" หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#47 ความรักของครอบครัว][END](25/6/63)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#47 ความรักของครอบครัว][END](25/6/63)  (อ่าน 49391 ครั้ง)

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ songte

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1414
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
อ่านแล้วอึดอัดอ่ะ แต่ละคนเยอะกันจริงๆ

ออฟไลน์ Gloomy Sunday

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 408
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +215/-3
    • Fanpage : Gloomy Sunday Tk.
เพ้อ บทที่ 36 คน...ที่ไม่ใช่


ช่วงเวลาที่เราฝันดีนั้น แม้ว่ามันจะไม่ได้เกิดขึ้นจริง แต่ช่วงเวลาเหล่านั้นก็ทำให้เรามีความสุขเหลือเกิน แม้หากเราสะดุ้งตื่นขึ้นมาแล้ว และพบว่ามันก็เป็นเพียงแค่ความฝัน แต่จะยังไงก็ตาม รอยยิ้มก็ยังคงไม่ได้จางหายไป

 "ฝันดีเหรอลูก ตื่นมาก็หน้าบานเชียว" เสียงของแม่ทักผมทันทีเมื่อเข้ามาปัดกวาดเช็ดถูดูแลความสะอาด

 ฝัน...งั้นเหรอ ผมรู้สึกหัวใจโหวงเหวงลึกๆ หรือว่าทั้งหมดนี้ สิ่งดีๆ ที่ผ่านมา มันก็แค่ความฝันกันนะ

 Trrr Trrr

 เสียงสั่นเบาๆ บนโต๊ะเล็กๆ ข้างเตียง ทำให้ผมหลุดจากภวังค์ความคิด ผมยิ้มให้แม่ และเอื้อมมือไปหยิบของส่วนตัวนั้นขึ้นมา และรอยยิ้มที่มีความสุขของผมนั้น ก็มีแต่จะเพิ่มขึ้น เมื่อเห็นข้อความ ข้อความหนึ่ง

 [อย่าทำตัวงี่เง่ากังวลเกินเหตุ มั่นใจในตัวเอง เสร็จแล้วโทรมา]

 "รีบลุกขึ้นเตรียมตัวสิลูก วันนี้มีแคสงานไม่ใช่เหรอ" ผมยังคงยิ้มให้กับข้อความกำลังใจจากคนที่รัก ทุกอย่างมันไม่ใช่ความฝันอีกต่อไปแล้ว เพราะว่าพวกเรานั้น พี่หมอกนั้น ดีกับผมเหลือเกิน

 "ครับ อวยพรผมหน่อยสิ" ผมละสายตาจากมือถือมากอดเอวแม่ที่เดินผ่านเตียงเอาไว้

 "ทำทุกอย่างเท่าที่อินทำได้ และทำให้ดีที่สุด ไม่ว่าผลจะเป็นยังไง อินของแม่ก็เก่งที่สุดอยู่แล้ว" ผมยิ้มหน้าบานกับคำอวยพรที่ไม่กดดันนั้น

 "นี่ล่ะที่อยากได้ยิน" ผมลุกขึ้นและหอมแก้มแม่ฟอดใหญ่ ได้กำลังใจดีๆ จากคนที่สำคัญที่สุดทั้งสองคนแบบนี้ ไม่ว่าอะไรผมก็ทำได้ทั้งนั้น เชื่อมือได้เลย

 ในวันนี้ จิตใจของผมตั้งมั่นอยู่กับการแสดงความสามารถของตัวเอง ผมต้องขอบคุณพี่บีผู้จัดการพี่หมอกมากๆ ที่พี่เขาแนะนำเรื่องการเฟ้นหานักแสดงที่กำลังเปิดโอกาสให้ผู้ที่มีคุณสมบัติได้เข้ามาทดสอบ ว่าตัวเองจะเหมาะกับบทบาทนั้นๆ หรือไม่

 "อิน เยี่ยมมากเลย ผู้กำกับแทบจะอ้าปากค้างไปแล้วนะ" หลังจากทดสอบสวมบทบาทหนึ่งในละคร ผมก็ได้รับคำชมจากทุกคน และพี่บีที่ช่วยงานที่นี่ด้วย

 "ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ ขอบคุณที่แนะนำผมมานะ" ผมยกมือไหว้พี่เขาทันทีที่เข้ามาใกล้ และแอบเหลือบมองรอบๆ เพื่อมองหาคนสำคัญของผม

 "หมอกไม่มาหรอก ติดถ่ายแบบน่ะ" ผมชะงักเล็กๆ และส่ายหน้าปฏิเสธทันที

 "ไม่ใช่ครับ" ผมยิ้มแห้ง

 "พี่รู้น่ะ ว่าเราสนิทกับหมอก เดี๋ยวนี้เจ้าหมอกดูทำตัวดีขึ้นมาก สงสัยเพราะอยู่ใกล้เราละมั้ง พี่นี่ต้องขอบคุณจริงๆ"

 "เมื่อก่อน พี่หมอกทำตัวไม่ดีเหรอครับ" คำพูดของพี่บีทำให้ผมสนใจอยากรู้ ทุกเรื่องของพี่หมอก ผมสนใจมากจริงๆ

 "แหม เดาไม่ออกเหรอจ๊ะ หมอกน่ะ สุดๆ ไปเลย ทั้งปากร้าย ทั้งชอบทิ้งงาน วันๆ กกแต่สาวๆ เคยสนใจอะไรจริงๆ ที่ไหนล่ะ" เหมือนกับได้ระบาย พี่บีก็ใส่เอา ใส่เอาเลยทีเดียว แต่ไม่รู้ทำไม ผมยังคงส่งยิ้มเล็กๆ ออกมาได้

 "พี่ก็เคยกิ๊กกับพี่หมอกไม่ใช่เหรอ" ผมไม่รู้ว่าควรพูดไหม แต่ก็อยากรู้อีกนั่นแหละ

 "เหอะ ไปเชื่อคำที่เจ้าเปอร์พูดสินะ ไม่เลย ไม่ใช่เลย พี่เห็นหมอกเป็นเหมือนน้องชายเท่านั้นแหละ แต่จะว่ายังไงดี เด็กหน้าตาแบบหมอกใครเห็นก็มีหวั่นไหวบ้างแหละ" พี่บีพูดต่อพลางหัวเราะชอบใจ

 "เอาล่ะ ผลเป็นยังไงเดี๋ยวทางทีมงานจะติดต่อไปนะ พี่เป็นกำลังใจให้ ขอให้ได้สักบทเนอะ เพราะอินเก่งมากๆ"

 "ครับ ขอบคุณครับ"

 เมื่อทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย ผมรีบขอตัวแยกจากทุกๆ คนและปฏิเสธที่จะติดรถพี่บีที่ต้องการไปส่งด้วยความเกรงใจ

 ไม่รู้ผมคิดมากไปหรือเปล่านะ แต่เมื่อผมเดินไปเรื่อยๆ เพื่อออกจากสถานที่จัดงานที่เป็นห้างสรรพสินค้า ก็พบว่ามีคนหลายคนเหมือนกำลังจับตามองผมอยู่

 อาจเป็นเพราะว่าตอนที่ทดสอบบทนั้นมีพวกแฟนๆ ของนิยายมากันเยอะละมั้ง และผมก็อาจจะไปเข้าตาคนหลายคนเข้า ทำเอารู้สึกประหม่าไปเลย

 "พี่อินนน" ผมชะงักเล็กน้อยที่มีคนมาดักหน้าผม เป็นกลุ่มสาวๆ ที่ดูแล้วน่าจะอยู่มัธยมปลาย

 "ครับ" ผมรู้สึกดีใจเล็กๆ ที่หลายคนยังจำผมได้ แต่ก็แน่ล่ะ เพิ่งจะออกจากงานมานี่นา

 "ขอได้ไหมคะ" ความที่คนเยอะมากๆ ทำให้ผมเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยกับคำพูดนั้น

 "ขออะไรเหรอ"

 "ป้ายน่ะค่ะ ป้ายชื่อพี่" ผมมองตามมือของพวกเธอที่ชี้มาที่อกผม และทันทีที่นึกขึ้นได้ อ๋อ แบบนี้นี่เอง

 "ป้ายชื่อนี่น่ะเหรอ" ผมลืมไปว่าป้ายชื่อยังคล้องคอผมอยู่ อาจจะเพราะแบบนี้หรือเปล่าถึงรู้ว่าผมชื่ออะไร

 "เมื่อกี้ดูพี่แสดงแล้วหนูชอบมากเลยค่ะ พี่เหมาะมากๆ เลย อยากให้พี่เป็นพระเอกจังเลยค่ะ"

 "เนอะๆ หล่อมากๆ เลย" พวกสาวๆ ดวงตาเป็นประกายและเริ่มคุยกันเอง แต่คำชมเหล่านั้นก็ทำเอาผมหัวใจพองโต

"พวกเราเชียร์พี่นะคะ แต่ว่าขอป้ายชื่อพี่แล้วก็เซ็นชื่อให้พวกหนูได้ไหมคะ" จริงๆ ใจผมก็อยากจะเก็บไว้อยู่นะ แต่พอโดนลูกอ้อนขนาดนี้ก็เริ่มจะใจอ่อน

 "อื้อ ได้สิ" ผมค่อยๆ ถอดป้ายที่อยู่ที่คอผมออกมา และรับปากกาจากสาวๆ เพื่อเซ็นชื่อลงไปบนนั้น เขินจังเลยนะ ผมเริ่มมือสั่นน้อยๆ นี่เป็นครั้งแรกที่มีคนขอลายเซ็นเลยล่ะ พี่หมอกก็คงจะรู้สึกแบบนี้ใช่ไหมนะ เวลาที่มีคนเข้ามาสนใจ

 "เอาล่ะ เสร็จ..."

 "ว่าไงพ่อคนดัง" ผมชะงักและมองป้ายชื่อในมือที่ถูกดึง ไม่ใช่สิ ต้องเรียกได้ว่ากระชากไป จากคนที่ไม่คิดว่าจะเจอตอนนี้

 "ว้าย พี่หมอกนี่แก"

 "หล่อมากกกก"

 พวกสาวๆ ที่ตอนแรกสนใจผมนั้น ตอนนี้จิตใจกระเจิดกระเจิงกับผู้ชายตรงหน้า ผู้ชายที่มีผมสีน้ำตาลอ่อนขับกับผิวขาวสว่างจ้า กางเกงสแลคสีแดงกับเสื้อเชิ๊ตสีอ่อนช่างทำให้คนคนนี้แทบเหมือนเทวดาเดินดิน กลิ่นน้ำหอม สีหน้าแววตาที่ฉายแววรำคาญใจ ทำให้ยิ่งดูดีมากขึ้นไปอีก

 "ไม่ใช่ว่าพี่ไม่ว่างเหรอ" ผมควบคุมสีหน้าตัวเองไม่ให้ดูดีใจเกินไป เงยหน้าคุยกับพี่หมอกด้วยดวงตาใสซื่อ

 "บอกให้โทรมาไง" เสียงจิ๊ปากไม่พอใจดังขึ้นเบาๆ พี่หมอกเหลือบตามองพวกสาวๆ อย่างไม่ใส่ใจในเสียงกรี๊ดเล็กๆ ที่ดังขึ้นเป็นระยะ

 "พวกพี่เป็นเพื่อนกันเหรอคะ"

 "พี่หมอกจะแสดงละครเรื่องใหม่อีกไหมคะ"

 ผมยิ้มเล็กๆ กับเหล่าแฟนคลับพี่หมอกที่เริ่มจับกลุ่มกันเข้ามา ความรู้สึกที่โดนเป็นที่สนใจผมเพิ่งจะรับรู้ และเริ่มรู้สึกว่าผมไม่ควรอยู่ตรงนี้หรือเปล่านะ

 ความคิดและความกังวลใจนั้นเด่นชัดบนใบหน้าของผม ทำให้เท้าของผมเริ่มก้าวออกมาโดยอัตโนมัติ แต่ว่าเมื่อรู้สึกถึงแรงจับที่ข้อมือ ผมก็พบว่าตัวเองถูกดึงเข้าไปอีกครั้ง พี่หมอก ไม่ยอมที่จะปล่อยมือจากผม

