความจริง แล้วมึงก็รู้ดีที่สุดไอ้เชร์’เสียงตะโกนไล่หลังทำให้เชร์ชะงักไปครู่หนึ่ง และเจ้าตัวก็เลือกจะเดินออกจากสถานีตำรวจมากกว่าจะหันไปตอบโต้จนเลือดตกยางออกเหมือนก่อนหน้านี้
‘ไปไหนก็ได้’ ที่ว่านั่น กันต์ไม่รู้ว่ามันคือที่ไหน คอนโดตนเองก็คงไม่ใช่ทางเลือกที่อีกฝ่ายอยากไปนัก ดังนั้นเขาจึงพาขับรถไปเรื่อย ๆ รู้ตัวอีกทีก็มาถึงบางแสนเสียแล้ว
ทั้งคู่ปล่อยให้เสียงคลื่นสาดเข้าฝั่งช่วยทำลายความเงียบ ในมือเขามีกระป๋องเบียร์ที่ถือไว้พอเป็นพิธี ส่วนที่เหลือเอาไว้ให้คนข้าง ๆ ดื่มด่ำกับมันจนกว่าจะดีขึ้น กันต์อยากรู้ว่ามีอะไรนอกเหนือจากที่เด็กคนนั้นอธิบายหรือไม่ ถ้าเป็นเรื่องชกต่อยเพราะเมามันคงไม่ใช่เหตุผลที่ทำให้เชร์ไม่อยากกลับหอ แต่ถามออกไปตอนนี้ก็คงไม่ได้อะไรกลับมานอกจากความเงียบ
“นี่ไม่ใช่บอสที่ผมรู้จัก”
“ครับ?” ชายหนุ่มเลิกคิ้วพลางหันไปมองคนข้าง ๆ ที่ทอดสายตาไปยังทะเลมืดยามค่ำคืน ก่อนเจ้าตัวกระยกเบียร์ดื่มย้อมใจแล้วหันมาสบตาเขา
“บอสที่ผมรู้จักต้องด่าที่ผมก่อเรื่องจนเข้าโรงพักดิ”
“งั้นคุณก็ไม่ใช่เชร์ที่ผมรู้จักเหมือนกัน”
“...”
“ผมไม่อยากด่าคุณ จะไม่มีอะไรแบบนั้นเกิดขึ้นที่นี่ ตอนนี้ แล้วคุณล่ะ... อยากพูดอะไรกับผมไหม?”
เหมือนได้โยนอีโก้ลงทะเลแล้วปล่อยให้ความรู้สึกที่มีต่ออีกฝ่ายได้ทำงาน ช่วงเวลาที่อยู่กับความไม่เข้าใจกันแบบนี้ มันคงดีถ้าหากว่าเขาจะลองตามใจตัวเองสักครั้งโดยไม่ตั้งห่วงเสียฟอร์ม
“นั่นเพื่อนผม” แค่นี้ก็เกินคาดแล้ว กันต์อยากขอบคุณตัวเองที่ยอมทิ้งอีโก้บ้า ๆ นั่นแล้วกล้าโอนอ่อนให้อีกฝ่าย และมันก็ได้ผล “ไม่ใช่เพื่อนที่มหาลัย แต่เป็นเพื่อนจากโรงเรียนเก่า”
“ทำไมถึงต่อยเขา?”
“มันปากหมาไปหน่อย” แหลมลดระดับสายตาลงมองมือตัวเองที่ถูกอีกคนประคองไว้ บอสไม่ได้ถือกระป๋องเบียร์แล้ว ตอนนี้คนงี่เง่ากำลังหันไปเอาถุงพลาสติกที่แวะซื้อข้างทางมาแกะออกเพื่อเอาน้ำเปล่า สำลี ยาแดง และผ้าก็อซมาทำแผลให้เขา
“เมาแล้วพูดไม่ดีเหรอ?”
“...”
ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองอีกคนที่ไม่ตอบคำถาม
“ถ้าไม่อยากพูดถึงก็ไม่เป็นไรครับ” กันต์ไม่ใช่คนทำแผลเก่ง แต่การที่เด็กแสบยอมนั่งนิ่ง ๆ ให้ก็ถือว่าดีแค่ไหน เขาพยายามเบามือ เป่าลมเบา ๆ ตอนทายาแดง แต่คนที่ควรร้องเจ็บโอดโอยกลับเฉยราวกับว่าไม่รู้สึกถึงรอยถลอกเหล่านี้
“มันใส่ร้ายผู้หญิงคนนึง”
“...”
“ผู้หญิงที่ถูกพูดถึงในทางไม่ดีมาตลอด ผมไม่ชอบ”
“เพราะมันไม่ใช่ความจริงคุณเลยโกรธ หรือว่ามันมีอะไรมากกว่านั้น?”
เสียงคลื่นสาดกระทบฝั่งประสานกับเสียงถอนหายใจ เด็กหนุ่มนึกย้อนกลับไปเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน นึกถึงใบหน้าเพื่อนเก่าที่ไม่ได้เจอกันมานาน จึงเข้าไปทักทายตามประสา แต่พอชนแก้ว พูดคุยเรื่องเก่า ๆ ที่ผ่านไปเกือบสามปี ความทรงจำที่ถูกผลึกไว้จึงระเบิดออกมาเป็นหมัดลุ่น ๆ
“ผมชอบผู้หญิงคนนึง เค้าชื่อเทียน”
กันต์หยุดชะงักทั้งที่สายตายังคงมองรอยแผลแดง ๆ บนหลังมืออีกฝ่าย เขาไม่ได้เงยหน้าขึ้นสบตาเพื่อขอคำยืนยันว่าประโยคเมื่อครู่เป็นเรื่องจริงหรือแค่อยากปั่นให้เขาหัวเสียเล่น ๆ เพราะนาทีนี้คงไม่มีใครมีอารมณ์คิดอย่างนั้น
“รู้จักกันตั้งแต่มอต้น แต่เริ่มสนิทกันตอนมอสี่ เราเรียนห้องเดียวกัน นั่งข้างกัน ผมเป็นคนเข้ากับคนง่าย บอสคงดูออก แต่เทียนเป็นเพื่อนผู้หญิงคนเดียวที่ผมสนิทใจ”
‘ไงวะ ไม่เจอกันนาน ช่วงนี้ฝึกงานอยู่ใช่ไหม?’“บ้านเทียนไม่ค่อยมีเงิน เวลาทำกิจกรรมหรือต้องซื้ออะไรเค้าก็แทบไม่มีมาจ่าย พอผมจะออกให้เค้าก็ไม่ยอม แต่พอไม่มีจ่ายเค้าก็โดนครูด่า ผมเลยหาทางช่วยด้วยการจ้างติว พอทำอย่างนั้นเทียนถึงจะยอม”
‘กูก็เรื่อย ๆ ฝึกงานใกล้เสร็จละ แล้วมึงอะ ไหนตอนแรกบอกจะเรียนราดพัด?’“ผมเริ่มรู้ตัวว่าชอบเทียนตอนมอสี่เทอมสอง ผมไม่ใช่คนปอดแหกที่จะพาตัวเองไปอยู่ในเฟรนด์โซนนะบอส ผมบอกเค้าไปตรง ๆ เลยว่ารู้สึกยังไง แต่เค้ายิ้มเจื่อน ๆ แล้วบอกผมว่า ‘ขอโทษนะเชร์ เราคงเป็นแฟนที่ดีให้แกไม่ได้’”
‘ตอนแรกก็คิดอย่างนั้น แต่กูอยากออกมาใช้ชีวิตนอกบ้านดูว่ะ พอแม่อนุมัติกูก็เก็บกระเป๋ามากรุงเทพฯเลย แล้วมึงเป็นไงบ้างวะเชร์ ตั้งแต่เกิดเรื่องนั้นมึงคงลำบากน่าดูเลยใช่ไหม?’“ถึงจะไม่อยากอยู่ในเฟรนด์โซน แต่ผมก็กิน ๆ นอน ๆ อยู่ในโซนนั้นจนถึงมอหก ผมรู้สึกได้ว่าเทียนก็ชอบผมว่ะ แต่เหมือนเค้ามีกำแพงอะไรสักอย่างที่ไม่อยากให้ผมข้ามไป 555555 ไม่รู้ดิบอส บางครั้งแววตาเค้าที่มองผมมันเกินเพื่อนอะบางที ไหนจะเดินจับมือ เพื่อนบ้าไรจะสอดประสานนิ้วแล้วหันมายิ้มให้กันวะ?”
‘เรื่องไหนวะ?’“คุณเลยฝังใจมาจนถึงทุกวันนี้”
“เปล่า ไม่ใช่เพราะเรื่องที่เหมือนจะเกินเพื่อนแต่ก็อยู่ในเฟรนด์โซนหรอก ไม่ใช่เลย” แหลมส่ายศีรษะพลางมองอีกคนที่ก้มหน้าก้มตาทำแผลให้อย่างตั้งใจ และเขารู้ว่าบอสกำลังรู้สึกไม่ดี
“แล้วเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้นครับ?”
‘เรื่องที่ใคร ๆ ก็มองว่ามึงเป็นพ่อในท้องไอ้เทียนไง มึงคงไปไหนมาไหนลำบากเพราะถูกตราหน้าว่าเป็นคนไม่รับผิดชอบ’
“เค้าท้อง”
“...”
กันต์รู้สึกว่ามันคงหนักหนาสำหรับเขามาก ๆ ถ้าหากเชร์ตอบว่า ‘เด็กในท้องคือลูกผม’
‘กูไม่ได้ใช้ชีวิตลำบากเพราะเรื่องนั้น กูสบายดี’
“ผมรู้ – ไม่สิ... ทุกคนรู้ว่าท้องหลังจากเจอศพเทียนลอยอยู่ในหนองประจักษ์”
มันหนักหนาจริง ๆ แต่ไม่ใช่เขา... แต่เป็นเด็กคนนี้
“วันพุธ คาบภาษาอังกฤษ เทียนไม่มา แล้วผมก็โทรหาเค้าไม่ติด ตอนใกล้จะหมดคาบอยู่ ๆ ก็มีคนเข้ามาบอกว่าเทียนจมน้ำตาย”
“...”
“ผมไม่รู้ว่าชาไปทั้งตัวเป็นยังไง จนตอนนั้นขาผมแม่งก้าวไม่ออก ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่ายังหายใจอยู่ไหม เหมือนมันไม่ใช่เรื่องจริง ผมอยากจะตบหน้าตัวเองให้ตื่นเดี๋ยวนั้นเลยถ้ามันเป็นความฝัน”
‘แต่ก็ดีแล้ว ตอนนั้นกูเห็นพวกมึงสองคนตัวติดกันมาก แต่ใคร ๆ ก็รู้ว่าไอ้เทียนมันเป็นเด็กเสี่ย ขายตัวมาตั้งแต่มอต้นแล้ว ไม่รู้นอนกับใครมาบ้าง ป้องกันบ้าง ปล่อยในบ้างไม่ท้องก็แปลกละ พอเห็นมึงโดนโบ้ยแล้วกูก็สงสารว่ะ’“ผมรีบไปโรงพยาบาล ถูกแม่เทียนทั้งตีทั้งตบ เค้าเอาแต่โวยวายด่าว่าเป็นความผิดผมที่ทำให้เทียนต้องตาย ผมทำเทียนท้องงั้นเหรอ มันจะเป็นไปได้ไงในเมื่อสิ่งที่ผมทำมาตลอดหลายปีที่เป็นเพื่อนกันก็คือจับมือ แล้วมันก็เกิดขึ้นแค่ครั้งเดียว”
‘มึงทำให้ลูกกูต้องตาย ไอ้เด็กจันไร มึงมันชิงหมาเกิด!!!’
‘เทียนไม่เคยเป็นเด็กเสี่ย’“ช่องคลอดของเทียนฉีกขาด เทียนถูกข่มขืน แล้วผมก็คือคนแรกที่ถูกสงสัย เพราะคืนก่อนหน้านั้นมีคนเห็นเทียนซ้อนมอเตอร์ไซค์ไปกับผม เรื่องมันใหญ่โตมากเลยบอส ตอนนั้นมันเป็นข่าวลือทั้งในโรงเรียนลามไปจนถึงแถวบ้าน แม่ผมโดนนินทายับ ถูกมองแปลก ๆ เพราะลูกชายเป็นคนเลว ตอนนั้นผมสงสารแม่ฉิบหาย ผมได้แต่บอกเค้าว่า ‘แม่ เชร์ไม่ได้ทำ’ แล้วผมก็โคตรอุ่นใจเลยที่แม่เชื่อผมมากกว่าคำพูดคนอื่น”
‘ไม่เอาน่า กูรู้ว่าพวกมึงสนิทกัน แต่คนเรายอมรับความจริงบ้างก็ได้เพื่อน’
‘กูบอกว่าเทียนไม่เคยทำอะไรแบบนั้น!!!’“เรื่องวุ่นวายผ่านไปกับความคาใจ มันไม่มีสัญญาณอะไรที่จะเตือนให้ผมรู้ก่อนว่าเทียนจะไม่มานั่งเรียนข้าง ๆ ผมแล้วนะ เราจะไม่ได้เจอกันอีกแล้ว”
‘เทียนเป็นคนดี ดีเกินกว่าที่จะมาเป็นขี้ปากคนเหี้ย ๆ ที่ไม่รู้จักเค้าเลย!!!’“ผมไม่เคยลบช่องยูทูปที่เคยทำด้วยกัน มันเป็นช่องที่ผมเคยเสนอให้เทียนหารายได้ ว่าถ้าร้องเพลงเพราะ ยอดวิวเยอะ ก็จะหารายได้เสริมจากยูทูปได้ แต่เหมือนว่าผมจะพาเค้าไปถึงจุดหมายช้าเกินไป”
กันต์ไม่เคยเป็นผู้ฟังที่ดีมากถึงขนาดนี้ เขามองอีกคนที่ก้มหน้าใช้มือข้างที่เพิ่งทำแผลปาดน้ำตาตัวเองเงียบ ๆ ก่อนจะคว้าข้อมือเอาไว้
ทั้งคู่สบตากันท่ามกลางเสียงคลื่นที่สาดเข้าฝั่ง ชายหนุ่มคลายแรงบีบจากข้อมือ ก่อนจะค่อย ๆ รั้งอีกฝ่ายเข้ามากอดพร้อมกดศีรษะลงบนอกตนเอง เขารู้ว่าเชร์พยายามแล้ว ทั้งพยายามเข้มแข็ง พยายามเก็บความทุกข์ใจนี้เอาไว้ และกันต์กวินทร์รู้สึกผิดจับใจที่เคยหึงงี่เง่าแบบนั้น
“คืนก่อนหน้านั้นเค้าบอกผมว่าอยากกินชาเย็นไข่มุกปีโป้ ผมก็เลยกลับมาซื้อ แต่ยังไม่ทันเอาไปให้เค้าก็บอกว่าจะนอนแล้ว ผมก็เลยไม่ได้เซ้าซี้”
“มันไม่ใช่ความผิดของคุณ”
“ผมผิดที่ช่วยอะไรไม่ได้เลย เทียนตายทั้งอย่างนั้น ไม่มีใครรู้ว่าพ่อเด็กคือใคร และไอ้เหี้ยไหนที่ข่มขืนเค้า คนที่ตายแล้วลุกขึ้นมาแก้ตัวให้ตัวเองไม่ได้ พวกหน้าโง่ก็ยังด่าต่อไป กะหรี่บ้างล่ะ ดอกทองบ้างล่ะ พวกแม่งรู้ดีทุกอย่างยกเว้นความจริง”
เด็กในอ้อมกอดตัวสั่นจนเขาต้องกระชับให้แน่นขึ้นพร้อมลูบศีรษะปลอบ เชร์เหมือนระเบิดเวลาที่รอทำงานในวันนี้ เสื้อช่วงอกเปียกไปด้วยน้ำตา กันต์ไม่เคยรู้ว่าคนที่ร่าเริงในสายตาคนอื่น ลึก ๆ แล้วเก็บความเจ็บปวดไว้มากแค่ไหน นี่เป็นอีกครั้งที่เขาได้เรียนรู้จากเชร์ และเติบโตพ้นความเป็นเด็กในร่างผู้ใหญ่ไปอีกขั้นหนึ่ง
ท่ามกลางกลิ่นเหล้าอ่อน ๆ และเสียงคลื่นซัดเข้าริมหาด กันต์ยังคงกอดเชร์เอาไว้ เพื่อเยียวยาแผลใจให้ใครสักคนเป็นครั้งแรกในชีวิต
To Be Continuedดราม่าแค่นี้แหละ อดเอา โตแล้ว
#พูดด้วยอินเนอร์แม่ที่กำลังจะไล่ลูกไปกรอกน้ำ