พิมพ์หน้านี้ - ็(END)Hello there ว่าไงน้องหมวย มีน้องหมวยมาแจกค่ะ! 09/06/62

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: Girin ที่ 19-04-2018 22:20:20

หัวข้อ: ็(END)Hello there ว่าไงน้องหมวย มีน้องหมวยมาแจกค่ะ! 09/06/62
เริ่มหัวข้อโดย: Girin ที่ 19-04-2018 22:20:20
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฎทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเว็บไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเว็บไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม











♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦

Hello there ว่าไงน้องหมวย
[/size][/b]


นิยายเรื่องเป็นเรื่องราวชายรักชาย

หากนักเขียน เขียนผิดประการใด ขออภัยด้วยขอรับ

บุคคล สถานที่ และเนื้อเรื่องไม่มีอยู๋จริง

[/size]
หัวข้อ: Re: Hello there ว่าไงน้องหมวย
เริ่มหัวข้อโดย: Girin ที่ 19-04-2018 22:26:06
ต้นเหตุความซวยของผม


เชียงใหม่


"สัสแจ๊บ ทำไมมึงอาการหนักขนาดนี้วะ"


"เหี้ยลูกอิณ มึงไม่มาเป็นกุ ไม่รู้หรอก"


"เออๆ แดกเข้าไปเลยนะ กุถ่อมาจากนครปฐม เพื่อมาแดกเหล้าที่เชียงใหม่กับมึงเลยนะ เพื่อนเวร"


     แจ๊บ หนุ่มหน้าหม้อ สายติสอารมณ์ดีเพื่อนผม อกหักครับ ใช่ครับ แม่งกระดกเหล้าแดกเอาๆ ทั้งที่เพิ่งมาถึงแค่ครึ่งชั่วโมง แม่งก็เริ่มเซแล้ว ไอ้นี่มันหล่อครับ น้องเยลลี่แฟนมันเลยชอบระแวง สุดท้ายก็แตกดับครับ ปลายทางความรักสายหล่อหน้าหม้อก็แบบนี้ เสือกดันไปรักจริงช่วยไม่ได้
     ผมชื่อ ลูกอิณ อินทกร มีเมตตา เพิ่งสอบติดมหาลัยสดๆร้อนๆ ใช้เวลาหกเดือนก่อนเปิดเทอมกักตุนเวลานอน ผมกับไอ้เเจ๊บสอบติดกันคนละที่ เหลือเวลาอาทิตย์เดียวก่อนเปิดเทอม เป็นหกเดือนที่ผ่านไปโคตรไว


"ยังไงมึงก็อยู่คนเดียวอยู่แล้ววว มาหากุหน่อยไม่ได้ไง ไม่เพื่อนเลยวะ ลูกอิณ ไอ้เหี้ย"


"แหม แล้วที่นั่งหัวโด่อยู่นี่ไม่ใช่กุรึไง"


"มึงก็หน้าตาดีนะเว้ย ทำไมหาเมียไม่ได้วะ"


"กุจะรู้หรอ"


"อ่อ กุรู้ละ"


"อะไรของมึง"


"มึงตูดฟิตไง เหมาะจะไปเป็นเมียมากกว่า"


"ไอเหี้ย อยากแดกตีนกุแทนใช่ไหมหะ"


     กินกันไปสักพัก ไอ้อาร์มก็มาครับ แถมยังหอบเมียมาด้วย เมียมันก็โคตรหล่อเลย ฟังไม่ผิดครับ แฟนไอ้อาร์มเป็นผู้ชาย


"ไงมึง ไอ้หมวย หายไปเลยนะ เพื่อนไม่อกหักก็ไม่คิดจะโผล่หัวมาใช่ไหม"


"สัส บอกกี่ทีอย่าเรียกหมวย"

     
    ไอ้อาร์มไม่สนใจคำด่าของผม เพื่อนมันชอบเรียกผมว่าหมวยครับ ผมก็ไม่ได้ตัวเล็กอะไรเลยนะ 178 นี่มันก็ไม่ได้เตี้ยเลย ก็แค่ขาว แล้วก็ตาชั้นเดียว ความกวนตีนของเพื่อนผม จากไอตี๋หน้าจีน กลายเป็นน้องหมวยของแก๊งไป


"55555 ไอ้เหี้ยแจ๊บ หัวราน้ำเลยนะมึง"


"สัสอาร์ม กุอกหักก็ยังเสือกแบกเมียมา จะให้กุช้ำใจตายเลยใช่ปะ"


"ใจเย็นดิ กุไม่อยากทิ้งเอ็มไว้ที่ห้องคนเดียว"


"แหม แต่ก่อนละสะบัดบ๊อบหนีตอนเขามาจีบ ทีตอนนี้ละติดเมีย ไอ้กระแดะ"


"สัสเเจ๊บเดี๋ยวกุตบคว่ำ เอ็มมานั่งข้างกุ อย่าไปใกล้พวกเหี้ยนี่"


     น้องเอ็มทำตามอย่างว่าง่าย แต่พวกผมก็รู็ว่าความจริงแล้วไอ้อาร์มต่างหากที่เป็นช้างเท้าหลัง


"แค่นี้ก็ต้องหวงเมีย แล้วตกลงพวกมึงได้กันยังวะ"


"ไอ้หมวย ถามเหี้ยไรของมึง น้องนั่งหัวเด่อยู่"


"น้องมันก็ผู้ชายปะ เรื่องแบบนี้ก็เรื่องธรรมดาไหม แบบนี้ยังไม่ได้ชัวร์ ไร้น้ำยาวะอาร์ม"


"ปากดีจังนะครับ แจ๊บเมาแล้วก็แดกไปดิ หยุดทำหน้าเสือกซะที"


"กุก็อยากฟังไง เป็นประสบการณ์"


     พวกผมเป็นพวกหน้าด้านครับ น้องเอ็มได้แต่นั่งหูแดงอยู่ข้างๆไอ้อาร์ม ผมก็หาได้สนใจไม่ ยังตื๊อถามต่อไป ก็รู้กันดีว่าไอ้อาร์มมันอารมณ์ขึ้นง่าย พอรู้ว่ายังเปิดซิงน้องไม่ได้ ต่อมกวนตีนอยากแกล้งมันก็กระตุกยิกๆ


"เอ่อ ผมขอไปเข้าห้องน้ำนะครับ"


"รีบมานะเอ็ม"


     นั้นแหละโอกาสดีเลย น้องลุกไปห้องน้ำ ความเสือกของผมกับไอ้เเจ๊บแทบล้นจนอยากเอามาขาย เสนอหน้าถามไอ้อาร์มทันที


"ตกลงว่ายัง?"


"เออ ก็น้องเขายังไม่พร้อม"


"เชี่ยยย มึงทนไหวอ่อวะ ปกติเห็นหน่มน้มหน่อยก็ขึ้นแล้วไม่ใช่อ่อ"


"เชี่ย หมวย"


"มานี่ กุเอง พี่เเจ๊บจะสอนน้องอาร์มเอง วันนี้แหละ มอมแม่งเลย ลากเข้าห้อง"


"สัส ถ้าน้องโกรธกุอะ"


"งั้นเอางี้ พี่เเจ๊บขอท้า ถ้าคืนนี้มึงรวบหัวรวบหางน้องเอ็มได้ พี่แจ๊บจะตัดสกินเฮด แล้วก็จะไม่เขียนคิ้วเดือนนึงเลยอ่ะ"


"เหี้ยเเจ๊บมึงเขียนคิ้วด้วยอ่อวะ"


"กุผู้ชายคิ้วบาง แปลกตรงไหน"


"ในฐานะน้องหมวย กุเอาด้วย อยากให้กุทำไร กุยอมเลยอะ กุอยากเห็นเพื่อนสุขสม แต่คืนนี้ น้องเอ็มต้องเสร็จมึง"


"ทำไมพวกมึงเป็นเพื่อนที่เหี้ยแบบนี้วะ"


"พวกมึงก็คบกันมาหลายเดือนละปะ เอ็มมันก็ผู้ชาย น้องมันอาจจะอายไม่กล้าบอกมึงตรงๆไง น้องมันก็โตแล้ว ปีหน้าก็ขึ้นมหาลัยแล้ว ใจๆหน่อยดิครับ"


     หน้าไอ้อาร์มโคตรระแวง แต่มันก็ดูจะคล้อยตามคำชวนพวกผม แหม น้องเอ็มก็หล่อขาวขนาดนั้น เรียบร้อยยังไง ผู้ชายมันก็หื่นเหมือนกันหมดละวะ


"สวัสดีครับ ผมเป็นนักร้องชั่วคราวของค่ำคืนนี้ ยังไงก็ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ"


     เสียงกรี๊ดดังกระหึ่มทันทีที่ ไอ้นักร้องหน้าหล่อขึ้นเวที ยอมรับว่าโคตรหล่อเลยครับ คนห่าอะไรทำไมคมเข้มขนาดนั้น เสียงทุ้มๆติดเย็นๆฟังแล้ว ใจมันกระเส่า ชิบหาย กูเป็นผู้ชายใจยังแกว่งเลย แล้วผมก็รับรู้ถึงรังสีแปลกๆจากเพื่อนร่วมโต๊ะ อยู่ๆอาร์มมันก็หันมาหาผม ยกยิ้มเจ้าเล่ห์


"แจ๊บมึงพูดแล้วนะว่าจะทำอะไร"


"....."


"ส่วนมึงไอ้หมวย กุอยากให้มึงไปจูบไอ้นักร้องออร่าบนเวที นี่คือคำสั่งของกุ!"


"เชี่ยอาร์ม เด็ดวะ ไปเลยไอ้หมวย ปากดีนัก แหมดีจริงๆที่เรียกพวกมึงสองตัวมา"


"....."


     เชี่ยยยยยยยยยยยยยยยยย


     อาร์มแม่งเล่นกุแล้ว หน้าเวทีนี่ผู้หญิงเยอะเหี้ยๆเลยนะ ไอ้ห่านั่นก็หล่อชิบหาย แถมตัวก็ใหญ่ ผอมๆแบบกุโดนต่อยกลับมาทำไงวะ


"ว่าไงไอ้หมวย"


"เชี่ยมึงเอาจริงดิ ถ้ามันต่อยกุอะ"


"มึงเป็นคนท้ากุก่อนนะ ไม่กล้าไม่เป็นไร กุก็ไม่ว่าอะไร แต่จะจำไว้ว่ามึง"


" ป๊อดดด/ป๊อดด"   แหมผสมโรงเลยนะ เชี่ยเอ้ยย ความปากไวที่แท้ทรู

"ยังไงดี"


"เออ ก็ได้ พวกมึงรอดู"


"ยังงี้ดิวะ ไอ้แจ๊บมึงรออัดคลิปนะ"


"เออๆ"


"สัส อัดคลิปด้วยหรอ"


"นั่นไงเอ็มมาพอดี แหมมาทันดูฉากเลิฟซีนพอดี"


     น้องเอ็ม หนูทำไมรีบมาตอนนี้ละลูก แล้วยังเตรียมอัดคลิปอีก เพื่อนเวร ชอบสร้างวีรกรรมหาเรื่องใส่ตัว ผมเด้งตัวลุกขึ้น ไอ้เเจ๊บลุกตัวเซ เตรียมอัดคลิปแบบไม่เกรงใจความรู้สึกกันเลย ไอ้อาร์มกับน้องเอ็ม มองผม ส่งสายตาว่า ไปซะทีสิ กุจะดูอยู่ตรงนี้ ผมได้แต่เดินไปอย่างใจตุ้มๆต่อมๆ ปลอบใจตัวเองว่านี่ถิ่นเชียงใหม่ ไอ้ห่านั่นคงไม่ใช่ยากุซ่ามาไล่ฆ่ากันทีหลัง เชียงใหม่ไม่มีใครรู้จักกู เดี๋ยวกุก็กลับนครปฐมบ้านเกิดกุแล้ว มันจำหน้ากุไม่ได้หรอก ชิบหาย คนจะเยอะไปไหนวะ มีแต่สาวๆด้วย เวทีก็สูงจังเลยนะ ตอนนี้ผมอยู่ข้างเวทีแล้วครับ ขณะเดียวกันเหมือนมีผู้ชายตัวใหญ่เดินมาหาผม คงอยากมาถามว่ามาทำอะไรตรงนี้ กุก็ถามตัวเองอยู่ มึงไม่ต้องเดินมา จังหวะนั้นที่มันกำลังถึงตัวผม ผมรีบก้าวขึ้นบันได และทำสิ่งที่คิดว่า คงจดจำความอายนี้ไปชั่วชีวิต


"เมื่อก่อนเราไม่คิดจะรัก และเรายังไม่เข้า ว่าอะะไรที่โยงใยความผูก...."


     เสียงเพลงที่ขาดหายไปไม่ต้องสงสัย มันเป็นเพราะนักร้องถูกปิดปากด้วยปากผมเอง ทั้งผับนี่เงียบกริบเลย ไอ้นักร้องที่ว่าหน้านิ่งๆก็เบิกตาเล็กน้อย ชิบหายมันจะต่อยกุไหมวะ ชิบหาย ชิบหาย ชิบหายแล้ว คนที่อยู่หน้าเวทีนี่ตาค้างกันเลยทีเดียว ฮือออ ทำไมกูหน้าด้านมาทำอะไรแบบนี้วะ ถ้ามันมีเมีย เมียมันจะตามมาทึ้งหัวกุไหมเนี่ย ไม่ทันเเล้ว อาศัยจังหวะที่ทุกคนอ้าปากค้าง


"ผมขอโทษนะครับ"


ผมหันไปขอโทษไอ้นักร้องที่ยังยืนงง เพียงเสี้ยววินาที ผมก็กระโดดลงจากเวที ความเหี้ยยังไม่จบเพียงเท่านี้ครับ


"โอ๊ย"


    ไอ้เหี้ย กุก้าวพลาด แทนที่จะกระโดดลงแบบสวยงาม เสือกสะดุดขาตัวเองหน้าคว่ำ ตกเวที ไม่รอละครับจังหวะที่ทุกคนจะแตกฮือ ผมไม่สนใจว่าตัวเองแตกหักส่วนไหนรีบ วิ่งกลับไปที่โต๊ะ


"ไปดิไอ้เหี้ย จะอยุ่ให้มันมาต่อยหรอ"

     
     ไอ้แจ๊บวางแบงค์พันทิ้งไว้สองใบก่อนที่ พวกผมสามคน กับน้องเอ็มที่ยังงงๆวาร์ปตัวเองออกจากผับ และแวะกินมาม่าที่เซเว่น ร่วมสาบานว่าจะไม่ย้อนกลับไปที่ผับนั้นอีกเลย


********************
เป็นนิยายวาย เรื่องเเรกในชีวิตเลยค่ะ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ ♥
หัวข้อ: Re: Hello there ว่าไงน้องหมวย
เริ่มหัวข้อโดย: Girin ที่ 19-04-2018 22:30:31
น้องหมวยบทที่ 1

หนึ่งอาทิตย์ต่อมา

                วีรกรรมที่ทำไว้หนึ่งอาทิตย์ก่อนหน้านี้ ยังคงถูกพูดถึง ผมหน้าแหกไปตามระเบียบ ก็หน้าคว่ำตกเวทีขนาดนั้น กลายเป็นแผลเป็นติดตัว เหมือนอยากให้ความอายนั้นอยู่กับผมชั่วชีวิต  แน่นอนพวกเราไม่ทราบข่าวคราวหนุ่มหล่อเคราะห์ร้ายที่เป็นเหยื่อการท้า แต่แน่นอนว่า ผมทำขนาดนั้น น้องเอ็มก็โดนไอ้อาร์มอุบะอุบะ ตามระเบียบเช่นกัน ไอ้แจ๊บเลยได้ตัดสกินเฮดและเลิกเขียนคิ้วสมพรปาก มันเลยเหมือนคนอกหักที่พึ่งไปบวชมา เพราะแม่งไม่มีคิ้ว อยากบอกว่าโคตรฮา

            วันนี้เป็นวันปฐมนิเทศของผม คณะศิลปะศาสตร์ ที่ยากเย็นนักหนากว่าจะสอบติด ผมยังอยู่หอพักเดิมสมัยมัธยม เพราะไม่ไกลมหาลัยมาก 5 ป้ายรถเมล์ก็ถึง พ่อแม่ผมมีครอบครัวใหม่ทั้งคู่เลยตัดสินใจออกมาอยู่คนเดียว ก็ดีครับ ไม่วุ่นวาย มีตังค์ใช้ แต่ก็ยังมีปัญหากับทางฝั่งแม่อยู่ดี


            “ เห้ยมึง ก่อเกียรติ ไอสัส กุอยู่นี่”


            “ไอ้เหี้ยลูกอิณ บอกให้เรียกอดัม ถ้ามาเรียกก่อเกียรติอีก กุตัดเพื่อนแน่!.”


            ก่อเกียรติ เพื่อนในแก๊งผมอีกคน มันเกลียดชื่อตัวเองมาแต่ไหนแต่ไร โกรธแม่ตั้งแต่จำความได้ว่าทำไมไม่ยอมตั้งชื่อเล่นให้มัน ด้วยความที่ติ่ง Maroon 5  มันเลยสถาปนาตัวเอง แล้วบอกให้ทุกคนคอลลิ่งมันว่า อดัม โธ่ ไอ้ลูกกระเดือก สถาปนาไม่ส่องคันฉ่องเลยวะเพื่อน



“เออ อย่าให้เห็นว่ามาเรียกกูว่าหมวยนะ กุตบกะโหลกแยกแน่”


“นั่นโทษกุไม่ได้  มึงหมวยจริงๆนี่หว่า”


“แต่กูเป็นผู้ชายไอ้เหี้ย”


“พูดมากวะ แล้วรู้ไหมต้องไปไหนต่อ”


“ไปหอประชุมใหญ่ เขาจะปฐมนิเทศรวมก่อน กุขอดูแผนที่แปป”


            ด้วยความที่มหาลัยมันใหญ่ครับ นักศึกษาที่นี่ส่วนใหญ่ก็ใช้จักรยาน ไม่ก็รถราง แต่มหาลัยต้นไม้เยอะครับ เดินไปก็ได้บรรกาศอีกแบบ ติดที่ว่า อากาศเมืองไทยมันร้อนไปต่างหาก

            ใช้เวลาครึ่งวันไปกับการปฐมนิเทศรวมที่แบ่งเป็นรอบๆ เพราะนักศึกษาปีหนึ่งนี่เยอะโคตรๆ ครึ่งวันที่เหลือจะเป็นของแต่ละคณะไป ศิลปศาสตร์ คณะของผมมีกิจกรรม แรกพบ เป็นการพบกันและทำกิจกรรมร่วมกัน ตามคำบอกเล่า คณะผมเน้นระเบียบมากกว่าการเข้าเชียร์หรือรับน้อง แต่ก็มีบางครั้งที่รุ่นพี่จะนัดปีหนึ่งมาพบบ้าง

            และกิจกรรมวันนี้ก็เน้นสันทนาการล้วนๆ พี่ๆบังคับให้ปีหนึ่งเปลี่ยนเป็นชุดลำลอง คือ กางเกมวอร์มเสื้อสีดำ เหตุผลก็เพราะ พี่มันกำลังเอาสีมาป้ายหน้าน้องๆที่แพ้ฐานต่างๆ

            ผมนี่เละสุดๆครับ  ด้วยความที่คณะผมมีผู้ชายอยู่น้อยนิด ผมเลยต้องเสียสละตลอด ตั้งแต่คลุกดิน สไลด์เก็บสบู่ หรือแม้แต่เกมซ่อนไข่ที่ผมอุตส่าห์ซ่อนไว้ในกางเกง แม่งก็ยังหาจนเจอ แต่ปรากฏว่าเกมไหนผมก็แพ้อยู่ดี เพื่อนๆผู้หญิงทำหน้าระอาใส่ผม แต่ด้วยความหล่อมาก พวกเธอเลยยังไม่พุ่งมาข่วนหน้าผมตอนนี้



               อยากชนะก็มาเล่นเองสิโว้ยยยย



                จนมาถึงฐานนี้ อีเมโลดี้หรรษา อยากบอกว่าเรื่องเพลงนี่โคตรถนัด จะต่อเพลงทายเพลง ยังไงงกูก็ชนะ ให้สาวๆได้ภูมิใจสักครั้งละวะ เอาวะ วิถีคนหน้าตาดี ต้องไม่ดีแค่หน้าเว้ย


            “พี่จะร้องเพลงให้น้องๆฟังแต่พี่จะร้องออกมาแค่คำว่าอี กลุ่มไหนตอบได้ว่าเพลงอะไรก่อนก็จะได้คะแนน ใครได้คะแนนเยอะกว่าก็ชนะไปค่ะ”


            “เริ่มเลยนะคะพี่แพร”


            “เริ่มเลยค่ะ น้องๆพร้อมนะคะ”


            “อีอีอี อี่อีอี อีอีอีอี่อีอี อี้อี่อี้อี่อี อีอี่อีอีอี๊”  ชิบหายนี่คือเพลงจริงๆหรอวะ


            “เพลง ชิมิ ครับ!!!!!”


            ไอเหี้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย


มึงรู้ได้ไงวะ มึงฟังออกจริงๆใช่ไหม มึงแดกอะไรไปวะ ประสาทสัมผัสหูมึงถึงสกิลดีขนาดนี้ กลุ่มกุนี่ได้แต่นั่งเอ๋อแดก ก่อเกียรตินี่ไม่ต้องพูดถึง ไม่เคยช่วยอะไรได้ ปล่อยกุเละอยู่คนเดียว

“เก่งมากค่ะ น้องๆกลุ่มที่  7 ได้คะแนนไปนะคะ”  ใช่ครับผมกลุ่ม 8 ไอห่านั่นมันคนละกลุ่มกับผม คะแนนมันนำไปแล้ววววว

“เพลงต่อไปเลยค่ะพี่แพร”


“อีอี่อีอี๊ อีอี อี้อีอีอี อี่อี๊อี อีอี่”




“เพลง 30 ยังแจ๋วครับ!!!!”



ไอห่านั่นมันยกมือตอบอีกแล้วครับ กุว่ามึงติดสินบนพี่เขาแน่ๆเลยวะ พอเลย กุเลิกเล่นละ พี่แม่งยังคงเล่นไปอีกสามสี่เพลง กลุ่มผมนี่กริบกันทุกคน ไอ้หูเทวดามันตอบอยู่คนเดียว สุดท้ายกลุ่มผมก็โดนทำโทษตามระเบียบ ด้วยความที่นี่เป็นฐานสุดท้าย พี่เขาคงจะกลัวสีเหลือไงครับ พี่มันเลยเทราดตัวมาเลย ป้ายหน้าป้ายตาจนสีมันผสมกันยิ่งกว่าสีรุ้ง


พอเล่นฐานจนครับพี่เขาก็ชี้แจงอีกนิดหน่อยเกี่ยวกับการขึ้นแสดงแสตนด์เชียร์ นักกีฬา และผู้นำเชียร์ ปีหนึ่งจะต้องเลือกว่าจะไปอยู่ฝ่ายไหน แล้วก็ต้องเข้าซ้อมจนกว่าจะถึงวันแข่ง ก็คือกีฬาเฟรชชี่


ผมปลีกตัวออกมาเพื่อไปเข้าห้องน้ำ ดูเหมือนสีมันจะเข้าตาผม ทำให้ผมใส่คอนแทคเลนส์ต่อไปไม่ได้แล้ว แล้วความจริงผมก็ปวดขี้สุดๆเลยด้วย

ผมตัดสินใจถอดคอนแทคเลนส์ออกก่อนแล้วใส่แว่น ก่อนที่จะเข้าห้องน้ำ และหลังจากนั้น

 

“พรืดดดดดดดดดดดดดดดดด.....อ่าห์”



ผมมั่นใจว่ายังไม่มีใครเข้ามาในห้องน้ำ การปลดปล่อยเลยทำให้ผมนี่โคตรโล่งเลย แต่ปัญหาอยู่ที่สายฉีดตูดแม่งพังและ


‘ชิบหาย ทิชชู่หมด’ โอโห้กุนี่เครียดกว่าตอนปวดขี้อีก


“แก๊ก แก๊ก” ผมได้ยินเสียงประตูจากข้างนอก พร้อมกับเสียงฝีเท้าเดินไปมา


“ขอโทษนะครับ รบกวนส่งทิชชู่ให้หน่อยได้ไหมครับ”


ผมตะโกนออกไปโดยหวังว่าคนข้างนอกจะมีน้ำใจไม่งั้นผมคงไม่ได้ออกจากห้องน้ำแน่  โทรศัพท์ก็ไม่ได้เอามา คงมีแต่คนที่เดินไปมานั่นเป็นที่พึ่งสุดท้าย

รออยู่นาทีนึง รองเท้าผ้าใบสีขาวก็มาหยุดอยู่ที่ประตูห้องน้ำ พร้อมสอดทิชชู่มาให้ผมผ่านใต้ประตูห้องน้ำ


“ขอบคุณครับ”


จากนั้นผมก็ได้ยินเสียงประตูห้องน้ำข้างๆเปิดออก และปิดใส่กลอน


“พรืดดดดดดดดดดดดด..........”


โฮลี่ชิททททท ยังไม่หมดอีกหรอวะ สุดท้ายก่อนจะได้ใช้ทิชชู่  ผมก็ปล่อยออกมาอีกก๊อก เชี่ยเอ้ย ห้องข้างๆแม่งก็อยู่ซะด้วย ขอโทษหน่อยแล้วกัน เขินชิบหายเลย

 

“เอ่อ ขอโทษครับ”

 

ผมส่งเสียงออกไปไม่ดังมาก ไม่มีเสียงตอบรับจากคนข้างนอก หรือว่าแม่งรังเกียจกุวะ แม่งต้องหัวเราะกุในใจแน่เลยวะ กุนี่โคตรเกรงใจ แต่ช่างแม่งเหอะ และในจังหวะนั้นเอง ขณะที่ผมกำลังไปกดชัดโครก มันอาจจะเป็นเพราะจังหวะและแรงโน้มถ่วงมันได้  หรือมันอาจจะเป็นเพราะผมก้มมากไป แต่ผมว่ามันคงเป็นความซวยของผมเอง แว่นที่ร้อยวันพันปีไม่เคยจะหลุด เสือกลอยออกจากหน้ากุ แล้วไหลลงรูชักโครกไปเฉยเลย


ไอเหี้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยย


เดี๋ยวก่อนนนนนนนนนนนนนนนนน


มึงจะทำยังงี้กับกุไม่ได้นะ แว่นมึงอันก็ไม่ได้เล็กเลยนะ คือรูมึงก็แค่นั้นมึงลงไปได้ยังไงงงงงงงงงง


เอาไงละทีนี้ มองอะไรก็ไม่เห็น สายตาสั้น 700 ของผม ไม่มีแว่นไม่มีคอนแทคผมนี่ไม่ต่างอะไรจากคนตาบอดเลยครับ ทำไงดีวะ ผมตัดสินใจเดินออกมาประจวบเหมาะกับไอ้คนที่ส่งทิชชู่เมื่อกี้กำลังล้างมืออยู่พอดี มันต้องทำกรรมกับกุไว้เยอะแน่ๆถึงต้องซวยเดือดร้อนไปกับกุด้วยเนี่ย


“เอ่อ คือว่า....”


“...........”


“ช่วยพาผมไปห้อง 218 ทีได้ไหมครับ คือแว่นผมมันตกไปในคอห่าน ผมมองไม่เห็นอะครับ”


“........” เงียบชี่เลย


ตอนนี้คือมีแต่ความเลือนรางตรงหน้า ไม่สามารถแยกอะไรออกเลย เดินไปเองนี่กุว่าไม่ตกบันได ก็คงไปโผล่แถวทะเลสาบ


หรือว่าเขาตกใจหน้ากุวะ ตอนนี้แม่งมีแต่สีเต็มหน้าเลย

แต่จู่ๆมือผมก็ถูกคนตรงหน้าคว้าไป มือใหญ่ สากด้วย ล้างแล้วใช่ไหม เมื่อกี้คงขี้มาเหมือนกัน เขาเดินลากผมไปเงียบๆ ผมก็เดินตามไปเงียบๆ เราเดินมาสักพัก

 

“ระวังบันได”

 

“อ่า ครับ”

 

ผมตอบแบบเขินๆ เสียงทุ้มๆเย็นๆแบบนี้มันฟังคุ้นๆไหมวะ เหมือนมันหลอนๆหูเลยอะ แต่ผมก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร เดินตามขึ้นบันไดไป

 

“ถึงแล้ว”

 

เขาเปิดประตูห้องให้ผมเข้าไป

 

“เอ่อ ช่วยหากระเป๋าสีน้ำตาลที่มีเข็มกลัด Maroon 5 เยอะๆหน่อยได้ไหมครับ”

“.....”

ผมได้รับความเงียบเช่นเคย แต่ก็ได้ยินเสียงก๊อกแก๊กตามมา เขาคงหากระเป๋าให้ผมอยู่ มันคือกระเป๋าของก่อเกียรติ ด้วยความที่ผมมันตัวแดกแว่น ที่ชอบทำแว่นพังมาตั้งแต่มัธยม เพื่อนทุกคนก็จะมีแว่นของผมติดกระเป๋าไว้เสมอ

 

“เจอแล้ว”


“เปิดเลยครับ แว่นอยู่ในกระเป๋า”

 

สักพักคนตรงหน้าก็ยัดแว่นใส่มือผม ผมหยิบแว่นมาสวม

 











“!!!!!!!!!”

 









ความหลอนได้ติดตามผมมา เมื่อคนที่ผมขอให้เขาหยิบทิชชู่  คนที่มันได้ยินเสียงตดแสนน่าอายของผม และไอ้คนที่โคตรมีน้ำใจที่อุตส่าห์ลากคนตาบอดอย่างผมมาหาแว่นถึงห้อง มันคือคนที่ผมไม่เคยคิดว่าจะได้เจอและ ไม่ได้อยากเจอเลยสักนิด

 

นักร้องหน้าหล่อเคราะห์ร้าย ที่ผมจูบในคืนนั้น

เขากำลังมองหน้าผมอยู่

 

อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!!!


หัวข้อ: Re: ็Hello there ว่าไงน้องหมวย
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 19-04-2018 23:21:08
 :m20:
หัวข้อ: Re: ็Hello there ว่าไงน้องหมวย
เริ่มหัวข้อโดย: เพียงเพื่อน ที่ 19-04-2018 23:57:07
คุณพระ !! เอาแล้วค่ะซิส  :laugh: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: ็Hello there ว่าไงน้องหมวย
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 20-04-2018 08:24:20
แปะไว้ก่อน เดี๋ยวมาอ่าน/มาเม้นนะครับ  :pig2:
หัวข้อ: Hello there ว่าไงน้องหมวย (น้องหมวยบทที่ 3 20/04/2561)
เริ่มหัวข้อโดย: Girin ที่ 20-04-2018 09:46:26
น้องหมวยบทที่ 2

       

          ผมเปิดเทอมมาได้สามสี่วันแล้วครับ  หลังจากเหตุการณ์นั้นผมใช้ชีวิตอย่างหลบๆซ่อนๆ เรียกได้ว่า  ตอนทำไม่รู้จักคิด  โทษตัวเองครับ โทษใครไม่ได้  ถ้าคุณสงสัยว่าหลังจากนั้นผมทำยังไงต่อ ด้วยความฉลาดผมรู้อยู่แล้วว่า หน้าเลอะสีขนาดนี้ยังไง มันก็จำผมไม่ได้ครับ กล่าวขอบคุณด้วยสีหน้าเรียบเฉยแล้วเดินออกไปอย่างใจเย็น

            ใจเย็นพ่องงงงงง

            ฮือออออออออออออออออออออ

            ถ้ามันเป็นแบบนั้นก็ดีสิครับ สิ่งที่ผมทำจริงๆคือ กุวิ่งครับ  ไม่คิดชีวิตสักนิด สะดุดบันไดสองขั้นสุดท้ายได้แผลกลับมาอีก ไม่สนใจหินแดดใดๆ ก่อเกียรติอยู่ไหน อดัมเพื่อนรัก โผล่หัวออกมาบัดนี้ ผมวิ่งไปหาอดัมอันดับแรก แล้วเสแสร้งเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทั้งที่ใจนี่เต้นโครมครามเหมือนใครเปิดกาโวกาโว  อดัมมันก็ไม่ได้ฉลาดไปกว่าผม มันก็ไม่ถามอะไร

            แต่ผมนี่สิ จะใช้ชีวิตยังไงวะ แม่งตั้งเชียงใหม่ มาโผล่นี่ได้ไงวะ ผมลุกลี้ลุกลน หรือจะเดินกลับไปขอโทษมันดีวะ แต่ถ้ามันกระทืบกุที่ไปจูบมันต่อหน้าสาวเยอะแยะขนาดนั้นจะทำไงวะ ผมคิดหนัก

            สุดท้ายข้อมูลมันก็มาหาผมเอง เมื่อมันปรากฏตัวในวันนั้นอีกครั้ง ท่ามกลางน้องๆปีหนึ่งคณะศิลปศาสตร์นับร้อย  ออร่าแม่งแบบว่าถ้ามึงคือระเบิดนิวเคลียร์ รังสีมึงนี่ทำพวกกุตายหมดแน่อะ ออร่าแม่งไกลขนาดนั้นจริงๆครับ  ผมยังใจเต้นเลย หยุดมองอยู่ตั้งนาน

 

                “นั่นไง พี่ไทม์ ปีสาม กรี๊ดดดดดดดดดด”

            “ผัวกูๆๆๆ มึงๆๆๆ กรี๊ดดดดด”

            “แม่หนูจะเอาคนนี้กรี๊ดดดดดด”



            อ่า ดูเหมือนทุกคนจะรู้จักเขายกเว้นผมสินะครับ น่าจะยังมีก่อเกียรติอีกคน จากการตั้งปัญหา คือ ไอ้นักร้องหล่อเป็นใคร รวบรวมข้อมูลจากสาวๆรอบตัว และตีความโดยผม สุดท้ายสรุปได้ว่า มันชื่อไทม์ หัสวรรษ  เป็นพี่ปีสาม คณะเดียวกับผม อดีตเดือนมหาลัยด้วย ก็ไม่แปลกหรอก หล่อลากขนาดนี้ พี่แกดังมาก ไอจีนี่คนตามเกือบแสน ไม่มีเฟสบุค มีแต่ทวิตเตอร์ ซึ่งแม่งปิดไพรเวทครับ พี่มันอยู่คอนโดในมหาลัย มีจักรยานสีเขียวเป็นพาหนะ มีเพื่อนสนิทชื่อ แชมป์ ปุน และวิน  สุดท้ายคือคนที่เหมือนจะควงๆกันอยู่แต่ไม่คบซะที  คือ สาวสุดฮอตจากวิทกีฬา พี่หวาน ปีสอง ข้อมูลแน่นมากบอกเลยย  สาวๆปี 1 พวกนี้ทำการบ้านมาดีสุดๆ ประเด็นคือ พี่มันควงผู้หญิง แต่ผู้ชายอย่างผมไปจูบมัน ฮือออออ มีแต่ตายกับตายอะงานนี้



            Rrrrrr

“ไงวะ หลวงแจ๊บ”

            “ไอ้หมวย เดี๋ยวโดน”

            “เออ แล้วมีไร”

            “มึงรู้ยัง ไอ้คนที่มึงไปจูบวันนั้นอะ มันอยู่คณะเดียวกับมึง มหาลัยเดียวกับมึง”

            “เออ กูเจอพี่แม่งจังๆเลยด้วย”

            “เชี่ยย แล้วมึงทำไงวะ”

            “วิ่งดิ ไอเหี้ย น่ากลัวชิบหาย”

            “แล้วเขาจำมึงไม่ได้อ่อวะ”

            “ไม่ได้หรอก หน้ากุเลอะสีอยู่ตอนนั้นอะ มันคงรู้แค่กุอยู่ปีหนึ่งคณะมัน”

            “งั้นเขาก็ไม่รู้อะดิว่ามึงเป็นใครอะ”

            “น่าจะวะ แต่เดี๋ยวนะ”

            “เดี๋ยวอะไรวะ”

            “กุว่ากุพลาดอะไรไปวะ”

            “อะไรวะ”

            “............”

            “มึง พลาดอะไร ไอ้หมวย !”

            “มึงงงงงงงงงงงงงง”

            “โวยวายทำไมมม”

            “ตอนนั้นกุใส่ป้ายชื่ออยู่ ถึงมันจำกุไม่ได้ แต่มันก็รู้แล้วว่าไอ้คนที่วิ่งหนีมัน คือกูวววววว”

            “เหี้ยยยย มึงแม่ง โคตรโง่เลยย แล้วมึงจะวิ่งทำไม”

            “ก็กุตกใจ”

            “เออ ตัวใครตัวมันละคราวนี้ กุไปเรียนแล้ว ไอ้เพื่อนโง่”

            “เดี๋ยวดิ ไอ้แจ๊บ ไอ้เชี่ยยยย”



            ตัดสายกุเฉยเลย โอ้ก้อดดดดดดด ลูกอิน ทำไมโง่แบบนี้วะ เนียนๆไปก็จบละ วิ่งออกมาทำหอกหักอะรายยยย  ได้แต่รำพึงรำพันกับตัวเอง ทำไมโง่แบบนี้ แล้วจะทำยังงาย คิดมากไปได้สักพักก็เลิกฟุ้งซ่านครับ กดโทรศัพท์ส่องไอจีพี่มัน เราต้องสืบหาข้อมูล รู้เขารู้เรารบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง และครั้งนี้ผมต้องชนะ ไอจีพี่มันมีแต่โควทครับจากหนังบ้าง หนังสือบ้าง ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ สมเป็นเด็กศิลปะศาสตร์ คงชอบดูหนังชอบอ่านหนังสือ มีรูปตัวเองอยู่สองสามรูป  น้อยนิดแต่หล่อมาก





            ผมเดินมาถึงร้านข้าว มีเรียนอีกทีตอนบ่ายและรุ่นพี่ฝ่ายกีฬานัดตอนเย็น ผมเลือกที่จะเล่นกีฬา ผมไม่อยากอยู่แสตนเชียร์เพราะมันต้องร้องเพลง เล่นโค้ดนู่นนี่ ผู้นำเชียร์นี่ไม่เอาแน่ๆ ผมไม่ถนัดเต้น ผมไม่ชอบอยู่ต่อหน้าคนเยอะๆ ก่อเกียรติเลือกอยู่สวัสดิการ คอยดูแล คอยพยาบาล ตอนนี้มันขอกลับไปนอนที่หอ ผมเลยมากินข้าวคนเดียว โรงอาหารคนเยอะมาก ผมเลยออกมากินร้านหน้ามหาลัย แต่เดินมาจะสิบร้านแล้วคนเต็มทุกร้าน นี่คือการมาแดกข้าวกันโดยมิได้นัดหมายสินะ สุดท้ายผมเลยมาลงเอยที่ร้านก๋วยเตี๋ยวต้มยำ เพราะผมขี้เกียจจะเดินหาแล้ว สั่งเสร็จผมเดินมาหาโต๊ะนั่งในร้าน



            ความโชคดีของผมคือเหลือที่นึง ซึ่งมีอีกคนนั่งอยู่ก่อนแล้ว



            แต่ดูเหมือนบาปกรรมที่ผมทำมามันคงอยากจะให้ผมชดใช้ตอนนี้



            เพราะคนที่นั่งอยู่ที่โต๊ะเดียวกัน คือ

         

               พี่ไทม์

 

 

 

 

           

          ทำไมพี่มันมาอยู่ถูกที่ถูกเวลาขนาดนี้วะ ผมมีสองคดีติดตัว อย่างแรกคือ จูบที่ผับ สองคือ กุวิ่งหนีมัน ผมยังเจอพี่มันตอนนี้ไม่ได้ และผมยังไม่มีแผนเผชิญหน้าด้วย   สิ่งเดียวที่ผมคิดคือหนี ผมยืนอยู่หน้าโต๊ะ รีบคว้าแมสในกระเป๋ามาใส่ก่อนจะหันหน้าออกจากร้าน แล้วมือใครสักคนก็คว้าที่ข้อมือผม

           

          “จะไปไหนหรอครับ”

           

           “......”

           

           “ทำไม จะวิ่งหนีอีกรึไง”

           

               “........”



         “ลูกอิณ  คณะศิลปะศาสตร์ ปีหนึ่ง ”





         “!!!”





เฮือกกก พี่มันจำชื่อได้จริงๆด้วยสินะ ทำยังไงดี ทำยังไงดี ผมลุกลี้ลุกลนอย่างเห็นได้ชัด เพราะถ้าพี่มันถามว่า ผมวิ่งหนีทำไม ผมก็ตอบไม่ได้ จะให้รู้ได้ไงว่าหนีเพราะผมคือคนที่อยู่ๆไปจูบพี่มันตอนนั้น ผมควรจะเดินหนีไป แต่พี่มันจับแขนผมไว้ มือใหญ่ๆนั่น ดึงผมเข้าไปใกล้ ใจผมเต้นแรง



“ก๋วยเตี๋ยวได้แล้วครับน้อง”

“ขะ  ขอบคุณครับ” จะเสียงสั่นทำไมวะ

“นั่งสิ”

“ปล่อยมือผมก่อนสิครับ”

“น้องใช้มือนั่งหรอครับ”

“ตะ แต่ว่า”



จ้องเข้าไป พี่ไทม์เลิกคิ้วข้างนึงใส่ผม หน้าหล่อๆนั่นดูเอาจริงเอาจัง จนผมรู้สึกกลัว กวนตีนไม่ออกเลยวะ ใช้สิทธิ์ความเป็นรุ่นพี่เข้าข่มสินะ ผมยอมนั่งข้างๆพี่มันโดยดี คนตัวใหญ่ยอมปล่อยข้อมือผมเป็นอิสระ



“ไม่เอาแมสออกแล้วจะกินยังไง”



ชิบหายแล้ว ลืมไปเลย ผมสติแตกโดยสมบูรณ์ อ้ำอึ่งไม่รู้จะตอบอะไร ตอนนี้ผมอยากจะหลบไปอยู่ใต้โต๊ะแล้วไม่ออกมาอีกเลย ผมไม่มีทางหนี จริงๆก็มีแต่จะเดินไปยังไงให้เนียนอะ เดินออกไปเฉยๆแล้วบอกว่าหุงข้าวทิ้งไว้ต้องรีบกลับได้ไหมวะ พี่ไทม์จ้องผมเหมือนอยากจะถาม



“คะ คือว่า” เลิกเสียงสั่นก่อนมึง

“ว่า?” พี่ไทม์เลิกคิ้ว หันมาสบตาผม ผมหลบตาก่อนจะพูดต่อ มือไม้นี่ตัดทิ้งได้ไหม เกะกะจัง

“ผม ผมตากผ้าทิ้งไว้ ฝนจะตกแล้ว กลับไปเก็บผ้าก่อนนะ”



เราจะไม่ทิ้งช่วงนาน รีบวางเงิน 100 นึงไว้ก่อนจะรีบลุกแล้ววิ่งหนีออกไป เห็นมือพี่มันเอื้อมมาจะคว้าผมไว้ แต่ไม่ทัน ผมขอโทษนะพี่ แต่ผมไม่พร้อมอะ ขอไปตั้งหลักก่อนนะ









หัวข้อ: Re: Hello there ว่าไงน้องหมวย (น้องหมวยบทที่ 3 20/04/2561)
เริ่มหัวข้อโดย: Girin ที่ 20-04-2018 09:50:05
น้องหมวยบทที่ 3

ผมตัดสินใจเข้ามหาลัยรอเรียนตอนบ่ายที่ยาวเหยียดจนเย็นตลอดการเรียนบ่อย ผมนั่งคิดแต่เรื่องพี่ไทม์ ความจริงผมเดินควรไปขอโทษแล้วอธิบายทุกอย่างเลยดีไหม พี่เขาอาจจะโกรธ เอ่อ อาจจะโกรธมากเพราะเขาชอบผู้หญิง แต่ผมก็ไม่ต้องหลบๆหนีๆแบบนี้อีก ยังไงพี่มันคงเจอผมเข้าสักวันแน่ๆ มหาลัยเดียวกัน คณะเดียวกัน ผมคงต้องยอมถ้าพี่มันจะโกรธจะเกลียด หรืออาจจะโดนถีบด้วย

ผมเลิกเรียนตอนหกโมง ยังไม่มีอะไรตกถึงท้องตั้งแต่กลางวัน เมื่อเช้าผมพึ่งพาแค่ขนมปังห่อเดียวกับนมหนึ่งกล่อง โรคกระเพาะ ทำให้ผมเริ่มปวดจี๊ดๆในท้อง ผมควานหายาในกระเป๋า และพบว่าไม่ได้เอามาด้วย เพราะนานถึงจะปวดซะทีเลยไม่ได้พกเอาไว้ ใกล้ถึงเวลานัดแล้ว เปลี่ยนชุดอีก ไว้ค่อยกลับไปกินที่ห้องแล้วกัน

 

 







ปีหนึ่งที่เลือกมาฝ่ายกีฬา มีประมาณเกือบๆร้อยคนส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงด้วย  แต่ดูเหมือนผู้ชายเกือบทั้งหมดก็มาเป็นนักกีฬาเหมือนกันแต่ก็มีแค่ประมาณสามสิบคนได้ นั่นหมายความว่า ต่อให้ผมเลือกไปเล่นบาส แต่ถ้านักบอลขาด ผมก็ต้องมาลงแทนอยู่ดี เพราะกีฬาเฟรชชี่จะให้แค่ปี 1 ลงเล่น ผมเลือกผิดหรือถูกวะที่มาเข้าฝ่ายนี้เนี่ย

และดูเหมือนจะผิดจริงๆนั่นแหละครับ เพราะวันแรกปีสองมันก็สั่งให้นักกีฬาทั้งหมด วิ่งรอบสนาม 5 รอบ สนามนี่ใหญ่เกือบพอๆกับสนามฟุตบอลเลย โห กุพาตัวเองมาเหนื่อยสินะ สิ่งที่แย่กว่าคือ อาการปวดท้องของผมยังไม่หายไป และเหมือนจะมากกว่าเดิมด้วยซ้ำ

 

 

“เธอๆไหวรึเปล่าอะ หน้าซีดมากเลยนะ”

“อ่า ไม่เป็นไรๆ เราไหวๆ”

“แน่ใจนะ”

“ขอบใจๆ”



ความหวังดีจากสาวน่ารักคนนึง ส่งมาให้ผมตอนที่เราวิ่งรอบสุดท้าย ความจริงคือ ผมเดินอยู่สามรอบได้ วิ่งจริงๆคือรอบแรกกับรอบสุดท้าย เพราะปีสองมองอยู่  ผมว่าพี่เขาก็รู้ว่าเราเดิน แต่มันก็ไม่พูดอะไร วันแรกๆก็คงอนุโลมให้



ผมแบกร่างหอบๆของตัวเองออกมาแล้วทรุดนั่งอยู่ขอบสนาม เสื้อยืดกับกางเกงบอลที่พึ่งเปลี่ยนมาชุ่มเหงื่อ ตอนนี้จะสองทุ่มแล้ว ผมปวดท้องมาก หน้าคงซีดมากแน่ๆ



ผมลุกขึ้น คว้ากระเป๋า เดินออกจากสนาม จักรยานผมจอดไว้ไกลพอสมควรจากตรงนี้ เดินๆพักๆ ลมก็เย็นดี ไม่มีแดดร้อน แต่ผมแสบท้องมากเลย มันทำให้ผมต้องหยุดๆเดินๆเนี่ย รำคาญตัวเองจัง ตอนเด็กน่าจะกินข้าวให้ครบสามมื้อ แต่ก็อย่างว่า อยู่คนเดียวมานาน รู้ตัวอีกทีก็ปวดท้องจนหามส่งโรงพยาบาลเพราะไม่กินข้าวเช้า กินข้าวกลางวันที่ ร.ร ไม่มีข้าวเย็นอีก เพราะห้องมีแต่น้ำเปล่า พึ่งจะมายอมกินตรงเวลาหลังจากกลับมาจากโรงพยาบาลคราวนั้น

 

“แชมป์ กลับหอเลยปะเนี่ย”

“แดกข้าวก่อนดิ บนห้องไม่มีไรแดกเลย”

“รีบแดกนะเว้ย คืนนี้มีบอล”

“มีบอลหรือจะสู้ฮอลล์ในปากเธอวววววว”

“เหยดดดดดดด”

“มุขเหี้ยไรของมึงวะ”

“ไอ้ไทม์ แดกร้านไหน เลือกสิ ผัวสาธารณะ”

“ร้านไหนก็ได้”

 

ผมสะดุดทันที ที่ได้ยินชื่อพี่ไทม์ เสียงมาจาก ผู้ชายสามคนที่พึ่งขี่จักรยานผ่านผมไป และผมคิดว่าพี่ไทม์อยู่ในกลุ่มนั้น ชิบหายแล้ว เจออะไรบ่อยขนาดนี้ แต่พี่เขาผ่านไปแล้ว คงไม่เห็นผม อีกอย่างมันอาจไม่ใช่ไทม์หล่อ อาจจะเป็นไทม์วิศวะก็ได้ แต่เมื่อกี๊มันมีชื่อพี่แชมป์เพื่อนพี่ไทม์ด้วยนะ

 

“พวกมึงกลับไปก่อนเลย เดี๋ยวกุมา”



“เดี๋ยวดิ ไอ้ไทม์ ไปไหนวะ”

 

เห้ย



เดี๋ยวนะ



อย่าบอกนะว่า ผมหันหลังกลับไปมอง ชัดเลย ไทม์หล่อ หนึ่งเดียวในมหาลัย พี่มันกลับรถ แล้วปั่นจักรยานตรงมาหาผม ผมวิ่งอัตโนมัติ การหนีครั้งที่สามของผม ถ้าล้มเหลวผมจบเห่แน่ ผมไม่มีสีเลอะหน้า ไม่มีแมสปิดปากแล้วด้วย ถ้าพี่มันเจอหน้าผมครั้งนี้ ผมจบเห่แน่ๆ โว้ยยยยยยยยยยยย



มึงเป็นคุณยายสปีดในเดอะช็อครึไงงง จะตามทำมายยยยยย



ผมวิ่งไม่ไหวแล้วครับ เพราะผมพึ่งวิ่งมา 5 รอบสนาม แถมยังแสบท้องมากๆอีกด้วย ผมเลยตัดสินใจโดดใส่พุ่มไม้แถวๆนั้น ทำตัวลีบๆสีเขียวๆ จำผิดแล้วพี่มึง กุไม่ได้อยู่ตรงนี้ ขี่ผ่านไปเลยๆ และสกิลการหลบขั้นเทพของผมก็ดูเหมือนจะได้ผล เสียงหายไปแล้ว ผมถอนหายใจหนักๆ หันหลังพิงพุ่มไม้ มือกุมท้องเอาไว้ อยากจะลองทุบแรงๆเผื่อมันจะหาย  แต่ก็ได้แค่ทุบเบาๆ ถ่วงชะมัดเลย แล้วกระเป๋าไปไหนวะ







โฮลี่ ชิททททททททททททททททททททท

ทำไมกุเด๋อขนาดนี้วะ กุจะปล่อยกระเป๋าทิ้งทำไมมมมม พี่มันจะมาเห็นไหมเนี่ย ผมชะโงกหน้าออกไป

ซ้าย

ขวา

โอเคโล่ง

ไหนกระเป๋าวะ







“หากระเป๋าอยู่หรอครับน้อง”





“เหี้ยย!”



ผมผงะถอยหลัง รีบแทรกหัวตัวเองลงไปในพุ่มไม้ ก้มหน้าก้มตา ตัวเท่าควาย แต่เอาหัวไปจุ่มพุ่มไม้  เป็นแก้ปัญหาที่โง่มาก ฮือ แต่ไม่รู้จะทำยังไงแล้ว



“น้องเป็นกระต่ายหรอครับ”

“.....”

“ออกมาคุยกันดีๆเถอะครับ”



ผมสั่นหัวแทนคำตอบ ได้ยินเสียงพี่มันถอนหายใจตามหลัง พี่มันจับไหล่ผม ยื้อยุดกับผมอยู่นาน พยายามเอาหัวผมออกมา และสุดท้ายพี่มันก็ชนะ มือใหญ่ๆจับหน้าผมบังคับให้ผมสบตา พี่มันเห็นหน้าผมแล้ว ผมเลิ่กลั่กมองซ้ายขวา ผมไม่มีทางหนีอีกแล้ว ตัวผมเริ่มสั่น แววตาสั่นไหวของผมไม่กล้าสบตาพี่มันตรงๆ ใบหน้าหล่อยังชวนมองเหมือนเดิม พออยู่ใต้แสงจันทร์แล้วพี่มันเหมือนหลุดออกมาจากนิยายเลย คิ้วเข้มๆขมวดเข้าหากัน



คนอวดดีแบบผมหมดหนทางเอาชนะ เลยได้แต่หลับตาแน่น และหวังว่าพอลืมตาพี่มันจะหายไป แต่กลายเป็นว่ามือข้างนึงของพี่ไทม์เลื่อนมาจับท้ายทอยผมไว้



ลมเย็นๆที่อยู่ๆก็หยุดนิ่งไป แทนที่ด้วยริมฝีปากอุ่นๆของพี่ไทม์ ประกบลงบนริมฝีปากของผม ผมลืมตาโพลง พี่มันถอนจูบออก ผมรีบใช้มือผลักอก แต่คนรู้ทันก็คว้าเอวผมเอาไว้ ตัวผอมๆของผมสู้คนตัวหนาไม่ได้เลย

 

 

“ไม่ต้องหนีแล้วครับ พี่จำน้องได้ตั้งแต่วันแรกแล้ว”



“.......”



“จูบนี้ ถือว่าเราหายกันแล้วนะครับ”




























            ผมอาจจะตายไปแล้ว พี่เขาเห็นผมหลับตาอาจจะเข้าใจผิดว่าผมอยากให้จุมพิตปลุกตื่น จริงอยู่ที่ว่าพี่มันหน้าตาเหมือนเจ้าชาย แต่ผมไม่ใช่เจ้าหญิง ผมก็เป็นเจ้าชายนะพี่ ผมแค่ผอมกว่า เตี้ยกว่าเท่านั้นเอง



            ผมตกใจเกินกว่าจะขยับตัว หัวใจบ้าบอนี่ก็เต้นแรงชะมัด หน้าซีดๆของผมคงจะแดงมากในตอนนี้ ผมไม่เคยรู้จักพี่ไทม์มาก่อน พึ่งรู้ชื่อมันเมื่อไม่กี่วัน คุยกันนับคำได้ แต่กลับจูบกันไปแล้วสองครั้ง เป็นอะไรที่ข้ามขั้นตอนไปไกลโคตรๆ เพื่อนไม่ใช่ แฟนนี่ยิ่งไม่ใช่ รุ่นน้อง? แล้วรุ่นน้องเขาจูบกันที่ไหนละวะ



            ผมอาจจะยังนั่งเอ๋ออยู่ตรงนั้นแต่หัวผมกำลังตีกันวุ่นวาย พี่ไทม์ชอบผู้หญิง ผู้หญิงคนนั้นชื่อหวาน แต่พี่มันจูบกู สิ่งที่ผมหวังจะได้เห็นคือ มันโกรธเป็นฟืนไฟ อาจเดินมาต่อยผม หรือ บอกว่า น่ารังเกียจว่ะ พอเจอรีแอคแบบนี้ผมถึงกับเงิบ ตั้งรับไม่ถูกเลยทีเดียว

         

           “น้อง”

            “....” แปปนึงขอตั้งหลักก่อน

            “ลูกอิณ”

            “.........” เชี่ยพี่มึงรีบหรอ กุไม่กล้ามองหน้ามึงเลยเนี่ย



            พี่ไทม์จับไหล่สองข้างของผม และก่อนที่ผมจะเงยหน้าไปมองหน้าพี่มัน สิ่งที่ผมหลงลืมไปชั่วขณะ เพราะจูบพิฆาต มือสองข้างผมกุมท้องตัวเองไว้ก่อนจะค้อมตัวลดอาการปวดแสบ เม้มปากเพื่อกลั้นเสียงเอาไว้



            “น้อง เป็นอะไร!!!”    พี่ไทม์เสียงแตกตื่น ผมเลยยื่นมือข้างหนึ่งไปจับชายเสื้อพี่มันไว้



            “พี่ ผมปวดท้อง”



            “ใจเย็นนะ อดทนก่อน เดี๋ยวพี่พาไปโรงพยาบาล”



            พี่ไทม์ขยับตัวเข้ามาใกล้ผม หัวของผมเลยพิงอกพี่มันอย่างช่วยไม่ได้ มือข้างนึงของมันโอบไหล่ผมไว้ อีกข้างหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา



            “แชมป์ อยู่ไหนวะ”

            “ยืมรถหน่อย ขับมารับกุที่สนามหลังมอที”

            “อย่าพึ่งเสือกตอนนี้ รีบมาเร็วๆ น้องมันจะร้องไห้แล้ว”



            พี่ กุไม่ได้จะร้องไห้ กุก้มหน้าอยู่มึงรู้ได้ไง ผมขยำเสื้อพี่มันจนแน่น ผมคิดว่ามันดีขึ้นแล้วเลยไม่กินยาต่อตอนนั้นที่เข้าโรงพยาบาล แต่กินข้าวให้ตรงเวลาแทน มีบ้างที่ปวดๆตอนดึก เล่นเอานอนไม่หลับ แต่ผมไม่เคยเป็นหนักขนาดนี้ ตอนนี้ผมลุกไม่ไหวด้วยซ้ำ ผมไม่เคยโดนน้ำกรดสาด แต่กลับรู้สึกว่ากระเพาะผมมันกำลังโดนแบบนั้นจริงๆ



            ผมพยายามเงยหน้ามองคนตรงหน้า หน้าหล่อๆขมวดคิ้วจนผมรู้สึกตลก จูบพี่มันมีอำนาจเหนือยาหมออีกนะเนี่ย ผมลืมไปเลยจริงๆว่าปวดท้องอยู่ จะเป็นไรไหมถ้าจะขออีกที เผื่อผมจะลืมอีกรอบ



            “พี่ไม่โกรธผมหรอ”

            “โกรธ”

            “........”

            “ปวดท้องแล้วทำไมไม่บอก นี่ปวดมานานแล้วใช่ไหม”



            ผมเม้มปาก พยักหน้าแล้วก้มหน้าลงไม่กล้าสบตา ทำไมผมต้องทำตัวหงอยๆเพราะพี่มันโกรธด้วยเนี่ย คนกวนตีน อวดดีเวลาอยู่กับเพื่อนหดหัวหายไปไหนวะ แค่พี่ไทม์ขมวดคิ้ว สติผมก็แตกกระเจิงไปแล้ว ทำไมมีอิทธิพลขนาดนั้น คิ้วศักดิ์สิทธิ์หรอ



            “ขอโทษ”

            “พูดมากจริง ลุกไหวไหม รถมาแล้ว”

            “วะ ไหวครับ”



            ก็อาจจะไหวละมั้ง ถ้าลองลุกดู เมื่อกี๊ยังวิ่งไหวเลย พี่ไทม์ประคองผมลุกขึ้น ผมทำสีหน้าเจ็บปวดทันที มันเหมือนเวลาเราปวดท้องอยู่ พอเรานอนๆขดๆมันก็ดีขึ้น แต่พอยืนมันก็ปวดจี๊ดดดดขึ้นมาทันที ผมเห็นพี่ไทม์มองผมด้วยสายตาห่วงๆ ห่วงหรอวะ อ่า พี่มันเป็นรุ่นพี่ผมนี่นะ กลัวผมตายละสิ



            พอพี่แชมป์เห็นผมกับพี่ไทม์ พี่เขาก็รีบวิ่งมาช่วยประคองผม เราเดินทุลักทุเล จนมาถึงรถ พวกเขาจับผมยัดที่นั่งคนขับก่อนจะปิดประตู พี่ไทม์หันไปคุยกับพี่แชมป์ที่ยืนอยู่



            “แชมป์เดี๋ยวมึงขี่จักรยานกุกลับนะ กุจะพาน้องไปโรงพยาบาล อะนี่ กุฝากกระเป๋าน้องไว้ที่ห้องที ของกุด้วย มันเกะกะ นี่กุญแจ”

            “เดี๋ยวๆ บอกกุก่อนได้ไหมว่าน้องหน้าขาวนี่ใคร แล้วน้องเขาเป็นอะไรวะ”

            “รุ่นน้องคณะกุ ปวดท้อง ไม่ยอมกินข้าว เอาแต่วิ่งหนี”

            “หนีใครวะ”

            “เออ เอาไว้ก่อน”

            “เออๆ ให้กุไปด้วยไหม”

            “ไม่ต้อง ขอบใจมาก กุไปก่อน เจอกัน”

            “เออเจอกัน มีไรโทรมานะมึง”

            “เออ”

               

                พี่ไทม์เปิดประตูมานั่งที่คนขับ มองหน้าผมนิ่งๆส่งสายตาที่ผมอ่านไม่ออก ผมไม่เคยบอกถูกเลยว่าพี่เขาทำหน้าแบบไหนอยู่ ผมอ่านดวงตาเขาไม่ออก ผมไม่รู้ว่าพี่ไทม์คิดอะไรอยู่ พี่เขาอาจเก็บความรู้สึกเก่ง หรืออาจเป็นผมเองที่โง่



            “มองอะไร ไหวรึเปล่า”

            “เอ่อ  ไหวครับ”

            “แปปเดียว เดี๋ยวก็ถึงแล้ว”

            “ครับ”



            พี่ไทม์หันมามองผมระยะๆ ผมได้แต่กุมท้องไว้ กำมือแน่น บรรเทาความเจ็บ รู้สึกแปลกๆเหมือนกัน วิ่งหนีมาตั้งนาน กลับมาอยู่บนรถด้วยกันเฉยเลย



            ถึงโรงพยาบาล ผมโดนหมอดุนิดหน่อย เพราะไม่มีอาการคลื่นไส้อาเจียน ผมเลยไม่ต้องแอดมิท หมอบังคับให้ผมทานยาให้ครบ ทานข้าวต้องตรงเวลา ได้ยามาถุงใหญ่ พี่ไทม์นั่งรอผมอยู่ เขามองผมนิ่งๆ แล้วลุกขึ้นไปที่รถเงียบๆ เรานั่งไปด้วยกันเงียบๆ หลังจากที่ผมทานยา อาการก็เหมือนจะบรรเทาลง แต่ก็ยังปวดจี๊ดๆอยู่ดี คืนนี้ผมคงนอนไม่หลับทั้งคืน พรุ่งนี้ก็ยังมีเรียนตอนเช้าอีกต่างหาก ผมหันไปสนใจคนข้างๆ เหมือนพี่ไทม์จะรู้ว่าผมมองอยู่



            “ดีขึ้นรึยัง”

            “เอ่อ ดีขึ้นแล้วครับ”

            “แล้วทำไมกุมท้องแบบนั้น ยังปวดอยู่หรอ”

            “ก็ครับ มันยังแสบๆอยู่”

            “ยังไม่ได้กินข้าวตั้งแต่กลางวันใช่ไหม”

            “ครับ”



            พี่ไทม์มองผมก่อนจะตบไฟเลี้ยวเข้าซ้าย จอดรถที่ร้านข้าวต้มข้างทาง เป็นร้านเล็กๆที่ผมคิดว่าเขาคงเปิดโต้รุ่ง คนในร้านมีอยู่ประปราย



            “สั่งสิครับ ไม่หิวรึไง” พูดเพราะ   แต่เสียงนี่ดุจังวะ

            “เอาข้าวต้มปลาครับ”

            “ข้าวต้มปลาสองครับลุง”



            เรานั่งเงียบๆจนข้าวต้มที่สั่งวางลงตรงหน้า ผมไม่ได้ปรุงอะไร พี่ไทม์ใส่น้ำปลาเพิ่ม เรากินกันเงียบๆไม่มีใครพูดอะไร ไหนๆพี่มันก็เป็นคนพาผมไปส่งโรงพยาบาล แม้คนที่ทำให้ผมไม่ได้กินข้าวจะเป็นพี่มันก็เถอะ ผมเลยอยากที่จะทำลายความเงียบ และตัดสินใจที่จะเคลียทุกอย่างไปเลย



            “ผมขอโทษนะครับที่ทำให้พี่โกรธ แล้วผมก็ขอโทษเรื่องที่เชียงใหม่ด้วย”

            “น้องทำแบบนั้นทำไม บอกพี่ได้ไหม”

            “เพื่อนท้าครับ” ผมทำน้ำเสียงรู้สึกผิด ก้มหน้ากินข้าวต้มเงียบๆ

            “แต่พี่เป็นผู้ชาย น้องจูบพี่ น้องชอบผู้ชายหรอครับ”

            “เปล่าครับ แต่ผมเคยมีแฟนเป็นผู้ชาย ก็ไม่ได้รู้สึกรังเกียจหรือว่าเป็นเรื่องใหญ่อะไร ผมขอโทษนะครับ ผมรู้ว่าพี่ชอบผู้หญิง อ้าว”

            “ทำไม”

            “พี่ชอบผู้หญิง แล้วพี่จูบผมทำไมครับ”



            ผมกับพี่ไทม์สบตากันโดยมีข้าวต้มปลาอยู่ตรงหน้าเราสองคน ผมไม่หลบตา แต่จ้องตาพี่มันเหมือนผมพยายามหาคำตอบ ในดวงตาไม่ว่างเปล่าซะทีเดียว แต่ผมก็อ่านไม่ออกอยู่ดี น่าแปลกที่มันน่าค้นหาสำหรับผม ทำไมพี่มันถึงจูบผม ทั้งที่พี่มันก็ไม่ได้ชอบผู้ชาย หรือจะบอกว่าผมหล่อจนทนไม่ไหว พี่ไทม์ก็ดูไม่ใช่คนที่จะเอ็นดูผมขนาดนั้น แล้วเขาทำแบบนั้นทำไม



            “ก็แค่อยากเอาคืน”

            “จริงหรอครับ”

            “ทำไม คิดว่าพี่ชอบเรารึไง”

            “ไม่ใช่ครับ ผมแค่คิดว่าพี่จะด่าผม หรือเดินมาต่อยผมซะอีก”

            “เป็นรุ่นพี่ จะต่อยรุ่นน้องได้ยังไง”

            “แล้วรุ่นพี่เขาจูบรุ่นน้องกันหรอครับ”

            “ใครเริ่มละ”

            “แต่ตอนนั้นผมไม่รู้จักพี่นี่”

            “พูดมากจริง อิ่มรึยัง เอาเพิ่มไหม”

            “อย่าเปลี่ยนเรื่องดิพี่”

            “ลุงครับเก็บตังเลย”



            ผมได้แต่ทำหน้างอ ชำเลืองมองแบบเคืองๆ พี่ไทม์ไม่สนใจคำถามของผม เรานั่งเงียบๆบนรถ



            “คืนนี้ไปนอนห้องพี่”

            “ไม่ดีกว่าครับ ผมเกรงใจ”

            “พี่ไม่ได้ถาม พี่แค่บอก”

            “แต่ว่า”

            “นั่งเงียบๆครับ พี่ใช้สมาธิขับรถอยู่”



                ทำไมเป็นคนที่ตีมึนได้ขนาดนี้ ผมไม่ทางเลือกนอกจาก ค้างห้องพี่มัน แต่ผมไม่อยากมา แค่ปวดท้องผมก็นอนไม่หลับอยู่แล้ว ถ้ามีพี่ไทม์อยู่ในห้องด้วยคงไม่ได้นอนกันพอดี ก็แค่แวะส่งผม ยากตรงไหน แต่ผมไม่อยากเถียง พี่มันอุตส่าห์พาผมไปโรงพยาบาล เลี้ยงข้าวต้มผมอีก หน้าด้านแต่ก็เกรงใจ



            พี่ไทม์จอดรถไว้ใต้คอนโด ห้องพี่ไทม์อยู่ชั้น 11 พี่มันเดินมาเคาะห้องห้องนึงก่อนผมจะเข้าใจว่า มันคือห้องพี่แชมป์



            “เห้ย ไทม์ อ้าวน้อง เป็นไงบ้างหายยัง”

            “ดีขึ้นแล้วครับพี่”

            “ดีแล้ว ไอ้ไทม์ อะนี่กุญแจห้อง กระเป๋าอยู่ในห้องนะ แล้วมึงจะให้น้องเขาค้างนี่หรอวะ มึงไม่เคยพาใครมาค้างนี่หว่า”

            “กุญแจรถมึง พูดมากจังวะ ก็แค่มาค้าง แล้วไอ้ปุนอะ นอนละหรอ”

            “ยัง มันคุยกับสาวอยู่ ไม่ว่างเสือก แต่พรุ่งนี้พวกกุมาเสือกแน่”

            “เสือกอะไรของมึง”

            “ก็น้องหน้าหมวยคนนี้ไง ไปสนิทกันตอนไหนวะ ไม่เห็นมึงไปไหนกับใครนอกจากหวานนี่หว่า”

            “หน้าหมวย? เออ หมวยจริงด้วย” พี่ไทม์หันมามองหน้าผม ผมทำหน้างอ อย่ามาเรียกผมว่าหมวย แค่เพื่อนๆผมมันเรียก ผมก็ไม่รู้ห้ามยังไงแล้ว ผมไม่ใช่ผู้หญิงนะเว้ย

            “น้องมันหน้างอแล้ววะ ฮ่าๆ ชื่อไรเราอะ ทำไมไม่เคยเห็นเลย ปีหนึ่งหรอ”

            “ไว้คุยวันอื่น ดึกแล้ว เด็กมันจะเข้านอน”

            “เห้ย เดี๋ยวดิ ไอไทม์ มึงรีบอ่อ เหี้ยยยยย มึงหวงอ่อวะ  มึงเจอแน่ เจอกุแน่พรุ่งนี้ ไอ้ปุนนนนนนนน ไอ้ไทม์มีน้องใหม่เว้ยยย หวงชิบหายเลยยย”



            พี่ไทม์ลากผมเดินหนีมาไขประตูอีกห้องที่อยู่ข้างๆปล่อยพี่แชมป์โวยวาย อย่างไม่แยแส ห้องพี่มันเป็นห้องโง่ๆสีขาว มีเตียงใหญ่ โซฟา  โต๊ะอ่านหนังสือ โต๊ะกินข้าว ทีวีติดผนัง ตู้เสื้อผ้า ตู้เย็น ห้องเล็กแต่ครบครัน เป็นระเบียบด้วย พี่มันดูเหมือนเจ้าชายจริงๆเลยวะ แบบดีไปหมด



            “กินยารึยัง”

            “ยังครับ”

            “กินสิ เดี๋ยวไปอาบน้ำ ดึกแล้ว”

            “เอ่อ พี่ไทม์อาบก่อนเลยครับ”

            พี่ไทม์เดินไปหยิบน้ำใส่แก้วให้ผม แล้วเดินไปที่ตู้เสื้อผ้า ผมหยิบยาขึ้นมากินเสร็จแล้วพี่มันก็ยัดเสื้อผ้าใส่มือผม

            “ไปอาบน้ำ”

            “อ่าครับ”



            ผมมองสำรวจห้องน้ำ ก่อนจะอาบ กลิ่นสบู่เหมือนกลิ่นพี่มันเลย เป็นกลิ่นสบายๆที่นั่งดมได้ทั้งวัน ผมอาบน้ำเสร็จออกมาเห็นพี่ไทม์หยิบผ้าห่มออกมาอีกผืน



            “เดี๋ยวผมนอนโซฟาก็ได้ครับ”

            “ไปนอนบนเตียง”

            “แต่ว่าพี่”

            “ดึกแล้ว ไปนอนครับ”



            ทำหน้าดุใส่อีกแล้ว โว้ยยยยย ทำไมผมต้องหงอตามพี่มันทุกทีเลย ไว้ก่อนเถอะ จิตใจกล้าแข็งเมื่อไหร่จะเถียงทุกเรื่องเลย ผมนอนบนเตียงนุ่มนิ่ม ที่ผ้าห่มก็นุ่มนิ่ม ชอบแฮะ ไว้ซื้อไปไว้บ้าง ผมนอนขดตัวข่มอาการปวดท้องไว้ หวังว่าจะนอนหลับเร็วๆ แอร์เย็นๆทำให้ผมเรื่มเคลิ้ม แต่อาการปวดจี๊ดทำให้ผมพลิกตัวไปมา น่ารำคาญชะมัด ผ่านไปนานแค่ไหนไม่รู้ พี่ไทม์ยังไม่ออกมาสักที ผมเลยลุกขึ้น พับผ้าห่มเป็นทบๆให้มันหนักๆ ก่อนจะนอนขดตัวแล้วเอาผ้าห่มทับท้องเอาไว้ ช่วยได้แหะ แต่หนาววะ ผมหลับตาลง



            จังหวะที่สติผมจะเลือนหาย ได้ยินเสียงประตูเปิดออก ไฟปิดแล้ว พี่ไทม์คงออกมาแล้ว อยากลืมตาไปบอกฝันดี แต่ลืมไม่ขึ้นจริงๆ ผมรู้สึกว่ามีผ้าห่มคลุมตัวผมอีกผืน มันทำให้ผมไม่รู้สึกหนาว สัมผัสบางเบาที่หน้าผาก เลื่อนมาที่คอ ก่อนจะลูบที่หัวผมเบาๆ เสียงทุ้มๆเย็นๆพูดอยู่ไกลๆ



            “ฝันดีครับ”

            ".........."

           "น้องหมวย"




            สติผมก็หายไป




*********************************
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ รบกวนฝากเนื้อฝากตัวด้วยค่ะ
หัวข้อ: Re: ็Hello there ว่าไงน้องหมวย
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 20-04-2018 09:50:21
 :m20:

เจอทั้งจูบ ทั้งตด
สงสาร

ตอยสอง สามมาไว ดีใจ
พี่ไทม์ คิดอะไร
หัวข้อ: Re: ็Hello there ว่าไงน้องหมวย (น้องหมวยบทที่ 3 20/04/2561)
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 20-04-2018 15:41:17
ติดตามๆ
หัวข้อ: Re: ็Hello there ว่าไงน้องหมวย (น้องหมวยบทที่ 3 20/04/2561)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 20-04-2018 16:03:55
 o13
หัวข้อ: Re: ็Hello there ว่าไงน้องหมวย (น้องหมวยบทที่ 3 20/04/2561)
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 20-04-2018 20:06:15
"ไอ้แจ๊บเลยได้ตัดสกินเฮดและเลิกเขียนคิ้วสมพรปาก มันเลยเหมือนคนอกหักที่พึ่งไปบวชมา เพราะแม่งไม่มีคิ้ว" <== เคยทักน้องที่ยิมคนนึงว่าไปบวชมาเหรอ น้องตอบว่าปล่าวครับ ผมแค่เพิ่งสกินเฮดเพราะอากาศร้อน นี่ก็งงว่าอ้าวเหรอ แล้วทำไมไม่มีคิ้ว? ตอนนี้เข้าใจละ 555
หัวข้อ: Re: Hello there ว่าไงน้องหมวย (น้องหมวยบทที่ 4 20/04/2561)
เริ่มหัวข้อโดย: Girin ที่ 20-04-2018 20:43:28
น้องหมวยบทที่ 4

               พี่ไทม์ปลุกผม ผมงัวเงียลุกขึ้นมา พี่มันก็ยัดผ้าขนหนูใส่มือ รีบไล่ไปอาบน้ำ บอกว่าสายแล้ว ผมอาบน้ำเสร็จพันผ้าขนหนูออกมาอย่างลืมตัว พี่ไทม์ในชุดนักศึกษา เซตผมอย่างดี กับกลิ่นน้ำหอมแบบผู้ชาย หันมามองผม



                “ยืมชุดพี่ไปก่อน กลับหอคงไม่ทันแล้ว อยู่ในตู้ไปหยิบเอา”



                “ขอบคุณครับ ผมยืมแค่เสื้อก็พอ เดี๋ยวใส่กางเกงเมื่อวาน”



                “จะใส่กางเกงบอลไปเรียน?”



                “ไม่ใช่ครับ กางเกงนักศึกษา ในกระเป๋าผม”



                ผมเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้า หยิบเสื้อหอมๆของพี่มัน แล้วขวานหากางเกงในกระเป๋าตัวเอง ผมหันหลังให้พี่มันกำลังจะเดินเข้าห้องน้ำ



                “เดี๋ยว  ไปทำอะไรมา ทำไมรอยช้ำเต็มหลังเลย หันมาดิ เนี่ยที่ท้องก็มี”      รอยม่วงๆจางๆบนตัวผม ทำให้พี่ไทม์ทำหน้ายุ่ง สำรวจเนื้อตัวผมด้วยสายตาห่วงๆ



                “ไม่มีอะไรพี่ ไม่ได้เป็นอะไร เดี๋ยวมันก็หาย”



                “ทายาบ้างรึเปล่า ช้ำมานานรึยัง”



                “พี่ไทม์ เรากำลังจะสายกันแล้วนะครับ”



                “เออๆ ก็เร็วๆดิ”



                เป็นคนชวนคุยเองแท้ๆ ผมหายเข้าไปใส่เสื้อผ้าในห้องน้ำ พอออกมาก็ลงมาข้างล่างซ้อนจักรยานพี่ไทม์ ด้วยความที่คอนโดพี่ไทม์อยู่ในรั้วมอ ในความรีบของเราเลยยังมีความชิลอยู่บ้าง ถึงหน้าตึกคณะก่อนเวลาเรียน 5 นาทีพอดี



                “เดี๋ยวลูกอิณ อ่ะ”



                พี่ไทม์เรียกผมไว้ก่อนจะแยกไปห้องเรียน ยื่นขนมปังกับนมมาให้ผม



                “เอาไปดิ เดี๋ยวก็ปวดท้องอีกหรอก”



                “ขอบคุณนะพี่ เรื่องเมื่อวานด้วย”



                “เออ ไม่เป็นไร”



                “ไว้ผมจะเลี้ยงข้าวคืนนะพี่”



                ผมตะโกนไล่หลังพี่ไทม์ที่เดินไปแล้ว มันหันมายิ้มมุมปากให้ผม  ผมยิ้มให้กับขนมปังในมือก่อนจะรีบวิ่งเข้าห้องเรียน  ผมกับพี่ไทม์อาจจะเริ่มรู้จักในแบบที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่ผมก็ยอมรับว่า นอกจากความหน้าตาดีของพี่มันแล้วเนี่ย พี่มันก็เป็นคนดีเหมือนกันแหะ



                ผมเดินไปนั่งข้างๆก่อเกียรติ หยิบขนมปังกับนมขึ้นมากินตอนที่อาจารย์ยังไม่มา



                “ยังไม่ได้กินข้าวหรอวะ”



                “เออ ตื่นสายวะ”



                “ปกติตื่นเช้าไม่ใช่อ่อวะ”



                “เมื่อวานปวดท้อง ไม่ได้แดกข้าว”



                “บอกกี่ครั้งแล้วว่าให้แดกข้าวให้ตรงเวลา กุแบกมึงไปโรงบาลคนเดียวไม่ไหวนะ แจ๊บกับอาร์ม ไม่อยู่แล้วนะ ดูแลตัวเองหน่อย”



                “บ่นจังครับคุณก่อเกียรติ ผมไปโรงพยาบาลมาแล้ว หายแล้ว ปกติดีครับ”



                “ไปโรงพยาบาลเลยอ่อ แล้วทำไมไม่เห็นโทรหากุเลย”



                “โทษทีวะ กุก็ไม่คิดว่าจะเป็นหนักขนาดนั้น”



                “ตลอดมึงอะ ห่วงแต่คนอื่น แล้วใครพาไป”



                “รุ่นพี่ที่คณะนี่แหละ”



                “ทีหลังมีอะไรต้องบอกนะ”



                “เออๆ รู้แล้วน่า”



                ไอ้นี่มันชอบห่วงครับ ไอ้สองตัวที่อยู่เหนือก็เหมือนกัน เห็นผมอยู่คนเดียว มีปัญหาอะไร ก็ได้พวกมันนี่แหละ



                “แล้วเย็นนี่ไปฝ่ายกีฬาอีกรึเปล่า”



                “ไม่นัดนะ แต่กุว่าจะไปเตะบอล ไปด้วยกันดิ”



                “เออ ไปแดกข้าวก่อน ค่อยไปเตะบอล”



                “แต่มันจะจุกนะเว้ย”



                “คนเป็นโรคกระเพาะแบบมึงมีสิทธิ์แย้งกุหรอวะ”



                “ครับๆคุณอดัม ผมไม่เถียงคุณแล้วครับ”



                ผมพูดขำๆกับก่อเกียรติ มันพยักหน้ายิ้มๆใส่ผม ก่อนจะหันไปสนใจบทเรียน     



                การเรียนเลคเชอร์เป็นอะไรที่โคตรง่วงครับ ห้องๆนึงจุนักศึกษาเกือบสองร้อยคน แล้วก็เรียนโคตรเช้า ไม่หลับก็เก่งแล้ว ผมก็หยิบมือถือขึ้นมาเล่น ปล่อยก่อเกียรติจดไป ถือว่าไม่จดแต่ก็ยังฟังอยู่ ยังพอผ่านๆหูไปบ้าง



                วิชาส่วนใหญ่คะแนนสอบจะ 90% แบ่งครึ่งมิดเทอมกับไฟนอล เป็นเหตุผลให้ สอบทีก็ชิบหายกันที ถ้ามิดเทอมน้อยก็ต้องมานั่งคิดอีกว่า ไฟนอลจะรอดไหม จะเอฟไหม หรือจะดรอปไว้เรียนซัมเมอร์ แต่บางวิชาก็กวนตีนครับ ซัมเมอร์ไม่เปิดให้เรียนทำให้ จาก 4 ปีจบก็ต้องเพิ่มเป็น 5 ปี



                ปีหนึ่งอย่างผมก็จะงงๆหน่อย เนื้อหาล้านแปด ทำให้ต้องมาสงสัยว่ามึงจะออกสอบตรงไหนวะ ต้องผ่านมิดเทอมไปก่อนถึงจะพอเดาทางได้ แต่ผมมีท่านเทพก่อเกียรติ ก็ไม่มีอะไรต้องกลัวหรอกครับ



                เรียนเสร็จก็เที่ยงพอดีครับ เราสองคนเลยกินข้าวกันที่โรงอาหารใต้ตึกคณะ แล้วก่อเกียรติก็ชวนผม ไปห้องสมุดต่อ เป้าหมายของมันคือไปหาหนังสืออ่าน แต่ผมคือไปนอนตากแอร์รอเตะบอลตอนแดดร่มๆ



                “มึงไปซื้อข้าวดิเดี๋ยวกุซื้อน้ำแล้วแล้วจะจองโต๊ะไว้ให้”



                “แดกไร”



                “เหมือนมึง ซื้อมาเหอะ เอาน้ำโค้กนะ”



                “น้ำเปล่า “



                “มึงเอาน้ำเปล่าอ่อ”



                “ไม่กุเอาโค้กแต่มึงต้องแดกน้ำเปล่า”



                “ไรวะ”



ผมบ่นแต่ก็เดินไปซื้อน้ำเปล่ากับโค้ก เชื่อฟังมันหน่อยครับ  เพราะถ้าปวดท้องขึ้นมาก็ต้องเดือดร้อนมัน



                ผมซื้อเสร็จก็มองหาโต๊ะ



                “ เห้ย น้องหมวย มานั่งนี่ดิ มาเร็วๆๆๆๆ”



                “อา.... พี่แชมป์หวัดดีครับ”



                “หวัดดีๆ คนนี้ชื่อปุน นั่งเลยๆว่างเยอะแยะ”



                “ขอบคุณครับ พี่สองคนอยู่คณะนี้หรอครับ”



                “คณะนี้แหละ แต่สาขาประวัติศาสตร์ ปี 3 แล้วน้องชื่ออะไร ปี1 อ่อ พี่ถามไอ้ไทม์ มันก็ไม่ยอมบอกชื่อน้อง”



                “ชื่อลูกอิณครับ สาขาปรัชญา ปี1”



“น้องหมวยชื่อน่ารักวะ”—แชมป์



                “เด็กปรัชญา สาขาเดียวกับไอ้ไทม์เลยนี่” –-ปุน



                “แล้วพี่ไทม์ละครับ”



                “มันคุยกับหวานอยู่ เดี๋ยวก็มา”---ปุน



                พี่หวาน สาววิทกีฬาปีสองสินะ ตกลงพี่เขาชอบผู้หญิงจริงๆ งั้นแสดงว่าที่จูบผมคงแค่เอาคืนเฉยๆ แล้วทำไมผมต้องรู้สึกหน่วงๆในใจด้วยวะ



                “พี่ว่าหน้าน้องคุ้นๆนะ เคยเจอกันมาก่อนปะ”---ปุน



                “ปุนมึงเคยเจอน้องหมวยมาก่อนหรอวะ”---แชมป์



                “กุว่ากุคุ้นหน้าน้อง”---ปุน



                ชิบหาย ตอนนั้นพี่เขาไปเชียงใหม่ด้วยรึเปล่าวะ เหี้ย เขาจะรู้ไหมเนี่ยว่ากุไปทำอะไรกับพี่ไทม์เอาไว้



                “ไม่เคยหรอกพี่ ผมก็เพิ่งรู้จักพวกพี่นี่แหละ”



                “อ้าวแล้วน้องไปรู้จักไอ้ไทมได้ไง”---ปุน



                ก่อนผมจะตอบคำถามนั้น ก่อเกียรติเพื่อนรักก็มาถูกที่ถูกเวลาพอดี



                “มึงนั่งกับใครวะ”



                “พี่ๆครับนี่ก่อเกียรติเพื่อนผม ไอ้ก่อ นี่พี่แชมป์ นี่พี่ปุน เป็น เอ่อ พี่คณะเรา”



                “หวัดดีครับน้องก่อ”---ปุน



                “หวัดดีครับพี่ๆ”



                ก่อเกียรตินั่งลงข้างๆผม หันมากระซิบกับผม “กุบอกกี่ครั้งแล้วว่าให้แนะนำว่ากุชื่ออดัม ไอ้เหี้ยหมวย”



                ผมผิดเองที่ไม่คิดว่ามันจะจริงจังกับการมีชื่อเล่นขนาดนั้น ผมกระซิบขอโทษมันเบาๆ แล้วพวกพี่ๆเขาก็ลุกขอตัวไปซื้อข้าว



                “มึงไปรู้จักพี่เขาได้ไงวะ”



                “เพื่อนพี่ไทม์ เขาพากุไปส่งโรงพยาบาลเมื่อวาน”



                “พี่ไทม์? อ่อ คนที่หล่อชิบหายๆใช่ไหม”



                “เออคนนั้นแหละ เดี๋ยวก็มามั้ง”



                พวกพี่เขาเดินกลับมาพอดีกับพี่ไทมที่เดินมาพอดี



                “ไอ้ไทม์ โต๊ะนี้ๆ กุซื้อข้าวมาให้แล้ว”



                พี่ไทม์กันมามองหน้าผมก่อนจะนั่งลงข้างๆผมทั้งที่ ฝั่งเพื่อนเขาก็ว่าง



                “ขอบใจ”



                “พี่จะมานั่งเบียดผมทำไมเนี่ย”



                “ขี้เกียจเดินอ้อม มันไกล”



                แค่เดินไปอีกฝั่งมันไกลตรงไหน ผมเบะปาก แต่พี่มันก็แค่ยักคิ้วกวนๆใส่ผม



                “ปวดท้อง แต่ก็ยังจะกินโค้กเนี่ยนะ”



                “เออ น้องหมวยกินโค้กไม่ดีนะ เมื่อวานเห็นหน้าน้องแล้วพี่ห๊วงห่วงกลัวน้องตายก่อนถึงโรงพยาบาล”—แชมป์



                “ทำไมพี่แชมป์เรียกลูกอิณว่าหมวยละครับ”---ก่อเกียรติ



                “ก็เพื่อนน้องก่อหน้าหมวยนี่ครับ ตัวไม่เล็กแต่ก็ข๊าวขาว”----แชมป์



                “อ่อ เพื่อนๆผมก็เรียกมันไอ้หมวยครับ มันเคยไปจีบสาวหมวยด้วยนะครับแต่ดันถูกทอมคาบไปแดกต่อหน้า ผมเลยยกย่องตำแหน่งน้องหมวยอย่างเป็นทางการให้มันไปเลย”---ก่อเกียรติ



                “แดกข้าวไปไอ้ก่อ” ว่าแล้วก็ยัดไก่ใส่ปากมัน



                “ฮ่าๆๆๆ พี่ว่าน้องหมวยอย่าจีบผู้หญิงเลยครับ ลองคบผู้ชายดูดีกว่า ผู้ชายแถวๆนี้ก็ไม่เลวนะครับน้อง”---ปุน



                “พูดมากไปแล้วไอ้ปุน อยู่กับไอ้แชมป์มากไปนะมึง”



                “เหอะ กับเพื่อนกับฝูงไงไทม์”----ปุน



                ผมฟังพี่เขาเถียงกัน เลยยกแก้วโค้กของก่อเกียรติขึ้นดื่ม แต่คนข้างๆก็คว้าไปดูดหน้าตาเฉย



                “คนปวดท้องเขาห้ามกินน้ำอัดลมครับ”



                “ผมหายแล้วพี่ไทม์ เอาคืนมา นั่นของก่อเกียรติ”



                “แลกกัน”



                แล้วพี่มันแลกแก้วนมข้าวโพดมาให้ผมแทน



                “เป็นเด็กก็กินนมไป”



                “ผมไม่ใช่เด็ก พี่ไทม์ เอาคืนมา อันนี้มันไม่อร่อย”



                “ลองกินรึยัง บอกว่ามันไม่อร่อย”



                “ไม่ ผมไม่ชอบ  เอาโค้กมา” พี่ไทม์มันชูแก้วไปอีกทางที่ผมเอื้อมไม่ถึง ผมเลยเอื้อมไปข้างหน้ามัน จนตอนนี้หน้าพี่มันอยู่ใกล้แค่คืบเท่านั้นเอง



                “ลองกินดูก่อน ชิมจากปากพี่ก็ได้ รับรองว่าอร่อยแน่”



                “...........” สตั๊นแดกไปเลยย



                “ชิมจากอะไรนะเพื่อนไทม์ เมื่อกี๊ได้ยินไม่ชัดเลย”---แชมป์



                ผมเงียบ เจอการจู่โจมแบบไม่ทันตั้งตัว  เลยหดกลับมานั่งแล้วคว้านมข้าวโพดขึ้นมากินเงียบๆ เสียงหัวเราะหึๆในลำคอดังอยู่ข้างๆ ทำอะไรไม่ได้นอกจากหันไปมองเคืองๆ



                “มึงสองคนนี่สนิทกันดีเนอะ รู้จักกันมาก่อนหรอวะ”---ปุน



                “ไม่เสือกสักเรื่องเถอะเพื่อน”



                “แชมป์ กูเจอแบล็ควนิลาวะ”---ปุน



                “ทำไมวะปุน”---แชมป์



                “กุเจอคนมีความลับ”---ปุน



                “นั่นมันคนในความลับเว้ยพี่”---ก่อเกียรติ



                มุก 5 บาท 10 บาท ทำให้มื้อนี้เป็นมื้อที่ครื้นเครงดีครับ ผมมองพี่ไทม์กินข้าวเงียบๆ ทำไมชอบพูดจากำกวมใส่ผม ทั้งที่ตัวเองก็มีคนที่ชอบอยู่แล้ว



                “แล้วเดี๋ยวน้องหมวยกับน้องก่อไปไหนต่ออะ มีเรียนบ่ายเปล่า”---แชมป์



                “ไม่มีแล้วพี่ เดี๋ยวพวกผมไปห้องสมุดกัน”---ก่อเกียรติ



                “ขยันวะ เย็นว่างไหม ไปเตะบอลกับพวกพี่ปะ เดี๋ยวมีไอ้วินเพื่อนพี่ อีกคน “---แชมป์



                “เอาดิพี่ ผมว่าจะไปเตะบอลอยู่”



                “เออดีเลย งั้นเดี๋ยวเย็นๆน้องก็แวะไปละกัน พี่รอสนามบอลนะ”---แชมป์



                “โอเคพี่ หวัดดีครับ”



                “แล้วเจอกันๆ”---ปุน

               

 

 









                “เอาเบอร์มาหน่อย”



                “อะไรนะครับพี่ไทม์”



                “เบอร์ไง ถึงแล้วจะโทรไป พี่เลิกเย็น จะได้ไม่ต้องรอ”



                “อ่อ ครับ 09X-XXXXXXX ครับ”



                “กินข้าวด้วยละ”

 







                “ไอ้ไทม์เร็วๆดิวะ”



                แล้วพี่ไทม์ก็ลุกตามพี่แชมป์กับพี่ปุนไป พี่เข้าขอเบอร์ผม ผมรู้ว่ามันไม่ได้มีอะไรแต่อดไม่ได้ที่จะยิ้มกับมือถือ ตอนที่มีเพื่อนใหม่เพิ่มขึ้นใน ไลน์



                                ‘Time_Hatsawat’



                “ยิ้มอะไรของมึง กุเห็นนะว่าพี่เขาขอเบอร์อะ”



                “ก็เอาไว้โทรนัดไง คิดอะไรของมึง เขาไม่ได้จีบกู๊”



                “ร้อนตัว”



                “แดกไปเลยมึงอะ นานละนะ”



                “นมข้าวโพดอร่อยไหมละ”



                “ยุ่งน่ะ”



                “ทำไมหูแดง”



                “สัส กุรอห้องสมุดนะ”


หัวข้อ: Re: ็Hello there ว่าไงน้องหมวย (น้องหมวยบทที่ 3 20/04/2561)
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 20-04-2018 21:17:27
"ไอ้แจ๊บเลยได้ตัดสกินเฮดและเลิกเขียนคิ้วสมพรปาก มันเลยเหมือนคนอกหักที่พึ่งไปบวชมา เพราะแม่งไม่มีคิ้ว" <== เคยทักน้องที่ยิมคนนึงว่าไปบวชมาเหรอ น้องตอบว่าปล่าวครับ ผมแค่เพิ่งสกินเฮดเพราะอากาศร้อน นี่ก็งงว่าอ้าวเหรอ แล้วทำไมไม่มีคิ้ว? ตอนนี้เข้าใจละ 555


เราขอขำ o13 :m20:
หัวข้อ: Re: ็Hello there ว่าไงน้องหมวย (น้องหมวยบทที่ 4 20/04/2561)
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 20-04-2018 21:57:52
อยากรู้ว่าหวานคือใคร

 :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: Hello there ว่าไงน้องหมวย (น้องหมวยบทที่ 4 20/04/2561)
เริ่มหัวข้อโดย: Girin ที่ 20-04-2018 22:11:44
อยากรู้ว่าหวานคือใคร

 :ling1: :ling1:
หวานคือคนที่น้องลูกอิณได้ยินมาว่าเป็นสาววิทกีฬาปีสอง ที่ควงกันอยู่กับพี่ไทม์ แต่ยังไม่ได้คบค่ะ เราระบุไว้ในบทที่ 2 ค่ะ ขอบคุณที่เข้ามาติดตามนะคะ ♥
 :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: Hello there ว่าไงน้องหมวย (น้องหมวยบทที่ 4 20/04/2561)
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 21-04-2018 11:04:59
อยากรู้ว่าหวานคือใคร

 :ling1: :ling1:
หวานคือคนที่น้องลูกอิณได้ยินมาว่าเป็นสาววิทกีฬาปีสอง ที่ควงกันอยู่กับพี่ไทม์ แต่ยังไม่ได้คบค่ะ เราระบุไว้ในบทที่ 2 ค่ะ ขอบคุณที่เข้ามาติดตามนะคะ ♥
 :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:

อ๋าาา ตรงนั้นเราเก็ทนะ
เฮ้ออ แค่อยากรู้ว่าคุณพี่ชอบเขาหรอ  ต้องรออ่านต่อไป
หัวข้อ: Re: Hello there ว่าไงน้องหมวย (น้องหมวยบทที่ 5 25/04/2561)
เริ่มหัวข้อโดย: Girin ที่ 26-04-2018 01:28:41
น้องหมวยบทที่ 5



            “เหี้ยวินส่งมาๆ”



            “เสร็จกูไอ้พวกอ่อนนนนน”



            “เย้!!!”



            พี่ปุนยิงลูกบอลเข้าโกลล์ไปอย่างสวยงาม ผมและพวกในสนามเฮกันลั่น การแข่งยังดำเนินต่อไป การเตะบอลที่ใครอยากเล่นก็มา อยู่ทีมไหมก็ได้ จอยๆกันไป เราเตะกันไปมาจนฟ้ามืด ผมที่รู้สึกเหนื่อยและหิวน้ำ เลยออกมาแปะมือกับใครสักคนข้างสนาม เป็นอันเปลี่ยนตัว



            “เหนื่อยละหรอ น้ำไหม”



            ผมที่ทรุดนั่ง เงยหน้ามองคนตัวสูงที่ยื่นน้ำมาให้ พี่ไทม์ในชุดเสื้อนักศึกษาโชกเหงื่อนี่โคตรเท่เลย ผมนิ่งค้างไปแปปนึงก่อนจะตอบรับ



            “ขอบคุณครับพี่”



            “เสร็จแล้วน้องไปไหนต่อ”



                  พี่ไทม์ถามขึ้นพร้อมกับทรุดตัวนั่งข้างๆผม ทอดสายตามองไปในสนาม



            “คงกลับหอเลยครับ”



            “หออยู่ไหนละ คราวที่แล้วพี่ไม่ได้ไปส่ง”



            “ห่างจากมอไปห้าป้ายรถเมล์อะครับ ไม่ไกล”



            “แล้วกลับยังไง รถเมล์หรอ มืดแล้วนะ”



            “จักรยานครับ รถเมล์รอนาน ผมขี้เกียจรอ”



            “แต่นี่มืดแล้ว”



            “ไม่เป็นไรหรอกพี่ ผมเป็นผู้ชาย ใครเขาจะทำอะไร”



            “เป็นสิ”     



          ผมหันไปมองหน้าคนข้างๆ ก็ผมบอกไม่เป็นมันจะเป็นได้ยังไง นี่ก็พึ่งทุ่มเดียว ฟ้าแม่งแค่มืดเว่อร์ไปเท่านั้นเอง ยังจะเถียงอีก



            “ก็ผมบอกไม่เป็นไง”



            “เดี๋ยวพี่ไปส่ง”



            “ไม่ต้องครับ ผมเอาจักรยานมา”



            “น้องบอกจะเลี้ยงข้าวพี่”



            พี่มึงจะตีมึนไปถึงไหนวะ ข้ออ้างจะไปส่งกูชัดๆเลยเนี่ย แล้วทำไมต้องอยากไปส่งผมขนาดนั้น ผมก็กลับของผมเองมาตั้งนานแล้ว

            ผมมองค้อนคนข้างๆแต่เขาก็แค่ยักคิ้วใส่ เสียงทุ้มๆเย็นๆโคตรเข้ากับพี่ไทม์ตอนนี้เลย แม่งเพิ่มดีกรีความกวนตีนเข้าไปอีก



            “พี่หาเรื่องไปส่งผมมากกว่า ผมกลับเองได้ ก็กลับเองมาตั้งนานแล้ว”



            “จะเข้าไปเล่นอีกรึเปล่า พี่หิวแล้ว เราไปกันเลยไหม”



            “ทำไมพี่กวนตีน”



            “พูดดีๆ พี่เพื่อนเล่นเราหรอ น้องหมวย”



            “พี่เพื่อนผมหรอ อย่ามาเรียกหมวย”



            “ทีพวกไอ้แชมป์ยังเรียกได้เลย”



            “แต่ผมไม่ให้พี่เรียก ผมชื่อลูกอิณ ไม่ได้ชื่อหมวย”



            “จะเรียกหมวย จะทำไม ตัวก็ขาว”



            “......”



            “หน้าก็หมวย”



            “......”



“ปากก็น่ากิน เคยชิมแล้ว อร่อยดีด้วย”



            “พี่ไทม์!! พูดอะไรวะ คนเยอะแยะ”



            ผมรีบไปตะครุบปากพี่มันไว้เลย พูดบ้าอะไรวะ  เดี๋ยวคนอื่นเข้าก็ได้ยินหมดหรอก ไอ้พี่บ้านี่ แต่เพราะคำพูดนั่น ผมก็เริ่มหน้าแดง หัวใจเหมือนถูกกระตุ้นให้เต้นแรงขึ้น



            “เห้ยยยย! !”



                ผมรีบเอามือออก ก็พี่มันเลียมือผมอะ เชี่ย พี่มึง เป็นหมาหรอตกลง



            “เชี่ยพี่ เลียมือผมทำไมเนี่ย”



            “ปากหวานนะ แต่มือโคตรเค็มเลยวะ อืมม แต่เหมือนได้กลิ่น”



            “กลิ่นอะไร”



            แล้วพี่มันก็คว้ามือผมไปปิดจมูกมันเหมือนที่ผมปิดปากไว้เมื่อกี้ ก่อนจะกดจมูกสูดดมมือของผม ผมสะดุ้ง จะชักมือออกแต่พี่ไทม์ก็ขืนเอาไว้



            “หอม กลิ่นอะไรอะ หอมดีนะ”



            “หะ หอมอะไร เหงื่อซกขนาดนี้ ปล่อยได้แล้ว หิวไม่ใช่หรอ ลุกดิ”



            “หึ รีบเปลี่ยนเรื่องเลยนะ”



            พี่ไทม์หัวเราะหึ น่าหมั่นไส้วะ คนอะไร ความหงุดหงิดที่เกิดจากความหวั่นใจแปลกๆ อยู่ๆคนที่เอาแต่หนีก็ดันมาใกล้ชิดขนาดนี้ บางทีเรื่องราวที่เกิดขึ้นทำให้ผมเริ่มงงๆเหมือนกัน

           











            “อยากกินอะไร”



                ผมอยู่บนรถของพี่ไทม์ รถที่เป็นรถยนต์อะครับ กำลังก้มหน้าพิมพ์ไลน์ไปบอกก่อเกียรติว่ากลับแล้ว



            “ตามใจพี่ดิ ผมเลี้ยงไง”



            “แล้วน้องอยากกินอะไรละ”



            “พี่เลือกเลย กินได้หมดอะ”



            “นี่กินข้าวเย็นมารึยังเนี่ย”



            “ยังครับ”



            “เดี๋ยวก็ปวดท้องอีก กินยาบ้างรึเปล่า”



            “ก็กินบ้าง”



            “เห้ย ปวดท้องขนาดนั้น พี่อยากได้ยินว่า กินครบครับ ไม่ใช่ กินบ้าง ห่วงตัวเองบ้างดิ”



            “ห่วงตัวเองผมก็พอเข้าใจ แต่ทำไมพี่ต้องห่วงผมด้วยครับ”



            “ก็ นะ น้อง.....”



            ผมมองหน้าพี่ไทม์อย่างต้องการคำตอบ ในขณะที่พี่ไทม์ทำหน้าอึกอักใส่ผม ก่อนจะรีบตีหน้ากวนๆเหมือนเคย



            “งั้นกินก๋วยเตี๋ยวนะ เจ้านี้อร่อย”



            เปลี่ยนเรื่อง ตีมึนตลอด ชอบทำตัวน่าสงสัย ผมเองด้วยที่ไม่อยากคาดคั้นอะไรมาก คิดว่าถ้าถามต่อพี่มันก็คงจะยอมบอก แต่ถ้าพี่มันบอก ตัวผมที่เหมือนจะคาดหวังที่จะได้ยินคำตอบบางอย่าง ก็ดันกลัวขึ้นมาซะงั้น เลยไม่คิดจะท้วงถามขึ้นมาอีก

           

           

            “บะหมี่หมูตุ๋นครับ”



            “ผมเอาเหมือนพี่อะ”



            “เอาสองเลยครับป้า”



            “จ้า รอแป๊ปนะพ่อหนุ่ม”



            ผมกับพี่ไทม์ได้แต่นั่งกินก๋วยเตี๋ยวกันเงียบๆ ผมก็ไม่อยากเสียมารยาทหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่น แต่อยู่แบบนี้มันก็อึดอัด เหตุการณ์บนรถเหมือนจะทำให้พี่ไทม์เงียบขึ้นมาดื้อๆ ทั้งที่ก่อนหน้าก็เป็นฝ่ายชวนคุยตลอด ผมเองก็กล้าแค่ลอบมองหน้าหล่อๆของอีกฝ่าย ความเงียบสิ้นสุดเมื่อพี่ไทม์เงยหน้ามาสบตากับผมพอดี พี่ไทม์ส่งสายตาจริงจังมาหาผมก่อนจะเริ่มเอ่ย



            “มองทำไมครับ”



            “พี่หล่อดี”



            “หึ อิจฉาหรอ”



            “ผมก็หล่อนะ”



            “อืม ไม่เถียง”



            “ไม่เถียงหน่อยหรอ”



            ผมหน้าเหวอนิดๆที่พี่มันไม่กวนกลับ ได้แต่คว้าแก้วน้ำมากินแก้เก้อแล้วก็รอฟังพี่มันพูดต่อ







            “อืม ก็คนอื่นมองว่าน้องหล่อก็ดีถูกแล้ว”





            “...........”





            “เพราะน้องต้องน่ารักสำหรับพี่คนเดียว”



            “อึก แค่ก แค่ก”



            พูดเหี้ยไรวะพี่ สำลักน้ำเลยเนี่ย น่ารักเขาไว้ชมผู้หญิงเว้ยยยย อยากจะด่า แต่ก็ทำได้แค่ไอค่อกแค่ก หมั่นไส้วะ ตั้งแต่บนรถละนะ



            “พูดอะไรเนี่ย”



            “หึ ถึงกับสำลักเลยหรออ ตกใจง่ายนะเรา”



            “เงียบไปเลย กินเข้าไปเลย พูดมากอยู่ได้”



            “ครับๆ เข้าใจครับว่าเขิน”



            พี่ไทม์พูดยิ้มๆแล้วนั่งกินเงียบๆ แต่สีหน้ามีความสุขจนผมเผลอมองตาม ความจริงผมไม่ได้กินมื้อเย็นกับคนอื่นมานานแล้วนอกจากออกไปกินเหล้ากับเพื่อน นี่คงเป็นครั้งแรกในรอบหลายปี ที่ไม่ได้นั่งกินข้าวคนเดียว จากที่หงุดหงิดเลยกลายเป็นว่ายกยิ้มหมั่นไส้กับสีหน้ามีความสุขของอีกฝ่าย ถ้าได้กินข้าวด้วยกันบ่อยๆก็คงดี







            กินข้าวด้วยกันบ่อยๆหรอ?







            ผมที่สะดุดกับความคิดตัวเอง เงยหน้ามองพี่ไทม์ที่ก้มหน้าก้มตากิน



            อย่าเชียว



            .



            .



            .



            .







            อย่าเผลอไปชอบพี่เขาเชียวนะมึง

           

           

















                พี่ไทม์มาส่งผมที่หอ ผมนั่งๆนิ่งในรถ ในหัวกำลังรบกันว่าควรจะชวนพี่เขาขึ้นไปบนห้องด้วยดีรึเปล่า เราควรจะชวนเขาไปกินน้ำเหมือนในละครไหม หรือทำหวังดีให้เขากลับไปพักผ่อน แต่พี่ไทม์ก็ดันพูดขึ้นมาก่อน



                “พรุ่งวันเสาร์ ไปไหนรึเปล่า”



                “ผมกลับบ้านครับ  พี่ไทม์มีอะไรรึเปล่าครับ”



                “จริงๆก็ไม่มี แต่ก็มี”  ยังไงของวะ



                “ก็แค่จะมาชวนไปเตะบอล”



                “อ่อ โทษทีนะพี่”



                “ไม่เป็นไร  ขึ้นห้องเถอะ ดึกแล้ว”



                “กลับดีๆนะครับ”



                “ฝันดีน้องหมวย”



                “บอกอย่าเรียกไง”



                ผมหันไปทำตาขวางใส่



                “ไม่ต้องมาทำขนฟูใส่ ไปอาบน้ำนอนได้แล้ว”



                พี่ไทม์ว่ายิ้มๆ ผมสะดุดมองหน้าหล่อที่รับกับแสงน้อยๆส่องเข้ามาในรถ ให้ความอบอุ่นพิลึก ผมเปิดประตูลงจากรถ โบกมือให้ รอจนพี่ไทม์ลับสายตาไปถึงกลับขึ้นห้อง



                ผมอาบน้ำเสร็จ หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเช็คปกติ





Time_Hatsawat 

                ‘ถึงห้องแล้วนะ’





                หืมมมม คือต้องไลน์บอกกุด้วยหรอ ผมทำหน้าประหลาดใจ ไม่มีเหตุผลใดๆเลยที่ต้องไลน์มา เอาจริงๆที่พี่มันมาขอเบอร์ผม เพราะบอกว่าเลิกเย็น จะโทรไปหาจะได้ไม่ต้องมารอ พอถึงเวลาจริงๆพวกพี่เขาก็มาถึงสนามก่อนผมซะอีก พอผมถามพี่ปุณก็บอกว่า



 ‘เลิกเย็นอะไร พี่เลิกตั้งแต่บ่ายสองแล้ว’



อยู่ๆใจก็หวิวๆ ช่องท้องมันวาบๆยังไงไม่รู้ ไม่คิดจะเดินไปถามพี่ไทม์ว่าโกหกกันทำไม ปัญหาตอนนี้คือ จะตอบพี่มันดีไหมวะ หรือ จะไม่อ่านไม่ตอบดี แบบนี้มันไม่หน้าเกลียดหรอวะ เขาอุตส่าห์มาส่ง แล้วผมก็ตัดสินใจได้ว่า





InIn

‘ครับ ขอบคุณที่มาส่ง’





มันขึ้นว่าอ่านแล้วทันทีจนเผลอใจกระตุก พี่ไทม์ไม่ได้ตอบอะไรกลับมา ซึ่งก็ถือว่าขอบคุณ ไม่งั้นผมคงนอนไม่หลับสักที พรุ่งนี้พี่ไทม์ชวนเตะบอล ก็แปลว่าพี่มันไม่กลับบ้านสินะ ดูเป็นปีสามที่ว่างและชิวดี



กลับบ้านหรอ จริงสินะ พรุ่งนี้ผมก็ต้องกลับบ้านเหมือนกัน แล้วจู่ๆผมก็นึกอยากตอบตกลงที่พี่ไทม์ชวนไปเตะบอลตอนนี้ ไม่อยากกลับบ้านเลย ถ้าแม่ไม่บอกว่าคนงานขาดอยากให้ไปช่วยงานก็คงไม่กลับ



ผมได้แต่ถอนหายใจบนเตียง และหวังว่าคืนนี้จะไม่ผ่านไปเร็ว เพราะผมไม่อยากให้เช้าเลย

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 









“ไงมึง แดกข้าวยัง”



“ยังเลยวะ ไม่หิว”



“เดี๋ยวเหอะมึง ไปแดกไป”



“เออ แปปนึงน่า”



“กลับบ้านมาหรอ”



ก่อเกียรติเดินมาทักผม เรานัดเจอกันในโรงอาหารเพราะมีเรียนบ่าย ผมยังไม่หิวข้าว เพราะเวลาอยู่บ้านอาการอยากอาหารของผมเหมือนจะหายไป จนโรคกระเพาะของผมมันถามหาอยู่บ่อยๆ ผมว่าผมสนิทกับมันพอๆกับก่อเกียรติเลยก็ว่าได้  ผมกลับบ้านไม่บ่อยตั้งแต่เปิดเทอม และบ้านผมเป็นยังไงนั่นเป็นเรื่องที่ก่อเกียรติรู้ดี



“กลับบ้านมาหรอ”  นั่นไง ไม่ต้องบอกมันก็รู้ รักจริงๆ มาหอมหัวทีสิเราอะ



“เออ รู้ดีจังนะมึง”



“หึ นี่ใคร นี่อดัมไง ไปแดกข้าวไป”  มันตบไหล่ผม ไล่ให้ผมลุกไปซื้อข้าว



“สัสเจ็บ”



“เจ็บ? เป็นเหี้ยไร”



“หะ อ่อ ไม่มีไร”



“อย่าบอกนะว่า”



“เห้ยมึงทำเชี่ยไรเนี่ย”



ก่อเกียรติพยายามแกะกระดุมเสื้อเชิ้ต ผมพยายามจับมือมันห้ามเอาไว้ เหี้ย เดี๋ยวกุเล่าให้ฟังก็ได้ไหม มาแกะเสื้อกุอะไรกลางโรงอาหารเล่า  เพื่อนผู้รู้ทุกอย่าง โกหกอะไรมันก็รู้ ผมยื้อยุดกับมันจนเสียงเริ่มดังจนคนรอบข้างสนใจ



“ทำไรกัน”



และบุคคลที่สนใจ จนผมกับก่อเกียรติหันไปมอง คือพวกพี่ไทม์ มากันครบแก๊ง ขาดแค่พี่วินคนเดียว ผมเลยรีบกลัดกระดุมเข้าที่เดิม และจัดเสื้อให้เรียบร้อย  นี่พี่ปีสามนะครับ ผิดระเบียบไม่เรียบร้อยเดี๋ยวก็โดนทึ้งหัวน่ะสิ



พี่ไทม์คือคนที่เดินเข้ามาหาผม เราไม่ได้พูดคุยอะไรกันเลยเสาร์อาทิตย์ที่ผ่านมา เขาไม่ได้ทักไลน์มา และผมก็ไม่เหตุผลที่ต้องทักไป



“เมื่อกี๊ทำอะไรกัน”



“เปล่าครับ แค่เล่นกันนิดหน่อย”



พี่ไทม์เลิกคิ้วเชิงจะบอกว่าไม่เชื่อ เขาเดินเข้ามาใกล้จนผมเผลอถอยหนี แล้วพี่เขาก็เอื้อมมือมาติดกระดุมที่ยังติดไม่เรียบร้อยให้ ผมเลยได้แต่ยืนนิ่ง



“แหม ดูแลดีเว้ย”---แชมป์



“มีติดกระดุมให้ด้วย  มึงไม่กลับห้องไปซักเสื้อให้น้องเขาด้วยเลยละ”---ปุน



“ไปซื้อข้าวมาแดกไป”



“ไล่ซะด้วย”---ปุน



“น้องก่อกับน้องหมวยกินข้าวกันยัง พี่นั่งด้วยนะ คนโคตรเยอะเลยวะ”---แชมป์



“ตามสบายเลยพี่ ผมกับไอ้หมวยยังไม่ได้กินเหมือนกัน ไปซื้อข้าวกันไหมพี่”---ก่อ



“ไอ้ไทม์แดกไร จะไปซื้อแล้วเนี่ย”---ปุน



“เหมือนมึง”



“งั้นเดี๋ยวพวกกุมา”



“หมวยมึงแดกเหมือนกุนะ”---ก่อ



“อะ....เออๆ”



พี่ไทม์ดันผมให้เข้าไปนั่งด้านใน แล้วพี่เขาก็ทรุดลงนั่งข้างๆ



“เรียนกี่โมง”



“เรียนบ่ายครึ่งครับ พี่ไม่มีเรียนละหรอ”



“อืม แล้วกลับบ้านมา เป็นไงบ้าง”



“ก็ดีครับ”



พี่ไทม์พยักหน้าไม่ได้ถามอะไรต่อ ผมลอบมองหน้าอีกฝ่าย นึกอยากชวนคุยแต่ก็ไม่รู้จะชวนอะไร สบายดีไหม ก็เห็นอยู่อะว่าสบายดี กินข้าวรึยัง ก็นั่งรอข้าวอยู่ข้างๆกัน เมื่อคืนฝันดีไหม นั่นก็ไม่คิดว่าสนิทถึงขั้นถามแบบนั้นได้ สรุปกับตัวเองในใจ เลยได้แต่ถามอะไรโง่ๆออกไป



“เตะบอลเป็นไงบ้างพี่”



“หืมม เตะบอล มันก็เตะบอลไง แพ้หรือชนะอะหรอ”



“อ่า ก็ประมาณนั้นมั้งครับ”



“อยากชวนพี่คุยหรอครับ”



อย่ามาจี้จุดกันสิ้ นี่คือมาเสือกความคิดกุได้รึไงวะ ผมหน้าเห่อร้อน พี่ไทม์ก็ได้แต่ยิ้มกวนๆส่งมาให้ พอเห็นว่าผมอ้ำอึ้งไม่ยอมตอบพี่มันยิ้มบาง



“อยากรู้ ก็มาเล่นด้วยกันสิ”



“เย็นนี้หรอครับ”



“เย็นนี้ก็ได้ เลิกกี่โมงละ”



“ 5 โมงครึ่งครับ”



“พวกพี่ก็อยู่สนามแหละ เลิกแล้วก็รีบมา”



พี่ไทม์ว่าแล้วก็ตบไหล่ผม ที่เดียวกับก่อเกียรติเพื่อนรัก ผมเผลอนิ่วหน้า ความจริงเขาก็ไม่ได้ตบแรงอะไร แต่มันสะเทือนอะเข้าใจไหม ผิวหนังตรงนั้นอยู่ในสภาวะบอบบางไม่เหมือนผิวหน้าอะ โดนนิดหน่อยๆก็ร้าวไปทั้งใจแล้ว พี่ไทม์ขมวดคิ้วใส่ผม ชิบหายอีกแล้วกุ รอดจากเพื่อน ยังมาเจอพี่ไทม์อีกหรอวะ



“เป็นอะไร เจ็บหรอ พี่ตีเบาๆเองนะ”



“ไม่ ไม่เป็นไร ผมสบายดี”



ผมว่าผมก็ทำตัวปกติดีนะ ทำไมเวลาโกหกไม่มีคนเชื่อเลยวะ พี่ไทม์ทำหน้าไม่เชื่ออย่างชัดเจน และผมคิดว่าพี่มันจะไม่หยุดถามแน่ๆ ได้แต่ภาวนาว่า ให้ก่อเกียรติเดินมาขัดจังหวะที



“พะ พี่ทำอะไรเนี่ย!”



พี่ไทม์ปลดกระดุมเม็ดบนสุด แล้วดึงเสื้อเปิดไปทางไหล่ผม พี่จะมาทำเหมือนก่อเกียรติไม่ด้ายยยย เมื่อกี๊พี่เป็นคนห้ามนะเว้ย มาทำเองได้ไง



ผมจับมือหนา พยายามห้ามคนตัวโต แต่เพราะเป็นคนตัวโตและหนา  แรงผู้ชายแบบผมก็ยังสู้ไม่ได้ พี่มันกระชากเสื้อจนไหล่ขาวเปิดออก ผมไม่ได้ใส่เสื้อกล้ามข้างใน เลยเผยให้เห็นรอยช้ำที่กลายเป็นสีม่วง ปื้นใหญ่ ใหญ่พอที่จะทำให้พี่ไทม์ ขมวดคิ้วหนักกว่าเก่า แล้วมองผมด้วยสายตาดุๆ



ผมตอนนี้กลายเป็นพี่ปั๊ป โปเตโต้ เพราะผมไม่รู้จะอธิบายยังไง มองหน้าพี่มันด้วยอารมณ์บอกไม่ถูก กลัวสายตาดุๆนั่น แต่ก็รู้สึกดีที่เหมือนพี่มันจะห่วง



“เห้ย ไทม์ทำไรน้องวะ”



พี่แชมป์ที่เวลาขอให้มาขัดดันไม่มา แต่ดันมาตอนเห็นภาพผมที่จับข้อมือพี่ไทม์ ซึ่งกำลังดึงเสื้อผมให้เปิดไหล่ออก หน้านี่ห่างกันแค่คืบ ทีแบบนี้ละมาเห็นทันตลอด ก่อเกียรตินี่ยืนเอ๋อไปแล้ว



“เดี๋ยวกุกลับห้องก่อนนะ”



“มึงจะรีบไปไหน กุซื้อข้าวมาแล้วเนี่ย”---แชมป์



พี่ไทม์ไม่ได้สนใจเพื่อนฝูงแต่อย่างใด หยิบกระเป๋าขึ้นสะพาย แล้วดึงมือผมให้ลุกขึ้น ผมขืนตัวไว้



“ผมไม่ไป ผมมีเรียนบ่าย”



“ไม่ต้องเรียนแล้ว”



“ไม่ได้ ผมไม่เป็นอะไรจริงๆ สบายดี”



“ไม่เป็นบ้าอะไร ช้ำขนาดนั้น!”



พี่ไทม์เสียงเข้มขึ้น แววตาดุๆนั้นบอกผมว่าเขาจะไม่ยอม



“ช้ำอะไรวะ มึงจะลากน้องเขาไปไหนเนี่ย”---ปุน



“ไทม์ใจเย็น มีอะไร บอกกุก่อน”---แชมป์



“พามันไปเลยพี่ ฝากมันด้วยนะ ไอ้หมวยลุกดิ”---ก่อ



ก่อเกียรติรีบลากผมออกมา  หยิบกระเป๋าผมให้พี่ไทม์เสร็จสรรพ พี่แชมป์กับพี่ปุนนี่งงเลย มันคงรู้ว่าพี่ไทม์พูดถึงอะไร ถึงทำ ฝักฝ่ายเดียวกับพี่ไทม์ในขณะที่เพื่อนพี่เขายืนเอ๋อๆถือข้าวอยู่



“จะไม่มีใครบอกพวกกุหน่อยหรอ ว่ามีอะไรกัน”---ปุน



“เดี๋ยวกุเลกเชอร์ให้ พี่พามันไปเลย”



“ไอ้ก่อ เดี๋ยวดิ ไอ้ก่อเกียรติ!”



ไม่ทันได้อำลา พี่มันก็กระชากผมไปแล้ว พอพ้นโรงอาหาร ผมก็ขืนไว้จนอีกฝ่ายหยุดเดิน และหันมามองหน้าผม คิ้วยังขมวด สายตาก็ยังดุเหมือนเดิม หน้าหล่อๆนั่นดูกังวล



“พี่ไทม์ ปล่อยเหอะ ไม่ต้องจูงก็ได้”



“อย่าดื้อได้ไหมครับ”



“......”



สายตานี่โคตรดุเลย แต่คำพูดนี่ทำไมดุได้น่ารักขนาดนั้น ผมปล่อยให้อีกฝ่ายจูงไป ใจลอยไปกับคำพูด เลยเดินตามอีกฝ่ายไปต้อยๆๆ

 

















******************

ฮือ ขอบคุณทุกคนนะคะ

นี่เป็นนิยายวายเรื่องแรกของเราเลยค่ะ

ภาษาของเราอาจจะห้วนไปหรืออาจจะงงๆ หรืออาจจะดูใช้คำฟุ่มเฟือยไปบ้าง

ขอโทษด้วยนะค่าาา

ยังไงก็ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ

เราจะพยายามและฝึกฝนต่อไปค่ะ ฮึบ!

 
           
หัวข้อ: Re: ็Hello there ว่าไงน้องหมวย (น้องหมวยบทที่ 5 25/04/2561)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 26-04-2018 02:43:00
ไปโดนใครรังแกมาหนอ
หัวข้อ: Re: ็Hello there ว่าไงน้องหมวย (น้องหมวยบทที่ 5 25/04/2561)
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 26-04-2018 04:17:04
น้องโดนคนที่บ้านตีมาหรอ ใจร้ายจัง
หัวข้อ: Re: ็Hello there ว่าไงน้องหมวย (น้องหมวยบทที่ 5 25/04/2561)
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 26-04-2018 11:56:42
หมวยไปทำไรมา ที่บ้านซ้อมหรอ หรือยังไง ช้ำตั้งแต่ไปห้องพี่คราวที่แล้ว ไหนจะที่บอก กลับบ้านละไม่อยากกินข้าวอีก :hao4:
หัวข้อ: Re: ็Hello there ว่าไงน้องหมวย (น้องหมวยบทที่ 5 25/04/2561)
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 26-04-2018 19:16:54
 :sad11:

ทำไมเรื่องของน้องดูเศร้า

 :L2: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: ็Hello there ว่าไงน้องหมวย (น้องหมวยบทที่ 5 25/04/2561)
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 26-04-2018 23:31:47
คนที่บ้านทำร้ายร่างกายน้องหรอ

 :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re:Hello there ว่าไงน้องหมวย (น้องหมวยบทที่ 6 27/04/2561)
เริ่มหัวข้อโดย: Girin ที่ 27-04-2018 00:12:43
น้องหมวยบทที่ 6


                แอร์เย็นภายในรถกับคนขับที่ขมวดคิ้วกังวลไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกอึดอัดอย่างที่ควรจะเป็น ผมพยายามทำหน้านิ่งๆแต่ดวงตาผมกลับยิ้ม อดไม่ได้ที่จะเหลือบมองคนข้างๆที่ขึ้นรถมาแล้วแต่ก็ยังเอาแต่นิ่ง ไม่ออกตัวหรือพูดอะไรออกมาสักคำ ผมเลยได้แต่ทำตัวเงียบๆรออีกฝ่ายพูดออกมา



                ผมก็กลัวที่พี่เขาทำเหมือนกำลังโกรธ แต่ผมก็รู้สึกดี พอคิดว่าทำไมพี่มันถึงจะโกรธ ถ้าไม่ได้เข้าข้างตัวเองเกินไป ผมว่าพี่มันกำลัง ‘ห่วงผม’ อยู่



“ทายาบ้างรึยัง” ประโยคแรกที่พี่มันพูด ตั้งแต่ขึ้นรถมาและเอาแต่เงียบอยู่นาน



                “ยังครับ ยาหมด”



                พี่ไทม์หันควับมาหาผม พร้อมกับสายตาตำหนิอยู่กลายๆ เห็นชัดว่าพี่มันไม่พอใจกับคำตอบผมเอามากๆ แต่ไม่พูดอะไรต่อ แค่ถอนหายใจแล้วออกรถ

 



                เราหยุดอยู่หน้าร้านขายยา พี่ไทม์ลงไปซื้อ ทิ้งให้ผมนั่งรอในรถ พอกลับขึ้นมา ก็เอาแต่เงียบ ขับรถออก เลี้ยวเข้าซอยเล็ก เงียบๆข้างทาง



                “พี่ไทม์จะไปไหนครับ”   คำตอบที่ผมได้รับคือพี่ไทม์จอดรถ



                “ถอดเสื้อ”



                “ไม่ครับ เดี๋ยวผมกลับไปทาเอง”



                “ไม่ ถอดเสื้อเดี๋ยวนี้”



                “ผมไม่ถอด ผมทาเองได้”



                ผมเถียง ผมรู้ดีว่าถ้าพี่ไทม์เห็น พี่มันต้องยิงคำถามแสนล้านใส่ผมแน่ๆและผมยังไม่แน่ใจว่าผมควรจะเล่าให้พี่ไทม์ฟังไหม สำหรับก่อเกียรติมันรู้เอง ผมไม่เคยเล่า



 แววตากังวลบนหน้าหล่อเหมือนจะยอมแพ้ ตามมาด้วยเสียงถอนหายใจ



                “พี่จะไม่ถามอะไร พี่สัญญา ถอดเสื้อ พี่จะทายาให้”



ความอ่อนโยนปรากฏในตาพี่มันชัดเจน เสียงทุ้มๆนี่ทำผมแทบละลายอะเอาจริง อบอุ่นสัด ผมขอคนแบบพี่อีกสักคนได้ไหม เอาแบบพิเศษ ใส่ถุงกลับบ้านนะ  ไม่อยากดื้อต่อเลย แต่ผมก็ไม่อยากถอดเสื้อด้วย มันแย่กว่าที่เห็น ผมกลัว ไม่อยากโดนดุ ผมไม่เคยให้ใครเห็น ไอ้ก่อมันแค่รู้เรื่อง ไม่เคยเห็นแล้วก็ไม่ได้ลากมาทายาแบบนี้ เพราะผมไม่ยอมและบอกปัดตลอด



แต่กับคนนี้นี่



ไม่อยากจะขัดใจ ไม่งั้นวิ่งหนีตั้งแต่โดนลากมาแล้ว คิดแล้วก็เขิน ทำไมกูเป็นคนแบบนี้วะเนี่ย เหมือนแพ้ทางอะ แถมแพ้คนหล่อด้วยนะ เกลียดตัวเองวะ



“พี่จะไม่บอกใคร ถอดเร็ว ไม่ไว้ใจพี่หรอ”



ไม่ใช่เว้ย แหมแค่นี้ทำตัดพ้อ พี่มึง กุยังไม่เครียดเลย มึงจะมาทำหน้าเครียดแทนกุทำไมเนี่ย



“ถอดก็ได้ แต่พี่ห้ามถาม แล้วก็แค่ทายา ห้ามพาไปหาหมอ”



“ตกลง สัญญาครับ”



พี่ไทม์ชูสามนิ้วเหมือนลูกเสือ กี่ขวบแล้ว ทำเหมือนผมเป็นเด็กไปได้ ผมลังเลแต่ก็ยอมปลดกระดุมเสื้อ ถอดเสื้อออก เผยผิวขาวที่มีรอยช้ำเต็มตัว  มีปื้นใหญ่ๆตรงหัวไหล่กับสีข้าง นอกนั้นก็มีประปราย แต่ก็นับว่า แย่เอาเรื่อง



พี่ไทม์เบิกตา ดูอึ้งไปเลย ไล่สายตาไปตามเนื้อตัวของผม ผมไม่สบตาเพราะรู้ว่ามันแย่ขนาดไหน พี่ไทม์ทำเหมือนจะพูดอะไร แต่ก็แค่ถอนหายใจแล้วหันมาสบตากับผม



“โอเค พี่จะไม่ถาม แต่รู้ใช่ไหมว่า พี่มีอยู่สักล้านคำถามในหัวแล้วตอนนี้”



“ครับ”



“ไม่อยากเล่าให้พี่ฟังจริงๆหรอ”



“.......” ผมเงียบแทนคำตอบ



“พี่ขอคำถามเดียวได้ไหม”



“แค่คำถามเดียวนะครับ”



“มันเป็นแบบนี้ทุกครั้งที่น้องกลับบ้านเลยหรอ”



“ไม่ครับ”



“แน่ใจ?”



“แต่ก็ส่วนใหญ่”



“น้องหมวย!” พี่ไทม์เสียงดังใส่จนผมสะดุ้ง เขาเงียบเหมือนกำลังพยายามสงบสติอารมณ์  พี่มันเงียบอยู่เป็นนาทีแล้วหันมาหาผม



“หันหลังมา พี่จะทายาให้”



ผมหันหลังให้อย่างว่าง่าย ปลายนิ้วเรียวป้ายยาลงบนผิวเปลือยๆของผม ผมหันไปขอยาจากพี่ไทม์ แล้วทาด้านหน้าเอง เราทายากันเงียบๆผมเองก็ไม่รู้ว่าพี่ไทม์มันทำหน้าแบบไหนตอนที่ทายาให้ผม แต่คิดว่าคงกำลังผูกโบว์ไว้ที่คิ้วตัวเองแน่ๆ



ผมใส่เสื้อเรียบร้อยถึงได้หันไปมองหน้าคนข้างๆ เอื้อมมือไปจิ้มตรงกลางหน้าผากเบาๆพี่ไทม์เงยหน้าขึ้นมาสบตากับผม



“กังวลทำไมพี่ ผมยังไม่เครียดเลย”



ผมว่าแล้วชักมือกลับ แต่คนตัวสูงก็คว้าข้อมือผมเอาไว้



“พี่ไม่ชอบที่เราเจ็บตัว”



“ทายาเดี๋ยวก็หายน่า”



“พี่ไม่ชอบที่ทำได้แค่ดูอยู่เฉยๆ”



“พี่ก็ทายาให้ผมนี่ไง”



“พี่ไม่ชอบที่มีคนมารังแกน้อง”



“แต่ว่า...”



“พี่ไม่ชอบที่ต้องมาเห็นน้องเจ็บ”



“ผมไม่....”



“พี่ไม่โอเคเลยครับ  พี่โคตรห่วงน้องเลย  รู้บ้างรึเปล่า”






(เดี๋ยวมาต่อนะคะ)

 
หัวข้อ: Re: ็Hello there ว่าไงน้องหมวย (น้องหมวยบทที่ 6 27/04/2561)
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 27-04-2018 08:15:12
รอๆ
หัวข้อ: Re: ็Hello there ว่าไงน้องหมวย (น้องหมวยบทที่ 6 27/04/2561)
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 27-04-2018 12:28:20
 :ling1: รอ
หัวข้อ: Re: ็Hello there ว่าไงน้องหมวย (น้องหมวยบทที่ 6 27/04/2561)
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 27-04-2018 13:16:06
รอจ้า
หัวข้อ: Re: ็Hello there ว่าไงน้องหมวย (น้องหมวยบทที่ 6 27/04/2561)
เริ่มหัวข้อโดย: catka12 ที่ 27-04-2018 13:18:03
 :impress3: ทำไมอะะะะะ เกิดอะไรขึ้น  :ling1:
หัวข้อ: Re: ็Hello there ว่าไงน้องหมวย (น้องหมวยบทที่ 6 27/04/2561)
เริ่มหัวข้อโดย: monoo ที่ 27-04-2018 13:37:55
 :katai1:
หัวข้อ: Re: ็Hello there ว่าไงน้องหมวย (น้องหมวยบทที่ 6 27/04/2561)
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 27-04-2018 15:10:38
อยากรู้ใครทำน้อง

 :ling1: :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: ็Hello there ว่าไงน้องหมวย (น้องหมวยบทที่ 6 27/04/2561)
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 27-04-2018 21:01:59
น้ำตาาาาาา ฮือออ น้องหมวยทำไมนิ่งจังอะ เจ็บก็บอกว่าเจ็บซิรู๊กกกกกก :m15:
หัวข้อ: Re:Hello there ว่าไงน้องหมวย (น้องหมวยบทที่ 6 28/04/2561)
เริ่มหัวข้อโดย: Girin ที่ 28-04-2018 01:00:43
(ต่อ)



 



                ผมเคยสงสัยว่าการที่ใครสักคนนึงมีปัญหาแล้วผมรู้สึกเป็นห่วงและอยากช่วยเหลือเขา ผมควรจะแสดงออกยังไงให้เขารู้ว่าผมเป็นห่วงเขาจริงๆ ที่ผ่านมาผมทำได้แค่นั่งข้างๆก่อเกียรติและบอกว่าเราจะแอดติดไปด้วยกัน ไปกินเหล้าเป็นเพื่อนแจ๊บ ฟังมันบอกเล่าความช้ำใจแล้วแบกมันกลับตอนที่มันเมา ลูบหัวไอ้อาร์มตอนที่มันร้องไห้เพราะที่บ้านไม่ยอมให้คบผู้ชาย

                ผมคิดว่าการกระทำมันน่าจะสำคัญกว่าคำพูด แต่วันนี้เหมือนผมได้มุมมองใหม่ว่า คำพูดและสายตาก็แสดงความห่วงใยได้ไม่ต่างกัน และพี่ไทม์คือคนที่ทำให้ผมเห็น เราไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น แต่ผมรู้สึกจริงๆว่าเขาห่วง ไม่ใช่แค่พูดออกมาเฉยๆ และผมมั่นใจว่าครั้งนี้ไม่ได้เข้าข้างตัวเอง

                ผมอึ้งไปเลย นิ่งอยู่อย่างนั้น สบตากันใต้แสงอาทิตย์ตอนบ่ายๆ ถ้ามันอยู่ในละครผมว่าฉากนี้แสงมันก็สวยเอามากๆและพี่ไทม์ก็หล่อสุดๆเลยด้วย จะเป็นไรไหมถ้าขอให้พี่ไทม์พูดอีกรอบ อยากอัดเก็บไว้ฟังก่อนนอนจังเลย

               

                “รู้แล้วครับ”

               

                “.........”

 



                “ผมจะทายาทุกวัน จะกินข้าวให้ตรงเวลาด้วย”

 



              “........”

 



                “ขอบคุณนะครับที่เป็นห่วง”

 



                “........”

 



                “ผมจะเป็นเด็กดี ตกลงไหมครับ?”

 





ผมยิ้มให้พี่ไทม์ เขาถอนหายใจ นี่เหมือนจะเป็นรอบที่ล้านแล้ว ก่อนจะปล่อยข้อมือผมแล้วใช้สองมือยีหัวผมแรงๆ

 



“พี่ไทมมม”  ผมโวยวาย



“หมั่นไส้ พูดแล้วทำให้ได้นะ”



“แน่นอนเราลูกเสือเหมือนกันไม่ใช่หรอ”



“หึ เด็กน้อยเอ้ย”  พี่ไทม์พูดก่อนจะยีหัวผมอีกรอบ



“พอแล้วพี่ มือเปื้อนยาอยู่นะ มาจับหัวชาวบ้านเขาได้ไง”



“รังเกียจหรอ หืม หืม”



           แล้วพี่มันก็รัดคอผม เอามือมาที่มีแต่กลิ่นยาทา มาเช็ดกับหน้ากับหัว จนยุ่งไปหมด ซึ่งผมก็ทำได้แค่ดิ้นไปมาในแขนพี่มัน เชี่ย นี่แขนคนหรอ กุนึกว่าท่อแปป ใหญ่ชิบหาย หน้านี่แทบจะซุกอกอยู่แล้ว แต่ตัวหอมวะ



“อืออ ปล่อยเลย ไปล้างมือสิวะ มาเช็ดอะไรกับผมเล่า”



“วะหรอ วะหรอ กับพี่อะพูดให้มันเพราะๆหน่อยน้องหมวย”



“อย่าดึงแก้มดิ มันเจ็บ ไอ้พี่ไทม์ ปล่อยยยยย”



“ไม่ พูดเพราะๆก่อน”



“นี่ พี่เห็นผมกี่ขวบหะ มาขอให้พูดเพราะๆ นี่ผู้ชายแมนๆเลยนะ”



“พี่เห็นแต่เด็กตาเล็กๆตัวขาวๆนิ่มๆอะ  พูดก่อนเร็ว ขอโทษครับพี่ไทม์ พาน้องหมวยไปเลี้ยงข้าวที ผมหิวแล้วครับ”



            เกลียดเสียงมากกกกกกกกกกก



             มันทำเสียงสองครับ เกลียดมาก หน้าตบสุด แต่พึ่งเคยเห็นพี่มันมุมแบบนี้ไง  มันคิดว่าผมเป็นหลานหรือน้องสาวมันหรือป่าววะ ดูทำตัว ทำหน้าเข้า

ผมเม้มปากสนิทแต่ก็อมยิ้มกับท่าทีพี่มัน ผมส่ายหน้าไปมาเพื่อจะบอกว่ายังไงกุก็ไม่พูด โดยเฉพาะให้แทนตัวเองว่าน้องหมวยนี่ กุไม่ทำแน่ๆ



“ไม่พูดไม่พาไปกินข้าวนะ”



“พี่จะปล่อยให้ผมปวดท้องหรอ เนี่ยๆผมเริ่มปวดแล้วอะ โอ๊ยยยยย”  ผมแสร้งเอามือกุมท้อง



“ขอบีบหน่อยเถอะ!”



พี่มันปล่อยคอผม แต่เอาสองมือมาบีบแก้มผม แล้วโคลงหน้าไปมาแรงๆ ย้ำว่าแรงๆ แหมเอ็นดูกันทั้งทีก็อ่อนโยนหน่อยเถอะ เหมือนหมั่นไส้แต่ก็อยากคงความเถื่อนในตัวเอาไว้อะ บอกกันกลายๆว่าเอ็นดูนะแต่มึงเป็นผู้ชาย ขอบีบแรงๆหน่อยละกัน



“เจ็บ” ผมเริ่มเบะปาก ก็กุเจ็บอะ ดูหน้ากุด้วยพี่



พี่มันยอมปล่อย แล้วกลับไปนั่งที่ตัวเองดีๆ ผมเลยเอามือลูบแก้มตัวเอง เชี่ย มึงบีบหรือมึงหยิก แต่เห็นพี่มันยิ้มแล้วผมก็ยิ้มตาม เลิกกังวลแล้วสินะ



“บ่ายโมงกว่าแล้ว กินอะไรดี ไปหาอะไรกินที่ห้างไหม”



“เอาดิ”



“โอเค รัดเข็มขัดด้วย”



“ครับบ”

 

          ผมกับพี่ไทม์ตกลงปลงใจว่าเราจะกินพิซซ่ากัน เพราะมันมี 1 แถม 1 เราสองคนซัดเรียบคนละถาด ไม่เหลือกลับบ้าน แล้วยังมีห้ามสั่งโค้กมากิน ทั้งพี่มึง พิซซ่ามันก็ต้องกินกับโค้กปะวะ มันถึงจะได้แก่นแท้อิตาเลียนอะ แต่ก็ยอมครับเพราะพี่มันพูดว่า



‘จะกินก็ได้ครับ แต่เมื่อกี๊ใครไม่รู้บอกกับพี่ว่าจะเป็นเด็กดี’



          กุควรรู้สึกผิดใช่ไหมครับ โอเคกุรู้สึกผิดก็ได้  เราตกลงหารสองกัน พี่มันจะเลี้ยง แต่ผมไม่ยอม บอกว่าเรากินเท่ากันก็หารสองดิ พี่มันก็อืมๆไม่ได้เถียง หรือโชว์ความป๋าแต่อย่างใด ดีแล้วครับ ถ้ามันหล่อแล้วยังเปย์ด้วยนี่ หัวใจผมคงรับไม่ไหวแล้ว ดาเมจจะรุนแรงเกินไป

           เราเดินย่อยกันอยู่สักพัก ผมเดินเข้าไปในโซนตุ๊กตา ฟัดกับทุกตัวที่นุ่มนิ่ม พี่ไทม์มันก็เดินไปดูปากกา สมุดอะไรของมัน ผมเป็นพวกเสพติดความนุ่มนิ่ม ผ้าห่มนุ่มๆ หมีขี้เกียจตัวนิ่มก็ซื้อมาตอนมันลดราคา ซื้อผ้านวมมาปูที่นอนจนกว่ามันจะนุ่มนิ่ม

           พี่ไทม์เดินกลับมาพร้อมถุงอะไรสองสามถุง เริ่มเย็นแล้วเราเลยตัดสินใจกลับ แวะซื้อก๋วยเตี๋ยวข้างทางเป็นข้าวเย็น ระหว่างทางเราก็เปิดเพลงฟังกันเงียบๆ เป็นความเงียบที่ไม่อึดอัด แถมยังมีละอองความรู้สึกดี โรยอยู่รอบๆอีกต่างหาก และระหว่างที่รถติดฝนก็ตกลงมาฉาดใหญ่  เพลงพี่ว่านก็ดันดังขึ้นมาพอดิบพอดี

 

‘มีบรรยากาศฝนตกรถติดช่วยฉัน

ยังมีมือเปล่าว่างอยู่ให้จับเท่านั้น

ลองดูที่แก้มฉัน เธอนั้นว่ามีอะไร’


 

           ผมกับคนข้างๆยิ้มขำกับบรรยากาศ หันมาสบตากันโดยบังเอิญ หน้าร้อนขึ้นมาดื้อๆ  ผมเลยหันหน้าหนีไปอีกฝั่ง มองอีกฝ่ายในกระจกที่มีท่าทีไม่ต่างกัน กว่าจะถึงหน้าหอผม ผมก็กลัวเหลือเกินว่ารถพี่มันจะดับไหม เพราะน้ำแม่งท่วมเกือบจะมิดล้ออยู่แล้ว ดีว่าที่จอดหน้าหอมันสูงน้ำเลยไม่เข้า

ผมมองออกไปข้างนอกฝนตกจนมองแทบไม่เห็นทาง ฟ้าแม่งก็จะมืดอยู่แล้วด้วย



“ขึ้นไปบนห้องก่อนเหอะพี่ ฝนหายค่อยกลับ”



“ค้างเลยไม่ได้หรอ”  คนตัวสูงบ่นพึมพำ แต่ผมฟังไม่ออกเพราะเสียงฝน



“อะไรนะครับ”



“เปล่าๆ เบาะหลังมีร่ม อยู่สองคันอะ หยิบไป”



“นี่หรอ”



“นั่นแหละๆ หยิบถุงของ กับถุงก๋วยเตี๋ยวมา พี่ถือเอง”



“อ่ะนี่”



            พี่ไทม์เดินตามผมขึ้นมาบนห้อง ไขกุญแจเปิดประตูห้องให้กว้างรอคนตัวสูงเดินเข้าไปก่อน ห้องของผมเป็นห้องเล็กๆ มีตู้หนังสือ โต๊ะญี่ปุ่นกลางห้อง กับพรมนุ่มๆที่สั่งจากช้อปปี้ เตียงอยู่อีกฝั่ง มีห้องน้ำและระเบียง ไม่มีครัวแต่มีตู้เย็นกับไมโครเวฟ และแอร์โง่ๆ 1 ตัว

พี่ไทม์มองรอบห้องก่อนจะนั่งลงข้างโต๊ะญี่ปุ่น ผมหุบร่มไปแขวนไว้ที่ระเบียง กลับเข้ามาพี่ไทม์ก็กำลังรื้อถุงของอยู่



“ไปอาบน้ำสิ เดี๋ยวพี่ประคบแผลให้”



“ห้องผมไม่มีถุงประคบนะ”



“รู้แล้ว พี่ซื้อมาให้แล้ว” ชูให้ดูด้วย เอ็นดู



“อา  ซื้อมาตอนไหนเนี่ย”



“ตอนที่เราเอาหัวจุ่มตุ๊กตาอยู่ไง”



“ผมก็แค่เดินดูเฉยๆเถอะ”



“เลิกเถียง ไปอาบน้ำไป”



“ครับๆ ผมไม่มีทีวีนะ พี่เปิดโน้ตบุคผมเล่นก็ได้  เดี๋ยวผมอาบแปปเดียว”



           ผมหยิบโน้ตบุ๊กมาให้พี่ไทม์ ก่อนจะหยิบผ้าขนหนูกับเสื้อผ้า เข้าไปในห้องน้ำ  ถอดคอนแทคเลนส์แล้วเปลี่ยนมาใส่แว่นแทน



           ผมใช้เวลาสิบนาทีในการอาบน้ำ บอกตามตรงว่า  เจ็บ ถูสบู่แรงก็ไม่ได้ รู้สึกหงุดหงิดเบาๆ ผมเดินออกมาในสภาพหัวเปียกๆ ไม่ใส่เสื้อ มีแค่กางเกงขาสั้นสบายๆติดตัวออกมา กับผ้าขนหนูพาดบ่า



         พี่ไทม์กำลังเปิดอะไรสักอย่างในโน้ตบุ๊ก  เขาหันมามองผมยกยิ้มนิดๆคงขำที่ผมใส่แว่น  ก่อนจะทำสีหน้ากังวลเมื่อไล่สายตาลงมาตามตัว ขอเดินไปทาแป้งปิดรอยพวกนี้ก่อนได้ไหม ไม่ชอบเวลาเขาทำหน้าแบบนั้นเลย



“มานั่งนี่”


 
          พี่ไทม์กวักมือเรียกผม ให้นั่งที่พื้นข้างล่างระหว่างขาเขา ส่วนพี่มันก็ขึ้นไปนั่งบนเตียง เขาหยิบผ้าบนบ่าผม ไปเช็ดหัวก่อนจะบ่นออกมาแบบไม่พอใจนัก



“ฝนตกยังจะสระผมอีก”



“ไม่ได้สระมาสามวันแล้ว”



“เด็กสกปรก”



“โอ๊ยยพี่ เช็ดเบาๆดิ”



            บ่นไม่พอ ยังเช็ดเหมือนจะดึงหัวออกมางั้นแหละ พอคนข้างบนเขาเช็ดจนเขาพอใจ ผมก็รู้สึกถึงอะไรอุ่นๆแนบลงที่ไหล่ ถุงประคบร้อนสินะ



“แผลเกิน 24 ชั่วโมงแล้วต้องประคบร้อน”



            พี่มันว่า ก่อนจะขยับถุงประคบไปเรื่อยๆ เสียงฝนทำให้เราอยู่กันเงียบๆโดยไม่รู้สึกอึดอัด ท่ามกลางความเงียบ ผมนึกสงสัยว่าพี่มันจะทำหน้ายังไงอยู่ และที่ผมสงสัยอีกอย่างก็คือ ทำไมพี่มันถึงเป็นห่วงผม ทั้งที่เราก็ไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น เป็นแค่รุ่นพี่รุ่นน้อง ทำไมต้องลากออกมา พาไปซื้อยาแล้วยังทาให้ ซื้อถุงประคบมาให้เพราะรู้ว่าผมคงไม่มี แถมมานั่งประคบให้ ถึงเวลาหยิกแก้มผมมันจะมือหนัก แต่ตอนนี้พี่มันกลับกำลังประคบแบบเบามือเหมือนกลัวว่าผมจะเจ็บ

             ความรู้สึกประหลาดๆก่อในใจผม ผมว่าลึกๆในใจแล้วผมรู้ว่าทำไมพี่มันถึงทำแบบนี้และนั่นทำให้ผมใจสั่น แต่ผมก็ไม่กล้าที่จะมั่นใจ หรือถามออกไป เหมือนผมเองก็กลัวว่าผมจะคิดผิด ผมไม่กล้าถามตัวเองด้วยซ้ำว่ายังมองพี่มันแค่พี่อยู่รึเปล่า



                เพราะถ้าผมถามตัวเองขึ้นมา

 



ผมอาจจะต้องยอมรับ

 

 





ว่าผมกำลังชอบพี่มันอยู่

 



ความคิดในหัวของผมถูกปัดออกไป เมื่อพี่ไทม์พูดแทรกเสียงฝนขึ้นมา



“น้องหมวย” พี่ไทม์เรียก แล้วก้มหน้ามาหาผม



“หะ ว่าไงนะพี่” ผมเงยหน้า



“เหม่ออะไร ง่วงหรอ ยังหัวค่ำอยู่เลยนะ”



“เปล่าๆ ผมแค่คิดอะไรเพลินๆ”



“พี่ถามว่าทำไมไม่ไปอยู่หอใน ใกล้ๆมหาลัยละ”



“อ่อ ผมอยู่หอนี้มาตั้งแต่มัธยมแล้ว มันไม่ได้ไกลมอมาก เลยไม่อยากย้าย”



“ออกมาอยู่คนเดียวตั้งแต่มัธยมเลยหรอ”



“ครับ ตั้งแต่ม.ปลาย”









“เหงาไหม”







เป็นคำพูดง่ายๆแหะ แต่พอมันออกจากปากพี่ไทม์ ใจผมก็สั่นแปลกๆ ถ้าเป็นตัวผมในปกติคงตอบว่าไม่หรอกครับ ผมมีก่อเกียรติ แล้วก็เพื่อนในแก๊งคอยกวนประสาท ชวนกินเหล้า อยากไปไหนก็ได้ สบายจะตายอยู่คนเดียว

แต่เป็นเพราะผมในตอนนี้ไม่ปกติ ผมอยากตอบไปว่า เหงาครับ ผมชอบที่มีพี่กินข้าวเย็นเป็นเพื่อนเหมือนตอนนั้น เรามากินข้าวเย็นด้วยกันบ่อยๆได้ไหมครับ ซึ่งผมไม่รู้ว่าผมควรพูดออกไปไหม

 

                “ก็เหงานะครับ แต่มันก็ไม่ได้แย่”



                “แล้วตอนนี้ละเหงาไหม”



                “ไม่เลยครับ พี่ขี้บ่น ผมจะเหงาได้ไง”



                “อยากโดนบีบหรอ”



                “ฮ่าๆไม่เอาๆ จะบอกว่า  จริงๆแล้ว” ผมหันไปมองพี่ไทม์ แล้วหัวเราะเบา  พี่ไทม์เลิกคิ้วรอผมพูดต่อ



                “.....”



                “มีพี่อยู่เป็นเพื่อนแบบตอนนี้มันก็ดี”



                “.....”



                “จริงๆนะ”



                ผมพูดติดตลกออกมา แต่ใจจริงๆคือผมอยากให้พี่มันรู้ว่าผมรู้สึกดีเวลาพี่มันอยู่ด้วย แต่ก็ไม่อยากจะทำให้มันซึ้ง แค่อยากให้รู้ว่าขอบคุณแล้วก็รู้สึกดีกับสิ่งที่ให้มา



                ผมสะดุ้งเมื่อพี่ไทม์จับเอวผมแล้วยกขึ้นไปนั่งบนเตียง แผ่นหลังของผมเกือบจะแนบไปกับอกพี่มันแล้ว พี่ไทม์ย้ายถุงประคบไปที่สีข้าง ที่มีรอยช้ำปื้นใหญ่ๆอีกที่ มันจะไม่เป็นไรเลยถ้าพี่มันไม่ก้มลงมาใกล้หูๆผม ผมได้แต่นั่งเกร็ง และหน้าก็คงเริ่มแดงแล้วแน่ๆ ลมหายใจร้อนๆเป่ารดหูก่อนจะเอ่ยถ้อยคำชวนใจเต้นออกมา





          “ฝนยังไม่หยุดตก ฟ้าก็มืดแล้ว แถมน้องก็ไม่อยากเหงา”



                “......”





          “งั้นคืนนี้ พี่ขอค้างที่นี่ได้ไหมครับ”

















************

เราขอบคุณทุกคอมเม้น ทุกกำลังใจ ทุกคนที่เข้ามาดูนะคะ

อยากบอกว่าเราปริ่มใจมากๆเลยค่ะ

ฝากพี่ไทม์กับน้องหมวยไว้ในใจทุกคนด้วยนะคะ



               
หัวข้อ: Re: ็Hello there ว่าไงน้องหมวย (น้องหมวยบทที่ 6 28/04/2561)
เริ่มหัวข้อโดย: catka12 ที่ 28-04-2018 01:39:13
  :o8:  :-[  :impress2: ขอค้างแบบเนียนๆ ...เราชอบ...  :hao7: เราฟิน....  :hao7:
หัวข้อ: Re: ็Hello there ว่าไงน้องหมวย (น้องหมวยบทที่ 6 28/04/2561)
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 28-04-2018 08:11:19
อ้ายย!!! ดาเมจแรงมาก
หัวข้อ: Re: ็Hello there ว่าไงน้องหมวย (น้องหมวยบทที่ 6 28/04/2561)
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 28-04-2018 08:42:05
น่ารักมากมาย  ติดตามจ้า
หัวข้อ: Re: ็Hello there ว่าไงน้องหมวย (น้องหมวยบทที่ 6 28/04/2561)
เริ่มหัวข้อโดย: monoo ที่ 28-04-2018 09:12:30
 :-[
หัวข้อ: Re: ็Hello there ว่าไงน้องหมวย (น้องหมวยบทที่ 6 28/04/2561)
เริ่มหัวข้อโดย: winndy ที่ 28-04-2018 11:58:41
ชอบมาก ฟินเลย
หัวข้อ: Re: ็Hello there ว่าไงน้องหมวย (น้องหมวยบทที่ 6 28/04/2561)
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 28-04-2018 12:24:09
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ็Hello there ว่าไงน้องหมวย (น้องหมวยบทที่ 6 28/04/2561)
เริ่มหัวข้อโดย: uyong ที่ 29-04-2018 20:18:26
น้องหมวยยยยย :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ็Hello there ว่าไงน้องหมวย (น้องหมวยบทที่ 6 28/04/2561)
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 29-04-2018 20:31:48
ดูแลน้องหมวยด้วยนะพี่

 :mew6: :mew6:
หัวข้อ: Re: ็Hello there ว่าไงน้องหมวย (น้องหมวยบทที่ 6 28/04/2561)
เริ่มหัวข้อโดย: deromental ที่ 30-04-2018 05:56:31
รอง้าบบบบ :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ็Hello there ว่าไงน้องหมวย (น้องหมวยบทที่ 6 28/04/2561)
เริ่มหัวข้อโดย: Girin ที่ 03-05-2018 00:21:03
น้องหมวยบทที่ 7


                เหมือนผมลืมชื่อตัวเองไปเลย ลมหายใจติดขัดเหมือนใจผมกำลังแร๊ปอยู่ หันไปสบตาคนตัวหนา ที่ใบหน้าอยู่ห่างแค่ปลายจมูก ระยะอันตราย ใกล้จนเห็นว่าขนตาพี่มันยาวขนาดไหน เกือบเห็นขนจมูกแล้วเอาจริง  แล้วผมก็พูดอะไรที่ฉลาดมากออกไปทำนองว่า



                “อ่า....เอ่อ”



                เกลียดการทำอะไรไม่ถูก เขินอายเหมือนวัยแตกสาว ผมบอกไปรึยังว่ามือข้างนึงของมันถือถุงประคบประกบแผลผมอยู่ แต่อีกข้างเนี่ย กำลังจับเอวอีกข้างเอาไว้ สัส มีแต่ไขมัน ซิทอัพทันไหมวะ แล้วคือพี่มันบีบเบาๆเหมือนอยากให้ผมพูดต่อ ผมไม่ได้ใส่เสื้อ รู้สึกถึงมือหนาชัดเจน และคุณผู้อ่านครับ ผมทำอะไรที่ฉลาดๆอีกแล้วครับ



                ปึง!



                รับรองงานนี้มีคนเงิบ สู้ไม่ได้งั้นกูหนีก็ได้ ผมเด้งตัวลุกขึ้น วิ่งไปหลบในตู้เสื้อผ้า รวดเร็วจนอยากพูดว่า ไอแอมเดอะแฟลชช ผมไม่มีเวลาหันกลับไปดูด้วยซ้ำว่าพี่มันทำหน้ายังไง ผมจับประตูตู้เอาไว้แม่นมั่น โชคดีว่ามันไม่มีลิ้นชัก กุสามารถเข้าไปยืนได้



                นี่กุสูงแค่ตู้เสื้อผ้าเองหรอวะ



                ไม่มีเวลามาเศร้าใจ ผมพึงระลึกว่าตัวเองทำอะไรตลกๆลงไปอีกแล้ว จูบเขาแล้วก็วิ่งหนี พอเขาจับได้ก็จุ่มหัวใส่พุ่มไม้ พอเขาขอค้างด้วยก็เขินตัวแตกวิ่งใส่ตู้เสื้อผ้า



                เชี่ยยยยยยยยยยยยย



                ทำอะไรของกุอีกแล้วเนี่ย สำนึกเสียใจตอนนี้คงไม่ทันแล้ว ขอตั้งหลัก สงบจิตสงบใจสักแป๊ปก่อนนะ ขอคิดด้วยว่าเปิดออกไปแล้วจะมองหน้าพี่มันยังไง



                ก๊อก ก๊อก ก๊อก



                คนมีมารยาทเขาควรรู้นะว่ากุหนีมึงอยู่ จะรีบมาเคาะทำไม หายใจหายคอแปปนึงดิ



                “ตกลงว่าให้พี่ค้างรึเปล่าครับ”



                “ถ้าบอกว่าไม่พี่จะยอมกลับรึเปล่าละ”



                “งั้น ถ้าฝนหยุดตกเดี๋ยวพี่กลับก็ได้ครับ” เสียงดูหงอยๆ



                “......”



                “แต่ถนนคงจะลื่นมาก” เป็นไก่หรอทำหงอย  นั่นหงอน



                “.....”



                “แถมยังดึกแล้ว” ยังไม่เลิกทำเสียงเป็นหมาหูตกอีก



                “.....”



                “ถ้าพี่ขับรถไปแล้ว...”



                “พอ!  อยากค้างก็ค้าง ไปอาบน้ำเลยครับ เสื้อผ้าในตะ..ตู้”



                “ครับ เสื้อผ้าในตู้ แล้วน้องก็อยู่ในตู้ด้วย”



                จนมุมตัวเองเฉย ทำไมมีแต่เรื่องขัดใจวะเนี่ย ตัวมึงเคยหนีใครสำเร็จบ้างไหม



                “เปิดสิครับ พี่อยากอาบน้ำแล้ว”



                ผมจำได้ว่าวันแรกที่คุยกัน ไม่ได้พูดมาก แล้วก็ไล่ต้อนกันแบบนี้ เสียงทุ้มๆเย็นๆของพี่มึงไปไหนหมด อยู่กับกูนี่รู้สึกเป็นเสียง 1.5 นะ จะดีใจดีไหมที่ชอบทำเสียงหมาหูตกใส่กุเนี่ย



                ผมยอมเปิดประตูตู้ฝั่งนึงให้พี่มันหยิบเสื้อ ส่วนตัวเองก็หลบอยู่อีกฝั่งของประตูตู้ เห็นพี่มันผ่านเสื้อที่เรียงอยู่กำลังยืนยิ้ม  ยิ้มทั้งตายิ้มทั้งปาก ไม่ใช่ยิ้มกว้างจนเห็นฟัน แต่เป็นยิ้มขบขัน  แววตาสวยๆดูละมุนสักสิบเท่าได้ ละมุนจนผมอยากจะดึงพี่มันขังไว้ในตู้แล้วชื่นชมรอยยิ้มอยู่คนเดียว



                ยิ้มแล้วโลกโคตรสดใสเลยวะ



                เหมือนจู่ๆโลกมันก็เป็นสีพาสเทล แต่ก็ดับลงตอนพี่มันสบตาผมที่กำลังจ้องอยู่ เผยแววตาซุกซนก่อนจะปิดประตูเสียงดัง โลกมืดเลยทีนี้ ทิ้งท้ายด้วยการเขย่าตู้ไปมาจนผมโคลงเคลงหัวโขก



                “ไอ้พี่ไทม์!”



                ผมตะโกนเสียงดัง เปิดประตูออกมาหมายจะบ้องหู แต่พี่มันก็หนีเข้าห้องน้ำไปแล้ว ทำหัวโขกจนหน้าผากแดงนี่ไม่เคยว่า แต่ทำไมต้องทำให้เขินจนหน้าแดงด้วยวะ สารชั่ว หึ้ยยย

 

 

               



                เรากินก๋วยเตี๋ยวมื้อเย็น ก่อนผมจะนั่งทำงานที่โต๊ะคอม พี่ไทม์ก็นอนเล่นมือถืออยู่บนเตียง เขาสั่งให้ผมไปแปรงฟันก่อนแล้วค่อยมาทำงานต่อ เราไม่ค่อยได้พูดคุยอะไรกัน ผมพยายามไม่เอาความเขินหูแดงของตัวเองมาทำให้บรรยากาศอึดอัด ทำตัวปกติ พี่ไทม์เองก็ไม่ได้พูดถึงเรื่องก่อนหน้า ก็ถือว่าขอบคุณ



                เที่ยงคืนกว่าแล้ว เตียงหนานุ่มขนาดนอนสองคนของผม กำลังมีคนตัวหนาหลับตา หายใจสม่ำเสมอ มือถือเจ้าตัวถูกวางไว้หัวเตียง



                หลับแล้วแหะ



                ไม่ใช่เรื่องง่ายที่เราจะมีหนุ่มฮอตมานอนหลับในห้อง ความเซเลปในตัวทำให้หยิบมือถือแล้วลุกไปนั่งยองๆข้างหน้าคนหลับ กดถ่ายรูปเอาไว้ ระบายยิ้มออกมากับความเพอร์เฟ็กของอีกฝ่าย คนอะไร หุ่นก็ดี หน้าก็หล่อ ฉลาดแถมยังเรียนเก่ง ถ้าผมไปหลงชอบคนแบบนี้ ผมคงต้องเสียน้ำตาสักหนึ่งลิตรได้กับความหล่อเรี่ยราด ร้อยเมีย ร้อยคู่จิ้นของพี่มัน



                ผมเผลอลืมไปเลยว่า ผมเคยได้ยินว่าพี่มันกำลังคุยกับสาววิทกีฬาปีสอง ที่ชื่อหวาน ผมเห็นเธอแล้ว สวย หุ่นดี แถมยังตู้มด้วย ถ้าจบไปเป็นเทรนเนอร์นี่คงโคตรเซ็กซี่ แล้วอยู่ๆยิ้มของผมก็หายไป พี่มันชอบผู้หญิงนี่ ก่อนหน้านี้ผมดีใจที่พี่มันเป็นห่วง เผลอคิดไปด้วยว่าพี่มันชอบผมรึเปล่า จนกลัวว่าตัวเองจะชอบพี่มัน



                แต่ผมลืมนึกไปว่าพี่ไทม์มีคนที่ชอบแล้ว ผมจะไม่เชื่อข่าวลือเลยถ้ามูลแม่งไม่แน่นสัสๆขนาดนั้น มีทั้งรูปจับมือ เดินด้วยกัน พี่หวานนี่ลงรูปคู่กับพี่ไทม์ตลอด แต่พี่ไทม์ไม่เคยลง ความจริงคือรูปตัวเองมันก็ไม่ลงยกเว้นโปรไฟล์ ผมรู้สึกเศร้าในใจนิดๆและเหมือนจะมีความผิดหวังปนมาด้วย เป็นความหม่นๆเหมือนอยู่ๆก็มีหมอกคลุม



                ผมมองใบหน้าของคนตรงหน้า หมดอารมณ์ทำงาน เลยตัดสินใจเดินไปปิดไฟห้อง เปิดไฟหัวเตียงเอาไว้ เดินอ้อมไปนอนอีกฝั่ง  ถอดแว่น ผ้าห่มผืนเดียวถูกแบ่งปันให้คนข้างๆ หยิบหมอนข้างมาคั่นกลางไว้  นอนหงายมองดาวเรืองแสงสีเขียวที่ผมแปะเอาไว้ มันช่วยให้เวลากลางคืนสำหรับผมไม่ดูเงียบเหงาและน่ากลัว ผมหันหลังให้พี่ไทม์ก่อนจะข่มตาหลับ



                “อืออ นอนดึกนะเรา แล้วพรุ่งนี้เรียนกี่โมง”



                พี่ไทม์ขยับยุกยิก แล้วส่งเสียงมึนๆ ผมพลิกตัวหันไปมองหน้าอีกฝ่าย



                “สิบโมง”



                “เหมือนกัน งั้นไปหอพี่ก่อนได้ไหม แล้วเดี๋ยวไปเรียนพร้อมกัน” ใต้ไฟหัวเตียงกับความสายตาสั้นของผม ทำให้ดวงตาพี่ไทม์เหมือนเป็นดาวสักดวง


                “ก็ได้ครับ”



                “.....”



                “พี่ไทม์”



                “หืม?”



                “เรื่องวันนี้ ขอบคุณนะครับ” ขอบคุณที่เป็นห่วง ขอบคุณที่กินข้าวเย็นด้วยกัน ผมไม่ได้พูดออกไป



                “ตอบแทนด้วยการไม่เจ็บตัว แล้วก็ดูแลตัวเองให้ดีก็พอ”



                “ครับ”



                “ห้องมีดาวด้วย” พี่ไทม์พลิกตัวหันไปมองเพดานห้อง



                “สวยใช่ไหมละ”



                “อืม พี่ไม่ค่อยได้เห็นนานแล้ว ตั้งแต่เด็กๆ”



               “.....”



                “ถ้าไม่มืดก็คงไม่เห็นดาวสินะ พี่ชอบ”    แสงไฟบางๆทำให้ผมรู้สึกเหมือนกำลังถูกมอง แต่ผมก็เห็นไม่ชัด


               "หมายถึงดาว สวยดี พี่ชอบ"


               "รู้แล้วน่า"


               รู้ รู้ด้วยว่ามีคนที่ชอบแล้ว แล้วผมจะรู้สึกหน่วงทำไมเนี่ย  เราต่างมองดาวปลอมเรืองแสงสีเขียวเงียบๆแต่ผมรู้สึกได้ว่าคนข้างๆยังไม่หลับ


                “น้องหมวย”



                “ครับ”



                “ฝันดีนะ”



                “ฝันดีเหมือนกัน”



                แล้วดาวอีกดวงข้างๆผมก็เงียบหายไป เสียงลมหายใจบอกผมว่าเขาหลับไปแล้ว เสียงฝนตกกับคำว่าฝันดีกล่อมผมจนหลับไปทิ้งไว้แต่หมอกบางๆในใจผม



(เดี๋ยวมาต่อนะคะ)
หัวข้อ: Re: ็Hello there ว่าไงน้องหมวย (น้องหมวยบทที่ 7 03/05/2561)
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 03-05-2018 07:44:55
หน่วงมากก :hao5:
หัวข้อ: Re: ็Hello there ว่าไงน้องหมวย (น้องหมวยบทที่ 7 03/05/2561)
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 03-05-2018 10:08:55
 :mew2: :mew2: :mew2:

เหมือนจะอบอุ่นแต่ก็มีความเหงาเข้ามา
หัวข้อ: Re: ็Hello there ว่าไงน้องหมวย (น้องหมวยบทที่ 7 03/05/2561)
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 03-05-2018 10:40:28
 :hao3: :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: ็Hello there ว่าไงน้องหมวย (น้องหมวยบทที่ 7 03/05/2561)
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 03-05-2018 10:55:03
 :L2: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: ็Hello there ว่าไงน้องหมวย (น้องหมวยบทที่ 7 03/05/2561)
เริ่มหัวข้อโดย: NuNam ที่ 03-05-2018 13:05:40
เทาๆ ไปนะ น้องหมวย เมื่ออิพี่ไม่ชัดเจน ก็...นะ
หัวข้อ: Re: ็Hello there ว่าไงน้องหมวย (น้องหมวยบทที่ 7 03/05/2561)
เริ่มหัวข้อโดย: kungverrycool ที่ 03-05-2018 14:17:46
 :katai2-1: อยากรู้ใครทำน้องงงงงงง  ติดตามจ้า
หัวข้อ: Re: ็Hello there ว่าไงน้องหมวย (น้องหมวยบทที่ 7 03/05/2561)
เริ่มหัวข้อโดย: เนเน่ ที่ 03-05-2018 14:44:32
งืออออออน้องหมวยน่าสงสารมีหลายปมมากค่ะน้องหมวยสู้ๆนะคะ แต่แอบสงสัยที่บ้านทำค่ายมวยมั้ยหนอตัวช้ำแบบนี้
หัวข้อ: Re: ็Hello there ว่าไงน้องหมวย (น้องหมวยบทที่ 7 03/05/2561)
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 03-05-2018 20:04:53
นี่เราโดนต้มถูกมั้ย ตอนแรกมาสดใสเฮฮามาก ละทำไมไปๆมาๆมันหน่วงขนาดนี้ค๊าาาา :hao5:
หัวข้อ: Re: ็Hello there ว่าไงน้องหมวย (น้องหมวยบทที่ 7 04/05/2561)
เริ่มหัวข้อโดย: Girin ที่ 04-05-2018 01:20:25
(ต่อ)


               

                “น้องหมวย นั่งทำไรคนเดียว”



                พี่ปุนเอ่ยทักเมื่อเห็นผมนั่งอยู่ที่ม้าหินคนเดียว ผมกำลังรอก่อเกียรติ มันยืมจักรยานผมกลับไปเอาของที่หอ



                    “รอก่ออะพี่ ว่าจะไปซื้อหนังสือด้วยกัน”



                “ที่ห้างหรอ ฝนจะตกแล้วนะ แล้วจะกลับกันยังไง”



                “ถ้าฝนตกก็กลับแท็กซี่สิพี่”



                “กวนนะเรา พี่อุตส่าห์ห่วง กลัวจะตายห่าก่อนเรียนจบ เสียดายค่าเทอม”



                พี่ปุนว่าติดตลก ครับพ่อคนมีอารมณ์ขันตลอดเวลา เป็นบุคคลที่หน้าเปื้อนยิ้มตลอดจริงๆครับ



                “แล้วพี่จะไปไหนอะ”



                “ไปหาไอ้ไทม์อะ หวานมาหามัน พี่ขี้เกียจรอ เลยเดินไปหามันแทน”



                หวาน



                อยู่ๆก็รู้สึกเหมือนจุกแปลกๆที่คอ ผมนิ่งไป เผลอนึกได้อีกว่าคราวที่แล้วที่พี่ไทม์มาช้า ก็เพราะคุยกับพี่หวาน  ชอบกันอยู่จริงๆสินะ แต่พี่มันจะชอบใครมันก็ไม่ใช่เรื่องของผมซะหน่อย อยากจะพูดแบบนั้นเหมือนกันครับ แต่พอผมรู้ว่าพี่มันชอบใคร มันก็ดันมามีอิทธิผลกับผม ทำให้ผมอยู่ในภาวะสีเทาแปลกๆ



                “อ่อ พี่หวานที่เขาพูดถึงกันสินะครับ”



                “ใช่คนนั้นแหละ”



                “สวยมากเลยนะครับ”



                “ใช่ พวกพี่นี่โคตรอิจฉาไอ้ไทม์”



                อา..... ผมนึกอยากกลับหอซะแล้วสิ พี่เขาอิจฉาที่พี่หวานชอบพี่ไทม์สินะ รู้สึกเหมือนฝนจะตกในใจเลยแหะ



                “เขาสองคนเป็นแฟนกันแล้วหรอครับ”



                “อันที่จริงนี่มันก็เรื่องส่วนตัวของเพื่อนพี่อะนะ”



                “......”



                “แต่ถ้าน้องหมวยที่น่ารักของพี่อยากรู้เนี่ย พี่ก็จะบอกให้”

   

               พี่ปุนยิ้มเจ้าเล่ห์ ไม่น่าไว้ใจเลยแหะ แต่ผมก็อยากรู้ว่าสองคนนั้นเป็นแฟนกันแล้วรึยัง ยังไม่มีข่าวออกมาแสดงว่ายังไม่มีใครรู้ พวกเขาอาจจะคบกันเงียบๆ แต่ถ้าเป็นพี่ปุนยังไงเขาก็รู้แน่นอน ว่าสองคนนั้นยังแค่คุยกันอยู่หรือคบกันแล้ว



                “แต่ว่า” กุว่าแล้ว ไม่น่าได้รู้ง่ายๆ



                “แต่ว่าอะไรครับ”



                “พี่ขอแลกกับการถามน้องคำถามนึง”



                “ถ้าจะถามว่าพี่มีขนหน้าแข้งกี่เส้น ผมคงจะตอบไม่ได้นะครับ”



                    “เห้ย ไม่ดิ ฮ่าๆๆ”



พี่ปุนหัวเราะ แล้วทรุดนั่งลงข้างๆผม แววตาเจ้าเล่ห์จับจ้องมาที่ผม เล่นเอาผมทำตัวไม่ถูกเลยทีเดียว พี่มันเงียบอยู่แปปนึงก่อนจะเอ่ยถาม

 





“พี่อยากรู้ว่าน้องชอบไอ้ไทม์รึเปล่า”

 





“...!!!”

 





ผมตาโต เผลอแสดงสีหน้าตกใจ มือเย็นขึ้นมาฉับพลัน อาการเกร็งจนทำตัวไม่ถูกมาเยือนอีกครั้ง ทำไมพี่ปุนถึงถามแบบนั้น พี่มันไปรู้อะไรมา เรื่องจูบที่เชียงใหม่เปล่าวะ หรือเขาแค่สงสัยเพราะเมื่อวานพี่ไทม์ลากผมออกไปแบบงงๆ แต่มันก็แค่ลากออกไปเองนะ มันก็ไม่น่ามาสงสัยถึงขั้นว่าชอบกันรึเปล่า หรือพี่มันล้อเล่น หรือว่าเขาอาจจะแค่อยากรู้เฉยๆวะ แต่ปัญหามันอยู่ที่ผมนี่สิ ดันไม่รู้ว่าจะตอบยังไง บอกตัวเลยห้าร้อยแสนล้านครั้งว่าอย่าชอบๆ แต่พอถูกถามว่าชอบไหมดันลังเลขึ้นมาซะงั้น ทั้งที่โกหกอะไรออกไปก็ได้ หรือตีขำไปก็ยังได้ 



พี่ปุนยิ้มกว้าง แล้วตบบ่าผมเบาๆ แต่ผมยังทำแค่กระพริบตาปริบๆ ในหัวยังตีกันยุ่งเหยิง เซลล์ประสาทคงยุ่งจนเป็นสายไฟบนเสาไฟฟ้าเมืองไทยอะ



“พี่ได้คำตอบและ”



ผมยังเป็นรูปปั้นอยู่



“ส่วนเรื่องหวาน ก็ไปถามไอ้ไทม์ดูนะ มันคงอยากให้คำตอบน้องจะแย่แล้ว”



ยิ้มกรุ่มกริ่มใส่ผม แล้วก็ลุกจากไปอย่างรวดเร็ว โบกไม้โบกมือ แล้วทิ้งให้ผมนั่งเอ๋ออยู่คนเดียว แล้วผมก็ตระหนักรู้กับตัวเองว่าจริงๆแล้วคำถามของพี่ปุนเมื่อกี๊



คนที่ผมควรให้คำตอบไม่ใช่พี่ปุนหรอก





มันคือคำถามที่ผมควรให้คำตอบกับตัวเอง

 





โชคร้ายครับที่เหมือนผมจะรู้คำตอบอยู่แล้ว  แต่ยังบ่ายเบี่ยงทำแบ่งรับแบ่งสู้กับความกลัวในใจ

 





ผมยอมรับแล้วครับ

 



ผมคงชอบพี่มันแล้วจริงๆ





แต่ว่ามึง



ชอบคนที่เขามีคนในใจนี่มันอกหักตั้งแต่ยังไม่เริ่มเลยไม่ใช่หรอวะ



เชี่ย



แค่รู้ว่าตัวเองชอบเขาก็นกแล้วสินะ



จิ้บ จิ้บ จิ้บ

 

 

 

 







                สามทุ่ม คือเวลาที่ผมกลับมาถึงหอ ผมเดินเหม่อเลือกหนังสือจนก่อเกียรติ ต้องเดินมาตบหัว ผมไม่มีสมาธิเลยกระทั่งโหนรถเมล์ ถึงหอฝนก็ตกพอดี ผมรีบวิ่งเข้าหอแต่หางตาก็เหมือนจะเห็นรถคุ้นตาจอดอยู่ ฝนที่ตกหนัก ทำให้ผมไม่ได้สนใจอะไร พี่ไทม์หรอเขาจะมาทำอะไรป่านนี้ เขาคงกำลังนอนอยู่บนเตียงตอบไลน์กับหวานใจอยู่มากกว่า  เหอะ กุของอนในความคิดหน่อยเถอะ

                ผมเดินขึ้นบันไดมาด้วยสภาพกึ่งๆเปียก และผมเกือบทำถุงหนังสือหล่นมือ เพราะคนที่ผมพึ่งงอนในมโน กำลังยืนพิงกำแพงหน้าห้องผมอยู่





                พี่ไทม์ !





มาทำอะไรที่นี่วะเนี่ย



 มือนึงของพี่ไทม์ล้วงกระเป๋ากางเกง อีกมือก็กดโทรศัพท์ เชี่ย ท่ายืนแม่งกร้าวใจมาก



“พะ พะ พี่ไทม์”



“อ้าวมาแล้วหรอ”



“มาทำไรพี่ ดึกป่านนี้”



“พี่ก็อยากถามน้องเหมือนกันว่าดึกป่านนี้แล้วทำไมพึ่งกลับ”



สายตาที่เหมือนจะดุ กับท่าทางและน้ำเสียงเป็นห่วงนี้มันโคตรมีอิทธิพลกับใจผมเลย อย่ามาทำให้ใจสั่นได้ไหมครับ



“ผม ผมไปข้างนอกมา แล้วพี่มาทำไม”



“พี่มาตอบคำถามที่น้องอยากรู้”



เชี่ยยยยยยย   พี่ปุน



นี่มึงเล่าให้พี่ไทม์ฟังใช่ไหม คราวหน้ากุจะไม่ถามอะไรมึงอีกแล้วพี่ชั่ว สารชั่ววว



ผมได้แต่ยืนละล่ำละลัก แอบแปลกใจแล้วก็ตกใจเหมือนกันที่มันมาแค่เพื่อตอบคำถามผม ผมสงสัยในการกระทำของมัน ไม่รู้มานานแค่ไหนแล้ว ถึงยังอยู่จนดึกดื่น แล้วผมก็รู้อย่างรวดเร็วด้วยว่าคำถามที่พี่มันพูดถึงคืออะไร ผมเลยเลือกที่จะบ่ายเบี่ยงหนี



“คำถามอะไรพี่ ไม่มี ไม่มี๊”



บ่ายเบี่ยงได้โง่มาก  เสียงสูงขนาดนี้ พี่มันคงเชื่อมึงมั้งเนี่ย



“จริงหรอ อยากรู้อะไรก็ถามมาสิครับ พี่มาเพื่อตอบคำถามน้องเลยนะ”



“ผมก็ไม่ได้บอกให้พี่มานี่”



“โอเค ถ้าน้องไม่ถามงั้นพี่กลับก็ได้”



ว่าแล้วพี่มันก็หมุนตัวกลับ เดินผ่านผมจะไปที่บันได มาง่ายๆไปง่ายๆงั้นเลย มึงอุตห์ส่ามาเลยนะ กลับจริงดิ เอาวะ ไหนๆก็ยอมรับว่าชอบมันแล้ว ไหนๆมันก็มาให้ถามขนาดนี้แล้ว เอาวะ อย่ามัวอายอยู่ไย คำตอบจะเป็นยังไงช่างมันเว้ย



“หะ เห้ย ดะ เดี๋ยวดิพี่”



ผมรั้งข้อมืออีกฝ่ายไว้ พี่ไทม์หันมาเผชิญหน้าผมอย่างง่ายดาย เหมือนเมื่อกี๊คือแผนมันที่หลอกให้ผมรั้งไว้ รู้สึกโง่ยังไงไม่รู้ เกลียดการเลิกคิ้วกดดันของมัน ผมปล่อยข้อมืออีกฝ่าย และก้มหน้าหลบตา



“คือว่า...”



“......”



“คือว่า ผมก็แค่อยากรู้ว่าพี่หวานกับพี่เป็นแฟนกันรึเปล่า”



ผมก้มหน้า จ้องมองปลายเท้าของตัวเอง มือกำถุงหนังสือไว้แน่น เหลือบตามองอีกฝ่าย เห็นพี่มันกำลังมองผมอยู่ ยิ้มมุมปากเหมือนพอใจ ผมเลยหลบตากลับมามองมือตัวเอง



“พี่กับหวานเป็นแค่เพื่อนกัน เขาชอบพี่ แต่พี่ไม่ได้ชอบ”



“อ้าว”



ผมตกใจนิดหน่อยกับคำตอบ แต่ก็ยอมรับว่าแอบดีใจ เกือบกระโดดแล้วร้องตะโกนว่าเยส แต่ก็แค่ตีหน้าซื่อๆแล้วถามเหมือนเป็นคนดีที่ขี้สงสัยเฉย แต่ใจนี่แบบ เขาไม่ได้ชอบกันโว้ยยย



“เขาเป็นเพื่อนมัธยม เลยค่อนข้างสนิทกัน”



“โห แต่พี่เขาสวยมากเลยนะ พี่ไม่ชอบเขาจริงๆหรอ”



“ทำไม อยากให้พี่ชอบเขารึไง”



“ก็เปล่า แต่คนสวยขนาดนั้นมาชอบ ไม่หวั่นไหวบ้างหรอ”



คือเขาสวยอะแบบสวยมาก บางมุมก็ดูน่ารัก เซ็กซี่ ไม่อยากเชื่อว่าถ้าเขามาจีบพี่ไทม์จริงๆพี่มันจะไม่หวั่นไหวบ้างเลยหรอ



“ก็เคยลองคุย แต่ก็ไม่ได้คบเพราะพี่ไม่ได้ชอบเขา”



“แต่ว่าผมเห็นรูปจับมือด้วยนะ ไปไหนมาไหนด้วยกัน แล้วไอจีพี่หวานก็มีแต่รูปคู่พี่ แถมเขายังมาหาพี่ แล้วพี่จะ....”



“นี่น้องหมวย”



“......”



“เมื่อก่อนพี่ไม่ได้ชอบเขา ตอนนี้พี่ก็ไม่ได้ชอบเขา”



“.....”



“พี่จะชอบเขาได้ยังไง”



“.....”



“ในเมื่อคนที่พี่อยากอยู่ด้วย”



“.....”



“คือคนที่มีดาวเรืองแสงต่างหาก”

               

 









******************************

#พี่ไทม์น้องหมวย

ขอบคุณทุกๆคนสำหรับการติดตาม การคอมเม้น การให้กำลังใจ การเข้ามาชมนะคะ

เรารักทุกคนค่ะะะะะะ ♥

หัวข้อ: Re: ็Hello there ว่าไงน้องหมวย (น้องหมวยบทที่ 7 04/05/2561)
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 04-05-2018 01:49:48
5555น้องหมวย มีเหวอแน่งานนี้ :hao3:
หัวข้อ: Re: ็Hello there ว่าไงน้องหมวย (น้องหมวยบทที่ 7 04/05/2561)
เริ่มหัวข้อโดย: monoo ที่ 04-05-2018 07:27:30
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: ็Hello there ว่าไงน้องหมวย (น้องหมวยบทที่ 7 04/05/2561)
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 04-05-2018 08:57:54
0๐0!
หัวข้อ: Re: ็Hello there ว่าไงน้องหมวย (น้องหมวยบทที่ 7 04/05/2561)
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 04-05-2018 09:28:37
ชัดเจนมากค่ะ

 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ็Hello there ว่าไงน้องหมวย (น้องหมวยบทที่ 7 04/05/2561)
เริ่มหัวข้อโดย: mmello07 ที่ 04-05-2018 13:49:10
ชัดระดับฟูลเอชดี :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ็Hello there ว่าไงน้องหมวย (น้องหมวยบทที่ 7 04/05/2561)
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 04-05-2018 14:39:08
เลิส o13
หัวข้อ: Re: ็Hello there ว่าไงน้องหมวย (น้องหมวยบทที่ 7 04/05/2561)
เริ่มหัวข้อโดย: Girin ที่ 05-05-2018 00:45:04
น้องหมวยบทที่ 8








ผมชอบน้อง
[/b]

 







 

                และค่อนข้างมั่นหน้าด้วยว่าน้องเองก็สนใจผม ลูกอิณไม่ใช่คนที่โดดเด่นอะไร ตาชั้นเดียว กับแก้มเป็นลูก ทั้งที่ตัวก็ผอมเลยทำให้ร่างโปร่งดูตัวนิดเดียว เอวก็นิดนึง บวกกับผิวขาวๆ มันทำให้น้องสะดุดตาผม  ตอนเจอกันครั้งแรกที่น้องมันเดินขึ้นไปจูบบนเวที มันก็เหลือทิ้งไว้แต่ความน่ารักให้จดจำมากกว่าที่จะโกรธ



                ผมไม่ได้หวังว่าจะเจอกันอีก แต่พอเจอกันแล้วก็ไม่อยากปล่อยคนน่ารักให้หลุดมือ ยิ่งได้รู้จักนิสัยเจ้าตัวก็น่ารักสมหน้าตา เหมือนจะห้าวแต่พอเขินทีไรก็วิ่งหนีกันทุกที ล่าสุดนี่วิ่งเข้าตู้เสื้อผ้า อยากจะบอกว่า



                น้องโว้ยยยยยย



                กลั้นยิ้มแบบสุดใจ วางมาดเข้ม น่ารักชิบหาย พูดถึงทีมีแต่คำว่าน่ารักน่ารักน่ารักเต็มไปหมด  แล้วพอดีว่าผมเป็นพวกเห็นแก่ตัว ถ้าชอบ ถ้าสนใจอะไรแล้ว ผมก็จะต้องได้ ไม่ได้รักสัตว์ไงครับ ไม่ชอบนก



                อ่อยอยู่หลายอย่าง กระแสตอบรับก็ดีพอสมควร ถือว่าค่อนข้างน่าพอใจ แต่มันก็ยังไม่ชัดเจน ผมรู้ เพราะผมยังไม่เห็นมันจากแววตาของน้อง เด็กโง่นั่นคิดอะไรอยู่ดูออกง่ายจะตาย แผนการของผมก็เป็นไปแบบงงๆ ใช้อะไรรอบตัวให้เป็นประโยชน์ ผมรู้ว่าตัวเองก็เป็นที่รู้จักในมหาลัยอยู่พอสมควร ก็นะคนมันหน้าตาดีมาก เรื่องของหวานผมว่ายังไงน้องมันก็ต้องรู้



                ผมกับหวานเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่มัธยม เขาไปแลกเปลี่ยนต่างประเทศมาปีนึงเลยจบช้ากว่าผม  พอเขาติดมหาลัยเดียวกับผม หวานก็มาสารภาพว่าเขาชอบผม ผมก็ตกใจแหละ ก็เป็นเพื่อนกันมาตั้งนาน หวานเองก็เป็นคนดี ผมเลยลองให้โอกาส ลองคุยกันดู ไปไหนมาไหนด้วยกันอยู่หลายเดือน แต่มันก็ไม่เคยเกินคำว่าคนคุยกัน



รูปจับมือที่หลุดไป มันก็เป็นแค่บางครั้ง แบบเวลาจะลุกขึ้นก็ยื่นมือไปช่วย ไม่ได้แบบว่ามาเดินจับมือกัน แต่คนถ่ายไปหรือคนที่เขาลงรูปเขาก็ไม่ได้บอกแบบนี้ เราคุยกันหลายเดือน ไม่รู้คุยยังไงแต่คนเกือบทั้งมหาลัยเหมือนจะรู้ว่าผมกับหวานลองคุยกัน แต่สุดท้ายมันก็ไปต่อไม่ได้



ผมก็ไม่รู้ว่าทำไม มันก็แค่ไม่ใช่ ผมไม่ได้ชอบหวานแบบนั้น ผมขอโทษเขาที่ปล่อยให้เรื่องมันยืดเยื้อมาหลายเดือน หวานไม่ได้โกรธ ผมดูออกว่าเขาเสียใจมาก แต่เขาก็แค่ขอให้เรากลับไปเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม ซึ่งผมก็โอเค เขาเป็นเพื่อนที่ดีผมไม่ได้อยากเสียเพื่อนดีๆไป



ผมกับเขาเราก็ไม่ได้ออกมาตั้งโต๊ะแถลงข่าวอะไร คนก็เลยคิดว่าเรายังคุยกันอยู่  ตอนนี้หวานก็มีแฟนใหม่แล้ว แต่เจ้าตัวอยากให้คบกันนานกว่านี้ก่อนค่อยเปิดตัว



ผมเห็นแล้วว่าน้องมันทำท่าแปลกๆตอนที่ผมนอนค้างด้วย ท่าทางไม่สบายใจ แต่เพราะตอนนั้นคนที่น้องอยู่ด้วยมีแต่ผม ผมเลยขี้ตู่เอาเองว่าน้องมันคิดมากเรื่องผมอยู่ ซึ่งก็ถูกด้วย



วันต่อมาผมเห็นแล้วว่าน้องมันนั่งที่โต๊ะม้าหินคนเดียว หวานมาหาก็เพราะผมโทรบอก ไอ้ปุนเดินมานี่แผนผมทั้งนั้นอะ  ผมบอกไอ้ปุนไปแล้วว่าน้องคือโจรปล้นจูบที่เชียงใหม่ ตอนนั้นมันอยู่ด้วย ผมยอมบอกมันเพราะอยากให้มันช่วย แต่ก็ต้องแลกกับการโดนแซว และเดี๋ยวมันก็ต้องไปบอกไอ้แชมป์ ผมคงโดนแซวสามเวลาหลังอาหาร



และผลก็ตามที่เห็นครับ น้องถามไอ้ปุนเรื่องหวาน พอไอ้ปุนถามจี้จุดว่าชอบผมไหม น้องมันก็เหลอหลาตกใจตอบไม่ถูก เผยไต๋ออกมาหมดเลย หึหึ ผมเห็นเพราะยืนแอบดูอยู่ หน้าเอ็นดูชะมัด รู้สึกพอใจระดับสิบ



เลิกเรียนก็รีบไปรอน้องหมวยที่หน้าห้อง ทำเป็นคนดีอยากไปอธิบาย อารมณ์แบบพี่ใส่ใจความรู้สึก ไม่อยากให้น้องเข้าใจผิดนะครับ  ทำไมกุเป็นได้ขนาดนี้เลยวะเนี่ย



แต่ก็เริ่มหัวร้อนตรงที่สองทุ่มแล้วคนที่รอก็ไม่มีวี่แววจะกลับมา พอสามทุ่ม ฝนตก ผมกดโทรหาก็ไม่มีคนรับสาย  แต่ก่อนที่จะโมโหไปกว่านั้น คนที่รอก็ปรากฏตรงหน้าซะก่อน

 

 

 

 









“ในเมื่อคนที่พี่อยากอยู่ด้วย”



“.....”



“คือคนที่มีดาวเรืองแสงต่างหาก”



                คนตรงหน้าผมทำหน้าตาเหลอหลา ตากลมเบิกกว้างเหมือนทุกที แก้มขาวขึ้นสีจนผมยกยิ้มพอใจ น้องหมวยกำลังตกใจและเขินสุดๆ



                น้องยังทำหน้าเด๋ออยู่



                ผมเดินไปประชิดด้านหลังอีกฝ่าย ล้วงกระเป๋ากางเกงน้องทั้งสองข้าง ควานหากุญแจห้อง อีกฝ่ายสะดุ้งเหมือนพึ่งรู้ตัว ดิ้นไปมาอยู่ในแขนผม



                “พะ พี่ทำอะไรเนี่ย!”



                   “หากุญแจห้อง เราตัวเปียกอยู่เดี๋ยวเป็นหวัด”



                “เดี๋ยวผมหยิบเองก็ได้ ปล่อย ปล่อยก่อน”



         “ไม่เอา อยากลวนลาม อยู่เฉยๆ”



                คนเรามันก็ต้องแบบนี้แหละครับ ชัดเจนกันแล้ว ก็พูดกันตรงๆไปเลย ไม่ต้องกลัวอ่อยแรงไปจนไก่ตื่นแล้ว



                แถมน้องก็น่ารัก



                นี่ไม่ลากเข้าห้องไปปู้ยี้ปู้ยำก็ดีแค่ไหนแล้ว



     
(เดี๋ยวเค้ามาต่อเนอะ)
               
หัวข้อ: Re: ็Hello there ว่าไงน้องหมวย (น้องหมวยบทที่ 8 05/05/2561)
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 05-05-2018 12:15:54
อย่าทำแบบเน้~ใจบางหมดแล้ว
หัวข้อ: Re: ็Hello there ว่าไงน้องหมวย (น้องหมวยบทที่ 8 05/05/2561)
เริ่มหัวข้อโดย: SinSopor ที่ 06-05-2018 12:03:35
งือออ ปู้ยี่ปู้ยำ  :haun4:
หัวข้อ: Re: ็Hello there ว่าไงน้องหมวย (น้องหมวยบทที่ 8 05/05/2561)
เริ่มหัวข้อโดย: Girin ที่ 08-05-2018 00:56:28
(ต่อนะ)





                “เช็ดเบาๆหน่อยสิ”



                คนอายุน้อยกว่านั่งอยู่บนเตียงให้ผมยืนเช็ดผมให้ ทำหน้าบูดเพราะผมล้วงกุญแจนานไปหน่อย ไม่ทันได้โวยวายผมก็ไล่ให้ไปอาบน้ำ หน้าขาวๆมุ่ยลงจนผมอดแกล้งเช็ดผมแรงๆไม่ได้



                “พี่ยังไม่เคลียร์กับเราเลยนะ ทำไมพึ่งกลับครับ”



                “กลับนานแล้ว แต่รถมันติด”



                “คราวหลังก็โทรหาพี่ เดี๋ยวพี่ไปรับ”



                “พี่จะมารับผมทำไม”  เด็กโง่ นี่คือแกล้งไม่รู้ใช่ไหม



                “ที่พูดไปยังไม่ชัดเจนอีกหรอ”



                “.....”



                อีกฝ่ายตอบผมด้วยความเงียบ แต่การหลบตาก็เป็นคำตอบว่ารู้ชัดเจนดีแล้ว แต่บางทีเพราะระยะเวลาที่มันน้อยไปอาจทำให้น้องยังลังเลในความรู้สึกผม แต่เพราะผมรู้ตัวเองดี ความรู้สึกของผมไม่ได้รุนแรงถึงขั้นจะพูดว่ารัก แต่มันเป็นความรู้สึกพิเศษๆที่ผมไม่ได้รู้สึกกับใครง่ายๆ



                ถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้มากมายแต่ผมก็มั่นใจว่ามันจะอยู่ไปอีกนาน น้องทำให้ผมรู้สึกอยากปกป้อง อยากดูแล รู้สึกสนุกดีเวลาเห็นน้องมันเขิน แต่สำคัญเลยคือ มันคือคนที่ผมอยากจะแคร์



                “พี่แน่ใจหรอว่าพี่อยากอยู่กับผม”  คนตรงหน้าตอบผมทั้งที่ก้มหน้า ทั้งที่เมื่อกี๊ยังเงยหน้าโวยวายอยู่ แววตาสวยหม่นลง



                “น้องคิดว่าพี่เป็นคนยังไงละ คิดว่าคำพูดพี่เชื่อได้รึเปล่า”



                “....”



                “ว่าไง?”



                “เชื่อได้”



                ผมนั่งยองลงตรงหน้าอีกฝ่าย สบตาคนที่เอาแต่ก้มหน้า มือสองข้างของน้องบีบเข้าหากัน ผมเอื้อมมือไปจับมือน้องเบาๆ มือน้องเล็กกว่ามือผม  เขาเงยหน้าสบตาผม ฉายแววความกังวลบางอย่าง



                “คิดอะไรอยู่บอกพี่ได้ไหม”



                “ผมไม่คิดว่าผมจะอยู่กับพี่ได้”



                ผมตกใจเล็กน้อยกับคำพูดของคนตรงหน้า ผมเองก็กลัวการปฏิเสธของเขาอยู่เหมือนกัน  แววตากังวลเห็นได้ชัดว่าเขากำลังกลัว ผมไม่เข้าใจ ผมไม่รู้ว่าน้องหมายความว่ายังไง และผมไม่คิดว่าเป็นเรื่องความรู้สึกของผม เพราะผมคิดว่ามันชัดเจนดีแล้ว หรือเป็นเพราะน้องยังลังเลในความรู้สึกตัวเอง แต่ผมก็ไม่คิดว่าใช่ ถึงเขาจะไม่เคยพูดออกมา แต่ท่าทีไม่ปฏิเสธก็บอกว่าน้องคิดเหมือนกันกับผม และผมยิ่งแน่ใจเมื่อเขายอมให้ผมจับมือเอาไว้



                “ทำไมครับ ทำไมคิดแบบนั้น”



                “มัน มันพูดยาก” ท่าทางลำบากใจจนผมสงสาร  มือเล็กๆบีบเข้าหากันมากกว่าเดิมแสดงถึงความเครียดของปัญหาที่เจ้าตัวแบกไว้  จนผมต้องจับมือน้องแน่นขึ้น น้องพูดออกมาขณะที่มองมือตัวเองที่ผมกุมเอาไว้



                ดูเหมือนปัญหาจะใหญ่สำหรับน้องพอสมควร อาจจะเป็นปัญหาที่ผมกับเขาเป็นผู้ชาย แต่ผมก็ยังไม่แน่ใจเพราะว่าน้องเคยบอกว่ามีแฟนเป็นผู้ชายมาก่อน ผมเลยไม่คิดว่าน้องจะไม่โอเคกับเรื่องนี้ ผมจะไม่บีบคั้นเขา น้องยังเด็ก คงต้องให้เวลากันสักพัก สร้างความไว้ใจ ความเชื่อใจ รอจนมันมากพอที่เขาจะยอมเล่าปัญหาของเขาให้ผมฟัง  ตอนนี้น้องคงยังไม่พร้อมจะเล่า



                “ไม่เป็นไรนะไม่ต้องเครียด ยังไม่พร้อมก็ยังไม่ต้องเล่า โอเคมั้ย”



ผมบีบมือเล็กเบาๆ จนเขายอมคลายมือที่บีบกันแน่นออก



                “พี่รอได้ ไม่ต้องรีบ พี่ยังอยู่ตรงนี้อีกนาน”



                “พี่ไทม์” เสียงเรียกชื่อผมแผ่วเบา



                “ทุกปัญหา เราจะพยายามช่วยกันแก้  พี่ไม่อยากให้น้องปิดโอกาสกัน”



                “.....”



            “ลองเดินไปด้วยกันก่อนไหม ?”



                “.....”



                “ถ้าไม่ใช่เดี๋ยวพี่กลับมาส่งเอง”



                ผมมองเขาด้วยแววตาจริงใจ  เรียกร้องความเห็นใจเต็มที่ คนเราชีวิตมันสั้นนะครับ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่เราจะเจอคนที่อยากจะจริงจังด้วย และยังยากมากๆที่คนคนนั้นจะคิดตรงกันกับเรา  เพราะความรู้สึกมันไม่ได้เกิดกันง่ายๆ ผมไม่อยากให้มันเสียไปทั้งที่ยังไม่ได้ลองพยายามด้วยกัน ผมไม่รู้ว่าจะแก้ไขปัญหาที่น้องแบกไว้ได้ไหม แต่ถ้าน้องยอมเดินไปด้วยกัน ลองแก้ไขมันด้วยกัน ผมเชื่อว่ามันก็ต้องได้สักทางละวะ



                ผมยกยิ้มเมื่อเห็นความลังเลของน้องหมวย อย่างน้อยน้องก็ไม่ได้แน่วแน่จะปฏิเสธกัน



                “ผมขอเวลาหน่อยได้ไหม”



                “นานเท่าไหร่”



                “หลังมิดเทอม ผมสัญญาจะให้คำตอบ”



                “อีกสามอาทิตย์เลยนะ!”



                หลังมิดเทอม? อีกสามอาทิตย์? เอางั้นเลย นานมากเลยนะ นี่ไม่คิดว่าพี่จะแดดิ้นบ้างเลยหรอ



                “สามอาทิตย์เอง” น้องมันมองหน้าผมด้วยท่าทีไม่เดือดร้อนอะไร



                เรามาพิจารณาทางเลือกของผมกัน สมมติว่าผมไม่ยอมรับข้อเสนอนี้ น้องก็ดูเหมือนไม่น่าจะรั้งผมเอาไว้ คงยอมปล่อยผมไป  ดูท่าทางไม่ใช่สายตื้อ ออกแนวเฝ้าห่างๆอย่างห่วงๆมากกว่า ซึ่งผมไม่ได้อยากได้แบบนั้น คิดตรงกันแล้วจะมาทำตัวแอบรักให้เสียเวลาทำไมวะ ตัดทิ้งๆไม่เอาอันนี้



                แล้วสมมติว่าผมต่อรอง อาจจะสักอาทิตย์นึงน้องมันจะยอมหรอวะ อีกอย่างพออาทิตย์ที่สองก็ต้องเตรียมสอบอีก น้องมันจะเครียดเปล่าๆ ไม่เอาไม่อยากให้น้องมีผมหงอก หรืออีกสองอาทิตย์ มันก็เข้าสัปดาห์มิดเทอมอีก หนักกว่าเดิม มิดเทอมมหาลัย นี่ไม่อะไรต่างจาก Infinity war



                นี่คือต้องยอมใช่ไหม สามวันได้ไหมอะหมวย



                “น้องหมวย ลดเหลือสามวันไม่ได้หรอ สามอาทิตย์โคตรนานเลยนะครับ”



                “พี่บอกรอได้”



                สัด ไม่น่าทำหล่อเลย เด็กมันร้าย เหมือนกะเวลามาแล้ว โอเคยอม



                “โอเค สามอาทิตย์ก็สามอาทิตย์”



                พอผมรับปาก อีกฝ่ายก็ยิ้มออก หมั่นไส้ เมื่อกี้ยังทำหน้าหงอย มันน่าบีบให้แก้มหลุด ไวเท่าความคิดผมก็หยิกแก้มอีกฝ่ายด้วยสองมือ ยกยิ้มเจ้าเล่ห์จนคนตัวเล็กกว่าพยายามดึงมือผมออก กลายเป็นว่าน้องจับมือผมอยู่  จับเลยๆพี่เต็มใจสุดๆ



                “แต่พี่มีข้อแม้”



                “ว่าแล้ว พี่ไม่น่ายอมง่ายๆ” น้องบอกพร้อมทำหน้าระอาใส่ --



                “ข้อแรก พี่จะมาส่งที่หอ”



                “ไม่เอา  ปีสามนี่ว่างมากนักรึไง” ผมสนใจเสียงคัดค้านเดินหน้าพูดต่อ



                “ข้อสอง ห้ามหาย ไลน์ไปต้องตอบ โทรไปก็ต้องรับ”



                “เห้ย เดี๋ยว”



                “แล้วก็ข้อสาม”



                “เดี๋ยวดิ พะ..............อื้อ”



                ผมยืดตัวเพื่อประกบริมฝีปากนุ่มนิ่ม กลืนเสียงโวยวายลงคอ มือที่บีบแก้มเปลี่ยนเป็นประคองหน้าไว้ มือน้องที่จับมือผมเอาไว้เปลี่ยนไปวางไว้ผมแผงอกของผม ดันผมเบาๆเมื่อผมบดเบียดจูบมากขึ้น ควานหาลิ้นในโพรงปาก ไล้ชิมความหวานไปจนทั่ว ดูดคลึงริมฝีปากล่างเบาๆเชิงหยอกเย้า ทิ้งจังหวะให้หายใจก่อนจะกดหนักๆลงไปอีกครั้ง อีกครั้งและอีกครั้งราวกับโหยหาย  ปรับเปลี่ยนองศาไปมา สำรวจ เก็บเกี่ยวจากอีกฝ่ายจน น้องทุบไหล่ผมประท้วงจนผมยอมผละออก



                จูบครั้งที่สามของเรายาวนานพอให้อีกคนหายใจหอบหนักหน่วง ไม่รู้ตัวเลยว่าผมเผลอคร่อมอีกฝ่ายบนเตียงตั้งแต่เมื่อไหร่ แถมยังไปล้วงเสื้อเขาอีก ผมถอนมือที่ไล้ผิวเนียนอย่างนึกเสียดาย  สบตาปรือของคนใต้ล่าง จูบหอมหวานที่อยากตักตวงให้นานกว่านี้ ทำให้ผมรู้สึกค้างคา ยิ่งพอเห็นหน้าแดงๆของอีกคน แถมยังอยู่ในท่าล่อแหลม สติของผมก็เริ่มเตลิดไปไกล ผมก็คิดได้ว่าผมควรจะกลับซะที



                ให้ตาย ตั้งใจว่าจะ หาเรื่องค้างด้วยแท้ๆเลยเนี่ย



                “คือ คือพี่” มึงจะสะดุดทำไม เดี๋ยวน้องมันรู้ ไทม์น้อยเย็นไว้ก่อนลูก



                ผมรีบลงจากเตียง น้องมันเหมือนพึ่งตั้งสติได้ ก็เด้งตัวนั่ง หน้าแดงหูแดง ปากเจ่อ หน้าตาตกใจ ทำไมมันน่ารักแบบนี้วะ 



                “ฝนซาแล้ว งั้นพี่กลับก่อนนะ”



                ทิ้งไว้แค่นั้นก่อนจะรีบออกจากห้อง ทิ้งเจ้าของห้องนั่งเอ๋ออยู่บนเตียงคนเดียว

               

 

 

 

 

 

 







ลูกอิณ

                “แจ๊บบอกว่ามึงไม่ยอมตอบไลน์มัน”



                “ก็ ก็เมื่อคืนไม่ว่าง”



                “ทำอะไรอยู่”



                “หลับ จะถามทำไมเนี่ย”



                “กุก็แค่ถามเฉยๆมึงจะหูแดงทำไม มีอะไรใช่ไหม เล่ามาเดี๋ยวนี้”



                “มะ ไม่มี๊ ไม่มีอะไร ถอยไปเลยมึง”



                โดนสอบสวนแต่เช้าเลย ผมนอนไม่หลับทั้งคืนคิดแต่เรื่องพี่มัน ไอ้คำว่าอยากอยู่ด้วยเนี่ย ผมไม่สามารถเอามันออกไปจากหัวได้ มันดังซ้ำไปมาเหมือนจะย้ำว่านี่เรื่องจริง ผมพึ่งยอมรับ เซ็นอนุมัติกับตัวเองได้เมื่อวานว่าผมชอบพี่มัน หัวใจผมก็ทำงานหนักหน่วงต่อเนื่องเมื่อพี่ไทม์หาผมถึงหน้าห้อง แถมยังจูบนานมากๆด้วย



                รู้สึกตัวจะแตก



                “เฮ้อ มึงจะปิดกุอีกนานไหม จะยอมเล่าดีๆได้ยัง”



                “มึงรู้แล้วหรอวะ”



                “คิดว่าแจ๊บรักมึงแค่ไหนละ มึงคิดว่ามันจะยอมปิดเรื่องที่มึงทำไว้ที่เชียงใหม่หรอ”



                “เพื่อนเหี้ย”  - -



                “กุว่าแล้ว พี่ไทม์แม่งชอบมองแปลก”



                “แปลกยังไง”



                “เหมือนจะแดกมึง” กุก็อยากแดกเขาอยู่เผื่อมึงอยากรู้ อันนี้ผมพูดในใจ



                “ดูออกขนาดนั้นเลย”



                “เออดิ แล้วมึงเอายังไง ชอบเขารึเปล่า”



                “.....”



                กุเขินเกินกว่าจะพูดคำนี้วะก่อเกียรติ ผมเงียบ เพราะรู้อยู่แล้วว่าอีกคนมันรู้ทัน ฉลาดแต่เรื่องกุนะมึง เรื่องตัวเองไม่เคยเอาตัวรอด



                “เงียบแบบนี้แสดงว่าชอบใช่ไหม”



                “เออ”



                “แน่ะมีเขิน เบื่อวะ พี่ไทม์แม่งหล่อมากเลยนะ ทำไมลดตัวมาสนใจมึงวะ”



                “นี่กุเพื่อนมึงนะ เผื่อมึงลืม ช่วยทีมกุหน่อย”



                ผมเถียงกับมันสักพักก่อนจะเข้าเรียน โทรศัพท์ผมสั่นก็จะเห็นแจ้งเตือนว่าพี่ฝ่ายกีฬาโพสข้อความในกลุ่ม

 

Prim Chananun

 ตั้งแต่วันนี้และอาทิตย์หน้าทั้งอาทิตย์จะเริ่มการซ้อมกีฬา โดยจะหยุดซ้อมในสัปดาห์ก่อนสอบมิดเทอมและสัปดาห์มิดเทอม ขอให้น้องๆทุกคนมาซ้อมกีฬาแต่ละประเภทตามที่ลงชื่อไว้ ตั้งแต่เวลา 17.00 น.-20.00 น. ด้วยนะคะ

 



ซ้อมแค่เกือบสองอาทิตย์จะซ้อมทำไมวะ แอบอิจฉาฝ่ายสวัสดิการข้างๆที่แค่แบบน้ำแบกขนม ผมกดปิดโทรศัพท์ก่อนจะหันมาสนใจบทเรียน แต่หน้าจอก็แสดงข้อความของใครบางคนที่มาหาผมเมื่อคืน



Time_hatsawat

                สองทุ่มพี่ไปรับที่สนามบอลนะ



บอกตรงๆว่าหัวใจไม่แข็งแรงพอจะเจอหน้าตอนนี้เลย

 

               







*************************

#พี่ไทม์น้องหมวย

มาดึกๆเช่นเคย

ตอนหน้าเราจะมาเฉลยว่าปัญหาของน้องมันคืออะไร จริงๆเราว่าทุกคนก็พอจะเดากันได้แล้วและ เพราะฉะนั้นก็อย่าลืมมาติดตามตอนต่อไปกันนะคะ
หัวข้อ: Re: ็Hello there ว่าไงน้องหมวย (น้องหมวยบทที่ 8 08/05/2561)
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 08-05-2018 10:10:16
รอๆ
หัวข้อ: Re: ็Hello there ว่าไงน้องหมวย (น้องหมวยบทที่ 8 08/05/2561)
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 08-05-2018 10:47:35
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ็Hello there ว่าไงน้องหมวย (น้องหมวยบทที่ 8 08/05/2561)
เริ่มหัวข้อโดย: catka12 ที่ 08-05-2018 11:07:26
 :hao7:....ชอบมากกกก....   :hao7: ชอบตอนที่บอกว่า...”ถ้าไม่ใช่เดี๋ยวพี่เดินกลับมาส่งเอง” .... หวาน....ซึ้ง....ละมุน....แอบเศร้านิดๆ... ขอให้อย่าดราม่าเลยยยย...ใจเราบางมากกกกก  :call:
หัวข้อ: Re: ็Hello there ว่าไงน้องหมวย (น้องหมวยบทที่ 8 08/05/2561)
เริ่มหัวข้อโดย: uyong ที่ 08-05-2018 13:30:22
 :mew1: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ็Hello there ว่าไงน้องหมวย (น้องหมวยบทที่ 8 08/05/2561)
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 08-05-2018 22:40:08
พี่ไทม์ ทำใจน้องละลายแล้วว
หัวข้อ: Re: ็Hello there ว่าไงน้องหมวย (น้องหมวยบทที่ 8 08/05/2561)
เริ่มหัวข้อโดย: Girin ที่ 04-06-2018 23:32:59

             




  “แม่หวัดดีครับ”



                “มาแล้วหรอ ไปช่วยยกของในครัวหน่อยไป”



                “ครับแม่”



                บ้านของผมเป็นร้านอาหาร ถือเป็นร้านขึ้นชื่อในจังหวัด หลังจากพ่อกับแม่ผมแยกทางกัน ผมก็อยู่กับแม่และส่วนพ่อ เขาไม่ติดต่อกลับมาอีกเลย ร้านอาหารเป็นร้านของลุงอิท พี่ชายของแม่กับป้าพิน แฟนของลุงอิท ลุงมีลูกชายคนนึง อายุน้อยกว่าผมปีนึง ชื่อ พีท



                เพราะร้านอาหารค่อนข้างเป็นที่รู้จัก คนเลยแน่นแทบทุกคน โดยเฉพาะเสาร์อาทิตย์ ซึ่งร้านจะปิดในวันจันทร์ หน้าที่ของผมคือเป็นแทบทุกตำแหน่งในร้านยกเว้นพ่อครัว เป็นทุกอย่างจริงๆครับ ตั้งแต่ล้างชามยันทำบัญชี ผมเป็นคนมีความสามารถเห็นไหมครับ



                ผมวางกระเป๋าแล้วเดินเข้ามาในครัวที่กำลังวุ่นวายได้ที่ ช่วยยกนู่นนี่นั่น แทบไม่มีใครสังเกตเห็นว่าผมเดินเข้ามา ยกของเสร็จผมก็ใส่ผ้ากันเปื้อน ยกอาหารไปเสิร์ฟที่โต๊ะ พออีกโต๊ะเรียกคิดเงิน ผมก็เดินไปเช็คบิล พอคนล้างจานเข้าห้องน้ำ ผมก็เข้าไปล้างแทน เรียกได้ว่าเป็นทุกอย่างให้เธอแล้ว



                แต่มันก็สนุกดีนะครับ



                จะไม่สนุกก็ตรงที่.....





                “อาหารจานนั้นมันไหม้แกเห็นไหม ยกไปเสิร์ฟได้ยังไง”



                “ขอโทษครับป้า อิณไม่ทันได้ดู”



                “เลี้ยงเสียข้าวสุกจริงๆนะแก ทำงานให้คุ้มกับเงินที่แกผลาญหน่อย”



                ป้าพินจะประจำอยู่ในครัว คอยดูแลเรื่องของอาหาร ใช่ครับ เขาไม่ค่อยชอบผมเท่าไหร่ ไม่มีหรอกครับแบบว่า ยินดีต้อนรับกลับบ้านนะอิณ และผมชินกับมันแล้ว



                “ล้างจานเสร็จแล้วไปยกของลงจากรถด้วย”



                “ครับ”



                แม่ผมจะทำงานอยู่ที่เคาน์เตอร์หน้าร้าน ส่วนลุงอิทจะอยู่ที่ชั้นสอง คอยสั่งของ โทรเช็คของ ก็งานเจ้าของร้านน่ะครับ ป้าพินแกทำอาหารเก่งแกเลยต้องคอยประจำในครัว ส่วนลูกชายแก เสาร์อาทิตย์ก็ไปเรียนพิเศษตามสไตล์เด็กมอหกนั่นแหละครับ



                เพราะเสาร์อาทิตย์นี้ลูกจ้างลา 2 คน แม่ผมถึงได้โทรตามให้มาช่วยที่ร้าน ผมทำงานจนร้านปิด ก็ประมาณสี่ทุ่มกว่าๆ กว่าจะเก็บร้าน ทำความสะอาด ทำบัญชีก็ประมาณเที่ยงคืน พีทกลับมาพอดี ตอนที่ผมนั่งทำบัญชี



                “ทำไมพึ่งกลับพีท แม่โทรหาตั้งกี่สาย! ทำไมไม่รับโทรศัพท์”



                “พีทเปิดสั่นไว้ไงแม่ พีทก็กลับมาแล้วนี่ไง จะอะไรนักหนา!”



                 “ขึ้นเสียงกับแม่หรอพีท!”



                ช่วงนี้ พีทมันกลับบ้านดึกบ่อย ผมเองก็ไม่ได้สนิทอะไรกับน้องมันขนาดนั้น แต่ผมก็พอเข้าใจ ลุงกับป้ากดดันมันหนักกับเรื่องมหาลัย บังคับเรียนพิเศษตลอด ผมก็ไม่แปลกใจหรอก ถ้าน้องมันจะหนีเที่ยวบ้าง กลับบ้านดึกดื่น เรียนที่โรงเรียนก็หนักพอแล้ว นี่วันหยุดยังต้องตื่นเช้าไปเรียนพิเศษอีก



                ผมเองก็เคยเป็น แต่ผมอยู่คนเดียวไง กลับกี่โมงก็ได้



                ผมก็สงสารมันอยู่หรอกนะ ถ้าไม่ติดว่าไอ้เด็กโข่งที่ตัวใหญ่กว่าผม คือคนที่ทำให้ผมเดือดร้อน



                “เอะอะอะไรกัน”



                “คุณ! ไม่มีอะไร คุณขึ้นไปทำงานต่อเถอะ” ป้าพินรีบห้ามลุงอิทที่จะเข้าร่วมวง เพราะแกเป็นคนหัวร้อนง่าย แต่ลงยาก



                “นี่แกกลับบ้านดึกอีกแล้วเหรอหะ  นี่ไม่ได้ไปเรียนพิเศษอีกแล้วใช่ไหม!”



                “พ่อกับแม่จะอะไรกับพีทนักหนา พีทก็กลับมาแล้วนี่ไง จะเอาอะไรอีก”



                “ฉันโทรไปเช็คที่สอนพิเศษมาเมื่อวาน  เขาบอกว่าแกขาดเรียน มาเดือนนึงแล้ว ฉันส่งเสียให้แกเรียน อยากให้แกเข้ามหาลัยดีๆ ทำไมแกชอบทำตัวเหลวไหล”



                “พีทก็แค่ไปเที่ยวกับเพื่อน”



                “ทำไมทำตัวแบบนี้! ฉันไม่เคยสอนให้แกทำตัวเหมือนไอ้ตุ๊ดนั่น”



                ลุงอิทตะคอกเสียงดังแล้วหันมามองหน้าผม ผมมาอยู่ที่นี่ตั้งแต่ม.สาม การทนอยู่ที่นี่ไม่ได้แย่อะไรมาก พวกเขาไม่ค่อยได้สนใจผม ไม่ใช่ครอบครัวสุขสันต์ ออกจะต่างคนต่างอยู่มากกว่า



                พีทกับผมอยู่โรงเรียนเดียวกัน และเหตุผลที่ผมเลือกจะย้ายออกไปอยู่คนเดียว เป็นเพราะผมมีแฟนคนแรกเป็นผู้ชาย ผมไม่เคยมองว่ามันเป็นเรื่องใหญ่ และคิดว่าแม่ของผมกับคนอื่นก็คงไม่ได้ว่าหรือสนใจอะไร



                แต่มันก็ผิดไปจากที่ผมคิดไว้  พีทเอาเรื่องนี้ไปฟ้องป้าพิน และในวันนั้นที่ผมกลับบ้าน แม่ผมร้องไห้ ลุงกับป้าพวกเขาทำท่าทางรังเกียจ อะไรที่มันไม่ได้ดีมาตั้งแต่ต้น กลายเป็นว่ามันแย่กว่าเดิม แม่ไม่โอเคกับสิ่งที่ผมเป็น ผมเห็นชัดว่าเขาผิดหวัง



                มันจะไม่เป็นไรเลยถ้าอย่างน้อยครอบครัวยังเข้าใจคุณ





                แต่มันไม่ใช่





                ไม่ใช่ทุกครอบครัวที่พร้อมอยู่ข้างคุณ



                ผมรู้สึกผิดเกินกว่าจะคบต่อ สุดท้ายก็เลิกกัน ผมเกเรไปพักนึงเลย พอตั้งหลักได้ ผมก็ตั้งใจสอบให้ได้โรงเรียนม.ปลาย ที่มันไกลๆ ยังดีที่มันเป็นโรงเรียนดัง สอบเข้ายาก แม่เลยให้ผมย้ายออกมาอยู่คนเดียว



                ผมยังเข้ามาช่วยงานที่ร้านอยู่เรื่อยๆ อย่างน้อยแม่ก็ทำงานที่นี่ ส่งเสียผมเรียน ผมก็ทำตามหน้าที่ แต่ดูเหมือนยังไงเขาก็ตัดสินผมไปแล้ว



                สิ่งที่ผมเสียใจคือ แม่เองก็ตัดสินผมและขอให้ผมเปลี่ยนเหมือนกัน



                พ่อกับแม่ผมรีบไปหน่อยตอนมีผม พวกเขายังเรียนไม่จบ ปัญหาเลยกลายเป็นว่าผมคือความผิดพลาด มันอาจเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ว่าทำไมในตอนนี้เขารับไม่ได้กับสิ่งที่ผมเป็น ซึ่งผมโทษเขาไม่ได้ในเรื่องนี้



                ผมกลายเป็นคนผิด



                โดยที่ผมไม่รู้ว่าตัวเองผิดอะไร





                “พี่อิทพอเหอะ พีทมันยังเด็ก ให้มันไปเที่ยวเล่นบ้างเถอะพี่”



                “ฉันไม่ยอมให้พีทมันทำตัวเหมือนลูกแกหรอกนะ เพราะมันไม่ใช่รึไง แกถึงต้องเอาเงินเดือนตัวเองส่งเสียมันจนทุกวันนี้ เป็นไงละ สุดท้ายก็ต้องแบกหน้ามายืมฉัน เพราะเงินไม่พอ หึ”



                     “พี่จะขุดเรื่องเก่าให้มันได้อะไรขึ้นมา!”



                “แล้วแกจะทำไม! เพราะไอ้ตุ๊ดลูกแก ลูกฉันถึงได้เหลวไหล”



                “พี่จะมาโทษอิณมันได้ยังไง”



                “แม่ ใจเย็นก่อน”



                ผมบอกแม่ตัวเอง ผมรู้ว่าเถียงยังไงก็ไม่ชนะ การที่พีทกลับดึกเพราะไปเที่ยวกับเพื่อน มันไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับผมเลย ผมไม่เข้าใจจริงๆว่า ลุงเขาคิดแบบนั้นได้ยังไง



                “ไอ้เด็กเวร อย่ามาแส่!”



                ผมถูกผลักอย่างแรงจนกระเด็น ไหล่ของผมถูกกระแทก ผมรู้สึกร้าวไปทั้งตัว แผลเก่ายังไม่ทันหาย มันเป็นแบบนี้มาสักพักแล้ว โมโหทีไรก็ใช้กำลังทุกที และยิ่งช่วงนี้ทะเลาะกับพีทบ่อยๆจนบางครั้งก็ถึงขั้นต่อยลูกชายตัวเอง หลายครั้งที่ผมคือคนห้าม แต่ซวยเอง



                หาเรื่องใส่ตัวชัดๆ แต่ทำไงได้ ผมเป็นพี่ จะให้ผมทนดูน้องมันโดนพ่อตัวเองทำร้ายได้ไง เรื่องของสองพ่อลูกมันเป็นแบบนี้มาสักพักแล้ว แต่ก่อนลุงแกไม่ได้เกรี้ยวกราดขนาดนี้  มันพึ่งเป็นช่วงที่พีทมันทำตัวเหลวไหล แต่ก่อนอย่างมากก็ตะคอกใส่กัน



                “พ่ออย่าพาลดิ!” พีทเอาตัวมาขวางลุงอิท ที่ทำท่าจะพุ่งเข้าใส่ผมอีก



                “แกนั่นแหละ จะทำตัวแบบนี้อีกนานไหม”



                “พ่อ นี่ชีวิตพีทนะ พีทโตแล้ว”



                แม่ผมเดินมาดูผมที่ยังนั่งมึนอยู่ รู้สึกชาที่ไหล่ นี่ถ้าช้ำเพิ่ม ผมคงต้องโดนพี่ไทม์ดุอีกแน่ๆ



                “เจ็บรึเปล่าอิณ”



                “อิณไม่เป็นไร”



                “ขึ้นไปข้างบนไป”



                “แม่ แม่ติดเงินลุงอยู่เท่าไหร่ ทำไมไม่บอกอิณ”



                “มันไม่เกี่ยวกับแก”



                “ก็แม่ยืมเขามาจ่ายค่าเทอมอิณไม่ใช่รึไง”



                “แกจะถามทำไม มีปัญญาเอามาคืนเหรอหะ”  แม่พูดกลับผมด้วยน้ำเสียงจริงจัง



                “งั้นแม่ไม่ต้องส่งเงินให้อิณแล้ว ค่าเทอมกับค่าอยู่เดี๋ยวอินจ่ายเอง”  ที่จริงผมคิดเรื่องนี้มานานแล้ว ตั้งแต่ตอนม.ปลาย แต่มันไม่สะดวก และอายุผมไม่ถึง งานพาร์ทไทม์แถวโรงเรียนก็ไม่ค่อยมี ม.หก นี่อย่าหวัง ชีวิตวุ่นวายไปหมดกับเรื่องมหาลัย



                ผมมีเงินเก็บช่วงที่ทำงานตอนปิดเทอมก่อนขึ้นมหาลัยอยู่บ้าง ผมสามารถอยู่ได้สบายระหว่างหางานใหม่



                ผมไม่ให้แม่เดือดร้อน ผมไม่อยากเป็นหนี้บุญคุณกับครอบครัวของพี่ชายแม่อีก



                “ส่วนหนี้ของลุง อิณใช้ให้เอง”



                “อย่างแกเนี่ยนะ จะมีปัญญาหาเลี้ยงตัวเอง แกจะไปทำอะไรได้ จะไปขายตัวให้ผู้ชายรึไง”



                “แม่!”



                “ถ้าแกไม่เป็นเกย์ เขาก็คงไม่รังเกียจแกขนาดนี้หรอก รู้ตัวไหมว่าชีวิตฉันลำบากแค่ไหนตั้งแต่แกเกิดมา”



                      “.........”



                “เพราะฉันต้องรับผิดชอบแกไม่ใช่รึไง ถึงต้องบากหน้าไปยืมเงินเขา ถ้ารู้ว่าแกจะกลายเป็นพวกผิดปกติแบบนี้ ฉันคงเลือกอนาคตตัวเองแทนที่จะให้แกเกิดมา”



                ผมรู้สึกเหมือนกำลังจมน้ำ หายใจติดขัด แผลที่เคยเจ็บมันชาจนไม่รู้สึกอะไร ไม่ใช่ครั้งแรกที่ได้ยิน และผมเสียใจทุกครั้งที่แม่พูดมันออกมา



                     บอกไม่ถูกเหมือนกัน



                แต่มันโคตรเสียใจเลย ที่เพื่อนคอยอยู่ข้างตัวผม ยอมรับตัวผม มากกว่าครอบครัวของผมเอง



                “อิณมีเงินเก็บ อิณจะทำงาน แม่ไม่ต้องลำบากส่งอิณแล้ว พรุ่งนี้อิณคงไม่ได้อยู่ช่วยนะ ฝากขอโทษลุงอิทด้วยแล้วกัน”



                ผมทิ้งไว้แค่นั้นก่อนลุกแล้วคว้ากระเป๋า เดินออกมา ไม่ได้สนใจเสียงลุงอิทที่กำลังยืนทะเลาะกับพีท โดยมีป้าพินยืนห้ามอยู่ ไม่ได้สนใจเสียงด่าทอที่ตะโกนตามมา ไม่ได้สนใจว่าแม่ทำหน้ายังไงตอนที่ผมพูดแบบนั้นออกไป



                ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองทำถูกไหม แต่คิดว่าพวกเขาคงไม่เดือดร้อนหรือสนใจอะไร  กับการที่ผมเดินออกมา หรือแม้กระทั่งผมหายไป ผมยัดความรู้สึกทุกอย่างที่เอ่อล้นไว้ในใจ ผมเสียใจมากนะ แต่ก็ไม่รู้สึกอยากจะร้องไห้ บางทีผมอาจจะชินแล้ว



                ผมยังคงเดินไปเรื่อยๆดึกป่านนี้รถตู้คงหมดแล้ว ไม่ต้องถามถึงรถเมล์ ถ้าอาร์มมันอยู่ผมก็คงโทรให้มันมารับ แต่นี่มันอยู่เชียงใหม่ ผมไม่อยากโทรหาก่อเกียรติ เพราะมันคงรีบขึ้นแท็กซี่มาผม และผมไม่อยากให้มันนั่งมาคนเดียว ที่นี่ก็ไม่ใช่ใกล้ๆ



ผมนั่งรอที่ป้ายรถเมลล์อาจจะโชคดีเจอแท็กซี่สักคัน แต่สำหรับที่นี่ แท็กซี่เป็นอะไรที่ค่อนข้างแรร์ไอเทม



                ผมเลื่อนเบอร์โทรในมือถือ จนหยุดอยู่ที่ชื่อพี่ไทม์



                ‘คุณเวลา’



                เป็นชื่อที่ผมเมมเอาไว้ในโทรศัพท์ ตั้งแต่วันนั้น เราก็คุยกันตลอด พี่มันมารับมาส่ง มากินข้าวเย็นด้วย แทบจะทุกวันเลยก็ว่าได้



                ผมไม่ได้สนใจว่าตัวเองจะชอบเพศไหน ผมไม่สนว่าคนจะมองว่าการที่ผู้ชายรักกัน ชอบกันเป็นเรื่องผิดปกติ มันก็แค่คนสองคนที่มีความรู้สึกดี ความหวังดีให้กัน มันยากนะครับการที่เราจะเจอใครสักคนที่ทำให้เรารู้สึก  1 ในกี่พันล้านคนบนโลก ทำไมผมต้องปล่อยเขาไปเพียงเพราะ คนอื่นมองว่ามันผิดปกติ



                ผมไม่สนว่าที่บ้านจะมองยังไง ผมไม่สนว่าแม่จะยอมรับในตัวผมไม่ได้ สุดท้ายแล้วครอบครัวก็ไม่ได้อยู่ข้างผมอยู่ดี ผมจะพยายามเปลี่ยนเพื่อพวกเขาไปทำไม ทั้งที่ผมก็ยังเป็นผมคนเดิม ผมยังรักแม่ ผมไม่ได้ทำร้ายใคร



                ตอนที่ผมรู้ว่าตัวเองชอบพี่ไทม์ ผมกังวลว่าเขาจะรับไม่ได้กับตัวผม กับความคิด กับครอบครัวของผม เลยตัดสินใจยืดเวลาออกไป อย่างน้อยก็ให้เขาได้เรียนรู้อีกนิด และผมหวังจริงๆว่าสามอาทิตย์จะเพียงพอให้เขายอมรับในตัวผม



                จะตีหนึ่งแล้ว พี่ไทม์ไลน์บอกผมตั้งแต่ห้าทุ่มว่า ฝันดี ป่านนี้คงนอนไปแล้ว พี่มันทำรายงานหนักมาหลายวัน ไม่แปลกที่วันนี้จะนอนเร็ว ปกติเวลานี้คือตีดอทกันอยู่



บรรยากาศที่ป้ายรถเมล์ถือว่าหลอนใช้ได้ รอบข้างผมมืดสนิท มีแสงแค่จากเสาไฟและบ้านข้างๆ  บนถนนไม่มีผู้คนหรือรถสักคัน แย่กว่าเดิมตรงที่ ฝั่งตรงข้ามมันเป็นนาข้าว ที่โคตรมืด



                และเสือกมีจอมปลวก ผมก็ดันเสือกไปจำได้อีกว่าเคยฟังวิทยุรายการผี เป็นฉากตอนที่เล่าว่าเห็นจอมปลวกเป็นคน แล้วแม่งวิ่งมาหา



                     เชี่ยย



                ความจำดีอะไรตอนนี้วะ



                จากที่ลังเลว่าจะโทรหาพี่ไทม์ ผมว่าผมไม่แน่ใจแล้ว ไลน์ไปก่อนแล้วกัน พี่มันคงงงเพราะปกติคนที่จะถามนู่นนี่นั่นคือพี่มัน ส่วนผมหรอ กลายเป็นคนวางเฉย  เก็บแต้มความเขินอยู่ นี่น่าจะเอาไปแลกซื้อไอโฟนสิบได้ละ



 

InIn

            พี่ไทม์ นอนยังอะ




 

                ผมเกรงใจมันจริงๆนะ  แต่ผมหลอนว่ะ พยายามไม่มองจอมปลวกแล้วอะ แต่คือ ก็มองอยู่ดี ถ้ามันขยับนี่ผม ว่าผมกรี๊ดแน่ๆ



                เร็วเกินคาด พี่ไทม์แม่งตอบกลับมาเฉยเลย ผมไม่คิดว่ามันจะตอบนะเอาจริงๆ กะแบบถ้าอีกสิบนาทีไม่ตอบกุจะโทร แล้วนะ ถ้ามันงัวเงียมาด่าก็บอก ผมไลน์ไปแล้วพี่ไม่ตอบอะ



 

Time_Hatsawat

            พี่ลุกมาเข้าห้องน้ำ เรายังไม่นอนอีกหรอ

                มีอะไรหรือเปล่า?




 

                ยังไม่ทันได้พิมพ์ตอบ  โทรศัพท์ก็สั่นขึ้นมาซะก่อน ผมอมยิ้มก่อนจะกดรับสาย

 

                “ทำไมยังไม่นอน” เสียงงัวเงียที่พยายามทำจริงจัง ทำเอาผมหยุดยิ้มไม่ได้ แค่ได้ยินเสียงพี่มันผมก็ลืมจอมปลวกสยองขวัญไปแล้ว



                “พี่ปวดขี้ใช่ไหม ถึงได้ตื่นมาดึกดื่น” ผมถามเสียงกลั้วหัวเราะ



                “เปล่าครับ พี่คิดถึงน้องหมวยจนนอนไม่หลับตั้งหาก”



                “โม้ว่ะ เมื่อกี้บอกเข้าห้องน้ำ”



                “มีอะไรรึเปล่า จู่ๆทักพี่มาดึกดื่น พึ่งเก็บร้านเสร็จหรอ”



                “ไม่มีอะไร ก็แค่....”



                “.....”



                “ถามดู เผื่อพี่ยังไม่นอน ผมยังไม่ได้บอกฝันดี”



                ตอนแรกจะบอกว่าคิดถึง แต่ผมรู้สึกเขินเกินไป เราคุยกันเยอะขึ้นบ่อยขึ้นก็จริง แต่ผมก็ยังไม่ชินกับเสียงหล่อๆนี่สักที



                ผมมองรถสองคัน ที่ขับผ่านไประหว่างรอพี่มันตอบ จอมปลวกยังไม่ขยับ ถือว่าสถานการณ์ยังปกติดี



แล้วผมก็รู้สึกเกรงใจเกินกว่าจะบอกว่าอยากให้มารับ พี่มันพึ่งตื่น แล้วก็เหนื่อยสะสมมาหลายวัน ผมไม่อยากให้มันเหนื่อยไปกว่านี้อะ  มันควรจะได้พัก  จริงๆผมไม่ควรทักพี่มันไปเลยวะ



                แต่ดูเหมือนจะไม่ทัน



                “ทำไมมีเสียงรถ ไม่ได้อยู่ในบ้านหรอ?” เสือกฉลาดอีก



                     “ ไม่ใช่คือว่า....”



                “ว่า? น้องหมวยครับ ถ้าโกหกพี่โกรธนะ” ไม่ได้ให้ตัวเลือกใดๆแก่ตัวข้าเลย



                “ผมไม่ได้อยู่ในบ้าน ไม่ได้โกหกจริงๆนะ ห้ามโกรธนะ” กูแค่บอกไม่หมด



                “แล้วอยู่ไหนครับ?” พี่มันทำน้ำเสียงจริงจัง ไม่มีความงัวเงียแฝงอยู่



                “ผมอยู่ป้ายรถเมล์ ผมขอโทษครับ ที่ทักพี่ไปดึกๆดื่นๆ”



                “....”



                “แต่ว่า”



                “พูดมา”



                “พี่มารับผมได้ไหมครับ ผมไม่รู้จะโทรหาใครแล้วจริงๆ”



                ไม่มีเสียงตอบจากปลายสายในทันที จนผมรู้สึกใจเสีย ผมอาจจะขอมากไป บางทีผมควรจะนั่งรอจนกว่าแท็กซี่สักคันจะผ่านมา หรือไม่ก็รอรถเมล์รอบแรกตอนตี 4



                “แถวนั้นมืดรึเปล่า มีเซเว่น หรือร้านค้าเปิดอยู่ไหมครับ”



                “มืดครับ ร้านค้าไม่มี มีแค่บ้านไม่กี่หลัง กับนาข้าวแล้วก็จอมปลวก”



                “.....” พี่มันเงียบไปนาน จนผมรู้สึกกลัว พี่มันจะไม่มาจริงๆหรอวะ



                “.....”





                “ฟังพี่นะครับ ส่งโลเคชั่นมาให้พี่ พี่แต่งตัวเสร็จแล้วกำลังออกไป”





                “......”





                “รอตรงนั้นนะครับ ห้ามไปไหน”





                “.....”







                “พี่กำลังไปหา”

 

 

 

 

 

 











เราขอโทษษษษษ ที่หายไปนานเลยย

สอบไฟนอลเสร็จ เราก็ไปค่ายธรรมมะมาอีกอาทิตย์นึงเต็มๆ

แต่ตอนนี้ 555555555 อยากจะหัวเราะจนถึงดาวเสาร์

เราฟรีดอมแล้วค่ะ ปิดเทอมเป็นของเรา

ก็อย่างที่บอกไว้ค่ะ ว่าตอนนี้เราจะเฉลยเรื่องของน้อง

แล้วก็เรื่องผีที่เห็นจอมปลวกวิ่งมานี่น่ากลัวจริงๆนะคะ เผื่อใครชอบอยากให้ลองฟังกันดู

เราหวังว่าทุกคนจะชอบนะคะ ยังไงก็ติชมกันได้นะคะ เราจะนำไปปรับปรุงค่ะ

ขอบคุณทุกๆคอมเม้นทุกๆกำลังใจ ทุกๆการอ่านนะคะ♥



               

         

                 

               

 
หัวข้อ: Re: ็Hello there ว่าไงน้องหมวย (น้องหมวยบทที่ 8 08/05/2561)
เริ่มหัวข้อโดย: Girin ที่ 04-06-2018 23:34:00
น้องหมวยบทที่ 9
             




              “แม่หวัดดีครับ”



                “มาแล้วหรอ ไปช่วยยกของในครัวหน่อยไป”



                “ครับแม่”



                บ้านของผมเป็นร้านอาหาร ถือเป็นร้านขึ้นชื่อในจังหวัด หลังจากพ่อกับแม่ผมแยกทางกัน ผมก็อยู่กับแม่และส่วนพ่อ เขาไม่ติดต่อกลับมาอีกเลย ร้านอาหารเป็นร้านของลุงอิท พี่ชายของแม่กับป้าพิน แฟนของลุงอิท ลุงมีลูกชายคนนึง อายุน้อยกว่าผมปีนึง ชื่อ พีท



                เพราะร้านอาหารค่อนข้างเป็นที่รู้จัก คนเลยแน่นแทบทุกคน โดยเฉพาะเสาร์อาทิตย์ ซึ่งร้านจะปิดในวันจันทร์ หน้าที่ของผมคือเป็นแทบทุกตำแหน่งในร้านยกเว้นพ่อครัว เป็นทุกอย่างจริงๆครับ ตั้งแต่ล้างชามยันทำบัญชี ผมเป็นคนมีความสามารถเห็นไหมครับ



                ผมวางกระเป๋าแล้วเดินเข้ามาในครัวที่กำลังวุ่นวายได้ที่ ช่วยยกนู่นนี่นั่น แทบไม่มีใครสังเกตเห็นว่าผมเดินเข้ามา ยกของเสร็จผมก็ใส่ผ้ากันเปื้อน ยกอาหารไปเสิร์ฟที่โต๊ะ พออีกโต๊ะเรียกคิดเงิน ผมก็เดินไปเช็คบิล พอคนล้างจานเข้าห้องน้ำ ผมก็เข้าไปล้างแทน เรียกได้ว่าเป็นทุกอย่างให้เธอแล้ว



                แต่มันก็สนุกดีนะครับ



                จะไม่สนุกก็ตรงที่.....





                “อาหารจานนั้นมันไหม้แกเห็นไหม ยกไปเสิร์ฟได้ยังไง”



                “ขอโทษครับป้า อิณไม่ทันได้ดู”



                “เลี้ยงเสียข้าวสุกจริงๆนะแก ทำงานให้คุ้มกับเงินที่แกผลาญหน่อย”



                ป้าพินจะประจำอยู่ในครัว คอยดูแลเรื่องของอาหาร ใช่ครับ เขาไม่ค่อยชอบผมเท่าไหร่ ไม่มีหรอกครับแบบว่า ยินดีต้อนรับกลับบ้านนะอิณ และผมชินกับมันแล้ว



                “ล้างจานเสร็จแล้วไปยกของลงจากรถด้วย”



                “ครับ”



                แม่ผมจะทำงานอยู่ที่เคาน์เตอร์หน้าร้าน ส่วนลุงอิทจะอยู่ที่ชั้นสอง คอยสั่งของ โทรเช็คของ ก็งานเจ้าของร้านน่ะครับ ป้าพินแกทำอาหารเก่งแกเลยต้องคอยประจำในครัว ส่วนลูกชายแก เสาร์อาทิตย์ก็ไปเรียนพิเศษตามสไตล์เด็กมอหกนั่นแหละครับ



                เพราะเสาร์อาทิตย์นี้ลูกจ้างลา 2 คน แม่ผมถึงได้โทรตามให้มาช่วยที่ร้าน ผมทำงานจนร้านปิด ก็ประมาณสี่ทุ่มกว่าๆ กว่าจะเก็บร้าน ทำความสะอาด ทำบัญชีก็ประมาณเที่ยงคืน พีทกลับมาพอดี ตอนที่ผมนั่งทำบัญชี



                “ทำไมพึ่งกลับพีท แม่โทรหาตั้งกี่สาย! ทำไมไม่รับโทรศัพท์”



                “พีทเปิดสั่นไว้ไงแม่ พีทก็กลับมาแล้วนี่ไง จะอะไรนักหนา!”



                 “ขึ้นเสียงกับแม่หรอพีท!”



                ช่วงนี้ พีทมันกลับบ้านดึกบ่อย ผมเองก็ไม่ได้สนิทอะไรกับน้องมันขนาดนั้น แต่ผมก็พอเข้าใจ ลุงกับป้ากดดันมันหนักกับเรื่องมหาลัย บังคับเรียนพิเศษตลอด ผมก็ไม่แปลกใจหรอก ถ้าน้องมันจะหนีเที่ยวบ้าง กลับบ้านดึกดื่น เรียนที่โรงเรียนก็หนักพอแล้ว นี่วันหยุดยังต้องตื่นเช้าไปเรียนพิเศษอีก



                ผมเองก็เคยเป็น แต่ผมอยู่คนเดียวไง กลับกี่โมงก็ได้



                ผมก็สงสารมันอยู่หรอกนะ ถ้าไม่ติดว่าไอ้เด็กโข่งที่ตัวใหญ่กว่าผม คือคนที่ทำให้ผมเดือดร้อน



                “เอะอะอะไรกัน”



                “คุณ! ไม่มีอะไร คุณขึ้นไปทำงานต่อเถอะ” ป้าพินรีบห้ามลุงอิทที่จะเข้าร่วมวง เพราะแกเป็นคนหัวร้อนง่าย แต่ลงยาก



                “นี่แกกลับบ้านดึกอีกแล้วเหรอหะ  นี่ไม่ได้ไปเรียนพิเศษอีกแล้วใช่ไหม!”



                “พ่อกับแม่จะอะไรกับพีทนักหนา พีทก็กลับมาแล้วนี่ไง จะเอาอะไรอีก”



                “ฉันโทรไปเช็คที่สอนพิเศษมาเมื่อวาน  เขาบอกว่าแกขาดเรียน มาเดือนนึงแล้ว ฉันส่งเสียให้แกเรียน อยากให้แกเข้ามหาลัยดีๆ ทำไมแกชอบทำตัวเหลวไหล”



                “พีทก็แค่ไปเที่ยวกับเพื่อน”



                “ทำไมทำตัวแบบนี้! ฉันไม่เคยสอนให้แกทำตัวเหมือนไอ้ตุ๊ดนั่น”



                ลุงอิทตะคอกเสียงดังแล้วหันมามองหน้าผม ผมมาอยู่ที่นี่ตั้งแต่ม.สาม การทนอยู่ที่นี่ไม่ได้แย่อะไรมาก พวกเขาไม่ค่อยได้สนใจผม ไม่ใช่ครอบครัวสุขสันต์ ออกจะต่างคนต่างอยู่มากกว่า



                พีทกับผมอยู่โรงเรียนเดียวกัน และเหตุผลที่ผมเลือกจะย้ายออกไปอยู่คนเดียว เป็นเพราะผมมีแฟนคนแรกเป็นผู้ชาย ผมไม่เคยมองว่ามันเป็นเรื่องใหญ่ และคิดว่าแม่ของผมกับคนอื่นก็คงไม่ได้ว่าหรือสนใจอะไร



                แต่มันก็ผิดไปจากที่ผมคิดไว้  พีทเอาเรื่องนี้ไปฟ้องป้าพิน และในวันนั้นที่ผมกลับบ้าน แม่ผมร้องไห้ ลุงกับป้าพวกเขาทำท่าทางรังเกียจ อะไรที่มันไม่ได้ดีมาตั้งแต่ต้น กลายเป็นว่ามันแย่กว่าเดิม แม่ไม่โอเคกับสิ่งที่ผมเป็น ผมเห็นชัดว่าเขาผิดหวัง



                มันจะไม่เป็นไรเลยถ้าอย่างน้อยครอบครัวยังเข้าใจคุณ





                แต่มันไม่ใช่





                ไม่ใช่ทุกครอบครัวที่พร้อมอยู่ข้างคุณ



                ผมรู้สึกผิดเกินกว่าจะคบต่อ สุดท้ายก็เลิกกัน ผมเกเรไปพักนึงเลย พอตั้งหลักได้ ผมก็ตั้งใจสอบให้ได้โรงเรียนม.ปลาย ที่มันไกลๆ ยังดีที่มันเป็นโรงเรียนดัง สอบเข้ายาก แม่เลยให้ผมย้ายออกมาอยู่คนเดียว



                ผมยังเข้ามาช่วยงานที่ร้านอยู่เรื่อยๆ อย่างน้อยแม่ก็ทำงานที่นี่ ส่งเสียผมเรียน ผมก็ทำตามหน้าที่ แต่ดูเหมือนยังไงเขาก็ตัดสินผมไปแล้ว



                สิ่งที่ผมเสียใจคือ แม่เองก็ตัดสินผมและขอให้ผมเปลี่ยนเหมือนกัน



                พ่อกับแม่ผมรีบไปหน่อยตอนมีผม พวกเขายังเรียนไม่จบ ปัญหาเลยกลายเป็นว่าผมคือความผิดพลาด มันอาจเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ว่าทำไมในตอนนี้เขารับไม่ได้กับสิ่งที่ผมเป็น ซึ่งผมโทษเขาไม่ได้ในเรื่องนี้



                ผมกลายเป็นคนผิด



                โดยที่ผมไม่รู้ว่าตัวเองผิดอะไร





                “พี่อิทพอเหอะ พีทมันยังเด็ก ให้มันไปเที่ยวเล่นบ้างเถอะพี่”



                “ฉันไม่ยอมให้พีทมันทำตัวเหมือนลูกแกหรอกนะ เพราะมันไม่ใช่รึไง แกถึงต้องเอาเงินเดือนตัวเองส่งเสียมันจนทุกวันนี้ เป็นไงละ สุดท้ายก็ต้องแบกหน้ามายืมฉัน เพราะเงินไม่พอ หึ”



                     “พี่จะขุดเรื่องเก่าให้มันได้อะไรขึ้นมา!”



                “แล้วแกจะทำไม! เพราะไอ้ตุ๊ดลูกแก ลูกฉันถึงได้เหลวไหล”



                “พี่จะมาโทษอิณมันได้ยังไง”



                “แม่ ใจเย็นก่อน”



                ผมบอกแม่ตัวเอง ผมรู้ว่าเถียงยังไงก็ไม่ชนะ การที่พีทกลับดึกเพราะไปเที่ยวกับเพื่อน มันไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับผมเลย ผมไม่เข้าใจจริงๆว่า ลุงเขาคิดแบบนั้นได้ยังไง



                “ไอ้เด็กเวร อย่ามาแส่!”



                ผมถูกผลักอย่างแรงจนกระเด็น ไหล่ของผมถูกกระแทก ผมรู้สึกร้าวไปทั้งตัว แผลเก่ายังไม่ทันหาย มันเป็นแบบนี้มาสักพักแล้ว โมโหทีไรก็ใช้กำลังทุกที และยิ่งช่วงนี้ทะเลาะกับพีทบ่อยๆจนบางครั้งก็ถึงขั้นต่อยลูกชายตัวเอง หลายครั้งที่ผมคือคนห้าม แต่ซวยเอง



                หาเรื่องใส่ตัวชัดๆ แต่ทำไงได้ ผมเป็นพี่ จะให้ผมทนดูน้องมันโดนพ่อตัวเองทำร้ายได้ไง เรื่องของสองพ่อลูกมันเป็นแบบนี้มาสักพักแล้ว แต่ก่อนลุงแกไม่ได้เกรี้ยวกราดขนาดนี้  มันพึ่งเป็นช่วงที่พีทมันทำตัวเหลวไหล แต่ก่อนอย่างมากก็ตะคอกใส่กัน



                “พ่ออย่าพาลดิ!” พีทเอาตัวมาขวางลุงอิท ที่ทำท่าจะพุ่งเข้าใส่ผมอีก



                “แกนั่นแหละ จะทำตัวแบบนี้อีกนานไหม”



                “พ่อ นี่ชีวิตพีทนะ พีทโตแล้ว”



                แม่ผมเดินมาดูผมที่ยังนั่งมึนอยู่ รู้สึกชาที่ไหล่ นี่ถ้าช้ำเพิ่ม ผมคงต้องโดนพี่ไทม์ดุอีกแน่ๆ



                “เจ็บรึเปล่าอิณ”



                “อิณไม่เป็นไร”



                “ขึ้นไปข้างบนไป”



                “แม่ แม่ติดเงินลุงอยู่เท่าไหร่ ทำไมไม่บอกอิณ”



                “มันไม่เกี่ยวกับแก”



                “ก็แม่ยืมเขามาจ่ายค่าเทอมอิณไม่ใช่รึไง”



                “แกจะถามทำไม มีปัญญาเอามาคืนเหรอหะ”  แม่พูดกลับผมด้วยน้ำเสียงจริงจัง



                “งั้นแม่ไม่ต้องส่งเงินให้อิณแล้ว ค่าเทอมกับค่าอยู่เดี๋ยวอินจ่ายเอง”  ที่จริงผมคิดเรื่องนี้มานานแล้ว ตั้งแต่ตอนม.ปลาย แต่มันไม่สะดวก และอายุผมไม่ถึง งานพาร์ทไทม์แถวโรงเรียนก็ไม่ค่อยมี ม.หก นี่อย่าหวัง ชีวิตวุ่นวายไปหมดกับเรื่องมหาลัย



                ผมมีเงินเก็บช่วงที่ทำงานตอนปิดเทอมก่อนขึ้นมหาลัยอยู่บ้าง ผมสามารถอยู่ได้สบายระหว่างหางานใหม่



                ผมไม่ให้แม่เดือดร้อน ผมไม่อยากเป็นหนี้บุญคุณกับครอบครัวของพี่ชายแม่อีก



                “ส่วนหนี้ของลุง อิณใช้ให้เอง”



                “อย่างแกเนี่ยนะ จะมีปัญญาหาเลี้ยงตัวเอง แกจะไปทำอะไรได้ จะไปขายตัวให้ผู้ชายรึไง”



                “แม่!”



                “ถ้าแกไม่เป็นเกย์ เขาก็คงไม่รังเกียจแกขนาดนี้หรอก รู้ตัวไหมว่าชีวิตฉันลำบากแค่ไหนตั้งแต่แกเกิดมา”



                      “.........”



                “เพราะฉันต้องรับผิดชอบแกไม่ใช่รึไง ถึงต้องบากหน้าไปยืมเงินเขา ถ้ารู้ว่าแกจะกลายเป็นพวกผิดปกติแบบนี้ ฉันคงเลือกอนาคตตัวเองแทนที่จะให้แกเกิดมา”



                ผมรู้สึกเหมือนกำลังจมน้ำ หายใจติดขัด แผลที่เคยเจ็บมันชาจนไม่รู้สึกอะไร ไม่ใช่ครั้งแรกที่ได้ยิน และผมเสียใจทุกครั้งที่แม่พูดมันออกมา



                     บอกไม่ถูกเหมือนกัน



                แต่มันโคตรเสียใจเลย ที่เพื่อนคอยอยู่ข้างตัวผม ยอมรับตัวผม มากกว่าครอบครัวของผมเอง



                “อิณมีเงินเก็บ อิณจะทำงาน แม่ไม่ต้องลำบากส่งอิณแล้ว พรุ่งนี้อิณคงไม่ได้อยู่ช่วยนะ ฝากขอโทษลุงอิทด้วยแล้วกัน”



                ผมทิ้งไว้แค่นั้นก่อนลุกแล้วคว้ากระเป๋า เดินออกมา ไม่ได้สนใจเสียงลุงอิทที่กำลังยืนทะเลาะกับพีท โดยมีป้าพินยืนห้ามอยู่ ไม่ได้สนใจเสียงด่าทอที่ตะโกนตามมา ไม่ได้สนใจว่าแม่ทำหน้ายังไงตอนที่ผมพูดแบบนั้นออกไป



                ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองทำถูกไหม แต่คิดว่าพวกเขาคงไม่เดือดร้อนหรือสนใจอะไร  กับการที่ผมเดินออกมา หรือแม้กระทั่งผมหายไป ผมยัดความรู้สึกทุกอย่างที่เอ่อล้นไว้ในใจ ผมเสียใจมากนะ แต่ก็ไม่รู้สึกอยากจะร้องไห้ บางทีผมอาจจะชินแล้ว



                ผมยังคงเดินไปเรื่อยๆดึกป่านนี้รถตู้คงหมดแล้ว ไม่ต้องถามถึงรถเมล์ ถ้าอาร์มมันอยู่ผมก็คงโทรให้มันมารับ แต่นี่มันอยู่เชียงใหม่ ผมไม่อยากโทรหาก่อเกียรติ เพราะมันคงรีบขึ้นแท็กซี่มาผม และผมไม่อยากให้มันนั่งมาคนเดียว ที่นี่ก็ไม่ใช่ใกล้ๆ



ผมนั่งรอที่ป้ายรถเมลล์อาจจะโชคดีเจอแท็กซี่สักคัน แต่สำหรับที่นี่ แท็กซี่เป็นอะไรที่ค่อนข้างแรร์ไอเทม



                ผมเลื่อนเบอร์โทรในมือถือ จนหยุดอยู่ที่ชื่อพี่ไทม์



                ‘คุณเวลา’



                เป็นชื่อที่ผมเมมเอาไว้ในโทรศัพท์ ตั้งแต่วันนั้น เราก็คุยกันตลอด พี่มันมารับมาส่ง มากินข้าวเย็นด้วย แทบจะทุกวันเลยก็ว่าได้



                ผมไม่ได้สนใจว่าตัวเองจะชอบเพศไหน ผมไม่สนว่าคนจะมองว่าการที่ผู้ชายรักกัน ชอบกันเป็นเรื่องผิดปกติ มันก็แค่คนสองคนที่มีความรู้สึกดี ความหวังดีให้กัน มันยากนะครับการที่เราจะเจอใครสักคนที่ทำให้เรารู้สึก  1 ในกี่พันล้านคนบนโลก ทำไมผมต้องปล่อยเขาไปเพียงเพราะ คนอื่นมองว่ามันผิดปกติ



                ผมไม่สนว่าที่บ้านจะมองยังไง ผมไม่สนว่าแม่จะยอมรับในตัวผมไม่ได้ สุดท้ายแล้วครอบครัวก็ไม่ได้อยู่ข้างผมอยู่ดี ผมจะพยายามเปลี่ยนเพื่อพวกเขาไปทำไม ทั้งที่ผมก็ยังเป็นผมคนเดิม ผมยังรักแม่ ผมไม่ได้ทำร้ายใคร



                ตอนที่ผมรู้ว่าตัวเองชอบพี่ไทม์ ผมกังวลว่าเขาจะรับไม่ได้กับตัวผม กับความคิด กับครอบครัวของผม เลยตัดสินใจยืดเวลาออกไป อย่างน้อยก็ให้เขาได้เรียนรู้อีกนิด และผมหวังจริงๆว่าสามอาทิตย์จะเพียงพอให้เขายอมรับในตัวผม



                จะตีหนึ่งแล้ว พี่ไทม์ไลน์บอกผมตั้งแต่ห้าทุ่มว่า ฝันดี ป่านนี้คงนอนไปแล้ว พี่มันทำรายงานหนักมาหลายวัน ไม่แปลกที่วันนี้จะนอนเร็ว ปกติเวลานี้คือตีดอทกันอยู่



บรรยากาศที่ป้ายรถเมล์ถือว่าหลอนใช้ได้ รอบข้างผมมืดสนิท มีแสงแค่จากเสาไฟและบ้านข้างๆ  บนถนนไม่มีผู้คนหรือรถสักคัน แย่กว่าเดิมตรงที่ ฝั่งตรงข้ามมันเป็นนาข้าว ที่โคตรมืด



                และเสือกมีจอมปลวก ผมก็ดันเสือกไปจำได้อีกว่าเคยฟังวิทยุรายการผี เป็นฉากตอนที่เล่าว่าเห็นจอมปลวกเป็นคน แล้วแม่งวิ่งมาหา



                     เชี่ยย



                ความจำดีอะไรตอนนี้วะ



                จากที่ลังเลว่าจะโทรหาพี่ไทม์ ผมว่าผมไม่แน่ใจแล้ว ไลน์ไปก่อนแล้วกัน พี่มันคงงงเพราะปกติคนที่จะถามนู่นนี่นั่นคือพี่มัน ส่วนผมหรอ กลายเป็นคนวางเฉย  เก็บแต้มความเขินอยู่ นี่น่าจะเอาไปแลกซื้อไอโฟนสิบได้ละ



 

InIn

            พี่ไทม์ นอนยังอะ




 

                ผมเกรงใจมันจริงๆนะ  แต่ผมหลอนว่ะ พยายามไม่มองจอมปลวกแล้วอะ แต่คือ ก็มองอยู่ดี ถ้ามันขยับนี่ผม ว่าผมกรี๊ดแน่ๆ



                เร็วเกินคาด พี่ไทม์แม่งตอบกลับมาเฉยเลย ผมไม่คิดว่ามันจะตอบนะเอาจริงๆ กะแบบถ้าอีกสิบนาทีไม่ตอบกุจะโทร แล้วนะ ถ้ามันงัวเงียมาด่าก็บอก ผมไลน์ไปแล้วพี่ไม่ตอบอะ



 

Time_Hatsawat

            พี่ลุกมาเข้าห้องน้ำ เรายังไม่นอนอีกหรอ

                มีอะไรหรือเปล่า?




 

                ยังไม่ทันได้พิมพ์ตอบ  โทรศัพท์ก็สั่นขึ้นมาซะก่อน ผมอมยิ้มก่อนจะกดรับสาย

 

                “ทำไมยังไม่นอน” เสียงงัวเงียที่พยายามทำจริงจัง ทำเอาผมหยุดยิ้มไม่ได้ แค่ได้ยินเสียงพี่มันผมก็ลืมจอมปลวกสยองขวัญไปแล้ว



                “พี่ปวดขี้ใช่ไหม ถึงได้ตื่นมาดึกดื่น” ผมถามเสียงกลั้วหัวเราะ



                “เปล่าครับ พี่คิดถึงน้องหมวยจนนอนไม่หลับตั้งหาก”



                “โม้ว่ะ เมื่อกี้บอกเข้าห้องน้ำ”



                “มีอะไรรึเปล่า จู่ๆทักพี่มาดึกดื่น พึ่งเก็บร้านเสร็จหรอ”



                “ไม่มีอะไร ก็แค่....”



                “.....”



                “ถามดู เผื่อพี่ยังไม่นอน ผมยังไม่ได้บอกฝันดี”



                ตอนแรกจะบอกว่าคิดถึง แต่ผมรู้สึกเขินเกินไป เราคุยกันเยอะขึ้นบ่อยขึ้นก็จริง แต่ผมก็ยังไม่ชินกับเสียงหล่อๆนี่สักที



                ผมมองรถสองคัน ที่ขับผ่านไประหว่างรอพี่มันตอบ จอมปลวกยังไม่ขยับ ถือว่าสถานการณ์ยังปกติดี



แล้วผมก็รู้สึกเกรงใจเกินกว่าจะบอกว่าอยากให้มารับ พี่มันพึ่งตื่น แล้วก็เหนื่อยสะสมมาหลายวัน ผมไม่อยากให้มันเหนื่อยไปกว่านี้อะ  มันควรจะได้พัก  จริงๆผมไม่ควรทักพี่มันไปเลยวะ



                แต่ดูเหมือนจะไม่ทัน



                “ทำไมมีเสียงรถ ไม่ได้อยู่ในบ้านหรอ?” เสือกฉลาดอีก



                     “ ไม่ใช่คือว่า....”



                “ว่า? น้องหมวยครับ ถ้าโกหกพี่โกรธนะ” ไม่ได้ให้ตัวเลือกใดๆแก่ตัวข้าเลย



                “ผมไม่ได้อยู่ในบ้าน ไม่ได้โกหกจริงๆนะ ห้ามโกรธนะ” กูแค่บอกไม่หมด



                “แล้วอยู่ไหนครับ?” พี่มันทำน้ำเสียงจริงจัง ไม่มีความงัวเงียแฝงอยู่



                “ผมอยู่ป้ายรถเมล์ ผมขอโทษครับ ที่ทักพี่ไปดึกๆดื่นๆ”



                “....”



                “แต่ว่า”



                “พูดมา”



                “พี่มารับผมได้ไหมครับ ผมไม่รู้จะโทรหาใครแล้วจริงๆ”



                ไม่มีเสียงตอบจากปลายสายในทันที จนผมรู้สึกใจเสีย ผมอาจจะขอมากไป บางทีผมควรจะนั่งรอจนกว่าแท็กซี่สักคันจะผ่านมา หรือไม่ก็รอรถเมล์รอบแรกตอนตี 4



                “แถวนั้นมืดรึเปล่า มีเซเว่น หรือร้านค้าเปิดอยู่ไหมครับ”



                “มืดครับ ร้านค้าไม่มี มีแค่บ้านไม่กี่หลัง กับนาข้าวแล้วก็จอมปลวก”



                “.....” พี่มันเงียบไปนาน จนผมรู้สึกกลัว พี่มันจะไม่มาจริงๆหรอวะ



                “.....”





                “ฟังพี่นะครับ ส่งโลเคชั่นมาให้พี่ พี่แต่งตัวเสร็จแล้วกำลังออกไป”





                “......”





                “รอตรงนั้นนะครับ ห้ามไปไหน”





                “.....”







                “พี่กำลังไปหา”

 

 

 

 

 

 











เราขอโทษษษษษ ที่หายไปนานเลยย

สอบไฟนอลเสร็จ เราก็ไปค่ายธรรมมะมาอีกอาทิตย์นึงเต็มๆ

แต่ตอนนี้ 555555555 อยากจะหัวเราะจนถึงดาวเสาร์

เราฟรีดอมแล้วค่ะ ปิดเทอมเป็นของเรา

ก็อย่างที่บอกไว้ค่ะ ว่าตอนนี้เราจะเฉลยเรื่องของน้อง

แล้วก็เรื่องผีที่เห็นจอมปลวกวิ่งมานี่น่ากลัวจริงๆนะคะ เผื่อใครชอบอยากให้ลองฟังกันดู

เราหวังว่าทุกคนจะชอบนะคะ ยังไงก็ติชมกันได้นะคะ เราจะนำไปปรับปรุงค่ะ

ขอบคุณทุกๆคอมเม้นทุกๆกำลังใจ ทุกๆการอ่านนะคะ♥



               

         

                 

               

 
หัวข้อ: Re: ็Hello there ว่าไงน้องหมวย (น้องหมวยบทที่ 9 04/06/2561)
เริ่มหัวข้อโดย: ashbyipcet ที่ 05-06-2018 01:28:41
อิป้านี่มีปมกับเพศที่ 3 หรือเปล่า?
แลดูน่าโดนโบกให้พิการจริงๆ  :hao3:
สงสารหมวยมากลูกกกสู้ต่อไปนะลูกนะ  :katai4:
หัวข้อ: Re: ็Hello there ว่าไงน้องหมวย (น้องหมวยบทที่ 9 04/06/2561)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 05-06-2018 02:17:27
 :mew5: แต่ละคนอย่างเพลีย
หัวข้อ: Re: ็Hello there ว่าไงน้องหมวย (น้องหมวยบทที่ 9 04/06/2561)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 05-06-2018 07:13:03
อิณ น่าสงสาร   :mew2:
ครอบครัวแตกแยก
แม่ก็เห็นเป็นตัวปัญหาเกิดมาทำให้เขาลำบาก
แถมเรื่องชอบผู้ชายทั้งลุง ป้า แม่ รังเกียจกันหมด  :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
ที่ร่างกายมีรอยช้ำนี่ฝีมือลุงล้วนๆ
 :angry2:  ซ้อมหลาน เตะต่อยลูก เจริญละ ซักวันเป็นเรื่องแน่   :fire: :fire: :fire:
เป็นหัวหน้าหน้าครอบครัวที่ใช้ความรุนแรงตัดสินปัญหา
เข้าตำราเอาพละกำลังที่มากกว่ามาข่มขู่เพื่อสนับสนุนความคิดตัวเอง

แม่ก็ใช้คำพูดดูถูกเหยียดหยามลูกแท้ๆ
 การศึกษาไม่ได้ช่วยยกระดับความสูงของจิตใจ
พูดได้ไง  “อย่างแกเนี่ยนะ จะมีปัญญาหาเลี้ยงตัวเอง แกจะไปทำอะไรได้ จะไปขายตัวให้ผู้ชายรึไง”
มันสมควรไหมที่แม่จะพูดกับลูก    ทำร้ายจิตใจลูกตลอด
แม่แบบนี้ ถ้าลูกไม่อยากอยู่ด้วยก็เข้าใจ สนับสนุนด้วย

พี่ไทม์  ลูกอิณ  :กอด1: :กอด1: :กอด1: 
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

แปลกๆนะไรท์ ชื่อจริง  อินทกร น.หนู
แต่ชื่อเล่นทำไม  ลูกอิณ น.เณร
หัวข้อ: Re: ็Hello there ว่าไงน้องหมวย (น้องหมวยบทที่ 9 04/06/2561)
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 05-06-2018 10:38:52
 :mew2: :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: ็Hello there ว่าไงน้องหมวย (น้องหมวยบทที่ 9 04/06/2561)
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 05-06-2018 11:55:15
เกลียดอิป้ากับอิลุง
หัวข้อ: Re: ็Hello there ว่าไงน้องหมวย (น้องหมวยบทที่ 9 04/06/2561)
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 05-06-2018 15:07:32
 :L2: :pig4:

เศร้ากับครอบครัวนี้
หัวข้อ: Re: ็Hello there ว่าไงน้องหมวย (น้องหมวยบทที่ 9 04/06/2561)
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 05-06-2018 23:41:23
เฮ้อ~
หัวข้อ: Re: ็Hello there ว่าไงน้องหมวย (น้องหมวยบทที่ 9 04/06/2561)
เริ่มหัวข้อโดย: Girin ที่ 07-06-2018 23:49:20
น้องหมวยบทที่ 10


                คนปลายสายสั่งให้ผมถือสายรอไว้ตลอดห้ามวางจนกว่าเขาจะไปถึง และผมรู้สึกอุ่นใจจริงๆที่พี่มันทำอย่างนั้น หวาดหวั่นกลัวจอมปลวกจะขยับเหมือนที่เคยฟังมา แต่เสียงทุ้มของอีกฝ่ายก็เรียกความสนใจจากผมไว้ตลอด



                ความกลัวที่มันก่อตัวในใจ



                มันหายไปเพราะความห่วงใยของอีกคน



                ถ้าพี่มันจะหล่อและเป็นคนดีขนาดนี้นะ เอาใจกูไปเลยเถอะ



 

                “เงียบไป นี่พี่เหยียบมิดเลยใช่ไหม เบาเลยนะ เบาเดี๋ยวนี้เลย”



                “เบาแล้ว พี่แค่อยากถึงเร็วๆ”



                “ผมรอได้หน่า”



                    “......”

 

                    “......”



                ความเงียบในสายไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกอึดอัดอะไร แค่พี่มันรีบมาหานี่ ผมว่าผมก็สามารถตาสว่างอยู่ได้จนถึงเช้า เราผลัดกันเงียบ ผลัดกันคุย บางทีก็แค่เรียกอีกฝ่ายขึ้นมาเฉยๆ



                “ลูกอิณ”  และนี่น่าจะเป็นครั้งที่สองที่พี่มันเรียกชื่อผม ไม่ได้เรียกน้องหมวยเหมือนทุกที



                “ครับ”



                “คราวหน้า ถ้ามีปัญหาอะไร รีบโทรหาพี่รู้ไหม อย่าทำแบบนี้อีก พี่โกรธนะที่เรามานั่งที่มืดๆคนเดียว แล้วค่อยไลน์มาหาพี่ ใจเย็นกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง” ทำเสียงจริงจังซะกูรู้สึกผิดเลยพี่มึง



                “ครับ...”



                “ถ้าไม่โทรหาพี่ก็น่าจะโทรหาเพื่อน หรือไม่ก็หาที่รอที่มันคนเยอะๆ แถวบ้านเซเว่นเข้าไม่ถึงรึไงครับ”   มันเข้ามาสู่โหมดโหดได้ไงวะเนี่ย



                “.....”



                “แล้วดูสิเนี่ย บ้านเราก็ไม่ใช่ใกล้ๆ กว่าพี่จะไปถึง ถ้าเราเป็นอะไรขึ้นมา พี่จะทำยังไงครับ” การใส่ครับไม่ได้ทำให้รู้สึกซอฟต์ลงแต่อย่างใด



                “ขอโทษครับ ผมผิดเองที่หนีปัญหา เลยลำบากพี่ ทั้งที่พี่ก็เหนื่อยมาทั้งวัน”



                “ไม่ใช่อย่างนั้น พี่ไม่ได้ลำบาก น้องทำถูกแล้วที่คิดถึงพี่ แต่น้องใจเย็นเกินไป ถ้าพี่ไม่ตอบไลน์ จะทำยังไง น้องก็จะไม่โทรหาพี่ ถูกไหม” รู้ทันไปอีกกก



                “......” ไปไม่ถูกเลยกู



                “อย่าทำแบบนี้อีก ห่วงตัวเองหน่อย ตกลงไหม”



                “ตกลงครับ”



                “ไม่มีคราวหน้าแล้วนะ”



                “ไม่มีแล้วครับ ขอโทษครับ” เชื่องเป็นหมาเลยยยยยย เสียงเป็นหมาหงอยด้วยกูเนี่ย แต่เสียงพี่ไทม์ตอนเล่นบทโหดนี่เซ็กซี่ดีจริงๆเลย  หยุดเลย คนละเรื่องแล้วเว้ย!



                “ดีมาก มีคราวหน้า พี่จะทำโทษ บ้านก็ไม่ให้กลับด้วย”



                “คงไม่กลับอีกนานเลยละครับ คราวนี้”



                “.....”



                “.....”



                “พี่ใกล้ถึงแล้ว เรื่องนี้ไว้ค่อยคุยกัน อย่าคิดมาก”



                กลับไปผมก็ต้องไปคิดอีกว่าจะทำยังไงต่อ ไอ้ทำงานน่ะมันพูดง่าย แต่งานที่ไหนอะ แล้วต้องทำกี่งานวะ เงินมันถึงจะพอ ไม่เป็นไรอย่างน้อยผมก็ยังมีเงินเก็บ ยังมีเวลาตั้งตัว ค่อยๆแก้ปัญหากันไป ผมคิดพลางถอดแว่น แล้วขยี้ตา



                พอลืมตา  ผมก็เห็นแสงไฟหน้ารถ อยู่ไกลๆบนถนน และมันก็ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ผมเลยกดวางสาย



                ทันทีที่รถจอด ผมก็เปิดประตูขึ้นนั่งข้างคนขับทันที พี่ไทม์หันมามองผม เขาใส่เสื้อสีเทากับกางเกงขาสั้น ผมสีเข้มที่มักจะถูกเซ็ตขึ้นไป ปรกหน้าลงมาจนมันตัดกับหน้าขาวๆ  หน้าเด็กชะมัด



                “หิวไหม”



                “หิวครับ” ผมตอบแบบไม่อ้อมค้อม



                “มีคุกกี้อยู่เบาะหลัง พี่ซื้อมาฝากเรา กะว่าวันจันทร์ค่อยให้ น้ำขวดอยู่เบาะทางขวา”



                “ขอบคุณครับ” ผมจะทำยังไงกับใจพองๆนี่ดี พี่ไทม์มึงจะน่ารักเกินไปแล้ว



                โห น่าตาหน้ากินซะด้วย ผมทำตาวาวตอนที่เปิดห่อคุกกี้ อีกฝ่ายมองผมพลางอมยิ้ม เหมือนภูมิใจที่กะแล้วว่า ยังไงยังไงผมก็ต้องหิว



                -///-  ฮืออ  อร่อย



                “พี่กินไหมครับ?” ผมถามเป็นมารยาท จริงๆไม่อยากแบ่งหรอก แม่งมีน้อย



                “เรากินเหอะ นี่จะตีสองแล้ว พี่ไม่อยากอ้วน”



                ผมหันขวับไปมองคนตัวสูงที่ยกยิ้มมุมปากจนหน้าหมั่นไส้ ท่าทางการขับรถ ดูอารมณ์ดี จนผมงงแล้วที่บ่นกูเมื่อกี๊คือระ



                “มีอีกห่อนะ”



                “ไหนอะ?”



                อยากบีบปากคุณเวลาก็วันนี้ เห็นผมล้วงหาชิ้นสุดท้ายไม่เจอเพราะมันหมดแล้ว เลยจะเอาห่อที่สองมาล่อผม ผมก็ดันอยากกินต่อซะด้วย  ตกปากรับคำไม่ลังเลเลยนะตัวกู



                “ไม่กินแล้ว ! ”



                “เอ้า ไม่ล้อหรอก สัญญา หิวก็กิน ที่คอนโดพี่มีแต่มาม่านะ”



                “......” ผมทำหน้าครุ่นคิด มองหน้าหล่อๆด้วยความไม่ไว้ใจ กูรู้หรอกนะ ยังไงมึงก็ล้อ แต่ถามว่าระหว่างศักดิ์ศรีกับของกินผมจะเลือกอะไร ของกินอะหรอจะสำคัญเท่าศักดิ์ศรีผม



 

                ถูกต้องแล้วครับ เพื่อของกินอิณยอมได้ทุกอย่าง จ้า

 





                “.....”



                “สัญญาแล้วนะ ห้ามล้อด้วย อยู่ไหนอะ?”



                “อยู่ในถุงข้างล่าง หาดีๆ”



                “เจอแล้ว! ”



                “หึ เด็กน้อยเอ้ย” พี่มันลูบหัวพลางหัวเราะหึๆ ผมมองค้อน ย่นจมูกใส่อีกที ซื้อมาให้เองนะเว้ย ว่ากูไม่ได้อะพี่ จงทำใจให้ชิน กูคือตัวแดกดีๆนี้เอง

 

               

               

               





                เสียงเครื่องยนต์เงียบลงทันทีที่ถึงที่หมาย คนขับหันมามองหน้าคนตัวขาว เขาฉีกยิ้มกว้างอย่างเอ็นดู จะไม่ให้ยิ้มได้ไง ก็น้องหมวยเล่นหลับตาพริ้มแถมยังกอดห่อคุกกี้เอาไว้อีก เรียกได้ว่า กินเพลินจนหลับ ก็ไม่แปลกถ้าแก้มจะกลมขนาดนี้



                เขาตัดสินใจที่จะไม่ปลุกอีกฝ่าย เลือกที่จะไปเปิดประตูรถฝั่งคนนั่ง ค่อยๆแงะถุงขนมออก



                “อือ...”



                หลับแล้วยังจะหวงอีก  เด็กนี่



                เมื่อการแย่งชิงสำเร็จ ก็คว้าข้อมือเล็กๆนั่นเกี่ยวคอเอาไว้ ก่อนจะช้อนตัว อุ้มร่างบางไว้ข้างหน้า ปล่อยให้ขาเกี่ยวเอวของเขา น้องหมวยตอบรับด้วยการกอดคอเขาแน่น ซุกหน้าลงที่คอ ส่งเสียงพืมพำทั้งที่ยังหลับตา ทุลักทุเลอยู่พอควร ขอบคุณที่คอนโดมีลิฟต์



                กว่าจะถึงเตียงนี่เล่นเอาหอบจนเหนื่อย  คิดว่าน้องหมวยคงเหนื่อยมากเหมือนกัน ถึงหลับไม่รู้เรื่องแบบนี้ เหมือนแมวเลยแหะ จะจับ จะดึง ตรงไหนก็ไม่ตื่น เขานึกขำพลางพิสูจน์ด้วยการดึงแก้มอีกฝ่าย หยิกก็แล้ว หอมก็แล้ว ก็ยังไม่ตื่น ทิ้งท้ายด้วยการแตะริมฝีปากเบาๆตรงคิ้วที่ขมวดกันแน่น จนมันคลายออก



                ตัวแค่นี้ ไปเจออะไรมา กระทั่งตอนหลับก็ยังขมวดคิ้ว



                เขาถอดกางเกงยีนต์ของน้องออก เพื่อให้เจ้าตัวนอนสบายๆ ก่อนจะขยับขึ้นไปนอน สอดตัวใต้ผ้าห่มผืนเดียวกัน แล้วดึงอีกฝ่ายเข้ามากอด กลิ่นตัวหอมๆของน้อง ทำให้เขาสบายใจ



                โคตรเป็นห่วงเลยตอนที่รู้ว่าน้องนั่งอยู่ที่ป้ายรถเมล์มืดๆคนเดียว ก็รู้ว่าเป็นผู้ชาย แต่ถ้าเกิดอะไรขึ้น ตัวแค่นั้นจะไปสู้ใครเขาได้



                เขาไม่รู้เลยว่าน้องไปพบเจอหรือเคยเจอกับอะไรมาบ้าง รู้แค่ว่ามันเกี่ยวกับที่บ้าน และเพราะรู้ว่าเป็นเรื่องในครอบครัว เลยทำอะไรไม่ได้ นอกจากรอให้อีกฝ่ายไว้ใจจนพูดออกมาเอง



                “พี่ไทม์......”



                น้องส่งเสียงอู้อี้อยู่ที่อกเขา ร่างสูงรอจนแน่ใจว่าอีกฝ่ายไม่ได้ตื่น



                ละเมอหรอ?



                เขาตอบเสียงเรียกด้วยการกระชับกอดให้แน่นขึ้น เพื่อยืนยันว่าเขาอยู่ตรงนี้ จะเข้มแข็งไปไหน ตัวเล็กแค่นี้ ไม่ชอบเลยที่รู้ทั้งรู้แต่ทำอะไรไม่ได้



                เล่นของใส่พี่รึเปล่าเนี่ย



                ทั้งหลง ทั้งเจ็บ จนไม่รู้จะว่ายังไงแล้ว เมื่อไหร่จะเปิดใจให้กันสักที  เด็กโง่



                ถ้าไม่รู้แล้วพี่จะช่วยยังไง

(เดี๋ยวมาต่อนะ)
หัวข้อ: Re: ็Hello there ว่าไงน้องหมวย (น้องหมวยบทที่ 10 07/06/2561)
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 08-06-2018 01:28:37
หมวยแบกปัญหาเยอะไปมั้ย สงสาร
หัวข้อ: Re: ็Hello there ว่าไงน้องหมวย (น้องหมวยบทที่ 10 07/06/2561)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 08-06-2018 01:39:06
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ็Hello there ว่าไงน้องหมวย (น้องหมวยบทที่ 10 07/06/2561)
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 08-06-2018 09:44:14
 :L2: :pig4:

ต้องค่อยๆทำความเข้าใจ
หัวข้อ: Re: ็Hello there ว่าไงน้องหมวย (น้องหมวยบทที่ 10 07/06/2561)
เริ่มหัวข้อโดย: เปลว แว๊บแว๊บ ที่ 08-06-2018 10:44:32
พี่ไทม์ห้ามทำน้องเสียใจนะ
หัวข้อ: Re: ็Hello there ว่าไงน้องหมวย (น้องหมวยบทที่ 10 07/06/2561)
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 08-06-2018 15:47:44
รอๆ
หัวข้อ: Re: ็Hello there ว่าไงน้องหมวย (น้องหมวยบทที่ 10 07/06/2561)
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 08-06-2018 16:50:56
ขนาดแม่ยังไม่ดีเลย ตั้งท้องมานี่ไม่รักหรอ ทำไมใจร้ายได้ขนาดนี้
หัวข้อ: Re: ็Hello there ว่าไงน้องหมวย (น้องหมวยบทที่ 10 07/06/2561)
เริ่มหัวข้อโดย: Girin ที่ 11-06-2018 01:01:17
(ต่อนะ)

   พี่ไทม์ตื่นก่อนผม พี่มันแหกปากเรียกผมตอนใกล้เที่ยง ไล่ให้ไปอาบน้ำแล้วมากินข้าว จริงๆมันพูดเพราะครับ แต่ผมหมั่นไส้ที่มันล้อว่าผมใส่ชั้นมันไม่ได้เพราะไซต์ใหญ่ไป ผมไม่แบกเสื้อผ้ากลับบ้านอยู่แล้ว เพราะบ้านก็มีชุด ผมเลยต้องยืมชุดพี่มัน

   ข้าวเที่ยงของเราเป็นข้าวกับไข่ดาว แถมมียำปลากระป๋องเพิ่มมาอีกอย่าง ซอสแม็กกี้เป็นอะไรที่กินกับไข่ดาวกรอบๆแล้วโคตรอร่อย พี่ไทม์ไม่ได้ถามอะไรเรื่องเมื่อวาน ไม่ได้บ่น ไม่ได้พูดถึงเลย

   เราเหมือนแค่ตื่นมาตอนเช้าแล้วก็กินข้าวด้วยกัน จริงๆตื่นมาแล้วเจอพี่มันตอนเช้าเป็นอะไรที่ค่อนข้างดี หยิบชุดให้ ไล่ผมไปอาบน้ำ บอกผมนอนน้ำลายยืด ทำกับข้าวให้กิน ผมรู้สึกเหมือนตัวเองสำคัญ

   ผมไม่รู้ว่าเมื่อวานเรามาถึงตอนไหน ผมหลับไปตอนไหน แล้วขึ้นมานอนได้ไง แต่ผมว่าก็คงไม่พ้นพี่มันแบกผมขึ้นมาแน่ๆ รู้สึกหัวใจอ่อนแรงอะ ทำไมพี่มันน่ารักจังวะ พี่มันไปรับผมตอนเที่ยงคืนทั้งที่บ้านผมอยู่ห่างจากที่นี่เป็นกิโล ไม่ถามผมสักคำว่าเกิดอะไรขึ้น แค่บ่นผมว่าทำไมผมถึงไม่รีบมาบอก ทำไมนั่งที่มืดๆคนเดียว

   คนที่เขาชอบเรา เขาต้องทำเพื่อเราขนาดนี้เลยหรอวะ แล้วผมที่ชอบพี่มันเหมือนกันจะทำเพื่อมันขนาดนั้นได้ไหม ผมยังไม่เห็นว่าตัวเองจะทำอะไรได้สักอย่าง นอกจากคอยให้พี่มันดูแล ไปรับไปส่ง พาไปกินข้าว รู้สึกผิดเหมือนกัน ไม่ทำอะไรแล้วยังไปขอให้เขาคอยอีกสามอาทิตย์
   ทั้งๆที่พี่มันก็ชัดเจนขนาดนั้น

   แต่ความรักมันเป็นความเสี่ยง เป็นการลงทุนที่ไม่มีหลักประกันใดๆ ผมไม่รู้เลยว่าพี่มันให้ผมแค่ไหน แล้วมันจะให้ผมไปอีกนานแค่ไหน และมันไม่ได้มีแค่ตัวผม มันยังมีครอบครัวของผม ที่เขาไม่เข้าใจและจะไม่ยอมรับแน่ๆ

   ความรักเป็นเรื่องของคนสองคน แต่โลกนี้ไม่ได้มีแค่เรา

   ผมไม่รู้ว่าผมควรจะเล่าเรื่องที่บ้านให้พี่มันฟังไหม พี่มันเป็นห่วงผม และผมไม่อยากให้มันห่วง ผมรู้สึกผิดที่ไม่เคยบอกอะไรพี่มันเลย  แต่พี่มันก็ยังห่วงผมอยู่เสมอ ความใส่ใจของมันกำลังทำให้ผมแพ้ ทำให้ผมนิสัยไม่ดี ทำให้ผมเสพติด

   คนร้ายกาจ

   ผมเหลือบมองอีกฝ่ายที่กำลังตักไข่ดาวใส่ปาก ผมยุ่งๆนั่นทำให้ผมหยุดมองมันไม่ได้ พี่มันวางช้อนแล้วสบตากับผมเหมือนรู้ว่าผมอยากจะพูดอะไร มันรู้จักผมดีขนาดนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่

   ผมไม่รู้ว่าทำไมผมยังลังเล ไม่ใช่เพราะไม่ไว้ใจ ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่เหมือนกันที่ผมเชื่อใจพี่มันไปแล้ว มันคงไม่ยุติธรรมที่เราปล่อยให้คนเป็นห่วงเราโดยที่ไม่รู้เรื่องราวอะไรเลย

   “ผมทะเลาะกับแม่ ทะเลาะกับคนที่บ้าน”

   “....”

   “ผมไม่อยากอยู่ เลยหนีออกมา จริงๆก็แค่เดินออกมาเฉยๆ”

   “แล้วเจ็บตรงไหนรึเปล่า”

   “เจ็บที่เดิม ตรงไหล่ เจ็บแค่นิดเดียว”

   ผมเลือกที่จะไม่โกหกหรือปิดบัง คำถามที่เจาะจง แสดงให้เห็นว่าเดาไว้อยู่แล้ว โกหกไปก็ไม่เนียน พี่มันไม่ได้พูดอะไรแค่เดินไปหยิบหลอดยาในลิ้นชัก ผมแอบทำหน้าหงอยเพราะกลัวมันดุ แต่พี่มันกลับทำเฉยซะงั้น

   “ถอดเสื้อ”

   ผมทำตามอย่างว่าง่าย บรรยากาศไม่ได้เต็มไปด้วยความโกรธหรือความหงุดหงิด มันไม่ได้อึดอัด ถึงเราจะไม่ได้ยิ้มให้กัน แต่พี่มันก็ดูมีท่าทีสบายๆ

   รอยช้ำเดิมจางไปเยอะแล้ว ผมไม่เห็นว่าพี่ไทม์ทำหน้าแบบไหนตอนที่ปลายนิ้วกำลังทายาให้ผม ผมเหมือนเห็นความดีใจในตาเขาด้วยซ้ำตอนที่ผมเล่าเรื่องให้ฟัง ทั้งๆที่ปกติจะต้องโมโห  เพราะตลอดอาทิตย์ที่คุยกันมา ผมแทบไม่เล่าเรื่องตัวเองให้พี่มันฟังเลย นี่เหมือนเป็นครั้งแรกที่ผมพูดออกไปตรงๆ

   “แล้วจะทำยังไงต่อ อยากทำอะไรไหม ไหนๆก็ไม่ต้องกลับบ้านแล้ว”

   “ผมอยากออกไปหางาน ผมอยากหางานพาร์ทไทม์ทำ”

   “ทำไมอยู่ๆถึงอยากทำงาน”

   พี่มันหยิบเสื้อให้ผมใส่ เดินไปล้างมือแล้วกลับมานั่งตรงข้ามกัน ขมวดคิ้วเป็นโบว์ แถมมองกดดัน ผมลังเล ถ้าตอบคำถามนี้ก็แทบจะต้องเท้าความกันทั้งเรื่อง ทำไมผมต้องทำงาน ก็เงินผมไม่พอ แล้วทำไมเงินไม่พอ ก็เพราะผมจะไม่ขอเงินแม่อีก ผมไม่อยากเป็นหนี้บุญคุณกับครอบครัวของลุงอีก แล้วมันก็จะมีคำถามว่าทำไมทำไม

   สรุปคือ ก็ต้องเล่าทั้งเรื่องนั้นแหละ

   “มานี่มา” พี่มันกวักมือเรียกให้ผมเดินไปหา คุณหัสวรรษก็ยังคงชุดอยู่บ้านสไตล์ชุดนอนเหมือนเคย เสื้อยืดคอวีกับกางเกงขาสั้นสบายๆ และแน่นอนชุดเราเหมือนกัน บ้านมีเสื้อสีเดียวหรอพี่มึง

   จะกินข้าวหมดไหมวันนี้ เดินไปเดินมาอยู่นั่น

   ผมเดินไปหาพี่มัน ผมรู้สึกเหลือตัวนิดเดียวเวลาใส่เสื้อของพี่ไทม์ เหี้ย กุนึกว่าชุดเดรส ยาวเท่ากางเกงขาสั้นเลย

   “เห้ย!” ผมร้องตกใจเพราะพี่มันเกี่ยวเอวผมไปนั่งตัก โอ้โห อยู่ๆก็รู้สึกบอบบางอยากให้ดูแล  ผมดิ้นขลุกขลักแต่มือปลาหมึกก็กอดเอวผมไว้แน่น

   “อย่าดิ้นดิ พี่เจ็บนะ เดี๋ยวไหล่เราก็เจ็บหรอก”

   “พี่ก็ปล่อยดิ ให้ผมมานั่งตักทำไมเนี่ย”

   “ไว้ใจพี่ไหม?”

   “ถามอะไร ผมก็ต้องไว้ใจพี่ดิ”

   “พี่ไม่ได้บังคับนะ พี่รอให้น้องเปิดใจ รอน้องไว้ใจจะเล่าให้ฟัง เรื่องอะไรก็ได้ พี่อยากรู้เรื่องเราทุกเรื่อง เพราะพี่ห่วง พี่หวง พี่อยากดูแล พี่อยากอยู่ด้วย จะเก็บไว้อีกนานแค่ไหน ทำไมไม่เชื่อใจกันบ้าง เห็นพี่เป็นคนอื่นรึไง พี่ชอบเรา ชอบมาก มันไม่มีเหตุผลหรอกว่าทำไม แต่ถ้าเรามีปัญหา พี่ก็อยากให้เราบอก ถึงพี่ช่วยไม่ได้พี่ก็พร้อมจะฟัง ถ้าพี่มีปัญหาพี่ก็จะบอกน้อง เราช่วยกันแก้ ผ่านไปด้วยกันดิ อย่าทำเหมือนตัวเองตัวคนเดียวทั้งที่พี่ก็อยู่ข้างๆ

   “.........”

   “ความรู้สึกของพี่มันไม่ได้เกิดขึ้นง่ายๆ ถ้าพี่รู้สึกกับใคร มันจะไม่หายไปง่ายๆ ลองเดินไปด้วยกันก่อน เราศึกษากันไปก่อนก็ได้ถ้าน้องยังไม่มั่นใจ ช่างหัวสามอาทิตย์ พี่มีเวลาให้ทั้งชีวิต ขออย่างเดียว มีอะไรอย่าเก็บไว้คนเดียว พี่รับได้ทุกอย่างที่น้องเป็น”

   “.....”

   “ทุกอย่างจริงๆ”

   เป็นครั้งแรกที่พี่ไทม์พูดเยอะขนาดนี้กับผม ผมได้แค่มองหน้าเขา น้ำเสียงจริงจังของเขา มือของผมวางอยู่ตรงอกแกร่ง เสียงหัวใจของเราเต้นแรงไม่ต่างกัน

   “พี่จะไม่ทิ้งผมใช่ไหม”

   “ไม่ทิ้ง”

    “ครอบครัวผมพวกเขาไม่ต้องการ พวกเขาไม่อยากให้ผมอยู่ แล้วพี่ พี่จะอยู่กับผมจริงๆใช่ไหม”

    “พี่จะอยู่”

   “พี่จะไม่ใจร้ายกับผม เหมือนที่แม่ใจร้ายใช่ไหม” การพูดถึงแม่ทำให้ตาผมร้อนผ่าว หน้าพี่ไทม์เริ่มเลือนลางเพราะน้ำตาที่คลอ

   “พี่จะอยู่กับอิณ จะอยู่กับน้องหมวยของพี่ ครอบครัวพี่ก็รู้จักน้อง พวกเขาอยากเจอน้องนะ แม่พี่ยังบอกว่าเราน่ารักเลย”

   แอบไปบอกที่บ้านตอนไหนเนี่ย พี่มันส่งยิ้มให้ผม พร้อมกับลูบหัวไปมา มันทำให้ผมเริ่มกลั้นน้ำตาไม่อยู่

   “ไม่ร้องไห้สิ โอ๋ๆเด็กดี ไหนบอกพี่สิทำไมอยู่ๆจะไปทำงาน ไปเจออะไรมา หืม ทำไมถึงเป็นแผลช้ำอีกแล้ว”

   และแล้วผมก็เขื่อนแตกทุกเรื่องราวทะลักออกไปจนหมด ทุกเรื่องตั้งแต่เรื่องพ่อกับแม่ เรื่องที่ผมชอบผู้ชาย เรื่องพีท เรื่องลุงกับป้า เรื่องของแม่ เรื่องที่พวกเขารังเกียจผม บ้านของผมที่ทำร้ายลูกตัวเอง แม่ผมที่ไม่ต้องการผม คำพูดใจร้ายของแม่ ความอึดอัดตลอดหลายปี  เรื่องที่ผมเคยชินกับมัน ไม่เคยร้องไห้กับมัน ถึงผมจะเสียใจแค่ไหน

   ผมถ่ายถอดทั้งเสียงสะอึกสะอื้นเป็นระยะ พูดรู้เรื่องไม่รู้เรื่องบ้าง กลั้นน้ำตาที่เอ่อคลอไม่ให้มันไหลออกมา จนกระทั่งตอนนี้ผมก็เพิ่งรู้สึกว่าผมทนกับมันมามากจริงๆ ช่วงเวลาที่ผมอดทนกลั้นน้ำตาไว้มันทำให้ผมรู้ว่าจริงๆผมเสียใจกับมันขนาดไหน แต่เพราะผมไม่อยากอ่อนแอ ผมเลยเลือกที่จะไม่ร้องไห้และทำใจให้ชิน

   แต่พอผมได้พูดทุกอย่างออกมาให้ใครสักคนฟังจริงๆ ผมก็รู้สึกเจ็บจนทนไม่ได้ขึ้นมา
   ผมอ่อนแอ
   ครอบครัวที่มันเคยมีพ่อกับแม่ มันเคยพังมาแล้วครั้งนึง
   ที่ผมตัดสินใจทำงานและไม่ขอเงินแม่ บางทีมันอาจเป็นเพราะผมกลัวว่าแม่จะทนผมไม่ไหวจนทิ้งผมไป ผมไม่อยากให้มันพังอีกครั้ง

   ผมก็แค่อยากได้ครอบครัว แค่อยากให้เราเป็นครอบครัวที่รักกันเท่านั้นเอง




   ร่างสูงได้แต่กอดคนบนตักที่เอาแต่ร้องไห้ ร้องจนตัวสั่นไปหมด เขามองว่าน้องตัวเล็ก แต่ตอนนี้เขารู้สึกว่าน้องตัวนิดเดียว ยิ้มสดใสที่เขาเคยเห็น มันมีที่มาที่เจ็บปวด และเขาก็เจ็บปวดที่น้องร้องไห้ มือหนาได้แต่ลูบหัวลูบหลังปลอบคนตัวเล็ก แก้มนุ่มที่เขาชอบซบอยู่บนไหล่เขาทั้งน้ำตา
   คนที่เข้มแข็งต่อหน้าเพื่อน ต่อหน้าคนอื่น ต่อหน้าเขา จริงๆแล้วข้างในน้องกำลังเสียใจ ความเสียใจที่มันสะสม ไม่เคยบอกใคร มันกัดกิน จนเป็นแผล และแผลที่เกิดจากครอบครัวมันจะไม่มีวันหาย

   “พี่อยู่ตรงนี้ ไม่ต้องเข้มแข็งแล้วนะ”
   




สงสารน้องอะ ทำไมใจร้ายกับน้องจัง
มาม่ารอบนี้จะไปแล้วค่ะ แล้วก็คงจะไม่มีอีกรอบแล้ว มั้ง(?)
อาจจะมีเป็นไวๆห่อน้อย ๆ
ขอบคุณทุกคนจริงๆนะคะ เราชอบเขียน ชอบแต่ง แต่งด้วยความสุขก็จริงค่ะ
แต่ว่ารีดเดอร์ทุกคนก็เป็นคนสำคัญที่ทำให้นิยายเราเดินต่อไปได้ ขอบคุณจริงๆนะคะ
เรากะว่าถ้าหนทางการเป็นไรต์เตอร์มันไม่เวิร์ค เราก็กลับไปเป็นรีดเดอร์เหมือนเดิม
แต่เราจะแต่งให้จบ ยังไงก็ฝากติชมด้วยนะคะ รักนะ♥
   
เรามีรูปที่วาดเองมาฝากด้วย (ขอหาหนทางแปปนะคะ เราอัพไมไ่ด้อะ ฮือออ)
(http://<a href="http://tinypic.com?ref=13z41h" target="_blank"><img src="http://i64.tinypic.com/13z41h.jpg" border="0" alt="Image and video hosting by TinyPic"></a>)
หัวข้อ: Re: ็Hello there ว่าไงน้องหมวย (น้องหมวยบทที่ 10 11/06/2561)
เริ่มหัวข้อโดย: พลอยสวย ที่ 11-06-2018 01:31:31
อ่อนแอบ้างก็ได้  :ling2:
หัวข้อ: Re: ็Hello there ว่าไงน้องหมวย (น้องหมวยบทที่ 10 11/06/2561)
เริ่มหัวข้อโดย: catka12 ที่ 11-06-2018 02:47:06
 o13 อย่าพึ่งท้อค่ะ.... เขียนดีออกค่ะ..... เขียนเก่งกว่าเราอีก...ขนาดเรียงความเรายังเขียนไม่รู้เรื่องเลย  :hao4:
สู้ๆค่ะ  o13 จะตามอ่านค่ะ  o13
หัวข้อ: Re: ็Hello there ว่าไงน้องหมวย (น้องหมวยบทที่ 10 11/06/2561)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 11-06-2018 03:18:43
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ็Hello there ว่าไงน้องหมวย (น้องหมวยบทที่ 10 11/06/2561)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 11-06-2018 06:13:36
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ็Hello there ว่าไงน้องหมวย (น้องหมวยบทที่ 10 11/06/2561)
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 11-06-2018 08:30:25
มาม่าจัมโบ้หายไป เหลือไวแค่มาม่าช้างน้อย 5555
หัวข้อ: Re: ็Hello there ว่าไงน้องหมวย (น้องหมวยบทที่ 10 11/06/2561)
เริ่มหัวข้อโดย: Girin ที่ 18-06-2018 00:26:52
น้องหมวยบทที่ 11

ผ่านมาหลายวันแล้ว และมิดเทอม อิส คัมมิ่ง



หายนะที่แท้จริงกำลังคืบคลาน เรียนก็ต้องเข้า หนังสือก็ต้องอ่าน ห้องสมุดเรียกได้ว่าเต็มแทบทุกตารางนิ้ว ผมรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนขยันเรียนมาก เวลาอยู่ท่ามกลางผู้คนที่อ่านหนังสือ คือหันไปทางไหนก็จะมีแต่คนอ่านหนังสือกัน



ส่วนพวกที่บอกว่ายังไม่อ่าน อย่าไปเชื่อมันครับ พวกนี้แหละแม่งชอบดึงมีน ผมละเบื่อ อ่านก็บอกว่าอ่านดิวะ ดูอย่างผม อ่านไม่ทันก็บอกว่าอ่านไม่ทันสิครับ วันไนท์มิราเคิลอะรู้จักไหมมม



ไม่อยากจะพูดถึงเลย น่าอายชะมัด แต่หลังจากที่ผมร้องห่มร้องไห้จนน้ำท่วมห้อง คือกูจะร้องอะไรขนาดนั้นวะ พี่ไทม์ก็ลูบหัวลูบหลัง เอานู่นนี่มาล่ออยู่นานกว่าผมจะหยุด ร้องจนปวดหัวอะครับ แต่คือมันก็ได้ปล่อยไง ถึงจะร้องจนปวดหัวแต่ผมก็รู้สึกดีที่ได้พูดกับใครสักคน และคนนั้นก็ยังอยู่ข้างเรา



ผมยกให้พี่ไทม์เป็นเทวดาประจำตัวไปแล้ว พี่ไทม์เสนอว่าจะลองถามเรื่องทุนของคณะกับอาจารย์ที่สนิทให้ ส่วนเรื่องงานพี่มันบอกว่ายังไงเดือนนี้ก็ไม่ต้องจ่ายค่าหอ ที่ต้องจ่ายก็แค่ค่ากิน แต่ค่าขนมของผมเดือนนี้ก็ยังมีอยู่ พี่มันเลยบอกว่างั้นรอให้ผ่านมิดเทอมไปก่อน ค่อยว่ากัน



ผมเองก็เห็นด้วย วันนั้นทั้งวัน ผมโดนโอ๋จนตัวลอย อยากกินอะไรก็ได้กิน อยากดูการ์ตูนก็ได้ดู พี่ไทม์ตามใจผมหมด พี่แกดูผวาที่ผมร้องไห้อยู่เป็นชั่วโมง พี่มันน่ารักจริงๆ นะครับ แปลกใจเหมือนกันที่คนแบบนี้เหลือรอดมาชอบคนแบบผมได้



คนแบบผมมีอะไรให้พี่มันชอบกันนะ



อะไรที่ทำให้พี่มันทำเพื่อผมขนาดนี้



คืนนั้นผมขอกลับมานอนที่ห้อง ตอนแรกพี่มันก็ไม่ยอม กลัวผมจะกลับไปร้องไห้คนเดียว แต่ผมก็บอกไปว่าผมโอเคแล้ว มันก็ไม่เชื่อ สุดท้ายเลยต้องบอกว่าจะโทรคุยด้วยจนหลับเลย มันถึงยอมแต่ก็ยังทิ้งท้ายไว้อีกว่า



‘ถ้าอยากร้องไห้ก็บอกพี่ พี่จะไปหา อย่าร้องในที่ๆ พี่ปลอบไม่ได้’



ให้ตายเถอะคนๆ นี้



ส่วนที่บ้านผม แม่ไม่ได้โทรมาเลย ผมเองก็ไม่ได้โทรไปเหมือนกัน....



ผมนอนไม่ค่อยหลับเท่าไหร่ คิดว่าคงเป็นเพราะความเครียดของผมเอง แต่มันก็มีประโยชน์เพราะผมสามารถอ่านหนังสือได้แบบยาวๆ



“ไอ้หมวย วิชานี้มิดเทอมเท่าไหร่นะ”



“45 เปอร์เซ็นไง ไฟนอลอีก 45 ที่เหลือควิซกับใบงาน”



“โคตรเหี้ย แล้วงานแม่งเป็นล้านใบเลยเนี่ยนะ คะแนนเท่าขี้มด”



ก่อเกียรติคนเดิมเพิ่มเติมคืออ่านหนังสือไม่ทันแล้ว ผมกับมันนัดกันมาอ่านหนังสือด้วยกันที่โต๊ะม้าหินแถวทะเลสาบ จริงๆ มันก็บ่อน้ำใหญ่ๆ นั่นแหละครับ แต่เรียกให้มันดูแพงไปงั้นน



“เขาบอกอัตนัยใช่ไหมมึง ถ้าออกปรนัยนี่จำตั้งแต่เปิดเทอมยังไม่ทันเลยนะ”



“เออ กูจดอยู่ว่าเขาออกอัตนัยสองข้อ”



“พี่รหัสแม่งก็ไม่ให้ลังรหัสกูด้วย มึงมีแนวบ้างไหม”



“กูไม่มีพี่รหัส”



เรามองหน้ากันแบบจนมุม คือทั้งสาขารู้จักกันอยู่สองคน คบกันอยู่สองคน คนอื่นเขาก็มีกลุ่มของเขา แล้วบอกเลยว่าเพื่อนๆ ในสาขาผมไม่ได้น่ารักกันเท่าไหร่ ทุกคนเหมือนแข่งกัน ต่อให้มีแนวข้อสอบผมก็ไม่คิดว่าเขาจะแชร์ให้คนอื่นหรอก



Rrrrrrr



เจ้าเก่าเจ้าเดิม ช่วงนี้ชีวิตผมเบอร์โทรเข้าโทรออกก็มีแค่สองคนแหละครับ ถ้าไม่ใช่ก่อเกียรติคนกาก ก็คุณเวลานั่นแหละ



“เลิกเรียนแล้วเหรอครับ”



“เลิกแล้ว เราอยู่ไหน?”



“พี่จะมาหรอครับ แต่นี่มันเย็นแล้วผมว่าพี่กลับไปพักดีกว่านะ เมื่อวานพี่ก็อ่านจนดึก ผมกลับเองได้”



“พี่อ่านทันน่า ไม่อยากให้อ่านดึกก็มาอ่านด้วยกันสิ วันนี้พี่ยังไม่เจอเราเลยนะ ทำไมใจร้าย” ฮ่อลล เอ็นดูจังเลยพ่อคุณ ดูใช้ถ้อยคำ มุ้งมิ้งชิบหาย



“ก็ผมอยากให้พี่พัก จะได้ไม่อ่านหนังสือดึกไง ไม่รู้ละวันนี้ผมกลับเอง”



“โอเค ตามใจ”



ติ้ด



ตัดสายเฉย เห้ย ทำไมยอมง่าย แปลกมากครับ ปกติพี่มันจะตื้ออยู่นั่นแหละ จนกว่าผมจะยอมไม่ทางใดก็ทางนึง ผมว่าต้องมีอะไร



Rrrrrrrr



นั่นไง ไม่ใช่เสียงโทรศัพท์ผมครับ



“ครับพี่”



“อ่อ อยู่ทะเลสาบครับ”



“อยู่ครับ”



“ไอ้หมวยอย่าแย่งโทรศัพท์กู! ครับ ครับพี่”



“อย่าตีกูสิวะ คุยโทรศัพท์อยู่ ครับ หวัดดีครับ”



ติ้ด...



“พ่อมึงนี่ ใช้ได้เลยนะ กูชอบๆ ๆ ๆ 555555555”



ฮึ่ย ไม่ต้องเดาเลยว่าใครโทรหามัน ไม่เคยฟังกันบ้างเลย ผมก็แค่อยากให้เขาพักบ้าง มาเทียวรับเทียวส่งแบบนี้ทุกวันมันไม่เหนื่อยรึไง ผมรับนู่นนี่นั่นจากพี่มันทุกอย่าง แต่ผมก็ให้อะไรพี่มันไม่ได้เลย ก็แค่ไม่อยากให้เขาเหนื่อยเพราะผม



ไอ้ก่อเกียรติ เพื่อนเหี้ยขี้ฟ้อง



“มึงมันขี้ฟ้อง”



“มึงก็ยอมๆ ไปเหอะ เขารักเขาก็อยากเจอ มึงไม่อยากเจอเขารึไง?”



“ก็อยาก แต่กูไม่อยากให้เขาเหนื่อย”



“งั้นมึงก็ไปหาเขาสิ ไปค้างห้องเขาก็จบละ คิดไรซับซ้อนวะ”



“ก็มัน...” เขินนะเว้ย แต่มันก็จริง ผมควรจะไปหาพี่มันบ้าง เราควรเจอกันคนละครึ่งทาง ไม่ใช่ผมเอาเปรียบพี่มันแบบนี้



“ยังไม่ได้คบกัน?”



“ยัง” ผมรู้สึกผิดนิดหน่อย เพราะดูเหมือนจะเป็นความผิดผมเองที่ไม่ยอมตกลงสักที



“อห พี่แม่งดูแลดีจนกูนึกว่าแต่งงานกันแล้ว ทำไมยังไม่คบกันอีกละวะ”



“กูยังไม่แน่ใจ กูยังไม่ได้ตกลงเองอะ”



“พี่เขาชอบมึงไหม”



“เขาบอกว่าชอบ”



“แล้วมึงชอบเขาไหม”



“ชอบ”



“แค่นั้นก็พอแล้วปะ มึงจะกลัวอะไรวะ มีอะไรก็ช่วยกันแก้ ถ้ามันไปกันไม่ได้มึงก็เลิก มึงยิ้อไว้แบบนี้ถ้าสุดท้ายมันจะจบ ยังไงมันก็ต้องจบ ถึงไม่ได้คบกันมึงก็ต้องเสียใจอยู่ดี ทำไมไม่คบกันแล้วสร้างช่วงเวลาดีๆ วะ อยู่แบบนี้มึงแน่ใจนะว่าโอเค จะหึงจะหวงก็ทำไม่เต็มที่ กล้าเสี่ยงหน่อยเพื่อน เชี่ย กูว่าพี่ไทม์ต้องจ่ายกูค่าชงมึงแล้วละวะ”



จะจริงจังก็จริงจังให้มันสุดก็ไม่ได้นะ ผมอุตส่าห์เคลิ้มๆ ก็ต้องสะดุดหัวเราะเพราะมัน แต่ก็จริงอย่างที่มันว่า ผมมองหน้าก่อเกียรติอย่างครุ่นคิด ที่ผ่านมาผมแทบจะเชื่อคำปรึกษาของก่อเกียรติมาตลอด ถึงมันจะเกรียนแต่มันก็เป็นคนที่รู้จักผมดีมากคนนึง เป็นคนเก่งแล้วก็รอบคอบ และผมเองก็รู้จักกับพี่มันมาหลายเดือนแล้ว ชอบก็ชอบไปแล้ว ถึงตอนนี้ไม่ได้คบกันแล้วเกิดพี่มันเทผมขึ้นมา ผมก็เสียใจอยู่ดี



ใช่ สุดท้ายแล้วผมก็ไม่ได้เผื่อใจเอาไว้อยู่ดี อีกอย่างผมก็เชื่อไปแล้วว่าพี่มันจะไม่ทิ้งผม จะเป็นแฟนไหม ผมก็คาดหวังไปแล้วว่าเขาจะอยู่ข้างผม พี่มันก็ทำเพื่อผมขนาดนั้น ผมก็ควรจะเชื่อใจเขาสินะ ควรจะมั่นใจในตัวพี่ไทม์มากกว่านี้ ไม่ใช่ปล่อยให้เขารอควร ผมไม่ควรจะเห็นแก่ตัวแบบนั้น



หรือผมควรขอพี่มันเป็นแฟนวะ



“กูควรขอเขาเป็นแฟนถูกมะ”



“มึงควร เพราะมึงคือคนที่เล่นตัว” ผมมองเพื่อนชั่วตาขวาง ไม่ได้ทีมกูสักนิด



“งั้นหลังสอบ”



“แล้วแต่มึงดิ้ นู่น พ่อมึงมาแล้ว กูกลับหอละ บรัยส์”



“เห้ย เดี๋ยวดิ กลับมาก่อน ไอ้ก่อเกียรติ!”



ก่อเกียรติยกมือไหว้พี่ไทม์แล้วก็ปั่นจักรยานหนีไปเลย ทิ้งบอมไว้ในหัวกูแล้วก็ชิ่งเฉยเลย ผมหันไปมองหน้าพี่ไทม์ เขามองผมพร้อมบอกทางสายตาว่า มาขึ้นรถได้แล้ว อารมณ์พี่ไม่ได้ดีเหมือนหน้าตานะครับ



ผมเลยต้องรีบโกยทุกอย่างลงกระเป๋า แล้ววิ่งไปหาพี่มัน เปิดประตูนั่งข้างคนขับด้วยความเคยชิน และพี่มันก็เงียบเลยครับ



งอนแน่ๆ



แต่ดูจากสีหน้าแล้วไม่น่าจะงอนจริงจัง ออกจะดูน้อยใจซะมากกว่า ผมมองดูพี่มันที่ตอนนี้เหมือนน้องหมาตัวโตๆ กำลังแสร้งเก๊กหน้าขรึม ไม่ๆ กูจะขำตอนนี้ไม่ได้ ต้องให้เกียรติคนอยากหน้านิ่งหน่อย



ใช้เวลาไม่กี่นาทีรถก็มาจอดที่หน้าหอผม และคนตัวโตมันก็มุ่งมั่นนั่งเงียบมาตลอดทาง ผมยังนั่งอยู่ในรถพี่มันไม่พูดผมก็ไม่พูด และแน่นอนว่าผมต้องเป็นคนง้อ



“กินข้าวมารึยังครับ”



“......” พี่เขามีความเพียรที่ดีนะครับเนี่ย



“งอนหรอครับ”



“....” แน่ะมีแอบมอง อยากจะขำแต่ก็เกรงใจ



“ดับเครื่องทำไมละครับ ไม่กลับห้องหรอ”



“จะไล่พี่ให้ได้เลยใช่ไหมครับ” มีตัดพ้อ



“เปล่าครับ ผมไม่ได้จะไล่พี่ซะหน่อย”



“......”



“แค่จะบอกว่าไม่ต้องดับเครื่องหรอกครับ เดี๋ยวก็ต้องกลับพร้อมกันอยู่แล้ว ผมขอขึ้นไปของแป๊ปเดียว” ผมยิ้มสดใสทิ้งไว้ จนคุณสารถีส่วนตัวทำตาโตใส่ ตั้งตัวไม่ทันละสิ ก็ปกติคนที่ดื้ออยากจะค้างด้วยกันคือพี่มัน ไม่รอคำทักท้วงใดๆ รีบเปิดประตูรถแล้ววิ่งขึ้นห้องไปเลย



ให้ตาย รู้ว่าอยากอยู่ด้วย แต่มึงไม่ต้องยิ้มกว้างขนาดนั้นก็ได้ปะวะพี่













“พี่ไทม์มีแนวข้อสอบวิชานี้บ้างปะ” และนี่คือเหตุผลหลักของผมในการค้างครั้งนี้ อยู่สาขาเดียวกันก็ต้องใช้ให้เป็นประโยชน์หน่อย



“อ่อออออ นี่สินะ ถึงได้ยอมมาค้างด้วย เหอะ!” รู้ทันกูอีก สะบัดเสียงใส่ด้วย



“ไม่ใช่อย่างนั้น อย่ามองแบบนั้นดิ เออ ก็มีส่วนนิดนึงแหละ แต่ที่มาก็เพราะผมอยากง้อพี่ไง” หน้าตาไม่เชื่อสุดฤทธิ์เลยนะพี่มึง



“อยากมาง้อ หรือมาเอาแนวข้อสอบกันแน่”



“มาง้อสิครับ” ผมทำเสียงจริงจัง “แต่ไหนๆ มาแล้วก็ขอแนวข้อสอบด้วยดิ”



“เด็กโลภมาก ยังง้อไม่สำเร็จเลย ยังจะมาขอแนวข้อสอบอีก”



“เอ้า ผมนึกว่าพี่หายงอนแล้ว เห็นยิ้มกว้างเชียวตอนผมบอกจะกลับด้วย” ผมทำเสียงเยาะเย้ย เดี๋ยวนี้อัพเกรดแล้วครับ เรื่องอะไรจะยอมให้มันทำเขินอยู่คนเดียว ผมแข็งแกร่งแล้วครับ ยังไงวันนี้มึงก็ต้องพ่ายแพ้วะพี่ ผมยักคิ้วกวนประสาทอย่างผู้ชนะ



“พี่ยังไม่หายงอน เพราะฉะนั้นก็อย่าหวังว่าจะได้แนวข้อสอบ แหม พี่มีข้อสอบเก่าเยอะซะด้วยสิ คนมันเคยเออะนะ”



เกลียดเสียงแหมชิบหาย น่าหมั่นไส้ชะมัด พี่มันนั่งอยู่บนโซฟา และผมนั่งอยู่บนพื้น ล้อมรอบไปด้วยชีทและหนังสือ เราจ้องตากันอย่างไม่ยอมแพ้



คนตัวสูงอ้าปากค้างทันทีที่ผมปีนขึ้นไปคร่อมตักอีกฝ่ายบนโซฟาตัวแคบ ถามว่าเขินไหม เขินสิฟะหูจะไหม้แล้วเนี่ย แต่แหมวันนั้นก็นั่งอยู่ตั้งนานสองนาน แถมเป็นคนขอมาค้างห้องเขา จะอายก็ไม่ทันแล้วอะ บอกแล้วครับว่าผมอัพเกรด



“น้องหมวยจะทำอะไรครับ” พี่ไทม์ถามเสียงติดจะดุ พร้อมหน้านิ่ง



“ง้อพี่ ไม่งอนก็จะนั่งอยู่แบบนี้แหละ”



“หึๆ ร้ายกาจนะเรา งั้นก็นั่งง้อต่อไปนะครับ”



“เห้ย ยังไม่หายงอนอีกหรอ ดึกแล้วเนี่ย ผมมาค้างด้วยเพราะผมไม่อยากให้พี่นอนดึกนะครับ ขอแนวข้อสอบเหอะนะ”



“....”



“.....นะ”



ปกติลูกอ้อนจะได้ผลตลอด แต่ผมว่าบางทีผมอาจจะพลาดไปวะ พี่มันก็ชอบมาลวนลามผมอยู่แล้ว ขึ้นมานั่งตักเขาแบบนี้เขาก็ได้เปรียบสิวะ



ทำไมโง่แบบนี้วะ



อ้อนก็แล้วอะไรก็แล้ว ผมเลยตัดสินใจลงดีกว่า แต่มันไม่ง่ายแบบนั้นน่ะสิครับ มือหนายังเกาะที่เอวผมหนึบ อีกมือก็ถือชีทอ่านเหมือนผมไม่ได้อยู่ตรงนี้ ผมไม่เคยคิดว่าตัวเองเป็นคนบอบบางหรือตัวเล็กอะไร แต่แค่มือเดียวของพี่มันกลับก็โอบเอวไว้เกือบจะรอบเอวอยู่แล้ว ผมเริ่มหน้าแดงเพราะกลิ่นหอมของคนตรงหน้า ยิ่งหลังอาบน้ำเสร็จด้วยนะ



ใจแกว่งเลย



“ไม่หายงอน ก็ปล่อยเลย”



“.....” เงียบอี๊กกกก ง้อคนงอนว่ายากแล้ว แต่ง้อคนแกล้งงอนนี่ลีลาเยอะกว่า หมั่นเขี้ยว



“พี่ไทมมมม์ ปล่อยก่อนจะอ่านหนังสือออ”



“.......” โว้ยย คือเราจะเล่นบทรักไร้เสียงกันถูกมะ



สงสัยต้องงัดแผนเด็ด ตอนแรกก็กะจะเก็บไว้คิดอีกสักคืนสองคืน พอหลังสอบค่อยเซอร์ไพร์แบบหรูหรา ก่อเกียรติมันอุตส่าห์ให้แง่คิดมาทั้งที ง้อก็แล้วอ้อนก็แล้ว งอแงก็แล้ว คนลีลาก็ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ ไม่ยอมเสียเปรียบเลยสินะ



ผมคงต้องง้อแบบให้หายงอน แล้วก็ผูกมัดพี่มันเอาไว้กลับตัวเอง ยิงปืนนัดเดียวได้นกตั้งหลายตัว ผมยิ้มขำพร้อมภูมิใจกับความฉลาดของตัวเอง ใจจริงอยากจะคิดอีกสักหน่อย แต่อะไรจะเกิดมันก็คงต้องเกิด ไม่มีประโยชน์ที่ผมจะคิดมากแล้วปล่อยพี่มันไป ปล่อยเวลาผ่านไป เกิดมีสาวที่ไหนเข้ามา ผมแย่แน่ๆ



ผมเลิกดิ้นขลุกขลัก แล้วโน้มลงไปใกล้ใบหูของคนตัวสูง พี่ไทม์ชะงักเล็กน้อย



“เอางี้ถ้าผมผ่านมีนวิชานี้ ผมจะยอมขอพี่เป็นแฟนเลย....”



เป็นอีกครั้งของวันที่พี่ไทม์ทำตาโตใส่ผม ดวงตาสวยมองผมจนผมเห็นตัวเองในแววตา ผมยักคิ้วอย่างผู้ชนะ ยังไงพี่มันก็พ่ายแพ้ ชะงักเลยล่ะสิ ฮิฮิ



“อึ้งเลยล่ะสะ.....อื้อ”



ยังไม่พูดไม่ทันจบ ริมฝีปากได้รูปที่ผมชอบก็ประกบปิดลงมาซะงั้น ขัดจังหวะคนอื่นเวลาพูดมันเสียมารยาทนะครับ แล้วคงเพราะหลายวันนี้ได้เจอกันแค่แป๊ปเดียวเพราะต่างคนต่างอ่านหนังสือ พี่มันถึงได้ร้อนแรงและหนักหน่วงใส่ผมขนาดนี้ ทั้งเปลี่ยนองศาไปมา จนผมหอบ มือหนากดท้ายทอยผมให้ริมฝีปากแนบแน่นเข้าไปอีก อีกข้างลูบไล้แผ่นหลังของผมทั้งเนื้อผ้า มีเสื้อก็เหมือนไม่มี



ยังไม่ทันได้หายใจก็ประกบจูบลงมาอีก ครั้งแล้วครั้งเล่า ครั้งแล้วครั้งเล่า



เฮ้อ ชัยชนะของผมไม่เคยอยู่นานเลย















*****************

ฮือออ ขอบคุณทุกคอมเม้น ทุกการติดตาม และการให้กำลังใจนะคะ

เราอ่านทุกคอมเม้นเลย และเรามีความสุขมาก

รักทุกคนนนน♥
หัวข้อ: Re: ็Hello there ว่าไงน้องหมวย (น้องหมวยบทที่ 11 18/06/256
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 18-06-2018 01:58:17
คงต้องพัฒนาฝีมือต่อไปนะน้องหมวย
หัวข้อ: Re: ็Hello there ว่าไงน้องหมวย (น้องหมวยบทที่ 11 18/06/256
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 18-06-2018 10:07:14
น้องหมวยรุกพี่ไทม์ละจ้า~ :ling1:
หัวข้อ: Re: ็Hello there ว่าไงน้องหมวย (น้องหมวยบทที่ 11 18/06/256
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 18-06-2018 10:22:16
หมวย ง้อพี่ไทม์เยอะๆเลย ชอบบบบบบ  :o8: :impress2: :-[
หัวข้อ: Re: ็Hello there ว่าไงน้องหมวย (น้องหมวยบทที่ 11 18/06/256
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 18-06-2018 13:36:47
น้องหมวยยยย ยังไม่โปรฯพอ ต้องไปฝึกมาใหม่นะ ฮาาา
หัวข้อ: Re: ็Hello there ว่าไงน้องหมวย (น้องหมวยบทที่ 11 18/06/256
เริ่มหัวข้อโดย: ก้มหน้าก้มตา ที่ 18-06-2018 20:10:43
ลุ้นเรื่องราวของน้องหมวยกับคุณเวลานะคะ
ว่าแต่ น้องหมวย ทำไมชีวิตลำบากแท้ลูก
หัวข้อ: Re: ็Hello there ว่าไงน้องหมวย (น้องหมวยบทที่ 11 18/06/256
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 19-06-2018 01:46:32
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ็Hello there ว่าไงน้องหมวย (น้องหมวยบทที่ 11 18/06/256
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 19-06-2018 09:13:09
พี่ไทม์ดูแลน้องด้วย
หัวข้อ: Re: ็Hello there ว่าไงน้องหมวย (น้องหมวยบทที่ 11 18/06/256
เริ่มหัวข้อโดย: Girin ที่ 20-06-2018 01:30:11
น้องหมวยบทที่ 12


               

                ไม่น่า



                ไม่น่าเลย



                สอบผ่านว่ายากแล้ว



                ผ่านมีนนี่ชิบหายกว่า



                มันเลยทำให้ผมตกระกำลำบากเยี่ยงนี้แล



                หลังจากการเสนอเงื่อนไข พี่ไทม์ก็แทบจะยัดทุกอย่างใส่หัวผม ข้อสอบเก่ามีเท่าไหร่นี่แทบจะถวายกันเลยทีเดียว หลังจากนั้นอย่าหวังว่าจะนอน ติวกันเข้าไป ผิดข้อนึงแม่งให้กุกลับไปทำใหม่อีกละ แปะเนื้อหากระทั่งในห้องน้ำ กะว่านั่งขี้ก็ต้องอ่านอะ



                พี่มึงคือมันต้องเคี่ยวกันขนาดนี้ไหมมมม



                มึงว่างหรอวะ



                พี่มันติวโหดจนผมเสียใจที่ยื่นเงื่อนไขผ่านมีนกับมันตั้งแต่แรก



                รู้งี้กูยอมเอฟอะ แลกกับการได้นอน อะไรก็ยอม



                    “นอนเหอะพี่ สี่ทุ่มแล้ว พรุ่งนี้สอบบ่ายก็จริง แต่นอนเหอะนะๆๆๆๆๆ”



                “มาทำอันนี้อีกรอบ น้องยังไม่ค่อยแม่นบทนี้เลย”



                “โห น้องทำมาสามรอบละน้าาาาา น้องขอนอน” พูดจาเพราะๆพร้อมหน้าตาแบบมารยาร้อยแปด เห็นใจกุเถอะ เมื่อวานก็นอนตีห้า  ผมถูกลากมานอนที่ห้องพี่ไทม์ทุกคืน แทบจะมาตั้งรกรากที่นี่อยู่แล้ว พี่แกอัดแทบทุกวิชาจนจะผมกระอักตาย โดยเฉพาะไอ้วิชาเจ้ากรรมที่อยู่ในเงื่อนไข ยัดจนมันซึมเข้ากระแสเลือดผมอะคิดดู และนี่คือวันสอบวันสุดท้าย ไอ้วิชาห่านี่ ก็สอบวันนี้ พี่มันเลยเคี่ยวผมจนเปลื่อย กะว่ายังไงก็เออะ



                “มาทำอันนี้ก่อน จะยอมให้นอน สัญญา ช่วงนี้นอนไม่ค่อยหลับไม่ใช่หรอครับ ทำไมวันนี้ง่วงเร็วจัง”



                “นอนเช้ามาหลายวันแล้ว”



                “วันสุดท้ายแล้ว ไม่อยากผ่านมีนหรอครับ”



                “.......”



                “ไม่อยากเป็นแฟนพี่หรอครับ” อย่ามาทำอ้อนได้ไหม อย่าเอาตาหมีแพนด้าของมึงมาอ้อนกุสิพี่ กูต้องรู้สึกผิดใช่ไหมเนี่ยยยยยย



                “ไม่ใช่ แต่ผมอยากให้พี่พักผ่อนไง พึ่งสอบเสร็จไม่ใช่หรอ นอนดึกมาหลายวัน พักเนอะๆๆๆ เป็นหมีแพนด้าละเนี่ย ยอมให้กอดเลย นอนนะๆๆ” ยอมหมดแล้วปล่อยผมไปเถอะครับ ใช่ครับพี่มันสอบเสร็จก่อนผม หึ  ใจเย็นไว้ เย็นไว้ ผมพยายามที่จะไม่โวยวายอยู่



                “ไม่ได้ครับ ไม่ต้องมาใช้มุกอ้อนเลย อีกนิดเดียว แปปเดียวก็เสร็จ มาเร็วอย่างอแง ปกติเห็นเล่นเกมจนเช้าได้ นี่พี่งสี่ทุ่มเอง มานี่เลย”



                พี่ไทม์ดึงผมกึ่งๆจะลากมากกว่า ให้ผมกลับไปทำข้อสอบ แต่แค่เห็นผมก็ไม่อยากจะทนละอะ อัดอั้นมาหลายวันมาก จะนอนก็นอนไม่ได้เพราะเดี๋ยวอ่านไม่ทัน เอาจริงๆคือถ้าไม่ได้พี่ไทม์มันไม่บังคับ ผมก็คงอ่านไม่ทันจริงๆนั่นแหละ แต่ตอนนี้ผมอยากนอน ผมพึ่งได้นอนแค่สองชั่วโมงเอง ชีวิตมหาลัย สอบบ่ายก็อ่านยันเช้า



                “ไม่!” ผมโมโหแล้ว ผมจะไม่ทน



                “น้องหมวย” พี่ไทม์ทำเสียงเข้มขึ้นเหมือนจะดุผม แต่ก็ดูไม่จริงจัง



                “ไม่ ไม่ ไม่ ผมไม่ทำ ผมจะนอน น้องจะนอน อิณจะนอน ไม่ทำแล้ว จะนอนจะนอนจะนอน ถ้าไม่ได้เป็นแฟนก็แต่งงานกันไปเลย ช่างมีนมันแล้ว จะเอฟจะเอก็ช่างมัน  จะนอนนน”



                ผมว่าด้วยน้ำเสียงจริงจัง แต่ดูจากหน้าพี่ไทม์แล้วมันผมคงงอแงเหมือนเด็กมากกว่า พี่ไทม์ดูชะงักไปตอนแรกที่ผมเสียงดัง แต่ก็ทำท่ากลั้นขำตอนที่ผมพูดจบ ฮึ่ย นี่โมโหอยู่นะ



                ผมมองตาขวางด้วยความโมโห ไม่รอให้อีกฝ่ายพูด ผมลุกขึ้นไปหาเตียงนอนก่อนจะคลุมโปง ปิดการรับรู้ทุกอย่าง พี่ไทม์จะว่ายังไงผมก็ไม่สนแล้ว ผมโมโห ผมง่วง ผมจะนอน

 

 







                ร่างสูงพยายามกลั้นขำ เด็กน้อยงอนตุบป่องไปแล้ว เอาเถอะ เคี่ยวเข็ญกันมาหลายวันแล้ว ถึงจะยังไม่ค่อยแม่นก็เถอะ แต่เจ้าตัวเขาพึ่งพูดเองว่าถ้าไม่ผ่านมีนก็ให้ข้ามขั้นแฟนไปได้เลย



                เด็กน้อยเอ้ย



                จะทำให้หลงกันไปถึงไหนหะ



                ไทม์เก็บข้าวของของเด็กงอแงก่อนจะปิดไฟ แล้วเดินตามเด็กน้อยไป พอเห็นไอ้การนอนคลุมโปงหนีเขาก็นึกเอ็นดูไปกันใหญ่ ตอนอ้อนก็ว่าน่ารักจนแทบจะใจอ่อน แต่ตอนงอแงนี่น่ารักกว่า แก้มพองเชียว ร่างสูงตามขึ้นไปบนเตียง เสียงหายใจสม่ำเสมอบ่งบอกว่าก้อนกลมๆของเขาหลับสนิทไปแล้ว ผ่านไปแค่แปปเดียวเอง



                สงสัยจะง่วงจริงจัง



                 เขายิ้มเอ็นดูก่อนจะค่อยเปิดผ้าห่มออก เดี๋ยวก็หายใจไม่ออกกันพอดี น้องนอนเช้ามาหลายวัน ไม่ใช่แค่เพราะอ่านไม่ทันแต่เจ้าตัวนอนไม่ค่อยหลับต่างหาก แถมยังกินน้อยลง จนเริ่มผอม ตัวก็แค่นี้ เขาต้องย้ำบ่อยๆให้กินข้าวให้หมด หานู่นนี่มาให้กิน เวลาอยู่กับเขาก็กินเยอะอยู่หรอก แต่ก่อเกียรติสายสืบจำเป็นก็ยังรายงานว่าน้องหมวยกินน้อยอยู่ดี



                มือหนาลูบผมนิ่มไปมา เรื่องครอบครัวคงยังกระทบอยู่ไม่น้อยสินะ ถึงไม่ได้ร้องไห้ ยังยิ้มสดใส แต่เจ้าตัวก็คงยังเครียดอยู่ดี แต่อย่างน้อยวันนี้เด็กน้อยของเขาก็หลับสนิท ไม่ขมวดคิ้ว ไม่ตื่นมากลางดึกเหมือนทุกทีแล้ว



                คนตัวโตแย่งผ้าห่มจากคนตัวเล็ก ก่อนจะสอดตัวไปในผ้าห่มผืนเดียวกัน หอมแก้มนุ่มนิ่มของน้องพร้อมดึงเจ้าตัวมากอด



                “ฝันดีครับ”

 

 

 





                “ไอ้ไทม์ เลี้ยงครับ แดกให้มันจนเลยครับน้องงงง”



                “พี่ไทม์โคตรป๋าาาาา”



                “เชี่ยปุน กูไม่ได้เลี้ยง ปากดีละมึง”



                “อ่อ เขาเก็บตังไว้ขอน้องปีหนึ่งบางคนน่ะครับ”



                อั๊ก!



                พี่ปุนโดนเฮดช็อตไปหนึ่งที ตอนนี้สาขาปรัชญาของเรากำลังถล่มร้านหมูกระทะหลังมอ แต่ส่วนใหญ่ก็มีแต่ปีหนึ่ง ปีสองนิดหน่อย กับปีสาม ปีสี่ยังสอบไม่เสร็จ เขารีเควสว่าค่อยจัดเต็มตอนบายเนียร์ทีเดียว



                “แต่มีน้องปีหนึ่งบางคนบอกพี่ว่าถ้าไม่ผ่านมีนจะมาขอพี่แต่งงาน” พี่ไทม์ที่บังคับให้ผมนั่งข้าง กระซิบใส่หูผมพร้อมติดสินบนด้วยหมูย่างหนึ่งชิ้น และกุ้งแกะแล้วสามตัว



                “งี้ถ้าผมได้เท่ามีน สถานะเราก็เท่าเดิมถูกปะ” ผมคีบหมูใส่ปากพร้อมสบตาอย่างไม่ยอมแพ้ ถึงจะเริ่มใจเต้นแรงเพราะพี่มันอยู่ใกล้เกินไปก็เถอะ



                คนเยอะนะเว้ย อย่าเบียดได้ไหม



                “เป็นศรีธนญชัยหรอเรา ไม่มีตังมาขอพี่เดี๋ยวพี่ให้ยืมก็ได้”



                “พี่ให้ผมชนะบ้างไม่ได้รึไง อย่าเบียดได้ไหม คนเยอะแยะไม่อายเขารึไง” ผมโวยวายเงียบๆ นี่ผมดุอยู่นะ แต่พี่ไทม์มันก็ยังยิ้มอยู่นั่นแหละ ไม่ได้เชื่อฟังผมเลยสักนิด ขยับมาใกล้กว่าเดิมอีก



                “ปุนๆ”



                “ว่าไงวะแชมป์”



                “กุว่าน้ำจิ้มแม่งแปลกๆวะ”



                “ทำไมวะ”



                “ตอนแรกก็เปรี้ยวนะเว้ย ตอนนี้หวานเฉยยยย”



                “ฮิ้ววววว”



                “ฮิ้ววววววววววว”



                “ฮิ้ววววววววววววววววว”



                ผมแทบจะมุดดินหนี ไม่ใช่แค่กลุ่มพี่ไทม์ แต่ปีสามแทบทั้งหมดเลยที่มันแซวผม ฮือ เขารู้เรื่องกันหมดแล้วหรอ รู้กันได้ยังงายยยยยยย



                “อุ๊ย!”



                “วินเป็นไรวะ”



                “ไอ้ไทม์เลือดออก” ทำหน้าตกใจมากด้วยนะ



                “ไหนวะๆๆ อ๋อออออออออออ”



                “ทำไมวะ”



                “ความรักมันบาดใจ เลือดไหลเป็นสีชมพูเลย”



                     “พ่าม!!!!”



                เกลียดดดดดด เข้ากันดีอะไรปานนั้น ผมไม่กล้าเงยหน้ามองใครเลย ถ้าใครถามว่าทำไมแก้มแดง ก็บอกเขาไปว่าอยู่ใกล้เตามันร้อน เลิกแซวเถอะครับ ผมอยากกินหมูต่อแล้ว



                “เลิกแซวเพื่อนผมเถอะครับ” ดีมากก่อเกียรติ ถูกแล้วที่มึงปกป้องกู เพื่อนรัก



                “.....”



                “มันสุกไปทั้งตัวแล้วครับ เดี๋ยวพี่ไทม์เขาจะนึกว่าเป็นหมู จับกินก่อนจะบรรลุนิติภาวะ ฮ่าๆๆๆ”



                “ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆ”



                “โอ้ยๆๆอย่าหยิกกุไอ้หมวย กูเจ็บ” เพื่อนชั่ว ไม่ทีมกูแล้วยังกล้าแซวกูอีกหรอออ



                “ไอ้ก่อเกียรติ ห้ามเรียกแบบนั้น คนเยอะแยะ”



                “เห้ย โทษทีวะหมวย”



                “ไอ้ก่อ”



                “พี่ๆอย่าเรียกมันว่าหมวยนะครับ”



                “หยุดนะมึง ไอ้ก่อ”



                “พี่จะไม่เรียก น้องหมวย”



                “พี่ อย่าเรียกแบบนั้น”



                “โอเค ได้เลยน้องหมวย”



                “ผมไม่คุยด้วยแล้ว!”



                ฮึ่ยยยยยย โมโห ทำไมวันนี้ผมเถียงใครไม่ชนะเลย พี่ไทม์ก็ไม่คิดจะช่วยจะแก้ตัวสักคำ นั่งยิ้ม ย่างหมูอย่างมีความสุข แล้วคือย่างให้ผม ส่วนตัวเองนั่งกระดกเบียร์ เขากินกันทั้งโต๊ะ มีผมที่ถูกห้ามอยู่คนเดียว พี่แกบอกคนเยอะ ไม่อยากให้กิน อันนี้ผมไม่เคืองอย่างน้อยเขาก็ย่างหมูให้ผม แต่คือไม่เข้าใจว่าทำไมต้องเบียดผมด้วย



                “พี่ไทม์อย่าเบียด ที่ตั้งกว้างเนี่ย”



                “หึๆแก้มแดงหมดแล้ว น้องหมวย” ไม่ได้สนใจคำพูดกู แล้วยังย้ำด้วยการเรียกน้องหมวยอีก คือผมเป็นผู้ชายไหมอะ มาเรียกน้องหมวยๆมันไม่เท่ เรียกกันแค่ชนหมู่น้อยยังโอเค แต่นี่เรียกกันจะทั้งสาขาแล้ว ผมอยากจะวาร์ปหายไปให้รู้แล้วรู้รอด



                “ทำไมวันนี้มีแต่คนแกล้งผมเนี่ย แกะกุ้งแล้ว ก็อย่าหยิกแก้มผมสิครับ”



                “ฮ่าๆๆ” หัวเราะใส่ผมอีก โมโหนะ แต่ใครจะไปโกรธลง พี่ไทม์ไม่ได้หัวเราะแบบนี้บ่อยๆซะหน่อย แต่ก็ไม่แปลกนี่เบียร์กระป๋องที่สามแล้ว คงเก๊กไม่ไหวแล้ว ผมมองพี่ไทม์อยู่นาน พยายามจดจำเสียงหัวเราะเอาไว้ เพราะมันทำให้โลกผมสดใสมากเลย



                “พี่ก็กินบ้างสิ ย่างให้ผมอยู่นั่นแหละ”



                “มือไม่ว่างเลย” ขี้อ้อนนะครับเดี๋ยวนี้



                “ทำไมคุณเวลาขี้อ้อนจังครับ” ผมพึมพำเบาๆพร้อมคีบหมูจุ่มน้ำจิ้ม



                “เรียกพี่ว่าอะไรนะครับ”



                “ไม่บอกหรอก กินเข้าไป”



                พี่ไทม์อ้าปากรับ ไม่ได้เซ้าซี้ถามต่อ แต่ท่าทางยิ้มแป้นแล้นนี่มันน่าหมั่นไส้เหลือเกิน เขามองกันทั้งโต๊ะแล้วโว้ยยยยยย เลิกยิ้มแบบนั้นซะที



                “อุ๊ย มดกัด”



                “อุ๊ย ทำไมหมูเป็นสีชมพูละเนี่ย”



                “เลิกแซวน้องได้แล้วพวกมึง” พี่ไทม์พูด แต่พวกพี่เขาก็ยังยิ้มล้อผมอยู่ดี ผมหนีก่อนดีกว่า



                “ผม ผมไปเข้าห้องน้ำก่อนนะครับ”



                    “ห้องน้ำมันไกล พี่ไปเป็นเพื่อน”



                “ผม 19 แล้วนะครับ พี่นั่งอยู่เนี่ยแหละ แกะกุ้งไปเลย เดี๋ยวมากิน”



                ฮ่อลลล ค่อยหายใจหายคอได้หน่อย อายหน่อยแต่ก็มีความสุขดีนะครับ เหมือนได้กระชิบมิตรกัน ในสาขาด้วย ผมกับก่อเกียรตินี่เหมือนพวกไม่ค่อยมีคนคบเลย ประชากรในสาขามันน้อยครับ แต่ละคนก็โลกส่วนตัวสูงกันทั้งนั้น



                ผมทำธุระเสร็จ ก็เดินออกมาจากห้องน้ำ ได้ยินเสียงคนเอะอะอยู่หลังห้องน้ำไกลๆ คือร้านมันเป็นลานเปิด  ห้องน้ำจะสร้างแยกออกมาอยู่ข้างๆลานหมูกระทะ ซึ่งแม่งไกลอยู่ ไม่แปลกที่คนในร้านจะไม่ได้ยิน เสียงเอะอะดังจนผมแน่ใจว่าคนทะเลาะกันแน่ๆ แต่คนในห้องน้ำก็ไม่มีใครสนใจ พี่ที่ล้างมือข้างๆมองหน้าผมแล้วบอกว่า



                “งี้แหละน้อง ปกติ อย่าไปยุ่งเลย พวกนี้มันชอบหาเรื่องกัน”



                “แต่ว่า....” พี่เขาเดินจากไปเฉยเลย



                ทำยังไงดี



                ผมควรจะเดินหนีไปแล้วค่อยเรียกให้คนมาช่วยดีไหม



                “แน่จริงมึงอย่าหมาหมู่ดิวะ เพื่อนกุไม่เอามึงไว้แน่”



                เพล้ง!



                “โอ้ย!”



                เสียงคนพูดมันคุ้นหูผมมาก และยิ่งตามมาด้วยเสียงขวดแตกมันก็ทำให้ผมต้องรีบวิ่งออกจากห้องน้ำไปดู ขออย่าให้เป็นคนที่ผมคิดเลย



                แต่ดูเหมือนไม่มีใครสนใจคำขอของผม



                “พีท!”



                “พี่อิณหรอ”



                ผมอึ้งและตกใจ พีทกำลังนอนอยู่บนพื้น ผู้ชายหน้าเกรี้ยวกราดสามคนยืนอยู่ มีคนนึงถือปากขวดที่แตกอยู่ สภาพพีทเรียกว่าไม่น่าจะยืนไหว ปากแตก หน้าช้ำ เลือดไหล



                “ใจเย็นๆนะครับ นี่น้องผม มีอะไรค่อยๆคุยกันนะครับ”



                “คุยกันเหี้ยไร น้องมึงมันกวนตีนพวกกู ถ้ามึงไม่อยากเจ็บตัวก็ถอยไป อย่าเสือก!” ใจดีให้โอกาสกูถอยด้วย แต่นี่น้องกูไหม ถอยไปมึงก็แทงมันตายสิวะ



                “แต่นี่น้องผม ค่อยๆเคลียร์กันดีกว่านะครับ ไม่งั้นผมคงต้องแจ้งความ”



                “อวดเก่งเหมือนน้องมึงเลยนะ”



                ผมเดินไปดึงพีทขึ้นมา แล้วขวางหน้าเอาไว้ สามคนตัวโตเดินมาหาผม ดูจากสถานการณ์แล้ว สามคนนี้ไม่น่ายอมง่ายๆ ผมสู้ไม่ได้แน่นอน ผมหนีไม่ได้ด้วยเพราะพีทเจ็บอยู่ วิ่งไม่ไหวแน่ จะตะโกนผมก็ไม่รู้ว่าจะมีใครได้ยินไหม ถ้าคนในห้องน้ำได้ยินเขาจะมาช่วยรึเปล่า แล้วก็ไม่รู้ว่าระหว่างมันเดินมาแทงผมกับคนวิ่งมาช่วยอันไหนจะเกิดก่อนกัน แต่ผมว่าอย่างหลังวะ



                “พี่หนีไปเหอะ พีทเคลียร์ได้ อย่ามายุ่งเลย”



                “เคลียร์สภาพนี้หรอพีท ยืนให้ไหวก่อนเหอะ”



                “บอกว่าอย่ามายุ่งไง” ทรงตัวก็ไม่ค่อยจะรอดอยู่แล้ว ยังจะทำเก่งอีก



                “พวกคุณต้องการอะไรละ ซ้อมน้องผมขนาดนี้ยังไม่พออีกหรอ”



                “กุจะเอามันให้ตาย หลบไปไอ้หน้าตี๋”



                ผลั๊วะ!



                    “พี่อิณ!”



                ผมถูกต่อยจนกระเด็นลงพื้น คอนกรีตขูดกับแขนผมจนเลือดซิบ สะบัดหัวอยู่สองสามที พีทถูกต่อยจนลงไปกองกับพื้นอีกแล้ว คนที่มีขวดแก้วกระชากคอพีทขึ้นมา



                ชิบหายแล้ว



                ผมรีบยันตัวลุกขึ้น วิ่งเข้าใส่พร้อมถีบยอดอกจนมันเซถอยหลัง รู้สึกเท่อยู่แปปนึง ความซวยก็มาเยือนอย่างต่อเนื่อง



ลืมไปมันมีสามคน



สองคนที่เหลือรุมผมไม่ยั้งเลยครับ ผมลงไปกองกับพื้นตั้งแต่หมัดที่สอง สี่เท้ากระหน่ำผมจนกลายเป็นคนที่เสื้อไม่ได้รีด ยับไงครับ



ผมได้เอามือป้องหน้าเอาไว้ เห็นพีทพยายามจะลุกขึ้นมาช่วยผม ไอ้ห่าเสียงเอะอะขนาดนี้ ไม่มีใครสนใจบ้างรึไงวะ มึงช่วยออกมาเสือกแล้วเรียกคนมาช่วยกูหน่อยเส้ ผมคิดว่ามีคนได้ยินแต่เขาไม่อยากมายุ่งมากกว่า



แล้วความซวยกว่าเดิมก็มาเยือนจริงๆเพราะไอ้คนที่โดนผมถีบมันคว้าปากขวด แล้วกระชากคอพีทขึ้นมา



“อย่า!!!!”

               

 

 
หัวข้อ: Re: ็Hello there ว่าไงน้องหมวย (น้องหมวยบทที่ 12 20/06/256
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 20-06-2018 02:26:07
 :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ็Hello there ว่าไงน้องหมวย (น้องหมวยบทที่ 12 20/06/256
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 20-06-2018 02:49:32
 :m16:
หัวข้อ: Re: ็Hello there ว่าไงน้องหมวย (น้องหมวยบทที่ 12 20/06/256
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 20-06-2018 08:29:28
O_O!
หัวข้อ: Re: ็Hello there ว่าไงน้องหมวย (น้องหมวยบทที่ 12 20/06/256
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 20-06-2018 09:20:38
เอาแล้วไง หาเรื่องเจ็บตัวแล้วน้องหมวย
หัวข้อ: Re: ็Hello there ว่าไงน้องหมวย (น้องหมวยบทที่ 12 20/06/256
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 20-06-2018 10:32:36
หมวย ลูกกกก

หวังว่าบ้านลุงจะไม่โบ้ยเป็นความผิดน้องอีกนะ เหอะ
หัวข้อ: Re: ็Hello there ว่าไงน้องหมวย (น้องหมวยบทที่ 12 20/06/256
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 21-06-2018 00:15:02
แล้วน้องหมวยก็ตกเป็นจำเลยของที่บ้าน   :seng2ped:
หัวข้อ: Re: ็Hello there ว่าไงน้องหมวย (น้องหมวยบทที่ 12 20/06/256
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 21-06-2018 08:38:26
น้องหมวยจะใจดีเกินไปแล้ว ตัวเองจะเอาไม่รอด ไปช่วยคนอื่นอีก  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ็Hello there ว่าไงน้องหมวย (น้องหมวยบทที่ 12 20/06/256
เริ่มหัวข้อโดย: พลอยสวย ที่ 22-06-2018 06:35:03
ตะไมใจร้ายตัดฉับแบบเนี้ย......งอล
หัวข้อ: Re: ็Hello there ว่าไงน้องหมวย (น้องหมวยบทที่ 12 20/06/256
เริ่มหัวข้อโดย: Girin ที่ 23-06-2018 01:27:04
น้องหมวยบทที่ 13
   
   “อย่า!!!”
   พีทกำลังจะถูกแทง และผมอยู่ในสภาพที่ยุ่งจัด ผมไม่มีจังหวะจะลุกขึ้นด้วยซ้ำ ทำยังไงดีวะ ใจผมเต้นแรง ผมกำลังกลัว ในเสี้ยววินาทีผมทำได้แค่ภาวนาว่าให้ใครสักคนมาช่วย ผมน่ะไม่เป็นไรหรอก แต่ไอ้พีท ผมจะปล่อยให้น้องมันตายไม่ได้
   น้องมันก็เป็นครอบครัวของผมเหมือนกัน
   พี่ไทม์....
   ใครก็ได้....


   “ไอ้เหี้ย! มึงทำอะไรน้องกู พวกมึงงงงงง เด็กไอ้ไทม์โดนรุม”


   ผมไม่เห็นหน้าเจ้าของเสียงที่เข้ามาขัด ผมจำเสียงไม่ได้ ไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร แต่ไอ้พวกนี้มันชะงักไปเลย พีทถูกทิ้งลงพื้นอีกครั้ง
   แล้วผมก็ได้เห็น อัศวินที่เข้ามาช่วยไว้ บอยแบนด์เด็กปรัชญา ยืนเรียงหน้ากระดานอยู่ห้าหกคน สายตาโคตรเกรี้ยวกราด
   เชี่ย
โคตรเท่
ผมนี่อยากลุกขึ้นปรบมือเลย
.....ไม่ใช่เวลาไหม
“กุเรียกตำรวจแล้ว พวกมึงไม่รอดแน่”
“พวกมึงเป็นใครอีกวะเนี่ย”
“ปล่อยน้องกูเดี๋ยวนี้ไอ้สัส กูเรียกพ่อมันแล้วพวกมึงตายคาตีนมันแน่”
สองคนเหนือหัวผม หยุดชะงัก ผมชาไปทั้งตัวเลย ผมสบตากับพีทที่นอนอยู่ห่างออกไป น้องมันยังปลอดภัยดี เละนิดหน่อยแต่ก็ยังไม่ตาย
“มึงสิตายก่อนกูไอ้พวกชอบเสือก” ไอ้สามคนฝ่ายข้าศึกยืนเรียงอีกครั้ง พร้อมกับพุ่งเข้าใส่ฝ่ายอัศวินที่ยืนตั้งรับอยู่ และทันใดนั้น
 วี้หว่อ วี้หว่อ วี้หว่อ
เสียงไซเรนตำรวจดังมาจากที่ไกลๆ ฝ่ายข้าศึกเลิ่กลัก หันหน้าเข้าหากันด้วยความตกใจ ตำรวจไทยมาไวว่ะรอบนี้ ผมรู้สึกภูมิใจ
“ไอ้เหี้ย ฝากไว้ก่อนเถอะพวกมึง”
“หนีไปไหนวะไอ้พวกชั่วว”
ข้าศึกสลายไปแล้ว ผมได้เห็นหน้าอัศวินชัดขึ้น เขามาช่วยพยุงผมกับพีท เขาคือพวกปีสามที่นั่งโต๊ะเดียวกับผมเมื่อกี๊ พี่ไทม์รีบวิ่งเข้ามาหาผมทันที ใบหน้าหล่อตกใจและหวาดกลัวจนผมรู้สึกผิด เขาสำรวจเนื้อตัวผม แววตาเขาวูบไหวด้วยความเป็นห่วง
“ไปโรงพยาบาลกันนะ”
ผมโดนต่อยไปสองที มุมปากช้ำนิดหน่อย แต่ถือว่ายังหล่ออยู่ ผมรู้สึกจุกๆที่ท้องตอนโดนเตะแต่เพราะผมงอตัวไว้มันเลยไม่ได้หนักอะไร วิเคราะห์แล้วสภาพโดยรวม ไม่ถึงขั้นต้องเข้าโรงพยาบาล
“แล้วตำรวจ?”
“เสียงโทรศัพท์พวกพี่เอง เราไม่เป็นไรใช่ไหม” พี่แชมป์หันมาอธิบายกับผม สายตาเขาสำรวจตัวผมด้วยความเป็นห่วง
“เสียงโทรศัพท์?”
“แผนมัน พี่เกือบจะฆ่ามันอยู่แล้ว ที่ห้ามไม่ให้พี่ออกมาช่วยเรา” พี่ไทม์หันหน้ามาพูดกับผม
“หมายความว่าไงครับ?”
“ไปโรงพยาบาลก่อน”
“ผมไม่เป็นไรพี่ เรารีบพาพีทไปโรงพยาบาลก่อนนะ” ผมเดินไปหาพีทที่มีพี่คนนึงช่วยพยุงอยู่ สภาพพีทหนักกว่าผม เอาจริงๆตอนนี้ผมไม่รู้สึกเจ็บเลย ผมห่วงพีท ใจผมยังเต้นรัวจากเหตุการณ์เมื่อครู่ คนๆนึงเกือบจะตายต่อหน้าผม พี่ไทม์ดูหงุดหงิดที่ผมไม่ห่วงตัวเอง เขาหันไปพูดอะไรสักอย่างกับเพื่อน
“พีท ไหวไหม ทนไว้ก่อนนะ” เขาเริ่มทรงตัวไม่อยู่แล้ว ผมกำลังจะเข้าไปช่วยพยุงเขา แต่พี่ไทม์คว้าแขนผมไว้ก่อน เขาดูหงุดหงิด แต่ยังพยายามใจเย็นตอนที่พูดกับผม
“เราไปกับพี่ ส่วนพีทเดี๋ยวให้ไปรถแชมป์”
“แต่ว่า...”
“พี่จะโกรธจริงๆนะถ้าน้องยังดื้อกับพี่ มานี่” พี่ไทม์พูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง เขากำลังดุผม
ผมหันไปมองพีทอีกครั้ง ก่อนจะเดินไปตามแรงจูงของพี่ไทม์ ผมห่วงพีทแต่ผมก็ไม่อยากให้พี่ไทม์โมโห เอาจริงๆเหมือนสติผมไม่อยู่กับตัวเท่าไหร่ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามาอยู่บนรถตอนไหน
ผมหันไปมองหน้าคนขับ สีหน้าเรียบเฉยบอกผมว่าเขาโมโหอยู่แต่กำลังพยายามใจเย็น
“ผมขอโทษ แต่ผมห่วงพีท เขาเป็นลูกของลุงกับป้า เขาเป็นน้องผม”
“พี่รู้แล้ว เจ็บตรงไหนบ้าง” เสียงเขาอ่อนลง และนั่นทำให้ผมรู้สึกผิดเข้าไปใหญ่ ผมทำให้พี่มันเป็นห่วงอีกแล้ว
“ผมไม่เป็น...”
“พี่โกรธนะ เมื่อไหร่จะเลิกบอกว่าไม่เป็นไรสักที พี่มันพึ่งพาไม่ได้ใช่ไหม เราถึงต้องโกหกน่ะ” น้ำเสียงเรียบเฉย พร้อมสายตาตัดพ้อที่มองผม ทำให้ผมต้องรีบคว้ามือข้างที่ว่างของคนขับมาจับไว้
“ไม่ใช่ ไม่ใช่แบบนั้น ผมไม่เป็นอะไรจริงๆ มันก็อาจจะช้ำๆนิดหน่อย แต่ผมโอเคจริงๆนะ อย่าโกรธเลยนะ นะพี่ ผมขอโทษครับ” ผมรีบแก้ตัว บีบมือพี่มันไปมาด้วยความรู้สึกผิด แต่ว่าผมโอเคจริงๆ ผมไม่ได้โกหก พี่ไทม์ทำหน้าเอือมระอาก่อนจะสอดประสานนิ้วมือเข้ากับมือผม
“เฮ้อ โอเค ไม่เป็นอะไรก็ไม่เป็นไร แต่ยังไงก็ต้องไปหาหมอ ตกลงไหม?”
“ตกลงครับ”
“ดีมาก ว่าง่ายๆหน่อยเราน่ะ พี่ใจหายมากเลยนะรู้ไหม” พี่ไทม์ยกยิ้มบางๆ เขากระชับมือให้แน่นขึ้น ผมใช้มืออีกข้างจับมือของเขาไว้ มือพี่ไทม์ใหญ่กว่ามือผม นิ้วเขาเรียวยาว
“ผมขอโทษ แต่ผมไม่เจ็บเลย นี่เห็นไหม มีแผลแค่ตรงนี้กับตรงนี้เอง” ผมชี้ไปที่มุมปากกับแขนที่ถลอก พยายามทำเสียงร่าเริง หนักกว่านี้ก็เคยเจอมาแล้ว ที่ไม่เคยเจอน่ะคือคนที่ห่วงขนาดนี้ต่างหากและผมไม่อยากทำให้เขาเสียใจ ผมสัมผัสได้ว่าพี่มันใจหายขนาดไหน เพราะถ้าคนที่นอนขดตรงนั้นเป็นพี่มัน ผมก็คงจะใจหายแล้วก็ห่วงมากๆเหมือนกัน
“ส่วนตรงนี้ ช้ำนิดหน่อย ไม่อยากจะคุย ตอนมัธยมผมกับเดอะแก๊งเจอหนักกว่านี้อีก สี่ต่อสิบเลยนะพี่ แค่นี้เด็กๆ โถว่” ผมเลิกเสื้อขึ้น มันช้ำนิดหน่อย แต่ค่อนข้างจุก ผมยิ้มพร้อมเขย่ามือพี่ไทม์ไปด้วย พี่ไทม์ยิ้มเอือมใส่ผมเหมือนไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่ โห นี่ไม่ได้โกหกนะ สี่ต่อสิบนี่ชนะมาใสๆ บรรยากาศดีขึ้นกว่าเมื่อกี้อย่างเห็นได้ชัด
“เด็กขี้โม้ พูดมากไม่เจ็บปากรึไง”
“โอ๊ะ อย่าจิ้มสิ มันเจ็บนะพี่!”
“ไหนเมื่อกี๊บอกไม่เป็นไรไง”
“พี่ไทม์...” ผมพูดเสียงอ่อนพร้อมทำสีหน้าเจ็บปวด พี่ไทม์ทำหน้าตกใจหันมาหาผม
“ว่าไง เจ็บตรงไหนรึเปล่า”
“ผมเสียดายกุ้งอะ ยังกินหมูไม่อิ่มเลยด้วย”
“....”
ผมโดนตบหัวเฉยเลย
   




   พี่ไทม์เล่าให้ผมฟังว่า พวกเพื่อนเขาลุกไปเข้าห้องน้ำกัน แล้วอยู่ๆก็มีคนนึงวิ่งมาหาเขาบอกว่าผมโดนรุม พวกกลุ่มพี่ไทม์เลยรีบวิ่งมาแต่พี่แชมป์ก็บอกให้หลบก่อน รอดูสถานการณ์ก่อน พี่แชมป์เสริมว่าเขาเกือบตายตอนที่ห้ามไม่ให้พี่ไทม์ออกมา แล้วเขาอธิบายเพิ่มว่า พวกเพื่อนเขามันออกไปรับหน้ากันห้าหกคนแล้ว ถ้าสู้กันยังไงก็ชนะ แต่ถ้าพวกนั้นมันเอาผมมาขู่ แถมอีกฝ่ายมีอาวุธด้วย ยังไงก็เสียเปรียบ แผนตำรวจปลอมเลยกำเนิดขึ้น
   พี่แชมป์บอกว่า โชคดีจริงๆที่โทรศัพท์รุ่นนี้ลำโพงแม่งดังมาก เขาเดินออกไปเปิดให้ได้ยินจากไกลๆเพื่อความเนียน ถ้าเปิดใกล้ๆเดี๋ยวจะโดนจับได้ว่าเป็นเสียงโทรศัพท์
   ผมนี่ลุกขึ้นปรบมือเลย เด็กสิลสาดเราฉลาดของแท้ครับ
   รู้สึกภูมิใจ
   หลังจากนั้นพี่วินก็อยู่ดูแลพวกที่เหลือที่ร้าน เดี๋ยวจะตกใจไปกันใหญ่ พี่แชมป์ขับรถพาพีทไป ส่วนผมไปกับพี่ไทม์ พอถึงโรงพยาบาล ผมไม่ได้เป็นอะไรอย่างที่คิดไว้ ก็แค่ช้ำๆตามตัว ส่วนพีทรายนั้นเยินไปทั้งตัว ผมอยากให้เขานอนโรงพยาบาลแต่เจ้าตัวก็ยืนยันว่าจะไม่แอดมิทเด็ดขาด หมอบอกว่าไม่เป็นไรแค่อาจจะมีไข้ พี่ไทม์เลยเสนอให้พีทมาค้างด้วยกันที่ห้องก่อนคืนนี้ ตอนแรกผมจะพาพีทไปที่ห้องผม แต่พี่ไทม์ไม่ยอมท่าเดียว
   พีทหลับตลอดทางจนพี่แชมป์กับพี่ไทม์ต้องช่วยกันแบกขึ้นห้อง ผมเลยยังไม่มีโอกาสได้คุยกับเขา กะว่าเช้าคงจะได้คุยกัน
   แก๊ก
   พี่ไทม์เปิดประตูเข้ามาพร้อมกับถุงอะไรสักอย่างในมือ
   “เป็นไงบ้าง”
   “ไข้ขึ้นครับ ผมให้เขากินยาแล้ว เดี๋ยวจะเช็ดตัวให้”
   “หิวไหม พี่ให้ปุนซื้อข้าวมาให้” เขาพูดแล้ววางถุงไว้บนโต๊ะกินข้าว
   “ผมยังไม่ค่อยหิวเลย พี่ไทม์หิวรึเปล่า”
   “ไม่หิวหรอก อาบน้ำแล้วหรอ พี่มีฟูกกับผ้าห่มอยู่ในตู้ เอาออกมาปูเลยก็ได้ ดึกแล้ว” เพราะเราสละเตียงให้กับพีทไปแล้ว พี่ไทม์ไม่ยอมนอนกับพีทแน่ๆและเขาก็คงไม่ยอมให้ผมนอนเหมือนกัน คืนนี้คงต้องแบ่งกันนอนฟูกกับโซฟา
   “โอเค งั้นพี่นอนโซฟา ผมนอนฟูกนะ” ผมพูดแล้วเดินไปเปิดตู้ หยิบฟูกกับผ้าห่มที่ว่า
   “ใครบอกว่าพี่จะนอนโซฟา วันนี้เราทำพี่โกรธนะ มาให้นอนกอดซะดีๆ” พูดจบก็เดินเข้าห้องน้ำไปเลย น่าหมั่นไส้จริงๆเลย
   ผมเช็ดตัวให้พีท ไข้เขาขึ้นสูง แน่นอนพี่ไทม์เป็นคนเปลี่ยนเสื้อผ้า มีก็มีเหมือนๆกันยังจะมาหึงอีก ผมพึ่งเรียนรู้ว่าเขาเป็นคนขี้หึงเหมือนกัน ผมเก็บข้าวใส่ตู้เย็นก่อนจะปิดไฟ พี่ไทม์ดึงผมไปกอดเหมือนทุกคืน ผมแทบจะจมไปกับอกเขา
   ผมดีใจจริงๆที่มีเขาอยู่ตรงนี้
   ผมกอดเขาแน่นเหมือนกลัวว่าเขาจะหายไป เพราะความเหนื่อยล้า เลยทำให้ผมหลับได้อย่างง่ายดาย





   เสียงดังกุกกัก ทำให้ผมสะดุ้งตื่น ห้องน้ำเปิดไฟอยู่ พี่ไทม์ยังหลับสนิท ผมค่อยๆแกะมือเขาออกก่อนจะเดินไปทางห้องน้ำ พีทเดินสวนออกมาพอดี
   “หิวรึเปล่า”
   “พีทไม่หิว”
   พีทพูดเสียงเบาก่อนจะเดินผ่านผมไปที่เตียง เรามักจะเป็นกันอย่างนี้เสมอ เมินกันเอง เพราะเรื่องบาดหมางของผมกับเขา จากที่ไม่สนิทกันก็ยิ่งไม่สนิทกันเข้าไปอีก แต่เพราะเขาเป็นน้อง เดือดร้อนยังไงผมก็ต้องช่วย เขาเองก็คอยช่วยผมเวลาที่พ่อเขาว่าผม
   ผมเดินไปหาพีท อังมือที่หน้าผาก ไข้ลดแล้วแต่ก็ยังร้อนอยู่ นี่ตีสามแล้ว ผมควรเปลี่ยนเจลลดไข้
   “ลุกขึ้นมาเปลี่ยนเจลลดไข้ก่อนค่อยนอน” พีทลุกขึ้นนั่งอย่างว่าง่าย ผมไม่ได้เปิดไฟ อาศัยแสงจากข้างนอกที่ลอดเข้ามา ผมหยิบเจลลดไข้อันใหม่แล้วแปะให้บนหน้าผากคนตรงหน้า
   “พี่เจ็บรึเปล่า” เขาพูดเสียงเบา ถือเป็นสถานการณ์ที่แปลกใหม่ เราไม่ได้นั่งคุยกันแบบนี้มานานมากแล้ว ผมจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเราคุยกันดีๆครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่
   “ไม่เจ็บหรอก นอนเถอะ ดึกแล้ว พรุ่งนี้เช้าค่อยคุยกัน” ดูท่าเด็กตรงหน้าผมคงจะไม่ยอมนอนง่ายๆเขายังนั่งมองมือตัวเอง เหมือนเด็กกำลังรู้สึกผิด
   “พี่ยังไม่ได้บอกลุงกับป้า ไม่ต้องคิดมาก นอนได้แล้ว เดี๋ยวจะไม่หาย”
   “พีทจำไม่ได้แล้วว่าคุยกับพี่ดีๆครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่”
   “.....”
   “พี่คงเกลียดพีท พีทขอโทษ ขอโทษเรื่องคราวนั้น ขอโทษที่ทำให้เจ็บ ขอโทษทุกเรื่อง พีทขอโทษจริงๆ” พีทสูงกว่าผม ตัวโตกว่าผม แต่ตอนนี้เขากำลังร้องไห้ ไม่มีเสียงสะอื้นออกมา แต่ไหล่เขากำลังสั่น
   “พี่ไม่ได้เกลียดพีท พี่แค่โกรธ พีทไม่สบายอยู่ พีทต้องนอนพักนะ”
   “พีทขอโทษ พีทขอโทษที่ต้องให้พี่มาช่วยเวลาพ่อโมโห พีทขอโทษที่ทำให้พี่เจ็บตัว พีทขอโทษที่พีทช่วยพี่ไม่ได้” ผมว่าคงเป็นเพราะพิษไข้ พีทถึงได้ระบายออกมาพร้อมน้ำตา ผมดึงเด็กตัวโตมากอด ลูบหลังไปมา อีกฝ่ายเอาแต่พึมพำขอโทษผม
   “ผมต้องทำยังไงพี่ถึงจะยกโทษให้ผม ผมยอม ยอมหมดทุกอย่างเลย พี่จะให้ผมทำอะไรก็ได้”
   ผมพึ่งได้สัมผัสการเป็นพี่ชาย สิ่งที่เขาทำกับผม ผมโกรธมากและคิดว่าคงไม่ยกโทษให้ง่ายๆ แต่พอน้องมาขอโทษผม ร้องไห้กับผม มันทำให้ผมใจอ่อนและผมก็ได้รับรู้ว่าเขาเองก็เจ็บปวดเหมือนๆกันทั้งเรื่องของผมเรื่องของครอบครัว เขาก็เป็นแค่เด็กคนนึงที่ไม่รู้จะหันหน้าไปหาใคร เพราะผมเองก็เดินหนีเขา
   ผมจับไหล่เขาให้มองหน้ากัน พีทเป็นคนหน้าตาดีและมันดูน่ารักที่เด็กตัวโตร้องไห้งอแง
   “โอเค ถ้าพีทไม่ยอมนอน งั้นเรามาคุยกัน พีทอยากให้พี่ยกโทษให้ใช่ไหม งั้นพี่ก็มีเรื่องที่อยากให้พีททำเพื่อเป็นการไถ่โทษ”
   “.....”
   “พี่อยากให้พีทกลับไปตั้งใจเรียน กลับไปหาครอบครัว”
   “พี่อยากให้พีทกลับไปทั้งๆที่เขาทำร้ายพีทเหรอ พี่ก็เห็นว่าเขาเป็นยังไง แผลพวกนี้ไม่ใช่แค่ไอ้พวกนั้นที่ทำ พี่เดาได้ใช่ไหมว่าใครทำ? แล้วพี่ยังจะให้พีทกลับไปหาคนแบบนั้นอีกเหรอ”
   “.....”
   “เขาบังคับให้พีทเป็นสิ่งที่พีทไม่อยากเป็น เขาไม่สนใจด้วยซ้ำว่าพีทจะรู้สึกยังไง” พีทสะอื้นหนักกว่าเก่า น้ำตาเขายังไหลออกมาเรื่อยๆ ความเครียดและความกดดันระเบิดออกมา ผมคิดคงน้อยไปที่ขอให้เขาทำยังนั้น ผมเอื้อมมือไปลูบหัวปลอบเขา
   “พี่รู้ แต่ที่พีททำอยู่มันก็ไม่ถูก พีทกำลังหนีปัญหา พีทกำลังหนีจากทุกอย่าง พี่ไม่อยากให้พีทหนีอีกแล้ว”
   “....”
   “มาเผชิญหน้าด้วยกันนะพีท พี่จะอยู่ข้างพีทเอง เรามาทำให้ครอบครัวพีทกลับมาเป็นเหมือนเดิมนะ”
   “ทำไมไม่ใช่ครอบครัวเรา”
   “เรื่องของพี่กับแม่พี่แล้วก็พ่อแม่พีท มันต้องใช้เวลา อาจจะใช้เวลานานมากๆหรือบางทีมันอาจจะเป็นไปไม่ได้ แต่ถ้าครอบครัวพีทมีความสุข แม่พี่ก็จะมีความสุข”
   “.....”
   “พี่เองก็ต้องพิสูจน์ตัวเองให้ได้เหมือนกัน พีท คนเราทำผิดพลาดกันได้ พ่อพีทเขาก็กำลังทำผิดพลาดอยู่เหมือนกัน ลองให้โอกาสเขาอีกครั้งนะ ให้โอกาสครอบครัวได้แก้ตัว พวกเขารักพีทมากนะ พี่รู้ว่าพีทก็รู้”
   “.....”
   “พีทมีครอบครัว พีทต้องรักษามันให้ดี ตอนนี้มันยังไม่สาย อย่าให้มันพังเหมือนที่ครอบครัวพี่เคยพัง ถ้าพีททำได้ พี่จะยกโทษให้ ไม่แน่นะ ลุงกับป้าก็อาจจะเข้าใจพี่ แล้วก็ยอมรับพี่เหมือนกัน พี่จะช่วยพีทแก้ไข พีทจะไม่ต้องรู้สึกตัวคนเดียวอีก พี่ขอโทษที่ทอดทิ้งพีทมาตลอด เชื่อพี่นะ เรามาพยายามด้วยกันนะ”
   “พวกเขาน่าจะได้รู้นะ ว่าพี่รักพวกเขามากขนาดนี้”
   ผมกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่ได้ ผมพูดทุกอย่างออกมา และพีทยอมฟังผมง่ายๆ นั่นทำให้ผมดีใจจนร้องไห้ ตลอดเวลาที่ผ่านมา เราเมินเฉยกันมาตลอด ผมรู้สึกดีใจจริงๆที่เขายอมฟัง เพราะเขาเองก็โดนทำร้ายมาตลอด ผมเลยไม่คิดว่าเขาจะยอมฟังกันง่ายๆ ผมแปลกใจตัวเองเหมือนกันที่ผมยอมทำขนาดนี้
   แต่เพราะมันขึ้นชื่อว่าครอบครัว
   เวลาที่ย้อนกลับไม่ได้
   ถ้าวันนึงที่ครอบครัวของเราพัง เราจะไม่มีวันซ่อมมันได้
   แผลที่มาจากครอบครัว มันจะไม่มีวันรักษาหาย
   ผมคิดว่าแม่รักผม อย่างน้อยเขาก็ต้องรักบ้าง เขาเลี้ยงผม ดูแลผม เขาเอาเงินเดือนตัวเองมาจ่ายค่าเทอมผม ถึงเขาจะพูดจาร้ายๆใส่ผมแต่เขาก็ยังเป็นคนที่หายาให้เวลาผมไม่สบายอยู่ดี เขาอาจไม่ใช่แม่ที่ดี แต่ผมจะยอมเชื่อสักครั้งว่าเขาเป็นแม่ที่รักผม
   และผมจะทำให้เขารู้ว่าเขาคิดถูกที่เลือกเก็บผมไว้ และเลี้ยงผมมา
   ผมจะสู้ไปกับน้อง อย่างน้อยผมก็ไม่ได้สู้คนเดียวจริงไหมครับ ผมคว้าตัวพีทมากอดอีกครั้ง เขายังร้องไห้จนไหล่ผมเปียก เขายังเด็กน้อยอยู่จริงๆนั่นแหละ
   “เลิกหนีนะพีท อย่าทิ้งครอบครัวของตัวเอง”
   ผมถือว่าการกอดตอบจากเขาเป็นการตกลง ผมลูบหัวลูบหลังกอดปลอบเด็กงอแงจนหลับ หวังว่าเช้าเขาจะไม่ลืมนะ เพราะผมอุตส่าห์พูดไปตั้งเยอะ ผมดันพีทนอนแล้วห่มผ้าให้ และตอนที่ผมกำลังจะลุกกลับไปนอนที่ ผมเห็นพี่ไทม์นั่งอยู่เขายิ้มให้ผม และใต้แสงน้อยๆจากหน้าต่าง เขาดูหล่อมาก ผมเดินเข้าไปและซุกตัวกอดเขา
   “เก่งมาก น้องหมวยของพี่ทำดีแล้วนะ”
   ผมชอบอ้อมกอดนี้ มันเป็นกอดที่อบอุ่นจริงๆ




เราอ่านทุกคอมเม้นเลย ขอบคุณทุกคนจริงๆนะคะ

ขอบคุณสำหรับการอ่าน การติดตาม

เราเขียนนานมากเลย

อยู่ด้วยกันถึงตอนจบเลยนะคะ♥
หัวข้อ: Re: ็Hello there ว่าไงน้องหมวย (น้องหมวยบทที่ 13 23/06/2561)
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 23-06-2018 06:47:03
้น้องหมวยแม่งคนดีมาก ฮือออออ  :m15:
หัวข้อ: Re: ็Hello there ว่าไงน้องหมวย (น้องหมวยบทที่ 13 23/06/2561)
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 23-06-2018 07:46:38
น้องหมวยเข้มแข็งมากกก เอาใจช่วยนะคะ
หัวข้อ: Re: ็Hello there ว่าไงน้องหมวย (น้องหมวยบทที่ 13 23/06/2561)
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 23-06-2018 08:08:45
ชอบจ้า  ติดตามค่ะ
หัวข้อ: Re: ็Hello there ว่าไงน้องหมวย (น้องหมวยบทที่ 13 23/06/2561)
เริ่มหัวข้อโดย: พลอยสวย ที่ 23-06-2018 10:05:42
Fcพร้อมโอนพี่ไทม์
หัวข้อ: Re: ็Hello there ว่าไงน้องหมวย (น้องหมวยบทที่ 13 23/06/2561)
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 23-06-2018 10:13:08
น้องหมวยน่าร้ากกก
หัวข้อ: Re: ็Hello there ว่าไงน้องหมวย (น้องหมวยบทที่ 13 23/06/2561)
เริ่มหัวข้อโดย: panpang ที่ 23-06-2018 10:17:35
สู้ๆนะ
หัวข้อ: Re: ็Hello there ว่าไงน้องหมวย (น้องหมวยบทที่ 13 23/06/2561)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 23-06-2018 10:27:17
 :mew2: :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: ็Hello there ว่าไงน้องหมวย (น้องหมวยบทที่ 13 23/06/2561)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 23-06-2018 12:02:09
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ็Hello there ว่าไงน้องหมวย (น้องหมวยบทที่ 13 23/06/2561)
เริ่มหัวข้อโดย: Girin ที่ 30-06-2018 07:49:26
น้องหมวยบทที่ 14
   
   เช้าที่ไม่ต้องเร่งรีบ อากาศเย็นสบาย แสงอาทิตย์อ่อนๆส่องลอดผ่านหน้าต่าง  ทำให้ร่างสูงเห็นคนในอ้อมกอดชัดเจน หน้าขาวๆแก้มกลมใส รับกันดีกับตาสระอิของน้อง แผลมุมปากไม่ได้ทำให้คนตรงหน้าดูดีน้อยลง จมูกรั้นๆคลอเคลียอยู่ไม่ห่าง ตื่นนานแล้ว แต่ไม่อยากลุกไปไหนเพราะอยากนอนมองคนในอ้อมแขนนานๆ มองเท่าไหร่ก็ไม่เคยพอสักที
   เมื่อวานเป็นวันที่หนักหนาพอสมควร เด็กน้อยของเขาพึ่งได้นอนไม่กี่ชั่วโมง เขาเลยไม่คิดจะรีบปลุกอีกฝ่ายนัก ตัวก็แค่นี้แต่กลับต้องแบกรับอะไรไว้มากมาย แต่เพราะน้องเป็นผู้ชายและมันเป็นเรื่องภายในครอบครัว เขาทำอะไรไม่ได้นอกจากอยู่ข้างๆ คอยซัพพอร์ท คอยดูแล คอยให้กำลังใจ ถ้าน้องผ่านมันไปได้ มันจะทำให้อีกฝ่ายโตขึ้น
   คนตัวสูงก้มลงหอมแก้มนิ่มที่เขาชอบ อีกฝ่ายส่งเสียงคราง พยายามหันหนีสิ่งรบกวน เขาเผลอทำสิ่งที่คุ้นเคยจนลืมไปว่าไม่ได้อยู่ในห้องกันสองคน เขาเหลือบมองน้องชายของเด็กน้อย
พีทยังหลับอยู่
   ไทม์อาศัยช่วงที่สองพี่น้องยังหลับ ลุกขึ้นเสียงเบา อาบน้ำแต่งตัว ก่อนจะหยิบกระเป๋าตังค์กับโทรศัพท์ออกไปซื้อข้าวเช้า
   เหมือนเป็นพ่อกำลังไปซื้อข้าวกลับมาให้ลูกๆที่บ้านยังไงไม่รู้
   “ตื่นละหรอ นั่งก่อนสิ พี่ซื้อโจ๊กมาให้”
   “ขอบคุณครับ”
   พีทออกมาจากห้องน้ำพอดีกับที่เจ้าของห้องเปิดประตูเข้ามาพร้อมถุงอาหารในมือ
   “พี่กับพี่อิณเป็นแฟนกันหรอครับ?” พีทเงยหน้ามองอีกฝ่ายที่วางชามโจ๊กตรงหน้าเขา คำถามตรงไปตรงมาทำให้เจ้าของห้องชะงักเล็กน้อย พร้อมยกยิ้มมุมปาก
   “ยัง จีบอยู่” คนอายุมากกว่าตอบคำถาม แล้วทรุดนั่งลงฝั่งตรงข้าม
   “คิดว่าไง”
   “คิดอะไรครับ?” พีทเอ่ยถามพร้อมตักโจ๊กขึ้นเป่า
   “พี่ไม่รู้ว่าตอนนี้เรารับเรื่องนี้ได้มากน้อยแค่ไหน พี่ได้ยินที่เราคุยกันเมื่อคืน ถ้าอยากให้ครอบครัวเข้าใจเรื่องของพี่กับพี่ชายเรา พี่ก็อยากรู้ว่าพีทยอมรับเรื่องนี้ได้แค่ไหน”
   น้ำเสียงจริงจัง รอยยิ้มที่เหมือนจะใจดีแต่สายตากลับเรียบเฉย ทำให้พีทรับรู้ได้ว่าคนตรงหน้าไม่ได้ไว้ใจเขานัก การถามคำถามแบบไม่อ้อมค้อมเหมือนเป็นการยั่งเชิงว่าเขาจะตอบแบบจริงใจรึเปล่า
   “จริงๆผมรับได้นานแล้ว เพื่อนผมมันก็คบกับผู้ชายด้วยกันหลายคน ผมขี้ขลาดเองที่ไม่กล้าขอโทษทั้งที่ตัวเองผิด” พีทแสดงความรู้สึกผิดผ่านสีหน้าและน้ำเสียง เขาอยากขอโทษจากใจจริงๆเขาอยากลบตะกอนความผิดที่มันกัดกินเขามาเป็นปี
   “ดีแล้ว พี่แค่อยากแน่ใจว่าที่น้องพี่ทุ่มเทไปมันคุ้มรึเปล่า”
   “ผมเข้าใจ” ฝ่ายตรงข้ามส่งยิ้มจริงใจมาให้เขาก็เริ่มวางใจ เพราะเขาสัมผัสได้ว่า รุ่นพี่ที่ตามจีบพี่เขาคนนี้ ไม่ธรรมดา ท่าทางใจดีที่เห็นดูจะมีให้แค่พี่อิณคนเดียวซะมากกว่า เขาเป็นแค่ส่วนเกินที่ได้รับการเผื่อแผ่ความใจดีเพราะเป็นน้องชาย
   “แล้วเป็นไงบ้าง ยังปวดหัวอยู่ไหม”
   “นิดหน่อยครับ”
   “กินเสร็จแล้วก็ไปกินยา จะกลับเลยรึเปล่า”
   “ผมคงรอพี่อิณตื่นก่อนค่อยกลับ”
   “อืม” ความเงียบก่อตัวขึ้น มันเป็นความอึดอัดที่เขาไม่รู้จะชวนคุยอะไรดี เอาตรงๆคือว่าที่อนาคตพี่เขยเขาน่ากลัวใช้ได้ ถึงจะตัวพอๆกัน แต่อีกคนดูจะแผ่รังสีน่ากลัวออกมามากกว่า พวกเขานั่งทานโจ๊กกันเงียบๆจนได้ยินเสียงคลุกคลักตรงโซฟา พี่ชายขี้เซาคงจะตื่นแล้ว
   “ผมได้กลิ่นโจ๊ก”
   “ตื่นมาก็นึกถึงของกินก่อนเลยหรอ” คนพึ่งตื่นมุ่ยหน้าทันทีที่พี่ไทม์ทัก แต่เขาก็ตื่นเพราะกลิ่นโจ๊กจริงๆนั่นแหละ ก็มันหอม
   พีทสะดุ้งเมื่อฝ่ามือนุ่มๆของพี่ชายวางบนหน้าผากเขาเบาๆ พยักหน้าพอใจ ก่อนจะเดินไปเทโจ๊กมานั่งกินข้างๆเขา บรรยากาศอึดอัดหายไปทันที จะไม่หายได้ไง ก็ว่าที่พี่เขยเล่นมองตามคนเดินไปมาด้วยรอยยิ้มพิมพ์ใจแบบสุดๆ แม้ว่าอีกฝ่ายจะหัวฟู ตายังลืมไม่ขึ้น ฟันยังไม่แปรง เผลอๆน่าจะมีคราบน้ำลายด้วย
   อืม เป็นเช้าที่สวยงามจริงๆ
   “จะกลับบ้านเลยไหม กลับสภาพนี้ไม่โดนด่าหรอ”
   “เขาชินแล้ว เขาแค่ด่าพีทแหละ คงไม่ลงไม้ลงมือหรอก”
   “พี่มีคอนซีลเลอร์ เอาไปใช้ซะ แล้วก็ใส่แมสด้วย จะได้เนียนๆ”
   “กินให้หมดก่อนค่อยพูด พีทมันไม่ไปไหนหรอก โตแล้วทำตัวเลอะเทอะ ไม่อายน้องมันเหรอ” ร่างสูงยิ้มเอ็นดู เขาเอื้อมมือไปเช็ดมุมปากให้เด็กน้อย แต่อีกคนกลับมองตาขวางแล้วพยายามหันหนี
   “ผมเช็ดเองน่า”
   “มีคราบน้ำลายด้วยวะน้องหมวย” ไทม์พูดกลั้วหัวเราะ
   “เฮ้ย อย่าเรียกแบบนั้นดิพี่ น้องผมนั่งอยู่นะ ไม่เท่เลย”
   “ตัวแค่นี้ยังจะเท่อีกหรอเรา” พีทนั่งมองอนาคตสามีภรรยาหยอกเย้าไปมาท่ามกลางยามเช้าอันสดใส เหม็นความรักอยู่หรอก แต่มันก็น่ารักดี เขาระบายยิ้มออกมาอย่างห้ามไม่ได้ บรรยายกาศฟรุ้งฟริ้งนี่มันอะไรกัน
   “พีท ได้ยินพี่ปะเนี่ย”
   “หะ ว่าไงนะ” กำลังมองทะเลาะกันเพลินๆเลย
   “พี่มีแผน แต่พี่ต้องการข้อมูล พี่รู้แค่ว่าลุงอยากให้พีทเรียนหมอ หรือไม่ก็พวกทันตะอะไรแบบนี้ใช่ไหม” น้ำเสียงจริงจังของพี่ชาย ทำให้บรรยากาศสีชมพูหายไปจนพีทนึกเสียดาย
   “ใช่ ป้าข้างบ้านมาโม้ไว้ ว่าลูกติดหมอ  พีทเลยซวยไปด้วย”
   “ยัยป้านี่น่าจุดไฟเผาบ้านชะมัด แล้วจริงๆพีทอยากเรียนอะไร คิดไว้รึยัง”
   “วิศวะคอม แต่พีทอ่อนอังกฤษ จริงๆถึงไปเที่ยวเล่น พีทก็ไม่ได้ทิ้งเรื่องเรียนนะ แค่ไอ้ที่พ่อให้เรียนพิเศษพีทไม่ได้ใช้เท่านั้นเอง”
   “เคยลองคุยกับพ่อรึยัง ว่าอยากเรียนวิศวะ”
   “เคยแล้ว เขาไม่ยอม”
   “ตาลุงนี่โคตรหัวโบราณเลย เขาจะรู้ไหมว่าทุกอย่างมันยากเพราะเขาคนเดียว”
   “พี่ว่าลองไปคุยอีกทีดีไหม คุยให้เห็นว่าเราชอบเราตั้งใจ พี่ว่าพ่อพีทอาจจะยอมฟัง” คนอายุมากที่สุดบนโต๊ะเสนอ
   “ลองแล้ว แต่เขาหัวแข็งเกินไป”
   “งั้นเอางี้ พวกคอร์สเรียนพิเศษ ถ้าพีทไม่เรียนแล้วก็เอาไปขายต่อหรือไม่ก็ปล่อยไว้งั้นแหละ ถ้าลุงกับป้าถามก็บอกว่าที่เรียนมันไม่ดี อ่านเองดีกว่า แล้วพีทก็ตั้งใจอ่านหนังสือซะ เรื่องกินเรื่องเที่ยวก็หยุดไปก่อน สอบให้ติดก่อน เราต้องทำให้เขาเห็นว่าเราตั้งใจ เรื่องเรียนพิเศษ ถ้าเขาเห็นว่าพีทตั้งใจอ่านหนังสือเอง ถึงไม่ไปเรียนเขาก็คงไม่ว่าอะไรหรอก อย่างมากก็อาจจะแค่บ่นๆ”
   “พีทจะพยายาม แต่ประเด็นคือพีทไม่อยากอยู่บ้าน พี่เข้าใจใช่ปะ”
   “เข้าใจ แต่อยากให้ทนไปก่อน พอเขาตายใจ เห็นว่าพีทดีขึ้น ค่อยมาอ่านที่หอพี่ก็ได้ แต่พีทต้องเปิดใจนะ พี่ว่าแม่พีทน่าจะเข้าใจแล้วก็เข้าข้างพีทแหละ คุยกับเขาบ่อยๆให้ความใกล้ชิดมันทำให้เขาเปิดใจรับฟัง  เขารักพีทเชื่อสิ พี่รู้พีททำได้”
   “สรุปคือพีทต้องตั้งใจเรียน อันนี้ไม่น่ายาก ไอ้ที่ยากคือตีสนิทกับแม่ แปลกเหมือนกันนะ พีทจำไม่ได้แล้วว่าแต่ก่อนเป็นยังไงตอนที่พ่อไม่เอาแต่ตีพีท หรือตอนที่แม่ไม่เอาแต่ว่าพีท” เรื่องแย่ๆที่เกิดขึ้นมันทำให้เขาหลงลืมว่าความสุขที่เคยมีมันเป็นยังไง จำไม่ได้แล้วว่าเรื่องแย่ๆพวกนี้มันเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ รู้อีกทีมันก็หนักหนาจนแก้ไขอะไรไม่ทันแล้ว
   แต่บางทีอาจจะทัน แค่ยังไม่เคยลอง
   มันยังมีหวังเสมอหากมีใครสักคนยืนหยัดต่อสู้เพื่อมัน
   ขอยืมคำคมจากวิล เทอร์เนอร์หน่อยเถอะ รู้สึกว่าอารมณ์ตอนนี้มันได้
   “ทุกอย่างต้องดีขึ้น  ถ้าได้แม่พีทมาเป็นพวกเดียวกันเมื่อไหร่ อะไรๆมันก็คงง่ายขึ้นแล้วละ”
   “พีทจะพยายามแต่มันคงต้องใช้เวลา พีทว่าแค่ตั้งใจเรียนกับเป็นเด็กดีนี่ไม่น่าจะพอนะ เราต้องใช้คะแนนความสงสารด้วย อ่านหนังสือจนป่วยเลยดีไหม”
   “จะดีเหรอ พี่ไม่อยากให้พีทป่วยเลยนะ เอาเป็นร้องไห้ แบบว่าเครียดมากดีไหม”
   “แบบนั้นก็เข้าท่านะ”
   “แล้วพอพีทเริ่มได้คุยกับแม่ เราค่อยใส่ดราม่าหนักๆว่าเรียนหมอไม่ไหว ไม่ชอบชีวะ อยากเรียนวิศวะเพราะชอบคณิตศาสตร์มากกว่าไรงี้ แล้วเดี๋ยวพอพีทร้องไห้มากๆแม่พีทเขาก็ไปบอกลุงเองแหละ”
   “โอเคเลย โห พี่นี่เก่งจริงๆ เราน่าจะร่วมมือกันตั้งนานแล้วเนอะ”
   “ใช่ๆ”
พูดไปตักโจ๊กเข้าปากไป การวางแผนผนึกครอบครัวของสองพี่น้องกลางโต๊ะอาหาร ยิ่งฟังก็ยิ่งดู เหมือนแผนร้ายมากกว่า เจ้าเล่ห์ทั้งพี่ทั้งน้อง ไทม์มองเห็นทั้งความสุขและความซุกซนในแววตาของน้อง  บรรยากาศการคุยสนุกสนานจนเขาไม่อยากขัด นี่ไม่ได้คุยกันนานจริงหรอ เข้ากันดีเป็นปี่เป็นขลุ่ยขนาดนี้ เขาฟังเพลินจนบางทีก็อดยิ้มไม่ได้กับแผนการอ๊องๆของเด็กซน
“ลองเอาตามนี้ก่อน ถ้าสถานการณ์มันดีขึ้นยังไง เราค่อยคุยกันอีกที”
“ได้”
“แล้วก็อีกเรื่องที่พี่อยากให้พีทช่วย”
“เรื่องอะไร?”
“เรื่องแม่พี่... พี่อยากให้พีทดูแลเขาช่วงที่พี่อยู่ไม่อยู่ พี่ยังไม่อยากเข้าไปที่บ้านในระหว่างการปฏิบัติการแผนของเรา”
ปฏิบัติการเลยหรอพี่?
“พี่อาจจะฝากของไปให้บ้าง พีทก็ช่วยส่งข่าวให้พี่บ้าง คอยเล่าเรื่องพี่ให้เขาฟัง บอกเขาบ่อยๆว่าพี่เป็นคนดีแล้วก็ขยันแค่ไหน พี่ก็จะทำให้เขาเห็นด้วยแต่มันติดตรงที่เขาไม่มาดูแล้วเราก็ไม่ได้คุยกันเลยด้วย พี่เลยอยากให้พีทพูดแทน”
“ได้เลย เดี๋ยวพีทจะช่วยตะล่อมแม่พี่เอง”
พีทตอบพลางกลั้วหัวเราะ แววตาของพี่ชายเขาหม่นลงทันทีที่พูดเรื่องแม่ เขาไม่ชอบเลย ก็พี่ชายเขาเป็นคนน่ารัก ถึงจะดูเอ๋อๆไปบ้าง เขาก็ยังชอบแววตาสดใสมากกว่า มันเศร้ามามากพอแล้ว
“ดีมากน้องชาย”
“แน่นอนอยู่แล้ว”
“...”
“พี่อิณ”
“หืม?”
“คือ....”
“คือ?”
“....”
“....”
“พีทรักพี่นะ  ขอบคุณที่กลับมาดีกัน”

คลั่กๆ

แย่แล้ว โจ๊กแม่งพุ่ง

“เฮ้อน้องหมวย พี่กำลังซึ้งเลย เรานี่มันเด็กเด๋อจริงๆ เลอะเทอะอยู่คนเดียว”
พีทได้แต่หัวเราะเสียงดัง พร้อมยื่นน้ำให้พี่ชาย ว่าที่พี่เขยของเขาส่ายหน้าระอา ถอนหายใจ แต่ก็ยังหยิบทิชชู่มาเช็ดปากให้ คนเลอะเทอะยังไอค่อกแค่กจนหน้าแดง
   ช่างเป็นเช้าที่สดใสจริงๆ
   เหมือนเป็นสัญญาณว่าสิ่งดีๆกำลังมา
ขอบคุณจริงๆที่ยอมให้อภัยกัน

    





   
   หลายวันมานี้ผมมีความสุขจนตัวเบา ยิ้มง่าย หัวเราะง่าย จนก่อเกียรติมันด่าว่า มึงเป็นบ้าเหรอ ทำไมอะ ก็ผมมีความสุขของผม หลังจากวันนั้น ผมกับพี่ไทม์ก็ไปส่งพีทที่ท่ารถ พีทไม่ยอมให้ไปส่งที่บ้านเพราะเดี๋ยวมันจะน่าสงสัยเกินไป ผมให้เขาปิดรอยแผลแล้วก็ใส่แมสปิดปากเรียบร้อย รับรองว่าเนียน แล้วผมก็ยังกำชับเขาด้วยว่าให้ดูแลตัวเองดีๆแล้วก็อย่าขาดการติดต่อ
   ผมรู้สึกดีจริงๆกับการเป็นพี่ชาย เหมือนผมมีอำนาจ แบบว่าเป็นผู้นำคนอื่นเขา รู้สึกพราวยังไงไม่รู้ ถึงจะสำลักโจ๊กต่อหน้าน้องมันก็เถอะ
   แหม มันเป็นอุบัติเหตุไหมละ
   แผนการ คัมแบคมายแฟมิลี่ ยังคงปฏิบัติการอยู่ พีทยังทำหน้าที่ได้ดีอย่างต่อเนื่อง แต่การตะล่อมมันต้องใช้เวลา ซึ่งผมกับพีทยังติดต่อแลกเปลี่ยนข่าวคราวกันอยู่เสมอ
   ชีวิตผมเป็นสีชมพูมุ้งมิ้งมากช่วงนี้  ผมได้ทุนที่พี่ไทม์แนะนำให้สมัครไป เป็นทุนที่โคตรดี ให้ทั้งค่าเทอม ค่าใช้จ่ายเกี่ยวเนื่องที่จ่ายค่าหอให้ผม แล้วยังค่ายังชีพเดือนละ 2000  ผมดีใจมากเลยตอนที่เขาประกาศ แสดงว่าเรียงความที่ผมเขียนไปต้องดีมากแน่ๆ แต่เงื่อนไขคือผมต้องประพฤติดีและได้เกรด 3.25 ขึ้นไป นี่แหละที่ทำให้ผมอยากร้องไห้ขึ้นมา แค่ถึงสามผมว่าผมก็แทบแย่แล้วนะ แล้วสามกว่านี่จะรอดหรอวะ
   ส่วนงาน ผมได้งานร้านชาบูหน้ามอ ทำวันเสาร์-อาทิตย์ ร้านเปิดสิบเอ็ดโมงถึงสี่ทุ่ม ค่าแรงปกติ งานไม่หนักด้วย โคตรโชคดีเลย ผมว่าผมต้องใช้บุญหมดแล้วแน่ๆเลย ผมควรรีบเข้าวัดทำบุญเพิ่ม
   แต่ยังมีเรื่องนึงที่ผมยังปวดหัวกับมันอยู่
   ก็เงื่อนไขที่ผมเคยทำไว้กับวิชาเจ้าปัญหา ว่าถ้าผมผ่านมีน ผมต้องขอพี่ไทม์เป็นแฟน
   และแน่นอนครับ
   ไม่ใช่แค่ผ่าน
   แต่เกือบเต็มเลยต่างหาก
   อยู่ๆก็เป็นคนที่โด่งดังและมีเพื่อนอยากคบเฉยเลย ทั้งที่ปกติก็ตัวติดกับก่อเกียรติอยู่สองคน วิชานี้คนผ่านมีนน้อยมาก จริงๆพวกเขาควรเกลียดผมนะ เพราะผมดึงมีน เอาเป็นว่าช่างมันเถอะ
   พี่มันไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้กับผมเลย เหมือนเขาจะรอให้ผมพูดขึ้นมาเอง ทั้งที่เราเจอกันทุกวัน ผมกลับมาซ้อมกีฬาเหมือนเดิมและพี่มันก็มารอไปส่งผมที่หอเหมือนเดิม บางทีเราก็ไปกินข้าวกลางวันด้วยกัน บางทีพี่มันก็ไปรับผมตอนเช้า
   และผมอยากจะรักษาสัญญา ผมต้องขอพี่มันเป็นแฟน
   แต่ยังไงละ?
   โอเค

   แผนแรก
   ชวนไปกินชาบู แล้วเอาผักบุ้งมาเรียงว่าเป็นแฟนกันไหม? อืม แต่ผมว่านอกจากจะไม่โรแมนติกแล้ว มันยังดูเอ๋อไปหน่อยๆนะ ไม่เอาอันนี้ไม่เวิร์ค

   แผนสอง
   หรือผมควรเรียงด้วยเบคอนวะ ทำไมมีแต่ของกินเนี่ย
ไม่เอา!!!

   แผนสาม
   พูดไปตรงๆเลยดีไหม แต่ผมว่าผมเขินอะ หรือจะขอตอนมืดๆ จะได้ไม่เห็นว่าผมทำหน้ายังไง อาจจะใช้ปากกาเรืองแสงมาเขียนข้อความ
   เรืองแสงหรอ?
   ใช่แล้ว
ผมคิดแผนออกแล้ว แต่ปัญหาคือผมต้องใช้เวลาเตรียมการ แล้วผมต้องให้พี่มันมาค้างกับผม หรือไม่ผมก็ต้องไปค้างกับพี่มัน งานนี้ผมต้องการคนช่วย
   “คิดอะไรอยู่ ทำไมมองหน้าพี่แบบนั้น”
   “หะ เปล่านี่ ผมไม่ได้คิดอะไร”
   พี่ไทม์ทักขึ้นเพราะผมใช้ความคิดจนเผลอจ้องหน้าพี่มันนานเกินไป นี่เป็นอีกวันที่พี่ไทม์มาส่งผมหลังจากซ้อมกีฬาเสร็จ ตอนนี้ก็สองทุ่มกว่าแล้ว
   “วันเสาร์พี่ไปไหนรึเปล่า”
   “วันเสาร์หรอ พี่ว่าจะไปซื้อของใช้ที่ห้าง กลับมานอน แล้วก็เลยไปรับเราที่ร้าน”
   “พี่เก๋บอกว่าจะวันเสาร์จะเปิดร้านถึงหกโมง เขาจะไปธุระ ผมอยากกินทับทิมกรอบฝีมือพี่ ขอไปค้างด้วยได้รึเปล่า”
   ผมเริ่มปฏิบัติการทันทีที่ร่างทุกอย่างในหัวเสร็จ ผมใช้ทับทิมกรอบเป็นข้ออ้าง เพราะมีวันนึงที่อยู่ๆพี่มันก็นึกอยากอวดทับทิมกรอบสูตรแม่ตัวเอง เลยซื้อของมาทำให้ผมกิน และปรากฏว่ามันอร่อยมาก จะมีพิรุธก็แต่ผมที่จู่ๆก็ขอไปค้างด้วยนี่แหละ
   “หืม? แปลกๆนะเรา อยู่ๆขอมาค้างกับพี่ มีแผนอะไรรึเปล่าเนี่ย”
   “ไม่มี๊ ไม่มี ไม่มี จะมีได้ยังไง ไม่มีแผนอะไรเลยยย”
   “แน่ใจ?”
   “ไม่อยากให้ผมไปค้างเหรอ” มุขนี้ได้ผมตลอด
   “มาสิ ไม่ได้ว่าอะไร อยากให้มาบ่อยๆด้วยซ้ำ”
   พี่ไทม์ยิ้มให้ผม ผมพยายามทำหน้าแตกตื่นให้น้อยที่สุด มึงจะฉลาดไปละพี่ ผมถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ทันทีที่ถึงหอ บอกลาคนลาคนขับเสร็จสรรพก็เดินขึ้นห้อง
   งานนี้ต้องมีผู้ช่วย และผมต้องติดต่อเขา
   จะใครละ ถ้าไม่ใช่ก่อเกียรติเพื่อนรัก







   วันเสาร์มาถึงเร็วเกินคาด ผมหวั่นใจว่าแผนจะล่มรึเปล่า แผนของผมสำเร็จไปเกินครึ่งแล้ว ตอนนี้ผมกำลังรอพี่ไทม์มารับไปที่ห้องของเขา ผมเดินไปเปิดประตูรถทันทีที่เข้าจอด
   “วันนี้ดูตื่นเต้นนะ มีอะไรรึเปล่า”
   “ไม่มี ผมแค่อยากกินทับทิมกรอบมากๆเท่านั้นเอง”
   “อ่อเหรอ”
   “ช่าย ลีลาวะพี่ ออกรถเลยเร็วๆๆๆ” ผมว่าผมไม่มีพิรุธนะ
   เรามาถึงห้องพี่ไทม์ภายในเวลาไม่กี่นาที ทุกอย่างยังเหมือนเดิม พี่ไทม์ต้องเซอร์ไพร์มากแน่ๆ ผมอดใจรอเห็นสีหน้าอึ้งๆของเขาไม่ไหวแล้ว งานนี้เขาต้องตั้งตัวไม่ทันแน่ๆ
   “คิกๆ”
   “อยากกินขนาดนั้นเลยหรอ”
   “ใช่แล้ว พี่รีบๆไขประตูซะทีสิ”
   “ครับๆน้องหมวย”
   ผมเผลอหัวเราะในใจดังไปหน่อย แต่วินาทีตื่นเต้นมันอยู่ตรงนี้ ผมรีบแทรกตัวเข้าไปทันทีที่พี่มันเปิดประตู และเป็นคนเปิดไฟเองก่อนที่พี่มันจะทันเข้ามา พี่ไทม์ทำหน้างงนิดๆแต่ก็ไม่ได้ถามอะไร ผมสำรวจห้องและพบว่าทุกอย่างเป็นไปตามแผน
   เรานั่งกินข้าวเย็นที่ซื้อเข้ามา ผมเก็บชามล้างเรียบร้อยก่อนที่พี่ไทม์จะไล่ผมไปอาบน้ำ ส่วนเขาก็ทำทับทิมกรอบชิวๆ  สถานการณ์ยังถือว่าปกติ ไม่น่าสงสัย ผมนี่เนียนเก่งจริงๆเลย
   ระหว่างรอพี่ไทม์อาบน้ำ ผมก็ตักทับทิมกรอบหอมๆมานั่งรอพี่มันหน้าทีวี เรานั่งกินด้วยกัน พูดคุยกันเหมือนทุกๆวัน เป็นความธรรมดาที่ผมรู้สึกพิเศษ
   “มีอีกคนที่เขาอยากให้น้องไปช่วยกินทับทิมกรอบฝีมือเขาหน่อย”
   “ใครหรอ?”
   “แม่พี่”
   แม่พี่? คือชวนไปเจอพ่อแม่ถูกมั้ย ผมได้แต่หน้าแดงและไม่รู้จะตอบยังไง พ่อแม่พี่มันรู้เรื่องผมแล้วหรอ แล้วเขารับได้หรอ
   “แม่พี่ เขารู้เรื่องของเราหรอ”
   “รู้ พี่เล่าให้ฟังบ่อย” พี่มันพูดด้วยท่าทีสบายๆ พร้อมตักขนมเข้าปาก แต่ผมนี่เกร็งไปทั้งตัวแล้ว
   “แล้วเขาโอเคหรอ”
   “โอเค พวกเขาอยากเจอน้องนะ เขาอยากเห็นว่าเราน่ารักเหมือนในรูปรึเปล่า”
   จริงใจแค่ไหนเรียกจริงจัง พาไปเจอที่บ้านขนาดนี้ ไม่จริงจังก็บ้าแล้ว ผมได้แต่หน้าร้อน ก้มหน้าก้มตากินขนม พี่มันก็เอาแต่ยิ้ม จ้า รู้แล้วว่ามีความสุข หมั่นไส้โว้ย เดี๋ยวเหอะ เดี๋ยวคืนนี้อึ้งแน่
   “ผมก็อยากกินทับทิมกรอบฝีมือแม่พี่เหมือนกัน”
   ถ้าเขาอยากเจอผมก็จะเจอ ผมอยากรู้เหมือนกันว่าครอบครัวแบบไหนที่เลี้ยงให้พี่มันกลายเป็นคนดีแล้วก็อบอุ่นได้ขนาดนี้
   “ทับทิมกรอบพี่อาจจะสู้แม่ไม่ได้ แต่พี่มั่นใจว่าพี่อร่อยกว่าทับทิมกรอบแน่นอน”
    หันมาทำตาวาววับ แจกอ้อยใส่ผมเสร็จ ก็ยื่นหน้าเข้าจุ๊บไวๆที่มุมปากผม ผมเบิกตากว้าง จะอ้าปากด่าก็ไม่ได้เพราะขนมเต็มปาก
   อะ ไอ้พี่ไทม์
   “กินเลอะเทอะตลอดนะเรา หึ”
   “เช็ดธรรมดาก็ได้ไหมครับ” พี่มันหัวเราะพอใจที่เห็นผมมองค้อนใส่ เดี๋ยวนี้ถึงเนื้อถึงตัวตลอด เดี๋ยวหอม เดี๋ยวกอด สกินชิพตลอดเวลาที่อยู่กันสองคน
   “ครอบครัวพี่เป็นยังไงหรอ”
   “ที่บ้านพี่หรอ พ่อกับแม่พี่เป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย แต่พวกท่านเกษียรแล้ว มีรับจ๊อบสอนนอกเวลาบ้าง แต่ส่วนใหญ่ก็เห็นจะหนีไปเที่ยวกันสองคนมากกว่า พี่มีพี่สาวอีกคน อายุห่างกัน 7 ปี เรียนจบแล้ว ทำงานแล้ว แต่งงานแล้ว มีน้องแล้วด้วย”
   “....” ฟังดูอบอุ่นจังแหะ
   “เป็นน้องผู้หญิง สามขวบแล้ว ชื่อน้องแพร น่ารักมากเลย เวลากลับบ้านพี่ก็จะซื้อขนมเค้กไปฝากประจำ ตัวนิดเดียวแต่อ้อนเก่ง กินเก่ง  แก้มกลมเหมือนเราเลยรู้ไหม ตาก็ตี่เหมือนกันเลย”
   “แก้มผมไม่เห็นจะกลมตรงไหนเลย”
   “มันก็กลมตรงนี้แหละ ฮ่าๆ  บ้านพี่ต้องชอบน้องมากแน่ๆ เชื่อสิ เพราะเราหน้าเหมือนน้องแพรเลย พี่ชักอยากเห็นเวลาอยู่ด้วยกันแล้วสิ”
   “ผมหน้าเหมือนน้องสามขวบตรงไหนเนี่ยยย น้องเขาเป็นผู้หญิงนะพี่”
   “เอาน่า เดี๋ยวเจอกันก็รู้เอง รีบไปบ้านพี่เร็วๆสิครับ”
   ทำตาวาวใส่ผม แถมยังพูดเพราะๆอีกต่างหาก เป็นสกิลการอ้อนอย่างนึงของเขาเลย อ้อนแบบอาศัยความหล่อของตัวเอง
   “งั้นพี่สอนผมทำทับทิมกรอบบ้างได้ไหม ผมอยากทำไปฝากแม่ เดี๋ยวให้พีทเอาไปให้”
   “ได้อยู่แล้วคนเก่ง”
   เขาขยี้หัวผม ก่อนจะลุกขึ้นเอาชามไปเก็บ ผมเข้าห้องน้ำไปแปรงฟัน เปลี่ยนคอนแทคเลนส์เป็นแว่นตา พอออกมาผมก็ไล่พี่ไทม์ให้ไปแปรงฟัน ตอนนี้สามทุ่มกว่าแล้ว จู่ๆก็รู้สึกระทึกตึกตัก ใจมันเต้น
   ผมพยายามทำตัวปกติ ไม่ทำใจเต้นเสียงดังจนเกินไป ไม่หน้าแดงจนเกินไป เล่นมือถือรอบนเตียงอย่างเนียนๆ ปกติเวลามาค้างด้วยกันเราสองคนไม่ได้ชอบดูละครหรือดูทีวีสักเท่าไหร่ ส่วนใหญ่เราชอบนอนคุยกันมากกว่า เล่าเรื่องนู้นเรื่องนี้ไปเรื่อย บางทีพี่มันก็นอนกอดผมเฉยๆ ง่วงเมื่อไหร่ก็หลับเมื่อนั้น มันเลยเหมือนเข้านอนทั้งที่ยังไม่ดึกเท่าไหร่ แต่ผมชอบแหะ แค่ได้ใช้เวลาด้วยกันมันก็เพียงพอแล้ว
   เหล่าสมาชิกผู้ร่วมแผนการของผม ส่งข้อความเข้ากลุ่มไลน์มาถามความคืบหน้าของแผนการ ผมตอบไปว่า วินาทีไคล์แมกซ์กำลังมาถึงแล้ว ผู้ร่วมขบวนการอวยพรให้ผมกันใหญ่ พวกเขาดูดีใจที่พี่ไทม์จะได้ออกเรือนแล้ว  ผมกดปิดโทรศัพท์ ยกผ้าห่มขึ้นคลุมโปง ใจผมเต้นตึกตัก ทั้งๆที่ผมไม่ต้องมีบทพูดด้วยซ้ำ แต่มันก็เขิน พี่มันจะทำหน้ายังไง จะตกใจไหม จะเขินรึเปล่า นี่ถ้ามันปฏิเสธผมขึ้นมานี่มีฮานะบอกเลย
   เสียงเตียงยวบข้างๆทำให้ผมรู้ว่าเจ้าของห้องมาถึงแล้ว
   เอาวะ
   ใจกล้าๆหน่อย
   ก็แค่ปิดไฟเอง
   “ผมปิดไฟเลยนะ”
   “ทำไมหน้าแดง ไม่มีอะไรแน่หรอ พี่ว่าเราแปลกๆนะ ไม่สบายรึเปล่าครับ?”
   พี่ไทม์มองผมด้วยท่าทีเป็นห่วง ผมเม้มปากแน่น ความแตกตอนจะเฉลยนี่ขำไม่ออกเลยนะครับ อุตส่าห์วางแผนมา ผมว่าผมต้องพูดบิ้วก่อนวะ มันถึงจะแบบโรแมนติกอะ ผมอยากเห็นคนเขิน
   “จริงๆก็มี”
   “....” พี่ไทม์เลิกคิ้วข้างนึง มองผม
   “ผมแค่อยากจะบอกว่า ขอบคุณนะครับ ทับทิมกรอบอร่อยมาก ขอบคุณที่จำผมได้ ขอบคุณที่มาชอบคนแบบผม”
   “....”
   “ขอบคุณที่อยู่ข้างๆ คอยดูแลกันมาตลอด ไม่บ่นเลย”
   “....”
   “ผมดีใจที่ได้เจอพี่”
   “....”
   “ผมชอบพี่มากนะครับ คุณเวลาของผม”
   ผมดับไฟทันทีที่พูดจบ พี่ไทม์ยังมองหน้าผมอยู่ ตอนนี้แววตาของเขามันสะท้อนกับแสงจากหน้าต่าง จนเหมือนเป็นดวงดาวท่ามกลางห้องมืดๆ ผมเห็นสีหน้าเขาไม่ชัด แต่มั่นใจว่าเขาอึ้งอยู่ แสงจากเพดานห้องทำให้พี่ไทม์เงยหน้าขึ้นไปมอง
   ‘เป็นแฟนกันนะ’
   เป็นประโยคที่ผมสร้างขึ้นจะดาวเรืองแสงหลายดวง มันเรียงกันเป็นข้อความอยู่บนเพดานห้อง มันสว่างมากๆและดูสวยจริงๆในเวลานี้ ความเงียบในห้องทำให้ผมได้ยินเสียงหัวใจชัดเจน
   มันดังเป็นจังหวะเดียวกัน
   ผมนึกเสียดายที่ปิดไฟ ผมอยากเห็นว่าพี่มันหน้าแดงอยู่รึเปล่า อยากเห็นหน้าชัดๆ เขากำลังดีใจอยู่รึเปล่านะ
   “อะ เอ่อ ผมไม่ได้แค่ผ่านมีนด้วยนะ ผมได้เกือบเต็มเลยต่างหาก” ผมพูดเสียงตะกุกตะกัก เรียกความสนใจจากคนข้างๆ หน้าหล่อๆหันมามองผม
   “ดาวสวยดีนะครับ มาทำไว้ตอนไหนเนี่ย แต่ว่า...”
   “....”
   “พี่อ่านไม่ออกเลย พูดให้ฟังหน่อยได้ไหมครับ”
   ผมเม้มปากแน่น อายุเท่าไหร่แล้วอ่านภาษาไทยไม่ออก มันน่าตีจริงๆเลย คนขี้แกล้งกระตุกยิ้มทันทีที่เห็นผมนั่งนิ่ง ใครจะรู้ว่ามามุกนี้
   “อ๊ะ”
   พี่มันรั้งผมไปกอดจนผมขึ้นไปนั่งบนตักมัน เอาเข้าไป จะเอาให้ผมระเบิดหายไปเลยใช่ไหม ห้องมันเงียบจนผมได้ยินเสียงหายใจพี่มัน ผมกัดปากอย่างทำใจ ยังไงก็ต้องพูดใช่ไหม
   อุตส่าห์ทำแผนหวังจะเห็นคนเขิน ไหงกลายมาเป็นเสียเปรียบซะเองวะเนี่ย ทำเป็นข้อความมาก็กะว่าไม่ต้องพูด แล้วมันกลายเป็นแบบนี้ได้ยังไงวะเนี่ยยย
   “ปะ เป็น...”
   “ว่าไงครับ?” อย่าพูดเพราะให้เสียสมาธิได้ไหมเล่า
   “เป็นแฟนกันไหมครับ?”
   ผมมั่นใจว่าเห็นพี่มันยิ้มกว้าง ความสุขมากมายแสดงออกมาผ่านดาวนับล้านในดวงตา ถือว่าครั้งนี้เสมอกัน ไม่เห็นหน้าตอนเขิน แต่ยิ้มกว้างขนาดนี้ก็โอเค
   มีความสุขขนาดนี้ก็ดีใจแล้ว
   ก่อนที่โลกของผมจะเบลอ แว่นของผมถูกกระชากออกไป ผมได้ยินเสียงมันหล่นอยู่สักที่ในห้อง
   นั่นแว่นกู ไม่อ่อนโยนเลยวะพี่
   แล้วในจังหวะนั้น ไม่มีคำตอบออกจากปากพี่มัน มีแต่ริมฝีปากที่ประทับลงมา จูบของเราร้อนแรงอย่างเห็นได้ชัด เมื่อสถานะของเราปรับเปลี่ยน เรียกได้ว่าคุณจะเห็นความต่างได้ชัดเจน จากนั่งตักตอนนี้พี่มันคร่อมผมอยู่ข้างบนแล้ว ผมได้แต่หอบหายใจรับจูบอยู่บนเตียง พี่ไทม์เว้นช่วงให้ผมหายใจและกดริมฝีปากลงมาซ้ำๆ
   สอดลิ้นเข้ามาทันทีที่ผมเผยอปาก สำรวจทุกอย่าง ตักตวงความหวานจากผมอย่างโหยหา ผมพึ่งรู้สึกว่าที่ผ่านมาพี่มันอ่อนโยนให้ผมก็วันนี้ เขากัดริมฝีปากล่างของผมจนผมได้กลิ่นคาวเลือด มือหนาสอดเข้าไปใต้เสื้อผม ลูบไล้ไปมาจนผมเริ่มรู้สึกกลัว ผมแอ่นตัวไปตามอารมณ์ รับทุกสัมผัสจากพี่มันแบบกล้าๆกลัวๆ
     เสื้อของผมหลุดออกไปแล้ว พี่ไทม์ประกบจูบผมอีกครั้ง ก่อนจะซุกไปที่ซอกคอ ขบเม้นเบาๆจนมัน  เป็นรอย จูบย้ำซ้ำๆจนผมรู้สึกร้อนผ่าว  มือของผมคงเกะกะจนพี่มันขัดใจ มันสบตาผมก่อนจะรวบข้อมือผมไว้ด้วยมือเดียว แล้วจับไว้เหนือหัว ท่านี้มันจะอีโรติกไปแล้ว ทำไมต้องเกิดมาตัวเล็กกว่ามันด้วยวะ
   “อ๊ะ”
    ผมสะดุ้งทันทีที่ ริมฝีปากคนตัวสูงเริ่มไล้ไปตามแผ่นอก ขบเม้นยอดอกจนผมส่งเสียงน่าอาย ผมได้แต่กัดปากกลั้นเอาไว้ ขบเสร็จก็ไม่พอ ยังจะใช้ลิ้นเลียจนรอบ เรี่ยวแรงผมเหือดหายไปหมดแล้ว
    ผมว่าผมจะตายแล้ว
   ขณะที่ริมฝีปากทำหน้าที่อยู่บนอกผม มืออีกข้างเริ่มเลื่อนต่ำกว่าสะดือ จนผมหายใจติดขัด มัน มันจะไกลเกินไปแล้ว
   “ยะ อย่า....”








***********
ฮึ่ยยยย จะได้กันไหมนะ
โหย เราขอขอบคุณนักอ่านทุกๆคนเลย ขอบคุณสำหรับการติดตาม ทุกกำลังใจ และทุกคอมเม้นเลยนะคะ
รักทุกคน♥
   
   
หัวข้อ: Re: ็Hello there ว่าไงน้องหมวย (น้องหมวยบทที่ 14 30/06/2561
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 30-06-2018 10:34:52
น้าน......ไวเชียว
หัวข้อ: Re: ็Hello there ว่าไงน้องหมวย (น้องหมวยบทที่ 14 30/06/2561
เริ่มหัวข้อโดย: catka12 ที่ 30-06-2018 13:13:42
 :hao6:  :hao6:  :hao6:
หัวข้อ: Re: ็Hello there ว่าไงน้องหมวย (น้องหมวยบทที่ 14 30/06/2561
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 30-06-2018 15:11:16
สู้ๆนะ
หัวข้อ: Re: ็Hello there ว่าไงน้องหมวย (น้องหมวยบทที่ 14 30/06/2561
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 30-06-2018 17:10:34
จะรอดไหมน๊าาาา อิอิ
หัวข้อ: Re: ็Hello there ว่าไงน้องหมวย (น้องหมวยบทที่ 14 30/06/2561
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 30-06-2018 17:46:20
อ่านะ อิอิ  มาตัดจบซะได้
หัวข้อ: Re: ็Hello there ว่าไงน้องหมวย (น้องหมวยบทที่ 14 30/06/2561
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 30-06-2018 18:04:28
ค้างงงงงงงงงงง   :z3: :z3: :z3:
ปฏิบัติการขอเป็นแฟนกับพี่ไทม์ได้ผลเกินร้อย+

พี่ไทม์ อิณ    :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ็Hello there ว่าไงน้องหมวย (น้องหมวยบทที่ 14 30/06/2561
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 30-06-2018 19:42:53
เหมือนคนพี่รอเวลานี้มานานเนอะ แหมมมมมม
หัวข้อ: Re: ็Hello there ว่าไงน้องหมวย (น้องหมวยบทที่ 14 30/06/2561
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 30-06-2018 19:54:06
อีพี่เวลา พึ่งเป็นแฟนกันจะกินน้องหมวยละ คริคริ
หัวข้อ: Re: ็Hello there ว่าไงน้องหมวย (น้องหมวยบทที่ 14 30/06/2561
เริ่มหัวข้อโดย: patchylove ที่ 30-06-2018 19:54:35
 :hao6: แหมมมมม
หัวข้อ: Re: ็Hello there ว่าไงน้องหมวย (น้องหมวยบทที่ 14 30/06/2561
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 01-07-2018 00:53:47
ตัดแบบนี้เลยเหรอ?
หัวข้อ: Re: ็Hello there ว่าไงน้องหมวย (น้องหมวยบทที่ 14 30/06/2561
เริ่มหัวข้อโดย: Girin ที่ 07-07-2018 23:55:28






น้องหมวยบทที่ 15

   แฟนผมฉลองการเป็นแฟนวันแรกด้วยฉากอีโรติก แฟนกันยังไม่ถึงวันก็คิดจะข้ามขั้นเป็นสามีเลยทีเดียว พี่มันไม่ใช่แฟนคนแรกของผมก็จริง แต่บทบาทเร่าร้อนมันทำให้สมองผมว่างเปล่า ก็เคยแต่คิสกันใสๆอะ  ผมเลยไม่มีวิธีรับมือกับพี่ไทม์เวอร์ชั่นคนหื่น  ได้แต่นอนหอบหายใจเป็นผัก
   สิ้นเสียงคำสั่งห้ามของผม คนตัวโตมันก็ยังไม่ได้สติ สายตาผมพร่ามัว แว่นผมคงตกอยู่สักที่ในห้อง สมองของผมขาวโพลน รับรู้แค่มือหนาๆมันไล้ไปมาอยู่ทั่วตัว มือของผมเป็นอิสระตอนไหนไม่รู้ แต่ตอนนี้เหตุการณ์มันเริ่มจะไปไกลแล้ว
   แฟนวันเดียวของผม
   มันกำลังจะเปิดเกมใต้สะดือแล้ว
   ฉิบหาย......
   ผมตั้งสติคว้ามือพี่มันไว้ก่อนที่มันจะโดนอะไรๆของผม ส่วนอีกมือ...
   แป๊ะ!!
   จัดเฮดช็อตไปหนึ่งที เสียงดังลั่นห้อง พี่มันเงยหน้ามองผมแล้วทำหน้าเหลอหลา เราสองคนชะงักข้างอยู่ประมาณห้านาที พี่ไทม์เป็นคนได้สติก่อน เขาลุกนั่งแล้วลูบหน้าลูบตาอยู่สองสามที ก่อนจะเปิดไฟแล้วเดินไปหยิบแว่นให้ผม
   แม่งตกอยู่หน้าประตู แถมยังมีสภาพพิการ ขาหักไปข้างนึง
   ผมรับแว่นมาใส่ ควานหาเสื้อมาสวม พี่มันยืนเกาคอแก้เก้อ หน้าแดงหูแดงไม่ต่างจากผม เราตกอยู่ในสถานการณ์กระอักกระอ่วน มือไม้ดูเกะกะไปหมด ผมยังงงๆอยู่ ไม่รู้ว่าควรจะกลัว ควรจะอาย หรือควรจะขอโทษดี เมื่อกี้ผมตบหัวพี่มันดังมากเลย
   “เอ่อ...”
   “....”
   “โทษที พี่ไม่ได้ตั้งใจจะทำให้กลัว”
   “อ่า ไม่เป็นไรครับ ผมก็ขอโทษที่ตบหัวพี่”
   “อือ มือหนักเหมือนกันนะเรา” พี่มันลูบหัวตัวเองป้อยๆเหมือนพึ่งรู้สึกเจ็บ
   “ผม ผมตกใจน่ะ” ก็มึงจะจับน้องกูอะพี่ มือมันก็ลั่นน่ะสิ
   “ตอนแรกก็แค่จะจูบเฉยๆ แต่มันดันอร่อย เลยชิมเพลิน ”
   ผมอ้าปากค้าง เราสามารถพูดว่าใครสักคนอร่อยได้หน้าตาเฉยแบบนี้เลยหรอ  แล้วคือมันชิมผมแทบทั้งตัว อีกนิดเดียวจะทั้งตัวจริงๆแล้ว เป็นคำแก้ตัวที่ไม่ได้รู้สึกผิดสักนิด ผมว่าผมตบหัวพี่มันเบาไปวะ
   “พี่อยากโดนผมตบอีกทีใช่ปะ”
   “เป็นแฟนแล้วดุจังแหะ” พี่มันยิ้ม
   “คืนนี้พี่ว่าพี่ไปนอนห้องไอ้แชมป์ดีกว่า”
   “พี่นอนนี่ก็ได้ ผมแค่ตกใจ...... ไม่ได้กลัว”
   “แสดงว่าให้พี่ทำต่อ....”
   “ไม่!  ไปนอนห้องพี่แชมป์เลยไป ผมไม่ใจดีแล้ว ผมโมโห”
   “โมโหแล้วหรอ” พี่ไทม์หัวเราะ เหมือนสนุกที่แกล้งให้ผมหงุดหงิดได้
   ผมลุกไปดันหลังพี่มันออกจากห้องเปิดประตูขับไล่เสร็จสรรพ พี่มันก็หันมามองผม สายตากรุ่มกริ่มจนผมนึกอยากจะถีบพี่แกออกไปแทน
   “พึ่งรู้ว่าสบู่ตัวเองหอมก็วันนี้”
   “นี่พี่คุยกับผมหรือแค่พูดกับตัวเอง”
   “หึ เป็นแฟนกันแล้วนะ”
   “อือ รู้แล้วน่า”
   พี่ไทม์มองหน้าผมแล้วยิ้มบาง แววตาประกาย มีความสุขจนปิดไม่มิด เออ หลังขอเป็นแฟนมันต้องซึ้งแบบนี้สิ มันต้องโรแมนติกไม่ใช่อีโรติก
   “อยู่ด้วยกันนานๆนะครับ..”
   เขาจูบที่ปากผมเบาๆก่อนจะปิดประตู เสียงโวยวายห้องข้างๆคือสิ่งที่ตามมา ผมล็อคห้องแล้วหันหลังยืนพิงประตู สองมือจับแก้มแล้วยิ้มกับตัวเอง พึ่งรู้ว่าหน้าร้อนขนาดนี้
   มีความสุขแหะ
   มันอิ่มอกอิ่มใจยังไงไม่รู้ ที่อยู่ๆโลกมันเป็นสีชมพู มันเป็นแบบนี้เองสินะ ผมหัวเราะกับตัวเองแล้วอยากจะกระโดดดีใจ ตะโกนว่าเยส ให้ลั่นห้องไปเลย 
   ผมคงจดจำคืนนี้ไปตลอดชีวิตแน่ๆ
   แหงละ ก็เกือบจะเสียตัวนี่ครับ
   
ขบวนการช่วยเพื่อนให้ออกเรือน (สมาชิก 5 คน)
   Inin
      มิสชั่นคอมพลีท
เรียกผมว่าอดัม
กระซิกๆ (สติกเกอร์ร้องไห้) ในที่สุดก็เป็นฝั่งเป็นฝาซะที
มันปริ่มใจ

Win
อย่าลืมสมคุณพวกพี่นะครับ5555
เพื่อนกูออกเรือนแล้วโว้ยยยยยย

ผมชื่อแช่มครับ
แล้วทำไมต้องให้มันมานอนเบียดพี่ละโว้ยยยยย

ปุนนะระงิงิ
(สติกเกอร์กระต่ายส่ายตูด) อิ้




   “ฮัลโหลพีท เลิกเรียนยัง”
   “เลิกแล้วพี่”
   “พี่ซื้อขนมมาฝากแม่ มีของเราด้วย วันศุกร์ว่างรึเปล่า”
   “ว่างๆ”
   ผมซื้อขนมหม้อแกงเจ้าอร่อยมา แม่ผมชอบกินขนมหม้อแกงของร้านนี้ เพราะมันไม่หวานจนเกินไป ผมเลยซื้อไว้สี่ห้าถาด ของแม่แล้วก็ของพีท จริงๆก็มีของลุงกับป้า แต่สองคนนั้นไม่รู้จะยอมกินรึเปล่า ผมเลยไม่ให้พีทบอกพวกเขาว่าเป็นของผม แต่กับแม่ผมให้บอกไปตรงๆว่าผมซื้อมา และจากสองสามครั้งที่ผ่านมาเวลาฝากของกินไปให้ แม่ผมเขาก็กินหมดทุกอย่าง แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไรถึงผมอยู่ดี
   ก็แค่อยากให้รู้ว่าห่วง ถึงไม่ได้โทรหาก็เถอะ
   แม่ผมสงสัยว่าทำไมพีทถึงเอาของฝากมาให้ ผมก็ให้เขาอธิบายไปตรงๆว่าเราคืนดีกันแล้ว ผมว่าผมได้คะแนนอยู่นะ ตอนที่พีทเล่าว่าผมไปช่วยเขาตอนกำลังโดนซ้อม น้องผมนี่ทำดีจริงๆ รอบนี้เลยแถมขนมหม้อแกงให้สองถาดเลยคนเดียว
   “งั้นเดี๋ยววันศุกร์ พี่ไปหาหลังเลิกเรียนแล้วกัน” วันนั้นงดซ้อมกีฬา ผมเลยตกลงนัดเจอพีทที่โรงเรียน
   “จะแวะมาบ้านไหม พีทว่าแม่พี่เขาก็ดูอยากเจอพี่นะ”
   “แต่ลุงกับป้าไม่ได้อยากเจอ เอาไว้ก่อนแล้วกัน”
   “ตามใจพี่ แต่เออ คนที่ร้านเขามาเล่าให้พีทฟังว่าเสาร์อาทิตย์ ตอนบ่ายๆแม่พี่ออกไปไหนก็ไม่รู้ แล้วก็จะกลับมาตอนเย็นๆ เป็นแบบนี้มาสองสามอาทิตย์แล้ว พีทมาไม่ทันทุกที พอจะตามไป แม่พี่ก็ออกไปก่อนแล้ว”
   “ออกไปตอนบ่ายๆหรอ พี่ก็ไม่รู้วะ ปกติเขาก็ไม่เคยไปไหนนะ”
   “มันแปลกๆนะพี่ เขาไม่ได้บอกใครไว้เลยด้วยว่าจะไปไหน บอกแค่เย็นๆจะกลับ”
   “ไว้พี่จะลองตามไปดู แต่ช่วงนี้พี่ยุ่งๆเรื่องกีฬา เลยไม่ค่อยมีเวลา”
   “ไม่เป็นไร ถ้ามีอะไรจะโทรไปละกัน”
   “โอเค เจอกันวันศุกร์”
   “โอเค”
   ติ้ดด
   ความสัมพันธ์ของผมกับพีทดีขึ้นเรื่อย อย่างน้อยเราก็คุยกันได้แบบไม่อึดอัด แต่เพราะเราไม่ได้สนิทกันตั้งแต่แรก มันก็เลยยังมีความเกรงใจอยู่บ้าง แต่เดี๋ยวนี้เขาก็พูดกับผมมากขึ้น เปิดใจกับผม เริ่มกวนตีนใส่ อันนี้เห็นชัดมาก
   แต่แม่ผมไปไหนนี่สิ?  คือปกติแล้วเขาก็จะออกไปห้างบ้างอะไรบ้าง แต่ไปหลายวันติดๆกัน ผมว่ามันน่าสงสัย ผมกลัวว่ามันจะเป็นแบบในละคร ที่เขาอาจจะป่วยแล้วแอบไปโรงพยาบาลคนเดียว หรือเขาอาจจะไปเล่นไพ่กับคนแก่ๆแถวบ้าน ผมไม่รู้เลยว่าเขาจะไปไหน และมันทำให้ผมกังวล
   บางทีผมอาจจะต้องลองตามไปดู แต่มันติดที่ผมต้องทำงาน
   ผมอาจจะต้องลางานสักวัน
   ผมแอบเอาจีพีเอสติดไว้ แล้วใช้แว่นสะกดรอยแบบโคนันได้ปะวะ
   ผมเดินกลับมาหาก่อเกียรติที่นั่งอยู่ที่อัฒจันทร์ ฝ่ายสวัสดิการต้องมานั่งเฝ้านักกีฬา คอยดูแลเรื่องน้ำ คอยพยาบาลเวลาบาดเจ็บ
   “มึงลงกีฬาไรบ้างเนี่ย” ก่อเกียรติถามหลังจากผมทรุดนั่งข้างๆเขา
   “บอลเป็นหลัก ที่เหลือ ถ้าขาดค่อยไปช่วยทีหลัง”
   “เกิดเป็นผู้ชายนี่ลำบากเนอะ”
   “ลำบากเพราะผู้ชายอย่างมึง หนีไปอยู่สวัสนี่แหละ”
   “กูขี้เกียจมาซ้อม”
   “เลยยอมมาเฝ้ากระติกน้ำ?” ผมขำ ไม่ต้องซ้อมกีฬาก็จริง แต่ก็ต้องแบกกระติกน้ำมานั่งเฝ้าผมทุกวันอยู่ดี
   “เรื่องของกู แล้วผัวมึงเป็นไงมั้ง แฮปปี้ปะ”
   “เป็นแฟน ยังไม่ใช่ผัวครับเพื่อน” ผมแย้งทันที  มันอาจจะพลิกล็อคก็ได้ ใครจะรู้ ของแบบนี้มันสลับโพซิชั่นกันได้
   “แล้วเป็นไง โอเคป้ะ ไม่ค่อยเจอเลย ปีสามยุ่งหรอวะ”
   “เออ กูก็เจอแค่ตอนเขามารับไปส่งที่ห้องนี่แหละ กูว่ามันก็สบายใจดีนะ ไม่ได้คุยกันตลอด แต่ก็ไม่เคยหาย”
   “ลำไย หน้าอย่างมึงไม่น่าได้กับคนหล่อๆแบบพี่เขาเลย เสียของชิบหาย”
   “กวนตีน ” เรานั่งคุยกันพลางดูบอลในสนาม ผมก็นั่งอู้ไปเรื่อยจนกว่ารุ่นพี่จะเปลี่ยนให้ผมลงเล่นนั่นแหละ มหาลัยตอนเย็นๆนี่คึกคักดีจริงๆ
   “แล้วเมื่อไหร่จะเลี้ยงสมนาคุณซะที กูรอแดกเบียร์ฟรีอยู่นะ”  เบียร์หนึ่งเยือก บรรณาการแด่ผู้ร่วมขบวนการของผม เอาจริงผมว่ามันน้อยไป แต่คืองบผมจำกัดไง ถ้าจะสั่งเพิ่มก็ค่อยหารเอา
   “พวกพี่เขาบอกกูว่าพรุ่งนี้ว่าง กูเลยนัดเขาพรุ่งนี้ หลังซ้อมเสร็จ”
   “ร้านไหน”
   “ร้านพี่เก๋ มีทั้งเบียร์ มีทั้งชาบู”
   “แจ่ม แล้วแฟนมึงไปปะ”
   “ตามไปทีหลัง ไปซื้อของให้แม่”
   “บอกพี่ไทม์ห้ามเบี้ยวนะเว้ย กูอุตส่าห์เสี่ยงชีวิต ปีนบันไดไปติดไอ้ดาวเขียวๆให้เลยนะ” ผมมองหน้าเพื่อนสนิทที่แสร้งทำหน้าจริงจัง ในแผนคือเพดานห้องมันสูง ก่อเกียรติมันเลยต้องไปหาบันไดก่อสร้างมา เป็นภารกิจที่โคตรลงทุน บอกเลย
   “เออ ไม่เบี้ยวหรอก ขอบใจที่ยอมเสี่ยงชีวิต เพื่อให้เพื่อนเป็นฝั่งเป็นฝานะครับ ซึ้งในพระคุณสุดๆเลย”
   “เออ ดีมากไอ้หมวย หาของมาเซ่นตอบแทนกูซะ”
   ผมได้ลงไปเล่นในสนามอีกครั้ง พอซ้อมเสร็จพี่ไทม์ก็มารอพอดี ตั้งแต่วันแรกที่ยังเป็นคนแปลกหน้า จนวันนี้ที่เป็นแฟนกัน พี่แกก็ยังหล่อเหมือนเดิม ยังยิ้มร้ายๆให้ผมเหมือนเดิม ที่เปลี่ยนคงจะเป็นสายตาละมั้ง มันดูมีแต่ความดีใจทุกครั้งที่เจอกัน
   “ไงเรา กินไรดี” เขาเดินมากอดคอผมแล้วเดินไปที่รถ ผมว่าเราดูเหมือนพี่น้องมากกว่าแฟนอีก พี่มันก็เลี้ยงดูผมเหมือนเลี้ยงน้องเลยด้วย ขุนกันดีชะมัด
   “กินก๋วยเตี๋ยวก็ได้ นี่พึ่งเลิก หรือเลิกนานแล้วเนี่ย” ผมถามหลังจากพี่ไทม์ออกรถ ต่างคนต่างเหนื่อยล้า แต่ยังอยากมาเจอกัน เป็นความรู้สึกที่ไม่ได้เจอมานานแล้วแหะ มันดีจริงๆนั่นแหละที่รู้ว่าใครสักคนกำลังรอไปกินข้าวพร้อมเราอยู่
   “ใครเขาสอนถึงสองทุ่มกันละครับน้อง พี่นั่งทำรายงานรอเราอยู่” พี่มันพูดติดขำ
   “อ่อ เหนื่อยปะ ผมขับให้ไหม ผมเคยบอกรึเปล่าว่าขับรถเป็น”
   “ไม่เคย ขับเป็นด้วยหรอ มีใบขับขี่รึเปล่า”  เขาหันมาถามผม
   “ไม่มีหรอก แต่ขับเป็น เคยขับไปส่งของให้ที่บ้าน”
   “แล้วตกลงวันศุกร์จะไปหาพีทใช่ไหม”
   “ใช่ ไปหาที่โรงเรียน  จากนี่ไปโรงเรียนใกล้กว่าบ้านผม เดี๋ยวผมไปเอง” ผมดักทางไว้ เพราะรู้ว่าเขาจะต้องเสนอตัวไปส่งผมแน่ๆ บางทีผมก็หมั่นไส้กับความหล่อที่มาความดีของพี่มัน เขามองผมแบบครุ่นคิดอยู่แปปนึงแล้วหันไปกลับมองถนนต่อ
   “เอางั้น ก็ได้ ถึงแล้วบอกพี่ด้วยละกัน” เพราะเราเป็นผู้ชายกันทั้งคู่ บางเรื่องพี่เขาก็ว่าง่าย เวลาทำตัวเชื่องๆนี่น่ารักจริงๆเลย
   เราแวะกินก๋วยเตี๋ยวข้างทางด้วยกัน พูดคุยกัน ใช้เวลาไม่นานรถคุ้นตาก็จอดหน้าหอผมเหมือนเคย จู่ๆผมก็นึกอยากให้ถนนมันรถติดกว่านี้ อยากให้ก๋วยเตี๋ยวมันให้เยอะกว่านี้ ผมจะได้ใช้เวลากินนานๆ อยากให้ตัวเองมีข้ออ้างมากกว่านี้ แต่มันก็คงจะเห็นแก่ตัวเกินไป  หลายวันที่ผ่านมา ต่างคนต่างยุ่งเรื่องของตัวเอง ได้เจอกันแค่ตอนกลับ คุยกันก่อนนอนได้แปปเดียวผมก็หลับคาโทรศัพท์ ไลน์คุยกันสองสามคำแค่ย้ำให้ผมกินข้าวให้ตรงเวลา
   “พรุ่งนี้ผมไปรอที่ร้านเลยนะ”
   “โอเค เดี๋ยวพี่รีบตามไป”
   “งั้น.... ผมขึ้นห้องแล้วนะ” พี่มันมองผมเหมือนจะพูดอะไรต่อแต่ก็ไม่พูด ผมยิ้มให้เขาก่อนจะเปิดประตู แต่แขนก็ถูกดึงไปซะก่อน
   พี่มันประกบริมฝีปากผมแบบไม่ทันตั้งตัว แถมยังสอดลิ้นเข้ามา จังหวะการจูบโหยหาจนผมหายใจไม่ทัน พี่มันดูดปากล่างผมเบาๆก่อนจะถอนจูบออกอย่างอ้อยอิ่งด้วยท่าทางเซ็กซี่ แววตาดูเรียกร้อง
   ดูแล้วน่าอร่อย
   หืม?
   ผมเข้าใจแล้วว่าความรู้สึกชิมจนเพลินมันเป็นยังไง พี่มันตอนนี้ดูน่ากินชะมัด ผมไม่เป็นทรง กับแววตาสุดเซ็กซี่ เสื้อนักศึกษาหลุดลุ่ยนิดๆ พอผมมองนานเข้าพี่แกก็เริ่มหูแดง ผมเม้มปากกับท่าทางคนตรงหน้า
   “เอ่อ ขับรถกลับดีๆนะพี่ ผมไปแล้วนะ”
   “ถึงห้องแล้วพี่จะโทรหานะ” เขายิ้มให้ผม ผมลงจากรถ โบกมือบ๊ายบาย รอจนรถหายลับตาถึงค่อยขึ้นห้อง
   ผ่านไปอีกวัน กับวันธรรมดาๆ ที่มันพิเศษเพราะใครอีกคน





“ชนครับบบบบบบ!!!!!”
แกร๊งงง
“เอาละครับ ในวันนี้ พวกเรา เหล่าขบวนการช่วยเพื่อนให้ออกเรือน  ได้ทำภารกิจเสร็จสิ้นแล้ว ต่อจากนี้จะเป็นการเฉลิมฉลอง ถึงเวลาอันสมควรแล้วครับ ทุกท่าน เชิญเทหมูลงหม้อได้เลยครับ”
พี่ปุนพูดกล่าวด้วยอินเนอร์พิธีกร ก่อนจะตัดริบบิ้นด้วยการตอกไข่ใส่หม้อ
“หมูสไลด์ถาดนี้ พี่แชมป์ขออวยพรให้น้องหมวยของพี่ น่ากิน เอ้ย น่ารักแบบนี้ไปนานๆ ฝากไอ้ไทม์เพื่อนพี่ด้วยนะครับ” เกลียดการแสร้งพูดผิดจริงๆเลย
“ผักบุ้งกำนี้ พี่ปุนก็ขอให้น้องหมวยจำไว้นะครับ ไอ้ไทม์มันกลัวเมีย อย่าไปเกรงใจมันครับ”
“ปูอัดจานนี้ พี่วินคนนี้ก็ขอให้ถือไม้เท้ายออดทองกระบองยอดเพชรนะครับ” เหมือนพาพี่เขามารดน้ำสังข์ แต่ใช้ปูอัดแทน
“สุดท้าย ตับจานนี้จากอดัมเพื่อนรัก  ก็ขอมึงโดนพี่ไทม์ตับๆๆๆๆๆไวๆนะครับ”
“ก่อเกียรติ ไอ้เหี้ย!”
“ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆ”
   เป็นการอวยพรด้วยชาบูของแท้ ลัทธิชาบูชัดๆ เราเททุกอย่างลงหม้อ จิบเบียร์ไปพลางๆ แต่จนเปิดหม้อกินก็แล้ว เบียร์จะหมดเยือกก็แล้ว  พี่ไทม์ก็ยังไม่โผล่มา ผมโทรหาก็ไม่รับสาย ผมชักจะใจคอไม่ดี เกิดอะไรขึ้นกับพี่มันรึเปล่า
   “ไทม์มันไม่เป็นไรหรอก รถติดมั้งเลยมาช้า ไอ้ห่านี้ชอบเปิดสั่นไว้ มันคงไม่ได้ยินเสียงโทรศัพท์น่ะ” พี่แชมป์พูดกับผม พลางคีบตับมาให้เพื่อปลอบใจ ผมพยักหน้าขอบคุณแล้วเอาตับใส่ปาก เรามากันหลายคนเลยเลือกนั่งโต๊ะด้านนอกร้าน
   “หน้าแดงแล้ว อย่ากินเยอะ เมาขึ้นมา ไอ้ไทม์เอาพวกพี่ตาย” พี่ปุนพูดแล้วทำหน้าสยดสยอง แต่ความจริงผมยังไม่เมา ยังไม่มึนด้วย หน้ามันแดงไปเอง
   “ไอ้นี่เมายากครับ พี่ไม่ต้องห่วงหรอก” ก่อเกียรติบอกแล้วเอาผักกาดมาห่อหมูเข้าปาก
   “พวกพี่คบกับพี่ไทม์มาตั้งแต่ปีหนึ่งเลยหรอครับ?” ผมถามแล้วมองหน้ารุ่นพี่ที่แสดงความน่าเชื่อถือด้วยการแย่งปลาหมึกในหม้อ
   “พวกพี่รู้จักกันตั้งแต่มัธยมแล้ว รู้กันหมดไส้หมดพุง” พี่วินตอบผมทั้งที่ปลาหมึกยังเต็มปาก ช่างน่าเชื่อถือจริงๆ
   “แล้วพี่ไทม์เขาเคยมีแฟนเป็นผู้ชายมาก่อนไหมครับ” ผมถาม
   “ไม่ เราน่ะคนแรก แต่มันเป็นพวกไม่ได้แคร์นักอะ ชอบก็ชอบ มันดูชอบเราง่ายก็จริงนะ แต่กว่าจะเจอคนที่มันชอบนี่ โคตรยากเลย” พี่ปุนอธิบายด้วยน้ำเสียงจริงจัง แต่มือยังเด็ดผักบุ้งใส่หม้อ
   “จริง พี่รู้จักมันมาตั้งนาน เห็นมันมีแฟนแค่คนเดียวเอง ทั้งที่คนชอบมันเป็นล้าน หมั่นไส้แม่งชะมัด” พี่แชมป์เสริมแบบเกรี้ยวกราดเล็กน้อย
   “แสดงว่าพวกพี่เจ้าชู้มีแฟนเป็นสิบเลยสินะครับ”
   “น้องก่อเกียรติอย่าพูดแบบนั้นสิครับ พวกพี่น่ะ ใสๆ” พี่แชมป์ทำท่าสะบัดบ๊อบ
   “จริงๆพวกพี่ไม่ต้องพูดเพราะกับพวกผมก็ได้นะครับ เรียกน้องๆ ผมรู้สึกเหมือนเป็นเด็กโข่งยังไงไม่รู้” ก่อเกียรติพูด ซึ่งผมก็เห็นด้วย รู้สึกเด๋อๆทุกทีเวลาโดนเรียกน้องหมวย  น้องก่อเกียรติ โคตรไม่เข้ากับเด็กผู้ชายตัวสูงๆสองคน
   “ได้ ไอ้ก่อเกียรติ ไอ้เด็กเวร อย่าแย่งหมูกู”
   โอเค ผมจะชื่นชมว่าพี่เขาเป็นคนปรับตัวเก่งแล้วกัน
“นี่อะไรครับ” พนักงานเสิร์ฟคนนึงที่ผมไม่รู้จัก ยกถาดมาที่ให้สามสี่ถาด ทั้งที่บนโต๊ะไม่มีใครสั่งเพิ่ม
    “เนื้อสไลด์ครับ”
   “ไม่ได้สั่งเพิ่มนะครับ” ค่าชาบูเป็นรายหัว ทุกอย่างรีฟิลได้หมด ยกเว้นแค่เบียร์กับเนื้อ ที่จะคิดแยก เราเลยสั่งแค่เบียร์แล้วกินทุกอย่างที่รีฟิลได้ เพื่อประหยัดงบ
    “เอ่อ โต๊ะด้านนั้นให้ผมเอามาส่งครับ แล้วก็ฝากนี่มาให้ด้วย ขอตัวก่อนนะครับ” ผมมองไปตามที่พนักงานชี้ ถัดไปสองโต๊ะ มีผู้หญิงน่ารักคนนึงขยิบตาให้ผม ผมก้มหัวให้เล็กน้อย ก่อนจะหันกลับมาดูกระดาษที่รับมา
    ไอดีไลน์
    ตั้งแต่เข้ามหาลัยมา นี่คนแรกเลยแหะที่จีบผม มีแฟนแล้ว แต่อดไม่ได้จริงๆที่จะภูมิใจกับความหล่อของตัวเอง แต่เดี๋ยวนี้ เขาจีบกันผ่านเนื้อสไลด์แล้วหรอวะ
   “มึงสั่งเนื้อมาเหรอวะ แล้วนั่นกระดาษอะไร” ก่อเกียรติถามผมพลางกวาดเนื้อในถาดลงหม้อโดยไม่รอคำตอบ
   “มีคนสั่งมาให้ ผู้หญิงโต๊ะนั้น คนที่น่ารักๆทางขวา”
   “จีบมึง?”
   “เออ เขาให้ไลน์มาด้วย”
   “ทำใจหน่อยนะ มหาลัยพี่มันไม่ค่อยมีร้านเหล้า จีบกันทีก็ผ่านร้านชาบูนี่แหละ ฮ่าๆๆๆๆๆ แหม แต่น่ารักด้วยวะ ทำไมเขามองข้ามความหล่อของพวกพี่ไปได้วะ” พี่แชมป์พูดกับผมแล้วหยิบกระดาษไปดู
   “นั่นดิ สงสัยชอบกินเด็ก แต่พลาดไปหน่อย ดันไปจีบคนไม่โสดคนเดียวบนโต๊ะซะได้” พี่ปุนส่ายหัว  ผมพับกระดาษแล้วเอาจานทับไว้ หันไปสนใจเนื้อในหม้อแทน
   “โห ไอ้สัสไทม์กว่าจะมา มึงขับรถไปหรือนั่งสองแถวไปวะ”
   พี่ไทม์มากระแซะนั่งข้างผมทันทีที่โผล่มา เขาอยู่ในชุดเสื้อบอลกางเกงขาสั้น เหงื่อซึมเล็กน้อย คงเพราะที่จอดรถมันอยู่ไกล
   “ทำไมพี่ไม่รับโทรศัพท์?” ผมถามทันทีด้วยน้ำเสียงจริงจัง ตีหน้าดุใส่คนตัวสูง มาช้ารถติดยังไงก็น่าจะรับโทรศัพท์บอกกันหน่อย
   “โทรศัพท์พี่อยู่ที่มัน” พี่ไทม์พูดแล้วชี้ไปที่พี่ปุน เขาขมวดคิ้วมองเพื่อนตัวเอง ขณะที่พี่ปุนเลิกคิ้วงงๆ
   “อยู่ที่กู?”
   “มึงเปิดกระเป๋า”พี่ปุนหันไปหยิบเป้แล้วเปิดดู เขาหยิบโทรศัพท์พี่ไทม์ออกมาแล้วยิ้มแหย
   “เออวะ โทษที อย่างอนน่า โอ๋เอ๋ เพื่อนไทม์คนดี คิคิ”
   “กูโดนน้องดุเลยเห็นไหม” พี่มันทำหน้าแสร้งกลัวจนผมหมั่นไส้ ยังไม่ได้ดุสักคำ
   “ผมยังไม่ได้ดุสักหน่อย” ผมบ่นอุบอิบ
   “มึงจะแดกไรเพิ่ม เอาน้ำไร ไม่มีเหล้านะ จะกินเบียร์เหรอ” พี่แชมป์ถามคนพึ่งมาพร้อมโยนใบเมนูส่งให้
   “ไม่ดีกว่า กูขับรถมาวะ”
   “พี่กินเบียร์กับผมก็ได้”
   “อยากจูบพี่ทางอ้อมหรอ จูบจริงๆเลยก็ได้นะ” พี่มันพูดทีเล่น แต่ผมรู้ว่ามันอยากทำจริง คบกันแล้วก็ยังหยอดไม่เลิก ผมไม่สนใจคนแจกอ้อย ยังไงวันนี้หมูก็อร่อยกว่า พี่มันก็อมยิ้มแล้วตักหมูในหม้อต่อ
   “นี่กระดาษอะไร?”
 ชิบหายแล้ว
 ลืมซ่อน พี่มันเปิดดูก่อนที่ผมจะห้ามได้ทัน
   “ใครให้มา ของเราหรอ?” พี่ไทม์ถามผมด้วยสีหน้าไม่ค่อยพอใจ
   “มีผู้หญิงคนนึงให้มา อย่าสนใจเลยน่า กินกุ้งดีกว่าๆ” ผมเบี่ยงความสนใจพี่แกด้วยกุ้งตัวใหญ่ แกะให้เรียบร้อยเลยด้วย แต่ดูเหมือนจะไม่ได้ผล
   “มีคนมาจีบทำไมไม่บอกพี่”
   “ก็ผมไม่ได้สนใจเขาไง ”
   “แต่ก็รับไลน์เขามา?”
   “ไม่ได้รับ พนักงานเขาเอามาให้ ทำไมพี่งอแง”
   “ว่าพี่งอแงด้วย?” เขาทำตาโตใส่ผม จนผมอดมองบนไม่ได้ ท่าทางตัดพ้อนี่มันเสแสร้งชัดๆ
   “ก็เนี่ยพี่กำลังงอแง”
   “งั้นวันนี้แบกพี่กลับห้องด้วยแล้วกัน พี่คงขับกลับไม่ไหว หรือน้องจะทิ้งพี่ไว้หน้าหม้อชาบูก็ตามใจ ไอ้ปุนเอาเบียร์มาดิ!”
   “แน่ใจ? พวกกูไม่แบกกลับนะครับ”
   “เอามา อย่าพูดมาก”
   ผมมองตามคนงอแงด้วยสายตาไม่เข้าใจ มางอแงใส่ผม แล้วก็บอกให้ผมแบกกลับ มีตัดพ้อว่าผมจะทิ้งไว้ที่ร้านด้วย แล้วก็หันไปกระดกเบียร์เฉย
   ว้อท?
   “ไม่เกินสองแก้ว เดี๋ยวรู้เรื่อง ไม่ต้องตกใจครับน้อง มันแค่อ้างอยากให้น้องไปค้างห้องมันเท่านั้นแหละ กูรู้ทันไอ้สัส มาทำงอแง น่าหมั่นไส้ ไอ้ชิบหาย”
   “แชมป์มึงอย่าพูดมาก” พี่ไทม์หันไปดุเพื่อน ในขณะที่ทุกคนบนโต๊ะมองเขาด้วยสายตาเอือมระอา ผมก็เช่นกัน 
   “ก็คิดถึง อยากกอด” พี่ไทม์บ่นอุบอิบแบบที่ตั้งใจให้ผมได้ยิน ผมมีเรียนเช้าแทบทุกวัน ในขณะที่อีกคนเรียนบ่าย ผมอยากให้เขาได้นอนเยอะๆเลยตัดสินใจไม่ไปค้างด้วย
   “น้อยใจหรอครับ”
   “เปล่าซะหน่อย ก็แค่ ไหนๆก็มีเรื่องให้งอแงทั้งที เลยอ้างให้ไปค้างด้วยเฉยๆ”
   “ร้ายนะครับ”
   “อยากอยู่ด้วยนานๆ ผิดเหรอ?”  พี่มันพูดพลางกระดกเบียร์จนหมดแก้ว หน้าแดงแล้วแหะ นี่จะเมาแล้วหรอ พึ่งหมดแก้วแรกนะเนี่ย
   เรานั่งกินนั่งคุยกันไปเรื่อย เป็นชาบูมิตรสัมพันธ์หรรษาที่แท้ทรู กระชับมิตรผ่านหมูสไลด์ ปรองดองด้วยกันเห็ดเข็มทอง พวกพี่เขาก็บ่นนู่นนี่ให้ฟัง เมาส์อาจารย์คนนู้นคนนี้ เวลาผ่านไปจนผมไม่ได้สังเกตว่าคนข้างๆเงียบผิดปกติ หันมาดูอีกทีพี่แกก็หน้าแดงจัด มือไม่ยอมวางแก้วเบียร์เลย
   “เมาแล้ว กูเห็นเงียบไปตั้งแต่แก้วที่สอง แดกเบียร์ทีไรเป็นงี้ทุกที”
   “นี่เขาเมาแล้วหรอครับ” ผมถามพี่ปุน
   “ลองคุยดูดิ เห้ยไอ้ไทม์ เมาแล้วเหรอวะ”
   “อะไรร กูยังไม่เมา” ไม่เมาครับ แต่เสียงอ้อแอ้มาเลย ผมยิ้มขำ
   “ฮะๆๆๆๆ ไม่เมาเหี้ยไร คอพับเลยมึง”
   “อยากเต้นวะ!” เห้ยเดี๋ยว... จู่ๆพี่มันก็ผุดลุกขึ้น ตัวเซไปมาจนผมต้องลุกตามไปประคองไว้
   “ไหนๆเพลงไรๆโชว์ดิ” พี่วินถามด้วยความสนุกสนาน นี่มันคือสถานการณ์ปกติแบบไหนวะ ผมยังเหวอ ขณะที่พี่ๆบนโต๊ะยกโทรศัพท์เตรียมอัดคลิป
   บอกผมทีว่าเขารู้ตัวใช่ไหมว่าตัวเองเมาแล้วจะเป็นแบบนี้ถึงได้ยอมกินเบียร์....
   “มึงเคยฟังเสือร้องไห้ปะ กูว่ากูไม่ได้ยินเพลงนี้นานและ เดี๋ยวร้องให้ฟังๆ”
   “เห้ยพี่ใจเย็น เต้นไรตรงนี้ เมาแล้วก็กลับห้องปะ เดี๋ยวไปส่ง” ผมร้องห้าม แล้วกดๆคนตัวสูงให้นั่งลง คนมองกันเต็มแล้วโว้ยยยยยย
   “อะไร! อย่ามาห้าม มึงเป็นใคร พวกมึง ไอ้หน้าตี๋นี่ใคร” คนหน้าแดงมองผม ขมวดคิ้วสงสัยผมจริงจัง ตัวเซไปมาแถมเสียงยังอ้อแอ้ แล้วคือ...
   จำกูไม่ได้?
   เมาแล้วจำแฟนตัวเองไม่ได้?  โอ้ชิท ผมนี่เงิบเลย
   “ฮ่าๆๆๆๆไอ้สัสนี่จำแฟนตัวเองไม่ได้ ฮะๆๆๆๆๆๆ” ทั้งโต๊ะประสานเสียงหัวเราะในขณะที่ผมยืนเหวอ แล้วพี่แกก็ไม่ได้สนใจผมเลย ตั้งท่าจะเต้นต่อ แล้วคือเอ๋อแดกทั้งร้าน มองแบบ ไอ้หล่อนี่มันจะทำอะไรของมัน
   คือมึงจะเต้นตรงนี้ไม่ได้พี่
   “วันศุกร์ผมขึ้นแท็กซี่ พี่ว่าไม่ดีเลยน้องจ๊ะ” เพลงจากคนเมา พร้อมท่าส่ายเอวไปมา  ผมควรจะอายหรือควรจะขำดี พี่ไทม์ผู้น่ารักที่ทำตัวเป็นผู้ใหญ่เสมอมา ตอนนี้เมาแอ๋ลุกขึ้นร้องเพลงแล้วเต้นกลางร้านชาบู
   ผมละอยากจะกุมขมับ ผมตัดสินใจทรุดนั่งแล้วปล่อยให้พี่มันเต้นไป ดี จะได้มีคลิปไว้แบล็คเมล์มัน
   “อย่าหวังเรื่องซิ่งรถจอดนิ่งๆมิเตอร์เสือกวิ่งอ้าไรรร  หวะ” เอาเข้าไป
   “ไม่อยากจะขัดใจตัวเองงงงงง ที่มันชอบเธออออ” เอ้า ดราม่าเฉย
   “ใครกันที่ทำให้ฉันรัก ใครกันที่มาอยู่ในความฝัน” กามิกาเซ่ก็มา
   “ไม่ว่าจะสูง แค่ไหน ก็ไปถึง ไม่มีคำว่าสูง วัดได้ หากใจถึง” เชี่ย ซิลลี่ฟูล โคตรเอา ผมได้แต่นั่งขำ เอาจริงคือขำกันทั้งร้าน  น้ำตาเล็ดเลยกู ใครจะรู้ว่าเมาแล้วรั่วขนาดนี้
   “ไหนคาราบาวสักเพลงดิ” พี่แชมป์ขอเพลง แล้วยื่นตะเกียบให้ใช้เป็นไมค์
   “แม้ชีวิตได้ผ่านเลยวัยแห่งความฝัน วันที่ผ่านมาไร้จุดหมาย” คาราบาวก็ยังร้องได้
   เชื่อเขาเลย
   “โอ๊ะๆระวังๆ” ผมคว้าพี่แกไว้ทันก่อนจะหน้าทิ่มลงหม้อ เขาส่งยิ้มให้ผมจนตาปิด เสียงปรบมือดังลั่นร้าน แล้วยังไปก้มหัวขอบคุณเขาอีกด้วย ผมละสงสัยจริงๆว่าพรุ่งนี้ตื่นมาพี่แกจะทำหน้ายังไง
   “คืนนี้มึงดังแน่ พ่อไทม์ เดอะสตาร์ 20 ฮ่าๆๆๆๆๆกร๊ากกกกกก” พอกันทั้งคนเมาทั้งเพื่อน
   “ส่งคลิปให้ผมด้วยนะพี่ ผมขอพาพี่ไทม์กลับก่อนละกัน เกรงใจพี่เก๋”
   “โอเคๆ เดี๋ยวพี่ช่วยลากขึ้นรถ เมาแล้วยังทำตัวเป็นภาระนะมึงนี่ ตัวก็ไม่ใช่เล็กๆ” พี่ปุนบ่นแต่ก็ยังมาช่วยแบก  เรามาถถึงรถด้วยสภาพทุลักทุเล ผมบอกลาพี่ปุน แล้วสตาร์ทรถ
   
   แบกคนเมาขึ้นห้องเป็นอะไรที่โคตรลำบาก ตัวก็ใหญ่กว่าผม แล้วยังไม่ให้ความร่วมมือกันอีก ปัดมือผมออกตลอด ยังมีมาด่าผมด้วย เพราะพี่แกจำผมไม่ได้
   “ไอ้ตี๋ปล่อยกู...” ตอนไม่เมาละน้องหมวยอย่างนั้น น้องหมวยอย่างนี้ พอเมาละเรียกกูไอ้ตี๋ ทิ้งไว้ตรงนี้ซะดีไหม
   “อย่าดื้อได้ไหม!!” ตอนตะโกนใส่ แล้วตีหน้าดุ คนเมาปรือตามองแล้วทำปากยื่นใส่ผม
   “ทำไมต้องดุด้วยละครับ”
   ผมวางพี่มันบนเตียง คนไม่มีสติพลิกตัวไปมา ผมหยิบผ้าไปชุบน้ำผืนนึง แล้วบิดหมาดๆมาเช็ดหน้าคนเมาเบียร์สองแก้ว พี่แกก็นอนนิ่งๆให้ผมเช็ดทั้งที่หลับตา แต่ยังส่งเสียงอืออาออกมา
   “เมาแล้วโคตรรั่วเลยรู้ตัวไหมเนี่ย” ผมบ่น
   “อืออ....” ส่งเสียงเหมือนรำคาญ
   “นอนนิ่งๆนะ อย่าซน ผมจะไปอาบน้ำ”
   ขณะที่ผมกำลังจะลุก มือๆหนาก็มาเกี่ยวเอวผมจนล้มลงบนเตียง แล้วทาบทับด้วยคนเมา ผมตกใจจนเบิกตากว้าง แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า เวลาพี่แกเมานี่โคตรเซ็กซี่เลย
   “ปล่อย ผมจะไปอาบน้ำ”
   เราสบตากันอยู่นาน เขามองผมด้วยแววตาคุ้นเคย คงจะเริ่มสร่างแล้ว จำแฟนตัวเองได้แล้วสินะ แล้วจู่เขาก็กอดผมไว้ทั้งตัว ซุกหน้าลงกับซอกคอ มือสองข้างรัดเอวผมไว้แน่น เหมือนกลัวผมจะหายไป
   “คิดถึงจัง....”
   ถ้าพี่มันเมาแอลกฮอล์ล
   ตอนนี้ผมก็คง
   .....จะเมารักละมั้ง   
   
   
 
   

 

   
   
   
หัวข้อ: Re: ็Hello there ว่าไงน้องหมวย (น้องหมวยบทที่ 15 8/07/2561
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 08-07-2018 00:20:50
 :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: ็Hello there ว่าไงน้องหมวย (น้องหมวยบทที่ 15 8/07/2561
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 08-07-2018 00:55:11
แกล้งเมาป่ะเนี่ย
หัวข้อ: Re: ็Hello there ว่าไงน้องหมวย (น้องหมวยบทที่ 15 8/07/2561
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 08-07-2018 01:27:12
 :laugh:
หัวข้อ: Re: ็Hello there ว่าไงน้องหมวย (น้องหมวยบทที่ 15 8/07/2561
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 08-07-2018 16:38:44
แกล้งป่ะเนี่ย
หัวข้อ: Re: ็Hello there ว่าไงน้องหมวย (น้องหมวยบทที่ 15 8/07/2561
เริ่มหัวข้อโดย: Girin ที่ 17-07-2018 01:16:18
น้องหมวยบทที่ 16

   ปี๊ดดดดดดด!!!
   “หมดเวลาแล้วครับ บัญชีชนะไปด้วยคะแนน 2-1 ได้เข้าสู่รอบชิงชนะเลิศไปครับ”
   “เฮ้! ! ! ! ! ! ! !”
   “พรุ่งนี้อย่าลืมมาลุ้นกันนะครับ ฟุตบอลรอบชิงรองชนะเลิศระหว่าง ปรัชญา และ สถาปัตถ์ การแข่งขันจะเริ่มตั้งแต่ 4 โมงเย็น  ที่เก่าเวลาเดิม อย่าลืมมาให้กำลังใจกันนะครับ ขอบคุณครับบบบ....”
   แพ้
   ย่อยยับ
   ไม่แพ้ได้ไง เด็กบัญชีแม่งตัวโคตรใหญ่ สาขาผมมีตัวใหญ่สามสี่คน  ตัวสำรองแม่งก็อย่างเยอะ ขณะที่สาขาผมมีตัวสำรองอยู่คนเดียว พูดง่ายๆคือ
   ห้ามท้องเสีย ห้ามเจ็บ ห้ามตาย จนกว่าจะแข่งจบ
   อย่างน้อยก็ยังได้ชิงที่สามครับ ผมนี่ล้ามาหลายวันแล้ว นอกจากซ้อมแล้วยังต้องไปช่วยลงแข่งอันนู้นอันนี้ ตั้งแต่บาส แบด ปิงปอง ยันแข่งเปตอง
   เป็นทุกอย่างให้เธอแล้ว
   แข่งกีฬาเสร็จก็ลุยสอบไฟนอลต่อเลย ใช้ชีวิตเฟรชชี่ได้คุ้มสุดๆ ไม่ได้มีเวลาพักหายใจกันเลย เกิดเป็นเด็กมหาลัยนี่ลำบากนะครับ เกรดก็ห้ามตก กิจกรรมก็ห้ามขาด ชีวิตนึงเราต้องทำอะไรเยอะขนาดนี้เลยหรอครับ
   ครั้งนึงผมเคยสงสัยว่าจริงๆแล้วผมอยากเรียนอะไร
   ตอนนี้ผมรู้แล้ว
   จริงๆคือไม่อยากเรียน…
   ผมอยากนอนแล้วเว้ย พี่ไทม์มันไปไหนของมันวะ โทรมาบอกว่าไม่ว่าง มาเชียร์ไม่ได้ แต่เดี๋ยวจะมารับ ตอนนี้ยังไม่โผล่มาแม้แต่เส้นผม ไม่มีข้อความ ไม่มีมิสคอลใดๆ โทรไปก็ไม่รับ
   หายสาบสูญอย่างแท้จริง.....
   ผมได้แต่ทำหน้าบูด เก็บของใส่กระเป๋า แล้วเดินไปห้องอาบน้ำรอ และตั้งแต่ยังไม่อาบ จนเปิดน้ำ แถมสระผมด้วย ฟอกสบู่นานมากๆ จนอาบเสร็จ พี่มันก็ยังไม่มา คือไม่ว่างมารับก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่ควรจะโทรมาบอกกันหน่อย
   อีกอย่างคือผมหิวข้าว นี่หกโมงกว่าแล้ว
   ผมเลยตัดสินใจโทรไปอีกรอบ ก็ยังไม่รับสาย เลยไลน์ไปบอกว่าผมจะกลับเอง อยากจะเกรี้ยวกราดใส่อยู่หรอก แต่ก็รู้ว่ามันคงไม่ว่างจริงๆนั่นแหละ ไม่งั้นคงไม่ยอมให้ผมกลับเองหรอก ผมเห็นมันเรียนหนักมาเป็นอาทิตย์แล้ว ก็ไม่อยากจะกวน ตัวผมเองก็ไม่ค่อยว่างเหมือนกัน
   จริงๆอยากแวะไปหาที่ห้องเหมือนกัน แต่ปล่อยให้พี่มันทำงานไปดีกว่า ผมเหนื่อยสะสมมาหลายวัน ต่อให้หิวก็สามารถหลับคาเตียงได้อะตอนนี้ ผมเลยกลับห้องตัวเองดีกว่า ไว้ค่อยโทรหาอีกที
   ผมเผลอหลับบนรถเมล์ สะดุ้งตื่นเพราะเสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ ผมเหลอหลามองรอบข้าง ก็เห็นว่าใกล้ถึงพอดี ยังดีนะที่ไม่หลับจนเลยป้าย
   “ฮัลโหล...”
   “กลับห้องรึยังครับ?”
   “หือ? พี่ไทม์หรอ” ผมที่งัวเงียอยู่ สะดุ้งตื่น หงายโทรศัพท์ออกมาดูก็เห็นว่าเป็นพี่ไทม์จริงๆที่โทรมา
   “เผลอหลับบนรถอีกแล้วหรอ”
   “งีบแปปเดียวเอง ยังไม่เลยป้ายๆ” ผมรีบแก้ตัว
   “เผลอหลับได้ยังไง ถ้าเลยป้ายจะทำยังไงหะเรา เฮ้อ พี่ผิดเองนั่นแหละ ขอโทษจริงๆ พี่ทำงานจนลืมดูเวลา ไม่ได้เปิดเสียงโทรศัพท์ด้วย”
   “ไม่เป็นไรหรอก ผมรู้ว่าพี่ไม่ว่าง แต่พี่ทำงานจนลืมกินข้าวอีกแล้วใช่ไหมเนี่ย”
   “ถึงไหนแล้ว ใกล้ถึงรึยัง”
   “เปลี่ยนเรื่องตลอด แสดงว่าทำงานจนลืมกินข้าวสินะครับ” ปากก็บ่นจะฉีกถึงหู ให้ผมกินข้าวให้ครบ ทีตัวเองละอ้างทำงานเพลินตลอด นอนก็น้อยข้าวก็ไม่ค่อยกิน อยากป่วยนักรึไง บ่นทีก็เปลี่ยนเรื่องที มันน่าตีจริงๆเลย
   “ก็พี่ลืม” ดูมันแก้ตัว
   “คราวหน้าผมจะโกรธพี่จริงๆนะ  ไปหาข้าวกินเลย ผมต้องลงรถแล้ว แค่นี้ก่อนนะ” ผมกดวางสาย ลุกขึ้นกดกริ่ง พอลงจากรถก็เห็นว่าหน้าหอมันมีรถคุ้นตาจอดอยู่ มองเลยไปอีกนิดก็จะเห็นหน้าหล่อๆของเจ้าของรถ นั่งรออยู่ที่โต๊ะม้าหินหน้าตึก
   “ก็พี่กำลังจะไปกินข้าวกับแฟน ห้ามโกรธด้วย” เขาพูด แล้วยิ้มยียวนใส่ผม ผมส่ายหน้าระอา แต่ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกดีกับข้อแก้ตัวพี่มัน หมั่นไส้วะ
   “ผมจะต้มมาม่ากินนะ”
   “เป็นโรคกระเพาะก็ยังจะกินแต่มาม่า เดี๋ยวก็โดนตีหรอกเรา พี่ซื้อข้าวมันไก่มาให้แล้ว” ผมทำปากยื่นใส่
   “มีซอสหวานมาด้วย เลิกทำขนฟูใส่พี่ซะที” เขายิ้มแล้วเดินมาโอบไหล่ผม เดินขึ้นห้อง
   “ผมไม่ใช่หมานะ!” ผมเถียง
“พี่อุตส่าห์ให้น้องหมวยเป็นแมว อยากเป็นหมาหรอกหรอเนี่ย” พี่มันหัวเราะใส่ผมแล้วยีหัวจนผมยุ่ง
ผมเดินฮึดฮัดมาไขประตูห้อง ทำเป็นไม่สนใจคนที่เดินตามหลังมา เห็นเตียงแล้วอยากจะหลับซะเดี๋ยวนั้น มันล้าทั้งตัว ดีจริงๆที่อาบน้ำมาแล้ว
“พี่อาบน้ำรึยัง?”
“ยังเลย เราอาบน้ำแล้วหรอ?”
“ผมอาบแล้ว”
“กินข้าวก่อนก็ได้ เดี๋ยวพี่ค่อยอาบ”
เขาว่าแล้วหยิบจานมาแกะข้าวมันไก่ใส่  เราใช้ชีวิตกันง่ายๆ กินง่ายๆ แต่สบายใจดี ไม่ว่างแต่ก็ไม่เคยหาย ผมชอบข้อนี้ของเขามาก เขายังใส่ใจผมเหมือนวันแรกๆที่เรารู้จักกัน คอยห่วงผมอยู่เสมอ ช่วงนี้เขาเรียนหนัก งานเยอะ ชีวิตปีหนึ่งของผมมันก็วุ่นๆ เสาร์อาทิตย์ผมก็ต้องทำงาน ผมแทบไม่มีเวลาให้เขาเลย
ทำหน้าที่แฟนได้โคตรห่วยแตก
แต่เขาก็ไม่เคยบ่นสักคำ ยังหาเวลามาอยู่กับผมได้ตลอด ผมตักข้าวไปมองหน้าหล่อๆของพี่มันไป
มันพอจะมีวิธีไหมนะ ให้ใครสักคนอยู่กับเราตลอดไป....
ผมจินตนาการวันที่ไม่มีพี่มันไม่ออกเลย ผมจะทำยังไงในวันที่เดินออกมาจากบ้านเพื่อพิสูจน์ตัวเอง ผมจะทำยังไงในวันที่ใครก็ไม่ต้องการผมสักคน ผมจะทำยังไงกับข้อสอบกลางภาคที่แม่งโคตรยาก ถ้าไม่ได้ข้อสอบเก่าจากพี่มัน ผมจะยังมีความสุขอยู่ไหมถ้าต้องนั่งกินข้าวเย็นคนเดียวทุกวัน
ผมจะทำยังไงถ้าวันนึงพี่มันหายไป
เพราะเหมือนตอนนี้เขาจะเป็นโลกทั้งใบของผมไปแล้ว....
ผมสะบัดหัว เอาความคิดเครียดๆออกไป ตักไก่ชิ้นใหญ่แถมมีหนังติด แล้วยื่นไปจ่อปากคนตรงหน้า เขากระตุกยิ้มให้ผมก่อนจะงับไก่เข้าปาก ผมยิ้มมุมปากกับท่าทางเอร็ดอร่อยเกินเหตุของพี่มัน
“ไก่ก็อร่อยนะ แต่คนป้อนน่าจะอร่อยกว่า”
“พูดมาก กินเข้าไปเลย” ว่าจบ ผมก็ยัดเข้าปากเขาไปอีกคำแบบไม่ให้ตั้งตัว จนพี่มันสำลักแล้วหันมาทำหน้าคาดโทษใส่ผม หึๆๆ
ผมเปลี่ยนชุด ถอดคอนแทคเลนส์ออก ระหว่างรอพี่มันไปอาบน้ำ ผมลูบๆที่เท้าขวา รู้สึกปวดๆ ผมคงจะใช้งานมันหนักจนเกินไป วันก่อนลงแข่งบาสผมก็โดนชนจนล้ม วันนี้แข่งบอลผมก็ล้มอีก เท้าผมเริ่มช้ำเป็นจ้ำๆ ปวดหนึบๆ แต่ยังเดินไหว ปัญหาคือพรุ่งนี้มีแข่ง
ผมเลิกสนใจแล้วปีนขึ้นเตียง จังหวะที่กำลังจะเคลิ้มหลับ ไฟทั้งห้องก็มืดพร้อมกับแรงยวบข้างๆตัว ผมหันไปเขาตามความเคยชิน คว้ามือมาจับเอาไว้ หลังมานี่ผมติดจับมือเขาตลอดเวลานอนด้วยกัน
“กลัวพี่หายหรอ หืม?”
“อือ.... เดี๋ยวหาย หาไม่เจอ” ผมพูดเสียงงัวเงีย เริ่มพูดไม่รู้เรื่อง
“วันนี้ชนะรึเปล่า เจ็บตัวตรงไหนไหม?”
“ฮือ.. จะนอน” ผมดึงมือเขามาปิดหู แล้วมุดลงหาหมอน
“โอเคๆ นอนก็ได้ เด็กดื้อ ฝันดีนะ” เขาหอมแก้มผมทีนึง ก่อนจะดึงผมไปกอด แล้วผมก็หลับไปเลย

   
   
   “1-0 ครับ ปรัชญานำไปแล้ว สถาปัตถ์จะตีตื้นขึ้นมาได้หรือไม่”
   คำเดียวสำหรับแมตช์นี้ครับ
   สถาปัตถ์ แม่งหล่อมากกกก
   บอดี้อย่างสวย กล้ามนี่มาเป็นลูก เสยผมทีนี่กรี๊ดทั้งสนาม ผมยังตาค้างเลย แต่อย่างว่าครับ ตัวยิ่งใหญ่ยิ่งช้า สาขาเด็กก้างปลาอย่างผมเลยชิงนำก่อนง่ายๆ เกมเดินไปเรื่อยจนถึงครึ่งหลัง อีกฝั่งเริ่มรุกเพื่อตีเสมอ ผมวิ่งตีคู่กับฝ่ายตรงข้ามเบอร์ 2 เพื่อแย่งลูกจากอีกฝ่าย แล้วคือต่างคนต่างวิ่งมาแบบเร็วๆยื้อแย่งลูกไปมา ผมเลยเสียจังหวะสะดุดล้ม เท้าขวาผมเจ็บแปลบ ปวดร้าวไปถึงหัวใจ จะไม่ไรเป็นเลยถ้าพี่เบอร์ 2 ไม่เอาเข่ามาเสยหน้ากู
   วิ้งเลย…..
   ดาวมาเป็นกาแล็กซี่
   โลกของผมเบลอทั้งที่ผมยังใส่คอนแทคเลนส์ รู้สึกตัวลอยๆ หูผมอื้อจนฟังอะไรไม่รู้เรื่องแต่ได้ยินเสียงดังเอะอะอยู่รอบข้างเต็มไปหมด ตาผมพร่าจนแยกไม่ออกว่าอะไรเป็นอะไร ผมเริ่มปวดหัวกับอาการหูอื้อตามัวของตัวเอง
   “....ได้ยินพี่ไหม”
   “อือ......” นี่ไม่ใช่คำตอบ นี่มันเสียงครางอืออาของผมเอง ผมเริ่มเห็นหน้าคนพูดลางๆ เสียงฟังดูคุ้นหูชะมัด
   อ่า... พี่ไทม์นั่นเอง ผมยิ้มในความคิด
   “เชี่ย ไอ้ไทม์ อยู่ๆน้องมันก็ยิ้ม พาไปโรงบาลดีไหมวะ” เสียงใครสักคนดังขึ้น ผมรู้สึกถึงอะไรเย็นๆรอบหน้า พี่ไทม์จบคางผมให้เงยขึ้น ก่อนจะเอาผ้ามาซับแถวจมูก  อา...แม่งล่อซะจมูกกูเลือดไหลเลย ดั้งผมจะหักไหมเนี่ย
   “โอเคไหม ได้ยินพี่รึเปล่า” ผมพยักหน้าให้เขาเล็กๆ ตอนนี้ผมเห็นเขาชัดแล้ว เหงื่อเขาไหลเต็มเลย แววตาเป็นห่วงผมจนผมอดยิ้มไม่ได้ ผมนั่งอยู่ในซุ้มปฐมพยาบาล ก่อเกียรติคอยเช็ดหน้าให้ผม ส่วนพี่ไทม์คอยซับเลือดที่จมูก มีพี่ปุนยืนอยู่ข้างๆ ผมกระพริบตาถี่ๆเพื่อจะปรับแสง
   “เป็นไงบ้าง?” พี่ไทม์ถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน เขาดึงผ้าที่ซับอยู่ออก เลือดผมหยุดไหลแล้ว
   “เจ็บจมูก”
   “เป็นแผลนิดเดียว เดี๋ยวก็หายนะคนเก่ง” ลักษณะเหมือนพูดปลอบใจยังไงไม่รู้ แต่อย่างน้อยผมว่าคงไม่ถึงขั้นดั้งหัก ผมขยับตัวลุกขึ้นนั่งให้ดี และข้อเท้าขวาผมก็เจ็บแปลบจนผมเบ้หน้า พี่ไทม์สังเกตเห็นผม แล้วรีบเข้ามาดู เขาค่อยๆถอดรองเท้าออก ผมว่าเท้าผมไม่ได้หอมนัก แต่พี่มันก็ไม่แคร์ ถอดถุงเท้าผมออกอย่างเบามือ และเขาขมวดคิ้วทันที
   “ก่อเกียรติพี่ฝากเอากระเป๋าน้องหมวยกลับด้วยนะ”
   “พี่จะพามันไปไหน”
   “ไปหาหมอ”
   “เดี๋ยวพี่...” เขาลุกแล้วช้อนผมอุ้มขึ้น ไม่เปิดโอกาสให้ผมเถียง หรือสีหน้าตกใจของผม ไม่ได้สนใจประชาชีที่รายล้อมอยู๋ในเต็นท์เลยสักนิด ไม่ได้สนใจว่าเพื่อนตัวเองจะยืนอ้าปากค้างอยู่


   สติผมมาเกือบจะเต็มร้อยแล้ว เรามาคลินิกแถวๆมหาลัย ผมมีพลาสเตอร์ยาลายคุณกระตายสีชมพูแปะที่จมูก หมอบอกว่าเอ็นข้อเท้าของผมอักเสบ  พอขึ้นรถกลับเท่านั้นแหละ ผมโดนดุจนหูชา จนหลับไปตอนไหนไม่รู้  ตื่นมาอีกทีก็นอนอยู่ห้องพี่ไทม์แล้ว เขาคงรู้ว่ารอยช้ำๆที่เท้าผมมันไม่ได้พึ่งเป็นเมื่อตอนเย็น ก็โดนบ่นไปตามระเบียบ
   “รู้ว่าห่วง ก็ชอบทำให้ห่วง” ยังเคืองอยู่ครับ
   “ก็คิดว่ามันไม่เป็นอะไรมาก ขอโทษครับ” ผมก้มหน้าสำนึกผิด
   “นอนห้องพี่จนกว่าจะหาย แล้วก็ห้ามดื้อ เข้าใจไหม?”
   “ก็ได้”
   “เวลาเชื่อฟังก็น่ารักดีหรอก”
   “ผมไม่ได้ดื้อสักหน่อย” ผมเถียง พี่มันก็ยักคิ้วกวนประสาทใส่ผมประมาณว่า อ่อเหรอ
   “ไม่ดื้อก็กินข้าว?”
   “ทำไมพี่ชอบทำเหมือนผมเป็นเด็ก” ผมว่าแต่ก็คว้าจานข้าวมาตักกิน พี่มันยิ้มให้ผม นั่งมองผมกินข้าว ผมทำอะไรไม่ได้นอกจากทำตาขวางใส่ อีกฝ่ายหัวเราะในลำคอ แล้วเอื้อมมือมาเช็ดปากให้ผม
   “ก็เรามันเด็ก เด็กตาสระอิไง ไม่ชอบหรอ”
   “ไม่”
   “แต่พี่ชอบนะ เด็กน้อยที่พี่ชอบไง ไม่อยากเป็นหรอ”
   “พี่เลี่ยนวะ”
   “กวนตีนนะเดี๋ยวนี้” เขาว่าขำๆแล้วตีหน้าผากผมดังแป๊ะ
    พอผมกินเสร็จพี่มันก็ลุกเก็บไปล้างจาน หยิบน้ำให้ผม หิ้วผมไปแปรงฟัน เรียกว่าโคตรสบาย วางบนเตียงห่มผ้าเสร็จสรรพ กูเป็นแฟนหรือเป็นลูกมันวะ
   “พรุ่งนี้ผมไม่หยุดงานได้ไหม แค่ขาเจ็บเอง ผมนั่งคิดเงินที่เคาน์เตอร์ได้ ผมจะบอกพี่เก๋ว่าเอาค่าแรงแค่ครึ่งเดียว นะๆๆ” ผมทำตาแป๋วๆแล้วยิ้มๆแบบที่พี่มันชอบ ผมสังเกตจนรู้ว่าพี่มันจะแพ้เวลาผมทำแบบนี้ และมันก็ได้ผล
   “พี่ไม่อยากให้ไป รู้ใช่ไหม?” พี่มันทำหน้าลังเล ทั้งที่ปกติต้องลั่นวาจาห้ามผมไปแล้ว
   “ไม่ดื้อ สัญญา ให้ไปนะ” ผมเริ่มเอื้อมมือไปจับมือหนาไว้ อีกนิดเดียวเท่านั้น สายตาเริ่มมาละ แววใจอ่อนอยู่แค่เอื้อม
   “ก็ได้ แต่ห้ามดื้อ ห้ามเดินไปมาด้วย”
   “ตกลงครับ” ผมรีบรับคำ เดี๋ยวมันเปลี่ยนใจไม่ได้หรอก
   “จูบก่อน ไม่งั้นเปลี่ยนใจ” มีเล่นตัว ผมก็ขยับตัวไปหาพี่มัน เพราะมันนั่งอยู่ข้างๆผม ประทับริมฝีปากลงไปเบาๆก่อนจะถอนจูบออก แต่อีกคนก็ไม่ยอม รั้งเอวผมเข้าไปหา แล้วแทรกลิ้นเข้ามา เขาจูบผมจนหอบ ก่อนจะจุ๊บเบาๆที่ปลายจมูก
   “กระต่ายดื้อ” เขาจิ้มที่พลาสเตอร์จนผมร้องโอ๊ย






   เช้าวันเสาร์ พี่ไทม์มาหย่อนผมทิ้งไว้ที่ร้าน ผมนั่งประจำอยู่ที่เคาน์เตอร์คิดเงิน  นั่งคิดเงินจนเปื่อย ไม่ได้เดินไปไหนเลย ประเด็นคือเดินไม่ไหวด้วย พอเดินแล้วมันเจ็บ ก็นั่งดีกว่า ที่นั่งผมอยู่หน้าร้าน เห็นคนเดินไปมาเต็มไปหมด เป็นบรรยากาศที่แปลกดี ปกติแล้วผมจะอยู่แต่ในร้านไม่ก็หลังร้าน
   ผมทำงานไปเรื่อยจนเย็น  ศุกร์ที่แล้วผมไปหาพีท ผมคุยกับพีทแล้วตัดสินใจ ว่าผมจะลาหยุดวันเสาร์เพื่อตามดูว่าแม่ไปไหน มันเป็นอีกเหตุผลว่าทำไมผมถึงไม่อยากลาหยุดอาทิตย์นี้อีก อันที่จริงก็ไม่ใช่ว่าผมไม่ไว้ใจแม่ เขาไม่เคยหนีไปเล่นคาสิโนอะไรแบบนั้นหรอก แต่ผมห่วงว่าเขาจะไปโรงพยาบาลแอบไปหาหมอ ป่วยเป็นอะไรที่ผมไม่รู้
   แต่ผมก็พลาด
   คลาดสายตาแปปเดียวแม่ก็หายไปแล้ว ผมเลยหยุดงานไปฟรีๆเลย
   “สวัสดีครับ ตึกส้มชาบูยินดีต้อนรับครับ” ผมยิ้มต้อนรับลูกค้า
   “มากี่ท่านครับ”
   “ 4 ค่ะ” ผมเรียกพี่ในร้านให้มารับลูกค้า เพราะผมกลายเป็นลูกจ้างขาเป๋ ผมตกลงรับค่าแรงครึ่งเดียว แล้วจะมาทำงานชดเชยวันอื่น ผมไม่อยากเอาเปรียบแต่พี่เก๋ก็บอกปัด เขาบอกว่าไม่เป็นไร เขาเป็นเจ้านายที่น่ารักมากๆเลยครับ
   ผมหันไปสนใจนอกร้านต่อ มองคนเดินไปมามันก็เพลินดี ยิ่งอยู่ในร้านแอร์เย็นๆ แล้วผมก็สะดุดตากับผู้หญิงคนนึงที่เดินด้อมๆมองอยู่นอกร้าน เธอดูคุ้นตา แต่เพราะแว่นสีดำและแมสปิดปาก ผมเลยมองไม่ชัด แต่ท่าทางน่าสงสัย เหมือนหาใครอยู่ เธอมองเข้ามาในร้านแล้วทำท่าหงุดหงิด จากนั้นเธอก็ถอดแว่นตา
   “แม่.....”





*****
มาดึกๆคือเราเอง
รักและขอบคุณทุกคนมากเด้อ♥
หัวข้อ: Re: ็Hello there ว่าไงน้องหมวย (น้องหมวยบทที่ 16 17/07/2561)
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 17-07-2018 22:16:27
ติิดตามค่ะ
หัวข้อ: Re: ็Hello there ว่าไงน้องหมวย (น้องหมวยบทที่ 16 17/07/2561)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 17-07-2018 22:33:32
 :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ็Hello there ว่าไงน้องหมวย (น้องหมวยบทที่ 16 17/07/2561)
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 17-07-2018 22:54:26
แม่มาแอบส่องหรอ

 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: ็Hello there ว่าไงน้องหมวย (น้องหมวยบทที่ 16 17/07/2561)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 17-07-2018 23:13:24
มาตามดูลูกชาย
หัวข้อ: Re: ็Hello there ว่าไงน้องหมวย (น้องหมวยบทที่ 16 17/07/2561)
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 18-07-2018 01:07:46
มาตามดูลูกนี่เอง อิอิ
หัวข้อ: Re: ็Hello there ว่าไงน้องหมวย (น้องหมวยบทที่ 16 17/07/2561)
เริ่มหัวข้อโดย: ammchun ที่ 18-07-2018 17:51:46
สงสารหมวย สงสารทุกคนที่มีครอบครัวแบบนี้
หัวข้อ: Re: ็Hello there ว่าไงน้องหมวย (น้องหมวยบทที่ 16 17/07/2561)
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 19-07-2018 11:08:18
รอๆ
หัวข้อ: Re: ็Hello there ว่าไงน้องหมวย (น้องหมวยบทที่ 16 17/07/2561)
เริ่มหัวข้อโดย: Maleewong ที่ 21-07-2018 20:49:59
 :ling1: :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: ็Hello there ว่าไงน้องหมวย (น้องหมวยบทที่ 16 17/07/2561)
เริ่มหัวข้อโดย: Girin ที่ 20-08-2018 23:27:40
น้องหมวยกับวันสงกรานต์หลงฤดูของเขา (เนื้อเรื่องหลักเราจะรีบคัมแบคใจเย็นก่อนน้า)
[/b]
   
        “ไปเล่นน้ำกันพี่”
   “โตแล้วไม่เล่น”
   “โตแล้วก็เล่นได้”
   “ทำงานแล้วยังจะไปเล่นน้ำอีกหรอ”
   “ไปกันเหอะ เรานอนเป็นผักมาหลายวันแล้วนะ”
   “พี่ไม่อยากดำ”
   “ผมมีกันแดดๆ”
   “พี่จะนอน”
   “พี่นอนมาสามวันแล้ว”
   “พี่ไม่ชอบคนเยอะครับน้องหมวย”
   “พี่ไทม์”
   “ไม่”
   “ไทม์ ไปเล่นน้ำกันนะ”
   “ม....”
   “ไทม์....” ช้อนตามอง
   “ไม่ไปปปป”

   .
   .
   .
   .
        “พี่ไทม์ อย่ายืนนิ่งให้เขาปะแป้งดิ  โหเห็นสาวหน่อยละ ปืนยิงไม่ออกเลยหรอหะ!”
   เถียงไม่เคยชนะ
   เจอลูกอ้อนตาแมวทีไร
   แพ้ยับทุกที
   อยู่กันมานานจนผมไม่รู้จะเอาอะไรไปสู้ เด็กดื้อตาใส พอเถียงไม่ได้ก็มาอ้อนใส่ แล้วถามว่าผมจะยอมหรอ ก็ยอมน่ะสิ ใครใช้ให้มาทำหน้าแมวละ คอยดูเถอะน้องหมวย จะฟัดเช้าฟัดเย็นเลย
   แล้วดู ชวนผมมาเองละก็มาโวยวาย เด็กดื้อ น่าจับตี
   “พี่ๆแป้งเข้าตาผมอะ ช่วยด้วยๆ” นั่นไง เด็กหมวยตัวยุ่ง จะกี่ปีก็เป็นตัวยุ่งเหมือนเดิม
   “พี่บอกแล้วว่าอย่าใส่คอนแทคเลนส์มาเล่น” ผมคว้าสองมือน้องไว้เพราะเขากำลังจะขยี้ตา ลากออกมาด้านข้างตรงที่ไม่มีคน
   “ถอดออกมาได้ไหม อย่าขยี้สิ”
   “ผมลืมเอาตลับใส่มา” โตแต่ตัวจริงๆเด็กนี่ ผมถอนหายใจก่อนจะหยิบตลับคอนแทคเลนส์ที่ใส่ซองกันน้ำในกระเป๋าส่งให้เขา
   “ถ้าพี่ไม่มาด้วยจะทำยังไง หึ”
   “ผมรู้ว่ายังไงพี่ก็ต้องมา..” ยังจะมายิ้มอีก
   “ไม่ต้องมายิ้มเลย แว่นก็ไม่ยอมเอามา ลืมมันหมดทุกอย่างนั่นแหละ ประมาทเกินไปแล้วนะเรา ยังจะมายิ้มอีก เงยหน้ามา พี่จะใส่แว่นให้” ถอนหายใจไปบ่นไป เด็กดื้อก็ยังขี้ลืมอยู่วันยันค่ำ อายุก็น้อยกว่า แต่ดันเป็นคนแก่ขี้ลืมก่อนผมซะอีก
   “เห็นหน้าพี่ชัดแจ๋วเลย ขอบคุณนะครับ ไปเล่นน้ำกันๆๆๆๆ” น้องยิ้มจนตาปิดใส่ผมก่อนจะลากผมไปกลางดงคนอีกครั้ง เล่นมีความสุขขนาดนั้น ใครจะไปโกรธลง ตัวแสบเอ้ย
   ผมไม่ค่อยได้เล่นอะไร แค่เดินตามน้องหมวยไปเรื่อยๆ ก็ไม่ได้อยากมาขนาดนั้นแต่แรกอยู่แล้ว แต่ก็คิดถูกจริงๆที่มาตามคำชวนอีกฝ่าย เหมือนได้ย้อนเวลากลับไปเห็นน้องหมวยกลับไปชุดนักศึกษาอีกครั้ง ไม่ได้เห็นเขาสดใสแบบนี้มานานแล้ว
     ต่างคนต่างทำงาน พอเลิกงานก็กลับมาอยู่ด้วยกัน วนไปมาทุกวันไม่รู้จักเบื่อ เหนื่อยเครียดแค่ไหน พออีกคนยิ้ม  ให้ความล้าทั้งวันก็หาย
    เราเป็นครอบครัวให้กันและกัน
     เป็นคนที่ทำให้ผมอยากกลับบ้าน เพราะรู้ว่าเขารออยู่
     หึ ผมยิ้มให้กับเด็กแสบ ฉีดน้ำใส่คนอื่นเขาแต่ก็ยังไม่ยอมปล่อยมือผม เหมือนกลัวผมหาย  เด็กแว่นมีแต่แป้งเต็มหน้าไปหมด แต่พอยิ้มทีก็ยังน่ารักจนผมยิ้มตาม ทั้งที่ไม่ชอบจะตายไอ้การมาอยู่กลางดงคนขนาดนี้
   ประโยคอะไรนะ เหมือนในหนังน่ะ*  แต่อันนี้คงเป็น
   ‘น่ารักทะลุแป้งเลย  ละมั้ง’
เด็กนั่นจะรู้ไหมว่าผมหลงเขาขนาดนี้...
   
   (* หนึ่งในฉากของหนังเรื่องรถไฟฟ้ามาหานะเธอ พระเอกปะแป้งแล้วยิ้มให้นางเอก จนนางเอกพูดว่าหล่อทะลุแป้งเลย)

   “....พี่ไทม์” รู้ตัวอีกที คนที่เอาแต่ลากผมไปนู่นนี่ ก็เดินมาอยู่ตรงหน้าผมแล้ว
   “ล้างแว่นให้หน่อย” เด็กแว่นโดนปะแป้งจนเต็มหน้า แถมยังมีคนใจดีเขียนรูปหัวใจไว้บนแว่นให้อีกด้วย
   เฮ้อ....
   ผมถอดแว่นออกมาแล้วใช้น้ำในปืนฉีดน้ำล้างๆออก ถ้าไม่มีแว่นไม่มีคอนแทคเลนส์ น้องหมวยก็ไม่ต่างอะไรจากคนตาบอด มันทำให้ผมเผลอห่วงเขามากๆอยู่บ่อยๆทั้งที่เขาก็เป็นผู้ชาย
   แต่อายุเท่าไหร่ก็เป็นเด็กน้อยสำหรับผมอยู่ดี
   “ใส่ให้ด้วยดิพี่” เป็นเด็กขี้อ้อนด้วย ยิ่งโตยิ่งอ้อน แต่ก็ยังเป็นตัวยุ่ง หาเรื่องได้ตลอด ดื้อก็ดื้อ พูดอะไรเคยฟังที่ไหน
    “พี่กำลังบ่นผมในใจใช่ไหม ผมรู้นะ”
   “...ก็อยากให้รู้ไง”
   “ผมรู้ว่าพี่ไม่ชอบเล่น แต่ขออีกแปปเดียวนะ เดี๋ยวกลับเลย แล้วเราไปกินข้าวกันนะ ผมเลี้ยงเอง แปปเดียวสัญญา” อยากเล่นแต่ก็ยังห่วงผม แล้วผมจะไปค้านอะไรได้ ถือว่าพาเด็กน้อยมาเล่นน้ำละกัน นานๆที
   “ก็ได้ แต่ต้องจับมือไว้ตลอดนะ”
   “ได้สิ โอเคเลย... ” ยิ้มแป้นสบายใจแล้วก็ลากผมไปต่อ
   เฮ้อ จะยังไงผมก็แพ้ทางคนเดิมๆตลอดนั่นแหละ
   เดินไปสักพักมือที่เล็กกว่ามือผมก็หายไป น้องโดนคนดันจนหายไปในฝูงคน ผมเดินหาด้วยความใจร้อน โทรศัพท์น้องอยู่กับผม เขาไม่สามารถติดต่อผมได้ แล้ววันนี้เรานั่งรถเมล์มาด้วย น้องไม่สามารถไปรอผมที่รถได้
   เราเคยพลัดหลงกันครั้งนึงตอนไปเที่ยวต่างจังหวัด ทิ้งผมไปหาของกิน ทั้งที่ตัวไม่มีเงินสักบาท โทรศัพท์แบตหมด กว่าจะหาเจอก็ใกล้มืด ยืนทำหน้าจะร้องไห้ จนผมดุไม่ลง หลังจากนั้นก็ติดจับมือกันตลอดเวลาไปไหน
   ตัวยุ่ง รู้ว่าห่วงก็ชอบทำให้ห่วง
   ผมเดินลึกเข้าไปเรื่อยๆจนเจอคนที่ตามหายืนหันซ้ายหันขวาหาผมอยู่
   “พี่ไทม์....” ผมเดินไปหาอีกฝ่ายทันที น้องทำตาโตเมื่อเห็นผมเขาเดินมาจับมือผมแน่น เขาทำหน้าเสียเหมือนผ่านอะไรสักอย่างที่หน้ากลัวมา และลังเลที่จะบอกผม เขาเม้มปาก
   “ใจเย็นๆ เป็นอะไรบอกพี่”
   “ค คือ..”
   “....”
“คือว่า..”
   “....”
   “มีคนมาจับไอ้นั่นผมอ่ะ..”
   “....”
   “....”
   “กลับบ้านเดี๋ยวนี้!”




   ตัวยุ่งรีบซื้อน้ำมาให้ผมกินทันทีตอนเดินไปขึ้นรถเมล์ พาผมขึ้นรถเมล์ เสียสละให้ผมนั่งก่อน
   “พี่นั่งเลยๆ ผมรู้ว่าพี่ไม่ชอบยืนเบียดคนเยอะๆ” ผมยอมนั่งเพราะรู้ว่าเขาอยากจะไถ่โทษให้ เขารู้ว่าผมไม่ได้โกรธ แค่ไม่พอใจ ก็ใครมันจะไปชอบ ให้ปะแป้งก็มากพอแล้ว ผมจะไม่ยอมให้เด็กน้อยของผมเปลืองตัวไปมากกว่านี้ ผมคือคนเดียวที่ฟัดเขาได้
   เพราะรถติดทำให้เรายังไม่ไปไหนทั้งที่ผ่านไปนานแล้ว ผมเอนตัวพิงคนที่ยืนอยู่ เขาชอบเวลาผมทำตัวเชื่องๆใส่ แต่อีกนัยมันเป็นการแสดงให้เห็นว่าผมอารมณ์ดีแล้ว เด็กน้อยรับรู้ด้วยการยกมือมาเล่นผมเปียกๆของผม
   “นี่พี่..”
   “หืม?”
   “ขอบคุณนะครับ”
   “....”
   “ทั้งที่พี่ไม่อยากมาแต่ก็ยังมากับผม  ไม่ชอบให้คนมาปะแป้งผมแต่ก็ไม่บ่นสักคำ ไม่อยากดำแต่ก็ยอมให้ผมลากไปมา”
   “....”
   “คิดไม่ออกเหมือนกันว่าถ้าไม่มีพี่ผมจะทำยังไง  เพราะงั้น...”
   “....”
   “อยู่ด้วยกันตลอดไปนะครับ”
   รู้ว่าตัวเองน่ารักก็ยังขยันทำตัวน่ารัก เพราะที่นั่งผมเป็นที่นั่งคนเดียวริมหน้าต่าง  ผู้คนยืนแออัด แต่ก็ไม่มีใครสนใจเรา ผมเลยคว้าเองอีกฝ่ายจนเซนั่งลงบนตัก น้องหมวยดิ้นขลุกขลักไปมา หูขึ้นสีแดงจนผมอยากจะงับให้ขาด
   “ปล่อยนะพี่ นี่บนรถเมล์นะเว้ย ปล่อยยยย” ผมหัวเราะกับเสียงโวยวายของคนบนตัก ทีน้องผู้หญิงสองคนข้างหน้ายังนั่งตักกันได้เลย
   “ถ้าอยากให้พี่อยู่ก็ต้องมีข้อแลกเปลี่ยน”
   “อะไร” น้องหมวยถามพร้อมส่งสายตาไม่ไว้ใจมองผม
    “ถ้าคืนนี้ยอมให้กอด สัญญาจะไม่ไปไหนเลย” ผมยิ้มเจ้าเล่ห์ใส่คนตรงหน้า
   “หื่นวะพี่  เมื่อวานก็ทำอะ ” น้องโวยวายแง้วๆใส่หูผม ดิ้นไปมาจนผมต้องยอมปล่อยให้ยืน
    น้องไม่ได้โวยวายต่ออย่างที่คิด แถมยังไม่ปฏิเสธอีกต่างหาก เอาหันไปทางหน้ารถ กระเป๋ารถเมล์ตะโกนอะไรสักอย่างที่ผมฟังไม่รู้เรื่อง  ท่าทางไม่อยากยอมแต่ก็ไม่ปฏิเสธนี่มันน่ารักจริงๆ ผมตัดสินใจถามหยั่งเชิงอีกฝ่าย เพื่อทำความลังเลให้ชัดเจน
   “ไม่ได้หรอครับ?” หูแดงๆนี่มันน่ากัดให้จมเขี้ยว
    “ก  ก็ได้! แต่ต้องสัญญาก่อนว่าจะไม่โกรธ”
   “โกรธอะไรครับ?” ทำหน้าลังเลใส่ผม
   .
   .
   .
   “คือ ผมว่าผมพาพี่ขึ้นรถเมล์ผิดสายอะ”
   “อะไรนะ!”
   “ก็คันมันสีเดียวกันอะพี่!”
   
   เฮ้อ คืนนี้ยอมให้กอดหรอกนะ  งั้นพี่ไม่โกรธก็ได้ครับ...





------------------------------
เราขอโทษจริงๆๆๆๆๆๆที่หายไปเลย แต่เรายุ่งจริงๆ ยิ่งตอนนี้เปิดเทอมแล้วด้วย แต่สัญญาไม่เทแน่นอน อาจจะมาช้า แต่มาแน่นอน ขอโทษจริงๆนะคะ ///รู้สึกผิด
แล้วก็ขอบคุณมากๆเลยที่ยังรอกัน เรารู้สึกแบบ ฮือ ทำไมน่ารักกันแบบนี้
ตอนนี้ไม่เกี่ยวกับเนื้อเรื่องหลักนะคะ เราเอามาให้หายคิดถึงกัน มาขอโทษด้วยที่หายไปไม่บอกกล่าว
ตอนนี้เราก็ยังไม่ว่างเลย ได้แต่ทำตอนสั้นๆมาให้
เราจะรีบมาเน้อ ///เกี่ยวก้อย
ขอโทษนะทุกคนนนนน
คิดเห็นยังไงบอกกันได้เลยนะคะ รักนะ♥
หัวข้อ: Re: ็Hello there ว่าไงน้องหมวย (ตอนพิเศษ 20/08/2561)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 20-08-2018 23:56:31
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ็Hello there ว่าไงน้องหมวย (ตอนพิเศษ 20/08/2561)
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 21-08-2018 00:44:22
น้องน่าร้ากกกก
หัวข้อ: Re: ็Hello there ว่าไงน้องหมวย (ตอนพิเศษ 20/08/2561)
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 22-08-2018 00:38:25
อย่าหายนะ
หัวข้อ: Re: ็Hello there ว่าไงน้องหมวย (ตอนพิเศษ 20/08/2561)
เริ่มหัวข้อโดย: Girin ที่ 20-09-2018 00:06:49
น้องหมวยบทที่ 17
[/b]
   
   “แกเป็นเกย์จริงหรอ”
   “...”
   “อิณ ฉันถามว่าแกเป็นเกย์จริงๆใช่ไหม ผู้ชายคนนั้นเป็นใคร เขาเป็นเพื่อนแกไม่ใช่เหรอ”
   “เราก็แค่คบกันเองนะแม่ เราไม่ได้ทำอะไรไม่ดีเลย” ผมกลั้นใจเงยหน้ามองแม่ แม่กำลังร้องไห้ แววตาของเขาเต็มไปด้วยความผิดหวัง
   “แต่ไอ้เด็กนั่นมันเป็นผู้ชาย แกไปรักไปชอบกับมันได้ยังไง ฉันไม่เคยให้แกทำตัวอย่างนี้นะ” แม่ผลักไหล่ผม เสียงดังทั้งน้ำตา แม่กำลังโกรธ และคงกำลังละอายกับการมีลูกแบบผม
   “แล้วมันผิดตรงไหนละแม่ เขาชอบอิณ หวังดีกับอิณ ดูแลอิณ เข้าใจอิณ เขาทำในสิ่งที่แม่ไม่เคยทำให้อิณด้วยซ้ำ”
   เพี๊ยะ!
   หน้าซีกซ้ายผมชาไปชั่วขณะจากแรงตบ นี่เป็นครั้งแรกที่แม่ตบผม ผมไม่เคยรู้เลยว่าการที่ผมชอบผู้ชายมันจะเป็นเรื่องที่ผิดขนาดนี้ ผมรู้สึกแย่ที่ทำให้แม่ร้องไห้ และผมรู้สึกเสียใจที่แม่ไม่เข้าใจผมเลย ผมน้ำตาคลอจนไม่กล้าหันหน้ากลับมา
   “ไปเลิกกับมันซะ อย่าให้ฉันรู้ว่าแกไปยุ่งวุ่นวายกับมันอีก แล้วก็เลิกทำตัวแบบนี้ได้แล้ว แค่เป็นคนปกติมันยากนักรึไง”
   ผมเม้มปาก มือสั่นระริก ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าควรพูดอะไรออกไป
   “แม่รู้ไหม ว่าบางทีอิณก็สงสัย.... สงสัยจริงๆนะ  แม่เคยรักอิณบ้างรึเปล่า... เคยดีใจที่มีอิณเป็นลูกบ้างไหม”
   “.....”
   “เวลาอิณสอบได้ที่หนึ่ง เวลาอิณแข่งบาสชนะ เวลาอิณได้เป็นตัวแทนโรงเรียน ทำไมแม่ไม่เคยเห็นบ้าง แล้วทีเรื่องนี้ อิณผิดอะไร.... “
   “จำเอาไว้นะ ถ้าวันนั้นพ่อแกไม่ขอ แกคงไม่ได้เกิดมา แต่วันนี้พ่อแกมันไปแล้ว มันไปอยู่กับเมียน้อยที่ฉันจับคาหนังคาเขาไง  แล้วมันทิ้งแกเอาไว้ให้ฉัน   เลิกทำตัวผิดเพศซะที อย่าทำให้ฉันผิดหวังกับแกไปมากกว่านี้เลย...”


   


   “แม่...”
   ผมไม่รู้ว่าแม่มาทำอะไรที่นี่ เขาแทบไม่เคยเฉียดมหาลัยผมเลยด้วยซ้ำ การที่เขามาอยู่ตรงนี้ หน้าร้านชาบู แถวยังเป็นร้านที่ผมทำงานอยู่ด้วย นี่ต้องไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่ๆ และจากการที่แม่ใส่แว่นดำกับแมสปิดปากประหนึ่งเป็นเซเลปแล้ว ผมว่าเขาต้องตั้งใจมาแบบลับๆแน่ๆ หรือแม่จะทดลองเป็นคิงส์แมน? แต่พีทบอกว่าช่วงนี้แม่ชอบรื้อโคนันตอนเก่าๆมาดู
   หรือความจริงแล้ว...
   แม่กำลังตามสืบเรื่ององค์กรชุดดำอยู่ แต่ผมว่าวอดก้าไม่น่ามาอยู่แถวร้านชาบูวะ
   โอเค เลิกออกนอกเรื่อง
   ผมว่าเขามาหาผมนั่นแหละ แต่ดูแล้วคงไม่อยากให้ผมรู้ แม่คงทำหน้าบูดเพราะไม่เห็นผม แหงสิ ผมติดแหง็กอยู่ที่เคาน์เตอร์ ไม่ได้เดินไปมาในร้านเหมือนทุกที คำถามคือ เขามาหาผมทำไม....
   ไวเท่าความคิด ผมพยายามแบกสารร่างง่อยๆของตัวเองออกไปหาแม่ แต่แม่ก็เดินออกไปแล้ว ขณะที่ผมเพิ่งตั้งหลักยืนได้ ผมรีบกระเผลกๆออกไปหน้าร้าน มองเห็นแผ่นหลังของแม่อยู่ไกลๆ ผมอยากวิ่งตามใจจะขาด อยากจะถามว่าเขามาทำไม แต่เดินแค่สามก้าวผมก็จะล้มแล้ว เลยทำได้แค่ยืนมองจนแผ่นหลังของแม่หายไป
   ผมไม่แน่ใจว่าผมควรโทรไปถามแม่เลยไหมว่าเขามาหาผมทำไม แต่ประสบการณ์อันแสนสาหัสของผม บอกว่าแม่ไม่มีทางพูดความจริง เขาจะพูดจาใจร้ายใส่ผม ปากแข็งเหมือนที่เคยทำ ผมเลยคิดว่าควรเก็บเงียบไว้ดีกว่า
   ถ้าการที่แม่หายไป เขาหายไปเพื่อมาหาผมจริง เขาจะมาอีกแน่ และผมจะรอ ใจผมบอกว่าเพราะเขาเป็นห่วงผมถึงได้มาตามดูกัน แต่เพราะเขาไม่เคยพูด ไม่เคยเลยสักครั้งตั้งแต่เด็กจนโต ผมเลยไม่ค่อยจะมั่นใจนัก แต่มันก็รู้สึกว่าอยากให้เป็นแบบนั้น อยากให้เป็นห่วง ถ้าคำพูดมันบอกกันไม่ได้ ก็ให้การกระทำมันบอกแล้วกัน
   ผมนั่งคิดเรื่องแม่จนลืมเวลา รู้อีกทีก็พี่ไทม์มารอรับอยู่หน้าร้านแล้ว
   “ค่อยๆเดิน เจ็บไหมนั่น จะอุ้มก็ไม่เอา”
   “พี่จะอุ้มได้ไง พี่เก๋ก็อยู่ เด็กในร้านก็อยู่เยอะแยะ”
   “ตามใจ ถ้าคืนนี้ปวดขึ้นมา พี่ไม่โอ๋นะ” พี่ไทม์ทำหน้าตายียวนใส่ผม จนผมต้องย่นจมูกใส่ ผมสิบเก้าแล้ว ไม่ใช่เด็กสามขวบซะหน่อย
   “ผมไม่งอแงแน่นอน พี่ไม่ต้องมาโอ๋เลย” ผมยักคิ้วใส่ ขิงด้วยความมั่นใจ ใครมันจะไปขี้แงขนาดนั้นวะ

   “ฮึก...”
   “เดี๋ยวก็หายแล้ว นี่ไงพี่ทายาให้แล้ว เดี๋ยวก็หายนะ”
   “อย่าจับตรงนั้นแรงสิ ไอ้พี่ไทม์ ฮือออ เจ็บ...”
   พี่ไทม์ทำหน้าเหนื่อยหน่ายใส่ผม แต่ก็ยังยกยิ้มตอนที่ผมยกมือปาดน้ำตา เรื่องของเรื่องคือ ผมที่ดื้อด้านจะเดินเอง ดันซุ่มซ่ามลื่นล้ม และพี่ไทม์คือพระเอกนิยายหน้าตาดี ที่ช่วยผมไม่ทัน - - ผลคือ  ขาพลิก พลิกข้างไหนไม่พลิก พลิกข้างที่เจ็บ แหกปากลั่นจนพี่ไทม์ต้องเดินมาอุ้ม อุตส่าห์ขิงไว้อย่างดิบดี ยัง ยังจะมาสะอึกสะอื้นอีกกู
   และพี่ไทม์ก็ชดใช้ที่คว้าไว้ไม่ทันด้วยการพาไปอาบน้ำ แล้วมานั่งทายาให้ ส่วนผมหรอ น้ำตาไหลตั้งแต่อาบน้ำจนถึงตอนนี้ไง หมดกัน ไม่มีอะไรเหลือแล้ว ศักดิ์ศงศักดิ์ศรี
   “ไม่เอาไม่ร้อง ตาบวมหมดแล้ว” พี่ไทม์ยกมือขึ้นปาดน้ำตา
   “ฮือออ... ยาเข้าตา พี่จับขาแล้วมาจับหน้าผมได้ไงอะ ฮืออ..”
   “โอ๋ๆๆ ขอโทษๆ พี่ลืม” พี่ไทม์รีบขอโทษทั้งที่กำลังกลั้นขำอยู่ ไม่เป็นผมไม่รู้หรอกครับว่ามันปวดร้าวเพียงใด มันเจ็บขาจนน้ำตาแห่งศักดิ์ศรีที่อุตส่าห์ขิงเอาไว้มันไหลออกมา แล้วพี่มึงยังมีหน้ามาขำกันอีกเหรอ ความผิดพี่มันชัดๆเลยเนี่ยที่ปล่อยให้ผมล้มอะ
   “หายแสบตารึยัง” พี่ไทม์เอาผ้าชุบน้ำมาเช็ดตาให้ผม เช็ดไปทั้งหน้า จนคราบน้ำตาหายไปหมด เช็ดไปก็ขำไป
   “หึ ใครนะบอกพี่ว่าจะไม่งอแง”
   “แล้วใครที่ปล่อยผมล้มหน้าทิ่มละ” ผมเถียง
   “ก็เราดื้อไม่ให้พี่อุ้ม”
   “ไม่ต้องมาขำเลย”
   “นั่งดีๆเดี๋ยวพี่พันผ้าให้ กินข้าวมาแล้วใช่ไหม”
   “กินมาแล้ว พี่กินรึยัง”
   “กินแล้วครับ”
   ผมนั่งอยู่บนเตียง พี่ไทม์นั่งบนพื้นพันผ้ายึดให้ผม มือเขาใหญ่มาก ใหญ่กว่ามือผม แต่เขากลับทำได้มือเบาจนผมแปลกใจ ผมยื่นมือไปเขี่ยผมพี่ไทม์เล่นตอนที่เขากำลังก้มหน้าตั้งใจทำ ราวกับว่ามันเป็นข้อสอบไฟนอลอย่างนั้นแหละ
   “พี่..”
   “หืม”
   “วันนี้ผมเจอแม่ด้วย” พี่ไทม์เงยหน้าขึ้นมาสบตาทันทีที่ผมพูดถึงแม่ เขารู้ว่าเรื่องนี้เป็นประเด็นอ่อนไหวสำหรับผมเสมอ และเขาเลือกที่จะเงียบเพื่อรอให้ผมพูดต่อ
   “แม่แต่งตัวเหมือนดารา ใส่แว่นใส่แมส แล้วมายืนมองเหมือนหาใครอยู่หน้าร้านที่ผมทำงาน”
   “....”
   “พี่ว่าเขาจะมาหาผมรึเปล่า เขาไม่เคยมาหาผมที่มหาลัยเลยนะ ผมไม่รู้เลยว่าเขามาทำไม เขาดูไม่เหมือนคนที่จะมากินชาบูเลย” พี่ไทม์เงยหน้ามายิ้มให้ผม เขาละมือจากผ้าที่พันเสร็จแล้ว มาจับมือผมไปกุมไว้
   “พี่รู้ว่าเรารู้นะว่าแม่เขามาทำไม และถ้าถามพี่ พี่ก็จะบอกว่าพี่คิดเหมือนเรานั่นแหละ” เขาคิดเหมือนผมสินะ ว่าแม่มาเพราะเป็นห่วงผม
   “ที่ผ่านมาเขาก็ใช้เงินเดือนตัวเองคอยส่งให้เราไม่ใช่หรอหืม ถ้าเขาไม่รักไม่ห่วง เขาจะทำแบบนั้นทำไมละ”
   “แล้วทำไมเขาต้องทำตัวย้อนแย้ง พูดจาใจร้ายใส่ผมด้วยละ” ผมก้มหน้า น้ำตาเหมือนจะกลับมารื้นที่ตาอีกรอบ ข้อเท้าที่ว่าปวด ก็เหมือนจะปวดขึ้นไปอีกเมื่อนึกถึงเรื่องแย่ๆ คำพูดมากมายที่สร้างแผลในใจผมซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่มืออุ่นๆก็บีบมือผมแน่น คอยบอกว่ามันไม่เป็นไรอยู่เสมอ
   “งั้นเราลองมาฟังเสียงในใจให้มากกว่าคำพูดดูดีไหม มันเป็นเรื่องดีไม่ใช่หรอที่แม่เขาเป็นห่วงน่ะ” พี่ไทม์ยิ้ม ยิ้มเขาแม่งโคตรอบอุ่นเลย
   “อือ โคตรดีเลย” ผมยิ้มตามเขาจนได้ กี่ครั้งแล้วที่ยิ้มเพราะผู้ชายคนนี้
   “งั้นก็ไปนอนได้แล้ว เป็นเด็กไม่ควรนอนดึก พี่จะไปอาบน้ำ ไม่ต้องรอ หลับตาเลย” พี่ไทม์ยกมือมาปิดหน้าผมแล้วดันลงให้นอน
   “พี่ทำเหมือนเราอายุห่างกันสักสิบปี นี่ผมเป็นน้องพี่แค่สองสามปีเองนะ จุ๊บ” ผมจุ๊บมือเขาจนได้ยินเสียง พี่ไทม์ตกใจจนรีบชักมือออก แล้วมองผมเหมือนคาดโทษ
   “เด็กแก่แดด เรามันเด็กน้อย แล้วถ้าพี่ออกมาแล้วเด็กน้อยยังไม่หลับ พี่จะจับตีก้น แล้วพี่ไม่ตีอย่างเดียว พี่จะกัด จะลูบ แล้วก็จะ..”
   “พอ! ไปอาบน้ำเลย” ผมปาหมอนใส่พี่ไทม์ ที่เอาแต่ขำกับท่าทางของผม เขาปิดไฟในห้องแล้วเข้าห้องน้ำไป

   “ยังไม่หลับอีก อยากโดนตีหรอ” คนตัวโตทรุดนอนข้างผม ห้องมืดจนผมไม่เห็นหน้าเขา แต่ก็ยังได้กลิ่นสบู่หอมๆแบบเดียวกัน
   “ขอ”
   มือหนาส่งมาให้ผมจับอย่างรู้งาน อีกข้างก็ให้ผมหนุน แล้วรั้งตัวจนผมซุกอก กลิ่นหอมๆนี่มันชวนให้อุ่นใจจริงๆ ผมมักหลับได้ง่ายเสมอเวลาที่มีพี่มันอยู่ข้างๆ
   พี่ไทม์ลูบหัวผมเบาๆก่อนจะเอ่ย
   “ฝันดี”
   “อือ ฝันดี”
   


   
   “แม่ วันนี้อิณ แค่ก ไปช่วยที่ร้านไม่ได้นะ แค่กๆ” ผมไอจนตัวโยน เพราะเมื่อวานเตะบอลตากฝน เช้าวันนี้มาเลยไข้ขึ้นตามระเบียบ
   “เป็นอะไร วันนี้มีคนลาสองคน ฉันบอกเขาว่าแกจะมาช่วย ถึงให้เขาลา แล้วจู่แกก็มาไม่ได้เนี่ยนะ” เสียงในโทรศัพท์ ดูเหมือนว่าแม่จะเริ่มหงุดหงิดที่ผมเบี้ยวงาน
   “อิณขอโทษแต่วันนี้อิณไม่สบายจริงๆ ไว้พรุ่งนี้ถ้าดีขึ้นอิณจะไปช่วยแล้วกัน”
   “อยากจะออกไปอยู่คนเดียวแต่ก็ยังดูแลตัวเองไม่ได้ ถ้ามาไม่ไหวก็ไม่ต้องมา แค่นี้นะ ฉันจะไปทำงาน”
   ติ้ด..
   ผมล้มตัวนอน ปวดหัวจนลุกไปไหว ยาก็ไม่มี ข้าวก็ไม่มี คงต้องรอให้หายปวดหัวกว่านี้แล้วค่อยลุกไปซื้อยา
   
กริ้งๆๆ

   เสียงกริ้งหน้าห้องทำให้ผมตื่น ใกล้จะเที่ยงแล้ว ผมหลับไปหลายชม.เลย หัวผมยังปวดหนึบ แต่ก็ฝืนลุกไปเปิดประตูที่ดังจนเงียบไปแล้ว
   ผมเปิดประตูออกไป หน้าประตูไม่มีใครอยู่เลย มีเพียงถุงข้าวต้มกับยาแก้ไข้แขวนอยู่ที่ลูกบิดประตูเท่านั้นเอง


**********
คิดถึงทุกคนมาเลย ♥
หัวข้อ: Re: ็Hello there ว่าไงน้องหมวย (ตอนที่ 17 20/09/2561)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 20-09-2018 01:02:22
 :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: ็Hello there ว่าไงน้องหมวย (ตอนที่ 17 20/09/2561)
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 20-09-2018 01:16:22
แม่รักอิณแต่อาจจะปากแข็งไปหน่อย
หัวข้อ: Re: ็Hello there ว่าไงน้องหมวย (ตอนที่ 17 20/09/2561)
เริ่มหัวข้อโดย: พลอยสวย ที่ 20-09-2018 03:32:58
แม่คงมีเหตุผล
หัวข้อ: Re: ็Hello there ว่าไงน้องหมวย (ตอนที่ 17 20/09/2561)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 20-09-2018 08:13:50
มันยากมาก...........
ที่จะอ้าปากบอกว่ารัก..........
ห่วงใยกัน สำหรับคนปากแข็ง ขี้ขลาด :really2: :really2: :really2:

ถ้าคนที่เรารักเขาไม่อยู่ฟังแล้ว
ไอ้ความรัก ห่วงใยอะไรนั่น มันคงไร้ค่า ไม่มีตัวตนเหมือนเดิมต่อไป  :m20: :laugh:

พี่ไทม์  หมวย   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

หัวข้อ: Re: ็Hello there ว่าไงน้องหมวย (ตอนที่ 17 20/09/2561)
เริ่มหัวข้อโดย: kungverrycool ที่ 20-09-2018 15:08:34
ดีใจที่มาต่อ รอๆจ้า
หัวข้อ: Re: ็Hello there ว่าไงน้องหมวย (ตอนที่ 17 20/09/2561)
เริ่มหัวข้อโดย: onlyplease ที่ 20-09-2018 21:48:55
มาต่ออีก ชอบๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ็Hello there ว่าไงน้องหมวย (ตอนที่ 17 20/09/2561)
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 21-09-2018 18:44:15
รอๆ
หัวข้อ: Re: ็Hello there ว่าไงน้องหมวย (ตอนที่ 17 20/09/2561)
เริ่มหัวข้อโดย: Girin ที่ 28-12-2018 01:11:29
น้องหมวยบทที่ 18

   ช่วงนี้เป็นอีกช่วงเครียดๆของมหาวิทยาลัย มองไปทางไหนก็จะเห็นทุกคนมีหนังสือหรือโน้ตย่อๆเดินถือไปมาเต็มไปหมด ทุกวินาทีมีค่าจริงๆ สำหรับการสอบไฟนอล เพราะวันไนท์มิราเคิลมีอยู่จริงครับ เรื่องจริงคือเนื้อหาที่เรียนมาทั้งเทอมอ่านตั้งแต่เปิดเทอมยังไม่จบเลยครับ
   มันเป็นความเครียดที่ติดๆอยู่ในหัว จะทำอะไรก็ไม่ได้เพราะยังอ่านหนังสือไม่จบ สำหรับการเรียนมหาลัยถ้าไม่อ่านหนังสือสอบคือทำไม่ได้จริงๆครับ และผมไม่สามารถส่งกระดาษโล่งๆได้ เพราะบางวิชามิดเทอมผมก็ทำไว้คาบเส้นอยู่พอตัว
   และถ้าเกรดผมไม่ดี ทุนผมจะหายวับไปกับตา ซึ่งผมคงจะยอมให้เกิดขึ้นไม่ได้
   แต่วันนี้เป็นวันสอบวันสุดท้ายของมหาวิทยาลัยและที่สำคัญนี่ยังเป็น
   ......วันคริสต์มาสด้วย
   มหาวิทยาลัยของผมไม่ได้ให้ความสำคัญกับวันคริสต์มาสมากมายนัก เพราะนักศึกษาหลายๆคนก็สอบเสร็จกันนานแล้ว แล้วก็แยกย้ายกันกลับบ้านกันหมด แต่ก็ยังไม่บางส่วน ที่ยังถือว่าเยอะอยู่พอควร สโมสรเลยจัดงานเล็กๆเหมือนไว้ปล่อยผีหลังสอบเสร็จ
   แน่นอนว่าโนแอลกอฮอล์ โนบุหรี่ เรามีคอนเสิร์ตเล็กๆจากคณะดุริยางคศิลป์ และอาหารขายประมาณสิบกว่าซุ้ม จากนักศึกษาที่อยากจะทำขาย บรรยากาศในงานดีเลยทีเดียว ไฟสวย ดนตรีเพราะ และกลิ่นอาหารหอมมาก
   ประเด็นมันอยู่ตรงนี้
   ก็คุณครูที่ติวให้ผมน่ะ เขาจะขึ้นเล่นดนตรีด้วยน่ะสิครับ
   แต่งานนี้พี่แกไม่เป็นนักร้องนะครับ เขามาเล่นกีตาร์ให้เฉยๆเป็นคำเชิญจากเพื่อนสมัยมัธยม ซึ่งผมก็มาเดินซื้อของกินรอ เอาจริงๆผมก็แอบตื่นเต้นนิดหน่อย อดไม่ได้ที่จะคิดถึงเรื่องที่เคยทำ จนได้แต่รู้สึกอับอายขายขี้หน้าอยู่ในใจ คิดได้ยังไงขึ้นไปจูบเขากลางเวที หนึ่งเทอมที่ผ่านมาผมรู้สึกโตขึ้นมานิดหน่อย นึกถึงแล้วก็ไม่น่าไปทำอะไรแบบนั้นเลย แล้วเป็นไงละ อับอายจนวันนี้
   งานนี้เป็นง่ายๆจัดกันเอง ดูแลกันเอง ซึ่งผมก็รู้สึกว่ามันอบอุ่นดี เหมือนทุกคนอยากให้งานเกิดขึ้น ก็เลยช่วยๆกัน คนนึงร้องเพลง คนนึงขายอาหาร คนนึงประสานงาน อารมณ์แบบว่าถ้าคุณอยากจะให้งานนี้มีต่อไปก็ทำตัวกันดีๆ ผมว่ามันก็เป็นฟีลที่เหมือนกับทุกคนก็มีจุดหมายเดียวกันคืออยากจะพักใจ หลังจากที่เหน็ดเหนื่อยเกือบตายกันมาทั้งอาทิตย์
   เสียงเพลงดังขึ้นหน้าเวที ผมถึงพึ่งรู้ตัวว่าซื้อของกินจนเพลิน ไม่ได้สนใจเวทีเลยสักนิด เด็กมหาลัยนี้ ทำขนมได้น่ากินจริงๆครับ แต่ผมก็เลือกที่จะทิ้งเฟรนฟรายแล้วเดินไปหน้าเวทีแทน ดูสิว่าผมชอบพี่เขาขนาดไหน นี่ผมยอมทิ้งของกินเลยนะ นั่นเฟรนฟรายราดชีสเลยนะครับ
   คนเยอะกว่าที่ผมคิดเอาไว้มากเลย ตอนนี้หน้าเวทีมีคนมายืนกันเยอะมาก แต่ก็ไม่ได้แน่นขนาดที่แทรกตัวเข้าไปไม่ได้ แน่นอนว่าผมเป็นแฟนที่ดี เดินไปให้กำลังใจพี่ไทม์หน้าสุดเลย พร้อมอาหารในมือที่เยอะขนาดที่ว่า กระโดดทีก็ต้องมีร่วงมาบ้างแน่ๆ ผมเลยแก้ปัญหาด้วยการกินรอ ระหว่างที่เพลงแรกๆยังเป็นเพลงช้าอยู่ พี่ไทม์ยิ้มขำผม ตอนยัดขนมจีบใส่ปาก ผมก็ถลึงตาใส่เหมือนว่าจะมองอะไรนักหนา คนอื่นเขามองกันหมดแล้ว
   พี่ไทม์ก็ถือว่าเป็นที่รู้จักในมหาลัยอยู่พอสมควร หน้าตาดี เล่นดนตรีก็ดี แต่ก็ไม่ถึงขั้นว่ามีแฟนเพจ เอฟซีอะไรมากมายขนาดนั้น คนติดตามในโซเชี่ยลเขาเยอะจริง แถมยังเป็นเป้าสายตาเวลาอยู่ในที่สาธารณะ แต่คนที่นี่ผมสังเกตเห็นค่อนข้างชัดว่าจะต่างคนต่างอยู่กันซะมากกว่า  อย่างมากเขาก็จะมองว่าคนนี้หล่อ แล้วเก็บไปกรี๊ดกันเงียบๆ จากนั้นก็ขุดโซเชี่ยลมาส่องกัน ตามหาว่านี่ใคร คณะอะไร มีแฟนรึยัง คนหล่อๆก็จะอยู่ได้อย่างสงบสุขแบบปกติชนทั่วไป
   ผมแวบเดินออกไปทิ้งขยะข้างๆเวที แล้วแทรกซึมกลับมายืนหน้าเวทีอีกครั้ง งานนี้มีแต่เพลงเก่าๆที่จะถูกเล่น
ธีมงานก็จะให้อารมณ์เหมือนอยู่ในยุคก่อนๆ ฟังจากเพลงแล้วผมน่าจะอยู่ประถมได้
   
 “   ตกลงคือพรหมลิขิตใช่ไหม ที่เขียนให้เป็นอย่างนั้น
         ตกลงให้เรารักกันใช่มั้ย อย่างนั้นขอได้หรือไม่
         โปรดอย่าทำให้เราพลัดพราก
         ให้เรารักกัน เนิ่นนานถึงจนวันตาย
         ฉันขอได้ไหม
         ฉันขอได้ไหม……”

         เพลงนี้ผมไม่ได้ฟังนานมากๆแล้ว เหมือนจะลืมไปแล้วด้วยว่าเคยฟัง พอได้ยินอีกครั้งก็เหมือนได้ย้อนกลับไปสมัยเด็กๆ
         “ต่อไปเรามาฟังเพลงสนุกๆกันบ้างนะครับ”
         พี่นักร้องที่ผมไม่รู้จักบอกออกมาหลังร้องเพลงพรหมลิขิตจบ เพลงที่ถูกเล่นออกมาทำให้ผมอดไม่ได้ที่จะโยกตัวตามไป บางจังหวะก็กระโดดพร้อมกับคนข้างๆ ดีนะผมกินก๋วยเตี๋ยวหลอดหมดแล้ว ไม่งั้น กลายเป็นก๋วยเตี๋ยวโดนเหยียบแหงๆ
         ก่อเกียรติกลับบ้านไปตั้งแต่สอบเสร็จแล้ว ผมเลยมากระโดดกระเด้งอยู่ตรงนี้คนเดียว มันบอกว่าจะกลับไปบ้านที่จีนปีใหม่นี้ เลยต้องรีบกลับ ส่วนตัวผมก็มีแพลนไว้เหมือนกันในช่วงหยุดปีใหม่ และมันเป็นแพลนที่ไม่ได้มีแค่ผมคนเดียว เป็นแพลนร่วมกันกับคนบนเวทีนู่นตั้งหาก
         เพลงดำเนินมาจนถึงเพลงสุดท้าย ตอนนี้ใกล้จะห้าทุ่มแล้ว งานนี้เริ่มตั้งแต่ทุ่มนึง มันเป็นงานที่ทุกคนต้องพยายามทำตัวเรียบร้อย เพราะฉะนั้นเราจะไม่เลิกดึก ไม่งั้นเราจะได้รับคำฟ้องร้องจากคอนโดฝั่งตรงข้ามว่าใช้เสียงดังเกินกว่าเหตุ และเพลงสุดท้ายนี้เป็นอีกเพลงที่ผมไม่ได้ฟังมานานมากๆๆ เพราะผมแทบจะไม่แตะเพลงของวงในไทยเลย หันไปฟังเพลงสากลซะมากกว่า ซึ่งรสเพลงในการฟังของผมกับพี่ไทม์จะเหมือนกัน เราเลยแชร์เพลงด้วยกันได้ แต่เพลงเป็นอีกเพลงที่ผมเคยชอบ ผมเลยรู้สึกดีที่ได้กลับไปฟังมันอีกครั้ง และผมยังรู้สึกชอบมันเหมือนเดิม เพราะว่ามันเป็นเพลงที่น่ารักมากครับ

“         ONE !    
           TWO
           ONE !
          TWO
          THREE
           FOUR!
          มีแต่เธอ มองให้ลึกลงไปที่สุดตรงกลางใจฉันนั้นมีแค่เธอ
         มองแต่เธอ วอนให้ฉันยืนเคียงข้าง หากในนาทีนี้มีเพียงแค่เธอ ”


         ผมฟังเพลงเพลินจนไม่รู้ตัวเลยว่าคุณมือกีตาร์ไม่ได้อยู่บนเวทีแล้ว รู้ตัวอีกทีก็มีเสียงกระซิบข้างหูผม ที่ดังพร้อมเสียงกรี๊ดเบาๆรอบตัว
“กินขนมหมด ไม่คิดเผื่อพี่เลยนะครับ”
“เอ้า พี่ลงมาตั้งแต่เมื่อไหร่!”
“นี่ตกลงว่ามากินหรือมาดูพี่เนี่ย ไม่สนใจพี่เลยนะเราอะ”
“ก็ของกินมันอร่อย พี่อร่อยสู้ได้ไหมละ” พี่ไทม์ยิ้มกว้างใส่ผม แล้วขยับมากระซิบใกล้ๆและแม้ว่าดนตรีจะดังมากๆ ผมก็ยังได้ยินเสียงพี่มันชัดเจน
“อยากรู้ก็กลับไปกินที่ห้องสิ”
“มาพูดอะไรตรงนี้เนี่ย” พี่ไทม์ไม่ได้เถียงต่อ เขาแค่ยิ้มแล้วหันกลับไปมองเวทีต่อ ผมเลยเขย่งเท้าขึ้นไปพูดข้างหูเขา
“ทำไมพี่ลงมาก่อนละ”
“ก็พี่อยากมาฟังเพลงสุดท้ายกับเราไง”
พี่ไทม์พูดแค่นั้น แล้วเราก็ยืนจับมือกันฟังเพลงสุดท้ายของงาน และช่วงของเพลงที่มันส์มากๆเราก็กอดคอกันแล้วกระโดดไปกับคนรอบตัว

          “หากในคืนนี้เรามีเพียงเธอ จับมือไว้ใจเต้นสั่น
          มีแต่ฉันและมีเพียงรักรักเธอจะรักจนสุดหัวใจไม่มีเปลี่ยน
 
          มีแต่เธอ มองให้ลึกลงไปที่สุดตรงกลางใจฉันนั้นมีแค่เธอ
          มองแต่เธอ วอนให้ฉันยืนเคียงข้าง หากในนาทีนี้มีเพียงแค่เธอ มาเต้นกัน”









   วันนี้เราตื่นกันแต่เช้า เพื่อเริ่มแผนแรกในวันหยุดปีใหม่กัน
   
......วันนี้เราจะไปบ้านพี่ไทม์กัน

         ด้วยเหตุที่ผมไม่แน่ใจว่าจะกลับบ้านดีไหม ผมเลยไม่มีที่ไป พี่ไทม์เลยชวนผมกลับบ้านด้วยกัน ตอนแรกผมเองก็กังวลอยู่เหมือนกันว่าจะไปดีเหรอ เราเองก็พึ่งจะคบกันได้ไม่นาน แต่พี่มันก็บอกด้วยท่าทีชิวๆว่าไม่เป็นอะไรหรอก เขาบอกผมว่าเดี๋ยวผมไปก็จะรู้เอง ผมเห็นท่าทีสบายใจเกินเหตุก็เลยเลิกคิดมาก หันไปคิดว่าจะซื้ออะไรไปบ้านพี่ไทม์ดี
         ตัดสินใจว่าจะบอกที่บ้านพี่ไทม์ว่าเป็นแค่รุ่นน้อง แต่ไอ้คนพี่มันก็ไม่ยอม ผมเลยต้องตามน้ำ ไปดูเอาดาบหน้าว่าจะบอกดีไม่บอกดี บ้านพี่ไทม์อยู่ในตัวกรุงเทพฯ จะเรียกว่าไกลจากมหาวิทยาลัย ก็ไม่ได้ไกลขนาดนั้น แต่เพราะรถมันติดแบบติดโคตรๆ เลยใช้เวลานานมากๆกว่าจะมาถึง บ้านพี่ไทม์ตอนนี้อยู่กันแค่พ่อกับแม่พี่ไทม์ เกษียรแล้วทั้งคู่ พี่ไทม์มันเป็นลูกหลงครับ เลยห่างกับพี่สาวตั้งเจ็ดปี ส่วนพี่สาวก็มีครอบครัวแล้ว
เลยมีแค่พ่อกับแม่เขาอยู่กันสองคน ซึ่งอายุพ่อแม่พี่ไทม์นี่พอๆกับตากับยายผมเลย ในขณะที่พ่อกับแม่ผมอายุน้อยกว่า และตากับยายผมก็เสียแล้วทั้งคู่
 
         และตอนนี้ผมก็มาถึงบ้านของคุณหัสวรรษแล้วครับ
          พี่ไทม์ก็ใช้ผมลงไปเปิดประตูรั้วเพื่อเอารถเข้าบ้าน ผมเป็นแขกที่ดีใช่ไหมละ สิ่งแรกที่ผมเห็น คือแมวตัวใหญ่นั่งมองผมอยู่หน้าประตูบ้าน แมวสีดำมีปลอกคอสีแดง พร้อมกระดิ่งอันใหญ่สีเหลือง มองไปมองมาเหมือนเป็นของขวัญวิ่งได้ที่อ้วนตุบ มันเดินหนีเข้าบ้านตั้งแต่เห็นผม
          ผมไปช่วยพี่ไทม์ขนของเข้าบ้าน เราซื้ออาหารทะเลมาปิ้งย่างกันตอนเย็น แล้วก็พวกผลไม้ อาหารบำรุงสุขภาพ  กระเป๋าเสื้อผ้าของเราสองคน มือผมชื้นเหงื่อ  ตอนที่เรากำลังจะเปิดประตูเข้าไป
         “เอ้า มากันแล้วเหรอ” สิ่งแรกที่ผมได้หลังจากเปิดประตูเข้าบ้าน คือกลิ่นแกงกะทิ และสิ่งที่สอง คือเสียงเรียก ของผู้หญิงร่างท้วม ผมมีสีขาวแทรมประปราย หน้าตาใจดี ยิ้มกว้างเดินมากอดผม
         มากอดผม?
         “น้องอิณ โห โตเป็นหนุ่มแล้วหล่อจังเลยลูก แหม เด็กสมัยนี้ นี่โตกันเร็วจริงๆ ตอนนั้นเรายังตัวกะเปี๊ยกเดียวอยู่เลย เดียวนี่สูงกว่าคุณนาแล้ว”
คุณนา?
         แม่พี่ไทม์เดินมาดึงแก้มผมยืดไปมา ในขณะที่ผมยังทำหน้าตาเหรอหรา ของถือค้างอยู่ในมือกลางอากาศ  งงงวยว่าแม่พี่ไทม์กำลังพูดเรื่องอะไร เขาพูดเหมือนเคยรู้จักผมมาก่อน
 
         “แม่ น้องยังไม่รู้เรื่องนะ อย่าพึ่งแกล้งน้อง ให้เอาของไปเก็บก่อนสิ หนักนะเนี่ย”
         “พูดมากจริงๆ หวงก็บอกฉันมา ยังไม่หายเคืองนะ ที่เจอน้องแล้วอุ๊บอิ๊บไว้คนเดียวไม่ยอมบอกฉัน”
         “บอกช้าแต่ได้ลูกสะใภ้เลยนะ”
         “ก็ลองไม่ได้สิ ฉันจะตัดเงินเดือนแก  น้องอิณ เดี๋ยวเอาของไปเก็บในครัวนะลูก คุณนาทำแกงสายบัวไว้ให้ ที่น้องอิณเคยชอบกินไง มีขนมเยอะแยะเลยนะลูก คุณนาตั้งใจทำโดยเฉพาะเลยพอรู้ว่าน้องอิณจะมา”
         “หะ หา” ผมได้แต่ทำหน้าเอ๋อ จนพี่ไทม์ที่เดินออกมาจากครัวส่ายหัวยิ้มๆ เขาคว้าของในมือผมไปเก็บแทน ส่วนผมก็โดนแม่พี่ไทม์รวบตัวไปนั่งที่โซฟาหน้าทีวี
         “คุณนาเสียใจนะเนี่ย น้องอิณจำคุณนาไม่ได้”
         “คุณนา? แม่ไจแอ้นนะเหรอครับ..” ผมพยายามนึก แล้วก็สรุปได้ว่าผมเคยเรียกใครสักคนว่าคุณนาตอนสมัยประถม
         “ใช่แล้ว คุณนาที่เป็นเพื่อนคุณยายน้องอิณไง ก็สมัยก่อนแม่น้องอิณพาเรามาหายายที่ร้านอาหาร เราก็ได้เจอกันบ่อยๆ แล้วน้องอิณก็เรียนที่เดียวกับไจแอ้นด้วย จำได้ไหม”
         “ตอนนั้นผมอยู่ ป.2 แล้วไจแอ้นก็อยู่ ป.5”
         “ใช่ ไจแอ้นที่ทำน้องอิณหัวแตกไงคะ แล้วก็ยังหลอกหนูไปเก็บมะม่วงจนตกลงมา ชอบว่าหนูจนหนูว่าฟ้องคุณนาไง”
         “อย่าบอกนะครับว่าไจแอ้นเด็กอ้วนที่ชอบแกล้งผมคือ...”
         “ใช่จ้ะ คนที่น้องอิณก็รู้ว่าใครนั่นแหละ”

         แล้วไจแอ้นที่ว่าก็ออกมาจากครัวรอบที่สอง ยักคิ้วหลิ่วตาใส่ผม เหมือนรู้ทุกอย่างอยู่แล้ว



         ตอนผมสมัยเด็กที่พ่อกับแม่ยังอยู่ด้วยกัน พวกเขาเช่าห้องอยู่ แถวๆร้านอาหารที่ยายผมเปิด ซึ่งก็คือร้านที่ลุงกับป้าทำอยู่ตอนนี้ ผมเลยเรียนโรงเรียนแถวๆนั้น และผมได้รู้จักกับเด็กอ้วนอายุ 11 ปี ที่พึ่งย้ายเข้ามาใหม่ ผมเป็นแค่น้องป.2 ไม่มีทางรู้จักเด็ก ป.5 แต่ไอ้เด็กอ้วนมันเป็นลูกของเพื่อนยาย ที่ย้ายมาอยู่ในซอยเดียวกัน
         ผมเรียกยายว่ายาย แต่เพื่อนยายไม่ยอมให้เรียก ยายนา เขาบอกผมว่ามันแก่เกินไป มันเลยเป็นที่มาของคำว่าคุณนา เพราะป้านาก็ไม่ถูกใจเขาเหมือนกัน ป้านาจะมาช่วยยายทำอาหารที่ร้านทุกเสาร์อาทิตย์และในเย็นของบางวัน คุณนาเป็นคุณครูอยู่ในโรงเรียนที่เรียกว่ามหาวิทยาลัย แฟนคุณนาถูกผมเรียกว่าลุงแปลกหน้า เพราะพยายามจะมาอุ้มผม ทั้งที่ผมไม่รู้จัก ผมเลยไม่ชอบคุยกับเขาเพราะหนวดเขาทิ่มแก้มผม
         ไจแอ้นคือไอ้เด็กอ้วนตัวโตที่ชอบมาพร้อมคุณนาแล้วแย่งขนมผมกิน เพราะว่าเขาชอบแกล้ง ตัวอ้วน ชอบใส่เสื้อสีส้ม ผมเลยเรียกเขาว่าไจแอ้น ครั้งนึงไจแอ้นจะเอาหนอนมาโยนใส่ผม จนผมต้องวิ่งหนีตกบันได หัวแตก อีกครั้งคือหลอกให้ผมไปปีนต้นไม้เก็บมะม่วง ไม่งั้นเขาจะฟ้องแม่ผมว่าผมสอบภาษาอังกฤษตก จนผมตกต้นไม้หัวแตกอีกรอบ
         และนางฟ้าที่มาช่วยผมคือชิสุกะ เขาจะมาฟาดๆๆๆใส่ไจแอ้น แล้วดึงผมไปกอด พาผมไปทำแผล คอยดูแลไม่ให้ผมโดนแกล้ง ผมไม่เคยชอบไจแอ้นเลย เพราะผมตัวเล็กมากๆเมื่อเทียบกับเด็กป.2 ด้วยกัน ผมเลยมักโดนแกล้งเสมอ
         ข้อดีเดียวของไจแอ้นคือ เขามักจะสู้กับคนที่จะมาแกล้งผม ไม่ให้มายุ่งกับผม เพื่อที่เขาจะได้แกล้งผมคนเดียว ผมรักชิสุกะมาก แต่ชิสุกะโตแล้วเลยไม่ค่อยมาเล่นด้วยกัน
         จนกระทั่งไจแอ้นจบป.6 ยายผมเสีย ลุงกับป้าเข้ามาดูแลที่ร้านแทน  บ้านทั้งบ้านของเขาก็ย้ายออกไป  แล้วผมก็ไม่เคยเจอคุณนา ลุงแปลกหน้า ไจแอ้น หรือชิสุกะอีกเลย


แล้วไอ้เด็กเวรนั่น ก็กลายมาเป็นแฟนผมในตอนนี้เอง

****************************************
กลับมาแล้วจ้า5555
          ถ้าคุณถามว่าเราไปไหนมา เราไปสอบไฟนอลมา รีวิวเลยว่าเกือบตาย แบบว่ามีสอบตั้งแต่ยังไม่ไฟนอลอะ เราสอบติดกันสามอาทิตย์ ไฟนอลอีกสอง ไม่มีเวลากระดิกตัวไปไหนเลย ขอโทษด้วยนะคะที่ทำให้รอนาน แต่เราจำเป็นจริงๆ ขนาดสละเวลาให้เต็มที่แล้วยังไม่ค่อยจะสอบผ่านเลยค่ะ55555
         สำหรับที่คนสงสัยว่าอีพี่กับนังน้องเคยรู้จักกันมาก่อนไหม ก็เคยรู้จักนะคะ เราแพลนว่าจะแต่งให้จบภายในช่วงปีใหม่นี่แหละ ก่อนจะเปิดเทอม เพราะพอขึ้นวอร์ด เราจะไม่เหลือเวลาใดๆอีกเลย แงงงง
ตรงไหนดูขัดๆหรือว่าคำผิดตรงไหน หรือเนื้อเรื่องย้อนแย้งยังไง ก็บอกกันได้นะคะ เราเองก็มาอ่านตั้งแต่ต้นเลย ถึงจะแต่งต่อได้ 5555
         มาฟังเพลงเก่าๆกันนะคะ คิดถึงทุกคนมากเลย ปีใหม่นี้ก็รักษาสุขภาพกันด้วยนะคะ
ขอบคุณมากๆเลยค่ะ


เพลง พรหมลิขิต – Big ass
https://www.youtube.com/watch?v=nxYeic4UWTU
อ้างอิง https://www.siamzone.com/music/thailyric/2893
เพลง มีแต่เธอ – Paradox
https://www.youtube.com/watch?v=PvB8ICbiZA4&t=29s
อ้างอิง https://www.siamzone.com/music/thailyric/4094

หัวข้อ: Re: ็Hello there ว่าไงน้องหมวย (ตอนที่ 18 28/12/2561)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 28-12-2018 04:53:24
 :hao5:
หัวข้อ: Re: ็Hello there ว่าไงน้องหมวย (ตอนที่ 18 28/12/2561)
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 28-12-2018 06:56:25
ไทม์นี่สร้างความประทับใจใว้ตั้งแต่เด็กๆเลยนะ
หัวข้อ: Re: ็Hello there ว่าไงน้องหมวย (ตอนที่ 18 28/12/2561)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 28-12-2018 10:50:14
ดีใจจัง  ไรท์มาต่อแล้ว  :mew1: :mew1: :mew1:
คนอ่านก็กลับไปอ่านอีกรอบใหม่เหมือนกัน  :z3:

พี่ไทม์ เป็นไจแอ้น เกเรหมวยตั้งแต่ปอสองเลย   :hao3:
ได้รู้อดีตทั้งสองคนเพิ่มด้วย
อย่างนี้ยิ่งเพิ่มความผูกพันกันยิ่งขึ้นไปอีก  :-[

พี่ไทม์  หมวย  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ็Hello there ว่าไงน้องหมวย (ตอนที่ 18 28/12/2561)
เริ่มหัวข้อโดย: patchylove ที่ 28-12-2018 20:48:09
มาแล้วๆๆๆ ต้องย้อนำปิ่านอีกรอบๆๆ :o8:
หัวข้อ: Re: ็Hello there ว่าไงน้องหมวย (ตอนที่ 18 28/12/2561)
เริ่มหัวข้อโดย: Girin ที่ 29-12-2018 01:29:14
น้องหมวยบทที่ 19
   ไม่รู้ว่าควรจะโกรธดีไหม แต่พี่แกก็ทำหน้าระรื่นไม่ได้สนใจว่าผมจะโกรธรึเปล่า เหมือนพี่เขาเตรียมตัวไว้แล้วสำหรับการง้อ
   ไอ้โกรธน่ะมันก็อยากจะโกรธอยู่หรอก ตอนนั้นผมคับแค้นใจมากเลยนะครับ คิดไว้แล้วว่าถ้าตัวเท่ากันเมื่อไหร่ จะไปท้าต่อยเช้าเย็นเลย ลูกเพื่อนยาย ก็ลูกเพื่อนยายเหอะ แล้วไงอะ มึงมันก็แค่เด็กอ้วนอะ
   แต่มันก็ผ่านมาเป็นสิบปีแล้ว จะกลับไปแค้นเคืองก็เคืองที่รู้อะไรแล้วไม่ยอมบอกกันดีกว่า แล้วนี่ก็ไม่รู้ว่าจำกันได้ตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้วพี่มันจำผมได้ยังไง เพราะผมจำพี่มันไม่ได้สักนิด ไม่เอะใจอะไรแม้แต่นิดเดียว ใครจะไปรู้ว่าไอ้เด็กอ้วนตอนนั้นมันจะโตมาหล่อขนาดนี้
   อย่าดูถูกเด็กอ้วนข้างบ้างจริงๆนั่นแหละครับ
   “อย่าไปโกรธพี่เขาเลยน้องอิน ก็ตอนนั้นน้องอินน่ารักไง ลูกคุณนามันกาก อยากเข้าหาน้องแต่ไม่รู้จะทำยังไง”
   “เลยมาแกล้งผมเช้าเย็นน่ะเหรอครับ”
   “ไม่อยากจะเล่า แต่ตอนนั้นน้องอิณคงไม่รู้ เวลาน้องอิณร้องไห้ ก็เขานั่นแหละที่อุ้มน้องอิณมาให้คุณนาปลอบจำได้รึเปล่า ตอนน้องอิณหัวแตก ก็แอบมาร้องไห้ที่บ้านบอกว่าทำน้องเลือดออก”
   “แม่! ไม่ต้องเล่าก็ได้นะครับ พวกผมหิวกันแล้ว พอๆๆเลิกเล่าได้แล้ว” พี่ไทม์รีบโวยวาย พยายามหิ้วแม่ตัวเองไปเข้าครัว
   “อายทำไมเล่า บอกน้องไปสิว่าเราเป็นคนซื้อเค้กก้อนโตให้น้องตอนจะย้ายบ้านน่ะ แหม ทำเป็นอาย โตเป็นควายแล้วนะลูกฉัน เฮ้อ เด็กวัยรุ่นนี่นะ ไปแล้วๆ ไม่เล่าแล้วจ้า”
   พี่ไทม์รีบดันแม่เข้าครัวเพื่อปิดปากไม่ให้เล่าต่อ ผมยังนั่งอึ้งอยู่ที่เดิม อึ้งตั้งแต่ไจแอ้นร้องไห้ที่ทำผมหัวแตกแล้ว นี่เขายังเป็นคนซื้อเค้กให้ผมด้วยเหรอเนี่ย นั่นเป็นเค้กก้อนแรกที่ผมได้กินเลยนะ
   “นี่พี่เป็นคนซื้อเค้กให้ผมเหรอเนี่ย ไม่นึกเลยว่าไอ้เด็กอ้วนนั่นจะเป็นคนดีกับเขาด้วย”
   “ให้อภัยเขาหน่อยเถอะครับ เขาก็แค่เข้าหาคนไม่เก่ง”
   “ไม่อ่ะ เขาแกล้งผม ผมไม่ชอบขี้หน้า” ผมว่าด้วยความหมั่นไส้
   “จะแกล้งคืนก็ได้นะ มีเวลาให้แกล้งทั้งชีวิตเลย” พี่ไทม์พูดหน้าระรื่นแล้วเดินมายีหัวผม
   “โอ๋เอ๋ ไม่งอนนะเด็กเตี้ย เอาของไปเก็บบนห้องก่อนเร็ว แล้วจะได้ลงมากินข้าวกัน”
   “ไอ้พี่ไทม์ เรียกใครเตี้ยหะ!”
   “ไม่ได้เตี้ยแล้วจะโวยวายทำไมเล่า” แล้วพี่มันก็แปลงร่างกลับไปเป็นไจแอ้นวิ่งหนี เพื่อให้ผมวิ่งไล่เขา พร้อมโวยวายตามหลัง
   
   อยู่ๆคุณลุงแปลกหน้าก็โผล่มาจากประตูหลังบ้าน แล้วนั่งโต๊ะกินข้าวเช้าด้วยกัน คุณลุงทำท่าเหมือนจะเดินมาอุ้มผม แล้วหอมแก้มไปมาเหมือนตอนเด็กๆ แต่พอเขานึกออกว่าผมอายุจะยี่สิบแล้ว เขาเลยแค่เดินมาขยี้หัวแล้วบ่นคิดถึงอย่างนั่นอย่างนี้
   พ่อพี่ไทม์ให้อารมณ์เหมือนอาแปะใจดีๆสักคน ที่ชอบปลูกต้นไม้แล้วเปิดวิทยุฟัง รำไทเก๊กตอนเช้าๆ
   การทานข้าวมื้อแรกในบ้านพี่ไทม์ มีแต่ของชอบของผมบนโต๊ะ ไม่มีความอึดอัด หรือความกระอักกระอ่วน พวกเขาดูคิดถึงผมจริงๆ ถึงผมจะจำพวกเขาได้แบบเลือนๆลางๆ แต่ก็สัมผัสได้จริงๆว่า พ่อกับแม่พี่ไทม์ดีใจที่ได้เจอผม
   “แล้วที่ร้านเป็นยังไงบ้างละ”
   “ก็ขายดีเหมือนเดิมนะครับ เดี๋ยวนี้คนไปไหนมาไหนง่ายกว่าแต่ก่อนเยอะ โฆษณาก็ง่ายกว่าสมัยก่อน ร้านก็เลยขายดีมากๆ ยิ่งช่วงเทศกาลคนยิ่งเยอะ”
   “ตั้งแต่ยายน้องอิณไม่อยู่ บ้านนี้เลยไม่ได้เข้าไปที่ร้านเลย ก็นะ ลุงกับป้าเรา เข้ากับคนง่ายซะที่ไหน”
   “ครับ ผมก็พอเข้าใจ”
   “เห็นไทม์บอกว่าออกมาอยู่คนเดียวตั้งแต่ม.ปลายแล้วหรอ ทะเลาะกับทางนั้นรึไง ทำไมออกมาอยู่คนเดียว” คุณลุงแปลกหน้าเป็นคนถามผมด้วยสีหน้าห่วงใย ซึ่งผมก็ยินดีจะเล่า ผมรู้สึกว่าบ้านนี้รู้จักครอบครัวผมอยู่พอสมควร เขาน่าจะพอรู้ว่าลุงกับป้าผมเป็นคนยังไง
   ผมเลยกล้าที่จะเล่าว่าเข้ากับทางนั้นไม่ได้ ผมเลยขอแยกออกมาอยู่คนเดียว
   “แล้วเสาร์อาทิตย์ก็ต้องทำงานทั้งที่เรียนหนักๆเนี่ยนะ”
   “ครับ คุณลุง” ผมยิ้มเจื่อนๆให้
   “บ้านนั้นก็เหลือเกินจริงๆ หลานในไส้ตัวเองแท้ๆ แล้วนี่อะไรละเรา ยังมาเรียกลุงเลิงอะไรอีก เจ้าไจแอ้นของเรามันหลงนักหลงหนาไม่ใช่รึไง ยังไม่ได้คบกันอีกรึไง ทำไมไม่เรียกพ่อซะที ลูกฉันนี่มันไม่มีน้ำยาจริงๆ”
   “เดี๋ยวๆพ่อ”
   “เฮ้อ ถึงว่าละนะ สมัยก่อนแกล้งเขาไว้เยอะ ทำไมฉันถึงมีลูกชายกากๆแบบนี้นะ” ผมกับแม่พี่ไทม์หัวเราะร่า ทันทีที่พ่อลูกแตกคอกัน
   “นี่ลูกไงพ่อ นี่ไทม์ไง จำไม่ได้หรอ แล้วนี่ก็ลูกสะใภ้พ่อไง ไม่ถูกใจหรอ เรานั่นแหละน้องหมวย ทำไม่เรียกพ่อ ชอบเห็นพีโดนว่ารึไง”
   “ก็พี่กากจริงๆอะ”
   “แหมลูกสะใภ้ พูดถูกใจพ่อจริงๆ ฮ่าๆๆ”
   
   หลังจากจบมื้อเช้า ผมกับพ่อพี่ไทม์ก็ไปช่วยกันปลูกต้นไม้ ในขณะที่พี่ไทม์เข้าไปช่วยแม่ทำขนมในบ้าน เพราะตอนเย็นพี่แทนจะมา แล้วผมก็จะได้เจอชิสุกะในวัยเด็กอีกคน ชิสุกะที่ตอนนี้แต่งงานแล้ว มีน้องแล้ว ผมเลยอดตื่นเต้นนิดๆไม่ได้ที่จะได้เจอ รู้สึกเหมือนจะได้เจอไอดอลสมัยเด็ก
   ผมทำนู่นทำนี่กับบ้านนั้นทั้งวัน สนิทสนมเหมือนอยู่ด้วยกันมาตั้งแต่จำความได้ พี่ไทม์มีความเป็นแม่ศรีเรือนโคตรๆ เขาทำขนมได้น่ากินมากๆ ตั้งแต่มาพี่แกก็โดนใช้ตั้งแต่ล้างจานยันซักผ้า ส่วนผมก็เป็นลูกรักลุงแปลกหน้า ตัดต้นไม้ ลงดอกไม้ในสวน ล้างอ่างปลา
   สรุปแล้วคือ ผมกับพี่ไทม์โดนลากมาใช้งานนั่นเอง แต่มันก็เป็นกิจกรรมที่ทำให้ผมสนิทกับครอบครัวเขามากขึ้น เหมือนผมได้เจอบ้านอีกหลังของตัวเอง
   ตกเย็นเราตั้งเตาไฟย่าง อาหารทะเลกันหน้าบ้าน พอพี่แทนมาเราก็ล้อมวงกินกันบนโต๊ะม้าหิน ข้างบ้านเปิดเพลงดังจนได้ยินมาถึงบ้านเรา ยิ่งทำให้บรรยากาศครึกครื้นมากขึ้นไปอีก
   พี่แทนมาคนเดียว ไม่ได้พาน้องมาด้วย ให้เหตุผลว่าน้องแพรไม่สบายก็เลยไม่ได้พามา ให้อยู่บ้านกับคุณพ่อ พี่เขาพุ่งมากอดผมทันทีที่เห็นหน้า หอมผมซ้ายทีขวาที จนหน้าผมมีแต่รอยลิปสติกเต็มไปหมด
   คนที่ช่วยแยกผมกับชิสุกะก็คือไจแอ้นที่มองพี่สาวตัวเองตาขวาง พี่แทนยิ้มร่า แล้วเดินไปกอดน้องชายตัวเอง
   “แทน หน้าน้องเหมือนลูกแทนเลยว่าปะ”
   “น้องแพรอะนะ เออวะ ตาตี่ๆแก้มกลมๆเหมือนกันเลย” สองพี่น้อง นินทาผมออกนอกหน้า พี่ไทม์แตกต่างไปชัดเจนเวลาอยู่กับพี่สาว ทั้งกวนประสาทมากขึ้น หัวเราะมากขึ้น โดยรวมคือไม่มีมารยาทมากขึ้น
   “อยู่ม. มีแต่คนเรียกน้องหมวย”
   “ฮื่อ คนอย่างแกไม่น่าได้แฟนน่ารักแบบนี้นะไทม์”
   “ก็คนมันหล่อ แล้วน้องแพรเป็นไงบ้าง เข้าโรงเรียนรึยัง”
   “พ่อเขาจะส่งไปเตรียมอนุบาล แต่ร้องไห้งอแงทุกวัน ไม่ไปเยี่ยมหลานแกหน่อยละ อ้วนขึ้นทุกวัน ฉันอุ้มไม่ไหวแล้ว” พี่แทนเล่าไป จิ้มปลาหมึกเข้าปากไป ตอนนี้สามทุ่มกว่าแล้ว พ่อกับแม่พี่ไทม์เลยขอขึ้นไปนอนก่อน เหลือแต่พวกเราตั้งวงคุยกัน
   แน่นอนว่าไม่มีเบียร์ให้กิน จำได้ใช่ไหมครับว่าครั้งสุดท้ายที่คุณพระเอกเขาดื่มแอลกอฮอล์ ผลเป็นยังไง บนโต๊ะเลยมีแต่น้ำอัดลมกับกับแกล้ม และผมไม่ได้รับอนุญาตให้ดื่มน้ำอัดลมเช่นกัน
   “น้องอิณ”
   “ครับ?”
   “พี่ถามจริง โดนไอ้ไทม์มันกินไปยัง”
   “แค่กๆๆๆ” ผมถึงกับสำลักน้ำ
   “ถามไรวะแทน น้องสำลักเลยเนี่ย”
   “จ้า หวงจังเลยจ้า กับพี่กับน้องเคยดูแลขนาดนี้ไหมหะ ฉันก็แค่อยากรู้ว่าน้องชายฉันเด็ดรึเปล่า”
   “ตอนนี้ยัง แต่เดี๋ยวก็ได้กิน”
   “แค่กๆๆๆๆๆๆๆ”
   “เอาว่ะ มันต้องอย่างนี้สิน้องชาย แต่น้องอิณอย่าไปยอมนะลูก เราชิงจับมันกดก่อนได้นะ พี่เอาใจช่วย ฮ่าๆๆๆ”
   ชิสุกะผู้น่ารักของผม เธอทั้งสวยและสดใส ทำไมตอนนี้ถึงร่วมมือกับไจแอ้นแกล้งผมกันนะ ผอมๆอย่างผมน่ะเหรอจะกดพี่มันได้ ได้โดนจับมัดหัวเตียงแทนน่ะสิ

   เรานั่งคุยกันนานมากๆแต่ส่วนใหญ่ผมจะนั่งฟังสองพี่น้องคุยกันมากกว่า พี่ไทม์สนิทกับพี่แทนมากๆเลย เขาคุยกันได้ทุกเรื่อง ปรึกษากันได้ทุกอย่างในชีวิต คงเพราะอายุห่างกันทำให้พี่แทนโตกว่ามากๆ พี่ไทม์เลยยินดีที่จะเชื่อคำแนะนำของพี่สาวตัวเองในหลายๆเรื่อง
   มันทำให้ผมนึกถึงตัวเองกับพีท เราห่างกันแค่ปีเดียว ไม่ได้คุยกันได้ทุกเรื่อง แต่อย่างน้อยตอนนี้ ผมก็เข้าไปในชีวิตน้องชายตัวเองมากขึ้น เด็กก็คือเด็ก เขาเป็นผ้าขาว ถูกหล่อหลอมโดยครอบครัวและสังคม
   ผมตั้งใจไว้แล้วว่าถ้าลุงกับป้าเป็นครอบครัวที่ดีให้กับเขาไม่ได้ ผมจะเป็นครอบครัวให้เขาเอง ผมคิดภาพเอาไว้ว่าอยากให้น้องออกมาอยู่ด้วยกัน ใช้ชีวิตกันสองคนพี่น้อง แล้วค่อยกับบ้านช่วงเทศกาล มันคงจะมีความสุขไม่น้อยเลยละมั้ง
   “ชอบไหมเรา มีความสุขรึเปล่า” พี่ไทม์อาบน้ำเสร็จแล้ว มาล้มตัวนอนข้างๆผม
   “บ้านพี่น่ารัก ผมชอบมาก”
   “ดีแล้ว” เขายิ้มให้ผม
   “พี่ไทม์ ทำไมตอนนั้นพี่ถึงย้ายบ้านละ” เป็นคำถามที่ผมพึ่งนึกขึ้นได้ หลังจากที่ฟังเรื่องราวย้อนอดีตมาทั้งวัน
   “ตอนนั้นแทนสอบติดมหาลัยในกรุงเทพน่ะ ตอนแรกก็อยู่หอแหละ แต่ซ่าไปกินเหล้า เมาแล้วขับ โดนรถชน รักษาตัวอยู่เป็นเดือน พ่อกับแม่พี่เลยตัดสินใจย้ายบ้านย้ายงานไปอยู่กรุงเทพ ไม่ให้แทนไปอยู่หอ จะได้ดูแลแทนที่โรงพยาบาลได้ง่ายขึ้นด้วย เพราะโรงพยาบาลในกรุงเทพ ยังไงก็พร้อมมากกว่า  มันเหมือนเป็นจังหวะเหมาะด้วยแหละ พี่เรียนจบป.6 ยายเราก็เสียพอดี พ่อกับแม่เลยตัดสินใจที่ย้าย”
   “พี่แทนนี่แสบน่าดูนะครับ”
   “แต่แทนมันรักเรานะ พี่จำได้ว่าตอนนั้น ร้องไห้งอแงอยู่โรงพยาบาลเพราะจะไม่ได้เจอเราอีก”
   ผมยิ้มกว้าง น่าดีใจนะครับ ที่มีคนอยากเจอเรามากขนาดนี้ แล้วพอเป็นครอบครัวคนที่เรารัก มันยิ่งรู้สึกดี
   “ยิ้มกว้างเลย มีแต่คนเข้าข้างนะวันนี้ หมั่นไส้นัก”
   “ก็พี่มันคนกากๆอะ ฮ่าๆ แล้วแมวพี่ไปไหนอะ ผมเห็นเมื่อเช้าแล้วก็หาไม่เจอเลยทั้งวัน”
   “ไอ้อ้วนน่ะเหรอ ไปเที่ยวมั้ง ไม่ค่อยกลับบ้านหรอกรายนี้ นอนได้แล้วเราน่ะ พรุ่งนี้ต้องไปทำงานไม่ใช่รึไง”
   “ครับๆ ไจแอ้น จะนอนเดี๋ยวนี้แหละ”
   พี่ไทม์บีบจมูกผมก่อนจะดึงผมไปกอด เพราะพรุ่งนี้เป็นวันเสาร์ ผมเลยต้องไปทำงาน เพราะร้านยังไม่ปิด ด้วยเหตุว่าร้านอื่นปิดกันหมด แต่เพราะเป็นช่วงสิ้นปี เลยมีแต่คนลากลับบ้าน ผมที่ไม่ได้กลับเลยตัดสินใจไปทำงาน
    ผมซุกๆอกพี่ไทม์แล้วพึมพำว่าขอบคุณ
   ขอบคุณครับที่เข้ามาในชีวิตผม





   และในเช้าวันสิ้นปี
   ผมมาทำงานที่ร้านพี่เก๋ เพราะเขาจะให้ค่าแรงพิเศษและวันนี้เป็นวันอาทิตย์ ตั้งใจไว้ว่าวันที่ 1 พรุ่งนี้จะซื้อของเข้าไปที่บ้าน โทรคุยกับพีทแล้วเมื่อวาน น้องรบเร้าให้ผมไปหา บอกว่าให้รีบมาทำคะแนน เพราะช่วงนี้คุณลุงอารมณ์ดี ที่ลูกชายทำตัวน่ารัก
   ผมเลยตั้งใจว่าจะซื้อของติดไม้ติดมือแล้วเข้าไป แม่ไม่ได้มาถ้ำมองผมเมื่อวานนี้ ผมเดาว่าเพราะที่ร้านยุ่งมากๆเขาเลยไม่มีเวลาปลีกตัวมาหาผม
   ไหนๆแม่ก็ถอยให้ผมแล้ว ผมก็คงต้องยอมถอยแล้วไปหาเขาก่อนบ้าง ไปให้เขาเห็นว่าผมสบายดี และยังเป็นห่วงเขาเหมือนเดิม
   คืนนี้ผมมีกิจกรรมข้ามปีง่ายๆสไตล์คนมีคู่ คือนอนดูหนังข้ามปีกับพี่ไทม์ พี่มันจะกลับจากบ้านวันนี้ หลังจากที่พาผมไปที่บ้านวันนั้น เขาก็มาส่งผมก่อนที่หอ แล้วกลับไปอยู่บ้านต่ออีกสองวัน และจะมารับผมตอนเย็นวันนี้ เพื่อข้ามปีแรกด้วยกัน
   ดูโรแมนติกเนอะ
   แต่คือหัวเดียวกระเทียมลีบ เพื่อนฝูงกลับบ้านกันหมด เหลือกันอยู่สองคน เลยเคาท์ดาวน์กันเงียบๆที่ห้อง
   “แม่พี่ทำขนมจีนแกงไก่มาให้ มีบัวลอยด้วย คุณนายเขาห่วงเห็นลูกสะใภ้แห้งเกินไป เลยอยากจะขุน”
   “ผมเป็นลูกเขยไม่ได้หรอ ทำไมต้องให้ผมเป็นลูกสะใภ้อะ”
   ตอนนี้เราอยู่กันที่ห้องพี่ไทม์ กินข้าวเย็นจากบ้านพี่เขา ดูหนังรอเที่ยงคืน ออกไปดูพลุ เคาท์ดาวน์ แล้วก็กลับมานอน ผมชอบความง่ายๆของเราสองคนมากๆ
   “เดี๋ยวพี่ไปเป็นลูกสะใภ้ให้บ้านเราไง สลับกัน”
   “เออ เข้าท่าอะพี่”
   “เราลงทะเบียนเรียนวันไหนนะ”
   “พร้อมพี่อะ อีกสองอาทิตย์กว่าๆมั้ง”
   “เหมือนเกรดจะออกช้ากว่านะ ค่าเทอมเราอาจจะรอทุนไม่ได้ ต้องสำรองจ่ายไปก่อน เพราะเขาพิจารณาจากเกรด”
   “ที่ผมก็พอมีอยู่ เทอมนี้ 22 หน่วยกิต ก็หมื่นกว่าบาท ผมจ่ายไหว พี่ไม่ต้องห่วง”
   “ไม่มีต้องบอกนะ เข้าใจไหม ห้ามปิดบังกัน”
   “รู้แล้วน่า บ่นเป็นคนแก่เลยเด็กชายไทม์”
   เรากินขนมจีนแกงไก่กัน ต่อด้วยบัวลอยเป็นของหวาน พอกินเสด็จก็แยกย้ายกันอาบน้ำ ผมโทรไปหาแม่พี่ไทม์ขอบคุณสำหรับแกงไก่ และโดนชวนคุยยาว เดี๋ยวนี้คุณนาเขาคุยกับผมบ่อยกว่าลูกชายตัวเองอีก สวัสดีในไลน์กันทุกวัน
   เราเปิด เน็ตฟลิกซ์ดูฆ่าเวลา เป็นซีรีย์ที่ดูท่าว่าเคาท์ดาวน์เสร็จ คงต้องกลับมานั่งดูต่อ เพราะมันสนุกมาก
   และเมื่อเวลาใกล้เที่ยงคืนมาถึง เสียงพลุก็นำมาแต่ไกล เราเลยออกไปที่ระเบียง เพื่อดูพลุที่คนอื่นจุด
   
   10
   
   9
   
   8
   
   7   
   
   6   
   
   5
   
   4
   
   3   
   
   2
   
   1
   
   “สวัสดีปีใหม่ครับ!”
   “ทำตัวเป็นเด็ก จะตะโกนแข่งกับพลุทำไมเนี่ย” พี่ไทม์เอามือปิดหูเพราะผมตะโกนอัดใส่
   “มานี่เลยน้องหมวย”
   ผมโดนเกี่ยวเอวเข้าไปหา และได้รับจูบหวานๆเป็นของขวัญวันปีใหม่ แถมยังเป็นโลเคชั่นใหม่ คือริมระเบียง จะผ่านไปนานแค่ไหน ผมก็ตามจังหวะจูบพี่แกไม่ทันซะที ทำไมร้อนแรงจังครับคุณ ผมหายใจไม่ทันแล้ว
   “สวัสดีปีใหม่ครับ ขอให้น้องหมวยมีความสุขมากๆนะครับ”
   “....”
   “พี่รักเรานะครับ อยู่ด้วยกันไปนานๆ”
   อรุ่มมม จู่ๆก็โดนผู้ชายบอกรัก หน้าบางงงงเลยกู ไม่ทันตั้งตัวเลยโว้ยยยยยยยย
   “ครับ ผมก็รักพี่ครับ รักผมไปนานๆเลยนะครับ”
   เรายิ้มหวานๆใส่กันจนเลี่ยน เลยเปลี่ยนเป็นจูงมือกันมาดูซีรีย์ต่อ ช่างเป็นปีใหม่ที่โรแมนติก
   
   
แต่ใครจะไปรู้ ปีนี้ผมอาจจะเป็นปีชงก็ได้
   ติ้ดๆๆๆๆๆๆ
   เสียงโทรศัพท์ของผมดังขึ้น เป็นพีทโทรมา ผมเผลอดีใจที่น้องชายจะโทรมาอวยพรเป็นคนที่สองของปี
   “พี่อิณ”
   แต่มันดันไม่ใช่อย่างที่ผมคิด
   “พ่อเข้าโรงพยาบาล หมอบอกว่าเส้นเลือดในสมองแตก พี่ พีทจะทำยังไงดี”
   







แถมมมมม♥เมื่อน้องหมวยอยู่ป.2
       “นี่ เด็กเตี้ย” //พยายามง้อ
   “เราไม่เล่นกับนายแล้ว นายทำหัวเราเลือดออก”
   “เป็นพี่นะ ทำไมไม่เรียกพี่  ไม่น่ารักเลยนะ”
   “ไอ้อ้วนแบบนายก็ไม่น่ารัก!”
   “นี่!” //เผลอเสียงดัง
   //เบะปากใส่
   “ อย่าร้องไห้สิ ยังไม่ได้ทำอะไรเลย”
   //น้ำตาคลอ
   “พี่ขอโทษ แต่เข้าไปรับแล้วไง ตอนตกลงมา เห็นไหม นี่ไง มือเจ็บเลย เห็นรึเปล่า อิณหายเจ็บหัวรึยังครับ”
   “ฮือ ไหนบอกแล้วว่าจะไม่ปล่อยให้เราตกลงมาไง แงงงงงง”
   “แม่ม่ม่ม่ม่ม่ม่! น้องร้องไห้อีกแล้ว ผมพยายามง้อแล้วนะแม่ แม่ครับบบบบ! ” //อุ้มน้องป.2 ไปหาคุณแม่




******************************************
เราขอข้ามปีล่วงหน้าไปก่อนนะคะ 555555
แง คิดเห็นยังไงก็บอกกันได้นะคะ ขอบคุณทุกคนมากๆเลยที่ยังติดตามกันอยู่
ฝันดีนะคะ ♥
หัวข้อ: Re: ็Hello there ว่าไงน้องหมวย (ตอนที่ 19 29/12/2561)
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 29-12-2018 13:47:07
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ็Hello there ว่าไงน้องหมวย (ตอนที่ 19 29/12/2561)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 29-12-2018 14:30:38
 :z1: :z1: :z1: ตลกอีพี่ไทม์ตอนเด็กจัง อิอิอิ
หัวข้อ: Re: ็Hello there ว่าไงน้องหมวย (ตอนที่ 19 29/12/2561)
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 29-12-2018 14:44:24
แอบน่ารักนะ ไจแอ้นท์
หัวข้อ: Re: ็Hello there ว่าไงน้องหมวย (ตอนที่ 19 29/12/2561)
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 29-12-2018 17:36:53
พี่ไทม์นี่เต๊าะน้องตั้งแต่เด็กเลยเหรอ555
หัวข้อ: Re: ็Hello there ว่าไงน้องหมวย (ตอนที่ 19 29/12/2561)
เริ่มหัวข้อโดย: Girin ที่ 30-12-2018 18:44:57
น้องหมวยบทที่ 20
   เป็นการเริ่มต้นปีที่ไม่ค่อยสวยงามสักเท่าไหร่ ผมกับพี่ไทม์มาถึงโรงพยาบาล ก็เจอพีท แม่ผม และป้ากำลังคุยกับหมออยู่ ผลคือ เราต้องทำการย้ายลุงไปโรงพยาบาลที่ใหญ่กว่านี้ เพราะต้องทำการผ่าตัด เนื่องจากเลือดออกในสมองมาก ทำให้ความดันในกะโหลกศีรษะสูงอาจทำให้เสียชีวิต
   เราย้ายลุงเข้ามารักษาโรงพยาบาลในกรุงเทพ หมอบอกว่าการผ่าตัดมีโอกาสทำให้เสียชีวิต หลังผ่าตัดโอกาสไม่ฟื้น 50/50 ป้ากับแม่ผมร้องไห้ออกมาหลังจากได้ยินหมอพูดแบบนั้น
   สุดท้ายเรายินยอมที่จะรับการผ่าตัด กว่าลุงจะได้รับการผ่าตัดก็เช้าแล้ว ป้าผมร้องไห้หนักจนหมดสติ แม่ผมก็ดูแย่พอกัน คุณพยาบาลเปิดห้องพักญาติผู้ป่วยให้เราชั่วคราว ผมให้พีทพาแม่กับป้าไปพัก แล้วผมจะรออยู่หน้าห้องผ่าตัดเอง
   พีทดูลังเลที่จะไป แต่เขาก็ยอมเชื่อฟังผม
   เหลือแค่ผมกับพี่ไทม์นั่งอยู่หน้าห้องผ่าตัด ผมรู้สึกแย่ที่ทำให้ปีใหม่ของพี่มันต้องมานั่งอยู่ในโรงพยาบาล ไม่ได้นอนทั้งคืน ตอนนี้เขาอาจจะหิวข้าวด้วยซ้ำ
   “พี่กลับไปก่อนไหม ไปนอนสักตื่นก่อน แล้วเดี๋ยวค่อยมาหาผมใหม่ก็ได้”
   “จะให้พี่ทิ้งเราไว้คนเดียวเหรอ”
   “ผมเกรงใจพี่ พี่ยังไม่ได้นอนทั้งคืน หิวไหมเดี๋ยวผมไปซื้ออะไรมาให้” ผมลุกขึ้นจะเดินไปซุปเปอร์หน้าโรงพยาบาล แต่พี่ไทม์ก็คว้าเอวผมให้นั่งลง
    “จะเกรงใจทำไม ไหนบอกสิ ถ้าคนที่ต้องนั่งเฝ้าห้องผ่าตัดเป็นพี่ เราจะยอมกลับบ้านแล้วทิ้งให้พี่นั่งอยู่คนเดียวไหม?”
    แน่นอนว่า “ไม่”
    “เห็นไหม พี่ก็เหมือนกัน พี่ไม่ได้นอน เราก็ยังไม่ได้นอนเหมือนกัน พี่หิวเราก็หิว เพราะฉะนั้นนั่งรออยู่ตรงนี้ เดี๋ยวพี่ลงไปซื้อเอง เราเป็นโรคกระเพาะ ต้องกินข้าวเช้า ห้ามเถียง นั่งรอ แป๊บเดียว เดี๋ยวมา”
   แล้วพี่แกก็ลุกไปเลย ผมยิ้ม เขาสั่งเหมือนผมเป็นหมาน้อยที่รออาหารจากเจ้าของ ในสภาวะเครียดๆเขาก็ยังทำให้ผมยิ้มกับการใส่ใจของเขา ตั้งแต่มีคุณเขาผมก็ไม่เคยต้องปวดท้องอีกเลย
   แล้วผมก็นั่งรอนิ่งๆ แต่ในหัวคือคิดนู่นนี่เต็มไปหมดแล้ว ลุงล้มสักคนก็เหมือนเป็นโดมิโน่ ทุกอย่างก็ล้มตามกันไปหมด ร้านอาหารเป็นแหล่งเงินเดียวของครอบครัว ไม่มีลุงแล้วร้านจะทำยังไง มีเงินเก็บ แต่ก็ยังมีค่ารักษาพยาบาลที่ต้องจ่าย น้องผมยังต้องเข้ามหาวิทยาลัย แล้วจะเอาเงินมาจากไหน ค่ากินค่าใช้อีก
   ยังดีที่ว่าวันนี้ร้านปิด ไม่งั้นก็จะมีปัญหาตามมาอีก เพราะทุกคนอยู่ที่นี่กันหมด โอกาสที่ลุงจะหายเป็นปกติมีโอกาสแค่ 80 % แล้วต้องใช้เวลาอีกกี่เดือนกว่าจะหาย แค่คิดผมก็หัวหมุนแล้ว
   เสาหลักในครอบครัวล้ม คนที่เหลือจะทำยังไง
   พี่ไทม์กลับมาพร้อมถุงอาหารในมือ เขาซื้อโจ๊กคัพมาให้ผม ส่วนเขากินแค่ขนมปังกับกาแฟ
   “เอาจริงๆปะพี่ ผมแทบไม่ได้ห่วงลุงเลย ผมไม่ได้รู้สึกเสียใจเลยว่าเขาจะเป็นยังไง จะฟื้นไหม จะหายไหม ผมแค่ห่วงว่าหลังจากไม่มีลุง แม่กับน้องผมจะเป็นยังไง ผมไม่ได้ห่วงป้าด้วยซ้ำ แต่เพราะเขาเป็นพ่อแม่พีท ผมถึงกังวล ผมเป็นเด็กไม่ดีใช่ปะ?”
   ผมช้อนตามองพี่ไทม์ที่นั่งข้างๆ ผมรู้สึกผิดที่ตัวเองรู้สึกแบบนี้ และผมลังเลจะเงยหน้ามองพี่ไทม์ ผมไม่อยากให้เขามองผมไม่ดี แต่ผมก็อยากจะสารภาพผิดให้เขาฟัง ความรู้สึกหนักอกหายไปเมื่อเขายกมือใหญ่ๆมาลูบหัวผม ผมเคยบอกเขาไหมว่าไม่ได้สระหัวมาสามวันแล้ว
   น่าจะไม่
   “คนเราใครจะไปรักคนที่เขาใจร้ายกับเรา ทำหน้าที่ตัวเองให้ดีก็พอ ไม่เป็นไรหรอก ทำในสิ่งที่ควรทำก็พอแล้ว แต่พี่ขออย่างเดียว” พี่ไทม์ทำหน้าจริงจังใส่ผม ดึงแก้มสองข้างยืดออกจนผมหรี่ตามองอย่างไม่ค่อยพอใจ
   “อะไรครับ”
   “ถึงไจแอ้นจะเคยใจร้าย แต่ต้องรักไจแอ้นนะรู้ไหม”
   เกลียดอะ มาหวานอะไรตอนคนเขาเครียดๆว่ะ
   แล้วกูจะเขินทำไมเนี่ย!



   
   
   หลังการผ่าตัดเสร็จสิ้น ลุงถูกส่งเข้าห้อง ICU การผ่าตัดผ่านไปด้วยดี แต่ก็ยังต้องรอดูอาการต่อไป และอาการยังคงน่าเป็นห่วง
   เราสองคนเดินเข้าไปในห้องพักญาติผู้ป่วย ผมพยายามเปิดประตูให้เบาที่สุด ให้พี่ไทม์รออยู่หน้าห้อง เพราะไม่ได้นอนกันทั้งคืนทุกคนเลยหลับกันหมด ผมเลือกที่จะปลุกพีทขึ้นมาแล้วให้ออกไปคุยกันหน้าห้อง ผมบอกเรื่องการผ่าตัดกับเขาแล้วลากไปกินข้าวเช้า พี่ไทม์เดินไปซื้อข้าว ปล่อยให้ผมได้คุยกับน้องสองคน
   น้องเอาแต่เงียบจนผมกังวล ผมรู้ว่าเขาเครียดมาก
   “พีทบอกพ่อว่าจะไม่สอบหมอ พีทจะเรียนวิศวะ  แล้วเราก็ทะเลาะกัน พีทไม่คิดว่ามันจะเป็นเรื่องใหญ่ขนาดนั้น วิศวะใครๆเขาก็เรียนกัน มันไม่ได้แย่ไปกว่าการเรียนหมอเลย โคตรไม่เข้าใจว่าพ่อจะโมโหพีททำไม แต่ แต่พอสักพักพ่อก็ล้ม เขาล้มลงไปเลยพี่ หมอบอกว่าความดันโลหิตสูงทำให้เส้นเลือดในสมองแตก พีทไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าพ่อเป็นโรคความดันโลหิต พีทโคตรเป็นลูกที่แย่เลยวะ”
   เขาเอามือปาดน้ำตาลวกๆ  ไหลเขาสั่นจนผมต้องไปคว้าเขามากอด พีทซุกอยู่ที่ไหล่ผมแล้วเริ่มสะอื้น เขาพูดอะไรสักอย่างที่ผมจับใจความไม่ได้ พี่ไทม์เดินถือข้าวมาสองจาน เห็นผมกำลังถูกลูกหมาตัวโตกอด เขาก็แค่มองนิ่งๆแล้วทรุดนั่งฝั่งตรงข้าม สักพักก็มองด้วยสายตาเอ็นดู เหมือนเห็นน้องหมาสองพี่น้องกอดกัน
   “กินข้าวก่อน”
   พอพีทได้ยินเสียงพี่ไทม์ เขาก็รีบผละออก ปาดน้ำตา พยายามปรับสีหน้าให้ปกติ พึมพำขอบคุณพี่ไทม์แล้วรีบตักข้าวกิน เป็นห่วงก็เป็นห่วงนะ แต่เห็นท่าทางแล้ว ผมละเอ็นดู
   ข้าวอีกจานเป็นผมกับพี่ไทม์กินด้วยกัน แน่นอนว่านังโจ๊กคัพและขนมปังไม่พอยาไส้เราสองคน แต่พี่ไทม์ดูจะหิวมาก ผมเลยให้เขากินเยอะๆ
   “ขับรถไหวไหม” ผมถามพีท
   “ไหวครับ”
   “พาป้าพินกับแม่กลับบ้านไปก่อน ยังไงตอนนี้ก็ยังเข้าเยี่ยมไม่ได้ เราเองก็อย่าไปคิดมาก ไม่มีใครอยากให้เรื่องนี้เกิดขึ้นหรอก โทษตัวเองก็ไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้น ต่อไปเราต้องเป็นคนช่วยครอบครัวแล้วรู้ไหม” ผมลูบหัวปลอบเด็กน้อยตัวโต
กินข้าวเสร็จผมก็เดินไปส่งเขาหน้าห้องพักญาติผู้ป่วย บอกเขาว่าฝากแม่ผมด้วย ถึงบ้านแล้วก็โทรมา เราแยกย้ายกันตรงนั้น
 ผมกับพี่ไทม์เรากลับไปบ้านพ่อกับแม่พี่มันเพราะว่าอยู่ใกล้โรงพยาบาลมากกว่า ก่อนกลับเราคุยกับหมอเรื่องค่ารักษา ปรากฏว่าค่าใช้จ่ายสูงพอสมควร ผมเองไม่แน่ใจว่าลุงมีประกันชีวิตหรือสิทธิอะไรรึเปล่า แต่ยังไงเราก็ควรมีเงินไว้สำรองจ่าย
   ตอนแรกพี่ไทม์จะให้แม่กับป้าผมมาด้วยแต่ผมคัดค้าน เพราะถึงพวกเขาจะเคยรู้จักกัน แต่มันก็สิบกว่าปีมาแล้ว มันจะอึดอัดกันซะเปล่าๆ ให้พวกเขาไปตั้งสติกันที่บ้านน่าจะดีกว่า
   ลุงแปลกหน้ากับคุณนาทำหน้าตกใจที่เห็นผมลงจากรถมาพร้อมพี่ไทม์ แล้วก็ยิ้มร่าเดินมากอดผมเข้าบ้าน ปล่อยลูกชายตัวเอง ปิดรั้วอยู่คนเดียว ผมได้รับการเลี้ยงดูอย่างดิบดีเมื่อมาบ้านนี้ ข้าวผัดหอมๆทำผมกับพี่ไทม์อดใจไม่ไหวที่จะซัดข้าวกันอีกรอบ ก่อนจะไปอาบน้ำ แล้วนอนเอาแรง พีทโทรมาหาผมหลังจากอาบน้ำเสร็จว่าถึงบ้าน เขาบ่นว่ากว่าจะลากป้ากับแม่กลับบ้านได้ ยากเย็นมากๆ ฟังเสียงแล้วเขาดูหายเครียดลงเยอะ ผมก็สบายใจ
   ผมตื่นขึ้นมาตอนเที่ยง ทั้งที่พึ่งนอนไปได้ไม่กี่ชั่วโมง พี่ไทม์ยังนอนตายอยู่ข้างๆ ผมเลยเลือกที่จะไม่ปลุกเขา แล้วเดินลงไปข้างล่าง
   พอเห็นผมคุณนาก็รีบถามว่าหิวไหม เหมือนเขาอยากจะขุนให้ผมอ้วนจริงๆอย่างที่พี่มันว่า เจอหน้าก็เอาแต่ของกินมาให้ตลอด
   คุณนาเข้าครัวไปทำข้าวผัดปลาอินทรีย์ให้ผมกิน โดยมีผมเป็นลูกมือ เสียงหัวเราะเราสองคนเรียกให้ลุงแปลกหน้าเดินเข้ามาดู สุดท้ายเรานั่งกินข้าวกลางวันกันสามคน ปล่อยลูกชายเจ้าของบ้านนอนตายอยู่บนห้องไม่มีใครสนใจ
   “แล้วเราจะทำยังไงต่อ เรื่องเงิน ถ้าไม่มีก็บอกพ่อ เท่าไหร่ก็ขอให้บอก พ่อรวย ยังไงเราไม่ใช่คนอื่นคนไกลกัน”
   “ขอบคุณครับพ่อ แต่ผมว่าที่บ้านคงมีเงินเก็บอยู่บ้าง ปัญหาคือที่ร้านจะทำยังไง อีกสองอาทิตย์ผมจะเปิดเทอมแล้ว น้องผมก็เปิดเทอม ป้าคงต้องมาเฝ้าลุงที่โรงพยาบาล แม่ผมคนเดียวคงไม่ไหว”
   “ให้คุณนาไปช่วยดูที่ร้านไหม” ผมมองคุณนาด้วยความรู้สึกโคตรจะซึ้งใจ เลยเดินไปกอดคุณนาด้วยความขอบคุณ ซึ่งแม่พี่ไทม์ก็ดูชอบมากเวลาที่ผมทำตัวอ้อนๆ 
เขายอมช่วยผมขนาดที่ว่าจะไปดูแลร้านให้ ให้ยืมเงินแบบไม่จำกัดวงเงิน ทั้งที่เขาไม่ต้องทำขนาดนั้นก็ได้ ผมว่าผมแต่งเข้าบ้านนี้เลยดีกว่า
   “คือ ผมว่าผมน่าจะดรอปเรียนเทอมนี้ไปก่อนน่ะครับ จ่ายค่ารักษาสภาพการเป็นนักศึกษาเอาไว้ จบช้าไปสักปีคงไม่เป็นไร ดูแลร้านไว้ก่อน อย่างน้อยก็จนกว่าลุงจะกลับบ้านได้”
   “จะเอาอย่างนั้นก็ได้ แล้วเรื่องทุนเราละ ไปดูให้ดีๆนะ ว่ามันมีผลไหม จะลาพักการศึกษาก็ต้องรออนุมัติด้วย พ่อจะไปช่วยคุยกับคณบดีให้แล้วกัน เขาเป็นรุ่นน้องพ่อสมัยเรียน”
   ผมเริ่มคิดจริงจังแล้วว่าเปลี่ยนนามสกุลไปเลยดีกว่า พี่ไทม์ไม่รวยแต่พ่อพี่ไทม์รวยมาก
   “ขอบคุณครับ” ผมยิ้มจนตาปิด รู้สึกโล่งใจ จนลุงแปลกหน้า ขยี้หัวผมจนยุ่ง เขาตักข้าวเติมให้ผมอีก แล้วบอกให้กินเยอะๆ ผอมจนเกินไปแล้ว
   เรานั่งกินข้าวกัน เสียงหัวเราะลั่นบ้านจนผมลืมความเครียดไปเลย เสียงดังขนาดที่ว่า คุณชายของบ้านเดินหัวฟูลงมาจากบันได หน้างัวเงียแต่ก็ร้องว่าหิวข้าว จนผมต้องไปหยิบจานอีกใบมาตักข้าวให้คุณชายเขากิน
   พี่ไทม์ตักข้าวกินเอาๆจนลุงแปลกหน้าทำหน้าระอาที่มีลูกชายตะกละ ทั้งที่เมื่อกี้ก็ตักข้าวเติมให้ผมเป็นว่าเล่นแล้วบอกว่า กินเยอะๆนะลูก
   พี่ไทม์ช่างน่าสงสารจริงๆ
   ผมปล่อยสองพ่อลูกนั่งด้วยกัน แล้วไปหาคุณนาในครัว แม่พี่ไทม์กำลังทำแซนวิชใส่กล่องให้ผม เพราะกลัวผมจะหิวระหว่างวัน แซนวิชไข่ดาวเป็นอะไรที่ ต่อให้ไม่หิวก็อยากกินอยู่ดี
   ผมต้องเดินไปหอมแก้มอีกยกใหญ่ ไม่เคยรู้สึกอบอุ่นขนาดนี้มาก่อนเลย พนันว่าถ้ามาอยู่บ้านนี้สักเดือน คงกลิ้งลงบันไดบ้านได้


   ผมกับพี่ไทม์ออกจากบ้านกัน ผมโทรหาพีทว่ากำลังไปโรงพยาบาล เขาก็บอกว่าพึ่งออกมาเหมือนกัน ผมคุยกับพี่ไทม์บนรถเรื่องจะดรอปเรียน พี่ไทม์นิ่งไปเหมือนจะพูดอะไร แต่ก็ไม่ได้พูดออกมาแค่พยักหน้าว่าเข้าใจ
   รถจอดในลานจอดเมื่อถึงโรงพยาบาล ผมที่กำลังจะเปิดประตูรถ ก็ถูกคนขับยกขึ้นไปนั่งบนตัก
   เดี๋ยว คือผมก็ไม่ได้ตัวเบาขนาดที่ว่า หิ้วไปหิ้วมาได้ไหม
   หน้าผมเหวอจนพี่ไทม์หัวเราะ
   “แบบนี้เปิดเทอมนี้เราก็ไม่ได้เจอกันแล้วสิ” พี่มันทำหน้าหงอย แบบที่ผมรู้ทันทีว่าพี่มันเสแสร้ง
   “ผมไปหาพี่ที่หอก็ได้ หลังร้านผมมีสถานีรถไฟ มันผ่านม.เราด้วยนะ ค่ารถก็ถูก”
   “โอเค รับปากแล้วนะว่าจะมาหา งั้นตอนนี้ขอเก็บมัดจำก่อนแล้วกัน”
   “หะ?”
   หลังจากนั้นเกือบสิบนาที ผมก็ไม่ได้พูดอีกเลย เสียงเฉอะแฉะดังไปทั่วรถจนผมหน้าแดง พี่มันจูบชนิดไม่ให้พักหายใจ ท่าทางการนั่งก็เหมาะกับการบดปากกันสุดๆ ลิ้นร้อนๆเกี่ยวไปมาจนผมเคลิ้ม ตาน่าจะเยิ้มไปหมดแล้ว นี่มันล่อลวงกันชัดๆ
   ท้ายทอยผมถูกมือหนากดลงมาทำให้การจูบแนบแน่นขึ้น อีกมือก็รวบเอวผมไว้ ให้ร่างกายแนบชิดกัน กว่าเราจะผละออกจากกันก็ตอนที่ ผมรู้สึกว่ามีอะไรพองๆกำลังเบียดผมที่นั่งตักอยู่
จากนั้นเราก็หน้าแดงใส่กัน
   มองซ้าย มองขวา ไม่ยอมสบตา
   “ผมว่าเรา เข้าไปในโรงพยาบาลกันดีกว่า”








*************************
มาตอนเย็นๆแล้วรู้สึกไม่ชิน
ขยายความว่าทำไมน้องหมวยของเราถึงไม่เศร้าเลย อย่างที่เห็นค่ะว่าลุงกับป้า ใจร้ายมาตลอด ก็ไม่แปลกถ้าน้องมันจะไม่ผูกผัน ในสายตา ลุงคือคนที่ทำร้ายคนในครอบครัวตัวเอง น้องเลยไม่ได้รู้สึกรักหรือว่าเสียใจอะไร แค่รู้สึกว่าเขาเป็นเสาหลักครอบครัว เป็นพี่ชายแม่ เป็นพ่อของน้อง เท่านั้นเอง
คิดเห็นยังไง เห็นอะไรขัดแย้งก็บอกกล่าวกันได้นะคะ
ขอบคุณทุกคนที่ติดตามค่ะ
รักนะคะ♥
หัวข้อ: Re: ็Hello there ว่าไงน้องหมวย (ตอนที่ 20 30/12/2561)
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 30-12-2018 23:20:27
รอตอนต่อไป~
หัวข้อ: Re: ็Hello there ว่าไงน้องหมวย (ตอนที่ 21 30/12/2561)
เริ่มหัวข้อโดย: Girin ที่ 30-12-2018 23:32:01
น้องหมวยบทที่ 21
(วันนี้มีสองตอนน้า ใครยังไม่อ่านตอนก่อนหน้า กดย้อนกลับไปก่อนเด้อออ)
   ลุงอิทยังนอนนิ่งอยู่ในห้องไอซียู ผมกับพี่ไทม์นั่งรอกันอยู่สักพัก ป้าพิน แม่ผมกับพีท ก็มาถึง ผมกับพี่ไทม์ยกมือสวัสดี แม่กับป้าดูตกใจที่เห็นผมกับผู้ชายหล่อ เขาดูเหมือนพึ่งรู้สึกถึงการมาของผม ทั้งที่ผมมาตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว
   พี่ไทม์ชิงแนะนำตัวว่าเป็นรุ่นพี่ผม ผมมองหน้าเขาต่อว่าเขาผ่านสายตาว่าทำแบบนั้นทำไม แต่พี่มันก็ไม่สนใจ ทุกคนเลยพยักหน้าให้แบบงงๆ ทุกคนดูดีกว่าเมื่อคืนเยอะ เพราะได้พักผ่อนแล้วก็คงทำใจได้แล้วว่า ทำอะไรไม่ได้ ลุงจะฟื้นขึ้นมาไหม ก็คงต้องขึ้นอยู่กับเวลา
   พอถึงเวลาให้เข้าเยี่ยม ป้าก็เข้าไปทันที คนอื่นๆเลือกที่จะรอข้างนอก พอผมเห็นว่าแม่ไม่เข้าไป เลยเดินเข้าไปหาและขอคุยด้วย ผมกับแม่เลยเลี่ยงออกมาข้างนอก เราเดินเข้าร้านกาแฟที่อยู่หน้าตึก ผมสั่งโกโก้ปั่นมานั่งเป็นเพื่อน พึ่งรู้สึกได้ว่าไม่ได้คุยกับแม่ตัวเองนานแค่ไหน แม่ไม่ได้สั่งอะไรให้ตัวเอง  เราเดินเข้าไปนั่งด้านในสุดของร้าน
   “แม่ อิณว่าจะดรอปเรียน แล้วไปดูแลงานที่ร้านก่อน” ผมเปิดประเด็นทันทีที่เรานั่ง
   “ทำไมต้องดรอป ดรอปตอนนี้แล้วแกจะไปจบตอนไหน มีหน้าที่เรียนก็เรียนไป ร้านฉันดูแลเองได้”
   “แล้วร้านจะทำยังไง ลุงจะหายเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ พีทก็ต้องไปเรียน ป้าก็ต้องเทียวไปเทียวมากับโรงพยาบาล แม่จะดูร้านคนเดียวยังไหว”
   “ฉันดูแลได้ แกสองคนมีหน้าที่เรียนก็เรียนไปสิ ร้านมีลูกจ้าง ฉันไม่ได้ทำคนเดียวซะเมื่อไหร่ ทุนแกมันได้มาง่ายนักรึไง นึกจะดรอปก็ดรอป งานที่แกทุกเสาร์อาทิตย์ แกจะทิ้งไปรึไง” แม่เถียงหัวชนฝา เขาไม่ได้ขึ้นเสียงใส่ผม แค่มองหน้าผมด้วยแววตาไม่พอใจ
   “แม่รู้ได้ไงว่าอิณได้ทุน แล้วแม่รู้ได้ไงว่าเสาร์อาทิตย์อิณทำงาน” ผมแสร้งทำตกใจ ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าแม่รู้ แวบหนึ่งผมเห็นแม่ทำหน้าตกใจ แต่ก็รีบปรับสีหน้ากลับเป็นปกติ
   “แกอย่ามาเสแสร้งใส่ฉัน ฉันรู้ว่าแกรู้อยู่แล้ว แกเป็นลูกฉัน แม่อย่างฉันสนใจแก มันผิดรึไง”
   คราวนี้เป็นผมที่ตกใจ แม่รู้อยู่แล้วหรอว่าผมรู้
   คำว่า แกเป็นลูกฉัน นี่ขอซื้อได้ไหม อยากฟังมานานแล้ว
   ผมยิ้มกว้างจนแม่มองเหมือนผมผิดปกติ
   “งั้นแม่ก็รู้ใช่ไหมว่านั่นแฟนผม ไม่ใช่รุ่นพี่” แม่ส่ายหน้ายิ้มเหมือนผมเป็นเด็กอ่อนหัดแล้วตอบกลับมา
   “ไปรับส่งกันขนาดนั้น คิดว่าฉันโง่นักรึไง ฉันยังแปลกใจอยู่เลยว่าทำไมแกยอมให้เด็กที่เคยแกล้งจนหัวล้านข้างแตก มาเป็นแฟน”
   “นี่แม่รู้ด้วยหรอ ว่านั่นลูกเพื่อนยาย!”
   “นี่แกจำเขาไม่ได้หรอ เหอะ เด็กโง่”
   แม่สะบัดหน้าใส่ผม แล้วยิ้ม
   โห ผมจำไม่ได้แล้วว่าเราสองคนคุยกันดีๆครั้งสุดท้ายคือเมื่อไหร่ ผมอดไม่ได้ที่จะยิ้มแล้วน้องโกโก้ปั่นบนโต๊ะ จู่ๆบทสนทนาของเราที่เคยเอาแต่เสียงดังใส่กัน ก็มีแต่รอยยิ้ม
   “แม่โอเคแล้วหรอที่อิณเป็นเกย์”
   “ฉันไม่ได้โอเค”
   “.........”
   “แต่ถ้าแกเปลี่ยนมันไม่ได้ ฉันก็ไม่ได้ว่าอะไร...”
   “.....”
   ผมรอคำนี้มานานแค่ไหนแล้ววะ การยอมรับจากครอบครัวอะ อัดเสียงไว้ทันไหมเนี่ย
   ผมพูดไม่ออก เลยลุกเดินไปกอดแม่ เรียกว่าพุ่งไปจะดีกว่า จนแม่ร้องโวยวาย แต่ผมก็ไม่สนใจ ผมรอเวลานี้มานานจนคิดว่ามันคงไม่มีทางเกิดขึ้นหรอก
   แต่ แต่มันก็เกิดขึ้นจนได้ ผมน้ำตาคลอจนต้องสูดสะอื้น   
   “โตขนาดนี้ยังจะร้องไห้เป็นเด็ก”
   แม่พูดดุๆแต่ก็ยกมือขึ้นลูบหัวผม ซึ่งมันทำให้ผมสะอื้นหนักกว่าเดิม นานๆมากที่เราไม่ได้กอดกัน น่าจะตั้งแต่ที่ผมขึ้นมัธยม แม่ก็ใช้วิธีดุผมมาตลอด ไม่ว่าจะเรื่องเล็กน้อยจนเรื่องใหญ่ ผมจะโดนด่าก่อนเป็นอย่างแรก หนักเข้าก็โดนตี
   ผมรู้สึกเหมือนตัวเองใช้แต้มบุญของปีนี้ไปหมดแล้ว
   “แกไม่ต้องดรอปหรอก ฉันดูแลร้านได้ เงินเก็บลุงแกเยอะแยะจะตาย น้องแกมันเป่าหูฉันทุกวันว่าแกดีอย่างนั้นอย่างนี้ ถ้าเป็นห่วงกันก็ทำตัวเองให้ดี อย่าให้ฉันต้องห่วง”
   “ฮือ” จะพูดให้ร้องหนักกว่าเดิมทำไม
   “ฉันขอโทษ”
   แม่พูดแล้วกระชับกอดให้แน่นขึ้น ผมคิดอะไรไม่ออกเลย รู้แค่ว่าตัวเองดีใจแล้วร้องไห้อยู่ตรงนั้นนานมากๆ
   “บอกไอ้หน้าหล่อนั่นด้วย ว่าฉันรู้แล้ว ฉันยังไม่หายเคืองนะ มาทำลูกฉันหัวแตก”
   ผมหัวเราะแต่ก็ยังซุกอยู่ที่ท้องแม่


   
   ผมกลับมาหาพี่ไทม์ในสภาพที่ตาบวม และโกโก้ที่ละลายแล้ว พีทเดินมากระซิบถามผมว่าเกิดอะไรขึ้น ส่วนพี่ไทม์ยังยืนเก๊กยืนนิ่ง แต่หน้านี่แทบจะโวยวายถามเต็มที่ว่าเป็นอะไรรึเปล่า เขาเรียกว่าห่วงออกนอกหน้า แต่ก็ยังต้องแอ๊บว่าเป็นแค่รุ่นพี่
   ผมละขำ
   ผมทรุดตัวนั่งข้างพี่ไทม์อีกข้างเป็นพีท ทั้งคู่หันหน้ามาหาผมแล้วตั้งใจรอฟัง ผมถอนหายใจก่อนจะอธิบาย ว่าผมคืนดีกับแม่แล้ว แล้วก็จะไม่ดรอปเรียนแล้วเพราะว่าแม่ไม่ยอม พีทตกใจพอได้ยินว่าผมจะดรอปเรียน
   ผมเลยต้องค่อยๆอธิบายตั้งแต่ต้นให้เขาฟัง เขาเลยทำหน้าเคืองใส่ผม ที่ทำอะไรไม่ยอมบอกเขา ส่วนพี่ไทม์เขายังทำหน้าหนักใจไม่หาย ตั้งแต่ผมบอกว่า แม่รู้เรื่องของเราแล้ว แถมยังจำพี่ได้ และยังโกรธที่ทำผมหัวแตกอยู่ด้วย
   สักพักพี่ไทม์ก็ค่อยๆย่องไปหาแม่ผม แล้วบอก ‘สวัสดีครับ’ หน้าโคตรตลก แล้วเขาก็พากันเดินไปคุยกันสองคน พี่ไทม์นี่โคตรหงอ ผมก็นั่งขำกับพีทสองคน
   พอหมดเวลาเยี่ยม ป้าก็ออกมา ตอนแรกผมตกลงกับพี่มันว่าจะกลับพร้อมที่บ้านเพราะพรุ่งนี้ร้านเปิด ให้พี่ไทม์กลับไปนอนบ้าน ผลคือไม่รู้ไปคุยแม่อีท่าไหนถึงอพยพกลับบ้านผมด้วย
   
   


   แล้วเรากลับมานั่งในรถด้วยกัน แถมยัง
   “ตกลงว่าเธอกินลูกฉันไปรึยัง”
   มีแม่พ่วงมาด้วย
   “แค่กๆๆ” ผมถึงกับน้ำลายติดคอ จู่ๆก็มาถามคำถามเหมือนหวงลูกตัวเองขึ้นมา
   “ยะ ยังครับแม่”
   “อืม ขับรถก็มองทางสิ มามองลูกฉันทำไม” แม่ดุพี่ไทม์ จนพี่ไทม์หน้าเสีย และตั้งใจขับรถมากเป็นพิเศษ
   ผมไม่รู้จะขำหรือจะหัวเราะดี รู้สึกเป็นคนเดียวในรถที่มีความสุข เลยยิ้มคนเดียว ในรถที่โคตรจะเงียบ






   
   พอมาถึงบ้านเราก็แยกย้ายกันขึ้นห้อง แม่มองหน้าพี่ไทม์เล็กน้อยตอนผมบอกว่า ให้เขานอนห้องเดียวกับผมก็ได้ แต่เขาก็พยักหน้า ไม่ได้ว่าอะไร
   “พี่ไทม์ เปิดประตูหน่อย ผมเอาชุดพีทมาให้”
   ผมเคาะประตูห้องน้ำ เพื่อที่จะเอาชุดที่ยืมพีทมาให้ พี่ไทม์เปิดประตูพร้อมผ้าขนหนูพันส่วนล่างไว้ บอกได้คำเดียวว่าหน้าท้องโคตรเซ็กซี่
   ผมชะงักไปเล็กน้อยตอนยื่นชุดให้ คนตัวโตเลยยิ้มเจ้าเล่ห์ใส่ผม
   “อาบน้ำพร้อมกันไหม?”
   “พี่อาบก่อนเลย เดี๋ยวผมไปเก็บห้องหน่อยดีกว่า” ผมพูดแบบร้อนรน ก็พี่แกเล่นใช้สายตาร้อนแรงมองผม ไหนคนที่หงอตอนคุยกับแม่ผม
   “พี่ว่าเรามาทำเรื่องที่ค้างให้จบกันดีกว่า”
   “อะไรนะ!”
   ยังไม่ทันที่เหยื่อจะร้องโวยวายก็โดนลากเข้าห้องน้ำ จับเอววางบนเคาน์เตอร์อ่างล้างหน้า ถูกปิดปากด้วยริมฝีปากจากคนตัวสูงกว่า ผมทำอะไรไม่ถูก นอกจากจูบตอบ มือไม้เผลอไปคล้องคอตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้
   เราจูบกันนานจนผมเริ่มเคลิ้ม ไม่รู้ตัวกระทั่งว่าเข็มขัดโดนปลดไปตั้งแต่เมื่อไหร่ หรือซิปโดนรูดลงตอนไหน กว่าจะรู้ตัวก็ตอนโดนยกตัวขึ้นแล้วถอดกางเกงจนลงไปกองอยู่ที่ข้อเท้า ผู้ก่อการร้ายแทรกตัวมาอยู่ตรงกลางทำให้ผมหุบขาไม่ได้
   พี่มันยังไม่เลิกจูบ แต่มือนี่เริ่มซน ไล้ไปตามตัวผมเหมือนโหยหา ปัดผ่านยอดอกจนผมสะดุ้ง ลูบหน้าท้องแล้วจบลงที่ส่วนนั้นของผม ผมผวาเฮือกจนต้องถอยหนี พี่ไทม์รั้งเอวไม่ให้ผมหนี แล้วเริ่มขบกัดลงบนไหล่
   “อา....”
   ผมอดส่งเสียงครางออกมาไม่ได้ ใครใช้ให้พี่เขาเอาแต่ใจขนาดนี้ รูดรั้งไม่พอ ยังขยี้ส่วนปลายจนเขาแอ่นตัวเข้าหา
   “อะ อา...”
   มืออีกข้างผละจากเอวผม ไปขยำก้อนนิ่ม ฟ้อนเฟ้นเบาๆจนผมหน้าแดง ซุกลงที่อกพี่เขาไม่กล้าเงยหน้า พยายามไม่ส่งเสียง มาทำอะไรในที่แบบนี้วะ แม่ได้ยินจะทำไง ทีหลังจะทำ ทำไมไม่ทำทีห้อง
   “พี่ พี่ จะ จะถึง”
   “มองพี่หน่อยเร็วเด็กดี” เสียงพี่ไทม์แหบพร่า พี่มันลดจังหวะลงเหมือนตั้งใจจะแกล้ง จนผมต้องยอมเงยหน้าขึ้นไปสบตา ตาผมคงจะเยิ้มไปหมดด้วยความต้องการ หน้าแดงจากแรงอารมณ์
   “อย่าแกล้ง”
   นอกจากจะไม่เลิกแกล้งแล้วยังขยี้ส่วนปลายมากกว่าเดิม ใช้ข้อมือเร่งจังหวะช้าๆ จนผมอยากจะใช้มือตัวเองแทน แต่ก็โดนรวบมือเอาไว้
   “ไจแอ้น ไม่แกล้งอิณนะ”
   พี่ไทม์ยิ้มบางใส่ผมอย่างพอใจ ก่อนจะเร่งจังหวะจนผมเผลอเกร็งตัว  แล้วปล่อยน้ำสีขาวขุ่นออกมา ผมหายใจหอบ จนพิงไหล่คนตัวสูง
   อีกคนปล่อยมือผมที่รวมเอาไว้ ก่อนจะค่อยๆปลดผ้าขนหนูตัวเอง
   เดี๋ยว ยังไม่จบอีกหรอ
   “พี่ทำเราเลอะหมดเลย”
    “.....”
    “งั้นเดี๋ยวช่วยอาบน้ำนะครับ”
   เดี๋ยวววววววว


*******************
แหม ตอนอยู่กับแม่ก็ทำเป็นเรียบร้อยนะคนเรา
ตอนนี้อาจจะสั้นไปนิด แต่ไม่ห่วงค่ะ เราอัพถี่แน่นอนเพราะใกล้จะจบแล้ว
ถ้าตอนนี้ปลิว จะมาแปะคัทให้ใหม่อีกทีนะคะ
มีแฟนอาร์ทเล็กๆน้อยๆจากเรามาฝากนะคะ
สำหรับเล้าเป็ดนะคะ ถ้ารูปไม่ขึ้นแล้วต้องการจะดูรูปให้คลิกด้านล่างเลยค่ะ
https://writer.dek-d.com/dek-d/writer/viewlongc.php?id=1792259&chapter=23

(http://<a href="http://tinypic.com?ref=2q1fcc0" target="_blank"><img src="http://i67.tinypic.com/2q1fcc0.jpg" border="0" alt="Image and video hosting by TinyPic"></a>)
หัวข้อ: Re: ็Hello there ว่าไงน้องหมวย (ตอนที่ 21 30/12/2561)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 31-12-2018 01:06:51
 :z1: :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: ็Hello there ว่าไงน้องหมวย (ตอนที่ 21 30/12/2561)
เริ่มหัวข้อโดย: oilzaza001 ที่ 31-12-2018 19:02:01
อิอิ อิพี่อย่าแกล้งน้องเสะะ
หัวข้อ: Re: ็Hello there ว่าไงน้องหมวย (ตอนที่ 21 30/12/2561)
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 01-01-2019 10:09:12
ขอบคุณครับ +1 ให้นะครับ :katai3:
หัวข้อ: Re: ็Hello there ว่าไงน้องหมวย (ตอนที่ 22 2/1/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: Girin ที่ 02-01-2019 01:13:31
น้องหมวยบทที่ 22
   และในวันที่สามลุงก็ฟื้นขึ้นมาภายในห้องไอซียู บ้านผมเลยพอหายใจหายคอกันโล่งขึ้นบ้าง หลังจากนั้นสามวันก็ย้ายเข้าพักในห้องพักฟื้น ซึ่งลุงก็ยังไม่มีแรง ซีกขวาขยับไม่ได้ พูดได้เบาๆ แต่เข้าใจในสิ่งที่เราพูดรู้เรื่อง กินอาหารอ่อนๆได้ ป้าจะอยู่เฝ้าลุงทุกวัน โดยมีพีทเป็นคนคอยส่งข้าวส่งน้ำส่งเสื้อผ้า เพราะป้าเป็นห่วงลุงไม่ยอมกลับบ้านแล้วก็ไม่ยอมให้คนอื่นเฝ้าแทน
   ส่วนร้านน่ะเหรอ เราทำงานเป็นทีมงานคุณภาพขั้นสุด แม่ผมคือผู้นำ ที่เหลือคือตัวประกอบ ลูกค้าคือตัวร้ายที่จะคอยปั่นหัวเราในทุกวัน จากนั้นพอจากไปก็จะดรอปเงินทิ้งเอาไว้
   ปัญหาแรกที่เกิดตั้งแต่ยังไม่เปิดร้าน คือลูกจ้างไม่พอ หลายคนยังไม่กลับจากต่างจังหวัด บางคนก็พึ่งโทรมาแจ้งว่ายังกลับไม่ได้ ลูกป่วยบ้างละ รถเสียบ้างละ
จะปิดร้านไปก่อนก็ไม่ได้ เพราะมีลูกค้าโทรมาจองโต๊ะเยอะมากๆ เราเลยต้องเปิดร้าน ดีที่ว่าพวกพ่อครัวไม่ได้ลาไปไหน แต่คนล้างจานนี่มีอยู่คนเดียว  ถ้าสงสัยว่าแล้วใครช่วยเสิร์ฟ ใครช่วยล้างจานละก็ จะใครละ ผมไงครับ ยิ่งพี่ไทม์นะ พี่แกได้โอกาสก็รีบทำคะแนนกับแม่ผมใหญ่ ทำได้ทุกอย่างตั้งแต่ส่งของยันกวาดร้านอะ ไม่ยอมกลับบ้านกลับช่องกันเลย
   อินเครดิเบิ้ลลลล สุดๆเลยจ้า
   อยากจะฟ้องเหลือเกิน ว่าพี่มันจับผมรีดน้ำคาบ้านเลยแม่
   หลังจากนั้นเราก็ได้ตัวประกอบมาช่วยเพิ่มเติม  อันได้แก่ หลวงแจ๊บในตำนานและน้องอาร์มกับคำท้าปัญญาอ่อนของเขา
   เห็นความหายนะแล้วใช่ไหมครับ นั่นยังไม่นับหลังจากที่มันเห็นว่าผู้ชายหน้าหล่อในร้านเป็นแฟนผม
   มันก็เอ๊ะๆ ไอ้หมวย นั่นนักร้องในผับคืนนั้นไม่ใช่หรอ ถามพร้อมชี้นิ้วที่หางคิ้วเหมือนคนขี้สงสัย
   เท่านั้นละครับ ผมก็โดนซักซะขาว อารมณ์เหมือนโดนแช่ด้วยแวนิช*แล้วปั่นด้วยไฮเตอร์อีกรอบ พี่ไทม์แม่งก็เอาแต่ยิ้มขำที่เห็นผมตอบคำถามด้วยหน้าแดงๆ
   หลังจากนั้นร้านเราก็หรรษาสุดๆ ถ้าจะให้เล่าก็อยากจะใส่เพลงเข้าไปด้วยเพื่อเพิ่มความบันเทิง
   ในวันสุดท้ายก่อนเพื่อนผมจะกลับไปเชียงใหม่ หลังร้านปิดเราก็นั่งกินเหล้ากันหน้าบ้าน ส่วนพี่ไทม์กลับบ้านไปตั้งแต่เย็น เพราะต้องไปงานรวมญาติที่ต่างจังหวัดกับที่บ้านอาทิตย์นึง คุณนาชวนผมไปด้วยเพราะอยากพาผมไปเปิดตัว ผมเกือบทำน้ำพุ่งตอนได้ยิน เลยได้แต่ปฏิเสธอย่างประนีประนอมว่าผมยังไม่พร้อมครับ
   “มึงว่าปีนี้กูจะมีแฟนปะวะ” แจ๊บเป็นคนเปิดประเด็นหลังเหล้าแก้วแรกเข้าปาก อาร์มชายตามองสภาพแจ๊บก่อนจะอ้าปากตอบ
   “กูว่าให้มันเป็นเรื่องของโชคชะตาเถอะวะ”
   “ไอ้สัส”
   “โตแล้วนะมึง เลิกหม้อได้แล้ว ไม่เหนื่อยเหรอวะ ที่ต้องเริ่มต้นใหม่บ่อยๆ” ผมกระดกแก้วเหล้าแล้วเอ่ยถาม เตือนเพื่อนด้วยความหวังดี เขาเรียกว่าเปิดเรื่องเล่าในวงเหล้า
   “กูเหนื่อย แต่กูจริงจังนะเว้ย คุยก็คุยทีละคน คบทีละคน แต่สุดท้ายมันก็ไม่รอดอะ มึงจะรู้ได้ยังไงวะว่าคนนี้ๆจะอยู่กับเราไปตลอด” น้ำเสียงซีเรียสต่างจากทุกที ทั้งที่แต่ก่อนพออกหักก็จะเอาแต่โวยวาย
   บ่งบอกว่าบทสนทนาเริ่มแตกต่างไปจากเมื่อก่อน เมื่อเราต่างคนต่างโตขึ้น เรื่องในชีวิตก็จะเริ่มมีแต่เรื่องจริงจัง จากที่เคยท้านู่นนี่ปัญญาอ่อน กลายเป็นมานั่งถกปัญหาชีวิตด้วยกันแทน
   “กูก็ไม่รู้วะ ตอนกูเจอเอ็ม กูก็แค่รู้สึกประทับใจอะ ไม่เคยเจอคนขายบัตรสอยดาววันวิทยาศาสตร์โดนใจขนาดนี้มาก่อนเลย พอลองจีบลองคุยมันก็เข้ากันได้ ถ้าถามว่ากูชอบเขาเพราะอะไรกูก็ตอบไม่ได้อะ อะไรที่เขามี คนอื่นมันก็มี เขาน่ารัก คนอื่นที่น่ารักก็มีไหม แต่จริงๆคือมันเพราะว่ากูชอบเขา กูถึงมองว่าเขาน่ารัก เข้าใจปะ?”
   “เหมือน.... เหมือนจะเข้าใจวะเพื่อน” แจ๊บพยักหน้าด้วยท่าทางมึนๆ
   “ที่อาร์มมันจะบอกคือ มันไม่ได้ชอบน้องเอ็มเพราะเขาน่ารัก แต่เพราะว่ามันชอบเขาเลยมองว่าเขาน่ารัก” ผมอธิบายเพิ่ม
   “แล้วเกี่ยวอะไรกับคำถามของกูวะ”
   “ก็ถ้ามึงเจอคนที่เขาชอบมึงที่ตัวมึงจริงๆได้ เขาก็จะอยู่กับมึงไปได้นานไง ไม่ใช่ว่าเมื่อไหร่มึงไม่ตอบแชทเขา เขาก็เบื่อแล้วทิ้งมึงอะ”
   “เขาถึงบอกว่าสามีภรรยา มันต้องเป็นคนที่ศีลเสมอกัน ไลฟ์สไตล์มันต้องเข้ากันได้อะเพื่อน” อาร์มพูดพร้อมยกแก้วเหล้าชน
   แจ๊บทำหน้าเสียใจใส่ เหมือนชีวิตน่าจะไม่มีทางได้เจอคนนั้น ผมส่ายหน้ายิ้มๆให้เพื่อน รีบเครียดชิบหาย อายุยังไม่ถึงยี่สิบ ก็กลัวขึ้นคานซะแล้ว
   “ตั้งใจเรียนเถอะครับคุณ เป็นคนดี มีงานดี เดี๋ยวก็ได้เจอเอง มึงจะเครียดทำไมเนี่ย หอยหลอดเอ้ย” ผมขยี้หัวเพื่อนที่ทำหน้าเหมือนโลกจะแตก ผมว่าหนึ่งเทอมที่ผ่านมามันต้องมีอะไรเกิดขึ้นแน่เลยวะ แต่จะเป็นคนดีไม่ถามก็แล้วกัน
   “มีผัวแล้วก็พูดได้”
   “ยังไม่ใช่ผัวเว้ย” ผมโวยวายแล้วหันไปตบหัวไอ้แจ๊บ จนมันเบ้หน้า
   “ให้กูท้าไหม เหมือนตอนมึงท้ากูเปิดซิงแฟนกูไง”
   “ไม่ต้องเลย เดี๋ยวกูพร้อมกูก็ทำกันเองแหละน่า”
   “เออเนอะ หล่อขนาดนั้นคงไม่ต้องพึ่งคำท้ากูหรอก เดี๋ยวมึงก็ใจแตก”
   “เกลียดมึงวะอาร์ม”
   ผมส่ายหน้าระอา แล้วรินเหล้าเพิ่ม รินไปก็นึกถึงคนที่กินเบียร์แล้วทำตัวรั่ว
   เรื่องเล่าในวงเหล้ายังดำเนินต่อไปจนดึกดื่น ส่วนใหญ่ก็หยิบเรื่องเพื่อนคนนู่นคนนี่มาพูดถึง แล้วก็ลามไปเรื่องเรียน สังคมในมหาลัย ชาบูร้านไหนอร่อย หนังเรื่องไหนสนุก เสียดายที่ก่อเกียรติมันไปเป็นแพนด้าอยู่ที่จีน หายหัวไร้การติดต่อ ไม่งั้นก็ครบองค์ไปแล้ว
   นานๆเจอกันทีก็ดี มันทำให้ผมรู้สึกคิดถึงช่วงเวลาที่เคยอยู่ด้วยกัน มัธยมเหมือนพึ่งผ่านมาไม่นาน แต่ความจริงคือมันผ่านไปแล้ว เราไม่มีทางมายืนเคารพธงชาติตอนเช้าๆด้วยกันอีกแล้ว ก็ได้แต่หวังว่าในปีต่อๆไปเราจะมานั่งกินเหล้าแล้วคุยเรื่องโง่ๆด้วยกันอีก
   เพราะบางทีการได้อยู่กับบรรยากาศเดิมๆมันก็เหมือนได้ชาร์ตแบตสำหรับการเป็นผู้ใหญ่
   
   ผลเสียคือผมแฮงค์  ลุกขึ้นมาด้วยหัวที่หนักอึ้ง ขับรถไปส่งสองสหายในตอนเช้าที่สถานีรถไฟ พวกมันดูแปลกใจที่เห็นแม่ผมทำข้าวกล่องให้เพราะต้องนั่งรถนาน แถมขนมอีกถุงใหญ่ ที่ผ่านมาผมกับแม่ไม่ค่อยลงรอยกันเท่าไหร่ มันเลยแปลกใจที่คราวนี้ผมคืนดีกับแม่ได้นาน ปกติจะคุยกันดีๆได้แค่สองสามคำ
   ผองเพื่อนผมเลยไม่คุ้นชินกับแม่ผมเวอร์ชั่นใจดี
   ผมเลยได้แต่ชี้อวดๆอยู่ข้างหลังว่า นี่แม่กูๆ
   
   หลังจากนั้นสองวันผมก็เหมือนแฮงค์ต่อเนื่อง ไม่หรอก ความจริงคือผมกำลังจะป่วย หัวมันตื้อๆไม่ยอมหาย เจ็บคอจนกินข้าวได้น้อย เมื่อคืนผมก็เผลอหลับจนไม่ได้รับโทรศัพท์พี่ไทม์ อาการไอยังคงมีมาอย่างต่อเนื่อง
   แต่คือสุขภาพจิตช่วงนี้ผมดีมาก ผมกับแม่เราไม่ค่อยได้คุยกันมากนัก แต่เพราะผมต้องไปช่วยทำบัญชีอยู่ทุกคืน เราเลยได้มีเวลาอยู่ด้วยกันบ่อยๆ อย่างน้อยแม่ก็ไม่ได้เอาแต่พูดจาทำร้ายกันเหมือนแต่ก่อน
   สำหรับน้องชายที่ยังไม่ปิดเทอมและเข้าใกล้วันสอบเข้ามหาวิทยาลัยไปทุกที ผมก็ได้ทำหน้าที่พี่ชายโดยการติวข้อสอบภาษาอังกฤษให้น้อง บางทีก็เป็นคนเอาของไปส่งที่โรงพยาบาลแทนน้อง พอไม่มีลุงคอยเปิดประเด็นเรื่องผมเป็นเกย์ ป้าก็ไม่ค่อยกล้าพูดอะไร
   เขาควรเรียนรู้ได้แล้วว่าตอนนี้ใครใหญ่ เขาควรจะรีบทำดีกับผม เพราะตอนนี้ผมคอยดูแลค่าใช้จ่ายในบ้าน ถ้าไม่ทำตัวดีๆผมตัดค่าขนมแน่
   ทั้งหมดทั้งมวลผมเลยรู้สึกว่าตัวเองเป็นพี่ชายที่น่ารักกับน้องแบบสุดๆ เนี่ยมันคือความแบบอิ่มเอมใจ น้องทำข้อสอบไม่ได้ก็มาหาเรา เครียดก็มาหาเรา หิวข้าวก็พี่อิณต้มมาม่าให้พีทหน่อย น้องเชื่องกับผมมากเลยอะ ถึงน้องจะไม่ได้ตัวเล็กตัวน้อย แต่เขาก็น่ารักมากๆเลย นึกเสียดายว่าเราน่าจะดีกันได้ตั้งนานแล้ว ผมจะได้เลี้ยงเขาตั้งแต่ตัวน้อยๆ
   แล้วด้วยสุขภาพจิตที่ดีมากเวอร์ทำให้ผมยังคงทำงานได้ด้วยความสบายกายสบายใจ แม้สภาพร่างกายจะเริ่มไม่ค่อยจะไหวแล้วก็ตาม
   คงเพราะผมนอนดึกมาหลายวัน พอจะป่วยมันก็เลยทรุดลงเรื่อยๆ ผมรู้สึกว่าตัวร้อนๆหนาวๆทั้งวัน
   วันต่อมาผมก็ยังช่วยร้านปกติ ตอนเย็นก็ไปรับพีทที่โรงเรียน แล้วเลยไปหาป้ากับลุงที่โรงพยาบาล ลุงเริ่มดีขึ้นเรื่อยๆแต่ก็ยังไม่มาก หมอบอกว่าถ้าหมั่นทำกายภาพบำบัดก็มีโอกาสที่จะกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ แม้จะไม่ 100% ก็ตาม และอีกไม่กี่วันลุงก็คงจะกลับบ้านได้
   ความสัมพันธ์ของผมกับป้าไม่ได้แย่นัก เขาไม่ได้ว่าพีทที่จะเรียนวิศวะ หรือที่ทำตัวสนิทสนมกับผม บางทีเขาอาจจะเห็นแล้วว่าพอถึงเวลาที่ลำบาก ผมก็ไม่ได้ทิ้งน้องหรือทิ้งแม่ แม้กระทั่งตัวเขากับลุงเอง ที่ทำไม่ดีกับผม
   อคติที่ว่าผมชอบผู้ชายด้วยกันเลยไม่ได้ถูกว่ามองว่าสำคัญอีกต่อไป
   หลังกลับจากโรงพยาบาลผมรู้สึกว่าอาการตัวเองแย่ลง เริ่มมีไข้ สมองเริ่มคิดช้าลง ตาผมเริ่มลายตอนกำลังทำบัญชีกับแม่ แม่เลยไล่ผมไปกินยาแล้วรีบเข้านอน
   ผมไม่รู้ว่าตัวเองหลับไปตอนไหน แต่จำได้ว่าผมรู้สึกหนาวมากๆ

   
   
   ตอนเช้าผมตื่นสาย มีแผ่นคูฟีเวอร์จากไหนไม่รู้แปะอยู่ที่หน้าผาก แต่ผมก็ยังรู้สึกหน้าร้อนตลอดเวลา อาการปวดหัวของผมยังอยู่ดี ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูแล้วเห็นพี่ไทม์โทรมาแต่ผมไม่ได้รับสาย เลยกดโทรกลับไปเหมือนทุกที
   “ตื่นสาย... ชิ่งหลับไม่รับสายพี่มาหลายคืนแล้วนะ ไม่คิดถึงกันเหรอครับ” แอทแทคกันแต่เช้าเลยนะ
   “คิดถึง แต่ผม แค่กๆ เผลอหลับไง” ผมโกหก
   “ยังไม่หายไออีกหรอ จะไม่สบายหรือเปล่า ไอมาหลายวันแล้วนะ ไปหาหมอดีกว่านะพี่ว่า” พี่ไทม์ถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง แต่ผมไม่อยากให้เขาห่วง เลยตอบแบบไม่หมดเหมือนทุกที
   “ผมก็แค่ไอเฉยๆ ลมมันเย็นอะ อากาศมันเลยแห้งๆ พี่ไม่ต้องห่วงหรอกน่า แล้วพี่เป็นไงบ้าง ไปเที่ยวไหนมาเมื่อวาน”
   “ไปน้ำตกมาเมื่อวาน สวยมาก น้ำเย็นดีด้วย น้องแพรเล่นไม่ยอมเลิกเลย อยากให้เรามาด้วยนะ พี่นั่งคิดอยู่เมื่อคืนว่าปิดเทอมหน้าจะพาเราไปเที่ยว...”
   “ไปสิ ไปกันสองคนเนอะ ต่อให้พวกพี่แชมป์อยากมาผมก็จะไม่ให้ไป แค่กๆ”
   “งั้นก็ต้องดูแลตัวเองดีๆรู้ไหม ถ้าไม่สบาย ไม่พาไปเที่ยวนะ”
   “รู้แล้วน่า ชอบทำเหมือนผมเป็นเด็กทุกที”
   “ก็ชอบทำให้ห่วง คำว่าไหวของเรามันเชื่อได้ทีไหน”
   “บ่นอีกแล้วคุณเวลา บ่นทุกวันเลยยย แล้วกินข้าวรึยังเนี่ย” ผมพยายามเปลี่ยนเรื่อง ยิ่งโตก็ยิ่งบ่นเป็นหมีกินผึ้ง
   “กินแล้วครับ เราก็ลงไปกินข้าวได้แล้ว พี่ต้องวางแล้วนะ”
   “โอเค คืนนี้ค่อยคุยกัน”
   “ครับ คืนนี้เจอกัน” แล้วพี่มันก็วาง
   หืม? เมื่อกี๊เขาบอกว่าเจอกันใช่ไหม สงสัยจะวิดีโอคอลมาละมั้ง

   แล้วผมก็ลงไปทำงานเหมือนทุกวัน วันนี้ลูกค้าไม่ค่อยเยอะ แต่ก็ต้องเดินไปเดินมาตลอด หน้าผมแดงกว่าทุกวันเพราะพิษไข้ ผมฝืนทำงานไปเรื่อยๆ ถึงเวลากินข้าวก็พัก แต่พอตกเย็นผมก็รู้สึกแย่จนสุดท้ายผมก็หน้ามืดกลางร้าน ล้มลงไปชนโต๊ะจนแขนถลอก ทำให้ทุกคนตกใจกันไปหมด พอหายตกใจก็รีบมาพยุงผมขึ้นจากพื้น แม่โวยวายใหญ่เลย เอาแต่ว่าผมว่าไม่ไหวแล้วยังจะฝืน นู่นนี่นั่นเยอะแยะไปหมด แต่ก็ยังพาผมขึ้นห้อง
   ถึงห้องผมก็ล้มตัวนอน หัวหนักอึ้ง ขยับไปทางไหนก็ปวดตัวไปหมด รู้สึกหนาวจนตัวสั่น จนต้องขดตัว แม่ผมเข้ามาเช็ดตัวให้ แล้วก็ลงข้างล่างไป สักพักก็ขึ้นมาพร้อมชามข้าวต้ม ผมฝืนกินได้ไม่กี่คำ แม่ก็ยัดยาใส่มือผม ก่อนไปก็เอาคูฟีเวอร์มาแปะให้
   ผมยิ้มเพราะรู้แล้วว่าคูฟีเวอร์เมื่อเช้าเป็นของใคร
   ก่อนไปแม่ก็ยังอวยพรให้หายดีอีกว่า ถ้าไม่ไหวก็โทรลงมา อย่ามาตายในบ้านฉัน
   

   ผมไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหนแล้ว แต่ผมรู้สึกปวดหัวมาก กระบอกตาร้อนไปหมด ปวดจนผมร้องไห้ออกมา ห้องผมมืดไปทั้งห้อง ตอนนี้คงจะมืดแล้ว อาจจะดึกแล้วด้วยซ้ำ
   ผมไม่มีแรงกระทั่งจะลุกขึ้น ได้แต่หายใจหอบอยู่บนเตียง หนาวจนสั่น ไข้ขึ้นสูงจนผมตาลายไปหมด ยิ่งตาลายก็ยิ่งปวดหัว สักพักผมก็ได้ยินเสียงเปิดประตู กลิ่นหอมที่คุ้นเคยทำให้ผมมองหาที่มาของกลิ่น
   เจ้าของกลิ่นเดินเข้าใกล้ผม แต่ผมมองหน้าเขาไม่ชัดเลย แล้วผมก็รู้สึกถึงสัมผัสเย็นๆที่ข้างแก้ม ไล่มาจนถึงซอกคอ
   “ทำไมตัวร้อนแบบนี้วะ” ผมจำเสียงนี้ได้ เขาสบถเสียงเครียด พี่ไทม์กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่
   “ลุกไหวไหม พี่จะพาไปโรงพยาบาล”
   ผมส่ายหน้า ตอนนี้ปวดหัวจนน้ำตาคลอ พี่ไทม์พยุงผมลุกขึ้นนั่งแล้วใส่เสื้อกันหนาวให้ผม
   “พี่ไทม์ พี่อิณเป็นไงบ้าง” นั่นเสียงพีท
   “พีทไปสตาร์ทรถเลย พี่จะพาพี่เราไปโรงพยาบาล”
   “เป็นหนักเลยหรอพี่ เห้ย รอแป๊ปนึง ผมไปเอากุญแจรถก่อน” แล้วผมก็ได้ยินเสียงวิ่งรีบร้อนออกจากห้องไป
   “ชอบฝืนไม่เข้าเรื่อง หายเมื่อไหร่จะบ่นให้หูชาเลย”
   แล้วตัวผมก็ลอยขึ้น หัวพิงอยู่กับอก คิดในใจว่าโดนโกรธแน่ๆงานนี้ ที่เป็นอะไรไม่ยอมบอกเขา
   แต่เอาไว้ค่อยง้อแล้วกัน ตอนนี้ปวดหัวอะ พิงอกอุ่นๆแล้วมันก็ง่วง ขอนอนก่อนแล้วกัน...




*แวนิช
เราลงรูปในเล้าเป็ดไม่ได้คะ รบกวนกดลิ้งด้านล่างนะคะ
https://www.google.com/url?sa=i&source=images&cd=&cad=rja&uact=8&ved=2ahUKEwicnoyHmc3fAhUR448KHebAB8sQjRx6BAgBEAU&url=https%3A%2F%2Fth.cheapest.win%2Fproduct%2F%25E0%25B8%2596%25E0%25B8%25B9%25E0%25B8%2581%25E0%25B8%2597%25E0%25B8%25B5%25E0%25B9%2588%25E0%25B8%25AA%25E0%25B8%25B8%25E0%25B8%2594%25E0%25B9%2583%25E0%25B8%2599%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%25B1%25E0%25B8%2599%25E0%25B8%2599%25E0%25B8%25B5%25E0%25B9%2589-800-buy-2040373.html&psig=AOvVaw1OimitZkVYxy2FY9L2Jigg&ust=1546453149205403
***************************
สวัสดีปีใหม่นะคะทุกคน ขอให้เป็นปีที่ดีเนอะ มีความสุขกันมากๆนะคะ
ขอบคุณทุกคนที่ติดตามกันนะคะ
เราติดอันดับด้วยนะทุกคน เราแบบ ปริ่มใจมาก ทุกอย่างเกิดขึ้นได้เพราะคนอ่านจริงๆ ขอบคุณมากๆเลยนะคะเป็นอะไรที่ฟินมาก
คิดว่าอีกสองตอนก็น่าจะจบแล้ว ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด ดรามงดราม่าอัลไร ไม่มี๊
คืนนี้ก็ ฝันดีนะคะ
หัวข้อ: Re: ็Hello there ว่าไงน้องหมวย (ตอนที่ 22 2/1/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 02-01-2019 01:47:09
 :hao7: :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ็Hello there ว่าไงน้องหมวย (ตอนที่ 22 2/1/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 02-01-2019 19:18:49
ป่วยแบบนี้ต้องอ้อนคุณเวลาเยอะ :hao3:
หัวข้อ: Re: ็Hello there ว่าไงน้องหมวย (ตอนที่ 22 2/1/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 03-01-2019 22:52:45
รอตอนต่อไป~
หัวข้อ: Re: ็Hello there ว่าไงน้องหมวย (ตอนที่ 22 2/1/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: HappyYaoi ที่ 07-01-2019 09:54:45
 :pig4:สนุกมากค่ะ
หัวข้อ: Re: ็Hello there ว่าไงน้องหมวย (บทที่ 23 + บทสุดท้าย 7/1/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: Girin ที่ 07-01-2019 23:26:13
น้องหมวยบทที่ 23
                 


                   เช้านี้เขาตื่นมาด้วยความเมื่อยขบไปทั้งตัว เพราะต้องขดตัวนอนบนโซฟาเพื่อเฝ้าคนป่วย  แถมยังง่วงทั้งที่พึ่งตื่น ก็เมื่อคืนกว่าจะได้นอนก็เกือบเช้า จะนอนได้ยังไง ในเมื่อคนน้องตัวร้อนทั้งคืน บางทีก็เพ้อเสียงดังจนเขาต้องมาลูบหัวปลอบ ขนาดฉีดยาแล้ว น้องยังนอนขมวดคิ้วเกือบทั้งคืน เขาจะหลับลงได้ยังไง

                   พอไข้เริ่มลดเขาถึงจะได้นอน

                   เด็กดื้อนี่มันเด็กดื้อจริงๆ ไอมาหลายวันแล้วบอกให้มาหาหมอก็ไม่ยอมมา เป็นไข้ ไม่สบายก็ไม่ยอมบอก แม่น้องมาบอกเขาทีหลังว่าเป็นไข้ตั้งแต่เมื่อวาน

                    ดีที่ว่าเขาได้กลับเร็วขึ้น เลยแวะไปหาที่บ้าน จนไปเห็นไอ้เด็กดื้อนอนซมไข้บนเตียง ตัวร้อน มองเขาตาปรือ น้ำตาคลอเบ้า

                   มันน่าตีจริงๆไอ้เด็กคนนี้ เขาได้แต่ส่ายหัว มองคนบนเตียงที่ยังไม่ตื่น นอนดึกมาหลายคืน พอได้พักก็เลยนอนยาว

                   แต่หน้าซีดๆก็ยังทำให้เขาเป็นห่วงอยู่ดี ต่อให้สบายดีเขาก็ยังห่วง เด็กน้อยก็ยังเป็นเด็กน้อย ไม่ค่อยจะห่วงตัวเองเลย เขาเลยอดจะบ่นอยู่ตลอดไม่ได้ จนน้องมันชอบเอามาล้อว่าเขาเป็นหมีกินผึ้ง หนักเข้า ก็กลายเป็นหมีกินแมลงวันแทน

                    คุณพยาบาลเอาอาหารเช้าเข้ามาให้ คนตัวสูงบอกขอบคุณ แต่เขาก็ยังวางเอาไว้ เพราะคนป่วยยังไม่ตื่น

                     ให้นอนไปก่อนน่ะดีแล้ว ป่วยทีเขาก็สงสาร เด็กน้อยของเขาเหนื่อยมาตลอด ทั้งเรียนทั้งทำงาน ปัญหาครอบครัวสารพัดจะถาโถมใส่

                      เขาเลยอยากจะเป็นที่พักให้ เป็นครอบครัวที่อบอุ่นให้ เป็นความรักให้กับน้อง เด็กดีก็สมควรที่จะมีความสุข

                       แต่ตอนนี้เด็กดีกลายเป็นเด็กดื้อ เขาอยากจะจับมาตีก้นให้หายดื้อ ปล่อยให้ตัวเองป่วยได้ยังไง

                      "......พี่"

                      เด็กดื้อตื่นแล้วครับ

                      "กินน้ำก่อน" เขาพูดเสียงนิ่ง เป็นสัญญาณบอกกลายๆว่ากำลังโกรธอยู่ ซึ่งน้องก็เหมือนจะรับรู้ได้ เลยชะงักไป

                      คนป่วยดื่มน้ำจนหมดแก้ว เขาเกือบหลุดขำตอนน้องค่อยๆกลืนน้ำ เหมือนกลัวจะโดนดุ ใครเขาดุคนกลืนน้ำกันละครับน้องหมวย

                      "เอ่อ พี่กินข้าวหรือยังครับ"

                      "พี่กินแล้ว ข้าวเราอยู่บนโต๊ะ"

                      ร่างสูงเดินไปเข็นโต๊ะที่มีข้าววางอยู่มาให้ รินน้ำให้ แต่ก็ยังทำหน้านิ่งจนคนบนเตียงได้แต่ตักข้าวกินเงียบๆ

                       เขาต้องพยายามกลั้นยิ้ม เพราะเด็กน้อยเอาแต่เหล่มองเขา พอหันไปก็ก้มหน้ากินข้าวต่อ สักพักก็ขมวดคิ้วให้จานข้าว คิดว่าเขาไม่รู้หรอว่าเด็กน้อยกำลังวางแผนง้อเขาอยู่

                       ที่ไม่เข้าใจคือทำไมต้องซุบซิบกับชามข้าวด้วย

                       "แค่กๆ พี่ขอน้ำหน่อยครับ"

                       "น้ำก็วางอยู่บนโต๊ะไงครับ"

                        "แค่กๆ อะ อ่อ ขอบคุณครับ"

                        แผนสำลักอาหารไม่ได้ผล คนป่วยก็ยิ้มเก้อๆ แล้วยกน้ำขึ้นดื่ม

                        แล้วใช้แผนสำลักน้ำแทน

                        เขาขอขำได้ไหมเนี่ย ฐานะคนพยายามจะโกรธก็ได้

                        แกล้งไปแกล้งมาก็สำลักจริง ไอจนตัวโยน หน้าดำหน้าแดงไปหมด จนเขาต้องหยิบน้ำให้ดื่มอีกรอบ แล้วลูบหลังปลอบ

                      ช้อนตามองเป็นลูกหมาเลยไอ้เด็กเอ๋อ

                      คนตัวโตถอนหายใจ แล้วมองคนป่วยบนเตียง ไอจนเสียงแห้ง หน้าก็ยังซีด ยังดีที่ไข้ลดแล้ว

                      "รู้ใช่ไหมว่าทำไมพี่โกรธ"

                      "รู้ครับ"

                      "........"

                      "ผมขอโทษ ผมก็ไม่ได้คิดว่าจะเป็นหนัก นึกว่าเป็นแค่หวัดเดี๋ยวก็หาย เลยไม่ได้บอกพี่ แต่ผมไม่ได้ไปตากฝน แล้วก็ไม่ได้สระผมตอนกลางคืนด้วย ก็ไม่รู้ว่าเป็นหวัดได้ยังไง อาจจะเพราะแฮงค์เหล้าก็ได้มั้ง ไม่ได้ตั้งใจนะ"

                    ข้อแก้ตัวยาวเหยียด มาพร้อมอาการหางลู่หูตก จนเขาอดเอ็นดูเจ้าลูกหมาไม่ได้

                    "แค่กๆ"

                    น้องยังไม่หายไอ จนเขาต้องเดินไปหยิบขวดน้ำมาเติมเพิ่ม แต่มือเล็กก็คว้าชายเสื้อของเขาไว้ซะก่อน

                    "พี่จะไปไหน ผมขอโทษ คราวหน้าผมจะบอกพี่ทุกอย่างเลย จะไม่ทำให้พี่ห่วงอีก หายโกรธกันนะ"

                   "คือพี่-"

                   "ไจแอ้นหายโกรธกันนะ"

                   พี่แค่จะไปหยิบน้ำครับเด็กน้อย

                   หน้าอ้อนๆแบบที่น้องไม่ค่อยจะทำบ่อยนัก ถูกเอามาใช้เพื่อการง้อครั้งโดยเฉพาะ แล้วคนแพ้เด็กหมวยจะไม่ใจอ่อนได้หรอ ถึงแม้ว่าเขาจะแค่แกล้งโกรธก็เถอะ

                   แต่ได้เห็นแบบนี้มันก็คุ้มอยู่หรอก

                   คนป่วยเห็นพี่ยืนนิ่งก็ใจเสีย ถ้าให้ง้อมากกว่านี้ น้ำตาคงต้องมาแล้วล่ะ เห็นผลไวสุด เป็นไข้อยู่ด้วย เข้าทางละงานนี้ เลยแอบหยิกขาตัวเองใต้ผ้าห่มแรงๆเพื่อเรียกน้ำตา

                  เท่านั่นแหละ คนพี่เลยต้องคว้าน้องไปกอด นึกโทษตัวเองที่ทำน้องน้ำตาคลอเบ้า ทั้งที่จริงๆเขาแค่ยืนนิ่งเฉยๆ ไม่คิดว่าคนป่วยจะถึงขั้นน้ำตาคลอ แต่คงเพราะเป็นไข้อยู่ เลยร้องไห้ง่ายกว่าปกติมั้ง

                 "พี่ขอโทษ ไม่โกรธแล้ว อย่าร้องนะ เดี๋ยวจะปวดหัว"

                 คนเฝ้าไข้เลยต้องมายืนกอดโอ๋คนป่วยป่วย จากนั้นก็กลับมาเอาใจเหมือนเดิม

                 เฮ้อ

                 แพ้คนเดิมๆมากี่รอบแล้วนะ
















                 

                   ผมนอนอยู่โรงพยาบาลได้สองคืน ผมก็ได้กลับบ้าน สองวันนั้นผมได้อยู่อย่างกินแล้วนอนที่แท้จริง

                  จริงๆผมดีขึ้นตั้งแต่เช้าวันที่สองแล้ว แต่แม่ไม่ยอมให้ผมกลับ พีทก็ไม่ยอมให้ผมกลับ พอผมหันไปมองพี่ไทม์เลยได้แต่หุบปากฉับ ปล่อยประเด็นนี้ให้หลุดลอยไปกับสายลมจะดีกว่า

                  ก็คุณเขาเป็นคนเฝ้าผมทั้งคืน ทั้งที่พึ่งขับรถกลับมาเหนื่อยๆ ต้องมานอนหลังขดหลังแข็งที่โซฟา ผมเลยรู้สึกผิด ช่วงนี้ก็ทำตัวเป็นเด็กดีหน่อยจะดีกว่า

                  พ่อกับแม่พี่ไทม์ก็มาเยี่ยมผม ตอนนี้ของกินผมเลยล้นห้อง พอนั่งว่างๆไม่มีอะไรทำ ผมก็เก็บกินจนหมด อิ่มแล้วก็นอน ตื่นก็ลุกมากินอีก

                  น้ำหนักที่หายไปช่วงที่ไม่สบายคงจะฟื้นกลับมาจนหมด พี่ไทม์ติดหอมแก้มตลอดเวลาที่อยู่กันสองคน เขาบอกว่าแก้มผมมันกลมขึ้น

                 ก็ตามันมีนิดเดียว ที่เหลือมันก็ต้องเป็นแก้มสิ

                 หลังจากนั้นผมก็ไปช่วยงานที่ร้านเหมือนเดิม แต่โดนสั่งแบนจากทั้งบ้านว่าห้ามนอนดึก เลยต้องทิ้งแม่นั่งทำบัญชีคนเดียว แต่เดี๋ยวแม่ก็ต้องทำคนเดียวอยู่แล้ว ผมเลยยอมนอนไวแต่โดยดี

                 พี่ไทม์มาช่วยผมแค่ไม่กี่วัน เพราะผมบอกให้เขาพักบ้าง ขับรถเทียวไปเทียวมา เขาจะเหนื่อย แล้วมันจะอันตราย เขาก็เชื่อฟังผมแค่สามวันก่อนจะเปิดเทอม

                   ข่าวดีก่อนเปิดเทอมคือลุงกลับมาอยู่บ้านแล้ว ป้ามาเยี่ยมผมด้วยนะตอนผมอยู่โรงพยาบาล แล้วเขาก็โมเมบอกว่าตัวเองแค่มาหาพีทเฉยๆ ทั้งที่จริงๆพีทพึ่งกลับมาจากห้องลุงแค่แป๊ปเดียว ผมก็อ่อครับ ขอบคุณนะครับป้า

                  ลุงไม่ได้อยู่ในสภาพที่จะทำร้ายใครเหมือนเมื่อก่อน เขายังเดินไม่ได้ พูดก็ลำบาก กลายเป็นคนไม่ค่อยมีแรง แต่ก็ดีขึ้นกว่าตอนหลังผ่าตัดเยอะ

                  เขาไม่ได้ดูเกรี้ยวกราดตอนที่เห็นผมกับพี่ไทม์ พี่ไทม์แนะนำตัวว่าเขาเป็นแฟนผม ป้าแค่ดูอึ้งๆไปตอนเห็นพี่ไทม์ แล้วเขาก็ไม่ได้ว่าอะไร จนผมเองยังอดแปลกใจไม่ได้

                  เหอะ สงสัยตะลึงในความหล่อของแฟนผม จนลืมด่าแน่ๆ

                  พวกเขาคอยทำกายภาพบำบัดให้ลุงทุกวัน น้องผมเลยได้ยิ้มบ่อยขึ้น เห็นน้องมีความสุขผมก็ดีใจ

                 เปิดเทอมนี้ คุณนาบอกให้ผมย้ายไปอยู่กับพี่ไทม์ถาวร แม่ผมก็เห็นด้วย เพราะไม่ต้องเปลืองเงินค่าหอ พี่ไทม์ดีใจจนออกนอกหน้า แล้วผมก็ต้องเลิกทำงานวันเสาร์อาทิตย์แล้วกลับไปช่วยที่บ้านแทน

                  ก่อนวันเปิดเทอม พี่ไทม์เลยมาช่วยผมขนของที่ห้อง ของผมมีค่อนข้างเยอะเพราะอยู่มาหลายปี

                  เลยต้องใช้เวลาทั้งวันคลุกอยู่ที่ห้อง หลายอย่างก็เก็บทิ้งไปเยอะ หลายอย่างก็เสียดายเลยต้องเก็บไว้ แต่ไอ้คนพี่มันคอยคัดค้านอยู่ตลอดว่า เรียงความวันสุนทรภู่สมัยมัธยมจะเก็บไว้ทำไม

                   เก็บไปสักพักผู้ช่วยผมก็ง่วง สุดท้ายก็หลับคาไหล่ผม ผมเลยเอาหมอนมาวางให้เขานอนถนัดๆแล้วห่มผ้าให้

                  เขาดูแลผมมาตลอด ถึงเวลาก็คงต้องผลัดกันบ้าง

                   สุดท้ายผมก็เก็บคนเดียวจนเสร็จ ปลุกคนหลับให้ไปนอนต่อบนรถ แล้วผมก็เป็นคนขับมาจนถึงห้องเขา

                    พี่ไทม์ทำอาหารให้ผมกินฉลองการอยู่ร่วมกันวันแรก

                   เมนูสุดหรู คือ ผัดมาม่า

                   แต่มันก็โรแมนติกดี ติดที่ตอนนี้ห้องมันยังรกไปหน่อย

                   "อยู่ด้วยกันแบบนี้ก็ดีนะ ทำอะไรก็ค่อยง่ายหน่อย"

                  "ทำอะไรอะพี่"

                  "อาบน้ำด้วยกันไหมเรา"

                  ผมมองตาคนเจ้าเล่ห์ ที่ตาพราวทุกทีเวลาเชิญชวนเรื่องแบบนี้

                  "พี่ทิ้งผมเก็บห้องคนเดียว ล้างจานด้วยแล้วกันนะ"

                 เดี๋ยวนี้ผมพัฒนา ไอ้การเขินแล้วเข้าตู้เข้าพุ่มไม้ ใครมันจะไปทำ เขาชิ่งกันตรงๆแล้วเดี๋ยวนี้ แล้วผมก็ลุกขึ้น หยิบผ้าผ่อนไปอาบน้ำ แต่ชะล่าใจได้แปปเดียว ผมก็โดนอีกคนผลักประตูห้องน้ำเข้ามา

                "เห้ยพี่ ไม่เอา อย่านะ พรุ่งนี้มีเรียน ยะ อย่า "

                 แต่คนอย่างผมหรอจะไปทันพี่มัน พี่ไทม์เข้ามายืนซ้อนหลัง ให้ผมหันหน้าเข้ากำแพง กางเกงบอลผมหล่นไปอยู่ข้อเท้าแล้ว

                หลังจากนั้นหรอ ตัดเข้าโคมไฟแล้วกันครับ







      ♦

                 

                  เปิดเทอมวันแรกของมหาวิทยาลัยก็คือเรียนเลย บางวิชาก็ได้รายงานมาทำล่วงหน้า ซึ่งผมโคตรจะเซ็งเลย มันเหมือนเป็นอะไรที่ไม่จบไม่สิ้น พอจบไฟนอลนี้ มิดเทอมหน้าก็มาต่อคิวจ่อ

                  เพื่อนซี้ผมที่หายหน้าหายตาไปเป็นแพนด้าที่จีน กลับมาพร้อมขนมถุงใหญ่มาฝากผม ผมเลยให้ อภัยที่ขาดการติดต่อ

                  เราอัพเดตเรื่องราวช่วงที่หายหน้าหายตากันไป แล้วมันก็บ่นอุบว่าเสียดาย ที่มาไม่ทันไอ้สองคนนั้นลงมาจากเชียงใหม่

                 ข้าวกลางวัน ผมกับก่อเกียรติก็นั่งโต๊ะเดียวกับพวกพี่ไทม์ กลายเป็นว่าผมสนิทกับพวกเขามากกว่าเพื่อนในรุ่นซะอีก เพื่อนๆเขาก็แซวกันเก่งเหมือนเดิม ชงจนไม่มีอะไรให้ชงแล้ว แต่ก็ยังขยันกันเหลือเกิน

                  ล่าสุดคือฉลองที่ผมกับพี่ไทม์ เข้าหอ ทั้งที่จริงๆแค่ย้ายมาอยู่ด้วยกัน

                  แล้วความจริงคือ เรายังไม่ได้เข้าหอกันด้วยซ้ำ

                  สำหรับเรื่องนี้ผมก็คิดอยู่เหมือนกัน ผมยังไม่เคยกับทั้งผู้หญิง และผู้ชาย แต่ผมก็ศึกษามาอยู่

                 อาจจะอาศัยจังหวะเวลาที่มันเหมาะสมสักหน่อย ที่เราสองคนพร้อม ก็คงจะได้เข้าหอ

                 แต่จะชวนกันตรงๆมันก็คงจะเขินเกินไปหน่อย แต่จะชวนอ้อมๆก็ไม่รู้ว่าควรจะทำยังไง

                 ยังไงพี่มันก็คงไม่รีบอยู่แล้วละมั้ง หรือจะรีบวะ

                ผมควรจะถามเขาไหม?

               รอฤกษ์ดีๆก่อนแล้วกัน ยังไงเราก็เป็นแฟน เรื่องแบบนี้มันก็เป็นเรื่องธรรมดา แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่จะต้องเร่งรีบอะไร

                พอกลับถึงห้อง ผมก็เจอพี่ไทม์นอนอยู่บนโซฟา เพราะวันนี้พี่มันมีเรียนแค่ตอนเช้า

                 ลมเย็นสบายช่วงนี้ทำให้อากาศไม่ร้อนมาก แต่ถ้าไปยืนกลางแดดมันก็ร้อนอยู่ดี เอาเป็นว่าอากาศดี พี่แกเลยไม่ยอมใส่เสื้อ แล้วเดี๋ยวก็เป็นหวัด

                 ผมส่ายหน้าระอา แต่ก็อดจะจ้องหน้าท้องลอนๆไม่ได้ ช่วงนี้เขาคลุกอยู่กับผมตลอด เรื่องออกกำลังกาย เตะบอล เข้ายิม เลยไม่ค่อยได้ไป แต่ก็ยังเห็นลายกล้ามเนื้อบนหน้าท้องให้ใจเต้นอยู่ดี

                แล้วอะไรคือมายืนจ้องพุงคนอื่น

                แต่ทำไมพี่มันถึงขาวจังวะ ดูมือดิ ใหญ่กว่าผมอีก ผมว่าเส้นเลือดบนมือผู้ชายมันให้ความรู้สึกแข็งแรงดี

                 แต่พออยู่บนตัวพี่ไทม์แล้ว มือเขาก็ดูเซ็กซี่

                คงเพราะเขาไม่ค่อยถอดเสื้อให้ผมได้จ้องแบบนี้บ่อยๆ ผมเลยเผลอพิจารณาอยู่นาน

                นานจนผมรู้สึกว่า ส่วนนั้นของผม มันคับแน่นอยู่ในกางเกงนักศึกษา

                ผมจับเป้ากางเกงตัวเอง แล้วนั่งหน้าแดง อยู่ตรงหน้าคนหลับ คงเพราะผมคิดเรื่องเข้าหอแน่ๆ ถึงได้มีอารมณ์แบบนี้ ให้ตายเหอะ นี่มันน่าอายมากเลยนะ

               แต่กว่าจะรู้ตัว

               คนที่ตื่นตั้งนานแล้วก็ลืมตาจ้องหน้าผมอยู่ ดวงตาแพรวพราวระยิบระยับเหมือนมีดาวอยู่สักล้านดวง

              พี่มันมองต่ำลงจนผมเผลอปิดเป้าตัวเอง เเล้วพี่มันก็ขำออกมา ผมจะวิ่งหนีแต่ก็โดนคว้าเอาไว้

              กี่ตอนแล้ว เคยหนีทันสักครั้งไหมกูเนี่ย

               ผมถูกจับนั่งคร่อมตักอยู่บนโซฟา ส่วนนั้นของเราเสียดสีกันไปมา จนผมอยากจะมุดดินหนี

               แล้วจู่ๆพี่ไทม์ก็หูแดง ทำหน้าเหมือนอยากจะพูดอะไร

                 " พี่ว่า เรามาลองดูดีไหม เรื่องอย่างว่าน่ะ แต่"

                "....."

                "แต่ถ้าเรายังไม่พร้อม เรามาช่วยกันเหมือนทุกทีก็ได้นะ"

                 โดยปกติแล้ว เราจะผลัดกันช่วย แต่ผมจะโดนรีดน้ำบ่อยสุด เหตุผลของพี่แกคือเขาชอบสีหน้าผม ตอนอยู่ในกำมือของเขา ผมฟังแล้วก็ได้แต่กรอกตามองบน

                ผมมองคนพูดที่หูเหอแดงไปหมด แล้วนึกขำในใจ เรื่องแบบนี้ยังไงก็ต้องเกิดอยู่ดี มัวแต่เขินเเล้วเมื่อไหร่จะได้กินละจริงไหม แต่คือผมก็ยังอายยู่ดี ครั้งแรกก็มีแต่คนบอกว่าเจ็บ

                 " แล้วพี่มี เอ่อ ของที่ต้องใช้แล้วเหรอ"

                  "มีแล้วครับ"

                 เตรียมพร้อมตั้งแต่ตอนไหนวะ

                  "แต่ แต่เรายังไม่ได้กินข้าวเย็น"

                  " พูดแบบนี้น่ะ เราเองก็ไม่ได้อยากกินข้าวเย็นเหมือนกันไม่ใช่หรอ"

                 พี่มันพูดแล้วก็ขยำสะโพกของผม ท่วงท่าติดเรทขั้นสุด แถมยังเอาตรงนั้นมาสีกันไปมาจนผมเริ่มทนไม่ไหว

               

                "น้องหมวยไม่อยากกินพี่จริงๆหรอครับ?"




















***********************************************

ตอนหน้าเป็นตอนจบแล้วนะคะ แน่นอนว่า nc เนี่ย ของมันต้องมีค่ะ

แจกการ์ดเชิญนะคะ แล้วมาดูคู่นี้เข้าหอกัน

พูดคุยกันได้ที่ #พี่ไทม์น้องหมวย

คืนนี้ฝันดีนะคะ

หัวข้อ: Re: ็Hello there ว่าไงน้องหมวย (บทที่ 23 + บทสุดท้าย 7/1/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: Girin ที่ 07-01-2019 23:28:36
น้องหมวยบทสุดท้าย



คำถามชวนใจเต้นทำให้คนบนตักเม้มปากแน่น เขาไม่กล้าตอบคำถามน่าอาย เลยเลือกจะใช้การกระทำเป็นการตอบแทน



ริมฝีปากแนบสนิทกัน ลิ้นเกี่ยวกันไปมา จนเสียงดังไปทั่วห้อง คอยย้ำว่าอะไรกำลังจะเกิดขึ้น จูบยาวนานและยังไม่มีทีท่าจะจบลง ทำให้เขาต้องโอบรอบคอคนตัวสูงเพื่อหาท่าที่ถนัด มือหนาที่ขยำบั้นท้ายทำให้ริมฝีปากทำหน้าที่ได้ร้อนแรงขึ้น เราสองคนนัวเนียกันไปมาอยู่บนโซฟา แนบชิดขนาดที่ว่าย้อนกลับมาคิดถึงต้องมุดตู้ไปอีกสามวันแน่ๆ

และคนความอดทนน้อยก็กระชับคนบนตักขึ้น แล้วพาไปที่เตียงทั้งที่ยังท่าเดิม น้องก็ให้ความร่วมมืออย่างดีโดยการโอบคอเขาไว้แน่น ดวงตาฉ่ำปรือเพราะแรงอารมณ์กระตุ้นเขาเป็นอย่างดี น้องกู่ไม่กลับแล้ว เพราะงั้นเขาเลยให้น้องอยู่ข้างบน

ก่อนจะเริ่มจูบใหม่ ถอดเข็มขัดออกแล้วรูดซิปลง อย่างไม่รีบร้อน คนตัวเล็กกว่า ก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ยืนเข่าให้เขาถอดกางเกงออกได้ง่ายขึ้น

น้องเป็นคนผอม ขาเขาเลยเล็กนิดเดียว ถึงจะไม่เรียวสวย แต่ก็ขาวจนเขาอยากจะกัดให้ช้ำ

เด็กน้อยใช้ดวงตาปรือมองเขาที่กำลังปลดกระดุมเสื้อออก ยอดอกสีน่ารัก ที่เขาเคยลองชิม ยังชวนให้สัมผัส

เขาช้อนบั้นท้ายนิ่มให้ยืนเข่า ก่อนจะใช้ริมฝีปากดูดดึงยอดอก หยอกเย้าจนน้องจิกผมเขาแน่น

"อ๊า"

เสียงครางแผ่วให้ความรู้สึกเซ็กซี่โคตรๆ ปากชิมข้างซ้าย ส่วนมือก็บดขยี้ด้านขวา ทำเอาคนบนตักหายใจหอบหนัก

ละจากยอดอก ไปขบเม้นบนลาดไหล่ ไหล่ขาวๆ ทิ้งรอยไว้เพื่อความพอใจส่วนตัว นิ้วมือไล้ไปตามแนวสันหลังก่อนจะล้วงลงไปในกางเกงชั้นใน คลึงบริเวณช่องทางด้านหลัง จนเด็กน้อยเริ่มตัวสั่น มืออีกข้างก็ควานหาเจลหล่อลื่นในลิ้นชักหัวเตียงไปด้วย

"อ๊ะ "

น้องสะดุ้งเฮือก ตอนที่เขานิ้วแรกสอดเข้าไป

" เจ็บไหมครับคนเก่ง ถ้าเจ็บก็บอกพี่นะ"

" บอกแล้วพี่จะเลิกทำรึไง"

" หึ ไม่ครับ พี่แค่จะเพิ่มเจลเข้าไปอีก"

มือเล็กๆ ทุบลงบนอกเขา จนเขาอดจะยิ้มเอ็นดูไม่ได้ เลยต้องดันนิ้วที่สองเข้าไป โทษทานที่ทำตัวหน้าเอ็นดู

น้องเบ้หน้าเพราะความเจ็บ เขาเลยดึงเข้าออกช้าๆ เพื่อเปลี่ยนความเจ็บเป็นอย่างอื่น คนตัวเล็กกว่าได้แต่เม้มปากกลั้นเสียงหน้าอายเอาไว้

แต่เพราะอีกคนอยากฟังเสียง เลยเปลี่ยนจังหวะให้ไหวขึ้น

" อ๊า อะ อย่าเร็ว "

อารมณ์ที่ถูกกระตุ้นอย่างหนักหน่วงทำให้คนบนตักเผลอไปจับส่วนนั้นของตัวเอง เพื่อเร่งให้ถึงฝั่ง

แต่ก็ถูกขัดขวางด้วยมือของอีกคน

" วันนี้ตรงนี้เป็นของพี่ เพราะฉะนั้น ห้ามจับ"

" แต่ว่า-"

"กอดคอไว้"

ถึงอีกคนจะมองเขาด้วยสายตาดุๆ แต่เขาก็ไม่ได้นึกกลัว ทำไมต้องห้ามเขาจับน้องชายตัวเองด้วย

"กอดคอไว้ครับ"

" อ๊ะ อ๊ะ พี่ พี่ มันเร็วไปแล้ว"

เด็กดื้อไม่ยอมทำตาม เขาเลยใส่นิ้วที่สามเข้าไป จนน้องผวากอดคอเขา เขาเลยเร่งจังหวะเข้าออก จนน้องแอ่นสะโพกให้ เสียงครางไม่เป็นภาษาทำให้ความอดทนเขาหมดลง แล้วยิ่งน้องระบายอารมณ์ด้วยการกัดบนไหล่เขา เขายิ่งขบกรามแน่น

เด็กน้อยถูกจับพลิกลง หลังแนบกับเตียง

อยากจะขย้ำให้สลบคาอกเลย เด็กดื้อ

ไทม์ถอดกางเกงตัวเองออกแบบที่เด็กน้อยยังมองตามไม่ทัน ฉีกถุงยางแล้วครอบใส่แก่นกายของตัวเอง จับขาเล็กพาดบ่า แล้วโน้มหน้าไปซุกไซร้ซอกคอหอมจนพอใจ กระซิบที่หูขาวๆ

"พี่จะใส่เข้าไปแล้วนะ ถ้าเจ็บก็บอกพี่นะครับ เราจะค่อยๆ ทำมันไปด้วยกัน"

น้องพยักหน้า ใบหน้าแดงลามไปทั้งแก้มกลม เสื้อนักศึกษาที่เขาจงใจไม่ถอดออก แค่ปลดกระดุมทิ้งไว้ มันชวนให้เขาตื่นตัวเพราะน้องหมวย โคตรจะน่าฟัดเลย

ไม่ต้องนอนกันละคืนนี้

ไทม์ค่อยๆ ดันแก่นกายตัวเองเข้าไปในตัวน้อง น้องรัดเขาแน่นจนเสียงทุ้มครางออกมาในลำคอ ในขณะที่อีกคนจิกฝ่ามือกับเตียงแน่น เพราะความเจ็บและความเสียว

น้ำตาคลอจนคนพี่สงสาร คลายมือที่กำแน่นของน้องออก เพราะกลัวจะเจ็บ แล้ววางมือลงบนไหล่ตัวเองแทน

" เจ็บก็จิกไหล่พี่นะ พี่ทำน้องเจ็บ พี่ก็จะเจ็บด้วย โอเคไหม"

เด็กน้อยไม่ได้พยักหน้าตอบ แค่จิกมือลงบนไหล่หนา ระบายความเจ็บ

" ผ่อนคลายหน่อย เด็กดี รัดแบบนี้พี่เข้าไม่ได้นะ"

" ห้ามพูดนะ"

คนตัวโตยิ่มกริ่ม ก่อนจะเริ่มบทรักด้วยทำนองเพลงช้า เข้าออกแบบเนิบนาบ ให้น้องปรับตัว แต่ในหัวน่ะ รัวเป็นกลองไปแล้ว แต่เพราะกลัวคนน้องจะเจ็บ อยากแค่ไหนก็จะอดทน



ตอนดูในคลิปก็สงสัยอยู่ว่าฝ่ายรับจะร้องดังอะไรขนาดนั้น แต่ตอนนี้เข้าใจแล้ว เขารู้สึกเหมือนจะตายให้ แล้วไอ้พี่มันจะขยับช้าอะไรขนาดนี้วะ

คนด้านบนหัวเราะในลำคอ ตอนน้องเลิกเบ้หน้า แต่ทำสีหน้าขัดใจแทนที่เขาขยับช้าเกินไป

เขาเลยเร่งจังหวะใส่ก้นกลมจนเสียงเนื้อกระทบกันดังไปทั่วห้อง

" อ๊า อ๊า พี่ พี่ไทม์ อ๊ะ"

เสียงเรียกชื่อทำให้เขาแทบบ้า เลยยั้งสะโพกไม่อยู่ จนทำคนตัวเล็ก หัวสั่นหัวคลอน ร้องจนจับใจความไม่ได้

ก่อนจะผ่อนจังหวะลงแล้วพลิกตัวอีกคนมาอยู่ข้างบน

กดจูบซอกคอขาวอย่างรักใคร่ ซึ่งน้องก็ประคองหน้าเขาแล้วจูบตอบ น้องผละออกไป แล้วกดก้นนิ่มลงมา ค่อยๆ กลืนกินตัวเขาเข้าไป แต่เด็กอวดเก่งก็ทำกล้าๆ กลัว ไม่ยอมทิ้งตัวลงมา เขาเลยสวนขึ้นไปแทน

"อ๊า พี่จะสวนขึ้นมาทำไมเนี่ย"

"ก็เราชักช้า"

ไทม์กอดเอวน้อยๆ ของน้อง ที่มันเต็มไม้เต็มมือมากกว่าเมื่อก่อน เขายิ้มอย่างพอใจ ยิ่งพอเห็นเด็กตรงหน้าทำหน้าขัดใจ ก็ยิ่งอยากแกล้ง ตัวเองอยากจะอยู่บนแท้ๆ ยังมาทำหน้าโกรธใส่อีก

" งอนอะไร หืม"

เขาฟาดก้นนิ่มอย่างย่ามใจ ก่อนจะเริ่มขยับ จนคนบนตัวเริ่มคราง เผลอเอามือไปจับของตัวเอง เลยถูกคนขี้แกล้งคว้าแขนไปคล้องคอ แล้วรัวสะโพกใส เหมือนต้องการลงโทษ มันทำให้เขารู้สึกเหมือนจะตายอยู่แล้ว

ท่านี้มันจะลึกเกินไปแล้ว ไม่ ไม่น่าเลย ก็แค่อยากจะเอาคืนบ้าง ทำไมมันกลายเป็นแบบนี้ละ ในหนังที่ดูมามันไม่ใช่แบบนี้นี่

" อย่าแกล้ง อึก อ๊ะ ลึกไปแล้ว อ๊า"

"เด็กดี พี่เป็นใครครับ"

คนขี้เเกล้ง ยังแกล้งไม่เลิก เขาขยับสะโพกช้าๆ หยอกเย้าให้อีกคนเรียกร้อง ต้องการเขา พร้อมกับบดขยี้ยอดอก จนน้องแอ่นตัวตาม แล้วตอบคำถามเสียงกระเส่า

"เป็น เป็นแฟน อื้อ.."

"แล้วพี่ชื่ออะไรครับ คนเก่ง"

"ไทม์ ไทม์ อ๊า ไจแอ้น ไม่แกล้งอิณนะ ขยับนะ อื้อ"

น้องไม่ได้รอคำตอบเขา แต่โยกสะโพกเองเบาๆ จนคงเขาต้องขบกรามแน่น เขารู้ว่าน้องกำลังจะถึง เลยกระแทกแรงขึ้น จนน้องส่ายหน้าไปมาแล้วครางเสียงกระเส่าเรียกพี่ไทม์ ซ้ำไปซ้ำมา น้องซบหน้าบนไหล่หนาของเขา ปล่อยให้ตัวโยกไหวไปตามจังหวะที่เขาสร้างขึ้น แล้วเด็กน้อยก็ปลดปล่อยน้ำขาวขุ่นออกมาจนเลอะหน้าท้องเราสองคน

เด็กน้อยสามารถถึงได้โดย ไม่แตะส่วนนั้นของตัวเองเลย

แต่คนเอาแต่ใจ ก็ยังไม่หยุด จับน้องคว่ำหน้าอยู่ในท่าคลานเข่า สวนสะโพกไม่ยั้ง แล้วปลดปล่อยออกมาในช่องทางคับแคบ ถุงยางไม่ทำให้เลอะเทอะ เหมาะแก่การเดินหน้าเล่นเพลงรัก

เด็กน้อย หอบหายใจหนักหน่วง ซบหน้าแดงๆ ลงบนหมอน หมดแรงยิ่งกว่่าสอบไฟนอล เลยได้แต่อยู่นิ่งๆ ปล่อยอีกคนแช่ส่วนนั้นทิ้งไว้ไม่ยอมถอนออก

ไทม์ก้มจูบลาดไหล่ ไล่ไปตามแผ่นหลังอย่างเอาใจ

"พี่รักเรานะครับ ขอบคุณนะครับที่กลับมาเจอกัน"

" ผมก็รักพี่เหมือนกัน"

คำบอกรัก ทำให้เขามีความสุข และในความสุขมันก็มีความหื่นผสมอยู่ด้วย

เขารู้ว่าน้องเจ็บ แต่เดี๋ยวเขาก็จะทายาให้ ถ้าน้องเสียงแหบ เขาก็จะทำน้ำผึ้งมะนาวให้กิน ถ้ามีไข้ก็จะคอยเช็ดตัวให้ เพราะงั้นเขาเลย หยิบถุงยางมาใส่ใหม่ แล้วดันเข้าไปในตัวน้องอีกรอบ

" พี่ขออีกรอบนะครับ เด็กดี"

" อ๊ะ พี่ ผมเหนื่อยแล้วนะ ไม่เอาแล้ว อ๊า"


























ไทม์มองคนที่เอาแต่มุดๆ ซุกอกเขา แก้มกลมๆ เบียดไปมา จนเขานึกอยากจับมาฟัด ก็เจ้าตัวงอแงจะดูหนังให้ได้ สุดท้ายกว่าจะได้นอนก็ดึก แล้วเป็นไง จะครึ่งวันแลัวยังไม่ตื่นเลย ทั้งที่วันนี้เป็นวันหยุดของคนทำงานอย่างเขาแท้ๆ เด็กนี่กลับเอาแต่นอนอุตุอยู่บนเตียง

แต่สำหรับคนทำงานแล้ว การได้ใช้วันหยุดแบบนี้ก็ไม่ใช่เรื่องแย่ แค่มีเด็กโง่นี่อยู่ด้วย จะอะไรก็ได้ทั้งนั้น

อีกอย่างวันพรุ่งนี้ก็ยังเป็นวันพิเศษของเด็กน้อยอีกด้วย

ก็เด็กน้อยของเขาน่ะ กำลังจะได้รับปริญญาแล้ว





" อื้อ เมื่อคืนก็นอนพร้อมกัน ทำไมพี่ตื่นก่อนอีกแล้วอะ"

พอตื่นก็งอแงเลยนะ

"ตัวเองขี้เซาแท้ๆ ยังจะมาหาเรื่องอีก ลุกเลย ไหนบอก ตอนเช้าจะทำไข่ดาวขนมปังให้พี่กินไง"

"โอ๊ะ จริงด้วย เมื่อวานผมอุตส่าห์แวะซื้อขนมปังมา พี่ไปอาบน้ำเลยๆ เดี๋ยวผมทำอาหารให้"

"อย่าวิ่ง เดี๋ยวก็ล้ม"



ใช่ครับ เด็กที่เซ่อซ่าวิ่งสะดุดขาตัวเองเมื่อกี๊ เรียนจบปริญญาตรีแล้ว





"แล้วพรุ่งนี้พี่จะมากี่โมง? "

"พี่ลางานได้ครึ่งวัน ก็คงไปถึงก่อนเราออกจากหอประชุมนั่นแหละ"

"พี่จะมาทันใช่ไหม รถมันติดมากเลยนะ"

เด็กน้อยทำหน้าหงอยกลัวเขาจะไปไม่ทันวันสำคัญ แต่เขาจะพลาดได้ยังไง ก้าวแรกของการเป็นผู้ใหญ่ก็คือการรับปริญญา วันแบบนี้ยังไงก็ต้องไปทัน

"พี่จะไปทัน ไจแอ้นสัญญาเลย"

"สัญญาแล้วนะไจแอ้น"

"ครับๆ น้องหมวย แต่น้องหมวย ทอดไข่ไหม้มากเลยนะ ตกลงเราจะแก่ตายด้วยกัน หรือจะเป็นมะเร็งตายครับ"

"กินๆ ไปเหอะน่า ยิ่งแก่ยิ่งชอบบ่นนะพี่เนี่ย"

เด็กสมัยนี้มันหน้าจับตีก้นจริงๆ เลย













แต่แล้วในวันรับปริญญาที่เขาหมายมั่นสัญญาเอาไว้ก็ดันผิดพลาดไปซะหมด

เริ่มต้นจากยางรถแตก ตั้งแต่เขายังขับไปไม่ได้ครึ่งทาง

เรียกแท็กซี่คันไหนก็ไม่ไปสักคัน เอะอะก็รถติดๆ เติมแก็สบ้างละ เขานี่อยากจะเดินทุบรถ แล้วบอกว่า ไม่รับผู้โดยสาร จะมาขับแท็กซี่ทำไมละโว้ยยยยย

สุดท้ายเขาเลยต้องจ้างมอเตอร์ไซค์รับจ้างที่กำลังจะวิ่งผ่านไป ตอนเเรกที่ไม่เรียกเพราะระยะทางมันยังไกล เขาก็กลัวว่าจะเรียกแล้วไม่ไป

" พี่ ผมจ้าง 500 ไปมหาลัย xxx ครับ"

" พี่พึ่งมาขับวะน้อง พี่ไม่ไปไม่ถูกหรอก"

" งั้นพี่ถอยเลย เดี๋ยวผมงขับเอง เอ้า ถือเงินไว้เลยครับ"

" เห้ย เดี๋ยวน้อง"

" พี่ผมรีบ! "

แล้วการผจญภัยในวันรับปริญญาก็เริ่มขึ้น รถติดแบบ ติดชิบหายมากๆ ขนาดว่าใช้มอเตอร์ไซต์ยังแทรกซึมเข้าไปไม่ได้ สุดท้ายเขาเลยต้องลงเดินแทน มือก็กดโทรหาแม่เพื่อถามว่าน้องออกมาจากหอประชุมรึยัง

"ฮัลโหล แม่ น้องออกมารึยัง"

" ฉันโทรหาแกเป็นร้อยสายแล้ว ทำไมไม่รับ! แกอยู่ไหนเนี่ย น้องเดินมานู่่นแล้ว ทำไมฉันยังไม่เห็นหัวแกหะ"

" ผมถึงแล้ว กำลังวิ่งไปเลยเนี่ย แม่อยู่ตรงไหน"

" อยู่ตรง หอ11เนี่ย รีบมาเลยนะแก ลูกสะใภ้ฉันหน้าเศร้ามาแต่ไกลแล้วที่หาแกไม่เจอ คอยดูนะ ถ้ามาไม่ทัน ฉันไม่ให้แกแต่งกับน้องอิณแน่!"

ติ้ด

ด่าเสร็จก็วาง เขาจะทำอะไรได้นอกจากรีบวิ่ง แต่ระยะทางมันก็ไม่ใช่ใกล้ๆ คนก็เยอะ แดดก็ร้อน กว่าเขาจะฝ่าฝูงชนจนโผล่มาหน้าหอ 11 ได้ ก็สูญเสียเหงื่อไปหลายลิตร

ก็สัญญาไว้แล้ว เหนื่อยแค่ไหนก็ต้องไปให้ทัน

แล้วการสวมวิญญาณเดอะแฟลชก็บรรลุผล

เขาเห็นเด็กน้อยโบกมือยิ้มให้เขาแต่ไกล เด็กน้อยในชุดครุย ถือดอกไม้เต็มมือไปหมด มีครอบครัวของเขาและครอบครัวของน้องยืนรายล้อมอยู่

เด็กน้อยปีหนึ่งในวันนั้น วันนี้สวมชุดครุยแล้ว

เด็กน้อยที่ต้องเจ็บปวดจากครอบครัว ร้องไห้เป็นลิตรเป็นถัง วันนี้เขาทำให้น้องมีความสุขแล้ว แล้วตัวเขาเองก็มีความสุขมากๆ ตั้งแต่ได้กลับมาเจอกัน

เขาชะงักอยู่ตรงนั้นเพราะมัวแต่จ้องมองรอยยิ้ม จนน้องต้องเดินมาหา

มันเป็นภาพที่สวยมากๆ มีครอบครัวของเรายิ้มให้อยู่เบื้องหลัง มองเราสองคนเดินไปหากันและกัน

และมันจะสวยกว่านี้ถ้าน้องไม่



"เห้ย! "



สะดุดขาตัวเอง........









จบบริบูรณ์





























*********************

โอยยยยย จบแล้วเด้ออ ให้อารมณ์เหมือนพึ่งสอบเสร็จเลย ขอบคุณทุกคนจริงนะคะที่เข้ามาอ่านกัน มาให้กำลัง มาคอมเม้น ขอบคุณที่อยู่ด้วยกันมาตลอดหลายเดือนนะคะ

ยัยน้องจะมีตอนพิเศษมาอีกนะคะ เร็วนี้แน่นอน

คิดถึงทุกคนมากแน่ๆ เลย ส่วนที่ว่าเราเลือกช่วงเวลาที่น้องเรียนจบมาเขียนเนี่ย ก็เพราะว่า อยากให้เห็นว่ายังจะรักกันไปอีกนานๆ เลย

และสุดท้ายนี้ ก็ขอกล่าวคำว่าขอบคุณที่ติดกันมาตลอดนะคะ แล้วเจอกันตอนพิเศษนะ บั้ยบายย❤











หัวข้อ: Re: ็Hello there ว่าไงน้องหมวย (บทที่ 23 + บทสุดท้าย 7/1/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 08-01-2019 00:14:00
โอ๊ยย ตอนจบก็ไม่เว้นสุ่มส่ามนะ น้องหมวย อิอิ
หัวข้อ: Re: ็Hello there ว่าไงน้องหมวย (บทที่ 23 + บทสุดท้าย 7/1/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 08-01-2019 01:50:15
งุ้ยยย ฟินอ่าาา
หัวข้อ: Re: ็Hello there ว่าไงน้องหมวย (บทที่ 23 + บทสุดท้าย 7/1/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: tawanna ที่ 08-01-2019 02:33:57
งุ้ย..น้องน่ารักตั้งแต่ต้นจนจบ :hao5:
หัวข้อ: Re: ็Hello there ว่าไงน้องหมวย (บทที่ 23 + บทสุดท้าย 7/1/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 08-01-2019 07:46:34
ยินดีกับน้องหมวย ..........  :katai2-1:
ได้ความรักจากแม่ เข้าใจกับครอบครัวลุงแล้ว

กับครอบครัวพี่ไทม์ ก็ได้รับการต้อนรับที่ดี  :mew1:
แถมยังเคยรู้จักกันมาแต่ก่อนตอนเด็กๆอีก
แล้วน้องหมวยก็เรียนจบรับปริญญา

น้องหมวยสู้ชีวิต มองโลกบวก
น้อยคนที่ทำได้เพราะไหนจะครอบครัวแตกแยก ไม่มีพ่อ
ลุงก็ใช้อารมณ์ทำร้ายหลานตลอด กับพีทลูกลุงก็ไม่ถูกกัน
แม่ก็ไม่ชอบที่ลูกเป็นเกย์
แต่หมวยก็พยายามจนได้ใจพีท แม่
ครอบครัว ร้านอาหารก็ช่วยกันจนดีได้อีก

พี่ไทม์  หมวย   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
รอตอนพิเศษ  ขอบคุณไรท์มากๆ
        :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ็Hello there ว่าไงน้องหมวย (บทที่ 23 + บทสุดท้าย 7/1/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 08-01-2019 10:36:56
ไจแอ้นคนกาก 555555555
ขอบคุณที่แต่งนิยายดีๆสนุกๆให้อ่านนะคะ :pig4:
หัวข้อ: Re: ็Hello there ว่าไงน้องหมวย (บทที่ 23 + บทสุดท้าย 7/1/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 08-01-2019 11:21:41
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: ็Hello there ว่าไงน้องหมวย (บทที่ 23 + บทสุดท้าย 7/1/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 08-01-2019 17:55:27
จบแล้ว~ ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ็Hello there ว่าไงน้องหมวย (บทที่ 23 + บทสุดท้าย 7/1/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: pamhicc ที่ 08-01-2019 23:32:24
อิจฉาน้องหมวย อยากมีไทม์เป็นของตัวเอง เรื่องครอบครัวก็ผ่านไปด้วยดีเนอะ
ขอบคุณมากค่า รอตอนพิเศษน้าาา  :pig4:
หัวข้อ: Re: ็Hello there ว่าไงน้องหมวย (บทที่ 23 + บทสุดท้าย 7/1/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 10-01-2019 00:13:13
 o13


 :กอด1: :L2: :L1: :pig4: :pig4: :pig4: :L1: :L2: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ็Hello there ว่าไงน้องหมวย (บทที่ 23 + บทสุดท้าย 7/1/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: Keane ที่ 12-01-2019 13:38:54
 o13 :pig4:
หัวข้อ: Re: ็(END)Hello there ว่าไงน้องหมวย ตอนพิเศษ ถ้าผมมีน้องแมว 23/1/2562
เริ่มหัวข้อโดย: Girin ที่ 23-01-2019 00:25:53
ตอนพิเศษ : ตอน ถ้าผมมีน้องแมว

   คำเตือน เนื้อหาจะมีความแฟนตาซีเล็กน้อยถึงปานกลาง

              “กลับมาแล้วครับ”
         ร่างสูงเปิดประตูบ้านออก พร้อมส่งเสียงเรียกบอกคนที่รออยู่ จะเรียกว่าคนก็คงไม่ถูกเท่าไหร่ เพราะคนที่ไหนจะมีหูกับหางกันละ
         ร่างเล็กเดินมาหาเขาด้วยรอยยิ้มแฉ่งจนตากลายเป็นขีดเดียว หูสีขาวกระดิกไปมาด้วยความดีใจ มือเล็กเดินมาแย่งกระเป๋าของเขาไปถือ
         “เดี๋ยวพี่ถือเองครับ น้องถือไม่ไหวหรอก”
         “อิณถือให้”
         แล้วเจ้าตัวก็แย่งไปถือ พร้อมวิ่งเข้าไปในบ้านจนเขาอดไม่ได้ที่จะยิ้มตาม
         น้องเป็นลูกครึ่งคนกับแมว เพราะแบบนั้นเลยเป็นเด็กผู้ชายที่ตัวเล็กกว่าเด็กคนอื่น ขนาดโตเต็มที่แล้วยังสูงแค่อกเขาเอง น้องมีหูสีขาวเหมือนผิวเจ้าตัว หางสีขาวแต่ปลายหางสีน้ำตาล
              เจ้าตัวไม่สามารถแปลงร่างเป็นแมวได้ แต่ก็ยังมีนิสัยเหมือนแมว ชอบกินปลาทุกชนิด ชอบเล่นซน บางทีก็ขึ้นไปยืนเล่นบนโต๊ะ ทั้งๆที่ตัวก็ไม่ได้เล็กเลย เวลานอนก็ชอบให้ลูบคาง เกาหูเกาหางให้ ดึกหน่อยก็มานอนอยู่บนตัวทุกที
              “ไทม์จะกินข้าวเลยไหม อิณทำเสร็จแล้ว”
              “ไหนวันนี้น้องอิณทำอะไรให้พี่กินครับ”
              “ก็มี ปลาทอดสามรส ต้มส้มปลานิล แล้วก็ผัดผักใส่ปลา”
              “หน้าพี่จะเป็นปลาอยู่แล้ว”
              เสียงหัวเราะสดใสทำให้เขาหายเหนื่อยจากงาน ตั้งแต่แต่งงานกันมา เขาก็กลายเป็นคนติดบ้านมาตลอด เลิกงานแล้วรีบกลับบ้าน เป็นแบบนี้มา 5 ปี แล้ว
เรานั่งกินข้าวพร้อมกับแลกเปลี่ยนเรื่องราวว่าอีกฝ่ายทำอะไรมาบ้างวันนี้ ปากเล็กเจื้อยแจ้วไปมาจนคนร่วมโต๊ะเผลอมองแล้วอมยิ้มตลอด พอเขาพูดบ้างอีกฝ่ายก็พยักหน้าหงึกหงักเป็นตุ๊กตา น่ารักขนาดนี้จะไม่ให้รักได้ยังไงไหว
              แก้มกลมๆเคี้ยวตุ้ยๆไปมาจนเขานึกอยากจับมาบีบๆ ยิ่งมีหูมีหางยิ่งอยากจับจูบให้ช้ำ แต่สงสัยสายตาเขาจะเจ้าเล่ห์เกินไป แมวน้อยเลยรู้ตัว
              “อิ่มแล้วก็ไปอาบน้ำสิ”
              “อาบด้วยกันไหม”
              “ไม่ ไม่ ไม่ ไทม์นอนดึกมาหลายวันแล้วนะ รีบไปอาบน้ำเลย” น้องส่ายหน้าจนผมฟู
              “ก็พี่ต้องทำงาน คืนนี้ก็ต้องทำ ขออยู่ด้วยก่อนไม่ได้หรอครับ”
              “แต่ไทม์จะนอนดึก”
              น้องพูดเสียงอ่อนลงแล้วเริ่มเบะปาก พอเป็นเรื่องห่วงเขาทีไร เจ้าตัวก็อ่อนไหวง่ายตลอด ล่าสุดก็ร้องไห้จ้าเพราะเขาโดนประตูหนีบมือแล้วเผลอร้องเสียงดัง
              แล้วพอเห็นเด็กเบะปากก็อดจะใจอ่อนไม่ได้ สุดท้ายก็ช่วยเก็บอาหารบนโต๊ะแล้วรีบไปอาบน้ำ
ห้องทำงานของเขาอยู่ชั้นล่างของตัวบ้าน เขานั่งทำงานดึกดื่นอยู่หลายคืน ไอ้เขาน่ะไม่เป็นไรหรอก ที่แย่คือพอเขายังไม่นอนอีกคนก็พลอยจะไม่ยอมนอนไปด้วย แมวน่ะมันต้องนอนเยอะๆ แต่แมวของเขาน่ะมันแมวดื้อ พอนอนน้อยบ่อยๆก็ป่วยทุกที
              เขาละอยากจะลาออกจากงานให้มันรู้แล้วรู้รอด ขัดขวางเวลาครอบครัวชะมัด แต่เพราะตำแหน่งดันเป็นหัวหน้าคนอื่นเขา จะเลี่ยงงานยังยาก จะลาออกก็ยิ่งยาก
              เสียงแง้มประตูห้องพร้อมหูขาวๆโผล่ออกมา สายตาดุมองเขาบ่งบอกว่าตอนนี้เที่ยงคืนแล้ว แล้วน้องก็มาเพื่องอแงให้เขากลับไปนอนสักที
คนตัวเล็กเดินเข้ามาหาเขาพร้อมมุดแขนเข้ามานั่งบนตัก จนต้องโอบเอวไว้ไม่ให้ตก กลิ่นหอมๆทำให้เขายิ่งอยากทิ้งงานตรงหน้าแล้วไปนอนกอดคนรักแทน
              “ไทม์ เที่ยงคืนแล้ว”
              เสียงที่พยายามดุทำให้เขายิ้มแล้วก้มลงไปหอมแก้ม อีกฝ่ายส่งเสียงฮึดฮัดขัดใจ แต่ก็ไม่ได้ลุกหนี นั่นทำให้เขาก้มลงไปหอมอีกข้าง
              “อีกสิบนาทีนะ จะเสร็จแล้วครับ”
              น้องพยักหน้าแล้วเอนตัวพิงอกเขา แมวซนนั่งนิ่งไม่ได้ก่อกวน แต่สักพักมือก็เริ่มยุกยิกไปตามตัวเขา เขี่ยไปเขี่ยมาบ้างละ วาดรูปเล่นบ้างละ เขาก็ไม่ได้ว่าอะไร ชอบด้วยซ้ำ เวลาน้องทำตัวยุบยิบใส่
              “สิบนาทีแล้ว ไปนอนกัน”
              “งานพี่ยังไม่เสร็จเลยคนเก่ง ไปนอนก่อนนะ ไม่ต้องรอ เสร็จแล้วพี่จะรีบไปนะครับ”
              “ไม่เอา ไทม์นอนน้อย พรุ่งนี้ต้องตื่นเช้า ต้องขับรถ นอนน้อยไม่ได้”
              “พี่ต้องทำงานก่อน ไปนอนก่อนนะ ห้ามดื้อ”
              “ไม่นอน อิณจะรอ”
              “ไม่ดื้อนะ”
              “แต่ว่า...”
              ร่างสูงส่งสายตาดุๆ ไปหาอีกฝ่าย สุดท้ายน้องก็ยอมแพ้ ทำหน้างอแงใส่เขาแล้วรีบลุกออกไป หางฟูๆสะบัดไปมาแสดงความไม่พอใจ ขออีกแป๊ปเดียว แล้วเดี๋ยวเขาจะรีบไปง้อเลย ก็เขาอยากให้น้องได้นอน ไม่อยากเห็นอีกฝ่ายล้มป่วยอีกแล้ว
และแป๊ปเดียวที่ว่าก็ล่วงเลยมาจนตีหนึ่ง ร่างสูงปิดคอมเตรียมจะลุกขึ้นออกจากห้อง แต่เสียงแก้วแตกจากนอกห้องก็ดังออกมาซะก่อน จนเขาต้องรีบวิ่งออกไปดู
              ที่มาของเสียงก็ไม่ใช่จากใครที่ไหน มาจากแมวดื้อของเขาเอง เขารีบไปอุ้มเด็กดื้อออกจากกองเศษแก้วมาวางบนเคาน์เตอร์ รีบสำรวจตามเนื้อตัวว่าเจ็บตรงไหนรึเปล่า แต่เจ้าตัวก็ไร้ร่องรอยบาดเจ็บ
              “อิณไม่ได้ทำแก้วแตกนะ หนูมันทำ หนูมันวิ่งมา”
              เสียงสารภาพร้อนรน ทำให้เขาเผลอถอนหายใจด้วยความโล่งอก ชีวิตนี้สิ่งเดียวที่เขาห่วงยิ่งกว่าตัวเองก็คือแมวน้อยตรงหน้า เขาคงไม่รู้จะทำยังไงถ้าอีกฝ่ายเป็นอะไรไป ท่าทางหางลู่หูตก กลัวจะถูกดุ ทำให้มือหนาต้องลูบที่ใบหูนิ่มปลอบเบาๆว่าไม่ได้โกรธ
              แค่ได้ยินคำว่า หนู เขาก็เข้าใจที่มาของทั้งหมดแล้ว ก็ไม่ใช่แมวทุกตัวหรอกนะที่จะชอบจับหนูน่ะ ยกเว้นแมวตัวนี้ไว้สักตัวแล้วกัน นอกจากจะไม่ชอบจับหนูแล้ว ยังกลัวหนูยิ่งกว่าอะไร เห็นทีถ้าไม่กระโดดขึ้นโต๊ะ ก็ต้องวิ่งหนี ไม่ก็ซุกมุมห้อง หนูมันก็ตัวนิดเดียว ไม่รู้กลัวอะไร
              “พี่ไม่ได้จะดุครับ เราไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว”
              “.....”
              “แต่พี่จะลงโทษเด็กดื้อที่ไม่ยอมนอน”
              “ก็ไทม์ยังไม่นอน”
              “เฮ้อ.. เรานี่นะ”
              เขาถอนหายใจ ถ้าสุดท้ายแล้วน้องป่วยมันก็คงเป็นเพราะเขาเอง แต่อีกฝ่ายเหมือนจะเข้าใจผิด น้องก้มหน้าไม่ยอมสบตา หูขาวแทบจะลู่ไปกับผม มือหนาเลยรีบคว้าอีกฝ่ายเข้ามากอดจนจมอก หูขาวๆคลอเคลียอยู่ที่ปลายคางเขา
              “ไทม์รำคาญอิณแล้วหรอ”
              “พี่ไม่ได้รำคาญ ไม่เคยรำคาญ พี่แค่ไม่อยากทำให้เราป่วย เพราะต้องมานั่งรอพี่ดึกๆ”
              “ไม่รำคาญจริงนะ”
              เสียงอู้อี้จากอกเขา ยังเจือด้วยความน้อยใจ  เขาเลยโยกตัวอีกฝ่ายไปมา เหมือนกล่อมเด็ก
              “จริงสิครับ”
              สุดท้ายเพื่อย้ำความมั่นใจ เขาเลยงัดอีกฝ่ายที่เอาแต่มุดอกเขาให้เงยหน้า แล้วก้มลงจูบ น้องตอบรับจูบอย่างคุ้นเคย เขาเลยกดท้ายทอยให้ริมฝีปากแนบแน่นมากขึ้นอีก เราจูบกันเนิ่นนานจนบางอย่างก่อตัว
              จริงๆเรื่องนั้นก็ไม่ได้ทำนานแล้ว
              เพราะงั้น การจูบเลยเริ่มจะดูดดื่มขึ้นเรื่อยๆ พอน้องเริ่มหมดลมหายใจเขาก็ผละออกมาแล้วกดจูบลงไปใหม่ซ้ำๆ สถานการณ์เหมือนจะไม่จบง่ายๆ เราผละออกมาสบตากัน แล้วน้องก็เอาขาเกี่ยวเอวเขาไว้อย่างรู้งาน มือหนาเลยช้อนใต้สะโพก อุ้มคนตัวเล็กจนตัวลอย
              บทเพลงรักเริ่มต้นบนโซฟาตัวใหญ่ในห้องรับแขก ร่างสูงสอดมือเข้าไปใต้เสื้อ ลูบไล้ผิวเนียนนุ่มของน้อง เขาหลงใหลอีกฝ่ายทั้งตัวทั้งใจ ปากก็ดูดคลึงซอกคอขาว               ไล่มาจนยอดอกสีชมพูน่ารัก น้องหลุดเสียงครางเบาๆ ใบหน้าขึ้นสีแดง ยิ่งกระตุ้นอารมณ์เขา เผลอกัดแรงจนน้องต้องขยุ้มผมเขาจนแน่น
              “พรุ่งนี้ต้องไปทำงานนะ”
              “ช่างหัวงานมันเถอะครับ”
              งานที่ไหนจะไปสำคัญเท่าคนตรงหน้า ริมฝีปากบวมเจ่อจากการจูบ เสื้อผ้าหลุดลุ่ย ยอดอกคัดแน่นบวมแดงเพราะแรงกัด แล้วใครมันจะไปทำงานอีกวะแบบนี้ มีวันหยุดให้ลา ก็ต้องใช้ซะบ้าง
              สุดท้ายเขาก็เดินหน้าต่อไม่ได้สนใจเสียงทักท้วงใต้ร่าง หางสีขาวสะบัดไปมา ยิ่งทำให้เขาร้อนใจอยากจะฟัดไวๆ เขาจับหางนุ่มให้ปัดป่ายไปมาบริเวณหน้าท้องจนน้องเผลอเกร็งท้องแล้วแอ่นอกให้เขา มือหนาเลยล้วงเข้าไปจับก้อนนุ่มนิ่มสองก้อนใต้กางเกง ก่อนจะชะงัก เพราะรู้สึกเจ็บที่หน้าผาก
              แรงเจ็บมากขึ้นเหมือนกำลังถูกตี
              ทันใดนั้นภาพตรงหน้าก็เริ่มเลือนราง กลายเป็นสีขาว
              แทนที่ด้วย
               .
              .
              .
              .
              .
              .
              “โอ๊ย!”
              แรงเจ็บจากหน้าผากทำให้ไทม์ลืมตาตื่น
              หืม?
              เมื่อกี๊ฝันหรอ
              ภาพที่เขาเห็นคือน้องหมวยนอนอยู่บนเตียง กำลังสายตาไม่พอใจใส่เขาพร้อมหน้าแดงๆ เสื้ออีกฝ่ายเปิดจนถึงหน้าอก ยอดอกเป็นรอยแดงเหมือนถูกขบกัด มือข้างนึงของเขากุมหน้าผากตัวเองอยู่ ส่วนอีกข้าง
              ก็อยู่บนก้นนุ่มนิ่มของอีกฝ่าย
              “ตื่นซะทีนะพี่ ลุกออกไปจากตัวผมเลยนะ!”
              น้องโวยวายอะไรสักอย่างที่เขายังไม่รู้เรื่อง รู้สึกเหมือนยังตื่นไม่เต็มที่ แล้วหูขาวๆหายไปแล้ว เขาเผลอจับหัวอีกฝ่ายเพื่อหาหู ส่วนอีกข้างก็คลำไปใต้กางเกงเพื่อหาหาง แต่ก็ไม่มี
              “หูกับหางไปไหนแล้ว”
              “หางอะไรของพี่ เลิกจับก้นผมได้แล้ว! ไอ้พี่บ้า”
              แล้วเขาก็โดนทั้งตบหน้าผาก ทั้งดึงหูจนแดงไปหมด กว่าจะตื่นเต็มตา เขากระพริบตาปริบๆใส่อีกฝ่าย ที่เอาแต่โวยวาย แต่ก็หนีไม่ได้เพราะโดนเขาทับอยู่
              “ฝันแต่อะไรหื่นๆ จู่ๆก็มาดูดหน้าอกผมจนผมตื่น แล้วยังมาล้วงกางเกงผมอีก  จะมาโทษที่ผมตีไม่ได้นะ”
              “ขอโทษที พี่ไม่ได้ตั้งใจ”
              “ตื่นแล้วก็เอามือออกจากกางเกงผม แล้วลุกออกไปได้แล้ว มันหนัก”
              “แต่ในฝันน้องหมวยมีหูกับหางน่ารักมากเลยนะ”
              เขาพูดพร้อมขยำก้อนนุ่มทั้งสองข้าง จนอีกฝ่ายสะดุ้ง
              “จะทำอะไรของพี่ เอามือออกไปเลย”
              “พี่ว่า เราซื้อหางมาให้น้องลองใส่ก็น่าจะดี” เขาพูดเสียงอ่อน พร้อมส่งนิ้วไปวนเวียนช่องทางด้านหลัง จนน้องเผลอเกร็ง
              “ไอ้พี่ลามก!”
              ผลจากความหื่นคือเขาโดนน้องหมวยถีบจนเกือบตกเตียง แล้วเจ้าตัวก็ฟึดฟัดเดินออกไป แต่หลังจากวันนั้นเขาก็ตั้งปณิธานในใจแล้วว่า ต้องเห็นหางของจริงจากน้องให้ได้!







*******************************
ตอนนี้ก็เป็นความคิดถึงจากเราเองค่ะ บอกตามตรงว่าสนองนี้ดตัวเองล้วนๆ คืนนี้ฝันดีนะคะ
#พี่ไทม์น้องหมวย
แถมแฟนอาร์ตจากเราเช่นเคย
สำหรับเล้าเป็ด เราไม่สามารถลงรูปได้ สามารถดูได้จากลิงค์
https://writer.dek-d.com/Girin/writer/viewlongc.php?id=1792259&chapter=29


หัวข้อ: Re: ็(END)Hello there ว่าไงน้องหมวย ตอนพิเศษ ถ้าผมมีน้องแมว 23/1/2562
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 24-01-2019 09:49:58
น่ารักดี~
หัวข้อ: Re: ็(END)Hello there ว่าไงน้องหมวย ตอนพิเศษ ถ้าผมมีน้องแมว 23/1/2562
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 24-01-2019 13:27:41
 :z1: :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: ็(END)Hello there ว่าไงน้องหมวย ตอนพิเศษ ถ้าผมมีน้องแมว 23/1/2562
เริ่มหัวข้อโดย: มนุษย์บิน ที่ 26-01-2019 00:03:05
โอ๊ยยยตอนพิเศษนี่มันนนนหูหางงง 555555
หัวข้อ: Re: ็(END)Hello there ว่าไงน้องหมวย ตอนพิเศษ ถ้าผมมีน้องแมว 23/1/2562
เริ่มหัวข้อโดย: Maccagadz ที่ 26-01-2019 23:49:43
น้อนน พี่อย่ารุกแรงน้อนมุดหนีไม่ทันแล้ว 5555555
หัวข้อ: Re: ็(END)Hello there ว่าไงน้องหมวย ตอนพิเศษ ถ้าผมมีน้องแมว 23/1/2562
เริ่มหัวข้อโดย: $VAN$ ที่ 27-01-2019 10:09:59
เรื่องน่ารักดีค่ะ ครบรส สุข เศร้า เคล้าเสียงฮา
หัวข้อ: Re: ็(END)Hello there ว่าไงน้องหมวย ตอนพิเศษ ถ้าผมมีน้องแมว 23/1/2562
เริ่มหัวข้อโดย: Noina_Pn ที่ 27-01-2019 16:24:25
 :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ็(END)Hello there ว่าไงน้องหมวย ตอนพิเศษ ถ้าผมมีน้องแมว 23/1/2562
เริ่มหัวข้อโดย: mickeyz.min ที่ 30-01-2019 08:12:17
 :hao4: สนุกมากกกก ชอบๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ็(END)Hello there ว่าไงน้องหมวย ตอนพิเศษ ถ้าผมมีน้องแมว 23/1/2562
เริ่มหัวข้อโดย: snownut ที่ 31-01-2019 08:42:48
ชอบๆ ขอบคุณน้า :กอด1:
หัวข้อ: Re: ็(END)Hello there ว่าไงน้องหมวย ตอนพิเศษ ถ้าผมมีน้องแมว 23/1/2562
เริ่มหัวข้อโดย: New_atcha ที่ 16-02-2019 09:38:45
ถ้าเรื่องไม่เฉลยมาเสียก่อนว่าสองครอบครัวรู้จักกันมาก่อนนะ จะคิดว่ามีดราม่าอีกนึงอย่างคือ พี่เขยไทม์อาจจะเป็นพ่อของน้องหมวยซะอีกนะเนี้ย (เล่นพูดซะหลายรอบว่าน้องหมวยหน้าเหมือนน้องแพรหลานของไทม์) 555 มโนของรีดเองล้วนๆ คิดไปได้ อิอิ
ขอบคุณไรท์ที่แต่งนิยายมาให้อ่านกัน ชอบโหมดอ้อนๆน้องอิณกับไจแอ้นมากๆเลย  :pig4:
หัวข้อ: Re: ็(END)Hello there ว่าไงน้องหมวย ตอนพิเศษ วันวาเลนไทน์ 07/4/2562
เริ่มหัวข้อโดย: Girin ที่ 07-04-2019 16:07:09
ตอนพิเศษ วันวาเลนไทน์
   เขายืนจ้องดอกกุหลาบดอกนึงอยู่นานมาๆ ดอกกุหลาบสีขาวสิบบาทที่ขายอยู่หน้าโรงเรียน พรุ่งนี้จะเป็นวันวาเลนไทน์แล้ว เขาเลยคิดว่าจะซื้อติดสักดอกดีไหม
   แต่เขาจะซื้อไปให้ใครดีละ
    แล้วเขาก็นึกถึงไอ้เด็กแก้มอ้วนคนนึงขึ้นมา เด็กตัวผอมๆแต่แก้มเยอะๆนั่น ลูกของเพื่อนแม่ที่เขาชอบไปแกล้ง แต่เด็กนั่นมันไม่สนใจเขาก่อนนี่ กว่าจะคุยดีๆกับเขาได้ ก็ต้องให้เขาเรียกร้องความสนใจอยู่เรื่อย
   แล้วเขาก็หันไปมองร้านข้างๆ เป็นร้านเยลลี่ที่ขายเยลลี่รูปดอกกุหลาบ ไม้ละยี่สิบบาทแน่ะ
   ซื้อดีไหมนะ
   เด็กแก้มอ้วนนั่นก็ชอบกินขนมหวานที่แม่เขาทำมาให้อยู่บ่อยๆนะ
   แต่ตั้งยี่สิบบาทเลยนะ
   ซื้อก็ได้!

   ในวันรุ่งขึ้นที่วันวาเลนไทน์เป็นวันศุกร์ เขาเก็บเยลลี่ดอกกุหลาบไว้ในกระเป๋า เพราะว่ามันเป็นเยลลี่แบบแข็งๆมันเลยไม่บู้บี้ไปกับกระเป๋าเขา
   เย็นวันนี้แม่เขาบอกให้พาน้องกลับไปด้วยกัน เขาเดินไปที่ห้องของเด็กนักเรียนป.2 ก่อนจะมองหาตัวเป้าหมาย นั่น ร้องไห้อีกแล้ว โดนแกล้งอีกตามเคย
   แต่ดูเหมือนเขาจะมาช้าเกินไป การแกล้งจบไปแล้ว เหลือแต่คนที่นั่งร้องไห้ เก็บเศษสติกเกอร์ รูปหัวใจที่ขาดไปหมด เขาเดินไปช่วยเก็บ แล้วก็เช็ดน้ำตาที่อาบแก้มกลมๆนั่น ใครมันขยันแกล้งนักหนานะ อย่าให้เขาเจอนะ
   “เดี๋ยวพี่ซื้อให้ใหม่ กลับบ้านกันนะ”
   เขาจูงมือเล็กๆนั่น มือเล็กอีกมือก็เช็ดน้ำตาป้อยๆ จนเขานึกสงสาร ถึงเขาจะแกล้งแต่ก็ไม่เคยตั้งใจให้เจ็บตัว เจ้าตัวเลยยอมให้เขาเข้าใกล้ และเพราะเขาคือคนที่คอยช่วยอยู่ตลอด เลยไม่ถูกผลักไส
   ลองไล่เขาสิ เวลาเงินไม่พอใครจะซื้อไอติมให้กินละ
   เนี่ย แล้วเขาก็ต้องซื้อไอติมมาปลอบใจคนร้องไห้อีก ระหว่างที่เรารอสองแถว แต่กินจนหมดแท่งแล้ว เด็กนี่ก็ยังเบะปากไม่เลิกสักที
   “เป็นอะไร ไอติมไม่อร่อยเหรอ” เขาถามตอนที่ขึ้นรถสองแถวมาแล้ว
   “เปล่า แต่เราเสียดายสติกเกอร์ คุณครูให้เรามา เพราะเห็นเราไม่ได้สติกเกอร์จากเพื่อนๆ ฮึก” มันก็แค่สติกเกอร์ พวกเด็กๆนี่จะสนใจสติกเกอร์นี่อะไรนักหนา แต่มือเขาก็ลูบหัวปลอบ พร้อมกับนึกว่าจะไปหาซื้อไอ้สติกเกอร์นี่ได้ที่ไหน
   พอถึงป้าย รถเมล์จอด จนเดินเข้ามาในซอยจะถึงบ้านอยู่แล้ว เด็กแก้มอ้วนนี่ก็ยังไม่ยิ้มสักที เขาเลยนึกขึ้นได้ว่าซื้อขนมดอกกุหลาบมาให้อีกคน
   คราวนี้ต้องยิ้มได้แน่ๆ
   และก่อนจะถึงบ้าน
   “เดี๋ยวก่อน พี่มีของจะให้”
   “อะไรเหรอ?” หันมามองตาแป๋วเลยนะ เลิกเบะปากแล้วสิ
   แล้วเขาก็หยิบดอกกุหลาบในกระเป๋าออกมา และไม่ผิดหวังจริงๆเด็กแก้มอ้วนทำตาโต ยิ้มกว้างตอนเห็นดอกกุหลาบในมือเขา อีกฝ่ายยื่นมือมาเหมือนขอเขา
   “ขอบคุณก่อน ถึงจะให้”
   จุ๊บ
   ไอ้ตอนแรกก็นึกว่าจะแค่ไหว้ ขอบคุณธรรมดา ใครจะคิดว่าเด็กนั่นจะมาจุ๊บแก้มเขาเล่า เล่นเอาเขายืนแข็งทื่อ ปล่อยให้อีกคนแย่งกุหลาบไปถือง่ายๆ
   “นายตกใจอะไร ก็คุณนาบอกว่าเวลาขอบคุณให้หอมแก้มได้  คุณนายังชอบให้เราหอมแก้มเลย คุณนาบอกเวลาไม่ชอบไหว้ให้หอมแก้มได้ แล้วคุณนาก็จะทำขนมหวานให้เรากิน”
   แม่เขานี่สอนอะไรไม่เข้าท่า  แล้วถ้าเด็กนี่ไปหอมแก้มคนอื่นจะทำยังไง
   “อันนี้กินได้ไหม?”
   “กินได้ มานี่แกะให้ ระวังแม็กตำมือ”
   เขาแย่งดอกกุหลายกินได้ของอีกคนมาแกะ พยายามทำตัวนิ่งๆไว้ ถึงหูจะแดง แต่เราห้ามแสดงออก เขาแกะเสร็จแล้วก็ยื่นให้เด็กตรงหน้า
   “อร่อยไหม?”
   “อร่อย หวาน เราชอบ ขอบคุณนะ”
   แต่ในตอนที่เขากำลังภูมิใจกับตัวเองที่อีกฝ่ายชมว่าอร่อย เด็กนั่นก็กัด ดอกกุหลาบแข็งๆลงไปเต็มที่ มันจะไม่เป็นไรเลยถ้าเขาไม่ได้ยินเสียงเหมือนฟันหัก
   นี่เขาไม่ได้บอกหรอว่าอย่ากัดน่ะ เพราะว่ามันแข็ง
   แล้วเด็กนั่นก็เริ่มเบะปาก ร้องไห้
   “เราไม่กินขนมนายแล้ว นายทำฟันเราเลือดออก แงงง!” เขาที่ทำอะไรไม่ถูกเลยรีบอุ้มไอ้เด็กแก้มอ้วนขึ้น
   “โอ๋ๆไม่ร้องนะ พี่ไม่ได้แกล้ง แม่!  แม่ครับ น้องฟันหัก แม่!”






*******************************
   คิดถึงเราไหมมม
เราคิดถึงนะ
เป็นตอนพิเศษเล็กๆน้อยที่นำมาฝากกัน คิดว่าน่าจะนึกภาพกันออกนะ กุหลาบที่มันเป็นเยลลี่แข็งๆ ที่เขาขายเป็นไม้ๆน่ะ เราไม่แน่ใจว่าเรียกว่าอะไร ถ้าผิดยังไงก็ขอโทษด้วยนะคะ
หวังว่าทุกคนชอบนะคะ แล้วเราก็มีแฟนอาร์ตเล็กๆมาฝากด้วย!
สำหรับเล้าเป็ดนะคะ เราลงรูปไม่ได้จริงๆค่ะ พยายามแล้ว สามารถดูรูปได้ที่  readawrite และ เด็กดีนะคะ
ขอโทษด้วยนะคะ
หัวข้อ: Re: ็(END)Hello there ว่าไงน้องหมวย ตอนพิเศษ วันวาเลนไทน์ 7/4/2562
เริ่มหัวข้อโดย: บีเวอร์ ที่ 09-04-2019 07:56:48
 :ruready
หัวข้อ: Re: ็(END)Hello there ว่าไงน้องหมวย ตอนพิเศษ วันวาเลนไทน์ 7/4/2562
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 09-04-2019 09:33:18
น่ารัก~
หัวข้อ: Re: ็(END)Hello there ว่าไงน้องหมวย ตอนพิเศษ วันวาเลนไทน์ 7/4/2562
เริ่มหัวข้อโดย: Gatjang_naka ที่ 18-04-2019 07:17:29
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ็(END)Hello there ว่าไงน้องหมวย ตอนพิเศษ วันวาเลนไทน์ 7/4/2562
เริ่มหัวข้อโดย: Girin ที่ 01-05-2019 16:53:10
เรามีอะไรจะมาอวด...!


หลังจากที่เนื้อหาของเราได้จบไปนานแสนนาน
และแล้ว....
ในวันนี้...
น้องมีปกแล้วค่ะทุกคน///ปรบมือๆๆๆๆ
(http://)
น้องได้ตีพิมพ์กับสำนักพิมพ์ฟาไฉนะคะ ต้องขอบคุณทางสำนักพิมพ์มากๆเลย
คาดว่าน่าจะได้ออกทันงาน BL เดือนมิถุนายนนี้ เย้!
อีกข่าวสารนึงคือ เรามีแอคเคาท์ทวิตเตอร์แล้วค่ะทุกคน ซึ่งเราจะแจ้งอัพเดตข่าวสารทางนี้นะคะ แต่เราก็จะมาแจ้งทางเว็บด้วยเหมือนกัน
ยังไงก็ฝากน้องหมวยไว้ในอ้อมอกอ้อมใจของทุกคนด้วยนะคะ และฝากติดตามทวิตเตอร์ด้วย
ขอบคุณทุกๆคนมากเลยค่ะ
twitter : @gigirinn
*** เราไม่แน่ใจว่าเราจะสามารถทำให้ภาพขึ้นได้ไหม ต้องขออภัยจริงๆค่ะ ถ้าหากต้องการจะดูสามารถดูได้ในเว็บของเด็กดีหรือทางทวิตเตอร์ได้เลยนะคะ ขอโทษด้วยจริงๆค่ะ
หัวข้อ: Re: ็(END)Hello there ว่าไงน้องหมวย มีปกมาอวด 1/05/2562
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 02-05-2019 11:18:43
 :L2: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: ็(END)Hello there ว่าไงน้องหมวย มีปกมาอวด 1/05/2562
เริ่มหัวข้อโดย: Charmy ที่ 02-05-2019 22:35:00
 :hao6:
หัวข้อ: Re: ็(END)Hello there ว่าไงน้องหมวย มีปกมาอวด 1/05/2562
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 16-05-2019 02:13:45
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ็(END)Hello there ว่าไงน้องหมวย มีปกมาอวด 1/05/2562
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 16-05-2019 21:31:13
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ็(END)Hello there ว่าไงน้องหมวย มีปกมาอวด 1/05/2562
เริ่มหัวข้อโดย: ตัวยุ่ง ที่ 16-05-2019 21:42:53
น่ารักมากๆๆๆๆๆๆๆๆ หวีดหวานฟินมาตลอด มาเจอพี่ไทม์ตอนเมา จบกัน พระเอกสุดเพอร์เฟกของอิชั้น 555555 ดีใจที่สุดท้ายน้องเข้าใจกันกับครอบครัวนะคะ ตอนอ่านว่าน้องเจออะไรมาบ้างนี่สงสารมาก อยากกอดโอ๋เลย ขอบคุณสำหรับนิยายสนุกๆ นะคะ เป็นกำลังใจให้คุณนักเขียนสำหรับเรื่องต่อๆไปเลยค่า
หัวข้อ: Re: ็(END)Hello there ว่าไงน้องหมวย มีปกมาอวด 1/05/2562
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 23-05-2019 22:19:11
 ควรจะฟินมะตอนจบแต่ทำไมขำ
หัวข้อ: Re: (END)Hello there ว่าไงน้องหมวย พาน้องกลับบ้านกัน เล่มมาแล้ววว 25/05/62
เริ่มหัวข้อโดย: Girin ที่ 25-05-2019 21:20:05
ในที่สุดน้องก็มีเล่มแล้ววววววว
(http://)
ตอนพิเศษ : 7 ตอน
จำนวนหน้า : 296 หน้า
ราคา : 295 บาท
ของแถมประจำเล่ม : ที่คั่น 1 ใบ, โปสการ์ด 1 ใบ
พิเศษ รับกระจกทรงกลม ลายปก 1 ชิ้น แถมจนกว่าของจะหมด กระซิบว่าสวยมาก เรายังอยากได้เลยค่ะ!
เปิดพรีตั้งแต่วันที่ 25/5/62 - 5/6/62 (23.59 น.)
แจ้งโอนภายใน 6/6/62 (23.59 น.) และจัดส่งหลัง 9/6/62
นัดรับในงาน BL เริ่ม 12.00 -16.00 น.
สั่งจองได้ที่ http://www.facainovels.com    และวางขายที่งาน BL วันที่ 9 มิ.ย 62

รายละเอียดตอนพิเศษ
จะมี 3 ตอนที่ลงในเว็บแล้วและอีก 4 ตอนมีพิเศษเฉพาะในเล่ม
-ตอนพิเศษ ไม่สบาย
-ตอนพิเศษ หึง?
-ตอนพิเศษ ในวันที่เรายังเป็นเด็ก
-ตอนพิเศษ และในอีกสิบปีข้างหน้าที่เราโตขึ้น
   
   สุดท้ายนี้ก็อยากขอบคุณนักอ่านทุกๆคนจริงๆนะคะ ไม่รู้จะพูดยังไงดี//ปาดน้ำตา  น้องออกมาเป็นตัวเป็นตนได้ขนาดนี้ เพราะความเอ็นดูของทุกคนจริงๆค่ะ และอยากขอบคุณฟาไฉมากๆเลยที่ทำให้น้องของเราออกมาน่ารักสวยงามขนาดนี้
   อย่าลืมพาน้องกลับบ้านกันนะคะ

   Twitter : @gigirinn
มากดติดตามกันได้นะคะ

สุดท้ายจริงๆแล้วจ้า...
ในฐานะที่ตอนนี้เป็นฤกษ์งามยามดีที่เราปิดเทอมแล้ว ก็ขอเปิดเรื่องใหม่เลยแล้วกัน
ฝากน้องจินไปดูแลด้วยอีกคนนะคะ
https://writer.dek-d.com/dek-d/writer/view.php?id=1963662
   

หัวข้อ: Re: ็(END)Hello there ว่าไงน้องหมวย เล่มมาแล้ววว 25/05/62
เริ่มหัวข้อโดย: Girin ที่ 09-06-2019 21:42:15
มีน้องหมวยมาแจกค่ะ!

วันนี้เรามีน้องหมวยมาแจก 2 เล่มค่ะ พร้อมกระจกด้วยนะ…♥
***กิจกรรมนี้จะเล่นทางทวิตเตอร์เท่านั้นนะคะ***

กติกา
      เพียงเมนชั่นใต้โพสต์เกี่ยวกับนิยายเรื่องนี้หรือจะบอกเล่าถึงนิยายที่คุณชอบมากๆก็ได้(เราจะไปตามอ่านค่ะ เราว่าง555)และติดแท็ก#พี่ไทม์น้องหมวยโดยเราจะทำการสุ่มผู้ชนะ 2 คน
ประกาศผลในวันที่ 16 มิ.ย 62 ทางหน้าทวิตเตอร์ของเรา ถ้าพบว่าตัวเองเป็นผู้ชนะแล้วยังไม่เห็นเราติดต่อกลับไปต้องติดต่อกลับทางทวิตเตอร์ด้วยนะ เผื่อมีข้อผิดพลาดทางเทคนิค
Twitter : @gigirinn
ร่วมสนุกกับกิจกรรมนี้ https://twitter.com/gigirinn/status/1137729547481231360

             ตอนแรกก็อยากจะให้คอมเมนท์ในเว็บที่ลงนิยายแต่เนื่องจากเราลงหลายเว็บจะทำให้สุ่มลำบากและติดต่อกลับได้ยาก เราจึงเลือกเล่นในทวิตเตอร์ ต้องขออภัยในความไม่สะดวกด้วยน้า ยังไงก็อย่าลืมมาร่วมสนุกกันนะคะ...♥
ขอแอบฝากเรื่องใหม่ด้วย อ่านน้องจินได้ที่ https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70396.0


หัวข้อ: Re: ็(END)Hello there ว่าไงน้องหมวย มีน้องหมวยมาแจกค่ะ! 09/06/62
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 10-06-2019 14:49:43
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ็(END)Hello there ว่าไงน้องหมวย มีน้องหมวยมาแจกค่ะ! 09/06/62
เริ่มหัวข้อโดย: cutelady ที่ 12-06-2019 12:34:25
สนุกมาก  ชอบพี่  คุณเวลา :mew1:
หัวข้อ: Re: ็(END)Hello there ว่าไงน้องหมวย มีน้องหมวยมาแจกค่ะ! 09/06/62
เริ่มหัวข้อโดย: PanGii ที่ 13-06-2019 22:29:27
น้องหมวยสู้ชีวิตมากลูก น่ารักมาก
หัวข้อ: Re: ็(END)Hello there ว่าไงน้องหมวย มีน้องหมวยมาแจกค่ะ! 09/06/62
เริ่มหัวข้อโดย: Nobodylove ที่ 10-09-2019 21:54:01
 :z13: :3123:
หัวข้อ: Re: ็(END)Hello there ว่าไงน้องหมวย มีน้องหมวยมาแจกค่ะ! 09/06/62
เริ่มหัวข้อโดย: Nobodylove ที่ 16-09-2019 17:31:21
 o13 o13 o13 o13 o13 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ็(END)Hello there ว่าไงน้องหมวย มีน้องหมวยมาแจกค่ะ! 09/06/62
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 16-04-2020 08:50:29
 :pig4: