็(END)Hello there ว่าไงน้องหมวย มีน้องหมวยมาแจกค่ะ! 09/06/62
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ็(END)Hello there ว่าไงน้องหมวย มีน้องหมวยมาแจกค่ะ! 09/06/62  (อ่าน 38355 ครั้ง)

ออฟไลน์ Girin

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
(ต่อนะ)





                “เช็ดเบาๆหน่อยสิ”



                คนอายุน้อยกว่านั่งอยู่บนเตียงให้ผมยืนเช็ดผมให้ ทำหน้าบูดเพราะผมล้วงกุญแจนานไปหน่อย ไม่ทันได้โวยวายผมก็ไล่ให้ไปอาบน้ำ หน้าขาวๆมุ่ยลงจนผมอดแกล้งเช็ดผมแรงๆไม่ได้



                “พี่ยังไม่เคลียร์กับเราเลยนะ ทำไมพึ่งกลับครับ”



                “กลับนานแล้ว แต่รถมันติด”



                “คราวหลังก็โทรหาพี่ เดี๋ยวพี่ไปรับ”



                “พี่จะมารับผมทำไม”  เด็กโง่ นี่คือแกล้งไม่รู้ใช่ไหม



                “ที่พูดไปยังไม่ชัดเจนอีกหรอ”



                “.....”



                อีกฝ่ายตอบผมด้วยความเงียบ แต่การหลบตาก็เป็นคำตอบว่ารู้ชัดเจนดีแล้ว แต่บางทีเพราะระยะเวลาที่มันน้อยไปอาจทำให้น้องยังลังเลในความรู้สึกผม แต่เพราะผมรู้ตัวเองดี ความรู้สึกของผมไม่ได้รุนแรงถึงขั้นจะพูดว่ารัก แต่มันเป็นความรู้สึกพิเศษๆที่ผมไม่ได้รู้สึกกับใครง่ายๆ



                ถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้มากมายแต่ผมก็มั่นใจว่ามันจะอยู่ไปอีกนาน น้องทำให้ผมรู้สึกอยากปกป้อง อยากดูแล รู้สึกสนุกดีเวลาเห็นน้องมันเขิน แต่สำคัญเลยคือ มันคือคนที่ผมอยากจะแคร์



                “พี่แน่ใจหรอว่าพี่อยากอยู่กับผม”  คนตรงหน้าตอบผมทั้งที่ก้มหน้า ทั้งที่เมื่อกี๊ยังเงยหน้าโวยวายอยู่ แววตาสวยหม่นลง



                “น้องคิดว่าพี่เป็นคนยังไงละ คิดว่าคำพูดพี่เชื่อได้รึเปล่า”



                “....”



                “ว่าไง?”



                “เชื่อได้”



                ผมนั่งยองลงตรงหน้าอีกฝ่าย สบตาคนที่เอาแต่ก้มหน้า มือสองข้างของน้องบีบเข้าหากัน ผมเอื้อมมือไปจับมือน้องเบาๆ มือน้องเล็กกว่ามือผม  เขาเงยหน้าสบตาผม ฉายแววความกังวลบางอย่าง



                “คิดอะไรอยู่บอกพี่ได้ไหม”



                “ผมไม่คิดว่าผมจะอยู่กับพี่ได้”



                ผมตกใจเล็กน้อยกับคำพูดของคนตรงหน้า ผมเองก็กลัวการปฏิเสธของเขาอยู่เหมือนกัน  แววตากังวลเห็นได้ชัดว่าเขากำลังกลัว ผมไม่เข้าใจ ผมไม่รู้ว่าน้องหมายความว่ายังไง และผมไม่คิดว่าเป็นเรื่องความรู้สึกของผม เพราะผมคิดว่ามันชัดเจนดีแล้ว หรือเป็นเพราะน้องยังลังเลในความรู้สึกตัวเอง แต่ผมก็ไม่คิดว่าใช่ ถึงเขาจะไม่เคยพูดออกมา แต่ท่าทีไม่ปฏิเสธก็บอกว่าน้องคิดเหมือนกันกับผม และผมยิ่งแน่ใจเมื่อเขายอมให้ผมจับมือเอาไว้



                “ทำไมครับ ทำไมคิดแบบนั้น”



                “มัน มันพูดยาก” ท่าทางลำบากใจจนผมสงสาร  มือเล็กๆบีบเข้าหากันมากกว่าเดิมแสดงถึงความเครียดของปัญหาที่เจ้าตัวแบกไว้  จนผมต้องจับมือน้องแน่นขึ้น น้องพูดออกมาขณะที่มองมือตัวเองที่ผมกุมเอาไว้



                ดูเหมือนปัญหาจะใหญ่สำหรับน้องพอสมควร อาจจะเป็นปัญหาที่ผมกับเขาเป็นผู้ชาย แต่ผมก็ยังไม่แน่ใจเพราะว่าน้องเคยบอกว่ามีแฟนเป็นผู้ชายมาก่อน ผมเลยไม่คิดว่าน้องจะไม่โอเคกับเรื่องนี้ ผมจะไม่บีบคั้นเขา น้องยังเด็ก คงต้องให้เวลากันสักพัก สร้างความไว้ใจ ความเชื่อใจ รอจนมันมากพอที่เขาจะยอมเล่าปัญหาของเขาให้ผมฟัง  ตอนนี้น้องคงยังไม่พร้อมจะเล่า



                “ไม่เป็นไรนะไม่ต้องเครียด ยังไม่พร้อมก็ยังไม่ต้องเล่า โอเคมั้ย”



ผมบีบมือเล็กเบาๆ จนเขายอมคลายมือที่บีบกันแน่นออก



                “พี่รอได้ ไม่ต้องรีบ พี่ยังอยู่ตรงนี้อีกนาน”



                “พี่ไทม์” เสียงเรียกชื่อผมแผ่วเบา



                “ทุกปัญหา เราจะพยายามช่วยกันแก้  พี่ไม่อยากให้น้องปิดโอกาสกัน”



                “.....”



            “ลองเดินไปด้วยกันก่อนไหม ?”



                “.....”



                “ถ้าไม่ใช่เดี๋ยวพี่กลับมาส่งเอง”



                ผมมองเขาด้วยแววตาจริงใจ  เรียกร้องความเห็นใจเต็มที่ คนเราชีวิตมันสั้นนะครับ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่เราจะเจอคนที่อยากจะจริงจังด้วย และยังยากมากๆที่คนคนนั้นจะคิดตรงกันกับเรา  เพราะความรู้สึกมันไม่ได้เกิดกันง่ายๆ ผมไม่อยากให้มันเสียไปทั้งที่ยังไม่ได้ลองพยายามด้วยกัน ผมไม่รู้ว่าจะแก้ไขปัญหาที่น้องแบกไว้ได้ไหม แต่ถ้าน้องยอมเดินไปด้วยกัน ลองแก้ไขมันด้วยกัน ผมเชื่อว่ามันก็ต้องได้สักทางละวะ



                ผมยกยิ้มเมื่อเห็นความลังเลของน้องหมวย อย่างน้อยน้องก็ไม่ได้แน่วแน่จะปฏิเสธกัน



                “ผมขอเวลาหน่อยได้ไหม”



                “นานเท่าไหร่”



                “หลังมิดเทอม ผมสัญญาจะให้คำตอบ”



                “อีกสามอาทิตย์เลยนะ!”



                หลังมิดเทอม? อีกสามอาทิตย์? เอางั้นเลย นานมากเลยนะ นี่ไม่คิดว่าพี่จะแดดิ้นบ้างเลยหรอ



                “สามอาทิตย์เอง” น้องมันมองหน้าผมด้วยท่าทีไม่เดือดร้อนอะไร



                เรามาพิจารณาทางเลือกของผมกัน สมมติว่าผมไม่ยอมรับข้อเสนอนี้ น้องก็ดูเหมือนไม่น่าจะรั้งผมเอาไว้ คงยอมปล่อยผมไป  ดูท่าทางไม่ใช่สายตื้อ ออกแนวเฝ้าห่างๆอย่างห่วงๆมากกว่า ซึ่งผมไม่ได้อยากได้แบบนั้น คิดตรงกันแล้วจะมาทำตัวแอบรักให้เสียเวลาทำไมวะ ตัดทิ้งๆไม่เอาอันนี้



                แล้วสมมติว่าผมต่อรอง อาจจะสักอาทิตย์นึงน้องมันจะยอมหรอวะ อีกอย่างพออาทิตย์ที่สองก็ต้องเตรียมสอบอีก น้องมันจะเครียดเปล่าๆ ไม่เอาไม่อยากให้น้องมีผมหงอก หรืออีกสองอาทิตย์ มันก็เข้าสัปดาห์มิดเทอมอีก หนักกว่าเดิม มิดเทอมมหาลัย นี่ไม่อะไรต่างจาก Infinity war



                นี่คือต้องยอมใช่ไหม สามวันได้ไหมอะหมวย



                “น้องหมวย ลดเหลือสามวันไม่ได้หรอ สามอาทิตย์โคตรนานเลยนะครับ”



                “พี่บอกรอได้”



                สัด ไม่น่าทำหล่อเลย เด็กมันร้าย เหมือนกะเวลามาแล้ว โอเคยอม



                “โอเค สามอาทิตย์ก็สามอาทิตย์”



                พอผมรับปาก อีกฝ่ายก็ยิ้มออก หมั่นไส้ เมื่อกี้ยังทำหน้าหงอย มันน่าบีบให้แก้มหลุด ไวเท่าความคิดผมก็หยิกแก้มอีกฝ่ายด้วยสองมือ ยกยิ้มเจ้าเล่ห์จนคนตัวเล็กกว่าพยายามดึงมือผมออก กลายเป็นว่าน้องจับมือผมอยู่  จับเลยๆพี่เต็มใจสุดๆ



                “แต่พี่มีข้อแม้”



                “ว่าแล้ว พี่ไม่น่ายอมง่ายๆ” น้องบอกพร้อมทำหน้าระอาใส่ --



                “ข้อแรก พี่จะมาส่งที่หอ”



                “ไม่เอา  ปีสามนี่ว่างมากนักรึไง” ผมสนใจเสียงคัดค้านเดินหน้าพูดต่อ



                “ข้อสอง ห้ามหาย ไลน์ไปต้องตอบ โทรไปก็ต้องรับ”



                “เห้ย เดี๋ยว”



                “แล้วก็ข้อสาม”



                “เดี๋ยวดิ พะ..............อื้อ”



                ผมยืดตัวเพื่อประกบริมฝีปากนุ่มนิ่ม กลืนเสียงโวยวายลงคอ มือที่บีบแก้มเปลี่ยนเป็นประคองหน้าไว้ มือน้องที่จับมือผมเอาไว้เปลี่ยนไปวางไว้ผมแผงอกของผม ดันผมเบาๆเมื่อผมบดเบียดจูบมากขึ้น ควานหาลิ้นในโพรงปาก ไล้ชิมความหวานไปจนทั่ว ดูดคลึงริมฝีปากล่างเบาๆเชิงหยอกเย้า ทิ้งจังหวะให้หายใจก่อนจะกดหนักๆลงไปอีกครั้ง อีกครั้งและอีกครั้งราวกับโหยหาย  ปรับเปลี่ยนองศาไปมา สำรวจ เก็บเกี่ยวจากอีกฝ่ายจน น้องทุบไหล่ผมประท้วงจนผมยอมผละออก



                จูบครั้งที่สามของเรายาวนานพอให้อีกคนหายใจหอบหนักหน่วง ไม่รู้ตัวเลยว่าผมเผลอคร่อมอีกฝ่ายบนเตียงตั้งแต่เมื่อไหร่ แถมยังไปล้วงเสื้อเขาอีก ผมถอนมือที่ไล้ผิวเนียนอย่างนึกเสียดาย  สบตาปรือของคนใต้ล่าง จูบหอมหวานที่อยากตักตวงให้นานกว่านี้ ทำให้ผมรู้สึกค้างคา ยิ่งพอเห็นหน้าแดงๆของอีกคน แถมยังอยู่ในท่าล่อแหลม สติของผมก็เริ่มเตลิดไปไกล ผมก็คิดได้ว่าผมควรจะกลับซะที



                ให้ตาย ตั้งใจว่าจะ หาเรื่องค้างด้วยแท้ๆเลยเนี่ย



                “คือ คือพี่” มึงจะสะดุดทำไม เดี๋ยวน้องมันรู้ ไทม์น้อยเย็นไว้ก่อนลูก



                ผมรีบลงจากเตียง น้องมันเหมือนพึ่งตั้งสติได้ ก็เด้งตัวนั่ง หน้าแดงหูแดง ปากเจ่อ หน้าตาตกใจ ทำไมมันน่ารักแบบนี้วะ 



                “ฝนซาแล้ว งั้นพี่กลับก่อนนะ”



                ทิ้งไว้แค่นั้นก่อนจะรีบออกจากห้อง ทิ้งเจ้าของห้องนั่งเอ๋ออยู่บนเตียงคนเดียว

               

 

 

 

 

 

 







ลูกอิณ

                “แจ๊บบอกว่ามึงไม่ยอมตอบไลน์มัน”



                “ก็ ก็เมื่อคืนไม่ว่าง”



                “ทำอะไรอยู่”



                “หลับ จะถามทำไมเนี่ย”



                “กุก็แค่ถามเฉยๆมึงจะหูแดงทำไม มีอะไรใช่ไหม เล่ามาเดี๋ยวนี้”



                “มะ ไม่มี๊ ไม่มีอะไร ถอยไปเลยมึง”



                โดนสอบสวนแต่เช้าเลย ผมนอนไม่หลับทั้งคืนคิดแต่เรื่องพี่มัน ไอ้คำว่าอยากอยู่ด้วยเนี่ย ผมไม่สามารถเอามันออกไปจากหัวได้ มันดังซ้ำไปมาเหมือนจะย้ำว่านี่เรื่องจริง ผมพึ่งยอมรับ เซ็นอนุมัติกับตัวเองได้เมื่อวานว่าผมชอบพี่มัน หัวใจผมก็ทำงานหนักหน่วงต่อเนื่องเมื่อพี่ไทม์หาผมถึงหน้าห้อง แถมยังจูบนานมากๆด้วย



                รู้สึกตัวจะแตก



                “เฮ้อ มึงจะปิดกุอีกนานไหม จะยอมเล่าดีๆได้ยัง”



                “มึงรู้แล้วหรอวะ”



                “คิดว่าแจ๊บรักมึงแค่ไหนละ มึงคิดว่ามันจะยอมปิดเรื่องที่มึงทำไว้ที่เชียงใหม่หรอ”



                “เพื่อนเหี้ย”  - -



                “กุว่าแล้ว พี่ไทม์แม่งชอบมองแปลก”



                “แปลกยังไง”



                “เหมือนจะแดกมึง” กุก็อยากแดกเขาอยู่เผื่อมึงอยากรู้ อันนี้ผมพูดในใจ



                “ดูออกขนาดนั้นเลย”



                “เออดิ แล้วมึงเอายังไง ชอบเขารึเปล่า”



                “.....”



                กุเขินเกินกว่าจะพูดคำนี้วะก่อเกียรติ ผมเงียบ เพราะรู้อยู่แล้วว่าอีกคนมันรู้ทัน ฉลาดแต่เรื่องกุนะมึง เรื่องตัวเองไม่เคยเอาตัวรอด



                “เงียบแบบนี้แสดงว่าชอบใช่ไหม”



                “เออ”



                “แน่ะมีเขิน เบื่อวะ พี่ไทม์แม่งหล่อมากเลยนะ ทำไมลดตัวมาสนใจมึงวะ”



                “นี่กุเพื่อนมึงนะ เผื่อมึงลืม ช่วยทีมกุหน่อย”



                ผมเถียงกับมันสักพักก่อนจะเข้าเรียน โทรศัพท์ผมสั่นก็จะเห็นแจ้งเตือนว่าพี่ฝ่ายกีฬาโพสข้อความในกลุ่ม

 

Prim Chananun

 ตั้งแต่วันนี้และอาทิตย์หน้าทั้งอาทิตย์จะเริ่มการซ้อมกีฬา โดยจะหยุดซ้อมในสัปดาห์ก่อนสอบมิดเทอมและสัปดาห์มิดเทอม ขอให้น้องๆทุกคนมาซ้อมกีฬาแต่ละประเภทตามที่ลงชื่อไว้ ตั้งแต่เวลา 17.00 น.-20.00 น. ด้วยนะคะ

 



ซ้อมแค่เกือบสองอาทิตย์จะซ้อมทำไมวะ แอบอิจฉาฝ่ายสวัสดิการข้างๆที่แค่แบบน้ำแบกขนม ผมกดปิดโทรศัพท์ก่อนจะหันมาสนใจบทเรียน แต่หน้าจอก็แสดงข้อความของใครบางคนที่มาหาผมเมื่อคืน



Time_hatsawat

                สองทุ่มพี่ไปรับที่สนามบอลนะ



บอกตรงๆว่าหัวใจไม่แข็งแรงพอจะเจอหน้าตอนนี้เลย

 

               







*************************

#พี่ไทม์น้องหมวย

มาดึกๆเช่นเคย

ตอนหน้าเราจะมาเฉลยว่าปัญหาของน้องมันคืออะไร จริงๆเราว่าทุกคนก็พอจะเดากันได้แล้วและ เพราะฉะนั้นก็อย่าลืมมาติดตามตอนต่อไปกันนะคะ

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2590
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ catka12

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 578
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
 :hao7:....ชอบมากกกก....   :hao7: ชอบตอนที่บอกว่า...”ถ้าไม่ใช่เดี๋ยวพี่เดินกลับมาส่งเอง” .... หวาน....ซึ้ง....ละมุน....แอบเศร้านิดๆ... ขอให้อย่าดราม่าเลยยยย...ใจเราบางมากกกกก  :call:

ออฟไลน์ uyong

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
พี่ไทม์ ทำใจน้องละลายแล้วว

ออฟไลน์ Girin

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1

             




  “แม่หวัดดีครับ”



                “มาแล้วหรอ ไปช่วยยกของในครัวหน่อยไป”



                “ครับแม่”



                บ้านของผมเป็นร้านอาหาร ถือเป็นร้านขึ้นชื่อในจังหวัด หลังจากพ่อกับแม่ผมแยกทางกัน ผมก็อยู่กับแม่และส่วนพ่อ เขาไม่ติดต่อกลับมาอีกเลย ร้านอาหารเป็นร้านของลุงอิท พี่ชายของแม่กับป้าพิน แฟนของลุงอิท ลุงมีลูกชายคนนึง อายุน้อยกว่าผมปีนึง ชื่อ พีท



                เพราะร้านอาหารค่อนข้างเป็นที่รู้จัก คนเลยแน่นแทบทุกคน โดยเฉพาะเสาร์อาทิตย์ ซึ่งร้านจะปิดในวันจันทร์ หน้าที่ของผมคือเป็นแทบทุกตำแหน่งในร้านยกเว้นพ่อครัว เป็นทุกอย่างจริงๆครับ ตั้งแต่ล้างชามยันทำบัญชี ผมเป็นคนมีความสามารถเห็นไหมครับ



                ผมวางกระเป๋าแล้วเดินเข้ามาในครัวที่กำลังวุ่นวายได้ที่ ช่วยยกนู่นนี่นั่น แทบไม่มีใครสังเกตเห็นว่าผมเดินเข้ามา ยกของเสร็จผมก็ใส่ผ้ากันเปื้อน ยกอาหารไปเสิร์ฟที่โต๊ะ พออีกโต๊ะเรียกคิดเงิน ผมก็เดินไปเช็คบิล พอคนล้างจานเข้าห้องน้ำ ผมก็เข้าไปล้างแทน เรียกได้ว่าเป็นทุกอย่างให้เธอแล้ว



                แต่มันก็สนุกดีนะครับ



                จะไม่สนุกก็ตรงที่.....





                “อาหารจานนั้นมันไหม้แกเห็นไหม ยกไปเสิร์ฟได้ยังไง”



                “ขอโทษครับป้า อิณไม่ทันได้ดู”



                “เลี้ยงเสียข้าวสุกจริงๆนะแก ทำงานให้คุ้มกับเงินที่แกผลาญหน่อย”



                ป้าพินจะประจำอยู่ในครัว คอยดูแลเรื่องของอาหาร ใช่ครับ เขาไม่ค่อยชอบผมเท่าไหร่ ไม่มีหรอกครับแบบว่า ยินดีต้อนรับกลับบ้านนะอิณ และผมชินกับมันแล้ว



                “ล้างจานเสร็จแล้วไปยกของลงจากรถด้วย”



                “ครับ”



                แม่ผมจะทำงานอยู่ที่เคาน์เตอร์หน้าร้าน ส่วนลุงอิทจะอยู่ที่ชั้นสอง คอยสั่งของ โทรเช็คของ ก็งานเจ้าของร้านน่ะครับ ป้าพินแกทำอาหารเก่งแกเลยต้องคอยประจำในครัว ส่วนลูกชายแก เสาร์อาทิตย์ก็ไปเรียนพิเศษตามสไตล์เด็กมอหกนั่นแหละครับ



                เพราะเสาร์อาทิตย์นี้ลูกจ้างลา 2 คน แม่ผมถึงได้โทรตามให้มาช่วยที่ร้าน ผมทำงานจนร้านปิด ก็ประมาณสี่ทุ่มกว่าๆ กว่าจะเก็บร้าน ทำความสะอาด ทำบัญชีก็ประมาณเที่ยงคืน พีทกลับมาพอดี ตอนที่ผมนั่งทำบัญชี



                “ทำไมพึ่งกลับพีท แม่โทรหาตั้งกี่สาย! ทำไมไม่รับโทรศัพท์”



                “พีทเปิดสั่นไว้ไงแม่ พีทก็กลับมาแล้วนี่ไง จะอะไรนักหนา!”



                 “ขึ้นเสียงกับแม่หรอพีท!”



                ช่วงนี้ พีทมันกลับบ้านดึกบ่อย ผมเองก็ไม่ได้สนิทอะไรกับน้องมันขนาดนั้น แต่ผมก็พอเข้าใจ ลุงกับป้ากดดันมันหนักกับเรื่องมหาลัย บังคับเรียนพิเศษตลอด ผมก็ไม่แปลกใจหรอก ถ้าน้องมันจะหนีเที่ยวบ้าง กลับบ้านดึกดื่น เรียนที่โรงเรียนก็หนักพอแล้ว นี่วันหยุดยังต้องตื่นเช้าไปเรียนพิเศษอีก



                ผมเองก็เคยเป็น แต่ผมอยู่คนเดียวไง กลับกี่โมงก็ได้



                ผมก็สงสารมันอยู่หรอกนะ ถ้าไม่ติดว่าไอ้เด็กโข่งที่ตัวใหญ่กว่าผม คือคนที่ทำให้ผมเดือดร้อน



                “เอะอะอะไรกัน”



                “คุณ! ไม่มีอะไร คุณขึ้นไปทำงานต่อเถอะ” ป้าพินรีบห้ามลุงอิทที่จะเข้าร่วมวง เพราะแกเป็นคนหัวร้อนง่าย แต่ลงยาก



                “นี่แกกลับบ้านดึกอีกแล้วเหรอหะ  นี่ไม่ได้ไปเรียนพิเศษอีกแล้วใช่ไหม!”



                “พ่อกับแม่จะอะไรกับพีทนักหนา พีทก็กลับมาแล้วนี่ไง จะเอาอะไรอีก”



                “ฉันโทรไปเช็คที่สอนพิเศษมาเมื่อวาน  เขาบอกว่าแกขาดเรียน มาเดือนนึงแล้ว ฉันส่งเสียให้แกเรียน อยากให้แกเข้ามหาลัยดีๆ ทำไมแกชอบทำตัวเหลวไหล”



                “พีทก็แค่ไปเที่ยวกับเพื่อน”



                “ทำไมทำตัวแบบนี้! ฉันไม่เคยสอนให้แกทำตัวเหมือนไอ้ตุ๊ดนั่น”



                ลุงอิทตะคอกเสียงดังแล้วหันมามองหน้าผม ผมมาอยู่ที่นี่ตั้งแต่ม.สาม การทนอยู่ที่นี่ไม่ได้แย่อะไรมาก พวกเขาไม่ค่อยได้สนใจผม ไม่ใช่ครอบครัวสุขสันต์ ออกจะต่างคนต่างอยู่มากกว่า



                พีทกับผมอยู่โรงเรียนเดียวกัน และเหตุผลที่ผมเลือกจะย้ายออกไปอยู่คนเดียว เป็นเพราะผมมีแฟนคนแรกเป็นผู้ชาย ผมไม่เคยมองว่ามันเป็นเรื่องใหญ่ และคิดว่าแม่ของผมกับคนอื่นก็คงไม่ได้ว่าหรือสนใจอะไร



                แต่มันก็ผิดไปจากที่ผมคิดไว้  พีทเอาเรื่องนี้ไปฟ้องป้าพิน และในวันนั้นที่ผมกลับบ้าน แม่ผมร้องไห้ ลุงกับป้าพวกเขาทำท่าทางรังเกียจ อะไรที่มันไม่ได้ดีมาตั้งแต่ต้น กลายเป็นว่ามันแย่กว่าเดิม แม่ไม่โอเคกับสิ่งที่ผมเป็น ผมเห็นชัดว่าเขาผิดหวัง



                มันจะไม่เป็นไรเลยถ้าอย่างน้อยครอบครัวยังเข้าใจคุณ





                แต่มันไม่ใช่





                ไม่ใช่ทุกครอบครัวที่พร้อมอยู่ข้างคุณ



                ผมรู้สึกผิดเกินกว่าจะคบต่อ สุดท้ายก็เลิกกัน ผมเกเรไปพักนึงเลย พอตั้งหลักได้ ผมก็ตั้งใจสอบให้ได้โรงเรียนม.ปลาย ที่มันไกลๆ ยังดีที่มันเป็นโรงเรียนดัง สอบเข้ายาก แม่เลยให้ผมย้ายออกมาอยู่คนเดียว



                ผมยังเข้ามาช่วยงานที่ร้านอยู่เรื่อยๆ อย่างน้อยแม่ก็ทำงานที่นี่ ส่งเสียผมเรียน ผมก็ทำตามหน้าที่ แต่ดูเหมือนยังไงเขาก็ตัดสินผมไปแล้ว



                สิ่งที่ผมเสียใจคือ แม่เองก็ตัดสินผมและขอให้ผมเปลี่ยนเหมือนกัน



                พ่อกับแม่ผมรีบไปหน่อยตอนมีผม พวกเขายังเรียนไม่จบ ปัญหาเลยกลายเป็นว่าผมคือความผิดพลาด มันอาจเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ว่าทำไมในตอนนี้เขารับไม่ได้กับสิ่งที่ผมเป็น ซึ่งผมโทษเขาไม่ได้ในเรื่องนี้



                ผมกลายเป็นคนผิด



                โดยที่ผมไม่รู้ว่าตัวเองผิดอะไร





                “พี่อิทพอเหอะ พีทมันยังเด็ก ให้มันไปเที่ยวเล่นบ้างเถอะพี่”



                “ฉันไม่ยอมให้พีทมันทำตัวเหมือนลูกแกหรอกนะ เพราะมันไม่ใช่รึไง แกถึงต้องเอาเงินเดือนตัวเองส่งเสียมันจนทุกวันนี้ เป็นไงละ สุดท้ายก็ต้องแบกหน้ามายืมฉัน เพราะเงินไม่พอ หึ”



                     “พี่จะขุดเรื่องเก่าให้มันได้อะไรขึ้นมา!”



                “แล้วแกจะทำไม! เพราะไอ้ตุ๊ดลูกแก ลูกฉันถึงได้เหลวไหล”



                “พี่จะมาโทษอิณมันได้ยังไง”



                “แม่ ใจเย็นก่อน”



                ผมบอกแม่ตัวเอง ผมรู้ว่าเถียงยังไงก็ไม่ชนะ การที่พีทกลับดึกเพราะไปเที่ยวกับเพื่อน มันไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับผมเลย ผมไม่เข้าใจจริงๆว่า ลุงเขาคิดแบบนั้นได้ยังไง



                “ไอ้เด็กเวร อย่ามาแส่!”



                ผมถูกผลักอย่างแรงจนกระเด็น ไหล่ของผมถูกกระแทก ผมรู้สึกร้าวไปทั้งตัว แผลเก่ายังไม่ทันหาย มันเป็นแบบนี้มาสักพักแล้ว โมโหทีไรก็ใช้กำลังทุกที และยิ่งช่วงนี้ทะเลาะกับพีทบ่อยๆจนบางครั้งก็ถึงขั้นต่อยลูกชายตัวเอง หลายครั้งที่ผมคือคนห้าม แต่ซวยเอง



                หาเรื่องใส่ตัวชัดๆ แต่ทำไงได้ ผมเป็นพี่ จะให้ผมทนดูน้องมันโดนพ่อตัวเองทำร้ายได้ไง เรื่องของสองพ่อลูกมันเป็นแบบนี้มาสักพักแล้ว แต่ก่อนลุงแกไม่ได้เกรี้ยวกราดขนาดนี้  มันพึ่งเป็นช่วงที่พีทมันทำตัวเหลวไหล แต่ก่อนอย่างมากก็ตะคอกใส่กัน



                “พ่ออย่าพาลดิ!” พีทเอาตัวมาขวางลุงอิท ที่ทำท่าจะพุ่งเข้าใส่ผมอีก



                “แกนั่นแหละ จะทำตัวแบบนี้อีกนานไหม”



                “พ่อ นี่ชีวิตพีทนะ พีทโตแล้ว”



                แม่ผมเดินมาดูผมที่ยังนั่งมึนอยู่ รู้สึกชาที่ไหล่ นี่ถ้าช้ำเพิ่ม ผมคงต้องโดนพี่ไทม์ดุอีกแน่ๆ



                “เจ็บรึเปล่าอิณ”



                “อิณไม่เป็นไร”



                “ขึ้นไปข้างบนไป”



                “แม่ แม่ติดเงินลุงอยู่เท่าไหร่ ทำไมไม่บอกอิณ”



                “มันไม่เกี่ยวกับแก”



                “ก็แม่ยืมเขามาจ่ายค่าเทอมอิณไม่ใช่รึไง”



                “แกจะถามทำไม มีปัญญาเอามาคืนเหรอหะ”  แม่พูดกลับผมด้วยน้ำเสียงจริงจัง



                “งั้นแม่ไม่ต้องส่งเงินให้อิณแล้ว ค่าเทอมกับค่าอยู่เดี๋ยวอินจ่ายเอง”  ที่จริงผมคิดเรื่องนี้มานานแล้ว ตั้งแต่ตอนม.ปลาย แต่มันไม่สะดวก และอายุผมไม่ถึง งานพาร์ทไทม์แถวโรงเรียนก็ไม่ค่อยมี ม.หก นี่อย่าหวัง ชีวิตวุ่นวายไปหมดกับเรื่องมหาลัย



                ผมมีเงินเก็บช่วงที่ทำงานตอนปิดเทอมก่อนขึ้นมหาลัยอยู่บ้าง ผมสามารถอยู่ได้สบายระหว่างหางานใหม่



                ผมไม่ให้แม่เดือดร้อน ผมไม่อยากเป็นหนี้บุญคุณกับครอบครัวของพี่ชายแม่อีก



                “ส่วนหนี้ของลุง อิณใช้ให้เอง”



                “อย่างแกเนี่ยนะ จะมีปัญญาหาเลี้ยงตัวเอง แกจะไปทำอะไรได้ จะไปขายตัวให้ผู้ชายรึไง”



                “แม่!”



                “ถ้าแกไม่เป็นเกย์ เขาก็คงไม่รังเกียจแกขนาดนี้หรอก รู้ตัวไหมว่าชีวิตฉันลำบากแค่ไหนตั้งแต่แกเกิดมา”



                      “.........”



                “เพราะฉันต้องรับผิดชอบแกไม่ใช่รึไง ถึงต้องบากหน้าไปยืมเงินเขา ถ้ารู้ว่าแกจะกลายเป็นพวกผิดปกติแบบนี้ ฉันคงเลือกอนาคตตัวเองแทนที่จะให้แกเกิดมา”



                ผมรู้สึกเหมือนกำลังจมน้ำ หายใจติดขัด แผลที่เคยเจ็บมันชาจนไม่รู้สึกอะไร ไม่ใช่ครั้งแรกที่ได้ยิน และผมเสียใจทุกครั้งที่แม่พูดมันออกมา



                     บอกไม่ถูกเหมือนกัน



                แต่มันโคตรเสียใจเลย ที่เพื่อนคอยอยู่ข้างตัวผม ยอมรับตัวผม มากกว่าครอบครัวของผมเอง



                “อิณมีเงินเก็บ อิณจะทำงาน แม่ไม่ต้องลำบากส่งอิณแล้ว พรุ่งนี้อิณคงไม่ได้อยู่ช่วยนะ ฝากขอโทษลุงอิทด้วยแล้วกัน”



                ผมทิ้งไว้แค่นั้นก่อนลุกแล้วคว้ากระเป๋า เดินออกมา ไม่ได้สนใจเสียงลุงอิทที่กำลังยืนทะเลาะกับพีท โดยมีป้าพินยืนห้ามอยู่ ไม่ได้สนใจเสียงด่าทอที่ตะโกนตามมา ไม่ได้สนใจว่าแม่ทำหน้ายังไงตอนที่ผมพูดแบบนั้นออกไป



                ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองทำถูกไหม แต่คิดว่าพวกเขาคงไม่เดือดร้อนหรือสนใจอะไร  กับการที่ผมเดินออกมา หรือแม้กระทั่งผมหายไป ผมยัดความรู้สึกทุกอย่างที่เอ่อล้นไว้ในใจ ผมเสียใจมากนะ แต่ก็ไม่รู้สึกอยากจะร้องไห้ บางทีผมอาจจะชินแล้ว



                ผมยังคงเดินไปเรื่อยๆดึกป่านนี้รถตู้คงหมดแล้ว ไม่ต้องถามถึงรถเมล์ ถ้าอาร์มมันอยู่ผมก็คงโทรให้มันมารับ แต่นี่มันอยู่เชียงใหม่ ผมไม่อยากโทรหาก่อเกียรติ เพราะมันคงรีบขึ้นแท็กซี่มาผม และผมไม่อยากให้มันนั่งมาคนเดียว ที่นี่ก็ไม่ใช่ใกล้ๆ



ผมนั่งรอที่ป้ายรถเมลล์อาจจะโชคดีเจอแท็กซี่สักคัน แต่สำหรับที่นี่ แท็กซี่เป็นอะไรที่ค่อนข้างแรร์ไอเทม



                ผมเลื่อนเบอร์โทรในมือถือ จนหยุดอยู่ที่ชื่อพี่ไทม์



                ‘คุณเวลา’



                เป็นชื่อที่ผมเมมเอาไว้ในโทรศัพท์ ตั้งแต่วันนั้น เราก็คุยกันตลอด พี่มันมารับมาส่ง มากินข้าวเย็นด้วย แทบจะทุกวันเลยก็ว่าได้



                ผมไม่ได้สนใจว่าตัวเองจะชอบเพศไหน ผมไม่สนว่าคนจะมองว่าการที่ผู้ชายรักกัน ชอบกันเป็นเรื่องผิดปกติ มันก็แค่คนสองคนที่มีความรู้สึกดี ความหวังดีให้กัน มันยากนะครับการที่เราจะเจอใครสักคนที่ทำให้เรารู้สึก  1 ในกี่พันล้านคนบนโลก ทำไมผมต้องปล่อยเขาไปเพียงเพราะ คนอื่นมองว่ามันผิดปกติ



                ผมไม่สนว่าที่บ้านจะมองยังไง ผมไม่สนว่าแม่จะยอมรับในตัวผมไม่ได้ สุดท้ายแล้วครอบครัวก็ไม่ได้อยู่ข้างผมอยู่ดี ผมจะพยายามเปลี่ยนเพื่อพวกเขาไปทำไม ทั้งที่ผมก็ยังเป็นผมคนเดิม ผมยังรักแม่ ผมไม่ได้ทำร้ายใคร



                ตอนที่ผมรู้ว่าตัวเองชอบพี่ไทม์ ผมกังวลว่าเขาจะรับไม่ได้กับตัวผม กับความคิด กับครอบครัวของผม เลยตัดสินใจยืดเวลาออกไป อย่างน้อยก็ให้เขาได้เรียนรู้อีกนิด และผมหวังจริงๆว่าสามอาทิตย์จะเพียงพอให้เขายอมรับในตัวผม



                จะตีหนึ่งแล้ว พี่ไทม์ไลน์บอกผมตั้งแต่ห้าทุ่มว่า ฝันดี ป่านนี้คงนอนไปแล้ว พี่มันทำรายงานหนักมาหลายวัน ไม่แปลกที่วันนี้จะนอนเร็ว ปกติเวลานี้คือตีดอทกันอยู่



บรรยากาศที่ป้ายรถเมล์ถือว่าหลอนใช้ได้ รอบข้างผมมืดสนิท มีแสงแค่จากเสาไฟและบ้านข้างๆ  บนถนนไม่มีผู้คนหรือรถสักคัน แย่กว่าเดิมตรงที่ ฝั่งตรงข้ามมันเป็นนาข้าว ที่โคตรมืด



                และเสือกมีจอมปลวก ผมก็ดันเสือกไปจำได้อีกว่าเคยฟังวิทยุรายการผี เป็นฉากตอนที่เล่าว่าเห็นจอมปลวกเป็นคน แล้วแม่งวิ่งมาหา



                     เชี่ยย



                ความจำดีอะไรตอนนี้วะ



                จากที่ลังเลว่าจะโทรหาพี่ไทม์ ผมว่าผมไม่แน่ใจแล้ว ไลน์ไปก่อนแล้วกัน พี่มันคงงงเพราะปกติคนที่จะถามนู่นนี่นั่นคือพี่มัน ส่วนผมหรอ กลายเป็นคนวางเฉย  เก็บแต้มความเขินอยู่ นี่น่าจะเอาไปแลกซื้อไอโฟนสิบได้ละ



 

InIn

            พี่ไทม์ นอนยังอะ




 

                ผมเกรงใจมันจริงๆนะ  แต่ผมหลอนว่ะ พยายามไม่มองจอมปลวกแล้วอะ แต่คือ ก็มองอยู่ดี ถ้ามันขยับนี่ผม ว่าผมกรี๊ดแน่ๆ



                เร็วเกินคาด พี่ไทม์แม่งตอบกลับมาเฉยเลย ผมไม่คิดว่ามันจะตอบนะเอาจริงๆ กะแบบถ้าอีกสิบนาทีไม่ตอบกุจะโทร แล้วนะ ถ้ามันงัวเงียมาด่าก็บอก ผมไลน์ไปแล้วพี่ไม่ตอบอะ



 

Time_Hatsawat

            พี่ลุกมาเข้าห้องน้ำ เรายังไม่นอนอีกหรอ

                มีอะไรหรือเปล่า?




 

                ยังไม่ทันได้พิมพ์ตอบ  โทรศัพท์ก็สั่นขึ้นมาซะก่อน ผมอมยิ้มก่อนจะกดรับสาย

 

                “ทำไมยังไม่นอน” เสียงงัวเงียที่พยายามทำจริงจัง ทำเอาผมหยุดยิ้มไม่ได้ แค่ได้ยินเสียงพี่มันผมก็ลืมจอมปลวกสยองขวัญไปแล้ว



                “พี่ปวดขี้ใช่ไหม ถึงได้ตื่นมาดึกดื่น” ผมถามเสียงกลั้วหัวเราะ



                “เปล่าครับ พี่คิดถึงน้องหมวยจนนอนไม่หลับตั้งหาก”



                “โม้ว่ะ เมื่อกี้บอกเข้าห้องน้ำ”



                “มีอะไรรึเปล่า จู่ๆทักพี่มาดึกดื่น พึ่งเก็บร้านเสร็จหรอ”



                “ไม่มีอะไร ก็แค่....”



                “.....”



                “ถามดู เผื่อพี่ยังไม่นอน ผมยังไม่ได้บอกฝันดี”



                ตอนแรกจะบอกว่าคิดถึง แต่ผมรู้สึกเขินเกินไป เราคุยกันเยอะขึ้นบ่อยขึ้นก็จริง แต่ผมก็ยังไม่ชินกับเสียงหล่อๆนี่สักที



                ผมมองรถสองคัน ที่ขับผ่านไประหว่างรอพี่มันตอบ จอมปลวกยังไม่ขยับ ถือว่าสถานการณ์ยังปกติดี



แล้วผมก็รู้สึกเกรงใจเกินกว่าจะบอกว่าอยากให้มารับ พี่มันพึ่งตื่น แล้วก็เหนื่อยสะสมมาหลายวัน ผมไม่อยากให้มันเหนื่อยไปกว่านี้อะ  มันควรจะได้พัก  จริงๆผมไม่ควรทักพี่มันไปเลยวะ



                แต่ดูเหมือนจะไม่ทัน



                “ทำไมมีเสียงรถ ไม่ได้อยู่ในบ้านหรอ?” เสือกฉลาดอีก



                     “ ไม่ใช่คือว่า....”



                “ว่า? น้องหมวยครับ ถ้าโกหกพี่โกรธนะ” ไม่ได้ให้ตัวเลือกใดๆแก่ตัวข้าเลย



                “ผมไม่ได้อยู่ในบ้าน ไม่ได้โกหกจริงๆนะ ห้ามโกรธนะ” กูแค่บอกไม่หมด



                “แล้วอยู่ไหนครับ?” พี่มันทำน้ำเสียงจริงจัง ไม่มีความงัวเงียแฝงอยู่



                “ผมอยู่ป้ายรถเมล์ ผมขอโทษครับ ที่ทักพี่ไปดึกๆดื่นๆ”



                “....”



                “แต่ว่า”



                “พูดมา”



                “พี่มารับผมได้ไหมครับ ผมไม่รู้จะโทรหาใครแล้วจริงๆ”



                ไม่มีเสียงตอบจากปลายสายในทันที จนผมรู้สึกใจเสีย ผมอาจจะขอมากไป บางทีผมควรจะนั่งรอจนกว่าแท็กซี่สักคันจะผ่านมา หรือไม่ก็รอรถเมล์รอบแรกตอนตี 4



                “แถวนั้นมืดรึเปล่า มีเซเว่น หรือร้านค้าเปิดอยู่ไหมครับ”



                “มืดครับ ร้านค้าไม่มี มีแค่บ้านไม่กี่หลัง กับนาข้าวแล้วก็จอมปลวก”



                “.....” พี่มันเงียบไปนาน จนผมรู้สึกกลัว พี่มันจะไม่มาจริงๆหรอวะ



                “.....”





                “ฟังพี่นะครับ ส่งโลเคชั่นมาให้พี่ พี่แต่งตัวเสร็จแล้วกำลังออกไป”





                “......”





                “รอตรงนั้นนะครับ ห้ามไปไหน”





                “.....”







                “พี่กำลังไปหา”

 

 

 

 

 

 











เราขอโทษษษษษ ที่หายไปนานเลยย

สอบไฟนอลเสร็จ เราก็ไปค่ายธรรมมะมาอีกอาทิตย์นึงเต็มๆ

แต่ตอนนี้ 555555555 อยากจะหัวเราะจนถึงดาวเสาร์

เราฟรีดอมแล้วค่ะ ปิดเทอมเป็นของเรา

ก็อย่างที่บอกไว้ค่ะ ว่าตอนนี้เราจะเฉลยเรื่องของน้อง

แล้วก็เรื่องผีที่เห็นจอมปลวกวิ่งมานี่น่ากลัวจริงๆนะคะ เผื่อใครชอบอยากให้ลองฟังกันดู

เราหวังว่าทุกคนจะชอบนะคะ ยังไงก็ติชมกันได้นะคะ เราจะนำไปปรับปรุงค่ะ

ขอบคุณทุกๆคอมเม้นทุกๆกำลังใจ ทุกๆการอ่านนะคะ♥



               

         

                 

               

 

ออฟไลน์ Girin

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
น้องหมวยบทที่ 9
             




              “แม่หวัดดีครับ”



                “มาแล้วหรอ ไปช่วยยกของในครัวหน่อยไป”



                “ครับแม่”



                บ้านของผมเป็นร้านอาหาร ถือเป็นร้านขึ้นชื่อในจังหวัด หลังจากพ่อกับแม่ผมแยกทางกัน ผมก็อยู่กับแม่และส่วนพ่อ เขาไม่ติดต่อกลับมาอีกเลย ร้านอาหารเป็นร้านของลุงอิท พี่ชายของแม่กับป้าพิน แฟนของลุงอิท ลุงมีลูกชายคนนึง อายุน้อยกว่าผมปีนึง ชื่อ พีท



                เพราะร้านอาหารค่อนข้างเป็นที่รู้จัก คนเลยแน่นแทบทุกคน โดยเฉพาะเสาร์อาทิตย์ ซึ่งร้านจะปิดในวันจันทร์ หน้าที่ของผมคือเป็นแทบทุกตำแหน่งในร้านยกเว้นพ่อครัว เป็นทุกอย่างจริงๆครับ ตั้งแต่ล้างชามยันทำบัญชี ผมเป็นคนมีความสามารถเห็นไหมครับ



                ผมวางกระเป๋าแล้วเดินเข้ามาในครัวที่กำลังวุ่นวายได้ที่ ช่วยยกนู่นนี่นั่น แทบไม่มีใครสังเกตเห็นว่าผมเดินเข้ามา ยกของเสร็จผมก็ใส่ผ้ากันเปื้อน ยกอาหารไปเสิร์ฟที่โต๊ะ พออีกโต๊ะเรียกคิดเงิน ผมก็เดินไปเช็คบิล พอคนล้างจานเข้าห้องน้ำ ผมก็เข้าไปล้างแทน เรียกได้ว่าเป็นทุกอย่างให้เธอแล้ว



                แต่มันก็สนุกดีนะครับ



                จะไม่สนุกก็ตรงที่.....





                “อาหารจานนั้นมันไหม้แกเห็นไหม ยกไปเสิร์ฟได้ยังไง”



                “ขอโทษครับป้า อิณไม่ทันได้ดู”



                “เลี้ยงเสียข้าวสุกจริงๆนะแก ทำงานให้คุ้มกับเงินที่แกผลาญหน่อย”



                ป้าพินจะประจำอยู่ในครัว คอยดูแลเรื่องของอาหาร ใช่ครับ เขาไม่ค่อยชอบผมเท่าไหร่ ไม่มีหรอกครับแบบว่า ยินดีต้อนรับกลับบ้านนะอิณ และผมชินกับมันแล้ว



                “ล้างจานเสร็จแล้วไปยกของลงจากรถด้วย”



                “ครับ”



                แม่ผมจะทำงานอยู่ที่เคาน์เตอร์หน้าร้าน ส่วนลุงอิทจะอยู่ที่ชั้นสอง คอยสั่งของ โทรเช็คของ ก็งานเจ้าของร้านน่ะครับ ป้าพินแกทำอาหารเก่งแกเลยต้องคอยประจำในครัว ส่วนลูกชายแก เสาร์อาทิตย์ก็ไปเรียนพิเศษตามสไตล์เด็กมอหกนั่นแหละครับ



                เพราะเสาร์อาทิตย์นี้ลูกจ้างลา 2 คน แม่ผมถึงได้โทรตามให้มาช่วยที่ร้าน ผมทำงานจนร้านปิด ก็ประมาณสี่ทุ่มกว่าๆ กว่าจะเก็บร้าน ทำความสะอาด ทำบัญชีก็ประมาณเที่ยงคืน พีทกลับมาพอดี ตอนที่ผมนั่งทำบัญชี



                “ทำไมพึ่งกลับพีท แม่โทรหาตั้งกี่สาย! ทำไมไม่รับโทรศัพท์”



                “พีทเปิดสั่นไว้ไงแม่ พีทก็กลับมาแล้วนี่ไง จะอะไรนักหนา!”



                 “ขึ้นเสียงกับแม่หรอพีท!”



                ช่วงนี้ พีทมันกลับบ้านดึกบ่อย ผมเองก็ไม่ได้สนิทอะไรกับน้องมันขนาดนั้น แต่ผมก็พอเข้าใจ ลุงกับป้ากดดันมันหนักกับเรื่องมหาลัย บังคับเรียนพิเศษตลอด ผมก็ไม่แปลกใจหรอก ถ้าน้องมันจะหนีเที่ยวบ้าง กลับบ้านดึกดื่น เรียนที่โรงเรียนก็หนักพอแล้ว นี่วันหยุดยังต้องตื่นเช้าไปเรียนพิเศษอีก



                ผมเองก็เคยเป็น แต่ผมอยู่คนเดียวไง กลับกี่โมงก็ได้



                ผมก็สงสารมันอยู่หรอกนะ ถ้าไม่ติดว่าไอ้เด็กโข่งที่ตัวใหญ่กว่าผม คือคนที่ทำให้ผมเดือดร้อน



                “เอะอะอะไรกัน”



                “คุณ! ไม่มีอะไร คุณขึ้นไปทำงานต่อเถอะ” ป้าพินรีบห้ามลุงอิทที่จะเข้าร่วมวง เพราะแกเป็นคนหัวร้อนง่าย แต่ลงยาก



                “นี่แกกลับบ้านดึกอีกแล้วเหรอหะ  นี่ไม่ได้ไปเรียนพิเศษอีกแล้วใช่ไหม!”



                “พ่อกับแม่จะอะไรกับพีทนักหนา พีทก็กลับมาแล้วนี่ไง จะเอาอะไรอีก”



                “ฉันโทรไปเช็คที่สอนพิเศษมาเมื่อวาน  เขาบอกว่าแกขาดเรียน มาเดือนนึงแล้ว ฉันส่งเสียให้แกเรียน อยากให้แกเข้ามหาลัยดีๆ ทำไมแกชอบทำตัวเหลวไหล”



                “พีทก็แค่ไปเที่ยวกับเพื่อน”



                “ทำไมทำตัวแบบนี้! ฉันไม่เคยสอนให้แกทำตัวเหมือนไอ้ตุ๊ดนั่น”



                ลุงอิทตะคอกเสียงดังแล้วหันมามองหน้าผม ผมมาอยู่ที่นี่ตั้งแต่ม.สาม การทนอยู่ที่นี่ไม่ได้แย่อะไรมาก พวกเขาไม่ค่อยได้สนใจผม ไม่ใช่ครอบครัวสุขสันต์ ออกจะต่างคนต่างอยู่มากกว่า



                พีทกับผมอยู่โรงเรียนเดียวกัน และเหตุผลที่ผมเลือกจะย้ายออกไปอยู่คนเดียว เป็นเพราะผมมีแฟนคนแรกเป็นผู้ชาย ผมไม่เคยมองว่ามันเป็นเรื่องใหญ่ และคิดว่าแม่ของผมกับคนอื่นก็คงไม่ได้ว่าหรือสนใจอะไร



                แต่มันก็ผิดไปจากที่ผมคิดไว้  พีทเอาเรื่องนี้ไปฟ้องป้าพิน และในวันนั้นที่ผมกลับบ้าน แม่ผมร้องไห้ ลุงกับป้าพวกเขาทำท่าทางรังเกียจ อะไรที่มันไม่ได้ดีมาตั้งแต่ต้น กลายเป็นว่ามันแย่กว่าเดิม แม่ไม่โอเคกับสิ่งที่ผมเป็น ผมเห็นชัดว่าเขาผิดหวัง



                มันจะไม่เป็นไรเลยถ้าอย่างน้อยครอบครัวยังเข้าใจคุณ





                แต่มันไม่ใช่





                ไม่ใช่ทุกครอบครัวที่พร้อมอยู่ข้างคุณ



                ผมรู้สึกผิดเกินกว่าจะคบต่อ สุดท้ายก็เลิกกัน ผมเกเรไปพักนึงเลย พอตั้งหลักได้ ผมก็ตั้งใจสอบให้ได้โรงเรียนม.ปลาย ที่มันไกลๆ ยังดีที่มันเป็นโรงเรียนดัง สอบเข้ายาก แม่เลยให้ผมย้ายออกมาอยู่คนเดียว



                ผมยังเข้ามาช่วยงานที่ร้านอยู่เรื่อยๆ อย่างน้อยแม่ก็ทำงานที่นี่ ส่งเสียผมเรียน ผมก็ทำตามหน้าที่ แต่ดูเหมือนยังไงเขาก็ตัดสินผมไปแล้ว



                สิ่งที่ผมเสียใจคือ แม่เองก็ตัดสินผมและขอให้ผมเปลี่ยนเหมือนกัน



                พ่อกับแม่ผมรีบไปหน่อยตอนมีผม พวกเขายังเรียนไม่จบ ปัญหาเลยกลายเป็นว่าผมคือความผิดพลาด มันอาจเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ว่าทำไมในตอนนี้เขารับไม่ได้กับสิ่งที่ผมเป็น ซึ่งผมโทษเขาไม่ได้ในเรื่องนี้



                ผมกลายเป็นคนผิด



                โดยที่ผมไม่รู้ว่าตัวเองผิดอะไร





                “พี่อิทพอเหอะ พีทมันยังเด็ก ให้มันไปเที่ยวเล่นบ้างเถอะพี่”



                “ฉันไม่ยอมให้พีทมันทำตัวเหมือนลูกแกหรอกนะ เพราะมันไม่ใช่รึไง แกถึงต้องเอาเงินเดือนตัวเองส่งเสียมันจนทุกวันนี้ เป็นไงละ สุดท้ายก็ต้องแบกหน้ามายืมฉัน เพราะเงินไม่พอ หึ”



                     “พี่จะขุดเรื่องเก่าให้มันได้อะไรขึ้นมา!”



                “แล้วแกจะทำไม! เพราะไอ้ตุ๊ดลูกแก ลูกฉันถึงได้เหลวไหล”



                “พี่จะมาโทษอิณมันได้ยังไง”



                “แม่ ใจเย็นก่อน”



                ผมบอกแม่ตัวเอง ผมรู้ว่าเถียงยังไงก็ไม่ชนะ การที่พีทกลับดึกเพราะไปเที่ยวกับเพื่อน มันไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับผมเลย ผมไม่เข้าใจจริงๆว่า ลุงเขาคิดแบบนั้นได้ยังไง



                “ไอ้เด็กเวร อย่ามาแส่!”



                ผมถูกผลักอย่างแรงจนกระเด็น ไหล่ของผมถูกกระแทก ผมรู้สึกร้าวไปทั้งตัว แผลเก่ายังไม่ทันหาย มันเป็นแบบนี้มาสักพักแล้ว โมโหทีไรก็ใช้กำลังทุกที และยิ่งช่วงนี้ทะเลาะกับพีทบ่อยๆจนบางครั้งก็ถึงขั้นต่อยลูกชายตัวเอง หลายครั้งที่ผมคือคนห้าม แต่ซวยเอง



                หาเรื่องใส่ตัวชัดๆ แต่ทำไงได้ ผมเป็นพี่ จะให้ผมทนดูน้องมันโดนพ่อตัวเองทำร้ายได้ไง เรื่องของสองพ่อลูกมันเป็นแบบนี้มาสักพักแล้ว แต่ก่อนลุงแกไม่ได้เกรี้ยวกราดขนาดนี้  มันพึ่งเป็นช่วงที่พีทมันทำตัวเหลวไหล แต่ก่อนอย่างมากก็ตะคอกใส่กัน



                “พ่ออย่าพาลดิ!” พีทเอาตัวมาขวางลุงอิท ที่ทำท่าจะพุ่งเข้าใส่ผมอีก



                “แกนั่นแหละ จะทำตัวแบบนี้อีกนานไหม”



                “พ่อ นี่ชีวิตพีทนะ พีทโตแล้ว”



                แม่ผมเดินมาดูผมที่ยังนั่งมึนอยู่ รู้สึกชาที่ไหล่ นี่ถ้าช้ำเพิ่ม ผมคงต้องโดนพี่ไทม์ดุอีกแน่ๆ



                “เจ็บรึเปล่าอิณ”



                “อิณไม่เป็นไร”



                “ขึ้นไปข้างบนไป”



                “แม่ แม่ติดเงินลุงอยู่เท่าไหร่ ทำไมไม่บอกอิณ”



                “มันไม่เกี่ยวกับแก”



                “ก็แม่ยืมเขามาจ่ายค่าเทอมอิณไม่ใช่รึไง”



                “แกจะถามทำไม มีปัญญาเอามาคืนเหรอหะ”  แม่พูดกลับผมด้วยน้ำเสียงจริงจัง



                “งั้นแม่ไม่ต้องส่งเงินให้อิณแล้ว ค่าเทอมกับค่าอยู่เดี๋ยวอินจ่ายเอง”  ที่จริงผมคิดเรื่องนี้มานานแล้ว ตั้งแต่ตอนม.ปลาย แต่มันไม่สะดวก และอายุผมไม่ถึง งานพาร์ทไทม์แถวโรงเรียนก็ไม่ค่อยมี ม.หก นี่อย่าหวัง ชีวิตวุ่นวายไปหมดกับเรื่องมหาลัย



                ผมมีเงินเก็บช่วงที่ทำงานตอนปิดเทอมก่อนขึ้นมหาลัยอยู่บ้าง ผมสามารถอยู่ได้สบายระหว่างหางานใหม่



                ผมไม่ให้แม่เดือดร้อน ผมไม่อยากเป็นหนี้บุญคุณกับครอบครัวของพี่ชายแม่อีก



                “ส่วนหนี้ของลุง อิณใช้ให้เอง”



                “อย่างแกเนี่ยนะ จะมีปัญญาหาเลี้ยงตัวเอง แกจะไปทำอะไรได้ จะไปขายตัวให้ผู้ชายรึไง”



                “แม่!”



                “ถ้าแกไม่เป็นเกย์ เขาก็คงไม่รังเกียจแกขนาดนี้หรอก รู้ตัวไหมว่าชีวิตฉันลำบากแค่ไหนตั้งแต่แกเกิดมา”



                      “.........”



                “เพราะฉันต้องรับผิดชอบแกไม่ใช่รึไง ถึงต้องบากหน้าไปยืมเงินเขา ถ้ารู้ว่าแกจะกลายเป็นพวกผิดปกติแบบนี้ ฉันคงเลือกอนาคตตัวเองแทนที่จะให้แกเกิดมา”



                ผมรู้สึกเหมือนกำลังจมน้ำ หายใจติดขัด แผลที่เคยเจ็บมันชาจนไม่รู้สึกอะไร ไม่ใช่ครั้งแรกที่ได้ยิน และผมเสียใจทุกครั้งที่แม่พูดมันออกมา



                     บอกไม่ถูกเหมือนกัน



                แต่มันโคตรเสียใจเลย ที่เพื่อนคอยอยู่ข้างตัวผม ยอมรับตัวผม มากกว่าครอบครัวของผมเอง



                “อิณมีเงินเก็บ อิณจะทำงาน แม่ไม่ต้องลำบากส่งอิณแล้ว พรุ่งนี้อิณคงไม่ได้อยู่ช่วยนะ ฝากขอโทษลุงอิทด้วยแล้วกัน”



                ผมทิ้งไว้แค่นั้นก่อนลุกแล้วคว้ากระเป๋า เดินออกมา ไม่ได้สนใจเสียงลุงอิทที่กำลังยืนทะเลาะกับพีท โดยมีป้าพินยืนห้ามอยู่ ไม่ได้สนใจเสียงด่าทอที่ตะโกนตามมา ไม่ได้สนใจว่าแม่ทำหน้ายังไงตอนที่ผมพูดแบบนั้นออกไป



                ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองทำถูกไหม แต่คิดว่าพวกเขาคงไม่เดือดร้อนหรือสนใจอะไร  กับการที่ผมเดินออกมา หรือแม้กระทั่งผมหายไป ผมยัดความรู้สึกทุกอย่างที่เอ่อล้นไว้ในใจ ผมเสียใจมากนะ แต่ก็ไม่รู้สึกอยากจะร้องไห้ บางทีผมอาจจะชินแล้ว



                ผมยังคงเดินไปเรื่อยๆดึกป่านนี้รถตู้คงหมดแล้ว ไม่ต้องถามถึงรถเมล์ ถ้าอาร์มมันอยู่ผมก็คงโทรให้มันมารับ แต่นี่มันอยู่เชียงใหม่ ผมไม่อยากโทรหาก่อเกียรติ เพราะมันคงรีบขึ้นแท็กซี่มาผม และผมไม่อยากให้มันนั่งมาคนเดียว ที่นี่ก็ไม่ใช่ใกล้ๆ



ผมนั่งรอที่ป้ายรถเมลล์อาจจะโชคดีเจอแท็กซี่สักคัน แต่สำหรับที่นี่ แท็กซี่เป็นอะไรที่ค่อนข้างแรร์ไอเทม



                ผมเลื่อนเบอร์โทรในมือถือ จนหยุดอยู่ที่ชื่อพี่ไทม์



                ‘คุณเวลา’



                เป็นชื่อที่ผมเมมเอาไว้ในโทรศัพท์ ตั้งแต่วันนั้น เราก็คุยกันตลอด พี่มันมารับมาส่ง มากินข้าวเย็นด้วย แทบจะทุกวันเลยก็ว่าได้



                ผมไม่ได้สนใจว่าตัวเองจะชอบเพศไหน ผมไม่สนว่าคนจะมองว่าการที่ผู้ชายรักกัน ชอบกันเป็นเรื่องผิดปกติ มันก็แค่คนสองคนที่มีความรู้สึกดี ความหวังดีให้กัน มันยากนะครับการที่เราจะเจอใครสักคนที่ทำให้เรารู้สึก  1 ในกี่พันล้านคนบนโลก ทำไมผมต้องปล่อยเขาไปเพียงเพราะ คนอื่นมองว่ามันผิดปกติ



                ผมไม่สนว่าที่บ้านจะมองยังไง ผมไม่สนว่าแม่จะยอมรับในตัวผมไม่ได้ สุดท้ายแล้วครอบครัวก็ไม่ได้อยู่ข้างผมอยู่ดี ผมจะพยายามเปลี่ยนเพื่อพวกเขาไปทำไม ทั้งที่ผมก็ยังเป็นผมคนเดิม ผมยังรักแม่ ผมไม่ได้ทำร้ายใคร



                ตอนที่ผมรู้ว่าตัวเองชอบพี่ไทม์ ผมกังวลว่าเขาจะรับไม่ได้กับตัวผม กับความคิด กับครอบครัวของผม เลยตัดสินใจยืดเวลาออกไป อย่างน้อยก็ให้เขาได้เรียนรู้อีกนิด และผมหวังจริงๆว่าสามอาทิตย์จะเพียงพอให้เขายอมรับในตัวผม



                จะตีหนึ่งแล้ว พี่ไทม์ไลน์บอกผมตั้งแต่ห้าทุ่มว่า ฝันดี ป่านนี้คงนอนไปแล้ว พี่มันทำรายงานหนักมาหลายวัน ไม่แปลกที่วันนี้จะนอนเร็ว ปกติเวลานี้คือตีดอทกันอยู่



บรรยากาศที่ป้ายรถเมล์ถือว่าหลอนใช้ได้ รอบข้างผมมืดสนิท มีแสงแค่จากเสาไฟและบ้านข้างๆ  บนถนนไม่มีผู้คนหรือรถสักคัน แย่กว่าเดิมตรงที่ ฝั่งตรงข้ามมันเป็นนาข้าว ที่โคตรมืด



                และเสือกมีจอมปลวก ผมก็ดันเสือกไปจำได้อีกว่าเคยฟังวิทยุรายการผี เป็นฉากตอนที่เล่าว่าเห็นจอมปลวกเป็นคน แล้วแม่งวิ่งมาหา



                     เชี่ยย



                ความจำดีอะไรตอนนี้วะ



                จากที่ลังเลว่าจะโทรหาพี่ไทม์ ผมว่าผมไม่แน่ใจแล้ว ไลน์ไปก่อนแล้วกัน พี่มันคงงงเพราะปกติคนที่จะถามนู่นนี่นั่นคือพี่มัน ส่วนผมหรอ กลายเป็นคนวางเฉย  เก็บแต้มความเขินอยู่ นี่น่าจะเอาไปแลกซื้อไอโฟนสิบได้ละ



 

InIn

            พี่ไทม์ นอนยังอะ




 

                ผมเกรงใจมันจริงๆนะ  แต่ผมหลอนว่ะ พยายามไม่มองจอมปลวกแล้วอะ แต่คือ ก็มองอยู่ดี ถ้ามันขยับนี่ผม ว่าผมกรี๊ดแน่ๆ



                เร็วเกินคาด พี่ไทม์แม่งตอบกลับมาเฉยเลย ผมไม่คิดว่ามันจะตอบนะเอาจริงๆ กะแบบถ้าอีกสิบนาทีไม่ตอบกุจะโทร แล้วนะ ถ้ามันงัวเงียมาด่าก็บอก ผมไลน์ไปแล้วพี่ไม่ตอบอะ



 

Time_Hatsawat

            พี่ลุกมาเข้าห้องน้ำ เรายังไม่นอนอีกหรอ

                มีอะไรหรือเปล่า?




 

                ยังไม่ทันได้พิมพ์ตอบ  โทรศัพท์ก็สั่นขึ้นมาซะก่อน ผมอมยิ้มก่อนจะกดรับสาย

 

                “ทำไมยังไม่นอน” เสียงงัวเงียที่พยายามทำจริงจัง ทำเอาผมหยุดยิ้มไม่ได้ แค่ได้ยินเสียงพี่มันผมก็ลืมจอมปลวกสยองขวัญไปแล้ว



                “พี่ปวดขี้ใช่ไหม ถึงได้ตื่นมาดึกดื่น” ผมถามเสียงกลั้วหัวเราะ



                “เปล่าครับ พี่คิดถึงน้องหมวยจนนอนไม่หลับตั้งหาก”



                “โม้ว่ะ เมื่อกี้บอกเข้าห้องน้ำ”



                “มีอะไรรึเปล่า จู่ๆทักพี่มาดึกดื่น พึ่งเก็บร้านเสร็จหรอ”



                “ไม่มีอะไร ก็แค่....”



                “.....”



                “ถามดู เผื่อพี่ยังไม่นอน ผมยังไม่ได้บอกฝันดี”



                ตอนแรกจะบอกว่าคิดถึง แต่ผมรู้สึกเขินเกินไป เราคุยกันเยอะขึ้นบ่อยขึ้นก็จริง แต่ผมก็ยังไม่ชินกับเสียงหล่อๆนี่สักที



                ผมมองรถสองคัน ที่ขับผ่านไประหว่างรอพี่มันตอบ จอมปลวกยังไม่ขยับ ถือว่าสถานการณ์ยังปกติดี



แล้วผมก็รู้สึกเกรงใจเกินกว่าจะบอกว่าอยากให้มารับ พี่มันพึ่งตื่น แล้วก็เหนื่อยสะสมมาหลายวัน ผมไม่อยากให้มันเหนื่อยไปกว่านี้อะ  มันควรจะได้พัก  จริงๆผมไม่ควรทักพี่มันไปเลยวะ



                แต่ดูเหมือนจะไม่ทัน



                “ทำไมมีเสียงรถ ไม่ได้อยู่ในบ้านหรอ?” เสือกฉลาดอีก



                     “ ไม่ใช่คือว่า....”



                “ว่า? น้องหมวยครับ ถ้าโกหกพี่โกรธนะ” ไม่ได้ให้ตัวเลือกใดๆแก่ตัวข้าเลย



                “ผมไม่ได้อยู่ในบ้าน ไม่ได้โกหกจริงๆนะ ห้ามโกรธนะ” กูแค่บอกไม่หมด



                “แล้วอยู่ไหนครับ?” พี่มันทำน้ำเสียงจริงจัง ไม่มีความงัวเงียแฝงอยู่



                “ผมอยู่ป้ายรถเมล์ ผมขอโทษครับ ที่ทักพี่ไปดึกๆดื่นๆ”



                “....”



                “แต่ว่า”



                “พูดมา”



                “พี่มารับผมได้ไหมครับ ผมไม่รู้จะโทรหาใครแล้วจริงๆ”



                ไม่มีเสียงตอบจากปลายสายในทันที จนผมรู้สึกใจเสีย ผมอาจจะขอมากไป บางทีผมควรจะนั่งรอจนกว่าแท็กซี่สักคันจะผ่านมา หรือไม่ก็รอรถเมล์รอบแรกตอนตี 4



                “แถวนั้นมืดรึเปล่า มีเซเว่น หรือร้านค้าเปิดอยู่ไหมครับ”



                “มืดครับ ร้านค้าไม่มี มีแค่บ้านไม่กี่หลัง กับนาข้าวแล้วก็จอมปลวก”



                “.....” พี่มันเงียบไปนาน จนผมรู้สึกกลัว พี่มันจะไม่มาจริงๆหรอวะ



                “.....”





                “ฟังพี่นะครับ ส่งโลเคชั่นมาให้พี่ พี่แต่งตัวเสร็จแล้วกำลังออกไป”





                “......”





                “รอตรงนั้นนะครับ ห้ามไปไหน”





                “.....”







                “พี่กำลังไปหา”

 

 

 

 

 

 











เราขอโทษษษษษ ที่หายไปนานเลยย

สอบไฟนอลเสร็จ เราก็ไปค่ายธรรมมะมาอีกอาทิตย์นึงเต็มๆ

แต่ตอนนี้ 555555555 อยากจะหัวเราะจนถึงดาวเสาร์

เราฟรีดอมแล้วค่ะ ปิดเทอมเป็นของเรา

ก็อย่างที่บอกไว้ค่ะ ว่าตอนนี้เราจะเฉลยเรื่องของน้อง

แล้วก็เรื่องผีที่เห็นจอมปลวกวิ่งมานี่น่ากลัวจริงๆนะคะ เผื่อใครชอบอยากให้ลองฟังกันดู

เราหวังว่าทุกคนจะชอบนะคะ ยังไงก็ติชมกันได้นะคะ เราจะนำไปปรับปรุงค่ะ

ขอบคุณทุกๆคอมเม้นทุกๆกำลังใจ ทุกๆการอ่านนะคะ♥



               

         

                 

               

 

ออฟไลน์ ashbyipcet

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 243
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
อิป้านี่มีปมกับเพศที่ 3 หรือเปล่า?
แลดูน่าโดนโบกให้พิการจริงๆ  :hao3:
สงสารหมวยมากลูกกกสู้ต่อไปนะลูกนะ  :katai4:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
 :mew5: แต่ละคนอย่างเพลีย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
อิณ น่าสงสาร   :mew2:
ครอบครัวแตกแยก
แม่ก็เห็นเป็นตัวปัญหาเกิดมาทำให้เขาลำบาก
แถมเรื่องชอบผู้ชายทั้งลุง ป้า แม่ รังเกียจกันหมด  :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
ที่ร่างกายมีรอยช้ำนี่ฝีมือลุงล้วนๆ
 :angry2:  ซ้อมหลาน เตะต่อยลูก เจริญละ ซักวันเป็นเรื่องแน่   :fire: :fire: :fire:
เป็นหัวหน้าหน้าครอบครัวที่ใช้ความรุนแรงตัดสินปัญหา
เข้าตำราเอาพละกำลังที่มากกว่ามาข่มขู่เพื่อสนับสนุนความคิดตัวเอง

แม่ก็ใช้คำพูดดูถูกเหยียดหยามลูกแท้ๆ
 การศึกษาไม่ได้ช่วยยกระดับความสูงของจิตใจ
พูดได้ไง  “อย่างแกเนี่ยนะ จะมีปัญญาหาเลี้ยงตัวเอง แกจะไปทำอะไรได้ จะไปขายตัวให้ผู้ชายรึไง”
มันสมควรไหมที่แม่จะพูดกับลูก    ทำร้ายจิตใจลูกตลอด
แม่แบบนี้ ถ้าลูกไม่อยากอยู่ด้วยก็เข้าใจ สนับสนุนด้วย

พี่ไทม์  ลูกอิณ  :กอด1: :กอด1: :กอด1: 
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

แปลกๆนะไรท์ ชื่อจริง  อินทกร น.หนู
แต่ชื่อเล่นทำไม  ลูกอิณ น.เณร
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-06-2018 07:42:08 โดย ♥►MAGNOLIA◄♥ »

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2590
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
เกลียดอิป้ากับอิลุง

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
 :L2: :pig4:

เศร้ากับครอบครัวนี้

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12

ออฟไลน์ Girin

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
น้องหมวยบทที่ 10


                คนปลายสายสั่งให้ผมถือสายรอไว้ตลอดห้ามวางจนกว่าเขาจะไปถึง และผมรู้สึกอุ่นใจจริงๆที่พี่มันทำอย่างนั้น หวาดหวั่นกลัวจอมปลวกจะขยับเหมือนที่เคยฟังมา แต่เสียงทุ้มของอีกฝ่ายก็เรียกความสนใจจากผมไว้ตลอด



                ความกลัวที่มันก่อตัวในใจ



                มันหายไปเพราะความห่วงใยของอีกคน



                ถ้าพี่มันจะหล่อและเป็นคนดีขนาดนี้นะ เอาใจกูไปเลยเถอะ



 

                “เงียบไป นี่พี่เหยียบมิดเลยใช่ไหม เบาเลยนะ เบาเดี๋ยวนี้เลย”



                “เบาแล้ว พี่แค่อยากถึงเร็วๆ”



                “ผมรอได้หน่า”



                    “......”

 

                    “......”



                ความเงียบในสายไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกอึดอัดอะไร แค่พี่มันรีบมาหานี่ ผมว่าผมก็สามารถตาสว่างอยู่ได้จนถึงเช้า เราผลัดกันเงียบ ผลัดกันคุย บางทีก็แค่เรียกอีกฝ่ายขึ้นมาเฉยๆ



                “ลูกอิณ”  และนี่น่าจะเป็นครั้งที่สองที่พี่มันเรียกชื่อผม ไม่ได้เรียกน้องหมวยเหมือนทุกที



                “ครับ”



                “คราวหน้า ถ้ามีปัญหาอะไร รีบโทรหาพี่รู้ไหม อย่าทำแบบนี้อีก พี่โกรธนะที่เรามานั่งที่มืดๆคนเดียว แล้วค่อยไลน์มาหาพี่ ใจเย็นกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง” ทำเสียงจริงจังซะกูรู้สึกผิดเลยพี่มึง



                “ครับ...”



                “ถ้าไม่โทรหาพี่ก็น่าจะโทรหาเพื่อน หรือไม่ก็หาที่รอที่มันคนเยอะๆ แถวบ้านเซเว่นเข้าไม่ถึงรึไงครับ”   มันเข้ามาสู่โหมดโหดได้ไงวะเนี่ย



                “.....”



                “แล้วดูสิเนี่ย บ้านเราก็ไม่ใช่ใกล้ๆ กว่าพี่จะไปถึง ถ้าเราเป็นอะไรขึ้นมา พี่จะทำยังไงครับ” การใส่ครับไม่ได้ทำให้รู้สึกซอฟต์ลงแต่อย่างใด



                “ขอโทษครับ ผมผิดเองที่หนีปัญหา เลยลำบากพี่ ทั้งที่พี่ก็เหนื่อยมาทั้งวัน”



                “ไม่ใช่อย่างนั้น พี่ไม่ได้ลำบาก น้องทำถูกแล้วที่คิดถึงพี่ แต่น้องใจเย็นเกินไป ถ้าพี่ไม่ตอบไลน์ จะทำยังไง น้องก็จะไม่โทรหาพี่ ถูกไหม” รู้ทันไปอีกกก



                “......” ไปไม่ถูกเลยกู



                “อย่าทำแบบนี้อีก ห่วงตัวเองหน่อย ตกลงไหม”



                “ตกลงครับ”



                “ไม่มีคราวหน้าแล้วนะ”



                “ไม่มีแล้วครับ ขอโทษครับ” เชื่องเป็นหมาเลยยยยยย เสียงเป็นหมาหงอยด้วยกูเนี่ย แต่เสียงพี่ไทม์ตอนเล่นบทโหดนี่เซ็กซี่ดีจริงๆเลย  หยุดเลย คนละเรื่องแล้วเว้ย!



                “ดีมาก มีคราวหน้า พี่จะทำโทษ บ้านก็ไม่ให้กลับด้วย”



                “คงไม่กลับอีกนานเลยละครับ คราวนี้”



                “.....”



                “.....”



                “พี่ใกล้ถึงแล้ว เรื่องนี้ไว้ค่อยคุยกัน อย่าคิดมาก”



                กลับไปผมก็ต้องไปคิดอีกว่าจะทำยังไงต่อ ไอ้ทำงานน่ะมันพูดง่าย แต่งานที่ไหนอะ แล้วต้องทำกี่งานวะ เงินมันถึงจะพอ ไม่เป็นไรอย่างน้อยผมก็ยังมีเงินเก็บ ยังมีเวลาตั้งตัว ค่อยๆแก้ปัญหากันไป ผมคิดพลางถอดแว่น แล้วขยี้ตา



                พอลืมตา  ผมก็เห็นแสงไฟหน้ารถ อยู่ไกลๆบนถนน และมันก็ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ผมเลยกดวางสาย



                ทันทีที่รถจอด ผมก็เปิดประตูขึ้นนั่งข้างคนขับทันที พี่ไทม์หันมามองผม เขาใส่เสื้อสีเทากับกางเกงขาสั้น ผมสีเข้มที่มักจะถูกเซ็ตขึ้นไป ปรกหน้าลงมาจนมันตัดกับหน้าขาวๆ  หน้าเด็กชะมัด



                “หิวไหม”



                “หิวครับ” ผมตอบแบบไม่อ้อมค้อม



                “มีคุกกี้อยู่เบาะหลัง พี่ซื้อมาฝากเรา กะว่าวันจันทร์ค่อยให้ น้ำขวดอยู่เบาะทางขวา”



                “ขอบคุณครับ” ผมจะทำยังไงกับใจพองๆนี่ดี พี่ไทม์มึงจะน่ารักเกินไปแล้ว



                โห น่าตาหน้ากินซะด้วย ผมทำตาวาวตอนที่เปิดห่อคุกกี้ อีกฝ่ายมองผมพลางอมยิ้ม เหมือนภูมิใจที่กะแล้วว่า ยังไงยังไงผมก็ต้องหิว



                -///-  ฮืออ  อร่อย



                “พี่กินไหมครับ?” ผมถามเป็นมารยาท จริงๆไม่อยากแบ่งหรอก แม่งมีน้อย



                “เรากินเหอะ นี่จะตีสองแล้ว พี่ไม่อยากอ้วน”



                ผมหันขวับไปมองคนตัวสูงที่ยกยิ้มมุมปากจนหน้าหมั่นไส้ ท่าทางการขับรถ ดูอารมณ์ดี จนผมงงแล้วที่บ่นกูเมื่อกี๊คือระ



                “มีอีกห่อนะ”



                “ไหนอะ?”



                อยากบีบปากคุณเวลาก็วันนี้ เห็นผมล้วงหาชิ้นสุดท้ายไม่เจอเพราะมันหมดแล้ว เลยจะเอาห่อที่สองมาล่อผม ผมก็ดันอยากกินต่อซะด้วย  ตกปากรับคำไม่ลังเลเลยนะตัวกู



                “ไม่กินแล้ว ! ”



                “เอ้า ไม่ล้อหรอก สัญญา หิวก็กิน ที่คอนโดพี่มีแต่มาม่านะ”



                “......” ผมทำหน้าครุ่นคิด มองหน้าหล่อๆด้วยความไม่ไว้ใจ กูรู้หรอกนะ ยังไงมึงก็ล้อ แต่ถามว่าระหว่างศักดิ์ศรีกับของกินผมจะเลือกอะไร ของกินอะหรอจะสำคัญเท่าศักดิ์ศรีผม



 

                ถูกต้องแล้วครับ เพื่อของกินอิณยอมได้ทุกอย่าง จ้า

 





                “.....”



                “สัญญาแล้วนะ ห้ามล้อด้วย อยู่ไหนอะ?”



                “อยู่ในถุงข้างล่าง หาดีๆ”



                “เจอแล้ว! ”



                “หึ เด็กน้อยเอ้ย” พี่มันลูบหัวพลางหัวเราะหึๆ ผมมองค้อน ย่นจมูกใส่อีกที ซื้อมาให้เองนะเว้ย ว่ากูไม่ได้อะพี่ จงทำใจให้ชิน กูคือตัวแดกดีๆนี้เอง

 

               

               

               





                เสียงเครื่องยนต์เงียบลงทันทีที่ถึงที่หมาย คนขับหันมามองหน้าคนตัวขาว เขาฉีกยิ้มกว้างอย่างเอ็นดู จะไม่ให้ยิ้มได้ไง ก็น้องหมวยเล่นหลับตาพริ้มแถมยังกอดห่อคุกกี้เอาไว้อีก เรียกได้ว่า กินเพลินจนหลับ ก็ไม่แปลกถ้าแก้มจะกลมขนาดนี้



                เขาตัดสินใจที่จะไม่ปลุกอีกฝ่าย เลือกที่จะไปเปิดประตูรถฝั่งคนนั่ง ค่อยๆแงะถุงขนมออก



                “อือ...”



                หลับแล้วยังจะหวงอีก  เด็กนี่



                เมื่อการแย่งชิงสำเร็จ ก็คว้าข้อมือเล็กๆนั่นเกี่ยวคอเอาไว้ ก่อนจะช้อนตัว อุ้มร่างบางไว้ข้างหน้า ปล่อยให้ขาเกี่ยวเอวของเขา น้องหมวยตอบรับด้วยการกอดคอเขาแน่น ซุกหน้าลงที่คอ ส่งเสียงพืมพำทั้งที่ยังหลับตา ทุลักทุเลอยู่พอควร ขอบคุณที่คอนโดมีลิฟต์



                กว่าจะถึงเตียงนี่เล่นเอาหอบจนเหนื่อย  คิดว่าน้องหมวยคงเหนื่อยมากเหมือนกัน ถึงหลับไม่รู้เรื่องแบบนี้ เหมือนแมวเลยแหะ จะจับ จะดึง ตรงไหนก็ไม่ตื่น เขานึกขำพลางพิสูจน์ด้วยการดึงแก้มอีกฝ่าย หยิกก็แล้ว หอมก็แล้ว ก็ยังไม่ตื่น ทิ้งท้ายด้วยการแตะริมฝีปากเบาๆตรงคิ้วที่ขมวดกันแน่น จนมันคลายออก



                ตัวแค่นี้ ไปเจออะไรมา กระทั่งตอนหลับก็ยังขมวดคิ้ว



                เขาถอดกางเกงยีนต์ของน้องออก เพื่อให้เจ้าตัวนอนสบายๆ ก่อนจะขยับขึ้นไปนอน สอดตัวใต้ผ้าห่มผืนเดียวกัน แล้วดึงอีกฝ่ายเข้ามากอด กลิ่นตัวหอมๆของน้อง ทำให้เขาสบายใจ



                โคตรเป็นห่วงเลยตอนที่รู้ว่าน้องนั่งอยู่ที่ป้ายรถเมล์มืดๆคนเดียว ก็รู้ว่าเป็นผู้ชาย แต่ถ้าเกิดอะไรขึ้น ตัวแค่นั้นจะไปสู้ใครเขาได้



                เขาไม่รู้เลยว่าน้องไปพบเจอหรือเคยเจอกับอะไรมาบ้าง รู้แค่ว่ามันเกี่ยวกับที่บ้าน และเพราะรู้ว่าเป็นเรื่องในครอบครัว เลยทำอะไรไม่ได้ นอกจากรอให้อีกฝ่ายไว้ใจจนพูดออกมาเอง



                “พี่ไทม์......”



                น้องส่งเสียงอู้อี้อยู่ที่อกเขา ร่างสูงรอจนแน่ใจว่าอีกฝ่ายไม่ได้ตื่น



                ละเมอหรอ?



                เขาตอบเสียงเรียกด้วยการกระชับกอดให้แน่นขึ้น เพื่อยืนยันว่าเขาอยู่ตรงนี้ จะเข้มแข็งไปไหน ตัวเล็กแค่นี้ ไม่ชอบเลยที่รู้ทั้งรู้แต่ทำอะไรไม่ได้



                เล่นของใส่พี่รึเปล่าเนี่ย



                ทั้งหลง ทั้งเจ็บ จนไม่รู้จะว่ายังไงแล้ว เมื่อไหร่จะเปิดใจให้กันสักที  เด็กโง่



                ถ้าไม่รู้แล้วพี่จะช่วยยังไง

(เดี๋ยวมาต่อนะ)

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
หมวยแบกปัญหาเยอะไปมั้ย สงสาร

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
 :L2: :pig4:

ต้องค่อยๆทำความเข้าใจ

ออฟไลน์ เปลว แว๊บแว๊บ

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 113
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1
พี่ไทม์ห้ามทำน้องเสียใจนะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12

ออฟไลน์ BABYBB

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1123
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
ขนาดแม่ยังไม่ดีเลย ตั้งท้องมานี่ไม่รักหรอ ทำไมใจร้ายได้ขนาดนี้

ออฟไลน์ Girin

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
(ต่อนะ)

   พี่ไทม์ตื่นก่อนผม พี่มันแหกปากเรียกผมตอนใกล้เที่ยง ไล่ให้ไปอาบน้ำแล้วมากินข้าว จริงๆมันพูดเพราะครับ แต่ผมหมั่นไส้ที่มันล้อว่าผมใส่ชั้นมันไม่ได้เพราะไซต์ใหญ่ไป ผมไม่แบกเสื้อผ้ากลับบ้านอยู่แล้ว เพราะบ้านก็มีชุด ผมเลยต้องยืมชุดพี่มัน

   ข้าวเที่ยงของเราเป็นข้าวกับไข่ดาว แถมมียำปลากระป๋องเพิ่มมาอีกอย่าง ซอสแม็กกี้เป็นอะไรที่กินกับไข่ดาวกรอบๆแล้วโคตรอร่อย พี่ไทม์ไม่ได้ถามอะไรเรื่องเมื่อวาน ไม่ได้บ่น ไม่ได้พูดถึงเลย

   เราเหมือนแค่ตื่นมาตอนเช้าแล้วก็กินข้าวด้วยกัน จริงๆตื่นมาแล้วเจอพี่มันตอนเช้าเป็นอะไรที่ค่อนข้างดี หยิบชุดให้ ไล่ผมไปอาบน้ำ บอกผมนอนน้ำลายยืด ทำกับข้าวให้กิน ผมรู้สึกเหมือนตัวเองสำคัญ

   ผมไม่รู้ว่าเมื่อวานเรามาถึงตอนไหน ผมหลับไปตอนไหน แล้วขึ้นมานอนได้ไง แต่ผมว่าก็คงไม่พ้นพี่มันแบกผมขึ้นมาแน่ๆ รู้สึกหัวใจอ่อนแรงอะ ทำไมพี่มันน่ารักจังวะ พี่มันไปรับผมตอนเที่ยงคืนทั้งที่บ้านผมอยู่ห่างจากที่นี่เป็นกิโล ไม่ถามผมสักคำว่าเกิดอะไรขึ้น แค่บ่นผมว่าทำไมผมถึงไม่รีบมาบอก ทำไมนั่งที่มืดๆคนเดียว

   คนที่เขาชอบเรา เขาต้องทำเพื่อเราขนาดนี้เลยหรอวะ แล้วผมที่ชอบพี่มันเหมือนกันจะทำเพื่อมันขนาดนั้นได้ไหม ผมยังไม่เห็นว่าตัวเองจะทำอะไรได้สักอย่าง นอกจากคอยให้พี่มันดูแล ไปรับไปส่ง พาไปกินข้าว รู้สึกผิดเหมือนกัน ไม่ทำอะไรแล้วยังไปขอให้เขาคอยอีกสามอาทิตย์
   ทั้งๆที่พี่มันก็ชัดเจนขนาดนั้น

   แต่ความรักมันเป็นความเสี่ยง เป็นการลงทุนที่ไม่มีหลักประกันใดๆ ผมไม่รู้เลยว่าพี่มันให้ผมแค่ไหน แล้วมันจะให้ผมไปอีกนานแค่ไหน และมันไม่ได้มีแค่ตัวผม มันยังมีครอบครัวของผม ที่เขาไม่เข้าใจและจะไม่ยอมรับแน่ๆ

   ความรักเป็นเรื่องของคนสองคน แต่โลกนี้ไม่ได้มีแค่เรา

   ผมไม่รู้ว่าผมควรจะเล่าเรื่องที่บ้านให้พี่มันฟังไหม พี่มันเป็นห่วงผม และผมไม่อยากให้มันห่วง ผมรู้สึกผิดที่ไม่เคยบอกอะไรพี่มันเลย  แต่พี่มันก็ยังห่วงผมอยู่เสมอ ความใส่ใจของมันกำลังทำให้ผมแพ้ ทำให้ผมนิสัยไม่ดี ทำให้ผมเสพติด

   คนร้ายกาจ

   ผมเหลือบมองอีกฝ่ายที่กำลังตักไข่ดาวใส่ปาก ผมยุ่งๆนั่นทำให้ผมหยุดมองมันไม่ได้ พี่มันวางช้อนแล้วสบตากับผมเหมือนรู้ว่าผมอยากจะพูดอะไร มันรู้จักผมดีขนาดนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่

   ผมไม่รู้ว่าทำไมผมยังลังเล ไม่ใช่เพราะไม่ไว้ใจ ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่เหมือนกันที่ผมเชื่อใจพี่มันไปแล้ว มันคงไม่ยุติธรรมที่เราปล่อยให้คนเป็นห่วงเราโดยที่ไม่รู้เรื่องราวอะไรเลย

   “ผมทะเลาะกับแม่ ทะเลาะกับคนที่บ้าน”

   “....”

   “ผมไม่อยากอยู่ เลยหนีออกมา จริงๆก็แค่เดินออกมาเฉยๆ”

   “แล้วเจ็บตรงไหนรึเปล่า”

   “เจ็บที่เดิม ตรงไหล่ เจ็บแค่นิดเดียว”

   ผมเลือกที่จะไม่โกหกหรือปิดบัง คำถามที่เจาะจง แสดงให้เห็นว่าเดาไว้อยู่แล้ว โกหกไปก็ไม่เนียน พี่มันไม่ได้พูดอะไรแค่เดินไปหยิบหลอดยาในลิ้นชัก ผมแอบทำหน้าหงอยเพราะกลัวมันดุ แต่พี่มันกลับทำเฉยซะงั้น

   “ถอดเสื้อ”

   ผมทำตามอย่างว่าง่าย บรรยากาศไม่ได้เต็มไปด้วยความโกรธหรือความหงุดหงิด มันไม่ได้อึดอัด ถึงเราจะไม่ได้ยิ้มให้กัน แต่พี่มันก็ดูมีท่าทีสบายๆ

   รอยช้ำเดิมจางไปเยอะแล้ว ผมไม่เห็นว่าพี่ไทม์ทำหน้าแบบไหนตอนที่ปลายนิ้วกำลังทายาให้ผม ผมเหมือนเห็นความดีใจในตาเขาด้วยซ้ำตอนที่ผมเล่าเรื่องให้ฟัง ทั้งๆที่ปกติจะต้องโมโห  เพราะตลอดอาทิตย์ที่คุยกันมา ผมแทบไม่เล่าเรื่องตัวเองให้พี่มันฟังเลย นี่เหมือนเป็นครั้งแรกที่ผมพูดออกไปตรงๆ

   “แล้วจะทำยังไงต่อ อยากทำอะไรไหม ไหนๆก็ไม่ต้องกลับบ้านแล้ว”

   “ผมอยากออกไปหางาน ผมอยากหางานพาร์ทไทม์ทำ”

   “ทำไมอยู่ๆถึงอยากทำงาน”

   พี่มันหยิบเสื้อให้ผมใส่ เดินไปล้างมือแล้วกลับมานั่งตรงข้ามกัน ขมวดคิ้วเป็นโบว์ แถมมองกดดัน ผมลังเล ถ้าตอบคำถามนี้ก็แทบจะต้องเท้าความกันทั้งเรื่อง ทำไมผมต้องทำงาน ก็เงินผมไม่พอ แล้วทำไมเงินไม่พอ ก็เพราะผมจะไม่ขอเงินแม่อีก ผมไม่อยากเป็นหนี้บุญคุณกับครอบครัวของลุงอีก แล้วมันก็จะมีคำถามว่าทำไมทำไม

   สรุปคือ ก็ต้องเล่าทั้งเรื่องนั้นแหละ

   “มานี่มา” พี่มันกวักมือเรียกให้ผมเดินไปหา คุณหัสวรรษก็ยังคงชุดอยู่บ้านสไตล์ชุดนอนเหมือนเคย เสื้อยืดคอวีกับกางเกงขาสั้นสบายๆ และแน่นอนชุดเราเหมือนกัน บ้านมีเสื้อสีเดียวหรอพี่มึง

   จะกินข้าวหมดไหมวันนี้ เดินไปเดินมาอยู่นั่น

   ผมเดินไปหาพี่มัน ผมรู้สึกเหลือตัวนิดเดียวเวลาใส่เสื้อของพี่ไทม์ เหี้ย กุนึกว่าชุดเดรส ยาวเท่ากางเกงขาสั้นเลย

   “เห้ย!” ผมร้องตกใจเพราะพี่มันเกี่ยวเอวผมไปนั่งตัก โอ้โห อยู่ๆก็รู้สึกบอบบางอยากให้ดูแล  ผมดิ้นขลุกขลักแต่มือปลาหมึกก็กอดเอวผมไว้แน่น

   “อย่าดิ้นดิ พี่เจ็บนะ เดี๋ยวไหล่เราก็เจ็บหรอก”

   “พี่ก็ปล่อยดิ ให้ผมมานั่งตักทำไมเนี่ย”

   “ไว้ใจพี่ไหม?”

   “ถามอะไร ผมก็ต้องไว้ใจพี่ดิ”

   “พี่ไม่ได้บังคับนะ พี่รอให้น้องเปิดใจ รอน้องไว้ใจจะเล่าให้ฟัง เรื่องอะไรก็ได้ พี่อยากรู้เรื่องเราทุกเรื่อง เพราะพี่ห่วง พี่หวง พี่อยากดูแล พี่อยากอยู่ด้วย จะเก็บไว้อีกนานแค่ไหน ทำไมไม่เชื่อใจกันบ้าง เห็นพี่เป็นคนอื่นรึไง พี่ชอบเรา ชอบมาก มันไม่มีเหตุผลหรอกว่าทำไม แต่ถ้าเรามีปัญหา พี่ก็อยากให้เราบอก ถึงพี่ช่วยไม่ได้พี่ก็พร้อมจะฟัง ถ้าพี่มีปัญหาพี่ก็จะบอกน้อง เราช่วยกันแก้ ผ่านไปด้วยกันดิ อย่าทำเหมือนตัวเองตัวคนเดียวทั้งที่พี่ก็อยู่ข้างๆ

   “.........”

   “ความรู้สึกของพี่มันไม่ได้เกิดขึ้นง่ายๆ ถ้าพี่รู้สึกกับใคร มันจะไม่หายไปง่ายๆ ลองเดินไปด้วยกันก่อน เราศึกษากันไปก่อนก็ได้ถ้าน้องยังไม่มั่นใจ ช่างหัวสามอาทิตย์ พี่มีเวลาให้ทั้งชีวิต ขออย่างเดียว มีอะไรอย่าเก็บไว้คนเดียว พี่รับได้ทุกอย่างที่น้องเป็น”

   “.....”

   “ทุกอย่างจริงๆ”

   เป็นครั้งแรกที่พี่ไทม์พูดเยอะขนาดนี้กับผม ผมได้แค่มองหน้าเขา น้ำเสียงจริงจังของเขา มือของผมวางอยู่ตรงอกแกร่ง เสียงหัวใจของเราเต้นแรงไม่ต่างกัน

   “พี่จะไม่ทิ้งผมใช่ไหม”

   “ไม่ทิ้ง”

    “ครอบครัวผมพวกเขาไม่ต้องการ พวกเขาไม่อยากให้ผมอยู่ แล้วพี่ พี่จะอยู่กับผมจริงๆใช่ไหม”

    “พี่จะอยู่”

   “พี่จะไม่ใจร้ายกับผม เหมือนที่แม่ใจร้ายใช่ไหม” การพูดถึงแม่ทำให้ตาผมร้อนผ่าว หน้าพี่ไทม์เริ่มเลือนลางเพราะน้ำตาที่คลอ

   “พี่จะอยู่กับอิณ จะอยู่กับน้องหมวยของพี่ ครอบครัวพี่ก็รู้จักน้อง พวกเขาอยากเจอน้องนะ แม่พี่ยังบอกว่าเราน่ารักเลย”

   แอบไปบอกที่บ้านตอนไหนเนี่ย พี่มันส่งยิ้มให้ผม พร้อมกับลูบหัวไปมา มันทำให้ผมเริ่มกลั้นน้ำตาไม่อยู่

   “ไม่ร้องไห้สิ โอ๋ๆเด็กดี ไหนบอกพี่สิทำไมอยู่ๆจะไปทำงาน ไปเจออะไรมา หืม ทำไมถึงเป็นแผลช้ำอีกแล้ว”

   และแล้วผมก็เขื่อนแตกทุกเรื่องราวทะลักออกไปจนหมด ทุกเรื่องตั้งแต่เรื่องพ่อกับแม่ เรื่องที่ผมชอบผู้ชาย เรื่องพีท เรื่องลุงกับป้า เรื่องของแม่ เรื่องที่พวกเขารังเกียจผม บ้านของผมที่ทำร้ายลูกตัวเอง แม่ผมที่ไม่ต้องการผม คำพูดใจร้ายของแม่ ความอึดอัดตลอดหลายปี  เรื่องที่ผมเคยชินกับมัน ไม่เคยร้องไห้กับมัน ถึงผมจะเสียใจแค่ไหน

   ผมถ่ายถอดทั้งเสียงสะอึกสะอื้นเป็นระยะ พูดรู้เรื่องไม่รู้เรื่องบ้าง กลั้นน้ำตาที่เอ่อคลอไม่ให้มันไหลออกมา จนกระทั่งตอนนี้ผมก็เพิ่งรู้สึกว่าผมทนกับมันมามากจริงๆ ช่วงเวลาที่ผมอดทนกลั้นน้ำตาไว้มันทำให้ผมรู้ว่าจริงๆผมเสียใจกับมันขนาดไหน แต่เพราะผมไม่อยากอ่อนแอ ผมเลยเลือกที่จะไม่ร้องไห้และทำใจให้ชิน

   แต่พอผมได้พูดทุกอย่างออกมาให้ใครสักคนฟังจริงๆ ผมก็รู้สึกเจ็บจนทนไม่ได้ขึ้นมา
   ผมอ่อนแอ
   ครอบครัวที่มันเคยมีพ่อกับแม่ มันเคยพังมาแล้วครั้งนึง
   ที่ผมตัดสินใจทำงานและไม่ขอเงินแม่ บางทีมันอาจเป็นเพราะผมกลัวว่าแม่จะทนผมไม่ไหวจนทิ้งผมไป ผมไม่อยากให้มันพังอีกครั้ง

   ผมก็แค่อยากได้ครอบครัว แค่อยากให้เราเป็นครอบครัวที่รักกันเท่านั้นเอง




   ร่างสูงได้แต่กอดคนบนตักที่เอาแต่ร้องไห้ ร้องจนตัวสั่นไปหมด เขามองว่าน้องตัวเล็ก แต่ตอนนี้เขารู้สึกว่าน้องตัวนิดเดียว ยิ้มสดใสที่เขาเคยเห็น มันมีที่มาที่เจ็บปวด และเขาก็เจ็บปวดที่น้องร้องไห้ มือหนาได้แต่ลูบหัวลูบหลังปลอบคนตัวเล็ก แก้มนุ่มที่เขาชอบซบอยู่บนไหล่เขาทั้งน้ำตา
   คนที่เข้มแข็งต่อหน้าเพื่อน ต่อหน้าคนอื่น ต่อหน้าเขา จริงๆแล้วข้างในน้องกำลังเสียใจ ความเสียใจที่มันสะสม ไม่เคยบอกใคร มันกัดกิน จนเป็นแผล และแผลที่เกิดจากครอบครัวมันจะไม่มีวันหาย

   “พี่อยู่ตรงนี้ ไม่ต้องเข้มแข็งแล้วนะ”
   




สงสารน้องอะ ทำไมใจร้ายกับน้องจัง
มาม่ารอบนี้จะไปแล้วค่ะ แล้วก็คงจะไม่มีอีกรอบแล้ว มั้ง(?)
อาจจะมีเป็นไวๆห่อน้อย ๆ
ขอบคุณทุกคนจริงๆนะคะ เราชอบเขียน ชอบแต่ง แต่งด้วยความสุขก็จริงค่ะ
แต่ว่ารีดเดอร์ทุกคนก็เป็นคนสำคัญที่ทำให้นิยายเราเดินต่อไปได้ ขอบคุณจริงๆนะคะ
เรากะว่าถ้าหนทางการเป็นไรต์เตอร์มันไม่เวิร์ค เราก็กลับไปเป็นรีดเดอร์เหมือนเดิม
แต่เราจะแต่งให้จบ ยังไงก็ฝากติชมด้วยนะคะ รักนะ♥
   
เรามีรูปที่วาดเองมาฝากด้วย (ขอหาหนทางแปปนะคะ เราอัพไมไ่ด้อะ ฮือออ)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-06-2018 01:06:00 โดย Girin »

ออฟไลน์ พลอยสวย

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1622
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-5
อ่อนแอบ้างก็ได้  :ling2:

ออฟไลน์ catka12

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 578
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
 o13 อย่าพึ่งท้อค่ะ.... เขียนดีออกค่ะ..... เขียนเก่งกว่าเราอีก...ขนาดเรียงความเรายังเขียนไม่รู้เรื่องเลย  :hao4:
สู้ๆค่ะ  o13 จะตามอ่านค่ะ  o13

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
มาม่าจัมโบ้หายไป เหลือไวแค่มาม่าช้างน้อย 5555

ออฟไลน์ Girin

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
น้องหมวยบทที่ 11

ผ่านมาหลายวันแล้ว และมิดเทอม อิส คัมมิ่ง



หายนะที่แท้จริงกำลังคืบคลาน เรียนก็ต้องเข้า หนังสือก็ต้องอ่าน ห้องสมุดเรียกได้ว่าเต็มแทบทุกตารางนิ้ว ผมรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนขยันเรียนมาก เวลาอยู่ท่ามกลางผู้คนที่อ่านหนังสือ คือหันไปทางไหนก็จะมีแต่คนอ่านหนังสือกัน



ส่วนพวกที่บอกว่ายังไม่อ่าน อย่าไปเชื่อมันครับ พวกนี้แหละแม่งชอบดึงมีน ผมละเบื่อ อ่านก็บอกว่าอ่านดิวะ ดูอย่างผม อ่านไม่ทันก็บอกว่าอ่านไม่ทันสิครับ วันไนท์มิราเคิลอะรู้จักไหมมม



ไม่อยากจะพูดถึงเลย น่าอายชะมัด แต่หลังจากที่ผมร้องห่มร้องไห้จนน้ำท่วมห้อง คือกูจะร้องอะไรขนาดนั้นวะ พี่ไทม์ก็ลูบหัวลูบหลัง เอานู่นนี่มาล่ออยู่นานกว่าผมจะหยุด ร้องจนปวดหัวอะครับ แต่คือมันก็ได้ปล่อยไง ถึงจะร้องจนปวดหัวแต่ผมก็รู้สึกดีที่ได้พูดกับใครสักคน และคนนั้นก็ยังอยู่ข้างเรา



ผมยกให้พี่ไทม์เป็นเทวดาประจำตัวไปแล้ว พี่ไทม์เสนอว่าจะลองถามเรื่องทุนของคณะกับอาจารย์ที่สนิทให้ ส่วนเรื่องงานพี่มันบอกว่ายังไงเดือนนี้ก็ไม่ต้องจ่ายค่าหอ ที่ต้องจ่ายก็แค่ค่ากิน แต่ค่าขนมของผมเดือนนี้ก็ยังมีอยู่ พี่มันเลยบอกว่างั้นรอให้ผ่านมิดเทอมไปก่อน ค่อยว่ากัน



ผมเองก็เห็นด้วย วันนั้นทั้งวัน ผมโดนโอ๋จนตัวลอย อยากกินอะไรก็ได้กิน อยากดูการ์ตูนก็ได้ดู พี่ไทม์ตามใจผมหมด พี่แกดูผวาที่ผมร้องไห้อยู่เป็นชั่วโมง พี่มันน่ารักจริงๆ นะครับ แปลกใจเหมือนกันที่คนแบบนี้เหลือรอดมาชอบคนแบบผมได้



คนแบบผมมีอะไรให้พี่มันชอบกันนะ



อะไรที่ทำให้พี่มันทำเพื่อผมขนาดนี้



คืนนั้นผมขอกลับมานอนที่ห้อง ตอนแรกพี่มันก็ไม่ยอม กลัวผมจะกลับไปร้องไห้คนเดียว แต่ผมก็บอกไปว่าผมโอเคแล้ว มันก็ไม่เชื่อ สุดท้ายเลยต้องบอกว่าจะโทรคุยด้วยจนหลับเลย มันถึงยอมแต่ก็ยังทิ้งท้ายไว้อีกว่า



‘ถ้าอยากร้องไห้ก็บอกพี่ พี่จะไปหา อย่าร้องในที่ๆ พี่ปลอบไม่ได้’



ให้ตายเถอะคนๆ นี้



ส่วนที่บ้านผม แม่ไม่ได้โทรมาเลย ผมเองก็ไม่ได้โทรไปเหมือนกัน....



ผมนอนไม่ค่อยหลับเท่าไหร่ คิดว่าคงเป็นเพราะความเครียดของผมเอง แต่มันก็มีประโยชน์เพราะผมสามารถอ่านหนังสือได้แบบยาวๆ



“ไอ้หมวย วิชานี้มิดเทอมเท่าไหร่นะ”



“45 เปอร์เซ็นไง ไฟนอลอีก 45 ที่เหลือควิซกับใบงาน”



“โคตรเหี้ย แล้วงานแม่งเป็นล้านใบเลยเนี่ยนะ คะแนนเท่าขี้มด”



ก่อเกียรติคนเดิมเพิ่มเติมคืออ่านหนังสือไม่ทันแล้ว ผมกับมันนัดกันมาอ่านหนังสือด้วยกันที่โต๊ะม้าหินแถวทะเลสาบ จริงๆ มันก็บ่อน้ำใหญ่ๆ นั่นแหละครับ แต่เรียกให้มันดูแพงไปงั้นน



“เขาบอกอัตนัยใช่ไหมมึง ถ้าออกปรนัยนี่จำตั้งแต่เปิดเทอมยังไม่ทันเลยนะ”



“เออ กูจดอยู่ว่าเขาออกอัตนัยสองข้อ”



“พี่รหัสแม่งก็ไม่ให้ลังรหัสกูด้วย มึงมีแนวบ้างไหม”



“กูไม่มีพี่รหัส”



เรามองหน้ากันแบบจนมุม คือทั้งสาขารู้จักกันอยู่สองคน คบกันอยู่สองคน คนอื่นเขาก็มีกลุ่มของเขา แล้วบอกเลยว่าเพื่อนๆ ในสาขาผมไม่ได้น่ารักกันเท่าไหร่ ทุกคนเหมือนแข่งกัน ต่อให้มีแนวข้อสอบผมก็ไม่คิดว่าเขาจะแชร์ให้คนอื่นหรอก



Rrrrrrr



เจ้าเก่าเจ้าเดิม ช่วงนี้ชีวิตผมเบอร์โทรเข้าโทรออกก็มีแค่สองคนแหละครับ ถ้าไม่ใช่ก่อเกียรติคนกาก ก็คุณเวลานั่นแหละ



“เลิกเรียนแล้วเหรอครับ”



“เลิกแล้ว เราอยู่ไหน?”



“พี่จะมาหรอครับ แต่นี่มันเย็นแล้วผมว่าพี่กลับไปพักดีกว่านะ เมื่อวานพี่ก็อ่านจนดึก ผมกลับเองได้”



“พี่อ่านทันน่า ไม่อยากให้อ่านดึกก็มาอ่านด้วยกันสิ วันนี้พี่ยังไม่เจอเราเลยนะ ทำไมใจร้าย” ฮ่อลล เอ็นดูจังเลยพ่อคุณ ดูใช้ถ้อยคำ มุ้งมิ้งชิบหาย



“ก็ผมอยากให้พี่พัก จะได้ไม่อ่านหนังสือดึกไง ไม่รู้ละวันนี้ผมกลับเอง”



“โอเค ตามใจ”



ติ้ด



ตัดสายเฉย เห้ย ทำไมยอมง่าย แปลกมากครับ ปกติพี่มันจะตื้ออยู่นั่นแหละ จนกว่าผมจะยอมไม่ทางใดก็ทางนึง ผมว่าต้องมีอะไร



Rrrrrrrr



นั่นไง ไม่ใช่เสียงโทรศัพท์ผมครับ



“ครับพี่”



“อ่อ อยู่ทะเลสาบครับ”



“อยู่ครับ”



“ไอ้หมวยอย่าแย่งโทรศัพท์กู! ครับ ครับพี่”



“อย่าตีกูสิวะ คุยโทรศัพท์อยู่ ครับ หวัดดีครับ”



ติ้ด...



“พ่อมึงนี่ ใช้ได้เลยนะ กูชอบๆ ๆ ๆ 555555555”



ฮึ่ย ไม่ต้องเดาเลยว่าใครโทรหามัน ไม่เคยฟังกันบ้างเลย ผมก็แค่อยากให้เขาพักบ้าง มาเทียวรับเทียวส่งแบบนี้ทุกวันมันไม่เหนื่อยรึไง ผมรับนู่นนี่นั่นจากพี่มันทุกอย่าง แต่ผมก็ให้อะไรพี่มันไม่ได้เลย ก็แค่ไม่อยากให้เขาเหนื่อยเพราะผม



ไอ้ก่อเกียรติ เพื่อนเหี้ยขี้ฟ้อง



“มึงมันขี้ฟ้อง”



“มึงก็ยอมๆ ไปเหอะ เขารักเขาก็อยากเจอ มึงไม่อยากเจอเขารึไง?”



“ก็อยาก แต่กูไม่อยากให้เขาเหนื่อย”



“งั้นมึงก็ไปหาเขาสิ ไปค้างห้องเขาก็จบละ คิดไรซับซ้อนวะ”



“ก็มัน...” เขินนะเว้ย แต่มันก็จริง ผมควรจะไปหาพี่มันบ้าง เราควรเจอกันคนละครึ่งทาง ไม่ใช่ผมเอาเปรียบพี่มันแบบนี้



“ยังไม่ได้คบกัน?”



“ยัง” ผมรู้สึกผิดนิดหน่อย เพราะดูเหมือนจะเป็นความผิดผมเองที่ไม่ยอมตกลงสักที



“อห พี่แม่งดูแลดีจนกูนึกว่าแต่งงานกันแล้ว ทำไมยังไม่คบกันอีกละวะ”



“กูยังไม่แน่ใจ กูยังไม่ได้ตกลงเองอะ”



“พี่เขาชอบมึงไหม”



“เขาบอกว่าชอบ”



“แล้วมึงชอบเขาไหม”



“ชอบ”



“แค่นั้นก็พอแล้วปะ มึงจะกลัวอะไรวะ มีอะไรก็ช่วยกันแก้ ถ้ามันไปกันไม่ได้มึงก็เลิก มึงยิ้อไว้แบบนี้ถ้าสุดท้ายมันจะจบ ยังไงมันก็ต้องจบ ถึงไม่ได้คบกันมึงก็ต้องเสียใจอยู่ดี ทำไมไม่คบกันแล้วสร้างช่วงเวลาดีๆ วะ อยู่แบบนี้มึงแน่ใจนะว่าโอเค จะหึงจะหวงก็ทำไม่เต็มที่ กล้าเสี่ยงหน่อยเพื่อน เชี่ย กูว่าพี่ไทม์ต้องจ่ายกูค่าชงมึงแล้วละวะ”



จะจริงจังก็จริงจังให้มันสุดก็ไม่ได้นะ ผมอุตส่าห์เคลิ้มๆ ก็ต้องสะดุดหัวเราะเพราะมัน แต่ก็จริงอย่างที่มันว่า ผมมองหน้าก่อเกียรติอย่างครุ่นคิด ที่ผ่านมาผมแทบจะเชื่อคำปรึกษาของก่อเกียรติมาตลอด ถึงมันจะเกรียนแต่มันก็เป็นคนที่รู้จักผมดีมากคนนึง เป็นคนเก่งแล้วก็รอบคอบ และผมเองก็รู้จักกับพี่มันมาหลายเดือนแล้ว ชอบก็ชอบไปแล้ว ถึงตอนนี้ไม่ได้คบกันแล้วเกิดพี่มันเทผมขึ้นมา ผมก็เสียใจอยู่ดี



ใช่ สุดท้ายแล้วผมก็ไม่ได้เผื่อใจเอาไว้อยู่ดี อีกอย่างผมก็เชื่อไปแล้วว่าพี่มันจะไม่ทิ้งผม จะเป็นแฟนไหม ผมก็คาดหวังไปแล้วว่าเขาจะอยู่ข้างผม พี่มันก็ทำเพื่อผมขนาดนั้น ผมก็ควรจะเชื่อใจเขาสินะ ควรจะมั่นใจในตัวพี่ไทม์มากกว่านี้ ไม่ใช่ปล่อยให้เขารอควร ผมไม่ควรจะเห็นแก่ตัวแบบนั้น



หรือผมควรขอพี่มันเป็นแฟนวะ



“กูควรขอเขาเป็นแฟนถูกมะ”



“มึงควร เพราะมึงคือคนที่เล่นตัว” ผมมองเพื่อนชั่วตาขวาง ไม่ได้ทีมกูสักนิด



“งั้นหลังสอบ”



“แล้วแต่มึงดิ้ นู่น พ่อมึงมาแล้ว กูกลับหอละ บรัยส์”



“เห้ย เดี๋ยวดิ กลับมาก่อน ไอ้ก่อเกียรติ!”



ก่อเกียรติยกมือไหว้พี่ไทม์แล้วก็ปั่นจักรยานหนีไปเลย ทิ้งบอมไว้ในหัวกูแล้วก็ชิ่งเฉยเลย ผมหันไปมองหน้าพี่ไทม์ เขามองผมพร้อมบอกทางสายตาว่า มาขึ้นรถได้แล้ว อารมณ์พี่ไม่ได้ดีเหมือนหน้าตานะครับ



ผมเลยต้องรีบโกยทุกอย่างลงกระเป๋า แล้ววิ่งไปหาพี่มัน เปิดประตูนั่งข้างคนขับด้วยความเคยชิน และพี่มันก็เงียบเลยครับ



งอนแน่ๆ



แต่ดูจากสีหน้าแล้วไม่น่าจะงอนจริงจัง ออกจะดูน้อยใจซะมากกว่า ผมมองดูพี่มันที่ตอนนี้เหมือนน้องหมาตัวโตๆ กำลังแสร้งเก๊กหน้าขรึม ไม่ๆ กูจะขำตอนนี้ไม่ได้ ต้องให้เกียรติคนอยากหน้านิ่งหน่อย



ใช้เวลาไม่กี่นาทีรถก็มาจอดที่หน้าหอผม และคนตัวโตมันก็มุ่งมั่นนั่งเงียบมาตลอดทาง ผมยังนั่งอยู่ในรถพี่มันไม่พูดผมก็ไม่พูด และแน่นอนว่าผมต้องเป็นคนง้อ



“กินข้าวมารึยังครับ”



“......” พี่เขามีความเพียรที่ดีนะครับเนี่ย



“งอนหรอครับ”



“....” แน่ะมีแอบมอง อยากจะขำแต่ก็เกรงใจ



“ดับเครื่องทำไมละครับ ไม่กลับห้องหรอ”



“จะไล่พี่ให้ได้เลยใช่ไหมครับ” มีตัดพ้อ



“เปล่าครับ ผมไม่ได้จะไล่พี่ซะหน่อย”



“......”



“แค่จะบอกว่าไม่ต้องดับเครื่องหรอกครับ เดี๋ยวก็ต้องกลับพร้อมกันอยู่แล้ว ผมขอขึ้นไปของแป๊ปเดียว” ผมยิ้มสดใสทิ้งไว้ จนคุณสารถีส่วนตัวทำตาโตใส่ ตั้งตัวไม่ทันละสิ ก็ปกติคนที่ดื้ออยากจะค้างด้วยกันคือพี่มัน ไม่รอคำทักท้วงใดๆ รีบเปิดประตูรถแล้ววิ่งขึ้นห้องไปเลย



ให้ตาย รู้ว่าอยากอยู่ด้วย แต่มึงไม่ต้องยิ้มกว้างขนาดนั้นก็ได้ปะวะพี่













“พี่ไทม์มีแนวข้อสอบวิชานี้บ้างปะ” และนี่คือเหตุผลหลักของผมในการค้างครั้งนี้ อยู่สาขาเดียวกันก็ต้องใช้ให้เป็นประโยชน์หน่อย



“อ่อออออ นี่สินะ ถึงได้ยอมมาค้างด้วย เหอะ!” รู้ทันกูอีก สะบัดเสียงใส่ด้วย



“ไม่ใช่อย่างนั้น อย่ามองแบบนั้นดิ เออ ก็มีส่วนนิดนึงแหละ แต่ที่มาก็เพราะผมอยากง้อพี่ไง” หน้าตาไม่เชื่อสุดฤทธิ์เลยนะพี่มึง



“อยากมาง้อ หรือมาเอาแนวข้อสอบกันแน่”



“มาง้อสิครับ” ผมทำเสียงจริงจัง “แต่ไหนๆ มาแล้วก็ขอแนวข้อสอบด้วยดิ”



“เด็กโลภมาก ยังง้อไม่สำเร็จเลย ยังจะมาขอแนวข้อสอบอีก”



“เอ้า ผมนึกว่าพี่หายงอนแล้ว เห็นยิ้มกว้างเชียวตอนผมบอกจะกลับด้วย” ผมทำเสียงเยาะเย้ย เดี๋ยวนี้อัพเกรดแล้วครับ เรื่องอะไรจะยอมให้มันทำเขินอยู่คนเดียว ผมแข็งแกร่งแล้วครับ ยังไงวันนี้มึงก็ต้องพ่ายแพ้วะพี่ ผมยักคิ้วกวนประสาทอย่างผู้ชนะ



“พี่ยังไม่หายงอน เพราะฉะนั้นก็อย่าหวังว่าจะได้แนวข้อสอบ แหม พี่มีข้อสอบเก่าเยอะซะด้วยสิ คนมันเคยเออะนะ”



เกลียดเสียงแหมชิบหาย น่าหมั่นไส้ชะมัด พี่มันนั่งอยู่บนโซฟา และผมนั่งอยู่บนพื้น ล้อมรอบไปด้วยชีทและหนังสือ เราจ้องตากันอย่างไม่ยอมแพ้



คนตัวสูงอ้าปากค้างทันทีที่ผมปีนขึ้นไปคร่อมตักอีกฝ่ายบนโซฟาตัวแคบ ถามว่าเขินไหม เขินสิฟะหูจะไหม้แล้วเนี่ย แต่แหมวันนั้นก็นั่งอยู่ตั้งนานสองนาน แถมเป็นคนขอมาค้างห้องเขา จะอายก็ไม่ทันแล้วอะ บอกแล้วครับว่าผมอัพเกรด



“น้องหมวยจะทำอะไรครับ” พี่ไทม์ถามเสียงติดจะดุ พร้อมหน้านิ่ง



“ง้อพี่ ไม่งอนก็จะนั่งอยู่แบบนี้แหละ”



“หึๆ ร้ายกาจนะเรา งั้นก็นั่งง้อต่อไปนะครับ”



“เห้ย ยังไม่หายงอนอีกหรอ ดึกแล้วเนี่ย ผมมาค้างด้วยเพราะผมไม่อยากให้พี่นอนดึกนะครับ ขอแนวข้อสอบเหอะนะ”



“....”



“.....นะ”



ปกติลูกอ้อนจะได้ผลตลอด แต่ผมว่าบางทีผมอาจจะพลาดไปวะ พี่มันก็ชอบมาลวนลามผมอยู่แล้ว ขึ้นมานั่งตักเขาแบบนี้เขาก็ได้เปรียบสิวะ



ทำไมโง่แบบนี้วะ



อ้อนก็แล้วอะไรก็แล้ว ผมเลยตัดสินใจลงดีกว่า แต่มันไม่ง่ายแบบนั้นน่ะสิครับ มือหนายังเกาะที่เอวผมหนึบ อีกมือก็ถือชีทอ่านเหมือนผมไม่ได้อยู่ตรงนี้ ผมไม่เคยคิดว่าตัวเองเป็นคนบอบบางหรือตัวเล็กอะไร แต่แค่มือเดียวของพี่มันกลับก็โอบเอวไว้เกือบจะรอบเอวอยู่แล้ว ผมเริ่มหน้าแดงเพราะกลิ่นหอมของคนตรงหน้า ยิ่งหลังอาบน้ำเสร็จด้วยนะ



ใจแกว่งเลย



“ไม่หายงอน ก็ปล่อยเลย”



“.....” เงียบอี๊กกกก ง้อคนงอนว่ายากแล้ว แต่ง้อคนแกล้งงอนนี่ลีลาเยอะกว่า หมั่นเขี้ยว



“พี่ไทมมมม์ ปล่อยก่อนจะอ่านหนังสือออ”



“.......” โว้ยย คือเราจะเล่นบทรักไร้เสียงกันถูกมะ



สงสัยต้องงัดแผนเด็ด ตอนแรกก็กะจะเก็บไว้คิดอีกสักคืนสองคืน พอหลังสอบค่อยเซอร์ไพร์แบบหรูหรา ก่อเกียรติมันอุตส่าห์ให้แง่คิดมาทั้งที ง้อก็แล้วอ้อนก็แล้ว งอแงก็แล้ว คนลีลาก็ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ ไม่ยอมเสียเปรียบเลยสินะ



ผมคงต้องง้อแบบให้หายงอน แล้วก็ผูกมัดพี่มันเอาไว้กลับตัวเอง ยิงปืนนัดเดียวได้นกตั้งหลายตัว ผมยิ้มขำพร้อมภูมิใจกับความฉลาดของตัวเอง ใจจริงอยากจะคิดอีกสักหน่อย แต่อะไรจะเกิดมันก็คงต้องเกิด ไม่มีประโยชน์ที่ผมจะคิดมากแล้วปล่อยพี่มันไป ปล่อยเวลาผ่านไป เกิดมีสาวที่ไหนเข้ามา ผมแย่แน่ๆ



ผมเลิกดิ้นขลุกขลัก แล้วโน้มลงไปใกล้ใบหูของคนตัวสูง พี่ไทม์ชะงักเล็กน้อย



“เอางี้ถ้าผมผ่านมีนวิชานี้ ผมจะยอมขอพี่เป็นแฟนเลย....”



เป็นอีกครั้งของวันที่พี่ไทม์ทำตาโตใส่ผม ดวงตาสวยมองผมจนผมเห็นตัวเองในแววตา ผมยักคิ้วอย่างผู้ชนะ ยังไงพี่มันก็พ่ายแพ้ ชะงักเลยล่ะสิ ฮิฮิ



“อึ้งเลยล่ะสะ.....อื้อ”



ยังไม่พูดไม่ทันจบ ริมฝีปากได้รูปที่ผมชอบก็ประกบปิดลงมาซะงั้น ขัดจังหวะคนอื่นเวลาพูดมันเสียมารยาทนะครับ แล้วคงเพราะหลายวันนี้ได้เจอกันแค่แป๊ปเดียวเพราะต่างคนต่างอ่านหนังสือ พี่มันถึงได้ร้อนแรงและหนักหน่วงใส่ผมขนาดนี้ ทั้งเปลี่ยนองศาไปมา จนผมหอบ มือหนากดท้ายทอยผมให้ริมฝีปากแนบแน่นเข้าไปอีก อีกข้างลูบไล้แผ่นหลังของผมทั้งเนื้อผ้า มีเสื้อก็เหมือนไม่มี



ยังไม่ทันได้หายใจก็ประกบจูบลงมาอีก ครั้งแล้วครั้งเล่า ครั้งแล้วครั้งเล่า



เฮ้อ ชัยชนะของผมไม่เคยอยู่นานเลย















*****************

ฮือออ ขอบคุณทุกคอมเม้น ทุกการติดตาม และการให้กำลังใจนะคะ

เราอ่านทุกคอมเม้นเลย และเรามีความสุขมาก

รักทุกคนนนน♥

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
คงต้องพัฒนาฝีมือต่อไปนะน้องหมวย

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด