RUSE เล่ห์รัก กลปรารถนา > 26 - 02/03/2019 [END] - หนังสือ พร้อมส่ง
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: RUSE เล่ห์รัก กลปรารถนา > 26 - 02/03/2019 [END] - หนังสือ พร้อมส่ง  (อ่าน 28445 ครั้ง)

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3377
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ กาแฟมั้ยฮะจ้าว

  • Let me hug you tight, and I’ll make you feel how important you are.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +570/-0
ขอบคุณครับ กด +1 ให้นะครับ :a9:

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3377
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3377
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19
 :katai2-1:


ข้าวใหม่ปลามัน

ออฟไลน์ blove

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-0
โอ๊ยยยยยยสนุกกกกมากกกกก เพิ่งเข้ามาอ่านอแบบรวดเดียว วางไม่ลงเลย ภาษาและการบรรยายดี สวย แต่แอบมีคำผิดระดับนึง ไม่เป็นไร ยังคงอ่านไหลลื่นได้ 55555 // โห้ยยยยในที่สุด mission complete จีบแบบเนียนๆล่อล่วงๆจนได้กลืนกินสมใจ เจิ้งหยุนนายมันร้ายกาจ เจ้าเล่ห์ที่สุด ชอบความที่โหดกับคนอื่นแต่นุ่มนวลอ่อนโยนกับหยูเฟิงคนเดียว ชอบคำเรียก ''หนุเฟิง" โอ๊ยยยน่ารักไม่ไหวแล้ว เขินแทนอ่ะ 5555 เส้นทางความรักที่ไปคนละทางของหน้าที่ระหว่างตำรวจกับคนร้ายนายมาเฟีย จะบรรจบลงเอยยังไง จะจัดการกงเจ๋อตวนได้ไหม งานนี้ไม่ง่ายเลยแต่ก็วางใจระดับนึงว่าเจิ้งหยุนจะสามารถปกป้องหนุเฟิงได้ แต่ตอนนี้หมั่นไส้คนร้ายๆ เหม็นความรักอะ นั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ลูกน้องปรับอารมณ์ไม่ทันกันแล้ว 55555 อย่าให้ถึงวันหนุเฟิงรู้ว่าคนที่กำลังอมยิ้มตอนนี้อยู่เบื้องหลังทุกอย่าง จะโกรธมากไหมนะ มันก็จริง ที่ว่าไม่สามารถรับปากได้ว่าจะไม่ทำไม่ดี แต่ที่รู้ๆคือจะปกป้องคนรัก โอ๊ยยยยยเนี้ยความเป็นเจิ้งหยุน 55555 ชอบบบบบบบบ โอ๊ยยยสนุกมากก รอติดตามตอนต่อไปเลยค่ะ FC #หนุเฟิงเจิ้งหยุน ขอบคุณสำหรับเรืองนี้ มันดีมาก อ่านแล้วเอ็นจอย ^^

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ shoi_toei

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-26
ช่วงนี้ก็จะ สวีท กัน หน่อย ๆ

ออฟไลน์ blove

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-0
จร้าาา งั้นก็รีบๆจัดการเลยนะ ถ้าอยากให้เขามาอยู่ด้วยถาวรเลยอ่ะ เอาข้อมูลมาล่อตลอดอ่ะ  ที่บอกว่าจัดการได้ไม่ต้องห่วงไม่ผิดหวังก็เพราะตัวเองเป็นคนวางแผนกับดักหมดเองนะสิ เจิ้งหยุนคนเจ้าเล่ห์เอ้ย!!!!ฮาๆ //เอาจริงๆก็แอบสงสารหลีซิงเหมือนกันนะ หัวใจเจ้ากรรมดันมาหลงรักคนฆ่าพ่อตัวเองแถมเจ้าตัวมาทำเป็นพูดดีด้วยได้อย่างเลือดเย็นอีก อยากจะแก้แค้นแทนพ่อก็อยากจะแก้แค้น แอบเห็นใจอะ โถ หลีซิง เพราะงั้นละเจิ้งหยุนจัดการกงเจ๋อตวน ภาระกิจของหนุเฟิงกับหลีซิงจะได้จบๆ รอตอนต่อไปเลยค่ะ คนเจ้าเล่ห์จะวางแผนจัดการยังไง ขอบคุณที่มาอัพค่า ^^

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3377
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ shoi_toei

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-26
จ้าลูกล่อลูกชนเยอะ เอาเขามาอยู่ด้วย อย่าลืมขัดการเสี้ยนหนาม

ก่อนด้วยเน้อ คิดว่าน่าจะป่วนใช่ย่อย

ออฟไลน์ shoi_toei

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-26
เอ้า อิเด็กนี่

หลีซิงนี่น่ารำคาญแหะ

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3377
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3377
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ shoi_toei

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-26

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ marionatte

  • Beginning is more difficult
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 794
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +307/-5
ขออนุญาตแจ้งข่าวค่ะ
ตอนนี้กำลังรีไรท์เรื่องใหม่เพื่อทำการรวมเล่ม และจะทยอยเอามาลงใหม่อีกครั้งนึงค่ะ
ท่านใดสนใจสามารถคิดตามได้ที่ http://marionetta.lnwshop.com/

ขอบคุณค่ะ   :o8:

ออฟไลน์ marionatte

  • Beginning is more difficult
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 794
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +307/-5
หลังตากนี้จะเริ่มลงใหม่ในเวอร์ชั่นรีไรท์ค่ะ ฝากคิดคามด้วยนะคะ  :-[

ออฟไลน์ กาแฟมั้ยฮะจ้าว

  • Let me hug you tight, and I’ll make you feel how important you are.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +570/-0
ขอบคุณครับ +1 ให้นะครับ o13

ออฟไลน์ marionatte

  • Beginning is more difficult
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 794
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +307/-5
02

คนที่หมายตา






ยิ่งกว่าฝันร้าย...

หวังหยูเฟิงรู้ได้ทันทีว่า อัตราในการรอดมีน้อยหรือแทบไม่มีเลย ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่อาจทนเห็นผู้ร้ายหนีไปต่อหน้าต่อตาได้ แน่นอนว่าผู้กองหนุ่มยอมตายเสียยังดีกว่า

การปะทะที่เกิดขึ้นไม่สามารถเรียกได้ว่าสูสี ในเมื่อฝ่ายผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ต้องคอยหลบกระสุนเป็นส่วนใหญ่ ถึงแม้จะมีฝีมือ แต่มันอาจใช้ไม่ได้ผลกับผู้ร้ายที่มีจำนวนมากกว่าแบบนี้

นัยน์ตาสีนิลส่องประกายหงุดหงิด เมื่อเห็นร่างของเพื่อนร่วมทีมล้มลง และไม่ทันที่เขาได้ตั้งตัว ความเย็นจากโลหะที่สัมผัสเข้ากับศีรษะก็ทำให้ชายหนุ่มชะงัก ก่อนจะโดนอีกฝ่ายนำตัวออกมาจากที่กำบัง

“แสบจริงนะผู้กองหวัง!”

น้ำเสียงกร้าวดุดันที่ดังขึ้น ทำให้เจ้าของชื่อจ้องเขม็ง ภาพของ ถานอี้เทาในสภาพที่ผิดจากปกติไปมากโขกำลังยิ้มราวกับปิศาจ ไม่ทันที่ หวังหยูเฟิงจะได้เอ่ยคำใดโต้ตอบ กำปั้นหนักก็พุ่งเข้าโจมตีที่ใบหน้าของเขาเต็มแรง

“หึ! แกมันสมควรตาย!”

ถานอี้เทาแย้มรอยยิ้ม ก่อนจะคว้าปืนจ่อที่หน้าผากของนายตำรวจหนุ่ม เขาตั้งใจจะชำระแค้นศัตรูคืนทีละคน เริ่มจากตำรวจเฮงซวยตรงหน้า แล้วค่อยหาโอกาสไปจัดการไอ้สารเลวเจิ้งหยุนทีหลัง

“คุณถาน นายเรียกให้ไปพบ”

คำบอกกล่าวที่ดังขึ้น ทำให้คนที่กำลังจะลงมือซ้ำต้องสบถอย่างขัดใจ ก่อนจะยอมเดินไปอีกทางอย่างว่าง่าย ทิ้งไว้แต่ร่างของผู้กองหนุ่มที่ทอดมองด้วยความสงสัย

ใครกันที่เรียกถานอี้เทาไป...

ถึงแม้ร่างกายจะถูกจับกุม อีกทั้งความปวดหนึบที่เล่นงานอยู่บนใบหน้าจากกำปั้นก่อนหน้านี้กำลังออกฤทธิ์ แต่สมองของผู้กองหวังกลับทำงานอย่างเต็มที่

หวังหยูเฟิงจ้องมองไปยังทิศทางของถานอี้เทา ก่อนจะขมวดคิ้ว เมื่อเห็นใครอีกคนในชุดเสื้อเชิ้ตสีเข้มยืนอยู่ตรงนั้น อีกทั้งยังใส่แว่นกันแดดอำพรางใบหน้าอีก ดูเหมือนว่าชายหนุ่มที่น่าสงสัยก็มองมาทางเขาเช่นเดียวกัน

    ใครกัน...

เนื่องจากระยะที่ไกลเกินจะได้ยินบทสนทนา ทำให้ผู้กองหนุ่มได้แต่มองท่าทางของคนกลุ่มนั้นและคาดเดาไปต่างๆ นานา ก่อนนัยน์ตาคู่สวยจะเบิกกว้าง เมื่อเห็นร่างของถานอี้เทาร่วงลงสู่พื้นด้วยฝีมือของใครอีกคนที่เขาไม่รู้จัก

เกิดอะไรขึ้น?!

หวังหยูเฟิงได้แต่ขบคิดอย่างเคร่งเครียด คำถามที่ขึ้นต้นด้วยคำว่า ’ทำไม’ วิ่งพล่านไปทั่วสมอง ความเงียบเข้าปกคลุมโดยรอบ เพราะอีกฝ่ายใช้ปืนเก็บเสียง ทำให้เสียงของอาวุธสังหารไม่ดังอย่างที่ควรจะเป็น

ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและเรียบง่าย การตายของถานอี้เทาที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันไม่มีใครมีท่าทีใส่ใจเลยสักคน

ชายหนุ่มปริศนาคนนั้นเดินเข้ามาใกล้ พร้อมกับสัญชาตญาณของนายตำรวจที่กู่ร้องถึงอันตรายที่กำลังจะเกิดขึ้น เขาไม่อาจละสายตาจากทุกย่างก้าวของบุคคลตรงหน้าได้แม้แต่วินาทีเดียว

ทว่าชายหนุ่มคนดังกล่าวกลับก้าวได้เพียงครึ่งทาง กระบอกปืนที่เพิ่งพรากวิญญาณออกจากร่างของถานอี้เทาก็มาปรากฏอยู่ตรงหน้า หวังหยูเฟิงได้แต่เม้มริมฝีปากแน่น ร่างกายที่โดนตรึงไว้จากคนร้ายอีกสองคน ทำให้เขาไม่สามารถขัดขืนได้เต็มที่ แล้วไม่ทันที่ผู้กองหนุ่มจะได้คาดคิด ความเจ็บก็พุ่งเข้ามาปะทะที่หัวไหล่ซ้ายเข้าอย่างจัง พร้อมกับหลักฐานยืนยันเป็นของเหลวกลิ่นคลุ้งที่ซึมขึ้นตามเนื้อผ้า

แสงไฟยังคงสว่างไสวสร้างความสวยงามในยามค่ำคืน มีหลายคนที่กำลังหลงระเริงในเสน่ห์ของราตรี ทว่าบริเวณพื้นที่เล็กๆ ด้านหลังของตึกขนาดใหญ่โอ่อ่า กลับมีชายคนหนึ่งที่กำลังเผชิญหน้ากับความเป็นความตายอยู่

▣-▣-▣-▣-▣-▣-▣-▣-▣-▣-▣-▣-▣

ไม่เข้าใจ...

เจิ้งหยุนขมวดคิ้วมองร่างตรงหน้าอย่างสงสัย หลังจากที่ได้สัญญาต่างๆ ของถานอี้เทามา ชายหนุ่มก็เผลอหงุดหงิดจนพลั้งมือฆ่าอีกฝ่ายไปเสียได้

เอาล่ะ! ที่จริงมันก็มีความตั้งใจส่วนหนึ่งอยู่แล้ว แต่ไอ้แก่นั่นก็ยังรนหาที่อีก ในเมื่อเขาก็เคยบอกไปแล้วว่า ไม่ชอบให้มายุ่มย่ามในพื้นที่ของเขาโดยไม่ได้รับอนุญาต ถึงแม้จะเพิ่งได้เป็นเจ้าของเพียงไม่กี่นาทีก็ตาม และที่ร้ายยิ่งไปกว่านั้น...ก็คือการฆ่าคนต่อหน้าต่อตาเขาโดยพลการ

พวกดื้อด้าน...

ถ้าจะให้มานั่งดัดไม้แก่ก็คงจะยาก มีทางเดียวที่จะแก้สันดานของพวกนิสัยน่ารำคาญแบบนี้ได้ ก็คงต้องตายแล้วเกิดใหม่เท่านั้น เพียงเท่านี้มันก็สมเหตุสมผลพอที่จะส่งไปโลกหน้าแล้ว

เจิ้งหยุนลอบถอนหายใจ ก่อนจะมองไปยังร่างที่โดนคนของเขาจับเอาไว้อย่างพิจารณา นายตำรวจผู้โชคร้ายสภาพดูไม่จืดนัก ทว่าประกายของความเด็ดเดี่ยวกลับสะท้อนจากนัยน์ตาสีดำขลับคู่นั้นอย่างชัดเจน

 พวกหัวแข็งอย่างไม่ต้องสงสัย...

แต่สิ่งที่น่าแปลกใจยิ่งกว่ากลับเป็นความรู้สึกของตัวเองตอนนี้ที่ไม่รู้ว่าเกิดเป็นบ้าอะไรขึ้นมา

จะว่าอย่างไรดีล่ะ...

เขาก็แค่เฝ้ามองการต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอดของนายตำรวจคนนี้อย่างละสายตาไม่ได้ก็เท่านั้น ความรู้สึกประหลาดใจเกิดขึ้นอย่างไร้ที่มา แต่ก็พอจะนิยามได้ว่าถูกใจกับความบ้าบิ่นที่แม้จะเหลือเพียงตัวคนเดียวก็ยังไม่ยอมหนีไปไหน และที่น่าประทับใจยิ่งกว่า คงเป็นฝีมือที่ไม่ธรรมดาจนน่าจับตามอง

ทั้งที่กำลังเฝ้ามองการทำหน้าที่ของอีกฝ่ายอย่างตั้งใจอยู่แท้ๆ แต่ไอ้แก่ถานอี้เทาก็ดันไปเอาตัวมา แล้วเขาคงจะไม่โมโหมากนัก หากคนจุ้นจ้านไม่เอาปืนจ่อหัวตำรวจคนนั้น แล้วทำท่าจะฆ่าทิ้ง โดยไม่สนใจความรู้สึกของคนที่กำลังดูอยู่อย่างเขาเลยสักนิด

    ใครก็ห้ามทำร้ายผู้ชายคนนี้!

เจิ้งหยุนที่เก็บก้อนอารมณ์เอาไว้เลยระบายโทสะของตัวเองออกไป ในเมื่อถานอี้เทาก็ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะต้องอดทนให้เหนื่อยใจ และเมื่อความไม่สบอารมณ์สงบลง ความคิดบางอย่างก็ผุดขึ้นท่ามกลางความเงียบ

แล้วถ้าเขาเป็นคนฆ่าเองล่ะ?

อันที่จริงแล้วการปล่อยให้พยานรู้เห็นเหตุการณ์ฆาตกรรมของตัวเองก็นับว่าโง่เง่าเกินกว่าคนอย่างเจิ้งหยุนจะทำ อีกทั้งพยานยังเป็นตำรวจที่ดูซื่อตรงต่อหน้าที่ ไม่แน่ว่าความรู้สึกที่ไม่อยากให้ใครมาทำร้ายนายตำรวจคนนี้ อาจเป็นเพราะเขาเองนั่นแหละที่อยากจะลงมือเอง

การได้ทำลายคนที่ยื้อชีวิตอย่างจริงจังแบบนั้น จะน่าสนุกสักแค่ไหน...

เจิ้งหยุนเหยียดยิ้มกับตัวเอง สายลมยังคงพัดพากลิ่นของความตายโชยเข้ามาในจมูก ชายหนุ่มไม่ลังเลที่จะยกปืนเข้าหาอีกฝ่าย และเขาคงจะเหนี่ยวไกใส่จุดตายในเสี้ยววินาที หากไม่ได้สบนัยน์ตาแวววาวสีดำคู่นั้น

สายตาถือดีและไม่มีความกลัวเคลือบแฝงแม้แต่นิดเดียว

            พวกไม่กลัวตาย...

เพราะความนัยที่สัมผัสได้อย่างชัดเจน ทำให้เจิ้งหยุนหมดอารมณ์ไปพอสมควร สายตาที่ไร้ความหวาดกลัวแบบนั้น ต่อให้จับไปทรมานก็ยังน่าเบื่อ และด้วยความผิดหวังที่มีอยู่ในใจ ทำให้ชายหนุ่มผู้ไม่เคยสนใจใครต้องหงุดหงิด

ทั้งที่อยากจะยิงทิ้งให้หมดเรื่องหมดราว ก็เกิดนึกเสียดายคนแบบนี้ขึ้นมา ห้วงความรู้สึกที่หมุนเวียนสับเปลี่ยน ทำให้เจิ้งหยุนต้องหยุดความรู้สึกของตัวเองด้วยการเปลี่ยนจากตำแหน่งตรงหัวใจไปยังหัวไหล่แทน เมื่อเห็นผลงานของตัวเอง ชายหนุ่มจึงเดินเข้าไปใกล้

ใบหน้าที่กำลังข่มอารมณ์และพยายามปกปิดความรู้สึกของนายตำรวจเปื้อนเหงื่อที่ซึมออกมา ท่าทางต่อต้านผ่านสายตาสีนิล ทำให้ความรู้สึกบางอย่างของเจิ้งหยุนพุ่งสูงขึ้น ความแข็งกร้าวที่สร้างขึ้นเป็นเกราะป้องกันความอ่อนแอของอีกฝ่าย ไม่ต่างจากแมวที่กำลังขู่จนตัวพอง เมื่อเห็นแบบนั้นชายหนุ่มจึงยกยิ้มขึ้น

เพียงแต่ผู้ชายคนนี้ไม่ใช่แมวธรรมดา แต่เป็นแมวป่าที่มีแรงดึงดูดบางอย่างจนทำให้เขาสนใจและไม่อาจถอนสายตาได้ ช่วงจังหวะของหัวใจเต้นเร็วขึ้น เมื่อได้ประสานสายตาดุดันที่อีกฝ่ายตั้งใจส่งมา

ตื่นเต้น...

ความร้อนของเลือดที่สูบฉีดไปทั่วร่างตอกย้ำความเข้าใจของเจิ้งหยุนอีกครั้ง ก่อนที่มือแข็งแกร่งจะเชยคางของเหยื่อที่ตกอยู่ในเงื้อมมือหมุนพลิกไปมาอย่างสำรวจ

ผิวขาวเกลี้ยงที่คล้ำแดดไปบ้าง คิ้วเรียวเข้มได้รูป จมูกโด่งรับกับริมฝีปากบางสีส้มอ่อน แต่สิ่งที่เด่นชัดที่สุดคงหนีไม่พ้นนัยน์ตาสีดำขลับคู่นั้น

ถ้าหน้าไม่ยับแบบนี้ ก็น่ามองอยู่หรอก...

เจิ้งหยุนทอดมองใบหน้าของนายตำรวจหนุ่มโดยไม่ได้สนใจสิ่งรอบข้าง ทว่าไม่มีสิ่งใดเคลื่อนไหว นอกจากเสียงหอบหายใจและอาการฮึดฮัดไม่พอใจของคนเจ็บที่สะท้อนกับความเงียบ และก่อนที่ใครจะทันคาดคิด ใบหน้ายับเยินของผู้กองหวังก็สะบัดออก

เมื่อใบหน้าของตัวเองได้รับอิสระอีกครั้ง หวังหยูเฟิงก็ไม่รีรอที่จะต่อสู้ด้วยการก้มลงกัดมือของคนที่จับจนเต็มเขี้ยว และแทบจะเป็นปฏิกิริยาโต้ตอบอัตโนมัติ คนที่จมอยู่ในห้วงความคิดก็ต่อยใบหน้าของคนทำร้ายไปเต็มแรง

เจิ้งหยุนขมวดคิ้วพลางมองใบหน้าของคนที่ดูไม่ได้อยู่แล้วอย่างนึกโมโห สายตาที่ยังส่องประกายกล้าและไม่หวาดหวั่น ทำให้ชายหนุ่มต้องถอนหายใจ ก่อนจะก้มมองมือของตัวเองที่รู้สึกเจ็บขึ้นมานิดๆ พร้อมกับเลือดที่ซึมออกมา

เพราะไม่ได้รับคำสั่งใดจึงไม่มีใครกล้าเคลื่อนไหว ก่อนผู้ที่มีอำนาจมากที่สุดในที่นี้จะลงมือฟาดไปที่ท้ายทอยของคนที่ถูกจับไว้จนสิ้นสติ แล้วคนแผลงฤทธิ์ก็คงจะล้มไปกองกับพื้น หากลูกน้องของเขาไม่ได้จับเอาไว้

หึ! โดนแมวกัดจนได้...

เจิ้งหยุนมองคนที่สลบอยู่ตรงหน้าอีกครั้ง ก่อนจะนึกตลกตัวเองขึ้นมา ใครจะไปคาดคิดว่า คนอย่างเขาจะต้องเลือดตกยางออกเพราะโดนคนที่ตัวเองจับเอาไว้กัดมือเล่น มันน่าขบขันจนชายหนุ่มต้องหัวเราะกับตัวเองเบาๆ

บ้าบอสิ้นดี...

“นายเป็นอะไรมากหรือเปล่าครับ” อู่หนิงเอ่ยถามขึ้นด้วยความเป็นห่วงพร้อมกับนึกสงสัยท่าทางของเจ้านายที่จู่ๆ ก็ดันหัวเราะออกมาเสียอย่างนั้น

“ฉันไม่เป็นไร”

อู่หนิงลอบถอนหายใจ ก่อนจะมองร่างของนายตำรวจหนุ่มตรงหน้า และเมื่อเห็นว่าเจ้านายยังเอาแต่ดูรอยแผลที่อยู่บนมือของตัวเอง ชายหนุ่มก็อดจะถามขึ้นมาอีกครั้งไม่ได้

“แล้วไอ้ตำรวจนี่?”

“ปล่อยไว้ที่นี่นั่นแหละ”

เมื่อได้รับคำสั่งเช่นนั้น อู่หนิงก็พยักหน้ารับ ทว่าอาการที่ผิดแปลกไปจากทุกทีของเจ้านาย ทำให้ชายหนุ่มได้แต่เก็บงำความคิดของตัวเองเอาไว้ในใจ และยิ่งได้เห็นรอยยิ้มประหลาดกับเสียงหัวเราะแผ่วของเจิ้งหยุนที่เดินออกไปก่อน เขาก็ยิ่งสงสัยมากกว่าเดิม

แต่ใครจะไปคาดเดาความติดของเจิ้งหยุน เจ้านายของเขาได้




▣-▣-▣-▣-▣-▣-▣-▣-▣-▣-▣-▣-▣


ออฟไลน์ marionatte

  • Beginning is more difficult
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 794
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +307/-5
ภายในห้องสีขาวสะอาดของโรงพยาบาล ร่างของชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังนอนหลับสนิท ความเย็นจากเครื่องปรับอากาศ ทำให้อุณหภูมิโดยรอบอยู่ในสภาวะที่พอเหมาะ

เวลาผ่านไปครู่ใหญ่ร่างที่นอนอยู่ก็ขยับตัว เปลือกตาทั้งสองข้างพยายามทำงานเพื่อลืมตาขึ้นอีกครั้ง และทันทีที่การมองเห็นกลับมาใช้งานได้เต็มที่ ภาพของใครคนหนึ่งก็ปรากฏขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มที่ส่งมาให้

ฟ่านมู่เหยียน เพื่อนร่วมงานของเขา

“เฮ้! เป็นอย่างไรบ้าง!”

น้ำเสียงคุ้นเคยที่ดังขึ้น ทำให้หวังหยูเฟิงได้แต่กะพริบตา ก่อนจะรู้สึกถึงลำคอที่แห้งผากและอาการปวดเมื่อยตามร่างกาย ชายหนุ่มขยับตัวให้ถนัดมากขึ้น

“ขอน้ำหน่อย”

คนตรงหน้ารับคำ ก่อนจะกระวีกระวาดไปรินน้ำใส่แก้วพร้อมกับใส่หลอดเพื่อความสะดวกเสร็จสรรพ หวังหยูเฟิงวางแก้วน้ำลง หลังจากได้รับความชุ่มชื้นอีกครั้ง แล้วมองใบหน้าคมคายอย่างสงสัย

“ฉันเป็นอย่างไรบ้าง” ผู้กองหนุ่มเริ่มไต่ถามอาการของตัวเองจากเพื่อนสนิทพร้อมกับนั่งพิงหัวเตียงให้สบายขึ้น

“ก็ไม่ได้เป็นอะไรมาก มีแผลโดนกระสุนถากกับส่วนที่โดนยิงตรงหัวไหล่ แล้วก็รอยฟกช้ำนิดหน่อย” ฟ่านมู่เหยียนตอบ แล้วส่งยิ้มไปให้ “ยังหนังเหนียวเหมือนเดิม”

“แล้วเรื่องของถานอี้เทา” หวังหยูเฟิงเอ่ยถามต่อโดยไม่สนใจคำเย้า ถึงพอจะคาดเดาเรื่องราวได้บ้างแล้วก็ตาม

“ถานอี้เทาตายไปแล้ว”

หวังหยูเฟิงถอนหายใจพลางมองอีกฝ่ายที่ลากเก้าอี้มานั่งข้างเตียง ชายหนุ่มในชุดเสื้อยืดกางเกงยีนส์มองใบหน้าของคนป่วยอย่างคาดคั้น

“มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่หยูเฟิง ตอนแรกฉันได้ข่าวว่า นายทำภารกิจสำเร็จไปแล้ว แต่กลายเป็นว่าพอพวกฉันไปถึงที่เกิดเหตุ ตึกนั่นก็โดนไฟไหม้ โชคดีที่เจอนายนอนสลบอยู่อีกที่ แล้วก็ยังมีร่างของถานอี้เทาที่โดนยิงตายอีก”

“แล้วแบบนี้...หลักฐาน” หวังหยูเฟิงถามขึ้นอย่างร้อนใจ ชายหนุ่มรู้ดีว่าหลักฐานที่จะสามารถเอาผิดกับถานอี้เทาได้อยู่ในตึกหลังนั้น

“เก็บกู้ได้บางส่วน” ฟ่านมู่เหยียนตอบพลางถอนหายใจออกมา “ยังดีที่เรียกรถดับเพลิงได้ทัน แต่จริงๆ ส่วนที่เก็บได้ ก็แทบไม่มีประโยชน์อะไรอยู่ดี”

“อย่างนั้นหรือ”

“ช่างเถอะ! ในเมื่อคนผิดก็ตายไปแล้ว คงไม่มีปัญญามารับโทษได้อยู่ดี ”ฟ่านมู่เหยียนเอ่ยขึ้นอย่างไม่ค่อย ใส่ใจนัก ก่อนจะเริ่มสวมบทเจ้าหน้าที่ตำรวจไต่สวนเพื่อนร่วมงานของตัวเองต่อ “ตกลงมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่”

“ไม่แน่ใจเหมือนกัน เหมือนเรื่องมันกลับตาลปัตรไปหมด เอ่อ...แล้วจับใครได้บ้างหรือเปล่า มือวางเพลิงน่ะ”

ฟ่านมู่เหยียนส่ายหน้า แล้วลอบถอนหายใจออกมา ก่อนจะถ่ายทอดเรื่องราวให้เพื่อนสนิทฟังต่อ

“ฉันกำลังตามหาอยู่นั่นแหละ ยังดีไฟนั่นไม่ได้ลามไปยังบริเวณอื่น ที่สำคัญเรื่องนี้กำลังเป็นข่าวดังเลย”

“อืม” หวังหยูเฟิงรับคำ แล้วมองไปยังหน้าต่างที่มีผ้าม่านประดับไว้อย่างครุ่นคิด

“แล้วนายมีอะไรจะบอกบ้างไหมล่ะ บอกตามตรงตอนนี้ฉันยังเริ่มต้นตามเรื่องไม่ถูกเลยเนี่ย” ฟ่านมู่เหยียนเอ่ยถามต่ออย่างหนักใจ

"ไม่มี”

หวังหยูเฟิงไม่เข้าใจว่า ทำไมถึงบอกเพื่อนร่วมงานไปแบบนั้น ทั้งที่อยู่ในเหตุการณ์ตั้งแต่ถานอี้เทาหนีออกมาได้ รวมถึงการตายของบุคคลดังกล่าว แต่ทว่าเขาเองก็ไม่ต่างจากเพื่อนสนิทนัก เพราะตอนนี้ก็ยังไม่มีข้อมูลอะไรเลยเช่นเดียวกัน นอกจากบุคลิกและรูปร่าง ไม่ว่าจะหน้าตาหรือน้ำเสียง อีกฝ่ายก็ปกปิดเอาไว้เสียหมด

“ถึงจะไม่เรียกว่าสำเร็จอย่างผุดผ่อง แต่ถือว่าทำลายบ่อนการพนันแหล่งใหญ่ได้ ถานอี้เทาก็ได้รับสิ่งที่ควรได้รับแล้ว ถึงแม้ว่าเราจะไม่รู้ว่าใครเป็นคนลงโทษก็ตามที”

หวังหยูเฟิงไม่ตอบคำ ใบหน้าที่ปรากฏรอยช้ำมองหน้าต่างที่มีผ้าม่านสีอ่อนประดับอยู่อีกครั้ง ภาพท้องฟ้าใสฉายผ่านบานกระจกเข้ามาในสายตา

“แล้วไม่ไปทำงานหรือ” ผู้กองหวังถามเปลี่ยนเรื่อง เขาคงต้องใช้เวลาอีกสักพักในการเรียบเรียงเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดก่อน

“ฉันลามาทำธุระ” ฟ่านมู่เหยียนตอบพลางระบายยิ้มออกมา

“ธุระ?” หวังหยูเฟิงทวนคำอย่างสงสัย ก่อนจะเลิกคิ้วขึ้น เมื่อเห็นสีหน้าเจ้าเล่ห์ของเพื่อนสนิท

“แหม...ก็นายอย่างไรล่ะที่เป็นธุระของฉันน่ะ” ชายหนุ่มอารมณ์ดีตอบ แล้วยกยิ้มที่มุมปาก “ฉันก็ต้องมาดูว่า เพื่อนยังสุขสบายดี ยังไม่ล้มหายตายจากไปไหน”

“ฉันยังสบายดี” หวังหยูเฟิงบอกด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อย เขาอมยิ้มมองสีหน้าทะเล้นของเพื่อน

“ขอบใจที่บอก ตอนนี้ฉันก็เห็นด้วยตาของตัวเองแล้วว่า นายยังหายใจได้อยู่ ถ้าอย่างนั้นฉันก็คงต้องกลับก่อน” ชายหนุ่มเอ่ยรับพร้อมกับลุกขึ้น ก่อนจะถอนหายใจออกมา “ให้ตายเถอะ! ขนาดตายไปแล้ว ยังมาสร้างปัญหาไว้ให้อีก ถานอี้เทา...ช่างสมกับเป็นผู้ร้ายเสียจริง”

“ขอโทษด้วยแล้วกัน”

“ช่วยไม่ได้ ก็นายดันมาเดี้ยงแบบนี้ ก็คงต้องเป็นฉันที่โดนสารวัตรโขกสับอยู่คนเดียว นี่ก็ขอลาได้แค่ตอนเช้านะเนี่ย” ชายหนุ่มบอกพลางมองนาฬิกาข้อมือของตัวเอง “อืม... ตอนนี้ก็เข้างานสายไปอีกสองชั่วโมง แต่ก็ช่างมันเถอะ”

“เดี๋ยวมู่เหยียน!” หวังหยูเฟิงเอ่ยรั้งคนที่กำลังจะเปิดประตูเอาไว้ ก่อนจะสบมองใบหน้าคมคายของเพื่อนรุ่นเดียวกันอย่างตรงไปตรงมา

“มีอะไร ถ้ารู้อะไรก็รีบบอกมา เดี๋ยวฉันต้องมานั่งปั้นเรื่องที่เข้างานสายอีก แถมยังไม่มีข้อมูลที่จะรายงานส่งเลยด้วย”

หวังหยูเฟิงมองใบหน้าเคร่งเครียดของฟ่านมู่เหยียน ซึ่งเขามองออกได้ในทันทีว่า อีกฝ่ายแค่แสร้งทำ ชายหนุ่มถอนหายใจออกมา

“เรื่องรายงานปิดคดีของถานอี้เทา ฉันจะทำเอง”

“แหม...เล่นพูดออกมาแบบนี้ คิดว่าฉันจะปฏิเสธว่า ไม่ต้องทำใช่ไหม” ฟ่านมู่เหยียนเอ่ยขึ้น ก่อนจะคลี่ยิ้มออกมา “ดีเลย! ตอนนี้งานของฉันก็สุมหัวจนไม่มีเวลาไปทำอะไรแล้ว เชิญนายรีบหาย แล้วรีบกลับไปทำงานของตัวเองด่วน”

หวังหยูเฟิงยิ้มขำกับท่าทางของอีกฝ่ายที่แสดงออกมาอย่างโจ่งแจ้งว่า ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ยอมเพิ่มงานให้ตัวเองเด็ดขาด แต่ชายหนุ่มรู้ดี เมื่อเขาหายป่วยและกลับไปทำงานได้ตามปกติอีกครั้ง งานทุกอย่างในส่วนที่ตัวเองควรทำจะเสร็จเรียบร้อย

“ขอบใจที่ไม่แย่งงานของฉันไปทำ” หวังหยูเฟิงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงประชดประชันแกมหยอกเย้า

 “ไม่เป็นไร นั่นเป็นสิ่งที่ฉันควรทำอยู่แล้ว” ฟ่านมู่เหยียนตอบรับ ก่อนจะเลิกคิ้วขึ้น “สรุปไม่มีอะไรจะบอกฉันใช่ไหม”

“อืม...อย่าทำงานจนลืมกินข้าวล่ะ”

คนฟังได้แต่หัวเราะรับ ก่อนจะเดินออกจากห้อง หวังหยูเฟิงมองบานประตูที่ปิดลงพร้อมกับรอยยิ้มที่มีอยู่ก่อนหน้านี้จางหายไป   



     
▣-▣-▣-▣-▣-▣-▣-▣-▣-▣-▣-▣-▣





เสียงเพลงสากลที่มีจังหวะเร้าใจดังก้อง ชายหนุ่มหญิงสาวต่างเคลื่อนไหวไปตามทำนองเพลงที่สนุกสนาน แสงไฟสลัวที่ส่องอยู่ทั่วบริเวณ ทำให้ยากที่จะคาดเดาว่าใครเป็นใคร

ในห้องทำงานที่อยู่บนชั้นห้าของผับชื่อดังอย่างกาเบรียล เจิ้งหยุนกำลังนั่งดื่มวิสกี้พลางไล่มองตัวเลขในบัญชีรายรับและรายจ่ายของเดือนนี้อย่างใช้สมาธิ

 อันที่จริงแล้วผับแห่งนี้เพิ่งเปิดได้เพียงครึ่งปีเท่านั้น แต่ด้วยการบริการอย่างมีระดับ รวมไปถึงความปลอดภัยที่ลูกค้าได้รับ ทำให้สถานบันเทิงน้องใหม่โด่งดังในหมู่นักท่องราตรี ถึงแม้เจิ้งหยุนที่เป็นเจ้าของจะดูแข็งกระด้างและไม่สนใจไยดีต่อสิ่งใด แต่ผับกาเบรียลก็เปิดบริการอย่างถูกต้องตามกฏหมาย

เสียงเคาะประตูดังขึ้นเป็นจังหวะ ก่อนที่อู่หนิงจะเดินเข้ามาพร้อมกับแฟ้มงานที่นำไปวางไว้บนโต๊ะ ชายหนุ่มมองเจ้านายที่กำลังนั่งทำงานของตัวเองอย่างไม่สนใจใคร

“นายครับ นี่คือประวัติของตำรวจคนนั้น” อู่หนิงเอ่ยขึ้น ก่อนจะส่งแฟ้มอีกฉบับไปให้เจิ้งหยุนที่เงยหน้าขึ้นมามอง นัยน์ตาคมพราวเสน่ห์วาวขึ้นอย่างชอบใจ

“ตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน”

“ตอนนี้นอนพักอยู่ที่โรงพยาบาล จะกลับไปทำงานต่ออาทิตย์หน้าครับ”

“อืม...ออกไปได้แล้ว” เจ้าของห้องเอ่ยขึ้น อู่หนิงเดินออกจากห้องไปอย่างนอบน้อม

เมื่อเหลือเพียงตัวเองตามลำพัง เจิ้งหยุนก็เปิดอ่านแฟ้มที่บรรจุข้อมูลที่เขาต้องการไว้ครบถ้วน ก่อนจะมองรูปถ่ายใบหน้าตรงของเจ้าของแฟ้มประวัตินี้อย่างตั้งใจ

หวังหยูเฟิง

เด็กที่โตจากสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า ก่อนจะสอบเข้าที่โรงเรียนนายร้อยตำรวจ และเข้าบรรจุจนเลื่อนขั้น ตอนนี้อายุสามสิบเอ็ดปี ชอบเล่นกีฬาและถนัดการยิงปืน สถานะโสด

 เจิ้งหยุนจุดยิ้มที่มุมปาก ก่อนจะกลับไปมองรูปถ่ายในเครื่องแบบเต็มยศของหวังหยูเฟิงราวกับถูกมนต์สะกด ความรู้สึกบางอย่างได้ก่อตัวขึ้นอีกครั้ง

ตั้งแต่วันที่ได้เจอกันจนถึงตอนนี้ เจิ้งหยุนก็ไม่อาจลบภาพของนายตำรวจจอมถือดีราวกับแมวป่าคนนั้นไปได้ เขาไม่เคยครุ่นคิดถึงใครแบบนี้มาก่อน

เจิ้งหยุนวางแฟ้มที่อ่านจนจำข้อมูลได้ขึ้นใจลง แล้วเอนตัวกับพนักพิงนุ่มอย่างเกียจคร้าน ดวงไฟสีนวลส่องให้ห้องทำงานที่เงียบเหงาดูอบอุ่นขึ้นราวกับถูกโอบล้อมด้วยแสงอาทิตย์ยามเย็น ชายหนุ่มวาดยิ้มบางพลางยกมือที่มีรอยแผลของตัวเองขึ้นล้อกับแสงไฟบนเพดาน

มือสีขาวปรากฏรอยช้ำจาง เพราะไม่ได้รับการดูแลอย่างที่ควร ชายหนุ่มอมยิ้มขึ้น ยามนึกถึงเจ้าของที่ฝากรอยแผลนี้เอาไว้

            ฟันคมดีจริงๆ...คุณตำรวจ

 นัยน์ตาสีดำสนิททอแววอ่อนโยนลง เมื่อนึกถึงใบหน้าจริงจังดวงนั้น ชายหนุ่มไม่เคยนึกเลยด้วยซ้ำว่า จะมีวันที่คนอย่างเขาจะลุ่มหลงใครสักคนอย่างง่ายดายแบบนี้

ซ้ำร้ายคนที่เขาหมายตากลับไม่ใช่หญิงสาวสวยงามหยดย้อยหรือนางฟ้าบนดินที่ไหน แต่เป็นนายตำรวจหนุ่มหน้าตาธรรมดาและมีท่าทางจริงจังในชีวิต ไม่ว่าจะมองจากมุมไหน ก็ไม่เห็นความสวยงามแม้แต่น้อย ทว่าเสน่ห์ของผู้ชายคนนั้นกลับแสดงออกมาอย่างชัดเจน

    เจิ้งหยุนยังจำสายตาดุดันที่ตรึงความรู้สึกของเขาได้ติดตา มันทั้งร้อนแรงและสั่นคลอนความรู้สึกจนหัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ

อยากได้...

นี่คงเป็นความรู้สึกเดียวที่เขากลั่นออกมาเป็นคำพูดได้ และแน่นอนว่าไม่มีอะไรที่เจิ้งหยุนอยากได้ แล้วจะไม่ได้

แล้วจะเป็นอะไรไหม... ถ้าจะถือว่ารอยแผลนี้เป็นสิ่งของแทนใจที่อีกฝ่ายฝากไว้ให้

 ชายหนุ่มลดมือของตัวเองลงพลางมองรอยแผลที่อยู่บนมือราวกับของรักของหวง ก่อนริมฝีปากบางสีอ่อนจะแนบลงบนรอยแผลนั้นแผ่วเบา





TBC++++++++ 03  เงาที่มองไม่เห็น



Marionetta ก็ยังมาเรื่อยๆ ค่ะ ความจิตของอิเจิ้งก็กำลังตามมาเรื่อยๆ เหมือนกัน อิอิ ขอบคุณค่ะ  :o8:




ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ marionatte

  • Beginning is more difficult
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 794
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +307/-5
03
เงาที่มองไม่เห็น







 หลังจากหวังหยูเฟิงพักฟื้นได้ครบหนึ่งอาทิตย์ ชายหนุ่มก็ดำเนินชีวิตประจำวันตามปกติอย่างที่ผ่านมา เมื่อเขาเดินทางมาถึงที่ทำงานในตอนเช้า เสียงทักทายของบรรดาลูกน้องและเพื่อนร่วมงานก็ดังขึ้นไม่ขาดสาย

“ผู้กองหวังหายดีแล้วนะครับ”

“อืม หายดีแล้วล่ะ ขอบใจ”

“ผู้กองหวังคะ ดิฉันได้ยินข่าว ยังห่วงว่าจะเป็นอะไรมาก”

“โชคดีที่ผมดวงแข็งน่ะ เลยไม่ได้เป็นอะไรมาก ขอบใจที่เป็นห่วง”

หวังหยูเฟิงพูดคุยกับเพื่อนร่วมงานที่ต่างก็พากันถามไถ่อาการของเขา จนกระทั่งเดินมาถึงห้องทำงานของตัวเอง

“แหม...วันนี้คึกคักดีจริงๆ”

ฟ่านมู่เหยียนเดินเข้ามาด้วยใบหน้าแต้มรอยยิ้ม พร้อมกับมองเพื่อนสนิทที่ตอนนี้ยืนจัดโต๊ะทำงานของตัวเองอยู่ เมื่อเจ้าของห้องเงยหน้าขึ้นมามอง ชายหนุ่มก็ยักคิ้วให้เป็นเชิงทักทาย

“ก็ผู้กองหวังกลับมาทำงานได้ปกติแล้วนี่คะ” เว่ยเจียวเซิน นายตำรวจสาวที่ดูแลด้านเอกสารเอ่ยขึ้น

“อะไรกัน ตอนนั้นผมก็เข้าโรงพยาบาล พอกลับมาทำงาน ไม่เห็นจะเป็นแบบนี้” ฟ่านมู่เหยียนเอ่ยท้วงกับหญิงสาวอย่างต้องการความยุติธรรม

“อะไรกันคะ ก็ผู้กองหวังไปทำงานนะคะ ส่วนผู้กองฟ่านน่ะ ที่เข้าโรงพยาบาลเพราะดันไปกินของแสลงนี่คะ”

เรื่องราวน่าอายที่ดังขึ้น เรียกเสียงหัวเราะจากตำรวจหลายคนได้ไม่น้อย ก่อนคนที่ตกเป็นหัวข้อดังกล่าวจะหน้าบึ้ง แล้วดีดหน้าผากของหญิงสาวตรงหน้าเบาๆ เป็นการลงโทษ

“ทีเรื่องแบบนี้ หมวดเว่ยจำละเอียดจังเลยนะ”

เว่ยเจียวเซินจับหน้าผากของตัวเอง ทั้งที่ไม่ได้รู้สึกเจ็บอะไรเลย แต่เธอก็อดแสร้งชักสีหน้าขึ้นมาไม่ได้ หญิงสาวเอ่ยด้วยน้ำเสียงเง้างอน

“เจ็บนะคะผู้กอง!”

ฟ่านมู่เหยียนไม่สนใจ แล้วเดินไปหาเพื่อนสนิทพลางเท้าแขนลงบนโต๊ะทำงานที่จัดอย่างเป็นระเบียบตามนิสัยของเจ้าของ

“ตอนเก้าโมงสารวัตรเรียกประชุม จะได้สรุปปิดคดีให้มันจบๆ ไป”

“อืม”

ยังไม่ทันที่พวกเขาจะได้พูดคุยกันต่อ ตำรวจหนุ่มคนหนึ่งก็เดินเข้ามาพร้อมกับดอกไม้ช่อโต ซึ่งสามารถเรียกสายตาจากบรรดาผู้คนในสถานีตำรวจได้ไม่น้อย

“ตายจริง! นั่นของหมวดเหอหรือคะ” เว่ยเจียวเซินเอ่ยถามขึ้น เธอมองชายหนุ่มที่ถือช่อดอกไม้อย่างใคร่รู้

“ไม่ใช่ครับ ของผู้กองต่างหาก” เหอผิงตอบด้วยรอยยิ้ม

ผู้กองหนุ่มทั้งสองคนมองดอกไม้ช่อสวยตรงหน้าอย่างแปลกใจ ก่อนที่ฟ่านมู่เหยียนจะยิ้มออกมา แล้วเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงสดใส

“สงสัยเสี่ยวโหยวจะส่งมาให้ผม น่ารักแบบนี้ต้องให้รางวัลหน่อยแล้ว”

ฟ่านมู่เหยียนยิ้มแก้มปริพลางยื่นมือจะไปรับช่อดอกไม้ที่แฟนสาวส่งมาให้ ทว่าเหอผิงกลับเบี่ยงตัวหลบ ก่อนจะหัวเราะเบาๆ เมื่อเห็นสีหน้าประหลาดใจของคนตรงหน้า

“ไม่ใช่อีกนั่นแหละครับ เป็นของผู้กองหวังต่างหาก”

“ของผมหรือ”

หวังหยูเฟิงแสดงสีหน้างุนงงอย่างไม่ปิดบัง ก่อนจะรับดอกไม้ช่อโตตรงหน้า ทั้งที่ยังจับต้นชนปลายไม่ถูก

"แล้วใครเป็นคนส่งมาให้หรือ”

“ไม่ทราบสิครับ แต่เป็นบริษัทเอกชนที่บริการส่งดอกไม้ทั้วไป” เหอผิงเอ่ยตอบ ก่อนจะแซวผู้กองหนุ่ม “อะไรกันครับเนี่ย หยุดงานไปอาทิตย์เดียว พอกลับมา ก็มีช่อดอกไม้ส่งมาให้”

“นั่นสิ นี่แอบไปปล่อยเสน่ห์ใส่หมอหรือพยาบาลคนไหนหรือเปล่า ร้ายเอาเรื่องเหมือนกันนี่หว่า” ฟ่านมู่เหยียนแซวต่อด้วยสีหน้าล้อเลียน

“เปล่า” หวังหยูเฟิงปฏิเสธเสียงแข็งพลางมองช่อดอกทานตะวันที่ถูกจัดช่อด้วยริบบิ้นสีแดงเข้มอย่างสวยงาม ชายหนุ่มพลิกไปมาอย่างพิจารณา

“ไม่มีการ์ดอะไรบอกเลยครับ” เหอผิงบอก เมื่อเห็นผู้บังคับบัญชามองหาอะไรบางอย่างในช่อดอกไม้ที่กำลังถืออยู่

“สวยมากเลยนะคะ คงราคาแพงน่าดู ไม่รู้ว่าผู้กองหวังไปแอบหว่านเสน่ห์ใครเข้านะคะเนี่ย” เว่ยเจียวเซินเอ่ยขึ้น แล้วหัวเราะคิกคักอย่างถูกใจ

“อืม ช่อดอกไม้ส่วนใหญ่มักจะใช้ดอกกุหลาบ ลิลลี่ หรือไม่ก็คาร์เนชั่น ไม่ค่อยเห็นคนเอาดอกทานตะวันมาจัดช่อเท่าไรเลย” ฟ่านมู่เหยียนเอ่ยขึ้น เขามองสิ่งที่เพื่อนกำลังถืออยู่อย่างสงสัย

“ก็ใช่นะคะ ดิฉันก็ไม่ค่อยเจอเหมือนกัน หรือว่ามันจะมีความนัยอะไรแอบแฝงหรือเปล่าคะ” เว่ยเจียวเซินแสดงความคิดเห็น เธอมองช่อดอกทานตะวันอย่างพิจารณาเช่นเดียวกัน

จากบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความอบอุ่นและเสียงหัวเราะ บัดนี้กลับเงียบสนิท สายตาทั้งสี่คู่มองมาที่ช่อดอกไม้ปริศนาอย่างครุ่นคิด

“หรือเอาไปตรวจหน่อยดี เผื่อผู้ไม่ประสงค์ดีส่งมาให้” ฟ่านมู่เหยียนเสนอความคิดของตัวเองพร้อมกับขมวดคิ้วขึ้น เขาฉวยช่อดอกไม้ที่เพื่อนถืออยู่มาพลิกไปพลิกมาเพื่อมองหาความผิดปกติ

 “แหม...มันคงไม่ได้ซ่อนระเบิดมาหรอกนะคะ” เว่ยเจียวเซินเอ่ยขำๆ อย่างพยายามคลายบรรยากาศที่ดูจะเคร่งเครียดขึ้น

“ผมลองดูแล้วครับ ก็ไม่มีอะไรผิดปกติ คนส่งดอกไม้ ผมก็ขอดูบัตรพนักงานและแน่ใจว่าเป็นพนักงานของร้านจริงๆ” เหอผิงเอ่ยย้ำ ทว่ายังไม่ละสายตาไปจากช่อดอกไม้เจ้าปัญหา

“ขืนส่งไปตรวจสอบ ช่อดอกไม้สวยๆ ก็เละหมด ถ้าคนส่งมารู้ทีหลัง จะเสียใจเอานะคะ” เว่ยเจียวเซินเอ่ยขึ้น ทั้งที่ใบหน้าสวยยังแสดงความไม่แน่ใจ

“อืม แล้วนายว่าอย่างไร” ฟ่านมู่เหยียนหันไปถามเพื่อน อย่างน้อยก็ควรให้เจ้าของได้เป็นคนตัดสินใจเองจะดีกว่า

“คงไม่มีอะไรหรอก” หวังหยูเฟิงเอ่ยเสียงเรียบ ฟ่านมู่เหยียนก็พยักหน้ารับ ทว่าใบหน้ายังไม่คลายความสงสัย เขาส่งช่อดอกไม้คืนให้เจ้าของ

“ถ้าอย่างนั้นฉันไปเคลียร์งานก่อนแล้วกัน เจอกันที่ห้องประชุม”

หลังจากลับหลังฟ่านมู่เหยียนไปแล้ว เว่ยเจียวเซินก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะหันไปมองเหอผิงที่ยิ้มบาง แล้วเดินไปทำงานของตัวเองต่อ หญิงสาวเดินเข้ามาใกล้ผู้กองหนุ่มที่ยังมองช่อดอกไม้ของตัวเองอยู่

“ผู้กองหวังก็ไม่ต้องกังวลหรอกค่ะ อาจจะเป็นใครสักคนที่ส่งมาเป็นกำลังใจให้ก็ได้นะคะ”

“อืม”

“แต่ว่า...เรื่องความนัยของดอกไม้ ผู้กองหวังไม่อยากรู้หรือคะ”

หวังหยูเฟิงมองเว่ยเจียวเซินที่คลี่ยิ้มสวย ถึงเขาจะชอบอ่านหนังสือและหาความรู้รอบตัวในเวลาว่าง แต่ก็ไม่เคยสนใจเรื่องละเอียดอ่อนแบบนี้เท่าไรนัก

"หมวดเว่ยรู้ความหมายของมันหรือ"

"ดิฉันคิดว่า ผู้กองหวังหาความหมายด้วยตัวเองดีกว่าค่ะ"





▣-▣-▣-▣-▣-▣-▣-▣-▣-▣-▣-▣-▣





ห้องประชุมขนาดกลางเต็มไปด้วยความเงียบ หน้าจอขนาดใหญ่ตรงหน้าห้องกำลังฉายภาพพร้อมกับเสียงบรรยายเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงหลายวันที่ผ่านมาเพื่อสรุปผลในการทำรายงานปิดดคีต่างๆ

“ครับ นี่คือข้อมูลที่เรามีทั้งหมดในตอนนี้” ฟ่านมู่เหยียนเอ่ยขึ้น เมื่อชายหนุ่มรายงานถึงผลการทำงานในขณะนี้ให้ผู้รับผิดชอบและผู้เกี่ยวข้องได้รับทราบ

"คุณมีอะไรอยากเพิ่มเติมไหม ผู้กองหวัง” สารวัตรใหญ่ผู้เป็นประธานในการประชุมเอ่ยถาม หลังจากฟังผลการรายงานของผู้ใต้บังคับบัญชา

“ผมคิดว่าประเด็นของการวางเพลิงครั้งนี้มาจากมือที่สาม”

“หมายความว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับกงเจ๋อตวนอย่างนั้นหรือ”

“ครับ มันไม่สมเหตุสมผลที่กงเจ๋อตวนจะมาวางเพลิง เพราะถ้าเกิดลงมือจริง ก็น่าจะรู้อยู่ก่อนแล้วว่า เราจะต้องสงสัยอย่างแน่นอน” หวังหยูเฟิงเอ่ยขึ้นอย่างครุ่นคิด ชายหนุ่มพยายามโยงเหตุการณ์ต่างๆ ทว่าไม่อาจเชื่อมต่อกับกลุ่มคนปริศนาที่ฆ่าถานอี้เทาได้

“ที่จริงผมก็เห็นด้วยกับผู้กองหวังนะครับ แต่ก็ไม่น่าจะมีใครอุกอาจหรือกล้าต่อกรกับถานอี้เทาได้ นอกจากกงเจ๋อตวน” ฟ่านมู่เหยียนย้ำเนื้อความของเพื่อนสนิทด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

“คุณได้เห็นถานอี้เทาก่อนเสียชีวิตหรือเปล่าผู้กองหวัง” สารวัตรเอ่ยถามอีกครั้งพร้อมกับสายตาทุกคู่ในห้องประชุมที่พุ่งตรงมา หวังหยูเฟิงสูดลมหายใจลึก

“เห็นครับ แต่ว่าผมไม่สามารถระบุคนร้ายได้ เนื่องจากเห็นใบหน้าบางส่วนและเหมือนพวกนั้นจะวางแผนมาก่อนหน้านี้”

ทุกคนส่งเสียงเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ก่อนที่ผู้เป็นประธานในการประชุมจะส่งสัญญาณให้เงียบเสียงอีกครั้ง นัยน์ตาคมที่ผ่านประสบการณ์มามากมายกวาดมองโดยรอบ แล้วหยุดตรงนายตำรวจหนุ่มที่เห็นเหตุการณ์

“หมายความว่าคุณไม่สามารถตามหาคนร้ายได้อย่างนั้นหรือ”

“เท่าที่ผมพอจะคาดเดาได้ คนร้ายรู้จักกับถานอี้เทา แต่ว่าอาจจะมีเหตุผลบางอย่าง ทำให้ต้องจัดการถานอี้เทาแบบนั้น พวกนั้นไม่ใช่มือปืนรับจ้าง เหมือนจะเป็นคนอีกกลุ่มหนึ่ง” หวังหยูเฟิงเอ่ยขึ้นตามที่ตัวเองรับรู้

“นอกจากถานอี้เทากับกงเจ๋อตวนที่เป็นผู้มีอิทธิพลมืดรายใหญ่ในเมืองนี้ ยังจะมีอีกกลุ่มหนึ่งอย่างนั้นหรือ” นายตำรวจท่านหนึ่งเอ่ยถามขึ้น

“อาจจะใช่แล้วก็ไม่ใช่” หวังหยูเฟิงตอบรับได้แค่นั้น ชายหนุ่มไม่รู้แม้แต่น้อยว่า ความจริงมันเป็นอย่างไรกันแน่

"ถึงแม้การตายของถานอี้เทาจะยังเป็นปริศนา แต่โดยรวมเบื้องบนก็พอใจกับการทำงานในครั้งนี้อยู่" สารวัตรเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบมั่นคง ท่าทีสุขุมเยือกเย็น ทำให้ทุกคนภายในห้องประชุมรับฟังอย่างยำเกรง “แต่ว่าเราก็อย่าได้วางใจ เราต้องสืบหาให้ได้ว่า ใครที่ยิงถานอี้เทา รวมถึงการวางเพลิงในครั้งนี้ด้วย”

“ผมคิดว่า ทั้งสองคดีต้องมาจากกลุ่มเดียวกันแน่” ฟ่านมู่เหยียนแสดงความคิดเห็น สารวัตรใหญ่ตอบรับด้วยการมองเพียงเล็กน้อย ก่อนสายตาจะมองตรงไปยังผู้ร่วมประชุมทุกคน

“ผมก็คิดแบบนั้น สิ่งที่เราต้องสืบต่อไปก็คือพวกมันเป็นใคร”


▣-▣-▣-▣-▣-▣-▣-▣-▣-▣-▣-▣-▣





ออฟไลน์ marionatte

  • Beginning is more difficult
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 794
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +307/-5


แสงแดดที่แผดร้อนยามเที่ยงวันส่องประกายจ้า เจิ้งหยุนลงมาจากรถยนต์คันหรู ใบหน้าหล่อเหลาประดับด้วยแว่นตาสีชาเข้ากับเสื้อเชิ้ตสีอ่อนที่คลุมทับเสื้อกล้ามอย่างมีสไตล์ เขาเดินเข้าไปในคฤหาสน์หลังใหญ่ที่ตอนนี้มีบรรดาคนรับใช้เข้ามาต้อนรับ ก่อนจะส่งสัญญาณบอกให้อู่หนิงที่ติดตามรออยู่ข้างนอก

เจิ้งหยุนเดินผ่านห้องโถงที่ตกแต่งสไตล์ตะวันตกอย่างสวยงามไปยังห้องรับแขกที่อยู่ด้านใน ซึ่งมีกงเจ๋อตวนกำลังนั่งรออยู่บนชุดโซฟารับแขกหนังแท้ที่แพงระยับ

"มาเร็วดีจริง" เจ้าบ้านเอ่ยทักอย่างอารมณ์ดี ใบหน้าของชายวัยห้าสิบปีเศษแต้มรอยยิ้มชัดเจน

“ผมเป็นคนตรงต่อเวลาน่ะ” เจิ้งหยุนตอบรับ ก่อนจะนั่งลงบนโซฟาเดี่ยวโดยไม่ได้มีท่าทีเกรงใจเจ้าบ้านแม้แต่น้อย แต่อีกฝ่ายก็ไม่ได้ถือสาหาความอะไร

“เอาของว่างหน่อยไหม”

“ขอบคุณ แต่คงต้องขอปฏิเสธ”

กงเจ๋อตวนไม่ได้ทักท้วงอะไร เขาหันไปสนใจหญิงสาวแรกรุ่นสองคนที่อยู่ในอ้อมแขน เจิ้งหยุนมองผู้ชายตรงหน้าอย่างเย็นชา ทว่าอีกฝ่ายกลับยกยิ้มขึ้น แล้วซุกไซ้ลำคอขาวของสาวน้อยที่ร้องครางด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ

น่าสะอิดสะเอียนเป็นบ้า!

เจิ้งหยุนบริภาษกงเจ๋อตวนอยู่ในใจ แล้วยื่นเอกสารวางไว้บนโต๊ะรับแขกเพื่อทำธุระของตัวเองต่อ เขาไม่อยากอยู่ที่นี่นานเกินความจำเป็น

“นี่คือเอกสารที่คุณต้องการ”

“โอ้! รบกวนคุณแย่”

 กงเจ๋อตวนระบายยิ้มรับ ก่อนจะหยิบเอกสารที่เกี่ยวกับสินทรัพย์ทั้งหมดของถานอี้เทาขึ้นมาดูอย่างพอใจ คู่แข่งแสนน่ารำคาญที่ตอนนี้สิ้นชื่อ ไม่สิ...สิ้นชีวิตไปแล้วต่างหาก ในที่สุดเขาก็ได้ครอบครองทุกอย่างที่หมายมาดเอาไว้

ผู้มีอิทธิพลใหญ่มองชายหนุ่มผมยาวอย่างชื่นชม นอกจากเป้าหมายที่ตกลงกันเอาไว้จะเสร็จลุล่วงทันใจแล้ว สิ่งที่เหนือความคาดหมายไปกว่านั้น ก็คือการที่เจิ้งหยุนจัดการถานอี้เทาจนอยู่หมัด เดิมทีเขาก็ไม่นึกใส่ใจด้วยซ้ำ เมื่อคนตรงหน้าเสนอจะเอาสมบัติทั้งหมดของไอ้เลวนั่นมาให้

ถึงแม้ในปัจจุบันตระกูลเจิ้งจะทำธุรกิจขาวสะอาดต่างจากสมัยก่อน แต่ก็คงมีเขี้ยวเล็บซ่อนอยู่ นอกจากจะทำงานรอบคอบจนตำรวจตามกลิ่นไม่เจอแล้ว ความเหี้ยมของผู้ชายคนนี้ก็ยังทำให้เขาถูกใจ

“ไม่นึกว่าคุณจะจัดการเร็วขนาดนี้”

“ผมก็ทำไปตามเรื่อง ไม่อยากให้มันค้างคา”

“ไม่ต้องถ่อมตัวหรอกคุณเจิ้ง” กงเจ๋อตวนเอ่ยขึ้นพร้อมกับใช้มือนวดคลึงทรวงอกเต่งตึงของหญิงสาวอย่างเพลิดเพลิน “แต่ถึงอย่างนั้น...ผมก็ไม่ได้ให้คุณฆ่ามันหรอกนะ”

“อันนั้นเป็นบริการเสริม” เจิ้งหยุนตอบเสียงนิ่ง แล้วนึกสมเพชในความหื่นกามไม่เลือกเวลาของคนตรงหน้าไปด้วย

“ฮ่าๆ บริการดีแบบนี้ ผมจะได้ไปบอกต่อว่าคุณทำงานดีแค่ไหน”

“ไม่จำเป็น ผมไม่ได้ต้องการทำงานให้ใคร”

 เจิ้งหยุนหรี่ตาลงเล็กน้อย เมื่อเห็นสายตาเชื่อมหวานของหญิงสาวข้างกายของเจ้าบ้าน ชายหนุ่มไม่ได้หลบตา ก่อนจะหันไปมองกงเจ๋อตวนที่เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงอารมณ์ดี

“อะไรกัน! คุณจะบอกว่า เรื่องนี้คุณไม่ได้ทำงานให้ผมหรือ”

“คุณแค่บังเอิญตอบโจทย์ของปัญหาที่จะเกิดขึ้นกับผมได้เท่านั้น”

“หมายความว่าอย่างไร”

“คุณคงไม่คิดว่า ผมจะโง่เอาเผือกร้อนมาถือไว้เองหรอกนะ”

น้ำเสียงเย่อหยิ่งอย่างถือดี เรียกนัยน์ตาเรียวให้เป็นประกาย ก่อนที่ กงเจ๋อตวนจะหัวเราะเบาๆ

“แต่คุณแน่ใจว่า ตำรวจจะไม่ตามมาถึงตัวผม?”

“นั่นก็ขึ้นอยู่ว่า คุณจะจัดการกับเผือกร้อนชิ้นนี้อย่างไร ซึ่งนั่นไม่เกี่ยวกับผม”

“ปัดภาระมาให้ผมชัดๆ”

กงเจ๋อตวนมองใบหน้าหล่อเหลาของชายหนุ่มตรงหน้าเขม็ง แล้วยกยิ้มขึ้นที่มุมปาก เมื่ออีกฝ่ายยังมีสีหน้าเรียบเฉย ก่อนที่เขาจะเรียกให้ลูกน้องหยิบเช็คเพื่อจ่ายค่าจ้างสำหรับงานครั้งนี้

“นี่คือเงินของคุณ”

เจิ้งหยุนรับเช็คแผ่นบางแต่มูลค่ามากมายกว่าที่เห็นหลายร้อยหลายพันเท่า ก่อนจะลุกขึ้นยืน เมื่อหมดธุระที่นี่แล้ว

“จะกลับแล้วหรือ อยู่คุยด้วยกันก่อนสิ”

“ผมมีอย่างอื่นต้องทำต่อ”

“แหม...เจ้าของผับอย่างคุณคงจะยุ่งจนหัวหมุน ทำไมไม่ลองมาร่วมงานกับผมดูล่ะ คุณเป็นคนมีฝีมือนะ ผมชอบ”

 “อย่าดีกว่า เป็นอย่างนี้ก็ดีอยู่แล้ว ผมไม่ชอบคลุกคลีกับอะไรที่ผิดกฏหมาย”

“พูดแบบนี้ผมเสียหายนะ เอาน่า... จะไม่เก็บไปคิดหน่อยหรือ”

“ขี้เกียจคิด ขอบคุณที่ชวน”

ในขณะที่เจิ้งหยุนหันหลังเดินออกจากห้องรับแขกที่หรูหรา เสียงหัวเราะของเจ้าบ้านก็รั้งชายหนุ่มเอาไว้

“ถ้าเปลี่ยนใจก็มาบอกผม เรื่องเงินเราตกลงกันได้อยู่แล้ว คุณก็รู้ว่าผมเป็นพวกกล้าได้กล้าเสีย”

ชายหนุ่มแค่นเสียงในลำคอรับอย่างนึกรำคาญ ท่าทางไม่แยแสต่อสิ่งใดที่แสดงออกมา ทำให้คนที่หว่านล้อมยิ้มขึ้นอย่างถูกใจมากกว่าเดิม

“ใจแข็งจริง! เอาผู้หญิงกลับไปกอดเล่นสักคนไหมล่ะคุณเจิ้ง ถือว่าเป็นของตอบแทนเล็กน้อยของผม”

เจิ้งหยุนหันหลังกลับมามอง ก่อนจะปรายตาไปทางผู้หญิงสองคนที่กำลังช้อนตามองอย่างยั่วยวน เรือนร่างบอบบางอ้อนแอ้นสวมทับด้วยเสื่อผ้าที่หลุดรุ่ยจนแทบจะเปลือยเปล่า

หึ! ใครจะไปเอาของแบบนั้นของแกกัน…

“อ๊ะ! แต่ไม่ใช่สองคนนี้หรอกนะ เพราะผมหวง” กงเจ๋อตวนเอ่ยหยอก ซึ่งต่างจากสีหน้าของหญิงสาวทั้งสองคนที่แสดงความเสียดายอย่างชัดเจน

เจิ้งหยุนยกยิ้มที่มุมปาก เมื่อใบหน้าของใครคนหนึ่งเข้ามาในความคิดอย่างไร้สาเหตุ ก่อนจะปฏิเสธน้ำใจที่อีกฝ่ายหยิบยื่นให้อีกครั้ง

“ตอนนี้ผมไม่สนใจผู้หญิงน่ะ”



▣-▣-▣-▣-▣-▣-▣-▣-▣-▣-▣-▣-▣



หลังจากการประชุมจบลง หวังหยูเฟิงก็นัดแนะกับฟ่านมู่เหยียนเพื่อมาสถานที่เกิดเหตุอีกครั้ง ตั้งแต่ออกจากโรงพยาบาล เขาก็ยังไม่ได้มาดูด้วยสายตาของตัวเอง ได้แต่ติดตามเรื่องราวทั้งหมดผ่านรายงานที่เพื่อนสนิททำเท่านั้น

 เมื่อพวกเขามาถึง ภาพของซากตึกที่ถูกไฟไหม้ก็ปรากฏอยู่ตรงหน้า หวังหยูเฟิงเดินสำรวจรอบบริเวณที่ถูกจำกัดเป็นพื้นที่อันตรายอย่างระมัดระวัง นอกจากจะเป็นสถานที่เกิดคดีแล้ว โครงสร้างของตึกที่ได้รับความเสียหาย อาจจะร่วงหล่นจนทำให้ได้รับบาดเจ็บได้

“ตรงนี้ที่เจอนายนอนสลบอยู่”

หวังหยูเฟิงมองตามปลายนิ้วที่ชี้บอกของฟ่านมู่เหยียน สัญลักษณ์ที่แต้มด้วยสเปรย์สีแดงบนพื้นซีเมนต์ฉายชัด เขาขมวดคิ้ว แล้วมองไปทางประตูที่เป็นทางออกของบันไดหนีไฟต่อ

“มันจะไม่เกลี้ยงขนาดนี้ ถ้าคนร้ายไม่วางเพลิงกลบร่องรอยจนจะสืบจากลายนิ้วมือก็ยังยาก” ฟ่านมู่เหยียนเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์นัก

“ลองไปสืบทางฝั่งของกงเจ๋อตวนแล้วหรือ” หวังหยูเฟิงเอ่ยถามพร้อมกับกวาดตามองโดยรอบอีกครั้งเพื่อหาร่องรอยบางอย่างที่อาจจะหลุดรอดสายตาไป

“อืม ที่จริงก็มีตำรวจอีกกลุ่มจับตามองกงเจ๋อตวนอยู่ มีรายงานมาว่า ช่วงนี้ยังไม่มีอะไรผิดปกคิ เพราะพวกมันก็คงจะระวังตัวอยู่เหมือนกัน"

หวังหยูเฟิงพยักหน้ารับคำบอกเล่าของเพื่อน สายลมพัดผ่านจนรู้สึกถึงฝุ่นควันและเขม่าเบาบาง นัยน์ตาสีนิลทอดมองพื้นที่ตรงหน้า ทว่าสิ่งที่ส่งตรงไปถึงสมองกลับเป็นผู้ชายนิรนามในอดีตคนนั้น

พวกมันเป็นใครกัน





TBC++++++++ 04********เหตุร้ายจากความบังเอิญ****



Marionetta มาลงฉลองคริสต์มาสค่ะ แต่เนื้อหานี่คนละแนวกันเลย 555 ้เฟิงเฟิงยังไม่รู้ตัวว่ากำลังถูกเล็งอยู่ อิอิ ขอบคุณที่ติดตามค่ะ

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ Cyclopbee

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 173
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด