35
หนึ่งวันที่มีความสุข
นี่มันเรื่องอะไรกัน!
นาทีได้แต่นั่งมึนงงอยู่ในดงกลุ่มคนที่กำลังพูดคุยกันอย่างออกรส โดยเฉพาะลูกชายตัวน้อยของเขาที่ดูจะมีความสุขเกินใคร
ในตอนที่เปิดประตูรั้วแล้วเจอกับแม่ของตัวเองที่กำลังยืนส่งยิ้มมาให้ พาลพาใจนาทีแทบหล่น แต่ในจังหวะที่ลูกชายของเขาเรียกชื่อใครอีกคนที่ยืนอยู่ข้างๆกันกับแม่ เป็นในตอนนั้นเองที่ใจของนาทีได้หล่นลงไปอยู่ที่ตาตุ่มเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
คิดถึงตอนนั้นแล้วใจยังสั่นไม่หาย
แต่คงจะมีแค่เขาคนเดียวสินะที่ตกใจจนขวัญหนีหาย ส่วนคนอื่นๆนั้น...
"ตูนตูนได้ขึ้นปายเต้นบนเวทีด้วยน้า เดี๋ยวตูนตูนจะเต้นให้ดู ดูน้า ปู่นภดูน้า คุณยายก็ดูด้วยน้า"
"แล้วอาคีย์ดูด้วยได้ป้าวหมูตุ้บ" คีย์เอ่ยแซวหลานชายจอมเห่อที่ขยันโชว์นู่นโชว์นี่ให้คุณปู่กับคุณยายของตัวเองดูไม่หยุด
"ได้คับ ตูนตูนจะเต้นแย้วน้า"
"เจ้ากะต่ายๆ โดดทางขวา เจ้ากะต่ายๆ โดดไปมา เจ้ากะต่ายๆ เต้นสุดมันส์ เจ้ากะต่ายๆ ไปโด้ยก๊านนนน"
เด็กชายตุลย์กระโดดไปมาซ้ายขวา ส่ายสะโพกดุ๊กดิ๊ก เป็นที่เอ็นดูของผู้ใหญ่ทุกคนที่กำลังนั่งมองการแสดงของเด็กชายตัวน้อยอยู่
"...เพงพวกเรานั้นฉะหนุกจัง ดูตูนตูนฉิเต้นเก่งกว่าใคร หนึ่ง ฉอง ฉาม เฮ้ เฮ้ เฮ้ ฉี่ ห้า หก เอ๊ะ กะต่ายตัวที่หกหายเยย" เด็กชายตุลย์ทำท่าเมียงมองหากระต่ายซ้ายขวา "โอ๊ะ นั่นงาย" ก่อนจะปิดการแสดงด้วยการกระโดดแล้วพูดคำว่า "ฮูเร่"
แปะ! แปะ! แปะ!
เสียงปรบมือดังเกรียวกราวราวกับฟ้าถล่ม เปอร์ยกมือขึ้นแสร้งเช็ดน้ำตาของตัวเองเมื่อการแสดงของเด็กชายตุลย์จบลง ราวกับว่าการแสดงชุดนี้เป็นการแสดงสุดยิ่งใหญ่ที่สุดแสนประทับใจจนต้องร้องไห้ออกมา ส่วนคนเป็นปู่เป็นยายก็นั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ชื่นชมประทับใจในความช่างพูดและกล้าแสดงออกของหลานชาย
เฮ้อ!... นี่มันเรื่องอะไรกันนะ ไม่มีใครคิดจะอธิบายอะไรเขาสักคน เจอหน้าแม่ นาทีก็ได้แค่พูดคุยกันนิดหน่อย พอจะชวนไปนั่งคุยกันแม่ก็บ่ายเบี่ยงบอกอยากจะคุยกับหลานก่อน ส่วนคุณพ่อของลมนาทีก็ได้แต่กล่าวทักทายยินดีต้อนรับกับพูดคุยด้วยนิดๆ หน่อยๆ เท่านั้น จากนั้นท่านก็ขอตัวไปเล่นกับหลานเช่นกัน ผู้ใหญ่ทั้งสองคนดูสบายๆ ราวกับว่าการมาของตัวเองเป็นเรื่องปกติที่พบเจอได้ในทุกๆ วัน ด้านของลมก็เหมือนจะธุระรัดตัวจนนาทีไม่มีโอกาสได้ถาม เหมือนทุกๆ คนพยายามหลบเลี่ยงเขาเพราะไม่อยากตอบคำถามเลย
ทั้งหมดนั่งพูดคุยกันต่ออีกนิดหน่อยจากนั้นก็ต่างแยกย้ายกันไปคนละทิศคนละทาง แม่ของนาที น้องตุลย์ คีย์ วุ้นและเปอร์แยกไปทางฝั่งของห้องครัว คุณพ่อของลม กร และขุนแยกตัวไปนั่งพูดคุยกันยังบริเวณหน้าบ้านที่มีโต๊ะและเก้าอี้ตั้งอยู่ ลมแยกตัวขึ้นไปด้านบนได้สักพักแล้ว ส่วนตัวของนาทีนั้นกำลังนั่งนิ่งอยู่บนโซฟาห้องรับแขก เนื่องจากโดนคนเป็นแม่สั่งไว้ว่าห้ามเข้าไปยุ่งวุ่นวายในครัวเด็ดขาด
"มานั่งทำอะไรเงียบๆ คนเดียวตรงนี้ครับ"
"พี่ลม" นาทีเรียกชื่อลมเบาๆ พร้อมกับช้อนตาขึ้นมองลมที่มาหยุดยืนอยู่ตรงด้านหน้าตัวเอง
"ว่าไงครับ" ลมหย่อนตัวลงนั่งบนโซฟาข้างๆ นาที
"ทีโดนแม่ไล่ให้มานั่งนิ่งๆ อยู่ตรงนี้ครับ โดนสั่งห้ามเข้าไปช่วยในครัวเด็ดขาดเลย" ได้โอกาสนาทีก็รีบฟ้องลมด้วยสีหน้าง้ำงอยกใหญ่
"คุณแม่เขาเป็นห่วงทีไง เลยอยากให้ทีมานั่งสบายๆ ตรงนี้ ไม่ดีเหรอครับ"
"ไม่เห็นจะดีเลย ทีอยากไปช่วยแม่ทำกับข้าวมากกว่า"
"ถ้าอย่างนั้นถือซะว่านั่งเป็นเพื่อนพี่ได้ไหมครับ"
"พี่ลมไม่ออกไปหาคุณพ่อเหรอครับ"
"ตอนนี้พี่อยากอยู่กับทีมากกว่า"
"ว่าแต่พี่ลมไม่คิดจะบอกอะไรทีหน่อยเหรอครับ ว่าทำไมท่านทั้งสองถึงมาอยู่ที่นี่ได้ เรื่องราวเป็นมายังไงกันแน่ครับ ทีงงไปหมดแล้ว"
"อืม...จะว่ายังไงดี พี่เป็นคนบอกให้พ่อของพี่ไปรับแม่ของทีมาที่นี่เองครับ"
"รับแม่ของทีมาที่นี่?"
"ครับ"
"ทำไม?" น้ำเสียงแผ่วเบาของนาทีเต็มไปด้วยคำถามและความสงสัย
"ก็จะขอลูกชายเขาทั้งทีก็ต้องให้ผู้ใหญ่มาคุยให้ก็ถูกแล้วนี่ครับ"
"หือ?... โอ๊ะ! พี่ลมลงไปนั่งทำอะไรที่พื้นครับ" นาทีที่กำลังงงกับประโยคของลม ถึงกับตกใจเมื่อจู่ๆลมก็ลงไปนั่งคุกเข่ากับพื้นตรงด้านหน้าของตัวเอง
"ทีครับ เรื่องพ่อของพี่กับแม่ของทีพี่จะอธิบายให้ฟังทีหลัง แต่ตอนนี้ทีช่วยฟังสิ่งที่พี่จะพูดหน่อยได้ไหมครับ"
นาทีพยักหน้ารับช้าๆพร้อมกับใจที่กำลังสั่นไหวอย่างรุนแรง
"พี่รู้ว่าพี่อาจจะไม่ใช่คนที่ดีเลิศ ความเห็นแก่ตัวก็มี เอาแต่ใจก็เยอะ ไหนจะเรื่องราวในอดีตที่พี่ได้สร้างบาดแผลไว้ให้ทีอีก"
"พี่ลมไม่เอาครับ ไม่พูดถึงมันแล้วนะ" นาทียื่นมือไปจับหน้าลมเบาๆ
"การที่ทียอมกลับมาคืนดีกับพี่ มันเป็นอะไรที่น่าเหลือเชื่อมากเลยครับ ทั้งๆที่พี่ทิ้งทีไปตั้งนานแต่ทีก็ยังให้โอกาส ในตอนที่พี่รู้ว่าน้องตุลย์คือลูกของพี่ ในความรู้สึกคือ พี่ทั้งดีใจและเสียใจในเวลาเดียวกัน พี่ดีใจที่มีลูกชายน่ารักๆอย่างน้องตุลย์ แต่พี่ก็เสียใจที่ตลอดระยะเวลาที่พี่ทิ้งทีไว้ข้างหลัง ทีต้องลำบากมากขนาดไหนกับการที่ต้องเลี้ยงดูลูกเพียงลำพัง"
"..."
"ขอบคุณมากนะครับที่ดูแลตัวเองและน้องตุลย์มาอย่างดี ทีเป็นหม่าม้าที่เก่งและเข้มแข็งมากเลยรู้ไหมครับ"
"พี่ลม" นาทีเรียกชื่อลมด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ ดวงตาฉ่ำไปด้วยน้ำตาที่พร้อมจะไหลลงมาเต็มที
"แต่ต่อจากนี้ไปขอให้พี่เป็นคนดูแลที ดูแลน้องตุลย์ รวมทั้งเจ้าแฝดทั้งสองหน่อที่อยู่ในท้องด้วย ได้ไหมครับ"
ลมจ้องมองไปยังหน้าท้องของนาทีที่ป่องออกมาเพราะมีลูกของเขาสองคนอยู่ด้านในนั้น ในตอนที่ไปหาคุณหมอตามนัดและคุณหมอบอกว่าเขาได้ลูกแฝด ช่วงเวลานั้นมันเป็นอะไรที่พูดไม่ออกจริงๆ ไม่คิดไม่ฝันว่าจะได้เลื่อนตำแหน่งจากคุณพ่อลูกหนึ่งมาเป็นคุณพ่อลูกสามได้เร็วขนาดนี้
"น้องทีครับ" ลมมองสบดวงตาของนาทีด้วยความรู้สึกลึกซึ้ง
"..."
"น้องทีแต่งงานกับพี่ลมนะครับ"
กล่องกำมะหยีสีแดงถูกยื่นมาตรงหน้าของนาที ภายในบรรจุแหวนเงินเรียบๆ มีเพชรเม็ดเล็กๆตรงกลางอย่างสวยงามสองวง
"พี่ลม~"
"ว่าไงครับ น้องทีจะให้เกียรติมาแต่งงานกับพี่ลมได้ไหมครับ" ลมถามด้วยน้ำเสียงนุ่มทุ้มพร้อมกับส่งรอยยิ้มอ่อนโยนให้นาทีได้ใจสั่นเล่น
"ให้เกียรติอะไรกันละครับ พี่ลมนี่จริงๆเลย" นาทีเขินหน้าแดงจัดพร้อมกับพยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่ให้มันไหลออกมา เขาจะไม่ยอมให้ภาพตรงหน้ามันพร่าเบลอเพราะน้ำตาแน่ๆ เขาอยากเห็นหน้าของลมชัดๆ
"หม่าม้าอย่าเพิ่งร้องไห้ ตอบป๊าก่อนสิครับ แหวนของป๊ารอหม่าม้าอยู่นะ"
นาทีโน้มใบหน้าลงไปใกล้ๆกับใบหน้าของลม มือสองข้างโอบแก้มสากไว้ ก่อนจะส่งยิ้มหวานเยิ้ม ดวงตาสุกใสให้คนตรงหน้า
"แต่งครับ น้องทีตกลงแต่งงานกับพี่ลมครับ"
ปุ้ง! ปุ้ง! ปุ้ง!
"เย่! เย่! เย่!"
สิ้นเสียงตอบรับของนาที บุคคลทั้งหมดที่อยู่ภายในบ้านก็รวมตัวกันเดินมายังบริเวณที่ลมและนาทีนั่งอยู่ โดยที่ในมือถือพลุกระดาษกันคนละอัน ก่อนจะดึงจุกออกจนเกิดเสียงดังพร้อมกับกระดาษที่ปลิวว่อนกระจุยกระจายและตามมาด้วยเสียงโห่ร้องด้วยความดีใจของทุกๆคน
"ไอ้ทีเอ้ย! กว่าจะตกลงได้นะมึง"
"พี่ทีจะมีผะ...เอ้ย จะมีสามีอย่างเป็นทางการแล้ว"
"วุ้นดีใจด้วยนะคะพี่ที"
"ผมดีใจด้วยนะเฮียลม ขอบคุณนะครับคุณนาทีที่ยอมแต่งงานกับเฮียของผม"
"ยินดีด้วยนะครับทั้งสองคน"
"พ่อยินดีต้อนรับลูกสะใภ้อย่างเป็นทางการนะ"
"มาเป็นลูกชายแม่อีกคนนะลม"
ลมพยักหน้ารับคำพูดของคุณแม่นาที ก่อนจะหลุดขำให้กับท่าทางที่ตื่นเต้นจนเกินไปของคนอื่นๆแทน ส่วนนาทีนั้น น้ำตาได้เอ่อคลอเต็มดวงตาอีกครั้งด้วยความซึ้งใจ
"อู้ว แหวนฉวยจัง แหวนป๊าหรอคับ" เด็กชายตุลย์เดินเข้าไปหาคนเป็นพ่อ พร้อมกับก้มดูแหวนด้วยความสนใจ
"ครับ แหวนป๊าเอง ป๊าซื้อมาให้หม่าม้าของน้องตุลย์ครับ"
"หนายๆ มีของตูนตูนม่ายคับ"
"เอ่อ..."
"ม่ายมีหรอคับ ป๊าซื้อให้หม่าม้าคนเดียวหรอ" เด็กชายตุลย์หน้าเศร้าลงทันทีเมื่อรู้ว่าตัวเองไม่มีแหวนแบบที่คนเป็นแม่มี
"พรุ่งนี้นะครับ เดี๋ยวพรุ่งนี้ป๊าพาไปซื้อนะครับ วันนี้ให้หม่าม้าก่อนเนอะ"
"ป๊าซื้อให้น้องด้วยได้ป้าวคับ"
"ได้ครับ ซื้อให้น้องด้วย ของน้องตุลย์และของน้องๆ รวมสามวง โอเคไหมครับ"
"โอเคคับ" เด็กชายตุลย์กลับมายิ้มหน้าบานอีกครั้งเมื่อรู้ว่าตัวเองและน้องๆทั้งสองในท้องของหม่าม้าจะได้แหวนสวยๆเช่นกัน
"ลมสวมแหวนให้น้องสิลูก" แม่ของนาทีที่เห็นว่าลมต่อรองกับลูกชายเรียบร้อยแล้วเอ่ยขึ้น
"ครับแม่...พี่ขอมือข้างซ้ายด้วยครับ"
นาทียื่นมือข้างซ้ายให้ลมอย่าว่าง่าย
"พี่ขอใช้แหวนจองไว้ก่อนนะครับ ไว้เจ้าสองแสบคลอดออกมาเมื่อไหร่เรามาจัดงานแต่งกันนะครับ"
ลมบรรจงสวมแหวนให้นาทีอย่างตั้งใจ เมื่อสวมเสร็จก็ไม่ลืมที่จะก้มลงประทับจูบแหวนที่อยู่บนนิ้วนางข้างซ้ายของนาทีอย่างแผ่วเบา จากนั้นก็เป็นนาทีที่สวมแหวนลงบนนิ้วนางข้างซ้ายของลมบ้าง และก่อนที่บรรยากาศจะหวานไปมากกว่านี้ เสียงประท้วงของใครคนหนึ่งก็ดังขึ้น
"จ๊อก~ จ๊อก~ "
"หมูตุ้บ!" คีย์หันมามองหลานชายพร้อมกับเรียกด้วยความเอ็นดู
"แฮะ ตูนตูนหิ๊ว หิว" เด็กชายตุลย์บอกด้วยท่าทีเขินอาย ซึ่งท่าทีนั้นสร้างความเอ็นดูให้กับคนมองได้เป็นอย่างดี
"จริงเหรอครับป้าดา พี่ลมถึงขั้นคุกเข่าเลยเหรอครับ"
เปอร์ถามด้วยความตื่นเต้น ยามที่ฟังเรื่องเล่าที่แม่ของนาทีเล่าให้ฟัง
"มึงช่วยกลืนข้าวให้หมดแล้วค่อยตกใจได้ไหมเปอร์" คีย์ส่ายหน้าด้วยความระอา มือก็ดึงทิชชู่ส่งให้เปอร์ได้เช็ดปาก
ดารินนั่งมองหนึ่งเจ้านายหนึ่งลูกน้องที่แม้จะเถียงกันทุกคำแต่ก็ดูแลกันตลอดด้วยความเอ็นดู
ในตอนนี้ทุกคนมารวมตัวกันอยู่บริเวณกลางบ้าน ของกินมากมายถูกวางลงบนพื้นที่มีเสื่อผืนหนารองรับอยู่ การทานข้าวมื้อนี้ของพวกเขานั้นเป็นการล้อมวงกันนั่งลงบนพื้น เนื่องจากบ้านของนาทีไม่มีโต๊ะใหญ่พอสำหรับรองรับคนหลายคนขนาดนี้ การนั่งทานบนพื้นจึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด ไม่เว้นแม้แต่คนแก่อย่างนภดลและดารินเอง ถึงจะมีปวดหลังไปบ้าง แต่ถ้าเทียบกับความอบอุ่นที่เกิดขึ้น ต่อให้เป็นตะคริวรอบที่ล้านก็ไม่เป็นไร ในส่วนของคนท้องอย่างนาทีนั้น ก็ดื้อรั้นที่จะนั่งบนพื้นด้วยเช่นกัน ในตอนนี้ลมจึงกลายเป็นที่พิงหลังให้กับคนท้องไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
"จริงสิ เรื่องนี้ลุงเป็นพยานได้ น้องลม เอ้ย! ลมไปคุกเข่าอ้อนวอนมาจริงๆ" นภดลเป็นคนตอบคำถามของเปอร์แทนดาริน
"โธ่ พ่อครับ อย่าหลุดเรียกน้องลมสิครับ หมดกันภาพลักษณ์น่าเกรงขามของผม" ลมโอดพ่อตัวเองเล็กน้อย
"โทษทีๆ บรรยากาศพาพ่อไป" นภดลหัวเราะด้วยความชอบใจ
"ป้าดาครับ แล้วทำไมป้าดาถึงหายโกรธพี่ลมล่ะครับ" เปอร์ยังคงถามต่อ
"อืม... แววตาและความพยายามของลมจ้ะ... แววตาที่มุ่งมั่น จริงใจ ความพยายามที่จะขอโทษและแก้ไขในสิ่งที่ผิด อ้อ ความเสมอต้นเสมอปลายของลมด้วยที่ทำให้ป้าใจอ่อน แต่สิ่งที่เป็นตัวแปรสำคัญคือนาที"
"ทีเหรอครับ" นาทีที่นั่งฟังเงียบๆอยู่นานถามขึ้น
"ใช่ หากเปรียบความสุขของทีเป็นหัวใจที่มีสี่ห้อง หนึ่งห้องทียกให้แม่ สองห้องทีอาจจะให้น้องตุลย์ และแม่มั่นใจว่าส่วนที่ขาดไปห้องนั้นคือลม ถึงทีจะมีความสุขในห้องที่หนึ่งถึงสาม แต่ห้องที่สี่ในบางเวลาอาจทำให้ทีเศร้า แม่ไม่อยากให้ทีเศร้า แม่อยากให้ทีมีความสุขเต็มหัวใจ"
"แม่" นาทีไม่รู้แล้วว่าวันนี้เขาอยากจะร้องไห้ออกมากี่ครั้งแล้ว
"เพราะแบบนั้น แม่เลยบอกกับลมว่า ไปง้อลูกแม่ให้สำเร็จแล้วค่อยกลับมาหาแม่อีกที สุดท้ายลมก็ทำสำเร็จจริงๆด้วย ก็นะ จะไม่สำเร็จได้ยังไงก็ในเมื่อลูกชายเรารักเขามากซะขนาดนั้น เฮ้อ!"
"แล้วที่บอกว่าคุณลุงก็คุกเข่าขอโทษด้วยอันนี้จริงไหมคะ"
"ฮ่า ฮ่า" ดารินหลุดขำออกมา ดวงตาเป็นประกาย "เล่าดีไหมค่ะคุณนภ" ก่อนจะหันไปถามความเห็นจากนภดล
"ฮ่า ฮ่า เรื่องจริงสิ ไม่ใช่แค่ลุงนะที่คุกเข่า ทั้งลุง พี่ชายของลม และลม ต่างก็คุกเข่ากันทุกคน ลุงไม่ได้คิดว่าการกระทำเช่นนั้นเป็นการเสียศักดิ์ศรีแต่อย่างใด ที่ลุงทำไปเพราะรู้สึกอยากจะขอโทษและขอบคุณด้วยความจริงใจเท่านั้นเอง ถ้าไม่ได้คุณดากับครอบครัวช่วยลมไว้ในวันนั้น อาจจะไม่มีลมในวันนี้ก็ได้"
"ในตอนนั้นนะ ป้าหัวใจแทบวาย ลำพังแค่ลมกับพี่ชายเขามาคุกเข่าขอโทษน่ะไม่เท่าไหร่ นี่คนเป็นพ่อเล่นมาคุกเข่าด้วย ป้าคุกเข่าตามแทบไม่ทัน" ดารินเล่าไปขำไปเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ในครั้งนั้น
"เพราะแบบนี้ใช่ไหม แม่เลยไม่สงสัยหรือถามอะไรออกมาในตอนที่น้องตุลย์หลุดพูดถึงป๊าของตัวเอง"
ดารินไม่ได้พูดอะไรออกไป ทำเพียงแค่ยิ้มให้ลูกชายเท่านั้น เพียงเท่านี้นาทีก็เข้าใจแล้ว
"ไม่เห็นมีใครบอกทีสักคน พี่ลมก็ด้วย ปล่อยให้ทีเครียดอยู่ตั้งนาน" นาทีมุ่ยหน้าพูดออกมาด้วยความน้อยใจ
"อย่าโกรธพี่เขาเลย แม่เป็นคนบอกให้พี่เขาเก็บไว้เป็นความลับเองแหละ ก็แม่อยากรู้ว่าลูกชายแม่จะทำอย่างไร จะบอกแม่ตอนไหน แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่บอกสักที ขนาดมีหลานแม่ในท้องตั้งสองคนก็ไม่คิดจะบอกแม่สักคำ"
"คือที..."
"ไม่ต้องมาทำเสียงอ่อยเลยนะ"
"คุณยายอย่าดุหม่าม้าน้า เดี๋ยวน้องตกจาย" เด็กชายตุลย์ที่เห็นว่าคนเป็นแม่โดนดุก็ออกโรงปกป้องทันที
"ค้าบๆๆ ยายไม่ดุแล้วครับ"
เมื่อเห็นว่าหม่าม้าของตัวเองไม่โดนดุแล้วเด็กชายตัวน้อยก็ยิ้มแฉ่งก่อนจะกลับไปสนใจไก่ทอดที่อยู่ในจานต่อ
"แล้วแม่นั่งเครื่องมาคนเดียวไม่กลัวเหรอ"
"คนเดียวอะไรละ แม่มาพร้อมคุณนภ"
"ใช่แล้ว ก่อนหน้าที่ลมจะขอนาทีแต่งงาน พ่อก็ไปสู่ขอนาทีจากคุณดามาเรียบร้อยแล้ว จะทำอะไรข้ามหน้าข้ามตาผู้ใหญ่ไม่ได้ ต้องคุยกันให้เรียบร้อยก่อน จากนั้นก็เดินทางมาที่นี่ด้วยกัน อ้อ! ทั้งหมดเป็นแผนของเจ้าลมนะ ถ้าจะด่า ด่าเจ้าลมคนเดียวเลย คนอื่นๆโดนเจ้าลมบังคับกันทั้งนั้น"
นาทีหันขวับไปมองคนเจ้าแผนการอย่างเร็วจนคอแทบเคล็ด
"พ่อครับ" ลมที่เห็นสายตาของนาทีที่มองมาก็อดที่จะโอดครวญใส่คนเป็นพ่อไม่ได้ มีอย่างที่ไหน หาเรื่องให้ลูกโดนเมียด่าอยู่เรื่อย
"แล้วพี่ลมเหนื่อยไหมครับตอนนั้น เทียวไปเทียวมา ง้อทั้งพี่ที ง้อทั้งคุณป้า" เปอร์ยังคงทำหน้าที่เป็นพิธีกรได้อย่างดีเยี่ยม
"ถ้าให้พูดตามจริงก็เหนื่อยนะแต่เป็นเหนื่อยกายเพราะพี่มีงานต้องทำเยอะมาก บางทีแทบไม่ได้นอนเลย ส่วนเหนื่อยใจพี่ไม่เคยเหนื่อยเลย ไม่เคยคิดท้อหรือยอมแพ้ด้วย"
"พี่ลมรักพี่ทีมากเลยนะคะ"
"เพราะพี่ทีและหลานๆของวุ้น คือดวงใจของพี่"
"พี่ลม อย่าพูดอย่างนี้วุ้นเขินไม่ไหว ขอภาพผู้ชายนิ่งขรึมกลับคืนมาเถอะค่ะ วุ้นแพ้แบบนี้"
ในเวลานี้ไม่ได้มีแค่วุ้นที่แพ้ลมเพียงคนเดียวหรอก นาทีเองก็เขินแก้มแตกไม่ต่างกัน
"กินดีๆสิคุณ เลอะหมดแล้ว"
"เลอะตรงไหนอ่ะคุณ เช็ดให้หน่อย" คีย์รีบยื่นหน้าไปให้กรเช็ดให้
"คู่นั้นยังไงดี ไปขอเลยไหมกร ไหนๆอาก็อยู่นี่พอดี" นภดลเอ่ยหยอกคู่รักอีกคู่ที่ดูจะหวานแหววไม่แพ้กัน
"ครับ รบกวนด้วยนะครับ"
"แค่กๆๆๆ" คีย์สำลักน้ำต้มยำไอหน้าดำหน้าแดง จนกรต้องคอยลูบหลังและส่งน้ำให้ ซึ่งท่าทางของคีย์เรียกร้อยยิ้มจากผู้ชายหน้านิ่งได้ง่ายดายอย่างไม่น่าเชื่อ
"จริงสิพ่อ ผมอยากจดทะเบียนกับน้องก่อน ส่วนงานแต่งค่อยจัดตามทีหลัง พ่อว่าผมไปจดวันไหนดี"
"ไปจดวันที่เขาทำงานสิ ไปเสาร์อาทิตย์เขาไม่ทำงานกัน จะได้จดไหมล่ะ ถามอะไรแปลกๆนะน้องลม"
ลมนั่งอึ้งให้กับคำตอบของพ่อตัวเอง ซึ่งต่างจากคนอื่นๆที่หลุดขำออกมาอย่างพร้อมเพรียงกัน
และจากนั้นทุกคนก็ต่างพูดคุยกันต่อชนิดที่ว่าไม่มีเหนื่อยเลยสักนิด เด็กชายตุลย์หลังจากที่กินอิ่มก็เขยิบตัวเองมานั่งใกล้ๆ คุณปู่คอยออดอ้อนจนคนเป็นปู่ใจเหลวเป็นน้ำ อยากที่จะยกมรดกให้หลานทั้งหมดมันเสียเดี๋ยวนี้
"พี่ลมครับ" นาทีที่เข้าห้องน้ำเสร็จแล้วเอ่ยรั้งลมเอาไว้ในขณะที่ทั้งคู่กำลังจะเดินกลับไปร่วมวงกับคนอื่นๆต่อ
"ครับ"
"ก่อนจะกลับไปหาคนอื่นๆ ขอทีพูดอะไรหน่อยได้ไหมครับ"
"ได้ครับ"
"ทีขอบคุณนะครับ ขอบคุณสำหรับทุกๆอย่าง ทีไม่รู้จะขอบคุณพี่ลมยังไงให้สมกับสิ่งที่พี่ลมทำให้เลย"
ทั้งเรื่องของแม่ที่นาทีเครียดมาตลอดและมีแอบน้อยใจว่าลมมองข้ามไป แต่ทุกอย่างดันผิดคาด ลมให้เกียรติเขา ให้เกียรติแม่ของเขามาก ไหนจะการที่คอยดูแลทั้งเขาและลูก ไหนจะความพยายามในเรื่องต่างๆอีก มันทำให้นาทีรู้สึกซาบซึ้งใจมากจริงๆ
"ทีไม่ต้องขอบคุณพี่ครับ ทุกๆอย่างพี่ตั้งใจทำและทำมันด้วยความเต็มใจ ทั้งหมดที่ทำไปก็เพื่อครอบครัวของเรา"
"พี่ลม"
เพราะความรู้สึกที่อัดแน่นกันมากเกินไปทำให้น้ำเม็ดใสไหลออกจากตาของนาทีอย่างง่ายดาย นาทีพยายามแล้ว พยายามที่จะไม่ร้องไห้ออกมา แต่วันนี้มันมีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมายเหลือเกิน น้ำตาที่ไหลอยู่นี้ก็เป็นน้ำตาของความสุขไม่ใช่ความทุกข์แต่อย่างใด
"นาทีไม่ร้องครับ" ลมเช็ดน้ำตาที่อาบสองแก้มแผ่วเบา
"ทีตื้นตันใจจนห้ามมันไม่อยู่แล้วครับ"
"โอ๋ มา พี่กอดนะ ไม่ร้องนะหม่าม้า ป่านนี้ตัวแสบกับตัวซนคงตกใจแย่แล้ว โอ๋ๆ ยิ่งถ้าตัวเล็กมาเห็นทีร้องไห้แบบนี้พี่ต้องโดนดุแน่ๆเลย ไม่ร้องนะครับ"
"พี่ลมก็อย่าโอ๋สิครับ ยิ่งโอ๋ทียิ่งร้องไห้นะ" นาทีบอกเสียงอู้อี้
"งั้นถ้าอย่างนี้ล่ะครับ"
"ยังไ... อุ๊ปส์"
ลมทาบริมฝีปากลงบนริมฝีบางของนาที ก่อนจะขบเม้มเบาๆเป็นการปลอบโยน นาทีที่ตั้งสติได้ก็ปล่อยให้ลมทำตามใจ รสจูบครั้งนี้ของคนทั้งคู่เป็นรสจูบที่หวานปนเค็มแต่เต็มไปด้วยความรักและความสุข มันรู้สึกดีจนทำให้หัวใจพองโต
"เขาสองคนคิดว่าพวกเราจะไม่เห็นพวกเขาจริงๆเหรอครับ" เปอร์กระซิบถามคนอื่นๆในวง
"หมูตุ้บอย่าดูนะ" คีย์ยกมือขึ้นปิดตาของหลานชายไว้ "บัดสีบัดเถลิงจริงๆเลยนะเชียว
"อ่า ไว้ผมจะสั่งสอนลูกชายผมให้ดีกว่านี้นะครับ" นภดลหันไปบอกกับดาริน
"ฮ่า ฮ่า ขอโทษที่ลูกดิฉันยั่วตาใสนะคะ"
จบคำพูดของดาริน เสียงหัวเราะก็ดังขึ้นพร้อมๆกันอีกครั้ง
.......................................................
"มายืนทำอะไรมืดๆคนเดียวตรงนี้เนี่ยคุณ"
เสียงของผู้มาใหม่ที่กำลังเดินเข้ามาใกล้ๆ ทำให้กรต้องรีบโยนบุหรี่ที่คีบอยู่ในมือลงพื้นทันที ก่อนจะใช้เท้าขยี้จนควันและไฟดับมอดจนหมดสิ้น หลังจากกินข้าวเสร็จกรก็ผละตัวออกมายืนสูบบุหรี่อยู่บริเวณหลังบ้าน
"แอบมาพ่นควันใส่ต้นทานตะวันผมอีกแล้วเหรอ น้องจะป่วยอีกหรือเปล่าเนี่ย" คีย์เดินหน้ายู่เข้ามาจับต้นทานตะวันของตัวเองที่ลงปลูกใหม่และกำลังจะเบ่งบานในอีกไม่นานด้วยความเป็นห่วง
กรหัวเราะในลำคอเบาๆให้กับประโยคคำพูดของคีย์ มันทำให้เขานึกย้อนไปถึงเหตุการณ์เมื่อครั้งที่เราทั้งสองคนยังชอบหาเรื่องทะเลาะกัน โดยในวันนั้นกรโดนคีย์โวยวายใส่เสียยกใหญ่เพราะกลัวว่าควันบุหรี่ของเขาจะไปทำให้เจ้าดอกทานตะวันของตัวเองเป็นมะเร็ง
"ผมไม่ได้พ่นใส่สักหน่อย ลมต่างหากที่พัดพามันไป"
"ยังจะเถียงอีก" คีย์ใช้จมูกดมฟุตฟิตเพื่อพิสูจน์ดูว่ามีกลิ่นบุหรี่ติดอยู่หรือเปล่า หากใครมาเห็นเขาตอนนี้คงคิดว่าเขาบ้าแน่ๆ แต่จะให้ทำไงล่ะ เขาเป็นคนที่หล่อเลี้ยงน้องให้เติบโตขึ้นมาเลยนะ มันก็ต้องรักเป็นธรรมดา
"เลิกสนใจต้นทานตะวัน แล้วมาสนใจผมดีกว่าไหมคุณ"
"คุณมีอะไรให้น่าสนใจกัน"
"อยากรู้ไหมล่ะ ถ้าอยากรู้คืนนี้ก็ไปนอนค้างที่ห้องผมสิ"
คีย์ยืนหน้าแดงแจ๋ยามที่ได้ยินเสียงทุ้มกระซิบแหบพร่าที่ข้างๆหู ฮึ่ย! คิดดีไม่ได้เลยจริงๆ
"ทะ ทำไมต้องไปนอนห้องคุณด้วยเล่า!"
"ก็...ของที่ต้องใช้มันอยู่ที่ห้องผม"
"นี่คุณ! คิดอะไรทะลึ่งอยู่ใช่ไหม"
"ทะลึ่งอะไรของคุณ ผมหมายถึงผมจะโชว์ฝีมือทอดไข่เจียวให้คุณชิมต่างหาก ผมฝึกฝีมือมาแล้วนะ รับรองอร่อยแน่นอน น่าสนใจไหมล่ะ แต่ถ้า...คุณอย่างลองชิมอย่างอื่น ผมก็ไม่ขัดนะ"
"เลิกซะนะไอ้สายตาเจ้าชู้แบบนี้ ไม่เหมาะกับหน้านิ่งๆของคุณสักนิด"
"แต่ก็ทำให้ใครบางคนแถวนี้หน้าแดงได้"
"ผมร้อนเถอะ" คีย์แยกเขี้ยวขู่กรไปหนึ่งที โทษฐานที่ทำตัวน่าหมั่นไส้จนเกินไป
"แล้วคุณออกมาทำอะไร เดี๋ยวยุงก็กัดหรอก"
"แค่ออกมาสูดอากาศข้างนอกแป๊ปนึง อีกอย่างคืนนี้พระจันทร์ก็สวยด้วย ผมอยากออกมาดูสักหน่อย" คีย์แหงนหน้ามองท้องฟ้าที่เวลานี้มีดวงจันทร์สีนวลงามตากำลังส่องแสงสว่างอยู่
"วันนี้ช่างเป็นวันที่สวยงามจริงๆเลยนะ"
"นั่นสินะ" กรแหงนหน้ามองดวงจันทร์บ้าง ก่อนจะละสายตาจากพระจันทร์ดวงโตที่ส่องสว่างอยู่ตรงหน้า มามองคนที่เปร่งประกายข้างๆแทน
"คุณ" ท่ามกลางความเงียบสงบและสายลมที่พัดผ่าน กรเอ่ยเรียกคีย์ด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความอ่อนโยน
"อื้อ" คีย์รับคำทั้งๆที่ดวงหน้ายังคงมองดวงจันทร์เช่นเดิม
"เป็นแฟนกับผมนะ"
"0.0"
"ผมขอโทษ ที่ผมปล่อยเวลาให้มันผ่านมาเนิ่นนานกว่าที่จะได้พูดประโยคนี้กับคุณ แต่ผมอยากให้คุณรู้ไว้ว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาผมคิดว่าคุณเป็นแฟนผมเสมอมา คิดมาตั้งแต่ที่ผมเริ่มจีบคุณด้วยซ้ำ คีย์ครับ มันไม่สายไปใช่ไหมที่ผมจะพูดประโยคนี้กับคุณ"
"ไม่ ไม่เลย ไม่สาย ไหนคุณถามผมใหม่อีกครั้งสิ"
"คีย์ครับ เป็นแฟนกับกรนะครับ"
"แต่ง! แต่งครับ"
"เดี๋ยวคุณ ผมขอคุณเป็นแฟนนะ" กรหลุดขำให้กับประโยคตอบรับที่สุดแสนจะน่ารักของแฟนตัวเอง
"ไม่เป็นไร ต่อไปก็ต้องขอแต่งอยู่แล้ว ผมตอบตกลงไว้เลย ในหัวผมมีแผนเรื่องการแต่งงานตั้งแต่บอกรักคุณแล้วนะ ผมคิดไว้แล้วว่าไม่มีทางปล่อยคุณไปแน่ๆ อาจจะไม่ได้แต่งเร็วๆนี้ แต่ยังไงคนที่ผมจะแต่งด้วยต้องเป็นคุณเท่านั้น"
"..."
"จริงสิ สัปดาห์หน้าคุณว่างใช่ไหม เราไปหาป๊าของผมกันนะ" คีย์ทอดสายตามองกรด้วยแววตาออดอ้อนและประกายความหวัง
"ตกลงครับ" กรตอบรับอย่างไร้ความลังเล "สัปดาห์หน้าเราไปหาป๊าของคุณกัน อยากได้ลูกชายเขามาเป็นเมียก็ควรจะเข้าไปพูดคุยกับผู้ใหญ่ให้ถูกต้องสินะ"
"เมียเมออะไรกันเล่า" คีย์เขินใบหน้าแดงก่ำจนลามไปถึงใบหู
"ไม่อยากเป็นเหรอ คีย์ไม่อยากเป็นเมียกรเหรอครับ"
"ก็ ก็ คืนนี้ขอไปนอนห้องคุณด้วยได้หรือเปล่า" คีย์เลือกที่จะไม่ตอบคำถามของกรแต่เปลี่ยนเป็นถามกรเสียงมุบมิบในลำคอแทน แม้มันจะเป็นเสียงที่บางเบาแต่กรก็ได้ยินมันชัดเจน
"ได้สิครับ"กรยิ้มขำให้กับคนตรงหน้าที่ปากกล้าแต่ใจบาง "แต่ก่อนที่จะไปค้างที่ห้องผม คุณช่วยตอบตกลงเป็นแฟนกับผมก่อนเถอะ ได้โปรด"
"เป็นสิ เป็นแน่นอนอยู่แล้ว" คีย์วาดแขนทั้งสองข้างโอบรอบคอของกรไว้ ก่อนจะออกแรงดันเบาๆให้ใบหน้าของกรโน้มลงมาใกล้ๆจนปลายจมูกสัมผัสกัน ส่วนเอวบางของคีย์ก็โดนกรกอดประคองไว้หลวมๆ "นับตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป ผมขอประกาศว่า คีตกานต์ได้เป็นแฟนของคิรากรอย่างสมบูรณ์แบบแล้วครับ"
"ขอบคุณครับ"
ท่ามกลางแสงจันทร์ที่ส่องแสงสว่างไปทั่วท้องฟ้า ในเวลานี้มีคู่รักคู่หนึ่งกำลังมอบจูบรสหวานซึ้งให้กันและกันท่ามกลางแสงจันทร์ที่สาดส่องลงมาอย่างดูดดื่ม โดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่า เวลานี้มีคนขี้อิจฉาสามคนกำลังเฝ้ามองพวกเขาทั้งคู่อยู่
"อ่า ผมรู้สึกอยากมีแฟนชะมัด"
"นั่นนะสิ ทำไมพี่ถึงยังโสดอยู่นะ"
"วุ้นจะมีโอกาสได้เจอรักดีๆแบบนี้บ้างไหมนะ"
"เฮ้อ!" เปอร์ ขุน และวุ้น หันมาสบตากันเงียบๆ ก่อนจะมองออกไปยังคู่รักที่ยังคงยืนจูบกันอยู่ แล้วถอนหายใจออกมาพร้อมๆกัน
"ลุงก็โสดนะ"
"ป้าก็โสดจ้ะ แต่อยู่คนเดียวก็สบายใจดีนะ"
"เฮ้ย!" สามเสียงร้องประสานพร้อมกันด้วยความตกใจเพราะผู้มาใหม่มาแบบเงียบๆ
"แต่ตูนตูนม่ายโฉดแย้วน้า ตูนตูนมีแฟนแย้ว แฟนตูนตูนชื่อต้นหญ้าคับ"
"ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า"
จบประโยคของเด็กชายตุลย์ผู้ใหญ่ทั้งหมดที่ยืนอยู่ก็หัวเราะออกมาพร้อมๆกัน
ให้ตายเถอะ... นี่พวกเขาแพ้เด็กสี่ขวบจริงๆเหรอเนี่ย... น่าอายชะมัดเลย
.......................................................
TBC.
คนมีคู่ก็หวานกันไป ส่วนแก้งคนโสดก็อิจฉาเขาต่อไปเช่นกันจ้า 555++
ขอให้สนุกกับการอ่านนะคะ
ขอบคุณค่ะ