☆► รู้ เ ท่ า ไ ม่ ถึ ง . . รั ก ◄☆ ตอนที่ 22 : ภาวะชุ่มฉ่ำ 《2/12/2018》P.6
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ☆► รู้ เ ท่ า ไ ม่ ถึ ง . . รั ก ◄☆ ตอนที่ 22 : ภาวะชุ่มฉ่ำ 《2/12/2018》P.6  (อ่าน 31813 ครั้ง)

ออฟไลน์ fiction no.9

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 134
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +129/-4
    • แฟนเพจ : นิยายหมายเลข9
เสียงปืนดังขึ้นทันทีที่เธอพูดจบ ร่างของผมปลิวไปเพราะแรงกระแทกจากเฮีย

เฮียเผ่าเอาตัวบังและโอบคร่อมผมไว้ทั้งตัว

“อย่าเป็นอะไรนะดอท อย่าเป็นอะไรเพราะเฮีย..” เขาพูดพร้อมกับมองสำรวจว่าผมเป็นอะไรหรือเปล่า

ในขณะเดียวกันก็ได้ยินเสียงลูกน้องเฮียเข้าชาร์ตแพรพรและได้ยินเธอกรีดร้องแผดเสียงออกมาดังลั่น

“คุณเผ่า! แพรไม่ได้ตั้งใจ คุณเผ่า!” 

ผมพยายามจะโผล่ออกไปดูแต่ทำไม่ได้เพราะตัวเฮียหนักมากและกอดทับผมไว้แน่น   ตอนนี้ใจคอเริ่มไม่ดีเพราะลองสำรวจร่างกายตัวเองแล้วแต่ไม่มีส่วนไหนเจ็บปวด เพราะฉะนั้นกระสุนปืนนัดนั้นอาจจะเป็นเฮียที่รับไปแทน 

“ฮ..เฮีย เจ็บตรงไหนหรือเปล่า” ผมเรียกเบาๆ จากนั้นเฮียเผ่าก็เริ่มพยักหน้า

“..อืม” ตอบรับแค่คำเดียวก็เหมือนจะยากลำบากจนผมเริ่มผิดสังเกตเมื่อมีของเหลวสีแดงหยดลงมาบนแก้ม

“เฮีย! เลือด!” รีบไถลดันตัวเองออกจากตัวเฮียแล้วพลิกร่างหนาให้หงายขึ้น “เฮียโดนยิง! ระ..เรียกรถพยาบาล เรียกสิ เรียกรถพยาบาล!!” ผมร้องลั่นเมื่อเห็นเลือดไหลออกมาจากคอเฮียมากมาย  รีบถอดเสื้อตัวนอกออกมากดปิดแผลเพื่อห้ามเลือดไว้แล้วยกตัวเฮียมาซบอก

ตอนนี้ลูกน้องคนหนึ่งลนลานกดโทรศัพท์เรียกรถพยาบาลเป็นการใหญ่ ส่วนอีกคนกำลังล็อคตัวแพรพรไว้แน่น และในจังหวะนี้เองรถของหมอวรรตก็ขับเข้ามาพร้อมด้วยพี่เวย์ที่นั่งข้างคนขับ  และตามด้วยรถของดินแดน  ทั้งสามคนรีบลงจากรถแล้ววิ่งหน้าตั้งเข้ามาพร้อมกัน

“พี่ดอท..!” ดินแดนวิ่งเข้ามาหาแล้วเรียกชื่อผมเสียงดัง “น..นี่ มันเกิดอะไรขึ้น!”

“เรียกรถพยาบาลให้หน่อยดิน เรียกหมอ  ใช่หมอ! หมอวรรต! หมอวรรตมาช่วยเฮียหน่อย มาช่วยหน่อย!” น้ำตาผมร่วงเผาะร้องเรียกขอความช่วยเหลือและหมอวรรตก็รีบเข้ามานั่งข้างเฮียทันที ส่วนดินแดนนั้นหลังจากได้เห็นอาการของเฮียก็ถึงกับหน้าซีดขยับหลีกทางให้ 

พี่เวย์เดินไปถามเหตุการณ์จากลูกน้องของเฮียอยู่พักหนึ่งและกลับมาเล่าให้ดินแดนฟังเพราะคงรู้ดีว่าถ้าถามจากผมก็คงไม่ได้ความอะไรเนื่องจากตอนนี้ไม่มีสายตาไว้มองใคร ไม่มีสติพอจะรับรู้เรื่องอื่นนอกจากเฮียคนเดียว

“..ม..ไม่..ต้ อ ง” เฮียยกมือห้ามเมื่อหมอวรรตกำลังจะขอดูแผล “ผม..ขอคุยกับดอท”

“ผมขอดูแผลเบื้องต้นครู่เดียวครับ” หมอวรรตบอกแล้วค่อยๆ แง้มผ้าที่กดปากแผลออกเล็กน้อยแต่แค่นั้นก็ทำให้เลือดทะลักปุดออกมาจนต้องรีบดันมือผมให้กดแผลไว้อย่างเดิม

หน้าหมอวรรตเปลี่ยนสีและกัดกรามด้วยความเครียด

“ผ..ผมรู้” เฮียมองหมอวรรตเหมือนจะบอกเป็นนัยว่าไม่ต้องกังวล “ขอ คุยกับ ดอท” สายตาแน่วแน่ของเฮียจนทำให้หมอวรรตพยักหน้าแล้วรีบไปหยิบของที่รถ ไม่เกินสิบวินาที เขาสวมถุงมือยางกลับมาพร้อมเสื้อกาวน์และผ้าก็อซ

หมอวรรตคลายกระดุมเสื้อเฮียออกเล็กน้อยเพื่อให้หายใจสะดวก นำเสื้อกาวน์ของตัวเองมาห่มบนตัวเฮียไว้โดยไม่กลัวว่ามันจะเปื้อนเปรอะ

“ห่มไว้นะครับเดี๋ยวอุณหภูมิร่างกายจะลดลง  ส่วนคุณช่วยกดแผลไว้ให้แน่นที่สุด อย่าให้คุณเผ่าขยับตัว ให้อยู่นิ่งที่สุดนะครับ” ผ้าก็อซปึกหนาถูกสับเปลี่ยนกับเสื้อของผมที่ใหญ่เทอะทะจนกดไม่ถนัด แต่ตอนสับเปลี่ยนก็ทำให้เสียเลือดไปมากทีเดียว

ก่อนถอยออกไปเขามองมาที่ผมเหมือนกับจะบอกเป็นนัยว่าให้เข้มแข็งเอาไว้

“ไม่นะหมอ! ช่วยเฮียก่อน ฮึก.. อย่าไปสิ อย่าเดินหนีคนเจ็บแบบนี้ คุณเป็นหมอนะ! กลับมาช่วยเฮีย!! ฮือออ” น้ำตาของผมไหลทะลักเพราะกลัวว่าเฮียจะแย่  ได้แต่ออกแรงกดปากแผลให้แรงขึ้นเพื่อช่วยเซฟให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

“ด..ดอท ฟัง..เฮีย” เฮียลูบเช็ดน้ำตาผมแล้วตบแก้มเบาๆ เพื่อเรียกสติ “ฟ..ฟังเฮียก่อนครับ..”

เมื่อเห็นว่าเฮียพยายามแค่ไหนเพื่อจะสื่อสารถึงขนาดรวบรวมพลังพูดออกมาอย่างชัดถ้อยชัดคำ ผมจึงจำใจต้องพยักหน้ารับและข่มใจรอฟังคำพูดของเขา

“ฮ..เฮียรักดอทนะ” มือหนาลูบจับใบหน้าของผมอย่างอ่อนโยน ได้ยินแล้วน้ำตาที่ไหลอยู่ก็ยิ่งพรั่งพรูเป็นสาย

“ดอทก็รักเฮียครับ” ผมตอบรับทันที ใจจริงไม่อยากให้เฮียพูดอะไรเลยเพราะกลัวอาการจะยิ่งแย่แต่ก็ต้องยอมแพ้แววตาที่มุ่งมั่นตรงหน้า

ได้ยินเสียงดินแดนพูดกับหมอวรรตแว่วๆ ว่ากว่าเขาจะผ่านทางแยกใหญ่มาได้ก็นานทีเดียวเพราะมีอุบัติเหตุรถจึงติดมาก รถพยาบาลอาจจะมาช้าเกินไป เขาอยากจะพาเฮียไปโรงพยาบาลเองมากกว่า แต่หมอวรรตก็บอกว่าทำไม่ได้เพราะเสียเลือดมากและเราไม่มีอุปกรณ์การขนย้ายที่ดี เผลอๆ อาจทำให้แย่กว่าเดิม

“พ..แพรพร..เป็นลูกสาวของอธิบดีกรมตำรวจ ท..ที่เฮียรู้จักผ่านทางเตี่ยกับม่า.. เราคบกันมาเรื่อยๆ ป..เป็นแค่คู่นอน

ไม่ใช่..แฟนและเฮียก็ย้ำกับเธอตลอดว่าเฮีย..มีดอท” เฮียพยายามเล่าเรื่องและหยุดพักเป็นจังหวะเนื่องจากเหนื่อยเกินไป “เมื่อควงกันได้ ส..สักพัก เฮียบอกเลิกไป..และไม่ได้ติดต่อเพราะตั้งใจจะเลิกมีคนอื่น..พ..เพื่อดอท แต่ยังเหลือ..สกายที่เฮียต้องการแค่อยากเอาชนะน้องชายของดอท..เพราะทิฐิของเฮียเอง ..ตอนที่เฮียโดนตั้งข้อหาคดีของสกาย.......เฮียติดต่อไปขอความช่วยเหลือจากแพรพรให้ช่วยพูดกับพ่อเรื่องการประกันตัวและ..สู้คดี...เธอได้โอกาสจึงขอเจอกับเฮียอีก ซ..ซึ่งเฮีย..ก็คิดว่า..ม..ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร แต่.. แต่เธอกลับเจาะถุงยาง  ล..และมาบอกเฮียว่า..ท..ท้องเมื่อสองอาทิตย์ก่อน..”

“เฮีย..เฮียไม่ต้องเล่าแล้วครับ ไม่ว่าเรื่องจะเป็นยังไง ดอทรู้ว่าเฮียทำทุกอย่างเพื่อที่เราจะได้อยู่ด้วยกัน ดอทรู้แล้ว” ผมร้องบอกพยายามปาดเช็ดน้ำตาเพื่อไม่ให้มันหยดลงไปบนหน้าของเขา

เฮียส่ายหน้าและรวบรวมพลังเล่าต่อ “พ...พอรู้ว่าแพร,,ท้อง เฮียหาวิธี..ไม่ให้เรื่องมันบานปลาย ฮ..เฮียไม่ได้อยากให้เธอทำแท้ง..แต่สถานการณ์มันบังคับ เฮียไม่ได้รักเธอและ..แพรก็มีปัญหาด้านอารมณ์ ถ..ถ้า  ถ้าปล่อยให้เด็กเกิดมา ด..เด็กต้องมีปัญหาและไม่มีความสุข..เฮีย.. เฮียตัดสินใจขอให้เธอทำแท้ง.. ตอนแรกเธอก็ไม่ยอม..จ..จนเฮียต้องแลกกับทะเบียน..สมรส  เราออกต่างจังหวัดเพื่อ..ไปเอาเด็กออก ป..เป็นวัน..เดียว ก..กับที่ดอทโดนน้ำป่าพัดไป”

ถึงตรงนี้เฮียหอบหายใจหนัก ดวงตาลอยคล้ายจะวูบไปได้ทุกขณะจิต

เรื่องเป็นแบบนี้นี่เอง วันนั้นที่ผมเห็นเฮียกับแพรพรก็คือวันที่กำลังพากันไปทำแท้ง และที่เฮียไม่บอกรักรีบตัดบทไปก็เพราะไม่อยากให้เธอระแวงและเปลี่ยนใจไม่ยอมเอาเด็กออก  โธ่เฮีย ทำไมถึงได้ทำอะไรแบบนี้นะ

“พอแล้วครับเฮีย ดอทเข้าใจแล้ว” ถึงแม้สิ่งที่เฮียทำจะไม่ถูกต้องแต่เขาก็ทำเพื่อผม ไม่มีความคลางแคลงในใจอีกแล้วว่าเฮียไม่รัก ผมตัดสินใจได้แล้วว่าจะเลือกใคร ยังไงก็จะขออยู่ข้างเฮียคอยฝ่าฟันทุกเรื่องไปพร้อมกัน 

“ด..ดอท เก็บที่ดินแปลงนี้..ไว้นะ” เฮียยังถือโฉนดไว้แล้วยัดใส่มือผมซึ่งตอนนี้มันเปื้อนเปรอะไปด้วยเลือดและฝุ่นผง “ฮ..เฮียตั้งใจจะ..ให้ เฮีย.. เฮียอยากอยู่กับดอท..ที่นี่ อยาก..ใช้ชีวิตที่เหลืออยู่กับดอท ป..ไป..ตลอดชีวิต” เฮียยิ้มให้พร้อมกับจับมือผมแน่น

หัวใจผมสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง รู้สึกราวกับว่ามันใกล้จะแตกสลายเต็มที

“ดอทจะอยู่กับเฮียนะ ฮึกก เราอยู่ด้วยกันจนแก่จนเฒ่าเลยนะเฮีย” พูดไปร้องไห้ไปจนตัวโยน

“บ..บอกพี่..เวย์กับ..หมอวรรต..ห..ให้สร้างบ้านเรา ต..ต่อไปตามที่ดอทอยากได้ ฮ..เฮียชอบฝีมือเขา” เฮียสั่งความกระท่อนกระแท่น

เป็นจังหวะที่หมอวรรตเข้ามาเพิ่มผ้าก็อซอีกปึกหนึ่งทับลงไปอีกเพราะชุดเดิมเปียกชุ่มไปหมด  พี่เวย์ตามเข้ามาแล้วบีบแขนเฮียแน่นเพื่อตกปากรับคำ

“ผมจะทำบ้านของคุณให้เสร็จ รับรองว่ามันจะดีที่สุดเท่าที่ผมเคยทำมา” พี่เวย์บอกและหมอวรรตก็พยักหน้าตาม
เฮียมีสีหน้าที่พึงพอใจ จากนั้นทั้งคู่ก็ถอยฉากออกไป 

“ด..ดิน..ด..แดน”  เฮียเรียกชื่อนายดินเสียงเบามาก เหมือนคล้ายจะหมดแรง
ผมงงอยู่เล็กน้อยแต่เฮียพยายามมองเขาจนผมเข้าใจว่าเฮียต้องการคุยด้วยผมจึงเรียกให้

“ดินมาหาเฮียหน่อย ขอร้อง..” ผมส่งสายตาอ้อนวอนเพราะกลัวน้องชายจะถือทิฐิแล้วไม่ยอมลงให้
แต่ก็ผิดคาด ดินแดนรีบเข้ามานั่งคุกเข่าลงข้างเฮียแล้วฟังอย่างตั้งใจ

“ฝ..ฝากดอท..ฝาก..ดูแล ด..ดอท อะไรก็ได้..แค่ดอท..ต้อง..มีความสุข... ร..รับ..ปากสิ” ยิ่งเฮียพูดมากเท่าไหร่ อาการก็เหมือนจะทรุดลงมากเท่านั้น 

“ผมรับปาก” ดินแดนดึงมือของเฮียไปบีบกระชับหนักแน่น “พี่ดอทจะมีความสุข..ครับเฮีย”  ท้ายประโยค ดินแดนเปลี่ยนสรรพนามที่เรียกเฮียพร้อมกับส่งสายตาแน่วแน่ให้ความมั่นใจ

เฮียยิ้มบางๆ ยื่นมืออีกข้างไปประกบกระชับมือดินแดนเหมือนเป็นการตอบรับสัญญาพร้อมกับยุติสงครามระหว่างทั้งคู่  ภาพนี้ผมเฝ้ารอให้มันเกิดขึ้นมาพักใหญ่ ดีใจที่ได้เห็นแต่มันดีใจไม่สุดเมื่อมาเกิดในเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานแบบนี้

“ด..ดอท..ต้อง...มีความ..สุข ผ..เผื่อเฮียนะ” เมื่อเฮียหันกลับมาหาผม นายดินก็ถอยออกไป

“อย่าพูดเหมือนสั่งเสียแบบนี้นะเฮีย ดอทไม่ฟัง ไม่อยากฟัง!” ผมออกแรงกดแผลเฮียแรงขึ้นเพื่อให้เลือดหยุดเฮียจะได้ไม่ต้องพูดอะไรแบบนี้

“ด..เด็กดื้อ..จ..จูบ..เฮียหน่อย...” เสียงเฮียเริ่มแผ่วลงจนใจผมบีบรัดหนักหน่วง น้ำตาไหลพร่างพรูไม่ขาดสายจนต้องคอยเช็ดออกจากหน้าจากหน้าเฮียอยู่เรื่อยๆ “จ..จูบ..เฮีย..นะ”   

ดวงตาของเฮียเผ่าอ่อนแสงลงเต็มที ยิ่งเห็นใจยิ่งเสีย ผมรีบพยักหน้าแล้วก้มลงประทับริมฝีปากลงไปตามคำขอ ไม่อายใครหรอก ไม่มีอะไรต้องอายในเมื่อเรารักกันและจะไม่มีใครมาพรากเราสองคนได้ ไม่ว่าใครก็ไม่สำคัญเท่าเฮียของผมอีกแล้ว

เมื่อริมฝีปากของเราสัมผัสกัน เหมือนเรื่องราวในอดีตถูกฉายวนขึ้นในมโนภาพ ความรักของเฮียชัดเจนเสมอ ไม่ว่าสถานการณ์ในชีวิตจะเป็นอย่างไรผมยังมีเขาเป็นที่พึ่งพา เป็นหลักให้ยึดเกาะในช่วงเวลาที่อ้างว้างและโดดเดี่ยว ผมรักเฮียและจะรักตลอดไปตราบเท่าที่ยังมีลมหายใจ

ในขณะที่กำลังแนบริมฝีปากเข้าหากัน หัวใจของผมเต้นรัวเมื่อถูกโอบกอดและจูบตอบรับกลับมา เฮียสู้มากและแข็งแรงขึ้นจนรู้สึกได้

ทว่าผมก็โล่งใจได้เพียงไม่นาน เหมือนว่าแรงของเฮียเริ่มจะหมดจึงจูบเฮียย้ำๆ เพื่อกระตุ้นให้ตอบสนอง และมันก็ได้ผล เฮียตอบรับกลับมาอีกครั้ง

แต่แล้วเพียงครู่เดียวก็แผ่วลงอีก จึงต้องกระตุ้นอีกครั้งซึ่งคราวนี้กลับเบาลงเรื่อยๆ
แผ่วเบาลงอีกไม่ว่าจะกระตุ้นกี่ครั้งก็ยังเบาลง 

จนนิ่งสนิทไปในที่สุด..

“ฮ..ฮึกก..ฮื...อ” ผมยังคงจูบเฮียต่อไปพร้อมกับเริ่มสะอื้นหนักขึ้น “ฮือออ ฮื้อออ” ลมหายใจของเฮียขาดหายไปแล้ว
ขาดหายไปจากผมแล้ว..

“ฮื้อออ เฮียย..” ตัวผมสั่นรุนแรงเมื่อชัดเจนกับความรู้สึกแล้วว่าลมหายใจของเฮียไม่กลับมา   

“..ฮื้อๆๆๆ ม..หมอ ช่วยด้วย! ช่วยด้วย! ฮือออ” ผมกอดร่างไร้ลมหายใจของเฮียไว้พร้อมกับสะอื้นไห้ปริ่มจะขาดใจ ไม่เคยรู้เลยว่ารักเฮียมากขนาดนี้ ไม่เคยรู้เลยว่าถ้าขาดเฮียไปจะโศกเศร้าได้ขนาดนี้ 

ไม่เคยรู้เลยว่าเมื่อคนที่เรารักจากไปจะส่งผลกระทบถึงหัวใจได้รุนแรงถึงเพียงนี้   

หมอวรรตเดินเข้ามานั่งข้างๆ แล้วสอดมือเข้าไปแตะที่ช่วงคอ ภาพของเขาพร่ามัวเนื่องจากม่านน้ำที่อาบเลอะรอยดวงตา 

“ให้คุณเผ่านอนราบหน่อยครับ” หมอวรรตบอกและผมรีบทำตาม  จากนั้นเขาจึงทำ CPR ให้อยู่ครู่ใหญ่

“ไม่นะหมอ อย่าเพิ่งถอดใจ เฮียยังกลับมาได้ ปั๊มหัวใจต่อสิ หมอ หมอกลับมา ฮึก ฮืออ ฮือๆๆ” ผมร้องขอความเห็นใจเมื่อหมอวรรตพยายามอยู่นานแต่เฮียกลับไม่ตอบสนองอะไรเลย

“ผมพยายามเต็มที่แล้วครับ”

“ม..ไม่! เฮีย ไม่นะเฮีย..อย่าทิ้งดอท! ไหนบอกว่ารักดอทไง ฮึกก ไหนบอกว่าจะอยู่ด้วยกัน ฮืออ กลับมาหาดอทสิครับ กลับมาบอกรักดอทเดี๋ยวนี้ กลับมา!! ฮืออ ฮื้อออ”

“ม..หมอ” ผมเงยหน้ามองหมอวรรตเพื่อให้เขาช่วยอีกครั้ง แต่เขากลับส่ายหน้าเบาๆ

“พี่ดอท..” ดินแดนเข้ามาจับแขน “เฮียเขาไปดีแล้วนะพี่” 

ผมส่ายหัวแล้วยกตัวเฮียขึ้นมากอดเฮียไว้แน่นขึ้น

“..ฮืออ ไม่เอา.. ฉันจะอยู่กับเฮีย ฮึกก ฮือออ” ผมยังคงจูบเฮียย้ำๆ หวังจะให้จุมพิตจากรักแท้ชุบชีวิตเฮียขึ้นมาเหมือนในเทพนิยาย

ทำไมล่ะ ผมรักเฮียขนาดนี้ เฮียก็รักผมขนาดนี้ แล้วทำไมต้องพรากเฮียไปด้วย ผมไม่ยอมนะ..

ผ่านไปนานราวสิบนาที ถึงตอนนี้เพิ่งจะได้ยินเสียงไซเรนส์ดังใกล้เข้ามา น่าจะเป็นรถพยาบาลหรืออาจเป็นรถตำรวจ

หึ.. มาทำไมตอนนี้ล่ะ เฮียไปแล้ว เฮียจากผมไปแล้ว จากไปแล้ว ได้ยินไหม!!


“คุณครับ ขอดูอาการคนเจ็บหน่อยครับ” ได้ยินเสียงแต่ผมไม่สนเพราะไม่อยากให้ใครมาพรากเฮียไป

“ไม่เป็นไรครับ ขอเวลาให้เขาทำใจหน่อย” หมอวรรตยื่นนามบัตรให้เจ้าหน้าที่ “คนเจ็บหมดลมหายใจไปราวสิบนาที นานเกินกว่าจะเรียกกลับแล้วครับ โดนยิงตัดหลอดเลือดใหญ่ที่คอและเสียเลือดมากเกินไป ผม CPR ให้แล้วแต่สัญญาณชีพไม่กลับมา” เสียงหมอวรรตพูดขึ้นและสักพักก็เข้ามานั่งใกล้ๆ  “คุณต้องรีบตั้งสติให้ได้ ถ้าเฮียของคุณรู้ว่าคุณโศกเศร้าขนาดนี้ เขาจะไม่สงบนะ” 

ได้ยินแล้วกลับสะอึกสะอื้นหนักขึ้น ถ้าเฮียไปแล้วไม่สงบก็มารับดอทไปด้วยสิ มารับดอทไปกับเฮียนะ

“ฮื้ออ ฮือออ”


หมอวรรตทิ้งระยะสักพักแล้วจึงเริ่มให้สติอีกครั้ง “เข้มแข็งนะคุณ เพื่อเขาจะได้สบายใจ”

ผมพยายามทำใจอย่างหนักในการควบคุมสติ แล้วก็ต้องจำใจพยักหน้าจากนั้นก็ค่อยๆ ปล่อยตัวเฮีย

“ค่อยๆ ลุกนะครับ เดี๋ยวน้องจะเป็นลม” พี่เวย์เข้ามาช่วยประคอง

ดินแดนลูบเช็ดน้ำตาให้แต่มันก็ไหลลงมาอีกเรื่อยๆ เขาจึงจูบที่หน้าผากแล้วประคองใบหน้าผมไว้ให้มองสบตาก่อนจะบอกด้วยเสียงอ่อนโยน

“ผมจะไปกับเฮียเอง พี่ดอทไม่ต้องห่วงเฮียนะ”  จำใจพยักหน้าตอบรับอย่างไร้สติ มองดินแดนเดินไปที่รถเตรียมขับตามไปโรงพยาบาล

หมอวรรตเรียกเจ้าหน้าที่เข้ามาจัดการ แต่เมื่อได้เห็นว่าเฮียกำลังจะถูกนำขึ้นเปล ผมที่ยืนดูอยู่ไม่ห่างก็สะบัดตัวออกจากพี่เวย์จนหลุดและพยายามจะเข้าไปหาเฮียอีกครั้ง

“ไม่! อย่าเอาเฮียไป อย่าเอาไป! ดอทจะอยู่กับเฮียย ฮืออออ ฮื้อออ เอาเฮียคืนมา!” พี่เวย์รวบตัวผมไว้ได้และยื้อกันอยู่อย่างนั้นจนตอนนี้ร่างเฮียเข้าไปในรถและขับออกไปในที่สุด 

“เฮียย!!” ผมร้องเรียกสุดเสียงพร้อมกับหัวใจที่แตกสลายไม่มีชิ้นดี

“น้อง! โธ่น้อง.. นายวรรตมาดูดอทก่อน! น้องเป็นลมไปแล้ว!”


.•:*´¨`*:•.☆ ►  รู้ เ ท่ า ไ ม่ ถึ ง . . รั ก ◄ ☆•:*´¨`*:•.

:mew2:
สงสารเฮียเผ่า ที่จริงตัวละครตัวนี้นายน้อยไม่ได้เกลียดเลยนะ
ค่อนข้างชอบด้วยซ้ำที่มีความเลวในความดีชัดเจนไม่มีความตอแหลเลย
มนุษย์เรา มีดี มีเลว อยู่ในตัวเอง อาจดีกับคนนั้นแต่เลวมากกับคนนี้
จึงเป็นข้อคิดที่ว่าอย่าเกลียดคนอื่นจากคำบอกเล่าของใคร
นายน้อยรักเฮียเผ่าที่เฮียแกรักดอท อาจมีเผลอทำผิดแต่รู้จักกลับตัว
แต่เสียดายที่เฮียกลับตัวช้าไป บางทีโอกาสก็ถูกเตรียมไว้ในเวลาของมัน
ถ้าเราฉวยโอกาสในเวลานั้นมันไม่ได้ ก็อาจจะเรียกร้องเอากลับมาไม่ได้..ตลอดกาล..

คุยกันมันส์ดี

Janemera : ไม่แน่ว่าอาจจะนกทั้งพี่ทั้งน้องนะคะ ฮือออ

วันหนึ่ง : อาจมีนกทั้งคู่ แง๊ๆ

dekying kukkig : เรื่องเฮียเผ่าเคลียร์แล้ว แต่ใจดอทก็พังไปแล้ว ไม่รู้จะกู้คืนได้มั้ย ตัดจบแบบนี้เลยดีป่าว โฮฮฮ

TachibanaRain : ขออนุญาตแบนคนนี้ได้มั้ย เอะอะแทะโลมพี่ดินตลอดดดดดดดดด

songte : ดอทเลือกเฮียเผ่าแล้วค่า ฮืออ

kunt : หรือควรตัดจบตรงนี้ดีน้า จะได้ไม่ต้องพันกันมั่วอีก อิๆ

ออฟไลน์ TachibanaRain

  • มาโกโตะเทนชิ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-3
โหหหหหห นายน้อยเลือกวิธีตัดเฮียเผ่าออกไปแบบนี้นี่โคตรไม่แฟร์เลยจริงๆ ถ้าจากเป็นอย่างน้อยมันก็มีอะไรมาลบล้างกันได้อย่างการกระทำต่างๆของเฮียที่ทำให้ดอทตัดใจได้ แต่พอมาจากตายมันก็จะกลายเป็นว่าทำให้ดอทยึดติดกับเฮียเผ่าเข้าไปใหญ่ ทีนี้ดอทก็จะปิดใจและไม่เปิดใจให้ใครแล้วแน่ๆ เพราะความคิดของดอทตอนนี้คือเฮียดีที่สุด รักเฮียมากที่สุด ต่อไปพี่เวย์กับหมอวรรตคงงานหนักเลยทีนี้จากตอนแรกที่มีความหวังแบบริบหรี่หลังจากนี้คงเป็นศูนย์ ทำไมนายน้อยใจร้ายแบบนี้นะอ่านจบแล้วอยากร้องกรี๊ดด้วยความขัดใจจริงๆ

ปล. อย่าแบนเราาาาาา เดี๋ยวพี่ดินเสียใจ กินไม่ได้นอนไม่หลับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-10-2018 23:11:01 โดย TachibanaRain »

ออฟไลน์ Janemera

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 152
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
 :z3: :o12: :hao5:ไม่ได้อยากให้มีใครตายเลย เฮียพยายามแก้ไขแต่กลายเป็นว่าเรื่องมันบานปลายไปกว่าเดิม แต่ในเรื่องความรักที่มีให้กับดอทเฮียแกก็รักไม่แพ้ใคร เอาเป็นว่าต่อจากนี้ใครจะเยียวยาสภาพของจิตใจน้องดอทที่ยึดติดกับเฮียเผ่าตลอดล่ะ น้องจะสู้มันต่อไปได้มั้ย :ling2: :ling3:

ออฟไลน์ nonlapan

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 156
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
omg... มาแนวนี้อล้วบอกเลยว่าขอ Bad End ค่ะ น้องตายตามเลยก็ได้ แงงงงงงง พี่เผ่าของน้อง  :hao5:

ออฟไลน์ kunt

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +42/-1
หลบไปร้องไห้แป้บ คนเลวที่รักเธอเลยทีเดียว  :o12:
ตัดตัวเลือกกันแบบนี้เลย คนเขียนเอาแบบนี้เลย

ออฟไลน์ oilzaza001

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 619
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
ทำไมเราถึงไม่สงสารเฮียหว่า นี่เป็นบทเรียนที่คนแบบเฮียสมควรได้รับแล้วละค่ะ จริงๆก็ไม่ได้อยากจะให้เค้าถึงตายหรอก แต่คนแบบนี้ต้องเจอพวกแรงๆสุดกู่แบบผู้หญิงคนนี้นั่นละ ถึงจะเข็ด เลิกได้แบบถาวร คนแบบเผ่าเหมือนคนที่เรารู้จักหลายๆคนเป็นพวกสร้างปัญหาเก่ง แต่แก้ปัญหาไม่เป็นจนมันบานปลาย สุดท้ายก็มีแต่ความสูญเสีย ในส่วนของดอทเราขัดใจมากที่ดอทดีเกินไป สำหรับเราต่อให้คนของเราจะรักเราขนาดไหนแต่เรื่องที่ไปมั่วไปมีคนอื่นเอาไม่เลือกไม่เกี่ยงแบบเผ่า เราถือว่าไม่ให้เกียรติตัวเราและความรักของเรามากๆ เพราะไม่ใช่แค่ตัวเค้าจะถูกมองว่าไม่ดี มันลามมาถึงเราด้วย เพราะฉะนั้น ถ้าเป็นเราคงจะหันมารักตัวเองดีกว่าไปจมอยู่กับคนแบบเผ่าค่ะ เพราะเราว่าความรักในส่วนนั้นมันอาจจะเป็นความผูกพันธ์มากกว่า เฮ้ออ บางครั้งมันก็แยกยากค่ะ อันไหนผูกพันธ์ อันไหนความรัก ดังนั้น ถอยออกมาดีกว่าดันทุรังอยู่ด้วยกัน เพราะเราไม่อาจบอกได้ว่าผู้ชายประเภทนี้เค้าจะเลิกอย่างที่ปากบอกได้มั้ย..... //อินมากเพราะเผ่านี่ตัวแทนนิสัยผู้ชายไทยหลายๆคนที่เรารู้จักเลยค่ะ 5555

ออฟไลน์ วันหนึ่ง

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 28
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ยังไงก็ไม่โอเค ตรงที่พาไปทำแท้ง ถึงสองคนนี้จะได้คู่กันเพราะรัก แต่จะไม่รู้อะไรเลยหรอ กับที่พรากชีวิตเด็กไป หรือก่อนไปทำแท้งได้ปรึกษาหมอแล้ว

ออฟไลน์ Grey Twilight

  • Moderator
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 392
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +171/-17
ตอนแรกพออ่านถึงก่อนตอนที่ 17 ผมว่าจะคอมเมนท์ว่าเรื่องมันเริ่มไม่น่าสนใจ เพราะว่าผมรู้สึกว่าเรื่องเริ่มเทไปที่ไปพี่เวย์กับหมอวรรษเยอะแบบแปลกๆ แล้วมันเหมือนจงใจจะทำให้สองตัวละครนั้นเด่นขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งสำหรับผม มันดู ‘จงใจ’ มากเกินไปหน่อยน่ะครับ ดูป๋าดันจนตะหงิดๆ แต่พอมาอ่านว่าเฮียดันตาย อ้อ...รู้ละทำไม (หัวเราะ)

เอาทีละเรื่องก่อนละกันครับ เอาเรื่องติก่อน เพราะเรื่องชมผมก็ชมไปเยอะแล้ว (หัวเราะ) อย่างที่บอกครับ นักอ่านหลายคนหลายๆครั้งเค้าสัมผัสได้นะครับเวลานักเขียนพยายาม ‘จงใจ’ จะทำอะไรหรือจะผลักดันคาแรกเตอร์ตัวไหน เพราะมันจะขัดกับโทนเรื่องหรือสเกลเรื่องที่ผ่านๆมา ตรงนี้มันมี Contradict issue อยู่เหมือนกัน คือ ในมุมของนักเขียน เค้ารู้ว่าพล็อตของเค้าจะเป็นยังไง เค้าจะโปรตัวละครไหน นักเขียนสามารถดึงพล็อตให้เอียงไปทางตัวละครที่เค้าจะดันได้ ซึ่งจะทำให้เมคเซนส์ในมุมของนักวิเคราะห์วรรณกรรมเมื่ออ่านนวนิยายจบแล้ว แต่ในมุมนักอ่าน โดยลอจิกของนักอ่านแล้วเค้าจะเห็นเคมีของตัวละคร แล้วเทียบเคียงมาเป็นบุคคลในชีวิตหรือสังคมจริง ดังนั้นเค้าจะสามารถ interact กับตัวละครที่เราสร้างมาได้ดีกว่าตัวนักเขียนเอง นักอ่านมักจะรู้ว่าคนแบบนี้ชีวิตจริงคิดยังไงเป็นยังไง เพราะนักอ่านหลายคนสัมผัส ‘ตัวละครจริง’ ของ ‘บุคลิกสมมุติ’ ที่นักเขียนแค่อยากสร้างขึ้นมา ดังนั้นหลายๆครั้งเราจะเห็นในวงการหนังสือว่า นักอ่านปฏิเสธหรือไม่ยอมรับพล็อตของนักเขียน เพราะมันไม่เมคเซนส์ในความเป็นจริงครับ

ประเด็นของผมคือ อย่าพยายามดันตัวละครอะไรจนผิดสังเกต ลองสังเกตง่ายๆยกตัวอย่างเรื่องนี้ คือตอนสองตอนมานี้ ดอททำตัวเหมือนเป็นศิราณีมาก ตั้งแต่เข้าป่าละ เอะอะถาม เอะอะสอบปากคำ อีกฝ่ายก็หน้าซื่อเล่าเป็นคุ้งเป็นแKังกับช่วงเวลาระบายดราม่าคลับฟรายเดย์ เฮ้ย เดี๋ยว นี่ไม่ใช่บทโทรทัศน์ นี่มันบทสนทนาวรรณกรรม ทั้งพี่เวย์ทั้งหมอวรรษเลย โอ้โหพูดกันยังกับรายการเจาะใจ มันดูจงใจไปหน่อยอะครับ โดยนิสัยของผู้ชายไม่มีใครจะมาจี้ระบายกันแบบนี้ ถ้าเราจะเผยปมของตัวละคร ผมอยากให้ค่อยๆใส่มาครับ ให้เหมือนฉากสบายๆเรื่อยๆ แล้วตัวละครพูดออกมาเองทีละอย่าง เพราะอยากให้อีกฝ่ายยอมรับ มันจะละมุนละไมแล้วให้คนอ่านซึมซับได้มากกว่าพุ่งมาโครมเดียวยังกับแม่น้ำหลาก มันจะค่อยๆทำให้ตัวละครนึงเริ่มเปิดใจมองอีกตัวละครนึงในมุมใหม่ๆ

พี่เวย์กับหมอวรรษเป็นตัวละครเสริมที่พึ่งมามีบททีหลัง จะมาอธิบายอะไรรัวๆอันนี้ผมว่าข้อมูลมันเยอะไปแล้วดูจงใจเกินเหตุ ที่เป็นอย่างนี้ อาจจะเพราะด้วยคาแรกเตอร์ตัวละครมันชัดมากมาตั้งแต่ช่วงแรก (ก่อนหน้าตอนที่ 15) ดังนั้นเคมีของตัวละครมันจะดำเนินไปได้ตามท้องเรื่องของมัน การที่เราจะไปบังคับให้มันมีฉากอะไรที่ขัดกับพื้นนิสัยตัวละคร มันจะทำให้ดูจงใจจนนักอ่านสัมผัสได้น่ะครับ ผมเข้าใจว่า คุณฟิคชันจะรีบเคลียร์ปมสองคนนี้ก่อนที่จะตัดเฮียออกไป เพื่อที่จะโพสเกรสความสัมพันธ์ได้ แต่ส่วนตัวแล้ว ผมไม่เห็นด้วยนะครับ เพราะสำหรับผม พี่เวย์เป็นตัวละครที่ดูแบนมาก คือดีนะ แล้วยังไงต่อ? ดี หล่อ เล่นกีฬาเก่ง สูง แล้วจะดึงมาโยงกับดอทยังไง? ช่วงเวลาที่มันจี้สร้างความสัมพันธ์มันผ่านไปแล้ว (ตอนเด็กของดอท) ซึ่งพระเอกในช่วงนั้นคือเผ่าพงศ์ ดังนั้นเผ่าพงศ์จะมีมิติมากขึ้นเมื่อเรามาพิจารณาความสัมพันธ์ของดอท แต่สำหรับพี่เวย์คือถูกตัดออกไป แล้วก็โผล่มาใหม่ แล้วก็ไปติดป่า? คือผมไม่คิดว่าแค่การไปติดป่า มันจะสร้างความสัมพันธ์เท่ากับระยะเวลาที่ดอทใช้กับเผ่าพงศ์เป็นสิบปีน่ะนะครับ แต่การที่คุณฟิคชันบรรยายให้ดอทหวั่นไหวกับพี่เวย์มากพอควร มันเลยทำให้ผมดูออกว่าเรากำลังโปรโมตตัวละครอยู่ และส่วนตัวด้วยพื้นนิสัยของตัวเวย์ ผมว่าตัวละครแบบนี้มันจืดจางและแบนไปหน่อยสำหรับโทนเรื่องของดอทนะครับ

ส่วนหมอวรรษ ผมเคยคอมเมนท์เกี่ยวกับตัวละครนี้ไปแล้วว่าบุคลิกเขาใช้ได้นะครับ แต่สำหรับมุมนักอ่านที่เห็นคนนิสัยแบบนี้ แล้วอยู๋ในสภาพแวดล้อมที่ไปเจอคนแบบดอทซึ่งไม่มีใครเลย เคมีมันเหมาะเป็นเพื่อนมากกว่า

ทีนี้มาที่เผ่าพงศ์ การตายของเผ่าพงศ์ก็เป็นอะไรที่ผมว่าค่อนข้างพระเอกนะครับ คือมันเป็น Game Changing จริงๆเลยล่ะ ในแง่ของดราม่าด้วย เพราะเอาจริงๆการที่เผ่าพงศ์ถึงขั้นคว้าดอทกอดคร่อมตัวทับนี่มันทุ่มเทมากเลยนะครับ มันไม่ใช่แค่ฉากกระโดดบังแบบพระเอกนิยายไทยสมัยก่อน แต่ฉากแบบนี้นี่มันคือยอมแลกชีวิตอย่างเห็นๆ เพราะว่าโดยปกติการคร่อมทับเป็นเกราะคุ้มมันจะบังทุกอย่างที่มาจากทุกทาง ดังนั้นมันแสดงถึงเจตนาเผ่าพงศ์ได้ชัดเจนแบบที่ไม่ต้องบรรยายอย่างอื่นเพิ่ม แค่นี้ก็ได้ใจผมแล้วอะ แล้วก็อย่างที่ผมเคยคอมเมนท์ไปสองตอนก่อน เผ่าพงศ์เป็นคนเดียวที่ผมคิดว่ามาวินที่สุดด้วยความสัมพันธ์น่ะนะครับ แต่ทีนี้พอตายแล้วจะทำยังไง ผมยังเดาเรื่องไม่ออกเลย สงสัยต้องเชียร์ดินแดนแทนแล้วมั้งครับ (หัวเราะ) เพราะสองคนนั้นสำหรับผมดูแล้ว ถ้าเอาเป็นคู่สำหรับโทนเรื่องดราม่าแบบดอท มันดูขัดๆยังไงก็ไม่รู้ครับ

เพราะการเสียคนที่รักเราที่สุดไป มันทรมานนะครับ ยิ่งเป็นคนที่รักเรามากจนยอมทำทุกอย่างเพื่อที่จะอยู่กับเรา แล้วเราเมื่อรับรู้ความตั้งใจของเค้า ก็อยากจะใช้ชีวิตกับเค้า ยิ้ม หัวเราะ งอนง้อ อ้อน คอยตามใจเค้าแล้วก็คอยให้เค้าตามใจ แต่พอโอกาสนั้นมันปลิวไป ดอทจะแตกสลายก็ไม่แปลกครับ เผ่าพงศ์เป็นคนที่กู้ชีวิตดอทจากภาวะที่เคยแตกสลายขึ้นมา แต่ปรากฏสุดท้ายแล้วดอทกลับไม่สามารถจะอยู่กับเค้าได้ ไม่สามารถจะมีความสุขกับเค้าได้ทั้งๆที่รับรู้ความตั้งใจ แล้วยิ่งสิ่งสุดท้ายที่ทำให้เค้าถูกพรากเราไป เพราะความแน่วแน่ของเค้าที่จะปกป้องเรา ความรู้สึกตรงนี้มันน่าสงสารมากนะครับ การจะให้ใครมาแทนนี่ก็คงไม่ใช่เรื่องที่ง่ายและทำได้ ผมถึงบอก ถ้ามองกันตามรูปการณ์ ผมว่าผมคงต้องถือธงดินดอทล่ะครับ (หัวเราะ)

ขอเสริมนิดนึงเกี่ยวกับการที่เส้นเลือดแดงที่คอขาด เส้นเลือดแดงใหญ่ขาดก็เป็นเคสอันตรายพอสมควรแล้ว แต่สำหรับเส้นเลือดแดงใหญ่ที่คอขาด อาจจะอันตรายมากเพราะว่าสมองจะเริ่มทยอยขาดออกซิเจนที่ลำเลียงผ่านเส้นเลือด ‘ถ้า’ (เน้นคำว่าถ้า นะครับ) เกิดขึ้น แล้วศัลยแพทย์อุบัติเหตุมีฝีมือมากพอที่จะให้ยาระงับการเต้นของหัวใจชั่วคราว (ต้องปฏิบัติในห้องผ่าตัดเท่านั้น ควรมีการคำนวนโดสยาโดยวิสัญญีแพทย์ด้วย) แล้วสามารถเย็บซ่อมหลอดเลือดได้ภายใน 90-120 วินาที เผ่าพงศ์จะรอดชีวิตครับ และอีกเรื่องนึงนะครับ สำคัญมาก เส้นเลือดแดงขาด ห้าม CPR ห้ามกระตุ้นให้เลือดไหลเวียนอีก ไม่งั้นเลือดกระฉูดเต็มหน้ายิ่งกว่าหนังสยองขวัญนะครับ เย็บซ่อมเส้นเลือดเท่านั้น

ดังนั้น จะเห็นว่านี่เป็นอันตรายอย่างนึงที่ผมคิดว่าเรากำลังละเลย เพราะความจริงเคสแบบเผ่าพงศ์ ‘ป้องกันได้’ นะครับ แต่เราต้องมีของสองอย่างซึ่งหายากมากๆ หนึ่ง ศัลยแพทย์อุบัติเหตุ ศัลยแพทย์อุบัติเหตุที่มีประสบการณ์และมีฝีมือจะสามารถเชื่อมและเย็บซ่อมเส้นแดงแดงใหญ่ภายในระยะเวลาอันสั้นได้ แต่มัน Critical มาก เพราะต้องทั้งแข่งกับเวลาและใช้ความแม่นยำสูง การมีบุคลากรแบบนี้จะช่วยลดอัตราการเสียชีวิตในอุบัติเหตุแบบนี้ได้เยอะมากครับ แต่ปัจจุบันในไทยยังมีศัลยแพทย์อุบัติเหตุน้อยมากๆ ทำให้ศัลยแพทย์อุบัติเหตุที่ประจำการต้องทำทุกอย่าง และมันอาจไม่ทันการณ์ต่อชีวิตของคนไข้ สอง เราต้องมี ‘ยานพาหนะผ่าตัดเคลื่อนที่’ แนวคิดนี้เริ่มมีแล้วในกลุ่มประเทศแถบยุโรป พาหนะอันนี้จะเป็นคล้ายๆรถพยาบาล แต่สามารถใช้เป็นห้องผ่าตัดฉุกเฉินได้ ซึ่งจำเป็นมากต่อการทำ Field Operation ดังนั้นถ้ามีและสามารถเข้าถึงเผ่าพงศ์ได้อย่างรวดเร็ว (ซึ่งเรากดห้ามเลือดไว้ก่อนก็ถือว่ากล้อมแกล้มน่ะนะครับ) ก็จะยังพอมีโอกาส
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-10-2018 22:57:36 โดย Grey Twilight »

ออฟไลน์ fiction no.9

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 134
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +129/-4
    • แฟนเพจ : นิยายหมายเลข9
ตอนแรกพออ่านถึงก่อนตอนที่ 17 ผมว่าจะคอมเมนท์ว่าเรื่องมันเริ่มไม่น่าสนใจ เพราะว่าผมรู้สึกว่าเรื่องเริ่มเทไปที่ไปพี่เวย์กับหมอวรรษเยอะแบบแปลกๆ แล้วมันเหมือนจงใจจะทำให้สองตัวละครนั้นเด่นขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งสำหรับผม มันดู ‘จงใจ’ มากเกินไปหน่อยน่ะครับ ดูป๋าดันจนตะหงิดๆ แต่พอมาอ่านว่าเฮียดันตาย อ้อ...รู้ละทำไม (หัวเราะ)

เอาทีละเรื่องก่อนละกันครับ เอาเรื่องติก่อน เพราะเรื่องชมผมก็ชมไปเยอะแล้ว (หัวเราะ) อย่างที่บอกครับ นักอ่านหลายคนหลายๆครั้งเค้าสัมผัสได้นะครับเวลานักเขียนพยายาม ‘จงใจ’ จะทำอะไรหรือจะผลักดันคาแรกเตอร์ตัวไหน เพราะมันจะขัดกับโทนเรื่องหรือสเกลเรื่องที่ผ่านๆมา ตรงนี้มันมี Contradict issue อยู่เหมือนกัน คือ ในมุมของนักเขียน เค้ารู้ว่าพล็อตของเค้าจะเป็นยังไง เค้าจะโปรตัวละครไหน นักเขียนสามารถดึงพล็อตให้เอียงไปทางตัวละครที่เค้าจะดันได้ ซึ่งจะทำให้เมคเซนส์ในมุมของนักวิเคราะห์วรรณกรรมเมื่ออ่านนวนิยายจบแล้ว แต่ในมุมนักอ่าน โดยลอจิกของนักอ่านแล้วเค้าจะเห็นเคมีของตัวละคร แล้วเทียบเคียงมาเป็นบุคคลในชีวิตหรือสังคมจริง ดังนั้นเค้าจะสามารถ interact กับตัวละครที่เราสร้างมาได้ดีกว่าตัวนักเขียนเอง นักอ่านมักจะรู้ว่าคนแบบนี้ชีวิตจริงคิดยังไงเป็นยังไง เพราะนักอ่านหลายคนสัมผัส ‘ตัวละครจริง’ ของ ‘บุคลิกสมมุติ’ ที่นักเขียนแค่อยากสร้างขึ้นมา ดังนั้นหลายๆครั้งเราจะเห็นในวงการหนังสือว่า นักอ่านปฏิเสธหรือไม่ยอมรับพล็อตของนักเขียน เพราะมันไม่เมคเซนส์ในความเป็นจริงครับ

ประเด็นของผมคือ อย่าพยายามดันตัวละครอะไรจนผิดสังเกต ลองสังเกตง่ายๆยกตัวอย่างเรื่องนี้ คือตอนสองตอนมานี้ ดอททำตัวเหมือนเป็นศิราณีมาก ตั้งแต่เข้าป่าละ เอะอะถาม เอะอะสอบปากคำ อีกฝ่ายก็หน้าซื่อเล่าเป็นคุ้งเป็นแKังกับช่วงเวลาระบายดราม่าคลับฟรายเดย์ เฮ้ย เดี๋ยว นี่ไม่ใช่บทโทรทัศน์ นี่มันบทสนทนาวรรณกรรม ทั้งพี่เวย์ทั้งหมอวรรษเลย โอ้โหพูดกันยังกับรายการเจาะใจ มันดูจงใจไปหน่อยอะครับ โดยนิสัยของผู้ชายไม่มีใครจะมาจี้ระบายกันแบบนี้ ถ้าเราจะเผยปมของตัวละคร ผมอยากให้ค่อยๆใส่มาครับ ให้เหมือนฉากสบายๆเรื่อยๆ แล้วตัวละครพูดออกมาเองทีละอย่าง เพราะอยากให้อีกฝ่ายยอมรับ มันจะละมุนละไมแล้วให้คนอ่านซึมซับได้มากกว่าพุ่งมาโครมเดียวยังกับแม่น้ำหลาก มันจะค่อยๆทำให้ตัวละครนึงเริ่มเปิดใจมองอีกตัวละครนึงในมุมใหม่ๆ

พี่เวย์กับหมอวรรษเป็นตัวละครเสริมที่พึ่งมามีบททีหลัง จะมาอธิบายอะไรรัวๆอันนี้ผมว่าข้อมูลมันเยอะไปแล้วดูจงใจเกินเหตุ ที่เป็นอย่างนี้ อาจจะเพราะด้วยคาแรกเตอร์ตัวละครมันชัดมากมาตั้งแต่ช่วงแรก (ก่อนหน้าตอนที่ 15) ดังนั้นเคมีของตัวละครมันจะดำเนินไปได้ตามท้องเรื่องของมัน การที่เราจะไปบังคับให้มันมีฉากอะไรที่ขัดกับพื้นนิสัยตัวละคร มันจะทำให้ดูจงใจจนนักอ่านสัมผัสได้น่ะครับ ผมเข้าใจว่า คุณฟิคชันจะรีบเคลียร์ปมสองคนนี้ก่อนที่จะตัดเฮียออกไป เพื่อที่จะโพสเกรสความสัมพันธ์ได้ แต่ส่วนตัวแล้ว ผมไม่เห็นด้วยนะครับ เพราะสำหรับผม พี่เวย์เป็นตัวละครที่ดูแบนมาก คือดีนะ แล้วยังไงต่อ? ดี หล่อ เล่นกีฬาเก่ง สูง แล้วจะดึงมาโยงกับดอทยังไง? ช่วงเวลาที่มันจี้สร้างความสัมพันธ์มันผ่านไปแล้ว (ตอนเด็กของดอท) ซึ่งพระเอกในช่วงนั้นคือเผ่าพงศ์ ดังนั้นเผ่าพงศ์จะมีมิติมากขึ้นเมื่อเรามาพิจารณาความสัมพันธ์ของดอท แต่สำหรับพี่เวย์คือถูกตัดออกไป แล้วก็โผล่มาใหม่ แล้วก็ไปติดป่า? คือผมไม่คิดว่าแค่การไปติดป่า มันจะสร้างความสัมพันธ์เท่ากับระยะเวลาที่ดอทใช้กับเผ่าพงศ์เป็นสิบปีน่ะนะครับ แต่การที่คุณฟิคชันบรรยายให้ดอทหวั่นไหวกับพี่เวย์มากพอควร มันเลยทำให้ผมดูออกว่าเรากำลังโปรโมตตัวละครอยู่ และส่วนตัวด้วยพื้นนิสัยของตัวเวย์ ผมว่าตัวละครแบบนี้มันจืดจางและแบนไปหน่อยสำหรับโทนเรื่องของดอทนะครับ

ส่วนหมอวรรษ ผมเคยคอมเมนท์เกี่ยวกับตัวละครนี้ไปแล้วว่าบุคลิกเขาใช้ได้นะครับ แต่สำหรับมุมนักอ่านที่เห็นคนนิสัยแบบนี้ แล้วอยู๋ในสภาพแวดล้อมที่ไปเจอคนแบบดอทซึ่งไม่มีใครเลย เคมีมันเหมาะเป็นเพื่อนมากกว่า

ทีนี้มาที่เผ่าพงศ์ การตายของเผ่าพงศ์ก็เป็นอะไรที่ผมว่าค่อนข้างพระเอกนะครับ คือมันเป็น Game Changing จริงๆเลยล่ะ ในแง่ของดราม่าด้วย เพราะเอาจริงๆการที่เผ่าพงศ์ถึงขั้นคว้าดอทกอดคร่อมตัวทับนี่มันทุ่มเทมากเลยนะครับ มันไม่ใช่แค่ฉากกระโดดบังแบบพระเอกนิยายไทยสมัยก่อน แต่ฉากแบบนี้นี่มันคือยอมแลกชีวิตอย่างเห็นๆ เพราะว่าโดยปกติการคร่อมทับเป็นเกราะคุ้มมันจะบังทุกอย่างที่มาจากทุกทาง ดังนั้นมันแสดงถึงเจตนาเผ่าพงศ์ได้ชัดเจนแบบที่ไม่ต้องบรรยายอย่างอื่นเพิ่ม แค่นี้ก็ได้ใจผมแล้วอะ แล้วก็อย่างที่ผมเคยคอมเมนท์ไปสองตอนก่อน เผ่าพงศ์เป็นคนเดียวที่ผมคิดว่ามาวินที่สุดด้วยความสัมพันธ์น่ะนะครับ แต่ทีนี้พอตายแล้วจะทำยังไง ผมยังเดาเรื่องไม่ออกเลย สงสัยต้องเชียร์ดินแดนแทนแล้วมั้งครับ (หัวเราะ) เพราะสองคนนั้นสำหรับผมดูแล้ว ถ้าเอาเป็นคู่สำหรับโทนเรื่องดราม่าแบบดอท มันดูขัดๆยังไงก็ไม่รู้ครับ

เพราะการเสียคนที่รักเราที่สุดไป มันทรมานนะครับ ยิ่งเป็นคนที่รักเรามากจนยอมทำทุกอย่างเพื่อที่จะอยู่กับเรา แล้วเราเมื่อรับรู้ความตั้งใจของเค้า ก็อยากจะใช้ชีวิตกับเค้า ยิ้ม หัวเราะ งอนง้อ อ้อน คอยตามใจเค้าแล้วก็คอยให้เค้าตามใจ แต่พอโอกาสนั้นมันปลิวไป ดอทจะแตกสลายก็ไม่แปลกครับ เผ่าพงศ์เป็นคนที่กู้ชีวิตดอทจากภาวะที่เคยแตกสลายขึ้นมา แต่ปรากฏสุดท้ายแล้วดอทกลับไม่สามารถจะอยู่กับเค้าได้ ไม่สามารถจะมีความสุขกับเค้าได้ทั้งๆที่รับรู้ความตั้งใจ แล้วยิ่งสิ่งสุดท้ายที่ทำให้เค้าถูกพรากเราไป เพราะความแน่วแน่ของเค้าที่จะปกป้องเรา ความรู้สึกตรงนี้มันน่าสงสารมากนะครับ การจะให้ใครมาแทนนี่ก็คงไม่ใช่เรื่องที่ง่ายและทำได้ ผมถึงบอก ถ้ามองกันตามรูปการณ์ ผมว่าผมคงต้องถือธงดินดอทล่ะครับ (หัวเราะ)

ขอเสริมนิดนึงเกี่ยวกับการที่เส้นเลือดแดงที่คอขาด เส้นเลือดแดงใหญ่ขาดก็เป็นเคสอันตรายพอสมควรแล้ว แต่สำหรับเส้นเลือดแดงใหญ่ที่คอขาด อาจจะอันตรายมากเพราะว่าสมองจะเริ่มทยอยขาดออกซิเจนที่ลำเลียงผ่านเส้นเลือด ‘ถ้า’ (เน้นคำว่าถ้า นะครับ) เกิดขึ้น แล้วศัลยแพทย์อุบัติเหตุมีฝีมือมากพอที่จะให้ยาระงับการเต้นของหัวใจชั่วคราว (ต้องปฏิบัติในห้องผ่าตัดเท่านั้น ควรมีการคำนวนโดสยาโดยวิสัญญีแพทย์ด้วย) แล้วสามารถเย็บซ่อมหลอดเลือดได้ภายใน 90-120 วินาที เผ่าพงศ์จะรอดชีวิตครับ และอีกเรื่องนึงนะครับ สำคัญมาก เส้นเลือดแดงขาด ห้าม CPR ห้ามกระตุ้นให้เลือดไหลเวียนอีก ไม่งั้นเลือดกระฉูดเต็มหน้ายิ่งกว่าหนังสยองขวัญนะครับ เย็บซ่อมเส้นเลือดเท่านั้น

ดังนั้น จะเห็นว่านี่เป็นอันตรายอย่างนึงที่ผมคิดว่าเรากำลังละเลย เพราะความจริงเคสแบบเผ่าพงศ์ ‘ป้องกันได้’ นะครับ แต่เราต้องมีของสองอย่างซึ่งหายากมากๆ หนึ่ง ศัลยแพทย์อุบัติเหตุ ศัลยแพทย์อุบัติเหตุที่มีประสบการณ์และมีฝีมือจะสามารถเชื่อมและเย็บซ่อมเส้นแดงแดงใหญ่ภายในระยะเวลาอันสั้นได้ แต่มัน Critical มาก เพราะต้องทั้งแข่งกับเวลาและใช้ความแม่นยำสูง การมีบุคลากรแบบนี้จะช่วยลดอัตราการเสียชีวิตในอุบัติเหตุแบบนี้ได้เยอะมากครับ แต่ปัจจุบันในไทยยังมีศัลยแพทย์อุบัติเหตุน้อยมากๆ ทำให้ศัลยแพทย์อุบัติเหตุที่ประจำการต้องทำทุกอย่าง และมันอาจไม่ทันการณ์ต่อชีวิตของคนไข้ สอง เราต้องมี ‘ยานพาหนะผ่าตัดเคลื่อนที่’ แนวคิดนี้เริ่มมีแล้วในกลุ่มประเทศแถบยุโรป พาหนะอันนี้จะเป็นคล้ายๆรถพยาบาล แต่สามารถใช้เป็นห้องผ่าตัดฉุกเฉินได้ ซึ่งจำเป็นมากต่อการทำ Field Operation ดังนั้นถ้ามีและสามารถเข้าถึงเผ่าพงศ์ได้อย่างรวดเร็ว (ซึ่งเรากดห้ามเลือดไว้ก่อนก็ถือว่ากล้อมแกล้มน่ะนะครับ) ก็จะยังพอมีโอกาส

พอดีมีประเด็นยาวๆ ก็เลยขอตอบแยกออกมาเป็นพิเศษนะคะ
ก่อนอื่นต้องขอน้อมรับความคิดเห็นค่ะ อ่านแล้วก็นึกอยู่สี่ประเด็นคือ

1. เข้าใจในสิ่งที่คุณGrey Twilightต้องการจะสื่อ เพราะคนอ่านกับคนแต่ง เวลาอยู่ต่อหน้าบทนิยายมันจะคนละฟีลกันอยู่แล้ว การที่มีจุดสงสัย เคลือบแคลง หรือไม่พอใจ เกิดขึ้นเป็นเรื่องปกติ

2. ขออภัยหากเหตุการณ์ที่อยู่ในนิยายไม่สมเหตุสมผล นายน้อยขอยอมรับผิดที่อาจรีเสิร์จข้อมูลไม่ดีพอ แต่มีเหตุการณ์สองอย่างที่นายน้อยใช้เป็นเรฟฯนั่นคือ เหตุการณ์ที่หนึ่ง คนรู้จักของนายน้อยถูกยิง และไม่มีหน่วยงานไหนมาช่วยสักทีจนเขาเสียเลือดเจียนตายมาแล้ว ทั้งๆ ที่ไม่ได้โดนยิงจุดตายแต่เกือบตายได้เพราะไม่ใช่ว่าจะมีการช่วยเหลือแบบทันท่วงทีในทุกสถานการณ์เสมอไป ในบทนิยายดินแดนมาถึงช้ามากเพราะเขาเจอรถติดก่อนแยกที่จะมาถึง เป็นเหตุให้หน่วยงานกู้ชีพมาถึงช้า (และถ้าคำนวณแล้วในบทเป็นเวลาแค่สิบห้านาทีเท่านั้นเองค่ะ แต่บาดแผลฉกรรจ์จึงช่วยไว้ไม่ทัน) เหตุการณ์ที่สองคืออุบัติเหตุรถตู้ชนเด็กวัยรุ่นที่ขี่มอเตอร์ไซค์ ทั้งๆ ที่อุบัติเหตุเกิดขึ้นบนถนนใหญ่ โรงพยาบาลอยู่ไม่ไกลแต่ความช่วยเหลือหรือคนที่มีความสามารถพอจะช่วยเหลือก็ยังมาไม่ทัน และเมื่อเจ้าหน้าที่ไม่สามารถช่วยเหลือคนเจ็บได้แล้วจริงๆ เขาก็ให้เวลาพ่อของเด็ก(ที่บ้านอยู่ไม่ไกลจากจุดเกิดเหตุ)เดินทางมาถึงและภาพพ่อกอดศพลูกบนถนนที่มีเลือดไหลนองเกิดเป็นภาพข่าวและติดตานายน้อยมากจนได้หยิบเอามาเป็นฉากดังกล่าว ส่วนเรื่องCPR ในบทให้ทำตอนหมดลมหายใจไปแล้วซึ่งนายน้อยยอมรับตามตรงว่าไม่ทราบจริงๆ ว่าทำไม่ได้ ต้องขออภัยมากๆ ในจุดนี้

3. ความเป็นไปของตัวละคร  การที่อยู่ดีๆ ก็มีคนนั้นคนนี้เข้ามาในชีวิตของดอท ถ้าไม่ถูกใครสักคนชักใยอยู่เบื้องหลังก็อาจเป็นเพราะโชคชะตาและมันเกิดขึ้นได้ในชีวิตจริง เคยได้ยินได้เห็นเรื่องราวเหล่านี้ผ่านตาบ้างมั้ยคะ อยู่ดีๆ เดินสวนกับแฟนเก่าแล้วเขาหันกลับมาทักจากนั้นก็ตกหลุมรักกันอีกครั้งอย่างง่ายดาย  หรือมีคนที่ไม่เคยรู้จักเข้ามาทักผิดจากนั้นก็ปิ๊งกัน หรืออาจจะลืมของไว้แล้วมีคนเอามาคืนจนคุยกันถูกคอแล้วพัฒนาต่อจนถึงงานแต่ง นั่นแหละคือโชคชะตา ไหนๆ ก็ยกตัวอย่าง นายน้อยอยากเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นจริงของคนรู้จัก พี่ผู้หญิงเขาไปเช่าอพาร์ทเม้นอยู่ที่กรุงเทพแล้ววันหยุดกลับมาเยี่ยมบ้านที่ภาคเหนือ ไปท่องเที่ยวหลายที่จนบังเอิญเดินชนผู้ชายคนหนึ่ง ก็ยังไม่มีอะไร แต่บังเอิญนั่งรถทัวร์คันเดียวกันกลับกรุงเทพ กระเป๋าคล้ายกันวางไว้ใกล้กัน ผู้ชายหยิบไป ผู้หญิงว่ิงตามเอาไปเปลี่ยน และนั่นก็ทำให้ได้นัดกินข้าวกัน คุยไปคุยมาถึงได้รู้ว่าอยู่อพาร์ทเม้นเดียวกัน แถมยังห้องตรงข้ามกันด้วย สรุปคือชอบกัน แต่ไม่ได้แต่งงานนะ เลิกกันไปก่อน ที่หยิบมาเล่าคือ มันมีเรื่องน่าทึ่งแบบนี้เกิดขึ้นทุกมุมโลก และในโลกนิยายจะเกิดขึ้นบ้างไม่ได้เชียวหรือ อันนี้เป็นจุดที่นายน้อยชอบนิยายเพราะมันทำให้โลกทัศน์เปิดกว้าง บางอย่างจริงบ้างมโนบ้าง มันคือเสน่ห์ของนิยายค่ะ

4. ความไม่สมจริงของความสัมพันธ์

พี่เวย์ นายน้อยปูเรื่องไว้ตั้งแต่อินโทรว่าเขาคือคนสำคัญ เป็นรักแรกเป็นคนที่เบิกทางความสุขให้ดอทเป็นคนแรกก่อนเฮียเผ่าจะเข้ามาด้วยซ้ำ วัยเด็กของดอทที่มีแต่ความหมกมุ่นเรื่องลูกเมียน้อยและเรื่องป๋าไม่รักแต่กลับมีคนอย่างพี่เวย์เข้ามาให้ความสำคัญ เข้ามาทำดีด้วยและเขาคือคนที่ป๊อบมากในโรงเรียน ความประทับใจมันเกิดขึ้นแน่นอนค่ะ พี่เวย์สร้างself esteemให้กับดอทโดยไม่รู้ตัว ดอทรู้สึกมั่นใจขึ้นที่จะทำในสิ่งที่ตัวเองอยากทำในโรงเรียนเพราะพี่เวย์เป็นหนึ่งในกำลังใจสำคัญ ดอทก็มนุษย์คนหนึ่งถึงจะใช้ความเชิดหยิิ่งบังหน้าแต่ภายในใจได้เกิดความสั่นคลอนกับพี่เวย์ไปแล้ว คิด(เอาตามสมองน้อยๆของคนแต่ง)ว่ารักแรกมันคือที่สุดของความรู้สึก การที่ดอทจะหวั่นไหวเมื่อได้พบกันอีกครั้ง นายน้อยคิดว่ามันไม่ได้เกินไปกว่าความจริง
อีกประเด็นก็คือ ที่พี่เวย์พูดพล่ามออกมาตอนที่อยู่ในป่า(หลังจากเก๊กมานาน)คือความอัดอั้นค่ะ 16ปีที่ห่างกันกับคนที่รอมาตลอด สำหรับนายน้อยไม่ใช่การดันแต่เป็นอาการของคนที่เก็บอะไรไว้แน่นอกจนอยากระบายออกมา แล้วอยู่กันสองคนและมีโอกาสพูดจะไม่พูดได้ยังไง  เคยห่างใครนานๆ แล้วมีเรื่องต้องพูดเยอะๆ มั้ยคะ ถ้ามีจะเข้าใจว่าให้พูดกันโต้รุ่งก็ยังได้ แต่นี่พี่เวย์ยังมีความลับอีกมากที่ปิดไว้ จึงตัดจบบทสนทนาไปก่อน (เรื่องที่ผู้ชายไม่ใช่ประเภทมาจ้อจี้พูดมากอันนี้คิดว่าไม่ใช่ผู้ชายทุกคนค่ะ ประสบการณ์ตรงเลย คือผู้ชายเล่าความหลังให้ฟังเป็นฉากๆ คุยทั้งคืนโต้รุ่งจนนายน้อยหลับไปก่อน นั่นคือเรื่องจริง)

ดอท อันที่จริงดอทไม่ใช่คนเงียบแค่ปากหนักและไม่มีเรื่องให้พูดมากกว่า ปกติจะใช้กำแพงกั้นผู้คนออกจากชีวิต ที่คุยจ้อถามนั่นถามนี่กับพี่เวย์เพราะกำลังอะเลิท อะดรีนาลีนหลั่งเพราะรู้สึกว่าเอาชนะพี่เวย์ได้ มันเป็นรีแอคชั่นปกติของคนที่รู้สึกดีใจอะค่ะ และดอทก็อยากรู้เรื่องราวของพี่เวย์มากมายเพราะรู้สึกเสียดายที่ช่วงเวลาเหล่านั้นตนเองไม่ได้อยู่ด้วย และที่จริงอยากรู้อีกมากแต่ด้วยความปากหนัก หลายอย่างก็ยังไม่ได้จี้ถามในสิ่งที่สงสัย

หมอวรรต หมอเป็นคนที่เหมาะเป็นเพื่อนจริงๆ ค่ะ และดอทยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าชอบหมอวรรตยังไง แค่รู้ว่าเป็นความสุข ความสนุกที่ดอทหาไม่ได้จากใคร ดอทเป็นคนขาดความรัก ถ้ามีความรักเข้ามา ดอทแค่อยากเก็บมันไว้ กับหมอวรรตคือถ้าหมอไม่รุก ดอทก็จะอยู่เป็นเพื่อนไปเรื่อยๆ แต่พอดีหมอวรรตรุก คนที่หวงความรักอย่างดอทก็มีแต่จะตอบสนอง ขนาดเฮียเผ่าที่ร้ายมาก ดอทยังเสียดายและไม่ยอมเสียไปจนถึงตอนนี้ ดอททนเฮียเผ่าได้ยังไง แค่เรื่องนอกใจก็ไม่มีใครทนแล้ว แต่ถึงขนาดเข้าโรงพยาบาลเพราะเฮียเผ่าซึ่งไม่ใช่แค่ครั้งเดียวแต่ดอทก็ยังทนอยู่ เป็นเพราะความขาดความพร่องในใจของดอท ความเสียดายที่จะเสียความมั่นคงไปเพราะรู้อยู่ลึกๆ ว่าถ้าไม่ปล่อยมือเอง เฮียเผ่าก็จะไม่มีวันปล่อยอยู่แล้ว   ซึ่งโดยมากสำหรับคนที่มีครอบครัวสมบูรณ์ ถูกเติมเต็มด้วยรักมาตั้งแต่วัยเยาว์จะไม่ทนอยู่แบบดอทแน่นอนค่ะ เพราะฉะนั้นสิ่งที่ดอทเป็น จะใช้ตรรกะของคนปกติมาวัดไม่ได้

เฮียเผ่า หลายคนอาจจะไม่พอใจเพราะเชียร์เผ่าพงศ์จนรู้สึกไม่ยุติธรรมที่นายน้อยตัดตัวละครตัวนี้ไป แต่ยังไงเฮียเผ่าก็ไม่ควรได้ครองคู่กับดอท ไม่ว่าจะรักมากแค่ไหน เราก็ไม่ควรเลือกคนที่จะทำให้อนาคตของเราปั่นป่วน  เฮียเผ่าได้สร้างศัตรูไว้มากมาย ทั้งคู่ขาเก่าๆ(กี่รายต่อกี่ราย) ดินสกาย ซึ่งถ้าดินแดนโหดและเหี้ยมกว่านี้ เฮียเผ่าก็ตายอยู่ดี ไหนจะพ่อของแพรพรที่เป็นอธิบดีกรมตำรวจ ถึงแพรไม่ยิง พ่อของเธอก็อาจจะทำแทนลูกสาว ดูจากศัตรูรอบด้านถึงแม้ไม่ใช่ศัตรูจากธุรกิจมืดแต่เฮียแทบไม่มีมิตร การที่ดอทจะต้องอยู่กับคนที่มีแต่คนจ้องทำลาย มันไม่น่าจะยุติธรรมสำหรับดอท แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นไม่ได้แปลว่าเฮียตายเพื่อให้ดอทมีทางเลือกที่ดีนะคะ แต่ในเรื่อง เฮียเผ่าตาย เพราะกรรมของตนเองค่ะ
(ไม่ใช่ว่าในชีวิตดอทมีแต่เฮียเผ่า แต่เฮียเผ่าเองก็รู้สึกว่าดอทอดทนอยู่กับเอียมาตลอดเช่นกัน การที่เฮียรักมากจนไม่อยากให้เรื่องที่ตัวเองก่อไปกระทบกับดอทจนต้องปกป้องไว้เป็นทั้งความรู้สึกผิดและการแสดงความรักครั้งสุดท้ายที่เฮียจะทำให้ดอทได้)

โดยทั้งหมดที่นายน้อยอธิบาย ไม่ใช่การโต้เถียงหรือตะแบงโต้แย้งข้อคิดเห็น แค่เพียงอยากอธิบายในมุมมองที่นายน้อยแต่ง ซึ่งสำหรับนายน้อย ทุกสิ่งที่เล่าไปมันสมเหตุสมผลในความคิดของนายน้อยแล้ว (อันนี้ไม่นับข้อมูลที่ผิดซึ่งจะลองรีเสิร์จอีกครั้งแล้วจะพยายามแก้ไจจุดผิดถ้าแก้ได้จะแก้ค่ะ)  ทั้งนี้นายน้อยจะไม่เปลี่ยนแปลงเนื้อเรื่องโดยรวมที่คิดว่ามันโอเคแล้วในความรู้สึกเพราะไม่อยากเสียตัวตนของตัวเองไป

ปล. นายน้อยโอเคกับทุกความเห็นนะคะ ขอบคุณด้วยซ้ำที่สละเวลาพิมพ์มายาวๆ  แต่มีหนึ่งจุดที่อยากขอคือ เวลาให้ความเห็นอยากให้เลี่ยงการวงเล็บ (หัวเราะ) จะดีมากเลยค่ะ ทั้งนี้เพราะมันเป็นข้อคิดเห็นที่ไม่เห็นด้วยจึงทำให้รู้สึกถึงความเย้ยหยันในตอนอ่าน ซึ่งนายน้อยไม่ทราบว่าคุณGrey Twilightอยากเย้ยหยันที่นายน้อยแต่งเรื่องได้ไม่ดีหรือแค่พิมพ์เพื่ออรรถรส แค่อยากบอกว่ามันทำให้รู้สึกไม่ค่อยดีเลยค่ะ

ท้ายนี้ ขอบคุณมากๆ สำหรับการติดตาม ขอบคุณสำหรับคำแนะนำดีๆ ที่นายน้อยจะนำไปพัฒนาต่อไป  และขออภัยสำหรับความบกพร่องต่างๆ และเนื้อเรื่องที่สร้างความขุ่นใจหรือผิดหวัง

ขอบคุณมากค่ะ

ออฟไลน์ songte

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1414
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
อ่านไปร้องไห้ไปสงสารเฮียสงสารดอทอ่ะ จริงๆลึกๆก็เชียร์เฮียที่สุดอ่ะ ถึงจะเลวไปหน่อยแต่ก็รักดอทฮยู่กับดอทมาตลอดเวลา ยิ่งทำแบบนี้ยิ่งรู้ถึงความรักของเฮียอ่ะ จะเลวกับใครแค่ไหนแต่ที่รักเธอคือเรื่องจริงตลอดมาและตลอดไป  :monkeysad:

สำหรับตัวเองส่วนนึงก็ดีใจที่ลงเอยแบบนี้ ไม่อยากให้ลงแบบเฮียนอกใจไปมีคนอื่นหรือทำดอทเจ็บปวดไรงี้ เพราะมันจะกลายเป็นว่าความรักของเฮียมันไม่จริง อย่างน้อยดอทก็มั่นใจว่ามีใครสักคนรักมากๆๆๆอยู่
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-10-2018 07:26:51 โดย songte »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ซีเนียร์

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0

ออฟไลน์ dekying kukkig

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1462
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-1
 :monkeysad: เราไม่รู้ว่าจะสงสารดอทยังไงดี การทำให้หายไปโดยมีความตายมาเป็นตัวกำหนด ใจจะพังขนาดไหน
แล้วตัวเลือกที่เหลืออยู่จะทำยังไงให้ดอทกลับมาเป็นดอทที่มีความสุขได้อีกครั้ง
รอตอนต่อไปค่านายน้อย

ออฟไลน์ Noname_memi

  • 7 or never, 7 or nothing
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
เข้ามาส่อง หลังจากที่จิ้มทิ้งไว้นานแล้ว เผื่อจะผ่านช่วงม่าไปแล้ว

แต่ปรากฏว่ากำลังม่าหนักหน่วงพอดี......... นายน้อยคะ  :o12:

ถือว่าเราเข้ามาส่งกำลังใจก็ได้ค่ะ รอผ่านม่าครั้งนี้ไปก่อนนะ

 :sad4: อ่านแค่แว้บๆ ก็น้ำตาจะไหลไปกับดอท  :hao5:

ออฟไลน์ fiction no.9

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 134
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +129/-4
    • แฟนเพจ : นิยายหมายเลข9
.•:*´¨`*:•.☆ ►  รู้ เ ท่ า ไ ม่ ถึ ง . . รั ก ◄ ☆•:*´¨`*:•.

ต อ น ที่  18  :  ภ า ว ะ เ งี ย บ งั น


หนึ่งสัปดาห์หลังจากเผ่าพงศ์เสียชีวิต


ดินแดน    86 Missed Call

หมอประสาท  42 Missed Call

PA 12 Missed Call

คุณแม่ 3 Missed Call


BALLOON :  คุณดอทคะ ให้พี่ทำยังไงกับห้องเสื้อดีคะ   Read

sweetyDOTcom :  ปิดไปก่อนครับ    

sweetyDOTcom :  ฝากพี่บอลลูนอีเมลแจ้งลูกค้า แคนเซิ่ลร้านต่างๆ ที่เราดีลไว้ อันไหนที่ต้องจ่ายค่าปรับก็จ่ายไป อันไหนโดนยึดมัดจำก็ทำรายการส่งเมลสรุปมา เคลียร์ช่วงนี้ไปก่อน

sweetyDOTcom :  ดอทโอนเงินเดือนให้ทุกคนสามเดือนล่วงหน้า ถ้าได้งานใหม่ก็ไปได้เลย

sweetyDOTcom :  แต่ถ้ายังไม่ได้งานเดี๋ยวใกล้ครบสามเดือนแล้วดอทจะแจ้งอีกที

BALLOON :  ขอบคุณมากค่ะคุณดอท   Read

BALLOON :  พี่บอลลูนขอเข้าห้องเสื้อไปเตรียมคอลเล็กชั่นที่ยังค้างรอคุณดอทไปเรื่อยๆ นะคะ   Read

BALLOON :  คุณดอททำใจดีๆ อย่าคิดมาก รักษาสุขภาพด้วย   Read

BALLOON :  พักผ่อนให้สบายใจ พี่บอลลูนจะรอไม่ไปไหนค่ะ   Read

BALLOON :  รักคุณดอทนะคะ    Read

BALLOON :  Sticker สู้ สู้   Read

++++++++++++++++++++++++++

“หมอวรรต แม่จะทำยังไงดี”

“อาการหนักเลยเหรอครับ”

“ไม่ออกจากห้องมาสี่วันแล้ว งานศพยังไม่ไปเลย”

“เดี๋ยวผมลองเรียกดู”

“จ๊ะๆ”

ก๊อก ก๊อก

“คุณ.. ผมมาตรวจร่างกายให้”

ก๊อก ก๊อก

“คุณ เปิดประตูให้หน่อย”

“เห็นไหม น้องไม่ยอมคุยกับใครเลย แม่ร้อนใจจะแย่แล้ว”

“คุณ.. คุณออกมาให้คุณแม่ได้เห็นหน้าบ้าง ท่านจะได้สบายใจ”

“นั่นๆ มีกระดาษโผล่ออกมา หมอวรรตลองดูซิ น้องเขียนว่าไงบ้างลูก”

“คุณแม่ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ ดอทขอเวลาอยู่คนเดียว ถ้าไม่อยากให้หนีไปไหนก็อย่าให้ใครเข้ามานะครับ”

“โถลูก”

“คุณแม่อย่าร้องไห้เลยครับ ให้เวลาน้องอีกสักพักเดี๋ยวคงดีขึ้น”

“แม่เป็นห่วงลูกนะตาดอท”

“ลงไปพักข้างล่างดีกว่าครับ เดี๋ยวผมอยู่คุยเป็นเพื่อนก่อนไปเปิดคลินิก”

++++++++++++++++++++++++++


“สวัสดีครับแม่ใหญ่ ขอเยี่ยมพี่ดอทแป๊บนึงนะ”

“ขึ้นไปสิ แล้วอย่ากวนเขามากล่ะ เขาสั่งไว้ไม่ให้ใครเข้าไป”

“ครับ”


ก๊อก ก๊อก

“พี่ดอท ผมเองนะ น้องชายสุดหล่อของพี่ไง”

“พี่ดอทเปิดประตูให้หน่อย ผมอยากคุยด้วย”

ก๊อก ก๊อก

“งั้นตอบไลน์ก็ได้”

“โหย วีดีโอคอลก็ไม่รับอะ ไรว้า”

“ใจแข็งว่ะ ไม่รักน้องรักนุ่ง”

“พี่ดอทผมจะไปแล้วนะ”

“พี่ดอททททท เปิดประตูหน่อยยย”

“ไม่ใช่จะว่างมาได้บ่อยๆ ช่วงนี้ออกต่างจังหวัดบ่อยด้วย”

“ไม่คิดถึงกันมั่งเหรอพี่”

“เฮ้ออ ถ้าไงก็กินข้าวนะ ผมเป็นห่วง”

“รักพี่ดอทนะ”



“สวัสดีครับป๋า”

“อ้าวไอ้เสือมานานแล้วเหรอ”

“ครับ มายืนขาตายอยู่เป็นนาน พี่ดอทไม่ตอบสักแอะ”

“ก็สมควรจะไม่ตอบหรอก พูดจามึงมาพาโวยไม่เข้าหู”

“แม่ใหญ่แก่แล้วไม่เข้าใจศัพท์วัยรุ่นหรอก  ผมไปก่อนนะครับ สวัสดีครับป๋า สวัสดีครับแม่ใหญ่ อั่ย อั่ย อั่ย”

“ดูมันสิ ดูลูกคุณ ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง ลามเหมือนขี้กลากไม่มีผิด พ่อแม่ไม่สั่งไม่สอน”

“แค่กๆๆ อ..เอ่อ ตาดอทไม่ออกมาเลยเหรอ”

“อืม”

“คุณก็ต้องเข้มแข็งนะ อย่าคิดมากเดี๋ยวจะเป็นอะไรไปอีกคน”

“อืม”

“เดี๋ยวลูกทำใจได้ก็คงออกมาเอง อ..อ้าว คุณรุ่ง.. อยู่ดีๆ ก็ไปไม่บอกไม่กล่าว เฮ้อ จะเข้าหน้าไม่ติดแบบนี้ไปถึงเมื่อไหร่กันนะ”



“ดอทลูก ป๋ามาเยี่ยมเปิดประตูให้หน่อยลูก”

“กินข้าวกินปลาบ้างนะ ป๋าเป็นห่วง”

“งั้นเดี๋ยวป๋ามาหาใหม่ ถ้ายังไงรับสายหน่อยป๋าจะได้ไม่เป็นห่วงมากเกินไป”

“ป๋ารักดอทนะ”




สองสัปดาห์หลังจากเผ่าพงศ์เสียชีวิต

DumDinDan :  พี่ดอท         Read

DumDinDan :  ทำใจดีๆ อย่าคิดมากนะ   Read

DumDinDan :  มีอะไรคุยกับผมนะพี่ดอท   Read

DumDinDan :  กินข้าวบ้างนะ

DumDinDan :  อย่าทรมานตัวเองอย่างนี้สิ

DumDinDan :  เฮียสั่งให้มีความสุขนะพี่

DumDinDan :  ถ้าอยู่ที่อื่นผมจะพังประตูเข้าไปแล้ว แต่อยู่บ้านใหญ่ผมทำอะไรไม่ได้อะ

DumDinDan :  พี่ดอท อย่าทำแบบนี้เลย ตอบผมหน่อย

DumDinDan :  พี่ไม่อ่านไม่ตอบแบบนี้ผมไม่โอเคเลยนะ

+++++++++++++++++++++++


Dr.WRRT :   คุณเปิดประตูหน่อย      Read

Dr.WRRT :   คุณแม่เป็นห่วงมากนะ      Read

Dr.WRRT :   ออกจากห้องบ้างนะคุณ

Dr.WRRT :   อย่าทำร้ายตัวเองแบบนี้ คนที่รักคุณรออยู่ข้างนอก

Dr.WRRT :   คุณเผ่าเขาไปสบายแล้วและเขาอยากเห็นคุณมีความสุขนะ

Dr.WRRT :   ใจคอจะไม่อ่านเลยเหรอ

Dr.WRRT :   อ่านหน่อยก็ยังดีนะคุณ

Dr.WRRT :   ผมขอร้องนะ ผมจะบ้าอยู่แล้วเนี่ย

Dr.WRRT :   คุณแม่บอกว่าคุณกินข้าวหมดชามทุกวัน  กินจริงๆ หรือเททิ้ง

Dr.WRRT :   ยังไงฝืนใจกินหน่อยนะ อย่าทำร้ายตัวเองเกินไป




สามสัปดาห์หลังจากเผ่าพงศ์เสียชีวิต


Dr.WRRT :   เรื่องบ้านคุณจะเอายังไง พี่เวย์ร้อนใจอยากทำให้เสร็จตามที่คุณเผ่าเขาสั่งไว้

Dr.WRRT :   คุณเงียบแบบนี้พี่เวย์ก็แย่นะ รับงานอื่นก็ไม่ได้ ต้องมารออยู่แบบนี้


Dr.WRRT :   เฮ้ย คุณโอนเงินเข้าบัญชีพี่เวย์กับผมทำไม

Dr.WRRT :   คนละแสนคืออะไร ค่าเสียเวลาเหรอ

Dr.WRRT :   ใช้เงินแก้ปัญหาสินะ

Dr.WRRT :   ก็ใช่สิ คนมันรวย ใช้เงินหว่าน

Dr.WRRT :   โหยคุณ อย่าทำแบบนี้ ผมจะบ้า

Dr.WRRT :   นี่คุณ อย่าใจแข็งนักสิ

Dr.WRRT :   ผมขอร้อง แค่อ่านก็ได้

Dr.WRRT :   Sticker หมาร้องไห้

+++++++++++++++++++++++++++++


DumDinDan :  สกายถามว่าพี่ดีขึ้นยัง

DumDinDan :  ให้ผมตอบมันว่าไงดี

DumDinDan :  พี่ดอททททททททททททททท

DumDinDan :  ผมจะพังประตูเข้าไปนะ

DumDinDan :  ถามจริงพี่กินหินเข้าไปเหรอ ใจแข็งเป็นบ้า

DumDinDan :  คนสวยอย่าทำแบบนี้

DumDinDan :  อยู่บ้านใหญ่ผมทำอะไรไม่ได้เลยว่ะ  พี่ออกมาให้ผมกอดหน่อย


DumDinDan :  ออกมานั่งรถเล่นกัน

DumDinDan :  พี่ดอทครับบบบ น้องชายจะเป็นโรคประสาทแล้ว

DumDinDan :  เป็นห่วงพี่นะเว้ย

DumDinDan :  ยังไงก็กินข้าวมั่งนะ

DumDinDan :  อาทิตย์หน้าออกกองต่างจังหวัด มีขึ้นเขาด้วยไม่รู้จะมีสัญญาณมั้ย ถ้าไงจะพยายามโทรหานะ

DumDinDan :  หวังว่ากลับมาแล้วพี่จะโอเคขึ้นนะ

DumDinDan :  รักพี่ดอทนะครับ

DumDinDan :  Sticker หมากอดกัน




หนึ่งเดือนหลังจากเผ่าพงศ์เสียชีวิต


“คุณออกมาเถอะ ผมเอายาบำรุงมาฉีดให้”

“โธ่คุณ ถ้าไม่ออกมาคุณแค่รับปากก็ได้ว่าจะกินของบำรุงที่ผมฝากไว้”

“คุณไม่พูดไม่คุยกับใครแบบนี้มันไม่ดีกับสุขภาพจิตนะ”

“เสี่ยงเป็นดีเพรสชั่นนะคุณ เป็นแล้วจะรักษายากนะ ถ้าคุณจะอยู่คนเดียวก็พยายามฝึกจิตให้สงบ”

“นี่ถ้าคุณแม่ไม่บอกว่าคุณกินอาหารที่แม่บ้านเอาวางไว้หน้าห้องหมดทุกมื้อ ผมคงให้คนพังประตูเข้าไปแล้ว”

“งั้นวันนี้ผมไปก่อนนะ พรุ่งนี้จะมาใหม่”

“เฮ้ออ เด็กดื้อเอ้ย”


“ว่ายังไงลูก ตาดอทตอบบ้างไหม”

“ไม่ตอบเลยครับคุณแม่”

“ตาดอทส่งโน้ตออกมากับถาดอาหารสามสี่ครั้งบอกว่าไม่ต้องเป็นห่วง เขาจะกินทุกมื้อ”

“ก็นั่นแหละครับที่ผมห่วง”

“ทำไมเหรอลูก ห่วงเรื่องอะไร”

“ลูกชายคุณแม่ดื้อมากนะครับ น้องดื้อตาใส รู้หมดว่าควรหรือไม่ควรทำอะไรแต่ถ้าจะไม่ทำ เขาก็จะไม่ทำครับ เขาจะคิดว่าเขาคอนโทรลตัวเองได้ แต่ที่จริงเขาทำไม่ได้”

“แล้วทำยังไงดีล่ะลูก”

“ให้เวลาทำใจอีกสักหน่อย ช่วงนี้อย่าให้ใครพูดอะไรที่กระทบกระเทือนจิตใจ แต่ก็ควรมาคุยด้วยบ่อยๆ ให้เขารู้ว่ามีคนเป็นกำลังใจอยู่ข้างนอกมากมาย”

“งั้นหมอวรรตมาหาน้องบ่อยๆ ได้ไหมลูก”

“ผมจะมาบ่อยๆ นะครับ คุณแม่จะได้มีเพื่อนคุยด้วย”

“ขอบใจนะลูก บุญรักษานะหมอวรรต”

“ครับ”




สองเดือนหลังจากเผ่าพงศ์เสียชีวิต

ดินแดน 77 Missed Call

หมอประสาท  13 Missed Call

PA 5 Missed Call


ก๊อกๆ ก๊อกๆๆๆ

“พี่ดอทททท เปิดประตูหน่อยสิ ส่งเสียงไอบ้างก็ยังดี”

“พี่ดอท ให้ป๋ามายืนหน้าห้องแบบนี้ไม่ดีนะ จะเป็นบาปเป็นกรรม”

“อย่าไปขู่พี่แบบนั้นเจ้าดิน ขยับไปหน่อยเดี๋ยวป๋าลองเรียกดู”

“ดอทเอ้ย เปิดประตูเถอะลูก ให้ป๋าเห็นหน่อยว่ายังอยู่ดี ป๋าคิดถึงแกนะตาดอท ออกมาหาป๋าหน่อยเถอะ”

“เฮ้ออ ไม่ได้ผล มีใครทำให้พี่ดอทใจอ่อนได้บ้างเนี่ย”

“เห็นแม่เขาบอกว่าไม่เคยตอบใคร หมอวรรตมาเยี่ยมวันเว้นวันก็ไม่เคยตอบ”

“นี่ถ้าไม่ใช่บ้านใหญ่ ผมจะเอากล้องวงจรปิดมาจ่อหน้าประตูห้องนี้เลยนะ อย่างน้อยได้เห็นตอนพี่ดอทออกมาเอาอาหารก็ยังดี”

“อืม ก็ดีนะ เดี๋ยวป๋าคุยกับคุณรุ่งให้หากกล้องมาติดดีกว่า”

“โอเคครับ.. เฮ้ออ พี่ดอทใจแข็งเหมือนใครเนี่ยป๋า”

“เหมือนแม่เขานั่นแหละ รักแรงเกลียดแรง จนตอนนี้แกก็ยังโดนเขม่นอยู่ไม่ใช่หรือไงเจ้าดิน”

“นั่นแหละที่ผมกลุ้มใจ อยากมาอยู่คุยกับพี่ดอทนานๆ แต่แม่ใหญ่ชอบขึ้นมากดดันเลยต้องกลับ”

“เมื่อก่อนแม่ลูกเขาก็แทบไม่คุยกับป๋า สองคนนี้เขารับความทุกข์ความเศร้าอะไรไม่ได้ เหมือนกับแก้วบางที่เวลาร้าวก็จะร้าวไปทั้งใบ เศร้าแค่หนึ่งเรื่องแต่เอาทุกเรื่องมารวมกันหมด ก็คงเป็นนิสัยที่แก้ไม่หายนั่นแหละ บอบบางเกินไป”

“ถ้าแม่ใหญ่ขึ้นมาได้ยินก็ตัวใครตัวมันนะครับ เรื่องนี้ดินแดนจะไม่ยุ่ง”

“ป๋าโดนเกลียดจนชินแล้ว”

“แต่พี่ดอทกลับมาดีด้วยแล้วนี่ครับ ป๋าอย่าว่าพี่ดอทอีกเลย”

“ป๋าก็ไม่ได้ว่านะ แค่เป็นห่วง..”

“เอ๊ะ! โน้ตครับป๋า พี่ดอทสอดกระดาษโน้ตออกมา ไหนดูซิเขียนอะไรบ้าง..”

“อ่านเลยเจ้าดิน พี่แกว่าไงบ้าง”

“เอ่อ.. ไม่อ่านดีกว่าครับ คือ..”

“อ่านเถอะ ป๋าอยากรู้”

“คือ..”

“ส่งมาเดี๋ยวป๋าอ่านเอง”

“..........”

‘ถ้าดอทบอบบางจนทำให้ป๋าไม่ภูมิใจก็ขอโทษด้วย ดอทไม่เคยเป็นลูกที่ป๋าภูมิใจอยู่แล้ว แต่ไม่ใช่เพราะป๋าหรือไงที่สร้างตัวตนแบบนี้ขึ้นมาให้ดอท เรื่องเลวร้ายที่เกิดขึ้นกับดอทก็เพราะป๋าทั้งนั้น แล้วอย่าเอากล้องอะไรมาติดหน้าห้องด้วยไม่งั้นจะหนีไปที่อื่น ไม่ต้องมายุ่งกับดอท กลับไปให้หมดทุกคนเลย’


“..........”

“ป๋าไม่ได้ตั้งใจจะตำหนิดอทนะ ถ้าทำให้ดอทโกรธป๋าก็ขอโทษ เอาไว้ป๋าค่อยมาใหม่นะลูก”

“ป๋าอย่าคิดมากเลยนะ พี่ดอทอยู่ในช่วงซึมเศร้าก็เลย..”

“อืม ป๋าเข้าใจ”

“ป๋า.. โธ่ป๋า”

“พี่ดอท ทำไมพี่ว่าป๋าแบบนี้.. ตาแดงกลับไปนู่นแล้วน่ะ”

“โธ่พี่ดอท.. ผมรู้ว่าอารมณ์พี่ไม่ปกติ เรื่องของเฮียมันเศร้ามากผมเข้าใจ แต่นี่ก็ผ่านมาตั้งสองเดือนแล้วนะ แสดงว่าอยู่คนเดียวมันไม่ได้ช่วยให้พี่ดีขึ้นไง พี่ต้องออกมา”

“พี่ดอท”

“โธ่เว้ย!”

“มะรืนวันเกิดป๋า ผมจะไปจัดงานเซอร์ไพรส์ให้ที่บ้านป๋าที่เราเคยไปด้วยกัน หวังว่าเราจะเจอกันนะพี่”

“กลับมาเข้มแข็งให้ได้เร็วๆ ผมรอนะ รักพี่ดอทนะครับ”

“เฮ้อออ ดื้อโคตร”




วันรุ่งขึ้น..

ก๊อกๆ ก๊อกๆ

“คุณหนูครับ น้าเวชเอง”

“คือเมื่อกี้ คนขับรถบ้านคุณเผ่าพงศ์เอากล่องมาให้ บอกว่าเป็นของส่วนตัวของคุณเผ่า คุณหนูจะให้น้าเวชเอาไป..”

แกร้ก~

แอ้ด~

“ค.. คุณ! คุณหนู! ท..ทำไม!? โธ่ คุณหนู..!?”



.•:*´¨`*:•.☆ ►  รู้ เ ท่ า ไ ม่ ถึ ง . . รั ก ◄ ☆•:*´¨`*:•.
..เจอกันตอนหน้านะคะ..
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-10-2018 17:17:45 โดย fiction no.9 »

ออฟไลน์ TachibanaRain

  • มาโกโตะเทนชิ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-3
พี่ดอททำอารายยยยยยย สองเดือนแล้วนะพี่ดอทเรารู้ว่าการทำใจมันยากแต่พี่ดอทควรก้าวต่อไปข้างหน้าได้แล้ว คนที่จากไปเขาก็ไม่รับรู้อะไรแล้วมีแต่คนที่อยู่นี่แหละที่พี่ดอทควรใส่ใจน่ะ

ออฟไลน์ Janemera

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 152
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
คนที่อยู่ก็ต้องเข้มแข็งและใช้ชีวิตต่อไปนะดอท เสียใจได้แต่ก็ต้องก้าวไปข้างหน้าให้ได้นะ สู้ๆๆๆๆๆๆนะ :hao5: :hao5:

ออฟไลน์ nonlapan

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 156
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
เกิดอะไรขึ้นนนนนนน  :z3:

ออฟไลน์ ซีเนียร์

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0

ออฟไลน์ songte

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1414
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
ค้างสุด ทำไมยังไงๆๆๆๆๆ :ling1: :ling1: :ling1:

ออฟไลน์ nevergoodbye

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1240
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-2
งืออ เฮียเผ่าา พี่ดอทท  :hao5:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ fiction no.9

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 134
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +129/-4
    • แฟนเพจ : นิยายหมายเลข9
.•:*´¨`*:•.☆ ►  รู้ เ ท่ า ไ ม่ ถึ ง . . รั ก ◄ ☆•:*´¨`*:•.

ต อ น ที่  19  :  ภ า ว ะ ซ้ำ ซ้ อ น

ใบหน้าของน้าเวชเบลอไปหมดเพราะดวงตาของผมแทบจะปิดสนิท แต่ก็พอจะเดาออกว่าทำไมคนตรงหน้าถึงได้ทำท่าเหมือนเห็นผี  สภาพของผมตอนนี้ไม่ต่างจากซอมบี้ ส่องกระจกยังตกใจตัวเอง เส้นผมยาวปรกหน้ายุ่งเหยิงไร้การดูแล ใบหน้าซีดเซียว รอยตกกระและผิวแห้งลอกไปทั่วบริเวณ ดวงตาลึกโหลช้ำบวมจากการร้องไห้อย่างหนัก ร่างกายซวนเซซูบโทรมเนื่องจากกินข้าวไม่ลง มันต่างจากไม่กินโดยสิ้นเชิงเพราะผมพยายามแล้วที่จะกินแต่ผลคือการอาเจียนออกมาจนหมด ไม่ใช่แค่อาหารที่ออกมาแต่มันออกมาทั้งน้ำเหลืองๆ ขมๆ และกลิ่นของมันสุดที่จะบรรยาย  ซึ่งนั่นทำให้เข็ดที่จะอาเจียนออกมาอีก ผลก็คือกินแค่คำสองคำแล้วเททิ้งซึ่งมันไม่ได้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย

“ป..ไป ไปโรงพยาบาลกันเถอะครับคุณหนู” น้าเวชพูดปากคอสั่น

ผมส่ายหัวเบาๆ ทำให้โลกเริ่มโคลงซ้ายทีขวาทีเหมือนกำลังยืนบนแพลอยน้ำ ดวงตาที่ใกล้ปิดจดจ้องไปยังกล่องขนาดย่อมที่อยู่แค่เอื้อมแต่ผมแทบไม่มีแรงจะคว้ามา

“อ..เอา..กล่องวางไว้บนพื้นนี่..เลยครับ” เสียงแหบแห้งหาโทนเสียงไม่เจอเพราะไม่ได้พูดมานาน กว่าจะพูดจบประโยคก็แทบจะหมดแรง

“โถคุณหนู คุณหนูของน้าเวช” เมื่อวางกล่องลงแล้ว น้าเวชก็ทำท่าเหมือนอยากเข้ามากอดแต่แกก็ไม่กล้า “น้าเวชขอไปเรียกคุณผู้หญิงนะครับ”

น้ำตาของน้าเวชเป็นเหมือนมวลน้ำมหาศาลที่เคยพัดร่างของผมให้เกือบจบชีวิตลงที่น้ำตกในครั้งก่อน บัดนี้มันพัดหัวใจของผมให้จมดิ่งลงสู่พื้นล่างครั้งแล้วครั้งเล่า  เหตุผลก็เพราะผมไม่อยากให้ใครต้องมาทุกข์เพราะผมอีกแล้ว เป็นอย่างที่คิดไว้ว่าความเศร้าจะไม่ลดน้อยลงเลยถ้าได้เห็นว่าคนที่รักเราต้องเสียใจจนเสียน้ำตาแบบนี้ ผมจึงเก็บตัวอยู่ในห้องเพื่อไม่ให้ใครต้องมารับรู้สภาพ

“ค..คุณหนู คุณหนู โธ่.. คุณหนูของน้าเวช”

ผมทำเพียงแค่ปิดประตูลง ไม่มีแม้สักคำที่จะกล่าวขอบคุณหรือปลุกปลอบให้น้าเวชคลายกังวล  ในสมองว่างเปล่า ในหัวใจดับมืด ร่างกายที่ไร้เรี่ยวแรงทรุดลงนั่งกอดกล่องพลาสติกที่เขียนบนกล่องเอาไว้ว่า..แฟนเผ่า

“ฮึก..เฮีย..” น้ำตาหลั่งไหลอาบใบหน้าอีกครั้ง ผมมักจะนั่งเหม่ออยู่เป็นวัน นั่งมองโทรศัพท์ที่มีสายจากคนนั้นคนนี้เข้ามา แต่ที่ผมเฝ้ารอคือเบอร์ของเฮีย ซึ่งแน่นอนว่ามันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว

ไม่ใช่แค่ความเศร้าเรื่องเฮียเผ่าที่กัดกินหัวใจของผมในตอนนี้ แต่ความทุกข์ทั้งหลายในอดีตได้ถาโถมเข้ามาพร้อมกัน ภาพแผ่นหลังของป๋าที่เดินไปทางบ้านเล็ก ภาพใบหน้าของป๋าที่โกรธเกรี้ยว ภาพที่เขาตบหน้าผม ภาพที่ผมปาโทรศัพท์ทิ้ง ภาพของเฮียที่ปลอบประโลม ภาพที่เฮียยิ้มให้ ภาพที่เฮียกอดจูบ ภาพที่ผู้หญิงคนนั้นกอดเฮีย ภาพที่เฮียถูกยิง และภาพสุดท้ายของเฮีย ลมหายใจสุดท้ายที่มีเพื่อผม ภาพเหล่านั้นพุ่งเข้าใส่เหมือนห่ากระสุนในทุกครั้งที่ตื่นลืมตา

ที่เคยคิดว่าให้อภัยป๋าได้แล้ว มันไม่จริงเลย ผมแค่ทิ้งปมอันนั้นไว้มุมหนึ่งของความรู้สึกโดยแกล้งทำเป็นไม่สนใจ ทว่าเมื่อเกิดทุกข์ มันจึงวกกลับเข้ามาซ้ำเติม  เหมือนตะปูที่ตอกเข้าไปในเนื้อไม้ครั้งหนึ่งแล้ว ถึงจะถอนตะปูออก รอยนั้นก็ไม่ได้สลายไป  สมองปั่นวนทุกครั้งเมื่อเรื่องเฮียเข้ามา เรื่องป๋าก็จะพ่วงเข้ามาด้วย 

อดโทษป๋าไม่ได้ว่าเป็นเพราะป๋าผมจึงต้องเจอเฮีย แต่พอคิดว่าถ้าไม่เจอเฮียจะได้สัมผัสกับความรักแท้จนแลกชีวิตเช่นนี้หรือไม่ ซึ่งมันก็ไม่ได้คุ้มค่าเลยที่เฮียจะแลกชีวิตเพื่อผม จึงวนกลับไปคิดว่า ถ้าวันนั้นป๋าไม่ทำร้ายทั้งร่างกายและจิตใจ ผมก็คงไม่ก้าวขึ้นรถของเฮีย เราสองคนไม่ได้รักกัน เฮียเผ่าก็จะไม่ตาย

ยิ่งคิดวนก็ยิ่งทุกข์วน ไม่มีวันไหนเลยที่ผมไม่ทุรนทุรายจนแทบบ้า

“ดอท.. ตาดอทลูก ฮือๆๆ ตาดอท” เสียงคุณแม่ร่ำเรียกอยู่หน้าห้อง เดาว่าน้าเวชคงไปบอกแล้วว่าสภาพของผมมันแย่แค่ไหน

ทุกครั้งที่มีใครมายืนอยู่หน้าประตูแล้วชวนคุย เสียงเหล่านั้นเหมือนดนตรีบรรเลงไร้เนื้อร้อง ผมฟังได้ทว่าไม่ได้ยินดีหรือยินร้ายอะไร แค่ฟังไปเรื่อยๆ บางทีมันก็ดีกว่านั่งร้องไห้ แต่เมื่อวานที่ดินแดนคุยกับป๋าเรื่องจะเอากล้องมาติดหน้าห้องก็เริ่มรู้สึกไม่ปลอดภัย เหมือนกำลังถูกคุกคามอิสรภาพ และเมื่อได้ยินป๋าบ่นเรื่องที่ผมบอบบางอะไรนั่น ความปวดร้าวก็ท่วมสูงขึ้นมาจนทนไม่ไหว  ผมเขียนโน้ตส่งไปด้วยอารมณ์ชั่ววูบ เมื่อได้ยินดินแดนบอกว่าป๋าเหมือนจะร้องไห้จึงเริ่มได้คิดและกลับมาก่นด่าตัวเองอีกครั้งที่เปราะบางจนทำร้ายจิตใจป๋า เมื่อใดที่เริ่มดูถูกตัวเอง มันจะลามกดตัวเองให้ต่ำลงไปเรื่อยๆ จนดิ่งไปถึงก้นเหวแห่งความทุกข์

“ออกมาเถอะลูก ฮืออ ตาดอท หัวใจแม่จะแตกแล้วลูก ฮือๆๆ”

น้ำตาเหมือนจะไม่มีวันหมด มันไหลพรากลงมามากกว่าเดิมเมื่อถูกเสียงสะอื้นของคุณแม่เป็นตัวเร่งเร้า ความรู้สึกร้าวละเอียดแหลกยับจนค่อยๆ ฟุบลงร้องไห้โฮอยู่กับกล่องของเฮีย

เป็นอย่างที่ดินแดนบอก ผมอยู่ในห้องนี้เพื่อหวังว่าความสงบและเวลาจะช่วยจัดการความรู้สึก แต่มันไม่ช่วยอะไรเลย  รวมถึงคำพูดของหมอวรรตก็ดังวนเวียนอยู่ในหัว ผมคิดว่าจะคอนโทรลความรู้สึกของตัวเองได้ ผมคิดว่าเยียวยามันได้ด้วยตัวเอง แต่เปล่าเลย นอกจากจะไม่ดีขึ้นแล้ว มันยังแย่ลง แย่ลงทุกครั้งที่คิดถึงเฮีย คิดวนจนดิ่งกู่ไม่กลับ บางทีคิดไปถึงการฆ่าตัวตายด้วยซ้ำไป

“ตาดอท..  ไหนลูกรับปากแม่ว่าจะกินข้าว ไหนลูกบอกว่าจะดูแลตัวเอง ฮือๆๆ แต่ทำไม.. ฮือ.. ตาดอทอยากเห็นแม่ตายอยู่ตรงนี้หรือไงลูก ฮือๆๆ” เสียงรูดบานประตูจากด้านบนลงสู่ด้านล่าง เดาว่าร่างของคุณแม่คงค่อยๆ ทรุดลงมานั่งในระดับเดียวกับผมแล้วในตอนนี้

“คุณผู้หญิงทำใจดีๆ ครับ โธ่ คุณหนูครับ คุณผู้หญิงไม่ไหวแล้ว” เสียงน้าเวชสั่นเครือ

“แม่ให้เวลาดอทอยู่ในนั้นเพราะคิดว่าดอทจะดูแลตัวเองได้ ฮือ.. แต่ดอททำให้ตัวเอง.. ฮึก.. ฮือๆๆ”

“คุณหนู คุณหนูออกมาเถอะน้าเวชขอร้อง น้าเวชสงสารคุณผู้หญิงครับ ไม่เคยเห็นท่านเป็นแบบนี้เลย”

“ที่ดอทต้องมาเจอฝันร้ายแบบนี้ก็เพราะแม่เป็นต้นเหตุ เพราะแม่เอง ใช่.. เพราะแม่คนเดียว แม่เอง เพราะแม่คนเดียว ฮือๆๆๆ”

ผมกอดรัดกล่องของเฮียไว้แน่นขึ้น ที่ผ่านมาคุณแม่ให้เวลาให้อิสระ ให้พื้นที่ได้โศกเศร้าเสียใจมานานมาก มากจนผมยังคิดว่าจะมีแม่คนไหนที่อดทนรอได้เท่านี้ได้บ้าง ทั้งๆ ที่หัวใจคงแทบจะสลายแต่ก็ยังยอมทำตามที่ผมต้องการ แต่การได้มารู้ว่าลูกไม่ได้แข็งแรง ไม่ได้ดูแลตัวเองเป็นอย่างดีอย่างที่คิดไว้ก็กลายเป็นโทษตัวเองไปเสียอย่างนั้น

“แม่จะทำยังไง.. แม่ต้องทำยังไงตาดอท ฮือ ฮื้อๆๆ” ยิ่งนานไปเสียงสะอื้นก็ยิ่งแรงขึ้น ความเจ็บปวดในหัวใจของผมก็เริ่มมากขึ้นทุกที

มากจนทนไม่ไหวอีกต่อไป..

แกร้ก~

แอ้ด~

“ตาดอท! ลูกแม่ ตาดอท!”


+++++++++++++++++++++++++++




ผมตื่นขึ้นมาอีกครั้งบนเตียงนอนของตัวเอง  มองไปรอบห้องแล้วพยายามนึกว่าเกิดอะไรขึ้น

หัวใจแตกสลายอีกครั้งและน้ำตาก็ไหลรินเป็นทาง ไม่มีอะไรที่ผมทำได้ดีไม่ว่ากับเฮีย กับคุณแม่ หรือแม้แต่ป๋าที่ผมเพิ่งจะทำเรื่องใจร้ายลงไปเมื่อวานนี้

“ตื่นมาก็ร้องไห้ เดี๋ยวก็เป็นลมอีกหรอกคุณ” หมอวรรตเดินถือถาดอาหารและนมอุ่นมาวางบนโต๊ะหัวเตียง

“ค..คุณแม่..” ภาพสุดท้ายก่อนที่จะหมดสติไป คุณแม่โผเข้ามากอดพร้อมกับรับร่างที่ทรุดฮวบลงของผมโดยมีน้าเวชเข้ามาช่วยอีกแรง

“คุณแม่หายกังวลแล้ว พอคุณเป็นลม คุณแม่ก็โทรเรียกผมมาทันที ผมฉีดยาบำรุงให้ทั้งคุณและคุณแม่ ตอนนี้ท่านนอนพักอยู่ที่ห้อง ผมกำชับแม่บ้านให้อยู่เฝ้าท่าน 24 ชั่วโมงเพราะร่างกายอ่อนเพลียและเครียดมาก ผมกลัวเรื่องล้มด้วย” ร่างสูงลากเก้าอี้เข้ามานั่งข้างเตียง

ค่อยโล่งอกที่คุณแม่ไม่เป็นอะไร เสียงร้องไห้ของท่านยังก้องอยู่ในหู มันสะเทือนอารมณ์จนทนไม่ไหว ผมไม่อยากทำให้ท่านต้องเสียใจถึงขนาดนั้นอีก

“แล้ว..เฮีย..ฟื้นหรือยัง” มองหน้าหมอวรรตด้วยดวงตาเลื่อนลอย ผมยังหวังว่าเมื่อตื่นขึ้น เรื่องที่เกิดกับเฮียจะเป็นเพียงแค่ฝันร้าย

“คุณเผ่า.. เขาจะมีชีวิตอยู่ในความทรงจำของคุณตราบเท่าที่คุณต้องการเขา”
เมื่อไหร่จะตื่นจากความฝัน..

“..ฮึก..ฮืออ ฮือออ” ยิ่งเขาย้ำว่าสิ่งที่ผมเข้าใจนั้นไม่ใช่ความฝัน หัวใจก็บีบรัดแน่นขึ้นมาอีก  ผมมองหากล่องของเฮียและเจอมันอยู่บนโต๊ะปลายเตียง พยายามจะลุกไปหยิบแต่หมอวรรตคงรู้ว่าผมต้องการจึงเดินไปยกมาวางไว้ข้างตัวผม
กล่องของเฮีย คงมีของที่เกี่ยวกับผมและเฮียอยู่ในนี้แต่ผมไม่กล้าเปิดมันออก ไม่กล้าที่จะเห็นของเหล่านั้นอย่างน้อยก็คงไม่ใช่เร็วๆ นี้แน่

“คุณต้องเข้มแข็งนะ.. ถึงไม่เห็นแก่ตัวเองแต่อย่างน้อยผมอยากให้คุณรู้ว่าคุณแม่ต้องการคุณ คุณแม่เหลือแค่คุณคนเดียวนะ” หมอวรรตไม่จับต้องตัวผม ทำแค่นั่งคุยอย่างสุภาพ

ใช่..

ตัวผมเองยังมีทั้งคุณแม่ ป๋าและดินแดน แต่คุณแม่ไม่เหลือใคร มีแค่ผมที่ช่วยให้ท่านยังพอมีแรงอยู่ต่อในโลกห่วยๆ ใบนี้ แต่ผมกลับไม่นึกถึงใจคุณแม่เลย

“..ขอ..กินข้าว” ผมบอกทั้งน้ำตา หมอวรรตยิ้มกว้างอย่างยินดี 

“คุณกินเองไหวนะ” เขาวางถาดอาหารไว้บนเตียงและผมก็พยักหน้าแล้วตักโจ้กกินอย่างไร้จิตวิญญาณ


ใช้เวลาพักใหญ่กว่าโจ้กจะพร่องไปบ้าง หมอวรรตนั่งรออย่างใจเย็น เขาไม่พูดอะไรแค่นั่งเป็นเพื่อนอยู่เงียบๆ ซึ่งผมขอบคุณเขามากในจุดนี้

“นอนพักให้น้ำเกลือหมด แล้วพักต่อเยอะๆ ผมหาพยาบาลพิเศษมาให้แล้ว”

ผมพยักหน้ารับทราบแล้วนอนหลับตาลง 



ตื่นมาอีกครั้งในช่วงบ่าย เห็นพยาบาลพิเศษนั่งเฝ้าอยู่ข้างๆ สายน้ำเกลือถูกถอดออกไปแล้ว ผมจึงค่อยๆ ลุกขึ้นนั่ง  ตอนนี้เส้นผมที่รุงรังถูกหวีให้เข้าทรง ร่างกายเมื่อได้น้ำเกลือก็พอมีแรงขึ้นมาบ้าง

“ช้าๆ นะคะ” เธอเข้ามาช่วยประคอง

“ขอ..น้ำหน่อยครับ”

ผมดื่มน้ำไปเกือบหมดแก้ว จากนั้นประตูจึงเปิดออก คุณแม่เข้ามากอดและหอมหลายฟอดและผมก็ปล่อยให้ท่านทำจนพอใจ 

“ตาดอท โถลูก..” สองมือของประคองใบหน้าผมเอาไว้ มองกวาดไปทั่วใบหน้าพร้อมกับน้ำตาที่เริ่มปริ่ม

“ดอทดีขึ้นแล้วครับ คุณแม่ไม่ต้องห่วงนะ” ฝืนยิ้มเพื่อให้ท่านคลายกังวล

“ไม่ห่วงได้ยังไงลูก ดอทเป็นแก้วตาดวงใจของแม่นะ” หยดน้ำที่ปริ่มเอ่อล้นจนผมต้องรีบปาดเช็ดให้ สงสารคุณแม่จับใจจนน้ำตาร่วงตามไปอีกคน

ในระหว่างสองเดือนที่จมอยู่ในกองทุกข์ หลายครั้งที่ผมอยากฆ่าตัวตาย ป๋ามีครอบครัวใหม่แล้ว ดินแดนยิ่งไม่ต้องห่วง สองคนนั้นจะเศร้าอยู่สักพักแล้วจะมีชีวิตต่อไปได้  แต่ที่หยุดตัวเองไว้ก็เพราะนึกถึงคุณแม่ ถ้าผมตาย คุณแม่จะอยู่อย่างไร ไม่มีทางที่คุณแม่จะมีชีวิตต่อไปได้เลย ถึงไม่ตายตามผมแต่จะไม่มีวินาทีไหนที่คุณแม่จะมีความสุขได้อีกจนตลอดชีวิต
คุณแม่คือคนที่ยึดเหนี่ยวความรู้สึกของผมได้มากที่สุดแล้ว

“แล้วป๋า..”

“แม่ติดต่อไม่ได้เลย โทรไปเบอร์มือถือก็ปิดเครื่อง ที่บริษัทก็ไม่เข้า ที่โรงแรมก็ไม่ได้สั่งงานไว้ด้วยซ้ำ” เริ่มใจเสียเมื่อคิดว่าอาจจะเป็นเพราะเรื่องของผมที่ทำให้ป๋าหายไป

“ได้โทรถามดินแดนหรือยังครับ”

“แม่ไม่โทรหามันหรอก” คุณแม่เชิดหน้าขึ้น “ไอ้ลูกเมียน้อยนั่นมันกวนโมโห แม่คุยกับมันทีไรอกจะแตกทุกที”

ไม่รู้จะทำยังไงกับคู่นี้ดี นายดินก็เหลือเกินจริงๆ

“คุณพยาบาล..กลับเลยก็ได้ครับ ผมขออยู่คนเดียวดีกว่า”

“แต่คุณหมอวรรตสั่งไว้..”

“คุณแม่ครับ” ผมหันไปหาคุณแม่เพื่อให้ท่านเป็นคนเอ่ยปากเอง

“จ้ะๆ คุณพยาบาลกลับไปก็ได้ เดี๋ยวแม่จะดูแลตาดอทเอง” คุณแม่ก็ยังคอยตามใจผมอยู่เสมอ ตั้งแต่เล็กจนโตไม่เคยขัดใจ ไม่เคยต้องการหาเหตุผลอะไรจากผม เดาว่าน่าจะเป็นการชดเชยความอบอุ่นที่ผมควรได้รับจากป๋าและตัวคุณแม่เอง

“ได้ค่ะ”

เมื่อพยาบาลไปแล้ว ผมกอดคุณแม่ไว้แน่น

“ดอทขอโทษนะครับ ขอโทษนะครับคุณแม่” พร่ำขอโทษที่ทำให้คุณแม่ต้องเป็นทุกข์

“ไม่เป็นไรลูก แม่เข้าใจ แม่ควรเข้าใจลูกมาตั้งนานแล้วด้วยซ้ำ ฮึก.. ฮือ..”  คุณแม่เริ่มร้องไห้อีกครั้ง

“คุณแม่อย่าร้องไห้ ดอท..” พูดไม่ออก ความเสียใจของผมกับคุณแม่เหมือนเป็นเงาของกันและกัน มันสะท้อนกลับไปกลับมาสร้างความปวดร้าวให้เราทั้งคู่

“จ้ะๆ แม่ไม่ร้องแล้ว ดอทก็อย่าร้องนะลูก” คุณแม่ลูบหัวแล้วจูบลงมาที่ขมับหลายที

เรากอดกันอยู่แบบนั้นพักใหญ่ จนน้ำตาเริ่มแห้งลง

“คุณแม่ก็ไปพักเถอะครับ” ผมเอ่ยขึ้นเมื่อนึกถึงอีกคนที่ผมควรขอโทษ

“แต่แม่อยากอยู่ดูแลลูก”

“ดอทไม่เป็นไรแล้วครับ ถ้าคุณแม่ไม่พัก ดอทจะล็อคประตูเหมือนเดิมนะ”

“จ้ะๆ แม่จะไปพัก ลูกไม่ต้องล็อคประตูนะ”

“ครับ”

คุณแม่กอดและหอมอีกหลายทีก่อนจะออกจากห้องไป

ป๋าไม่เคยปิดโทรศัพท์..

ไม่เคยติดต่อไม่ได้แม้แต่ครั้งเดียว อย่างน้อยก็จะสั่งงานไว้กับเลขาหน้าห้องเสมอ  ผมลองกดโทรหาป๋าอีกครั้งแต่เครื่องปิดเหมือนที่คุณแม่บอก

โกรธดอทขนาดนั้นเลยเหรอครับ


ผมลุกขึ้นแต่งตัวด้วยชุดดำทั้งชุด สวมหมวกแก็ปสีดำ เลือกรองเท้าผ้าใบสีดำ สะพายกระเป๋าแล้วค่อยๆ แง้มประตูออก

ไม่มีใครอยู่..

แอบลงบันไดเชื่อมจากเทอร์เรซด้านข้างของตัวบ้านไปยังสวนหย่อม ลัดเลาะสวนสวยไปอีกครู่หนึ่ง ประตูหน้าบ้านมียามคอยเฝ้า ผมจึงลองปีนรั้วดูแต่ทำไม่ได้ อย่าว่าแต่ปีนแค่ยกขาขึ้นก็ยังไม่ไหว  นั่งซุ่มอยู่นานจนคิดถอดใจแต่พอดีน้าเวชออกมาเดินตรวจความเรียบร้อยและใช้ให้ยามไปช่วยย้ายกระถางต้นไม้ ผมรีบอาศัยจังหวะนี้ย่องไปเปิดประตูช่องเล็กแต่พอออกมาพ้นรั้วก็ชะงักกึกเพราะเห็นกล้องวงจรปิด

อ่า.. ลืมคิดเรื่องนี้ ที่จริงในบ้านก็หลายตัว ตรงบันไดด้านข้างก็มี รอบบ้านอีก แต่ช่างเถอะ ยังไงคุณแม่ก็ต้องรู้ ผมทิ้งโน้ตไว้แล้วว่าจะไปไหน พรุ่งนี้ก็กลับแล้ว

ผมเรียกแท็กซี่มุ่งตรงไปยังที่หนึ่งซึ่งผมเคยมากับดินแดน  เมื่อถึงที่หมายจึงเดินลงจากรถไปกดออดหน้าบ้านรอให้คนมาเปิด

บ้านป๋า..

ผมรู้สึกผิดที่ทำให้ป๋าเสียใจ อย่างน้อยถ้าเคลียร์กันได้วันนี้ พรุ่งนี้ป๋าจะได้ฉลองวันเกิดอย่างสบายใจ 

รออยู่นานแต่ไม่มีคนมาเปิด ผมลองกดออดอีกครั้ง ระหว่างที่รอก็โทรเข้ามือถือของป๋าแต่ผลก็คือเหมือนเดิม

ไม่มีใครอยู่เลยเหรอ อย่างน้อยแม่บ้านก็น่าจะอยู่ไม่ใช่หรือไง  ถ้าปีนเข้าไปรอในบ้านจะได้ไหมนะ

มองรั้วเตี้ยๆ ของบ้านป๋าแล้วชั่งใจ  จะปีนไหวเหรอในเมื่อแค่ยืนยังหอบ

แต่แล้วอยู่ดีๆ ประตูรั้วอัตโนมัติก็ค่อยๆ เปิดออก   ผมมองซ้ายมองขวาแล้วตัดสินใจเดินเข้าไป ป๋าอาจจะป่วยจนออกมาไม่ไหวก็ได้


“ป๋าครับ..” ผมเรียกหาเสียงเบาหวิว ทั้งเหนื่อยทั้งสงสัย บ้านเงียบมาก ประตูก็ไม่ได้ล็อคแต่ไม่มีใครอยู่เลย

อดไม่ได้ที่จะถือวิสาสะเดินไปโดยรอบ เปิดดูทุกห้องชั้นล่าง แต่ไม่มีใครเลย สภาพบ้านเหมือนไม่ได้ทำความสะอาดมาหลายวัน ในครัวมีร่องรอยของการทำอาหารแต่ไม่ได้รับการเก็บกวาด

เกิดอะไรขึ้น!?

ผมเดินขึ้นบันไดช้าๆ ถึงใจจะร้อนรุ่มเพราะเป็นห่วงป๋าแต่ร่างกายไม่พร้อมสำหรับการออกแรง กว่าจะถึงชั้นสองก็ทรุดลงกับพื้นเพื่อพักหายใจอยู่หลายรอบ

“ป..ป๋าครับ” เอ่ยเรียกเสียงสั่นเมื่อเปิดประตูแต่ละห้องจนถึงห้องกลางที่น่าจะเป็นห้องนอนของป๋า

“โอ๊ย!” ถึงกับถลาหน้าทิ่มพื้นเมื่อเดินเข้าห้องแล้วถูกถีบมาจากฝั่งหนึ่งของประตู

“จับมันมัดไว้เร็ว!”

ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วจนปรับสมองตามไม่ทัน กว่าจะเริ่มได้สติร่างของผมก็ถูกผู้ชายรูปร่างกำยำผลักให้คว่ำลงแล้วมัดมือไพล่หลัง แถมยังมัดข้อเท้าไว้ด้วย

“ไหนพี่บอกว่ามันเป็นผู้หญิง!” เมียใหม่ของป๋าเดินท้องโย้มาจากมุมหนึ่งของประตู และแน่นอนว่าเธอคือคนที่ถีบผม

“ก็ระยะมันไกล เห็นขาวๆ บางๆ ใส่หมวกปิดหน้าก็นึกว่าผู้หญิงน่ะสิ” ผู้ชายตอบแล้วปัดหมวกผมออกอย่างไม่สบอารมณ์ “เห็นมันกดออดไม่ยอมถอดใจไปซะทีก็เลยนึกว่ามันนัดไอ้แก่นี่ไว้ ถ้าปล่อยไปก็กลัวมันจะไปแจ้งตำรวจ”

“ช่างเถอะ ไอ้นี่มันเป็นลูกของไอ้แก่ มันแส่หาเรื่องเข้ามาเป็นข้อต่อรองให้เราก็ดีเหมือนกัน”

ผมมองตามสายตาของสองคนนั้น ตรงข้างเตียงอีกฝั่งมีร่างหนึ่งถูกมัดมือมัดเท้าลักษณะเดียวกับผมนอนนิ่งหมดสติอยู่

“ป๋า!? ป๋าครับ” ระหว่างที่คืบคลานอย่างทุลักทุเลไปหาป๋า ไอ้ผู้ชายก็มากระชากคอเสื้อแล้วลากผมไปโยนใส่ป๋าอย่างแรง


ต่อ..
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-10-2018 17:06:07 โดย fiction no.9 »

ออฟไลน์ fiction no.9

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 134
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +129/-4
    • แฟนเพจ : นิยายหมายเลข9
ป๋าเริ่มได้สติแล้วเปิดเปลือกตาขึ้นช้าๆ เมื่อเห็นว่าเป็นผม หน้าป๋าซีดดวงตาเบิกโพลงขึ้นทันที

“ดอท! ดอทมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงลูก!”

“ก็ลูกแกมันแส่หาเรื่องไง!”

“ป..ปล่อยตาดอทไปนะศมล อย่าทำอะไรดอทเลยนะ” ป๋าอ้อนวอน

“ปล่อยก็ได้ แต่แกต้องให้เงินฉันหนึ่งร้อยล้าน”

ร้อยล้าน!

นางงูพิษ นางผู้หญิงชั่ว ผมกะไว้แล้วว่ามันต้องไม่ใช่คนดี

“ไหนเธอเคยบอกว่าสิบล้าน” ป๋าถาม

“ฮ่าๆๆ” นางงูพิษแผดเสียงหัวเราะเย้ยหยัน “สมน้ำหน้า! ถ้าแกตกลงที่สิบล้านก็คงจบไปแล้ว แต่ตอนนี้มีลูกแกเพิ่มขึ้นมา ค่าหัวมันก็น่าจะสมน้ำสมเนื้อกับชีวิตของมันสิ!”

“น..นี่มันเรื่องอะไรครับป๋า ดอทงงไปหมดแล้ว”

“เรื่องอะไรน่ะเหรอ!” นางงูพิษปราดเข้ามาจิกหัวผมให้แหงนขึ้นอย่างแรง

“โอ๊ย!”

“ก็เรื่องที่น้องชายมึงมันคอยยั่วโมโหกูน่ะสิ!”

น้องชาย?

“ดินแดน..ทำไม?” 

“ไอ้ดินแดน! ไอ้เหี้ยนั่นมันก่อกวนจนกูอยู่ไม่เป็นสุข มันข่มขู่ ส่งรูปตอนที่กูนัดเจอกับพี่เต้มาให้ ส่งรูปพินัยกรรมของไอ้แก่นี่มาด้วย พินัยกรรมที่ยกสมบัติทุกอย่างให้มึงคนเดียว สมบัติที่กูหวังว่าจะได้มาให้ลูกกูบ้างแต่ก็ไม่ได้!!”

เพี๊ยะ!!

ฝ่ามือสกปรกของมันฟาดลงมาบนหน้าของผมฉาดใหญ่

“อย่าทำร้ายดอท!” ป๋าตะโกนใส่พร้อมกับกระเสือกกระสนเอาตัวมาบัง

“พี่เต้ลากไอ้แก่นี่ออกไป มลจะชำระแค้นไอ้เกย์นี่ก่อน”

“โอ๊ย!” ป๋าถูกมันเตะที่ชายโครงจากนั้นก็ลากออกไปทิ้งไว้ห่างๆ “ย..อย่าทำ.. อย่าทำดอท โอ๊ย!” ป๋าดิ้นหลุดมาจนได้

“อย่าเสือกไอ้แก่!” ไอ้ผู้ชายเหยียบเท้าของป๋าแล้วบดขยี้ จากนั้นก็ง้างเท้าเตรียมเตะอีกครั้ง

“อย่าทำป๋านะ!” ผมตะโกนใส่มัน “โอ๊ย!” 

“อย่าเพิ่งห่วงพ่อมึงเลย ห่วงตัวมึงเองก่อนเถอะ!” หน้าผมโดนฟาดหลายครั้งจนเจ็บแสบไปหมด “จำได้ไหมที่เคยด่ากู!”

“โอ๊ย!” มันถีบเข้ามาเต็มอกจนผมล้มลงเพราะถูกมัดแบบนี้ทำให้ทรงตัวยากอยู่แล้ว พยายามดึงมืออกจากเชื่อกก็ไม่มีท่าทีว่าจะหลุด

“ด่ากูว่ามารยาททราม ด่ากูว่าหน้าหนากว่าพื้นรองเท้า ทำหน้าเชิดใส่กูเหมือนกูเป็นเศษดินเศษทรายที่อยู่ใต้ฝ่าตีนของมึง กูจำได้หมดทุกคำพูดของมึง!!”


“อั่ก! โอ๊ย!” ทั้งมือทั้งเท้ามันประเคนเข้าใส่จนไม่อาจหลบเลี่ยงไปไหนได้เลยเพราะถูกพันธนาการแถมร่างกายยังอ่อนเพลียจึงทนต่อไปอีกไม่ไหวและวูบไปทันที

“ดอท! ดอทลูก” ได้ยินเสียงร้องไห้โฮของป๋าก่อนทุกอย่างจะเงียบสนิทลง




ผมลืมตาขึ้นอีกครั้ง ใบหน้าเจ็บระบมไปหมด แค่ตรอมใจจนกินข้าวไม่ลงมาสองเดือนร่างก็แทบจะสลายอยู่แล้วยังต้องมาเจ็บซ้ำเจ็บซ้อนกับเรื่องบ้าอะไรก็ไม่รู้

“ดอท.. ดอทได้ยินป๋าไหมลูก ดอท ดอท” ป๋าเรียกเสียงกระซิบกระซาบจนผมเริ่มได้สติ เหลือบมองโดยรอบ ตอนนี้ยังอยู่ในห้องเดิม

“ป๋า..” ค่อยๆ กระเถิบตัวลุกขึ้นนั่งพิงกำแพงคู่กับป๋า “พวกมัน..ไปไหนแล้วครับ”

“ไม่รู้สิ เห็นไอ้ผู้ชายมันรับโทรศัพท์แล้วชวนกันออกไปเมื่อกี้”

“กระเป๋าดอทล่ะครับ”

“พวกมันยึดไปหมด”

“โทรศัพท์นั่นล่ะครับ ใช้ได้หรือเปล่า”

“มันตัดสายโทรศัพท์ พวกคนงาน แม่บ้าน ก็ทนไม่ไหวลาออกกันไปหมด หรือที่จริงมันตั้งใจก็ไม่รู้นะ มันขู่ให้ป๋าโอนเงินสิบล้าน”

“ไอ้พวกชั่ว! โอ๊ะ ซี้ดด” รู้สึกเจ็บแผลที่ปากเมื่อใส่อารมณ์มากเกินไป

“เจ็บมากไหมลูก” คำถามสั้นๆ กับแววตาเจือความสงสารและเวทนาอย่างสุดจะกลั้น สภาพของผมคงน่าสังเวชอย่างมาก แต่การถูกมัดมือมัดเท้าทั้งคู่ทำให้ไม่สามารถจะสัมผัสตัวกันได้แต่ดูก็รู้ว่าป๋าอยากกอดอยากปลอบใจผมมากแค่ไหน

“ผอมจนเหลือแต่กระดูก ซูบจนตาโหล เรี่ยวแรงก็แทบไม่มีแล้วออกจากบ้านมาถึงที่นี่ทำไมลูก ดอทมาหาป๋าทำไม”

“ดอทจะมาขอโทษป๋าครับ ดอทเสียใจที่ทำร้ายจิตใจป๋า”

“โธ่ลูก ป๋าทำให้ดอทต้องมารับเคราะห์อีกแล้ว ดูมันทำกับลูกป๋า นางแพศยานั่น..” ป๋ากำหมัดแน่น กัดฟันกรอดด้วยความ

เคียดแค้น “ถ้ามันเข้ามาดอทอย่าพูดอย่าเถียงอะไรมันนะ ป๋าไม่อยากให้พวกมันทำร้ายเอาอีก” ป๋าพูดพร้อมกับน้ำตาเริ่มคลอหน่วย 

“ป๋าขอโทษนะลูก ป๋าขอโทษ”

“ไม่เป็นไรครับ ดอทไม่เป็นไร”

“ป๋าขอโทษ..ป๋าเป็นพ่อที่แย่ที่สุด ป๋าทำให้ดอทต้องเจอโชคร้ายครั้งแล้วครั้งเล่า ป๋าขอโทษนะลูก ป๋าขอโทษ..” หน้าตาของป๋าหมองเศร้ามีรอยฟกช้ำไปทั่ว หมดสง่าราศี หยาดน้ำเริ่มรินล้นออกมาช้าๆ

“ดอทต่างหากที่ต้องขอโทษป๋า ดอทร้ายกับป๋า ดอทขอโทษนะครับ”

“ไม่หรอก ป๋าเองที่ผิด เพราะป๋า เพราะป๋าคนเดียว..”  ผมอยากช่วยเช็ดน้ำตาแต่ไม่สามารถทำได้ ได้แต่เอนตัวเข้าไปซุกที่อก

“เห็นป๋าร้องไห้ ดอทก็ยิ่งใจเสีย ป๋าต้องเข้มแข็ง คอยปกป้องดอทนะครับ” พยายามจะโน้มน้าวให้ป๋าได้สติ และโชคดีที่ป๋าไม่ได้กล่อมยากนัก

ป๋าซบหน้าลงบนศีรษะแล้วจูบเรือนผมหลายต่อหลายครั้ง รู้สึกอบอุ่นและปลอดภัยถึงแม้จะอยู่ท่ามกลางเหตุการณ์เลวร้ายเช่นนี้

“ป๋าไม่ร้องแล้วลูก” ผ่านไปครู่หนึ่งป๋าก็พูดขึ้น “ป๋าจะปกป้องดอทเอง”

ผมเงยหน้าขึ้นแล้วยิ้มให้บางๆ จากนั้นจึงเริ่มถามถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น

“ทำไมมันทำกับป๋าแบบนี้ครับ”

“ศมลมีชู้”

ไม่ได้เซอร์ไพรส์จนเกินไปนักแต่ใจหายที่เห็นสีหน้าของป๋าเศร้าสลด ผมก้มลงเอาหน้าซบไหล่ป๋าเบาๆ เพื่อปลอบใจ ป๋าคงรับรู้จึงจูบลงมาบนศีรษะ เมื่อเงยหน้าก็เห็นสีหน้าป๋าดีขึ้น

“ไอ้คนที่ชื่อเต้นั่นเหรอครับ”

“ใช่ มันหลอกป๋าว่าเป็นพี่ชาย พาเข้ามาอยู่ด้วยตั้งแต่สามเดือนก่อน ป๋าเห็นว่าจะได้มาช่วยดูแลเพราะป๋าเองก็งานรัดตัว กลับบ้านไม่เป็นเวลา แต่ที่ไหนได้” ใบหน้าป๋าเครียดเขม็ง คงทั้งแค้นและเสียใจ “ป๋าไม่รู้หรอกเรื่องที่เจ้าดินมันส่งรูปส่งอะไรขู่ ก็เพิ่งมารู้ตอนที่โดนไอ้อีสองคนนั้นมันทำร้ายเอาเมื่อวานนี้”

“อยู่มาตั้งนาน ทำไมอยู่ดีๆ มันถึงทำร้ายป๋าล่ะครับ”

“เมื่อวานที่ไปหาดอท พอกลับมาป๋าก็อารมณ์เสียเผลอตวาดไปตอนที่มันใช้ป๋าเก็บของที่มันทิ้งไว้เกลื่อนห้อง แค่นั้นแหละมันก็เผยธาตุแท้ชี้หน้าด่ากราด ป๋าโมโหก็เลยด่ามันเรื่องความประพฤติต่ำๆ หลุดปากไปว่ามีแม่แบบนี้ลูกคงไม่เจริญ มันได้ยินก็กรี๊ดลั่นประจานตัวเองเรื่องที่ลูกไม่ใช่ลูกของป๋าแต่เป็นลูกไอ้เต้”

“อะไรนะครับ!?” ผมถามทันที “แล้วมันแน่ใจได้ยังไงว่าไม่ใช่ลูกป๋า”

“ก็มันรู้ว่าท้องแล้วถึงมาอ้อนขอให้ป๋าไม่ใส่ถุงยาง มันอ้างว่ามันจะทิ้งความสาวของมันเพื่อพิสูจน์ว่ามันรักป๋าจริง จะสร้างครอบครัวด้วยกันโดยไม่หวังเงินทองอะไรแม้แต่บาทเดียว ป๋าก็โง่ที่ไปหลงเชื่อผู้หญิงแบบนั้น” ป๋าแสยะยิ้มอย่างรังเกียจ “พอรู้ว่าเป็นลูกชู้ป๋าก็ไล่มันออกจากบ้าน แต่มันไปเรียกไอ้แมงดานั่นมาจับป๋ามัดแล้วขู่เอาเงินอย่างที่เห็นนี่แหละ”

“ถ้าดอทไม่ทำให้ป๋าเสียใจ ป๋าก็คง..”

“ไม่หรอกลูก ดีซะอีกที่รู้ความจริงก่อนที่จะยกบ้านหลังนี้ให้มัน นี่คงเป็นคราวเคราะห์ของป๋าเอง หรืออาจเป็นเวรกรรมตามสนองที่ป๋าทำร้ายครอบครัว..” ป๋าเว้นช่วงเหมือนกำลังรวบรวมสติซึ่งผมก็ไม่ได้เอ่ยขัดอะไรออกไป

“หลังจากอ่านโน้ตที่ดอทเขียน ป๋าก็ทุกข์หนัก ความรู้สึกมันมากกว่าครั้งก่อนๆ เพราะเรื่องที่ดอทเจอแต่ละอย่างมันทั้งหนักและเจ็บปวดซึ่งป๋าก็หนีความรับผิดชอบอันนี้ไปไม่ได้ ทุกครั้งไม่เคยคิดมากถึงขนาดนี้เพราะป๋าคิดว่าได้คอยประคองช่วยดอทแบบลับๆ มาตลอดไม่ได้ละทิ้งไปไหน แต่เรื่องของเผ่าพงศ์ทำให้รู้ว่าแค่นั้นมันไม่เพียงพอ ป๋าเป็นคนผลักดอทให้เดินไปในเส้นทางนั้น ชีวิตของดอทที่เป๋ไปขนาดนี้..เพราะป๋าเอง” น้ำตาลูกผู้ชายหลั่งรินเป็นสาย

ผมไม่อาจพูดแทรกออกมาได้เพราะไม่อยากละเลยความรู้สึกแท้จริงของตนเองที่กล่าวโทษป๋ามาตลอดชีวิต ถ้าหากเหตุการณ์ในครั้งนี้จะช่วยให้ความรู้สึกนั้นถูกชะล้างไปจนหมด ผมก็จะปล่อยให้ป๋าสำนึกผิดจนกว่าใจผมจะให้อภัยได้จริงๆ

“ตอนนี้ป๋าไม่เหลืออะไรแล้ว ครอบครัวแตกสลายแถมยังเจอกับผู้หญิงเลวๆ เคยคิดว่ามันง่ายแค่เพียงมีเงินมีอำนาจก็คงเลี้ยงดูทุกคนให้สุขสบายได้ไม่ว่าจะมีกี่เมีย แต่มันไม่ใช่อย่างนั้น ตอนนั้นถ้าป๋าพูดความจริงกับคุณรุ่งตั้งแต่ก่อนที่เราจะแต่งงานกัน หากคุณรุ่งยอมตกลงก็จะได้ดูแลแม่ของเจ้าดินอย่างสบายใจ แต่ป๋าก็เลือกที่จะปกปิดและมาหักหน้าเขาในตอนหลังด้วยการพาแม่ของเจ้าดินเข้ามาในบ้านเหมือนเป็นการมัดมือชก ป๋ามันงี่เง่าเกินกว่าจะได้รับการให้อภัย”

จุดเริ่มต้นของความทุกข์ทั้งหมดอยู่ตรงนี้ ป๋าได้รู้แล้วว่าไม่ควรจริงๆ ที่จะละเลยความรู้สึกของใครสักคนโดยเฉพาะคนที่เป็นคู่ชีวิต

“แต่ที่แย่ที่สุดก็คือ.. ป๋าปล่อยให้คนที่เจ็บปวดกลายเป็นคนผิด ถ้าป๋าสนใจที่จะทำความดีลบล้างความผิดและเอาใจใส่ เข้าอกเข้าใจคนที่เจ็บปวดให้มากกว่าในตอนนั้นควบคู่ไปกับดูแลบ้านเล็กให้ดี บางทีเรื่องมันอาจจะไม่เลวร้ายแบบที่เป็นอยู่ ดอทก็คงไม่ต้องเจอกับเรื่องเลวร้ายแบบนั้น”

“ฮึกก..” ได้แต่ร้องไห้สะอื้นและรับฟังทุกอย่าง หวังว่าการสารภาพบาปในครั้งนี้ของป๋าจะล้างสารพิษในหัวใจของผมออกไปอย่างเกลี้ยงเกลา

“ป๋าเคยคิดว่าทุกข์ที่สุดแล้วตอนแม่ของเจ้าดินเสีย ตอนนั้นป๋าแทบไม่อยากทำอะไรต่อไปอีก อยากอยู่นิ่งๆ อยากตามเขาไป แต่ก็ติดที่ดอทและเจ้าดินยังไม่โตพอ แล้ววันเวลาก็ทำให้ความทุกข์เริ่มคลายลงและก้าวต่อ  มาวันนี้เมื่อแม่ของดอทไม่แม้แต่จะเฉียดตามอง ยิ่งผู้หญิงคนใหม่เข้ามาก็ยิ่งเป็นตัวเปรียบเทียบ ตั้งแต่มันท้อง มันก็เริ่มเอาแต่ใจ ป๋าพยายามคิดว่าเป็นภาวะของคนท้องคนไส้แต่ที่ไหนได้ เป็นสันดานของมันล้วนๆ ยิ่งมันทำเรื่องชั่วช้าแบบนี้ป๋าก็ยิ่งรู้สึกผิดกับแม่ของดอทมากขึ้น.. จากตายว่าทุกข์แล้ว จากเป็นยิ่งทุกข์กว่า รู้ว่าเคยทำผิดกับเขา รู้ว่าเขาอยู่ตรงนั้นแต่เข้าไม่ถึง ชีวิตทั้งชีวิตที่ประสบความสำเร็จมาขนาดนี้แต่มันไม่ได้มีความหมายอะไรเลยเพราะเป็นต้นเหตุทำให้ครอบครัวแตกร้าว เจ้าดินมันต้องออกไปสู้ชีวิตของมันเองนอกบ้าน แม่ของดอทก็ไม่เคยมีความสุขเลย และยิ่งเรื่องของดอท.. ก็ยิ่งทำให้ป๋านึกเกลียดตัวเอง ไม่มีเหลือความภูมิใจในตัวเองอีกแล้ว.. ป๋ารู้สึกแพ้รู้สึกแย่จนอยากตายไปให้พ้นๆ”

“ฮึก.. ฮืออ ป๋าครับ อย่าพูดแบบนี้..”

“ป๋าไม่มีหน้าอยู่สู้ใครได้เลยลูก ป๋าล้มเหลวไม่เป็นท่าเลย ”

“ถ้าป๋ารู้สึกผิดกับดอทป๋าก็ต้องอยู่ชดเชยความสุขให้ดอทสิครับ”

“ป๋าจะปกป้องดอทนะ ดอทจะต้องปลอดภัย จากนั้นถ้าป๋าไม่อยู่แล้ว..”

“ไม่ครับ!” ผมร้องห้าม หัวใจบีบรัดอย่างหนักจนปวดหนึบแน่นหน้าอกไปหมด “ถ้าป๋าคิดจะตาย ดอทบอกไว้ตรงนี้เลยว่าดอทจะตามไป! ดอทไม่อยากเสียใครไปอีก ไม่เอาแล้ว ไม่ให้ใครไป ไม่อีกแล้ว ฮือ ไม่เอาแล้ว ฮือๆๆๆ”

“ครับๆ ป๋าไม่ไปนะ มานี่มาอยู่ใกล้ป๋า ไม่ร้องแล้วลูก ป๋าไม่ไป ป๋าจะอยู่กับดอท”

“ฮือๆๆ ฮึก.. ฮือๆๆ” ร้องไห้แล้วหยุดไม่ได้ ความปวดร้าวแผ่กระจายจากอกข้างซ้ายไปทุกปลายประสาท ผมกลัว กลัวที่จะต้องเสียใครไปอีก ไม่เฉพาะแค่คนรัก แม้แต่คนในครอบครัวก็ไม่พร้อมที่จะเสียใครไป

“โถลูก ป๋าขอโทษ ป๋าขอโทษ ทำผิดซ้ำแล้วซ้ำอีกทำให้ดอทเสียใจอยู่เรื่อย ป๋ารู้แล้วครับลูก ไม่ร้องแล้วนะ ป๋าไม่ไปไหนแล้ว ไม่ไปแล้ว” ป๋าทั้งปลอบทั้งร้องไห้ในเวลาเดียวกัน  เรากอดกันไม่ได้แต่ป๋าก็พยายามใช้ศีรษะกดแนบลงมาสลับกับจูบหน้าผากเพราะตอนนี้ผมร้องไห้จนตัวโยน

“ร้องไห้ฟูมฟายอะไรกัน! เสียงดังน่ารำคาญไปถึงข้างล่าง!” นางงูพิษเปิดประตูเข้ามาทำหน้าหงุดหงิด ผมยังคงซุกตัวอยู่ที่อกป๋าไม่อยากสนใจรอบด้าน

“สำออย!” ร่างของผมถูกกระชากออกจากตัวป๋าอย่างแรงจนหงายหลังจากนั้นก็ยกเท้าขึ้นเตรียมจะถีบลงมาบนท้อง “ร้องไห้หาพ่อมึงเหรอ รำคาญ!!”

“อย่าทำดอท!” ป๋าพุ่งตัวเข้ามาขวางจนเท้าโดนแผ่นหลังเต็มๆ และจังหวะนั้นเองร่างของนางคนชั่วก็เสียหลักหงายหลังก้นกระแทก “ดอท! เป็นไงมั่งลูก”

ป๋าไม่ได้สนใจผู้หญิงคนนั้น ผมส่ายหน้าแทนคำตอบแต่แล้วก็ต้องตกใจเมื่อไอ้ผู้ชายมันเข้ามาเห็นว่าเมียมันนั่งจุมปุ๊กร้องโอดครวญอยู่บนพื้น

“มึงทำอะไรมล!” มันวิ่งไปช่วยพยุงนางงูพิษไปนั่งที่เก้าอี้

“จัดการมันทั้งคู่เลยพี่เต้!”

“ได้เลย”

มันเดินมาถีบป๋าหลายที ป๋าพยายามเอาตัวบังไม่ให้มันถีบโดนผมและนั่นยิ่งเหมือนเป็นการยั่วอารมณ์ของมันมากขึ้น

“รักกันมากนักเหรอ!” มันเดินไปคว้าเชิงเทียนแล้วกระชากร่างป๋าจนกระเด็นออกไป เงื้อเชิงเทียนขึ้นสุดแขนแล้วฟาดลงมาเต็มแรงจนต้องก้มหลบ

“อ๊ากก!!” เสียงร้องอย่างเจ็บปวดของป๋า

“ป๋า! ป๋าครับ ป๋า ฮือๆๆ” เลือดแดงฉานหยดลงจากขมับด้านขวาทำให้ภาพของเฮียเผ่าตอนที่โดนยิงซ้อนทับเข้ามาจนสติแตกจึงตะโกนใส่พวกมันสุดเสียง “ไอ้พวกชั่ว! ไอ้เดรัจฉาน!”

“ปากดีนักนะมึง!” ไอ้ผู้ชายมองอย่างเดือดดาล มันกระชากตัวป๋าออกห่างแล้วเงื้อมือขึ้นจะฟาดผมอีกคน

“ฉันจะเซ็นเช็คให้สิบล้าน!” ป๋าตะโกนบอกมันจึงชะงักมือไว้ “ศมลไปเอาสมุกเช็คมา ถ้าฉันเซ็นให้แล้วก็ปล่อยฉันกับลูกไป รับรองจะไม่แจ้งความ ไม่เอาความอะไรทั้งนั้น”

“เหอะ ก็แค่นั้นแหละ”

“อย่าเซ็นให้มันนะครับ มันไม่มีทางปล่อยเราสองคนแน่”

“ป๋าไม่มีทางเลือก ป๋าทนเห็นมันทำร้ายดอทไม่ได้อีกแล้ว”

นางผู้หญิงชั่วยิ้มเหยียดใส่ผมแล้วเดินไปหยิบสมุดเช็คในลิ้นชักออกมา

“เดี๋ยวจะให้พี่เต้เอาไปขึ้นเงิน ถ้าได้เงินแล้วถึงจะปล่อย” มันโยนสมุดเช็คให้ป๋า

“ไม่ได้!” ป๋าร้องห้าม “ปล่อยดอทไปก่อนแล้วฉันจะเซ็น ไม่งั้นก็อย่าหวัง”

นางงูพิษกัดฟันกรอดอยู่สักพักแล้วตัดใจสั่งให้ปล่อยผมไป

“พี่เต้เอาไอ้เกย์นี่ไปไกลๆ”

“ไม่!” ป๋าแทรกขึ้นอีกครั้ง “ให้ดอทออกไปเอง แล้วถ้าดอทใช้เบอร์แม่เขาโทรมา ฉันถึงจะยอมเซ็น”

“เรื่องมาก!” ไอ้ผู้ชายเงื้อมือจะตีป๋าอีกแต่โดนห้ามไว้

“อย่าทำมันพี่เต้ ถ้ามันตายเราจะมีคดี ใช้เงินไม่สะดวกหรอกแบบนั้น” ก็ยังดีที่รู้จักคิด “ไปสิ! แล้วอย่าแจ้งความนะมึง ไม่งั้นพ่อมึงตาย!”

“รีบไปสิลูก” ป๋าใช้ไหล่ดัน

“ไม่ ดอทไม่ทิ้งป๋า”

“เชื่อป๋านะ ป๋าไม่เป็นอะไรหรอก เชื่อป๋านะ ป๋าขอร้องนะลูก” น้ำตาของป๋าไหลอีกครั้งและมันทำให้ผมต้องตัดใจยอมทำตาม

“ป๋าต้องอยู่กับดอทนะ ห้ามเป็นอะไรนะครับ”

“ครับ ป๋าสัญญา”

ไม่รู้ทำไมถึงใจหายกับคำว่าสัญญาของป๋า ผมร้องไห้น้ำตานองขณะที่ไอ้ผู้ชายมันแก้เชือกที่มัดไว้

“ไปเถอะลูก รีบไป” ป๋าเร่งมาอีกเมื่อผมยืนร้องไห้ไม่ยอมออกจากห้อง

“ได้เงินแล้วต้องปล่อยป๋านะ อย่าทำอะไรป๋า” ผมหันไปบอกนางผู้หญิงใจร้าย

“เออน่า รีบไปซะที พิรี้พิไรอยู่ได้ รำคาญ!”

“ดอทจะรีบโทรมานะครับ”

“ระวังตัวนะลูก ป๋ารักดอทนะ”

เมื่อผมออกจากห้องมาได้ก็รีบสาวราวบันไดลงอย่างรีบร้อน ต้องรีบกลับบ้านให้เร็วที่สุด พวกมันจะได้ปล่อยป๋าเร็วๆ


เสียดายที่ไม่ได้โทรบอกดินแดนตอนมาเพราะตั้งใจจะเคลียร์กลับป๋าก่อน  ถ้าเป็นนายดินต้องจัดการอะไรได้บ้างแน่ๆ 
ไม่มีโทรศัพท์มือถือแบบนี้เหมือนโดนตัดมือตัดเท้า ในชีวิตจำได้แค่เบอร์เฮียเผ่า กับเบอร์คุณแม่และป๋า นอกนั้นจำเบอร์ใครไม่ได้เลย อ้อ มีเบอร์ออฟฟิศที่จำได้อีกเบอร์

สกาย!

ใช่.. โทรเข้าเบอร์ออฟฟิศแล้วให้พี่บอลลูนโทรหาสกายจากนั้นให้สกายโทรหาดินแดนอีกที โธ่ มันยุ่งยากไปหรือเปล่า กว่าจะได้เรื่องป๋าก็คงแย่แน่ๆ

“อุ๊บ!!” หัวใจตกวูบไปถึงตาตุ่ม

ใคร!!!!

ขณะที่กำลังคิดคำนวณแผนการอยู่ในใจตอนที่ก้าวขาออกจากประตูบ้านก็ถูกล็อคไว้จากด้านหลังพร้อมกับปิดปากไว้ เพิ่งจะโดนปล่อยตัวออกมา อย่าบอกนะว่าไอ้คนชื่อเต้จะตามมาจับอีกรอบ หรือจะเป็นโจรกลุ่มอื่น

มันจะซวยซ้ำซ้อนอะไรแบบนี้นะ!


.•:*´¨`*:•.☆ ►  รู้ เ ท่ า ไ ม่ ถึ ง . . รั ก ◄ ☆•:*´¨`*:•.

สงสารคนอ่านเรื่องนี้จริงๆ ดราม่าอะไรเยอะแยะขนาดนี้!!
ทนอีกนิด เดี๋ยวพ้นเรื่องป๋าพี่ดอทจะมูฟออนแล้ว ฮึบๆ

คุยกันวันละนิด

TachibanaRain : เหนื่อยกับวิบากกรรมของพี่ดอทแล้วอะ ทำไงดี..

Janemera : พ้นเรื่องของป๋าไปก็จะถึงเวลามูฟออนแล้วค้าบบ

nonlapan : ความวัวไม่ทันหาย ความควายเข้ามาอีกแย้ววว ฮือออ

ซีเนียร์  :  ขอบคุณที่แวะมาค่าา

songte : มาต่อแย้ววว

nevergoodbye : มาม่าไม่จบไม่สิ้น ฮือออ


ออฟไลน์ psyfer

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 19
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

ออฟไลน์ nonlapan

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 156
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
โอ้โหหหหห เลวสุดไรสุดผู้หญิงคนนี้ // ขอเดาว่าคนที่ตามมาคือพี่หมอ  :katai5:

ออฟไลน์ Duangjai

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 655
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-1



ต้องมีคนตามมาช่วยดอทนะ ใครกัน ดินแดนไหมอ่ะ

คู่ผู้ร้ายก้อใจร้ายใจดำ ทำคนแก่และคนป่วย บทถีบ เตะ อ่านข้ามเลย


 :z6:  :z10:  :z13:  :beat:  :beat:  :a5: …  :a5:





ออฟไลน์ Janemera

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 152
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
 :o12: :o12: ใครมาจับน้องดอทอี้กกก หรือจะเป็นหมอวรรต เพราะอิพี่เวย์หายไปไหนแล้วไม่ยู้วว ถ้าเป็นดินแดนน่าจะบุกไปตั้งนานล่ะ

ออฟไลน์ 19th

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ผ่านมาสองเดือนดอทยังอยู่ขั้น Denial อยู่เลย การพยายามก้าวข้ามการตายของเผ่าด้วยตัวคนเดียวไม่เวิร์คเลย แต่ต่อให้เอาที่บ้าน เอาสองว. มาช่วยก็ไม่รู้จะดีขึ้นแค่ไหน กับคนนั้น ทั้งรักทั้งผูกพันธ์ไหนจะตายแบบพยายามปกป้องตัวเองด้วยชีวิตจนวินาทีสุดท้ายอีก โธ่ คุณหนูของบ่าว  :sad4:

แล้วยังจะมาโดนจับตัวอีก สงสารดอทจริงๆ เคราะห์ซ้ำกรรมซัดอะไรขนาดนั้นหนอ

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ aisen

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +75/-1
มันจะดาร์คสำหรับดอทเกินไปแล้ว

ออฟไลน์ PuppyPp

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 5
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
สนุกมากกกกกกกกก
อ่านรวดเดียวเลย

แต่ละตัวละครสื่ออารมณ์ได้ดีมากๆค่ะ
รอตอนต่อไปค่ะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด