01
ค่ำคืนของการเริ่มต้น ในย่านที่เต็มไปด้วยสถานเริงรมย์และครบถ้วนไปด้วยสิ่งบันเทิง ค่ำคืนที่ควรเงียบสงบกลับคึกคักไปด้วยนักท่องราตรี ดวงไฟหลากสีส่องแสงสะท้อนกับอาคารและตึกพาณิชย์สูงเสียดฟ้าราวกับมีชีวิต
รถยนต์สีดำคันหรูเข้ามาจอดเทียบที่หน้าตึกระฟ้าขนาดใหญ่ ก่อนที่ชายในชุดสูทสีดำจะเปิดประตูรถออกจากฝั่งด้านข้างคนขับ แล้วกระวีกระวาดไปเปิดประตูด้านหลังอย่างนอบน้อม
“เชิญครับนาย”
ชายรูปร่างสูงโปร่งในชุดเสื้อเชิ้ตสีเข้มกับกางเกงยีนส์พอดีตัวลงมาจากรถ ใบหน้าได้รูปและผิวขาวเกลี้ยงช่วยขับเครื่องหน้าให้ดูโดดเด่น ริมฝีปากบางน่าลิ้มลองเข้าคู่กับจมูกโด่งอย่างพอเหมาะ เรือนผมยาวสีดำสนิทถูกรวบต่ำไว้ที่กลางหลัง ทำให้รูปลักษณ์ของเขาไม่ต่างจากดาราที่หลุดมาจากหน้าจอโทรทัศน์
ทว่าชายผู้งดงามไม่ต่างจากรูปปั้นชั้นเลิศนั้นกลับแฝงไปด้วยอำนาจบางอย่าง ความน่าเกรงขามที่ทำให้คนต้องนอบน้อมถูกฉายผ่านนัยน์ตาที่ถูกประดับด้วยแว่นตาสีชาอย่างชัดเจน
“หึ...”
เสียงแค่นหัวเราะดังขึ้น ก่อนริมฝีปากสีอ่อนจะเหยียดยิ้มยามทอดมองความโอ่อ่าของตึกที่อยู่เบื้องหน้า ความยิ่งใหญ่ที่ประกาศถึงความมั่งคั่งของเจ้าของไม่ได้ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกอะไร ก่อนที่เขาจะเดินนำคนสนิทเข้าไปอย่างไม่รีบร้อน
“กรุณาถอดแว่นออกด้วยครับ”
น้ำเสียงขึงขังของชายร่างยักษ์ที่ดูแลการเข้าออกของตึก ทำให้ชายหนุ่มผู้มีแว่นตาสีชาประดับบนใบหน้าต้องเลิกคิ้วขึ้น ทว่าก่อนที่ใครจะทันได้ตั้งตัว ชายร่างสูงในชุดสูทสีเข้มที่เดินตามหลังมาไม่ห่างก็ชักปืนออกมา ก่อนจะจ่อวัตถุสีดำปลาบไปยังหน้าผากของคนที่หาญกล้ามาสั่งเจ้านายของตน พร้อมกับน้ำเสียงเย็นยะเยือกราวกับน้ำแข็ง
“ไปบอกนายแกว่า กาเบรียลมา”
▣-▣-▣-▣-▣-▣-▣-▣-▣-▣-▣-▣-▣
บรรดาชายหญิงตั้งแต่รุ่นหนุ่มสาวยันรุ่นแก่ต่างก็ลุ้นกับผลแพ้ชนะตรงหน้าอย่างใจจดใจจ่อ เม็ดเงินมากมายแพร่สะพัดในแต่ละวินาที ผู้คนที่มัวเมาในการพนันต่างหาหนทางเพื่อชัยชนะของตัวเอง
ในขณะเดียวกัน...ภายในห้องทำงานหรูที่ตกแต่งอย่างสวยงามกลับมีบรรยากาศมาคุและเต็มไปด้วยความกดดัน
“สวัสดีคุณถานอี้เทา ผมเจิ้งหยุน”
คำทักทายของแขกผู้มาเยือน ทำให้ถานอี้เทาผู้เป็นเจ้าของตึกหลังนี้รู้สึกแปลกใจ นัยน์ตากร้านโลกมองคนรุ่นลูกอย่างพิจารณา
“กล้ามากเลยนะที่มาถึงถิ่นของฉันแบบนี้”
“มันไม่จำเป็นต้องใช้ความกล้าเลยสักนิด”
เนื้อความที่แสดงถึงความอวดดีอย่างเปิดเผย ทำให้คนฟังต้องยกยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย แล้วพยักหน้าให้ลูกน้องเตรียมของว่างรับรองแขกที่นั่งอยู่ตรงหน้าตามมารยาท
“แหม...ใจเย็นก็ได้น่าคุณเจิ้ง” ถานอี้เทาเอ่ยขึ้นอย่างไม่จริงจังนัก ก่อนจะระบายยิ้มอย่างเอื้อเฟื้อ “ทานของว่างก่อนสิ สั่งมาจากโรงแรมระดับหกดาวเชียวนะ”
เจิ้งหยุนไม่ได้ตอบรับ เขาทำเพียงแค่ปรายตามองของว่างที่วางบนโต๊ะรับแขกครู่เดียว แล้วกลับมามองเจ้าของห้องนี้อย่างเฉยชา
ท่าทางไม่ยินดียินร้ายของเจิ้งหยุนไม่ได้ทำให้เจ้าบ้านใส่ใจนัก ถึงแม้อีกฝ่ายจะมีท่าทางไร้อารมณ์ แต่ถานอี้เทารู้ดีว่า มีบางอย่างที่ชายหนุ่มคนนี้กำลังแสดงออกมาอย่างชัดเจนผ่านแว่นตาสีชาอันนั้น
ความแข็งกร้าว...
“ว่าแต่ที่มาวันนี้ คงไม่ได้แค่มาเยี่ยมกันหรอกใช่ไหม” ถานอี้เทาเอ่ยถามอย่างเป็นมิตร พร้อมกับคลี่ยิ้มสบอารมณ์
“ผมมาคุยเรื่องผับของผม” เจิ้งหยุนตอบเสียงเรียบ เขาจ้องมองบุคคลตรงหน้าไม่ต่างจากนักล่าที่กำลังรอเวลาที่เหยื่อเผลอ
“ผับของคุณ? อ่า...ผับกาเบรียลนั่น มีอะไรให้ฉันช่วยหรือ”
“คุณไม่ควรเข้ามายุ่มย่ามในผับของผมโดยไม่ได้รับอนุญาต”
น้ำเสียงที่ถึงแม้จะราบเรียบราวกับทะเลสาบ แต่ก็แฝงไปด้วยอารมณ์ดังขึ้น ถานอี้เทานึกย้อนตามคำกล่าวหาของบุรุษตรงหน้าอีกครั้ง และเมื่อเข้าใจเรื่องราวทั้งหมด เขาก็คลี่ยิ้มออกมาเล็กน้อย
“อ่า...ต้องขอโทษที่ไม่ได้บอก เอาอย่างนี้แล้วกัน คราวหน้าฉันจะบอกก่อน” ถานอี้เทายอมรับความผิดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง เจิ้งหยุนแค่นเสียงในลำคออย่างไม่ค่อยพอใจนัก
“คงจะไม่มีคราวหน้า”
“ไม่เอาน่า. .เราตกลงกันได้ไม่ใช่หรือ”
เจิ้งหยุนมองอีกฝ่ายนิ่ง บรรยากาศที่ดูผ่อนคลายลงไม่ได้ทำให้เขาอารมณ์ดีขึ้นแม้แต่น้อย
“หึ! ผมยังไม่อยากให้มีเรื่องยุ่งยากเกิดขึ้นที่ผับของผม”
ถ้อยคำที่แสดงออกถึงการไม่ยอมรับข้อตกลง ทำให้ใบหน้าที่เต็มไปด้วยริ้วรอยเปลี่ยนไป ถานอี้เทานึกขุ่นเคืองอยู่ในใจ
คนอย่างถานอี้เทาไม่ใช่คนที่ต้องมาขอร้องใคร!
เขายกน้ำชาที่อยู่บนโต๊ะใกล้ตัวขึ้นจิบเพื่อข่มอารมณ์พลุ่งพล่านจากความไม่พอใจ ก่อนจะปั้นยิ้มบนใบหน้าขึ้นมาอีกครั้ง
“แล้วคุณต้องการอะไรล่ะ”
“ผมแค่มาเก็บเงินที่ควรได้รับ” เจิ้งหยุนเอ่ยตอบ แล้วยกยิ้มที่มุมปาก เมื่อเห็นสีหน้าของคนฟังเปลี่ยนไป “ในเมื่อคุณทำการค้าขายในสถานที่ของผม คุณก็ควรจ่ายภาษีผ่านทางด้วยก็เท่านั้น”
“พูดเป็นเล่นน่า! คนกันเองแท้ๆ”
ถานอี้เทาหัวเราะราวกับเป็นเรื่องตลกด้วยเสียงที่ดังก้อง ซึ่งท่าทางแบบนั้นก็ทำให้เจิ้งหยุนต้องคิ้วกระตุก
“แต่ผมไม่คิดอย่างนั้น” ผู้มาเยือนตอบเสียงเย็น แต่เจ้าบ้านก็ไม่ได้รู้สึกสะทกสะท้าน ผู้มีอิทธิพลใหญ่ยกยิ้มหยัน
“คุณจะบอกว่า ไม่ว่าใครก็ตามที่ทำการซื้อขายในผับของคุณ จะต้องเสียเงินให้คุณด้วย ถึงแม้ว่าคนพวกนั้นจะเป็นลูกค้าอย่างนั้นหรือ พูดตลกจังนะ” ถานอี้เทาเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ ก่อนจะมองใบหน้าของอีกฝ่ายด้วยท่าทีที่แสร้งทำเป็นสงสัย
“จริงๆ ก็ไม่จำเป็นหรอก ถ้าหากการซื้อขายพวกนั้นไม่ใช่ยาเสพติดที่ลักลอบเข้ามา คุณไม่คิดว่าภาษีนำเข้าผ่านผับของผมจะฟรีหรอกใช่ไหม”
“มันจะไม่ดูขี้ตืดไปหน่อยหรือ” ถานอี้เทาเอ่ยเสียงห้วนอย่างไม่ค่อยพอใจนัก
“แน่นอนว่าผับของผมไม่มีตำรวจเข้ามาเพ่นพ่าน ความปลอดภัยในการซื้อขายของคุณจึงมีความสำเร็จสูง คุณควรจะจ่ายค่าบริการที่ผมมีให้”
ถานอี้เทามองคู่กรณีที่อยู่ตรงหน้าอย่างเก็บอารมณ์ เจิ้งหยุนก็ไม่ต่างจากหมาป่าที่ริจะแหย่ราชสีห์ให้กรุ่นโกรธ
“แล้วถ้าฉันไม่ให้ล่ะ?” ถานอี้เทาถามกลับเสียงแข็งอย่างหยั่งเชิง พร้อมกับมองคนที่กล้าท้าทายไม่ละสายตา
“คุณก็น่าจะรู้ดีว่า ผมคงไม่ปล่อยคุณเอาไว้หรอก จริงไหม?” เจิ้งหยุนแค่นยิ้มตอบ พร้อมกับมองอีกฝ่ายอย่างกดดัน
“ก็แค่เจ้าของผับ คิดว่าจะทำอะไรฉันได้หรือ!”
ถานอี้เทามองเจิ้งหยุนด้วยสายตาเกรี้ยวกราด ความอวดดีที่กล้ามาถึงที่ของเขาก็นับว่าจองหองมากพออยู่แล้ว แต่คนตรงหน้ายังยกระดับมากไปกว่านั้นด้วยการข่มขู่เขา!
ให้ตายเถอะ! คิดว่ายอมให้หน่อย ก็จะมาปีนเกลียวกันได้หรือ!
“แล้วคุณจะลองดูไหมล่ะว่า เจ้าของผับอย่างผมจะทำอะไรคุณได้บ้าง” เจิ้งหยุนเอ่ยขึ้นอย่างท้าทายด้วยน้ำเสียงทีเล่นทีจริง ทว่ากระแสนัยน์ตากลับพุ่งตรงอย่างจริงจัง
ถึงแม้ถานอี้เทาอยากจะจัดการคนตรงหน้าจนแทบทนไม่ไหว แต่ก็รู้ดีว่า คนรุ่นลูกที่กำลังลองดีกับเขาอยู่ตอนนี้ไม่ใช่แค่เจ้าของผับธรรมดา นอกจากบุคลิกที่ไม่กลัวใครหน้าไหนแล้ว ชื่อสกุลของอีกฝ่ายก็ฟ้องสถานะอย่างชัดเจน
คนตระกูลเจิ้ง...
ถานอี้เทาถอนหายใจเฮือกใหญ่ ทั้งที่เป็นเรื่องเล็กน้อยเท่านั้น แค่ตำรวจที่ตามไล่บี้อยู่ตอนนี้ก็น่าปวดหัวพออยู่แล้ว เขายังไม่อยากมีปัญหาเพิ่มอีก
เอาล่ะ! เป็นผู้ใหญ่ต้องใจกว้าง ก็แค่เรื่องไม่เป็นเรื่องเท่านั้นเอง
“แล้วจะเอาสักเท่าไร หมื่นดอลลาร์ดีไหมล่ะ”
เจิ้งหยุนมองท่าทีอ่อนลงของถานอี้เทา แล้วลอบยิ้มออกมาเล็กน้อย ก่อนจะบอกด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อย
“อย่าโง่ไปหน่อยเลย ค่าบริการคิดตามมูลค่าของสินค้านะครับ”
“แล้วจะเอาเท่าไร”
“สามสิบเปอร์เซ็นต์”
คำตอบที่ได้ยิน ทำให้คนฟังตาวาวด้วยความไม่พอใจอีกครั้ง ถานอี้เทาจ้องคนตรงหน้าอย่างระงับอารมณ์ไม่อยู่
“มันไม่มากไปหน่อยหรือ! แค่ห้าเปอร์เซ็นต์ก็พอแล้วมั้ง!”
“สรุปว่าคุณจะไม่จ่าย?”
“ฉันให้ได้แค่นั้น!” ถานอี้เทาเอ่ยเสียงดัง ใบหน้าที่เคยปั้นยิ้มเปลี่ยนเป็นบูดบึ้ง นัยน์ตาเรียวที่แต้มริ้วรอยตามวัยแข็งกร้าว
ไอ้เวรตรงหน้ามันหวังชุบมือเปิบเห็นๆ!
“แต่ผมยอมรับไม่ได้ ถ้าอย่างนั้น...”
ทว่ายังไม่ทันที่เจิ้งหยุนจะพูดจบ ลูกน้องคนหนึ่งของถานอี้เทาก็เปิดประตูพรวดเข้ามา ท่าทางตื่นตระหนกเรียกความสนใจของทุกคนในห้องได้ทันที
“นายครับ! มีตำรวจบุกมา! ตอนนี้ที่บ่อนกำลังชุลมุนกันไปหมด! ที่สำคัญตอนนี้ตึกของเรากำลังโดนล้อมอยู่ด้วยครับ!” ลูกน้องที่วิ่งกระหืดกระหอบรายงานสถานการณ์ด้วยน้ำเสียงรัวเร็ว
“ว่าอย่างไรนะ!” ถานอี้เทาสบถลั่น ก่อนจะทุบโต๊ะไม้ตรงหน้าเสียงดังอย่างระบายความหงุดหงิด อารมณ์ที่กรุ่นอยู่เมื่อครู่ทะยานถึงขีดสุด “แล้วคนของเรามันหายหัวไปไหนหมด! ทำไมถึงปล่อยให้ตำรวจเข้ามาได้!”
“เอ่อ... ตายหมดแล้วครับ”
“บัดซบ! เป็นแบบนั้นไปได้อย่างไร!”
ดวงตาเรียวถลนจนน่ากลัว ก่อนจะหันไปมองใบหน้าของแขกที่บัดนี้ยังนั่งอยู่บนโซฟา โดยไม่มีท่าทีทุกข์ร้อนกับเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นอย่างที่ควรจะเป็น
มันจะเป็นไปได้อย่างไร ในเมื่อเขาอยู่มาได้ตั้งหลายปีไม่เคยมีปัญหา จู่ๆ ตำรวจก็เข้ามา อีกทั้งยังมาวันเดียวกับไอ้เวรนี่ที่ดูก็รู้ว่า อยากมาหาเรื่องกันเห็นๆ หรือว่า...
“นี่แก!” ถานอี้เทาตะโกนลั่น พร้อมกับชี้ไปที่ใบหน้าของแขกในวันนี้อย่างเดือดดาล ถึงอย่างนั้นคนที่ได้รับกิริยาไร้มารยาทก็ไม่ได้สะดุ้งสะเทือนแต่อย่างใด
“ผมไม่ชอบคนไม่สุภาพ”
ถานอี้เทาตอบรับคำพูดนั้นด้วยการสบถอย่างหยาบคาย ก่อนจะคว้าปืนพกสีดำจ่อไปที่ใบหน้าของเจิ้งหยุนอย่างต้องการหาที่ระบายความคับแค้นระคนร้อนใจของตัวเอง
“แกทำอย่างนี้ทำไม!”
“คุณควรจะรู้เอาไว้ว่า ผมไม่ชอบให้ใครยุ่งในที่ของผม ถ้าไม่ได้รับอนุญาต” เจิ้งหยุนเอ่ยเสียงนิ่ง โดยไม่ได้หวั่นเกรงต่อปลายกระบอกปืนที่เล็งมาตรงหน้า มิหนำซ้ำชายหนุ่มยังคลี่ยิ้มรับอีกต่างหาก
“ก็ดี! ถ้าฉันไม่รอด! แกก็อย่ารอด!”
ในขณะที่ถานอี้เทากำลังจะเหนี่ยวไก ลูกน้องอีกคนก็เปิดประตูเข้ามาด้วยใบหน้าตื่นตระหนก และทำให้ผู้มีอิทธิพลใหญ่ต้องกัดกรามแน่น พร้อมกับคิดหาทางหนีทีไล่
“นายครับ! ตำรวจมันบุกขึ้นมาถึงชั้นสิบแล้วครับ!”
ไอ้สารแลวเอ๊ย!
ถานอี้เทาสบถอย่างหัวเสีย แล้วพยายามคุมสติและอารมณ์ที่กระเจิดกระเจิงจนกู่ไม่กลับ เนื่องจากการบุกโจมตีแบบสายฟ้าแลบของตำรวจ รวมถึงปัญหาใหม่ที่เจิ้งหยุนต้องการจะสร้างขึ้นอีก
ความแค้นอัดแน่นในอก ทว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาแก้แค้นอะไร การรักษาตัวให้รอดจากวิกฤตตรงหน้าสำคัญกว่า!
“เอาอย่างไรดีครับ!” ลูกน้องคนเดิมเอ่ยถามขึ้นอีกครั้ง เมื่อรับรู้ว่า อีกไม่กี่นาทีข้างหน้าตำรวจจะบุกมาถึงห้องนี้ ซึ่งเป็นห้องทำงานใหญ่ของตึกหลังนี้แน่นอน
“โธ่เอ๊ย! ก็หนีสิวะ! จะรอให้พวกมันมายิงหัวหรือ!” ถานอี้เทาว่าเสียงกร้าว ก่อนจะหันไปหาคู่กรณีที่ยังนั่งมองตัวเองวิ่งพล่านด้วยรอยยิ้มเขม็ง “ฉันไม่ปล่อยแกเอาไว้แน่! คอยดู!”
เจิ้งหยุนไม่ได้เอ่ยคำใดตอบรับ ชายหนุ่มได้แต่คลี่ยิ้มมองภาพความวุ่นวายจากการหนีตายของเจ้าของตึกใหญ่อย่างสนุกสนาน เพียงไม่นานห้องที่ตกแต่งอย่างสวยงามก็ตกอยู่ในความเงียบ เมื่อเหลือเพียงแต่แขกที่ยังอยู่ภายใน
“นายครับ แล้วเรา?” ชายในชุดสูทสีดำเอ่ยขึ้น เมื่อเห็นเจ้านายยังนั่งนิ่งไม่ได้มีอาการกระวนกระวายใจเลยสักนิด แถมยังยกยิ้มที่มุมปากอย่างอารมณ์ดีอีกต่างหาก “ผมว่า...เราควรออกไปกันได้แล้ว ถ้าตำรวจมาเจออาจจะมีปัญหายุ่งยากตามมา”
“ไม่ต้องกังวลหรอกอู่หนิง หมูที่มันอยู่ในอวยน่ะ มันหนีอย่างไรก็ไม่พ้นหรอก”
อู่หนิงได้แต่มองเจ้านายที่หัวเราะกับตัวเองอย่างลำบากใจ ถึงแม้เขาจะรู้ดีว่า คนอย่างเจิ้งหยุนไม่เกรงต่อสิ่งใด แต่สถานการณ์ตอนนี้ก็ยังนับว่าไม่ปลอดภัยอยู่ดี
“แต่...”
“เอาน่า... เรื่องนี้ไม่เห็นเกี่ยวกับพวกเราเลย ไม่เห็นต้องรีบไปไหนให้เหนื่อย”
เจิ้งหยุนเลิกคิ้วมองอู่หนิง สายตาคมที่ซ่อนเร้นอยู่เบื้องหลังเลนส์สีชาพราวระยับอย่างถูกใจจนบอดี้การ์ดหนุ่มรู้สึกได้
“ถ้าเกิดเรื่องถึงตำรวจขึ้นมา คุณเจิ้งเทียน...”
“นี่นายเป็นลูกน้องฉัน หรือเป็นลูกน้องพี่กันแน่”
น้ำเสียงไม่ค่อยพอใจของเจ้านายหนุ่ม ทำให้อู่หนิงต้องถอนหายใจออกมา ก่อนจะนึกโล่งใจ เมื่อเห็นคนตรงหน้าลุกขึ้นยืน แล้วเดินออกจากห้องอย่างใจเย็น ทันทีที่พวกเขาพ้นจากเขตของห้องทำงานใหญ่ แว่วเสียงปืนและเสียงกรีดร้องก็ดังเข้ามาให้ได้ยินเป็นระยะ
สองชายหนุ่มนายบ่าวเดินไปทางบันไดหนีไฟ ซึ่งน่าจะเป็นทางเดียวกับที่ถานอี้เทาใช้เป็นทางออก ในเมื่อมันเป็นเส้นทางเดียวที่จะลดการปะทะกับตำรวจที่อยู่ด้านหน้าของตึกหลังนี้ได้มากที่สุด แต่ถึงอย่างนั้นก็ต้องมีตำรวจมาดักรออยู่อย่างแน่นอน
เจิ้งหยุนหันไปพยักหน้าให้อู่หนิงเป็นการส่งสัญญาณ ชายในชุดสูทสีดำยกเครื่องมือสื่อสารขึ้น แล้วติดต่อไปยังปลายสายด้วยน้ำเสียงราบเรียบมั่นคง
"เริ่มได้”
▣-▣-▣-▣-▣-▣-▣-▣-▣-▣-▣-▣-▣