 "พวกพี่สนิทกันมากๆ เลยใช่ไหมคะ"

 "น่ารักเนอะ"

 "คือ..." ผมเริ่มอึกอักเมื่อสายตาพวกสาวๆ มองพวกเราด้วยแววตาเป็นประกาย ผมไม่อยากให้มีข่าวลือแปลกๆ ออกมา เพราะมันอาจส่งผลกับชื่อเสียงพี่หมอกได้

 "อยากให้เล่นละครคู่กันจังเลยค่ะ พวกพี่เหมาะสมกันมากๆ เลย" แต่คำพูดหนึ่งที่ผมได้ยินก็ทำเอาผมหัวใจพองโต เหมาะสมกันงั้นเหรอ อยากให้พวกเรา ได้เล่นละครคู่กันงั้นเหรอ รู้ไหม ว่านั่นน่ะ คือความฝันสูงสุดของผม

 "ขอบคุณนะ" ผมมองเด็กสาวคนนั้นและส่งยิ้มหวาน

 "ขอบคุณนะครับ ขอตัวก่อน" พี่หมอกก้มตัวขอทางอย่างสุภาพ และพาผมออกมาจากวงล้อมนั้น

 พวกเรานั่งกันอยู่ในรถที่กำลังแล่นออกไปช้าๆ คำพูดของแฟนคลับคนนั้น ยังคงติดตรึงอยู่ในใจผม จะดีแค่ไหนกันนะ ถ้าสักวันผมจะได้เล่นละครที่ผมรัก และเคียงคู่กับคนที่ผมหลงรัก ผมค่อยๆ หันไปมองพี่หมอก ผมไม่รู้เลยว่า พี่จะคิดเหมือนกันกับผมบ้างไหม ในหัวใจของพี่ มีผมอยู่จริงๆ หรือเปล่านะ ผมไม่กล้าถามพี่ ว่าพี่รู้สึกยังไงกับผมกันแน่

 ผมกลัวคำตอบนั้น ถึงแม้ว่าวันนี้เราจะอยู่เคียงข้างกัน แต่ว่าพี่ก็ไม่เคยบอกผมสักที ว่าผมเป็นอะไรสำหรับพี่กันแน่ ไม่เคยบอกผมสักที ว่าพี่รักผม เหมือนกับที่ผมรักพี่หรือเปล่า

 "พี่หมอก" ผมส่งเสียงเรียกพี่หมอกด้วยหัวใจที่สั่นไหว ผมอยากรู้ ผมอยากได้คำตอบชัดๆ จากปากของพี่

 "หืม" พี่หมอกขมวดคิ้วเล็กๆ เหลือบมองผมด้วยสีหน้าสงสัย

 "คือว่า..." ผมอึกอัก หัวใจที่เต้นอย่างราบรื่นเริ่มเร่งจังหวะมากขึ้น ลิ้นของผมเริ่มรู้สึกขยับไม่ได้ดั่งใจ

 "พี่...คือ..พวกเรา เอ่อ" พี่หมอกจอดรถติดไฟแดง และหันมาหาผมเหมือนรอคอยคำถาม

 "อะไร"

 "ที่พี่...บอกว่าจะบอกผม" ผมนึกขึ้นได้ว่าผมเคยถามพี่หมอกคล้ายๆ จะครั้งหนึ่งแล้ว ผมจ้องมองพี่หมอกด้วยหัวใจเต้นโครมคราม วันนี้พี่จะบอกผมไหมนะ

 พี่หมอกดูเหมือนกำลังใช้ความคิด และจ้องหน้าผมอยู่เช่นกัน พวกเราอยู่ในความเงียบ ผมรอคอยกับคำตอบนั้น

 ปี้นนน~

 เสียงแตรจากด้านหลังทำให้พี่หมอกละสายตาและเริ่มขับรถออกไปอีกครั้ง ผมรู้สึกเสียดายเล็กๆ แต่ก็รู้ว่าเวลาตอนนี้คงไม่เหมาะเท่าไหร่ เอาเป็นว่า ผมรอนะ ผมรอพี่บอกอยู่นะครับ พี่หมอก

 ท้องฟ้าในยามนี้เริ่มเปลี่ยนจากสีฟ้า เป็นสีส้มจากดวงตะวันที่ใกล้ลับตาไป พี่หมอกขับรถต่อไปอีกเล็กน้อยและจอดรถลงที่ริมทางแห่งหนึ่ง ผมเริ่มมองไปรอบๆ ตัวและเพิ่งรู้ตัวว่าตัวเองได้มาอยู่ที่ไหน

 "ลงมาสิ" พี่หมอกลงจากรถและเดินอ้อมมาเปิดประตูให้ผม หัวใจที่คล้ายจะสงบแล้ว ก็กลับมาเต้นเร็วอีกครั้ง

 "ที่นี่..." ผมลงจากรถ และมองพี่หมอกที่ทำหน้าเรียบเฉย

 "เดินเล่นสักพัก แล้วค่อยกลับละกัน" พี่หมอกพูดและเดินนำหน้าผมไป ผมมองแผ่นหลังกว้างของพี่หมอก และมองเหล่าร้านลวงเล็กๆ ที่อยู่เต็มสองฝั่งทางเท้า

 ใช่แล้วล่ะ ที่นี่คือตลาดนัดริมแม่น้ำ ที่ที่ผมเคยมาบ่อยๆ และแน่นอน ว่าผมไม่เคยพลาดที่แห่งหนึ่ง ทุกครั้งที่ผมมาที่นี่

 ผมมองคนที่เดินนำหน้า ด้วยสมองที่เริ่มทำงานหนักและสับสน สองข้างทางร้านรวงต่างๆ ดูพร่าเลือนในความคิดและความรู้สึก

 ในหัวใจ ในส่วนลึกของจิตวิณญาณของผมนั้น ผมรู้ดีว่าตัวเองคิดอะไร และหวังอะไร

 ผมหวังว่า หมาป่านักดนตรีคนนั้น ถ้าหากว่า...คนคนนั้น คือพี่หมอก...

 แม้มันจะเป็นความคิดที่ดูเพ้อฝันเหลือเกิน แต่ผมก็หวัง ผมหวังไว้เสมอว่า พี่คือคนคนนั้น...

 แต่แล้ว ความหวังและความฝันก็ราวกับสลายลง เมื่อเสียงดนตรีที่เริ่มบรรเลงขึ้น ลอยผ่านมาตามสายลม

 สองเท้าที่ก้าวเดินนั้น ตอนนี้หยุดอยู่กับที่ ผมมองดูแผ่นหลังของคนข้างหน้าที่ตอนนี้หยุดเคลื่อนไหว และหันมาจ้องมองผม ด้วยดวงตาที่ไม่ได้แสดงอาการใด

 "เป็นอะไร" พี่หมอกเดินกลับมาและจับที่แขนผมไว้ เหมือนกลัวผมจะล้มลงไป

 ไม่ใช่...งั้นเหรอ

 ไม่ใช่พี่จริงๆ สินะ...

 "เปล่าครับ" ผมยิ้มออกมาเล็กๆ ถึงจะน่าผิดหวัง แต่สิ่งสำคัญก็คือ พี่หมอกอยู่เคียงข้างผมตอนนี้

 ผมเริ่มก้าวเดินต่อไปข้างหน้า ให้มือของพวกเราค่อยๆ ประสานกัน พวกเราเดินฝ่าฝูงชนที่กำลังห้อมล้อมคนคนหนึ่งไว้ หัวใจของผมเริ่มเต้นแรงและสั่นไหวทุกย่างก้าวที่ก้าวเข้าไป และได้มายืนอยู่ที่ด้านหน้า คนคนนั้น คนที่ผมเคย...

 ผมมองดูผู้ชายตรงหน้าด้วยความรู้สึกแปลกประหลาด ถึงแม้ว่าคนคนนั้นจะยังคงเหมือนเดิม เขาแต่งตัวด้วยชุดสีดำทั้งชุด บนศีรษะของเขา สวมหน้ากากหมาป่าที่ดูสง่าสงาม มีแววตาแหลมคมของนักล่า กีตาร์สีดำที่มีลวดลายแปลกตามีมนต์เสน่ห์

 แต่ว่า ทำไมกันนะ ผมรู้สึก ว่ามีอะไรสักอย่างที่แตกต่าง...
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-03-2020 17:18:07 โดย Gloomy Sunday »

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
แล้วอีกคนเป็นใครกันนะ อยากรู้ ๆ  :m5:

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

พ่อหมาป่าหนุ่มวันนั้น  กับหมาป่าหนุ่มวันนี้  คงจะเป็นคนละคนก็ได้นาจา

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ Dee^daY

  • ไม่เคย ทำให้ใครเดือดร้อน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +330/-6
บางทีก็เข้าถึงยากนะ

ออฟไลน์ Pawana

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 134
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
มาเอาใจช่วยพี่หมอกกับน้องอินน์ ดูแว้วหนทางอีกยาวไกล คงใกล้เต็มที. กอดคนเขียนค่ะ

ออฟไลน์ Gloomy Sunday

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 408
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +215/-3
    • Fanpage : Gloomy Sunday Tk.
เพ้อ บทที่ 37 สุขสันต์วันเกิด


ผมจ้องมองคนตรงหน้า คนที่กำลังบรรเลงเมโลดี้ผ่านกีตาร์ของเขา ฝีมือท่าทางช่างดูเหมือนเดิม แต่ทว่าน้ำเสียงของเขา มีอะไรบางอย่างที่แตกต่างออกไป

 ผมละสายตาจากคนตรงหน้า เหลือบมองขึ้นไปยังคนที่อยู่เคียงข้างผม

 พี่กำลังคิดอะไรอยู่กันนะ ทำไมพี่ถึงพาผมมาที่นี่...

 "พี่รู้ไหมว่า ผมชอบคุณหมาป่าคนนั้นมากเลยนะ" ผมพูดออกไปเบาๆ แต่พี่หมอกก็รับรู้ได้ทันทีถึงคำพูดนั้น พี่หมอกละสายตาจากการแสดงตรงหน้า และจ้องมองผมเหมือนกำลังรอฟัง

 "ผมรู้สึกถึงความเหงา ความเศร้าในหัวใจของเขา เหมือนเขากำลังได้ปลดปล่อยมันออกมา ผ่านทางเสียงเพลงที่เขารัก" ผมพูดต่อไป ส่งยิ้มเล็กๆ ให้กับพี่หมอก

 "ผมก็อยากให้พี่ มีอิสระแบบนั้น ไม่ต้องสนใจใคร ปล่อยทุกอย่าง ไปตามที่ใจต้องการ" ถึงพี่หมอกจะไม่ได้พูดอะไรออกมา แต่ผมก็สัมผัสได้ ถึงแรงที่สองมือเรากระชับจับกันไว้

 "ไร้สาระ" พี่หมอกพูดออกมาเบาๆ ราวกับไม่ใส่ใจคำพูดของผม แต่ไม่รู้ว่าทำไม ผมยังคงจ้องมองแววตาของคนที่ผมรัก แววตาที่ราวกับมีความสุขอยู่ลึกๆ ในหัวใจ

 หลังจากที่พวกเรากลับมานั้น พี่หมอกพาผมมาที่คอนโดเหมือนเช่นเคย พี่หมอกไม่ยอมให้ผมกลับบ้านและยืนยันว่าจะไปส่งผมในตอนดึก ซึ่งผมก็ไม่เคยขัดพี่เขาได้หรอก และโดนแม่ด่าอยู่เรื่อยไป

 พวกเราแวะซื้อของมาทำอาหารและกินมื้อค่ำด้วยกัน ดูหนังและพูดคุยเรื่องบทละครต่างๆ และพูดถึงละครของพี่หมอกที่กำลังออนแอร์และเรื่องที่ปิดกองไป พี่หมอกมักไม่ค่อยพูดเรื่องของตัวเอง มีแต่เพียงผมที่ชอบถาม และเล่าเรื่องของตัวเอง ซึ่งผมก็ดีใจที่พี่เขารับฟังผม ไม่ได้ดุผมมากเหมือนที่แล้วมา หัวข้อไหนที่จะทำให้พวกเราทะเลาะกันนั้น ผมจะไม่พยายามพูดถึงมัน

 "พี่อยู่คนเดียว เหงาบ้างไหม" พวกเรานั่งพิงกันอยู่บนโซฟา ผมมองพี่หมอกที่กดรีโมตเลื่อนเปลี่ยนช่องทีวีไปเรื่อยๆ

 "ถามทำไม จะมาอยู่ด้วยเหรอ"

 "ผมก็อยากอยู่นะ แต่ว่าแม่ผม..."

 "แม่กับผัวใครสำคัญกว่ากัน" ผมชะงักค้างทันทีที่ได้ยินอะไรแบบนั้น

 "พูดอะไรของพี่" ผมเขินปนอึ้งอยู่ในท่าที แย่งรีโมตในมือคนข้างๆ มากดมั่วซั่วไปหมด

 "แล้วคำตอบล่ะ" ผมแปลกใจเล็กน้อยที่ดูพี่หมอกไม่ได้ถามเล่นๆ แต่รอคอยคำตอบจริงๆ

 ผมอึกอักเล็กน้อย ผมไม่แน่ใจว่าควรจริงจังกับคำถามนี้ไหม แต่ผมก็ไม่อยากโกหกพี่หมอก เลยคิดว่าตอบอย่างที่ผมคิดจริงๆ คือสิ่งที่ดีที่สุด

 "ถึงผมจะไม่รู้เรื่องราวระหว่างพี่กับคุณแม่ของพี่มากนัก แต่ผมก็เชื่อว่าคำตอบของพวกเราสองคนคงจะคล้ายกัน ผมทำได้ทุกอย่าง เพื่อให้แม่มีความสุข ผมจะไม่มีวัน ทำให้ท่านเสียใจ"

 "ถึงแม้ว่าพี่จะเสียใจน่ะเหรอ" พี่หมอกถามผมด้วยแววตาที่หม่นลง

 "ไม่ใช่..."

 "เข้าใจแล้ว" พี่หมอกรีบตัดบทผม รอยยิ้มเล็กๆ ผุดขึ้นอย่างไม่จริงใจ

 "ไม่ใช่แบบนั้นนะครับ แค่ผมคิดว่า..."

 "เลิกพูดเรื่องนี้กันเถอะ"

 พี่หมอกยังคงไม่ฟังให้ผมพูดจบ บางทีการพูดถึงเรื่องครอบครัว คงเป็นเรื่องยากเกินไปสำหรับพี่หมอก แต่ว่าผมอยากจะอธิบายคำตอบของผมให้พี่หมอกเข้าใจมากขึ้น ที่ผมเลือกตอบแบบนั้น เพราะผมคิดว่าแม่จะไม่มีวันทำให้ผมเสียใจเช่นกัน ท่านจะไม่พรากพวกเราสองคน ท่านจะไม่มีวันตั้งตัวเลือกแบบนี้ให้ผมแน่นอน ไม่มีวัน

 "มานี่สิ" ผมมองพี่หมอกอย่างไม่แน่ใจ พี่หมอกกำลังตบที่หน้าขาตัวเองเบาๆ

 "บอกให้มานี่" พี่หมอกจิ๊ปากและดึงผมให้ขึ้นไปนั่งบนตัก

 "ผมหนักนะ" ไม่ว่าจะกี่ครั้งกี่หน ผมก็ยังคงประหม่าไม่หาย ผมทำตัวลีบและแข็งทื่อ เกร็งทุกส่วนจนพี่หมอกถอนหายใจ

 "อายทำไม ทีตอน...."

 "ห้ามพูดนะ" ผมรีบร้องปรามคนหน้าไม่อายก่อนผมจะอายไปมากกว่านี้

 "พี่หมอกผมถามหน่อยสิ พี่เคยทำแบบนี้กับใครไหม"

 "ทำอะไร" พี่หมอกทำหน้าสงสัย

 "ก็แบบ ทำเหมือนคู่รักกัน" ผมพูดและไม่กล้าหันไปสบตาคนถูกถาม และรอคอยคำตอบ

 "ถามแปลกๆ ก็ต้องเคยสิ" หัวใจที่เคยฟูฟ่องกลับห่อเหี่ยวขึ้นทันควัน เจ็บแฮะ แต่จริงๆ ก็ไม่น่าถามล่ะ

 "แต่สำหรับผู้ชาย ไม่เคย" พี่หมอกพูดต่อและวางคางตัวเองลงบนไหล่ของผม หัวในของผมเริ่มเต้นแรงขึ้นอีกครั้ง

 "อิน" ผมรู้สึกถึงอ้อมกอดที่เริ่มแน่นขึ้น พี่หมอกส่งเสียงเรียกผมเบาๆ ผมได้ยินแม้แต่เสียงลมหายใจ พวกเราแนบชิดกัน ทำให้ผมอบอุ่นไปทั้งหัวใจ

"อย่าไปไหนเลยนะ" ผมหัวใจสั่นไหว พี่หมอกฝังหน้าตัวเองลงกับไหล่ของผมราวกับหมดสิ้นเรี่ยวแรง ผมไม่ค่อยได้เห็นด้านที่ดูอ่อนแอของคนที่เปี่ยมไปด้วยความมั่นใจอย่างพี่หมอก ผมจะถือว่านี่คือคำบอกรักได้ไหม ทำไมพี่ถึงไม่พูดออกมา ว่าพี่รักผม ว่าพี่ต้องการผมมากแค่ไหน

 "อย่าพูดอะไรที่เป็นไปไม่ได้เลยครับ พี่ก็รู้ดี ว่าผมไปไหนไม่ได้แล้ว"

 และในครั้งนี้ ผมไม่พูดเปล่า...

 ผมยิ้มเล็กๆ และค่อยๆ ขยับตัว ล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงและดึงของสิ่งหนึ่งออกมา

 "ผมจะไม่ถามพี่แล้ว ว่าพี่รู้สึกยังไง ผมจะรอ ให้พี่พูดมันออกมาเอง" ผมพูดและหยิบกล่องของขวัญเล็กๆ ออกมาและเปิดมันออก

 "สุขสันต์วันเกิดนะครับ พี่หมอก" ผมในตอนนี้คงหน้าไม่อายจริงๆ ผมจับมือพี่หมอกที่กำลังกอดเอวผม และสวมแหวนวงหนึ่งลงบนนิ้วเรียวยาวนั้น เสียงนาฬิกาตอนนี้ บอกเวลาเที่ยงคืนแล้ว และกำลังเริ่มต้นวันใหม่

 "ขอบใจนะ" พี่หมอกมองนิ้วมือตัวเองที่มีแหวนสีเงินสวมอยู่ ผมหวังเหลือเกินว่าพี่จะมีแต่ความสุข ผมอยากให้พวกเรามีกันและกันแบบนี้ต่อไป


 นาฬิกาบอกเวลาตีสามแล้ว หลังจากที่ผมถูกบังคับให้นอนที่นี่ และก็แทบไม่ต้องเดาว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อไป ผมในตอนนี้แทบจะหมดสิ้นเรี่ยวแรง และดูเหมือนครั้งนี้พี่หมอกจะคึกและอึดมากเป็นพิเศษ แต่จะยังไงก็ช่าง ผมขอแค่ให้พี่หมอกมีความสุขมากๆ ก็พอแล้ว

 ผมอมยิ้มเล็กๆ และซึมซับบรรยากาศที่แสนสุขนี้ไว้ ถึงแม้ว่าจะผิดหวังเล็กๆ ที่พี่หมอกไม่รู้ว่าวันนี้ ก็เป็นวันเกิดของผมเช่นกัน แต่ก็ไม่เป็นไร ผมถือว่าการได้อยู่เคียงข้างพี่ในวันพิเศษนี้ เป็นของขวัญสำหรับผมแล้วกัน

 Trrr Trrr

 เสียงโทรศัพท์ที่สั่นอยู่ใกล้ๆ ทำให้ผมต้องพยุงตัวขึ้นเพื่อมองหามัน แสงไฟที่ส่องสว่างในความมืดทำให้ผมรู้ทันทีว่ามันคือโทรศัพท์ของผม

 ใครกันนะส่งอะไรมาดึกดื่นป่านนี้ ผมโทรบอกแม่ไปแล้วนี่นาว่าจะค้างบ้านเพื่อน หรือว่ามีเรื่องด่วนอะไรหรือเปล่านะ

 [สุขสันต์วันเกิด รักอินมากนะ...]

 ผมที่ได้เห็นหน้าจอมือถือของตัวเองนั้น หัวใจก็เต้นโครมครามราวกับจะหลุดออกมาจากอก ความสุขจากการเฝ้ารอมันทำให้ผมแทบจะกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ แต่ด้วยสังขารของผมตอนนี้ก็คงจะทำไม่ได้

 ผมยิ้มหน้าบานและจ้องมองข้อความบนหน้าจอนั้นให้ชัดๆ อีกครั้ง พลางเหลือบมองไปยังด้านนอกห้อง

 หึหึ ความจริงแล้วพี่รู้ทุกอย่างแต่คงจะอายสินะ ถึงไม่บอกตรงๆ

 ผมยิ้มกับตัวเอง และลุกขึ้นนั่งดีๆ กดเข้าไปในข้อความเพื่อที่จะตอบกลับ แต่เมื่อทำแบบนั้น รอยยิ้มที่เคยมีก็เริ่มที่จะจางหาย หัวใจที่เคยพองโตกลับเหมือนกำลังค่อยๆ คลายลง

 ผมอ่านข้อความนั้นอีกครั้ง กดเข้าไปยังข้อความที่สมบูรณ์ของมัน

 [สุขสันต์วันเกิด รักอินมากนะ พี่รอให้เรากลับไปเป็นเหมือนเดิมอีกครั้ง ไม่ว่าจะนานแค่ไหน พี่รอได้นะอิน จาก...พี่เปอร์]

 "ทำอะไร ทำไมไม่ตามเข้าไปอาบด้วยกัน" ผมสะดุ้งตกใจเล็กน้อย และรีบปิดมือถือ วางลงที่โต๊ะเล็กๆ ตามเดิม

 "อ..อื้อ ผมกำลังจะไปพอดี" ผมฉีกยิ้มเฝื่อนๆ หยิบผ้าเช็ดตัวที่วางใกล้ๆ และลุกขึ้นทันที

 "โอ้ย" ผมลุกขึ้นไวเกินไปและซวนเซจะล้ม ผมร้องออกมาเล็กๆ ด้วยความเจ็บภายใน ทำเอาพี่หมอกรีบเข้ามาพยุงผมไว้

 "ช้าๆ จะรีบทำไม" พี่หมอกทำหน้าดุผม พร้อมๆ กับกอดพยุงไว้แน่น

 "ขอโทษครับ ผมไม่เป็นไร" ผมเหมือนพยายามตะเกียกตะกายออกจากตัวพี่หมอก ผมไม่อยากให้พี่หมอกเห็นสีหน้าของผมตอนนี้

 "อวดเก่ง" พี่หมอกถอนลมหายใจเบาๆ ด้วยสีหน้าหน่ายๆ และทันทีทันใด ตัวผมก็ลอยขึ้นจากพื้น

 "เดี๋ยวๆ ครับ ผมเดินเองได้" ผมถูกอุ้มด้วยท่วงท่าที่น่าอาย ถึงแม้ว่าจะใส่เสื้อผ้าอยู่บ้าง แต่แบบนี้มันน่าอายจริงๆ นะ

 "อยู่นิ่งๆ" พี่หมอกดูหงุดหงิดมากขึ้นและอุ้มผมเดินตรงไปที่ห้องน้ำ ผมรีบสงบเสงี่ยมมากขึ้นเพราะมันไม่มีผลดีอะไรที่จะขัดใจพี่หมอก ไม่อย่างนั้นผมอาจโดนโยนลงอ่างแน่ๆ

 ทางเดินของคอนโดพี่หมอกยาวเล็กน้อย ผมอยู่นิ่งๆ ตามที่พี่หมอกสั่ง มองดูใบหน้าพี่หมอกจากมุมมองนี้ก็ไม่เลวเหมือนกัน และเมื่อผมมองดูพี่หมอกให้ชัดๆ ก็พบว่าพี่หมอกใส่สร้อยเส้นนั้นไว้อีกแล้ว สร้อยที่มีแหวนวงหนึ่งคล้องอยู่

"อะไรอีก" พี่หมอกค่อยๆ วางผมลงในอ่างน้ำที่เต็มไปด้วยน้ำอุ่น แต่สีหน้าหมองเศร้าของผมคงปิดไม่มิดอีกแล้ว

 "ของขวัญที่ผมให้พี่ พี่ไม่ชอบมันเหรอ" ผมพูดเบาๆ และจ้องมองพี่หมอกตาละห้อย ความน้อยใจยิ่งเพิ่มมากขึ้น จนผมอดไม่ไหวที่จะเริ่มตัดพ้อ เพราะผมไม่เห็นมันบนตัวพี่หมอกเลย

 "ถามทำไม"

 "เปล่า" ผมพูดและหันหน้าหนี อินนะอิน ทำตัวแบบนี้ทำไม ทำให้พี่หมอกอารมณ์เสียเปล่าๆ

 "เก็บไว้ที่หัวเตียง จะเอามาใส่ให้โดนน้ำทำไม" เหมือนพี่หมอกจะเดาความงี่เง่าของผมได้ แต่นั่นก็ไม่ทำให้ผมรู้สึกดีใจมากเท่าไหร่ เพราะว่าที่คอของพี่หมอก ยังคงมีแหวนวงอื่นอยู่

 สายตาของผมคอยแต่จะเหลือบมองแหวนวงนั้นด้วยความเศร้าสร้อย มันคงเป็นของขวัญที่ล้ำค่าและแสนสำคัญสำหรับพี่หมอก มันคงมีความหมายมากมายเกินกว่าที่พี่จะถอดมันออกได้ และแน่นอน มันมีค่ามากกว่าของขวัญจากผม

 "อาบไปนะ จะไปนอนแล้ว"

 พี่หมอกนั่งเท้าคางมองผมอาบน้ำอยู่สักพัก และลุกขึ้นเดินออกจากห้องน้ำไป ผมรู้สึกหดหู่อย่างที่สุด ไม่ใช่แค่เพราะเรื่องแหวนเท่านั้น แต่เพราะข้อความจากพี่เปอร์

 ข้อความจากคนที่ผมพยายามอยู่ให้ห่างมากที่สุด แต่กลับเป็นคนที่รู้เรื่องผมดีกว่าใคร
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-03-2020 17:19:00 โดย Gloomy Sunday »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

อิหมอก  อิไบโพลาร์

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
เหนื่อยใจจริง ๆ เลย หมอกเป็นอะไรมากไหมเนี่ย  :katai1:

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
งง มาก  งงในความสัมพันธ์

ออฟไลน์ Gloomy Sunday

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 408
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +215/-3
    • Fanpage : Gloomy Sunday Tk.
เพ้อ บทที่ 38 ตื่นขึ้นจากความฝัน


ในรุ่งเช้าของวันใหม่ ผมลืมตาตื่นขึ้นด้วยความรู้สึกที่ยังคงขุ่นมัวอยู่ในใจ และยิ่งไปกว่านั้น ที่ด้านข้างของผมในตอนนี้ มีเพียงแต่ความว่างเปล่า พี่หมอกลุกออกไปจากเตียงตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ ไม่คิดจะบอกหรือจะปลุกผมเลยหรือไง

 ผมทำหน้างอเล็กๆ มองดูนาฬิกาที่บอกเวลาเจ็ดโมงตรง ถึงจะรู้สึกเศร้าลึกๆ แต่ผมก็คิดว่าดีแค่ไหนแล้วที่ผมได้ใช้เวลาร่วมกันกับพี่หมอก ในวันอันแสนพิเศษนี้ แค่นี้ผมก็ควรจะพอใจได้แล้ว

 Trrr Trrr

 แต่เสียงเสียงหนึ่ง ก็ดังขึ้นดึงผมที่กำลังจะเดินไปอาบน้ำเอาไว้ ผมมองโทรศัพท์มือถือของผมที่อยู่บนโต๊ะเล็กๆ ข้างเตียง ผมลังเลเล็กน้อยที่จะหยิบมันขึ้นว่า เพราะผมนั้นรู้สึกกลัว กลัวว่าสิ่งที่จะได้เห็น จะทำให้ผมต้องผิดหวังซ้ำอีก

 ผมยังคงยืนมองหน้าจอที่ส่องแสง ถอนหายใจเล็กๆ และเอื้อมมือออกไปคว้ามันเอาไว้ อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด ไม่มีประโยชน์ที่จะยื้อเอาไว้...

 แต่ว่าเมื่อได้มองเห็นมือตัวเองที่ยื่นออกไปนั้น หัวใจที่เคยเจ็บปวดอยู่ลึกๆ ก็พลันค่อยๆ พองโตจนรู้สึกเหมือนจะระเบิดออกมา

 คลื่นแห่งความสุขทำให้ผมเหมือนแทบจะบินได้ ในตอนนี้ นิ้วมือของผมมีสิ่งสิ่งหนึ่ง ส่องประกายสีเงินแวววับ ผมค่อยๆ เลื่อนมืิอของผมขึ้นมาให้อยู่ในระดับสายตาที่จะเชยชมมันให้ชัดๆ

 ผมไม่ได้ฝันไปใช่ไหม ที่นิ้วมือของผมตอนนี้ มีแหวนวงหนึ่งสวมอยู่

 แต่ว่า...แหวนวงนี้

 ผมขมวดคิ้วเพ่งมองมันใกล้ๆ มันเป็นแหวนวงเดียวกับที่พี่หมอกเก็บเอาไว้ใกล้ตัวอยู่เสมอ

 ในหัวใจของผมในตอนนี้ ทั้งดีใจ ทั้งสับสน และเป็นกังวล

 Rrrr Rrrr

 เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นทำให้ผมหลุดออกจากความคิด

 "อิน จะกลับหรือยังลูก" เมื่อได้ยินเสียงก็ต้องโล่งใจ เพราะว่าเป็นแม่นั่นเอง

 "ครับๆ จะกลับแล้ว"

 "แม่ฝากซื้อของก่อนเข้าบ้านหน่อยนะ"

 "ได้ครับ"

 "จ้า เดี๋ยวแม่ส่งรายการไปให้"

 "ครับ"

 หลังจากนั้นแม่ก็วางสายไปทันที ผมจ้องมองโทรศัพท์ในมือด้วยความสงสัย แปลกนะ นี่อย่าบอกนะว่าแม่ก็ลืมวันเกิดผมด้วย

 ผมถอนหายใจเล็กๆ หยิบผ้าเช็ดตัวและเดินดิ่งไปที่ห้องน้ำ ผ่านโถงนั่งเล่นที่ดูเงียบสงัด ผมกำลังหวังอะไรกันนะ ผมหวังให้พี่หมอกยังคงอยู่ในห้อง ผมอยากถามถึงเรื่องแหวนที่พี่ให้ผม อยากรู้จริงๆ ว่าที่มาของมันเป็นยังไง

 ผมใช้เวลาจัดการตัวเองไม่นานนัก และเดินออกจากห้องน้ำเตรียมตัวที่จะเก็บกระเป๋ากลับ แต่เมื่อเดินผ่านโถงครัวอีกครั้ง ผมก็เพิ่งสังเกตเห็นว่ามีกระดาษน้อยแผ่นหนึ่ง แปะอยู่ที่ประตูตู้เย็น


 มีงานเช้า ของกินอยู่ในตู้ เอาออกมาอุ่นกินซะ

 .

 .

 .

 Happy Birthday นะ


 ถ้อยคำที่ผมได้อ่านนั้น ยังสะท้อนไปมาอยู่ในหัว

 ไม่มีของขวัญใดในโลก ที่ผมต้องการอีกแล้ว

 นอกจากพี่ แค่เพียงพี่เท่านั้น


 บางทีอาจเพราะมีความสุขมากเกินไป ผมที่แม่ฝากให้ซื้อของเข้าบ้าน ก็เกือบจะลืมซะแล้ว แถมใจลอยไม่อยู่กับเนื้อกับตัว จนซื้อของผิดอีกยกใหญ่

 แต่ในที่สุด ผมก็กลับมาถึงบ้าน พร้อมรายการข้าวของตามที่ได้รับมอบหมาย โชคดีที่วันนี้ไม่ต้องไปมหา'ลัย ไม่อย่างนั้นคงลากสังขารไปไม่ไหว

 "นอนพักก่อนก็ได้ลูก เดี๋ยวตอนเย็นค่อยลุกขึ้นมากินข้าว" แม่พูดบอกผมอย่างอ่อนโยน ซึ่งผมก็ไม่ได้ปฏิเสธ

 ผมรีบสาวเท้ากลับมาที่บ้านหลังเล็ก และล้มตัวนอนทันที ถึงแม้ตอนบ่ายนี้จะร้อนสักหน่อย แต่ก็ไม่เป็นอุปสรรคเลยสำหรับการพักผ่อน

 "อิน"

 เสียงที่ดังขึ้นเบาๆ ที่ข้างตัวทำให้ผมค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้น

 ผมรู้สึกงัวเงียเล็กน้อย เพราะเหมือนกับว่าเวลาไม่ได้ผ่านไปนานเท่าไหร่ ราวกับนอนหลับและตื่นขึ้นในทันที

 "กี่โมงแล้วเหรอ" ผมลุกขึ้นนั่ง มือข้างหนึ่งขยี้ตาเบาๆ

 "นี่มืดแล้วนะ เพลียขนาดนี้ไปทำอะไรมา" ครั้งนี้ ก็เป็นความงี่เง่าของผมอีกครั้ง เพราะกว่าจะเอะใจได้ว่าเสียงที่ได้ยินนั้น ไม่ใช่เสียงของแม่ก็ตอนที่คนข้างๆ ยื่นมือมาจัดผมที่ไม่เข้าที่เข้าทางให้

 "พี่เปอร์" ผมสะดุ้งแทบจะตกจากเตียง และมองคนที่ส่งยิ้มอ่อนโยนมาให้ด้วยความตกใจ

 "พี่มาได้ไง" ผมถอยหลังและลงจากเตียงอัตโนมัติ

"ขอโทษนะ ทำให้ตกใจเหรอ" พี่เปอร์ลุกออกจากเตียงบ้าง และถอยไปยืนหน้าประตูด้วยใบหน้าที่หมองลง

 "เปล่า แต่...แล้วแม่ผมล่ะ" ผมพูดพลางมองออกไปนอกประตู ไม่ใช่ครั้งแรกที่พี่เปอร์แอบย่องมาหาผม แต่ทำไมถึงง่ายดายแบบนี้ทุกครั้ง

 "อยู่ที่สวนน่ะ แม่อินให้พี่มาเรียกอินนั่นแหละ" ผมเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย แม่น่ะเหรอ ให้พี่มา นี่มันเรื่องอะไรกัน

 ด้วยความสงสัย ผมใส่รองเท้าและเดินออกมาจากบ้านหลังเล็ก โดยมีคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นแฟนผมเดินตามมาห่างๆ

 แสงไฟสว่างไสว ค่อยๆ ชัดเจนอยู่เบื้องหน้า แต่ว่ามันไม่ใช่แสงไฟธรรมดา

 ต้นไม้แต่ละต้นถูกแต่งไฟประดับระยิบระยับราวกับหิ่งห้อยนับพันตัว และเมื่อยิ่งเดินเข้าไปใกล้ๆ นั้น ผมก็เริ่มมองเห็นโต๊ะตัวยาวที่มีผ้าสีขาวคลุมอยู่ และบนโต๊ะนั้นมีอาหารมากมายวางไว้ เหมือนกำลังรอให้ทุกๆ คนนั่งลงและลิ้มรสมัน

 "อิน มาพอดีเลยลูก ไปกราบสวัสดีคุณท่านสิ" ผมที่ได้ยินแม่พูดแบบนั้นก็ตื่นตกใจทันที หลายเดือนแล้วที่คุณพ่อและคุณแม่ของหมี่ไม่อยู่ และตอนนี้กลับมาแล้ว

 ผมค่อยๆ มองตามสายตาของแม่ และพบว่าคุณพ่อของหมี่กลับมาแล้วจริงๆ ผมค่อยๆ เดินก้มหัวลงเล็กน้อย และเข้าไปสวัสดีท่านที่กำลังยืนชมดอกไม้ในสวนอยู่พอดี

 "สวัสดีครับ"

 "อ้าว อินนั่นเอง ไม่เจอกันพักเดียวเหมือนจะโตเป็นหนุ่มขึ้นกว่าเดิมนะ"

 ท่านพูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ยังคงใจดีกับผมเหมือนที่เคยเป็นมา ท่านเป็นผู้ที่มีพระคุณกับผมและแม่มาก ไม่ว่าสิ่งใดที่จะทำเพื่อตอบแทนท่านได้ ผมก็ยินดี

 "ไม่หรอกครับ ผมก็ยังเหมือนเดิม" ผมตอบกลับท่านด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

 "ฮ่ะๆ ยังเป็นเด็กดีเหมือนเดิมเลยนะ แล้วรู้ไหมว่าทำไมวันนี้ถึงมีงานเลี้ยง" คุณพ่อของหมี่พูดถามผมด้วยน้ำเสียงเปรมปรีดิ์เหมือนกำลังอยากจะนำเสนออะไร

 ผมขมวดคิ้วสงสัยพลางมองไปรอบๆ ถึงจะจัดตกแต่งแสงไฟ และมีอาหารมากมาย แต่ก็ไม่มีป้ายบอกว่างานเลี้ยงอะไร

 "เลี้ยงที่คุณลุงกลับมาเหรอครับ" ผมตอบอย่างไม่แน่ใจ

 "ฮ่ะๆ นั่นก็อาจจะนับด้วยได้ แต่ว่าแม่หมี่เขาไม่ค่อยสบาย เลยไม่ได้ลงมาร่วมด้วย"

 "คุณป้าไม่สบายเหรอครับ"

 "ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร แค่อ่อนเพลียนิดหน่อย" ผมพยักหน้ารับรู้ แล้วตกลงมันเป็นงานเลี้ยงอะไรกันแน่นะ หรือว่า...

 "งานเลี้ยงวันเกิดน่ะ" คนที่พูดนั้นไม่ใช่คุณพ่อของหมี่ แต่เป็นตัวหมี่เองที่เดินเข้ามาในสวน

 "ใช่ๆ ดีนะที่พ่อกลับมาพอดี ก็ถือโอกาสจัดร่วมกันไปเลย" คุณพ่อของหมี่ส่งยิ้มใจดีไปที่ลูกสาว แต่ตัวหมี่นั้นกลับมีรอยยิ้มที่แปลกประหลาด เธอยกยิ้มพลางเหลือบสายตามองผมแบบที่ไม่จริงใจเอาซะเลย

 "ขอบคุณนะครับ ที่จัดงานเลี้ยงให้ผม แต่จริงๆ ไม่ต้อง..."

 "พูดอะไรน่ะ ไม่ได้จัดให้แกสักหน่อย" ผมชะงักเล็กน้อยกับท่าทีที่ไม่เป็นมิตรอย่างเปิดเผยของเธอ และไม่ใช่ผมที่นิ่งอึ้งไป แม้แต่คุณพ่อของเธอก็เช่นกัน

 "หมี่ ทำไมพูดแบบนั้นกับอินล่ะ"

 "ก็ไม่ใช่วันเกิดอินคนเดียวจริงๆ นี่คะ"

 พอฟังมาถึงตอนนี้ หัวใจผมก็เต้นโครมครามอยู่ภายใน ความกลัวก่อตัวขึ้นอย่างไร้จุดหมาย ผมไม่อยากได้ยินสิ่งที่เธอกำลังจะพูด หรือทำอะไรต่อไป

 "หนูมีคนมาแนะนำให้คุณพ่อรู้จักค่ะ" ผมมองตามสายตาของเธอ ที่กำลังยกมือขึ้นเรียกใครบางคนที่อยู่ด้านหลังพุ่มไม้นั้น

 มือของผมเริ่มสั่นอย่างควบคุมไม่ได้ อากาศรอบๆ ตัวราวกับเยือกแข็งลง จนขากรรไกรของผมต้องขบกันอย่างจนใจ

 และก็เป็นดั่งที่คิด ผมมองตามชายหนุ่มคนหนึ่งที่ค่อยๆ เดินเข้ามา คนที่ผมรู้จักดียิ่งกว่าใครๆ ทำไมล่ะ ทำไมพี่ถึงมาที่นี่ ไหนพี่บอกว่า พี่กับหมี่...

 "นี่พี่หมอกค่ะ แฟนหมี่เอง ที่หมี่เคยเล่าให้คุณพ่อฟังไง"

 คำพูดของเธอทำให้ผมนิ่งงัน สายตาของผมจับจ้องไปยังคนที่เคยบอกผม คนที่บอกผมว่าเขาและเธอไม่เกี่ยวข้องกันแล้ว

 เลิกกันไปแล้ว...

 "โอ้โห หล่ออย่างกับพระเอกหนัง"

 "แหม ล้อเล่นอะไรกันคะ ก็พระเอกไงคะ พระเอกจริงๆ" เธอพูดอย่างภาคภูมิใจและกอดแขนของพี่หมอกไว้

 ผมไม่ได้ละสายตาจากใบหน้าที่เฉยชาของผู้ชายคนนั้น ทำไม ทำไมพี่ถึงไม่มองมาที่ผม บอกผมสิว่าเรื่องนี้หมี่เข้าใจผิดไปเอง

 "คนโกหก" ผมพูดเบาๆ ด้วยฟันที่ขบกันอย่างโกรธเคือง

 ผมในตอนนี้ ราวกับถูกตบแรงๆ ให้ตื่นขึ้นจากความฝัน...

 มือทั้งสองข้างของผมกำแน่นด้วยความผิดหวังเสียใจ ก้มหน้าลงมองพื้น มองสิ่งที่มันเหมาะแล้วกับคนอย่างผม คนที่พยายามแหงนมองท้องฟ้าไป ยังไงก็ไม่เห็นดวงดาว

 "อิน" ผมเหลือบมองมือ มือหนึ่งที่วางลงบนบ่า พี่เปอร์ก็อยู่ตรงนี้ด้านหลังผมมาตลอด แต่ผมก็ไม่เคยได้ใส่ใจ

 "เอาล่ะ ไปนั่งเถอะ เดี๋ยวอาหารจะเย็นหมด" คุณพ่อของหมี่ทำมือให้พวกเราทั้งหมดนั่งลง ผมเลือกเดินมาให้ห่างและนั่งลงที่เกือบสุดปลายโต๊ะนั้น แววตาของผมเพ่งมองอย่างล่องลอย แต่ก็ตื่นเต็มตาอยู่ในโลกความเป็นจริง

 "สุขสันต์วันเกิดนะ พี่ไม่รู้ว่าเราชอบอะไร ก็เลยซื้อมาให้เยอะเลย" ผมมองตามมือพี่เปอร์ที่หยิบตุ๊กตาน่ารักๆ ขึ้นจากถุง ทุกสิ่งล้วนเป็นของที่เกี่ยวกับสุนัข ทุกสิ่งที่ผมน่าจะชอบ

 ผมละสายตาจากสิ่งของเหล่านั้น จ้องมองไปยังคนที่อยู่เคียงข้างผม คนที่ผมมองข้าม คนที่ผมไม่เคยให้หัวใจ

 "ขอบคุณครับ ขอบคุณจริงๆ" ขอบคุณที่ไม่ละความพยายามที่จะอยู่ใกล้ผม ขอบคุณที่พี่ไม่ได้ยอมแพ้ไป
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-03-2020 17:19:53 โดย Gloomy Sunday »

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

ยัยหมี่  แกมันร้าย

ฉันหว่ายัยหมี่มันต้องกุมความลับอะไรสักอย่างที่ทำให้หมอกต้องทำตาม

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
ถ้าการจะมีหลัวเป็นตัวเป็นตนสักคนหนึ่ง มันยากแบบนี้ อยู่ตัวคนเดียวดีกว่าอิน  :เฮ้อ: :กอด1:

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
พยายามมากไปก็เหนื่อยนะ มูฟออนเถอะ

ออฟไลน์ ลูกกุญแจ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 337
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-2
เหนื่อยแทนอิน

ออฟไลน์ Gloomy Sunday

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 408
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +215/-3
    • Fanpage : Gloomy Sunday Tk.
เพ้อ บทที่ 39 สารภาพ


เมื่อยามเช้า ทุกสิ่งทุกอย่างช่างทำให้ผมมีความสุข ราวกับอยู่ในห่วงแห่งความฝัน และตอนนี้ก็ถึงเวลาที่ผมต้องตื่น มาพบกับความเป็นจริงที่ทำให้ผมแสนปวดร้าว ทำไมทุกอย่างมันถึงได้รวดเร็วขนาดนี้ ทำไมถึงไม่ให้ผมได้มีความสุขมากกว่านี้อีกสักนิด

 ไม่ใช่ว่าผมจะไม่ให้โอกาสคนคนนั้น ผมนอนรอ รอฟังเสียง รอข้อความที่จะบอกกับผม ว่าทุกสิ่งมันไม่ใช่แบบที่ผมคิด ว่าผมกำลังเข้าใจผิด ผมรอ รอฟังคำแก้ตัว ไม่ว่าอะไรที่พี่บอกผม มันอาจจะทำให้ผมเชื่อพี่ก็ได้ ถ้าหากเพียงพี่บอกว่าเรื่องที่พี่ยังคบกับหมี่นั้นมันไม่จริง

 แต่ว่าตอนนี้ก็คงใกล้เช้าของอีกวันแล้ว บนหน้าจอโทรศัพท์ของผมยังคงว่างเปล่า ไม่มี ไม่มีอะไรเลย พี่ไม่มีอะไรที่ต้องการบอกผมจริงๆ เหรอ พี่ไม่คิดเลยเหรอว่าผมจะต้องทรมานแค่ไหน พี่โกหกผมจริงๆ ใช่ไหม เรื่องระหว่างเรา เรื่องของผม มันไม่เคยอยู่ในหัวใจของพี่เลยจริงๆ ใช่ไหม

 น้ำตาสายหนึ่งค่อยๆ ไหลออกมาจากดวงตาใส ผมยิ้มอย่างขมขื่นและสะอื้นไห้อย่างเบาเสียง นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมต้องร้องไห้อย่างเจ็บปวดแบบนี้

 ราวกับความรักหรือทุกๆ สิ่งระหว่างเราไม่เคยเกิดขึ้น มันเหมือนกับความฝัน ความรู้สึกที่เรานึกคิดไปเอง น้ำตาที่ไหลออกไปเริ่มแห้งเหือดไปจากดวงตา แห้งเหือดไปจากหัวใจ

 ในวันถัดไป โทรศัพท์ของผมก็ยังคงไร้การติดต่อจากคนคนนั้น ผมทำใจ และเริ่มที่จะติดต่อพี่หมอกไปเอง ผมแค่อยากรู้ เหตุผลที่พี่ทิ้งผมไป ผมอยากรู้ ว่ารอยยิ้มที่พี่มอบให้ผม มันไม่จริงเลยใช่ไหม พี่ก็แค่พัฒนาขึ้น แสดงละครตบตาผม ทำให้ผมเจ็บปวดเล่นๆ แบบนั้นหรือเปล่า

 ผมมือสั่นเล็กน้อย ขณะที่กดโทรออกหาคนที่ผมรัก เสียงรอสายทำให้หัวใจของผมสั่นไหว

 [เลขหมายที่ท่านเรียก ไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้]

 เป็นรอบที่ร้อยแล้ว ที่ผมได้ยินข้อความนี้ ผมค่อยๆ ลดมือลง จ้องมองไปยังทุกสิ่งอย่างไร้จุดหมาย นี่คงเป็นคำตอบของพี่ใช่ไหม พี่ได้เลือกแล้ว...ใช่ไหม

 Rrrr Rrrr

 ผมสะดุ้งและรีบกดรับสาย ผมไม่รู้ว่าใครโทรมา แต่ผมก็หวังเหลือเกิน ว่าคนปลายสายจะเป็นเขาคนนั้น

 "ฮ..ฮัลโหล" ผมเสียงสั่นเครือ พยายามไม่ให้ร้องไห้ออกมา

 "ฮัลโหล ค..ใครเหรอ" ผมไม่เข้าใจ หลังจากที่ผมโทรออกไปทุกครั้ง ก็จะมีสายหนึ่งโทรเข้ามาหาผม แต่ว่า กลับไม่มีเสียง ไม่มีใครพูดกับผมจากปลายสายนั้น

 "พี่ ฮึก หมอกหรือเปล่า" ผมไม่อาจห้ามให้น้ำตาไหลได้ หลายสิ่งกระตุ้นให้ผมเริ่มปล่อยความอ่อนแอออกมา

 "ทำไม ทำไมพี่ถึงไม่พูด"

 "..."

 "พี่หมอก ทำไมพี่ถึงหลอกผม" ความเศร้า ผสมปนเปไปกับความโกรธเคือง

 "..."

 "พูดสิ! บอกให้พูดออกมา!!"

 แต่หลังจากที่ผมตะโกนออกไปนั้น ปลายสายก็ตัดสายไป ผมโกรธและเดือดดาลมาก และพอเป็นแบบนี้ สติก็ได้ถูกพรากไป

 ผมเรียกแท็คซี่และบอกทางไปยังคอนโดของพี่หมอกอย่างรวดเร็ว ผมไม่รู้ว่าพี่เขาอยู่ไหม แต่นี่อาจเป็นทางเดียวที่เราจะคุยกันรู้เรื่องได้

 หลังลงจากรถ ผมรีบขึ้นลิฟต์และตรงดิ่งไปที่ห้องที่ผมแสนคุ้นเคย ประตูไม่ได้ถูกล็อกไว้ ผมผลักมันออกอย่างแรง ไม่สนใจว่ามันจะเสียงดังเพียงไร

 และก็เป็นสิ่งที่น่ายินดี คนคนนั้นยืนอยู่เหมือนรู้ว่าผมจะต้องมา ผมยกยิ้มทันทีที่เห็นพี่หมอก และตรงดิ่งไปยืนประจันหน้า

 "มีอะไรจะพูดไหม" ผมกำมือแน่น รอฟังสิ่งที่คนตรงหน้าจะพูด ถึงในใจจะเดือดดาลแค่ไหน แต่ความหวังก็ยังคงมีอยู่ในใจ

 "พี่ทำแบบนี้เพื่ออะไร" หลังจากที่ยืนรอสักพัก พี่หมอกก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาสักคำ ผมไม่เข้าใจเลย ทำไมถึงไม่อธิบายอะไรเลย

 "พี่ยังคบกับหมี่จริงเหรอ พี่กลับไปคืนดีกันจริงๆ เหรอ" ผมถามเสียงเบา จ้องมองไปยังดวงตาสีอ่อนของคนตรงหน้า

 คำถามนี้ทำให้พี่หมอกละสายตาจากทิวทัศน์ด้านนอก หันมามองผม พี่หมอกเดินเข้ามาหาผมช้าๆ และจับแขนของผมเอาไว้

 "ใช่" คำตอบของคนตรงหน้าทำให้ผมหัวใจกระตุกวูบ แขนขาแทบอ่อนแรง

 "นี่เป็นสิ่งที่พี่เลือกแล้วใช่ไหม" ผมถามพี่หมอกด้วยน้ำเสียงที่สั่นไหว

 "ใช่"

 ผมค่อยๆ ปัดมือที่เกาะกุมแขนของผมออก และก้าวถอยหลังด้วยหัวใจสั่นสะท้าน

 "ถ้าอย่างนั้น ก็ขอให้พี่โชคดี" ผมพูดเสียงสั่น พยายามไม่ให้น้ำตาไหลออกมาขณะที่หันหลังเดินจากไป

 "อิน" เสียงเรียกชื่ออันแผ่วเบาทำให้ฝีเท้าของผมหยุดชะงัก ไม่ว่าจะเจ็บปวดแค่ไหน แต่หัวใจก็ยังคงอยากจะฟังในสิ่งที่พี่หมอกพูด ความหวังที่มีอยู่น้อยนิด ยังไม่เหือดหายไป

"เรื่องไอ้เปอร์ อยู่ห่างๆ มัน ไม่อย่างนั้นอินจะต้องเสียใจ" หลังจากฟังคำพูดไร้สาระนั้น ผมแทบจะหลุดหัวเราะออกมาด้วยความขมขื่น เวลานี้ ตอนนี้ พี่ก็ยัง...

 ผมค่อยๆ หันกลับไปหาคนที่พูด คนใจร้ายนั้นที่กำลังใส่ร้ายคนอื่น

 "เสียใจงั้นเหรอ" ผมพูดออกมาพร้อมๆ กับกำสิ่งที่อยู่บนนิ้วไว้ ผมเกือบลืมไปเลย ว่าผมควรจะคืนสิ่งนี้ไป

 "พี่รู้ไหมว่าอะไรคือสิ่งที่ผมเสียใจที่สุด" ผมค่อยๆ ถอดแหวนที่เป็นของขวัญนั้นออกมา มันเคยเป็นสิ่งที่มีค่าที่สุดสำหรับผม แต่ตอนนี้ ไม่ใช่อีกแล้ว

 "สิ่งที่ผมเสียใจที่สุดก็คือ การได้รู้จักพี่" ผมพูดพร้อมๆ กับขว้างแหวนวงนั้นออกไปสุดแรง แหวนนั้นกระทบเข้ากับอกของพี่หมอกก่อนที่จะร่วงหล่นลงไปสู่พื้น

 ผมหันหลังด้วยใจแน่วแน่ เดินออกจากจากห้องนั้น โดยไม่ได้รับรู้ถึงน้ำตาหยาดหนึ่งที่รินไหลออกมาจากแววตาที่แกล้งทำเป็นเฉยชานั้น

 "แม่ครับ อินพูดเหมือนตอนที่แม่ทิ้งพวกเราไปเลยนะ"


หมอก

 "รักมันมากขนาดนั้นเลยเหรอ" หญิงสาวที่ค่อยๆ เดินออกมาจากที่หลบซ่อนทำให้สีหน้าของชายหนุ่มแข็งกร้าวขึ้นทันที เขาไม่สนใจเธอ และเดินหนีออกห่างราวกับเธอเป็นสิ่งน่าขยะแขยง

 "หมี่บอกพี่แล้วไงคะ ไม่ต้องมารักหมี่เหมือนที่เคยทำหรอก แต่พี่กับมัน ไม่มีวันที่จะได้อยู่ร่วมกัน"

 "ออกไป" หมอกกำหมัดแน่นและชี้ไปที่ทางออก เขาอยากจะบีบคอผู้หญิงคนนี้ให้ตาย แต่ก็ทำอะไรไม่ได้

 "พี่หมอก พี่ยังกลับใจได้นะคะ พี่เป็นอะไรของพี่ มันผู้ชายนะคะ ทำไมพี่ถึงใฝ่ต่ำขนาดนี้ นี่ถ้าเป็นผู้หญิงหมี่จะไม่เจ็บใจขนาดนี้เลย!" หมี่ถลึงตาอย่างเหลืออด เพราะถึงอย่างไรเธอก็เสียดายผู้ชายคนนี้เหลือเกิน

 "ออกไป!" หมอกเริ่มเปลี่ยนจากเสียงเย็นชาเป็นตะคอกใส่ แต่หมี่ก็ยังคงไม่ลดละ เดินเข้าไปหาและสวมกอดแขนของชายหนุ่มไว้

 "ทำไม พี่จะตีหมี่เหรอ" หมอกเดือดดาลเหลือทนแต่ก็ไม่เคยทำร้ายผู้หญิงจึงได้แต่กำหมัดแน่น

 "ถ้าพี่อยากระบายอารมณ์ ก็ทำกันได้นะ" หมี่กอดแขนอย่างออดอ้อน แต่เมื่อได้ยินคำพูดนั้น หมอกก็แสยะยิ้มอย่างมาอย่างขำขัน

 "ขอโทษที แต่พอดีไม่มีอารมณ์กับกะหรี่โสโครก" สายตาของหมอกมองผู้หญิงข้างกายอย่างเหยียดหยาม ทำให้หมี่แทบจะกรี๊ดออกมาอย่างเดือดดาล

 "พี่หมอก!!" หมอกเดินหนีชะนีที่กำลังคลั่ง เขาหนีขึ้นไปบนชั้นลอยไม่สนใจท่าทีของผู้หญิงที่เขาแสนเกลียดชัง

 "อย่าลืมนะว่าพี่กำลังเล่นอยู่กับใคร! อยากให้หมี่บอกแม่มันว่ามันเป็นเกย์ใช่ไหม อยากทำลายชีวิตมันเหรอ อยากให้มันเกลียดพี่มากกว่านี้ใช่ไหม พี่ก็รู้ว่ามันทำทุกอย่างเพื่อแม่มัน พี่จะอาลัยอาวรณ์มันทำไม ยังไงมันก็เลือกแม่มัน และแม่มันก็ติดหนี้บุญคุณพ่อแม่หมี่ อยากให้มันสองแม่ลูกไม่มีที่ซุกหัวนอนเหรอ!!" คำพูดทุกคำนั้น เสียดแทงเข้าไปในหัวใจของหมอก

 เขานั้นรู้ดี ว่าถ้าเขายังดึงดันก็คงทำให้สักวันอินต้องเปิดเผยเรื่องที่ตัวเองทุกข์ใจ แต่ว่าการที่จะต้องโดนผู้หญิงน่ารังเกียจแบบนั้นมากดขี่ชี้นิ้วสั่งมันก็สุดจะทนเหลือเกิน ถ้าหากเขาบอกกับอิน และทุกอย่างของอินถูกเปิดเผยกับคนที่อินแคร์ที่สุด อินจะยังคงรักเขาไหม

 นี่เป็นสิ่งที่เขายังคงไม่กล้าที่จะเสี่ยง เขาไม่อยากให้อินต้องทุกข์ใจเรื่องที่ปกปิดแม่เอาไว้ เพราะว่าอินรักแม่มาก และเขาก็เคยถามอินถึงเรื่องเหล่านี้แล้ว อินจะทำทุกอย่างเพื่อแม่ ไม่ใช่เพื่อเขา เขาควรเอาตัวเองออกมา ก่อนที่จะเจ็บปวดมากกว่านี้

 "โหวกเหวกโวยวายหนวกหู คิดว่าที่นี่เป็นซ่องหรือไง" บุคคลที่สามที่โผล่มาทำให้หมี่แทบจะกรี๊ดด้วยความเดือดดาลอีกหน

 ชายหนุ่มตัวสูงผิวขาวราวกระดาษ ใบหน้าที่มีรอยยิ้มนั้น กลับเป็นรอยยิ้มที่ดูไม่จริงใจเลยสักนิด แววตาของเขาเย็นชาเหมือนกับน้องชาย แต่ท่าทีนั้นดูเป็นมิตรกว่า

 "เฮ้ ไอ้น้องชาย ไม่คิดถึงพี่ชายสุดที่รักเลยหรือไง ต้องให้ถ่อมาหา" ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาสวมเสื้อโค้ทตัวหนาทั้งๆ ที่อากาศร้อน เดินก้าวเข้ามา และโยนข้าวของเฉียดผู้หญิงที่ยืนอยู่ เหมือนเธอไม่มีตัวตน

 "เหอะ จำไว้นะพี่หมอก" หมี่ฟึดฟัดบอกหมอก พลางเดินกระทืบเท้าออกไปจากห้อง

 "ลงมาคุยกันหน่อย คิดถึงมากนะรู้ไหม" พี่ชายของหมอกส่งเสียงเรียกและนั่งลงที่โซฟาตัวใหญ่

 "คิดถึงอะไรเกือบปีแล้วที่พี่ไม่โทรมา" เมื่อหมี่ออกไปจากห้องแล้ว หมอกจึงเดินลงมานั่งที่โซฟาข้างๆ พี่ชาย

 "งานมันยุ่ง I'm so busy เข้าใจไหม" พี่ชายของเขาที่อยู่ต่างประเทศมานาน แต่นิสัยก็ยังคงเหมือนเดิม เหมือนที่เคยอยู่ด้วยกันตอนเด็กๆ

 "แล้วมาทำไม"

"ดูดู๊ดูถามมาได้" พี่ชายดึงหน้าตึง พวกเขาทั้งสองคนมีดวงตา และส่วนสูงที่คล้ายกัน แต่อย่างอื่นก็ไม่ใกล้เคียงเท่าไหร่ ยกเว้น เสียงที่แทบจะเหมือนกัน

 "เออ แล้วเรื่องผู้หญิงฉันไม่เคยห้ามนะ แต่ว่ายายปากกรรไกรเมื่อกี้น่ะมันอะไร" หมอกไม่ได้ตอบคำถาม แต่ทำหน้าเอือมระอาสุดๆ ทำให้พี่ชายรู้ว่าไม่อยากให้พูดถึง

 "พี่เมฆ"

 "ตอนนี้ฉันชื่อเคลวิน" คนพี่ทำหน้ารับไม่ได้สุดๆ กับชื่อไทยเชยๆ นั่น แต่น้องชายก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร

 หมอกทำสีหน้าครุ่นคิดอย่างเศร้าหมอง สายตาว่างเปล่าไม่ได้จ้องมองไปที่สิ่งใด

 "ถ้าเรารักใครสักคน เราจำเป็นต้องปล่อยเขาไปจริงๆ เหรอ" หมอกถามพี่อย่างเลื่อนลอย

 "โตขึ้นแล้ว รู้จักความรักจริงๆ แล้วสินะ"

 "แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น ผมก็รักษามันไว้ไม่ได้อยู่ดี"

 "ขึ้นชื่อว่าความรัก คิดว่าเส้นทางจะโรยด้วยกลีบกุหลาบหรือไง" หมอกยกยิ้มน้อยๆ ให้กับคำพูดนั้น

 "ขอบคุณนะ ขอบคุณที่พี่ช่วยผมเรื่องนั้น"

 "ไม่ได้ยินมานานนะคำนี้ วิญญาณหมอก 5 ขวบเข้าสิงเหรอ" เมฆมองน้องชายด้วยใบหน้าหวาดผวา แต่หมอกก็ไม่ได้ใส่ใจท่าทีของพี่ชายอีก

 "พี่ร้องเพลงดีขึ้นนะ แต่ยังไงก็เทียบผมไม่ได้อยู่ดี"

 "อ๋อเหรอออ แต่ว่า ทำไมนายถึงทำแบบนั้นล่ะ" หมอกถอนหายใจเล็กน้อย ด้วยสีหน้าที่เริ่มหมองเศร้าอีกครั้ง

 "ผมก็ไม่แน่ใจ คงเป็นเพราะความขี้แพ้ของผมละมั้ง ผมกลัว..."

 "นายยังฝังใจกับคำพูดของพ่ออีกเหรอ ตาแก่นั่นมันคงทำนายประสาทไปจริงๆ"

 หมอกยิ้มขมขื่นกับคำพูดของพี่ เขานั้นเหมือนกับเป็นโรคประสาทอ่อนๆ เขาไม่เคยมีความมั่นใจเวลาที่ได้เล่นดนตรี เพราะว่าเมื่อก่อนนั้น เขาเคยได้ยินแต่สิ่งเลวร้ายจากปากของพ่อเขาเสมอเมื่อยามที่เขาเล่นดนตรี ทั้งคำดูถูก ด่าทอ มันฝังอยู่ในหัวของเขาตลอดเวลาตั้งแต่แม่จากไป มันทำให้เขากลัวที่จะแสดงมันต่อหน้าคนอื่น สูญเสียความมั่นใจไป

 "คงจะเป็นแบบนั้นละมั้ง แต่ว่า ผมก็คิดนะ ว่าเมื่อไหร่ที่เขาได้รู้ความจริง ผมก็หวังว่าเขา จะยังคงมีผมอยู่ในใจ"

 "หืมม ไม่เข้าใจแฮะ แล้วนายคิดจะทำอะไรต่อ"

 "สารภาพ"

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

นั่นไง  ตรูว่าแล้ว

ว่าอิตัวบอสใหญ่เนี่ย  อีนังมะหมี่ กะหรี่ไฮโซสุดโสโครก นั่นเอง

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
ไปจ้ะ!!! ไปปลูกลำไยเถอะจ้า 

ออฟไลน์ LadySaiKim

  • ▫▪□Dezine'Kim□▪▫
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1703
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-0

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
ถึงกับรู้ว่า นังหมี่เหลือง เป็นแกง "......" ทำไมไปขู่กลับไปบ้างล่ะ นังพี่หมอก  :serius2:

ออฟไลน์ Gloomy Sunday

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 408
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +215/-3
    • Fanpage : Gloomy Sunday Tk.
เพ้อ บทที่ 40 ของขวัญที่คู่ควร


ความเจ็บปวดในครั้งนี้ถึงแม้ว่าจะหนักหนานัก แต่ผมก็คิดว่ามันคงเป็นครั้งสุดท้าย ผมนั่งร้องไห้อยู่ที่ป้ายรถเมล์สักพัก ปล่อยให้น้ำตาค่อยๆ เหือดหายไป

 มันไม่ใช่ครั้งแรก ที่รู้สึกสิ้นหวัง แต่ในครั้งนี้ มันผสมไปด้วยความไม่เข้าใจ การแสดงของพี่ การหลอกลวงของพี่ ทำไมมันช่างแนบเนียนเหลือเกิน

 "อิน" ผมไม่ได้คาดหวังว่าพี่หมอกจะออกมาตามผมอีกแล้ว เริ่มอยู่กับความเป็นจริงมากขึ้น เลิกที่จะฝันมากขึ้น และเมื่อเป็นแบบนั้น ผมก็พบว่า มีอีกคนที่จริงใจกับผมเสมอมา

 "ไม่เป็นไรนะ" คนที่พูดนั่งลงข้างๆ ผมด้วยแววตาที่เป็นห่วง ไม่รู้ทำไม ผมไม่ได้สนใจว่าทำไมพี่เปอร์ถึงมาอยู่ตรงนี้ ในใจของผมมันเลิกคิดอะไรมากมายอีกแล้ว

 "ผมไม่เป็นไร" ผมพูดและลุกขึ้นยืน "ไปส่งผมได้ไหม" รอยยิ้มปลอมๆ ของผมผุดขึ้นเล็กๆ แต่ก็ไม่ได้ทำให้พี่เปอร์เลิกทำสายตาเป็นห่วงเป็นใย

 "ได้สิ" พี่เปอร์พูดบอกผมด้วยรอยยิ้มใจดี

 ตลอดเส้นทางกลับบ้าน สายลมเย็นๆ ในยามค่ำเคลื่อนผ่านไปบนผิว ช่วยให้หัวใจที่เศร้าหมองเริ่มผ่อนคลายลง ผมละสองมือจากเอวของคนด้านหน้า ค่อยๆ ยืดตัวหลับตาลง กางแขนทั้งสองข้าง ปล่อยให้สายลมเย็นพัดพาความเศร้าและหยาดน้ำตา ให้จางหายไป

 "ขอบคุณนะครับที่มาส่ง" ใช้เวลาราวกับนานแสนนาน ในที่สุดผมก็มาถึงบ้าน มาถึงสถานที่ที่ทำให้ผมได้พักใจมากที่สุด พี่เปอร์ไม่ได้พูดอะไรมาก พี่เขาทำเพียงลูบหัวผม และบอกให้ผมพักผ่อนให้เต็มที่

 ผมยืนอยู่หน้าประตูอีกสักพัก มองดูแสงไฟจากท้ายมอเตอร์ไซค์ที่ค่อยๆ จางหายไป จากนี้ ผมมีเป้าหมายใหม่แล้ว ผมควรจะทำแบบนี้นานแล้ว ผมควรจะเปิดใจ ให้พี่เปอร์ได้พิสูจน์ตัวเองอย่างเต็มที่

 เมื่อจัดการปรับสีหน้าท่าทางของตัวเองแล้ว ผมค่อยๆ เดินเข้ามาในบ้าน ผ่านทางเดินเล็กๆ เพื่อไปยังบ้านของผมกับแม่ด้านหลัง ผมจะทำให้แม่เป็นห่วงไม่ได้ ท่านมีเรื่องให้หนักใจมากพอแล้ว ผมทำได้ก็เพียงแค่ เก็บซ่อนทุกอย่างเอาไว้

 "กลับมาแล้ว" เมื่อมาถึงหน้าบ้าน ก็มองเห็นแม่ที่กำลังทำงานเล็กๆ น้อยๆ ผมโผเข้ากอดแม่ ทำให้แม่ตกใจ

 "ดูซิ แม่หัวใจวายไปจะทำยังไง" แม่ดุผมแต่ก็ไม่ได้จริงจังอะไร ผมยังคงกอดแม่ไว้ ฝังหน้าลงที่ไหล่ สิ่งเหล่านี้ช่วยฟื้นฟูสภาพจิตใจที่แตกสลายของผม ทำให้มีกำลังสู้ต่อไป

 "เป็นอะไรไป เหนื่อยเหรอ" แม่ลูบหัวผมเบาๆ และถามผมคำถามที่สะกิดใจผม แต่ว่าไม่ได้ ผมไม่ควรจะสร้างความลำบากใจให้แม่

 "เปล่าครับ แค่ง่วงน่ะ" ผมพูดอู้อี้ ปิดบังดวงตาที่แสนช้ำไว้

 "ถ้างั้นก็พักเถอะ อยากกินอะไรไหม แม่จะทำให้"

 "ไม่ดีกว่าครับ อินไม่หิวเลย" ผมส่ายหน้าน้อยๆ ทั้งๆ ที่ยังไม่เงยหน้าขึ้นมา

 "แม่" ผมเรียกแม่เบาๆ และกอดแม่แน่นมากขึ้น

 "หืมม"

 "ถ้าวันนึง อินทำให้แม่ ต้องผิดหวัง..." ในหัวใจที่แสนอ่อนล้า ผมก็เริ่มที่จะพูดในสิ่งที่ไม่อยาก

 "แม่ดูเป็นคนใจแคบมากเหรอ" คำพูดของแม่ ทำให้ผมค่อยๆ เงยหน้าขึ้น "ไม่ว่าอินจะทำอะไร แม่ก็ไม่มีวันผิดหวังในตัวอิน" ผมไม่รู้ว่าทำไมแม่ถึงดูจริงจังนัก แต่ผมคงคิดมากไปเองจริงๆ

 "แม่ อย่าเครียดสิ อินแค่พูดเล่นนะ" ผมกอดแม่และโยกตัวไปมา รู้สึกผิดนิดๆ กับคำพูดของแม่

 "ถ้ามีอะไรไม่สบายใจ ก็พูดกับแม่นะลูก ยังไงแม่ก็รับฟังอินทุกเรื่อง" ผมหยุดโยกไปมาและชะงักกับคำพูดนั้น แต่ไม่ว่ายังไง ผมก็ยังทำไม่ได้อยู่ดี เพราะผมกลัว วันนี้ ผมอ่อนแอเหลือเกิน


 ในวันต่อๆ มา ผมก็ยังคงใช้ชีวิตเหมือนเก่า ถ้าหากมีพลังวิเศษแล้วละก็ ผมคงทำให้ตัวเองลืม ลืมว่ากำลังทุกข์ใจกับอะไร

 แต่ว่าเวลา ก็ช่างเป็นใจเหลือเกิน ตอนนี้พวกพี่ปีสุดท้าย ก็เริ่มที่จะไม่มาเรียนแล้ว พวกเขาต่างแยกย้ายกันไปฝึกงาน และอีกไม่นาน ก็จะจบจากที่นี่ไป

 "อิน" แต่ว่าเรื่องพวกนั้น ก็ไม่ถูกจำกัดจากคนคนนี้ ชายหนุ่มตัวสูงในเสื้อช็อปสีกรมวิ่งปรี่เข้ามา และแย่งกระเป๋าเป้ที่สะพายบนไหล่ของผมไป

 "พี่มาทำอะไร" ผมถามพี่เปอร์ที่ยิ้มหน้าระรื่น ผู้คนแถวนี้ล้วนแต่หันมามองผู้ชายคนนี้เป็นตาเดียว ด้วยความสูงและรูปร่างหน้าตาที่หล่อเหลา

 "พี่มารับอิน" ผมอมยิ้มเล็กๆ กับความพยายามที่แสนดีของคนตรงหน้า มันทำให้หัวใจที่มีหลุมลึกของผม เริ่มรู้สึกถูกเติมเต็มทีละเล็กทีละน้อยอีกครั้ง

 "มารับไปไหนเหรอ แล้วพี่ไม่ฝึกงานหรือไง" ผมถามพี่เปอร์ที่เดินมาข้างๆ พวกเราเดินไปเรื่อยๆ เอื่อยๆ บนถนนของมหา'ลัย

 "พี่ไม่เป็นไร ตอนนี้ว่าง ถึงตั้งใจฝึกงานไปก็ไม่ได้ช่วยอะไรหรอก ยังไงพี่ก็ไม่ได้ทำงานเกี่ยวกับที่เรียนอยู่แล้ว"

 "ถึงจะเป็นอย่างนั้น ก็ต้องตั้งใจนะครับ"

 "ครับๆ ตามใจแฟนนะ" ผมชะงักเท้าและหันไปมองคนที่อยู่เคียงข้าง แฟนงั้นเหรอ นี่พี่ยังคงคิดแบบนี้มาตลอดเวลาเลยสินะ

 "ขอโทษนะครับ" ผมพูดออกไปด้วยความรู้สึกผิดเต็มหัวใจ ผมไม่รู้จะทำยังไง เพื่อล้างความผิดบาปครั้งนี้

 "ขอโทษทำไม พี่ก็ไม่ได้ดีไปกว่าที่อินเป็นหรอก" ผมขมวดคิ้วน้อยๆ กับคำพูดนั้น แต่ก็ไม่รู้ว่าพี่เปอร์หมายถึงเรื่องอะไร

 "พี่รู้เรื่อง พี่หมอก กับผมใช่ไหม" ผมใจสั่นเล็กๆ ที่พูดชื่อพี่หมอกออกไป แต่ปฏิกิริยาของพี่เปอร์ ก็เป็นไปดังที่คาด พี่เขารู้ และเดาได้ง่ายๆ อยู่แล้ว

 "พี่รู้ว่าอินชอบมัน" พี่เปอร์พูดและเริ่มเดินออกไป "แต่พี่ก็รู้อีกว่า มันไม่มีทางชอบอิน" หัวใจของผมราวกับถูกบีบให้แหลกอีกครั้ง ผมมองแผ่นหลังกว้างของคนตรงหน้าและค่อยๆ เดินตามไป

 "พี่ดีใจที่ในที่สุด อินก็รู้ว่ามันเป็นคนยังไง และตัดใจจากมันได้สักที"

 "ขอบคุณนะครับ" ผมเดินมาและหยุดยืนอยู่ข้างๆ พี่เปอร์ "ขอบคุณที่ไม่ยอมแพ้ เรื่องของผม" ในวันนี้ผมขอบคุณจากใจ ที่คนคนนี้ ไม่เคยจากผมไป


 หลังจากที่ผมพบพี่หมอกครั้งสุดท้าย ตอนนี้ก็ผ่านไปสามเดือนแล้ว ทุกอย่างสำหรับผมเหมือนกับมันไม่เคยเกิดขึ้น ผมเลิกติดตามคนคนนั้นในทุกช่องทาง และผมก็ไม่เคยเจอพี่เขาในมหา'ลัยอีกเลย

 และในหัวใจของผมในตอนนี้ก็เริ่มสงบสุข ผมตั้งใจทำงานชมรมอย่างที่พี่ๆ คาดหวังไว้ และตั้งใจที่สุดในการถ่ายทำละครที่ผมได้รับเลือกให้ร่วมแสดง

 มันเป็นก้าวแรกอย่างเป็นทางการที่สำคัญ ถึงแม้จะไม่ได้รับบทแสดงนำ แต่ก็ไม่เลวเลยทีเดียว ตัวละครที่ผมเล่นนั้นก็มีบทบาทสำคัญ และได้แสดงอย่างเต็มที่ตามที่คาดหวัง

 ผมเริ่มมีชื่อเสียงเล็กๆ ผู้คนเริ่มที่จะจดจำผมได้ ความรู้สึกชื่นชอบจากผู้คนรอบข้าง ทำให้ผมมีกำลังใจที่จะทำทุกอย่างต่อไป ผมได้เข้าใกล้และเข้าใจความรู้สึกของการเป็นที่รัก ถึงแม้จะกดดันบ้าง แต่ผมก็มีความสุขดี

 "อิน" และนี่ก็เป็นอีกหนึ่งความสุขของผม

 "ครับพี่เปอร์ ใกล้จะเสร็จแล้วแหละ" ตลอดสามเดือนที่ผ่านมา พี่เปอร์คอยอยู่ข้างๆ ผมและสนับสนุนผมเสมอ ผมรู้สึกอบอุ่นและความสัมพันธ์ของพวกเราก็แน่นแฟ้นมากขึ้น

 "ถ่ายละครเสร็จก็มารับงานถ่ายโฆษณาแล้ว รู้สึกเหมือนต่อไป พี่จะจับต้องอินไม่ได้ซะแล้ว"

 "พูดอะไรน่ะครับ แค่งานโฆษณาเล็กๆ เอง"

 "ก็อินของพี่ดูดีขึ้นทุกวัน"

 "พูดเวอร์อีกแล้ว" ผมหัวเราะเบาๆ ให้กับคำชมที่มากเกินไปนั้น แต่ผมก็เริ่มที่จะดูแลตัวเองมากขึ้น เพื่อไม่ทำให้คนที่ชื่นชอบผมต้องผิดหวัง

 "แล้วคืนนี้ จะไปนอนห้องพี่..."

 "กลับบ้านสิครับ แม่รออยู่" ผมรีบตัดบทพี่เปอร์ด้วยใบหน้าทะเล้นๆ

 นี่เป็นสิ่งที่ผมยังคงทำใจไม่ได้ และผมก็รู้สึกผิดกับพี่เปอร์ที่เป็นแฟนผมเหลือเกิน ไม่ใช่ว่าผมไม่ได้รู้สึกดีกับพี่เขา แต่ว่า สิ่งนี้มันยากเหลือเกิน ทุกสัมผัสที่ผมเคยได้รับ มันมาจากคนเพียงแค่คนเดียว และการจะทำอย่างนั้นอีก มันทำให้ผมนึกย้อนกลับไป ถึงใบหน้าของคนคนนั้น น้ำเสียง ลมหายใจอุ่น มันทำให้ผมเจ็บปวดเกินจะรับไหว

 "ไม่เป็นไร พี่รอได้" และนี่ก็เป็นสิ่งที่ผมได้ยินมานับครั้งไม่ถ้วน ผมรู้สึกขอบคุณจริงๆ จากหัวใจ ที่พี่เขาอดทนเพื่อผมเสมอมา

 หลังจากบอกลาพี่เปอร์ที่หน้าบ้าน ผมก็รีบเร่งฝีเท้าที่จะกลับไปยังบ้านหลังเล็กของผม หัวใจของผมเต้นรัวเสมอเวลาที่เดินผ่านบ้านหลังใหญ่ ผมพยายามหลบเลี่ยงทุกสิ่งทุกอย่าง ผมไม่อยากพูดคุย หรือพบเจอใครที่ไม่อยากจะเจอ

 "แม่ อินมาแล้วนะ" ผมพูดบอกแม่ที่กำลังนั่งอยู่บนที่นอน ผมเลิกคิ้วขึ้นเล็กๆ เมื่อมองเห็นแม่ดูตอบรับเชื่องช้าลงกว่าเมื่อก่อน ราวกับใจของแม่กำลังคิดอะไรมากมายอยู่ภายใน ซึ่งเป็นแบบนี้มาสักพักแล้ว

 "ไปอาบน้ำอาบท่าแล้วก็ไปเอาข้าวมากินเถอะ" แม่หันมาส่งยิ้มให้ผม เดินเข้ามาใกล้และหยิบกระเป๋าจากผมช่วยจัดเก็บวางไว้

 "แม่ไม่สบายหรือเปล่า" ผมมองแม่ที่เดินมาใกล้ ท่านมีแววตาที่ดูเหนื่อยล้า หรือไม่ก็มีเรื่องที่ไม่สบายใจ

 "แม่แค่ทำงานเยอะ แล้วก็อากาศมันร้อน" ผมยังคงจ้องมองแม่ที่ส่งยิ้มใจดี "ไปเถอะ จะได้มาพักผ่อน" แม่ดันผมเบาๆ ให้เดินออกไป

 "แม่โดนบ้านใหญ่ดุมาหรือเปล่า" ผมยังคงไม่ยอมออกไป และถามด้วยความเป็นห่วง

 "พูดอะไรน่ะ คุณๆ เขาใจดีกับแม่ จะมีอะไรแบบนั้นได้ยังไง"

"แน่นะครับ ถ้ามีอะไรบอกอินนะ" ไม่รู้ว่าคำพูดของผมมีอะไร แต่เมื่อพูดแบบนั้น แม่ก็ดูชะงักไปเล็กน้อย

 "แล้วอินล่ะ...อินมีอะไรอยากบอกแม่ไหม" ผมกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก ผมไม่รู้ว่าแม่ถามถึงอะไร

 "ก็ไม่มีอะไรนี่ครับ" ผมไม่รู้จริงๆ ว่าผมควรพูดอะไร

 "งั้นก็ไปกินข้าวเถอะ" แม่ยิ้มให้ผมอย่างใจดี ทำให้ผมผ่อนคลายลง ผมคงคิดมากไปเอง

 หลังจากที่มานอนพัก ในหัวของผมก็ยังคงคิดมากมาย ผมอยากที่จะพาแม่ออกไปจากที่นี่ อยากให้ท่านได้พัก แต่ว่าคงต้องใช้เวลาและทุนทรัพย์อีกมากมาย ฝันของผมยังคงไกลเหลือเกิน

 และอีกเรื่องหนึ่งที่ผมยังคิดไม่ตก ในอีกสามวันก็จะถึงวันเกิดของพี่เปอร์แล้ว ตลอดเวลาที่ผ่านมา ผมได้ทำผิดต่อพี่เขาอยู่เสมอ จะมีของขวัญไหนที่จะทำให้พี่เขาดีใจที่ได้รับมันกันนะ ผมจะต้องเตรียมสิ่งที่พิเศษที่สุด เพื่อตอบแทนที่พี่เขาดีกับผมเสมอมา

 และพอคิดไปคิดมา คำตอบก็คงมีอยู่แค่สิ่งเดียว ถึงแม้ว่าพี่เขาจะไม่ได้บังคับ แต่นี่ก็เป็นสิ่งที่ดูเหมือนพี่เขาจะต้องการมากที่สุด ผมไม่เข้าใจเลย ว่าตัวผมมีค่าขนาดนั้นเลยเหรอ ผมมันก็แค่ผู้ชายคนนึง ไม่ได้มีสิ่งใดที่น่าสนใจขนาดนั้น พี่เขาทั้งหล่อ เท่และมีเงินมากมาย ทำไมถึงต้องลงทุนกับคนที่ดูจะไม่มีอะไรเลยแบบผมด้วย นี่เป็นเพราะความรักจริงๆ ใช่ไหม และผมควรตอบแทนความรักครั้งนี้สินะ

 ความคิดเริ่มที่จะลอยออกไปไกล ผมเริ่มห้ามตัวเองไม่ให้คิดอีกต่อไป หลับตาลง ตั้งสมาธิ อยู่กับคนที่รักผม และสิ่งที่ผมจะต้องทำต่อไป ไม่วอกแวกไปหาสิ่งที่ทำให้ต้องเจ็บปวดอีก

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

โอย...สรุป   อิหมอกมันปกป้องอินจากอีกะหรี่ไฮโซที่เอาเรื่องแม่ของอินมาเป็นตัวบีบ

ส่วนอิเปอร์  อิหมอกบอกว่าไว้ใจไม่ได้  แต่ตอนนี้ยังไม่เห็นโหมดนั้นแสดงออกมาเลย

แล้วยังไงหล่ะเนี่ย

แม่อิน  ต้องโดนอิพวกบ้านใหญ่เป่าหูอะไรมาแน่ ๆ

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
เอานังหมี่ไปคุยกับรากมะม่วงที คนอื่นจะได้สงบสุข

ออฟไลน์ weedear

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-4

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
เป็นตอนที่เรื่อย ๆ สงบ ๆ ตอนหนึ่ง รอตอนหน้าแล้วกัน  :hao3:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด