" หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#47 ความรักของครอบครัว][END](25/6/63)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#47 ความรักของครอบครัว][END](25/6/63)  (อ่าน 49328 ครั้ง)

ออฟไลน์ weedear

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-4

ออฟไลน์ Gloomy Sunday

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 408
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +215/-3
    • Fanpage : Gloomy Sunday Tk.
เพ้อ บทที่ 22 ความเจ็บปวดที่สะท้อนกลับ


ในเย็นวันนั้น ผมยังคงนอนพักรักษาตัวอยู่ที่รีสอร์ตของพี่เปอร์ เพราะอาการโดยรวมไม่ได้แย่มากอย่างที่คิด ด้วยการช่วยเหลือที่ทันท่วงทีทำให้ผมไม่เป็นไรมาก ผมขอร้องพี่เปอร์ไม่ให้บอกแม่ถึงเรื่องนี้ และขอพักผ่อนอยู่เงียบๆ คนเดียว

ผมคิดถึงตอนอยู่บนดาดฟ้าเรือนั่น ทำไมผมถึงได้ตกลงไปกัน และภาพที่ผมนึก ก็ทำให้ผมส่ายหน้าน้อยๆ

ไม่...

ไม่ใช่หรอก...

ทำไมล่ะ...

ผมคิด และซุกหน้าเข้ากับหมอนใบใหญ่ ผมนั้นไม่เคยทำร้ายมิวเลย ไม่มีทางที่ผมจะแบบนั้น มันต้องเป็นอุบัติเหตุ เป็นเพราะเรือที่โคลงเคลงไปมานั่นแน่ๆ

ผมเลือกที่จะทำให้ตัวเองสบายใจ และหลับตาลง ลืมทุกอย่างที่ทำให้เจ็บปวดหัวใจ

"อิน" ผมลืมตาตื่นขึ้นในตอนเช้าของอีกวัน เพราะเสียงของคนที่เขย่าตัวผมเบาๆ เป็นพี่อีกแล้วนะ ที่ผมลืมตาขึ้นและมองเห็น ขอบคุณนะครับ

"ไหวไหม ถ้ายังไม่ไหวก็ไปโรงพยาบาลเถอะ" ผมยิ้มน้อยๆ ให้กับคนที่คอยเป็นห่วงเป็นใย

"ผมไม่เป็นไรครับ แล้ว...ทุกคนล่ะ" ผมนึกขึ้นได้ว่า วันนี้จริงๆ พวกเราควรจะกลับแล้ว เพราะบางคนก็น่าจะมีเรียน ซึ่งจริงๆ ก็คือผมด้วย

"พี่บอกแม่เราแล้วนะว่าเราไม่สบาย ขอพักอยู่ที่นี่วันนึง แต่คนอื่นน่ะ กลับไปแล้วล่ะ พี่ให้คนขับรถแยกไปส่ง" ผมที่ได้ยินแบบนั้นก็ค่อยๆ ลุกขึ้น พี่หมอกกลับไปแล้วงั้นเหรอ มิวด้วยสินะ

"เดี๋ยวพี่ขับรถพาเรากลับ ถ้าเราไหวนะ"

"ผมไหวครับ พาผมกลับเถอะ" ผมรู้สึกว่าผมควรรีบกลับไป ป่านนี้แม่คงเป็นห่วงแย่แล้ว

"โอเค อินอาบน้ำแต่งตัวไหวไหม เดี๋ยวพี่..."

"ไหวครับ ผมขอเวลาแปบเดียว" ผมพูด และรีบลุกขึ้นเดินไปยังตู้เสื้อผ้า ผมยังคงรู้สึกไม่ค่อยดีนัก และพี่เปอร์ก็ทำให้ผมรู้สึกหวาดหวั่นนิดหน่อยเมื่อต้องอยู่ด้วยกันแค่สองคน

"อิน กลัวพี่เหรอ" ผมหลบสายตาพี่เปอร์ที่พูดแบบงอนๆ

"เปล่าครับ ผมแค่อยากรีบกลับ" ผมพูดเลี่ยงๆ พลางเดินไปหน้าห้องน้ำ

"เอ่อ อิน แว่นอินน่ะ โทษทีนะ มันหลุดออกจากหน้าอินตอนนั้น..." ผมที่ได้ยินแบบนั้นก็ตกใจทันที นั่นสินะ ผมใช้มือคลำใบหน้าตัวเอง ตกลงไปในน้ำงั้นเหรอ แว่นนั้น

"ไม่เป็นไรครับ ผมจะหาซื้อใหม่" ผมพูดด้วยน้ำเสียงหงอยๆ มันเป็นของที่แม่ซื้อให้ผม

"แต่พี่ว่า อินไม่ใส่ดีกว่านะ จะว่าไงดี ต่างกันเยอะเลย" พี่เปอร์ไม่พูดเปล่า แต่เดินตามผมมาที่หน้าห้องน้ำ และก้มตัวลงจ้องมองผมใกล้ๆ ทำเอาผมชะงักก้าวถอยหลัง

"แต่ผมมองไม่ค่อยเห็น..." ผมเอียงใบหน้าหลบสายตาเจ้าเล่ห์นั้น

"พี่จัดการเอง แฟนพี่ต้องดูดีที่สุด" พี่เปอร์พูดพลางยื่นมือมาดึงแก้มผมเบาๆ สายตาของพวกเรานั้นเริ่มประสานกัน รอยยิ้มบนริมฝีปากนั้น ค่อยๆ ใกล้เข้ามา ผมจ้องมองริมฝีปากนั้นและ...

"ผม รีบอาบน้ำดีกว่า" ผมใช้มือดันใบหน้าของพี่เปอร์ไว้ และรีบหันหลังกลับเข้าไปในห้องน้ำ

ทำไม่ได้ ยังคงทำแบบนั้นไม่ได้ หัวใจของผมมันบอกแบบนั้น...

หลังจากเตรียมตัวเสร็จแล้ว ผมก็ออกเดินทางกลับมาพร้อมกับพี่เปอร์ด้วยรถยนต์ส่วนตัว ผมไม่รู้ว่าพี่เปอร์มีรถกี่คันกันแน่ แต่คันนี้ก็เป็นรถที่สวยมาก ผมเหลือบมองพี่เปอร์ที่กำลังขับรถเงียบๆ พลางฮัมเพลงไปมาอย่างร่าเริง ดูมีความสุขเหลือเกิน

"ขอบคุณอีกครั้งนะครับ ที่ช่วยผม" พี่เปอร์ที่หยุดฮัมเพลงทันทีด้วยสีหน้าที่ดูเคร่งเครียดขึ้น

"อินเป็นแฟนพี่ พี่จะปล่อยให้อินตายได้ยังไง" ผมยิ้มน้อยๆ ให้กับคำพูดนั้น "อีกอย่าง พี่ก็ผิดด้วยที่ขับเรือเร็วขนาดนั้น"

"ไม่หรอกครับ ผมยืนไม่ดีเอง"

"อย่าพูดถึงเรื่องนี้อีกเลยนะ พี่เครียดมากเลยเวลาที่นึกถึงน่ะ" พี่เปอร์ส่งสายตาเศร้าๆ มาให้

"ครับ"

"แต่..." ผมมองพี่เปอร์ที่พูดต่อ และเริ่มอมยิ้มกวน "ถ้าอยากตอบแทนพี่ ก็..." พี่เปอร์เริ่มเอียงหน้าเข้ามาใกล้ ซึ่งผมเริ่มรู้ในทันทีว่าพี่เปอร์ต้องการอะไร

"อะไรเหรอครับ" ผมแกล้งถามแบบคนไม่รู้ พลางเอียงตัวหนีเล็กน้อย

"โธ่อิน นี่แกล้งพี่ใช่ไหมเนี่ย" พี่เปอร์ยังคงเอียงตัวมาหาผม ยื่นแก้มเข้ามาใกล้ๆ นี่ผมต้องทำจริงๆ งั้นเหรอ แต่ว่าผม...

Rrrr Rrrr

แต่ผมที่กำลังนั่งเกร็งอยู่นั้น ก็สะดุ้งทันทีที่ได้ยินเสียงโทรศัพท์ของพี่เปอร์ดังขึ้น พี่เปอร์กลับไปนั่งตัวตรงขับรถตามเดิม พลางถอนหายใจแรง ดูหงุดหงิดมากขึ้นทันทีที่มีคนกวน

"พี่ จะไม่รับสายเหรอครับ" ผมพูดถามพี่เปอร์เบาๆ เมื่อเสียงเรียกเข้ายังคงดังอยู่ และพี่เปอร์ก็ยื่นมือไปกดรับสายนั้น แบบเซ็งๆ

"เออ ว่าไง" พี่เปอร์พูดผ่านสปีกเกอร์โฟนที่เปิดไว้ ทำเอาผมได้ยินไปด้วย

"มึงอยู่ที่ไหน" ผมชะงักทันทีที่ได้ยินเสียงของคนที่โทรมา เมื่อกี้ผมไม่ทันเห็นหน้าจอ แต่เสียงนี้ เป็นเสียงของคนที่ผม จำได้ดี

"อะไรของมึงวะ วันนี้มึงโทรหากู 3 รอบแล้วนะ ถามอย่างกับเป็นพ่อกู" ผมมองพี่เปอร์ที่ดูหัวเสียมากขึ้นไปอีก

"กลับจากทะเลหรือยัง"

"เออ มีไรด่วนวะ เดี๋ยวกูโทรหาได้ไหม ขับรถอยู่"

"กูจะฝากมึงซื้อของให้หน่อย" ผมขมวดคิ้วน้อยๆ ที่ได้ยินแบบนั้น

"เดี๋ยวนะไอ้คุณหนู มีตีนก็ลงมาซื้อ ตอนนี้กูยังไม่ว่าง แค่นี้นะ..."

"ช่วยกูหน่อย" พี่เปอร์ดูเหมือนจะยอมแพ้ และถอนหายใจเบาๆ

"เออ กูแวะไปหา อย่าเพิ่งตายนะ" พี่เปอร์พูด และกดตัดสายไป พี่หมอกเป็นอะไรงั้นเหรอ แล้วทำไมผมถึงต้องกังวนนะ "ไอ้ลูกหมา เมียมีเป็นโขลงไม่เรียก เรียกแต่เพื่อน" พี่เปอร์เริ่มบ่น แต่ก็กลับรถเปลี่ยนเส้นทางทันที

"โทษทีนะอิน พี่จะแวะไปหามันหน่อย เดี๋ยวอินรอบนรถก็ได้ พี่วิ่งขึ้นไปไม่นาน"

"ครับ ผมรอข้างล่างละกัน" ผมพูดและคิดจริงๆ ว่าผมไม่ควรขึ้นไปด้วย ผมไม่รู้ว่าต้องทำหน้ายังไงเวลาเห็นพี่ มันทรมานเกินไป

ยิ่งไกลก็ยิ่งคิดถึง ยิ่งใกล้ก็ยิ่งเจ็บปวดใจ แต่ผมจะผ่านมันไปให้ได้ ด้วยเส้นทางที่ผมเลือกเอง นี่เป็นบทเรียนของคนที่หวังอะไรสูงเกินไป แต่ว่าการกระทำของพี่หมอกบางอย่างนั้น ผมไม่เข้าใจเลย พี่คิดอะไรอยู่กันแน่

"อิน" ผมที่กำลังคิดอะไรเพลินๆ นั้นก็หยุดชะงัก และหันไปมองพี่เปอร์ที่กำลังยื่นหน้าเข้ามาใกล้ "พี่อยู่ข้างๆ แท้ๆ คิดถึงคนอื่นได้ยังไง" พี่เปอร์พูด และยิ้มน้อยๆ ให้ผม เหมือนกับรู้ทัน

"ผมเปล่านะครับ" ผมพูดโกหก และหลบสายตาของคนข้างๆ ความเหม่อลอยของผมทำให้ไม่รู้ตัวเลยว่าตอนนี้รถของพี่เปอร์ ได้มาจอดลงที่หน้าคอนโดพี่หมอกแล้ว

"ช่างเถอะ แล้วรางวัลพี่ล่ะ" พี่เปอร์พูด และยิ่งยิ้มมากขึ้นไปใหญ่

"คือผม..." ผมอ้ำอึ้ง ได้แต่เอียงตัวหนี แต่พี่เปอร์ที่ตอนแรกก็ยิ้มแย้มนั้น รอยยิ้มก็ค่อยๆ หุบลงเรื่อยๆ ทุกครั้งที่ผมถอยห่าง

"ถ้างั้นก็เอาตามที่อินต้องการละกัน" ผมได้ยินเสียงพี่เปอร์ถอนหายใจน้อยๆ และพูดด้วยเสียงที่เหมือนกับกำลังผิดหวัง

ผมในตอนนี้นั้นทั้งสับสนและว้าวุ่นในใจ ผมมันเป็นคนที่แย่มาก พี่เปอร์เป็นแฟนของผม ใช่ ผมเป็นคนบอกพี่เขาเอง และพี่เขาก็มีพระคุณกับผมมาก ผมควร ทำในสิ่งที่พี่เขาต้องการสิ ทำให้พี่เขาดีใจ

ผมคิด และตัดสินใจอย่างแน่วแน่ กลั้นใจ หลับตาลงช้าๆ พลางยื่นหน้าเข้าไปแตะปลายจมูกลงที่ข้างแก้มของพี่เปอร์ ผมทำมันแล้ว ทำลงไปแล้ว ด้วยหัวใจที่ราวกับด้านชา ไม่รู้สึกอะไร

แต่ทันทีที่ผมลืมตาขึ้น ภาพที่เห็นตรงหน้ารถก็ทำให้ผมชะงักด้วยหัวใจสั่นรัว พี่หมอกยืนอยู่ตรงนั้น จ้องมองมาที่ผม ด้วยสายตาที่ดูเศร้าสร้อยเพียงชั่วเสี้ยววินาที ก่อนที่จะเปลี่ยนไป เป็นสายตาที่เย็นชาตามเดิม

"ว่าง่ายแบบนี้ยิ่งน่ารักมาก" ผมไม่ได้สนใจพี่เปอร์ที่พูด และขโมยหอมแก้มผมไปฟอดใหญ่ ผมยังคงนิ่งค้างอยู่แบบนั้น และก้มหน้ามองพื้น มองอนาคตที่แสนน่าผิดหวังของผม

"อ้าว ไอ้หมอกนี่หว่า" พี่เปอร์ที่เพิ่งสังเกตเห็นเพื่อนตัวเองยืนขวางหน้ารถก็ลงจากรถทันที ผมมองตามพี่เปอร์ที่เดินไปหน้ารถ และกำลังพูดคุยกับพี่หมอก "ถ้ามึงจะลงมาเอง แล้วให้กูมาหาเพื่อ"

ผมค่อยๆ เลื่อนกระจกลง แต่ก็ไม่ได้ลงจากรถ เสียงที่พูดคุยนั้น ดังพอให้ผมได้ยิน

"ไม่ต้องแล้ว กูซื้อเอง" ผมมองพี่หมอกที่หน้าซีด ท่าทางอ่อนแรง แก้มสีขาวของพี่หมอกยังคงเต็มไปด้วยรอยแผล และดวงตาก็ยังคงมีผ้าปิดอยู่

"อะไรของมึงวะ" พี่เปอร์ดูหัวเสียน้อยๆ และคว้าแขนพี่หมอกที่กำลังจะเดินหนีไว้ แต่สีหน้าของพี่เปอร์ก็เริ่มเปลี่ยนไปทันทีที่ทำแบบนั้น "นี่มึงตัวร้อนอย่างกับไฟ ไปๆ ขึ้นไปก่อน"

ผมที่ได้ยินแบบนั้นก็รีบเปิดประตูออกมา และมองพี่เปอร์ที่ทำท่าจะพยุงเพื่อนขึ้นไป แต่พี่หมอกก็ไม่ยอมให้ทำแบบนั้น แต่ก็ค่อยๆ เดินช้าๆ กลับขึ้นไปเอง พี่หมอกเหลือบมองผมทันทีที่เห็นผมลงมาด้วยแววตาที่ทำให้ผมเจ็บปวดเหลือเกิน

"มึงจะเอาอะไรมั่ง เดี๋ยวกูไปซื้อ แล้วอาหารอ่ะ มึงโทรสั่งข้างล่างก็ได้ เฮ้อ กูละเบื่อคนแบบมึงจริงๆ" ผมเดินตามพี่เปอร์ที่เดินบ่นพี่หมอกตลอดทาง พวกเราขึ้นมาถึงห้องพี่หมอกแล้ว และพี่หมอกก็เดินนิ่งๆ ถอดเสื้อยืดสีขาวบนตัวออก และลงไปนอนบนเตียงทั้งๆ กางเกงยีนส์ขายาว

"ให้มันได้แบบนี้ งั้นกูซื้อตามใจกู แล้วอย่ามาบ่น" พี่เปอร์เดินไปรื้อกล่องยาที่อยู่แถวๆ ตู้ใกล้ๆ พลางบ่นต่อไป "ให้กูโทรหาเมียมึงไหม ให้มันมาดูมึง..."

"ไม่" พี่หมอกนอนหันหลังให้ผม และพี่เปอร์พลางตอบเสียงเย็นอย่างน่ากลัว

"เออ ใช้กูเลย จะให้กูเป็นเมียมึงด้วยไหม" พี่เปอร์พูดเหน็บแบบล้อเล่น แต่ประโยคหลังทำเอาผมอึ้งไปเลย

"จะอ้วก" คำตอบของพี่หมอกทำเอาพี่เปอร์หัวเราะเบาๆ ผมรู้สึกว่าบรรยากาศรอบตัวเริ่มดีขึ้น

"กูขอคืนคำนั้นให้เลย ต่อให้กูชอบผู้ชาย กูก็ไม่เอามึงหรอก ไม่งั้นกูคงเป็นบ้าตายแน่ๆ สันดานแบบมึงใครอยู่ด้วยคงอกแตกตายหมด"

"รีบๆ ไปไกลๆ"

"นั่น ใช้กูยังเสือกไล่กูอีก เดี๋ยวปล่อยนอนเน่าตายซะดีไหม" ผมเริ่มยิ้มน้อยๆ และมองพี่เปอร์โยนขวดยาเปล่าๆ โยนมั่วๆ ลงไปที่พื้นบ้าง หล่นลงบนเตียงพี่หมอกบ้างเหมือนจะแกล้ง "แม่งหมดทุกอย่าง มึงกินยาเป็นขนมเลยนะ"

ผมเริ่มหุบยิ้ม คนที่จะกินยาเยอะๆ นั้นไม่ใช่เรื่องดีเลย ผมเริ่มเป็นห่วงพี่หมอกมากขึ้นอีกแล้ว

"อิน อยู่นี่ก่อนนะ เดี๋ยวพี่มา พี่ลงไปสั่งข้าวต้ม แล้วก็ซื้อยาให้มันแปบเดียว" พี่เปอร์เดิมมาหาผม และจูงมือผมให้ไปนั่งลงที่โซฟาที่โถงนั่งเล่น

"ครับ"

"ถ้ามีอะไรโทรหาพี่เลยนะ รู้ไหม" พี่เปอร์พูดบอกผม

"ครับ พี่รีบไปเถอะ" ผมพูด และดันพี่เปอร์ให้เดินออกไป ผมมองคนคนนั้นเดินไปที่ทางเดิน ได้ยินเสียงประตูที่เปิด และปิดลง

ผมยังคงนั่งอยู่ที่เดิม ด้วยหัวใจที่เริ่มสั่นไหวอีกครั้ง ผมมาอยู่ที่นี่อีกแล้ว ที่ของพี่หมอก ผมควรจะทำยังไงกับเรื่องนี้ดี ผมควรจะนั่งอยู่ตรงนี้ รอให้พี่เปอร์ขึ้นมา หรือว่า...

ไวกว่าความคิด ผมลุกขึ้น และเดินตรงดิ่งไปยังห้องนอนของพี่หมอกที่อยู่อีกด้าน มองแผ่นหลังของคนที่ยังคงนอนนิ่งสงบอยู่บนเตียง

ผมค่อยๆ หย่นตัวนั่งลงที่ขอบเตียงนั้น มองดูคนที่ยังคงนอนอยู่ และไม่ยอมหันมา

"พ.พี่หมอก" ผมตัดสินใจส่งเสียง และเรียกคนตรงหน้าเบาๆ อย่างน้อยผมก็อยากขอโทษพี่เรื่องรอยแผลบนใบหน้านั้น ผมไม่สบายใจเลยที่ต้องเห็นพี่เป็นแบบนี้

"ไปซะ" เสียงอันแผ่วเบาที่ตอบกลับนั้นทำเอาหัวใจของผมยิ่งบีบตัว และเจ็บลึกอยู่ข้างใน ไม่ว่าจะกี่ครั้ง พี่ก็ผลักผมออกไปจากพี่เสมอ ผมรู้อยู่แล้ว ว่าผมไม่ควรอยู่ตรงนี้ ข้างๆ พี่

"ผมแค่...อยากขอโทษ" พี่หมอกนั้นไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก และยังคงนอนนิ่งๆ เหมือนกับไม่สนใจผม ก็เหมือนเดิมนั่นแหละ อย่างที่แล้วมา "ผมขอโทษจริงๆ ผมไม่ได้ตั้งใจให้พี่เจ็บตัว"

"พูดจบแล้วใช่ไหม ถ้าจบแล้วก็ช่วยออกไปสักที" และก็อีกครั้ง คำพูดของพี่หมอกนั้น มักทำให้ผมเจ็บปวดทรมานอยู่เสมอ และครั้งนี้ มันไม่ใช่แค่เพราะคำพูดของพี่ แต่เป็นน้ำเสียงของพี่ ที่เป็นเหมือนกับคำขอ พี่กำลังขอร้องให้ผมไป

ผมกลั้นน้ำตาเอาไว้และค่อยๆ ลุกขึ้นจากเตียงนอนนั้น ผมมองพี่หมอกที่ยังคงนอนนิ่ง ทุกอย่างระหว่างเราสองคนมันเป็นสีดำสนิท ไม่มีแม้แต่เพียงแสงรำไรให้ผมได้หวัง ทุกอย่างมันเหมือนกับความฝัน เป็นได้แค่ความฝันที่เลือนลาง และไม่มีวันเป็นจริง

"เดี๋ยว" แต่ผมที่กำลังจะเดินหันหลังกลับไปนั้น เสียงเรียกเบาๆ ก็ทำให้ผมรีบหันกลับไป และก็พบว่าพี่หมอกได้ลุกขึ้นนั่งแล้ว พลางกำลังจ้องมองผมด้วยแววตาที่ดูเฉยชาเช่นเดิม แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นผมก็ดีใจ ดีกว่าต้องจากกันทั้งๆ แบบนี้

"ช่วยหยิบนั่นให้ที" ผมมองตามมือของพี่หมอกที่ชี้ไปยังกล่องยาเล็กๆ ที่ข้างเตียงนอน มันเป็นหลอดยาสีขาวหลอดเล็กๆ น่าจะเป็นยาสำหรับทาแผลสินะ

"อย่างน้อย ผมขอ ทำให้ได้ไหม" ผมหยิบยาหลอดนั้นมา และนั่งคุกเข่าลงกับพื้นตรงหน้าพี่หมอก ไม่รอให้พี่พูดปฏิเสธ

พี่หมอกนั้นไม่ได้พูดอะไร แต่ยังคงจ้องมองผมทุกการกระทำ ผมค่อยๆ ขยับตัวเข้าหาตัวพี่หมอกมากขึ้นอีกนิด ยืดตัวขึ้นเล็กน้อย และเปิดหลอดยา บีบลงที่นิ้ว

"เอ่อ อาจจะเจ็บหน่อยนะครับ" ผมพูดด้วยหัวใจที่เต้นรัวอย่างบอกไม่ถูก มันเป็นแบบนี้ทุกครั้งเวลาที่ผม ได้เข้าใกล้พี่ มันห้ามไม่ได้ ความรู้สึกที่อยู่ในหัวใจนี้

ผมค่อยๆ แตะลงที่รอยแผลสีแดงจางๆ บนแก้มสีขาวที่ขาวเรียบสนิท พยายามอย่างมากที่จะไม่สบดวงตาคมที่กำลังมองมา ผมหายใจเข้าออกช้าๆ เกร็งไปหมดทุกส่วน พี่หมอกนั้นมีอิทธิพลกับหัวใจผมมากเกินไป ถ้าเพียงพี่ยิ้มสักนิดละก็ ผมก็คงจะเผลอยิ้มตามแน่ๆ

"ผม ขอโทษจริงๆ นะครับ" ผมที่ไม่รู้จะพูดอะไร ก็ได้แต่พูดแต่คำๆ เดิมซ้ำๆ พวกเราในตอนนี้นั้นใกล้กันมาก มากจนได้ยินเสียงลมหายใจของกันและกัน

ผมหยุดมือลง ช้อนตาขึ้นไปสบกับดวงตาของคนตรงหน้า แต่ดวงตาข้างหนึ่งของพี่หมอกนั้นถูกปิดบังเอาไว้ นี่ก็ฝีมือผมอีกนั่นแหละ ผมนี่แย่มากจริงๆ แต่ว่าพี่หมอก ไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้เลย ทำไมกันนะ ผมนึกว่าพี่จะดุผม ด่าผมเหมือนที่แล้วๆ มาซะอีก

"ตาพี่ ผมว่าไปหาหมอเถอะครับ ถ้าได้ยาหยอดตามาก็น่าจะหายไวขึ้น" ผมพูด และขมวดคิ้วน้อยๆ จ้องมองพี่หมอก เพราะว่าพี่เขาไม่พูดอะไรเลย เอาแต่จ้องมองผม "พี่ ยังเจ็บไหมครับ"

ผมที่ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรต่อก็ถามคำถามที่ไม่ควรถามเอาซะเลย และคำตอบที่ได้ ก็มีแต่ความเงียบ ความเงียบของพี่หมอกนั้น ทำเอาผมอึดอัดเหลือเกิน พี่เขาคงยังโกรธผมมาก และไม่อยากพูดด้วยแน่ๆ

ผมควร...จะถอยห่างออกไปได้แล้ว อยู่ตรงนี้ ก็มีแต่จะทำให้พี่เขารำคาญ และยิ่งเกลียดผมมากขึ้น

"เจ็บ"

แต่ผมที่กำลังตัดสินใจจะถอยห่างไปนั้น ก็ได้ยินพี่หมอกพูดตอบผมเบาๆ ผมช้อนตาขึ้นจ้องมองพี่หมอกอีกครั้ง ไม่รู้ว่าทำไม แต่คำว่าเจ็บของพี่หมอกนั้น มันดูเหมือนมีอะไรซ่อนอยู่ เหมือนกับมีความหมายที่มากกว่านั้น

"ผมขอโทษ..."

"ขอโทษงั้นเหรอ" แต่คราวนี้ ผมที่กำลังจะพูดคำเดิมนั้น ก็ต้องชะงักทันที ผมจ้องมองคนตรงหน้าที่ดวงตาดูแข็งกร้าวขึ้น และยื่นมือมาจับที่หลังคอของผม ให้ขยับเข้ามาใกล้ตัวเองมากขึ้น จนใบหน้าพวกเราแทบจะชนกัน

"นายต้องชดใช้ต่างหาก"
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-03-2020 17:05:43 โดย Gloomy Sunday »

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ naruxiah

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 913
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2
หมอกแกก็บอกเค้าไปตรงๆว่าชอบเค้างี้​ ชดใช้​ด้วยตัวและหัวใจแน่ทีนี้

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

เอ...หรือหมอกจะทวงของรักคืน   อิอิ

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
คือแบบ อินนี่ขัดใจเรามากกกกก  ไม่ได้ดั่งใจเล้ยยย

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
อิน ซวยอีกแล้ว  :เฮ้อ:

ออฟไลน์ insomniac

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1482
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-3

ออฟไลน์ ป่ามป๊ามป่ามปาม

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 482
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
อินยังไม่เข็ดอีกหรอออออ

ออฟไลน์ nongsom

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 18
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-1
เมื่อไหร่จะอัพพพ ฮื่ออออออออ รออยู่น้าาาาา

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ sang som

  • เจ็บจิต!!
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1609
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +108/-6
อิพี่ นี้เป็นไบโพล่าห์หลาว

ออฟไลน์ Keane

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 247
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +192/-0

ออฟไลน์ Gloomy Sunday

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 408
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +215/-3
    • Fanpage : Gloomy Sunday Tk.
เพ้อ บทที่ 23 สะพานที่ไม่อาจข้ามไป


"ชดใช้..." ผมทวนคำพูดของพี่หมอกเบาๆ คนตรงหน้ายกยิ้มที่มุมปาก จ้องมองผมเหมือนกำลังพอใจ

"ใช่ อย่างสาสมเลยล่ะ" ผมชะงักเล็กน้อยกับคำพูดของคนตรงหน้า ตัวผมนั้นไม่มีอะไรเลย ไม่มีเงิน ไม่มีสิ่งที่พี่น่าจะต้องการ แล้วผมจะต้องชดใช้กับเรื่องนี้ยังไงกัน

แต่แล้ว ผมที่คิดไปมาถึงสิ่งต่างๆ นั้น ความคิดหนึ่งก็แล่นผ่านเข้ามา ผมค่อยๆ ขยับตัวถอยห่างจากคนตรงหน้า มันคงไม่ใช่อย่างที่ผมกำลังคิดใช่ไหม พี่ต้องการให้ผม ชดใช้พี่...ด้วยร่างกาย อย่างนั้นเหรอ

"ผมทำไม่ได้หรอกครับ เรื่องแบบนั้น" ผมบอกคนตรงหน้า และพี่หมอกก็คว้าข้อมือของผมไว้ทันที เมื่อเห็นว่าผมกำลังจะถอยห่าง "ปล่อยผมเถอะครับ"

"พูดเรื่องอะไร" พี่หมอกจับผมแน่นขึ้น และดึงผมให้กลับเข้ามาใกล้ๆ ตามเดิม พี่หมอกจ้องมองผมด้วยคิ้วที่ขมวดมุ่น และเริ่มหัวเราะน้อยๆ อย่างชอบใจ "คิดเรื่องลามกอยู่ล่ะสิ"

ผมที่ได้ยินแบบนั้นก็หน้าแดงขึ้นทันที ทั้งเริ่มโกรธ และอายในเวลาเดียวกัน ก็พี่เป็นคนแบบนั้นนี่ จะให้ผมคิดอะไรได้

"ก็ถ้าไม่ใช่ แล้วพี่ต้องการอะไรจากผมล่ะ" ผมเริ่มหน้าบูดทันที แต่ว่า พี่หมอกในตอนนี้นั้นสีหน้าดูดีขึ้นมาก พี่หมอกยังคงหัวเราะขำความคิดของผม ถึงจะน่าหมั่นไส้แต่ผมก็รู้สึกเบาใจขึ้น รอยยิ้มของพี่นั้น ทำให้หัวใจของผมมันสั่นไหวได้เสมอจริงๆ

"หลงตัวเอง"

"ผมเปล่า"  ผมพูดและหลบสายตาของพี่หมอกที่จ้องมองมา สำหรับพี่ ผมเป็นอะไรกันแน่นะ พี่จะแกล้งผมไปถึงไหนกัน

"ก็แค่จะขอให้ช่วยเหมือนที่เคยช่วย" ผมที่ได้ยินคำพูดนั้น ก็หันกลับไปทันที ผมมองพี่หมอกที่ตอนนี้ทำหน้านิ่งๆ แววตาเต็มไปด้วยความจริงจัง ไม่มีล้อเล่น นี่คือการชดใช้ที่พี่บอกงั้นเหรอ แค่นั้นจริงๆ เหรอ

"ซ้อมบทน่ะเหรอ"

"ก็ใช่สิ จะมีอะไรอีก" พี่หมอกบอกผมด้วยแววตาที่ดูอ่อนลง และเอนตัวกลับลงไปนอนตามเดิม "ถ้าเรียกให้มา ก็ต้องมาด้วย"

"ก็ได้ครับ" ผมมองพี่หมอกที่เริ่มหลับตาลงช้าๆ เหมือนกำลังผ่อนคลาย

ผมค่อยๆ ขยับตัวช้าๆ ยืดตัวขึ้น จ้องมองคนที่นอนนิ่งๆ อยู่บนเตียง ผมมองรอยแผลสีแดงจางๆ บนแก้มของพี่หมอก และดวงตาข้างหนึ่งที่ปิดไว้ด้วยผ้าสีขาว ผมคงจะใจร้ายมากถ้าหากปฏิเสธคำขอของพี่ เพราะว่าผมนั้นผิดจริงๆ และสิ่งที่ผมทำผิดต่อตัวเองที่สุดก็คือ ผมยังคงรักพี่ ไม่อาจลืมพี่ได้เลยสักวินาทีเดียว

"เฮ้อ ไอ้ร้านข้าวข้างล่างนี่ก็คิวยาวชะมัด" ผมที่ได้ยินเสียงพี่เปอร์ ก็รีบถอยหลังออกจากเตียงพี่หมอกทันที ผมมองพี่เปอร์ที่ถือถุงข้าวต้ม และยาต่างๆ กำลังเลิกคิ้วมองผมด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

"ไอ้หมอกมันใช้งานอะไรอีกล่ะ" พี่เปอร์ถามผม พลางวางถุงยาและอาหารลงที่โต๊ะใกล้ๆ

"แค่หยิบยานิดหน่อยเองครับ แต่ว่าตอนนี้น่าจะหลับไปแล้ว"

"โอเค ถ้างั้นเรากลับกันดีกว่า คนของมันมาละ" ผมที่ได้ยินแบบนั้นก็เพิ่งสังเกตว่ามีอีกคนที่เดินตามหลังพี่เปอร์เข้ามา

"กลับไปกันเถอะ เดี๋ยวจัดการเอง" ผมมองหมี่ที่เดินเข้ามา นั่นสินะ คนของเขามาแล้ว ผมก็ควรจะไปได้แล้ว

ผมคิด และหันกลับไปมองพี่หมอกที่ยังคงนอนนิ่ง ไม่ว่าเมื่อไหร่ ในหัวใจของผมก็มักจะเจ็บปวดเสมอกับเรื่องของพี่ ปล่อยวางได้แล้วอิน แล้วกลับไปในที่ของเรา

"ไปกันเถอะครับ" ผมพูด และจับมือพี่เปอร์ไว้ ถึงพี่หมอกจะทำให้ผมสับสน แต่ว่าผมก็เลือกแล้ว พวกเรา เดินกันคนละเส้นทางกัน มันคงไม่มีวันบรรจบ ถึงแม้ว่าพี่จะทอดสะพานเล็กๆ มาให้ผม สะพานที่ไม่อาจข้ามไปได้


ในมหา'ลัยวันรุ่งขึ้น ผมนั้นก็มาเรียนตามปกติ และพบว่าหมี่ไม่ได้มาเรียน ไม่กลับบ้านตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว เขาคงจะอยู่ดูแลแฟนเขาที่กำลังป่วยหนัก ผมเหม่อมองแผ่นไวท์บอร์ดสีขาว ไม่ได้เข้าใจในทุกๆ สิ่งที่อาจารย์กำลังสอน ในหัวนั้นเฝ้าแต่นึกถึงภาพของสองคน ที่กำลังดูแลกันและกัน ดีแล้ว มันดีแล้วจริงๆ

"เห็นในทวิตไหม เขาว่าพี่หมอกโดนทำร้ายมา"

"เออ ในกลุ่มแฟนคลับแทบคลั่งเลยนะ ใครนะที่กล้าทำ"

"ไม่รู้สิ แต่เห็นข่าวลงว่าไม่หนักมาก"

ผมหยุดมือที่กำลังเขียนไปเรื่อย เงี่ยหูฟังข่าวจากผู้หญิงกลุ่มหนึ่งที่นั่งอยู่ข้างหน้าผม วิชาเลือกนั้นเป็นวิชาที่ดีที่ผมจะแอบอู้ไม่ตั้งใจเรียนได้บ้าง และได้พบผู้คนจากคณะอื่นๆ

ข่าวเรื่องพี่หมอกถูกทำร้ายถูกแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว ผมรู้สึกกลัวเล็กๆ ทุกครั้งที่มีคนพูดถึงเรื่องนี้ ยิ่งเฉพาะบรรดาสาวๆ แฟนคลับของพี่เขา ที่เป็นห่วงกันออกหน้าออกตาจนแทบจะบุกถึงคอนโด บางทีผู้หญิงนี่ก็น่ากลัวจริงๆ

"เหม่อแบบนี้คิดถึงพี่อยู่หรือเปล่า" ผมที่กำลังคิดอะไรเพลินๆ ก็ต้องสะดุ้งทันที ผมมองคนที่กำลังยิ้มแป้นอยู่ข้างๆ แถมเมื่อกี้ยังแอบหอมแก้มผมอีกด้วย

"พี่เปอร์!"

"โธ่ ไม่มีใครเห็นหรอก" พี่เปอร์ยิ้มแบบไม่สำนึกเลยสักนิด ดีที่ผู้คนในห้องเรียนนี้กำลังตั้งใจดูสิ่งที่อาจารย์ฉายบนจอภาพ และมันทำให้ห้องนี้มืดลง

"พี่มาได้ไง"

"พี่แอบถ่ายตารางเรียนเรา แล้วก็ตามมาไง" พี่เปอร์ชูมือถือให้ดูถึงตารางเรียนของผมจริงๆ

"ลบเลยนะ" ผมพูด และพยายามแย่งมือถือนั้น

"ไม่" พี่เปอร์ชูมันขึ้นสูงด้วยสีหน้าทะเล้น

"พี่เปอร์ อย่ากวนผมตอนเรียนสิ"

"ก็พี่คิดถึงอ่ะ" ผมทำเป็นไม่สนใจคนข้างๆ ทำตัวเป็นเด็กๆ แถมหน้าไม่อายจริงๆ "อินนน สนใจพี่หน่อยย"

ผมอมยิ้มพลางถอนหายใจเบาๆ พี่เปอร์นั้นเหมือนพวกโตแต่ตัว อ้อนอะไรของเขาก็ไม่รู้

"อินนั่งไกลแบบนี้มองเห็นกระดานเหรอ" พี่เปอร์เท้าคาง และชวนคุยไปเรื่อย

"ผมใส่คอนแทคนะ มองเห็นสิ"

"อื้อ น่ารักดี"

พอได้ยินแบบนั้น ผมมองพี่เปอร์ที่ยังคงจ้องมองผมแบบไม่ละสายตาเลยสักนิด พี่ชอบผมจริงๆ เหรอ แล้วพี่จะไม่มองคนอื่นจริงๆ ใช่ไหม ผมอยากให้ความรู้สึกของพี่ เป็นเรื่องจริง

"พี่ชอบผมมากไหม"

"รักเลยล่ะ" ผมที่ได้ยินคำพูดนั้นชัดเจนก็นึกเขิน ทำไมถึงพูดออกมาได้ง่ายๆ กันนะ "ยิ่งเห็นอินเขินยิ่งรักมากเลย"

"ผมไม่ได้เขินสักหน่อย" ผมพูด พลางปิดหูตัวเอง

แต่ผมที่กำลังคุยกับพี่เปอร์นั้น ก็เผลอเหลือบสายตามองเห็นใครบางคนที่กำลังมองมาจากที่นั่งแถวหน้า เป็นแววตาที่ผมบอกไม่ได้ว่าเขาคนนั้นรู้สึกอย่างไร

มิว ทำไมกันนะ ทำไมถึงหลบหน้าพี่แบบนี้ มีอะไร ทำไมถึงไม่พูดคุยกันดีๆ

"วันนี้พี่ไปส่งบ้านนะ" ผมละสายตาจากที่นั่งด้านหน้า หันมองพี่เปอร์ที่แอบสอดมือมาจับผมเอาไว้ และลูบเบาๆ อย่างรักใคร่

"ครับ" ผมยิ้มตอบรับความปรารถนาดีนั้น ถ้าหากเป็นอย่างนี้ต่อไปเรื่อยๆ ผมคงจะลืมพี่หมอกได้ ในไม่ช้านี้

หลังจากจบคาบเรียน ผมขอตัวจากพี่เปอร์เพื่อไปที่ชมรมการละครเหมือนเช่นเคย พี่เปอร์ในตอนแรกนั้นก็พยายามจะตามผมมาเช่นกัน แต่พอมีสายแปลกๆ โทรเข้ามา พี่เขาก็ดูรีบร้อน และบอกว่าจะกลับมารับผมเมื่อเสร็จธุระแล้ว

Trrr

"อิน โทรศัพท์อินหรือเปล่า" ผมที่นั่งประชุมงานกับพวกพี่ๆ นั้น โทรศัพท์ในกระเป๋าสะพายข้างของผมก็ดังขึ้น เป็นเหมือนกับข้อความที่ถูกส่งมาหลายครั้ง

ผมละออกจากวงล้อมของพี่ๆ และเดินไปที่กระเป๋าของตัวเอง เปิดโทรศัพท์ขึ้นดูว่าใครส่งข้อความมา

[อิน พี่ขอโทษนะพอดีพี่มีธุระด่วนคงจะกลับไปรับไม่ได้ แล้วพี่จะโทรหาตอนกลางคืนนะ]

[ไม่โกรธพี่นะ ไม่งอนนะครับ]

ถึงผมจะรู้สึกงอน แต่ก็อดอมยิ้มเล็กๆ กับข้อความพวกนี้ไม่ได้ ถ้าเจอพรุ่งนี้ค่อยบ่นละกัน ผมยังคงอ่านข้อความต่างๆ ที่พี่เปอร์ส่งให้ไม่รู้จะส่งทำไมนักหนา โทรมาบอกก็ได้นี่นา

[มาที่คอนโดด้วย อย่าชักช้า]

แต่ผมที่เลื่อนสายตาอ่านข้อความหลายๆ ข้อความนั้น สายตาของผมก็สะดุดเข้ากับข้อความห้วนๆ และผมรู้ได้ทันทีว่ามันส่งมาจากใคร

หัวใจของผมเริ่มเต้นแรงขึ้น ไม่ว่าจะเมื่อไหร่ ผมก็ยังคงเป็นเช่นเดิม เพียงแค่ข้อความสั้นๆ จากพี่หมอก ก็มีอิทธิพลสำหรับผมมากเหลือเกิน

หลังจากประชุมกับชมรมเสร็จแล้ว ผมก็รีบออกจากมหา'ลัย เพื่อไปในที่ที่ผมต้องไป ผมมายืนอยู่ที่หน้าประตูคอนโดหรูในเวลาไม่นาน และเปิดประตูเข้าไปยังห้องที่ผมคุ้นเคย

ผมเดินไปตามทางเดินตรงดิ่งไปยังโซฟาที่ตั้งอยู่ตรงกลางของโถงนั่งเล่น วางกระเป๋าข้าวของทุกอย่างไว้บนนั้น ผมมองไปรอบๆ อย่างสงสัย ตอนนี้ห้องของพี่หมอกดูมืดมากขึ้นด้วยไฟหรี่สีส้มด้านบน พี่เขาอยู่ไหนกันนะ ผมเริ่มรู้สึกเป็นห่วงอีกแล้ว

ผมยืนอยู่ตรงนั้น ชะเง้อมองไปยังห้องนอนที่อยู่สุดทางเดินอีกทาง อาจจะนอนอยู่ละมั้ง ผมควรจะไปเช็คดูหน่อย ผมคิด และเดินไปยังห้องนอนที่เป็นห้องกระจกใส ไฟภายในห้องปิดลงมืดและเงียบสงัด มีเพียงเสียงเครื่องปรับอากาศที่ทำงานอยู่ และ เสียงเพลง...

ผมเดินมาถึงห้องนอนของพี่หมอก และค่อยๆ นั่งลงช้าๆ ที่ข้างเตียงนั้น พี่หมอกในตอนนี้นอนหลับใหลเหมือนกำลังฝันดี แต่สิ่งที่ทำให้ผมแปลกใจนั้นก็คือ กล่องดนตรีที่กำลังหมุนช้าๆ ทุกจังหวะการเคลื่อนไหวของมันทำให้เกิดเสียงเพลงเบาๆ ผมเพ่งมองดูมันชัดๆ และพบว่า มันคือม้าหมุนเล็กๆ ที่ถูกย่อส่วนลง มันสวยงามเหมือนดั่งม้าหมุนที่ผมเคยเห็นในสวนสนุก มีไฟเล็กๆ ประดับอยู่ภายใน ทำให้ยิ่งดูสมจริงมากขึ้น ดูอบอุ่น และทำให้หัวใจสงบอย่างบอกไม่ถูก

ผมยิ้มน้อยๆ และละสายตาจากกล่องดนตรีนั้น จ้องมองพี่หมอกที่กำลังนอนหลับตานิ่ง เวลาแบบนี้พี่ช่างเหมือนกับถูกสลักไว้ ช่างงดงามไร้ซึ่งมลทินใดๆ ผมไม่อาจห้ามใจที่จะยื่นมือออกไป และแตะเบาๆ ที่ข้างแก้มนั้น ข้างแก้มที่ผมเป็นคนทำรอยไว้ พี่เจ็บมากไหม แต่ผมบอกได้ว่า ผมนั้นเจ็บมากกว่าพี่ หลายเท่านัก

หมับ!

ผมสะดุ้งตัวทันทีที่มือของตัวเองถูกจับไว้ มองพี่หมอกที่ค่อยๆ ลืมตาขึ้นด้วยสีหน้าที่ดูนิ่งเฉย มากกว่าจะโกรธหรืออะไร ผมค่อยเบาใจขึ้นหน่อย

"มาช้า" พี่หมอกพูด และยังคงจับมือผมเอาไว้ ทำเอาผมเริ่มเกร็ง มือของพี่หมอกร้อนมาก นี่พี่ยังไม่หายอีกเหรอ

"ผมต้องไปชมรมทุกวัน พี่ก็รู้"

ผมพูดบอกพี่หมอก แต่คนตรงหน้ากลับเหลือบมองกล่องดนตรีบนหัวเตียงตัวเอง พลางทำหน้าเหมือนเพิ่งนึกอะไรออก

"กล่องดนตรีนี่สวยจัง" ผมที่ไม่ได้คิดอะไร ก็ยื่นมือออกไปหยิบมันเข้ามาดูใกล้ๆ แต่เมื่อผมทำแบบนั้น ก็มีช่องเก็บของเล็กๆ ที่ซ่อนอยู่เปิดออกมา ผมทันได้เห็นสิ่งที่อยู่ด้านในแว้บหนึ่งก่อนที่จะถูกดึงกล่องดนตรีออกไปจากมือ

"ยุ่ง" พี่หมอกปล่อยมือผม และเอื้อมมือไปหยิบกล่องดนตรีนั้นซ่อนไว้ใต้ผ้าห่ม

ภายในหัวใจของผมมีคำถามมากมาย แต่ว่าผมในตอนนี้มีสิทธิ์อะไรที่จะถาม ผมไม่มีสิทธิ์อะไรในตัวพี่ทั้งนั้น

"พี่เป็นยังไงบ้าง กินอะไรหรือยังครับ" ผมทำลืมสิ่งที่เห็นและเริ่มถามเรื่องทั่วไป แต่พี่หมอกก็ไม่ตอบอะไรกลับมา "คือ ขอโทษนะครับ"

ผมที่เห็นพี่หมอกยังคงนิ่งนั้น ก็ขยับตัวขึ้นมาบนเตียงมากขึ้น และแตะลงที่คอของพี่หมอกเบาๆ

"พี่ยังตัวร้อนอยู่เลย" ผมพูดและขยับตัวออกมาให้ห่างตามเดิม

"แล้วไง"

"ก็ไม่แล้วไงหรอกครับ แต่ทุกคนเขาเป็นห่วงพี่นะ" ผมเลี่ยงที่จะพูดว่าตัวเองนั้นเป็นห่วงพี่ แบบนี้แหละดีกว่า

"หึ ทุกคนเหรอ" ผมไม่รู้ว่าพี่หมายถึงอะไร แต่พี่หมอกดูขมขื่นกับคำพูดนั้น

"วันนี้ยังไม่ต้องซ้อมหรือทำอะไรหรอกครับ ผมว่าพี่นอนพักเถอะ จะได้ดีขึ้น แล้วเดี๋ยวผมลงไปซื้ออะไรมาให้พี่ทานนะ" ผมพูดถามพี่หมอกที่ยังคงนอนนิ่ง พี่หมอกตอนนี้ใส่แค่กางเกงนอนขายาวและปล่อยให้ท่อนบนเปลือยเปล่า แล้วแบบนี้เมื่อไหร่จะหายกันล่ะ แอร์ในห้องก็เย็นจนผมแทบจะป่วยตาม

"ไม่ต้องซื้อ ไม่หิว" ผมถอนหายใจเบาๆ ทำไมพี่ถึงดื้อนักนะ

"ไม่หิวก็ต้องกินนะครับ จะได้กินยา" ผมพูด และมองพี่หมอกที่ดึงผ้าห่มออกจากตัวถีบไปอยู่ปลายเตียง

"เอ๊ะ ไม่สิ" อยู่ดีๆ พี่หมอกก็พูดขึ้น เหมือนเพิ่งนึกอะไรได้ "จริงๆ ก็หิวแหละ" พี่หมอกพูดต่อพลางจ้องมองผมด้วยสายตาแปลกๆ

"ถ้างั้นเดี๋ยวผม..."

"เช็ดตัวให้หน่อย" ผมที่กำลังจะบอกพี่หมอกว่าจะไปซื้อข้าว ก็ต้องขมวดคิ้วทันที หิว แต่ให้เช็ดตัวเนี่ย มันคืออะไรกัน

"เร็ว" ไม่พูดเปล่า พี่หมอกเร่งผม และไล่ให้ผมไปเอาผ้าชุบน้ำ ซึ่งผมก็หามาได้ในเวลาไม่นาน

ผมเดินกลับมา วางกะละมังใบเล็กไว้ที่โต๊ะข้างเตียง บิดผ้าขนหนูผืนเล็กที่ชุบน้ำอุ่นหมาดๆ และ...เอ่อ

ผมมองร่างกายของคนตรงหน้าที่นอนนิ่งๆ รอให้ผมทำทุกอย่างให้ และก็แน่นอน หัวใจที่ไม่รักดีของผมเริ่มเต้นรัวอย่างไม่เป็นส่ำอีกครั้ง ใจเย็นๆ อิน พี่เขาไม่สบาย ก็แค่เช็ดตัวเท่านั้น

"เร็วๆ จะเช็ดก็เช็ด"

ผมที่ถูกเร่งนั้นก็ค่อยๆ แตะผ้าขนหนูลงที่แก้มของพี่หมอก แตะเบาๆ ไล่ไปตามใบหน้า และลำคอ ผมพยายามไม่สบตาพี่หมอกมากนัก นี่มันสถานการณ์อะไรกันนะ เมื่อไม่กี่วันก่อน ผมยังสาบานกับตัวเองว่าจะไม่ยุ่งกับคนคนนี้อีกแล้ว แต่มาวันนี้ พวกเรากลับใกล้ชิดกันอีกครั้ง ตัวผมเนี่ย เชื่อถือไม่ได้เลยจริงๆ สินะ

"เช็ดดีๆ ไม่หันมามองแล้วจะรู้ได้ไงว่าเช็ดตรงไหนอยู่" ผมนั้นโดนบ่นอยู่เป็นระยะ ด้วยความที่ไม่อยากมองร่างกายของพี่หมอกตรงๆ จึงลงมือเช็ดแบบมั่วๆ จนทำให้พี่หมอกไม่พอใจ

"ตรงนี้ แล้วก็ตรงนี้" ผมสะดุ้งน้อยๆ ทันทีที่รู้สึกถึงมือพี่หมอกที่จับที่ข้อมือของผม นี่มันแบบว่าผมควรรู้สึกยังไงดีนะ ทุกอย่างมันผสมปนเปกันไปหมด

"หูแดง" ผมมองพี่หมอกที่พูดเหมือนแซวผม และยิ้มมุมปากน้อยๆ แบบชอบใจ

"ผมเปล่า" ผมพูดและหลบสายตายียวนนั่น

แต่ผมที่เสมองไปทางอื่นนั้นก็ต้องสะดุ้งอีกครั้งทันที ผมรีบหันกลับมามองมือผมที่ถูกจับไว้ และมันกำลังเลื่อนไปในตำแหน่งที่ทำให้ผมต้องพยายามดึงมือออกไป

"พี่หมอก" ผมก็ว่าแล้วไง ว่าคนแบบพี่หมอกก็ไม่พ้นเรื่องอะไรแบบนี้แน่นอน

"อย่าโวยวาย" พี่หมอกกำข้อมือของผมให้อยู่นิ่งๆ ถึงจะป่วย แต่พี่หมอกก็ตัวใหญ่กว่าผม และพละกำลังนั้นไม่ได้ตกลงไปเลย ผมได้แต่พยายามขัดขืน และยื้อมือกลับมา

"ปล่อยผมเถอะ"

"โวยวายทำไมนักหนา มากกว่านี้ก็เคยมาแล้ว" พี่หมอกพูด และกระชากมือผมเบาๆ ให้เลื่อนไปตามที่ต้องการมากกว่าเดิม

ผมเริ่มหลับตาแน่น ขณะที่มือของผมยังคงเคลื่อนผ่านไป และแตะลงเบาๆ ที่ส่วนนูนบวมนั่น ทำไมถึงเป็นคนแบบนี้นะ

"พี่หมอก พอเถอะครับ"

"แค่นี้ก็ทำมือสั่นไปได้"

"ผมไม่ได้สั่น"

"อิน" ผมช้อนตามองพี่หมอกที่เรียกผมด้วยเสียงแผ่วเบา ไม่นะ ไม่นะอิน อย่าหลงไปตามคนคนนี้

พี่หมอกนั้นไม่เพียงแค่เรียก แต่ค่อยๆ จับมือของผม ให้เลื่อนไปตามขอบของกางเกงนอน และค่อยๆ เลื่อนลงอีกครั้ง เข้าไปยังจุดที่กำลังค่อยๆ ก่อตัวขึ้น จนคับตึงอยู่ภายใน

ผมไม่เข้าใจเลย ไม่เข้าใจเลยสักนิด พี่ไม่ได้ชอบผมไม่ใช่เหรอ แล้วทำไม พี่ถึงทำแบบนี้
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-03-2020 17:06:42 โดย Gloomy Sunday »

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
เมื่อไหร่เรื่องของเปอร์กับมิวจะแดงนะ

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

อิเปอร์  แกมันเจ้าชู้หลายใจ

อิมิว  แกมันอำมหิตมากนะ

อิหมอก  แกมันไบโพลาร์แน่ ๆ

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
เมื่อไหร่อินจะสู้คนบ้างนะ  :เฮ้อ:

ออฟไลน์ ป่ามป๊ามป่ามปาม

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 482
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
หมอกอ่อยตลอด แต่ปากร้าย อินก็เลยดูไม่ออกอะ ปวดหัวกะอิคู่นี้จริงๆ
เปอร์กับมิวนี่ก็ด้วย อินเมื่อไหร่จะรู้ตัวว่าโดนปิดบัง
มาต่อทีค่าาา

ออฟไลน์ Gloomy Sunday

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 408
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +215/-3
    • Fanpage : Gloomy Sunday Tk.
เพ้อ บทที่ 24 คำตอบที่แสนผิดหวัง


"ค่อยๆ อย่างนั้นแหละ" พี่หมอกยังคงจับมือผมเอาไว้ และบังคับให้กอบกุมท่อนกายร้อนที่กำลังคับตึงขึ้นทุกขณะ รูดขึ้นและลงช้าๆ ตามจังหวะที่ถูกกำกับไว้

"พี่หมอกกก" ผมเรียกพี่หมอก และพยายามยื้อมือที่ถูกกุมไว้ ทุกอย่างกำลังจะกลายเป็นเหมือนคืนนั้น ผมไม่ยอมหรอกนะ ผมจะไม่ให้พี่ทำตามใจอีก

แต่ถึงผมจะคิดแบบนั้น ผมก็ไม่อาจทำร้ายร่างกายพี่หมอกที่กำลังป่วยได้ ผมก้มหน้าลง หลับตาแน่นพยายามไม่โฟกัสในสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น มันก็แค่มือเท่านั้น ถ้าพี่เขาพอใจแล้ว ก็จะปล่อยผมไปเอง ผมคิดแบบนั้น

"คนลามก" ผมหน้ามุ่ย และพูดบ่นเบาๆ ในลำคอ อยากจะต่อยพี่มากๆ ถ้าไม่ติดว่าพี่ป่วยละก็

"คนที่ลามกน่ะ ไม่ได้มีแค่คนเดียวหรอกมั้ง" พี่หมอกพูดพลางยิ้มมุมปาก

ผมหน้าแดงขึ้นทันทีอย่างห้ามไม่ได้ สายตาของพี่หมอกเหลือบมองลงต่ำ มองมายังตัวผม ตรงที่พยายามปิดบังเอาไว้ ทำไมถึงรู้ได้กันนะ

"อิน มันก็แค่เรื่องปกติที่ผู้ชายทำกัน" พี่หมอกพูดชื่อของผมด้วยเสียงอันแผ่วเบา จะต้องกี่ครั้งกี่หนที่ผมแพ้คนคนนี้ ผมไม่อาจต้านทาน ความรู้สึกในหัวใจนี้ได้

ผมปล่อยตัวปล่อยใจให้พี่หมอกค่อยๆ สัมผัสแตะต้องร่างกายของผม ตรงส่วนที่กำลังตอบสนอง

"หึ แค่มองก็เป็นขนาดนี้เลยเหรอ" ผมเอียงหน้าหลบพี่หมอกทันทีที่ได้ยินแบบนั้น ใช่แล้วล่ะ ร่างกายที่ไม่รักดีนี้ มันตอบสนองทุกๆ สิ่งตั้งแต่แรกแล้ว ผมไม่อาจห้ามร่างกายไม่ให้รู้สึกได้ เพียงแค่ได้เห็น เพียงแค่ได้แตะต้องสัมผัส ตัวของผมมันก็ร้อนรุ่ม ราวกับไฟสุมทรวง

"ลามกจริงๆ เลยนะ"

"ก็ผมเป็นเกย์นี่" ผมพูดแก้ตัว และจับมือพี่หมอกที่กำลังลูบไปมาตรงจุดอันตรายของผม อยากจะขัดขืน แต่ก็ปล่อยให้คนตรงหน้าทำตามอำเภอใจ

"ไม่ต้องกลัว ไม่ทำมากกว่านี้หรอก" ผมที่ได้ยินแบบนั้นก็จ้องมองเข้าไปในแววตาของคนตรงหน้า พี่พูดจริงใช่ไหม ผมเชื่อพี่ได้จริงๆ เหรอ

ผมค่อยๆ ถูกดึงตัวให้ขยับเข้าไปอีกนิด ผมเลือกที่จะซบใบหน้าของตัวเองเข้ากับบ่ากว้างของคนตรงหน้า มือของพวกเราทั้งสองขยับไปตามสัญชาตญาณความรู้สึก สลับจับเปลี่ยนเคลื่อนที่ปรนเปรอความต้องการของกันและกัน

ผมเม้มปากน้อยๆ และผ่อนลมหายใจที่คอยแต่จะถี่กระชั้น มือหนาที่กอบกุมท่อนกายของผมไว้ช่างชำนาญ และรู้ถึงวิธีการกระตุ้นตัวผมเป็นอย่างดี ส่วนมือของผมที่กอบกุมท่อนกายร้อนของคนตรงหน้าไว้ ก็ทำเพียงแค่ขยับขึ้นลงเบาๆ แต่ก็น่าแปลกใจว่า เพียงเท่านี้ ก็ทำให้พี่หมอกดูเหมือนกำลังรู้สึกดีเหลือเกิน

"เปียกสุดๆ เลยนะ" เสียงของพี่หมอกที่พูดขึ้นทำให้ใบหน้าของผมร้อนผ่าว เสียงนี้ กลิ่นนี้ สัมผัสนี้ พี่ไม่รู้เลยเหรอว่า ผมชอบพี่มากแค่ไหน

"ร.เร็วเถอะครับ" ผมพูดพลางเสหน้าหนี ปิดบังความรู้สึกจริงๆ ที่อยากซ่อนไว้

"อิน" ผมไม่รู้ว่าทำไม แต่พี่หมอกก็เรียกผมเบาๆ ด้วยน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความหม่นหมอง

ผมค่อยๆ เงยหน้าขึ้น จ้องมองเข้าไปยังแววตาของคนตรงหน้า แววตาที่ดูหม่นลงและยากที่จะเข้าใจ

"ชอบไอ้เปอร์จริงๆ เหรอ" คนพูดไม่รอช้า ถามต่อถึงความรู้สึกที่สงสัย ผมเลิกคิ้วขึ้นน้อยๆ พวกเราสองคนเริ่มไม่โฟกัสกับสิ่งที่กำลังทำ แต่รู้สึกเหมือนกำลังพูดคุยกันมากกว่า

"ผม..." แววตาของคนตรงหน้าดูสั่นไหวน้อยๆ เมื่อรอคำตอบนั้น

"ใช่" และแล้ว ผมก็ตัดสินใจ ผมตัดสินใจที่จะโกหกต่อไป

"ก็ดี" พี่หมอกยิ้มเยาะ ด้วยใบหน้าที่เต็มไปความรู้สึกผิดหวัง ผมมองพี่หมอกที่ปล่อยมือจากสิ่งที่กำลังทำ พลางเลื่อนมือไปหยิบของบางสิ่งที่จะสามารถพันธนาการผมเอาไว้ได้

"ถ้างั้นจะสอนให้ ว่าเป็นเมียมัน จะต้องเจอกับอะไรบ้าง" พี่หมอกพูดด้วยรอยยิ้มเหี้ยมเกรียม และทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นหลังจากนี้ มันทำให้ผมได้รู้ว่าคำตอบของผมนั้น มันผิดพลาด...


ท้องฟ้าที่มืดมนราวกับไร้แสงอาทิตย์ฉาย ถึงแม้จะเป็นช่วงเวลากลางวัน แต่สิ่งต่างๆ รอบตัวก็กลับมืดมัว ปลายเท้าที่ผมจ้องมองอยู่นั้น เป็นเท้าของผมที่สวมใส่รองเท้าหนังสีดำ เหมือนกับกำลังอยู่ในพิธีการสำคัญ สายตาของผมละออกจากปลายเท้านั้น เงยหน้าขึ้น จ้องมองสิ่งที่เห็นตรงหน้า

ชุดสีขาวของเจ้าสาวนั้นช่างสวยงามราวกับนางฟ้า ใบหน้าของเธอดูมีความสุข ยิ้มแย้ม ในมือถือช่อดอกไม้สีแดงสวย และข้างๆ ของเธอนั้นก็คือเจ้าบ่าวที่ช่างหล่อเหลาราวภาพวาด เขาหันมองเธอด้วยแววตาแห่งความสุข เหมือนกับเจอสิ่งที่ตัวเองตามหามาทั้งชีวิต

และเขาที่ละสายตาจากเธอ หันมามองคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า หันมามองผม คนอย่างผม ในฉับพลัน แววตานั้นก็เริ่มเปลี่ยนแปลงไป ความเย็นชาฉายชัดบนสีหน้า หัวใจของผมราวกับแตกสลาย น้ำตาที่ไหลออกมา เป็นสีแดงด้วยความเจ็บปวดที่ไม่อาจเอ่ยออกมาได้

ผมค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้น ดวงตาของผมยังมีหยาดน้ำตาที่รินไหล ฝันนั่นมันเหมือนจริงมาก และมันคงจะเกิดขึ้นจริงๆ ในสักวัน

ผมพยุงร่างกายที่บอบช้ำลุกขึ้นช้าๆ ตอนนี้ท้องฟ้าด้านนอกเป็นสีฟ้าจางสลับส้ม คงเป็นช่วงเวลาเช้าตรู่ ตัวผมหลับไปตอนไหนกันนะ แต่บางทีจะพูดว่าหลับไปก็คงไม่ถูกนัก ตัวผม...สลบไปต่างหาก

เสียงดนตรีที่ดังขึ้นเบาๆ ทำให้ความสงสัยของผมจางลง ผมค่อยๆ ลุกออกจากเตียง เดินช้าๆ มองหาต้นตอของเสียง มันเป็นเสียงดนตรีที่แหลมสูงสลับโทนต่ำลง ทำนองนั้นช่างแสนเศร้า เป็นเพลงเศร้าที่ทำให้คนที่ได้ฟัง รู้สึกอยากจะหลั่งน้ำตาออกมา

ผมเดินมาที่โถงนั่งเล่น และมองคนที่กำลังยืนอยู่ตรงนั้น หันหน้าเข้าหากระจกบานใหญ่ มองไปยังท้องฟ้ากว้างด้านนอก ในมือถือคันไม้เอาไว้ ที่คอเหน็บเครื่องดนตรีสีไม้เข้มที่กำลังเปล่งเสียงหวนออกมา

"คนสารเลว" ผมพูดขึ้นทันทีที่เสียงเพลงหยุดลง พี่หมอกไม่ได้หันมามองผม แต่ก็ลดไวโอลินลงวางไว้ที่ฐานของมัน

ผมจ้องมองคนตรงหน้า ด้วยแววตาที่แข็งกร้าว ผมไม่ลืมว่าเมื่อคืนพี่ทำอะไรกับผมเอาไว้ พี่หมอกไม่ได้ตอบโต้ผมหรือพูดอะไรใดๆ ทำเพียงแค่เดินหนีออกไป ไม่แม้แต่จะชายตามอง


"อิน หายไปไหนมาลูก" ผมลากขากลับมาที่บ้านด้วยความอ่อนล้า ปั้นหน้ายิ้มน้อยๆ เพื่อให้แม่หายกังวลใจ

"คือ อินไปค้างบ้านเพื่อนมา กะว่าจะโทรบอกแม่ก็เผลอหลับซะก่อน ขอโทษนะครับ" ผมพูดพลางกอดแม่ทำท่าออดอ้อน พยายามซ่อนทุกส่วนที่หลงเหลือร่องรอยแดงช้ำ

"เอาล่ะ ไปอาบน้ำอาบท่าซะ ตาแดงหมดแล้วเราน่ะ แล้วทำไมเสียงแหบละลูก ไม่สบายหรือเปล่า" พอเจอคำถามแบบนี้ สมองของผมก็ผุดภาพหลายภาพขึ้นในหัว

ตัวผมที่ถูกมัดข้อมือทั้งสองข้างไว้ แรงกระแทกที่ทำให้ครวญครางราวจะขาดใจ น้ำตาที่ไหลรินออกมาเป็นสาย รอยกัดหนักๆ ที่หัวไหล่นี้ยังคงเจ็บแปล๊บทุกครั้งที่ขยับตัว

"เอ่อ งั้นอินหยุดพักสักวันนะแม่ อย่าให้ใครมากวนนะ" ผมพูดบอกแม่ และรีบกลับไปที่บ้านหลังเล็กของผม

ภายในห้องน้ำ สายน้ำเย็นไหลผ่านใบหน้า และร่างกายของผม ทำให้ผมตัวสั่นน้อยๆ ด้วยความเจ็บแปล๊บที่แล่นริ้วขึ้นมาจากบาดแผล และรอยกัดต่างๆ แต่ว่า มันแปลก...

ทั้งๆ ที่พี่หมอกก็ดูจะรุนแรง แต่ผมกลับคิดว่ามันไม่ได้เจ็บปวดทรมานอย่างครั้งแรก รอยกัดพวกนี้ รอยจูบที่ปรากฏอยู่ทั่วนี้ มันทำให้ผมสับสน และที่น่าแปลกที่สุดก็คือ ของเหลวที่ค่อยๆ ไหลออกมาตามขาของผมตอนนี้ พี่หมอกนั้นรังเกียจผมมาก แล้วทำไม ทำไมถึงได้...

ผมสลัดหัวที่เปียกปอนไปมาเบาๆ และเลิกคิดทุกอย่างที่กำลังสงสัย อย่าหวังอะไรที่มันเป็นไปไม่ได้เลยอิน พี่เขาก็แค่คนเลวที่ชอบล่อลวงและฉวยโอกาสเท่านั้น พอหน้ามืด อะไรๆ พี่เขาก็คงไม่สนใจอยู่แล้ว มันก็เท่านั้นเอง

ในเมื่อเคลียร์ทุกอย่างในใจหมดแล้ว ก็ไม่มีอะไรที่ผมควรจะคิดให้ฟุ้งซ่านอีก ผมจ้องมองรอยช้ำที่ข้อมือ สัญญากับตัวเองอีกครั้ง ว่าผมจะไม่ไปหาพี่เขาอีกแล้ว ผมจะถือว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน คือการชดใช้จากผมก็แล้วกัน

"หอมฟุ้งเชียว" เสียงแรกที่ได้ยินหลังจากก้าวเท้าออกจากห้องน้ำ ทำเอาผมเซชะงัก หัวใจของผมเต้นรัวอยู่ในอกอย่างหวาดหวั่น ผมรีบคลุมไหล่ คลุมแขน คลุมทั้งอกด้วยผ้าเช็ดตัวผืนกว้าง

"พี่มาได้ไง!"

"ก็เมื่อคืนอินไม่รับสายพี่ ไม่โทรหาพี่ด้วย" พี่เปอร์นั่งอยู่บนเตียงของผมด้วยท่าทีสบายๆ ดีนะที่ผมไม่ได้เปิดไฟในห้อง ซึ่งตรงที่ผมยืนอยู่นี้ค่อนข้างมืดพอดี

"ค.คือ ผมง่วง ก็เลย นอนไวไปหน่อย" ผมพูดโกหก และหลบสายตาพี่เปอร์ที่กำลังมองมา มองผมตั้งแต่หัวจรดเท้า

"เหรอ แต่พี่มาที่นี่เมื่อคืน ก็ไม่เจออินนะ" ผมที่ได้ยินแบบนั้นก็หัวใจแทบร่วงหล่นออกมาจากอก ผมมองพี่เปอร์ที่ค่อยๆ ลุกขึ้น และเดินเข้ามาหาผมช้าๆ พลางยื่นมือมาเชยคางของผมไว้

"อิน" ผมกลืนน้ำลายลงคอด้วยความหวาดหวั่น พี่เปอร์จ้องมองผม และเหลือบมองทุกส่วนที่เป็นไปได้

"พี่รักอินนะ" คำพูดของพี่เปอร์ทำให้ผมรู้สึกผิดลึกข้างในหัวใจ พี่เปอร์ส่งยิ้มอ่อนโยนให้ผม และดึงผมให้เข้าไปแนบชิดที่อก

"พี่จะไม่เซ้าซี้ถามว่าอินหายไปไหนมา พี่เชื่อใจอิน ไม่จำเป็นต้องอธิบายอะไรหรอก" พี่เปอร์ลูบหลังผมไปมาและกอดผมแน่นมากขึ้นกว่าเดิม

"ขอบคุณนะครับ แต่ไม่มีอะไรจริงๆ พี่ปล่อยผมก่อนได้ไหม" ผมบอกพี่เปอร์ และพยายามดันอกแกร่งของคนตรงหน้า ถึงผมจะรู้ว่าแม่กำลังทำงานอยู่ในครัว แต่ก็ประมาทไม่ได้

"ก็พี่คิดถึงอินนี่นา" พี่เปอร์บอกผมพลางก้มลงหอมแก้มผมฟอดใหญ่แบบไม่ให้ทันตั้งตัว และคราวนี้ ความตกใจทำให้ผมเผลอผลักพี่เปอร์ออกไป จนพี่เปอร์เซล้มลงไปนั่งที่เตียง

"ทำแบบนี้ไม่ได้นะครับ ที่นี่ผมอยู่กับแม่ ถ้าแม่มาเห็นเข้าผมแย่แน่ๆ" ผมพูดพลางกระชับผ้าเช็ดตัวแน่นขึ้น ผมพูดความจริงในสิ่งที่ผมกลัว หวังว่าพี่เปอร์คงจะเข้าใจ

"แล้วถ้าเป็นที่อื่นล่ะ" พี่เปอร์ในตอนนี้สีหน้าไม่ค่อยดีนัก และพูดถามผมด้วยน้ำเสียงจริงจัง

"พี่ครับ ทำไมถึงเป็นแบบนี้ล่ะ" ผมไม่รู้จะพูดอะไรดี พี่เปอร์ปกติจะขี้เล่น แต่ตอนนี้ดูหงุดหงิดมากๆ

"เพราะอินชอบทำเหมือนพี่ไม่ใช่แฟนอิน"

"มันไม่ใช่แบบนั้นนะครับ" ผมพูดอย่างอ่อนใจ

"งั้นแล้วเมื่อไหร่ล่ะ" พี่เปอร์พูดและรอคอยคำตอบ

"เมื่อไหร่ อะไรเหรอครับ..."

พี่เปอร์ลุกขึ้นยืน ถอนหายใจและเสยผมแรงๆ เหมือนกำลังระบายความหงุดหงิด

"พี่กลับก่อนดีกว่า แล้วค่อยคุยกัน" ผมมองพี่เปอร์ที่หุนหันเดินออกไป พี่เปอร์คงจะโกรธผมแล้ว

ผมใช้เวลาทั้งบ่ายไปกับการนอนหลับ และตื่นขึ้นอีกทีในช่วงเวลาเย็น ผมกังวลใจเล็กน้อยเมื่อนึกถึงเรื่องเมื่อเช้า เรื่องของพี่เปอร์

ผมควรจะโทรหาพี่เขาดีไหมนะ ผมควรจะต้องแคร์พี่เขาใช่ไหม ผมคิดวุ่นวายอยู่ในหัว และควานหามือถือที่วางอยู่บนโต๊ะข้างๆ แต่พอจะกดเบอร์โทรออกหาพี่เปอร์นั้น ใบหน้าของคนอีกคนก็กลับแทรกเข้ามา

และทันทีที่คิดถึงใบหน้าของคนใจร้ายนั่น ผมส่ายหัวเบาๆ ไปมาเพื่อที่จะลืมอย่างรวดเร็ว คิดสิ นึกให้ออกสิอิน ว่าพี่หมอกทำร้ายนายยังไง ทั้งร่างกายและหัวใจของนาย บอบช้ำเพราะคนคนนั้น

ผมสลัดภาพพี่หมอกออกจากหัว และเริ่มกดโทรศัพท์เพื่อที่จะได้โทรหาพี่เปอร์ แต่บนหน้าจอมือถือนั้น ก็มีแจ้งเตือนโซเชียลมากมายที่ดูจะมากกว่าปกติของทุกวัน มันมาจากกลุ่มไลน์แฟนคลับของพี่หมอก แฟนเพจ และทุกๆ ที่ที่ผมกดติดตามไว้

"ที่ต้องทำก็คือ โทรหาพี่เปอร์" ผมบอกตัวเองหนักๆ ด้วยการพูดออกเสียง ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ผมก็ไม่อยากรู้เรื่องของพี่หมอกอีกแล้ว ผมไม่สนอีกแล้ว

แต่ผมที่คิดแบบนั้นก็พลาดซะแล้ว มือของผมที่กำลังจะกดเข้ารายชื่อเบอร์โทรศัพท์ กลับแตะโดนกลุ่มไลน์ที่เด้งรัวจนน่าตกใจ แย่ล่ะ ผมกดออกจากกลุ่มดีกว่า

[พี่หมอกเป็นไงบ้าง โอ้ยเป็นห่วงอ่า]

[หนักเลยเหรอ อาการพี่เขาเป็นยังไง]

[เห็นว่าล้มอยู่หน้าคอนโด ล้มตึงไปเลย]

[พี่เขาป่วยอยู่แล้วด้วย ไม่รู้ทำไมทรุดขนาดนั้น]

[เห็นว่าตอนนี้อยู่ที่โรงพยาบาล]

[ไปหาพี่เขากันเถอะ ไปให้กำลังใจกัน]

ผมลืมทุกสิ่งที่เคยบอกตัวเองไว้ วางโทรศัพท์ในมือ และลุกขึ้นเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างรวดเร็ว นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เมื่อคืนพี่เขาก็ยังดูปกติดี ออกจะดีมากไปด้วยซ้ำ ผมคิด และมองท่อนแขนของตัวเองที่มีรอยกัด หรือว่าที่พี่เป็นแบบนี้ เพราะผมงั้นเหรอ

ใช้เวลาไม่นานนัก ผมก็มายืนอยู่ที่หน้าโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งไม่ไกลจากคอนโดของพี่หมอก วันนี้ดูเหมือนผู้คนจะเยอะขึ้นเป็นพิเศษ เลยทำให้เจ้าหน้าที่ต้องทำงานหนักขึ้น เหล่าแฟนคลับของพี่หมอกพยายามจะจับกลุ่มกันเข้าไปด้านใน แต่ก็ถูกกันเอาไว้ จึงทำได้เพียงยืนอยู่ที่โถงด้านหน้าเท่านั้น

"ขอโทษนะครับ ผมมาเยี่ยมเพื่อนน่ะครับ" ผมฝ่าฝูงชนเข้าไป และพูดบอกประชาสัมพันธ์ด้านหน้า

"ขอทราบชื่อคนไข้ค่ะ" เธอพูดถามผม และรอคำตอบ แย่ล่ะ ถ้าผมพูดชื่อพี่หมอกไป ผมก็คงจะโดนกันให้อยู่ข้างนอกเหมือนกับคนอื่นๆ แน่ๆ

"อ.เอ่อ..." ผมอ้ำอึ้ง ถ้ามั่วชื่อคนไปสักคนจะได้เข้าไปไหมนะ

"คนนั้นใครอ่ะ หล่อมาก"

"เคยเห็นอยู่กับพี่หมอกไม่ใช่เหรอ"

"เป็นดาราด้วยหรือเปล่า"

เสียงพูดคุยดังขึ้นที่ด้านหลัง ผมแทบไม่ต้องเดาว่าใครคือคนที่พวกผู้หญิงพูดถึง แต่คนเยอะขนาดนี้พี่เขาคงไม่เห็นผมหรอกใช่ไหม ผมไม่รู้ว่าจะพูดยังไงถ้าพี่เขารู้ว่าผมมาที่นี่ มาหาพี่หมอก

"อิน" และสิ่งที่ผมกลัวนั้นก็เกิดขึ้น มือของคนด้านหลังวางอยู่บนไหล่ของผม ออกแรงบีบดึงผมให้หันกลับไป

พี่เปอร์จับไหล่ของผมไว้ จ้องมองผมด้วยแววตาสงสัย และขุ่นเคืองในใจ

ผมจะต้องตอบว่ายังไงดีนะ ผมควรจะต้องทำยังไงกับสถานการณ์นี้
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-03-2020 17:07:35 โดย Gloomy Sunday »

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

อิหมอก  แกคิดอะไรทำไมไม่พูดออกมา  ฮะ?

การกระทำของแก กับคำพูดของแก  มันย้อนแย้งเหลือเกินหว่ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
บอกว่ามาเยี่ยมแฟนเจ้านาย  :hao4:

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
ชีวิตวุ่นวายแล้วไง

ออฟไลน์ ป่ามป๊ามป่ามปาม

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 482
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
นังหมอกเล่นละครรึป่าว

ออฟไลน์ t2007

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-5
อินเลือกเอง เจ็บเอง ต้องช่วยตัวเองแล้วล่ะ ชีวิตนายช่างรันทด หดหู่

ออฟไลน์ MimoreQ

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 118
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
ติดตามต่อค่าาา

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ Gloomy Sunday

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 408
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +215/-3
    • Fanpage : Gloomy Sunday Tk.
เพ้อ บทที่ 25 บทเพลงรัก


"พ.พี่อยู่นี่เอง" ผมปั้นหน้ายิ้ม และทำเหมือนดีใจที่ได้เห็นคนตรงหน้า พี่เปอร์เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย

"มาตามหาพี่?"

"ครับ พอเห็นข่าว ก็รู้อยู่แล้วว่าพี่ต้องมาหาเพื่อนแน่" พวกเราเริ่มเดินเข้าไปด้านในด้วยกัน ถ้ามีพี่เปอร์อยู่ ผมก็สามารถเข้าไปได้ถึงห้องที่พี่หมอกรักษาตัวอยู่

"ผมขอโทษด้วยนะครับ ถ้าทำให้พี่รู้สึกไม่ดี" ผมพูดถึงเรื่องเมื่อกลางวัน พี่เปอร์ดูหัวเสียน่าดู

"พี่ไม่ได้โกรธอะไรหรอก ก็แค่ น้อยใจน่ะ"

พวกเราเดินต่อไปเรื่อยๆ กดลิฟต์ไปยังชั้นเกือบบนสุดของอาคาร และเมื่อออกจากลิฟต์ ผมก็ต้องตกใจเล็กน้อย เพราะว่าตอนนี้มีผู้คนมากหน้าหลายตายืนอยู่หน้าห้องๆ หนึ่ง ซึ่งแน่นอนว่าเป็นห้องของพี่หมอก

"ตกลงมันเป็นเพราะอะไรกันแน่!" เสียงของผู้ชายวัยกลางคนคนหนึ่งดังลั่นไปทั่วทั้งทางเดิน ผมชะงักเท้าเล็กน้อย แต่พี่เปอร์ก็ดึงตัวผมให้เดินต่อไป

"สวัสดีครับคุณพ่อ"

"มาแล้วเหรอ เป็นเพื่อนที่ดีจริงๆ!" สิ้นสุดคำพูด อยู่ๆ คุณลุงคนนั้นก็พุ่งพรวดเข้ามากระชากคอพี่เปอร์ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าคนคนนี้คือใคร ผมเคยเห็นเขามาก่อน คนที่ทำให้พี่หมอกโกรธจนขว้างปาแก้วเหล้าในมือ

"ผมไม่รู้ว่าคุณพูดถึงอะไร" พี่เปอร์นั้นช่างน่าเหลือเชื่อ โดนขนาดนี้ยังพูดด้วยสีหน้าอมยิ้มไม่เปลี่ยน

"หมอบอกว่ามันสำลักน้ำ พวกแกไปไหนกันมา ไปมั่วที่ไหนกันมา!"

"ท่านคะ นักข่าวก็อยู่นะคะ" ผู้หญิงปากแดงรวบผมตึงคนหนึ่งดึงแขนคุณพ่อของพี่หมอกไว้อย่างห้ามปราม

แต่คำพูดหนึ่งที่ผมได้ยินจากปากคุณพ่อของพี่หมอก ก็ทำให้ผมนิ่งอึ้งและสับสนงุนงง

พี่หมอกสำลักน้ำ...

ผมนิ่งคิดและมองพี่เปอร์ที่ยังคงส่งยิ้มกวนคุณพ่อของพี่หมอก นี่มันเรื่องอะไรกัน

และภาพๆ หนึ่งก็เหมือนกับค่อยๆ ฉายชัดขึ้น ก่อนที่ผมจะหมดสติไป ภาพที่ผมเห็น ใบหน้าที่ผมคุ้นเคยดี

พี่หมอก...เป็นคนลงไปช่วยผมงั้นเหรอ ผมไม่ได้เห็นภาพไปเองใช่ไหม...

รอยยิ้มเล็กผุดขึ้นที่ริมฝีปากของผม เป็นพี่จริงๆ ใช่ไหม พี่ช่วยผมจริงๆ เหรอครับ

"ที่หมอกมันเหลวไหลอยู่ทุกวันนี้ก็เพราะแก จำใส่หัวแล้วออกไปห่างๆ ลูกชายฉันสักที!" คำพูดที่รุนแรงของคุณพ่อพี่หมอก ทำเอาผมสะดุ้งหลุดออกจากภวังค์ และเมื่อเขาพูดเสร็จ ก็ปึงปังเดินจากไปทันที ช่างเป็นคนที่ดูเจ้าอารมณ์เหลือเกิน

"ไปกันเถอะ อย่าไปสนใจตาแก่นั่นเลย" พี่เปอร์ที่ยังคงมีแต่รอยยิ้มโอบไหล่ผม และพาผมเปิดประตูเข้าไป

ภายในห้องมีเตียงนอนที่พี่หมอกกำลังนอนหลับอยู่ ใบหน้าดูซีดเซียวและอ่อนแรง ผมพยายามเก็บสีหน้าที่เป็นกังวลเมื่อมองเห็นคนอีกคนที่นั่งอยู่ข้างเตียงพี่หมอก หมี่เธอดูเป็นทุกข์ใจ แต่เมื่อหันมามองเห็นผมกับพี่เปอร์ แววตาก็กลับเปลี่ยนไปอย่างที่ผมไม่เข้าใจ

"ไม่เจอกันนานเลยนะน้องเปอร์" ผมมองตามเสียงคนอีกคนที่นั่งอยู่ที่มุมห้อง คนคนนี้เป็นผู้หญิงสวยในวัยทำงาน เธอเอ่ยทักพี่เปอร์และลุกขึ้นเดินมาหา

"พี่บีนี่เอง ยังสวยเหมือนเดิมเลยนะครับ"

"เราก็ปากหวานเหมือนเดิมนั่นแหละ" เธอพูดและเหลือบมองผมตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างไม่ปิดบัง "คนนี้คือ..."

"เพื่อนครับ" ผมรีบพูดออกไปทันทีจนพี่เปอร์หน้ามุ่ยลงเล็กน้อย

"รุ่นน้องที่มหา'ลัยครับ ขอบอกว่าพี่ต้องสนใจแน่" พี่เปอร์จับไหล่ผมไว้ และดันให้ผู้หญิงคนนั้นได้เห็นผมชัดๆ ผมไม่เข้าใจพี่เปอร์ที่ทำแบบนี้เลย "ชื่อน้องอินครับ เป็นคู่ซ้อมบทให้ไอ้หมอกมันบ่อยๆ"

เมื่อพี่เปอร์พูดจบ ผู้หญิงคนตรงหน้าผมเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย และมองพิจารณาผมอีกครั้ง

"อืม...ก็ไม่เลวนะ" ผมหัวใจพองโตขึ้นเมื่อได้ยินแบบนั้น

"ใช่ไหมล่ะครับ"

"อืม แต่เดี๋ยวพี่ต้องขอตัวก่อนนะ แล้วจะเข้ามาใหม่ ผู้กำกับแกเรียกพี่ไปคุยน่ะ เรื่องหมอกนี่แหละ"

"ครับ แล้วเจอกัน" เธอส่งยิ้มให้พี่เปอร์ก่อนที่จะเดินออกไปจากห้อง

"ผู้จัดการส่วนตัวของไอ้หมอก" พี่เปอร์บอกผมหลังจากเธอออกไปจากห้องแล้ว ความสงสัยในใจของผมคลายลงทันที ก็คิดอยู่ว่ารู้สึกคุ้นๆ เพราะเธอมักอยู่ใกล้ๆ พี่หมอกเวลาออกงานนั่นเอง

"เป็นคนสวยเลยนะครับ"

"ใช่ เคยกิ๊กกับไอ้หมอกด้วย" ผมหน้าเจื่อนลงทันที

"ขอคุณหมอตรวจคนไข้หน่อยนะคะ" มีเสียงเคาะประตูเบาๆ และคุณหมอกับพยาบาลก็เข้ามาจัดการตรวจเช็คอาการของพี่หมอกที่ยังคงหลับอยู่

"คนไข้มีอาการไม่ค่อยดีก่อนหน้านี้แล้วใช่ไหมครับ" คุณหมอหันมาคุยกับพี่เปอร์

"ครับ แต่เพราะเจ้าตัวมันอวดเก่ง เลยไม่ยอมมาหาหมอแต่แรก"

"คนไข้ทรุดหนักอาจเพราะไม่ได้รับการพักผ่อนอย่างเพียงพอ ร่างกายจึงรับภาระหนักมาก" พอได้ฟังมาถึงตรงนี้ผมก็ก้มหน้าลงมองพื้นทันที รู้สึกกระอักกระอ่วนในใจ

"ผมขอตัวสักแปบนะครับ แม่โทรมา" ผมล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงที่สั่นได้เวลาเหมาะเจาะพอดี และออกไปจากห้องอย่างรวดเร็ว ตอนนี้ที่หน้าห้องไม่มีใครแล้ว ผมยืนอยู่ที่ข้างประตูมองเห็นคุณหมอและพยาบาลที่เดินตามหลังผมออกมา

มือถือในกระเป๋ากางเกงของผมหยุดสั่นไปแล้ว ที่หน้าจอแสดงรายการว่าแม่โทรหาผมจริงๆ ผมควรจะโทรกลับไปแม่จะได้ไม่เป็นห่วง

"พี่ก็คิดเหมือนกันใช่ไหม ว่าระหว่างพี่หมอกกับอินมันมีอะไรแปลกๆ" ผมที่กำลังยกมือถือแนบหู ก็ต้องลดมือลงทันที ประตูห้องพี่หมอกเปิดแง้มอยู่ ทำให้ผมได้ยินการพูดคุยจากในห้อง

"เป็นไปไม่ได้" เสียงของพี่เปอร์ทุ้มต่ำดูครุ่นคิด

"แล้วทำไมพี่หมอกต้องกระโจนลงไปช่วยมันด้วย นี่มันไม่แปลกไปหน่อยเหรอ" หัวใจของผมในตอนนี้มันเต้นรัวไปด้วยความรู้สึกหลากหลาย ถึงแม้ว่าหมี่จะสงสัย แต่ว่าเรื่องที่พี่หมอกเป็นคนช่วยผมนั้น ตอนนี้ก็กระจ่างชัดแล้ว

เป็นพี่จริงๆ ผมดีใจ...

"ไม่แปลกหรอก..." เสียงๆ หนึ่งที่ดังขึ้นอย่างแผ่วเบา ผมจ้องมองเข้าไปในห้องนั้น มองคนที่เพิ่งลืมตาตื่นขึ้น

"เพราะถ้าเป็นหมี่ที่ตกลงไป พี่ก็คงจะทำแบบเดียวกัน"

สิ้นสุดคำพูดนั้น ผมเดินออกจากประตู และมุ่งหน้ากลับไปในที่ของผม กลับที่ที่ผม สมควรจะอยู่ตั้งแต่แรก

หลังจากที่ผมกลับถึงบ้าน พี่เปอร์โทรหาผม และถามว่าผมหายไปไหน ผมก็แค่บอกว่าแม่โทรเรียกให้ผมกลับ ซึ่งก็ไม่มีอะไรมากมาย พี่เปอร์ไม่ได้เซ้าซี้ผม และปล่อยให้ผมอยู่กับตัวเอง เลิกคิดอะไรฟุ้งซ่านอีกต่อไป

ผมหยิบมือถือขึ้นมาในความมืด พิมพ์ข้อความสั้นๆ ส่งถึงคนที่ผมอยากบอกเป็นครั้งสุดท้าย

[ขอบคุณที่ช่วยผมเอาไว้ หวังว่าพวกเราคงไม่มีอะไรติดค้างกันอีกแล้ว ขออย่าได้พบกันอีก]

น้ำตาหยดหนึ่งไหลลงและตกกระทบที่หน้าจอมือถือ ขณะที่ผมกดส่งข้อความสุดท้ายนั้น

ผมไม่ได้โกรธพี่ เพราะสิ่งที่พี่พูด แต่ผมเพิ่งตระหนักรู้ตัว ว่าผมก็เป็นแค่คนคนหนึ่ง ที่ไม่ได้มีความสำคัญอะไรกับพี่เลย บุญคุณครั้งนี้ ผมจะจดจำไว้ และขอให้หายกันกับทุกสิ่งที่พวกเราทำกันมา ผมอยากหลุดจากบ่วงความทุกข์นี้ หลุดจากโลกที่เคยมีแต่พี่ตลอดกาล


นับจากวันนั้นก็ผ่านมาเกือบครึ่งเดือนแล้ว ถึงแม้พี่เปอร์จะยังคอยทำตัวติดผม แต่ผมก็ไม่ได้พบพี่หมอกอีก เหมือนกับว่าพี่หมอกก็หลบหน้าผมด้วยเช่นกัน นี่เป็นเรื่ิองที่ดีจริงๆ ที่อีกไม่นานทุกอย่างจะถูกลบเลือนหายไป

"อิน มัวเหม่ออะไร พรุ่งนี้วันจริงแล้วนะ" ผมถูกดีดเบาๆ ที่ใบหูจากพวกพี่ในชมรม ใช่แล้วล่ะ พรุ่งนี้ผมจะต้องขึ้นแสดงแล้ว หลังจากที่ขาดประชุม และโดดซ้อมเรื่อยมา ผมมีเวลาเพียงไม่กี่วันเท่านั้นที่จะเตรียมตัว แต่ผมว่าการแสดงในครั้งนี้ง่ายหน่อย เพราะว่าละครที่พวกเราจะแสดงก็คือละครเพลง แต่ละเพลงก็คุ้นหูกันดีอยู่แล้ว ผมก็เลยเตรียมตัวได้ไว

"ถ้าแสดงดี พี่จะซื้อสมุดรวมภาพน้องหมาแบบที่หายากสุดๆ ให้" ผมหูผึ่งทันทีที่ได้ยินพี่หนึ่งหัวหน้าชมรมพูด

"จริงเหรอครับพี่" ผมถามรุ่นพี่อย่างกระตือรือร้นท่ามกลางเสียงหัวเราะ จริงๆ แล้วผมชอบหมามาก และที่ชอบเป็นพิเศษก็คือ หมาป่านั่นเอง เพราะมันทั้งเท่ ทั้งสง่างาม ผมไม่เคยเห็นตัวเป็นๆ สักที จะดีแค่ไหนนะถ้าได้เห็น แต่ผมก็คงถูกขย้ำไม่เหลือซากแน่ๆ

แต่ผมที่คิดถึงภาพของหมาป่านั้น ใจผมก็นึกขึ้นได้ถึงหมาป่าหนุ่มนักดนตรี คนที่ผมเคยไปยืนฟังที่ตลอดริมแม่น้ำ วันนี้ผมจะแวะไปดีไหมนะ ผมอาจจะได้เจอเขาก็ได้ เสียงเพลงที่ไพเราะของเขา มันยังคงตรึงอยู่ในหัวใจ ยากจะลบเลือน

หลังจากซ้อมละครเสร็จแล้ว ผมรีบออกมาจากมหา'ลัย และได้มายืนอยู่ในที่ที่ผมบอกว่าอยากจะมาอีกครั้ง ซึ่งไม่ได้มาที่นี่สักพักหนึ่งแล้ว ผมหวังเหลือเกินว่าการมาครั้งนี้จะไม่สูญเปล่า

และหลังจากความคิดนั้น รอยยิ้มกว้างก็ประทับอยู่บนใบหน้าของผม เสียงกังวาลชวนเคลิ้มฝันลอยละล่องอบอวนอยู่ในบรรยากาศยามเย็นที่แสนอบอุ่น ทำให้ผมรู้ว่า การมาของผมในครั้งนี้ไม่เสียเที่ยวแน่นอน

ผมรีบก้าวเท้าเดินไป ผ่านร้านค้าต่างๆ ที่เรียงรายอยู่เต็มสองข้างทาง โคมไฟสีสันต่างๆ ประดับประดาอยู่ตามยอดเสา ผู้คนมากมายต่างเดินสวนกันไปมา ใบหน้ามีแต่รอยยิ้ม

ผมเดินต่อมาเรื่อยๆ เดินเบียดเสียดฝูงชนที่กำลังเกาะกลุ่มมุงดูศิลปินคนหนึ่ง และแน่นอนว่าผม ก็มาเพื่อเขาเช่นกัน การบรรเลงดนตรีในวันนี้ยังคงไพเพราะชวนฝัน ซึ่งช่างแตกต่างจากสไตล์การแต่งตัวของเขาเสียจริง

เสื้อหนังสีดำที่สวมคลุมทับเสื้อกล้ามสีขาว สร้อยคอสีเงินวาว ลำคอขาว กางเกงยีนสีเข้มที่เข้ากับรองเท้าหนังสูง ถุงมือสีดำ และหน้ากาก หน้ากากที่บดบังตัวจริงของเขาเอาไว้

บทเพลงในวันนี้ ช่างเป็นท่วงทำนองที่แสนเศร้า ผมมองนิ้วมือเรียวยาวที่แกะเกาไปตามกีตาร์สวยสีดำ เสียงร้องที่ดูนุ่มลึก เสียดแทงเข้าไปในหัวใจที่ซ่อนเร้นความปวดร้าว ทำให้ผมจมดิ่งลงสู่ความมืดมนที่แสนเจ็บปวด ความรักที่ไม่ว่าจะเอื้อมมือไขว้คว้าเอาไว้เท่าไหร่ ก็มีแต่เพียงความว่างเปล่า

หยาดน้ำตาใสไหลรินออกจากดวงตา ผมไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองยืนอยู่ตรงนั้นนานแค่ไหนแล้ว หัวใจของผมมันเหนื่อยล้า และเจ็บปวด ความผิดหวังเสียใจทำให้ผมอ่อนล้าเหลือเกิน

ผมยืนอยู่อีกสักพัก และเพิ่งรู้สึกตัว ว่าผมควรจะพอได้แล้ว กับเรื่องโง่ๆ แบบนี้ ความพร่ามัวในดวงตาทำให้ผมมองเห็นภาพตรงหน้าได้ไม่ค่อยชัดนัก ผมยกแขนเสื้อขึ้น เช็ดน้ำตาที่ทำท่าว่าจะไหลออกมา แต่เมื่อทำแบบนั้น ผมก็เพิ่งรู้สึกได้ถึงความเคลื่อนไหวตรงหน้า

ผมค่อยๆ ยกแขนลงช้าๆ และมองสิ่งๆ หนึ่งที่ยื่นมาหา ผ้าเช็ดหน้าสีขาวบนมือของคนคนหนึ่ง คนที่สวมหน้ากากเอาไว้

"ข.ขอบคุณครับ" ผมชะงักเล็กน้อย แต่ก็ยื่นมือไปรับผ้าเช็ดหน้าผืนนั้น

ตอนนี้รอบๆ ตัวของผมไม่มีผู้คนเบียดเสียด คงเพราะดนตรีหยุดเล่นนานแล้ว นี่ผมยืนทำอะไรอยู่ตรงนี้ตั้งนานสองนานกันนะ

"คือ ผ้าเช็ดหน้านี่ ผมจะซักแล้วเอามาคืนให้นะครับ" ผมพูดบอกคุณหมาป่าที่ยังคงยืนอยู่ตรงหน้าผม เหมือนกำลังจ้องมองผมอยู่ อาจเป็นเพราะว่า เขาไม่เข้าใจภาษาที่ผมพูดก็ได้

"I will give you back next time" ผมพูดและทำท่ายื่นผ้าเช็ดหน้าคืนให้เขา ผมคิดว่าเขาน่าจะเข้าใจ

"พรุ่งนี้ คุณจะมาอีกไหม" ผมพูดและก็ต้องผิดหวังทันทีที่คนตรงหน้าส่ายหัวปฏิเสธ แต่ผมก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่า พรุ่งนี้ผมก็ไม่ว่างเช่นกัน

"งั้น เอาไว้เจอกัน..." ผมที่กำลังจะบอกลาแล้วนั้น ก็ต้องรู้สึกอึ้งอีกครั้งทันที เพราะว่ามือของผมในตอนนี้ถูกจับเอาไว้ และถูกดึงให้เดินตามคนตรงหน้าไป

คุณหมาป่าดึงผมไปที่ม้านั่งตัวหนึ่งด้านหน้าพุ่มดอกไม้ ตัวของเขานั่งลง และดึงผมให้นั่งลงที่ตักของเขา

"เดี๋ยวๆ ก่อนครับ..." ผมตัวแข็งทื่อทันทีด้วยความตกใจ แต่ดูเหมือนแม้ผมจะพูดอะไร คนคนนี้ก็คงไม่เข้าใจอยู่ดี โชคยังดีที่ ที่นั่งตรงนี้ค่อนข้างอยู่ในมุมที่มีต้นไม้บังสูงเลยไม่สะดุดตาคนที่เดินผ่านไปมามากนัก

"คือ ให้ผมนั่งข้างๆ ก็ได้..."

เหมือนกับเสียงของผมเป็นเสียงนกเสียงกา คุณหมาป่าหยิบกีต้าร์ที่วางอยู่ข้างตัวขึ้นมา และวางลงที่บนหน้าขาของผม จับมือผมให้วางลงบนสายของกีต้าร์

"คุณ อยากสอนผมเหรอ" ผมพูดถามเบาๆ ด้วยใบหน้าร้อนฉ่า รู้สึกตัวเล็กลงทุกทีที่นั่งอยู่ตรงนี้ ช่างเป็นคนที่ตัวสูงใหญ่ และที่สำคัญที่สุด กลิ่นหอม กลิ่นที่เหมือนกับ...

ผมยิ้มเศร้าๆ ให้กับความคิดนั้น ถ้าหากบอกผมว่าพรุ่งนี้โลกกำลังจะแตกสลาย ผมคงจะคิดว่ามันเป็นไปได้มากกว่าสิ่งที่ผมกำลังคิดอยู่

ลมหายใจร้อนที่เป่าลดลำคอของผม บวกกับขนยาวๆ ของหน้ากากที่ระไปมาที่หลังคอ ทุกสิ่งล้วนทำให้ผมเริ่มหลุดขำและยุกยิกไปมามากขึ้นทุกที

"ขอโทษครับ ผมจักกี้ไปหมดเลย คุณถอดหน้ากากออกก่อนได้ไหม" ผมพูดและเอี้ยวคอไปจ้องมองด้านหลัง ตอนนี้ผมรู้สึกแปลกๆ มากขึ้นทุกที มันแบบว่า เหมือนว่าผมกับลังถูกกอดอยู่เลย

แต่คำพูดของผมก็ดูจะไม่เป็นผล และยิ่งรู้สึกเหมือนคนด้านหลังกระชับกีตาร์เข้ามามากขึ้น ทำให้พวกเราแนบชิดสนิทกันมากขึ้น คุณหมาป่าเริ่มเลื่อนมือไปตามคอร์ดของกีตาร์นั้น และเริ่มฮัมเพลงเบาๆ ที่ข้างหูของผม ถึงแม้ว่าจะได้ยินแต่ท่วงทำนอง แต่ผมก็มั่นใจว่า มันคือ...เพลงรัก อย่างแน่นอน

​​
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-03-2020 17:08:24 โดย Gloomy Sunday »

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

welcome back

คุณนักดนตรีหมาป่า  น่าจะเป็นอิพี่หมอก  ใช่ป่ะ?

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
หนีหมอกไม่พ้นแน่นอน   :hao4:

ออฟไลน์ tasteurr

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 573
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
อ่านรวดเดียว25ตอนเลยค่ะ มันหยุดอ่านไม่ได้จริงๆ คาใจมากว่าอินจะทำยังไงต่อไป สรุปได้ว่าจนตอนนี้แล้วอินก็ยังคงคาแร็คเตอร์เป็นยัยลูกขัดใจแม่เหมือนเดิม อ่านแล้วมันแบบ โอ๊ย ยัยอิน อยากจับมาสั่งสอนนัก
ห่างจากหมอกแล้วยังจะไปแนบชิดกับนายหมาป่านั่นอีก เห็นทีจะมีแค่เปอร์นั่นแหละที่อินจะขัดใจ ไม่ยอมทำตาม เข้าใจเปอร์เลยที่บอกว่าอินทำเหมือนว่าไม่ได้เป็นแฟนกัน คืออินชอบ'ความรักความใส่ใจ'ที่เปอร์ให้ตัวเอง แต่ไม่เคยสนใจเปอร์เลย
เพราะอินเป็นแบบนี้ เราก็เลยค่อนข้างจะไบแอสเปอร์ ถึงตอนนี้จะรู้จักเปอร์แค่จากมุมของอินอย่างเดียว แต่มุมนี้ของเปอร์มันก็เป็นมุมที่น่ารักแล้วก็ดูรักอินจริงๆ แต่มุมอื่นจะเป็นยังไงก็คงต้องรอดูกันต่อไป
จะรออ่านตอนต่อไปนะคะ  o8
 :pig4:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด