พิมพ์หน้านี้ - " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#47 ความรักของครอบครัว][END](25/6/63)

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: Gloomy Sunday ที่ 27-04-2018 19:06:16

หัวข้อ: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#47 ความรักของครอบครัว][END](25/6/63)
เริ่มหัวข้อโดย: Gloomy Sunday ที่ 27-04-2018 19:06:16
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม



******************************************************************************


หลงละเมอเพ้อรัก

 

คุณเคยไหม เวลาที่ได้มองใครสักคนแล้วรู้สึกว่าตัวเรานั้น มันช่างต่ำต้อย ไร้ค่า ไม่มีอะไรดีสักอย่าง

ไม่ได้อยู่ในสายตาของเขาเลย แม้เพียงสักนิด...


ได้แต่ใจเต้นไปเองคนเดียว และเฝ้ามองแผ่นหลังของเขาที่เดินผ่านไป

และถึงแม้หากมีสักวันหนึ่ง ที่เขาเผลอสบตาเราเข้า เราก็จะรีบหลบสายตา ก้มลงมองพื้นและคิดแต่เพียงว่า

เราไม่คู่ควรที่จะสบตาคู่นั้น...

 
ซึ่งจริงๆ แล้ว เขาอาจจะแค่มองผ่านไปด้านหลัง ไปยังจุดที่เขาสนใจจริงๆ ซึ่งไม่ใช่ตัวเรา

และคงไม่มีวันเป็นตัวเรา...


แต่เราก็ยังคงเฝ้ามองคนคนนั้น ได้แต่คิดฝัน ได้แต่แอบมองเขาอยู่อย่างนั้นต่อไป...



 

****************************************************



          PS. นิยายเรื่องนี้เป็นเพียงจินตนาการของไรท์เท่านั้น โปรดใช้จักรยานในการอ่าน หุหุ

          PS. เป็นแนวโรแมนติก ดราม่า ความรุนแรง NC 20+ 

          PS. กดถูกใจหรือคอมเม้นเป็นกำลังใจให้ไรท์บ้างนะคะ ขอบคุณค่ะ

หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#1 คนที่แอบหลงรัก](27/4/61)
เริ่มหัวข้อโดย: Gloomy Sunday ที่ 27-04-2018 19:09:00
เพ้อ บทที่ 1 คนที่แอบหลงรัก


"อิน ต่อไปวิชาอะไรนะ" เสียงเรียกจากด้านหลังทำให้ผมสะดุ้งตื่นจากการงีบหลับ ภายในสวนเล็กๆ ที่ร่มรื่นแห่งนี้ เป็นสถานที่ชั้นดีที่จะมานั่งรอ เพื่อจะเรียนวิชาต่อไป

"อังกฤษน่ะ" ผมพูดตอบคนที่เดินเข้ามา พลางเก็บของใส่กระเป๋าสะพายของผม

"ถือให้ด้วยนะ" ผมมองกระเป๋าถือสีแดงที่ถูกยื่นมาให้ นี่เป็นเรื่องปกติธรรมดาในชีวิตประจำวันของผม

มัดหมี่ เธอเป็นคนสวยที่นับว่าสวยที่สุดในมหา'ลัย เป็นดาวคณะนิเทศศาสตร์ที่พวกเราเรียนอยู่ รูปร่างสมส่วน ผิวขาวที่ขาวราวหิมะ ใบหน้าเล็กๆ ของเธอถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางราคาแพง และชุดนักศึกษาที่ดูรัดรูปซะเหลือเกิน แต่ไม่ว่ายังไง คนที่หน้าตาดี ทำอะไรก็เป็นจุดเด่น มีแต่คนชื่นชม มากกว่าจะต่อว่าเธอ

ส่วนผมนั้นเป็นแค่นักศึกษาปีสอง หน้าตาธรรมดาๆ คนหนึ่ง ที่ไม่มีอะไรเป็นจุดเด่น นอกจากแว่นตากรอบหนาอันใหญ่ที่ใช้มานาน

"แล้วเย็นนี้ให้ป้าหอมเอาผ้าในห้องไปซักให้หน่อยนะ เสื้อผ้าไม่มีจะใส่แล้วเนี่ย" หมี่ถอนหายใจและทำหน้าบูดต่อไป

ใช่แล้วล่ะ ที่ผมมายืนอยู่ข้างๆ คุณหนูคนสวย คนที่ไม่น่าจะอยู่ใกล้ๆ ผมได้ ก็เพราะว่าพวกเรารู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก เพราะว่าเธอเป็นเหมือนเจ้านายของแม่ผม ที่เป็นแม่บ้านอยู่ที่บ้านของเธอ ผมที่เป็นลูกชาย ก็พลอยอยู่ในบ้านไปด้วย แถมเรายังอายุเท่ากัน จึงทำให้คุณลุง พ่อของหมี่เอ็นดูผมและช่วยส่งเสียให้ผมได้เล่าเรียน เพื่อมาคอยเป็นเพื่อน คอยดูแลลูกสาวคนเดียวของบ้าน

"อื้อ เดี๋ยวอินขึ้นไปเอาเอง ช่วงนี้แม่เขาไม่ค่อยสบายน่ะ" ผมบอกเธอและเดินตามเธอเพื่อจะได้ไปเข้าเรียนวิชาต่อไป

ตลอดเส้นทางที่เดินผ่าน ผู้คนต่างจ้องมองเธอตาเป็นมัน และผมก็มองดูเธอส่งยิ้มหวานอย่างเป็นมิตรไปทั่ว ซึ่งถ้าเป็นกับคนอื่น เธอจะพูดเพราะและดูน่ารักมาก แต่กับผมนั้น เธอจะเป็นตัวของตัวเองและพูดไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ ซึ่งผมไม่ถือหรอก บ้านเธอมีบุญคุณกับแม่ผมมาก ผมทนได้ทุกอย่าง ถ้าเพื่อแม่แล้วละก็

"อินๆ" อยู่ๆ หมี่ก็หยุดเดิน เธอหันมาหาผม ทำหน้าตาตื่นเต้นกับอะไรสักอย่าง

"อะไรเหรอ" ผมถามพลางขมวดคิ้ว

"คนนั้นอ่ะ คนนั้นไง ที่กำลังเดินมา อินรู้จักป่ะ" เธอกระซิบบอกกับผมพลางส่งสายตาให้ผมมองไปข้างหน้า ผมเลิกคิ้วขึ้นน้อยๆ และมองตามสิ่งที่เธออยากให้ผมเห็น และภาพที่ผมเห็นตรงหน้า ก็ทำให้ผมปั่นป่วนในหัวใจ

ชายหนุ่มคนหนึ่งที่เดินมาเรื่อยๆ ถือหนังสือด้วยมือข้างหนึ่ง เสื้อนักศึกษาที่หลุดออกจากกางเกงยีนสีซีด ผิวที่ขาวจนดูเปร่งแสง ดวงตาเรียวสวย คิ้วเข้ม และจมูกที่โด่งรับกับคิ้วนั้น ทุกอย่างในตัวผู้ชายคนนี้ทำให้ผมหัวใจสั่น ผมยิ้มน้อยๆ ให้หมี่ และทำทีเหมือนกับว่าไม่ได้สนใจผู้ชายคนนั้น ทั้งๆ ที่หัวใจของผมมันเหมือนจะหลุดออกมาจากอก

ผู้ชายคนนั้น ก็คือพี่หมอก เป็นนายแบบและดาราที่กำลังดังอยู่ตอนนี้ แต่ก็ไม่แปลกที่หมี่จะไม่รู้จัก เพราะว่าพี่หมอกนั้น มีผลงานหลักเป็นนักแสดง โดยส่วนมากจะเป็นแนวชายรักชาย ผู้หญิงที่สนใจแต่เรื่องแฟชั่นและเครื่องสำอางแบบหมี่ จึงไม่มีทางรู้ได้

"พี่เขาชื่อหมอก เป็นดาราหน้าใหม่น่ะ" ผมบอกให้หมี่ฟัง พี่หมอกนั้นหน้าตาดีมากๆ ไม่ว่าใครที่เห็นพี่เขา ก็ต้องสนใจทั้งนั้น

"เหรอ น่าสนใจแฮะ" หมี่มองพี่หมอกแบบไม่ละสายตา เธอที่เป็นผู้หญิงสวย ถ้าเธอชอบพี่เขาละก็ บางที เธออาจสมหวังก็ได้ ก็เพราะว่าเธอเป็นผู้หญิง ผู้หญิงที่เกิดมาคู่กับผู้ชาย ผมได้แต่คิดอย่างนั้น และเศร้าหมองอยู่คนเดียวในหัวใจ

ตลอดเวลาในคาบเรียน ผมเฝ้าแต่ครุ่นคิดถึงคนคนนั้น ผมได้ติดตามพี่หมอกมาตั้งแต่พี่เขายังไม่ได้เป็นนักแสดง ผมบังเอิญไปเจอพี่เขาในงานงานหนึ่ง ผมไม่เคยคิดเลยว่า บนโลกใบนี้จะมีคนที่ดูดีและดึงดูดสายตาผมได้ถึงขนาดนี้ และพี่เขาก็ร้องเพลงเพราะมาก ผมแปลกใจมากที่พี่เขาไม่ได้เป็นนักร้อง เป็นคนที่ดูราวกับมีตัวตนอยู่แค่ในจินตนาการ คนที่ผมไม่เคยรู้เลยว่า จะมีอยู่จริง

วันนี้ช่างโชคดีเหลือเกินที่พี่หมอกมาเรียน และผมก็ได้เห็นพี่เขาในระยะที่ใกล้ขนาดนี้ เพราะช่วงนี้พี่เขากำลังมีถ่ายละคร เลยอาจจะไม่ค่อยได้มาเรียนเท่าไหร่ ต้องเรียกได้ว่าหาได้ยากสุดๆ ที่จะเจอพี่เขา ผมแอบปลื้มพี่หมอกมาก มันเป็นรักแรกพบแสนงี่เง่า ที่ผมได้แต่เก็บมันเอาไว้ในหัวใจ

"ไปกินข้าวไหม" ผมที่มัวแต่เหม่อก็พบว่าหมี่กำลังสะกิดเรียกผมอยู่

"ชวนมันไปทำไม" ผมชะงักทันทีที่เห็นเพื่อนผู้หญิงของหมี่มองผมอย่างไม่พอใจ

"คือ หมี่ไปกินเถอะ ผมไม่ค่อยหิว" ผมพูดและหลบตาผู้หญิงพวกนั้น จริงๆ หมี่ก็ไม่ได้อยากไปกับผมหรอก ถ้าไม่ติดว่าชอบให้ผมถือของให้ หรือใช้ผมไปซื้อข้าวให้ก็เท่านั้นแหละ

ผมมองกลุ่มหมี่ที่เดินออกไปจากห้อง และค่อยๆ ลุกเดินตามออกไปห่างๆ ผมนั้นไม่ค่อยมีเพื่อนในเอกเท่าไหร่ เพราะว่าผมอยู่กับหมี่บ่อยครั้ง และคนในเอกก็ไม่ค่อยชอบเธอ แถมผมยังไม่ค่อยเข้าหาหรือชวนใครคุยก่อน นี่แหละที่ทำให้ผมมีเพื่อนน้อย แต่ถึงผมจะอยู่ใกล้หมี่เสมอ ก็ไม่มีใครคิดว่าผมกับหมี่เป็นแฟนกันหรอก สภาพผมกับหมี่นั้นช่างต่างกันราวฟ้ากับเหว

เมื่อลงมาจากชั้นบน ในที่สุดก็มาถึงโรงอาหารของคณะที่อยู่ใต้ถุนตึก ในช่วงพักกลางวัน มีผู้คนมากมายจากหลายคณะแวะเวียนมาที่นี่ เพราะว่าเป็นตึกเรียนรวม อาหารอร่อยแถมราคาก็ไม่แพง ผมเดินไปเรื่อยๆ มองหาที่นั่งที่พอจะมีว่าง ซึ่งช่วงเวลานี้ก็อาจจะหายากสักหน่อย หรือผมควรจะไปกินที่คณะอื่น...

แต่ผมที่ไล่สายตามองหาที่นั่งนั้น ก็ต้องหยุดชะงัก ผมมองกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งที่นั่งอยู่ที่โต๊ะกินข้าวใจกลางโรงอาหาร คนกลุ่มนั้นกำลังหัวเราะและคุยกันอย่างร่าเริง ผมมองพี่หมอก ที่นั่งเด่นเป็นตระหง่านอยู่ตรงนั้น อยู่กับเพื่อนๆ อีกสองสามคน

ผมหัวใจสั่นไหว เดินหลบเลี่ยงผู้คน และหาที่นั่งที่จะสามารถมองคนคนนั้นโดยไม่ถูกจับได้ แต่ก็นะ จะกลัวอะไรกันล่ะ ยังไงพี่เขาก็ไม่ได้รับรู้ การมีตัวตนของผมอยู่แล้ว

ผมยิ้มเศร้าๆ ให้กับตัวเอง หยิบมือถือขึ้นมา ทำทีเป็นมองหน้าจอและแอบถ่ายรูปพี่เขาไว้ ผมมีความสุขมากที่ได้เฝ้ามองพี่เขาแบบนี้ อยู่ในที่ ที่ผมสมควรอยู่ ผมขยับแว่นเล็กน้อยและมองเพื่อนคนหนึ่งของพี่หมอกที่ดูจะสนิทสนมกันมาก เพราะตอนนี้ทั้งสองคนกำลังกอดคอกัน เพื่อนของพี่หมอกก็หน้าตาดีด้วย สมแล้วล่ะที่เป็นเพื่อนกัน

แต่แล้ว เมื่อเวลาผ่านไปสักพัก ผมที่ยังคงแอบมองพี่หมอกผ่านหน้าจอมือถือ ก็สังเกตเห็นว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งกำลังเดินเข้าไปหากลุ่มพี่หมอก และพี่หมอกก็หยุดพูดคุยกับเพื่อนทันที และเมื่อผมเพ่งมองดูดีๆ ก็พบว่า ผู้หญิงคนนั้น ก็คือหมี่นั่นเอง

ผมมองหมี่ที่กำลังยื่นแก้วน้ำหวานแก้วหนึ่งให้พี่หมอก และพี่หมอกก็รับน้ำแก้วนั้นไว้...

ผมลดมือถือลง ภายในหัวใจของผม รู้สึกราวกับถูกบาดลึก อ่อนล้าและสิ้นหวัง ขอให้โชคดีนะหมี่ ถ้าหมี่เป็นแฟนพี่หมอก บางที ก็อาจจะดีก็ได้ ผมอาจจะได้เข้าใกล้พี่มากกว่านี้ ผมคิดแบบนั้น แต่ในหัวใจกลับเจ็บปวดเหลือเกิน

"เหอะ แม่งโคตรหยิ่ง เล่นตัวน่าดู" ผมที่มัวแต่เหม่อ ก็ได้ยินเสียงที่คุ้นเดินผ่านมาใกล้ๆ

ผมมองหมี่ที่เดินมากับกลุ่มเพื่อนและกำลังหน้ามุ่ยแบบไม่พอใจ ผมเห็นพี่หมอกก็ยิ้มๆ นี่นา ไม่ได้ไปได้สวยหรอกเหรอ แบบนี้มันก็ดีใช่ไหม แต่ว่า มีความคิดหนึ่งผุดอยู่ในหัวของผม ต้องยอมเจ็บปวดแค่ไหนกัน ถึงจะทำแบบนี้ได้

"หมี่" ผมเรียกหมี่ที่กำลังเดินผ่านโต๊ะผม

"อะไร" หมี่หงุดหงิด และเดินมาหาผม ทำมือให้เพื่อนคนอื่นเดินไปก่อน

"คือ หงุดหงิดอะไรเหรอ" ผมถามไปอย่างนั้น ถึงจะรู้อยู่แล้วก็เถอะ

"เหอะ จำคนตอนเช้าได้ไหม ไอ้พี่หมอกน่ะ แม่งเมื่อกี้อุตส่าห์ทำหน้าด้านไปขอไลน์มา แต่ไม่ยอมให้ น่าโมโหชะมัด" หมี่หน้าบึ้งและดูโมโหสุดๆ ไปเลย เป็นเพราะไม่เคยมีใครปฏิเสธเธอมาก่อน ผมเข้าใจได้

"พี่เขาไม่ชอบพวกน้ำหวานน่ะ น่าจะชอบน้ำแร่หรือน้ำเปล่ามากกว่า ลองดูอีกครั้งสิ" ผมพูดและยิ้มให้เพื่อน

"เหรอ เรื่องมากชะมัด ถ้าคราวนี้ไม่เล่นด้วยอีก ก็ช่างแม่งละ"

ผมมองหมี่ที่กำลังปรับอารมณ์และสีหน้า พลางเดินไปซื้อน้ำแร่ที่ร้านใกล้ๆ ผมว่าเธอก็พยายามดีนะ ปกติก็ไม่ยอมเข้าหาใครก่อนเลยแท้ๆ

ผมมองหมี่ที่เข้าไปทักพี่หมอกอีกครั้ง และครั้งนี้สีหน้าพี่หมอกดูเหมือนจะเปลี่ยนไปเล้กน้อย พี่หมอกรับน้ำดื่มนั่นไว้ และจ้องมองหมี่ ยิ้มให้หมี่มากขึ้นกว่าเดิม

แต่ว่า สิ่งที่คิดไว้ก็ดูจะไม่เป็นผลอีกเช่นเคย ผมมองหมี่ที่เดินกระทืบเท้ากลับมาด้วยใบหน้าบึ้งตึง พี่หมอกนี่อาจจะเข้าหายากกว่าที่ผมคิดใช่ไหม

"แม่ง! ก็ยังไม่ให้เหมือนเดิม" ผมมองหมี่ที่นั่งลงตรงข้ามผมและฟึดฟัดอารมณ์เสีย

"เอาน่า พี่เขาเป็นดารานะ" ผมปลอบใจเธอ ทั้งรู้สึกเสียดาย และมีความสุขในเวลาเดียวกัน

"ดาราแล้วไง! ฉันเป็นดาวมหา'ลัยนะ ไม่รู้สึกว่าคู่ควร..."

"ขอโทษนะครับ"

แต่พวกเราที่นั่งอยู่นั้น ก็มีเสียงเสียงหนึ่งแทรกขึ้นมา และทันทีที่ผมรู้สึกว่ามีคนนั่งลงข้างๆ ตัวของผมก็แข็งทื่อ ราวกับขอนไม้ที่ถูกทิ้งลงขั้วโลกเหนือ และถูกหมีขาวแทะเล่นอีกที ผมรู้สึกเหมือนจะตาย แค่หางตา เพียงแค่หางตาผมก็รู้ดีว่าใคร...

ผมค่อยๆ หันไปช้าๆ ด้วยหัวใจที่เต้นรัวราวจะหลุดออกจากอก ใกล้ขนาดนี้ นี่ผมกำลังฝันอยู่งั้นเหรอ

"โทษที เมื่อกี้อยู่กับเพื่อน จะทำอะไรก็ไม่สะดวก" ผมมองใบหน้าด้านข้างของพี่หมอก พี่เขากำลังจ้องมองหมี่ ด้วยแววตาที่เป็นประกาย

"อ๋อ เหรอคะ"

"ไม่อยากให้พวกมันแซวน่ะ" พี่หมอกส่งยิ้มหวานให้เพื่อนสาวของผม

นี่เป็นสิ่งที่ผมรู้ดีอยู่แล้ว ถึงผมจะนั่งอยู่ตรงนี้ ข้างๆ พี่

ทั้งๆ ที่พวกเรา...ใกล้กันขนาดนี้ แต่พี่ ก็จะไม่มีวัน หันมามองผมแน่นอน...

"พอจะมีเวลาไหม ไปเดินเล่นกัน" พี่หมอก กำลังออกปากชวนหมี่ และทั้งสองก็ลุกขึ้นเดินออกไปจากโต๊ะ ราวกับไม่เคยมีผมอยู่ตรงนี้

รอยยิ้มที่แสนเศร้าผุดขึ้นบนใบหน้าของผม นี่เป็นเรื่องที่ผมรู้ดี คนแบบผม ไม่เคยอยู่ในสายตาของพี่อยู่แล้ว

"เอ่อ น้อง เมื่อกี้เห็นเพื่อนพี่ไหม ตัวสูงๆ ขาวๆ" เสียงเรียกที่ดังขึ้น ทำให้ผมชะงักไปเล็กน้อย และเมื่อลองมองดูคนที่เรียกดีๆ แล้ว ก็พบว่าคนคนนี้ก็คือเพื่อนของพี่หมอกนั่นเอง

"พี่หมายถึง พี่หมอกใช่ไหม"

"ใช่ๆ เรารู้จักมันด้วยเหรอ" ผมพยักหน้าตอบรับและยิ้มน้อยๆ

"เอ่อ...ก็ ดารานี่ครับ"

"ใช่ นั่นแหละๆ เห็นมันไหม มันแอบหนีพี่ไป เห็นแว๊บๆ ว่ามาแถวนี้" เพื่อนพี่หมอกทำไม้ทำมือส่องมองหาเพื่อน ดูท่าทางเป็นคนร่าเริง สูง ขาว หน้าตาดี แต่การแต่งกายต่างจากพี่หมอกเรียกว่าคนละแนว ทั้งเจาะหู เสยผมขึ้นไป และเสื้อช็อปแบบนี้ คงเป็นรุ่นพี่คณะวิศวะสินะ

"คือ เขาไปแล้วครับ ทางนั้น" ผมชี้ให้พี่เขาดูทางที่พี่หมอกเดินไป

"ขอบใจมาก ไอ้น้อง" เพื่อนพี่หมอกจับไหล่ผม และเดินไปตามที่ผมบอก เป็นคนแปลกๆ ดีนะ

หลังจากเลิกเรียนแล้ว ผมเก็บของเตรียมตัวกลับบ้าน ปกติผมนั้นเป็นเหมือนคนขับรถให้หมี่ แต่วันนี้ผมคงต้องขึ้นรถเมล์นั่นแหละ เพราะหมี่ไม่ได้มาเข้าเรียนในคาบบ่าย คงจะอยู่...กับพี่หมอกละมั้ง เดี๋ยวเขาก็คงจะมาเอารถเอง ไม่เป็นไร แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน

ผมที่คิดแบบนั้นก็เดินมาที่หน้ามหา'ลัย และโบกรถเมล์กลับบ้าน คนส่วนใหญ่อาจจะเช่าหอ อาจจะซื้อคอนโด หรืออยู่หอใน แต่ผมนั้นทำไม่ได้ เพราะผมต้องดูแลแม่ ช่วยแม่ทำงานแบ่งเบาภาระ

ผมนั่งอยู่บนรถ หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเพื่อเข้าสู่โลกโซเชียล ผมเข้าไปในอินสตาแกรม เพื่อดูคนที่ผมเฝ้าติดตาม ผมเข้ามาเป็นประจำ เพื่อดูรูปถ่าย ดูการเคลื่อนไหวของชีวิตพี่หมอก คนที่ผมเฝ้ามองมานานแสนนาน

ถูกใจ 25,456 คน

Mok77 เมื่อไหร่จะจบ...

ผมมองดูรูปพี่หมอกที่กำลังฟุบหน้าเอียงลงกับโต๊ะ ทำหน้าหงอยๆ เหมือนคนง่วงนอน ผมยิ้มทันทีที่เห็นแบบนั้น คนคนนี้จะทำอะไรก็ดูดีไปหมดจริงๆ

ผมเลื่อนจอมองดูรูปถ่ายต่างๆ ของพี่หมอก ที่บ้างกำลังยิ้ม บ้างก็กำลังทำหน้านิ่งๆ เวลาที่ผมรู้สึกเหงาหรือมีช่วงเวลาที่รู้สึกเศร้าใจ ถ้าหากผมได้มองเห็นรอยยิ้มของพี่ ผมก็เหมือนกับได้เติมพลัง มีกำลังใจที่จะใช้ชีวิตต่อไป

ถูกใจ 34,687 คน

Mok77 รู้สึก...ตกหลุมรัก

ผมเลื่อนมือไปเรื่อยๆ และก็เจอเข้ากับโพสๆ หนึ่ง ซึ่งเป็นโพสล่าสุดเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา

ผมลดมือถือลงและมองออกไปนอกหน้าต่างของรถเมล์ในยามเย็น ดวงตะวันกำลังจะลับขอบฟ้า แสงสีส้มที่ตัดกับสีฟ้าจางๆ

แบบนี้น่ะดีแล้วใช่ไหม...

แต่ทำไมกันนะ ทำไมผมถึงรู้สึกเจ็บปวดขนาดนี้
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#1 คนที่แอบหลงรัก](27/4/61)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 28-04-2018 04:45:18
แล้วจะต่อกันติดไปเนี่ย หมอกกับอิน  :hao3:
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#1 คนที่แอบหลงรัก](27/4/61)
เริ่มหัวข้อโดย: anntonies ที่ 28-04-2018 10:04:35
หน่วงตั้งแค่เริ่มเลยแง้
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#1 คนที่แอบหลงรัก](27/4/61)
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 28-04-2018 15:46:26
งืมๆๆๆ ยังเดาทิศทางไม่ออกแฮะ
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#1 คนที่แอบหลงรัก](27/4/61)
เริ่มหัวข้อโดย: naruxiah ที่ 29-04-2018 20:24:48
สงสารน้องอินอ่ะ แต่เพื่อนพี่หมอเท่ห์ดีนะน้องอิน จะยังไงต่อหล่ะเนี่ย
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#1 คนที่แอบหลงรัก](27/4/61)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 29-04-2018 22:10:59
 :pig4: :pig4: :pig4:

เจิม
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#1 คนที่แอบหลงรัก](27/4/61)
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 30-04-2018 02:35:07
 :hao5:
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#1 คนที่แอบหลงรัก](27/4/61)
เริ่มหัวข้อโดย: Gloomy Sunday ที่ 30-04-2018 11:19:59
เพ้อ บทที่ 2 ตัวตนที่ซ่อนเร้น


ในช่วงดึกของวัน ผมเดินมาที่หน้าบ้านใหญ่เพื่อช่วยแม่เอาขยะมาทิ้ง ภายในใจคิดฟุ้งซ่านเกี่ยวกับหมี่และพี่หมอก ทั้งสองคนไปไหนกันนะ เพราะเมื่อมองดูลานจอดรถของบ้านที่ยังคงว่างเปล่า ก็รู้ได้ทันทีว่าหมี่ยังไม่ได้กลับมา แต่อันที่จริงมันก็ไม่ใช่เรื่องอะไรของผม ที่สองคนนั้น จะอยู่ด้วยกัน...

เมื่อคิดแบบนั้นผมก็ได้แต่เดินกลับเข้าบ้าน บ้านของผมอยู่ในสวนหลังบ้านหมี่ พวกเราสองแม่ลูกอยู่ที่นี่มาตั้งแต่ผมยังเป็นเด็ก เป็นเพราะความเมตตาของคุณลุงคุณป้าพ่อแม่ของหมี่ จึงทำให้ผมและแม่ที่ถูกพ่อทิ้งไป ได้มีที่อยู่อาศัย มีเงินเดือน มีข้าวกิน เพียงแค่ช่วยดูแลบ้าน ซึ่งไม่ได้หนักหนาอะไร นี่เป็นพระคุณใหญ่หลวงที่ผมกับแม่จะไม่มีวันลืม

"อิน" ผมที่กำลังเดินกลับเข้าบ้านอยู่นั้น จู่ๆ ก็ถูกดึงที่ด้านหลัง และเมื่อหันไป ก็พบว่าคนที่เรียกผมก็คือหมี่นั่นเอง เธอยังคงใส่ชุดนักศึกษา แต่ว่ามันช่างยับเหลือเกิน

"ไปไหนมา ทำไมถึงกลับดึกขนาดนี้" ผมถามเธอด้วยความเป็นห่วง

"ไม่มีอะไรหรอก แต่ขอบใจเรื่องเมื่อกลางวันนะ" หมี่ยิ้มหน้าบาน ดูมีความสุขมาก

"แล้วตกลง ไปไหนกันมาเหรอ" บางที ผมก็คิดว่าไม่ควรจะถาม แต่ก็อดไม่ได้จริงๆ

"ก็ ตอนแรกก็กะว่าจะแค่ไปหาอะไรกินกัน แต่ไปๆ มาๆ ก็..." คำพูดของเธอ ทำให้ผมอยากเขกกะโหลกตัวเองสักครั้ง ทำไมถึงถาม ทั้งๆ ที่รู้ว่าจะต้องปวดใจแบบนี้

"อือๆ ไปอาบน้ำนอนเถอะ" หัวใจของผมสั่นไหวอยู่ภายใน นี่เป็นสิ่งที่ผมรู้ดีว่ามันอาจเกิดขึ้น ไม่ได้แปลกอะไร ชีวิตพี่หมอกนั้น คงได้พบกับผู้คนมากมาย และผมไม่มีสิทธิ์อะไรที่จะไปวิจารณ์การใช้ชีวิตของเขา การเลือกคบคนของเขา ผมไม่มีสิทธิ์อะไร ในตัวพี่เขาเลย และคงไม่มีทางมีวันนั้น

"อืม อิน ห้ามบอกคุณพ่อกับคุณแม่นะ" หมี่หันมากำชับผมก่อนที่จะเดินกลับไปที่บ้านใหญ่ ผมคงไม่พูดอะไรหรอก ไม่อยากจะพูดอะไรทั้งนั้น ชีวิตของใคร คนนั้นก็ต้องเลือกเอง


ในรุ่งเช้านั้น ผมขับรถมากับหมี่เพราะว่าเธอไม่ค่อยอยากขับเอง ผมจึงเป็นคนขับรถให้เธอเป็นประจำ ซึ่งผมก็ไม่ได้ว่าอะไร แถมผมยังประหยัดค่ารถได้อีก นี่ถือเป็นเรื่องที่ดี แต่มีข้อเสียอยู่นิดหน่อย ตรงที่เธอมักจะนินทาคนอื่นให้ผมฟังเป็นประจำ

"เอออิน แกรู้ได้ไงว่าพี่หมอกชอบอะไร" เธอถามและจ้องมองผมอย่างสงสัย แต่ว่าผมก็ไม่ได้แสดงท่าทีอะไร

"ก็ดูในเน็ตเอา"

"เหรอ เพิ่งรู้นะว่าพี่เขาดังเหมือนกัน แล้วรู้อะไรอีกบอกหน่อย" หมี่เขย่าถามผมด้วยความสนใจ "เมื่อวานพี่เขาชวนดูหนังอ่ะ แต่ไม่รู้จะดูเรื่องอะไรดี"

"อืมม...ขอคิดก่อนนะ รู้สึกเหมือนจะชอบแนวไซไฟละมั้ง ถ้ามีแนวนั้นก็ลองดูละกัน" ผมทำท่าครุ่นคิด และบอกเธอเหมือนเดาสุ่ม

"เหอะ ไม่เอาอ่ะ ไม่เห็นน่าดูเลย แนวนั้นเข้าใจยากจะตาย" หมี่ทำหน้าบูด ไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่ผมบอกเธอ

"แต่พี่เขาน่าจะชอบนะ"

"แล้วไงล่ะ พอคิดดูอีกที ความจริงพี่เขาต้องตามใจฉันต่างหาก" ผมถอนหายใจเล็กน้อย แบบนี้ก็คงต้องแล้วแต่เธอ ผมคงแนะนำอะไรไม่ได้แล้วล่ะ

ในที่สุดพวกเราก็มาถึงมหาวิทยาลัย ผมเดินตามหมี่ที่เดินฉิวเข้าไปยังตึกเรียน แต่ระหว่างทางที่พวกเราเดินอยู่นั้น เสียงโทรศัพท์ของหมี่ก็ดังขึ้น

"ฮัลโหลค่ะพี่หมอก" เหมือนกับพลังงานในร่างกายลดลงอย่างรวดเร็ว เท้าของผมเดินช้าลง แต่คนตรงหน้าก็คุยเสียงดังมากขึ้น

"ค่ะๆ ตอนบ่ายนะคะ แล้วจะดูเรื่องอะไรดี" ผมมองหญิงสาวตรงหน้าที่ยิ้มหน้าบานและเดินกลับไปกลับมาขณะคุย

"แนวไซไฟดีไหมคะ หมี่ชอบ" ผมเลิกคิ้วมองเธอที่พูดแบบนั้น ทั้งๆ ที่เมื่อก่อนหน้านี้ยังพูดอีกแบบอยู่เลย

"จริงเหรอคะ หมี่ก็เพิ่งรู้ว่าชอบเหมือนกัน" ผมตัดสินใจเดินผ่านเธอไป ตอนนี้ผมรู้สึกไม่อยากได้ยินสิ่งที่เธอกำลังพูดอีกแล้ว ผมไม่อยากรับรู้อะไรทั้งนั้น

ในตอนกลางวัน ผมก็ยังคงแยกตัวออกมาจากหมี่และนั่งกินข้าวเงียบๆ คนเดียว ผมครุ่นคิดอะไรหลายอย่างอยู่ในใจ คิดว่าผมไม่ควรบอกอะไรหมี่หรือเปล่านะ ผมอยากให้ทั้งสอง แยกออกจากกันงั้นเหรอ แต่ว่าแบบนั้น มันจะมีประโยชน์กับผมยังไง บางทีถ้าพี่หมอกได้พบคนที่รู้ใจ ได้พบคนที่ทำให้พี่เขามีความสุขได้ ผมก็ควรต้องยินดีไม่ใช่เหรอ ผมอยากทำให้พี่หมอกยิ้ม ผมอยากให้พี่เขามีความสุข นั่นเป็นสิ่งที่ผมควรจะทำ

"อิน" คนที่เรียกผมกำลังเดินปรี่เข้ามาหา "ขับรถให้หน่อย" ผมมองกุญแจรถหมี่ที่ถูกวางลงตรงหน้าผม

"ไปไหนเหรอ แต่ตอนบ่ายมีเรียนนะ"

"พี่หมอกบอกจะรออยู่ที่โรงหนัง ช่วยไปส่งหน่อย" แค่เพียงได้ยินชื่อ ผมก็ไม่ต้องลังเลอีกต่อไป

"อืม ไปกันเถอะ" ผมห้ามตัวเองไม่ได้ ผมอยากเจอพี่หมอก ถึงแม้ว่าพี่เขาจะไม่ได้อยากเจอผมเลยก็ตาม

ผมขับรถออกจากมหา'ลัยไปกับหมี่ ไปยังห้างสรรพสินค้าที่อยู่ใกล้ๆ ผมเหลือบมองคนข้างๆ ที่ดูตื่นเต้น แต่เมื่อคืนเธอก็น่าจะเจอเรื่องที่ตื่นเต้นยิ่งกว่านี้ไปแล้วไม่ใช่เหรอ ผมคิดแบบนั้นและก็ต้องเจ็บปวดในหัวใจทุกที

เวลาผ่านไปสักพัก ในที่สุดพวกเราก็มาถึง ผมกับหมี่เดินไปที่ชั้นบนสุดของห้างฯ เพื่อไปยังหน้าโรงภาพยนตร์ที่พี่หมอกรออยู่ ถึงหมี่จะบอกให้ผมกลับไปก่อนได้เลย แต่ผมก็บอกว่าผมอยากมาเดินเล่นดูของเหมือนกัน ผมก็เลยเดินตามมาด้วย

"มาช้านะ" ขาของผมก้าวช้าลงทันทีที่เห็นผู้ชายตรงหน้า หัวใจเต้นระส่ำอยู่ในอก พี่หมอกสวมผ้าปิดปากสีดำเอาไว้ ใส่เสื้อเชิ๊ตสีเข้มที่ปล่อยชายด้านหนึ่งออกมา กลิ่นหอมฟุ้ง ทั้งๆ อยู่ไม่ได้อยู่ใกล้ และกางเกงยีนสีซีด ที่เข้ากับผิวพรรณที่สะอาดผุดผ่อง

"ขอโทษนะคะ ยกโทษให้หมี่น้า" หมี่ทำเสียงสองอย่างออดอ้อน

ผมมองดูคนสองคนตรงหน้าที่กำลังมีความรัก มองดูพี่หมอกที่กำลังโอบกอดเธอเอาไว้ และก็เหมือนเดิม พี่หมอกไม่ได้มองหรือสนใจผมเลยแม้แต่น้อย ผมมันไม่เคย อยู่ในสายตาของพี่จริงๆ

"ถูกทิ้งเหมือนกันสินะ เฮ้อ พอเจอสาวแล้วก็แบบนี้ เพื่อนก็ไร้ความหมาย" ผมสะดุ้ง และมองดูผู้ชายคนหนึ่งที่โอบกอดรอบคอของผมเอาไว้ ผมไม่ได้สังเกตเลยว่าพี่เขาก็อยู่ตรงนี้ด้วย

"ฮ่ะๆ ตกใจเหรอ ทำหน้าอย่างกับเห็นผี" คนที่กอดคอผมหัวเราะชอบใจ ผมจำได้ทันทีว่าคนคนนี้คือเพื่อนของพี่หมอก พี่เขาตัวสูง ใส่เสื้อคลุมตัวใหญ่ที่ดูเท่มาก ใบหน้าคมคายและผมที่เซตขึ้นไปมันช่างเหมาะกับพี่เขาจริงๆ

"พี่ชื่อเปอร์ แล้วเรา...อ๋อออ คนนั้นนั่นเอง" พี่เขายังไม่เลิกกอดคอผม และก็ดูเหมือนจะจำผมได้

"ผมอินครับ" ผมพูดเบาๆ และพยายามแกะแขนหนักๆ นี่ออกจากคอ

"โอเคอิน ขับรถมาใช่ไหม กลับไปมหา'ลัยหรือเปล่า พี่ขอติดรถไปด้วยนะ" พี่เปอร์ที่กอดคอผมอยู่นั้น ก็กึ่งเดินกึ่งลากให้ผมเดินออกมา "ขอโทษนะที่ต้องพูดอะไรแบบนี้ แต่เราเป็นเพื่อนของแม่สาวนั่นใช่ไหม บอกให้เพื่อนทำใจไว้มั่งก็ดี ไอ้หมอกมันเจ้าชู้จะตาย แปบๆ มันก็เบื่อแล้ว พี่เสียดายสาวๆ ที่รักมันจริงๆ สันดานแก้ไม่หาย" ผมอยู่ในลิฟต์และมองพี่เปอร์ที่ยืนพิงผนังด้วยท่าทางเหนื่อยๆ

"นี่เรา เป็นใบ้หรืออะไรแบบนั้นหรือเปล่า" พี่เปอร์เหล่มองผมและยิ้มขำ

"เปล่า ผมแค่ไม่ค่อยได้คุย กับคนแปลกหน้า"

"ฮ่าๆ ถ้างั้น ไอ้น้อง มองหน้าพี่ไว้ดีๆ" ผมตกใจมากที่จู่ๆ พี่เปอร์ก็จับหน้าผมและยื่นหน้ามาใกล้ๆ

"เอาล่ะ คุ้นแล้วหรือยัง" ผมพยักๆ หน้ารัวๆ ด้วยความตกใจ และถอยหลังออกมา

"ขี้อายเหรอเรา" พี่เปอร์หัวเราะในลำคอเหมือนถูกใจที่ได้แกล้ง "เรียนคณะอะไร" พี่เปอร์ถามผมตอนที่พวกเราเดินไปที่ลานจอดรถ ผมชั่งใจเล็กน้อยว่าจะตอบดีไหม แต่ความจริงก็ไม่ได้มีอะไรต้องปิดบัง

"นิเทศครับ" ผมพูดและเดินนำพี่เปอร์ไปที่รถ

"หืมมมม เดี๋ยวก่อน" คนที่เดินตามผมรีบเดินมาดักหน้าและจ้องผมใกล้ๆ อีก "เราเนี่ยนะเรียนนิเทศ" ผมเริ่มหน้าบึ้งทันทีที่คนตรงหน้าเริ่มสำรวจมองผมตั้งแต่หัวจรดเท้า

"เอกอะไร" ผมเริ่มมีน้ำโห ไอ้พี่บ้านี่กำลังดูถูกผมสินะ

"การแสดง" ผมตอบเสียงเย็นและลงไปนั่งที่คนขับ ส่วนคนที่ได้รับคำตอบกำลังยืนอึ้ง และตามเข้ามานั่งที่ด้านข้าง

"เหลือเชื่อ" ผมพ่นลมหายใจออกจมูก ก็ไม่แปลกที่จะคิดแบบนั้น อาจจะเป็นเพราะท่าทางกับการแต่งตัวของผม

"จะลองไปดูไหมล่ะครับ ผมมีซ้อมละครเวทีที่โรงละครเย็นนี้" ผมพูดและเริ่มขับรถออกมา

"บทอะไร ต้นไม้หรือก้อนหิน" ผมยกยิ้มมุมปาก ชอบนักเวลาที่มีคนดูถูกผมเรื่องการแสดง

"ถ้ามาดู ก็จะรู้เอง"

"ได้เลย พี่จะไปชมนะจ๊ะน้องก้อนหิน ใบหญ้า"

"ยินดีอย่างยิ่ง" ผมยิ้มและขับรถต่อไป ดูท่าแล้ว ผมกับไอ้พี่เปอร์นี่จะเข้ากันได้ดี และถ้าเป็นอย่างนั้น ผมอาจจะได้ เข้าใกล้พี่หมอกอีกหรือเปล่านะ ผมคิดและคาดหวังแบบนั้น

ผมขับรถมาถึงที่มหาวิทยาลัย แวะส่งพี่เปอร์ที่คณะวิศวะ และนำรถมาจอดที่เดิมที่ตึกนิเทศ คณะของผมส่วนมากจะมีแต่คนหน้าตาดีๆ ผมคงเป็นคนไม่กี่คนที่ดูธรรมดาเหลือเกิน พี่เปอร์ก็เลยทำใจเชื่อลำบาก แต่มันก็ไม่ใช่กับการเรียนหรือความสามารถของผม มันคนละส่วนกัน

ผมรู้สึกว่าผมคงเข้าเรียนไม่ทันคาบบ่ายซะแล้ว เลยเดินไปที่โรงละครที่รุ่นพี่คณะผมกำลังซ้อมละครเวทีกันอยู่ ผมเรียนการแสดง เพราะมันเป็นสิ่งที่ผมชอบ หมี่นั้นก็เรียนการแสดงเช่นกัน แต่เธอก็ไม่เคยได้รับเลือกให้ได้เล่นบทดีๆ หรือได้เข้าร่วมการแสดงของพี่ๆ เลยสักครั้ง เพราะเธอไม่ได้สนใจด้านนี้อยู่แล้ว ก็แค่เรียนตามเพื่อน แบบนั้นน่ะ ทำไม่ได้หรอก

"อ้าว อิน มาไวนะวันนี้" รุ่นพี่สาวสวยเอ่ยทักผม

"ครับ วันนี้โดดคาบบ่ายมา" ผมพูดและถูกพี่แก้วฟาดเข้าให้ทันที

"ไอ้เด็กไม่ดี" ผมยิ้มและเดินหนีพี่แก้วไปหาพี่คนอื่นๆ ในคณะ เวลาที่ผมได้อยู่ที่นี่นั้น ผมรู้สึกว่ามันเหมือนกับบ้าน มันเป็นสิ่งที่ผมชอบ และผมมีเพื่อนที่สามารถพูดคุยได้

ตลอดเวลาที่อยู่ที่นี่ ผมช่วยพวกพี่ๆ หยิบจับ ทำฉาก วาดรูปกันอย่างสนุกสนาน งานแสดงละครเวทีจะมีขึ้นในเร็วๆ นี้ ช่วงนี้ผมจึงมาที่นี่เกือบทุกวันหลังเลิกเรียน ฝึกซ้อมอย่างหนัก เพื่องานที่จะถึงนี้

"โอเค ซ้อมใหญ่ก่อนกลับ อิน ไปเตรียมตัว" ผมที่ถูกเรียกก็รีบเข้าไปที่หลังเวทีทันที ผมโดนลุมแต่งตัวอยู่สักพักจากพวกพี่ๆ ในชมรม ไม่นานก็ถึงเวลาที่ผมต้องขึ้นไปแสดง ผมไม่ได้ตื่นเต้นหรือกังวลอะไรมากมาย ก็แค่พูดเหมือนที่ผมฝึกซ้อมอยู่เสมอ มันง่ายมาก เพราะผมชอบที่จะทำมัน

ผมยังคงซ้อมละครกับพี่ๆ อย่างสนุกสนาน ผมคิดว่าผมทำได้ดีเวลาอยู่บนเวที ผมรู้สึกเหมือนได้ปล่อยตัวตนของผม ตัวตนที่ผมเก็บซ่อนไว้

"เอ้า โอเค เยี่ยมมาก!" ผมได้ยินพี่ๆ ปรบมือและบอกให้เลิกซ้อมได้ แต่ไม่รู้ทำไม เพราะว่าเสียงปรบมือยังคงดังอยู่ ถึงแม้ว่าทุกคนบนเวทีจะหยุดแล้ว และเมื่อผมมองลงไปยังที่นั่งคนดู ก็พบว่ามีคนคนหนึ่งอยู่ตรงนั้น ผมมองดูพี่เปอร์ที่กำลังค่อยๆ ยืนขึ้นด้วยสีหน้าอึ้งๆ และยังคงปรบมือเสียงดังสนั่นโรงละคร

"หนุ่มหล่อนั่นใครน่ะ" พี่ในชมรมต่างพากันถามอย่างแปลกใจ ซึ่งผมไม่อยากจะพูดออกไปเลยจริงๆ ว่าผมเป็นคนชวนหมอนั่นมาเอง และลืมไปแล้ว

หลังจากนั้น ผมเก็บของเปลี่ยนเสื้อผ้า และบอกลาพี่ๆ เพื่อกลับบ้าน และแน่นอนว่าไอ้พี่เปอร์นี่ก็เดินตามผมมาทุกฝีก้าว

"เอ่อ ผมนึกว่าพี่จะไม่มาดูจริงๆ ซะอีก" ผมพูดพลางเดินไปเรื่อยๆ เพื่อจะไปขึ้นรถเมล์หน้ามหา'ลัย รถของหมี่นั้นผมจอดเอาไว้ให้หมี่ตามคำสั่งของเธอ

ผมยังเดินไปเรื่อยๆ และได้ยินเสียงฝีเท้าตามมาอยู่ข้างหลัง แต่ที่น่าอึดอัดก็คือ ผมรู้สึกว่าพี่เปอร์ดูแปลกๆ ไป พี่เขาเงียบ แทบจะไม่พูดอะไรออกมา ทำเพียงแค่เดินตามและจ้องผมตาไม่กะพริบ ปกติจะจ้อตลอดแท้ๆ

"เอ่อ พี่มีอะไรหรือเปล่า" ผมตัดสินใจหยุดเดิน และหันกลับไปขมวดคิ้วใส่คนที่ทำตัวเหมือนพวกโรคจิต

"แปลกมาก" คำคำนั้นยิ่งทำให้ผมขมวดคิ้วสงสัย หมายความว่ายังไงกันนะ

"แปลกยังไงเหรอครับ" ผมถามด้วยความสงสัย

"เปล่า ไม่มีอะไรหรอก" ผมเอียงคอมองไอ้พี่เปอร์ที่กำลังยิ้มแบบแปลกๆ อะไรของเขากันนะ เริ่มกลัวแล้วเนี่ย

"งั้นผมกลับก่อนนะ" ผมพูดและก้มหัวลงเป็นเชิงลา

"กลับดีๆ นะ" ผมเหลือบมองพี่เปอร์ที่ยังคงส่งยิ้มมาให้พลางเดินต่อไปยังหน้ามหา'ลัย ตลอดเวลาที่เดิน ผมยังคงรู้สึกถึงสายตาที่จ้องมองอยู่ไกลๆ ผมว่าพี่นั่นแหละที่แปลกยิ่งกว่าผมซะอีก

ผมกลับมาถึงบ้านในช่วงค่ำ และช่วยแม่ทำงานบ้านที่ยังคงคั่งค้าง เป็นลูกมือช่วยแม่ทำงานในครัว ทำอาหารค่ำ ผมตั้งใจว่าถ้าหากผมเรียนจบและเป็นนักแสดงอย่างที่ฝัน มันคงจะดีไม่น้อย แม่นั้นก็เริ่มอายุมากแล้ว ผมอยากให้ท่านได้พัก อยากทำให้ท่านที่เหนื่อยมาทั้งชีวิต ได้สุขสบายกับเขาบ้าง

"อินลูก ช่วงนี้คุณหมี่เขาไม่ได้กลับกับเราเหรอ แม่เป็นห่วงเขา" แม่ถามผมด้วยสีหน้าเป็นกังวล แต่ถึงอย่างนั้น คุณลุงคุณป้าพ่อแม่ของหมี่ก็ไม่เคยรู้เลยว่าลูกสาวทำตัวเช่นไร เพราะพวกท่านแทบจะไม่อยู่บ้าน ต้องไปทำงานต่างประเทศกันทั้งสองคน ทำให้หมี่มีอิสระที่จะทำอะไรก็ได้ตราบเท่าที่พวกท่านไม่รู้

"หมี่เขาโตแล้ว เขาดูแลตัวเองได้น่ะแม่" ผมพูดและช่วยแม่หั่นผัก

"หรือว่าเขาจะมีแฟน ยังไงก็ดูแลเขาด้วยนะลูก เขาเป็นผู้หญิง" ผมถอนหายใจเล็กน้อย ถ้าทำแบบนั้นมีแต่จะโดนด่า ผมรู้นิสัยหมี่ดี เธอไม่อยากให้ผมยุ่งเรื่องส่วนตัวของเธอมากเกินไป "แล้วอินล่ะ ไม่มีสาวๆ บ้างเลยเหรอ อยู่มหา'ลัย แม่ก็คิดว่าจะมีคนหลงมาบ้าง" ผมทำได้แต่ยิ้มกับคำถามนั้น แม่คงผิดหวังมากถ้ารู้ว่าผมไม่ได้ชอบผู้หญิง ผมบอกท่านไม่ได้ เพราะผมกลัวเหลือเกิน

ตกดึก ผมออกมานั่งเล่นในสวน เพราะคืนนี้อากาศดี ผมถือบทละครในมือ และนั่งมองพระจันทร์ที่กลมโตสวยงามนัก มันคงจะดีไม่น้อย ถ้าได้มองมันกับคนที่ผมรัก

"ไม่เอานะคะ เดี๋ยวใครมาเห็น"

ผมขมวดคิ้ว เงี่ยหูฟังเสียงแผ่วๆ ที่ลอยมาตามสายลม ผมค่อยๆ ลุกจากที่นั่ง เดินลัดเลาะสวนหลังบ้าน ไปยังทางเข้าสวนที่เปิดไฟสลัวๆ เอาไว้ ดึกป่านนี้แล้ว สงสัยหมี่คงจะเพิ่งกลับมา

แต่เมื่อเดินตามเสียงมาเรื่อยๆ นั้น เท้าของผมหยุดชะงัก ภาพตรงหน้า ผมมองดูคนสองคนที่กำลัง...จูบกัน มองดูหมี่กับพี่หมอก ทั้งสองคนดูรักกันมาก ผมมองรอยยิ้มบนใบหน้าของพี่หมอก แววตาที่เขาจ้องมองเธอ ผมไม่รู้ว่าผมอยู่ตรงนี้ทำไม แต่ผมก็ไม่อาจฝืนเดินต่อไปได้ ทำได้แค่เพียงยืนอยู่ตรงนั้น

ซ่อนอยู่ในเงามืด ในเงาที่ไม่มีใครสนใจ...
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#2 ตัวตนที่ซ่อนเร้น](30/4/61)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 30-04-2018 12:38:44
ทำไงดี คนแก่ชอบเปอร์อ่ะ อยากได้ ๆ  :ling1:
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#2 ตัวตนที่ซ่อนเร้น](30/4/61)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 30-04-2018 14:33:17
 :pig4: :pig4: :pig4:

ิอินชอบหมอก

หมอกไม่ได้ชอบใครเป็นพิเศษ

เปอร์น่าจะถูกชะตากับอิน

ถ้าเปอร์อินจะดีมาก

แต่เกริ่นว่าดราม่า งั้นคงไม่ใช่
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#2 ตัวตนที่ซ่อนเร้น](30/4/61)
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 30-04-2018 15:23:59
เชียร์เปอร์ได้มั้ยย
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#2 ตัวตนที่ซ่อนเร้น](30/4/61)
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 01-05-2018 00:54:17
เริ่มไม่ชอบหมอกแล้วได้ไหมเนี่ย ฮือออออ
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#2 ตัวตนที่ซ่อนเร้น](30/4/61)
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 01-05-2018 01:10:04
#เปอร์อิน ได้มั้ย อยากได้แบบนี้จริมๆ
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#2 ตัวตนที่ซ่อนเร้น](30/4/61)
เริ่มหัวข้อโดย: ดาวโจร500 ที่ 01-05-2018 03:12:54
ยังงายยยยย ติดตามๆ
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#2 ตัวตนที่ซ่อนเร้น](30/4/61)
เริ่มหัวข้อโดย: Gloomy Sunday ที่ 02-05-2018 12:13:06
เพ้อ บทที่ 3 คำบอก'รัก'ที่ไร้ความหมาย


ผมตื่นนอนในตอนเช้า ช่วยแม่ทำงานบ้านเล็กน้อยก่อนไปมหา'ลัยเหมือนทุกวัน และวันนี้ผมก็ไม่ต้องไปส่งหมี่อีกแล้ว เพราะว่าเขามีคนมารับมาส่งเป็นของตัวเองเรียบร้อย

ผมขึ้นรถเมล์มาที่มหาวิทยาลัย เดินเข้าไปยังตึกเรียนเหมือนทุกวัน ไม่รู้ว่าทำไมทุกสิ่งถึงดูเงียบเหงานัก หรืออาจเป็นเพราะชีวิตผมที่มันเงียบเหงา ผมได้แต่ทอดถอนใจถึงความเดียวดายของตัวเอง

คนถูกใจ 31,656 คน

Mok77 จะเป็นเธอไหม ที่ทำให้โลกเปลี่ยนไป

ผมมองหน้าจอโทรศัพท์และเก็บมันลงในกระเป๋า ถ้าพี่มีความสุขขนาดนั้นแล้วละก็ ผมก็คงจะมัวหมองเศร้าไม่ได้ ยังมีอะไรที่ผมต้องทำอีกเยอะ ผมจะพยายามคิดถึงพี่ให้น้อยลง เพราะผมว่า พี่คงมีคนที่พี่คิดถึงเขามากๆ อยู่แล้ว

"อิน" ผมหลุดออกจากภวังค์ในคาบเรียนที่สอง และหันไปหาคนที่กำลังเรียกผมอยู่

"ว่าไง หน้าตาสดใสเลยนะ" ผมแซวหมี่ที่กำลังยิ้มกว้าง

"ก็แน่สิ คนกำลังอินเลิฟ" เธอพูดอย่างหน้าชื่นตาบาน

"เหรอ ก็ดีนี่ แล้วมีอะไรหรือเปล่า"

"อือ พอดีมีเรื่องอยากปรึกษา วันหยุดนี้ฉันว่าจะชวนพี่หมอกไปทะเลอ่ะ อินว่าพี่เขาจะชอบทะเลไหม" หมี่ยิ้มแบบเคลิ้มฝัน

"อืมมม ไม่รู้สิ" ผมลังเลที่จะพูดบอกความจริงว่าพี่หมอกชอบเที่ยวภูเขา ผมอยากให้เธอขวนขวายเรียนรู้สิ่งที่พี่เขาชอบเองบ้าง

"เหรอ งั้นก็ทะเลแหละ เพราะถึงพี่หมอกจะชอบภูเขา ฉันก็ไม่ไปหรอก ยุงก็เยอะ ทำอะไรก็ลำบาก" ผมแอบถอนหายใจเบาๆ แบบนี้ก็เหมือนต้องตามใจเธอนั่นแหละ หวังว่าพี่หมอกจะไม่คิดมากละกัน

"เอาตามที่ทั้งสองตกลงใจเถอะ มาถามอินก็ไม่ได้อะไรหรอก" ผมบอกหมี่และหันกลับไปทำงานในมือต่อ

"เฮ้ยหมี่ ได้ข่าวแฟนเป็นดาราเหรอ" เสียงคุยกันที่ด้านหลังผม ทำให้รู้ว่าพวกเพื่อนของหมี่กำลังถามเธอ

"พี่หมอกปี 4 นั่นเหรอ"

"ไปอ่อยอีท่าไหนมาห๊ะ"

ผมพยายามไม่สนใจเสียงที่กำลังซุบซิบนินทากันสนุกปาก

"ก็รู้นี่ว่าคนอย่างฉัน จะเอาใครก็ไม่เคยมีใครปฏิเสธ"

"แหม หมั่นไส้ แต่ได้ข่าวพี่หมอกเจ้าชู้ไม่ใช่เหรอ แกระวังไว้เถอะ"

"เหอะ แล้วไง ผู้ชายหาง่ายจะตาย"

"แหม ใช่สิ หนุ่มออฟฟิศคนนั้นแกก็ยังควงอยู่นี่"

"เงียบน่ะ คนนั้นเลิกไปแล้ว"

ผมคิ้วกระตุกเล็กๆ รู้สึกไม่สบายใจแทนพี่หมอก แต่ว่าผมจะทำอะไรได้

"แล้วแกกับพี่หมอก...ได้กันยัง"

ผมลุกขึ้นเปลี่ยนที่นั่งทันทีที่ได้ยินคำถาม ไม่อยากได้ยินได้ฟังเรื่องราวเหล่านั้นอีกแล้ว บางทีก็น่ากลัวเหมือนกันนะ พวกผู้หญิงสมัยนี้

เมื่อถึงเวลากลางวัน ผมเก็บของใส่กระเป๋าเสร็จเรียบร้อย และเดินลงไปยังโรงอาหารรวมของตึกเพื่อหาอะไรกิน ซึ่งวันนี้ก็ยังคงเหมือนเดิม ผู้คนมากมายหลั่งไหลมาที่นี่ ทำให้หาที่นั่งได้ยาก แต่ผมก็ยังคงไม่ลดละ มองหาที่ที่ผมพอจะแทรกตัวไปนั่งได้ เดินไปเดินมา สอดส่ายสายตา จนไม่รู้ตัวว่ามีใครกำลังเดินตามมาข้างหลัง

"เอ้าๆ มองหาอะไร ให้พี่ช่วยหาไหม" ผมสะดุ้งทันทีที่อยู่ดีๆ ก็มีแขนมาโอบรอบคอผม ซึ่งไม่บอกก็รู้ว่าใคร เหตุการณ์เพิ่งผ่านมาไม่นาน ผมทำหน้าเหม็นเบื่อ และยกแขนหนักๆ นั่นออกทันที "นี่อย่าบอกนะว่าพี่ยังเป็นคนแปลกหน้าอยู่" พี่เปอร์ชี้หน้าตัวเองและเริ่มหัวเราะเสียงดัง

"เปล่า แต่อย่าทำให้ผมตกใจได้ไหม" ผมละเหี่ยใจที่คนโดนว่าดูอารมณ์ดีซะเหลือเกิน พี่เปอร์วันนี้ใส่ช็อปสีกรม ใส่เสื้อยืดข้างในสีดำ ทำผมเสยๆ เหมือนเดิม ที่เพิ่มเติมก็คือเหมือนจะไปเจาะหูมาเพิ่มอีก

"โอเครับทราบ ถ้างั้นป่ะ ไปกินข้าวกัน" และพูดยังไม่ทันขาดคำ ไอ้พี่เปอร์รวบคอผมเข้าไปกอดอีกแล้ว ผมที่ไม่ทันตั้งตัว ก็ถูกพาเดินออกไปจากบริเวณนั้น

"เดี๋ยวก่อน ปล่อยก่อน จะพาผมไปไหน"

"ก็ไปกินข้าวกับพี่ไง ไปเร็ว เพื่อนพี่รออยู่" คำตอบของพี่เปอร์ ทำเอาผมขาแข็งทันทีที่รู้ว่ากำลังถูกลากไปที่ไหน เย็นไว้ไอ้อิน ทำตัวธรรมชาติ หายใจเข้าออกลึกๆ และเมื่อเดินมาไม่ไกลนัก ผมถูกไอ้พี่เปอร์กดไหล่ให้นั่งลง ซึ่งมันจะไม่เป็นอะไรเลย ถ้าไม่ใช่ว่า...

ตรงหน้าของผมในตอนนี้นั้น คือพี่หมอก...

ผมตัวเกร็งและหลบสายตาก้มลงมองโต๊ะสีขาวตรงหน้า หัวใจเต้นรัวราวจะหลุดออกจากอก ใกล้มาก นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่อยู่ใกล้ที่สุด อยู่ตรงนี้ ตรงหน้าพี่หมอก อยู่ตรงหน้าคนที่ผมเฝ้าฝันถึงทุกค่ำคืน

"ใคร" ผมเงยหน้าขึ้นทันทีที่ได้ยินเสียงของคนที่ผมเฝ้ามองมานานแสนนาน

"ฮ่าๆ น้องกูเอง" พี่เปอร์นั่งลงและขยี้หัวผมจนชี้ฟูไปหมด

"ไม่รู้ทำไมหมี่ช้าจัง" ผมเหลือบมองพี่หมอกที่ไม่ได้สนใจมองผมเลยสักนิด และกำลังชะเง้อหาคนรักของตัวเอง

"ผู้หญิงก็งี้ มัวแต่แวะส่องกระจกอยู่มั้ง" พี่เปอร์พูดและหันมายิ้มให้ผม ไม่สนใจพี่หมอกที่ดูสีหน้าไม่ค่อยสบอารมณ์

"ยังไงก็ยังดีกว่าผู้ชาย" ผมขมวดคิ้วมองพี่หมอกที่พูดแบบนั้น หมายความว่าอะไรกันนะ

"ถ้ามึงได้ลอง มึงจะคิดใหม่" ผมมองคนสองคนสลับไปมา เหมือนกำลังโต้เถียงกัน

"จะอ้วก" พี่หมอกพูดและทำสีหน้าขยะแขยงชัดเจน ผมไม่ควร อยู่ตรงนี้หรือเปล่านะ

ผมแอบมองพี่หมอกที่นั่งอยู่ตรงข้ามผม ถึงพวกเราจะอยู่ใกล้กันขนาดนี้ แต่พี่ ก็ยังคงไม่มองมาที่ผมเหมือนเช่นเดิม ผมมองพี่หมอก ที่กำลังมองไปที่อื่น ที่ที่ไม่ใช่ตัวผม

"หมี่กำลังลงมาครับ" ผมพูดบอกพี่หมอกที่กำลังดูร้อนใจ ซึ่งพี่หมอกที่ได้ยินแบบนั้น ก็หันมามองผมทันที

"รู้ได้ยังไง" สายตาของพี่หมอกที่มองผม เต็มไปด้วยสายตาที่ไม่พอใจ แต่ถึงจะเป็นแบบนั้น ผมก็ดีใจเหลือเกิน

"เฮ้ยๆ อย่าเข้าใจผิด น้องมันเรียนด้วยกัน นี่มึงไม่เห็นเหรอ เมื่อวานน้องเขาก็ไปส่งแฟนมึงนะ" พี่เปอร์กอดคอผมและแย่งตอบปกป้องผม

"เรียนด้วยกัน การแสดงเนี่ยนะ" พี่หมอกมองผมด้วยสายตาไม่เชื่อ

"มึงนี่เพื่อนกูจริงๆ ทำหน้าโง่เหมือนกูตอนแรกเป๊ะ" ผมมองไอ้พี่เปอร์ที่หัวเราะขำคำพูดของเพื่อน พี่จะเส้นตื้นเกินไปไหม

"หมี่" และคนที่พี่หมอกรอก็มาถึง พี่หมอกยกมือขึ้นเรียกหมี่ ซึ่งเมื่อหมี่เดินเข้ามาใกล้และมองเห็นผมนั้น เธอก็ทำหน้าประหลาดใจเหลือเกิน

"มาได้ไง" หมี่รีบเดินมาและถามผมด้วยน้ำเสียงสงสัย

"ไม่มีอะไร เดี๋ยวจะไปแล้ว" ผมคิดว่าเธอคงไม่ค่อยพอใจนัก ผมควรจะไปดีกว่า

"เฮ้ยๆ ไม่ได้ นั่งลง" แต่เมื่อผมทำท่าจะลุกขึ้น พี่เปอร์ก็จับไหล่ผมเอาไว้ และกดให้นั่งลงตามเดิม "น้องหมี่ครับ พี่เป็นคนชวนเพื่อนน้องมานั่งเอง ไม่ต้องสนใจไปนะ"

"อ๋อ เหรอคะ รู้จักกันด้วยเหรอ" หมี่นั่งลงและทำหน้าแบบแปลกใจ

"ไม่รู้จักหรอก" ผมส่ายหน้ารีบตอบทันที

"เอ้า ซะงั้น น้องอินครับ ยังจำหน้าพี่ไม่ได้อีกเหรอ" ผมกระเถิบถอยหลังทันทีเพราะไอ้พี่เปอร์นี่กำลังเอาหน้ามาร่อนอยู่ตรงหน้าผม พี่ไม่เต็มใช่ไหมเนี่ย

"พี่หมอก แล้ววันหยุดตกลงเอาไงคะ ไปดูทะเลกันเนอะ ช่วงนี้อากาศน่าจะดี" หมี่เกาะแขนพี่หมอกและพูดเสียงใส ผมมองพี่หมอกที่ตอนแรกก็ดูสีหน้ายิ้มๆ แต่เมื่อได้ยินหมี่พูดก็เริ่มหุบยิ้มลง "เอ่อ หมี่หมายถึงทะเลหมอกอ่าค่ะ อากาศเย็นๆ วิวสวยๆ พี่หมอกน่าจะชอบ"

ผมต้องยกนิ้วให้กับความพยายามและช่างสังเกตของเธอ พี่หมอกเริ่มกลับมายิ้มอีกครั้ง สีหน้าดูอ่อนโยนมากขึ้นกว่าเดิม

"อืม รู้ใจจังเลยนะ" ผมมองพี่หมอกที่ส่งยิ้มให้เธอ หัวใจของผมมันเริ่มที่จะไม่รู้สึกอะไร มันอาจจะชินชา หรือจริงๆ ผมอาจจะภูมิใจที่ได้มาอยู่ตรงนี้ ตรงหน้าพี่ ถึงพี่จะไม่ได้มองผมเลยก็ตาม ผมมาไกลมากเกินพอแล้ว แค่นี่ก็ดีแค่ไหนแล้ว

"แต่ช่วงนี้พี่ไปไหนไม่ได้หรอก พี่ต้องซ้อมบทหนักมาก จะถ่ายอาทิตย์นี้แต่พี่ยังไม่โอเคเลย" หมี่เริ่มหุบยิ้มลงเมื่อไม่ได้ดั่งใจ

"โธ่ ทำแต่งานนะคะ"

"ขอแค่ช่วงนี้แหละ เดี๋ยวถ่ายเสร็จแล้วเราค่อยไปกัน"

"เออไอ้หมอก เห็นมึงกำลังหาคู่ซ้อมไม่ใช่เหรอ" พี่เปอร์แทรกขึ้นมา และผมก็งงทันทีที่พี่เปอร์จับไหล่ผม เหมือนกำลังทำท่านำเสนอสินค้าแปลกใหม่ "แต่นแต๊นน ดวงดาวแห่งการละคร น้องอินนนน คนนี้เลย" ผมถึงกับสำลักลมทันที พี่พูดอะไรเนี่ย

และเมื่อเป็นแบบนั้นผมก็แทบจะกลืนน้ำลายอย่างฝืดคอ เพราะว่าตอนนี้ พี่หมอกที่กำลังจ้องมองผม ตายล่ะ พี่หมอกกำลังจ้องมองผมจริงๆ ทำเอาผมแทบจะไม่กล้าหายใจไปเลย

"ก็ดี น่าจะเหมาะ" ผมตาโตมองพี่หมอก เมื่อกี้พี่ว่าอะไรนะ ผมเหรอ ผมน่ะเหรอเหมาะ ผมดีใจมาก นี่มัน เหมือนฝันไปเลย

"เอ๊ะ อะไรกันคะ ถ้าอ่านบทหมี่ก็ช่วยได้น้า" หมี่ที่รู้สึกว่าพี่หมอกไม่สนใจเธอก็เริ่มเขย่าตัวพี่หมอกเบาๆ แบบงอนๆ

"พี่อยากได้ผู้ชายน่ะ เพราะว่าในบท พี่ต้องเล่นคู่กับผู้ชาย" ผมหัวใจเต้นตึกตัก วันนี้มันวันดีสุดๆ ทำไมผมถึงได้โชคดีแบบนี้ ผมรอเวลาแบบนี้มานานแค่ไหน พี่รู้ไหม

"ถ้าซ้อมกับผู้หญิงสวยๆ มันก็จะเข้าไม่ถึงบทน่ะ ถ้าเป็นผู้ชายแบบ..." รอยยิ้มที่มีเริ่มค่อยๆ จางหาย พี่หมอกมองผมด้วยสายตาที่กำลังเหยียดหยาม "พี่เกลียดไอ้ละครเกย์นี่จะตาย แต่ทำไงได้" ผมมองพี่หมอก สิ่งที่ผมได้ยินนั้นมันทำให้หัวใจของผมจมดิ่งลงในความมืดมิด นี่เป็นเรื่องจริงที่ผมควรจะยอมรับ จะมีผู้ชายแท้ๆ ที่ไหน ที่จะอยากยุ่งกับผู้ชาย

"ถ้างั้นอินก็คงเหมาะแหละค่ะ" หมี่ที่หัวเราะและเหลือบมองผม

"ทำได้ใช่ไหม แค่อ่านบท ไม่มีอะไรมากหรอก" พี่หมอกหันมาพูดกับผม

"ครับ ได้ครับ แต่ต้องตอนมืดหน่อยนะครับ ผมมีซ้อมละครเหมือนกัน" ผมบอกพี่หมอก ที่เริ่มทำสีหน้าประหลาดใจอีกแล้ว

"ซ้อมละคร? ที่ไหน เล่นเป็นอะไร ก้อนหิน หรือต้นไม้" ผมเริ่มยิ้มน้อยๆ ทันทีที่พี่หมอกพูดแบบนั้น และไอ้พี่เปอร์ก็หัวเราะลั่นเสียงดังอยู่ข้างๆ

"สมกับเป็นเพื่อนกู ควายเหมือนกันเป๊ะ" พี่หมอกขมวดคิ้วมองพี่เปอร์ที่กำลังหัวเราะตัวงอ เอ่อ เคลียร์กันเองละกันนะ อันนี้ผมไม่เกี่ยว

และกลางวันนี้ผมก็ได้นั่งกินข้าวพร้อมพี่หมอก ผมยิ้มในใจเล็กๆ และเหลือบมองพี่หมอกที่กำลังก้มลงกินข้าวเหมือนกัน พี่ครับ พี่คงไม่รู้ใช่ไหม ว่าผมเฝ้ามองพี่มานานแค่ไหน พี่เคยสังเกตเห็นผมมั่งไหม ผมมักจะอยู่รอบๆ ตัวพี่เสมอ และคงไปไหนไม่ได้อีกแล้ว

ในคาบบ่ายนั้น ผมนั่งเหม่ออย่างใจลอยตลอดคาบ ผมก้มลงจ้องมองมือถือของผม ที่ในตอนนี้มีเบอร์โทรพี่หมอกปรากฏอยู่ ผมที่เคยคอยแต่เฝ้าดูอยู่ห่างๆ นั้น ตอนนี้ผมได้เบอร์โทรแล้วนะ ถึงจะเพราะเรื่องซ้อมบทละครก็เถอะ แต่ผมก็ไม่สามารถหุบยิ้มได้เลย

ผมเลื่อนมือถือไปเปิดอินสตาแกรมขึ้นมา เลื่อนดูไดเรคข้อความที่ผมเคยส่งไปหาพี่หมอก ไม่เคยมีสักครั้งที่พี่เขาจะตอบกลับมา ไม่สิ ไม่อ่านเลยด้วยซ้ำ แต่ผมก็ยังคงทักพี่เขาไปเสมอ คอยให้กำลังใจอยู่ตลอดเวลา มันน่าตลกนะ ผมที่ตอนนั้นยังคงได้แต่ส่งข้อความโง่ๆ พวกนี้ไป บัดนี้กลับได้พูดคุยกับตัวจริงแล้ว มันเป็นเรื่องน่าเหลือเชื่อเหลือเกิน

ตกเย็นวันนั้นหลังผมซ้อมละครเวทีกับพี่ๆ ที่ชมรมเสร็จเรียบร้อยแล้ว ผมมือสั่นน้อยๆ ทันทีที่กดเบอร์โทรออกหาพี่หมอก บ้าเอ้ย ใจเย็นๆ ไอ้อิน พี่เขาเป็นคนบอกให้โทรไปเองนะ

ผมกดโทรออก และฟังเสียงเพลงรอสายสักพักด้วยหัวใจที่เต้นระรัว และไม่นานก็มีคนกดรับสาย

"ฮัลโหลครับพี่..."

"ฮัลโหลนั่นใคร" ผมหุบยิ้มทันทีที่ได้ยินเสียงผู้หญิงตอบกลับมาแทนที่จะเป็นเจ้าของเบอร์

"คือ พี่หมอก อยู่ไหมครับ"

"อ๋อ หมอกเหรอ นอนอยู่ มีอะไร" ผมหัวใจสั่นไหว เสียงนี้ไม่ใช่เสียงหมี่ ผู้หญิงอีกคนงั้นเหรอ

"ฮัลโหล ไม่มีอะไร รีบมาที่คอนโดxxx" ผมฟังเสียงที่เหมือนกับพี่หมอกรีบมารับสายแทน และบอกที่อยู่คอนโดให้ผม

"ครับ" ผมตอบรับ และฟังเสียงที่เหมือนกับพี่หมอกกำลังต่อว่าผู้หญิงคนนั้นอยู่ ในหัวใจของผมตอนนี้มันสับสนนัก นี่พี่เป็นอย่างที่คนเขาว่ากันจริงๆ สินะ แต่ถ้าจะให้พูดอีกที ก็คงเหมือนกับหมี่ละมั้ง เพราะว่าหมี่ก็มีผู้ชายคนอื่นเหมือนกัน

ผมโบกรถเมล์และเดินเท้าต่อไป เข้าไปยังซอยที่ตั้งของคอนโดนั้น ผมคิดอะไรหลายๆ อย่างขณะที่ก้าวเดินต่อไป ผมนั้นไม่มีสิทธิ์อะไรไปโกรธพี่หมอกหรอก ผมแค่รู้สึกผิดหวังเล็กๆ ที่พี่เขาไม่ได้เป็นคนจริงใจเท่าที่ควร แต่ผมที่รักไปแล้ว ก็ยากที่จะหักห้ามใจ แต่ผมไม่ได้หวังว่าพี่เขาจะต้องมารักผมหรอก ผมแค่อยากให้พี่เขามีความสุข แค่นั้นก็คงเพียงพอแล้ว

ผมเดินเข้าไปยังคอนโดหรูและบอกนิติผู้ดูแลว่าผมมาหาใคร และเขาก็เปิดประตูให้ทันที คงเพราะพี่หมอกบอกเอาไว้

ผมขึ้นลิฟต์ กดไปยังชั้นสูงสุดของที่นี่ และก้าวเดินไปหยุดลงที่หน้าประตูห้องของพี่หมอก ตามที่ได้คุยกันไว้

ผมยื่นมือออกไปกดกริ่งสีดำตรงหน้า และรอคอย

แกร่ก! เสียงประตูเปิดออกเบาๆ แต่กลับไม่มีใครโผล่ออกมา ผมยืนชั่งใจอยู่สักพัก และตัดสินใจเปิดประตูเข้าไป

ห้องพี่หมอกนั้นสวยมาก เป็นโถงที่วางรองเท้า และทางเดินไม้ขัดเงาที่ประดับไฟบนพื้น ปูทางไปจนถึงโถงด้านหน้าที่กว้างขวางและมองเห็นวิวด้านล่าง มองขึ้นไปทางขวาเห็นชั้นลอยอยู่ด้านบน และด้านซ้ายที่เป็นทางเดินต่างระดับ นำไปสู่โถงนั่งเล่นและครัวที่อยู่ด้านในสุด

"นั่งเล่นไปก่อน" ผมสะดุ้งทันทีที่เห็นพี่หมอกเดินออกมาจากห้องที่น่าจะเป็นห้องน้ำ พี่หมอกสวมชุดคลุมอาบน้ำและเดินมาดื่มน้ำที่เคาน์เตอร์บาร์ขนาดใหญ่ใกล้ๆ

"ค.คือสวัสดีครับ" ผมที่อยู่กับพี่หมอกสองต่อสองนั้นก็เกิดอาการสั่นซะได้ ประหม่าเกินไปแล้ว

"เรื่องที่โทรมาเมื่อกี้..." พี่หมอกเดินเข้ามานั่งลงที่โซฟา แต่ก็ไม่ใกล้ผมมากนัก "อย่าบอกหมี่นะ ทำได้ใช่ไหม" พี่หมอกพูดและจ้องมองผมจริงจัง

"ผมไม่ยุ่งเรื่องส่วนตัวหรอกครับ" ผมหลบตาไม่กล้ามองคนตรงหน้าตรงๆ

"ก็ดี จริงๆ ก็ไม่มีอะไรหรอก อย่าไปคิดมากเลย ผู้ชายก็แบบนี้แหละ" ผมพยักหน้าน้อยๆ และมองไปรอบๆ ห้องพี่หมอกแทน

"ห้องสวยมากเลยครับ" ผมเปลี่ยนเรื่องคุย หวังให้พี่หมอกหายกังวลใจ

"ใช่ไหมล่ะ ข้างบนก็..."

"เป็นห้องอัดเสียงใช่ไหมครับ" ผมพูดก่อนที่พี่หมอกจะพูดจบ ทำให้พี่หมอกขมวดคิ้วสงสัย

"รู้ได้ยังไง" แย่ล่ะ ผมเผลอพูดออกไปซะงั้น ผมไม่ควรทำตัวรู้ดีเกินไป

"คือ ผมเคยเห็นในรายการที่มาถ่ายห้องของพี่น่ะครับ ดูผ่านๆ" ผมไม่กล้าพูดหรอกว่าผมเป็นแฟนคลับพี่ พี่คงตกใจน่าดู

"นี่อย่าบอกนะว่าดูละครเกย์ที่พี่เล่นด้วยน่ะ" พี่หมอกชี้ผมและทำท่าเหมือนจะหัวเราะ พี่เขาคงไม่ชอบเกย์มากๆ ถึงได้ใช้คำพูดแบบนี้

"ดูผ่านๆ ครับ แต่พี่เล่นดีมากนะครับ" ผมยกนิ้วชื่นชม แต่ดูพี่หมอกจะไม่ได้ดีใจอะไร

"เหรอ" พี่หมอกดูเหม่อลอยเล็กน้อย เหมือนพี่เขากำลังคิดอะไรในใจ "เป็นไปไม่ได้หรอก" คำพูดของพี่หมอกเบามากราวกับพูดกับตัวเอง ดูพี่เขาไม่ได้มีความสุขเมื่อได้รับการชื่นชมนั้น

"มา มาเริ่มเลยดีกว่า เดี๋ยวจะดึก" พี่หมอกพูดบอก พลางลุกขึ้นถอดเสื้อคลุมอาบน้ำออก

ผมรีบหันหน้าหนีทันที แต่ก็ยังคงเหลือบเห็นพี่เขาเดินผ่านไป พี่เขาใส่กางเกงชั้นในแบบบ็อกเซอร์เอาไว้ และก็เป็นอย่างที่เคยเห็นในทีวี พี่เขาหุ่นดีและผิวพรรณดีมาก ตัวสูง มีกล้ามเนื้อและซิกแพคชัดเจน คนอะไรจะเพอร์เฟคขนาดนี้

"โทษทีๆ โอเคละ" พี่เขาเดินกลับมาพร้อมใส่กางเกงขายาวกับเสื้อยืดแล้ว โล่งไปที

พี่หมอกเรียกผมไปที่กระจกใสบานใหญ่ ที่ที่สามารถมองลงไปเห็นวิวแสงไฟด้านล่างได้อย่างชัดเจน ยืนตรงนี้ก็ดีเหมือนกัน

ผมรับเล่มบทละครมาจากพี่หมอก และเปิดดูด้านในคร่าวๆ

"หน้าที่ 107 ขอตรงนี้นิดนึง รู้สึกว่าเข้าถึงอารมณ์ตรงนี้ไม่ได้สักที" พี่หมอกชี้ให้ดูในหนังสือบทละคร

"ครับ ถ้าพร้อมก็เริ่มได้เลยครับ ผมจะต่อบทให้" ผมมองพี่หมอกที่กำลังดูบทของตัวเอง และเงยหน้าขึ้นมา จ้องมองผมนิ่งๆ ด้วยแววตาและสีหน้าที่เปลี่ยนไป

"ขอโทษที่ทำให้เธอผิดหวัง ฉันมันขี้ขลาด ฉันไม่ได้เข้มแข็งเหมือนที่เธอคิด"

ผมหัวใจเต้นรัว มองพี่หมอกที่กำลังพูดบทละคร ด้วยสีหน้าที่ดูหมองเศร้า พี่หมอกพูดเสียงเบาเหมือนเป็นบทรำพึงรำพัน และดูทรมานในหัวใจมาก

ผมมองพี่หมอกที่กำลังปล่อยอารมณ์ไปตามบทประพันธ์ แววตาเว้าวอนและจ้องมองเข้ามาในแววตาของผม

"ฉันรักเธอ เพราะว่าฉันรักเธอมาก ได้โปรด ให้อภัยฉันด้วย"

ผมชะงัก และจ้องมองกลับไปยังแววตาที่แสนเศร้านั้น มันเหมือนกับทุกสิ่งได้หยุดนิ่งไป ความรู้สึกภายในของผมกำลังเอ่อล้นออกมา ผมน้ำตาไหลออกมาช้าๆ อย่างควบคุมไม่ได้

พี่หมอกที่กำลังก้มลงอ่านบทต่อไปนั้น ก็เงยหน้าขึ้น และขมวดคิ้วจ้องมองผมด้วยสีหน้าแปลกใจ

"เป็นอะไรไป" พี่หมอกถามผมด้วยความสงสัย

ผมสะดุ้งทันทีและรีบเช็ดน้ำตาที่ไหลออกมา

"เอ่อ ผมขอเข้าห้องน้ำแปบนะครับ" ผมรีบหันหลังเดินออกจากพี่หมอกและเข้าไปในห้องน้ำที่ติดกับโถงครัว

ผมผลักประตูเข้ามาและยืนนิ่งอยู่ที่อ่างล้างหน้า ผมมือสั่นเปิดน้ำและวักน้ำล้างหน้าซ้ำๆ จนเสื้อเปียกปอน

ผมรู้ว่ามันเป็นแค่บทละคร ผมรู้ว่าสิ่งที่พี่พูดออกมานั้นมันก็แค่ สิ่งที่พี่จำเป็นต้องพูดมันออกมา มันเป็นคำลวง มันเป็นคำที่ไร้ความหมายสำหรับพี่

แต่สำหรับผมนั้น ผมฝันว่าจะได้ยินคำคำนี้จากพี่มาตลอด ผมได้แต่โกหกตัวเองเท่านั้น ว่าผมไม่ต้องการพี่ แต่ในความจริงนั้น ผมรักพี่มาก และรักมาตลอด คำว่ารักจอมปลอมที่พี่พูดออกมา มันถึงได้สะท้อนก้องเข้าไปในหัวใจของผม ทำให้ผมไม่อาจกลั้นน้ำตาได้

ผมร้องไห้อย่างเจ็บปวดหัวใจ จมอยู่กับคำบอกรักที่ไร้ความหมาย คำรักที่ผมจะไม่มีวันได้ยินมันจากหัวใจของพี่
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#3 คำบอก'รัก'ที่ไร้ความหมาย](2/5/61)
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 02-05-2018 12:28:15
และก็ยังคงเหมือนเดิม #เปอร์อิน ได้มั้ย555
 สงสารน้องงง
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#3 คำบอก'รัก'ที่ไร้ความหมาย](2/5/61)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 02-05-2018 16:00:54
อยากรู้เปอร์ร้ายอย่างไร   :hao4:
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#3 คำบอก'รัก'ที่ไร้ความหมาย](2/5/61)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 03-05-2018 01:48:01
 :pig4: :pig4: :pig4:

จากบทสนทนาที่ผ่านมา  หมอกน่าจะแค่อึ้งและชื่นชมในอินเนอร์ที่ออกมาของอิน  แต่ไม่น่าจะชอบในเชิงชู้ชาย
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#3 คำบอก'รัก'ที่ไร้ความหมาย](2/5/61)
เริ่มหัวข้อโดย: เนเน่ ที่ 03-05-2018 03:44:41
งืออออออออตอนแรกไม่กล้าอ่านกลัวหน่วงมากกกกกกกตอนนี้ชอบสุดๆค่ะ
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#3 คำบอก'รัก'ที่ไร้ความหมาย](2/5/61)
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 03-05-2018 19:42:22
พี่เปอร์แลดูมีอะไรๆนะ
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#3 คำบอก'รัก'ที่ไร้ความหมาย](2/5/61)
เริ่มหัวข้อโดย: Gloomy Sunday ที่ 07-05-2018 13:02:21
เพ้อ บทที่ 4 หลงละเมอคอย


เวลาผ่านไปสักพัก ผมเช็ดหน้าเช็ดตาและเดินออกมาจากห้องน้ำ ผมมองพี่หมอกที่กำลังยืนเหม่อมองออกไปนอกกระจกบานใหญ่ ผมจะถูกดุไหมนะ เล่นหนีไปดื้อๆ แบบนั้น

"ท้องเสียหรือไง" ผมรู้สึกโล่งใจ เพราะพี่หมอกไม่ได้ดูหงุดหงิดอะไร

"คือ...ขอโทษครับ" ผมก้มลงหยิบบทละครขึ้นมาอ่านอีกรอบ "เมื่อกี้เล่นดีแล้วนะครับ" ผมยิ้มให้พี่หมอก

"ดีจนคนบางคนอินจนหลั่งน้ำตาเลยใช่ไหม" ผมอึกอักทันทีที่ได้ยินแบบนั้น

"คือ ผม..."

"ทำไม มีปัญหาความรักหรือไง" ผมไม่ได้ตอบคำถาม แต่พี่หมอกก็ยังดูสงสัยอยู่ "ขอแนะนำอย่างนึงนะ อย่าไปยุ่งกับไอ้เปอร์มาก มันไม่ได้เป็นอย่างที่เห็นหรอก" พี่หมอกพูดและก้มลงอ่านบทต่อไป

"จะเป็นยังไง ก็ไม่เลวร้ายเท่าพี่หรอกมั้ง" ผมพูดออกแนวล้อเล่น และพี่หมอกก็เงยหน้าขึ้นมาจ้องมองผม

"ก็คงจะอย่างนั้นล่ะมั้ง" ผมมองพี่หมอกที่กำลังหัวเราะชอบใจ นี่ผมด่านะ ไม่ได้ชมสักหน่อย

"โอเค มาต่อกัน" พี่หมอกพูดและเปิดบทไปมา

ผมก้มลงอ่านบทต่อไปตามที่พี่หมอกบอก ผมไล่สายตาอย่างรวดเร็ว และปิดบทหน้านั้นลง

"จำได้แล้วเหรอ" พี่หมอกถามผมด้วยสีหน้างงงวย

"พี่หมอกครับ" ผมพูดเรียกพี่หมอกเบาๆ และพี่หมอกก็มองผมเหมือนกำลังรอฟัง

"ผมขอโทษล่วงหน้าไว้เลยนะครับ" ผมพูดด้วยใบหน้ายิ้มๆ ซึ่งทำให้พี่หมอกเลิกคิ้วขึ้นด้วยความฉงน

ผมเริ่มหุบยิ้มลง และเริ่มทำหน้านิ่งๆ ดึงอารมณ์ตามบทละครนั้น อย่างรวดเร็ว

"ทำไมถึงทำแบบนี้เหรอครับ" ผมพูดบทตามที่ได้อ่าน มันเป็นช่วงเวลาที่ผมดำดิ่งสู่ความเสียใจขั้นสุดตามตัวละคร

"ฉันขอโทษ"

พี่หมอกพูดบทของตัวเอง แต่ดูเหมือนจะหลุดคาแรคเตอร์ตัวเองไปแล้ว เพราะมัวแต่อึ้งจ้องมองผม

"พี่ลำบากมากไหมครับ ที่ต้องทำแบบนี้"

ผมพูดพลางกัดกรามแน่น ตอนนี้ตัวละครนี้กำลังเจ็บปวดมาก ซึ่งมันช่างคล้ายกับผมตอนนี้ซะเหลือเกิน

"ไม่ ฉัน...เธอเป็นยังไงบ้าง ยังเจ็บอยู่หรือเปล่า"

พี่หมอกพูดและทำท่าเดินเข้ามาใกล้ แสดงท่าทีห่วงใย

"ใช่ครับ ผมเจ็บ แล้วพี่ละครับ เจ็บหรือเปล่า"

ผมยังคงกัดฟันพูดด้วยแววตาสั่นระริก ตัวสั่นน้อยๆ อย่างสะกดอารมณ์

"แล้วพี่รู้ไหมว่า ทำยังไง พวกเราถึงจะไม่ต้องเจ็บปวดอีกต่อไป"

ผมพูดและกัดปากตัวเองอย่างเจ็บปวด

"เราเลิกกันเถอะ"

ผมพูดคำนี้ออกไปด้วยเสียงที่สั่นเทา แต่ก็แน่วแน่ น้ำตาค่อยๆ ไหลออกมาอาบสองแก้ม

"ไม่ใช่สิ พวกเรายังไม่ได้คบกันด้วยซ้ำ!"

ผมที่ร้องไห้นั้นก็เริ่มหัวเราะทั้งน้ำตาอย่างเจ็บปวด

"ถ้าพูดให้ถูกก็คือ ผมไม่รู้ด้วยซ้ำ ว่าผมเป็นอะไรสำหรับพี่กันแน่!!!"

ผมตะโกนก้องด้วยแรงอารมณ์และจ้องมองพี่หมอกที่นิ่งค้างอยู่อย่างนั้น

ผมค่อยๆ ผ่อนคลายลงและมองพี่หมอกที่ยังคงจ้องมองผมแบบอึ้งๆ และไม่ยอมพูดบทตัวเองต่อไป

"คือ..พี่หมอก" ผมพูดและยื่นมือโบกไปมาตรงหน้าพี่หมอก

"เอ่อ..." พี่หมอกยังคงมองผมแบบไม่อยากจะเชื่อ

"ขอโทษครับ" ผมพูดและมองพี่หมอกที่ยังคงนิ่งค้าง

"ใช้ได้เลยนะ แค่โดนบอกเลิก แต่ความรู้สึกเหมือนโดนตบหน้า" พี่หมอกพูดพลางเริ่มหัวเราะน้อยๆ ผมรู้สึกโล่งใจ และดีใจมากที่พี่หมอกเอ่ยชม

"ผมชอบการแสดง" ผมบอกพี่หมอก ดีใจที่ได้ยืนอยู่ตรงนี้ ตรงหน้าพี่

"เหรอ เพราะอะไร" ผมรู้สึกอึ้งเล็กน้อย ไม่คิดว่าพี่เขาจะสนใจถาม

"คือ..." ผมอึกอักไม่กล้าตอบ หัวใจเต้นรัว ความจริงพี่หมอกนั้นมีส่วนทำให้ผมอยากเป็นนักแสดง แต่ผมพูดออกไปไม่ได้ "เวลาที่ได้ทำสิ่งที่รัก คนเรามักเป็นอิสระ" ผมพูดตอบและจ้องมองพี่หมอก ตัวผมนั้นมีสิ่งที่ต้องการปิดบัง และสิ่งเหล่านั้นก็เหมือนกับกำลังกักขังผมเอาไว้ การแสดงเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้ผมมีอิสระ ผมสามารถแสดงออกได้ทุกสิ่งที่ผมต้องการ สิ่งที่เป็นทั้งตัวเอง และไม่ใช่ ไม่ต้องเก็บซ่อนไว้

"อิสระ งั้นเหรอ" พี่หมอกดูครุ่นคิดถึงสิ่งที่ผมกำลังพูด ผมเริ่มรู้สึกเขินเล็กน้อยที่ถูกพี่หมอกจ้องมองอย่างจริงจัง "แล้วจะทำยังไง ถ้าการทำสิ่งที่รัก มันไม่เป็นอิสระ" ผมขมวดคิ้วทันทีกับคำถามนั้น เหมือนกับพวกเรากำลังคุยอะไรที่คนอื่นไม่เข้าใจ

"ถ้าเป็นอย่างนั้น ผมคงต้องหาทางดู มันต้องมีสักทางที่ได้ทำสิ่งที่รักและเป็นอิสระ"

พวกเราเงียบกันอยู่สักพัก ผมมองดูพี่หมอกที่ดูเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรในใจ บางทีการที่เราได้พูดคุยกันวันนี้ อาจจะทำให้เราได้รู้จักกันมากขึ้น ผมดีใจ ที่ได้รู้จักพี่ และอยากรู้จักมากขึ้นกว่านี้

แต่เวลาก็ช่างผ่านไปรวดเร็วเหลือเกิน ผมมองนาฬิกาที่บนผนัง ที่บอกเวลาว่าผมควรจะกลับได้แล้ว ช่วงเวลาที่ผมได้อยู่กับพี่นั้น ช่างสั้นนัก ตอนนี้ ผมคงต้องไปจริงๆ แล้ว

"คือ ถ้าวันนี้ไม่มีอะไรแล้ว ผมขอตัวนะครับ" ผมพูดพลางเดินไปหยิบกระเป๋า ความจริงผมไม่ได้อยากกลับเลย ผมอยากอยู่กับพี่หมอก แต่ผมก็เป็นห่วงแม่ ยังไงก็อยู่ต่อไม่ได้แล้วล่ะ

ผมบอกลาพี่หมอก และขอโทษที่ตะโกนใส่อีกรอบ พี่หมอกนั้น ไม่ได้พูดว่าอะไรผม ไม่ได้พูด..อะไรเลยด้วยซ้ำ

ผมเดินออกนอกประตูห้องพี่หมอก และหันกลับไปมองบานประตูสีดำนั่นอีกครั้ง วันนี้ ผมได้เข้าใกล้พี่หมอกมากขึ้นอีกนิดแล้วนะ

และมันเป็นวันที่ผม ต้องจดจำไปอีกนานแสนนาน

หลังจากกลับมานั้น ผมก็จัดการงานบ้านเล็กๆ น้อยๆ และรดน้ำต้นไม้อยู่ในสวนหลังบ้าน ผมครุ่นคิดถึงพี่หมอก ไม่รู้ว่าพี่เขาจะคิดยังไงกับวันนี้บ้างนะ พี่เขาจะให้ผมไปช่วยซ้อมบทอีกไหม ผมอยากรู้จัง

Rrrr Rrrr

เสียงโทรศัพท์มือถือของผมดังขึ้น หัวใจของผมเต้นรัวอย่างอดคิดไม่ได้ว่า บางที อาจจะเป็นพี่หมอกหรือเปล่านะ

ผมที่คิดแบบนั้นก็เดินไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา แต่ว่าก็ต้องผิดหวัง เพราะเบอร์ที่โชว์อยู่หน้าจอตอนนี้ เป็นเบอร์โทรแปลกๆ ที่ผมไม่รู้จัก ผมกดรับสายและแนบหูลงบนโทรศัพท์

"ไงน้องอิน" ผมขมวดคิ้วทันทีที่ได้ยินเสียงผู้ชายพูดขึ้น

"ใครครับ" ผมลองถามดู เพราะเสียงไม่คุ้นเลย

"ไปนั่งรถเล่นกันไหม"

"ขอโทษนะครับ แต่ว่าใครครับ"

"พี่เปอร์เอง น้องอินทำลืมอีกแล้ว" อ๋อ ไอ้พี่เปอร์นั่นเอง แต่เดี๋ยวก่อนนะ

"พี่เอาเบอร์ผมมาจากไหน"

"ขอไอ้หมอกมา แอบให้เบอร์กันไม่บอกพี่ได้ไง" ผมเลิกคิ้วขึ้นแบบมึนๆ อะไรของพี่เขานะ

"เอาไว้ติดต่อซ้อมบทครับ แค่นั้น" ผมพูดพลางถอนหายใจเหนื่อย

"โอเค งั้น ออกมาเจอกันที่ไหนดี"

"ออกไปอะไรครับ ผมจะนอนแล้ว แค่นี้นะ" ผมกดวางสายทันที หนอย แบบนี้คงโทรมาป่วนอีกแหงๆ ปิดเครื่องซะเลยดีไหม

ผมที่คิดแบบนั้น ก็กดปิดเครื่องจริงๆ เพราะว่าจะเข้านอนแล้ว ซึ่งผมนั้นนอนกับแม่มาตั้งแต่เด็กๆ แล้ว แถมบ้านหลังเล็กๆ ของเราก็มีเนื้อที่เพียงนิดเดียวจริงๆ ไม่ใช่ว่าเจ้าของบ้านใจไม้ไส้ระกำอะไรหรอกนะ เพียงแค่เราสองแม่ลูกต้องการแค่นี้จริงๆ ผมไม่ได้คิดมากอะไร


ผมตื่นนอนในตอนเช้า ช่วยแม่ทำงานบ้านทุกอย่างเรียบร้อย ก่อนออกเดินทางไปมหา'ลัยเหมือนอย่างปกติ แต่วันนี้ผมนั่งรถเมล์มา เพราะหมี่บอกว่าพี่หมอกจะมารับ และให้ผมออกไปก่อนได้เลย

ผมถอนหายใจ เรื่องเมื่อคืนที่ผมได้อยู่กับพี่หมอกนั้น มันเหมือนกับความฝันจริงๆ และสุดท้ายนั้น ผมก็ต้องตื่นจากฝันอยู่ดี

ผมนั่งอยู่บนรถเมล์ และนึกขึ้นได้ว่าเมื่อคืนผมปิดมือถือเอาไว้ ผมจึงดึงมันออกมา และกดเปิดเครื่อง เผื่อว่าพวกพี่ๆ จะโทรหาผม เพราะวันนี้เป็นวันซ้อมใหญ่ครั้งสุดท้าย และพรุ่งนี้ก็จะต้องแสดงจริงๆ ในงานวัฒนธรรมของมหาวิทยาลัย

และทันทีที่ผมเปิดมือถือขึ้นมานั้น ผมก็พบว่าโทรศัพท์ของผมกำลังสั่นระรัวเพราะข้อความที่ถูกส่งเข้ามา ผมขมวดคิ้วมองดูข้อความเหล่านั้น ผมคิดถูกจริงๆ ที่ปิดเครื่อง

[ใจร้ายยยย น้องอินใจร้ายยยย]

[อย่าให้เจอที่มหา'ลัยนะ ต้องเลี้ยงข้าวพี่ด้วยยย]

[น้องอิน ทำกับพี่แบบนี้ได้งายยย]

ผมหัวเราะเบาๆ ไอ้พี่เปอร์นี่ยังไง จะสนิทกับคนอื่นง่ายไปแล้วมั้ง แค่ได้คุยกันนิดหน่อยก็ติดผมแจเลยทีเดียว แต่แบบนี้ก็ดีนั่นแหละ ผมจะได้มีเหตุผล เข้าใกล้พี่หมอก ผ่านพี่เปอร์เพื่อนสนิท

แต่ผมที่นั่งอ่านข้อความตัดพ้อของพี่เปอร์นั้น ก็สะดุดตาเข้ากับข้อความอีกข้อความหนึ่ง และสายที่ไม่ได้รับจาก...

ผมหัวใจเต้นระทึก พี่หมอกงั้นเหรอ...

ผมรีบเอามือถือเข้ามาใกล้ เพื่อจะได้เห็นข้อความชัดขึ้น

[พรุ่งนี้เวลาเดิมนะ]

ผมลูบหน้าจอมือถือของผมเบาๆ และไม่อาจสะกดกั้นความสุขในหัวใจไว้ได้ ผมยิ้มออกมาเหมือนกับโลกมันช่าง สดใสสวยงามเหลือเกิน

วันนี้ผมคงจะมาเช้าเกินไป ผมเดินไปมาใต้ตึกคณะ และนั่งลงที่โต๊ะไม้หินอ่อนใต้ร่มไม้ใกล้ๆ ช่วงบ่ายผมคงจะยุ่งมาก แต่ขอให้ทันหัวค่ำทีเถอะ ผมอยากซ้อมบทให้พี่หมอกด้วย

ผมนั่งอยู่สักพัก เพื่อรอเวลาเข้าเรียน ผมปัดจอมือถือไปมาเฝ้ามองแต่ข้อความที่พี่หมอกส่งให้ นี่มันเรื่องเหลือเชื่อไปเลย เมื่อไม่กี่วันก่อน ผมยังคงทำได้แค่เฝ้ามองพี่จากที่ไกลๆ เท่านั้น แต่ตอนนี้ ผมได้เข้าไปในห้องของพี่หมอก ได้รับข้อความของพี่หมอก นี่เป็นสิ่งที่ผมไม่เคยคาดคิดมาก่อน

ผมกดหน้าจอมือถือเข้าไปในอินสตาแกรม มองไดเรคข้อความที่ผมส่งถึงพี่หมอก ทุกๆ ข้อความยังไม่ได้รับการอ่าน หรือตอบกลับใดๆ เช่นเดิม แต่ใครจะสนล่ะ ในเมื่อผมนั้นสามารถคุยกับตัวจริงได้แล้ว

"ไอ้หมอก ช่วงนี้มาเรียนบ่อยนะมึง"

"ติดเรียนหรือติดอะไรแน่"

ผมหูผึ่งทันทีที่ได้ยินเสียงคนคุยกันอยู่ใกล้ๆ ผมใจเต้นตึกตักอย่างควบคุมไม่ได้ เพราะตอนนี้ พี่หมอกกำลังจะเดินผ่านมา พี่หมอกที่ใส่ชุดนักศึกษา กำลังเดินอยู่กับเพื่อนอีกคนที่ไม่ใช่พี่เปอร์ ทั้งสองกำลังเดินเข้ามาตามทางเดิน และเข้าใกล้ผมมากขึ้นเรื่อยๆ

"ห.หวัดดีครับ" ผมตัดสินใจส่งเสียงทักพี่หมอกทันทีที่พี่หมอกกำลังเดินผ่านมาตรงหน้า สงสัยคงเพิ่งจะเดินไปส่งหมี่ที่ตึก เลยผ่านมาทางนี้

แต่ผมที่ส่งเสียงออกไปนั้น ก็พบว่าพี่หมอกแค่ปรายตามองมาทางผมเล็กน้อย พยักหน้าลงและเดินผ่านไป เหมือนกับไม่ได้ใส่ใจ

ผมค่อยๆ หันมองตามแผ่นหลังนั้น และยิ้มให้กับตัวเอง ผมมันโง่นักที่คิดว่าพี่เขาจะสนใจ พี่หมอกก็ยังคงเป็นพี่หมอก เป็นคนที่ไม่คิดจะใส่ใจผมตั้งแต่แรกแล้ว

"ไอ้เด็กนิสัยเสีย" ผมสะดุ้งทันทีที่รู้สึกว่ามีอะไรมาจิ้มที่เอว หนอย

ผมหันขวับไปมองพี่เปอร์ที่กำลังซุ่มอยู่ในพุ่มไม้และเอาไม้ยาวๆ มาเขี่ยผม

"ทำตัวเป็นเด็กไปได้" ผมลุกขึ้นเดินหนี

"โถ น้องอินครับ พี่มาดีนะ" ผมเหลือบมองพี่เปอร์ที่เดินตามมาไม่ห่าง

"ทำไมไม่ไปอยู่กับเพื่อนพี่ละครับ" ผมทำหน้ามุ่ย ผมยังคงรู้สึกเฟลไม่หาย ที่เมื่อกี้พี่หมอกเมินผม

"พี่อยู่วิศวะ มันอยู่ศิลปกรรม พี่ไม่ได้ตัวติดมันซะหน่อย" ผมหยุดเดินและหันไปมองพี่เปอร์ วันนี้ไอ้พี่เปอร์ก็แต่งผมซะหล่อเฟี้ยวเชียว รู้สึกหมั่นไส้เล็กๆ แต่คนแบบนี้ทำไมถึงไม่เคยเห็นควงสาวๆ เลยนะ

"พี่ไม่มีแฟนเหรอ" ผมถามสิ่งที่กำลังสงสัย

"มีก็เห็นแล้วสิ" พี่เปอร์พูดและเดินเข้ามาใกล้ "แล้วเราล่ะอยากมีไหม แฟนน่ะ" ผมชะงักทันทีที่พี่เปอร์พูดและยื่นหน้ามาใกล้มากขึ้นไปอีก

"เอ่อ ผมไปเรียนดีกว่า เดี๋ยวสาย" ผมรีบเดินหนีทันที ผมเหลือบมองไปด้านหลังอีกครั้ง และเห็นพี่เปอร์ยังคงโบกมือไปมาให้ผม ไอ้พี่บ้านั่นอะไรของเขากันนะ

ช่วงบ่ายของวันนี้ก็เป็นไปตามคาด ผมถูกเรียกตัวจากพี่ๆ ในชมรมให้เข้าไปที่โรงละครด่วน เพราะมีซ้อมหลายรอบ ผมนั่งแต่งหน้าทำผมอยู่หน้ากระจก ทุกสิ่งทุกอย่างในวันนี้ล้วนเสมือนจริง ผมมองความวุ่นวายในห้องแต่งตัวที่ตอนนี้ทุกคนต่างกำลังวุ่นอยู่กับเสื้อผ้า หน้าผมของตัวเอง พวกเรานั้นซ้อมกันมาเป็นเดือนๆ แล้ว และวันพรุ่งนี้ก็จะได้แสดงจริงสักที

ละครที่พวกเราเล่นนั้นเป็นละครคลาสสิค โรมิโอกับจูเลียต ในเวอร์ชั่นที่ถูกดัดแปลงไปเรื่อยๆ ผมรู้สึกตื่นเต้นมาก ถึงผมจะชินกับการแสดงมากเพียงใด แต่ใจผมนั้นก็ยังคงตื่นเต้นเสมอที่คิดว่า ถ้าหากพี่หมอกเข้ามาดูล่ะ ผมจะดีใจแค่ไหนกันนะ

ผมที่คิดแบบนั้นก็ชั่งใจอยู่ชั่วครู่ และตัดสินใจกดข้อความส่งหาพี่หมอก ป่านนี้พี่จะทำอะไรอยู่กันนะ พี่จะตอบรับคำเชิญของผมไหม

[พี่หมอกครับ วันนี้ผมมีซ้อมใหญ่ที่โรงละคร แสดงจริงวันพรุ่งนี้ครับ ถ้าไม่รังเกียจ ถ้ามีเวลาว่างก็เข้ามาดูได้นะครับ ระบบแสงสีเสียงเหมือนจริงเลยครับ]

ผมหัวใจเต้นรัว และกดส่งข้อความนั้นออกไป ผมวางโทรศัพท์มือถือลงที่บนโต๊ะแต่งหน้า และลุกขึ้นแต่งตัวตามที่พี่ในชมรมเรียกไป

Trrr

ไม่นานสักพัก เสียงโทรศัพท์ที่กำลังสั่นอยู่บนโต๊ะก็ทำให้ผมรู้สึกมีความหวัง ผมค่อยๆ เดินไป และหยิบมันขึ้นมา หลับตาภาวนา ขอให้เป็นข้อความของพี่หมอก ขอให้พี่เขา มาดูด้วยเถอะ ช่วยตอบรับผมด้วยเถอะ...

[อืม ว่างอยู่พอดี]

ผมชะงักค้าง จ้องมองหน้าจอโทรศัพท์มือถืออยู่อย่างนั้น เดี๋ยวก่อน นี่มันจริงเหรอ นี่ผมกำลังฝันไปเหรอ ผมมือสั่นและยิ้มกว้างอย่างดีใจ พี่หมอกจะมาดูผมแสดง นี่เป็นสิ่งที่ทำให้ผมมีความสุขมาก

ผมแต่งหน้าแต่งตัวเสร็จเรียบร้อย ผมมีความมั่นใจเต็มเปี่ยม วันนี่ผมต้องทำได้ดี และพรุ่งนี้ต้องดียิ่งกว่า

ผมมองดูสัญญาณจากพี่ๆ และฟังเสียงเพลงบรรเลง เสียงผู้บรรยาย และรอที่จะถึงตาผมออกโรง

"มีมาดูซ้อมเยอะเหมือนกันนะ"

"คนนั้นใครน่ะ เหมือนเคยเห็น"

"หล่อมากอ่ะ แฟนใครในนี่เปล่า"

ผมใจเต้นตึกตัก เมื่อได้ยินเสียงพวกพี่ๆ พากันชี้ชวนให้มองดูกลุ่มคนที่เข้ามานั่งดูการซ้อม ถ้าพูดแบบนี้แล้วละก็ แปลว่าพี่หมอกมาแล้วสินะ

ผมกำมือตัวเองแน่นอย่างตื่นเต้น ใจเย็นๆ ผมทำได้ ผมต้องทำให้ได้ดีที่สุด ผมหายใจเข้าออกลึกๆ สงบอารมณ์ตัวเองและพยายามจะไม่ยิ้มหน้าบานมากเกินไป ทุกอย่างเป็นเพราะพี่หมอก ผมเข้าเรียนที่คณะนี้ ชมรมนี้ก็เพราะพี่ เพราะผมหวังว่าสักวัน ผมจะได้เล่นละครคู่กับพี่ นั่นเป็น ความฝันสูงสุดของผม

"อิน เต็มที่" พี่แก้ว รุ่นพี่ในชมรมจับบ่าผมและบีบเบาๆ ให้กำลังใจ ผมพยักหน้าและก้าวเดินออกไปหน้าเวที

แสงสีจากสปอตไลต์กำลังส่องมาที่ผม ผมเดินออกมาออกท่าทางและกวาดตามองไปทางผู้ชมที่กำลังชมอยู่ ผมเริ่มปล่อยอารมณ์เล่นไปตามบทละครที่ได้ฝึกซ้อมมาอย่างหนัก และเมื่อได้โอกาส ก็จะมองลงไปยังฝูงชนอย่างเป็นธรรมชาติ

ผมยิ้มอยู่ในใจเสมอที่มองลงไป พี่หมอกครับ พี่นั่งตรงไหนกัน พี่เห็นผมไหม ผมเก่งใช่ไหมครับ ถ้าอยู่ตรงนั้นก็ยกมือให้ผมเห็นหน่อย

แต่ผมที่พยายามมองลงไปครั้งแล้วครั้งเล่านั้น ก็ยังคงไม่เห็นบุคคลที่ผมเฝ้ารออยู่ ผมเริ่มขมวดคิ้วอย่างเคร่งเครียด เริ่มหลุดออกจากคาแรคเตอร์บทละคร

ผมมองไปมาตามฝูงชน และในที่สุด ผมก็มองเห็นแล้ว เห็นผู้ชายที่นั่งอยู่ตรงนั้น...

ผมรู้สึกราวกับภาพรอบๆ ตัว กำลังเคลื่อนไหวช้าลง ผมมองไปตรงนั้น ตรงที่ที่ควรจะเป็นพี่หมอก แต่มันกลับไม่ใช่...

ผมมองพี่เปอร์ที่กำลังยืนส่งยิ้มให้ผมและโบกมือไปมาอย่างร่าเริง ผมได้แต่หลบสายตาลงและพยายามตั้งใจอยู่กับสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า ผมต้องตั้งสติ ผมต้องอย่าไปสนใจ ผม...

"อิน" ผมมองพี่ที่เล่นบทคู่กับผมที่กำลังส่งเสียงเรียกผมเบาๆ

ผมมองไปรอบๆ และรีบต่อบทละครที่ต้องเล่นทันที ผมกำลังทำอะไร นี่มันไม่ใช่ผมเลย

"อิน ไม่สบายหรือเปล่า ซ้อมมาเป็นร้อยครั้ง อินไม่เคยพลาดสักครั้ง แต่วันนี้..."

"ผมขอโทษครับ มันจะไม่เกิดขึ้นอีก" หลังจากจบการซ้อม ผมก้มหัวขอโทษพี่ๆ ทุกคน รู้สึกผิดหวังกับตัวเอง

"อินทำดีแล้ว จริงๆ ที่ขัดไปก็แค่ 5 วิเองมั้ง ใจเย็นๆ และพรุ่งนี้ ทุ่มเททุกอย่างลงไป ทำได้ใช่ไหม ทุกคน ทำได้ใช่ไหม" ผมมองพี่หนึ่งหัวหน้าชมรมที่กำลังส่งเสียงดังและบอกทุกคนให้มีกำลังใจ ผมรู้สึกแย่มาก ผมทำให้ทุกอย่างมันแย่

"อินมีเรื่องในใจใช่ไหม" หลังจากการประชุมชมรมจบลงแล้ว พี่แก้วที่สังเกตตัวผมตลอดเวลา ก็เดินเข้ามาหาผมและจับไหล่ผมเอาไว้ "ลืมทุกอย่างในหัวใจไปก่อน และมุ่งมั่นอยู่ที่ตัวละครของเรา ในวันพรุ่งนี้ อินจะไม่ใช่ตัวอิน จำไว้ให้ดี และหลังจากนั้น ค่อยสู้ใหม่ โอเคไหม" ผมพยักหน้าและยิ้มให้พี่แก้ว ผมจะทำให้พวกพี่ๆ ผิดหวังไม่ได้

ผมเดินไปตามทางเดินที่ว่างเปล่า เดินขึ้นไปยังที่นั่งคนดูที่มืดสนิท เพื่อออกไปอีกด้านของประตูที่อยู่ด้านบน ผมส่งข้อความบอกพี่หมอกทันทีหลังจบการซ้อมว่า ผมไปที่คอนโดพี่ไม่ได้แล้ว ขอโทษด้วย เพราะผมเลิกดึกเกินไป

ผมรู้สึกอ้างว้าง ผมผิดหวังเหลือเกิน จริงๆ ผมก็น่าจะรู้อยู่แล้วว่าพี่หมอกจะไม่มีทางมา ผมหัวเราะเยาะตัวเองที่ดันไปตั้งความหวังลมๆ แล้งๆ แบบนั้น ผมมันโง่หลงตัวเอง ผมมันงี่เง่าจริงๆ

"เล่นดีมากเลยนะ" ผมหันมองไปตามเสียงพูดที่ดังขึ้น และก็พบว่ายังมีคนที่นั่งอยู่ในความมืดนั้น

"ขอบคุณที่มาดูนะครับ" ผมยิ้มให้พี่เปอร์

"ไปนั่งรถเล่นกันไหม" พี่เปอร์ส่งยิ้มและยื่นหมอกกันน็อคใบใหญ่ให้ผม

"ไปส่งที่บ้านดีกว่าครับ ผมเหนื่อยแล้ว" ผมรับหมวกนั้นมาและมองคนตรงหน้าที่ดูหน้าบานเหลือเกิน

ผมเดินตามพี่เปอร์ที่เดินนำผมไปที่ลานจอดรถหน้าคณะ ผมขมวดคิ้วอย่างแปลกใจ ลานจอดมอเตอร์ไซค์งั้นเหรอ นึกว่าขับรถยนต์มาซะอีก แต่ทันทีพี่เปอร์หยุดเดินและยืนอยู่ข้างๆ รถคันหนึ่งนั้น ผมเลิกคิ้วขึ้นและตาโตทันทีที่รู้ว่าผมจะต้องนั่งอะไรกลับบ้าน

"เปลี่ยนใจยังทันไหม" ผมมองรถมอเตอร์ไซค์สุดเท่คันใหญ่สีดำสนิทที่พี่เปอร์กำลังคร่อมมันอยู่ มันคือดูคาติ รถที่แพงแสนแพงทั้งๆ ที่ไม่มีหลังคาเลยสักนิด

"ขึ้นมา" พี่เปอร์เปิดกระจกหมวกกันน็อคขึ้นและยักคิ้วเรียกผม

ผมยืนช่างใจอยู่สักพักและก้าวขาขึ้นไปนั่งซ้อนท้าย โอ้ยย เบาะมันชันจนผมไหลลงไปกองกับหลังไอ้พี่เปอร์ซะงั้นอีก จะแนบแน่นไปไหน

"เกาะแน่นๆ" ผมแทบจะกรี๊ดแตกทันทีที่ไอ้บ้านี่มันยกล้อหน้าตอนออกตัว แบบนี้จะมีชีวิตรอดไปถึงบ้านไหม

"เบาๆ หน่อย!" ผมตะโกนฝ่าสายลมและเคาะหมวกกันน็อคไอ้คนขับรัวๆ โอ้ยย จะขับดีๆ เป็นไหมเนี่ย

"อะไรนะ! ไม่ทันใจเหรอ!" ไอ้พี่เปอร์ตะโกนตอบกลับมาและบิดเพิ่มความเร็วมากขึ้นอีก ผมที่กลัวตกก็กอดเอวพี่เปอร์ไว้แน่น ผมสัญญากับตัวเองเลยทีเดียวว่าผมจะไม่มีวันมากับไอ้พี่บ้านี่อีก

และในที่สุดพวกเราก็มาถึงหน้าบ้านของผม ผมรีบลงจากรถ และถอดหมวกกันน็อคออกแทบจะโยนใส่มือไอ้พี่เปอร์ที่กำลังหัวเราะผมที่หัวฟูฟ่อง

"ขับรถแบบนี้ไม่อยากแก่ตายหรือไง" ผมบอกพี่เปอร์ด้วยสีหน้าไม่สนุกด้วย

"จ้าๆ ขอโทษจ้า แต่ชอบไหม" พี่เปอร์ถอดหมวกออกและยิ้มชอบใจ

"ไม่ชอบ!" ผมทำหน้าบูด

"แต่พี่ชอบ" พี่เปอร์จ้องมองผมด้วยรอยยิ้มกวน

"ไม่รู้แหละ ไม่ต้องมาชวนแล้วนะ ผมกลัวตาย" ผมพูดและทำท่าจะหันกลับเข้าบ้าน แต่ภาพที่ผมเห็นตรงหน้าก็ทำให้ผมหยุดเท้าลงทันที

"มึงมาทำอะไรที่นี่วะ" พี่เปอร์ที่เห็นเหมือนกับผมก็จอดรถ และลุกขึ้นเดินไปหาพี่หมอกที่ยืนมองพวกเราอยู่

"กูมาส่งหมี่ มึงนั่นแหละมาทำไม" พี่หมอกพูดและเหลือบมองผมด้วยสีหน้าไม่ชอบใจ

"กูมาส่งอิน" ผมก้มหน้าลงกับพื้น ความคิดที่ให้พี่เปอร์มาส่งนั้นแย่มาก และยิ่งดันมาเจอพี่หมอกนี่อีก นี่มันซวยของแท้

"มีอะไรกันเหรอคะ" ผมมองหมี่ที่เดินออกมาและทำตาขวางใส่ผมทันที ผมไม่รู้เลยว่าดึกขนาดนี้พี่หมอกจะยังอยู่ที่นี่ หมี่มักบอกผม ว่าอย่าให้ใครรู้ว่าพวกเราอยู่บ้านเดียวกัน

"ทำไมบ้านหมี่กับบ้านอินถึงเป็นที่เดียวกัน" พี่เปอร์ถามด้วยความสงสัย ส่วนพี่หมอกนั้นไม่ได้พูดอะไร แต่มองผมด้วยสีหน้าไม่พอใจ และผมรู้ว่าทำไม พี่กำลังคิดว่าผมเป็นชู้กับแฟนตัวเองอะไรแบบนั้นใช่ไหม ผมอยากหัวเราะให้กรามหัก

"คือ อินเป็น..."

"ผมเป็นคนใช้ของบ้านนี้" ผมพูดแทรกหมี่และยิ้มออกมา

"จบเรื่องแล้วนะ ผมจะกลับไปหลังบ้านแล้ว" ผมมองพี่เปอร์ที่กำลังทำหน้าหม่นลงแบบสงสารเวทนา หึ และมองพี่หมอกที่ยังคงขมวดคิ้วสงสัย พี่ไม่ต้องห่วงนะ ผมไม่ได้ชอบแฟนของพี่หรอก ผมชอบพี่ต่างหาก พี่ได้ยินไหมครับ

ผมได้แต่พูดอยู่ในใจ และเดินหนีออกไปให้ไกลจากตรงนั้น

หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#4 หลงละเมอคอย](7/5/61)
เริ่มหัวข้อโดย: เนเน่ ที่ 07-05-2018 13:29:21
ึจริงๆเราแอบเชียร์พี่เปอร์นะต่อให้อนาคตพี่เปอร์จะร้ายเราก็จะอยู่ทีมพี่เปอร์
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#4 หลงละเมอคอย](7/5/61)
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 07-05-2018 14:23:25
อินก็มีดีและมั่นใจในตัวเอง
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#4 หลงละเมอคอย](7/5/61)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 07-05-2018 16:02:38
 :pig4: :pig4: :pig4:

ตอนนี้ที่รู้จักตัวละคร

ก็ยังรู้สึกว่า "เปอร์" สนใจ "อิน"
"อิน" ชอบ "หมอก"

ส่วน หมอก ยังไม่มีข้อมูลว่าชอบใคร
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#4 หลงละเมอคอย](7/5/61)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 07-05-2018 18:24:32
เปอร์  :กอด1:
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#4 หลงละเมอคอย](7/5/61)
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 08-05-2018 10:39:51
แล้วยังอยากยืนยันว่าขอเป็นเปอร์ได้ไหม :katai1:
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#4 หลงละเมอคอย](7/5/61)
เริ่มหัวข้อโดย: gungchan ที่ 08-05-2018 11:21:19
พี่เปอร์น่ารัก อ่ะ เป็นพี่เปอร์จะดีต่อใจมากเลย :hao3:
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#4 หลงละเมอคอย](7/5/61)
เริ่มหัวข้อโดย: Gloomy Sunday ที่ 14-05-2018 11:31:29
เพ้อ บทที่ 5 ตัวเอกที่แสนเจิดจรัส


ผมเข้านอนอย่างรวดเร็วจนแม่ยังแปลกใจ ผมปิดทุกอย่าง ปิดโทรศัพท์ และปิดหัวใจของผม ไม่อยากรับรู้อะไรทั้งนั้น ผมต้องกดมันไว้ เก็บทุกอย่างไว้ในส่วนที่ลึกที่สุดของหัวใจ เพราะว่าวันพรุ่งนี้มันสำคัญสำหรับผมนัก และผมจะไม่มีทางทำให้ทุกคนต้องผิดหวัง

ในตอนเช้า ผมรีบไปที่มหา'ลัย และหมกตัวอยู่ที่โรงละครซึ่งตอนนี้รอบๆ ตึกนั้น กำลังมีงานกิจกรรมกันอย่างคึกคัก มีร้านรวงขายของ และซุ้มอาหารต่างๆ ที่นักศึกษาแต่ละคณะช่วยกันจัดขึ้น

"อิน มาทำอะไรตรงนี้ ไปเดินเล่นในงานสิ" พี่แก้วที่เห็นผมนั่งฟุบอยู่กับโต๊ะในห้องแต่งตัว ก็เข้ามาถามด้วยความเป็นห่วง

"อ๋อ ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมอยากเตรียมตัว" ผมพูดพลางหยิบบทขึ้นมาอ่านอีกครั้ง

"พี่ว่า ขืนเราเป็นแบบนี้ มีแต่จะทำให้เสียสมาธินะ" พี่แก้วพูดและนั่งลงข้างๆ ผม

"ผมไม่เป็นไรจริงๆ ครับ ขอผมอยู่ในนี้เถอะ" ผมพูดและยิ้มให้พี่แก้ว

"โอเค งั้นพี่ไปซื้อขนมให้นะ"

"เกรงใจจังเลยครับ งั้นเอาเครปละกัน แล้วก็นมปั่น ซูชิ..."

"หนอยยย ไอ้เด็กคนนี้" ผมหัวเราะและหลบมือพี่แก้วที่กำลังจะหยิกแก้มผม

"ล้อเล่นครับ เอาอะไรก็ได้"

"โอเค เดี๋ยวพี่มา" พี่แก้วบอกผมและเดินออกไปจากห้อง

ผมมองไปรอบๆ ห้องแต่งตัวที่ว่างเปล่า จริงๆ ผมก็อยากออกไปเที่ยวเล่นดูนะ แต่ผมกลัว ผมกลัวว่าจะเจอกับคนที่ผมไม่อยากเห็นตอนนี้ ผมกลัวผมจะยิ่งเสียสมาธิไปใหญ่ จนถึงป่านนี้ ผมก็ยังไม่กล้าเปิดโทรศัพท์เลย ผมอยากให้การแสดงวันนี้มันผ่านไปก่อน ถึงจะเริ่มคิดฟุ้งซ่านได้

ผมนั่งอยู่ในนี้เกือบสองชั่วโมง โดยที่พี่แก้วก็ยังคงไม่กลับเข้ามา หนอยย มาหลอกน้องซะได้ ผมที่เริ่มจะหิวแล้ว ก็กำลังคิดหาทางว่าจะออกไปข้างนอกยังไงดีแบบที่ไม่ต้องเจอใคร และเมื่อผมมองไปรอบๆ ห้องนั้น ผมก็เกิดปิ๊งไอเดียขึ้นมา

ผมมองชุดน้องกระต่ายสีขาวตัวโตที่วางหลบอยู่ตรงมุมห้อง วันนี้อากาศก็ไม่ค่อยร้อนเท่าไหร่ เอาล่ะ ออกไปแบบนั้นน่าจะดีกว่า ถ้าไม่มีใครรู้ว่าเป็นผมก็โอเคละนะ

ผมจัดการสวมชุดน้องต่ายนุ่มนิ่มและสวมหัวอันใหญ่ที่แสนหนักอึ้ง โอ้ยย พอคิดดูอีกทีนี่ผมกำลังสร้างภาระให้ตัวเองมากกว่ามั้ง ผมค่อยๆ เดินคลำทางไปมา ไอ้ช่องที่มองนี่ก็มองยากชะมัด ถ้าไม่เดินไปเตะอะไรก็คงจะดี

ผมค่อยๆ เดินกระดึ้บออกไปนอกโรงละครทางประตูหลัง และทันทีที่ตัวผมโผล่ออกไปนั้น ก็เป็นไปตามคาด ผู้คนมากมายที่อยู่ในสวนที่จัดงานต่างมองผมและเข้ามาถ่ายรูปผมกันใหญ่ และไอ้ความที่ผมเป็นนักแสดง ผมก็ทำท่าทางต่างๆ ที่ดูน่ารักน่าเอ็นดู เพื่อให้ทุกคนที่เห็น มีความสุขสนุกสนาน ซึ่งพวกสาวๆ ก็ดูจะชอบเป็นพิเศษ และเดินเข้ามากอดผมและเซลฟี่กันเป็นว่าเล่น

"เอ้า น้องต่าย เอาไปเลยฟรีๆ" สาวน่ารักคนหนึ่งยื่นช่อดอกไม้มาให้ ซึ่งจริงๆ มันเป็นของขายครับ ผมโบกไม้โบกมือปฏิเสธ แต่เธอก็ยัดมันมาใส่มือให้ผม

ผมทำท่าก้มหัวขอบคุณ และเต้นระบำโชว์ไปหนึ่งรอบ อะไรแบบนี้เป็นสิ่งที่ผมชอบมาก ถึงผมจะดูเงียบๆ แต่ผมก็เอนเตอร์เทรนคนเก่ง ทุกคนที่กำลังเดินในงานต่างพากันสนใจผม และชี้ชวนกันดูความน่ารักของเจ้าต่ายตัวนี้

"พี่หมอก มานี่เร็ว ถ่ายรูปให้หมี่หน่อยค่ะ" เสียงที่ดังขึ้นจากด้านหลัง ทำให้ผมหยุดชะงักทันที ผมหันไปช้าๆ มองสาวสวยคนหนึ่งที่กำลังเดินเข้ามากอดผม และชายหนุ่มรูปหล่อที่กำลังยิ้มอ่อนโยน พลางย่อตัวลงถ่ายรูปแฟนสาวของเขา

ทำไมกันนะ ทำไมผมต้องพาตัวเองออกมาเจอกับอะไรแบบนี้ ทั้งๆ ที่ก็รู้ดี และอยากหลบเลี่ยงเสมอมา

"คู่นี้เนี่ย เปิดตัวกับสื่อไปเลยก็ได้นะ" ผมมองคนหลายคนที่อยู่แถวๆ นี้ ที่กำลังแซวคู่รักคู่ใหม่

"แต่เรตติ้งอาจจะตกได้นะไอ้หมอก สาวๆ แฟนคลับมึงใจสลายตายห่า"

"แฟนคลับเขาชอบผลงาน ไม่ได้มายุ่งเรื่องส่วนตัวหรอก" พี่หมอกตอบกลับและกำลังยิ้มแบบไม่ยี่หระอะไร

"น้องหมี่สวยมาก อิจฉามึงว่ะ"

ผมยังคงยืนอยู่นิ่งๆ มองพี่หมอกที่กำลังเดินเข้ามา และจ้องมองผมผ่านชุดกระต่ายตัวใหญ่ พี่เขาเดินเข้ามาใกล้ตัวผม กอดไหล่หมี่และเอื้อมแขนชูขึ้นไปถ่ายรูปพวกเราสามคนด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

"เอาละนะ 1 2 3"

แช่ะ!

"เอาใหม่ค่ะ เมื่อกี้หมี่หลับตา" ผมมองทั้งสองคนที่กำลังหัวเราะและหยอกล้อกัน

"สวยแล้วครับ ไม่มีใครสวยกว่านี้แล้ว" ผมยิ้มให้ภาพตรงหน้า ยิ้มให้กับรอยยิ้มของคนที่ผมรัก

และผมที่ยืนอยู่ข้างหลังสองคนนั้น ไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้ผมทำแบบนั้น ผมค่อยๆ ยื่นแขนที่ขนฟูขึ้น และยื่นช่อดอกไม้ในมือ ให้พี่หมอก

ซึ่งเมื่อเป็นแบบนั้น พี่หมอกก็หันมามองผมด้วยความแปลกใจ แต่ก็รับช่อดอกไม้ในมือของผมเอาไว้

"ขอบคุณ" พี่หมอกพูดและพยายามจ้องมองเข้ามาในดวงตาของกระต่ายผู้แสนเศร้า

และก็แน่นอน ผมมองพี่หมอกที่ยื่นดอกไม้ช่อนั้น ส่งต่อให้กับคนที่เขารัก แบบนี้มันคงดีแล้ว ผมนั้นทำอะไรไม่ได้อยู่แล้ว หัวใจของคน ไม่ใช่สิ่งที่จะบังคับกันได้ ขอให้มีความสุขนะ พี่มีความสุข ผมก็ดีใจด้วย

"เจ้าอิน! ใช่แน่ๆ" ผมสะดุ้งทันทีที่ได้ยินเสียงแหลมๆ อยู่ข้างหลัง โอ้ยพี่แก้ว รู้ได้ไงเนี่ย

ผมเหลือบมองพี่หมอก ตอนนี้พี่หมอกพี่เขากำลังจ้องมองพี่แก้ว สลับกับมองผมด้วยสีหน้าสงสัย แย่ล่ะ ผมรีบไปดีกว่า

ผมรีบหันหลังกลับ และผลักพี่แก้วให้เดินไปตามทางเดิมที่ผมออกมา มุ่งหน้าสู่โรงละคร และเมื่อมาถึงในห้องแต่งตัวแล้ว ผมก็รีบถอดหัวกระต่ายออก เหงื่อไหลซกจนเปียกไปทั้งไรผม

"ใส่เข้าไปได้ยังไง ร้อนก็ร้อน ข้าวปลาก็ยังไม่ได้กินใช่ไหม" พี่แก้วมองผมด้วยความไม่เข้าใจ

"ก็ผมเบื่อนี่นา" ผมพูดพลางทำหน้ามุ่ย

"เอ้า ไปกินซะ พี่ซื้อมาเยอะมาก กินเสร็จก็เริ่มแต่งตัวกันเลย" ผมยิ้มแป้นทันทีที่เห็นของกินอลังการวางอยู่บนโต๊ะ ถึงว่าไปนานจัง

ผมที่หิวจัดก็จัดการสวาปามทุกสิ่งที่พี่แก้วซื้อมาให้ เฮ้อ แบบนี้ค่อยสมองโล่งหน่อย เลิกคิดมาก และตั้งสมาธิอยู่ที่การกินนี่แหละดีที่สุด

"เอ่ออิน เหมือนมีคนตามหาอยู่นะ เมื่อกี้ก็เข้ามาในนี้ด้วย" ผมที่กำลังกินก็หันไปมองพี่หนึ่งหัวหน้าชมรมที่เพิ่งเข้ามา

"ใครเหรอครับ" ผมถามด้วยสีหน้าสงสัย

"ตัวสูงๆ หน้าตาหล่อๆ ใส่ช็อป" ผมที่ได้ยินแบบนั้นก็สำลักทันที ไอ้พี่เปอร์ ไอ้บ้านั่น ดีนะที่คลาดกัน ผมถอนหายใจอย่างโล่งอกและกินต่อไป

เมื่อทุกคนในชมรมมากันพร้อมแล้ว พวกเราก็ประชุมคุยกันเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่จะเริ่มแต่งหน้าแต่งตัวกัน ผมตั้งใจมาก ผมนั่งหลับตาอธิษฐานขอพรให้วันนี้การแสดงของผมผ่านไปได้ด้วยดี

ผมไม่สนใจอีกแล้วว่าพี่หมอกจะมาดูผมไหม ผมจะไม่เอาใจไปอยู่ที่ตรงนั้น เพราะมันทำให้ผมเสียสมาธิ ผมคิดแค่เพียงว่า ทุกคนที่อยู่ที่นี่ และทุกคนที่กำลังรอดูพวกเราอยู่ข้างนอกนั้น พวกเขาสำคัญ และผมจะทำทุกอย่างพังไม่ได้ พี่ๆ ทุกคนมอบบทนี้ให้แก่ผม วางใจให้ผมเป็นตัวสำคัญ ทุกสิ่งที่ผมได้ฝึกซ้อม ผมจะทำมันให้เต็มที่ วันนี้ทุกคนจะต้องมีความสุขที่ได้ดูการแสดงของพวกเรา


หมอก

มัดหมี่ เธอเป็นผู้หญิงสวย รูปร่างหน้าตาล้วนแล้วแต่ชวนเชิญให้มอง แต่ว่าเธอก็เหมือนกับผู้หญิงหลายๆ คนที่ผ่านเข้ามา ในความรู้สึก ในหัวใจลึกๆ มันบอกว่าเธอยังไม่ใช่ แต่ว่าในบางครั้ง เธอก็ดูเหมือนจะรู้ใจ ทำไมกันนะ หรือว่าควรให้โอกาสเธอ อีกสักหน่อย

"หมี่"

"คะพี่หมอก"

"ไปโรงละครกันเถอะ พี่อยากนั่ง" สิ่งที่พูดบอกเธอนั้น สำหรับผมมันก็แค่ข้ออ้าง การไปโรงละครนั้น ไม่ใช่ว่าแค่อยากหาที่นั่ง แต่ไป เพื่อพิสูจน์อะไรบางอย่าง

"แต่หมี่อยากเดินเล่นนี่คะ" ผมถอนหายใจเล็กน้อย บางทีแบบนี้ก็น่ารำคาญเหมือนกัน หรือจะทิ้งเธอไว้ที่นี่...

ผมคิดพลางมองไปรอบๆ งาน และบังเอิญจริงๆ ที่เห็นคนคนหนึ่งกำลังเดินตรงดิ่งไปยังโรงละครใกล้ๆ เหอะ ช่วงนี้ไอ้เปอร์มันกำลังยุ่งวุ่นวายกับเด็กอินนั่นเหลือเกิน น่าแปลกที่เด็กหน้าบ้านๆ นั่น ไม่ใช่สเปคมันซะหน่อย ถึงเมื่อคืนก่อนจะทำให้ผมตกใจบ้างก็เถอะ เหมือนจะมีพรสวรรค์ด้านการแสดง แต่ก็แค่นั้นแหละ วงการนี้ใครหน้าตาไม่ดีก็ไม่ได้เกิดหรอก ถึงจะเก่งแค่ไหนก็ตาม ขอโทษนะ แต่มันไม่ใช่ที่สำหรับนาย

ผมค่อยๆ เดินตามเพื่อนไปที่โรงละครนั้น โดยทิ้งหมี่ที่กำลังเลือกของอยู่ พวกผู้หญิงนี่ถ้าไม่ใช่บนเตียง ก็ดูเหมือนจะน่าเบื่อทุกคน

"มึงมาด้วยเหรอ" ไอ้เปอร์ทักผมทันทีที่เห็นผมเดินตามมา ดูเหมือนมันกำลังมองหาที่นั่งเหมาะๆ ที่จะสามารถดูการแสดงได้ถนัด

"เมื่อยขา ก็เลยมาหาที่นั่ง" ผมพูดและกอดอกเดินตามเพื่อนไป

ผมกับมันนั้นเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่สมัยมัธยม ผมเลยสนิทกับมันมากกว่าคนไหนๆ และสิ่งที่ผมรู้เกี่ยวกับตัวมันก็คือ มันเป็นเกย์ ซึ่งถ้ามันไม่ใช่เพื่อนสนิทผมละก็ ผมคงไม่ยอมอยู่ใกล้มันแน่

"รู้สึกมึงจะสนใจเด็กนี่จังเลยนะ" ผมพูดถามมันและนั่งลงข้างๆ "หน้าตาก็งั้นๆ รสนิยมมึงไม่ใช่แบบนี้นี่"

"คนนี้ ไม่เหมือนคนอื่น" ผมที่ได้ยินแบบนั้น ก็ได้แต่หัวเราะอยู่ในใจ

ผู้ชายกับผู้ชาย เรื่องน่าขยะแขยงแบบนั้น ผมละไม่เข้าใจจริงๆ แค่ผมต้องเล่นละคร ต้องทำเป็นรัก ต้องแตะตัวผู้ชาย ต้องกอด ต้องจูบ นี่ก็สุดจะทนแล้ว เมื่อไหร่ไอ้เรื่องแบบนี้จะจบลงสักที แต่ผมก็ไม่มีทางเลือก ผมต้องการมีชื่อเสียงมากกว่านี้ ต้องประสบความสำเร็จมากกว่านี้ ต้องไต่ขึ้นไป ให้สูงกว่านี้

ภายในโรงละครเริ่มดับไฟมืดลง ผมเท้าแขนลงกับที่นั่งด้วยความเบื่อหน่าย ไหน เอาล่ะ ก้อนหินก้อนไหน หรือจะเป็นต้นไม้ต้นนั้น เด็กแบบนายจะได้รับบทสำคัญมันคงเป็นไปไม่ได้ ในเมื่อมีพวกพี่ปีสี่ที่เก่งๆ ก็อยู่กันครบแบบนั้น

การแสดงเริ่มต้นขึ้น และดำเนินไปเรื่อยๆ อยู่สักพัก ผมแค่นหัวเราะอย่างรู้สึกชอบใจ มองดูเหล่าตัวละครบนเวทีที่กำลังร้องเล่นเต้นแสดง เพียงแต่ว่า...ไหนละอิน ผมไม่เห็นใคร ที่ดูเหมือนจะเป็นเด็กคนนั้น นี่นางเอกก็ออกมาแล้วนะ นายล่ะไปอยู่ไหน หรือสงสัยจะถูกคัดตัวออกแล้วละมั้ง

"โรมิโอ..."

แต่ผมที่กำลังนั่งสบายๆ แค่นหัวเราะ ก็ขยับตัวลุกขึ้นนั่งตัวตรงทันที ผมเพ่งมองออกไปยังกลางเวทีที่มีแสงไฟสาดส่อง ตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่ตัวละครเอกจะต้องออกโรง ไม่จริงน่า นี่ล้อกันเล่นเหรอ ไม่ใช่ก้อนหิน ไม่ใช่ต้นไม้ และไม่ใช่ตัวละครทั่วไป แต่เป็น พระเอก...

ผมมองโรมิโอที่รับบทโดยอิน เด็กหน้าตาบ้านๆ ไม่สิ ไม่ใช่ เด็กนั่นมันใครกัน ผมขยับตัวขึ้นอีกเพื่อมองดูเด็กคนนั้นให้ชัดๆ นั่นไม่น่าใช่เด็กอิน แต่เมื่อมองไปรอบๆ เวทีแล้วก็ไม่น่าจะมีใครที่ใช่อีก

"อิน อย่างหล่อเลยวันนี้" ไอ้เปอร์จ้องมองเด็กคนนั้นด้วยความสนใจเต็มที่ ดวงตาของมันเป็นประกาย ไม่อาจละสายตาไปที่ใดอีกได้

"พระเอกเล่นดีมาก"

"หล่อมากเลย"

ผมมองผู้คนรอบๆ ที่จมดิ่งลงไปกับการแสดงตรงหน้า และคนที่ทำให้ทุกๆ คนเป็นแบบนั้น คนที่ทำให้การแสดงละครเวทีนี้ดูมีสีสัน

นั่นก็คือพระเอกของเรื่องนั่นเอง

​​
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#5 ตัวเอกที่แสนเจิดจรัส](14/5/61)
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 14-05-2018 12:33:58
หมอกอิจฉาอินหรือไม่ถูกชะตา
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#5 ตัวเอกที่แสนเจิดจรัส](14/5/61)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 14-05-2018 12:55:53
สงสัยอินแสดงเก่งกว่าหมอกแน่ๆ  :hao3:
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#5 ตัวเอกที่แสนเจิดจรัส](14/5/61)
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 14-05-2018 13:19:25
พี่หมอกเหรอจะสู้อินได้ เหอะ!!! :m16:
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#5 ตัวเอกที่แสนเจิดจรัส](14/5/61)
เริ่มหัวข้อโดย: magic-moon ที่ 14-05-2018 16:32:33
หมอกน่าตบ พอๆกับหนูหมี่เลย
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#5 ตัวเอกที่แสนเจิดจรัส](14/5/61)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 14-05-2018 17:16:44
 :pig4: :pig4: :pig4:

จากคาแรกเตอร์ที่ผ่านมาจนถึงตอนล่าสุด

ยังไงก็อยากให้เป็น เปอร์อิน มากกว่าที่จะเป็น หมอกอิน

แต่ก็นะ  เพิ่งแค่ไม่กี่ตอน  ยังบอกอะไรไม่ได้มากหรอก
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#5 ตัวเอกที่แสนเจิดจรัส](14/5/61)
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 14-05-2018 18:10:13
พี่เปอร์น่ารักเกินไปแล้ววว /ชูป้ายไฟพี่เปอร์
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#5 ตัวเอกที่แสนเจิดจรัส](14/5/61)
เริ่มหัวข้อโดย: naruxiah ที่ 14-05-2018 20:59:58
แอบเชียรเปอร์ ส่วนหมอกนี่ จะรักอินตอนไหน จะหันมาสนใจอินมั่งมั้ย? อินเปิดใจให้เปอร์เถอะ
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#5 ตัวเอกที่แสนเจิดจรัส](14/5/61)
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 14-05-2018 21:40:58
เหอะๆ ทีมเปอร์  :katai5: ไม่ชอบอิพี่
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#5 ตัวเอกที่แสนเจิดจรัส](14/5/61)
เริ่มหัวข้อโดย: Gloomy Sunday ที่ 16-05-2018 16:46:18
เพ้อ บทที่ 6 สองหนุ่มอันตราย


การแสดงจบลงแล้ว ผมและพี่ๆ ทุกคนต่างพากันขึ้นมาขอบคุณบรรดาผู้ชมที่ด้านหน้าเวที เสียงกรี๊ดและเสียงปรบมือยังคงดังกึกก้อง ผมมีความสุขมาก ผมทำมันได้ อย่างที่ทุกคนคาดหวังไว้

พวกเราโค้งลงให้บรรดาคนดูเพื่อขอบคุณที่เป็นกำลังใจ ผมส่งยิ้มให้ผู้คนที่ตะโกนเรียกชื่อผม แต่ขณะที่กำลังโบกมือให้ทุกๆ คนนั้น สายตาของผมก็เหลือบมองเห็นคนคนหนึ่งในฝูงชน ผมนิ่งชะงัก จ้องมองคนที่ผมไม่คิดว่าจะได้เห็นในค่ำคืนนี้

พี่หมอก...

ผมค่อยๆ ยิ้มกว้างอย่างดีใจ ผมดีใจมาก ผมส่งยิ้มและโบกมือต่อไปให้ทุกคนในโรงละคร แต่สายตาของผมนั้น ก็ยังคงจับจ้องอยู่ที่พี่หมอกตลอดเวลา สีหน้าของพี่หมอกนั้นมีแต่ความประหลาดใจ และกำลังจ้องมองผมเช่นกัน

"ไปอิน ฉลองกัน" เมื่อลงจากเวทีแล้ว สิ่งแรกที่ผมโดนก็คือ ผมถูกกอด ถูกอุ้ม ถูกดึงทึ้งไปมา ทุกคนเอ็นดูผมมาก และวันนี้ผมทำได้ดีมากจริงๆ

"ทำได้ดีมากน้องชาย"

"พระเอกดาวรุ่งในอนาคต"

ผมยิ้มกว้างให้พวกพี่ๆ วันนี้ผมมีความสุขเหลือเกิน

และผมที่กำลังพูดคุยอยู่กับพี่ๆ ในชมรมนั้น อยู่จู่ๆ ก็มีเสียงปรบมือแทรกขึ้นมา

"สุดยอดด บราโว่" ทุกคนในชมรมอึ้งชะงัก และมองผู้ที่ก้าวเข้ามาในห้องแบบไม่เกรงใจใคร

"ที่นี่คนนอกห้ามเข้านะครับ" ผมพูดยิ้มๆ และเดินเข้าไปหาคนมาใหม่ แต่เมื่อผมยิ่งเดินเข้าไปใกล้นั้น ก็เพิ่งสังเกตว่าพี่เปอร์ไม่ได้มาคนเดียว ยังมีคนอีกคนเดินตามเข้ามา และมองไปรอบๆ ห้องอย่างสนใจ

เสียงฮือฮาเล็กๆ เริ่มดังขึ้น เพราะว่าในมหาวิทยาลัย แห่งนี้ น้อยคนนักที่จะไม่รู้จัก พี่หมอก...

"แสดงได้ดีมากเลยนะครับ ผมกับเพื่อนประทับใจมาก" พี่เปอร์พูดพลางคว้าคอพี่หมอกมากอด ซึ่งถึงแม้ว่าพี่หมอกจะไม่ได้พูดอะไรและกำลังทำหน้าเหม็นเบื่อ แต่ผมก็มีความสุขมาก

"ก็ต้องยกความดีความชอบให้ตัวหลักของเราครับ" พี่หนึ่งหัวหน้าชมรมพูดและเดินมากอดคอผม

"พูดอะไรแบบนั้นครับ ทุกคนก็เล่นดีหมดแหละ" นี่เป็นความจริง เพราะพวกเราทุกคนตั้งใจ ทุกอย่างถึงออกมาได้ดี

"เห็นแบบนี้แล้วอยากจะเผาไอ้แว่นบ้านั่นจริงๆ" ไม่พูดเปล่า ไอ้พี่เปอร์จ้องมองใบหน้าของผมพลางเดินไปที่โต๊ะเพื่อหยิบแว่นขึ้นมา ซึ่งผมที่เห็นแบบนั้น ก็รีบไปตะครุบแขนคนจุ้นจ้านทันที

"อย่ายุ่งนะ" ผมแย่งแว่นตาของผมคืนมาและซ่อนไว้อย่างหวงแหน ท่ามกลางเสียงหัวเราะของพี่ๆ

"ชอบมานั่งตัดพ้อว่าตัวเองไม่หล่อ ก็ทำตัวจืดชืดเองแท้ๆ" พวกพี่ๆ ได้ทีก็แซวกันใหญ่

"เรื่องของผมน่า" ผมพูดอย่างอายๆ พลางแอบเหลือบมองคนที่ยืนอยู่มุมห้อง และผมก็ต้องประหลาดใจ เพราะคนคนนั้นก็จ้องมองมาที่ผมเหมือนกัน

หลังจากนั้น พวกเราก็ตกลงกันว่าจะไปกินเลี้ยงฉลองกันที่ร้านหมูกระทะแห่งหนึ่ง ผมรีบโดดขึ้นรถพี่แก้วทันทีที่เห็นพี่เปอร์ทำท่าจะลากผมไปขึ้นรถตัวเอง จ้างให้ก็ไม่ไปหรอก ผมยังอายุน้อย ยังไม่อยากตายเลยสักนิด

ผมไม่รู้ว่าพี่หมอกจะมาด้วยไหม เพราะว่าหลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ ผมก็ไม่เห็นพี่เขาอีก แต่พี่หมอกคงไม่สนใจมาหรอก ผมรู้ดีและไม่อยากหวังไกล

ไม่นานพวกเราก็มาถึงร้านหมูกระทะแห่งหนึ่งใกล้ๆ กับมหา'ลัย ผมลงจากรถพี่แก้ว และรีบบึ่งไปจับจองที่นั่งพลางเดินเลือกตักอาหารทันที พวกเรานั้นมากันยี่สิบกว่าคนได้ เรียกได้ว่าแทบจะถล่มร้านเลยทีเดียว

"คนนั้นดาราป่ะ"

"หล่อโคตรๆ โอปป้าจ๋าสุดๆ"

ผมมองสาวสองคนที่กำลังซุบซิบกันอยู่ข้างๆ ผม ขณะที่ผมกำลังตักเต้าหู้อยู่ ดาราที่ไหนมานะ คนถึงได้ซุบซิบกันขนาดนี้

และทันทีที่ผมหันไปมองด้านหลังนั้น เต้าหู้ในมือผมก็แทบจะหลุดกระเด็นหวือไปทันที

พี่หมอก...นี่พี่มาได้ไงเนี่ย

"มึงไปตักเนื้อ กูจะไปตักของทอด" ไม่ไกลจากผมนัก พี่เปอร์เดินมากอดไหล่พี่หมอกไว้ และออกคำสั่งด้วยใบหน้ากวนๆ

ผมรีบหันหลังกลับ เดินฉิวหลบเลี่ยงสองคนนั้น ให้ตายสิผมจะกินลงไหม ทำไมพี่ถึงมาที่นี่ด้วย ไอ้ความตื่นเต้นและประหม่าสุดๆ นี้ ตอนแสดงบนเวทีกลับไม่มากเท่า ผมนี่น่าจะอาการหนักแล้ว

"อะไรเรา หนีพี่อีกแล้วนะ" ดูเหมือนการหลบหนีของผมจะไม่เป็นผล มือยาวๆ ของพี่เปอร์ คว้าผมเอาไว้ได้ซะก่อน

"ผมเปล่านะ" ผมปฏิเสธข้อกล่าวหานั้น พลางเหลือบมองพี่หมอกที่ไม่ได้สนใจพวกเรา แต่กำลังก้มลงตักผักอยู่

"เดี๋ยวพี่เลี้ยงเองนะ ค่าอาหารเราน่ะ" ผมส่ายหน้าทันทีที่พี่เปอร์พูดแบบนั้น

"ผมมีคนเลี้ยงครับ นี่ชมรมผม"

"เหรอ งั้นก็ได้ แต่เอาอะไรไปฝากแม่อินด้วยสิ เดี๋ยวขากลับแวะซื้อกัน" ผมหุบยิ้มทันทีที่ได้ยินแบบนั้น

"ผมกับแม่ไม่ได้ลำบากอะไรครับ ขอบคุณมาก" ผมรู้ว่าพี่เปอร์หวังดี แต่ผมแค่ไม่ชอบ สายตาที่มองผมเหมือนกับสงสารหรือเวทนาแบบนั้น

"เอาไปวาง" เสียงพี่หมอกแทรกขัดขึ้น และผักใบเขียวพูนๆ สารพัดชนิด ก็ถูกยื่นมาใส่หน้าพี่เปอร์

ผมได้ทีเดินเลี่ยงสองคนนั้นออกมา ขณะที่ยังได้ยินเสียงสองคนนั้นเถียงกันเรื่องเนื้อกับผัก ผมเห็นผู้คนดูสนใจพี่หมอกมากๆ ผมนึกว่าพี่หมอกจะไม่ชอบมาร้านแบบนี้ซะอีก

ผมเดินกลับมาที่โต๊ะตัวยาวที่พวกเราชมรมการแสดงเหมาเอาไว้ และนั่งลงตรงข้ามกับพี่แก้ว

"ไปตักถึงไหนมาเราน่ะ" พี่แก้วบ่นผมทันทีที่ผมหายไปนาน

"ผมหาของไม่เจออ่ะ" ผมแก้ตัวและเริ่มตักกินของทอดในจาน

"นี่ พี่ถามหน่อยสิ" พี่แก้วหยุดย่างเนื้อและมองผมแบบสงสัยจริงๆ

"ครับ อะไรเหรอ"

"ไอ้สองหล่อนั่นอ่ะ สนิทกับเราเหรอ" ผมเลิกคิ้วทันทีที่ได้ยินคำถามนั้น

"ไม่เลยครับ ไม่สนิทเลย" จริงๆ ผมอยากให้เป็นแบบนั้นมาก โดยเฉพาะพี่หมอก

"พี่ว่าเราอย่าไปยุ่งกับสองคนนั้นมากเลยนะ แต่ละคนชื่อเสียงแย่ๆ ทั้งนั้น" ผมขมวดคิ้วพลางทำหน้าตาอยากรู้เต็มที่

"ยังไงเหรอครับ"

"พี่ก็ไม่รู้ว่าจริงไหม แต่หมอกน่ะ เจ้าชู้มาก" ผมหัวเราะเหอะ เบาๆ อันนั้นผมรู้ดี

"แล้วก็อีกคนน่ะ รู้สึกจะเป็นเกย์ด้วยนะ" ผมที่กำลังคีบลูกชิ้นเข้าปากก็ชะงักทัน เกย์ งั้นเหรอ พอคิดดูดีๆ แล้ว ก็มีความเป็นไปได้สูง

"เป็นเกย์ไม่ดีเหรอครับ" ผมถามพี่แก้ว

"อ๋อ ไม่ใช่แบบนั้น แต่พี่จะบอกว่า เพื่อนกันก็มักจะนิสัยคล้ายกัน พี่แค่เป็นห่วงเรานะ" ผมที่ได้ฟังคำอธิบายก็ยิ้มให้พี่แก้วทันที

"พวกเขาไม่เกี่ยวกับผมหรอกครับ" ผมพูดให้พี่แก้วสบายใจ

"ใครจะไปรู้ล่ะ อินของพี่น่ารักจะตาย" พี่แก้วพูดพลางดึงแก้มผม น่ารักอะไรกันละครับ น่าลักไปฆ่านี่เข้าท่าหน่อย

ผมหันไปมองพี่หมอกกับพี่เปอร์ที่นั่งอยู่ด้วยกัน เยื้องไปทางด้านหลังของโต๊ะผม ทั้งสองคนคงไม่กล้าเข้ามาร่วมด้วยเพราะไม่ได้อยู่ชมรมการแสดง แต่ก็ยังแอบตามมานะ อะไรของเขากันนะ โดยเฉพาะพี่หมอกที่ผมไม่เข้าใจเลย แต่อาจเป็นเพราะพี่เปอร์ชวนละมั้ง คงเป็นแบบนั้นนั่นแหละ

"อิน ไปเอาน้ำให้หน่อย" พี่แก้วยื่นแก้วเปล่าให้ ซึ่งผมก็ลุกขึ้นบริการทันที

ผมเดินถือแก้วสองใบเดินไปตักน้ำแข็ง และหันมากะจะกดน้ำ แต่ก็ชนเข้ากับคนคนหนึ่งพอดี

"ข.ขอโทษครับ" ผมรีบละล่ำละลักพูดเพราะน้ำแข็งหกกระจายเต็มพื้น และที่ตกใจหนักกว่านั้นก็คือ คนที่ผมชนคือพี่หมอก

"ดูทางซะมั่ง" พี่หมอกทำหน้าเซ็งๆ พลางปัดเศษน้ำแข็งออกจากเสื้อ

"ครับ ขอโทษนะครับ" ผมก้มหัวขอโทษอีกครั้ง และพยายามจะเดินเลี่ยงไป

"หลังจากนี้ ก็ว่างใช่ไหม" ผมที่ได้ยินก็หยุดเดินต่อ และหันกลับไปหาคนที่พูด

"ครับ" ผมกดอาการตื่นเต้นเอาไว้ พยายามไม่ให้มือสั่น

"หกโมงเย็นทุกวัน มาช่วยต่อบทหน่อย มีค่าจ้างให้ ไม่ใช้งานฟรีๆ หรอก" พี่หมอกพูดอย่างรวดเร็วและทำท่าจะเดินกลับ

"เรื่องเงิน ไม่เป็นไรหรอกครับ" ผมรีบปฏิเสธทันที แค่พี่หมอกอยากให้ผมช่วยนี่ก็เป็นเรื่องดีสุดๆ อยู่แล้ว

"จะจ้าง" พี่หมอกหันกลับมาพูดเน้นๆ ใส่ผม ใบหน้าและท่าทีแสดงออกว่าไม่ให้ผมเถียง

ผมพยักหน้า และแอบยิ้มเมื่อพี่หมอกเดินไปแล้ว

"มีเรื่องอะไรให้ยิ้มเล็กยิ้มน้อย" ผมตกใจจนน้ำแข็งแทบจะกระจายอีกรอบ เพราะคนบ้าที่โผล่พรวดเข้ามากอดคอผมอีกแล้ว

"ปล่อยผมเลยนะ" ผมพ่นลมหายใจออกจมูก และจ้องตาบอกคนบ้าว่าให้ไปไกลๆ

"โธ่ ใจร้ายกับพี่อีกละ" ไอ้ปากงุ้ยๆ ที่ดูงอนๆ นั่นไม่เข้ากับตัวโตๆ ของคนทำเลยสักนิด ผมหัวเราะหึ ออกมาในลำคอและจ้องมองคนตรงหน้า พิจารณาดูตั้งแต่หัวจรดเท้าอีกทีและนึกถึงสิ่งที่พี่แก้วพูด

"พี่ชอบผู้ชายเหรอ" ผมถามออกไปตรงๆ เป็นคำถามที่เสี่ยงเจ็บตัวมาก แต่ก็โล่งใจทันทีที่พี่เปอร์ยิ้มออกมา

"เราก็เหมือนกันสินะ" ราวกับเป็นคำถามฆ่าตัวตาย ผมตกใจก้าวถอยหลัง และทำหน้าตื่นจนพี่เปอร์ตกใจตาม

"เดี๋ยวๆ ไม่ต้องตกใจ" พี่เปอร์รีบพูดและอมยิ้มอย่างมีเลศนัย พลางยื่นหน้ามาพูดใกล้ๆ ให้เสียงเบาลง "พี่รู้ ว่าพวกเราเหมือนกัน พี่ไม่เอาไปป่าวประกาศหรอก และพี่ก็ไม่สนว่าใครจะพูดเรื่องของพี่ เพราะพี่ไม่เคยปิดบังว่าพี่เป็นเกย์" ผมเริ่มรู้สึกใจเย็นลง และจ้องมองคนตรงหน้าอย่างจริงจัง ผมกังวล เพราะผมกลัวว่าตัวเองจะแสดงออกมากเกินไป

"พี่รู้ได้ยังไง" ผมถามเสียงเบา มองคนที่ดูวันนี้จะเจ้าเล่ห์มากกว่าที่เคย

"พูดตรงๆ นะ" พี่เปอร์พูดเสียงเบาราวเสียงกระซิบ ทำให้ผมต้องตั้งใจฟังมากขึ้น "ความจริง พี่ก็ไม่รู้หรอก แต่ดูจากที่อินตกใจขนาดนี้ ก็แปลว่าใช่" ผมที่ได้ฟังคำตอบนั้นก็แทบอยากจะชกไอ้บ้านี่สักหมด นี่ผมกำลังโดนหลอกให้สารภาพสินะ

"นิสัยไม่ดี" ผมพูดอย่างคาดโทษ ทำเอาพี่เปอร์เริ่มหัวเราะออกมา "ผมไปดีกว่า ไม่อยากคุยด้วยแล้ว" เบื่อคนหัวเราะกวนประสาท ผมทำตาโตดุมากกว่าเก่าและตั้งท่าเตรียมหนีอย่างรวดเร็ว

"พี่สนใจเรานะ" เท้าของผมหยุดชะงักอีกครั้ง และครั้งนี้หน้าขึ้นสีจนเกินจะรับได้

"ไม่รับรู้" ผมพูดและเดินหนีออกมาทันที คนบ้า อยู่ๆ มาพูดอะไร สนใจงั้นเหรอ คนแบบนั้นเชื่อได้หรือเปล่าไม่รู้

ผมกลับมานั่งที่โต๊ะ และเหลือบมองไอ้พี่เปอร์ที่ยังคงจ้องมองผมด้วยแววตากวนซะเหลือเกิน ผมใจเต้นตึกตัก เป็นครั้งแรกที่มีคนพูดแบบนี้กับผม ไอ้พี่บ้านั่นพูดจริงเหรอ ไม่ใช่หรอกมั้ง คงโดนแกล้งอีกตามเคย

หลังจากกินเสร็จ ผมเก็บของ และบอกลาพวกพี่ๆ เพื่อที่จะกลับบ้าน ผมไม่กล้าให้พี่แก้วไปส่งเพราะคนละทางกัน เลยกะว่าจะไปโบกรถแท็กซี่ ซึ่งตอนนี้ก็ดึกพอสมควรแล้ว ป่านนี้แม่น่าจะบ่นผมหูชาแน่ๆ

ผมเดินออกมาจากร้าน มองหารถแท็กซี่ที่กำลังแล่นผ่านไปมา แต่ก็ยืนมาสักพักหนึ่งแล้ว รถที่ว่างก็ไม่มาสักที

"อิน" เสียงเรียกจากด้านหลังตามมาด้วยท่อนแขนที่ทั้งหนาและหนัก ผมหันขวับมองคนที่มากอดคอผมอีกแล้ว ไอ้พี่บ้านี่ทำอย่างอื่นไม่เป็นจริงๆ "กลับด้วยกันนะ" ผมหรี่ตาลงและแกะแขนหนาๆ นั่นออก ไม่มีทางซะหรอก

"ไม่เอาอ่ะ ผมกลัวตาย" ผมพูดและมองหาแท็กซี่ต่อไป

"ใครบอกว่าไปรถพี่" พี่เปอร์พูดและเพยิดหน้าไปอีกทิศทางหนึ่ง ซึ่งเมื่อผมหันไปมองนั้น ก็พบว่ามีคนคนหนึ่งยืนอยู่ที่รถยนต์สุดหรูด้วยใบหน้าบึ้งตึง

ผมควบคุมสีหน้าไม่ให้ดูตื่นเต้นเกินไปเมื่อมองไปที่พี่หมอก ผมยังไม่ได้เตรียมใจเลย ผมไปด้วยได้จริงๆ งั้นเหรอ ผมกรามแข็งทื่อด้วยความตื่นเต้น แต่ดูเจ้าของรถ จะไม่ค่อยเต็มใจนัก

"เร็วๆ" พี่หมอกเรียกผมหรือพี่เปอร์ก็ไม่แน่ใจ และขึ้นไปนั่งบนรถทันที

ผมที่เห็นแบบนั้น ก็ค่อยๆ เดินตามพี่เปอร์ไปที่รถคันนั้น ผมยืนมอง แต่ก็ไม่กล้าขึ้นไป วันนี้ผมนั้นช่างโชคดีอะไรแบบนี้นะ

"ขึ้นไปเลย" พี่เปอร์เปิดประตูรถด้านหลัง ออกแรงผลักผมเบาๆ ให้เข้าไปนั่ง และตัวเองก็ลงมานั่งตาม

"มึงมานั่งข้างหน้า กูไม่ใช่คนขับรถ" เสียงพี่หมอกทั้งดังและคุกคาม ดูอารมณ์เสียจริงจังเมื่อพี่เปอร์มานั่งข้างผม

"ขี้บ่นจังเลยนะมึงเนี่ย กูอยากนั่งกับน้อง" พี่เปอร์พูดพลางทิ้งตัวลงพิงเบาะและหลับตา ไม่สนใจที่พี่หมอกกำลังด่าเลยสักนิด

ผมมองคนสองคนที่กำลังเหมือนทำสงครามประสาท พี่หมอกยังคงไม่ออกรถ และทำหน้าเหมือนอยากฆ่าคนเบาะหลังให้ตาย

"คือว่า..." ผมกลัวที่จะทำลายความเงียบนี้ แต่พี่หมอกก็ยังคงดูไม่ยอม เป็นเพราะผมหรือเปล่านะ ผมไม่ควรขึ้นมาบนนี้ใช่ไหม

"นั่งเฉยๆ ไม่ต้องพูดอะไร" พี่เปอร์ล็อกตัวผมไว้ และยังคงนั่งอย่างสบายใจ ผมเหลือบมองพี่หมอกที่จิ๊ปากทุกๆ สองวิ ทุบพวงมาลัยสองครั้งและเริ่มออกรถไป "เห็นไหม ยังไงมันก็ยอม จริงๆ มันใจอ่อนจะตาย" พี่เปอร์ป้องปากกระซิบผม ซึ่งผมว่ามันไม่น่าใช่การกระซิบ แต่เป็นนินทาซึ่งๆ หน้าเลยมากกว่า

พอเป็นแบบนี้ ผมก็รู้สึกทั้งเกรงใจและรู้สึกดี ผมได้รู้อะไรใหม่ๆ อีกแล้ว พี่เปอร์บอกว่าพี่หมอกเป็นคนใจอ่อน นั่นแปลว่าพี่ก็ใจดีใช่ไหม หรือว่ามันจะคนละความหมายกัน

"ถ้าไม่ใช่บ้านหมี่ กูไม่ไปหรอก" พี่หมอกพูดและเหยียบคันเร่งแรงขึ้น ผมที่ตอนแรกก็ยิ้มนั้น ตอนนี้ค่อยๆ หุบยิ้มลงช้าๆ นั่นสินะ พี่ไม่มีทางอยากไปส่งผมอยู่แล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะบ้านหลังนั้น มีคนที่พี่รักอยู่

ผมกล้ำกลืนน้ำตาที่หลั่งรินอยู่ในใจ พี่จะรู้ไหมว่า คำพูดของพี่นั้น มันทำให้ผมเจ็บปวดเหลือเกิน

"อินอยู่บ้านหมี่มาตั้งแต่เมื่อไหร่" ผมที่นั่งซึมอยู่นั้น พี่เปอร์ก็ถามขึ้นทำลายความเงียบ

"ตั้งแต่เด็กครับ พ่อทิ้งผมกับแม่ พวกเราก็เลยไม่มีที่ไป" ผมพูดและมองปลายเท้าของตัวเอง

"อิน ถ้าอยากทำงานบอกพี่นะ บ้านพี่ทำธุรกิจหลายอย่าง มาทำงานกับพี่ก็ได้"

"ขอบคุณครับ แต่ผมมีสิ่งที่อยากทำแล้ว" ผมพูดด้วยใบหน้าหม่นเศร้า และเหลือบมองดูคนด้านหน้า

ความฝันของผม ถึงแม้จะยังดูห่างไกลนัก แต่ผมก็หวังว่าสักวัน อาจมีสักวัน ที่พวกเราจะได้แสดงคู่กัน
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#6 สองหนุ่มอันตราย](16/5/61)
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 16-05-2018 17:55:10
ติดตามจ้า
 :L2: :pig4: :L2: :pig4: :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#6 สองหนุ่มอันตราย](16/5/61)
เริ่มหัวข้อโดย: naruxiah ที่ 16-05-2018 18:07:53
ต้องมีวันนั้นแน่ๆอิน เปลี่ยนใจชอบเปอร์ตอนนี้ยังทันนะ
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#6 สองหนุ่มอันตราย](16/5/61)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 16-05-2018 18:43:54
 :pig4: :pig4: :pig4:

ยังไงก็เชียร์เปอร์อิน  เพราะยังมองไม่เห็นว่าหมอกอินจะมีความเป็นไปได้
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#6 สองหนุ่มอันตราย](16/5/61)
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 16-05-2018 23:31:59
แอบเชียร์พี่เปอร์ พี่เปอร์ของน้องง   :impress2: ขำตรงนี้
          " พี่สนใจเรานะ เป็นรับใช่ไหม " โอ้ยย ถามตรงเกิ๊น  :laugh:
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#6 สองหนุ่มอันตราย](16/5/61)
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 17-05-2018 01:18:34
เอาจริงๆพี่เปอร์ดู้ไร้พิษภัยนะ
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#6 สองหนุ่มอันตราย](16/5/61)
เริ่มหัวข้อโดย: nightsza ที่ 17-05-2018 01:43:08
เปอร์ก็เหมือนจะดูแลดีนะ แต่กวนๆไปหน่อย หมอกระวังจะมาเปลี่ยนใจทีหลังไม่ได้นะ
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#6 สองหนุ่มอันตราย](16/5/61)
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 17-05-2018 02:21:53
ฮันแน่ มีแอบใจเต้นกับคำพูดเปอร์ด้วยอ่ะ
 แต่จากนี้ไป อินจะไปไกล้ชิดกับหมอกแล้วนะ
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#6 สองหนุ่มอันตราย](16/5/61)
เริ่มหัวข้อโดย: Gloomy Sunday ที่ 17-05-2018 13:50:29
เพ้อ บทที่ 7 จุดเปลี่ยนของความรู้สึก


ถึงแม้ว่าคำพูดบางคำของพี่หมอกจะทำร้ายจิตใจของผม แต่ค่ำคืนนี้ ก็ถือว่าเป็นคืนที่ดีเหลือเกิน พี่หมอกมาดูการแสดงของผม ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าพี่เขาตั้งใจมาดูหรือเปล่า แต่มันก็ทำให้ผมดีใจมาก ผมได้เข้าใกล้พี่หมอกมากขึ้น มากขึ้นเรื่อยๆ และพี่หมอกก็ยังเอ่ยปากบอกให้ผมไปช่วยซ้อมบททุกเย็นอีก ผมยังหวังอะไรมากกว่านี้ได้อีกเหรอ แค่นี้มันก็ดีสำหรับผมมากแล้ว ดีมากจริงๆ

ผมยังคงอยู่บนรถ นั่งเงียบๆ ฟังพี่หมอกกับพี่เปอร์ที่กำลังคุยกัน ผมมองไปรอบๆ ภายในรถที่แอร์เย็นฉ่ำ ฟังเสียงเพลงคลอเบาๆ ผมนึกฝัน ว่าถ้าหากผมได้มีโอกาสนั่งอยู่บนรถกับพี่หมอกสองต่อสอง มันจะดีสักแค่ไหนกันนะ

ไม่นานรถพี่หมอกก็จอดลงที่หน้าบ้านของหมี่ ซึ่งเมื่อผมค่อยๆ ลงจากรถ ก็พบว่าหมี่กำลังเดินออกมาจากตัวบ้าน และวิ่งมาหาพี่หมอกที่เพิ่งลงจากรถเช่นกัน

"พี่หมอกกก มาได้ยังไงคะเนี่ย แล้วเมื่อเย็นหนีหมี่ไปไหนก็ไม่รู้" หมี่ทำเป็นมองไม่เห็นผมและทำตัวอ้อนแฟน เธอแต่งตัวด้วยชุดนอนบางเบา ขาสั้นจนน่าใจหาย

"พี่บอกแล้วไง ว่ามีนัดกับเพื่อน แล้วทำไมแต่งตัวแบบนี้ลงมา" พี่หมอกโอบเอวเธอไว้หลวมๆ ผมพยายามไม่มองภาพตรงหน้ามากนัก ภาพที่ต่อให้ทำใจยังไงก็เจ็บปวดอยู่ดี

"แหม ก็หมี่เตรียมจะนอนแล้วนี่คะ"

"เฮ้ออ ถ้าเปลี่ยนเป็นอินใส่ อะไรๆ คงดีกว่านี้เยอะ" พี่เปอร์เอี้ยวตัวมากระซิบผม ทำเอาผมตาโตค้าง ไอ้พี่บ้านี่พูดอะไรของเขากันนะ

"ผมไปดีกว่า ขอบคุณนะครับ" ผมก้มหัวขอบคุณพี่เปอร์ และพี่หมอกที่ไม่ได้สนใจมองผม

"น้องอิน ฝันดีนะ" ผมเหลือบมองพี่เปอร์ และเดินหนีไปทางหลังบ้าน

ผมไม่รู้ว่าพี่เปอร์พูดจริงหรือเปล่าเรื่องที่ว่าสนใจผม ผมนั้นไม่เคยมีแฟนมาก่อน เพราะผมไม่ค่อยสนใจสุงสิงกับใครจนถึงขั้นชอบพอกันได้ จะมีก็แต่รุ่นพี่ที่คณะที่คุยกับผม แต่ก็ไม่เคยมีใครบอกว่าชอบผมสักที และสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ หัวใจผมมีเพียงพี่หมอกเท่านั้น ผมควรจะทำยังไงดีนะ ถ้าสิ่งที่พี่เปอร์พูด เป็นเรื่องจริง


ในรุ่งเช้าของวันถัดไป ผมออกจากบ้านแต่เช้า และมุ่งหน้าไปที่มหา'ลัยเหมือนเช่นเคย ตอนนี้หมี่ไม่ต้องการคนขับรถอีกแล้ว ผมจึงมามหา'ลัยด้วยรถเมล์ และมานั่งอยู่ที่โต๊ะไม้หินอ่อนแถวๆ คณะ รอเวลาที่จะต้องเข้าเรียน

ที่นี่ดูร่มรื่นและมีนักศึกษาเดินไปมาเยอะแยะเต็มไปหมด ผมมองผู้คนที่เดินผ่าน หลายๆ คนเหมือนจะจำผมได้ และส่งยิ้มให้ผม การแสดงของผมเมื่อคืนคงจะถูกใจคนหลายคนเลยทีเดียว ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างงดงาม

"นั่งรอใครอยู่เหรอ" ผมสะดุ้งทันทีที่รู้สึกถึงความเย็นที่ข้างแก้ม และก็คงไม่มีใครอื่น ที่จะชอบแกล้งผมแบบนี้

"มันเย็นนะครับ" ผมเช็ดแก้มตัวเอง และมองพี่เปอร์อย่างคาดโทษ

"ดื่มสิ พี่ซื้อมาให้" คนพูดนั่งลงข้างๆ ผม ยื่นนมมาให้หนึ่งกล่อง

"ขอบคุณครับ" ผมว่าผมคงปฏิเสธไม่ได้อยู่แล้ว เลยรับไว้แต่โดยดี ผมดื่มนมที่พี่เปอร์ซื้อมาให้ และมองผู้คนที่เดินผ่านไปมาต่อ

"แล้วเรื่องที่พี่บอกว่าสนใจ ได้เก็บไปคิดบ้างไหม" ผมที่ไม่ทันตั้งตัวก็พ่นนมพรวดออกมา ไม่คิดว่าพี่เปอร์จะพูดเรื่องนั้นต่อจริงๆ เริ่มประหม่าทำตัวไม่ถูกซะแล้ว

"แน่ะเขินล่ะสิ น่ารักจัง"

"ไม่ได้เขินซะหน่อย" ผมพูดแก้ตัว เหลือบมองคนที่กำลังยิ้มกวน "ผม...ดูออกง่าย ว่าเป็น...จริงๆ เหรอ"

"ไม่ใช่แบบนั้นหรอก" พี่เปอร์ที่เห็นผมเริ่มถามจริงจังก็เลิกหัวเราะ ขยับตัวมานั่งใกล้ผมมากขึ้น "พี่เดาเอาจริงๆ" พอได้ยินแบบนี้ ก็เริ่มเบาใจลงเล็กน้อย

"ถ้าผมบอกพี่ตอนนี้ ว่าผมไม่ได้เป็น พี่จะยังเชื่อไหม" ผมพูดอย่างไม่ค่อยแน่ใจ ผมมันโง่จริงๆ ที่ทำท่าทางให้พี่เปอร์จับได้ ทำไมถึงไม่ยอมปฏิเสธจนถึงที่สุดกันนะ "ความจริง ผมไม่อยากให้ใครรู้ เพราะถ้าแม่รู้ แม่ก็คงจะผิดหวังมาก" ผมพูดและทำหน้าเศร้า

"แม่อินไม่รู้หรอก ถึงอินจะเป็นแฟนพี่ เวลาอยู่ด้วยกันก็เหมือนเพื่อนกันนั่นแหละ"

"อ๋อ แบบนี้นี่เอง..." ผมพยักหน้าหงึกๆ และเหมือนจะเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าในประโยคมันแปลกๆ "เดี๋ยว เดี๋ยวก่อน" ผมลุกขึ้นยืนตกใจเลิ่กลั่กไปหมด และพี่เปอร์ก็กำลังหัวเราะจนตัวงอ

"พี่ล้อเล่น" พี่เปอร์ยังคงหัวเราะลั่น หนอย ไอ้บ้านี่

"อย่าล้อเล่นสิครับ เรื่องแบบนี้" ผมทำหน้าบึ้ง

"หืมมมม หรือว่าอิน อยากให้เป็นเรื่องจริงจัง" คนพูดยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ ยื่นหน้าเข้ามาใกล้

"เปล่า ไม่ใช่" ผมพูดปฏิเสธและหลบสายตาของพี่เปอร์

"อินไม่ได้รังเกียจพี่ใช่ไหม" พี่เปอร์พูดถามผมจริงจัง

"ทำไมต้องรังเกียจ" พี่เปอร์ก็ฉีกยิ้มทันทีที่ได้ยินแบบนั้น

พวกเรานั่งลงอีกครั้ง ผมไม่รู้ว่าผมควรทำยังไงกับคนคนนี้ แต่บางทีการมีพี่เปอร์อยู่ก็ไม่ได้ถือว่าแย่ซะทีเดียว พี่เขาดูเป็นคนดี และใจดีกับผม ที่สำคัญ พวกเรามีรสนิยมแบบเดียวกัน

"พี่เปอร์" ผมเรียกพี่เปอร์เบาๆ ผมอยากลองถามความเห็นจากคนประเภทเดียวกัน

"ครับ" พี่เปอร์ตอบรับผมเสียงหวานจ๋อย

"พี่เคย...หลงรักผู้ชายแท้ๆ ไหม" ผมอึกอัก และถามต่อไป "จะเป็นไปได้ไหม ที่พวกเขาจะชอบคนแบบเรา" พี่เปอร์ที่ได้ฟังคำถาม ตอนแรกก็ยิ้ม แต่ตอนนี้ค่อยๆ หุบยิ้มลง

"เคยชอบไหมก็คงจะเคย แต่ถ้าจะให้พวกนั้นมาชอบก็คงเป็นไปได้ยาก" คำตอบที่ชัดเจนหนักแน่นนั้นทำให้ผมรู้สึกเสียใจเล็กน้อยที่ถามออกไป รู้สึกไร้เรี่ยวแรงกำลังใจ

"มัน เป็นไปไม่ได้เลยสินะ" ผมพูดเบาๆ กับตัวเอง

"คนพวกนั้นน่ะ ถึงวันนึงเขาจะหลงมาหาเรา แต่สักวัน เขาก็จะกลับไปในที่ของเขา เพราะงั้น อย่าไปเสียเวลาเลย"

"นั่นสินะ" ผมเอง ก็คิดไว้แบบนั้น มันไม่มีทางหรอก แค่จะให้เขาหลงมา ก็ไม่มีทางแล้ว จะคิดให้มากมายไปทำไม ผมหัวเราะอย่างขื่นขมในใจ

"รักคนที่เขารักเราดีกว่านะ ยิ่งถ้าเขาเป็นเหมือนพวกเราด้วย" คำพูดของพี่เปอร์นั้นราวกับมีแรงจูงใจมหาศาล ผมจ้องมองคนข้างๆ แววตาของพี่เขาดูจริงจังและจริงใจ หรือว่าผม ควรจะ...

"ไอ้เปอร์ ไม่เข้าเรียนหรือไง" เสียงที่สามที่แทรกขึ้นนั้นทำให้ผมสะดุ้งตกใจ และเมื่อยิ่งหันไปแล้วพบว่าเป็นพี่หมอก ผมก็แทบขาอ่อนทันที นี่พี่มาตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ หรือว่า...ได้ยินทั้งหมด ตั้งแต่ต้น

ผมพูดไม่ออก ได้แต่ยืนขึ้นช้าๆ มองดูปฏิกิริยาและสีหน้าที่ดูเย็นชาของพี่หมอก นี่ผม ทำพลาดไปแล้วจริงๆ ใช่ไหม

"อ่อ แล้วอีกอย่าง นายน่ะ ไม่ต้องไปที่คอนโดแล้วนะ มีคนอื่นช่วยแล้ว" พี่หมอกพูดกับผมแทบจะเรียกว่ามองด้วยหางตา และเดินจากไปทันทีอย่างรวดเร็ว ผมทรุดตัวนั่งลงที่เดิม มันจบแล้วสินะ พี่หมอกเกลียดผมแล้วจริงๆ แค่ดูจากสายตา ก็รู้แน่ชัดแล้ว

"อิน พี่บอกไว้เลยนะ ว่าถ้าคนที่เราชอบคือไอ้หมอก ตัดใจซะ ไอ้หมอกมันเป็นคนยังไงพี่รู้ดี"

ผมไม่ได้พูดอะไรออกไป มันจบจริงๆ แล้วสินะ ผมคงไม่มีวันได้เข้าใกล้พี่อีก ผมมันโง่จริงๆ

ผมขอตัวแยกจากพี่เปอร์ และเดินเข้าเรียนด้วยความหมองเศร้า ผมก็แค่อยากอยู่ใกล้ๆ พี่หมอกเท่านั้น แต่ผมก็ทำทุกอย่างพังไปหมด ต่อไปนี้พี่หมอกคงจะไม่ยอมเข้าใกล้ผมอีกแล้ว และผมจะต้องทนเห็นสายตาของพี่ สายตาที่แสดงออกว่ารังเกียจคนแบบผม ผมจะทำยังไงต่อไปดี

ผมน้ำตารินไหลอยู่ในหัวใจ การถูกคนที่รักเกลียดนั้น มันคงไม่มีอะไรเจ็บปวดไปมากกว่านี้อีกแล้ว

ช่วงพักกลางวันนั้น ผมหลบเลี่ยงโรงอาหารของคณะ และเดินไปที่ที่ไกลกว่า ผมไม่รู้ว่าผมกำลังจะไปที่ไหน แต่ผมก็เดินต่อไป และนั่งลงแถวสวนหย่อมในส่วนที่ไม่ค่อยมีใครเข้าไป

ผมนั่งลงเงียบๆ และฟุบหน้าลงกับโต๊ะด้วยความเหนื่อยอ่อน ผมไม่กล้าสู้หน้าพี่หมอกอีกแล้ว จะมีที่ไหนที่ทำให้พวกเราไม่ต้องพบกันอีก จะมีที่ไหนที่ผมจะไม่ต้องเห็นสีหน้าแววตาที่แสนเย็นชานั้น

ผมหัวเราะเบาๆ ให้กับความโง่เขลาของตัวเอง ถึงจะคิดแบบนั้น ถึงผมนะหนีพี่ในโลกความเป็นจริงนี้ได้ แต่ผมก็หนีพี่ ที่อยู่ข้างในหัวใจของผมไม่ได้อยู่ดี

ผมมองหน้าจอมือถือของผมอย่างเหม่อลอย มือของผมมันขยับไปเอง ผมไม่รู้ตัวว่าผมกำลังทำอะไร ผมกดเข้าไปที่หน้าอินสตาแกรมของพี่หมอก และกดส่งข้อความเข้าไปในนั้น

[ผมขอโทษครับ ผมรักพี่...]

ผมอยากจะหยุดแล้ว ที่ตรงนี้มันคงไม่ใช่ที่สำหรับผม ขอบคุณนะครับ พี่เป็นกำลังใจของผมเสมอมา มันจะเป็นรักแรกและรักที่ผมจดจำมากที่สุดในชีวิต

ผมกดส่งข้อความและจ้องมองมันอยู่อย่างนั้น ผมเลื่อนมือขึ้นไปดูข้อความเก่าๆ ที่ผมเคยส่งให้พี่หมอก มันมีเยอะมากมาย ผมคงเป็นเหมือนคนโรคจิต ที่พยายามทักหาคนที่ตัวเองชอบ ทั้งๆ ที่เขาไม่สนใจแม้แต่จะอ่านเลยก็ตาม

ทุกๆ ข้อความที่ผมเลื่อนดู ยังไม่ถูกอ่าน ตั้งแต่เมื่อหลายปีที่แล้วจนถึงวันนี้ ข้อความที่ผมส่งไปเกือบทุกวัน ผมมันน่าสมเพช น่ารังเกียจ ผมอยากจะลบข้อความเหล่านี้ ผมทุกอย่าง ลบให้หมดทุกสิ่งหัวใจ

มือของผมยังคงเลื่อนดูข้อความด้วยความเคยชิน แต่มือผมที่กำลังเลื่อนลงมาดูข้อความล่าสุดนั้น ในตอนนี้ก็มีบางสิ่งเปลี่ยนไป และมันทำให้ผมใจเต้นแรงอย่างควบคุมไม่ได้

ผมมองดูข้อความในไดเรคนั้น และเห็นสัญลักษณ์รูปดวงตาอยู่ข้างใต้ข้อความของผม พี่หมอก กำลังดูข้อความของผมงั้นเหรอ

Rrrr Rrrr

เหมือนกับเป็นการยืนยันว่าพี่หมอกได้รับรู้ถึงข้อความของผม เสียงโทรศัพท์ของผมดังขึ้น และเบอร์โทรที่เด่นหราอยู่บนจอนั้น ก็คือคนที่ทำให้หัวใจผมปั่นป่วนขนาดนี้

"ฮ..ฮัลโหล..."

"โรคจิตสินะ" คำพูดแรกที่ได้ยินทำให้ผมแทบไม่สามารถพูดอะไรต่อได้อีก แต่เมื่อคิดว่านี่อาจเป็นโอกาสสุดท้าย ถ้าหากจะได้พูดกับพี่หมอกเป็นครั้งสุดท้าย ผมก็อยากจะพูดสิ่งที่อยู่ในใจออกมา

"ผมขอโทษครับ ผมไม่เคยคิดไม่ดีกับพี่เลย ผมแค่ได้เจอพี่ ได้อยู่ใกล้ๆ พี่ผมก็พอใจแล้ว ผมไม่เคยคิดมากกว่านั้นจริงๆ" ผมพูดอธิบายอย่างรวดเร็ว หวังเป็นอย่างยิ่งว่าพี่หมอกจะเข้าใจ

"เหรอ แล้วไอ้เปอร์ล่ะ ไปนอนกับมันมาหรือยัง" ผมแทบน้ำตาร่วงทันทีที่ได้ยินแบบนั้น

"ผมไม่ได้ชอบพี่เปอร์" ผมพูดเสียงสั่น

"ไม่ได้ถามเรื่องนั้น ไม่อยากรู้"

"ผมขอโทษ" ผมที่ไม่รู้ว่าจะพูดอะไร ก็ได้แต่พูดขอโทษพี่หมอกอยู่ร่ำไป

"อยากเจองั้นเหรอ" ผมฟังพี่หมอกพูด ดูเหมือนพี่เขากำลังหัวเราะน้อยๆ "วันนี้หกโมงเย็นที่คอนโด อย่าให้พูดซ้ำ" ผมกำมือถือในมือแน่น ผมไม่เข้าใจว่าเป็นแบบนี้ได้ยังไง ผมฟังผิดไปหรือเปล่า

"ให้ผม...ไปเจอเหรอครับ" ผมถามทวนอีกครั้ง เพราะอาจจะฟังผิดไป

"บอกว่าอย่าให้พูดซ้ำ" เสียงตะคอกของพี่หมอกช่างดุดันและรุนแรง แต่ว่าใบหน้าของผมก็กลับผุดรอยยิ้ม เป็นรอยยิ้มแห่งความดีใจ

"ครับ ผมจะรีบไปนะ" ผมพูดตอบรับ และพี่หมอกก็ตัดสายไปทันที

ผมยังคงนั่งอยู่ตรงนั้น ความรู้สึกของผมตอนนี้มันตีกันไปหมด แบบนี้แปลว่าพี่หมอกไม่ได้รังเกียจผมแล้วใช่ไหม พี่ยกโทษที่ผมแอบชอบพี่ใช่หรือเปล่า ผมดีใจมาก ที่อย่างน้อย ผมก็ยังอยู่ใกล้ๆ พี่ได้ ผมขอแค่เพียงเท่านี้ก็พอ

ตกเย็นวันนั้น ผมมองนาฬิกาที่บอกเวลาห้าโมงกว่าแล้ว ผมรีบโบกแท็กซี่เพื่อไปที่คอนโดของพี่หมอกทันที ถึงตอนนี้ชมรมการแสดงจะยังไม่มีงานอะไร แต่ผมก็ต้องไปช่วยพี่ๆ ทำงาน และทำความสะอาดโรงละคร แถมยังมีประชุมยิบย่อยอีก ผมจึงออกมาช้า และต้องรีบเร่งขนาดนี้

ไม่นานผมที่วิ่งลงจากแท็กซี่ วิ่งไปหานิติบุคคลให้เปิดประตู วิ่งขึ้นลิฟต์ และวิ่งมาหยุดอยู่หน้าประตูห้องพี่หมอกทันเวลาพอดี ผมหอบหายใจอยู่หน้าประตู กระชับกระเป๋าเป้ของผม และกดกริ่งสีดำเบาๆ

แกร่ก

เสียงประตูที่เปิดออก ทำให้ผมค่อยๆ ผลักประตูเข้าไป ถอดรองเท้า และเดินไปตามทางเดินเพื่อไปยังโถงนั่งเล่นตรงกลาง ผมหายใจเข้าออกช้าๆ พยายามจะไม่ตื่นเต้นจนเกินไป

และเมื่อผมมาถึงโถงตรงกลางนั้น ก็พบว่าคนที่เรียกผมมา กำลังนั่งอยู่ที่โซฟา และกำลังจิบของเหลวสีอำพันในมือ

"ช้าไป 2 นาที" พี่หมอกนั่งสบายๆ อยู่บนโซฟาด้วยชุดคลุมอาบน้ำ เงยหน้ามองดูนาฬิกาที่วางอยู่บนชั้น

"ขอโทษครับ แต่ผมมีประชุมชมรม"

พี่หมอกหันมาจ้องมองผม ทำให้ผมรู้สึกทำตัวไม่ถูก ผมควรจะพูดอะไรดีนะ ผมพยายามทำตัวปกติ และเดินเข้าไปหาพี่หมอก พลางนั่งลงที่โซฟาอีกตัว

"ใครสั่งให้นั่ง" พี่หมอกพูดทันทีที่ผมนั่งลง ทำให้ผมรีบกระเด้งตัวลุกขึ้น "ต่อไปถ้าไม่สั่งก็ห้ามทำอะไร"

"ครับ ขอโทษครับ แต่จะเริ่มเลยดีไหม ผมกลับดึกไม่ได้" ผมยืนอยู่ข้างๆ โซฟาพี่หมอก มองดูพี่เขาค่อยๆ จิบเหล้าในมือ การที่พี่หมอกให้เขามาที่นี่ คงไม่มีอะไรนอกจากช่วยเป็นคู่ซ้อมบทให้

"เหรอ ถ้างั้นก็กลับไปสิ แล้วไม่ต้องกลับมาอีก" คำพูดของพี่หมอกทำให้ผมตกใจ ผมรีบเดินเข้าไปใกล้พี่หมอกอย่างลืมตัวและนั่งลงข้างๆ โซฟานั้น เหมือนกำลังขอร้อง

"พี่หมอก ไม่ใช่อย่างนั้นครับ แค่ผมต้องกลับไปช่วยแม่ทำงาน"

"ทำตัวน่าสงสาร" ผมส่ายหน้าทันทีที่ได้ยินแบบนั้น

"ผมเปล่า" พี่หมอกหัวเราะหึในลำคอ และลุกขึ้นจากโซฟา

"เอาล่ะ จะเริ่มก็เริ่ม" พี่หมอกเดินไปวางแก้วเหล้าลงบนโต๊ะ และหันมาเรียกผมให้เดินตามไปใกล้ๆ ผมค่อยๆ ลุกขึ้น และเดินตามไปอย่างว่าง่าย กลิ่นแชมพูอ่อนๆ จากเส้นผมที่ยังคงเปียกชื้นของพี่หมอกทำให้ผมเสียสมาธิเล็กน้อย พี่หมอกจ้องหน้าผมเหมือนจะบอกว่าผมเข้าใกล้เกินไป ผมเลยเดินถอยออกมาอีกสองก้าว

"แล้ว บทล่ะครับ"

"ไม่ต้องห่วง วันนี้ไม่มีบทให้อ่านหรอก" ผมขมวดคิ้วทันทีที่ได้ยินแบบนั้น

"คือแล้ว ต้องทำยังไงเหรอครับ" ผมยังคงถามสิ่งที่สงสัยต่อไป

"อิน นายชอบฉันใช่หรือเปล่า" ผมอึกอักทันทีกับคำถามนั้น ผมไม่เข้า พี่เขาจะถามทำไมถ้าตัวเองก็รู้ดี "พูดสิ" ผมจ้องมองพี่หมอก คนตรงหน้าเหมือนกำลังสนุกที่ได้เห็นปฏิกิริยาของผม

"ผมรักพี่" นี่เป็นความจริง และไม่มีประโยชน์ที่จะเก็บซ่อนเอาไว้อีกแล้ว

"เหรอ แล้วเวลานายช่วยตัวเอง..." ผมชะงัก และรู้สึกตกใจกับคำถามที่กำลังได้ยิน "นายคิดถึงฉันใช่ไหม" ผมหลบสายตาพี่หมอก นี่พี่กำลังเล่นอะไรกัน ทำไมถึงถามเรื่องแบบนั้น

ผมไม่ได้พูดอะไรออกมา เรื่องแบบนั้นจะให้ผมพูดได้ยังไง ผมเริ่มอาย และก็กลัวมากเช่นกัน

"หูหนวกหรือไง" ผมสะดุ้งน้อยๆ และยังคงก้มหน้าต่อไป เสียงของพี่หมอกดูแข็งขึ้น เหมือนกับกำลังพยายามคาดคั้นเอาคำตอบ

"พี่ถามไปทำไม"

"ก็แค่ตอบมา" พี่หมอกยังคงคาดคั้น พี่ต้องการอะไรกันแน่นะ

"ครับ ผมคิดถึงพี่...เวลา..ทำ" ผมคิดว่าสิ่งที่พี่หมอกกำลังอยากได้ยิน มันคงจะเป็นคำสารภาพของผม ถ้าผมโกหก พี่หมอกอาจจะยิ่งโกรธผมก็ได้

"น่าขยะแขยงนะว่าไหม" แววตาของผมสั่นระริก ผมพยายามข่มใจไว้ ผมรู้ดีว่าจะพี่หมอกจะพูดอะไรแบบนี้ คงไม่มีผู้ชายคนไหนดีใจหรอก ที่ถูกเอาไปจินตนาการตอนช่วยตัวเอง

"ผมขอโทษ" ผมกัดฟันพูด ถูกทำร้ายด้วยคำพูดขนาดนี้ แต่หัวใจผมก็ยังทนได้ บางทีผมก็ไม่ค่อยเข้าใจตัวเองเหมือนกัน

"อยากเห็น" ผมที่กำลังคิดอะไรไปเรื่อยก็เงยหน้าขึ้น จ้องมองพี่หมอกอย่างไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่ได้ยิน

"ผมทำไม่ได้" ผมพูดและส่ายหน้าไปมา

"งั้นก็ออกไปสิ ไม่ได้มัดไว้ใช่ไหม ประตูอยู่ทางนั้น"

"พี่หมอก.." ผมเรียกพี่หมอกอย่างอ่อนแรง นี่มันไม่มากไปหน่อยเหรอ

"ถ้านายชอบฉันจริงๆ ก็ต้องทำได้ทุกอย่างสิ" ผมที่ได้ฟังแบบนั้นก็ได้แต่นิ่งอึ้ง นี่เป็นการพิสูจน์ความรักงั้นเหรอ หรือว่าพี่ต้องการให้ผมอับอายแค่นั้น ผมจ้องมองนัยน์ตาของคนตรงหน้า คนใจร้ายที่พูดอะไรแบบนี้ออกมาได้หน้าตาเฉย แต่ว่าแล้วทำไม ทำไมผมถึง...

ผมมองหน้าพี่หมอก สลับกับทางเดินที่นำไปสู่ทางออก ตลอดหลายปีมานี้ ผมแทบไม่รู้เลยว่าพี่จะเป็นคนใจร้ายแบบนี้ แต่ว่าทำไมล่ะ ทำไมหัวใจที่ไม่รักดีของผมถึงยังลังเล ทำไมผมถึงไม่รีบหนีออกไป

และในที่สุดผมก็ตัดสินใจเลือก ผมค่อยๆ ถอยหลัง เดินมาจากตรงนั้น และหย่อนตัว นั่งลงบนโซฟา

ผมมือสั่นเทา และไม่ได้มองโฟกัสที่จุดใด นี่เป็นสิ่งที่ยากมาก เรื่องบ้าๆ แบบนี้ผมจะทำมันตอนนี้ได้ยังไง แต่ว่า ถ้าผมไม่ทำ ผมก็คงจะต้องเสียพี่ไป ผมคงไม่ได้เจอพี่อีกแล้ว ผมมันต้องบ้าไปแล้วจริงๆ

ผมคลายมือตัวเองที่จับกันไว้แน่น ตั้งสมาธิและค่อยๆ แตะลงที่เข็มขัดของตัวเอง ผมก้มหน้าลง ไม่กล้าสบตาคนตรงหน้า ผมไม่อยากเห็นว่าพี่หมอกกำลังทำสีหน้าแบบไหน

ผมค่อยๆ ปลดเข็มขัดสีเข้มออก รูดซิปลงช้าๆ และเลื่อนมือเข้าไปยังส่วนอ่อนไหวที่ยังคงหลับใหลอยู่ภายใน ผมหลับตาลง ขยับมือสัมผัสมันเหมือนที่ผ่านมา

แต่ผมนั้นกำลังสับสน ความรู้สึกแย่ๆ กำลังถาโถมราวระลอกคลื่น ขณะที่ผมกำลังทำเรื่องบ้าๆ แบบนี้ ผมพยายามตั้งสมาธิ ผมพยายามนึกถึงคนตรงหน้า แต่ว่า มันไม่ใช่เลย ผมทำมันไม่ไหวจริงๆ

"ทำอะไรของนาย" ผมชะงักมือทันทีที่พี่หมอกพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ

"ผ..ผมไม่มีอารมณ์" ผมพูดและหยุดมือค้างเอาไว้ข้างใน อย่างนั้น ส่วนล่างของผมมันไม่ตื่นตัวขึ้นมาเลยสักนิด เพราะผมเครียดมากและผมอายสายตาของพี่หมอกที่กำลังจ้องมองอยู่

"เหอะ เป็นนักแสดงไม่ใช่เหรอ เรื่องแค่นี้คงไม่ยากไปหรอกมั้ง" ผมชะงักและกระเถิบถอยหลังทันทีที่เห็นว่าพี่หมอกกำลังเดินเข้ามาใกล้ และดูเหมือนจะใกล้มากเกินไป

"มันไม่เหมือนกัน" ผมไม่อยากแสดงเป็นคนอื่นเมื่ออยู่ตรงหน้าพี่ นี่คือความรู้สึกจริงๆ ของผม

"ตัวจริงอยู่ตรงหน้าแท้ๆ แต่บอกไม่มีอารมณ์" พี่หมอกยืนอยู่ข้างหน้าตัวผม กำลังจ้องมองผมด้วยสีหน้าหงุดหงิด ผมหลบสายตานั้นและถอนมือออกจากส่วนอ่อนไหวของผม และทำท่าจะใส่เข็มขัดให้เรียบร้อยตามเดิม

"ใครสั่งให้หยุด" ผมหยุดมือลง และตกใจทันทีที่เห็นมือของพี่หมอกนั้น กำลังแกะเชือกที่มัดกันของเสื้อคลุมอาบน้ำออก

พี่ต้องการอะไรจากผมกันแน่ ทำไมพี่ถึงได้ทำแบบนี้

​​

หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#7 จุดเปลี่ยนของความรู้สึก](17/5/61)
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 17-05-2018 16:28:13
เลวมากก เรียกพี่เปอร์มาด้วนค่ะ ลากเพื่อนเธอกลับไปเลย :fire:
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#7 จุดเปลี่ยนของความรู้สึก](17/5/61)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 17-05-2018 16:41:05
 :pig4: :pig4: :pig4:

คือแบบว่า  คนอ่านก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#7 จุดเปลี่ยนของความรู้สึก](17/5/61)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 17-05-2018 16:47:36
ว่าเปอร์เลว, ร้าย แต่ทำไมการกระทำดีกว่าแกฟะ หมอก  o12
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#7 จุดเปลี่ยนของความรู้สึก](17/5/61)
เริ่มหัวข้อโดย: Januarysky ที่ 17-05-2018 17:22:54
มะอาววววว
เค้าทีมเปอร์
อิพี่หมอกอย่าข่มเหงน้อง ห้ามๆๆๆๆๆๆๆ
 :z3:
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#7 จุดเปลี่ยนของความรู้สึก](17/5/61)
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 17-05-2018 17:42:14
ไอ้พี่หมอก  หึ้ยย เกลียดมันนน :m16:
แอบหงุดหงิดอินด้วย  ไม่ยอมหนีออกมาแถมยังยอมทำอะไรบ้าๆอีก  :z3:  :ling1:  :katai1:
พี่เปอร์อยู่ไหนน มาช่วยน้องเดี๋ยวนี้นะะ
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#7 จุดเปลี่ยนของความรู้สึก](17/5/61)
เริ่มหัวข้อโดย: magic-moon ที่ 17-05-2018 18:06:43
อิน อินต้องมีสติ
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#7 จุดเปลี่ยนของความรู้สึก](17/5/61)
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 17-05-2018 22:16:46
ใครกันแน่ที่โรคจิต
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#7 จุดเปลี่ยนของความรู้สึก](17/5/61)
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 18-05-2018 07:38:41
อินต้องยอมทำขนาดนี้เพื่อนคนที่ชอบเลยเหรอ
เราว่าไม่โอเคนะ เปอร์พูดถูก รักคนที่รักเราดีกว่า
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#7 จุดเปลี่ยนของความรู้สึก](17/5/61)
เริ่มหัวข้อโดย: Gloomy Sunday ที่ 26-05-2018 11:28:12
เพ้อ บทที่ 8 การตัดสินใจที่ถูกต้อง


ผมยังคงนั่งอยู่ด้วยความงุนงง มองดูพี่หมอกที่แก้ปมรัดชุดคลุมอาบน้ำออก เผยให้เห็นว่าร่างกายที่ซ่อนอยู่ภายใต้ชุดคลุมนั้น มีเพียงกางเกงชั้นในขาสั้นสีเข้มที่ปกปิดจุดอันตรายไว้

"จะทำ หรือไม่ทำ" ผมละสายตาจากสิ่งตรงหน้า แต่พี่หมอกก็ยังคงไม่ลดละที่จะสั่งผมต่อไป

"ผมไม่อยาก" ผมเบาๆ หลบสายตาและพยายามไม่มองคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า

"เหอะ งั้นก็ได้" ผมที่ได้ยินแบบนั้นก็รู้สึกโล่งใจ แต่ว่าทันทีทันใดนั้น คางของผมก็ถูกจับไว้ พี่หมอกใช้มือข้างหนึ่งบีบคางผม และข้างหนึ่งถอดแว่นตาของผมออก

"พี่จะทำอะไร" ผมอยากจะยื้อดึงแว่นไว้ แต่ว่าผมก็ช้าไป ตอนนี้ผมมองไม่เห็นหน้าพี่หมอกเลยด้วยซ้ำ ทุกอย่างมันพร่ามัวไปหมด

"ไม่รู้หรือแกล้งโง่ ว่าจะให้ทำอะไร" ผมถูกบังคับให้เงยหน้าขึ้น ถ้าสิ่งที่ผมคิดนั้นไม่ผิด พี่หมอกคงต้องการให้ผม...

"ผมทำไม่เป็น" ผมเอียงใบหน้าหลบมือที่เหมือนคีมเหล็กของพี่หมอก ผมไม่ได้มาที่นี่เพื่อทำอะไรแบบนี้เลย

"อิน" เสียงเรียกชื่อที่ดูอ่อนโยนนั้น ทำให้ผมเริ่มรู้สึกโอนอ่อน ผมชอบเวลาที่พี่เรียกชื่อผม แต่ก็ไม่ได้อยากทำเรื่องแบบนี้ "ทำไมถึงต้องลังเล นี่เป็นความฝันสูงสุดของพวกแฟนคลับไม่ใช่เหรอ" พี่หมอกพูดต่อไป และจะเห็นได้ไม่ชัด แต่ผมก็รู้ว่าพี่หมอกกำลังทำหน้าแบบไหน พี่กำลังดูถูกความรู้สึกของผม

"ถ้างั้นผมก็คง ไม่เหมือนใคร ผมไม่ได้ต้องการ อะไรแบบนี้"

"งั้นเหรอ" พี่หมอกปล่อยมือจากคางของผม ใบหน้าราวกับครุ่นคิดอะไร ผมรู้สึกโล่งใจมากขึ้น เมื่อพี่หมอกเดินห่างออกไปจากผม เดินไปหยุดยืนอยู่ที่กระจกใสบานใหญ่

"กลับไป" ผมหัวใจสั่นไหวเล็กๆ ผมอยากให้พี่หมอกเข้าใจการกระทำของผม

"พี่โกรธผมใช่ไหม" คำถามของผมทำให้พี่หมอกหัวเราะออกมา ผมรู้สึกแย่มาก แต่ผมก็ทำอะไรไม่ได้อีกแล้ว

"นายไม่มีค่าพอหรอก" นั่นสินะ ผมมองพี่หมอกที่อยู่ใกล้เพียงเอื้อม แต่ก็เหมือนยิ่งไกลห่างออกไป 

"พี่หมอก" ผมเรียกพี่หมอกอย่างอ่อนแรง ผมต้องทำยังไง ผมถึงจะมีค่าพอสำหรับพี่

"ทำไม หรือจะเปลี่ยนใจ" พี่หมอกหันมายกยิ้มมุมปาก ทำไมกันนะ เรื่องที่พี่ต้องการ มันมีแค่เรื่องแบบนี้งั้นเหรอ

"พี่อยากนอนกับผมจริงๆ เหรอ" ผมถามพี่หมอกด้วยสีหน้าจริงจัง แต่สิ่งที่ผมพูดออกไปนั้น ก็มีแต่จะทำให้พี่หมอกหัวเราะมากขึ้น

"นายนี่ ใช้ได้เลยนะ หลงตัวเองเหรอ" พี่หมอกยังคงหัวเราะ และมองผมแบบไม่อยากจะเชื่อ

"ผมไม่ได้หลงตัวเอง แต่ว่าพี่ ทำเหมือนต้องการแบบนั้น" ผมถามออกไปอย่างไม่แน่ใจ

"ต้องการแบบนั้น แค่ให้ใช้ปากให้เนี่ยนะ" พี่หมอกหัวเราะขำอีก พลางนั่งลงที่โซฟา "เฮ้ออ ขอโทษนะถ้าทำให้คิดไปไกล แต่ฉันแค่สงสัย ว่าทำไมไอ้เปอร์ถึงติดใจนัก" อ๋อ แบบนี้เองสินะ

"ผมไม่เคยนอนกับพี่เปอร์ ไม่คิดจะทำด้วย" ผมตอบอย่างหนักแน่น

"เหรอ งั้นก็อีกไม่นานหรอก ระวังตัวไว้ให้ดี นายยังไม่รู้จักมันดีพอ"

"ไม่มีทาง เป็นแบบนั้น" สำหรับผมแล้ว ณ ตอนนี้ พี่เปอร์เหมือนจะดูเชื่อใจได้มากกว่าพี่หมอก

"ก็แล้วแต่นะ ไม่ได้บังคับให้เชื่อ เพราะฉันไม่ชอบบังคับขืนใจใคร"

ผมรู้สึกอึดอัด ความรู้สึกภายในใจของความกำลังตีกันไปหมด ผมต้องการพี่หมอกหรือเปล่า แน่นอนว่าในชีวิตคนคนนึง ที่แอบรักคนคนนึง การได้เข้าใกล้หรือได้แตะต้องนั้น มันเหมือนกับความฝันที่เป็นจริงเลยล่ะ แต่...ในหัวใจของผมมันก็ร่ำร้องอีก ว่าถ้าผมทำแบบนั้น แค่เพียงสักครั้ง ความรู้สึกผิดจะติดตัวผมไป ผมจะกลายเป็นคนไร้ค่า ไม่ต่างจากผู้หญิงที่พลีกายถวายตัวให้

"งั้นผม กลับได้แล้วใช่ไหม" ผมตัดสินใจ ว่าผมจะไม่เป็นของเล่นของใคร ผมคิดว่า นี่เป็นสิ่งที่ดีที่สุดแล้ว

พี่หมอกไม่ได้พูดอะไร ผมจึงก้มหัวให้พี่หมอกเป็นเชิงบอกลา หยิบกระเป๋า และเดินไปตามทางเดินเพื่อออกไปที่ประตู

"อิน" เสียงเรียกเบาๆ ทำให้เท้าของผมหยุดลง พี่หมอกยืนอยู่ด้านหลังของผม พี่เขาเดินตามผมมา และเรียกเพื่อหยุดผมเอาไว้

"อยากดูห้องข้างบนไหม" พี่หมอกไม่ได้รอคำตอบ แต่ค่อยๆ หันหลังเดินไป นำทางขึ้นไปที่ชั้นลอยด้านบน

ผมไม่อาจหักห้ามใจที่จะไม่ตามไปได้ ผมค่อยๆ วางกระเป๋าลงช้าๆ เดินตามพี่หมอกขึ้นไปอย่างว่าง่าย ไปยังห้องที่เป็นเหมือนเขตหวงห้าม ที่แม้แต่รายการต่างๆ พี่ก็ไม่ยอมให้ขึ้นไป

ที่ด้านบนนั้นเป็นระเบียงชั้นลอยที่มีของประดับตกแต่งอย่างสวยงาม มีแสงไฟสีส้มบนพื้นเรียงรายเป็นทางเดิน มีต้นไม้สีเขียววางประดับ มีโซฟาที่ดูน่านั่งวางอยู่หันหน้าเข้าหากระจกมองวิว และมีห้องอัดเสียงที่เป็นห้องกระจกอยู่ในมุมในสุด

ผมยืนอยู่ที่ระเบียงนอกห้อง มองดูพี่หมอกที่นั่งลงและครอบหูฟังใส่เอาไว้ ผมไม่กล้าที่จะเข้าไป ผมรู้สึกว่าที่ได้ขึ้นมาถึงขนาดนี้ก็ดีสุดๆ แล้ว แต่ดูเหมือนพี่หมอก จะไม่ได้คิดแบบนั้น...

"ทำอะไร เข้ามาสิ" พี่หมอกกวักมือเรียกผม ให้เดินเข้าไปหา

ผมค่อยๆ เดินไปช้าๆ เข้าไปในห้องที่พี่หมอกนั่งอยู่ และกำลังเลื่อนปรับเครื่องมือตรงหน้าไปมา พี่หมอกนั้นถึงจะมาเอาดีด้านการแสดง แต่ดูเหมือนจริงๆ พี่เขาชอบร้องเพลงมากกว่า ถึงได้มีห้องแบบนี้เอาไว้

"สวยมากเลยครับ" ผมพูดและมองไปรอบๆ อย่างสนใจ "ผมเคยฟังพี่ร้องเพลงอยู่ครั้งหนึ่ง เมื่อหลายปีก่อน" ผมพูดต่อไปเรื่อยๆ โดยไม่รู้ว่าพี่หมอกกำลังจ้องมองผมอยู่

"เหรอ จำไม่เห็นได้" พี่หมอกเหมือนไม่ได้ใส่ใจสิ่งที่ผมพูด

"แต่ผมจำได้นะ จำได้แม่นมาก" ผมยิ้มภูมิใจ แต่พี่หมอกกลับหัวเราะ

"มีอะไรให้น่าติดตาม ผลงานก็ไม่ได้ดีเด่อะไร" ผมรู้สึกไม่สบายใจเลยที่พี่หมอกพูดถึงตัวเองแบบนั้น

"พี่มีความสามารถ และหลายคนก็ชอบพี่มากๆ ผลงานก็มีเยอะแยะ" แล้วผมจะแก้ตัวให้ทำไมเนี่ย

"ใช่ ผลงานที่ไม่ดัง"

"อย่าพูดแบบนั้นสิ" ไม่รู้ทำไม ผมรู้สึกราวกับเรื่องก่อนหน้านี้ไม่ได้เกิดขึ้นเลย พี่หมอกแค่ต้องการลองใจผมหรือไงนะ

"นายเป็นใครถึงมาห้าม" ผมมองพี่หมอกที่พูด แต่สีหน้ากลับเหมือนกำลังขำมากกว่า

"ผมเป็นแฟนคลับของพี่" ผมพูดและยิ้มให้พี่หมอก ทำไมกันนะ ผมรู้สึกราวกับได้เข้าใกล้พี่มากขึ้น


รุ่งเช้าวันต่อมา ผมตื่นแต่เช้าเพื่อช่วยแม่ทำงานบ้าน ชดเชยที่เมื่อคืนกลับมาดึก และเพราะวันนี้คุณหนูของเราอยากทานข้าวเช้าที่บ้าน ซึ่งมันแปลกมาก ปกติหมี่จะไม่ทานข้าวเช้า หรือเรียกได้ว่าแทบไม่ทานอาหารที่บ้านเลย เพราะเธอชอบออกไปสังสรรค์กับเพื่อน เมื่อแม่บอกว่าให้ผมช่วยเป็นลูกมือในวันนี้ ผมถึงได้แต่สงสัยว่าหรือเธออาจจะไม่สบาย

ผมและแม่ที่ทำกับข้าวเรียบร้อย ก็ยกเข้าไปในโถงห้องอาหารของบ้านใหญ่ ผมจัดจานจัดเรียงทุกสิ่งอย่างที่ควรจะเป็น ผมสงสัย ว่าอาหารเช้านี้มันดูไม่เยอะไปเหรอสำหรับคนเพียงคนเดียว เพราะมีกับข้าวหลายอย่างมาก แต่ละอย่างก็น่ากินทั้งนั้น

ผมที่จัดโต๊ะเรียบร้อยแล้วก็กลับไปที่บ้านเพื่ออาบน้ำเตรียมตัวไปมหา'ลัย วันนี้คาบบ่ายก็ว่าง ผมคงจะแวะไปชมรมได้ไวขึ้น และไม่รู้ว่าวันนี้พี่หมอกจะให้ผมเข้าไปที่คอนโดอีกหรือเปล่านะ

ผมที่แต่งตัวเรียบร้อยแล้วก็เดินลัดสวนเพื่อจะไปหน้าบ้าน  แต่ผมที่กำลังเดินอยู่นั้น ก็ถูกแม่เรียกเอาไว้ซะก่อน

"อินลูก ช่วยยกน้ำให้คุณหมี่กับแขกหน่อย" ผมเดินไปหาแม่และขมวดคิ้วทันที แขกงั้นเหรอ ก็ว่าทำไมอาหารถึงเยอะนัก

ผมรับถาดน้ำจากแม่ และค่อยๆ เดินเข้าไปยังโถงทานข้าวนั้น และก็เป็นไปอย่างที่ผมคิด ผมมองหมี่ที่กำลังตักกับข้าวให้ชายหนุ่มที่นั่งอยู่ตรงกันข้าม ซึ่งก็ไม่มีใครอื่นนอกจาก...

"พี่หมอกคะ อร่อยไหม" ผมเดินเข้าไปช้าๆ และวางแก้วน้ำ รินน้ำให้คนทั้งสอง

ถึงผมจะเข้ามาใกล้คนทั้งสองขนาดนี้ แต่พี่หมอกก็เหมือนเดิม ไม่ได้สนใจหรือมองผมเลยด้วยซ้ำ พี่หมอกตอนนี้กลับกลายเป็นพี่หมอกคนเดิมอีกแล้ว ทั้งๆ ที่เมื่อคืนก็เริ่มใจดีกับผมมากเลยทีเดียว

"ขอบใจอิน เมื่อวานไปซ้อมบทให้พี่หมอกใช่ไหม เป็นไงบ้าง" หมี่ถามผม และหันไปมองพี่หมอกที่หยุดมือลง

"ก็ไม่มีอะไร แค่ซ้อมธรรมดา" พี่หมอกมองผมราวกับกลัวผมจะพูดอะไรมากเกินไป ซึ่งผมรู้ดี ไม่ต้องให้พี่มากังวลอะไรหรอก

"อืมๆ ไปได้ละ" หมี่ทำมือไล่ให้ผมออกมา ซึ่งผมก็รีบออกมาอย่างรวดเร็ว

ผมนั่งรถเมล์ตามเดิม นั่งเท้าคางเหม่อมองออกไปนอกกระจกด้วยความหม่นหมอง ผมไม่รู้เลยว่าตัวผมควรจะทำอะไรต่อไป ยิ่งเห็นสองคนนั้นอยู่ด้วยกัน หัวใจผมก็คอยแต่บอกให้ผมถอยออกมา หรือผมควรพอสักที

ผมก้มลงมองหน้าจอมือถือของผม และเลื่อนเข้าไปที่อินสตาแกรมของคนที่ผมแอบรักเช่นเดิม พี่หมอกนั้นยิ้มแย้มเสมอเวลาอยู่ต่อหน้ากล้องหรือคนอื่น และมักจะใจดีกับแฟนคลับในงานอีเว้นท์ต่างๆ แต่กับผมนั้นไม่ใช่เลย แบบเมื่อคืนนั้นหายากมาก เพราะพี่หมอกชอบดุผมมากกว่า ตัวตนของพี่ แท้ที่จริงแล้วเป็นยังไงกันแน่นะ

ถูกใจ 36,728 คน

mok77  My Super Girl. @mudxmee

ผมมองรูปพี่หมอกที่ถ่ายคู่กับหมี่ ทั้งสองคนนั้นกำลังยิ้มกว้างอย่างมีความสุข รูปนี้เพิ่งถ่ายเมื่อเช้านี้เองสินะ เพราะผมจำได้ว่าฉากหลังคือห้องนั่งเล่นของบ้าน

ผมนี่มันงี่เง่า ผมรู้ตัวเองมาตั้งแต่แรกแล้วว่ามันไม่มีหวัง แต่พอได้เข้าใกล้พี่ ก็เผลอคิดว่าอาจจะเป็นไปได้ แล้วยังไงล่ะ ถึงจะได้เข้าห้องนั้นแล้วมันยังไงอีกล่ะ เพราะมันก็อาจจะได้แค่นั้น ผู้หญิงหลายๆ คนที่เข้าหาพี่หมอกก็อาจจะได้เข้าไปเหมือนกัน อินเอ๋ย จะหยุดโง่...ได้หรือยัง

"เอ้าๆ เหม่อขนาดนั้นเดี๋ยวก็เลยป้ายหรอก!" ผมสะดุ้งทันที และมองหาต้นตอของเสียงที่ดังขึ้นมา แต่นี่มันบนรถเมล์นะ

ผมหันมองรอบๆ รถเมล์ด้วยคิ้วที่ขมวดมุ่น และในที่สุด ผมก็เจอต้นตอของเสียง คือไอ้พี่บ้าที่กำลังบิดรถบิ๊กไบค์อยู่ข้างๆ รถเมล์อย่างน่าหวาดเสียวนี่เอง

"ทำบ้าอะไรน่ะ" ผมโผล่หัวออกไป และตะโกนสู้แรงลม

ไอ้พี่เปอร์ดูจะไม่สะทกสะท้าน ขับเข้ามาใกล้และเปิดกระจกหมวกกันน็อคขึ้นส่งยิ้มหวานจ๋อย วันนี้พี่เขาใส่เสื้อกล้ามสีดำข้างในเสื้อช็อปอีกที ความเร็วของรถทำให้เสื้อช็อปนั้นปลิวพลิ้วไหวตามแรงลม

"ไปด้วยกันไหม!" พี่เปอร์ตะโกนถามผม และบิดรถตามอย่างไม่ลดละ ห้ามลอกเลียนแบบนะ ไม่งั้นอาจกลายเป็นปลาหมึกบดได้ และตอนนี้คนขับรถเมล์ก็ดูกำลังหัวเสียกับไอ้เด็กแว้นนี้มาก ผมถึงได้แต่หลบหนีสายตาอาฆาตของผู้โดยสารและจำใจลงจากรถอย่างช่วยไม่ได้

"ทีหลังอย่าทำอะไรแบบนี้อีกนะ" ผมหน้ามุ่ยใส่พี่เปอร์ที่หน้าตาไม่สำนึกผิดแม้แต่น้อย

"ครับเจ้าหญิง ไปกันยัง" ผมหน้าหงิกไปใหญ่ที่ได้ยินแบบนั้น เจ้าหญิงบ้านแป๊ะแกสิ

ผมขึ้นมานั่งซ้อนพี่เปอร์อย่างไม่เต็มใจ แต่อีกไม่ไกลก็จะถึงมหา'ลัยแล้วคงไม่เป็นไร แต่ผมที่คิดแบบนั้นก็แทบอยากจะงับหูคนขับ เพราะทันทีที่ออกตัวก็แทบยกล้ออีกแล้ว แถมยังเบิร์นล้อโชว์ชาวบ้านให้เขาด่าเล่นไปอีก

ผมรีบโดดลงจากรถทันทีที่มาถึงจุดหมาย และฟาดไอ้พี่เปอร์อีกยกใหญ่ โทษฐานที่ทำให้ตกใจ

"ไง" ผมชะงักมือทันทีที่ได้ยินเสียงจากด้านหลัง และก็พบว่าคนที่กำลังเดินเข้ามาหาพี่เปอร์ก็คือพี่หมอกนั่นเอง

"ได้คู่ขาใหม่ถูกใจไหม" มือของผมเปลี่ยนเป็นกำหมัดทันทีที่ได้ยินแบบนั้น

"ผมขอตัวก่อนนะ" ผมบอกพี่เปอร์ และเดินหนีออกมา

ผมรีบเดินอย่างรีบร้อนเข้าไปยังตึกเรียนรวม ผมไม่ชอบคำพูดนั้นของพี่หมอกเลย ถ้าไม่รักผม ก็อย่าผลักไสผมให้คนอื่นได้ไหม พี่จะใจร้ายกับผมไปถึงเมื่อไหร่กัน

หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#8 การตัดสินใจที่ถูกต้อง](26/5/61)
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 26-05-2018 16:57:56
เอิ่มมมม
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#8 การตัดสินใจที่ถูกต้อง](26/5/61)
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 26-05-2018 17:27:27
เพลียอินจริงๆ เกลียดหมอกด้วย อยากเอา2คนนี้มัดรวมกันไปโยนทิ้ง
รักพี่เปอร์คนเดียว พี่เปอร์ยังคงน่ารักทุกฉากที่ออก 5555
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#8 การตัดสินใจที่ถูกต้อง](26/5/61)
เริ่มหัวข้อโดย: Kuayyai ที่ 26-05-2018 19:19:45
แอบไม่ชอบใจอินตอนที่พี่หมอกบอกให้ช่วยตัวเอง
คือแบบ เฮ้อ ถึงเขาไม่ชอบ
เราก็ไม่ควรจะลดคุณค่าตัวเอง
แต่ก็ยังดี ที่ยังไม่ได้ทำอะไรมากกว่านั้น..

อีกเรื่องทำไมรู้สึกแอบสงสารพี่เปอร์ล่วงหน้าเลย
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#8 การตัดสินใจที่ถูกต้อง](26/5/61)
เริ่มหัวข้อโดย: Kuayyai ที่ 26-05-2018 19:20:49
แต่การดำเนินเรื่องสนุกมากเลย
ขอให้ผู้แต่งมาต่อบ่อยๆ นะ
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#8 การตัดสินใจที่ถูกต้อง](26/5/61)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 26-05-2018 19:32:27
เด๋วนะ มันมีตอนไหนในเรื่องที่บอกว่านังหมอกเป็นพระเอกบ้างนะ จำไม่ได้นิ งั้นให้เปอร์เป็นพระเอกเถอะ  :katai3:
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#8 การตัดสินใจที่ถูกต้อง](26/5/61)
เริ่มหัวข้อโดย: magic-moon ที่ 26-05-2018 19:33:22
อิน เธอว์บ้าไปแล้วหรอ #จับไหล่เขย่าๆ
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#8 การตัดสินใจที่ถูกต้อง](26/5/61)
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 27-05-2018 03:01:06
อิพี่หมอกก็เลวเหลือเกิน
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#8 การตัดสินใจที่ถูกต้อง](26/5/61)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 27-05-2018 16:41:26
 :pig4: :pig4: :pig4:

จริง ๆ การแสดงออกและวาจาที่เอ่ยออกมา มันก็ชัดอยู่แล้วนะ ว่ามันเป็นไปไม่ได้

ให้ความสนใจสิ่งที่เป็นไปได้จะดีกว่าไหม?
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#8 การตัดสินใจที่ถูกต้อง](26/5/61)
เริ่มหัวข้อโดย: Gloomy Sunday ที่ 01-06-2018 18:13:33
เพ้อ บทที่ 9 อ้อมกอดที่ว่างเปล่า


เมื่อคาบเรียนในช่วงเช้าหมดลง ผมในตอนนี้หิวข้าวมาก เพราะตอนเช้ามัวแต่ยุ่งอยู่ในครัว แต่ยังไม่ได้กินอะไรเลย ผมลุกขึ้นเก็บของและเดินลงไป ข้ามตึกไปยังคณะอื่นๆ เพื่อหาข้าวกิน

วันนี้ผมไม่อยากเจอใคร ผมอยากอยู่เงียบๆ คนเดียว ผมรู้ว่าพี่หมอกชอบไปกินข้าวที่ตึกรวม เพราะงั้น คราวนี้ผมเลยเลี่ยงออกมา เผื่อผมจะทำใจสงบมากขึ้นได้บ้าง

ผมเดินมาถึงคณะสถาปัตย์ และซื้อข้าวมองหาที่นั่งที่ดูส่วนตัวๆ ใต้ร่มไม้ วันนี้อากาศไม่ร้อนมากนักและมีสายลมเย็นๆ พัดผ่าน ถ้ากินเสร็จแล้ว ผมว่าจะงีบหลับสักหน่อย ตอนบ่ายก็ค่อยเข้าไปที่ชมรม แล้วก็...

"คือ...นาย" เสียงเรียกจากด้านหลังทำให้ผมหยุดมือลง และหันหน้ามองคนที่เอ่ยทัก "ผมขอนั่งด้วยได้ไหม" จะพูดว่าไงดี คนคนนี้ผมไม่ได้รู้จัก แต่ว่าก็ทำให้ผมอึ้งไปเลย เพราะว่าหน้าตาน่ารักมาก ตากลมโต ผิวขาวๆ อย่างกับเด็กผู้หญิงเลย

"เอ่อ ได้สิ" ผมตอบตกลงพลางเหลือบผมมองไปรอบๆ บริเวณที่ผมนั่งกินข้าวอยู่ ก็พบว่ามีโต๊ะว่างอยู่มากมาย ทำไมกันนะ

"ขอบคุณนะ" คนตัวเล็กกว่าผมนั่งลงตรงข้าม เมื่อเพ่งมองดูดีๆ แล้ว คนคนนี้ถึงจะมีใบหน้าที่น่ารัก แต่กลับมีแววตาที่ดูเศร้าสร้อย เหมือนมีเรื่องหนักใจอะไร

"ผมชื่อมิว ผมเคยเห็นนายเล่นละครเวที เก่งมากเลยนะ" ผมที่ได้ยินแบบนั้นก็ยิ้มทันที คงคิดมากไปสินะ

"ขอบคุณนะ ผมชื่ออิน อยู่ปี 2" ผมยิ้มให้มิวที่เริ่มยิ้มให้ผมเช่นกัน

"งั้นก็ต้องเรียกพี่อินสินะ ผมอยู่ปี 1 สถาปัตย์"

"ยินดีที่ได้รู้จักนะ พอดีพี่เบื่อข้าวแถวๆ ตึกรวม ก็เลยมานี่" ผมยิ้มให้มิว รู้สึกโล่งใจที่คุยกันได้ง่าย นี่ถ้าหากว่าผมไม่ได้เป็นรับแล้วละก็ ผมก็อยากจะลองจีบมิวดูเลยก็ได้ เพราะมิวนั้นตัวเล็กกว่าผมและขาวใสมาก หน้าตาจิ้มลิ้มกำลังดีเลยล่ะ

ผมกินข้าวไป คุยกับมิวไป ผมว่ามิวเป็นคนน่ารักดี แต่ดูหงอยๆ ไปหน่อย มิวบอกว่ามิวก็ไม่ค่อยมีเพื่อนเหมือนกัน และชอบดูผมแสดงละครเวทีมาก หรือแบบนี้เรียกว่าแฟนคลับของผมกันนะ ผมดีใจที่มีคนชอบการแสดงของผม นี่ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีทีเดียว

ในช่วงบ่ายนั้น ผมพามิวไปที่โรงละครเพื่อเจอกับพี่ๆ ที่คณะ ที่โรงละครด้านหลังจะมีห้องที่เป็นเหมือนห้องแต่งตัวและออฟฟิศอยู่ ซึ่งพวกเราก็ชอบมาคุยงานกัน เหมือนกับวางแผนในการแสดงละครครั้งต่อไป พวกเราต้องพูดคุยกันนาน เตรียมบท เตรียมของประกอบฉาก งานในอนาคตที่จะมาถึงผมไม่แน่ใจว่างานไหน แต่ผมจะได้ร่วมเล่นด้วยแน่นอน ในฐานะนักแสดงนำ

"เสียดายนะ มิวน่าจะเข้านิเทศ" มิวดูสนใจชมรมการแสดงนี้มาก และพูดตัดพ้อกับผม

"ไม่ว่าคณะไหน ถ้ามีความชอบก็หัดได้ ดูพี่หมอกที่อยู่ศิลปกรรมสิ พี่เขายังได้เล่นละครในทีวีเลย" ผมจับไหล่มิวและยิ้มให้กำลังใจ

"พี่หมอกเพื่อนพี่เปอร์น่ะเหรอ" ผมขมวดคิ้วทันทีที่มิวพูด

"รู้จักพี่เปอร์..."

Rrrr Rrrr

ผมชะงักและก้มลงมองหน้าจอมือถือในมือของผม

"เอ่อ คือ พี่ขอตัวรับสายก่อนนะ" ผมบอกมิวและรีบเดินออกมาจากโรงละครด้วยหัวใจเต้นรัว

"ฮัลโหลครับพี่หมอก" ผมพยายามทำเสียงปกติ ไม่ว่ายังไง ผมก็ยังคงตื่นเต้นเสมอเมื่อต้องคุยกับพี่ ผมตัดพี่ไม่ได้จริงๆ

"วันนี้รีบมาหน่อย ต้องไปถ่ายวันเสาร์อาทิตย์นี้แล้ว" พี่หมอกพูดด้วยน้ำเสียงเย็นๆ แบบปกติ ผมรู้สึกโล่งใจขึ้นเล็กน้อย พี่หมอกพูดแบบนี้ แปลว่าที่ให้ไปนี่ คือซ้อมบทจริงๆ สินะ

"ได้ครับ เดี๋ยวอีกสักผมออกไป" ผมพูดและฟังเสียงปลายสาย พี่หมอกไม่ได้พูดอะไรต่อ และตัดสายไปทันที

"มีธุระเหรอ" ผมหันไปมองมิวด้วยความตกใจ ผมเพิ่งรู้ตัวว่าเขายืนอยู่ด้านหลังด้วยสีหน้าที่ดูแปลกๆ ชอบกล

"ใช่ เดี๋ยวพี่ต้องไปธุระ"

"งั้นผมไปดีกว่า แล้วค่อยเจอกันนะ"

"อื้อ แล้วค่อยเจอกัน" ผมบอกลามิว และมองมิวเดินออกจากโรงละคร เมื่อกี้ตกใจหมด อะไรของเขากันนะ

เมื่อพูดคุยกับพี่ๆ ในชมรมและบอกลากันเรียบร้อย ผมก็รีบร้อนเดินออกไปตามถนนเพื่อไปที่หน้ามหา'ลัย ถ้ารีบไปตอนนี้ก็น่าจะทันรถเมล์ แต่ถ้าช้ากว่านี้ ก็คงต้องไปแท็กซี่แล้วล่ะ เพราะถ้าไปสาย พี่หมอกก็จะโกรธเอา

"เมื่อกลางวันหายไปไหนมา" ผมที่กำลังเดินอยู่บนฟุตบาทนั้นก็ต้องสะดุ้งโหยงอีกทันที โอ้ยยย อะไรอีกเนี่ย

พี่เปอร์ขับรถบิ๊กไบค์คันใหญ่มาข้างๆ และจ้องมองผมเขม็งด้วยสายตางอนๆ ผมไม่ได้แอบพี่หรอก แต่จริงๆ ก็นิดนึงละนะ ผมไม่อยากเจอพี่หมอกที่มหา'ลัย ก็กลายเป็นเหมือนหลบหน้าไอ้พี่เปอร์ไปด้วย

"ผมมีธุระต้องรีบไป" ผมพูดและเร่งฝีเท้าขึ้น

"ไปไหน คอนโดไอ้หมอกใช่ไหม ขึ้นมาสิ" ผมหยุดเท้าลง และมองพี่เปอร์แบบไม่ให้มีพิรุธ นี่รู้ได้ยังไง "ไอ้หมอกมันนัดพี่ให้เข้าไปเหมือนกัน มันบอกถ้ามีคนช่วยดูก็จะได้รู้ว่ามันเล่นเป็นไง" ผมแอบถอนหายใจ แบบนี้นี่เอง

"แยกกันไปดีกว่าครับ ผมไม่อยากนั่ง เอ่อ..." ผมพูดและชี้ไอ้รถคันใหญ่เสียงดังนี่

"โอเค" ผมเหวอเล็กน้อย และมองไอ้พี่เปอร์ที่ขี่รถออกไปทันที อะไรของเขากันนะ ปกติต้องตื๊อกว่านี้ไม่ใช่เหรอ

ผมเดินมึนๆ ต่อไปเพื่อไปรอรถเมล์ จะยังไงก็ช่างเขาเถอะ แบบนี้ก็คงดีแล้วมั้ง

แต่ผมที่เดินเกือบจะถึงป้ายรถเมล์นั้นก็ต้องสะดุ้งอีกครั้ง และมองแขนหนักๆ ข้างหนึ่งที่วางอยู่บนบ่า กอดคอผมเอาไว้

"พี่ไม่ได้ไปแล้วหรอกเหรอ" พี่เปอร์ที่กำลังหัวเราะชอบใจกับคำถามนั้น

"จะไปแล้วทิ้งเราไว้ได้ยังไง" คนพูดส่งยิ้มหวานปานน้ำเชื่อม นี่แปลว่าพี่เอารถไปจอดทิ้งไว้ และวิ่งตามมาอีกทีสินะ พี่ทำแบบนี้ทำไม เพื่ออะไรกัน

ผมยืนนิ่งๆ ปล่อยให้พี่เปอร์พูดจ้อไปเรื่อยๆ ระหว่างที่พวกเรารอรถเมล์อยู่ พี่เปอร์เป็นคนแปลกๆ และเฟรนด์ลี่มากจะเรียกว่ามากเกินไปก็ได้ ผมเริ่มรู้สึกว่าพี่เขาก็ดีเหมือนกัน เป็นคนที่ถ้าได้อยู่ด้วยก็คงสนุกดี แต่ผมที่คิดแบบนั้นทีไร ภาพของพี่หมอกก็คอยแต่จะแทรกเข้ามา จะดีแค่ไหนกันนะ ถ้าคนที่ยิ้มแย้มและเทคแคร์ผมอยู่ตอนนี้ เป็นคนที่ผมเฝ้าคิดถึง

"ระวังนะ" ผมมองพี่เปอร์ที่จับราวโหนบนรถเมล์ และยืนหันหน้าเข้าหาผม ช่วงเวลานี้เป็นเวลาเลิกเรียน ทำให้ผู้โดยสารที่อยู่บนรถค่อนข้างแน่น ผมจึงถูกดัน และเบียดไปมา ต้องใช้ความพยายามอย่างสูงเอี้ยวตัวหลบพี่เปอร์ที่ยืนซะชิดติดผม เหมือนพี่เขากำลังกันคนอื่นไม่ให้ใครมาใกล้ แต่แบบนี้มันใกล้มาก กลิ่นเหงื่อจางๆ ผสมกับน้ำหอมแบรนด์ดังทำผมเผลอหัวใจเต้นแปลกๆ

ผมเหลือบตาขึ้นไปมองพี่เปอร์ที่กำลังส่งตาหวานมาให้ หนอย ร้ายนะ แต่ผมไม่หลงกลง่ายๆ หรอก ผมยิ้มและหลบตาไอ้พี่เปอร์จอมกะล่อน การไปที่ห้องพี่หมอกคราวนี้คงไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรอก เพราะพี่เปอร์คงไม่ยอมให้พี่หมอกทำอะไรแปลกๆ แน่ๆ

ในที่สุดพวกเราก็ลงจากรถเมล์ และเดินเท้าต่อไปยังคอนโดของพี่หมอก ยิ่งพี่เปอร์มีคีย์การ์ดของคอนโดนี้ก็ยิ่งประหยัดเวลาไปเยอะ

พวกเรามาหยุดยืนอยู่ที่หน้าประตูห้องพี่หมอก กดกริ่งสักพัก และประตูก็เปิดออกได้ ผมเดินเข้าด้านในที่ยังคงเหมือนเดิม ทางเดิน โถงนั่งเล่น และ...

"ว๊าย" เมื่อผมเดินมาถึงโถงตรงกลาง หมี่ที่นุ่งผ้าเช็ดตัวออกมาจากห้องน้ำ ก็ร้องวี๊ดว๊ายเสียงดัง ทันทีที่เห็นผม

"โทษทีๆ" พี่หมอกนั้นใส่แค่กางเกงนักศึกษาขายาวเอาไว้และเดินไปหาหมี่ที่กำลังตกใจอยู่

"ไม่เห็นบอกอะไรหมี่เลย" ผมเดินกลับไปตรงทางเดิน ที่หมี่ตกใจนั้นคงเป็นเพราะผม หมี่ไม่รู้ว่าผมไม่สนใจผู้หญิง และตอนนี้ไอ้พี่เปอร์ก็กำลังหัวเราะขำ พลางเดินไปหย่นตัวลงที่โซฟาด้วยท่าทีสบายๆ

ผมก้มหน้าลงมองพื้น ผมจะต้องรู้สึกแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหน ผมรู้ว่าทั้งสองคนคบกัน เป็นแฟนกัน และก็คงมีความสัมพันธ์กันมานับไม่ถ้วน แต่ผมไม่อยากรับรู้มันเลยสักนิด ผมยังคงเจ็บปวดใจเหมือนเดิม ผมมาทำอะไรที่นี่กันนะ ผมไม่ควรยุ่งเกี่ยวกับคนคนนั้นเลย

"เข้ามาสิ ยืนทำอะไรตรงนั้น" พี่หมอกยืนจ้องมองผม และเรียกให้ผมเดินเข้ามา

"เฮ้ย ใช้งานน้องเขายังจะไปดุเขาอีก" พี่เปอร์ลุกขึ้นเดินมาหาผม และจับผมนั่งลงที่โซฟาด้วยกัน

"เหอะ" พี่หมอกจ้องมองผมด้วยแววตาไม่พอใจนัก เดินไปหยิบบทละครที่ต้องใช้ และโยนเล่มหนึ่งให้ผม

"หน้าตาก็ดีเนอะ แต่สันดานหมาไม่แดก" พี่เปอร์ทำท่ากระซิบข้างหูผม แต่พูดเสียงดังโคตรๆ และมองปฏิกิริยาพี่หมอกที่กำลังเริ่มหัวเสีย

"มึงมากวนตีนก็กลับไป" พี่หมอกพูดบอกพี่เปอร์ ถ้าเป็นคนอื่นผมคงคิดว่าอาจมีมวยแน่ๆ แต่พอเห็นแบบนี้บ่อยๆ ก็ชินซะแล้ว ทั้งสองคนเขาคุยกันแรงๆ แบบนี้ปกติ

"กูจะกวนตีน มีอะไรไหม" พี่เปอร์พูดพลางกอดคอผมและเอนตัวมาพิงเอาไว้

"มานี่" พี่หมอกไม่สนใจพี่เปอร์และเรียกผมให้เดินเข้าไปหา ผมเหลือบมองหมี่ที่เพิ่งแต่งตัวเสร็จ และเดินมานั่งลงที่โซฟาเช่นกัน

"หน้านี้" พี่หมอกหยิบบทจากมือผม เปิดออกเร็วๆ และยื่นกลับใส่มือผมอีกครั้ง

ผมก้มลงมองบทในมือพลางไล่สายตาดูอย่างรวดเร็ว ตายล่ะ บทวันนี้มันช่าง...นี่เอาจริงเหรอเนี่ย ต่อหน้าหมี่ กับพี่เปอร์เนี่ยนะ

ผมมองพี่หมอกเหมือนเป็นเชิงถาม แต่พี่หมอกกำลังตั้งใจอ่านบทในมือด้วยสีหน้าเคร่งเครียด และไม่สนใจผมเลยแม้แต่น้อย

พี่เปอร์ในตอนนี้ยกนิ้วให้กำลังใจผมเต็มที่ และหมี่กำลังนั่งฝนเล็บ ไม่ได้หันมาสนใจมองมากนัก จริงๆ บทวันนี้มันกุ๊กกิ๊กมากถึงมากที่สุด แบบว่า ถ้าไม่มีสองคนนี้มานั่งชม ผมก็คงจะไม่รู้สึกอะไร และคงจะดีใจจนออกนอกหน้าเลยแหละ แต่แบบนี้ไม่ได้ มันแปลกๆ แฮะ

"จำได้แล้วเหรอ" พี่หมอกเงยหน้าขึ้นจากบท และมองผมแบบสงสัย

"มันก็ไม่ได้มีอะไรเยอะนี่ครับ แต่ว่า พี่จะเล่นหน้านี้จริงๆ เหรอ" ผมถามพี่หมอก พี่ไม่ได้เกลียดผมหรอกเหรอ พี่จะทำมันได้จริงๆ เหรอ

"อืม ถอดแว่นตาออกด้วย มันเกะกะ"

ผมถอดแว่นออกตามที่พี่หมอกต้องการ และยืนยิ่งๆ ปรับอารมณ์เล็กน้อย จริงๆ นักแสดงแต่ละคนก็มีวิธีทำสมาธิของตัวเองแตกต่างกันออกไป และผมก็เป็นแบบไม่มีอะไรมาก เวลาที่จะต้องแสดงเป็นใคร ผมก็จะเป็นคนนั้น ผมว่าจะขอบทละครทั้งหมดของพี่หมอกไปอ่าน ผมชอบละครเรื่องนี้มาก ผมลองอ่านดูคร่าวๆ แล้วมันมีมิติดี และค่อนข้างดราม่าน้ำตานองเลยทีเดียว

"โอเค" พี่หมอกพูด และเดินเข้าไปในห้องนอนด้านข้าง ซึ่งเป็นห้องที่มีกระจกใสล้อมรอบ และเป็นประตูบานเลื่อนขนาดใหญ่ ทำให้คนที่นั่งอยู่ที่โซฟาตรงกลางก็มองเห็นได้

"ทำอะไรวะ อย่าบอกนะว่าเลิฟซีน" พี่เปอร์ที่เห็นพี่หมอกเดินเข้าไปในห้องนอนก็รีบลุกตามมา และเดินมากอดคอผมไว้อย่างหวงแหน

"เออน่า" พี่หมอกนั่งลงที่เตียง และทำหน้าอารมณ์เสีย เอ่อ พี่ครับ ไอ้บทที่กำลังจะเล่นพี่ต้องอารมณ์ดีดี๊ด๊าสุดๆ เลยนะ จะไหวไหมเนี่ย

"ให้กูลองดูหน่อย เดี๋ยวกูเล่นแทนเอง" พี่เปอร์พูด และแย่งบทในมือผมไปอ่าน

"มึงเนี่ยนะ" พี่หมอกพูดด้วยสีหน้ากึ่งขำกึ่งสมเพช ผมมองพี่หมอกที่เริ่มยิ้ม แบบนี้ค่อยยังชั่วหน่อย

"เออน่า กูอยากลอง มาๆ กูเล่นได้" ไอ้พี่เปอร์ที่พูดอย่างมั่นใจก็นั่งลงข้างๆ พี่หมอก และอยู่ดีๆ ก็ปั้นหน้าที่เหมือนจะน่ารัก และขอบอกว่าผมถึงกับหัวเราะเลยทีเดียว

"ไอ้คนขี้เซา" ผมกลั้นขำพี่เปอร์ที่ดึงจมูกพี่หมอก และทำท่าสะดิ้ง เหมือนตัวเองเป็นสาวน้อยแรกแย้ม

"นายเอกเป็นผู้ชาย ไม่ใช่กะเทย มึงมันโคตรห่วย" พี่หมอกพูดให้เท้าเขี่ยเพื่อนออกไป

"โธ่ มึงก็เกินไป กูออกจะน่ารัก เนอะ" พี่เปอร์พูดพลางมองผมแบบขอความเห็น

"ห่วยบรม" ผมพูดและแลบลิ้นกวนพี่เปอร์

"ฮ่ะๆ น้องอินใจร้ายอีกละ" พี่เปอร์ทำหน้างอนและยอมลุกออกไปจากเตียงแต่โดยดี "ไอ้หมอก มึงอย่าแต๊ะอั๋งน้องอินมากนะ กูหวง" พี่เปอร์หันมาทำตาหวานใส่ผม และยื่นมือมาลูบหัวผมแบบรักใคร่

"บทอะไรเหรอคะ ทำไมมาที่เตียง" ผมหลบพี่เปอร์ไม่ให้ลูบหัว และมองหมี่ที่เดินเข้ามาแย่งบทไปจากมือพี่เปอร์ไปอ่าน

"แหม พี่หมอกจะเล่นได้จริงๆ เหรอคะ" หมี่หัวเราะเบาๆ และมองผมสลับกับพี่หมอก

"ผู้กำกับติพี่มากๆ เรื่องที่ต้องเล่นบทถึงเนื้อถึงตัว เพราะพี่ทำได้ไม่ค่อยดี มันรู้สึก คลื่นไส้" คำว่าสุดท้ายนั้นพี่หมอกจงใจมองมาที่ผม เพราะแบบนี้เองสินะพี่ถึงอยากให้เป็นผม เพราะถ้าพี่ทนเล่นกับผมได้ กับนายเอกที่คู่กับพี่ในละคร พี่ก็ต้องทำได้เหมือนกัน

"ดีแล้วที่มึงรู้สึกแบบนั้น ไม่งั้นกูไม่ยอมให้มึงเล่นกับอินหรอก" พี่เปอร์พูดและเริ่มลูบหัวผมต่อ จัดผมที่ยุ่งเหยิงให้

พี่หมอกไม่ได้พูดอะไร แต่กำลังนอนลงบนเตียงนิ่งๆ เริ่มแล้วสินะ ผมไม่มั่นใจเลย ถ้าเป็นคนอื่น ผมคงจะไม่คิดอะไรทั้งนั้น แต่นี่คือพี่หมอก เป็นคนที่ผมแอบหลงรักมานานเหลือเกิน ผมไม่อาจห้ามใจไม่ให้เต้นรัวได้ มันน่าตลกนะ เพราะว่าพี่หมอกนั้นไม่ได้รู้สึกอะไรเลยนอกจากรังเกียจผม พี่จะทนได้ไหมนะ ที่จะไม่ผลักผมออกไป

ผมค่อยๆ ขยับตัวขึ้นไปบนเตียง และนอนแบบนอนเล่นข้างๆ พี่หมอก ผมทำสมาธิอยู่สักพัก สูดหายใจเข้าลึกๆ และเอาล่ะ ผมพร้อมแล้ว

"ไอ้คนขี้เซา" ผมพูดพลางพลิกตัวขึ้นมาบีบจมูกพี่หมอกเบาๆ จ้องมองพี่หมอกที่กำลังนอนหลับตาอยู่

ผมสังเกตพี่หมอกที่ดวงตากระตุกเล็กน้อยตอนที่โดนดึงจมูก แบบนี้ใช้ไม่ได้นะครับ

"มึนหัวจัง" พี่หมอกพูดเบาๆ ทั้งๆ ที่ยังไม่ลืมตา เอาแขนก่ายหน้าผาก

"ก็ดื่มเยอะเองนี่นา" ผมขยับตัวเข้าไปกอดพี่หมอกไว้ ผมหัวใจเต้นรัว ผมกำลังกอดพี่หมอกอยู่จริงๆ เหมือนฝันไปเลย

พี่หมอกค่อยๆ เลื่อนมือมาลูบหัวผมช้าๆ อย่างรักใคร่ หัวใจของผมนั้น กำลังมีความสุขเหมือนกับนายเอกในบทละคร ผมมีความสุขมาก ผมได้แต่หวัง ว่าช่วงเวลาเหล่านี้ จะเป็นจริงในสักวัน

ผมกระชับอ้อมแขนของผมแน่นมากขึ้น และซบแก้มลงบนตัวของพี่หมอก ซึมซับทุกสิ่งเอาไว้ให้มากที่สุด

ผมขออีกนิดเถอะนะ ผมอยากอยู่อย่างนี้ตลอดไปจะได้ไหม แต่มันเป็นไปไม่ได้หรอก ผมรู้ว่ามันคงไม่มีวันนั้น

"นอนไปก่อนนะ" ในบทนั้นถึงเวลาที่ต้องปล่อย ผมลุกขึ้นคลายอ้อมแขน และก้มลงจรดริมฝีปากบนหน้าผากของพี่หมอกเบาๆ พี่หมอกที่หลับตาอยู่นั้น ดวงตากระตุกอีกแล้ว แบบนี้ก็ไม่ได้นะครับ พี่คงฝืนตัวเองมากเลยใช่ไหม

และเมื่อผมทำท่าจะลุกขึ้นไปจากเตียงนั้น พี่หมอกก็ขยับตัวลืมตาขึ้น และรั้งดึงแขนผมเอาไว้

"จะไปไหน"

"ไปหาของกินฮะ" ผมพูดพลางก้มลงหอมแก้มคนที่นอนอยู่อีกฟอด เป็นฟอดที่ยาวนาน สูดเอาความหอมเข้าเต็มปอด แบบว่าเล่นใหญ่เกินไปนิด

"คัดๆๆ!!!" พี่เปอร์ส่งเสียงดังจนผมตกใจ และรีบเดินมาดึงตัวผมออกจากเตียง

"เล่นเหมือนจริงไปไหม ทำไมต้องไปหอมมันขนาดนั้น" พี่เปอร์พูดโวยวายเสียงดัง

ผมมองพี่หมอกที่ลุกขึ้นนั่ง และถอนหายใจแบบเหนื่อยหน่าย

"หอมพี่มั่งสิ โอ้ย" พี่เปอร์พูดพลางยื่มแก้มให้ผม และก็โดนผมดีดแก้มทันที

"ผมเล่นตามบทครับ ไม่มีอะไรสักหน่อย" ผมพูดและได้ยินพี่หมอกหัวเราะหึ ออกมา

"พี่หมอกเล่นดีแล้วค่ะ ทำเอาหมี่หึงไปเลย" ผมมองหมี่ที่เดินเข้าไปกอดพี่หมอกบนเตียง

"ยังใช้ไม่ได้ครับ พี่หมอกเวลานอนหลับตาไม่เป็นธรรมชาติเลย ไม่นิ่งและดวงตายังเคลื่อนไหวอยู่" ผมสวมแว่นตาลงตามเดิม และเดินไปนั่งลงที่โซฟา

"เรื่องแค่นั้น ช่างมันก็ได้มั้ง" หมี่พูดเถียงแทนพี่หมอก 

"ถ้าจะเป็นนักแสดง ก็ช่างมันไม่ได้หรอก"

"ก็พี่หมอกเขาฝืนตัวเองนี่ โดนผู้ชายด้วยกันทั้งกอดทั้งหอม ใครจะไปนิ่งไหว ใช่ไหมคะ" หมี่พูดและหันไปขอความเห็นพี่หมอก ก็คงแบบนั้นละนะ แค่พี่หมอกยอมเล่นไปตามบทผมก็แปลกใจแล้ว ช่วงเวลาที่ผมได้กอดพี่ และพี่ก็ลูบหัวผมเบาๆ ถึงจะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ

แต่ผมก็มีความสุขมาก มีความสุข มากเหลือเกิน
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#9 อ้อมกอดที่ว่างเปล่า](1/6/61)
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 01-06-2018 18:49:21
อินไม่เด็ดขาดเลย ขืนยังเป็นแบบนี้ ก็คงเจ็บช้ำซ้ำๆซากๆต่อไป
เป็นเราๆไม่เอาแล้วอ่ะ ไม่ยุ่งกับอีพี่หมอกแล้ว

พี่เปอร์น่ารักอีกแล้ววว  :ling1:
มีตัวละครโผล่มาใหม่ มิวคงมีบทบาทมากกว่านี้ ถ้าพี่เปอร์ไม่ใช่พระเอก เราจะเชียร์ให้คู่มิวแล้วนะคะ 5555

เพลียทั้งอินทั้งไอ้พี่หมอกมากก ไอ้พี่หมอกปากก็คอยทำร้ายความรู้สึกอินอยู่นั่นแหละ แต่ก็ขยันเรียกอินไปหาจริงจริ๊งง  :katai1:
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#9 อ้อมกอดที่ว่างเปล่า](1/6/61)
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 01-06-2018 19:09:36
รอความคืบหน้า จะบวกจะลบก็มาเถอะ
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#9 อ้อมกอดที่ว่างเปล่า](1/6/61)
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 01-06-2018 19:31:57
สงสารอิน
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#9 อ้อมกอดที่ว่างเปล่า](1/6/61)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 01-06-2018 22:18:57
 :pig4: :pig4: :pig4:

รักคนที่เขารักเราดีกว่าจะได้ไม่เจ็บ  นะนู๋อิน
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#9 อ้อมกอดที่ว่างเปล่า](1/6/61)
เริ่มหัวข้อโดย: เจเจจัง ที่ 02-06-2018 00:05:53
เนื้อเรื่องสนิท แต่ทำไมเราลำไยอิน ทำตัวเป็นนางเอกนิยายสมัยก่อน แอบชอบพระเอกมาตั้งนาน พอเพื่อนชอบ ก็บอกสิ่งที่พระเอกชอบให้นางรู้หวังว่าพระเอกจะมีความสุข โดยไม่คิดเลยว่าตัวเองต้องเจ็บ แถมพระเอกก็คิดว่าหมี่รสนิยมเดียวกัน ทั้งที่จริง ๆ นางตอแหลทั้งนั้น

อีกอย่าง อินรักหมอกมาก แต่ที่รักคือรักหน้าตาล้วน ๆ ไม่ได้มีเหตุผลอื่นเลย นางรักง่ายไปไหม รักง่ายแต่ดันตัดใจยาก หมอกขยะแขยงผู้ชาย จนอินเจ็บขนาดนี้ยังจะรักอีก เข้าแบบเดิม นายเอกรักคนเลว
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#9 อ้อมกอดที่ว่างเปล่า](1/6/61)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 02-06-2018 02:58:22
อินนะอิน เลิกรักหมอกได้แล้ว รักเปอร์ดีกว่า  o18
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#9 อ้อมกอดที่ว่างเปล่า](1/6/61)
เริ่มหัวข้อโดย: Gloomy Sunday ที่ 02-06-2018 09:02:31
เนื้อเรื่องสนิท แต่ทำไมเราลำไยอิน ทำตัวเป็นนางเอกนิยายสมัยก่อน แอบชอบพระเอกมาตั้งนาน พอเพื่อนชอบ ก็บอกสิ่งที่พระเอกชอบให้นางรู้หวังว่าพระเอกจะมีความสุข โดยไม่คิดเลยว่าตัวเองต้องเจ็บ แถมพระเอกก็คิดว่าหมี่รสนิยมเดียวกัน ทั้งที่จริง ๆ นางตอแหลทั้งนั้น

อีกอย่าง อินรักหมอกมาก แต่ที่รักคือรักหน้าตาล้วน ๆ ไม่ได้มีเหตุผลอื่นเลย นางรักง่ายไปไหม รักง่ายแต่ดันตัดใจยาก หมอกขยะแขยงผู้ชาย จนอินเจ็บขนาดนี้ยังจะรักอีก เข้าแบบเดิม นายเอกรักคนเลว

เนื้อเรื่องจะมีความซับซ้อนมากขึ้นค่ะ อินนั้นหน้ามืดตามัวหลงรักผิดคนหรือเปล่าจะรู้กัน อะไรที่ซ่อนอยู่ในจะค่อยๆเผยออกมา 555+
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#9 อ้อมกอดที่ว่างเปล่า](1/6/61)
เริ่มหัวข้อโดย: Kuayyai ที่ 02-06-2018 16:00:57
ที่อินช่วยคงเพราะอยากใกล้ชิดสินะ เฮ้อ
ถ้าอินใจแข็งสักนิดก็คงดี ก็รู้พี่หมอกมันเกลียดเกย์ หึ
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#9 อ้อมกอดที่ว่างเปล่า](1/6/61)
เริ่มหัวข้อโดย: ป่ามป๊ามป่ามปาม ที่ 03-06-2018 10:13:10
สนุกมากค่ะ ชอบพี่เปอร์มากๆ ออกมาแต่ละทีก็แจกความสดใสตลอด แต่เหมือนมิวจะรู้จักเปอร์สินะ มีอะไรรึเปล่า
อิพี่หมอกใจร้ายมาก น่าหมั่นไส้มาก อย่ามาหลงอินทีหลังแล้วกัน  :m16:
อยากให้อินใจแข็งกว่านี้หน่อย ดูเป็นรองอิพี่หมอกตลอดเลย
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#9 อ้อมกอดที่ว่างเปล่า](1/6/61)
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 03-06-2018 19:39:33
 :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#9 อ้อมกอดที่ว่างเปล่า](1/6/61)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 03-06-2018 23:49:43
สนุกมากค่ะ ชอบพี่เปอร์มากๆ ออกมาแต่ละทีก็แจกความสดใสตลอด แต่เหมือนมิวจะรู้จักเปอร์สินะ มีอะไรรึเปล่า
อิพี่หมอกใจร้ายมาก น่าหมั่นไส้มาก อย่ามาหลงอินทีหลังแล้วกัน  :m16:
อยากให้อินใจแข็งกว่านี้หน่อย ดูเป็นรองอิพี่หมอกตลอดเลย

คิดเหมือน
อิน อ่อนแอมากกกกกก
รู้ตัวจริงหมอกแล้ว จะตัดใจๆอยู่นั่น แต่ตัดไม่ได้ซักที  :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
อยากให้หมอกหลงรักอิน แล้วผิดหวัง   :m20: :laugh: :m20:
มิว เคยเป็นคู่ควงเปอร์  แล้วรักเปอร์ใช่ไหม   :hao3:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#9 อ้อมกอดที่ว่างเปล่า](1/6/61)
เริ่มหัวข้อโดย: ป่ามป๊ามป่ามปาม ที่ 06-06-2018 21:31:17
แวะมาจิ้มสักหน่อย :z13:
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#9 อ้อมกอดที่ว่างเปล่า](1/6/61)
เริ่มหัวข้อโดย: Gloomy Sunday ที่ 23-06-2018 11:41:27
เพ้อ บทที่ 10 ความรู้สึกจากหัวใจ


หลังจากช่วยพี่หมอกซ้อมบท ผมที่ไม่ค่อยอยากเห็นสองคนนั้นสวีทหวานกันเท่าไหร่ ก็ขอตัวเข้าห้องน้ำ ผมเปิดก๊อกน้ำและวักน้ำล้างหน้าล้างตา ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นมันคุ้มค่าแล้วอิน อย่าหวังอะไรมากไปกว่านี้เลย ผมคอยแต่เฝ้าบอกตัวเองแบบนั้น แต่หัวใจก็ไม่ยอมทำตามเอาซะเลย

ผมอยู่ในห้องน้ำนั้นสักพัก นานพอดูทีเดียว ผมคิดอะไรเรื่อยเปื่อย ปล่อยให้เวลาผ่านเลยไป

"ตกส้วมตายไปแล้วหรือไง" ผมสะดุ้งทันทีที่ได้ยินเสียงจากด้านนอก ตายล่ะ ผมอยู่ในนี้นานแค่ไหนแล้ว

ผมรีบลนลานเปิดประตูห้องน้ำ และมองเห็นพี่หมอกกำลังยืนทำหน้ายักษ์อยู่

"ขอโทษครับ" ผมพูดเบาๆ และเดินเลี่ยงพี่หมอกที่ยืนขวางทางผมอยู่ แต่เมื่อผมเดินออกมาจนถึงโถงกลางก็พบว่าในห้องนี้ไม่มีใครอยู่แล้ว คนอื่นๆ หายไปไหนกันหมดนะ

"พวกนั้นน่ะ กลับไปกันหมดแล้ว" พี่หมอกคงรู้ว่าผมคิดอะไร จึงได้บอกออกมาก่อนที่ผมจะได้ถามซะอีก แต่ว่าพี่เปอร์น่ะเหรอ จะกลับไปโดยทิ้งผมเอาไว้ และไม่ได้บอกอะไรผมเลยด้วยซ้ำ

"ทำไม ข้องใจที่ไอ้เปอร์มันทิ้งเหรอ" พี่หมอกจ้องมองผม และพูดขึ้นเหมือนอ่านใจผมได้

"เปล่า ผมแค่สงสัยว่าหมี่ก็กลับด้วยเหรอ"

"ผู้หญิงนั่นจะมาก็มา จะไปก็ไป ไม่แปลกหรอก" พี่หมอกนั่งลงที่โซฟา ถือแก้วเหล้าไว้ในมือ "เป็นคนสองใจเนี่ย บางทีก็เหนื่อยใช่ไหม"

"ผมไม่ได้สองใจ" ผมพูดด้วยสีหน้าจริงจัง แต่พี่หมอกก็ดูจะไม่ได้ใส่ใจ

"งั้นเหรอ เมื่อกี้เล่นดีเลยนะ ใส่อารมณ์จริงๆ ลงไปเยอะน่าดูเลยสิ"

ผมถอนหายใจพลางเดินไปหยิบกระเป๋า ตอนนี้พี่หมอกกำลังกวนโมโหผมอยู่ ผมว่าผมก็ควรกลับได้แล้ว ดีกว่าต้องมาทะเลาะกันอีก

"งั้นผมขอตัวกลับ..."

"นายน่ะ ชอบฉันเพราะอะไร" จู่ๆ พี่หมอกก็พูดถามออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง

"ผมชอบการแสดง..."

"โกหก" พี่หมอกหัวเราะเบาๆ อย่างไม่เชื่อ

"ผมยอมรับว่าตอนแรก หน้าตาของพี่หมอกสะดุดตาผมจริงๆ แต่ว่ามันไม่ใช่แค่นั้น ความสามารถ การแสดง และเพลงของพี่ เสียงของพี่..." ผมค่อยๆ เดินเข้าไปหาพี่หมอกที่ยังคงนั่งอยู่ และหน้าเริ่มแดงนิดๆ เพราะแอลกอฮอล์

"หน้าตา ชื่อเสียง เงินทอง" พี่หมอกพูดเบาๆ เหมือนพูดกับตัวเอง ไม่ได้ฟังสิ่งที่ผมพูดแม้แต่น้อย

"ถ้าเป็นอย่างนั้น ผมก็คงต้องชอบพี่เปอร์ด้วย แต่ทำไม ถึงต่างกัน"

"นายไม่ได้รู้จักฉันจริงๆ ด้วยซ้ำ" พี่หมอก หันมาจ้องมองผม และยิ้มเยาะน้อยๆ

"ครับ อาจจะเป็นอย่างนั้นจริงๆ แต่เพราะแบบนั้น ผมก็เลยอยากรู้ ผมอยากรู้จักพี่ให้มากขึ้น"

"อวดดี" พี่หมอกพูดและรินเหล้าให้ตัวเองอีก

"พอเถอะครับ พี่เริ่มเมาแล้วนะ" ผมเผลอคว้ามือพี่หมอกเอาไว้ด้วยความเป็นห่วง

"ปล่อย"

"ขอโทษครับ" ผมปล่อยมือพี่หมอก และถอยหลังออกมา พี่หมอกยังคงนิ่งเงียบ ผมไม่ค่อยเข้าใจพี่เขาเท่าไหร่ ดูพี่เขาเหมือนกำลังมีปัญหา หรือเก็บซ่อนอะไรบางอย่างเอาไว้

"ครั้งแรกที่ผมได้เห็นพี่ ผมรู้สึกว่าพี่เป็นคนที่เก่งมากจริงๆ ทั้งการแสดงออก ทั้งตอนที่พี่ร้องเพลงให้พวกเราฟัง พี่ดูมีความสุขมาก ผมก็คิดว่าทุกๆ คนที่ติดตามพี่ ก็คงจะคิดแบบเดียวกัน อย่าคิดอะไรในแง่ลบเลยครับ ทุกคนชอบผลงานของพี่จริงๆ ทุกอย่างที่พี่ทำด้วยความตั้งใจ มันไม่ได้แย่อะไรเลย" ผมไม่รู้ว่าทำไม แต่ผมอยากพูดเรื่องนี้ออกไปให้พี่ได้รู้

"พูดจบหรือยัง"

"ครับ" ผมพูดและยิ้มน้อยๆ ผมหวังว่าพี่ จะรู้สึกดีกับตัวเองมากขึ้น

Trrr Trrr

ผมมองโทรศัพท์ที่กำลังสั่นอยู่ข้างๆ ขวดเหล้าทรงสวย มันคือโทรศัพท์ของพี่หมอก ที่เจ้าของไม่สนใจจะรับมัน

"พี่จะไม่รับเหรอ" ผมเผลอจุ้นเรื่องของพี่หมอก เพราะผมเห็นว่ามันสั่นอยู่อย่างนั้น มาสักพักหนึ่งแล้ว

"ไม่มีอะไร กลับไปได้แล้ว" เสียงของพี่หมอกนั้นนุ่มนวลแผ่วเบา ทำให้ผมรู้สึกว่าไม่ได้ถูกไล่

"ครับ งั้นผม ขอตัวนะครับ" ผมก้มหัวลงเป็นเชิงลา และเดินเงียบๆ ไปที่ทางเดินเพื่อไปยังประตู

"อิน" ผมชะงักเท้าทันทีที่พี่หมอกเรียกผมเอาไว้

แค่เพียงเรื่องนี้ แต่ผมก็ยิ้มอย่างดีใจ แค่พี่เรียกชื่อผม ผมก็รู้สึกเหมือนจะลอยได้แล้ว

"พรุ่งนี้ก็รีบมา"

"ครับ ฝันดีนะครับ พี่หมอก"

ผมกลับบ้านไปด้วยความรู้สึกที่ดีเล็กๆ พี่หมอกดูใจดีขึ้นนะ อาจจะนิดหนึ่งละมั้ง แต่นั่นก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี แถมวันนี้ผมยังได้กอดพี่หมอกอีก ถึงจะเป็นแค่บทละคร แต่มันก็ดีเหลือเกินจริงๆ

ผมมองดูแม่ที่หลับไปแล้ว และนอนกอดหมอนข้างอีกด้าน ไม่แน่นะ ต่อไปพี่เขาอาจจะไม่เกลียดผมแล้วก็ได้


ในวันถัดมานั้นก็เหมือนเดิม ผมทำงานบ้านช่วยแม่ และออกไปที่มหา'ลัยแต่เช้า ถึงแม้ว่าจริงๆ ผมจะมีเรียนสายก็เถอะ ผมใช้เวลาในตอนเช้าส่วนใหญ่ไปกับการนั่งเล่นในสวนของคณะ มองผู้คนมากมายที่เดินผ่านไปมาเพื่อมุ่งหน้าไปเรียน

"ว่าแล้วว่าต้องอยู่แถวนี้" ผมเลิกสะดุ้งแล้ว เพราะรู้ว่าคนคนนี้ชอบโผล่มาอยู่เรื่อย

"แล้วทำไมเหรอครับ" ผมยิ้มแบบกวนๆ ผมจะนั่งจะอยู่แถวนี้แล้วใครจะทำไมล่ะ

"ก็ไม่ทำไมหรอก แค่คิดถึง" ผมหุบยิ้ม และทำไม่รู้ไม่ชี้ทันทีที่ได้ยินแบบนั้น

"เขินอีกแล้ว" พี่เปอร์นั่งลงข้างๆ ผม พลางยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ หนอย ทำเป็นพูดดีไป

"เมื่อวานใครก็ไม่รู้ ทิ้งผมเอาไว้" ผมลองพูดแหย่พี่เปอร์ดู

"ขอโทษนะ พอดีพี่มีธุระด่วน" น้ำเสียงที่จริงจังของพี่เปอร์ทำให้ผมรู้สึกผิดเล็กน้อย

"ผมพูดเล่นน่ะ ซีเรียสทำไม"

"ไอ้หมอก ไม่ได้ทำอะไรใช่ไหม" พี่เปอร์พูดถามต่อ ซึ่งผมก็ส่ายหน้าทันที

"พี่หมายถึงอะไร อย่างพี่หมอกจะทำอะไรผมล่ะ" ผมพูดพลางทำหน้าซื่อๆ

"ก็ไม่หรอก มันเกลียดผู้ชายจะตาย" พี่เปอร์ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์พลางยื่นหน้าเข้ามาใกล้ "แต่พี่อ่ะ ชอบนะ" ผมดันหน้าพี่เปอร์ออกไป เบื่อจริงๆ คนปากดีแบบนี้

"ผมถามจริงๆ เถอะ ผมนี่น่าสนใจตรงไหนเหรอ" ที่ผมถามเพราะอย่างพี่เปอร์นั้นไม่ได้ขี้เหร่อะไรเลย ดูแล้วน่าจะมีตัวเลือกไม่น้อย แต่ทำไมถึงมายุ่งกับผม

"พี่ว่าอินมีเสน่ห์ในแบบของอิน ยิ่งเวลาแสดงละคร พี่นี่อึ้งไปเลย" พอได้ลองฟังพี่เปอร์พูดชมอย่างจริงจัง ก็เขินเหมือนกันแฮะ

"เหอะๆ ขอบคุณครับ"

"แล้วอาทิตย์นี้อินไม่ลองขอตามไอ้หมอกไปกองถ่ายดูล่ะ จะได้ไปสัมผัสบรรยากาศกองถ่ายจริงๆ ดูบ้าง" ผมที่ได้ฟังความเห็นนั้นก็รู้สึกตื่นเต้น เพราะความจริงผมอยากไปมาก

"พี่ช่วยพูดให้ผมหน่อยได้ไหม" ผมเกาะแขนพี่เปอร์ และเขย่าเบาๆ

"แน่ะ อยากไปขนาดนี้ ถ้าแอบไปส่องหนุ่มๆ พี่ไม่ยอมนะ" พี่เปอร์พูดพลางยิ้มกวน

"ผมแค่อยากไปดูเขาทำงานกันครับ จริงๆ นะ" ผมอยากไปดูพี่หมอก นั่นแหละคือทั้งหมดที่ผมคิด

และในช่วงกลางวันของวันนี้ ผมก็ถูกพี่เปอร์ลากให้มานั่งกินข้าวกับพี่แกอีกแล้ว ผมนั้นเพิ่งเรียนเสร็จและเดินออกมาจากชั้นบน และก็เจอเข้ากับพี่แกที่ดักซุ่มอยู่พอดี เชื่อเขาเลย นี่รู้ถึงขนาดผมเรียนวิชาไหน ห้องอะไรได้ยังไงกัน

"เอาอะไร เดี๋ยวพี่ไปซื้อให้" พี่เปอร์กดไหล่ผมให้นั่งลงตรงข้ามคนคนเดิม คนที่ผมคิดถึงตลอดเวลา

"เดี๋ยวผมไปซื้อเองก็ได้..."

"เอาเหมือนพี่ละกันเนอะ รอแปบนะ" พี่เปอร์พูดเองเออเอง และเดินหายไปในฝูงชนอย่างรวดเร็วเหมือนกลัวผมจะเปลี่ยนใจ

ผมที่นั่งอยู่นั้น ก็แทบไม่กล้าหันไปมองคนตรงหน้าเลยจริงๆ ให้ตาย ไม่ว่าจะเจอกันกี่ครั้ง คุยกันกี่รอบ ความรู้สึกนี้ก็ไม่เคยจางหาย

"ส.สวัสดี..."

"พี่หมอก" ผมที่กำลังจะเอ่ยทักพี่หมอกนั้น แฟนเขาก็เดินมานั่งลงพอดี "อ่าวอิน ถ้าจะมากินด้วยทีหลังก็รอกันมั่งสิ" หมี่ที่เห็นผมนั่งอยู่ก็บ่นใส่ทันที ไม่ได้คิดว่าจะมาด้วยซะหน่อย เหอะๆ

"จะกินอะไร" ผมมองพี่หมอกที่ไม่ได้สนใจผม และกำลังหันไปถามหมี่อยู่

"หมี่เบื่ออาหารที่นี่จะตาย ไม่รู้ทำไมพี่หมอกชอบกินที่นี่อยู่เรื่อย คนก็เยอะ ร้อนก็ร้อน" หมี่พูดพลางกระพือพัดเล็กๆ ไล่ความร้อน

"ที่นี่อาหารอร่อยดีนะ ถูกด้วย" ผมว่าผมไม่น่าพูดอะไรแบบนี้ออกมาเลย เพราะหมี่นั้นกำลังมองผมแบบเอือมๆ อยู่

"พี่หมอกกก ไปกินข้างนอกกันเถอะค่ะ" หมี่หันไปเขย่าแขนพี่หมอกเบาๆ

"ไม่ได้ พี่มีสอบบ่าย"

"เชอะ เดี๋ยวนี้ไม่ตามใจหมี่เลยนะ" หมี่เริ่มหน้าตึงขึ้นแบบงอนๆ เอาล่ะสิ บรรยากาศแบบนี้ ผมควรจะลุกออกไปดีไหม

"พี่ไม่เคยตามใจใครอยู่แล้ว" พี่หมอกพูดด้วยเสียงเรียบๆ และหันไปสนใจอย่างอื่นแทน

คำพูดของพี่หมอกทำเอาหมี่ตาโตแทบจะทะลัก เธอจ้องมองพี่หมอกแบบไม่พอใจสุดๆ ฟึดฟัดหัวเสีย

"ก็ได้ค่ะ งั้นหมี่ไปกับคนอื่นละกัน" หมี่กระแทกเสียง และเดินเชิดออกไปทันที ผมไม่ค่อยเข้าใจเลย ทั้งสองคนไม่ได้เข้ากันได้ดีหรอกเหรอ

"ยิ้มอะไร" ผมสะดุ้งทันทีที่พี่หมอกหันมาทำหน้าดุใส่ผม

"เปล่าครับ" ผมพยายามทำสีหน้านิ่งๆ จริงๆ ผมไม่ควรรู้สึกดีกับเรื่องแบบนี้เลย แต่มันก็อดไม่ได้ ผมดีใจที่พี่หมอกไม่ได้ออกไปตามคำชวนของหมี่ ก็เท่านั้นเอง

"เฮ้ยๆ มีอะไรกันวะ เหมือนจะพลาดเรื่องเด็ด" พี่เปอร์ที่เพิ่งซื้อข้าวมาก็นั่งลงด้วยสีหน้าอยากรู้อยากเห็นเต็มที่

"เริ่มน่ารำคาญมากขึ้นทุกที" พี่หมอกพูดอย่างหัวเสียเช่นกัน

"เฮ้ออ ก็ผู้หญิงนี่นะ กูบอกแล้วไงว่าแบบนี้ทุกราย เนอะ" พี่เปอร์พูดกับพี่หมอก แต่นั่งเท้าคางจ้องมองผมด้วยสายตาหวานเยิ้ม

"เหอะ เอาตัวเองให้รอดก่อนเถอะ ค่อยวิจารณ์คนอื่น" พี่หมอกพูดพลางยกยิ้มมุมปาก ส่วนพี่เปอร์ตอนนี้หุบยิ้มไปเรียบร้อย เขาคุยเรื่องอะไรกันนะ

"เออ มึงถ่ายละครอาทิตย์นี้ใช่ไหม พาน้องไปด้วยสิ พาไปเปิดหูเปิดตาหน่อย เผื่อผู้กำกับเขาจะเห็นแววมั่ง" อยู่ๆ พี่เปอร์ก็เปลี่ยนเรื่องเข้าประเด็นทันที ผมนั่งตัวตรงรอคำตอบอย่างตื่นเต้น แต่พี่หมอกก็แค่หันมาขมวดคิ้วมองผม และถอนหายใจอย่างเซ็งๆ

"ถ้ายังสภาพแบบนี้ เด็กแบกกล้องคงพอไหว" ผมยิ้มเจื่อนกับคำพูดของพี่หมอก ถึงจะโดนดูถูก แต่ถ้าเป็นเมื่อก่อนพี่หมอกคงจะมองผมตาขวางแล้วบอกว่าอย่าหวังแน่ๆ

"อิน โดนด่าอยู่นะ ยังจะยิ้มอีก" ผมเริ่มหน้ามุ่ยทันทีที่พี่เปอร์ดึงแก้มผม

"เจ็บบบ" ผมดึงมือพี่เปอร์ที่ยังคงกวนผมออก

"หนวกหู เลิกเล่นได้แล้ว" พี่หมอกมองพวกผมพลางทำหน้าหงุดหงิดใส่

"ตกลงมึงพาน้องไปนะ กูก็จะไปด้วย" พี่เปอร์ไม่สนใจและกอดไหล่ผม ตอนนี้ผมลุ้นมาก ว่าพี่หมอกจะตอบว่ายังไง

"ไม่ใช่ที่ให้เด็กเล่น ถ้าสร้างปัญหา เจอดีแน่" พี่หมอกพูดอย่างคาดโทษ แต่ว่าแบบนี้แปลว่าโอเคใช่ไหมนะ

"เออ กูดูแลเอง ดูแลอย่างดีเลยล่ะ" พี่เปอร์พูดและยักคิ้วให้ผม ขอบคุณนะครับ

ในช่วงบ่ายนั้น ผมก็ยังคงเรียนเหมือนอย่างเคย แต่ก็พบว่าหมี่ไม่ได้เข้าเรียนในคาบบ่าย สองคนนั้นทะเลาะกันบ่อยไหมนะ หมี่เป็นคนเอาแต่ใจมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ผมนั้นรู้ดีเพราะว่าโตมาด้วยกัน และพี่หมอกก็ดูจะไม่ค่อยยอมใครเท่าไหร่ แบบนี้จะไปกันไม่รอดก็คงไม่แปลกหรอกมั้ง

ผมหยิบโทรศัพท์ของผมขึ้นมา และเข้าไปในอินสตราแกรมเหมือนเช่นเคย นี่เป็นสิ่งที่ง่ายที่สุดที่ผมจะรู้ได้ว่า พี่หมอกในตอนนี้นั้น กำลังคิดอะไรอยู่

ถูกใจ 38,625 คน

mok77 บางที ก็อาจไม่ได้เป็นอย่างที่คิด

ผมขมวดคิ้วน้อยๆ มองรูปภาพและข้อความที่พี่หมอกโพสเอาไว้ ไม่ได้เป็นอย่างที่คิดงั้นเหรอ นี่พี่กำลังพูดถึงอะไรกันนะ

หลังเลิกเรียน ผมรีบบึ่งไปที่ชมรมเพื่อช่วยพวกพี่ๆ ทำงานเล็กๆ น้อย และประชุมคุยกันเหมือนเช่นเคย ผมใช้เวลาอยู่ที่ชมรมสักพัก และขอตัวกลับในเวลาที่ควรจะไปหาพี่หมอก วันรืนนี้พี่เขาต้องไปถ่ายละครแล้ว ผมควรจะช่วยพี่เขาให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้

Rrrr Rrrr

ขณะที่รีบร้อนเดินไปหน้ามหา'ลัยนั้น ก็ได้ยินเสียงมือถือของตัวเองดังขึ้นซะก่อน และเมื่อผมมองดูว่าใครโทรมานั้น ผมก็รีบรับสายด้วยความตื่นเต้นเหมือนเช่นเคย

"ฮัลโหลครับพี่หมอก..."

"มาตามที่ส่งโลเคชั่นไป"

"วันนี้ไม่ได้ซ้อมที่คอนโดพี่เหรอครับ" ผมถามพี่หมอกอย่างแปลกใจ

"อย่าถามมาก ดูในข้อความที่ส่งให้" พี่หมอกพูดเสียงดุ และตัดสายไปอย่างรวดเร็ว เป็นอะไรของเขาอีกแล้วนะ

ผมมองหน้าจอมือถือและหรี่ตามองสถานที่ที่พี่หมอกบอกให้ผมไป และทันทีที่เห็น ผมก็ยิ่งขมวดคิ้วไปใหญ่ พี่ไปทำอะไรที่นั่นกันนะ

ผมเปลี่ยนทิศทางจากด้านหน้ามหา'ลัยเดินกลับไปด้านหลังของมหา'ลัยแทน ที่ที่พี่หมอกต้องการให้ผมไปนั้น อยู่ไกลจากมหา'ลัยมากพอสมควร ผมจึงตัดสินใจโบกรถแท็กซี่เพื่อที่จะได้ไปถึงไวมากขึ้น

ใช้เวลาเดินทางสักพัก ในที่สุดผมก็มายืนอยู่หน้าร้านอะไรสักอย่างริมถนนแห่งหนึ่ง ผมคิดว่ามันเป็นร้านอาหารหรือเปล่านะ เพราะดูจากด้านนอกนั้นก็เหมือนจะเป็นแบบนั้นจริงๆ

ผมเริ่มหัวใจเต้นรัว หรือพี่หมอกชวนผมมากินข้าวกันนะ ผมเผลอยิ้มออกมาอย่างดีใจ แต่ก็ต้องหยุดความคิดนั้นอย่างรวดเร็ว มันไม่มีทางเป็นแบบนั้นไปหรอก อย่าคาดหวังมากน่าจะดีกว่า

ผมก้าวเท้าเข้าไปยังร้านแห่งนั้น ด้านในเป็นร้านอาหารที่ดูธรรมดาๆ บรรยากาศดูอบอุ่นเหมาะสำหรับให้ครอบครัวมาทานอาหารร่วมกัน

"ลูกค้าจองไว้หรือเปล่าคะ" ผมมองพนักงานสาวสวยที่เข้ามาถามอย่างสุภาพ

แต่พูดว่า จองงั้นเหรอ...

ผมมองไปรอบๆ ร้านอีกครั้ง และพบว่าที่นั่งส่วนใหญ่นั้นว่างอยู่

"คือ คุณหมอก นัดให้ผมมาที่นี่ครับ" ผมลองเอ่ยชื่อพี่หมอกออกไป

"เชิญทางนี้เลยค่ะ" และก็จริงๆ ด้วย พี่หมอกคงจองเอาไว้ อาจจะมีกินเลี้ยงอะไรกันแล้วชวนผมมาใช่ไหม แต่แค่นั้นก็ทำให้ผมยิ้มแก้มจะฉีกแล้ว

แต่ผมที่เดินตามพนักงานไปนั้น ก็เริ่มจะหุบยิ้มและขมวดคิ้วมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะจากด้านหน้าของร้านอาหารสู่ทางเดินด้านหลัง บรรยากาศนั้นช่างแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง

ผมเดินขึ้นบันไดที่ปูพรมสีแดงเอาไว้ แสงไฟสลัวของที่นี่ทำเอาผมรู้สึกขนลุกแปลกๆ มันเหมือนกับที่นี่เอาไว้ทำเรื่องไม่ดียังไงยังงั้น

"เชิญด้านในเลยค่ะ" ผมยืนอ้ำอึ้งอยู่หน้าประตูสีดำบานหนึ่งที่มีตัวเลขสีทองแปะอยู่ พี่หมอกคงอยู่ในนี้สินะ แต่ไม่รู้ทำไม ผมไม่ค่อยอยากเข้าไปเลย

ผมยืนอยู่สักพัก และตัดสินใจกำลูกบิดประตูและเปิดเข้าไป

ภายในห้องนั้นดูมืดสลัวยิ่งกว่าทางเดินด้านนอก และมีเสียงเพลงดังกระหึ่มจนผมแทบจะต้องอุดหูเอาไว้ จากประตูนั้น มีทางเดินอีกเล็กน้อย ผมเริ่มมองเห็นโซฟาสีดำจากตรงนี้ และเห็นเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่ก้าวต่อไป

ผมเดินมาจนสุดทางเดิน และเลี้ยวหัวมุมเพื่อมองภาพด้านหน้าให้ถนัด ผมมองกลุ่มคนประมาณเกือบสิบคนที่กำลังกินและดื่มอย่างสนุกสนาน มีผู้หญิงสองคนที่กำลังร้องเพลงอยู่ และคนอื่นๆ เป็นคู่ๆ กำลังเอ่อ ต้องพูดว่ายังคงดี พลอดรัก นัวเนีย มีสองคนกำลังกอดกันจนผมมองไม่ออกว่าแค่กอดจริงๆ ไหม แต่ผมที่กำลังมองไปรอบๆ นั่น ก็สะดุดตาเข้ากับคนอีกคู่หนึ่งที่กำลังกอดก่ายกัน และกระซิบคุยกันใกล้ๆ

ผมค่อยๆ เดินเข้าไปเพื่อมองคนทั้งคู่ให้ชัดเจนมากขึ้น และยิ่งเมื่อได้เข้าใกล้ ความสงสัย ความรู้สึกของผมก็เริ่มสับสน ผมไม่เข้าใจเลย ไม่เข้าใจเลยสักนิด

ว่าพี่ให้ผมมาที่นี่เพื่ออะไรกันแน่
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#10 ความรู้สึกจากหัวใจ](23/6/61)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 23-06-2018 11:58:17
 :pig4: :pig4: :pig4:

เอ...

ปาร์ตี้  นัวเนีย  ใครนัวเนียใคร?

หมอกเนี่ย  ดูลึกลับมาก  แต่ที่แน่ ๆ เหมือนจะเป็นคนมีปม  หรือเฮียแกจะเป็นไบโพลาร์หว่า?
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#10 ความรู้สึกจากหัวใจ](23/6/61)
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 23-06-2018 15:58:18
หลอกน้องมาทำอะไรอ่ะ
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#10 ความรู้สึกจากหัวใจ](23/6/61)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 23-06-2018 18:10:16
ถ้าหลอกน้องมาทำอะไรที่ไม่ดี พระเอกก็พระเอกเถอะ ตบให้คว่ำเลย  :beat:
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#10 ความรู้สึกจากหัวใจ](23/6/61)
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 23-06-2018 18:43:41
 :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#10 ความรู้สึกจากหัวใจ](23/6/61)
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 23-06-2018 19:35:47
ไม่ใช่ว่าเป็นพี่เปอร์นะ  :hao5:
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#10 ความรู้สึกจากหัวใจ](23/6/61)
เริ่มหัวข้อโดย: naruxiah ที่ 23-06-2018 20:13:58
ให้น้องมาเห็นด้านเลวสุดๆของตัวเองแล้วจะดูว่ารับตัวเองได้มั้ยงี้หรอหมอก?
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#10 ความรู้สึกจากหัวใจ](23/6/61)
เริ่มหัวข้อโดย: ป่ามป๊ามป่ามปาม ที่ 23-06-2018 20:33:11
ค้างเติ่ง อ้ากกกกก อิพี่หมอกให้อินมาเจออะไรเนี่ย ดูไม่ชอบมาพากลเลยสักนิด ปาร์ตี้เซ็กส์??? น้องอินกลับทันมั้ยคะ รีบกลับไปเร้วว
มาเท่าไหร่ก็ไม่เคยพอ รอๆๆ ตอนหน้านะคะ  :pig4: :กอด1:
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#10 ความรู้สึกจากหัวใจ](23/6/61)
เริ่มหัวข้อโดย: Kuayyai ที่ 23-06-2018 22:35:24
ทำไมมาค้างแบบนี้ละ  ฮืออออ

อยากรุ้ว่าปาร์ตี้
อะไร ใครทำอะไร พี่หมอกชวนน้องมาทำไม
สงสัยมากๆ
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#10 ความรู้สึกจากหัวใจ](23/6/61)
เริ่มหัวข้อโดย: pharm ที่ 24-06-2018 22:51:31
เกิดอะไรขึ้น :katai1:
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#10 ความรู้สึกจากหัวใจ](23/6/61)
เริ่มหัวข้อโดย: Gloomy Sunday ที่ 12-07-2018 15:24:24
เพ้อ บทที่ 11 ความผิดหวังในหัวใจ


ผมมองภาพตรงหน้าด้วยความรู้สึกแบบไหนก็ไม่สามารถรู้ได้ ผมมองผู้ชายคนหนึ่ง คนที่ชอบทำเหมือนสนใจผม คนคนนั้นยังคงไม่รู้ตัว และกำลังดูมีความสุขอยู่กับคู่ขาตรงหน้าของตัวเอง

"มาช้านะ" ผมสะดุ้งน้อยๆ ทันทีที่ได้ยินเสียงคุ้นเคยจากด้านหลัง พี่หมอกนั้นกำลังยกแก้วเหล้าขึ้นดื่ม และยืนพิงผนังข้างๆ อย่างสบายอารมณ์

"พี่ให้ผมมาที่นี่ทำไมเหรอ"

"ทำไม ไม่ชอบเหรอ" พี่หมอกยกยิ้มมุมปาก และยังคงดื่มเหล้าในแก้วนั้นมากขึ้นเรื่อยๆ ผมรู้สึกไม่ชอบที่แบบนี้เลย เสียง แสงสี และบรรยากาศมันชวนทำให้เวียนหัวจริงๆ

"พวเรากลับกันเถอะครับ" ผมพูด และเดินเข้าไปหาพี่หมอกใกล้ๆ กลิ่นแอลกอฮอลล์จากตัวพี่หมอกนั้น ทำให้รู้ได้ว่าพี่หมอกดื่มหนักแค่ไหน และมีอีกสิ่งที่ผมไม่ค่อยเข้าใจ พี่หมอกนั้นเกลียดเกย์ไม่ใช่เหรอ แต่เท่าที่ผมมองดูแต่ละคู่ในห้องนี้นั้น มีคู่เกย์มากกว่าครึ่งเลยทีเดียว

"ใกล้จะต้องเข้ากองถ่ายแล้วไม่ใช่เหรอครับ ทำไมถึงยังมากินเหล้าอีก" ผมพูดด้วยความเป็นห่วง แต่พี่หมอกก็ดูไม่ใส่ใจ

"ไอ้เปอร์ เด็กมึงมาหา!" ผมตกใจทันทีที่พี่หมอกเริ่มตะโกนเสียงดังเพื่อเรียกเพื่อนตัวเองให้หันมา

"เด็กคนไหนวะ..." ผมมองพี่เปอร์ที่หันมา และประสานสายตาเข้ากับผมพอดี ผมไม่ได้รู้สึกอะไรมากไปกว่าความผิดหวัง ทุกอย่างที่พี่เคยบอกผมพี่โกหกผมใช่ไหม ผมมองพี่ผิดไปจริงๆ

พี่เปอร์ที่เห็นผมนั้น ก็อึ้งชะงัก พี่เปอร์ค่อยๆ ลุกขึ้นช้าๆ มองผมด้วยสีหน้าที่บอกว่าตกใจเหลือเกิน

"อิน" ผมหลบสายตาพี่เปอร์ และเหลือบมองพี่หมอกที่กำลังหัวเราะชอบใจ

"อินคือ พี่มาเลี้ยงวันเกิดเพื่อนกันนิดหน่อย ไม่รู้ว่าอินจะมาด้วย" พี่เปอร์พยายามพูดอธิบายและจับไหล่ผมไว้ ผมน่าจะเชื่อพี่แก้ว ที่พี่หมอกกับพี่เปอร์เป็นเพื่อนสนิทกันได้ ตอนนี้ผมเข้าใจแล้ว

"พี่อยากทำอะไรก็ตามสบายเถอะ ไม่ต้องมาบอกผมหรอก ผมจะกลับแล้ว" ผมเบี่ยงตัวหลบมือพี่เปอร์และเดินออกไปจากห้องนั้นทันที ผมมาเปิดหูเปิดตามากพอแล้ว

ผมรีบเดินอย่างรีบเร่งไปที่บันได แต่เสียงหนึ่งที่ดังอยู่ที่ทางเดินนั้น ก็ทำให้เท้าของผมก้าวช้าลง

"มึงทำแบบนี้ทำไมวะ มึงตั้งใจให้อินมาเจอกู!"

"กูแค่จะให้มันมาเล่นกับมึงไง ไม่ชอบได้ไงวะ"

เสียงของพี่เปอร์ดูเหมือนจะโกรธมาก แต่พี่หมอกก็พูดเสียงเรียบๆ ตามเดิม ดูไม่ได้ใส่ใจอะไร

"ไอ้หมอก มึงมัน... มึงวางแผนอะไร!"

ผมตกใจมากที่เห็นพี่เปอร์กระชากเสื้อพี่หมอกอยู่ตอนนี้ ผมจะเข้าไปห้ามดีไหมนะ

"แล้วทำไมกูจะต้องวางแผนอะไร" ผมฟังเสียงพี่หมอกที่พูดไปหัวเราะไป ไม่ได้กลัวพี่เปอร์เลยสักนิด พี่เปอร์ในตอนนี้นั้น ไม่เหมือนพี่เปอร์ที่ผมรู้จักเลย ทั้งเกรี้ยวกราด และน่ากลัว สีหน้าท่าทางเอาเรื่องอย่างมาก

"หรือมึงสนใจอิน" ผมหัวใจเต้นรัว พี่เปอร์กำลังพูดเรื่องอะไรกัน เรื่องแบบนั้นมันจะเป็นไปไม่ได้หรอก ผมที่คิดแบบนั้นก็กำมือแน่นจนชื้นเหงื่อ พี่หมอกสนใจผมเหรอ ทำไมพี่เปอร์ถึงคิดแบบนั้น

แต่คำตอบที่ได้ก็มีแต่เพียงเสียงหัวเราะ ผมมองพี่หมอกที่หัวเราะเสียงดัง เหมือนสิ่งที่ได้ยินนั้นทำให้ขำซะเหลือเกิน

"กูเนี่ยนะ กูกับไอ้เด็กนั่น" ผมก้มหน้ามองพื้น ก็นั่นสินะ พี่หมอกนั้นคงแค่อยากแกล้งผม อยากดูปฏิกิริยาของผมตอนที่เห็นพี่เปอร์ก็เท่านั้น ผมว่าเรื่องมันคงมีเท่านี้แหละ

"เชิญมึงบ้าไปคนเดียวเถอะ กูไปละ" ผมรีบเดินลงบันไดทันทีที่ได้ยินเสียงพี่หมอกกำลังเดินมา ไม่ว่าเมื่อไหร่ ผมนั้นก็ต้องเจ็บปวดกับคำพูดของพี่หมอกอยู่เสมอ แต่ผมนั้นก็เริ่มชินแล้ว กับอะไรแบบนี้

ผมเดินออกมาจากร้านนั้น และออกมายืนรอแท็กซี่อยู่ข้างถนนนั้น บางทีการมาที่นี่ก็ดีเหมือนกันนะ มันทำให้ผมรู้อะไรบางอย่างมากขึ้น ถึงจะทำให้รู้สึกอยากร้องไห้มากขึ้นไปอีกก็เถอะ

แต่ผมที่ยืนอยู่ข้างถนนนั้น ก็เจอพี่หมอกที่กำลังเดินมาที่รถของตัวเองพอดี พี่หมอกเดินเซน้อยๆ และหันหลังพิงกับรถหรูตัวเองไว้

"เหอะ ยังไม่ไปอีกเหรอ" พี่หมอกพูด และทำท่าล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกง พี่หมอกยังคงเซนิดๆ อย่างน่าหวาดเสียว เพราะพวกเรานั้นอยู่ข้างถนนที่มีรถวิ่งไปมามากมาย

"พี่ทำอะไร เมาแบบนี้อันตรายนะครับ แล้วถ้าคนอื่นเห็นพี่ล่ะ ถ้าเขาจำพี่ได้" ผมรีบเดินไปหา และเอาตัวบังพี่หมอกไว้ ผมมองไปรอบๆ ท้องถนนยามค่ำคืน แต่ที่นี่ก็ไม่ค่อยมีคนเดินเท่าไหร่ จะมีก็แต่รถที่วิ่งไปมา และหน้าร้านนี้ก็ดูเป็นร้านอาหารธรรมดามากจริงๆ

"ขับรถให้หน่อย" ผมอึ้งชะงัก และมองพี่หมอกที่ยัดกุญแจรถใส่มือผม รถพี่หมอกเนี่ยนะ ให้ผมขับจริงๆ งั้นเหรอ ผมมองพี่หมอกที่เดินไปอีกฝั่งของคนขับ และขึ้นไปนั่งบนรถ "เร็วๆ ยืนทำอะไรวะ"

ผมที่ได้ยินแบบนั้นก็รีบขึ้นรถ และสตาร์ทรถอย่างรวดเร็ว ผมเหลือบมองพี่หมอกที่ปรับเบาะเอนนอน และนอนหลับตานิ่งๆ ผมไม่สามารถทิ้งพี่หมอกไว้แบบนี้ได้ ถึงจะรู้สึกเคืองมากๆ เลยก็เถอะ ถ้าผมแอบฟาดพี่หมอกสักทีตอนที่พี่เขาหลับ เขาจะรู้ตัวไหมนะ

แต่ผมเริ่มขับรถออกไป ภายในใจนึกถึงพี่เปอร์กับเหตุการณ์เมื่อกี้ ความจริงผมก็รู้สึกเสียใจเสียใจมาก เพราะพี่เปอร์ดีกับผมมาก แต่พอเห็นแบบนี้แล้ว พี่เขาก็คงดีกับทุกคนสินะ ไม่ใช่แค่ผมเพียงคนเดียว

"เร็วๆ หน่อย ขับเป็นเต่าอยู่ได้" ผมสะดุ้งน้อยๆ ทันทีที่พี่หมอกดุผม

"มันอันตรายนะครับ พี่นอนไปเถอะ ถึงแล้วผมจะเรียกเอง" ผมขับรถไปเรื่อยๆ แบบไม่รีบร้อน เพราะในความเป็นจริงแล้ว นี่ก็ถือเป็นโอกาสดีที่หาไม่ได้ง่ายๆ ผมอยากอยู่แบบนี้สักพัก บนรถพี่หมอก ได้อยู่ข้างๆ พี่หมอก

ผมขับรถต่อไปเงียบๆ พลางเหลือบมองพี่หมอกที่ยังคงนอนนิ่ง ไม่รู้ว่าพี่เขาจะหิวไหม ผมควรซื้ออะไรกลับไปหรือเปล่านะ ถึงจะคิดแต่ก็ไม่กล้าถาม เพราะตอนนี้พี่เขากำลังอารมณ์ไม่ดีอยู่

"แวะเซเว่นหน่อย" เสียงพี่หมอกดังขึ้นทำลายความเงียบ ผมรู้สึกโล่งอกที่พี่เขาพูดขึ้นมาเอง ราวกับอ่านใจผมได้

ผมเลี้ยวรถเข้าข้างทางเมื่อถึงเซเว่น พี่หมอกขยับตัวลุกขึ้นนั่ง เปิดช่องเก็บของหน้ารถ และหยิบแว่นดำกับหมวกแก๊ปออกมาใส่

"จะซื้ออะไรเหรอครับ ผมซื้อให้ไหม พี่จะได้ไม่ต้องกลัวคนเห็น" ผมรีบเสนอตัวบอกพี่หมอกที่กำลังจะลงจากรถ

พี่หมอกที่ได้ยินแบบนั้นก็ชะงักมือที่กำลังจะเปิดประตู ผมยิ้มมองพี่หมอกและรอคอยคำสั่ง ผมไม่อยากให้พี่เขาลำบาก ถ้าหากผมช่วยอะไรได้ ผมก็ยินดีจะช่วย

"ถุงยาง" แต่คำพูดของพี่หมอกนั้น ก็ทำให้ผมค่อยๆ หุบยิ้มลง ผมไม่รู้ว่าผมควรทำสีหน้ายังไง มันไม่ใช่สิ่งที่ผมคิดว่าพี่จะซื้อเลย

"มัวอ้ำอึ้งทำไม ไปซื้อมาสิ!" ผมอึกอักแต่ก็ลงไปจากรถตามที่พี่หมอกสั่ง ภายในหัวใจได้แต่ร้องไห้อยู่ลึกๆ พี่ก็รู้ว่าผมชอบพี่ แต่พี่ก็ยังให้ผมซื้ออะไรแบบนี้เพื่อให้พี่ไปใช้กับคนอื่น พี่นี่ใจร้ายจังเลยนะ แต่ผมที่หลงรักพี่นั้น มันก็สมควรแล้ว

ผมเดินก้มหน้าก้มตาเข้าไปในร้านสะดวกซื้อ เดินวนไปมาและเหลือบมองชั้นถุงยางอนามัยที่อยู่ใกล้ๆ เคาน์เตอร์คิดเงิน ผมไม่เคยซื้อของแบบนี้มาก่อน ผมไม่รู้ว่าผมควรจะหยิบกล่องไหนสีอะไร มันมีเยอะแยะมากมายเต็มไปหมด ผมจะทำยังไงดีนะ ถ้าซื้อผิดก็ต้องถูกด่าอีกแน่

"ดูสิแก ดูแค่นี้ก็รู้ว่าหล่อมาก"

"ใครวะ ดาราหรือเปล่า"

ผมที่กำลังยืนก้มหน้าก้มตาอยู่แถวๆ ชั้นวางขนมนั้นก็ต้องสะดุ้งตกใจ ผมมองพี่หมอกที่สวมแว่น และหมวกกำลังเดินเข้ามาหาผม และแน่นอนว่าใต้แว่นสีดำนั้น ดวงตาของพี่หมอกเต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราด

"ทำอะไร ไปเอามาสักที" พี่หมอกเดินมาดุผม และผลักผมให้เดินตรงไปด้านหน้าเคาน์เตอร์

ผมเดินอย่างกล้าๆ กลัวๆ หันไปมองพี่หมอกที่กำลังหยิบไอศกรีมในตู้ขึ้นมาและฉีกกิน พลางเดินไปที่ชั้นอื่นๆ อย่างสบายใจ

"ค.คือ เอาอันนี้อันนึงครับ" ผมเดินไปที่เคาน์เตอร์คิดเงิน และรีบหยิบกล่องถุงยางมั่วๆ โดยแทบไม่มองเลยสักนิด อันไหนก็คงเหมือนๆ กันนั่นแหละ

ผมมองพนักงานคิดเงินสองคนที่เป็นผู้หญิง กำลังส่งสายตาให้กัน และยิ้มแปลกๆ ก็เพราะแบบนี้ไง ผมถึงไม่อยากซื้อไอ้ของแบบนี้ ขอให้มันเป็นครั้งสุดท้ายเถอะนะ

ผมรีบจ่ายเงิน และหยิบของออกจากร้านด้วยความรวดเร็ว เดินดิ่งไปที่รถ และขึ้นไปนั่งนิ่งๆ รอพี่หมอกออกมา

"เฮ้อ ปวดหัวชะมัด" พี่หมอกเปิดประตูเข้ามา และนอนลงถอดแว่นตา และหมวกออก ผมเริ่มสตาร์ทรถ และขับออกไป อีกไม่ไกลก็จะถึงคอนโดของพี่หมอกแล้ว

"กลับไปพี่ก็พักผ่อนนะครับ" พี่หมอกไม่ได้ฟังที่ผมพูดเมื่อกี้ และกำลังเปิดถุงเซเว่นที่ผมซื้อมา

"อะไร ชอบแบบนี้ก็ไม่บอก" ผมขมวดคิ้วมองพี่หมอกที่หยิบกล่องถุงยางขึ้นมาจ้องมอง และหัวเราะขำ ผมไม่รู้หรอกว่าพี่หมอกหมายความว่ายังไง แต่เห็นพี่ดูอารมณ์ดี ขึ้นผมก็ดีใจ

"มองอะไร ขับรถไป" ผมที่เหลือบมองพี่หมอกนั้นก็ถูกดุอีกแล้ว แต่ผมก็ชอบแอบมองจริงๆ นั่นแหละ

"พรุ่งนี้ ผมว่างนะครับ พี่จะซ้อมบทก็บอกผมได้เลยนะ" ผมพูด และเหลือบมองพี่หมอกที่ลงไปนอนก่ายหน้าผากอีกแล้ว

"ซ้อมคืนนี้นี่แหละ" ผมตกใจทันทีที่ได้ยินแบบนั้น

"คืนนี้ไม่ได้หรอกครับ แล้วพี่ก็ควรพักด้วย" ถึงพี่หมอกจะทำนิ่งๆ เหมือนไม่ได้เมามากมาย แต่ผมนั้นก็พอสังเกตได้ว่าพี่เขาเมาหนักกว่าที่คิด แต่ทำเป็นฝืนเอาไว้

"พูดมาก ไม่ชอบคนพูดมากน่ารำคาญ" ผมก็ทำได้แต่เงียบทันทีที่ได้ยินแบบนั้น

ไม่นานผมก็พาพี่หมอกกลับมาถึงคอนโดจนได้ ตอนแรกนั้นผมอาสาจะช่วยพยุงพี่หมอก แต่ก็แน่นอน พี่หมอกไล่ผมให้ไปไกลๆ ผมจึงทำได้แค่เดินตามพี่หมอกอยู่ห่างๆ ผมทำได้แค่นั้นล่ะ

พวกเราเข้ามาในห้องของพี่หมอก ผมมองพี่หมอกที่เดินไปทิ้งตัวนั่งลงที่โซฟาในโถงนั่งเล่น ผมนั้นค่อยๆ เดินตามเข้าไป ผมเป็นห่วงพี่หมอก ถ้านอนทั้งๆ แบบนี้อาจจะไม่สบายก็ได้

พี่หมอกที่นอนหลับตาอยู่บนโซฟา สงสัยคงจะหลับไปแล้ว ผมค่อยๆ ขยับตัวไปใกล้มากขึ้นอีกนิด มองดูพี่หมอกที่หายใจเข้าออกช้าๆ ผมสามารถมองดูคนคนนี้ได้ทั้งคืนเลยล่ะ ถ้าไม่ติดว่าแม่อาจจะบ่นผมหูชาที่กลับบ้านช้า

ก่อนที่ผมจะกลับนั้น ผมตัดสินใจหาผ้าชุบน้ำอุ่นๆ และเช็ดตัวให้พี่หมอกเบาๆ ผมไม่กล้าแบกพี่หมอกไปที่เตียงเพราะถ้าพี่เขาตื่นขึ้นมาละก็ คงไม่แคล้วต้องอาละวาดผมเอาแน่ๆ

ผมจัดการทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย และจ้องมองพี่หมอกที่ยังคงหลับตาพริ้มเหมือนกับกำลังนอนหลับฝันดี พี่หมอกนั้นผิวพรรณดี และหน้าตาดีมากๆ พอยิ่งได้จ้องมองใกล้ๆ แบบนี้ ผมนั้นก็เหมือนกับตกอยู่ในภวังค์เลยทีเดียว

"หลับฝันดีนะครับ พี่หมอก" ของผม

ผมพูดเบาๆ และยื่นมือไปแตะที่ข้างแก้มคนที่กำลังนอนหลับ ความอบอุ่นที่สัมผัสนั้น มันช่างให้ความรู้สึกที่ดีจริงๆ

หมับ!

ผมสะดุ้งตกใจและมองข้อมือของผมที่ถูกพี่หมอกจับเอาไว้ พี่หมอกค่อยๆ ลืมตาขึ้น และจ้องมองผมด้วยแววตาที่แปลกไป ผมนิ่วหน้าน้อยๆ เพราะว่าแรงบีบที่ข้อมือนั้นยังไม่มีทีท่าว่าจะคลายออก ผมทำอะไรผิดไปอีกหรือเปล่านะ

ผมคิดแบบนั้น และก็ไม่รู้ว่าตัวผมจะเป็นอย่างไรต่อจากนี้
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#11 ความผิดหวังในหัวใจ](12/7/61)
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 12-07-2018 16:48:57
ยิ่งอ่านยิ่งเกลียดหมอก เซ็งอินด้วย เฮ้ออ รอวันที่อินเข้มแข็ง ไม่อ่อนแอ ไม่หัวอ่อนตามหมอกนะคะ แต่ไม่รู้ว่าจะมีวันนั้นมั้ย
รักพี่เปอร์เหมือนเดิม 55 ถึงแม้จะตกใจนิดหน่อย แต่พอเดาได้ แต่อีพี่หมอกนี่เกลียดหนักกก 5555
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#11 ความผิดหวังในหัวใจ](12/7/61)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 12-07-2018 17:52:02
เกลียดแกจริงๆ เลย หมอก  :m16:
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#11 ความผิดหวังในหัวใจ](12/7/61)
เริ่มหัวข้อโดย: ป่ามป๊ามป่ามปาม ที่ 12-07-2018 18:23:15
หมอกใจร้ายกับอินเสมอต้นเสมอปลายจริงๆเลยนะ ใช้คำพูดทำร้าย การกระทำแย่ๆกับคนที่ชอบตัวเองแบบนี้บ่อยๆสักวันแกจะต้องเสียใจ  :angry2: ที่วางแผนให้อินไปเจอด้านมืดพี่เปอร์เนี่ย ทำไปเพื่ออะไร แล้วยังไงจะทำคะแนนเรอะ ไม่ได้ชอบอินแล้วจะมาดิสเครดิตเปอร์ทำไม หวงก้างชัดๆ ชิๆๆ
กังวลว่าถุงยางที่อินซื้อให้หมอก อิหมอกจะเอามาใช้กับอินอะ ไม่นะ น้องอินไม่ควรมาเจออะไรแบบนี้ (ตีโพยตีพาย) ถ้าทำอะไรอินชั้นจะไปเผาบ้านแก
ถ้าอินเจออะไรแบบนั้นจริงๆก็ขอให้อินเข้มแข็ง ใจแข็งให้หนักๆเลยนะ แก้แค้นมัน  :m16:
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#11 ความผิดหวังในหัวใจ](12/7/61)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 12-07-2018 20:09:23
 :pig4: :pig4: :pig4:

บอกตรง ๆ ว่า  ไม่เข้าใจพฤติกรรมการแสดงออกของหมอกเลยจริง ๆ
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#11 ความผิดหวังในหัวใจ](12/7/61)
เริ่มหัวข้อโดย: naruxiah ที่ 12-07-2018 20:33:01
หมอกตะรวบหัวรวบหางอินมั้ยตอนหน้า​ หมอกอาจจะเริ่มสนใจอินแล้วก็ได้
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#11 ความผิดหวังในหัวใจ](12/7/61)
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 12-07-2018 21:06:54
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#11 ความผิดหวังในหัวใจ](12/7/61)
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 12-07-2018 21:38:44
เลวได้เสมอต้นเสมอปลายมาก ทั้งหมอกกับเปอร์
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#11 ความผิดหวังในหัวใจ](12/7/61)
เริ่มหัวข้อโดย: Abella ที่ 12-07-2018 22:14:54
มองในมุมอินอินก็น่าสงสารนะแอบรักหมอกมานานงี้แต่ขอโทษเถอะคนที่อินรักเนี่ยเขาเป็นแฟนของเพื่อนแล้วป่ะ แต่อินก็ยังหวังยังพยายามจะอยู่ใกล้ๆเราว่ามันไม่ใช่แล้วนะ แฟนเพื่อนไงควรตัดใจได้แล้ว
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#11 ความผิดหวังในหัวใจ](12/7/61)
เริ่มหัวข้อโดย: Gloomy Sunday ที่ 01-08-2018 13:59:17
เพ้อ บทที่ 12 บทเลิฟซีนที่ร้อนแรง


ผมยังคงถูกพี่หมอกกำข้อมือเอาไว้แน่น และรู้สึกเหมือนกำลังถูกดึงช้าๆ ให้เข้าไปหา ผมเริ่มหัวใจเต้นรัว และยื้อแขนของตัวเองเอาไว้ แต่นั่นก็ยิ่งทำให้พี่หมอกกำข้อมือผมแน่นมากขึ้น และเริ่มออกแรงดึงผมเข้าไปอีก

"ค.คือ พี่หมอก" ผมลองเรียกพี่หมอก ผมรู้ดีว่าพี่เขาเมามาก และอาจจะลืมไปแล้วว่าที่อยู่ตรงหน้านี้คือผม ในความรู้สึกชั่ววูบของผมเริ่มที่จะโอนอ่อนต่อแรงดึงนัั้น เพราะว่านี่ถือว่าเป็นโอกาสไม่ใช่เหรอ โอกาสที่จะได้เข้าใกล้คนที่ตัวเองรัก

แต่แล้วความคิดของผมก็ถูกทำลายลงทันที ผมทำไม่ได้ นี่ไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้อง ทำไมกันนะ ทำไมผมถึงต้องฉุดตัวเองลงไปเป็นเหมือนกับผู้หญิงพวกนั้น พี่หมอกมีแฟนแล้ว พี่หมอกไม่ใช่คนที่ผมสมควรจะแตะต้อง

ผมตัดสินใจแน่วแน่ และยื้อดึงแขนของตัวเองออกจากการเกาะกุมนั้นด้วยเรี่ยวแรงทั้งหมด พี่หมอกจ้องผมเขม็งด้วยความไม่พอใจ พยายามจะคว้าแขนผมเอาไว้อีกด้วยแววตาที่บอกว่าอย่าได้คิดหนี

"พี่หมอกขา" แต่ผมที่กำลังยื้อยุดฉุดกระชากกับพี่หมอกนั้น ก็เพิ่งเห็นว่ามีคนอีกคนกำลังเดินเข้ามา ผมรีบผละออกจากพี่หมอกและออกมายืนห่างๆ ด้วยอาการที่ปกติที่สุด

"อ่าวอิน อยู่ด้วยเหรอ" หมี่เดินเข้ามาด้วยสีหน้างงงวย สองมือหิ้วของกินพะรุงพะรัง

"พี่หมอกเมา อินก็เลยขับรถให้" ผมบอกหมี่ และหลบสายตาน่ากลัวที่พี่หมอกมองมา

"พี่หมอก ดื่มไปเยอะเหรอคะ นอนพักไหม" หมี่คุกเข่าลงข้างๆ พี่หมอก เกาะแขนถามพยายามเอาใจ "เมื่อกลางวันหมี่ขอโทษนะคะที่งี่เง่า พี่หมอกไม่โกรธหมี่ใช่ไหมคะ" ผมเบือนหน้าหนีออกจากสองคนนั้น ผมว่าผมควรจะไป จากตรงนี้ได้แล้ว

"งั้น กลับก่อนนะ" ผมพูดบอกหมี่ และเธอก็ทำมือเป็นเชิงบอกให้ผมไปได้

ผมเหลือบมองพี่หมอกที่ยังคงนั่งนิ่งๆ ด้วยแววตาแข็งกร้าว ผมไม่รู้ว่าพี่หมอกกำลังคิดอะไรอยู่ ผมทำให้พี่หมอกโกรธมากงั้นเหรอ แต่ว่า ทำไมพี่จะต้องแคร์กับสิ่งที่ผมทำด้วยล่ะ

"หมี่มาก็ดีละ ถุงยางนี่อินเป็นคนเลือกให้พวกเราเลยนะ" ผมที่กำลังจะเดินออกไปนั้นก็ชะงักเท้าทันทีที่ได้ยินเสียงพี่หมอกพูดถึงผม

"บ้า พี่หมอก อินยังไม่กลับไปเลยนะ" ผมกำมือแน่น พยายามข่มจิตใจให้เข้มแข็งเหมือนดังเก่า ไม่ว่าพี่จะตัดสินใจทำอะไร มันก็ไม่ใช่เรื่องของผมอยู่ดี


ในวันต่อมาถึงแม้จะเป็นวันเสาร์ แต่ผมก็มาที่มหา'ลัยแต่เช้าเพื่อไปทำงานในห้องสมุด ผมมีงานเล็กน้อยที่จะต้องส่งภายในอาทิตย์หน้า สถานที่ที่เงียบสงบและมีหนังสือให้ค้นคว้าได้ ก็คงมีแต่ต้องมาที่นี่เท่านั้น

"ดูนั่นดิ"

"ผู้ชายสองคนว่ะ"

"เพื่อนกันละมั้ง"

"เหมือนจะพระเอกละครเวทีนะ"

"เป็นเกย์เหรอวะ"

ผมที่นั่งก้มหน้าอยู่เงียบๆ นั้น ก็เริ่มได้ยินแต่เสียงพูดคุยแปลกๆ ดังขึ้นรอบตัว แต่เดี๋ยวนะ พระเอกละครเวที มันผมไม่ใช่เหรอ

และเมื่อเงยหน้าขึ้นนั้น ผมก็รู้ได้ในทันทีว่าทำไมคนเหล่านั้นถึงได้ซุบซิบกัน สิ่งที่ผมเห็นตรงหน้าตอนนี้ ก็คือช่อดอกกุหลาบสีแดงช่อใหญ่ที่ถูกยื่นมา จากคนที่ผมไม่อยากจะเห็นหน้าเลย

"ทำบ้าอะไรของพี่" ผมพูดและมองผู้คนรอบๆ ตัวที่กำลังจ้องพวกเราสองคนด้วยความสนใจ ผมอยากจะบ้าตายจริงๆ

"พี่อยากขอโทษอิน" คนพูดถือดอกไม้ด้วยสีหน้าหงอยๆ "เมื่อวานผิดไปแล้วจริงๆ ไอ้หมอกมันแกล้งพี่ มันตั้งให้อินเห็นแบบนั้น อินต้องเชื่อพี่นะ" ผมรีบเก็บของใส่กระเป๋าและเดินหนีพี่เปอร์ที่เดินตามมา ชอบทำอะไรประเจิดประเจ้อแบบนี้ผมจะทำยังไงกันล่ะ

"พี่จะมาขอโทษผมทำไม ผมไม่เกี่ยวสักหน่อย" ผมหนีมานั่งลงที่สวนใกล้ๆ เพราะที่นี่ไม่ค่อยมีคนเดินผ่าน

"อย่าพูดแบบนั้นสิ พี่ไม่อยากให้อินเข้าใจพี่ผิด" พี่เปอร์นั่งลงข้างๆ ผม และยังคงพยายามยื่นดอกไม้มาให้ ซึ่งผมไม่ยอมรับมัน

"เข้าใจผิดเหรอ มีตรงไหนที่เข้าใจผิด เห็นอยู่ชัดๆ ยังจะแก้ตัวอีก" ผมแกล้งพูดแหย่พี่เปอร์ที่ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ จริงๆ ผมไม่ได้คิดอะไรมากมายเรื่องของพี่เปอร์ ก็แค่แอบผิดหวังเล็กๆ เท่านั้น

"แปลว่าก็หึงพี่ใช่ไหม" ผมตาโตทันทีที่ได้ยินแบบนั้น ไหงกลายเป็นงั้นไปได้

"หึงบ้าอะไรล่ะ ไม่ใช่สักหน่อย" ผมพูดเถียง มองพี่เปอร์ที่เริ่มยิ้มกวน

"ถ้าอินยอมเป็นแฟนพี่ พี่สัญญาเลยว่าจะไม่ไปที่แบบนั้นอีก" พอได้ฟังอะไรแบบนี้จากคนแบบพี่เปอร์ ต่อให้เป็นใครก็ต้องมีหวั่นไหวกันทั้งนั้น แต่ว่า ผมก็รู้ใจตัวเองดี ผมไม่ได้คิดอะไรเกินเลยกับพี่เขา ถ้าหากผมรับปากไป ผมคงจะกลายเป็นคนที่ทำร้ายพี่เปอร์เท่านั้นเอง

"ผม..."

"ยังไม่ต้องตอบพี่ก็ได้ พี่จะรอ" ผมรู้สึกโล่งใจเล็กๆ และยอมยื่นมือไปรับช่อดอกไม้นั่นมา ผมจ้องมองเข้าไปในแววตาของคนตรงหน้า ถ้าหากว่าผม ยอมให้โอกาสพี่สักครั้ง พี่จะรักผมคนเดียวจริงๆ ไหม พี่จะมองแค่ผมคนเดียวหรือเปล่า ผมกลัวมากจริงๆ

แต่ผมที่กำลังคุยอยู่กับพี่เปอร์นั้น สายตาของผมเผลอไปประสานเข้ากับคนอีกคนหนึ่งที่กำลังยืนอยู่ พี่หมอกยืนจ้องมองผมเขม็งด้วยสีหน้าและแววตาที่ไม่แสดงออกใดๆ

ผมหลบสายตาพี่หมอก ไม่รู้ว่าพี่เขามายืนอยู่นานแค่ไหนแล้ว และได้ยินอะไรไปบ้าง ผมกำช่อดอกไม้แน่น และก้มลงมองดอกไม้นั้น ผมไม่อยากมองเห็นพี่ตอนนี้เลย

"มึงมาทำอะไร" พี่เปอร์ที่นั่งอยู่ข้างๆ ผมก็ลุกขึ้นยืนทันทีที่มองเห็นคนตรงหน้า พี่เปอร์เดินเข้าไปหาพี่หมอกด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์นัก ทั้งสองคนตอนนี้กำลังโกรธกันอยู่ ผมควรจะไปจากตรงนี้หรือเปล่านะ

"อิน ช่วงบ่ายว่างหรือเปล่า ไปช่วยพี่ซ้อมบทหน่อย" พี่หมอกพูดถามผมด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ไม่ได้สนใจพี่เปอร์ที่กำลังมองอย่างหาเรื่อง แต่ว่าเมื่อกี้ พี่พูดแทนตัวเองว่าอะไรนะ

"อินไม่ว่าง อินจะไปเที่ยวกับกู" ผมทำสีหน้างุนงงเล็กน้อย เที่ยวงั้นเหรอ ผมยังไม่ได้ตกลงอะไรเลย

ผมอึกอัก และทั้งสองคนจ้องมองมาที่ผมด้วยสายตากดดัน แล้วผมจะทำยังไงดีล่ะทีนี้ ผมไม่อยากให้พี่สองคนเป็นแบบนี้เลย

"คือ ถ้างั้นเอาแบบนี้ไหมครับ พวกเราไปเที่ยวกันทั้ง 3 คน แล้วตอนบ่ายเราก็ไปช่วยพี่หมอกซ้อมบทกัน" ผมพูดอย่างไม่ค่อยแน่ใจ และพี่หมอกก็ดูไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่

"งั้นก็ตามสบายเถอะ แต่ตอนบ่าย ต้องเจอกันที่คอนโด" ผมที่ได้ยินแบบนั้นก็จิตใจห่อเหี่ยวทีเดียว ผมก็คิดอยู่แล้วล่ะ ว่าพี่หมอกคงไม่ไปหรอก และก็เป็นแบบนั้นจริงๆ

"ดี ไปกันอิน ไปกันสองคนนี่แหละดี" พี่เปอร์ตั้งใจพูดกระแทกใส่เพื่อน พลางดึงมือผมให้ลุกขึ้น ดูท่าทางดีใจที่ไม่มีคนมาขัดแล้ว

ผมมองตามพี่หมอกที่เดินหายไปอย่างรวดเร็ว พี่เขามาทำอะไรที่นี่กันแน่นะ ผมจะคิดเข้าข้างตัวเองได้ไหมว่าพี่มาหาผม

"พอดีได้ยินเรื่องดีๆ เข้า ให้ผมไปด้วยได้ไหมครับ" ผมที่กำลังมองตามพี่หมอกนั้น ก็พบเข้ากับคนที่เดินเข้ามาใหม่ ผมเด็กหนุ่มที่ใบหน้าซีดเซียวแต่ก็ส่งยิ้มอ่อนๆ ให้ผมอย่างเป็นมิตร

"มิว" ผมเรียกมิว และจับมือมิวเอาไว้ทันที

"ผมไม่ได้มาขัดอะไรใช่ไหมครับ" มิวส่งยิ้มให้ผม

"ไม่เลย แล้วมิวมาทำอะไรที่มอวันนี้เหรอ" ผมถามมิวที่กำลังเหลือบมองไปด้านหลังของผม

"มาทำงานน่ะครับ แต่ถูกเพื่อนลอยแพซะแล้ว"

"เหรอ งั้นเราไปด้วยกันเถอะ เออนี่ พี่เปอร์ เป็นเพื่อนของพี่เอง" ผมพูดแนะนำพี่เปอร์ให้มิวได้รู้จัก แต่ไม่รู้ทำไม ผมรู้สึกเหมือนพี่เปอร์เงียบไปตั้งแต่เมื่อกี้นี้แล้ว

"ครับ ยินดีที่ได้รู้จักนะ" มิวที่ส่งยิ้มให้พี่เปอร์ แต่พี่เปอร์กลับจ้องมองมิวด้วยสีหน้านิ่งๆ ไม่ได้แสดงอาการว่ายินดีเลยสักนิด

หลังจากนั้น พวกเราก็ไปกินข้าว และเดินเล่นที่ห้างสรรพสินค้าใกล้ๆ มิวดูร่าเริงเกินเหตุ คอยแต่เดินพาผมชี้ชวนให้ดูนั่นดูนี่ไปเรื่อย ซึ่งผมก็คิดว่าแบบนี้ก็สนุกดี วันหลังผมจะชวนมิวมาอีก ผมอยากให้มิวยิ้มเยอะๆ เพราะมิวนั้นชอบเผลอทำหน้าเศร้าอยู่เสมอถ้าไม่มีใครอยู่ใกล้ เขาคงมีความทุกข์อะไรสักอย่างอยู่ในใจ

แต่ผมที่เดินอยู่กับมิวนั้น ก็เหลือบมองพี่เปอร์บ้างเป็นระยะ พี่เปอร์เดินตามพวกเรา สองมือล้วงกระเป๋า และทำสีหน้าแปลกๆ ตลอดเวลา นี่มันแปลกมาก ปกติพี่เปอร์จะร่าเริ่ง และคอยทำให้ผมยิ้มเสมอ พี่เขามีเรื่องอะไรหรือเปล่านะ ทำไมถึงได้เป็นแบบนี้ไปอีก

"วันนี้ขอบคุณมากนะพี่อิน" หลังจากที่พวกเราตัดสินใจแยกย้ายกัน มิวก็บอกลาผมด้วยรอยยิ้ม

"ไม่เป็นไร วันหลังค่อยมาเที่ยวกันใหม่นะ"

ผมบอกลามิวที่แยกจากไป และพี่เปอร์ก็อาสาไปส่งผมที่คอนโดของพี่หมอก ตลอดเวลาที่เดินทางพี่เปอร์ก็ยังคงเงียบอยู่เหมือนเดิม ผมควรจะถามดีไหมนะ แบบนี้น่าเป็นห่วงอยู่เหมือนกัน

"พี่เปอร์ มีอะไรหรือเปล่าครับ ทำไมถึงไม่พูดเลย"

"เปล่า พี่เห็นเราอยู่กับเพื่อนพี่ก็เลยไม่อยากกวน" พี่เปอร์เริ่มส่งยิ้มให้ผมเหมือนปกติ ทำให้ผมคลายความอึดอัดในใจ

"แต่ตอนนี้มิวก็ไม่อยู่แล้วนะ พี่ก็ยังไม่ค่อยพูดเลย ผมคิดว่าผมทำอะไรให้พี่ไม่พอใจซะอีก"

"บ้าน่า คิดมากไปแล้ว พี่มีความสุขที่ได้มากับอิน" คำพูดของพี่เปอร์ทำให้ผมรู้สึกอบอุ่น การที่มีคนชอบเรา และเอาใจใส่เรา บางทีมันก็ดีเหมือนกัน

"พี่เปอร์"

"หืม ว่าไง"

"พี่ชอบผมจริงๆ เหรอ" ผมไม่รู้หรอกว่าพี่จะโกหกผมไหม แต่ว่าผมก็อยากจะถาม อยากจะรู้ให้แน่ใจ

"พี่อยากเริ่มต้นใหม่ อยากจริงจังกับใครสักคน และพี่อยากให้คนคนนั้นเป็นอิน" ผมที่ได้ฟังก็รู้สึกหน้าแดงขึ้นน้อยๆ มันคงจะดีไม่น้อย ถ้าสิ่งที่พี่พูดออกมานั้น คือความจริงจากหัวใจ

"ขอบคุณครับ" ผมส่งยิ้มให้พี่เปอร์ ถ้าหากหัวใจของคนเรา สามารถเปลี่ยนกันได้ง่ายๆ บางที พวกเราอาจจะพบความสุขก็ได้

หลังจากที่พี่เปอร์มาส่งผมนั้น พี่เขาก็บอกว่าเขามีธุระที่ต้องไปทำต่อ ซึ่งผมก็ไม่ได้ขัดอะไร และบอกลาพี่เปอร์ บอกขอบคุณพี่เขาที่อุตส่าห์มาส่ง และเมื่อแยกจากพี่เปอร์นั้น ผมก็มุ่งหน้าเดินขึ้นไปยังห้องของพี่หมอก แต่เมื่อจะกดกริ่ง ก็พบว่าไม่จำเป็นอีกแล้ว เพราะว่าประตูแง้มอยู่ไม่ได้ปิดล็อกเอาไว้ 

"หน้าบานขนาดนี้คงไม่ใช่แค่เที่ยวแล้วมั้ง" พี่หมอกพูดเหน็บแนมทันทีที่ผมโผล่หน้าเข้าไป แต่ผมก็ไม่ได้รู้สึกอะไรกับถ้อยคำเหล่านั้น เพราะผมเริ่มชินกับมัน และรู้ว่านี่คือนิสัยของพี่หมอกที่กำลังไม่พอใจ

"ทำไมพี่ไม่ล็อกห้องละครับ" ผมวางกระเป๋าลงที่ข้างๆ โซฟา พี่หมอกนั้นกำลังนั่งเหม่อมองออกไปนอกกระจกใสบานใหญ่ มองวิวทิวทัศน์ด้านนอกที่ตอนนี้ท้องฟ้าเริ่มมืดครึ้มเหมือนฝนกำลังจะตกลงมา

พี่หมอกไม่ได้ตอบคำถามของผม จิตใจจดจ่ออยู่กับบรรยากาศด้านนอก ผมที่ยืนอยู่อย่างว่างๆ ก็เริ่มมองหาสิ่งที่ควรจะทำ เมื่อพี่เขาต้องการจะเริ่มซ้อม เดี๋ยวก็คงจะเรียกผมเอง

ผมเริ่มเดินไปรอบๆ ห้องและหาถุงดำเพื่อมาเก็บขยะที่เกลื่อนกราดไปทั่วทั้งพื้น เมื่อคืนพี่หมอกนั้นเมามาก และหมี่ก็ซื้อของกินมามากมาย ถึงได้รกขนาดนี้ ผมก้มลง หยิบจับเช็ดเก็บกวาดห้อง ไล่ตั้งแต่บนโต๊ะ บนโซฟา และบนพื้น ผมหมอบลง และมุดคลานไปรอบๆ โซฟาตัวใหญ่นั้น เก็บเศษถุงขนม ซองบุหรี่ และ...

ผมมองเศษซองสีเงินในมือ หัวใจของผมมันสั่นไหวราวกับกำลังร้องไห้อยู่ข้างใน ผมมองซองถุงยางอนามัยที่ใช้แล้วในมือของผม มันคงเป็นอันที่ผมซื้อมาเมื่อคืน และพี่ก็คงใช้มันอย่างคุ้มค่าเลยสินะ แต่นั่นน่ะจะแปลกอะไรล่ะ ก็เขาเป็นแฟนกัน เป็นคนรักกัน

ผมคุกเข่าอยู่ที่พื้นราวกับคนหมดเรี่ยวแรง ผมเป็นแบบนี้อีกแล้ว ถึงจะรู้อยู่แล้วแต่หัวใจก็ยังคงเจ็บปวดเสมอมา ผมเช็ดน้ำตาที่คอยแต่จะไหล และซ่อนมันเอาไว้อยู่ภายใน พี่หมอกนั้นในตอนนี้ก็ยังคงไม่ได้สนใจการมีตัวตนของผม ตั้งแต่แรกแล้ว ตั้งแต่เริ่มต้น ผมไม่เคยมีค่า ในสายตาของพี่เลย

"จะเริ่มกันหรือยัง" พี่หมอกที่เงียบไปนานก็เริ่มพูดขึ้นเบาๆ ราวเสียงกระซิบ ผมรีบเช็ดน้ำตา และเร่งเก็บข้าวของทุกอย่างให้อยู่ในที่ของมัน

"ครับ ผมพร้อมแล้วครับ" ผมพูดและมองเล่มบทละครที่วางอยู่ตรงหน้า พลางหยิบมันขึ้นมา

"วันนี้หน้าไหนเหรอครับ" ผมถามพี่หมอกที่เริ่มลุกขึ้นยืนและเดินมาหาผมช้าๆ

"69" ผมพลิกหน้ากระดาษไปที่หน้าหกสิบเก้าตามที่พี่หมอกบอก และเริ่มไล่สายตาอ่านบทละครที่หน้านั้นทันที

"คือ..." แต่ผมที่ไล่สายตาอ่านบทละครนั้นก็ต้องหยุดชะงัก ผมเงยหน้ามองพี่หมอกที่ยืนอยู่ตรงหน้าผม นี่มัน...พี่จะซ้อมหน้านี้จริงๆ เหรอ

"ทำไม หรือว่าเล่นไม่ได้" พี่หมอกพูดขึ้นและยกยิ้มมุมปากแบบดูถูก

"ได้ครับ ผมเล่นได้" ผมพูดด้วยความมั่นใจและจ้องมองพี่หมอกกลับไป ผมน่ะเล่นได้อยู่แล้ว แต่พี่นั่นแหละ ที่จะทำได้ไหม เพราะว่าบทในครั้งนี้ เป็นบทที่พวกเรา จะต้องสัมผัสแตะต้องกันมากกว่าครั้งไหนๆ พี่จะทนไม่ผลักผมออกได้จริงๆ เหรอ
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#12 บทเลิฟซีนที่ร้อนแรง](1/8/61)
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 01-08-2018 17:15:06
เปอร์กับมิว มันต้องมีอะไรในกอไผ่
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#12 บทเลิฟซีนที่ร้อนแรง](1/8/61)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 01-08-2018 17:38:10
 :pig4: :pig4: :pig4:

พฤติกรรมของหมอก  มันแปลก ๆ นะ  คล้ายกับว่าเริ่มจะ.....

ส่วน เปอร์-มิว  อันนี้เนี่ยคงมีอดีตร่วมกันแน่ ๆ หล่ะ

หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#12 บทเลิฟซีนที่ร้อนแรง](1/8/61)
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 01-08-2018 18:18:53
เพลียอีพี่หมอกจริงๆ ใหนปากว่าเกลียดเขานักหนา แต่ก็เห็นพยายามเข้าใกล้เขาตลอด  :katai1:

ลุ้นคู่เปอร์มิวดีก่าาา  :laugh:
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#12 บทเลิฟซีนที่ร้อนแรง](1/8/61)
เริ่มหัวข้อโดย: naruxiah ที่ 01-08-2018 19:51:20
ุเปอร์มิวนี่ใครทิ้งใครมั้ย​ แล้วเค้าก็โคจรมาเจอกันอีก​ หมอกจะซ้อมบทเลิฟซีนนี่วางแผนอะไรรึป่าว
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#12 บทเลิฟซีนที่ร้อนแรง](1/8/61)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 01-08-2018 20:49:47
เพลียกับนังหมอกจริงๆ เลย  :katai1:
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#12 บทเลิฟซีนที่ร้อนแรง](1/8/61)
เริ่มหัวข้อโดย: ป่ามป๊ามป่ามปาม ที่ 01-08-2018 21:53:23
เปอร์กับมิวนี่เคยคบกันมั้ย น่าสงสัยมาก ที่เปอร์บอกว่าอยากเริ่มต้นความรักครั้งใหม่
อิพี่หมอกอย่าแกล้งอินเลย หมอกคิดอะไรดูไม่ออกแต่การกระทำนี่ทำอินกระอักทุกอย่างเลย อินก็ซื่อจ๊นน
ตื่นเต้นทุกครั้งที่นิยายเรื่องนี้อัพ พออ่านจบก็จะค้าง อยากอ่านอีกอะค่า   :hao5:
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#12 บทเลิฟซีนที่ร้อนแรง](1/8/61)
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 01-08-2018 22:24:43
 :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#12 บทเลิฟซีนที่ร้อนแรง](1/8/61)
เริ่มหัวข้อโดย: Puring Pudding ที่ 02-08-2018 00:47:25
ทำไมอยากให้หมอกเป็นพระเอก    จะโดนดักคีไหมนิ555 :hao7:
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#12 บทเลิฟซีนที่ร้อนแรง](1/8/61)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 02-08-2018 02:08:35
 :mew2: :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#12 บทเลิฟซีนที่ร้อนแรง](1/8/61)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 02-08-2018 06:02:35
คนแอบรักข้างเดียว ..............
ต้องทุกข์ใจ ร้าวรานขนาดอินเลยหรือ   :hao3:

แต่เหมือนอินทำร้ายตัวเอง ยอมใกล้ชิดเขา ทั้งที่เขาดูถูกเหยียดหยาม
พอเขาจะใช้ประโยชน์ มาให้ช่วยซ้อมบท ก็ไปช่วยทั้งที่ก็เสียใจทุกครั้ง
บางทีก็โมโหอิน รำคาญอิน จะยอมอะไรกันขนาดนั้น   :angry2: :angry2: :angry2:
เพื่อให้ได้ใกล้ชิดสัมผัสคนเลวที่เป็นคนรักของหมี่
เพื่อนอินที่มีฐานะเป็นลูกของเจ้าของบ้าน
ที่ท่าทางร้ายกาจไม่เบา  ถ้าไปแย่งคนรักของนาง
แล้วรับรองมีปัญหากับหมี่ตามมาแน่ๆ  อินเลือกที่จะมีปัญหาเองเลยนะ  :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:

แล้วนายหมอกหนา ใจร้าย ก็ดูแปลกๆ    :really2: :really2: :really2:
อยากเข้าหาอินซะงั้น ทั้งที่เคยรังเกียจเหยียดหยามอิน 
คงไม่ใช่แล้วมั้งที่เคยดูถูก กลายเป็นสนใจละสิ :laugh: :m20:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#12 บทเลิฟซีนที่ร้อนแรง](1/8/61)
เริ่มหัวข้อโดย: Pe_no ที่ 02-08-2018 10:43:19
หมอกต้องการอะไรหรอ  :mew2: ติดตามต่อไปค้าาา
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#12 บทเลิฟซีนที่ร้อนแรง](1/8/61)
เริ่มหัวข้อโดย: darinsaya ที่ 02-08-2018 17:57:42
 o13 o13
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#12 บทเลิฟซีนที่ร้อนแรง](1/8/61)
เริ่มหัวข้อโดย: pharm ที่ 05-08-2018 02:51:02
นี่ก็รอลุ้นว่าบทเลิฟซีนจะออกมาท่าไหน ห้าาาาา ลุ่นต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#12 บทเลิฟซีนที่ร้อนแรง](1/8/61)
เริ่มหัวข้อโดย: minenat ที่ 13-08-2018 01:33:08
 :serius2:
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#12 บทเลิฟซีนที่ร้อนแรง](1/8/61)
เริ่มหัวข้อโดย: Gloomy Sunday ที่ 21-08-2018 14:38:23
เพ้อ บทที่ 13 บทละครที่กลายเป็นจริง


พวกเราในตอนนี้ต่างจ้องมองกันและกัน ผมไม่รู้ว่าการซ้อมบทในวันนี้พี่หมอกจะทำอะไรมากแค่ไหนกันนะ แต่โดยปกติทั่วไป การแสดงบทเลิฟซีนนั้นก็ทำเพียงแค่แสดงให้เหมือนกับกำลังมีเซ็กส์เท่านั้น อาจจะมีการใส่สีหน้า การเคลื่อนไหว น้ำเสียงเข้าไป และบางเรื่องอาจตัดไปที่โคมไฟโดยที่ไม่เห็นอะไรเลยก็มี

"ผม พร้อมแล้วครับ" ผมพูดขึ้นหลังจากที่พี่หมอกยังคงจ้องมองผมเงียบๆ และไม่ยอมเริ่มสักที ผมว่าวันนี้พี่เขาดูแปลกๆ ไป

"ห้องน้ำอยู่ทางนั้น" ผมขมวดคิ้วอย่างงงงวย ไม่เข้าใจสิ่งที่พี่จะสื่อ

"แต่ว่าบทมันบนเตียงนี่ครับ" ผมพูดและกางบทให้พี่หมอกดู

"มีมารยาทหน่อยนะ ตัวเหม็นสกปรกไปเปื้อนอะไรมามั่งก็ไม่รู้" ผมที่ได้ยินแบบนั้นก็เลิกคิ้วทันที ตัวผมก็ไม่เหม็นนะ แบบนี้ไม่มากเกินไปหน่อยเหรอ "ไปสิ" ผมไม่ได้เถียงอะไร ถ้าพี่หมอกว่าอย่างนั้นผมก็ต้องทำนั่นแหละ

แต่พอเป็นแบบนี้ผมก็เริ่มชักจะตื่นเต้นซะแล้ว คราวนี้พี่หมอกดูจริงจังมาก ไม่รู้ว่าต้องเอ่อ ล้างขนาดไหน ผมเดินไปที่ห้องน้ำตามที่พี่หมอกสั่ง และคิดอยู่สักพักก็ตัดสินใจว่าจะทำตัวเองให้สะอาดที่สุด ตัวหอมที่สุดเท่าที่ผมจะทำได้ก็แล้วกัน

ผมใช้เวลานานพอสมควรในการจัดการตัวเอง อาบน้ำ แปรงฟัน ล้างหน้า คือ พี่เขามีแปรงที่ยังไม่ได้ใช้ให้พร้อมมาก และเสื้อผ้าสะอาดๆ เหมือนเตรียมเอาไว้ให้แล้ว

ผมอาบน้ำเสร็จ พลางเช็ดผมให้หมาดๆ และใส่เสื้อผ้าที่พี่หมอกวางไว้ให้ เป็นชุดเสื้อเชิ๊ตสีขาวแขนยาว และกางเกงขาสั้นที่ดูจะสั้นไปสักหน่อย

ผมที่แต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ค่อยๆ เดินออกมาจากห้องน้ำ ความตื่นเต้นทำให้ผมรู้สึกเกร็งเล็กน้อย ผมไม่เคยรู้สึกไม่มั่นใจแบบนี้มาก่อน มันเป็นบทที่ท้าทาย และผมก็ยังไม่เคยมีประสบการณ์เรื่องแบบนี้มาก่อนเลย

ผมค่อยๆ เดินไปช้าๆ เข้าไปหาพี่หมอกที่นั่งอยู่ที่เคาน์เตอร์บาร์กำลังเทเหล้าแก้วใหญ่ยกขึ้นดื่ม แล้วนี่พี่ดื่มอีกแล้วเหรอ ทั้งๆ ที่จะซ้อม ทั้งๆ ที่พรุ่งนี้มีถ่ายละคร เชื่อเขาเลย

"พอเถอะครับ เมื่อวานพี่ก็ดื่ม" ผมเดินไปดึงแก้วออกจากมือพี่หมอก ซึ่งเมื่อเป็นแบบนั้น พี่หมอกก็ตวัดสายตามามองที่ผมแบบหัวเสียทันที พลางมองผมตั้งแต่หัวจรดเท้า

"เหอะ" พี่หมอกยังคงพิจารณาผมตั้งแต่หัวจรดเท้าพลางหัวเราะในลำคอ ผมไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ ว่าพี่เขามองผมด้วยความรู้สึกแบบไหน แต่สิ่งที่ผมต้องทำ ก็เพียงแค่ซ้อมบทคู่เท่านั้น "มาสิ"

ผมมองตามพี่หมอกที่ลุกขึ้น และเดินไปที่ห้องนอน ผมเดินตามพี่หมอกด้วยสองมือที่จับกันแน่น ผมตื่นเต้นและประหม่ามาก เพราะตอนนี้พี่หมอกกำลังถอดเสื้อคลุมอาบน้ำออก เหลือเพียงกางเกงตัวในเท่านั้น ผมคิดว่าไม่เห็นจำเป็นต้องถอดถึงขนาดนั้นเลย

"พี่ใส่เสื้อผ้าก็ได้นะครับ แค่ซ้อมเอง" พี่หมอกถอนหายใจเล็กๆ พลางนั่งลงกับเตียง

"ทำไม ใจไม่ดีหรือไง" พี่หมอกถามผมด้วยใบหน้าเหมือนจะกวนประสาท ใช่ครับใจไม่ดี ก็ผมชอบพี่นี่นา

"เปล่าครับ แล้วแต่พี่"

"นั่งลงสิ" ผมสะดุ้งทันทีที่พี่หมอกไม่เพียงแต่พูด แต่กลับดึงมือผมให้ลงไปนั่งข้างๆ ด้วย

ผมรู้สึกงงงวยเล็กน้อย เพราะว่าในบทนั้น พวกเราต้องคุยกันก่อน ที่จะนอนลงไปบนเตียง

"จัดการทุกอย่างเรียบร้อยใช่ไหม" ผมเลิกคิ้วน้อยๆ และพยักหน้า คงหมายถึงอาบน้ำใช่ไหม

ผมมองพี่หมอกที่เหมือนกำลังตั้งสมาธิ ก็เข้าใจนะ เพราะพี่หมอกน่ะ ไม่ชอบผู้ชาย ไอ้ที่ต้องมาเล่นอะไรแบบนี้คงลำบากใจสุดๆ ไปเลย ดูๆ ไปก็น่าสงสาร ผมอยากให้พี่เขาเล่นละครชายหญิงธรรมดาจริงๆ พี่เขาจะได้ไม่ต้องทรมาน

"ข้ามบทพูดไปเลยแล้วกันเสียเวลา" ผมเลิกคิ้วอีกครั้งแบบงงๆ แล้วแบบนั้นมันจะได้อะไรล่ะ

"เดี๋ยวก่อนครับ ทำไมล่ะ" พี่หมอกไม่พูดเปล่าแต่กำลังเหมือนจะยื่นหน้าเข้ามาใกล้

"อยู่นิ่งๆ แล้วก็เงียบๆ อย่าพูดมากได้ไหม" พี่หมอกทำสีหน้าไม่พอใจ ผมก็แค่ไม่เข้าใจเท่านั้นเอง

"จะความคุ้นเคยเหรอครับ" ผมลองถามออกไปอีก การเล่นกับผม มันจะช่วยให้พี่ชินกับคนที่ต้องเล่นด้วยแบบนั้นใช่ไหม

"เออ" พี่หมอกถอนหายใจพลางขยับเข้ามาใกล้ แต่ผมนั้นกลั้นหายใจไปเรียบร้อยแล้ว เพราะตอนนี้มือพี่หมอกกำลังยื่นเข้ามาใกล้แก้มของผม เกลี่ยไรผมเบาๆ และทัดหูเอาไว้

"คือ งั้นถ้าไม่มีบทพูดก็..." ผมจับแขนพี่หมอกและเริ่มขยับตัวขึ้นมาตรงกลางเตียง ในบทนั้นตอนนี้จะเป็นตอนที่นายเอกเมามากๆ และไม่ใช่เมาเหล้าธรรมดาซะด้วย และจบท้ายด้วยการมีความสัมพันธ์กับพระเอกที่เป็นคนรัก

ผมจ้องใบหน้าคนข้างหน้าด้วยหัวใจที่เต้นรัว ในตอนนี้ห้องนอนของพี่หมอกนั้นค่อนข้างมืดสลัว ด้านนอกกระจกใสบานใหญ่กำลังมีฝนตกพรำๆ อย่างเป็นใจ ผมพยายามดึงสติตัวเองไว้ อย่าตื่นเต้นเกินไปอิน ก็แค่การซ้อม แค่ซ้อมละครเท่านั้น

และในบทนั้นผมต้องเป็นฝ่ายเริ่มก่อน ผมชันเข่าน้อยๆ และค่อยๆ ขยับตัวเข้าไปหาพี่หมอกที่อยู่นิ่งๆ พี่หมอกจ้องมองผมตลอดเวลา มองผมที่กำลังขยับตัวเข้าไปหา และค่อยๆ คล้องแขนกอดคอพี่หมอกไว้

ผมกลืนน้ำลายลงคอ คือในบทที่ผมต้องเล่นนั้นต้องร่านสวาทมากๆ แต่ประสบการณ์ของผมในเรื่องแบบนี้นั้นค่อนข้างจะเป็นศูนย์ ผมเลยเก้ๆ กังๆ นิดหน่อย แถมในบทนั้นนายเอกยังเมายาอีกด้วย ไอ้การเมายามันเป็นยังกันนะ มันจะเหมือนเมาเหล้าหรือเปล่า ผมเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าผมจะทำได้ไหม และไอ้การจูบใครสักคนที่ปาก ผมก็ยังไม่เคยเลยสักที

"ไหนล่ะคนเก่ง แค่นี้ก็ไปไม่เป็นแล้วเหรอ" พี่หมอกยกยิ้มมุมปาก ไม่ใช่ว่าผมนั้นจะเล่นไม่ได้ ผมแค่กำลังสับสน ยิ่งเพราะคนตรงหน้าคือพี่หมอกด้วยแล้ว อะไรๆ ก็ดูเหมือนจะยากไปกันใหญ่

"ผมสับสน ว่าการเมาเหล้ากับเมายานี่ มันเหมือนกันไหม" ผมลองถามพี่หมอกเพื่อขอความเห็น

"เคยกินเหล้าหรือเปล่า" พี่หมอกถามผม และผมก็ส่ายหน้าทันที "ถ้างั้นก็คงไม่ต้องถามถึงเรื่องยา" พี่หมอกพูด และขยับตัวออกจากผมไปที่หัวเตียง พี่หมอกหยิบแก้วจากโต๊ะข้างเตียงนั้น พลางรินของเหลวสีอำพันใส่ลงไป

"ผมไม่ดื่มนะครับ" ผมพูดทันที และขยับหนีพี่หมอก เพราะที่พี่หมอกรินนั้นไม่ใช่น้อยๆ แต่เรียกว่าเต็มแก้วก็ว่าได้

"ไม่มียาให้ลองก็ต้องนี่ล่ะ" พี่หมอกยิ้มแย้ม ดูสนุกกับการแกล้งผมด้วยการยื่นแก้วให้และบังคับให้ดื่มลงไป

"จะกินดีๆ หรือให้กรอกปาก"

"ไม่เอาครับ ผมไม่ดื่มจริงๆ นะ ถ้าบทเมาเหล้าผมเล่นได้" ผมยังคงส่ายหน้าปฏิเสธเสียงแข็ง

"ไม่เคยเมาแล้วจะเล่นเป็นคนเมาเหมือนได้ไง" พี่หมอกไม่พูดเปล่า แต่ค่อยๆ ขึ้นมาบนเตียงและดึงแขนผมให้รับแก้วนั้นไว้ "เร็ว อย่าให้ต้องกรอกจริงๆ" ผมรู้สึกว่าตอนนี้พี่หมอกดูน่ากลัวนิดๆ พี่เขาถึงแม้จะยิ้มแต่สีหน้าก็ดูจริงจัง นี่ผมต้องดื่มเข้าไปจริงๆ เหรอ

"แค่...นิดเดียวได้ไหม" ผมพยายามต่อรอง

ผมมองพี่หมอกที่ไม่ได้พูดอะไร ถ้าแค่จิบๆ ก็คงไม่เป็นไรหรอกมั้ง แค่นิดเดียวเท่านั้น ก็แค่ให้พี่หมอกสบายใจ

ผมตัดสินใจยกแก้วขึ้นจิบของเหลวที่อยู่ในนั้น พลางจ้องมองคนตรงหน้าที่กำลังมองมาที่ผมเช่นกัน ผมกลั้นหายใจและดื่มมันเข้าไป ความรู้สึกที่ลิ้นปากว่าขมมาก รสชาติแบบนี้ผมไม่เข้าใจเลยจริงๆ ว่าทำไมถึงชอบกันนัก

"อิน หมดแก้ว" ผมรีบส่ายหัวอีกรอบ และยื่นแก้วส่งคืนพี่หมอก

"พอแล้วครับ แค่นี้เถอะนะ"

"ให้เลือกระหว่าง 1 แก้ว กับ 1 ขวด"

"พี่หมอก" ผมพูดอย่างอ่อนแรง พี่ต้องเอาชนะให้ได้ทุกอย่างเลยใช่ไหม

"ก็ได้ แค่แก้วเดียวนะ ถ้ามากกว่านี้ผมจะกลับ" ผมยื่นคำขาดอย่างไม่เกรงกลัว และยกแก้วเหล้านั้นจรดริมฝีปากและดื่มเข้าไปรวดเดียว ผมยื่นแก้วเปล่านั้นกลับใส่มือพี่หมอก และนั่งมองรอยยิ้มเล็กๆ ที่ผุดขึ้นบนใบหน้าหล่อเหลานั้น

"ดีมาก" ผมพอใจที่ผมถูกชม และมองพี่หมอกที่เริ่มขยับเข้ามาใกล้อีกครั้ง

"จะเริ่ม กันหรือยังครับ" ผมพูด และเริ่มรู้สึกหวิวๆ แปลกๆ ใบหน้าของพี่หมอกดูพร่าเลือนลง และห้องทั้งห้องก็เริ่มหมุนเคว้ง

"อิน" พี่หมอกเรียกผมเบาๆ ใบหน้าของพี่หมอกดูเหมือนจะเข้ามาใกล้ผมมาก ผมมองจ้องตาคู่กันที่ผมชอบเหลือเกิน พี่หมอกกำลังอยู่ใกล้ผมมากเกินไป แบบนี้ไม่ดี หรือว่าดีกันนะ "เอาจริงเหรอเนี่ย แค่แก้วเดียวเนี่ยนะ"

"พี่...หมอก" ผมค่อยๆ เลื่อนมือขึ้นไปคล้องคอพี่หมอกไว้เหมือนเก่า ผมจ้องมองใบหน้าของพี่หมอก วันนี้พี่ก็ดูดีนะ ผมชอบพี่หมอกมาก ผมชอบเวลาที่พี่ยิ้ม เวลาที่พี่จ้องมองผมแบบนี้ ผมรู้สึกเหมือนจะละลายลงไปเลย ผมชอบพี่ ชอบทุกอย่างที่เป็นพี่ ชอบ ทุกอย่าง

" ชชอบ ผมชอบพี่" ผมไม่รู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไร ผมคิด และจ้องมองพี่หมอก และไม่รู้เลยว่าผมกำลังพูดความคิดตัวเองออกมา "ทำไมพี่ถึงใจร้ายกับผม ทำไมถึงไม่ยิ้มให้ผมบ้าง" ผมพูดต่อไป และเริ่มรู้สึกว่ากระดุมเสื้อของผมกำลังถูกปลดออก

"เริ่มเข้าถึงบทแล้วนะ" พี่หมอกพูด และเริ่มผลักผมให้นอนลงบนเตียงช้าๆ พี่หมอกก้มลงใช้ปลายจมูกสัมผัสลงที่คอของผม

รู้สึกดี รู้สึกดีจังเลยนะ ผมกอดพี่หมอกที่กำลังซุกไซร้ซอกคอผมไว้แน่น หลับตาลง ลูบไล้ไปตามแผ่นหลัง เรือนผมที่แสนนุ่ม

ผมต้องเข้าถึงบท ผมต้องเล่นตามบท ผมคิดและท่องไว้ในใจ แต่ดูเหมือนที่เคยอ่านไว้มันดูจะไม่ใช่แบบนี้ หรือเป็นแบบนี้กันนะ ผมเริ่มจำไม่ได้ และปล่อยให้พี่หมอกเป็นคนนำไป

"ผม รู้สึกแปลกๆ" ผมพูด และเริ่มขัดขืน ดันไหล่พี่หมอกที่ทาบทับตัวผม  ไม่สิ พวกเรากำลังเล่นตามบท ใช่ พวกเรากำลัง...

"ก็เหมือนผู้หญิงนั่นแหละ" ผมขมวดคิ้วน้อยๆ เหมือนพี่หมอกกำลังพูดอะไรสักอย่าง แต่ก็เบามากจนทำให้ผมได้ยินไม่ถนัด

ความรู้สึกของผมในตอนนี้นั้นกำลังล่องลอย ร่างกายของพี่หมอกที่ทาบทับตัวผมนั้นอบอุ่น กลิ่นของพี่หมอก ใบหน้า อ้อมแขน สัมผัส ผมรู้สึกดีจัง ถึงมันจะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ แต่ก็รู้สึกดีเหลือเกิน

แต่ผมที่กำลังเคลิ้มฝันนั้น ก็รู้สึกถึงมือพี่หมอกที่กำลังจับมือของผมเอาไว้ ผมไม่ได้ขัดขืนใดๆ และปล่อยให้พี่หมอกดึงมือผมไปตามที่ต้องการ แต่ผมก็เริ่มรู้สึกแปลกมากขึ้นเรื่อยๆ ทันทีที่มือของผมถูกดึงต่ำลง ต่ำลงไปเรื่อยๆ และเลื่อนเข้าไปยังจุดกึ่งกลางของคนด้านบน

"พี่หมอก" ผมที่สัมผัสกับอะไรบางสิ่งนั้นก็ชะงักทันที ผมรีบลุกขึ้นด้วยความตกใจ และพยายามยื้อมือตัวเองกลับ แต่ถึงแบบนั้นก็ทำไม่ได้เลยสักนิด ผมแทบจะล้มลงอีกครั้งทันที เพราะความเมา เพราะทรงตัวลำบากเหลือเกิน

"อยู่เฉยๆ" พี่หมอกเริ่มใช้อีกมือปลดกางเกงของผม ซึ่งแน่นอนผมขัดขืน และพยายามปัดป้องพี่หมอก นี่มันเกินกว่าที่ผมคาดคิดไว้ ผมไม่ได้ตั้งใจมาทำอะไรแบบนี้ ผมดันพี่หมอกเอาไว้แบบคนไร้เรี่ยวแรง พยายามยื้อเสื้อผ้าตัวเองไว้อย่างทุลักทุเล

"พี่หมอก พอเถอะ ไม่เอาแบบนี้" ผมพูดและค่อยๆ คลานเพื่อหมายจะลงจากเตียง แต่ผมที่ทำแบบนั้นก็ถูกดึงรั้งเอาไว้ และผลักให้ล้มลงไปบนเตียงตามเดิม "พี่หมอก อย่าทำเลย"

ผมพูด และจับมือพี่หมอกที่กำลังถอดกางเกงของผมเอาไว้ แต่พี่หมอกก็ไม่สนใจ และยังคงออกแรงดึงบังคับให้ผืนผ้าที่ปกปิดร่างกายของผมเอาไว้นั้น ค่อยๆ หลุดออกมา

ผมที่ไร้ซึ่งเสื้อผ้าท่อนล่างนั้นก็พยายามจะกระเถิบตัวถอยหนี และพยายามใช้มือปิดบังส่วนอ่อนไหวของตัวเองไว้ ผมมึนมาก และขัดขืนอะไรไม่ได้เลย ผมไม่รู้ว่าพี่หมอกจะทำอะไร จะทำถึงขั้นไหนกัน

"ปล่อยผม" ผมเริ่มร้องดังขึ้น และพยายามจะหนีต่อไป แต่พี่หมอกนั้นก็ตามมาจับตัวผมไว้ และกดผมลงกับเตียงอีกครั้ง

"อย่ายุกยิกน่ารำคาญ" พี่หมอกพูดอย่างหัวเสียพลางจับตัวผมให้พลิกนอนหงาย ผมใช้มือดันอกพี่หมอกไว้ พี่จะทำอะไร พี่ไม่ชอบผมไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงทำกับผมแบบนี้

แต่ผมที่ดิ้นรนนั้นก็เสียเปล่า ผมสะดุ้งน้อยๆ ทันทีที่พี่หมอกเริ่มก้มลงและดูดเม้มยอดอกของผม ความรู้สึกแปลกๆ เริ่มเข้าจู่โจม ผมดันไหล่พี่หมอก และผลักเบาๆ อย่างอ่อนแรง หัวใจพยายามต่อต้าน แต่ร่างกายนั้นกลับตอบสนอง

"อย่างน้อยร่างกายก็ซื่อสัตย์ดี" พี่หมอกพูดเบาๆ และยังคงกระตุ้นร่างกายของผมให้ตอบรับความต้องการของตัวเอง พี่หมอกเริ่มใช้มือสัมผัสแตะต้องช่วงล่างของผม พลางถอดเสื้อผ้าชิ้นเดียวบนตัวของตัวเองออกร่วมกัน

"พอ เถอะครับ" ผมพูดและพยายามจับมือของพี่หมอกที่กำลังกอบกุมท่อนกายของผมและเริ่มรูดขึ้นลงเบาๆ

ผมดิ้นรนขัดขืนด้วยความรู้สึกที่สับสน ความกลัวในหัวใจยังคงมีอยู่ แต่ร่างกายกลับรู้สึกดีไปกับการปรนเปรอนั้น พี่หมอกยังคงขยับมือปลุกเร้าอารมณ์ของผม พลางเริ่มขยับตัวกอบกุมท่อนกายของตัวเองไปพร้อมๆ กัน

ผมเม้มปากแน่น นานเท่าไหร่แล้วที่ผมไม่เคยปลดปล่อยความต้องการนี้ ผมนั้นอาศัยอยู่ในห้องเล็กๆ ไม่เคยมีอิสระที่จะทำอะไร และก็ไม่ได้หมกมุ่นหรือคิดจะทำเรื่องแบบนี้เลย ตอนนี้ร่างกายจึงตอบรับความรู้สึกมากขึ้นและมากยิ่งขึ้น ผมเริ่มหอบหายใจและเริ่มทนไม่ไหว ความอัดอั้นของผมมันมีมากเกินไป จนในที่สุดก็ล้นทะลักและปลดปล่อยออกมาในเวลาไม่นาน

ผมหายใจหอบและตัวสั่นน้อยๆ ผมรู้สึกว่าหัวของผมมันโล่งมาก แต่ร่างกายก็ดูเหมือนจะยิ่งอ่อนล้าลงไป พี่หมอกที่เห็นแบบนั้นก็ลุกขึ้นเดินไปที่หัวเตียงอีกครั้งและหยิบอะไรบางอย่างออกมา

ผมนอนอยู่เฉยๆ อย่างไร้เรี่ยวแรง มองดูพี่หมอกที่กลับขึ้นมาบนเตียง ผมรู้สึกใบหน้าร้อนผ่าวทันทีที่มองเห็นจุดกึ่งกลางร่างกายของพี่หมอกที่ยังคงแข็งและตั้งชันอยู่ พี่เขายังไม่เสร็จสินะ แล้วทำไมถึงไม่ทำให้ตัวเองเสร็จด้วย

แต่ผมที่มองพี่หมอกนั้นก็แทบจะลุกขึ้นมาอีกครั้งทันที ผมมองพี่หมอกที่กำลังฉีกซองสีเงินในมือและกำลังสวมมันเข้าไปในท่อนกายที่แข็งนั้น ผมไม่ได้เตรียมใจจะมาทำอะไรแบบนี้ แบบนี้ไม่ไหวแน่ๆ

แต่ผมที่พยายามจะลุกหนีนั้นก็ไม่อาจทำได้ พี่หมอกเหลือบมองผมและรีบมากดตัวผมไว้กับเตียงอีกครั้งทันที

"อย่าถึงขั้นนั้นเลยครับ" ผมพูดและพยายามกระเถิบตัวหนี ผมไม่น่าดื่มเหล้านั้นเลย มันทำให้ตัวผมนั้นตอบสนองช้าและเคลื่อนไหวไม่ได้ดั่งใจ

พี่หมอกไม่สนใจที่ผมร้อง แต่กำลังชันเข่าเข้าชิดตัวผมและจับขาผมให้แยกออกดีๆ เพื่อจะใส่ส่วนที่คับตึงนั้นเข้ามา

ผมเริ่มร้องไห้ และใช้ขาดันตัวพี่หมอกไว้ ผมพลาดมาก ผมไม่คิดว่าพี่หมอกจะทำขนาดนี้ เพราะพี่หมอกนั้นไม่ได้ชอบผม และผมก็เป็นผู้ชายด้วย

"อย่าร้อง" พี่หมอกพูด และยังคงพยายามยัดท่อนกายนั้นเข้ามา ผมเริ่มร้องไห้หนักขึ้นและดิ้นรนขัดขืน ผมเริ่มรู้สึกเจ็บมาก เหมือนพี่หมอกไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไง เอาแต่พยายามจะยัดเข้ามา

"ฮึก มัน...เจ็บ" ผมพูดและร้องไห้หนักขึ้น ผมไม่เคยผ่านเรื่องแบบนี้มาก่อน ร่างกายไม่ได้เตรียมพร้อมอะไรเลย ผมต้องตายแน่ๆ จะต้องทำยังไงถึงจะหยุดพี่หมอกได้

"บอกว่าอย่าร้องไห้" พี่หมอกดูหงุดหงิดแต่ก็ยังไม่ยอมแพ้ ผมมองพี่หมอกที่ลุกขึ้นเดินออกไปจากเตียงอีกครั้ง พลางรื้อค้นอะไรบางอย่างในลิ้นชัก "อันนี้ละมั้ง"

ผมมองพี่หมอกที่ถือขวดอะไรสักอย่างไว้ในมือ และบีบมันทาลงที่ท่อนกายของตัวเอง และบีบอีกทีพยายามใช้มันให้ผม

"พี่หมอก" ผมเรียกพี่หมอกเบาๆ เหมือนจะขอร้องแต่พี่หมอกก็ไม่ได้ใส่ใจมองหน้าผม

"แค่ครั้งเดียว ไม่ตายหรอก" พี่หมอกพูดพลางจ่อท่อนกายของตัวเองเข้ามา และค่อยๆ ดันมันเข้าไปทีละนิด

ผมเริ่มตัวสั่น และพยายามดันตัวพี่หมอกไว้ ผมจะตายแล้ว เหมือนร่างกายจะทนไม่ไหวเลย ไม่ไหวจริงๆ

"เจ็บ" ผมพูดและเริ่มน้ำตาไหลอีกครั้ง ผมรู้สึกถึงท่อนกายของคนด้านบนที่ขยับเข้ามาเรื่อยๆ และเรื่อยๆ จนสุด

พี่หมอกยังคงไม่ขยับตัว และก้มตัวลงมาจูบซับน้ำตาของผม ทำให้ผมเริ่มลืมความเจ็บไปชั่วเสี้ยววินาที และแทนที่ด้วยความประหลาดใจ

"อย่าเกร็ง อยากเจ็บตัวหรือไง" พี่หมอกพูดเบาๆ อยู่ที่ซอกคอของผมและหอบหายใจน้อยๆ

แต่ความสงบนั้นก็คงอยู่ได้ไม่นาน ผมเริ่มรู้สึกว่าพี่หมอกกำลังค่อยๆ ขยับตัวช้าๆ อย่างเนิบนาบ ผมได้แต่เม้มปากแน่น และจิกคลายความเจ็บตึงที่กำลังแล่นริ้วอยู่ภายใน

คนด้านบนยังคงขยับตัวช้าๆ หายใจเบาๆ อยู่ที่ข้างหูของผม ลมร้อนที่เป่าปะทะทำให้รู้ว่าคนด้านบนกำลังสะกดอารมณ์ และไม่รีบร้อนจนเกินไป

ความเจ็บเริ่มลดน้อยลง และไม่ติดขัดมากนัก คนด้านบนเริ่มพยุงตัวขึ้นและยันแขนอยู่ข้างๆ ไหล่ของผมพลางขยับเอวมากขึ้น เข้าลึกและถอนออกสุดสลับกันไป

ภายในห้องถึงจะอากาศเย็นแค่ไหน แต่เหงื่อเล็กๆ กลับเริ่มผุดซึมออกมาตามอุณหภูมิของร่างกายที่สูงขึ้น ใบหน้าและไรผมของพวกเราเริ่มเปียกชื้น ขณะที่คนด้านบนก็เริ่มขยับเอวเข้าออกมากขึ้นและถี่ขึ้นเรื่อยๆ จนหยาดเหงื่อเริ่มเปรอะซึมและหยดลงที่ใบหน้าของผมอย่างช่วยไม่ได้

ลำตัวที่ขาวสะอาดของพี่หมอกเริ่มกลายเป็นสีแดง ผมเริ่มร้องครวญครางด้วยความทนไม่ไหว เสียงร่างกายที่กระทบกันดังเป็นจังหวะก้องกังวาน ลมหายใจถี่หอบอย่างน่ากลัว และร่างกายตอดรัดท่อนกายนั้นอย่างไม่หยุดหย่อน ผมเริ่มจะไม่ไหวอีกแล้ว ผมจะเสร็จอีกแล้ว

"อ.อ๊ะ ผมจะ..." ผมหอบหายใจพลางจิกลงที่ต้นแขนของคนด้านบนไว้ ท่อนขาโอบรัดเอวที่กำลังเคลื่อนไหวไว้แน่น พี่หมอกยังคงขยับท่อนกายเข้าออกพลางครางต่ำด้วยความพอใจ ผมจ้องมองใบหน้าที่กำลังพึงพอใจนั้น พี่หมอกกำลังจ้องมองผมด้วยแววตาที่ฉ่ำไปด้วยหยาดเหงื่อ

ผมเริ่มกระตุกเกร็งและปล่อยหยาดน้ำสีขาวออกมา ร่างกายที่ถูกกระตุ้นจนถึงจุดสูงสุดนั้นทำให้ช่องทางด้านหลังยิ่งบีบรัดและพี่หมอกก็ยิ่งกระแทกกระทั้นท่อนกายเข้ามาอย่างไม่ผ่อนแรง ความรู้สึกทุกอย่างทำให้ผมร้องครางราวจะขาดใจ มันเป็นความรู้สึกที่ทรมานแต่ร่างกายก็กลับตอบสนองดีเหลือเกิน

จนเวลาผ่านมาครึ่งค่อนคืน การทรมารนี้ก็ยังไม่สิ้นสุด ร่างกายของผมไม่อาจต้านทานไหว พี่หมอกนั้นกระแทกกระทั้นราวคนที่หิวโหย ปลดปล่อยครั้งแล้วครั้งเล่า ราวกับไม่อาจเติมเต็มได้ 

ผมทั้งเจ็บทั้งชาจนร่างกายราวกับจะแตกสลาย ภายในหัวใจคิดถึงแต่แม่ ที่ป่านนี้คงจะรอผมแย่แล้ว แต่ผมก็ยังกลับไม่ได้ เพราะเจ้าของห้องที่ยังคงเสพย์สุขกับร่างกายของผมซ้ำแล้วซ้ำเล่า ผมได้แต่กดหน้าลงกับหมอนใบใหญ่ และร้องไห้ระบายความเจ็บปวดออกมา ช่องทางของผมบวมช้ำ และเอวก็เจ็บร้าวระบม

ร่างกายผม มันรับไม่ไหวแล้วจริงๆ
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#13 บทละครที่กลายเป็นจริง[NC](21/8/61)
เริ่มหัวข้อโดย: ป่ามป๊ามป่ามปาม ที่ 21-08-2018 15:03:55
นังหมอก หนอยๆๆๆๆ ข่มขืนน้อง ไหนว่ามาซ้อมละครไง แล้วไหนจะบอกรังเกียจอินนักหนา โมโหๆๆๆๆๆ  :z3: :angry2:
อินจบจากนี้แล้วตัดใจจากหมอกให้ได้เลยนะ ขอให้พระเอกตัวจริงออกมาสักที  อิหมอกเป็นตัวร้ายแหงๆ
เย้ๆมาอัพแล้ว รออ่านตอนต่อไปค่า  :pig4:
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#13 บทละครที่กลายเป็นจริง[NC](21/8/61)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 21-08-2018 15:16:01
 :pig4: :pig4: :pig4:

อ่านมาจนถึงตอนนี้

มีความรู้สึกว่า  อีหมอกหลงไหลในตัวอินตั้งแต่ตอนที่เห็นเล่นละครเวที  หลังจากนั้นก็พยายามหาข้ออ้างโน่นอ้างนี่เพื่อให้ได้อยู่ด้วยกัน  และอาจจะด้วยอาการ "อยากลอง" ด้วยกระมัง  เลยวางแผนฟีเจอริ่งแบบตอนล่าสุด
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#13 บทละครที่กลายเป็นจริง[NC](21/8/61)
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 21-08-2018 15:23:12
แหมๆๆ ปากบอกไม่ชอบ แต่การกระทำนี่...
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#13 บทละครที่กลายเป็นจริง[NC](21/8/61)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 21-08-2018 19:57:05
เลวได้เต็มแมกซ์จริงๆเลย นังหมอก  :m31
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#13 บทละครที่กลายเป็นจริง[NC](21/8/61)
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 21-08-2018 21:39:27
 :mew6: :mew6:
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#13 บทละครที่กลายเป็นจริง[NC](21/8/61)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 21-08-2018 22:50:39
เอ่อมม สงสาร
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#13 บทละครที่กลายเป็นจริง[NC](21/8/61)
เริ่มหัวข้อโดย: Numelfpai ที่ 22-08-2018 19:38:49
 :m16: สงสารอ่ะ หมอกใจร้ายมาก แล้วเรื่องจะเป็นยังไงต่ออ่ะทีนี้ไม่ใช่ได้แล้วทิ้งนะ
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#13 บทละครที่กลายเป็นจริง[NC](21/8/61)
เริ่มหัวข้อโดย: naruxiah ที่ 22-08-2018 20:34:30
เจอแบบนี้ยังรักหมอกอยู่มั้ย​ แล้วหมอกมันจะไม่ตามหวงหนักกว่าเดิมหรอ :katai1:
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#13 บทละครที่กลายเป็นจริง[NC](21/8/61)
เริ่มหัวข้อโดย: คุณซี ที่ 23-08-2018 00:33:20
เกินทนนน อึดอัดมาก น้องไม่ควรคู่กับหมอก น้องไม่ควรคู่ใครเลยยกน้องอินให้เราเถอะ
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#13 บทละครที่กลายเป็นจริง[NC](21/8/61)
เริ่มหัวข้อโดย: Gloomy Sunday ที่ 27-08-2018 14:55:12
เพ้อ บทที่ 14 สายหมอกที่แปรปรวน


ภายในห้องที่มืดมิด ผมลืมตาตื่นขึ้นช้าๆ ด้วยร่างกายที่ปวดระบมไปหมด ดวงตาที่เจ็บแสบจากการร้องไห้ คอที่แหบแห้งจากการส่งเสียงร้อง และหัวใจของผมราวกับแตกสลาย เพราะผมรู้ดีว่า พี่หมอกนั้นไม่ได้กอดผมด้วยความรักเลยสักนิด พี่แค่เพียงมีความต้องการ พี่แค่เพียงอยากรู้ และทดลองมันกับตัวผม แต่ผมก็ไม่โทษพี่หรอก ผมมันโง่เอง เข้ามาหาเขาเอง ขึ้นเตียงเขาเอง แล้วจะให้เรียกร้องอะไร

ผมค่อยๆ ชันตัวลุกขึ้นช้าๆ พลางมองภายในห้องนอนที่ว่างเปล่า พี่หมอกหายไป นั่นแหละดีแล้ว ผมจะต้องกลับบ้าน ป่านนี้แม่คงเห็นห่วงแย่แล้ว

ผมคว้าหยิบเสื้อเชิ๊ตขึ้นมาคลุมตัวไว้ และลากร่างกายที่เต็มไปด้วยรอยช้ำลงจากเตียงอย่างช้าๆ ค่อยๆ เดินเกาะนั่นเกาะนี่ไปเรื่อยๆ เพื่อไปยังโถงที่ผมวางกระเป๋าเอาไว้ ทุกย่างก้าวที่เดินนั้น เต็มไปด้วยความเจ็บปวด และอ่อนล้า ผมรู้สึกปวดหัวราวกับมันจะระเบิดออกมา

"ในฐานะพิธีกรดัง รู้สึกยังไงบ้างคะที่มีลูกชายเก่งๆ ทั้ง 2 คน"

ผมที่กำลังค่อยๆ เดินไปที่โซฟานั้น ก็พลันได้ยินเสียงที่เหมือนกับทีวีกำลังดังอยู่ ผมขมวดคิ้วอย่างสงสัย และเดินต่อไปยังโถงรับแขก เดินช้าๆ และหลบอยู่หลังชั้นวางของขนาดใหญ่ที่อยู่ริมผนัง

พี่หมอกยืนอยู่ที่เคาน์เตอร์บาร์ ใส่ชุดคลุมสีดำ สายตาจับจ้องอยู่ที่ทีวีจอใหญ่ ผมไม่ค่อยมองเห็นสีหน้าของพี่หมอกมากนัก แต่ก็เห็นว่าในมือของพี่หมอกถือแก้วเหล้าไว้อีกแล้ว พี่ดื่มมันอีกแล้ว

"ลูกชายผมเป็นนักแสดงอยู่ที่ต่างประเทศผมภูมิใจในตัวเขามาก ผมเลี้ยงเขามาดีจริงๆ" คนในทีวียังคงให้สัมภาษณ์ และพี่หมอกก็ยังคงจ้องมองดูอย่างไม่ละสายตา

"ลูกชายคนเล็กก็เป็นนักแสดงที่กำลังโด่งดังมากๆ อยู่ตอนนี้ คุณพ่อภูมิใจไหมคะ" ผมที่ได้ยินแบบนั้นก็ขยับตัวมองพี่หมอกด้วยความสนใจ ผมมองพี่หมอกที่ตอนนี้แทบจะสิงเข้าไปในทีวีนั้น และถือแก้วเหล้าที่สั่นไว้ในมือ

"ผมขอไม่พูดถึงแล้วกัน"

เพล้ง!!

ผมสะดุ้งทันทีที่เห็นพี่หมอกขว้างแก้วเหล้าในมือใส่ทีวีอย่างสุดแรง ผมค่อยๆ ถอยหลังออกมาจากตรงนั้น และพยายามจะหลบกลับไปที่เดิม

แกร่กๆ

แต่ผมที่รีบเกินไปนั้น ก็เผลอไปปัดโดนของในชั้นเข้าและของพวกนั้นก็ร่วงกระจายลงที่พื้น ซึ่งแน่นอน พี่หมอกหันมามองผม และรีบเดินเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว

"ตื่นแล้วก็กลับไป!" พี่หมอกเหมือนกำลังโมโหและชี้ทางออกให้ หยาดน้ำตาเริ่มปริ่มที่ดวงตาอีกครั้ง ไม่ต้องไล่ผมหรอก ผมต้องการแบบนั้นอยู่แล้ว

ผมเบี่ยงตัวหนีจากพี่หมอกและเดินช้าๆ ไปที่โซฟาข้างหน้า ผมตัวสั่นน้อยๆ และพยายามใส่เสื้อผ้าตัวเก่าที่กองไว้ ผมร้องไห้เงียบๆ อย่างเจ็บปวดใจ ผมก็เป็นได้แค่นี้แหละ ได้แค่นี้ตลอดไป

"อย่าร้อง" พี่หมอกเดินตามมาใกล้ๆ ผม และยังคงพูดเสียงดังใส่ ผมว่าพี่หมอกในตอนนี้ดูเกรี้ยวกราดมากกว่าทุกที เพราะอะไรกัน เพราะเกลียดผมงั้นเหรอ แล้วทำไม ทำไมพี่ถึงทำผม "เอากับคนที่ชอบ แทนที่จะดีใจ มันน่าโมโหจริงๆ" พี่หมอกพูด และเดินไปเดินมารอบๆ ตัวผม

"ในใจก็ต้องการแบบนี้ไม่ใช่หรือไง" พี่หมอกยังคงพูดต่อด้วยน้ำเสียงออกแนวเย้ยหยัน

"ไม่ใช่"

"ว่าอะไรนะ" พี่หมอกจับแขนผมแรงๆ ด้วยใบหน้าไม่พอใจ

"ผมบอกว่า ไม่ใช่" ผมกัดฟันพูดและตวัดสายตามองพี่หมอก ผมนั้นเริ่มรู้สึกโกรธมากขึ้นทุกที แค่นี้ยังทำร้ายผมไม่พออีกเหรอ ต้องการมากกว่านี้ใช่ไหม

"เหอะ ปากบอกว่าไม่ใช่ แต่ก็เห็นร้องครวญครางมีความสุขขนาดนั้น อย่าไปบอกใครนะว่าถูกข่มขืน อายเขา"

พลั่ก!

ผมใช้แรงที่มีอยู่ทั้งหมดผลักพี่หมอกออกไปจนพี่หมอกถึงกับเซ ผมตัวสั่นด้วยความโกรธ และน้ำตาก็ไหลออกมานองสองแก้ม

พี่หมอกที่ตั้งหลักได้นั้นก็พุ่งเข้ามา และดึงคอเสื้อของผม เอาสิ อยากทำให้ผมเจ็บอีกใช่ไหม แต่เสียใจด้วยนะ ผมไม่รู้สึกอะไรอีกแล้ว เพราะผมเจ็บจนด้านหมดแล้ว

ผมเงยหน้ามองพี่หมอกอย่างท้าทาย พี่หมอกง้างมือขึ้นสูงเหมือนจะต่อยผม แต่ก็ค้างไว้แค่นั้น

"บ้าเอ๊ย" ผมทำหน้านิ่งๆ และมองพี่หมอกที่สบถเบาๆ รอให้พี่หมอกทำร้ายผม แต่ผลลัพธ์ก็กลับไม่ใช่

พี่หมอกปล่อยคอเสื้อผมและเดินช้าๆ ทิ้งตัวนั่งลงที่โซฟาเหมือนคนหมดแรง ผมมองพี่หมอกที่ก้มหน้าลงกับฝ่ามือเงียบๆ และนิ่งค้างอยู่แบบนั้น ผมไม่เข้าใจคนคนนั้นจริงๆ คนใจร้ายนั่น

"จะกลับก็ไปสิ" พี่หมอกเงยหน้าขึ้นจากฝ่ามือ และจ้องมองออกไปนอกกระจกใสบานใหญ่ ไม่ต้องไล่หลายรอบผมก็จะไปอยู่แล้ว ผมไม่สนอีกแล้ว ผมจะกลับบ้าน ผมพอแล้วกับคนแบบนี้

ผมค่อยๆ หยิบกางเกงมาใส่ช้าๆ อีกครั้ง และพยายามไม่สนใจพี่หมอกที่ยังคงนั่งอยู่เงียบๆ ผมยังคงรักพี่หมอกอยู่ไหม ในตอนนี้นั้นผมไม่รู้เลย ไม่รู้อะไรเลย ผมไม่อยากรับรู้อะไรอีกแล้ว

แต่ผมที่พยายามทรงตัวนั้นก็ล้มลงทันทีด้วยความมึนหัว ผมนิ่วหน้าด้วยความเจ็บ และลุกขึ้นอีกครั้งอย่างทุลักทุเล ร่างกายของผมมันไม่ไหวเอาซะเลย แต่ผมก็ต้องไป ผมต้องออกไปจากที่นี่

"ตัวร้อนเหมือนไฟ" ผมที่ยืนเซอยู่นั้นก็รู้สึกแปลกใจที่เห็นพี่หมอกอยู่ข้างๆ พี่หมอกดูใจเย็นลงและแตะหลังมือลงที่คอของผม

"ปล่อยผม" ผมพูดและปัดมือพี่หมอกออก อย่ามาทำเป็นเห็นใจผม ผมไม่หลงไปกับพี่อีกแล้ว

"ไปก็ไปตาย กลับไปนอนไป" พี่หมอกจิ๊ปากรำคาญ และเดินกลับไปที่โซฟาตามเดิม ผมไม่อยู่หรอก ผมจะกลับ

"ฮัลโหลครับคุณแม่ ครับ ผมหมอกรุ่นพี่น้องอินครับ" แต่ผมที่กำลังใส่เสื้อผ้าต่อนั้นก็ต้องตกใจทันที ผมมองพี่หมอกที่กำลังคุยโทรศัพท์อยู่ที่กระจกและถ้าดูไม่ผิด นั่นมันโทรศัพท์ผม

"เอามานี่นะ" ผมที่เห็นแบบนั้นก็รีบเดินอย่างทุลักทุเลไปหาพี่หมอกทันทีเพื่อหมายแย่งโทรศัพท์ ทำอะไรของพี่กันนะ ชักจะมากไปแล้ว

พี่หมอกที่เห็นผมมายืนอยู่ข้างๆ หมายจะแย่งโทรศัพท์ในมือก็หันหน้ามาดุผม และทำมือบอกผมให้หยุดส่งเสียงดัง

"ครับ พอดีน้องไม่สบายก็เลยอยู่ที่คอนโดผม ครับ เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมพาไปส่งครับ ไม่เป็นไรมากครับ น้องกินยาหลับไปแล้ว" ผมมองพี่หมอกที่คุยกับแม่ผมด้วยรอยยิ้ม เป็นคนตีสองหน้าที่น่ากลัวมาก เปลี่ยนไปเป็นคนละคนเลยทีเดียว

ผมมองพี่หมอกที่กดวางสาย และโยนโทรศัพท์ของผมไปที่โซฟาอย่างไม่ใส่ใจ ผมยืนอยู่ตรงนั้น จ้องหน้าพี่หมอกด้วยอาการที่บอกว่ายังไงผมก็จะกลับ ถึงพี่จะพูดแบบนั้นก็เถอะ

"ผมจะกลับ" ผมพูดและหันหลังหนีพี่หมอก เตรียมตัวที่จะแบกกระเป๋าขึ้นหลัง

"แรงดีแบบนี้สงสัยต้องเอาต่อ" ผมที่ได้ยินแบบนั้นก็รีบทิ้งกระเป๋าไว้ที่เดิม และเดินเลี่ยงพี่หมอกทันที คนใจร้ายนั่นกำลังยิ้มมุมปากอย่างพอใจ และเดินไปค้นอะไรสักอย่างในชั้นใกล้ๆ

"นับ 1" ผมที่ยังคงยืนชั่งใจอยู่นั้นก็ตัดสินใจรีบเดินอย่างทุลักทุเลกลับไปที่ห้องนอนทันที ผมไม่มีทางเลือกนอกจากตามใจพี่หมอก พี่เขาก็แค่สมเพชผมและกลัวผมจะตายพราะความผิดของตัวเองนั่นแหละ คงไม่มีทางเป็นอย่างอื่นไปได้

ผมนอนลงที่เตียง และรีบคลุมผ้าห่มปิด ผมรู้สึกไม่สบายตัวเลยสักนิด คราบเหงื่อและคราบอะไรต่อมิอะไรยังคงอยู่บนตัวผม และแห้งเกรอะกรังไปหมด น่าขยะแขยงจริงๆ

"กิน กิน แล้วก็กิน" ผมมองพี่หมอกที่โยนยาเป็นแผงๆ ใส่ผม แต่ก็วางแก้วน้ำลงเบาๆ ที่หัวเตียง ผมขยับตัวลุกขึ้นกินยาที่พี่หมอกให้อย่างว่าง่าย เพราะผมอยากหาย ผมอยากไปจากที่นี่

"ตัวแม่งโคตรโสโครก" ผมดื่มน้ำ และมองพี่หมอกที่ยืนกอดอกจ้องมองผม ก็ใครกันล่ะที่ทำให้ผมเป็นแบบนี้

พี่หมอกถอนหายใจยาวๆ และเดินออกไปจากห้องนอน ผมค่อยๆ ขยับตัวนอนลงอีกครั้ง และพยายามจะหลับตา ผมรู้สึกสบายใจขึ้นที่อย่างน้อยแม่ผมก็รับรู้แล้ว ผมจะได้หลับลงได้บ้าง หวังว่าพี่หมอกจะไม่ทำอะไรผมอีกนะ

แสงอาทิตย์ที่ส่องเข้ามาในยามเช้าทำให้ผมลืมตาตื่นขึ้น ผมค่อยๆ ลุกขึ้นนั่งช้าๆ และใช้หลังมือแตะลงที่ลำคอของตัวเอง ผมรู้สึกดีขึ้นมาก และตัวก็ไม่ร้อนอีกแล้ว ถึงจะยังมึนหัวอยู่เล็กน้อย แต่แบบนี้ก็คงกลับบ้านได้แล้ว

ผมเช็คตัวเองเรียบร้อย และหันไปมองที่ข้างตัวของผมที่ว่างเปล่า เมื่อคืนพี่หมอกคงไม่ได้กลับเข้ามานอนบนเตียง คงเป็นเพราะมีผมอยู่ ตัวผมที่สกปรก...

แต่ว่าเมื่อคิดแบบนั้นก็พบว่ามีอะไรหลายๆ สิ่งบนตัวผมเปลี่ยนไป ผมแตะไปตามเนื้อตัวและใบหน้าของผมที่ผิวเรียบเนียน ไม่มีคราบแปลกๆ ใดๆ ชุดที่ผมใส่อยู่นั้นก็ถูกเปลี่ยนไปด้วย เป็นชุดนอนตัวโคร่ง ที่ผมจำได้ทันทีว่าเป็นของพี่หมอก

ผมค่อยๆ ลงจากเตียงด้วยความงุนงง และเดินลากขาไปยังโถงด้านนอก และเมื่อเดินมาถึงนั้น ผมก็เริ่มมองเห็นคนที่กำลังมองหาอยู่

ผมมองขายาวๆ ของพี่หมอกที่ต้องงอเมื่อนอนอยู่บนโซฟา ผมไม่ค่อยเข้าใจว่าอะไรที่ทำให้พี่ตัดสินใจแบบนั้น พี่ไม่อยากนอนอยู่ข้างๆ ผมใช่ไหม แต่ว่าทำไม พี่ถึงได้ เช็ดตัวให้ผม ทำไมถึงได้ดูแลผมกันล่ะ

ผมคิดและนั่งลงคุกเข่าจ้องมองคนที่กำลังหลับใหล ผมไม่แน่ใจว่าผมควรรู้สึกยังไง พี่หมอกยังคงนอนหลับสนิท หายใจเข้าออกช้าๆ เหมือนกำลังหลับฝันดี เวลาที่พี่ไม่มีปากมีเสียงแบบนี้ก็เหมือนรูปสลักที่วิจิตรงดงามๆ แต่พอเมื่อได้เปิดปากพูดเมื่อไหร่ ก็มีแต่สิ่งร้ายๆ ทั้งนั้น

ผมจ้องมองคนตรงหน้าอีกสักพัก และมองนาฬิกาที่เป็นเวลาช่วงสายแล้ว แต่พี่หมอกไม่ใช่ว่ามีถ่ายละครวันนี้หรอกเหรอ ทำไมพี่เขายังนอนอยู่กันนะ หรือว่าผมควรจะปลุกดี หึ ไม่ดีกว่า ปล่อยให้โดนด่านั่นแหละน่าจะดี

ผมละจากพี่หมอก ลากสังขารเข้าไปอาบน้ำด้วยความทุลักทุเล ความเจ็บปวดจากช่องทางด้านหลังนั้นยังคงแล่นริ้วทุกการเคลื่อนไหว แถมเวลาโดนน้ำยังแสบสุดๆ ผมไม่เคยรู้เลยว่าการมีเซ็กส์จะรุนแรงและทำให้เจ็บปวดได้ขนาดนี้ แล้วก็พี่หมอกก็เหมือนกับไม่รู้ว่าต้องผ่อนแรงแค่ไหนสำหรับคนที่ไม่เคยผ่านอะไรมาก่อนแบบผม

และเมื่อนึกถึงสิ่งที่พี่หมอกพูด นั่นก็ถูกส่วนหนึ่ง ถึงผมจะไม่ได้เต็มใจกับการมีเซ็กส์ครั้งนี้ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าร่างกายของผมก็ตอบสนองพี่หมอกเช่นกัน พี่เขาเลยคิดว่าผมสมยอม และจะไปบอกใครว่าถูกข่มขืนก็คงไม่มีใครเชื่อผมหรอก เพราะพี่หมอกนั้นดูแล้วไม่จำเป็นต้องข่มขืนใคร ทุกคนอยากพลีกายถวายชีวิตให้พี่เขาทั้งนั้น นี่มันน่าขำจริงๆ

ผมยืนคิดอะไรไปเรื่อย อาบน้ำจัดการตัวเองทุกอย่างและใส่เสื้อผ้าของผมชุดเดิมเตรียมตัวกลับบ้าน ผมค่อยๆ เดินออกมาจากห้องน้ำ และมองเห็นพี่หมอกที่ยังคงนอนหลับอยู่ ผมค่อยๆ เดินเบาๆ และหยิบกระเป๋าของผมสะพายที่ไหล่ เตรียมตัวจะเดินออกไป

แต่ผมที่เดินไปถึงทางเดินหน้าประตูนั้น ก็เปลี่ยนใจหันหลังกลับไปอีก เสียงในใจตะโกนด่าตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า ผมรู้ว่าผมมันโง่นัก แต่ผมก็ยังคงลากขาต่อไปยังโซฟาที่พี่หมอกนอนอยู่ ผมค่อยๆ นั่งลงตรงหน้าพี่หมอกที่ยังคงหลับใหล ยื่นมือช้าๆ เข้าไปหาพี่หมอก และแตะลงที่แก้มนั้นอย่างแผ่วเบา

"ตื่นได้แล้วนะครับ พี่ต้องไปทำงาน" ผมพูดเบาๆ และเช็ดน้ำตาที่ค่อยๆ ไหลออกมาจากดวงตาตัวเอง ถึงผมจะโกรธมาก แต่ผมก็ยังคงรักพี่หมอก แต่จากนี้ ผมจะพยายามเข้มแข็งขึ้น และตัดพี่ออกไปจากหัวใจให้ได้ ผมต้องทำมันให้ได้

"อ้าวอินลูก เป็นยังไงบ้าง แม่เป็นห่วงทั้งคืน" หลังจากที่ผมโผล่หน้ากลับไปที่บ้าน แม่ที่เห็นผมนั้นก็รีบเข้ามาหาทันทีด้วยความเป็นห่วง ผมพยายามฝืนยิ้ม และทำท่าทางเหมือนผมสบายดี ผมไม่ต้องการให้ใครต้องมาเป็นห่วงผม เพราะผมทำตัวเองทั้งนั้น

"ดีขึ้นแล้วครับ นอนอีกนิดก็คงดีขึ้นอีก" ผมบอกแม่และเดินกลับไปที่บ้านหลังน้อยของผม วางของลงและทิ้งตัวนอนบนเตียง

"กินอะไรมาหรือยัง แล้วคุณหมอกเขามาส่งอินหรือเปล่า" แม่ถามผมและนั่งลงข้างๆ

"คือ ผมรบกวนพี่เขามากแล้ว ก็เลยขอกลับเอง แถมพี่เขายังมีงานต่ออีก"

"คุณหมอกนี่ ใช่แฟนคุณหมี่หรือเปล่าลูก" ผมที่ได้ยินแบบนั้นก็ยิ่งรู้สึกเจ็บปวดมากขึ้น ใช่แล้วล่ะ พี่หมอกเป็นแฟนหมี่ เขาเป็นคนที่มีเจ้าของแล้ว

"ใช่ครับ"

"เคยเห็นเขามากับคุณหมี่ หน้าตาดีมากๆ เลยนะ อย่างกับลูกครึ่งแน่ะ ผิวพรรณดีมาก"

"ครับ พี่เขาเป็นดารา ก็ต้องดูดีอยู่แล้วล่ะ"

"อ๋อ แบบนี้นี่เอง ถึงว่าแม่คุ้นหน้าอยู่"

 เมื่อได้คุยกับแม่ ผมก็เริ่มคิดถึงเรื่องเมื่อคืน ตอนที่พี่หมอกดูโมโหกับการให้สัมภาษณ์ของคนคนหนึ่ง คนคนนั้นเป็นใครกันนะ เกี่ยวข้องกับพี่หมอกยังไง แล้วทำไมพี่หมอกถึงได้ดูโกรธและเศร้าขนาดนั้น
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#14 สายหมอกที่แปรปรวน(27/8/61)
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 27-08-2018 15:32:47
อิน สู้ๆ
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#14 สายหมอกที่แปรปรวน(27/8/61)
เริ่มหัวข้อโดย: ป่ามป๊ามป่ามปาม ที่ 27-08-2018 16:00:25
คนในทีวีใช่พ่อหมอกรึเปล่า จำไม่ได้แล้วพ่อหมอกไปไหน เดี๋ยวกลับไปอ่านใหม่
อินเข้มแข็งนะ เห้อ หมอกก็น่าสงสารอะแหละ แต่จำเป็นต้องมาร้ายกับอินมั้ย
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#14 สายหมอกที่แปรปรวน(27/8/61)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 27-08-2018 16:04:10
ตัดใจซะที อิน  :angry2: :angry2: :angry2:
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#14 สายหมอกที่แปรปรวน(27/8/61)
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 27-08-2018 21:07:24
 :mew6: :mew6:
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#14 สายหมอกที่แปรปรวน(27/8/61)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 27-08-2018 22:05:06
สงสาร
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#14 สายหมอกที่แปรปรวน(27/8/61)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 27-08-2018 22:12:44
 :pig4: :pig4: :pig4:

รู้สึกว่า อิหมอกนี่คงเก็บกดจากครอบครัวน่าดู

มีพี่  พี่ก็เด่นและดังกว่า

ส่วนอิพ่อ ก็คงไม่ชอบเพศที่สาม จนทำให้อิหมอกปิดกั้นตัวตนแม้จะรู้สึกต่ออินมากขนาดไหนก็ตาม

ป.ล.  คนเกลียดเพศที่สาม  เขาคงไม่สามารถทำแบบนั้นกับคนที่เป็นเพศที่สามได้หรอก
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#14 สายหมอกที่แปรปรวน(27/8/61)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 28-08-2018 02:06:24
มีความอยากกกกกกกก สกายคิกนังหมอกสักที สองที  :z6:
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#14 สายหมอกที่แปรปรวน(27/8/61)
เริ่มหัวข้อโดย: Gloomy Sunday ที่ 28-08-2018 18:24:02
เพ้อ บทที่ 15 คนที่รักกับคนที่เลือก


ผมที่เหนื่อยล้าสุดๆ นั้น ก็ผล็อยหลับไปอีกครั้ง ในความฝัน ผมมองเห็นพี่หมอกที่กำลังดีดกีตาร์ๆ พลางร้องเพลงให้ผมด้วยรอยยิ้ม ผมเฝ้ามองพี่หมอก ความโกรธเคือง ความผิดหวังเสียใจ ทำไมผมถึงลืมมันไปง่ายดาย กับคนที่ทำร้ายกันขนาดนี้

"พี่หมอก" ผมจ้องมองรอยยิ้มที่สว่างไสวนั้น และยื่นมือออกไปราวกับจะไขว่คว้า แต่พี่หมอกก็เหมือนกลับยิ่งไกลห่างออกไป และใบหน้าที่ดูอ่อนโยนนั้นก็แปรเปลี่ยนไปเป็นความเศร้าหมองที่ดูปวดร้าวเหลือเกิน

"ตื่นก็มองหา หลับตาก็ยังฝันถึง" ผมที่กำลังนอนอยู่นั้นก็สะดุ้งทันทีที่รู้สึกเหมือนมีคนกำลังสัมผัสตัว ผมค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้นช้าๆ และก็ต้องลุกพรวดขึ้นทันทีที่เห็นว่าใครกำลังยืนมองอยู่

ผมนิ่วหน้าด้วยความเจ็บ ความตกใจทำให้ผมขยับตัวไวเกินไปและทำให้เจ็บแผลเหลือเกิน ผมมองคนคนหนึ่งที่ยืนอยู่ข้างเตียงนอนและกำลังกวาดตามองไปรอบๆ ห้องนอนของผม

"อยู่เข้าไปได้ยังไง" พี่หมอกพูดพลางยังหยิบดูเหล่าตุ๊กตาข้างๆ ตัวผม

"พี่เข้ามาได้ยังไง ออกไปเถอะ" ผมขยับตัวลงจากเตียง สอดส่ายสายตามองไปทั่วบ้าน ผมไม่อยากให้ใครเห็นว่าพี่หมอกมาที่นี่

"อะไร เมื่อกี้ยังเรียกหาอยู่เลย ทำเป็นมาไล่" พี่หมอกพูดพลางทำหน้าเหมือนได้ใจ แปลว่าเมื่อกี้ ผมเผลอเรียกพี่หมอกออกมางั้นเหรอ อินนะอิน

ผมมองพี่หมอกที่ยังคงไม่ยอมออกไป พี่หมอกน่าจะเพิ่งกลับมาจากถ่ายละคร เพราะยังคงใส่เสื้อผ้าที่ดูดีมากๆ เป็นเสื้อเชิ๊ตสีดำและกางเกงยีนสีซีดตัดกับผิวที่ขาวมากๆ ของพี่หมอก จนเหมือนตัวจะเรืองแสงได้

"พี่หมอกคะ อยู่ไหนคะ" ผมสะดุ้งตัวอีกครั้งทันทีที่ได้ยินเสียงของคนอีกคนที่กำลังใกล้เข้ามา ผมร้อนรนทันทีด้วยความกลัว แต่ดูพี่หมอกจะไม่รู้สึกอะไรเลย และกำลังมองผมเหมือนจะรู้ทันความคิด

"กำลังคิดอะไรโง่ๆ อยู่ละสิ" พี่หมอกพูด และมองผมเหมือนกำลังขบขัน ก็ใช่สินะ คนแบบพี่หมอกกับผมงั้นเหรอ มันจะเป็นไปได้ยังไงกัน

พี่หมอกยืนพับแขนเสื้อสักพัก และก็เดินออกไปจากห้อง ผมได้แต่ถอนหายใจ ผมรู้สึกกลัว ผมไม่อยากให้หมี่รู้เรื่องนี้ ถ้าหมี่รู้ หมี่ต้องโกรธผมและบอกแม่แน่ๆ ผมไม่ได้ตั้งใจทำเรื่องแบบนั้นนะ ผมไม่ได้อยากทำจริงๆ

"อ้าว ตื่นแล้วเหรอลูก เดี๋ยวช่วยแม่ยกสำรับเข้าไปให้คุณหมี่เขาหน่อยนะ แล้วอินค่อยไปกินข้าวในครัวนะ แม่เตรียมไว้ให้แล้ว" ผมพยักหน้าให้แม่ และเดินไปที่ครัวตามที่แม่บอก ยกไปให้หมี่งั้นเหรอ แปลว่าพี่หมอกก็อยู่กินข้าวที่นี่สินะ ผมไม่อยากเจอพี่หมอกเลย แต่ก็คงเลี่ยงไม่ได้

ผมที่ไม่มีทางเลือกนั้นก็ต้องก้มหน้าก้มตาทำงานของตัวเองต่อไป ผมยกถาดอาหารเข้าไปและจัดเรียงไว้ที่โต๊ะอาหารตัวยาวของบ้าน ผมรีบทำ และหวังอย่างยิ่งว่าจะทันก่อนที่ทั้งสองคนจะเข้ามา แต่สิ่งที่คาดหวังไว้ ก็ไม่เป็นไปตามความคิด ผมมองคนสองคนที่ควงแขนกันเข้ามา พลางนั่งลงอิงซบกันด้วยความเอาใจ

"คิดถึงจังเลยค่ะ ดีใจจังที่พี่หมอกโทรมา หมี่กะว่าจะไปหาอยู่แล้วเชียว" หมี่พูดและกอดแขนพี่หมอกแน่นเหมือนกลัวพี่หมอกจะระเหยหายไป

"พี่ชอบกับข้าวบ้านหมี่นะ มากินด้วยบ่อยๆ จะได้ไหม" พี่หมอกพูด และไม่ได้สนใจมองผมที่กำลังตักข้าวให้ทั้งสองคน ผมอยากจะรีบออกไปจากตรงนี้ ผมอึดอัดเหลือเกิน

"ก็ดีสิคะ มาทุกวันเลยนะ ถ้าคุณพ่อคุณแม่หมี่กลับมาจากต่างประเทศหมี่จะรีบพาไปหาท่านเลยค่ะ" ผมที่ทำทุกอย่างเรียบร้อยแล้วก็รีบหันหลังทำท่าจะเดินกลับทันที

"น้ำล่ะ ขอน้ำหน่อย" แต่ผมที่กำลังจะเดินไปนั้นก็ถูกเรียกไว้อีกครั้ง ผมมองพี่หมอกที่กำลังจ้องมองผม และชูแก้วเปล่าๆ ไปมา

"ขอโทษครับ" ผมพูดและเดินกลับไปรินน้ำให้คนทั้งสอง และเมื่อรินน้ำเรียบร้อยแล้ว ก็ตั้งเหยือกไว้ใกล้ๆ และรีบเดินออกมาจากตรงนั้นอีกครั้ง

เพล้ง!

เสียงแก้วน้ำที่แตกกระจายลงกับพื้นทำให้ผมตกใจพลางหันกลับไปมอง และสิ่งที่เห็นนั้นก็คือแก้วน้ำของพี่หมอกที่ตกแตกอยู่ที่พื้น

"โทษทีนะ มือมันลื่น" พี่หมอกพูดและจ้องมองผมพลางยกยิ้มมุมปาก เหมือนกับจงใจแกล้งผม

ผมก้มลงเก็บเศษแก้วที่แตกอย่างช้าๆ และไม่สนใจพี่หมอกที่กำลังดูอารมณ์ดีเหลือเกิน ผมก็แค่ทำหน้าที่ของผม ไม่สนใจว่าใครจะพูดยังไง

"อาทิตย์หน้าก็ปิดกล้องแล้ว เราไปเที่ยวทะเลดีไหม" ผมที่กำลังเช็ดพื้นนั้นก็ได้ยินเสียงพี่หมอกพูดขึ้น และหมี่ก็แทบจะกรี๊ดทันทีที่ได้ยิน

"จริงเหรอคะ ดีใจจังเลยค่ะ เราสองคนจะได้ไปเที่ยวไกลๆ กันบ้างสักที" ผมค่อยๆ ลุกขึ้นจากพื้น และมองคู่รักทั้งสองที่กำลังโอบกอดกันพลางตักอาหารให้กัน ดูมีความสุขดีนะ ดีแล้วล่ะ ผมไม่มีอะไรที่พี่สนใจหรอก ผมเป็นแค่ผู้ชาย ไม่ได้หน้าตาสวย ไม่ได้มีอะไรที่พี่ชอบเลยสักนิด

ผมลากขาออกมาจากห้องอาหารนั้นด้วยหัวใจที่ว่างเปล่า แล้วพี่มาที่ห้องผมทำไมกันนะ บางทีผมก็ไม่เข้าใจพี่เลย พี่คงจะแค่สะใจที่เห็นผมทรมาน ผมคิดว่าเป็นแบบนั้นแหละ มันคงเป็นความสุขอีกอย่างหนึ่งของพี่ ที่เห็นผมกำลังเสียใจ

ผมเดินมาที่สวนด้านหลังของบ้านและนั่งลงอย่างเลื่อนลอย ผมนั้นกำลังคิดถึงสิ่งที่ผมกำลังจะทำต่อไป ผมมีวิธี ที่จะตัดพี่ออกไปจากหัวใจแล้ว ผมคิดว่ามันเป็นทางเดียวที่ผมจะได้มีความสุข เวลาจะช่วยเยียวยาผม จะทำให้ผมลืมทุกสิ่งที่อยู่ในหัวใจ เกี่ยวกับพี่หมอก

Rrrr Rrrr

ผมก้มมองโทรศัพท์ของผมที่กำลังดังอยู่ และคนที่เป็นกุญแจสำคัญของผมก็บังเอิญโทรเข้ามาพอดี แบบนี้แหละดีแล้ว คนคนนี้คงจะเหมาะกับผมมากกว่า

"ครับพี่เปอร์"

"อิน วันนี้ทำไมพี่ติดต่อเราไม่ได้เลย เรื่องที่จะพาไปกองถ่ายไอ้หมอกพี่ขอโทษนะ ผิดคำพูดซะได้" พี่เปอร์พูดอย่างรวดเร็วจนผมแทบฟังไม่ทัน

"คือ ผมไม่ค่อยสบายนิดหน่อย ดีแล้วที่ไม่ได้ไป ไม่เป็นไรครับ" ผมยิ้มน้อยๆ ผมรู้สึกสบายใจขึ้นเพียงเพราะแค่ได้ยินเสียงพี่เขาเท่านั้น

"แล้วตอนนี้เป็นยังไงบ้าง ดีขึ้นหรือยัง พี่ไปหาได้ไหม ไม่ก็ออกมาหาพี่หน้าบ้านหน่อย"

"ไม่เอาครับ ห้ามมา ผมจะนอนแล้ว" ผมพูดและหัวเราะน้อยๆ พี่เขาเป็นแบบนี้ล่ะ ขืนให้มาก็จะมาลากผมไปแว๊นละสิ เรื่องอะไรจะให้มา

"พี่เป็นห่วงนะ"

"รู้สึก คลื่นไส้หน่อยๆ แฮะ"

"อะไรเนี่ย ท้องลูกพี่แล้วเหรอ"

"บ้า พูดอะไรน่ะ" ผมรู้สึกเริ่มอยากต่อยไอ้พี่บ้านี่

"ก็อยากทำให้ท้องจริงๆ นี่นา" ผมเริ่มหน้าแดงขึ้นทันที เริ่มปากดีมากขึ้นทุกวันจริงๆ

"ทะลึ่ง วางสายดีกว่า" ผมพูดแบบแหย่ๆ และพี่เปอร์ก็ดูร้อนรนทันที

"พี่ขอโทษ พี่พูดเล่นอ่ะ ยกโทษให้นะ" พี่เปอร์พูดแบบอ้อนๆ และผมก็ไม่ได้จริงจังอะไรหรอก

"แล้วโทรมาจะพูดแค่นี้ใช่ไหม" ผมถามพี่เปอร์ที่เงียบไปสักพักหนึ่ง

"อ่อนึกออกละ พี่มีเรื่องจะบอก อาทิตย์หน้าไปทะเลกันนะ" ผมที่ได้ยินแบบนั้นก็หุบยิ้มทันที อาทิตย์หน้างั้นเหรอพวกพี่หมอกก็ไปด้วยใช่ไหม ผมคิดว่าสองคนนั้นจะไปด้วยกันแค่สองคนซะอีก

"เมื่อกี้ไอ้หมอกมันโทรหาพี่ พี่ก็เลย ลองชวนเราดู"

"พี่ดีกันแล้วเหรอ" ผมพูดถามพี่เปอร์ เพราะพี่หมอกกับพี่เปอร์นั้นดูระหองระแหงกันอยู่

"มันกับพี่ก็แบบนี้แหละ เคยต่อยกันมาหลายรอบแล้ว แต่ยังไงก็เพื่อนกันละนะ พี่ไม่เคยทะเลาะกับมันนานหรอก" พี่เปอร์พูดและหัวเราะน้อยๆ "ไปเถอะนะอิน ถ้าอินไม่ไปพี่ก็ไร้คู่สิ" พี่เปอร์ยังคงพูดอย่างออดอ้อนต่อไป

"ครับ ผมจะไป" ผมพูดและพี่เปอร์ก็ทำเสียงตื่นเต้นทันที

"รับปากพี่แล้วนะ ห้ามเปลี่ยนใจนะ" พี่เปอร์พูดเสียงดัง

"ผมจะโกหกทำไมอ่ะ" ผมพูดและยิ้มน้อยๆ อาทิตย์หน้างั้นเหรอ งั้นก็เหมาะเลยนะ มีสิ่งที่ผมอยากบอกพี่อยู่แล้ว และที่นั่น ก็น่าจะเหมาะที่สุด

"พี่คิดว่าอินจะปฏิเสธ นี่กำลังนั่งนึกว่าจะอ้อนยังไงดีให้อินไป ไม่คิดว่าจะยอมตกลงง่ายๆ ดีจังเลยน้า"

"เอ๊ะๆ หรือจะไม่ไปดีน้า" ผมพูด และหัวเราะน้อยๆ อย่างกวนๆ

"ไม่เอาสิอิน อย่าแกล้งพี่สิ" พี่เปอร์พูดและทำเสียงงอแง ทำเอาผมเผลอหลุดหัวเราะออกมาอีก

"งั้นพรุ่งนี้เจอกันนะครับ ฝันดีนะ" ผมพูดและคิดว่าผมควรจะวางสายแล้ว ผมเริ่มหิวข้าวแล้ว

"วันนี้น่ารักจัง แล้วเจอกันครับที่รัก"

"ใครที่รักพี่ เดี๋ยวเถอะ ไปละ" ผมหัวเราะและกดวางสายทันที พูดดีด้วยทำได้ใจเดี๋ยวเถอะ

"มีความสุขจังเลยนะ"

เสียงที่ดังขึ้นด้านหลัง ทำให้โทรศัพท์ของผมแทบจะกระเด็นหลุดจากมือด้วยความตกใจ ผมรีบหันกลับไป และก็พบว่าพี่หมอกกำลังยืนอยู่ด้วยสีหน้าไม่พอใจนัก

มาตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ ได้ยินอะไรไปมากแค่ไหน แล้วหมี่ล่ะ ผมคิดและมองไปรอบๆ ตัวอย่างหวาดวิตก ผมว่าผมควรจะเลี่ยงไปทางอื่นดีกว่า พี่หมอกคงจะอารมณ์ไม่ดี และผมก็ไม่อยากให้ใครเจอพวกเรา

"ยังเจ็บอยู่หรือเปล่า" คำพูดของพี่หมอกนั้น ทำให้ผมหยุดเท้าลงทันที

ผมหันกลับไปหาพี่หมอกที่ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น ผมหูฝาดไปหรือเปล่านะ พี่หมอกกำลังเป็นห่วงผมงั้นเหรอ

"เจ็บ" ผมพูดและหลบสายตาพี่หมอก แต่ผมว่าผมไปดีกว่า เอาจริงๆ ผมไม่ควรยุ่งวุ่นวายกับพี่หมอกอีกแล้ว แต่ผมก็อดดีใจไม่ได้ที่พี่หมอกมาคุยกับผม และเหมือนกำลังเป็นห่วงผม ทั้งๆ ที่พี่หมอกทำกับผมขนาดนั้น ทำไมหัวใจผมมันไม่รักดีเลยนะ

"สำออย เรียกร้องความสนใจ" แต่ถ้อยคำที่ผมได้ยินต่อจากนั้น มันก็ทำให้ความฝันเฟื่องของผมพังทลายลง พี่หมอก ยังไงก็ยังคงเป็นพี่หมอก ผมเพ้ออะไรของผมกันนะ เป็นห่วงเหรอ กับคนแบบนี้เนี่ยนะ "เจ็บแต่ก็คุ้มใช่ไหม เซอร์วิสจัดให้เป็นพิเศษสำหรับแฟนคลับเลยนะ"

พี่หมอกยกยิ้มมุมปากน้อยๆ อย่างพอใจ ขณะที่ก้าวเดินเข้ามาหาผม คำพูดพวกนั้นทำเอาผมมือสั่นด้วยความโกรธ แต่ผมจะทำอะไรได้ มีแต่ทำให้ตัวเองเจ็บเปล่าๆ

"เชิญพี่หลงตัวเองไปแล้วกัน" ผมพูดเบาๆ เหมือนพูดกับตัวเอง และตัดสินใจเดินเลี่ยงไปอีกทาง ผมขี้เกียจต้อร้อต่อเถียงกับคนแบบนี้ ทำไปก็ไม่ชนะหรอก

หมับ!

แต่ผมที่กำลังเดินไปนั้น แขนข้างหนึ่งของผมก็ถูกจับและดึงกลับ ผมเซถลาและล้มลงกับผืนหญ้าทันทีอย่างไม่ทันตั้งตัว ผมนิ่วหน้าด้วยความเจ็บตอนนั่งกระแทกกับพื้น จนน้ำตาแทบไหลออกมา

ผมเงยหน้ามองพี่หมอก จะทำให้ผมเจ็บอีกแค่ไหนกัน แค่นี้ยังไม่พอใช่ไหม ยังต้องการอะไรจากผมอีกกันแน่ ในแววตาของผมที่มองพี่หมอกนั้นเต็มไปด้วยความเสียใจและโกรธเคือง แต่พี่หมอกก็ยังคงทำแค่สีหน้าเรียบเฉย เหมือนกับไม่แคร์อะไรใดๆ ถ้าอย่างนั้นก็ปล่อยผมไปสักทีได้ไหม ผมเหนื่อยแล้วจริงๆ

ผมถอนหายใจเงียบๆ และพยายามจะลุกขึ้นจากพื้น เอวและหลังของผมมันเจ็บมาก ทำให้ลุกขึ้นได้ยากลำบากเหลือเกิน และไม่ต้องหวังว่าคนข้างๆ จะช่วย เพราะมันไม่มีทางเป็นไปได้ แต่ผมที่กำลังจะลุกขึ้นนั้นก็ต้องชะงักทันทีที่พี่หมอกยื่นมือมาให้ ผมขมวดคิ้วและจ้องมองพี่หมอก สำนึกเป็นด้วยเหรอ นึกว่าพี่จะเป็นพวกใจดำจนหยดสุดท้ายซะอีก

แต่ผมที่คิดแบบนั้นก็รู้สึกว่ามันจะถูกต้อง ผมมองมือพี่หมอกที่ยื่นออกมา แต่ไม่ได้เพื่อพยุงตัวผม พี่หมอกวางมือลงบนไหล่ของผม และกดไม่ให้ผมลุกขึ้น

"ทำอะไร ปล่อยผมนะ" ผมพูดและพยายามจะลุกขึ้นแต่ก็ลุกไม่ได้ พี่หมอกยังคงกดผมให้คุกเข่าลงกับพื้น และค่อยๆ เดินเข้ามาชิดตัวผม

ผมเริ่มตกใจและพยายามดันมือพี่หมอกออกไป นี่มันบ้านหมี่นะ และก็อยู่ไม่ไกลจากบ้านของผมกับแม่ด้วย พี่กำลังทำอะไร นี่มันบ้าชัดๆ

"อย่านะ" ผมพูด และหันหน้าหนีพี่หมอกที่กำลังบีบคางผมแรงๆ ให้หันกลับมา

"ปากไม่ได้เจ็บไม่ใช่เหรอ ถ้างั้นก็ใช้ได้" พี่หมอกใช้มือข้างที่ว่างปลดเข็มขัด และกระดุมของกางเกงตัวเอง

ผมเริ่มสั่นกลัว และมองไปรอบๆ อย่างหวาดระแวง ถึงตรงนี้จะค่อนข้างมืด แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีใครเดินผ่านได้ แล้วหมี่ไปไหนกัน ทำไมพี่หมอกถึงออกมาเดินคนเดียวได้ ผมอยากหนีไป แต่ผมคงสู้พี่หมอกไม่ไหว แล้วถ้าแม่มาเห็นล่ะ ผมตายแน่ๆ

"พี่เป็นบ้าไปแล้วหรือไง ผมตายแน่ถ้าใครมาเห็น" ผมส่งเสียงที่บอกว่าทั้งโกรธและกลัว แต่พี่หมอกก็แค่หันมองไปรอบๆ และหันกลับมามองผมตามเดิม

"ถ้าอย่างนั้น ก็รีบเข้าสิ" พี่หมอกพูด และล้วงมือเข้าไปในกางเกงยีนของตัวเองพลางงัดเอาสิ่งที่กำลังแข็งตึงออกมา

ผมหลับตาแน่น ภาวนาขอให้แม่ยังคงทำงานอยู่ และไม่ได้เดินผ่านมาทางนี้ ขอให้หมี่ยังคงอยู่บนบ้าน ขอให้อย่ามีใครเห็นเลย

"เร็วๆ อยากให้คนอื่นรู้ว่าโรคจิตหรือไง" พี่หมอกพูด และจับหลังคอของผมให้ใบหน้าของผมชิดเข้าหาตัวเองมากขึ้นอีกนิด

ผมรู้สึกถึงความอุ่น และความเปียกชื้นที่ข้างแก้ม ผมยังคงไม่กล้าลืมตา ผมค่อยๆ คลำมือสัมผัสท่อนกายนั้น ค่อยๆ เลียเบาๆ อย่างไม่ประสา ผมนั้นทำไม่เป็น และไม่เคยทำอะไรแบบนี้มาก่อน

"พี่นั่นแหละโรคจิต" ผมกัดฟันพูด และก็ได้ยินพี่หมอกหัวเราะเบาๆ ออกมา

"ผัวเมียคู่ไหนเขาก็ทำ" ผมเผลอลืมตาตอนที่พี่หมอกพูดแบบนั้น และก็ต้องหลับตาปี๋ลงตามเดิม พี่หมอกเริ่มดันด้านหลังคอของผม ให้ปากจรดเข้ากับส่วนปลายของท่อนกายนั้น

ผมค่อยๆ อ้าปากขึ้น และพยายามครอบครองส่วนที่แข็งขืนนั้นเข้าไปอย่างยากลำบาก สิ่งที่อยู่ตรงหน้าไม่ใช่ขนาดที่จะเอาเข้าปากได้หมด ทำให้สภาพของผมในตอนนี้นั้นคงดูไม่ได้ ผมอายจนหน้าแดงจัด จะไม่ทำก็ไม่ได้ จะทำก็ทำไม่ถูก

"โคตรห่วย" พี่หมอกพูดและเริ่มใช้มือประคองให้ผมขยับตามที่ต้องการ

ผมเริ่มฝืนตัวไว้ ไม่ให้ส่วนแข็งขืนนั้นเข้ามาลึกในลำคอมากขึ้น พลางเลื่อนปากครอบครองไปตามความยาวอย่างค่อยเป็นค่อยไป ผมดูดเม้มและเร่งจังหวะ ทำให้คนด้านบนเริ่มรู้สึกพอใจ

พี่หมอกยังคงบดเบียดท่อนกายเข้ามาในลำคออุ่น พลางลูบไล้ไปตามริ้วไรผมที่เปียกชื้นของผมอย่างลืมตัว ผมกลั้นหายใจอดทนและรับรู้ว่าคงอีกไม่นานแล้ว เพราะพี่หมอกเริ่มเร่งมากขึ้น และปากของผมมันก็เริ่มที่จะรับไม่ไหวอีกแล้ว

หลังจากผ่านไปสักพัก ในที่สุดลำคอของผมก็รู้สึกถึงความร้อนที่ไหลรินออกมา ผมแทบสำลักและหอบหายใจอย่างยากลำบาก พี่หมอกยังคงกดหลังคอของผม ทำให้ผมกลืนน้ำรักเข้าไป และปลดปล่อยส่วนหนึ่งออกมา เปรอะเลอะใบหน้าของผม

แค่กๆๆๆ

ผมก้มลงกับพื้นและไอสำลักน้ำตาไหล ใบหน้าของผมในตอนนี้มันแดงไปหมด และเปรอะเปื้อนจนดูไม่ได้ พี่หมอกดึงผมให้เงยหน้าขึ้นพลางหัวเราะในลำคออย่างพึงพอใจ

"หน้าตาดูไม่ได้เลย" ผมหน้ามุ่ยด้วยความโกรธ พี่หมอกใช้มือลูบแก้มที่เลอะเทอะของผม แต่ผมก็ปัดมือนั้นออก พี่เป็นบ้าหรือไง ถึงทำอะไรแบบนี้ ในที่แบบนี้

"พี่หมอกคะ ไปไหนนะ" แต่ผมที่ยังคงนั่งหน้ามุ่ยนั้นก็สะดุ้งทันที ผมได้ยินเสียงหมี่ที่ใกล้เข้ามาและกำลังเรียกหาพี่หมอกอยู่ ผมรีบเช็ดหน้าด้วยเสื้อ ใช้ตัวพี่หมอกเพื่อดึงตัวเองขึ้นมา ไม่ลืมส่งสายตาอาฆาตให้พี่หมอก และรีบเดินหนีไปให้ไกลจากตรงนั้น

"พี่หมอกกก หมี่ก็หาตั้งนาน มาทำอะไรตรงนี้คะ" ผมแอบนั่งลงใกล้ๆ พุ่มไม้ และมองหมี่ที่แต่งตัวสวย เดินมาเกาะแขนพี่หมอกที่กำลังยืนนิ่งอยู่

"เดินเล่น แล้วก็ จะกลับแล้ว" ผมแอบมองพี่หมอกที่ดึงแขนตัวเองออกจากหมี่เบาๆ

"อ้าว ไหนบอกจะพาหมี่ไปเที่ยวแล้วให้หมี่อาบน้ำไงคะ" ผมมองหมี่ที่ดูอารมณ์เสีย และเขย่าตัวพี่หมอกไปมาอย่างไม่เข้าใจ

"พี่ลืมไปว่าพรุ่งนี้มีงานเช้า ไว้วันหลังนะ" พี่หมอกพูด และเดินดิ่งกลับไปที่หน้าบ้าน ผมมองหมี่ที่ไม่ได้เดินตามไป แต่กำลังจ้องมองพี่หมอกด้วยความโกรธเคือง

"ไอ้คนบ้านี่ ไปกับคนอื่นก็ได้" หมี่พูดกับตัวเอง และเดินปึงปังออกไปจากสวน

ผมถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย และเดินไปหาสายยางเพื่อล้างหน้าในสวน ผมยังคงหัวใจเต้นรัว เรื่องเมื่อกี้มันบ้ามากและเสี่ยงมากจริงๆ ผมเกลียดที่พี่หมอกเห็นมันเป็นเรื่องสนุก เห็นผมเป็นของเล่น ไม่นึกถึงจิตใจของผม

พี่คงเห็นผมเป็นเหมือนผู้หญิงคนอื่นๆ ของพี่ แต่ก็คงพิเศษกว่าคนอื่นๆ ตรงที่พี่จะทำให้ผมเจ็บปวดมากแค่ไหนก็ได้ ทั้งร่างกายและหัวใจ
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#15 คนที่รักกับคนที่เลือก(28/8/61)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 28-08-2018 18:55:54
โอ๊ยย อีหมอกโรคจิต จริงๆ
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#15 คนที่รักกับคนที่เลือก(28/8/61)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 28-08-2018 19:05:25
 :pig4: :pig4: :pig4:

อิหมอก  อิไบโพลาร์
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#15 คนที่รักกับคนที่เลือก(28/8/61)
เริ่มหัวข้อโดย: naruxiah ที่ 28-08-2018 20:51:49
รักรึหลงอ่ะ​ เสียงมากเลยทำกลางแจ้งในบ้านแบบนี้​ หมอกชอบอินใช่มั้ยทำตัวแบบนี้อ่ะ
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#15 คนที่รักกับคนที่เลือก(28/8/61)
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 28-08-2018 21:19:40
 :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#15 คนที่รักกับคนที่เลือก(28/8/61)
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 28-08-2018 23:45:00
เหนื่อยใจจัง
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#15 คนที่รักกับคนที่เลือก(28/8/61)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 29-08-2018 02:49:26
 :fcuk: นังหมอก นังเด็กมีปัญหา  :m16:
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#15 คนที่รักกับคนที่เลือก(28/8/61)
เริ่มหัวข้อโดย: P_Methayot ที่ 03-09-2018 08:17:32
 :pig4:
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#15 คนที่รักกับคนที่เลือก(28/8/61)
เริ่มหัวข้อโดย: ป่ามป๊ามป่ามปาม ที่ 03-09-2018 10:59:05
เราว่าหมอกเป็นซาดิสม์รึเปล่า สังเกตหลายทีแล้วชอบทำอะไรที่ทำร้ายจิตใจอิน แล้วกับหมี่ก็คงแค่แสดงต่อหน้าอิน ไว้หาเรื่องมาที่บ้านเพื่อเจออินด้วยรึปะ  :katai1:
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#15 คนที่รักกับคนที่เลือก(28/8/61)
เริ่มหัวข้อโดย: Gloomy Sunday ที่ 20-09-2018 12:02:52
เพ้อ บทที่ 16 ตุ๊กตาหมาป่าที่หายไป


ในเช้าวันถัดมา ผมตื่นแต่เช้าและทำงานบ้านช่วยแม่เหมือนเช่นทุกวัน ผมยืนเหม่อลอยขณะที่รดน้ำต้นไม้ในสวน วันนี้นั้นอาจารย์งดสอน ทำให้ผมมีเวลาว่าง แต่ผมก็คิดว่าผมควรจะไปที่ชมรมในช่วงบ่ายสักหน่อย ตอนนี้พวกเรากำลังจะจัดงานแสดงอีกแล้ว และกำลังเริ่มวางแผนกัน แต่ถึงหัวใจของผมจะกำลังคิดเรื่องนั้น เรื่องของพี่หมอกก็คอยแต่จะแทรกขึ้นมา

ผมปิดน้ำ และนั่งลงที่ม้านั่งตัวยาวในสวน ล้วงหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋าขึ้นมาด้วยความเคยชิน ผมมองบนหน้าจอนั้น เลื่อนมือไปมาด้วยหัวใจที่ว่างเปล่า ทำไมถึงยังเฝ้ามองเขาอยู่ ทั้งๆ ที่เขาทำให้ต้องเสียใจขนาดนี้

ถูกใจ 35,553 คน

Mok77 ไม่ใช่คนที่สมควรถูกรัก...

ผมมองดูอัปเดตของพี่หมอก รูปถ่ายที่มองเห็นแค่เพียงแผ่นหลังของพี่หมอก ข้อความที่พี่หมอกโพสลงไป พี่หมายความว่ายังไงกัน พี่หมายถึงตัวพี่ หรือว่าใครกัน แต่ว่า ทำไมผมจะต้องไปสนใจด้วย

ผมปิดหน้าจอลง พร้อมๆ กับลุกขึ้นยืนเดินกลับเข้าห้องไป ผมรู้สึกอ่อนล้า และยังคงเหมือนกับเมื่อยตัวนิดๆ ผมไม่อยากนึกถึงค่ำคืนนั้น ค่ำคืนที่พวกเรามีความสัมพันธ์กัน ทำไมพี่ถึงตัดสินใจทำแบบนั้นกันนะ ผมสงสัยจริงๆ

"อินลูก วันนี้ไม่ไปไหนเหรอ" แม่ที่ทำงานบ้านนั้นก็เดินเข้ามา และนั่งลงที่ข้างเตียง ผมส่ายหน้าน้อยๆ อุตส่าห์ได้มีโอกาสอยู่บ้านทั้งที ผมอยากจะช่วยงานแม่มากกว่าไปเที่ยวเล่น

"วันนี้ไม่อยากไปไหนเลย" ผมพูดอ้อนแม่นอนหนุนตักอุ่น ถึงผมจะยิ้มให้แม่ แต่ในหัวใจนั้นกลับรู้สึกผิดอยู่เสมอ ทำไมผมถึงเป็นแบบนี้นะ ทำไมถึงไม่เป็นลูกผู้ชายอย่างที่แม่หวังไว้

"ผมขอโทษนะครับ" ผมพูดเบาๆ และหลบสายตาแม่ที่กำลังมองมา

"พูดอะไรน่ะลูก ไหน ไม่สบายตรงไหน ให้แม่ดูซิ" แม่ไม่พูดเปล่าแต่กำลังจี้เอวของผมจนผมหัวเราะและลุกขึ้นนั่ง

"โธ่ แม่ ไม่เล่นแล้ว" ผมพูดและจับมือแม่ไว้

"เห็นยิ้มได้แม่ก็ค่อยสบายใจหน่อย"

"ผมไม่เป็นไรสักหน่อย" ผมยิ้มและกอดแม่เอาไว้

"งั้นก็ไปทำอะไรที่เราอยากทำเถอะ อย่ามานอนกลิ้งไปกลิ้งมาเลย" แม่พูดและดึงแก้มผมเบาๆ

"ไม่อยากไปไหนจริงๆ นะ" ผมยังคงทำท่าดื้อต่อไป

"งั้นก็ไปซื้อของเข้าบ้านให้แม่ โอเคไหม" ผมที่ได้ยินแบบนั้นก็พยักหน้าทันที ซื้อของงั้นเหรอ มีแต่ของหนักๆ ทั้งนั้น ผมไปนี่แหละดีแล้ว

"งั้น เดี๋ยวอินกลับมากินข้าวเที่ยงนะ"

"ไม่ต้องรีบ ขากลับก็ขึ้นแท็กซี่นะลูก จะได้ไม่หนัก"

"ครับ"

หลังจากคุยกับแม่ และจดรายการข้าวของเรียบร้อย ผมเดินออกจากบ้านด้วยชุดลำลองที่สบายๆ สะพายกระเป๋าไว้ที่ไหล่ ผมเดินออกไปหน้าซอย และโบกรถเมล์ที่แล่นผ่านมา

ใช้เวลาไม่นานนัก ผมก็มาถึงห้างสรรพสินค้าที่เป็นแหล่งรวมข้าวของเครื่องใช้ ทุกอย่างก็หาซื้อได้ง่ายๆ ในนี้ ซึ่งผมว่ามันดีกว่าตลาดสดตรงที่มีใบเสร็จยืนยันทุกสิ่งที่ซื้อ ทั้งตรวจสอบง่าย และสะดวกรวดเร็วดี

" กรี๊ดดดดด!! "

แต่ทันทีที่ผมเดินผ่านลานจัดงานที่กลางห้างนั้น ผมก็ได้ยินแต่เสียงกรีดร้องของพวกผู้หญิงที่ทั้งดันทั้งผลักกันเพื่อจะได้มองเห็นเวทีตรงหน้า ผมขมวดคิ้วน้อยๆ และเดินถอยห่างออกมาจากตรงนั้น งานอะไรกันนะ คนเยอะมาก มากจนทางเดินที่ผมจะไปถูกปิดจนคนล้นออกมา

"พี่หมอก กับพี่เจมส์แม่งน่ารัก มึงดูเขาจับมือกันด้วย"

ผมมองผู้หญิงคนหนึ่งที่หันมาพูดกับเพื่อนด้วยความตื่นเต้น พี่หมอกงั้นเหรอ...

ผมมองหาป้ายโฆษณาที่อยู่บนเสาข้างๆ และก็ชัดเจน นี่ผมพาตัวเองมาที่นี่ มาหาคนที่ผมไม่อยากเห็นหน้าอีกจนได้ ให้ตายเถอะ

แต่ถึงผมจะคิดแบบนั้น แต่ขาของผมก็เหมือนกับก้าวเดินไปเองโดยอัตโนมัติ ผมเบียดเสียดผู้คนที่กำลังส่งเสียงกรี๊ด ผมลืมไปได้ยังไงกันนะ ว่าวันนี้มีงานที่พี่หมอกกับทีมนักแสดงทุกคนมาร่วมงานด้วย

ผมเดินเบียดแทรกผู้คนมาจนถึงด้านหน้าด้วยความลำบากเล็กน้อย ผมมองไปที่ด้านบนเวทีที่พี่หมอก และทีมนักแสดงกำลังนั่งอยู่ ใบหน้าของพี่หมอกตอนนี้กำลังส่งยิ้ม และตอบคำถามของพิธีกรที่ยื่นไมค์เข้ามา

"ขอบคุณที่ทุกคนสนับสนุน และมาเป็นกำลังใจให้..." ผมมองพี่หมอกที่วันนี้ใส่เสื้อเชิ๊ตสีน้ำเงินตัดกับผิวขาวๆ ใบหน้าที่ดูดีแม้ไม่ต้องแต่งเติมใดๆ และสิ่งที่ทำให้ผมยังคงไม่อาจละสายตาจากพี่ไปได้ นั่นก็คือรอยยิ้มของพี่ แต่รอยยิ้มที่พี่ยิ้มออกมานั้น เป็นรอยยิ้มจอมปลอมของพี่สินะ

"แหม ที่ดีใจนี่เพราะมาเจอคนข้างๆ หรือเปล่าคะ" ผมมองพิธีกรที่พูดแซวพยายามชงพี่หมอกกับคนที่แสดงเป็นนายเอก และทั้งคู่ก็หันหน้าสบตากัน ยิ้มให้กัน ทำเอาบรรดาสาวๆ กรี๊ดจนคอแทบพัง พี่ทำแบบนี้ได้ด้วยเหรอ เมื่อก่อนพี่หมอกแทบจะไม่ยิ้มเลยที่ถูกจับคู่กับคนอื่น และชอบทำเหมือนไม่อยากอยู่ใกล้คู่จิ้นตัวเอง

ผมนั้นไม่รู้ตัวเลยว่าใบหน้าของผมในตอนนี้กำลังเป็นแบบไหน ผมจ้องมองใบหน้าของพี่หมอกที่กำลังยิ้ม ใบหน้าของผมมันกำลังยิ้ม ผมยิ้มตามรอยยิ้มของพี่ ดีจังเลยนะ ถ้าพี่กำลังมีความสุขจริงๆ

"พี่หมอกแม่งหล่อโคตรอ่ะ กูจะตายแล้ว"

"มึงๆ ลองเขียนเบอร์ให้พี่เขาดิตอนให้ของ เพื่อนกูเคยลอง ได้กินพี่เขาด้วยนะเว้ย" ผมที่กำลังเผลอยิ้มนั้นก็หุบยิ้มลงทันที ผมมองพวกผู้หญิงที่จ้องมองพี่หมอก ก็แน่ล่ะ พี่หมอกน่ะ คงจะชอบและเลือกผู้หญิงไปนอนด้วยบ่อยๆ จากพวกแบบนี้ คนนิสัยเสียนั่น ผมไม่ยุ่งด้วยดีกว่า

ผมเริ่มรู้สึกว่าผมควรจะออกไปจากตรงนี้ได้แล้ว ผมพยายามหันหลังแทรกตัวกลับ แต่ก็ลำบากเหลือเกิน ผมรู้สึกเหมือนตัวผมกำลังถูกดันไปข้างหน้าแทน เพราะในตอนนี้เหล่าบรรดานักแสดงกำลังลุกขึ้น และลงมาจากเวทีเพื่อถ่ายรูปร่วมกับแฟนคลับ

ผมละความพยายามที่จะหนีออกและไหลไปตามฝูงชนที่แย่งกันไปอยู่ด้านหน้าพระเอกคนดัง ผมย่อตัวน้อยๆ มองพี่หมอกที่เดินลงมาและยื่นมือมาให้แฟนคลับได้แตะต้อง ใบหน้าของพี่หมอกมีเหงื่อซึมเหมือนกำลังร้อนและเหนื่อย แต่รอยยิ้มก็ยังคงไม่จางหายไป

"พี่หมอกกคะ ทำมินิฮาร์ทให้หน่อยค่ะ" ผมมองพี่หมอกที่กระตุกยิ้ม และทำมือตามที่แฟนคลับต้องการ ผมจ้องมองพี่หมอก ถึงตัวพี่นั้นจะเพอร์เฟคแค่ไหน แต่ก็นั่นแหละ ผมรู้ดีถึงความโหดร้ายของพี่ ใบหน้าเกรี้ยวกราดที่อยู่ภายใต้รอยยิ้ม คำพูดที่พี่คอยพูดบอกผม ล้วนมีแต่คำดูถูกเหยียดหยาม ทำไมกันนะ ทำไมถึงเป็นผมที่พี่เผยสิ่งเหล่านั้นออกมา

แต่ผมที่ยืนมองพี่หมอกอยู่นิ่งๆ นั้น สายตาของพวกเราก็บังเอิญประสานกัน ผมรีบหลุบตาต่ำเสมองไปทางอื่นเหมือนกำลังทำเป็นไม่สนใจ โดยไม่รู้เลยว่า รอยยิ้มที่พี่หมอกมองผมนั้น เป็นรอยยิ้มที่แปลกออกไป

"ขอบคุณที่มานะครับ ขอบคุณมากครับ" ผมค่อยๆ หันหน้าไปมองพี่หมอกอีกครั้ง พี่หมอกในตอนนี้ยังคงเดินวนเวียนอยู่ด้านหน้าบรรดาแฟนคลับ สายตาของพี่ไม่ได้จ้องมองผม แต่กำลังยื่นมือรับของที่ผู้คนยื่นมาให้ ผมคิดไปเองสินะว่าเมื่อกี้พี่มองผม คิดไปเองจริงๆ

หลังจากงานนั้นสิ้นสุดลง ผมทำหน้าที่ของผมโดยการเดินซื้อของที่ต้องซื้อให้เสร็จ และนั่งแท็กซี่กลับมาบ้าน ผมช่วยแม่จัดเรียงข้าวของเช็คทุกสิ่งที่ผมซื้อกลับเข้ามา

ตอนนี้นาฬิกาบอกว่าเกือบจะบ่ายสามโมงแล้ว ผมจัดการกินข้าว และแต่งตัวอีกครั้งเพื่อไปที่มหา'ลัย ไปประชุมชมรม

Rrrr Rrrr

"ครับพี่หนึ่ง" ผมกดรับโทรศัพท์ด้วยความรวดเร็วขณะที่นั่งรถเมล์ออกมา ผมว่าผมไม่ได้ไปช้านะ แต่พี่หนึ่งหัวหน้าชมรมก็โทรตามผมจนได้

"อิน อย่าลืมกุญตู้เสื้อผ้านะ พี่จะเช็คชุดหน่อย" พี่หนึ่งพูดบอกเตือนผมที่เป็นคนถือกุญแจของตู้นั้น

"ครับพี่ ผมกำลังไป"

ผมกดวางสาย และเปิดกระเป๋าดูกุญแจพวงที่พี่หนึ่งเตือนผม ผมนั้นเก็บมันเอาไว้เสมอในกระเป๋าไม่เคยหายไปไหน มันเป็นพวงกุญแจสำคัญที่มีกุญแจหลายๆ อย่างผูกเอาไว้

แต่ผมที่ล้วงมือเข้าไปนั้นก็ต้องใจหายทันที เดี๋ยวนะ เดี๋ยวก่อน อะไร อยู่ไหนกัน ผมเริ่มควานมือไปทั่วกระเป๋า และเททุกอย่างออกมาบนตัก แย่แล้วแบบนี้แย่แน่ๆ มันหายไปจริงๆ หายไปไหน

ผมเริ่มคิดเรียบเรียงทุกอย่างในหัว อาจจะตกอยู่ที่บ้านหรือเปล่านะ ผมที่คิดแบบนั้นก็โทรออกหาแม่ทันที และเมื่อคุยกันสักพักแม่ก็บอกว่าภายในห้องนั้นไม่มีอะไรที่หน้าตาเหมือนพวงกุญแจเลย

ผมกลับมาคิดใหม่และคิดย้อนไปก่อนหน้าที่ผมจะกลับบ้าน ยังมีที่ไหนอีกที่ผมไปและวางกระเป๋าไว้ ที่ที่น่าจะเสี่ยงทำของตกได้ และเมื่อนึกไปนึกมานั้น ผมก็เริ่มที่จะคิดว่าอาจเป็นที่นั่น แย่แล้วสิ ผมไม่อยากไปเลย แต่ว่ายังไงก็ต้องไปเช็คดูหน่อย

ผมคิด และต้องขยี้หัวตัวเองด้วยความเหนื่อยใจ ผมรู้แล้วว่ามันน่าจะตกอยู่ที่ไหน และนั่นเป็นที่สุดท้ายที่ผมควรจะเหยียบเข้าไป

ผมกดกริ่งลงจากรถเมล์ทันที และโบกแท็กซี่แทนด้วยความร้อนรน ผมไม่อยากไปที่นั่นเลยสักนิด แต่ว่าสิ่งนี้ก็เป็นสิ่งสำคัญ ผมจะต้องไปเอาคืนมา ไม่จำเป็นต้องพูดคุยอะไร แค่มาหาของที่ทำตกไว้ ก็เท่านั้นเอง

ผมลงจากแท็กซี่ตรงหน้าคอนโดหรูแห่งหนึ่ง ผมใช้จังหวะตอนที่คนอื่นเปิดประตูเข้าไป และเดินเนียนตามเข้าไปด้วย ผมนั้นจำชั้นของพี่หมอกได้ และขึ้นลิฟต์ เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าประตูบานเก่า ห้องที่ผมเคยมา

ผมยืนชั่งใจอยู่สักพัก และตัดสินใจยื่นมือไปกดกริ่งสีดำที่ข้างประตูนั้น แต่ขณะที่มือของผมกำลังจะกดกริ่ง ประตูที่ปิดสนิทอยู่ๆ ก็เปิดออกมา

"อุ๊ย ขอโทษค่ะ" ผมชะงัก และจ้องมองผู้หญิงคนหนึ่งที่โผล่ออกมา และชนเข้ากับผม เธอทำท่าร้อนรนรีบเดินออกไป

ผมกำมือแน่น และเงยหน้าจ้องมองเพดานตรงทางเดินด้วยหัวใจที่เจ็บปวดอีกครั้ง นี่แหละพี่หมอก จำใส่หัวไว้อิน ว่าตัวเองนั้นก็ไม่ต่างจากผู้หญิงพวกนี้ ไม่ต่างเลยจริงๆ

ผมยืนนิ่งๆ โง่ๆ อยู่ตรงนั้นอีกสักพัก เก็บทุกอย่างในหัวใจเอาไว้ และเอื้อมมือไปเปิดประตูตรงหน้าออก ผมค่อยๆ เดินเข้าไปในห้องนั้น เดินไปตามทางเดิน ผมเดินไปข้างหน้าด้วยเท้าที่คิดว่าเบาที่สุด หวังแค่จะเข้าไปหากุญแจที่น่าจะร่วงอยู่แถวๆ โซฟาเท่านั้น และผมจะรีบกลับทันที กลับไปในที่ของผม ที่ที่ผมควรอยู่

แต่ผมที่ก้าวเท้าเข้ามาจนสุดทางเดินนั้น ก็พลันได้ยินเสียงเสียงหนึ่งแว่วเข้ามา ผมค่อยๆ ก้าวเท้าช้าลงมากขึ้นอีกนิด และแอบเหลือบมองไปตามเสียงที่ได้ยิน

ผมมองพี่หมอกที่นั่งอยู่ที่เก้าอี้ติดชิดริมกระจก ในอ้อมแขนของพี่หมอกนั้นกำลังกอดกีตาร์สีน้ำตาลตัวหนึ่งไว้ และกำลังขยับนิ้วเล่นมันเบาๆ สายตาจับจ้องมองไปบนท้องฟ้าด้านนอก

นี่เป็นภาพที่หายากมาก ผมจ้องมองใบหน้าด้านข้างของพี่หมอกที่กำลังเหม่อมองออกไปในที่ไกลแสนไกล พี่กำลังคิดอะไรอยู่กันนะ ทำไมพี่ถึงดูเหมือนกำลังเศร้า ทั้งๆ ที่เมื่อกี้ ก็ยังดูมีความสุขดี มีรอยยิ้ม มีทุกอย่างที่พี่น่าจะทำให้พี่สุขใจ

แต่ผมที่มัวแต่ฟังเสียงเพลงที่พี่หมอกกำลังเล่นนั้นก็ไม่ได้รู้ตัวเลยว่าเท้าของผมกำลังเดินออกไป ผมชะงัก และรีบเดินกลับถอยหลังทันที แต่ก็ไม่ทันซะแล้ว

"เมื่อกี้บอกว่าให้ออกไปไง!" พี่หมอกนั้นไม่ได้หันมามองผม แต่ก็ตะโกนไล่เสียงดังเหมือนไม่พอใจ

"ข.ขอโทษ ผมแค่มาเอาของ" ผมพูดละล่ำละลัก และรีบเดินเลี่ยงพี่หมอกไปที่โซฟา ผมก้มต่ำลงกับพื้นด้วยความรีบร้อน อยู่ไหนกันนะ ถ้าเจอแล้วผมจะได้รีบไป ไม่ต้องอยู่ให้พี่ไล่แบบนี้

"ทำอะไร" ผมที่ก้มลงคลานหาพวงกุญแจของผมนั้นก็ต้องชะงักทันที ผมมองเท้าของพี่หมอกที่เดินวนมาที่หลังโซฟา และหยุดยืนอยู่ด้านหลังผม เสียงของพี่หมอกดูเบาลงไม่เหมือนกับที่ตะโกนใส่ผมเมื่อกี้นี้

"พวงกุญแจผม" ผมพูดและหยุดคลานหา ผมเงยหน้ามองพี่หมอกที่ยืนกอดอกมองผมนิ่งๆ พี่จะด่าผมอีกสินะ ก็ไม่เป็นไรหรอก ผมชินแล้วล่ะ

"พวงที่ทำหล่นไว้ใช่ไหม" แต่สิ่งที่พี่หมอกพูดก็ผิดคาด ผมนึกว่าจะโดนดุ และไล่ให้ออกไปซะอีก

"พี่เจอมันเหรอ ขอคืนให้ผมนะ" ผมลุกขึ้นจากพื้น และมองพี่หมอกที่ยังคงยืนกอดอกนิ่งๆ ตามเดิม ผมไม่ค่อยกล้าสบตาพี่หมอกเท่าไหร่ ผมไม่อยากใจอ่อน ถึงยังไงผมก็ยังคงอ่อนแอเหลือเกิน

"มาเอาสิ" คำพูดของพี่หมอกนั้น ทำเอาผมขมวดคิ้วด้วยความไม่เข้าใจ ผมมองพี่หมอกที่ส่งสายตาต่ำลงมาที่กางเกงของตัวเอง เหมือนจะบอกว่ามันอยู่ที่ไหน แล้วทำไมพี่ถึงไม่เอาออกมาล่ะ ต้องการให้ผมทำอะไรอีก

"ยืนบื้ออยู่ได้ มาสิ" ผมสะดุ้งน้อยๆ ทันทีที่พี่หมอกพูดเสียงดังขึ้น แต่ว่า แล้วทำไมพี่ถึงไม่เป็นคนเอาออกมาเองล่ะ

ผมนั้นไม่อยากต่อล้อต่อเถียงกับพี่หมอก ผมค่อยๆ เดินเข้าไปหาพลางยื่นมือออกไป และแตะเบาๆ ที่กระเป๋ากางเกงของคนตรงหน้า ผมค่อยๆ เลื่อนมือเข้าไปในนั้น

ผมหลบสายตาพี่หมอกที่กำลังจ้องมองผม ทำไมมันอยู่ลึกนักนะ พวงกุญแจของผมมีตุ๊กตาหมาห้อยอยู่ด้วย จริงๆ ไม่น่าจะอยู่ในกางเกงแน่นๆ แบบนี้ได้ด้วยซ้ำ

"ล้วงดีๆ นะ" ผมมือกระตุกน้อยๆ และมองพี่หมอกที่ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ด้วยรอยยิ้มกวนๆ

และผมที่กำลังล้วงมือเข้าไปนั้นก็ต้องตกใจทันที เพราะพี่หมอกอยู่ดีๆ ก็ทิ้งตัวลงนั่งที่โซฟาด้านหลังพร้อมๆ กับดึงแขนผมให้ล้มลงไปด้วยกัน ผมล้มลงทับตัวพี่หมอก และเซถลาเข้าไปชิดจนหน้าพวกเราแทบจะชนกัน ผมลนลาน และมองหน้าพี่หมอกที่กำลังหัวเราะเบาๆ

"พูดมาเถอะน่า ที่มาหานี่เพราะอยากให้กอดใช่ไหม" ผมที่ได้ยินแบบนั้นก็ขืนตัวทันที และพยายามจะดันตัวลุกขึ้น

"ไม่ใช่"

"โกหก วันนี้ก็ไปหาไม่ใช่เหรอ" พี่หมอกยังคงดึงผมเอาไว้ไม่ให้ลุกขึ้น และกำลังมองผมแบบคนหลงตัวเอง

"ผมแค่มาหาพวงกุญแจจริงๆ" ผมพูดด้วยสีหน้าจริงจัง ทำให้พี่หมอกเริ่มหน้าตึงขึ้นเล็กน้อย "ผมไม่จำเป็นต้องมาหาพี่หรอก มีคนมาหาพี่อยู่แล้วเยอะแยะ อย่างผู้หญิงเมื่อกี้"

ผมพูดเหมือนพูดกับตัวเองและหลบสายตาพี่หมอก ผมพูดความจริง เมื่อกี้ผู้หญิงนั้นก็คงมาเสนอตัวให้แน่ๆ แต่ไม่ใช่ผมแน่นอน

"หึงหรือไง" ผมรีบส่ายหน้าปฏิเสธทันที ผมจะมีสิทธ์อะไรไปหึง ผมไม่ใช่เจ้าของพี่ซะหน่อย

"ปล่อยผมได้หรือยัง" พี่หมอกถอนหายใจพลางปล่อยผมให้ลุกขึ้น "ขอกุญแจของผมด้วยครับ" ผมแบมือขอของของ ผมคืน

พี่หมอกตอนนี้ไม่ได้ยิ้มแย้มเหมือนเก่าแต่กำลังหันหน้าหนีผมเหมือนกำลังสะกดตัวเองไว้ ทำไมพวกเราถึงคุยกันดีๆ ไม่ได้เลยนะ ทำไมพวกเราถึงเป็นแบบนี้อยู่เรื่อย

"เหอะ น่าโมโหชะมัด" พี่หมอกพูดเบาๆ เหมือนพูดกับตัวเองพลางลุกขึ้นล้วงมือเข้าไปในกระเป๋า และปาพวงกุญแจเล็กๆ ออกไป ผมมองตามพวงกุญแจนั้นและเดินตามไปเก็บมันขึ้นมา แต่ว่า...มันมีบางสิ่งหายไป

"ตุ๊กตาหมาป่าของผม..."

"ได้แล้วก็ออกไป" พี่หมอกพูดใส่ผม และเดินหนีไปนั่งไกลๆ ผมมองพวงกุญแจสีเงินในมือ ตุ๊กตาหมาป่าของผมที่ห้อยไว้ด้วยนั้นมันหายไปแล้ว ทำไมมันถึงหายไปนะ

ผมมองพี่หมอกที่ทำเป็นไม่สนใจผม หรือว่าผมจะทำมันหลุดหายไปก่อนที่จะทำตกไว้ที่นี่ เสียดายจัง ผมชอบมันมาก จะหาซื้อก็คงไม่ได้เหมือนเดิมอีกแล้ว

"ถ้าพี่เห็นตุ๊กตาของผม ก็เก็บไว้ให้ผมหน่อยนะครับ" ผมยังคงไม่ยอมแพ้ และค่อยๆ เดินไปหาพี่หมอกที่กำลังนั่งหัวเสียอยู่ หรือพี่หมอกจะแกล้งเอาไปทิ้งแล้ว อยากร้องไห้จริงๆ ผมถอนหายใจน้อยๆ และตัดสินใจเดินหันหลังออกไปที่ตรงทางเดิน แต่ก็ยังคงแอบเหลือบมองกลับมา มองพี่หมอกและกีตาร์ที่วางไว้อยู่ข้างกระจก

"คือ..." ผมหยุดเท้าลง ผมไม่รู้ว่าตัวเองทำแบบนี้ไปทำไม แต่ผมอยากบอกให้พี่หมอกรู้ไว้ พี่หมอกเอาแต่ทำหน้ามุ่ย และไม่ยอมมองผม ไม่รู้ว่าจะได้ยินผมไหม "เพลงเมื่อกี้ ผมชอบนะครับ เพลงที่พี่เล่น" ผมพูด และมองพี่หมอกเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะค่อยๆ เดินไปออกไป

 ผมนั้นยังคงโกรธพี่มาก และรู้สึกผิดหวังน้อยใจอยู่ในส่วนลึกเสมอ แต่ถึงเป็นแบบนั้น ผมก็ยังคงเผลอใจเต้นไปกับรอยยิ้ม ไปกับเสียงเพลงของพี่ ผมชอบสิ่งเหล่านั้นมากจริงๆ และมันทำให้ผมลืมพี่ไม่ได้สักที
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#16 ตุ๊กตาหมาป่าที่หายไป(20/9/61)
เริ่มหัวข้อโดย: ป่ามป๊ามป่ามปาม ที่ 20-09-2018 13:37:26
เย้ มาต่อแล้ววววววว   :katai2-1:
เหมือนหมอกคงกำลังสับสนอะ น่าจะสนใจอินแล้วก็ แล้วก็อยากให้อินสนใจแต่ตัวเองละสิ ดูทำตัวแต่ละอย่างใส่อิน น่ารักตายล่ะ ตุ๊กตาที่หายไปนี่ก็เก็บไว้เองใช่มั้ยล่ะ เหอะ :hao3:
อินใจแข็งไว้นะ ทุกอย่างกำลังจะดีขึ้น ตอนนี้หน่วงๆไปกับอิน
มาต่อเร็วๆนะคะ  รอเสมอ :pig4:
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#16 ตุ๊กตาหมาป่าที่หายไป(20/9/61)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 20-09-2018 22:38:26
 :pig4: :pig4: :pig4:

อิหมอก   อิคนแสดงความรู้สึกต่อคนที่ตัวเองชอบไม่เป็น

ทีกับคนที่ไม่ได้ชอบดันแสดงความรู้สึกเสแสร้งออกมาได้แนบเนียนเหลือหลาย
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#16 ตุ๊กตาหมาป่าที่หายไป(20/9/61)
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 20-09-2018 23:49:21
อิณเริ่มลำไยกับความสัมพันธ์แล้วนะ จะถอยหรือจะเจ็บ
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#16 ตุ๊กตาหมาป่าที่หายไป(20/9/61)
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 21-09-2018 02:19:40
 :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#16 ตุ๊กตาหมาป่าที่หายไป(20/9/61)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 21-09-2018 03:31:18
ใครเอาตุ๊กตาของอินไป เอามาคืนซะดี ๆ หมอกหรือเปล่าที่เอาไป  :katai1:
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#16 ตุ๊กตาหมาป่าที่หายไป(20/9/61)
เริ่มหัวข้อโดย: naruxiah ที่ 21-09-2018 15:17:49
หมอก​ อยากได้อะไรจากอินก็แสดงออกชัดๆไปเลยอยากให้อินสนใจก็พูดดีๆแสดงออกดีๆ​ เอาตุ๊กตา​หมาป่าอินไว้ดูต่างหน้าหรือไง
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#16 ตุ๊กตาหมาป่าที่หายไป(20/9/61)
เริ่มหัวข้อโดย: Gloomy Sunday ที่ 22-09-2018 12:58:06
เพ้อ บทที่ 17 พ่อหมาป่าหนุ่ม


สองสามวันมานี้ ผมได้แต่ทำตัวปกติ มาเรียน และซ้อมละครที่ชมรมเหมือนเช่นที่ผ่านมา ในเวลาแบบนี้ เวลาที่ในหัวของผมมีสิ่งที่ต้องทำ นี่แหละดีที่สุดแล้ว ผมจะได้ไม่ต้องคิดมาก ไม่ต้องคิดฟุ้งซ่านถึงคนที่ไม่สมควรจะคิดถึง ผมพยายามหลบเลี่ยงพี่หมอก รวมไปถึงพี่เปอร์ และเริ่มคิดว่า ผมไม่น่าไปรับปากเรื่องไปทะเลเลย

"พี่อิน" ผมที่นั่งอ่านบทละครเรื่องใหม่อยู่ที่ข้างเวทีนั้น ก็หันไปตามเสียงที่ถูกเรียกเบาๆ ผมยิ้มทันทีที่รู้ว่าใคร ช่วงนี้เราไม่ค่อยได้คุยกันเลย

"ยุ่งอยู่หรือเปล่า ขอคุยด้วยได้ไหม"

"มาสิ มานั่งนี่" ผมยิ้มให้มิว และเรียกให้มานั่งใกล้ๆ วันนี้มิวก็ยังคงน่ารักเหมือนเดิม แก้มใสๆ และ...

"มิว ที่แก้มนั่นรอยอะไรเหรอ" ผมที่เห็นมิวเดินเข้ามานั่งลงใกล้ๆ ก็พลันได้เห็นรอยแดงจางๆ บนแก้มใสนั้น

"ไม่มีอะไรหรอกครับ ได้ข่าวว่าพี่จะไปทะเลเหรอ ผมไปด้วยได้ไหม" ผมเลิกคิ้วขึ้นน้อยๆ มิวรู้ได้ยังไงนะ

"ดีเลย ไปด้วยกันนะ" ผมรู้สึกสงสัยในใจเล็กๆ แต่ก็เลือกที่จะมองข้ามมันไป แบบนี้สิดี ถ้ามีเพื่อนไปแบบนี้ ผมจะได้ไม่รู้สึกเกร็งเวลาที่ต้องอยู่กับคนพวกนั้น

"อิน พี่ก็ตามหาแทบ..." แต่ผมที่กำลังจับมือมิวเขย่าเบาๆ คนที่ผมคอยหลบเลี่ยงก็โผล่หน้าเข้ามาทันที จริงๆ ที่ผมหลบพี่เปอร์นั้นไม่ใช่อะไรหรอกนะ แต่เป็นเพราะช่วงนี้พี่หมอกกับพี่เปอร์ตัวติดกันอีกแล้ว ทำให้ผมไม่อยากเข้าไปหา กลัวโดนลากไปประจันหน้ากับพี่หมอกน่ะสิ ก็เลยเป็นแบบนี้ไง "หลบหน้าพี่ทำไม"

ผมมองพี่เปอร์ที่ดูหุบยิ้มลง และเดินเข้ามาหาผม เมื่อกี้ยังหน้าบานอยู่เลย เป็นอะไรของเขาอีก

"ผมเปล่านะ ผมแค่ยุ่งๆ ช่วงนี้" ผมชูบทละครในมือให้ดู

"งั้นผมไปก่อนนะ แล้วเดี๋ยวใกล้ถึงวัน ผมจะโทรหา" ผมมองมิวที่ลุกขึ้นอย่างรีบร้อน อะไรกันเพิ่งมาเมื่อกี้นี้เอง

"รีบไปไหนล่ะ อยู่กับพี่ก่อนก็ได้นี่"

"มิวนัดเพื่อนไว้ แล้วเจอกันนะพี่อิน" ผมมองมิวที่ยิ้มให้ผม และรีบเดินเลี่ยงออกไปทันที

"คุย อะไรกันเหรอ" ผมขมวดคิ้วมองพี่เปอร์ที่ค่อยๆ เดินเข้ามาหาผม และนั่งลงข้างๆ

"ผมกับมิวเหรอ"

"ใช่ สนิทกันเหรอ" พี่เปอร์ถามผม และยิ้มเหมือนปกติ

"ก็ไม่รู้นะ แต่ผมชอบ" ผมพูดและทำเป็นสนใจบทในมือต่อ

"อินน่ะ ไม่เหมาะจะรุกหรอก" ผมที่ได้ยินแบบนั้นก็หันขวับไปมองพี่เปอร์ทันที ไอ้บ้านี่ พูดอะไรเนี่ย "ปฏิกิริยาแบบนี้แหละ ที่พี่ชอบ"

"พูดมากน่ะ" ผมเริ่มแก้มเป็นสีชมพูจางๆ เบื่อจะฟังคนปากดีคนนี้ชะมัด แล้วถ้าผมจะรุก ก็ไม่เกี่ยวกับพี่สักหน่อย

"ช่วงนี้ไม่ค่อยเจออินเลย คิดถึงจัง พี่มองหาอินทั้งวันเลยนะ" พี่เปอร์ไม่พูดเปล่าแต่เริ่มขยับเข้ามาใกล้ นั่นไงล่ะ มาหยอดคำหวานอีกแล้ว

"ช่วยเงียบลงหน่อยครับ ผมไม่มีสมาธินะ" ผมอมยิ้มและทำเป็นอ่านบทต่อไป

"เรื่องทะเล ยังไม่ลืมใช่ไหม"

"ไม่ไปแล้วได้ไหม"

"โธ่อิน ไม่เอาน่า รับปากพี่แล้วนะ" ผมหัวเราะน้อยๆ และมองพี่เปอร์ที่ทำท่างอแง ตัวอย่างกับยักษ์ทำมาอ้อน

"โอเคครับ ผมล้อเล่น" พี่เปอร์ยิ้มกว้างทันที

"น่ารักจัง"

พี่เปอร์ไม่พูดเปล่าอีกแล้ว พี่เขายื่นมือมาจับแก้มผมทั้งสองข้างและดึงเบาๆ

"ทำอะไรเนี่ย เจ็บนะ"

"นิดเดียวเอง พี่ให้จับคืนก็ได้" ผมเอียงหน้าหลบพี่เปอร์ที่ยื่นหน้าเข้ามาใกล้

"ใครบอกจะจับกัน" ผมพูดและยิ่งขยับถอยหลังไปอีก ไม่จับหรอกแก้ม แต่ถ้าให้ทุบก็จะทุบให้

พวกเราคุยกันเล่นกันอยู่อีกสักพัก พี่เปอร์นั้นก็เป็นแบบนี้เสมอ ชอบมายุ่งวุ่นวายกับผม ชอบมองผมด้วยสายตาแปลกๆ ทำเอาผมเริ่มประหม่านิดๆ เพราะไม่เคยมีใครทำเหมือนชอบผมขนาดนี้

"กลับกันดีไหม แถวนี้ยุงน่าจะเยอะนะ"

ผมขมวดคิ้วน้อยๆ ทันทีที่พี่เปอร์ถาม ตั้งแต่นั่งก็ไม่มียุงกัดผมนะ หรือว่าพี่เปอร์จะโดนกัด

แต่ผมที่หันไปมองพี่เปอร์นั้น ก็เพิ่งสังเกตเห็นว่าพี่เปอร์กำลังขมวดคิ้วน้อยๆ จ้องมองผมอยู่ แต่ไม่ใช่ที่ใบหน้าของผม แต่เป็น...

และทันทีที่คิดได้ ผมรีบหดคอลง และใช้แขนบังคอของผมเอาไว้เพื่อบังสายตา ผมไม่แน่ใจว่ามีไหม ลืมดูไปเลย แต่หลายวันแล้วก็น่าจะหายสิ ทำไมถึงเป็นแบบนี้นะ แบบนี้แม่ก็เห็นด้วยใช่ไหม

"คือ...มันแดงมากเลยเหรอครับ" ผมพูดให้ดูเป็นธรรมชาติ และทำเป็นเกากลบเกลื่อน

"พี่เห็นยุงเกาะแขนเราด้วยนะ ทำไมถึงไม่รู้ตัวเลยเนี่ย"

"จริงเหรอครับ ผมสงสัยจะตายด้าน" ผมพูดและหัวเราะน้อยๆ แบบนี้คงเป็นยุงจริงๆ สินะ ตกใจหมด

"กลับกันนะ พี่ไปส่ง" พี่เปอร์ที่มองผมด้วยรอยยิ้ม ที่จริงก็อยากจะปฏิเสธแหละนะ แต่นานๆ ทีก็น่าจะพอไหว

"ครับ"

หลังจากรับปากพี่เปอร์แล้ว ผมก็เก็บข้าวของ เข้าไปบอกลาพวกพี่ๆ และขอตัวกลับ ผมเดินตามพี่เปอร์จากโรงละครไปที่ลานจอดรถด้านหน้า และทันทีที่เห็นว่าวันนี้พี่เปอร์เอารถคันไหนมา ผมก็แทบจะอยากถอยหลังกลับ ถึงจะทำใจไว้แล้วแต่ไอ้สองล้อสุดเท่คันนี้ก็ไม่ถูกกับผมเอาซะเลย

"โทษทีนะอิน พี่ชอบ มันคล่องตัวกว่าเอา 4 ล้อมาน่ะ" พี่เปอร์พูดพลางสวมหมอกกันน็อคใบใหญ่ และขึ้นไปคร่อมบนรถนั้น

"ถ้าคราวนี้พี่ขับไวอีก ผมจะไม่ไปด้วยจริงๆ นะ" ผมพูด และทำหน้างอ ประสบการณ์เสี่ยงตายที่ผ่านมามันทำเอาผมกลัวจริงๆ

"เฮ้ย! ไอ้เปอร์ ไปส่งเด็กเหรอ" แต่ผมที่กำลังยืนทำใจนั้น อยู่ๆ ก็มีพวกวิศวะกลุ่มหนึ่งเดินผ่านมา และแซวพี่เปอร์ที่กำลังหน้าบานอยู่ ยิ่งอายเข้าไปใหญ่เลยทีนี้ "วันนี้เปลี่ยนคนเหรอวะ คนน่ารักคนนั้นไปไหน"

ผมเหลือบมองพี่เปอร์ทันทีที่ได้ยินแบบนั้น คนนั้นนี่คนไหนกันอีกล่ะ

"พูดห่าอะไร มีที่ไหน" ผมมองพี่เปอร์ที่ดูหน้าเสียทันทีที่โดนทัก "อย่าไปฟังนะ พวกมันล้อเล่น" พี่เปอร์รีบหันมาหาผม และพูดด้วยสีหน้าจริงจังมาก

"เออ แล้วไอ้หมอกอ่ะ คืนนี้ไม่พามันมาด้วยเหรอ" ผมหัวใจกระตุกน้อยๆ ทันทีที่ได้ยินชื่อพี่หมอก พวกนี้ก็เป็นเพื่อนพี่หมอกด้วยสินะ "เอามันไปด้วยดิ มันไปทีไรสาวเยอะทุกที"

"มันบอกมันติดธุระ กูไปละ เดี๋ยวค่อยโทรหา" พี่เปอร์โบกมือไล่เพื่อนให้เดินไป เหมือนไม่อยากให้ผมได้ยินอะไรมากกว่านี้ และพี่เขาก็คงสังเกตได้ว่าผมกำลังสงสัย "กินเหล้าน่ะ ตามประสาชายโสด" พี่เปอร์หันมาบอกผมเหมือนกำลังสารภาพผิด

"กินเหล้า แล้วก็ต้องมีสาวๆ ด้วยใช่ไหมครับ" ผมพูดและยิ้มน้อยๆ

"พี่ไม่สนผู้หญิงสักหน่อย"

"งั้นก็คงมีหนุ่มๆ น่ารักเยอะด้วย"

"โธ่อิน พี่มีแค่อินคนเดียว จริงๆ นะ" พี่เปอร์พูดและยื่นมือมาจับมือผม เดี๋ยวนะ

"คือ..."

"แต่อินพูดเหมือนอินหึงพี่แบบนี้ พี่ดีใจนะ" ผมมองพี่เปอร์ที่กำลังดีใจ ผมกำลังหึงพี่งั้นเหรอ ผมเป็นแบบนั้นจริงๆ ใช่ไหม แต่ทำไมกันนะ ทำไมความรู้สึกของผมในตอนนี้ มันถึงไม่เหมือนกับตอนที่ผมเห็นผู้หญิงออกมาจากห้องของพี่หมอก ความเจ็บปวดนั้น เทียบกันไม่ได้เลยจริงๆ

"ไปกันเถอะครับ" ผมดึงมือตัวเองออกจากพี่เปอร์ และขึ้นไปนั่งซ้อนท้ายบนรถคันสวยนั้น รถมอเตอร์ไซค์คันใหญ่ค่อยๆ เคลื่อนผ่านออกไป สายลมเย็นในยามที่ท้องฟ้ากลายเป็นสีส้ม มันช่างดูสวยงามและทำให้จิตใจของผมสงบลง ผมนั้นเลือกถูกแล้วใช่ไหม ผมจะพักหัวใจดวงนี้ไว้ที่พี่ได้จริงๆ หรือเปล่า ผมไม่แน่ใจ แต่ก็อยากจะลองเปิดใจดู เผื่อชีวิตของผม ความรักของผม จะมีแต่รอยยิ้มเหมือนคนอื่นเขาบ้าง

แต่ผมที่นั่งรถมากับพี่เปอร์นั้นก็ต้องเริ่มขมวดคิ้วน้อยๆ ทันทีที่วิวด้านข้างเป็นวิวที่ผมไม่คุ้นตา ทางนี้ ทางที่พี่มานั้นมันไม่ใช่ทางกลับบ้านของผม พี่จะพาผมไปไหนกัน

"พี่เปอร์!" ผมทุบหลังพี่เปอร์เบาๆ และตะโกนแทรกผ่านสายลม

"ไปเดินเล่นกัน" ผมถอนหายใจเล็กน้อย และมองพี่เปอร์ที่หันกลับไปมองทางข้างหน้าตามเดิม นี่ล่ะผลของการมากับไอ้พี่บ้านี่ ไม่ถามอะไรผมสักคำ มัดมือชกกันนี่นา

ไม่นานนักรถของพี่เปอร์ก็จอดลงที่ริมฟุตบาท ริมแม่น้ำในยามเย็น ผมมองแสงไฟ และร้านค้าต่างๆ ที่กำลังขายของกันอย่างคึกคัก นานๆ มาที่แบบนี้ก็ดีเหมือนกันมั้ง ผู้คนมากมายเดินเลือกดูสินค้า มีคู่รักหลายคู่เดินจูงมือกัน บรรยากาศมันช่างดีจริงๆ

"อยากกินอะไร อยากได้อะไร ก็บอกพี่นะ" ผมเหลือบมองพี่เปอร์ที่ยังคงนั่งเท้าคางอยู่บนรถ แหม ใจดีสปอร์ตจริงๆ รอยยิ้มก็น่าหมั่นไส้แท้ๆ

"ผมซื้อเองได้" ผมพูดและยิ้มน้อยๆ ทำเป็นมองไปทางอื่น

"คนนั้นหล่อเนอะ"

"โคตรเท่"

ผมมองสาวๆ ที่เดินผ่าน และจ้องมองพี่เปอร์ตาเป็นมัน ก็แน่ล่ะ แต่สาวๆ อย่าโดนหลอกได้นะ ไอ้พี่บ้านี่สติไม่เต็มเต็ง ขี้เก๊ก แล้วก็ ไม่ชอบผู้หญิงอีกต่างหาก

"อ้าวๆ ไม่สนใจพี่สาวคาบไปกินไม่รู้นะ" พี่เปอร์ลงจากรถและเดินมายืนอยู่ข้างๆ ผมเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ แถมยังเนียนจับมือผมอีก

"จับมือกันไว้นะ พี่กลัวเด็กหลง"

"ไม่หลงหรอกครับ" ผมพูดและดึงมือตัวเองออก ไม่เอาหรอกเดินจับมือกับผู้ชายในที่แบบนี้ คนอื่นเขาจะนินทาเอา

"ใจร้ายจัง"

"รีบเดินเถอะครับ" ผมทำเป็นไม่สนใจคำบ่นของพี่เปอร์ และผลักหลังพี่เขาให้เดินนำไปข้างหน้า พวกเราเริ่มเดินไปด้วยกัน มองร้านขนม และร้านน้ำที่มีอยู่เรียงราย ผมเดินไปเรื่อยๆ สายตาจ้องมองพวกเครื่องประดับและพวงกุญแจด้วยสายตาละห้อย เฮ้อ ไม่น่าเลยอิน หมาป่าตัวนั้นคิดถึงมันจัง

"เพลงเพราะเนอะ"

"ใครร้องนะ ไปดูกัน"

แต่ผมที่เดินไปมาด้วยแววตาแสนเศร้านั้น หูของผมก็เริ่มได้ยินเสียงเสียงหนึ่งที่ดังอยู่ไม่ไกล ในตลาดนัดแบบนี้ คงจะมีนักดนตรีมาเปิดหมวกร้องเพลงสินะ แต่ว่า เสียงทำนองที่ได้ฟังนั้นมันไพเราะเหลือเกิน เป็นเพลงเศร้าที่ทำให้ภายในหัวใจสั่นไหวอย่างง่ายดาย

ผมเดินไปเรื่อยๆ ตามเสียงดนตรีนั้น โดยไม่รู้ตัวเลยว่าตัวผมกำลังทิ้งพี่เปอร์ไว้ข้างหลัง เสียงเพลงยังคงดังทั้งๆ ที่ไม่มีเสียงคนร้อง อยู่ไหนกันนะ ผมอยากจะเห็นคนที่บรรเลงมันออกมา คงจะเป็นคนที่รักเสียงดนตรีจริงๆ

ผมเดินมาถึงลานกว้างที่มีต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง ผู้คนหลายคนก็คงเหมือนกับผมที่เดินตามเสียงดนตรีมาเพื่อดูว่าคนที่เล่นมันอยู่นั้นคือใคร ผมเบียดแทรกผู้คนเล็กน้อย เพื่อจะได้ไปอยู่ที่ด้านหน้า เพื่อจะมองคนคนนั้นให้ชัดขึ้น ผมอยู่ไม่ไกลแล้ว และแทรกผ่านจนไปยืนอยู่ตรงกลางด้านหน้าสุดจนได้

และทันทีที่ผมได้เห็นภาพตรงหน้านั้น ใบหน้าของผมก็เริ่มฉีกยิ้มกว้างทันที ผมมองนักดนตรีตรงหน้า คนที่กำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้สูง ในอ้อมแขนกอดกีตาร์สีดำลายสวยเอาไว้ และไม่ใช่แค่นั้น คนตรงหน้าแต่งตัวปิดมิดชิดตั้งแต่หัวจรดเท้า เสื้อแขนยาวสีดำ กางเกงยีนสีดำ รองเท้าบูธสีดำ ใส่แม้กระทั่งถุงมือแต่ก็เว้นช่วงนิ้วเอาไว้ และส่วนที่ผมต้องยิ้มกว้างก็คือ หน้ากากที่คนคนนั้นใส่นั้นอยู่เพื่อปิดบังหน้าตา เป็นหน้ากากหมาป่าที่เท่มากๆ มันคล้ายกับพวงกุญแจที่ผมทำหายไป ผมชอบจัง

และผมที่ยืนจ้องมองหมาป่าหนุ่มอยู่นั้นก็ต้องรู้สึกหัวใจสั่นไหวทันที เสียงเพลงที่คนตรงหน้าเล่นนั้น เริ่มผสมผสานเข้ากับเสียง เป็นเสียงร้องที่ทำให้ผมขนลุกไปทั้งตัว ผมเคยได้ยินอะไรที่คล้ายๆ กันนี้เมื่อครั้งหนึ่ง แต่คนคนนั้นไม่มีทางที่จะทำแบบนี้ได้ พี่หมอกนั้นไม่มีวันอยู่ตรงนี้

ผมยืนฟังเสียงเพลงไพเราะราวกับอยู่ในห้วงความฝัน เป็นเสียงที่เพราะมากจริงๆ การเล่นดนตรีนั้นก็ดูลื่นไหลและมีเสน่ห์ ทุกๆ คนที่อยู่บริเวณนี้ต่างก็ต้องหยุดยืนดูและตั้งใจฟัง ความรู้สึกอิ่มเอมข้างในหัวใจ รู้สึกถึงความรู้สึกของคนตรงหน้าที่ขับร้องออกมา มันทำให้ผมได้แต่ยืนอยู่ตรงนั้น ตกอยู่ในภวังค์ และยิ้มออกมาอย่างมีความสุข

"อิน พี่ก็หาซะทั่ว" ผมที่กำลังจ้องมองคนตรงหน้านั้นก็สะดุ้งน้อยๆ ทันที พี่เปอร์ดูหน้ามุ่ยเล็กน้อย และจับไหล่ผมเอาไว้

"ไปกันเถอะ เดี๋ยวพี่ต้องไปธุระต่อ" พี่เปอร์พูดและเริ่มดึงมือผมให้เดินหันหลังกลับไป แต่ผมก็รั้งตัวเอาไว้

"พี่กลับไปก่อนก็ได้ครับ ผมอยากอยู่ต่ออีกสักพัก" ผมดึงมือออกจากพี่เปอร์ และมองพี่เปอร์ที่ทำสีหน้าไม่พอใจนิดๆ เสียงเพลงยังคงบรรเลงอยู่ แต่เสียงร้องกลับเงียบไปแล้ว

"อิน ถ้าอยากเที่ยวเดี๋ยวพี่พามาใหม่นะ ตอนนี้ไปกันเถอะ" พี่เปอร์พูดเสียงทำนองขอร้องและจับมือผมไว้อีกครั้ง แต่ผมไม่อยากกลับเลย ผมยังอยากฟังเพลงต่อ

"พี่ไปก่อนได้เลยครับ นะ ผมไม่เป็นไร แล้วผมจะโทรหา" ผมพูดและยิ้มให้พี่เปอร์ที่ดูเหมือนจะใจอ่อนลง

"แต่...พี่เป็นห่วง"

"ผมไม่ใช่เด็กซะหน่อย เดี๋ยวอีกสักพักผมก็กลับแล้ว" ผมพูดและยังคงยิ้มต่อไป

"พี่ขอโทษนะที่อยู่นานไม่ได้ ถึงบ้านแล้วโทรหาพี่ด้วย"

"ครับ" กว่าพี่เปอร์จะยอมเดินกลับไปจริงๆ ก็อีกสักพัก ผมโบกมือน้อยๆ บอกลาพี่เปอร์ และกลับเดินมาสนใจการแสดงตรงหน้าอีก

ผมยิ้มกว้าง และยกมือถือของผมขึ้นมาถ่ายภาพตรงหน้าไว้ ทำไมต้องเป็นหมาป่ากันนะ หน้ากากนั่นน่ารักจัง ซื้อที่ไหนกันนะ แต่ผมที่จ้องมองคนตรงหน้าผ่านกล้องก็เพิ่งจะสังเกตเห็นว่า คนตรงหน้าดูเป็นคนตัวสูงมาก ขายาวๆ นั้น ภายใต้หน้ากากนั่นคงจะหน้าตาดีไม่ใช่น้อย ผมใช้สัญชาตญาณเอาน่ะ

"ว้าจบแล้วอ่ะ ทำไมเขาเลิกเร็วจังนะ" ผมมองผู้คนที่เริ่มบ่นเสียดายเมื่อนักดนตรีตรงหน้าเริ่มลุกขึ้น ผู้คนหลายคนเริ่มเดินออกจากบริเวณนี้จนกลายเป็นที่โล่ง แต่ผมก็ยังคงยืนอยู่ที่เดิม จ้องมองหมาป่านั้น และเดินเข้าไปหาด้วยความสนใจ

"คือ...เพลงเพราะมากเลยครับ" ผมเดินไปยืนอยู่ด้านหลังคนคนนั้นที่กำลังเหมือนเตรียมจะเก็บของ ผมพยายามจ้องมองหน้ากากที่เขาใส่อยู่ใกล้ๆ แบบนี้สั่งทำแน่ๆ เหมือนเป็นขนจริงๆ เลยล่ะ

แต่ผมที่พูดชมพูดทักออกไปนั้น คนตรงหน้าก็ดูเหมือนจะไม่ใส่ใจฟังผมเท่าไหร่ และยังคงก้มถอดเก็บอุปกรณ์ของตัวเอง แบบนี้หรือว่า... น่าจะใช่ เพราะไม่เห็นเขาร้องเพลงไทยเลย มีแต่เพลงสากลทั้งนั้น

"เอ่อ I..." แย่ล่ะ ไอ้ตอนเรียนก็พอได้นะ แต่พอมาพูดจริงๆ คือเขินอ่ะ

"I like your music" ผมพูดและยิ้มหน้าบานอยู่ตรงหน้า มองคนที่ค่อยๆ หันมามองผม นั่นไงล่ะ เป็นต่างชาติจริงๆด้วย

"เอ่อ..." ผมที่ไม่รู้จะพูดอะไรออกไปก็ล้วงมือเข้าไปในกระเป๋า และดึงกระเป๋าตังค์ออกมา จริงๆ ก็ไม่ค่อยมีเลยนะ แต่อยากให้จริงๆ อ่ะ ชอบมาก

แต่ผมที่ดึงกระเป๋าตังค์ออกมานั้น คนตรงหน้าก็ยื่นมือมาให้ผมชะงักทันที ผมมองคนตรงหน้าที่ทำมือเหมือนห้ามผม และชี้ไปที่ป้ายเล็กๆ ป้ายหนึ่งที่ตั้งอยู่ใกล้ๆ มันเป็นป้ายที่เป็นรูปสัญลักษณ์เหมือนเงิน และมีขีดสีแดงทับบนนั้น

ผมทำหน้างง นี่ไม่ได้เล่นเปิดหมวกอะไรแบบนั้นเหรอ แปลกจังเลยนะ แบบนี้ผมคงทำอะไรไม่ได้ นอกจากชื่นชมเขา

"โอเค" ผมพูด และเก็บกระเป๋าตังค์ใส่กระเป๋าตามเดิม ผมมองหมาป่าหนุ่มตรงหน้าที่กำลังเก็บของต่อ คือแบบว่า ผมเอาแต่จ้องมองและไม่ยอมเดินไปไหน ผมรอที่คนคนนี้จะถอดหน้ากากออก คืออยากรู้จริงๆ ว่าเป็นคนแบบไหน แต่จนแล้วจนรอด จนเขาเก็บของเสร็จ ก็ไม่ยอมถอดออกเลย

"เอ่อ Tomorrow you will come again ?" ผมพูดและมองดูคนตรงหน้าที่หยุดชะงักและหันมาหาผมอีกครั้ง และแทนคำตอบนั้น คนตรงหน้าส่ายหัวช้าๆ และหันหลังให้ผมต่อไป

"Why คือ ผมอยากดูอีก มาอีกได้ไหม Please" ผมตกใจกับคำตอบนั้น และเดินไปยืนตรงหน้า ทำเอาหมาป่าหนุ่มยิ่งหยุดชะงักมากขึ้นไปอีก ผมจ้องมองคนตรงหน้าอย่างเอาเป็นเอาตาย คือเพลงก็ส่วนหนึ่งละนะ แต่จริงๆ ที่ผมชอบมากอีกอย่างก็คือ หน้ากากที่นายใส่อยู่นั่นน่ะ

"Please come again" ผมพูด และจ้องมองคนที่เหมือนจะมองผมอยู่เช่นกัน

"เอ่อแล้วก็ Can i ?" ผมพูดต่อและยกมือถือขึ้นทำท่าเชิงขอถ่ายรูปด้วย

ผมมองคนตรงหน้าที่ยืนนิ่งเหมือนจ้องมองผม และผมคิดว่าแบบนี้หมายความว่าอนุญาตใช่ไหม ผมค่อยๆ เดินไปยืนข้างๆ คนคนนั้นและยกมือถือขึ้นพยายามถ่าย แต่ว่าตัวสูงจังเลยนะ แบบนี้ลำบากหน่อย...

แต่ผมที่กำลังชูมือถือขึ้นนั้น คนข้างๆ ก็ดึงมันออกไปจากมือผม และเป็นคนถือมันให้ ผมยิ้มหน้าบานด้วยความดีใจ และมองภาพในกล้องด้วยสีหน้าที่มีความสุขจริงๆ

"คือ...Thank you"

เมื่อถ่ายรูปเสร็จแล้ว ผมพูดและรู้สึกเขินน้อยๆ ผมรู้สึกถึงมือของคนข้างๆ ที่กำลังกอดเอวผมตอนที่ถ่าย แบบนี้คือปกติใช่ไหม หรือผมจะรู้สึกไปเอง

"งั้นผม เอ่อ บายๆ ครับ" ผมพูดและยิ้มให้คนตรงหน้า ที่จนถึงตอนนี้ ผมก็ยังคงไม่เห็นใบหน้าภายใต้หน้ากากนั่น คงจะขี้อายละมั้ง แต่ผมก็ไม่มีสิทธิ์จะไปก้าวก่ายเรื่องของเขา ผมได้แต่ยืนมอง และแอบส่งยิ้มอยู่ตรงนี้ บายๆ นะ พ่อหมาป่าของผม

หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#17 พ่อหมาป่าหนุ่ม(22/9/61)
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 22-09-2018 13:55:12
เอาแล้ววววว อิพี่เปอร์ก็จับปลาสองมือเหมือนเดิม
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#17 พ่อหมาป่าหนุ่ม(22/9/61)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 22-09-2018 14:56:39
 :pig4: :pig4: :pig4:

หมอก... ถึงกับต้องไปสั่งทำหน้ากากหมาป่าเลยเหรอ?
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#17 พ่อหมาป่าหนุ่ม(22/9/61)
เริ่มหัวข้อโดย: naruxiah ที่ 22-09-2018 15:46:39
พ่อหมาป่า​ ของผม​ พรุ่งนี้​บอกหมาป่าให้มารอ​ ต้องมาตามนัดด้วยนะเปอร์ตบน้องน่ารักแน่ๆเลย​
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#17 พ่อหมาป่าหนุ่ม(22/9/61)
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 22-09-2018 20:07:56
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#17 พ่อหมาป่าหนุ่ม(22/9/61)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 22-09-2018 20:13:20
อิน หลงละเมอเพ้อรักจริงๆ  :z3: :serius2: :really2:
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#17 พ่อหมาป่าหนุ่ม(22/9/61)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 23-09-2018 02:22:34
กลัวอารมณ์ของเปอร์จริง ๆ อินจะโดนไหมเนี่ย  :hao4:
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#17 พ่อหมาป่าหนุ่ม(22/9/61)
เริ่มหัวข้อโดย: ป่ามป๊ามป่ามปาม ที่ 23-09-2018 08:28:30
อินจะตกหลุกรักหมอกซ้ำๆอีกกี่ครั้งกันนะ
คุณหน้ากากหมาป่านี่หมอกใช่มั้ย คิดว่าใช่แน่นอน แต่ทำไมต้องเป็นหมาป่านะ เพราะตุ๊กตาพวงกุญแจอินรึเปล่า
อยู่ในหน้ากากค่อยดีหน่อย ไม่ได้ทำร้ายอะไรอินไปมากกว่านี้
เปอร์คบกับมิวหรือมีความสัมพันธ์กันมั้ยอะ มีพิรุธมากๆ
รอตอนต่อไปค่ะ  :กอด1: :pig4:
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#17 พ่อหมาป่าหนุ่ม(22/9/61)
เริ่มหัวข้อโดย: Gloomy Sunday ที่ 25-09-2018 12:06:43
เพ้อ บทที่ 18 FREEDOM


ผมกลับมาถึงบ้านด้วยใบหน้าที่ยังคงยิ้มแย้ม วันนี้ถือเป็นวันดี ผมรู้สบายใจมากขึ้น และร่างกายก็กลับคืนสู่ปกติแล้ว พรุ่งนี้ผมคิดว่าผมจะไปที่นั่นอีก ไปฟังเพลง กินขนม เดินเที่ยวเล่นเหมือนคนอื่นๆ เขาทำกัน ชวนมิวไปด้วยดีไหมนะ ผมว่ามิวก็น่าจะชอบเหมือนกัน

"ทำอะไร ยิ้มหน้าบานมาเชียว" ผมยิ้มให้แม่ที่เอ่ยทักผม

"ขอโทษที่กลับมาช้านะครับ ไปแวะเดินเล่นมา" ผมพูดและเดินเข้าไปในบ้านหลังเล็กของผม เพื่อเตรียมตัวอาบน้ำ

"กลับดึกก็ไม่เป็นไรหรอก แค่โทรมาบอกแม่บ้าง"

"คร้าบผม" ผมพูดและเริ่มหยิบผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำ

ผมแขวนผ้าเช็ดตัวไว้ที่ราวแขวน และเริ่มปลดกระดุมเสื้อ มองตัวเองในเงาสะท้อนหน้ากระจกนั้น ผมแหงนหน้าขึ้นเล็กน้อยและมองรอบๆ คอของผม ยังคงมีรอยอยู่ แต่ก็แทบจะมองไม่เห็นแล้ว มันเป็นรอยสีม่วงจางๆ

ผมค่อยๆ เลื่อนมือขึ้นมาแตะที่รอยจูบนั้น ผมนึกถึงใบหน้าพี่หมอกที่เลื่อนเข้ามาใกล้ และกดจูบลงที่ลำคอของผม ความอ่อนนุ่มของริมฝีปาก ความแรงที่ทำให้เกิดรอย ขณะที่ร่างกายของเราสอดประสานกัน ผมยังคงจำความรู้สึกทั้งหมดนั่นได้ดี

"เลิกคิดถึงคนแบบนั้นเถอะอิน" ผมพูดบอกตัวเองเบาๆ และเริ่มถอดเสื้อผ้าออกต่อไป ผมล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อและกางเกง เช็คดูของที่ควรเอาออกจากกระเป๋าก่อนที่จะใส่ลงตะกร้า และทันทีที่ทำแบบนั้น ผมก็รู้สึกถึงสิ่งแปลกปลอมที่อยู่ข้างใน เดี๋ยวนะ ไม่จริงน่า มันมาได้ไง

ผมดึงของสิ่งหนึ่งออกจากกระเป๋ากางเกงของผมและจ้องมองมันด้วยรอยยิ้ม นี่มันตุ๊กตาหมาป่าของผม มันกลับมาแล้ว ผมหามันเจอแล้ว

ผมถอนหายใจอย่างโล่งอก เอาเป็นว่าอย่าคิดอะไรมากนักเลย แค่ผมหามันเจอผมก็ดีใจมากแล้ว ผมจ้องมองมันและชูขึ้นสุดสายตา มองดูมันที่กำลังหมุนน้อยๆ และในหัวของผมนั้นก็นึกถึงผู้ชายคนนั้นอีกแล้ว ผู้ชายที่ใส่หน้ากากหมาป่า เขาเป็นใครกันนะ ผมอยากรู้ อยากรู้จักเขาจริงๆ

หลังจากอาบน้ำเสร็จ ผมออกไปกินข้าวที่ครัว และช่วยแม่ทำงานบ้านอีกเล็กน้อย ผมคุยกับแม่อย่างออกรสเรื่องงานแสดงละครในครั้งถัดไป ซึ่งแน่นอนผมนั้นยังคงได้รับบทตัวเอกของเรื่อง ผมตั้งใจมาก และคิดว่าหลังจากนี้ผมจะต้องตั้งเป้าหมายมากขึ้นไปอีก ผมจะเริ่มไปแคสบทเพื่อเป็นนักแสดงจริงๆ ผมต้องจริงจังกับสายอาชีพนี้สักที ขอให้ผม ได้ทำในสิ่งที่รักด้วยเถิด

ผมนอนมองหน้าจอมือถืออยู่ในความมืด ตอนนี้นั้นดึกมากแล้ว แต่ผมก็ยังคงนอนไม่หลับ เหมือนจะลืมอะไรไปหรือเปล่านะ แต่ว่าลืมอะไรกันล่ะ ผมนึกย้อนถึงช่วงเย็นของวันนี้ อ่านบท เจอมิว เดินเที่ยวและพี่เปอร์ก็...

และทันทีที่นึกได้ ผมก็รีบลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว โอ้ยไอ้อิน บอกพี่เปอร์ว่าจะโทรหา ป่านนี้เป็นยังไงบ้างละนั่น ผมกดมือถือและโทรออกหาพี่เปอร์ทันที ผมลุกขึ้นจากเตียง เดินย่องออกมาที่หน้าบ้าน หวังว่าแม่คงจะไม่ตื่นหรอกนะ

"ฮัลโหลอิน อินของพี่" ผมที่ยังไม่ทันจะพูดอะไร เสียงพี่เปอร์ก็แทรกมา และแบบนี้ น่าจะเริ่มเมาสินะ

"ขอโทษนะครับ ผมลืมไปเลย" ผมพูดและฟังเสียงที่ดังแทรกเข้ามา แบบนี้พี่เขาคงอยู่ในคาราโอเกะหรือผับแน่ๆ "เสียงดังจังเลยครับ" ผมพูดและรู้สึกว่าฟังพี่เปอร์ไม่ค่อยรู้เรื่องซะแล้ว

"อ้าวไอ้หมอก หายหัวไปไหนนึกว่ามึงจะไม่มาซะแล้ว" ผมพยายามฟังเสียงพี่เปอร์ที่เหมือนกำลังหันไปคุยกับคนอื่น พี่หมอกงั้นเหรอ ผมนั้นเวลาได้ยินชื่อหรืออะไรก็ตามเกี่ยวกับพี่หมอก สมองและหัวใจของผมก็มักจะตื่นเต้นเสมอ พี่ไปเที่ยวกับพวกพี่เปอร์สินะ แต่นี่ก็ดึกมากแล้ว ผมรู้สึกเป็นห่วงไม่เข้าเรื่องอีกแล้ว

"มึงคุยกับใคร" ผมได้ยินเสียงพี่หมอกแทรกมา เหมือนกำลังถามพี่เปอร์

"น้องอินสิวะ น่ารักไหมล่ะ โทรบอกฝันดีกูก่อนนอนด้วย" ผมนั้นอยากตะโกนด่าพี่เปอร์จริงๆ พูดอะไรเวอร์ๆ แบบนั้นละนั่น เฮ้อ แต่มันก็จริงที่ผมโทรหา แต่เพราะผมจำเป็นต้องโทรเพราะรับปากไว้ต่างหากล่ะไอ้พี่เปอร์บ้า

"เมื่อเย็นก็ไปเดินเล่นกันด้วยนะ ใช่ไหมอิน พรุ่งนี้ก็กลับกับพี่อีกใช่ไหม"

"ไม่ครับ ผมนอนแล้วนะ รีบกลับกันนะครับ ดึกแล้ว" ผมพูดและกดวางสายทันที แต่ผมจะกลัวอะไรกันนะ ยังไงพี่หมอกก็ไม่ได้สนใจอยู่แล้ว ต่อให้ผมคุยกับพี่เปอร์จริงๆ ก็เถอะ เรื่องนี้ผมรู้ดีกว่าใคร

ผมนั่งลงที่ม้านั่งหน้าบ้าน เลื่อนมือไปมาที่หน้าจอมือถือด้วยหัวใจที่เริ่มอ่อนล้าและเลื่อนลอย ป่านนี้คงจะกินเหล้าเมากันแล้วสินะ สองคนนั้นจะไม่เมาสักวันจะได้ไหม ผมละเกลียดเหล้าจริงๆ

ผมเลื่อนมือไปมาด้วยความเคยชิน และเปิดไปยังอินสตราแกรมของพี่หมอกเหมือนเช่นเคย

ถูกใจ 32,477 คน

Mokk77 เวลาที่ได้ทำสิ่งที่รัก คนเรามักเป็นอิสระ

ผมมองข้อความของพี่หมอกที่เพิ่งโพสได้ไม่นาน และรูปภาพก็เป็นเพียง แผ่นกระดาษโน๊ตดนตรีที่วางไว้

ผมแนบมือถือเข้าที่อกของผมด้วยความไม่เข้าใจ เพราะคำคำนั้น ข้อความที่พี่โพสต์ลงไป มันเป็นคำที่ผมเคยบอกกับพี่ เมื่อครั้งแรกๆ ที่เราได้พบกัน


ในเช้าวันถัดไป ผมมาเรียนพร้อมกันกับหมี่ที่อยู่ดีๆ ก็บอกให้ผมขับรถมาให้ ผมเหลือบดูหมี่ที่ดูหงุดหงิดตลอดเวลา เป็นอะไรของเขากันนะ แต่ผมก็ไม่อยากยุ่งหรอก มีแต่จะโดนบ่นเปล่าๆ

"ฮัลโหลค่ะพี่หมอก" ผมที่ขับรถอยู่นั้นก็สะดุ้งทันที เย็นไว้อิน ไม่เกี่ยวกับเรา

"กลางวันนี้มาทานข้าวด้วยกันนะคะ พี่เบี้ยวหมี่หลายวันแล้วนะ เมื่อวานโทรหาก็ไม่ติด" ผมเหลือบมองหมี่ที่เริ่มยิ้มเล็กน้อย

"ได้ค่ะ แล้วคืนนี้หมี่ไปที่คอนโดได้ไหม" ผมเผลอกำพวงมาลัยแน่นขึ้นเล็กน้อย อย่าฟังเลยอิน ถ้าจะเป็นแบบนี้

"ทำไมละคะ เดี๋ยวนี้พี่ไม่นอนกับหมี่..." ผมมองหมี่ที่เสียงดังขึ้น และหยุดพูดทันทีเหมือนเพิ่งนึกได้ว่าผมนั่งอยู่

"แล้วกลางวันมาคุยกันนะคะ ห้ามเบี้ยวด้วย" ผมมองหมี่ที่กดวางสาย และหน้ามุ่ยยิ่งกว่าเดิม

"กูไปเอากับคนอื่นก็ได้" ผมขมวดคิ้วฟังหมี่พูดสบถเบาๆ เขาทะเลาะกันเรื่องอะไรนะ

"อิน" ผมเหลือบมองหมี่ที่เรียกผมอยู่ข้างๆ

"อะไรเหรอ" ผมถามกลับ

"สนิทกับพี่เปอร์เพื่อนพี่หมอกใช่ไหม" ผมชะงักน้อยๆ ทันที แบบนี้จะให้ตอบยังไงกันนะ

"ก็คุยกัน เจอกันบ้าง"

"ช่วยถามพี่เขาหน่อยได้ไหม เดี๋ยวนี้พี่หมอกเป็นบ้าอะไร ทำเหมือนหมี่ไม่มีตัวตนเลย อยากจะมาหาก็มา อยากจะเงียบหายก็เงียบ หรือว่าจะมีคนอื่น แต่ก็นะ ถ้ามีคนอื่นก็แค่คู่นอนละมั้ง แต่อาการแบบนี้เหมือนไปติดใจคนอื่นเลยอ่ะ โอ้ยย อย่าให้กูรู้นะ อีตัวที่ไหน" หมี่พูดยาวเหยียดแบบคนหัวเสีย ผู้หญิงเวลาเป็นแบบนี้น่ากลัวมาก ผมพูดอะไรไปก็อาจจะโดนระเบิดได้

"พี่เขา งานยุ่งมั้ง" ผมคิดว่าพี่หมอกก็เจ้าชู้ปกติ ไม่เห็นจะไปติดใจกกใครหรืออยู่กับคนไหนมากกว่าหมี่นะ อาจจะคิดไปเองหรือเปล่า "แถมหมี่เอง ก็มีคนอื่นไม่ใช่เหรอ" ผมพูดและคิดอีกทีว่าไม่น่าเลย หมี่มองผมตาขวาง และฟึดฟัดจิกตาน่ากลัว

"พูดอะไรน่ะ ตัวจริงยังไงก็พี่หมอกนะ นอกกายแต่ไม่นอกใจซะหน่อย" ผมถึงกับถอนหายใจกับตรรกะความคิดของผู้หญิงคนนี้ เฮ้อ เอาตามที่สบายใจละกันนะ

หลังจากการเรียนที่แสนน่าเบื่อในตอนเช้า ผมรีบเก็บของเมื่อถึงเวลากลางวัน ผมอยากจะไปกินข้าวแถวๆ คณะอื่น หรือจะไปคณะมิวดีนะ ต้องรีบไปก่อนที่จะ...

"อื้อหือหล่อโคตร"

"หล่อทั้งสองคนเลยอ่ะ"

ผมชะงักน้อยๆ และไม่ได้มองออกไปตามที่คนหลายๆ คนมอง ช้าไปแล้วงั้นเหรอ วันนี้มาถึงห้องเลยนะ แต่ทำไมพี่หมอกถึงขึ้นมาด้วยล่ะ

"อิจฉาแกว่ะหมี่" ผมมองหมี่ที่เริ่มยิ้มน้อยๆ ที่เพื่อนแซวอย่างอิจฉา อ๋อ เขามาง้อแฟนเขา เหอะๆ ดีใจด้วยนะ

ผมรีบเก็บของ และเดินตามหลังกลุ่มคนที่ทยอยลุกขึ้นมา หมี่นั้นเดินไปหาพี่หมอก และเกาะแขนแสดงความเป็นเจ้าของทันที แต่ผมไม่ได้มองมากนักหรอก ผมไม่อยากสนใจ ไม่อยากเอาเรื่องปวดหัวมาใส่ใจเลยจริงๆ

"คิดว่าพี่จะมองไม่เห็นเราเหรอ" ผมเดินตามกลุ่มคน และทำตัวลีบมากที่สุด แต่ก็หลบไม่พ้นคนอีกคนจริงๆ

"ผมไม่ค่อยหิว พี่ไปกินกันเถอะ" ผมพูดและหลบมือพี่เปอร์ที่วางบนหัวผม พลางเหลือบมองพี่หมอกที่กำลังมองไปที่อื่น

"ไม่ได้ อินต้องไปกับพี่ จะคุยเรื่องทะเลที่จะไปกันน่ะ"

"งั้นผม โทรตามมิว..."

"ไม่ต้องหรอก พวกพี่รอได้ไม่นาน ช่วงบ่ายพี่มีสอบย่อย เดี๋ยวอินค่อยโทรบอกเพื่อนตอนหลังกินข้าวละกัน" พี่เปอร์รีบจับมือผมไว้ ไม่ให้ผมได้โทรหามิว ผมมีเบอร์มิวนะ แลกกันไว้ตั้งแต่แรกแล้ว

"เราไม่ได้ไปกันสองคนเหรอคะ" ผมมองหมี่ที่เริ่มหน้ามุ่ย และมองผมกับพี่เปอร์เหมือนเป็นตัวขัดลาภ

"รีสอร์ตของมัน" พี่หมอกพูดแบบหน่ายๆ และส่งสายตามองพี่เปอร์

"มีปัญหาอะไรไหมครับ คุณผู้หญิง" ผมมองพี่เปอร์ที่พูดกวนๆ ใส่หมี่ ทำเอาหน้าหงายไปเลย

"เปล่าค่ะ หมี่แค่สงสัย เพราะพี่หมอกไม่บอกอะไรเลย" หมี่ทำหน้างอ มองพี่หมอกแบบเคืองๆ

"ไปเยอะๆ สนุกกว่านะ" ผมพูดเพื่อช่วยสนับสนุน แต่กลายเป็นหมี่เดินฟึดฟัดหนีไป

พวกเราลงมากินอาหารข้างล่าง ผู้คนที่เดินผ่านไปมานั้นต่างจ้องมองพวกเราทั้งสี่คน ก็แน่ล่ะ ดาราคนหนึ่ง หนุ่มหล่อเฟี้ยวคนหนึ่ง ดาวมหา'ลัยคนหนึ่ง และเอ่อ คนแบบผมอีกคนหนึ่ง

ผมนั่งลงที่โต๊ะตรงข้ามพี่หมอกเหมือนเช่นเคย พวกเราสั่งข้าวจากร้านใกล้ๆ และคนที่คุยกันเยอะที่สุดนั้นก็คงจะเป็นพี่หมอกกับพี่เปอร์ ซึ่งก็ไม่เห็นจะคุยเรื่องทะเลกันเลย และสิ่งที่เหมือนเดิมยิ่งกว่านั้นก็คือ

พี่หมอกนั้น ไม่เคยมองผมเลยสักนิด ไม่ว่าผมจะอยู่ต่อหน้าพี่ อยู่ใกล้พี่มากเพียงไหน มันก็เหมือนกับช่วงเวลาเดิมๆ ในตอนนี้ผมนั้นชินแล้ว และเริ่มที่จะไม่รู้สึกอะไรอีกต่อไป ผมคิดถูกแล้ว ที่คิดที่จะหยุดความเพ้อฝันของผม ไม่เมื่อมันไม่มีความหมายอะไรจริงๆ ผมมันเป็นได้แค่คนรู้จัก เคยนอนกับพี่เหมือนผู้หญิงคนอื่นๆ ที่เสนอตัวให้ ผมมันไม่มีค่าอะไรเลยในสายตาของพี่ ไม่มีเลยจริงๆ

"อิน ร้องไห้ทำไม" ผมสะดุ้งน้อยๆ ทันทีที่พี่เปอร์จับไหล่ผม และยื่นมือมาเช็ดน้ำตา ผมตกใจ และไม่รู้ตัวเลยว่า ตัวเองกำลังร้องไห้อยู่

"คือ ผมกำลังคิดถึงบทละคร ก็เลย..." ผมพูด และพยายามยิ้มออกมา แต่นั่นกลับทำให้น้ำตาไหลมากขึ้นไปอีก ผมพยายามเช็ดน้ำตาตัวเอง แต่ก็มีผ้าเช็ดหน้าสีขาวผืนหนึ่งยื่นมาตรงหน้า ผมเงยหน้ามองคนที่ถือผ้าเช็ดหน้านั้นไว้ เป็นคนที่ทำให้ผมทั้งเจ็บปวดและมีความสุขในเวลาเดียวกัน

"รำคาญลูกตา คนอื่นเขากินข้าวมานั่งร้องไห้" ถึงพี่หมอกจะพูดแบบนั้น แต่ผมก็ยื่นมือออกไปรับผ้าเช็ดหน้าตรงหน้า ผมรับมันมาช้าๆ และซับเบาๆ ที่แก้มชื้นของผม

"เอาคืนมันไป เอาของพี่ดีกว่า" พี่เปอร์ทำหน้าไม่ชอบใจพี่หมอกที่พูดแบบนั้นและยื่นทิชชู่มาแทน

"ทิชชูสีชมพูมึงรู้ไหมเขาทำมาจากอะไร" พี่หมอกพูดและมองพี่เปอร์ด้วยท่าทีสบายๆ เหมือนกำลังล้อเล่น

"เหอะ" พี่เปอร์สบถเบาๆ แบบผู้พ่ายแพ้ และแย่งผ้าเช็ดหน้าพี่หมอกไปซับให้ผมแทน

"ขอบคุณครับ" ผมพูดเบาๆ และเหลือบมองพี่หมอก

"ซักแล้วเอามาคืนด้วย เอ๊ะ ไม่ดีกว่า ทิ้งไปเลยละกัน" ผมก้มหน้ามองจานข้าวตรงหน้า คำพูดของพี่หมอกนั้นก็แนวๆ นี้ล่ะ แต่ผมก็ดีใจนะ ที่อย่างน้อยพี่เขาก็เอามันให้ผม

"ไอ้หมอก ปากมึงนี่น่าแดกตีนแทนข้าวจริงๆ"

"พี่เปอร์ครับ กินข้าวเถอะ" ผมพูด และยิ้มน้อยๆ ให้พี่เปอร์ ซึ่งพี่เปอร์ก็ไม่ได้จริงจังเท่าไหร่ เหมือนรู้ว่าพี่หมอกเป็นคนยังไง

"พี่เปอร์ ชอบอินเหรอคะ" ผมที่กำลังกินข้าวต่อไปนั้นก็ชะงักทันที ผมลืมไปเลยว่าหมี่ก็นั่งอยู่ด้วย

"ชอบสิ แต่อินน่ะชอบพี่หรือเปล่า พี่ไม่รู้หรอก" ผมมองพี่เปอร์ที่พูด และยิ้มมองผม

"พี่เป็นเกย์จริงๆ เหรอ คือ หมี่เคยได้ยิน แต่ไม่แน่ใจ" หมี่พูด และแสดงสีหน้าเหยียดๆ นิดหน่อย

"ใช่ พี่เป็น แล้วยังไง" พี่เปอร์พูด และจ้องมองหมี่ ผมหัวใจเต้นรัว แบบนี้หมี่จะรู้ว่าผมเป็นด้วยไหม

"แต่อินเป็นผู้ชายนะคะ" ผมหลบสายตาหมี่ที่มองผม

"ใช่ อินเป็นผู้ชาย แต่พี่ก็จะจีบอินอยู่ดี" พี่เปอร์พูดแบบไม่สะทกสะท้านใดๆ นับถือใจพี่จริงๆ

"หึ" ผมเหลือบมองพี่หมอกที่หัวเราะในลำคอ และส่งสายตาเหยียดหยามผม แต่พี่ก็รู้ดีอยู่แล้วใช่ไหม ว่าผมน่ะเป็นอะไร พี่รู้ดีอยู่แก่ใจ

"เอาเป็นว่าเรื่องเพศนี่จบเถอะค่ะ ขอโทษนะคะ หมี่แค่ไม่ค่อยชิน พี่จะจีบใครก็ตามสบายเถอะค่ะ" หมี่พูดและยิ้มแหยๆ ให้พี่เปอร์ที่ตอนนี้ทำสีหน้าน่ากลัวมาก ใครจะกล้ามีปัญหาละแบบนั้น

หลังกินข้าวเสร็จ ผมรีบขอตัว และหนีออกมาทันก่อนที่พี่เปอร์จะตะครุบผมได้ ผมไม่อยากอยู่ตรงนั้นนานกว่านี้ ผมยังคงอ่อนแอเหลือเกินเมื่ออยู่ต่อหน้าพี่หมอก ต่อหน้าคนสองคนที่เป็นแฟนกัน

ในช่วงเย็นนั้นก็ยังคงเหมือนเดิม ผมอ่านบทซ้อมบทอยู่ในโรงละคร และเปลี่ยนที่นั่งไปนั่งที่ชั้นบนอันเงียบสงัด แต่ถึงตรงหน้าผมนั้นจะมีตัวหนังสือที่ต้องท่องจำ แต่หัวใจของผมก็กลับล่องลอยไป หาคนคนนั้น

ผมล้วงมือเข้าไปในกระเป๋า หยิบผ้าเช็ดหน้าสีขาวของพี่หมอกขึ้นมา ผมจ้องมองมันอยู่สักพัก สัมผัสเนื้อผ้านั้นเบาๆ และค่อยๆ เลื่อนมือขึ้นให้สูดดมความหอมที่ยังคงติดตรึงอยู่ในผืนผ้านั้น ผมกำลังทำอะไรอยู่กันนะ ทำไมถึงเป็นแบบนี้อีกแล้ว

"อิน" ผมสะดุ้งตกใจทันทีที่ได้ยินเสียงดังขึ้น ผมรีบยัดผ้าเช็ดหน้าเก็บลงกระเป๋า

"ทำหน้าอะไรแบบนั้น พี่แค่จะบอกว่าพี่หนึ่งเรียกซ้อมรวมแปบนึงก่อนกลับน่ะ ขึ้นไปบนเวทีเลย มานั่งอะไรมืดๆ คนเดียว" ผมมองพี่แก้วที่กำลังหรี่ตาจ้องมองผมแบบยิ้มๆ ตกใจหมดเลย คิดว่าถูกเห็นซะแล้ว

"แอบทำเรื่องไม่ดีอยู่หรือไงเรา ทำหน้าอย่างกับเห็นผีแน่ะ" พี่แก้วยังคงแซวผมและหัวเราะเบาๆ

"ป.เปล่าครับ"

"งั้นไปกัน พี่อยากกลับแย่ละ เบื่อพี่หนึ่งเนอะ" ผมพยักหน้าให้พี่แก้ว และเดินตามพี่เขาไป พวกเราซ้อมต่อบทกันบนเวที ผมนั้นตอนนี้จำได้ขึ้นใจแล้ว ก็เล่นไปตามบท ไม่มีอะไรยากเลยสักนิด ขอเพียงแค่ทำมันให้ดีเท่านั้น

พวกเราที่ต่อบทกันจนเป็นที่พอใจหัวหน้าชมรมแล้วก็เริ่มเตรียมตัวที่จะแยกย้ายกันกลับ ผมเดินไปหาพี่แก้ว และพูดคุยอีกสักพักถึงบทละครที่ผมได้รับ ซึ่งมีบางจุดที่ผมไม่ค่อยเข้าใจ

"มีหนุ่มหล่อมาเฝ้าอีกแล้วนะอิน" ผมที่ยืนคุยกับพี่แก้วนั้นพี่ในชมรมที่เอ่ยปากแซวผม ซึ่งพอได้ยินแบบนี้ก็จะมีใครอีกล่ะ ไอ้พี่เปอร์น่ะสิ มากวนอีกจนได้

"เห็นนั่งอยู่บนนั้นนานแล้วนะ ชวนเขามาดูเหรอ"

"ผมไม่ได้ชวนเขาหรอกครับ เขาชอบมาเอง" ผมพูดและยังคงไม่ได้หันไปมอง ทำเป็นแกล้งไม่สนใจซะดีกว่า

"มาแอบดูผลงานอินหรือเปล่า ให้พี่เขาพาเข้าวงการสิ" ผมขมวดคิ้วทันทีที่ได้ยินแบบนั้น เดี๋ยวก่อนนะ พี่เปอร์น่ะเหรอจะพาผมเข้าวงการ วงเหล้าสิไม่ว่า

แต่ผมที่ฟังคำพูดของพี่ๆ ก็เริ่มรู้สึกว่ามันแปลก ผมค่อยๆ หันหลังขึ้นไปมองบนที่นั่งชั้นบนตามที่พวกพี่ๆ พูดถึง ไม่จริงใช่ไหม หรือว่า...

และทันทีที่ผมมองขึ้นไปนั้น ผมก็ต้องตกใจทันที ผมมองคนที่นั่งอยู่ที่ชั้นบน ต่อให้ที่นั่งตรงนั้นมืดแค่ไหน แต่ความสว่างของพี่หมอกก็ยังคงโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ ผมพยายามจะไม่ยิ้มออกมา แต่ในหัวใจก็เต้นโลดไปด้วยความดีใจ

ผมบอกลาพวกพี่ๆ และเก็บของพลางเดินขึ้นไปที่บนที่นั่งนั้น ผมเดินช้าๆ อย่างกล้าๆ กลัวขึ้นไป สายตาจ้องมองพี่หมอกที่ทำสีหน้านิ่งๆ และไม่ได้จ้องมองผม แต่แค่พี่มา ผมก็รู้สึกดีจริงๆ ลืมอะไรแย่ๆ ในหัวใจไปหมด ทำไมเป็นคนแบบนี้นะอิน

"คือ ทำไมมานั่งดูตรงนี้ละครับ แถวๆ หน้าเวทีก็นั่งได้..."

"พล่ามอะไร ก็แค่มาหลบฝน" พี่หมอกนั้นไม่ทันที่จะให้ผมได้พูดจบก็ชิงพูดขึ้นมา และลุกขึ้นจากที่นั่งทันที ผมมองตามหลังพี่หมอกที่ลุกเดินไป หลบฝนเหรอ แบบนี้นี่เอง

ผมเริ่มหุบยิ้มลง และเดินตามพี่หมอกออกไป ท้องฟ้าด้านนอกในตอนนี้ยังคงมีสายฝนเทลงมาไม่ขาดสาย หัวใจของผมหม่นหมองลงในทันที พี่หมอกยังคงเดินไปตามขั้นบันไดเพื่อลงไป และไม่ได้หันมามองผม ทำเหมือนผมไม่ได้มีตัวตนอยู่ตรงนั้น

ผมก้าวเดินช้าลง มองแผ่นหลังของพี่หมอกที่ค่อยๆ ไกลออกไป ผมหยุดเท้าไว้แค่นั้น และปล่อยให้น้ำตาไหลรินไปพร้อมๆ กับสายฝนที่ตกอยู่ในหัวใจ
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#18 FREEDOM(25/9/61)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 25-09-2018 15:38:44
ทิ้งไปเถอะ หาใหม่ดีกว่าอิน  :katai1:
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#18 FREEDOM(25/9/61)
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 25-09-2018 20:04:05
 :mew6: :mew6:
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#18 FREEDOM(25/9/61)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 25-09-2018 21:15:25
 :pig4: :pig4: :pig4:

อิหมอก อิไบโพลาร์
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#18 FREEDOM(25/9/61)
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 27-09-2018 12:42:59
ขอบคุณครับ +1 ให้นะครับ o13
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#18 FREEDOM(25/9/61)
เริ่มหัวข้อโดย: ป่ามป๊ามป่ามปาม ที่ 27-09-2018 13:12:47
เราว่าอินควรตัดใจแบบจริงๆจังๆได้แล้ว ยิ่งเข้าไปใกล้หมอกก็จะยิ่งเจ็บแบบนี้ ตอนนี้คืออินเข้าไปใกล้ยังไง หมอกก็ผลักออกมาอะ อินก็รู้ตัวแต่ยังไม่ตัดใจสักที 
เอ ว่าแต่หมอกทำไมต้องมาหลบฝนที่นี่  :hao3:
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#18 FREEDOM(25/9/61)
เริ่มหัวข้อโดย: สีหราช ที่ 27-09-2018 19:55:26
 :L2:
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#18 FREEDOM(25/9/61)
เริ่มหัวข้อโดย: Gloomy Sunday ที่ 01-10-2018 14:47:11
เพ้อ บทที่ 19 วงจรแห่งความเศร้า


เมื่อสายฝนยังคงโหมกระหน่ำอยู่แบบนี้นั้น ก็แน่นอนว่าตลาดนัดริมแม่น้ำไม่มีทางที่จะมี ผมกลับบ้านด้วยรถเมล์นั่งมองสายฝนที่ยังคงตกหนัก และโหมกระหน่ำราวกับพายุ

รถที่ติดจอดเรียงรายท่ามกลางสายฝน ผู้คน แสงไฟ ต้นไม้ที่พลิ้วไหวไปตามแรงลม ผมแนบแก้มลงกับกระจกใสที่เย็นชื้น ไม่สนใจมือถือที่กำลังสั่นอยู่ในกระเป๋า ผมไม่อยากทำอะไรเลย ได้แต่นั่งมองชีวิตตัวเองที่ไม่มีอะไรเลยจริงๆ

"มันเป็นไปไม่ได้ ไม่มีวันเป็นไปได้" ผมพูดเบาๆ ผ่านสายผมเย็นที่ละอองน้ำสาดกระทบผิวหน้า ผมล้วงมือเข้าไปในกระเป๋า ล้วงหยิบผ้าเช็ดหน้าสีขาว กลิ่นหอม และสัมผัสของมันนั้นยังคงไม่จางหายไปจากหัวใจของผม แต่ว่าจากนี้ไป มันไม่มีค่าสำหรับผมอีกแล้ว

ผมถือมันไว้ และยื่นมือออกไปที่นอกกระจกรถ สายลมที่พัดโหมเพียงหนึ่งครั้ง นำมันให้หลุดลอยไปกับสายลมนั้น พัดปลิวขึ้นสู่ผืนฟ้า และหายลับไปจากสายตา

"อิน จัดของเรียบร้อยแล้วนะลูก"

ในเช้าวันหยุดที่แสนวุ่นวาย ผมเช็คดูกระเป๋าของผมเตรียมตัวที่จะออกเดินทาง หัวใจของผมนี้มันคอยแต่จะบอกให้ผมหนีไป แต่ผมก็ทำไม่ได้ ผมจะต้องไป และทำให้ทุกอย่างให้มันจบเสียที

"แล้วจะซื้อขนมมาฝากนะครับ" ผมพูดบอกแม่และกอดแม่อย่างออดอ้อน

"ไม่ต้องหรอกลูก เดินทางดีๆ นะ ดูแลคุณหมี่ด้วย"

"ครับ" ผมบอกลาแม่ และสะพายกระเป๋าเป้ขึ้นที่บ่า ผมค่อยๆ เดินช้าๆ ไปที่หน้าบ้าน ตอนนี้รถคงมารอรับแล้ว และหน้าที่ผมก็คือ...

"อิน มาสักทีเอากระเป๋าขึ้นรถสิ" ผมมองหมี่ที่อยู่ในชุดกระโปรงสวย สวมแว่นกันแดด และหมวกใบใหญ่ ผมไม่ได้พูดอะไร ผมหลบสายตาพี่หมอกที่กำลังมองมา และก้มหน้ายกกระเป๋าให้คุณหนูของบ้าน

"อินไม่ต้อง ให้คนขับรถเขาทำ" มือของผมถูกดึงออกจากกระเป๋าของหมี่ พี่เปอร์ยิ้มให้ผมด้วยรอยยิ้มหวานไม่สนใจหมี่ที่แอบทำสีหน้าขยะแขยงใส่

"อินไม่สบายหรือเปล่า หน้าซีดมากเลยนะ" ผมหลบมือพี่เปอร์ที่ยื่นมา

"ผมไม่เป็นไร"

"โอเค แต่ถ้ารู้สึกไม่ดีบอกพี่นะ พี่เอายาให้" ผมยิ้มให้พี่เปอร์ ขอบคุณครับที่ดีกับผม

"คบพี่เปอร์ไปเลยก็ดีนะอิน ดูแลดีขนาดนี้" หมี่พูด และยิ้มจ้องมองพวกเรา ผมไม่รู้ว่าเธอพูดด้วยใจจริงหรือเปล่า แต่สีหน้าของเธอทำให้ผมรู้สึกแย่จริงๆ

"ไอ้หมอก ถ้าเมียมึงยังไม่หุบปาก กูจะให้วิ่งตามรถ"

"พี่เปอร์ หมี่แค่ล้อเล่นค่ะ" หมี่พูดเสียงแหลมด้วยความตกใจ

"อินเขาไม่เล่นด้วยหรอกนะ พูดอะไรนึกถึงอินบ้าง" พี่เปอร์พูดแบบดุๆ ใส่หมี่ ซึ่งพี่หมอกก็แค่ยืนเฉยๆ ไม่ออกความเห็นใดๆ

"อินเป็นเพื่อนหมี่นะคะ แค่ล้อเล่นจะเป็นไรไป ใช่ไหมอิน พี่เปอร์คิดมากเกินไปแล้ว เนอะ" หมี่พูด และเดินมาจับแขนผม ทำหน้าเหมือนล้อเล่นจริงๆ

"ไปกันเถอะ เดี๋ยวต้องไปรับมิวอีกนะ" ผมพูดบอกพี่เปอร์ และขึ้นไปนั่งบนรถตู้ที่จอดไว้ ซึ่งเป็นรถของบ้านพี่เปอร์ ผมนั่งในแถวหลังสุดของรถ พิงตัวเข้ากับเบาะ และหลับตาลง ผมรู้สึกเหนื่อย ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้ออกแรงอะไร ผมในตอนนี้นั้นอาการหนักเหลือเกิน

"อินนอนบนตักพี่ไหม" ผมลืมตาขึ้นมองพี่เปอร์ที่นั่งอยู่ข้างๆ ผม ในขณะที่รถเริ่มแล่นออกไป ผมส่ายหน้าน้อยๆ ให้พี่เปอร์ และเผลอเหลือบสายตาไปมองคนสองคนด้านหน้าที่กำลังอิงพิงซบกัน ผมพาตัวเองมาที่แบบนี้ทำไมกันนะ แต่มันก็จะผ่านไป ผมจะผ่านมันไปได้

"ผมไม่เป็นไรครับ แค่ง่วงนอน" ผมพูด และพิงกระจกใสของรถตามเดิม

"อันนี้หมอนพี่ เอาไว้อิงนะ จะกินขนมก็บอกพี่ได้เลย พี่เอามาเยอะ" ผมยิ้มให้พี่เปอร์

"หมี่อยากกินค่ะ ขอกินได้ไหม" ผมมองหมี่ที่รีบหันหน้ามาทันที และพี่เปอร์ก็เปลี่ยนสีหน้าทันทีเช่นกัน

"ลุง เดี๋ยวเจอเซเว่นก็จอดให้คุณผู้หญิงเขาซื้อขนมหน่อย" ผมแอบขำเล็กๆ ที่พี่เปอร์พูดแบบนั้นกับคนขับ และหมี่ก็ทำหน้าบูดทันที

"ยิ้มๆ แบบนี้สิถึงจะน่ารัก" พี่เปอร์พูดเบาๆ และยื่นมือมาดึงแก้มผม เผลอไม่ได้เลยนะ ผมเหลือบมองไปข้างหน้าอย่างระวัง หมี่นั้นยังคงเชื่อว่าผมเป็นผู้ชายเต็มร้อยถึงไม่ได้คิดอะไร ซึ่งแบบนั้นก็ดีแล้ว แต่จะประเจิดประเจ้อมากไปก็ไม่ได้

"ผมอยากกินขนมครับ" ผมพูด และแบมือยื่นไปตรงหน้า ซึ่งผมก็ได้ช็อกโกแลต ลูกอม และมันฝรั่งทอดมาเป็นซองใหญ่

"พี่หมอกคะ หมี่อยากกินขนมอ่ะ" ผมมองหมี่ที่กอดแขนอ้อนพี่หมอก แต่ตั้งแต่ที่มานั้นผมไม่เคยเห็นพี่หมอกพูดเลยสักนิด พี่หมอกเอาแต่ทำหน้านิ่งๆ นั่งตัวตรงไม่กระดุกกระดิกใดๆ พี่เป็นอะไรงั้นเหรอ แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องของผม พี่จะทำอะไรของสุดแล้วแต่พี่เถอะ

"แบ่งกับอินก็ได้" ผมพูดและยื่นซองขนมให้หมี่

"ขอบใจอิน" หมี่เหลือบมองพี่เปอร์เล็กๆ ก่อนจะตะครุบเอาขนมห่อใหญ่ไป

"โธ่อิน ให้เขาทำไม" พี่เปอร์พูด และทำหน้างอ

"กินกันเยอะๆ อร่อยดีครับ พี่ก็กินนะ" ผมพูด และยื่นขวดน้ำหวานที่ผมเปิด ยื่นให้พี่เปอร์ได้ดื่ม ซึ่งพี่เปอร์ก็รับไปดื่มทันที

"อินดื่มต่อสิ" พี่เปอร์ดื่มน้ำนั้นไปจนครึ่งขวดแล้ว และยื่นมันกลับมาให้ผมด้วยแววตาเจ้าเล่ห์

"แต่ว่า พี่อิ่มแล้วเหรอ" ผมถาม และมองพี่เปอร์ที่พยักหน้าให้ผม

"งั้นผม..." ผมยื่นมือออกไปเพื่อจะรับขวดน้ำนั้น แต่มือผมที่ยื่นออกไปก็คว้าได้แต่ลม ผมมองขวดน้ำหวานที่ถูกแย่งไปต่อหน้าต่อตา และคนคนนั้นก็เปิดกระจกปามันออกไปโดยไม่สนใจว่ารถกำลังสิ่งอยู่ด้วยความเร็ว

"ไอ้หมอกกกก มึงทำอะไรเนี่ย" พี่เปอร์ที่เห็นแบบนั้นก็เสียงแหลมถามเพื่อนทันที นั่นสิอะไรของเขากันนะ

"รำคาญ" พี่หมอกพูดเสียงเย็น และทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ต่อไป

"ทำแบบนั้นไปโดนรถคันอื่นจะทำยังไงละครับ" ผมพูดเบาๆ อย่างไม่เข้าใจ หงุดหงิดอะไรของเขานะ

"มันบ้าแบบนี้แหละอิน ช่างมัน" พี่เปอร์พูดอย่างไม่ใส่ใจ

"งั้นผมกินขวดใหม่ก็ได้ครับ" ผมพูด และเปิดขวดใหม่ขึ้นดื่มไม่สนใจสีหน้าผิดหวังของพี่เปอร์

ไม่นานนักรถตู้ก็แล่นเข้าสู่มหา'ลัยในที่ที่ผมนัดกับมิวไว้ ผมยิ้มให้มิวที่เดินขึ้นมาบนรถ และนั่งแทนที่พี่เปอร์ที่ผมไล่ให้ลุกออกไป ผมยิ้มให้สีหน้างอนๆ ของพี่เปอร์แต่ก็นะ ผมอยากนั่งกับมิวนี่นา วันนี้มิวก็ยังคงน่ารัก ใส่เสื้อฮูดสีชมพู และแก้มแดงๆ

"จริงๆ ผมนั่งข้างหน้าก็ได้นะ" มิวบอกผม และเหลือบมองพี่เปอร์ที่นั่งหน้าเป็นตูดอยู่แถวหน้าสุด

"ไม่ต้องหรอก นั่งกับพี่นะ พี่มีขนม" ผมพูดและยื่นปลาเส้นให้มิว

"ขอบคุณครับ" มิวพูด และหยิบขนมจากมือผม น่ารักอ่ะ ผมพูดคำนี้เป็นล้านครั้งได้เวลามองหน้ามิว

ในช่วงเวลาที่พวกเราอยู่บนรถนั้น ส่วนมากก็มีแต่ความเงียบ เสียงเพลงที่ลุงคนขับเปิดให้ฟังนั้นก็มีแต่เพลงเศร้า ผมมองมิวที่นั่งหลับพิงไหล่ของผมเอาไว้ น้องขดตัวเหมือนกำลังหาความอบอุ่น ก็แน่ล่ะ ผมเงยหน้าปรับช่องแอร์ที่ด้านบน บนรถนี่หนาวมาก หนาวอย่างกับขั้วโลกเหนือ จะป่วยเอานะแบบนี้ ผมดึงเสื้อคลุมของผมจากกระเป๋าและคลุมตัวมิวไว้อีกชั้น แบบนี้ค่อยยังชั่วหน่อย

ผมนอนอิงซบกับน้องไว้ และห่มคลุมตัวให้อบอุ่น ผมมองไปยังด้านหน้า มองพี่หมอกที่ยังคงนั่งนิ่งตรง ไม่ค่อยพูดอะไรตั้งแต่เริ่มออกมา เวลาที่เขาได้ไปเที่ยวกับแฟน ก็คงจะมีความสุขใช่ไหม พี่กำลังมีความสุขหรือเปล่า ขอให้พี่ มีความสุขมากๆ นะครับ

ผมหลับตาลง ปล่อยให้ความง่วงทำให้ผมหลับไป แค่เพียงในฝัน ผมก็ยังคงพยายามลบเลือนพี่ออกไป ผมจะไม่ฝันเห็นพี่อีกแล้ว ต่อไปนี้ ความฝันของผม จะถูกทดแทนด้วยคนที่รักผมเท่านั้น

"พี่อิน ถึงแล้วนะครับ" ผมลืมตาขึ้นช้าๆ มองประตูรถที่เปิดออก มิวนั้นนั่งอยู่ข้างๆ ผมและกำลังเขย่าตัวเรียกผมเบาๆ เพื่อปลุก

"ขอโทษนะ หลับเพลินเลย" ผมพูดและยิ้มให้มิว

"ไปดูที่พักกันครับ พี่นอนกับมิวนะ" ผมพยักหน้าทันทีที่มิวพูดแบบนั้น ถ้าไม่นอนกับมิวจะไปนอนกับใครล่ะ แค่คิดว่าต้องนอนกับพี่เปอร์ผมก็หวาดเสียวแล้ว

"โอเค ไปกัน" ผมพูด และลุกขึ้นจากที่นั่ง ลงจากรถ และมองพี่เปอร์ที่กำลังขนของลงให้

"สองคนเรา หลังสุดท้ายนะ พี่ให้คนไปเปิดห้องให้แล้ว" พี่เปอร์พูดกับผมแต่เหลือบมองมิวด้วยสีหน้านิ่งๆ

"แล้วพี่นอนไหนเหรอ" ผมถามพี่เปอร์ที่หันมายิ้มให้ผม

"ทำไม อยากนอนกับพี่เหรอ" พี่เปอร์ยิ้มเจ้าเล่ห์ใส่ผม และผมก็หันหน้าหนีไปหามิวทันที

"เราไปกันเถอะ" ผมจับมือมิว และเดินทิ้งไอ้พี่ชีกอไว้ข้างหลัง แต่ทำไมกันนะ สีหน้าของน้องดูหมองลง ผมพูดอะไรผิดไปหรือเปล่านะ

ผมกับมิวเดินไปเรื่อยๆ เลาะริมชายหาดสีขาวและน้ำทะเลสีฟ้า ลมที่พัดเบาๆ ทำให้ผมรู้สึกสดชื่นปลอดโปร่งในหัวใจ ผมมองบ้านบังกะโลสุดหรู ที่เรียงรายติดริมทะเลสวย ทั้งหมดนี่ของพี่เปอร์งั้นเหรอ ไอ้พี่นี่รวยแค่ไหนกันนะ การตบแต่งเป็นแบบไม้สวยๆ แบบไทยๆ ผมชอบนะ มันดูมีเสน่ห์ดี

"พี่หมอกคะ ไปเดินดูทะเลกันค่ะ" ผมจูงมือมากับน้อง และเดินผ่านที่พักหลังข้างๆ กับที่ผมอยู่ ผมมองหมี่ที่กำลังเกาะแขนอ้อนพี่หมอกด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ทั้งสองคนเดินไปที่ชายหาดด้วยกัน ผมหลบสายตาลงต่ำ และเฝ้าแต่บอกตัวเองให้พอสักที

"พี่อินครับ" ผมพยายามฝืนยิ้มเอาไว้และมองมิวที่เรียกผมเบาๆ

"ว่าไงเหรอ"

"พี่เคย รักใครสักคนมากๆ ไหม รักมาก แต่ก็ทำได้แค่รัก"  ผมยิ้มให้คำถามนั้นของมิวทันที

"ถ้าเป็นแบบนั้น เราก็ควรจะลืมคนคนนั้น และรักคนที่เขารักเราดีกว่านะ" ผมพูดและจับมือน้องให้แน่นมากขึ้น

"ถ้าทำแบบนั้นได้ง่ายๆ มันก็ดีสิครับ" มิวพูดเบาๆ เหมือนกำลังพูดกับตัวเอง ผมนั้นเข้าใจมิวดี เข้าใจมากที่สุด ชีวิตคนเรานั้นมาน่าตลกนัก เวลาที่เรารักใคร คนคนนั้นก็มักจะไม่รักเรา และคนที่มารักเรา เราก็ไม่เคยคิดจะรักคนคนนั้น แต่ทุกอย่างก็อาจเปลี่ยนไปได้ ขอแค่ลองเปิดใจดู

"ถ้าเก็บของกันเสร็จแล้วมาหาพี่นะ ไปกินข้าวกัน" พี่เปอร์ที่เดินตามมา เรียกบอกพวกเรา

"เดี๋ยวพี่ไปก่อนเลยก็ได้นะครับ ผมเอากระเป๋าไปเก็บให้" มิวพูดบอกผม และดึงกระเป๋าออกจากแขนผมทันที ผมอึกอักอย่างเกรงใจแต่มิวก็ไวเหลือเกิน วิ่งฉิวหนีไปแล้ว

"ชอบไหม ทะเลสวยนะ" พี่เปอร์เดินเข้ามาหาผมด้วยรอยยิ้มหวานบนใบหน้า

"ครับ สวยดีครับ ผมชอบ" ผมพูด และมองท้องทะเลตรงหน้า ที่เกลียวคลื่นกำลังม้วนเข้าหาฝั่ง เม็ดทรายขาวละเอียด และสายลมเย็นที่ทำให้ชื่นใจ

"อยากเป็นทะเลจังเลยนะ" ผมที่ได้ยินแบบนั้น ก็หันมองพี่เปอร์อีกครั้ง ด้วยความสงสัย

"ทำไมละครับ" ผมพูดถามพี่เปอร์ที่กำลังยิ้มให้ผม

"ก็พี่ อยากให้อินชอบพี่บ้าง" ผมที่ได้ยินแบบนั้นก็หันหน้าหนีทันที ว่าแล้ว ไม่น่าถามเลยเรา "ยิ้มแบบนี้พี่หวังได้ไหมนะ" พี่เปอร์เอี้ยวตัวมาจ้องมองผมด้วยรอยยิ้มทะเล้น

"ผมหิวแล้ว" ผมยิ้มและผลักไหล่พี่เปอร์ให้เดินไปข้างหน้า พี่เปอร์ตอนนี้นั้นสวมเสื้อกล้ามสีขาว และกางเกงขาสั้น กล้ามแขนแบบว่าน่าจะต่อยคนตายได้ แถมปากก็ดีเหลือเกิน แต่ว่าผมเชื่อนะว่าพี่ชอบผม เพราะพี่แสดงมันออกมามากเหลือเกิน มันทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นมากจริงๆ

ในช่วงกลางวันนั้น พวกเรานั่งทานอาหารกันที่ซุ้มสีขาวที่จัดประดับไว้อย่างสวยงาม ผมมองอาหารที่เรียงรายส่งตรงจากรีสอร์ตหรู เอาจริงๆ มากันแค่ห้าคนไม่ต้องขนาดนี้ก็ได้ พวกเราทานอาหารไปมองท้องทะเลไป บรรยากาศดีบวกกับอาหารอร่อย นานๆ มาแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน

"กินกุ้งไหม เดี๋ยวพี่แกะให้" พี่เปอร์ที่นั่งตรงข้ามผมนั้นก็จัดแจงตักอาหารให้ผมเสร็จสรรพ ผมมองพี่เปอร์ด้วยสายตาปรามๆ อย่าให้มันมากไปนักสิครับ ผมเริ่มอายเขาแล้วนะ

"พิการหรือไง" ผมทำเป็นไม่สนใจเสียงถากถางของคนอีกคนที่นั่งตรงข้าม พี่หมอกส่งสายตาแสดงท่าทีรำคาญมาให้ผมเป็นระยะ พลางลุกขึ้นเดินไปย่างของทะเลด้วยตัวเองที่เตา

"พี่หมอกคะ หมี่อยากกินกุ้งบ้างอ่ะ" หมี่ที่เห็นพี่เปอร์บริการผมก็นึกอยากลองอ้อนแฟนตัวเองบ้าง ผมมองคนทั้งสองอยู่เงียบๆ พี่หมอกนั้นดูหงุดหงิดอารมณ์เสียตั้งแต่เช้าแล้ว และหมี่ไม่รู้หรือไงว่าพี่หมอก... แต่ว่า ไม่ใช่เรื่องของผมสักหน่อย

ผมนั่งกินอาหารเงียบๆ และตักแบ่งทุกสิ่งที่พี่เปอร์แกะให้มิว ผมมองมิวที่ทำหน้าซึมลงอีกแล้ว น้องไม่สบายหรือเปล่านะ

"อาหารไม่ถูกปากเหรอ" ผมถามมิวที่ทำหน้าเหมือนจะอยากจะร้องไห้

"เปล่าครับ ผมอิ่มแล้ว อยากนอนพักสักหน่อย เดี๋ยวผมขอตัวก่อนนะ" ผมมองมิวที่วางช้อนลง และลุกขึ้นทันที

"เดี๋ยวพี่พาไปนะ" ผมพูดและลุกขึ้นตามน้อง

"ตรงนี้เองครับ พี่ทานต่อเถอะ แล้วตอนเย็นมาปลุกผมละกัน" มิวยิ้มให้ผมเพื่อบอกว่าไม่เป็นไร ผมพาน้องมาลำบากหรือเปล่านะ รู้สึกไม่ค่อยดีเลย

"พี่หมอกคะ ลองกินอันนี้สิอร่อยนะคะ" ผมมองมิวที่เดินกลับที่พักไปแล้ว และเหลือบมองคู่รักทั้งสองที่กำลังสวีทหวานกัน จริงๆ ผมก็ควรจะไปได้แล้ว ไม่อยากอยู่แถวนี้นานเลยจริงๆ

ผมมองพี่หมอกที่หน้าตาบอกบุญไม่รับตลอดเวลา พลางเมินหน้าหนีช้อนอาหารที่หมี่ตักให้

"สักนิดสิคะ นิดเดียวนะคะ" หมี่ยังคงพยายาม และเอาช้อนจ่อปากพี่หมอก แต่เดี๋ยวนะ ถ้าผมมองไม่ผิด...

"พี่เขาแพ้กุ้งนะ" ผมที่เห็นท่าไม่ดีก็อดใจไม่ไหว และส่งเสียงดังทันที ซึ่งพี่หมอกก็แค่จ้องมองผม และหมี่ก็ทำท่าตกใจจริงๆ

"โธ่อิน บอกทำไม พี่อยากเห็นไอ้หมอกมันลงไปชักสักหน่อย" ผมที่ได้ยินแบบนั้นก็ตีแขนพี่เปอร์เข้าให้ หนอย รู้ทั้งรู้แต่ดันสั่งกุ้งมาเต็มไปหมด

"ขอโทษนะคะ หมี่ไม่รู้จริงๆ" หมี่พูด และหน้าเสียไปเรียบร้อย ผมจิกตามองพี่เปอร์ที่หัวเราะร่า และหลบสายตาพี่หมอกที่ยังคงมองมาไม่หยุด

"อันตรายมากนะครับ อย่าเล่นแบบนี้เลย" ผมยังคงบ่นพี่เปอร์ไอ้คนนิสัยเสีย แกล้งเพื่อน

"แหม่ พี่เพื่อนรักมันนะ นี่ ดูนี่ เตรียมกดเรียกรถพยาบาลรอแล้ว" พี่เปอร์ยังคงหัวเราะลั่นอย่างไม่สะทกสะท้าน และชูมือถือให้ดูว่ากำลังจะกดเบอร์ฉุกเฉินจริงๆ เชื่อเขาเลย

"เออ ไอ้หมอก แล้วมึงก็ไม่บอกเขาเนอะ นั่งอมอะไรอยู่ได้ มึงเป็นใบ้หรือไง" พี่เปอร์หันไปหาพี่หมอก และเลื่อนเก้าอี้ไปใกล้ๆ

"พูดมาก กูจะเอาหอยยัดปากมึง" พี่หมอกพูดพลางใช้ส้อมจิ้มหอยนางรมตรงหน้าแบบใส่อารมณ์

"โธ่ มึงก็รู้ว่ากูไม่กินหอย" พี่เปอร์กอดคอพี่หมอก และพูดเป็นนัยๆ พลางจ้องมองผม

"เหอะ" พี่หมอกถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายทำหน้าบูดต่อไป ผมเพิ่งรู้นะว่าพี่เปอร์ไม่กินหอย พี่เขาหมายถึงหอยที่เป็นของกินใช่ไหม

"เอ่อ งั้นผมขอตัวไปดูน้องก่อนนะ ผมเป็นห่วงมิว" ผมที่อิ่มแล้วก็เริ่มคิดว่าผมควรจะไปได้แล้ว ผมได้ทีลุกขึ้น และทำท่าจะเดินหนีออกมาทันที เวลาแบบนี้ผมอยากอยู่คนเดียวอย่างอิสระมากที่สุด

"พี่ไปด้วยนะ พี่จะเอายาไปด้วย" พี่เปอร์ที่เห็นแบบนั้นก็ไม่ยอมปล่อยผมให้อยู่คนเดียว แต่ก็เอาเถอะ กับพี่เปอร์ก็ดีเหมือนกัน

"กลางวันก็ตัวติดกัน กลางคืนก็คงติดกันจนเตียงสั่น" ผมชะงัก และหันไปมองพี่หมอกที่พูดขึ้นพลางยกยิ้มมุมปาก ผมกำมือแน่น และพยายามไม่ให้มันสั่นมากนัก ทำไมกัน ทำไมถึงพูดอะไรแบบนั้น

"ออมแรงไว้มั่งนะ จัดตั้งแต่หัววัน กลางคืนจะหมดแรงเอา" พี่หมอกยังคงพูดต่อไปด้วยรอยยิ้มหยัน

"แหมพี่หมอก พูดอะไรแบบนั้นคะ อินโกรธจนสั่นแล้วเห็นไหม" หมี่พูดพลางหัวเราะคิกคัก

"พอๆ อย่าไปฟังหมามันเห่าเลยอิน มันปากดีแบบนี้แหละ ยังไม่ชินก็ชินซะ แล้วอีกอย่างนะไอ้หมอก น้องอินเขาไม่ง่ายโว้ย แถมกูยังไม่ได้เป็นแฟนน้องเขาอีก เพราะงั้นหุบปากมึงไปซะ ก่อนที่กูจะช้ำใจไปมากกว่านี้" พี่เปอร์พูดแบบสบายๆ เหมือนไม่ใส่ใจพี่หมอกเท่าไหร่ ผมก้มหน้าลงกับพื้น ก้มหน้าสะกดอารมณ์ที่พลุ่งพล่าน ผมค่อยๆ เงยหน้าขึ้นจ้องมองพี่หมอก พี่ต้องการแบบนั้นใช่ไหม ได้เลย ตามที่ต้องการ

ผมเดินหนีออกมาจากตรงนั้น เดินอย่างรวดเร็วไปตามชายหาด ผมสะกดกลั้นน้ำตาเอาไว้ ไม่ยอมให้มันไหลออกมา ผมจะร้องไห้ไม่ได้ ผมตัดสินใจแล้วตั้งแต่ออกมา เข้มแข็งไว้อิน อย่าให้คนแบบนั้นได้ใจ

"อิน อย่าถือที่ไอ้หมอกมันพูดเลยนะ มันเป็นคนแบบนั้นแหละ ปากมันร้ายก็รู้ดีอยู่ แค่แซวแรงไปหน่อยแค่นั้นแหละ พี่เห็นอินหน้าเสียขนาดนี้ พี่เป็นห่วงนะ"

"พี่รักเพื่อนดีนะครับ ออกรับแทนขนาดนั้น" ผมหยุดเดิน และหันกลับไปหาพี่เปอร์ด้วยรอยยิ้ม สีหน้าของผมในตอนนี้นั้นไม่มีเค้าลางของความเสียใจหลงเหลืออยู่เลย ผมน่ะ แสดงได้นะ และผมก็เก่งมากด้วย

"อินไม่คิดมากแล้วใช่ไหม พี่ไม่ได้ออกรับแทนมันนะ พี่แค่รู้จักมันดี ถึงจะน่าโมโห แต่มันก็มีส่วนดีของมัน" ผมมองพี่เปอร์ที่ทำสีหน้างงๆ แต่ก็ยิ้มออกมาอย่างโล่งใจ

"คนคนนั้นไม่มีส่วนดีหรอกครับ" ผมพูดและเริ่มเดินต่อ

"อินรู้ไหม ยิ่งอินโกรธไอ้หมอกมันมากขนาดนี้ พี่ก็ยิ่งคิดนะ ว่าอินเกลียดพี่ พวกเราไม่ได้เป็นอะไรกัน แต่ถูกพูดแบบนั้น พี่เข้าใจนะว่าอินจะโกรธ พี่ไม่โทษอินเลย" ผมที่ไฟในใจกำลังลุกโชดช่วงนั้น พอได้ยินพี่เปอร์พูดออกมา หัวใจของผมก็ผมก็เริ่มสงบลง ผมหันไปจ้องมองพี่เปอร์ จ้องมองรอยยิ้มที่แฝงไปด้วยความเศร้านั้น ในหัวใจของพี่คงจะรู้สึกผิดหวังมากใช่ไหม ความเจ็บปวดที่ถูกส่งต่อเป็นช่วงๆ มันช่างทรมาน แต่มันก็กำลังจะจบลงแล้ว ผมจะเป็นคนตัดวงจรความเศร้านี้เอง

"พี่ ชอบผม จริงๆ เหรอ" ผมพูดถามพี่เปอร์ด้วยใบหน้าที่จริงจัง ผมเคยถามพี่มาแล้ว แต่ผมก็ยังอยากจะยืนยัน ผมอยากรู้ ผมต้องการจะรู้ เพื่อให้ผมได้มั่นใจ

"พี่ชอบอิน พี่อยากให้อินเป็นแฟนของพี่" ผมยิ้มน้อยๆ ให้คำคำพูดที่หนักแน่นนั้น

"ถ้างั้น...ผมจะตอบพี่นะครับ คืนนี้" ผมพูด และมองไปด้านหลัง มองไปยังผู้ชายที่ผมรัก แต่ว่าผมพอแล้วล่ะ พวกเราไม่ได้เกิดมาเพื่อคู่กัน มันไม่มีทางเลยที่ผมจะอยู่ในสายตาของพี่ ผมขอยอมแพ้ มันจบแล้ว กับความเพ้อฝันบ้าๆ ของผม ให้มันจบ ลงวันนี้เถอะ
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#19 วงจรแห่งความเศร้า(1/10/61)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 01-10-2018 16:10:07
 :pig4: :pig4: :pig4:

อิน...ถามมิวหน่อยไหม?  ว่ามิวคิดยังไงกับพี่เปอร์

และก็ลองคุยกับพี่หมอกดี ๆ ก่อนไหม?  คุยให้เคลียร์ ให้ชัดเจน

ก่อนที่อะไร ๆ มันจะสายไป
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#19 วงจรแห่งความเศร้า(1/10/61)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 01-10-2018 16:10:56
สงสารทั้งอินและมิวเลย  :hao5:
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#19 วงจรแห่งความเศร้า(1/10/61)
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 01-10-2018 22:11:54
คือมิวต้องเป็นเมียพี่เปอร์แล้วแน่ๆ
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#19 วงจรแห่งความเศร้า(1/10/61)
เริ่มหัวข้อโดย: naruxiah ที่ 02-10-2018 07:21:28
น้องมิวควรรีบบอกอินนะว่าตัวเองรักเปอร์ึลึกซึ้ง​กันถึงขั้นไหนไรงี้​ หมอกก็นะปากดีจริงๆเลย
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#19 วงจรแห่งความเศร้า(1/10/61)
เริ่มหัวข้อโดย: ป่ามป๊ามป่ามปาม ที่ 02-10-2018 09:08:24
เรื่องนี้มันรักกี่เส้ากัน อิรุตุงนังไปหมดแล้ว :katai1: :katai1: :katai1:
อยากรู้เรื่องมิวกับเปอร์แล้วอะ สงสารมิวจัง พี่เปอร์ก็ไม่ต่างกับหมอกหรอก :hao3:
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#19 วงจรแห่งความเศร้า(1/10/61)
เริ่มหัวข้อโดย: Gloomy Sunday ที่ 02-10-2018 13:57:40
เพ้อ บทที่ 20 น้ำตาและการตัดสินใจ


ในช่วงเวลาบ่ายนั้น ผมกลับมาที่ห้อง และก็พบว่ามิวได้หายไป ผมรู้สึกเป็นห่วงมิวมาก น้องเหมือนกับมีอะไรอยู่ในใจเสมอ ซึ่งผมก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะถาม หรืออยากรู้เรื่องส่วนตัวของน้องมากไปกว่านี้ ถ้าถึงที่สุดจริงๆ ผมคิดว่า มิวคงจะพูดออกมา

ผมใช้เวลาที่เหลือนั่งอยู่ที่ริมชายหาด เฝ้ามองคลื่นลมที่โพยพัดเข้ามา ที่นี่เป็นหาดส่วนตัว มีเพียงตัวผมที่นั่งอยู่ตรงนี้ ภายใต้ต้นสนต้นใหญ่ ผมกอบทรายสีขาวที่อยู่รอบๆ ตัว ทำปราสาท และตบแต่งด้วยเปลือกหอย พยายามเคลียร์หัวให้ว่าง ลบเลือนความเจ็บปวดในหัวใจ

"อิน เดี๋ยวพี่ไปเอาน้ำให้นะ" พี่เปอร์นั่งอยู่บนเปลไม่ห่างจากผมนัก พี่เปอร์นั่งมองผมอยู่นานสองนานแล้ว จริงๆ ไม่เห็นต้องนั่งเฝ้าผมเลยสักหน่อย

"ครับ เอาน้ำแดงนะ" ผมส่งยิ้มและบอกพี่เปอร์ที่เดินออกไป บางทีพี่เขาก็ดีกับผมเหลือเกิน ถ้าหากผมกับพี่เปอร์เป็นแฟนกันแล้ว ทุกอย่าง จะเหมือนเดิมไหมนะ

ผมยังคงนั่งก่อกองทรายของผม หาเปลือกหอยสวยๆ แถวนั้นประดับประดาเพิ่มเข้าไป ผมนั่งยิ้มภูมิใจกับผลงานของตัวเอง พลางยกมือถือขึ้นถ่ายรูป ส่งไปให้แม่ดูดีกว่า และถ้ามีโอกาส ผมจะพาแม่มาแน่ๆ

แต่ผมที่กำลังสนใจกับกองทรายตรงหน้านั้น อยู่ๆ ตัวผมก็ต้องสะดุ้งทันที ผมมองขวดน้ำหวานเย็นเฉียบที่แตะเบาๆ ที่ข้างแก้มของผม หึ่ย จะส่งมาดีๆ ไม่ได้หรือไงกันนะ

"มันเย็นนะ..." ผมทำหน้าบูดและหันไปกะจะบ่นคนที่แกล้งผม แต่เมื่อผมหันหน้าไปนั้นก็กลับไม่เจอคนที่บอกว่าจะไปเอาน้ำให้ แต่เจออีกคนที่ผมไม่คิดว่าจะอยู่ตรงนี้

ผมรีบหันหน้าหนีด้วยความตกใจ มือกำขวดน้ำที่ถูกส่งให้แน่น พี่หมอกงั้นเหรอ คงจะมาด่าอะไรผมอีกสิ แต่ก็นะ อยากพูดอะไรก็พูดไปเถอะ ผมไม่อยากสนแล้ว

"คำขอบคุณล่ะมีไหม" ผมยังคงไม่หันหน้าไปมองคนใจร้ายนั้น คำพูดแต่ละอย่างที่ออกจากปากพี่ ก็มีแต่อะไรทำนองนี้ทั้งนั้น

"ผมไม่ได้ขอให้พี่เอามาให้"

"เหอะ รอไอ้เปอร์ไปก็ไม่ได้กินหรอก" ผมขมวดคิ้วสงสัยในคำพูดของพี่หมอก แต่ก็พยายามไม่สนใจ

"ก็ช่างเขา พี่ไปหา...เมียพี่เถอะ" ผมพูดเบาๆ และก้มหน้าลงสนใจกองทรายตรงหน้า คำพูดประชดถากถางแบบนี้มันไม่เข้ากับผมเลยจริงๆ แต่ก็ช่วยไม่ได้ล่ะนะ

"ก็มาหาอยู่นี่ไง"

หืมมม ผมขมวดคิ้ว และหันไปมองพี่หมอกด้วยใบหน้าสงสัยๆ ผมได้ยินไม่ชัดเท่าไหร่ เพราะพี่หมอกพูดเบามาก

"ขี้เหร่แล้วยังหูตึงอีก" พี่หมอกพูดใส่ผม และมองผมด้วยสายตาเหนื่อยหน่ายแบบเดิม

"ตกลงพี่มานี่เพื่อด่าผมเหรอ พอใจแล้วหรือยังครับ" ผมนั้นยังคงโมโหพี่หมอกมาก ในหัวพาลจะคิดถึงแต่คำพูดร้ายๆ นั้น ผมน้อยใจเสียใจ แต่พี่หมอกนั้นคงไม่รู้ และไม่สนใจอะไร พี่ไม่เคยรู้อะไรเลยจริงๆ

ผมเหลือบมองพี่หมอกที่ยังคงยืนนิ่งอยู่ข้างหลังผม แล้วหมี่ไปไหนกันนะ ปกติเห็นตัวติดกันยิ่งกว่าอะไร แล้วพี่เปอร์ล่ะไปไหน ทำไมถึงทิ้งผมไว้ตรงนี้ อะไรของเขากันนะ

"เมื่อกลางวัน ร้องไห้หรือเปล่า" ผมขมวดคิ้วอีกครั้ง และมองพี่หมอกที่กำลังทำท่าทางเหมือนอึกอักรำคาญใจ ในตอนนี้ความคิดของผมนั้นทุกอย่างมุ่งไปทางด้านลบ ผมรู้ว่าพี่หมอกไม่มีทางถามผมด้วยความรู้สึกสงสารเห็นใจ หรือความรู้สึกดีๆ ใดๆ ผมไม่หลงกลพี่อีกแล้ว ไม่มีทาง

"ก็ไม่เห็นต้องร้องนี่ครับ"

"ก็ดี แล้วผ้าเช็ดหน้าละไปไหน" ผมชะงัก และไม่คิดว่าพี่หมอกจะถามถึงผ้าเช็ดหน้าผืนนั้น เหอะ แต่ถ้าอยากรู้ ก็จะบอกให้

"ทิ้งไปแล้วครับ พี่บอกให้ผมทิ้งเอง" ผมหันไปสนใจกองทรายตามเดิม

"โกหก"

"ผมไม่ได้โกหก"

"เหรอ...แต่มัน ก็หอมดีใช่ไหมล่ะ" ผมที่ได้ยินแบบนั้นก็ชะงักทันที ผมมองพี่หมอกที่กำลังยกยิ้มมุมปากอย่างพอใจ นี่ อย่าบอกนะว่า ที่โรงละครนั่น...

"โรคจิตจริงๆ สินะ แต่ถ้าโหยหาขนาดนั้น ก็มาที่คอนโดสิ ของก็เคยๆ กันแล้ว จะจัดให้แบบพิเศษเลยก็ได้" ผมหลบสายตาที่เหมือนรู้ทันนั้น ผมพลาดอีกแล้ว ที่มานั่งอยู่ในโรงละครวันนั้น พี่หมอกเห็นผมอยู่ตลอดเลยงั้นเหรอ

"พี่นั่นแหละ โรคจิต" ผมพูด และลุกขึ้นวิ่งหนีคนนิสัยไม่ดีนั่น ผมวิ่ง และเข้าไปในบ้านพักที่ว่างเปล่าของผมซุกตัวเข้ากับผ้าห่มผืนหนา โรคจิตงั้นเหรอ ก็อาจจะใช่ แต่พี่นั้นก็ไม่ต่างกันหรอก ปากร้าย โรคจิต ซาดิสม์

"พี่อิน ตื่นกินข้าวเย็นกันเถอะ" ผมลืมตาตื่นขึ้น เพราะเสียง และแรงเขย่าเบาๆ จากคนที่กำลังจ้องมองผม นี่ผมเผลอหลับไปนานแค่ไหนกันนะ อากาศที่เย็นสบาย และเตียงนอนนุ่มๆ มันดูดวิญญาณผมจริงๆ

"กี่โมงแล้ว" ผมงัวเงีย และลุกขึ้นด้วยผมชี้ฟู มองมิวที่กำลังยิ้มให้ผม

"ค่ำแล้วครับ อ่ะนี่แว่นพี่" ผมหยิบแว่นตาจากมิวมาใส่ และมองมิวที่ดวงตาแดงน้อยๆ แต่ใบหน้าก็มีแต่รอยยิ้ม แปลว่าอารมณ์ดีขึ้นแล้วใช่ไหม

"หายไปไหนมาเหรอ" ผมถามมิวและลุกขึ้นยืดเส้นยืดสาย ท้องผมในตอนนี้เริ่มร้องระงมแล้วเช่นกัน อยากไปกินของทะเลแล้วล่ะ

"ค.คือ ผมไปเดินเล่นมา ไกลหน่อย" ผมมองมิวที่พูดเหมือนไม่ค่อยมั่นใจ และหลบสายตาผม

"อื้อ แต่ทีหลังบอกพี่หน่อยนะ พี่เป็นห่วงมาก" ผมพูดพลางตบบ่ามิวเบาๆ แต่ทันทีที่ผมเข้ามาใกล้มิวมากขึ้นนั้น ผมก็สังเกตเห็นรอยแดงจางๆ ที่ลำคอของมิว มันคล้ายกับเอ่อ ไม่หรอก คงเป็นยุงละมั้ง

"ครับ" มิวตอบรับผม และยิ้มแย้ม ไม่ได้รู้ตัวว่าผมมองอะไรอยู่ ผมรู้สึกไม่สบายใจนิดๆ แต่ก็คงไม่มีอะไรหรอกมั้ง

พวกเราเดินออกมาจากบ้านพัก มุ่งตรงไปยังลานผืนทรายด้านหน้าที่มีกองไฟเล็กๆ ลุกโชนอยู่ ผมนั่งลงที่โต๊ะไม้ข้างกองไฟนั้น มองดูพนักงานที่ลำเรียงของสดเข้ามาให้พวกเราได้ทำการปิ้งย่างกัน ผมมองพี่เปอร์ที่กำลังยืนคุยกับพนักงานเหมือนกำลังสั่งการอะไรสักอย่าง ผมทำหน้างอ เมื่อบ่ายหายไปไหนของเขากันนะ

"พี่หมอกคะ ดูสิน่ากินทั้งนั้นเลย" และสองคนที่ผมไม่อยากเจอก็เพิ่งมาถึง ผมเหลือบมองหมี่ในชุดเซ็กซี่บางเบาควงแขนสุดที่รักสุดหล่อของเธอเข้ามา ผมเท้าคาง และหลบสายตาพี่หมอก ตอนแรกก็รู้สึกหิวนะ ตอนนี้เหมือนจะไม่ค่อยอยากกลืนอะไรลงท้องซะแล้ว

"อิน" ผมไม่สนใจคนที่เพิ่งเข้ามานั่งเบียดผมที่อีกข้าง ผมหน้างอ และหันไปหยิบซ้อมให้มิวแทน

"พี่ขอโทษนะ เมื่อบ่ายที่รีสอร์ตเรียกตัวพี่ คุณพ่อพี่มาดูงานที่นี่พอดี" พี่เปอร์พูดบอกผมอยู่ข้างๆ แต่พี่หมอกที่นั่งอยู่ตรงข้ามผมก็เริ่มหัวเราะในลำคอทันที ทำเอาพี่เปอร์ส่งสายตาข่มขู่ไปให้พี่หมอก

"เรื่องของพี่เถอะ" ผมลุกขึ้นเดินไปหาปลาหมึกในถาดแล้วโยนใส่เตาย่างขนาดใหญ่ ไม่อยากเสวนากับคนไม่จริงใจ

"เดี๋ยวพี่ทำให้นะ ไปนั่งเถอะ" ผมเหลือบมองพี่เปอร์ที่เดินตามมายืนซ้อนหลังผม และยื่นมือมาแย่งที่คีบในมือ

"ทีหลังถ้าจะไปไหนก็บอกผมบ้างสิครับ" ผมพูด และมองพี่เปอร์ที่ยิ้มหวานตาจะปิด

"ครับ จะรายงานทุกเรื่องเลยนะ" ผมดึงมือออกจากไอ้พี่เปอร์ที่เนียนจับมือผม และเดินกลับไปนั่งที่โต๊ะตามเดิม ผมเหลือบมองคู่รักตรงหน้าที่ตอนนี้กำลังเดินไปเลือกของทะเลด้านหลังเพื่อไปย่างเช่นกัน เฮ้อ รีบกินรีบไปนอนต่อ แค่นั้นแหละ

"พี่อิน อารมณ์เสียเรื่องอะไรเหรอครับ"

"ไม่มีอะไรหรอก แค่ฝันไม่ค่อยดีน่ะ" ผมพูดและยิ้มน้อยๆ ให้น้อง ไม่มีประโยชน์จะพูดมากให้มันมากความ

"เอ้า กินกันเยอะๆ เลยนะ" พี่เปอร์ที่หายไปสักพักก็กลับมาพร้อมของทะเลที่ย่างสุกเรียบร้อยถาดใหญ่ ผมกับมิวก็จัดการสวาปามทันที ไม่สนใจคู่รักทั้งสองที่กลับมานั่ง และแบ่งกันกินอาหารในจานของตัวเอง

ผมมองพี่หมอกที่เลือกกินแต่พวกผักต่างๆ มากกว่าจะกินอาหารทะเล คงเพราะแพ้ และดูแลตัวเองสุดๆ ไปเลย แถมเตาย่างของพี่หมอกก็แยกต่างหากด้วยปลอดภัยไว้ก่อน

"เปิดๆ ไอ้หมอก คืนนี้ไม่สว่างไม่นอน" ผมขมวดคิ้วมองพี่เปอร์ที่กลับมานั่งเบียดผม ในมือของพี่เปอร์นั้นหอบหิ้วขวดเบียร์ขวดเหล้ามาเต็มง่ามนิ้ว นั่นไงล่ะ ของแบบนี้มีหรือจะพลาด

"อย่าดื่มเยอะได้ไหมครับ"

"ถ้าเป็นแฟนสั่งจะเชื่อฟังกว่านี้นะ" พี่เปอร์พูดพลางส่งสายตาเจ้าเล่ห์ให้ ผมที่ได้ยินแบบนั้นก็แทบอยากจะเอาส้อมทิ่มไอ้พี่บ้านี่ทันที ผมเหลือบมองพี่หมอกที่ดูชะงักไป และหมี่ที่หัวเราะชอบใจ

"กินให้ตายไปเลย" ผมพูด และพี่เปอร์ก็ยิ้มหวานให้อีกระลอก คือจะห้ามยังไงก็จะกินนั่นแหละดูจากรูปการณ์แล้ว

"มิวขอด้วยนะ อยู่บ้านแม่ไม่ค่อยให้ดื่มเลย" ผมมองมิวที่ยื่นแก้วมาขอเบียร์กับเขาด้วย นี่อายุถึงพอที่จะดื่มได้แล้วเหรอ

"อินก็ดื่มนิดหน่อยก็ได้ ไม่เป็นไรหรอก สังสรรค์กันนะ" พี่เปอร์พูด และหยิบแก้วของผมทันที ซึ่งผมก็แย่งยื้อยุดมันมา พอแล้ว ผมไม่ดื่มเด็ดขาด ผมยังจำครั้งแรกที่ผมดื่มได้ และสุดท้าย ผมก็จบด้วยการ...

ผมคิด และมองพี่หมอกที่กำลังจ้องมองผม เหมือนรู้ว่าผมกำลังคิดอะไร แต่เดี๋ยวนะ พี่หมอก...กำลังจ้องมองผม จริงๆ อะไรของเขา

"ผม จะดื่มน้ำหวาน" ผมรินน้ำแดงให้ตัวเองจนเต็ม ไม่ให้พี่เปอร์เทปนได้

"เด็กดีพี่ก็ชอบนะ" ผมมองบนแบบเบื่อๆ ไอ้พี่เปอร์นี่ ยิ่งดึกยิ่งหยอด

เวลาที่พวกเรานั่งกินอาหารกันเริ่มเคลื่อนผ่านไป สายลมเย็นในยามค่ำคืนนั้นแรงยิ่งกว่าในตอนกลางวัน ผมนั่งมองพี่เปอร์ที่เริ่มเล่าเรื่องแปลกๆ ให้พวกเราฟังอย่างครึกครื้น ทำให้สิ่งที่ผมทุกข์ใจเมื่อตอนกลางวันเริ่มทุเลาลง

"ไอ้หมอก มึงเอากีตาร์มาไม่ใช่เหรอ เอามาเล่นดิ" ผมที่ได้ยินแบบนั้นก็เผลอใจสั่นอีกแล้ว ผมมองพี่หมอกที่กำลังยกแก้วขึ้นดื่ม และชะงักน้อยๆ ผมนั้นชอบเวลาพี่หมอกเล่นดนตรีหรือร้องเพลงมาก ถึงจะโกรธ แต่ก็อยากฟังอีกจัง

"ดีเลยค่ะ หมี่ก็อยากฟัง ไม่เคยเห็นพี่จะเล่นให้ฟังมั่งเลย" ผมมองหมี่ที่ยิ้มหวาน และกอดแขนพี่หมอกแบบออดอ้อน พี่หมอกทำหน้าเหมือนกำลังลำบากใจ และเหลือบสายตามองผม ทำไมถึงมองผมแบบนั้นกัน

"ไม่เอา เริ่มเมาแล้วด้วย" พี่หมอกพูด และไม่สนใจเสียงผิดหวังของเพื่อนตัวดี

"มึงเนี่ยนะ คอมึงแข็งกว่าเพชรอีกไอ้หมอก" พี่เปอร์พูด และเริ่มดื่มมากขึ้นไปอีก และผมสังเกตว่า ยิ่งพี่เปอร์ดื่มหนักขึ้น พี่เปอร์ก็เหมือนจะพูดน้อยลง และชอบมองผมด้วยแววตาแปลกๆ

"เออไอ้หมอก แล้วคืนนี้ มึงก็อย่าทำเอะอะมากนะ สงสารคนโสดบ้าง" พี่เปอร์เหมือนจะเริ่มเมามาก พี่เขาพูดแหย่พี่หมอกและหัวเราะลั่นอยู่คนเดียว

"พูดอะไรของมึง" พี่หมอกดูหัวเสียมากกว่าจะสนุกไปด้วย

"แหม ต้องให้กูพูดเหรอ มากับเมียขนาดนี้" ผมชะงักน้อยๆ และมองหมี่ที่หน้าแดงขึ้น ผมถอนหายใจอย่างเหนื่อยใจ ผมไม่อยากต้องมานั่งฟังอะไรแบบนี้เลยจริงๆ ไม่ว่าเมื่อไหร่ หัวใจของผมก็ยังคงเจ็บปวด ผมจะต้องเจ็บปวดไปถึงเมื่อไหร่กัน

"กูว่ามึงเมาจนเพ้อละ ไปนอนได้แล้วมั้ง" พี่หมอกพูด และทำสีหน้ารำคาญใส่พี่เปอร์

"ใช่ซิ๊ มึงจะได้รีบไปนอนด้วยใช่ไหม กูบอกแล้วไง สงสารคนโสด คนไร้คู่แบบกูบ้าง" พี่เปอร์จงใจพูดแบบนั้น และมองผมเหมือนกระตุ้นให้ผมพูดอะไรออกไป

"เหอะ ไร้คู่" พี่หมอกหัวเราะในลำคอพลางมองผมด้วยรอยยิ้มที่ผมแสนเกลียด อย่านะ อย่าพูดอะไรที่จะทำร้ายผม...

"มึงก็เลือกเอาสักคนสิ หรือไม่ ก็ควบสองไปเลย" ผมค่อยๆ หลับตาลงช้าๆ ผ่อนลมหายใจเข้าออกให้ปกติ ผมรู้ และรู้ดีอยู่แล้ว พี่น่ะ ไม่เคยห้ามตัวเองที่จะพูดเรื่องบ้าๆ แบบนี้ได้หรอก แต่พี่พูดออกมาน่ะก็ดีแล้ว ขอบคุณมากนะ ที่มอบความกล้าให้กับผม

"ผม...ขอไปเอาขนมมากินเพิ่มนะครับ" ผมนั่งนิ่ง ฟังมิวที่ขอลุกจากโต๊ะไป ผมกำมือแน่นด้วยความรู้สึกที่คุกรุ่นเหมือนเมื่อกลางวัน พี่จะยกผมให้คนอื่นอีกนานไหม เมื่อไหร่จะหยุดทำแบบนี้กับผมสักที

"หมี่ปวดฉี่ เดี๋ยวมานะคะ" หมี่มองพวกเราเงียบอยู่สักพักก็ลุกขอตัวไปเข้าห้องน้ำ ช่วงเวลานี้นี่แหละ เหมาะที่สุดแล้ว มีเพียงพวกเราสามคน แค่สามคนที่อยากให้รับรู้

"พี่เปอร์ครับ" ผมรอจังหวะที่หมี่เดินออกไปแล้ว หันไปหาพี่เปอร์ และเรียกเบาๆ "ที่พี่พูดกับผมเมื่อกลางวัน..."

ผมพูดและกลืนน้ำลายลงคอ หัวใจของผมในตอนนี้มันสั่นมาก แต่ผมก็ตัดสินใจแล้ว ผมพร้อมที่จะตอบรับความรู้สึกนั้นแล้ว

"ผม...ตกลงครับ พวกเรา เป็นแฟนกันนะ" ผมพูดด้วยน้ำเสียงแน่วแน่ จ้องมองพี่เปอร์ที่เริ่มหุบยิ้ม และวางแก้วน้ำในมือลงช้าๆ

"อ.อิน ล้อเล่นใช่ไหม" พี่เปอร์ดูอึ้งตะลึงกับสิ่งที่ได้ยินและค่อยๆ กลับมายิ้มช้าๆ ด้วยใบหน้าที่ดูมีความสุขกว่าครั้งไหน "จะดูแลให้ดีที่สุดเลย ขอบคุณนะอิน"

พี่เปอร์คว้ามือผมจับเอาไว้แน่น ผมยิ้มให้กับพี่เปอร์เพื่อแสดงความจริงใจ และเหลือบมองคนที่ผมไม่อยากมองมากที่สุดในตอนนี้

แต่ภาพที่ผมเห็นนั้นก็ทำให้รอยยิ้มของผมต้องชะงัก พี่หมอกในตอนนี้มือที่จับแก้วสั่นน้อยๆ ด้วยแรงบีบ สายตาจ้องมองผมด้วยแววตาแห่งความโกรธเคืองอย่างปิดไม่มิด พี่เปอร์นั้นมัวแต่ดีใจ และดึงผมเข้าไปกอดไว้ จึงไม่ได้เห็นสีหน้าของเพื่อน ที่เหมือนกำลังจะระเบิดออกมา

เพล้ง!

ผมสะดุ้งน้อยๆ และทันได้ยินเสียงแก้วน้ำตกลงสู่พื้น ผมเหมือนได้เห็นแผ่นหลังของผู้ชายตัวเล็กที่วิ่งออกไปที่ด้านหลัง แต่ตอนนี้รอบๆ ก็มืดมากแล้ว ผมจึงไม่เห็นว่าคนคนนั้นคือใคร

"ปล่อยได้แล้วครับ" ผมพูด และดันตัวออกจากพี่เปอร์ที่ยังคงพยายามกอดผม กอดผมแน่นจนผมเริ่มอึดอัด

"พี่ดีใจนี่นา ดีใจจนจะร้องไห้แล้วนะเนี่ย" พี่เปอร์ยังคงจับมือผมไว้แน่น และยกขึ้นมาจูบมาหอม จนผมต้องดึงมือออกอีก บางทีพี่ก็น่ากลัวขึ้นหรือเปล่านะ "ไอ้หมอก แบบนี้ต้องฉลองเว้ย อินเป็นแฟนกูแล้วนะ มึงได้ยินใช่ไหม"

พี่เปอร์ยังคงทำท่าดีใจ และรินเหล้าให้เพื่อนเพิ่มอีก พี่หมอกยังคงจ้องมองผมด้วยแววตาที่สั่นระริก ไม่สนใจพี่เปอร์ที่กำลังพูดอยู่

"พี่เปอร์ พอเถอะครับ พี่เมามากแล้วนะ" ผมพูด และหลบสายตาน่ากลัวของพี่หมอกที่ยังคงมองมา

"อิน ไหนพูดอีกทีสิ ว่าอินเป็นแฟนพี่" ผมในตอนนี้นั้นถูกพี่เปอร์ดึงเข้าไปกอดอีกแล้ว ผมถอนหายใจน้อยๆ และหันไปจ้องมองพี่หมอกอีกครั้ง

"ครับ ผมเป็นแฟนพี่เปอร์" ผมพูด และพยายามฝืนยิ้มออกมา ผมจะเข้มแข็งขึ้น พี่เห็นไหมว่า ผมไม่ต้องการพี่อีกแล้ว

ผมมองพี่หมอกที่ลุกยืนขึ้นจนโต๊ะสั่นสะเทือน และเดินหนีไปทันทีอย่างรวดเร็ว ทิ้งพี่เปอร์ที่ชูแก้วค้างไว้อย่างงงงวย

"อ้าวไอ้หมอก มึงจะรีบไปไหนวะ" พี่เปอร์นั้นทำหน้ามึนที่พี่หมอกเดินหนีไป

"พี่ก็ไปนอนเถอะครับ นะ" ผมพูดและดึงแก้วเหล้าในมือพี่เปอร์ออก

"ถ้าแฟนขอ พี่ก็ทำให้ได้อยู่แล้ว แต่ขอหอมทีได้ไหม" พี่เปอร์นั้นไม่ทันให้ผมได้อนุญาตก็ยื่นหน้ากะจะหอมแก้มผมแบบเต็มเปา แต่ผมนั้นก็ตอบสนองไวเกินคาดจึงใช้มือดันหน้าพี่เขาไว้ได้ทัน

"พี่ครับ ผมไม่รู้ด้วยแล้วนะ" ผมพูด และลุกขึ้นหนีพี่เปอร์บ้าง นี่พี่เมาหรือนิสัยจริงๆ พี่กันแน่เนี่ย

ผมทิ้งพี่เปอร์ไว้ตรงนั้น และเดินไปตามชายหาดในความมืด เดินไปเรื่อยๆ ด้วยความรู้สึกสับสนใจหัวใจ ผมที่ตอบรับพี่เปอร์นั้นควรจะต้องมีความสุขไม่ใช่หรือไง แต่ทำไมหัวใจของผมในตอนนี้มันถึงไม่ได้เป็นแบบนั้นเลย

ทุกอย่าง มันสายไปแล้วถ้าคิดจะเปลี่ยนใจ ผมทำไม่ได้ ผมบอกพี่เขาไปแล้ว ผมต้องรับผิดชอบกับทุกสิ่งที่จะเกิดขึ้น ผมไม่อยากเล่นตลกกับหัวใจคน อย่างที่คนคนนั้นชอบทำ ผมเกลียด ผมเกลียดทุกสิ่งที่ผมกำลังเผชิญมันอยู่ตอนนี้ ผมอยากไปในที่ไกลแสนไกล ที่ที่จะไม่ต้องเจอกับพี่หมอก ผมเกลียดที่ตัวเองต้องเป็นแบบนี้ ยังรักเขา ไม่ว่าเขาจะร้ายเพียงไหน ใจร้ายมากเท่าไหร่ ทำไมผมถึงลืมไม่ได้สักที

แต่ผมที่เดินลัดเลาะไปตามริมคลื่นนั้นก็ได้ยินเสียงฝีเท้าอยู่ด้านหลัง เป็นเสียงฝีที่ดูรีบเร่ง เหยียบย่ำลงบนเกลียวคลื่น ที่กำลังซัดสาด คงจะเป็นพี่เปอร์ คงจะเห็นผมเดินหนีมาก็เลยมาตาม...

ผมที่คิดแบบนั้นก็หันหลังไปทันที แต่ภาพที่ผมเห็นเบื้องหน้านั้นกลับไม่ใช่...

คนที่เดินเข้ามานั้นทำเอาผมแทบจะสะดุดล้ม ผมเซถลาน้อยๆ จุ่มเท้าถอยหลังลงไปในน้ำ ผมค่อยๆ ถอยหลังต่อไป และต่อไปเรื่อยๆ เพราะคนตรงหน้าที่เดินเข้ามาหาผม มีสีหน้าที่แสนน่ากลัว แววตาวาวโรจน์ไปด้วยความโกรธอย่างถึงที่สุด สองขาที่ก้าวเร็วจนเกือบเหมือนจะวิ่งเข้าใส่ ทำให้ผมตกใจกลัว และตัดสินใจวิ่งหนีไป

ผมวิ่ง และวิ่งไปในความมืด หัวใจของผมสั่นกลัวไปด้วยความรู้สึกต่างๆ ผืนทรายนั้นทำให้ผมไม่อาจวิ่งไปได้ไกลมาก ในที่สุดผมก็ถูกมือหนาคว้าแขนเอาไว้ และกระชากดึงผมให้ชนเข้ากับคนที่ดึง ตัวของผมล้มลงกระแทกพื้น และถูกทาบทับยึดตรึงแขนทั้งสองข้างอย่างทันควัน

"ปล่อยผม" ผมพูด และนิ่วหน้าเจ็บแขนที่ถูกตรึงไว้กับผืนทราย แขนและหลังของผมในตอนนี้ถูกกดจมไปกับซากเปลือกหอย จนผมรู้สึกเจ็บไปหมด "ผมเจ็บนะ ปล่อยผม!"

ผมพูด และเริ่มจะสะอื้น พี่หมอกในตอนนี้เหมือนปิศาจ ไม่พูดไม่จา และเอาแต่ออกแรงบีบผม เหมือนอยากจะบีบผมให้ตาย

"ไปบอกเลิกมันซะ" ผมมองพี่หมอกที่ยังคงกดผมเอาไว้ พี่หมอกพูดเสียงเย็นเหมือนเป็นคำสั่ง และผมก็ส่ายหน้าไปมาทันที

"ผมไม่บอก ทำไมผมต้องฟังพี่ด้วย" ผมพูดและจ้องตาสู้ ทำไมผมถึงต้องทำแบบนั้น

"บอกว่าให้บอกเลิกมัน ได้ยินไหม!!" ผมตกใจทันทีที่พี่หมอกเริ่มตะโกนใส่ผม พี่หมอกตัวสั่นด้วยความโกรธ และเริ่มปล่อยแขนผม เขย่าตัวผมจนสั่นไปมา

"ไม่" ผมพูดและยิ้มน้อยๆ อย่างท้าทาย พี่ไม่รู้หรอกว่าผมต้องใช้ความกล้าแค่ไหนถึงจะพูดแบบนั้นออกไปได้ ผมตัดสินใจแล้ว และจะไม่เปลี่ยนใจ ไม่ว่าพี่จะพูดอะไร

"หึ มีผัวเดียวไม่ชอบ มักมากอยากได้เพิ่มอีก พวกเกย์นี่มันสำส่อนจริงๆ ใช่ไหม พูดมาสิ"

เพี๊ยะ!

ผมใช้แรงทั้งหมดตบลงที่ใบหน้าของพี่หมอก แรงตบนั้นทำให้พี่หมอกชะงักหันไปน้อยๆ และนิ่งค้างอยู่อย่างนั้น ผมค่อยๆ น้ำตาไหลออกมา สำส่อนเหรอ พี่พูดถึงใครกัน นั่นมันพี่ไม่ใช่เหรอ มันไม่ใช่ผม!

ผมใช้โอกาสตอนที่พี่หมอกชะงักไป ผลักพี่หมอกอีกครั้ง และคลานหนีออกมา ผมมองพี่หมอกยังคงนั่งนิ่งอยู่อย่างนั้น ผมร้องไห้อย่างเจ็บปวด ผมไม่รู้พี่เป็นอะไร แต่ผมจะไม่ยอมให้พี่ทำร้ายผมอีกแล้ว ผมจะไม่ยอมอีกแล้ว

"อิน รักพี่ไม่ใช่เหรอ" แต่ผมที่กำลังลุกขึ้นนั้นก็ได้ยินเสียงพี่หมอกที่พูดเบาๆ ผมพยายามสะกดกลั้นน้ำตาของผมและเสียงสะอื้นด้วยความเสียใจ ผมกล้ำกลืนมันลงไป ลงไปในหัวใจที่พยายามจะเข้มแข็ง ผมต้องเข้มแข็ง พี่หมอกนั้นกำลังหลอกผม หลอกให้ผมจมลึกลงในความรักที่ไม่มีวันสมหวังอีกครั้ง

"ไม่อีกแล้ว" ผมพูด และเช็ดน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม ผมเดินกลับหันหลัง ทิ้งคนที่ผมรักทั้งหมดของหัวใจเอาไว้ ผมขอโทษครับ แต่ว่าพี่ไม่ได้รักผม พี่ไม่ได้รักผมเลย พวกเราควรจะให้มันจบลงตรงนี้ ผมไม่อยากร้องไห้อีกแล้ว

​​
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#18 FREEDOM(25/9/61)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 02-10-2018 14:05:41
เราว่าอินควรตัดใจแบบจริงๆจังๆได้แล้ว ยิ่งเข้าไปใกล้หมอกก็จะยิ่งเจ็บแบบนี้ ตอนนี้คืออินเข้าไปใกล้ยังไง หมอกก็ผลักออกมาอะ อินก็รู้ตัวแต่ยังไม่ตัดใจสักที 
เอ ว่าแต่หมอกทำไมต้องมาหลบฝนที่นี่  :hao3:

ปากก็แข็ง ทั้งยังปากหมาด้วย เหอะ.....ไอ้พี่หมอก   :angry2: :fire:

ไม่สนใจหมี่แล้ว ก็เลิกๆไปเหอะ
หรือที่ไม่บอกเลิก ก็เพราะเป็นทางใกล้อิน
คิดว่าที่หมี่ก็มีคนอื่น แบบนอกกายแต่ไม่นอกใจ
หมอกก็น่าจะรู้ ไว้บอกเลิกพร้อมหลักฐานซะมากกว่า  :z6: :z6: :z6:

ดูแล้ว ไอ้พี่หมอกหึงอินแล้ว   :m20: :laugh:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#20 น้ำตาและการตัดสินใจ(2/10/61)
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 02-10-2018 14:28:59
ไปทะเล ไปกินลำไย 5555
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#20 น้ำตาและการตัดสินใจ(2/10/61)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 02-10-2018 14:57:06
 :pig4: :pig4: :pig4:

ฝ่ายนึงก็ขี้มโน  อีกฝ่ายนึงก็ช่างอมพะนำ  เฮ้อ.....
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#20 น้ำตาและการตัดสินใจ(2/10/61)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 02-10-2018 18:22:52
แล้วมิวล่ะ  :hao4:
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#20 น้ำตาและการตัดสินใจ(2/10/61)
เริ่มหัวข้อโดย: naruxiah ที่ 02-10-2018 18:31:26
ตัวละคร​เริ่มรู้สึกชัดเจนมากขึ้นแล้ว​ มิวหนีไปไหนแล้วก็ไม่รู้
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#20 น้ำตาและการตัดสินใจ(2/10/61)
เริ่มหัวข้อโดย: ป่ามป๊ามป่ามปาม ที่ 17-10-2018 13:44:12
เหมือนหมอกจะเริ่มรู้ตัวอยู่นะ แต่กับหมี่ก็ยังไม่เคลียร์เลย จะให้อินบอกเลิกเปอร์ ทีตัวเองยังมีหมี่อยู่เลย
ตอนที่เปอร์หายไป หายไปกับมิวแน่นอน คู่นี้ก็อยากรู้จะจบยังไง
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#20 น้ำตาและการตัดสินใจ(2/10/61)
เริ่มหัวข้อโดย: Gloomy Sunday ที่ 22-10-2018 13:36:26
เพ้อ บทที่ 21 หัวใจ ที่สุดจะหยั่งถึง


ผมนอนอยู่บนที่นอน กอดตัวเอง และร้องไห้เงียบๆ ภายในห้องที่ว่างเปล่า ผมไม่รู้ว่ามิวไปไหน แต่แบบนี้ก็คงจะดีกว่า ผมไม่อยากให้ใครเห็นว่าผมกำลังเสียใจแค่ไหน ผมทำมันลงไปแล้ว ผมทำร้ายพี่หมอก และเสียงของพี่หมอกที่พูดกับผม มันยังคงดังกึกก้องอยู่ในหัว ทำไมพี่ถึงพูดแบบนั้น ถ้าพี่ไม่อยากให้ผมคบกับพี่เปอร์ ทำไมพี่ถึงไม่ใจดีกับผมบ้าง จะมาพูดอะไรตอนนี้มันก็สายไปแล้ว ผมหันหลังกลับไม่ได้อีกแล้ว

ในรุ่งเช้าของวันใหม่ ผมไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองหลับไปตอนไหน ดวงตาของผมบวมช้ำ และท่อนแขนก็มีแต่รอยบาดเล็กๆ ไปทั่ว ผมอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นเสื้อแขนยาวปกปิดร่างกายไว้ และมองคนที่ยังคงนอนหลับไหลอยู่บนเตียง มิวนั้นกลับมาแล้ว และยังคงหลับอยู่ ผมไม่รู้ว่ามิวเข้ามาตอนไหน แต่แบบนี้ค่อยสบายใจหน่อย ผมเป็นห่วงที่มิวชอบหายไปเหลือเกิน

"มิว เช้าแล้วนะ อาบน้ำแล้วไปกินข้าวกัน" ผมเรียกน้องพลางแตะที่ข้างแก้มเบาๆ มิวนั้นยังคงหลับสนิท ใบหน้าขาวแก้มแดงระเรื่อ และ...

ผมจ้องมองลำคอของน้อง จ้องมองรอยสีแดงเล็กๆ ที่อยู่บนนั้น ทำไมกันนะ ทำไมผมถึงรู้สึกไม่ค่อยสบายใจเมื่อมองเห็นมัน

"อิน ตื่นแล้วเหรอ" ผมสะดุ้งน้อยๆ ทันทีที่ได้ยินเสียงคนอีกคนดังขึ้น พี่เปอร์เดินเข้ามาหาผม จับมือผมให้เดินห่างออกจากเตียง "เมื่อคืนพี่ขอโทษนะ พี่เมาไปหน่อย"

"ผมก็ขอโทษนะครับ ที่เมื่อคืนทิ้งพี่ไว้ที่โต๊ะ"

"ไม่เป็นไร แล้วอินนอนหลับสบายไหม ทำไมตาบวมแบบนั้น"

"ผมหิวแล้ว วันนี้มีอะไรทานกันนะ" ผมรีบหลบเลี่ยงคำถามนั้น และเดินออกมาจากบ้านพัก ซึ่งพี่เปอร์ก็เดินตามผมออกมาทันที พวกเราเดินมาที่โต๊ะเล็กๆ ใกล้ๆ ที่ซึ่งมีอาหารเช้าจัดเตรียมไว้สำหรับพวกเรา

"แล้ว คนอื่นๆ ละครับ" ผมนั่งลง และถามพี่เปอร์ที่กำลังส่ายหัวไปมา

"เมื่อกี้พี่ไปปลุกไอ้หมอกมา แต่ไม่เจอ ไม่รู้มันไปไหน เมียมันก็นอนอยู่คนเดียว" ผมที่ได้ยินแบบนั้นก็เริ่มรู้สึกไม่ดีเลย พี่หมอก หายไปงั้นเหรอ...

"อ่าว พูดถึงก็มาพอดี เฮ้ย ไอ้หมอก ตื่นเช้าจังวะ!" พี่เปอร์พูด และทำท่าโบกมือไปมาเรียกเพื่อนที่เดินมาจากด้านหลังของผม ในตอนนี้ผมรู้สึกแย่มาก ไม่กล้าหันไปสบตาพี่หมอกเลยหลังจากเกิดเรื่องเมื่อคืน

"ชุดเมื่อคืนนี่หว่า นี่มึงไม่ได้อาบ..." ผมมองพี่เปอร์ที่พูด และดูชะงักไป พลางค่อยๆ ลุกขึ้นจากโต๊ะ "หน้ามึงไปโดนอะไรมา"

ผมที่ได้ยินแบบนั้นก็ตกใจทันที และรีบหันไปมองเช่นกัน

และภาพที่ผมเห็นนั้น ก็ทำให้ต้องตกใจ ผมค่อยๆ ลุกขึ้นจากเก้าอี้ตามพี่เปอร์ และมองสีหน้านิ่งๆ ของคนตรงหน้า แก้มของพี่หมอกนั้นมีรอยข่วนสีแดงเป็นแนวยาว ยิ่งใบหน้าของพี่หมอกขาวเท่าไหร่ รอยแผลนั้นก็ยิ่งชัดเจนมากขึ้น และที่หนักไปกว่านั้นก็คือ ดวงตาข้างหนึ่งของพี่หมอก เป็นสีแดงเหมือนเลือดจนน่ากลัว

"ใครทำมึงวะ จำได้หรือเปล่า" พี่เปอร์ถามอย่างหัวเสีย และดูท่าทางเอาเรื่อง

ผมยืนอยู่ตรงนั้นไม่กล้าที่จะบอกว่าเกิดอะไรขึ้น เมื่อคืนมันมืดมาก และผมก็เผลอตบพี่หมอกไปเต็มแรง และมือของผมคงกำทรายเอาไว้ด้วย หน้าพี่หมอกถึงเป็นแบบนี้ ผมรู้สึกแย่มาก ผมอยากจะร้องไห้จริงๆ

"หน้าแหกหมดเพื่อนกู" พี่เปอร์พูดทีเล่นทีจริง และตบบ่าพี่หมอกเบาๆ "นี่มันเอากล่องเสียงมึงไปด้วยเหรอ พูดกับกูดิ๊"

พี่เปอร์ยังคงคาดคั้นพี่หมอกที่เอาแต่ยืนนิ่ง พี่หมอกจ้องมองผมด้วยสีหน้าที่ไม่แสดงอาการใดๆ ผมได้แต่หลบเลี่ยงแววตานั้น และเริ่มรู้สึกผิดที่ทำให้พี่หมอกบาดเจ็บ ผมไม่ได้ตั้งใจให้มันเป็นแบบนี้เลย ผมจะทำยังไงดี

พี่หมอกไม่ได้พูดอะไรตอบ และค่อยๆ เดินเลี่ยงพี่เปอร์ออกไป เดินไปที่บ้านพัก และหายเข้าไปในนั้น ผมกำมือที่กำลังสั่นน้อยๆ ในหัวใจของผมในตอนนี้มันสับสนมาก ชุดของพี่หมอกยังคงเป็นชุดเดิมเหมือนเมื่อคืน ใบหน้านั้น รอยแผลนั้น นี่พี่นั่งอยู่ที่หาดทรายจนเช้าเลยเหรอ ทำไมกัน

"เฮ้อ นั่งเถอะอิน ปล่อยมัน เดี๋ยวมันก็พูดเองแหละ ถามมันตอนนี้ก็ไม่ได้อะไรหรอก" พี่เปอร์จับไหล่ให้ผมนั่งลงตามเดิม ผมในตอนนี้ไม่มีจิตใจจะกินเลยสักนิด ความรู้สึกผิดมันกำลังกัดกินใจผม ถึงผมจะโกรธพี่หมอกมาก แต่ก็ไม่ควรทำพี่ขนาดนั้น ผมจะทำยังไงดี

"เดี๋ยวสายๆ เราออกเรือไปเที่ยวกัน เกาะแถวนี้สวยมาก" พี่เปอร์พูดพลางจัดจานอาหารให้ผม แต่ผมก็ไม่ได้ลงมือกินข้าวเลยสักนิด ในหัวของผมมันวนเวียนคิดถึงแต่ใบหน้าของพี่หมอก

"เป็นอะไรไป" พี่เปอร์จ้องมองผมเหมือนกำลังสงสัย "เป็นห่วงไอ้หมอกเหรอ"

ผมพยายามสะกดกลั้นทุกสิ่งไว้ทันที ผมส่ายหน้าไปมา และเริ่มลงมือกินอาหารในจาน

"เมื่อวาน อินรู้ได้ยังไงว่าไอ้หมอกแพ้กุ้ง" พี่เปอร์ยิงคำถามใส่ผมต่อ เหมือนกำลังสอบสวน ผมไม่ค่อยชอบแบบนี้เลย

"พี่หมอก เป็นดารานี่ครับ ผมแค่เคยฟังสัมภาษณ์ของพี่เขา"

"นั่นสินะ ไอ้บ้านั่นหาแต่เรื่อง เด็กขาดความอบอุ่นน่ะ" ผมมองพี่เปอร์ที่พูดถึงพี่หมอก เด็กขาดความอบอุ่นเหรอ

"คุณพ่อของพี่หมอก เป็นพิธีกรรายการดัง ใช่ไหมครับ" ผมพูดถามพี่เปอร์ด้วยความไม่แน่ใจ

"ใช่ พ่อมัน อคติกับทุกสิ่งที่ไอ้หมอกทำ เคี่ยวเข็ญกดดันมันจนเป็นแบบนี้ไง"

"ว๊ายย! ทำไมหน้าเป็นแบบนี้ล่ะคะ" ผมสะดุ้งทันทีที่ได้ยินเสียงวี๊ดว๊ายมาจากบ้านหลังของพี่หมอก ผมมองประตูบ้านนั้นที่เปิดเอาไว้ และหมี่ก็วิ่งออกมาจากที่นั่น วิ่งมาหาพี่เปอร์หน้าตาตื่น

"แจ้งตำรวจเถอะค่ะ แบบนี้พี่หมอกโดนทำร้ายมาชัดๆ หมี่ไม่ยอมนะ" หมี่ที่หัวฟูเหมือนเพิ่งตื่นนอนเริ่มเขย่าพี่เปอร์โวยวายไปมา

"เจ้าตัวมันไม่ปริปากพูดสักคำ จะทำอะไรได้" พี่เปอร์พูด และปัดมือหมี่ออกเหมือนกำลังรำคาญ

"หน้าแบบนั้นพี่เขาต้องพักงานยาวเลยนะคะ" ผมกำมือตัวเองใต้โต๊ะ และบีบเบาๆ เพื่อคลายความเครียด ผมมองหมี่ที่ดูเป็นห่วงพี่หมอกจริงจัง ผมนั้นไม่สามารถแสดงอะไรแบบนั้นออกมาได้ ทำแค่เพียงเก็บไว้ในใจ

"ก็ไม่ขนาดนั้นหรอก อีกซีกมันก็ยังหล่อดีนะ ฮ่าๆ" ผมมองพี่เปอร์ที่เริ่มหัวเราะ มันใช่เรื่องน่าขำที่ไหนล่ะ

"โธ่พี่เปอร์คะ หมี่ซีเรียสนะ"

"แล้วมันทำอะไรอยู่ล่ะ"

"อาบน้ำค่ะ แต่ไม่ยอมให้ทำแผล เลือดยังซิบๆ อยู่เลยค่ะ ตาก็แดงอย่างกับเลือด นี่ถ้าเป็นแผลเป็นขึ้นมาจะทำยังไงคะ" ผมหัวใจสั่นไหว และมองหมี่ที่ทึ้งหัวตัวเองไปมา

"ไม่ขนาดนั้นหรอก รอยข่วนไม่ลึกมาก น่าจะโดนพวกเศษเปลือกหอยนี่ละมั้ง เมื่อปีที่แล้วมันกับพี่โดนซ้อมหน้าแตกยับกว่านี้ยังหายเลย" พี่เปอร์พูดถึงวีรกรรมของตัวเองอย่างภูมิใจ แต่มันก็ทำให้ผมเริ่มเบาใจลง

"เอาเป็นว่าเดี๋ยวพี่ไปดูมันก่อนละกัน พวกเราก็กินข้าวกันให้เรียบร้อยนะ เดี๋ยวสายๆ เราจะได้เตรียมตัวขึ้นเรือกัน" พี่เปอร์พูดต่อ และลุกขึ้นจากโต๊ะ มุ่งหน้าไปยังบ้านพักของพี่หมอก ผมที่รู้สึกกินอะไรไม่ลงอีกแล้ว ก็ทิ้งหมี่ที่กำลังกินข้าว เดินกลับไปที่บ้านพักของผมเพื่อปลุกมิวให้ลุกขึ้นอาบน้ำกินข้าวต่อ

แต่เมื่อผมมาถึงห้องพักนั้น ก็พบว่ามิวได้ลุกขึ้นแล้ว และกำลังอาบน้ำอยู่ในห้องน้ำ ผมนั่งลงกับเตียง พลางนึกถึงใบหน้า และแววตาที่พี่หมอกมองผม พี่คงโกรธผมมากใช่ไหม แต่ทำไมผมถึงสัมผัสได้แต่ความเศร้าจากแววตาคู่นั้น

"อ่าวมิว เสร็จแล้วก็ลงไปทานข้าวเช้านะ" ผมที่กำลังเหม่อลอยนั้นก็พบว่ามิวได้เดินออกมาจากห้องน้ำสักพักแล้ว และกำลังจ้องมองผมอยู่เงียบๆ

ผมมองมิวที่ดูเงียบผิดปกติด้วยความสงสัย และลุกขึ้นเดินไปหาน้อง เพื่อจะช่วยเช็ดผมเปียกๆ ให้ แต่เมื่อผมเดินไปถึงตัวน้องนั้น มิวกลับเดินหนีผม ดูท่าทางเหมือนไม่พอใจอะไรสักอย่าง

"เดี๋ยวสายๆ พวกเราจะไปเที่ยวเกาะกัน" ผมนั่งลงที่เตียงตามเดิม และมองแผ่นหลังของน้องที่ยังคงนิ่งอยู่ สงสัยตอนนี้คงอารมณ์ไม่ดีล่ะมั้ง "ถ้างั้น พี่ไปรอข้างนอกนะ"

ผมพูดบอกน้อง และลุกขึ้นเดินไปที่หน้าประตู ถ้าหากว่าตอนนี้น้องอารมณ์ไม่ดี ผมก็ไม่ควรจะยุ่งมากเกินไป ปล่อยให้เขาจัดการกับอารมณ์ตัวเองได้ก่อน แล้วค่อยมาคุยก็ได้

"พี่อิน" ผมที่กำลังจะเดินออกไปนั้น ก็รู้สึกโล่งใจทันทีที่น้องยอมคุยด้วย ผมนึกว่ามิวจะโกรธอะไรผมซะอีก

"อื้อ ว่าไงเหรอ"

"อาหารเช้า มีอะไรกินเหรอ"

"มีหลายอย่างเลย มีข้าวต้มกุ้งด้วยนะ" ผมพูด และยิ้มให้น้อง

"ครับ เดี๋ยวผมออกไป" มิวพูดบอกผม และยิ้มน้อยๆ แบบนี้คงไม่เป็นไรแล้วล่ะ

ในช่วงสายของวัน ผมที่ไม่รู้จะทำอะไรก็หนีไปนั่งอยู่ที่ใต้ต้นสนต้นใหญ่ ที่ห่างออกไปจากที่พักเล็กน้อย ผมมองดูเรือยอร์ชสุดหรูที่จอดอยู่ที่ริมทะเล มองดูพี่เปอร์ที่กำลังสั่งคนให้ขนของขึ้นไปบนนั้น ผมมองต่อไปเรื่อยๆ มองหาพี่หมอก สภาพแบบนั้นพี่เขาจะไปด้วยไหมนะ ความจริงผมไม่อยากไปเลย แต่คงไม่แคล้วโดนพี่เปอร์ลากขึ้นไปด้วย

"อิน ทำอะไร มาขึ้นเรือได้แล้ว!" ไม่ผิดจากที่คาด เสียงพี่เปอร์เรียกจากไกลๆ ดังขึ้น ผมลุกจากพื้นทราย ปัดเศษทรายที่ติดกางเกง พลางเดินไปช้าๆ ที่เรือนั้น เป็นเรือที่ค่อนข้างใหญ่สำหรับคนห้าคน แต่ก็สวยดี ผมไม่เคยนั่งเรือแบบนี้มาก่อนเลย

"ขึ้นไปรอก่อนเลย เดี๋ยวพี่ไปตามไอ้หมอกก่อน" พี่เปอร์พูด และดันหลังผมให้ขึ้นไปบนเรือ

"พี่เขา ไม่เป็นไรใช่ไหมครับ" ผมได้ทีถามถึงพี่หมอก ไม่รู้ว่าตอนนี้เป็นยังไงบ้าง

"จะเป็นอะไร มันอึดแถมหน้าหนาจะตาย" พี่เปอร์ยังคงพูดติดตลก และดันผมให้เดินต่อไป

"คือ ถ้าผมไม่..."

"ไม่ได้ ถ้าอินไม่ไปก็ไม่มีความหมาย" ราวกับรู้ความคิด พี่เปอร์พูดดักผม และเปลี่ยนจากดันหลังผมเป็นกอดผมไว้อย่างรวดเร็ว

"พี่เปอร์" ผมพูดอย่างตกใจ และพยายามแกะมือปลิงของพี่เปอร์ออก

"อะแฮ่ม ช่วยหมี่ขึ้นเรือหน่อยสิคะ" ผมชะงักน้อยๆ และมองคนที่ยืนอยู่ด้านหลังที่มากันครบ หมี่ในชุดกระโปรงพริ้ว และหมวกใบใหญ่ ข้างๆ กันนั้นก็คือคนที่ผมคิดว่าอาจจะไม่มาซะแล้ว

พี่หมอกในตอนนี้ปิดตาข้างหนึ่งด้วยผ้าก๊อตสีขาว ใบหน้ายังคงแดงเป็นริ้วๆ พี่หมอกนั้นดูอ่อนเพลีย และมองออกไปที่ท้องทะเล ดูไม่ได้สนใจสิ่งใด ผมไม่รู้ว่าพี่กำลังคิดอะไรอยู่ แต่ผมก็อยากจะขอโทษนะ กับสิ่งที่ผมทำเกินไป แล้วพี่ล่ะ พี่คิดจะขอโทษผมบ้างไหม

"พี่อิน" ผมละสายตาจากพี่หมอก และมองมิวที่เดินตามหลังคนทั้งสองมาเงียบๆ ผมหลบทางให้พี่หมอก และหมี่เดินผ่านไป และเดินไปหามิวเพื่อเดินไปพร้อมกัน

"ผมคงจะเมาเรือแน่ๆ" มิวพูดบอกผม ขณะที่เราขึ้นเรือมาพร้อมกัน ผมมองพี่เปอร์ที่เหมือนอยากจะพูดอะไรกับผม แต่ก็เดินหลบเลี่ยงไปเพื่อขับเรือ แบบนี้ก็ดีนะ ผมอยากอยู่อย่างสงบๆ และที่ที่น่าจะเหมาะก็น่าจะเป็นดาดฟ้าเรือนั่นแหละ

"ไปข้างบนกัน รับลมเย็นๆ น่าจะดีกว่านะ" ผมชวนมิวที่เริ่มทำหน้าพะอืดพะอมขณะที่เรือเริ่มแล่นออกไป

แสงอาทิตย์ที่ร้อนแรง ทำให้ดวงตาของผมหยีลงน้อยๆ สายลมเย็น และไอแดด ท้องทะเลสีฟ้าที่ไกลสุดลูกหูลูกตา เกลียวคลื่นที่ค่อยๆ กระทบกับท้องเรือ ผืนน้ำที่สะท้อนกับแสงอาทิตย์

ภายใต้ผืนน้ำนั้นมันมีอะไรอยู่บ้างนะ มันสุดจะหยั่งถึง เหมือนกับหัวใจของคน

"มันทรมานจังเลยนะครับ" ผมที่มองท้องทะเลนั้น ก็ละสายตามามองคนที่ยืนอยู่ข้างๆ มิวในตอนนี้ดูหน้าซีดลงอย่างน่ากลัว และเหม่อมองออกไปยังท้องทะเลตรงหน้า

"เวียนหัวเหรอ ไหวหรือเปล่า" ผมมองใบหน้าของน้องที่กำลังเหม่อลอย จะเป็นลมหรือเปล่านะ ดูมิวไม่ค่อยปกติเลย

"ใต้ท้องทะเลนั่น พี่รู้ไหมว่ามีอะไรอยู่" ผมขมวดคิ้วน้อยๆ ทันที่ที่ได้ยินถ้อยคำเหล่านั้น ผมไม่เข้าใจ มิวยังคงพูดต่อไป และค่อยๆ หันหน้ามามองผม

"พี่ไม่รู้สิ แต่คิดว่ามันคงสงบดี" ผมออกความคิดเห็น พลางมองลงไปยังผิวน้ำสีฟ้านั้น ผมเท้าคางจ้องมองมันอย่างเพลินตา แต่ขืนจ้องแบบนี้นานๆ ต่อไป คนที่จะเมาเรือมากที่สุดอาจจะเป็นผมก็ได้

แต่ผมที่ยืนมองเกลียวคลื่นอยู่นั้น ก็รู้สึกว่าเรือกำลังโคลงเคลงไปมา ราวกับเรือชนเข้ากับคลื่นลูกใหญ่ ผมได้ยินเสียงกรี๊ดดังๆ ของหมี่จากหน้าเรือ และขาของผมที่เซไปมาน้อยๆ แบบนี้ปกติดีไหมนะ ท้องฟ้าตอนนี้ก็โปร่งใสดี ไม่ได้มีพายุอะไร พี่เปอร์คงจะขับเร็วไปเท่านั้น

และก็อีกครั้ง ผมรู้สึกว่าเรือยังคงฝ่าคลื่นลูกใหญ่ด้วยความเร็วสูง ทำให้เรือโคลงเคลงอีกครั้งอย่างน่าตกใจ ผมเกาะราวเหล็กเอาไว้ด้วยมือที่เปียกไปด้วยน้ำทะเลที่สาดซัด ผมค่อยๆ ขยับเดินไปช้าๆ เพื่อหมายจะลงไปด้านล่าง ไปที่ที่ดูจะปลอดภัยกว่านี้

"มิว" ผมที่เพิ่งนึกขึ้นได้ ก็รีบหันไปหาน้องเพื่อดูว่าน้องปลอดภัยไหม แต่ผมที่หันไปนั้นก็ต้องตกใจ เพราะว่าด้านหลังของผมนั้น...

ผลัก!

ราวกับเวลาเคลื่อนผ่านไปอย่างช้าๆ มือของผมที่ผละออกจากราวเหล็ก ทำให้ผมเสียหลักจากเรือที่กำลังโคลงเคลงซ้ำอีก และครั้งนี้ ตัวของผมนั้นเหมือนกับกำลังหลุดลอยไป ดวงตาของผมพล่าเลือนไปด้วยน้ำที่สาดซัด ล่วงหล่นลงกระทบกับผืนน้ำที่แสนเย็นเฉียบด้านล่าง

ผม...กำลังจะตายงั้นเหรอ ทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวของผมมันเป็นสีฟ้า พระอาทิตย์ที่ฉายแสงลงมายังผืนน้ำ ทำให้มันส่องประกายระยิบระยับสวยงาม ความทรมาน ความปวดร้าว ผมกำลังจะจากมันไป แม่ครับ ผมขอโทษที่เป็นลูกที่ไม่ได้เรื่อง ไม่มีสิ่งไหนที่ผมทำสำเร็จเพื่อแม่ได้เลย และพี่หมอก พี่ครับ ผมรักพี่มากเหลือเกิน

แม้แต่ตอนที่กำลังจะตาย ผมก็ยังคิดถึงพี่ ยังคง...มองเห็นใบหน้าของพี่...

"อิน! โธ่ อินฟื้นสิ!" ผมค่อยๆ ลืมตาขึ้นอีกครั้งด้วยจมูกที่แสบ คอและดวงตาก็เจ็บไปหมด ผมหนาวสั่นพลางมองคนที่กำลังกอดผมเอาไว้ กอดผมอย่างดีใจที่เห็นผมลืมตาขึ้นมา นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันนะ ทำไมทุกคนถึงดูร้อนรนกันนัก "อิน ไม่เป็นไรแล้วนะ"

ผมมองพี่เปอร์ที่ตัวเปียกและกอดผมเอาไว้ มองหมี่ที่ดูสีหน้าไม่ดีนักยืนอยู่ห่างๆ มิวที่กำลังร้องไห้อยู่ข้างประตู และคนอีกคน พี่หมอกตอนนี้ไม่มีผ้าปิดตา และยืนอยู่ไกลที่สุด ผมของพี่หมอกดูลู่ลงเหมือนกับเปียกน้ำ

"อิน" ผมละสายตาจากพี่หมอก จ้องมองพี่เปอร์ที่ดีสีหน้าดีขึ้น และกำลังยิ้มให้ผม "นึกว่าพี่เสียอินไปซะแล้ว" พี่เปอร์พูดและจับมือผมเอาไว้แน่น ยกขึ้นมาหอมและจูบเบาๆ

"ผม...ตกน้ำเหรอครับ" ผมที่เพิ่งฟื้นนั้น ความทรงจำต่างๆ ก็เริ่มไหลเข้ามา ใช่แล้ว ผมตกลงไปในน้ำ แต่ว่า... เพราะอะไรกันนะ ผมคิดพลางเหลือบมองมิวที่กำลงตัวสั่นและหลบสายตาผม

"อินอย่าร้องไห้ ไม่เป็นไรแล้ว" ผมไม่รู้ว่าทำไม แต่น้ำตาของผมก็ไหลออกมา ผมจ้องมองพี่เปอร์ จ้องมองใบหน้าของคนที่ดูเป็นห่วงผมที่สุด

"พี่ช่วยผมไว้เหรอครับ" ผมพูด และมองพี่เปอร์ที่ดูอึกอักพลางหันไปมองคนอื่นๆ ในเรือ

"ช.ใช่ พี่เอง"

"ขอบคุณนะครับ" ผมที่ได้ยินแบบนั้นก็ยิ้มให้กับพี่เปอร์ ยิ้มให้กับผู้มีพระคุณของผม

แต่ว่า...ทำไมกันนะ ใบหน้าที่ผมเห็นในตอนนั้น ทำไมถึง ไม่ใช่...

​ ​
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#21 หัวใจ ที่สุดจะหยั่งถึง(22/10/61)
เริ่มหัวข้อโดย: punchnaja ที่ 22-10-2018 16:57:24
สนุ้กกกกกกกกกกกก ชอบค่ะ^^
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#21 หัวใจ ที่สุดจะหยั่งถึง(22/10/61)
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 22-10-2018 18:51:35
อิน อย่าโง่ไปหน่อยเลยลูก อิพี่หมอกตัวเปียกซะขนาดนั้น อิพี่หมอกคงไม่ได้ร้อนแล้วอาบน้ำบนเรือหรอกลูกก  สติน้อออ
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#21 หัวใจ ที่สุดจะหยั่งถึง(22/10/61)
เริ่มหัวข้อโดย: naruxiah ที่ 22-10-2018 20:16:41
พี่เปอร์หน้าด้านนะไม่ช่วยก็อย่าบอกเค้าว่าเป็นคนช่วยสิ
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#21 หัวใจ ที่สุดจะหยั่งถึง(22/10/61)
เริ่มหัวข้อโดย: ป่ามป๊ามป่ามปาม ที่ 22-10-2018 21:37:40
บางเรื่องอินก็น่าจะมีเซ้นบ้างอะ อย่างที่หมอกตัวเปียกเนี่ย เห้อ
มิวผลักอินตกน้ำใช่มั้ย ทีแรกสงสารมิวอยู่นะที่ต้องหลบๆซ่อนๆ แต่มิวต้องทำร้ายอินขนาดนี้เลยหรอ บอกความจริงไปเลยดีกว่า อินไม่น่าโง่ขนาดที่จะดันทุรังคบกับเปอร์ต่อไปหรอก  :katai1:
หมอกก็ยืนเฉยไม่ท้วงอะไรสักหน่อยเลยหรอ
ตัวละครไม่มีใครเปิดใจคุยกันเลย มีแต่เรื่องปิดบังกันอย่างนี้ ความสัมพันธ์ก็คงจะเป็นอย่างนี้ต่อไปเรื่อยๆแหละ ไม่เคลียร์สักกะอย่าง
ตอนนี้ขัดใจทุกตัวละครเลยอ่า ทีมหมี่ละกัน  :laugh:
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#21 หัวใจ ที่สุดจะหยั่งถึง(22/10/61)
เริ่มหัวข้อโดย: FanclubPong ที่ 23-10-2018 00:47:01
มิว อิงูพิษ เปอร์อิเจ้าชู้  :fire:
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#21 หัวใจ ที่สุดจะหยั่งถึง(22/10/61)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 23-10-2018 02:38:22
 :pig4: :pig4: :pig4:

ทำเป็นเงียบ ๆ ติ๋ม ๆ   แต่แอบร้ายนะยะ นังมิว  ชิส์

เด๋วจับส่งตำหนวดข้อหาพยายามฆ่าซะเลย
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#21 หัวใจ ที่สุดจะหยั่งถึง(22/10/61)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 23-10-2018 03:08:29
มิว ลูกเป็นคนทำหรือจ๊ะ  :pigangry2:
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#21 หัวใจ ที่สุดจะหยั่งถึง(22/10/61)
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 23-10-2018 10:22:26
 :mew1:
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#21 หัวใจ ที่สุดจะหยั่งถึง(22/10/61)
เริ่มหัวข้อโดย: Gloomy Sunday ที่ 12-11-2018 15:50:47
เพ้อ บทที่ 22 ความเจ็บปวดที่สะท้อนกลับ


ในเย็นวันนั้น ผมยังคงนอนพักรักษาตัวอยู่ที่รีสอร์ตของพี่เปอร์ เพราะอาการโดยรวมไม่ได้แย่มากอย่างที่คิด ด้วยการช่วยเหลือที่ทันท่วงทีทำให้ผมไม่เป็นไรมาก ผมขอร้องพี่เปอร์ไม่ให้บอกแม่ถึงเรื่องนี้ และขอพักผ่อนอยู่เงียบๆ คนเดียว

ผมคิดถึงตอนอยู่บนดาดฟ้าเรือนั่น ทำไมผมถึงได้ตกลงไปกัน และภาพที่ผมนึก ก็ทำให้ผมส่ายหน้าน้อยๆ

ไม่...

ไม่ใช่หรอก...

ทำไมล่ะ...

ผมคิด และซุกหน้าเข้ากับหมอนใบใหญ่ ผมนั้นไม่เคยทำร้ายมิวเลย ไม่มีทางที่ผมจะแบบนั้น มันต้องเป็นอุบัติเหตุ เป็นเพราะเรือที่โคลงเคลงไปมานั่นแน่ๆ

ผมเลือกที่จะทำให้ตัวเองสบายใจ และหลับตาลง ลืมทุกอย่างที่ทำให้เจ็บปวดหัวใจ

"อิน" ผมลืมตาตื่นขึ้นในตอนเช้าของอีกวัน เพราะเสียงของคนที่เขย่าตัวผมเบาๆ เป็นพี่อีกแล้วนะ ที่ผมลืมตาขึ้นและมองเห็น ขอบคุณนะครับ

"ไหวไหม ถ้ายังไม่ไหวก็ไปโรงพยาบาลเถอะ" ผมยิ้มน้อยๆ ให้กับคนที่คอยเป็นห่วงเป็นใย

"ผมไม่เป็นไรครับ แล้ว...ทุกคนล่ะ" ผมนึกขึ้นได้ว่า วันนี้จริงๆ พวกเราควรจะกลับแล้ว เพราะบางคนก็น่าจะมีเรียน ซึ่งจริงๆ ก็คือผมด้วย

"พี่บอกแม่เราแล้วนะว่าเราไม่สบาย ขอพักอยู่ที่นี่วันนึง แต่คนอื่นน่ะ กลับไปแล้วล่ะ พี่ให้คนขับรถแยกไปส่ง" ผมที่ได้ยินแบบนั้นก็ค่อยๆ ลุกขึ้น พี่หมอกกลับไปแล้วงั้นเหรอ มิวด้วยสินะ

"เดี๋ยวพี่ขับรถพาเรากลับ ถ้าเราไหวนะ"

"ผมไหวครับ พาผมกลับเถอะ" ผมรู้สึกว่าผมควรรีบกลับไป ป่านนี้แม่คงเป็นห่วงแย่แล้ว

"โอเค อินอาบน้ำแต่งตัวไหวไหม เดี๋ยวพี่..."

"ไหวครับ ผมขอเวลาแปบเดียว" ผมพูด และรีบลุกขึ้นเดินไปยังตู้เสื้อผ้า ผมยังคงรู้สึกไม่ค่อยดีนัก และพี่เปอร์ก็ทำให้ผมรู้สึกหวาดหวั่นนิดหน่อยเมื่อต้องอยู่ด้วยกันแค่สองคน

"อิน กลัวพี่เหรอ" ผมหลบสายตาพี่เปอร์ที่พูดแบบงอนๆ

"เปล่าครับ ผมแค่อยากรีบกลับ" ผมพูดเลี่ยงๆ พลางเดินไปหน้าห้องน้ำ

"เอ่อ อิน แว่นอินน่ะ โทษทีนะ มันหลุดออกจากหน้าอินตอนนั้น..." ผมที่ได้ยินแบบนั้นก็ตกใจทันที นั่นสินะ ผมใช้มือคลำใบหน้าตัวเอง ตกลงไปในน้ำงั้นเหรอ แว่นนั้น

"ไม่เป็นไรครับ ผมจะหาซื้อใหม่" ผมพูดด้วยน้ำเสียงหงอยๆ มันเป็นของที่แม่ซื้อให้ผม

"แต่พี่ว่า อินไม่ใส่ดีกว่านะ จะว่าไงดี ต่างกันเยอะเลย" พี่เปอร์ไม่พูดเปล่า แต่เดินตามผมมาที่หน้าห้องน้ำ และก้มตัวลงจ้องมองผมใกล้ๆ ทำเอาผมชะงักก้าวถอยหลัง

"แต่ผมมองไม่ค่อยเห็น..." ผมเอียงใบหน้าหลบสายตาเจ้าเล่ห์นั้น

"พี่จัดการเอง แฟนพี่ต้องดูดีที่สุด" พี่เปอร์พูดพลางยื่นมือมาดึงแก้มผมเบาๆ สายตาของพวกเรานั้นเริ่มประสานกัน รอยยิ้มบนริมฝีปากนั้น ค่อยๆ ใกล้เข้ามา ผมจ้องมองริมฝีปากนั้นและ...

"ผม รีบอาบน้ำดีกว่า" ผมใช้มือดันใบหน้าของพี่เปอร์ไว้ และรีบหันหลังกลับเข้าไปในห้องน้ำ

ทำไม่ได้ ยังคงทำแบบนั้นไม่ได้ หัวใจของผมมันบอกแบบนั้น...

หลังจากเตรียมตัวเสร็จแล้ว ผมก็ออกเดินทางกลับมาพร้อมกับพี่เปอร์ด้วยรถยนต์ส่วนตัว ผมไม่รู้ว่าพี่เปอร์มีรถกี่คันกันแน่ แต่คันนี้ก็เป็นรถที่สวยมาก ผมเหลือบมองพี่เปอร์ที่กำลังขับรถเงียบๆ พลางฮัมเพลงไปมาอย่างร่าเริง ดูมีความสุขเหลือเกิน

"ขอบคุณอีกครั้งนะครับ ที่ช่วยผม" พี่เปอร์ที่หยุดฮัมเพลงทันทีด้วยสีหน้าที่ดูเคร่งเครียดขึ้น

"อินเป็นแฟนพี่ พี่จะปล่อยให้อินตายได้ยังไง" ผมยิ้มน้อยๆ ให้กับคำพูดนั้น "อีกอย่าง พี่ก็ผิดด้วยที่ขับเรือเร็วขนาดนั้น"

"ไม่หรอกครับ ผมยืนไม่ดีเอง"

"อย่าพูดถึงเรื่องนี้อีกเลยนะ พี่เครียดมากเลยเวลาที่นึกถึงน่ะ" พี่เปอร์ส่งสายตาเศร้าๆ มาให้

"ครับ"

"แต่..." ผมมองพี่เปอร์ที่พูดต่อ และเริ่มอมยิ้มกวน "ถ้าอยากตอบแทนพี่ ก็..." พี่เปอร์เริ่มเอียงหน้าเข้ามาใกล้ ซึ่งผมเริ่มรู้ในทันทีว่าพี่เปอร์ต้องการอะไร

"อะไรเหรอครับ" ผมแกล้งถามแบบคนไม่รู้ พลางเอียงตัวหนีเล็กน้อย

"โธ่อิน นี่แกล้งพี่ใช่ไหมเนี่ย" พี่เปอร์ยังคงเอียงตัวมาหาผม ยื่นแก้มเข้ามาใกล้ๆ นี่ผมต้องทำจริงๆ งั้นเหรอ แต่ว่าผม...

Rrrr Rrrr

แต่ผมที่กำลังนั่งเกร็งอยู่นั้น ก็สะดุ้งทันทีที่ได้ยินเสียงโทรศัพท์ของพี่เปอร์ดังขึ้น พี่เปอร์กลับไปนั่งตัวตรงขับรถตามเดิม พลางถอนหายใจแรง ดูหงุดหงิดมากขึ้นทันทีที่มีคนกวน

"พี่ จะไม่รับสายเหรอครับ" ผมพูดถามพี่เปอร์เบาๆ เมื่อเสียงเรียกเข้ายังคงดังอยู่ และพี่เปอร์ก็ยื่นมือไปกดรับสายนั้น แบบเซ็งๆ

"เออ ว่าไง" พี่เปอร์พูดผ่านสปีกเกอร์โฟนที่เปิดไว้ ทำเอาผมได้ยินไปด้วย

"มึงอยู่ที่ไหน" ผมชะงักทันทีที่ได้ยินเสียงของคนที่โทรมา เมื่อกี้ผมไม่ทันเห็นหน้าจอ แต่เสียงนี้ เป็นเสียงของคนที่ผม จำได้ดี

"อะไรของมึงวะ วันนี้มึงโทรหากู 3 รอบแล้วนะ ถามอย่างกับเป็นพ่อกู" ผมมองพี่เปอร์ที่ดูหัวเสียมากขึ้นไปอีก

"กลับจากทะเลหรือยัง"

"เออ มีไรด่วนวะ เดี๋ยวกูโทรหาได้ไหม ขับรถอยู่"

"กูจะฝากมึงซื้อของให้หน่อย" ผมขมวดคิ้วน้อยๆ ที่ได้ยินแบบนั้น

"เดี๋ยวนะไอ้คุณหนู มีตีนก็ลงมาซื้อ ตอนนี้กูยังไม่ว่าง แค่นี้นะ..."

"ช่วยกูหน่อย" พี่เปอร์ดูเหมือนจะยอมแพ้ และถอนหายใจเบาๆ

"เออ กูแวะไปหา อย่าเพิ่งตายนะ" พี่เปอร์พูด และกดตัดสายไป พี่หมอกเป็นอะไรงั้นเหรอ แล้วทำไมผมถึงต้องกังวนนะ "ไอ้ลูกหมา เมียมีเป็นโขลงไม่เรียก เรียกแต่เพื่อน" พี่เปอร์เริ่มบ่น แต่ก็กลับรถเปลี่ยนเส้นทางทันที

"โทษทีนะอิน พี่จะแวะไปหามันหน่อย เดี๋ยวอินรอบนรถก็ได้ พี่วิ่งขึ้นไปไม่นาน"

"ครับ ผมรอข้างล่างละกัน" ผมพูดและคิดจริงๆ ว่าผมไม่ควรขึ้นไปด้วย ผมไม่รู้ว่าต้องทำหน้ายังไงเวลาเห็นพี่ มันทรมานเกินไป

ยิ่งไกลก็ยิ่งคิดถึง ยิ่งใกล้ก็ยิ่งเจ็บปวดใจ แต่ผมจะผ่านมันไปให้ได้ ด้วยเส้นทางที่ผมเลือกเอง นี่เป็นบทเรียนของคนที่หวังอะไรสูงเกินไป แต่ว่าการกระทำของพี่หมอกบางอย่างนั้น ผมไม่เข้าใจเลย พี่คิดอะไรอยู่กันแน่

"อิน" ผมที่กำลังคิดอะไรเพลินๆ นั้นก็หยุดชะงัก และหันไปมองพี่เปอร์ที่กำลังยื่นหน้าเข้ามาใกล้ "พี่อยู่ข้างๆ แท้ๆ คิดถึงคนอื่นได้ยังไง" พี่เปอร์พูด และยิ้มน้อยๆ ให้ผม เหมือนกับรู้ทัน

"ผมเปล่านะครับ" ผมพูดโกหก และหลบสายตาของคนข้างๆ ความเหม่อลอยของผมทำให้ไม่รู้ตัวเลยว่าตอนนี้รถของพี่เปอร์ ได้มาจอดลงที่หน้าคอนโดพี่หมอกแล้ว

"ช่างเถอะ แล้วรางวัลพี่ล่ะ" พี่เปอร์พูด และยิ่งยิ้มมากขึ้นไปใหญ่

"คือผม..." ผมอ้ำอึ้ง ได้แต่เอียงตัวหนี แต่พี่เปอร์ที่ตอนแรกก็ยิ้มแย้มนั้น รอยยิ้มก็ค่อยๆ หุบลงเรื่อยๆ ทุกครั้งที่ผมถอยห่าง

"ถ้างั้นก็เอาตามที่อินต้องการละกัน" ผมได้ยินเสียงพี่เปอร์ถอนหายใจน้อยๆ และพูดด้วยเสียงที่เหมือนกับกำลังผิดหวัง

ผมในตอนนี้นั้นทั้งสับสนและว้าวุ่นในใจ ผมมันเป็นคนที่แย่มาก พี่เปอร์เป็นแฟนของผม ใช่ ผมเป็นคนบอกพี่เขาเอง และพี่เขาก็มีพระคุณกับผมมาก ผมควร ทำในสิ่งที่พี่เขาต้องการสิ ทำให้พี่เขาดีใจ

ผมคิด และตัดสินใจอย่างแน่วแน่ กลั้นใจ หลับตาลงช้าๆ พลางยื่นหน้าเข้าไปแตะปลายจมูกลงที่ข้างแก้มของพี่เปอร์ ผมทำมันแล้ว ทำลงไปแล้ว ด้วยหัวใจที่ราวกับด้านชา ไม่รู้สึกอะไร

แต่ทันทีที่ผมลืมตาขึ้น ภาพที่เห็นตรงหน้ารถก็ทำให้ผมชะงักด้วยหัวใจสั่นรัว พี่หมอกยืนอยู่ตรงนั้น จ้องมองมาที่ผม ด้วยสายตาที่ดูเศร้าสร้อยเพียงชั่วเสี้ยววินาที ก่อนที่จะเปลี่ยนไป เป็นสายตาที่เย็นชาตามเดิม

"ว่าง่ายแบบนี้ยิ่งน่ารักมาก" ผมไม่ได้สนใจพี่เปอร์ที่พูด และขโมยหอมแก้มผมไปฟอดใหญ่ ผมยังคงนิ่งค้างอยู่แบบนั้น และก้มหน้ามองพื้น มองอนาคตที่แสนน่าผิดหวังของผม

"อ้าว ไอ้หมอกนี่หว่า" พี่เปอร์ที่เพิ่งสังเกตเห็นเพื่อนตัวเองยืนขวางหน้ารถก็ลงจากรถทันที ผมมองตามพี่เปอร์ที่เดินไปหน้ารถ และกำลังพูดคุยกับพี่หมอก "ถ้ามึงจะลงมาเอง แล้วให้กูมาหาเพื่อ"

ผมค่อยๆ เลื่อนกระจกลง แต่ก็ไม่ได้ลงจากรถ เสียงที่พูดคุยนั้น ดังพอให้ผมได้ยิน

"ไม่ต้องแล้ว กูซื้อเอง" ผมมองพี่หมอกที่หน้าซีด ท่าทางอ่อนแรง แก้มสีขาวของพี่หมอกยังคงเต็มไปด้วยรอยแผล และดวงตาก็ยังคงมีผ้าปิดอยู่

"อะไรของมึงวะ" พี่เปอร์ดูหัวเสียน้อยๆ และคว้าแขนพี่หมอกที่กำลังจะเดินหนีไว้ แต่สีหน้าของพี่เปอร์ก็เริ่มเปลี่ยนไปทันทีที่ทำแบบนั้น "นี่มึงตัวร้อนอย่างกับไฟ ไปๆ ขึ้นไปก่อน"

ผมที่ได้ยินแบบนั้นก็รีบเปิดประตูออกมา และมองพี่เปอร์ที่ทำท่าจะพยุงเพื่อนขึ้นไป แต่พี่หมอกก็ไม่ยอมให้ทำแบบนั้น แต่ก็ค่อยๆ เดินช้าๆ กลับขึ้นไปเอง พี่หมอกเหลือบมองผมทันทีที่เห็นผมลงมาด้วยแววตาที่ทำให้ผมเจ็บปวดเหลือเกิน

"มึงจะเอาอะไรมั่ง เดี๋ยวกูไปซื้อ แล้วอาหารอ่ะ มึงโทรสั่งข้างล่างก็ได้ เฮ้อ กูละเบื่อคนแบบมึงจริงๆ" ผมเดินตามพี่เปอร์ที่เดินบ่นพี่หมอกตลอดทาง พวกเราขึ้นมาถึงห้องพี่หมอกแล้ว และพี่หมอกก็เดินนิ่งๆ ถอดเสื้อยืดสีขาวบนตัวออก และลงไปนอนบนเตียงทั้งๆ กางเกงยีนส์ขายาว

"ให้มันได้แบบนี้ งั้นกูซื้อตามใจกู แล้วอย่ามาบ่น" พี่เปอร์เดินไปรื้อกล่องยาที่อยู่แถวๆ ตู้ใกล้ๆ พลางบ่นต่อไป "ให้กูโทรหาเมียมึงไหม ให้มันมาดูมึง..."

"ไม่" พี่หมอกนอนหันหลังให้ผม และพี่เปอร์พลางตอบเสียงเย็นอย่างน่ากลัว

"เออ ใช้กูเลย จะให้กูเป็นเมียมึงด้วยไหม" พี่เปอร์พูดเหน็บแบบล้อเล่น แต่ประโยคหลังทำเอาผมอึ้งไปเลย

"จะอ้วก" คำตอบของพี่หมอกทำเอาพี่เปอร์หัวเราะเบาๆ ผมรู้สึกว่าบรรยากาศรอบตัวเริ่มดีขึ้น

"กูขอคืนคำนั้นให้เลย ต่อให้กูชอบผู้ชาย กูก็ไม่เอามึงหรอก ไม่งั้นกูคงเป็นบ้าตายแน่ๆ สันดานแบบมึงใครอยู่ด้วยคงอกแตกตายหมด"

"รีบๆ ไปไกลๆ"

"นั่น ใช้กูยังเสือกไล่กูอีก เดี๋ยวปล่อยนอนเน่าตายซะดีไหม" ผมเริ่มยิ้มน้อยๆ และมองพี่เปอร์โยนขวดยาเปล่าๆ โยนมั่วๆ ลงไปที่พื้นบ้าง หล่นลงบนเตียงพี่หมอกบ้างเหมือนจะแกล้ง "แม่งหมดทุกอย่าง มึงกินยาเป็นขนมเลยนะ"

ผมเริ่มหุบยิ้ม คนที่จะกินยาเยอะๆ นั้นไม่ใช่เรื่องดีเลย ผมเริ่มเป็นห่วงพี่หมอกมากขึ้นอีกแล้ว

"อิน อยู่นี่ก่อนนะ เดี๋ยวพี่มา พี่ลงไปสั่งข้าวต้ม แล้วก็ซื้อยาให้มันแปบเดียว" พี่เปอร์เดิมมาหาผม และจูงมือผมให้ไปนั่งลงที่โซฟาที่โถงนั่งเล่น

"ครับ"

"ถ้ามีอะไรโทรหาพี่เลยนะ รู้ไหม" พี่เปอร์พูดบอกผม

"ครับ พี่รีบไปเถอะ" ผมพูด และดันพี่เปอร์ให้เดินออกไป ผมมองคนคนนั้นเดินไปที่ทางเดิน ได้ยินเสียงประตูที่เปิด และปิดลง

ผมยังคงนั่งอยู่ที่เดิม ด้วยหัวใจที่เริ่มสั่นไหวอีกครั้ง ผมมาอยู่ที่นี่อีกแล้ว ที่ของพี่หมอก ผมควรจะทำยังไงกับเรื่องนี้ดี ผมควรจะนั่งอยู่ตรงนี้ รอให้พี่เปอร์ขึ้นมา หรือว่า...

ไวกว่าความคิด ผมลุกขึ้น และเดินตรงดิ่งไปยังห้องนอนของพี่หมอกที่อยู่อีกด้าน มองแผ่นหลังของคนที่ยังคงนอนนิ่งสงบอยู่บนเตียง

ผมค่อยๆ หย่นตัวนั่งลงที่ขอบเตียงนั้น มองดูคนที่ยังคงนอนอยู่ และไม่ยอมหันมา

"พ.พี่หมอก" ผมตัดสินใจส่งเสียง และเรียกคนตรงหน้าเบาๆ อย่างน้อยผมก็อยากขอโทษพี่เรื่องรอยแผลบนใบหน้านั้น ผมไม่สบายใจเลยที่ต้องเห็นพี่เป็นแบบนี้

"ไปซะ" เสียงอันแผ่วเบาที่ตอบกลับนั้นทำเอาหัวใจของผมยิ่งบีบตัว และเจ็บลึกอยู่ข้างใน ไม่ว่าจะกี่ครั้ง พี่ก็ผลักผมออกไปจากพี่เสมอ ผมรู้อยู่แล้ว ว่าผมไม่ควรอยู่ตรงนี้ ข้างๆ พี่

"ผมแค่...อยากขอโทษ" พี่หมอกนั้นไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก และยังคงนอนนิ่งๆ เหมือนกับไม่สนใจผม ก็เหมือนเดิมนั่นแหละ อย่างที่แล้วมา "ผมขอโทษจริงๆ ผมไม่ได้ตั้งใจให้พี่เจ็บตัว"

"พูดจบแล้วใช่ไหม ถ้าจบแล้วก็ช่วยออกไปสักที" และก็อีกครั้ง คำพูดของพี่หมอกนั้น มักทำให้ผมเจ็บปวดทรมานอยู่เสมอ และครั้งนี้ มันไม่ใช่แค่เพราะคำพูดของพี่ แต่เป็นน้ำเสียงของพี่ ที่เป็นเหมือนกับคำขอ พี่กำลังขอร้องให้ผมไป

ผมกลั้นน้ำตาเอาไว้และค่อยๆ ลุกขึ้นจากเตียงนอนนั้น ผมมองพี่หมอกที่ยังคงนอนนิ่ง ทุกอย่างระหว่างเราสองคนมันเป็นสีดำสนิท ไม่มีแม้แต่เพียงแสงรำไรให้ผมได้หวัง ทุกอย่างมันเหมือนกับความฝัน เป็นได้แค่ความฝันที่เลือนลาง และไม่มีวันเป็นจริง

"เดี๋ยว" แต่ผมที่กำลังจะเดินหันหลังกลับไปนั้น เสียงเรียกเบาๆ ก็ทำให้ผมรีบหันกลับไป และก็พบว่าพี่หมอกได้ลุกขึ้นนั่งแล้ว พลางกำลังจ้องมองผมด้วยแววตาที่ดูเฉยชาเช่นเดิม แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นผมก็ดีใจ ดีกว่าต้องจากกันทั้งๆ แบบนี้

"ช่วยหยิบนั่นให้ที" ผมมองตามมือของพี่หมอกที่ชี้ไปยังกล่องยาเล็กๆ ที่ข้างเตียงนอน มันเป็นหลอดยาสีขาวหลอดเล็กๆ น่าจะเป็นยาสำหรับทาแผลสินะ

"อย่างน้อย ผมขอ ทำให้ได้ไหม" ผมหยิบยาหลอดนั้นมา และนั่งคุกเข่าลงกับพื้นตรงหน้าพี่หมอก ไม่รอให้พี่พูดปฏิเสธ

พี่หมอกนั้นไม่ได้พูดอะไร แต่ยังคงจ้องมองผมทุกการกระทำ ผมค่อยๆ ขยับตัวเข้าหาตัวพี่หมอกมากขึ้นอีกนิด ยืดตัวขึ้นเล็กน้อย และเปิดหลอดยา บีบลงที่นิ้ว

"เอ่อ อาจจะเจ็บหน่อยนะครับ" ผมพูดด้วยหัวใจที่เต้นรัวอย่างบอกไม่ถูก มันเป็นแบบนี้ทุกครั้งเวลาที่ผม ได้เข้าใกล้พี่ มันห้ามไม่ได้ ความรู้สึกที่อยู่ในหัวใจนี้

ผมค่อยๆ แตะลงที่รอยแผลสีแดงจางๆ บนแก้มสีขาวที่ขาวเรียบสนิท พยายามอย่างมากที่จะไม่สบดวงตาคมที่กำลังมองมา ผมหายใจเข้าออกช้าๆ เกร็งไปหมดทุกส่วน พี่หมอกนั้นมีอิทธิพลกับหัวใจผมมากเกินไป ถ้าเพียงพี่ยิ้มสักนิดละก็ ผมก็คงจะเผลอยิ้มตามแน่ๆ

"ผม ขอโทษจริงๆ นะครับ" ผมที่ไม่รู้จะพูดอะไร ก็ได้แต่พูดแต่คำๆ เดิมซ้ำๆ พวกเราในตอนนี้นั้นใกล้กันมาก มากจนได้ยินเสียงลมหายใจของกันและกัน

ผมหยุดมือลง ช้อนตาขึ้นไปสบกับดวงตาของคนตรงหน้า แต่ดวงตาข้างหนึ่งของพี่หมอกนั้นถูกปิดบังเอาไว้ นี่ก็ฝีมือผมอีกนั่นแหละ ผมนี่แย่มากจริงๆ แต่ว่าพี่หมอก ไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้เลย ทำไมกันนะ ผมนึกว่าพี่จะดุผม ด่าผมเหมือนที่แล้วๆ มาซะอีก

"ตาพี่ ผมว่าไปหาหมอเถอะครับ ถ้าได้ยาหยอดตามาก็น่าจะหายไวขึ้น" ผมพูด และขมวดคิ้วน้อยๆ จ้องมองพี่หมอก เพราะว่าพี่เขาไม่พูดอะไรเลย เอาแต่จ้องมองผม "พี่ ยังเจ็บไหมครับ"

ผมที่ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรต่อก็ถามคำถามที่ไม่ควรถามเอาซะเลย และคำตอบที่ได้ ก็มีแต่ความเงียบ ความเงียบของพี่หมอกนั้น ทำเอาผมอึดอัดเหลือเกิน พี่เขาคงยังโกรธผมมาก และไม่อยากพูดด้วยแน่ๆ

ผมควร...จะถอยห่างออกไปได้แล้ว อยู่ตรงนี้ ก็มีแต่จะทำให้พี่เขารำคาญ และยิ่งเกลียดผมมากขึ้น

"เจ็บ"

แต่ผมที่กำลังตัดสินใจจะถอยห่างไปนั้น ก็ได้ยินพี่หมอกพูดตอบผมเบาๆ ผมช้อนตาขึ้นจ้องมองพี่หมอกอีกครั้ง ไม่รู้ว่าทำไม แต่คำว่าเจ็บของพี่หมอกนั้น มันดูเหมือนมีอะไรซ่อนอยู่ เหมือนกับมีความหมายที่มากกว่านั้น

"ผมขอโทษ..."

"ขอโทษงั้นเหรอ" แต่คราวนี้ ผมที่กำลังจะพูดคำเดิมนั้น ก็ต้องชะงักทันที ผมจ้องมองคนตรงหน้าที่ดวงตาดูแข็งกร้าวขึ้น และยื่นมือมาจับที่หลังคอของผม ให้ขยับเข้ามาใกล้ตัวเองมากขึ้น จนใบหน้าพวกเราแทบจะชนกัน

"นายต้องชดใช้ต่างหาก"
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#22 ความเจ็บปวดที่สะท้อนกลับ(12/11/61)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 12-11-2018 18:00:15
 :mew6: :mew6: :mew6: :mew6:
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#22 ความเจ็บปวดที่สะท้อนกลับ(12/11/61)
เริ่มหัวข้อโดย: naruxiah ที่ 12-11-2018 20:11:05
หมอกแกก็บอกเค้าไปตรงๆว่าชอบเค้างี้​ ชดใช้​ด้วยตัวและหัวใจแน่ทีนี้
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#22 ความเจ็บปวดที่สะท้อนกลับ(12/11/61)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 12-11-2018 22:02:24
 :pig4: :pig4: :pig4:

เอ...หรือหมอกจะทวงของรักคืน   อิอิ
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#22 ความเจ็บปวดที่สะท้อนกลับ(12/11/61)
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 13-11-2018 02:42:26
คือแบบ อินนี่ขัดใจเรามากกกกก  ไม่ได้ดั่งใจเล้ยยย
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#22 ความเจ็บปวดที่สะท้อนกลับ(12/11/61)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 13-11-2018 03:20:56
อิน ซวยอีกแล้ว  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#22 ความเจ็บปวดที่สะท้อนกลับ(12/11/61)
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 13-11-2018 06:16:00
หน่วงมาก!
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#22 ความเจ็บปวดที่สะท้อนกลับ(12/11/61)
เริ่มหัวข้อโดย: ป่ามป๊ามป่ามปาม ที่ 15-11-2018 08:15:55
อินยังไม่เข็ดอีกหรอออออ
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#22 ความเจ็บปวดที่สะท้อนกลับ(12/11/61)
เริ่มหัวข้อโดย: nongsom ที่ 17-11-2018 12:26:01
เมื่อไหร่จะอัพพพ ฮื่ออออออออ รออยู่น้าาาาา
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#22 ความเจ็บปวดที่สะท้อนกลับ(12/11/61)
เริ่มหัวข้อโดย: sang som ที่ 18-11-2018 01:03:00
อิพี่ นี้เป็นไบโพล่าห์หลาว
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#22 ความเจ็บปวดที่สะท้อนกลับ(12/11/61)
เริ่มหัวข้อโดย: Keane ที่ 06-12-2018 09:54:52
 :L2:
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#22 ความเจ็บปวดที่สะท้อนกลับ(12/11/61)
เริ่มหัวข้อโดย: Gloomy Sunday ที่ 07-12-2018 20:14:01
เพ้อ บทที่ 23 สะพานที่ไม่อาจข้ามไป


"ชดใช้..." ผมทวนคำพูดของพี่หมอกเบาๆ คนตรงหน้ายกยิ้มที่มุมปาก จ้องมองผมเหมือนกำลังพอใจ

"ใช่ อย่างสาสมเลยล่ะ" ผมชะงักเล็กน้อยกับคำพูดของคนตรงหน้า ตัวผมนั้นไม่มีอะไรเลย ไม่มีเงิน ไม่มีสิ่งที่พี่น่าจะต้องการ แล้วผมจะต้องชดใช้กับเรื่องนี้ยังไงกัน

แต่แล้ว ผมที่คิดไปมาถึงสิ่งต่างๆ นั้น ความคิดหนึ่งก็แล่นผ่านเข้ามา ผมค่อยๆ ขยับตัวถอยห่างจากคนตรงหน้า มันคงไม่ใช่อย่างที่ผมกำลังคิดใช่ไหม พี่ต้องการให้ผม ชดใช้พี่...ด้วยร่างกาย อย่างนั้นเหรอ

"ผมทำไม่ได้หรอกครับ เรื่องแบบนั้น" ผมบอกคนตรงหน้า และพี่หมอกก็คว้าข้อมือของผมไว้ทันที เมื่อเห็นว่าผมกำลังจะถอยห่าง "ปล่อยผมเถอะครับ"

"พูดเรื่องอะไร" พี่หมอกจับผมแน่นขึ้น และดึงผมให้กลับเข้ามาใกล้ๆ ตามเดิม พี่หมอกจ้องมองผมด้วยคิ้วที่ขมวดมุ่น และเริ่มหัวเราะน้อยๆ อย่างชอบใจ "คิดเรื่องลามกอยู่ล่ะสิ"

ผมที่ได้ยินแบบนั้นก็หน้าแดงขึ้นทันที ทั้งเริ่มโกรธ และอายในเวลาเดียวกัน ก็พี่เป็นคนแบบนั้นนี่ จะให้ผมคิดอะไรได้

"ก็ถ้าไม่ใช่ แล้วพี่ต้องการอะไรจากผมล่ะ" ผมเริ่มหน้าบูดทันที แต่ว่า พี่หมอกในตอนนี้นั้นสีหน้าดูดีขึ้นมาก พี่หมอกยังคงหัวเราะขำความคิดของผม ถึงจะน่าหมั่นไส้แต่ผมก็รู้สึกเบาใจขึ้น รอยยิ้มของพี่นั้น ทำให้หัวใจของผมมันสั่นไหวได้เสมอจริงๆ

"หลงตัวเอง"

"ผมเปล่า"  ผมพูดและหลบสายตาของพี่หมอกที่จ้องมองมา สำหรับพี่ ผมเป็นอะไรกันแน่นะ พี่จะแกล้งผมไปถึงไหนกัน

"ก็แค่จะขอให้ช่วยเหมือนที่เคยช่วย" ผมที่ได้ยินคำพูดนั้น ก็หันกลับไปทันที ผมมองพี่หมอกที่ตอนนี้ทำหน้านิ่งๆ แววตาเต็มไปด้วยความจริงจัง ไม่มีล้อเล่น นี่คือการชดใช้ที่พี่บอกงั้นเหรอ แค่นั้นจริงๆ เหรอ

"ซ้อมบทน่ะเหรอ"

"ก็ใช่สิ จะมีอะไรอีก" พี่หมอกบอกผมด้วยแววตาที่ดูอ่อนลง และเอนตัวกลับลงไปนอนตามเดิม "ถ้าเรียกให้มา ก็ต้องมาด้วย"

"ก็ได้ครับ" ผมมองพี่หมอกที่เริ่มหลับตาลงช้าๆ เหมือนกำลังผ่อนคลาย

ผมค่อยๆ ขยับตัวช้าๆ ยืดตัวขึ้น จ้องมองคนที่นอนนิ่งๆ อยู่บนเตียง ผมมองรอยแผลสีแดงจางๆ บนแก้มของพี่หมอก และดวงตาข้างหนึ่งที่ปิดไว้ด้วยผ้าสีขาว ผมคงจะใจร้ายมากถ้าหากปฏิเสธคำขอของพี่ เพราะว่าผมนั้นผิดจริงๆ และสิ่งที่ผมทำผิดต่อตัวเองที่สุดก็คือ ผมยังคงรักพี่ ไม่อาจลืมพี่ได้เลยสักวินาทีเดียว

"เฮ้อ ไอ้ร้านข้าวข้างล่างนี่ก็คิวยาวชะมัด" ผมที่ได้ยินเสียงพี่เปอร์ ก็รีบถอยหลังออกจากเตียงพี่หมอกทันที ผมมองพี่เปอร์ที่ถือถุงข้าวต้ม และยาต่างๆ กำลังเลิกคิ้วมองผมด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

"ไอ้หมอกมันใช้งานอะไรอีกล่ะ" พี่เปอร์ถามผม พลางวางถุงยาและอาหารลงที่โต๊ะใกล้ๆ

"แค่หยิบยานิดหน่อยเองครับ แต่ว่าตอนนี้น่าจะหลับไปแล้ว"

"โอเค ถ้างั้นเรากลับกันดีกว่า คนของมันมาละ" ผมที่ได้ยินแบบนั้นก็เพิ่งสังเกตว่ามีอีกคนที่เดินตามหลังพี่เปอร์เข้ามา

"กลับไปกันเถอะ เดี๋ยวจัดการเอง" ผมมองหมี่ที่เดินเข้ามา นั่นสินะ คนของเขามาแล้ว ผมก็ควรจะไปได้แล้ว

ผมคิด และหันกลับไปมองพี่หมอกที่ยังคงนอนนิ่ง ไม่ว่าเมื่อไหร่ ในหัวใจของผมก็มักจะเจ็บปวดเสมอกับเรื่องของพี่ ปล่อยวางได้แล้วอิน แล้วกลับไปในที่ของเรา

"ไปกันเถอะครับ" ผมพูด และจับมือพี่เปอร์ไว้ ถึงพี่หมอกจะทำให้ผมสับสน แต่ว่าผมก็เลือกแล้ว พวกเรา เดินกันคนละเส้นทางกัน มันคงไม่มีวันบรรจบ ถึงแม้ว่าพี่จะทอดสะพานเล็กๆ มาให้ผม สะพานที่ไม่อาจข้ามไปได้


ในมหา'ลัยวันรุ่งขึ้น ผมนั้นก็มาเรียนตามปกติ และพบว่าหมี่ไม่ได้มาเรียน ไม่กลับบ้านตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว เขาคงจะอยู่ดูแลแฟนเขาที่กำลังป่วยหนัก ผมเหม่อมองแผ่นไวท์บอร์ดสีขาว ไม่ได้เข้าใจในทุกๆ สิ่งที่อาจารย์กำลังสอน ในหัวนั้นเฝ้าแต่นึกถึงภาพของสองคน ที่กำลังดูแลกันและกัน ดีแล้ว มันดีแล้วจริงๆ

"เห็นในทวิตไหม เขาว่าพี่หมอกโดนทำร้ายมา"

"เออ ในกลุ่มแฟนคลับแทบคลั่งเลยนะ ใครนะที่กล้าทำ"

"ไม่รู้สิ แต่เห็นข่าวลงว่าไม่หนักมาก"

ผมหยุดมือที่กำลังเขียนไปเรื่อย เงี่ยหูฟังข่าวจากผู้หญิงกลุ่มหนึ่งที่นั่งอยู่ข้างหน้าผม วิชาเลือกนั้นเป็นวิชาที่ดีที่ผมจะแอบอู้ไม่ตั้งใจเรียนได้บ้าง และได้พบผู้คนจากคณะอื่นๆ

ข่าวเรื่องพี่หมอกถูกทำร้ายถูกแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว ผมรู้สึกกลัวเล็กๆ ทุกครั้งที่มีคนพูดถึงเรื่องนี้ ยิ่งเฉพาะบรรดาสาวๆ แฟนคลับของพี่เขา ที่เป็นห่วงกันออกหน้าออกตาจนแทบจะบุกถึงคอนโด บางทีผู้หญิงนี่ก็น่ากลัวจริงๆ

"เหม่อแบบนี้คิดถึงพี่อยู่หรือเปล่า" ผมที่กำลังคิดอะไรเพลินๆ ก็ต้องสะดุ้งทันที ผมมองคนที่กำลังยิ้มแป้นอยู่ข้างๆ แถมเมื่อกี้ยังแอบหอมแก้มผมอีกด้วย

"พี่เปอร์!"

"โธ่ ไม่มีใครเห็นหรอก" พี่เปอร์ยิ้มแบบไม่สำนึกเลยสักนิด ดีที่ผู้คนในห้องเรียนนี้กำลังตั้งใจดูสิ่งที่อาจารย์ฉายบนจอภาพ และมันทำให้ห้องนี้มืดลง

"พี่มาได้ไง"

"พี่แอบถ่ายตารางเรียนเรา แล้วก็ตามมาไง" พี่เปอร์ชูมือถือให้ดูถึงตารางเรียนของผมจริงๆ

"ลบเลยนะ" ผมพูด และพยายามแย่งมือถือนั้น

"ไม่" พี่เปอร์ชูมันขึ้นสูงด้วยสีหน้าทะเล้น

"พี่เปอร์ อย่ากวนผมตอนเรียนสิ"

"ก็พี่คิดถึงอ่ะ" ผมทำเป็นไม่สนใจคนข้างๆ ทำตัวเป็นเด็กๆ แถมหน้าไม่อายจริงๆ "อินนน สนใจพี่หน่อยย"

ผมอมยิ้มพลางถอนหายใจเบาๆ พี่เปอร์นั้นเหมือนพวกโตแต่ตัว อ้อนอะไรของเขาก็ไม่รู้

"อินนั่งไกลแบบนี้มองเห็นกระดานเหรอ" พี่เปอร์เท้าคาง และชวนคุยไปเรื่อย

"ผมใส่คอนแทคนะ มองเห็นสิ"

"อื้อ น่ารักดี"

พอได้ยินแบบนั้น ผมมองพี่เปอร์ที่ยังคงจ้องมองผมแบบไม่ละสายตาเลยสักนิด พี่ชอบผมจริงๆ เหรอ แล้วพี่จะไม่มองคนอื่นจริงๆ ใช่ไหม ผมอยากให้ความรู้สึกของพี่ เป็นเรื่องจริง

"พี่ชอบผมมากไหม"

"รักเลยล่ะ" ผมที่ได้ยินคำพูดนั้นชัดเจนก็นึกเขิน ทำไมถึงพูดออกมาได้ง่ายๆ กันนะ "ยิ่งเห็นอินเขินยิ่งรักมากเลย"

"ผมไม่ได้เขินสักหน่อย" ผมพูด พลางปิดหูตัวเอง

แต่ผมที่กำลังคุยกับพี่เปอร์นั้น ก็เผลอเหลือบสายตามองเห็นใครบางคนที่กำลังมองมาจากที่นั่งแถวหน้า เป็นแววตาที่ผมบอกไม่ได้ว่าเขาคนนั้นรู้สึกอย่างไร

มิว ทำไมกันนะ ทำไมถึงหลบหน้าพี่แบบนี้ มีอะไร ทำไมถึงไม่พูดคุยกันดีๆ

"วันนี้พี่ไปส่งบ้านนะ" ผมละสายตาจากที่นั่งด้านหน้า หันมองพี่เปอร์ที่แอบสอดมือมาจับผมเอาไว้ และลูบเบาๆ อย่างรักใคร่

"ครับ" ผมยิ้มตอบรับความปรารถนาดีนั้น ถ้าหากเป็นอย่างนี้ต่อไปเรื่อยๆ ผมคงจะลืมพี่หมอกได้ ในไม่ช้านี้

หลังจากจบคาบเรียน ผมขอตัวจากพี่เปอร์เพื่อไปที่ชมรมการละครเหมือนเช่นเคย พี่เปอร์ในตอนแรกนั้นก็พยายามจะตามผมมาเช่นกัน แต่พอมีสายแปลกๆ โทรเข้ามา พี่เขาก็ดูรีบร้อน และบอกว่าจะกลับมารับผมเมื่อเสร็จธุระแล้ว

Trrr

"อิน โทรศัพท์อินหรือเปล่า" ผมที่นั่งประชุมงานกับพวกพี่ๆ นั้น โทรศัพท์ในกระเป๋าสะพายข้างของผมก็ดังขึ้น เป็นเหมือนกับข้อความที่ถูกส่งมาหลายครั้ง

ผมละออกจากวงล้อมของพี่ๆ และเดินไปที่กระเป๋าของตัวเอง เปิดโทรศัพท์ขึ้นดูว่าใครส่งข้อความมา

[อิน พี่ขอโทษนะพอดีพี่มีธุระด่วนคงจะกลับไปรับไม่ได้ แล้วพี่จะโทรหาตอนกลางคืนนะ]

[ไม่โกรธพี่นะ ไม่งอนนะครับ]

ถึงผมจะรู้สึกงอน แต่ก็อดอมยิ้มเล็กๆ กับข้อความพวกนี้ไม่ได้ ถ้าเจอพรุ่งนี้ค่อยบ่นละกัน ผมยังคงอ่านข้อความต่างๆ ที่พี่เปอร์ส่งให้ไม่รู้จะส่งทำไมนักหนา โทรมาบอกก็ได้นี่นา

[มาที่คอนโดด้วย อย่าชักช้า]

แต่ผมที่เลื่อนสายตาอ่านข้อความหลายๆ ข้อความนั้น สายตาของผมก็สะดุดเข้ากับข้อความห้วนๆ และผมรู้ได้ทันทีว่ามันส่งมาจากใคร

หัวใจของผมเริ่มเต้นแรงขึ้น ไม่ว่าจะเมื่อไหร่ ผมก็ยังคงเป็นเช่นเดิม เพียงแค่ข้อความสั้นๆ จากพี่หมอก ก็มีอิทธิพลสำหรับผมมากเหลือเกิน

หลังจากประชุมกับชมรมเสร็จแล้ว ผมก็รีบออกจากมหา'ลัย เพื่อไปในที่ที่ผมต้องไป ผมมายืนอยู่ที่หน้าประตูคอนโดหรูในเวลาไม่นาน และเปิดประตูเข้าไปยังห้องที่ผมคุ้นเคย

ผมเดินไปตามทางเดินตรงดิ่งไปยังโซฟาที่ตั้งอยู่ตรงกลางของโถงนั่งเล่น วางกระเป๋าข้าวของทุกอย่างไว้บนนั้น ผมมองไปรอบๆ อย่างสงสัย ตอนนี้ห้องของพี่หมอกดูมืดมากขึ้นด้วยไฟหรี่สีส้มด้านบน พี่เขาอยู่ไหนกันนะ ผมเริ่มรู้สึกเป็นห่วงอีกแล้ว

ผมยืนอยู่ตรงนั้น ชะเง้อมองไปยังห้องนอนที่อยู่สุดทางเดินอีกทาง อาจจะนอนอยู่ละมั้ง ผมควรจะไปเช็คดูหน่อย ผมคิด และเดินไปยังห้องนอนที่เป็นห้องกระจกใส ไฟภายในห้องปิดลงมืดและเงียบสงัด มีเพียงเสียงเครื่องปรับอากาศที่ทำงานอยู่ และ เสียงเพลง...

ผมเดินมาถึงห้องนอนของพี่หมอก และค่อยๆ นั่งลงช้าๆ ที่ข้างเตียงนั้น พี่หมอกในตอนนี้นอนหลับใหลเหมือนกำลังฝันดี แต่สิ่งที่ทำให้ผมแปลกใจนั้นก็คือ กล่องดนตรีที่กำลังหมุนช้าๆ ทุกจังหวะการเคลื่อนไหวของมันทำให้เกิดเสียงเพลงเบาๆ ผมเพ่งมองดูมันชัดๆ และพบว่า มันคือม้าหมุนเล็กๆ ที่ถูกย่อส่วนลง มันสวยงามเหมือนดั่งม้าหมุนที่ผมเคยเห็นในสวนสนุก มีไฟเล็กๆ ประดับอยู่ภายใน ทำให้ยิ่งดูสมจริงมากขึ้น ดูอบอุ่น และทำให้หัวใจสงบอย่างบอกไม่ถูก

ผมยิ้มน้อยๆ และละสายตาจากกล่องดนตรีนั้น จ้องมองพี่หมอกที่กำลังนอนหลับตานิ่ง เวลาแบบนี้พี่ช่างเหมือนกับถูกสลักไว้ ช่างงดงามไร้ซึ่งมลทินใดๆ ผมไม่อาจห้ามใจที่จะยื่นมือออกไป และแตะเบาๆ ที่ข้างแก้มนั้น ข้างแก้มที่ผมเป็นคนทำรอยไว้ พี่เจ็บมากไหม แต่ผมบอกได้ว่า ผมนั้นเจ็บมากกว่าพี่ หลายเท่านัก

หมับ!

ผมสะดุ้งตัวทันทีที่มือของตัวเองถูกจับไว้ มองพี่หมอกที่ค่อยๆ ลืมตาขึ้นด้วยสีหน้าที่ดูนิ่งเฉย มากกว่าจะโกรธหรืออะไร ผมค่อยเบาใจขึ้นหน่อย

"มาช้า" พี่หมอกพูด และยังคงจับมือผมเอาไว้ ทำเอาผมเริ่มเกร็ง มือของพี่หมอกร้อนมาก นี่พี่ยังไม่หายอีกเหรอ

"ผมต้องไปชมรมทุกวัน พี่ก็รู้"

ผมพูดบอกพี่หมอก แต่คนตรงหน้ากลับเหลือบมองกล่องดนตรีบนหัวเตียงตัวเอง พลางทำหน้าเหมือนเพิ่งนึกอะไรออก

"กล่องดนตรีนี่สวยจัง" ผมที่ไม่ได้คิดอะไร ก็ยื่นมือออกไปหยิบมันเข้ามาดูใกล้ๆ แต่เมื่อผมทำแบบนั้น ก็มีช่องเก็บของเล็กๆ ที่ซ่อนอยู่เปิดออกมา ผมทันได้เห็นสิ่งที่อยู่ด้านในแว้บหนึ่งก่อนที่จะถูกดึงกล่องดนตรีออกไปจากมือ

"ยุ่ง" พี่หมอกปล่อยมือผม และเอื้อมมือไปหยิบกล่องดนตรีนั้นซ่อนไว้ใต้ผ้าห่ม

ภายในหัวใจของผมมีคำถามมากมาย แต่ว่าผมในตอนนี้มีสิทธิ์อะไรที่จะถาม ผมไม่มีสิทธิ์อะไรในตัวพี่ทั้งนั้น

"พี่เป็นยังไงบ้าง กินอะไรหรือยังครับ" ผมทำลืมสิ่งที่เห็นและเริ่มถามเรื่องทั่วไป แต่พี่หมอกก็ไม่ตอบอะไรกลับมา "คือ ขอโทษนะครับ"

ผมที่เห็นพี่หมอกยังคงนิ่งนั้น ก็ขยับตัวขึ้นมาบนเตียงมากขึ้น และแตะลงที่คอของพี่หมอกเบาๆ

"พี่ยังตัวร้อนอยู่เลย" ผมพูดและขยับตัวออกมาให้ห่างตามเดิม

"แล้วไง"

"ก็ไม่แล้วไงหรอกครับ แต่ทุกคนเขาเป็นห่วงพี่นะ" ผมเลี่ยงที่จะพูดว่าตัวเองนั้นเป็นห่วงพี่ แบบนี้แหละดีกว่า

"หึ ทุกคนเหรอ" ผมไม่รู้ว่าพี่หมายถึงอะไร แต่พี่หมอกดูขมขื่นกับคำพูดนั้น

"วันนี้ยังไม่ต้องซ้อมหรือทำอะไรหรอกครับ ผมว่าพี่นอนพักเถอะ จะได้ดีขึ้น แล้วเดี๋ยวผมลงไปซื้ออะไรมาให้พี่ทานนะ" ผมพูดถามพี่หมอกที่ยังคงนอนนิ่ง พี่หมอกตอนนี้ใส่แค่กางเกงนอนขายาวและปล่อยให้ท่อนบนเปลือยเปล่า แล้วแบบนี้เมื่อไหร่จะหายกันล่ะ แอร์ในห้องก็เย็นจนผมแทบจะป่วยตาม

"ไม่ต้องซื้อ ไม่หิว" ผมถอนหายใจเบาๆ ทำไมพี่ถึงดื้อนักนะ

"ไม่หิวก็ต้องกินนะครับ จะได้กินยา" ผมพูด และมองพี่หมอกที่ดึงผ้าห่มออกจากตัวถีบไปอยู่ปลายเตียง

"เอ๊ะ ไม่สิ" อยู่ดีๆ พี่หมอกก็พูดขึ้น เหมือนเพิ่งนึกอะไรได้ "จริงๆ ก็หิวแหละ" พี่หมอกพูดต่อพลางจ้องมองผมด้วยสายตาแปลกๆ

"ถ้างั้นเดี๋ยวผม..."

"เช็ดตัวให้หน่อย" ผมที่กำลังจะบอกพี่หมอกว่าจะไปซื้อข้าว ก็ต้องขมวดคิ้วทันที หิว แต่ให้เช็ดตัวเนี่ย มันคืออะไรกัน

"เร็ว" ไม่พูดเปล่า พี่หมอกเร่งผม และไล่ให้ผมไปเอาผ้าชุบน้ำ ซึ่งผมก็หามาได้ในเวลาไม่นาน

ผมเดินกลับมา วางกะละมังใบเล็กไว้ที่โต๊ะข้างเตียง บิดผ้าขนหนูผืนเล็กที่ชุบน้ำอุ่นหมาดๆ และ...เอ่อ

ผมมองร่างกายของคนตรงหน้าที่นอนนิ่งๆ รอให้ผมทำทุกอย่างให้ และก็แน่นอน หัวใจที่ไม่รักดีของผมเริ่มเต้นรัวอย่างไม่เป็นส่ำอีกครั้ง ใจเย็นๆ อิน พี่เขาไม่สบาย ก็แค่เช็ดตัวเท่านั้น

"เร็วๆ จะเช็ดก็เช็ด"

ผมที่ถูกเร่งนั้นก็ค่อยๆ แตะผ้าขนหนูลงที่แก้มของพี่หมอก แตะเบาๆ ไล่ไปตามใบหน้า และลำคอ ผมพยายามไม่สบตาพี่หมอกมากนัก นี่มันสถานการณ์อะไรกันนะ เมื่อไม่กี่วันก่อน ผมยังสาบานกับตัวเองว่าจะไม่ยุ่งกับคนคนนี้อีกแล้ว แต่มาวันนี้ พวกเรากลับใกล้ชิดกันอีกครั้ง ตัวผมเนี่ย เชื่อถือไม่ได้เลยจริงๆ สินะ

"เช็ดดีๆ ไม่หันมามองแล้วจะรู้ได้ไงว่าเช็ดตรงไหนอยู่" ผมนั้นโดนบ่นอยู่เป็นระยะ ด้วยความที่ไม่อยากมองร่างกายของพี่หมอกตรงๆ จึงลงมือเช็ดแบบมั่วๆ จนทำให้พี่หมอกไม่พอใจ

"ตรงนี้ แล้วก็ตรงนี้" ผมสะดุ้งน้อยๆ ทันทีที่รู้สึกถึงมือพี่หมอกที่จับที่ข้อมือของผม นี่มันแบบว่าผมควรรู้สึกยังไงดีนะ ทุกอย่างมันผสมปนเปกันไปหมด

"หูแดง" ผมมองพี่หมอกที่พูดเหมือนแซวผม และยิ้มมุมปากน้อยๆ แบบชอบใจ

"ผมเปล่า" ผมพูดและหลบสายตายียวนนั่น

แต่ผมที่เสมองไปทางอื่นนั้นก็ต้องสะดุ้งอีกครั้งทันที ผมรีบหันกลับมามองมือผมที่ถูกจับไว้ และมันกำลังเลื่อนไปในตำแหน่งที่ทำให้ผมต้องพยายามดึงมือออกไป

"พี่หมอก" ผมก็ว่าแล้วไง ว่าคนแบบพี่หมอกก็ไม่พ้นเรื่องอะไรแบบนี้แน่นอน

"อย่าโวยวาย" พี่หมอกกำข้อมือของผมให้อยู่นิ่งๆ ถึงจะป่วย แต่พี่หมอกก็ตัวใหญ่กว่าผม และพละกำลังนั้นไม่ได้ตกลงไปเลย ผมได้แต่พยายามขัดขืน และยื้อมือกลับมา

"ปล่อยผมเถอะ"

"โวยวายทำไมนักหนา มากกว่านี้ก็เคยมาแล้ว" พี่หมอกพูด และกระชากมือผมเบาๆ ให้เลื่อนไปตามที่ต้องการมากกว่าเดิม

ผมเริ่มหลับตาแน่น ขณะที่มือของผมยังคงเคลื่อนผ่านไป และแตะลงเบาๆ ที่ส่วนนูนบวมนั่น ทำไมถึงเป็นคนแบบนี้นะ

"พี่หมอก พอเถอะครับ"

"แค่นี้ก็ทำมือสั่นไปได้"

"ผมไม่ได้สั่น"

"อิน" ผมช้อนตามองพี่หมอกที่เรียกผมด้วยเสียงแผ่วเบา ไม่นะ ไม่นะอิน อย่าหลงไปตามคนคนนี้

พี่หมอกนั้นไม่เพียงแค่เรียก แต่ค่อยๆ จับมือของผม ให้เลื่อนไปตามขอบของกางเกงนอน และค่อยๆ เลื่อนลงอีกครั้ง เข้าไปยังจุดที่กำลังค่อยๆ ก่อตัวขึ้น จนคับตึงอยู่ภายใน

ผมไม่เข้าใจเลย ไม่เข้าใจเลยสักนิด พี่ไม่ได้ชอบผมไม่ใช่เหรอ แล้วทำไม พี่ถึงทำแบบนี้
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#23 สะพานที่ไม่อาจข้ามไป(7/12/61)
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 07-12-2018 20:25:24
เมื่อไหร่เรื่องของเปอร์กับมิวจะแดงนะ
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#23 สะพานที่ไม่อาจข้ามไป(7/12/61)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 07-12-2018 21:08:58
 :pig4: :pig4: :pig4:

อิเปอร์  แกมันเจ้าชู้หลายใจ

อิมิว  แกมันอำมหิตมากนะ

อิหมอก  แกมันไบโพลาร์แน่ ๆ
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#23 สะพานที่ไม่อาจข้ามไป(7/12/61)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 08-12-2018 01:26:11
 :m16: :m16: :m16:
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#23 สะพานที่ไม่อาจข้ามไป(7/12/61)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 08-12-2018 02:02:38
เมื่อไหร่อินจะสู้คนบ้างนะ  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#23 สะพานที่ไม่อาจข้ามไป(7/12/61)
เริ่มหัวข้อโดย: ป่ามป๊ามป่ามปาม ที่ 18-01-2019 09:25:47
หมอกอ่อยตลอด แต่ปากร้าย อินก็เลยดูไม่ออกอะ ปวดหัวกะอิคู่นี้จริงๆ
เปอร์กับมิวนี่ก็ด้วย อินเมื่อไหร่จะรู้ตัวว่าโดนปิดบัง
มาต่อทีค่าาา
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#23 สะพานที่ไม่อาจข้ามไป(7/12/61)
เริ่มหัวข้อโดย: Gloomy Sunday ที่ 28-02-2019 16:56:51
เพ้อ บทที่ 24 คำตอบที่แสนผิดหวัง


"ค่อยๆ อย่างนั้นแหละ" พี่หมอกยังคงจับมือผมเอาไว้ และบังคับให้กอบกุมท่อนกายร้อนที่กำลังคับตึงขึ้นทุกขณะ รูดขึ้นและลงช้าๆ ตามจังหวะที่ถูกกำกับไว้

"พี่หมอกกก" ผมเรียกพี่หมอก และพยายามยื้อมือที่ถูกกุมไว้ ทุกอย่างกำลังจะกลายเป็นเหมือนคืนนั้น ผมไม่ยอมหรอกนะ ผมจะไม่ให้พี่ทำตามใจอีก

แต่ถึงผมจะคิดแบบนั้น ผมก็ไม่อาจทำร้ายร่างกายพี่หมอกที่กำลังป่วยได้ ผมก้มหน้าลง หลับตาแน่นพยายามไม่โฟกัสในสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น มันก็แค่มือเท่านั้น ถ้าพี่เขาพอใจแล้ว ก็จะปล่อยผมไปเอง ผมคิดแบบนั้น

"คนลามก" ผมหน้ามุ่ย และพูดบ่นเบาๆ ในลำคอ อยากจะต่อยพี่มากๆ ถ้าไม่ติดว่าพี่ป่วยละก็

"คนที่ลามกน่ะ ไม่ได้มีแค่คนเดียวหรอกมั้ง" พี่หมอกพูดพลางยิ้มมุมปาก

ผมหน้าแดงขึ้นทันทีอย่างห้ามไม่ได้ สายตาของพี่หมอกเหลือบมองลงต่ำ มองมายังตัวผม ตรงที่พยายามปิดบังเอาไว้ ทำไมถึงรู้ได้กันนะ

"อิน มันก็แค่เรื่องปกติที่ผู้ชายทำกัน" พี่หมอกพูดชื่อของผมด้วยเสียงอันแผ่วเบา จะต้องกี่ครั้งกี่หนที่ผมแพ้คนคนนี้ ผมไม่อาจต้านทาน ความรู้สึกในหัวใจนี้ได้

ผมปล่อยตัวปล่อยใจให้พี่หมอกค่อยๆ สัมผัสแตะต้องร่างกายของผม ตรงส่วนที่กำลังตอบสนอง

"หึ แค่มองก็เป็นขนาดนี้เลยเหรอ" ผมเอียงหน้าหลบพี่หมอกทันทีที่ได้ยินแบบนั้น ใช่แล้วล่ะ ร่างกายที่ไม่รักดีนี้ มันตอบสนองทุกๆ สิ่งตั้งแต่แรกแล้ว ผมไม่อาจห้ามร่างกายไม่ให้รู้สึกได้ เพียงแค่ได้เห็น เพียงแค่ได้แตะต้องสัมผัส ตัวของผมมันก็ร้อนรุ่ม ราวกับไฟสุมทรวง

"ลามกจริงๆ เลยนะ"

"ก็ผมเป็นเกย์นี่" ผมพูดแก้ตัว และจับมือพี่หมอกที่กำลังลูบไปมาตรงจุดอันตรายของผม อยากจะขัดขืน แต่ก็ปล่อยให้คนตรงหน้าทำตามอำเภอใจ

"ไม่ต้องกลัว ไม่ทำมากกว่านี้หรอก" ผมที่ได้ยินแบบนั้นก็จ้องมองเข้าไปในแววตาของคนตรงหน้า พี่พูดจริงใช่ไหม ผมเชื่อพี่ได้จริงๆ เหรอ

ผมค่อยๆ ถูกดึงตัวให้ขยับเข้าไปอีกนิด ผมเลือกที่จะซบใบหน้าของตัวเองเข้ากับบ่ากว้างของคนตรงหน้า มือของพวกเราทั้งสองขยับไปตามสัญชาตญาณความรู้สึก สลับจับเปลี่ยนเคลื่อนที่ปรนเปรอความต้องการของกันและกัน

ผมเม้มปากน้อยๆ และผ่อนลมหายใจที่คอยแต่จะถี่กระชั้น มือหนาที่กอบกุมท่อนกายของผมไว้ช่างชำนาญ และรู้ถึงวิธีการกระตุ้นตัวผมเป็นอย่างดี ส่วนมือของผมที่กอบกุมท่อนกายร้อนของคนตรงหน้าไว้ ก็ทำเพียงแค่ขยับขึ้นลงเบาๆ แต่ก็น่าแปลกใจว่า เพียงเท่านี้ ก็ทำให้พี่หมอกดูเหมือนกำลังรู้สึกดีเหลือเกิน

"เปียกสุดๆ เลยนะ" เสียงของพี่หมอกที่พูดขึ้นทำให้ใบหน้าของผมร้อนผ่าว เสียงนี้ กลิ่นนี้ สัมผัสนี้ พี่ไม่รู้เลยเหรอว่า ผมชอบพี่มากแค่ไหน

"ร.เร็วเถอะครับ" ผมพูดพลางเสหน้าหนี ปิดบังความรู้สึกจริงๆ ที่อยากซ่อนไว้

"อิน" ผมไม่รู้ว่าทำไม แต่พี่หมอกก็เรียกผมเบาๆ ด้วยน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความหม่นหมอง

ผมค่อยๆ เงยหน้าขึ้น จ้องมองเข้าไปยังแววตาของคนตรงหน้า แววตาที่ดูหม่นลงและยากที่จะเข้าใจ

"ชอบไอ้เปอร์จริงๆ เหรอ" คนพูดไม่รอช้า ถามต่อถึงความรู้สึกที่สงสัย ผมเลิกคิ้วขึ้นน้อยๆ พวกเราสองคนเริ่มไม่โฟกัสกับสิ่งที่กำลังทำ แต่รู้สึกเหมือนกำลังพูดคุยกันมากกว่า

"ผม..." แววตาของคนตรงหน้าดูสั่นไหวน้อยๆ เมื่อรอคำตอบนั้น

"ใช่" และแล้ว ผมก็ตัดสินใจ ผมตัดสินใจที่จะโกหกต่อไป

"ก็ดี" พี่หมอกยิ้มเยาะ ด้วยใบหน้าที่เต็มไปความรู้สึกผิดหวัง ผมมองพี่หมอกที่ปล่อยมือจากสิ่งที่กำลังทำ พลางเลื่อนมือไปหยิบของบางสิ่งที่จะสามารถพันธนาการผมเอาไว้ได้

"ถ้างั้นจะสอนให้ ว่าเป็นเมียมัน จะต้องเจอกับอะไรบ้าง" พี่หมอกพูดด้วยรอยยิ้มเหี้ยมเกรียม และทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นหลังจากนี้ มันทำให้ผมได้รู้ว่าคำตอบของผมนั้น มันผิดพลาด...


ท้องฟ้าที่มืดมนราวกับไร้แสงอาทิตย์ฉาย ถึงแม้จะเป็นช่วงเวลากลางวัน แต่สิ่งต่างๆ รอบตัวก็กลับมืดมัว ปลายเท้าที่ผมจ้องมองอยู่นั้น เป็นเท้าของผมที่สวมใส่รองเท้าหนังสีดำ เหมือนกับกำลังอยู่ในพิธีการสำคัญ สายตาของผมละออกจากปลายเท้านั้น เงยหน้าขึ้น จ้องมองสิ่งที่เห็นตรงหน้า

ชุดสีขาวของเจ้าสาวนั้นช่างสวยงามราวกับนางฟ้า ใบหน้าของเธอดูมีความสุข ยิ้มแย้ม ในมือถือช่อดอกไม้สีแดงสวย และข้างๆ ของเธอนั้นก็คือเจ้าบ่าวที่ช่างหล่อเหลาราวภาพวาด เขาหันมองเธอด้วยแววตาแห่งความสุข เหมือนกับเจอสิ่งที่ตัวเองตามหามาทั้งชีวิต

และเขาที่ละสายตาจากเธอ หันมามองคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า หันมามองผม คนอย่างผม ในฉับพลัน แววตานั้นก็เริ่มเปลี่ยนแปลงไป ความเย็นชาฉายชัดบนสีหน้า หัวใจของผมราวกับแตกสลาย น้ำตาที่ไหลออกมา เป็นสีแดงด้วยความเจ็บปวดที่ไม่อาจเอ่ยออกมาได้

ผมค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้น ดวงตาของผมยังมีหยาดน้ำตาที่รินไหล ฝันนั่นมันเหมือนจริงมาก และมันคงจะเกิดขึ้นจริงๆ ในสักวัน

ผมพยุงร่างกายที่บอบช้ำลุกขึ้นช้าๆ ตอนนี้ท้องฟ้าด้านนอกเป็นสีฟ้าจางสลับส้ม คงเป็นช่วงเวลาเช้าตรู่ ตัวผมหลับไปตอนไหนกันนะ แต่บางทีจะพูดว่าหลับไปก็คงไม่ถูกนัก ตัวผม...สลบไปต่างหาก

เสียงดนตรีที่ดังขึ้นเบาๆ ทำให้ความสงสัยของผมจางลง ผมค่อยๆ ลุกออกจากเตียง เดินช้าๆ มองหาต้นตอของเสียง มันเป็นเสียงดนตรีที่แหลมสูงสลับโทนต่ำลง ทำนองนั้นช่างแสนเศร้า เป็นเพลงเศร้าที่ทำให้คนที่ได้ฟัง รู้สึกอยากจะหลั่งน้ำตาออกมา

ผมเดินมาที่โถงนั่งเล่น และมองคนที่กำลังยืนอยู่ตรงนั้น หันหน้าเข้าหากระจกบานใหญ่ มองไปยังท้องฟ้ากว้างด้านนอก ในมือถือคันไม้เอาไว้ ที่คอเหน็บเครื่องดนตรีสีไม้เข้มที่กำลังเปล่งเสียงหวนออกมา

"คนสารเลว" ผมพูดขึ้นทันทีที่เสียงเพลงหยุดลง พี่หมอกไม่ได้หันมามองผม แต่ก็ลดไวโอลินลงวางไว้ที่ฐานของมัน

ผมจ้องมองคนตรงหน้า ด้วยแววตาที่แข็งกร้าว ผมไม่ลืมว่าเมื่อคืนพี่ทำอะไรกับผมเอาไว้ พี่หมอกไม่ได้ตอบโต้ผมหรือพูดอะไรใดๆ ทำเพียงแค่เดินหนีออกไป ไม่แม้แต่จะชายตามอง


"อิน หายไปไหนมาลูก" ผมลากขากลับมาที่บ้านด้วยความอ่อนล้า ปั้นหน้ายิ้มน้อยๆ เพื่อให้แม่หายกังวลใจ

"คือ อินไปค้างบ้านเพื่อนมา กะว่าจะโทรบอกแม่ก็เผลอหลับซะก่อน ขอโทษนะครับ" ผมพูดพลางกอดแม่ทำท่าออดอ้อน พยายามซ่อนทุกส่วนที่หลงเหลือร่องรอยแดงช้ำ

"เอาล่ะ ไปอาบน้ำอาบท่าซะ ตาแดงหมดแล้วเราน่ะ แล้วทำไมเสียงแหบละลูก ไม่สบายหรือเปล่า" พอเจอคำถามแบบนี้ สมองของผมก็ผุดภาพหลายภาพขึ้นในหัว

ตัวผมที่ถูกมัดข้อมือทั้งสองข้างไว้ แรงกระแทกที่ทำให้ครวญครางราวจะขาดใจ น้ำตาที่ไหลรินออกมาเป็นสาย รอยกัดหนักๆ ที่หัวไหล่นี้ยังคงเจ็บแปล๊บทุกครั้งที่ขยับตัว

"เอ่อ งั้นอินหยุดพักสักวันนะแม่ อย่าให้ใครมากวนนะ" ผมพูดบอกแม่ และรีบกลับไปที่บ้านหลังเล็กของผม

ภายในห้องน้ำ สายน้ำเย็นไหลผ่านใบหน้า และร่างกายของผม ทำให้ผมตัวสั่นน้อยๆ ด้วยความเจ็บแปล๊บที่แล่นริ้วขึ้นมาจากบาดแผล และรอยกัดต่างๆ แต่ว่า มันแปลก...

ทั้งๆ ที่พี่หมอกก็ดูจะรุนแรง แต่ผมกลับคิดว่ามันไม่ได้เจ็บปวดทรมานอย่างครั้งแรก รอยกัดพวกนี้ รอยจูบที่ปรากฏอยู่ทั่วนี้ มันทำให้ผมสับสน และที่น่าแปลกที่สุดก็คือ ของเหลวที่ค่อยๆ ไหลออกมาตามขาของผมตอนนี้ พี่หมอกนั้นรังเกียจผมมาก แล้วทำไม ทำไมถึงได้...

ผมสลัดหัวที่เปียกปอนไปมาเบาๆ และเลิกคิดทุกอย่างที่กำลังสงสัย อย่าหวังอะไรที่มันเป็นไปไม่ได้เลยอิน พี่เขาก็แค่คนเลวที่ชอบล่อลวงและฉวยโอกาสเท่านั้น พอหน้ามืด อะไรๆ พี่เขาก็คงไม่สนใจอยู่แล้ว มันก็เท่านั้นเอง

ในเมื่อเคลียร์ทุกอย่างในใจหมดแล้ว ก็ไม่มีอะไรที่ผมควรจะคิดให้ฟุ้งซ่านอีก ผมจ้องมองรอยช้ำที่ข้อมือ สัญญากับตัวเองอีกครั้ง ว่าผมจะไม่ไปหาพี่เขาอีกแล้ว ผมจะถือว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน คือการชดใช้จากผมก็แล้วกัน

"หอมฟุ้งเชียว" เสียงแรกที่ได้ยินหลังจากก้าวเท้าออกจากห้องน้ำ ทำเอาผมเซชะงัก หัวใจของผมเต้นรัวอยู่ในอกอย่างหวาดหวั่น ผมรีบคลุมไหล่ คลุมแขน คลุมทั้งอกด้วยผ้าเช็ดตัวผืนกว้าง

"พี่มาได้ไง!"

"ก็เมื่อคืนอินไม่รับสายพี่ ไม่โทรหาพี่ด้วย" พี่เปอร์นั่งอยู่บนเตียงของผมด้วยท่าทีสบายๆ ดีนะที่ผมไม่ได้เปิดไฟในห้อง ซึ่งตรงที่ผมยืนอยู่นี้ค่อนข้างมืดพอดี

"ค.คือ ผมง่วง ก็เลย นอนไวไปหน่อย" ผมพูดโกหก และหลบสายตาพี่เปอร์ที่กำลังมองมา มองผมตั้งแต่หัวจรดเท้า

"เหรอ แต่พี่มาที่นี่เมื่อคืน ก็ไม่เจออินนะ" ผมที่ได้ยินแบบนั้นก็หัวใจแทบร่วงหล่นออกมาจากอก ผมมองพี่เปอร์ที่ค่อยๆ ลุกขึ้น และเดินเข้ามาหาผมช้าๆ พลางยื่นมือมาเชยคางของผมไว้

"อิน" ผมกลืนน้ำลายลงคอด้วยความหวาดหวั่น พี่เปอร์จ้องมองผม และเหลือบมองทุกส่วนที่เป็นไปได้

"พี่รักอินนะ" คำพูดของพี่เปอร์ทำให้ผมรู้สึกผิดลึกข้างในหัวใจ พี่เปอร์ส่งยิ้มอ่อนโยนให้ผม และดึงผมให้เข้าไปแนบชิดที่อก

"พี่จะไม่เซ้าซี้ถามว่าอินหายไปไหนมา พี่เชื่อใจอิน ไม่จำเป็นต้องอธิบายอะไรหรอก" พี่เปอร์ลูบหลังผมไปมาและกอดผมแน่นมากขึ้นกว่าเดิม

"ขอบคุณนะครับ แต่ไม่มีอะไรจริงๆ พี่ปล่อยผมก่อนได้ไหม" ผมบอกพี่เปอร์ และพยายามดันอกแกร่งของคนตรงหน้า ถึงผมจะรู้ว่าแม่กำลังทำงานอยู่ในครัว แต่ก็ประมาทไม่ได้

"ก็พี่คิดถึงอินนี่นา" พี่เปอร์บอกผมพลางก้มลงหอมแก้มผมฟอดใหญ่แบบไม่ให้ทันตั้งตัว และคราวนี้ ความตกใจทำให้ผมเผลอผลักพี่เปอร์ออกไป จนพี่เปอร์เซล้มลงไปนั่งที่เตียง

"ทำแบบนี้ไม่ได้นะครับ ที่นี่ผมอยู่กับแม่ ถ้าแม่มาเห็นเข้าผมแย่แน่ๆ" ผมพูดพลางกระชับผ้าเช็ดตัวแน่นขึ้น ผมพูดความจริงในสิ่งที่ผมกลัว หวังว่าพี่เปอร์คงจะเข้าใจ

"แล้วถ้าเป็นที่อื่นล่ะ" พี่เปอร์ในตอนนี้สีหน้าไม่ค่อยดีนัก และพูดถามผมด้วยน้ำเสียงจริงจัง

"พี่ครับ ทำไมถึงเป็นแบบนี้ล่ะ" ผมไม่รู้จะพูดอะไรดี พี่เปอร์ปกติจะขี้เล่น แต่ตอนนี้ดูหงุดหงิดมากๆ

"เพราะอินชอบทำเหมือนพี่ไม่ใช่แฟนอิน"

"มันไม่ใช่แบบนั้นนะครับ" ผมพูดอย่างอ่อนใจ

"งั้นแล้วเมื่อไหร่ล่ะ" พี่เปอร์พูดและรอคอยคำตอบ

"เมื่อไหร่ อะไรเหรอครับ..."

พี่เปอร์ลุกขึ้นยืน ถอนหายใจและเสยผมแรงๆ เหมือนกำลังระบายความหงุดหงิด

"พี่กลับก่อนดีกว่า แล้วค่อยคุยกัน" ผมมองพี่เปอร์ที่หุนหันเดินออกไป พี่เปอร์คงจะโกรธผมแล้ว

ผมใช้เวลาทั้งบ่ายไปกับการนอนหลับ และตื่นขึ้นอีกทีในช่วงเวลาเย็น ผมกังวลใจเล็กน้อยเมื่อนึกถึงเรื่องเมื่อเช้า เรื่องของพี่เปอร์

ผมควรจะโทรหาพี่เขาดีไหมนะ ผมควรจะต้องแคร์พี่เขาใช่ไหม ผมคิดวุ่นวายอยู่ในหัว และควานหามือถือที่วางอยู่บนโต๊ะข้างๆ แต่พอจะกดเบอร์โทรออกหาพี่เปอร์นั้น ใบหน้าของคนอีกคนก็กลับแทรกเข้ามา

และทันทีที่คิดถึงใบหน้าของคนใจร้ายนั่น ผมส่ายหัวเบาๆ ไปมาเพื่อที่จะลืมอย่างรวดเร็ว คิดสิ นึกให้ออกสิอิน ว่าพี่หมอกทำร้ายนายยังไง ทั้งร่างกายและหัวใจของนาย บอบช้ำเพราะคนคนนั้น

ผมสลัดภาพพี่หมอกออกจากหัว และเริ่มกดโทรศัพท์เพื่อที่จะได้โทรหาพี่เปอร์ แต่บนหน้าจอมือถือนั้น ก็มีแจ้งเตือนโซเชียลมากมายที่ดูจะมากกว่าปกติของทุกวัน มันมาจากกลุ่มไลน์แฟนคลับของพี่หมอก แฟนเพจ และทุกๆ ที่ที่ผมกดติดตามไว้

"ที่ต้องทำก็คือ โทรหาพี่เปอร์" ผมบอกตัวเองหนักๆ ด้วยการพูดออกเสียง ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ผมก็ไม่อยากรู้เรื่องของพี่หมอกอีกแล้ว ผมไม่สนอีกแล้ว

แต่ผมที่คิดแบบนั้นก็พลาดซะแล้ว มือของผมที่กำลังจะกดเข้ารายชื่อเบอร์โทรศัพท์ กลับแตะโดนกลุ่มไลน์ที่เด้งรัวจนน่าตกใจ แย่ล่ะ ผมกดออกจากกลุ่มดีกว่า

[พี่หมอกเป็นไงบ้าง โอ้ยเป็นห่วงอ่า]

[หนักเลยเหรอ อาการพี่เขาเป็นยังไง]

[เห็นว่าล้มอยู่หน้าคอนโด ล้มตึงไปเลย]

[พี่เขาป่วยอยู่แล้วด้วย ไม่รู้ทำไมทรุดขนาดนั้น]

[เห็นว่าตอนนี้อยู่ที่โรงพยาบาล]

[ไปหาพี่เขากันเถอะ ไปให้กำลังใจกัน]

ผมลืมทุกสิ่งที่เคยบอกตัวเองไว้ วางโทรศัพท์ในมือ และลุกขึ้นเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างรวดเร็ว นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เมื่อคืนพี่เขาก็ยังดูปกติดี ออกจะดีมากไปด้วยซ้ำ ผมคิด และมองท่อนแขนของตัวเองที่มีรอยกัด หรือว่าที่พี่เป็นแบบนี้ เพราะผมงั้นเหรอ

ใช้เวลาไม่นานนัก ผมก็มายืนอยู่ที่หน้าโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งไม่ไกลจากคอนโดของพี่หมอก วันนี้ดูเหมือนผู้คนจะเยอะขึ้นเป็นพิเศษ เลยทำให้เจ้าหน้าที่ต้องทำงานหนักขึ้น เหล่าแฟนคลับของพี่หมอกพยายามจะจับกลุ่มกันเข้าไปด้านใน แต่ก็ถูกกันเอาไว้ จึงทำได้เพียงยืนอยู่ที่โถงด้านหน้าเท่านั้น

"ขอโทษนะครับ ผมมาเยี่ยมเพื่อนน่ะครับ" ผมฝ่าฝูงชนเข้าไป และพูดบอกประชาสัมพันธ์ด้านหน้า

"ขอทราบชื่อคนไข้ค่ะ" เธอพูดถามผม และรอคำตอบ แย่ล่ะ ถ้าผมพูดชื่อพี่หมอกไป ผมก็คงจะโดนกันให้อยู่ข้างนอกเหมือนกับคนอื่นๆ แน่ๆ

"อ.เอ่อ..." ผมอ้ำอึ้ง ถ้ามั่วชื่อคนไปสักคนจะได้เข้าไปไหมนะ

"คนนั้นใครอ่ะ หล่อมาก"

"เคยเห็นอยู่กับพี่หมอกไม่ใช่เหรอ"

"เป็นดาราด้วยหรือเปล่า"

เสียงพูดคุยดังขึ้นที่ด้านหลัง ผมแทบไม่ต้องเดาว่าใครคือคนที่พวกผู้หญิงพูดถึง แต่คนเยอะขนาดนี้พี่เขาคงไม่เห็นผมหรอกใช่ไหม ผมไม่รู้ว่าจะพูดยังไงถ้าพี่เขารู้ว่าผมมาที่นี่ มาหาพี่หมอก

"อิน" และสิ่งที่ผมกลัวนั้นก็เกิดขึ้น มือของคนด้านหลังวางอยู่บนไหล่ของผม ออกแรงบีบดึงผมให้หันกลับไป

พี่เปอร์จับไหล่ของผมไว้ จ้องมองผมด้วยแววตาสงสัย และขุ่นเคืองในใจ

ผมจะต้องตอบว่ายังไงดีนะ ผมควรจะต้องทำยังไงกับสถานการณ์นี้
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#24 คำตอบที่แสนผิดหวัง(28/2/62)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 28-02-2019 20:39:40
 :pig4: :pig4: :pig4:

อิหมอก  แกคิดอะไรทำไมไม่พูดออกมา  ฮะ?

การกระทำของแก กับคำพูดของแก  มันย้อนแย้งเหลือเกินหว่ะ
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#24 คำตอบที่แสนผิดหวัง(28/2/62)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 01-03-2019 06:33:53
บอกว่ามาเยี่ยมแฟนเจ้านาย  :hao4:
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#24 คำตอบที่แสนผิดหวัง(28/2/62)
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 01-03-2019 12:22:02
ชีวิตวุ่นวายแล้วไง
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#24 คำตอบที่แสนผิดหวัง(28/2/62)
เริ่มหัวข้อโดย: ป่ามป๊ามป่ามปาม ที่ 02-03-2019 18:36:54
นังหมอกเล่นละครรึป่าว
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#24 คำตอบที่แสนผิดหวัง(28/2/62)
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 03-03-2019 03:09:09
อินเลือกเอง เจ็บเอง ต้องช่วยตัวเองแล้วล่ะ ชีวิตนายช่างรันทด หดหู่
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#24 คำตอบที่แสนผิดหวัง(28/2/62)
เริ่มหัวข้อโดย: MimoreQ ที่ 03-03-2019 16:37:15
ติดตามต่อค่าาา
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#24 คำตอบที่แสนผิดหวัง(28/2/62)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 24-03-2019 00:42:22
 :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#24 คำตอบที่แสนผิดหวัง(28/2/62)
เริ่มหัวข้อโดย: Gloomy Sunday ที่ 05-04-2019 14:33:47
เพ้อ บทที่ 25 บทเพลงรัก


"พ.พี่อยู่นี่เอง" ผมปั้นหน้ายิ้ม และทำเหมือนดีใจที่ได้เห็นคนตรงหน้า พี่เปอร์เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย

"มาตามหาพี่?"

"ครับ พอเห็นข่าว ก็รู้อยู่แล้วว่าพี่ต้องมาหาเพื่อนแน่" พวกเราเริ่มเดินเข้าไปด้านในด้วยกัน ถ้ามีพี่เปอร์อยู่ ผมก็สามารถเข้าไปได้ถึงห้องที่พี่หมอกรักษาตัวอยู่

"ผมขอโทษด้วยนะครับ ถ้าทำให้พี่รู้สึกไม่ดี" ผมพูดถึงเรื่องเมื่อกลางวัน พี่เปอร์ดูหัวเสียน่าดู

"พี่ไม่ได้โกรธอะไรหรอก ก็แค่ น้อยใจน่ะ"

พวกเราเดินต่อไปเรื่อยๆ กดลิฟต์ไปยังชั้นเกือบบนสุดของอาคาร และเมื่อออกจากลิฟต์ ผมก็ต้องตกใจเล็กน้อย เพราะว่าตอนนี้มีผู้คนมากหน้าหลายตายืนอยู่หน้าห้องๆ หนึ่ง ซึ่งแน่นอนว่าเป็นห้องของพี่หมอก

"ตกลงมันเป็นเพราะอะไรกันแน่!" เสียงของผู้ชายวัยกลางคนคนหนึ่งดังลั่นไปทั่วทั้งทางเดิน ผมชะงักเท้าเล็กน้อย แต่พี่เปอร์ก็ดึงตัวผมให้เดินต่อไป

"สวัสดีครับคุณพ่อ"

"มาแล้วเหรอ เป็นเพื่อนที่ดีจริงๆ!" สิ้นสุดคำพูด อยู่ๆ คุณลุงคนนั้นก็พุ่งพรวดเข้ามากระชากคอพี่เปอร์ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าคนคนนี้คือใคร ผมเคยเห็นเขามาก่อน คนที่ทำให้พี่หมอกโกรธจนขว้างปาแก้วเหล้าในมือ

"ผมไม่รู้ว่าคุณพูดถึงอะไร" พี่เปอร์นั้นช่างน่าเหลือเชื่อ โดนขนาดนี้ยังพูดด้วยสีหน้าอมยิ้มไม่เปลี่ยน

"หมอบอกว่ามันสำลักน้ำ พวกแกไปไหนกันมา ไปมั่วที่ไหนกันมา!"

"ท่านคะ นักข่าวก็อยู่นะคะ" ผู้หญิงปากแดงรวบผมตึงคนหนึ่งดึงแขนคุณพ่อของพี่หมอกไว้อย่างห้ามปราม

แต่คำพูดหนึ่งที่ผมได้ยินจากปากคุณพ่อของพี่หมอก ก็ทำให้ผมนิ่งอึ้งและสับสนงุนงง

พี่หมอกสำลักน้ำ...

ผมนิ่งคิดและมองพี่เปอร์ที่ยังคงส่งยิ้มกวนคุณพ่อของพี่หมอก นี่มันเรื่องอะไรกัน

และภาพๆ หนึ่งก็เหมือนกับค่อยๆ ฉายชัดขึ้น ก่อนที่ผมจะหมดสติไป ภาพที่ผมเห็น ใบหน้าที่ผมคุ้นเคยดี

พี่หมอก...เป็นคนลงไปช่วยผมงั้นเหรอ ผมไม่ได้เห็นภาพไปเองใช่ไหม...

รอยยิ้มเล็กผุดขึ้นที่ริมฝีปากของผม เป็นพี่จริงๆ ใช่ไหม พี่ช่วยผมจริงๆ เหรอครับ

"ที่หมอกมันเหลวไหลอยู่ทุกวันนี้ก็เพราะแก จำใส่หัวแล้วออกไปห่างๆ ลูกชายฉันสักที!" คำพูดที่รุนแรงของคุณพ่อพี่หมอก ทำเอาผมสะดุ้งหลุดออกจากภวังค์ และเมื่อเขาพูดเสร็จ ก็ปึงปังเดินจากไปทันที ช่างเป็นคนที่ดูเจ้าอารมณ์เหลือเกิน

"ไปกันเถอะ อย่าไปสนใจตาแก่นั่นเลย" พี่เปอร์ที่ยังคงมีแต่รอยยิ้มโอบไหล่ผม และพาผมเปิดประตูเข้าไป

ภายในห้องมีเตียงนอนที่พี่หมอกกำลังนอนหลับอยู่ ใบหน้าดูซีดเซียวและอ่อนแรง ผมพยายามเก็บสีหน้าที่เป็นกังวลเมื่อมองเห็นคนอีกคนที่นั่งอยู่ข้างเตียงพี่หมอก หมี่เธอดูเป็นทุกข์ใจ แต่เมื่อหันมามองเห็นผมกับพี่เปอร์ แววตาก็กลับเปลี่ยนไปอย่างที่ผมไม่เข้าใจ

"ไม่เจอกันนานเลยนะน้องเปอร์" ผมมองตามเสียงคนอีกคนที่นั่งอยู่ที่มุมห้อง คนคนนี้เป็นผู้หญิงสวยในวัยทำงาน เธอเอ่ยทักพี่เปอร์และลุกขึ้นเดินมาหา

"พี่บีนี่เอง ยังสวยเหมือนเดิมเลยนะครับ"

"เราก็ปากหวานเหมือนเดิมนั่นแหละ" เธอพูดและเหลือบมองผมตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างไม่ปิดบัง "คนนี้คือ..."

"เพื่อนครับ" ผมรีบพูดออกไปทันทีจนพี่เปอร์หน้ามุ่ยลงเล็กน้อย

"รุ่นน้องที่มหา'ลัยครับ ขอบอกว่าพี่ต้องสนใจแน่" พี่เปอร์จับไหล่ผมไว้ และดันให้ผู้หญิงคนนั้นได้เห็นผมชัดๆ ผมไม่เข้าใจพี่เปอร์ที่ทำแบบนี้เลย "ชื่อน้องอินครับ เป็นคู่ซ้อมบทให้ไอ้หมอกมันบ่อยๆ"

เมื่อพี่เปอร์พูดจบ ผู้หญิงคนตรงหน้าผมเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย และมองพิจารณาผมอีกครั้ง

"อืม...ก็ไม่เลวนะ" ผมหัวใจพองโตขึ้นเมื่อได้ยินแบบนั้น

"ใช่ไหมล่ะครับ"

"อืม แต่เดี๋ยวพี่ต้องขอตัวก่อนนะ แล้วจะเข้ามาใหม่ ผู้กำกับแกเรียกพี่ไปคุยน่ะ เรื่องหมอกนี่แหละ"

"ครับ แล้วเจอกัน" เธอส่งยิ้มให้พี่เปอร์ก่อนที่จะเดินออกไปจากห้อง

"ผู้จัดการส่วนตัวของไอ้หมอก" พี่เปอร์บอกผมหลังจากเธอออกไปจากห้องแล้ว ความสงสัยในใจของผมคลายลงทันที ก็คิดอยู่ว่ารู้สึกคุ้นๆ เพราะเธอมักอยู่ใกล้ๆ พี่หมอกเวลาออกงานนั่นเอง

"เป็นคนสวยเลยนะครับ"

"ใช่ เคยกิ๊กกับไอ้หมอกด้วย" ผมหน้าเจื่อนลงทันที

"ขอคุณหมอตรวจคนไข้หน่อยนะคะ" มีเสียงเคาะประตูเบาๆ และคุณหมอกับพยาบาลก็เข้ามาจัดการตรวจเช็คอาการของพี่หมอกที่ยังคงหลับอยู่

"คนไข้มีอาการไม่ค่อยดีก่อนหน้านี้แล้วใช่ไหมครับ" คุณหมอหันมาคุยกับพี่เปอร์

"ครับ แต่เพราะเจ้าตัวมันอวดเก่ง เลยไม่ยอมมาหาหมอแต่แรก"

"คนไข้ทรุดหนักอาจเพราะไม่ได้รับการพักผ่อนอย่างเพียงพอ ร่างกายจึงรับภาระหนักมาก" พอได้ฟังมาถึงตรงนี้ผมก็ก้มหน้าลงมองพื้นทันที รู้สึกกระอักกระอ่วนในใจ

"ผมขอตัวสักแปบนะครับ แม่โทรมา" ผมล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงที่สั่นได้เวลาเหมาะเจาะพอดี และออกไปจากห้องอย่างรวดเร็ว ตอนนี้ที่หน้าห้องไม่มีใครแล้ว ผมยืนอยู่ที่ข้างประตูมองเห็นคุณหมอและพยาบาลที่เดินตามหลังผมออกมา

มือถือในกระเป๋ากางเกงของผมหยุดสั่นไปแล้ว ที่หน้าจอแสดงรายการว่าแม่โทรหาผมจริงๆ ผมควรจะโทรกลับไปแม่จะได้ไม่เป็นห่วง

"พี่ก็คิดเหมือนกันใช่ไหม ว่าระหว่างพี่หมอกกับอินมันมีอะไรแปลกๆ" ผมที่กำลังยกมือถือแนบหู ก็ต้องลดมือลงทันที ประตูห้องพี่หมอกเปิดแง้มอยู่ ทำให้ผมได้ยินการพูดคุยจากในห้อง

"เป็นไปไม่ได้" เสียงของพี่เปอร์ทุ้มต่ำดูครุ่นคิด

"แล้วทำไมพี่หมอกต้องกระโจนลงไปช่วยมันด้วย นี่มันไม่แปลกไปหน่อยเหรอ" หัวใจของผมในตอนนี้มันเต้นรัวไปด้วยความรู้สึกหลากหลาย ถึงแม้ว่าหมี่จะสงสัย แต่ว่าเรื่องที่พี่หมอกเป็นคนช่วยผมนั้น ตอนนี้ก็กระจ่างชัดแล้ว

เป็นพี่จริงๆ ผมดีใจ...

"ไม่แปลกหรอก..." เสียงๆ หนึ่งที่ดังขึ้นอย่างแผ่วเบา ผมจ้องมองเข้าไปในห้องนั้น มองคนที่เพิ่งลืมตาตื่นขึ้น

"เพราะถ้าเป็นหมี่ที่ตกลงไป พี่ก็คงจะทำแบบเดียวกัน"

สิ้นสุดคำพูดนั้น ผมเดินออกจากประตู และมุ่งหน้ากลับไปในที่ของผม กลับที่ที่ผม สมควรจะอยู่ตั้งแต่แรก

หลังจากที่ผมกลับถึงบ้าน พี่เปอร์โทรหาผม และถามว่าผมหายไปไหน ผมก็แค่บอกว่าแม่โทรเรียกให้ผมกลับ ซึ่งก็ไม่มีอะไรมากมาย พี่เปอร์ไม่ได้เซ้าซี้ผม และปล่อยให้ผมอยู่กับตัวเอง เลิกคิดอะไรฟุ้งซ่านอีกต่อไป

ผมหยิบมือถือขึ้นมาในความมืด พิมพ์ข้อความสั้นๆ ส่งถึงคนที่ผมอยากบอกเป็นครั้งสุดท้าย

[ขอบคุณที่ช่วยผมเอาไว้ หวังว่าพวกเราคงไม่มีอะไรติดค้างกันอีกแล้ว ขออย่าได้พบกันอีก]

น้ำตาหยดหนึ่งไหลลงและตกกระทบที่หน้าจอมือถือ ขณะที่ผมกดส่งข้อความสุดท้ายนั้น

ผมไม่ได้โกรธพี่ เพราะสิ่งที่พี่พูด แต่ผมเพิ่งตระหนักรู้ตัว ว่าผมก็เป็นแค่คนคนหนึ่ง ที่ไม่ได้มีความสำคัญอะไรกับพี่เลย บุญคุณครั้งนี้ ผมจะจดจำไว้ และขอให้หายกันกับทุกสิ่งที่พวกเราทำกันมา ผมอยากหลุดจากบ่วงความทุกข์นี้ หลุดจากโลกที่เคยมีแต่พี่ตลอดกาล


นับจากวันนั้นก็ผ่านมาเกือบครึ่งเดือนแล้ว ถึงแม้พี่เปอร์จะยังคอยทำตัวติดผม แต่ผมก็ไม่ได้พบพี่หมอกอีก เหมือนกับว่าพี่หมอกก็หลบหน้าผมด้วยเช่นกัน นี่เป็นเรื่ิองที่ดีจริงๆ ที่อีกไม่นานทุกอย่างจะถูกลบเลือนหายไป

"อิน มัวเหม่ออะไร พรุ่งนี้วันจริงแล้วนะ" ผมถูกดีดเบาๆ ที่ใบหูจากพวกพี่ในชมรม ใช่แล้วล่ะ พรุ่งนี้ผมจะต้องขึ้นแสดงแล้ว หลังจากที่ขาดประชุม และโดดซ้อมเรื่อยมา ผมมีเวลาเพียงไม่กี่วันเท่านั้นที่จะเตรียมตัว แต่ผมว่าการแสดงในครั้งนี้ง่ายหน่อย เพราะว่าละครที่พวกเราจะแสดงก็คือละครเพลง แต่ละเพลงก็คุ้นหูกันดีอยู่แล้ว ผมก็เลยเตรียมตัวได้ไว

"ถ้าแสดงดี พี่จะซื้อสมุดรวมภาพน้องหมาแบบที่หายากสุดๆ ให้" ผมหูผึ่งทันทีที่ได้ยินพี่หนึ่งหัวหน้าชมรมพูด

"จริงเหรอครับพี่" ผมถามรุ่นพี่อย่างกระตือรือร้นท่ามกลางเสียงหัวเราะ จริงๆ แล้วผมชอบหมามาก และที่ชอบเป็นพิเศษก็คือ หมาป่านั่นเอง เพราะมันทั้งเท่ ทั้งสง่างาม ผมไม่เคยเห็นตัวเป็นๆ สักที จะดีแค่ไหนนะถ้าได้เห็น แต่ผมก็คงถูกขย้ำไม่เหลือซากแน่ๆ

แต่ผมที่คิดถึงภาพของหมาป่านั้น ใจผมก็นึกขึ้นได้ถึงหมาป่าหนุ่มนักดนตรี คนที่ผมเคยไปยืนฟังที่ตลอดริมแม่น้ำ วันนี้ผมจะแวะไปดีไหมนะ ผมอาจจะได้เจอเขาก็ได้ เสียงเพลงที่ไพเราะของเขา มันยังคงตรึงอยู่ในหัวใจ ยากจะลบเลือน

หลังจากซ้อมละครเสร็จแล้ว ผมรีบออกมาจากมหา'ลัย และได้มายืนอยู่ในที่ที่ผมบอกว่าอยากจะมาอีกครั้ง ซึ่งไม่ได้มาที่นี่สักพักหนึ่งแล้ว ผมหวังเหลือเกินว่าการมาครั้งนี้จะไม่สูญเปล่า

และหลังจากความคิดนั้น รอยยิ้มกว้างก็ประทับอยู่บนใบหน้าของผม เสียงกังวาลชวนเคลิ้มฝันลอยละล่องอบอวนอยู่ในบรรยากาศยามเย็นที่แสนอบอุ่น ทำให้ผมรู้ว่า การมาของผมในครั้งนี้ไม่เสียเที่ยวแน่นอน

ผมรีบก้าวเท้าเดินไป ผ่านร้านค้าต่างๆ ที่เรียงรายอยู่เต็มสองข้างทาง โคมไฟสีสันต่างๆ ประดับประดาอยู่ตามยอดเสา ผู้คนมากมายต่างเดินสวนกันไปมา ใบหน้ามีแต่รอยยิ้ม

ผมเดินต่อมาเรื่อยๆ เดินเบียดเสียดฝูงชนที่กำลังเกาะกลุ่มมุงดูศิลปินคนหนึ่ง และแน่นอนว่าผม ก็มาเพื่อเขาเช่นกัน การบรรเลงดนตรีในวันนี้ยังคงไพเพราะชวนฝัน ซึ่งช่างแตกต่างจากสไตล์การแต่งตัวของเขาเสียจริง

เสื้อหนังสีดำที่สวมคลุมทับเสื้อกล้ามสีขาว สร้อยคอสีเงินวาว ลำคอขาว กางเกงยีนสีเข้มที่เข้ากับรองเท้าหนังสูง ถุงมือสีดำ และหน้ากาก หน้ากากที่บดบังตัวจริงของเขาเอาไว้

บทเพลงในวันนี้ ช่างเป็นท่วงทำนองที่แสนเศร้า ผมมองนิ้วมือเรียวยาวที่แกะเกาไปตามกีตาร์สวยสีดำ เสียงร้องที่ดูนุ่มลึก เสียดแทงเข้าไปในหัวใจที่ซ่อนเร้นความปวดร้าว ทำให้ผมจมดิ่งลงสู่ความมืดมนที่แสนเจ็บปวด ความรักที่ไม่ว่าจะเอื้อมมือไขว้คว้าเอาไว้เท่าไหร่ ก็มีแต่เพียงความว่างเปล่า

หยาดน้ำตาใสไหลรินออกจากดวงตา ผมไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองยืนอยู่ตรงนั้นนานแค่ไหนแล้ว หัวใจของผมมันเหนื่อยล้า และเจ็บปวด ความผิดหวังเสียใจทำให้ผมอ่อนล้าเหลือเกิน

ผมยืนอยู่อีกสักพัก และเพิ่งรู้สึกตัว ว่าผมควรจะพอได้แล้ว กับเรื่องโง่ๆ แบบนี้ ความพร่ามัวในดวงตาทำให้ผมมองเห็นภาพตรงหน้าได้ไม่ค่อยชัดนัก ผมยกแขนเสื้อขึ้น เช็ดน้ำตาที่ทำท่าว่าจะไหลออกมา แต่เมื่อทำแบบนั้น ผมก็เพิ่งรู้สึกได้ถึงความเคลื่อนไหวตรงหน้า

ผมค่อยๆ ยกแขนลงช้าๆ และมองสิ่งๆ หนึ่งที่ยื่นมาหา ผ้าเช็ดหน้าสีขาวบนมือของคนคนหนึ่ง คนที่สวมหน้ากากเอาไว้

"ข.ขอบคุณครับ" ผมชะงักเล็กน้อย แต่ก็ยื่นมือไปรับผ้าเช็ดหน้าผืนนั้น

ตอนนี้รอบๆ ตัวของผมไม่มีผู้คนเบียดเสียด คงเพราะดนตรีหยุดเล่นนานแล้ว นี่ผมยืนทำอะไรอยู่ตรงนี้ตั้งนานสองนานกันนะ

"คือ ผ้าเช็ดหน้านี่ ผมจะซักแล้วเอามาคืนให้นะครับ" ผมพูดบอกคุณหมาป่าที่ยังคงยืนอยู่ตรงหน้าผม เหมือนกำลังจ้องมองผมอยู่ อาจเป็นเพราะว่า เขาไม่เข้าใจภาษาที่ผมพูดก็ได้

"I will give you back next time" ผมพูดและทำท่ายื่นผ้าเช็ดหน้าคืนให้เขา ผมคิดว่าเขาน่าจะเข้าใจ

"พรุ่งนี้ คุณจะมาอีกไหม" ผมพูดและก็ต้องผิดหวังทันทีที่คนตรงหน้าส่ายหัวปฏิเสธ แต่ผมก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่า พรุ่งนี้ผมก็ไม่ว่างเช่นกัน

"งั้น เอาไว้เจอกัน..." ผมที่กำลังจะบอกลาแล้วนั้น ก็ต้องรู้สึกอึ้งอีกครั้งทันที เพราะว่ามือของผมในตอนนี้ถูกจับเอาไว้ และถูกดึงให้เดินตามคนตรงหน้าไป

คุณหมาป่าดึงผมไปที่ม้านั่งตัวหนึ่งด้านหน้าพุ่มดอกไม้ ตัวของเขานั่งลง และดึงผมให้นั่งลงที่ตักของเขา

"เดี๋ยวๆ ก่อนครับ..." ผมตัวแข็งทื่อทันทีด้วยความตกใจ แต่ดูเหมือนแม้ผมจะพูดอะไร คนคนนี้ก็คงไม่เข้าใจอยู่ดี โชคยังดีที่ ที่นั่งตรงนี้ค่อนข้างอยู่ในมุมที่มีต้นไม้บังสูงเลยไม่สะดุดตาคนที่เดินผ่านไปมามากนัก

"คือ ให้ผมนั่งข้างๆ ก็ได้..."

เหมือนกับเสียงของผมเป็นเสียงนกเสียงกา คุณหมาป่าหยิบกีต้าร์ที่วางอยู่ข้างตัวขึ้นมา และวางลงที่บนหน้าขาของผม จับมือผมให้วางลงบนสายของกีต้าร์

"คุณ อยากสอนผมเหรอ" ผมพูดถามเบาๆ ด้วยใบหน้าร้อนฉ่า รู้สึกตัวเล็กลงทุกทีที่นั่งอยู่ตรงนี้ ช่างเป็นคนที่ตัวสูงใหญ่ และที่สำคัญที่สุด กลิ่นหอม กลิ่นที่เหมือนกับ...

ผมยิ้มเศร้าๆ ให้กับความคิดนั้น ถ้าหากบอกผมว่าพรุ่งนี้โลกกำลังจะแตกสลาย ผมคงจะคิดว่ามันเป็นไปได้มากกว่าสิ่งที่ผมกำลังคิดอยู่

ลมหายใจร้อนที่เป่าลดลำคอของผม บวกกับขนยาวๆ ของหน้ากากที่ระไปมาที่หลังคอ ทุกสิ่งล้วนทำให้ผมเริ่มหลุดขำและยุกยิกไปมามากขึ้นทุกที

"ขอโทษครับ ผมจักกี้ไปหมดเลย คุณถอดหน้ากากออกก่อนได้ไหม" ผมพูดและเอี้ยวคอไปจ้องมองด้านหลัง ตอนนี้ผมรู้สึกแปลกๆ มากขึ้นทุกที มันแบบว่า เหมือนว่าผมกับลังถูกกอดอยู่เลย

แต่คำพูดของผมก็ดูจะไม่เป็นผล และยิ่งรู้สึกเหมือนคนด้านหลังกระชับกีตาร์เข้ามามากขึ้น ทำให้พวกเราแนบชิดสนิทกันมากขึ้น คุณหมาป่าเริ่มเลื่อนมือไปตามคอร์ดของกีตาร์นั้น และเริ่มฮัมเพลงเบาๆ ที่ข้างหูของผม ถึงแม้ว่าจะได้ยินแต่ท่วงทำนอง แต่ผมก็มั่นใจว่า มันคือ...เพลงรัก อย่างแน่นอน

​​
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#25 บทเพลงรัก(5/4/62)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 05-04-2019 16:26:19
 :pig4: :pig4: :pig4:

welcome back

คุณนักดนตรีหมาป่า  น่าจะเป็นอิพี่หมอก  ใช่ป่ะ?
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#25 บทเพลงรัก(5/4/62)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 05-04-2019 17:53:55
หนีหมอกไม่พ้นแน่นอน   :hao4:
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#25 บทเพลงรัก(5/4/62)
เริ่มหัวข้อโดย: tasteurr ที่ 21-04-2019 11:46:55
อ่านรวดเดียว25ตอนเลยค่ะ มันหยุดอ่านไม่ได้จริงๆ คาใจมากว่าอินจะทำยังไงต่อไป สรุปได้ว่าจนตอนนี้แล้วอินก็ยังคงคาแร็คเตอร์เป็นยัยลูกขัดใจแม่เหมือนเดิม อ่านแล้วมันแบบ โอ๊ย ยัยอิน อยากจับมาสั่งสอนนัก
ห่างจากหมอกแล้วยังจะไปแนบชิดกับนายหมาป่านั่นอีก เห็นทีจะมีแค่เปอร์นั่นแหละที่อินจะขัดใจ ไม่ยอมทำตาม เข้าใจเปอร์เลยที่บอกว่าอินทำเหมือนว่าไม่ได้เป็นแฟนกัน คืออินชอบ'ความรักความใส่ใจ'ที่เปอร์ให้ตัวเอง แต่ไม่เคยสนใจเปอร์เลย
เพราะอินเป็นแบบนี้ เราก็เลยค่อนข้างจะไบแอสเปอร์ ถึงตอนนี้จะรู้จักเปอร์แค่จากมุมของอินอย่างเดียว แต่มุมนี้ของเปอร์มันก็เป็นมุมที่น่ารักแล้วก็ดูรักอินจริงๆ แต่มุมอื่นจะเป็นยังไงก็คงต้องรอดูกันต่อไป
จะรออ่านตอนต่อไปนะคะ  o8
 :pig4:
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#25 บทเพลงรัก(5/4/62)
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 21-04-2019 22:44:42
รออ่านค่า
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#25 บทเพลงรัก(5/4/62)
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 22-04-2019 16:45:21
น่ารำคาญไปหมดทุกตัวละคร
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#25 บทเพลงรัก(5/4/62)
เริ่มหัวข้อโดย: Gloomy Sunday ที่ 09-06-2019 12:00:36
เพ้อ บทที่ 26 ของขวัญ...


ตลอดช่วงเวลาที่ผมเดินทางกลับบ้าน ผมไม่อาจหุบยิ้มลงได้ เสียงที่ไพเราะ ยังคงดังกังวานอยู่ในหัวของผม เล่นวนไปวนมาไม่รู้จบ ผมไม่ค่อยเข้าใจเลยว่าทำไมเขาถึงทำแบบนั้น เหมือนกับว่า...เขาชอบผมยังไงอย่างงั้น

 แต่เมื่อคิดแบบนั้น ผมก็ต้องสั่นหัวไปมาด้วยความขบขัน จะเป็นไปได้ยังไงกัน ตัวผมไม่เห็นจะมีอะไรน่าสนใจเลยนี่นา คงไม่มีใครตาบอดเหมือนกับไอ้พี่เปอร์หรอก

 Rrrr Rrrr

 ว่าแล้วเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นรบกวนโสตประสาท ผมมองหน้าจอมือถือ และก็ต้องพบว่าไม่ใช่ใครที่ไหน พี่เปอร์ มีแค่คนคนนี้ที่โทรหาผมเสมอ โทรบ่อยจนน่ารำคาญเลยล่ะ

 "ครับ ว่าไงครับ" ผมกดรับสายด้วยท่าทีสบายๆ เดินอีกไม่ไกลก็ใกล้จะถึงบ้านแล้ว แต่ว่าปลายสายนั้นกลับเงียบสนิท ทำเอาผมได้แต่ขมวดคิ้วน้อยๆ

 "ทำอะไร มานอน" เท้าที่กำลังก้าวอย่างร่าเริงเริ่มช้าลงและหยุดชะงัก หัวใจของผมเต้นรัวอยู่ในอกอย่างบอกไม่ถูก เสียงที่ได้ยิน แน่นอนว่าเป็นเสียงของพี่เปอร์ แต่ว่า เหมือนกับพี่เขาไม่ได้พูดกับผม

 "อิน!" และเสียงที่ได้ยินต่อจากนั้นก็ทำให้ผมสะดุ้งโหยง ที่ปลายสาย เสียงพี่เปอร์อยู่ๆ ก็พูดขึ้นมาด้วยความร้อนรน เรียกผมเหมือนกลัวผมจะไม่ได้ยิน

 "อ.อิน ทำอะไรอยู่เหรอ พี่โทรหา พี่คิดถึง วันนี้ไม่ได้เจออินเลย" พี่เปอร์พูดมาเป็นชุดแทบไม่หยุดหายใจ

 "เหรอครับ" ผมพูดและเริ่มเดินต่อไป

 "พรุ่งนี้อินจะแสดงแล้วใช่ไหม พี่ไปหานะ พี่ไม่พลาดแน่นอน ทำให้เต็มที่นะ พี่เป็นกำลังใจให้"

 "ครับ ขอบคุณครับ"

 "พี่รักอินนะ" ผมหยุดเดินอีกครั้งที่ได้ยินคำนี้ รักงั้นเหรอ พี่พูดความจริงใช่ไหม

 "ครับ แค่นี้นะ" ผมกดวางสาย และหยุดคิดถึงสิ่งต่างๆ ที่จะทำให้ไม่สบายใจ พรุ่งนี้เป็นวันสำคัญ ผมจะไม่ยอมให้เรื่องไม่เป็นเรื่อง มาทำให้ทุกอย่างต้องพังลง


 และช่วงเวลาที่แสนตื่นเต้นก็มาถึง ผมมาที่มหาวิทยาลัย และเตรียมตัวที่โรงละครตั้งแต่เที่ยง กินข้าวที่พวกพี่จัดหาให้ แต่งหน้าทำผมพร้อมๆ กับอ่านทบทวนบทในมือ ผมปิดกั้นความคิดทุกสิ่ง ทั้งๆ ที่ในหัวใจปั่นป่วนไปหมด ผมคอยแต่จะคิดถึงคนที่ไม่ควรคิดอีกแล้ว พี่เขาจะมาไหมนะ พี่จะมาดูผมไหม

 "อิน สมาธิ!" และในทันทีที่เหมือนสติจะหลุดลอยไป ผมถูกกดนวดที่ขมับอย่างแรง เป็นการดึงสติกลับมาที่ทำเอาผมต้องหน้านิ่วคิ้วขมวด

 "เจ็บนะครับ" ผมพูดบอกพี่แก้วอย่างงอนๆ

 "อินเป็นแบบนี้ทุกทีเวลาจะขึ้นแสดง น่าตีจริงๆ"

 "ผมไม่เป็นไรหรอกน่า" ผมพูดและยิ้มให้พี่แก้วสบายใจ

 "แต่วันนี้คนเยอะจริงๆ นะ มานั่งรอกันบ้างแล้วด้วย" ผมที่ได้ยินแบบนั้นก็ยิ่งใจเต้นระทึก

 "จริงเหรอครับ ตื่นเต้นนะเนี่ย" ผมพูดและเริ่มเหงื่อแตกทั้งๆ ที่แอร์หลังเวทีเย็นฉ่ำ

 "มาพี่ซับหน้าให้ วันนี้น้องพี่ต้องแจ้งเกิดแน่ อินแต่งตัวขึ้นเสมอเลย"

 "พี่ก็พูดเกินไป" ผมพูดเหลือบมองตัวเองในกระจก ชุดที่ผมใส่โคตรจะพระเอกขาแด๊นส์ฟรุ้งฟริ้งแพรวพราวเหลือเกิน น่าอายจะตาย ใบหน้าที่แต่งแต้มให้ดูคมเข้มขึ้น ทำให้ผมดูโตขึ้น

 "พร้อมกันแล้วหรือยังเด็กๆ โอ้โห นี่อินเหรอ หล่อเกินหน้าเกินตาพี่ไปแล้ว" พี่เก่งหัวหน้าของพวกเราเข้ามา และเริ่มแซวผมทันทีที่มีโอกาส หนอย

 "อย่าน่า พี่เก่ง" ผมพูดพลางอมยิ้ม ยกมือปัดป้องกล้องถ่ายรูปที่พี่เก่งกำลังระดมถ่ายผม

 "เป็นพระเอกยังจะอายอะไรอีก"

 "เห็นแบบนี้ตอนแสดงอินไม่เคยมีเขินมีอายเลยนะ"

 "นั่นสิ มืออาชีพของแท้" นั่นแหละพูดกันเข้าไป ผมไม่ได้วิเศษอะไรอย่างที่พวกพี่เขาคิดมากหรอก ผมก็แค่ ชอบการแสดง ผมอยากจะเป็นนักแสดง แต่ว่าความฝันสูงสุดของผม มันคงไม่มีความหมายอีกแล้ว

 "เอาล่ะ เกือบจะได้เวลาแล้ว ไปเตรียมพร้อมประจำที่กันเถอะ" พวกเราประสานมือประสานเสียงเตรียมพร้อมขึ้นแสดง ผมหลับตาลงตั้งสมาธิและจดจ่ออยู่กับสิ่งที่ผมกำลังจะทำเท่านั้น ขอให้วันนี้ผมไม่ทำพลาด ขอให้เป็นวันที่ดีอีกวันด้วยเถอะ ผมขอแค่นั้นจริงๆ

 การแสดงเริ่มขึ้นแล้ว พวกเราเตรียมพร้อมมอบความบันเทิงให้แก่ผู้ที่มาเข้าชมอย่างสุดความสามารถ ผมเล่นละคร ร้องเพลง เต้นรำไปตามแสงไฟที่ส่องแสงให้ผมโดดเด่น จังหวะไม่ว่าจะเป็นแบบไหน ลีลาศ เซ็กซี่เร่าร้อน ฟ้อนรำ ผมทำมันได้หมด ไม่มีแม้แต่จะผิดจังหวะ เสียงของผมถึงแม้มันอาจจะไม่ดีมากนัก แต่ก็ทำให้ทุกคนสามารถลุกขึ้นเต้นตามได้ เสียงเพลง...มันมีพลัง หัวใจของผมเหมือนกับได้รับการปัดเป่าเรื่องทุกข์ใจใดๆ มีแต่ความสนุกสนาน มีแต่รอยยิ้ม วันนี้เป็นวันที่ดี อย่างที่ผมหวังไว้จริงๆ

"ปรบมือให้กับทีมนักแสดงจากชมรมการแสดงของเราด้วยนะครับ" หลังจากจบการแสดง พวกเราก้มตัวขอบคุณทุกคนที่เข้ามาชมเหมือนดั่งทุกครั้ง ผมส่งยิ้มให้ทุกคนที่กำลังส่งเสียงเชียร์ ส่งเสียงปรบมือให้พวกเรา แสงไฟที่สาดส่องเข้ามาที่ตัวผม มันทำให้ผมมองเห็นด้านล่างไม่ชัด ซึ่งนั่นก็ดีแล้ว วันนี้จบลงแล้ว และแค่นี้ผมก็มีความสุขเหลือเกิน

 "ยอดเยี่ยมมากทุกคน" เมื่อเข้ามาที่หลังเวที บรรยากาศก็ยิ่งรื่นเริ่งกว่าเก่า พวกเรากอดกัน ยิ้มแย้มเปรมปรีดิ์ งานนี้ก็ผ่านไปได้อย่างยอดเยี่ยม พวกพี่ๆ ที่ใกล้จะจบออกไปแล้ว ทุกคนคาดหวังไว้กับผม หวังให้ผมเป็นกำลังสำคัญของชมรม ซึ่งผมนั้นยินดีมาก ที่นี่เป็นเหมือนครอบครัวที่สองของชีวิตผม

 "อินเต้นเก่งมาก ทำได้ยังไงน่ะ ซ้อมก็แทบจะนับครั้งได้ " รุ่นพี่หลายๆ คนถามผมอย่างอยากรู้ ซึ่งจริงๆ มันไม่มีอะไรเลย

 "เป็นไปตามฟีลลิ่งฮะ" ผมพูดและถูกขยี้หัวอย่างรักใคร่ ผมยิ้มแย้มหยอกเล่นกับพวกพี่ๆ ซึ่งแต่ละคนก็ยังคงชมผมไม่หยุดปาก จนผมเริ่มเขินแล้วนะ

 แต่ขณะที่ผมกำลังหัวเราะอย่างร่าเริงนั้น มีสิ่งหนึ่งที่ทำให้ผมต้องค่อยๆ หุบยิ้มลง ผมมองไปที่ตรงกลางของโต๊ะแต่งตัว และพบกับสิ่งที่ทำให้ผมต้องตาโตและเริ่มยิ้มกว้างอีกครั้ง ไม่ต้องบอกก็รู้ว่านี้ต้องเป็นของขวัญที่พวกพี่ๆ มอบให้ผมแน่ๆ

 ผมเดินละออกจากกลุ่มพี่ๆ และดิ่งไปอุ้มตุ๊กตาน้องหมาตัวใหญ่ขึ้นมา ขนของมันนุ่มมาก ผมกดหน้าตัวเองลงไปบนขนสีเข้มนั้น รู้สึกมีความสุขที่สุดเลย

 "เอ้า ของขวัญของคนเก่ง!" คำพูดนั้น ทำให้ผมเงยหน้าออกจากขนนุ่มนิ่ม และมองไปยังพี่เก่งที่เดินเข้ามา แต่เมื่อเห็นสิ่งที่อยู่ในมือพี่เก่ง ผมก็ได้แต่ชะงักแบบงงๆ

 หนังสือเล่มใหญ่ที่ผูกโบสีน้ำเงินถูกยื่นมาจากรุ่นพี่ มันเป็นสมุดรวมภาพน้องหมาพันธุ์ต่างๆ ที่พี่เก่งเคยบอกว่าจะให้ผม ใช่แล้ว แต่ว่า แล้ว...ตุ๊กตานี่ล่ะ

 "ขอบคุณครับ" ผมยังคงอุ้มตุ๊กตาไว้แต่ก็ยื่นมือไปรับหนังสือเล่มนั้นจากรุ่นพี่ อันนี้ผมก็ชอบมาก แต่ว่าผมแค่สงสัยว่าตุ๊กตานี่ของใคร หรือว่าจะไม่ใช่ของผม

 "ตุ๊กตานั่นของน้องอินนั่นแหละ คนส่งของเขาเอามาให้ตอนน้องอินขึ้นแสดง" ผมที่กำลังจะวางตุ๊กตาลงก็ยั้งมือเอาไว้ก่อนทันที แบบนี้นี่เอง คงจะเป็นของพี่เปอร์ละมั้ง แต่พี่เขารู้ได้ยังไงกันนะ ว่าผมชอบอะไร

 "เดี๋ยวนี้แฟนคลับเยอะนะเราน่ะ หนังสือพี่เป็นหมันเลยแบบนี้" พี่เก่งพูดแซว และกอดคอผมอย่างร่าเริง

 "ไม่หรอกครับ หนังสือของพี่ผมก็ชอบ"

 "แล้วถ้าเป็นดอกไม้ช่อใหญ่ล่ะ" เสียงอีกเสียงที่พูดขึ้นไม่ใช่เสียงของพี่เก่ง แต่เป็นคนที่โผล่เข้ามาในห้องด้วยชุดช็อปสีเข้มแบบเดิมที่พี่เขาชอบใส่

 ผมหันไปมองคนคนนั้นและมองช่อดอกไม้สีขาวที่พี่เปอร์ยื่นให้ผม ซึ่งผมก็รับมันมาแบบงงๆ ผมมองดอกไม้สลับกับพี่เปอร์ที่ใบหน้าดูแช่มชื่นเหลือเกิน

 "สำหรับคนพิเศษของพี่" พี่เปอร์เดินเข้ามาใกล้ผมและพูดเบาๆ ที่ข้างหู แต่ผมก็ยังคงยืนอึ้งอยู่แบบนั้นและมองตุ๊กตาที่อยู่ในอ้อมแขนอีกข้าง

 ไม่ใช่ของพี่เปอร์งั้นเหรอ....แล้วใครกันล่ะ

 ในหัวของผมไม่ได้คิดถึงใครทั้งนั้น แต่สายตาที่เผลอมองออกไปที่นอกประตูด้านข้าง ผมก็ได้เห็น คนอีกคนที่ยืนอยู่ตรงนั้น กอดอกพิงผนังไว้ สายตาไม่ได้จ้องมองมา แต่ก็ทำให้หัวใจของผมเต้นรัวราวกับจะหลุดออกมาจากอก ผมพยายามกุมสติของตัวเองไว้ ไม่ให้แสดงอาการตื่นเต้นมากเกินไป ผมไม่ได้เจอ ไม่ได้เห็นพี่หมอกมาเกือบเดือนแล้ว หัวใจของผมมันไม่รักดี ผมยังคงหวั่นไหวเหมือนดั่งวันวาน แก้ไม่หายสักที

 "อิน" พี่เปอร์จ้องมองผมและส่งเสียงเรียก

 "ค.ครับๆ ขอบคุณครับ" ผมบอกขอบคุณพี่เปอร์และวางพวกของขวัญลงก่อน มันเยอะเกินไปที่จะถือทีเดียว

 "อิน พวกเราจะไปฉลองกันต่อ จะไปด้วยไหม" พี่เก่งถามผม ไม่ได้สนใจพี่เปอร์ที่จ้องเขม่น

 "ผม..."

 "อินมีนัดกินข้าวกับพี่นี่ ใช่ไหม" ผมขมวดคิ้วมองพี่เปอร์ทันที ผมยังไม่ได้บอกพี่เปอร์ว่าจะไปด้วยซะหน่อย

 "อ่อเหรอ งั้นไม่เป็นไร" ผมอ้าปากพะงาบอยากจะบอกพี่เก่งใจจะขาดว่าผมอยากไปด้วย แต่พี่เปอร์ก็กอดคอผมไว้ หยิบของๆ ผมทั้งหมดและลากผมเดินออกไปจากห้องแต่งตัวนั้น

 "ไปกัน" ผมกอดตุ๊กตาอยู่ในอ้อมแขน และเมื่อต้องเดินผ่านพี่หมอก ผมก็เลือกที่จะก้มหน้าลงที่พื้น พี่หมอกเดินตามหลังผมกับพี่เปอร์มาเงียบๆ นี่อย่าบอกนะว่า พี่ก็ไปด้วย

 "เรียกแฟนมึงมาหรือยัง" เสียงพี่เปอร์พูดถามคนข้างหลัง

 "ไม่ว่าง"

 "งั้นเหรอ ก็ดีมั้ง" พี่เปอร์พูดพลางจ้องมองผมด้วยรอยยิ้ม

 "เดี๋ยวขอผมเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ห้องน้ำแปบนะครับ ผมไม่อยากใส่ชุดนี้ไปไหนต่อไหนหรอก" ผมพูดพลางดึงเป้ออกจากไหล่พี่เปอร์

"ไม่เห็นเป็นไรเลย เฟี้ยวดีออก"

 "ไม่เอาด้วยหรอก" ผมพูดและแย่งเป้ออกมาได้สำเร็จ พยายามไม่มองคนด้านหลัง และรีบหนีไปห้องน้ำอย่างรวดเร็ว พอเปลี่ยนชุดแล้วก็โล่งอกหน่อย แต่หน้ากับทรงผมก็ปล่อยไปแบบนี้ก่อนละกัน

 "วันนี้มึงดูอารมณ์ดีนะ"

 "คิดไปเอง"

 "ไม่คิดว่าจะเจอมึงในโรงละคร"

 "แค่ว่าง"

 บทสนทนาของสองคนนั้นทำให้ผมได้แต่ยืนนิ่งอยู่ข้างๆ ประตูห้องน้ำ พี่หมอกมาดูผมงั้นเหรอ พี่มาดูผมจริงๆ สินะ รอยยิ้มเล็กๆ ผุดขึ้นที่มุมปากของผม แต่ก็ไม่ได้มากมายเหมือนแต่ก่อน ผมเลิกฝันลมๆ แล้งๆ นานแล้ว เลิกคิดถึงพี่ นานแล้ว...

 "เราจะไปไหนกันเหรอครับ" ผมตัดสินใจเดินออกมาและถามพี่เปอร์ พี่หมอกเมื่อเห็นผมก็เดินออกห่างไปโดยอัตโนมัติ แบบนี้ก็ดี แต่ว่าทำไมกันนะ ผมพยายามส่งยิ้มให้พี่เปอร์ แต่น้ำตากลับอยากจะไหลออกมาซะงั้น
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#26 ของขวัญ...(9/6/62)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 09-06-2019 12:16:27
 :pig4: :pig4: :pig4:

ปาดไหมอ่ะ  ถ้าปาดเก๊าขอโต้ดน้า

สรุปอิหมอกนี่ยังไงเนี่ย  ให้ตุ๊กตาหมาแต่ไม่แสดงตัว  งงในงง
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#26 ของขวัญ...(9/6/62)
เริ่มหัวข้อโดย: tasteurr ที่ 09-06-2019 13:25:07
 :เฮ้อ:
พี่เปอร์แอบซ่อนใครไว้สินะ ถ้าอินรู้อินจะรู้สึกยังไงนะ
 
:pig4:
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#26 ของขวัญ...(9/6/62)
เริ่มหัวข้อโดย: Funnycoco ที่ 09-06-2019 14:20:43
เปอร์เวลกว่าหมอกอีกมั้ง มีคนของตัวเองอยู่แล้วยังมาชอบอินอีกเห้อ
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#26 ของขวัญ...(9/6/62)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 09-06-2019 22:12:24
เจอแต่พวกเห็นแก่ตัวทั้งนั้น อินเอยอิน สู้ ๆ นะหนู  :กอด1:
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#26 ของขวัญ...(9/6/62)
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 12-06-2019 03:17:10
รักงงๆในดงลำไย555  แต่ละคนคือมีตรรกะทีีงงมาก
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#26 ของขวัญ...(9/6/62)
เริ่มหัวข้อโดย: Gloomy Sunday ที่ 24-06-2019 11:10:23
เพ้อ บทที่ 27 สัญญาณเตือนภัย


พวกเราออกเดินทางกันด้วยรถของพี่เปอร์ โดยมีผมนั่งอยู่ด้านหน้า และพี่หมอกอยู่ที่เบาะหลัง ความรู้สึกอึดอัดทำให้ผมรู้สึกแย่ เหมือนกำลังถูกจับตามองแปลกๆ แต่ก็ไม่กล้าหันไป

 "วันนี้อินเล่นดีมากเลยนะ พี่ไม่รู้เลยว่าอินเต้นเก่งร้องเพลงเป็นขนาดนี้" พี่เปอร์ชวนผมคุยอย่างอารมณ์ดี

 "ผมก็แค่ พยายามทำให้ดีที่สุดเท่านั้นแหละครับ"

 "พี่ชอบมาก ยิ่งหลงรักอินเข้าไปใหญ่" ผมที่ได้ยินพี่เปอร์พูดก็ถึงกับนั่งตัวตรงทันที ผมเหลือบมองพี่หมอกที่ยังคงนั่งนิ่งไม่พูดอะไร ก็นั่นสินะ พี่เขาไม่ได้แคร์อะไรอยู่แล้ว แต่ยังไงผมก็อึดอัดสุดๆ

 "วันนี้พี่จะพาไปร้านเพื่อนพี่ อาหารอร่อย มีคาราโอเกะด้วยนะ เผื่ออินอยากร้องเพลงต่อ" พี่เปอร์พูดอย่างร่าเริงต่อไป

 "คงไม่ล่ะครับ ผมเหนื่อยแล้ว"

 "อ้าว โธ่ พี่อยากฟังนะเนี่ยเลยจะพาไปร้านนี้"

 "ขอโทษครับ" ผมน่ะไม่ใช่ว่าร้องไม่ได้ แต่แค่ไม่อยากร้องต่างหาก

 "แล้วไอ้หมอกมึงว่าไง จะร้องไหม"

 "เสือก"

 เป็นครั้งแรกที่พี่หมอกเอ่ยปากพูด ผมเดาอารมณ์ของพี่เขาไม่ถูกจริงๆ เลยไม่กล้าพูดอะไรออกไปมาก

 "อ่าวปากดีอีกมึง" พี่เปอร์กับพี่หมอกยังคงพูดคุยกันต่อไป

 ผมเหลือบมองพี่หมอกอีกครั้ง พี่หมอกกำลังหันมองออกไปที่นอกกระจกรถอย่างเลื่อนลอย พี่กำลังคิดอะไรอยู่นะ ทำไมพี่ถึงมาให้ผมเห็น ทั้งๆ ที่ผมเกือบลืมพี่ไปแล้วแท้ๆ

 และไม่นานพวกเราก็ถึงจุดหมายปลายทาง ที่นี่นั้นไกลกว่าที่ผมคิดไว้มาก บรรยากาศที่มีสายลมเย็นพัดผ่าน ต้นไม้สูงที่เรียงรายอยู่ทั่วทั้งลานจอด ร้านอาหารที่ตั้งอยู่ตรงหน้านั้นเป็นอาคารสองชั้นที่เป็นไม้ทั้งหลัง ตบแต่งด้วยต้นไม้และดอกไม้นานาพันธุ์ ผมเหมือนได้ยืนอยู่ท่ามกลางป่าเขาเลยล่ะ

 "สวยใช่ไหม ที่นี่เด็กเสิร์ฟก็สวยด้วย ไอ้หมอกมันฟาดไปเกือบหมดร้าน..."

 "มึงจะพูดอีกนานไหม" พี่หมอกดูหัวเสียจริงๆ ใบหน้าที่เคยนิ่งๆ ดูบึ้งตึงและอย่างโกรธจัด ผมจ้องมองใบหน้าที่ผมคิดถึงอย่างลืมตัว แก้มของพี่หมอกไร้ริ้วรอยใดๆ และดวงตาก็ยังคมสวยเหมือนเก่าทั้งสองข้าง ดีจังเลยนะ พี่หายแล้ว

 "มองอะไร" พี่หมอกเปลี่ยนจากจ้องพี่เปอร์มาตะคอกผม ทำเอาผมสะดุ้งโหยง

 "เฮ้ยๆๆ กูขอโทษ น่า ใจเย็นๆ" พี่เปอร์ก็เหมือนเดิม ไม่ได้กลัวพี่หมอกเลยสักนิดพลางเดินเข้าไปกอดคอพี่หมอก และจับมือผม ลากทั้งผมและพี่หมอกให้เดินเข้าไป

 "ที่จองไว้ครับ"

 "อ้าว เจ้าเปอร์ เจ้าหมอก ไม่เจอนานเลย" มีผู้ชายวัยกลางคนมาต้อนรับพวกเรา เหมือนว่ารู้จักพี่หมอกและพี่เปอร์เป็นอย่างดี

 "ไอ้ตี๋ไม่อยู่เหรอครับพ่อ" พี่เปอร์ถามคุณลุง

 "ไม่อยู่ๆ มันออกไปซื้อของเข้าร้าน"

 "อ่อครับ งั้นพวกผม..."

 "เชิญเลยๆ เดี๋ยวให้เด็กๆ เอาอาหารไปเสิร์ฟ" พวกเราเดินเข้ามายังระเบียงที่มีไฟประดับสวยๆ ที่ด้านในมีโต๊ะอาหารมีเทียนจุดให้ลูกค้าได้นั่งชิล และมีพื้นที่แยกออกเป็นห้องสำหรับ VIP หรือผู้ที่ต้องการร้องเพลง ที่นี่บรรยากาศดีมาก เหมาะจะมาสังสรรค์หรือมากับคนรักจริงๆ

 พี่เปอร์พาพวกเรามาที่ห้องห้องหนึ่ง ด้านในค่อนข้างกว้าง เป็นห้องที่มีกระจกใสมองเห็นต้นไม้ด้านนอก และที่ทำให้แปลกใจที่สุดก็คือ ที่มุมห้องมีเครื่องดนตรีอยู่ด้วย เป็นเครื่องดนตรีหลักๆ ที่เห็นได้ทั่วไป

 พวกเรานั่งลงกันที่โซฟาที่ดูนุ่มสบาย พี่เปอร์จัดการเปิดทีวีและเลือกเพลงอย่างขยันขันแข็ง และไม่นานก็มีอาหารนำเข้ามาเสิร์ฟ ผมสังเกตบริกรสาวที่เข้ามา พวกเธอต่างเหลือบมองส่งสายตาให้พี่หมอก แต่พี่หมอกดูเหมือนจะไม่สนใจอะไรนอกจากมือถือตัวเอง

 "ไอ้หมอก เอามานั่งเล่นด้วยสักคนดิ กูไม่ฟ้องเมียมึงหรอก" พี่เปอร์ที่สังเกตเห็นเช่นกันก็ออกปากแซวทันที แต่พี่หมอกทำแค่ตวัดสายตาไม่พอใจมองมา พี่เปอร์ก็ทำเป็นสนใจทีวีต่อ

 "ก็มึงมานั่งไม่ทำห่าไรเลย กูก็แค่ออกความเห็น" พี่เปอร์ยังคงพิมพ์ค้นหาเพลงที่จะร้อง

 "แล้วอินล่ะ ไม่เปลี่ยนใจแน่นะ พี่อยากฟังอินร้องจัง" พี่เปอร์เหมือนเพิ่งนึกได้ก็หันมาหาผม ทำเสียงออดอ้อน

 "ไม่เอาดีกว่าครับ หิวด้วย" ผมพูดพลางแกล้งตักอาหารตรงหน้าให้ปากไม่ว่างเข้าไว้

 Rrrr Rrrr

 พวกเราที่นั่งกันอยู่สักพัก เสียงโทรศัพท์ของพี่เปอร์ก็ดังขึ้น

 "พี่รับโทรศัพท์แปบนะเดี๋ยวมา" พี่เปอร์กระซิบบอกผม และลุกออกไปจากห้อง ผมพยักหน้ารับรู้พลางหยิบของกินตรงหน้า พยายามไม่มองคนที่นั่งอยู่ตรงข้าม พยายามไม่สนใจ

 "วันนี้ทำได้ดีนะ" แต่ผมที่กำลังเอื้อมมือไปที่ไก่ทอดก็ชะงักทันที ผมละสายตาจากอาหาร เหลือบสายตาขึ้นมอง

 เมื่อกี้ ผมหูฝาดไปหรือเปล่านะ พี่หมอกกำลังพูดกับผมใช่ไหม

 และทันทีที่ผมเห็นคนตรงหน้า ความรู้สึกประหลาดใจก็ยิ่งคับแน่นอยู่ในอก พี่หมอกไม่ได้หลบตาผมหรือสนใจสิ่งใดๆ รอบตัว แต่พี่เขากำลังจ้องมองผม เขากำลังคุยกับผมจริงๆ

 ผมที่ทำตัวไม่ถูกก็ได้แต่อ้ำอึ้งยึกยัก ผมส่งเสียงตอบรับในลำคอ และก้มหน้าหลบสายตาแปลกๆ คู่นั้น

 อย่าอิน พอได้แล้ว พอทีได้ไหม

 ผมกำมือแน่นกับกางเกง อยากจะลุกออกไปจากห้อง แต่ว่าร่างกายและหัวใจของผมก็ไม่รักดีเอาซะเลย

 "แต่เสียงร้องยังต้องฝึกอีกเยอะ" พี่หมอกพูดต่อไป ไม่สนใจท่าทีของผม

 "ก็ผมไม่ได้เสียงดีแบบพี่" ผมไม่เข้าใจตัวเองเลย ทำไมต้องพูดอะไรตัดพ้อแบบนั้น งี่เง่าน่า

 "อยากให้สอนไหมล่ะ" ผมที่ได้ยินก็ชะงัก สอนงั้นเหรอ

 "ผมไม่หลงกลพี่อีกหรอก" ผมพูดและหัวเราะหึในลำคอ ผมไม่หลงกลพี่อีกหรอก สีหน้าของพี่มันบอกชัดว่าต้องการอะไร

 "อ่อ เหรอ เหมือนจะฉลาดขึ้นนะ" พี่หมอกพูดพลางยิ้มเยาะ นั่นไงล่ะ ผมเดาไม่ผิดจริงๆ "แต่ถึงจะฉลาดขึ้นยังไง คนโง่ก็ยังเป็นคนโง่อยู่วันยังค่ำ เพราะไม่งั้น คงไม่มาในที่แบบนี้ กับคนอย่างไอ้เปอร์หรอก"

 "พี่อยากจะพูดอะไรกันแน่"

 "เดี๋ยวก็รู้" พี่หมอกพูดและลุกขึ้นจากเก้าอี้ เดินออกไปจากห้อง

 ผมมองตามคนคนนั้นออกไป เริ่มแรกที่คุยกันนั้นก็เหมือนจะดี แต่ทำไมทุกๆ ครั้งถึงจบลงแบบนี้ พวกเราจะไม่มีวันคุยกันดีๆ เลยใช่ไหมนะ

 ผมคิดและหลับตาลง พอแล้วอิน พอ เลิกใส่ใจ เลิกสนใจสักที ไม่อย่างนั้นก็มีแต่เจ็บอยู่อย่างนี้

 "เฮ้อ อะไรกันนักกันหนา" พี่เปอร์ที่คุยโทรศัพท์เสร็จแล้ว อยู่ๆ ก็เปิดประตูเข้ามาและนั่งลงข้างๆ ผมด้วยท่าทางเหนื่อยหน่าย

 "มีอะไรเหรอครับ" ผมพยายามปรับสีหน้าให้เหมือนเดิมมองดูพี่เปอร์ที่เริ่มชงเหล้าดื่ม

 "ไม่มีอะไรหรอก" พี่เปอร์เริ่มกลับมายิ้มและโอบไหล่ผมให้เข้าไปใกล้ "อิน วันนี้โทรบอกแม่ได้ไหม ว่าจะนอนบ้านเพื่อน" ผมตกใจทันทีที่ได้ยินแบบนั้น

 "ไม่ได้หรอกครับ ผมต้องช่วยงานแม่อีก" ผมรีบพูดแบบไม่ต้องคิด ทำเอาพี่เปอร์ชักสีหน้าไปแปบหนึ่ง ก่อนจะยิ้มแบบเดิม

 "เหรอ แต่จำได้วันนึงพี่เคยไปหาเราตอนดึก แต่แม่เราบอกว่าเราไปนอนบ้านเพื่อน" ผมที่ได้ยินแบบนั้นก็ใจเต้นไม่เป็นส่ำ คืนไหนกัน คืนที่ผมนอนบ้านพี่หมอกสินะ "เพื่อนคนไหนเหรอ หืม ว่าไง"

 พี่เปอร์ถามต่อพลางยื่นหน้าเข้ามาใกล้ เหมือนกับลังจับผิด

 "ผม...จะลองขอแม่ดู" ผมพูดอย่างหมดหวัง เรื่องแบบนี้ผมไม่ได้คิดไว้เลย ผมเริ่มกลัวขึ้นมานิดๆ เมื่อนึกถึงคำพูดของพี่หมอกเมื่อกี้

 "ต้องอย่างนี้สิ พี่อยากอยู่กับอินนานๆ มีแฟนทั้งทีเหมือนไม่มีน่าเศร้าจะตาย" พี่เปอร์ดึงผมเข้าไปกอดแน่นจนผมแทบหายใจไม่ออก

 ผมนั่งนิ่งปล่อยให้คนตรงหน้ากอดผมไว้ แต่ในหัวก็คิดถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมา ผมพยายามห้ามตัวเองไม่ให้พูดออกไป แต่ก็อดไม่ได้อีกแล้ว

 "เมื่อวานที่พี่โทรหาผม ใช่พี่เป็นคนโทรจริงๆ หรือเปล่า" ผมพูดและรู้สึกว่าแรงกอดจากคนตรงหน้าลดน้อยลง พี่เปอร์ค่อยๆ ปล่อยตัวผมด้วยสีหน้าเครียดๆ

 "ทำไมถึงถามแบบนั้น" พี่เปอร์ถามผมเหมือนไม่รู้จริงๆ ผมพยายามไม่ใส่ใจ แต่ใช่ว่าผมจะลืม

 "ถ้าพี่มีคนอื่น หรือไม่ได้รักผมจริงๆ ผมก็ไม่เป็นไรนะครับ พวกเราเป็นเพื่อน เป็นพี่น้องกันเหมือนเดิมก็ได้" ผมพูดด้วยเสียงเรียบๆ ไม่ใช่ว่ามีแต่พี่ที่จะเอาแต่ใจได้

 "ไม่ พี่มีแค่อิน พี่ไม่ยอม" พี่เปอร์ดึงผมมากอดไว้แน่นเหมือนเดิม ทำไมกันนะ พี่เปอร์ดูจริงจังมาก ไม่ใช่ว่าพี่กำลังหลอกผมอยู่เหรอ และผมก็หลอกตัวเองเช่นกัน

 "อย่าพูดเรื่องแบบนี้อีกเลยนะ ถ้าอินสงสัยอะไรอินถามพี่ได้เลย อินสงสัยพี่กับใคร พี่พาอินไปเจอก็ได้นะ อินจะได้เชื่อว่าพี่มีแค่อินจริงๆ" เสียงพี่เปอร์ที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ ทำให้ผมเริ่มสับสน พี่พูดจริงๆ ใช่ไหม พี่ไม่มีใครจริงๆ เหรอ

 "แหมๆ หวานชื่นกันจริงโว้ย" ผมสะดุ้ง และผละตัวออกจากพี่เปอร์ทันทีที่เห็นกลุ่มคนประมาณสี่ห้าคนเดินเข้ามา แต่ละคนจับจ้องมองมาที่ผมและส่งเสียงแซวสนุกสนาน

 "พวกมึงมาได้ไงวะ" พี่เปอร์เริ่มยิ้มแย้มเหมือนเดิมและแปะมือกับคนพวกนั้นอย่างสนิทสนม

 "กูสิต้องถาม นี่บ้านกู กูก็พาพวกไอ้หนุ่ยมากินเหล้าพอดี"

 "ดีเลยแบบนี้ มา กินด้วยกัน" พี่เปอร์พูดและยกแก้วเหล้าขึ้นชูให้เพื่อน

 ผมมองคนอีกคนที่เพิ่งเดินเข้าประตูมา พี่หมอกยังคงทำหน้าตาอารมณ์ไม่ดี และสายตาก็เหมือนจะเหลือบมองมาที่ผม

 "หนุ่มน้อยหน้าหล่อนี่หน้าคุ้นๆ ว่ะ อย่าบอกนะว่าพระเอกละครเวทีคืนนี้" ผมละสายตาจากพี่หมอกมองคนที่กำลังจ้องหน้าผมใกล้ๆ

 "เออ แฟนกูเอง สุดยอดเลยใช่ไหม" ผมที่ได้ยินแบบนั้นก็จ้องมองพี่เปอร์ด้วยความไม่พอใจ ทำไมถึงป่าวประกาศอะไรแบบนั้น

 "ไม่เป็นไร พวกนี้เพื่อนสนิทพี่ทั้งนั้น ไม่มีใครเอาไปพูดไม่ดีหรอก" ผมแกะแขนพี่เปอร์ออกจากไหล่ด้วยความโมโห แต่ก็ยิ่งถูกรัดแน่นเข้าไปใหญ่

 "ใช่แล้วน้องอิน พวกพี่เป็นเพื่อนกันมาตั้งนานแล้ว ไม่มีใครหักหลังกันหรอก ไม่ว่าเพื่อนจะทำอะไรผิดหรือมีความลับอะไรซ่อนอยู่ ใช่ไหมวะ ไอ้หมอก" คนที่ชื่อตี๋ส่งสายตากวนๆ ให้พี่เปอร์และหันไปถามความเห็นจากพี่หมอกที่ยืนพิงผนังอยู่ห่างๆ

 "เพื่อนกูนี่แม่ง มองกี่ทีก็หล่อชิบหาย แล้วเมียมึงไม่มาเหรอวะ น้องมัดหมี่ขาวหมวยเซ็กซี่สเปคกูเลย ถ้าเบื่อแล้วกูขอเครมต่อนะ" กลุ่มเพื่อนๆ พี่หมอกหัวเราะเสียงดังและเริ่มนั่งลงชงเหล้ากันสนุกสนาน

ผมคิดผิดจริงๆ ที่มาที่นี่ อยากกลับบ้านชะมัด
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#27 สัญญาณเตือนภัย(24/6/62)
เริ่มหัวข้อโดย: Funnycoco ที่ 24-06-2019 11:29:57
แต่ละคนมีอะไรในใจทั้งนั้น :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#27 สัญญาณเตือนภัย(24/6/62)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 25-06-2019 00:08:39
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#27 สัญญาณเตือนภัย(24/6/62)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 25-06-2019 00:15:13
หรือจะเป็นพวกที่คิดเลว ๆ กับอินทั้งแก็งค์  :angry2:
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#27 สัญญาณเตือนภัย(24/6/62)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 25-06-2019 06:05:43
เมื่อไหร่ความจริงจะกระจ่าง   :hao3:
ทั้งใจจริงพี่เปอร์ที่ยังรักคนเก่า พี่เปอร์กล้าๆหน่อย  :angry2:
ความจริงที่มัดหมี่คบคนอื่นนอกจากพี่หมอก  :m20: :laugh:
และความจริงที่พี่หมอกรักใคร  :เฮ้อ:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#27 สัญญาณเตือนภัย(24/6/62)
เริ่มหัวข้อโดย: Gloomy Sunday ที่ 13-07-2019 14:11:52
เพ้อ บทที่ 28 สิ่งที่ไม่คาดคิด


เวลาผ่านมาได้สักชั่วโมงหนึ่งแล้ว ผมยังคงนั่งอยู่ท่ามกลางกลุ่มคนขี้เมา ผมคอยแต่หลบแขนของพี่เปอร์ที่ยิ่งดึกก็ยิ่งกอดผมแน่นขึ้นไม่ยอมให้ผมได้ลุกไปไหน

 ผมเหลือบมองพี่หมอก พี่เขาตอนนี้ก็นั่งดื่มเหล้ากับกลุ่มเพื่อนๆ เช่นกัน แต่ว่ามีอยู่บ่อยครั้งทีเดียวที่พี่เขาประสานสายตาเข้ากับผม พวกเราจ้องมองกัน แต่ก็เพียงเท่านั้นเอง ไม่มีอะไรมากมายไปกว่านี้

 "น้องอินดูไม่สนุกเลยนะ" เพื่อนพี่เปอร์คนหนึ่งในกลุ่มทักผม และยื่นแก้วเหล้าให้ ผมรีบส่ายหน้าปฏิเสธทันที และยกดื่มแก้วน้ำของตัวเอง

 "เป็นอะไร ง่วงแล้วเหรอ" พี่เปอร์ที่กอดไหล่ผมอยู่ก็เอียงคอถาม ผมอยากจะพยักหน้า แต่ก็คิดอีกทีว่าผมควรจะแยกตัวไปจริงๆ เหรอ ผมรู้สึกกลัวยังไงก็ไม่รู้

 "ผมอยากกลับบ้าน" ผมพูดเบาๆ เหมือนจะอ้อน แต่พี่เปอร์ก็หน้าตึงขึ้นทันที

 "ไม่เอาน่าอิน จะรีบไปไหน กลัวอะไร เพื่อนพี่ก็อยู่เยอะแยะ"

 "อย่าไปเชื่อมันน้องอิน ต่อหน้าเพื่อนมันก็เคยมาแล้ว" เพื่อนพี่เปอร์พูดพลางหัวเราะลั่น แต่พี่เปอร์หน้าเสียไปเรียบร้อย

 "อย่าไปฟังพวกมันเลยนะ" พี่เปอร์พูดและลูบหัวผมเบาๆ ผมสังเกตว่าพี่เปอร์ใบหน้าเริ่มเป็นสีแดง คงน่าจะเมาได้ที่แล้ว

 "อ้าวๆ ขยับหน่อย สาวๆ มากันแล้ว" เพื่อนพี่เปอร์อยู่ๆ ก็โพล่งขึ้น และเปิดประตูต้อนรับคนที่เข้ามาใหม่

 ผมขมวดคิ้วจ้องมองเหล่าผู้หญิงที่แต่งตัวด้วยเสื้อผ้าน้อยชิ้น พวกหล่อนดูหน้าตายิ้มแย้มและยืนมองไปรอบๆ ห้องเหมือนกำลังชั่งใจว่าจะนั่งกับใคร

 และก็ไม่ต้องเดา ผมเบือนหน้าหนีภาพที่ผมเกลียดที่จะเห็น ผู้หญิงคนหนึ่งนั่งลงที่ข้างๆ พี่หมอก ใบหน้าของเธอสวยหวาน และจ้องพี่หมอกด้วยความหลงใหล ซึ่งความจริงแล้วผู้หญิงคนอื่นๆ ก็ดูเหมือนจะเล็งพี่หมอกไว้เช่นกัน แต่ไม่มีใครกล้าพอจะรีบนั่งขนาดผู้หญิงคนนั้น

 "เฮ้อออ ไม่ว่าที่ไหนเมื่อไหร่ เพื่อนกูขายดีตลอด" เหล่าเพื่อนๆ ในห้องต่างส่งเสียงแซวโห่ฮา

 "นั่งข้างๆ ได้ไหมคะ" ผมมองผู้หญิงผมสั้นคนหนึ่งที่เดินเข้ามาหาพี่เปอร์และถามด้วยความสนใจ ซึ่งผมก็ไม่แปลกใจเพราะในห้องนี้คนที่หล่อเด่นมากๆ ก็มีแค่พี่หมอกกับพี่เปอร์เท่านั้น

 "ไม่เห็นหรือไงว่ากอดแฟนอยู่" พี่เปอร์เงยหน้าขึ้นและพูดเสียงดังฟังชัด ทำเอาผมหน้าแทบจะมุดใต้โต๊ะด้วยความอาย และผู้หญิงคนนั้นก็หน้าเสียไปเรียบร้อย

 ผมเหลือบมองพี่หมอก ที่ดูเหมือนจะมองมาที่ผมด้วยเช่นเดียวกัน ทำไมพี่ถึงมองมาล่ะ พี่ไม่ได้สนใจผมไม่ใช่หรือไง ขอให้สนุกนะ เรื่องแบบนี้พี่ชอบไม่ใช่เหรอ

 ผมคิดแบบนั้นด้วยแววตาหมองเศร้า และละสายตาออกจากคนที่ทำให้ผมปวดใจอยู่เสมอ

 ไม่นานนักเหล่าผู้หญิงถูกจับให้นั่งลงเรียบร้อย บรรยากาศของที่นี่ดูครึกครื้นมากขึ้น พวกผู้หญิงแต่ละคนไม่ได้รู้สึกรังเกียจที่จะถูกลูบคลำเลยสักนิด พวกเธอมาเพื่อต้องการรับสัมผัสเสื่อมทรามแบบนี้อยู่แล้ว ผมอยากออกไปจากที่นี่จริงๆ

 "อิน" ผมคลายมือที่กำแน่น และมองพี่เปอร์ที่กำลังยื่นแก้วน้ำหวานแก้วใหม่ให้ผม

 แต่ทันทีที่มือของผมเอื้อมออกไป แก้วทั้งแก้วก็ร่วงหล่นลงที่บนตักผม หกกระจายจนเปียกไปถึงข้างใน

 "อินพี่ขอโทษ" ผมลุกขึ้นทันทีด้วยความตกใจ และพี่เปอร์ก็รีบเอาทิชชู่ซับน้ำหวานบนชายเสื้อให้ผม "มือมันลื่นน่ะ ขอโทษจริงๆ นะ"

 "ไม่เป็นไรครับ แต่แบบนี้..."

 "เดี๋ยวเอาชุดพี่ไปเปลี่ยน" ผมมองพี่เปอร์ที่พูด และจับมือผม พาผมเดินไปที่ประตูทันที

 "ไหนๆ ก็จะไปเปื้อนต่ออยู่แล้ว เปลี่ยนทีเดียวตอนเช้าเลยก็ได้นะ" ผมขมวดคิ้วหันกลับมามองเพื่อนพี่เปอร์ที่เหมือนกำลังพูดแซว ทุกคนในห้องต่างหัวเราะโห่ฮาเหมือนเป็นเรื่องสนุกเหลือเกิน แต่คนที่มีสีหน้าไม่สนุกตามไปด้วย มีเพียงคนเดียว ก็คือ พี่หมอก...

 ผมเริ่มรู้สึกแปลกๆ ตลอดทางที่ผมเดินตามพี่เปอร์ไป พี่เขาพาผมมาที่ห้องเล็กๆ ไม่ไกลจากห้องที่ผมออกมามาก ที่นี่มีห้องที่เอาไว้รับรองแขก มีเตียงตู้ ห้องน้ำ ทีวี ทุกอย่างเหมือนจะมีครบ และเมื่อเหลือบสายตาไปมองที่โต๊ะข้างเตียงดีๆ แล้ว ผมก็คิดว่าผมอาจคิดผิดจริงๆ ที่มาที่นี่

 "อาบน้ำก่อนไหม" พี่เปอร์ถามผมและเปิดไฟทุกดวงในห้อง ผมเริ่มรู้สึกกลัว และเหลือบมองไปทั่วห้อง

 "พี่เปอร์" ผมร้องเรียกชื่อพี่เปอร์ ถ้าผมบอกพี่เขาดีๆ พี่เปอร์ก็น่าจะรับฟังและไม่หวังอะไร

 "ว่าไง เดี๋ยวอินเข้าไปอาบน้ำเลยก็ได้ พี่จะลงไปเอาเสื้อผ้าในรถมาให้ อาจจะใหญ่ไปหน่อย แต่ก็ดีกว่าใส่ชุดเปื้อนๆ เนอะ" ผมเริ่มรู้สึกเบาใจเล็กๆ เพราะถ้าดูจากคำพูดของพี่เปอร์ก็ดูปกติดี และพี่เขาก็ไม่ได้เข้ามาใกล้ผมเลยแม้แต่น้อย

"ครับ" ผมตอบรับคำนั้น และหยิบผ้าเช็ดตัวในตู้เสื้อผ้า เดินไปที่ห้องน้ำเล็กๆ ที่อยู่ใกล้ประตูระเบียง

 "แล้วเมื่อกี้อินจะพูดอะไรนะ" พี่เปอร์เกือบจะออกไป แต่ก็เกาะประตูห้องไว้ พลางถามผมด้วยความสงสัย

 "ไม่มีอะไรครับ" ผมพูดและเข้าไปในห้องน้ำ พี่เขาแบบนี้คงไม่ได้คิดอะไรไม่ดีหรอก ผมคิดมากไปเองนั่นแหละ

 ผมจัดการถอดเสื้อผ้าที่เปื้อนน้ำหวานออกจากตัว และอาบน้ำฝักบัวให้ร่างกายสะอาดเอี่ยม ผมใช้เวลาไม่นานนักและนุ่งผ้าเช็ดตัว ยืนรอพี่เปอร์ที่เงียบหายไปเลย เพราะว่าผมไม่ได้ยินเสียงอะไรด้านนอกเลยสักนิด ทำไมพี่เขาหายไปนานกันนะ

 ผมที่คิดแบบนั้นก็เลื่อนตัวไปเกาะประตูไว้ และพยายามมองลอดออกไปที่ช่องว่างเล็กๆ แต่ก็ไม่เป็นผล แบบนี้ผมควรจะเรียกพี่เขาสินะ

 "พี่เปอร์" ผมเรียกพี่เปอร์ที่อาจจะอยู่ด้านนอก แต่ก็ไม่มีเสียงตอบกลับมา

 "พี่เปอร์ ได้เสื้อผ้าหรือยังครับ" ผมเรียกพี่เปอร์อีกครั้ง และก็เหมือนเดิม ไม่มีเสียงตอบรับใดๆ ไม่มีความเคลื่อนไหว

 ผมยืนนิ่งๆ อยู่สักพัก และตัดสินใจที่จะเดินออกไป ผมเหลือบดูผ้าเช็ดตัวที่ผูกอยู่ที่เอวอย่างแน่นหนา จะกลัวอะไรกัน ผมก็ผู้ชายเหมือนกัน

 ผมที่ตัดสินใจแล้ว ก็ค่อยๆ เปิดประตูห้องน้ำออก และเดินไปที่เตียงสีขาวตรงหน้า ภายในห้องไม่มีใครอยู่ และประตูห้องนอนนี้ก็ยังคงปิดเอาไว้ สงสัยพี่เปอร์ยังไม่...

 หมับ!

 แต่ผมที่คิดอะไรแบบนั้นก็ต้องสะดุ้งตกใจ ตัวผมในตอนนี้ถูกกอดรัดเอาไว้แน่นจากคนด้านหลัง ผมมองแขนที่พันรอบตัวผม และรู้ได้ในทันทีว่าผมคิดผิดไป

 "พี่เปอร์ ทำอะไรของพี่!" ผมพูดและพยายามแกะแขนแกร่งที่แน่นเหมือนปลิงออก แต่คนด้านหลังก็ทำเพียงแค่กอดผมแน่นขึ้น และเลื่อนหน้ามาชิดที่ข้างแก้มของผม

 "อิน ทำไมอินถึงใจร้ายกับพี่นัก" ผมชะงักและเหลือบสายตามองพี่เปอร์ที่พูดกับผม กลิ่นเหล้าที่โชยมาจากตัวพี่เปอร์นั้น บอกได้ชัดเจนว่าพี่เขาเมาแค่ไหน

 "พ.พี่พูดอะไร ผมทำอะไร" ผมเริ่มรู้สึกกลัวมากขึ้น เพราะพี่เปอร์ไม่พูดเปล่า แต่เริ่มหอมและซุกไซร้ลำคอของผมเบาๆ

 "พี่รักอินมากรู้ไหม พี่พยายามตัดทุกอย่างที่เข้ามากวนใจ แต่อินก็ทำเหมือนไม่เห็นพี่ในสายตาเลย" พี่เปอร์พูดต่อและยังคงไม่ยอมปล่อยตัวผม

 "พี่ครับ พี่กำลังเมานะ พี่ปล่อยผมก่อนได้ไหม แล้วเราค่อยคุยกัน" ผมพูดพลางลูบแขนพี่เปอร์เบาๆ เหมือนกำลังปลอบ

 "อินรู้ไหม วันนี้พี่ก็ตกหลุมรักอินอีกแล้ว อินที่กำลังแสดงอยู่บนเวที ทำให้พี่ตื่นเต้นมากรู้ไหม" ผมเริ่มขมวดคิ้วน้อยๆ ไม่เข้าใจคำว่าตื่นเต้นของคนที่บอก

 "คือ พี่ครับ ให้ผมเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนได้ไหม ผม..." แต่ผมที่กำลังจะพูดต่อไปนั้นก็ต้องชะงักทันที พี่เปอร์ยังคงกอดรัดผมจากด้านหลัง และใช้มือข้างหนึ่งจับมือผม ดึงมือนั้นให้ไปสัมผัสกับอะไรบางอย่างที่คับตึงขึ้นภายใต้ผิวผ้า

 "พ.พี่ครับ" ผมหัวใจเต้นระทักและกระตุกมือออก พยายามดันตัวเองออกมาจากอ้อมแขนแกร่งนั่นอีกครั้ง

 "เห็นไหม อินก็ยังใจร้ายกับพี่ไม่เปลี่ยน" น้ำเสียงของคนด้านหลังนั้นเริ่มไม่นุ่มนวลอ่อนหวาน ผมยิ่งรู้ถึงชะตากรรมของตัวเองที่จะต้องเจอต่อไป

 "พี่เปอร์ มันไม่ใช่..อื้อออ" พี่เปอร์ไม่ปล่อยให้ผมได้พูดอีกแล้วแต่ใช้มือปิดปากผมและแทบจะอุ้มผมจับโยนลงที่เตียง

 และไม่ทันที่ผมจะได้ทันลุกหนีนั้น ร่างกายของคนที่ตัวใหญ่กว่าก็ทาบทับลงบนตัวผม จนผมแทบจะไม่สามารถกระดิกตัวได้

 "อินเป็นคนบังคับพี่" ผมรู้สึกเจ็บที่ด้านหลังคอ คนด้านหลังใช้มือที่เหมือนคีมเหล็กล็อกคอผมเอาไว้

 "พี่ครับ อย่า!" ผมร้องขอด้วยหัวใจที่ตื่นกลัว พี่เปอร์กำลังใช้มือข้างเดียวถอดเสื้อช็อปออก และเริ่มแกะเข็มขัดตัวเองต่อไป

 และก็เหมือนแรงที่คอจะผ่อนลง ผมดิ้นหลุดออกทันที และหันไปผลักพี่เปอร์จนถอยหลังกลับไป แต่ผมที่กำลังจะพุ่งตัวไปจับลูกบิดประตูนั้น พี่เปอร์ที่ตัวใหญ่ และไวกว่าก็พุ่งเข้ามากอดเอวผมอีกครั้ง และโยนให้ผมลงไปที่เตียงเหมือนเดิม

 "ยอมสักที อยากเจ็บตัวไปทำไม!" ผมยังคงดิ้นรนขัดขืนเมื่อพี่เปอร์เข้ามากำแขนผมไว้แน่นด้วยสีหน้าที่บอกว่าโกรธมาก พี่เปอร์เหมือนคุมสติไม่อยู่ และเริ่มขึ้นเสียง

 ผมปัดป้องตัวเองไว้ด้วยกำลังที่มี ป้องกันไว้ไม่ให้พี่เขาจูบผม แต่ก็ไม่สามารถป้องกันไม่ให้พี่เปอร์จูบไปตามลำคอ ลามเรื่อยมาจนถึงหน้าอกที่ไม่มีเสื้อผ้าปิดบัง

 "พี่ครับ หยุดเถอะ อย่า!" ผมเริ่มน้ำตาไหลริน ผมเคยมีความรู้สึกใกล้เคียงแบบนี้ แต่ก็เทียบไม่ได้เลยกับสิ่งที่กำลังเผชิญอยู่ พี่เปอร์ดูบ้าคลั่งและแทบจะอัดผมมากกว่าจะข่มขืนผม

 ยิ่งผมดิ้นรนขัดขืน ผมก็ยิ่งเจ็บ ผมเจ็บไปทั้งตัวจากแรงกดแรงบีบจนแทบขย้ำ ผมคงไม่รอดแล้ว ผมคงไม่มีหวังจะหลุดออกจากตรงนี้ไปได้ ทุกอย่างมันเริ่มจากตัวผมเอง และนี่แหละสิ่งที่ผมควรจะได้รับ

ตึงๆๆๆ!!

 เสียงเคาะดังๆ ที่ประตูทำให้ทุกอย่างนิ่งชะงัก ผมมองพี่เปอร์ที่หยุดมือลงและค่อยๆ หันหน้าไปหาบุคคลที่มาเยือน ผมถอนหายใจด้วยร่างกายที่สั่นเทา ค่อยๆ มองไปยังบุคคลที่เพิ่งเข้ามาในห้องเช่นกัน

 "โทษทีที่มาขัด" ใบหน้าของพี่เปอร์โกรธจัด และลงไปจากเตียงทันที ตรงดิ่งไปกระชากคอเสื้อคนที่ยืนอยู่ตรงนั้น

 ผมที่ยังคงเสียขวัญ ก็ค่อยๆ ยันตัวเองลุกขึ้น มองคนสองคนที่กำลังจ้องหน้ากัน พี่หมอกทำสีหน้านิ่งๆ และเริ่มพูดอะไรบางกับพี่เปอร์ด้วยเสียงที่แผ่วเบาจนผมไม่ได้ยิน และพี่เปอร์ที่โกรธอยู่แล้ว ก็ทำท่าราวกับจะคลั่งมากขึ้นไปอีก และอยู่ๆ พี่เปอร์ก็ปึงปังกระทืบเท้าออกไปจากห้องไปอย่างรวดเร็ว

 ผมนั่งตัวสั่น และกอดตัวเองที่ผ้าเช็ดตัวก็แทบจะไม่เหลือเอาไว้ แววตาสั่นระริกมองดูผู้ชายคนที่เดินเข้ามาใกล้

 "ก็บอกแล้วไง เชื่อหรือยัง" พี่หมอกพูดเบาๆ และยื่นเสื้อตัวคลุมตัวหนึ่งให้ผม

 ผมกัดฟันแน่นด้วยน้ำตาที่ยังคงไหลริน ปัดเสื้อที่ถูกยื่นให้ และจ้องมองคนแววตาของพี่หมอกด้วยความไม่พอใจ

 "พี่มันก็ไม่ได้ต่างอะไรกับเพื่อนหรอก เก็บน้ำใจของพี่ไว้เถอะ" ผมพูดด้วยน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม และค่อยๆ เดินไปที่ประตูห้องน้ำ เพื่อที่จะเปลี่ยนชุดเดิมกลับ

พี่จำไม่ได้หรือไง ว่าพี่ก็เคยทำแบบนี้กับผม กับพี่เปอร์นั้นผมก็เจ็บแค่ร่างกาย แต่สำหรับพี่ ผมเจ็บไปทั้งหัวใจ

 "งั้นเหรอ งั้นก็ช่วยไม่ได้" ผมได้ยินเสียงพี่หมอกพูดเบาๆ และในทันทีนั้น แขนของผมก็ถูกดึงเอาไว้ ผมตกใจทันทีที่หลังของผมถูกดันเข้าไปชิดผนัง และในเสี้ยววินาทีนั้น ริมฝีปากของผมก็ถูกทาบทับด้วยความอบอุ่นของคนตรงหน้า ผมลืมตาเบิกโพลงด้วยความรู้สึกตกใจ

 คนตรงหน้าบดเบียดริมฝีปากเข้ามาฉวยโอกาสตอนที่ผมเผยอปากดุนดันลิ้นเข้ามาเก็บเกี่ยวความหวาน ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ แต่ผมก็ยังคงตกตะลึงนิ่งค้าง

 ทุกอย่างมันไม่ใช่เรื่องจริง พี่หมอกไม่มีทาง มันไม่มีทาง...

 ผมรวบรวมสติผลักคนตรงหน้าออกด้วยแรงที่เหลืออยู่ พลางวิ่งเข้าไปในห้องน้ำ ปิดล็อกประตูอย่างแน่นหนา ผมรีบใส่เสื้อผ้าเปื้อนๆ ของผมอย่างรวดเร็ว

ผมมีเวลาให้ยืนอึ้งไม่มากนัก หัวใจที่เต้นอยู่ในอกคราวนี้ เต้นจนเหมือนกำลังจะระเบิด

แม้ว่าพวกเราจะเคยนอนด้วยกัน แต่ว่า...นี่เป็นครั้งแรก ที่พี่จูบผม...

ผมหยุดคิดเรื่องบ้าๆ นี้ชั่วคราว ไม่สนใจพี่หมอกที่ยังคงอยู่ในห้อง หนีออกมาและโบกแท็กซี่ก่อนที่พี่เปอร์จะกลับมา

 ช่วงเวลาที่อยู่บนรถแท็กซี่นั้น ผมนั่งนิ่ง ด้วยความรู้สึกบนริมฝีปากที่ยังคงไม่ได้จางหาย รสขมของแอลกอฮอล์ ลมหายใจร้อน และดวงตาของพี่หมอกยามพริ้มหลับ

 มันไม่จริงใช่ไหม สิ่งนี้เป็นสิ่งที่ทำให้ผมตกใจยิ่งกว่าเรื่องที่พี่เปอร์พยายามจะข่มขืนผม ทำไมพี่ถึง...

 Rrrr Rrrr

 ผมหลุดออกจากภวังค์และมองโทรศัพท์ของผมที่กำลังส่งเสียง ผมล้วงมือเข้าไปดึงมันออกมาและเมื่อเห็นว่าเป็นเบอร์ของใคร ผมก็แทบอยากจะปาโทรศัพท์ออกไป

 พี่เปอร์ยังคงกระหน่ำโทรหาผม แต่ผมก็ไม่รับสาย ผมปิดเครื่อง และนั่งพิงประตูด้วยความอ่อนล้า เวลานี้ ผมไม่อยากคุยกับพี่ และผมก็ไม่อยากคิดถึงพี่หมอกอีกแล้ว ผมเหนื่อยเหลือเกิน

 ใช้เวลานานพอสมควร ในที่สุดผมก็ลงจากรถแท็กซี่ และค่อยๆ เดินเข้าไปยังตัวบ้าน ลัดเลาะเหล่าต้นไม้ เพื่อหลบเลี่ยงที่จะพบใครเข้า

 ผมค่อยๆ เดินเข้าไป ผ่านตัวบ้านหลังใหญ่และเดินผ่านสวนเพื่อไปยังบ้านหลังเล็กของผมกับแม่ ผมโล่งใจทันทีที่เห็นไฟในบ้านมืดแล้ว แบบนี้ผมจะได้แอบเข้าไป...

 "อิน" ผมสะดุ้งน้อยๆ ผมคิดผิดสินะที่จะไม่มีใครเห็นผม

 "อ.อื้อ ว่าไง" ผมกอดอกปิดบังเสื้อผ้าที่เปื้อนของผม และหันไปตอบรับหมี่

 "ทำอะไร ทำไมเพิ่งกลับ" หมี่กอดอกหรี่ตาถามผมอย่างสงสัย เธออยู่ในชุดนอนตัวยาว แต่แปลกมากที่ออกมาเดินมืดๆ แบบนี้

 "วันนี้มีกินเลี้ยงหลังแสดงน่ะ แล้วหมี่ทำไมยังไม่นอน" ผมพูดถามด้วยท่าทีสบายๆ เหมือนปกติ

 "เหรอ แล้วเห็นพี่หมอกมั่งไหม" ผมจ้องมองสีหน้าของเธอ ไม่รู้ว่าผมคิดไปเองหรือเปล่านะ แต่ตอนที่เธอถามคำถามนี้ สีหน้าของเธอดูแปลกไปเล็กน้อย

 "อิน นั่นอินเหรอลูก" ผมโล่งใจทันทีที่ได้ยินเสียงแม่อยู่ไกลๆ นี่เป็นโอกาสให้ผมละออกจากตรงนี้

 "แม่เรียกแล้ว เดี๋ยวอินไปก่อนนะ" ผมพูดและรีบเดินไปตามเสียงของแม่

 ทำไมคืนนี้ มันถึงได้วุ่นวายแบบนี้นะ
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#28 สิ่งที่ไม่คาดคิด(13/7/62)
เริ่มหัวข้อโดย: Funnycoco ที่ 13-07-2019 15:20:46
 :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#28 สิ่งที่ไม่คาดคิด(13/7/62)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 13-07-2019 16:51:15
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#28 สิ่งที่ไม่คาดคิด(13/7/62)
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 13-07-2019 19:10:08
อิพี่เปอร์ลายออกแล้วจ้า
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#28 สิ่งที่ไม่คาดคิด(13/7/62)
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 13-07-2019 19:12:27
 :pig4:
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#28 สิ่งที่ไม่คาดคิด(13/7/62)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 14-07-2019 00:07:00
ว่าแล้ว ชั่วทั้งกลุ่ม  :katai1:
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#28 สิ่งที่ไม่คาดคิด(13/7/62)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 14-07-2019 01:06:03
 :mew2: :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#28 สิ่งที่ไม่คาดคิด(13/7/62)
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 14-07-2019 16:32:54
คนที่คิดว่าจะดีมันก็ไม่ได้ดีอย่างที่คิด อินตัดขาดจากคนพวกนี้เถอะลูก :katai1:
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#28 สิ่งที่ไม่คาดคิด(13/7/62)
เริ่มหัวข้อโดย: ป่ามป๊ามป่ามปาม ที่ 14-07-2019 21:33:10
หมอกก็ยังคงปากร้ายเสมอต้นเสมอปลาย
คือหมอกน่าจะรู้ใจตัวเองแล้วแหละ แต่ทำไมปากยังเป็นแบบนี้อะ คุณหน้ากากหมาป่านี่อิหมอกแน่นอน ที่ไม่ยอมเปิดหน้ากากกลัวอินไม่มาเจออีกละมั้ง ตอนหน้าอยากให้ความลับของเปอร์โดนเฉลยสักที อินจะได้ตัดขาดไปได้
*เขิน ไม่ใช่ เขิล นะคะ
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#28 สิ่งที่ไม่คาดคิด(13/7/62)
เริ่มหัวข้อโดย: Gloomy Sunday ที่ 27-07-2019 13:23:03
เพ้อ บทที่ 29 แววตาที่เริ่มสื่อหัวใจ


ตลอดเวลาในยามค่ำคืน ผมไม่สามารถที่จะหลับตาลงได้เลยแม้แต่น้อย สมองของผมยังคอยแต่จะคิดถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านพ้นมา ผมเฝ้าแต่ถามตัวเอง ว่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นมันใช่เรื่องที่เกิดขึ้นจริงหรือเปล่า

 ผมค่อยๆ แตะมือลงที่ริมฝีปากของผม หลับตาลง นึกถึงสัมผัสของคนที่ผมเคยคิดถึงสุดหัวใจ พี่หมอก เกิดอะไรขึ้นกับพี่กันแน่ ทำไมพี่ถึงทำแบบนี้กับผม ผมไม่เข้าใจเลย



 ในรุ่งเช้าที่แสงแดดอ่อนๆ ส่องเข้ามาที่หน้าต่าง ผมสะลึมสะลือลืมตาตื่นขึ้น ไม่รู้ตัวว่าตัวเองหลับไปตั้งแต่ตอนไหน คงเป็นเพราะความเพลีย และสิ่งที่คิดมากเกินไป

 แต่ผมที่นอนอยู่นั้นก็รู้สึกว่าบนเตียงข้างๆ ตัวผมมีการเคลื่อนไหว ผมเหลือบมองนาฬิกาที่บอกว่าตอนนี้แปดโมงเช้าแล้ว แม่ควรจะตื่นตั้งแต่ตีห้าแล้ว...

 และผมที่คิดแบบนั้นก็ลุกพรวดขึ้นทันที ซึ่งก็เป็นไปตามที่คาด ผมรีบลงจากเตียงอย่างรวดเร็ว นั่งลงพิงผนังด้วยความกลัวจะถูกทำร้ายแบบเมื่อคืน

 "อิน อินพี่ขอโทษ" ผมนั่งกอดเข่าไม่พูดไม่จาไม่ยอมให้พี่เปอร์กอดผม

 "พี่เมามาก พี่ควบคุมตัวเองไม่ได้ ขอโทษอิน ยกโทษให้พี่นะ" พี่เปอร์นั่งลงตรงหน้า แน่นอนว่าผมโกรธพี่เปอร์มาก พี่เขาทำเหมือนผมเจ็บไม่เป็น

 "อิน มองหน้าพี่ จะด่าพี่จะตีพี่ยังไงก็ได้ แต่อินอย่าเกลียดพี่นะ พี่ขอโทษจริงๆ พี่สัญญาว่าจะไม่ทำแบบนั้นอีก ถ้าอินไม่อยากทำพี่จะไม่ทำ พี่จะไม่แตะต้องอะไรทั้งนั้น" พี่เปอร์ยังคงนั่งลงข้างๆ ผม และพูดขอร้องอ้อนวอน

 ผมไม่รู้ว่าผมควรทำยังไงดี ผมจะบอกเลิกพี่เปอร์เลยดีไหม เพราะว่าที่เราคบกันนั้น มันคือความผิดพลาด ไม่ใช่เพียงแค่ผม แต่พี่เปอร์ก็ต้องเจ็บปวดเพราะผมด้วยเช่นกัน

 "ผม..." ถึงจะคิดแบบนั้น แต่ผมก็พูดมันไม่ออก ผมค่อยๆ ละสายตาจากพื้น มองดูพี่เปอร์ที่แทบจะร้องไห้ ผมไม่เคยเห็นพี่เขาทำหน้าแบบนี้มาก่อน

 "ขอผม...อยู่คนเดียวได้ไหม"

 "ได้ๆ แต่อินไม่เกลียดพี่ใช่ไหม พี่ขอแค่นี้ อย่าเกลียดพี่เลยนะ" คำพูดและการกระทำของพี่เปอร์ในตอนนี้เริ่มทำให้ผมสับสน พี่เปอร์ยิ้มและเอามือผมไปจับไว้แน่น ทำเหมือนว่าพี่เขาเสียใจจริงๆ ในสิ่งที่ทำลงไป

 "พี่เอานี่มาให้ อินลืมเอาไว้ในรถ" พี่เปอร์พูดต่อพลางหยิบบรรดาของขวัญของผมยื่นให้

 ผมที่เห็นตุ๊กตาของผมก็รีบหยิบเอามากอดทันที และลุกขึ้นเดินเลี่ยงพี่เปอร์ไปที่ประตู มองดูรอบๆ เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีใครอยู่ ตอนนี้แม่ของผมน่าจะทำงานอยู่ในครัว แต่ก็ยังอันตรายมากอยู่ดี

 "พี่ออกไปก่อนได้ไหม ผมไม่อยากให้แม่เห็น" ผมพูดและมองพี่เปอร์ที่เดินออกไปทันทีตามที่ขอ

 "ได้ อินให้พี่ทำอะไรพี่ก็จะทำ" พี่เปอร์ยังคงยืนอยู่หน้าบ้านผม ดึงมือผมไปจับไว้อีกครั้ง "แค่อินไม่เกลียดพี่ ไม่เลิกกับพี่ก็พอ"

 พี่เปอร์ยิ้มออกมาอย่างเศร้าๆ ผมได้แต่หลบสายตาและรอยยิ้มนั้น ถ้าพี่รักผมจริงๆ ละก็ ทำไมพี่ถึงทำเรื่องเลวร้ายแบบนั้นกันนะ


 หลังจากที่พี่เปอร์กลับไปแล้ว ผมที่วันนี้ไม่มีเรียนก็ไปช่วยแม่ทำงานบ้านที่เรือนใหญ่ ปัดกวาดเช็ดถู ล้างจาน ซักผ้า รดน้ำต้นไม้

 แต่ตลอดเวลาที่ทำงานนั้น ใจผมก็คิดถึงแต่เรื่องของพี่เปอร์ ผมรู้สึกเครียดมาก มันเป็นเพราะผมเองทั้งนั้นที่ทำให้เรื่องมาถึงจุดนี้ แต่ว่าผมจะทำยังไงดี ตลอดเวลาที่ผ่านมาพี่เขาก็ดีกับผมมาก ผมจะพูดตัดเขาได้ยังไง โดยไม่ทำให้เขาเสียใจ

 Rrrr Rrrr

 ผมสะดุ้งตัวน้อยๆ เมื่อเสียงโทรศัพท์มือถือของผมดังขึ้น ผมเอื้อมมือไปหยิบมันขึ้นมา เพื่อจะมองดูให้ชัดๆ ว่าเป็นเบอร์ของใคร

 แต่ว่าก็น่าแปลก เพราะว่าเบอร์ที่โชว์อยู่บนหน้าจอนั้น เป็นเบอร์ที่ผมไม่คุ้นเลยสักนิด หรือว่าใครโทรผิดมาหรือเปล่านะ

 "ฮัลโหลครับ" ผมทำหัวให้โล่งและกดรับสาย รอฟังว่าใครเป็นคนโทรมา

 "ฮัลโหล นี่เบอร์อินใช่ไหม" ผมขมวดคิ้วทันทีที่ได้ยิน เพราะว่าเสียงนี้เป็นเสียงผู้หญิงที่ผมไม่คุ้นเอาซะเลย

 "ครับ ใช่ครับ"

 "พี่ชื่อบี เป็นผู้จัดการส่วนตัวของหมอก เราก็เคยเจอกันแล้วใช่ไหม..." ผมที่ได้ยินแบบนั้นก็รู้สึกแปลกใจมาก ผู้จัดการพี่หมอกงั้นเหรอ แล้วทำไมพี่เขาถึงมีเบอร์ผมได้

 "ครับ มีอะไรเหรอครับ" ผมเริ่มใจเต้นแปลกๆ จะมีเรื่องอะไรที่ทำให้ผู้จัดการดาราโทรหาผมได้

 "เมื่อคืนพี่ไปดูเราแสดงมา พี่สนใจอยากให้เรามาช่วยงานที่กองถ่ายได้ไหม มีค่าขนมให้นะ" ผมที่ได้ยินแบบนั้นก็อึ้งชะงัก ผมเอาโทรศัพท์ออกจากหู และใบหน้าของผมก็เริ่มที่จะยิ้ม หลังจากเรื่องร้ายๆ ก็มีเรื่องที่ดีเหมือนกันสินะ

 แต่ว่า...เพราะอะไรกัน พี่เขาถึงมาดูผมแสดง...

 "อินได้ยินที่พี่พูดหรือเปล่า..."

 "ครับๆ ได้ยินครับ" ผมยกโทรศัพท์แนบหูอีกครั้ง ยังคงตื่นเต้นอยู่ในใจ

 "พอดีพี่ขาดคน เห็นว่าเราแสดงใช้ได้เลยอยากให้มาลองดู ทำได้ใช่ไหม"

 "ได้ครับได้" ผมที่ยังไม่ได้ถามเลยสักนิดว่าเป็นบทแบบไหนก็รับปากซะแล้ว

 "พรุ่งนี้เลยนะ ได้แน่เหรอ" ผมเริ่มชะงักอีกครั้งและยิ่งตื่นเต้นเข้าไปใหญ่ อะไรจะไวขนาดนี้ผมยังไม่ทันเตรียมอะไรเลย

 "ครับๆ ได้ครับ" ผมรับปาก และเริ่มฟังรายละเอียดสถานที่จากพี่บี ผมไม่มีทางพลาดโอกาสที่จะก้าวไปข้างหน้าแน่นอน


 และเมื่อวันรุ่งขึ้นมาถึง ผมรีบอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า จัดแจงทรงผม ดูเช็คทุกอย่างให้ตัวเองดูดีที่สุดและออกไปจากบ้าน เรียกรถแท็กซี่ไปที่มหาวิทยาลัยหนึ่งที่เป็นโลเคชั่นถ่ายละคร

 และไม่นานนักผมก็มาถึง ผมรีบเดินเข้าไปที่กองถ่าย และมองหาคนที่โทรหาผมเมื่อกลางวัน และในที่สุดผมก็เจอพี่บีที่นั่งอยู่ที่โต๊ะ กำลังคุยอะไรสักอย่างกับคนที่ดูเหมือนช่างแต่งหน้า

 "สวัสดีครับ" ผมเดินเข้าไปและเอ่ยทักพี่บีทันที ซึ่งพี่เขาก็หันมามองผมและลุกขึ้นเหมือนกับรออยู่

 "มาแล้ว เอาเลย ไปเปลี่ยนเสื้อผ้า" ผมที่ได้ยินแบบนั้นก็ตกใจทันที อะไรยังไง ผมยังไม่รู้รายละเอียดเรื่องเข้าฉากเลย

 "เดี๋ยวก่อนครับพี่ คือ ผมต้องทำอะไรบ้างครับ" ผมพูดถามด้วยความตื่นตระหนก กลัวจะทำงานเขาเสียน่ะสิ

 "อ้าว หมอกไม่ได้บอกน้องหรอกเหรอ" ผมที่ได้ยินแบบนั้นก็ชะงักแข็งทื่อ พี่หมอกงั้นเหรอ ผมคิดว่าวันนี้เป็นวันถ่ายเก็บงานธรรมดาๆ ทำไมพี่หมอกถึง...

 ผมที่ยังไม่ทันคิดจบคนที่ถูกเอ่ยชื่อก็เดินเข้ามาพอดี พี่หมอกในวันนี้แต่งกายด้วยชุดสูทสีเข้มดูเป็นผู้ใหญ่ในวัยทำงาน แต่งหน้าทำผมเรียบร้อย เพื่อเตรียมตัวที่จะถ่าย

 ผมไม่รู้เลย ไม่รู้จริงๆ ว่าผมควรจะทำหน้ายังไง ผมเลือกที่จะหลบสายตาของคนข้างๆ เพราะเมื่อวันนั้นพวกเรา...

 "ลืม" พี่หมอกพูดแบบไม่ใส่ใจและนั่งลงที่เก้าอี้ใกล้ๆ "มาก็ช้า แล้วทรงผมนั่นอะไร" พี่หมอกหันมาจ้องมองผมด้วยสีหน้าแบบที่พี่เขาชอบทำ พลางวิจารณ์การแต่งตัวของผม

 "ไม่เป็นไร เดี๋ยวให้พี่เขาทำผมให้ แล้วก็ไม่ต้องกลัวอะไรหรอกอิน บทมีอยู่ไม่กี่บรรทัด เป็นแค่พนักงานในร้านกาแฟน่ะ พอดีคนที่เขาต้องเล่นเขาเกิดอุบัติเหตุ เราก็เล่นแทนหน่อยนะ" ผมนั้นก็รู้ดีแต่แรกว่าผมคงไม่ได้บทเด่นบทดีอะไร ถือว่าเป็นประสบการณ์ ถือว่าเป็นขั้นแรกที่ทำให้ผมได้มาเห็นและสัมผัสกับการถ่ายละครจริงๆ

 แต่สิ่งที่ผมผิดคาดที่สุดก็คือ พี่หมอกที่กำลังนั่งอยู่ อย่าบอกว่าในฉากที่ผมต้องเล่น มีพี่หมอกอยู่ด้วย

 ผมถูกพี่บีพาตัวไป และนั่งลงแต่งหน้าทำผมใหม่เล็กน้อย บทผมนั้นไม่เด่นเลยสักนิดก็ไม่ต้องยุ่งยากอะไรมาก ต้องเรียกว่าตัวประกอบนั่นแหละ ซึ่งพอผมเห็นบทแล้ว ผมก็กวาดตาดูแค่ไม่ถึงสองนาที และก็ส่งคืนกลับให้พวกพี่เขา ซึ่งแต่ก็คนก็งงงวยและดูทำสีหน้าเหมือนคิดว่าผมนั้นล้อเล่น

 "ทำให้เต็มที่ ทำให้ดีอย่างที่มีคนคุยโม้เอาไว้นะ" ผมขมวดคิ้วน้อยๆ ทันทีได้ยินพี่บีพูด พี่เขาหมายถึงใครกันนะ ใครที่โม้ และโม้เรื่องอะไร...

 "พี่บี มาทางนี้หน่อย" แต่ผมที่กำลังจะถาม พี่หมอกก็มาเรียกพี่บีไป

 "ใส่คอนแทคเลนส์เหรอจ๊ะ" ช่างแต่งหน้าถามผม

 "ครับ"

 "โอเค เรียบร้อย" ผมในตอนนี้ดูเหมือนจะพร้อมแล้ว ผมส่องกระจกดูตัวเองแล้วเอาจริงๆ ก็ไม่ได้ต่างเท่าไหร่

 ผมอยู่ในชุดนักศึกษาและใส่ผ้ากันเปื้อนสีดำไว้ก็เท่านั้นเอง

 และเมื่อใกล้จะถึงเวลาที่พวกเราจะต้องถ่าย ผมไปยืนพร้อมประจำที่อยู่ที่หลังเคาน์เตอร์ในร้านกาแฟ หลับตาลงช้าๆ ซึมซับบรรยากาศรอบๆ ตัวเอาไว้

 กลิ่นหอมของเมล็ดกาแฟที่อบอวลไปทั้งร้าน กลิ่นหอมของขนมปังที่อบใหม่ๆ...

 "ได้เวลาแล้วนะ เตรียมพร้อมนะครับ!" ผมลืมตาขึ้นช้าๆ ได้ยินเสียงของผู้กำกับที่กำลังสั่ง

 "3 2 1 แอคชั่น!"

 สีหน้าของผมในตอนนี้มีแต่รอยยิ้มที่อ่อนโยน กำลังเอื้อมมือจัดเรียงเบเกอรี่หอมๆ ในตู้ ตายล่ะ ผมเพิ่งสังเกตเห็น ว่าทุกอย่างทำไมมันช่างดูน่ากินขนาดนี้ อย่าเผลอทำน้ำลายหกไปนะอิน ถึงมันจะเป็นแค่ของประกอบฉากเท่านั้น

 และเมื่อได้ยินเสียงกระดิ่งดังขึ้น บ่งบอกว่ามีลูกค้าเข้ามาในร้าน ผมเงยหน้าขึ้นจากตู้ ส่งยิ้มทักทายลูกค้าที่มาเยือนพร้อมส่งเสียงต้อนรับออกไป

"ยินดีต้อนรับครับ วันนี้จะรับเป็นอะไรดีครับ" ผมยิ้มหวานปานน้ำผึ้งให้คนที่เดินมายืนหน้าเคาน์เตอร์ พี่หมอกในบทนั้นเข้ามาในร้านนี้เพื่อนัดเจอกับนายเอกที่กำลังจะตามมา ซึ่งผมก็รับหน้าที่ชงและแซวสุดฤทธิ์เพื่อให้ทั้งคู่มีโมเม้นดีๆ ร่วมกัน

 ความเป็นจริงนี่มันยากชะมัด ผมเหมือนกับถูกหักอกซ้ำแล้วซ้ำเล่าจากโลกความเป็นจริง แถมในละคร ผมยังต้องมาทำอะไรแบบนี้อีก มันคงเป็นเวรกรรมของผมจริงๆ แต่ผมก็ดีใจนะ ที่ได้ยืนอยู่ตรงนี้ ได้มองเห็นพี่ ในมุมที่ใกล้ขนาดนี้

 "มี อะไรแนะนำไหม" ผมยิ้มให้พี่หมอกที่ทำหน้าขรึมๆ แต่น้ำเสียงกลับประหม่าในเวลาเดียวกัน

 "สั่งให้ใครละครับ ถ้าผมเดาไม่ผิดละก็ แฟนใช่ไหม" ผมยื่นหน้าเข้าไปใกล้และทำเสียงพูดเบาๆ แบบรู้ทันด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มร่าเริง

 "อ.อืม" พี่หมอกดูอึกอักและส่งเสียงตอบกลับมาเบาๆ

 "งั้นก็ต้องนี่เลย..." ผมพูดและเปิดตู้หยิบขนมเค้กน่ารักๆ ชิ้นหนึ่งขึ้นมา

 "สตอเบอรี่ชีสเค้ก ไม่หวานมากเกินไป รสชาติกลมกล่อมกำลังดี เนื้อครีมรสหวานอ่อนๆ ตัดกับความเปรี้ยวของสตอเบอรี่..." ผมพูดไปเรื่อยๆ ด้วยรอยยิ้ม โดยไม่ได้สังเกตเลยว่าทีมงานนั้นกำลังกลืนน้ำลายลงคอตามคำบรรยาย

 "เขาคงไม่ชอบหรอก" ผมหยุดบรรยายทันทีที่พี่หมอกพูดขึ้นเบาๆ

 "ถ้างั้นทำไมไม่ลองเลือกรสที่คุณชอบดูละครับ ความรักบางทีก็ไม่ใช่ว่าต้องเอาแต่ใจเขา เราควรให้เขาใส่ใจเราเหมือนกันนะ" ผมพูดและส่งยิ้มให้ต่อไป จ้องมองคนตรงหน้าที่กำลังจ้องมองผมเช่นกัน ไม่สิ เดี๋ยวนะ...นี่มันผิดพลาดอะไรหรือเปล่า

 ผมมองพี่หมอกที่อมยิ้มน้อยๆ สายตาของพี่หมอกจ้องมองมาที่ผม...

 "คัทๆๆ น้องหมอกครับ พนักงานไม่ใช่นายเอกครับ ไม่ต้องยิ้มหวานให้" หลังจากถูกสั่งคัด และยิ่งได้ยินผู้กำกับพูดแบบนั้นแล้ว ผมหุบยิ้มและทำหน้าไม่ถูกทันที ผมอึกอักและหลบสายตาของพี่หมอก หัวใจของผมเต้นรัวอย่างควบคุมไม่ได้

 "ขอโทษครับ ขออีกครั้ง" พี่หมอกขอโทษอย่างสุภาพ และพวกเราก็เริ่มถ่ายทำต่อไป และทุกอย่าง ก็ผ่านไปได้ด้วยดี...
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#29 แววตาที่เริ่มสื่อหัวใจ(27/7/62)
เริ่มหัวข้อโดย: Pawana ที่ 27-07-2019 17:43:08
พี่หมอกอมยิ้มอย่างเดียวไม่พอค่ะ
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#29 แววตาที่เริ่มสื่อหัวใจ(27/7/62)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 28-07-2019 00:08:53
เข้าถึงบทซะจนพี่หมอกไปไม่เป็นเลย  :laugh:
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#29 แววตาที่เริ่มสื่อหัวใจ(27/7/62)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 28-07-2019 00:21:44
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#29 แววตาที่เริ่มสื่อหัวใจ(27/7/62)
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 28-07-2019 00:48:48
ใจอ่อนแล้วละสิ อิอิ
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#29 แววตาที่เริ่มสื่อหัวใจ(27/7/62)
เริ่มหัวข้อโดย: ป่ามป๊ามป่ามปาม ที่ 28-07-2019 12:06:42
ตอนนี้เริ่มจะหวานแล้วนะ อิหมอกปรับปรุงตัวเองด่วนๆ
อินว่าที่ซุปตาร์คนใหม่ของวงการแน่ๆ
ช่วยแก้คำค่ะ อ่านแล้วสะดุด ชีสเค้ก ตัดกับ คัท
รอตอนต่อไปจ้าๆๆ  :pig4:
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#29 แววตาที่เริ่มสื่อหัวใจ(27/7/62)
เริ่มหัวข้อโดย: ป่ามป๊ามป่ามปาม ที่ 09-08-2019 20:57:12
รออยู่นะคะ
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#29 แววตาที่เริ่มสื่อหัวใจ(27/7/62)
เริ่มหัวข้อโดย: Gloomy Sunday ที่ 27-08-2019 17:02:53
เพ้อ บทที่ 30 สิ่งที่ฝังลึกในจิตใจ


"ดื่มน้ำไหมจ๊ะ" ผมที่ออกจากฉากแล้วก็มานั่งพักอยู่ที่เก้าอี้ที่ถูกเตรียมไว้ ผมส่งยิ้ม และรับน้ำมาจากพี่ๆ ในกองถ่าย เหลือบมองดูพี่หมอกที่กำลังคุยกับผู้กำกับ

 "น้องอินแสดงดีมากเลยนะ เห็นว่าแสดงละครเวทีด้วยใช่ไหม" ผมยิ้มขึ้นทันทีที่ถูกพี่ๆ คนอื่นชม

 "ใช่ครับ ขอบคุณนะครับ" ผมพูดพลางยกมือไหว้ทุกคนอย่างนอบน้อม และมองพี่บีที่เดินตรงเข้ามา และส่งยิ้มให้ผมด้วยเช่นกัน

 "ขอบใจมากเลยนะอิน แสดงได้เยี่ยมมาก ไอ้เจ้าพระเอกพี่ต่างหากที่ทำเสียไปหลายเทค"

 "ผมต้องขอบคุณพี่มากกว่าครับ ที่ให้โอกาสมาเที่ยวเล่นกองถ่าย ถ้ามีงานอะไรแบบนี้อีกก็เรียกผมได้นะครับ"

 "ได้เลย ไม่ต้องเหนื่อยหาแล้วแบบนี้" พี่บียังคงชมผมไม่หยุดปาก ทำเอาผมรู้สึกภูมิใจเล็กๆ แต่ว่าตอนนี้ก็เริ่มเย็นแล้ว ถ้าไม่มีอะไรผมก็ควรจะกลับสักที

 "งั้นถ้าไม่มีอะไรแล้ว ผมขอตัวกลับนะครับ"

 "ได้จ้ะ เดี๋ยวค่าขนมพี่โอนให้ ถ้ามีอะไรพี่จะโทรหานะ"

 "ครับ" ผมตอบรับและยิ้มให้พี่บี พลางทำท่าจะเดินออกไป แต่เมื่อก้าวขาออกไปได้เพียงก้าวเดียว ผมก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่า ผมมีอีกเรื่องที่ติดค้างอยู่ในใจ

 "เอ่อ พี่บีครับ" ผมหันไปมองพี่บีที่ยิ้ม และเลิกคิ้วขึ้นรอคำถาม

 "เมื่อคืน ทำไมพี่ถึงรู้ว่าผมมีแสดง ทำไมพี่ถึงไป..."

 "รถจอดอยู่ตรงนั้น ไปเอามาสิ แล้วเดี๋ยวกลับด้วยกัน" ผมที่ยังไม่ทันได้พูดจบ อยู่ดีๆ คนคนหนึ่งก็เข้ามาขัดด้วยการยัดกุญแจรถใส่มือผม ชี้ให้ผมมองไปที่รถคันหรูที่จอดอยู่ไกลๆ

 "อ้าวหมอก ไหนบอกจะไปกินข้าวกับพี่" พี่บีพูดขึ้นอย่างงอนๆ

 "โทษทีนะครับ วันนี้ไม่สะดวกแล้ว" พี่หมอกหันไปคุยกับพี่บี และกึ่งเดินกึ่งลากผมให้ห่างออกมา

 "ปล่อยผมสักที" เมื่อห่างมาสักระยะหนึ่งแล้ว ผมยื้อตัวเองไว้และดิ้นออกจากวงแขนแกร่งนั้น ไม่สนใจคิ้วสีเข้มที่ค่อยๆ ชิดเข้าหากันของคนตรงหน้า

 "นี่กุญแจรถพี่ ผมขอตัว" ผมพูดสั้นๆ แต่มีความหมายชัดเจน เมื่อยัดกุญแจรถกลับใส่มือพี่หมอกแล้ว ผมก็เดินไปอีกทาง ก้าวขายาวๆ เพื่อจะได้ออกไปพ้นๆ สักที

 "ทำไมวันนี้ถึงมา ทั้งๆ ที่รู้ว่าจะเจอ"

 เสียงที่ดังขึ้นตามหลังนั้นทำให้เท้าของผมหยุดชะงัก หัวใจในอกเต้นรัวด้วยความรู้สึกเดิมๆ ผมควรจะพูดว่ายังไงกันนะ แล้วทำไมพี่ถึงถามผมด้วยน้ำเสียงแบบนั้น

 "ผม..."

 "คิดถึงใช่ไหม" ผมรีบหันกลับไปมองคนที่พูดทันที คนคนนี้ยังไม่เลิกหลงตัวเองอีกสินะ แต่ก็ใช่ว่าจะไม่จริง เพราะผมว่าคิดถึงพี่ คิดถึงจูบบ้าๆ นั่น

 "พี่จูบผมทำไม" ผมตัดสินใจถามออกไป ผมอยากรู้ ถึงแม้ว่าคำตอบที่ได้ อาจจะทำให้ผมต้องเสียใจอีกก็ตาม

 "ทำไม หรือว่าอยากโดนอีก" แต่คำตอบที่ได้ กลับทำให้ผมต้องถอนหายใจด้วยความเหนื่อยหน่าย พี่หมอกก็ยังคงเหมือนเดิม กวนประสาท เล่นลิ้น พูดจาอวดดีอีกแล้ว ผมว่าผมไปดีกว่า อย่าเสียเวลาเลยอิน

 ว่าแล้วผมก็กระชับเป้ที่บ่าและเดินหนีทันที แต่ผมที่ทำแบบนั้นก็ถูกดึงที่แขนเอาไว้

 "ตุ๊กตานั่น..." เสียงของพี่หมอกดูอึกอักไม่ชัดเจน

 แต่สิ่งที่ผมได้ยินนั้น กลับทำให้ผมพูดไม่ออก ผมมองคนตรงหน้าอย่างไม่อยากจะเชื่อ

 อย่าบอกนะว่า ตุ๊กตาหมาตัวนั้น...

 "ชอบหรือเปล่า"

 คำพูดของคนตรงหน้า ทำให้ผมได้แต่สงสัย ว่าพี่คือพี่หมอก ที่ผมรู้จักจริงๆ ใช่ไหม...


 ตลอดเวลาที่ผมนั่งอยู่บนรถของพี่หมอก บรรยากาศในตอนนี้ช่างแตกต่างกับเมื่อก่อนมากนัก ผมหลวมตัวขึ้นมาแล้ว ผมจึงได้แต่นั่งนิ่งพิงเบาะ หันออกไปด้านนอก พยายามซ่อนความรู้สึกต่างๆ เอาไว้ ทั้งๆ ที่ทั้งหัวใจปั่นป่วนเหลือเกิน

 "อยากกินอะไร" ราวกับหูฝาดอีกครั้ง ผมค่อยๆ หันไปมองพี่หมอกที่ยังคงขับรถ ผมว่าพี่หมอกอาจจะป่วยหนักและยังไม่หายดี

 "พี่ ออกมาจากโรงพยาบาลตอนไหนเหรอ" ผมถามพี่หมอกที่ดูหน้าตึงขึ้นเล็กๆ

 "สนใจด้วยเหรอ หายหัวไม่มาให้เห็นหน้า"

 "แล้วทำไมผมต้องไป" ผมพูดราวกับยั่วโมโห แต่พี่หมอกก็ทำเพียงแค่ถอนหายใจ

 "เป็นคนทำแท้ๆ มีหน้ามาถาม"

 "ผมทำอะไร พี่นั่นแหละ..." ผมโพล่งออกไปด้วยความไม่พอใจ แต่พอนึกถึงสาเหตุที่ทำให้พี่หมอกทรุดหนัก ผมก็ต้องรีบเงียบทันที

 "ทำไมไม่พูดต่อล่ะ" ผมมองพี่หมอกที่เริ่มยิ้มร้าย และเหลือบตามองผมแบบกวนๆ ตัวเองออกแรงเองแล้วทรุดหนักเองแท้ๆ

 "แล้วตกลงว่าไง อยากกินอะไร" พี่หมอกเหมือนจะอารมณ์ดีขึ้น และถามผมด้วยคำถามเดิม

 "ไม่อยากกิน อยากกลับ..."

 จ้อกกก~

 ผมนิ่งชะงักและเริ่มหน้าแดงขึ้นน้อยๆ ไอ้ท้องไม่รักดี ทรยศกันซะได้ และเมื่อผมหันไปมองพี่หมอก ก็พบว่าพี่หมอกกำลังหัวเราะน้อยๆ อย่างชอบใจ

 ไม่นานนักรถก็แล่นเข้าจอดที่ริมแม่น้ำ ผมเดินตามพี่หมอกลงจากรถ และก็ต้องตื่นตะลึงทันทีที่เห็นว่าพี่หมอกกำลังจะพาผมไปที่ไหน

 "จองเอาไว้ 2 ที่ครับ" พี่หมอกพูดบอกพนักงานต้อนรับ ท้องฟ้าตอนนี้เริ่มเป็นสีส้มแล้ว ผมมองเรือลำใหญ่ที่กำลังจอดเทียบท่า นี่ผมยังไม่ตื่นจากฝันจริงๆ ใช่ไหม ทุกอย่างมันดูดีเกินไป

"ยืนบื้อทำไม ลงมา" พี่หมอกเรียกผมให้เดินตามไป ผมประหม่า และกอดเป้ไว้แน่น ถ้าจะกลับยังกลับทันไหม "ตื่นเต้นอะไรนักหนา แค่ไม่อยากให้ใครบังเอิญมาเจอ"

 ผมที่เกือบจะยิ้มก็สีหน้าเจื่อนลงทันที พี่หมอกก็ยังคงเป็นพี่หมอก พูดจาน่าโมโหจริงๆ แต่ว่า แล้วมันหมายความว่าไงกันล่ะ ที่ไม่อยากให้ใครเจอ

 เรือที่พวกเราขึ้นมานั้นเป็นเรือที่เหมือนกับภัตตาคารลอยน้ำ บนดาดฟ้าเปิดกว้างให้เห็นท้องฟ้าและวิวสองฝั่งแม่น้ำที่สวยงาม พวกเรานั่งลงที่โต๊ะๆ หนึ่งที่ถูกจัดเตรียมไว้ และโต๊ะรอบๆ ตัวก็มีผู้คนเข้ามานั่งเช่นกัน ซึ่งเมื่อผมสังเกตนั้น ก็พบว่าเป็นชาวต่างชาติเกือบทั้งหมด

 "กินอะไรก็สั่ง มีปากก็พูด" ผมหน้ามุ่ยเล็กๆ แต่แค่นี้ก็ดีมากพอสำหรับผมแล้ว ผมเหลือบมองพี่หมอกที่ถึงจะพูดแบบนั้น แต่ตัวเองก็สั่งซะเยอะเลยทีเดียว

 "มองอะไร" ผมรีบหลบสายตาของพี่หมอก และวางเมนูคืนให้บริกรไป

 "เปล่า เรื่องค่าอาหาร เดี๋ยวผมจ่ายคืนให้" ผมพูดและทำเป็นมองไปที่แม่น้ำที่สะท้อนแสงสีทอง ลมเย็นๆ ทำให้ผมเริ่มยิ้มออกมาอย่างชื่นใจ

 "ไม่ต้อง มีปัญญาเลี้ยง" ผมถอนหายใจ แต่ก็ยังคงมีรอยยิ้ม เพราะบรรยากาศหรอกนะที่ทำให้ผมรู้สึกดี

 "ขออนุญาตเสิร์ฟน้ำนะคะ" ผมมองบริกรหญิงคนหนึ่งที่เดินมาและทำท่าจะรินน้ำ สายตาของเธอนั้นมองพี่หมอกหยาดเยิ้ม ก็เหมือนทุกๆ คนนั่นแหละ

 "เอ่อ เดี๋ยวครับ แก้วนี้ขอเป็นน้ำเปล่านะครับ" ผมพูดขึ้นก่อนที่เธอจะรินน้ำสีแปลกๆ ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้สั่ง และก็เพราะผมเห็นว่าพี่หมอกกำลังจะอ้าปากด่าเลยล่ะ

 "ค่ะๆ เดี๋ยวเอามาให้นะคะ" หญิงสาวพูด พลางรีบเดินไปอย่างรวดเร็ว และเมื่อผมละสายตาจากบริกรมามองคนตรงหน้านั้น ผมก็ต้องแปลกใจอีกแล้ว...

 พี่หมอกจ้องมองผมด้วยมุมปากที่ยกยิ้ม แววตาของพี่หมอกไม่เหมือนกับที่พี่เขาเคยมองผมเลย ผมไม่เข้าใจ เกิดอะไรขึ้นกับพี่กันแน่

 "กินเถอะครับ" ผมหลีกเลี่ยงสบตาคนตรงหน้า และดึงความสนใจมาที่อาหาร ที่มันแบบว่า น่ากินมากจนผมตักชิมแทบจะทุกอย่าง แบบลืมตัว

 "ค่อยๆ กิน" พี่หมอกพูดและมองผมที่ดูตละกะของกินเหลือเกิน

 ตลอดเวลาทานอาหาร พวกเราแทบจะไม่ได้คุยอะไรกันเลย ผมแอบเหลือบมองพี่หมอกเป็นระยะ บรรยากาศตอนนี้มันช่างแบบว่า จะพูดว่าโรแมนติกก็ไม่ค่อยมั่นใจนัก ส่วนมากลูกค้าที่นั่งทานอาหารจะเป็นคู่รักกัน แล้วผมมาทำอะไรกันนะ นี่มัน แปลกชะมัด

 ผมทำเป็นสนใจอย่างอื่น มองดูริมฝั่งแม่น้ำที่ประดับแสงไฟหลากสี ตอนนี้ใกล้ช่วงเทศกาลแล้วละมั้ง มันทำให้สองฝั่งน้ำดูมีชีวิตชีวา และสวยงามจริงๆ

 และเมื่อผมนั่งมองนั่งดูอะไรไปเรื่อย เสียงเพลงจากเครื่องดนตรีชิ้นหนึ่ง ก็ดังคลอขึ้นมา ผมมองไปที่ต้นเสียงที่กังวานหวาน และมองเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่กำลังสีไวโอลิน บรรเลงเพลงช้าๆ ทำให้บรรยากาศในเรือยิ่งดูมีชีวิตชีวามากขึ้น

 "เหอะ หนวกหูชะมัด คีย์นั่นมันผิดไม่ใช่หรือไง ปรับสายไม่เป็นแล้วยังจะมาเล่น" แต่ผมที่นั่งฟังเพลงด้วยรอยยิ้มนั้น คนตรงข้ามผมกลับทำหน้าเหมือนรำคาญซะแล้ว พี่หมอกสั่งไวน์มาเพิ่ม และจิบไปพลาง บ่นเบาๆ ไปพลาง เหมือนบ่นกับตัวเอง

 "ผมว่าก็เพราะดีออก" ผมพูด และพี่หมอกก็ยิ่งดูหงุดหงิด ทำเสียงจิ๊จ๊ะดูกระวนกระวาย หรือว่า...

 "ถ้าคิดว่าตัวเองเล่นได้ดีกว่า ทำไมไม่ลองออกไปเล่นดูละครับ" ผมพูดและยิ้มให้พี่หมอก คนขี้อิจฉา

 แต่ผมที่พูดเล่นกับพี่หมอกนั้นก็ต้องแปลกใจเล็กน้อย เพราะสีหน้าของพี่เขาไม่ได้ดูมั่นใจเหมือนอย่างปกติ แต่กลับดูจริงจังและซีเรียสมากขึ้น

 พี่หมอกจ้องมองผมสลับกับเด็กหนุ่มที่สีไวโอลินอยู่บนเวทีเล็กๆ เหมือนกำลังชั่งใจ ตัดสินใจอะไรบางอย่าง

 "ลองดูก็ได้" พี่หมอกพูดเบาๆ พลางลุกขึ้นเดินไปที่เด็กหนุ่มนักดนตรีคนนั้น

 ผมมองตามพี่หมอกด้วยความรู้สึกอึ้งน้อยๆ ที่ผมพูดก็เพื่อจะแหย่พี่เขาเล่นเท่านั้น พี่หมอกไม่ใช่คนที่จะทำอะไรแบบนี้ต่อหน้าคนอื่นง่ายๆ ตลอดช่วงเวลาที่ผมติดตามพี่หมอกนั้น พี่เขาเคยเล่นดนตรี และร้องเพลงเพียงครั้งเดียวต่อหน้าคนอื่น และที่ผมเห็นอีกไม่กี่ครั้ง ก็เป็นตอนที่พี่เขาเล่นที่คอนโด ในช่วงเวลาที่พี่เขาอยู่คนเดียว

 เสียงดนตรีที่ไพเราะดังกังวานขึ้น ท่ามกลางผู้คนมากมายที่กำลังนั่งรับประทานอาหาร ทุกคนต่างต้องหยุดมือลง และหันไปมองชายหนุ่มที่กำลังบรรเลงบทเพลงอยู่ตอนนี้ ชายหนุ่มในเสื้อเชิ๊ตสีขาว ดูสะอาด และบริสุทธิ์ราวกับทวยเทพบนท้องฟ้า ไม่มีส่วนใดเลยที่จะทำให้ความงดงามของคนตรงหน้ามัวหมอง ผู้คนที่ได้รับฟังต่างตกอยู่ในห้วงภวังค์แห่งความรื่นรมย์ ราวกับอยู่ในความฝันอันแสนหวาน

และไม่นานนั้น ความสุขก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว การบรรเลงบทเพลงจบลงแล้ว แต่เสียงปรบมือก็ยังคงดังสะท้อนไปทั้งผืนน้ำ ผมมองดูพี่หมอกที่เหมือนจะประหม่าเล็กน้อย แต่ก็ก้มหัวลงอย่างนอบน้อม

 หลังจากได้รับคำชื่นชม และเสียงปรบมือ พี่หมอกก็ค่อยๆ เดินกลับมานั่งลงช้าๆ ด้วยใบหน้าที่ทำให้ผมรู้สึกแปลกใจอีกครั้ง สีหน้าของพี่หมอกในตอนนี้ไม่ได้ยิ้มหรือทำหน้าภาคภูมิใจใดๆ พี่เขาดูสับสนกังวล มีเหงื่อไหลออกมาจากหน้าผาก และมือก็สั่นน้อยๆ

 "เพลงเพราะมากเลยครับ พี่ทำได้เยี่ยมมากๆ เลย" ไม่รู้อะไรดลใจให้ผมทำแบบนั้น ผมยื่นมือออกไปและจับมือที่สั่นนั้นไว้ และสีหน้าของพี่หมอกก็เหมือนกับผ่อนคลายลง พี่หมอกค่อยๆ ยิ้มให้ผม

 พวกเรายิ้มให้กันราวกับลืมเรื่องทุกข์ใจใดๆ ออกจากหัวใจ
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#30 สิ่งที่ฝังลึกในจิตใจ(27/8/62)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 27-08-2019 22:16:03
 :pig4: :pig4: :pig4:

อิพี่หมอก  มันมีปมอะไรในใจซ่อนไว้หว่า?
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#30 สิ่งที่ฝังลึกในจิตใจ(27/8/62)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 27-08-2019 22:25:41
อีพี่หมอกเป็นอะไร สงสัย ๆ  :hao4:
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#30 สิ่งที่ฝังลึกในจิตใจ(27/8/62)
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 28-08-2019 00:52:39
ถ้าไม่เปิดใจกันจะรักกันได้ไง  แต่อย่าลืมนะว่ามี
แฟนแล้วทั้งคู่
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#30 สิ่งที่ฝังลึกในจิตใจ(27/8/62)
เริ่มหัวข้อโดย: Gloomy Sunday ที่ 07-09-2019 10:04:59
เพ้อ บทที่ 31 ของที่ไม่ใช่ของเรา


ตลอดเวลาที่เดินทางกลับนั้น พวกเราไม่ได้ พูดคุยหรือส่งยิ้มอะไรให้กัน แต่มันก็เป็นช่วงเวลาที่ผมรู้สึกดีเหลือเกิน ดีจนคิดว่ามันไม่เคยเกิดขึ้นจริง ดีจนเหมือนราวกับฝันไป

 "ส่งผมแค่ข้างหน้านี้ก็พอ" ผมพูดเบาๆ ผ่านความเงียบ ข้างหน้านั้นเป็นรั้วบ้านหลังใหญ่ที่ผมอาศัยอยู่ ผมควรจะต้องตื่นจากฝันได้แล้ว เพราะว่าพี่หมอก ไม่ได้เป็นของผม แต่เป็นของเจ้าของบ้านหลังนั้น

 "อิน" พี่หมอกจอดรถตามที่ผมขอ ผมหันมองคนที่เรียกผมด้วยน้ำเสียงที่แตกต่างออกไป ความอบอุ่น แผ่ออกมาจากแววตา และน้ำเสียงนั้น พี่เปลี่ยนไปแล้วจริงๆ เหรอ ทำไมกัน

 ผมจ้องมองพี่หมอก เฝ้ารอคำพูดที่พี่เขากำลังจะเอ่ยออกมา ผมยังคงหวังได้ใช่ไหม หวังว่าพี่จะพูดอะไร ที่ทำให้ผม...

 "ฝันดี" ราวกับมีผีเสื้อนับล้านๆ ตัวบินวนไปในอากาศ ผมที่พยายามเก็บทุกอย่างไว้ ซ่อนเอาไว้ในหัวใจ ในที่สุดก็ไม่อาจต้านทานความหวังครั้งใหม่ได้

 ผมเริ่มยิ้มออกมาอีกครั้ง และไม่รู้ตัวเลยว่า ทุกการกระทำของพวกเรานั้น อยู่ในสายตาของใครบางคน


 "วันนี้อารมณ์ดีจังเลยนะลูก" ผมที่นอนกลิ้งไปกลิ้งมาหลับไม่ลงสักทีก็โดนแม่แซวทักจนได้

 ผมรีบลุกขึ้นจากที่นอน เปลี่ยนจากกอดตุ๊กตาตัวนั้นเป็นกอดแม่แทน

 "ให้ทาย วันนี้อินไปไหนมา" ผมพูดและกอดแม่อย่างมีความสุข

 "หืม ถ้าให้แม่เดา อินมีแฟนแล้วใช่ไหมลูก" ผมชะงักเล็กน้อยทันทีที่ได้ยินแม่พูด

 "ไม่ใช่เลยแม่ มั่วแล้ว" ผมพูดกลบเกลื่อน และบอกอีกเรื่องที่ทำให้ผมมีความสุขเช่นกัน

 "วันนี้ อินได้ถ่ายละครด้วยนะ"

 "จริงเหรอลูก" แม่ทำเสียงตื่นเต้นยินดีด้วยกับผม

 "แต่ว่าอินเป็นแค่ตัวประกอบนะ" ผมรีบพูดต่อ แต่แม่ก็ยังคงยิ้มและลูบหัวผม

 "ถือว่าเป็นก้าวแรกของอินนะลูก เก็บเกี่ยวประสบการณ์ไว้ อีกไม่นานเขาจะเห็นเอง ว่าลูกแม่เก่งแค่ไหน"

 "ครับ อีกไม่นานหรอก อินจะปลูกบ้านใหม่ให้แม่ เอาให้ถูบ้านเหนื่อยไปเลย" ผมพูดและกอดแม่ให้แน่นมากขึ้นกว่าเดิม ผมสัญญากับตัวเอง ว่าผมจะทำให้ได้ เพื่อเราสองคน เพื่อแม่ที่ผมรักยิ่งกว่าสิ่งใด


 ในรุ่งเช้าที่แสนสดใส ผมตื่นแต่เช้าเหมือนทุกวัน และช่วยแม่ทำงานบ้านเล็กน้อย ก่อนที่จะแต่งตัวเพื่อเตรียมไปมหาวิทยาลัย

 และเมื่อเดินทางมาถึงแล้ว ผมก็หาที่นั่งพักข้างๆ ตึกเรียน เพราะว่าผมมาเช้าจนเกินไป ทำให้มีเวลาเหลือเฟือที่จะหาอะไรกินรองท้อง หรืออ่านหนังสือรอ

 ผมมองเหล่าผู้คนที่เดินกันขวักไขว่ ถึงจะยังเช้า แต่นักศึกษาก็ต่างเริ่มหลั่งไหลกันเข้ามาเพื่อเตรียมเรียนในตึกคณะต่างๆ ทำให้บรรยากาศของที่นี่ดูคึกคักเหลือเกิน หรืออันที่จริงอาจเป็นเพราะผมที่ดีดตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว

 ผมที่คิดแบบนั้นก็นึกถึงใบหน้าของคนที่เป็นสาเหตุ ยิ่งผมพยายามปิดกั้นหัวใจตัวเองมากเท่าไหร่ ผมก็จะยิ่งคิดถึงคนคนนั้น ผมพยายามไม่ยิ้ม ไม่แสดงออกว่าผมชอบพี่มาก แต่ว่าเมื่อพี่ทำดีกับผม มันก็ยากเหลือเกินที่จะซ่อนทุกสิ่งไว้ ในเมื่อผมแทบไม่เคยลืมพี่ไปจากหัวใจ ผมจะทำยังไง ผมไม่อาจต้านทานหัวใจตัวเองได้เลย

 และอยู่ๆ โชคชะตาก็ราวกับจะแกล้ง ผมหัวใจสั่นไหว จ้องมองคนสองคนที่กำลังเดินมาช้าๆ พี่หมอกเดินมากับเพื่อนคนหนึ่งที่ผมไม่ค่อยเห็นหน้า ผมลุกลี้ลุกลนสับสน ผมควรจะทำยังไงกับสถานการณ์นี้ดี ผมควรจะเอ่ยทักพี่เขาดีไหม ก็เพราะเมื่อวานพวกเรา...

 แต่ผมที่กำลังยิ้มและคิดว่าควรจะเอ่ยทักพี่หมอกนั้น ก็ค่อยๆ ลดแขนลงช้าๆ มีความทรงจำหนึ่งผุดขึ้นในหัวของผม เป็นความทรงจำอันแสนเศร้า ผมนั้นเคยทำแบบนี้มาก่อน และผลลัพธ์ ก็ทำให้ผมต้องผิดหวัง พี่หมอกใจร้ายมากกว่าที่ผมคิด แค่พี่เขาทำดีนิดหน่อย ผมไม่ควรจะชะล่าใจไป

 "เป็นอะไรไป ทำไมไม่เข้าเรียน" แต่เสียงที่ดังขึ้นนั้น ทำให้ผมต้องค่อยๆ เงยหน้าขึ้นช้าๆ หัวใจของผมเต้นรัวราวกับจะหลุดออกมาจากอก

 นี่ผมฝันไปอีกแล้วงั้นเหรอ ทำไมพี่ถึง...

 ผมมองพี่หมอกที่หยุดยืนตรงหน้า และถามผมด้วยสีหน้าสงสัย เพื่อนพี่หมอกก็ทำสีหน้างงๆ เช่นกัน

 "ไปเหอะไอ้หมอก อาจารย์ใกล้เข้าแล้ว"

 "เออ ไปก่อนเลย เดี๋ยวตามไป" พี่หมอกบอกเพื่อน และหันมาสนใจผมเหมือนเดิม

 "ไม่สบาย หรือมานั่งอ่อยเหยื่อ" ไม่รู้ทำไม ผมหัวเราะในลำคอเล็กน้อยที่ได้ยินแบบนั้น นี่สิถึงจะเป็นพี่หมอก

 "อาจจะเป็นอย่างหลัง" ผมพูดและมองพี่หมอกที่เริ่มทำคิ้วชิดกัน แต่ว่านะ วันนี้พี่หมอกก็หล่อมากๆ อีกแล้ว ผมเผลอจ้องมองพี่หมอกที่อยู่ในชุดนักศึกษาค่อนข้างเรียบร้อย ผิวขาว ตัวสูงสง่า พี่รู้ไหมว่าพี่กำลังทำให้ผมดูหม่นหมองมากๆ เมื่ออยู่ใกล้พี่

"ปากดี" พี่หมอกพูดและทำหน้ามุ่ยๆ แต่แบบนั้นมันดู น่ารักมากกว่า นี่ผมเป็นเอามากนะ ผมพยายามนึกถึงความร้ายกาจของพี่หมอกที่ผมได้เคยประสบมา ทำไมกันนะ ทำไมผมถึงนึกไม่ออกเลย ผมลืมสิ่งเหล่านั้นไปได้ยังไง

 "กลางวันลงมากินข้าวด้วย มีเรื่องจะบอก" พี่หมอกบอกผม ก่อนจะเริ่มเดินห่างออกไปตามเพื่อน ไม่สิ น่าจะเป็นคำสั่งมากกว่า

 ผมไม่ได้ตอบอะไร แต่ก็คิดสงสัย ว่าเรื่องที่พี่หมอกอยากบอกผมนั้น มันคือเรื่องอะไรกันแน่


 เมื่อถึงเวลาเข้าเรียนแล้ว ผมลุกจากโต๊ะหินอ่อน สะพายกระเป๋า และเริ่มเดินขึ้นไปที่ตึกเรียน ไม่รู้ว่าวันนี้หมี่จะมาเรียนไหม ช่วงนี้ผมไม่ค่อยเห็นเขาเข้าเรียนเท่าไหร่

 แต่เมื่อผมเดินไปเรื่อยๆ สายตาของผมก็สะดุดเข้ากับใครคนหนึ่ง ที่ตรงสุดทางเดินตรงหน้าของผม

 ถึงแม้ว่าค่อนข้างจะไกลมาก แต่ผมก็จดจำคนคนนั้นได้ทันที พี่เปอร์ในชุดเสื้อช็อปสีกรม กำลังมองมาที่ผมด้วยรอยยิ้มเศร้าๆ พี่เปอร์ยกมือขึ้นทำท่าเหมือนทักทายผม ไม่ได้เข้ามาใกล้ๆ เพราะว่าผมได้ขอพี่เขาไว้ ว่าให้พวกเราอยู่ห่างกัน และพี่ก็ทำมันได้ดีจริงๆ

 ในคาบเรียนนั้น สมองของผมที่เหมือนจะปลอดโปร่ง แต่จริงๆ เริ่มหนักอึ้งและเคร่งเครียดอีกครั้ง พี่หมอกทำให้ผมรู้สึกดี ทุกอย่างที่ผมเคยฝันเอาไว้ราวกับกลายเป็นจริง ผมมีความสุขมาก ที่พี่หมอกเริ่มคุยกับผม และทำดีกับผม ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร ทำไมพี่เขาถึงได้ดูสนใจผม ทั้งๆ ที่เมื่อก่อน ผมแทบไม่ได้อยู่ในสายตาของพี่เขาเลยแม้แต่น้อย นี่เป็นเหมือนกับเรื่องมหัศจรรย์ที่มันไม่มีทางเกิดขึ้น แต่มันเกิดขึ้นแล้ว มันเกิดขึ้นจริงๆ จนผมตั้งตัวแทบไม่ทัน

 แต่ว่าเมื่อผมอยากจะยิ้มออกมาอย่างเต็มที่นั้น ผมกลับทำมันไม่ได้ หัวใจผมยังคงจดจำเรื่องราวบางสิ่งที่ทำให้ผมต้องเจ็บปวด พี่เปอร์นั้น เป็นคนแรกที่ผมนึกถึง ผมดึงตัวพี่เขามาพัวพันในเรื่องที่มันไม่ควรเลย พี่เขาจะต้องเจ็บปวดเพราะผม ยิ่งเห็นสายตาของพี่เขาเมื่อกี้นี้ ผมยิ่งเสียใจเหลือเกิน

 "อิน วันนี้กินข้าวด้วยกันนะ" ผมที่กำลังคิดอะไรเพลินๆ ก็สะดุ้งน้อยๆ ผมมองหมี่ที่เพิ่งเข้าเรียนในช่วงกลางคาบ และตรงดิ่งมาหาจนผมแปลกใจ "นะ แล้วก็กลับบ้านด้วยกัน" หมี่พูดต่อ ทำเอาผมได้แต่อึกอักเพราะยังไม่ได้ตัดสินใจ

 "อืม ได้สิ" ผมบอกเธอ และมองดูเธอที่เดินไปนั่งกับเพื่อน ผมเผลอตอบรับเธออัตโนมัติ ทั้งๆ ที่อยากจะบอกว่าไม่เหลือเกิน

 และในช่วงกลางวันนั้น สิ่งที่ผมกลัวก็เกิดขึ้นแล้ว ตอนนี้ผมนั่งอยู่ท่ามกลางบุคคลที่ล้วนทำให้ผมอึดอัดใจเหลือเกิน

 ที่ตรงข้ามผม ผมพยายามหลบสายตาพี่หมอกที่คอยแต่จะเหลือบมองมา และข้างๆ ผมนั้น คือพี่เปอร์ ที่นั่งเว้นระยะห่างนิดหนึ่งระหว่างเรา

 "ไม่ได้มานั่งกินข้าวด้วยกันสักพักเลยนะคะ" หมี่ที่นั่งข้างพี่หมอกนั้นพูดขึ้นทำลายบรรยากาศแปลกๆ รอบตัว

 ผมได้แต่จ้องมองจานข้าวตรงหน้า และเขี่ยไปมาอย่างไม่รู้จะทำอะไร

 "คนก็เยอะ ร้อนก็ร้อน ไม่แปลกหรอกที่ไม่มากินน่ะ" พี่เปอร์พูดเอื่อยๆ แบบรำคาญๆ พลางเหลือบมองผม "อินเอาน้ำอะไรไหม พี่ซื้อให้"

 "ไม่ครับ" ผมพูดเบาๆ และรู้สึกยิ่งอึดอัดมากขึ้นทุกที

 "พี่หมอกคะ ช่วงนี้พี่กลับมาถ่ายละครใช่ไหม หมี่อยากไปนั่งเล่นด้วยจังเลยค่ะ" หมี่เลิกสนใจพี่เปอร์และหันไปอ้อนพี่หมอกแทน

 แต่พี่หมอกกลับไม่พูดอะไรเลย และทำสีหน้าน่ากลัวจนผมหายใจไม่ทั่วท้อง ทั้งสองคนมีอะไรกันหรือเปล่านะ แต่ว่าหมี่ก็ดูปกติดี ถ้าทะเลาะกันหมี่ก็ไม่น่าจะนั่งอยู่ตรงนี้ได้นาน

 "อินเอาไข่ต้มไหม" ผมเหลือบมองพี่เปอร์ที่ตักกับข้าวของตัวเองใส่จานผม พี่เปอร์ก็เป็นคนแบบนี้แหละ

 "ผมอิ่มแล้วครับ พี่กินเถอะ" ผมตักคืนพี่เปอร์ทันที ไม่ใช่อะไร แต่เพราะกินไม่ลงจริงๆ

 "ก็ได้ แต่วันนี้อินเลิกเรียนกี่โมง พี่ไปส่งได้ไหม..."

 "อินจะขับรถพาหมี่ไปส่งค่ะ" หมี่พูดแทรกขึ้นมาทำเอาพี่เปอร์เริ่มหน้าตึง และไม่ใช่แค่พี่เปอร์ เพราะพี่หมอกก็ขมวดคิ้วแน่นเช่นกัน

 "มีอะไร จะไปไหนกัน" พี่หมอกที่นั่งเงียบอยู่นาน อยู่ดีๆ ก็ถามหมี่ ซึ่งไม่รู้ทำไม ผมมองหมี่ที่หัวเราะขึ้นมาเบาๆ

 "ทำไมคะ พี่ถามเหมือนเป็นเรื่องแปลกอะไร ก็หมี่กับอินอยู่บ้านเดียวกันนี่คะ" หมี่พูดขึ้นและจ้องมองพี่หมอก

 "ไอ้หมอกถามน่ะไม่แปลกหรอก เพราะพี่ก็เห็นช่วงหลังๆ มาเราก็ขับรถกลับเองประจำ" พี่เปอร์พูดสนับสนุนความคิดพี่หมอก แต่ผมก็ว่าแปลกเหมือนกัน

 "เหอะ ไอ้ที่แปลกน่ะพวกพี่สองคนต่างหาก" หมี่พูดเบาๆ เหมือนพูดกับตัวเอง แต่สายตาตอนนี้จับจ้องมองมาที่ผมเพียงผู้เดียว

หลังจากกินข้าวเสร็จนั้น ผมและหมี่ไม่มีเรียนในตอนบ่าย ผมจึงถูกหมี่ลากกลับบ้าน ซึ่งแน่นอนว่าผมเป็นคนขับ

 "เฮ้ออออ" ทันทีที่ขึ้นมาบนรถ หมี่ถอนหายใจยาวเหยียดและนั่งพิงพนักอย่างเซ็งๆ

 "มีเรื่องอะไรเหรอ" ผมถามเธอ เพราะผมไม่ค่อยเห็นเธอเป็นแบบนี้เท่าไหร่

 "ก็จะเรื่องอะไรล่ะ เรื่องพวกหน้าไม่อายที่ชอบแย่งผัวชาวบ้าน" ผมหน้าชาขึ้นน้อยๆ มือที่กำพวงมาลัยก็เผลอกำแน่นอย่างลืมตัว

 "ใครเหรอ" ผมถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่หัวใจกลับเต้นแรงเหลือเกิน

 "ทำไม อยากรู้จริงๆ เหรอ" หมี่พูดและหันมามองผม มุมปากของเธอยกยิ้มขึ้นเล็กๆ ผมเดาอารมณ์ของเธอไม่ถูกเลยจริงๆ

 "ก็ถ้าอยากบอก" ผมพูดและขับรถต่อไป

 "อืม ก็ไม่มีอะไรมากหรอก ก็แค่พวกหน้าด้าน น่าขยะแขยง รู้ว่าเขามีเจ้าของก็ยังจะพยายาม แต่มันก็แค่ช่วงหลงผิดเท่านั้นแหละ เพชรกับขี้โคลน แกว่าจะมีใครอยากเล่นกับของสกปรกโสโครกได้นานกัน เดี๋ยวเวลาผ่านไป มันก็ไร้ค่าไปเอง" หมี่พูดด้วยรอยยิ้มที่เปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ ผมได้แต่รับฟังและหวังอยู่ข้างในลึกๆ ว่า คนที่เธอพูดถึงนั้น คงไม่ใช่ผม


 ในช่วงหัวค่ำ ผมยังคงคิดทบทวนทุกอย่างอยู่ในหัว ความหวาดหวั่นก่อตัวขึ้นในหัวใจของผม หมี่ทำไมถึงพูดเรื่องนี้ให้ผมฟังกัน หรือเธอกำลังสงสัยอะไร แต่ว่านิสัยของหมี่นั้นผมก็รู้ดี ถ้าเธอรู้ แน่นอนแม่ผมป่านนี้คงรู้ไปแล้ว มันเป็นไปไม่ได้ หมี่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผมเป็นเกย์ เป็นไปไม่ได้ ผมควรจบทุกอย่างที่ไม่ถูกต้อง ก่อนที่มันจะลุกลามไปมากกว่านี้

 ผมค่อยๆ เลื่อนมือไปอุ้มตุ๊กตาตัวโตที่อยู่บนหัวเตียง ความรู้สึกนุ่มละมุนทุกครั้งที่สัมผัส ทำให้หัวใจของผมผ่อนคลาย และยิ่งรู้ว่าใครเป็นเจ้าของมันแล้วนั้น มันก็ยิ่งล้ำค่าสำหรับผมเหลือเกิน

 แต่ว่ามันผิด ผมในตอนนี้ไม่ควรที่จะเก็บมันเอาไว้ ถึงแม้จะรู้สึกเสียใจ แต่ว่ามันไม่ควรเป็นของผม เหมือนกับพี่ที่ไม่ควรมายุ่งกับผม ทั้งๆ ที่พี่ก็มีคนของพี่อยู่แล้ว และผมเองก็เช่นกัน

 ผมคิดและตัดสินใจ กอดมันให้แน่นที่สุด สูดดมความหอมของมันเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่มันจะไม่ได้เป็นของผมอีกแล้ว
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#31 ของที่ไม่ใช่ของเรา(7/9/62)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 07-09-2019 11:08:11
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#31 ของที่ไม่ใช่ของเรา(7/9/62)
เริ่มหัวข้อโดย: Pawana ที่ 07-09-2019 18:19:56
หน้าตาแบบไหนที่เค้าเรียกว่าความถูกต้องคะ น้องอิน.  ส่งกำลังใจให้คนเขียนค่ะ
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#31 ของที่ไม่ใช่ของเรา(7/9/62)
เริ่มหัวข้อโดย: panpang ที่ 07-09-2019 23:10:55
 :hao5: :katai1:
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#31 ของที่ไม่ใช่ของเรา(7/9/62)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 07-09-2019 23:43:17
ใครบอกอะไรให้หมี่ฟัง นังพี่เปอร์อ่ะป่าว  :katai1:
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#31 ของที่ไม่ใช่ของเรา(7/9/62)
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 11-09-2019 15:11:57
หมีแกก็มาทีหลังเหอะ!!!
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#31 ของที่ไม่ใช่ของเรา(7/9/62)
เริ่มหัวข้อโดย: Gloomy Sunday ที่ 17-09-2019 10:45:51
เพ้อ บทที่ 32 ไดอารี่ที่แสนเศร้า


ตลอดการเดินทางนั้นมีแต่ความเงียบงัน ผมลงจากรถแท็กซี่ในช่วงดึก เดินกอดตุ๊กตาตัวใหญ่ไว้ และขึ้นไปยังคอนโดที่ผมเคยมาหลายครั้ง

 พี่หมอกอยู่ในชั้นที่สูงขึ้นไป ผมใช้เวลาไม่นานก็มาหยุดยืนนิ่งอยู่ที่หน้าห้อง ผมควรจะกดกริ่งที่หน้าประตูนี้ไปตั้งแต่ห้านาทีที่แล้ว แต่ผมก็ยังคงทำใจลำบาก การตัดพี่ออกนั้นผมทำมาไม่รู้กี่ครั้ง และทุกครั้ง มันช่างเจ็บปวดเหลือเกิน

 ผมที่ตัดสินใจอยู่อีกสักพัก ก็เริ่มที่จะยื่นมือออกไป ทุกอย่างในครั้งนี้จะจบลงจริงๆ ไหมนะ ผมต้องการจะทำแบบนี้จริงๆ งั้นเหรอ ผม....

 แต่ผมที่คิดอะไรมากมายนั้นก็ต้องชะงักเล็กน้อยเมื่อเข้าใกล้ประตูมากขึ้นอีกนิด เสียงโครมครามที่ได้ยินข้างใน ทำเอาผมอกสั่นขวัญแขวน ผมเริ่มแนบหูลงกับประตูเพื่อเช็คดูว่าเสียงที่ได้ยินนี้ มาจากห้องพี่หมอกจริงๆ ใช่ไหม

 "แกจะทำตัวแบบนี้ไปถึงไหน!!!" เสียงตะโกนชัดเจนดังลอดออกมา ตามด้วยเสียงสิ่งของที่ตกแตกอีกชุดใหญ่

 ด้วยความเป็นห่วงและไม่ทันยั้งคิด ผมเปิดประตูที่ไม่ได้ล็อกเข้าไปช้าๆ ทางเดินตรงหน้าถึงแม้จะไร้ผู้คน แต่ที่พื้นก็มีสิ่งของต่างๆ แตกกระจายมากมาย

 ผมค่อยๆ เดินเข้าไปลึกมากขึ้นอีกนิด แต่ก็นั่งลงแอบในมุมตู้เก็บรองเท้าทันทีที่เห็นคนคนหนึ่งเดินไปอีกด้านของห้องด้วยความโมโห ผมเหลือบมองดูและเห็นในทันทีว่าเป็นพ่อของพี่หมอก

 "ไอ้ของแบบนี้โยนทิ้งไป เล่นไปทำไม อยากน่าสมเพชเหมือนแม่แกเหรอ ขยะทั้งนั้น!!" ผมนั่งอยู่ในมุมมืดข้างตู้ ตกใจเสียงอันดังก้องของพ่อพี่หมอกที่ตะโกนไม่หยุด และกำลังถือกีตาร์ตัวหนึ่งและฟาดแรงๆ จนมันหักครึ่งเสียงดัง

 ผมมองคนอีกคนที่ค่อยๆ เดินเข้ามา พี่หมอกดูสีหน้านิ่งสนิทแววตาราวกับแสนเหนื่อยล้ากับสิ่งที่เผชิญ

 "เพราะคุณมันสารเลวแบบนี้ไง แม่ถึงได้หนีไป"

 "แก!!" ผมผุดลุกผุดนั่งมองดูพ่อพี่หมอกที่ทิ้งซากกีตาร์ในมือและไปกระชากคอลูกชาย

 "กี่ปีมาแล้ว แกยังร้องไห้หาแม่แกอีกเหรอ มันให้อะไรแกบ้าง มันเคยกลับมาหาแกมั่งไหม ไม่! ไม่เคย! มีแต่ฉันที่เลี้ยงแกมา แกที่มันไม่เอาไหน อวดดีปากเก่ง ทำไม่ได้แม่แต่เศษเสี้ยวของพี่แก!!" ผมหัวใจสั่นมองดูพี่หมอกที่ไม่ได้ต่อสู้ใดๆ พี่หมอกทำเพียงยกยิ้มมุมปาก ด้วยแววตาที่ผมรู้สึกเจ็บปวดเหลือเกิน

 ถึงแม้นี่มันจะไม่ใช่เรื่องของผมเลยสักนิด แต่หัวใจของผมมันก็รู้สึกราวกับร้องไห้ไปกับคนตรงหน้า ผมทำได้เพียงแค่มองดู ผมไม่มีสิทธิ์อะไรที่จะไปแทรกกลางระหว่างคนทั้งสอง ผมได้แต่รอ รอให้พายุที่แสนปวดร้าวนี้ พัดผ่านออกไป

 แต่ผมที่กำลังมองดูสองพ่อลูกนั้น มือของผมก็เผลอไปแตะโดนอะไรบางอย่างที่อยู่ใกล้ๆ ผมมองหนังสือเล่มหนึ่ง ไม่สิ สมุดโน๊ตเล่มใหญ่ มันเป็นสีฟ้าที่ดูสดใส หน้าปกเป็นเหมือนภาพวาดระบายสีของเด็กน้อย เป็นของที่ไม่น่าจะอยู่ในห้องที่แสนอึมครึมของพี่หมอก

 ผมค่อยๆ ยกมันขึ้น เปิดมันออกและเพ่งสายตาจ้องมองลายมือที่เหมือนเด็กน้อยเขียน ด้านในหนังสือเล่มนั้น


 3 ตุลาคม 19xx

 วันนี้คุณแม่ชมผมว่าเล่นเปียโนได้ดีมาก ผมดีใจที่สุด

ผมได้รางวัลเอามาให้คุณพ่อ แต่ว่าคุณพ่อไม่ได้สนใจ...

ไม่เป็นไร! ผมจะต้องทำได้ดีกว่านี้ครับ ผมทำได้แน่นอน


 ผมหยุดอ่าน และมองไปยังพี่หมอกที่ยังคงโดนคุณพ่อด่าอีกยกใหญ่ หัวใจของผมเริ่มหนักอึ้งมากขึ้น แต่ก็ยังคงเปิดอ่านต่อไป


 14 พฤษภาคม 19xx

 วันนี้คุณแม่สอนเพลงใหม่ให้ผม แต่ไม่รู้ว่าทำไมคุณแม่ถึงไม่ยิ้มให้ผมเลย

ผมเล่นไม่ดีงั้นเหรอครับ คุณแม่ถึงไม่ค่อยชมผมแล้ว ผมอยากให้คุณแม่ชมผมอีกเยอะๆ เลย

ผมมีความสุขมากๆ ที่พวกเราเล่นมันด้วยกันฮะ!


 9 กันยายน 19xx

 คุณแม่ หายไป... ผมเหงามาก ทั้งๆ ที่อาทิตย์ที่แล้ว คุณแม่บอกว่าจะสอนเพลงใหม่

แต่ว่าไม่เป็นไรฮะ หมอกรอคุณแม่ได้นะ ผมจะรอ ถึงคุณพ่อจะบอกว่าไม่ต้องรอแล้ว...


 ผมเริ่มน้ำตาไหลออกมาช้าๆ สิ่งต่างๆ รอบตัวของผมดูราวกับเงียบสงบและแสงไฟก็มืดดับลง หัวใจดำดิ่งลงสู่ความเศร้า ความเปลี่ยวเหงา อ้างว้าง


 25 ธันวาคม 20xx

 คุณแม่ จะสบายดีไหมครับ ผมรู้สึก...ไม่ค่อยสบาย ผมคิดถึงคุณแม่มาก

ผมเป็นเด็กไม่ดีใช่ไหม คุณแม่ถึงทิ้งผมไป

ผมยังคงเล่นเพลงที่คุณแม่สอนผมทุกวันเลยนะ และร้องเพลงที่คุณแม่แต่งทุกวันเหมือนกัน

 ผม ทำดีแล้วใช่ไหมครับ

 ช่วยบอกผมที ว่าผมทำมันได้ดีแล้ว...


"ขอมันคืนได้ไหม" ผมสะดุ้งตัวน้อยๆ ทันทีที่ได้ยินเสียงคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า ผมรีบเช็ดน้ำตา ผมไม่รู้เลยว่าพี่หมอกกำลังมองอยู่ และพ่อของพี่หมอกก็หายไปแล้ว

 พี่หมอกพูดเบาๆ และเหลือบสายตามองตุ๊กตาที่วางอยู่ข้างตัวผม แววตาที่ผมเห็นนั้น ก็ยิ่งเศร้ามากขึ้น เหมือนรู้ว่าผมมาที่นี่เพื่ออะไร

 "ถ้าอยากทิ้งอะไรก็ทิ้งไว้ แล้วก็ไปซะ" พี่หมอกพูดด้วยคำพูดที่เป็นนัยน์ มันมีความหมายไม่ใช่เพียงแต่ตุ๊กตาตัวนี้ ผมรู้ได้ในทันทีจากแววตา

 พี่หมอกหยิบไดอารี่เล่มใหญ่นั้น เดินไปที่โถงนั่งเล่นที่ตอนนี้เต็มไปด้วยซากข้าวของและเครื่องดนตรีที่พังไม่มีชิ้นดี

 ผมยังคงยืนนิ่งอยู่กับที่ หมุนตัวเพื่อจะออกไปยังประตูที่เปิดแง้มไว้ แต่ถึงแม้ร่างกายจะทำแบบนั้น แต่ในชั่วเสี้ยวนาที หัวใจของผมก็ต่อต้าน ผมหมุนตัวกลับและวิ่งไปที่โถงนั่งเล่น ไปยังคนที่ยังคงยืนอยู่อย่างหงอยเหงาและกอดคนคนนั้นจากด้านหลัง

 คนที่ถูกกอดเหมือนจะตกใจเช่นกัน พี่หมอกจับแขนของผมที่พันรอบเอวตัวเองไว้และหันมาด้วยสีหน้าที่ดูไม่ออกว่ารู้สึกเช่นไร

 ผมเข้าใจความรู้สึกของพี่ดี เพราะว่าพ่อของผมนั้น ก็ทิ้งผมกับแม่ไปเช่นกัน

 ผมไม่ได้พูดอะไรออกไป ทำเพียงแค่กอดคนตรงหน้าไว้ ยิ่งเมื่อรู้ว่าพวกเรานั้นเหมือนกันแค่ไหน ผมก็ไม่อาจปล่อยพี่เอาไว้แบบนี้ได้

 "ไม่อยากทิ้งแล้วเหรอ" เสียงที่ทุ้มนุ่มของพี่หมอกทำให้ผมราวกับสั่นสะท้าน ผมส่ายหัวไปมาทั้งๆ ที่ยังคงกอดพี่หมอกไว้แน่น ในช่วงเวลานี้ ผมไม่อยากผละจากพี่ แม้แต่วินาทีเดียว

 และก็เหมือนว่าทุกสิ่งจะเป็นไปตามอารมณ์ความอ่อนไหว คนตรงหน้าค่อยๆ คลายอ้อมกอดของผมออกช้าๆ ดึงให้ผมมาเผชิญหน้า พลางเชยคางให้ดวงตาของพวกเราประสานกัน

 แรงต้านทานใดๆ ในโลกก็คงไม่อาจจะฉุดรั้งพวกเราได้อีกแล้ว ใบหน้าของพวกเราค่อยๆ แนบชิด ริมฝีปากแนบสนิทแลกเปลี่ยนความอบอุ่นหอมหวาน

 ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน ผมเริ่มรู้สึกถึงหลังของผมที่เอนอิงนอนลงบนโซฟาใหญ่ คนตรงหน้าปลดเปลื้องเสื้อผ้าของผมออก และปลดเปลื้องของตัวเองด้วยเช่นกัน รสจูบยังคงหอมหวาน แต่ความรู้สึกต่อมานั้นกลับทำให้ผมต้องเริ่มผละริมฝีปากออก

 "จ.เจ็บ" ผมพูดเบาๆ แต่คนตรงหน้าก็ได้แต่จูบพรมซับน้ำตา ผมไม่ได้ทำเรื่องแบบนี้สักพักแล้ว และมันก็รู้สึกแย่ทุกครั้งเวลาที่เริ่ม แต่เมื่อผ่านไปสักพัก ความเจ็บปวดนั้นก็เริ่มทุเลาลง

 บนโซฟาที่ไม่ได้กว้างมากมายสำหรับผู้ชายสองคน ผมกอดก่ายร่างกายที่ผมหลงใหลไว้ ปล่อยหัวใจไปตามความรู้สึก

 เราทั้งสอง ต่างกอบโกย โหยหา กอดรัดกันและกันราวกับไม่อยากพรากจาก ผมลืมทุกสิ่งที่ตั้งใจไว้ ความปรารถนาตอนนี้มีเพียงแค่อยู่กับคนตรงหน้าเท่านั้น การได้โอบกอดกันไว้อย่างนี้ ผมก็ไม่ต้องการสิ่งอื่นใดอีกแล้ว


 แสงสว่างที่สาดส่อง ทำให้ผมเริ่มลืมตาขึ้นช้าๆ ด้วยความอ่อนเพลีย ผมค่อยๆ ลุกขึ้น นั่งเอนตัวพิงหมอนด้วยสติที่ยังดูมึนงง

 ผมมองตัวผมที่อยู่ในเสื้อเชิ๊ตตัวใหญ่สีขาว กางเกงชั้นในขาสั้น แต่เดี๋ยวนะ เสื้อผ้าพวกนี้ไม่ใช่ของผม...

 ผมที่เพิ่งประมวลสมองก็แทบจะเด้งออกจากเตียงทันที ผมรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและโทรหาแม่อย่างรวดเร็ว ผมขอโทษแม่อยู่พักใหญ่ที่ไม่ได้บอกว่าจะออกมาค้างบ้านเพื่อน ซึ่งก็ถูกสวดนิดหน่อยไปตามระเบียบ

 ซึ่งเมื่อบอกแม่เรียบร้อยแล้ว ผมเหมือนจะโล่งใจ แต่ความจริงมันไม่ได้เป็นแบบนั้นเลย ผมค่อยๆ นึกถึงสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นเมื่อคืน ตั้งแต่ที่ผมอยู่ๆ ก็เข้าไปกอดพี่หมอก และ...

 ผมนั่งอึ้ง พูดไม่ออกบอกไม่ถูก ทำหน้ายังไงก็ไม่อาจรู้ได้ อิน อินเอ๋ย ช่างหน้าไม่อาย มาที่นี่เพื่ออะไร ทำไมถึงจบแบบนี้ได้กันนะ

 ผมถอนหายใจเฮือกและเลิกคิดถึงสิ่งน่าอายเหล่านั้น ผมค่อยๆ ลุกขึ้นจากเตียง และเดินต่อไปเรื่อยๆ มองพื้นห้องที่ยังคงระเกะระกะไปด้วยข้าวของ

 ผมเดินลากขาต่อไปเรื่อยๆ ไปยังห้องนั่งเล่น ที่ก็ว่างเปล่าอีกเช่นเคย คอนโดพี่หมอกเป็นคอนโดที่ค่อนข้างใหญ่ และกว้างเป็นทางยาว เอ่อ อย่าคิดถึงอะไรที่มันยาวใหญ่แบบนั้นสิ

แต่ว่า...พี่หมอกไม่อยู่งั้นเหรอ แบบนี้ก็คงจะดีละมั้ง ถ้าผมแอบกลับไปเงียบๆ เรื่องราวของพวกเราเมื่อคืนนั้น ก็คงเหมือนกับฝันไปใช่ไหม...

 "ตื่นสักที มาช่วยหน่อย" แต่ผมที่คิดแบบนั้นก็ต้องสะดุ้งตกใจ ผมมองพี่หมอกที่ยกจานอะไรสักอย่างด้วยมือทั้งสองข้างและวางลงที่โต๊ะกินข้าวเล็กๆ ในโถงครัว

 "มัน...คือ?" ผมถามเบาๆ อย่างงงๆ นี่ผมยังไม่ตื่นดีใช่ไหม

 "อาหารไง ทำไม จะกินไหม" พี่หมอกทำหน้าหงุดหงิดเล็กๆ แต่น้ำเสียงก็ยังคงปกติดี

 ผมรีบเดินไปรับจานอาหารตรงหน้า และช่วยพี่หมอกยกเหยือกน้ำส้มที่วางอยู่รินใส่แก้วให้

 "เร็วๆ นั่งลง" ผมวางแก้วน้ำให้พี่หมอกและนั่งลงทันทีที่พี่เขาเรียก

 ผมมองอาหารตรงหน้า สปาเกตตี้ในซอสมะเขือเทศดูหน้าตาเอ่อ จะบอกว่าสวยงามก็คงไม่ได้ แต่ถ้าพูดออกไปผมอาจจะโดนกินหัวแทนสปาเกตตี้นี้แน่นอน

 ผมยิ้มน้อยๆ และเหลือบมองคนที่กำลังจ้องมองผมเขม็ง เป็นครั้งแรกที่ผมได้กินอาหารฝีมือพี่หมอก ผมที่เคยคิดอะไรกังวลอยู่ในหัว ตอนนี้ก็สลายหายไปแล้ว

 ผมค่อยๆ หยิบซ้อมและตักกินสปาเกตตี้ตรงหน้าขึ้นมาชิมคำหนึ่ง

 "อร่อย" ผมพูดชม ถึงหน้าตาจะเละเทะไปหน่อย แต่รสชาติก็ดีมากจริงๆ

 "อืม ก็แน่สิ ใครเป็นคนทำ" ผมอมยิ้มเล็กๆ พี่หมอกเริ่มกินอาหารของตัวเอง และดื่มน้ำส้มที่ผมรินเอาไว้

 ไม่นานนักเมื่อพวกเรากินเสร็จ ผมอาสาล้างจานให้พี่หมอกทันทีด้วยความเกรงใจ แต่เมื่อจัดการรอบๆ ครัวเรียบร้อยแล้ว ผมก็พบว่าพี่หมอกหายไปอีกแล้ว

 ผมเช็ดมือกับผ้า และออกมาจากมุมครัว มองพื้นห้องตอนนี้ที่ยังคงเละเทะอย่างน่ากลัว เอาล่ะ สงสัยวันนี้ผมคงไม่ได้ทำอะไรอีกแล้ว นอกจากเก็บกวาดสิ่งของเหล่านี้

 ผมมองหาถุงใบใหญ่ เดินไปเดินมาเพื่อจะหาอุปกรณ์ที่จะทำความสะอาด แต่เมื่อผมเดินไปเรื่อยๆ ผมก็เพิ่งเห็นว่าพี่หมอกไม่ได้ไปไหน แต่กำลังนั่งเก็บซากเครื่องดนตรี สีหน้าของพี่เขาทำให้หัวใจของผมสั่นไหวอีกครั้ง ผมไม่อยากให้พี่เป็นแบบนี้เลย

 "ทำไมคุณพ่อพี่ถึงไม่อยากให้พี่เล่นดนตรีเหรอครับ" พี่หมอกชะงักมือเล็กน้อย

 "ก็แค่คนบ้า..." พี่หมอกชะงักหยุดคำพูดเหล่านั้นและหันมามองผม คิ้วขมวดเล็กๆ ดูเหมือนกำลังคิดอะไรมากมายในใจ "คงทำให้นึกถึงคุณแม่ละมั้ง"

 ผมยิ้มเล็กๆ ให้กับคำอธิบายนั้น ดีใจ ที่พี่เขาดูเหมือนจะค่อยๆ เปิดใจมากขึ้นทีละนิด

 "แล้วที่พี่เล่นดนตรี ก็เพราะทำให้นึกถึงคุณแม่เหมือนกันเหรอครับ" ผมถามต่อ ซึ่งไม่รู้ว่าผมยุ่งมากเกินไปหรือเปล่า

 "คิดค่าถามนะ" พี่หมอกหันมาทำสายตาแปลกใส่ผม แบบนี้ผมควรหยุดถามหรือเปล่านะ

"..."

"เล่นเพราะชอบ" 

"..."

"เวลาที่ได้ทำสิ่งที่รัก คนเรามักเป็นอิสระ" ผมเริ่มรู้สึกหน้าร้อนผ่าว หัวใจของผมเต้นแรงกับคำพูดนั้น

มันเป็นคำพูดที่ผมเคยพูดกับพี่ พี่จำมันได้อย่างนั้นเหรอ...

 "คือ ผม ช่วยเก็บนะ" ผมแก้เขินโดยการนั่งลงช่วยพี่หมอกเก็บชิ้นส่วนเครื่องดนตรีใกล้ๆ

 ผมหยิบสายสีเงินและส่วนบนของกีตาร์ น่าเสียดายมากที่ของสวยๆ ต้องมาพังยับเยินแบบนี้ ลวดลายสีเงินที่ตัดกับความมันเงาสีดำ ลวดลายที่ดูเหมือน...

 "ตรงนี้เดี๋ยวเก็บเอง" ผมตกใจทันทีที่พี่หมอกอยู่ๆ ก็แย่งซากกีตาร์ออกไปจากมือผม และเก็บชิ้นส่วนทุกอย่างด้วยความรวดเร็ว

 ผมทำหน้างง และลุกขึ้นมองพี่หมอก ผมเป็นห่วงพี่เขานิดหน่อย เพราะตรงนี้ก็มีเศษแก้วแตกเต็มไปหมด

 แต่ว่าอยู่ๆ เป็นอะไรของเขากันนะ พี่มีอะไร ที่ไม่อยากให้ผมรู้อย่างนั้นเหรอ
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#32 ไดอารี่ที่แสนเศร้า](17/9/62)
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 17-09-2019 11:16:45
กีต้าร์ตัวที่ไปเล่นที่สวนสาธารณะสินะ
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#32 ไดอารี่ที่แสนเศร้า](17/9/62)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 17-09-2019 22:47:15
รีบ ๆ นึกให้ออกเสียทีซิ  :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#32 ไดอารี่ที่แสนเศร้า](17/9/62)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 18-09-2019 02:51:01
 :pig4: :pig4: :pig4:

หมอกเป็นเด็กเก็บกดจากครอบครัวนี่เอง  การแสดงออกทางอารมณ์จึงเป็นแบบนั้น  น่าสงสารฮีนะ
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#32 ไดอารี่ที่แสนเศร้า](17/9/62)
เริ่มหัวข้อโดย: Gloomy Sunday ที่ 15-10-2019 11:09:33
เพ้อ บทที่ 33 ช่วงเวลาที่แสนมีค่า


หลังจากทำความสะอาดห้องพี่หมอกเสร็จเรียบร้อย ผมที่แทบจะสลบอีกรอบจากความเหนื่อยล้า ก็ได้โอกาสเข้าไปในห้องน้ำเพื่อชำระล้างตัว

 ผมนึกถึงเรื่องเมื่อวาน ผมมาที่นี่เพื่ออะไร ความตั้งใจของผมที่มาที่นี่นั้นมันล้มเหลวไม่เป็นท่า ความรู้สึกผิดลึกๆ ในหัวใจ มันทำให้ผมไม่สามารถยิ้มออกมาได้อย่างที่คิด ผมมันน่ารังเกียจ สิ่งที่ผมกำลังทำอยู่ตอนนี้มันไม่ใช่เรื่องที่ดีเลย ผมควรจะออกห่างจากพี่หมอก ผมไม่ควรเอาตัวเข้ามายุ่งเกี่ยวกับพี่เขาอีก

 แต่ทว่า ในเวลานั้น ผมที่เห็นพี่หมอกต้องเจ็บปวดเสียใจ ผมก็ไม่สามารถทิ้งพี่เขาไว้ได้ และในตอนนี้ ผมก็คิดว่าพี่เขาดีขึ้นมากแล้ว ผมควร...จะต้องไปสักที

 "ทำหน้าแบบนั้นอีกแล้ว" ผมสะดุ้ง และแทบจะมุดลงในอ่างน้ำทันที ผมว่าผมล็อกประตูห้องน้ำแล้วนะ

 "ผมจะขึ้นแล้ว พี่อาบต่อก็ได้" ผมหน้าแดงน้อยๆ มองพี่หมอกที่ไม่คิดแม้แต่จะปิดจุดอันตราย

  แต่เมื่อผมกำลังจะลุกออกจากอ่างน้ำ พี่หมอกกลับเดินเอาตัวเองมาบังทางไว้ไม่ให้ผมขึ้นและเดินเข้ามาเรื่อยๆ จนผมต้องลงไปอ่างในตามเดิม

 ผมกระสับกระส่ายทำตัวไม่ถูก พยายามเสมองไปทางอื่น แต่ก็ยังรู้สึกถึงสายตาแปลกๆ ของพี่หมอกที่มองมา

 "กลัวอะไร เมื่อคืนไม่เห็นจะหนีเลย"

 "คือ..." ผมที่ถูกรุกจนหลังแนบผนังแล้วก็ผลักหน้าท้องพี่หมอกไว้เบาๆ หัวใจเต้นไม่เป็นส่ำ

 "อิน" เอาอีกแล้ว ผมที่ได้ยินเสียงเรียกชื่อจากพี่หมอก ก็เผลอช้อนสายตาขึ้นไปมอง

 พี่หมอกใช้แขนข้างหนึ่งดันผนังไว้และก้มลงเล็กน้อยจ้องมองผม ราวกับคนไม่เคยเห็น ผมไม่ชินอะไรแบบนี้เลย มันปั่นป่วนไปหมด เพราะว่ายังไง นี่ก็คือพี่หมอก คนที่ผมแอบรักมานานแสนนาน

 แต่ว่า ผมคงจะเงียบแบบนี้อีกต่อไปไม่ได้แล้ว ผมอยากรู้ ผมอยากรู้จริงๆ ว่าอะไรถึงทำให้พี่หมอกเปลี่ยนไป พี่ในตอนนี้ ทำให้ผมสับสน แต่ผมก็ไม่กล้าคิด ผมไม่กล้าหวังอีกแล้ว ว่าที่พี่ทำทั้งหมดนี้ เพราะว่าพี่...รักผม

 "ทำไม...พี่ถึงกอดผม" ผมถามคนตรงหน้า และจ้องมองลึกเข้าไปในแววตาสีเข้มนั้น ผมไม่ได้คาดหวังอะไรกับคำถามนี้เท่าไหร่ และก็กลัว กลัวเหลือเกินว่ามันจะเป็นคำตอบที่ทำให้ผมเสียใจ เหมือนที่พี่ ชอบทำให้ผมเสียใจอยู่เรื่อยมา

 สายตาของพี่หมอกดูกะพริบไหว ผมมองและจับจองแววตาที่ไม่มั่นคงนั้น เหมือนพี่เขาอยากจะพูดอะไร แต่ก็ไม่ยอมพูดออกมา

 "พอเอาเข้าจริงก็ยากเหมือนกัน" พี่หมอกเสหน้าไปทางอื่นและพูดเบาๆ กับตัวเอง

 "พี่รู้ไหม ความจริงเมื่อคืน ผมมาทำไม" ผมพูดและพี่หมอกก็หันกลับมาจ้องผมเหมือนเดิม

 "ผมมา เพื่อจะตัดพี่ออกอีกครั้ง ไม่รู้ครั้งที่เท่าไหร่แล้ว แต่ผมก็ยังพยายาม" น้ำเสียงของผมแผ่วเบาแต่เต็มไปด้วยความรู้สึกเจ็บปวด "ผมไม่เคยรู้เลยว่าพี่คิดอะไรอยู่กันแน่ พี่ต้องการจะทำอะไร พี่ช่วยบอกผมทีได้ไหม"

ผมจ้องมองพี่หมอกราวกับขอร้อง ผมอยากให้ทุกอย่างมันจบลงตรงนี้ ถ้าพี่ไม่ได้รู้สึกกับผมเลยสักนิด แต่ว่า ถ้าหากว่า ในหัวใจของพี่ มีสักเพียงเศษเสี้ยวหนึ่งที่รักผมละก็ ช่วยบอกผมทีได้ไหม แล้วผมจะลืมทุกอย่างแล้วมีชีวิตต่อไป เพื่อพี่ เพื่อฝันต่อไป ว่าสักวันพวกเราจะได้ใช้ชีวิตด้วยกัน

 "เมื่อถึงเวลา..." พี่หมอกพูดเบาๆ และใช้มือแตะเบาๆ ที่แก้มของผม หัวใจของผมพองโตด้วยความรู้สึกอบอุ่น ผมจับมือพี่หมอกไว้ และตั้งใจฟังด้วยความหวังที่เต็มหัวใจ

 "จะบอกให้ฟัง" สิ้นสุดคำพูดนั้น พี่หมอกก้มตัวลงอีกเล็กน้อย ให้ริมฝีปากของเราสัมผัสกัน

 ผมไม่ได้ต่อต้านหรือรั้งรออะไร ผมปล่อยให้ความปรารถนาควบคุมหัวใจและทุกสิ่งก็เป็นไปอย่างที่ควรจะเป็น

 ความนุ่มลื่นชุ่มชื้น ทำให้ท่อนกายของคนตรงหน้านั้นสอดลึกเข้ามาตามความต้องการอย่างรวดเร็ว ผมกระดากอายเล็กน้อยกับท่าทางการยืนที่ไม่ถนัดนี้

 คนตรงหน้ายกรวบขาของผมข้างหนึ่งขึ้นและเริ่มกระแทกกายเข้ามาช้าๆ อย่างรู้งาน พร้อมๆ กับบดเบียดริมฝีปากควานลิ้นร้อนเก็บเกี่ยวความหวานไม่รู้จบ

 ผมกอดคอคนตรงหน้าไว้ ทุกครั้งที่ถูกกระทำแรงขึ้น ขาของผมก็แทบจะแบกรับน้ำหนักไม่ไหว ปากที่เม้มกันแน่นเริ่มเป็นสีแดง เริ่มจะสะกดกลั้นเสียงร้องไม่ไหวอีกต่อไป

"ผม...อื้อ.ยืน..ไม่ไหว" เสียงที่พยายามบอกคนตรงหน้าเริ่มแตกพร่า เป็นเวลานานมากพอดูทีเดียวที่ร่างกายถูกจับให้พลิกไปมาและกระแทกกระทั้นจนแทบขาดใจ พี่หมอกดูเหมือนจะเริ่มรับรู้และสงสารผม จึงจับตัวที่อ่อนปวกเปียกของผมนอนลงราบกับพื้นที่กว้างขวางของอ่างน้ำ โดยที่การเชื่อมต่อไม่เคยหลุดออกจากกัน

ผมรู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย ขาและหลังก็ดูจะไม่ปวดมากเท่าที่เคยปวด แต่ว่าพอคิดแบบนั้นไม่ทันไร ร่างกายที่ถูกเชื่อมต่อก็เริ่มที่จะถูกกระแทกกระทั้นหนักหน่วงกว่าเดิม คนตรงหน้าแทบไม่ให้เวลาผมหายใจ เหมือนผมยิ่งร้อง ความเร็วและแรงก็มีแต่จะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ

"ข้างใน ได้ไหม" ใบหน้าที่แดงระเรื่อของผมเริ่มเป็นสีแดงเมื่อได้ยินคำถาม แต่ว่าจะมีประโยชน์อะไร เวลาที่พี่หมอกถาม ผมแทบไม่ได้มีโอกาสจะตอบได้จริงๆ สักที

"ไม่...อื้อ" ปากของผมถูกปิดสนิทและถูกดูดจนแทบช้ำ คนตรงหน้าเริ่มเร่งจังหวะและหอบหายใจ หลับตาแน่นดูราวกับจะขาดใจไปเช่นกัน

หลังจากที่ถูกใส่เต็มเหนี่ยวอีกไม่กี่ครั้ง ร่างกายของคนด้านบนก็ดูจะนิ่งสงบ ความรู้สึกอุ่นร้อนถูกเติมจนเต็มล้น พวกเรากอดก่ายกันด้วยร่างกายที่เต็มไปด้วยหยาดเหงื่อ ไม่มีแม้แต่เรี่ยวแรงจะพูด ทำได้แค่เพียงกอดก่ายกันเอาไว้

 เป็นเวลาหลายชั่วโมงที่เรายังคงอยู่ในห้องน้ำและแช่อยู่ในอ่างน้ำ ตอนนี้ร่างกายของผมแทบจะกลายเป็นเนื้อเปื่อยเลยทีเดียว พี่หมอกยังไม่ยอมให้ผมขึ้นจากน้ำ ยังคงนั่งซ้อนอยู่ด้านหลังผมทำเอาผมไม่ค่อยกล้าขยับตัวเท่าไหร่

แต่ว่า ผมก็มีความสุขมากจริงๆ ที่ได้อยู่ตรงนี้ ผมได้ใกล้ชิดพี่ มากขึ้น มากขึ้นเรื่อยๆ และผมก็อยากอยู่ตรงนี้ตลอดไป

"อิน" อยู่ๆ พี่หมอกก็ทำลายความเงียบ ผมยังคงรู้สึกเขินเล็กๆ ไม่กล้าสบตาพี่หมอกจึงได้แต่นั่งขดตัว ซ่อนใบหน้าครึ่งหนึ่งไว้ในน้ำ

"..."

"เรื่องไอ้เปอร์น่ะ..เลิกกับมันซะ"

 หลังจากฟังสิ่งที่พี่หมอกพูด ผมก็เริ่มรู้สึกฉุนขึ้นมาเล็กๆ ทำไมกันนะพี่ถึงต้องมาพูดเรื่องพี่เปอร์ตอนนี้ แถมยังมาพูดแบบนี้อีก พี่ไม่รู้เหรอว่าการที่ผมต้องคบกับพี่เปอร์นั้น ก็เป็นเพราะพี่ และตัวพี่เองก็ยังไม่เลิกกับแฟนพี่เลย

 ผมไม่ได้พูดอะไร แต่เริ่มลุกขึ้นจากน้ำตอนพี่หมอกเผลอ ผมพันผ้าเช็ดตัวที่เอว และเดินออกมาจากห้องน้ำ ซึ่งพี่หมอกก็เดินตามผมมาเงียบๆ เช่นกัน

 "ผมว่าผมกลับดีกว่า เย็นมากแล้ว เดี๋ยวแม่จะเป็นห่วง"

 "อิน" พี่หมอกเดินตามผมมาด้านหลัง และดึงแขนผมไว้

 "ฟังที่พูดและทำตามซะ ก็เห็นอยู่ว่ามันเป็นคนยังไง" ผมหันไปมองพี่หมอกด้วยท่าทีเคืองเล็กๆ พี่หมอกยังไงก็ยังคงเป็นพี่หมอก เอาแต่ใจ หลงตัวเอง เห็นแก่ตัว

 "แล้วพี่ล่ะ เป็นยังไง" ผมแกะมือพี่หมอกออก อยู่ๆ มาพูดอะไร มันไม่ได้ง่ายแบบที่พี่คิดหรอก

 ผมหยิบเสื้อผ้าที่ซักเรียบร้อยแล้วเดินเข้าไปในห้องน้ำ และเปลี่ยนอีกครั้ง พี่หมอกไม่ได้พูดอะไรต่อ ซึ่งก็แปลว่าโกรธไปแล้วละมั้ง

ผมน่ะ อยากจะทำแบบที่พี่พูดนั่นแหละ แต่ว่าผมก็ไม่ได้ใจไม้ไส้ระกำแบบนั้น ผมอยากให้พี่เปอร์ เป็นคนบอกเลิกผมมากกว่า เพราะยังไง ผมก็รู้สึกผิดที่ดึงพี่เขาเข้ามาเกี่ยวข้อง ผมไม่ได้ใจดำเหมือนกับพี่ ที่จะทำร้ายจิตใจใครได้ง่ายๆ

 เมื่อเสร็จเรียบร้อย ผมออกมาจากห้องน้ำ และหยิบกระเป๋าที่โซฟาเตรียมพร้อมเพื่อจะกลับ แต่ว่า...พี่หมอกหายไปไหนกันนะ ผมควรจะลาพี่เขาก่อนที่จะไป

 และเมื่อมองหาคนที่คิดถึงนั้น เสียงเปียโนก็ดังขึ้น คลอเบาๆ อยู่ในบรรยากาศ ผมมองขึ้นไปตามที่มาของเสียง ทำให้รู้ได้ทันทีว่าพี่หมอกอยู่บนนั้น

 บทเพลงที่ได้ยินราวกับทำให้ความขุ่นมัวในหัวใจค่อยๆ สลายหายไป ผมเดินช้าๆ ไต่บันไดเล็กๆ ขึ้นไปด้านบน และมองดูพี่หมอกที่กำลังบรรเลงบทเพลงที่ชวนอบอุ่นหัวใจ

 "เลิกกันแล้ว" สิ่งที่พี่หมอกพูดขณะเล่นเปียโนนั้น ทำให้ผมได้ยินไม่ชัด ผมขมวดคิ้วน้อยๆ และก้าวเข้าไปหาพี่หมอกให้ใกล้มากขึ้นอีกนิด

 "เมื่อกี้พี่ ว่าไงนะ"

 "กับผู้หญิงนั้น เลิกไปแล้ว"

 "..."


 ช่วงเวลาทุกฝีก้าวที่ผมออกมาจากห้องพี่หมอกนั้น ราวกับติดปีกไว้บนหลัง ผมเดินไปตามทางและเริ่มยิ้มอยู่คนเดียว หลังจากที่อะไรหลายๆ อย่างผ่านไปผมก็ยิ่งเริ่มมั่นใจ ความหวังที่เคยดับมอดไปแล้ว มันลุกโชนขึ้นมา โหมกระหน่ำอยู่ภายใน

 พี่หมอกเลิกกับหมี่แล้วเหรอ นี่คือเรื่องจริงใช่ไหม ผมในตอนนี้ทำหน้าไม่ค่อยถูกเท่าไหร่ ใจหนึ่งผมก็ดีใจเหลือเกินที่ทั้งสองไปกันไม่ได้ แต่ในความเป็นจริงผมก็ไม่ควรดีใจกับความทุกข์ของคนอื่น ผมคิดว่าหมี่คงจะเสียใจไม่ก็โกรธสุดๆ กับเรื่องนี้แน่ๆ

 แต่ว่ามันยังไงกันนะ หรือว่าเมื่อวานที่พี่หมอกบอกว่ามีเรื่องจะบอกก็คือเรื่องนี้ แต่ว่าเมื่อวานหมี่ก็อยู่ด้วยตอนกินข้าวกลางวันนี่นา ทำไมเธอถึงทำตัวปกติ หรือว่าเธอไม่ยอมรับกัน

 ผมคิดและหยุดเดินกลางคัน จะมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นไหมนะ หรือว่าพี่หมอกจะโกหกผม หลอกผม...

 ไม่ ไม่ใช่หรอก...

 ผมบอกตัวเองและพยายามคิดถึงการกระทำของพี่หมอก

 ถึงพี่เขาจะยังไม่ได้บอกว่าชอบหรือรักผม แต่ผมก็เริ่มรู้สึกว่าพี่หมอกเปลี่ยนไปแล้ว พี่หมอกดูแคร์ผม ห่วงใยผมมากขึ้น ถ้าเทียบกับเมื่อก่อนแล้ว ราวกับหน้ามือเป็นหลังมือ

 ผมคิดและฝันละเมอไปต่างๆ นานา จนในที่สุดก็ถึงบ้านหลังน้อยของผม ตอนนี้ท้องฟ้าเริ่มมืดแล้ว ผมเข้าไปช่วยงานแม่ที่ยังคงคั่งค้าง และอ้อนขอโทษแม่อีกยกใหญ่ที่ไม่ได้กลับมานอนบ้าน

"ทีหลังถ้าไปนอนกับเพื่อนแม่ไม่ว่านะอิน แต่ช่วยบอกแม่ล่วงหน้าได้ไหม แม่เป็นห่วงจะแย่" แม่ยังคงบ่นผม ซึ่งผมนั้นก็ได้แต่ยิ้มอย่างสำนึกผิด ผมรู้ตัวเองดีว่าทำให้แม่เป็นห่วงมากแค่ไหน แต่ว่าจะให้บอกก่อนก็ยากเหลือเกิน เพราะผมไม่มีระยะเวลาให้พักทำแบบนั้นเลยนี่นา

 ยิ่งหวนคิด ใบหน้าของผมก็เริ่มแดงขึ้น พี่หมอก ไอ้คนบ้ากามนั่น เหมือนเป็นคนเก็บกดแล้วชอบเอามาลงกับอะไรแบบนี้หรือเปล่านะ ทั้งแรงเยอะ ทั้งท่ายากคือจัดเต็มมาก ผมทั้งรู้สึกดีและอายมากในเวลาเดียวกัน

แต่ถึงจะเป็นแบบนั้น ผมก็ชอบที่พวกเราได้อยู่ใกล้ชิดกัน ได้กอด ได้จูบคนที่รัก ช่วงเวลาเหล่านี้ มันมีค่าเหลือเกินกับคนที่พี่เคยไม่แลตามองแบบผม มีค่ามากมายจริงๆ
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#33 ช่วงเวลาที่แสนมีค่า](15/10/62)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 15-10-2019 18:42:52
 :pig4: :pig4: :pig4:

อินนี่ไม่ทำมะดา  ชอบท่ายากดัวะ  หุหุ
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#33 ช่วงเวลาที่แสนมีค่า](15/10/62)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 15-10-2019 22:29:50
เฮ้อออ สงสารใครดี
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#33 ช่วงเวลาที่แสนมีค่า](15/10/62)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 15-10-2019 22:50:07
ถ้าเจอหน้าหมี่ อินจะเป็นไงนะ  :hao4:
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#33 ช่วงเวลาที่แสนมีค่า](15/10/62)
เริ่มหัวข้อโดย: Autonomyz ที่ 16-10-2019 00:39:12
เอาจริงๆ เรื่องนี้ทั้งอินทั้งหมอกทำไม่ถูกนะ ถ้าจะทำอะไรกัน อย่างน้อยก็บอกเลิกแฟนตัวเองก่อน
การนอกกายนอกใจคู่ของตัวเองมันไม่ถูกต้อง อย่าดึงคนอื่นเข้ามาในวังวนของตัวเองเลย
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#33 ช่วงเวลาที่แสนมีค่า](15/10/62)
เริ่มหัวข้อโดย: Gloomy Sunday ที่ 20-11-2019 13:35:42
เพ้อ บทที่ 34 คำเตือน


ผมในตอนนี้คงจะเป็นคนที่น่าหมั่นไส้ที่สุด ผมรู้สึกแบบนั้นจริงๆ ทุกครั้งที่จ้องมองใบหน้าของตัวเองผ่านกระจก เพราะรอยยิ้มเล็กๆ ที่ไม่เคยจางหาย ถึงแม้ว่าตอนนี้จะผ่านมาหลายวันแล้วที่ผมกับพี่หมอกได้อยู่ด้วยกันในวันนั้น แต่ทุกสิ่งก็ยังคงเดิม พี่หมอก ยังคงดีกับผมเหมือนเดิม จนผมเริ่มที่จะชินมากขึ้น

"อิน ช่วงนี้หน้าตาสดใสนะ มีเรื่องดีๆ ก็บอกพี่มั่งสิ" ผมที่พยายามจะปรับสีหน้าก็ไม่ได้เรื่องซะแล้ว ถูกจับได้โดยพี่ๆ ในชมรมละคร

"เปล่าซะหน่อยครับ"

"แหม ไม่เชื่อหรอกจ้ะ หน้านี่บานมาหลายวันละ" พี่แก้วได้ทียิ่งแหย่ผม แต่ก็นะ ผมคงจะมีความสุขจนออกนอกหน้าจริงละมั้ง

"พี่ก็พูดเวอร์ไป"

"ได้ข่าวว่าอินไปถ่ายละครมาเหรอ ที่อารมณ์ดีเพราะเรื่องนี้ด้วยหรือเปล่า" พี่ๆ แต่ละคนก็สนใจเรื่องนี้กันมาก แต่อันที่จริงผมก็แค่ไปเป็นตัวประกอบเท่านั้น

"แค่ช่วยงานพี่ที่รู้จักกันครับ"

"ใครอ่ะ หรือว่าจะเป็นหมอกปี 4 นั่น" ผมอึกอักเล็กน้อย ไม่คิดว่าพวกพี่ๆ จะเดาถูก

"ใช่แน่ๆ เห็นวันก่อนก็อยู่กับเขานี่ สนิทกันเหรอ"

"ไม่ใช่แบบนั้นหรอกครับ แค่ผมเคยช่วยพี่เขาต่อบท แล้วเพื่อนพี่เขาก็รู้จักกับผมด้วย" ผมก็ได้ทีแถไปก่อน ไม่อยากให้ใครเห็นว่าพวกเราเริ่มสนิทกันจริงๆ กลัวพี่เขาจะถูกมองไม่ดี

"แล้วอินเมื่อไหร่จะไปแคสเล่นละครจริงๆ จังๆ บ้างล่ะ"

"เร็วๆ นี้แหละครับ"

"ดีมาก พวกพี่เอาใจช่วยนะ"

"ขอบคุณครับ"

ผมยิ้มให้พวกพี่ๆ อีกไม่นานแล้วที่พวกเราจะต้องจากกัน เพราะพวกพี่หลายคนใกล้จะจบการศึกษาแล้ว ต่อไปผมคงจะเหงาน่าดู ประสบการณ์ที่ผมได้รับจากที่แห่งนี้ มันมีค่ามาก ผมจะไม่ลืมเลยว่า ผมได้เคยเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของพวกเขา และพวกเรามีความฝันร่วมกัน ซึ่งแน่นอนว่าในสักวัน ความฝันของผม จะต้องเป็นจริง

เมื่อเป็นเวลาเย็นมากแล้ว ท้องฟ้าด้านนอกก็เริ่มมืดมิด ผมและพี่ๆ เริ่มแยกย้ายกันออกจากโรงละคร ผมในวันนี้รั้งท้ายเพื่อตรวจเช็คทุกสิ่งทุกอย่างและจัดการปิดห้องประชุมเรียบร้อย

แกร่กๆ!

เสียงเสียงหนึ่งดังขึ้นจากความมืดตรงแถวๆ ที่นั่งที่มืดมิดชั้นบน ผมหัวใจเต้นแรงขึ้นเล็กน้อย ความมืดและเงียบทำให้เสียงแปลกๆ ดังขึ้นอย่างเด่นชัด ผมไม่ใช่คนที่จะไม่กลัวอะไร ผีนั้นก็เป็นอีกสิ่งที่ผมกลัว แต่ก็ไม่เคยเจอสักที

"อ..เอ่อ มีใครอยู่เหรอ" ผมส่งเสียงอย่างหวาดๆ มองไปบนชั้นที่นั่งที่มืดมิดนั้น ผมคงหูแว่วไปเองใช่ไหม ผมว่า ผมรีบไปดีกว่า

ว่าแล้วผมก็รีบสะพายเป้ที่ไหล่ และรีบขึ้นบันไดไปอีกทางเพื่อจะไปยังทางออกตรงกลาง ผมคิดว่าผมไม่ได้รู้สึกไปเองว่ามีคนกำลังจ้องมองผมอยู่

ขาที่ก้าวเริ่มก้าวเร็วมากขึ้นอีกนิด ภายในใจคิดแต่ภาพน่ากลัวต่างๆ จนผมแทบจะวิ่งอยู่แล้ว และเมื่อมาถึงประตูทางออก ใจของผมก็โล่งไปเปลาะหนึ่ง ผมรีบเอื้อมมือไปจับประตูที่เปิดแง้มไว้ แต่ว่าเมื่อทำแบบนั้น ตัวผมก็ถูกจู่โจมจากด้านหลังอย่างรวดเร็ว

"อื้อออออ ช่วย! อื้ออออ..."

ประตูที่อยู่ตรงหน้าในตอนนี้กำลังไกลห่างออกไปจากสายตา ผมถูกปิดปาก ถูกดึง ถูกรัดและลากให้ขึ้นบันไดสูงขึ้นไป จากความคิดเรื่องผีในตอนนี้ แปรเปลี่ยนไปเป็นหนังสยองขวัญ ผมตายแน่ คนที่จับผมนั้นแรงเยอะมาก ผมคงไม่รอดแน่ๆ

"ปล่อย!" ผมดิ้นไปมาและปากเริ่มหลุดจากมือหนา

"บอกให้ปล่อย!" ผมร้องเสียงดังจนเสียงสะท้อนไปทั้งโรงละคร แต่เมื่อทำแบบนั้น เสียงที่ได้ยินจากคนที่จับผม ก็ทำให้ผมหยุดดิ้นทันที

"ฮ่าๆๆ" ผมตัวแข็งทื่อขึ้นทันใด เพราะแค่เพียงเสียงหัวเราะ ผมก็จำได้ดี

"พี่หมอก!" ผมทั้งตกใจ ทั้งโกรธ ทั้งเขิน ทุกอารมณ์ทำให้หน้าตาผมตอนนี้ดูแทบไม่ได้

ผมหันไปผลักพี่หมอกเบาๆ อย่างเคืองๆ มองคนที่ยังคงหัวเราะชอบใจที่ทำผมแทบหัวใจวายตายได้

"เล่นอะไรของพี่"

"ก็อยากทำเป็นไม่ว่างเอง" ถึงแม้จะมืดมาก แต่ใบหน้าขาวๆ ของพี่หมอกก็ยังคงดูเด่นชัดมาก สีหน้าของพี่เขายียวนกวนประสาท คงกะจะทำให้ผมตกใจตายไปเลยจริงๆ

"ก็ผมไม่ว่างจริงๆ"

"แล้วตอนนี้ล่ะ" พี่หมอกไม่พูดเปล่าแต่ดึงผมให้นั่งลงที่ตักของพี่เขา ผมทำตัวแข็งทื่ออีกรอบ

"อย่าครับ ที่นี่มันมีกล้องนะ"

"ช่างมันสิ เดี๋ยวค่อยพังมัน"

"พังไม่ได้ครับ"

"งั้นก็เข้าไปลบในห้องควบคุม มีกุญแจไม่ใช่เหรอ" ผมเลิกคิ้วขึ้นน้อยๆ

"พี่รู้ได้ไงว่าผมมีกุญแจ"

"เดา" คนพูดไม่ยอมสบตา และเริ่มออกแรงรัดผมให้อยู่นิ่งๆ มากขึ้น

"ออกไปกันเถอะครับ"

ผมบอกพี่หมอกที่ยังไม่ยอมปล่อยตัวผม เก้าอี้ของโรงละครก็คล้ายๆ กับในโรงภาพยนตร์ แต่การมีผู้ชายสองคนนั่งซ้อนกันอยู่ มันก็ค่อนข้างอึดอัดนะ

"พี่ไม่ร้อนเหรอ ตัวผมก็หนักด้วย"

ผมที่จริงแล้วรู้สึกประหม่ามากๆ เมื่ออยู่ใกล้พี่หมอก และที่ผมจะหัวใจวายตายน่ะ ไม่ใช่เพราะตกใจอีกแล้ว แต่เพราะว่าพี่หมอกกอดผมแน่นมาก เหมือนกลัวผมจะหายไปยังไงยังงั้น

"ไปไหน ไม่อยากไปไหน" พี่หมอกช่างดื้อและเอาแต่ใจมาก แต่ไม่รู้ทำไม ผมแอบยิ้มเล็กๆ ในความมืด

ผมค่อยๆ ผ่อนร่างกายของตัวเองพิงซบคนใต้ร่างมากขึ้น ใบหน้าของพวกเราใกล้กันมาก ผมรู้สึกได้ถึงลมหายใจของพี่หมอกที่ข้างแก้ม ถึงแม้ที่นี่จะมืดมากแต่ในหัวใจของผมมันสว่างไสวเหลือเกิน

"งั้น สักพักนึงก็ได้ครับ" ผมหลับตาลง ซึมซับความรู้สึกที่ครั้งหนึ่งในชีวิตได้แต่นึกฝัน และหลงละเมอไปเองต่างๆ นานา แต่วันนี้ นาทีนี้ คนที่อยู่ในฝันของผม เขากำลังกอดผมเอาไว้ ผมมีความสุขมากเหลือเกิน และคงจะไม่มีวันลืมช่วงเวลาเหล่านี้ได้เลย


ในช่วงเช้าของวันใหม่ หลังจากช่วยแม่ทำงานบ้านเป็นกิจวัตร ผมออกไปเรียนแต่เช้าด้วยความสดใส และอย่าให้พูดถึงเรื่องเมื่อคืนเลย ผมแทบเอาตัวเองไม่รอดจากโรงละครของมหา'ลัย

พี่หมอกก็ยังคงเป็นพี่หมอก ผมแทบจะถูกแก้ผ้าทันที หลังจากที่ผ่อนแรงขัดขืน แต่ดีที่คุณ รปภ.ผู้ดูแลรอบๆ เข้ามาซะก่อน ไม่งั้นผมคงได้โดนเอ้าท์ดอร์ของจริงแน่ นี่เป็นสิ่งที่ผมเอือมกับพี่หมอก คนบ้ากามยังไงก็บ้ากามอยู่วันยังค่ำ

"วันนี้อย่าคิดจะหนี"

เมื่อเดินเข้ามาใกล้คณะ เสียงพูดที่คุ้นเคยก็ดังขึ้น พร้อมๆ กับมะเหงกเคาะเบาๆ ที่หัวของผม พี่หมอกเดินมาที่ด้านหลังและเดินผ่านผมไปอย่างรวดเร็ว ไม่วายยกยิ้มมุมปากกวนๆ ก่อนจากไป

ซึ่งผมที่งงงวยก็ได้แต่หยุดเดิน เกาหัวและยิ้มตามอย่างมีความสุข โดยไม่รู้เลยว่า อีกด้านหนึ่งมีคนที่กำลังเดินเข้ามาซึ่งคอยจ้องมองผมอยู่นานแล้ว

"ช่วงนี้อินดูมีความสุขดีนะ"

ผมสะดุ้งตกใจเล็กน้อยและหันกลับไปมองคนที่พูด พี่เปอร์ยืนอยู่ไม่ห่างจากผมมาก พี่เขาจ้องมองผมด้วยแววตาที่ผมไม่อยากเห็น

"แต่พี่ก็ดีใจนะ ที่อินมีความสุข ดีใจจริงๆ ที่เห็นอินยิ้มได้"

ผมหลบสายตาพี่เปอร์ รู้สึกเจ็บปวดข้างในหัวใจเล็กๆ ผมเกือบลืมเรื่องราวระหว่างพวกเราไปแล้วจริง

"อย่าทำหน้าแบบนั้น พี่ยังไม่ได้ว่าอะไรเลย"

ผมพูดไม่ออกและไม่ได้หลบมือหนาที่กำลังยื่นมือมาลูบหัวผมเบาๆ พี่เปอร์ถึงแววตาจะเศร้าสร้อย แต่รอยยิ้มกลับสว่างไสวราวพระอาทิตย์

"ไปเรียนได้แล้ว"

ผมถูกผลักเบาๆ ให้เดินออกไป ขาของผมค่อยๆ เดินไปข้างหน้าด้วยหัวใจที่เริ่มสับสน คิดกังวลมากมายกับเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างพวกเรา

ตลอดคาบการเรียน ในหัวของผมเหมือนกำลังว่างเปล่า ผมนั่งเหม่อลอยอยู่หลายชั่วโมง ปล่อยเวลาให้เดินล่วงผ่านไป ผมไม่อยากคิด ไม่อยากเครียดอีกแล้ว แต่ว่าผมจะแก้ปัญหานี้ยังไง เรื่องระหว่างผมและพี่เปอร์ มันจะมีทางไหนอีก ผมเริ่มเกลียดตัวเองมากขึ้นทุกที ที่ทำให้ทุกอย่างมันยุ่งเหยิงแบบนี้

Trrr Trrr

แรงสั่นจากมือถือที่วางอยู่ตรงหน้าทำให้ผมหลุดออกจากความคิด ผมเอื้อมมือไปหยิบมันขึ้นมา โดยไม่ได้ใส่ใจกับมันมากเท่าไหร่

[อย่าเชื่อใจพี่เปอร์ ออกห่างจากเขาซะ]

แต่ข้อความหนึ่งที่ปรากฏบนหน้าจอมือถือ ทำให้ความคิด ความกังวลของผมเริ่มเพิ่มเติมมากขึ้น ผมไม่เข้าใจเลย ข้อความนี้มาจากเบอร์แปลกๆ ที่พอโทรกลับก็ไม่สามารถติดต่อได้ มันหมายความว่ายังไง และมาจากใคร

สิ้นสุดความสงสัยนั้น สายตาของผมก็เหลือบไปเห็นคนคนหนึ่งที่กำลังทำท่าทางลับๆ ล่อๆ อยู่ที่หน้าประตู ผมรีบลุกขึ้น โดยไม่สนใจสายตาตำหนิของอาจารย์และเพื่อนๆ นี่มันแปลกมาก ทำไมเขาถึงมาให้ผมเห็นได้ หลังจากที่หลบหน้าผมมานาน

"ขอโทษครับ" ผมรีบพูดบอกทุกๆ คนในห้องเรียนและเก็บของวิ่งออกจากห้องอย่างรวดเร็ว แต่ว่าก็สายเกินไป คนคนนั้นหายไปแล้ว ผมไม่ได้เจอเขามาสักพักใหญ่แล้ว ตั้งแต่ที่พวกเราไปทะเลด้วยกัน

มิว นายเป็นอะไรกันแน่ ทำไมนายถึงต้องหลบหน้าพี่ขนาดนี้

ผมไม่ได้กลับเข้าชั้นเรียน แต่เดินออกมาจากคณะ เดินไปเรื่อยๆ ด้วยสมองที่กำลังคิดถึงข้อความนั้น ออกห่างจากพี่เปอร์งั้นเหรอ ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่ทำนะ ผมก็พยายามออกห่างพี่เขาจริงๆ เพราะอยากให้พี่เขาตัดใจจากผม อยากให้พวกเราเป็นเพียงเพื่อน พี่น้อง อย่างที่ควรจะเป็น

"เดินเหม่อทำอะไร ขึ้นรถ"

เสียงเรียกที่คุ้นเคยดังขึ้น พี่หมอกขับรถคันหรูมาจอดหยุดอยู่ข้างๆ พลางลดกระจกลงเล็กน้อย

"เปล่าครับ"

"ขึ้นมา"

ผมมองซ้ายขวาเล็กน้อย ก่อนจะเปิดประตูขึ้นไป ผมยังคงรู้สึกไม่สบายใจเล็กๆ ไม่อยากให้ใครเห็นว่าผมกับพี่หมอกนั้นอยู่ด้วยกัน

"เป็นอะไร เมื่อเช้าก็ยังดีๆ อยู่"

"เปล่าครับ"

"พูดเป็นคำเดียวหรือไง" ผมถูกดุเข้าให้แล้ว พี่หมอกดูหงุดหงิดมากขึ้น ผมไม่ควรเป็นแบบนี้เลย แต่จะพูดถึงพี่เปอร์กับพี่หมอกก็คงจะทะเลาะกันอีกแน่ๆ

"เราจะไปไหนกันเหรอครับ" ผมทำหน้าตาซื่อๆ ถามพี่หมอก เปลี่ยนเรื่องคุยน่าจะดีที่สุดในตอนนี้

"ไปไหนเดี๋ยวก็รู้" ถ้าพี่หมอกพูดแบบนี้ละก็ ผมก็ไม่ควรจะถามต่อสินะ

ผมสงบสติอารมณ์ เลิกคิด เลิกกังวลชั่วคราว ทำตัวดีๆ นั่งนิ่งๆ ไม่กวนใจ สายตาจ้องมองไปที่นอกหน้าต่างรถ มองดูผู้คน ถนน ตึกรามบ้านช่อง

ถ้าเป็นเมื่อก่อน ผมคงไม่คิดว่าจะได้เห็นทิวทัศน์นี้ผ่านกระจกรถของพี่หมอก มันดูเพ้อฝัน มันดูไม่มีทางที่จะเกิดขึ้นจริงได้ ซึ่งพอมาถึงตอนนี้ พอได้หันมองไปข้างๆ และเห็นคนที่ผมฝันถึงเสมอมา ผมก็รู้สึกดีขึ้นมากทีเดียว

"อาทิตย์หน้า ผมจะลองไปแคสงานดูครับ"

ถึงจะพูดออกไปแบบนั้น แต่ในหัวใจของผมก็ยังคงมีความกลัวอยู่เสมอ ผมกลัวเหลือเกิน ว่าผมอาจยังไม่ดีพอที่จะก้าวออกไปสู่สายอาชีพนักแสดงอย่างเต็มตัว

"แต่ไม่รู้ว่า จะได้ไหม..."

"ต้องได้สิ เป็นตัวของตัวเอง ทำให้ดีเหมือนที่ผ่านมานั่นแหละ"

"ขอบคุณครับ"

รอยยิ้มเล็กๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของผม จะมีอะไรที่ดีไปกว่าการได้รับการยอมรับจากคนที่เรารักและชื่นชม คำพูดของพี่หมอกนั้น ทำให้ผมมีความสุขมากจริงๆ
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#34 คำเตือน](20/11/62)
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 20-11-2019 21:42:44
จะจีบไหม รึไม่จีบ? :katai1:
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#34 คำเตือน](20/11/62)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 20-11-2019 22:27:50
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#34 คำเตือน](20/11/62)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 20-11-2019 23:31:38
 :pig4: :pig4: :pig4:

แหม่...เมื่อไรความลับอันน่าสะพรึงของพี่เปอร์จะถูกแฉสู่สาธารณะชน
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#34 คำเตือน](20/11/62)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 20-11-2019 23:37:43
มีแต่คนแปลก ๆ นะ ทั้งมิว ทั้งเปอร์  :hao3:
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#34 คำเตือน](20/11/62)
เริ่มหัวข้อโดย: ลูกกุญแจ ที่ 01-12-2019 03:17:48
พี่เปอร์คงเป็นเพย์บอยแบบร้ายๆแหละ
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#34 คำเตือน](20/11/62)
เริ่มหัวข้อโดย: ป่ามป๊ามป่ามปาม ที่ 10-12-2019 15:45:07
เพิ่งมาตามอ่าน ตัวละครมีพัฒนาการขึ้นนิดนึงตรงที่ยอมรับใจตัวเองกันสักที แต่ก็ควรรีบเคลียร์ความสัมพันธ์ดัวย
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#34 คำเตือน](20/11/62)
เริ่มหัวข้อโดย: Pawana ที่ 13-01-2020 20:17:40
คิดถึงน้องอินน์น์น์กับพี่หมอกกกจัง
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#34 คำเตือน](20/11/62)
เริ่มหัวข้อโดย: Gloomy Sunday ที่ 21-01-2020 16:48:01
เพ้อ บทที่ 35 สิ่งสำคัญที่เก็บซ่อนไว้


รถเคลื่อนผ่านไปอีกสักพัก และในที่สุดก็จอดลงที่ลานจอดรถที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ผมตื่นเต้นเล็กน้อยขณะมองพี่หมอกใส่แมสปิดปากสีดำอันใหญ่ และแว่นตากันแดดสีเข้ม ไม่บ่อยมากนักที่ผมจะได้ไปไหนมาไหนกับพี่หมอกในที่ที่คนเยอะๆ แบบนี้

"เดินแยกกันดีไหมครับ"

"ก็แค่มากับเพื่อน"

พอได้ยินแบบนั้นผมก็หน้าเจื่อนลงเล็กๆ แต่พี่หมอกก็พูดถูกแหละ ถ้าทำตัวแปลกๆ นั่นแหละยิ่งมีพิรุธ

"ครับ เพื่อน"

ไม่รู้ว่าคำพูดผมไปสะกิดใจอะไรคนฟัง พี่หมอกหันมาจ้องหน้าผมนิ่งๆ

"ให้เขียนกลางหน้าผากไหมว่าผ..." ผมรู้ดีว่าพี่หมอกกำลังจะพูดอะไร และไวกว่าความคิด มือของผมก็เอื้อมไปปิดปากพี่หมอกได้ทันการพอดี

"ไปกันเถอะครับ" หัวใจของผมพองฟู ไอ้การมาเดทกันมันก็คงอารมณ์ประมาณนี้ใช่ไหม มีความสุขอีกแล้วนะอิน

พวกเราออกจากลานจอดรถ เดินข้างๆ กันไปด้านใน แน่นอนว่าตอนนี้คนที่มาจับจ่ายเดินเที่ยวนั้นมีค่อนข้างเยอะทีเดียว

พี่หมอกถึงแม้จะปิดหน้าตามิดชิดแต่ก็ยังคงเรียกสายตาของผู้คนให้หันมามองได้ ด้วยผิวขาวที่ขาวสุขภาพดี รูปร่าง ส่วนสูง ทุกอย่างบ่งบอกได้โดยไม่ต้องเห็นหน้าด้วยซ้ำว่าคนคนนี้ดูดีแค่ไหน

"หนังเข้าใหม่" พี่หมอกเหลือบมองป้ายโฆษณาอย่างสนใจ ซึ่งผมก็พบว่ามีหลายเรื่องที่น่าสนใจจริงๆ

"พี่มาดูบ่อยไหม"

"ไม่"

"งั้นไปดูกัน" พี่หมอกพยักหน้าตอบรับ

พวกเราจัดการซื้อตั๋วเรียบร้อย ส่วนพวกขนมหรือน้ำพี่หมอกไม่สนใจจะกิน ซึ่งผมก็เช่นกัน พวกเราจึงเดินตัวเปล่าเข้าไป เลือกที่นั่งที่ชั้นบนสุด เพราะพี่หมอกบอกว่ารำคาญพวกถีบเบาะ ทำเอาผมดีใจเก้อเลยทีเดียว

"คนน้อยมาก"

"ดีแล้ว" พวกเราคุยกันเบาๆ พี่หมอกถอดแว่นและแมสออกจากหน้า นั่งกอดอกตัวตรงตั้งใจมองจอ

หัวใจผมนั้นเต้นแรงอยู่ในอก สายตาไม่รักดีคอยแต่จะเหลือบมองคนข้างๆ มากกว่าที่จะสนใจหนังที่กำลังเริ่ม ผมนั้นเคยฝัน ฝันว่าผมจะได้ทำอย่างวันนี้ อยู่ในบรรยากาศที่มืดสลัว สองมือกอบกุมกันไว้ เอียงคอซบไหล่พี่หมอกที่ผมแสนรัก และวันนี้ ในที่สุด ความฝันเล็กๆ ของผมก็เป็นจริง ผมไม่อาจหยุดหัวใจที่กำลังสั่นไหวนี้ได้เลย

"ดูหนัง" พี่หมอกพูดเบาๆ พลางเหลือบสายตามองผม ทำเอาผมที่ถูกจับได้นั่งหน้าแดงอย่างไม่รู้จะแก้ตัวยังไง

และหัวใจของผมก็ต้องกระตุกวูบอีกครั้ง เมื่อพี่หมอกค่อยๆ ขยับตัวลงช้าๆ และเอนพิงผม

"อย่าขยับ" พี่หมอกพูดเบาๆ แต่ไม่รู้ว่าทำไมในหูของผมมันถึงไม่ได้ยินเสียงของหนังเลย นอกจากเสียงหัวใจตัวเอง

ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่แล้วที่ผมยังคงนั่งนิ่งๆ อย่างที่ได้รับคำสั่ง ผมนุ่มๆ และกลิ่นหอมๆ ของพี่หมอกทำเอาผมสติแทบกระเจิดกระเจิง ถึงจะดูผิดโพสิชันนิดหน่อย แต่แบบนี้ก็ไม่เลวเลยทีเดียว

ผมรู้สึกว่า ความสัมพันธ์ของพวกเราไม่ใช่แค่เรื่องบนเตียงอีกแล้ว พวกเราทำเหมือนคู่รักคนอื่นๆ แล้วนะ ถึงแม้ว่าผมจะยังไม่ได้ยินคำๆ นั้นจากพี่หมอกก็ตาม

แต่ว่าพอเวลาผ่านไปสักพัก ผมก็เพิ่งรู้สึกจริงๆ จังๆ ว่ามีอุปสรรคซะแล้ว ไอ้เหน็บไม่รักดี ทำไมถึงมาป่วนตอนนี้

"พี่หมอก" ผมส่งเสียงออกไปเบาๆ หวังให้คนที่กำลังพิงผมให้ขยับตัวสักนิด แต่เมื่อผมลองเรียกออกไปอีกครั้ง ก็พบว่าพี่หมอกยังคงนิ่งสนิท เอ๊ะ...หรือว่า

ด้วยความสงสัย ผมพยายามขยับตัวให้น้อยและก้มลงมองใบหน้าของคนที่กำลังพิงผม แสงสว่างวาบจากหน้าจอทำให้ผมมองเห็นแพรขนตาที่กำลังขยับนิดๆ พี่หมอกขมวดคิ้วมุ่นทั้งๆ ที่ดวงตาปิดสนิท

ผมค่อยๆ ยิ้มออกมาอย่างอดใจไม่อยู่ ทั้งๆ ที่เป็นคนชวนผมให้ดูหนังแท้ๆ แต่ตอนนี้คนชวนกลับไปเฝ้าพระอินทร์ซะแล้ว ความมันเขี้ยวทำให้ผมค่อยๆ เอื้อมมือไปหยิกเบาๆ ที่ข้างแก้มขาวนั้น พอไม่พูดอะไรร้ายๆ ออกมาพี่ก็ดูบริสุทธิ์เหลือเกิน เหมือนกับเทวดาตัวน้อยๆ ไม่สิ ไม่น้อยเลยจริงๆ

แต่ขณะที่ผมกำลังชื่นชมใบหน้าของคนข้างๆ นั้น เสียงกระทบกันของโลหะเล็กๆ ก็ดังเบาๆ ขึ้นมา ผมขมวดคิ้วเล็กน้อย มองดูสร้อยคอสีเงินที่ไหลออกจากปกเสื้อของพี่หมอก บนสร้อยคอนั้นมีแหวนวงหนึ่งเป็นจี้ห้อยเอาไว้ เป็นแหวนสีเงินกลมเกลี้ยง ตรงกลางมีเพชรเม็ดงามฝังอยู่

หัวใจของผมเริ่มสั่นไหวน้อยๆ ผมเคยเห็นมันมาก่อน ตอนนั้น ในกล่องม้าหมุน...

และด้วยความที่ไม่ทันคิด ผมค่อยๆ เอื้อมมือไปช้าๆ เพื่อที่จะสัมผัสแหวนวงนั้น เพื่อจ้องมองมันให้ใกล้มากขึ้น

หมับ!

แต่เมื่อมือของผมเอื้อมไปจนได้แตะมันเพียงเล็กน้อย ข้อมือของผมก็ถูกจับไว้ทันที พี่หมอกขยับตัวขึ้น และเก็บสร้อยเข้าไปในเสื้อตามเดิม

"ขอโทษครับ" เมื่อรู้สึกว่าตัวเองก้าวก่ายเกินไป ผมก็บอกขอโทษพี่หมอก พี่เขาดูจะหวงแหวนวงนั้นมาก

"ใกล้จบหรือยัง" พี่หมอกทำเหมือนไม่ได้ใส่ใจเรื่องแหวนและถามถึงหนังแทน

"คงใกล้แล้วครับ" ผมตอบแบบไม่ค่อยมั่นใจ และยังคงเหลือบมองสร้อยนั่นอย่างอดสงสัยไม่ได้ ผมรู้สึกเจ็บปวดลึกๆ ในหัวใจ เมื่อคิดว่าคนที่ให้แหวนวงนั้นกับพี่หมอก คงจะต้องสำคัญมากๆ สำคัญมากกว่าผมหลายเท่านัก

ผมไม่รู้ว่าพี่หมอกจะรู้ความหมองใจเล็กๆ ของผมไหม แต่พี่เขาก็จ้องมองผมเหมือนอยากจะพูดอะไร แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา

หลังออกจากโรงภาพยนตร์ก็เป็นเวลาเย็นมากแล้ว ผมบอกพี่หมอกว่าพวกเราควรจะแยกกันกลับ เพราะผมก็ไม่ค่อยอยากให้พี่หมอกขับรถไปส่งที่บ้านผมเท่าไหร่ ด้วยเรื่องอะไรต่อมิอะไรที่ผมกังวลใจ

แต่คำพูดของผมก็คงจะไม่เป็นผล ผมมองเส้นทางขณะนั่งอยู่ในรถ และรับรู้ได้ทันทีว่าพี่หมอกกำลังจะไปที่ไหนต่อ

"ผมบอกแล้วไง ผมกลับเองได้นะ" ผมลองพูดบอกพี่หมอกอีกสักรอบ พลางเหลือบมองสร้อยคอเส้นเดิมที่ทำให้ขุ่นเคืองอยู่ในใจ

"นั่งเงียบๆ" และก็อีกครั้งที่ถูกดุ แต่ผมชินแล้วล่ะ

Trrr Trrr

เสียงสั่นของโทรศัพท์มือถือดังขึ้น ผมมองกระเป๋าสะพายของตัวเองและเริ่มเปิดซิปเพื่อดึงโทรศัพท์ของผมออกมา แต่ก็พบว่ามันไม่ใช่ของผม

"น่ารำคาญ" พี่หมอกสบถเบาๆ พลางหยิบมือถือของตัวเองขึ้นมา และวางแรงๆ ไปที่คอนโซลหน้ารถ

"พี่จะ ไม่รับเหรอ" ผมมองพี่หมอกที่เริ่มหงุดหงิด และไม่ยอมรับโทรศัพท์ที่ยังคงดังต่อเนื่อง

"พี่หมอก" ผมเรียกพี่หมอกเบาๆ

พี่หมอกหยิบมือถือขึ้นมาแต่ก็ยังไม่ได้กดรับ พี่เขาดูลังเลเล็กน้อย พลางเหลือบมองมาที่ผม ทำให้ผมเข้าใจได้ในทันที

"ผม ไม่แอบฟังหรอก..."

"ไม่เป็นไร นั่งเฉยๆ" คนพูดกดรับสายทันที และไม่ใช่แค่นั้น ยังเปิดสปีกเกอร์โฟนให้ผมได้ฟังด้วย

"ครับคุณพ่อ"

"ไม่คิดจะกลับบ้านเลยใช่ไหม ทำอะไรของแกอยู่! "

เสียงที่ดังขึ้นทำให้ผมสะดุ้งน้อยๆ ผมจำได้ดีว่าคือเสียงของคุณพ่อพี่หมอก

"ตอนนี้ไม่ว่าง"

"ปกติฉันไม่สนหรอกว่าแกอยู่ที่ไหน แต่พี่แกมาตั้งแต่เมื่อวาน ไม่คิดจะไสหัวมาเลยใช่ไหม หรือว่าต้องให้ต้องไปลากแกมาถึงที่!"

"ผมจะไปหาพี่เองวันหลัง แค่นี้นะครับ" พี่หมอกพูดและตัดสายไปอย่างรวดเร็ว ความเงียบหลังจากนั้นทำให้ผมรู้สึกอึดอัดใจเล็กน้อย ไม่กล้าถาม หรือพูดอะไรออกไป เพราะกลัวจะยิ่งทำให้พี่หมอกรำคาญใจ

รถของพวกเรายังคงค่อยๆ แล่นต่อไป ผมเหลือบมองพี่หมอกที่ขับรถเงียบๆ เหมือนกำลังคิดอะไรมากมายอยู่ในใจ

"พี่ชายของพี่ เป็นคนยังไงเหรอ" ในที่สุดผมก็ไม่อาจทนความอึดอัดนี้ได้ และเริ่มชวนพี่หมอกคุย "ผมเคยอยากมีพี่น้องมาตลอด ถ้ามีน้องสาวหรือน้องชายอีกสักคน ก็คงจะดี"

ผมเหลือบมองพี่หมอก พี่เขายังคงเงียบ และดูเหมือนไม่ได้สนใจจะฟังสิ่งที่ผมพูดเท่าไหร่ ผมจึงคิดว่า ผมควรจะพูดต่อไป

"ตอนเด็กๆ ผมแทบไม่มีเพื่อนเลย ผมได้แต่เดินตามหมี่ไปทุกหนทุกแห่ง เพราะหวังว่าพวกเด็กๆ คนอื่นๆ จะเล่นกับผมบ้าง"

"ขี้แพ้แต่เด็กเลยสินะ" ผมชะงักทันทีและมองพี่หมอกที่เริ่มกลับเป็นเหมือนเก่า ถึงคำพูดจะน่าโมโห แต่ก็ดีกว่าไม่พูดอะไร

"ไม่ได้ขี้แพ้ซะหน่อย" ผมแกล้งเถียง หวังว่าจะทำให้พี่หมอกคลายความตึงเครียดได้

"เบื่อพวกขี้แพ้" ผมถอนหายใจเล็กๆ อยากดีดปากคนปากดีนี่จริงๆ

"อยากลองดูไหมล่ะ ว่าผมขี้แพ้จริงๆ หรือเปล่า" ผมกอดอกและพูดออกไปด้วยความมั่นใจ ทำเอาพี่หมอกเริ่มกระตุกยิ้ม

"อยากพิสูจน์ตัวเองเหรอ"

"แน่นอน" ผมตอบด้วยความมั่นใจ

พี่หมอกยกยิ้มมุมปาก ผมตกใจเล็กน้อยตอนที่พี่หมอกหักรถเข้าข้างทางและจอดดับเครื่อง และตกใจมากขึ้นอีกนิดเมื่อพี่หมอกยื่นหน้าเข้ามาใกล้ ด้วยรอยยิ้มที่ดูไม่น่าไว้วางใจ

"งั้นจะให้โจทย์ง่ายๆ" พี่หมอกพูดพลางยิ่งขยับหน้าเข้ามาใกล้

"ถ้าใครหลบตาใครก่อน คนนั้นเป็นคนขี้แพ้"

รอยยิ้มของคนตรงหน้าดูมั่นใจ แต่ว่าพอได้ยินแบบนี้ ผมก็ยิ่งยิ้มมากขึ้นด้วยความมั่นใจยิ่งกว่า

"ด้วยความยินดี"

เวลาเริ่มเดินหลังจากที่รู้กติกา ใบหน้าของพวกเรานั้นเรียกว่าอยู่ห่างกันเพียงหนึ่งฝ่ามือเท่านั้น พี่ครับ พี่ไม่รู้หรือว่านี่เป็นโอกาสทองของผมแค่ไหน พี่ประเมินผมต่ำเกินไป

ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ผมไม่เคยละโอกาสที่จะได้จ้องมองพี่ แม้เพียงเสี้ยววินาที แม้แต่เพียงปลายผม ไม่เคยเลยสักครั้งที่จะห้ามตัวเองไม่ให้คิดถึงพี่ การได้จ้องมองพี่แบบที่ไม่ต้องแอบมองนั้น มันคือสิ่งที่ดีที่สุดที่ผมเคยฝันถึง

ผมสามารถจ้องมองพี่ เฝ้ามองอยู่แบบนี้ ได้อีกนานแสนนาน...

"แพ้แล้ว" ผมเลิกคิ้วขึ้นน้อยๆ ทันทีที่พี่หมอกหลบตาผม และหันหน้าหนีออกไปทางหน้าต่างรถอย่างรวดเร็ว ผมมองตามคนแพ้ด้วยความรู้สึกประหลาดใจ

เวลาไม่ได้ผ่านไปนานมากมาย แต่ตอนนี้ แก้มสีขาวของพี่หมอกกำลังกลายเป็นสีแดงจางๆ ผมไม่เคย ได้เห็นพี่หมอกในมุมมองแบบนี้มาก่อน มันทำให้ผมใจเต้นรัวไม่เป็นส่ำเลยทีเดียว

"คือ..ผมทำให้ อึดอัดเหรอ" ผมถามเบาๆ และพยายามมองคนที่ยังไม่หันหน้ากลับมา

"น่ากลัวชะมัด นึกว่าจะถูกกินซะแล้ว" พี่หมอกพูดเบาๆ เหมือนพูดกับตัวเอง แต่ว่าผมก็ได้ยินทุกคำพูดนั้น ทำเอาผมไม่อาจสะกดกลั้นเสียงหัวเราะไว้ได้

"ฮ่ะๆ ตอนพี่อายก็น่ารักดีนะ"

"ไม่ได้อาย" พี่หมอกรีบแก้ตัว และพยายามทำหน้าขึงขังจริงจัง

"ทั้งขี้แพ้ แถมยังขี้อายอีก" ผมได้ทีก็แหย่พี่หมอกชุดใหญ่ ทั้งสะใจทั้งภูมิใจ ทำเอาพี่หมอกเหมือนจะเริ่มควันออกหู

"ก็บอกว่าไม่ได้ขี้อาย" พี่หมอกยังคงแก้ตัวเสียงแข็ง ซึ่งผมก็ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ และยังไม่สามารถหยุดขำได้

"เฮ้อ ถ้ารู้ว่าเป็นแบบนี้น่าจะอ่อนให้ซะ..." แต่ผมที่กำลังจะพูดต่อไปนั้นก็ต้องชะงักทันที ผมมองพี่หมอกที่ทำสีหน้านิ่งๆ และกำลังปลดกระดุมเสื้อนักศึกษาตัวเองอย่างรวดเร็ว

"เดี๋ยว เดี๋ยวก่อน พี่จะทำอะไรน่ะ" ผมถามเสียงอ่อย อยู่ดีไม่ว่าดี วอนซะแล้วอิน

"ก็พิสูจน์ไง ว่าไม่ได้ขี้อาย" ไม่พูดเปล่า พี่หมอกแกะกระดุมเม็ดสุดท้าย พร้อมๆ กับถอดเสื้อออก เผยให้เห็นร่างกายที่ขาวสะอาดและเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อที่สวยงาม

ผมเริ่มกลืนน้ำลายลงคออย่างฝืดเคือง ผมคงจะเล่นเกินลิมิตไปซะแล้ว ก็รู้อยู่ว่าเรื่องแบบนี้พี่แกหน้าหนาแค่ไหน

"ยอมแพ้ ยอมแพ้แล้ว ผมขี้แพ้เอง" ผมยื่นมือไปยันคนที่โผตัวเข้ามา ถึงแม้นี่จะเป็นภายในรถ แต่พี่หมอกก็ไม่ได้ใส่ใจความคับแคบนี้เลยสักนิด และเริ่มจู่โจมผมแบบจริงๆ จังๆ

"พี่หมอกก เดี๋ยว มันจั๊กจี้นะ" ผมดันตัวพี่หมอกไว้เบาๆ ขณะที่ทั้งถูกหอมแก้ม ลามยาวลงมาที่ลำคอ ผมเริ่มหัวเราะดังขึ้นเพราะพี่หมอกเองก็เริ่มหลุดจากสีหน้าจริงจังกลายเป็นขำซะเอง

ช่วงเวลาเหล่านี้ พวกเราช่างมีความสุขเหลือเกิน
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#35 สิ่งสำคัญที่เก็บซ่อนไว้](21/1/63)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 21-01-2020 17:09:19
 :pig4: :pig4: :pig4:

นี่กะจะเอาท์ดอร์เหรอพี่หมอก  อิอิ
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#35 สิ่งสำคัญที่เก็บซ่อนไว้](21/1/63)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 22-01-2020 00:32:59
สุขจริงหรอ สุขหรือนานแค่ไหน  :hao4:
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#35 สิ่งสำคัญที่เก็บซ่อนไว้](21/1/63)
เริ่มหัวข้อโดย: ลูกกุญแจ ที่ 27-01-2020 01:08:07
กลัวจัง ไม่ค่อยไว้ใจเลย
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#35 สิ่งสำคัญที่เก็บซ่อนไว้](21/1/63)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 27-01-2020 02:26:21
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#35 สิ่งสำคัญที่เก็บซ่อนไว้](21/1/63)
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 28-01-2020 22:46:29
อ่านแล้วอึดอัดอ่ะ แต่ละคนเยอะกันจริงๆ
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#35 สิ่งสำคัญที่เก็บซ่อนไว้](21/1/63)
เริ่มหัวข้อโดย: Gloomy Sunday ที่ 27-02-2020 21:54:36
เพ้อ บทที่ 36 คน...ที่ไม่ใช่


ช่วงเวลาที่เราฝันดีนั้น แม้ว่ามันจะไม่ได้เกิดขึ้นจริง แต่ช่วงเวลาเหล่านั้นก็ทำให้เรามีความสุขเหลือเกิน แม้หากเราสะดุ้งตื่นขึ้นมาแล้ว และพบว่ามันก็เป็นเพียงแค่ความฝัน แต่จะยังไงก็ตาม รอยยิ้มก็ยังคงไม่ได้จางหายไป

 "ฝันดีเหรอลูก ตื่นมาก็หน้าบานเชียว" เสียงของแม่ทักผมทันทีเมื่อเข้ามาปัดกวาดเช็ดถูดูแลความสะอาด

 ฝัน...งั้นเหรอ ผมรู้สึกหัวใจโหวงเหวงลึกๆ หรือว่าทั้งหมดนี้ สิ่งดีๆ ที่ผ่านมา มันก็แค่ความฝันกันนะ

 Trrr Trrr

 เสียงสั่นเบาๆ บนโต๊ะเล็กๆ ข้างเตียง ทำให้ผมหลุดจากภวังค์ความคิด ผมยิ้มให้แม่ และเอื้อมมือไปหยิบของส่วนตัวนั้นขึ้นมา และรอยยิ้มที่มีความสุขของผมนั้น ก็มีแต่จะเพิ่มขึ้น เมื่อเห็นข้อความ ข้อความหนึ่ง

 [อย่าทำตัวงี่เง่ากังวลเกินเหตุ มั่นใจในตัวเอง เสร็จแล้วโทรมา]

 "รีบลุกขึ้นเตรียมตัวสิลูก วันนี้มีแคสงานไม่ใช่เหรอ" ผมยังคงยิ้มให้กับข้อความกำลังใจจากคนที่รัก ทุกอย่างมันไม่ใช่ความฝันอีกต่อไปแล้ว เพราะว่าพวกเรานั้น พี่หมอกนั้น ดีกับผมเหลือเกิน

 "ครับ อวยพรผมหน่อยสิ" ผมละสายตาจากมือถือมากอดเอวแม่ที่เดินผ่านเตียงเอาไว้

 "ทำทุกอย่างเท่าที่อินทำได้ และทำให้ดีที่สุด ไม่ว่าผลจะเป็นยังไง อินของแม่ก็เก่งที่สุดอยู่แล้ว" ผมยิ้มหน้าบานกับคำอวยพรที่ไม่กดดันนั้น

 "นี่ล่ะที่อยากได้ยิน" ผมลุกขึ้นและหอมแก้มแม่ฟอดใหญ่ ได้กำลังใจดีๆ จากคนที่สำคัญที่สุดทั้งสองคนแบบนี้ ไม่ว่าอะไรผมก็ทำได้ทั้งนั้น เชื่อมือได้เลย

 ในวันนี้ จิตใจของผมตั้งมั่นอยู่กับการแสดงความสามารถของตัวเอง ผมต้องขอบคุณพี่บีผู้จัดการพี่หมอกมากๆ ที่พี่เขาแนะนำเรื่องการเฟ้นหานักแสดงที่กำลังเปิดโอกาสให้ผู้ที่มีคุณสมบัติได้เข้ามาทดสอบ ว่าตัวเองจะเหมาะกับบทบาทนั้นๆ หรือไม่

 "อิน เยี่ยมมากเลย ผู้กำกับแทบจะอ้าปากค้างไปแล้วนะ" หลังจากทดสอบสวมบทบาทหนึ่งในละคร ผมก็ได้รับคำชมจากทุกคน และพี่บีที่ช่วยงานที่นี่ด้วย

 "ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ ขอบคุณที่แนะนำผมมานะ" ผมยกมือไหว้พี่เขาทันทีที่เข้ามาใกล้ และแอบเหลือบมองรอบๆ เพื่อมองหาคนสำคัญของผม

 "หมอกไม่มาหรอก ติดถ่ายแบบน่ะ" ผมชะงักเล็กๆ และส่ายหน้าปฏิเสธทันที

 "ไม่ใช่ครับ" ผมยิ้มแห้ง

 "พี่รู้น่ะ ว่าเราสนิทกับหมอก เดี๋ยวนี้เจ้าหมอกดูทำตัวดีขึ้นมาก สงสัยเพราะอยู่ใกล้เราละมั้ง พี่นี่ต้องขอบคุณจริงๆ"

 "เมื่อก่อน พี่หมอกทำตัวไม่ดีเหรอครับ" คำพูดของพี่บีทำให้ผมสนใจอยากรู้ ทุกเรื่องของพี่หมอก ผมสนใจมากจริงๆ

 "แหม เดาไม่ออกเหรอจ๊ะ หมอกน่ะ สุดๆ ไปเลย ทั้งปากร้าย ทั้งชอบทิ้งงาน วันๆ กกแต่สาวๆ เคยสนใจอะไรจริงๆ ที่ไหนล่ะ" เหมือนกับได้ระบาย พี่บีก็ใส่เอา ใส่เอาเลยทีเดียว แต่ไม่รู้ทำไม ผมยังคงส่งยิ้มเล็กๆ ออกมาได้

 "พี่ก็เคยกิ๊กกับพี่หมอกไม่ใช่เหรอ" ผมไม่รู้ว่าควรพูดไหม แต่ก็อยากรู้อีกนั่นแหละ

 "เหอะ ไปเชื่อคำที่เจ้าเปอร์พูดสินะ ไม่เลย ไม่ใช่เลย พี่เห็นหมอกเป็นเหมือนน้องชายเท่านั้นแหละ แต่จะว่ายังไงดี เด็กหน้าตาแบบหมอกใครเห็นก็มีหวั่นไหวบ้างแหละ" พี่บีพูดต่อพลางหัวเราะชอบใจ

 "เอาล่ะ ผลเป็นยังไงเดี๋ยวทางทีมงานจะติดต่อไปนะ พี่เป็นกำลังใจให้ ขอให้ได้สักบทเนอะ เพราะอินเก่งมากๆ"

 "ครับ ขอบคุณครับ"

 เมื่อทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย ผมรีบขอตัวแยกจากทุกๆ คนและปฏิเสธที่จะติดรถพี่บีที่ต้องการไปส่งด้วยความเกรงใจ

 ไม่รู้ผมคิดมากไปหรือเปล่านะ แต่เมื่อผมเดินไปเรื่อยๆ เพื่อออกจากสถานที่จัดงานที่เป็นห้างสรรพสินค้า ก็พบว่ามีคนหลายคนเหมือนกำลังจับตามองผมอยู่

 อาจเป็นเพราะว่าตอนที่ทดสอบบทนั้นมีพวกแฟนๆ ของนิยายมากันเยอะละมั้ง และผมก็อาจจะไปเข้าตาคนหลายคนเข้า ทำเอารู้สึกประหม่าไปเลย

 "พี่อินนน" ผมชะงักเล็กน้อยที่มีคนมาดักหน้าผม เป็นกลุ่มสาวๆ ที่ดูแล้วน่าจะอยู่มัธยมปลาย

 "ครับ" ผมรู้สึกดีใจเล็กๆ ที่หลายคนยังจำผมได้ แต่ก็แน่ล่ะ เพิ่งจะออกจากงานมานี่นา

 "ขอได้ไหมคะ" ความที่คนเยอะมากๆ ทำให้ผมเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยกับคำพูดนั้น

 "ขออะไรเหรอ"

 "ป้ายน่ะค่ะ ป้ายชื่อพี่" ผมมองตามมือของพวกเธอที่ชี้มาที่อกผม และทันทีที่นึกขึ้นได้ อ๋อ แบบนี้นี่เอง

 "ป้ายชื่อนี่น่ะเหรอ" ผมลืมไปว่าป้ายชื่อยังคล้องคอผมอยู่ อาจจะเพราะแบบนี้หรือเปล่าถึงรู้ว่าผมชื่ออะไร

 "เมื่อกี้ดูพี่แสดงแล้วหนูชอบมากเลยค่ะ พี่เหมาะมากๆ เลย อยากให้พี่เป็นพระเอกจังเลยค่ะ"

 "เนอะๆ หล่อมากๆ เลย" พวกสาวๆ ดวงตาเป็นประกายและเริ่มคุยกันเอง แต่คำชมเหล่านั้นก็ทำเอาผมหัวใจพองโต

"พวกเราเชียร์พี่นะคะ แต่ว่าขอป้ายชื่อพี่แล้วก็เซ็นชื่อให้พวกหนูได้ไหมคะ" จริงๆ ใจผมก็อยากจะเก็บไว้อยู่นะ แต่พอโดนลูกอ้อนขนาดนี้ก็เริ่มจะใจอ่อน

 "อื้อ ได้สิ" ผมค่อยๆ ถอดป้ายที่อยู่ที่คอผมออกมา และรับปากกาจากสาวๆ เพื่อเซ็นชื่อลงไปบนนั้น เขินจังเลยนะ ผมเริ่มมือสั่นน้อยๆ นี่เป็นครั้งแรกที่มีคนขอลายเซ็นเลยล่ะ พี่หมอกก็คงจะรู้สึกแบบนี้ใช่ไหมนะ เวลาที่มีคนเข้ามาสนใจ

 "เอาล่ะ เสร็จ..."

 "ว่าไงพ่อคนดัง" ผมชะงักและมองป้ายชื่อในมือที่ถูกดึง ไม่ใช่สิ ต้องเรียกได้ว่ากระชากไป จากคนที่ไม่คิดว่าจะเจอตอนนี้

 "ว้าย พี่หมอกนี่แก"

 "หล่อมากกกก"

 พวกสาวๆ ที่ตอนแรกสนใจผมนั้น ตอนนี้จิตใจกระเจิดกระเจิงกับผู้ชายตรงหน้า ผู้ชายที่มีผมสีน้ำตาลอ่อนขับกับผิวขาวสว่างจ้า กางเกงสแลคสีแดงกับเสื้อเชิ๊ตสีอ่อนช่างทำให้คนคนนี้แทบเหมือนเทวดาเดินดิน กลิ่นน้ำหอม สีหน้าแววตาที่ฉายแววรำคาญใจ ทำให้ยิ่งดูดีมากขึ้นไปอีก

 "ไม่ใช่ว่าพี่ไม่ว่างเหรอ" ผมควบคุมสีหน้าตัวเองไม่ให้ดูดีใจเกินไป เงยหน้าคุยกับพี่หมอกด้วยดวงตาใสซื่อ

 "บอกให้โทรมาไง" เสียงจิ๊ปากไม่พอใจดังขึ้นเบาๆ พี่หมอกเหลือบตามองพวกสาวๆ อย่างไม่ใส่ใจในเสียงกรี๊ดเล็กๆ ที่ดังขึ้นเป็นระยะ

 "พวกพี่เป็นเพื่อนกันเหรอคะ"

 "พี่หมอกจะแสดงละครเรื่องใหม่อีกไหมคะ"

 ผมยิ้มเล็กๆ กับเหล่าแฟนคลับพี่หมอกที่เริ่มจับกลุ่มกันเข้ามา ความรู้สึกที่โดนเป็นที่สนใจผมเพิ่งจะรับรู้ และเริ่มรู้สึกว่าผมไม่ควรอยู่ตรงนี้หรือเปล่านะ

 ความคิดและความกังวลใจนั้นเด่นชัดบนใบหน้าของผม ทำให้เท้าของผมเริ่มก้าวออกมาโดยอัตโนมัติ แต่ว่าเมื่อรู้สึกถึงแรงจับที่ข้อมือ ผมก็พบว่าตัวเองถูกดึงเข้าไปอีกครั้ง พี่หมอก ไม่ยอมที่จะปล่อยมือจากผม

 "พวกพี่สนิทกันมากๆ เลยใช่ไหมคะ"

 "น่ารักเนอะ"

 "คือ..." ผมเริ่มอึกอักเมื่อสายตาพวกสาวๆ มองพวกเราด้วยแววตาเป็นประกาย ผมไม่อยากให้มีข่าวลือแปลกๆ ออกมา เพราะมันอาจส่งผลกับชื่อเสียงพี่หมอกได้

 "อยากให้เล่นละครคู่กันจังเลยค่ะ พวกพี่เหมาะสมกันมากๆ เลย" แต่คำพูดหนึ่งที่ผมได้ยินก็ทำเอาผมหัวใจพองโต เหมาะสมกันงั้นเหรอ อยากให้พวกเรา ได้เล่นละครคู่กันงั้นเหรอ รู้ไหม ว่านั่นน่ะ คือความฝันสูงสุดของผม

 "ขอบคุณนะ" ผมมองเด็กสาวคนนั้นและส่งยิ้มหวาน

 "ขอบคุณนะครับ ขอตัวก่อน" พี่หมอกก้มตัวขอทางอย่างสุภาพ และพาผมออกมาจากวงล้อมนั้น

 พวกเรานั่งกันอยู่ในรถที่กำลังแล่นออกไปช้าๆ คำพูดของแฟนคลับคนนั้น ยังคงติดตรึงอยู่ในใจผม จะดีแค่ไหนกันนะ ถ้าสักวันผมจะได้เล่นละครที่ผมรัก และเคียงคู่กับคนที่ผมหลงรัก ผมค่อยๆ หันไปมองพี่หมอก ผมไม่รู้เลยว่า พี่จะคิดเหมือนกันกับผมบ้างไหม ในหัวใจของพี่ มีผมอยู่จริงๆ หรือเปล่านะ ผมไม่กล้าถามพี่ ว่าพี่รู้สึกยังไงกับผมกันแน่

 ผมกลัวคำตอบนั้น ถึงแม้ว่าวันนี้เราจะอยู่เคียงข้างกัน แต่ว่าพี่ก็ไม่เคยบอกผมสักที ว่าผมเป็นอะไรสำหรับพี่กันแน่ ไม่เคยบอกผมสักที ว่าพี่รักผม เหมือนกับที่ผมรักพี่หรือเปล่า

 "พี่หมอก" ผมส่งเสียงเรียกพี่หมอกด้วยหัวใจที่สั่นไหว ผมอยากรู้ ผมอยากได้คำตอบชัดๆ จากปากของพี่

 "หืม" พี่หมอกขมวดคิ้วเล็กๆ เหลือบมองผมด้วยสีหน้าสงสัย

 "คือว่า..." ผมอึกอัก หัวใจที่เต้นอย่างราบรื่นเริ่มเร่งจังหวะมากขึ้น ลิ้นของผมเริ่มรู้สึกขยับไม่ได้ดั่งใจ

 "พี่...คือ..พวกเรา เอ่อ" พี่หมอกจอดรถติดไฟแดง และหันมาหาผมเหมือนรอคอยคำถาม

 "อะไร"

 "ที่พี่...บอกว่าจะบอกผม" ผมนึกขึ้นได้ว่าผมเคยถามพี่หมอกคล้ายๆ จะครั้งหนึ่งแล้ว ผมจ้องมองพี่หมอกด้วยหัวใจเต้นโครมคราม วันนี้พี่จะบอกผมไหมนะ

 พี่หมอกดูเหมือนกำลังใช้ความคิด และจ้องหน้าผมอยู่เช่นกัน พวกเราอยู่ในความเงียบ ผมรอคอยกับคำตอบนั้น

 ปี้นนน~

 เสียงแตรจากด้านหลังทำให้พี่หมอกละสายตาและเริ่มขับรถออกไปอีกครั้ง ผมรู้สึกเสียดายเล็กๆ แต่ก็รู้ว่าเวลาตอนนี้คงไม่เหมาะเท่าไหร่ เอาเป็นว่า ผมรอนะ ผมรอพี่บอกอยู่นะครับ พี่หมอก

 ท้องฟ้าในยามนี้เริ่มเปลี่ยนจากสีฟ้า เป็นสีส้มจากดวงตะวันที่ใกล้ลับตาไป พี่หมอกขับรถต่อไปอีกเล็กน้อยและจอดรถลงที่ริมทางแห่งหนึ่ง ผมเริ่มมองไปรอบๆ ตัวและเพิ่งรู้ตัวว่าตัวเองได้มาอยู่ที่ไหน

 "ลงมาสิ" พี่หมอกลงจากรถและเดินอ้อมมาเปิดประตูให้ผม หัวใจที่คล้ายจะสงบแล้ว ก็กลับมาเต้นเร็วอีกครั้ง

 "ที่นี่..." ผมลงจากรถ และมองพี่หมอกที่ทำหน้าเรียบเฉย

 "เดินเล่นสักพัก แล้วค่อยกลับละกัน" พี่หมอกพูดและเดินนำหน้าผมไป ผมมองแผ่นหลังกว้างของพี่หมอก และมองเหล่าร้านลวงเล็กๆ ที่อยู่เต็มสองฝั่งทางเท้า

 ใช่แล้วล่ะ ที่นี่คือตลาดนัดริมแม่น้ำ ที่ที่ผมเคยมาบ่อยๆ และแน่นอน ว่าผมไม่เคยพลาดที่แห่งหนึ่ง ทุกครั้งที่ผมมาที่นี่

 ผมมองคนที่เดินนำหน้า ด้วยสมองที่เริ่มทำงานหนักและสับสน สองข้างทางร้านรวงต่างๆ ดูพร่าเลือนในความคิดและความรู้สึก

 ในหัวใจ ในส่วนลึกของจิตวิณญาณของผมนั้น ผมรู้ดีว่าตัวเองคิดอะไร และหวังอะไร

 ผมหวังว่า หมาป่านักดนตรีคนนั้น ถ้าหากว่า...คนคนนั้น คือพี่หมอก...

 แม้มันจะเป็นความคิดที่ดูเพ้อฝันเหลือเกิน แต่ผมก็หวัง ผมหวังไว้เสมอว่า พี่คือคนคนนั้น...

 แต่แล้ว ความหวังและความฝันก็ราวกับสลายลง เมื่อเสียงดนตรีที่เริ่มบรรเลงขึ้น ลอยผ่านมาตามสายลม

 สองเท้าที่ก้าวเดินนั้น ตอนนี้หยุดอยู่กับที่ ผมมองดูแผ่นหลังของคนข้างหน้าที่ตอนนี้หยุดเคลื่อนไหว และหันมาจ้องมองผม ด้วยดวงตาที่ไม่ได้แสดงอาการใด

 "เป็นอะไร" พี่หมอกเดินกลับมาและจับที่แขนผมไว้ เหมือนกลัวผมจะล้มลงไป

 ไม่ใช่...งั้นเหรอ

 ไม่ใช่พี่จริงๆ สินะ...

 "เปล่าครับ" ผมยิ้มออกมาเล็กๆ ถึงจะน่าผิดหวัง แต่สิ่งสำคัญก็คือ พี่หมอกอยู่เคียงข้างผมตอนนี้

 ผมเริ่มก้าวเดินต่อไปข้างหน้า ให้มือของพวกเราค่อยๆ ประสานกัน พวกเราเดินฝ่าฝูงชนที่กำลังห้อมล้อมคนคนหนึ่งไว้ หัวใจของผมเริ่มเต้นแรงและสั่นไหวทุกย่างก้าวที่ก้าวเข้าไป และได้มายืนอยู่ที่ด้านหน้า คนคนนั้น คนที่ผมเคย...

 ผมมองดูผู้ชายตรงหน้าด้วยความรู้สึกแปลกประหลาด ถึงแม้ว่าคนคนนั้นจะยังคงเหมือนเดิม เขาแต่งตัวด้วยชุดสีดำทั้งชุด บนศีรษะของเขา สวมหน้ากากหมาป่าที่ดูสง่าสงาม มีแววตาแหลมคมของนักล่า กีตาร์สีดำที่มีลวดลายแปลกตามีมนต์เสน่ห์

 แต่ว่า ทำไมกันนะ ผมรู้สึก ว่ามีอะไรสักอย่างที่แตกต่าง...
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#36 คน...ที่ไม่ใช่](27/2/63)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 27-02-2020 22:08:08
 :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :ha :mew1:o7:
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#36 คน...ที่ไม่ใช่](27/2/63)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 28-02-2020 00:12:26
แล้วอีกคนเป็นใครกันนะ อยากรู้ ๆ  :m5:
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#36 คน...ที่ไม่ใช่](27/2/63)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 28-02-2020 02:35:35
 :pig4: :pig4: :pig4:

พ่อหมาป่าหนุ่มวันนั้น  กับหมาป่าหนุ่มวันนี้  คงจะเป็นคนละคนก็ได้นาจา
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#36 คน...ที่ไม่ใช่](27/2/63)
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 28-02-2020 08:23:55
 :pig4:
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#36 คน...ที่ไม่ใช่](27/2/63)
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 28-02-2020 18:40:50
บางทีก็เข้าถึงยากนะ
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#36 คน...ที่ไม่ใช่](27/2/63)
เริ่มหัวข้อโดย: Pawana ที่ 02-03-2020 19:07:21
มาเอาใจช่วยพี่หมอกกับน้องอินน์ ดูแว้วหนทางอีกยาวไกล คงใกล้เต็มที. กอดคนเขียนค่ะ
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#36 คน...ที่ไม่ใช่](27/2/63)
เริ่มหัวข้อโดย: Gloomy Sunday ที่ 07-03-2020 15:57:11
เพ้อ บทที่ 37 สุขสันต์วันเกิด


ผมจ้องมองคนตรงหน้า คนที่กำลังบรรเลงเมโลดี้ผ่านกีตาร์ของเขา ฝีมือท่าทางช่างดูเหมือนเดิม แต่ทว่าน้ำเสียงของเขา มีอะไรบางอย่างที่แตกต่างออกไป

 ผมละสายตาจากคนตรงหน้า เหลือบมองขึ้นไปยังคนที่อยู่เคียงข้างผม

 พี่กำลังคิดอะไรอยู่กันนะ ทำไมพี่ถึงพาผมมาที่นี่...

 "พี่รู้ไหมว่า ผมชอบคุณหมาป่าคนนั้นมากเลยนะ" ผมพูดออกไปเบาๆ แต่พี่หมอกก็รับรู้ได้ทันทีถึงคำพูดนั้น พี่หมอกละสายตาจากการแสดงตรงหน้า และจ้องมองผมเหมือนกำลังรอฟัง

 "ผมรู้สึกถึงความเหงา ความเศร้าในหัวใจของเขา เหมือนเขากำลังได้ปลดปล่อยมันออกมา ผ่านทางเสียงเพลงที่เขารัก" ผมพูดต่อไป ส่งยิ้มเล็กๆ ให้กับพี่หมอก

 "ผมก็อยากให้พี่ มีอิสระแบบนั้น ไม่ต้องสนใจใคร ปล่อยทุกอย่าง ไปตามที่ใจต้องการ" ถึงพี่หมอกจะไม่ได้พูดอะไรออกมา แต่ผมก็สัมผัสได้ ถึงแรงที่สองมือเรากระชับจับกันไว้

 "ไร้สาระ" พี่หมอกพูดออกมาเบาๆ ราวกับไม่ใส่ใจคำพูดของผม แต่ไม่รู้ว่าทำไม ผมยังคงจ้องมองแววตาของคนที่ผมรัก แววตาที่ราวกับมีความสุขอยู่ลึกๆ ในหัวใจ

 หลังจากที่พวกเรากลับมานั้น พี่หมอกพาผมมาที่คอนโดเหมือนเช่นเคย พี่หมอกไม่ยอมให้ผมกลับบ้านและยืนยันว่าจะไปส่งผมในตอนดึก ซึ่งผมก็ไม่เคยขัดพี่เขาได้หรอก และโดนแม่ด่าอยู่เรื่อยไป

 พวกเราแวะซื้อของมาทำอาหารและกินมื้อค่ำด้วยกัน ดูหนังและพูดคุยเรื่องบทละครต่างๆ และพูดถึงละครของพี่หมอกที่กำลังออนแอร์และเรื่องที่ปิดกองไป พี่หมอกมักไม่ค่อยพูดเรื่องของตัวเอง มีแต่เพียงผมที่ชอบถาม และเล่าเรื่องของตัวเอง ซึ่งผมก็ดีใจที่พี่เขารับฟังผม ไม่ได้ดุผมมากเหมือนที่แล้วมา หัวข้อไหนที่จะทำให้พวกเราทะเลาะกันนั้น ผมจะไม่พยายามพูดถึงมัน

 "พี่อยู่คนเดียว เหงาบ้างไหม" พวกเรานั่งพิงกันอยู่บนโซฟา ผมมองพี่หมอกที่กดรีโมตเลื่อนเปลี่ยนช่องทีวีไปเรื่อยๆ

 "ถามทำไม จะมาอยู่ด้วยเหรอ"

 "ผมก็อยากอยู่นะ แต่ว่าแม่ผม..."

 "แม่กับผัวใครสำคัญกว่ากัน" ผมชะงักค้างทันทีที่ได้ยินอะไรแบบนั้น

 "พูดอะไรของพี่" ผมเขินปนอึ้งอยู่ในท่าที แย่งรีโมตในมือคนข้างๆ มากดมั่วซั่วไปหมด

 "แล้วคำตอบล่ะ" ผมแปลกใจเล็กน้อยที่ดูพี่หมอกไม่ได้ถามเล่นๆ แต่รอคอยคำตอบจริงๆ

 ผมอึกอักเล็กน้อย ผมไม่แน่ใจว่าควรจริงจังกับคำถามนี้ไหม แต่ผมก็ไม่อยากโกหกพี่หมอก เลยคิดว่าตอบอย่างที่ผมคิดจริงๆ คือสิ่งที่ดีที่สุด

 "ถึงผมจะไม่รู้เรื่องราวระหว่างพี่กับคุณแม่ของพี่มากนัก แต่ผมก็เชื่อว่าคำตอบของพวกเราสองคนคงจะคล้ายกัน ผมทำได้ทุกอย่าง เพื่อให้แม่มีความสุข ผมจะไม่มีวัน ทำให้ท่านเสียใจ"

 "ถึงแม้ว่าพี่จะเสียใจน่ะเหรอ" พี่หมอกถามผมด้วยแววตาที่หม่นลง

 "ไม่ใช่..."

 "เข้าใจแล้ว" พี่หมอกรีบตัดบทผม รอยยิ้มเล็กๆ ผุดขึ้นอย่างไม่จริงใจ

 "ไม่ใช่แบบนั้นนะครับ แค่ผมคิดว่า..."

 "เลิกพูดเรื่องนี้กันเถอะ"

 พี่หมอกยังคงไม่ฟังให้ผมพูดจบ บางทีการพูดถึงเรื่องครอบครัว คงเป็นเรื่องยากเกินไปสำหรับพี่หมอก แต่ว่าผมอยากจะอธิบายคำตอบของผมให้พี่หมอกเข้าใจมากขึ้น ที่ผมเลือกตอบแบบนั้น เพราะผมคิดว่าแม่จะไม่มีวันทำให้ผมเสียใจเช่นกัน ท่านจะไม่พรากพวกเราสองคน ท่านจะไม่มีวันตั้งตัวเลือกแบบนี้ให้ผมแน่นอน ไม่มีวัน

 "มานี่สิ" ผมมองพี่หมอกอย่างไม่แน่ใจ พี่หมอกกำลังตบที่หน้าขาตัวเองเบาๆ

 "บอกให้มานี่" พี่หมอกจิ๊ปากและดึงผมให้ขึ้นไปนั่งบนตัก

 "ผมหนักนะ" ไม่ว่าจะกี่ครั้งกี่หน ผมก็ยังคงประหม่าไม่หาย ผมทำตัวลีบและแข็งทื่อ เกร็งทุกส่วนจนพี่หมอกถอนหายใจ

 "อายทำไม ทีตอน...."

 "ห้ามพูดนะ" ผมรีบร้องปรามคนหน้าไม่อายก่อนผมจะอายไปมากกว่านี้

 "พี่หมอกผมถามหน่อยสิ พี่เคยทำแบบนี้กับใครไหม"

 "ทำอะไร" พี่หมอกทำหน้าสงสัย

 "ก็แบบ ทำเหมือนคู่รักกัน" ผมพูดและไม่กล้าหันไปสบตาคนถูกถาม และรอคอยคำตอบ

 "ถามแปลกๆ ก็ต้องเคยสิ" หัวใจที่เคยฟูฟ่องกลับห่อเหี่ยวขึ้นทันควัน เจ็บแฮะ แต่จริงๆ ก็ไม่น่าถามล่ะ

 "แต่สำหรับผู้ชาย ไม่เคย" พี่หมอกพูดต่อและวางคางตัวเองลงบนไหล่ของผม หัวในของผมเริ่มเต้นแรงขึ้นอีกครั้ง

 "อิน" ผมรู้สึกถึงอ้อมกอดที่เริ่มแน่นขึ้น พี่หมอกส่งเสียงเรียกผมเบาๆ ผมได้ยินแม้แต่เสียงลมหายใจ พวกเราแนบชิดกัน ทำให้ผมอบอุ่นไปทั้งหัวใจ

"อย่าไปไหนเลยนะ" ผมหัวใจสั่นไหว พี่หมอกฝังหน้าตัวเองลงกับไหล่ของผมราวกับหมดสิ้นเรี่ยวแรง ผมไม่ค่อยได้เห็นด้านที่ดูอ่อนแอของคนที่เปี่ยมไปด้วยความมั่นใจอย่างพี่หมอก ผมจะถือว่านี่คือคำบอกรักได้ไหม ทำไมพี่ถึงไม่พูดออกมา ว่าพี่รักผม ว่าพี่ต้องการผมมากแค่ไหน

 "อย่าพูดอะไรที่เป็นไปไม่ได้เลยครับ พี่ก็รู้ดี ว่าผมไปไหนไม่ได้แล้ว"

 และในครั้งนี้ ผมไม่พูดเปล่า...

 ผมยิ้มเล็กๆ และค่อยๆ ขยับตัว ล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงและดึงของสิ่งหนึ่งออกมา

 "ผมจะไม่ถามพี่แล้ว ว่าพี่รู้สึกยังไง ผมจะรอ ให้พี่พูดมันออกมาเอง" ผมพูดและหยิบกล่องของขวัญเล็กๆ ออกมาและเปิดมันออก

 "สุขสันต์วันเกิดนะครับ พี่หมอก" ผมในตอนนี้คงหน้าไม่อายจริงๆ ผมจับมือพี่หมอกที่กำลังกอดเอวผม และสวมแหวนวงหนึ่งลงบนนิ้วเรียวยาวนั้น เสียงนาฬิกาตอนนี้ บอกเวลาเที่ยงคืนแล้ว และกำลังเริ่มต้นวันใหม่

 "ขอบใจนะ" พี่หมอกมองนิ้วมือตัวเองที่มีแหวนสีเงินสวมอยู่ ผมหวังเหลือเกินว่าพี่จะมีแต่ความสุข ผมอยากให้พวกเรามีกันและกันแบบนี้ต่อไป


 นาฬิกาบอกเวลาตีสามแล้ว หลังจากที่ผมถูกบังคับให้นอนที่นี่ และก็แทบไม่ต้องเดาว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อไป ผมในตอนนี้แทบจะหมดสิ้นเรี่ยวแรง และดูเหมือนครั้งนี้พี่หมอกจะคึกและอึดมากเป็นพิเศษ แต่จะยังไงก็ช่าง ผมขอแค่ให้พี่หมอกมีความสุขมากๆ ก็พอแล้ว

 ผมอมยิ้มเล็กๆ และซึมซับบรรยากาศที่แสนสุขนี้ไว้ ถึงแม้ว่าจะผิดหวังเล็กๆ ที่พี่หมอกไม่รู้ว่าวันนี้ ก็เป็นวันเกิดของผมเช่นกัน แต่ก็ไม่เป็นไร ผมถือว่าการได้อยู่เคียงข้างพี่ในวันพิเศษนี้ เป็นของขวัญสำหรับผมแล้วกัน

 Trrr Trrr

 เสียงโทรศัพท์ที่สั่นอยู่ใกล้ๆ ทำให้ผมต้องพยุงตัวขึ้นเพื่อมองหามัน แสงไฟที่ส่องสว่างในความมืดทำให้ผมรู้ทันทีว่ามันคือโทรศัพท์ของผม

 ใครกันนะส่งอะไรมาดึกดื่นป่านนี้ ผมโทรบอกแม่ไปแล้วนี่นาว่าจะค้างบ้านเพื่อน หรือว่ามีเรื่องด่วนอะไรหรือเปล่านะ

 [สุขสันต์วันเกิด รักอินมากนะ...]

 ผมที่ได้เห็นหน้าจอมือถือของตัวเองนั้น หัวใจก็เต้นโครมครามราวกับจะหลุดออกมาจากอก ความสุขจากการเฝ้ารอมันทำให้ผมแทบจะกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ แต่ด้วยสังขารของผมตอนนี้ก็คงจะทำไม่ได้

 ผมยิ้มหน้าบานและจ้องมองข้อความบนหน้าจอนั้นให้ชัดๆ อีกครั้ง พลางเหลือบมองไปยังด้านนอกห้อง

 หึหึ ความจริงแล้วพี่รู้ทุกอย่างแต่คงจะอายสินะ ถึงไม่บอกตรงๆ

 ผมยิ้มกับตัวเอง และลุกขึ้นนั่งดีๆ กดเข้าไปในข้อความเพื่อที่จะตอบกลับ แต่เมื่อทำแบบนั้น รอยยิ้มที่เคยมีก็เริ่มที่จะจางหาย หัวใจที่เคยพองโตกลับเหมือนกำลังค่อยๆ คลายลง

 ผมอ่านข้อความนั้นอีกครั้ง กดเข้าไปยังข้อความที่สมบูรณ์ของมัน

 [สุขสันต์วันเกิด รักอินมากนะ พี่รอให้เรากลับไปเป็นเหมือนเดิมอีกครั้ง ไม่ว่าจะนานแค่ไหน พี่รอได้นะอิน จาก...พี่เปอร์]

 "ทำอะไร ทำไมไม่ตามเข้าไปอาบด้วยกัน" ผมสะดุ้งตกใจเล็กน้อย และรีบปิดมือถือ วางลงที่โต๊ะเล็กๆ ตามเดิม

 "อ..อื้อ ผมกำลังจะไปพอดี" ผมฉีกยิ้มเฝื่อนๆ หยิบผ้าเช็ดตัวที่วางใกล้ๆ และลุกขึ้นทันที

 "โอ้ย" ผมลุกขึ้นไวเกินไปและซวนเซจะล้ม ผมร้องออกมาเล็กๆ ด้วยความเจ็บภายใน ทำเอาพี่หมอกรีบเข้ามาพยุงผมไว้

 "ช้าๆ จะรีบทำไม" พี่หมอกทำหน้าดุผม พร้อมๆ กับกอดพยุงไว้แน่น

 "ขอโทษครับ ผมไม่เป็นไร" ผมเหมือนพยายามตะเกียกตะกายออกจากตัวพี่หมอก ผมไม่อยากให้พี่หมอกเห็นสีหน้าของผมตอนนี้

 "อวดเก่ง" พี่หมอกถอนลมหายใจเบาๆ ด้วยสีหน้าหน่ายๆ และทันทีทันใด ตัวผมก็ลอยขึ้นจากพื้น

 "เดี๋ยวๆ ครับ ผมเดินเองได้" ผมถูกอุ้มด้วยท่วงท่าที่น่าอาย ถึงแม้ว่าจะใส่เสื้อผ้าอยู่บ้าง แต่แบบนี้มันน่าอายจริงๆ นะ

 "อยู่นิ่งๆ" พี่หมอกดูหงุดหงิดมากขึ้นและอุ้มผมเดินตรงไปที่ห้องน้ำ ผมรีบสงบเสงี่ยมมากขึ้นเพราะมันไม่มีผลดีอะไรที่จะขัดใจพี่หมอก ไม่อย่างนั้นผมอาจโดนโยนลงอ่างแน่ๆ

 ทางเดินของคอนโดพี่หมอกยาวเล็กน้อย ผมอยู่นิ่งๆ ตามที่พี่หมอกสั่ง มองดูใบหน้าพี่หมอกจากมุมมองนี้ก็ไม่เลวเหมือนกัน และเมื่อผมมองดูพี่หมอกให้ชัดๆ ก็พบว่าพี่หมอกใส่สร้อยเส้นนั้นไว้อีกแล้ว สร้อยที่มีแหวนวงหนึ่งคล้องอยู่

"อะไรอีก" พี่หมอกค่อยๆ วางผมลงในอ่างน้ำที่เต็มไปด้วยน้ำอุ่น แต่สีหน้าหมองเศร้าของผมคงปิดไม่มิดอีกแล้ว

 "ของขวัญที่ผมให้พี่ พี่ไม่ชอบมันเหรอ" ผมพูดเบาๆ และจ้องมองพี่หมอกตาละห้อย ความน้อยใจยิ่งเพิ่มมากขึ้น จนผมอดไม่ไหวที่จะเริ่มตัดพ้อ เพราะผมไม่เห็นมันบนตัวพี่หมอกเลย

 "ถามทำไม"

 "เปล่า" ผมพูดและหันหน้าหนี อินนะอิน ทำตัวแบบนี้ทำไม ทำให้พี่หมอกอารมณ์เสียเปล่าๆ

 "เก็บไว้ที่หัวเตียง จะเอามาใส่ให้โดนน้ำทำไม" เหมือนพี่หมอกจะเดาความงี่เง่าของผมได้ แต่นั่นก็ไม่ทำให้ผมรู้สึกดีใจมากเท่าไหร่ เพราะว่าที่คอของพี่หมอก ยังคงมีแหวนวงอื่นอยู่

 สายตาของผมคอยแต่จะเหลือบมองแหวนวงนั้นด้วยความเศร้าสร้อย มันคงเป็นของขวัญที่ล้ำค่าและแสนสำคัญสำหรับพี่หมอก มันคงมีความหมายมากมายเกินกว่าที่พี่จะถอดมันออกได้ และแน่นอน มันมีค่ามากกว่าของขวัญจากผม

 "อาบไปนะ จะไปนอนแล้ว"

 พี่หมอกนั่งเท้าคางมองผมอาบน้ำอยู่สักพัก และลุกขึ้นเดินออกจากห้องน้ำไป ผมรู้สึกหดหู่อย่างที่สุด ไม่ใช่แค่เพราะเรื่องแหวนเท่านั้น แต่เพราะข้อความจากพี่เปอร์

 ข้อความจากคนที่ผมพยายามอยู่ให้ห่างมากที่สุด แต่กลับเป็นคนที่รู้เรื่องผมดีกว่าใคร
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#37 สุขสันต์วันเกิด](7/3/63)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 07-03-2020 16:48:46
 :pig4: :pig4: :pig4:

อิหมอก  อิไบโพลาร์
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#37 สุขสันต์วันเกิด](7/3/63)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 07-03-2020 22:24:38
เหนื่อยใจจริง ๆ เลย หมอกเป็นอะไรมากไหมเนี่ย  :katai1:
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#37 สุขสันต์วันเกิด](7/3/63)
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 08-03-2020 12:13:50
งง มาก  งงในความสัมพันธ์
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#37 สุขสันต์วันเกิด](7/3/63)
เริ่มหัวข้อโดย: Gloomy Sunday ที่ 17-03-2020 17:50:32
เพ้อ บทที่ 38 ตื่นขึ้นจากความฝัน


ในรุ่งเช้าของวันใหม่ ผมลืมตาตื่นขึ้นด้วยความรู้สึกที่ยังคงขุ่นมัวอยู่ในใจ และยิ่งไปกว่านั้น ที่ด้านข้างของผมในตอนนี้ มีเพียงแต่ความว่างเปล่า พี่หมอกลุกออกไปจากเตียงตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ ไม่คิดจะบอกหรือจะปลุกผมเลยหรือไง

 ผมทำหน้างอเล็กๆ มองดูนาฬิกาที่บอกเวลาเจ็ดโมงตรง ถึงจะรู้สึกเศร้าลึกๆ แต่ผมก็คิดว่าดีแค่ไหนแล้วที่ผมได้ใช้เวลาร่วมกันกับพี่หมอก ในวันอันแสนพิเศษนี้ แค่นี้ผมก็ควรจะพอใจได้แล้ว

 Trrr Trrr

 แต่เสียงเสียงหนึ่ง ก็ดังขึ้นดึงผมที่กำลังจะเดินไปอาบน้ำเอาไว้ ผมมองโทรศัพท์มือถือของผมที่อยู่บนโต๊ะเล็กๆ ข้างเตียง ผมลังเลเล็กน้อยที่จะหยิบมันขึ้นว่า เพราะผมนั้นรู้สึกกลัว กลัวว่าสิ่งที่จะได้เห็น จะทำให้ผมต้องผิดหวังซ้ำอีก

 ผมยังคงยืนมองหน้าจอที่ส่องแสง ถอนหายใจเล็กๆ และเอื้อมมือออกไปคว้ามันเอาไว้ อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด ไม่มีประโยชน์ที่จะยื้อเอาไว้...

 แต่ว่าเมื่อได้มองเห็นมือตัวเองที่ยื่นออกไปนั้น หัวใจที่เคยเจ็บปวดอยู่ลึกๆ ก็พลันค่อยๆ พองโตจนรู้สึกเหมือนจะระเบิดออกมา

 คลื่นแห่งความสุขทำให้ผมเหมือนแทบจะบินได้ ในตอนนี้ นิ้วมือของผมมีสิ่งสิ่งหนึ่ง ส่องประกายสีเงินแวววับ ผมค่อยๆ เลื่อนมืิอของผมขึ้นมาให้อยู่ในระดับสายตาที่จะเชยชมมันให้ชัดๆ

 ผมไม่ได้ฝันไปใช่ไหม ที่นิ้วมือของผมตอนนี้ มีแหวนวงหนึ่งสวมอยู่

 แต่ว่า...แหวนวงนี้

 ผมขมวดคิ้วเพ่งมองมันใกล้ๆ มันเป็นแหวนวงเดียวกับที่พี่หมอกเก็บเอาไว้ใกล้ตัวอยู่เสมอ

 ในหัวใจของผมในตอนนี้ ทั้งดีใจ ทั้งสับสน และเป็นกังวล

 Rrrr Rrrr

 เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นทำให้ผมหลุดออกจากความคิด

 "อิน จะกลับหรือยังลูก" เมื่อได้ยินเสียงก็ต้องโล่งใจ เพราะว่าเป็นแม่นั่นเอง

 "ครับๆ จะกลับแล้ว"

 "แม่ฝากซื้อของก่อนเข้าบ้านหน่อยนะ"

 "ได้ครับ"

 "จ้า เดี๋ยวแม่ส่งรายการไปให้"

 "ครับ"

 หลังจากนั้นแม่ก็วางสายไปทันที ผมจ้องมองโทรศัพท์ในมือด้วยความสงสัย แปลกนะ นี่อย่าบอกนะว่าแม่ก็ลืมวันเกิดผมด้วย

 ผมถอนหายใจเล็กๆ หยิบผ้าเช็ดตัวและเดินดิ่งไปที่ห้องน้ำ ผ่านโถงนั่งเล่นที่ดูเงียบสงัด ผมกำลังหวังอะไรกันนะ ผมหวังให้พี่หมอกยังคงอยู่ในห้อง ผมอยากถามถึงเรื่องแหวนที่พี่ให้ผม อยากรู้จริงๆ ว่าที่มาของมันเป็นยังไง

 ผมใช้เวลาจัดการตัวเองไม่นานนัก และเดินออกจากห้องน้ำเตรียมตัวที่จะเก็บกระเป๋ากลับ แต่เมื่อเดินผ่านโถงครัวอีกครั้ง ผมก็เพิ่งสังเกตเห็นว่ามีกระดาษน้อยแผ่นหนึ่ง แปะอยู่ที่ประตูตู้เย็น


 มีงานเช้า ของกินอยู่ในตู้ เอาออกมาอุ่นกินซะ

 .

 .

 .

 Happy Birthday นะ


 ถ้อยคำที่ผมได้อ่านนั้น ยังสะท้อนไปมาอยู่ในหัว

 ไม่มีของขวัญใดในโลก ที่ผมต้องการอีกแล้ว

 นอกจากพี่ แค่เพียงพี่เท่านั้น


 บางทีอาจเพราะมีความสุขมากเกินไป ผมที่แม่ฝากให้ซื้อของเข้าบ้าน ก็เกือบจะลืมซะแล้ว แถมใจลอยไม่อยู่กับเนื้อกับตัว จนซื้อของผิดอีกยกใหญ่

 แต่ในที่สุด ผมก็กลับมาถึงบ้าน พร้อมรายการข้าวของตามที่ได้รับมอบหมาย โชคดีที่วันนี้ไม่ต้องไปมหา'ลัย ไม่อย่างนั้นคงลากสังขารไปไม่ไหว

 "นอนพักก่อนก็ได้ลูก เดี๋ยวตอนเย็นค่อยลุกขึ้นมากินข้าว" แม่พูดบอกผมอย่างอ่อนโยน ซึ่งผมก็ไม่ได้ปฏิเสธ

 ผมรีบสาวเท้ากลับมาที่บ้านหลังเล็ก และล้มตัวนอนทันที ถึงแม้ตอนบ่ายนี้จะร้อนสักหน่อย แต่ก็ไม่เป็นอุปสรรคเลยสำหรับการพักผ่อน

 "อิน"

 เสียงที่ดังขึ้นเบาๆ ที่ข้างตัวทำให้ผมค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้น

 ผมรู้สึกงัวเงียเล็กน้อย เพราะเหมือนกับว่าเวลาไม่ได้ผ่านไปนานเท่าไหร่ ราวกับนอนหลับและตื่นขึ้นในทันที

 "กี่โมงแล้วเหรอ" ผมลุกขึ้นนั่ง มือข้างหนึ่งขยี้ตาเบาๆ

 "นี่มืดแล้วนะ เพลียขนาดนี้ไปทำอะไรมา" ครั้งนี้ ก็เป็นความงี่เง่าของผมอีกครั้ง เพราะกว่าจะเอะใจได้ว่าเสียงที่ได้ยินนั้น ไม่ใช่เสียงของแม่ก็ตอนที่คนข้างๆ ยื่นมือมาจัดผมที่ไม่เข้าที่เข้าทางให้

 "พี่เปอร์" ผมสะดุ้งแทบจะตกจากเตียง และมองคนที่ส่งยิ้มอ่อนโยนมาให้ด้วยความตกใจ

 "พี่มาได้ไง" ผมถอยหลังและลงจากเตียงอัตโนมัติ

"ขอโทษนะ ทำให้ตกใจเหรอ" พี่เปอร์ลุกออกจากเตียงบ้าง และถอยไปยืนหน้าประตูด้วยใบหน้าที่หมองลง

 "เปล่า แต่...แล้วแม่ผมล่ะ" ผมพูดพลางมองออกไปนอกประตู ไม่ใช่ครั้งแรกที่พี่เปอร์แอบย่องมาหาผม แต่ทำไมถึงง่ายดายแบบนี้ทุกครั้ง

 "อยู่ที่สวนน่ะ แม่อินให้พี่มาเรียกอินนั่นแหละ" ผมเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย แม่น่ะเหรอ ให้พี่มา นี่มันเรื่องอะไรกัน

 ด้วยความสงสัย ผมใส่รองเท้าและเดินออกมาจากบ้านหลังเล็ก โดยมีคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นแฟนผมเดินตามมาห่างๆ

 แสงไฟสว่างไสว ค่อยๆ ชัดเจนอยู่เบื้องหน้า แต่ว่ามันไม่ใช่แสงไฟธรรมดา

 ต้นไม้แต่ละต้นถูกแต่งไฟประดับระยิบระยับราวกับหิ่งห้อยนับพันตัว และเมื่อยิ่งเดินเข้าไปใกล้ๆ นั้น ผมก็เริ่มมองเห็นโต๊ะตัวยาวที่มีผ้าสีขาวคลุมอยู่ และบนโต๊ะนั้นมีอาหารมากมายวางไว้ เหมือนกำลังรอให้ทุกๆ คนนั่งลงและลิ้มรสมัน

 "อิน มาพอดีเลยลูก ไปกราบสวัสดีคุณท่านสิ" ผมที่ได้ยินแม่พูดแบบนั้นก็ตื่นตกใจทันที หลายเดือนแล้วที่คุณพ่อและคุณแม่ของหมี่ไม่อยู่ และตอนนี้กลับมาแล้ว

 ผมค่อยๆ มองตามสายตาของแม่ และพบว่าคุณพ่อของหมี่กลับมาแล้วจริงๆ ผมค่อยๆ เดินก้มหัวลงเล็กน้อย และเข้าไปสวัสดีท่านที่กำลังยืนชมดอกไม้ในสวนอยู่พอดี

 "สวัสดีครับ"

 "อ้าว อินนั่นเอง ไม่เจอกันพักเดียวเหมือนจะโตเป็นหนุ่มขึ้นกว่าเดิมนะ"

 ท่านพูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ยังคงใจดีกับผมเหมือนที่เคยเป็นมา ท่านเป็นผู้ที่มีพระคุณกับผมและแม่มาก ไม่ว่าสิ่งใดที่จะทำเพื่อตอบแทนท่านได้ ผมก็ยินดี

 "ไม่หรอกครับ ผมก็ยังเหมือนเดิม" ผมตอบกลับท่านด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

 "ฮ่ะๆ ยังเป็นเด็กดีเหมือนเดิมเลยนะ แล้วรู้ไหมว่าทำไมวันนี้ถึงมีงานเลี้ยง" คุณพ่อของหมี่พูดถามผมด้วยน้ำเสียงเปรมปรีดิ์เหมือนกำลังอยากจะนำเสนออะไร

 ผมขมวดคิ้วสงสัยพลางมองไปรอบๆ ถึงจะจัดตกแต่งแสงไฟ และมีอาหารมากมาย แต่ก็ไม่มีป้ายบอกว่างานเลี้ยงอะไร

 "เลี้ยงที่คุณลุงกลับมาเหรอครับ" ผมตอบอย่างไม่แน่ใจ

 "ฮ่ะๆ นั่นก็อาจจะนับด้วยได้ แต่ว่าแม่หมี่เขาไม่ค่อยสบาย เลยไม่ได้ลงมาร่วมด้วย"

 "คุณป้าไม่สบายเหรอครับ"

 "ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร แค่อ่อนเพลียนิดหน่อย" ผมพยักหน้ารับรู้ แล้วตกลงมันเป็นงานเลี้ยงอะไรกันแน่นะ หรือว่า...

 "งานเลี้ยงวันเกิดน่ะ" คนที่พูดนั้นไม่ใช่คุณพ่อของหมี่ แต่เป็นตัวหมี่เองที่เดินเข้ามาในสวน

 "ใช่ๆ ดีนะที่พ่อกลับมาพอดี ก็ถือโอกาสจัดร่วมกันไปเลย" คุณพ่อของหมี่ส่งยิ้มใจดีไปที่ลูกสาว แต่ตัวหมี่นั้นกลับมีรอยยิ้มที่แปลกประหลาด เธอยกยิ้มพลางเหลือบสายตามองผมแบบที่ไม่จริงใจเอาซะเลย

 "ขอบคุณนะครับ ที่จัดงานเลี้ยงให้ผม แต่จริงๆ ไม่ต้อง..."

 "พูดอะไรน่ะ ไม่ได้จัดให้แกสักหน่อย" ผมชะงักเล็กน้อยกับท่าทีที่ไม่เป็นมิตรอย่างเปิดเผยของเธอ และไม่ใช่ผมที่นิ่งอึ้งไป แม้แต่คุณพ่อของเธอก็เช่นกัน

 "หมี่ ทำไมพูดแบบนั้นกับอินล่ะ"

 "ก็ไม่ใช่วันเกิดอินคนเดียวจริงๆ นี่คะ"

 พอฟังมาถึงตอนนี้ หัวใจผมก็เต้นโครมครามอยู่ภายใน ความกลัวก่อตัวขึ้นอย่างไร้จุดหมาย ผมไม่อยากได้ยินสิ่งที่เธอกำลังจะพูด หรือทำอะไรต่อไป

 "หนูมีคนมาแนะนำให้คุณพ่อรู้จักค่ะ" ผมมองตามสายตาของเธอ ที่กำลังยกมือขึ้นเรียกใครบางคนที่อยู่ด้านหลังพุ่มไม้นั้น

 มือของผมเริ่มสั่นอย่างควบคุมไม่ได้ อากาศรอบๆ ตัวราวกับเยือกแข็งลง จนขากรรไกรของผมต้องขบกันอย่างจนใจ

 และก็เป็นดั่งที่คิด ผมมองตามชายหนุ่มคนหนึ่งที่ค่อยๆ เดินเข้ามา คนที่ผมรู้จักดียิ่งกว่าใครๆ ทำไมล่ะ ทำไมพี่ถึงมาที่นี่ ไหนพี่บอกว่า พี่กับหมี่...

 "นี่พี่หมอกค่ะ แฟนหมี่เอง ที่หมี่เคยเล่าให้คุณพ่อฟังไง"

 คำพูดของเธอทำให้ผมนิ่งงัน สายตาของผมจับจ้องไปยังคนที่เคยบอกผม คนที่บอกผมว่าเขาและเธอไม่เกี่ยวข้องกันแล้ว

 เลิกกันไปแล้ว...

 "โอ้โห หล่ออย่างกับพระเอกหนัง"

 "แหม ล้อเล่นอะไรกันคะ ก็พระเอกไงคะ พระเอกจริงๆ" เธอพูดอย่างภาคภูมิใจและกอดแขนของพี่หมอกไว้

 ผมไม่ได้ละสายตาจากใบหน้าที่เฉยชาของผู้ชายคนนั้น ทำไม ทำไมพี่ถึงไม่มองมาที่ผม บอกผมสิว่าเรื่องนี้หมี่เข้าใจผิดไปเอง

 "คนโกหก" ผมพูดเบาๆ ด้วยฟันที่ขบกันอย่างโกรธเคือง

 ผมในตอนนี้ ราวกับถูกตบแรงๆ ให้ตื่นขึ้นจากความฝัน...

 มือทั้งสองข้างของผมกำแน่นด้วยความผิดหวังเสียใจ ก้มหน้าลงมองพื้น มองสิ่งที่มันเหมาะแล้วกับคนอย่างผม คนที่พยายามแหงนมองท้องฟ้าไป ยังไงก็ไม่เห็นดวงดาว

 "อิน" ผมเหลือบมองมือ มือหนึ่งที่วางลงบนบ่า พี่เปอร์ก็อยู่ตรงนี้ด้านหลังผมมาตลอด แต่ผมก็ไม่เคยได้ใส่ใจ

 "เอาล่ะ ไปนั่งเถอะ เดี๋ยวอาหารจะเย็นหมด" คุณพ่อของหมี่ทำมือให้พวกเราทั้งหมดนั่งลง ผมเลือกเดินมาให้ห่างและนั่งลงที่เกือบสุดปลายโต๊ะนั้น แววตาของผมเพ่งมองอย่างล่องลอย แต่ก็ตื่นเต็มตาอยู่ในโลกความเป็นจริง

 "สุขสันต์วันเกิดนะ พี่ไม่รู้ว่าเราชอบอะไร ก็เลยซื้อมาให้เยอะเลย" ผมมองตามมือพี่เปอร์ที่หยิบตุ๊กตาน่ารักๆ ขึ้นจากถุง ทุกสิ่งล้วนเป็นของที่เกี่ยวกับสุนัข ทุกสิ่งที่ผมน่าจะชอบ

 ผมละสายตาจากสิ่งของเหล่านั้น จ้องมองไปยังคนที่อยู่เคียงข้างผม คนที่ผมมองข้าม คนที่ผมไม่เคยให้หัวใจ

 "ขอบคุณครับ ขอบคุณจริงๆ" ขอบคุณที่ไม่ละความพยายามที่จะอยู่ใกล้ผม ขอบคุณที่พี่ไม่ได้ยอมแพ้ไป
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#38 ตื่นขึ้นจากความฝัน](17/3/63)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 17-03-2020 18:57:53
 :pig4: :pig4: :pig4:

ยัยหมี่  แกมันร้าย

ฉันหว่ายัยหมี่มันต้องกุมความลับอะไรสักอย่างที่ทำให้หมอกต้องทำตาม
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#38 ตื่นขึ้นจากความฝัน](17/3/63)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 17-03-2020 21:16:16
 :o12: :sad4: :o12: :sad4: :sad4: :sad4:
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#38 ตื่นขึ้นจากความฝัน](17/3/63)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 17-03-2020 23:26:46
ถ้าการจะมีหลัวเป็นตัวเป็นตนสักคนหนึ่ง มันยากแบบนี้ อยู่ตัวคนเดียวดีกว่าอิน  :เฮ้อ: :กอด1:
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#38 ตื่นขึ้นจากความฝัน](17/3/63)
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 18-03-2020 06:18:12
พยายามมากไปก็เหนื่อยนะ มูฟออนเถอะ
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#38 ตื่นขึ้นจากความฝัน](17/3/63)
เริ่มหัวข้อโดย: ลูกกุญแจ ที่ 23-03-2020 22:35:10
เหนื่อยแทนอิน
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#38 ตื่นขึ้นจากความฝัน](17/3/63)
เริ่มหัวข้อโดย: Gloomy Sunday ที่ 27-03-2020 09:38:13
เพ้อ บทที่ 39 สารภาพ


เมื่อยามเช้า ทุกสิ่งทุกอย่างช่างทำให้ผมมีความสุข ราวกับอยู่ในห่วงแห่งความฝัน และตอนนี้ก็ถึงเวลาที่ผมต้องตื่น มาพบกับความเป็นจริงที่ทำให้ผมแสนปวดร้าว ทำไมทุกอย่างมันถึงได้รวดเร็วขนาดนี้ ทำไมถึงไม่ให้ผมได้มีความสุขมากกว่านี้อีกสักนิด

 ไม่ใช่ว่าผมจะไม่ให้โอกาสคนคนนั้น ผมนอนรอ รอฟังเสียง รอข้อความที่จะบอกกับผม ว่าทุกสิ่งมันไม่ใช่แบบที่ผมคิด ว่าผมกำลังเข้าใจผิด ผมรอ รอฟังคำแก้ตัว ไม่ว่าอะไรที่พี่บอกผม มันอาจจะทำให้ผมเชื่อพี่ก็ได้ ถ้าหากเพียงพี่บอกว่าเรื่องที่พี่ยังคบกับหมี่นั้นมันไม่จริง

 แต่ว่าตอนนี้ก็คงใกล้เช้าของอีกวันแล้ว บนหน้าจอโทรศัพท์ของผมยังคงว่างเปล่า ไม่มี ไม่มีอะไรเลย พี่ไม่มีอะไรที่ต้องการบอกผมจริงๆ เหรอ พี่ไม่คิดเลยเหรอว่าผมจะต้องทรมานแค่ไหน พี่โกหกผมจริงๆ ใช่ไหม เรื่องระหว่างเรา เรื่องของผม มันไม่เคยอยู่ในหัวใจของพี่เลยจริงๆ ใช่ไหม

 น้ำตาสายหนึ่งค่อยๆ ไหลออกมาจากดวงตาใส ผมยิ้มอย่างขมขื่นและสะอื้นไห้อย่างเบาเสียง นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมต้องร้องไห้อย่างเจ็บปวดแบบนี้

 ราวกับความรักหรือทุกๆ สิ่งระหว่างเราไม่เคยเกิดขึ้น มันเหมือนกับความฝัน ความรู้สึกที่เรานึกคิดไปเอง น้ำตาที่ไหลออกไปเริ่มแห้งเหือดไปจากดวงตา แห้งเหือดไปจากหัวใจ

 ในวันถัดไป โทรศัพท์ของผมก็ยังคงไร้การติดต่อจากคนคนนั้น ผมทำใจ และเริ่มที่จะติดต่อพี่หมอกไปเอง ผมแค่อยากรู้ เหตุผลที่พี่ทิ้งผมไป ผมอยากรู้ ว่ารอยยิ้มที่พี่มอบให้ผม มันไม่จริงเลยใช่ไหม พี่ก็แค่พัฒนาขึ้น แสดงละครตบตาผม ทำให้ผมเจ็บปวดเล่นๆ แบบนั้นหรือเปล่า

 ผมมือสั่นเล็กน้อย ขณะที่กดโทรออกหาคนที่ผมรัก เสียงรอสายทำให้หัวใจของผมสั่นไหว

 [เลขหมายที่ท่านเรียก ไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้]

 เป็นรอบที่ร้อยแล้ว ที่ผมได้ยินข้อความนี้ ผมค่อยๆ ลดมือลง จ้องมองไปยังทุกสิ่งอย่างไร้จุดหมาย นี่คงเป็นคำตอบของพี่ใช่ไหม พี่ได้เลือกแล้ว...ใช่ไหม

 Rrrr Rrrr

 ผมสะดุ้งและรีบกดรับสาย ผมไม่รู้ว่าใครโทรมา แต่ผมก็หวังเหลือเกิน ว่าคนปลายสายจะเป็นเขาคนนั้น

 "ฮ..ฮัลโหล" ผมเสียงสั่นเครือ พยายามไม่ให้ร้องไห้ออกมา

 "ฮัลโหล ค..ใครเหรอ" ผมไม่เข้าใจ หลังจากที่ผมโทรออกไปทุกครั้ง ก็จะมีสายหนึ่งโทรเข้ามาหาผม แต่ว่า กลับไม่มีเสียง ไม่มีใครพูดกับผมจากปลายสายนั้น

 "พี่ ฮึก หมอกหรือเปล่า" ผมไม่อาจห้ามให้น้ำตาไหลได้ หลายสิ่งกระตุ้นให้ผมเริ่มปล่อยความอ่อนแอออกมา

 "ทำไม ทำไมพี่ถึงไม่พูด"

 "..."

 "พี่หมอก ทำไมพี่ถึงหลอกผม" ความเศร้า ผสมปนเปไปกับความโกรธเคือง

 "..."

 "พูดสิ! บอกให้พูดออกมา!!"

 แต่หลังจากที่ผมตะโกนออกไปนั้น ปลายสายก็ตัดสายไป ผมโกรธและเดือดดาลมาก และพอเป็นแบบนี้ สติก็ได้ถูกพรากไป

 ผมเรียกแท็คซี่และบอกทางไปยังคอนโดของพี่หมอกอย่างรวดเร็ว ผมไม่รู้ว่าพี่เขาอยู่ไหม แต่นี่อาจเป็นทางเดียวที่เราจะคุยกันรู้เรื่องได้

 หลังลงจากรถ ผมรีบขึ้นลิฟต์และตรงดิ่งไปที่ห้องที่ผมแสนคุ้นเคย ประตูไม่ได้ถูกล็อกไว้ ผมผลักมันออกอย่างแรง ไม่สนใจว่ามันจะเสียงดังเพียงไร

 และก็เป็นสิ่งที่น่ายินดี คนคนนั้นยืนอยู่เหมือนรู้ว่าผมจะต้องมา ผมยกยิ้มทันทีที่เห็นพี่หมอก และตรงดิ่งไปยืนประจันหน้า

 "มีอะไรจะพูดไหม" ผมกำมือแน่น รอฟังสิ่งที่คนตรงหน้าจะพูด ถึงในใจจะเดือดดาลแค่ไหน แต่ความหวังก็ยังคงมีอยู่ในใจ

 "พี่ทำแบบนี้เพื่ออะไร" หลังจากที่ยืนรอสักพัก พี่หมอกก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาสักคำ ผมไม่เข้าใจเลย ทำไมถึงไม่อธิบายอะไรเลย

 "พี่ยังคบกับหมี่จริงเหรอ พี่กลับไปคืนดีกันจริงๆ เหรอ" ผมถามเสียงเบา จ้องมองไปยังดวงตาสีอ่อนของคนตรงหน้า

 คำถามนี้ทำให้พี่หมอกละสายตาจากทิวทัศน์ด้านนอก หันมามองผม พี่หมอกเดินเข้ามาหาผมช้าๆ และจับแขนของผมเอาไว้

 "ใช่" คำตอบของคนตรงหน้าทำให้ผมหัวใจกระตุกวูบ แขนขาแทบอ่อนแรง

 "นี่เป็นสิ่งที่พี่เลือกแล้วใช่ไหม" ผมถามพี่หมอกด้วยน้ำเสียงที่สั่นไหว

 "ใช่"

 ผมค่อยๆ ปัดมือที่เกาะกุมแขนของผมออก และก้าวถอยหลังด้วยหัวใจสั่นสะท้าน

 "ถ้าอย่างนั้น ก็ขอให้พี่โชคดี" ผมพูดเสียงสั่น พยายามไม่ให้น้ำตาไหลออกมาขณะที่หันหลังเดินจากไป

 "อิน" เสียงเรียกชื่ออันแผ่วเบาทำให้ฝีเท้าของผมหยุดชะงัก ไม่ว่าจะเจ็บปวดแค่ไหน แต่หัวใจก็ยังคงอยากจะฟังในสิ่งที่พี่หมอกพูด ความหวังที่มีอยู่น้อยนิด ยังไม่เหือดหายไป

"เรื่องไอ้เปอร์ อยู่ห่างๆ มัน ไม่อย่างนั้นอินจะต้องเสียใจ" หลังจากฟังคำพูดไร้สาระนั้น ผมแทบจะหลุดหัวเราะออกมาด้วยความขมขื่น เวลานี้ ตอนนี้ พี่ก็ยัง...

 ผมค่อยๆ หันกลับไปหาคนที่พูด คนใจร้ายนั้นที่กำลังใส่ร้ายคนอื่น

 "เสียใจงั้นเหรอ" ผมพูดออกมาพร้อมๆ กับกำสิ่งที่อยู่บนนิ้วไว้ ผมเกือบลืมไปเลย ว่าผมควรจะคืนสิ่งนี้ไป

 "พี่รู้ไหมว่าอะไรคือสิ่งที่ผมเสียใจที่สุด" ผมค่อยๆ ถอดแหวนที่เป็นของขวัญนั้นออกมา มันเคยเป็นสิ่งที่มีค่าที่สุดสำหรับผม แต่ตอนนี้ ไม่ใช่อีกแล้ว

 "สิ่งที่ผมเสียใจที่สุดก็คือ การได้รู้จักพี่" ผมพูดพร้อมๆ กับขว้างแหวนวงนั้นออกไปสุดแรง แหวนนั้นกระทบเข้ากับอกของพี่หมอกก่อนที่จะร่วงหล่นลงไปสู่พื้น

 ผมหันหลังด้วยใจแน่วแน่ เดินออกจากจากห้องนั้น โดยไม่ได้รับรู้ถึงน้ำตาหยาดหนึ่งที่รินไหลออกมาจากแววตาที่แกล้งทำเป็นเฉยชานั้น

 "แม่ครับ อินพูดเหมือนตอนที่แม่ทิ้งพวกเราไปเลยนะ"


หมอก

 "รักมันมากขนาดนั้นเลยเหรอ" หญิงสาวที่ค่อยๆ เดินออกมาจากที่หลบซ่อนทำให้สีหน้าของชายหนุ่มแข็งกร้าวขึ้นทันที เขาไม่สนใจเธอ และเดินหนีออกห่างราวกับเธอเป็นสิ่งน่าขยะแขยง

 "หมี่บอกพี่แล้วไงคะ ไม่ต้องมารักหมี่เหมือนที่เคยทำหรอก แต่พี่กับมัน ไม่มีวันที่จะได้อยู่ร่วมกัน"

 "ออกไป" หมอกกำหมัดแน่นและชี้ไปที่ทางออก เขาอยากจะบีบคอผู้หญิงคนนี้ให้ตาย แต่ก็ทำอะไรไม่ได้

 "พี่หมอก พี่ยังกลับใจได้นะคะ พี่เป็นอะไรของพี่ มันผู้ชายนะคะ ทำไมพี่ถึงใฝ่ต่ำขนาดนี้ นี่ถ้าเป็นผู้หญิงหมี่จะไม่เจ็บใจขนาดนี้เลย!" หมี่ถลึงตาอย่างเหลืออด เพราะถึงอย่างไรเธอก็เสียดายผู้ชายคนนี้เหลือเกิน

 "ออกไป!" หมอกเริ่มเปลี่ยนจากเสียงเย็นชาเป็นตะคอกใส่ แต่หมี่ก็ยังคงไม่ลดละ เดินเข้าไปหาและสวมกอดแขนของชายหนุ่มไว้

 "ทำไม พี่จะตีหมี่เหรอ" หมอกเดือดดาลเหลือทนแต่ก็ไม่เคยทำร้ายผู้หญิงจึงได้แต่กำหมัดแน่น

 "ถ้าพี่อยากระบายอารมณ์ ก็ทำกันได้นะ" หมี่กอดแขนอย่างออดอ้อน แต่เมื่อได้ยินคำพูดนั้น หมอกก็แสยะยิ้มอย่างมาอย่างขำขัน

 "ขอโทษที แต่พอดีไม่มีอารมณ์กับกะหรี่โสโครก" สายตาของหมอกมองผู้หญิงข้างกายอย่างเหยียดหยาม ทำให้หมี่แทบจะกรี๊ดออกมาอย่างเดือดดาล

 "พี่หมอก!!" หมอกเดินหนีชะนีที่กำลังคลั่ง เขาหนีขึ้นไปบนชั้นลอยไม่สนใจท่าทีของผู้หญิงที่เขาแสนเกลียดชัง

 "อย่าลืมนะว่าพี่กำลังเล่นอยู่กับใคร! อยากให้หมี่บอกแม่มันว่ามันเป็นเกย์ใช่ไหม อยากทำลายชีวิตมันเหรอ อยากให้มันเกลียดพี่มากกว่านี้ใช่ไหม พี่ก็รู้ว่ามันทำทุกอย่างเพื่อแม่มัน พี่จะอาลัยอาวรณ์มันทำไม ยังไงมันก็เลือกแม่มัน และแม่มันก็ติดหนี้บุญคุณพ่อแม่หมี่ อยากให้มันสองแม่ลูกไม่มีที่ซุกหัวนอนเหรอ!!" คำพูดทุกคำนั้น เสียดแทงเข้าไปในหัวใจของหมอก

 เขานั้นรู้ดี ว่าถ้าเขายังดึงดันก็คงทำให้สักวันอินต้องเปิดเผยเรื่องที่ตัวเองทุกข์ใจ แต่ว่าการที่จะต้องโดนผู้หญิงน่ารังเกียจแบบนั้นมากดขี่ชี้นิ้วสั่งมันก็สุดจะทนเหลือเกิน ถ้าหากเขาบอกกับอิน และทุกอย่างของอินถูกเปิดเผยกับคนที่อินแคร์ที่สุด อินจะยังคงรักเขาไหม

 นี่เป็นสิ่งที่เขายังคงไม่กล้าที่จะเสี่ยง เขาไม่อยากให้อินต้องทุกข์ใจเรื่องที่ปกปิดแม่เอาไว้ เพราะว่าอินรักแม่มาก และเขาก็เคยถามอินถึงเรื่องเหล่านี้แล้ว อินจะทำทุกอย่างเพื่อแม่ ไม่ใช่เพื่อเขา เขาควรเอาตัวเองออกมา ก่อนที่จะเจ็บปวดมากกว่านี้

 "โหวกเหวกโวยวายหนวกหู คิดว่าที่นี่เป็นซ่องหรือไง" บุคคลที่สามที่โผล่มาทำให้หมี่แทบจะกรี๊ดด้วยความเดือดดาลอีกหน

 ชายหนุ่มตัวสูงผิวขาวราวกระดาษ ใบหน้าที่มีรอยยิ้มนั้น กลับเป็นรอยยิ้มที่ดูไม่จริงใจเลยสักนิด แววตาของเขาเย็นชาเหมือนกับน้องชาย แต่ท่าทีนั้นดูเป็นมิตรกว่า

 "เฮ้ ไอ้น้องชาย ไม่คิดถึงพี่ชายสุดที่รักเลยหรือไง ต้องให้ถ่อมาหา" ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาสวมเสื้อโค้ทตัวหนาทั้งๆ ที่อากาศร้อน เดินก้าวเข้ามา และโยนข้าวของเฉียดผู้หญิงที่ยืนอยู่ เหมือนเธอไม่มีตัวตน

 "เหอะ จำไว้นะพี่หมอก" หมี่ฟึดฟัดบอกหมอก พลางเดินกระทืบเท้าออกไปจากห้อง

 "ลงมาคุยกันหน่อย คิดถึงมากนะรู้ไหม" พี่ชายของหมอกส่งเสียงเรียกและนั่งลงที่โซฟาตัวใหญ่

 "คิดถึงอะไรเกือบปีแล้วที่พี่ไม่โทรมา" เมื่อหมี่ออกไปจากห้องแล้ว หมอกจึงเดินลงมานั่งที่โซฟาข้างๆ พี่ชาย

 "งานมันยุ่ง I'm so busy เข้าใจไหม" พี่ชายของเขาที่อยู่ต่างประเทศมานาน แต่นิสัยก็ยังคงเหมือนเดิม เหมือนที่เคยอยู่ด้วยกันตอนเด็กๆ

 "แล้วมาทำไม"

"ดูดู๊ดูถามมาได้" พี่ชายดึงหน้าตึง พวกเขาทั้งสองคนมีดวงตา และส่วนสูงที่คล้ายกัน แต่อย่างอื่นก็ไม่ใกล้เคียงเท่าไหร่ ยกเว้น เสียงที่แทบจะเหมือนกัน

 "เออ แล้วเรื่องผู้หญิงฉันไม่เคยห้ามนะ แต่ว่ายายปากกรรไกรเมื่อกี้น่ะมันอะไร" หมอกไม่ได้ตอบคำถาม แต่ทำหน้าเอือมระอาสุดๆ ทำให้พี่ชายรู้ว่าไม่อยากให้พูดถึง

 "พี่เมฆ"

 "ตอนนี้ฉันชื่อเคลวิน" คนพี่ทำหน้ารับไม่ได้สุดๆ กับชื่อไทยเชยๆ นั่น แต่น้องชายก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร

 หมอกทำสีหน้าครุ่นคิดอย่างเศร้าหมอง สายตาว่างเปล่าไม่ได้จ้องมองไปที่สิ่งใด

 "ถ้าเรารักใครสักคน เราจำเป็นต้องปล่อยเขาไปจริงๆ เหรอ" หมอกถามพี่อย่างเลื่อนลอย

 "โตขึ้นแล้ว รู้จักความรักจริงๆ แล้วสินะ"

 "แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น ผมก็รักษามันไว้ไม่ได้อยู่ดี"

 "ขึ้นชื่อว่าความรัก คิดว่าเส้นทางจะโรยด้วยกลีบกุหลาบหรือไง" หมอกยกยิ้มน้อยๆ ให้กับคำพูดนั้น

 "ขอบคุณนะ ขอบคุณที่พี่ช่วยผมเรื่องนั้น"

 "ไม่ได้ยินมานานนะคำนี้ วิญญาณหมอก 5 ขวบเข้าสิงเหรอ" เมฆมองน้องชายด้วยใบหน้าหวาดผวา แต่หมอกก็ไม่ได้ใส่ใจท่าทีของพี่ชายอีก

 "พี่ร้องเพลงดีขึ้นนะ แต่ยังไงก็เทียบผมไม่ได้อยู่ดี"

 "อ๋อเหรอออ แต่ว่า ทำไมนายถึงทำแบบนั้นล่ะ" หมอกถอนหายใจเล็กน้อย ด้วยสีหน้าที่เริ่มหมองเศร้าอีกครั้ง

 "ผมก็ไม่แน่ใจ คงเป็นเพราะความขี้แพ้ของผมละมั้ง ผมกลัว..."

 "นายยังฝังใจกับคำพูดของพ่ออีกเหรอ ตาแก่นั่นมันคงทำนายประสาทไปจริงๆ"

 หมอกยิ้มขมขื่นกับคำพูดของพี่ เขานั้นเหมือนกับเป็นโรคประสาทอ่อนๆ เขาไม่เคยมีความมั่นใจเวลาที่ได้เล่นดนตรี เพราะว่าเมื่อก่อนนั้น เขาเคยได้ยินแต่สิ่งเลวร้ายจากปากของพ่อเขาเสมอเมื่อยามที่เขาเล่นดนตรี ทั้งคำดูถูก ด่าทอ มันฝังอยู่ในหัวของเขาตลอดเวลาตั้งแต่แม่จากไป มันทำให้เขากลัวที่จะแสดงมันต่อหน้าคนอื่น สูญเสียความมั่นใจไป

 "คงจะเป็นแบบนั้นละมั้ง แต่ว่า ผมก็คิดนะ ว่าเมื่อไหร่ที่เขาได้รู้ความจริง ผมก็หวังว่าเขา จะยังคงมีผมอยู่ในใจ"

 "หืมม ไม่เข้าใจแฮะ แล้วนายคิดจะทำอะไรต่อ"

 "สารภาพ"
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#39 สารภาพ](27/3/63)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 27-03-2020 11:33:12
 :pig4: :pig4: :pig4:

นั่นไง  ตรูว่าแล้ว

ว่าอิตัวบอสใหญ่เนี่ย  อีนังมะหมี่ กะหรี่ไฮโซสุดโสโครก นั่นเอง
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#39 สารภาพ](27/3/63)
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 27-03-2020 13:35:53
ไปจ้ะ!!! ไปปลูกลำไยเถอะจ้า 
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#39 สารภาพ](27/3/63)
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 27-03-2020 16:48:33
 :ling1: :ling1: :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#39 สารภาพ](27/3/63)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 27-03-2020 23:33:19
ถึงกับรู้ว่า นังหมี่เหลือง เป็นแกง "......" ทำไมไปขู่กลับไปบ้างล่ะ นังพี่หมอก  :serius2:
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#39 สารภาพ](27/3/63)
เริ่มหัวข้อโดย: Gloomy Sunday ที่ 08-04-2020 11:48:52
เพ้อ บทที่ 40 ของขวัญที่คู่ควร


ความเจ็บปวดในครั้งนี้ถึงแม้ว่าจะหนักหนานัก แต่ผมก็คิดว่ามันคงเป็นครั้งสุดท้าย ผมนั่งร้องไห้อยู่ที่ป้ายรถเมล์สักพัก ปล่อยให้น้ำตาค่อยๆ เหือดหายไป

 มันไม่ใช่ครั้งแรก ที่รู้สึกสิ้นหวัง แต่ในครั้งนี้ มันผสมไปด้วยความไม่เข้าใจ การแสดงของพี่ การหลอกลวงของพี่ ทำไมมันช่างแนบเนียนเหลือเกิน

 "อิน" ผมไม่ได้คาดหวังว่าพี่หมอกจะออกมาตามผมอีกแล้ว เริ่มอยู่กับความเป็นจริงมากขึ้น เลิกที่จะฝันมากขึ้น และเมื่อเป็นแบบนั้น ผมก็พบว่า มีอีกคนที่จริงใจกับผมเสมอมา

 "ไม่เป็นไรนะ" คนที่พูดนั่งลงข้างๆ ผมด้วยแววตาที่เป็นห่วง ไม่รู้ทำไม ผมไม่ได้สนใจว่าทำไมพี่เปอร์ถึงมาอยู่ตรงนี้ ในใจของผมมันเลิกคิดอะไรมากมายอีกแล้ว

 "ผมไม่เป็นไร" ผมพูดและลุกขึ้นยืน "ไปส่งผมได้ไหม" รอยยิ้มปลอมๆ ของผมผุดขึ้นเล็กๆ แต่ก็ไม่ได้ทำให้พี่เปอร์เลิกทำสายตาเป็นห่วงเป็นใย

 "ได้สิ" พี่เปอร์พูดบอกผมด้วยรอยยิ้มใจดี

 ตลอดเส้นทางกลับบ้าน สายลมเย็นๆ ในยามค่ำเคลื่อนผ่านไปบนผิว ช่วยให้หัวใจที่เศร้าหมองเริ่มผ่อนคลายลง ผมละสองมือจากเอวของคนด้านหน้า ค่อยๆ ยืดตัวหลับตาลง กางแขนทั้งสองข้าง ปล่อยให้สายลมเย็นพัดพาความเศร้าและหยาดน้ำตา ให้จางหายไป

 "ขอบคุณนะครับที่มาส่ง" ใช้เวลาราวกับนานแสนนาน ในที่สุดผมก็มาถึงบ้าน มาถึงสถานที่ที่ทำให้ผมได้พักใจมากที่สุด พี่เปอร์ไม่ได้พูดอะไรมาก พี่เขาทำเพียงลูบหัวผม และบอกให้ผมพักผ่อนให้เต็มที่

 ผมยืนอยู่หน้าประตูอีกสักพัก มองดูแสงไฟจากท้ายมอเตอร์ไซค์ที่ค่อยๆ จางหายไป จากนี้ ผมมีเป้าหมายใหม่แล้ว ผมควรจะทำแบบนี้นานแล้ว ผมควรจะเปิดใจ ให้พี่เปอร์ได้พิสูจน์ตัวเองอย่างเต็มที่

 เมื่อจัดการปรับสีหน้าท่าทางของตัวเองแล้ว ผมค่อยๆ เดินเข้ามาในบ้าน ผ่านทางเดินเล็กๆ เพื่อไปยังบ้านของผมกับแม่ด้านหลัง ผมจะทำให้แม่เป็นห่วงไม่ได้ ท่านมีเรื่องให้หนักใจมากพอแล้ว ผมทำได้ก็เพียงแค่ เก็บซ่อนทุกอย่างเอาไว้

 "กลับมาแล้ว" เมื่อมาถึงหน้าบ้าน ก็มองเห็นแม่ที่กำลังทำงานเล็กๆ น้อยๆ ผมโผเข้ากอดแม่ ทำให้แม่ตกใจ

 "ดูซิ แม่หัวใจวายไปจะทำยังไง" แม่ดุผมแต่ก็ไม่ได้จริงจังอะไร ผมยังคงกอดแม่ไว้ ฝังหน้าลงที่ไหล่ สิ่งเหล่านี้ช่วยฟื้นฟูสภาพจิตใจที่แตกสลายของผม ทำให้มีกำลังสู้ต่อไป

 "เป็นอะไรไป เหนื่อยเหรอ" แม่ลูบหัวผมเบาๆ และถามผมคำถามที่สะกิดใจผม แต่ว่าไม่ได้ ผมไม่ควรจะสร้างความลำบากใจให้แม่

 "เปล่าครับ แค่ง่วงน่ะ" ผมพูดอู้อี้ ปิดบังดวงตาที่แสนช้ำไว้

 "ถ้างั้นก็พักเถอะ อยากกินอะไรไหม แม่จะทำให้"

 "ไม่ดีกว่าครับ อินไม่หิวเลย" ผมส่ายหน้าน้อยๆ ทั้งๆ ที่ยังไม่เงยหน้าขึ้นมา

 "แม่" ผมเรียกแม่เบาๆ และกอดแม่แน่นมากขึ้น

 "หืมม"

 "ถ้าวันนึง อินทำให้แม่ ต้องผิดหวัง..." ในหัวใจที่แสนอ่อนล้า ผมก็เริ่มที่จะพูดในสิ่งที่ไม่อยาก

 "แม่ดูเป็นคนใจแคบมากเหรอ" คำพูดของแม่ ทำให้ผมค่อยๆ เงยหน้าขึ้น "ไม่ว่าอินจะทำอะไร แม่ก็ไม่มีวันผิดหวังในตัวอิน" ผมไม่รู้ว่าทำไมแม่ถึงดูจริงจังนัก แต่ผมคงคิดมากไปเองจริงๆ

 "แม่ อย่าเครียดสิ อินแค่พูดเล่นนะ" ผมกอดแม่และโยกตัวไปมา รู้สึกผิดนิดๆ กับคำพูดของแม่

 "ถ้ามีอะไรไม่สบายใจ ก็พูดกับแม่นะลูก ยังไงแม่ก็รับฟังอินทุกเรื่อง" ผมหยุดโยกไปมาและชะงักกับคำพูดนั้น แต่ไม่ว่ายังไง ผมก็ยังทำไม่ได้อยู่ดี เพราะผมกลัว วันนี้ ผมอ่อนแอเหลือเกิน


 ในวันต่อๆ มา ผมก็ยังคงใช้ชีวิตเหมือนเก่า ถ้าหากมีพลังวิเศษแล้วละก็ ผมคงทำให้ตัวเองลืม ลืมว่ากำลังทุกข์ใจกับอะไร

 แต่ว่าเวลา ก็ช่างเป็นใจเหลือเกิน ตอนนี้พวกพี่ปีสุดท้าย ก็เริ่มที่จะไม่มาเรียนแล้ว พวกเขาต่างแยกย้ายกันไปฝึกงาน และอีกไม่นาน ก็จะจบจากที่นี่ไป

 "อิน" แต่ว่าเรื่องพวกนั้น ก็ไม่ถูกจำกัดจากคนคนนี้ ชายหนุ่มตัวสูงในเสื้อช็อปสีกรมวิ่งปรี่เข้ามา และแย่งกระเป๋าเป้ที่สะพายบนไหล่ของผมไป

 "พี่มาทำอะไร" ผมถามพี่เปอร์ที่ยิ้มหน้าระรื่น ผู้คนแถวนี้ล้วนแต่หันมามองผู้ชายคนนี้เป็นตาเดียว ด้วยความสูงและรูปร่างหน้าตาที่หล่อเหลา

 "พี่มารับอิน" ผมอมยิ้มเล็กๆ กับความพยายามที่แสนดีของคนตรงหน้า มันทำให้หัวใจที่มีหลุมลึกของผม เริ่มรู้สึกถูกเติมเต็มทีละเล็กทีละน้อยอีกครั้ง

 "มารับไปไหนเหรอ แล้วพี่ไม่ฝึกงานหรือไง" ผมถามพี่เปอร์ที่เดินมาข้างๆ พวกเราเดินไปเรื่อยๆ เอื่อยๆ บนถนนของมหา'ลัย

 "พี่ไม่เป็นไร ตอนนี้ว่าง ถึงตั้งใจฝึกงานไปก็ไม่ได้ช่วยอะไรหรอก ยังไงพี่ก็ไม่ได้ทำงานเกี่ยวกับที่เรียนอยู่แล้ว"

 "ถึงจะเป็นอย่างนั้น ก็ต้องตั้งใจนะครับ"

 "ครับๆ ตามใจแฟนนะ" ผมชะงักเท้าและหันไปมองคนที่อยู่เคียงข้าง แฟนงั้นเหรอ นี่พี่ยังคงคิดแบบนี้มาตลอดเวลาเลยสินะ

 "ขอโทษนะครับ" ผมพูดออกไปด้วยความรู้สึกผิดเต็มหัวใจ ผมไม่รู้จะทำยังไง เพื่อล้างความผิดบาปครั้งนี้

 "ขอโทษทำไม พี่ก็ไม่ได้ดีไปกว่าที่อินเป็นหรอก" ผมขมวดคิ้วน้อยๆ กับคำพูดนั้น แต่ก็ไม่รู้ว่าพี่เปอร์หมายถึงเรื่องอะไร

 "พี่รู้เรื่อง พี่หมอก กับผมใช่ไหม" ผมใจสั่นเล็กๆ ที่พูดชื่อพี่หมอกออกไป แต่ปฏิกิริยาของพี่เปอร์ ก็เป็นไปดังที่คาด พี่เขารู้ และเดาได้ง่ายๆ อยู่แล้ว

 "พี่รู้ว่าอินชอบมัน" พี่เปอร์พูดและเริ่มเดินออกไป "แต่พี่ก็รู้อีกว่า มันไม่มีทางชอบอิน" หัวใจของผมราวกับถูกบีบให้แหลกอีกครั้ง ผมมองแผ่นหลังกว้างของคนตรงหน้าและค่อยๆ เดินตามไป

 "พี่ดีใจที่ในที่สุด อินก็รู้ว่ามันเป็นคนยังไง และตัดใจจากมันได้สักที"

 "ขอบคุณนะครับ" ผมเดินมาและหยุดยืนอยู่ข้างๆ พี่เปอร์ "ขอบคุณที่ไม่ยอมแพ้ เรื่องของผม" ในวันนี้ผมขอบคุณจากใจ ที่คนคนนี้ ไม่เคยจากผมไป


 หลังจากที่ผมพบพี่หมอกครั้งสุดท้าย ตอนนี้ก็ผ่านไปสามเดือนแล้ว ทุกอย่างสำหรับผมเหมือนกับมันไม่เคยเกิดขึ้น ผมเลิกติดตามคนคนนั้นในทุกช่องทาง และผมก็ไม่เคยเจอพี่เขาในมหา'ลัยอีกเลย

 และในหัวใจของผมในตอนนี้ก็เริ่มสงบสุข ผมตั้งใจทำงานชมรมอย่างที่พี่ๆ คาดหวังไว้ และตั้งใจที่สุดในการถ่ายทำละครที่ผมได้รับเลือกให้ร่วมแสดง

 มันเป็นก้าวแรกอย่างเป็นทางการที่สำคัญ ถึงแม้จะไม่ได้รับบทแสดงนำ แต่ก็ไม่เลวเลยทีเดียว ตัวละครที่ผมเล่นนั้นก็มีบทบาทสำคัญ และได้แสดงอย่างเต็มที่ตามที่คาดหวัง

 ผมเริ่มมีชื่อเสียงเล็กๆ ผู้คนเริ่มที่จะจดจำผมได้ ความรู้สึกชื่นชอบจากผู้คนรอบข้าง ทำให้ผมมีกำลังใจที่จะทำทุกอย่างต่อไป ผมได้เข้าใกล้และเข้าใจความรู้สึกของการเป็นที่รัก ถึงแม้จะกดดันบ้าง แต่ผมก็มีความสุขดี

 "อิน" และนี่ก็เป็นอีกหนึ่งความสุขของผม

 "ครับพี่เปอร์ ใกล้จะเสร็จแล้วแหละ" ตลอดสามเดือนที่ผ่านมา พี่เปอร์คอยอยู่ข้างๆ ผมและสนับสนุนผมเสมอ ผมรู้สึกอบอุ่นและความสัมพันธ์ของพวกเราก็แน่นแฟ้นมากขึ้น

 "ถ่ายละครเสร็จก็มารับงานถ่ายโฆษณาแล้ว รู้สึกเหมือนต่อไป พี่จะจับต้องอินไม่ได้ซะแล้ว"

 "พูดอะไรน่ะครับ แค่งานโฆษณาเล็กๆ เอง"

 "ก็อินของพี่ดูดีขึ้นทุกวัน"

 "พูดเวอร์อีกแล้ว" ผมหัวเราะเบาๆ ให้กับคำชมที่มากเกินไปนั้น แต่ผมก็เริ่มที่จะดูแลตัวเองมากขึ้น เพื่อไม่ทำให้คนที่ชื่นชอบผมต้องผิดหวัง

 "แล้วคืนนี้ จะไปนอนห้องพี่..."

 "กลับบ้านสิครับ แม่รออยู่" ผมรีบตัดบทพี่เปอร์ด้วยใบหน้าทะเล้นๆ

 นี่เป็นสิ่งที่ผมยังคงทำใจไม่ได้ และผมก็รู้สึกผิดกับพี่เปอร์ที่เป็นแฟนผมเหลือเกิน ไม่ใช่ว่าผมไม่ได้รู้สึกดีกับพี่เขา แต่ว่า สิ่งนี้มันยากเหลือเกิน ทุกสัมผัสที่ผมเคยได้รับ มันมาจากคนเพียงแค่คนเดียว และการจะทำอย่างนั้นอีก มันทำให้ผมนึกย้อนกลับไป ถึงใบหน้าของคนคนนั้น น้ำเสียง ลมหายใจอุ่น มันทำให้ผมเจ็บปวดเกินจะรับไหว

 "ไม่เป็นไร พี่รอได้" และนี่ก็เป็นสิ่งที่ผมได้ยินมานับครั้งไม่ถ้วน ผมรู้สึกขอบคุณจริงๆ จากหัวใจ ที่พี่เขาอดทนเพื่อผมเสมอมา

 หลังจากบอกลาพี่เปอร์ที่หน้าบ้าน ผมก็รีบเร่งฝีเท้าที่จะกลับไปยังบ้านหลังเล็กของผม หัวใจของผมเต้นรัวเสมอเวลาที่เดินผ่านบ้านหลังใหญ่ ผมพยายามหลบเลี่ยงทุกสิ่งทุกอย่าง ผมไม่อยากพูดคุย หรือพบเจอใครที่ไม่อยากจะเจอ

 "แม่ อินมาแล้วนะ" ผมพูดบอกแม่ที่กำลังนั่งอยู่บนที่นอน ผมเลิกคิ้วขึ้นเล็กๆ เมื่อมองเห็นแม่ดูตอบรับเชื่องช้าลงกว่าเมื่อก่อน ราวกับใจของแม่กำลังคิดอะไรมากมายอยู่ภายใน ซึ่งเป็นแบบนี้มาสักพักแล้ว

 "ไปอาบน้ำอาบท่าแล้วก็ไปเอาข้าวมากินเถอะ" แม่หันมาส่งยิ้มให้ผม เดินเข้ามาใกล้และหยิบกระเป๋าจากผมช่วยจัดเก็บวางไว้

 "แม่ไม่สบายหรือเปล่า" ผมมองแม่ที่เดินมาใกล้ ท่านมีแววตาที่ดูเหนื่อยล้า หรือไม่ก็มีเรื่องที่ไม่สบายใจ

 "แม่แค่ทำงานเยอะ แล้วก็อากาศมันร้อน" ผมยังคงจ้องมองแม่ที่ส่งยิ้มใจดี "ไปเถอะ จะได้มาพักผ่อน" แม่ดันผมเบาๆ ให้เดินออกไป

 "แม่โดนบ้านใหญ่ดุมาหรือเปล่า" ผมยังคงไม่ยอมออกไป และถามด้วยความเป็นห่วง

 "พูดอะไรน่ะ คุณๆ เขาใจดีกับแม่ จะมีอะไรแบบนั้นได้ยังไง"

"แน่นะครับ ถ้ามีอะไรบอกอินนะ" ไม่รู้ว่าคำพูดของผมมีอะไร แต่เมื่อพูดแบบนั้น แม่ก็ดูชะงักไปเล็กน้อย

 "แล้วอินล่ะ...อินมีอะไรอยากบอกแม่ไหม" ผมกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก ผมไม่รู้ว่าแม่ถามถึงอะไร

 "ก็ไม่มีอะไรนี่ครับ" ผมไม่รู้จริงๆ ว่าผมควรพูดอะไร

 "งั้นก็ไปกินข้าวเถอะ" แม่ยิ้มให้ผมอย่างใจดี ทำให้ผมผ่อนคลายลง ผมคงคิดมากไปเอง

 หลังจากที่มานอนพัก ในหัวของผมก็ยังคงคิดมากมาย ผมอยากที่จะพาแม่ออกไปจากที่นี่ อยากให้ท่านได้พัก แต่ว่าคงต้องใช้เวลาและทุนทรัพย์อีกมากมาย ฝันของผมยังคงไกลเหลือเกิน

 และอีกเรื่องหนึ่งที่ผมยังคิดไม่ตก ในอีกสามวันก็จะถึงวันเกิดของพี่เปอร์แล้ว ตลอดเวลาที่ผ่านมา ผมได้ทำผิดต่อพี่เขาอยู่เสมอ จะมีของขวัญไหนที่จะทำให้พี่เขาดีใจที่ได้รับมันกันนะ ผมจะต้องเตรียมสิ่งที่พิเศษที่สุด เพื่อตอบแทนที่พี่เขาดีกับผมเสมอมา

 และพอคิดไปคิดมา คำตอบก็คงมีอยู่แค่สิ่งเดียว ถึงแม้ว่าพี่เขาจะไม่ได้บังคับ แต่นี่ก็เป็นสิ่งที่ดูเหมือนพี่เขาจะต้องการมากที่สุด ผมไม่เข้าใจเลย ว่าตัวผมมีค่าขนาดนั้นเลยเหรอ ผมมันก็แค่ผู้ชายคนนึง ไม่ได้มีสิ่งใดที่น่าสนใจขนาดนั้น พี่เขาทั้งหล่อ เท่และมีเงินมากมาย ทำไมถึงต้องลงทุนกับคนที่ดูจะไม่มีอะไรเลยแบบผมด้วย นี่เป็นเพราะความรักจริงๆ ใช่ไหม และผมควรตอบแทนความรักครั้งนี้สินะ

 ความคิดเริ่มที่จะลอยออกไปไกล ผมเริ่มห้ามตัวเองไม่ให้คิดอีกต่อไป หลับตาลง ตั้งสมาธิ อยู่กับคนที่รักผม และสิ่งที่ผมจะต้องทำต่อไป ไม่วอกแวกไปหาสิ่งที่ทำให้ต้องเจ็บปวดอีก
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#40 ของขวัญที่คู่ควร](8/4/63)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 08-04-2020 13:36:52
 :pig4: :pig4: :pig4:

โอย...สรุป   อิหมอกมันปกป้องอินจากอีกะหรี่ไฮโซที่เอาเรื่องแม่ของอินมาเป็นตัวบีบ

ส่วนอิเปอร์  อิหมอกบอกว่าไว้ใจไม่ได้  แต่ตอนนี้ยังไม่เห็นโหมดนั้นแสดงออกมาเลย

แล้วยังไงหล่ะเนี่ย

แม่อิน  ต้องโดนอิพวกบ้านใหญ่เป่าหูอะไรมาแน่ ๆ
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#40 ของขวัญที่คู่ควร](8/4/63)
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 08-04-2020 15:44:57
เอานังหมี่ไปคุยกับรากมะม่วงที คนอื่นจะได้สงบสุข
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#40 ของขวัญที่คู่ควร](8/4/63)
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 08-04-2020 20:29:23
 :mew1:
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#40 ของขวัญที่คู่ควร](8/4/63)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 08-04-2020 21:30:41
เฮ้ออออ :ling1: :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#40 ของขวัญที่คู่ควร](8/4/63)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 09-04-2020 00:35:01
เป็นตอนที่เรื่อย ๆ สงบ ๆ ตอนหนึ่ง รอตอนหน้าแล้วกัน  :hao3:
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#40 ของขวัญที่คู่ควร](8/4/63)
เริ่มหัวข้อโดย: ลูกกุญแจ ที่ 11-04-2020 00:08:53
จะยังไงกัน รอตอนต่อไปแล้วกัน อิอิ
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#40 ของขวัญที่คู่ควร](8/4/63)
เริ่มหัวข้อโดย: Gloomy Sunday ที่ 18-04-2020 15:21:01
เพ้อ บทที่ 41 บ้านผีสิง


"ขอบคุณมากนะอิน วันนี้เหนื่อยหน่อยนะ"

 "ไม่เป็นไรครับ ผมสนุกมากเลย"

 ในวันนี้ในช่วงบ่าย หลังจากที่เรียนเสร็จในช่วงเช้า ผมก็ต้องรีบอย่างมากที่จะมาถ่ายโฆษณาเล็กๆ น้อยๆ ซึ่งถึงมันจะเล็กน้อย แต่ก็ได้ประสบการณ์ และเงินเหมือนกัน

 "เอออิน ได้ยินข่าวหรือยัง ตอนนี้มีคัดเลือกนักแสดงเรื่องใหม่นะ จะคัดอาทิตย์หน้า ถ้าสนใจก็อย่าพลาดนะ พี่ว่าน่าจะเหมาะกับเรา" ผมที่ได้ยินพี่ในกองแนะนำก็ตาตื่นทันที ผมไม่พลาดแน่ที่จะไต่ขึ้นไปให้สูงกว่านี้

 "เป็นแนวไหนเหรอครับ"

 "เนื้อเรื่องไม่แน่ใจ แต่เป็นแนวชายรักชายแหละ แนวนี้กำลังขายดี แฟนคลับเยอะ" ผมยิ้มให้กับคำแนะนำนั้น

 "ครับ ขอบคุณมากนะครับ ไม่งั้นผมไม่รู้แน่"

 "ไม่รู้ก็ดีแล้ว พี่ไม่อยากให้อินเล่นแนวนั้นเลย" ผมสะดุ้งตัวน้อยๆ เมื่อมีคนมากระซิบข้างหู และก็ไม่ต้องเดา เป็นพี่เปอร์ที่ชอบทำอะไรแบบนี้

 "พี่ทำอะไรน่ะ ตกใจหมด" ผมก้มหัวขอโทษพวกพี่ๆ ในกองและขอตัวกลับ ลากพี่เปอร์ออกมาจากตรงนั้น

 "อย่าโผล่มาแบบนี้สิครับ ถ้าพวกเขาคิดว่าเราเป็นอะไรกันจะทำยังไง" ผมเผลอพูดออกไป และนั่นก็ทำให้พี่เปอร์หน้าเจื่อนลงทันที

 "พี่รู้ ขอโทษนะ" ใบหน้ารู้สึกผิดนั้นทำให้ผมใจอ่อนยวบ

 "ไม่ยกโทษ" ผมพูดและทำเป็นเดินหนีพลางเหลือบมองคนที่เดินตาม "นอกจากว่า พี่ต้องพาผมไปเที่ยว" ผมหันกลับมามองคนหน้าหงอยด้วยรอยยิ้ม และไม่นาน พี่เปอร์ก็เริ่มยิ้มออกมาเหมือนกัน

 และในตอนนี้ผมก็มายืนอยู่ในที่ที่หนึ่ง มันเป็นสถานที่ที่ดูธรรมดาเหลือเกิน แต่ก็เป็นที่แรก ที่ผมนึกถึงเสมอ

 "อิน ทำไมไม่ไปหาที่นั่งกินข้าวดีๆ กันล่ะ" คนที่เดินตามผมพูดถามด้วยความสงสัย แต่ก็ยังคงเดินตามอย่างไม่ลดละ คอยตามใจเวลาที่ผมอยากได้อะไร

 "ผมไม่ได้มานี่สักพักแล้ว เลยอยากมาเดินเล่นน่ะ" ผมพูดและหันไปทำตาใสๆ "ไม่ได้เหรอ" พอโดนเข้าไปแบบนี้ พี่เปอร์ก็ไม่เคยพูดอะไรออก หึหึ

 "งั้นถ้าเหนื่อยก็บอกพี่นะ เดี๋ยวพี่เอารถมารับใกล้ๆ"

 "ไม่เป็นไรหรอกครับ เดี๋ยวพวกเรา..."

 ~~~~

 เสียงเพลงเพลงหนึ่งค่อยๆ ดังขึ้น ทำให้สิ่งที่ผมกำลังจะพูดสูญหายไป ขาของผมเริ่มก้าวออกไป ตามจังหวะดนตรีที่บรรเลง

 เสียงนี้ เป็นเสียงที่ผมคุ้นเคยดี ไม่คิดว่าวันนี้จะได้เจอ เพราะตั้งแต่ครั้งนั้น ครั้งที่ผมได้มาที่นี่กับคนคนนั้น ผมก็ไม่เคยมาที่นี่อีก และไม่คิดว่าจะเจอนักดนตรีคนโปรด คนเดิมนี้อีกแล้ว

 ในที่สุดผมก็ได้มายืนอยู่ที่ด้านหน้าสุด มองดูคนที่กำลังเล่นกีตาร์ตัวสวยสีดำ ที่มีลวดลายอันเป็นเอกลักษณ์ เสียงร้องของเขา กลับมาเหมือนเก่าแล้ว มันดังนุ่มทุ้มกังวาน ทำให้ผู้คนที่ได้ฟังอิ่มเอมใจ

 ครั้งหนึ่ง ผมเคยคิดว่าเขา อาจจะเป็นพี่หมอก...

 แต่ว่าเมื่อผมเคยมาที่นี่กับเขา และพบว่านักดนตรีที่สวมหน้ากากนี้เป็นอีกคน ผมก็ไม่สงสัยอะไรอีกแล้ว มีแต่ความเสียดายเล็กๆ ในใจ

 "อิน อยู่นี่เอง"

 "เพลงเพราะมากเลยนะครับ" ผมพูดด้วยรอยยิ้มและเริ่มรู้สึกถึงมือมือหนึ่งที่กุมมือผมเอาไว้

 "ถ้าอินชอบ พี่ให้เขาไปเล่นที่บ้านให้เอาไหม" พี่เปอร์ที่มายืนอยู่ข้างๆ ก้มลงกระซิบที่ข้างหูของผม

 "จริงเหรอ" ดวงตาของผมเป็นประกาย

 "เพื่ออิน พี่ให้ได้ทุกอย่าง" ไม่เพียงแค่พูดเท่านั้น ความรู้สึกอุ่นนุ่ม แตะแนบลงที่ข้างแก้ม ผมตาโตขึ้นเล็กๆ และมองพี่เปอร์ที่ทำหน้าอมยิ้มอย่างได้ใจ

 แต่แล้วดนตรีและเสียงเพลงที่กำลังบรรเลงก็เงียบลง ผมหยุดสนใจคนที่ฉวยโอกาสตรงหน้า และมองนักดนตรีหมาป่าที่วางกีตาร์ลง ทั้งๆ ที่เพลงยังไม่จบ

 ผู้คนรอบด้านล้วนงงงวยแต่ก็เริ่มกระจายกันเดินออกไป ราวกับการแสดงตรงหน้าได้จบลงแล้ว ผมมองแผ่นหลังของนักดนตรีคนนั้น ที่ค่อยๆ เดินออกไปเช่นกัน ราวกับเขา ไม่อยากที่จะแสดงมันอีกต่อไป



 ในอีกสองวันถัดมา วันนี้เป็นวันที่ทำให้ผมตื่นเต้นเหลือเกิน ผมออกจากบ้านแต่เช้า เดินซื้อหาของขวัญที่จะทำให้พี่เปอร์ประหลาดใจ และในที่สุดผมก็เจอถุงมือคู่หนึ่ง ที่น่าจะดูเหมาะกับพี่เขาที่ชอบขี่รถมอเตอร์ไซค์คันใหญ่ แต่จริงๆ แล้ว ของขวัญที่พี่เปอร์อยากได้ ผมรู้ดีแก่ใจ และก็แอบเตรียมไว้ด้วยเหมือนกัน ผมมันหน้าไม่อายจริงๆ

 "หน้าแดงขนาดนี้ เตรียมของขวัญอะไรไว้เหรอ" ราวกับถูกจับได้ ผมแทบเข่าอ่อนที่ถูกทักเข้าที่ด้านหลัง

"รู้ได้ไงว่าผมอยู่ที่นี่" ผมตาโตมองพี่เปอร์และรีบซ่อนกล่องของขวัญที่เป็นถุงมือไว้

 พี่เปอร์ในวันนี้อยู่ในชุดที่ต้องบอกว่าเท่สุดๆ ดูจากสายตาคนแถวนี้ที่มองจนแทบจะเหลียวหลัง ห้างสรรพสินค้าที่ผู้คนมากมาย ก็ไม่มีใครเด่นเท่าพี่เขาอีกแล้ว

 เสื้อยืดสีเทาด้านในคลุมด้วยเสื้อหนังตัวใหญ่ ขายาวๆ ที่เข้ากับกางเกงยีนสีเข้ม และรองเท้าหนังที่ดูจะใส่ยากเหลือเกิน

 "วันนี้ไม่แต่งหล่อไปเหรอ" ผมพูดแซวคนหล่อที่เหมือนหลงตัวเองอยู่เนืองๆ

 "มาเดท จะไม่หล่อได้ไง" ผมหัวเราะเหอะๆ ออกมาและเดินหนีคนหน้าไม่อาย แต่ทว่าวันนี้ก็ถือเป็นวันที่ผมอารมณ์ดีมากๆ

 พวกเราแวะกินอาหารญี่ปุ่นร้านหรูเป็นมื้อกลางวัน ผมพยายามแย่งจ่ายทุกอย่างเท่าที่เป็นไปได้ เพราะผมอยากที่จะเลี้ยงพี่เขาบ้าง แต่นั่นก็ไม่เคยทำได้เลยจริงๆ สักที

 และเมื่อช่วงบ่ายมีเวลาว่าง ผมที่ไม่รู้จะไปไหนก็ให้พี่เปอร์เป็นคนตัดสินใจ

 และพวกเราก็จบลงที่สวนสนุกแห่งหนึ่ง ดีที่วันนี้พี่เปอร์เอารถยนต์มา ทำให้ผมไม่ต้องลุ้นหัวใจจะวายไปกับบิ๊กไบค์คันใหญ่นั่น

 "เพิ่งรู้ว่ามีสวนสนุกที่นี่ด้วย"

 "ที่นี่เก่าแล้ว พี่ไม่ได้มาสักสิบปีได้แล้ว" พวกเราพากันเดินเข้าไปที่ช่องจำหน่ายบัตร และแน่นอน ผมก็ไม่ได้จ่ายอีกตามเคย

 ภายในสวนสนุกถึงแม้จะเก่า แต่ก็กว้างขวางมาก ดีที่วันนี้ไม่ได้เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ ผู้คนเลยมีไม่มากนัก

 พวกเราเดินไปเรื่อยๆ และสะดุดตากับรถไฟเหาะอันใหญ่ ผมสนใจทันทีและพยายามจะลากพี่เปอร์ไปขึ้น ซึ่งพี่เขาก็ตามใจผมทุกอย่าง แต่ดูเหมือนสีหน้าของพี่เขาจะเริ่มซีดขึ้นทุกทีที่รถไฟไต่สูงขึ้นไป

 "พี่ไม่เป็นไรนะ!" ผมมองพี่เปอร์ที่ส่งยิ้มหวาน แต่เมื่อรถไฟค่อยๆ พุ่งต่ำลง เสียงโหวกเหวกโวยวายก็มาจากพี่เขาดังกว่าใครเพื่อน

 "ทำไมไม่บอกว่าพี่ไม่อยากเล่น" เมื่อลงมาที่พื้นแล้ว ผมก็ซื้อน้ำให้พี่เขาที่ดูจะไม่ไหว

 "อย่าไปบอกใครนะ พี่อายเขา" ผมพยายามกลั้นหัวเราะด้วยความสงสาร แต่ก็อดขำไม่ได้จริงๆ

 "ไป ไปเล่นกันต่อนะ" ผมดึงแขนพี่เปอร์ให้ลุกขึ้นและลากให้พี่เขาเข้าไปเล่นในที่ต่อไป ผมไม่ได้ใจร้ายมากขนาดที่จะให้เล่นเครื่องเล่นหวาดเสียวต่อ แต่ที่นี่ก็แค่บ้านผีสิงนั่นเอง

 "อินไม่กลัวเหรอ" พี่เปอร์ถาม ซึ่งแน่นอนว่าผมส่ายหัวไปมาทันที

 "โธ่ สวรรค์" พี่เปอร์บ่นอิดออดด้วยสีหน้าผิดหวัง แต่ว่านะไอ้ที่ผมส่ายหัวน่ะ ไม่ใช่ว่าผมไม่กลัว แต่ผมไม่รู้ต่างหาก

 ภายในก็เป็นอย่างที่ผมคาดเดาได้ มีทางเดินเล็กๆ และมืดสลัวนำเราให้เข้าไปสู่ใจกลาง ผมรู้สึกโล่งใจเล็กๆ ที่เหล่าภูติผีนั้นเป็นเพียงของประดับที่ตกแต่งอยู่ด้านข้าง เสียงเอฟเฟ็คดังสนั่นเป็นช่วงๆ ทำให้ผมตกใจเล็กน้อย

 สิ่งเหล่านี้ไม่ได้ทำให้ผมกลัวแต่อย่างใด แต่ว่าความมืดและแคบแบบนี้ ก็ทำเอาผมอกสั่นขวัญแขวนไม่น้อย

 "กอดแขนพี่เลยก็ได้" คนที่เริ่มรู้ว่าผมกลัวก็ได้ทีเสนอสิ่งเหล่านี้ให้ แต่ก็นะ นานๆ ทีถ้าแค่นี้จะยอมก็ได้ ผมกอดแขนคนข้างๆ ทันทีอย่างจงใจ นี่ก็เป็นช่วงเวลาๆ ดีๆ ของเราสองคนเหมือนกัน

 กรี๊ดดดด~

 เสียงที่ดังขึ้นจากด้านหลังทำให้ผมตกใจ เสียงฝีเท้าที่ดูรีบเร่งดังขึ้นและดูเหมือนจะใกล้เข้ามา และในช่วงนาทีนั้น ผมรู้สึกว่าผมถูกชนอย่างแรงจนล้มลงไปข้างๆ และพี่เปอร์ก็เหมือนจะถูกชนไปอีกทางเช่นกัน

 ผมหกล้มและพยายามที่จะลุก แต่ตรงนี้ก็มืดเกินไปจนผมต้องค่อยๆ เกาะแกะผนังใกล้ๆ เพื่อลุกขึ้นมา และก็ยังดีที่โชคเข้าข้าง มือมือหนึ่งดึงแขนผมให้ลุกขึ้น พี่เปอร์ก็ไม่ได้หลงไปไกลนี่เอง

 "เจ็บแฮะ" ผมบ่นเบาๆ และก้มลงปัดเข่าตัวเองในความมืด มือข้างหนึ่งประสานกับมือใหญ่ของคนข้างๆ ไว้

 ไม่มีเสียงตอบรับใดๆ แต่ผมก็ไม่ได้คิดอะไรมาก ตอนนี้ สิ่งที่อยากทำที่สุดก็คือออกไปจากตรงนี้ ออกไปจากบ้านผีสิงนี่

 "รีบออกไปกันเถอะ" ผมพูดเบาๆ และประสานมือคนข้างๆ ไว้แน่น

 ผมเดินอย่างระมัดระวัง สายตามองที่เท้าของตัวเองเท่านั้น และดูเหมือนพี่เปอร์ก็คิดเช่นกัน พี่เขาเดินก้าวเท้าไวตามผม แต่ก็คอยฉุดดึงไม่ให้ผมล้มลงไป

 บางเส้นทางที่มีคนพยายามเดินผ่านเราไป พี่เขาก็คอยกันผม ปกป้องผม ไม่ให้ถูกชนจนล้มอีก เดินไปเดินมาไม่รู้ทำไมตัวผมถึงรู้สึกร้อนแปลกๆ ทั้งเขินทั้งรู้สึกดี ไม่รู้ว่าพี่เขาจะแสนดีขนาดนี้

 "ตรงนั้นทางออกแล้ว" ผมรู้สึกดีใจที่เห็นแสงสว่างรำไรอยู่ตรงหน้า ผมเริ่มก้าวเท้าเร็วขึ้นและคิดแต่จะพุ่งออกไปท่าเดียว แต่เมื่อใกล้จะออกประตูแล้วนั้น ผมก็รู้สึกว่ามือที่เกาะกุมกันไว้ค่อยๆ คลายออก หลังของผมถูกผลักเบาๆ ให้หลุดพ้นจากความมืดออกไป

ผมรู้สึกมึนงงที่มีแค่ตัวผมที่ออกมาด้านนอก ผมรีบหันหลังกลับไป แต่ก็ไม่พบใครที่ตามออกมา ทำไมล่ะ ทำไมพี่เปอร์ถึง...

 "อิน อยู่นี่เอง พี่ตามหาซะทั่ว" ผมชะงักเมื่อมองเห็นพี่เปอร์วิ่งเข้ามาหา แต่ว่าไม่ใช่จากทางออกของบ้านผีสิง ราวกับพี่เขาออกมารอด้านนอกนานแล้ว

 ผมนิ่งอึ้งไม่รู้จะพูดอะไร รีบหันหลังกลับไปมองทางออกบ้านผีสิงอีกครั้ง

 "ผม หลงทาง" ผมพูดตะกุกตะกัก รู้สึกเริ่มอับอายเมื่อคิดว่าตลอดเส้นทาง ผมเดินจับมือและกอดใครก็ไม่รู้ไปหลายที

 "พี่เปอร์ พี่ว่าในนั้นจะมีพนักงานคอยช่วยคนที่เข้าไปอยู่ไหม" ผมถามพี่เปอร์เบาๆ ด้วยสีหน้าที่ไม่แน่ใจ

 "ก็ต้องมีสิ พี่ก็มีคนพาออกมา" ผมถอนหายใจเล็กๆ แบบนี้นี่เอง

 แต่ว่า...พนักงานคนนั้น มีกลิ่นที่ผมรู้สึกคุ้นเคยเหลือเกิน
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#41 บ้านผีสิง](18/4/63)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 18-04-2020 16:22:24
 :pig4: :pig4: :pig4:

เมื่อไรจะถึงบทเฉลยว่า  นักดนตรีหน้ากากหมาป่า คนดูแลอินขณะที่หลงทางในบ้านผีสิง คือ อิพี่หมอก นะ
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#41 บ้านผีสิง](18/4/63)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 18-04-2020 18:41:55
 :hao7: :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#41 บ้านผีสิง](18/4/63)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 18-04-2020 22:48:22
จำได้ยัง ว่ากลิ่นใคร  :hao3:
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#41 บ้านผีสิง](18/4/63)
เริ่มหัวข้อโดย: ลูกกุญแจ ที่ 19-04-2020 23:43:53
อินเอ้ยยยย แสดงว่ายังไม่ลืม
ถ้าเป็นอย่างนี้เปอร์จะน่าสงสารนะ
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#41 บ้านผีสิง](18/4/63)
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 20-04-2020 09:32:28
ไม่รู้จะสงสารใครดี
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#41 บ้านผีสิง](18/4/63)
เริ่มหัวข้อโดย: Gloomy Sunday ที่ 28-04-2020 09:13:24
เพ้อ บทที่ 42 สิ่งที่ตั้งใจมอบให้


หลังหลุดจากบ้านผีสิง พวกเราก็มานั่งเล่นในโซนขายอาหาร ซื้อของมานั่งกินเล่นกัน บรรยากาศที่นี่นั้นก็ดีเหลือเกิน มีต้นไม้มากมายกว่าที่คิด ทำให้ดูร่มรื่นและอากาศถ่ายเท เหมาะจะเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจมาก

 "อินนั่งเล่นอยู่ตรงนี้ก่อนนะ พี่ขอตัวไปห้องน้ำหน่อย"

 "ครับ" ผมตอบรับพี่เปอร์ที่ดูหงุดหงิดเล็กๆ

 ตั้งแต่ที่ออกมาจากบ้านผีสิง พี่เปอร์ก็ดูใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เหมือนกำลังกังวลหรือคิดอะไรในใจ ซึ่งเมื่อพี่เขาไม่บอกผม ผมก็ไม่รู้ว่าควรจะถามดีไหม

 เวลาผ่านไปสักพัก ผมชะเง้อคอรอพี่เปอร์ที่ยังไม่กลับมาด้วยความสงสัย ถ้าเป็นแบบนี้ ผมไปเดินเล่นแถวๆ นี้ก่อนดีกว่า ว่าแล้วก็กดมือถือส่งข้อความสั้นๆ ไปให้พี่เขา ว่าผมจะเดินไปที่ตึกใหญ่ใกล้ๆ นี่ก่อน แล้วค่อยให้พี่เปอร์เดินตามมา

 ตึกใหญ่ที่ผมบอกพี่เปอร์ก็คือพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงสัตว์ต่างๆ ผมเดินลัดเลาะไปเรื่อยๆ อ่านป้ายข้อมูลและดูหน้าตาของสัตว์เหล่านั้น ผมจะเดินอ้อยอิ่งเล็กน้อยถ้าสัตว์พวกนั้นเป็นสัตว์เล็กๆ น่ารัก หรือหมาป่าตัวใหญ่ ซึ่งผมชอบมากจริงๆ

 ความเงียบสงบทำให้ตาของผมเริ่มหรี่ปรือทั้งๆ ที่ยังคงเดินอยู่ ผมมองเห็นคู่รักใกล้ๆ ที่กำลังชี้ชวนกันให้ดูปลาตัวใหญ่ที่กำลังแหวกว่าย ผมเดินมาไกล มาจนจะสุดพิพิธภัณฑ์แล้ว แต่ว่าทำไมพี่เปอร์ยังไม่มาอีกนะ

 "เมื่อกี้เหมือนเห็นดาราด้วยนะ"

 "ใช่เหรอ"

 "คิดว่าน่าจะใช่"

 ผมสะดุ้งเล็กน้อยกับคำพูดนั้น แต่พวกเขาก็ไม่ได้หันมามองผม แบบนี้คงไม่ใช่ผมหรอก แหม ยังไม่ทันดังเลยจะเป็นผมได้ไง แต่ว่า ใครกันนะ ที่พวกเขาพูดถึง

 ผมเหลือบตามองคู่รักคู่นั้น ที่กำลังเดินดูเหล่าตู้ปลาใกล้ๆ ทางเดินบริเวณนี้ก็คงมีเพียงแค่ผมกับพวกเขาเท่านั้น ผมว่าผมควรจะออกไปได้แล้ว...

 เท้าของผมหยุดชะงักเมื่อกำลังจะก้าวหาทางออก หางตาของผมเหมือนกับเห็นคนคนหนึ่งเดินผ่านไป ผมรีบเดินตามสิ่งที่ผมเห็น แต่ว่าก็กลับพบเพียงทางเดินที่ว่างเปล่าเท่านั้น

 "อิน" เสียงเรียกจากด้านหลังทำให้ผมละสายตาออกจากทางเดินตรงหน้า ผมมองพี่เปอร์ที่กำลังหอบน้อยๆ และส่งสายตารู้สึกผิดมาให้ผม

 "พี่ขอโทษนะ พอดีพี่ติดคุยธุระ เลยหายไปนานเลย"

 "ไม่เป็นไรครับ เรากลับกันเถอะ" ผมยิ้มบอกพี่เปอร์ว่าผมไม่เป็นไร และพากันเดินออกไปจากพิพิธภัณฑ์

 แต่ถึงอย่างนั้น ภายในใจก็ยังคงคิดไม่ตกกับภาพที่เห็นเมื่อกี้ คงจะเป็นคนที่ดูคล้ายละมั้ง เพราะผมไม่ได้เห็นเขานานแล้ว

 "อิน เราไปนั่งรถไฟเล่นกัน" ผมมองคนข้างๆ ที่กำลังจูงมือผมไปยังอีกทิศทางหนึ่ง

 "พี่ยังไม่เข็ดอีกเหรอ" ผมถามพลางเริ่มยิ้มได้

 "ไม่ใช่อันนั้น" พี่เปอร์ส่ายหัวและพาผมมาอีกที่ รถไฟที่พี่เปอร์พูดถึงนั้นก็คือรถไฟจริงๆ แต่มันเป็นรถไฟเล็กๆ ที่วิ่งผ่านทั่วสวนสนุก มีไว้ให้นั่งเล่นชมวิวสองข้างทางเท่านั้น

 "โธ่ นึกว่าจะแน่"

 "เอาเถอะ พี่ยอมแพ้" ในเมื่อแกล้งไปก็เท่านั้น ผมนั่งลงที่บนเก้าอี้เล็กๆ ที่หันหน้าชนกัน ในตู้รถไฟก็คับแคบเหลือเกิน พอพี่เปอร์นั่งอยู่ตรงข้ามผม ก็แทบจะเข่าเกยกันทีเดียว

 "บรรยากาศดีเนอะ" พี่เปอร์พูดพลางส่งยิ้มหวาน ผมหลบสายตาพลางมองไปยังวิวด้านนอก รถไฟทั้งขบวนเริ่มแล่นออกไปช้าๆ ช้าแบบที่ว่า เดินตามก็ยังทัน

 "ใกล้จะมืดแล้ว" ผมพูดและรู้สึกกระสับกระส่ายเล็กๆ ทั้งเขินสายตาที่ถูกมองมา แล้วก็ตอนนี้ ผมคิดว่าเป็นเวลาที่เหมาะทีเดียว

 "พี่เปอร์" ผมล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าสะพายข้างของผม และนำกล่องของขวัญสีเงินที่มีริบบิ้นสีแดงออกมา

 "สุขสันต์วันเกิดนะครับ" ผมยื่นของขวัญนั้นให้คนตรงหน้า  สบตาตรงๆ ให้บอกถึงความตั้งใจ

 "ว้าว ขอบคุณนะ" คนตรงหน้ารับของขวัญนั้นไว้ และรีบแกะออกทันที

 "เอ่อ พี่จะเอาไปแกะที่บ้านก็ได้..."

 "แกะตรงนี้แหละ ของขวัญชิ้นแรกจากอิน พี่รอไม่ไหวหรอก" พอฟังมาถึงตรงนี้ ผมก็รู้สึกผิดมากมาย ผมมองพี่เปอร์ที่เหมือนเด็กน้อย พี่เขากำลังแกะของขวัญเหมือนดีใจจริงๆ ที่ได้รับมัน

 "โห เท่มาก อันเก่าของพี่มันขาดพอดี" ผมอมยิ้มมองพี่เปอร์สวมถุงมือสีดำที่ผมซื้อให้ รู้สึกเขินเหมือนกันแฮะ

 "ขอโทษนะครับ ถ้ามันเป็นแค่ของเล็กน้อย" ผมพูดด้วยรอยยิ้มเจื่อน

 "ไม่เลย พี่ดีใจมาก ขอบคุณนะอิน พี่จะเก็บรักษาอย่างดีเลย" ผมหัวใจเต้นตึกตัก ผมจะบอกพี่เปอร์ดีไหมนะ ว่าความจริงแล้ว ผมยังมีของขวัญอีกชิ้นที่จะให้พี่เขา

 "คือ..." ผมอึกอัก บีบมือตัวเองไปมาด้วยความประหม่า จะบ้าหรือไงกัน ใครเขาจะพูดเรื่องแบบนั้นออกมาเฉยๆ ล่ะ

 บรรยากาศรอบตัวก็เหมือนเป็นใจให้ ตอนนี้สองข้างทางมีแต่สวนหย่อมและอีกฟากก็มีแต่ต้นไม้ ช่วงเวลาที่พระอาทิตย์ตกไปแล้ว ทำให้บางช่วงมืดบางช่วงสว่างด้วยแสงไฟ

ผมยังคงประหม่า มองหลบสายตาที่เป็นประกายของคนตรงหน้า พวกเราใกล้ชิดกันมากเหลือเกิน และไม่รู้ทำไม เหมือนยิ่งนั่งรถไฟนี้มาไกลเท่าไหร่ ผมก็ได้ยินเสียงหัวใจตัวเองเต้นแรงมากขึ้นเท่านั้น

 "อิน" เสียงเรียกนี้เหมือนเป็นสัญญาณบางอย่างที่บอกว่ากำลังจะเริ่ม ผมละสายตาจากพื้น สบเข้ากับดวงตาคมของคนตรงหน้า รอยยิ้มที่ผมมองเห็นเสมอ กำลังขยับเข้ามาใกล้

 ถ้าเป็นเมื่อก่อน ผมคงจะหลบและผลักคนตรงหน้าออกไป แต่ว่าตอนนี้ ผมจะไม่ทำแบบนั้นอีกแล้ว ผมบอกตัวเองว่าผมจะเปิดใจ และนี่ก็เป็นขั้นแรกของทั้งหมดเท่านั้นเอง

 สัมผัสที่อบอุ่นเริ่มแผ่ซ่านตราตรึงที่ริมฝีปาก นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเราแนบประสานกันอย่างลึกซึ้ง เมื่อไม่มีการดื้อดึงขัดขืน คนตรงหน้าจึงรีบฉวยโอกาสนั้น กดริมฝีปากเข้ามามากขึ้น เอียงใบหน้าให้ตัวเองลุกล้ำเข้ามาได้มากกว่าเดิม

 รอยแยกที่เคยปิดสนิท เริ่มถูกลุกล้ำด้วยลิ้นอุ่นที่ดูจะกระตือรือร้นมากกว่าที่คาด จากสัมผัสเนิบนาบ เริ่มแปรเปลี่ยนเป็นแรงดึงดูดที่ราวกับถูกขย้ำ ลมหายใจแปรปรวนจนแทบจะอยากผละออกไป แต่ว่าเมื่อเป็นแบบนั้น คนตรงหน้าก็ราวกับจะพันธนาการไว้ ไม่ยอมพราก ไม่ยอมจาก จนผมต้องทุบอกประท้วงบอกว่าพอได้แล้ว

 "พี่จะฆ่าผมหรือไง" ผมพูดออกไปทันทีเมื่อริมฝีปากเป็นอิสระ พยายามหายใจเข้าปอดให้ได้มากที่สุด เหมือนคนกำลังจะจมน้ำตาย

 แต่ที่น่าประหลาดใจกว่านั้น ก็คือคนตรงหน้าที่กำลังยิ้มออกมาอย่างที่ทำให้ผมรู้สึกกลัวแปลกๆ แต่รอยยิ้มนั้นก็เริ่มแปรเปลี่ยนเป็นการหัวเราะเบาๆ

 "ขอโทษ" คำขอโทษนั้นดูไม่จริงใจนัก "ปากอินหวานจัง"

 ผมเลิกคิ้วขึ้นน้อยๆ เหมือนคนคนนี้จะบ้าไปแล้ว

 "ขออีกทีได้ไหม" ไม่พูดเปล่า พี่เปอร์ยื่นหน้าเข้ามาและจับล็อกแก้มผมพร้อมจะโจมตีอีก

 "แม่ครับ! รถไฟ!" เหมือนสภาพแวดล้อมจะช่วยผมเอาไว้ ตอนนี้รถไฟค่อยๆ แล่นเข้าไปในที่ที่มีคนอยู่ ทำให้ผมหลุดพ้นจากการปล้นจูบไปจนได้

 "พวกเรากลับกันเถอะ" ผมโล่งใจที่ในที่สุดก็ลงจากรถไฟ ผมเดินตามพี่เปอร์ที่ดูจะเดินรวดเร็วขึ้น กระตือรือร้นที่จะกลับมากกว่าปกติ

 เมื่อพวกเราขึ้นรถกันแล้ว ก็เริ่มออกเดินทางเพื่อจะไปที่ไหนสักแห่ง ในตอนแรก ผมก็คิดว่าพี่เปอร์จะพาผมไปส่งที่บ้าน แต่พอนั่งไปสักพัก ก็เพิ่งรู้ว่าเส้นทางไม่ใช่อย่างที่คิด

 "เราจะไปไหนกันเหรอครับ" ผมถามพี่เปอร์ที่กำลังขับรถฮัมเพลงสบายใจ

 "อินอยากไปไหนล่ะ"

 "ตอนนี้ก็เริ่มค่ำแล้ว แม่คงรอผม..." แต่เมื่อไม่ทันจะพูดจบ ผมเหลือบมองดูพี่เปอร์ที่ชักสีหน้าเล็กๆ แต่ก็กลับมายิ้มแย้มอย่างรวดเร็ว

 "พี่ขอโทษนะ พี่รู้ว่ายังไงอินก็ยังไม่หายกลัวพี่ พี่เข้าใจดี" การตัดพ้อทำนองนี้ เป็นนิสัยปกติของพี่เปอร์ที่กำลังน้อยใจ ผมอมยิ้มเล็กๆ อย่างเข้าใจดี เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรก ผมรู้ว่าพี่เขาหวังอะไร แต่ผมก็แค่ อยากจะเซอร์ไพรส์พี่เขา ผมยังไม่อยากให้เขารู้ว่าผมจะไปหาพี่เขาอีกทีคืนนี้

 "ไม่ใช่อย่างนั้นนะครับ ผมไม่ได้กลัว แต่ว่าผมไม่ได้บอกแม่ว่าคืนนี้จะค้างที่อื่น"

 "โทรไปสิ ยืมโทรศัพท์พี่ก็ได้" ผมมองโทรศัพท์ของพี่เปอร์ที่ถูกยื่นมาให้จริงๆ ทำยังไงล่ะอินทีนี้

 "งั้น ก็ได้ครับ" ผมเหลือบมองดูพี่เปอร์ที่ถึงแม้จะมองไปข้างหน้า แต่ก็ปกปิดความตื่นเต้นไม่ได้

 ผมค่อยๆ กดเบอร์โทรศัพท์ของแม่และโทรออก ในหัวใจของผมเต้นรัวไปด้วยอารมณ์ที่หลากหลาย เสียงสัญญาณรอสายยังคงดังอยู่ เมื่อผมโทรและรอจนสายตัดไป

 "แม่ไม่รับสาย" ผมพูดเบาๆ และเหลือบมองพี่เปอร์ ผมไม่รู้ว่าพี่เขาจะหงุดหงิดไหม

 "โทรอีกสิ โทรจนกว่าจะรับ" ที่จริงแล้ว ผมนั้นรู้ดีว่าปลายสายยากที่จะรับ ผมจงใจใช้เบอร์ของพี่เปอร์โทรเข้าไป ผมรู้ดีว่าแม่จะไม่รับสายแปลกๆ จนกว่าสายนั้นจะโทรเข้าไปสักสามสาย ผมคอยบอกแม่ไว้แบบนั้น เพราะแม่แก่แล้ว ชอบมีพวกหลอกลวงมากมายไว้ใจไม่ได้

 และในที่สุด ผมก็โทรไปอีกสองสามครั้ง และโชคดีเหลือเกินว่าแม่ไม่ได้รับจริงๆ

 "ขอโทษนะครับ แต่ผมกลับดีกว่า" ผมพูดเมื่อกดวางสายสุดท้ายและคืนโทรศัพท์ให้พี่เปอร์ไป

 สีหน้าของพี่เปอร์ดูเย็นชาสลับกับถอนหายใจถี่ แต่ถึงยังนั้นก็ยังไม่ยอมพูดอะไร พี่เขาคงโกรธผมมากๆ แต่ว่าไม่เป็นไร เอาไว้ผมแอบไปหาพี่เขาตอนดึกๆ แล้วขอโทษก็แล้วกัน

 เมื่อมาถึงหน้าบ้านแล้ว ผมยังคงไม่ได้ลงจากรถ แต่มองพี่เปอร์ที่ยังคงนิ่งเงียบ น่าสงสารเหมือนกันนะที่ต้องทำแบบนี้ หรือว่าจะให้อะไรเล็กๆ น้อยๆ ดี

"ขอบคุณนะครับที่มาส่ง" ผมพูดออกไป แต่พี่เปอร์ก็ยังคงไม่ตอบสนองผม แบบนี้งอนหนักแน่ๆ

"พี่เปอร์ มองผมหน่อย" ผมทำน้ำเสียงออดอ้อน ซึ่งพี่เปอร์ก็เริ่มคิ้วกระตุกเล็กๆ เหมือนพยายามอดใจไม่ให้ใจอ่อน

 และเมื่อเป็นแบบนั้น ผมมองไปที่หน้ารถ และพบว่าทางสะดวกดี ผมเรียกพี่เปอร์อีกครั้งเบาๆ และก็ดูเหมือนจะเข้าทาง ครั้งสุดท้ายนี้พี่เขายอมหันมาจนได้ และเมื่อเป็นแบบนั้น ผมก็ยื่นหน้าเข้าไปขโมยจูบอย่างรวดเร็ว ไม่ให้พี่เขาได้ตั้งตัว

 "แล้วเจอกันครับ" ผมใช้ความไวรีบลงจากรถ ก่อนที่คนขับจะตะครุบผมไว้ได้ทัน ผมรีบวิ่งแจ้นกลับเข้าบ้านอย่างรวดเร็ว และแอบมองพี่เปอร์ที่ยังคงนั่งมึนอยู่บนรถ เหมือนเพิ่งรู้ตัวว่าเกิดอะไรขึ้น แบบนี้ก็น่ารักดีเหมือนกันนะ

 "ฟู่วว เอาล่ะ รอสัก 5 ทุ่มละกัน" ผมเงยหน้ามองพระจันทร์บนท้องฟ้า เดินไปนั่งรอเวลาที่ในสวนมืดๆ

 ในใจของผมยังคงมีความลังเลเล็กน้อย แต่ว่าผมก็สงสารพี่เปอร์ที่ต้องรอคอยผมมานานเหลือเกิน ไม่ใช่ว่าในใจของผมไม่มีพี่เขา ความดี และความใส่ใจนั้นผมรับรู้ได้ และมันทำให้ผมได้ตัดสินใจ

 การมีคนที่รักเราแบบนี้ มันทำให้ผมรู้สึกอบอุ่น ไม่รู้สึกว่าตัวเองอ้างว้าง พวกเราสองคนเข้ากันได้ดี พี่เปอร์ก็เป็นแค่ผู้ชายคนหนึ่ง จะมีความต้องการแบบนั้น มันก็ไม่ได้ผิดอะไร ขอเพียงแค่ พี่เขารักผมจริงๆ และจริงใจกับผมเหมือนที่ผ่านมา

 ผมต้องการแค่นี้ ถ้าพี่ทำได้ ผมก็จะมอบหัวใจทั้งดวงนี้ ให้พี่ได้เก็บรักษาต่อไป
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#42 สิ่งที่ตั้งใจมอบให้](28/4/63)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 28-04-2020 19:11:32
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#42 สิ่งที่ตั้งใจมอบให้](28/4/63)
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 28-04-2020 20:18:10
อิเปอร์ต้องโป๊ะแน่ๆงานนี้
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#42 สิ่งที่ตั้งใจมอบให้](28/4/63)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 28-04-2020 22:29:48
ให้ป้านั่งรอเป็นเพื่อนไหม หนูอิน   :katai3:
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#42 สิ่งที่ตั้งใจมอบให้](28/4/63)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 29-04-2020 00:01:09
 :pig4: :pig4: :pig4:

ต้องมีสักคนแหละที่ถูกเซอร์ไพรส์
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#42 สิ่งที่ตั้งใจมอบให้](28/4/63)
เริ่มหัวข้อโดย: ลูกกุญแจ ที่ 01-05-2020 02:16:52
ไม่ใช่ไปหาเปอร์แล้วเด็กเปอร์เต็มห้องเลยนะ
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#42 สิ่งที่ตั้งใจมอบให้](28/4/63)
เริ่มหัวข้อโดย: Pawana ที่ 02-05-2020 21:02:42
ผมเป็นเด็กข้างบ้านพี่เปอร์. วันเกิดพี่เปอร์ต้องอยู่กะผมดิ. ก็ผมรักพี่เปอร์ก็ผมสำคัญอะ ถ้าไม่สำคัญตามพี่มาทีไรพี่ก็มาทุกที
เซอร์ไพรส.  แบบนี้ปะคะ. แฮ่ะๆ เดาๆ
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#42 สิ่งที่ตั้งใจมอบให้](28/4/63)
เริ่มหัวข้อโดย: Gloomy Sunday ที่ 08-05-2020 21:38:38
เพ้อ บทที่ 43 ครั้งแล้ว ครั้งเล่า


หลังจากบอกแม่ว่าจะไปนอนค้างบ้านเพื่อน ผมก็โบกแท็กซี่ที่หน้าบ้านและนั่งรถต่อไปด้วยใจที่ตื่นเต้นอยู่ในอก

 ความจริงแล้ว ผมไม่เคยไปคอนโดของพี่เปอร์เลย ไม่เคยเลยสักครั้ง แต่ว่าเมื่อประมาณเดือนก่อน ผมได้มีโอกาสเจอกับพี่คนหนึ่งในมหา'ลัย ผมจำได้ว่าพี่เขาเคยเดินคู่กับพี่เปอร์บ่อยๆ ผมจึงลองถามดู และก็โชคดีมาก ที่พี่เขารู้ที่อยู่ของพี่เปอร์ ทำให้ผมมีโอกาสได้ไปเซอร์ไพรส์พี่เขาในวันนี้

 แต่เมื่อนั่งมาสักพักผมก็เริ่มวิตกกังวลอีกเรื่องหนึ่งขึ้นมา ถ้าหากว่าพี่เขายังไม่กลับล่ะ ถ้าพี่เขาไม่ได้อยู่ที่ห้อง แต่ออกไปสังสรรค์กับเพื่อนเนื่องในวันเกิด

 เฮ้อ พอคิดได้แบบนี้ก็อยากจะเขกกะโหลกตัวเอง สายบันเทิงแบบพี่เปอร์มีหวังกลับเช้าล่ะมั้ง สงสัยจะมาเสียเที่ยวซะแล้วไหมอิน

 เมื่อคิดไปคิดมารถก็จอดลงพอดี ผมลงจากรถแท็กซี่ และแหงนหน้ามองดูคอนโดหรูหราตรงหน้า คอนโดแห่งนี้เป็นตึกสูง มีรถรามากมายจอดเป็นระเบียบอยู่ด้านหน้า และพอกวาดตาไปมาก็บังเอิญเจอเข้าพอดีกับรถสปอร์ตคันหรู คันที่ผมจำได้ดีว่าเป็นของพี่เปอร์

 ด้วยความดีใจที่คิดว่าไม่ได้มาเสียเที่ยว แผนต่อไปของผมนั้นก็คือการหาซื้อเค้กที่ไม่ต้องหรูหราอลังการอะไรนักหอบหิ้วขึ้นไปด้วย ถ้าไปตัวเปล่ามันจะดูจงใจเกินไป

 ผมหน้าแดงน้อยๆ ขณะถือถุงที่มีเค้กกล่องเล็กๆ ไว้ในมือ ตอนนี้พร้อมแล้วที่จะขึ้นลิฟต์ไปยังชั้นเกือบบนสุด ดีนะที่เพื่อนพี่เปอร์คนนั้นบอกละเอียดมาก ถ้าให้ต้องมาตามหาทีละชั้นก็คงจะเช้ากันพอดี

 และไม่นานนัก ในที่สุดผมก็ออกมาจากลิฟต์เมื่อถึงจุดหมาย ผมเลี้ยวซ้ายและเดินไปที่เกือบสุดทางเดิน ไปยังห้องที่เป็นหมายเลขของพี่เปอร์

 มือผมในตอนนี้ยังคงกำถุงหิ้วไว้แน่น พร้อมๆ กับกระชับกระเป๋าสะพายบนไหล่ไว้ ยืนทำใจที่จะเคาะประตู จะทำหน้ายังไงดีนะ จะพูดว่ายังไงดี พี่เปอร์จะทำหน้าแบบไหนกันนะถ้าได้เห็นผม พอคิดแบบนั้นก็เกือบหลุดขำออกมา คงจะเป็นอะไรที่ช็อคมากสำหรับพี่เขาแน่ๆ

 เมื่อคิดว่าทำใจนานเกินไปแล้ว ผมก็เริ่มที่จะขยับตัวก้าวไปข้างหน้าให้ใกล้ประตูมากขึ้น ผมเงยหน้ามองประตูไม้ขัดเงาสีดำบานใหญ่ เอาล่ะ ผมทำได้ ก็แค่เคาะประตู และรอให้แฟนของผมออกมา

 ผมยิ้มและยื่นมือออกไป เตรียมพร้อมที่จะเคาะเรียกคนที่อยู่ในห้อง แต่ว่าเมื่อยิ่งเข้าใกล้ประตูมากขึ้นเท่าไหร่

 เสียงที่ดังอยู่ภายในนั้น ก็ทำให้มือที่ยกค้าง ค้างเอาไว้แบบนั้น...

 "พี่เปอร์ อึกก มันเจ็บนะ จะโมโห..อะไรนักหนา" ผมยืนอยู่ตรงนั้น รอยยิ้มที่เคยมีเริ่มจางหาย เสียงที่ได้ยินในห้อง ไม่ใช่เสียงของพี่เปอร์ที่ผมรู้จัก แต่เป็นเสียงของผู้ชายอีกคนหนึ่ง เป็นเสียงที่เล็กกว่า เหมือนว่าผมก็เคยได้ยินมาก่อน

 "หุบปาก! ทำหน้าที่ของมึงไป ใครให้มึงพูดมาก!!"

 "ก็เมื่อไหร่ อ๊ะ พี่จะเลิกโง่สักที พี่อินรัก..แต่พี่หมอก"

 "กูบอกว่าให้มึงเงียบ!!"

 "โอ๊ยย มันเจ็บนะพี่ ฮึก ทำไม ทำไมล่ะ ผมมาก่อนแท้ๆ" ผมหัวใจสั่นสะท้าน ข้าวของที่อยู่ในมือค่อยๆ ร่วงหล่นลงบนพื้น

 "อีกนิดเดียว อีกแค่นิดเดียว อินก็จะเป็นของกู และเมื่อถึงตอนนั้น มึงก็ไสหัวไป ได้ยินไหม!!" เสียงครวญครางผสมกับเสียงร้องไห้

 ทำไม เพราะอะไร ผมถึงต้องเจอเรื่องเลวร้ายแบบนี้อีก...

 "ก็แล้วยังไง ถ้าพี่อินไม่...ยอมให้พี่ทำ..พี่ก็ต้องมาลงกับผม..อยู่ดี..พี่..มันมักมาก!"

 เพี๊ยะ!

 เสียงฝ่ามือที่กระทบกับใบหน้าแรงมากซะจนทำให้ผมสะดุ้งเฮือก ความโหดร้ายที่ชายหนุ่มนั้นได้รับ มันทำให้ผมสั่นด้วยความกลัวและความโกรธ

 ผมใช้แรงที่มีอยู่ทั้งหมด เปิดประตูสีดำตรงหน้าเข้าไป และก็โชคดีเหลือเกินที่ประตูนั้น ดูเหมือนจะไม่ได้ถูกล็อกเอาไว้

 และเมื่อประตูเปิดออก ภาพตรงหน้าก็ทำให้ผมต้องเบือนหน้าหนีทันที หยาดน้ำตาเล็กๆ ไหลออกจากดวงตา ความเจ็บปวดของการถูกหลอกก็ยังคงมีรสชาติเหมือนเดิม แต่ครั้งนี้น้ำตาที่ไหลออกมา ก็แค่เพียงความโกรธเท่านั้น

 "อ..อิน อิน" ผมกำมือแน่นเบือนหน้าหนีคนที่แทบจะล้มลุกคลุกคลานเข้ามาหา ฟันกรามขบกันแน่น ตัวสั่นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

 "ไม่อิน พี่...ฟังพี่ ฟังพี่ก่อน" ผมสลัดข้อมือที่ถูกจับไว้ของตัวเอง ผมขยะแขยงที่ถูกสัมผัสจากคนที่น่ารังเกียจ

 "พี่ขอโทษอิน พี่รักอิน พี่รักอินจริงๆ" คำพูดเหล่านั้นทำให้ผมหันมามอง แววตาของผมมีแต่ความผิดหวัง ผมอยากสำรอกกับคำพูดว่ารักนั้น

 "พวกเรา หายกันแล้วนะ" ผมพูดและแกะมือที่กำแน่นของพี่เปอร์ออกอีก "ผมกับพี่หมอก ก็เคยทำอะไรแบบนี้เหมือนกัน" คำพูดของผมทำให้พี่เปอร์ถึงกับหลั่งน้ำตา

 "เพราะงั้นแล้ว พวกเรา..." ผมปรายตามองมิว คนที่ผมเคยคิดว่าเป็นเพื่อน แต่คนพวกนี้ก็หลอกผม และทำร้ายผมเสมอมา

 "เลิกกันได้สักที"

 สิ้นสุดคำพูดของผม นั่นเป็นสิ่งสุดท้ายที่ผมตัดสินใจ มันจบแล้ว และนี่เป็นสิ่งที่ดีที่สุดแล้ว จากนี้ไป ทั้งตัวและหัวใจของผมเป็นอิสระ พอคิดย้อนกลับไปก็น่าขำเหลือเกิน คนอย่างผม คนที่คิดอยากจะพักพิงหัวใจไว้กับใครสักคน สุดท้ายแล้ว ก็วนลูบมาพบแต่ความผิดหวัง

 ไม่มีหยาดน้ำตาอีกแล้ว ไม่มีสีหน้าที่บอกว่าโศกเศร้าหรือกำลังเสียใจ ผมหัวเราะ ให้กับโชคชะตาของผม หัวเราะให้กับความละเมอเพ้อฝัน โลกแห่งความเป็นจริงมันโหดร้าย และวันนี้ ผมได้รับรู้มันทั้งหมดแล้ว



 แทบไม่ต้องเดาสิ่งที่จะเกิดในวันต่อๆ ไป แต่ว่ามันก็ไม่มีประโยชน์อะไรอีกแล้ว ผมไม่ฟัง ไม่หยุดที่จะก้าวไปข้างหน้า ไม่ว่าพี่เปอร์จะพยายามพูดอะไร จะขอร้องผมแค่ไหน ทุกสิ่งที่ผมได้เห็น นั่นมันเพียงพอแล้ว ที่จะตัดขาด

 เป็นเวลาประมาณเกือบเดือน ที่ในที่สุดเขาก็ยอมแพ้และถอยห่างออกไป ในหัวใจของผมในตอนนี้ ราวกับถูกปิดผนึกแน่นหนาเอาไว้ ผมเลิกคิดเกี่ยวกับความรัก และมุ่งหน้าต่อไปสู่ความฝันในอาชีพนักแสดง

 และในที่สุด โอกาสที่จะได้พิสูจน์ตัวเองก็ถูกเพิ่มเข้ามา ผมได้รับข่าว ผลของผู้ที่จะมารับบทนำในละครเรื่องหนึ่ง และในครั้งนี้ ผมได้ถูกรับเลือก

 ผมที่ผ่านเรื่องราวมามากมาย ในที่สุดก็จะได้ทิ้งสิ่งเก่าๆ เหล่านั้น และกลายเป็นคนใหม่ ผมทุ่มเท ฝึกฝน สลัดทิ้งภาพลักษณ์เก่าๆ ราวกับเปลี่ยนไปเป็นคนละคน

 "เปิดกล้องวันแรก ไม่ต้องตื่นเต้นเกินไปนะ"

 ก็เป็นไปอย่างที่ผู้กำกับบอก ผมไม่ได้ตื่นเต้นกับสิ่งรอบตัวจนเกินไป เพราะผมรู้ว่าผมทำอะไรได้ ผมมีความมั่นใจเต็มเปี่ยม และทำมันให้ดีก็เท่านั้น

 "ครับผม"

 "เราดูเปลี่ยนไปนะ พี่จำได้ว่าตอนอินแสดงเรื่องก่อนหน้านี้ไม่ได้หล่อขนาดนี้ นายเอกจะหล่อเกินหน้าพระเอกไม่ได้น้า"

 "ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ" พี่ในกองพูดล้อเล่นกับผม ซึ่งผมก็ได้แต่ยิ้มอย่างนอบน้อม รอเวลาที่พระเอกจะมาและแต่งหน้าทำผมเตรียมตัว ซึ่งวันนี้ซีนแรกจะเป็นซีนสำคัญซะด้วย แต่ว่าทำไมเขาถึงมาช้าจังนะ

 "คือ พี่ครับ พี่กรณ์ยังไม่มาเหรอ"

 ผมที่แต่งหน้าทำผมจนเสร็จก็ไม่เห็นพระเอกสักทีก็เริ่มที่จะร้อนใจ เพราะว่าก่อนที่จะถ่ายจริง ผมอยากที่จะซ้อมกับพี่เขาซะหน่อย พระเอกของผมในเรื่องนี้ เป็นนักแสดงใหม่เหมือนกับผม ซึ่งผมได้เจอเขาครั้งหนึ่งตอนที่มาแคสติ้ง ทั้งหล่อสูงและใจดี รู้สึกโชคดีจริงๆ ที่ได้คนที่คุยง่ายมาเล่นคู่ด้วย

 "อ้าวน้องอิน ยังไม่มีคนบอกเหรอคะ" ทุกคนที่กำลังทำงานอยู่ใกล้ๆ ต่างหน้าตาตื่นกับคำถามของผม

 "เมื่อวานน้องกรณ์ประสบอุบัติเหตุ ขาหักในเฝือก ดูน่าสงสารเชียวค่ะ"

 "นั่นสิ จะถ่ายละครพรุ่งนี้แล้วแท้ๆ ดันมาเกิดเรื่องแบบนี้ซะได้" ผมถึงกับหัวใจเต้นผิดจังหวะที่ได้ยินแบบนั้น

 "นี่มันเรื่องใหญ่ไม่ใช่เหรอครับ แล้วพี่เขาจะมาไหวเหรอ" ผมลุกลี้ลุกลนอยู่บนเก้าอี้ แล้วแบบนี้ จะถ่ายกันได้ยังไงกันล่ะ

 "น้องอินใจเย็นๆ คร่า เพราะว่าพวกเราหาคนมาแทนได้แล้ว" พอฟังมาถึงตอนนี้ผมก็ค่อยๆ ถอนหายใจอย่างโล่งอก แต่ว่าการหาคนมาแสดงแทนได้ในเวลาอันฉิวเฉียดแบบนี้ ถือว่าเป็นเรื่องที่โชคดีเหลือเกิน

 "โชคดีจังเลยครับ ผมนึกว่าจะต้องยกเลิกซะแล้ว"

 "นั่นสิคะ ตอนแรกทุกคนก็คิดอย่างนั้น แต่นึกไม่ถึงเลยว่าจะได้คนนี้แทน" ผมเลิกคิ้วมองพี่ๆ ที่ดูกรี๊ดกร๊าดวี๊ดว๊าย ดูตื่นเต้นกับพระเอกที่มาแทนคนเดิม

 "เป็นคนดังเหรอครับ"

 "ดังสิคะ เล่นเป็นพระเอกมาหลายเรื่องแล้ว" พอได้ยินแบบนั้นผมก็รู้สึกตื่นเต้น เอาล่ะอิน โชคดีชะมัด แสดงนำเรื่องแรกก็ประกบคู่กับผู้มากประสบการณ์ซะแล้ว

 "หล่อมากกก ขาวมากก อย่างกับจุติลงมาจากสวรรค์" ผมมองเหล่าช่างแต่งหน้าร่างล่ำหัวใจสาวน้อย ที่ยิ่งพูดถึงพระเอกคนนี้ ก็ยิ่งกรี๊ดกร๊าดกันยกใหญ่ คงจะหล่อมากๆ เลยสินะ

 "แล้วสรุปว่า เขาคือใคร..." แต่แล้วคำถามของผมก็ถูกกลืนลงไป หัวใจที่ดูเหมือนตายไปแล้วของผม เริ่มเต้นรัวจนแทบสำลัก

 ผมรีบหันกลับไปยังหน้ากระจกตามเดิม กุมมือตัวเองไว้แน่นและเผลอจิกลงไปจนเป็นริ้ว ไม่จริง ไม่นะ ทำไมถึง...

 แต่ถึงแม้หัวใจจะตื่นตระหนกจนแทบทนไม่ไหว แต่สีหน้าของผมก็เริ่มราบเรียบตามที่ฝืนบังคับไว้ ผมจะไม่หวั่นไหว ผมจะไม่อ่อนแออีกแล้ว พี่ไม่มีอิทธิพลใดๆ กับผมอีกแล้ว

"ขอโทษที่มาสาย" ผมเหลือบมองคนคุ้นตาที่ก้มหัวให้บรรดาเหล่าทีมงาน พี่หมอกยังคงเป็นเหมือนเก่า สีหน้าราบเรียบคาดเดาความรู้สึกยาก สายตาพวกเราประสานกันเพียงเสี้ยววินาที ผ่านกระจกบานใหญ่ แต่ก็ไม่ได้มีอะไรมากกว่านั้น

 "นั่ง นั่งเลยค่ะ" พี่หมอกนั่งลงอย่างว่าง่ายบนเก้าอี้ข้างๆ ผม ไม่มีคำพูดอะไรมากกว่านั้น ไม่มีการทักทายราวกับไม่ได้รู้จักกัน

 ผมอมยิ้มเล็กๆ ด้วยความรู้สึกโล่งใจ ขอบคุณ ขอบคุณจริงๆ ที่พี่เป็นแบบนี้ พวกเราไม่ได้มีสิ่งใดต่อกันอีกแล้ว ไม่มีความรักที่แท้จริงมาตั้งแต่แรกแล้ว

 ขอบคุณพี่จริงๆ ที่ได้สอนให้ผม เติบโตขึ้นขนาดนี้
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#43 ครั้งแล้ว ครั้งเล่า](8/5/63)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 09-05-2020 00:23:32
เอาแล้วไง ใจหนูอินเป็นไงบ้างนะ  :hao5:
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#43 ครั้งแล้ว ครั้งเล่า](8/5/63)
เริ่มหัวข้อโดย: ลูกกุญแจ ที่ 09-05-2020 00:39:01
ประสบการณ์ทำให้เติบโตจริงๆ
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#43 ครั้งแล้ว ครั้งเล่า](8/5/63)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 09-05-2020 01:40:39
 :pig4: :pig4: :pig4:

ดีแล้วที่สลัดพี่เปอร์ออกไปได้ 

กะแล้วว่าอีนังมิวต้องมีซัมธิงกับพี่เปอร์
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#43 ครั้งแล้ว ครั้งเล่า](8/5/63)
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 09-05-2020 02:22:30
น้องใจแข็งแล้ว พี่หมอกน่าจะเจองานยากแล้ว
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#43 ครั้งแล้ว ครั้งเล่า](8/5/63)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 10-05-2020 02:42:53
 :hao7: :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#43 ครั้งแล้ว ครั้งเล่า](8/5/63)
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 12-05-2020 09:49:18
ชอลมากติดตามค่ะรอตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#43 ครั้งแล้ว ครั้งเล่า](8/5/63)
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 12-05-2020 22:06:27
กลับตัวก็ไม่ได้
จะไปก็ไปไม่ถึง

..มัวแต่รั้งดึงกันอยู่อย่างนี้..
หุหุ
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#43 ครั้งแล้ว ครั้งเล่า](8/5/63)
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 13-05-2020 07:06:39
 :hao4:
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#43 ครั้งแล้ว ครั้งเล่า](8/5/63)
เริ่มหัวข้อโดย: Gloomy Sunday ที่ 18-05-2020 11:10:33
เพ้อ บทที่ 44 คำว่า'รัก'ที่แท้จริง


เมื่อแต่งหน้าแต่งตัวเตรียมพร้อมแล้ว ผมก็เริ่มที่จะอ่านบททบทวนอีกครั้ง ซึ่งพี่หมอกก็ไม่ได้ต่างจากผม พวกเรานั่งอยู่เงียบๆ ข้างๆ กัน ไม่มีคำถาม ไม่มีสายตาที่จะสื่อถ้อยคำใด แต่ว่าแบบนี้ มันอึดอัดเหลือเกิน ถ้ายังไงพวกเราก็ต้องทำงานร่วมกัน อย่างน้อย พวกเราก็ควรคุยกัน

 "จะลอง ต่อบทกันดูไหมครับ" ผมพูดขึ้นฝ่าความเงียบ สีหน้าเป็นธรรมชาติ น้ำเสียงก็เป็นปกติอย่างที่ควรจะเป็น

 "ไม่จำเป็น" คนพูดไม่ได้เงยหน้าขึ้นมาด้วยซ้ำ ผมรู้สึกราวกับถูกตีหัว เป็นคนที่กวนประสาทเหมือนเดิมจริงๆ

 "ก็แล้วแต่นะ เพราะยังไงผมก็ไม่พลาดอยู่แล้ว" ผมพูดเหมือนพูดกับตัวเอง และหันเก้าอี้ไปให้ห่างจากคนไม่น่าคบ คนนิสัยเสีย เป็นคนยังไงก็ยังคงเป็นแบบนั้น น่าโมโหชะมัด

 "ได้เวลาแล้วค่ะ เซ็ตฉากพร้อมแล้ว" เมื่อได้ยินแบบนั้น ทั้งผมและพี่หมอกก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้ เตรียมตัวที่จะเริ่มถ่าย

 ทุกย่างก้าวที่เดินไปข้างหน้า ในหัวใจของผมสั่นไหวราวกับมีลมพายุ ไม่ว่าจะรักษาสีหน้าสักแค่ไหน แต่ความจริงที่ผมกำลังเผชิญนี้ไม่ว่าจะยังไงก็ไม่ถูกลบล้างไป

 ผมเคยมีความฝัน ความฝันที่ผมเฝ้าแต่อธิษฐาน ให้ผมได้มีโอกาสนั้นสักครั้ง และวันนี้ความฝันของผมก็กลับกลายเป็นจริงขึ้นมาแล้ว มันเป็นเรื่องน่าตลกเหลือเกิน ผมไม่เคยคิดเลยว่า วันนี้จะมาถึงจริงๆ วันที่ผมได้แสดงคู่กับคนที่เคยเป็นโลกทั้งใบของผม คนที่ผมเคยรักหมดหัวใจ

 พวกเรามายืนกันที่ริมสระน้ำขนาดใหญ่ ในสวนที่สวยงามแห่งหนึ่ง ถึงแม้ว่าสถานที่จะสวยงามมาก แต่ว่าบทในวันนี้กลับตรงกันข้าม

 "เตรียมพร้อมนะครับนักแสดง" ผู้กำกับและทุกคนล้อมรอบเตรียมตัวให้สัญญาณ ผมทำสมาธิ เตรียมอารมณ์ให้เข้ากับบทที่ต้องขัดแย้ง ไอ้ฉากทะเลาะกันน่ะ ของถนัดนัก เพราะจริงๆ ผมก็พี่หมอก ครั้งสุดท้ายที่พวกเราจากกัน ก็เป็นแบบนั้นอยู่แล้ว

 "3 2 1 แอคชั่น!"

 "ที่ลากผมมาที่นี่ ก็เพราะเรื่องนั้นใช่ไหม" สีหน้าของผมในตอนนี้คงหม่นหมองเศร้าสร้อย ผมหมดอาลัยตายอยาก เพราะว่าชายคนรักตรงหน้ากำลังนอกใจผม บทอะไรมันจะส่งขนาดนี้

 "พูดสิ พูดมาว่าพี่มีคนใหม่ พูดสิว่าพี่ไม่ได้ต้องการผมอีกแล้ว" เสียงของผมสั่นเครือ แต่น้ำตาก็ยังไม่ไหล ยังไม่ใช่ตอนนี้ ต้องรอจังหวะที่จะกระชากอารมณ์กว่านี้

 แต่เมื่อสายตาของผมประสานเข้ากับคนตรงหน้า ผมก็ต้องเกือบหลุดขมวดคิ้วน้อยๆ ด้วยความประหลาดใจ ผมไม่ได้จำบทผิดหน้าใช่ไหม เพราะว่าฉากนี้ ฉากที่ควรมีแต่สีหน้าโศกเศร้า แต่ว่าทำไม พี่หมอกถึง...

 "สบายดีไหม" ผมหลุดขมวดคิ้วจริงจัง ผู้กำกับเริ่มมองบทในมือด้วยสีหน้าสงสัยเช่นกัน

 "ยังคิดถึงพี่อยู่ไหม" ผมนิ่งชะงัก ไม่รู้ว่าควรพูดอะไรออกไป นี่มันเรื่องอะไรกัน ทำไมพี่ถึง...

 "พี่คิดถึงอิน...พี่รักอิน"

 ราวกับโลกทั้งใบหยุดหมุน น้ำตาสายหนึ่งไหลออกมาช้าๆ นี่ผม...กำลังฝันไปงั้นเหรอ

 "ขอโทษ ที่เพิ่งมาพูดตอนนี้ ตอนที่สายไปแล้ว" ผมพูดอะไรไม่ออก มองดูพี่หมอกที่ค่อยๆ ถอยหลัง และเดินออกไป

 ท่ามกลางความมึนงงของกองถ่ายที่นักแสดงนำกลับเล่นนอกบท ผมมองพี่หมอกที่เดินไปหาผู้กำกับ พูดอะไรสักอย่างและก้มลงเป็นเชิงขอโทษอย่างนอบน้อม และเดินจากไป



 "อ้าวอิน เป็นยังไงบ้างลูก ถ่ายวันแรกสนุกไหม" ในช่วงเย็นของวันนั้น ผมค่อยๆ เดินกลับมาช้าๆ ด้วยหัวใจที่ยังคงสับสน สิ่งที่ผมได้ยินมา มันเกินกว่าที่ผมจะรับไหว ผมไม่เข้าใจ ว่าถ้าหากสิ่งที่พี่หมอกพูดนั้นมันเป็นเรื่องจริง แล้วทำไม ทำไมพี่ถึงทิ้งผมไป

 "อิน" ผมหมดเรี่ยวแรง ปล่อยตัวเดินอย่างอ่อนล้าและกอดแม่เอาไว้ ผมไม่ได้ร้องไห้อีกแล้ว ผมเพียงแค่เหมือนกับคนที่ไร้วิญญาณ ทุกอย่างมันเหมือนกับไม่ได้เกิดขึ้นจริง

 "เรื่องคุณหมอกใช่ไหม" ราวกับถูกปลุกให้ตื่น ผมค่อยๆ คลายอ้อมแขนที่กอดแม่ไว้ มองหน้าแม่ ผมได้ยินไม่ผิดไปใช่ไหม

 "ทำไม แม่ถึง..." ผมแทบจะเข่าอ่อนทรุดลงกับพื้น นี่ไม่ใช่สิ่งที่ผมคิดเลย นี่มันเรื่องอะไรกัน

 "หลังจากวันเกิดอินไม่นาน คุณหมอกเขามาหาแม่" แม่ไม่ได้มองหน้าผม เหมือนกับกำลังขุ่นเคืองใจ ในสิ่งที่กำลังเล่าออกไป

 "เขามาสารภาพ เขาบอกว่าเขาทำผิดต่อลูก เขาบอกว่าเขากับอิน กำลังคบกัน" ผมพูดอะไรไม่ออก ความกลัวในหัวใจทำให้ผมรีบคุกเข่าต่อหน้าแม่

 "แม่ดูเป็นคนใจแคบขนาดนั้นเลยเหรอ ตลอดเวลาที่ผ่านมา ทำไมอินต้องปิดบังแม่" แม่เริ่มร้องไห้ เหมือนกับอดทนเอาไว้นาน และวันนี้ก็ได้เวลาที่จะเปิดเผย

 เสียงสะอื้นของแม่ทำให้หัวใจของผมเจ็บปวด ก็เพราะว่าผมจะต้องทำให้แม่เป็นแบบนี้ไง ผมถึงไม่กล้า เพราะผมกลัวว่าผมจะทำให้แม่เสียใจ

 "ผมขอโทษ อินขอโทษแม่" ผมละล่ำละลักบอกแม่ เสียใจที่ความกลัวของตัวเองกลับทำให้ทุกๆ อย่างพังลงไป

 "ตลอดเวลาแม่รอคอยเสมอ ว่าสักวันลูกของแม่จะเปิดใจ แม่เพียงแค่หวัง ว่าแม่จะเป็นแม่ที่ดี ทำให้ลูกสบายใจได้"

"ไม่ใช่นะแม่ ไม่ใช่อย่างนั้น อินไม่ได้คิดแบบนั้น" ผมลุกขึ้นมาจากพื้นกอดแม่ที่ดูเสียใจเอาไว้ ผมไม่คิดเลยว่า การปิดบังของผม จะทำให้คนที่รู้ความจริงอยู่แล้ว ต้องทุกข์ตรมแค่ไหน

 "ผมแค่กลัว กลัวว่าแม่จะผิดหวัง ผมเป็นลูกชายคนเดียว อินไม่อยากให้แม่เสียใจ"

 "คิดไปเองทั้งนั้น แม่เคยบอกแล้วไง ว่าไม่ว่าอินจะเป็นยังไง แม่ก็ไม่เคยผิดหวังในตัวอิน" น้ำเสียงที่ดุเล็กๆ ของแม่ทำให้ผมสบายใจขึ้น

 "อินขอโทษนะแม่ ขอโทษจริงๆ" ผมซบหน้าลงกับไหล่แม่ พร่ำแต่บอกคำว่าขอโทษ เพื่อให้แม่ยกโทษให้ "แม่ไม่โกรธอินใช่ไหม"

 "มีสักครั้งเหรอ ที่แม่โกรธอิน" หัวใจของผมราวกับถูกปลดปล่อย ผมกอดแม่แน่น ขอบคุณจริงๆ ที่ได้เกิดมาเป็นลูกของแม่ ในโลกนี้ไม่มีใครที่ผมรักและรักผมเท่าแม่อีกแล้ว

 "ขอโทษนะครับ อินจะไม่เป็นแบบนี้อีก" แม่ลูบหัวผม ความอบอุ่นจากมือแม่นั้น ทำให้ผมรู้สึกดีขึ้น ดูเหมือนแม่ไม่ได้โกรธผมจริงๆ แต่แค่น้อยใจเท่านั้น ที่ผมเก็บเงียบไม่ยอมบอกอะไรเลย

 "มีคนที่ต้องขอโทษ นอกจากแม่อีกไม่ใช่เหรอ" ผมขมวดคิ้วเล็กๆ กับคำพูดนั้นของแม่

 "ทั้งหมดที่คุณหมอกเขาทำ ก็เพราะต้องการปกป้องลูก"

 "ปกป้องผม" ผมทวนคำคำนั้น พี่หมอกน่ะเหรอ นี่มันเรื่องอะไรกัน "พี่เขา บอกอะไรกับแม่กันแน่"

 "เป็นเพราะคุณหมี่ ที่บีบให้เขาออกห่างจากลูก แต่เพราะทิฐิของเขาเอง เขาถึงมาสารภาพกับแม่ เขาคิดว่าการที่แม่รู้จากเขา น่าจะดีกว่ารู้จากคุณหมี่ และแม่ก็ตัดสินใจไม่พูดอะไร รอให้อินเป็นคนบอกแม่เอง แต่ว่าแม่ก็ต้องผิดหวังเรื่องนี้" แม่พูดและยิ้มเศร้า

 "ผมขอโทษครับ ขอโทษจริงๆ" ผมพูดขอโทษแม่อีกครั้ง ผมมันโง่นัก ผมทำให้ทั้งแม่ทั้งพี่หมอกต้องผิดหวัง ต้องรอคอยอย่างเปล่าประโยชน์

 พี่หมอกก็แค่เลือกทางที่จะดีต่อผมที่สุด เลือกทางที่ผมจะได้ใช้ชีวิตโดยไม่ต้องหวาดระแวง เลือกที่จะทิ้งผมไว้ข้างหลัง และด้วยคำพูดที่ผมพูดกับพี่นั้น คำพูดที่ทำร้ายจิตใจพี่ พี่ก็คงยอมแพ้เรื่องของผมแล้ว

 "เรื่องคุณหมี่ อย่าคิดอะไรมากมายเลย คุณหมี่เขาก็เป็นคนแบบนี้ตั้งแต่เด็ก เขาแค่ต้องการเอาชนะลูกเท่านั้น"

 "แต่ว่า ถ้าอินมีปัญหากับเขา ต่อไปแม่ก็อาจจะเดือดร้อน..."

 "ทำตามที่อินต้องการ ไม่ว่าจะผลเป็นยังไง แม่ไม่เคยกลัว ทำสิ่งที่ลูกมีความสุข แม่ก็จะมีความสุข" ผมที่ได้ยินแบบนั้นก็คุกเข่า และกราบลงที่เท้าของแม่ กราบผู้ที่มีพระคุณที่สุดในชีวิต



 หลังจากที่ปรับความเข้าใจกับแม่ แทบไม่ต้องเดาว่าจุดหมายที่ผมมุ่งต่อไปคือที่ใด ผมรีบเรียกแท็กซี่และตรงดิ่งไปยังคอนโดของพี่หมอก

 เพียงเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงนั้น ในที่สุด ผมก็ได้มายืนอยู่ตรงหน้าประตูบานเดิม และไม่รอช้าที่จะเปิดประตูออกไป ซึ่งก็โชคดีมากอีกแล้ว ที่ประตูไม่ได้ปิดล็อกไว้

 แสงไฟในห้องไม่ได้เปิดที่ตรงทางเดินไว้ ผมเร่งฝีเท้า เดินเข้าไปที่โถงส่วนกลางที่เป็นห้องนั้งเล่น แต่ว่าเมื่อยิ่งเดินเข้าไปลึกนั้น ทุกสิ่งทุกอย่างในห้องก็เริ่มทำให้ผมหวาดวิตกในใจ

 กล่องลังกระดาษที่วางไว้อย่างระเกะระกะ ชั้นวางของที่ข้าวของหลายชิ้นนั้นได้หายไปแล้ว และที่ตรงสุดทางเดินนั้น มีโซฟาที่มีข้าวของและเสื้อผ้ากองพับอยู่ด้านบน

 "ใครน่ะ" เสียงที่ได้ยินทำให้หัวใจเต้นระรัว โชคดีเหลือเกินที่ผมมาทันเวลา

 "พี่หมอก..." แต่เมื่อหันไปตามเสียงนั้น รอยยิ้มที่ผุดอยู่บนใบหน้าก็ค่อยๆ จางลง ถึงแม้ว่าจะคล้ายกัน แต่คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าผมนั้นกลับมีรอยยิ้มจางๆ ที่ดูไม่เหมือนพี่หมอกเลยสักนิด

 "เพื่อนของหมอก?" คนตรงหน้าเลิกคิ้วถาม

 "ครับ แล้วพี่หมอก..." ผมมองตามคนที่นั่งลงเก็บของบนพื้นใส่กล่องลังใบใหญ่ รู้สึกกลัว คำตอบที่จะได้รับจับใจ

 "ไปแล้ว" คนตอบคำถามคัดเลือกและโยนข้าวของอย่างส่งๆ เหมือนไม่ได้ใส่ใจที่จะเก็บกวาดขนาดนั้น

 "ไปแล้ว..." ผมเข่าอ่อนลง รู้สึกไร้เรี่ยวแรง

 "เป็นอะไรไป มีเรื่องอะไรให้ช่วยไหม" มือเรียวยาวถูกยื่นมาให้ ผมมองตามมือนั้นแต่ก็ค่อยๆ ลุกขึ้นมาเอง

 "พี่เป็นพี่ชายของพี่หมอกใช่ไหม"

 "ใช่ แล้วนาย เป็นเพื่อนของหมอกแน่เหรอ" พี่ชายพี่หมอกเลิกคิ้วถาม ถึงจะดูแปลกๆ แต่ก็ถือว่ามีไมตรีอยู่บ้าง

 "ที่พี่บอกว่าไปแล้ว ผมถามได้ไหม ว่าไปไหน" ผมที่ไม่ได้ใส่ใจตอบคำถามของพี่ชายพี่หมอก จึงทำให้พี่เขาชักสีหน้าเล็กน้อย

 "บอกไม่ได้"

 "ทำไมถึงไม่ได้ละครับ" ผมที่ลืมตัวก็ถลาไปเกาะเสื้อพี่เขาไว้ "พี่ครับ พี่ช่วยผมหน่อยได้ไหม ผมมีเรื่องอยากบอกพี่หมอกจริงๆ" ผมอ้อนวอนขอร้อง

 "นี่เป็นความต้องการของหมอก" เป็นเพียงคำพูดสั้นๆ แต่ความหมายของมันก็ทำให้ผมเจ็บปวด พี่คงต้องการจะลืมผมไปจริงๆ ใช่ไหม พี่ต้องการให้พวกเราขาดจากกันจริงๆ ใช่ไหม

 "ถ้าไม่มีอะไรก็กลับไป หรือจะช่วยเก็บของหน่อยก็ไม่ว่ากัน" ผมยืนอึ้งอยู่แบบนั้นเป็นพัก ไม่รู้จะทำยังไง ผมมั่นใจว่าพี่ชายของพี่หมอกคนนี้ คงไม่มีทางบอกผมแน่

 ผมค่อยๆ นั่งลงมองดูข้าวของของพี่หมอกที่กระจัดกระจายอยู่บนพื้น

 นาฬิกาเรือนนั้น ผมเคยเห็นมันอยู่บนหัวเตียงของพี่หมอก มันมักจะส่งเสียงดังจนพี่หมอกหัวเสียตอนตื่นเสมอ

 แจกันดอกไม้ใบนั้น เป็นแจกันที่มักจะว่างเปล่า แต่ไม่รู้ทำไม พี่ก็ยังคงวางมันไว้อยู่บนนั้น

 และ...ไดอารี่เล่มนั้น

 ผมรีบขยับไปข้างหน้าและหยิบคว้าหนังสือไดอารี่เล่มใหญ่ไว้ ผมรีบเปิดมันไปในหน้าที่ผมคิดว่า อาจจะมีข้อความอะไร ที่พี่ทิ้งเอาไว้



 26 ตุลาคม 20xx

 ผมเคยคิด ว่าผมอาจจะไม่มีวันเข้าใจความรู้สึกของคุณแม่

 ตลอดเวลาที่ผ่านมา ผมเฝ้าแต่ถามว่า คำว่ารักที่คุณแม่บอกผม คืออะไร

 ผมไม่เคยเข้าใจ ไม่เคยรู้เลยว่า ถ้าหากว่ารักแล้ว ทำไม พวกเราถึงต้องพรากจากกัน

 แต่ว่าวันนี้ ผมได้รู้แล้ว ผมเข้าใจ ในสิ่งที่คุณแม่ต้องการบอกผม

 ถ้าหากว่าการจากไปนั้น ถ้าหากว่าทำแบบนั้นแล้ว คนที่เรารัก บางที คงจะมีชีวิตที่ดีกว่านี้

 แต่ว่า แม่ครับ ทำไมมันช่างเจ็บปวดเหลือเกิน แต่ว่านี่ก็เพราะว่ารักใช่ไหม ผมทำถูกแล้วใช่ไหม



 ผมน้ำตาไหลออกมาด้วยความเจ็บปวดใจ ทำไมนะ ทำไมพี่ถึงได้ยอมแพ้ไปง่ายๆ แบบนี้ พี่กำลังกลัวอะไร ทำไมการที่เราได้อยู่ด้วยกัน มันถึงจะเป็นเรื่องที่ไม่ดี พี่กลัวว่าจะเสียผมไปด้วยใช่ไหม พี่ถึงตัดผมออกไป ก่อนที่ผมจะจากพี่ไปเอง เหมือนอย่างที่คุณแม่พี่เคยทำ

 ผมพลิกหน้ากระดาษ มองดูข้อความต่างๆ ที่พี่หมอกทิ้งเอาไว้ พี่หมอกเป็นคนที่ไม่ชอบแสดงออกในด้านที่อ่อนแอ พี่มีความเข้มแข็ง แต่ก็เพียงเปลือกนอกเท่านั้น บางทีภายในจิตใจของพี่ ความกลัวและความวิตกกังวลอาจจะมีมากกว่าผมก็ได้ พวกเรานั้นช่างเหมาะสมกัน บางทีอาจจะเกิดมาเพื่อกันก็ได้

 กริ๊กๆ

 แต่เมื่อพลิกหนังสือไดอารี่เล่มใหญ่ไปมานั้น สิ่งสิ่งหนึ่งที่ส่องประกายก็กลิ้งหล่นลงที่บนพื้น ผมมองตามสิ่งนั้นที่หล่นไม่ไกลนัก และเอื้อมมือไปเพื่อหยิบมันขึ้นมา มันเป็นของขวัญ มันเป็นของที่ผมจำได้ดี

 "นั่น เอามันมานี่" ทันทีที่ผมหยิบมันขึ้นมามองดู พี่ชายของพี่หมอกก็แย่งมันไปอย่างรวดเร็ว ผมตกใจกับปฏิกิริยานั้น และมองดูพี่ชายพี่หมอกถอนหายใจเหมือนกำลังโล่งใจ

 "หาตั้งนาน ขอบใจมากนะ ไปได้สักที" พี่ชายพี่หมอกนำมันขึ้นมาส่องใต้แสงไฟ ใบหน้าดีใจนั้นไม่ได้ทำให้ผมยิ้มตามไปด้วย ผมอยากได้มัน ถึงแม้ว่าผมจะคืนมันให้กับพี่หมอกไปแล้ว

 "อะไร ทำไมเหรอ" บางทีรังสีแห่งความเศร้าของผมคงจะแผ่ออกมามากเกินไป ผมมองแหวนวงนั้นด้วยความอาลัยอาวรณ์สุดขีด จนทำให้พี่ชายพี่หมอกเริ่มสงสัย

 "แหวนนั่น เคยเป็นของผม" ผมพูดเบาๆ ด้วยแววตาเศร้าสร้อย แต่ว่าเมื่อพูดออกไปแบบนั้น พี่ชายพี่หมอกก็กลับทำหน้าตื่นตกใจและหัวเราะออกมาอย่างไม่ปิดบัง

 "เดี๋ยวๆๆ เมื่อกี้ว่าไงนะ นี่นาย เข้าใจอะไรผิดแล้วมั้ง" พี่ชายพี่หมอกยังคงไม่หยุดหัวเราะ แต่เมื่อเห็นว่าผมยังคงมีสีหน้าจริงจัง พี่เขาก็เริ่มที่จะอึ้งอีกครั้ง

 "บ้าน่า ไม่จริงน่ะ" พี่ชายพี่หมอกเดินเข้ามาใกล้ผม และเชยคางผมมองดูใบหน้าใกล้ๆ

 "หมอกให้นายจริงๆ เหรอ" ผมพยักหน้าน้อยๆ เพื่อเป็นการยืนยัน

 "แบบนี้นี่เอง" พี่ชายของพี่หมอกผุดยิ้มประหลาดและมองแหวนในมืออีกครั้ง "นายชื่ออะไร"

 "อินครับ" ผมตอบคำถามนั้นทันที

 "อินงั้นเหรอ แล้วนายรู้ไหมว่า แหวนวงนี้สำคัญยังไง" พี่ชายพี่หมอกปล่อยคางผม พลางมองดูแหวนในมือ

 "มันเป็นของสำคัญของพี่หมอก..." ผมตอบสิ่งที่ผมคิดว่าผมรู้ ผมมั่นใจว่านี่เป็นสิ่งที่ถูกต้องแน่นอน

 "มันเป็นแหวนแต่งงานของคุณแม่"

 คำพูดของพี่ชายพี่หมอกทำให้ผมได้แต่อึ้งตกใจ มันเป็น แบบนี้นี่เอง ผมเพิ่งรู้สึกตัวว่าตัวเองเคยงี่เง่าแค่ไหนกับเรื่องแหวนนั่น

 "ตั้งแต่วันที่คุณแม่ทิ้งพวกเราไป ก็มีแค่เพียงสิ่งนี้ ที่ท่านทิ้งเอาไว้" พี่ชายของพี่หมอกพูดด้วยใบหน้าเศร้าๆ พลางเดินไปรอบๆ

 "หมอกไม่เคยออกห่างจากมัน ตั้งแต่ตอนเด็กๆ หมอนั่นคิดว่า ถ้าหากยังมีสิ่งนี้อยู่ บางทีคุณแม่ บางทีท่านคงจะกลับมา" เมื่อพูดมาถึงตอนนี้ พี่ชายพี่หมอกก็หันมาจ้องมองผม

 "อิน นายคงเป็นคนที่สำคัญมาก แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ตอนนี้หมอกก็เลือกแล้ว ว่าจะตัดนายออกไป" คำพูดนั้นเหมือนดั่งมีดที่กรีดลึกเข้าไปในรอยแผล ผมเริ่มรู้สึกว่าจะยืนไม่ไหว ผมต้องทำยังไง ผมถึงจะรู้ว่าพี่อยู่ที่ไหน

 "ตัดใจเถอะ เพราะอะไรที่หมอนั่นตัดสินใจไปแล้ว ต่อให้ตาย ก็ไม่เปลี่ยนใจหรอก" หลังจากคำพูดนั้น ผมก็ถูกทิ้งไว้กับซากความทรงจำเดิมๆ

 พี่ชายพี่หมอก ค่อยๆ เดินจากไป และออกไปจากห้อง ทิ้งไว้ให้ผม อยู่แต่เพียงลำพัง
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#44 คำว่า'รัก'ที่แท้จริง](18/5/63)
เริ่มหัวข้อโดย: Shonteen ที่ 18-05-2020 13:24:11
ปวดร้าว
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#44 คำว่า'รัก'ที่แท้จริง](18/5/63)
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 18-05-2020 13:30:57
เศร้ามาก :ling1:
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#44 คำว่า'รัก'ที่แท้จริง](18/5/63)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 18-05-2020 16:13:56
 :ling1: :ling1: :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#44 คำว่า'รัก'ที่แท้จริง](18/5/63)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 18-05-2020 17:12:56
 :pig4: :pig4: :pig4:

เหตุเกิดเพราะการไม่พูดจาปรับความเข้าใจกัน  ต่างคนต่างคิดเองเออเองกันทั้งหมด

เพราะคำคำเดียวคือ "ทิฐิ" เฮ้อ
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#44 คำว่า'รัก'ที่แท้จริง](18/5/63)
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 18-05-2020 20:25:27
เอาให้ตายกันไปเลยข้างนึง ระหว่างคนเขียนกับคนอ่าน
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#44 คำว่า'รัก'ที่แท้จริง](18/5/63)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 18-05-2020 23:20:34
เศร้าใจจริง ๆ เลยเรา  :ling1: :hao5:
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#44 คำว่า'รัก'ที่แท้จริง](18/5/63)
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 19-05-2020 23:12:34
 :o12:
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#44 คำว่า'รัก'ที่แท้จริง](18/5/63)
เริ่มหัวข้อโดย: Pawana ที่ 24-05-2020 12:57:31
พี่หมอก หนีไปร้องเพลง  แบบปิดหน้าใส่แมสหมาป่า ที่อินนไปเจอง่ะ
รีบๆ  ไม่อยากเศร้า
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#44 คำว่า'รัก'ที่แท้จริง](18/5/63)
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 24-05-2020 13:20:11
 :ling2: :ling3:
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#44 คำว่า'รัก'ที่แท้จริง](18/5/63)
เริ่มหัวข้อโดย: Gloomy Sunday ที่ 02-06-2020 08:45:15
เพ้อ บทที่ 45 บุคคล...ใต้หน้ากาก


ดูเหมือนสิ่งที่พี่ชายของพี่หมอกพูดนั้นอาจจะเป็นความจริง เพราะตั้งแต่ที่พี่หมอกจากไป ผมก็ได้พยายามค้นหาที่อยู่ของพี่หมอกจากทุกๆ ทางที่ผมพอจะนึกได้

 ไม่ว่าจะไปไล่ถามจากบรรดาเพื่อนๆ ของพี่หมอก หรือคอยสอดส่องดูข่าวคราวจากในอินเทอร์เน็ต จากบรรดาแฟนคลับทั้งหลาย แต่ก็ดูเหมือนว่าจะไม่มีข่าวคราวอะไรเลย นอกจากข่าวที่ว่าพี่หมอกนั้นลาออกจากวงการ เพื่อต้องการเรียนต่อที่ต่างประเทศ แม้แต่พี่บี ผู้จัดการส่วนตัวของพี่หมอกก็ไม่อาจรู้ได้

 "เฮ้อ พี่ก็ตกใจเหมือนกัน อยู่ๆ เจ้าหมอกก็มาบอกพี่ ว่าอยากจะเลิก ดูนะอิน พี่นะอุตส่าห์หมายมั่นปั้นเจ้าเด็กนั่นให้เป็นดาวของวงการ ทั้งๆ ที่ไปได้ดีอยู่แล้วเชียว ไหนเคยบอกว่าอยากเอาชนะคำสบประมาทของพ่อ แล้วนี่อะไร อยู่ๆ ก็จะมา อยู่ๆ ก็จะไป ไม่บอกที่อยู่ให้ติดต่อเลยสักทาง..."

 ผมที่โทรหาพี่บีก็แทบจะหูชา ความอึดอัดคับแค้นของหญิงสาวช่างน่ากลัวจริงๆ และก็เป็นไปอย่างที่คาด พี่บีก็ไม่รู้ว่าพี่หมอกไปที่ไหนเช่นกัน

 แต่เมื่อฟังพี่บีพูดไปสักพัก ผมก็เห็นด้วยกับสิ่งที่พี่บีพูดเกี่ยวกับเรื่องคุณพ่อของพี่หมอก พี่เคยอยากทำให้คุณพ่อของพี่ยอมรับพี่ พี่เคยพยายามพิสูจน์ตัวเอง เพื่อจะลบคำสบประมาทของคุณพ่อไม่ใช่เหรอ แต่ว่าทำไมกันนะ ทำไมตอนนี้พี่ถึงยอมแพ้แล้ว เป็นเพราะผมงั้นเหรอ หรือเป็นเพราะว่าพี่ปล่อยวางทุกสิ่งแล้วจริงๆ

 "น้องอิน ฟังพี่อยู่หรือเปล่า"

 "ครับ"

 "เจ้าเปอร์เพื่อนสนิทหมอกไง ถ้าเป็นเปอร์ละก็ ต้องรู้แน่ๆ ว่าหมอกไปไหน" สิ่งที่ผมได้ยิน นั่นไม่ใช่สิ่งที่ผมเดาไม่ได้ แต่ว่า การจะให้ไปยุ่งเกี่ยวกับคนคนนั้นอีก ผมคงทำไม่ได้จริงๆ

 "ขอบคุณนะครับพี่"

 "จ้า ยังไงเรื่องให้พี่เป็นผู้จัดการของอิน ลองคิดดูอีกทีนะ"

 "ครับ ขอบคุณครับ"

 ผมได้แต่ภาวนา ขอให้ผมได้มีโอกาสอีกสักครั้ง ที่จะพบพี่ เพื่อได้บอกพี่ ถึงสิ่งเดิมๆ สิ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนในหัวใจ



 บางที นี่ก็เป็นสิ่งที่โหดร้ายเหลือเกิน เวลาในตอนนี้ได้เคลื่อนผ่านไปจนเกือบปีแล้ว แต่ผมก็ยังคงหาพี่หมอกไม่พบ

 ผมทำงานไป สืบหาข้อมูลของพี่หมอกไป และความพยายามที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของผมก็คือ การเดินเข้าไปหา คุณพ่อของพี่หมอก...

 "บางทีการที่มันหายไปนั่นแหละ ที่ทำให้ฉันมีความสุขที่สุด"

 นี่เป็นคำพูดของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นพ่อ ภายในหัวใจของผมปวดร้าวแทนพี่หมอก คำพูดที่แสนเย็นชานั้น พี่คงเคยได้ยินมันมานับไม่ถ้วนใช่ไหม

 "ทำไมคุณถึงเกลียดลูกชายของคุณ" ผมรู้ว่าผมไม่มีสิทธิ์อะไรที่จะก้าวก่าย แต่ว่า ผมก็ทนไม่ได้

 "เพราะว่ามันถอดแบบแม่มันมาไงล่ะ เพราะฉะนั้นการปล่อยมันไป คือทางที่จะกำจัดความผิดพลาดในชีวิตฉันได้"

 ในตอนนี้ผมเข้าใจแล้ว ตัวตนของพี่ การพยายามที่ไร้ความหมายของพี่ ผมรู้แล้วว่า ว่าทำไมพี่ถึงอยากมี...อิสระ

 ยิ่งเวลาผ่านเลยนานไป ภายในหัวใจของผม ก็ราวกับมีหลุมลึกที่สุดหยั่งถึง แม้ใบหน้าจะยิ้มแย้ม แต่ภายในกลับเก็บซ่อนความเหงาและอ้างว้างเอาไว้ ผมทำได้แค่เพียงหลอกตัวเองไปวันๆ อยู่กับความคิดที่บอกให้เลิกหวัง เพื่อจะมีความสุข ในโลกของตัวเอง

 แต่ว่ามันจะเป็นแบบนั้นได้ยังไง

 เพราะว่าโลกทั้งใบของผมนั้น ยังไงมันก็ยังเป็นพี่

 ทุกสิ่งที่เป็นพี่ มันฝังลึกลงในหัวใจ เป็นความรัก ที่แข็งแกร่งเหลือเกิน

 "พี่อิน ใช่พี่อินจริงๆ ด้วย"

 ผมที่นั่งอยู่ในร้านกาแฟในช่วงสาย ก็พบเข้ากับบรรดาแฟนคลับของผม

 "ขอลายเซ็นหน่อยนะคะ ถ้าจะให้ดี ขอเซลฟี่ด้วยได้ไหมคะ"

 "ได้สิ"

 ผมยิ้มใจดีให้กับเด็กสาวพวกนั้น ความจริงก็รู้สึกดีใจมากที่ตัวเองได้เป็นที่จดจำ อาจจะเป็นเพราะตอนนี้ ผมเริ่มเล่นละครกับทางช่องใหญ่แล้ว จึงทำให้ผมมีชื่อเสียงมากขึ้น ผมได้ก้าวไปไกลมากขึ้นแล้ว ในอาชีพที่ผมที่ผมใฝ่ฝัน แต่กับเรื่องหัวใจ มีแต่ก้าวถอยหลังจริงๆ

 "1 2 3!"

 แช่ะ!

 "หูย ดูดีมากเลยค่ะ ขออีกรูปนึงได้ไหมคะ"

 ผมยิ้มเจื่อนแบบไม่เต็มใจนัก เพราะจริงๆ แล้ว วันนี้ผมแค่ออกมานั่งเล่น และเสื้อผ้าหน้าผมก็ดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่

 แช่ะ!

 "ขอบคุณมากๆ เลยคร่า นี่ๆ พี่อินดูสิคะ รูปนี้แสงกำลังดีเลย" พวกเธอไม่พูดเปล่า แต่กำลังยื่นมือถือให้ผมดูพลางเลื่อนหน้าจอให้ดูรูปที่เพิ่งถ่ายไปมา

 ผมที่ราวกับถูกบังคับ ก็จนใจจ้องมองรูปภาพเหล่านั้นอย่างที่ไม่ได้ใส่ใจอะไร รูปแรกใบหน้าของผมดูไม่ค่อยจะชัดนัก และอีกรูปหนึ่งก็กำลังหลับตา ไอ้รูปที่บอกว่าแสงดีนั่น มีแต่พวกเธอที่ดูดี

 "พี่อินคะ ขอภาพเดี่ยวบ้างน้า"

 "เอ่อ..."

 แช่ะ!

 ผมได้แต่ยิ้มเจื่อนต่อไป นี่พวกเธอกำลังถามความเห็นผมจริงๆ ใช่ไหม บางที เรื่องแบบนี้ก็เหนื่อยเหมือนกัน

 "นี่ๆ ดูสิคะ" ผมทำเพียงแค่เหลือบตามองดูภาพที่เธอเลื่อนบนจอให้ดูผ่านๆ แล้วเลื่อนไวแบบนั้นจะไปดูทันได้ยังไง...

 "เดี๋ยวก่อน!"

 ผมตกใจรีบจะลุกพรวดขึ้นจากเก้าอี้ ผมแย่งมือถือของเด็กสาวที่กำลังทำหน้างง พลางเลื่อนดูรูปที่อยู่ต่อๆ ไปจากรูปของผม

 "มีอะไรเหรอคะ" เด็กสาวทำหน้าตื่น และเขย่งแย่งมองรูปที่ผมดูอยู่

 "อ๋อ พี่ก็ชอบคุณหมาป่าเหมือนกันเหรอคะ นี่น่ะ หนูเพิ่งไปเที่ยวกับที่บ้านมา แล้วก็..."

 "ที่ไหน" ผมถามเด็กสาว ทั้งๆ ที่ยังคงไม่อาจละสายตาจากรูปภาพนั้น "อยู่ที่ไหน!" ผมถามซ้ำอีกครั้ง

 "ลอนดอน..." ผมแทบไม่ฟังที่เด็กสาวพูดจบ ผมรีบออกจากร้าน ออกไปตามหาคนบางคนโดยสัญชาตญาณ ถึงแม้ว่าจะไม่มั่นใจนัก แต่ผมก็อยากจะลองเสี่ยงดูอีกสักครั้ง



หมอก


 ตลอดชีวิตที่มีแต่ความสับสนวุ่นวาย และน่าผิดหวัง สิ่งที่ทำให้หัวใจแห้งแล้งดูมีชีวิตชีวาขึ้นอีกครั้ง บางทีคงจะมีแค่ สิ่งที่ผมกำลังทำอยู่นี่ละมั้ง

 ผมหนีจากทุกสิ่ง หนีจากชีวิตที่ราวกับถูกกักขัง ผมไม่อยากให้ใครคาดหวังในตัวผมอีกแล้ว เพราะว่าผมนั้นมีแต่จะทำให้ต้องผิดหวัง

 ผมเหนื่อย เหนื่อยเหลือเกิน กับโลกที่ต้องทำทุกอย่างเพื่อให้ได้มา ก็เพียงเพื่อทำให้คนอื่นสบายใจ นี่มันไม่ใช่ตัวผม

 ท่ามกลางผู้คนมากมายที่ห้อมล้อม ภายใต้หน้ากากนี้ ผมรู้สึก ราวกับมีปีกโบยบินไป อิสระ ที่เหมือนกับได้ทิ้งโลกทั้งใบไว้ข้างหลัง ไม่ต้องคิด ไม่ต้องคาดหวังอะไร ไม่ต้องเสียใจ ไม่ต้องเฝ้ารอ

 ทำเพียงแค่ ปล่อยหัวใจไปกับบทเพลง ใช้ชีวิต แบบที่อยากจะเป็น...

 การแสดงในคืนนี้ก็ยังคงเหมือนเดิม นานๆ ที ผมจะมาในที่ที่มีผู้คนเยอะๆ และร้องเพลง เพื่อปลอบประโลมจิตใจตัวเอง มีกลุ่มคนเล็กๆ สนใจในเสียงดนตรีของผม ซึ่งนั่นก็ทำให้ผมรู้สึกดี ที่สิ่งเหล่านี้ สามารถช่วยคนอื่นได้ด้วย

 มันไม่ได้ไร้ค่า เหมือนอย่างที่พ่อพูดเลยสักนิด

 แต่ว่าเมื่อเพลงบรรเลงจบลง ผู้คนมากมายก็ต่างแยกย้ายออกไป นี่ก็เป็นเหมือนอย่างชีวิตของผม ที่เมื่ออยู่ท่ามกลางแสงไฟ ดูดี มีชื่อเสียง ทุกคนก็ต่างเข้ามา เก็บเกี่ยวผลประโยชน์

 และเมื่อแสงสีเหล่านั้นสิ้นไป ผมที่ไม่มีอะไร ก็ไม่มีค่าอะไรทั้งนั้น

 นั่นน่ะ...ไม่ใช่ทั้งหมดหรอก

 ภายในหัวใจของผมมีสิ่งที่ขัดแย้ง ผมอมยิ้มเล็กๆ เมื่อคิดเรื่องนี้ขึ้นมา

 เหมือนจะมีอยู่คนหนึ่ง ที่เป็นข้อยกเว้น ทุกช่วงเวลาที่ผมแม้จะส่องสว่างมากเพียงไหน จะดำมืดหรือเลวร้ายมากเพียงใด เขาก็จะชอบอยู่ตรงนั้น ส่งยิ้มมาให้ ทำดวงตาเป็นประกาย เหมือนกับชื่นชมคนอย่างผมสุดหัวใจ...

 คิดถึง คิดถึงเหลือเกิน...

 ป่านนี้จะยังร้องไห้อยู่ไหมนะ ขอโทษที่ไม่เคยทำเรื่องดีๆ ให้ ขอโทษที่ไม่มีโอกาส บอกว่ารักอีกแล้ว...

 "Hi~"

 เสียงทักเบาๆ ทำให้หลุดออกจากห้วงความคิด ผมที่คิดว่าผู้คนรอบๆ จะกระจายกันออกไปแล้ว กลับมีคนคนหนึ่งยืนอยู่ตรงหน้า และสิ่งที่ทำให้ผมแปลกใจที่สุดก็คือ คนคนนั้น สวมหน้ากากไว้ เป็นหน้ากากที่ทำให้ผมหลุดหัวเราะออกไป

 กระต่าย มันคือหน้ากากกระต่าย นี่เขาไม่คิดว่ามันแปลกเหรอ ผมไม่ได้ต้องการคู่หู หรืออะไรแบบนั้นซะหน่อย

 "Hi" ผมที่ปกติไม่เคยตอบโต้หรือพูดคุยกับคนดู วันนี้ก็หลุดทักทายกลับไป ให้ตายสิ ผมว่าผมรีบกลับดีกว่า

 ว่าแล้วผมก็เริ่มถอดกีตาร์ออกจากตัว และวางลงในกระเป๋าเก็บข้างๆ แต่ว่าเมื่อผมก้มลงต่ำ ผมก็เห็นว่าเท้าของคนตรงหน้ายังคงยืนอยู่ที่เดิม ยิ่งผมถอย เขาก็ยิ่งเดินเข้ามาใกล้มากขึ้นอีก จนทำให้ผมประหลาดใจ

 ผมยืดตัวขึ้นอีกครั้ง มองดูเจ้ากระต่ายตรงหน้า ผมไม่เข้าใจ เขาต้องการอะไร

 "For you" และก็เหมือนจะได้คำตอบ เจ้ากระต่ายตรงหน้ายื่นสิ่งสิ่งหนึ่งมาตรงหน้าผม ซึ่งผมนั้นก็รีบปฏิเสธทันที การแสดงของผมนั้นไม่ได้ทำเพื่อเงินหรือสิ่งของ ผมไม่ต้องการสิ่งตอบแทน ผมทำเพื่อความสบายใจเท่านั้น

 พอเป็นแบบนั้น ผมก็ชี้นิ้วไปที่ป้ายเล็กๆ ที่ผมวางไว้ใกล้ตัวเสมอ ป้ายนั้นเขียนไว้ว่า "Do not donate" หรือไม่รับเงินบริจาค

 แต่ทว่าก็ดูจะไม่เป็นผล เจ้ากระต่ายตรงหน้ายังคงมุ่งมั่นที่จะยื่นสิ่งหนึ่งให้ผมต่อไป ซึ่งพอเป็นแบบนั้น ผมก็ไม่รู้จะทำยังไง จึงได้แต่จำใจ รับมันมา

 และสิ่งที่ผมได้รับนั้น ก็ทำให้ผมประหลาดใจเล็กๆ เพราะมันเป็นแค่กระดาษที่ถูกพับไว้อย่างดีแผ่นหนึ่ง ไม่ใช่ของที่มีค่าอะไร

 ผมค่อยๆ คลี่มันออก กระดาษที่อยู่ในมือเมื่อต้องแสงไฟ ก็ทำให้ได้เห็นลายมือที่สวยงาม ตัวหนังสือที่อยู่บนนั้น...

 [หัวใจของผม เป็นของพี่เสมอ...]

 ถ้อยคำเพียงไม่กี่คำ แต่ทว่าทำให้หัวใจสั่นสะท้าน

 ตรงหน้าผม คนที่สวมหน้ากากนั้น ค่อยๆ ถอดมันออก ผมกลั้นหายใจ มองดูภาพที่สวยงามที่สุดตรงหน้า

 "พี่หมอก" ไม่เคยมีสักครั้งในชีวิตที่ผมจะดีใจเมื่อได้ยินชื่อของตัวเอง ยกเว้นจาก คนคนนี้

 ผมไม่ได้ตอบรับ แต่ค่อยๆ ถอดหน้ากากที่ปกปิดความเป็นจริงออกมา ความร้อนทำให้หยาดเหงื่อค่อยๆ รินไหล จนปอยผมเล็กๆ เปียกปอน ใบหน้าชื้นฉ่ำวาว

 "เป็นพี่จริงๆ" ผมได้เห็นใบหน้าของคนที่ผมคิดถึงที่สุด อินกำลังร้องไห้ออกมา มันทำให้ผมรู้สึกผิด ผมทำผิดต่อเขามามากมาย

 "เป็นพี่ มันดีแล้วจริงๆ เหรอ" ผมพูดสิ่งที่ใจคิด ผมแทบไม่เคยทำให้เขามีความสุข แต่ทำไมถึงเป็นผม ยังคงเป็นผมจนถึงตอนนี้

 "ผมรักพี่" มันเป็นสามคำสั้นๆ แต่ก็กลับมีความหมายเหลือเกิน ผมเหมือนกับถูกยอมรับ มีเพียงเขาที่เห็นว่าผมมีตัวตนอยู่ รักในทุกๆ อย่างที่ผมเป็น

"สิ่งที่พี่พูดกับผมครั้งสุดท้ายนั้น เป็นเรื่องจริงใช่ไหม"

 ผมจ้องมองใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความหวังของอิน ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน สีหน้า แววตา รอยยิ้มนั้น ผมเคยทำลายมันมานับครั้งไม่ถ้วน แต่ว่า ไม่ใช่อีกแล้ว

 "พี่รักอิน"

 ผมพูดสิ่งที่ผมเคยสับสน สิ่งที่ผมเคยปฏิเสธเสมอมา แต่วันนี้ เมื่อได้เห็นใบหน้านี้อีกครั้ง ผมก็ยิ่งมั่นใจ ว่าความรู้สึกนี้ ก็คือความรัก ผมจะไม่ลังเลอีกแล้ว

 ตอบแทนคำว่ารักที่พูดออกไป คนตรงหน้าพุ่งเข้ามากอดผมเอาไว้จนพวกเราแทบจะล้มลงไปด้วยกัน ใบหน้าที่เคยเฉยชาของผมกลับเริ่มมีรอยยิ้ม ความสุข เหมือนเป็นสิ่งแปลกใหม่ในชีวิต

และจากนี้ไป ผมคงจะได้สัมผัสมันมากขึ้น

ความรัก จะช่วยเยียวยารักษาหัวใจของผม หัวใจของพวกเรา ให้ผ่านพ้นความเจ็บปวดไปได้
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#45 บุคคล...ใต้หน้ากาก](2/6/63)
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 02-06-2020 10:53:03
 :pig4:
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#45 บุคคล...ใต้หน้ากาก](2/6/63)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 02-06-2020 17:18:40
 :pig4: :pig4: :pig4:

งุย ๆ   การเดินทางไปลอนดอนนี่มันถึงไวเนอะ  วาร์ปแป๊บเดียว  ถึงแระ  อิอิ

ป.ล. คล้ายจะใกล้จบเรื่องแล้ว?
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#45 บุคคล...ใต้หน้ากาก](2/6/63)
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 02-06-2020 17:29:59
งุ้ยยยย สมหวังกันซะที
ตามลุ้นคู่นี้มานานนนนนนนนนนน

เออ..เค้าก็รักของเค้าแหละ
หุหุ
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#45 บุคคล...ใต้หน้ากาก](2/6/63)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 02-06-2020 18:07:27
 :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#45 บุคคล...ใต้หน้ากาก](2/6/63)
เริ่มหัวข้อโดย: nightsza ที่ 03-06-2020 01:08:01
ในที่สุดก็หากันเจอ กอดๆ
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#45 บุคคล...ใต้หน้ากาก](2/6/63)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 03-06-2020 01:10:53
เจอกันแล้วววววววววว  :mc4: :mc4: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#45 บุคคล...ใต้หน้ากาก](2/6/63)
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 03-06-2020 22:55:04
อินวาร์ปเก่งนะเรา555
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#45 บุคคล...ใต้หน้ากาก](2/6/63)
เริ่มหัวข้อโดย: Gloomy Sunday ที่ 15-06-2020 10:16:52
เพ้อ บทที่ 46 หัวใจที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง


ในตอนนี้ผมกำลังนั่งอยู่ในห้องนอนห้องหนึ่ง โดยมีสายตาของหมาป่าตัวโตมองอยู่ พี่หมอกนั้นดูเปลี่ยนไปเล็กน้อย ด้วยผมที่ยาวขึ้นและการแต่งตัวก็ดูสบายๆ

 "พี่ สบายดีใช่ไหมครับ" ผมพูดด้วยใบหน้าที่ขึ้นริ้วสีชมพู

 "ถอดเสื้อผ้าออก"

 "..."

 "ล้อเล่นน่ะ" พี่หมอกรีบพูดต่อด้วยเสียงหัวเราะที่ผมคิดถึงเหลือเกิน

 "พี่หมอก" ผมเรียกพี่หมอกเบาๆ พลางลุกขึ้นเดินไปนั่งข้างๆ พี่เขาบนโซฟา ห้องที่พี่หมอกอยู่ในตอนนี้ไม่ได้กว้างขวางเหมือนคอนโดที่ไทย แต่ก็ดูไม่เลวเลยทีเดียว

 "ขอบคุณนะครับ" ผมกอดแขนคนข้างๆ และอิงซบไว้ รู้สึกว่าในที่สุด ผมก็สามารถทำแบบนี้ได้ โดยที่ไม่ต้องรู้สึกผิด รู้สึกว่าพวกเราเป็นคนรักกันจริงๆ

 "ไม่มีเรื่องอะไรที่ควรขอบคุณหรอก" สีหน้าพี่หมอกดูหม่นลงเมื่อพูดแบบนั้น

 "ไม่หรอกครับ มีจริงๆ" รอยยิ้มที่มีความสุขของผม ทำให้พี่หมอกเริ่มยิ้มตาม

 "อะไร"

 ขอบคุณที่พี่เกิดมา ขอบคุณที่มีพี่อยู่บนโลกใบนี้

 "ความลับ" คำตอบของผม ทำเอาโดนดึงจมูกด้วยความมันเขี้ยว ผมในตอนนี้คงเหมือนกับเด็กเล็กๆ ที่กำลังอ้อนคนที่รักอยู่ เหมือนตอนที่ผมอ้อนแม่บ่อยๆ

 "หิวไหม มีแซนด์วิชนะ" พี่หมอกถามผมและพยายามลุกขึ้น แต่มือที่เกาะเป็นตังเมของผมก็ไม่ยอมให้พี่หมอกทำแบบนั้นได้ง่ายๆ

 "เดี๋ยว ปล่อยก่อน ทำอย่างกับเด็กติดแม่" คำพูดนั่นทำเอาผมหุบยิ้มเล็กน้อย หนอย ปากดีแบบนี้ไม่ผิดคนจริงๆ

 "พี่ก็เหมือนกันนั่นแหละ" ผมแทบจะพองลมสู้ แต่ว่าคำพูดของผมก็ทำเอาพี่หมอกตาลุกวาว เหมือนจะเริ่มเคือง แต่ไม่รู้ทำไม ตอนนี้ผมไม่กลัวพี่หมอกเลยสักนิด เพราะผมรู้ว่าพี่หมอกนั้นจะไม่ตีผม และไม่เคยทำจริงๆ

 "นี่ก็ต้องขอบคุณแม่เลยนะ ที่บอกเรื่องพี่หมอกกับผม ไม่งั้น ผมก็คงยังไม่เข้าใจพี่ต่อไป ขอโทษนะ ที่ผมกลัวอะไรไม่เข้าเรื่อง จนหมี่เอาเรื่องนี้มาเป็นจุดอ่อนได้"

 "เลิกพูดถึงผู้หญิงนั่น" พี่หมอกทำหน้าไม่สบอารมณ์เมื่อได้ยินชื่อนั้น ทำเอาบรรยากาศรอบๆ ตัวเย็นยะเยือก

 "อื้อ แล้วทำไมพี่ถึงอยู่คนเดียวล่ะ"

 "ทำไม อยากให้อยู่กับคนอื่นเหรอ"

 "ไม่ใช่แบบนั้น ผมหมายถึงพี่ชายพี่ไปไหน" 

 "พี่เมฆอยู่อเมริกา อยู่กับหมอนั่นน่ารำคาญจะตายเลยหนีมานี่" พี่หมอกพูดถึงพี่ชายด้วยอารมณ์หงุดหงิด

 "ผมเจอพี่เขาด้วยนะ ก่อนที่พี่...จะหนีผมไป" ผมพูดและสังเกตสีหน้าพี่หมอกที่หม่นลง

 "ไปที่คอนโดมาเหรอ"

 "ครับ ผมไปหาพี่ทันทีที่แม่บอกผม"

 "พี่เมฆคงไม่ได้พูดอะไรแปลกๆ ใช่ไหม"

 "พี่เขา บอกผมเรื่องแหวน ขอบคุณนะครับ ผมมันโง่เอง"

 สีหน้าของผมเมื่อนึกถึงเรื่องนี้ก็ต้องหม่นหมองลง ผมไม่เพียงแค่โง่ แต่กลับทิ้งขว้างสิ่งล้ำค่านั้นไปอย่างไม่ไยดี พอนึกย้อนไปทีไร ผมก็รู้สึกผิดทุกที

 "ใช่ โง่"

 คำพูดที่พี่หมอกพูด ทำเอาผมแทบลมออกหู แต่ทว่า เมื่อเงยหน้าขึ้น ก็เห็นว่าคนตรงหน้า กำลังปลดสร้อยคอที่มีแหวนของตัวเอง นำมาใส่ให้ผมอีกครั้ง

 "คือ..." ผมขยับตัวอย่างตื่นตกใจ ครั้งก่อนนั้น พี่หมอกแอบสวมมันลงบนนิ้วของผมตอนที่ผมนอนหลับ แต่ตอนนี้ พี่กำลังทำมันต่อหน้าของผม ทำให้หัวใจผมเต้นแรงยิ่งกว่าครั้งไหนๆ

 "ช่วยเก็บไว้อีกครั้งได้ไหม"

 รอยยิ้มอบอุ่นที่แสนหายากปรากฏขึ้นบนใบหน้าของพี่หมอก ภายในหัวใจยิ่งสั่นไหว และเมื่อสังเกตบนนิ้วมือเรียวสวยของพี่หมอก ก็พบว่าพี่เขายังคงใส่แหวนที่ผมให้อยู่เสมอ

 "ไว้ผมจะซื้อให้ใหม่นะ" ผมยื่นมือไปกุมมือพี่หมอกไว้ แต่ว่าคนตรงหน้า ก็กลับกุมมือของผมไว้อีกที

 "แหวนเห่ยๆ นี่ แค่วงเดียวก็เกินพอ" ผมอมยิ้มให้กับคำพูดเจ็บแสบนั่น ผมชินกับด้านนี้ของพี่หมอกนานแล้ว

 "ถ้าของขวัญนั่นมันห่วย แล้วตัวผมล่ะ" ผมพูดแหย่พี่หมอกพลางยื่นหน้าเข้าไปใกล้

 "ก็ต้อง ขอลองเช็คของดูหน่อย"

 คำพูดนั้นทำเอาผมหัวเราะเบาๆ ใบหน้าเริ่มกลายเป็นสีชมพูเพราะแววตาเว้าวอนที่ถูกส่งมา

 "แล้วจะรออะไรล่ะ"

 พี่หมอกตอบแทนคำพูดนั้นด้วยริมฝีปากบางที่แสนอบอุ่น ความคิดถึง ความโหยหา ความรู้สึกมากมายโอบล้อมพวกเราเอาไว้

 เสื้อผ้าแต่ละชิ้นถูกถอดออกอย่างนุ่มนวลแต่ก็เร่งเร้าในท่าที มือไต่ลูบผ่านผิวกายเรียบเนียน สัมผัสที่แนบชิดกัน ทำให้ร่างกายทั้งลุ่มร้อนและอบอุ่นในเวลาเดียวกัน

 "อ๊ะ ด..เดี๋ยวก่อนครับ เดี๋ยว" ด้วยความใจร้อนของคนตรงหน้าที่กำลังจ่ออาวุธสุดอันตรายเข้ากับช่องทางที่ยังไม่ถูกจัดเตรียม ทำให้ผมต้องรีบเบรกอย่างสุดตัว ไม่อย่างนั้นอาจได้เลือดแน่ๆ

 "เร็วสิ" สีหน้าที่แสดงความต้องการของพี่หมอกทำเอาผมใบหน้าร้อนผ่าว ผมค่อยๆ ถอดกางเกงตัวเองออกให้ทุกอย่างเป็นไปอย่างถนัดมากขึ้น

 คนที่นอนรออยู่ด้านล่างมองอยู่ทุกการเคลื่อนไหว ทำเอาหัวใจยิ่งสั่นรัว ผมห่างหายกับเรื่องแบบนี้ไปสักพักแล้ว มันทำให้ยิ่งน่าอายมากขึ้นไปอีก โดยเฉพาะไอ้จุดกึ่งกลางของผมที่มันไม่รักดี มันตื่นตัวจนคนที่นอนมองส่งเสียงหัวเราะในลำคอ

"อย่ามอง" ผมอุบอิบในลำคอ เข่าทั้งสองข้างของผมวางบนโซฟาที่อ่อนยวบไปมา พยายามไม่นั่งลงน้ำหนักไปบนลำตัวพี่หมอกมากนัก ผมก้มตัวลงอีกนิดเท้าแขนข้างหนึ่งกับข้างๆ ไหล่พี่หมอก และเลื่อนมืออีกข้าง เตรียมตัวให้กับช่องทางที่แน่นมากเกินไป

 "อ๊ะ" ผมที่พยายามจะปิดผนึกเสียงแล้ว ก็ไม่อาจต้านทานความรู้สึกวาบหวามที่คุ้นเคย เพียงหนึ่งนิ้วและตามมาด้วยสองนิ้ว นี่ก็แทบทำให้ความรู้สึกต่างๆ พอกพูนขึ้นจนสุดจะกลั้น

 ผมไม่รู้เลยว่าใบหน้าของผมในตอนนี้จะปลุกเร้าอารมณ์คนที่จ้องมองอยู่ มากมายแค่ไหน ลมหายใจที่เริ่มถี่กระชั้นของผม เป่ารดลงบนใบหน้าของพี่หมอก ทำเอาคนจ้องมองเริ่มอดทนไม่ได้อีกต่อไป

 "อิน" คนที่ถูกเรียกชื่อสะดุ้งโหยง แต่ก็ไม่ทันที่จะได้ตกใจอะไร ร่างกายที่เคยอยู่ด้านบน ตอนนี้ ถูกพลิกให้อยู่ใต้ร่างใหญ่

 ริมฝีปากตามประกบขบเม้ม ราวกับหลอกให้ดึงความสนใจ และเมื่อเผลอคล้อยอารมณ์ตามแล้ว สิ่งแปลกปลอมก็เริ่มแทรกผ่านเข้ามา

 "อ๊ะ บ.เบาหน่อย พี่..หมอก" ผมหลับตาปี๋กำท่อนแขนของคนด้านบนด้วยความหวั่นไหว พยายามผ่อนคลายตัวเองลง เพื่อให้สิ่งนั้นได้ถูกเติมเต็มเข้ามาจนสุด

 "ไหวใช่ไหม" เสียงแหบพร่าที่ดูสะกดกลั้นเอ่ยถาม ผมไม่มีทางเลือกนอกจากพยักหน้าตอบ เตรียมใจยอมรับสิ่งที่กำลังจะโถมเข้ามา

 คนด้านบนประกบจูบลงบนริมฝีปากอีกครั้งและขยับเอวให้เริ่มเคลื่อนไหว ความอ่อนโยนที่ผมได้รับ มันทำให้ทั้งร่างกายเต็มตื้นไปด้วยความอบอุ่นใจ

 เมื่อทุกส่วนเริ่มสอดประสานกันมากขึ้น เสียงครวญหวานก็ไม่อาจสะกดปิดกั้นอีกต่อไป จังหวะที่เนิบนาบแต่กลับเต็มเปี่ยมไปด้วยแรงที่เต็มเน่น ทำให้เสียงร้องเริ่มที่จะไม่เป็นภาษา และความถี่ก็เริ่มที่จะทำให้แทบขาดใจ

 เมื่อเวลาเลยผ่าน เสียงครวญหวานก็เริ่มที่จะแหบพร่า เสียงลมหายใจถี่กระชั้นดังอบอวลไปทั้งบรรยากาศ มือเล็กต้องคอยประดันร่างกายอันแข็งแรงและแสนเร่าร้อนของคนรักไว้ ไม่ให้มันถี่และแรงมากเกินไป

 "ไม่ไหว..อื้อ..ผมจะ..." แต่ถ้อยคำก็ไม่ทันได้พูดจบ ท่อนกายที่ถูกกอบกุมไว้ก็พ่นทะลักความสุขออกมา คนคุมเกมส์เมื่อถูกกระตุ้นด้วยช่องทางที่กระตุกบีบรัดนั้น ไม่นานก็ปลดปล่อยทุกสิ่งออกมาเช่นกัน

 พวกเรากอดก่ายกันไว้ ให้ร่างกายยังคงเชื่อมต่อกันให้นานมากขึ้น ช่วงเวลานี้ มันช่างมีค่าเหลือเกินสำหรับคนอย่างผม ช่วงเวลาที่เราสองคนมีกันและกัน กอดกันไว้แบบนี้



 "ตื่นได้แล้ว" เสียงปลุกในตอนเช้าบวกกับสัมผัสอุ่นๆ ที่ข้างแก้ม ทำให้ผมขยับตัวน้อยๆ พลางค่อยๆ ลืมตาขึ้น

 ตอนนี้ผมมานอนอยู่บนเตียงสีเข้มที่แสนอบอุ่น เสื้อไหมพรมสีขาวตัวใหญ่ถูกสวมไว้ให้ ร่างกายก็เอี่ยมสะอาดนุ่มเนียนจนน่าตกใจ

 "ไม่ลุกก็ไม่ต้องกินนะ" ผมอมยิ้มให้กับคำพูดใจร้ายนั้น

 "หอมจัง" ผมลุกงัวเงียมองคนปากร้ายที่การกระทำมักตรงกันข้าม พี่หมอกนั่งอยู่ที่โต๊ะกินข้าวตัวเล็ก มีจานสองใบที่เต็มไปด้วยอาหารเช้าตั้งอยู่บนนั้น

 ผมลุกขึ้นจากที่นอน ไม่สนใจหัวที่ฟูฟ่องและนั่งลงบนฟูกนิ่ม เท้าคางมองอาหารเช้าสลับกับพ่อครัว

 "น่ากินจัง" ผมพูดว่าน่ากินแต่สายตากับไม่ได้มองออมเล็ทในจานเลยสักนิด

 "ปากดี กินเข้าไป" ผมหัวเราะในลำคอและตักกินออมเล็ทคำใหญ่

 "อร่อยยย"

 "แน่นอน"

 พี่หมอกทำหน้าแบบว่ามันเป็นเรื่องปกติที่ไม่ได้มีอะไรพิเศษ แต่ว่าสำหรับผมแล้ว การได้กินอาหารฝีมือคนรัก มันช่างมีความสุขจริงๆ

 "เมื่อวานว่าจะถาม ตกลงหาพี่เจอได้ยังไง" ผมกลืนออมเล็ทคำโตและนั่งตัวตรง

 "เป็นพรหมลิขิตครับ" ผมตอบคำถามด้วยรอยยิ้ม แต่ใบหน้าของพี่หมอกกลับไม่ได้ยิ้มตาม

 "ไอ้เปอร์บอกเหรอ" พี่หมอกสีหน้าดูตึงเล็กน้อย ดูเหมือนไม่อยากพูดถึงเพื่อนคนนั้นเท่าไหร่

 "ไม่ครับ ผมกับพี่เปอร์ ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันนานแล้ว" คำตอบของผมทำให้พี่หมอกถึงหยุดมือชะงักค้าง

 "รู้เรื่องแฟนเก่ามันแล้วเหรอ" พี่หมอกถามผม และนั่นทำให้ผมรู้สึกตึงขึ้นมาแทน

 "พี่รู้อยู่นานแล้วใช่ไหม เรื่องของมิว"

 "ขอโทษ แต่เพราะแบบนี้ไง พี่ถึงเตือนอยู่เสมอ ว่าอย่ายุ่งกับมัน"

 "แล้วทำไมถึงไม่เคยบอกผมตรงๆ เลย"

 "มันเป็นคำสัญญาไร้สาระ" พี่หมอกพูดเหมือนกำลังรำลึกความหลัง

 "พวกเราเคยสัญญากันไว้ ว่าจะไม่หักหลังกัน ต่อให้โกรธกันแค่ไหน พวกเรามีทางของเรา ถึงบางทีมันจะขัดใจกันบ้างก็เถอะ"

 "พี่ไม่ห่วงผมเลยเหรอ"

 "คงไม่ห่วงเลยมั้ง อย่างไอ้ตอนสวนสนุกนั่น..." พี่หมอกพูดแค่นั้น แต่อยู่ๆ ก็เงียบทันที

 "สวนสนุกอะไร" ผมตาลุกวาว มองพี่หมอกที่หลบสายตา "พี่แอบตามไปเหรอ"

 "บังเอิญ แล้วก็ไม่น่าไปเลยด้วย" ผมเริ่มยิ้มออกมา ขยับตัวเลื่อนไปนั่งข้างๆ และแกล้งอิงซบพี่หมอกไว้

 "พี่เห็นตอนผมกับพี่เปอร์จูบกันเหรอ" คำพูดผมทำเอาพี่หมอกลุกพรวดและเก็บจานออมเล็ทอย่างรวดเร็ว แน่นอนรวมของผมด้วย

 "พี่หมอก ผมยังไม่อิ่ม"

 "ไม่ต้องกินแล้ว" ผมหัวเราะขำ สโตรกเกอร์ขี้หึงเหรอ น่ารักนะเนี่ย

 "พี่หมอก" ผมเอียงคอเรียกคนที่กำลังหน้ามุ่ย ซึ่งพี่หมอกก็ไม่ยอมหันมา และกำลังล้างจานแรงๆ ประชด "พี่หมอกกก" ผมเรียกอีกครั้ง และลุกขึ้นไปยืนข้างๆ เอียงคอมองใบหน้าขาวๆ แม้จะเห็นแค่ข้างๆ แต่ก็ทำเอาใจเต้นแรงอยู่เสมอ

 "อะไร จะพูดอะไรก็พูด" ผมเพิ่งรู้ว่าพี่หมอกเป็นคนที่งอนได้น่ารักมาก เมื่อก่อนผมเคยคิดว่าพี่หมอกน่ากลัว แต่พอได้ใกล้ชิดแบบนี้ ก็เหมือนเด็กน้อยกว่าผมจริงๆ

 "ผมรักพี่"

 คำพูดของผมทำให้พี่หมอกวางจานลง พี่หมอกหันมามองผมด้วยใบหน้าที่เริ่มอ่อนลงเล็กน้อย

 "รักแค่พี่คนเดียว มาตั้งแต่แรกแล้ว" ต่อให้ต้องพูดอีกแสนล้านครั้ง หัวใจและความรู้สึกของผม ก็ยังคงเดิม ไม่มีวันเปลี่ยนไป
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#46 หัวใจที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง](15/6/63)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 15-06-2020 10:54:42
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#46 หัวใจที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง](15/6/63)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 15-06-2020 14:41:27
 :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#46 หัวใจที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง](15/6/63)
เริ่มหัวข้อโดย: psychological ที่ 15-06-2020 14:43:30
 :pig4:
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#46 หัวใจที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง](15/6/63)
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 15-06-2020 18:21:36
อือออออ ละมุน
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#46 หัวใจที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง](15/6/63)
เริ่มหัวข้อโดย: nightsza ที่ 15-06-2020 21:30:02
อยากกินอาหารของพ่อครัวหมอกบ้างงงงง
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#46 หัวใจที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง](15/6/63)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 15-06-2020 21:57:55
 :m25: :z1: ขอแบบจัดเต็มได้ป่ะ
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#46 หัวใจที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง](15/6/63)
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 16-06-2020 05:46:10
 o13
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#46 หัวใจที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง](15/6/63)
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 17-06-2020 12:37:12
เราก็เข้าใจหมอกผิดไปด้วยอีกคน
งื๊อออออออ..ขอโทษนะ

จริงๆ แล้ว หมอกเป็นคนรักที่น่ารักมากกกกก
อยากได้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ อิอิ
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#46 หัวใจที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง](15/6/63)
เริ่มหัวข้อโดย: Gloomy Sunday ที่ 25-06-2020 12:25:56
เพ้อ บทที่ 47 ความรักของครอบครัว [END]


"อยากทำแบบนั้นแน่นะ"

 นี่เป็นคำถามของพี่หมอกที่ถามผม เมื่อผมบอกว่าอยากจะให้พี่หมอกกลับไทย และไปที่บ้านกับผม เรื่องนี้ เป็นเรื่องที่สำคัญมาก ผมจะยังคงรู้สึกไม่สบายใจ ถ้ามันยังค้างคาอยู่แบบนี้

 "ครับ ยังไงก็ปล่อยเอาไว้ไม่ได้หรอก"

 "ตามใจ แต่ถ้าถูกไล่ออกมา ก็ไม่ต้องห่วงนะ"

 ผมกอดพี่หมอกไว้ พวกเรานั่งอิงกันอยู่ที่โซฟา ผมดีใจจริงๆ ที่ได้ยินคำปลอบใจจากคนรัก

 "อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด ผมไม่กลัวอีกแล้ว"

 และในวันต่อมา ผมก็ตัดสินใจบินกลับมาที่ไทยพร้อมพี่หมอก พวกเราตรงดิ่งไปที่บ้านของผม บ้านของหมี่ ซึ่งผมได้บอกแม่ไว้ล่วงหน้าแล้ว ให้แม่เตรียมที่จะบอกพ่อแม่ของหมี่ ให้พวกเราได้คุยกัน

 เมื่อกลับมาถึง ผมจับมือกับพี่หมอกเดินดิ่งเข้าไปในบ้าน ที่นี่เป็นบ้านที่ผมและแม่ได้มาอาศัยอยู่ตั้งแต่ที่ผมยังเป็นเด็ก มีเรื่องราวต่างๆ มากมาย ทั้งสุขและทุกข์ ถ้าหากว่าจะต้องจากไปจริงๆ ผมก็รู้สึกใจหายเหมือนกัน

 "อิน" เสียงเรียกของแม่ ทำให้ผมวิ่งเข้าไปและกอดแม่ไว้

 "กลับมาแล้วครับ คิดถึงจัง มีของฝากด้วยนะ" ผมยิ้มหน้าบาน หอมแม่อีกฟอดใหญ่

 "จะไปจะมาบอกปุบปับตลอดนะเรา" แม่บีบจมูกผมแต่ก็ยิ้มอย่างใจดี

 "สวัสดีครับ" เกือบจะลืมไป ผมมองพี่หมอกที่ยืนอ้ำๆ อึ้งๆ แต่ก็ยกมือไหว้แม่ทันทีที่แม่หันไป

 "สวัสดีจ้ะ ขอบคุณที่ช่วยดูแลอินนะคะ"

 ผมอดใจไม่ไหวที่เห็นพี่หมอกทำตัวไม่ถูก จึงรีบไปลากตัวมาใกล้ๆ แม่ เพื่อให้ท่านได้มองเห็นพี่หมอกชัดขึ้น

 "พี่หมอกเลี้ยงอินดีจริงๆ ฮะ ดูสิ นี่ไงหลักฐาน" ผมไม่พูดเปล่าแต่ชี้พุงกะทิที่เริ่มยื่นออกมา ผมพยายามทำให้พี่หมอกไม่เกร็งเวลาที่อยู่กับคนที่ไม่คุ้นเคย แต่ว่า ก็ดูเหมือนจะพลาดอะไรไป ผมมองแม่สลับกับพี่หมอกที่กำลังทำสีหน้าอมยิ้มแปลกๆ

 "ฝังตัวเองแท้ๆ" ผมหยิกพี่หมอกที่แอบกระซิบผม ไอ้พี่บ้า ไม่ได้หมายความถึงเรื่องนั้นสักหน่อย

 "เอาเถอะ อย่าเพิ่งมายืนคุยกันตรงนี้เลย ไป ขึ้นไปบนบ้านใหญ่กัน คุณๆ เขารออยู่" แม่ยิ้มอย่างใจดีและเดินนำหน้าไป ผมเริ่มรู้สึกหวั่นใจขึ้นมาอีกแล้ว แต่ว่า ผมก็อยากให้ทุกฝ่ายสบายใจเสียที

 "ไม่เป็นไรหรอก ไปเถอะ" มือที่แสนอบอุ่นบีบเบาๆ ราวกับให้กำลังใจ ผมรู้สึกดีขึ้น ถ้าหากมีพี่หมอกอยู่ข้างๆ ละก็ ไม่ว่าเรื่องอะไร ผมก็จะผ่านมันไปได้

 บ้านสองชั้นที่เป็นเรือนใหญ่ มีห้องรับแขกอยู่ที่ชั้นล่าง ตรงกลางของบ้าน ผมค่อยๆ เดินตามแม่เข้าไป ซึ่งที่นั่นมีคนนั่งรออยู่ก่อนแล้ว เป็นคุณลุงกับคุณป้า พ่อแม่ของหมี่ ทั้งสองมองผมทันทีที่เข้ามา

 "อ้าวว่าไงหลานชาย มีอะไร ให้แม่มาตามซะใหญ่โตเชียว" คุณลุงเอ่ยทักผมอย่างใจดี

 "มีเรื่องอะไร แล้วนั่นใคร" ผมเข้ามานั่งลงที่พื้นตรงหน้าโซฟา โดยมีพี่หมอกนั่งลงข้างๆ และแม่ที่ยืนอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล ซึ่งวันนี้คุณป้าแม่ของหมี่ก็อยู่ด้วย

 "ผมหมอก" พี่หมอกพูดสั้นๆ และทำสีหน้าเรียบเฉยไม่ได้รู้สึกหวั่นเกรงอะไร

 "หมอก หมอกที่เป็นแฟนหมี่น่ะเหรอ" ผมหัวใจกระตุกเล็กๆ และพี่หมอกก็ส่ายหน้าปฏิเสธทันที

 "พวกเรา..."

 "ทำอะไรกันคะคุณพ่อคุณแม่" ผมรู้สึกดีใจพิลึก ที่อยู่ๆ คนที่ผมต้องการให้อยู่ที่นี่ก็เดินเข้ามา หมี่มองดูพ่อแม่ของตัวเอง และเมื่อเดินเข้ามาใกล้ๆ ก็เพิ่งเห็นพวกผมที่นั่งกันอยู่ที่พื้น

 ปฏิกิริยาแรกที่หมี่มองพวกผมนั้นเป็นไปอย่างที่คาด เธอตกใจ ตาโตขึ้นและเริ่มชี้นิ้วมาที่พวกเรา

 "นี่มันอะไรกันคะ!" เธอเดินเข้ามาใกล้และแทบกรี๊ดเมื่อได้เห็นพี่หมอกชัดๆ

 "หมี่ จะเสียงดังทำไม นั่งลง" คุณลุงหันไปตำหนิเธอที่ดูเสียมารยาทพร้อมทำหน้าเหนื่อยใจ

 "พี่หมอก นี่มันเรื่องอะไรกัน ทำไมพี่ถึงยังยุ่งเกี่ยวกับมันอีก!" หมี่ไม่ได้สนใจคำตำหนิของพ่อ เธอยังคงเดินไปเดินมาอย่างตื่นตระหนก ความต้องการเอาชนะของเธอมันมากล้น จนสิ่งที่เห็นอยู่ทำเอารับไม่ได้

 "เธอมีสิทธิ์อะไรมาสั่ง" พี่หมอกพูดเสียงเย็น แทบจะไม่เหลือบตามองเธอด้วยซ้ำ

 "พี่หมอก!!" หมี่ร้องแหวพร้อมทำตาโตมองผมอย่างรังเกียจ "ดี งั้นก็ดี อยู่พร้อมหน้าพร้อมตาพอดี" เธอแสยะยิ้มอย่างคนมีชัยชนะ พร้อมๆ กับชี้หน้าผม

 "คุณพ่อคุณแม่คะ ป้าก็ด้วย ฟังนะ อินมัน..."

 "ผมเป็นเกย์" ไม่ทันที่หมี่จะได้พูด ผมก็ชิงพูดออกไปซะก่อน ผมอยากจะบอกตัวตนของผมให้ชัดๆ ให้ทุกคนได้รับรู้

 หมี่อึ้งชะงักไป พะงาบปากแต่ก็พูดไม่ออก เธอดูตกใจ สับสน มึนงง และไม่รู้จะทำอะไรต่อ

 ส่วนคุณลุงคุณป้า พ่อแม่หมี่นั้นก็มีปฏิกิริยาที่ไม่ต่างกัน ผมรู้ ผมเข้าใจดี เพราะที่ผ่านมา ผมวางตัวเป็นผู้ชายแท้ๆ เสมอ ผมเก็บงำความรู้สึกที่แท้จริงเอาไว้ มันอึดอัด มันกดดัน ผมไม่เคยมีความสุขจริงๆ เลยสักครั้งที่ปิดมันเอาไว้

 "ผมขอโทษคุณลุงคุณป้าด้วยนะครับ ที่ไม่ได้บอกแต่แรก" ผมยกมือขอโทษผู้มีพระคุณรองจากแม่ทั้งสอง พวกท่านเลี้ยงดูส่งเสียให้ผมได้เล่าเรียน ทำให้พวกเรามีที่ซุกหัวนอน

 "แล้วก็ ถ้าหากคุณลุงคุณป้าไม่สบายใจ ผมยินดีที่จะพาแม่ไปอยู่ที่อื่นครับ" ผมพูดจบและหันไปมองแม่ด้วยรอยยิ้ม ผมทำได้แล้วนะ ผมไม่กลัวอีกต่อไปแล้ว และผมพอมีเงินเก็บให้พวกเราได้เช่าบ้านอยู่กันได้

"เดี๋ยวก่อน อินอยากออกจากบ้านหลังนี้เหรอ" ไม่รู้ทำไม แต่สิ่งที่ทำให้คุณลุงดูตกใจมากกว่ากลับไม่ใช่เรื่องที่ผมเป็นเกย์ แต่เป็นอย่างหลัง

 "ไม่ได้นะ ไม่ได้ อย่าไปเลย อยู่ด้วยกันเถอะ" ผมอึ้งเล็กน้อยที่เห็นคุณลุงละล่ำละลัก ดูไม่อยากให้พวกเราจากไปจริงๆ

 "คุณพ่อคะ นั่นมันไม่ใช่ประเด็นนะ มันเป็นเกย์นะคุณพ่อ!!" หมี่ปรี๊ดแตกเสียงดังก้าวร้าว ทำเอาคุณลุงต้องหันกลับมาสนใจหัวข้อนี้อีกครั้ง ในขณะที่คุณป้า ได้แต่ดมยาดมเงียบๆ

 "เป็นเกย์" คุณลุงทวนคำและหันมามองผม "แล้วยังไงต่อ"

 "คุณพ่อคะ!!" หมี่ดูเดือดดาลจนสุดจะทน ที่พ่อของตัวเองไม่ได้สะทกสะท้านกับเรื่องนี้เลยสักนิด

 "ก็แล้วยังไงล่ะ อินก็เป็นเด็กดี จะมีรสนิยมยังไงมันก็เรื่องของเขา" คำพูดนี้ทำผมประหลาดใจและอดชื่นชมไม่ได้ แต่สำหรับหมี่นั้นราวกับโลกพังทลาย

 "แต่ว่าคุณพ่อคะ มันแย่งแฟนหมี่นะ!" เมื่อได้ยินแบบนั้นคุณลุงก็เปลี่ยนเป้าหมายมาที่ผมใหม่อีกครั้ง

 "จริงเหรอ"

 "จริงค่ะคุณพ่อ พี่หมอกนั่นไงแฟนหมี่ แต่อินก็แย่งไปเฉยเลยค่ะ" หมี่ได้ทีรีบฟ้อง แต่พี่หมอกตอนนี้นั้นทำหน้าเอือมเต็มที

 "ขอผมพูดหน่อย" พี่หมอกยกมือหยุดสงครามครั้งนี้ ซึ่งทุกคนก็เปลี่ยนมาให้ความสนใจทันที "ผมเคยคบหมี่จริง แต่ผมก็มีเหตุผลที่เลิก" พี่หมอกส่งสายตาเบื่อหน่ายไปที่หมี่ นี่เป็นครั้งแรกตั้งแต่ที่เข้ามา ที่พี่หมอกมองเธอ

 "พวกเราไม่เคยจริงใจต่อกัน แล้วเธอก็แอบคบซ้อนกับผู้ชายคนอื่นอีก 3 คน" พี่หมอกทำนิ้วเลขสามชัดเจน หมี่ที่เหมือนกับถูกเปิดโปงก็แทบจะปากสั่นทันที แต่สิ่งที่น่าตกใจที่สุดก็คือ คุณลุงในตอนนี้ ที่กำลังโกรธจนตัวสั่นเทิ้ม

 " 3 คน!!" คุณพ่อตวาดลั่น พร้อมๆ กับหันมาตาเหลือกใส่ลูกสาวตัวเอง

 "ไม่ใช่นะ ไม่จริงนะคะคุณพ่อ!" ไม่พูดเปล่าหมี่ที่เหมือนจะรู้ชะตากรรมก็รีบถอยหลังวิ่งแจ้นออกไปทันที ตามด้วยคุณพ่อหมี่ที่หยิบคว้าอะไรเหมาะๆ มือวิ่งตามไป

 เสียงหวีดร้องดังขึ้นเป็นระยะๆ ผมรู้สึกอึ้งเล็กน้อยที่สิ่งที่คุณพ่อหมี่โกรธไม่ใช่การที่ผมเป็นเกย์ หรือการที่ผมจะออกจากบ้าน แต่เป็นการที่ลูกสาวทำตัวไม่รักดี

 เมื่อไม่มีหัวหน้าครอบครัวอยู่ตรงนี้แล้ว พวกเราก็ไม่รู้จะทำยังไงต่อไป

 "ไป ไปเถอะ แยกย้าย" ในที่สุดคุณป้าที่นั่งหน้าซีดเป็นไก่ต้มก็ทำมือไล่พวกเราให้ออกไป ผมอมยิ้มและยกมือไหว้ลา ก่อนที่จะพาแม่และพี่หมอกออกมา

 "เป็นไง แม่บอกแล้วใช่ไหมว่าอย่าคิดมาก ชอบคิดไปเองจนเป็นนิสัย" แม่ทำเสียงดุผมแต่กลับยิ้มแย้ม ผมรู้สึกเหมือนกับยกภูเขาออกจากอก รู้สึกเป็นอิสระ ไม่ต้องหวาดกลัว หลบซ่อนจากครอบครัวต่อไป

 "ไปๆ ยังไม่ได้กินอะไรกันมาใช่ไหม ไปกินข้าวกัน" แม่บอกพวกเราด้วยรอยยิ้ม ผมมองพี่หมอกที่คอยแต่จะหลบสายตาของแม่ เหมือนกับว่าพี่เขากำลังทำตัวไม่ถูกเหมือนเดิม

 "ไปกันเถอะครับ" ผมจับมือพี่หมอกไว้ พาให้เดินตามแม่ไป พอเห็นพี่หมอกเป็นแบบนี้ ผมก็ยิ่งกอดแขนพี่เขาไว้ ผมนั้นยังคงมีแม่ แต่สำหรับพี่หมอก ราวกับไม่มีใครเหลือเลย

 เมื่อพวกเราเข้ามาในห้องครัว ก็พบว่ามีหม้อต้มและอาหารหลายอย่างถูกจัดเตรียมไว้แล้ว ผมพาพี่หมอกนั่งลงและช่วยแม่ตักข้าวปลาอาหารหลายอย่างมาวาง และนั่งลงข้างๆ พี่หมอก

 ช่วงเวลานี้ช่างราวกับภาพฝัน ผมมีความสุขมากจริงๆ จนกลัวว่ามันจะเป็นเพียงแค่ภาพลวงตา แต่ว่าไม่ใช่ ผมมองแม่สลับกับพี่หมอกไปมาด้วยรอยยิ้ม

 "เริ่มกินได้แล้ว มัวแต่ยิ้มอยู่นั่น" แม่ดุผมและเอื้อมมือมาหยิกไหล่ผมเบาๆ

 "เจ็บบบบ" ผมพูดเจ็บแบบหลอกๆ ให้แม่หมั่นไส้เล่น

 "คุณหมอกเอื้อมถึงไหม อยากกินอะไรเพิ่มบอกแม่ได้นะ" ผมยิ้มมองแม่ที่ถามพี่หมอกอย่างใจดี แต่สีหน้าของพี่หมอกก็ดูคล้ายเศร้านัก

 "พี่หมอก" ผมที่รู้ว่าพี่หมอกคิดเรื่องอะไรก็กุมมือพี่หมอกเอาไว้

 "ไม่เป็นไร" พี่หมอกยิ้มออกมาเล็กๆ ให้ผมรู้ว่าไม่เป็นไร

 "คุณอยู่คนเดียวหรือคะ" แม่ถามพี่หมอก

 "ครับ" พี่หมอกพูดเสียงเบา ไม่ค่อยกล้าสบตาแม่

 "ถ้าอย่างนั้น วันไหนว่างๆ ก็มาหาแม่ได้นะ แม่ก็อยู่คนเดียวบ่อย อินน่ะ ชอบหนีเที่ยวไปเรื่อย"

 "แม่อ้ะ" ผมแทบพองลมเมื่อโดนใส่ร้าย

 "แม่ มีแค่อินสองแม่ลูกเท่านั้น ตลอดเวลาก็เคยคิดว่าในชีวิตนี้ ก็คงจะมีแค่แม่ที่รักอินมากที่สุด แต่ว่าตอนนี้ แม่รู้แล้วว่าไม่ใช่"

 แม่ลุกขึ้นและเดินไปจับที่บ่าของพี่หมอกเบาๆ ผมมองพี่หมอกที่แววตาสั่นระริก ผมอยากให้พี่เขาเปิดใจ และลืมเรื่องร้ายๆ ของครอบครัวตัวเองไปบ้าง

 "แม่ฝากอินด้วยนะ คนที่อินรัก แม่ก็รักเหมือนลูกนั่นแหละ"

 "ห้ามทิ้งพวกเราไปไหน ห้ามทิ้งผมไปอีกนะ" ผมพูดและยื่นหน้าไปหอมแก้มพี่หมอก

 "ต่อหน้าต่อตาเลยนะเด็กคนนี้" ผมหัวเราะและมองพี่หมอกที่หน้าเริ่มหน้าแดง บรรยากาศแบบนี้ พี่คงไม่เคยได้สัมผัสมันใช่ไหม แต่ว่าจากนี้ต่อไป ผมจะทำให้พี่ได้สัมผัสกับความรักที่พี่ไม่เคยได้รับ ไม่ให้พี่ ต้องรู้สึกโดดเดี่ยวอีกต่อไป

 ผมจะคอยเติมเต็มสิ่งที่พี่ขาด พวกเราจะเติมเต็มความรักซึ่งกันและกัน ตลอดไป







THE END









*******************************************************************************

ขอบคุณทุกคนที่ติดตามอ่านเสมอมานะคะ หากเนื้อหาขัดใจนักอ่านบางท่านก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย และหากใครที่ชอบก็ขอบคุณมากเลยค่ะ เรื่องนี้มีตอนพิเศษนะคะ แต่อาจจะรวมอยู่ในแบบรูปเล่ม ยังไงถ้ามีข่าวสารใดๆ เพิ่มเติม นักเขียนจะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง ขอบคุณนักอ่านทุกท่านจริงๆ ค่ะ
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#47 ความรักของครอบครัว][END](25/6/63)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 25-06-2020 15:27:21
 :pig4: :pig4: :pig4:

และแล้ว  ความรักของอินที่ยาวนานมาสองปีกว่าก็จบลง  อิอิ
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#47 ความรักของครอบครัว][END](25/6/63)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 25-06-2020 19:04:49
 :L2: :3123: :L1: :L2:
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#47 ความรักของครอบครัว][END](25/6/63)
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 25-06-2020 19:24:52
 :pig4:
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#47 ความรักของครอบครัว][END](25/6/63)
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 25-06-2020 19:49:53
 :pig4
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#47 ความรักของครอบครัว][END](25/6/63)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 26-06-2020 01:15:50
มีความสุขกันไปแล้ว เลยอดเห็นเลยว่าคุณลุงคว้าอะไรไปจัดการยัยหมี่เหลืองนั้นนะ  :m16:
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#47 ความรักของครอบครัว][END](25/6/63)
เริ่มหัวข้อโดย: sugarcane_aoi ที่ 06-07-2020 09:24:37
เฮ้อ กว่าจะลงเอยกันได้ ลุ้นแถบแย่ สุดท้ายก็แฮปปี้ ดีที่ไม่ลงเอยกับเปอร์ไม่งั้นคงต้องเจ็บตัวแน่ๆ และสมน้ำหน้ายัยมัดหมี่โดนพ่อจัดการซะ ขอบคุณมากค่ะสำหรับนิยายสนุกๆค่ะ :pig4:
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#47 ความรักของครอบครัว][END](25/6/63)
เริ่มหัวข้อโดย: b2uty_pang ที่ 07-07-2020 06:00:26
เคยโดนข่มเหงมา แต่ก็ยังกลับมารักเขา  o13
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#47 ความรักของครอบครัว][END](25/6/63)
เริ่มหัวข้อโดย: nightsza ที่ 27-07-2020 23:59:57
ขอให้รักกันนานๆน๊า
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#47 ความรักของครอบครัว][END](25/6/63)
เริ่มหัวข้อโดย: cutelady ที่ 29-07-2020 20:47:06
ขอบคุณนักเขียนที่พาเนื้อเรื่องมาจบลงได้ด้วยดี
แม้ว่า... ตลอดทั้งเรื่องจะมีแต่ ดราม่า..เศร้าจิต...

 :pig4: :pig4: :pig4:

 :bye2: :bye2: :bye2:
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#47 ความรักของครอบครัว][END](25/6/63)
เริ่มหัวข้อโดย: บีเวอร์ ที่ 07-08-2020 23:29:12
เราชอบพรอตน้าาาา แอบอยากให้ยาวกว่านี้ ขยี้กว่านี้ :hao5:
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#47 ความรักของครอบครัว][END](25/6/63)
เริ่มหัวข้อโดย: airicha ที่ 08-08-2020 06:14:49
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#6 สองหนุ่มอันตราย](16/5/61)
เริ่มหัวข้อโดย: Musashi ที่ 17-10-2020 19:02:43


"เหรอ แล้วเวลานายช่วยตัวเอง..." ผมชะงัก และรู้สึกตกใจกับคำถามที่กำลังได้ยิน "นายคิดถึงฉันใช่ไหม" 


"อยากเห็น" ผมที่กำลังคิดอะไรไปเรื่อยก็เงยหน้าขึ้น จ้องมองพี่หมอกอย่างไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่ได้ยิน

 

และในที่สุดผมก็ตัดสินใจเลือก ผมค่อยๆ ถอยหลัง เดินมาจากตรงนั้น และหย่อนตัว นั่งลงบนโซฟา

ผมมือสั่นเทา ผมค่อยๆ ปลดเข็มขัดสีเข้มออก รูดซิปลงช้าๆ และเลื่อนมือเข้าไปยังส่วนอ่อนไหวที่ยังคงหลับใหลอยู่ภายใน ผมหลับตาลง ขยับมือสัมผัสมันเหมือนที่ผ่านมา



​​


คนสั่งว่าเลวแล้ว คนทำตามเลวและทุเรศกว่า
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#47 ความรักของครอบครัว][END](25/6/63)
เริ่มหัวข้อโดย: Ggthait ที่ 20-10-2020 01:07:26
ติดมากค่าอ่านสองวันจบ ดราม่าเข้มข้นสุด
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#47 ความรักของครอบครัว][END](25/6/63)
เริ่มหัวข้อโดย: Freezz ที่ 18-08-2021 02:35:35
อินจริงครับ  ติดมาก อ่่านสนุกลุ้นตลอดด
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#4 หลงละเมอคอย](7/5/61)
เริ่มหัวข้อโดย: Musashi ที่ 14-11-2021 08:03:25
  จริงๆ ผมก็อยากออกไปเที่ยวเล่นดูนะ แต่ผมกลัว ผมกลัวว่าจะเจอกับคนที่ผมไม่อยากเห็นตอนนี้ ผมกลัวผมจะยิ่งเสียสมาธิไปใหญ่  ..............
ชุดน้องกระต่ายสีขาวตัวโตที่วางหลบอยู่ตรงมุมห้อง วันนี้อากาศก็ไม่ค่อยร้อนเท่าไหร่ เอาล่ะ ออกไปแบบนั้นน่าจะดีกว่า ถ้าไม่มีใครรู้ว่าเป็นผมก็โอเคละนะ
อ้อ... ใส่ชุดกระต่ายแล้วคงไม่เจอถึงเจอก็มองไม่เห็นสินะ
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#47 ความรักของครอบครัว][END](25/6/63)
เริ่มหัวข้อโดย: samsung009 ที่ 14-11-2021 15:59:08
 :pig4:
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#47 ความรักของครอบครัว][END](25/6/63)
เริ่มหัวข้อโดย: ● MaYa~Boy ● ที่ 15-11-2021 01:39:03
รวดเดียวจบเลย
หัวข้อ: Re: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#44 คำว่า'รัก'ที่แท้จริง](18/5/63)
เริ่มหัวข้อโดย: Musashi ที่ 15-11-2021 06:25:40
"บางทีการที่มันหายไปนั่นแหละ ที่ทำให้ฉันมีความสุขที่สุด"
พ่อนี่โคตรวรนุสเลย