☆► รู้ เ ท่ า ไ ม่ ถึ ง . . รั ก ◄☆ ตอนที่ 22 : ภาวะชุ่มฉ่ำ 《2/12/2018》P.6
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ☆► รู้ เ ท่ า ไ ม่ ถึ ง . . รั ก ◄☆ ตอนที่ 22 : ภาวะชุ่มฉ่ำ 《2/12/2018》P.6  (อ่าน 31882 ครั้ง)

ออฟไลน์ Duangjai

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 655
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-1
………


เชียร์พี่เวย์น้องดอทนะ.  แล้วหมอวรรณจะอยู่ตรงไหนดี

อ๊ากกกกกจับคู่เวียนหัว

 :a5:  :a5:  :a5:  :a5:  :a5:  :a5:

พี่เผ่าคงต้องเวลาแยกย้ายแล้วหล่ะ รัก_แต่ไม่พอ

 :เฮ้อ:  :เฮ้อ:  :เฮ้อ:   :เฮ้อ:   :เฮ้อ:   :เฮ้อ:


……

ออฟไลน์ dekying kukkig

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1462
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-1
โห๊ะ !!!!! เราเจอคนซึน 1 อัตราเนาะ แหมมมมมม มีแอบทำร้ายร่างกายตัวเองด้วย  :m20:
ว่าแต่ดอทไม่เป็นไรแน่เหรอ บอบบางขนาดนั้น  :mew2:

ออฟไลน์ fiction no.9

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 134
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +129/-4
    • แฟนเพจ : นิยายหมายเลข9
.•:*´¨`*:•.☆ ►  รู้ เ ท่ า ไ ม่ ถึ ง . . รั ก ◄ ☆•:*´¨`*:•.

ต อ น ที่  14  :  ภ า ว ะ ตื่ น ใ จ



แกร้ก!

เผลอเหยียบกิ่งไม้แห้งทำให้เกิดเสียงดังจนพี่เวย์หันมา  ใบหน้าหล่อที่ชื้นเหงื่อนั้นตกตะลึงพรึงเพริดเมื่อเห็นผม พร้อมกันนั้นก็รีบเก็บของสงวนเข้าที่อย่างรวดเร็ว  ส่วนผมเองก็ปั้นหน้ายากได้แต่อ้าปากค้างจ้องตากันและกันอยู่อย่างนั้น

แต่แล้วก็เป็นร่างสูงที่ชักสีหน้าใส่แล้วเดินหนีไปซะเฉยๆ

มันใช่เรื่องเหรอที่มาสะบัดบ๊อบใส่กันแบบนี้  ทำอย่างกับผมผิดงั้นแหละ ไม่ได้การละต้องรีบเคลียร์

ผมรีบวิ่งกระย่องกระแย่งจนแซงได้ 

“หยุด!”  ยืนจังก้ากางแขนร้องบอกให้เขาหยุดเดิน

“มีอะไร” เขาถามเหมือนกับว่าไม่ได้เกิดอะไรขึ้นเมื่อกี้นี้

“เราต้องคุยกันนะ” ผมทำสีหน้าจริงจัง

“เรื่องอะไร” พี่เวย์ยังคงตีหน้านิ่งไม่รู้ร้อนรู้หนาว

“ก็ที่คุณทำเป็นเย็นชาพูดไม่ดีกับผมแต่ที่จริงคุณแกล้งทำ” ผมบอกฉะฉานอย่างมั่นใจเพราะผมได้พิสูจน์มาแล้ว

ใบหน้าหล่อเผยรอยยิ้มแสยะพลางเลิกคิ้วขึ้นแล้วตอบอย่างเย็นชา “อย่างนั้นเหรอ”

“อย่ามาทำเป็นเก๊กหนังหน้าแบบนั้นนะ น้องรู้ว่าพี่เวย์ยังชอบน้องอยู่” ผมเริ่มหงุดหงิดกับการกระทำของเขามากขึ้นทุกที ถึงจะหวาดเกรงในความเป็นพี่เวย์แต่ต้องรวบรวมความกล้าเพื่อจัดการให้อยู่หมัด

“ทำไมคุณถึงคิดว่าเป็นแบบนั้น” ถามด้วยสีหน้าเหยียดๆ ยิ่งเขาเป็นแบบนี้ก็ยิ่งอารมณ์ขึ้น

“ก..ก็!” ผมพยายามนึกหาคำที่จะมาอธิบาย “ก็..ตอนคุณอุ้มเมื่อกี้ ผมเห็นว่าเอ่อ.. ต..ตรง ตรงนั้นของคุณมันแข็งตัว แล้วตอนผมเช็ดตัวคุณก็แอบดูแล้วยัง เอ่อ.. ยังแอบ แอบช่วยตัวเองเพราะมีอารมณ์กับผมไม่ใช่หรือไง!”

หลับหูหลับตาอธิบายยืดยาวทั้งๆ ที่รู้สึกกระดากปากแต่เพื่อให้เขาเลิกทำเป็นเก๊กก็จำเป็นต้องกลั้นใจบอกออกไป

รอยยิ้มกวนอารมณ์เหยียดขึ้นบนใบหน้าหล่อเหลาอีกครั้งแล้วเดินเข้ามาใกล้

“คุณไม่รู้เหรอ..” พี่เวย์เอ่ยถามแล้วหรี่ตามองพร้อมกับยื่นมือมาเกลี่ยเส้นผมทัดหูให้ “ทั้งหน้าตา สรีระ และทรงผมของคุณ ยิ่งตอนไม่ได้เซ็ตแบบนี้ก็ยิ่งสลวยดูมีชีวิตชีวา เวลาคุณขยับมันก็จะพริ้วไปมาน่ามอง ทั้งหมดนี้จะบอกก็ได้ว่าผู้หญิงกว่าครึ่งโลกก็ยังสวยสู้คุณไม่ได้” 

ผมนิ่งงัน คำพูดของเขาเหมือนจะชม แต่สายตาที่มองเหยียดนั้นทำให้ผมต้องเตรียมพร้อมรับคำเหน็บแนมของเขาให้จงดี

“แล้วไง” ผมขู่ฟ่อๆ เตรียมสู้กลับ

“ผมเป็นผู้ชาย ถึงแม้จะเคยชอบผู้ชายแต่ผมก็ยังมีอารมณ์ได้กับผู้หญิง และเมื่อกี้ตอนอุ้มคุณผมก็ไม่ได้ใส่เสื้อผ้า การที่ผิวเนียนๆ ของคุณมาเสียดสีกับผิว รวมกับการตั้งใจอ่อยตอนที่คุณเช็ดตัว ผมคงไม่ต้องบอกว่าที่ผมมีอารมณ์เพราะความเงี่... หรือความชอบกันแน่”

พี่เวย์ตั้งใจไม่ออกเสียงคำนั้นที่ค่อนข้างหยาบคาย แต่ผมก็รู้ความหมายเพราะเขาทำรูปปากให้เห็นว่ามันคือคำว่าอะไร

“หยาบคาย” ผมยัดเยียดเสื้อกล้ามเปียกชื้นไปชนหน้าอกของร่างสูงเป็นการระบายอารมณ์ มือหนารีบตะครุบไว้ก่อนที่มันจะตกลงพื้น เขามองหน้าเหมือนตกใจอยู่นิดๆ ที่เห็นกิริยาอาการก้าวร้าวในแบบที่ผมไม่เคยทำกับเขา  “ถ้าคุณคิดว่าทำแบบนี้มันดีแล้วก็ตามใจคุณ!” ผมตะโกนใส่เขาแล้ววิ่งหนีกลับที่พักทันที

เป็นครั้งแรกที่กล้าขึ้นเสียงต่อหน้าพี่เวย์ แต่กดความอารมณ์ไว้ไม่ไหวจริงๆ พี่เวย์คนบ้า คนเย็นชา คนไม่รู้จักการให้อภัย พี่เวย์ใจร้ายที่สุดเลย!!


เมื่อกลับมาถึงที่พัก ผมเดินวนเวียนเป็นหนูติดจั่น รู้สึกฉุนขาดแบบต่อเนื่องโดยไม่มีทีท่าจะลดลง

โมโหๆๆๆ คนบ้าคนใจร้าย! อยากด่าให้เจ็บกว่านี้แต่ก็คิดคำไม่ออก ทำไมผมมันโง่แบบนี้นะ คราวหลังถ้าเจอดินแดนผมจะให้เขาสอนด่าจะได้ทำให้คนอย่างพี่เวย์หน้าหงายไปเลย!

แต่ในขณะที่กำลังหัวฟัดหัวเหวี่ยง ผมก็เหลือบไปเห็นมีดพับที่พี่เวย์วางไว้ใกล้เป้เจ้ากระต่าย 

“เหมือนผู้หญิงใช่ไหม!” ผมเดินไปหยิบมันขึ้นมาแล้วเปิดใบมีดออก “เหมือนผู้หญิงเหรอ” พูดพร่ำไปพร้อมกับจับเส้นผมสีดำสลวยของตัวเองแล้วหั่นมันออกโดยรอบ “แบบนี้จะเหมือนอีกหรือเปล่า!”

ไม่นานนักพี่เวย์ก็เดินตามมาถึง ผมยืนเชิดคอแข็งอยู่ตรงปากทางเข้ารอให้เขามาเจอ 

แว้บแรกที่เขาเห็นดูหน้าถอดสีไปแค่เสี้ยววินาทีแต่แล้วก็เปลี่ยนเป็นอย่างเดิมแถมไม่สนใจจะทักด้วยซ้ำ เดินไปผึ่งเสื้อตัวเองบนก้อนหิน แล้วสาละวนก่อไฟอย่างกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“นี่คุณ!” ผมเดินไปขวางหน้าไว้ทันทีแต่พี่เวย์แค่เลิกคิ้วมองด้วยสายตาไร้อารมณ์

“อะไรอีก”

“ผมตัดผมแล้ว” พยายามยืดคอเพื่อให้เขาเห็นทรงผมสั้นเสมอหู

“แล้วไง” ร่างสูงปรายตามองแค่แว้บเดียวแล้วถามอย่างเย็นชา

“ก็คุณบอกว่าผมยาวแล้วเหมือนผู้หญิงคุณก็เลยมีอารมณ์ ตอนนี้ตัดผมสั้นแล้ว เรามาลองดูกันว่าคุณจะมีอารมณ์อยู่หรือเปล่า” ผมท้า

พี่เวย์มองแบบตำหนิในใจแล้วถอนหายใจออกมา

“เฮ้อ ผมบอกตามตรงนะ” ขายาวๆ ก้าวเข้ามาประชิดแล้วยื่นมือมาหยิบเส้นผมจากโคนไล่ไปตามความยาวก่อนจะเลื่อนมือลงมาเชยคางให้เชิดขึ้น “ก็ยังเหมือนผู้หญิงผมสั้นอยู่ดี”

!!!!!

ผู้หญิงผมสั้นอะไรเล่า!!

ผมยืนกระฟัดกระเฟียดกัดฟันกรอดอยู่ที่เดิมแต่เขาไม่สนใจและลงมือก่อกองไฟแบบหน้าตาเฉย

ตั้งแต่ยืนโกรธ แล้วมานั่งโกรธ  จนตอนนี้นอนโกรธอยู่นานสองนาน พี่เวย์ไม่ปรายตามามองแม้แต่นิดเดียว  แถมตอนนี้เริ่มแกะมาชเมลโล่ออกมาย่างไฟกินคนเดียวเหมือนกับว่าผมไม่มีตัวตนอยู่ตรงนี้

“หยุดเดี๋ยวนี้เลยนะ” ผมลุกขึ้นห้ามเมื่อเห็นเขาย่างมาชเมลโล่ชิ้นที่สี่กินโดยไม่มีแก่ใจจะหันมาชวน 

ร่างสูงหันมามองแล้วเลิกคิ้วคล้ายจะหมดความอดทน

“ถึงจะโกนหัวคุณก็ยังเหมือนแม่ชีอยู่ดีไม่ได้เหมือนพระหรอกน่า เลิกเซ้าซี้ได้แล้ว”

!!!!!!??

พี่เวย์จะบ้าเหรอ!

จากที่หายโกรธไปบ้างแล้ว ตอนนี้กลับปรี๊ดขึ้นมาอีกแต่ครั้งนี้กลับเข้าโหมดหงอเหมือนเดิม กับพี่เวย์เมื่อกี้คงเป็นการวีนครั้งแรกและครั้งเดียวละมั้ง หนักสุดก็มุ่ยหน้าใส่แล้วด่าในใจ

“ก็ไม่ได้จะพูดเรื่องนั้น” ผมทำหน้างอ “ผมจะบอกว่ามาชเมลโล่นั่นผมซื้อมา คุณจะกินมันหมดโดยไม่แบ่งได้ยังไง แล้วผมจะกินอะไรเย็นนี้” ขมวดคิ้วใส่แล้วเดินไปดึงห่อขนมมาถือไว้

นึกถึงประโยคเมื่อกี้แล้วหงุดหงิด พูดออกมาได้ยังไงว่าถึงโกนหัวก็ยังเหมือนแม่ชีอยู่ดี ที่จริงพี่เวย์เป็นคนแบบนี้อยู่แล้วแต่เมื่อก่อนทำเป็นสร้างภาพหรือเพิ่งจะมาเป็นหลังจากที่เกลียดผมแล้วกันแน่นะ

แต่ไม่ว่าจะเป็นตอนไหนเขาก็น่าโมโหอยู่ดี น่าโมโหที่สุด!

ยิ่งโมโหก็ยิ่งหิว ผมแกะขนมนุ่มหยุ่นสีขาวใส่ปากแล้วดูดซับความหวานก่อนจะกลืนลงคอ

อร่อยจัง..

“โมโหหิวก็บอก” คงเห็นสีหน้าผมผ่อนคลายขึ้นเพราะได้รับรสหวาน  “ถ้าคราวหลังหิวก็รีบมากินไม่ใช่มาเหวี่ยงวีนคนอื่นเหมือนผู้หญิงตอนมีประจำเดือนแบบนี้”

!!!!???

อีตาพี่เวย์! ทำไมปากร้ายแบบนี้ ผมชักจะหมดความอดทนแล้วนะ!!

แต่จะว่าไป เมื่อกี้เขาย่างมาชเมลโล่ด้วยนี่นา ผมอยากย่างบ้างมันจะได้อุ่นๆ ละมุนลิ้นมากขึ้น

“ยืมไม้นั่นหน่อย” 

“พูดเพราะๆ แล้วจะย่างให้”

หึ ทำนิสัยแบบนั้นแล้วจะให้คนอื่นพูดเพราะด้วยเนี่ยนะ ฝันไปเถอะ

“ขอ...ยืมไม้หน่อยครับ” ผมให้เวลาตั้งนานแต่คนใจร้ายก็ไม่ยอมยื่นให้จึงต้องจำใจพูดเพราะๆ อย่างที่เขาบอก

ก็อยากกินแบบย่างนี่ กินธรรมดามันไม่ฟิน

พี่เวย์ทำหน้าเหมือนจะพูดว่า ‘หึ ก็แค่นี้’ แล้วแบมือแทนที่จะยื่นไม้มา “เอามาเดี๋ยวผมย่างให้”

“ไม่ต้องมาง้อตอนนี้หรอก ยังไงผมก็ไม่หายโกรธคุณ” ผมเชิดหน้า

“ผมเนี่ยนะง้อ” พี่เวย์กลอกตาใส่ “ที่จะย่างให้เพราะถ้าคุณย่างเองเดี๋ยวไฟก็ไหม้ที่พักกันพอดี แล้วอีกอย่างถ้าไม่อยากกินแบบไหม้ๆ ก็ส่งมาให้หมดนั่นน่ะ”

แล้วสุดท้ายผมก็แพ้เขาอยู่ดี ที่จริงจะไม่ยอมก็ได้แต่ตอนนี้หิวมากแล้ว  ถ้ามัวเล่นตัวเดี๋ยวโรคกระเพาะจะกำเริบ

“อร่อยจัง” ผมกินไปชมไปด้วยความฟิน “เสียดายที่ซื้อมาแค่ห่อเดียว รู้งี้ซื้อเยอะๆ ก็ดีหรอก” ว่าแล้วก็ไปค้นในถุงอีก

“พอก่อนดีกว่า เก็บสเบียงไว้จะได้กินไปนานๆ พรุ่งนี้ก็อีกตั้งสามมื้อ” เขาปราม

“คุณอิ่มแล้วก็พูดได้สิ”

“ทั้งห่อมีเกือบยี่สิบชิ้น ผมกินแค่ห้าที่เหลือคุณกินหมด” ไม่เห็นต้องเอา Fact มาข่มกัน

“แต่ผมยังไม่อิ่มนี่นา” ผมทำตาละห้อย  พี่เวย์มองอยู่ครู่หนึ่งก็ค่อยๆ ลากเป้ไปไว้ข้างตัว

“งั้นเดี๋ยวย่างเจ้านี่ให้กิน”

“ม..ไม่ได้นะ” ผมลากเป้กลับมา  “คุณรับปากแล้วว่าจะไม่กินมันจนกว่าเสบียงจะหมดนี่” ทำหน้าหงอยเพราะจะวีนใส่ก็ไม่กล้า

“ก็ถ้าคุณกินเสบียงอีกมันจะก็หมดก่อนมื้อกลางวันพรุ่งนี้ ยังไงก็ต้องย่างเจ้านี่แน่”

ผมขมวดคิ้วกัดฟันข่มความรู้สึกน้อยใจเอาไว้ ก็คนไม่อิ่มทำไมต้องเอาเจ้าต่ายมาขู่ด้วย

“ไม่ต้องกลัวนะ ถึงจะต้องอดตาย จากนี้ฉันก็จะไม่กินเสบียงหรอก แกจะได้รอดให้นานที่สุด” ผมก้มลงไปคุยกับเจ้าต่าย

“ทำร้ายตัวเองเพื่อปกป้องคนอื่น” เขาเปรยขึ้น “มีแต่คนโง่เท่านั้นแหละที่ทำ”

คำพูดของพี่เวย์ทำให้ผมหวนนึกถึงเรื่องเนม ถ้าตอนนั้นปากกับใจตรงกันแล้วเปิดอกกับเนมไปเลย ซึ่งจากที่ได้เคลียร์ใจกับเนมเมื่อวานจึงรู้ว่าถ้าจริงใจเสียตั้งแต่ตอนนั้นการเคลียร์กับเนมก็ไม่ได้ยากเย็นอะไร แต่ผมกลับคิดแต่จะปกป้องความเป็นเพื่อนของเราซึ่งท้ายที่สุดการกระทำของผมมันก็สูญเปล่า ซ้ำร้ายยังทำให้ชีวิตต้องเดินผิดทางมาตลอด ไม่เว้นแม้แต่เหตุการณ์ติดป่าตอนนี้มันก็เป็นผลพวงจากการติดสินใจโง่ๆ ของผมเองทั้งนั้น

“นิดๆ หน่อยๆ ก็เบะ ผมพูดแค่นี้เองนะ”

แค่นี้เองตรงไหน  ไม่รู้หรือไงว่าคำพูดของเขามีอิทธิพลกับความรู้สึกของผมไม่ว่าจะคำเล็กคำน้อยแค่ไหนก็ตาม

แต่ผมต้องฮึบไว้ ต้องไม่แสดงความอ่อนแอให้เขาเห็นจะได้ไม่ต้องมาทำท่าทางอ่อนใจแบบนั้นอีกเพราะไม่ว่ายังไงพี่เวย์ก็ยังคงเกลียดผมอยู่วันยังค่ำ

พยายามข่มก้อนขมๆ ในอกแล้วยกเป้ขึ้นมาวางบนตักทำทีเป็นไม่สนใจคนใจร้าย

“เมื่อกี้เห็นผักอะไรไม่รู้อยู่ใกล้ลำธาร เดี๋ยวจะลองเด็ดให้แกกินนะ แต่ตอนนี้มีแค่ขนมนี่กินเป็นหรือเปล่า” ผมบิมาชเมลลโล่แล้วยื่นให้มัน เจ้าต่ายขยับจมูกฟุดฟิดแล้วงับขนมไปเคี้ยวหยับๆ ดูน่ารักน่าชัง  “อุ้ยคุณ! ดูสิมันกินมาชเมลโล่ด้วย” ผมมองเขาด้วยความตื่นเต้น

“คุณนี่อารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย” คนแก่นี่ยังไง อุตส่าห์เปลี่ยนบรรยากาศให้มันดีขึ้นแล้วแท้ๆ ก็ยังตามแซะอยู่ได้ “ถามจริงๆ ถ้าคุณมัวแต่แบ่งให้กระต่ายนั่นแล้วจะเอาตัวรอดออกจากป่านี้ได้ยังไง”

ผมมองเขานิ่ง จ้องลึกเข้าไปในดวงตา วิธีเลี่ยงสงครามคงไม่ได้ผลกับคนเจ้าคิดเจ้าแค้นคนนี้

“มาพนันกันไหมว่า ถ้าผมเอาตัวไม่รอดแล้วใครจะมาช่วย”

“ก็คอยแต่จะพึ่งพาคนอื่น” คำพูดของพี่เวย์เหมือนหอกแหลมๆ พุ่งเข้ามาแทงกลางใจของผมได้ทุกทีสิน่า

“ถ้าเป็นคนอื่นที่มีใจให้ผม ถึงไม่ขอเขาก็จะทำให้อยู่ดีเพราะฉะนั้น ผมไม่ผิด”  รวบรวมความรั้นสวนกลับไปบ้างไม่อย่างนั้นคงคิดว่าอยากพูดอะไรก็พูดได้

“เคยมีใจ” เขาเน้นเสียงต่ำ ซึ่งความหมายของคำพูดเหมือนจะฉีกเนื้อเถือหนังของผมให้ขาดวิ่นออกอย่างง่ายดาย “และจะไม่มีวันกลับไปมีอีก ส่วนที่ทำให้ทั้งหมดตั้งแต่วันที่โดนน้ำป่าพัดจนถึงตอนนี้ก็เพราะมนุษยธรรม อย่าคิดว่าตัวเองเป็นศูนย์กลางจักรวาลนักเลยเพราะยิ่งทำแบบนี้มันก็ยิ่งน่าสมเพช” ด่าผมอย่างเจ็บแสบแล้วหนีเข้ามุมนอนหันหลังให้

“พี่เวย์หลอกตัวเอง!” ผมตะโกนใส่อย่างเหลืออด น้ำตาปริ่มขึ้นจนเต็มหน่วย “น้องไม่เชื่อหรอกว่าพี่จะลืมน้องได้จริงๆ ไม่เชื่อเด็ดขาด!”

ร่างสูงหันมามองด้วยสายตาเหยียดหยาม

“ที่แฟนของคุณไปมีคนอื่นก็คงเพราะคุณนิสัยแบบนี้สินะ”

ร่างกายชาวาบเมื่อถูกย้ำปม ม่านน้ำที่ปริ่มอยู่ร่วงหล่นในทันทีเมื่อภาพเฮียกับผู้หญิงคนนั้นฉายชัดขึ้นในความรู้สึก

“ใช่สินะ.. การถูกนอกใจเป็นสิ่งที่สาสมแล้วสำหรับคนอย่างผม ผมสมควรได้รับมัน สมควรแล้วที่จะต้องเสียใจแบบนี้! และคุณคงสะใจที่ได้เห็นผมตกต่ำทนทุกข์ทรมานแบบนี้ใช่ไหม!!” ผมพูดออกมาพร้อมกับน้ำตาที่พร่างพรูลงมาเป็นสาย เป็นอีกครั้งที่เจ็บปวดรุนแรงจนแทบอยากเดินออกไปให้สัตว์ป่าขย้ำให้ตายเสียให้รุ้แล้วรู้รอด

อยากเกลียดก็เชิญเกลียดไปเลย ตอนนี้มันชาชินจนแทบไม่เหลือความรู้สึกอีกแล้ว


ผมเข้ามุมนอนและเอนตัวลงหันหลังให้ทุกสิ่งในโลก  ไม่อยากเห็นผู้ชายใจร้ายคนนี้อีก ต่อให้ผมตายต่อหน้าเขาก็คงไม่ให้อภัยหรอก 

“ลุกมากินยาก่อน” เขาส่งเสียงดุ

ผมไม่หันไป ไม่ตอบ ไม่ขยับอะไรทั้งนั้น สิ่งที่เขาพูดเมื่อครู่ทำให้แผลที่เลือดใกล้หยุดไหลมันทะลักออกมาอีก


“ถ้าคืนนี้ป่วยจนพรุ่งนี้เดินไม่ไหว ผมจะไม่รอคุณหรอกนะ” พี่เวย์ยังคงพร่ำพ่นคำร้ายกาจออกมา


“ผมจะบอกครั้งสุดท้าย ลุกมากินยา” นอนฟังเขาพล่ามจนรู้สึกเพลีย จะทำยังไงก็เชิญเถอะ ผมจะอยู่ตรงนี้ไม่ยอมหันไปแสดงความอ่อนแอให้เขาได้เห็นอีก


ถ้าเป็นไปได้ ผมไม่อยากได้ยินเสียงเขาด้วยซ้ำเพราะฉะนั้นนอนเท่านั้นที่จะทำให้พ้นไปจากตรงนี้ไปได้


นอนสิ ไม่ต้องร้องไห้หรอก นอนสิชนม์แดน!





ปกติเวลาผมนอนแล้วจะกรนเบาๆ เฮียเผ่าเคยบอกแบบนั้น พอคิดถึงเฮียแล้วใจปวดร้าวแต่ช่างเฮียเถอะการนอนของผมสำคัญกว่า


“ครืดดด ฟรี้~~”  ผ่านไปเนินนาน ในที่สุดผมก็กรนจนได้


“เฮ้อ กว่าจะหลับได้ร้องไห้ไปตั้งหลายชั่วโมง น้องนี่มันดื้อตั้งแต่เด็กจนโตป่านนี้ก็ยังดื้อไม่หาย”

ดื้อเหรอ น้องเนี่ยนะดื้อ พี่เวย์ต่างหากที่ดื้อ

“ทำไมไม่ทำตัวนิ่งๆ ปล่อยให้เราสองคนอยู่ในระยะที่ไม่ต้องปะทะกันบ้าง น้องจะอยากพิสูจน์ทำไมว่าพี่ยังเหมือนเดิมหรือเปล่าในเมื่อถึงพี่จะเหมือนเดิมน้องก็ไม่รักพี่อยู่ดี”

ก็พี่เวย์ปากแข็ง น้องแค่อยากให้พี่เวย์เป็นคนน่ารักเหมือนเดิมนี่ครับ

“อืออ น..ห น า ว   ห น า ว~~”

“เดี๋ยวพี่กอดนะครับ บอกแล้วให้กินยา นี่คงไข้ขึ้นแล้วสิท่า เด็กดื้อ”

ก็บอกว่าพี่เวย์นั่นแหละที่ดื้อกว่า

“ฮืออ พี่เวย์  ฮือออ” 

“ชู่วว พี่อยู่นี่ครับ กอดน้องอยู่นี่ไง”

“ฮืออ~ พี่เวย์ไม่รักน้อง ฮืออ~”

“รักสิครับ รักมาตลอดไม่ว่าจะกี่ปี พี่เวย์รักน้องนะครับ” 

“รักจริงเหรอ?”

“จริงสิครับ”

“แน่นะ?”

“.......??”

“ตอบสิ..”

“น..นี่!?” พี่เวย์ปล่อยอ้อมกอดแล้วขยับออกห่างจากตัวผมทันที ผมเองก็ลุกขึ้นนั่งแล้วจ้องเขากลับ

“ตอบมาก่อนสิว่ารักไหม” ผมจ้องตาเพื่อเค้นจะเอาคำตอบ

ดวงหน้าหล่อที่เปล่งประกายท่ามกลางแสงของเปลวไฟนิ่วหน้าหงุดหงิดแล้วตอบกลับมาอย่างที่ผมคิด

“ไม่ได้รัก” 

ผมยิ้มเจ้าเล่ห์แล้วยื่นหน้าเข้าไปใกล้ “ไม่ทันละ”

ณ ช่วงเวลานี้ เหมือนหัวใจของผมที่เคยมีแผลเป็น แหว่งเว้า กลัดหนอง หรือแม้แต่ถลอกปอกเปิก ถูกเยียวยาได้ด้วยการเอาชนะพี่เวย์ 

บอกไม่ถูกแต่ไม่ใช่แค่ต้องการอยู่เหนือกว่าทว่ามันลึกซึ้งคล้ายแรงปรารถนาจากก้นบึ้งของความรู้สึก  หากคุณเคยมีใครที่เขารักคุณมากๆ เป็นทุกอย่างได้เพื่อคุณแต่แล้วจู่ๆ เขากลับเปลี่ยนไป จากนั้นคุณก็สามารถทำให้คนๆ นั้นกลับมาเป็นของคุณได้ดังเดิม คุณคงรู้สึกเช่นเดียวกับผมในตอนนี้

พี่เวย์หลับตาถอนหายใจเหมือนกำลังปรับความรู้สึก แต่เมื่อเขาลืมตาขึ้น..

“จุ๊บ~”  แก้มสากถูกขโมยหอมแล้วมองจ้องไปด้วยแววตาล้อเลียน ทั้งๆ ที่ผมเป็นฝ่ายกระทำแต่กลับรู้สึกว่าใบหน้าร้อนผ่าวหัวใจก็เต้นแรง  “ถ้าคำตอบไม่ถูกใจ น้องจะจุ๊บพี่เวย์ไปเรื่อยๆ จนกว่าพี่เวย์จะใจอ่อน”

“อย่าร้ายให้มันมากนัก” เขาส่งสายตาดุ

เห็นแบบนั้นก็อดหมั่นไส้ไม่ได้จึงบีบเสียงล้อเลียนคำพูดของเขาเมื่อครู่

“รักสิครับ รักมาตลอดไม่ว่าจะกี่ปี พี่เวย์รักน้องนะครับ” 

“ดอท!” พี่เวย์เอ็ด

“จุ๊บ~~  อื้อ! พี่เวย์ ปล่อย” ขโมยหอมแก้มเขาอีกทีแต่คราวนี้ถูกรวบตัวไว้ภายใต้วงแขนแข็งแรง

“อยากได้ยินคำว่ารักไม่ใช่หรือไง” เขาเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันขยับหน้าเข้ามาใกล้จนหัวใจเต้นถี่รัวเหมือนกับจะหลุดออกมานอกอก

“ย..อยากได้ยินคำว่ารักแต่ไม่ต้องใกล้ขนาดนี้ก็ได้” พยายามเอนตัวหนี พยายามควบคุมสติแต่ร่างกายไม่ให้ความร่วมมือใดๆ

“ร้ายอย่างเราต้องอยู่ใกล้ไม้ใกล้มือแบบนี้” ร่างสูงขยับตัวผมให้ขึ้นนั่งบนตักแล้วล็อคตัวไว้แน่น “แกล้งหลับได้ยังไง ใครสอนให้ร้ายกาจแบบนี้”

“ก..ก็พี่เวย์ปากแข็ง ใจแข็ง แถมยังพูดทำร้ายจิตใจน้องตลอด น้องก็ต้องพิสูจน์สิ” ผมทำหน้างอพยายามดันตัวออกเพราะตอนนี้เหมือนร่างใกล้ระเบิดเต็มทีแล้ว

“พิสูจน์แล้วได้อะไร” เขาจ้องนิ่งมาด้วยแววตาที่อ่อนแสงลง  ทั้งน่าสงสารและน่ามองจนหัวใจยิ่งทำงานหนักมากขึ้น

ตึกๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

“ดะ..ได้รู้ ว่าพี่รัก” ผมตอบอ้อมแอ้มรู้สึกร้อนวูบวาบไปทั่วทั้งตัวผสมกับเสียงอึกทึกในอกข้างซ้าย ผมใกล้จะเป็นลมแล้วจริงๆ นะ

“รักแล้วยังไง รักแล้วมีอะไรเปลี่ยนไปได้เหรอ” เขาพูดราวกับจะตัดพ้อ

“น้องก็ยังไม่รู้ว่ามันเปลี่ยนอะไรได้ไหม แต่น้องแค่ไม่อยากเห็นพี่เวย์เป็นคนใจร้าย แค่อยากให้พี่เวย์คนดีของน้องกลับมาเหมือนเดิม” ยิ่งใกล้ก็ยิ่งหวั่นไหว ยิ่งเห็นใบหน้าหล่อสะท้อนแสงไฟวูบไหวเช่นนี้เขาก็ยิ่งดูมีเสน่ห์

พี่เวย์หล่อจัง หล่อแบบสมาร์ท สะอาดสะอ้านแต่ดูเท่ด้วยไลฟ์สไตล์ทั้งการแต่งตัวและพาหนะที่ใช้ ความมีอายุไม่ได้ทำให้ดรอปลงแต่กลับยิ่งเพิ่มราศีให้ดูอบอุ่น น่าเชื่อถือ และที่สำคัญ พี่เวย์หุ่นเฟิร์มมาก ไม่มีไขมัน ไม่มีความย้วยของผิว อย่าว่าแต่ย้อยเลย แค่รอยตีนกายังไม่มีสักเส้น ไม่รู้ดูแลตัวเองยังไง

“คนดีคนเดิมไม่มีแล้วครับ  มีแต่คนไม่ดี”

“ยังอยากเป็นคนไม่ดี ยังอยากจะพูดจาแรงๆ กับน้องต่อไปอีกเหรอ” ผมมองอ้อน ไม่อยากถูกเขาทำเหมือนเกลียดอีกแล้ว มันเจ็บปวดเป็นทุกข์มากจริงๆ

“เปล่าซะหน่อย” เขาปฏิเสธ

“แล้วทำไมบอกว่ามีแต่คนไม่ดีล่ะครับ” ผมถามเสียงปร่าเพราะสายตาพี่เวย์เหมือนเหยี่ยวที่เตรียมจะโฉบเหยื่ออันโอชะ

“ก็เพราะว่า..เมื่อก่อนเป็นคนดีที่ไม่เคยล่วงเกิน” เขาว่าแล้วเริ่มล็อคตัวผมแน่นขึ้นจนสะท้านสั่นราวกับลูกนก “แต่วันนี้ไม่มีแล้ว”

พูดจบก็ดันร่างผมลงนอนแล้วทาบตัวตามมาก่อนจะก้มลงจนหน้าเราชิดกัน 

“พี่ไม่รู้ว่าตอนนี้น้องเกิดอารมณ์เพราะร่างกายผิดปกติหรือลึกๆ แล้วน้องมีใจให้พี่ แต่พี่ไม่สนเพราะถ้าในระหว่างที่พี่ทำอะไรๆ แล้วน้องไม่ขัดขืน พี่จะไม่หยุดจนกว่าจะเสร็จ..นั่นคือความหมายของคำว่า..คนไม่ดี”

ตึกๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

พี่เวย์พูดจาแบบนี้แล้วฮ็อตเป็นบ้า ได้ยินแล้วใจเต้นโครมครามจนแทบจะแตกออกมานอกอก 

“อือออ” ความรู้สึกแทบระเบิดออกเป็นจุลเพราะกลีบปากสีสวยของเขาที่ประกบจูบลงมา ละเลียดขบกัดริมฝีปากของผมราวกับว่ามันเป็นขนมหวาน

ตอนนี้สมองว่างเปล่า ไร้เหตุผล ไร้ข้อแม้ใดๆ ทั้งร่างกาย ความรู้สึก อารมณ์ และจิตวิญญาณได้หลอมรวมอยู่กับผู้ชายที่อยู่ตรงหน้า ผู้ชายที่อยู่ในห้วงความคำนึงมาตลอดระยะเวลาที่เราเคยพรากจากกัน

“อือออ~” ผมครางรับเมื่อเขาแทรกลิ้นเข้ามา

พี่เวย์..

หลับตาลงรับความรู้สึกที่หลากหลาย กว่าจะมีจูบแรกกับพี่เวย์ เราผ่านอะไรมาเยอะมาก ตั้งแต่ตอนที่ไม่มีใจให้เขาเลยไม่ว่าเขาจะทำดีแค่ไหน จนเริ่มมีความรู้สึกเสียดายตอนที่จะต้องยกให้เนม ต่อมาก็เริ่มมีใจแต่ก็ต้องหักห้ามเพราะยกให้เพื่อนไปแล้ว เมื่อมีทุกข์ก็ยิ่งคิดถึงเขา และเมื่อผมพลาดท่าให้กับเฮียจึงต้องสะบั้นความสัมพันธ์กับเขาอย่างไม่เหลือเยื่อใย จนเมื่อไม่นานมานี้ได้เจอเขาที่เกลียดผมจะเป็นจะตาย และด้วยอะไรไม่รู้ที่นำให้เรามาติดอยู่ในป่าด้วยกัน

ความรู้สึกท่วมท้นในอกข้างซ้ายนี้จะเป็นอะไรไปได้อีกถ้าไม่ใช่..ความรัก


“อืมห์” เสียงคำรามเบาๆ แสดงความพึงพอใจที่ผมเริ่มตอบรับมากขึ้นและมากขึ้น ไอร้อนจากทั้งสองร่างแผ่ผสานถึงกันจนกองไฟแทบจะไร้ประโยชน์

แผ่วเบาแต่อัดแน่นไปด้วยความรู้สึก สัมผัสของพี่เวย์เต็มไปด้วยความโหยหา ความรัก ความคิดถึง ผมรับรู้ถึงมันได้อย่างชัดเจน

“อือ~~” ผมรวบกอดร่างสูงไว้แน่นราวกับจะพิสูจน์ให้แน่ชัดว่าตอนนี้ไม่ได้กำลังฝันอยู่ อย่าว่าแต่พี่เวย์ที่โหยหาอยู่ฝ่ายเดียวเพราะทางนี้ก็สุดหัวใจแล้วเช่นกัน

ผมน่าจะรักพี่เวย์ตั้งแต่วันที่เขาไปส่งที่บ้าน ถ้าเพียงแต่พี่เวย์จูบผมในคืนนั้น ผมคงรู้ว่าเขาคือคนที่ใช่และคงไม่ยกให้ใคร แต่ในเมื่อเขาไม่ได้จูบเพื่อให้ผมได้รู้จักหัวใจตัวเอง ผมจึงให้เหตุผลต่างๆ นาๆ เท่าที่พอจะคิดได้คอยนำทางซึ่งก็ยอมรับว่ามันผิดมาตั้งแต่ตอนนี้

ทว่าในตอนนี้ผมอยู่กับเขาแค่เพียงสองคน  ใจเราต่างตรงกัน   

แล้วมันจะผิดไหมนะที่จะมอบร่างกายให้เขาเชยชม



ต่อ..
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-09-2018 23:31:57 โดย fiction no.9 »

ออฟไลน์ fiction no.9

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 134
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +129/-4
    • แฟนเพจ : นิยายหมายเลข9
‘เฮียจะทำทุกอย่างให้เราได้อยู่ด้วยกัน’

เสียงของเฮียเผ่าดังขึ้นในโสตประสาท ผมยังจำสายตาตอนที่เฮียพูดประโยคนี้ได้ดี และมันได้หลอนเข้ามาในจิตสำนึกชั่วแล่น

“พะ..พ..พี่..” ผมเรียกเขาเบาๆ ทั้งๆ ที่ตอนนี้เขากำลังจูบซุกไซร้ไปตามซอกคอจนร่างกายสะท้านรุนแรง “พ..พี่.. พี่เวย์..พี่..เวย์ครับ” พยายามปรับเสียงให้เสถียรมากที่สุดหวังให้เขาสนใจฟัง

“อืมห์..ครับ..” พี่เวย์ครางต่ำ ผ่อนลมหายใจออกยาวนานคล้ายกับกำลังพยายามข่มอารมณ์ที่โลดแล่น แต่ในที่สุดร่างสูงก็ยันตัวขึ้นมองจ้องไปทั่วใบหน้า “น้องอยากหยุดเหรอครับ”

น้ำเสียงแหบต่ำ ทั่วใบหน้าขึ้นสีจัดเพราะปกติพี่เวย์ขาวมากแต่อารมณ์เมื่อครู่คงขับเลือดลมให้ฉูบฉีดอย่างหนัก ขนาดว่าแสงน้อยเช่นนี้ก็ยังไม่อาจบดบังหลักฐานตรงหน้าได้แม้แต่น้อย 

ไม่เคยเห็นอาการแบบนี้เลยสักครั้งซึ่งคงต้องยอมรับว่าใจสั่นหวั่นหวิวได้อย่างมากมายแบบไม่น่าเชื่อ  พี่เวย์มองละเลียดทั่วใบหน้าพลางเกลี่ยไล้ลงมาบนริมฝีปาก วาบหวามจนต้องกัดไว้ให้มือหนาหยุดนิ่งเพื่อใช้เวลาควบคุมอารมณ์ของตนเอง

ยากมากๆ ที่จะสกัดกั้นความปรารถนาในหัวใจรวมถึงร่างกายที่เหมือนจะระเบิดออกเพราะความร้อนรุ่มแต่ผมต้องฝืนใจทำ


พี่เวย์ใจเย็นมาก ไม่เพียงแค่หยุดการกระทำแต่เขายังให้เวลาอยู่นานหลังจากที่ผมเงียบไปเพราะไม่ง่ายเลยที่จะข่มความรู้สึกพลุ่งพล่านให้สงบลง

และเมื่อมันเริ่มดีขึ้นผมจึงปล่อยนิ้วที่กัดไว้ให้เป็นอิสระ 

“น้องไม่อยากให้หยุดเลยครับ” ผมบอกไปตามความจริง “แต่ไม่อยากรู้สึกผิดกับเฮียเผ่า” พูดไปพลางหลบตาไม่อยากเห็นแววตาตัดพ้อแต่แล้วก็ต้องกลั้นใจมองผู้ชายตรงหน้าด้วยความจริงใจทั้งหมดที่มี

“ขอน้องกลับไปเลิกกับเฮีย แล้วเราค่อยมาเริ่มศึกษากันใหม่ แต่ถ้า.. ถ้าน้องเลิกไม่ได้ พี่เวย์จะโกรธไหมครับ” ระหว่างที่พูดผมดึงมือของเขามาแนบแก้มเพราะกลัวว่าพี่เวย์จะกลับไปทำเย็นชาเหมือนเดิม

ไม่อยากพูดแบบนี้เพราะรู้ดีว่าเคยมทำร้ายเขามามากเกินไปแล้วแต่ผมทรยศเฮียไปมากกว่านี้ไม่ได้ ถึงแม้ว่าเฮียจะไม่เคยหยุดนอกใจผมเลยก็ตาม

อย่างน้อย สถานะของเราต้องขาดจากกันอย่างเด็ดขาดเสียก่อน ก่อนที่ผมจะเริ่มใหม่กับใครก็ตาม

นิ้วเรียวเกลี่ยลูบไรผมไล่ไปจนถึงใบหู เขานวดมันเล่นอย่างเบามือ  ดวงตาแสนอ่อนโยนสะท้อนแสงไฟสีส้มนวลตา ช่างเป็นภาพที่ทรงอานุภาพรุนแรงขั้นสูงสุด

“ขนาดน้องทำมากกว่านี้พี่ยังโกรธไม่ลง นับประสาอะไรกับครั้งนี้ล่ะครับ”

ได้ยินแล้วใจชื้นขึ้นทันที ผมจูบมือเขาหนักหน่วงเพื่อแสดงออกถึงความขอบคุณ

“ถ้าวันหนึ่งเราได้ลงเอยกัน พี่เวย์จะได้มั่นใจว่าน้องหักห้ามใจตัวเองได้ ไม่มีวันนอกใจแน่นอน”

รอยยิ้มหมั่นไส้เหยียดขึ้น มือหนาหนีบหนักๆ ลงมาบนสันจมูก

“ไม่ต้องมาทำปากหวานกล่อมพี่หรอก ถึงจะนิสัยไม่ดีแบบเมื่อก่อนพี่ก็ยังรักมาจนป่านนี้ไม่ใช่เหรอ”

“เดี๋ยวนี้ปากร้ายจัง”

“พี่น่าจะปากร้ายใส่ตั้งแต่ตอนที่จีบน้องแล้วนะ”

“อ้าว ทำไมล่ะครับ” ผมถามเพราะไม่เห็นจะมีเหตุผลที่จะทำให้ผมเกลียดตั้งแต่แรก

“เราน่ะไม่รู้ตัวหรอกว่าเป็นคนรั้นแค่ไหน” เขาดีดหน้าผากจนผมย่นหน้าอ้อน พี่เวย์จึงก้มลงมาจูบทับรอยเพื่อปลอบใจ ไม่พอยังเกลี่ยเส้นผมด้านซ้ายเพื่อดูแผลที่หัวให้ก่อนจะเป่าใส่แผลเบาๆ ผมก็ได้แต่กลั้นยิ้มกับความละมุนละไมของพี่เวย์

“น้องแพ้ทางคนร้ายๆ คนที่ไม่ยอมลงให้” พี่เวย์พูดต่อ  “อาจเพราะปมเรื่องป๋าทำให้น้องอยากเอาชนะพวกที่ไม่ยอมเอาใจและพี่ก็ไม่ได้ร้ายแม้แต่นิดเดียว นั่นคงทำให้น้องไม่สนใจ ทั้งที่ความจริงแล้วอาจจะรู้สึกผูกพันกับพี่มาตลอดแต่ในเมื่อไม่สะดุดใจก็เลยรู้ตัวช้าว่าความจริงนั้นรู้สึกดีกับพี่มากแค่ไหน  ทีนี้พอเข้าใจตัวเองขึ้นบ้างไหม หึ้ เด็กโง่” มือหนาบีบแก้มจนปากยู่แล้วส่ายไปมาก่อนจะประทับกลีบปากสวยลงมาแล้วปล่อยมือ

“วิเคราะห์ซะทะลุปรุโปร่ง นี่เข้ามานั่งในใจน้องตั้งแต่เมื่อไหร่กันเนี่ย”

“พี่ก็เพิ่งมารู้ตอนที่เราเจอกันวันแรกใต้ต้นฉำฉานั่นแหละ สายตาน้องหวั่นไหวกับพี่มาตั้งแต่วันนั้น แล้วเวลาพี่แกล้งน้องก็จะลนๆ ยุขึ้นทำท่าทางตลกๆ น่ารักดี” พี่เวย์พลิกตัวลงไปนอนเท้าแขนมองผมอยู่ด้านข้างแล้วขำใส่

ผมยื่นปากไม่พอใจ “ขำมากหรือไง”

“มากกกกกก” รอยยิ้มกว้างเผยขึ้นบนใบหน้าหล่อเหลา

นี่เป็นรอยยิ้มแรกหลังจากที่เราได้เจอกันอีกครั้ง ได้เห็นแบบนี้แล้วก็อดจะยิ้มตามไม่ได้   รอยยิ้มนี้ที่เขาเคยมีให้ตอนที่ยังไม่ได้ไล่เขาออกจากชีวิต รอยยิ้มของประธานชมรมบาสคนเก่งที่มีให้ผมทุกวันซึ่งตอนนั้นผมมองไม่เห็นคุณค่าว่าไม่ใช่เรื่องง่ายที่คนแบบพี่เวย์จะต้องมาคอยไล่ตามใครง่ายๆ อย่างที่ทำกับผม

“น้องยิ้มสวยจัง” พี่เวย์มองด้วยสายตาหลงใหล

“แล้วขำตอนไหนมากสุด” ผมเบี่ยงประเด็น ไม่อยากเข้าโหมดหวามไหวอีก

“อืม ตอนที่กินกาแฟผิดแก้ว  แล้วก็ตอนที่ทำเป็นรู้ดีเรื่องเนม  โดยเฉพาะตอนที่เรย์เรย์ไปถามว่าขอดูกาจู๋หน่อยฮับ ฮ่าๆๆๆ นึกหน้าน้องวันนั้นแล้วพี่นอนหัวเราะคนเดียวมาตลอดเลยนะ ฮ่าๆๆ” 

“หัวเราะอะไรขนาดนั้นเล่า” ผมค้อนให้แต่ที่จริงแล้วรู้สึกดีจังที่พี่เวย์เลิกเครียดแล้วหัวเราะออกมาเต็มหน้าแบบนี้ “แต่ที่จริงพี่เวย์แค่แกล้งก็ได้ทำไมต้องร้ายใส่จริงๆ ด้วยล่ะครับ พี่เวย์รู้ไหมว่าน้องเสียใจมากเลยนะ ร้องไห้หนักมากเพราะพี่เวย์คนเดียวเลย” ผมทำหน้าบึ้งคิดไปถึงช่วงที่เขาร้ายแล้วอยากจะโกรธสักร้อยปี

“ก็เรามันดื้อ ชอบทำคอเชิดๆ เหมือนกับว่าไม่รู้สึกอะไรแต่ที่จริงทั้งแววตาและท่าทางมันฟ้องหมดทุกอย่าง  จะว่าไปตอนที่พี่พูดไม่ดีจนทำให้น้องร้องไห้พี่ก็ตกใจนะแต่ตอนนั้นมันเฮิร์ตมากกว่าที่เห็นน้องกับคุณเผ่าหวานกันขนาดนั้น บอกตามตรงว่าพี่รับไม่ไหวจริงๆ อดรู้สึกไม่ได้ว่าน้องเย้ยพี่” เขาบีบคางผมแล้วจับหันไปหาก่อนจะจูบปากแล้วผละออก “คราวหลังพี่ไม่ทนนะบอกเลย จะอาละวาดให้หนักกว่านั้นอีก จำไว้” 

“หืออ แค่นั้นก็หนักแล้วครับ น้องแทบจะโดดออกไปให้รถชนตาย พี่เวย์รู้ไหมว่าน้องแคร์พี่เวย์มากที่สุดเลยนะ” ผมมองอ้อน

“แคร์มากแล้วทำไมเมื่อกี้ให้พี่หยุดล่ะครับ พี่ว่าน้องน่าจะแคร์คุณเผ่ามากกว่า” ดูเหมือนเขาจะตัดพ้อแต่ก็เข้าใจอยู่ในที

“น้องขอโทษ” ส่งสายตาอ้อนไปให้ ตอนนี้กลัวใจพี่เวย์จะเปลี่ยนไปเป็นแบบแบ้ดๆ อีกแต่คงต้องพูดตรงๆ ให้เขาเข้าใจ “ถึงเฮียเผ่าจะชอบทำให้น้องเสียใจเรื่องไปมีคนอื่น แต่เฮียเป็นคนเดียวที่อยู่ข้างน้องมาตลอด โดยเฉพาะในวันที่เสียใจอย่างหนักกับป๋า เฮียไม่เคยทิ้งไปไหนทั้งๆ ที่น้องไม่ค่อยไปเจอ  หลายๆ อย่างเฮียก็น่ารักและที่สำคัญเฮียรักน้องมาก  และน้องจะไม่โกหกพี่เวย์ว่าน้องเองก็รักเฮียเหมือนกัน”

พี่เวย์หลับตาคล้ายจะข่มความเจ็บปวด

“ฟังน้องบอกรักคนอื่นต่อหน้าแล้วใจจะขาด”  เปลือกตาที่ปิดอยู่ค่อยๆ ลืมขึ้นแล้วถอนหายใจเบาๆ  “แต่เอาเป็นว่าพี่รู้ว่าของแบบนี้มันอยู่ที่ความผูกพันและระยะเวลาที่ใช้ร่วมกัน น้องรักเขาก็ถูกแล้วเพราะถ้าไม่รักพี่อาจจะคิดว่าน้องใจดำก็ได้” พี่เวย์ก็คือพี่เวย์ เขาใจดีและอ่อนโยนเสมอ

“พี่เวย์รอได้หรือเปล่าครับ” ผมช้อนตาขึ้นมองแล้วลูบเบาๆ บริเวณปลายคางที่ตอนนี้เริ่มมีเคราขึ้นมาหนาตา “รอให้น้องเคลียร์กับเฮีย ถ้าน้องตัดสินใจเลิก การรอคอยก็สิ้นสุดลงแต่ถ้าน้องตัดสินใจคบต่อ การรอก็สิ้นสุดลงเช่นกันเพราะไม่ต้องรอน้องอีกต่อไป”

ตอนแรกพี่เวย์ก็ดูจะงงๆ กับสิ่งที่ผมพูดแต่ไม่นานก็เผยรอยยิ้มในสีหน้า

“น้องจะใช้การตัดสินใจเรื่องคุณเผ่าเป็นการเริ่มต้นใหม่ที่สวยงามของเราหรืออาจจะเป็นการจบความสัมพันธ์แบบถาวรของเราไปเลยก็ได้ แบบนี้ใช่ไหม”

“หล่อและฉลาด” ผมจับคางสากส่ายเบาๆ พลางยิ้มตาหยี

“เดี๋ยวนี้ขี้อ้อน ขี้อ่อย ทะลึ่ง ทะเล้น ช่างจ้อเยอะขึ้นนะ คุณเผ่าเขาเทรนมาดีเหรอ” พี่เวย์มองเหมือนอยากจะกินผมซะตอนนี้ให้ได้

นั่นสินะ ใครสอนอะไรพวกนี้กับผมนะ เฮียเผ่าไม่น่าใช่ หรือจะเป็นดินแดนก็มีส่วนนะ แต่คนที่เป็นคนเปิดโลกใบใหม่ที่สดใสให้กับผมก็คือ..หมอวรรต

ตายละสิ  ลืมหมอวรรตไปเลยเหรอเนี่ย ผมนี่ใจง่ายจัง พออยู่กับคนนั้นก็ลืมคนนี้ พออยู่กับคนนี้ คนไหนๆ ก็ลืมหมด  แล้วพี่เวย์กับหมอวรรตจะเปิดศึกชิงดอทกันไหมละเนี่ย โอยย แค่คิดก็ปวดหัวแล้วนะ อีตาหมอประสาทมันต้องไม่ยอมรามือง่ายๆ แน่ แล้วถ้าพี่เวย์รู้ว่าหมอวรรตเคยจูบผม แล้วถ้าหมอวรรตรู้ว่าผมเคยมานอนอ้อยพี่เวย์อยู่แบบนี้  โอ้ยย ผมต้องเละคาปากผู้ชายสองคนนี้แน่ เพราะพวกเขาจะด่าผมจนไม่ต้องไปผุดไปเกิดแน่เลย ฮืออออ ทำยังไงดีนะ

“ทำไมคิดนาน หืม” เสียงพี่เวย์ปลุกผมให้หลุดจากห้วงความคิดถึงบุคคลอื่น

ไม่อยากให้เขาหัวเสียจึงคิดว่ายังไม่พูดเรื่องหมอวรรตน่าจะดีกว่า

“อืม เมื่อกี้พี่เวย์บอกว่าน้องทำเป็นรู้ดีเรื่องเนม หมายความว่ายังไงเหรอครับ” เปลี่ยนเรื่องไปแบบนี้น่าจะดีกว่า

พี่เวย์ยิ้มเจ้าเล่ห์แล้วทำเป็นมองเฉยๆ ไม่ตอบคำถาม ผมจึงรีบขยับหนีเพราะถ้าเขามีเนมเป็นแฟนอยู่แล้วผมคงใกล้เขาไม่ได้

“ว่าไงล่ะครับ น้องลืมเรื่องเนมไปเลย ที่จริงเราไม่ควรอยู่ใกล้กันแบบนี้นะ มันไม่ยุติธรรมสำหรับเนม”

“ทุกวันนี้สวดมนตร์ไม่เป็นเหรอ สวดนโมเป็นมโนใช่ไหมถึงได้ชอบคิดเองเออเองตลอดแบบนี้น่ะ” พี่เวย์ขยับตามเข้ามาใกล้

“งั้นพี่เวย์ก็บอกมาสิครับว่ามันเป็นยังไง”

“เนมไม่ได้เป็นอะไรกับพี่ เราเป็นแค่คนรู้จักกันตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้ก็ไม่เคยมีความสัมพันธ์แบบอื่นแม้แต่วันเดียว” หัวใจที่เหมือนมีภูเขาหลายลูกทับอยู่เหมือนหายไปหนึ่งลูกใหญ่และความโล่งใจก็เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล

“อ้าว แล้วทำไมเนมถึงไปรับเรย์เรย์ได้ละครับ” 

“เนมไปอยู่ต่างประเทศซะนาน แต่ซัมเมอร์ที่แล้วเขากลับมาเยี่ยมบ้าน เราบังเอิญเจอกันที่ร้านอาหารก็เลยแลกเบอร์กันไว้ ตั้งแต่นั้นก็จะคุยกันบ่อยขึ้น คุยเรื่องในอดีตและเรื่องที่เขาจะมาไทยช่วงนี้ด้วย”

“งั้นน้องก็เข้าใจผิดมาตลอดเหรอครับ”

“ก็ใช่น่ะสิ และวันที่เขากลับไทยก็มาเจอเรย์เรย์เป็นครั้งแรกแต่สองคนนั้นเคยคุยกันวีดีโอคอลมาก่อนก็เลยสนิทกันเร็ว” พี่เวย์เล่าไปเกลี่ยเส้นผมของผมเล่นไปอย่างเอ็นดู

“เออจริงสิ แล้วเรย์เรย์เป็นลูกของพี่เวย์กับใครเหรอครับ ภรรยาเก่าหรือตอนนี้ก็ยังอยู่ด้วยกันเหรอ” เมื่อนึกขึ้นได้จึงขยับหนีอีกครั้งเพราะที่จริงแล้วพี่เวย์อาจจะไม่โสด

“เออเอาเข้าไป พอนึกอะไรได้ก็จะหนีอย่างเดียวเลย ขยับหนีจนจะเข้าไปอยู่ในกองไฟอยู่แล้ว ขยับมานี่เร็ว” เขาช้อนตัวผมเข้าไปนอนตำแหน่งเดิมด้านในสุดแล้วตัวเองก็ย้ายไปนอนคั่นระหว่างกองไฟกับผมเสียเอง

“แบบนี้น้องก็หนาวสิครับ” ผมท้วง

“ถ้าหนาวเดี๋ยวพี่ช่วยกอดให้”

“ไม่อยากใกล้มาก กลัวไฟช็อต” ผมยิ้มเขินๆ

“ฮ่าๆ เด็กบ๊อง” มือหนาขยี้เส้นผมเบาๆ “ปล่อยมันช็อตไปเถอะเพราะถ้าน้องไม่อยากให้มีอะไร พี่ก็หยุดตัวเองได้แน่” เขาให้ความมั่นใจ

“หยุดตัวเองต่อหน้าน้องแล้วไปทำร้ายตัวเองลับหลังอย่างเมื่อหัวค่ำน่ะเหรอครับ”

“เดี๋ยวเถอะ ทะลึ่งใหญ่แล้วนะ” นิ้วเรียวหนีบแก้มผมเบาๆ “ว่าแต่..เห็นแล้วตื่นเต้นไหม” จู่ๆ ก็ถามอะไรแบบนี้

“พี่เวย์ก็ทะลึ่งเหมือนกันแหละมาว่าแต่น้อง” ผมยกมือปิดหน้าไม่อยากเห็นโหมดนี้ของพี่เวย์แต่มือหนาก็ดึงมันออกไป

“ก็เวลาน้องเขินแล้วหน้าแดงขึ้นเป็นปื้นเลย น่ารักด้วยตลกด้วย” พี่เวย์ยิ้มขำ

“สรุปพี่เวย์มีภรรยาไหมครับ” ผมวกกลับเข้าเรื่องเดิม

“ไม่มีครับ” พี่เวย์ตอบทันที “เรย์เรย์มีคุณแม่เป็นผู้หญิงที่สวยมากแต่เขาไม่ได้อยู่ในโลกนี้แล้ว”

“อาา น้องเสียใจด้วยนะครับ” ผมจับมือหนามาบีบเบาๆ

“ไม่เป็นไร มันผ่านมานานมากแล้ว เรามาคุยเรื่องของเราดีกว่า เรื่องคนอื่นอย่าไปขุดคุ้ยเลย”

“เรื่องของเราก็ไม่มีอะไรแล้วนี่ครับ ตอนนี้ก็แค่รอว่ากับเฮียเผ่าจะเป็นยังไง” ผมเผลอหลุบตาทำหน้าเศร้าเมื่อคิดถึงเฮียจนพี่เวย์จับคางให้เงยขึ้น

“ตัดสินใจอะไรให้คิดถึงตัวเองเป็นหลักนะครับ น้องอย่าคิดเรื่องอื่นให้มากนอกจากหัวใจของตัวเอง เชื่อฟังมันบ้างอย่าทำร้ายมันบ่อยๆ ไม่งั้นก็จะจบไม่สวยซะทุกครั้งไป” เขาแนะนำไปพร้อมกับลูบหัวเบาๆ

“พี่เวย์เคยต้องเลือกอะไรยากๆ บ้างหรือเปล่า”

“เคยสิ”

“ส่วนใหญ่เลือกถูกหรือว่าเลือกผิด”

“ผิด” เขาหัวเราะเบาๆ “โดยเฉพาะเรื่องของน้อง”

“ง่ะ” ผมมุ่ยหน้ารู้สึกใจเสียเบาๆ “ผิดยังไงเหรอครับ ผิดที่มาชอบน้องหรือไง”

“ไม่ได้ผิดที่ชอบน้อง แต่ผิดที่วันนั้นไม่จูบน้อง ผิดที่วันที่น้องบอกว่ามีแฟนแล้วไม่ถามไถ่เอาความจริง ผิดที่ไร้สติจน.. ช่างเถอะ  และก็ผิดที่ทำตัวร้ายๆ กับน้อง พอคิดว่าทำให้น้องเสียน้ำตาเพราะพี่มันก็ไม่คุ้มเลยไม่ว่าเหตุผลคืออะไร”

ถึงจะมีบางอย่างที่เหมือนจะเป็นความลับแต่ผมก็ไม่คิดจะก้าวก่าย ถ้าพี่เวย์ไม่อยากบอกก็ต้องแล้วแต่เขา

“โกรธที่น้องไล่พี่เวย์ตอนนั้นมากเลยเหรอครับ”

“มันไม่เชิงโกรธนะ แต่พี่งงปนเศร้ามากกว่า” พี่เวย์ยิ้มซึมๆ “ทุกอย่างมันเปลี่ยนแปลงปุบปับ คืนนั้นที่พี่ขี่มอเตอร์ไซค์ไปส่ง พี่อุตส่าห์คิดว่าเริ่มมีความหวังแล้ว ยังไงน้องต้องชอบพี่แน่ๆ แต่หลังจากนั้นกลายเป็นหนังคนละม้วน แล้วมันก็มีอะไรผิดแผนผิดพลาดไปหมด จนเราได้เจอกันอีกครั้ง พี่ก็พยายามวางตัวให้ห่างไว้เพราะต้องกดความรู้สึกตัวเองไม่ให้ล้ำเส้น มันก็เลยออกมาอย่างที่เห็น”

“เวลาเก๊กทำเป็นคนแบ้ดๆ ก็เท่ดีนะครับ แต่น้องก็ยังชอบแบบนี้มากกว่า” ผมพระกบสองมือตรงแก้มเขา

“กับคนอื่นพี่ก็แบ้ดนะ นิ่งๆ ขรึมๆ ดุๆ ไม่ค่อยคุยเยอะแบบที่อยู่กับน้อง” เขาดึงมือผมออกแล้วจูบหนักแน่น

ได้ยินแล้วหัวใจพองโต ผมเป็นคนพิเศษสำหรับพี่เวย์เสมอ และอยากให้เป็นไปนานๆ จัง

“รักน้องมากไหมครับ” ผมส่งเสียงอ้อนมองเขาอย่างมีความหวัง

“ก็ต้องรักอยู่แล้ว รักมาตั้งนานนี่” เขาตอบทื่อๆ

“เอาหลังจากนั้นสิ หลังจากที่จากกันไปนานๆ แล้วรู้สึกยังไงตอนได้เจอ”

พี่เวย์ยิ้มบางๆ ทอดสายตามองเหมือนจะระลึกความหลัง

“ถ้าเป็นช่วงที่เจอพร้อมคุณเผ่าก็ก้ำกึ่งระหว่างหึงกับหมั่นไส้ปนตลก แต่ถ้านับตอนที่ติดป่าด้วยกัน ได้เห็นว่าทั้งรั้นทั้งอ่อยทั้งอวดดีทั้งขี้อ้อนก็ห้ามใจแทบจะไม่ไหว รักมากกว่าเดิมไม่รู้กี่เท่าเพราะพี่ไม่เคยเห็นน้องในโหมดพวกนี้สักครั้ง”

ผมยิ้มเขินเพราะสายตาของพี่เวย์ตอนตอบคำถามนั้นหวานเชื่อมจนอยากจะละลายลงไปตรงนี้ซะให้ได้

“แล้วชอบแบบไหนมากสุด”

พี่เวย์เม้มปากคิดครู่หนึ่งก็ยิ้มให้ “ตอนที่น้องเช็ดตัวเมื่อกี้ก็เซ็กซี่มากนะ ไม่คิดว่าจะทำแบบนั้นออกมาได้ เห็นนางเงียบๆ อ่อยเพียบนะคร้าบ”

“พี่เวย์” ผมแปะฝ่ามือไปที่พุงเขาหนึ่งทีแก้เขิน ไม่กล้าทำรุนแรงกับร่างกายของเขาเลย เกรงใจเสียยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด “ก็แค่อยากยั่วให้พี่จนมุมแต่ก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไรเลย ไหลไปได้ซะอย่างนั้นแหละ”

“แล้วทำไมถึงแกล้งหลับเพื่อพิสูจน์อีกล่ะ พี่ก็นึกว่าถอดใจไปแล้วซะอีก”

“ไม่รู้เหมือนกัน แค่คิดว่าในแววตาดุๆ ของพี่เวย์ยังมีแว้บๆ ที่หลุด อีกอย่างน้องคิดว่าน้องฟังไม่ผิดตอนที่พี่เวย์เรียกตอนจับกระต่าย พี่หลุดเรียกว่า น้อง  เรียกแบบนี้จริงๆ”

“ไม่น่าหลุดเลย” เขาบ่น “ตอนนั้นอยากจับกระต่ายให้ได้จริงๆ อย่างอื่นแทบไม่ได้นึก และขำน้องด้วยที่มโนโวยวายเพราะคิดว่าพี่จะเป็นอะไรไป แต่ที่จริงน้องนั่นแหละหลุดเรียกพี่เวย์ออกมาก่อน พี่ก็เลยเคลิ้มไปบ้าง”

“นี่ถ้าน้องไม่เรียกว่าพี่เวย์ก่อนก็จะไม่ได้ดีกันเหรอครับ”

“ก็ตอนที่เราเจอกันใต้ต้นฉำฉานั่น น้องพูดออกมาเต็มปากว่าไม่รู้จักพี่แถมยังเรียกคุณเรียกผมออกมาก่อน น้องไม่รู้หรอกว่าวันนั้นพี่ใจสลายมากแค่ไหน” ใบหน้าหล่อเหลาขรึมลง

“โอ๋ๆ น้องขอโทษ ก็น้องช็อกนี่นา ไม่คิดว่าจะได้เจอกันอีกก็เลยทำตัวไม่ถูก”

“อืม ตอนนี้พี่เข้าใจแล้ว”

“แต่ตอนที่ติดป่าด้วยกัน ทำไมถึงทำห่างเหินกว่าเดิมล่ะครับ ขนาดต้องลำบากกันอยู่แบบนี้พี่เวย์น่าจะอ่อนให้น้องบ้าง”  นึกแล้วก็อดรู้สึกน้อยใจไม่ได้จริงๆ เห็นผมลำบากในป่าแบบนี้เขาน่าจะยอมลดทิฐิลงมาแต่กลับกลายเป็นมึนตึงมากกว่าเดิมด้วยซ้ำ

“หึๆ” พี่เวย์หัวเราะในลำคอแล้วอมยิ้มอยู่แบบนั้นไม่ยอมตอบ

“งื้ออ อะไรอะ พี่เวย์ยิ้มอะไร”

“บอกยังไงดี” มือหนากำหมัดแล้วยกขึ้นชนปากตัวเองถี่ๆ แถมยังกลั้นยิ้มมากกว่าเดิม

“งื่ออ” เริ่มยื่นปากออกมาอย่างขัดใจเพราะพี่เวย์ชักจะมีลับลมคมนัยแปลกๆ

“ฮ่าๆ บอกก็ได้ คืองี้..” ดวงตาคู่สวยเบิกขึ้นเป็นประกายเมื่อแสงของเปลวไฟส่องกระทบ ดูระยิบแสงราวกับดวงดาวยามท้องฟ้ามืดมิด “คืนแรกในป่า..”

เกริ่นมาแบบนี้ ผมหน้าเห่อร้อนขึ้นมารอเลยเพราะไม่มีอะไรให้เดาแล้วนอกจากคืนแรกที่เขาถอดเสื้อผ้าของผมออกไปย่างให้แห้ง

ได้แต่หรี่ตารอฟังว่ามันจะเป็นอย่างที่ผมสังหรณ์ใจหรือเปล่า



ต่อ..

ออฟไลน์ fiction no.9

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 134
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +129/-4
    • แฟนเพจ : นิยายหมายเลข9
“หลังจากที่ช่วยปฐมพยาบาลน้องจนมีสติขึ้นมา พอน้องเริ่มพยักหน้าตอบคำถามง่ายๆ ได้แล้ว พี่ก็หามุมพักฟื้นได้เป็นตรงนี้  ถอดเสื้อผ้าให้ ล้างแผลให้ เช็ดตัวให้ แล้วหาใบไม้แห้งมารองให้นอน จัดการผึ่งข้าวของต่างๆ และเมื่อทุกอย่างสงบแล้ว ปลอดภัยแล้ว ก่อกองไฟแล้ว  เสื้อผ้าก็กำลังย่างทั้งของพี่แล้วก็ของน้อง  ด้วยความว่าง..”  ถึงตรงนี้เกิดความหมั่นไส้กับคำว่า ‘ด้วยความว่าง’ ของพี่เวย์มากแต่ยังไม่ได้ตอบโต้อะไร “เนื้อตัวน้องเวลาโดนแสงนวลแบบนี้มันก็นะ..”

“งืออ” ผมปิดตาสองข้างพลางหดคอไม่อยากจินตนาการว่าคืนนั้นพี่เวย์ทำอะไรบ้างแต่อีกฝ่ายกลับยิ่งสาธยายออกมาเป็นฉากๆ

“ก็เริ่มที่น้องนอนขดเป็นกุ้งเผา ตัวสั่นๆ ครางฮือไม่หยุด ก็ด้วยความเป็นห่วง หนาวเนื้อต้องห่มเนื้อ พี่เลยนอนกอด ทีนี้.. ในป่ามันก็เปลี่ยวอะเนาะ” ยังจะมาเนาะเนอะอะไรอีก พี่เวย์คนบ้า “เนื้อตัวน้องมันเนียนนุ่ม ห้อมหอม แล้วจากนั้นแทบจะทุกตารางนิ้ว พี่ก็สำรวจ.. ด้วยมือ จมูก และปากของพี่เอง”

ฉ่าาาา!~~~~~~~~~~

ความเขินทั้งหมดที่เคยมีมาตลอดชีวิตรวมกันยังไม่เท่ากับครั้งนี้

โอยย หายใจติดขัด หน้าร้อนเหมือนเอาหน้าเข้าไปจ่อกองไฟ ผมจะเป็นลมเสียให้ได้เลยในตอนนี้

“งืออออ” ผมร้องเบาๆ ไม่กล้าเปิดตาออกมาสู้หน้าคนลามก

“ฮ่าๆๆ ก็น้องถามว่าทำไมพี่ถึงทำห่างเหินมากกว่าเดิม” แม้ว่าพี่เวย์จะแกะมือผมไม่ออกแต่ก็ไม่หักหาญ ปล่อยให้ผมปิดตาอยู่แบบนั้น “แต่ด้วยเกียรติของลูกเสือ พี่ไม่ได้ล่วงเกินอะไรน้องมากไปกว่าสูด ดม จับ จูบ ลูบ คลำ แบบเบาๆ แล้วก็ไม่นานด้วยเพราะจากนั้นพี่ก็ทนไม่ไหวจัดการตัวเองไปสองรอบ นั่นแหละถึงได้รู้ว่าพี่ต้องพยายามอยู่ให้ห่างน้องเอาไว้ เพราะในป่า มันเปลี่ยวมากกกกก”

อยากทุบพี่เวย์สักสิบทีแก้เขิน  คนอะไรแบบนี้ก็ไม่รู้

“พอเลย~” ร้องบอกเสียงหลงแบบควบคุมน้ำเสียงไม่ได้แล้วในตอนนี้

“โอเคๆ เปิดตามาคุยกันดีๆ สิครับ”

“ขอเวลาแป๊บนึง~”

ได้ยินเสียงหัวเราเบาๆ จากนั้นพี่เวย์ก็เงียบเสียงไป มีแค่สัมผัสแผ่วๆ บนศีรษะ สักพักจึงมีเสียงผ่อนลมหายใจเบาๆ

“พี่รู้ว่าถึงน้องจะได้เห็นภาพคุณเผ่ากับผู้หญิง แต่คนอย่างน้องคงคิดมากกว่าคนอื่นหลายสเต็ป คงอยากคุยอยากกเคลียร์ให้เป็นเรื่องเป็นราวก่อนถึงจะเริ่มความสัมพันธ์ใหม่กับพี่หรือใครก็ตามได้  ซึ่งพี่ก็เดาถูก”

ผมค่อยๆ เปิดตาออกมา มองพี่เวย์ที่มีสีหน้าซึมลงเล็กน้อย

“พยายามจะไม่เป็นมือที่สาม ใช่ไหมครับ”

“อืม ก็ทำนองนั้น” พี่เวย์ยิ้มเศร้า

“แล้วทำไมตอนนี้ถึงกล้าทำล่ะครับ” ผมช้อนมองพลางจับมือหนามาแนบอก ไม่อยากให้พี่เวย์เข้าโหมดซึม เขาเหมาะกับความสุขมากกว่า

“ก็น้องข้ามเส้นมาเองนี่ครับ พี่ไม่ใช่พระอิฐพระปูนนะ น้องยั่วซะขนาดนั้นพี่จะทนได้ยังไง”

“แหม โยนหมาเน่าใส่บ้านน้องเต็มแรงเลยนะ” ผมค้อน

“ฮ่าๆๆ ก็หรือไม่ใช่”

“ใช่ก็ได้ ชิ” ผมย่นหน้าใส่ “แล้วเรื่องกระต่าย พี่เวย์จะกินมันได้จริงๆ เหรอครับ” 

เขายิ้มเอ็นดูแล้วใช้ปลายนิ้วจิ้มวนตรงปลายจมูกของผมเล่น

“เปล่าครับ แค่เห็นมันน่ารักดีก็เลยอยากจับมาให้เพราะพี่เองไม่อยากใกล้น้องเกินไป  เวลาเข้าใกล้ก็อย่างที่เห็นนั่นแหละ ร่างกายมันทรยศความตั้งใจทุกที”

“งื้อออ เขิน”  ยกมือปิดหน้าอีกครั้ง เหมือนได้ยินเสียงฉี่ฉ่าดังออกมารอบตัว

“ฮ่าๆๆ เด็กบ๊อง” พี่เวย์ดึงมือออกไปแล้วพูดต่อ  “พี่พยายามทำตัวร้ายกาจน้องจะได้อยู่ห่างๆ แต่ก็กลัวน้องจะเหงาเลยอยากให้เจ้าต่ายมันอยู่เป็นเพื่อนจะได้ไม่คิดมาก ก็มีแต่เรานั่นแหละที่เอาแต่ใจจนได้เรื่องเนี่ยเห็นไหม”

อยู่กับพี่เวย์เหมือนได้กลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง ได้เป็นน้องน้อยในสายตาของพี่เวย์แล้วรู้สึกปลอดภัยและอบอุ่นในหัวใจอย่างมากล้น เป็นอีกหนึ่งโมเมนต์ที่คงไม่คลายไปจากความทรงจำอย่างแน่นอน

“พี่เวย์น่ารักจัง” เขาใจดีมาตลอดเพียงแค่จะบอกหรือไม่บอกเท่านั้นเอง “อืม จริงสิ พี่เวย์รู้มาก่อนหรือเปล่าว่าจะได้เจอน้องอีกครั้ง” ผมยังอยากรู้อะไรๆ อีกมากมาย คิดว่าคืนนี้อยากจะโต้รุ่งด้วยซ้ำ

“พอแล้วเจ้าหนู่จำไม ตอนนี้ดึกมากและพรุ่งนี้เราต้องออกแต่เช้าจะได้ไม่ร้อนและมีเวลาหาทางกลับบ้านได้นานหน่อย”

“อ้าว ซะงั้นน่ะ”

“อย่างอแง นอนได้แล้วครับคนช่างซัก พูดเป็นต่อยหอยเลยเรา หูพี่ชาไปหมดแล้ว”

ก็ยังรู้สึกแปลกๆ ที่อยู่ๆ ก็ตัดบทบอกให้นอนทั้งที่คุยกันออกรสอยู่แท้ๆ เหมือนไม่อยากตอบคำถามมากกว่า

แต่ช่างเถอะ ความจริงก็เริ่มง่วงแล้วเหมือนกัน

“งั้นนอนก่อนพรุ่งนี้ค่อยคุยใหม่นะครับ” ผมอ้อน

“คร้าบบ” พี่เวย์ลากเสียงใส่

“แต่ตอนนี้.. ปวดฉี่จัง” ผมยิ้มประจบ “ไปส่งหน่อยสิครับ ข้างนอกมันมืดอะ”

“เอาอย่างนี้นะ” สายตาของพี่เวย์ฉายแววเจ้าเล่ห์ออกมาจนไม่น่าไว้ใจ “อยู่ในป่าแบบนี้มันเปลี่ยว ยิ่งน้องไม่ให้ทำอะไรพี่ก็ยิ่งเปลี่ยว และมันไม่ยุติธรรมกับพี่สักนิดที่ต้องมาอัดอั้นไม่ได้ปลดปล่อยออกมา  ต่อไปนี้ถ้าน้องจะให้พี่ช่วยอะไร พี่จะคิดค่าจ้าง”  เขาว่ามาซะยาวเหยียดแต่ก็จบที่ต้องการสิ่งแลกเปลี่ยน

“ตั้งแต่ตะกี้แล้วนะครับ ไอ้คำว่าเปลี่ยวเนี่ย  พี่เวย์เปลี่ยนไปมากจริงๆ นะ” ผมค้อน

“ฮ่าๆๆ ตอนนั้นแค่สร้างภาพให้น้องประทับใจแต่ที่ไหนได้กลับไม่ได้ผล” เขายักไหล่ส่วนผมก็ได้แต่ย่นหน้าใส่

“แล้วค่าจ้างที่ว่าน้องต้องจ่ายเป็นอะไรล่ะครับ”

“จูบ” เขาตอบทันที “หนึ่งงานหนึ่งจูบ”

ผมได้แต่อ้าปากค้างกับความร้ายกาจของพี่เวย์ เห็นมาดนิ่งๆ เรียบร้อยพูดเพราะไม่คิดว่าจะเป็นคนแบบนี้

“ต..แต่” ผมพยายามจะปฏิเสธ

“หรือจะให้พี่ปล้ำ” เขาขู่

หน้าผมร้อนผ่าวกับคำว่าปล้ำของเขา เอาจริงๆ ถ้าเขาปล้ำผมก็อาจจะยอมก็ได้ แต่ก็ดีแล้วที่ไม่ปล้ำเพราะเรื่องของเฮียเผ่าค้ำคออยู่  ผมจะได้ไม่รู้สึกผิดต่อเฮียไปจนวันตาย

“จูบกันมันผิดกับคนรักไหมล่ะครับ” ผมถามอย่างไม่แน่ใจนัก ถ้าถามว่าอยากจูบไหมก็อยากแต่คงจะไม่เข้าท่า

“ในป่าแบบนี้ ถ้าเราตายก่อนที่จะได้ออกไป น้องว่าจะทันได้รู้สึกผิดกับคนรักไหมล่ะ” เขาตั้งคำถาม “ในป่าแบบนี้ถ้าพี่เป็นคนไม่ดีแล้วปล้ำน้องขึ้นมาน้องก็จะไม่รู้สึกผิดเหรอเพราะปลายทางมันก็เหมือนกันคือเราได้กัน แล้วแค่จูบมันจะเป็นเรื่องใหญ่อะไร ก็คิดซะว่าพี่บังคับไม่ใช่น้องสมยอมจะได้สบายใจ”

“มันก็เหมือนหลอกตัวเองไหมล่ะครับ เพราะน้องก็..อยาก” ผมกัดปากเพราะกระดากที่ได้พูดออกไป  “อื้ออออ!?” ยังคุยกันไม่ทันจบเขาก็คว้าร่างไปกอดจูบ

จูบเหมือนอยากลงโทษ เหมือนหมั่นไส้ เหมือนกับว่าไม่อยากจะพูดอะไรอีกแล้ว แค่อยากจูบ

จูบพี่เวย์ไม่เหมือนคนอื่น เขาจูบแผ่วเบา ไม่รุกไล่ต้อน ไม่เร่งเร้า ไม่ได้ทำให้รู้สึกวาบหวามอยากมีเซ็กส์ แค่จูบเพื่อกระชับความสัมพันธ์  ผมไม่ได้หลับตาลงเพราะอยากเห็นหน้าเขาว่าเป็นอย่างไร พี่เวย์เองก็เช่นกัน เขามองผมไปทั่วใบหน้า จูบสลับกับยิ้มหวานทว่าไม่ได้แยกริมฝีปากออกไป  แล้วก็จูบใหม่อีกทำแบบนี้หลายต่อหลายครั้งจนผมต้องเตือน

“พี่เวย์..” ผมพูดออกมาได้ตั้งนานแล้วเพราะเขาไม่ได้บดจูบบังคับหรือรวบรัดอะไร แค่ผมยังไม่มีอะไรจะพูด แต่ตอนนี้มีแล้ว “ทำไมนานจังครับ จูบนานไปแล้วนะ”

“ก็น้องจะไปฉี่ พี่ได้สิทธิ์จูบหนึ่งครั้งนะ” เขาทวงสิทธิ์

ผมย่นคิ้วใส่ “ก็หนึ่งครั้งแต่ทำไมนานขนาดนี้ล่ะครับ พี่เวย์โกงน้อง”

“โกงอะไร พี่บอกว่าจูบหนึ่งครั้งแต่ไม่ได้บอกว่านานแค่ไหน แล้วอีกอย่างปากเราก็ยังติดกันเพราะฉะนั้นก็นับเป็นหนึ่งจูบ”

“แต่..”

“ไม่มีแต่  แล้วต่อไปนี้ถ้าพี่จูบแล้วน้องมาเบรกแบบนี้อีก พี่จะถือว่าเป็นโมฆะต้องจูบใหม่ เข้าใจตรงกันนะ”

เป็นคนอะไรแบบนี้เนี่ยพี่เวย์ นี่ผมพลาดอะไรไปหลายอย่างที่ไม่เลือกเขาตั้งแต่ตอนนั้น ไม่เคยรู้ว่าที่จริงแล้วเขาไม่ใช่กวางหนุ่มที่งดงามแต่เป็นหมาป่าสีขาวจอมเจ้าเล่ห์มากกว่า

“ว่าน้องเปลี่ยนไป พี่เวย์เองก็เปลี่ยนสุดๆเหมือนกันนั่นแหละ แล้วจะบอกให้ว่าร้ายกว่าน้องเยอะๆๆๆๆ” ผมจิ้มนิ้วไปที่หน้าอกเขารัวๆ แล้วเดินออกไปด้านนอก

พี่เวย์รีบวิ่งตามแล้วเดินประกบติดแบบร่างชิดกัน

“ไม่ต้องตามขนาดนี้สิครับ ติดแบบนี้แล้วน้องจะฉี่ยังไง”

“ก็น้องกลัวไม่ใช่เหรอ” พี่เวย์ก้มลงมาพูดข้างหูจนต้องเอียงหน้าหลบ

“กลัวครับแต่ไม่ต้องใกล้ขนาดนี้ มันฉี่ไม่ออก” ว่าแล้วก็ดันเขาออกไปเบาๆ ได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอแล้วอยากตีสักทีสองที

เมื่อพี่เวย์ขยับออกไปพอได้ระยะ ผมจึงปลดซิปแล้วฉี่จนเสร็จ ตอนเดินกลับไปหาเขาก็ทักขึ้น

“พี่นึกว่าน้องจะนั่งฉี่ซะอีก”

แสงตรงนี้น้อยมากจึงไม่เห็นว่าเขาทำหน้ายังไงกันแน่

“พี่เวย์อะ น้องเป็นผู้ชายนะ ทำไมชอบล้อว่าเหมือนผู้หญิงอยู่ได้ น้องไม่ได้ทำตุ้งติ้งอะไรแบบนั้นซะหน่อย” ผมหน้างอ ความจริงแล้วผมไม่ใช่แบบอ่อนช้อยประดิดประดอยอะไร ออกจะคล่องตัวและทื่อๆ ธรรมดาเสียด้วยซ้ำ

“ฮ่าๆๆ พี่ไม่ได้บอกว่าน้องตุ้งติ้งอะไรแบบนั้น พี่แค่คิดว่าน้องเหมือนผู้หญิงสวยๆ เท่ๆ คล่องแคล่ว ดูมีเสน่ห์แต่ถึงยังไงก็เป็นผู้หญิงก็ต้องนั่งฉี่อะไรแบบนี้ไง” คำแก้ตัวไม่ได้ดูดีขึ้นเลย

“กร้อนผมขนาดนี้ยังว่าเหมือนผู้หญิงอีก” ผมทำหน้างอ

“ก็บอกแล้วว่าถึงโกนผมก็เหมือนแม่ชีไง” แล้วเขาก็หัวเราะอีก

“พี่เวย์จะร้ายกาจเกินไปแล้วนะ” ผมค้อนให้วงใหญ่ ไม่กล้าจะตีหรือทุบอย่างที่ใจอยากทำ 

“ก็จะตัดทำไม ทรงเดิมพี่ก็ชอบนะ ตอนเซ็ตแล้วเสยขึ้นหมดก็เก๋ดี แต่สั้นแบบนี้ก็ทำให้หน้าเด็กลงอีก เห็นตอนแรกยังคิดเลยว่าเหมือนตอนที่เจอน้องตอน ม.1 ตอนนั้นผมสั้นประมาณนี้แหละ น่ารักมาก”

“ตอนนั้นทำไมมาชวนเล่นบาสล่ะครับ” ผมเปลี่ยนเรื่อง

“ไม่รู้สิ พี่คิดไว้สองอย่าง”

“อะไรบ้าง” ผมถามต่อ

“ถ้าน้องไม่เล่นบาส พี่จะเล่นน้องเอง” พี่เวย์ยิ้มเจ้าเล่ห์

“พี่เวย์อ๊ะ!” ผมงอแง “เอาจริงๆ สิครับ น้องอยากรู้”

“โอเคๆ อืม ตอนนั้นเหรอ ตอนนั้นอยากได้เด็กใหม่เข้าชมรม เห็นน้องเพรียวดีถ้าปั้นดีๆ น่าจะรุ่ง แต่พอได้ยินน้องพูดคำแรก พี่ก็เปลี่ยนใจไม่อยากให้เล่นบาส แต่อยากให้เป็นหลีดแทน” เขาพูดกลั้วเสียงหัวเราะ

“ยังจะเล่นอีก” ผมทำเสียงดุ

“อันนี้จริง ตอนแรกไม่ได้คิดจะจีบแต่อยากให้เขาชมรมมาก่อน อาจให้เป็นผู้จัดการทีมหรือหลีดหรืออะไรก็ได้เพราะคิดว่าน้องน่าจะมีประโยชน์กับชมรม แต่พอตามไปเรื่อยๆ เห็นน้องทุกวันก็เลยคิดว่าน่ารักดี อยากจีบขึ้นมาซะดื้อๆ”

“ทำไมอยากจีบล่ะครับ มีอะไรโดนใจเหรอ” อยากรู้ความรู้สึกของพี่เวย์ทุกเรื่อง ยิ่งฟังยิ่งมีเรื่องที่อยากรู้เต็มไปหมด

“มีอยู่วันหนึ่งน้องปวดท้องแล้วไปนอนห้องพยาบาล จำได้ไหม”

“อ๋อใช่ วันนั้นปวดกระเพาะหนักมากเพราะคืนก่อนนั่งทำงานให้อาจารย์เสร็จตีห้าแต่ต้องมาเรียนต่อตอนเช้าแต่ตื่นสายเลยไม่ได้ทานข้าว ช่วงสายๆ ก็เลยปวดท้องแล้วก็อาเจียนด้วยเลยขออาจารย์ไปนอนพัก จำได้ว่าหลับแบบน๊อกไปเลยตื่นอีกทีตอนเนมมาเรียกก็บ่ายสอง” ผมรำลึกความหลัง

“พี่เข้าไปเยี่ยม เห็นน้องนอนหลับสนิท นั่งมองหน้าน้องแล้วเพลินดี หันซ้ายหันขวาไม่มีใครอยู่ก็เลยจูบไปหนึ่งทีเน้นๆ” เขาทำหน้าเคลิ้ม “น้องเสียจูบให้พี่ครั้งแรกวันนั้นนะ” พี่เวย์เล่าไปยิ้มไปราวกับว่าเรื่องนั้นเป็นความทรงจำที่แสนหวานของเขามาตลอด

“คนฉวยโอกาส” ผมบ่น “แล้วทำไมถึงจูบล่ะครับ ตอนนั้นพี่ชอบผู้ชายแล้วเหรอ”

“ตอนนั้นยังไม่ได้ชอบผู้ชายนะ ก็ชอบผู้หญิงปกตินั่นแหละแต่น้องดึงดูดสายตามาก ดูดื้อๆ แต่ก็เรียบร้อยและพูดเพราะ ดูรั้นๆ แต่ไม่เคยวีนเหวี่ยง  วิธีแก้ปัญหาของน้องคือเงียบ ดื้อเงียบ พี่รู้สึกว่าน้องดูลึกลับมีเสน่ห์ดี แต่วันที่จูบน้องวันนั้นอะไรดลใจก็ไม่รู้นะ แต่มองไปมองมาแล้วถูกดึงให้เข้าไปหาเพราะปากสีสวยบางๆ ของน้องขยับเป็นคำว่า..พี่เวย์” เขาจ้องลึกเข้ามาในดวงตา ไม่รู้ว่าเรื่องจริงไหมแต่พี่เวย์ไม่ใช่คนขี้ปด หรือเขาอาจจะแกล้งเหย่ก็ได้นะ

“ใช่เหรอครับ น้องพูดอย่างนั้นจริงเหรอ” ผมถามย้ำ

“จริงนะ น้องเรียกชื่อพี่จริงๆ พี่ยังงงเลยว่าทำไมเรียกชื่อพี่ พอลองเขย่าตัวก็ไม่เห็นตื่นแสดงว่ากำลังเพ้อๆ ฝันๆ แล้วเรียกชื่อพี่เสียงหวานซะขนาดนั้น มันจะหมายความว่าอะไรถ้าไม่ใช่..” เขาทำหน้าตาจริงจัง

ผมกระพริบตาปริบๆ “ถ..ถ้าอย่างนั้น น้องก็ชอบพี่เวย์ก่อนที่พี่เวย์จะชอบน้องซะอีกสิครับ”

“พี่จะไปรู้น้องเหรอ ความจริงพี่ก็งงนะว่าเพ้อชื่อพี่ขนาดนั้นแล้วทำไมน้องไม่ตอบรับความรู้สึกพี่ซะที แล้วที่ตามน้องได้นานตั้งหลายปีเพราะพี่มีความหวังตั้งแต่วันนั้นว่าลึกๆ น้องมีใจแน่นอน แต่ไม่รู้กลายเป็นแบบนั้นได้ยังไง จู่ๆ ก็บอกว่ามีแฟนแล้วก็ไม่ให้พี่มายุ่งด้วยอีก  เหมือนโดนถีบหน้ากลางสี่แยก พี่แทบไม่เป็นผู้เป็นคนรู้หรือเปล่าหาตัวดี” นิ้วแข็งๆ จิ้มใส่หน้าผากผมแล้วเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน

“โธ่ น้องขอโทษ” ผมจับมือเขามากุมไว้ “ถ้าน้องรู้ตัวเร็วกว่านั้นอีกนิดเรื่องก็คงไม่วุ่นวายมาจนถึงตอนนี้หรอกครับ”

พี่เวย์ยิ้มอบอุ่นแล้วกอดผมไว้หลวมๆ “ช่างมันเถอะครับ เรื่องแบบนี้มันอยู่ที่วาสนา คนจะคู่กันต่อให้พลัดพรากจากกันนานแค่ไหนวันหนึ่งก็จะได้กลับมาอยู่คู่กันอยู่ดี”

ผมเงยหน้ามองเขารู้สึกอบอุ่นหัวใจแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

“น้องไม่อยากให้ความหวังพี่เวย์ว่าเราจะได้อยู่คู่กันจริงๆ แต่น้องอยากบอกว่า.. น้องรักพี่เวย์นะครับ”

บอกไปแล้ว ผมบอกรักผู้ชายคนอื่นที่ไม่ใช่แฟน ฮือออ ทำไมเป็นคนแบบนี้ อยากตีปากตัวเอง เอาคืนได้ไหมเนี่ย!

พี่เวย์ยิ้มรับด้วยความดีใจมองผมด้วยสายตาที่เปี่ยมไปด้วยความรักความปรารถนา

“แค่เรารู้ว่าเรารักกัน แค่นั้นก็พอแล้ว” ดวงหน้าหล่อเหลาสว่างจ้าราวกับจะเปล่งแสงออกมาจากภายใน ความรู้สึกรักใคร่ที่เต็มล้นของพี่เวย์ส่งผ่านมาถึงผมได้โดยไม่ต้องเอ่ยคำใดทว่าเขายังตอกย้ำให้มันชัดเจนมากยิ่งขึ้นด้วยคำพูดแสนไพเราะที่ก้องกังวานท่ามกลางความสงัดเงียบของป่าใหญ่ 

“พี่เวย์รักน้องมากนะครับ มากเท่าชีวิตของพี่ และมากได้ยิ่งกว่านั้นถ้าหากว่าน้องต้องการ”

หยาดน้ำตาปริ่มขึ้นเมื่อได้ยิน หัวใจดวงน้อยพองโตได้มากที่สุดอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

“พี่เวย์..” เรียกชื่อของผู้ชายที่มีความรักอันยิ่งใหญ่ มั่นคง และสวมกอดเขาพร้อมด้วยหยดน้ำตาที่ไหลรินออกมาด้วยความปีติ

พี่เวย์รวบกอดไว้แน่นราวกับจะสำทับคำว่ารักที่ได้พูดออกมาเมื่อครู่ให้หนักแน่นมากขึ้นไปอีก  เราสองคนต่างส่งผ่านความรู้สึกที่ดีงามให้แก่กัน ผมรู้สึกวูบวาบแค่เพียงเล็กน้อยทั้งที่ถูกโอบล้อมไว้ทั้งตัว ทว่าสิ่งที่เต็มตื้นไปทั่วทั้งร่างคือความรู้สึกอบอุ่นและเป็นสุขมากจนล้นปริ่ม

ความรักที่แท้จริงมันเป็นแบบนี้สินะ  มันมีอยู่จริง มันมีชีวิตและส่งผ่านพลังชีวิตได้อย่างไม่น่าเชื่อ


“นอนได้แล้วครับ พรุ่งนี้เราต้องฝ่าฟันอุปสรรคตรงหน้านี้ไปให้ได้ก่อน พักผ่อนนะครับที่รักของพี่เวย์” เมื่อพี่เวย์พาเข้านอน เขาก้มลงจูบหน้าผากแผ่วเบา จากนั้นเราก็นอนกอดกันแน่นและหลับไปในที่สุด

พี่เวย์นอนกอดผมแน่นและผมเองก็ยินยอมให้เขาอย่างเต็มใจ  เขาใจเด็ดมากเพราะกว่าผมจะหลับก็นานพอสมควรเนื่องจากร่างกายมันเกิดอาการกระสับกระส่ายสะท้านสั่นตลอดเวลา ผมรู้ว่าร่างกายพี่เวย์ตื่นตัวแต่เขากลับพยายามข่มตานอนและไม่ดื้อรั้นที่จะหักหาญข้อตกลงก่อนหน้านี้

ขอโทษนะครับเฮีย ขอแค่ช่วงนี้ที่อยู่ในป่าที่ดอทจะได้ซื่อสัตย์กับหัวใจตัวเอง แต่รับรองว่าจะไม่มีอะไรเกินเลยไปมากกว่านี้  ถึงเฮียจะทำร้ายดอทด้วยการไปมีใคร แต่ดอทจะไม่ทรยศความรักของเฮียที่มีให้ดอทเด็ดขาด ถ้าจะต้องเลิกกัน ก็ขอให้เลิกกันด้วยความรู้สึกดีๆ แต่ถ้าเฮียทำให้ดอทเชื่อได้ว่าเฮียจะไม่ทำแบบนั้นอีก ดอทอาจจะให้โอกาสเฮียอีกครั้งนะ

“ตัวยุ่งเอ้ย.. กว่าจะหลับได้  พี่ไม่รู้ว่าน้องทนได้ยังไงทั้งที่ร่างกายสะท้านแทบจะตลอดเวลา พี่ยอมรับในความใจแข็งใจเด็ดของน้องจริงๆ   กับคุณเผ่า พี่ไม่รู้ว่าน้องจะรู้ตัวไหมว่าน้องรักเขามากกว่าตัวน้องเองซะอีก  ทุกครั้งที่น้องฝืนร่างกายให้ซื่อตรงต่อเขาก็เหมือนเป็นการเพิ่มความรักให้กับเขามากขึ้น..  มากจนพี่นึกกลัวว่าพี่..อาจจะไม่มีที่ยืน”



.•:*´¨`*:•.☆ ►  รู้ เ ท่ า ไ ม่ ถึ ง . . รั ก ◄ ☆•:*´¨`*:•.


ตอนนี้ยาวมากกกกก อย่าเบื่อกันน้าา
ตอนหน้าอาจมาช้าหน่อยนะคะ ขอเร่งต้นฉบับส่งสำนักพิมพ์
เรื่องพี่ดอทจะตีพิมพ์แน่นอนแต่อุบไว้ก่อนว่าตีพิมพ์กับที่ไหน
แฟนเรื่องนี้อาจจะน้อยถ้าเทียบกับเรื่องอื่นๆ
แต่ก็ยังจะออกเล่มเนี่ยนะ 55555 ไม่รู้ไม่สน
สารภาพเลยว่ารักพี่ดอทมากกก ก.ไก่ล้านตัว
ถึงไม่มีสำนักพิมพ์ทำให้ก็จะทำเอง คนซื้อสองเล่มก็จะทำค่ะ
ตอนแต่งเรื่องนี้มีความสุขจริงๆ แต่งรวดเดียวสามร้อยหน้าไม่พักไปแต่งเรื่องอื่นเลย
ช่วงเวลานั้นคือจมดิ่งอยู่กับพี่ดอทแบบ indeed แบบหัวปักหัวปำ
อยากเก็บความรู้สึกนั้นไว้ในเล่ม ถ้าใครอ่านแล้วรู้สึกอินไปกับพี่ดอท
อย่าพลาดรูปเล่มนะคะ ตอนพิเศษแบบ ฮรืออ ไม่อยากสปอยเดี๋ยวจะหาว่าสปอย อิๆ

อับดุล ถามอะไรตอบได้ ได้!

Supparang-k :  ถ้าเป็นคนอื่นคงร้อยผลัวไปแล้วค่าา แต่เป็นดอทผู้คิดเยอะก็เลยแห้งเหียวรอแต่เฮียเผ่าอย่างที่เห็น ฮือออ สงสาร

Janemera :  อ่านตอนนี้จบทีมคูมแม่ต้องตีลูกมั้ยคะ อ้อยพี่เขาซะขนาดนั้น

กาแฟมั้ยฮะจ้าว  :  ขอบคุณที่แวะมาน้าาาา

TachibanaRain  :  เปลี่ยนมาทีม #เวย์ดอท กับนายน้อยเถอะะะะะ มาเร็วๆๆ โยนไม้พาย 55555  ปล. ถ้าตอนนี้มาช้าอีกก็จะไปตามอีก ห้ามหาย!

songte  :  อ่านตอนนี้จบคงได้รู้เหตุแห่งความเก๊กของพี่เวย์แล้ว แต่พี่เวย์ยังมีความลับอีกแยะ รอติดตามน้าาา

Duangjai :  ดอทอาจจะกลับไปให้โอกาสเฮียเผ่าก็ได้ ความผูกพันมันยาวนานนะ คงตัดกันไม่ได้ง่ายๆ TT___TT

dekying kukkig :  ตอนนี้คนซึนหมดท่าแล้วค่าาา โดนเด็กรั้นเอาชนะซะจนได้ อิๆ



ออฟไลน์ TachibanaRain

  • มาโกโตะเทนชิ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-3
อ่านมาสามตอนลำไยกับความขี้แซะของอิพี่เวย์มันมาก จะอะไรนักหนาก็ไม่รู้ก็อยากให้ดอททำเฉยๆไปเสียเหมือนกัน แต่นี่ดีนะที่พี่มันจนแต้มยอมบอกแล้วว่ารู้สึกยังไงไม่งั้นเราคงรำคาญมากอะแต่จากตอนนี้จะกันมาเกรี้ยวกราดใส่ดอทแล้ว อิเฮียเผ่ามันทำขนาดนี้ดอทยังคิดจะกลับไปหาอีกเหรอ ทำไมไม่รักตัวเองบ้างเจ็บมากี่ครั้งแล้วกับการที่เฮียมันนอกใจ ถึงจะรักจะผูกพันกันมากแค่ไหนแต่สิ่งที่เผ่าทำมันคือความไม่ซื่อสัตย์นะ คิดจะมีชีวิตคู่ไปแบบนี้จริงๆเหรอดอท เห็นนายน้อยตอบคำถามว่าพี่เวย์มีความลับอีกแยะนี่ก็กลัวใจเลย หวังว่าจะไม่ใช่ความดราม่าอะไรใหญ่โตนะ

ออฟไลน์ Janemera

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 152
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ตอนนี้สับสนเลือกไม่ถูกโอ้ยยยยยยยยยยยยย :ling1: :katai1: :ling3: :ling2: สงสารพี่เวย์ ไหนจะหมอประสาท ไหนจะเฮียเผ่า แต่ดินแดนน่าจะรู้เรื่องนี้สุดดดดด ทำไมทุกคนดูรวั้ยๆๆๆๆๆกันนนนหมดดด อย่าทำน้องดอทเสียใจนะ!! ไม่นั่นเราจะตามไปแหกอกเรียงคนซะ!!! :serius2: :serius2:

ออฟไลน์ ดาวโจร500

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 643
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-3
ดอทเทออออ เทอเคยบอกว่านอกใจอีกจะไม่ให้โอกาส นี่ก็คิดจะให้โอกาสอีก บ้าปะเนี่ย ปล่อยพี่เวย์ไปเหอะชักจะสงสารละ เจ็บแล้วไม่จำ ทำตัวเอง

ออฟไลน์ รักเจ้าเอย

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 158
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-1
ตามมาจาก Best couple พออ่านแล้วสองเรื่องนี้ต่างกันอย่างสิ้นเชิงเลยอะ แอบใจตุ้มๆต่อมๆ รอเลยจ้าาาา

ออฟไลน์ นารุมิ

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 1
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
 :katai5:งือชอบแนวนี้อ่านเพิ่งเริ่มอ่านติดเลยค่ะงานนี้ติดตามๆ o13
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-09-2018 10:17:59 โดย นารุมิ »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ aisen

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +75/-1
เมื่อไรจะมาต่อนะ คิดถึงพี่ดอทแล้ว

ออฟไลน์ fiction no.9

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 134
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +129/-4
    • แฟนเพจ : นิยายหมายเลข9
.•:*´¨`*:•.☆ ►  รู้ เ ท่ า ไ ม่ ถึ ง . . รั ก ◄ ☆•:*´¨`*:•.

ต อ น ที่  15  :  ภ า ว ะ ซ่ อ น เ ร้ น


เมื่ออรุณรุ่งมาเยือน พี่เวย์ตื่นขึ้นมาด้วยสีหน้าแจ่มใส เขากระชับอ้อมกอดแน่นขึ้นเมื่อรู้ว่าผมตื่นแล้ว

“อรุณสวัสดิ์ครับ” เสียงพี่เวย์ตอนตื่นนอนเซ็กซี่ดีจริงๆ

“มอร์นิ่งครับพี่เวย์”

ปฏิกิริยาผู้ชายตอนเช้าๆ มันก็ค่อนข้างเร็ว ได้แต่พยายามเก็บกลั้นอาการไว้จนร่างสูงประทับริมฝีปากลงบนขมับยาวนานแล้วตัดใจลุกไปประกอบโทรศัพท์มือถือก่อนจะเปิดมันขึ้น

“ไม่มีสัญญาณ” หน้าเขาดูผิดหวังหน่อยๆ

“ก็ยังดีที่เปิดได้นะครับ ได้รู้เวล่ำเวลาบ้างก็ยังดี” ไม่บ่อยนักที่ผมจะมองโลกในแง่บวกแต่อยู่กับพี่เวย์กลับรู้สึกเหมือนได้ย้อนเป็นเด็กตอนที่โลกทั้งใบยังไม่แตกสลาย

วันนี้เป็นวันเสาร์เวลาเจ็ดโมงยี่สิบ ไม่รู้เฮียจะรู้หรือยังว่าผมหายไป หรือบางทีอาจจะระเริงอยู่กับผู้หญิงคนนั้นจนลืมผมไปแล้วด้วยซ้ำ

“หัดคิดหัดพูดแบบนี้บ่อยๆ จะดีกับสภาพจิตใจน้องนะครับ” พี่เวย์เอ่ยชม

“อยากแซะว่าที่ผ่านมาน้องโคตรคิดร้ายใช่ไม่ใช่” ผมทำปากเป็ดใส่

“ฮ่าๆๆ เนี่ย กลับไปมองโลกในแง่ร้ายอีกแล้ว” พี่เวย์หัวเราะจนตาปิด ดูดีจนหยุดมองไม่ได้เลย  “แต่เวลาพูดหยาบแล้วมีเสน่ห์ดีนะ

“แค่คำว่าโคตรนี่หยาบตรงไหนครับ ใครๆ ก็พูดกัน”

“กับคนอื่นไม่หยาบหรอก แต่กับน้องที่ไม่ค่อยได้พูดมันก็ฟังแล้วแปลกออกไป ตอนที่เรียนมัธยมบางทีพี่ยังลุ้นให้น้องด่าแรงๆ ออกไปบ้างจะได้ระบายแต่น้องก็ชอบมองเหยียดเชิดหน้าทำเป็นไม่สนใจแต่แล้วก็เอากลับไปคิดมากคนเดียว มันเลยกลายเป็นการรังแกตัวเองไปแทน”

“น้อยไปสิครับ ตอนเด็กๆ น้องร้ายจะตาย อยากให้เห็นตอนที่แกล้งกับตอนที่ด่าน้องชายคนละแม่ ถ้าพี่เวย์เห็นต้องเกลียดน้องแน่”

“อืม ก็เคยได้ยินมาบ้าง”

“ได้ยิน? ได้ยินจากไหนเหรอครับ น้องยังไม่เคยเล่าเรื่องนายดินเลยนะ”

“อ..อ๋อ ได้ยินคุณเผ่าพูดถึงอยู่บ้าง ไม่บ่อยหรอก”  พี่เวย์ดูอึกอักแปลกๆ แต่แล้วก็เปลี่ยนหัวข้อสนทนาไปซะเฉยๆ “เปิดมือถือไว้ดีกว่าเนาะ เผื่อว่าดาวเทียมจะมีวิธีค้นหา”

“ได้เหรอครับ”

“ไม่รู้เหมือนกัน แค่หวังไว้  แต่เปิดเครื่องพี่ก่อน แล้วพอแบตหมดค่อยเปิดเครื่องน้อง” เขายื่นมือถือคืนมาให้ ส่วนของตัวเองก็ยัดกระเป๋ากางเกงไว้


 จากนั้นพี่เวย์ให้ผมไปจัดการธุระส่วนตัว ส่วนเขาเก็บข้าวของเพื่อเตรียมออกเดินทาง กว่าจะพร้อมออกเดินทางก็เกือบแปดโมงเช้า

“ถ้าไม่ไหวบอกทันทีเลยนะจะได้พักก่อน” พี่เวย์ย้ำเป็นครั้งที่ร้อย

“รู้แล้วครับบ” ผมลากเสียงเพราะอีกฝ่ายเล่นห่วงซะจนผมรู้สึกว่าอยากให้กลับไปเป็นขี้เก๊กแบบเดิมจะได้ไม่ต้องมากังวลกับผมมากเกินไป

“ดีนะที่พี่เวย์เจอผักทอดยอดข้างลำธารแล้วแกกินได้ ไม่งั้นแย่แน่ กินเยอะๆ นะเจ้าต่าย” ผมคุยกับกระต่ายตัวอ้วนที่กัดกินผักอยู่ในเป้

“เหลือน้ำแค่ครึ่งขวด ถ้าพรุ่งนี้หาทางออกจากป่าไม่ได้คงต้องกินน้ำจากลำธารแล้วล่ะ” พี่เวย์เปรย

“เราต้มก่อนก็ได้นี่ครับ ถ้ามันสุกแล้วก็คงปลอดภัย”

“ต้มกับอะไรครับ” พี่เวย์หันมามอง

“เออนั่นสิ แหะๆ น้องแค่ลืมเอง อย่าดุสิครับ” พี่เวย์นี่ออร่าคุณพ่อมาเต็ม แค่มองแล้วถามนิ่งๆ ก็แผ่ออร่าน่าเกรงขามออกมาได้แล้ว

“พี่พูดแค่นี้เองครับ ไม่ได้จะดุเลยนะ น้องคิดมากไปเอง” มือหนาลูบศีรษะเบาๆ

“ไม่รู้สิ กับพี่เวย์น้องทั้งรักทั้งเกรง ไม่กล้าหือเลยครับ”

“นี่ขนาดไม่กล้านะ ถ้ากล้าพี่คงโดนถีบหน้าวันละสิบรอบ”

“เนี่ย ขี้แซะ” ผมบ่นเมื่อเห็นยิ้มเหยียดในสีหน้าของอีกคน

“หมั่นเขี้ยวจริง” ศีรษะของผมถูกคางสากกดขยี้ลงมาหนักๆ “เวลาทำหน้างอนแล้วน้องน่ารักขึ้นอีกสิบเท่า”

“อืออ เคราพี่เวย์ทิ่มหัวน้องอะครับ เจ็บ”

“อืมโทษที ตอนนี้พี่เหมือนมหาโจรหรือยัง”

“ไม่เลยสักนิด” ผมผละออกมาเพื่อมองหน้าพี่เวย์ชัดๆ จับคางที่มีเคราขึ้นหนาตาแล้วเบี่ยงซ้ายขวา “หล่อกว่าเดิมด้วยซ้ำ”

หล่อจริงๆ หล่อเข้ม แต่ก็ยังดูสะอาดดูมีออร่าวิ้งๆ เวลามองนานๆ แล้วระทวยเอาง่ายๆ

“ปากหวาน” พี่เวย์จับมือไปกดจูบหนักๆ “พี่ชักจะไม่อยากออกจากป่าเปลี่ยวๆ นี่ซะแล้วสิ”

“พี่เวย์ก็อะไรไม่รู้กับป่าเปลี่ยนนักหนา”  ผมดึงมือกลับมาแล้วทำเป็นเดินนำไปก่อน อยู่กับพี่เวย์โหมดหมาป่าแล้วใจคอสั่นไหวรุนแรงเหลือเกิน  “เรื่องน้ำ ถ้าเราเอาหินเอาทรายมาทำที่กรองน้ำเป็นชั้นๆ ใส่ขวดน้ำเปล่าแล้วเจาะรูตรงด้านข้างเหมือนตอนเรียนจะได้ไหมครับ”

“เดี๋ยวค่อยว่ากัน” พี่เวย์เดินขึ้นมาแล้วแล้วโยกหัวผมเหมือนรู้ทันว่ากำลังเสเปลี่ยนเรื่องแต่เขาก็ไม่ได้กลับไปพูดเรื่องเดิม “ถ้าสี่โมงแล้วยังไม่มีวี่แววว่าจะถึง พี่จะหาที่พักแล้วค่อยจัดการพวกน้ำและอาหาร”

“โอเคครับ” ผมตอบรับเสียงใส เดินเคียงบ่าเคียงไหล่ไปด้วยกำลังใจเต็มร้อย

พี่เวย์เป็นเหมือนแสงสว่างในถ้ำมืดมิด ผมเชื่อใจ ไว้ใจ และศรัทธาในตัวเขามากจนมองข้ามเรื่องยากลำบากต่างๆ ไปได้อย่างไม่ทุกข์ร้อน 

กลับกันถ้าคนข้างๆ ในตอนนี้เป็นเฮียเผ่า ผมอาจจะหวั่นใจในความขี้โมโหแล้ววันดีคืนดีก็อาจโมโหจนเผลอทำร้ายผมขึ้นมาได้  หรือถ้าเป็นหมอวรรตก็อาจจะดีที่เขาเป็นหมอ แต่ดูเหมือนสไตล์หมอวรรตจะสำอางและไม่ใช่สายลุย ถ้ามาติดป่าแบบนี้อาจไม่ใช่หลักนำใจให้ผมได้แบบที่พี่เวย์เป็น

ไบแอสพี่เวย์เต็มๆ เลยชนม์แดน แต่ยิ่งเปรียบเทียบก็ยิ่งรู้สึกผิดกับอีกสองคน ผมนี่มันเป็นคนยังไงนะ ทำไมคิดเรื่องอะไรก็ไม่ตกสักอย่าง คิดวนมันอยู่แบบนั้นแหละ น่าเบื่อจริงๆ


“เที่ยงแล้ว น้องหิวไหม” พี่เวย์ปาดเช็ดเหงื่อให้แล้วถามอย่างเป็นห่วงเมื่อเราเดินมานานแต่ยังไร้วี่แววของสิ่งมีชีวิต

“ก็หิวนะ แต่ทนไปอีกนิดก็ได้ครับ”

“งั้นนั่งเลย” พี่เวย์ชี้ไปที่โคนต้นไม้ “ห้ามทน อยู่กับพี่ไม่ต้องทนอะไรทั้งนั้น”

แหมมม ไม่คิดถึงก่อนหน้านี้น้องต้องทนทุกอย่างละครับ อยากพูดไปแบบนี้แต่ไม่กล้า

“ใจพี่หล่อมากกก”

“หน้าพี่ก็หล่อ” ว่าแล้วก็ขยิบตาให้ ผมนี่แทบสลบ หล่อลากมากเลยครับพี่เวย์

“หล่อค้าบบบ” ผมเอ่ยชม “ที่จริงถ้าไม่แก่ น้องจะชวนเข้าสังกัดโมเดลลิ่งนะ รับรองดังพอๆ กับสกายแน่นอน”

“น้อยๆ หน่อย พี่เนี่ยนะแก่” เขาทำหน้าเอาเรื่อง

“ครับ” ผมตอบแล้วดึงให้ลงมานั่งด้วยกัน “แก่แต่ก็ยังหล่อไง ไม่งอนนะไม่งอน กินหนมๆ”  ฉีกซองเบนโตะแล้วหยิบป้อนให้ พี่เวย์อ้าปากงับแล้วป้อนกลับมา  รู้สึกทำหน้าไม่ถูกแต่ก็อ้าปากกัดไปครึ่งหนึ่ง “

“ตอนนี้เสบียงเหลือแค่เบนโตะสี่ซอง มาม่าคัพหนึ่งถ้วย สาหร่ายสองซอง ทาโร่สองซองใหญ่ แล้วก็กูลิโกะป๊อกกี้” ผมแกล้งตรวจเสบียงแก้เขิน

“ขนมเด็กทั้งนั้น” พี่เวย์บ่น “กินก็ไม่เห็นจะอิ่มเลย”

“ก็น้องซื้อขนมกินเล่นตอนเดินทางนี่นา หรือพี่เวย์จะให้ซื้อปลากระป๋องข้าวสารอาหารแห้งไรงี้เหรอครับ” 

“ว่าอะไรไม่ได้เลยนะ โดนตามใจซะจนเคยตัว” เขาโยกหัวอย่างหมั่นเขี้ยว “ว่าแต่ ทำไมยังไม่เห็นน้องขอความช่วยเหลืออะไรเลย นี่พี่รอจูบตั้งแต่เช้าแล้วยังไม่ได้สักจูบ”

อดขำไม่ได้จนต้องหัวเราะออกมาเบาๆ มิน่าถึงคอยถามตลอดว่าจะให้ช่วยอะไรยังไงบ้าง ไอ้ผมก็ลืมว่ามีกติกานี้อยู่ และไม่อยากให้เขาลำบากก็เลยปฏิเสธมาตลอด

“ไม่อยากเสียเปรียบครับ ไม่มีอะไรให้ช่วยซะหน่อย น้องเก่งจะตาย” ผมอวด

“คร้าบบ เก่ง” พี่เวย์หยิกแก้มส่ายไปมา

ขณะนั้นเอง มีเสียงตะโกนดังแว่วเหมือนก้องมาจากที่ไกลๆ ผมกับพี่เวย์มองหน้ากันเบิกตาโตเท่าไข่ห่าน

“เสียงคนหรือเปล่าครับพี่เวย์!” ผมลุกพรวดพราดขึ้นทันที

“ใช่ พี่ว่าใช่แน่” ร่างสูงลุกขึ้นยืนแล้วมองไปรอบๆ 

“เราไปตามหาเขากันเถอะ” 

พี่เวย์พยักหน้าเห็นด้วยแต่ก็ชะงักกึกเหมือนคิดอะไรออก

“ขออีกที”

ผมฟังยังไม่ทันจะเข้าใจว่าพี่เวย์หมายถึงอะไร ร่างผมก็ถูกคว้าเข้าไปแล้วจูบลงมาทันที

“อื้อออ”

ทั้งช็อกทั้งงง พี่เวย์บทจะหื่นก็ไม่น้อยหน้าใครเลย  นี่ผมกลายเป็นเหยื่อให้ทุกคนเลยเหรอเนี่ย อยู่กับใครก็ถูกแกล้ง ถูกฉวยโอกาสแบบนี้ตลอดเลย

นานทีเดียวกว่าเสียงตะโกนจะใกล้เข้ามา พี่เวย์ผละริมฝีปากออกอย่างอ้อยอิ่ง

“ไม่รู้จะได้จูบอีกไหม เราน่าจะติดอยู่ในป่าตลอดไปเลยก็ดีนะ” เขาพูดพลางเช็ดน้ำลายที่เลอะรอบปากให้

“น้องไม่อยากกินเจ้าต่ายเป็นอาหารหรอกนะครับ” ผมพูดติดตลกแต่พี่เวย์ไม่ขำด้วย เขาทำหน้าราวกับว่าจะจากกันชั่วชีวิต “ถ้าไม่ได้อยู่ด้วยกันชาตินี้ น้องจะขออยู่กับพี่เวย์ชาติหน้า และทุกๆ ชาติเลยครับ”

ผมก็ทำได้แค่นี้ ไม่รู้ว่าชาติหน้าจะมีจริงหรือไม่ แต่ถ้าให้เลือกผมจะรักพี่เวย์จะให้สิทธิ์เขาก่อนใครทั้งหมดเพื่อตอบแทนความรักที่เขามีให้ผมมายาวนาน

“น้องต้องบอกด้วยว่าถ้าเจอกันปุ๊บก็จะรู้ใจตัวเองปั๊บ เพราะถ้าให้พี่รอจนหงำเหงือกทุกชาติก็ไม่ไหวนะ” ต้องยอมรับว่ามุกเขาเด็ดกว่ามุกของผมจนหลุดขำและพูดใหม่อีกครั้ง

“ชาติหน้าและชาติต่อๆ ไป ถ้าเจอหน้าพี่เวย์ปุ๊บ น้องจะรู้ใจตัวเองปั๊บและจะรักพี่เวย์ทุกชาติไปครับ”  จดจ้องใบหน้าหล่อเหลาด้วยความรักเปี่ยมล้น ไม่อายที่จะบอกรักพี่เวย์เพราะคิดว่ามันน้อยเกินไปด้วยซ้ำสำหรับความดี ความมั่นคง และบุญคุณที่เขาช่วยชีวิต

“พี่ก็จะตอบรับความรักจากน้องทันทีและเราจะอยู่ด้วยกันทุกๆ ชาติ” นัยน์ตาคู่สวยมีหยาดน้ำซึมเอ่อ ในขณะเดียวกันน้ำตาของผมก็ไหลรินลงมาอาบแก้ม “พี่รักน้องนะครับ ไม่ว่าจะนานแค่ไหนใจพี่จะเป็นของน้อง..แค่คนเดียว”

จบคำพูดที่สุดแสนไพเราะ พี่เวย์ก็จูบหน้าผากพลางหลับตาซึมซับความรู้สึก  ต่างคนต่างกอดรัดกันแน่น และแน่นขึ้นอีกเมื่อเสียงตะโกนดังใกล้เข้ามา

น้ำตาของผมไหลรินเป็นสาย ลูบคางสากของร่างสูงอย่างแสนอาลัย  ไม่รู้อีกนานแค่ไหนจะได้อยู่ใกล้ชิดกันอีก หรืออาจจะไม่มีโอกาสอีกแล้วก็ได้  เรื่องของเราสองคนกำลังจะกลายเป็นรักที่ซ่อนเร้น  ทั้งๆ ที่รักกันมากขนาดนี้แต่ผมกลับให้คำมั่นอะไรออกไปไม่ได้เลย ทำไมความรักมันซับซ้อนนักนะ

ใจผมเป็นของพี่เวย์ แต่บอกตามตรงว่าไม่มั่นใจในตัวเองว่าจะสามารถตัดสัมพันธ์กับเฮียเผ่าได้  มันอาจง่ายเมื่อคิดว่าถูกเขาหักหลังแล้วควรเลิกไปซะ แต่มันยากสำหรับผม ยากมากๆ เพราะเมื่ออยู่ต่อหน้าเฮีย ทุกอย่างมันจะไม่ง่ายอย่างที่ตั้งใจไว้ ไม่อย่างนั้นคงทำได้ไปนานแล้ว



และในที่สุดทีมค้นหาก็เจอพวกเราที่เดินแบกข้าวของไปสมทบกับพวกเขาด้วยสีหน้าหดหู่ไม่เหมือนคนที่กำลังรอดตาย ต่างสันนิฐานกันไปต่างๆ นาๆ ว่าอ่อนเพลีย ร่างกายขาดน้ำ หรือแม้แต่ติดไข้มาลาเลียไข้เลือดออกก็มี  หารู้ไม่ว่าเราสองคนเป็นโรคไม่อยากจากกันต่างหาก

ทันทีที่อยู่ในโซนที่มีสัญญาณโทรศัพท์ ผมก็เปิดมันขึ้นและแน่นอนว่าทั้งไลน์และรายการโทรเข้าแทบจะทำให้อยากปิดมันอีกครั้งเพราะคงต้องตอบคำถามอีกบานเลย

และก็เป็นอย่างที่คิดไว้ สายเข้าสายแรกเป็นเฮียเผ่า

“ดอท! ดอทอยู่ไหน แล้วปลอดภัยหรือเปล่า เฮียเป็นห่วงมากนะ เฮียถึงกรุงเทพเมื่อวานแล้วโทรหาแต่ไม่ติดก็เลยโทรเข้าบ้าน คุณแม่บอกว่าหายไปตั้งแต่วันที่เราเจอกันครั้งสุดท้าย” ดูเหมือนว่าเฮียก็เพิ่งจะรู้ว่าผมหายไปเมื่อวาน นี่คงมัวแต่กกสาวอยู่สิท่าถึงไม่ได้รู้ข่าวอะไรเลย “เฮียไปขอดูกล้องวงจรปิดเห็นดอทโดนพาออกจากร้านไป ไอ้เวย์มันทำอะไรดอท แล้วทำไมดอทยอมให้มันพาไปล่ะ” 

ถึงขนาดขึ้นไอ้กับพี่เวย์ซะแล้ว ผมต้องตั้งสติให้ดีจะได้ควบคุมสถานการณ์ได้

“เฮียผิดสัญญากับดอท”

“ดอทหมายถึงอะไร อย่าเพิ่งเปลี่ยนเรื่องสิ เฮียอยากรู้เรื่องที่ดอทหายไปอยู่นะ” เฮียยังคงไม่ยอมรับ

“ดอทให้นักสืบตามเฮียและรู้ว่าเฮียไปกับผู้หญิง” ผมโกหกไปตามบทที่เตรียมไว้

พี่เวย์บอกว่าถ้าไม่กลัวผมจะมีปัญหาใหญ่ เขาจะไม่โกหกเลย แต่ครั้งนี้มันจำเป็นเพราะเฮียเผ่าไม่เหมือนใคร ถ้าเขาโมโหขึ้นมาก็กลัวว่าผมจะถูกลงไม้ลงมือเอาได้  ซึ่งผมเองก็เห็นด้วยแต่ไม่ใช่เพราะกลัวโดนเฮียทำร้ายแต่เพราะกลัวว่าพี่เวย์นั่นแหละที่จะโดน

เราสองคนได้เตี๊ยมกันว่าผมรู้ข่าวว่าเฮียไปกับผู้หญิงคนอื่นก็เลยเสียใจร้องไห้ และพอดีพี่เวย์มาเห็น ผมจึงขอร้องให้พาไปพิสูจน์ แล้วจากนั้นผมก็ได้เห็นกับตาที่ปั้มว่าเฮียไปกับผู้หญิงจริงๆ ผมเสียใจมากจึงขอให้พี่เวย์พาไปพักสมอง พอไปถึงน้ำตกผมก็ลงเล่นน้ำและโดนน้ำป่าพัดร่างไปจนพี่เวย์ช่วยชีวิตขึ้นมา

ผมเล่าเรื่องทั้งหมดที่เท็จบ้างจริงบ้างไปตามที่ได้ตกลงกับพี่เวย์ พอเฮียได้ยินก็ถึงกับลนลานเปลี่ยนท่าที

“งั้นเฮียก็เข้าใจผิดเรื่องพี่เวย์สินะ” ได้ยินน้ำเสียงที่เปลี่ยนไปก็โล่งใจที่พี่เวย์จะไม่โดนฆ่า แต่ถึงยังไงก็ไม่อยากโกหกแบบนี้ ถ้าไม่จำเป็นก็คงไม่ทำ “แล้วดอทเจ็บตรงไหนหรือเปล่า ตอนนี้อยู่ที่ไหน”

ผมเงียบปาก ไม่พูดอะไรเพราะเรื่องที่ต้องพูดก็พูดไปหมดแล้ว พอเฮียจับสังเกตได้ว่าผมเงียบจึงรีบแก้ตัว

“เรื่องผู้หญิงที่ดอทเห็น เราต้องคุยกันนะ  เฮียมีเหตุผลนะครับ” 

“ดอทคุยแน่ครับแต่ไม่ใช่วันนี้ ขอดอทพักฟื้นให้พอมีแรงก่อนแล้วเราค่อยคุยกัน  เฮียเตรียมเหตุผลให้ดีนะครับ เพราะครั้งนี้ดอทคิดว่าคงไม่ไหวแล้ว”  ผมบอกเสียงเรียบ ปกติเวลาทะเลาะกับเฮียก็ไม่เคยขึ้นเสียงอยู่แล้ว

ผมกับเฮียถ้าตัดเรื่องนอกใจกับทำร้ายออกไปจะเป็นคู่ที่เข้าใจกันมากที่สุดก็ว่าได้  แต่ใครจะทนรับความทุกข์ที่ถูกนอกใจครั้งแล้วครั้งเล่าได้ล่ะ  มันต้องมีวันหมดความอดทนอยู่แล้ว


ผมกับพี่เวย์ถูกส่งตัวไปโรงพยาบาล ตรวจเลือดให้น้ำเกลือและให้นอนพักที่โรงพยาบาลหนึ่งคืน ระหว่างนั้นมีตำรวจเข้ามาสอบปากคำสอบถามความเป็นมาเป็นไปทว่าพอเปิดดูข่าวแล้วตกใจเพราะแทบไม่เห็นข่าวอะไรเกี่ยวกับการหายตัวไปของเราสองคน ทำไมกันนะ

“เป็นยังไงบ้างลูก ป๋าเป็นห่วงแทบแย่” ป๋าส่งสายตาแห่งความห่วงใยมาให้  ที่จริงป๋ามาตั้งแต่ตอนที่ตำรวจสอบปากคำจึงต้องรอจนถึงตอนนี้  ทันทีที่ถึงตัวป๋าก็เข้ามากอด

“แค่เพลียๆ ครับป๋า ถ้าได้กินได้นอนเต็มอิ่มสักคืนเดี๋ยวก็หายแล้ว” ผมยิ้มและรับอ้อมกอดจากป๋า “มากับใครครับ นายดินไม่มาด้วยเหรอ” มองไปที่หน้าประตูเมื่อเห็นป๋าแค่คนเดียว

ป๋าดึงเก้าอี้มานั่งข้างเตียงแล้วทำหน้าหมั่นไส้กับคนที่ผมถามถึง

“เห็นบอกว่าถ่ายแบบเสร็จประมาณห้าโมงเย็นจะรีบมาทันที เดี๋ยวนี้คิวแน่น ดาราใหญ่เขาดังแล้ว” แต่แล้วแววตาก็พลันเปลี่ยนไปพลางจับมือแล้วบีบหนักแน่น “มาว่าเรื่องของเราเถอะ เรื่องราวมันเป็นยังไงถึงได้บานปลายใหญ่โตขนาดนี้ ดอทให้ป๋ารู้ได้ไหม ไว้ใจป๋าได้หรือเปล่าลูก”

รู้สึกเหมือนถูกโอบอุ้มเห่กล่อมเหมือนในวัยเด็ก ป๋ารักผมมาก เป็นผมเองต่างหากที่ไม่สนใจจะรับรู้มาตลอด   

ผมยิ้มแล้วบอกไปตามความจริงทั้งหมดทุกเรื่องราวไม่เว้นแม้แต่เรื่องหมอวรรต  และหลังจากเล่าไปหมดแล้วจึงได้ปรึกษากับป๋าเพื่อเก็บไว้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจ

“ป๋าว่าดอทควรเลือกใครดีครับ”

“อย่างแรกคือดีแล้วที่ไม่บอกความจริงทั้งหมดให้เผ่าพงศ์ฟังเพราะเขาค่อนข้างอารมณ์ร้ายโดยเฉพาะกับคนอื่น ถ้าเขารู้ขึ้นมา พี่เวย์ของดอทอาจจะไม่ปลอดภัย” ป๋าแนะนำ “อย่างที่สอง ป๋าชี้นำอะไรไม่ได้เรื่องการเลือกคู่เพราะป๋าค่อนข้างล้มเหลวในเรื่องนี้นะ และอีกอย่างของแบบนี้มันอยู่ที่คนกลาง ดอทรู้ทุกอย่างว่าใครเป็นยังไงและดอทต้องเป็นคนเดาอนาคตว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นต่อไปถ้าเลือกคนนั้นๆ แต่ถ้าจะให้ป๋าแนะนำ ป๋าว่ารอเวลาอีกสักหน่อย  เว้นระยะกับทุกคนให้เป็นแค่เพื่อน รอดูว่าใครจะอดทนได้มากกว่ากัน” 

คำแนะนำของป๋าค่อนข้างมีเหตุผล และผมก็คิดว่าคงจะใช้วิธีนี้ ถอดไปเป็นคนรู้จักให้หมดแล้วค่อยว่ากัน

“แล้ว..ถ้าเอาความชอบของป๋า ป๋าชอบคนไหนเหรอครับ”

“ฮ่าๆ ร้ายนักนะเรา ยังไงก็จะให้ป๋าไบแอสจนได้สินะ” ป๋าหัวเราะพลางโยกหัวผมไปมา “แต่ถ้าให้เลือกจริงๆ ป๋าชอบหมอประสาทนะ” คำตอบของป๋าทำให้ผมต้องขมวดคิ้ว บทเขาดูจะน้อยที่สุดแต่ทำไมป๋ากลับชอบเขาเป็นที่หนึ่ง

“ทำไมล่ะครับ เขามาทีหลังทุกคนเลยนะ” ผมแย้ง

“มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับเวลาที่รู้จักกันนะ มันขึ้นอยู่กับว่าตอนอยู่ด้วยกันแล้วเราเปลี่ยนแปลงไปมากแค่ไหน กับเผ่าพงศ์และเวย์ ดอทก็รักทั้งคู่แต่ทั้งสองคนนั้นไม่ได้ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจนในตัวดอท แต่คนที่สามารถทำให้เรายิ้มได้แม้ในวันที่กำลังมีทุกข์ คนๆ นั้นน่าสนใจ”

ยิ่งป๋าพูดแบบนี้ผมก็ยิ่งคิดถึงเขา  อีตาหมอประสาทที่รัวข้อความเข้าไลน์ผมเป็นร้อยๆ  แต่คิดว่าตอนนี้คงรู้จากพี่ชายเขาแล้วว่าผมปลอดภัย  ซึ่งก็คงอีกไม่นานเขาจะต้องวิ่งแจ้นมาหาแน่นอน

จากนั้นเราสองคนพ่อลูกก็พูดคุยเรื่องอื่นๆ ป๋าค่อนข้างตื่นเต้นตอนที่ผมเล่าตอนที่จมน้ำ  และกำชับไม่ให้ไปเล่นอะไรเสี่ยงแบบนั้นอีก ผมถามเรื่องภรรยาคนใหม่กับลูกในท้อง ป๋าตอบแค่ผิวเผินพยายามปรับสีหน้าให้ปกติแต่ผมรู้ว่าไม่ใช่ เพียงแต่ไม่ได้จี้ถามอะไรให้มากความ ปัญหาของป๋าก็คงต้องให้ป๋าเป็นจัดการเอง

วันนี้เป็นครั้งแรกที่เราสองคนได้คุยกันแบบยาวนาน และคงจะยาวกว่านี้อีกสักหน่อยถ้าคุณแม่ไม่เข้ามาเสียก่อน

“งั้นเดี๋ยวแม่ค่อยเข้ามาใหม่นะตาดอท” คุณแม่หน้าเจื่อนลงเมื่อเห็นป๋า

“ไม่เป็นไร ฉันจะกลับพอดี” ป๋าบอกก่อนจะมองตามคุณแม่ที่ปลายตามองเพียงแว้บเดียวแล้วเดินเข้าห้องน้ำไปพร้อมกับถุงใบใหญ่ คงอยากเลี่ยงการเผชิญหน้า

“งั้นป๋ากลับก่อน ถ้ายังไงจะโทรหานะลูก” สีหน้าของป๋าดูซึมลงก่อนจะหันมากอดลา

“ขอบคุณนะครับ” ผมไหว้ลาเมื่อป๋าคลายอ้อมกอด จากนั้นป๋าก็ออกจากห้องไป


“แม่มาช้ากว่าเขาสินะ” คุณแม่วางปิ่นโตไว้บนโต๊ะแล้วแกะออกมาทีละเถาโดยไม่ยอมมองหน้าผม

“โธ่ ไม่เป็นไรหรอกครับ มาก่อนมาหลังก็สำคัญเหมือนกัน” ผมมองอ้อน

“เดี๋ยวนี้แม่คงไม่สำคัญเท่าไหร่แล้วไม่ใช่เหรอ เราดีกับป๋าแล้วแม่ก็เป็นแค่หมาหัวเน่า” ทำหน้าหงอยแต่ก็ยังสาละวนเตรียมอาหารให้

“ใครบอกครับ ยิ่งดีกับป๋าก็ยิ่งได้รู้ว่าคุณแม่น่ารักกว่าเป็นสิบเท่า เพราะป๋าไม่เห็นเอาอะไรมาฝากเลย ไม่รู้หรือไงว่าดอทหิ้วหิว” แผนฉอเลาะยังไงก็ได้ผล คุณแม่เริ่มอมยิ้มรีบเข็นโต๊ะอาหารมาที่เตียงทันที

“ไหนดูซิ” คุณแม่มองไปทั่วตัว จับแขนที่ฟกช้ำ และมองจ้องแผลบนหัวที่ปิดเทปเอาไว้พลางแตะเบาๆ รอบแผล “หัวแตกด้วยเหรอลูก เจ็บมากหรือเปล่า แล้วมีแผลตรงไหนอีกบ้าง”

“หมดแล้วครับ แผลเก่าที่ขาก็ไม่น่าห่วงอะไร รอแห้งสนิทก็หายแล้ว”

“ โถตาดอท ช่วงนี้ทำไมถึงได้เจอแต่เรื่องร้ายๆ”

“จะว่าไปก็สนุกดีนะครับ ตื่นเต้นดี”

“ยังจะพูดเล่นอยู่อีก คราวหลังแม่ไม่ให้ไปไหนไกลๆ อีกแล้วนะ”

“คร้าบบ” ผมรับคำพลางอ้าแขนรอให้คุณแม่เข้ามากอด ไม่นานนักก็ใจอ่อนยอมเข้ามากอดแล้วหอมซ้ายหอมขวาอย่างที่ชอบทำ “คุณแม่ทำอะไรมาบ้างครับ ดอทหิวจัง”

“หลายอย่างเลยลูก แม่เข้าครัวเองเลยนะ พอตำรวจแจ้งมาว่าดอทปลอดภัยและกำลังจะสอบปากคำแม่ก็รีบทำของโปรดมาให้ ถ้าหิวก็กินเยอะๆ ดูสิผิวซูบซีดไม่มีสีเลือดเลย เอ๊ะ!? ผมเราสั้นลงนี่ ตัดทำไมลูก” คุณแม่หยิบเส้นผมสั้นกุดของผมแล้วถามอย่างแปลกใจ

“ตอนอยู่ในป่ามันร้อนครับก็เลยตัด” ปดไปนิดหน่อยก็คงไม่เป็นไรนะ จะให้บอกได้ยังไงว่าตัดเพราะอยากเอาชนะพี่เวย์ เสียหน้าแย่น่ะสิ

“ตัดสั้นแบบนี้เหมือนตอนที่เรียนมัธยมเลยนะ แต่หน้าตาตอนนั้นของลูกไม่ได้สดใสอย่างวันนี้ แม่คงผิดเองที่พรากวัยเด็กที่ควรมีชีวิตชีวาของดอทไป” มือเรียวลูบใบหน้าผมพร้อมกับน้ำตาที่รื้นออกมาของเราทั้งสองคน

“เราย้อนเวลากลับไปไม่ได้แล้วครับ มาช่วยกันทำวันนี้และวันต่อๆ ไปให้สดใสดีกว่า คุณแม่อย่าคิดมากเพราะดอทเข้าใจในสิ่งที่คุณแม่ทำทุกอย่าง และดอทก็ยังรักและเคารพไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ”

อาหารมื้อนี้เป็นมื้อที่อร่อยที่สุดเท่าที่ผมเคยทาน คุณแม่ถามถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นผมจึงเล่าไปบ้างเอาเฉพาะที่สำคัญไม่ได้ลงรายละเอียดไปมากนักและไม่ได้คุยย้อนไปถึงเรื่องในอดีตว่าเป็นยังไง ไม่อยากถามและไม่อยากรู้อะไรอีก ขอแค่วันนี้ผมกับคุณแม่คุยกันได้นานๆ และมีความสุขแค่นั้นก็พอ


“ตอนเย็นจะกินอะไรดีลูก เดี๋ยวแม่ลงมือทำเอง” คุณแม่ถามขณะที่เก็บปิ่นโตเข้าเถา 

“อะไรก็ได้ครับ ฝีมือคุณแม่อร่อยที่สุดในโลกอยู่แล้ว” ผมอ้อนอีก

“เดี๋ยวนี้ปากหวานนะเรา” คุณแม่ยิ้มกว้าง “ว่าแต่ แน่ใจนะว่าจะไม่ให้แม่มานอนเป็นเพื่อน แม่เตรียมของมาแล้วนะ”

“ไม่ต้องหรอกครับ ดอทนอนคืนเดียวเอง เดี๋ยวพรุ่งนี้สายๆ ก็กลับแล้วล่ะ”

“แต่แม่ว่า..”

“ถ้าคุณแม่นอนด้วยแล้วใครจะทำกับข้าวอร่อยๆ ให้ดอทล่ะครับ”

“เอาละๆ งั้นก็ตามใจ แม่ไปก่อนนะเดี๋ยวพรุ่งนี้จะเตรียมของชอบไว้ให้ แม่รักลูกนะครับ” ผมกับแม่กอดกันแน่นก่อนจากกันคุณแม่ยังบอกอีกครั้งว่าตัดผมแล้วดูดี


ต่อ..

ออฟไลน์ fiction no.9

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 134
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +129/-4
    • แฟนเพจ : นิยายหมายเลข9

“คุณหนู คุณหนู” เมื่อคุณแม่ออกไปแล้ว น้าเวชจึงขอเข้ามา แกปรี่มาหาราวกับว่าผมหายไปนานเป็นปีๆ “น้าเวชเป็นห่วงแทบแย่เลยครับ ทำไมถึงได้เล่นซุกซนเป็นเด็กแบบนั้น นี่ถ้าหากันไม่เจอแล้วจะทำยังไง โถ ดูสิ ผอมกะหร่องกว่าเดิมตั้งเยอะ แล้วตัดผมทำไมครับ ดูสิหัวก็แตกด้วย โถคุณหนู” น้าเวชใส่มาเป็นชุดแทบจะไม่เว้นจังหวะหายใจ

“เอาทีละคำถามได้ไหมครับ ดอทเพลียมากตอบไม่ทันหรอก” ผมแกล้งสำออยทำท่าทางปวกเปียก

“งั้นคุณหนูนอนพักเถอะครับ ไม่ต้องตอบอะไรแล้ว” แกพยายามจะช่วยผมให้นอนลงแต่ก็ไม่กล้า ได้แต่เงอะงะทำตัวไม่ถูก ผมจึงแกล้งนอนห่มผ้าเพื่อความสมบทบาท

“อย่าไปเชื่อคนขี้จุ๊เลยครับน้าเวช” เสียงคุ้นหูดังขึ้น ผมมองตามต้นเสียงแล้วหัวใจเบ่งบานขึ้นทันที “ดูตาใสขนาดนั้น สีหน้าอิ่มเอิบแถมยังแอบยิ้มตอนน้าเวชเผลออีก คนแบบนี้น่าตีมากกว่าให้พักนะครับ”

“ทำเป็นรู้ดี” ถลึงตามองเขา แต่ในใจเต้นตึกตัก ดีใจเหมือนไม่ได้เจอเป็นปีๆ   

อาจจะเป็นเพราะก่อนหน้านั้นเป็นการเผชิญหน้าแบบนึกไม่ถึง เป็นโมเมนต์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก เหมือนยังไม่ได้เคลียร์ใจในเรื่องต่างๆ จนทำให้เกิดความอัดอั้น

“ก็ผมเป็นหมอ” เขาเถียงแล้วหันไปฟ้องน้าเวช “เห็นหรือเปล่าครับน้าเวช ขู่ฟ่อๆ ได้ขนาดนี้ไม่เห็นจะเหมือนคนอ่อนเพลียตรงไหนเลย น้าเวชโดนหลอกแล้วล่ะครับ”   

“โธ่คุณหนู หลอกน้าเวชอีกแล้ว” น้าเวชบ่น “น้าเวชตามไม่ทันทั้งคู่นั่นแหละ งั้นน้าเวชไปก่อนนะครับประเดี๋ยวคุณท่านจะรอนาน” พูดจบแกก็ค้อนใส่ผมแล้วออกจากห้องไป

“เห็นไหม คุณทำน้าเวชงอนแล้วนะ” ผมป้ายสีใส่เขาทันที

ร่างสูงยิ้มขำและเดินเข้ามาใกล้ ผมมองหน้าเขาแล้วรู้สึกดีใจจนเผยรอยยิ้มสดใสออกไปอย่างไม่มีปิดบัง  ตั้งแต่รู้ว่าเขาเป็นพี่น้องกับพี่เวย์ผมก็ไม่คิดว่าเขาจะเหมือนใครอีก  ตอนนี้ใบหน้าเขาคือหนึ่งในใบหน้าที่ผมจะนึกถึงเสมอ 

“อ๊ะ..” แต่ในขณะที่ผมกำลังยันตัวขึ้นนั่ง ร่างสูงได้จู่โจมเข้ามาแล้วกดไหล่ให้นอนราบลงอย่างเดิม

“คิดถึง..” พูดแค่นั้นก็โน้วตัวลงประกบจูบผมทันที 

ไม่รู้ว่าเพราะช็อก หรือตกใจ หรือเพราะสายน้ำเกลือที่มันรั้งไว้ หรืออาจจะเป็นความคิดถึงเช่นเดียวกันจึงได้เผลอใจนอนนิ่งปล่อยให้เขาจูบ มันหลากหลายความรู้สึกกับคนๆ นี้  หนึ่งในนั้นคือเห็นใจระคนเอ็นดูในความโตแต่ตัวของเขา ตลอดเวลาที่ผ่านมาเวลาที่ผมออกปากว่าเขาคล้ายใครบางคน นั่นคงเหมือนหนามแหลมคอยทิ่มตำใจเขาอยู่เสมอ

แต่พออีกฝ่ายเห็นว่าผมยอมก็ยิ่งได้ใจเบียดตัวขึ้นมานั่งบนเตียงเพื่อจูบต่อเนื่องยาวนาน 


“อ..อื้ออ พ..พอ..แล้ว” ผมหันหน้าหนีเมื่อรู้สึกว่ากำลังจะหายใจไม่ออก  “บ้าบออะไรของคุณ เจอหน้าก็จูบเนี่ย ผมมีแฟนแล้วนะ” พูดไปก็กระดากปาก ที่จริงถ้าผมผลักเขาออกหรือโวยวายก็คงโดนจูบแค่นิดเดียวเท่านั้น

หมอวรรตมองผมนิ่ง ส่งสายตาแปลกๆ เหมือนจะตัดพ้อระคนดีใจและในขณะเดียวกันก็แสดงออกถึงความคิดถึงออกมาอย่างท่วมท้น

“ผมจะทำยังไงถึงจะตัดใจจากคุณได้” มือหนายื่นมาลูบแก้ม ผมนิ่งค้างอยู่แบบนั้นเพราะไม่รู้จะตอบว่าอะไรในเมื่อผมเองก็ไม่รู้เหมือนกัน “แค่สองวันที่คุณหายไป รู้ไหมว่าผมแทบไม่ได้กินไม่ได้นอน ยิ่งหายไปกับพี่เวย์ก็ยิ่งร้อนใจ เพราะผมรู้ดีว่าคุณรักเขาขนาดไหน” เขาเผยความในใจออกมาทั้งหมด ฟังแล้วหัวใจหวิวไหวไปกับความรู้สึกที่ค่อนข้างรุนแรงทั้งรักและหวง

“ไม่ว่าคุณหรือพี่เวย์ ผมก็ตอบรับไม่ได้อยู่ดี คุณก็รู้ว่าผมมีแฟนแล้ว” ผมยังยืนยันคำเดิมและอีกไม่นานก็จะได้รู้กันว่ามันจะเป็นยังไงต่อ

“เรื่องคุณเผ่าผมไม่สนหรอก เขาไม่ใช่คนที่คุณรักแบบ Indeed” เขาเบือนหน้ามองไปนอกหน้าต่าง “พี่เวย์ต่างหากที่อยู่ในใจคุณและเขาก็เป็นพี่ชายของผม และผมไม่ชอบเลยที่จะแพ้พี่เวย์”

“ทำไมต้องอยากแข่งอะไรกับพี่ชายตัวเองด้วยล่ะ คุณนี่แปลกคน” ผมบ่นแล้วยื่นมือไปจับต้นขาของเขาซึ่งก็ทำให้ร่างสูงหันมามองได้สำเร็จ มือหนาลูบจับมือผมเล่นแล้วเริ่มเล่าเรื่องของตัวเองกับพี่ชายให้ฟัง

“ผมกับพี่เวย์อายุห่างกันเกือบสามปี พี่เวย์เป็นลูกรักของพ่อกับแม่เพราะไม่ซุกซน ว่านอนสอนง่าย จิตใจดีและเก่งทั้งเรียนและกีฬา  ส่วนผมค่อนข้างดื้อ หัวรั้น ซุกซน และชอบเถียง ก็เลยทำให้โดนดุเป็นประจำ พอมาเทียบดูสถิติ ผมโดนด่าไปสิบครั้ง แต่พี่เวย์ได้รางวัลที่เป็นเด็กดีสิบครั้ง ซึ่งมันไม่ยุติธรรมกับผมเลย” เขาทำหน้างอตอนที่เล่า ผมนึกออกเลยว่าตอนเด็กเขาจะร้ายแค่ไหน และสงสารพี่เวย์ด้วยซ้ำที่โดนคนๆ นี้วัดรอยเท้ามาตลอด

“แล้วไงต่อ” ผมเริ่มสนใจและดึงตัวขึ้นนั่งพลางกดรีโมทเพื่อปรับหัวเตียงให้ตั้งขึ้นเพื่อฟังเรื่องราวต่อ

“มันก็เป็นอย่างนั้นเรื่อยมาแต่ผมโชคดีอยู่อย่างก็คือหัวดีถึงจะเสียตรงที่ขี้เกียจไปหน่อย การเรียนระดับแค่กลางๆ มาตลอด  แต่จุดเปลี่ยนคือตอนที่ผมอยู่ชั้น ม.6 พี่เวย์อยู่มหาลัยฯ ปี 2 อยู่ๆ ก็เกิดเรื่องกับเขาจนต้องพักการเรียนไปหนึ่งปีเต็มๆ ในตอนนั้นผมคิดอยู่อย่างเดียวว่าต้องไล่ตามเขาให้ได้  พี่เวย์เรียนวิศวะ และอย่างเดียวที่จะทำให้ผมดูมีภาษีขึ้นมาเทียบเท่าได้ก็คือการสอบให้ติดแพทย์  จากที่การเรียนแค่กลางๆ ผมสปีดตัวเองขึ้นมาอยู่อันดับหนึ่งของจังหวัดและสอบเข้าเรียนแพทย์ได้ในที่สุด”

ฟังแล้วขนลุก อีตาคนนี้รั้นสุดๆ แค่อยากชนะพี่ชายตัวเองก็มุเรียนสอบเข้าแพทย์ได้ ถ้าไม่ดื้อจริงคงทำไม่ได้นะแบบนี้

“แต่ถึงจะเรียนแพทย์และพี่เวย์พักเรียนไป ก็ไม่ได้ทำให้ผมได้หน้ามากไปกว่าเขาอยู่ดี”  หมอวรรตเล่าต่อ “พ่อกับแม่ก็ยังคงเอาใจดูแลและเหมือนจะมากขึ้นด้วยซ้ำเพราะเขากำลังตกต่ำ” 

“ตกต่ำเหรอ” ผมถามแทรกทันทีที่ได้รู้ว่าชีวิตของพี่เวย์มีช่วงที่ตกต่ำและตอนนั้นเรียนปี 2 ก็น่าจะเป็นช่วงที่มีเรื่องกัน

“ใช่ ตกต่ำจนถึงที่สุดแต่เขาก็ผ่านพ้นมาได้ ซึ่งผมก็ไม่ได้จะทับถมพี่เวย์หรอกนะ แค่อยากสปีดอัพตัวเองให้มีตัวตนในสายตาของพ่อกับแม่บ้างแค่นั้นเอง” 

อยากถามเหลือเกินว่ามันคืออะไรแต่ดูเหมือนจะเสียมารยาทเพราะควรโฟกัสเรื่องของหมอวรรตมากกว่าจึงปล่อยให้เขาเล่าต่อ

“พอหลังจากนั้นพี่เวย์ก็กลับมาเรียนต่อและจบได้อย่างสบายๆ แถมต่อโทพร้อมกับมีรุ่นพี่ให้โอกาสพาไปฝึกประสบการณ์รับเหมางานด้วย  แต่ผมนี่สิ เรียนในสิ่งที่ไม่ได้ชอบและยากมากก็เลยหืดขึ้นคอกว่าจะเรียนจบ ถึงจะได้เกียรตินิยมแต่คุณเข้าใจไหมว่าก็ยังรู้สึกแพ้อยู่ดี  เพราะพี่เวย์จบออกมาแล้วทำงานที่เขาชอบ แต่ผมต้องมาทำงานที่ผมรู้สึกเฉยๆ ไม่ได้เกลียดนะแต่มันไม่เลิฟไง ยิ่งตอนอินเทิร์นนี่ทรมานสุด แทบไม่ได้หลับได้นอน คนที่ชอบอิสระและชอบพูดคุยแต่ต้องตรวจคนไข้ให้เร็วที่สุดเพราะหมอไม่พอกับจำนวนคนไข้ กว่าจะผ่านไปแต่ละวันนี่แทบกรี๊ด”

“มิน่าตอนนี้ถึงได้ตรวจแต่ละคนนานเป็นชั่วโมง” ผมนึกถึงที่เขาคุยกับคนไข้แล้วขำ หมออะไรไม่หวงเวลาเอาซะเลย

“ไม่ได้ตั้งเป้าว่าจะตรวจนานหรือไม่นานหรอก แต่พอตรวจแล้วก็อยากให้คำแนะนำเขาดีๆ อยากบอกข้อมูลให้ครอบคลุมและพอคุยๆ ไปก็เหมือนได้สนิทกันไปโดยปริยาย” เขายักไหล่ “ก็นั่นแหละ พอใช้ทุนหมดผมก็ทำงานเก็บเงินอยู่หลายปีแล้วมาซื้อตึกทำคลินิก จากนั้นก็ย้ายออกไปอยู่ที่นั่นเลย

“แล้วพ่อกับแม่คุณไม่ว่าเหรอที่ย้ายออกมา” ผมถาม

“ท่านไม่อยู่แล้วล่ะ เสียไปตั้งแต่ผมยังใช้ทุนไม่หมดเลย” ใบหน้าหล่อขรึมลงเมื่อพูดถึงการสูญเสียที่เกิดขึ้น

“ผมเสียใจด้วยนะ” บีบมือเขาเพื่อให้กำลังใจและเขาก็บีบกลับมา

“ไม่เป็นไร พวกท่านไปสบายแล้ว ขับรถไปเที่ยวกันสองคนแล้วเกิดอุบัติเหตุ เสียชีวิตคาที่เลย ไปพร้อมกันก็คงไม่เหงา นี่คงเป็นเรื่องที่คนบนโลกนี้เฝ้าหวังแต่สมหวังได้ยากก็คือได้อยู่คู่กันและตายไปพร้อมกัน”

ทัศนคติของเขาค่อนข้างเป็นบวก มิน่าถึงส่งผ่านความคิดบวกมาให้ผมจนสุขภาพจิตดีขึ้น แต่เท่าที่ฟังดูปมของเขามีอยู่เรื่องเดียวก็คือพี่เวย์

“คุณเกลียดพี่เวย์เหรอ”

“ไม่นะ ผมไม่ได้เกลียด” หมอวรรตตอบด้วยท่าทีสบายๆ ไม่ได้เครียดอะไร “ผมยังรักและเคารพพี่เวย์มาตลอด เราทำงานด้วยกัน คุยกัน ปรึกษากันเป็นปกติเหมือนพี่น้องทั่วไป  แต่มันจะมีทิฐิบางอย่างที่ผมไม่สามารถกำจัดทิ้ง คือเรื่องยอมแพ้พี่เวย์ ไม่ว่าเรื่องเล็กเรื่องใหญ่ ผมแค่ไม่อยากแพ้”

“โห อะไรจะขนาดนั้น”

“ไม่รู้สิ มันเหมือนเป็นคลื่นใต้น้ำ มันเศร้าอยู่ลึกๆ ข้างใน ทุกครั้งที่ผมบอกกับตัวเองให้เชื่อภูมิใจในตัวเองสิแต่แล้วเรื่องของพี่เวย์ก็จะกดผมลงไปอีก”

“แบบนี้ก็แย่สิ มัวแต่เอาพี่เวย์มาเป็นโจทย์แล้วชีวิตคุณจะมีความสุขได้ยังไง” ผมลูบแขนปลอบใจ

“ยิ่งเรื่องของคุณยิ่งทำให้ผมรู้สึกดิ่ง และมันก็มากขึ้นทุกวัน” สีหน้าหมอวรรตเหมือนจะเศร้าแต่ก็คล้ายว่าทำใจไว้แล้ว  “ผมชอบคุณตั้งแต่วันแรกที่เจอ แต่ก็ยอมรับว่าเรื่องพี่เวย์เป็นส่วนหนึ่งให้รู้สึกเฟลมากขึ้น”

“ยังไงล่ะ”

“ถ้าคุณเลือกคุณเผ่า ผมก็แค่อกหัก แต่ถ้าคุณเลือกพี่เวย์ ผมจะกลายเป็นขี้แพ้ทันทัน”

“โธ่คุณ” ไม่รู้จะปลอบยังไง ปมที่เขาก่อขึ้นมาเองในใจ มันคงไม่อาจปลอบให้หายได้ง่ายๆ

“ถึงจะรู้ว่าเปอร์เซ็นต์แพ้มันค่อนข้างเยอะแต่ผมไม่อยากยอมอะ ผมอยากสู้ให้ถึงที่สุดก่อน”

“เคยต่อยกันไหม” ไม่รู้จะเห็นใจใครดี พี่เวย์ที่โดนวัดรอยเท้าหรือหมอวรรตที่มีปม

“เฮ้ย ไม่ถึงขนาดนั้น ไม่ได้ห้ำหั่นกันจนเลือดสาดนะ ไงดีล่ะ มันเหมือนสงครามเย็น สงครามที่ผมสู้อยู่คนเดียวกับจิตวิญญาณของตัวเอง ถามว่าพี่เวย์รู้ไหม เขาก็รู้แหละแต่เขาไม่ถือสาอะไร ก็ยังคงเป็นพี่ชายแสนดีต่อไปไม่เคยมาแข่งอะไรด้วย ยกเว้นเรื่องของคุณที่พี่เวย์ออกปากมาโต้งๆ ว่าไม่ยอม”

ทำหน้าไม่ถูกเลยแฮะ ผมต้องรู้สึกยังไงกับเรื่องแบบนี้ดีล่ะ

ในตอนนั้นเอง สายโทรเข้าจากเฮียเผ่า ปกติถ้าตกลงกันแล้วก็จะไม่เซ้าซี้แต่ครั้งนี้เฮียคงทั้งกังวลและเป็นห่วงถึงได้โทรมาอีก

“ว่าไงครับ” ผมปรับน้ำเสียงให้นิ่งขึ้น 

“เฮียไปเยี่ยมได้ไหม อยากเห็นหน้าดอท อยากไปดูให้เห็นกับตาว่าดอทปลอดภัยแล้วจริงๆ” เสียงเฮียค่อนข้างเครียด

“อย่าดีกว่าครับ เอาเป็นว่าพรุ่งนี้บ่ายๆ ค่อยเจอกัน ถ้าพร้อมแล้วดอทจะไลน์บอกอีกที แล้วไม่ต้องโทรมาอีกนะครับ ดอทอยากพักผ่อน”

ที่ทำปั้นปึ่งใส่เฮียเพราะความน้อยใจและเสียใจในสิ่งที่เฮียทำ ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับคนอื่นๆ ที่เข้ามา

“ถ้างั้นเฮียจะไม่ขัดใจนะครับ พรุ่งนี้เราเจอกันแล้วเฮียจะสารภาพทุกอย่างเลย รับรองว่าดอทจะต้องเข้าใจเฮียแน่ เฮียรักดอทนะ” เฮียบอกรักและรอฟังคำตอบ

ผมกัดฟันและถอนหายใจออกมาเพราะอดไม่ได้ที่จะตามใจเขา

“ดอทก็รักเฮียครับ แต่ดอทก็ต้องรักตัวเองด้วย ถ้าเหตุผลของเฮียไม่โอเค เฮียอย่าขวางดอทนะถ้าดอทจะตัดสินใจเลิก”

“ไม่ขวางครับ เฮียไม่เคยบังคับดอทไม่ว่าเรื่องอะไร” เสียงของเขาสดใสขึ้นเมื่อได้ฟังคำว่ารักจากผม “ดอทก็รู้ว่าเฮียรักดอทและที่เฮียทำทุกอย่างก็เพื่อให้เราได้อยู่ด้วยกัน พรุ่งนี้เจอกันนะครับ คุยกันเข้าใจแล้วเฮียจะอยู่กับดอทไม่ยอมให้ห่างไปไหนได้อีก ดอทพักผ่อนซะนะ หายเร็วๆ นะคนดีของเฮีย”

“ครับ” ผมรับคำสั้นๆ เป็นการปิดบทสนทนา


วางโทรศัพท์เฮียแล้วผมก็ยังนั่งเหม่อคิดเรื่องของเราไปเรื่อย จะว่าไปผมกับเฮียคบกันมานานมากถ้าเลิกกันจริงๆ ผมคงจะเสียใจ

“คุณจะเลิกกับแฟนเพราะอะไรเหรอ หรือเพราะพี่เวย์”  เสียงของหมอวรรตปลุกผมให้หลุดออกจากภวังค์  จริงสินะ พี่เวย์คงยังไม่ได้เล่าเรื่องเฮียเผ่าให้เขาฟัง

ผมส่ายหัว “ไม่ใช่หรอก” ตอบแค่นั้น เพราะไม่อยากสาวไส้เฮียให้ใครกิน ไม่ว่ายังไงผมก็ยังรักเฮียอยู่ดี

“งั้นก็แล้วไป” เขาทำท่าโล่งอกจนผมต้องถามกลับ

“ถ้าผมเลิกเพราะพี่คุณแล้วมันทำไมเหรอ”

“ผมก็แห้วดิ ถ้าขนาดว่าเลิกกับแฟนเพราะพี่เวย์ได้ ไอ้คนมาทีหลังแถมยังไม่เข้าตาอย่างผมจะไปเหลืออะไร โดนปิดไฟคนแรกเลยเหอะ”

“ปิดไฟอะไรของคุณอีกล่ะ” 

“บ้านก็รวยแต่ไม่มีทีวีเหรอ หรือไม่ได้ซื้อจานดาวเทียวหรือกล่องดิจิทัล” เขาแซะ “รายการเทคมีเอาท์ไง ถ้าไม่ชอบใครก็ปิดไฟคนนั้น ไรงี้”

“คุณนี่ชอบกระชากวัยนะ  อายุน่าจะมากกว่าผมด้วยซ้ำแต่ชอบพูดชอบทำอะไรเหมือนวัยรุ่นอยู่เลย”

“พี่เวย์เท่าไหร่ล่ะ ก็ลบของผมไปสามปี ตามนั้นแหละ” เขาบอกใบ้

ผมกัดเล็บลองคิดคำนวณในใจ ตอนผมอยู่ ม.1 พี่เวย์อยู่ ม.6  อายุห่างกัน 5 ปี  ตอนนี้ผม 29 พี่เวย์ก็ประมาณ 34 ส่วนเขาอ่อนกว่าพี่เวย์ 3 ปี ตอนนี้ก็คง..

“สามสิบเอ็ดปี หรือสามสิบสอง ไม่น่าต่ำกว่านี้” 

“สามสิบเอ็ดก็พอ” หมอวรรติเฉลย “แล้วไอ้สามสิบเอ็ดนี่ผมว่ายังไม่แก่นะ ยังใช้ศัพท์สแลงได้อยู่”

“จ้าๆ เอาที่คุณสบายใจเถอะ” ผมเบ้ปากใส่ด้วยความหมั่นไส้ แต่จะเถียงก็คงสู้ไม่ได้เพราะหน้าเด็กจริงๆ

“เห็นแบบนี้ผมสายตึ๊ดนะครับ” เขาทำหน้าอวด

“อะไรคือสายตื๊ด”

“โวะ คุณนี่ทำตัวแก่กว่าวัย ก็เข้าผับเต้นเพลงตึ๊ดๆ ยังได้สบายๆ ไรงี้ไง” ไม่พูดเปล่าแต่เขาทำท่าโยกหัวดดีดนิ้วแสดงให้ดูว่าตึ้ดได้จริง

“เชื่อไหมว่าผมไม่เคยเข้าผับเลยนะ” มานึกๆ ดูแล้วแปลกใจตัวเอง ทั้งตอนที่เป็นวัยรุ่นก็มุหาแต่เงินก็เลยไม่มีเวลาไป แต่พอโตแล้วแบบนี้ มีเงินมีเวลาเป็นของตัวเองแต่ก็ไม่เห็นจะอยากไปอยู่ดี

“เดี๋ยวหายแล้วผมจะพาไปเปิดหูเปิดตานะ ไม่ได้จะพาไปเสียคนแต่จะพาไปดูว่าโลกข้างนอกเขาเป็นไงกันบ้างแล้ว คนเรานะ ถ้าอยากจะรู้จักตัวเองให้ดีขึ้นเราต้องไปดูคนอื่นในสถานที่ใหม่ๆ มุมมองใหม่ๆ จะได้รู้ว่าเราอยู่จุดไหนของสายกลาง”  เขาอธิบาย

“แล้วคุณอยู่จุดไหนล่ะ” 

เขานิ่งคิดเล็กน้อยแล้วตอบ “จุดสุดยอด ไม่เชื่อลองมั้ย อยากบอกว่าสุดยอดจริงๆ”

ตอนแรกไม่เข้าใจหรอกว่าเขาพูดสองแง่สองง่ามแต่เห็นสายตาแล้วก็เลยหยิกไปหนึ่งทีแก้ทะลึ่ง

“เดี๋ยวจะโดน”

“โดนไปแล้วไหม นี่เขียวเลย” หมอวรรตโชว์แขนที่ถูกหยิกให้ดูแล้วทำหน้างอ “คราวหลังถ้าหยิกจะจูบนะ” 

อยากจะบอกว่าไม่อยากถูกจูบบ่อยๆ หรอกนะ แต่ถ้าไม่หยิกให้บ้างก็คงจะทะลึ่งมากขึ้นๆ ซึ่งผมไม่ค่อยโอเคหรอกเพราะฟังอะไรพวกนี้แล้วมันเขินทำหน้าไม่ถูก 

“จูบอีกทีจะตบให้” ชี้นิ้วคาดโทษไป “ว่าแต่คุณไปเยี่ยมพี่คุณมาหรือยัง อยู่ห้องไหนก็ไม่รู้นะ ไม่มีอะไรน่าห่วงใช่ไหม”

“ไปมาแล้วอาการก็โอเค รายนั้นเป็นพวกคนอึดตายยาก”

“เออใช่ เพิ่งนึกได้เรื่องกระต่าย คุณตามหากระต่ายให้หน่อยสิ ตอนเจ้าหน้าที่เอาเป้ไปผมก็ลืมสั่งให้เก็บให้ด้วย”

“พี่เวย์ให้ผมไปตามเอาจากสถานีตำรวจแล้ว ตอนนี้เจ้าต่ายอยู่ที่คลินิกไม่ต้องห่วง”

“เฮ้อ โล่งอก”

“จะเอาไปเลี้ยงเองเหรอ เห็นพี่เวย์บอกว่าถ้าคุณไม่เอาก็จะให้เรย์เรย์เลี้ยง”

“น้องเรย์เรย์เห็นแล้วเหรอ”

“อืม เห็นตอนไปตามเอานั่นแหละ เห่อจนไม่อยากออกจากคลินิก” สีหน้าหมอวรรตละมุนขึ้นเมื่อพูดถึงน้องเรย์เรย์ ถ้าดูแลลูกให้พี่เวย์ได้ขนาดนี้เขาคงไม่ได้เกลียดพี่เวย์จริงๆ สินะ

“ที่จริงอยากเลี้ยงเองแต่ถ้าน้องเรย์เรย์อยากได้ก็โอเค ว่าแต่ตอนที่พี่เวย์ไม่อยู่ใครดูแลน้องเรย์เรย์ให้ล่ะ”

“ผมไง”

“อ๋อ แล้วตอนนี้ใครดู”

“ผมเอาไปทิ้งไว้ห้องพี่เวย์แล้วก็มานี่แหละ” ว่าแล้วก็เดินไปเปิดตู้เย็นหยิบแอ๊บเปิ้ลที่คุณแม่ปอกทิ้งไว้ให้ใส่ปากกินเฉยเลย

“คุณนี่นะ เอาเด็กไปทิ้งไว้ให้คนป่วย แถมยังมากินของคนป่วยอีกคน  เป็นหมอภาษาอะไรเนี่ย”

“ผมทำอะไรก็ขัดหูขัดตาไปหมดนั่นแหละ ไม่เหมือนพี่เวย์ของคุณหรอก รายนั้นเขาทำอะไรก็ดีงาม”  ร่างสูงตัดพ้อแล้วเดินไปยืนริมหน้าต่าง มองออกไปด้านนอกแสดงความน้อยอกน้อยใจทั้งๆ ที่ยังเคี้ยวแอ๊บเปิ้ลอยู่ในปาก

ได้แต่มองตามแล้วยิ้มให้กับแผ่นหลังที่ดูโดดเดี่ยวของเขาด้วยความเอ็นดู

“ผมเดินไปง้อคุณไม่ไหวนะ มาให้ง้อหน่อยสิ มานั่งนี่เร็ว”  ว่าแล้วก็เอื้อมไปดึงพนักเก้าอี้ให้เลื่อนเข้ามาใกล้ตัว

หมอวรรตหันมามองพร้อมกับกินแอ๊บเปิ้ลในมือจนหมดแล้วยอมมาหาแต่โดยดี ทว่าไม่ได้นั่งเก้าอี้หรอกนะ เขาดันเก้าอี้ออกแล้วนั่งแหมะอยู่บนเตียงอย่างถือวิสาสะ 

“เป็นหมอ ไม่รู้หรือไงว่าเขาไม่ให้นั่งเตียงคนป่วย” ผมตำหนิแต่ก็ไม่ได้ผลักไสอะไร

“เป็นหมอนี่ต้องมารยาทงามไปทุกกระเบียดนิ้วหรือไง หือ?” ยิ่งว่าเหมือนยิ่งยุ เขาขยับก้นเข้ามานั่งเต็มๆ จนเบียดผมให้ขยับไปอีก “เออคุณ..” เขาเท้ามือลงบนเตียงแล้วโน้มตัวลงมาพูดด้วยน้ำเสียงที่เปลี่ยนไป

ผมเอนหลังหลบเหลือบมองเขาแล้วย่นคิ้วกับท่าทีที่เปลี่ยนไป

“อ..อะไร”

“คืนนี้.. ผมมานอนด้วยได้ไหม”

หัวใจไหวหวิวไปกับคำถามนี้ ไม่รูทำไมถึงได้มีความรู้สึกต่อเขามากขึ้นกว่าเดิมจนผิดปกติ  ทั้งๆ ที่ชัดเจนแล้วว่ารักพี่เวย์ และรู้อยู่เต็มอกว่ารักเฮียเผ่าอยู่แล้ว แต่ผมกลับหวั่นไหวไปกับหมอวรรตอีกคน 

พี่เวย์ก็เป็นรักที่ต้องซ่อนเร้นจากเฮียเผ่าไปหนึ่งคนแล้วนะ หมอวรรตก็ยังต้องมาซ่อนจากพี่เวย์อีกที  กลายเป็นซ่อนเร้นในซ่อนเร้น อินเซ็ปชั่นไปอีก นี่มันจะหนักข้อไปแล้วนะชนม์แดน!



.•:*´¨`*:•.☆ ►  รู้ เ ท่ า ไ ม่ ถึ ง . . รั ก ◄ ☆•:*´¨`*:•.

แจ้งการเปลี่ยนแปลงเรื่องทำเล่มนิดนึงนะคะ
ตอนนี้คุยกับสำนักพิมพ์ขอเลื่อนทำเล่มไปก่อน
อาจจะออกหลังคู่จิ้นของผมเป็นผู้ชายซึ่งจะรู้วันพรีออร์เดอร์หลังกุมภาปีหน้า
ขออภัยสำหรับคนที่รอนะคะ นายน้อยเองก็อยากมีเล่มพี่ดอทมากเหมือนกัน
แต่หลายๆ อย่างในตอนนี้อาจยังไม่ถึงเวลาของมัน
เรื่องนี้ยาวมากและจะอัพจนจบให้ได้ ถึงแม้จะเฟลบ่อยๆ แต่ก็จะพยายาม

สำหรับใครที่ล็อคอินเล้าเป็ดไม่ได้หรือคอมเม้นต์ไม่ได้
อยากให้ช่วยทวิตติดแท็ก #รู้เท่าไม่ถึงรัก ในทวิตเตอร์
เป็นการช่วยดันเรื่องนี้ได้อีกทางค่ะ

 :pig4: :pig4: :pig4:

เกือบลืมเม้ามอย

TachibanaRain :  ตอนหน้าเตรียมพับกบ เอ้ย พบกับ.. ดราม่าก้อนใหญ่ ใหญ่ ใหญ่ ใหญ่   //เอคโค่มาเต็ม คิๆ

Janemera  :  เตรียมแหกเลยค่าาาา ง้างมีดรอเลย มีตัวการใหญ่กับตัวสมรู้ร่วมคิด เพียบบบบ

ดาวโจร500  :  นี่อาจเป็นครั้งแรกด้วยซ้ำที่ดอทตามทันจิตใจตัวเอง ว่าเรื่องที่จะเลิกกับเฮียเผ่านั้นไม่ง่าย ดอทจึงไม่ให้ความหวังอีกสองคนเป็นเรื่องที่ดอทคิดว่าทำถูกแล้ว เหลือแต่รอให้จบกับเฮียเผ่า แต่จะจบได้จริงหรือเปล่า อันนี้ต้องลุ้นต่ออออ

รักเจ้าเอย  :  อย่าลืมตามต่อน้าาา แวะมาบ่อยๆ จุ๊บๆ

นารุมิ  :  ขอบคุณมาค่ะ อย่าทิ้งไปน้าาา

aisen  :  มาแล้วค้าบ ตอนหน้าจะมาเร็วกว่านี้น้าา


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-09-2018 18:12:46 โดย fiction no.9 »

ออฟไลน์ TachibanaRain

  • มาโกโตะเทนชิ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-3
นี่ยังยืนยันว่า #ทีมหมอวรรต นะเพราะเห็นด้วยกับคุณป๋าว่าเวลาพี่ดอทอยู่กับหมอแล้วดูสบายใจเป็นตัวของตัวเองมากอะ แต่ยังติดใจเรื่องเรย์เรย์อยู่นี่แอบกลัวไปแล้วว่าใช่ลูกหมอวรรตรึเปล่าถ้าใช่นี่คงต้องเท้าความเป็นมากันยาวแน่ๆ แล้วตอนหน้าที่ดราม่าใหญ่นี่คืออะไรค้า เรื่องเฮียเผ่าหรือเรื่องใครแต่คิดว่าน่าจะเฮียเผ่านะซึ่งเราคิดว่าดอทควรพอกับคนนี้แล้วจริงๆอะ ต่อให้เฮียเผ่าทำไปเพราะนอกใจจริงหรือมีเหตุผลอื่นก็ตาม แต่แค่เราอ่านเราก็รู้สึกเหนื่อยกับความสัมพันธ์แล้วอะ

ปล.คิดถึงพี่ดินแล้วนะนายน้อย หายไปหลายตอนแล้ววววว

ออฟไลน์ Janemera

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 152
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
เกียมมีดหรอเลยค่ะะะะ ไหนใครตัวการ ใครสมรู้ร่วมคิด ใครทำอะไว้คิดทบต้นทบดอกก  ข้อหาหลอกน้องทำน้องร้องไห้ โทษหนักสถานเดียว!! :beat: :beat: :beat: :beat: :angry2: :beat:

ออฟไลน์ ดาวโจร500

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 643
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-3
โว๊ะ ไม่เลิก ดอทก็เจ็บตัวเจ็บใจไปตลอดชีวิตเลยเถอะ เอาที่ชอบ

ออฟไลน์ dekying kukkig

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1462
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-1
ลำบากตรงมีให้เลือกเย๊อะแยะนี่แหล่ะ  คนนั้นก็ดีคนนี้ก็รักคนนั้นก็ไม่อยากทิ้ง
แต่แอบหักมุมนิดหน่อยในความคิดเราว่าทำไมดอทเลือกที่จะเล่าให้พ่อฟังนึกว่าคนที่ดอทจะเล่าให้ฟังคือดินแดนนะนี่ 555
รอตอนต่อไปจ้า

ออฟไลน์ กาแฟมั้ยฮะจ้าว

  • Let me hug you tight, and I’ll make you feel how important you are.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +570/-0
ขอบคุณครับ +1 ให้นะครับ :a2: :katai2-1: o13

ออฟไลน์ aisen

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +75/-1
พี่ดอทจะเก็บคำแนะนำของพ่อไปพิจารณาไหมนะ ให้กำลังใจพี่ดอท&นายน้อย นะจ๊ะ

ออฟไลน์ fiction no.9

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 134
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +129/-4
    • แฟนเพจ : นิยายหมายเลข9
.•:*´¨`*:•.☆ ►  รู้ เ ท่ า ไ ม่ ถึ ง . . รั ก ◄ ☆•:*´¨`*:•.

ต อ น ที่  16  :  ภ า ว ะ ยุ่ ง เ ห ยิ ง

“คุณไปนอนเฝ้าพี่คุณดีกว่า” ผมตอบปฏิเสธ

หน้าหมอประสาทเจื่อนทันทีและทำท่าจะลงจากเตียงทว่าผมรั้งแขนเอาไว้

“งอนอีกแล้ว” ผมมุ่ยหน้า “ผมไม่ได้ไม่อยากให้คุณมาเฝ้า แต่น้องชายผมคงไม่ยอมหรอก เขาค่อนข้างหวงผมน่ะ”  นายดินไม่มีทางให้ใครมาเกาะแกะผมได้เด็ดขาด

“อ๋อ ถ้าเรื่องนั้นไม่เป็นไร” น้ำเสียงคนขี้งอนสดใสขึ้น “งั้นถ้าน้องคุณไม่ว่าก็นอนได้ใช่ปะ”

ผมลังเลเล็กน้อย ถ้าหมอวรรตมานอนด้วยมันไม่ค่อยโอเคนะ ทั้งคืนต้องนอนให้คนเกเรชอบฉวยโอกาสคนนี้เฝ้า แล้วผมมันก็ขี้ใจอ่อน  ที่สำคัญพี่เวย์ก็อยู่ห้องไหนสักห้องใกล้ๆ นี้  ถ้าเขารู้ว่าน้องชายมาเฝ้าจะรู้สึกยังไง  โอ้ย ทำไงดีๆๆๆ

“เอ่อ.. แล้วพี่คุณล่ะ ไหนจะเรย์เรย์อีก” ผมอ้าง เพราะรู้ดีว่าคุณแม่ของเรย์เรย์ไม่อยู่ด้วยแล้วจึงคิดว่าน่าจะเป็นเหตุผลที่ดี

“อืม นั่นสิ” เขานิ่งคิด “งั้นเอางี้ เดี๋ยวให้เรย์เรย์นอนเฝ้าพี่เวย์ ส่วนผมจะแอบออกมาตอนสองคนนั้นหลับแล้วมาอยู่เป็นเพื่อนคุณ ดีไหม” เขายิ้มกว้าง

“ถ้าผมบอกว่าไม่ได้คุณจะยอมไหมล่ะ”

“ไม่ยอมหรอก ก็คุณบอกแล้วว่ากลัวแค่น้องชายจะว่า  นี่ผมต้องผ่านด่านทั้งน้องชายไม่ว่า เรย์เรย์หลับ แล้วก็พี่เวย์หลับ เป็นสามด่านเลยนะ ถ้าผ่านแล้วคุณไม่ยอมอีกผมจะอาละวาดให้โรงบาลแตกเลยคอยดู”

โอ้ยย นี่ผมคุยกับคนอายุสามสิบจริงๆ เหรอเนี่ย ถ้าไม่รู้อายุจะคิดว่าสามขวบนะ ดื้อที่สุดเลย

“งั้นก็ลองดูก่อนก็ได้ แต่ถ้าน้องผมมาเฝ้าก็จบข่าวนะ” บอกอย่างเสียไม่ได้ แต่คิดว่านายดินต้องไม่ยอมแน่


หลังจากนั้นหมอวรรตก็ออกไปพาเรย์เรย์หาข้าวกิน ซึ่งผมค่อยโล่งอกหน่อยเพราะไม่อยากให้ใครมาเจอเขาโดยเฉพาะดินแดน  ระหว่างนี้พยาบาลมาถอดสายน้ำเกลือและวัดไข้ เห็นบอกว่าผลเลือดไม่มีอะไรผิดปกติ รอคุณหมอเจ้าของไข้พรุ่งนี้คงให้ออกได้

ผ่านไปพักใหญ่เจ้าน้องตัวดีก็เข้ามาพร้อมกับสกายผู้ชายมาดนิ่ง

“ชนม์แดนๆๆๆๆ” มาถึงก็ถลาเข้ามาหาแทบจะชนผมกระเด็นตกเตียง “ทำไมทำตัวแก่นเซี้ยวเปรี้ยวซ่าไปติดป่าติดเขากับผู้ชายสองต่อสองแบบนั้น  ไหนบอกรักแฟนนักรักแฟนหนา นี่อะไร แอ้วผู้ชายให้พาไประเริงในป่าได้ตั้งสองวันสองคืน  นั่นๆๆ ดูหน้าสิ เลือดฝาดขึ้นโดยที่ไม่ต้องแตะเนื้อแตะตัว บอกน้องชายสุดที่รักมาซิว่ามีซัมติงอะไรมั่ง” 

ดูแต่ละอย่างที่คิดที่พูดออกมา ไม่ได้กลัวว่าพี่ชายจะเสียหายเลยนะ

เพี๊ยะ!!

ผมตีเต็มแรงไปที่แขนล่ำของเขา

“พูดอะไรบ้าๆ เดี๋ยวใครได้ยินก็เอาไปนินทาหรอก ฉันไม่ได้ทำตัวอย่างนั้นซะหน่อย”

“ไม่ได้ทำก็ไม่ได้ทำ” ทำหน้าแบบนั้นดูก็รู้ว่าไม่เชื่อ “ไหนดูซิ แผลที่ขาเป็นไงมั่ง” มือหนาเลิกขากางเกงของผมขึ้นอย่างถือวิสาสะจนต้องตะครุบมือเขาไว้

“ไม่ต้องดู ไม่มีอะไรน่าห่วง คุณหมอไม่แปะผ้าก้อชด้วยซ้ำ”

“โอเค แล้วตรงอื่นล่ะ”

“ก็มีแค่ฟกช้ำ กับแผลที่หัวนิดเดียว”

“ยังเจ็บอยู่ไหมอะ แผลไม่ใหญ่ใช่ปะ” สีหน้าดูกังวลเล็กน้อย

“อืมจิ๊บๆ ตอนนี้แค่เพลียๆ พรุ่งนี้ก็วิ่งได้สบาย”

“จ้าเก่ง” ดินแดนเบ้ปากใส่  “ว่าแต่ ที่หัวแตกนี่โดนอะไร หรือท่ายากไปงี้”

“ปากนี่นะ เดี๋ยวจะโดน” ผมดุแล้วหันไปมองสกายที่ยืนมองอยู่ใกล้ๆ

“สวัสดีครับ” เมื่อรู้ว่าผมมอง สกายก็ยกมือไหว้

“เอาแบบตรงๆ เลยนะสกาย เธอไม่ต้องไหว้ก็ได้เพราะไหว้ทีไรแล้วรู้สึกแก่จัง” 

“ก็ดีครับ ผมก็ไม่อยากไหว้คุณ” เห็นสายตาสกายที่เปลี่ยนไปจากเดิมแล้วทำหน้าไม่ถูกเลยแฮะ จะว่าวิบวับก็ไม่ขนาดนั้น เหมือนกรุ้มกริ่มอยู่ในสีหน้าเพราะคนนี้ไม่ชอบแสดงอารมณ์แบบชัดเจนอยู่แล้ว  ผู้ชายคนนี้เดายากจัง

“อืม ก็ดีแล้ว ไม่อยากแก่”

“ไม่แก่หรอกครับ”  สกายพูดเยอะขึ้น ดูผ่อนคลายขึ้นกว่าแต่ก่อนที่มักจะมองตาขวางเสียเป็นส่วนใหญ่ “ยิ่งตัดผมหน้ายิ่งเด็กลง นี่ผมก็ชักไม่แน่ใจว่าใครเป็นพี่ใครเป็นน้องกันแน่” เป็นทั้งคำชมและคำเหน็บแฟนตัวเองที่เจ็บปวดพอสมควร และเจ้าตัวก็ขึ้นอย่างที่คิด

“อ้าวไอ้นี่ หน้ากูนี่พรีเซ็นเตอร์โฟมล้างหน้ากับเจลหอยทากนะมึง ผิวอ่อนเยาว์ นุ่มเด้งเหมือนก้นเด็ก”

“นั่นแหละที่ผมอยากจะฟ้อง สคบ. เป็นพรีเซ็นเตอร์สกินแคร์แต่คุณไม่เคยดูแลผิว อย่าว่าแต่เจลหอยอะไรนั่นเลย แค่โฟมล้างหน้ายังวันเว้นวัน แต่งหน้ายังไงก็นอนอย่างนั้นไม่เคยแตะคลีนซิ่ง นี่ถ้าไม่ช่วยเช็ดให้หรือไล่ไปล้างบ้าง หน้าคงไม่ต่างจากถนนกรุงเทพหรอก”

“โหมึง ถ่ายงานเสร็จก็ดึกดื่นแล้วกูต้องไปเคลียร์ร้านต่อ ถึงห้องตีสามตีสี่จะให้กูมาประทินผิวอีกมันก็ไม่ใช่ปะวะ” 

“ผมก็ตัวติดกับคุณนะ ถึงบางวันจะกลับก่อนแต่ต้องรอคุณไม่งั้นก็งอนทุกที” สกายพูดนิ่งๆ ไม่ได้ใส่อารมณ์ใดๆ มีแต่น้องชายของผมที่เถียงคอเป็นเอ็น “นอกจากต้องอาบน้ำตัวเอง ยังต้องมาเช็ดหน้าให้คุณอีก กว่าจะได้นอน”

“นี่มึงตั้งใจเอากูมาขายต่อหน้าพี่กูใช่ไหมไอ้หน้านิ่ง” ไม่พูดเปล่าแต่ลุกไปเอาเรื่องคู่กรณีใกล้ๆ

“ก็แค่พูดความจริง” สกายเลิกคิ้วท้าทายนิดๆ ดูดีจนเกือบกุมหัวใจไม่ให้สั่น

“ปกติจะเรื่องจริงไม่จริงมึงก็ไม่ค่อยพูดอะ แต่พออยู่ต่อหน้าพี่ดอทแล้วอยากโชว์ออฟงี้”

“ก็พูดไป”

“เห็นแง้วๆ เร่งกูให้ถ่ายงานเสร็จเร็วๆ ตั้งแต่รู้ข่าวพี่ดอทแล้ว มองนาฬิกาทุกสิบวิ ขนาดจะมาก่อนกูด้วยซ้ำไม่ใช่เหรอ เอาจริง ใจมึงเคยเป็นของมึงไหมไหนพูด”

“ไปคุยกับคุณดอทเลยไป” สกายจ้องนิ่ง เหมือนไม่อยากจะเถียงในหัวข้อนี้

“ไปก็ได้”   โธ่ นึกว่าจะแน่

เห็นแล้วขำกับความเป็นใหญ่ในบ้านของสกายและความเป็นพ่อบ้านใจกล้าของดินแดน   ผมว่าไม่น่าจะมีใครเอานายดินอยู่หรอกนอกจากเด็กนิ่งที่ชื่อสกายคนนี้


เมื่อดินแดนมานั่งเก้าอี้ข้างเตียง สกายก็เลี่ยงไปยืนกอดอกพิงผนังมองมาจากด้านข้าง  เห็นช่วงขายาวๆ ภายใต้กางเกงยีนส์แบรนด์ดังที่ผมเคยซื้อให้ก็ยิ่งอดที่จะแอบมองไม่ได้

ที่ผ่านมาผมจะซื้อเสื้อผ้าเครื่องแต่งตัวให้สกายบ่อยๆ เพื่อจะได้อัพเกรดให้เขาดูดีขึ้น ถ้ารอให้สกายซื้อก็คงเห็นแต่เสื้อสีดำกางเกงตัวเก่า ซึ่งมันไม่เข้ากับโมเดลลิ่งของผม 

“มองอะไรครับ” สกายตั้งใจหักหน้าผมแน่ๆ ที่จริงถ้าไม่ทักผมก็กำลังจะหันกลับไปคุยกับดินแดนแล้วแท้ๆ

“ป..เปล่า”

“ก็คุณมอง” เด็กคนนี้ขวานผ่าซากไม่เคยเปลี่ยน “มองกางเกงนี่เหรอ? ก็ตัวที่คุณดอทเคยซื้อให้ ช่วงนี้ผมหยิบมาใส่บ่อยๆ มัน..สวยดี”

“อ..อืม ก็คนเลือกเก่ง” ไม่รู้จะพูดอะไร คำว่า ‘สวยดี’ ของเขาดูมันมีนัยอะไรบางอย่างที่ผมก็ไม่อยากเข้าข้างตัวเองว่าสกายกำลังชมผมอยู่

“พูดเองเขินเองนักเลงพอ ฮ่าๆๆ”  ดินแดนหัวเราะจนต้องหันไป “พี่จะเขินทำไม ขิงว่าเลือกกางเกงเก่งแค่นี้เอง”

ก็เพราะเธอไม่รู้น่ะสิว่าที่หน้าร้อนอยู่ตอนนี้เพราะไม่ได้มองแค่กางเกงแต่เผลอมองเป้ากางเกงไปด้วย และมั่นใจเหลือเกินว่าสกายก็เห็น 

เบื่อความวอกแวกของตัวเองจริงๆ แต่จะให้ทำยังไง สกายเป็นผู้ชายที่ใครเห็นก็ต้องมอง ใครเผลอจ้องมีจิตหลุด แล้วผมก็เผลอมองสกายมาตั้งแต่เมื่อก่อนแล้วด้วย ไม่ใช่พึ่งมาเป็น

“เออดิน” นึกขึ้นได้เรื่องสำคัญจึงเอ่ยปากขึ้น  “คืนนี้มานอนเฝ้าหน่อยสิ นี่ไม่มีใครมานอนเฝ้าเลยนะ น่าสงสารจัง”

บอกชวนไปเลยดีกว่า จะได้ไม่ต้องรอให้เขาออกปาก ไม่งั้นอีตาหมอจอมดื้อต้องมานอนเฝ้าแน่ๆ

ดินแดนจ้องลึกเข้ามาในดวงตาราวกับจะค้นหาความจริง

“เหอะ ไม่มานอนหรอก” หลังจากจ้องอยู่นานเขาก็พูดขึ้น “อยากเปิดโอกาสให้พี่ได้มีคนอื่นเข้ามาบ้างไม่ใช่แค่ไอ้เผ่าอยู่คนเดียว”

ผมกลอกตาให้กับความเขลาของตัวเองที่ว่าจะได้รับการตอบรับในฉับพลัน ที่ไหนได้นอกจากจะไม่มานอนเฝ้าแล้วยังนกรู้ซะอีก ไอ้เด็กนี่มันจะฉลาดเกินไปแล้วนะ

“พูดอะไรไปเรื่อย งั้นถ้าเธอไม่มาเฝ้าฉันจะให้น้าเวชเฝ้าแทน” ผมค้อนแล้วหันหนีแต่มือหนาเอื้อมมาจับคางให้หันกลับไป

“เปิดโอกาสให้ตัวเองหน่อยสิ คนเก่ามันเหี้ยก็อย่าไปจมปลักมากนัก ลองดูตัวเลือกใหม่ๆ ดูทุกคน ทุกช้อยส์ สวยเลือกได้แบบนี้อย่าให้เสียของ” แววตาคู่คมดูจริงจังขึ้น

ดินแดนเป็นผู้ชายที่มีหลายองค์ ปกติจะห่ามๆ กวนๆ สติเสีย หรือเวลาโกรธหรือต้องการปกป้องคนที่เขารักจะก็ดุดันเฉียบขาด  แต่เวลาที่เขาต้องการโน้มน้าวจิตใจของใครเขาจะดูนิ่งจริงจังและอบอุ่นทำให้ถูกเขาควบคุมความคิดได้โดยง่าย

ผมมองสบนัยน์ตาของเขาราวกับโดนสะกด

“ยิ่งเปิดโอกาสก็ยิ่งสับสน ฉันโง่กว่าที่เธอคิดไว้เยอะนะ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าควรเลือกอะไรให้ตัวเอง”

นิ้วแกร่งเกลี่ยแก้มผมแผ่วเบา รอยยิ้มเอ็นดูเผยขึ้นเหมือนที่เขาเคยบอกว่าผมเหมือนน้องสาวเสียมากกว่า

“ค่อยๆ ดู ค่อยๆ ใช้เวลาอย่ารีบร้อน ตอนนี้พี่เป็นคนคุมเกมและมันจะเป็นแบบนี้เสมอถ้าพี่ยังไม่เลือก วันหนึ่งพี่จะรู้เองว่าหัวใจพี่ต้องการแบบไหน และวันนั้นพี่ก็ต้องฟังเสียงหัวใจและเลือกคนที่ใจพี่ปรารถนา ไม่ใช่เลือกเพราะเหตุผลล้านแปดที่พี่ลิสต์ไว้เป็นข้อๆ เข้าใจไหมครับ”

คำพูดแบบนี้ไม่ค่อยบ่อยนักที่จะได้ฟังจากน้องชายคนนี้

“พูดเป็นผู้เป็นคนกับเขาก็เป็นเหมือนกันเนาะ” ผมแซว และก็ถูกทำโทษทันที

ฟอด! ฟอด!

“พูดไม่เข้าหูต้องโดน” ดินแดนลุกขึ้นมาหอมแก้มผมสลับซ้ายขวา “มัวยืนทำอะไรวะ รีบมาหอมแก้มพี่กูเร็ว หอมสิบที ปฏิบัติ!”


ดินแดนออกคำสั่งกับสกาย และพระเจ้าช่วย! สกายยิ้มร้ายเดินเข้ามาขนาบอีกข้างแล้วยื่นหน้าเข้ามาใกล้ แค่เพียงสัมผัสแรกใจก็เต้นไม่เป็นส่ำ

ฟอด!

!!!!!!!!

โอ้ยย จะเป็นลม..

รู้สึกถึงความร้อนที่แผ่กระจายบนใบหน้าและมันระอุขึ้นเรื่อยๆ จนแทบจะระเบิด  เขินจนวางตัวไม่ถูก เลือดในกายสูบฉีดไปทั่วร่าง กับดินแดนถ้าเขาอยู่ใกล้ๆ ก็จะพยายามตั้งตัวไว้อยู่แล้วว่าเขาต้องจู่โจมจึงไม่ได้สะท้านขนาดนี้ แต่กับสกายที่ไม่ใช่ญาติร่วมสายเลือด มันก็ช่วยไม่ได้ที่ร่างกายจะตอบสนองออกไปอย่างที่เห็น

“เฮ้ย! ทีกับผมไม่เห็นสั่น พอไอ้หน้านิ่งแตะปุ๊บนี่มีปฏิกิริยา” ดินแดนวีนใส่ผมแล้วหันไปวีนสกายอีกคน “ออกไปเลยมึงอะ แล้วอย่าหวังว่าจะได้แตะพี่กูอีกนะ”

“ไม่รู้ทำไมถึงชอบแกล้งกันนักนะ” ผมหน้ามุ่ยมองทั้งสองคน

สกายไหวไหล่นิดๆ ดวงตาสีสวยคู่นั้นวับวาวดูไม่เหมือนเคยและผมไม่รู้ว่าจะบรรยายอย่างไรถึงออร่าที่เปลี่ยนไปของเขา  และตอนนี้ถึงร่างสูงจะถอยไปยืนอยู่ที่เดิม ขนาดโดนดินแดนวีนใส่ทว่าสกายกลับเผยยิ้มร้ายแสดงความพึงพอใจออกมาอย่างไม่ปิดบัง

“เสน่ห์ของคุณดอทอยู่ที่ความเป็นธรรมชาติ ปฏิกิริยาอาการที่มักจะหลุดออกมาเองเวลาที่มีอินเนอร์ อย่างเช่น สีหน้า แววตา การตอบสนองของร่างกาย หรือแม้แต่เลือดฝาดที่ยากต่อการควบคุม  นี่เป็นเหตุผลที่ว่าทำไมทุกคนถึงชอบแกล้งก็เพื่อจะได้เห็นปฏิกิริยาเหล่านี้ และผมก็คิดว่า.. ผมไม่เข้าใกล้คุณดอทน่ะดีแล้วเพราะไม่ใช่แค่คุณที่สั่นแต่ผมเองก็สั่นเหมือนกัน”

ปกติพูดน้อยแทบจะนับคำได้ แต่ทำไมต้องมาพูดยาวๆ กับไอ้เรื่องแบบนี้ด้วย!

ผมอ้าปากค้างมองสกายได้แค่แว้บเดียวแล้วหลุบตาไม่กล้ามองสบ เขาดูลึกลับมีเสน่ห์น่าค้นหามากจริงๆ

“นี่มึงมีอินเนอร์กับพี่กูเหรอไอ้หน้านิ่ง ได้ไงวะ” ดินแดนเดินไปประจันหน้าจะเอาเรื่องกับสกายให้ได้ “กลับไปเคลียร์กันที่บ้านเดี๋ยวนี้เลย พรุ่งนี้ผมไม่ได้มารับนะพี่ดอท ถึงบ้านแล้วไลน์บอกด้วย หายเร็วๆ นะ” ดินแดนหันมาบอกประโยคหลังกับผมรัวเร็วก่อนจะลากสกายที่อมยิ้มแล้วส่ายหัวใส่

“อ้าว? อะไร? มาแป๊บเดียวจะกลับได้ไง แล้วจะไม่นอนเฝ้าจริงๆ เหรอ” ผมตะโกนไล่หลัง

“ให้คนโสดๆ มาเฝ้าดิ ผมไม่โสดแล้ว” แล้วประตูก็ปิดลง

“ทุกทีเห็นห่วงนักห่วงหนา ทำไมวันนี้ถึงไม่สนใจใยดีแบบนี้นะ ไหนบอกว่ารัก ไม่เห็นจะรักตรงไหนเล้ย!!” หงุดหงิดถึงกับปาหมอนใส่ประตูที่ปิดลง ทว่ามันกลับเปิดออกอีกครั้งและดินแดนก็รับมันไว้ได้อย่างทันท่วงที

“ใจเย็นนนน!” ดินแดนถือหมอนใบนั้นมาคืนให้  เขาวางมันลงบนตักแล้วตบเล่นอยู่สองสามที “ก็เพราะรักไง รักมากด้วยถึงอยากให้มีความสุขซะที”

“ถ้าเธอมาเฝ้าก็มีความสุขได้” ผมมองอ้อน

“พี่อย่าฝืนใจตัวเองนักเลย ทำอะไรที่ใจต้องการเถอะ บอกแล้วไงให้ร้ายๆ บ้าง ปล่อยตัวไปตามอารมณ์” ร่างสูงดึงมือผมไปลูบเบาๆ แววตาเขาดูจริงจังและอบอุ่น

อยากบอกจังว่าเท่าที่ทำอยู่นี่ก็ปล่อยจนเตลิดไปถึงไหนต่อไหนแล้ว คำว่าร้ายยังน้อยไปด้วยซ้ำ ทั้งนอกใจและนอกกายไปตั้งเท่าไหร่  ถึงจะไม่ได้เลยเถิดถึงขั้นสุดแต่เท่านี้มันก็มากเกินไปที่คนดีๆ ควรจะเป็น

“งั้นถ้าคิดถึงไอ้เผ่าพี่ก็ให้มันมาเฝ้า ถึงผมจะไม่ปลื้มมันแต่ถ้าพี่ปลื้มพี่ก็ทำเถอะ มันแล้วแต่พี่ที่จะเลือกว่าคืนนี้ใครเหมาะที่สุด ไปละ”  แล้วแก้มผมก็ถูกสูดดมยาวนาน แขนขายาวๆ ของน้องชายคนละแม่โอบล้อมรอบตัวไว้แน่นจนแทบจะกระดิกไม่ได้ แถมยังลูบหลังเบาๆ ด้วยอีก

กับการกระทำดินแดน ถ้าได้ตั้งตัวไว้ก่อนก็จะควบคุมอารมณ์ได้ค่อนข้างดี แต่ถ้าไม่ อาการก็ไม่ได้ต่างจากถูกคนอื่นกระทำมากนัก

“แบบนี้ก็ค่อยยังชั่วหน่อย ไอ้หน้านิ่งจะเหนือกว่าผมไม่ได้” ไม่รู้พูดถึงอะไรแต่เดาเอาว่าเขาคงพอใจกับปฏิกิริยาตอบสนองที่กลับไปเป็นเหมือนก่อน

ดินแดนเหมือนเด็กขี้อิจฉา ตอนแรกก็อยากให้หายแต่พอตัวเองได้ไม่เท่าสกายก็จะเอาคืนเสียอย่างนั้น เฮ้อ ผู้ชายพวกนี้มันยังไงกัน ชอบแข่งอะไรไร้สาระ 

“เด็กขี้อิจฉา” ผมบ่นเพียงเบาๆ ผินหน้าหนีเพราะไม่อยากต่อปากต่อคำอีก  แค่สกายคนเดียวจิตใจก็ยุ่งเหยิงไปหมดแล้ว นี่ถ้าดินแดนหันมาเอาดีทางด้านหว่านเสน่ห์ให้อีกผมคงแย่แน่

“น่ารัก..” ร่างสูงยืนขึ้นจ้องมองเผยรอยยิ้มเอ็นดู คงนึกขำกับลักษณะอาการน้ำขึ้นน้ำลงของผม มือหนายื่นมาจับแก้มส่ายอยู่สองสามที จากนั้นก็เดินออกจากประตูไป

แต่ก่อนปิดประตูก็โผล่หัวเข้ามากวนส่งท้ายอีกรอบ

“อ้อ ไม่ต้องปาหมอนมาอีกนะ คราวนี้ไม่กลับมาเก็บให้แล้ว อ้อ อย่ามาหาว่าผมไม่รักอีกไม่งั้นจะโดนลงโทษสถานหนัก ไปจริงละ จุ๊บๆ”  ส่งจูบให้แล้วก็ปิดประตูลง

ไม่รู้ว่านายดินจะรู้อะไรมากน้อยแค่ไหน ป๋าอาจจะเล่าให้ฟังแล้วก็ได้  ซึ่งเขาคงดีใจที่เฮียเผ่ามีคู่แข่ง

“ที่เธอเข้าใจมันมีแค่สองช้อยส์คือเฮียเผ่ากับพี่เวย์ที่ไปติดป่าด้วยกัน แต่ความจริงแล้วมีตั้งสามช้อยส์เนี่ยสิ เฮ้อ จะเลือกยังไงดีนะ”

สงสัยต้องคิดวิเคราะห์แยกแยะให้ออกว่าความรู้สึกของผมที่มีต่อทั้งสามคนนี้เป็นยังไง ลองเปรียบเทียบให้เห็นเป็นรูปธรรมสักหน่อย

รูปลักษณ์ :
พี่เวย์ ชนะเลิศ ดูสมาร์ท บุคลิกดี และหล่อมาก ถึงจะตี๋แต่เป็นตี๋เท่ แล้วก็เท่แบบสะอาดสะอ้านดูดีไปทุกกระเบียดนิ้ว
เฮียเผ่า หล่อตรงสเป๊ค ผิวเฮียไม่ขาวและหน้าคมเข้มแต่ถ้าเอาอย่างที่ผมชอบก็ต้องบอกว่าเฮียตรงสเป็ค
หมอวรรต เกาหลีสไตล์ ถึงจะเป็นน้องของพี่เวย์แต่ก็หล่อไปคนละแบบ ถึงจะดูคลับคล้ายคลับคลาแต่ดูจริงๆ แล้วไม่เหมือนเลย ถ้าถามว่าหล่อไหมก็หล่อตามสมัยนิยม หน้าเด็กด้วยที่สำคัญ

ความสูง :
พี่เวย์ สูงที่สุด น่าจะประมาณ 185-187 เซนติเมตร ไม่น่าเกินนี้
เฮียเผ่า รองลงมา 181 เซ็นฯ
หมอวรรต เตี้ยกว่าเฮียประมาณ 1-2 เซ็นฯ

ฐานะและความมั่นคง :
เฮียเผ่า ที่สุดของความรวย บริหารบริษัทเพชรไทยได้ดีจนติดอันดับนักธุรกิจไฟแรง จะว่าไปรวยกว่าป๋าด้วยซ้ำ
หมอวรรต  ฐานะก็ไม่น่าจะรวยมากแต่อาชีพมั่นคง การที่เขาเป็นหมอนั้นการันตีว่าถึงจะล้มละลายแต่วิชาชีพก็จะสร้างรายได้ให้เขาเสมอ
พี่เวย์ ถึงจะเก่งในการรับเหมาแต่อาชีพนี้ไม่มั่นคงนัก มีโอกาสพลาดได้ค่อนข้างสูง

ด้านอารมณ์และความรู้สึก :
ความรู้สึกรักที่เด่นชัดที่สุดก็คือพี่เวย์ ผมจะลุ่มหลงคลั่งไคล้แบบเสน่หาระคนไปกับความเกรงใจและเกรงกลัวอยู่ในที
อยู่กับพี่เวย์ รู้สึกเหมือนได้เป็นเจ้าชายน้อย ไม่ว่าจะทำอะไรก็จะถูกตามใจและได้รับการส่งเสริมเสมอ ทว่าภายใต้ความคุ้มครองนั้นผมก็รู้สึกประหม่าระคนกริ่งเกรงที่เคยทำผิดต่อเขาและยำเกรงในความเพอร์เฟ็คที่เขามีจึงคล้ายเป็นเจ้าชายน้อยที่อยู่บนหอคอยโดยมีมังกรคอยคุ้มกัน

ความรู้สึกผูกพันที่แน่นแฟ้นและรู้จักรู้ใจกันดีที่สุด :
อยู่กับเฮียเผ่า รู้สึกเหมือนเป็นคนฝึกราชสีห์ ไม่ว่าจะดุร้ายและเป็นเจ้าป่ามาจากไหนแต่พอมาอยู่ต่อหน้าผม ราชสีห์อย่างเฮียก็จะหมอบราบคาบแก้วลงทันที แต่ในขณะเดียวกันก็หวาดกลัวไปด้วยเพราะลึกๆ แล้วประหวั่นอยู่เสมอว่าเขาจะควบคุมสันชาตญาณของสัตว์ร้ายที่มีในตัวเองไว้ได้นานแค่ไหน

ความรู้สึกคะนึงหาแบบเป็นธรรมชาติ
อยู่กับหมอวรรต เหมือนวิญญาณได้กลับเข้าสู่ร่าง  ผมได้เป็นตัวของตัวเอง พูดคุยคล่องปากและลื่นไหล อยากพูดอะไรก็พูดออกมาไม่ค่อยได้คิดก่อนพูดเพราะมีความรู้สึกสบายใจ และโดยส่วนใหญ่ไม่มีผลอะไรกับความรู้สึกเขา ยกเว้นเรื่องของพี่เวย์  แต่ผมก็ยังไม่แน่ใจในความรู้สึกที่มีกับหมอวรรตว่าเป็นแบบไหน มันปนกันระหว่าง เพื่อนสนิท คนที่น่าเห็นใจ และคนที่เติมเต็ม
 
“แยกแล้วไงล่ะ ก็เลือกไม่ได้อยู่ดี ฮืออออออ” ผมล้มตัวลงนอนเอาหมอนปิดหน้าส่งเสียงโอดครวญอย่างหมดท่า  รู้สึกเกลียดตัวเองที่เป็นคนเยอะขนาดนี้   

คิดว่าคงเป็นบาปเป็นกรรมที่เมื่อก่อนตราหน้าป๋าเรื่องมากรักหลายใจ ตอนนี้โดนกับตัวถึงได้รู้ว่ามันยุ่งยากยุ่งเหยิงเกินกว่าจะจัดการได้ภายในดาบเดียว

“เอาเข้าไปๆ ชีวิตคุณนี่มีเรื่องอะไรให้คิดบ้างนอกจากเรื่องผู้ชาย หา!?” ไม่ต้องเปิดหน้ามาดูก็รู้ว่าคำพูดเหน็บแนมเจ็บแสบแบบนี้ออกมาจากปากสุนัขของใคร

“มีสิ” ผมเปิดหน้าขึ้นวีนใส่ทันที กับคนนี้ไม่ต้องสงบปากสงบคำใดๆ “คิดวิธีฆ่าคุณไง อีตาหมอประสาท!”

“กลัวแย่แล้ว” เขาวางปิ่นโตไว้บนโต๊ะแล้วแกะมันออกมาเตรียม

“นั่นมันปิ่นโตของที่บ้านผมนี่” ผมทักขึ้น เขาจึงปรายตามองผมแล้วจัดการกับปิ่นโตต่อ

“ปิ่นโตแบบนี้บ้านคุณซื้อได้บ้านเดียวเหรอ รวยอยู่คนเดียวหรือไง บ้านคนอื่นเขาก็ซื้อใช้กันได้ไหมล่ะ”

“ก็ถ้าเป็นของคุณก็บอกสิว่าของคุณ ทำไมต้องแดกดันกันด้วยล่ะ”

“ก็มันสนุกดี แล้วนี่ก็ปิ่นโตบ้านคุณนั่นแหละ ไม่ใช่ของผม” ว่าแล้วเขาก็หัวเราะคึกๆ อยู่คนเดียว

“หมอบ้า!” ผมแหวใส่ “คุณนี่มันน่าฆ่าจริงๆ”

เขาไม่สนใจอารมณ์ของผมแต่เตรียมอาหารจนเสร็จแล้วเข็นโต๊ะมาให้ที่เตียง

“กินซะ คุณแม่ของคุณกำชับมาว่าให้กินให้หมด” ได้ยินแล้วถึงกับย่นคิ้วงุนงงไปกับเหตุการณ์

“แล้วคุณไปเจอคุณแม่ที่ไหน แล้วทำไมคุณแม่ไม่เอาอาหารมาให้ผมเอง แล้วทำไมไว้ใจให้คุณเอามา แล้วทำไม..อุ๊บ!” แตงกวาไสลด์ถูกส่งเข้าปากผมทันที

“ถามอะไรเยอะขนาดนั้น” เขาบ่น “กินให้หมดก่อนแล้วผมจะเล่าให้ฟัง”  ว่าแล้วก็ตักน้ำพริกลงเรือคลุกกับข้าวมาป้อนให้

ผมมองเขาอย่างลังเลแต่พอเห็นสายตาข่มขู่ก็อ้าปากงับข้าวคำนั้นแล้วเคี้ยวอย่างเอร็ดอร่อย

“อร่อย” ผมยิ้ม “ฝีมือคุณแม่นี่สุดยอดจริงๆ นะ”

“อร่อยก็กินเยอะๆ คุณแม่คุณกำชับมาด้วยว่าอย่าให้กินน้ำระหว่างกินข้าวเพราะเดี๋ยวจะกินได้น้อย ถ้าเผ็ดก็บอกจะได้ตักแกงจืดให้” สีหน้าเขาดูละมุนและเหมือนว่าจะดีใจที่เห็นผมฟินกับรสชาติอาหารที่เขาป้อน



ต่อ..
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-09-2018 22:03:31 โดย fiction no.9 »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ fiction no.9

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 134
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +129/-4
    • แฟนเพจ : นิยายหมายเลข9
“แล้วคุณแม่บอกด้วยเหรอว่าให้คุณป้อนน่ะ” ผมส่งสายตาจับผิดไป

ร่างสูงไหวไหล่เล็กน้อย “เปล่า แต่นี่เป็นบริการหลังการขาย” ระหว่างนั้นก็แกะกุ้งทอดสมุนไพรมาจ่อตรงปากให้ผม

“คุณขายอะไรให้คุณแม่บอกมาก่อน ไม่งั้นไม่กิน”  ผมต่อรอง

“ถ้าป้อนด้วยมือแล้วไม่กินจะป้อนด้วยปาก แล้วจะแถมลิ้นให้ด้วย” พอฟังจบผมก็อ้าปากงับกุ้งทันที “ต้องให้ขู่”

“ไม่ได้กลัวหรอกนะ แต่หิว” ผมเบะปากใส่

“ขยับไปหน่อย เมื่อยแล้ว”  ไม่พูดเปล่าแต่นั่งเบียดขึ้นมาบนเตียงจนต้องเขยิบให้ เฮ้อ ปวดหัวจริงๆ  “มีลูกตาลลอยแก้วด้วยอะ น่ากินสุด” 

“ก็กินสิ ผมกินคนเดียวไม่หมดหรอก”

“ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่กิน แต่มันเสียเปรียบไง ผมป้อนคุณ คุณก็ต้องป้อนผมด้วยสิ อย่าเอาเปรียบกัน” ว่าแล้วก็ป้อนน้ำพริกให้ผมอีกคำตามด้วยแตงกวาสไลด์

“คุณนี่นะ” ผมค้อนให้แต่ก็จำใจตักขนมป้อนเขา ไม่รู้จะเถียงไปทำไมเพราะยังไงเขาก็ไม่ยอมอยู่ดี

“อ่อนหวานไปนิดนะ”

“จริงเหรอ ปกติคุณแม่ทำอร่อยนะ หวานพอดีไม่ขาดไม่เกิน” ผมถามอย่างสงสัย

“ผมชอบรสหวานจัดน่ะ ไหนดูซิถ้าแบบนี้จะหวานขึ้นไหม” แล้วแก้มผมก็โดนขโมยหอมดังฟอด “อืม แบบนี้ค่อยหวานหน่อย”

“นี่คุณ!” ผมจับแก้มตัวเองแล้วหันไปเหวี่ยงใส่ “ทำแบบนี้อีกแล้วนะ”

หมอประสาทไม่ได้สะทกสะท้านกับน้ำเสียงของผมเลยแม้แต่น้อย

“กินต่อสิ ถ้าไม่พอใจก็หอมผมคืนก็ได้นะ จะได้รู้สึกว่าไม่ถูกเอาเปรียบ”

“ไม่กงไม่กินมันแล้ว” ผมดันเขาลงจากเตียงแต่ไม่มีการเขยื้อนเคลื่อนไหวแม้แต่น้อย “คุณลงไปปป” ทั้งเข็นทั้งดันแต่ก็ไม่สำเร็จ

“โอเคๆ เลิกแกล้งก็ได้แต่คุณกินข้าวก่อนนะเดี๋ยวจะได้เวลากินยาแล้ว” เขายิ้มล้อ

ผมมุ่ยหน้าใส่แล้วหันหน้าหนี “ไม่กิน”

“อยากโดนป้อนด้วยปากก็บอก ไม่ใช่ทำเป็นว่าจะไม่กิน”

“โอ้ยย ผมเบื่อคุณที่สุด เบื่อๆๆๆ” หันไปตีไหล่เขารัวๆ ด้วยความหมั่นไส้

“ฮ่าๆๆ โอ้ย คุณพอแล้ว โอ้ย มือหนักอีกละ พอก่อนคุณ เฮ้ย! อย่ากัด! โอ้ย!!!”  นอกจากจะไม่หยุดตี ผมยังกัดแขนเขาอย่างแรงแต่เขาก็แค่ร้องโวยวายไม่กล้าทำอะไรผม  “ยอมแล้วคุณ! ยอมแล้ว ยอมจริงๆ ปล่อยก่อนผมเจ็บ ผมยอมแล้วจริงๆ”

เมื่อมั่นใจแล้วว่าเขาจะยอมจริงๆ ผมจึงปล่อยแต่ในจังหวะที่อ้าปากผละออกมานั้น น้ำลายก็ยืดตามออกมาด้วย

“อี๋ คุ๊ณ!” หมอวรรตร้องลั่น “น้ำลายคุณยืดเต็มแขนผมเลยเนี่ย กรี๊ดดด สกปรกที่สุด” นอกจากทำหน้าขยะแขยงซะเต็มประดา เขายังกรี๊ดออกมาด้วย

“ฮ่าๆๆๆ กรี๊ดด้วยอะ ฮ่าๆๆ สมน้ำหน้า” ผมหัวเราะเป็นบ้าเป็นหลังกับภาพตรงหน้า ไม่สนใจจะเช็ดน้ำลายตัวเองที่ยืดติดแขนเขาด้วยซ้ำ

“เล่นเป็นเด็กเลยคุณ สู้ไม่ได้ก็กัด กัดยังไม่พอถุยน้ำลายใส่อีก” มือหนาเอื้อมไปหยิบกระดาษทิชชูบนโต๊ะมาเช็ดแขนตัวเองแล้วหยิบอีกแผ่นมาเช็ดปากให้

ผมยังหัวเราะไม่หยุด คิดแล้วตลกจริงๆ ไม่เคยทำซกม๊กแบบนี้กับใครเลยนะ

“อยากนิสัยไม่ดีก็ต้องโดนแบบนี้แหละ ฮ่าๆๆๆ” แล้วผมก็หัวเราะงอหายของผมต่อไป

“พอเลยๆ หยุดหัวเราะแล้วกินข้าวได้แล้ว” ว่าแล้วก็ขึ้นมานั่งเบียด ทำหน้างอคอหักแล้วตักข้าวป้อนผมต่อ

ผมยังคงหัวเราะอยู่อีกครู่หนึ่งแล้วหยุดลงในที่สุด เหลือแต่ยังยิ้มพร้อมทั้งอ้าปากงับข้าวที่เขาป้อน

“เวลาคุณหัวเราะโลกทั้งโลกมันสดใส คุณรู้ไหมว่าผมอยากหยุดเวลาเอาไว้ตรงที่คุณมีความสุข” เขามองผมด้วยสายตาละมุนละไม

“อย่ามาหวานเลี่ยนตอนนี้สิ เดี๋ยวกินข้าวไม่ลง” ผมยิ้มเขินแล้วจับมือเขาให้ตักข้าวป้อนต่อ

“โธ่ เสียบรรยากาศหมด คนไม่ใช่ทำอะไรก็ผิดตลอด” หมอวรรตบ่นแล้วค้อนใส่จนน่าหมั่นไส้ “อ่อนแอก็ต้องแพ้ไปสินะ”

“เลิกงอนตุ๊บป่องได้แล้ว มันไม่เข้ากับหนังหน้า” ผมจับหน้าของเขาให้หันมาแต่เขาไม่ยอมหันตาม “ให้ทำไงถึงจะหายงอน บอกมาซิ”

หมอวรรติค่อยๆ หันมาหาแล้วกลอกตาคิดแค่สองวินาที ก่อนจะยื่นปากจู๋ออกมา

“จุ๊บๆ” ทำปากขมุบขมิบขยับไปมาเพื่อรอให้ผมจุ๊บเขา

“โน” ผมปล่อยมือทันที  “ไม่มีทาง”

“เอ้อ ก็ไม่ใช่เฮียเผ่าเจ้าเสน่ห์นี่นะ แถมยังไม่ใช่พี่เวย์สุดหล่อซะอีก เป็นแค่ไอ้หมอกิ๊กก๊อกเฝ้าคลินิกกระจอกๆ ไปวันๆ หา!?” หมอวรรตชะงักกึกทันที ที่ถูกผมจุ๊บแก้ม

หน้าเขาเป็นยังไงไม่รู้ รู้แต่ว่าตอนนี้ผมหน้าร้อนผ่าวและก้มหน้าก้มตาจ้วงข้าวกินจนเต็มปาก

“คุณขโมยหอมแก้มผม!” เขาโวยวาย “คุณรู้ไหมว่าแก้มผมมีสัมปทานนะ แก้มซ้ายของเรย์เรย์ แก้มขวาของเมียในอนาคต แต่คุณมาแอบหอมแบบนี้ผมจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด!”

เหลือบมองร่างสูงอย่างเหนื่อยหน่าย แค่ต้องหอมแก้มก็เขินจะตายอยู่แล้วนี่ยังมาโวยวายอีก

“อุตอ่าอ๋อมอังอาเอื้องอ้ากอีก” ข้าวเต็มปากทำให้พูดไม่สะดวก

“ฮ่าๆๆๆ  ตลกอะ” เขาชี้หน้าผมแล้วหัวเราะใส่ “ข้าวเต็มปากก็ยังจะด่า ด่าเลยๆ ด่าเท่าไหร่ก็ไม่รู้เรื่องหรอก แบร่ๆๆ”

ผมอยากจะด่าอีกซักรอบแต่ในจังหวะที่กำลังหายใจเมล็ดข้าวมันเข้าไปปิดหลอดลมจนสำลัก

“แค่กๆๆๆ”

“เฮ้ย คุณ!” หมอวรรตร้องโวยวายเพราะข้าวในปากพุ่งใส่เขาเต็มๆ “ตะกี้น้ำลายตอนนี้ข้าวเหรอ ทำไมคุณเป็นคนซ้กม๊กแบบนี้เนี่ย” พูดจบก็ลุกหนีไป ทิ้งผมให้ไอจะเป็นจะตายอยู่คนเดียว

“แค่กๆๆ หมอบ้า ไอ้คนไร้น้ำใจ แค่กๆๆ แทนที่จะช่วย แค่กๆ ลูบหลังให้หน่อย แค่กๆๆ” ผมสำลักหน้าดำหน้าแดงแต่ก็ยังพยายามด่าเขาจนได้

“ฮ่าๆๆ โอเคๆ ไม่แกล้งละเดี๋ยวจะสำลักตายซะก่อน” เขารินน้ำมาให้แล้วตีหลังเบาๆ “ดื่มน้ำก่อนนะ เดี๋ยวผมจะเรียกพยาบาลมาทำความสะอาด

“แค่กๆๆ ม..ไม่ต้อง” ผมรั้งมือเขาไว้ “คุณนั่นแหละเก็บ แค่กๆๆ คุณเป็นต้นเหตุ” ผมมองเขาด้วยดวงตาแดงก่ำ ไม่ใช่โกรธอะไรแต่สำลักจนน้ำตาไหลซึ่งมันเป็นความผิดของเขาคนเดียว

“เห็นแก่หน้าตาดูไม่ได้ของคุณหรอกนะเลยไม่อยากขัดใจ ที่จริงน่าจะถ่ายรูปไปให้พวกแฟนคลับคุณดูว่าที่จริงคุณมันโก๊ะขนาดไหน” พูดพล่ามไม่เคยหยุด นี่ขนาดทำผมสำลักแทบตายยังไม่รู้สำนึกอะไรเลย อีตาหมอประสาทนี่

“ไม่ต้องพูดมาก เก็บให้หมดทุกเม็ดเลย” ผมเดินลงจากเตียงแล้วเข็นโต๊ะอาหารไปนั่งกินที่โซฟา “นั่นๆ ตรงนั้นอีก ตรงนั้นก็มี เปลี่ยนผ้าปูด้วยมันเปื้อนหมดแล้ว” สั่งเป็นฉากๆ แก้แค้นความกวนโมโหของเขา

“ออกคำสั่งเก่งชะมัด!” เขาบ่นแต่ก็ทำต่อไป ผมได้แต่กลั้นขำไปพร้อมกับมื้ออาหารแสนอร่อยจนหมดภายในพริบตา

“โอ้ยย จุก” ผมบ่นเมื่อซัดอาหารหมดเกลี้ยงไม่เหลือแม้แต่ลูกตาลลอยแก้วที่ทำมาให้กินได้ 2-3 คน

“สมควรท้องแตกด้วยซ้ำ กินเข้าไปได้ยังไงเยอะขนาดนั้น” ตอนนี้เขาเปลี่ยนผ้าปูและปลอกหมอนเสร็จหมดแล้วจึงมาจัดการเก็บปิ่นโตให้ “นี่ถ้าไม่รับปากคุณแม่คุณว่าจะเอาปิ่นโตไปคืนให้ที่บ้าน ผมจะไม่มาเก็บให้เลยนะ คนอะไรไม่มีน้ำใจ จะเหลือให้สักหน่อยก็ไม่ได้ หิวก็หิว ดูสิ แม้แต่ข้าวก็ไม่เหลือซักเม็ดเลยอะ”

“อ้าว คุณยังไม่ได้กินเหรอ” 

“ก็ยังน่ะสิ นี่ก็ว่าป้อนคุณเสร็จแล้วค่อยกินที่เหลือให้หมด เพราะจะได้หลอกคุณแม่ว่าคุณกินหมดเกลี้ยงแต่ไม่ต้องละ ลูกชายคุณแม่กินเองหมด ดีเหมือนกันจะได้ไม่ต้องมุสา เฮ้อ แต่หิวเนี่ยสิ หิ้วหิว” เขาบ่นนั่นนี่ไม่หยุดจนผมทนไม่ไหว

“เดี๋ยวสั่งข้าวให้”

“ไม่ต้อง เดี๋ยวไปแย่งข้าวห้องนู้นกินก็ได้”  ว่าแล้วก็เดินออกไปโดยไม่หันมามองผมอีกเลย

อ้าว โกรธจริงๆ เหรอเนี่ย ก็ไม่รู้นี่นาว่ายังไม่ได้กินข้าว แต่มาคิดๆ ดู ผมน่าจะชวนเขากินด้วย ถึงจะถามเป็นมารยาทก็ยังดี

++++++++++++++++++++


“เฮ้อ” ผมถอนหายใจมองโทรศัพท์อย่างเบื่อหน่าย นี่จะสองทุ่มแล้วแต่หมอวรรตยังไม่เห็นกลับมา

“หรือจะไม่มาแล้วจริงๆ” ทำไมกลายเป็นคนที่ไม่มีใครมาดูแลแบบนี้ล่ะ เฮียเผ่าก็ดันไปบอกเขาว่าไม่ให้มา พี่เวย์ก็เป็นคนไข้ หมอประสาทก็ดันมางอน ส่วนน้องชายตัวดีก็พูดอะไรแปลกๆ แล้วบอกให้เลือกเอง 

“หรือจะโทรหาเฮียเผ่า” ถามว่าคิดถึงเฮียไหมก็คิดถึงนะ แต่ภาพที่ผู้หญิงนั่นเกาะแขนเฮียมันยังติดตา “ไม่มีทางหรอก พรุ่งนี้ถ้าเฮียไม่มีคำตอบดีดีให้นะ ดอทจะเลิกกับเฮีย” ผมเชิดใส่เฮียในความคิด

“คิดถึงแล้วทำไมไม่โทรหาเขาล่ะ มานั่งเล่นองค์อยู่ทำไม หรือให้ผมโทรให้ไหมถ้ากลัวเสียฟอร์ม” น้ำเสียงประชดประชันแบบนี้คงไม่มีใครอีกแล้วถ้าไม่ใช่หมอประสาท จะว่าดีใจที่เขากลับมาก็ดีใจอยู่หรอก แต่ทำท่าหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดๆ แบบนั้นคืออะไร

“หยุดเดี๋ยวนี้นะ” ผมวิ่งเข้าไปคว้าโทรศัพท์ของเขามาทันที “ผมไม่ได้อยากจะโทรหาใครซะหน่อย” เมื่อได้โทรศัพท์มาแล้วก็รีบกดปุ่มโฮมแต่ทันทีที่เปลี่ยนมายังรูปหน้าจอโฮม ผมถึงกับมองตาค้างเมื่อรูปหน้าจอคือรูปของผมกำลังนอนหลับอ้าปากหวออยู่
“น..นี่ นี่รูปผมนี่!”

หน้าเขาเจื่อนไปเล็กน้อยแต่ก็เบะปากทำเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่

“เจอจนได้” หมอวรรตแย่งโทรศัพท์ในมือผมไปแต่ผมดึงมือหลบแล้วเดินหนีเพื่อเปิดดูรูปอื่นๆ ในคลังรูปภาพ

“งั้นรูปที่คุณเคยบอกว่าแอบถ่าย ก็รูปพวกนี้เหรอ” ผมกดเข้าไปดูถึงได้รู้ว่าไม่ใช่แค่รูปเดียวแต่เยอะแบบเป็นคอลเล็คชั่น

“ก็แอบถ่ายจริงปะล่ะ” เขาย้อน “แต่ละรูปถ้าปล่อยออกไปนี่รับรองแฟนคลับคุณหายเกลี้ยงแน่” ได้ยินแล้วหมั่นไส้

“หายเกลี้ยงอะไรล่ะ ก็ตัวเองยังเอาขึ้นหน้าจอไว้ดูตอนคิดถึงไม่ใช่หรือไง” ผมแซวกลับไปบ้าง เขาจะได้เถียงกลับให้ผมสนุกแบบที่เขาสนุกเวลาแกล้งผมบ้าง

“เออ ไม่เถียง” อยู่ดีดีก็ยอมรับซะงั้น

“อะไรอ่า” ผมทำหน้างอ “นึกว่าจะโวยวายแล้วปฏิเสธ ไม่เห็นสนุกเลย” ว่าแล้วก็เอาโทรศัพท์คืนให้ แล้วไปนั่งหงุดหงิดอยู่บนเตียง

“ฮ่าๆๆ เสียใจด้วยนะ สกิลมันต่างกัน”

“แล้วทำไมหายไปนาน กินข้าวอะไรนานนักหนา”

“กลับไปเอาของที่บ้าน นี่ไง” เขาเปิดเป้หยิบผ้าร่มฝืนใหญ่ออกมากาง

“เอามาทำไม อย่าบอกว่าจะมาตั้งเตนท์ในนี้นะ” 

“ตั้งเตนท์บ้านคุณสิ นี่โรงพยาบาลนะ ใครจะไปทำอะไรแผลงๆ แบบนั้นกัน”  ทำเป็นพูดดี ก็ตัวเองนั่นแหละที่ชอบทำอะไรแผลงๆ “แต่ยังไม่เฉลยหรอก คุณมานั่งนี่เร็ว” เขาย้ายเก้าอี้ไปนอกระเบียงแล้วกวักมือเรียก

ผมเดินงงๆ ไปหาแต่ยังไม่กล้านั่งจึงถูกเขากดไหล่ให้นั่งลงจนได้ จากนั้นก็เอาผ้าร่มมาคลุมตัวผมไว้

“ทำอะไรของคุณเนี่ย”

“นิ่งไว้เดี๋ยวดีเอง” พูดแค่นั้นก็เปิดเป้ออกมาหยิบกรรไกรและหวี ตั้งท่าจะตัดผมให้

“เฮ้ย เดี๋ยวสิ!” ผมร้องห้าม “อย่าบอกนะว่าจะตัดผมให้ผมน่ะ”

“มีกรรไกร มีหวี มีผ้าคลุม ผมจะล้างจานมั้ง” ก็ยังไม่วายกวนโมโห

“ผมหมายถึง คุณตัดเป็นเหรอ เดี๋ยวผมก็แหว่งกันพอดี” พยายามจะลุกออกจากเก้าอี้แต่เขาก็กดไหล่เอาไว้ไม่ยอมปล่อย

“จ้า ที่เป็นอยู่เนี่ยไม่แหว่งเลยเนาะ นี่ถ้ามันไม่อยู่บนหัวคุณผมจะนึกว่าผ้าขี้ริ้วที่ขาดกะรุ่งกะริ่งซะมากกว่า”

“คุณก็พูดเกินไปนะ” ถึงจะพูดแบบนั้นแต่พอจับปลายผมมาดูก็คิดว่ามันน่าเกลียดจริงๆ วางแผนไว้ว่าออกจากโรงพยาบาลก็จะไปตัดให้มันเท่าๆ กัน

“ไม่เกินหรอก นั่งนิ่งๆ เดี๋ยวดีเอง” เขาขยับกรรไกรดังฉับๆ เพื่อรอให้ผมพร้อม

ก็คงต้องยอมให้ตัดละนะ ตั้งใจเตรียมของมาขนาดนี้แล้วนี่ ถ้าเกิดมันไม่โอเคพรุ่งนี้ค่อยไปให้ช่างจัดการ

“หูไม่ต้องเอาออกนะ” ผมเตือน

“ฮ่าๆๆ ถ้าไม่บอกจะเอาออกซักข้างนึงเหมือนกันนะเนี่ย” เขาหัวเราะชอบใจ

“นิสัยอะ” บ่นแล้วนั่งนิ่งให้เขาตัดเพราะไม่อยากส่งเสียงทำลายสมาธิ ไม่ใช่อะไร ผมกลัวเขาพลาดแล้วผมนี่แหละที่จะซวย

“ปกติผมไม่ตัดให้ใครนะ คุณเป็นเคสพิเศษ” อยู่ๆ ก็ชวนคุยซึ่งผมไม่ค่อยอยากคุยหรอก กลัวเขาเผลอตัดหู

“ผมควรดีใจไหม” 

“ฝีมือผมดีนะ ฝึกมืออยู่บ่อยๆ”

“ไหนบอกไม่ค่อยได้ตัดให้ใคร แล้วฝึกมือยังไง” ผมถามแล้วหันไปมอง ส่วนเขาก็หยุดมือรอให้ผมหันกลับ ซึ่งผมก็ต้องจำใจหันหน้าตรงเพื่อให้เขาตัดต่อ

“พี่เวย์เขาถนัดงานออกแบบโครงสร้าง อินทีเรียดีไซน์แถมควบคุมภาคสนามเองเสร็จสรรพ  ส่วนผมถนัดภูมิทัศน์พวกเอาท์ดอร์ สวนสวยต่างๆ แล้วปกติก็ไม่ค่อยจ้างใครทำหรอกเพราะชอบทำเอง ไม้ดัด ไม้ใบ พุ่มเตี้ย พุ่มหนาม ทรงกลม ทรงเหลี่ยม ผมตัดมาหมด ผลงานเนี๊ยบ ไม่เชื่อเดี๋ยวให้ดูผลงานบ้านหลังก่อนๆ”

ฟังอยู่ตั้งนาน กว่าจะจับใจความได้ว่าเขาฝึกมือกับต้นไม้

“หมอประสาทบ้า!” ผมหันกลับไปวีน “หัวคนนะไม่ใช่ไม้ใบประดับสวน ฮืออ ไอ้หมอบ้านี่ ฮ่าๆๆ” อดหัวเราะไม่ได้เพราะนึกภาพหัวตัวเองมีสีเขียวแล้วถูกตัดแต่งให้เป็นทรงกลมๆ เหมือนที่เขาตัดแต่งต้นไม้ และที่สำคัญคือขำตัวเองที่ยอมเป็นหัวหุ่นให้เขาง่ายๆ

“ฮ่าๆๆ จะร้องไห้หรือจะฮาเอาให้แน่” เขาผลักหัวผมเบาๆ ปกติไม่เคยมีใครทำแบบนี้หรอก อีตานี่เป็นคนแรกเลยที่กล้า “แต่เอาน่า จะเส้นผมหรือใบไม้มันก็เหมือนๆ กันนั่นแหละ ตัดให้ตรงๆ เดี๋ยวมันก็สวยเอง” พูดจบก็ดันไหล่ผมให้หันกลับไปนั่งดีดีแล้วลงมือตัดต่อ

“ถึงที่สุดแล้วก็แค่สกินเฮด เอาไงเอากัน” ผมให้กำลังใจตัวเองแล้วนั่งนิ่งให้เขาตัดต่อไป



นั่งเพลินๆ ไปสักพักใหญ่จนในที่สุดหมอวรรตก็เดินอ้อมมายืนยิ้มเผล่อยู่ด้านหน้า

“สำเร็จเสร็จแล้วขอรับคุณหนู” จับหน้าผมหันซ้ายส่องขวาทำท่าทางภูมิใจในผลงานของตัวเอง

“ดูเป็นไงอะ” ผมลองจับดูมันสั้นขึ้นมาอีกนิดแต่ไม่ถึงกับเกรียน

“ไปดูเองสิ” รอยยิ้มเผยขึ้นบนใบหน้าเนียนใส เป็นผู้ชายที่ผิวดีมากจริงๆ


พอไปยืนหน้ากระจก ผมต้องอ้าปากค้างกับผลงานที่น่าอัศจรรย์

“ว้าวว” พูดได้แค่นั้นเพราะสิ่งที่ผมเห็นก็คือ ทรงผมสั้นที่เปิดหูขึ้นค่อนข้างสูง ด้านหน้าซอยสไลด์เป็นชั้นๆ จากเหนือคิ้วและยาวลงมาเรื่อยๆ จนสุดที่บริเวณหางคิ้ว ด้านหลังซอยตรงปลายบางๆ ดูมีวอลลุ่ม  ทรงนี้ทำให้หน้าผมดูเฉี่ยวขึ้น แถมยังเซ็ตชึ้นเป็นทรงเดิมแต่ปัดไปด้านข้างได้ด้วย เข้าท่าแฮะ

“ห้าร้อยยี่สิบ” เขาแบมือ  “ค่าตัดยี่สิบ ค่าอุปกรณ์ห้าร้อย นี่ผมไปขโมยร้านตัดผมแถวบ้านมาเลยนะ ถ้าเขาเอาตำรวจมาจับก็ต้องเสียค่าปรับห้าร้อย”  ได้ยินแล้วอดหัวเราะไม่ได้

“คุณนี่มันมุกเยอะเกินไปแล้วนะ ผมเริ่มจะงงแล้วว่าอันไหนจริงอันไหนมุก” ว่าแล้วก็ส่องกระจก หมุนตัว หันหลังดูรอบด้าน “ว่าแต่ คุณตัดดีกว่าบางร้านอีกนะ แล้วใช้กรรไกรซอยด้วยเหรอ เก่งอะ”

ทั้งๆ ที่ผมชมเขาซึ่งๆ หน้าแต่ดูเหมือนจะไม่สนใจ แววตาที่มองผมดูละมุนขึ้นจนผมต้องหยุดนิ่ง เรามองสบตากันผ่านกระจกบานใหญ่ ต่างคนต่างไม่เอ่ยคำใด

“สระผมให้ไหม” อยู่ๆ ก็พูดออกมาเบาๆ  แสงไฟวอร์มไลท์ในห้องน้ำเป็นสีส้มนวลตาส่งให้ใบหน้าได้รูปนั้นดูเซ็กซี่มากขึ้น ในดวงตาดูลึกซึ้ง โหยหา และปรารถนาอย่างปิดไม่มิด

“อืม” ผมตอบรับออกไปด้วยความรู้สึกประหม่า “คิดเพิ่มเท่าไหร่ก็บอกเดี๋ยวจ่ายเช็คให้”

เขาขยับตัวเอามาซ้อนด้านหลังจนชิด เท้าแขนกับขอบเคาน์เตอร์ด้านหน้าคร่อมตัวผมไว้แล้วจ้องตาผ่านกระจกอีกครั้ง

“คิดแค่..จูบเดียว”

หัวใจกระตุกวูบไหว ความสั่นสะเทือนที่อกซ้ายรุนแรงพอที่จะทำให้ร่างของผมสั่นสะท้านเบาๆ

และเมื่อหันไปด้านข้างเพื่อมองใบหน้าเขาชัดๆ ทันใดปลายจมูกก็สัมผัสกันแผ่วเบาเขาจึงประคองหน้าผมแล้วจุมพิตลงมาทันที

“อืมม” จำเป็นต้องหลุดเสียงออกมาเพื่อผ่อนคลายความวาบหวามในจิตใจ  ทำไมถึงหวั่นไหวได้ขนาดนี้นะ วันนี้ผมปล่อยให้เขาจูบสองครั้งแล้ว แบบนี้มันจะดีเหรอ

แต่ไม่ว่าอะไรที่อยู่ในหัวก็พลันหายวับไปเพราะเรียวลิ้นที่สอดแทรกเข้ามาหยอกล้อกับลิ้นของผมสลับกับดูดแน่นเป็นจังหวะ เป็นการจูบที่มีชั้นเชิง เขาชอบสะกิดลิ้นกวนให้ผมรุกไล่และเมื่อผมคิดว่าเป็นฝ่ายมีชัยกลับถูกดูดดึงลิ้นไปจนต้องเขย่งเท้าตาม กลายเป็นว่าผมเป็นฝ่ายบดจูบเขารุนแรงและตอนนี้มือหนาก็แค่โอบล้อมไว้หลวมๆ ดูเหมือนไม่ได้ตั้งใจจะล่วงเกินทว่ากางเกงของโรงพยาบาลที่เป็นแบบเชือกผูกกลับหลุดร่วงลงไปกองบนพื้นตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้

“อื้ออ ค..คุณ ด..เดี๋ยว คุณ..” เมื่อรู้ตัวว่าถูกเปลื้องอาภรณ์ผมจึงพยายามดันตัวเขาออก อาศัยเวลาพักใหญ่และในที่สุดเขาก็หยุดตัวเองไว้ได้

“หืม..” ใบหน้าหล่อตอนนี้ฉ่ำปรือไปด้วยอารมณ์ที่รุนแรง 

“แค่สระผม” ผมเตือนพร้อมกับค่อยๆ ผ่อนลมหายใจออกมาไม่ให้เขาจับได้ว่าผมเองก็พลุ่งพล่านไม่ต่างกัน

หมอวรรตชักสีหน้าเหมือนไม่อยากหยุด ทว่าไม่ได้คิดจะเปลี่ยนใจ เขามองผมด้วยสายตาวิงวอน

“ขอนะ..”  แค่คำเดียวที่มาพร้อมกับสายตาแบบนี้ ผมก็แทบจะโอนอ่อน ถ้าตอนนี้เป็นโสดก็คงเซย์เยสไปแล้วแต่มันไม่ใช่

“ไม่ได้จริงๆ”  ผมปฏิเสธ  “ผมให้คุณได้มากที่สุดแค่นี้แต่ถ้าคุณยังคิดจะเกินเลย ผมอาจต้องขอห่างจากคุณไกลๆ” ผมขู่ทั้งที่จริงก็รู้ว่าทำไม่ได้หรอก เพราะคนๆ นี้คงจะตามไปทุกที่แน่นอน

สีหน้าเขาผิดหวัง ยืนมองอ้อนอยู่พักใหญ่แต่เมื่อเห็นว่าผมยังคงส่ายหน้าก็ถอนหายใจออกมา


“สระผมก็สระผม” ว่าแล้วก็พาไปยืนใต้ฝักบัว “ถอดสิ จะสระผมทั้งชุดหรือไง แล้วยืนแข็งทื่อแบบนั้นจะให้ผมปีนขึ้นไปบนเพดานแล้วฉีดน้ำลงมาใส่หัวคุณเหรอ ทำไมไม่ก้มหัวลงมาล่ะ” 

หายวับไปกับตา ผู้ชายเซ็กซี่เมื่อกี้ไปไหนแล้วล่ะ เหลือแต่หมอประสาทที่ปากร้ายชอบกวนโมโหคนเดิม

“อารมณ์สวิงไปสวิงมา คุณเป็นวัยทองแน่ๆ” ผมบ่น

“คุณก็วัยทองเหมือนกันแหละ แล้วเสื้อนี่จะไม่ถอดเหรอ ถ้าเปียกไม่รู้ด้วยนะ หรือกลัวโป๊ ใช่สิ คนอย่างผมไม่มีสิทธิ์เห็นอะไรๆ ของคุณหรอก”

ผมถอนหายใจแล้วก้มหัวลงเพราะขี้เกียจจะเห็นหน้าเหวี่ยงวีนแบบนั้น

“สระไปเถอะน่า กางเกงยังไม่หยิบมาใส่เลยเนี่ยจะเอาอะไรอีก” ปล่อยให้ชายเสื้อคลุมไว้แค่ถึงโคนขา ชั้นในก็ไม่ได้ใส่ นี่มันมากกว่าคำว่าหมิ่นเหม่ซะอีกยังจะมาบ่นอะไร

“งั้น..สระแฮร์ล่างด้วยดีมั้ย” เขาทำเสียงระรื่น

เพี๊ยะ!!

ตีต้นขาไปหนึ่งทีที่พูดจาทะลึ่ง

“จะสระดีๆ ไหมถ้าไม่สระดีๆ ผมจะออกไปนะ”

“โอเคๆ สระผมอย่างเดียว เสื้อเปียกก็ช่างมัน เชอะ” ร่างสูงบ่นแล้วก็เปิดน้ำราด จากนั้นก็ชโลมแชมพูจนเกิดฟอง

“จะว่าไปคุณไม่ค่อยมีขนเลยนะ หนวดไม่ขึ้นเลยเหรอ รักแร้ล่ะมีมั้ย  ผมเจอหน้าพี่เวย์แล้วตกใจ สภาพอย่างกับโจรป่าเพิ่งซื้อมีดโกนให้เมื่อเย็นนี้เอง”

“ไม่มีนะ ไม่เคยโกนด้วย”

“เพราะฮอร์โมนสินะ  เออ แล้วแฮร์ล่างล่ะ โอ้ย! เคๆ ไม่พูดละ” โดนหยิกขาไปเต็มแรง จากนั้นก็เงียบปากไปเลย


“อะ เสร็จละ” เขาบอกแล้วไปหยิบผ้าขนหนูมาโยนใส่หน้า “รีบอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเดี๋ยวไม่สบาย” จากนั้นก็ออกจากห้องน้ำไปทันที

ผมยิ้มตามอย่างอารมณ์ดี อันที่จริงผมก็โชคดีนะ ไม่ว่ากับใครก็ไม่เคยถูกขืนใจ ขนาดเฮียเผ่าที่ล่อลวงไปขนาดนั้นยังไม่ทำอะไรรุนแรงแค่หลอกให้เคลิ้มแล้วค่อยจัดการ  ส่วนพี่เวย์ก็มีโอกาสตั้งเยอะแต่ก็ไม่เคยทำ  ยิ่งหมอประสาทที่มีแววว่าจะก่ออาชญากรรมได้มากกว่าใครก็ยังหยุดตัวเองไว้ได้  น่ารักจัง

ว่าแต่.. ทำไมต้องมานั่งภูมิใจที่ผู้ชายไม่ข่มขืนเนี่ย โอ้ย ชนม์แดน ทำไมเป็นคนแบบนี้!!


ผมอาบน้ำอยู่สักพัก พอออกมาแล้วกลับไม่เจอหมอวรรตแล้ว งอนอีกแล้วเหรอเนี่ย เฮ้อ คนอะไรขี้งอนชะมัดเลย  แต่ก็ไม่เป็นไร คนๆ นี้งอนเองก็หายเอง เดี๋ยวสักพักคงกลับมา   


ผ่านไปพักใหญ่พยาบาลก็เอายามาให้และวัดความดันวัดไข้เรียบร้อยแล้วผมก็เริ่มง่วงและหลับไป

“เข้าใกล้คุณแล้วผมห้ามใจไม่ได้เลย ทั้งๆ ที่รู้ว่าความผิดหวังเปิดประตูรออยู่ตลอดเวลา ทั้งแฟนตัวจริงและคนในฝันของคุณ ผมจะสู้สองคนนั้นได้ยังไง ...มันแทบไม่มีทางเป็นไปได้แต่ผมไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเดินต่อไปจนกว่าทางมันจะตันจริงๆ ซึ่งมันคงใกล้เข้ามาแล้ว” 

ผมสัมผัสได้ถึงความนุ่มนวลที่คลอเคลียบริเวณผิวแก้ม รับรู้ความหม่นเศร้าได้จากคลื่นเสียง จึงได้แต่บอกออกไปด้วยความรู้สึกที่ร้าวรานไม่แพ้กัน

“ขอโทษ..”

“..คุณไม่ผิดหรอก.. และผมจะไม่มีวันโทษคุณด้วย นอนต่อเถอะนะ ผมไม่กวนแล้ว” 

ไม่รู้ว่าใครที่กำลังพูดอยู่ซึ่งผมอยากจะบอกเขาว่าอยู่ใกล้ๆ ผมต่อไปก่อนจะได้ไหม แต่แล้วจิตใต้สำนึกกลับแย้งว่าให้ปล่อยเขาไปอย่าทำให้เขาต้องทุกข์ใจไปมากกว่านี้จึงได้แต่เงียบไว้แล้วพูดคำเดิมซ้ำๆ

“ผมขอโทษ..”




ต่อ..

ออฟไลน์ fiction no.9

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 134
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +129/-4
    • แฟนเพจ : นิยายหมายเลข9
รุ่งเช้าผมตื่นขึ้นตอนพยาบาลมาวัดไข้วัดความดันตามปกติ มองไปที่โซฟาเห็นหมอวรรตนอนเหยียดยาว ช่วงขายื่นเลยออกไปเพราะความสูงที่เกินมาตรฐาน  เห็นแล้วรู้สึกอุ่นใจ แอบย่องเข้าไปดูใกล้ๆ แล้วเก็บผ้าห่มที่ไหลลงไปกองกับพื้นเกือบทั้งผืนขึ้นไปห่มให้

“นอนดิ้นอย่างกับเด็ก”

เมื่อเห็นว่านอนหลับสนิทจึงเดินเข้าห้องน้ำอาบน้ำแปรงฟันทำธุระส่วนตัว  พอออกมาก็ยังเห็นเขานอนอยู่ที่เดิมจึงเข้าไปเก็บผ้าห่มให้อีกครั้ง

“ทำไมถึงนอนดิ้นได้ขนาดนี้นะ โอ๊ะ!!”

ร่างของผมก็ถูกรวบไว้แล้วตวัดทีเดียวลงไปนอนติดชิดด้านในโซฟาอย่างง่ายดาย จากนั้นหมอวรรตก็ตอนเบียดตามเข้ามา

“คุณ! จะทำอะไรเนี่ย” ผมร้องออกมาขณะที่อยู่ในอ้อมกอดของเขา

“ขอนอนกอดหน่อย นี่นอนไม่หลับทั้งคืนเพราะอยากจับคุณปล้ำแต่ต้องพยายามข่มไอ้หนูไว้” ดูคำพูดคำจาของเขาสิ มันเหลือขอซะจริงๆ

“นี่คุณเป็นหมอนะ ทำไมถึงพูดอะไรเสื่อมๆ แบบนี้ออกมาได้ไม่อายปากเลยนะ” ผมตีเขาแต่ก็ไม่ถนัดนัก

“เป็นหมอก็มีอารมณ์ได้นี่คุณ” เขาเถียง “แล้วใช้คำว่าไอ้หนูมันก็ซอฟท์สุดแล้วนะ หรือจะให้ใช้คำว่าไอ้จู๋ล่ะ หรือจะเอาแบบดาร์กๆ เลยก็ค.. โอ๊ย!!” ผมหยิกเขาสุดแรงเพื่อไม่ให้เขาพูดคำบ้าบอนั่นออกมา 

“เจ็บนะคุณ! ถ้าจะหยิกขนาดนี้ก็ถีบให้ตกโซฟาเลยดีกว่า” หมอวรรตบ่นออกมาและผมก็เห็นด้วยกับคำพูดนี้ “เฮ้ยคุณ!! ถีบจริงเหรอ นี่ผมเจ็บนะ!”

ร่างสูงลงไปกองแอ้งแม้งอยู่ด้านล่างซึ่งผมไม่ได้ถีบนะ แค่ผลักออกไปเฉยๆ

“สมน้ำหน้า” ว่าแล้วก็กำลังจะลุกแต่เขาไวกว่ารีบขึ้นมานอนกอดผมไว้อีกครั้ง “นี่คุณ! ปล่อยได้แล้วเดี๋ยวใครมาเห็นเข้า”

“ไม่มีใครมาแล้ว ข้าวก็มาแล้วนั่นวางอยู่บนโต๊ะ แม่บ้านก็มาทำความสะอาดไปตอนคุณอาบน้ำ พยาบาลวัดไข้วัดความดันรอบเช้าไปเมื่อกี้ ตอนนี้เหลือแค่รอหมอมาสรุปอาการซึ่งไม่ใช่เจ็ดโมงเช้าแบบนี้แน่นอน ส่วนคุณแม่ก็จะไม่เข้ามาเพราะเมื่อวานผมเอาปิ่นโตที่ล้างสะอาดเอี่ยมไปคืนแล้วบอกว่าจะพาคุณกลับบ้านเอง ให้คุณแม่เตรียมมื้อเที่ยงแบบจัดเต็มรอลูกชายได้เลย เพราะฉะนั้นตอนนี้ ปลอดคนแน่นอน”

“แสนรู้นัก”

“ก็ผมเป็นใคร หมอนะครับ เรื่องในโรงพยาบาลผมรู้หมด” ทำหน้าอวดอย่างกับเด็ก เห็นแล้วเบ้ปากใส่รัวๆ แต่แล้วนึกขึ้นได้เรื่องคุณแม่

“แล้วเรื่องอะไรถึงไปเอาหน้ากับคุณแม่แบบนั้น คุณถือวิสาสะอะไรมาเจ้ากี้เจ้าการเรื่องของผม”  ความจริงบอกน้าเวชไว้ว่ายังไม่เข้าบ้าน ตั้งใจว่าพอออกจากโรงพยาบาลจะโทรนัดเฮียเผ่าเพื่อเคลียร์เรื่องปัญหาเสียก่อน

“ก็ไม่รู้สินะ ตอนนี้ผมเป็นว่าที่ลูกเขยคนโปรด ถึงอันดับในใจคุณจะเป็นที่โหล่แต่อันดับในใจผู้ใหญ่รอบตัวคุณผมยืนหนึ่ง เหลือแต่ป๋าคุณนะ ถ้าเจอป๋าอีกคนผมจะกล่อมให้มาเป็นพวกให้ได้เลย”

ริมฝีปากสีอ่อนของเขาขยับไปมาอยู่นานเพราะพูดมาก ซึ่งผมชอบมองปากเขาเวลาพูดเพราะมันดูสุขภาพดีสีระเรื่อไม่ซีดไม่คล้ำ เท่าที่รู้จักกันมาไม่เคยได้กลิ่นบุหรี่จากตัวเขาเลย แถมฟันก็ยังขาวเรียงเป็นระเบียบสวยงาม คงดูแลร่างกายอย่างดีสมกับเป็นคุณหมอ

ส่วนเรื่องป๋า ไม่อยากบอกให้ได้ใจว่าขนาดยังไม่เจอกัน เขาก็ได้คะแนนอันดับหนึ่งจากป๋าไปแล้ว น่าแปลกที่คนล้นๆ อย่างหมอประสาทจะเข้ากับผู้ใหญ่ได้ดี  ขนาดเฮียเป็นคู่ค้าทางธุรกิจกับป๋ายังเข้าหน้าคุณแม่ไม่ค่อยติด แถมเวลาคุยกับป๋าเรื่องผม ป๋าก็ไม่ค่อยชอบคุยด้วย  น่าสงสารเฮียเหมือนกัน แต่ผู้ใหญ่เขาก็รู้ว่าเฮียเป็นยังไงเพราะสังคมไฮโซมันแคบ ใครทำอะไรที่ไหนก็รู้กันไปทั่ว  จนถึงตอนนี้ผมก็ยังไม่ได้บอกป๋ากับคุณแม่เลยว่าตกลงไปสร้างบ้านเตรียมอยู่ด้วยกันแล้ว แต่ก็ดีที่ยังไม่ได้บอกเพราะความสัมพันธ์ของเรายังไม่มั่นคง

“ไม่อยากเถียงด้วยแล้ว เอาที่คุณสบายใจก็แล้วกัน” ผมบอกแล้วพยายามจะลุกแต่ถูกรัดตัวไว้แน่น

“ถ้าเอาที่ผมสบายใจ เราสองคนจะได้กันที่นี่บนโซฟาตัวนี้ โอเคไหม” สายตาวิบวับเจ้าเล่ห์ขึ้นทันที

“นี่มันโรงพยาบาลนะคุณ พูดอะไรบ้าๆ”

“งั้นถ้าเป็นที่คลินิกผมคุณโอเคใช่ป่าวล่ะ” ทึกทักเอาผลประโยชน์เข้าตัวแบบนี้ก็ได้เหรอ

“โอ้ยหมอบ้าาา!” ผมแหวใส่ “อย่าพูดอะไรแบบนี้ได้ไหม ผมทำหน้าไม่ถูก”

“ฮ่าๆ น่ารักจัง” เขาเกลี่ยนิ้วบนผิวหน้า “เวลาที่คุณเคืองปนเขินแบบนี้ตัวคุณแดงไปหมด เคยบอกไปแล้วนี่ว่ามันน่ารักน่าแกล้ง”

ผมหยุดนิ่ง มองตามสายตาของเขาที่มองไล่ไปทั่วใบหน้า เลื่อนลงต่ำไปบริเวณลำคอ มือหนาเลื่อนลงตามสายตาแล้วล้วงสัมผัสช้าๆ เข้าไปใต้สาบเสื้อที่ซ้อนทับไว้หลวมๆ ลูบคลึงบริเวณไหปลาร้าและเปิดเสื้อออกจนเห็นช่วงไหล่ที่เปล่าเปลือย

ผมเผลอเผยอปากผ่อนลมหายใจออกมา รู้สึกวาบหวามจนต้องลอบกลืนน้ำลายแต่กลับไม่พ้นสายตาของเขา

“เวลาคุณมีอารมณ์ คุณเซ็กซี่มากจริงๆ” เขาเอ่ยชมพลางก้มลงจูบเบาๆ ที่หัวไหล่เปลือย

ผมทำได้แค่มองตามการกระทำของเขา ยิ่งนานไปผมก็ยิ่งห้ามใจลำบาก อย่าว่าแต่ห้ามใจ แค่แยกแยะความรู้สึกไม่ให้เกิดอาการสะท้านวูบวาบยังทำไม่ได้เลย

“ที่จริงผมไม่อยากให้อาการคุณหายหรอกนะ ยิ่งคุณเซนท์ซิทีฟกับสัมผัสแบบนี้มันยิ่งเร้าอารมณ์ให้พลุ่งพล่าน แต่มันก็ไม่โอเคถ้าจะเป็นแบบนี้กับทุกคน” เขาจูบไปตามลำคอและช่วงไหล่ จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นจ้องตากับผม

“ไม่อยากให้คนอื่นเห็นคุณในอารมณ์แบบนี้เลย.. ช่วยบอกผมหน่อยว่าผมก็เป็นหนึ่งในตัวเลือกของคุณและมีสิทธิ์จะหวงคุณได้” ดวงตาคู่สวยสะท้อนความหวังระคนรวดร้าวอยู่ในที

ผมยกมือขึ้นลูบไปตามสันกรามของเขาแผ่วเบา

“คุณเป็นหนึ่งในตัวเลือกของผม” ตอบไปตามความจริงแต่ก็ยิ่งทำให้เจ็บปวดเพราะดูตามลำดับแล้ว เขาน่าจะอยู่ลำดับสุดท้าย

“แค่นั้นก็ดีแล้ว”  หมอวรรตกดกลีบปากสีสวยลงมาบนริมฝีปากแล้วถอนออก “ได้แค่นี้ก็พอ” เขายิ้มเศร้าราวกับรู้ว่าผมคิดอะไร คนฉลาดอย่างเขาคงเดาออกว่าเปอร์เซ็นต์ที่ผมจะเลือกเขานั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้

ไม่อยากให้มันเป็นแบบนี้เลย เหมือนเขารู้ว่าครั้งนี้อาจเป็นครั้งสุดท้ายที่เราจะได้ใกล้ชิดกัน น้ำตาผมรื้นขึ้นเมื่อเห็นรอยยิ้มหม่นหมองจากเขา

“ผมขอโท..”  ริมฝีปากสีสวยกดแนบลงมาเพื่อยับยั้งคำพูดจากนั้นจึงเลื่อนขึ้นจุมพิตบนดวงตาทั้งสองข้าง เขาจูบซับหยาดน้ำและเลียริมฝีปากตัวเองก่อนจะยิ้มออกมาบางๆ 

“ถึงผมจะไม่ใช่ที่หนึ่งในหัวใจคุณ แต่ผมจะเป็นคนสุดท้ายที่จะทำให้คุณเสียน้ำตา เพราะฉะนั้น อย่าร้องไห้กับเรื่องของผม  คุณมีสิทธิ์แค่ยิ้ม หัวเราะ และมีความสุข ผมอนุญาตแค่นี้”

ยิ่งได้ยินก็ยิ่งอยากจะร้อง และพอน้ำตารื้นขึ้นร่างสูงก็จูบซับน้ำตาให้แห้งไปอีก ไม่มีโอกาสที่น้ำตาของผมจะไหลออกมาได้เลย

“ผมขอโทษ..” ได้แต่พูดคำนี้ออกไปเพราะไม่รู้จะพูดอะไรได้อีก

เขาส่ายหัว “ยิ้มสิ ถ้าคิดว่าอยากชดเชยให้ผม คุณก็ต้องยิ้มออกมา ยิ้มให้ผมนะ” หมอวรรตยังคงจูบซับดวงตาของผมครั้งแล้วครั้งเล่าเพราะยิ่งเขาพูด ยิ่งเขาดีกับผมมากเท่าไรมันก็ยิ่งกลั่นให้น้ำตารื้นขึ้นมากเท่านั้น

ผมจ้องมองเขาเนิ่นนานเพื่อเก็บภาพนี้เอาไว้เป็นความทรงจำก่อนจะบอกออกไปด้วยความรู้สึกดี

“คุณคือรอยยิ้มของผมนะ” ผมยิ้มแล้วโอบกอดเขาไว้แน่น เขาเองก็ซุกหน้าเข้ามาเพื่อกอดตอบรับผมเช่นกัน

“ไม่รู้ว่าจะเป็นกอดสุดท้ายไหมแต่ผมจะจำกอดนี้ของคุณไปตลอดเพราะมันเป็นกอดแรกที่คุณเต็มใจกอดผม กอดที่อุ่นที่สุดเท่าที่ผมเคยสัมผัส” เขาบอกแล้วกอดผมแน่นขึ้น

เราสองคนกอดกันเนิ่นนาน ไม่มีการล่วงเกินไปกว่านี้ แค่กอดเพื่อซึมซับความรู้สึกของกันและกันราวกับว่าเมื่อผ่านช่วงเวลานี้ไป มันจะไม่หวนกลับมาอีกแล้ว


ผ่านไปครู่ใหญ่ เราสองคนผละออกจากกันเมื่อเสียงโทรศัพท์ของหมอวรรตดังขึ้น เขาถอนหายใจแล้วผละอ้อมกอดออกไปอย่างเสียไม่ได้ 

“ฮัลโหลครับ” เขารับสายแล้วหันมาบอกผม “เดี๋ยวกลับมารับนะ”  เมื่อผมพยักหน้ารับทราบเขาก็เดินออกจากห้องไป

“ผมรู้แล้วว่าพี่จะออกจากโรงพยาบาลวันนี้ ก็กำลังจะเข้าไปหานี่ไง”

“เอาเรยเรย์มาเป็นไม้กันหมาแล้วก็ชิ่งหนี นายนี่มันจริงๆ เลย”

“ก็พี่เวย์บอกเองไม่ใช่เหรอว่าเขากำลังจะเลือก ผมก็แค่อยากมาร่ำลาเขาหน่อย ขนาดพี่เองยังบอกว่าเปอร์เซ็นต์น้อย แล้วผมที่รั้งท้ายมาตลอดจะไปมีหวังอะไร หมดจากนี้ก็คงจบแล้ว พี่ก็ให้เวลาผมมั่งเถอะ”

“งั้นไม่ต้องเข้ามาแล้ว เดี๋ยวฉันทำเรื่องออกเองแล้วจะพาเรย์เรย์กลับเลยก็แล้วกัน แต่นายอย่าล่วงเกินอะไรให้เขาตัดสินใจยากเกินไปล่ะ แค่นี้นะ”



หลังจากคุณหมอมาตรวจแล้วอนุญาตให้กลับบ้านได้  ไม่นานหมอวรรตก็กลับเข้ามาพร้อมโอวัลตินร้อนและวาฟเฟิลกับผลไม้สด “รองท้องก่อน กว่าจะได้กลับก็น่าจะใกล้เที่ยงนู่นแหละ”

ผมรับของมากินแล้วยื่นองุ่นไปป้อนเขาด้วย “อ้ำๆ”

ร่างสูงมองแบบไม่อยากเชื่อสายตาอยู่เล็กน้อยแล้วอ้าปากงับไปและโดนผมค้อนให้เพราะเขาตั้งใจงับโดนมือ 

“หวาน” ทั้งสีหน้าและสายตา ผมรู้เลยว่าไม่ใช่องุ่นที่หวานแต่ต้องเป็นมือผมแน่ “หมายถึงองุ่นนะ” เขาดักทาง

“ไม่เชื่อ” ผมเบ้ปากใส่แล้วฉีกวาฟเฟิลป้อนเขาอีก “คุณ..!” แล้วก็ต้องร้องออกมาเบาๆ เมื่อเขางับไปแล้วจับแขนผมไว้เพื่อดูดนิ้วตั้งแต่หัวแม่มือยันนิ้วก้อย 

“หวานกว่าวาฟเฟิลก็นิ้วคุณนี่แหละ” สายตาเจ้าชู้แบบนั้นมันทำให้หน้าผมร้อนผ่าว เวลาเข้าโหมดหื่นแล้วสีหน้าและแววตาของเขาเปลี่ยนไป และผมก็รู้สึกว่าแพ้ทางอะไรแบบนี้ทุกที

“ตัดไปจุ่มน้ำก๋วยเตี๋ยวแทนน้ำตาลเลยปะ” ผมประชด   คงต้องพยายามฝืนอารมณ์ตัวเอง ไม่อย่างนั้นจะทำให้ต้องเข้าใกล้กันอีกจนเขามีความหวังมากขึ้นและไม่สามารถตัดใจจากผมได้

“เสียบรรยากาศ” หมอวรรตามองค้อน บ่นแล้วก็อ้าปากรอกินอาหารที่ผมจะป้อนให้

ผมส่ายหัวแล้วป้อนเขาไปเรื่อยๆ สลับกับป้อนตัวเอง และทุกครั้งเขาก็จะหาเศษหาเลยกับนิ้ผมจนขี้เกียจจะพูดมากจึงต้องปล่อยให้เขาทำไป


รอกันอีกพักใหญ่ พยาบาลจึงมาแจ้งให้ไปจ่ายเงินและออกจากโรงพยาบาลกันตอนสิบเอ็ดโมงนิดๆ  เขาขับรถพาผมกลับบ้านด้วยรถฟอร์จูนเนอร์สีขาว ไม่ใช่รถบุโรทั่งคันเก่า

“ก็มีรถดีดีกับเขาเหมือนกันนี่ แล้วทำไมถึงชอบขับอีคันนั้นนัก”

“คันนั้นเอาไว้วิ่งใกล้ๆ ส่วนคันนี้เอาไว้วิ่งสร้างภาพ” บอกพร้อมกับยักคิ้วกวนๆ

“ก็รู้เนาะว่าสร้างภาพ รู้จักตัวเองดี๊ดี” 

“ถ้าจะว่าไป ผมเป็นคนที่รู้จักและคอนโทรลชีวิตได้ดีนะ ผมวางแผนชีวิตไว้ตลอดและมันก็เป๊ะตามแผนมาตลอด จนมาเจอคุณเนี่ยแหละ” 

“เกี่ยวอะไรกับผมล่ะ” ผมย่นคิ้วหันไปมอง

“ก็มีแค่เรื่องของคุณที่ผมคอนโทรลไม่ได้ บอกตัวเองว่าอย่าไปยุ่ง บอกตัวเองว่าอย่าไปแคร์ บอกตัวเองว่าอย่าไปคิดถึง แต่บอกอะไรไปก็ไม่เคยสำเร็จแม้แต่อย่างเดียว” สีหน้าเขาเรียบเฉยราวกับว่ามันเปนเรื่องที่เขาปลงแล้วแต่ในแววตาลึกๆ ผมรู้ว่าเขากำลังข่มความเจ็บปวด

“ก็คุณมันดื้อ” ผมจิ้มนิ้วไปที่แก้มเนียน มือหนาคว้าไว้แล้วจับไม่ปล่อยแถมยังดึงไปหอมดังฟอด

“อยากยื้อเวลาที่ได้อยู่กับคุณไว้นานๆ” ใบหน้าหล่อเหลาหันมามองส่งสายตาละมุนละไม  ผมมองกลับไปแล้วยิ้มให้

“ผมก็ยังไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นยังไงซึ่งผมก็ไม่อยากให้ความหวังไม่ว่ากับใครทั้งนั้น แต่ที่บอกได้ตอนนี้คือ ผมก็อยากให้เวลาหยุดหมุนไว้ตรงนี้เหมือนกัน รอยยิ้มของผมจะได้อยู่ไปนานๆ” ดึงมือเขามาจูบบ้างซึ่งก็ทำให้หน้าร้อนผ่าวขึ้นมาทันที

“ทำเองก็เขินเอง คุณนี่ตลกจริงๆ นะ” เขายิ้มล้อ แต่ก็ไม่ยอมปล่อยมือ

ผมได้แต่ค้อนให้แล้วหันไปมองข้างทาง ไม่อยากคุยด้วยแล้ว



ไม่นานนักเราก็กลับมาถึงบ้าน  จะว่าไปเหมือนจากไปนานเป็นเดือนๆ เพราะที่ๆ ผมไปมันทั้งลำบาก อดอยากและช่วงแรกๆ ก็ปวดใจจนแทบจะทนไม่ไหว ถึงแม้จะดีกับพี่เวย์ในวันสุดท้ายแล้วก็เถอะ

“คุณหมอวรรตพาคุณหนูกลับมาแล้วครับคุณผู้หญิง” น้าเวชรีบไปรายงานคุณแม่ที่กำลังเดินลงมาจากบันได

“ก็เห็นพร้อมกันนี่แหละนายเวชจะมาบอกอีกทำไม ไปรอรับตาดอทสิ มีของมีอะไรด้วยไหมนั่น”  คุณแม่ชี้โบ้ชี้เบ้ดูตื่นเต้นที่เห็นผมเดินออกจากรถ

“คุณแม่อย่าเดินเร็วสิครับ เดี๋ยวหกล้มกันพอดี” ผมรีบเข้าไปหาและถูกสวมกอดและหอมแก้มซ้ายขวาด้วยความคิดถึง

“ก็ลูกกลับมาบ้าน แม่ดีใจนี่นา” คุณแม่มองหน้าผมแล้วหอมแก้มอีกรอบก่อนจะหันไปคุยกับหมอวรรต

“หมอวรรตถืออะไรมาเยอะแยะล่ะลูกทำไมไม่ให้นายเวชช่วยถือ” 

“ไม่เป็นไรครับแค่ไม่กี่ถุงเอง” เขายิ้มละมุนจนน่าหมั่นไส้  “ถุงนี้ยาของน้องดอทครับ” ได้ยินแล้วถึงกับตัวแข็งทื่อหันไปมองคนพูดเสียจนตาค้าง

อะไรคือน้องดอท ต่อหน้าคุณแม่เรียกผมว่าน้องเหรอ โอ้ย อีตาหมอจอมสร้างภาพ 

“ส่วนอันนี้ของน้าเวชครับ เป็นน้ำมันปลาสูตรเข้มข้นช่วยเรื่องกระดูกไขข้อได้ดี ส่วนถุงนี้พิเศษสำหรับคุณแม่ โสมแท้จากจีนกับซีดีบรรยายธรรมของแม่ชีชไมพร ท่านบรรยายได้เห็นภาพเข้าใจง่ายและยกตัวอย่างเก่งมากครับ อยากให้คุณแม่ลองฟังดู”

“โถ มีของน้าเวชด้วย บุญรักษานะครับคุณหมอ” น้าเวชรับของไปด้วยสีหน้าปลื้มปริ่ม

“ไม่เห็นต้องลำบากเลยลูก แค่ที่นายเวชเล่าว่าหมอวรรตช่วยดูแลตาดอทมาตลอดแม่ก็ขอบคุณมากแล้ว” คุณแม่รับของแล้วยิ้มน้อยยิ้มใหญ่

“ไม่เป็นไรเลยครับ น้องดอทว่าง่ายน่ารักนิสัยดี สงสัยได้คุณแม่คอยอบรม” อีตาหมอขี้ประจบพูดไปยิ้มไปโปรยเสน่ห์ไปจนคุณแม่ชมไม่ขาดปาก

“อุ๊ย หมอวรรตเนี่ยปากหวานกับคนแก่อยู่เรื่อย ไปข้างในกันลูกไป แม่ให้เด็กตั้งโต๊ะไว้แล้ว ทานข้าวเที่ยงด้วยกันแล้วค่อยกลับ”

“ให้คนอื่นกินข้าวด้วยได้ยังไงครับคุณแม่..” ผมพยายามจะท้วงเพราะตั้งแต่เล็กจนโตไม่เคยมีใครเป็นแขกร่วมโต๊ะกับคุณแม่ในบ้านนี้เลยสักครั้ง ขนาดสมาคมคุณหญิงคุณนายขอมาดื่มน้ำชาสังสรรค์คุณแม่ยังนัดไปเจอกันที่อื่น แล้วอีตาหมอนี่เป็นใคร ทำไมคุณแม่ถึงได้เห่อนักเห่อหนาจนชวนกินข้าวแบบนี้ล่ะ

“เราน่ะเงียบๆ เลยตาดอท นี่ถ้าคุณหมอไม่พากลับบ้านก็คงจะไปหาคนอื่นก่อนสิท่า” กลายเป็นผมที่โดนคุณแม่ดุซะเอง  “นายเวชบอกแม่แล้วนะว่าเราสั่งให้พาไปหาตาเผ่าพงศ์นั่น แม่บอกกี่ครั้งกี่หนแล้วว่าเขาไม่น่าคบลูกก็ยังจะดื้ออยู่ได้ คนดีๆ ก็มีไม่ยอมสนใจ”

“โธ่คุณแม่” ผมพยายามจะแย้งแต่คุณแม่ไม่ฟังแล้วเดินนำอีตาหมอขี้ประจบนั่นเข้าบ้านไปทันที

แต่ที่น่าโมโหก็คือ หมอประสาทมันหันมายิ้มร้ายยักคิ้วเย้ยผมเนี่ยสิ โอ้ย อยากเอาไม้แพ่นกะบาลแก้หมั่นไส้



อาหารเที่ยงวันนี้กลายเป็นมื้อใหญ่ต้อนรับหมอวรรตขวัญใจคนในบ้าน ทั้งคุณแม่ น้าเวช แม้แต่แม่ครัว แม่บ้าน ก็มาแอบดูเขาแล้วยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ไปตามๆ กัน

“อาหารอร่อยมากเลยครับคุณแม่ นานๆ ได้ทานอาหารชาววังชั้นเลิศแบบนี้เป็นบุญปากของผมแท้ๆ” ปะเหลาะเข้าไป กินข้าวไปสามจานหมดเกลี้ยง แถมยังขอเติมของหวานอีก  คุณแม่งี้ยิ้มแก้มแทบแตก

“ถ้าอร่อยก็มาทานบ่อยๆ นะหมอวรรต บ้านนี้เปิดต้อนรับตลอดเวลาจ้ะ” คุณแม่ก็ให้ท้ายอยู่ได้ แล้วดูสิ ไม่เห็นสนใจจะคุยกับผมเลย นี่ผมลูกคุณแม่นะ

“ขอบคุณมากครับคุณแม่ ขอบคุณที่เมตตาหมอจนๆ คนต่ำต้อยอย่างผม หลงกลัวซะตั้งนานว่าคุณแม่จะรังเกียจไม่อยากให้คบค้ากับน้องดอทเพราะฐานะเราต่างกัน” ถามจริงๆ นี่เป็นหมอหรือลิเกเก่า ถ้าจะอ้อนแม่ยกขนาดนี้ก็ไปเล่นลิเกเลยเถอะ

“ตาดอทน่ะเขาเป็นคนไม่ค่อยพูด ชอบเก็บกด ชอบขบคิดอะไรคนเดียว บางทีก็เครียดแต่ไม่ยอมบอก แต่นายเวชมาเล่าให้ฟังบ่อยๆ ว่าหมอวรรตทำให้ตาดอทได้นอนพักยาวๆ เพราะลูกคนนี้มันขี้กังวล จะนอนแต่ละทีก็ยากแสนยาก ที่สำคัญหมอวรรตทำให้เด็กอมทุกข์คนนี้ยิ้มได้หัวเราะเป็น  นี่ก็ตัดผมให้น้องด้วยใช่ไหม เมื่อวานแม่ยังเห็นแหว่งเป็นหนูแทะอยู่เลย วันนี้ดูเป็นผู้เป็นคนขึ้นกว่าแต่ก่อนตั้งเยอะ แถมยังพาเข้าวัดวา แม่ดีใจมากกว่าที่คบกันแล้วพากันไปในทางที่ดี ไม่มีทางรังเกียจหรอกลูก” 

ไปวัดนั่นผมจะไปของผมเองไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมกลายเป็นความดีความชอบของเขาที่พาผมไปล่ะ โอ้ย ทำไมคุณแม่ลำเอียงแบบนี้

ได้แต่นั่งหน้ามุ่ยฟังคนขี้ประจบกับคุณแม่คุยกัน  พอจะพูดแย้งอะไรออกไปคุณแม่ก็ออกรับแทนไปซะหมดก็เลยนิ่งเงียบซะดีกว่า



“ไว้มาอีกนะลูก มาบ่อยๆ ให้คนแก่ได้มีเพื่อนคุย” คุณแม่มาส่งหมอวรรตที่หน้าบ้านแล้วบอกลา

“ยินดีครับคุณแม่” ทำเป็นเก๊กหนังหน้าเก๊กเสียงหล่อ แหวะ

“ตาดอท ไหว้ลาพี่เขาซะสิลูก อุตส่าห์ดูแลเรื่องอาหารการกินแถมยังอาสามาส่งให้อีก” คุณแม่เตือน

หา!? นี่ผมต้องไหว้เขาเหรอ  แล้วดูอีตาหมอนั่นทำหน้า แกล้งทำเป็นนิ่งสงบไม่หือไม่อือ แต่ข้างในใจเขาต้องหัวเราะเป็นบ้าเป็นหลังอยู่แน่ๆ

“เร็วสิตาดอท ไหว้ขอบคุณพี่หมอเขาซะ” คุณแม่เร่ง

กลายเป็นพี่หมอไปซะอีก ฮือออ คุณแม่นะคุณแม่ไม่ได้รู้เลยว่าที่ผ่านมาลูกคุณแม่โดนเขาแกล้งมาขนาดไหน

ผมจำใจยกมือไหว้ลวกๆ แต่ก็โดนดุอีกรอบ

“เอ๊ะ ลูกคนนี้นี่ โตจนป่านนี้แล้วยังไม่รู้จักมารยาทต้องให้แม่เคี่ยวเข็ญอยู่เรื่อย ไหว้ดีดีแล้วพูดขอบคุณด้วย”

“ขอบคุณครับ” หน้าผมตอนนี้คงยับจนดูไม่ได้ อยากฆ่าเขามากแต่ก็กลัวคุณแม่ดุอีกจนต้องพนมมือสวยๆ แล้วก้มหัวลง

“ต้องบอกว่า ขอบคุณครับพี่หมอวรรต” คุณแม่สะกิดให้พูดตาม

ผมกัดฟันแล้วสูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อทำใจไหว้เขาสวยๆ แล้วพูดขอบคุณอย่างที่คุณแม่บอก

“ขอบคุณครับ..พี่หมอวรรต”   

“อย่างนั้นแหละ ต่อไปนี้พูดเพราะๆ กับพี่เขานะตาดอท นายเวชบอกว่าเราชอบแกล้งชอบดุเขา จากนี้ไปอย่าให้แม่รู้เชียว” คุณแม่ปรามแล้วหันไปยิ้มให้หมอประสาท “ขับรถดีดีนะลูก บุญรักษาจ้ะ”

“ขอบคุณครับคุณแม่ ผมลาแล้วนะครับ” เขาไหว้ลาคุณแม่แล้วหันมาลาผมด้วยสีหน้าราวกับเทพบุตรที่มีวงกลมเรืองแสงอยู่บนหัว “พี่หมอวรรตไปก่อนนะครับน้องดอท”

“เดี๋ยวเถอะตาดอท” ผมแอบถลึงตาใส่แต่ก็ถูกคุณแม่ตี

จากนั้นเขาก็ไหว้ลาน้าเวชแล้วขับรถออกจากบ้านไป ส่วนผมก็ยังโดนคุณแม่เอ็ดเรื่องเดิมไม่จบ

“เรานี่เกเรกับพี่เขาซะจริงนะ ไปทำหน้ายักษ์ใส่แบบนั้นได้ยังไง หมอวรรตเขาอายุมากกว่าแถมยังเป็นมดเป็นหมอ อีกหน่อยจะได้ฝากผีฝากไข้ นี่ถ้าลูกลงเอยกับหมอวรรตแม่จะเหมือนยกภูเขาออกจากอก เพราะบอกตรงๆ ว่าที่ลูกคบกับเผ่าพงศ์แม่เป็นห่วงกลัวว่าลูกจะช้ำใจเหมือนแม่”

“โธ่แม่ครับ เฮียเผ่าเขารักดอทมากนะ” ผมโต้แทน

“รักก็ส่วนรัก แต่ไม่ให้เกียรติแม่รับไม่ได้ เที่ยวไปมีคนโน้นคนนี้ไม่เลือกทั้งหญิงทั้งชาย นี่ก็เห็นควงลูกสาวนายตำรวจยศใหญ่คู่ขาเดิม พวกวงสังคมเขาพูดกันให้แซดว่าเผ่าพงศ์มันมั่วแค่ไหน” คุณแม่พูดแบบนี้เป็นครั้งที่หมื่นกว่า เหมือนอัดเสียงไว้แล้วเปิดเล่นวน

“เดี๋ยวช่วงบ่ายดอทจะไปหาเฮียครับ แนวโน้มดอทก็คิดว่าคงต้องเลิก แต่ก็คงต้องคุยกันอีกครั้ง ถ้าเขาให้คำตอบที่ดี ดอทขออนุญาตคบเฮียต่อไป แต่ถ้าไม่ ดอทก็จะเลิกตามที่คุณแม่ต้องการครับ” ผมส่งสายตาจริงจังและอ้อนขอความเห็นใจจนคุณแม่ก็ถอนหายใจอย่างเสียไม่ได้

“เรานี่มันดื้อซะจริง แต่ของแบบนี้มันอยู่ที่กรรมของใครของมันละนะ อย่างแม่ก็เรียกว่าพ้นกรรมมาแล้ว กับป๋าของลูกแม่ก็อโหสิให้ไม่อยากจองเวรจองกรรมกันต่อไป ก็เหลือแต่ลูกว่าจะต้องอยู่ในกงเกวียนกรรมเกวียนการนอกใจไปถึงเมื่อไหร่ แต่ถึงยังไงแม่ก็อยู่ข้างดอทนะลูก” 

“ขอบคุณที่เข้าใจนะครับ” ผมกอดคุณแม่ไว้แน่น “ดอทจะพยายามเลือกในสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับดอทและทุกๆ คน ยังไงซะ ดอทก็เลือกได้แค่หนึ่งคนครับ” 

ถึงจะพูดไปแบบนั้นก็ยังไม่มั่นใจในตัวเองว่าจะเลือกได้และเลือกถูกหรือไม่  มันยากจริงๆ กับภาระหนักอึ้งอันนี้  ได้แต่ขอให้ฟ้าเมตตาหาทางออกสำหรับผมให้ได้ อย่างน้อยก็ให้ทุกคนเจ็บน้อยที่สุดก็พอ

++++++++++++++++++++


“คุณหนูคะมีไปรษณีย์มาส่งค่ะ ที่จริงมาตั้งแต่เมื่อวานนี้แล้ว”  แม่บ้านเคาะห้องขณะที่ผมกำลังแต่งตัว

“จากโรงพยาบาลเหรอ อืม ขอบใจนะ”  เห็นโลโก้โรงพยาบาลบนหน้าซองแล้วเกิดความสงสัย แต่นึกขึ้นได้ว่าน่าจะเป็นผลตรวจที่ดินแดนเจ้ากี้เจ้าการให้ตรวจคราวก่อน

“เอ๊ะ ทำไมมีของคนอื่นติดมาด้วย” ไม่ใช่แค่คนเดียวแต่ติดมาตั้งสองคน “อนุชา วิญญูนุกูล  แล้วอันนี้ก็อนุวรรต วิญญูนุกูล  ผลตรวจพี่เวย์ กับ หมอวรรต?”

ได้แต่ทำหน้างงจนคิ้วชนกัน จะว่าโรงพยาบาลส่งผิดก็ไม่น่าจะผิดสองคนขนาดนี้  คิดได้แบบนั้นจึงไลน์หาหมอวรรตทันที

sweetyDOTcom :  มีผลตรวจเลือดของคุณกับพี่คุณติดมาในซองผลเลือดของผมด้วย

Dr.WRRT :  อ๋อ ผมให้ไอ้หมอแวนเพื่อนผมส่งผลไปพร้อมกับของคุณน่ะ

sweetyDOTcom :  ส่งมาทำไม

Dr.WRRT :  ฝากไง ฝากไว้

sweetyDOTcom :  ฝากเพื่อ

Dr.WRRT :  ฝากเพื่อเอาดอกเบี้ยมั้ง  ก็แค่ฝากเก็บไว้เฉยๆ ไม่ได้หรือไง แล้วผลเป็นไงมั่ง

sweetyDOTcom :  ก็ปกติหมด

Dr.WRRT :  อืม ดีละ

sweetyDOTcom :  ถ้าไม่บอกความจริง ผมจะเอาเรื่องแล้วนะ

Dr.WRRT :  โอเคๆ คืองี้ ผมกับพี่เวย์นัดกันตรวจเลือดแล้ววันที่ไปฟังผล ผมก็นั่งคุยกับไอ้หมอแวนอยู่พักนึง แล้วบังเอิญเห็นชื่อคุณบนซองเอกสาร ผมเลยถามไอ้หมอ มันก็บอกเตรียมส่งไปรษณีย์ ก็ปิ๊งไอเดียว่าอยากให้คุณเห็นผลเลือดผมด้วย อยากอวดว่าคลีนไรงี้ไง แต่พี่เวย์อยู่ด้วยก็เลยขอเอาของเขาติดไปให้คุณดูด้วย  เรื่องก็มีอยู่แค่นี้แหละ

sweetyDOTcom :  ผมต้องเชื่อใช่มั้ย

Dr.WRRT :  ก็แล้วแต่

sweetyDOTcom :  ที่บอกว่าแข่งกันจีบ ผมก็ไม่เห็นว่าพี่เวย์จะจีบผมเลยนะ ตรงกันข้ามด้วยซ้ำ

Dr.WRRT :  พี่เวย์สายพ่อพระไง เขาตั้งเงื่อนไขในการแข่งคือ ต้องรอให้คุณเลิกกับคุณเผ่าก่อน

sweetyDOTcom :  แล้วอยู่ดีๆ มาแข่งจีบผมทำไม คุณรู้ได้ยังไงว่าผมเคยรู้จักพี่เวย์

Dr.WRRT :  ผมเคยเจอรูปคุณในกระเป๋าสตางค์พี่เวย์เมื่อนานมาแล้ว และพอเจอคุณที่ฟิตเนสผมก็คลับคล้ายคลับคลาก็เลยเอารูปที่แอบถ่ายคุณไปถามพี่เวย์    นั่นแหละจุดเริ่มต้น

sweetyDOTcom :  แสดงว่าที่คุณจีบผมก็เพราะอยากเอาชนะพี่เวย์

Dr.WRRT :  ก็บอกแล้วว่าผมปิ๊งคุณแล้วบังเอิญว่าคุณก็เป็นคนที่พี่เวย์รอมาตลอดชีวิต 

Dr.WRRT :  ที่จริงผมแอบจูบคุณตอนคุณหลับตั้งแต่วันแรกด้วยซ้ำ

sweetyDOTcom :  คุณนี่มัน

Dr.WRRT :  น่ารัก

sweetyDOTcom :  ตรงข้ามสุดขั้ว

Dr.WRRT :  ขอบคุณสำหรับคำชม

sweetyDOTcom :  ไม่คุยด้วยแล้ว แค่นี้แหละ

Dr.WRRT :  คิดถึงนะ

sweetyDOTcom :  แบร่

ถึงจะยังไม่อยากเชื่ออะไรมากนักเพราะเรื่องมันพัวพันมะรุมมะตุ้มแถมมีจุดน่าสงสัยมากมาย แต่ตอนนี้คงต้องโฟกัสเรื่องของเฮียเผ่าเป็นอันดับแรก   รู้สึกสังหรณ์ใจอยู่ลึกๆ ว่าเรื่องมันอาจจะยุ่งเหยิงจนยากที่จะควบคุมได้ หวั่นใจเหลือเกินกับสิ่งที่ผมกำลังจะต้องเผชิญในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้านี้


.•:*´¨`*:•.☆ ►  รู้ เ ท่ า ไ ม่ ถึ ง . . รั ก ◄ ☆•:*´¨`*:•.


คำนวณผิดไปหน่อยนึกว่าตอนนี้จะดราม่า แต่ยังไม่ถึงแฮะ
รอตอนหน้าม่าแน่นอนค่ะ เตรียมมีดเตรียมไม้ไว้อาละวาดได้เลย

เม้ามอยซอยเก้า

TachibanaRain :  มาเร็วเคลมเร็วตลอด รักเรนที่ซู้ดดดดดดด ปล. พาพี่ดินมาเสิร์ฟให้แร้ววว ขอรางวัลด้วยยย

Janemera  :  เจอคูมมี้สายโหด งานนี้ตัวใครตัวมันแล้วว

ดาวโจร500  :  ตอนหน้าได้รู้แล้วค่าว่าดอทจะโง่ซ้ำซากมั้ย 5555

dekying kukkig  :  ดอทกลัวปากดินค่ะ กลัวโดนล้อ กลัวโดนเหน็บไรงี้ ที่เล่าให้ป๋าฟังเพราะอยากเอาใจป๋า เห็นว่าป๋าอยากมีบทบาทในชีวิตดอทบ้างก็เลยเล่าให้ฟัง แต่ความจริงนางก็รู้อยู่แล้วว่าป๋าจะเล่าให้ดินแดนฟัง ก็เลยกะยืมมือป๋าพูดให้ ประมาณนี้ค่ะ

กาแฟมั้ยฮะจ้าว : ขอบคุณฮับบ

aisen : ขอบคุณค้าบบ ปล. พี่ดอทอะเหรอจะฟังใคร นางดื้อจะตาย น่าตีด้วย


ออฟไลน์ Janemera

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 152
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
รักพี่เสียดายน้องอ่ะ กี้ดดดดดก เรารับอาสาดามใจให้หมอวรรตเองต่ะะ :katai1: :katai1: :hao3: :hao5: :katai2-1: :-[ :sad4: :o12: :o12:

ออฟไลน์ วันหนึ่ง

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 28
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ทีมหมอวรรต แต่พี่เวย์เขาก็รอขอเขามานาน ลุ้นต่อไปค่ะ
 :really2:

ออฟไลน์ dekying kukkig

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1462
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-1
นี่อ่านตอนนี้แล้วยังไม่อยากกินมาม่าเลย
แต่ก็อยากเห็นการรุกจีบของพี่น้องคู่นี้ มีขิงกันเรื่องผลเลือดด้วย555555
ถึงจะไม่อยากกินมาม่าแต่ก็อยากให้เรื่องเฮียเผ่าเคลียเร็ว ๆ วุ้ยยยยทำตัวไม่ถูก
รอตอนต่อไปจ้า  :กอด1:  :กอด1:

ออฟไลน์ TachibanaRain

  • มาโกโตะเทนชิ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-3
เนี่ยๆตั้งชื่อหลอกเรา เราก็ลุ้นอ่านไปสิว่าจะแจ๊กพอตแตกบรรทัดไหน  :z3: ตอนหน้าม่าแน่นี่ม่าฝั่งไหนฝั่งใครแต่จากคำให้การของคุณแม่บอกว่าคู่ขาเฮียเผ่าเป็นลูกสาวนายตำรวจใหญ่ก็คิดว่าน่าจะไม่จบแค่พี่ดอทกับเฮียเผ่ามันต้องมีเรื่องยุ่งอีรุงตุงนังเข้ามาให้ปวดหัวอีกแน่ๆ คิดแล้วก็ได้แต่ถอนใจอยากให้พี่ดอทเลิกกับเฮียเผ่าเร็วๆจริงๆนะ หรือไม่ก็ทำตามที่ป๋าที่พี่ดินบอกไปเลยคือถอยออกมาแล้วเริ่มศึกษาทำความเข้าใจกันใหม่แบบไม่ยึดติดกับอะไรทั้งนั้นไม่ว่าจะอารมณ์ความรู้สึกในอดีตหรือข้อกำหนดต่างๆแบบที่พี่ดอทคิดไว้
ปล.ตอนนี้เราก็มาเร็วเคลมเร็วน้าาาาา และในที่สุดพี่ดินคนฮ็อตของเราก็มีบทกับเขาสักทีหลังจากที่นายน้อยต้องไปผ่อนจ่ายค่าตัวมา ฮ่าๆๆๆ ส่วนของรางวัลให้นายน้อยนั้นไม่มีหรอก มีแต่ตัวเรานี่แหละที่จะยกให้พี่ดินแทน  :hao3: :hao3:

ออฟไลน์ songte

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1414
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
 ยุ่งเหยิง อิรุงคุงนังไปหมด จะเลือกใครก็ตัดสินใจยาก

ออฟไลน์ kunt

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +42/-1
สกายเป็นสกายที่วิบวับๆ ไปซะแล้ว 555 น่ารัก
อีตาหมอนักสร้างภาพสินะ นึกภาพตามน้องดอทกับพี่หมอวรรต ขนลุกแน่ๆ เลยสงสารน้องดอทขึ้นมาทันที 5555
ภาวะยุ่งเหยิงจะมียกกำลัง 2 3 4 ตามมาหรือไม่ พันกันไปยาวๆ

ออฟไลน์ fiction no.9

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 134
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +129/-4
    • แฟนเพจ : นิยายหมายเลข9
.•:*´¨`*:•.☆ ►  รู้ เ ท่ า ไ ม่ ถึ ง . . รั ก ◄ ☆•:*´¨`*:•.

ต อ น ที่  17  :  ภ า ว ะ แ ต ก ส ล า ย

เมื่อถึงเวลาอันสมควร ผมกดโทรหาเฮียเผ่า พยายามรวบรวมสติเพื่อให้โอกาสยอมรับฟังและใช้เหตุผลเป็นตัวตัดสินใจ

“ครับดอท” เฮียรับสายแทบจะในทันที

“ดอทพร้อมแล้วครับ เฮียมารับที่บ้านก็ได้” 

“ได้จริงเหรอครับ แล้วคุณแม่ไม่ว่าเหรอ” เฮียรู้ดีว่าผู้ใหญ่ไม่ปลื้มแต่ก็ไม่เคยเห็นแคร์ สงสัยครั้งนี้คงรู้ว่าได้สร้างประเด็นใหญ่ที่สมควรแก่การถูกเกลียดขี้หน้ามากขึ้น

“ไม่เป็นไรครับ ดอทบอกคุณแม่แล้ว ถ้ามาถึงแล้วโทรอีกทีนะครับ”

“โอเคครับ น่าจะไม่เกินยี่สิบนาที” แล้วเฮียก็วางสายไป

ฟังจากน้ำเสียงดูกังวลอยู่ไม่น้อย ผมภาวนาขอให้เรื่องของเรามันลงเอยในทางที่ดี ถ้าจะเลิกก็ขอให้เลิกกันด้วยดี หรือหากไม่เลิกก็ขอให้เป็นเหตุผลดีๆ ที่ตัดสินใจอยู่


แค่สิบห้านาทีเฮียก็มาถึง มาเร็วเคลมเร็วขนาดนี้เห็นทีสองหนุ่มที่เหลือจะแย่เอานะ

“ทำไมทำหน้านิ่งแบบนั้นล่ะครับ” เฮียถามทันทีที่ผมขึ้นมานั่งบนรถ

“จะพาไปไหนครับ” ผมไม่สนใจจะตอบคำถาม

“ไปที่ร้านเดิม เดี๋ยวถึงร้านกินน้ำกินอาหารอร่อยๆ จะได้อารมณ์ดีแล้วเฮียจะเล่าทุกอย่างให้ดอทฟังนะครับ” เฮียเอื้อมมือมาจับขาซึ่งผมก็ทำแค่พยักหน้าเบาๆ แทนคำตอบ


เรามาถึงร้านอาหารเยอรมัน ร้านโปรดของผม ตอนนี้เกือบบ่ายสามแสงแดดแรงจนแสบผิวจึงเดินเลี่ยงลัดเลาะไปตามสวนสวย  สังเกตลานจอดไม่มีรถสักคัน เดาว่าเฮียคงเหมาร้านอีกแล้ว 

“ไปไหนก็ไปอย่ามากวนใจแถวนี้”

“ครับนาย” ลูกน้องรับคำสั่งแล้วขับรถออกจากบริเวณลานจอดรถไป แต่ไม่น่าไปไกลหรอก อย่างดีก็หน้าปากซอยคอยดูต้นทาง

ความจริงเฮียเผ่าไม่ได้ทำธุรกิจสีเทาจึงไม่น่าจะมีศัตรูในเรื่องนี้แต่ที่ต้องระแวดระวังก็น่าจะเป็นศัตรูส่วนตัวกับกรณีคู่ขามากกว่า  สี่ห้าปีก่อนเคยมีคู่ขาเฮียมาเจอเราสองคนทานข้าวด้วยกันแล้วเข้ามาอาละวาดใส่ ผลลัพท์ก็คือ เข้าโรงพยาบาลทั้งคู่  ผมเข้าไปห้ามจึงโดนเฮียขว้างศอกใส่จนคิ้วแตก ส่วนคู่ขาคนนั้นอย่าให้พูดถึงเลย ขนาดผมยังคิ้วแตกแล้วเขาจะเหลืออะไร
เราสองคนเดินผ่านประตูชั้นนอกเข้าไปแล้วกำลังจะเปิดประตูด้านในแต่ทันใดนั้นเฮียก็ถูกกระชากตัวอย่างแรงจนเสียหลัก 

“คุณคิดว่าจะทิ้งแพรได้ง่ายๆ อย่างนั้นเหรอ!!”

!!!!!!!

ผู้หญิงที่เกาะแขนเฮียวันนั้น..

หน้าเฮียเผ่าอึ้งค้างไปครู่หนึ่งแล้วจึงสะบัดมือออก

“กลับไปซะแพรพร อย่ามาทำให้ฉันโกรธ” แววตาของเฮียเขม็งเกรียวจนผมยังต้องก้าวถอยหลัง ไม่อยากโดนลูกหลงอีกรอบ

“แพรไม่กลับ! ทำไมคุณถึงทำกับแพรแบบนี้ล่ะ แพรสู้ไอ้นี่ไม่ได้ตรงไหน!” เธอชี้หน้าผมแต่เฮียเอาตัวเข้ามาบังทันที “ปกป้องมัน
นักใช่ไหม!! ดีเลย วันนี้มันจะได้รู้ว่าแพรกับมันใครกันแน่ที่ต้องถอย!” 

“ฉันบอกให้กลับไป!!” เฮียตะคอกเสียงดังลั่นแต่อีกฝ่ายไม่สะดุ้งสะเทือนราวกับว่าเตรียมตัวเตรียมใจมาพร้อมแล้วที่จะชนกับทุกสถานการณ์

ผมหันมองไปรอบด้าน ตอนนี้เราอยู่โซนรอบนอกที่เป็นทางเดินไปห้องน้ำ และเฮียก็สั่งปิดร้านด้วยจึงไม่มีใครอยู่แถวนี้เลย ผมกลัวจริงๆ ว่าจะเกิดการนองเลือดกันขึ้นมาอีก

“ไม่กลับ!” ผู้หญิงคนนั้นตวาดลั่นใส่เฮียจากนั้นจึงหันมาตะโกนใส่หน้าผม “ถ้าแกอยากหายโง่ก็ต้องฟัง!”

“ดอทเข้าร้านไปก่อนนะ”

“ดอทขอฟังครับ”  ผมดันเฮียให้หลบฉากและพูดกับผู้หญิงคนนั้นไปตรงๆ “ว่ามาสิครับ”

“อย่าไปฟังเลยดอท เดี๋ยวเฮียจะเล่าให้ฟังเอง” เฮียจับแขนผมและพูดด้วยน้ำเสียงที่พยายามฝืนให้เป็นปกติ

“ทีกับมันคุยเสียงอ่อนเสียงหวาน ทีกับแพรทำไมคุณถึงได้ใจร้ายนัก!” เธอพยายามจะเข้ามาประชิดตัวผมแต่ถูเฮียใช้แขนกันไว้ 

“หึ! ปกป้องมันนักใช่ไหม!” เมื่อเข้าใกล้ผมไม่ได้เธอจึงเปิดกระเป๋าหยิบซองเอกสารออกมาแล้วปามาทางผม “ดูซะให้เต็มตาว่าฉันเป็นใคร และแกเป็นใคร!”

เฮียเก็บเอกสารนั้นได้ก่อนและพยายามจะทำลายทิ้งแต่ผมจับแขนเฮียแล้วส่งสายตานิ่งขรึมไปให้

“ส่งมาให้ดอทครับ”

ใบหน้าคมเข้มเครียดเขม็ง เขาขบกรามจนเส้นเลือดปูดโปน ปกติถ้าเป็นเมื่อก่อนแล้วเฮียโมโหถึงขั้นนี้ก็คงลงไม้ลงมือแน่นอน แต่ดูเหมือนวันนี้เฮียเตรียมตัวมาดีจึงตัดใจส่งเอกสารมาให้อย่างเสียไม่ได้

ทันทีที่ได้รับมาและเปิดซอง กวาดตาแค่เพียงนิดก็รู้ได้โดยง่ายซึ่งส่งผลให้ร่างกายแทบจะแหลกเป็นเสี่ยงๆ 

“...ทะเบียนสมรส”

“เฮียอธิบายได้นะดอท” เฮียรีบแก้ตัว

ผมก้มหน้าหลับตาข่มความเจ็บปวดไว้แต่มันไม่สำเร็จ น้ำตาล้นทะลักออกมาหยดใส่ใบทะเบียนสมรสแผ่นนั้นทันที

“คุณจะอธิบายยังไงในเมื่อฉันเป็นเมียที่ถูกต้องตามกฎหมาย แต่มันเป็นแค่ชู้ ไปฟ้องศาลไหนมันก็ผิด! และไม่มีวันที่ฉันจะยอมหย่าให้คุณแน่ จำไว้!!”

“ทำไม..” ผมเปรยขึ้น “ทำไมเฮียทำกับดอทแบบนี้ ฮึก..”  ร่างของผมเริ่มสั่นเทิ้มและสะอื้นออกมาหลังจากที่กลั้นมานาน

“ดอทอย่าร้องไห้ครับ มันมีเหตุผลที่เฮียทำ แต่ไม่ใช่เพราะเฮียไม่รักดอทนะ  ขอร้องล่ะฟังเฮียก่อน เฮียขอร้อง” เฮียพยายามจะกอดร่างผมไว้แต่ผมดันออก

“ถ้ารู้ถึงขนาดนี้แล้วยังจะหน้าด้านตื้อเผ่าพงศ์อยู่ละก็ ฉันจะราวีแกไม่ให้ได้อยู่เป็นสุขเลยไอ้เกย์!!” ผู้หญิงคนนั้นผรุสวาทหยาบคายใส่ผมและทันทีที่เธอพูดจบ หน้าของเธอก็สะบัดอย่างแรงเพราะแรงตบจากเฮีย

“คุณตบแพร!!!”  เธอกุมใบหน้าไว้พร้อมกับน้ำตาที่ไหลเป็นทาง

“ถ้ายังไม่หยุดฉันฆ่าเธอแน่!!” เฮียเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันและปรี่เข้าไปจะซ้ำอีกทีแต่ถูกผมรั้งตัวเอาไว้

“หยุดใช้กำลังได้แล้วเฮีย!” ผมขึ้นเสียงเพราะกำลังจะสู้แรงเฮียไม่ไหว

เฮียหันมาทำตาลุกใส่เพราะตอนนี้ขาดสติไปแล้ว วูบหนึ่งเหมือนเฮียกำลังจะตบผมแต่แล้วก็ชะงักกึกและหลับตาผ่อนลมหายใจก่อนจะค่อยๆ ลืมตาขึ้น

“ดอทอย่าอยู่ใกล้เฮียตอนนี้เลยนะ เข้าไปในร้านก่อนแล้วโทรเรียกไอ้ดินแดนมารับ  เฮียขอเวลาเคลียร์เรื่องนี้อีกรอบแล้วจะโทรหานะครับ” 

ในตอนนี้มีหลากหลายความรู้สึกที่เกิดขึ้น ทั้งเสียใจ โกรธ และดีใจลึกๆ ที่เฮียสามารถห้ามตัวเองไม่ให้ทำร้ายผมได้  ปกติถ้าฟิวขาดระดับนี้เฮียไม่สนหน้าไหนทั้งนั้น ถ้าเข้าใกล้เฮียจะทำร้ายทันที  แต่เมื่อกี้เฮียหยุดได้ถึงสองครั้งซึ่งทำให้ผมก็รู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก

ผมพยักหน้าแล้วคืนใบทะเบียนสมรถให้เฮียก่อนจะเดินเข้าไปในร้านตามที่เฮียบอก  เห็นเฮียลากผู้หญิงคนนั้นไปที่รถแล้วเปิดประตูดันเธอเข้าไปอย่างไร้ความนุ่มนวล ถ้าผมเป็นเธอ ถึงจะมีทะเบียนสมรสก็ไม่ยอมถูกเฮียทำแบบนี้ใส่หรอก ก็แค่กระดาษใบเดียวมันจะไปมีค่าอะไรถ้าคนที่อยู่ด้วยเขาไร้หัวใจกับเราได้ขนาดนี้



ยอมรับว่าโกรธมากในเรื่องทะเบียนสมรส แต่ลางสังหรณ์บางอย่างมันรบกวนจนตอนนี้จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ผู้หญิงคนนั้นดูโกรธเกรี้ยวและขาดสติ ผมกลัวว่าจะเกิดเรื่องไม่ดี ทั้งต่อเธอเองและเฮียด้วย คดีความเรื่องเก่าของเฮียก็ยังคาราคาซัง ถ้าเพิ่มเรื่องของผู้หญิงคนนี้อีกคงแย่แน่ อย่างน้อยก็ควรคุยกันตอนที่ใจเย็นลงกว่านี้น่าจะดีกว่าเพราะผมไม่อยากให้เฮียลงไม้ลงมือกับใครอีก

ผมรีบหยิบโทรศัพท์มากดหาดินแดนเพื่อให้เขามารับตามที่เฮียบอกไว้ทันที

“ว่าไงครับคุณชนม์แดน” ดินแดนรับสายและผมก็โพล่งออกไปทันที

“รีบมารับฉันหน่อยดิน พอดีมีเรื่องกับเฮียเผ่ารีบมาที่ร้านเรสโทรเฮาส์นะ เดี๋ยวส่งโลเคชั่นไปให้ มาด่วนเลย!”

“โอเคพี่ใจเย็นๆ รอแป๊บเดียวนะ”

พอดินแดนตอบรับก็วางสายทันที และไม่รู้ทำไมคนที่ผมนึกถึงอีกคนก็คือหมอวรรต

“ครั้งแรกเลยนะที่คุณโทรหา มีอะไร คิดถึงผมเหรอ” รับสายปุ๊บก็กวนประสาทปั๊บแต่ผมไม่มีเวลามาเล่นด้วย

“คุณบอกพี่เวย์ให้โทรหาเฮียให้หน่อยสิ บอกว่าพี่เวย์มีงานด่วนแล้วนัดไปคุยงานกันตอนนี้เลย”

“แล้วคุณอยู่ไหน ปลอดภัยหรือเปล่า”

“อยู่ที่ร้านเรสโทรเฮาส์ ตอนนี้ปลอดภัยดี โทรให้น้องชายมารับแล้ว คุณช่วยเร่งพี่เวย์หน่อยนะ”

“ได้ๆ เดี๋ยวผมจัดการให้”

“โอเค ขอบคุณมากนะ” พูดจบก็กดวางสาย

ไม่รู้จะได้ผลหรือเปล่าแต่เฮียเป็นคนที่รักงานมาก ไม่ว่าจะเป็นงานแบบไหนถ้าเข้ามาในขณะนั้นๆ เฮียไม่เคยเพิกเฉย และผมคิดว่าวิธีนี้อาจได้ผล



ผ่านไปสิบนาที ใจเต้นตุ๊มๆ ต่อมๆ รอว่าจะมีอะไรคืบหน้าและทันทีที่เบอร์ของหมอวรรตโชว์ขึ้นหน้าจอผมก็ตะปบโทรศัพท์ขึ้นมากดรับทันที

“ว่าไงคุณ สำเร็จไหม!”

“พี่เวย์บอกว่าคุณเผ่าจะรีบตามไป แต่ผมอยากรู้ว่ามีอะไรเหรอ” เสียงหมอวรรตค่อนข้างซีเรียส คงรู้แล้วว่าตอนนี้ผมไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ปกติ

“เอาไว้จะเล่าให้ฟังทีหลัง ถ้าเฮียเจอพี่เวย์แล้วคุณส่งข่าวบอกผมทีนะ”

“โอเค ถ้ามีอะไรโทรหาผมทันทีเลย โอเคไหม”

“อืมโอเค” แล้วจากนั้นผมก็นั่งรอด้วยความกังวล ไม่เคยห่วงเฮียขนาดนี้มาก่อน รู้สึกใจคอไม่ดีเลย


ผ่านไปอีกสิบนาที รถของเฮียก็เลี้ยวเข้ามาในลานจอดรถ

อ้าว! กลับมาทำไม!? แล้วดินแดนทำไมมาช้าจังเลยนะ โอ้ยอยากจะบ้า!

เมื่อเห็นว่าเฮียออกจากรถมาเพียงคนเดียว ผมจึงรีบวิ่งออกไปรอรับ 

“เฮียเป็นไงบ้างครับ”  รีบถามและก้มมองตามร่างกายของเฮียด้วยความเป็นห่วง

“ออกมาทำไม เฮียบอกให้รออยู่ในร้าน” เฮียรีบเดินมาประคองผมกลับ

“ดอทรอดินแดนไม่มาสักที ว่าแต่ทำไมเฮียกลับมาที่นี่ล่ะ ทำไมไม่ไปหาพี่เวย์”

“เฮียเป็นห่วงดอทก็เลยจะมารับกลับเอง เดี๋ยวค่อยแคนเซิลทางนั้น”

“งั้นเรารีบไปเถอะครับ ดอทกลัวผู้หญิงคนนั้นจะตามมาอีก กลัวเฮียจะเผลอลงไม้ลงมือแล้วมันจะยุ่งกว่านี้”

แต่พูดลิ้นยังไม่ทันเข้าปาก แท็กซี่คันหนึ่งก็เลี้ยวเข้ามาในบริเวณหน้าร้านด้วยความเร็วสูง

“เชี่ยเอ้ย!” เฮียเผ่าจิ๊ปากสบถออกมา

โธ่เอ้ย อุตส่าห์คิดว่าจะให้แยกย้าย ดันวนกลับมาเจอกันอีก มันผิดแผนไปหมด


“คุยกับเขาดีๆ นะเฮีย ตอนนี้เธอกำลังโกรธ ถ้าเฮียยิ่งโมโหก็ยิ่งคุยกันไม่รู้เรื่อง เดี๋ยวดอทจะบอกเธอว่าเราสองคนจะเลิกกันก่อนแล้วให้เฮียไปตกลงกับเขาให้เข้าใจ” ผมเปิดกระเป๋าหยิบบางอย่างยื่นให้เฮีย “ส่วนโฉนดที่ดินนี้เฮียเก็บไว้ก่อนนะครับ เอาไว้ให้ทุกอย่างลงตัวแล้วเราค่อยมาคุยเรื่องนี้กันอีกที” 

โฉนดที่ดินที่ผมพกติดกระเป๋ามาด้วยเพราะเตรียมใจเอาไว้ว่าหากต้องเลิกกันก็จะคืนที่แปลงนี้ให้เฮียอย่างเดิม

“ไม่ได้นะดอท เฮียตั้งใจให้ดอท” เฮียดันมือผมกลับแล้วทำหน้าสลดลงจนเกือบใจอ่อน

“ไม่ได้ก็ต้องได้ครับ” ผมยื่นโฉนดกลับไปแต่เฮียจับมือผมไว้ไม่ยอมปล่อย

“ไหนบอกว่ามาคุยงาน!” ผู้หญิงคนนั้นลงจากรถแล้วเดินดิ่งมาถึงก็ผลักเฮียจนเซ เฮียรีบตั้งหลักแล้วจับตัวผมให้ไปอยู่ด้านหลังแต่ในมือหนายังถือโฉนดไว้มั่น 

“หมามันเคยกินขี้สินะถึงได้หิวไม่เลิก!” ยิ่งพูดเธอก็ยิ่งแรง เฮียตบเธอไปอีกฉาดแต่คราวนี้เธอไม่ได้ล้มแต่พุ่งตัวเข้ามาหวังจะจู่โจมผม

“อย่าแตะต้องดอท!!” เฮียผลักเธอจนล้มก้นจ้ำเบ้า “ฉันไม่ได้อยากทำร้ายเธอนะแพร แต่ถ้าเธอพูดไม่รู้เรื่องอย่าหาว่าฉันใจร้าย!” เฮียตวาดเสียงดังลั่น

“ใจร้ายเหรอ!!!” แพรพรลุกขึ้นแผดเสียงแหลมสูง “ที่ผ่านมาคุณยังไม่ใจร้ายกับแพรหรือไง คุณทำอะไรกับแพรไว้บ้าง ทำอะไรกับลูกของเราบ้าง! แล้วคิดบ้างไหมว่าที่แพรทนอยู่ทุกวันก็เพราะรักคุณนะเผ่าพงศ์ แพรรักคุณ!!

ร่างผมชาวาบเมื่อได้ยินคำว่า ‘ลูก!?’  นี่มันอะไรกัน!

“ลูกเหรอเฮีย..” ผมถามเสียงเบาหวิว ส่วนเฮียเผ่าทำหน้าเหมือนได้เห็นโลกถล่มทลายอยู่ตรงหน้า

“เฮีย.. คือ..”  เฮียพูดไม่ออกและผมก็พอเข้าใจแล้ว

“ใช่ ลูกของเรา ลูกของฉันกับเผ่าพงษ์” แพรพรตอบแทนเฮียแล้วก้าวเข้ามาหมายจะทำร้ายผม

“หยุดเดี๋ยวนี้!!” เฮียปรี่เข้าไปเงื้อมือจะตบเธออีกครั้ง แต่คราวนี้เธอฉุนขาดแสดงอารมณ์เกรี้ยวกราดออกมามากกว่าเดิม

“เอาสิ!! ตบสิแพรจะได้ยิงมัน!” เธอควักปืนออกมาจากกระเป๋าและเล็งมาทางผม 

เมื่อถูกปืนจ่อ ร่างกายก็นิ่งช็อคไปทันที วินาทีแห่งความเป็นความตายขึ้นอยู่กับว่าเธอจะลั่นไกเมื่อใด

ในตอนนี้รถของลูกน้องเฮียขับเข้ามาในบริเวณ บอดี้การ์ดสองคนกรูเข้าไปหวังจะชาร์ตผู้หญิงคนนั้นแต่เฮียรีบสั่งห้าม

“ถอยออกไป! เดี๋ยวคุณดอทจะถูกยิง” จากนั้นก็หันไปบอกแพรพร “เธอใจเย็นๆ นะแพรอย่าทำอะไรดอทเด็ดขาด เรากลับไปคุยกันดีๆ เถอะ”

“ไม่คุยแล้วค่ะ” แพรพรตอบด้วยน้ำตา มือที่ถือปืนสั่นไหวจนผมกลัวว่ามันจะลั่นขึ้นมาได้ทุกเมื่อ “แพรจะไม่เชื่ออะไรคุณอีก ตอนนี้อยากฟังแค่ความจริง ถ้าคุณพูดความจริงแพรอาจจะยอมรับฟังก็ได้”

“เธอแน่ใจนะ” เฮียเผ่าหยั่งเชิง

“ก็ลองดูสิคะ ในเมื่อคุณไม่มีทางเลือกแล้วนี่”

“เรื่องของเรา” เฮียเผ่าเริ่มเกริ่น “มันคงเป็นไปไม่ได้”

“ทำไมคะ ทำไมถึงเป็นไปไม่ได้”

“เธอก็รู้ว่าถึงเธอจะทำอะไรอีกแค่ไหนฉันก็อยู่กับเธอไม่ได้ ฉันรักดอท และรักใครไม่ได้อีกแล้ว เลิกกันดีดีเถอะนะอย่าให้ต้องเลือดตกยางออกกันเลย”

“ฮ่าๆๆๆ” เสียงหัวเราะของแพรพรทำให้ผมขนลุก “เมื่อก่อนคุณก็เคยพูดแบบนี้แต่ฉันกลับไม่เจ็บ แต่พอคุณให้ความหวังแล้วฉันได้ยินอีกครั้ง มันแทบจะฆ่าฉันทั้งเป็น”

“ก็เธออยากให้ฉันพูดความจริง” เฮียเผ่าตอบ

“ใช่ ฉันอยากฟังความจริง แต่ในเมื่อความจริงมันเจ็บปวดขนาดนี้ ก็ต้องมีสักคนที่เจ็บปวดเหมือนฉัน!”  ดวงตาเธอกลับมาวาวโรจน์อีกครั้ง คราวนี้เหมือนสติจะหลุดไปแล้ว เธอเหมือนคนบ้าไม่มีผิด

“ส่งปืนมาแพร! อย่าส่ายมันแบบนั้น!”

“ทำไม! ไม่ใช่แค่ส่ายแต่ฉันจะยิงมันด้วย!”

“อย่ายิงดอทนะแพร ถ้าเธอจะยิงก็ยิงฉัน!” เฮียร้องตะโกนเมื่อเห็นว่าแพรพรทำท่าจะลั่นไก สีหน้าของเฮียตอนนี้ไร้สีเลือด คงกลัวว่าผมจะถูกยิงขึ้นมาจริงๆ

“ห่วงกันนักนะ ห่วงนักก็ตายไปพร้อมกับมันดีไหมล่ะ!” เธอแค่นเสียงประชดประชัน “แต่ไม่ดีกว่า เพราะถ้าให้มันตายแล้วได้เห็นคุณทุกข์ทรมานเพราะขาดมันคงสะใจดีพิลึก”

“อย่านะแพร!” เฮียสั่งห้ามอีกครั้งเมื่อเธอทำท่าขู่

“อย่าขยับนะ! ถ้าคุณขยับแพรยิงมันแน่!” คำขู่ของเธอได้ผล เฮียไม่กล้ากระดุกกระดิก

“ส่งปืนมาแพรอย่าทำแบบนี้” เฮียเริ่มเสียงอ่อนลงและค่อยๆ ยื่นมือออกไป

“ไม่!” เธอตวาด “บอกแพรมาว่าจะเลิกกับมัน บอกมา!!”

“ฉันบอกเธอแบบนั้นไม่ได้แพร ฉันเลิกกับดอทไม่ได้ ฉันรักดอท” เฮียพูดชัดถ้อยชัดคำ คงเหนื่อยแล้วกับการทั้งกล่อมและปลอบ

“แต่วันที่หลอกพาแพรไปทำแท้ง คุณพูดออกมาเองนี่ว่าจะเลิกกับมันถ้าแพรยอมเอาลูกออกก่อน” ได้ยินเรื่องราวแล้วปวดหัวใจหนึบๆ ทำไมเฮียถึงทำเรื่องใหญ่โตถึงขนาดนี้

“ฉันขอโทษ” เฮียถอนหายใจแล้วตอบอย่างหมดทางเลี่ยง  “วันนั้นแค่อยากให้เธอยอมไปทำแท้งก็เลยจดทะเบียนให้เพื่อเธอจะได้วางใจและที่บอกว่าจะเลิกกับดอทก็เพื่อให้เธอมั่นใจยิ่งขึ้น แต่ที่จริงฉันไม่เคยอยากเลิกและจะไม่มีวันเลิกได้หรอก”

สีหน้าของเฮียเศร้าสลดและมันเป็นเรื่องที่น่าหดหู่ใจไม่น้อย

ผมนิ่งอึ้ง ไม่เคยคิดว่าจะมีเรื่องราวอะไรหนักหนาถึงขั้นนี้ สติสัมปชัญญะหดหายจนไม่รู้แม้แต่จะทำยังไงต่อไปเพื่อเอาตัวรอดจากปลายกระบอกปืนที่จ่อมาทางนี้

“นี่คงเป็นความจริงทั้งหมดที่คุณมีสินะ” เธอยิ้มเย็นมองเฮียด้วยแววตาขมขื่น น้ำตารินไหลออกมาเป็นสายไม่มีทีท่าว่าจะหยุด
“แล้วลูกของแพร ลูกของเรา คุณไม่นึกเสียใจบ้างเหรอ”

“เสียใจสิ ฉันเองก็ไม่ได้อยากให้เรื่องมันเป็นแบบนี้  แต่ที่ผ่านมาฉันก็บอกเธอแล้วว่าฉันมีคนที่ฉันรักและไม่มีใครมาแทนได้ แต่เธอเองนะแพร เธอเป็นคนอยากเอาชนะและยอมถึงขนาดเจาะถุงยางเพื่อจะมีลูกกับฉัน” 

“แล้วมันก็สำเร็จไง! คุณยอมจดทะเบียนแล้วไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมถึงไม่เลิกกับมันล่ะ! ทำไมต้องฆ่าลูกแพร ทำไมๆๆๆๆ” เธอฟูมฟายร้องถามด้วยความข้องใจ

“ฉัน..”

“บอกมาสิ บอกสิ่งที่อยู่ในใจของคุณมาให้หมด แค่วันนี้ที่แพรจะได้ยินความจริงทั้งหมด”

“กับพันธะที่อยู่ในท้องเธอมันเป็นเรื่องยาก การหย่ากันทีหลังโดยไม่มีลูกมาเกี่ยวข้องมันจัดการง่ายกว่า” เฮียพูดเสียงเศร้า ดูก็รู้ว่าเสียใจกับเรื่องนี้อยู่เช่นกัน

“ฮ่าๆๆ” เธอระเบิดเสียงหัวเราะอีกครั้ง หัวเราะทั้งน้ำตาและดูเหมือนว่าจะรวดร้าวจนถึงขีดสุด “ถ้าอย่างนั้นก็ดี คุณเลวได้ขนาดนี้ก็สมควรแล้วที่จะอยู่ต่อไปพร้อมกับความรู้สึกผิดไปทั้งชีวิต!”

“แพร ขอปืนให้ฉัน” เฮียพยายามขยับเข้าไปใกล้

“ดูไว้นะ คนที่คุณรักกำลังจะตายไปต่อหน้า ดูไว้ซะ!!!”

ปัง!!!

“ดอท!!”


ต่อ..

ออฟไลน์ nonlapan

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 156
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
ต่อ... ?? ต่อไหนอ่ะะะ  :ling1: // ผญ.แบบแพรนี่น่าเบ้ปากมองบนใส่มากๆ  :fire:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด