็(END)Hello there ว่าไงน้องหมวย มีน้องหมวยมาแจกค่ะ! 09/06/62
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ็(END)Hello there ว่าไงน้องหมวย มีน้องหมวยมาแจกค่ะ! 09/06/62  (อ่าน 38330 ครั้ง)

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ค้างงงงงงงงงงง   :z3: :z3: :z3:
ปฏิบัติการขอเป็นแฟนกับพี่ไทม์ได้ผลเกินร้อย+

พี่ไทม์ อิณ    :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ BAKA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3025
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-10
เหมือนคนพี่รอเวลานี้มานานเนอะ แหมมมมมม

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
อีพี่เวลา พึ่งเป็นแฟนกันจะกินน้องหมวยละ คริคริ

ออฟไลน์ patchylove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1585
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +134/-4
 :hao6: แหมมมมม

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
ตัดแบบนี้เลยเหรอ?

ออฟไลน์ Girin

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1






น้องหมวยบทที่ 15

   แฟนผมฉลองการเป็นแฟนวันแรกด้วยฉากอีโรติก แฟนกันยังไม่ถึงวันก็คิดจะข้ามขั้นเป็นสามีเลยทีเดียว พี่มันไม่ใช่แฟนคนแรกของผมก็จริง แต่บทบาทเร่าร้อนมันทำให้สมองผมว่างเปล่า ก็เคยแต่คิสกันใสๆอะ  ผมเลยไม่มีวิธีรับมือกับพี่ไทม์เวอร์ชั่นคนหื่น  ได้แต่นอนหอบหายใจเป็นผัก
   สิ้นเสียงคำสั่งห้ามของผม คนตัวโตมันก็ยังไม่ได้สติ สายตาผมพร่ามัว แว่นผมคงตกอยู่สักที่ในห้อง สมองของผมขาวโพลน รับรู้แค่มือหนาๆมันไล้ไปมาอยู่ทั่วตัว มือของผมเป็นอิสระตอนไหนไม่รู้ แต่ตอนนี้เหตุการณ์มันเริ่มจะไปไกลแล้ว
   แฟนวันเดียวของผม
   มันกำลังจะเปิดเกมใต้สะดือแล้ว
   ฉิบหาย......
   ผมตั้งสติคว้ามือพี่มันไว้ก่อนที่มันจะโดนอะไรๆของผม ส่วนอีกมือ...
   แป๊ะ!!
   จัดเฮดช็อตไปหนึ่งที เสียงดังลั่นห้อง พี่มันเงยหน้ามองผมแล้วทำหน้าเหลอหลา เราสองคนชะงักข้างอยู่ประมาณห้านาที พี่ไทม์เป็นคนได้สติก่อน เขาลุกนั่งแล้วลูบหน้าลูบตาอยู่สองสามที ก่อนจะเปิดไฟแล้วเดินไปหยิบแว่นให้ผม
   แม่งตกอยู่หน้าประตู แถมยังมีสภาพพิการ ขาหักไปข้างนึง
   ผมรับแว่นมาใส่ ควานหาเสื้อมาสวม พี่มันยืนเกาคอแก้เก้อ หน้าแดงหูแดงไม่ต่างจากผม เราตกอยู่ในสถานการณ์กระอักกระอ่วน มือไม้ดูเกะกะไปหมด ผมยังงงๆอยู่ ไม่รู้ว่าควรจะกลัว ควรจะอาย หรือควรจะขอโทษดี เมื่อกี้ผมตบหัวพี่มันดังมากเลย
   “เอ่อ...”
   “....”
   “โทษที พี่ไม่ได้ตั้งใจจะทำให้กลัว”
   “อ่า ไม่เป็นไรครับ ผมก็ขอโทษที่ตบหัวพี่”
   “อือ มือหนักเหมือนกันนะเรา” พี่มันลูบหัวตัวเองป้อยๆเหมือนพึ่งรู้สึกเจ็บ
   “ผม ผมตกใจน่ะ” ก็มึงจะจับน้องกูอะพี่ มือมันก็ลั่นน่ะสิ
   “ตอนแรกก็แค่จะจูบเฉยๆ แต่มันดันอร่อย เลยชิมเพลิน ”
   ผมอ้าปากค้าง เราสามารถพูดว่าใครสักคนอร่อยได้หน้าตาเฉยแบบนี้เลยหรอ  แล้วคือมันชิมผมแทบทั้งตัว อีกนิดเดียวจะทั้งตัวจริงๆแล้ว เป็นคำแก้ตัวที่ไม่ได้รู้สึกผิดสักนิด ผมว่าผมตบหัวพี่มันเบาไปวะ
   “พี่อยากโดนผมตบอีกทีใช่ปะ”
   “เป็นแฟนแล้วดุจังแหะ” พี่มันยิ้ม
   “คืนนี้พี่ว่าพี่ไปนอนห้องไอ้แชมป์ดีกว่า”
   “พี่นอนนี่ก็ได้ ผมแค่ตกใจ...... ไม่ได้กลัว”
   “แสดงว่าให้พี่ทำต่อ....”
   “ไม่!  ไปนอนห้องพี่แชมป์เลยไป ผมไม่ใจดีแล้ว ผมโมโห”
   “โมโหแล้วหรอ” พี่ไทม์หัวเราะ เหมือนสนุกที่แกล้งให้ผมหงุดหงิดได้
   ผมลุกไปดันหลังพี่มันออกจากห้องเปิดประตูขับไล่เสร็จสรรพ พี่มันก็หันมามองผม สายตากรุ่มกริ่มจนผมนึกอยากจะถีบพี่แกออกไปแทน
   “พึ่งรู้ว่าสบู่ตัวเองหอมก็วันนี้”
   “นี่พี่คุยกับผมหรือแค่พูดกับตัวเอง”
   “หึ เป็นแฟนกันแล้วนะ”
   “อือ รู้แล้วน่า”
   พี่ไทม์มองหน้าผมแล้วยิ้มบาง แววตาประกาย มีความสุขจนปิดไม่มิด เออ หลังขอเป็นแฟนมันต้องซึ้งแบบนี้สิ มันต้องโรแมนติกไม่ใช่อีโรติก
   “อยู่ด้วยกันนานๆนะครับ..”
   เขาจูบที่ปากผมเบาๆก่อนจะปิดประตู เสียงโวยวายห้องข้างๆคือสิ่งที่ตามมา ผมล็อคห้องแล้วหันหลังยืนพิงประตู สองมือจับแก้มแล้วยิ้มกับตัวเอง พึ่งรู้ว่าหน้าร้อนขนาดนี้
   มีความสุขแหะ
   มันอิ่มอกอิ่มใจยังไงไม่รู้ ที่อยู่ๆโลกมันเป็นสีชมพู มันเป็นแบบนี้เองสินะ ผมหัวเราะกับตัวเองแล้วอยากจะกระโดดดีใจ ตะโกนว่าเยส ให้ลั่นห้องไปเลย 
   ผมคงจดจำคืนนี้ไปตลอดชีวิตแน่ๆ
   แหงละ ก็เกือบจะเสียตัวนี่ครับ
   
ขบวนการช่วยเพื่อนให้ออกเรือน (สมาชิก 5 คน)
   Inin
      มิสชั่นคอมพลีท
เรียกผมว่าอดัม
กระซิกๆ (สติกเกอร์ร้องไห้) ในที่สุดก็เป็นฝั่งเป็นฝาซะที
มันปริ่มใจ

Win
อย่าลืมสมคุณพวกพี่นะครับ5555
เพื่อนกูออกเรือนแล้วโว้ยยยยยย

ผมชื่อแช่มครับ
แล้วทำไมต้องให้มันมานอนเบียดพี่ละโว้ยยยยย

ปุนนะระงิงิ
(สติกเกอร์กระต่ายส่ายตูด) อิ้




   “ฮัลโหลพีท เลิกเรียนยัง”
   “เลิกแล้วพี่”
   “พี่ซื้อขนมมาฝากแม่ มีของเราด้วย วันศุกร์ว่างรึเปล่า”
   “ว่างๆ”
   ผมซื้อขนมหม้อแกงเจ้าอร่อยมา แม่ผมชอบกินขนมหม้อแกงของร้านนี้ เพราะมันไม่หวานจนเกินไป ผมเลยซื้อไว้สี่ห้าถาด ของแม่แล้วก็ของพีท จริงๆก็มีของลุงกับป้า แต่สองคนนั้นไม่รู้จะยอมกินรึเปล่า ผมเลยไม่ให้พีทบอกพวกเขาว่าเป็นของผม แต่กับแม่ผมให้บอกไปตรงๆว่าผมซื้อมา และจากสองสามครั้งที่ผ่านมาเวลาฝากของกินไปให้ แม่ผมเขาก็กินหมดทุกอย่าง แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไรถึงผมอยู่ดี
   ก็แค่อยากให้รู้ว่าห่วง ถึงไม่ได้โทรหาก็เถอะ
   แม่ผมสงสัยว่าทำไมพีทถึงเอาของฝากมาให้ ผมก็ให้เขาอธิบายไปตรงๆว่าเราคืนดีกันแล้ว ผมว่าผมได้คะแนนอยู่นะ ตอนที่พีทเล่าว่าผมไปช่วยเขาตอนกำลังโดนซ้อม น้องผมนี่ทำดีจริงๆ รอบนี้เลยแถมขนมหม้อแกงให้สองถาดเลยคนเดียว
   “งั้นเดี๋ยววันศุกร์ พี่ไปหาหลังเลิกเรียนแล้วกัน” วันนั้นงดซ้อมกีฬา ผมเลยตกลงนัดเจอพีทที่โรงเรียน
   “จะแวะมาบ้านไหม พีทว่าแม่พี่เขาก็ดูอยากเจอพี่นะ”
   “แต่ลุงกับป้าไม่ได้อยากเจอ เอาไว้ก่อนแล้วกัน”
   “ตามใจพี่ แต่เออ คนที่ร้านเขามาเล่าให้พีทฟังว่าเสาร์อาทิตย์ ตอนบ่ายๆแม่พี่ออกไปไหนก็ไม่รู้ แล้วก็จะกลับมาตอนเย็นๆ เป็นแบบนี้มาสองสามอาทิตย์แล้ว พีทมาไม่ทันทุกที พอจะตามไป แม่พี่ก็ออกไปก่อนแล้ว”
   “ออกไปตอนบ่ายๆหรอ พี่ก็ไม่รู้วะ ปกติเขาก็ไม่เคยไปไหนนะ”
   “มันแปลกๆนะพี่ เขาไม่ได้บอกใครไว้เลยด้วยว่าจะไปไหน บอกแค่เย็นๆจะกลับ”
   “ไว้พี่จะลองตามไปดู แต่ช่วงนี้พี่ยุ่งๆเรื่องกีฬา เลยไม่ค่อยมีเวลา”
   “ไม่เป็นไร ถ้ามีอะไรจะโทรไปละกัน”
   “โอเค เจอกันวันศุกร์”
   “โอเค”
   ติ้ดด
   ความสัมพันธ์ของผมกับพีทดีขึ้นเรื่อย อย่างน้อยเราก็คุยกันได้แบบไม่อึดอัด แต่เพราะเราไม่ได้สนิทกันตั้งแต่แรก มันก็เลยยังมีความเกรงใจอยู่บ้าง แต่เดี๋ยวนี้เขาก็พูดกับผมมากขึ้น เปิดใจกับผม เริ่มกวนตีนใส่ อันนี้เห็นชัดมาก
   แต่แม่ผมไปไหนนี่สิ?  คือปกติแล้วเขาก็จะออกไปห้างบ้างอะไรบ้าง แต่ไปหลายวันติดๆกัน ผมว่ามันน่าสงสัย ผมกลัวว่ามันจะเป็นแบบในละคร ที่เขาอาจจะป่วยแล้วแอบไปโรงพยาบาลคนเดียว หรือเขาอาจจะไปเล่นไพ่กับคนแก่ๆแถวบ้าน ผมไม่รู้เลยว่าเขาจะไปไหน และมันทำให้ผมกังวล
   บางทีผมอาจจะต้องลองตามไปดู แต่มันติดที่ผมต้องทำงาน
   ผมอาจจะต้องลางานสักวัน
   ผมแอบเอาจีพีเอสติดไว้ แล้วใช้แว่นสะกดรอยแบบโคนันได้ปะวะ
   ผมเดินกลับมาหาก่อเกียรติที่นั่งอยู่ที่อัฒจันทร์ ฝ่ายสวัสดิการต้องมานั่งเฝ้านักกีฬา คอยดูแลเรื่องน้ำ คอยพยาบาลเวลาบาดเจ็บ
   “มึงลงกีฬาไรบ้างเนี่ย” ก่อเกียรติถามหลังจากผมทรุดนั่งข้างๆเขา
   “บอลเป็นหลัก ที่เหลือ ถ้าขาดค่อยไปช่วยทีหลัง”
   “เกิดเป็นผู้ชายนี่ลำบากเนอะ”
   “ลำบากเพราะผู้ชายอย่างมึง หนีไปอยู่สวัสนี่แหละ”
   “กูขี้เกียจมาซ้อม”
   “เลยยอมมาเฝ้ากระติกน้ำ?” ผมขำ ไม่ต้องซ้อมกีฬาก็จริง แต่ก็ต้องแบกกระติกน้ำมานั่งเฝ้าผมทุกวันอยู่ดี
   “เรื่องของกู แล้วผัวมึงเป็นไงมั้ง แฮปปี้ปะ”
   “เป็นแฟน ยังไม่ใช่ผัวครับเพื่อน” ผมแย้งทันที  มันอาจจะพลิกล็อคก็ได้ ใครจะรู้ ของแบบนี้มันสลับโพซิชั่นกันได้
   “แล้วเป็นไง โอเคป้ะ ไม่ค่อยเจอเลย ปีสามยุ่งหรอวะ”
   “เออ กูก็เจอแค่ตอนเขามารับไปส่งที่ห้องนี่แหละ กูว่ามันก็สบายใจดีนะ ไม่ได้คุยกันตลอด แต่ก็ไม่เคยหาย”
   “ลำไย หน้าอย่างมึงไม่น่าได้กับคนหล่อๆแบบพี่เขาเลย เสียของชิบหาย”
   “กวนตีน ” เรานั่งคุยกันพลางดูบอลในสนาม ผมก็นั่งอู้ไปเรื่อยจนกว่ารุ่นพี่จะเปลี่ยนให้ผมลงเล่นนั่นแหละ มหาลัยตอนเย็นๆนี่คึกคักดีจริงๆ
   “แล้วเมื่อไหร่จะเลี้ยงสมนาคุณซะที กูรอแดกเบียร์ฟรีอยู่นะ”  เบียร์หนึ่งเยือก บรรณาการแด่ผู้ร่วมขบวนการของผม เอาจริงผมว่ามันน้อยไป แต่คืองบผมจำกัดไง ถ้าจะสั่งเพิ่มก็ค่อยหารเอา
   “พวกพี่เขาบอกกูว่าพรุ่งนี้ว่าง กูเลยนัดเขาพรุ่งนี้ หลังซ้อมเสร็จ”
   “ร้านไหน”
   “ร้านพี่เก๋ มีทั้งเบียร์ มีทั้งชาบู”
   “แจ่ม แล้วแฟนมึงไปปะ”
   “ตามไปทีหลัง ไปซื้อของให้แม่”
   “บอกพี่ไทม์ห้ามเบี้ยวนะเว้ย กูอุตส่าห์เสี่ยงชีวิต ปีนบันไดไปติดไอ้ดาวเขียวๆให้เลยนะ” ผมมองหน้าเพื่อนสนิทที่แสร้งทำหน้าจริงจัง ในแผนคือเพดานห้องมันสูง ก่อเกียรติมันเลยต้องไปหาบันไดก่อสร้างมา เป็นภารกิจที่โคตรลงทุน บอกเลย
   “เออ ไม่เบี้ยวหรอก ขอบใจที่ยอมเสี่ยงชีวิต เพื่อให้เพื่อนเป็นฝั่งเป็นฝานะครับ ซึ้งในพระคุณสุดๆเลย”
   “เออ ดีมากไอ้หมวย หาของมาเซ่นตอบแทนกูซะ”
   ผมได้ลงไปเล่นในสนามอีกครั้ง พอซ้อมเสร็จพี่ไทม์ก็มารอพอดี ตั้งแต่วันแรกที่ยังเป็นคนแปลกหน้า จนวันนี้ที่เป็นแฟนกัน พี่แกก็ยังหล่อเหมือนเดิม ยังยิ้มร้ายๆให้ผมเหมือนเดิม ที่เปลี่ยนคงจะเป็นสายตาละมั้ง มันดูมีแต่ความดีใจทุกครั้งที่เจอกัน
   “ไงเรา กินไรดี” เขาเดินมากอดคอผมแล้วเดินไปที่รถ ผมว่าเราดูเหมือนพี่น้องมากกว่าแฟนอีก พี่มันก็เลี้ยงดูผมเหมือนเลี้ยงน้องเลยด้วย ขุนกันดีชะมัด
   “กินก๋วยเตี๋ยวก็ได้ นี่พึ่งเลิก หรือเลิกนานแล้วเนี่ย” ผมถามหลังจากพี่ไทม์ออกรถ ต่างคนต่างเหนื่อยล้า แต่ยังอยากมาเจอกัน เป็นความรู้สึกที่ไม่ได้เจอมานานแล้วแหะ มันดีจริงๆนั่นแหละที่รู้ว่าใครสักคนกำลังรอไปกินข้าวพร้อมเราอยู่
   “ใครเขาสอนถึงสองทุ่มกันละครับน้อง พี่นั่งทำรายงานรอเราอยู่” พี่มันพูดติดขำ
   “อ่อ เหนื่อยปะ ผมขับให้ไหม ผมเคยบอกรึเปล่าว่าขับรถเป็น”
   “ไม่เคย ขับเป็นด้วยหรอ มีใบขับขี่รึเปล่า”  เขาหันมาถามผม
   “ไม่มีหรอก แต่ขับเป็น เคยขับไปส่งของให้ที่บ้าน”
   “แล้วตกลงวันศุกร์จะไปหาพีทใช่ไหม”
   “ใช่ ไปหาที่โรงเรียน  จากนี่ไปโรงเรียนใกล้กว่าบ้านผม เดี๋ยวผมไปเอง” ผมดักทางไว้ เพราะรู้ว่าเขาจะต้องเสนอตัวไปส่งผมแน่ๆ บางทีผมก็หมั่นไส้กับความหล่อที่มาความดีของพี่มัน เขามองผมแบบครุ่นคิดอยู่แปปนึงแล้วหันไปกลับมองถนนต่อ
   “เอางั้น ก็ได้ ถึงแล้วบอกพี่ด้วยละกัน” เพราะเราเป็นผู้ชายกันทั้งคู่ บางเรื่องพี่เขาก็ว่าง่าย เวลาทำตัวเชื่องๆนี่น่ารักจริงๆเลย
   เราแวะกินก๋วยเตี๋ยวข้างทางด้วยกัน พูดคุยกัน ใช้เวลาไม่นานรถคุ้นตาก็จอดหน้าหอผมเหมือนเคย จู่ๆผมก็นึกอยากให้ถนนมันรถติดกว่านี้ อยากให้ก๋วยเตี๋ยวมันให้เยอะกว่านี้ ผมจะได้ใช้เวลากินนานๆ อยากให้ตัวเองมีข้ออ้างมากกว่านี้ แต่มันก็คงจะเห็นแก่ตัวเกินไป  หลายวันที่ผ่านมา ต่างคนต่างยุ่งเรื่องของตัวเอง ได้เจอกันแค่ตอนกลับ คุยกันก่อนนอนได้แปปเดียวผมก็หลับคาโทรศัพท์ ไลน์คุยกันสองสามคำแค่ย้ำให้ผมกินข้าวให้ตรงเวลา
   “พรุ่งนี้ผมไปรอที่ร้านเลยนะ”
   “โอเค เดี๋ยวพี่รีบตามไป”
   “งั้น.... ผมขึ้นห้องแล้วนะ” พี่มันมองผมเหมือนจะพูดอะไรต่อแต่ก็ไม่พูด ผมยิ้มให้เขาก่อนจะเปิดประตู แต่แขนก็ถูกดึงไปซะก่อน
   พี่มันประกบริมฝีปากผมแบบไม่ทันตั้งตัว แถมยังสอดลิ้นเข้ามา จังหวะการจูบโหยหาจนผมหายใจไม่ทัน พี่มันดูดปากล่างผมเบาๆก่อนจะถอนจูบออกอย่างอ้อยอิ่งด้วยท่าทางเซ็กซี่ แววตาดูเรียกร้อง
   ดูแล้วน่าอร่อย
   หืม?
   ผมเข้าใจแล้วว่าความรู้สึกชิมจนเพลินมันเป็นยังไง พี่มันตอนนี้ดูน่ากินชะมัด ผมไม่เป็นทรง กับแววตาสุดเซ็กซี่ เสื้อนักศึกษาหลุดลุ่ยนิดๆ พอผมมองนานเข้าพี่แกก็เริ่มหูแดง ผมเม้มปากกับท่าทางคนตรงหน้า
   “เอ่อ ขับรถกลับดีๆนะพี่ ผมไปแล้วนะ”
   “ถึงห้องแล้วพี่จะโทรหานะ” เขายิ้มให้ผม ผมลงจากรถ โบกมือบ๊ายบาย รอจนรถหายลับตาถึงค่อยขึ้นห้อง
   ผ่านไปอีกวัน กับวันธรรมดาๆ ที่มันพิเศษเพราะใครอีกคน





“ชนครับบบบบบบ!!!!!”
แกร๊งงง
“เอาละครับ ในวันนี้ พวกเรา เหล่าขบวนการช่วยเพื่อนให้ออกเรือน  ได้ทำภารกิจเสร็จสิ้นแล้ว ต่อจากนี้จะเป็นการเฉลิมฉลอง ถึงเวลาอันสมควรแล้วครับ ทุกท่าน เชิญเทหมูลงหม้อได้เลยครับ”
พี่ปุนพูดกล่าวด้วยอินเนอร์พิธีกร ก่อนจะตัดริบบิ้นด้วยการตอกไข่ใส่หม้อ
“หมูสไลด์ถาดนี้ พี่แชมป์ขออวยพรให้น้องหมวยของพี่ น่ากิน เอ้ย น่ารักแบบนี้ไปนานๆ ฝากไอ้ไทม์เพื่อนพี่ด้วยนะครับ” เกลียดการแสร้งพูดผิดจริงๆเลย
“ผักบุ้งกำนี้ พี่ปุนก็ขอให้น้องหมวยจำไว้นะครับ ไอ้ไทม์มันกลัวเมีย อย่าไปเกรงใจมันครับ”
“ปูอัดจานนี้ พี่วินคนนี้ก็ขอให้ถือไม้เท้ายออดทองกระบองยอดเพชรนะครับ” เหมือนพาพี่เขามารดน้ำสังข์ แต่ใช้ปูอัดแทน
“สุดท้าย ตับจานนี้จากอดัมเพื่อนรัก  ก็ขอมึงโดนพี่ไทม์ตับๆๆๆๆๆไวๆนะครับ”
“ก่อเกียรติ ไอ้เหี้ย!”
“ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆ”
   เป็นการอวยพรด้วยชาบูของแท้ ลัทธิชาบูชัดๆ เราเททุกอย่างลงหม้อ จิบเบียร์ไปพลางๆ แต่จนเปิดหม้อกินก็แล้ว เบียร์จะหมดเยือกก็แล้ว  พี่ไทม์ก็ยังไม่โผล่มา ผมโทรหาก็ไม่รับสาย ผมชักจะใจคอไม่ดี เกิดอะไรขึ้นกับพี่มันรึเปล่า
   “ไทม์มันไม่เป็นไรหรอก รถติดมั้งเลยมาช้า ไอ้ห่านี้ชอบเปิดสั่นไว้ มันคงไม่ได้ยินเสียงโทรศัพท์น่ะ” พี่แชมป์พูดกับผม พลางคีบตับมาให้เพื่อปลอบใจ ผมพยักหน้าขอบคุณแล้วเอาตับใส่ปาก เรามากันหลายคนเลยเลือกนั่งโต๊ะด้านนอกร้าน
   “หน้าแดงแล้ว อย่ากินเยอะ เมาขึ้นมา ไอ้ไทม์เอาพวกพี่ตาย” พี่ปุนพูดแล้วทำหน้าสยดสยอง แต่ความจริงผมยังไม่เมา ยังไม่มึนด้วย หน้ามันแดงไปเอง
   “ไอ้นี่เมายากครับ พี่ไม่ต้องห่วงหรอก” ก่อเกียรติบอกแล้วเอาผักกาดมาห่อหมูเข้าปาก
   “พวกพี่คบกับพี่ไทม์มาตั้งแต่ปีหนึ่งเลยหรอครับ?” ผมถามแล้วมองหน้ารุ่นพี่ที่แสดงความน่าเชื่อถือด้วยการแย่งปลาหมึกในหม้อ
   “พวกพี่รู้จักกันตั้งแต่มัธยมแล้ว รู้กันหมดไส้หมดพุง” พี่วินตอบผมทั้งที่ปลาหมึกยังเต็มปาก ช่างน่าเชื่อถือจริงๆ
   “แล้วพี่ไทม์เขาเคยมีแฟนเป็นผู้ชายมาก่อนไหมครับ” ผมถาม
   “ไม่ เราน่ะคนแรก แต่มันเป็นพวกไม่ได้แคร์นักอะ ชอบก็ชอบ มันดูชอบเราง่ายก็จริงนะ แต่กว่าจะเจอคนที่มันชอบนี่ โคตรยากเลย” พี่ปุนอธิบายด้วยน้ำเสียงจริงจัง แต่มือยังเด็ดผักบุ้งใส่หม้อ
   “จริง พี่รู้จักมันมาตั้งนาน เห็นมันมีแฟนแค่คนเดียวเอง ทั้งที่คนชอบมันเป็นล้าน หมั่นไส้แม่งชะมัด” พี่แชมป์เสริมแบบเกรี้ยวกราดเล็กน้อย
   “แสดงว่าพวกพี่เจ้าชู้มีแฟนเป็นสิบเลยสินะครับ”
   “น้องก่อเกียรติอย่าพูดแบบนั้นสิครับ พวกพี่น่ะ ใสๆ” พี่แชมป์ทำท่าสะบัดบ๊อบ
   “จริงๆพวกพี่ไม่ต้องพูดเพราะกับพวกผมก็ได้นะครับ เรียกน้องๆ ผมรู้สึกเหมือนเป็นเด็กโข่งยังไงไม่รู้” ก่อเกียรติพูด ซึ่งผมก็เห็นด้วย รู้สึกเด๋อๆทุกทีเวลาโดนเรียกน้องหมวย  น้องก่อเกียรติ โคตรไม่เข้ากับเด็กผู้ชายตัวสูงๆสองคน
   “ได้ ไอ้ก่อเกียรติ ไอ้เด็กเวร อย่าแย่งหมูกู”
   โอเค ผมจะชื่นชมว่าพี่เขาเป็นคนปรับตัวเก่งแล้วกัน
“นี่อะไรครับ” พนักงานเสิร์ฟคนนึงที่ผมไม่รู้จัก ยกถาดมาที่ให้สามสี่ถาด ทั้งที่บนโต๊ะไม่มีใครสั่งเพิ่ม
    “เนื้อสไลด์ครับ”
   “ไม่ได้สั่งเพิ่มนะครับ” ค่าชาบูเป็นรายหัว ทุกอย่างรีฟิลได้หมด ยกเว้นแค่เบียร์กับเนื้อ ที่จะคิดแยก เราเลยสั่งแค่เบียร์แล้วกินทุกอย่างที่รีฟิลได้ เพื่อประหยัดงบ
    “เอ่อ โต๊ะด้านนั้นให้ผมเอามาส่งครับ แล้วก็ฝากนี่มาให้ด้วย ขอตัวก่อนนะครับ” ผมมองไปตามที่พนักงานชี้ ถัดไปสองโต๊ะ มีผู้หญิงน่ารักคนนึงขยิบตาให้ผม ผมก้มหัวให้เล็กน้อย ก่อนจะหันกลับมาดูกระดาษที่รับมา
    ไอดีไลน์
    ตั้งแต่เข้ามหาลัยมา นี่คนแรกเลยแหะที่จีบผม มีแฟนแล้ว แต่อดไม่ได้จริงๆที่จะภูมิใจกับความหล่อของตัวเอง แต่เดี๋ยวนี้ เขาจีบกันผ่านเนื้อสไลด์แล้วหรอวะ
   “มึงสั่งเนื้อมาเหรอวะ แล้วนั่นกระดาษอะไร” ก่อเกียรติถามผมพลางกวาดเนื้อในถาดลงหม้อโดยไม่รอคำตอบ
   “มีคนสั่งมาให้ ผู้หญิงโต๊ะนั้น คนที่น่ารักๆทางขวา”
   “จีบมึง?”
   “เออ เขาให้ไลน์มาด้วย”
   “ทำใจหน่อยนะ มหาลัยพี่มันไม่ค่อยมีร้านเหล้า จีบกันทีก็ผ่านร้านชาบูนี่แหละ ฮ่าๆๆๆๆๆ แหม แต่น่ารักด้วยวะ ทำไมเขามองข้ามความหล่อของพวกพี่ไปได้วะ” พี่แชมป์พูดกับผมแล้วหยิบกระดาษไปดู
   “นั่นดิ สงสัยชอบกินเด็ก แต่พลาดไปหน่อย ดันไปจีบคนไม่โสดคนเดียวบนโต๊ะซะได้” พี่ปุนส่ายหัว  ผมพับกระดาษแล้วเอาจานทับไว้ หันไปสนใจเนื้อในหม้อแทน
   “โห ไอ้สัสไทม์กว่าจะมา มึงขับรถไปหรือนั่งสองแถวไปวะ”
   พี่ไทม์มากระแซะนั่งข้างผมทันทีที่โผล่มา เขาอยู่ในชุดเสื้อบอลกางเกงขาสั้น เหงื่อซึมเล็กน้อย คงเพราะที่จอดรถมันอยู่ไกล
   “ทำไมพี่ไม่รับโทรศัพท์?” ผมถามทันทีด้วยน้ำเสียงจริงจัง ตีหน้าดุใส่คนตัวสูง มาช้ารถติดยังไงก็น่าจะรับโทรศัพท์บอกกันหน่อย
   “โทรศัพท์พี่อยู่ที่มัน” พี่ไทม์พูดแล้วชี้ไปที่พี่ปุน เขาขมวดคิ้วมองเพื่อนตัวเอง ขณะที่พี่ปุนเลิกคิ้วงงๆ
   “อยู่ที่กู?”
   “มึงเปิดกระเป๋า”พี่ปุนหันไปหยิบเป้แล้วเปิดดู เขาหยิบโทรศัพท์พี่ไทม์ออกมาแล้วยิ้มแหย
   “เออวะ โทษที อย่างอนน่า โอ๋เอ๋ เพื่อนไทม์คนดี คิคิ”
   “กูโดนน้องดุเลยเห็นไหม” พี่มันทำหน้าแสร้งกลัวจนผมหมั่นไส้ ยังไม่ได้ดุสักคำ
   “ผมยังไม่ได้ดุสักหน่อย” ผมบ่นอุบอิบ
   “มึงจะแดกไรเพิ่ม เอาน้ำไร ไม่มีเหล้านะ จะกินเบียร์เหรอ” พี่แชมป์ถามคนพึ่งมาพร้อมโยนใบเมนูส่งให้
   “ไม่ดีกว่า กูขับรถมาวะ”
   “พี่กินเบียร์กับผมก็ได้”
   “อยากจูบพี่ทางอ้อมหรอ จูบจริงๆเลยก็ได้นะ” พี่มันพูดทีเล่น แต่ผมรู้ว่ามันอยากทำจริง คบกันแล้วก็ยังหยอดไม่เลิก ผมไม่สนใจคนแจกอ้อย ยังไงวันนี้หมูก็อร่อยกว่า พี่มันก็อมยิ้มแล้วตักหมูในหม้อต่อ
   “นี่กระดาษอะไร?”
 ชิบหายแล้ว
 ลืมซ่อน พี่มันเปิดดูก่อนที่ผมจะห้ามได้ทัน
   “ใครให้มา ของเราหรอ?” พี่ไทม์ถามผมด้วยสีหน้าไม่ค่อยพอใจ
   “มีผู้หญิงคนนึงให้มา อย่าสนใจเลยน่า กินกุ้งดีกว่าๆ” ผมเบี่ยงความสนใจพี่แกด้วยกุ้งตัวใหญ่ แกะให้เรียบร้อยเลยด้วย แต่ดูเหมือนจะไม่ได้ผล
   “มีคนมาจีบทำไมไม่บอกพี่”
   “ก็ผมไม่ได้สนใจเขาไง ”
   “แต่ก็รับไลน์เขามา?”
   “ไม่ได้รับ พนักงานเขาเอามาให้ ทำไมพี่งอแง”
   “ว่าพี่งอแงด้วย?” เขาทำตาโตใส่ผม จนผมอดมองบนไม่ได้ ท่าทางตัดพ้อนี่มันเสแสร้งชัดๆ
   “ก็เนี่ยพี่กำลังงอแง”
   “งั้นวันนี้แบกพี่กลับห้องด้วยแล้วกัน พี่คงขับกลับไม่ไหว หรือน้องจะทิ้งพี่ไว้หน้าหม้อชาบูก็ตามใจ ไอ้ปุนเอาเบียร์มาดิ!”
   “แน่ใจ? พวกกูไม่แบกกลับนะครับ”
   “เอามา อย่าพูดมาก”
   ผมมองตามคนงอแงด้วยสายตาไม่เข้าใจ มางอแงใส่ผม แล้วก็บอกให้ผมแบกกลับ มีตัดพ้อว่าผมจะทิ้งไว้ที่ร้านด้วย แล้วก็หันไปกระดกเบียร์เฉย
   ว้อท?
   “ไม่เกินสองแก้ว เดี๋ยวรู้เรื่อง ไม่ต้องตกใจครับน้อง มันแค่อ้างอยากให้น้องไปค้างห้องมันเท่านั้นแหละ กูรู้ทันไอ้สัส มาทำงอแง น่าหมั่นไส้ ไอ้ชิบหาย”
   “แชมป์มึงอย่าพูดมาก” พี่ไทม์หันไปดุเพื่อน ในขณะที่ทุกคนบนโต๊ะมองเขาด้วยสายตาเอือมระอา ผมก็เช่นกัน 
   “ก็คิดถึง อยากกอด” พี่ไทม์บ่นอุบอิบแบบที่ตั้งใจให้ผมได้ยิน ผมมีเรียนเช้าแทบทุกวัน ในขณะที่อีกคนเรียนบ่าย ผมอยากให้เขาได้นอนเยอะๆเลยตัดสินใจไม่ไปค้างด้วย
   “น้อยใจหรอครับ”
   “เปล่าซะหน่อย ก็แค่ ไหนๆก็มีเรื่องให้งอแงทั้งที เลยอ้างให้ไปค้างด้วยเฉยๆ”
   “ร้ายนะครับ”
   “อยากอยู่ด้วยนานๆ ผิดเหรอ?”  พี่มันพูดพลางกระดกเบียร์จนหมดแก้ว หน้าแดงแล้วแหะ นี่จะเมาแล้วหรอ พึ่งหมดแก้วแรกนะเนี่ย
   เรานั่งกินนั่งคุยกันไปเรื่อย เป็นชาบูมิตรสัมพันธ์หรรษาที่แท้ทรู กระชับมิตรผ่านหมูสไลด์ ปรองดองด้วยกันเห็ดเข็มทอง พวกพี่เขาก็บ่นนู่นนี่ให้ฟัง เมาส์อาจารย์คนนู้นคนนี้ เวลาผ่านไปจนผมไม่ได้สังเกตว่าคนข้างๆเงียบผิดปกติ หันมาดูอีกทีพี่แกก็หน้าแดงจัด มือไม่ยอมวางแก้วเบียร์เลย
   “เมาแล้ว กูเห็นเงียบไปตั้งแต่แก้วที่สอง แดกเบียร์ทีไรเป็นงี้ทุกที”
   “นี่เขาเมาแล้วหรอครับ” ผมถามพี่ปุน
   “ลองคุยดูดิ เห้ยไอ้ไทม์ เมาแล้วเหรอวะ”
   “อะไรร กูยังไม่เมา” ไม่เมาครับ แต่เสียงอ้อแอ้มาเลย ผมยิ้มขำ
   “ฮะๆๆๆๆ ไม่เมาเหี้ยไร คอพับเลยมึง”
   “อยากเต้นวะ!” เห้ยเดี๋ยว... จู่ๆพี่มันก็ผุดลุกขึ้น ตัวเซไปมาจนผมต้องลุกตามไปประคองไว้
   “ไหนๆเพลงไรๆโชว์ดิ” พี่วินถามด้วยความสนุกสนาน นี่มันคือสถานการณ์ปกติแบบไหนวะ ผมยังเหวอ ขณะที่พี่ๆบนโต๊ะยกโทรศัพท์เตรียมอัดคลิป
   บอกผมทีว่าเขารู้ตัวใช่ไหมว่าตัวเองเมาแล้วจะเป็นแบบนี้ถึงได้ยอมกินเบียร์....
   “มึงเคยฟังเสือร้องไห้ปะ กูว่ากูไม่ได้ยินเพลงนี้นานและ เดี๋ยวร้องให้ฟังๆ”
   “เห้ยพี่ใจเย็น เต้นไรตรงนี้ เมาแล้วก็กลับห้องปะ เดี๋ยวไปส่ง” ผมร้องห้าม แล้วกดๆคนตัวสูงให้นั่งลง คนมองกันเต็มแล้วโว้ยยยยยย
   “อะไร! อย่ามาห้าม มึงเป็นใคร พวกมึง ไอ้หน้าตี๋นี่ใคร” คนหน้าแดงมองผม ขมวดคิ้วสงสัยผมจริงจัง ตัวเซไปมาแถมเสียงยังอ้อแอ้ แล้วคือ...
   จำกูไม่ได้?
   เมาแล้วจำแฟนตัวเองไม่ได้?  โอ้ชิท ผมนี่เงิบเลย
   “ฮ่าๆๆๆๆไอ้สัสนี่จำแฟนตัวเองไม่ได้ ฮะๆๆๆๆๆๆ” ทั้งโต๊ะประสานเสียงหัวเราะในขณะที่ผมยืนเหวอ แล้วพี่แกก็ไม่ได้สนใจผมเลย ตั้งท่าจะเต้นต่อ แล้วคือเอ๋อแดกทั้งร้าน มองแบบ ไอ้หล่อนี่มันจะทำอะไรของมัน
   คือมึงจะเต้นตรงนี้ไม่ได้พี่
   “วันศุกร์ผมขึ้นแท็กซี่ พี่ว่าไม่ดีเลยน้องจ๊ะ” เพลงจากคนเมา พร้อมท่าส่ายเอวไปมา  ผมควรจะอายหรือควรจะขำดี พี่ไทม์ผู้น่ารักที่ทำตัวเป็นผู้ใหญ่เสมอมา ตอนนี้เมาแอ๋ลุกขึ้นร้องเพลงแล้วเต้นกลางร้านชาบู
   ผมละอยากจะกุมขมับ ผมตัดสินใจทรุดนั่งแล้วปล่อยให้พี่มันเต้นไป ดี จะได้มีคลิปไว้แบล็คเมล์มัน
   “อย่าหวังเรื่องซิ่งรถจอดนิ่งๆมิเตอร์เสือกวิ่งอ้าไรรร  หวะ” เอาเข้าไป
   “ไม่อยากจะขัดใจตัวเองงงงงง ที่มันชอบเธออออ” เอ้า ดราม่าเฉย
   “ใครกันที่ทำให้ฉันรัก ใครกันที่มาอยู่ในความฝัน” กามิกาเซ่ก็มา
   “ไม่ว่าจะสูง แค่ไหน ก็ไปถึง ไม่มีคำว่าสูง วัดได้ หากใจถึง” เชี่ย ซิลลี่ฟูล โคตรเอา ผมได้แต่นั่งขำ เอาจริงคือขำกันทั้งร้าน  น้ำตาเล็ดเลยกู ใครจะรู้ว่าเมาแล้วรั่วขนาดนี้
   “ไหนคาราบาวสักเพลงดิ” พี่แชมป์ขอเพลง แล้วยื่นตะเกียบให้ใช้เป็นไมค์
   “แม้ชีวิตได้ผ่านเลยวัยแห่งความฝัน วันที่ผ่านมาไร้จุดหมาย” คาราบาวก็ยังร้องได้
   เชื่อเขาเลย
   “โอ๊ะๆระวังๆ” ผมคว้าพี่แกไว้ทันก่อนจะหน้าทิ่มลงหม้อ เขาส่งยิ้มให้ผมจนตาปิด เสียงปรบมือดังลั่นร้าน แล้วยังไปก้มหัวขอบคุณเขาอีกด้วย ผมละสงสัยจริงๆว่าพรุ่งนี้ตื่นมาพี่แกจะทำหน้ายังไง
   “คืนนี้มึงดังแน่ พ่อไทม์ เดอะสตาร์ 20 ฮ่าๆๆๆๆๆกร๊ากกกกกก” พอกันทั้งคนเมาทั้งเพื่อน
   “ส่งคลิปให้ผมด้วยนะพี่ ผมขอพาพี่ไทม์กลับก่อนละกัน เกรงใจพี่เก๋”
   “โอเคๆ เดี๋ยวพี่ช่วยลากขึ้นรถ เมาแล้วยังทำตัวเป็นภาระนะมึงนี่ ตัวก็ไม่ใช่เล็กๆ” พี่ปุนบ่นแต่ก็ยังมาช่วยแบก  เรามาถถึงรถด้วยสภาพทุลักทุเล ผมบอกลาพี่ปุน แล้วสตาร์ทรถ
   
   แบกคนเมาขึ้นห้องเป็นอะไรที่โคตรลำบาก ตัวก็ใหญ่กว่าผม แล้วยังไม่ให้ความร่วมมือกันอีก ปัดมือผมออกตลอด ยังมีมาด่าผมด้วย เพราะพี่แกจำผมไม่ได้
   “ไอ้ตี๋ปล่อยกู...” ตอนไม่เมาละน้องหมวยอย่างนั้น น้องหมวยอย่างนี้ พอเมาละเรียกกูไอ้ตี๋ ทิ้งไว้ตรงนี้ซะดีไหม
   “อย่าดื้อได้ไหม!!” ตอนตะโกนใส่ แล้วตีหน้าดุ คนเมาปรือตามองแล้วทำปากยื่นใส่ผม
   “ทำไมต้องดุด้วยละครับ”
   ผมวางพี่มันบนเตียง คนไม่มีสติพลิกตัวไปมา ผมหยิบผ้าไปชุบน้ำผืนนึง แล้วบิดหมาดๆมาเช็ดหน้าคนเมาเบียร์สองแก้ว พี่แกก็นอนนิ่งๆให้ผมเช็ดทั้งที่หลับตา แต่ยังส่งเสียงอืออาออกมา
   “เมาแล้วโคตรรั่วเลยรู้ตัวไหมเนี่ย” ผมบ่น
   “อืออ....” ส่งเสียงเหมือนรำคาญ
   “นอนนิ่งๆนะ อย่าซน ผมจะไปอาบน้ำ”
   ขณะที่ผมกำลังจะลุก มือๆหนาก็มาเกี่ยวเอวผมจนล้มลงบนเตียง แล้วทาบทับด้วยคนเมา ผมตกใจจนเบิกตากว้าง แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า เวลาพี่แกเมานี่โคตรเซ็กซี่เลย
   “ปล่อย ผมจะไปอาบน้ำ”
   เราสบตากันอยู่นาน เขามองผมด้วยแววตาคุ้นเคย คงจะเริ่มสร่างแล้ว จำแฟนตัวเองได้แล้วสินะ แล้วจู่เขาก็กอดผมไว้ทั้งตัว ซุกหน้าลงกับซอกคอ มือสองข้างรัดเอวผมไว้แน่น เหมือนกลัวผมจะหายไป
   “คิดถึงจัง....”
   ถ้าพี่มันเมาแอลกฮอล์ล
   ตอนนี้ผมก็คง
   .....จะเมารักละมั้ง   
   
   
 
   

 

   
   
   

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
แกล้งเมาป่ะเนี่ย

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
แกล้งป่ะเนี่ย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Girin

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
น้องหมวยบทที่ 16

   ปี๊ดดดดดดด!!!
   “หมดเวลาแล้วครับ บัญชีชนะไปด้วยคะแนน 2-1 ได้เข้าสู่รอบชิงชนะเลิศไปครับ”
   “เฮ้! ! ! ! ! ! ! !”
   “พรุ่งนี้อย่าลืมมาลุ้นกันนะครับ ฟุตบอลรอบชิงรองชนะเลิศระหว่าง ปรัชญา และ สถาปัตถ์ การแข่งขันจะเริ่มตั้งแต่ 4 โมงเย็น  ที่เก่าเวลาเดิม อย่าลืมมาให้กำลังใจกันนะครับ ขอบคุณครับบบบ....”
   แพ้
   ย่อยยับ
   ไม่แพ้ได้ไง เด็กบัญชีแม่งตัวโคตรใหญ่ สาขาผมมีตัวใหญ่สามสี่คน  ตัวสำรองแม่งก็อย่างเยอะ ขณะที่สาขาผมมีตัวสำรองอยู่คนเดียว พูดง่ายๆคือ
   ห้ามท้องเสีย ห้ามเจ็บ ห้ามตาย จนกว่าจะแข่งจบ
   อย่างน้อยก็ยังได้ชิงที่สามครับ ผมนี่ล้ามาหลายวันแล้ว นอกจากซ้อมแล้วยังต้องไปช่วยลงแข่งอันนู้นอันนี้ ตั้งแต่บาส แบด ปิงปอง ยันแข่งเปตอง
   เป็นทุกอย่างให้เธอแล้ว
   แข่งกีฬาเสร็จก็ลุยสอบไฟนอลต่อเลย ใช้ชีวิตเฟรชชี่ได้คุ้มสุดๆ ไม่ได้มีเวลาพักหายใจกันเลย เกิดเป็นเด็กมหาลัยนี่ลำบากนะครับ เกรดก็ห้ามตก กิจกรรมก็ห้ามขาด ชีวิตนึงเราต้องทำอะไรเยอะขนาดนี้เลยหรอครับ
   ครั้งนึงผมเคยสงสัยว่าจริงๆแล้วผมอยากเรียนอะไร
   ตอนนี้ผมรู้แล้ว
   จริงๆคือไม่อยากเรียน…
   ผมอยากนอนแล้วเว้ย พี่ไทม์มันไปไหนของมันวะ โทรมาบอกว่าไม่ว่าง มาเชียร์ไม่ได้ แต่เดี๋ยวจะมารับ ตอนนี้ยังไม่โผล่มาแม้แต่เส้นผม ไม่มีข้อความ ไม่มีมิสคอลใดๆ โทรไปก็ไม่รับ
   หายสาบสูญอย่างแท้จริง.....
   ผมได้แต่ทำหน้าบูด เก็บของใส่กระเป๋า แล้วเดินไปห้องอาบน้ำรอ และตั้งแต่ยังไม่อาบ จนเปิดน้ำ แถมสระผมด้วย ฟอกสบู่นานมากๆ จนอาบเสร็จ พี่มันก็ยังไม่มา คือไม่ว่างมารับก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่ควรจะโทรมาบอกกันหน่อย
   อีกอย่างคือผมหิวข้าว นี่หกโมงกว่าแล้ว
   ผมเลยตัดสินใจโทรไปอีกรอบ ก็ยังไม่รับสาย เลยไลน์ไปบอกว่าผมจะกลับเอง อยากจะเกรี้ยวกราดใส่อยู่หรอก แต่ก็รู้ว่ามันคงไม่ว่างจริงๆนั่นแหละ ไม่งั้นคงไม่ยอมให้ผมกลับเองหรอก ผมเห็นมันเรียนหนักมาเป็นอาทิตย์แล้ว ก็ไม่อยากจะกวน ตัวผมเองก็ไม่ค่อยว่างเหมือนกัน
   จริงๆอยากแวะไปหาที่ห้องเหมือนกัน แต่ปล่อยให้พี่มันทำงานไปดีกว่า ผมเหนื่อยสะสมมาหลายวัน ต่อให้หิวก็สามารถหลับคาเตียงได้อะตอนนี้ ผมเลยกลับห้องตัวเองดีกว่า ไว้ค่อยโทรหาอีกที
   ผมเผลอหลับบนรถเมล์ สะดุ้งตื่นเพราะเสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ ผมเหลอหลามองรอบข้าง ก็เห็นว่าใกล้ถึงพอดี ยังดีนะที่ไม่หลับจนเลยป้าย
   “ฮัลโหล...”
   “กลับห้องรึยังครับ?”
   “หือ? พี่ไทม์หรอ” ผมที่งัวเงียอยู่ สะดุ้งตื่น หงายโทรศัพท์ออกมาดูก็เห็นว่าเป็นพี่ไทม์จริงๆที่โทรมา
   “เผลอหลับบนรถอีกแล้วหรอ”
   “งีบแปปเดียวเอง ยังไม่เลยป้ายๆ” ผมรีบแก้ตัว
   “เผลอหลับได้ยังไง ถ้าเลยป้ายจะทำยังไงหะเรา เฮ้อ พี่ผิดเองนั่นแหละ ขอโทษจริงๆ พี่ทำงานจนลืมดูเวลา ไม่ได้เปิดเสียงโทรศัพท์ด้วย”
   “ไม่เป็นไรหรอก ผมรู้ว่าพี่ไม่ว่าง แต่พี่ทำงานจนลืมกินข้าวอีกแล้วใช่ไหมเนี่ย”
   “ถึงไหนแล้ว ใกล้ถึงรึยัง”
   “เปลี่ยนเรื่องตลอด แสดงว่าทำงานจนลืมกินข้าวสินะครับ” ปากก็บ่นจะฉีกถึงหู ให้ผมกินข้าวให้ครบ ทีตัวเองละอ้างทำงานเพลินตลอด นอนก็น้อยข้าวก็ไม่ค่อยกิน อยากป่วยนักรึไง บ่นทีก็เปลี่ยนเรื่องที มันน่าตีจริงๆเลย
   “ก็พี่ลืม” ดูมันแก้ตัว
   “คราวหน้าผมจะโกรธพี่จริงๆนะ  ไปหาข้าวกินเลย ผมต้องลงรถแล้ว แค่นี้ก่อนนะ” ผมกดวางสาย ลุกขึ้นกดกริ่ง พอลงจากรถก็เห็นว่าหน้าหอมันมีรถคุ้นตาจอดอยู่ มองเลยไปอีกนิดก็จะเห็นหน้าหล่อๆของเจ้าของรถ นั่งรออยู่ที่โต๊ะม้าหินหน้าตึก
   “ก็พี่กำลังจะไปกินข้าวกับแฟน ห้ามโกรธด้วย” เขาพูด แล้วยิ้มยียวนใส่ผม ผมส่ายหน้าระอา แต่ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกดีกับข้อแก้ตัวพี่มัน หมั่นไส้วะ
   “ผมจะต้มมาม่ากินนะ”
   “เป็นโรคกระเพาะก็ยังจะกินแต่มาม่า เดี๋ยวก็โดนตีหรอกเรา พี่ซื้อข้าวมันไก่มาให้แล้ว” ผมทำปากยื่นใส่
   “มีซอสหวานมาด้วย เลิกทำขนฟูใส่พี่ซะที” เขายิ้มแล้วเดินมาโอบไหล่ผม เดินขึ้นห้อง
   “ผมไม่ใช่หมานะ!” ผมเถียง
“พี่อุตส่าห์ให้น้องหมวยเป็นแมว อยากเป็นหมาหรอกหรอเนี่ย” พี่มันหัวเราะใส่ผมแล้วยีหัวจนผมยุ่ง
ผมเดินฮึดฮัดมาไขประตูห้อง ทำเป็นไม่สนใจคนที่เดินตามหลังมา เห็นเตียงแล้วอยากจะหลับซะเดี๋ยวนั้น มันล้าทั้งตัว ดีจริงๆที่อาบน้ำมาแล้ว
“พี่อาบน้ำรึยัง?”
“ยังเลย เราอาบน้ำแล้วหรอ?”
“ผมอาบแล้ว”
“กินข้าวก่อนก็ได้ เดี๋ยวพี่ค่อยอาบ”
เขาว่าแล้วหยิบจานมาแกะข้าวมันไก่ใส่  เราใช้ชีวิตกันง่ายๆ กินง่ายๆ แต่สบายใจดี ไม่ว่างแต่ก็ไม่เคยหาย ผมชอบข้อนี้ของเขามาก เขายังใส่ใจผมเหมือนวันแรกๆที่เรารู้จักกัน คอยห่วงผมอยู่เสมอ ช่วงนี้เขาเรียนหนัก งานเยอะ ชีวิตปีหนึ่งของผมมันก็วุ่นๆ เสาร์อาทิตย์ผมก็ต้องทำงาน ผมแทบไม่มีเวลาให้เขาเลย
ทำหน้าที่แฟนได้โคตรห่วยแตก
แต่เขาก็ไม่เคยบ่นสักคำ ยังหาเวลามาอยู่กับผมได้ตลอด ผมตักข้าวไปมองหน้าหล่อๆของพี่มันไป
มันพอจะมีวิธีไหมนะ ให้ใครสักคนอยู่กับเราตลอดไป....
ผมจินตนาการวันที่ไม่มีพี่มันไม่ออกเลย ผมจะทำยังไงในวันที่เดินออกมาจากบ้านเพื่อพิสูจน์ตัวเอง ผมจะทำยังไงในวันที่ใครก็ไม่ต้องการผมสักคน ผมจะทำยังไงกับข้อสอบกลางภาคที่แม่งโคตรยาก ถ้าไม่ได้ข้อสอบเก่าจากพี่มัน ผมจะยังมีความสุขอยู่ไหมถ้าต้องนั่งกินข้าวเย็นคนเดียวทุกวัน
ผมจะทำยังไงถ้าวันนึงพี่มันหายไป
เพราะเหมือนตอนนี้เขาจะเป็นโลกทั้งใบของผมไปแล้ว....
ผมสะบัดหัว เอาความคิดเครียดๆออกไป ตักไก่ชิ้นใหญ่แถมมีหนังติด แล้วยื่นไปจ่อปากคนตรงหน้า เขากระตุกยิ้มให้ผมก่อนจะงับไก่เข้าปาก ผมยิ้มมุมปากกับท่าทางเอร็ดอร่อยเกินเหตุของพี่มัน
“ไก่ก็อร่อยนะ แต่คนป้อนน่าจะอร่อยกว่า”
“พูดมาก กินเข้าไปเลย” ว่าจบ ผมก็ยัดเข้าปากเขาไปอีกคำแบบไม่ให้ตั้งตัว จนพี่มันสำลักแล้วหันมาทำหน้าคาดโทษใส่ผม หึๆๆ
ผมเปลี่ยนชุด ถอดคอนแทคเลนส์ออก ระหว่างรอพี่มันไปอาบน้ำ ผมลูบๆที่เท้าขวา รู้สึกปวดๆ ผมคงจะใช้งานมันหนักจนเกินไป วันก่อนลงแข่งบาสผมก็โดนชนจนล้ม วันนี้แข่งบอลผมก็ล้มอีก เท้าผมเริ่มช้ำเป็นจ้ำๆ ปวดหนึบๆ แต่ยังเดินไหว ปัญหาคือพรุ่งนี้มีแข่ง
ผมเลิกสนใจแล้วปีนขึ้นเตียง จังหวะที่กำลังจะเคลิ้มหลับ ไฟทั้งห้องก็มืดพร้อมกับแรงยวบข้างๆตัว ผมหันไปเขาตามความเคยชิน คว้ามือมาจับเอาไว้ หลังมานี่ผมติดจับมือเขาตลอดเวลานอนด้วยกัน
“กลัวพี่หายหรอ หืม?”
“อือ.... เดี๋ยวหาย หาไม่เจอ” ผมพูดเสียงงัวเงีย เริ่มพูดไม่รู้เรื่อง
“วันนี้ชนะรึเปล่า เจ็บตัวตรงไหนไหม?”
“ฮือ.. จะนอน” ผมดึงมือเขามาปิดหู แล้วมุดลงหาหมอน
“โอเคๆ นอนก็ได้ เด็กดื้อ ฝันดีนะ” เขาหอมแก้มผมทีนึง ก่อนจะดึงผมไปกอด แล้วผมก็หลับไปเลย

   
   
   “1-0 ครับ ปรัชญานำไปแล้ว สถาปัตถ์จะตีตื้นขึ้นมาได้หรือไม่”
   คำเดียวสำหรับแมตช์นี้ครับ
   สถาปัตถ์ แม่งหล่อมากกกก
   บอดี้อย่างสวย กล้ามนี่มาเป็นลูก เสยผมทีนี่กรี๊ดทั้งสนาม ผมยังตาค้างเลย แต่อย่างว่าครับ ตัวยิ่งใหญ่ยิ่งช้า สาขาเด็กก้างปลาอย่างผมเลยชิงนำก่อนง่ายๆ เกมเดินไปเรื่อยจนถึงครึ่งหลัง อีกฝั่งเริ่มรุกเพื่อตีเสมอ ผมวิ่งตีคู่กับฝ่ายตรงข้ามเบอร์ 2 เพื่อแย่งลูกจากอีกฝ่าย แล้วคือต่างคนต่างวิ่งมาแบบเร็วๆยื้อแย่งลูกไปมา ผมเลยเสียจังหวะสะดุดล้ม เท้าขวาผมเจ็บแปลบ ปวดร้าวไปถึงหัวใจ จะไม่ไรเป็นเลยถ้าพี่เบอร์ 2 ไม่เอาเข่ามาเสยหน้ากู
   วิ้งเลย…..
   ดาวมาเป็นกาแล็กซี่
   โลกของผมเบลอทั้งที่ผมยังใส่คอนแทคเลนส์ รู้สึกตัวลอยๆ หูผมอื้อจนฟังอะไรไม่รู้เรื่องแต่ได้ยินเสียงดังเอะอะอยู่รอบข้างเต็มไปหมด ตาผมพร่าจนแยกไม่ออกว่าอะไรเป็นอะไร ผมเริ่มปวดหัวกับอาการหูอื้อตามัวของตัวเอง
   “....ได้ยินพี่ไหม”
   “อือ......” นี่ไม่ใช่คำตอบ นี่มันเสียงครางอืออาของผมเอง ผมเริ่มเห็นหน้าคนพูดลางๆ เสียงฟังดูคุ้นหูชะมัด
   อ่า... พี่ไทม์นั่นเอง ผมยิ้มในความคิด
   “เชี่ย ไอ้ไทม์ อยู่ๆน้องมันก็ยิ้ม พาไปโรงบาลดีไหมวะ” เสียงใครสักคนดังขึ้น ผมรู้สึกถึงอะไรเย็นๆรอบหน้า พี่ไทม์จบคางผมให้เงยขึ้น ก่อนจะเอาผ้ามาซับแถวจมูก  อา...แม่งล่อซะจมูกกูเลือดไหลเลย ดั้งผมจะหักไหมเนี่ย
   “โอเคไหม ได้ยินพี่รึเปล่า” ผมพยักหน้าให้เขาเล็กๆ ตอนนี้ผมเห็นเขาชัดแล้ว เหงื่อเขาไหลเต็มเลย แววตาเป็นห่วงผมจนผมอดยิ้มไม่ได้ ผมนั่งอยู่ในซุ้มปฐมพยาบาล ก่อเกียรติคอยเช็ดหน้าให้ผม ส่วนพี่ไทม์คอยซับเลือดที่จมูก มีพี่ปุนยืนอยู่ข้างๆ ผมกระพริบตาถี่ๆเพื่อจะปรับแสง
   “เป็นไงบ้าง?” พี่ไทม์ถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน เขาดึงผ้าที่ซับอยู่ออก เลือดผมหยุดไหลแล้ว
   “เจ็บจมูก”
   “เป็นแผลนิดเดียว เดี๋ยวก็หายนะคนเก่ง” ลักษณะเหมือนพูดปลอบใจยังไงไม่รู้ แต่อย่างน้อยผมว่าคงไม่ถึงขั้นดั้งหัก ผมขยับตัวลุกขึ้นนั่งให้ดี และข้อเท้าขวาผมก็เจ็บแปลบจนผมเบ้หน้า พี่ไทม์สังเกตเห็นผม แล้วรีบเข้ามาดู เขาค่อยๆถอดรองเท้าออก ผมว่าเท้าผมไม่ได้หอมนัก แต่พี่มันก็ไม่แคร์ ถอดถุงเท้าผมออกอย่างเบามือ และเขาขมวดคิ้วทันที
   “ก่อเกียรติพี่ฝากเอากระเป๋าน้องหมวยกลับด้วยนะ”
   “พี่จะพามันไปไหน”
   “ไปหาหมอ”
   “เดี๋ยวพี่...” เขาลุกแล้วช้อนผมอุ้มขึ้น ไม่เปิดโอกาสให้ผมเถียง หรือสีหน้าตกใจของผม ไม่ได้สนใจประชาชีที่รายล้อมอยู๋ในเต็นท์เลยสักนิด ไม่ได้สนใจว่าเพื่อนตัวเองจะยืนอ้าปากค้างอยู่


   สติผมมาเกือบจะเต็มร้อยแล้ว เรามาคลินิกแถวๆมหาลัย ผมมีพลาสเตอร์ยาลายคุณกระตายสีชมพูแปะที่จมูก หมอบอกว่าเอ็นข้อเท้าของผมอักเสบ  พอขึ้นรถกลับเท่านั้นแหละ ผมโดนดุจนหูชา จนหลับไปตอนไหนไม่รู้  ตื่นมาอีกทีก็นอนอยู่ห้องพี่ไทม์แล้ว เขาคงรู้ว่ารอยช้ำๆที่เท้าผมมันไม่ได้พึ่งเป็นเมื่อตอนเย็น ก็โดนบ่นไปตามระเบียบ
   “รู้ว่าห่วง ก็ชอบทำให้ห่วง” ยังเคืองอยู่ครับ
   “ก็คิดว่ามันไม่เป็นอะไรมาก ขอโทษครับ” ผมก้มหน้าสำนึกผิด
   “นอนห้องพี่จนกว่าจะหาย แล้วก็ห้ามดื้อ เข้าใจไหม?”
   “ก็ได้”
   “เวลาเชื่อฟังก็น่ารักดีหรอก”
   “ผมไม่ได้ดื้อสักหน่อย” ผมเถียง พี่มันก็ยักคิ้วกวนประสาทใส่ผมประมาณว่า อ่อเหรอ
   “ไม่ดื้อก็กินข้าว?”
   “ทำไมพี่ชอบทำเหมือนผมเป็นเด็ก” ผมว่าแต่ก็คว้าจานข้าวมาตักกิน พี่มันยิ้มให้ผม นั่งมองผมกินข้าว ผมทำอะไรไม่ได้นอกจากทำตาขวางใส่ อีกฝ่ายหัวเราะในลำคอ แล้วเอื้อมมือมาเช็ดปากให้ผม
   “ก็เรามันเด็ก เด็กตาสระอิไง ไม่ชอบหรอ”
   “ไม่”
   “แต่พี่ชอบนะ เด็กน้อยที่พี่ชอบไง ไม่อยากเป็นหรอ”
   “พี่เลี่ยนวะ”
   “กวนตีนนะเดี๋ยวนี้” เขาว่าขำๆแล้วตีหน้าผากผมดังแป๊ะ
    พอผมกินเสร็จพี่มันก็ลุกเก็บไปล้างจาน หยิบน้ำให้ผม หิ้วผมไปแปรงฟัน เรียกว่าโคตรสบาย วางบนเตียงห่มผ้าเสร็จสรรพ กูเป็นแฟนหรือเป็นลูกมันวะ
   “พรุ่งนี้ผมไม่หยุดงานได้ไหม แค่ขาเจ็บเอง ผมนั่งคิดเงินที่เคาน์เตอร์ได้ ผมจะบอกพี่เก๋ว่าเอาค่าแรงแค่ครึ่งเดียว นะๆๆ” ผมทำตาแป๋วๆแล้วยิ้มๆแบบที่พี่มันชอบ ผมสังเกตจนรู้ว่าพี่มันจะแพ้เวลาผมทำแบบนี้ และมันก็ได้ผล
   “พี่ไม่อยากให้ไป รู้ใช่ไหม?” พี่มันทำหน้าลังเล ทั้งที่ปกติต้องลั่นวาจาห้ามผมไปแล้ว
   “ไม่ดื้อ สัญญา ให้ไปนะ” ผมเริ่มเอื้อมมือไปจับมือหนาไว้ อีกนิดเดียวเท่านั้น สายตาเริ่มมาละ แววใจอ่อนอยู่แค่เอื้อม
   “ก็ได้ แต่ห้ามดื้อ ห้ามเดินไปมาด้วย”
   “ตกลงครับ” ผมรีบรับคำ เดี๋ยวมันเปลี่ยนใจไม่ได้หรอก
   “จูบก่อน ไม่งั้นเปลี่ยนใจ” มีเล่นตัว ผมก็ขยับตัวไปหาพี่มัน เพราะมันนั่งอยู่ข้างๆผม ประทับริมฝีปากลงไปเบาๆก่อนจะถอนจูบออก แต่อีกคนก็ไม่ยอม รั้งเอวผมเข้าไปหา แล้วแทรกลิ้นเข้ามา เขาจูบผมจนหอบ ก่อนจะจุ๊บเบาๆที่ปลายจมูก
   “กระต่ายดื้อ” เขาจิ้มที่พลาสเตอร์จนผมร้องโอ๊ย






   เช้าวันเสาร์ พี่ไทม์มาหย่อนผมทิ้งไว้ที่ร้าน ผมนั่งประจำอยู่ที่เคาน์เตอร์คิดเงิน  นั่งคิดเงินจนเปื่อย ไม่ได้เดินไปไหนเลย ประเด็นคือเดินไม่ไหวด้วย พอเดินแล้วมันเจ็บ ก็นั่งดีกว่า ที่นั่งผมอยู่หน้าร้าน เห็นคนเดินไปมาเต็มไปหมด เป็นบรรยากาศที่แปลกดี ปกติแล้วผมจะอยู่แต่ในร้านไม่ก็หลังร้าน
   ผมทำงานไปเรื่อยจนเย็น  ศุกร์ที่แล้วผมไปหาพีท ผมคุยกับพีทแล้วตัดสินใจ ว่าผมจะลาหยุดวันเสาร์เพื่อตามดูว่าแม่ไปไหน มันเป็นอีกเหตุผลว่าทำไมผมถึงไม่อยากลาหยุดอาทิตย์นี้อีก อันที่จริงก็ไม่ใช่ว่าผมไม่ไว้ใจแม่ เขาไม่เคยหนีไปเล่นคาสิโนอะไรแบบนั้นหรอก แต่ผมห่วงว่าเขาจะไปโรงพยาบาลแอบไปหาหมอ ป่วยเป็นอะไรที่ผมไม่รู้
   แต่ผมก็พลาด
   คลาดสายตาแปปเดียวแม่ก็หายไปแล้ว ผมเลยหยุดงานไปฟรีๆเลย
   “สวัสดีครับ ตึกส้มชาบูยินดีต้อนรับครับ” ผมยิ้มต้อนรับลูกค้า
   “มากี่ท่านครับ”
   “ 4 ค่ะ” ผมเรียกพี่ในร้านให้มารับลูกค้า เพราะผมกลายเป็นลูกจ้างขาเป๋ ผมตกลงรับค่าแรงครึ่งเดียว แล้วจะมาทำงานชดเชยวันอื่น ผมไม่อยากเอาเปรียบแต่พี่เก๋ก็บอกปัด เขาบอกว่าไม่เป็นไร เขาเป็นเจ้านายที่น่ารักมากๆเลยครับ
   ผมหันไปสนใจนอกร้านต่อ มองคนเดินไปมามันก็เพลินดี ยิ่งอยู่ในร้านแอร์เย็นๆ แล้วผมก็สะดุดตากับผู้หญิงคนนึงที่เดินด้อมๆมองอยู่นอกร้าน เธอดูคุ้นตา แต่เพราะแว่นสีดำและแมสปิดปาก ผมเลยมองไม่ชัด แต่ท่าทางน่าสงสัย เหมือนหาใครอยู่ เธอมองเข้ามาในร้านแล้วทำท่าหงุดหงิด จากนั้นเธอก็ถอดแว่นตา
   “แม่.....”





*****
มาดึกๆคือเราเอง
รักและขอบคุณทุกคนมากเด้อ♥

ออฟไลน์ warin

  • รถไฟขบวนนั้น ได้แล่นผ่านไปแล้ว
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1937
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
    • -
ติิดตามค่ะ

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
แม่มาแอบส่องหรอ

 :L2: :pig4:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
มาตามดูลูกชาย

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
มาตามดูลูกนี่เอง อิอิ

ออฟไลน์ ammchun

  • Don't Worry,Be Happy
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1389
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-4
สงสารหมวย สงสารทุกคนที่มีครอบครัวแบบนี้

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12

ออฟไลน์ Maleewong

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 19
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0

ออฟไลน์ Girin

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
น้องหมวยกับวันสงกรานต์หลงฤดูของเขา (เนื้อเรื่องหลักเราจะรีบคัมแบคใจเย็นก่อนน้า)
[/b]
   
        “ไปเล่นน้ำกันพี่”
   “โตแล้วไม่เล่น”
   “โตแล้วก็เล่นได้”
   “ทำงานแล้วยังจะไปเล่นน้ำอีกหรอ”
   “ไปกันเหอะ เรานอนเป็นผักมาหลายวันแล้วนะ”
   “พี่ไม่อยากดำ”
   “ผมมีกันแดดๆ”
   “พี่จะนอน”
   “พี่นอนมาสามวันแล้ว”
   “พี่ไม่ชอบคนเยอะครับน้องหมวย”
   “พี่ไทม์”
   “ไม่”
   “ไทม์ ไปเล่นน้ำกันนะ”
   “ม....”
   “ไทม์....” ช้อนตามอง
   “ไม่ไปปปป”

   .
   .
   .
   .
        “พี่ไทม์ อย่ายืนนิ่งให้เขาปะแป้งดิ  โหเห็นสาวหน่อยละ ปืนยิงไม่ออกเลยหรอหะ!”
   เถียงไม่เคยชนะ
   เจอลูกอ้อนตาแมวทีไร
   แพ้ยับทุกที
   อยู่กันมานานจนผมไม่รู้จะเอาอะไรไปสู้ เด็กดื้อตาใส พอเถียงไม่ได้ก็มาอ้อนใส่ แล้วถามว่าผมจะยอมหรอ ก็ยอมน่ะสิ ใครใช้ให้มาทำหน้าแมวละ คอยดูเถอะน้องหมวย จะฟัดเช้าฟัดเย็นเลย
   แล้วดู ชวนผมมาเองละก็มาโวยวาย เด็กดื้อ น่าจับตี
   “พี่ๆแป้งเข้าตาผมอะ ช่วยด้วยๆ” นั่นไง เด็กหมวยตัวยุ่ง จะกี่ปีก็เป็นตัวยุ่งเหมือนเดิม
   “พี่บอกแล้วว่าอย่าใส่คอนแทคเลนส์มาเล่น” ผมคว้าสองมือน้องไว้เพราะเขากำลังจะขยี้ตา ลากออกมาด้านข้างตรงที่ไม่มีคน
   “ถอดออกมาได้ไหม อย่าขยี้สิ”
   “ผมลืมเอาตลับใส่มา” โตแต่ตัวจริงๆเด็กนี่ ผมถอนหายใจก่อนจะหยิบตลับคอนแทคเลนส์ที่ใส่ซองกันน้ำในกระเป๋าส่งให้เขา
   “ถ้าพี่ไม่มาด้วยจะทำยังไง หึ”
   “ผมรู้ว่ายังไงพี่ก็ต้องมา..” ยังจะมายิ้มอีก
   “ไม่ต้องมายิ้มเลย แว่นก็ไม่ยอมเอามา ลืมมันหมดทุกอย่างนั่นแหละ ประมาทเกินไปแล้วนะเรา ยังจะมายิ้มอีก เงยหน้ามา พี่จะใส่แว่นให้” ถอนหายใจไปบ่นไป เด็กดื้อก็ยังขี้ลืมอยู่วันยันค่ำ อายุก็น้อยกว่า แต่ดันเป็นคนแก่ขี้ลืมก่อนผมซะอีก
   “เห็นหน้าพี่ชัดแจ๋วเลย ขอบคุณนะครับ ไปเล่นน้ำกันๆๆๆๆ” น้องยิ้มจนตาปิดใส่ผมก่อนจะลากผมไปกลางดงคนอีกครั้ง เล่นมีความสุขขนาดนั้น ใครจะไปโกรธลง ตัวแสบเอ้ย
   ผมไม่ค่อยได้เล่นอะไร แค่เดินตามน้องหมวยไปเรื่อยๆ ก็ไม่ได้อยากมาขนาดนั้นแต่แรกอยู่แล้ว แต่ก็คิดถูกจริงๆที่มาตามคำชวนอีกฝ่าย เหมือนได้ย้อนเวลากลับไปเห็นน้องหมวยกลับไปชุดนักศึกษาอีกครั้ง ไม่ได้เห็นเขาสดใสแบบนี้มานานแล้ว
     ต่างคนต่างทำงาน พอเลิกงานก็กลับมาอยู่ด้วยกัน วนไปมาทุกวันไม่รู้จักเบื่อ เหนื่อยเครียดแค่ไหน พออีกคนยิ้ม  ให้ความล้าทั้งวันก็หาย
    เราเป็นครอบครัวให้กันและกัน
     เป็นคนที่ทำให้ผมอยากกลับบ้าน เพราะรู้ว่าเขารออยู่
     หึ ผมยิ้มให้กับเด็กแสบ ฉีดน้ำใส่คนอื่นเขาแต่ก็ยังไม่ยอมปล่อยมือผม เหมือนกลัวผมหาย  เด็กแว่นมีแต่แป้งเต็มหน้าไปหมด แต่พอยิ้มทีก็ยังน่ารักจนผมยิ้มตาม ทั้งที่ไม่ชอบจะตายไอ้การมาอยู่กลางดงคนขนาดนี้
   ประโยคอะไรนะ เหมือนในหนังน่ะ*  แต่อันนี้คงเป็น
   ‘น่ารักทะลุแป้งเลย  ละมั้ง’
เด็กนั่นจะรู้ไหมว่าผมหลงเขาขนาดนี้...
   
   (* หนึ่งในฉากของหนังเรื่องรถไฟฟ้ามาหานะเธอ พระเอกปะแป้งแล้วยิ้มให้นางเอก จนนางเอกพูดว่าหล่อทะลุแป้งเลย)

   “....พี่ไทม์” รู้ตัวอีกที คนที่เอาแต่ลากผมไปนู่นนี่ ก็เดินมาอยู่ตรงหน้าผมแล้ว
   “ล้างแว่นให้หน่อย” เด็กแว่นโดนปะแป้งจนเต็มหน้า แถมยังมีคนใจดีเขียนรูปหัวใจไว้บนแว่นให้อีกด้วย
   เฮ้อ....
   ผมถอดแว่นออกมาแล้วใช้น้ำในปืนฉีดน้ำล้างๆออก ถ้าไม่มีแว่นไม่มีคอนแทคเลนส์ น้องหมวยก็ไม่ต่างอะไรจากคนตาบอด มันทำให้ผมเผลอห่วงเขามากๆอยู่บ่อยๆทั้งที่เขาก็เป็นผู้ชาย
   แต่อายุเท่าไหร่ก็เป็นเด็กน้อยสำหรับผมอยู่ดี
   “ใส่ให้ด้วยดิพี่” เป็นเด็กขี้อ้อนด้วย ยิ่งโตยิ่งอ้อน แต่ก็ยังเป็นตัวยุ่ง หาเรื่องได้ตลอด ดื้อก็ดื้อ พูดอะไรเคยฟังที่ไหน
    “พี่กำลังบ่นผมในใจใช่ไหม ผมรู้นะ”
   “...ก็อยากให้รู้ไง”
   “ผมรู้ว่าพี่ไม่ชอบเล่น แต่ขออีกแปปเดียวนะ เดี๋ยวกลับเลย แล้วเราไปกินข้าวกันนะ ผมเลี้ยงเอง แปปเดียวสัญญา” อยากเล่นแต่ก็ยังห่วงผม แล้วผมจะไปค้านอะไรได้ ถือว่าพาเด็กน้อยมาเล่นน้ำละกัน นานๆที
   “ก็ได้ แต่ต้องจับมือไว้ตลอดนะ”
   “ได้สิ โอเคเลย... ” ยิ้มแป้นสบายใจแล้วก็ลากผมไปต่อ
   เฮ้อ จะยังไงผมก็แพ้ทางคนเดิมๆตลอดนั่นแหละ
   เดินไปสักพักมือที่เล็กกว่ามือผมก็หายไป น้องโดนคนดันจนหายไปในฝูงคน ผมเดินหาด้วยความใจร้อน โทรศัพท์น้องอยู่กับผม เขาไม่สามารถติดต่อผมได้ แล้ววันนี้เรานั่งรถเมล์มาด้วย น้องไม่สามารถไปรอผมที่รถได้
   เราเคยพลัดหลงกันครั้งนึงตอนไปเที่ยวต่างจังหวัด ทิ้งผมไปหาของกิน ทั้งที่ตัวไม่มีเงินสักบาท โทรศัพท์แบตหมด กว่าจะหาเจอก็ใกล้มืด ยืนทำหน้าจะร้องไห้ จนผมดุไม่ลง หลังจากนั้นก็ติดจับมือกันตลอดเวลาไปไหน
   ตัวยุ่ง รู้ว่าห่วงก็ชอบทำให้ห่วง
   ผมเดินลึกเข้าไปเรื่อยๆจนเจอคนที่ตามหายืนหันซ้ายหันขวาหาผมอยู่
   “พี่ไทม์....” ผมเดินไปหาอีกฝ่ายทันที น้องทำตาโตเมื่อเห็นผมเขาเดินมาจับมือผมแน่น เขาทำหน้าเสียเหมือนผ่านอะไรสักอย่างที่หน้ากลัวมา และลังเลที่จะบอกผม เขาเม้มปาก
   “ใจเย็นๆ เป็นอะไรบอกพี่”
   “ค คือ..”
   “....”
“คือว่า..”
   “....”
   “มีคนมาจับไอ้นั่นผมอ่ะ..”
   “....”
   “....”
   “กลับบ้านเดี๋ยวนี้!”




   ตัวยุ่งรีบซื้อน้ำมาให้ผมกินทันทีตอนเดินไปขึ้นรถเมล์ พาผมขึ้นรถเมล์ เสียสละให้ผมนั่งก่อน
   “พี่นั่งเลยๆ ผมรู้ว่าพี่ไม่ชอบยืนเบียดคนเยอะๆ” ผมยอมนั่งเพราะรู้ว่าเขาอยากจะไถ่โทษให้ เขารู้ว่าผมไม่ได้โกรธ แค่ไม่พอใจ ก็ใครมันจะไปชอบ ให้ปะแป้งก็มากพอแล้ว ผมจะไม่ยอมให้เด็กน้อยของผมเปลืองตัวไปมากกว่านี้ ผมคือคนเดียวที่ฟัดเขาได้
   เพราะรถติดทำให้เรายังไม่ไปไหนทั้งที่ผ่านไปนานแล้ว ผมเอนตัวพิงคนที่ยืนอยู่ เขาชอบเวลาผมทำตัวเชื่องๆใส่ แต่อีกนัยมันเป็นการแสดงให้เห็นว่าผมอารมณ์ดีแล้ว เด็กน้อยรับรู้ด้วยการยกมือมาเล่นผมเปียกๆของผม
   “นี่พี่..”
   “หืม?”
   “ขอบคุณนะครับ”
   “....”
   “ทั้งที่พี่ไม่อยากมาแต่ก็ยังมากับผม  ไม่ชอบให้คนมาปะแป้งผมแต่ก็ไม่บ่นสักคำ ไม่อยากดำแต่ก็ยอมให้ผมลากไปมา”
   “....”
   “คิดไม่ออกเหมือนกันว่าถ้าไม่มีพี่ผมจะทำยังไง  เพราะงั้น...”
   “....”
   “อยู่ด้วยกันตลอดไปนะครับ”
   รู้ว่าตัวเองน่ารักก็ยังขยันทำตัวน่ารัก เพราะที่นั่งผมเป็นที่นั่งคนเดียวริมหน้าต่าง  ผู้คนยืนแออัด แต่ก็ไม่มีใครสนใจเรา ผมเลยคว้าเองอีกฝ่ายจนเซนั่งลงบนตัก น้องหมวยดิ้นขลุกขลักไปมา หูขึ้นสีแดงจนผมอยากจะงับให้ขาด
   “ปล่อยนะพี่ นี่บนรถเมล์นะเว้ย ปล่อยยยย” ผมหัวเราะกับเสียงโวยวายของคนบนตัก ทีน้องผู้หญิงสองคนข้างหน้ายังนั่งตักกันได้เลย
   “ถ้าอยากให้พี่อยู่ก็ต้องมีข้อแลกเปลี่ยน”
   “อะไร” น้องหมวยถามพร้อมส่งสายตาไม่ไว้ใจมองผม
    “ถ้าคืนนี้ยอมให้กอด สัญญาจะไม่ไปไหนเลย” ผมยิ้มเจ้าเล่ห์ใส่คนตรงหน้า
   “หื่นวะพี่  เมื่อวานก็ทำอะ ” น้องโวยวายแง้วๆใส่หูผม ดิ้นไปมาจนผมต้องยอมปล่อยให้ยืน
    น้องไม่ได้โวยวายต่ออย่างที่คิด แถมยังไม่ปฏิเสธอีกต่างหาก เอาหันไปทางหน้ารถ กระเป๋ารถเมล์ตะโกนอะไรสักอย่างที่ผมฟังไม่รู้เรื่อง  ท่าทางไม่อยากยอมแต่ก็ไม่ปฏิเสธนี่มันน่ารักจริงๆ ผมตัดสินใจถามหยั่งเชิงอีกฝ่าย เพื่อทำความลังเลให้ชัดเจน
   “ไม่ได้หรอครับ?” หูแดงๆนี่มันน่ากัดให้จมเขี้ยว
    “ก  ก็ได้! แต่ต้องสัญญาก่อนว่าจะไม่โกรธ”
   “โกรธอะไรครับ?” ทำหน้าลังเลใส่ผม
   .
   .
   .
   “คือ ผมว่าผมพาพี่ขึ้นรถเมล์ผิดสายอะ”
   “อะไรนะ!”
   “ก็คันมันสีเดียวกันอะพี่!”
   
   เฮ้อ คืนนี้ยอมให้กอดหรอกนะ  งั้นพี่ไม่โกรธก็ได้ครับ...





------------------------------
เราขอโทษจริงๆๆๆๆๆๆที่หายไปเลย แต่เรายุ่งจริงๆ ยิ่งตอนนี้เปิดเทอมแล้วด้วย แต่สัญญาไม่เทแน่นอน อาจจะมาช้า แต่มาแน่นอน ขอโทษจริงๆนะคะ ///รู้สึกผิด
แล้วก็ขอบคุณมากๆเลยที่ยังรอกัน เรารู้สึกแบบ ฮือ ทำไมน่ารักกันแบบนี้
ตอนนี้ไม่เกี่ยวกับเนื้อเรื่องหลักนะคะ เราเอามาให้หายคิดถึงกัน มาขอโทษด้วยที่หายไปไม่บอกกล่าว
ตอนนี้เราก็ยังไม่ว่างเลย ได้แต่ทำตอนสั้นๆมาให้
เราจะรีบมาเน้อ ///เกี่ยวก้อย
ขอโทษนะทุกคนนนนน
คิดเห็นยังไงบอกกันได้เลยนะคะ รักนะ♥

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
น้องน่าร้ากกกก

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
อย่าหายนะ

ออฟไลน์ Girin

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
น้องหมวยบทที่ 17
[/b]
   
   “แกเป็นเกย์จริงหรอ”
   “...”
   “อิณ ฉันถามว่าแกเป็นเกย์จริงๆใช่ไหม ผู้ชายคนนั้นเป็นใคร เขาเป็นเพื่อนแกไม่ใช่เหรอ”
   “เราก็แค่คบกันเองนะแม่ เราไม่ได้ทำอะไรไม่ดีเลย” ผมกลั้นใจเงยหน้ามองแม่ แม่กำลังร้องไห้ แววตาของเขาเต็มไปด้วยความผิดหวัง
   “แต่ไอ้เด็กนั่นมันเป็นผู้ชาย แกไปรักไปชอบกับมันได้ยังไง ฉันไม่เคยให้แกทำตัวอย่างนี้นะ” แม่ผลักไหล่ผม เสียงดังทั้งน้ำตา แม่กำลังโกรธ และคงกำลังละอายกับการมีลูกแบบผม
   “แล้วมันผิดตรงไหนละแม่ เขาชอบอิณ หวังดีกับอิณ ดูแลอิณ เข้าใจอิณ เขาทำในสิ่งที่แม่ไม่เคยทำให้อิณด้วยซ้ำ”
   เพี๊ยะ!
   หน้าซีกซ้ายผมชาไปชั่วขณะจากแรงตบ นี่เป็นครั้งแรกที่แม่ตบผม ผมไม่เคยรู้เลยว่าการที่ผมชอบผู้ชายมันจะเป็นเรื่องที่ผิดขนาดนี้ ผมรู้สึกแย่ที่ทำให้แม่ร้องไห้ และผมรู้สึกเสียใจที่แม่ไม่เข้าใจผมเลย ผมน้ำตาคลอจนไม่กล้าหันหน้ากลับมา
   “ไปเลิกกับมันซะ อย่าให้ฉันรู้ว่าแกไปยุ่งวุ่นวายกับมันอีก แล้วก็เลิกทำตัวแบบนี้ได้แล้ว แค่เป็นคนปกติมันยากนักรึไง”
   ผมเม้มปาก มือสั่นระริก ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าควรพูดอะไรออกไป
   “แม่รู้ไหม ว่าบางทีอิณก็สงสัย.... สงสัยจริงๆนะ  แม่เคยรักอิณบ้างรึเปล่า... เคยดีใจที่มีอิณเป็นลูกบ้างไหม”
   “.....”
   “เวลาอิณสอบได้ที่หนึ่ง เวลาอิณแข่งบาสชนะ เวลาอิณได้เป็นตัวแทนโรงเรียน ทำไมแม่ไม่เคยเห็นบ้าง แล้วทีเรื่องนี้ อิณผิดอะไร.... “
   “จำเอาไว้นะ ถ้าวันนั้นพ่อแกไม่ขอ แกคงไม่ได้เกิดมา แต่วันนี้พ่อแกมันไปแล้ว มันไปอยู่กับเมียน้อยที่ฉันจับคาหนังคาเขาไง  แล้วมันทิ้งแกเอาไว้ให้ฉัน   เลิกทำตัวผิดเพศซะที อย่าทำให้ฉันผิดหวังกับแกไปมากกว่านี้เลย...”


   


   “แม่...”
   ผมไม่รู้ว่าแม่มาทำอะไรที่นี่ เขาแทบไม่เคยเฉียดมหาลัยผมเลยด้วยซ้ำ การที่เขามาอยู่ตรงนี้ หน้าร้านชาบู แถวยังเป็นร้านที่ผมทำงานอยู่ด้วย นี่ต้องไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่ๆ และจากการที่แม่ใส่แว่นดำกับแมสปิดปากประหนึ่งเป็นเซเลปแล้ว ผมว่าเขาต้องตั้งใจมาแบบลับๆแน่ๆ หรือแม่จะทดลองเป็นคิงส์แมน? แต่พีทบอกว่าช่วงนี้แม่ชอบรื้อโคนันตอนเก่าๆมาดู
   หรือความจริงแล้ว...
   แม่กำลังตามสืบเรื่ององค์กรชุดดำอยู่ แต่ผมว่าวอดก้าไม่น่ามาอยู่แถวร้านชาบูวะ
   โอเค เลิกออกนอกเรื่อง
   ผมว่าเขามาหาผมนั่นแหละ แต่ดูแล้วคงไม่อยากให้ผมรู้ แม่คงทำหน้าบูดเพราะไม่เห็นผม แหงสิ ผมติดแหง็กอยู่ที่เคาน์เตอร์ ไม่ได้เดินไปมาในร้านเหมือนทุกที คำถามคือ เขามาหาผมทำไม....
   ไวเท่าความคิด ผมพยายามแบกสารร่างง่อยๆของตัวเองออกไปหาแม่ แต่แม่ก็เดินออกไปแล้ว ขณะที่ผมเพิ่งตั้งหลักยืนได้ ผมรีบกระเผลกๆออกไปหน้าร้าน มองเห็นแผ่นหลังของแม่อยู่ไกลๆ ผมอยากวิ่งตามใจจะขาด อยากจะถามว่าเขามาทำไม แต่เดินแค่สามก้าวผมก็จะล้มแล้ว เลยทำได้แค่ยืนมองจนแผ่นหลังของแม่หายไป
   ผมไม่แน่ใจว่าผมควรโทรไปถามแม่เลยไหมว่าเขามาหาผมทำไม แต่ประสบการณ์อันแสนสาหัสของผม บอกว่าแม่ไม่มีทางพูดความจริง เขาจะพูดจาใจร้ายใส่ผม ปากแข็งเหมือนที่เคยทำ ผมเลยคิดว่าควรเก็บเงียบไว้ดีกว่า
   ถ้าการที่แม่หายไป เขาหายไปเพื่อมาหาผมจริง เขาจะมาอีกแน่ และผมจะรอ ใจผมบอกว่าเพราะเขาเป็นห่วงผมถึงได้มาตามดูกัน แต่เพราะเขาไม่เคยพูด ไม่เคยเลยสักครั้งตั้งแต่เด็กจนโต ผมเลยไม่ค่อยจะมั่นใจนัก แต่มันก็รู้สึกว่าอยากให้เป็นแบบนั้น อยากให้เป็นห่วง ถ้าคำพูดมันบอกกันไม่ได้ ก็ให้การกระทำมันบอกแล้วกัน
   ผมนั่งคิดเรื่องแม่จนลืมเวลา รู้อีกทีก็พี่ไทม์มารอรับอยู่หน้าร้านแล้ว
   “ค่อยๆเดิน เจ็บไหมนั่น จะอุ้มก็ไม่เอา”
   “พี่จะอุ้มได้ไง พี่เก๋ก็อยู่ เด็กในร้านก็อยู่เยอะแยะ”
   “ตามใจ ถ้าคืนนี้ปวดขึ้นมา พี่ไม่โอ๋นะ” พี่ไทม์ทำหน้าตายียวนใส่ผม จนผมต้องย่นจมูกใส่ ผมสิบเก้าแล้ว ไม่ใช่เด็กสามขวบซะหน่อย
   “ผมไม่งอแงแน่นอน พี่ไม่ต้องมาโอ๋เลย” ผมยักคิ้วใส่ ขิงด้วยความมั่นใจ ใครมันจะไปขี้แงขนาดนั้นวะ

   “ฮึก...”
   “เดี๋ยวก็หายแล้ว นี่ไงพี่ทายาให้แล้ว เดี๋ยวก็หายนะ”
   “อย่าจับตรงนั้นแรงสิ ไอ้พี่ไทม์ ฮือออ เจ็บ...”
   พี่ไทม์ทำหน้าเหนื่อยหน่ายใส่ผม แต่ก็ยังยกยิ้มตอนที่ผมยกมือปาดน้ำตา เรื่องของเรื่องคือ ผมที่ดื้อด้านจะเดินเอง ดันซุ่มซ่ามลื่นล้ม และพี่ไทม์คือพระเอกนิยายหน้าตาดี ที่ช่วยผมไม่ทัน - - ผลคือ  ขาพลิก พลิกข้างไหนไม่พลิก พลิกข้างที่เจ็บ แหกปากลั่นจนพี่ไทม์ต้องเดินมาอุ้ม อุตส่าห์ขิงไว้อย่างดิบดี ยัง ยังจะมาสะอึกสะอื้นอีกกู
   และพี่ไทม์ก็ชดใช้ที่คว้าไว้ไม่ทันด้วยการพาไปอาบน้ำ แล้วมานั่งทายาให้ ส่วนผมหรอ น้ำตาไหลตั้งแต่อาบน้ำจนถึงตอนนี้ไง หมดกัน ไม่มีอะไรเหลือแล้ว ศักดิ์ศงศักดิ์ศรี
   “ไม่เอาไม่ร้อง ตาบวมหมดแล้ว” พี่ไทม์ยกมือขึ้นปาดน้ำตา
   “ฮือออ... ยาเข้าตา พี่จับขาแล้วมาจับหน้าผมได้ไงอะ ฮืออ..”
   “โอ๋ๆๆ ขอโทษๆ พี่ลืม” พี่ไทม์รีบขอโทษทั้งที่กำลังกลั้นขำอยู่ ไม่เป็นผมไม่รู้หรอกครับว่ามันปวดร้าวเพียงใด มันเจ็บขาจนน้ำตาแห่งศักดิ์ศรีที่อุตส่าห์ขิงเอาไว้มันไหลออกมา แล้วพี่มึงยังมีหน้ามาขำกันอีกเหรอ ความผิดพี่มันชัดๆเลยเนี่ยที่ปล่อยให้ผมล้มอะ
   “หายแสบตารึยัง” พี่ไทม์เอาผ้าชุบน้ำมาเช็ดตาให้ผม เช็ดไปทั้งหน้า จนคราบน้ำตาหายไปหมด เช็ดไปก็ขำไป
   “หึ ใครนะบอกพี่ว่าจะไม่งอแง”
   “แล้วใครที่ปล่อยผมล้มหน้าทิ่มละ” ผมเถียง
   “ก็เราดื้อไม่ให้พี่อุ้ม”
   “ไม่ต้องมาขำเลย”
   “นั่งดีๆเดี๋ยวพี่พันผ้าให้ กินข้าวมาแล้วใช่ไหม”
   “กินมาแล้ว พี่กินรึยัง”
   “กินแล้วครับ”
   ผมนั่งอยู่บนเตียง พี่ไทม์นั่งบนพื้นพันผ้ายึดให้ผม มือเขาใหญ่มาก ใหญ่กว่ามือผม แต่เขากลับทำได้มือเบาจนผมแปลกใจ ผมยื่นมือไปเขี่ยผมพี่ไทม์เล่นตอนที่เขากำลังก้มหน้าตั้งใจทำ ราวกับว่ามันเป็นข้อสอบไฟนอลอย่างนั้นแหละ
   “พี่..”
   “หืม”
   “วันนี้ผมเจอแม่ด้วย” พี่ไทม์เงยหน้าขึ้นมาสบตาทันทีที่ผมพูดถึงแม่ เขารู้ว่าเรื่องนี้เป็นประเด็นอ่อนไหวสำหรับผมเสมอ และเขาเลือกที่จะเงียบเพื่อรอให้ผมพูดต่อ
   “แม่แต่งตัวเหมือนดารา ใส่แว่นใส่แมส แล้วมายืนมองเหมือนหาใครอยู่หน้าร้านที่ผมทำงาน”
   “....”
   “พี่ว่าเขาจะมาหาผมรึเปล่า เขาไม่เคยมาหาผมที่มหาลัยเลยนะ ผมไม่รู้เลยว่าเขามาทำไม เขาดูไม่เหมือนคนที่จะมากินชาบูเลย” พี่ไทม์เงยหน้ามายิ้มให้ผม เขาละมือจากผ้าที่พันเสร็จแล้ว มาจับมือผมไปกุมไว้
   “พี่รู้ว่าเรารู้นะว่าแม่เขามาทำไม และถ้าถามพี่ พี่ก็จะบอกว่าพี่คิดเหมือนเรานั่นแหละ” เขาคิดเหมือนผมสินะ ว่าแม่มาเพราะเป็นห่วงผม
   “ที่ผ่านมาเขาก็ใช้เงินเดือนตัวเองคอยส่งให้เราไม่ใช่หรอหืม ถ้าเขาไม่รักไม่ห่วง เขาจะทำแบบนั้นทำไมละ”
   “แล้วทำไมเขาต้องทำตัวย้อนแย้ง พูดจาใจร้ายใส่ผมด้วยละ” ผมก้มหน้า น้ำตาเหมือนจะกลับมารื้นที่ตาอีกรอบ ข้อเท้าที่ว่าปวด ก็เหมือนจะปวดขึ้นไปอีกเมื่อนึกถึงเรื่องแย่ๆ คำพูดมากมายที่สร้างแผลในใจผมซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่มืออุ่นๆก็บีบมือผมแน่น คอยบอกว่ามันไม่เป็นไรอยู่เสมอ
   “งั้นเราลองมาฟังเสียงในใจให้มากกว่าคำพูดดูดีไหม มันเป็นเรื่องดีไม่ใช่หรอที่แม่เขาเป็นห่วงน่ะ” พี่ไทม์ยิ้ม ยิ้มเขาแม่งโคตรอบอุ่นเลย
   “อือ โคตรดีเลย” ผมยิ้มตามเขาจนได้ กี่ครั้งแล้วที่ยิ้มเพราะผู้ชายคนนี้
   “งั้นก็ไปนอนได้แล้ว เป็นเด็กไม่ควรนอนดึก พี่จะไปอาบน้ำ ไม่ต้องรอ หลับตาเลย” พี่ไทม์ยกมือมาปิดหน้าผมแล้วดันลงให้นอน
   “พี่ทำเหมือนเราอายุห่างกันสักสิบปี นี่ผมเป็นน้องพี่แค่สองสามปีเองนะ จุ๊บ” ผมจุ๊บมือเขาจนได้ยินเสียง พี่ไทม์ตกใจจนรีบชักมือออก แล้วมองผมเหมือนคาดโทษ
   “เด็กแก่แดด เรามันเด็กน้อย แล้วถ้าพี่ออกมาแล้วเด็กน้อยยังไม่หลับ พี่จะจับตีก้น แล้วพี่ไม่ตีอย่างเดียว พี่จะกัด จะลูบ แล้วก็จะ..”
   “พอ! ไปอาบน้ำเลย” ผมปาหมอนใส่พี่ไทม์ ที่เอาแต่ขำกับท่าทางของผม เขาปิดไฟในห้องแล้วเข้าห้องน้ำไป

   “ยังไม่หลับอีก อยากโดนตีหรอ” คนตัวโตทรุดนอนข้างผม ห้องมืดจนผมไม่เห็นหน้าเขา แต่ก็ยังได้กลิ่นสบู่หอมๆแบบเดียวกัน
   “ขอ”
   มือหนาส่งมาให้ผมจับอย่างรู้งาน อีกข้างก็ให้ผมหนุน แล้วรั้งตัวจนผมซุกอก กลิ่นหอมๆนี่มันชวนให้อุ่นใจจริงๆ ผมมักหลับได้ง่ายเสมอเวลาที่มีพี่มันอยู่ข้างๆ
   พี่ไทม์ลูบหัวผมเบาๆก่อนจะเอ่ย
   “ฝันดี”
   “อือ ฝันดี”
   


   
   “แม่ วันนี้อิณ แค่ก ไปช่วยที่ร้านไม่ได้นะ แค่กๆ” ผมไอจนตัวโยน เพราะเมื่อวานเตะบอลตากฝน เช้าวันนี้มาเลยไข้ขึ้นตามระเบียบ
   “เป็นอะไร วันนี้มีคนลาสองคน ฉันบอกเขาว่าแกจะมาช่วย ถึงให้เขาลา แล้วจู่แกก็มาไม่ได้เนี่ยนะ” เสียงในโทรศัพท์ ดูเหมือนว่าแม่จะเริ่มหงุดหงิดที่ผมเบี้ยวงาน
   “อิณขอโทษแต่วันนี้อิณไม่สบายจริงๆ ไว้พรุ่งนี้ถ้าดีขึ้นอิณจะไปช่วยแล้วกัน”
   “อยากจะออกไปอยู่คนเดียวแต่ก็ยังดูแลตัวเองไม่ได้ ถ้ามาไม่ไหวก็ไม่ต้องมา แค่นี้นะ ฉันจะไปทำงาน”
   ติ้ด..
   ผมล้มตัวนอน ปวดหัวจนลุกไปไหว ยาก็ไม่มี ข้าวก็ไม่มี คงต้องรอให้หายปวดหัวกว่านี้แล้วค่อยลุกไปซื้อยา
   
กริ้งๆๆ

   เสียงกริ้งหน้าห้องทำให้ผมตื่น ใกล้จะเที่ยงแล้ว ผมหลับไปหลายชม.เลย หัวผมยังปวดหนึบ แต่ก็ฝืนลุกไปเปิดประตูที่ดังจนเงียบไปแล้ว
   ผมเปิดประตูออกไป หน้าประตูไม่มีใครอยู่เลย มีเพียงถุงข้าวต้มกับยาแก้ไข้แขวนอยู่ที่ลูกบิดประตูเท่านั้นเอง


**********
คิดถึงทุกคนมาเลย ♥

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
แม่รักอิณแต่อาจจะปากแข็งไปหน่อย

ออฟไลน์ พลอยสวย

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1622
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-5
แม่คงมีเหตุผล

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
มันยากมาก...........
ที่จะอ้าปากบอกว่ารัก..........
ห่วงใยกัน สำหรับคนปากแข็ง ขี้ขลาด :really2: :really2: :really2:

ถ้าคนที่เรารักเขาไม่อยู่ฟังแล้ว
ไอ้ความรัก ห่วงใยอะไรนั่น มันคงไร้ค่า ไม่มีตัวตนเหมือนเดิมต่อไป  :m20: :laugh:

พี่ไทม์  หมวย   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:


ออฟไลน์ kungverrycool

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ดีใจที่มาต่อ รอๆจ้า

ออฟไลน์ onlyplease

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
มาต่ออีก ชอบๆๆๆ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด