[Mpreg]มัจจุราชลงทัณฑ์รัก||​ตอนพิเศษสั้นๆ [END]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [Mpreg]มัจจุราชลงทัณฑ์รัก||​ตอนพิเศษสั้นๆ [END]  (อ่าน 89641 ครั้ง)

ออฟไลน์ เจี๊ยะบ่จ่าย

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 34
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฎทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเว็บไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเว็บไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-05-2018 20:28:47 โดย เจี๊ยะบ่จ่าย »

ออฟไลน์ เจี๊ยะบ่จ่าย

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 34
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
Re: มัจจุราชลงทัณฑ์รัก
«ตอบ #1 เมื่อ16-03-2018 19:43:55 »

สวัสดีค่ะ เจี๊ยะบ่จ่ายเองนะจ๊ะมาลงนิยายในเล้าเป็นเรื่องที่สองแล้ว จริงๆ ต้องบอกว่านิยายเรื่องนี้เคยลงมาแล้วรอบหนึ่ง แต่ว่าดองนานไปหน่อย เข้ามาอีกทีนิยายก็โดนลบไปซะแล้ว ฮ่าๆ มาลงรอบนี้รับรองว่าลงจบเรื่องแน่นอนค่ะ เพราะเขียนจบไปแล้ว อย่างไรก็ขอฝากนิยาเรื่องนี้ไว้ในอ้อมอกอ้อมใจนักอ่านทุกท่านด้วยนะคะ


มัจจุราชลงทััณฑ์รัก


ครั้งแรกที่นเรศเจอเจ้าจันทร์
       “คุณปล่อยผมไปเถอะ ผมไม่ได้ทำอะไรผิดเราไม่เคยรู้จักกันด้วยซ้ำ คุณเข้าใจผิด”
       “หึหึ ใช่...กูไม่เคยรู้จักมึง แต่มึงรู้จักน้องสาวกูแน่ เพราะความเลวระยำตำบอนของมึงที่ไข่แล้วทิ้งไว้ในท้องน้องสาวกูยังไงวะ” เขาส่งเสียงรอดไรฟันพร้อมกับบดกรามแน่นจนได้ยินเสียงให้อีกคนได้หวาดหวั่น ฝ่ามือหนาข้างที่ว่างยื่นเข้ากำลำคอเรียวออกแรงกดเต็มแรงดวงตาคุโชนเต็มไปด้วยเพลิงแค้น
       อยากจะฆ่า...อยากจะฆ่ามันให้ตายด้วยสองมือของเขา ลำคอเล็กที่เขาอยากจะบีบให้แหลกละเอียดคามือเสียตอนนี้ให้มันรู้แล้วรู้รอด

ครั้งต่อมา
       เป็นเพราะครั้งแรกที่ทำงามหน้าเอาไว้เยอะ ทำผิดหรือ แค้นหรือ เขาเป็นคนทำเองทั้งหมด ยัดเยียดความผิด กระทำความเลว บังคับข่มเหงรังแกอีกฝ่าย เป็นเพราะสิ่งเหล่านั้นทุกวันนี้นเรศจึงต้องหันมาปรึกษาศัตรูอย่าง ณัฐธัญ เจ้าน้องเขยที่เคยทำเลวพอๆ กับเขา เพื่อหาทางที่จะ...จีบเมียตัวเอง มันเป็นงานระดับช้างแมมมอธ เพราะเจ้าจันทร์ดันเป็นพวกทางสายกลาง เมื่อไม่โกรธ ไม่เกลียด ก็จะไม่มีรักเช่นเดียวกัน งานนี้นเรศทุ้มสุดตัวงัดเอากลเม็ดสารพัดวิชาจีบมาใช้กับเมีย เพื่อให้ครอบครัวเป็นครอบครัว นเรศบอกกับตัวเอง เขาจะต้องจีบเมียให้ได้



สำหรับนิยายเรื่องมัจจุราชลงทัณฑ์รักก็มี E-Book แล้วนะคะ
วางจำหน่ายกับทาง Meb ในราคา 139 บาทค่ะ
จำนวน : 314 หน้า (≈ 84,846 คำ) รวมตอนพิเศษ 4 ตอน
- วันเพ็ญเดือนสิบสอง จำนวน 8 หน้า (ลงในเว็บ)
- ความทรงจำดีๆ จำนวน 5 หน้า (ลงในว็บ)
- ได้เวลาปั๊มน้อง จำนวน 6 หน้า (ไม่ได้ลงในเว็บ)
- เมื่อเด็กๆ ไปโรงเรียนวันแรก จำนวน 12 หน้า (ไม่ได้ลงในเว็บ)
Buy :มัจจุราชลงทัณฑ์รัก



 :m1:สารบัญ
บทนำ
บทที่ 1 ไอ้คนป่าเถื่อน
บทที่ 2 เจ้าจันทร์เป็นพ่อ!
บทที่ 3 ยอมเพื่ออีกหนึ่งครอบครัว
บทที่ 4 เลือดตกยางออก
บทที่ 5 ที่นี่คือนรก...
บทที่ 6 มือมัจจุราชคู่นั้นไม่มีทาง...ไม่มีทางหนีพ้น
บทที่ 7 เผชิญหน้า
บทที่ 8 คล้ายโดนค้อนตีเข้ากลางแสกหน้า
บทที่ 9 ฟ้าดินกลับตาลปัตร
บทที่ 10 เป่าก่อนสิคะคุณนเรศ
บทที่ 11 ว่าด้วยเรื่องสิทธิ์
บทที่ 12 ของว่างที่พวกเขาต้องกินบนห้องนอน
บทที่ 13 ที่ไม่มีความทรงจำร้ายๆ
บทที่ 14 แล้วข้าวเช้าของป้าสุดาล่ะ
บทที่ 15 คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ
บทที่ 16 ตกลงเจ้าเป็นโรคอะไรกันแน่?
​บทที่ 17 เจ้าคือผู้ชายที่โชคดีที่สุดในโลก
​บทที่ 18 พ่อของเด็กในท้อง
บทที่ 19 พบหน้า
บทที่ 20 ขอโอกาส
บทที่ 21 เพชรหึง
บทที่ 22 เมื่อว่าที่พ่อตาอยากทำความรู้จักกับลูกเขย
บทที่ 23 พี่ขอใช้ห้องน้ำหน่อย
บทที่ 24 เกือบจะดี
บทที่ 25 เรียกอีกสิครับ
บทที่ 26 ถ้าอยากถ่ายหนังบู๊ เดี๋ยวพ่อจะจัดให้ได้บู๊สมใจ
บทที่ 27 ทำบุญร่วมชาติตักบาตรร่วมขัน
​บทส่งท้าย
ตอนพิเศษสั้นๆ



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-05-2018 20:28:16 โดย เจี๊ยะบ่จ่าย »

ออฟไลน์ เจี๊ยะบ่จ่าย

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 34
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
Re: มัจจุราชลงทัณฑ์รัก||บทนำ
«ตอบ #2 เมื่อ16-03-2018 19:48:02 »

บทนำ
       เม็ดทรายละเอียดขาวนวลแตกฟุ้งกระจาย ยามเมื่อปลายเท้าสัมผัสตามแรงฉุดกระชากลากถู เป็นแนวมาตั้งแต่ท่าเรือมุ่งหน้าสู่ผืนดินบนเกาะส่วนตัวของบุรุษร่างกายกำยำ ฝ่ามือหนาราวคีมเหล็กกำข้อมือเล็กแน่นลากอีกฝ่ายที่ล้มลุกคลุกคลานตามผืนทรายงาม พลันเสียงทุ้มสบถด้วยโทสะดังแทรกเสียงเล็กร้องโวยวายพร้อมกับฝ่ามือที่เคยจับกุมสร้างความเจ็บปวดยกสะบัดลงบนใบหน้าหวานเต็มแรง

       เพียะ!

       “หุบปาก!” นิ้วชี้แข็งแกร่งถูกยกขึ้นชี้หน้าอีกฝ่ายซึ่งกำลังร้องโอดครวญด้วยความเจ็บ นัยน์ตาคมกริบสีอำพันประดุจสายตาหมาป่าจับจ้องมองร่างเล็กที่นั่งหมดแรงอยู่บนพื้น เม็ดทรายติดกระจายตามผิวกายเนียนแดงก่ำด้วยพิษแดดร้อนแรง ดวงตาคมหรี่ลงแฝงเร้นด้วยความชิงชังอยากจะฆ่าให้ตายเสียตรงนี้ แต่ความตายของร่างตรงหน้ามันง่ายเกินกับความชั่วช้าที่อีกฝ่ายได้กระทำตราบาปเอาไว้กับครอบครัวของเขา

       “...” ไม่มีเสียงอ้อนวอนร้องขอใดๆ เช่นก่อนหน้าหลุดออกมาแม้เพียงครึ่งคำ มีเพียงดวงตาโศกตวัดกลับมาจดจ้องด้วยความโกรธ ฝ่ามือเรียวเล็กกอบกุมใบหน้าครึ่งซีกที่เริ่มเห่อบวม มุมปากมีเลือดซึมเหยียดรอยยิ้มราวกับกำลังเยาะเย้ยชายตรงหน้า หากแต่มันกลับกลายเป็นว่าคนตัวเล็กกำลังยิ้มเยาะกับโชคชะตาของตัวเองที่ฟ้าเบื้องบนกำลังเล่นตลกประหนึ่งละครน้ำเน่า

       ดังคำที่โบราณกล่าวไว้ยามมองคนอย่ามองดูแค่ภายนอกแล้วตัดสินทันทีว่าเขาเป็นเช่นไร บางคราแม้อีกฝ่ายจะแต่งตัวดูดีดีเลิศเพียงใดหากแต่จิตใจหยาบช้าก็ไม่ต่างจากสัตว์เดรัจฉาน ดังชายหนุ่มที่ยืนใบหน้าถมึงทึงเบื้องหน้า รูปโฉมหล่อเหลาร้ายกายประหนึ่งเทพบุตรลงมาจุติ ดูภายนอกท่าทางภูมิฐานราวกับได้รับการศึกษามาอย่างดี แต่ข้างใน...ชั่วช้าดั่งสัตว์นรก

       ยิ่งมองเห็นสายตาที่ส่งมาให้โทสะในใจของเขายิ่งลุกโชนโหมกระพือคล้ายมีคนมาราดน้ำมันลงบนกองไฟ มือแกร่งบีบลงบนต้นแขนเล็กกระชากขึ้นฉุดให้อีกฝ่ายตามมา

       “ปล่อยนะ!” แม้จะใช้พลังกายมากมายขัดขืนดิ้นรนแต่ก็ไม่มีทีท่าว่าจะหลุดออกมาจากฝ่ามือพญามารได้ ใบหน้าหวานของเด็กหนุ่มล้อมกรอบด้วยผมทรงรังนกสีน้ำตาลอ่อนนุ่มมือบิดเบ้ด้วยความเจ็บที่บริเวณต้นแขน ช่วงขาที่สั้นกว่าได้แต่ฝืนวิ่งตามอีกฝ่ายอย่างทุลักทุเล

       ยิ่งดิ้นแรงบีบต้นแขนยิ่งแรงขึ้นจนท่อนแขนเรียวเล็กแทบจะแหลกคามือของอีกฝ่าย จนในที่สุดเจ้าของร่างกายกำยำเหนือกว่าทั้งรูปร่างและพละกำลัง ก็ฉุดกระชากลากถูร่างเล็กขึ้นสู่ผืนดินและตรงดิ่งเข้ามาในป่าได้สำเร็จ ช่วงขายาวหยุดชะงักหน้ากระท่อมโกโรโกโสจะพักแหล่ไม่พังแหล่ ก่อนจะเหวี่ยงร่างเล็กเข้าไปข้างในไร้ซึ่งความปราณีใดๆ

       “โอ๊ย!” กายเล็กกระแทกเข้ากับผนังเต็มแรงจนต้องทรุดกายลงไปกองบนพื้นด้วยความเจ็บ หากแต่เมื่อเงยหน้าขึ้นประตูทำจากไม้หยาบๆ ก็ปิดดังปังส่งแรงสั่นสะเทือนไปยังกระท่อมทั้งหลัง เด็กหนุ่มผวาเข้าทุบประตูดังปังๆ ด้วยความหวาดกลัวจับจิต

       เขากลัว...เขาหวาดกลัวมัน หวาดกลัวยิ่งกว่าเผชิญชะตากรรมอันโหดร้ายกับคนใจยักษ์ใจมารประหนึ่งซาตานจำแลงกายมาเกิดด้านนอกเสียอีก

       ปัง! ปัง!

       “ปล่อยผม ปล่อยผมออกไปคุณไม่มีสิทธิ์มาทำกับผมแบบนี้ คุณไม่มีสิทธิ์” เสียงเล็กฟังดูผิวเผินไม่อาจแยกแยะว่าเป็นเพศใดตะโกนก้อง ฝ่ามือกำแน่นระรัวทุบใส่บานประตูทั้งพยายามใช้ร่างเล็กๆ ของตนกระแทกดังตึงๆ ดิ้นรนหาทางออกด้วยความกลัวจับจิต “ไอ้คนป่าเถื่อน ผมไม่เคยทำอะไรให้คุณ ไม่รู้จักคุณเสียด้วยซ้ำคุณมาทำกับผมแบบนี้ไม่ได้” เด็กหนุ่มยิ่งตะโกนเมื่อรับรู้ว่าบุรุษด้านนอกสืบเท้าออกห่างไปทุกที “กลับมา! กลับมาเปิดประตูให้ผม” เสียงตะโกนร้องโหยหวนประหนึ่งกำลังหวาดกลัวดัง สะท้อนก้องทั่วกระท่อมหลังเล็กออกไปด้านนอกแต่หาได้มีใครสนใจไม่

       ดวงตาโศกกวาดมองสำรวจรอบกายนัยน์ตาสั่นระริก แผ่นหลังถูกถอยร่นติดกับประตูฝ่ามือสั่นเทาทั้งสองข้างถูกยกขึ้นมากอดตัวเอง ความมืดมิดเริ่มเข้าครอบงำในช่วงเวลาโพล้เพล้ กระท่อมหลังเล็กกลางป่าด้านในมีเพียงเตียงไม้เก่าผุๆ หยากไย่ระโยงระยาง มันเงียบเชียบวังเวงไร้เสียงสิ่งมีชีวิตใดๆ ผ่านมา

       พรึบ

       พลันแข้งขาอ่อนยวบรีบยกมือขึ้นปิดหูด้วยความสะพรึงกับเสียงขยับด้านนอก กายเล็กถูกขดเข้าหากันคุดคู้อยู่กับบานประตู ใจดวงน้อยเต้นกระหน่ำบ้าคลั่งด้วยความหวาดกลัวจับจิต เริ่มตั้งคำถามกับตัวเองว่าตนทำสิ่งใดผิดกับชายคนนั้นถึงได้กระทำราวกับศาลเตี้ยกับตัวเขาเช่นนี้ เค้นสมองคิดใคร่ครวญเท่าไหร่ก็ไม่สามารถนึกได้ว่าเคยทำสิ่งใดให้ชายผู้นั้นไม่พอใจ มาถึงอีกฝ่ายก็โยนความผิดกล่าวหาว่าตนได้กระทำสร้างตราบาปให้กับครอบครัวของเขา เอาแต่พร่ำด่าทอผรุสวาทใส่ทั้งการกระทำที่ป่าเถื่อนฉุดตนมาจากร้านกาแฟที่กำลังทำงานอยู่ในช่วงปิดเทอม ไม่พูดพร่ำทำเพลงชี้แจงสิ่งใดก็ถูกโปะยาสลบฟื้นมาอีกทีก็อยู่บนเรือที่กำลังแล่นโครงเครงกลางทะเล พอจะเอ่ยปากถามก็ได้กลับมาแต่คำด่าหยาบคาย ณ ตอนนี้เด็กหนุ่มเองก็ยังไม่รู้ว่าทำสิ่งใดผิดต่อชายผู้นั้นด้วยซ้ำ!

ออฟไลน์ เจี๊ยะบ่จ่าย

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 34
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
บทที่ 1 ไอ้คนป่าเถื่อน

นัยน์ตาสีอำพันแฝงไฟแค้นของความเกลียดชังจับจ้องไปยังผืนป่าท่ามกลางความมืดมิดราวกับจะมองให้ทะลุเห็นสิ่งที่ถูกคุมขังไว้ในกระท่อมโกโรโกโส ท่อนแขนแกร่งยกขึ้นขัดกันใต้อกยืนนิ่งใกล้ระเบียงความคิดจมอยู่กับไฟแค้นในใจ

เป็นเพราะมันไอ้เด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม น้องสาวของเขาถึงได้ถูกคนดูถูกประณามหาว่าเป็นหญิงสำส่อนจนตั้งท้องไม่มีพ่อ ชีวิตของน้องสาว

ผู้เป็นที่รักซึ่งเขาเฝ้าทะนุถนอมประหนึ่งไข่ในหินถูกทำลายย่อยยับเพียงเพราะสิ่งที่มันทำไว้ และอีกหน่อยเด็กน้อยที่กำลังเติบโตในครรภ์ก็คงจะถูก

ตราหน้าว่าเป็นเด็กไม่มีพ่อ เกิดเป็นปมด้อยขึ้นทั้งที่ไม่ใช่ความผิดของตน ทั้งหมดทั้งมวลเป็นเพราะความมักง่ายของมัน
ยิ่งจมลึกลงไปในอดีตความชิงชังต่ออีกคนยิ่งเพิ่มมากขึ้น...มากขึ้น ราวกับลาวาที่ใกล้ปะทุพร้อมจะเผาผลาญทุกสิ่งที่ขวางหน้าให้ราบเป็นหน้ากลอง

“นายหัวครับ” เสียงวิ่งตึงตังขึ้นบันไดดังมาก่อนลูกน้องคนสนิทจะเข้ามาร้องเรียกให้คนที่ตกอยู่ในภวังค์ความแค้นได้สติ “ดูเหมือนว่าเจ้าสายลมกำลังเจ็บท้องคลอดครับ” เมื่อเห็นว่าเจ้านายหนุ่มหันมาพร้อมรอฟังเขาก็รีบรายงานทันที

“ให้คนไปตามหมอมาหรือยัง” เสียงทุ้มห้าวเอ่ยถามกลับพร้อมกับท่อนแขนที่ลดลงเตรียมสืบเท้ามุ่งหน้าไปยังคอกม้าที่เลี้ยงเอาไว้มากกว่าสิบตัว เพื่อจะได้ใช้งานในการเดินทางภายในเกาะแทนที่จะใช้แต่รถกินน้ำมันพวกนั้นให้ค่าใช้จ่ายเพิ่มมากขึ้นโดยไม่จำเป็น

“หมอเพลิงกำลังมาครับนายหัว” โอภาสเจ้าของทรงผมหยักศกสีดำสนิทมันเงา ไว้หนวดเครารุงรังผิวสีน้ำตาลเข้มขับให้ใบหน้าเคร่งขรึมนั้นหล่อคมบาดตาแม้ว่าตอนนี้เจ้าตัวจะอยู่ในชุดคนงานตัวเก่าสีซีดก็ตาม

“มันเจ็บท้องมานานหรือยัง” ขณะมุ่งหน้าก็ส่งคำถามให้ลูกน้องตอบกลับมาเป็นระยะตลอดทางไปคอกม้าที่อยู่ไม่ไกลเท่าไหร่ เมื่อมาถึงก็เห็นชายหนุ่มท่าทีสุภาพหากแต่กระฉับกระเฉงทุกการเคลื่อนไหวกำลังจับตามองเจ้าสายลมที่กำลังนอนตะกุยพื้นด้วยสีหน้ากังวล

เจ้าสายลมเป็นม้าพันธุ์ดีที่แทบจะบอกได้ว่าดีที่สุดในคอกเลยก็ว่าได้ ตัวมันมีสีดำปรอทเงาวับตลอดทั้งตัว เป็นม้าแม่พันธุ์ที่ชายหนุ่มชื่นชอบเป็นพิเศษกับฝีเท้าเร็วราวกับสายลมเช่นเดียวกับชื่อที่ตั้งให้ หากแต่เสียอยู่อย่างเดียวเจ้าสายลมมันคลอดลูกยาก เมื่อปีที่แล้วมันคลอดลูกตัวแรกเขาเองก็ปล่อยให้มันคลอดตามธรรมชาติ โดยเฝ้าดูอยู่กับคนงานไม่ห่าง แต่แล้วก็ต้องรีบตามหมอเพลิง เมื่อเห็นว่าลูกม้าที่กำลังโผล่ออกมาแทนที่จะเอาหัวออกมาก่อนเช่นลูกม้าตัวอื่นๆ มันกลับเอาขาหลังออกมาก่อนอย่างผิดธรรมชาติ กว่าหมอเพลิงจะมาถึงลูกม้าก็ตายเพราะขาดอากาศหายใจเสียแล้ว ในครั้งนี้เขาจึงสั่งให้คนงานรีบตามหมอเพลิงทันทีหากเห็นว่าเจ้าสายลมทำท่าจะคลอด เพราะหากซ้ำรอยเดิมคงไม่เป็นผลดีแน่

“เป็นยังไงบ้างครับหมอเพลิง” เขารีบเอ่ยถาม

“ดูเหมือนใกล้จะออกมาแล้วครับคุณนเรศ” หมอเพลิงหันกลับมาตอบเจ้าของเกาะเจ้าของชื่อนเรศ หรือชื่อเต็มๆ คือ สาคเรศ ทวีภัทรบวร ผู้มีร่างแข็งแกร่งกำยำผิวกายสีแทน

“ออกมาแล้ว” เสียงร้องของคนงานหนุ่มคนหนึ่งดังขึ้นหลังจากจับจ้องรอดูมาได้สักระยะ เวลานั้นทุกคนต่างรอลุ้นอย่างใจจดใจจ่อว่าลูกของเจ้าสายลมตัวนี้จะเอาส่วนไหนออกมาก่อน

“รีบออกมาเร็วเข้าเจ้าตัวน้อย” หมอเพลิงกล่าวลุ้นจนตัวโก่ง

พลันรอยยิ้มแรกของวันก็เผยออกมาลดความกระด้างบนใบหน้าหล่อเหลาคมเข้มของนเรศให้ดูอบอุ่นอ่อนโยนยิ่งขึ้น เมื่อลูกของเจ้าสายลมที่พวกเขารอคอยกำลังโผล่ออกมาด้วยส่วนหัวอย่างเช่นลูกม้าที่คลอดโดยทั่วไป เสียงร้องด้วยความดีใจผสมปนเปกับเสียงถอนหายใจอย่างโล่งอกดังจากคนงานและสัตวแพทย์หนุ่ม

การคลอดครั้งที่สองของเจ้าสายลมผ่านไปด้วยดี พร้อมกับเจ้าลูกม้าสีดำปรอทเช่นเดียวกับตัวแม่ม้ากำลังค่อยๆ หยันกายด้วยขาสั่นระริกลุกขึ้นยืนภายในเวลาไม่ถึงสามชั่วโมง ลูกม้าแรกเกิดลุกขึ้นเดินได้และจะวิ่งได้ในที่สุดภายในหนึ่งวัน ไม่เหมือนกับทารกแรกเกิดที่ต้องใช้เวลาหนึ่งปีในการตั้งลำตัว และอีกกว่าหนึ่งปีในการหัดย่างก้าวกว่าจะสามารถก้าวเดินได้เองในที่สุด

“แม่มันชื่อสายลมแล้วงั้นให้ให้มันชื่อพายุดำก็แล้วกัน” นเรศเอ่ยชื่อทีคิดได้สายตาพลางจับจ้องมองเจ้าลูกม้าสีดำปรอทกำลังย่างเดินไปกินนมแม่ม้าหลังจากวิ่งจนเหนื่อยหอบด้วยความตื่นเต้นที่ได้ลืมตามาดูโลก

“นายหัวครับ ป้าสุดาให้มาถามว่าจะให้คนที่นายหัวมาด้วยเมื่อช่วงเย็นกินข้าวตอนไหนครับ ป้าสุดาจะได้รีบทำ” ลูกน้องค่อนข้างผอมกะหร่องวัยกลางคนเดินเข้ามาถามชายหนุ่ม

“ไอ้ภาส” เมื่อได้ยินเสียงเข้มๆ ของเจ้านายเรียกชื่อโอภาสก็รีบละสายตาจากเจ้าพายุดำหันมาสบมองเจ้านายเพื่อรอฟังคำสั่งทันที “มึงไปบอกป้าสุดาว่าไม่ต้องทำ คืนนี้กูจะไม่ให้มันแดกข้าว” จบประโยคแม้คนที่ได้ฟังจะอดแปลกใจไม่ได้แต่ก็ไม่กล้าที่จะเอ่ยถามได้แต่ส่งเสียงรับคำสั่งทันที

หลังจากนั้นนเรศก็ชวนหมอเพลิงไปทานข้าวเย็นด้วยกันที่บ้านพักของชายหนุ่ม ก่อนหมอเพลิงจะขอกลับหลังจากทานข้าวเสร็จเรียบร้อยในเวลาต่อมา เมื่อทั้งบ้านกลับมาเงียบสงบหลงเหลือเพียงเจ้าของบ้านอย่างนเรศเพียงคนเดียวเท่านั้น ชายหนุ่มจึงสืบเท้ามุ่งหน้าพร้อมกับกระบอกไฟฉายเข้าไปในป่าอีกด้าน

ร่างกายกำยำหยุดชะงักอยู่หน้าประตูกระท่อมหลังเล็กที่พร้อมจะพังทุกเมื่อ เขายืนนิ่งรอฟังเสียงความเคลื่อนไหวด้านในก่อนจะใช้ลูกกุญแจที่

ล็อกเอาไว้อย่างแน่นหนาเปิดผ่างออก ร่างเล็กกระจ้อยของเด็กหนุ่มผิวกายที่เคยขาวเนียนสะอาดบัดนี้เต็มไปด้วยคราบดินสกปรกนั่งคุดคู้อยู่บนพื้นสะดุ้งสุดตัว พร้อมกับใบหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตาซุกอยู่กับเข่าเงยขึ้นมา ก่อนดวงตาโศกจะค่อยๆ เบิกกว้างแสดงออกถึงความหวาดกลัวและความสับสนตีกันจนยุ่งเหยิงไปหมด

“ไม่ต้องทำท่าดีใจที่เห็นกูขนาดนั้น” คล้ายความหวังที่คิดว่าเขาจะมาปลดปล่อยเพื่อพูดคุยกันอย่างผู้คนที่มีอารยธรรมดับวูบลงกับประโยคที่อีกฝ่ายเอ่ยอย่างไร้ความเห็นใจใดๆ “กูแค่จะมาดูว่ามึงตายหรือยัง ถ้ามึงตายง่ายๆ แบบนั้นมันคงไม่สนุก” ชายหนุ่มส่งเสียงขึ้นจมูกก่อนจะพ่นคำเหน็บแหนมออกมา

“คุณปล่อยผมไปเถอะ ผมไม่ได้ทำอะไรผิดเราไม่เคยรู้จักกันด้วยซ้ำ คุณเข้าใจผิด” ประโยคเดิมที่เคยกล่าวไปแล้วถูกกล่าวอีกครั้งพร้อมกับฝ่ามือเล็กที่ยกขึ้นบังแสงแสบตาจากกระบอกไฟฉายที่สาดใส่ใบหน้าตนอย่างตั้งใจ เด็กหนุ่มเฝ้าบอกตัวเองเขาต้องอดทน เขาต้องใจเย็น ค่อยๆ เจรจากับคนเลือดร้อนตรงหน้า อย่าทำให้เขาโกรธเพราะการเจรจาใดๆ กับชายหนุ่มอาจจะไม่เกิดขึ้นทันที

“หึๆ ใช่...กูไม่เคยรู้จักมึง แต่มึงรู้จักน้องสาวกูแน่ เพราะความเลวระยำตำบอนของมึงที่ไข่แล้วทิ้งไว้ในท้องน้องสาวกูยังไงวะ” เขาส่งเสียงรอดไรฟันพร้อมกับบดกรามแน่นจนได้ยินเสียงให้อีกคนได้หวาดหวั่น ฝ่ามือหนาข้างที่ว่างยื่นเข้ากำลำคอเรียวออกแรงกดเต็มแรงดวงตาคุโชนเต็มไปด้วยเพลิงแค้น

อยากจะฆ่า...อยากจะฆ่ามันให้ตายด้วยสองมือของเขา ลำคอเล็กที่เขาอยากจะบีบให้แหลกละเอียดคามือเสียตอนนี้ให้มันรู้แล้วรู้รอด

“อั๊ก ปะ..ปล่อย” เด็กหนุ่มเค้นเสียงออกมาด้วยความยากลำบากผ่านลำคอที่กำลังถูกฝ่ามือมัจจุราชบีบแน่น ลมหายใจที่กำลังถูกจำกัดใกล้หมดลงเต็มที ใบหน้าของผู้คนอันเป็นที่รักค่อยๆ ลอยเข้ามา แม่ พ่อ เขาคงจะตายอยู่กลางเกาะของไอ้คนป่าเถื่อนคนนี้แล้ว ไม่อาจจะได้เจอะเจอพวกท่านอีก...

“มึงยังตายตอนนี้ไม่ได้” จบประโยคใบหน้าบิดเบี้ยวแดงก่ำเพราะเริ่มขาดอากาศก็ถูกผลักออกจากฝ่ามือของชายหนุ่มจนหงายหลังล้มลงด้วยแรงอันมหาศาล นัยน์ตาสีอำพันจ้องมองอีกคนที่กำลังโก่งคอไอโคลกๆ ทั้งน้ำตาด้วยสายตาเย้ยยัน “ต่อไปมึงต้องอยู่ที่นี่ อย่าได้คิดหนีเพราะถ้ากูจับกลับมาได้มึงเละแน่” ขมขู่จบก็เดินออกไปปิดประตูดังปังล็อกกุญแจอย่างแน่นหนาเช่นเคย

ดวงโตโศกได้แต่จ้องมองตามร่างสูงที่หายลับไปพร้อมกับความมืดมิดเข้ามาครอบงำ ร่างกายที่สะสมความเมื่อยล้ามานานไม่ขยับเขยื้อนใดๆ ได้แต่ตกลงสู่หลุมหุบเหวที่มืดมิดไร้หนทางเข้าออก เปลือกตาประดับแพนขนตาหนาค่อยๆ ปิดลงพร้อมกับหยดน้ำตาที่ร่วงหล่นไหลเป็นทางไปตามพวงแก้ม ก่อนจะหยดลงจากปลายคางลงสู่พื้นดินที่นั่งทับอยู่

อยากกลับบ้าน...อยากจะหนีหายไป หากทำได้ตนจะไม่ขอพบเจอคนผู้นี้อีก ทั้งที่เด็กหนุ่มคนที่ชื่อว่าปักษาธร ศศิพัฒนาเมธี หรือ เจ้าจันทร์ คนนี้ไม่เคยกระทำสิ่งใดผิดต่อเขา ชายผู้นั้นกลับใส่ร้ายปาดป้ายความผิดให้เจ้าจันทร์ ทำน้องสาวเขาท้องเหรอ เฮอะ เป็นไปไม่ได้ในเมื่อตนไม่เคยได้สัมผัสสิ่งคาวโลกีย์พวกนั้นด้วยซ้ำ แม้จะอธิบายไปแล้วแต่ชายผู้นั้นกลับไม่เชื่อซ้ำยิ่งทำให้เจ้าจันทร์เจ็บปวดมากยิ่งขึ้น

เขาป่าเถื่อนสิ้นดี!

“ฮึก...ฮือๆ” เข่าทั้งสองข้างถูกตะกองกอดเอาไว้จนแน่นพร้อมกับใบหน้าเล็กก้มลงซุกเข่าปลดล่อยเสียงร้องไห้โฮๆ ในความเงียบสงบยามค่ำคืนในผืนป่าท่ามกลางความมืดมิดที่น่าหวาดกลัว ร่างกายเข็ดขัดยอกเจ็บระบมไปทั่ว ความเมื่อยล้าทั้งกายใจถาโถมเข้าใส่




ซ่าส์!!!

ความเย็นเปียกชื้นถูกสาดโครมเข้าใส่กายเล็กที่นอนคุดคู้อยู่ในที่เดิมกับเมื่อคืน พร้อมกับถังน้ำทำจากแสตนเลสมีหูหิ้วถูกโยนใส่แทบจะคลุมศีรษะเล็ก เจ้าจันทร์ที่ถูกปลุกด้วยความป่าเถื่อนลืมตาโพลงหายง่วงเป็นปลิดทิ้ง เหลือบสายตาขึ้นมองเจ้าคนไร้มารยาทพร้อมหยันกายที่แทบไร้เรี่ยวแรงขึ้นประจันหน้ากับอีกฝ่าย ส่งสายตาว่าตอนนี้ตนกำลังกรุนโกรธกับการกระทำของเขา

พรึบ!

มือหนายื่นออกมากระชากคอเสื้อดึงเข้าประชิดใบหน้าห่างกันเพียงแค่ลมหายใจกั้น ดวงตาของนเรศวาวโรจน์กับดวงตาโศกที่คล้ายจะท้าทายเขา

“ถึงปากมึงไม่พูดกูก็รู้ว่ามึงกำลังด่ากูในใจ” เสียงทุ้มรอดไรฟันพลางส่งสายตาสำรวจ เด็กหนุ่มในชุดทำงานเมื่อวานเสื้อเชิ้ตสีขาวแขนยาวพับขึ้นมาถึงข้อศอก กางเกงสแล็คสีดำสวมทับด้วยผ้ากันเปื้อนสีเดียวกับกางเกง วันนี้ดูมอมแมมสกปรกกว่าเมื่อวาน ทั้งยังเปียกชุ่มจนเสื้อสีขาวนั้นมองทะลุเห็นร่างกายบางขาวเนียนมีเสื้อกล้ามซ้อนทับข้างในเปิดเผยออกมา

“คุณอ่านใจคนได้หรอครับ” แม้จะพูดอย่างสุภาพหากแต่กลับเป็นคำถามที่ยียวนจนอีกฝ่ายง้างหมัดขึ้นซัดเปรี้ยงบนแก้มซีกซ้ายของเจ้าจันทร์เต็มแรง “....” ไม่มีเสียงร้องเจ็บปวดใดๆ ดังเล็ดรอดออกมาจากริมฝีปากสีซีด มีเพียงแค่การกระทำยกนิ้วโป้งขึ้นปาดเลือดออกจากมุมปากเท่านั้น

“ยั่วอารมณ์โมโหกูดีนัก งั้นก็ไม่ต้องแดกข้าวอีกสักมื้อจะเป็นไรไป ตามกูมานี่...” จบประโยคก็คว้าต้นแขนของเจ้าจันทร์มาบีบแน่น แล้วลากตามมาติดๆ โดยไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะตามาด้วยความทุลักทุเลแค่ไหน

“จะพาผมไปไหน” เจ้าจันทร์ร้องลั่นพร้อมกับพยายามสะบัดกายให้หลุดจากการควบคุม

“มึงคิดว่ากูจะพามึงมาขังไว้เล่นๆ แค่นั้นหรือยังไง” พูดจบก็จับเด็กหนุ่มเหวี่ยงลงไปกองบนพื้น

เจ้าจันทร์ใช้สายตาสำรวจรอบกายอย่างรวดเร็ว หลังจากที่ถูกลาก

ถูลู่ถูกังออกมาจากป่าอีกฝั่ง ก็มาโผล่ที่ทุ่งหญ้าความกว้างพอประมาณที่จะทำให้มองเห็นม้าหลายสิบตัว มีทั้งตัวเล็กตัวใหญ่เดินเล็มหญ้าอยู่ ก่อนนเรศจะจับเจ้าจันทร์เหวี่ยงลงไปอยู่หน้าคอกม้าจนแทบเอาใบหน้าถลาเข้าไปทักทายกองขี้ม้าสดใหม่ด้วยซ้ำ

“ไอ้ภาสเอาพลั่วมาให้มัน” นเรศตะโกนสั่งเสียงดังลั่น ยกฝ่าเท้าเตะท้องของคนที่กำลังหยันกายขึ้นอย่างไม่อาจหักห้ามใจได้ไปทีหนึ่ง ส่งผลให้เจ้าจันทร์ลอยกระเด็ดหงายขึ้นด้วยอาการจุกเสียดไปทั่วหน้าท้อง ใบหน้าหวานบิดเบี้ยวพร้อมกับเสียงครวญครางอย่างทรมาน ดวงตาโศกมีน้ำใสเอ่อคลอก่อนหยดลงอย่างไม่อาจอดทนได้

ไอ้คนป่าเถื่อน! เจ้าจันทร์ได้แต่สบถด่าอีกฝ่ายในใจขณะคดคู้กายใช้ฝ่ามือกุมท้องด้วยความจุก

“เอานี่ไป” พลั่วเหล็กถูกจับยัดใส่มือเจ้าจันทร์อย่างรวดเร็ว โอภาสเตรียมที่จะช่วยพยุงเด็กหนุ่มลุกขึ้นยืน แต่ก็ต้องรีบถอยห่างออกไปอย่างรวดเร็วกับสายตาจ้องเขม็งคุกรุ่นจากเจ้านาย

“นี่คืองานของมึง จัดการตักขี้ม้าทุกคอกออกไปเทรวมกันทางโน้นให้หมด ถ้าหากมึงยังอยากจะแดกข้าวอยู่ก็รีบทำให้เสร็จไวๆ ซะ ไอ้ภาสมึงไม่ต้องไปที่ไหนคุมงานมันอยู่นี่อย่าให้มันอู้แม้แต่เสี้ยววินาทีเดียว” ส่งพลั่วให้เจ้าจันทร์เสร็จนเรศก็หันไปสั่งลูกน้องของตนต่อ เมื่อได้ยินเสียงรับคำจากลูกน้องแล้วก็ก้าวฉับๆ จากไป

เมื่อเจ้านายไปแล้วแต่คนที่มีพลั่วในมือก็ยังไม่ยอมขยับ โอภาสเริ่มหนักใจไม่รู้จะทำเช่นไรดีจึงได้เอ่ยเตือนอีกฝ่ายเบาๆ “ผมว่าคุณรีบทำงานเร็วๆ เข้าเถอะครับ”

“แล้วถ้าผมบอกว่าไม่ทำล่ะ จะทำไม?” คิ้วเรียวเลิกขึ้นพร้อมกับท่าทางยักไหล่ไม่สนใจสิ่งที่โอภาสเพิ่งกล่าวเตือน

“คุณคงเห็นอารมณ์นายหัว...คุณนเรศมาแล้ว ดังนั้นผมแนะนำให้คุณทำตามนายหัวบอกดีๆ เถอะครับ” แม้อีกฝ่ายจะอายุอานามน้อยกว่าแต่โอภาสก็ยังกล่าวด้วยถ้อยทีสุภาพให้เกียรติอีกฝ่าย

อ้อ...ที่แท้ชื่อนเรศ เจ้าจันทร์ย่นหน้าฉับพลันสองขาย่างก้าวเข้าไปในคอกม้าดังตึงๆ ถ้าหากในตอนนี้ไม่มีใครกำลังยืนมองอยู่เจ้าตัวคงอยากจะบดปลายเท้าขยี้พื้นให้แตกละเอียดคาฝ่าเท้าเสียเดี๋ยวนั้น พอเตรียมตัวจะลงมือตักขี้ม้ารถเข็นขนาดเล็กก็ถูกลากมาจอดข้างๆ คอกม้าพร้อมกับคำพูดของคนงานหนวดเฟิ้ม

“ตักใส่ในนี้แล้วเข็นไปทิ้งที่ฝั่งนู้นนะครับ”

ฟันขาวเรียงรายกันอย่างเป็นระเบียบในปากขบกันแน่น ดวงตาโศกถมึงทึงก่อนที่จะลงมือตักขี้ม้าใส่รถเข็น พอตักใส่จนเต็มก็ลากออกไปทิ้งทำอย่างนี้ครั้งแล้วครั้งเล่าวนเวียนไปมา จากเวลาเช้าตรู่ที่ถูกปลุกอย่าง

ป่าเถื่อนก็ล่วงเลยเข้าสู่ยามสาย คอกแรกยังไม่เสร็จแต่เจ้าจันทร์กลับยืนกายสั่นระริกรู้สึกอ่อนแรง ตนยังไม่มีข้าวตกถึงท้องสักเม็ดตั้งแต่เมื่อวานพลั่วที่อยู่ในมือจึงสั่นระริกตาม จะดีหน่อยก็ตรงที่คนงานหนวดเฟิ้มผิวคล้ำที่คอยเฝ้าดูอยู่ยังมีน้ำใจส่งน้ำให้เจ้าจันทร์ดื่มบ้าง

“พี่ชาย” ตัดสินใจเรียกอีกฝ่ายที่ดูอายุมากกว่า เมื่อใบหน้าประดับหนวดเฟิ้มนั้นหันกลับมาสนใจก็ไม่รั้งรีรอที่จะเอ่ยถาม “ผมถามจริงนะ เจ้านายคุณ...ผมไปทำอะไรให้เขาถึงได้จับผมมาแบบนี้” ดวงตาโศกจ้องเขม็งจริงจังรอคำตอบจนคนฟังได้แต่อึกอักว่าจะตอบดีหรือไม่ ในเมื่อทุกอย่างล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องส่วนตัวของเจ้านายที่เขาไม่อยากจะเข้าไปยุ่งเกี่ยว “อย่างน้อยก็ขอให้ผมรู้ความผิดตัวเอง” น้ำเสียงนั้นเบาลงเมื่อเห็นท่าทีของคนงานหนุ่ม

“คุณทำน้องสาวนายหัวท้องครับ” น้ำเสียงเข้มๆ ตอบกลับมา

“หะ ผมเนี้ยนะ” นิ้วเรียวชี้ตวัดกลับเข้าหาตัวเองด้วยดวงตาเบิกโพลง “ผมขอบอกเลยว่าเจ้านายคุณเข้าใจผิดแบบผิดมากๆ ด้วย ผมไม่เคยทำผู้หญิงท้อง” เจ้าจันทร์แทบตะโกนปฏิเสธ

“ไม่ต้องแก้ตัวหรอกครับ ผมว่าคุณน่าจะขอพูดคุยกับนายหัวดีๆ แล้วรับผิดชอบน้องสาวนายหัวน่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดครับ”

“บ้าไปแล้ว ผมไม่ได้ทำเธอท้อง และอีกอย่างน้องสาวเจ้านายคุณเป็นใครผมไม่รู้จักด้วยซ้ำ” ยิ่งปฏิเสธก็เหมือนอีกฝ่ายจะไม่สนใจ เมื่อคนงานหนุ่มยึดติดการตัดสินใจของตัวเองไปแล้วไม่ผิดกับคนเป็นเจ้านายสักนิด

“คุณเลิกเสแสร้งสักทีเถอะครับ ผมเชื่อว่าคุณรู้จักคุณชลแน่นอน” โอภาสตอบอย่างมั่นใจในเมื่อเขาเคยเห็นหลักฐานบางอย่างที่นายหัวมี

“คุณชล? คุณชลที่ไหนไม่รู้จัก” อดที่จะสบถอย่างหัวเสียไม่ได้จนคนงานหนุ่มหรี่นัยน์ตามองกลับมาด้วยความแปลกใจ

ออฟไลน์ agava1313

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-5
โอ้วว.ว..  แนวตบจูบลูบคลำล่ะ ปูเสื่อรอ

ออฟไลน์ เจี๊ยะบ่จ่าย

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 34
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
บทที่ 2 เจ้าจันทร์เป็นพ่อ!

“คุณชลธาร ทวีภัทรบวรทีนี้คุณรู้จักหรือยัง” จบประโยคใบหน้าขาวอมชมพูของเด็กหนุ่มที่กำลังแดงก่ำกับสภาพอากาศมีเหงื่อชื้นเกาะตามขมับก็นิ่งชะงักราวกับกำลังครุ่นคิดให้คนงานหนุ่มเผยรอยยิ้มแสยะราวกับกำลังเย้ยยัน

เจ้าจันทร์รู้สึกคุ้นหูกับชื่อนี้เหมือนเคยได้ยินที่ไหนมาก่อน ชลธาร ทวีภัทรบวร เธอเป็นใครทำไมถึงมีคนมากล่าวหาว่าเจ้าจันทร์เป็นคนทำเธอท้อง พลันใบหน้ารูปไข่หน้าตาจิ้มลิ่มคอยแย้มยิ้มให้ตนเสมอก็แวบเข้ามาในหัว หญิงสาวตัวเล็กเรียนอยู่คณะเดียวกันกับเจ้าจันทร์หากแต่เธอเป็นรุ่นพี่ปี 3 เธอมีชื่อเล่นว่าพี่ชล แต่เด็กหนุ่มไม่รู้จักชื่อจริงของเธอ

พี่ชลแอบชอบเจ้าจันทร์คอยโผล่มาให้เห็นบ่อยๆ พร้อมกับขนมที่มักซื้อติดมือมาด้วย เธอเป็นรุ่นพี่ที่ใจดีทำให้เจ้าจันทร์ยอมสนิทด้วย แต่ในเวลาต่อมาจู่ๆ เธอก็หายไปก่อนช่วงปิดเทอม จากนั้นอีกสามเดือนเจ้าจันทร์ก็ได้พบกับเธออีกครั้งในร้านขนมไทย พี่ชลมาบอกว่าท้องพร้อมฝ่ามือเรียวเล็กลูบท้องนูนเล็กน้อย เจ้าจันทร์เองก็ยิ้มรับดีใจไปกับเธอพอเอ่ยถามว่าใครเป็นพ่อคำตอบที่ได้ทำให้รอยยิ้มหุบฉับทันที

“เจ้าจันทร์เป็นพ่อ” ใบหน้าขาวเนียนติดจะหวานของเด็กหนุ่มสะดุดลมหายใจดังกึก ดวงตาโศกเบิกโพลงด้วยความไม่เข้าใจระคนตระหนกแตกตื่น

“พี่ชล!” เจ้าจันทร์ครางชื่ออีกฝ่ายอย่างไม่เชื่อหู ไม่เคยสักครั้งที่เขาจะได้มีอะไรกับเธอแม้กระทั่งที่จะคิดเกินเลยกับรุ่นพี่คนนี้ เคยสัมผัสอีกฝ่ายอย่างมากสุดก็เคยสะกิดไหล่เล็กๆ นั้นในตอนเรียก แล้วทำไมพี่ชล....

“พี่อยากให้จันทร์ช่วยรับเด็กคนนี้เป็นลูก เป็นพ่อบุญธรรมให้กับเขา” ใบหน้าจิ้มลิ่มนั้นเริ่มหมองเศร้าราวกับคนทุกข์ตรมแต่ประโยคที่เอ่ยออกมาเรียกเสียงถอนหายใจอย่างโล่งอกจากเจ้าจันทร์

“แล้วพ่อที่แท้จริงละครับ...หรือว่ามีปัญหา” เมื่อเห็นเม็ดน้ำตาสีใสเริ่มหยดลงตามพวงแก้มขาวซีดเจ้าจันทร์ถึงได้ตระหนักว่ารุ่นพี่สาวคนนี้คงกำลังประสบปัญหาบางอย่างแน่ ฝ่ามือยื่นออกไปหยิบกระดาษทิชชูส่งให้อีกฝ่ายรับไปเช็ดน้ำตา

“พี่ไม่อยากจะพูดถึงมัน” ฟังดูคำเรียกขานคงไม่แคล้วเด็กคนนี้คงเกิดมาด้วยความไม่ได้ตั้งใจของทั้งสองฝ่าย น่าสงสารเด็กที่ไม่มีความผิดจริงๆ “เจ้าจันทร์ช่วยเป็นพ่อของเด็กคนนี้ได้ไหม...นะเจ้าจันทร์” ชลธารช้อนดวงตาแดงก่ำนั้นขึ้นสบมองรุ่นน้องตรงหน้าด้วยความอ้อนวอน

“ทำไมถึงอยากให้ผมเป็นพ่อเขา” แม้จะนึกสงสารแต่ก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามด้วยความแปลกใจ

“ถึงแม้ว่าพี่จะเห็นแก่ตัว แต่พี่ก็อยากให้เด็กคนนี้มีครบทุกอย่าง พี่เชื่อว่าเจ้าจันทร์จะเป็นพ่อที่ดีให้กับเด็กคนนี้ได้เพราะเจ้าจันทร์อ่อนโยนกับคนรอบข้างเสมอ แม้ว่าจะคนๆ นั้นจะไม่ได้ชอบเจ้าจันทร์แต่เจ้าจันทร์ก็ยังทำดีด้วย” ยามชลธารกล่าวน้ำเสียงของเธอฟังดูหนักแน่นไม่ลังเลคล้ายได้คิดไตร่ตรองตัดสินใจมาอย่างดีก่อนจะมาพบเจ้าจันทร์

“ผม...” ดวงตาโศกเริ่มกรอกไปมาอย่างครุ่นคิด เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่จะตัดสินใจได้ง่ายๆ มันเป็นเรื่องใหญ่อยู่พอสมควร “แต่ผมก็ยังไม่ใช่พ่อแท้ๆ ของเด็กอยู่ดี ผมอยากให้พี่ชลคิดให้ดี”

“พี่คิดดีแล้ว” ชลธารตอบกลับแทบจะทันที “เจ้าจันทร์ช่วยพี่ที” ชลธารเริ่มน้ำตาหลั่งรินเธอกำลังอ่อนแอ เธอแค่อยากจะให้คนที่เธอรักช่วยบรรเทาปัญหาที่พบ เธอไม่ต้องการอะไรมากมายจากรุ่นน้องคนนี้ขอแค่เศษเสี้ยวเล็กๆ ที่อีกฝ่ายจะเมตตาก็เพียงพอแล้ว

“ผมอยากจะปรึกษาพ่อกับแม่ก่อน” เสียงถอนหายใจของเจ้าจันทร์พร้อมกับประโยคที่ทำให้ชลธารเงยใบหน้าเศร้าหมองขึ้นมาแย้มยิ้มยินดีทั้งคราบน้ำตา

“ขอบคุณๆ พี่ขอบคุณเจ้าจันทร์มากจริงๆ” ชลธารเผยรอยยิ้มยินดีครั้งแรกในรอบหลายเดือนหลังจากที่เธอรับรู้ว่าตัวเองกำลังตั้งครรภ์

“เอาละเป็นถึงแม่คนแล้วอย่าร้องไห้ง่ายๆ สิครับ ดูสิเจ้าตัวเล็กคุณแม่ร้องไห้โยเยใหญ่แล้ว” เจ้าจันทร์บอกคนเป็นรุ่นพี่ก่อนจะยื่นมือแตะลงบนหน้าท้องนูนเล็กน้อยที่แทบมองไม่ออกว่ากำลังท้องอยู่เอ่ยสัพยอกคนเป็นแม่ขี้แยที่กำลังยกหลังมือเช็ดน้ำตายป้อยๆ


“ถ้าผู้หญิงที่ชื่อชลและกำลังท้องอยู่ ผมรู้จักอยู่คนหนึ่ง” เจ้าจันทร์หลุดออกจากห้วงความคิดบอกคนงานหนุ่มที่กำลังยืนใช้สายตาพิจารณาตน

“หึ” คล้ายได้ยินเสียงเย้ยยันอยู่ในที

“เอาเถอะ แล้วแต่เจ้านายคุณจะอยากลงโทษผมในเมื่ออธิบายไปแล้วก็ไม่ยอมฟัง” เจ้าจันทร์ถอนหายใจก่อนจะเรียกกำลังให้กลับมาทำงานต่อทั้งที่ตอนนี้เมื่อยล้าจนแทบไม่มีแรงจะก้าวเดินด้วยซ้ำ

“ยอมรับได้ก็ดีครับ” ยังไม่วายได้ยินเสียงถากถางจากคนที่เฝ้ามองอยู่ ท่าทีที่เจอครั้งแรกดูเหมือนจะสุภาพพอดูแต่เมื่อได้สนทนากับอีกฝ่ายแล้วเจ้าจันทร์ก็ตัดสินอีกฝ่ายได้ในทันที เจ้านายเป็นคนยังไงลูกน้องก็เดินตามรอยกันไม่ผิดเพี้ยน

ยิ่งเวลาเคลื่อนคล้อยไปมากเท่าไหร่เจ้าจันทร์ยิ่งรู้สึกว่าพื้นดินเริ่มพร่าเลือนขึ้นทุกที แต่กระนั้นเจ้าจันทร์ก็ยังยอมกัดฟันสู้ทนหากเพื่อครอบครัวเล็กๆ ของรุ่นพี่สาวที่กำลังก่อตัวขึ้น

หลังจากที่เจ้าจันทร์พบกับชลธารและเก็บเอาสิ่งที่เธอร้องขอไปปรึกษาพ่อแม่พวกท่านเองก็ไม่ได้คัดค้านยิ่งสนับสนุนด้วยซ้ำเมื่อจู่ๆ ก็จะมีหลานให้ได้อุ้ม แม้ว่าจะไม่ใช่หลานแท้ๆ ก็ตาม ถึงแม้ว่าจะตัดสินใจได้แล้วว่าจะรับเป็นพ่อบุญธรรมให้เด็กน้อยลูกของชลธารแต่เจ้าจันทร์กลับไม่สามารถติดต่ออีกฝ่ายได้เลย จนเวลาล่วงเลยผ่านมาอีกเกือบหนึ่งเดือนก็เข้าสู่ช่วงปิดเทอม

“ใช่เจ้าจันทร์ใช่ไหมครับ?” จู่ๆ ก็มีชายหนุ่มรูปร่างภูมิฐานในชุดสูทสีดำสนิทรอบกายมีบอดีการ์ดหน้าเคร่งยืนขนาบข้างอีกสองคนเดินเข้ามาทักในขณะที่เจ้าจันทร์กำลังเลิกงาน ดวงตาโศกจ้องมองเริ่มหวาดหวั่นเกิดความไม่ไว้ใจต่อพวกเขาจนอีกฝ่ายสังเกตได้หันไปสั่งลูกน้องทั้งสองให้ถอยห่างออกไป

“ใช่ครับ” เจ้าจันทร์ตอบรับด้วยท่าทีหวาดระแวงฝ่ามือที่จับกระเป๋าสะพายข้างเอาไว้กระชับแน่นขึ้น

“ผมขอเวลาสักครู่ได้ไหมครับ ถ้าเจ้าจันทร์หวาดระแวงผมงั้นเชิญไปคุยที่ร้านอาหารตรงข้ามดีไหมครับ” เมื่อเห็นท่าทีเกร็งตัวดวงตากวาดมองไปมาคล้ายกำลังมองหาทางหนีทีไล่ชายหนุ่มก็เอ่ยชวนอีกฝ่ายพร้อมกับเชิญไปร้านอาหารฝั่งตรงข้ามที่มีคนพลุกพล่านในเวลาพระอาทิตย์กำลังตกดินแบบนี้

เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายพยักหน้าเป็นอันตกลงชายหนุ่มก็หันไปพยักหน้าให้กับลูกน้องไปจองที่นั่งไว้รอก่อนจะหันมาผายมือเชิญเจ้าจันทร์เดินนำไปยังร้านอาหารฝั่งตรงข้าม

“เข้าเรื่องเลยนะครับ เจ้าจันทร์พอจะรู้ที่อยู่ของชลไหมครับ” เมื่อเลือกที่นั่งด้านในห่างจากโต๊ะอื่นๆ ดูให้ความเป็นส่วนตัว ชายหนุ่มก็สั่งอาหารแบบหลับตาจิ้มมาก่อนจะแสดงสีหน้าจริงจังเอ่ยถามเจ้าจันทร์ที่ถูกเชิญนั่งลงฝั่งตรงข้าม “เจ้าจันทร์คงจะรู้แล้วว่าชลท้อง” เมื่อเห็นเพียงนัยน์ตาโศกจับจ้องมองไม่ตอบคำถามใดๆ ชายหนุ่มก็เอ่ยถามต่อ

“...” คราวนี้เจ้าจันทร์พยักหน้าเล็กน้อยตอบคำถามคอยเฝ้าสังเกตว่าอีกฝ่ายจะเอายังไงต่อไป

“ผมชื่อณัฐธัญ ปัทมากรพิมุกข์เรียกธัญเฉยๆ ก็ได้ครับ ผมเป็นพ่อของเด็กในท้องครับ” ครั้งแรกที่ได้ยินชื่อของเขาเจ้าจันทร์นั้นรู้สึกคุ้นหูเป็นอย่างมากแต่ก็ไม่ได้ใส่ใจ แต่พอประโยคต่อมาของเขาดวงตาโศกพลันเบิกกว้างทั้งตกใจและตื่นตะลึง

คนๆ นี้น่ะหรือที่ทำให้พี่ชลท้องและดูเหมือนทั้งคู่กำลังมีปัญหากัน

“เรื่องทุกอย่างเป็นเพราะผมต้องการเอาชนะพี่ชายและแก้แค้นพ่อของเธอ ผม...ผมเลยจับตัวเธอมาขังไว้แล้วเพราะขาดสติทำร้ายเธอ...”

ซ่าส์

น้ำในแก้วที่ยังไม่ทันได้ดื่มสักอึกถูกสาดเข้าใส่ใบหน้าหล่อเหลาของอีกฝ่าย ใจจริงเจ้าจันทร์อยากจะทำมากกว่านั้นด้วยซ้ำแต่ก็ยังหักห้ามใจเอาไว้ ในเมื่อเขายอมเล่าทุกอย่างให้เจ้าจันทร์ฟังทั้งที่แทบไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับพี่ชล แสดงว่าในตอนนี้เขากำลังสำนึกได้กับสิ่งที่ทำ และหากเดาไม่ผิดเขาต้องการที่จะรับผิดชอบอีกฝ่าย

“เล่าต่อครับ” เจ้าจันทร์ใช้หางตาเหลือบมองลูกน้องทั้งสองที่ตั้งท่าจะเข้ามารวบตัวตนเองแต่ก็ถูกผู้เป็นเจ้านายห้ามเอาไว้ก่อน พอสงบสติอารมณ์ได้ก็นั่งลงรอฟังคำสารภาพจากอีกฝ่ายอย่างสงบ

“เธอหนีออกมา กว่าจะรู้ว่าชลท้องก็ผ่านไปสามเดือนแล้ว ผมยอมรับว่าในตอนแรกทำไปเพราะความแค้นแต่ตอนนี้...ผมรักเธอครับ” เขายอมเล่าต่อจบลงท้ายด้วยคำบอกรักน้ำเสียงหนักแน่นจริงจังไม่ต่างจากสายตาที่เปิดเผยความในใจทั้งสิ้น

“แล้วคุณเลยคิดว่าผมรู้ที่อยู่ของเธอ” เจ้าจันทร์ถามอีกฝ่ายก่อนจะส่ายหน้า “ผมไม่รู้”

ตึง

ร่างสูงสง่าลุกพรวดขึ้นทำเอาเจ้าจันทร์ผงะด้วยความตกใจไม่รู้ว่าเขาจะกระทำสิ่งใด ก่อนที่ดวงตาจะเบิกตะลึงด้วยความเหลือเชื่อ ผู้ชายคนนี้ยอมคุกเข่าให้ตนทั้งที่เพิ่งคุยกันได้ไม่นาน สายตาแน่วแน่จับจ้องส่งมาให้อย่างอ้อนวอนเขายอมทิ้งศักดิ์ศรียอมคุกเข่าร้องขอให้เด็กหนุ่มตรงหน้าบอกที่อยู่ของคนรักที่ไม่รู้ว่าโบยบินหนีไปที่ใด

“คุณธัญรีบลุกขึ้นเถอะครับ” เมื่อเห็นอีกฝ่ายกระทำเช่นนั้นเจ้าจันทร์จึงต้องรีบฉุดดึงให้อีกฝ่ายยืนขึ้นเมื่อคนในร้านเริ่มจับจ้องมาที่พวกเขาอย่างสนใจ แต่ณัฐธัญกลับไม่ยอมขยับเขยื้อนกายใดๆ คุกเข่านิ่งประดุจหินศิลาก็ไม่ปาน

“ได้โปรด... เจ้าจันทร์ช่วยบอกผมด้วยว่าชลอยู่ที่ไหน ผมเป็นห่วงชลกับลูก” พอสบมองก็พบกับดวงตาแดงก่ำรื้นน้ำตาของเขา

“ผมบอกไปแล้วว่าไม่รู้ว่าพี่ชลอยู่ไหน ผมเองก็พยายามติดต่อหาพี่ชลแต่ไม่รู้อะไรเลย” เจ้าจันทร์ทำเพียงตอบคำถามด้วยสายตาจริงใจต่ออีกฝ่ายพร้อมทั้งใบหน้าหวานส่ายน้อยๆ ยืนยัน “ลุกขึ้นมาคุยกันดีๆ เถอะครับ” ในที่สุดณัฐธัญก็ยอมให้เจ้า**จันทร์พยุงขึ้นมานั่งบนเก้าอี้ แต่ใบหน้าของชายหนุ่มกลับหมองเศร้าดุจโลกทั้งใบกำลังถล่มลงตรงหน้า “เอาอย่างนี้ดีไหม” คำถามคล้ายจุดประกายความหวังให้เขาทำให้ณัฐธัญเงยหน้าขึ้นมองคนตรงหน้าด้วยสายตาเต็มไปด้วยความคาดหวัง “ถ้าหากพี่ชลติดต่อผมมาเมื่อไหร่ผมจะรีบบอกคุณ ผมอยากให้ทั้งสองคนรีบปรับความเข้าใจกัน คุณธัญจะได้ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุดเพื่อไถ่บาปที่ได้ทำกับพี่ชลเอาไว้”

“ขอบคุณครับ”

“คุณธัญอย่าเพิ่งท้อถอยเสียก่อนล่ะครับ แม้ว่าตอนนี้พี่ชลจะโกรธจะเกลียดคุณ แต่คุณธัญสามารถเอาชนะใจเธอได้ด้วยความดีของคุณเอง ผมในฐานะที่เป็นพ่อบุญธรรมของเด็กในท้องพี่ชลก็ย่อมต้องอยากให้ครอบครัวของลูกผมสมบูรณ์ที่สุด” รอยยิ้มอย่างให้กำลังถูกส่งมาจากเจ้าจันทร์มอบให้ชายหนุ่ม

“ขอบคุณเจ้าจันทร์มากเลยครับ” ชายหนุ่มขอบคุณอีกครั้งด้วยดวงตาที่มีกำลังใจมากยิ่งขึ้น

“เอาล่ะผมคงต้องไปแล้ว สู้ๆ นะครับ” เจ้าจันทร์เมื่อมองดูนาฬิกาบนข้อมือเห็นว่าผ่านเวลาเลิกงานมาเยอะแล้วถ้ายังไม่ยอมโผล่หน้ากลับบ้านไปให้คุณแม่เห็นหน้าล่ะก็เห็นทีคงโดนสวดอวยพรก่อนนอนเป็นแน่

“เจ้าจันทร์ครับ” ใบหน้าหวานรีบหันกลับไปตามเสียงเรียกของชายหนุ่มที่เดินเข้ามาประชิดพร้อมยื่นกระดาษจดเบอร์โทรศัพท์ส่วนตัวให้ “เบอร์นี้จะเป็นเบอร์ส่วนตัวของผม ถ้าเจ้าจันทร์เจอชลขอความกรุณาด้วยครับ และถ้าเจ้าจันทร์มีเรื่องเดือดร้อนอะไรก็โทรขอความช่วยเหลือผมได้เหมือนกันนะครับ” ณัฐธัญส่งยิ้มล่ำลา


ในตอนนี้ณัฐธัญคงกำลังตามหาชลธารเพื่อรับผิดชอบอีกฝ่าย เจ้าจันทร์อยากจะให้ลูกบุญธรรมที่ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเป็นเพศใดของตนมีครอบครัวที่สมบูรณ์ที่สุด ดังนั้นเขาจะขอรับเอาความโกรธแค้นของพี่ชายของชลธารเอง เขาจะยอมรับผลกรรมทั้งหมดแทนณัฐธัญเพื่อลูกบุญธรรมของเจ้าจันทร์ ถือเสียวว่าตนชดใช้กรรมแทนคนทั้งคู่ที่อาจเคยสร้างไว้กับพวกเขา

เสียงวิ้งดังเข้ากระแทกโสตประสาทการรับรู้พร้อมกับร่างกายเย็นเฉียบอาการชาแล่นจากปลายนิ้วกระจายไปทั่วร่างกาย พื้นดินเอียงกะเท่เร่ขยับใกล้เข้ามาทุกทีภาพสุดท้ายที่มองเห็นคือใบหน้าบึ้งตึงพร่ามัวของเจ้าคนป่าเถื่อน

เจ้าจันทร์จะยอมให้อีกฝ่ายลงโทษตามแต่ที่ใจเขาต้องการจนกว่าจะได้รู้ข่าวว่าณัฐธัญสามารถปรับความเข้าใจกับรุ่นพี่สาวได้เท่านั้น จงรีบกระทำก่อนที่เจ้าจันทร์จะหนีหายไป...


*******************************************
ขอบคุณสำหรับเม้นแรกจาก agava1313 จ้า  :mew1:
ออเจ้าอ่านแล้วชอบก็อย่าลืมเม้นให้กำลังใจด้วยนะจ๊ะ :o8:

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
เจ้าจันทร์คือพ่อพระมาโปรด

ออฟไลน์ ซีเนียร์

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 778
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0

ออฟไลน์ azure

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 772
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-2
โอ๊ยยยยย พ่อพระเหลือเกินเจ้าจันทร์ //เอาหัวโขกกำแพง  :ling2:

ออฟไลน์ unicorncolour

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1006
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
ทำร้ายผิดคน...แล้วเธอจะเสียใจ  :m31:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4825
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
คุณพี่ที่สืบมาแล้วใช่ปะ ว่าจันทร์เป็นพ่อเด็กนะ  :katai1:

ออฟไลน์ เจี๊ยะบ่จ่าย

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 34
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
บทที่ 3 ยอมเพื่ออีกหนึ่งครอบครัว

ความเจ็บแปลบๆ พร้อมกับอาการคันแสดงตามมา ทำให้ร่างที่นอนหลับใหลหลังจากสลบในตอนเย็นยกฝ่ามือเล็กนั้นใช้นิ้วกางออกเกาดังแกรกๆ ตามผิวกายเนียนติดจะมอมแมมให้แดงเถือกเป็นรอยเล็บ เสียงร้องครางอืออาเรียกให้อีกคนที่ได้รับคำสั่งมาดูว่าอีกฝ่ายตายหรือยังด้านนอกรีบเปิดประตูเข้ามาดู

“คุณ...คุณถ้าฟื้นแล้วก็ลุกขึ้นมาครับ” ฝ่ามือหนาหยาบกระด้างจากการทำงานสะกิดคนนอน

ดวงตาโศกค่อยๆ กระพือขึ้นก่อนจะกะพริบปริบๆ แล้วมองสำรวจรอบกาย ภาพสุดท้ายก่อนจะเป็นลมแวบเข้ามาในหัว แม้คิดว่าจะต้องโดนอีกฝ่ายดูถูกอีกแล้วแน่ๆ แต่ก็ยังอดเถียงในใจไม่ได้ว่าตนไม่ได้กินข้าวมาตั้งแต่เมื่อวานแล้วยังให้มาทำงานหนักจนเป็นลมก็ดูจะไม่แปลก เจ้าจันทร์ไม่ใช่ควายใช่ม้าที่เขาเลี้ยงเอาไว้ที่กินแค่หญ้าก็อยู่ได้ ตนยังคงต้องการข้าวปลาอาหารกินอยู่เช่นคนปกติ

“นายบอกว่าถ้าคุณฟื้นแล้วก็ให้จัดข้าวของตัวเองนอนอยู่ที่นี่อย่าได้คิดหนี ตอนเย็นป้าสุดาจะเอาอาหารมาให้” โอภาสบอกคนที่เพิ่งตื่นขึ้นมาด้วยอาการอ่อนแรงพร้อมกับใช้สายตามองไปยังกองเสื้อผ้าเก่าของคนงานเป็นเชิงบอกว่านี่คือเสื้อผ้าของเจ้าจันทร์ที่จะต้องใส่

“แล้วกางเกงในของผม” เจ้าจันทร์อดร้องถามไม่ได้ในเมื่อตนถูกจับมาแต่ตัวไม่มีสิ่งของใดๆ ติดมาสักชิ้นนอกจากเสื้อผ้าที่สวมใส่ติดกายมาวันนั้น ซึ่งขณะนี้เองมันก็กำลังเน่าเพราะใส่มาแล้วเกือบสองวัน

โอภาสอดจะแปลกใจกับท่าทีว่าง่ายของอีกฝ่ายไม่ได้แต่ก็ทำเพียงเฝ้าสังเกตเท่านั้น ก่อนจะยื่นถุงกางเกงในที่เพิ่งไปซื้อมาใหม่ๆ ให้กับเจ้าจันทร์

“ห้องน้ำอยู่ด้านข้าง หมดธุระแล้วผมกลับก่อน” จบประโยคก็หันหลังเดินจากไปทันที

ด้านนอกเริ่มมืดขึ้นเรื่อยๆ เจ้าจันทร์หันไปหยิบตะเกียงเจ้าพายุที่ถูกติดไฟเอาไว้แล้วถือออกไปข้างนอกพร้อมกับเสื้อผ้าและผ้าเช็ดตัว กว่าจะทำความสะอาดกระท่อมโกโรโกโสที่เต็มไปด้วยหยากไย่และสารพัดฝุ่นก็กินเวลาเกือบชั่วโมง เจ้าจันทร์สืบเท้าออกจากระท่อมมุ่งหน้าไปด้านข้างอย่างที่คนงานหนวดเฟิ้มที่เคยบอกที่ตั้งของห้องน้ำ แต่เมื่อมาถึงจุดหมายยกเจ้าตะเกียงพายุขึ้นส่องก็อดที่จะเปรียบเทียบไม่ได้ว่านี่ตนมาเข้าค่ายลูกเสือกลางป่าหรือยังไง ห้องน้ำมีก็เหมือนไม่มี

ฝ่ามือเล็กดึงประตูทำจากไม้ไผ่ทั้งลำต่อกันดูมิดชิดหากแต่เริ่มผุผังจนทำให้เริ่มมีรูเจ้าจันทร์พยายามออกแรงดึงให้น้อยที่สุดราวกับกลัวว่าหากออกแรงดึงเต็มแรงบานประตูอาจจะพังลงต่อหน้าต่อตาก็ได้ พอเข้ามาข้างในมองสำรวจคร่าวๆ ข้างนอกว่าย่ำแย่แล้วแต่ข้างในก็ไม่ต่างกัน ห้องน้ำที่มีเพียงแค่ผนังทำจากไม้ไผ่ทั้งลำไร้หลังคาประหนึ่งต้องการให้ได้รับการชมดาวที่กระจายเต็มท้องฟ้า ข้างในมีเพียงโอ่งน้ำที่มีน้ำแค่ครึ่งหนึ่งและโถส้วมแบบเหยียบ

เสียงถอนหายใจดังเฮือกในเมื่อจะทำเพื่อลูกบุญธรรมจ้าจันทร์ก็ต้องอดทน ถึงอย่างไงก็ไม่ได้อยู่ที่นี่นานนักหรอก ว่างๆ ก็ค่อยขอให้คนงานหนวดเฟิ้มช่วยเรื่องห้องน้ำนี้แล้วกัน เพราะดูเหมือนว่าตอนทำธุระส่วนตัวบนโถส้วมนั้นคงจะเย็นตูดไม่น้อย ไม่ต้องถึงขั้นทำหลังคาขอแค่ผนังที่มิดชิดไม่มีรูก็เพียงพอแล้วสำหรับการที่จะต้องอยู่ที่นี่

อากาศตอนกลางคืนค่อนข้างหนาวเพราะอยู่บนเกาะกลางทะเล เจ้าจันทร์รีบใช้ขันตักน้ำราดใส่หัวล้างคราบไคลและคราบสกปรกตั้งแต่เมื่อวาน บีบยาสระผมในขวดใส่ฝ่ามือขยี้ลงบนศีรษะปล่อยทิ้งไว้แล้วหันไปหยิบสบู่ก้อนที่ดูเหมือนว่าจะยังไม่ได้ใช้ในตะกร้าที่ถูกเตรียมเอาไว้ถูขัดตามตัว ก่อนจะราดน้ำล้างฟองกระจายทั่วตัวออก

ใช้เวลาไม่มากนักสำหรับการอาบน้ำเจ้าจันทร์ก็ออกมาพร้อมกลิ่นหอมสะอาดของสบู่ที่ติดตามผิวกาย เขาแต่งกายด้วยเสื้อยืดคอย้วยที่ดูเหมือนจะหลวมโพลกกับกางเกงขาก๊วยสีกรม พอเงยหน้าขึ้นก็พบกับร่างท้วมของสตรีวัยกลางคนยืนส่งยิ้มมาให้ ในตอนแรกกำลังจะแหกปากร้องด้วยความตกใจเพราะคิดว่าคงโดดดีเข้าให้ ก่อนจะนึกคิดได้ว่าคนงานหนวดเฟิ้มคนนั้นบอกเอาไว้แล้วว่าจะมีคนเอาข้าวมาให้ ถึงได้ยอมหุบปากที่กำลังอ้าออกร้องตะโกน

“ฉันมาส่งข้าวค่ะ” เธอบอกทั้งยังแอบขบขันส่งเสียงหัวเราะเบาๆ กับท่าทีตกใจของอีกฝ่ายที่ปากเล็กสีระรเอเดี๋ยวอ้าเดี๋ยวหุบ

“ขอบคุณครับป้า...” เมื่อเห็นท่าทีใจดีของอีกฝ่ายเขาก็ตอบรับด้วยรอยยิ้มขัดเขิน ก่อนจะลากเสียงยาวราวกับต้องการให้อีกฝ่ายบอกชื่อ

“สุดาค่ะ”

“ครับป้าสุดา ผมเจ้าจันทร์ครับ” เมื่ออีกฝ่ายเอ่ยชื่อตอบกลับมาด้วยคำสุภาพคล้ายให้ความเคารพต่อตัวเจ้าจันทร์ไม่น้อยทำให้ต้องรีบแนะนำตัวกับสตรีตรงหน้าพร้อมกับบอกอย่างเกรงใจ “ไม่ต้องพูดเพราะๆ กับผมหรอกครับ เพราะดูเหมือนเจ้านายป้าจะไม่ชอบขี้หน้าผมเท่าไหร่” ทิ้งท้ายไว้ด้วยท่าทีขี้เล่นให้ป้าสุดาได้อมยิ้มกับท่าทางของตน

“ถึงเจ้านายจะไม่ชอบขี้หน้า ใช่ว่าป้าจะต้องไม่ชอบด้วยนี่คะ” คำตอบของเธอช่วยให้ใจดวงน้อยของเจ้าจันทร์รู้สึกอบอุ่นขึ้น อย่างน้อยๆ ตนก็ไม่ได้อยู่บนเกาะนี้อย่างโดดเดี่ยว “มาค่ะไปทานข้าว วันนี้ป้าทำไข่ทอดชะอมกับเห็ดฟางพัดใบโหรพาไม่รู้ว่าคุณเจ้าจันทร์จะกินได้หรือเปล่า”

“ผมกินได้ครับ อันที่จริงทำมาอย่างเดียวก็ได้ป้าสุดาจะได้ไม่ต้องลำบากทำหลายอย่าง” เจ้าจันทร์ถูกจูงมานั่งลงบนโต๊ะชุดไม้ไผ่ที่พอจะนั่งได้สี่คนหน้ากระท่อม บนโต๊ะมีจานอาหารสองอย่างพร้อมข้าวเปล่ามีปิ่นโตที่คาดว่าคงจะบรรจุเจ้าพวกนี้มาวางอยู่ข้างๆ

“ไม่รู้ว่าเจ้าภาสมันเอากระติกน้ำมาให้หรือยัง” คล้ายๆ ว่าเธอกำลังบ่นกับตัวเองดวงตาพลางสำรวจหากระติกน้ำในกระท่อม

“คุณภาสใช่คนที่ไว้หนวดผิวคล้ำๆ หน่อยใช่ไหมครับ”

“ใช่ค่ะ นั่นน่ะเจ้าโอภาสหลานป้าเอง”

“อ้อ เขาเอามาให้แล้วครับ” ตอบจบก็จ้วงข้าวพร้อมกับผัดเห็ดฟางใส่ปาก เจ้าจันทร์รู้สึกว่าวันนี้ตนกินข้าวตะกละตะกลามกว่าทุกที อาจคงเพราะหิวมากใช้เวลาเพียงไม่นานทุกอย่างที่ขวางหน้าอยู่ก็เกลี้ยงในพริบตา “ผมล้างเองครับ” เมื่อเห็นว่าป้าสุดาตั้งท่าจะเก็บถ้วยจานไปล้างเจ้าจันทร์ก็รีบร้องห้ามทันที เพราะแค่ให้อีกฝ่ายเอาข้าวมาส่งกลางค่ำกลางคืนแบบนี้ก็ถือว่ารบกวนพอแล้ว

“งั้นป้าไปก่อนนะคะ” เจ้าจันทร์ส่งยิ้มล่ำลาในขณะที่กำลังล้างจานอยู่ข้างโอ่งน้ำใกล้ๆ ตัวกระท่อมท่ามกลางแสงสว่างนวลตาของตะเกียงเจ้าพายุซึ่งห้อยอยู่ข้างฝาผนังติดกับประตู มองส่งป้าสุดาที่ถือกระบอกไฟฉายส่องทางจนหายลับตาไปทางบ้านพักของชายหนุ่มเจ้าจันทร์ค่อยกลับมาสนใจล้างจานในมือต่อ

เมื่อจัดการทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยดีแล้วเจ้าจันทร์ก็ถือตะเกียงเจ้าพายุเข้าไปในกระท่อมนำไปวางไว้บนตู้ขนาดเล็กที่ตนใช้เก็บเสื้อผ้า ก่อนจะกลับไปคล้องประตูที่ทำจากเชือกพร้อมจะขาดทุกเมื่อ กลับมาใช้เสื่อที่ม้วนไว้ปูบนเตียง ใช้ฝ่ามือตบหมอนปุๆ แล้ววางลงบนหัวเตียง เครื่องนอนแสนเรียบง่ายที่มีเพียงเสื่อทอกับหมอนใบเล็กหนึ่งใบและผ้าห่มผ้าฝ้ายผืนบาง ยื่นมือไปหรี่ตะเกียงแล้วเจ้าจันทร์ทิ้งกายลงนอนไม่นานก็หลับสนิทอย่างรวดเร็ว เพราะไม่ยากเลยที่คนเมื่อยล้าจะนอนหลับอย่างง่ายดายแบบนี้

เช้าตรู่ของวันใหม่ท้องฟ้าสีครามบรรยากาศสลัวช่วงขายาวของชายหนุ่มเจ้าของเกาะก้าวฉับๆ ทิศทางตรงไปยังกระท่อมในป่าข้างๆ ประตูที่ดูไม่ค่อยแข็งแรงถูกกระชากออกแทบจะลอยติดมือคนดึง ร่างเล็กที่นอนคุดคู้กับบรรยากาศหนาวยามค่ำคืนที่ผ้าห่มผืนบางไม่อาจช่วยได้สะดุ้งตื่นขึ้นมาพร้อมทั้งอาการเหน็บชา ไม่ต้องหันไปมองเจ้าจันทร์ก็รับรู้ได้ทันทีว่าเจ้าคนไร้มารยาทที่ไม่มีแม้กระทั่งการเคาะประตูยืนจังก้ากลางห้องนี่คงหนีไม่พ้นพี่ชายของชลธาร

“ตามกูมา” น้ำเสียงเคร่งครัดติดจะหงุดหงิดออกคำสั่งทันที ก่อนจะสะบัดกายเดินนำออกไปโดยไม่หันกลับมามองว่าคนฟังจะทำตามหรือไม่ด้วยซ้ำ

เจ้าจันทร์เดินก้มหน้าตามหลังอีกฝ่ายมาอย่างว่าง่ายก่อนจะหยุดตามร่างสูงเมื่ออีกฝ่ายดินมาถึงเป้าหมาย คอกม้าเมื่อวานที่วันนี้ยังคงมีม้าอยู่ข้างใน

“ต่อไปเวลานี้กูต้องเห็นมึงอยู่ตรงนี้พร้อมทั้งพลั่วกับงานเก็บขี้ม้า” ดวงตาคมกริบตวัดกลับมามองแวบหนึ่งราวกับไม่ต้องการจะมองร่างเจ้าจันทร์สักนิด “และพอกินข้าวเสร็จกูจะให้ไอ้ภาสพามึงไปทำงานในไร่ปาล์ม และขอเตือนว่าอย่าคิดหนี” ยังไม่วายขมขู่ทิ้งท้ายหลังจากสั่งงานเสร็จเรียบร้อย

“ผมไม่โง่พอจะคิดหนี” ประโยคแรกของวันที่เอ่ยตอบรับง่ายๆ น้ำเสียงราวกับการลงทัณฑ์ของเขาเป็นเรื่องเด็กขายของเล่น

“ดีที่ไม่โง่” สบถใส่อีกฝ่ายจบก็เดินหันหลังกลับบ้านพักทันที

เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเดินหงุดหงิดจากไปแล้วเจ้าจันทร์ก็ถอนหายใจเบื่อหน่ายเดินไปหยิบพลั่วเมื่อวานเข้าไปในคอกม้าเริ่มต้นทำงาน ความจริงแล้วคอกม้าพวกนี้ยังคงสะอาดเอี่ยมอ่องเพราะเจ้าจันทร์เพิ่งทำไปเมื่อวานหยกๆ แต่คงเพราะอีกฝ่ายคงต้องการกลั่นแกล้งถึงได้สั่งให้ตื่นขึ้นมาทำแต่เช้าทุกวันทั้งที่มันไม่จำเป็นสักนิด

เวลาล่วงเลยเข้าสู่ยามสายหน่อยเจ้าจันทร์ก็แย้มยิ้มให้กับร่างท้วมของป้าสุดาที่ถือปิ่นโตบรรจุอาหารมาให้ พอทานเสร็จได้ไม่นานโอภาสคนงานหนุ่มหนวดเฟิ้มที่ป้าสุดาบอกว่าเป็นหลานก็มาตามไปสวนปาล์ม ทำงานแทบทุกอย่างไม่ต่างจากคนงานคนอื่นๆ พอเที่ยงก็กินข้าวเที่ยวพร้อมกับพวกเขา ก่อนจะลุยงานต่อในตอนบ่ายซึ่งมีสายตาคมกริบของชายหนุ่มโผล่มาจ้องมองทุกฝีก้าว

“ตามกูมา” ประโยคสั้นๆ ง่ายๆ ที่เจ้าจันทร์ไม่สามารถขัดได้ทำให้ได้แต่เดินตามอีกฝ่ายต้อยๆ

เป็นครั้งแรกที่เจ้าจันทร์ได้ขึ้นมาเหยียบบนบ้านพักของอีกฝ่าย บ้านทั้งหลังทำจากไม้ติดกระจกตั้งอยู่บนเนินหินที่คล้ายว่าถูกสรรสร้างขึ้นเพื่อความสวยงาม มีต้นไม้ให้ร่มเงารอบๆ ตัวบ้าน ดูสวยงามต่างกับจิตใจเจ้าของลิบลับ

“หลังจากที่มึงทำงานในสวนเสร็จจะต้องมาซักผ้าที่นี่ต่อ” จบประโยคก็ชี้ไปยังตะกร้าผ้าที่กองจนล้นสามสี่ตะกร้าข้างๆ มีกะละมังขนาดกลางอีกสองใบ เจ้าจันทร์เดินไปนั่งลงบนโต๊ะพลาสติกขนาดเล็กข้างกะละมัง หยิบผงซักฟอกออกมาเทแล้วหันไปใช้ขันตักออกจากโอ่งที่อยู่ไม่ไกลใส่กะละมัง

เจ้าจันทร์เริ่มทำงานโดยไม่แม้แต่จะปริปากบ่น คนสั่งกลับไม่พอใจที่อีกฝ่ายยอมทำตามง่ายๆ เสียอย่างนั้น เขาเดินกลับไปด้วยท่าทีตึงตังก่อนจะออกมาพร้อมกับผ้าม่านผ้าห่มอีกหอบหนึ่ง เพราะความอยากจะเอาชนะของอีกฝ่ายทำให้ดูเหมือนคนโง่เพิ่มขึ้นอีกประการ

“คุณคงอยากจะให้ผมซักผ้าตากแสงดาวแสงดวงจันทร์สินะ หึ แบบนั้นคงแห้งเร็วดี” อดที่จะเหน็บอีกฝ่ายไม่ได้จนผ้ากองนั้นจะถูกโยนลงมาคลุ่มบนศีรษะ

“เรื่องของกู มึงมีหน้าที่แค่ทำตามที่กูสั่งก็ทำไป” สบถเสร็จก็เดินกลับเข้าในบ้านเดินไปนั่งบนโซฟาใช้ดวงตาคมกริบจับจ้องเฝ้ามองเจ้าจันทร์ประหนึ่งว่ายามเมื่อเห็นอีกฝ่ายทำงานด้วยใบหน้าแดงก่ำอ่อนแรงนั้นสร้างความสุขให้กับเขาเมื่ออีกฝ่ายได้รับความทุกข์ทรมาน แต่ยังเท่านี้มันยังไม่สาแก่ใจนเรศหรอก

กว่าเจ้าจันทร์จะได้นอนก็ปวดเมื่อยตามตามตัวอ่อนแรงไปหมด วันนี้หลังจากซักผ้าเสร็จป้าสุดาก็หาข้าวให้กินที่นั้นเลย พอกินอิ่มก็ช่วยป้าสุดาเก็บกวาดก่อนเจ้าจันทร์ก็รีบตรงดิ่งกลับมาอาบน้ำพาร่างกายที่อ่อนล้าของตัวเองแทบคลานขึ้นเตียงนอนหลับทันที


*******************************************
เมื่อวานลืมลงให้เจี๊ยะบ่จ่ายต้องขอโทษด้วยนะคะ คนแก่ก็งี้แหละขี้หลงขี้ลืม ฮาๆ  :katai3:
ความจริงก็ตั้งใจว่าอาบน้ำเสร็จจะมาลงนิยาย แต่พอเสร็จแล้วกระโดดขึ้นเตียงนอนหลับปุ๋ยยาวเลย  :katai5:
ยังไงก็ถ้าชอบอย่าลืมเม้นติเม้นชมกันด้วยนะออเจ้า และขอบคุณทุกคอมเม้นเลยนะจ๊ะ เจอกันใหม่พรุ่งนี้จ้า
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-03-2018 20:50:50 โดย เจี๊ยะบ่จ่าย »

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4825
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
อยากใช้ให้ทำอะไร รีบๆสั่งมา เด๋วรอสะสมไว้ระเบิดทีเดียว  :katai1:

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
แก้คำผิดด้วยนะคะ
สักผ้า>>>ซักผ้า

ออฟไลน์ Noname_memi

  • 7 or never, 7 or nothing
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
Re: มัจจุราชลงทัณฑ์รัก||บทนำ
«ตอบ #14 เมื่อ20-03-2018 23:07:31 »

เข้ามาให้กำลังใจจ้า แง้ คุณนเรศผู้น่าตบกับเจ้าจันทร์ผู้น่าสงสาร

ออฟไลน์ ซีเนียร์

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 778
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3494
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
แล้วเพราะอะไรทำไมถึงทำให้นเรศเข้าใจผิดว่าเจ้าจันทร์เป็นพ่อของเด็กจริงๆ แล้วโดนจับมาทรมานแบบนี้ได้ล่ะ

ออฟไลน์ เจี๊ยะบ่จ่าย

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 34
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
บทที่ 4 เลือดตกยางออก

เสียงล้อรถเข็นดังคึกๆ ถูกลากไปตามพื้นดินไม่สม่ำเสมอนักตั้งแต่เช้าตรู่ เมื่อจัดการเทขี้ม้าออกไปรวมกันเป็นกองเสร็จก็ลากรถเข็นกลับไปไว้ในโรงเก็บของ วันนี้เจ้าจันทร์ทำงานเสร็จเร็วกว่าเมื่อหนึ่งอาทิตย์ก่อนที่ถูกจับมาใช้งานราวกับทาสบนเกาะแห่งนี้ เจ้าจันทร์ยกท่อนแขนขึ้นเช็ดเหงื่อที่หลั่งรินตั้งแต่ยามเช้ายกฝ่ามือขึ้นโบกปัดไล่ความร้อนออกจากใบหน้าที่กำลังแดงก่ำก่อนจะยกยิ้มกว้างเมื่อสายตาทอดไปเห็นบางสิ่ง

“เจ้าพายุดำ” เสียงนุ่มหูตะโกนลั่นดีใจพร้อมกับวิ่งเข้าไปลูบตัวเจ้าลูกม้าสีดำปรอทที่เริ่มจะเชื่องกับตนเมื่อไม่นาน “ฮิฮิ” เจ้าจันทร์หัวเราะอย่างสดใสดูมีชีวิตชีวายังคงเล่นกับลูกม้า โดยที่ไม่รู้ตัวว่ากำลังสร้างความสับสนให้กับคนที่เดินมาหวังเข้ามาถากถางอีกฝ่ายด้วยคำพูด

หัวใจที่เคยกระด้างของนเรศจู่ๆ ก็กระหน่ำรัวเต้นอย่างไม่ทราบสาเหตุ หลังจากได้เห็นรอยยิ้มสดใสเปล่งประกายบนใบหน้าติดจะหวานของเด็กหนุ่ม อาจเป็นเพราะรอยยิ้มที่สดใสไร้ความทุกข์ยากลำบากที่เขาคอยมอบให้นั่นทำให้ความแค้นของเขายิ่งปะทุ หัวใจจึงสูบฉีดเลือดรุนแรงด้วยโทสะ

ใช่!...เพราะมันยังไม่ทุกข์ทรมานมากพอ มันถึงยังยิ้มได้ เขาต้องทำลายมันให้ย่อยยับกว่านี้ให้สาสมกับที่มันได้กระทำสิ่งอันเลวร้ายไว้กับน้องสาวผู้เป็นที่รักของเขา

“โอ๊ย!!!” เจ้าจันทร์หลุดเสียงร้องลั่นด้วยความเจ็บปวดเมื่อจู่ๆ เส้นผมก็ถูกฝ่ามือหยาบกร้านดึงทึ้งฉุดขึ้นจากพื้นจนต้องรีบยืนตามแรงอีกฝ่าย เจ้าพายุดำเองก็พลอยตกใจวิ่งหนีไปหาแม่มันที่อยู่ไม่ไกลอย่างรวดเร็ว

“เอามือสกปรกๆ ออกไปจากม้าของกู” ชายหนุ่มตวาดเสียงกร้าวใบหน้าถมึงทึงด้วยโทสะก่อนจะเหวี่ยงร่างเล็กในมือจนล้มลุกคลุกคลาน “มึงมันสกปรกเกินอย่าได้เอาสิ่งชั่วๆ มาแปดเปื้อนของๆ กู” ไม่ว่าเปล่ายังยกฝ่าเท้าขึ้นกระทืบลงบนใบหน้าอีกฝ่ายพร้อมทั้งขยี้ปลายเท้าลงใบหน้าสวยๆ เกินผู้ชายควรจะมีนั่น

เจ้าจันทร์รู้สึกเจ็บจนได้แต่ร้องครวญครางพยายามที่จะยกฝ่าเท้าที่บดขยี้ใบหน้าตนให้พ้นใบหน้า แต่ยิ่งดิ้นรนขัดขืนอีกฝ่ายยิ่งกระทืบอย่างหนักหน่วงจนใบหน้าซีกหนึ่งกระแทกลงบนพื้นดังตึงๆ พอเห็นใบหน้าหวานนั้นชโลมอาบไปด้วยเลือดก็เปลี่ยนไปเตะตามลำตัวอีกฝ่ายจนลอยกระเด็น

“นายครับ พอครับนาย” โอภาสรีบเข้าไปห้ามเจ้านายหนุ่มที่กำลังเลือดขึ้นหน้า โดยมีคนอื่นๆ ยืนมองไม่กล้าเข้าห้ามปราม

“หึ” นเรศส่งเสียงขึ้นจมูกสะบัดกายออกจากการเกาะกุมของลูกน้องคนสนิท กระทืบอีกฝ่ายซ้ำลงไปอีกทีก่อนจะหันหลังเดินจากไปด้วยอารมณ์คุกรุน แต่ไม่วายหันไปสั่งลูกน้องด้วยเสียงอันดัง “ให้ลิสาไปหากูด้วย” ลิสาคือลูกคนงานสาวในไร่ที่คอยมาวนเวียนยั่วยวนเขา นเรศเองก็ไม่ใช่พระอิฐพระปูนที่ไหนเขาเลยสนองตอบอีกฝ่ายไม่ต่างจากนางบำเรอ ยิ่งอารมณ์เดือดหากได้ปลดปล่อยคงดีขึ้น

โอภาสเมื่อเห็นเจ้านายเดินไปไกลแล้วก็หันไปส่งสายตาให้คนไปตามลิสามา ส่วนตัวเขาเข้าไปช่วยพยุงร่างเล็กสะบักสะบอมน่าเวทนานั้นขึ้นมา เมื่อหลายวันก่อนป้าสุดาได้เข้ามาพูดกับโอภาสบอกว่าคนที่เขากำลังช่วยพยุงอยู่นี่น่าสงสาร เจ้านายไปลักพาตัวอีกฝ่ายมาใช้งานอย่างกับทาส ทั้งที่ดูท่าทางของอีกฝ่ายแล้วไม่น่าจะใช่คนที่สามารถทำร้ายคนอื่นได้ลงคอ โอภาสเองใช้ว่าจะเห็นใจอีกฝ่ายทันทีแต่เพียงแค่คอยเฝ้ามองสังเกตมากขึ้นจึงได้เริ่มเปิดใจมองคนๆ นี้เสียใหม่

“เป็นยังไงบ้าง” โอภาสเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเจือความเป็นห่วงหลังจากหยิบกล่องปฐมพยาบาลมาทำแผลเลือดอาบให้เจ้าจันทร์

“ผมไม่เป็นไร ก็แค่เจ็บตัวไม่กี่วันคงหาย” ใบหน้าหวานเศร้าหมองตอบกลับ ปลายนิ้วถูกยกขึ้นสัมผัสก้อนผ้าก๊อซตรงหางคิ้วไล่ลงตามพวงแก้มมาหยุดอยู่มุมปากก่อนจะร้องซี๊ดด้วยความเจ็บ  ในตอนนั้นใช่ว่าเจ้าจันทร์จะไม่อยากสู้ แต่ผู้ชายป่าเถื่อนคนนั้นทั้งแรงเยอะทั้งมือเท้าหนัก ตัวเล็กอย่างเจ้าจันทร์มีหรือจะสู้เขาได้ คงได้แต่นอนให้อีกฝ่ายประเคนฝ่าเท้ากระหน่ำใส่ครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างที่เห็น

“วันนี้คุณพักอยู่ที่นี่ก่อนเถอะ ผมไม่อยากให้คนงานแตกตื่นเพราะเห็นหน้าเยินๆ ของคุณ” แม้คำกล่าวจะค่อนข้างรุนแรงแต่เจ้าจันทร์ก็ยังสัมผัสถึงน้ำเสียงเจือแววความเป็นห่วงที่อีกฝ่ายส่งมาให้

“แล้วเจ้านายคุณจะไม่ตามาฆ่าผมหรอ” เจ้าจันทร์เองรู้ว่าวันนี้ร่างกายคงไม่ไหวที่จะลากออกไปทำงานต่อแน่จึงได้เอ่ยถามอย่างทำใจ

“คงไม่หรอก...มั้งครับ”

อืม ช่างเป็นคำตอบที่มั่นใจมาก

“เอาเถอะผมจะยอมทำตามที่คุณว่า เพราะดูเหมือนร่างกายผมจะไม่ไหวแล้ว ถ้าเจ้านายคุณจะฆ่าผม ผมก็จะเอาชื่อคุณมาอ้างแล้วกัน” บอกอีกฝ่ายเสร็จก็ทิ้งร่างกายร้าวระบมของตัวเองลงบนเสื่อแล้วหลับตาลง

โอภาสมองใบหน้าหวานเกินชายที่มีร่องรอยแตกฟกช้ำกระจายไปทั่ว ร่างเล็กขาวเนียนมีรอยสีคล้ำม่วงเป็นจ้ำๆ มองดูแล้วน่าสงสารแต่เขาก็คงช่วยอะไรไม่ได้จึงได้แต่เดินจากไปล่อยให้อีกฝ่ายได้พักผ่อน

ตกเย็นคนที่นอนหลับอยู่ไม่มีทีท่าว่าจะตื่นขึ้นมาซ้ำยังไม่ออกมากินข้าวทั้งเที่ยงทั้งเย็นสร้างความเป็นห่วงให้กับสองป้าหลานนัก พอทำงานทุกอย่างเสร็จป้าสุดาก็หวังจะมาดูเจ้าจันทร์แต่ก็พบกับหลานชายที่ดูเหมือนกำลังมุ่งหน้ามาที่นี่เช่นเดียวกัน

“คุณเจ้า คุณเจ้าจันทร์คะ” คำเรียกขานฟังดูสนิทมากยิ่งขึ้นหลังจากป้าสุดาเทียวไปเทียวมาช่วยเหลือส่งข้าวให้กับเจ้าจันทร์ ไม่มีทีท่าว่าประตูจะถูกเปิดออกมายิ่งสร้างความกังวลให้กับสองป้าหลาน

โอภาสตัดสินใจก้าวล้ำความเป็นส่วนตัวอันน้อยนิดของอีกฝ่ายด้วยการกระชากประตูที่ล็อกด้วยเชือกฟางเส้นบางๆ ที่เปลี่ยนทุกครั้งที่เจ้านายเขามาปลุกเองเปิดผ่างออก ความมืดมิดที่เริ่มเข้ามากร่ำกรายทำให้มองเห็นเงาดำคุดคู้กายอยู่บนเตียงไม่มีทีท่าว่าจะตื่นขึ้นมามองผู้บุกรุก

“คุณเจ้า! ตายแล้วตัวร้อนจี๋เลย” ป้าสุดาร้องด้วยความตระหนกหลังจากใช้หลังมือแตะตามร่างกายขาวซีด โอภาสรีบไปจุดตะเกียงเจ้าพายุที่ตั้งเอาไว้สับเท้าออกด้านนอกด้วยความเร่งรีบก่อนจะกลับเข้ามาพร้อมขันที่ใส่น้ำไว้จนเต็มมาวางลงข้างๆ คนเป็นป้า “ไอ้ภาสเอ็งกลับไปเอายาในตู้มาให้คุณเจ้าเร็วเข้า”

โอภาสพยักหน้ารับแล้วรีบร้อนกลับเข้าไปในบ้านพักของเจ้านาย ปล่อยให้ป้าสุดาใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดตัวเจ้าจันทร์ ที่สั่นระริกเมื่อเห็นร่องรอบฟกช้ำป้าสุดาก็อดที่จำกล่าวตำหนิเจ้านายหนุ่มไม่ได้

“เขาก็คนเราก็คนทำไมนายถึงได้ใจร้ายใจดำกับคุณเจ้าแบบนี้ ดูสิตัวก็เล็กแค่นี้ไม่รู้จะทนมือทนเท้านายได้อีกนานเท่าไหร่” เช็ดไปพร้อมกับพึมพำอยู่คนเดียวก่อนจะขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจ คราบเลือดสดใหม่ที่ติดตามผืนเสื่อใกล้กับบริเวณก้นที่เจ้าจันทร์นอนทับทำให้ป้าสุดางงงวย

กางเกงทำงานถูกถอดออกทันที ป้าสุดาคิดว่าเจ้าจันทร์เปรียบเสมือนลูกหลานคนหนึ่งจึงไม่ลังเลเลยที่จะดึงกางเกงอีกฝ่ายลงเพื่อตรวจหาสาเหตุคราบเลือดสีคล้ำ พลันดวงตาเบิกกว้างเมื่อมันออกมาจากรูทวารของอีกฝ่าย

“ป้าทำอะไรน่ะ” โอภาสที่กลับมากจากไปเอายาเข้ามาเห็นเบิกตากว้างเอ่ยถามด้วยความตกใจ ก่อนจะหรี่นัยน์ตาจับจ้องมองคราบเลือดบริเวณร่องก้นขาวเนียนของคนป่วยแล้วรีบเสสายตาหลบ เมื่อใบหน้าจู่ๆ ก็เห่อร้อนขึ้นมาเสียอย่างนั้น

“ตายแล้ว คุณเจ้าของป้าต้องโดนนายกระทืบช้ำใน จนเลือดออกมาทางลำไส้แน่ๆ ไอ้ภาสไปตามหมอเพลิงมาเร็วเข้า” พอได้ยินป้าของตัวเองเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นระริกโอภาสที่ยังไม่ทันหายเหนื่อยดีก็ต้องรีบวิ่งกลับไปที่พักคนงานเพื่อไปตามหมอเพลิง

ไม่นานหลังจากนั้นเสียงฝีเท้าวิ่งเหยียบใบไม้ดังกรอบแกรบก็ดังใกล้เข้ามาพร้อมกับแสงจากกระบอกไฟฉายที่สาดส่องนำทาง หมอเพลิงผู้ที่เรียนจบสัตวแพทย์แต่พอมาอยู่บนเกาะนี้เขาก็ต้องรักษาทั้งสัตว์ทั้งคน ถูกโอภาสลูกน้องคนสนิทของเจ้านายลากออกมาพร้อมกับคำบอกกล่าวที่ฟังไม่ค่อยจะจับใจความได้ของเจ้าตัว หมอเพลิงจับใจความของโอภาสได้เพียงว่ามีคนป่วยและดูเหมือนอาการจะหนัก

“ไหนครับคนป่วย” หมอเพลิงวิ่งพรวดพราดเข้ามาทั้งเหนื่อยหอบ เมื่อเหลือบสายตามองเห็นร่างเล็กขาวซีดของเด็กหนุ่มที่นอนกระสับกระส่ายอยู่บนเตียงก็รีบเข้าไปตรวจร่างกายพลางซักถามป้าสุดาที่อยู่ข้างๆ ทันที “เขาเป็นอะไรครับ”

“ถูกนายซ้อมมาคะหมอเพลิง” ป้าสุดาตอบด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

“คุณนเรศน่ะหรือครับซ้อม” หมอเพลิงหันกลับมาถามด้วยความตกใจ ถึงแม้ว่าจะเคยได้ยินข่าวเจ้าของเกาะแห่งนี้ซ้อมลูกน้องตัวเองที่ทำผิดอยู่บ้าง ก็ไม่เคยเห็นใครถูกซ้อมอาการหนักขนาดนี้มาก่อน แต่พอเห็นป้าสุดาคนงานเก่าแก่ที่คอยดูแลเรื่องงานบ้านให้นเรศพยักหน้ายืนยันหมอเพลิงก็ได้แต่อับจนคำพูด “ทำงานหนัก ร่างกายพักผ่อนน้อย และยังสูญเสียเลือดมาก...ว่าแต่เขาเสียเลือดมากเลยหรอครับ” หลังจากเอ่ยสรุปอาการคร่าวๆ ก็เงยหน้าขึ้นมาถามด้วยความประหลาดใจ ดูจากบาดแผลที่มองเห็นภายนอกแล้วมีแต่แผลฟกช้ำไม่น่าจะสูญเสียเลือดมากขนาดนั้นนี่ ข้อนี้ทำให้หมอเพลิงงุนงงนัก

“ป้าเห็นมีเลือดออกมาจากก้นของคุณเจ้าค่ะ” พอได้ฟังคำตอบจากป้าสุดาหมอเพลิงก็พลิกให้อีกฝ่ายนอนคว่ำแยกแก้มก้นของคนป่วยออกจากกันใช้สายตาสำรวจ ก่อนใช้นิ้วมือที่สวมถุงมือสีขาวสะอาดปาดคราบเลือดที่ไหลออกมาขึ้นมาพิจารณาดู สีออกคล้ำๆ ไม่คล้ายพวกที่เป็นโรคเกี่ยวกับล้ำไส้แต่เหมือนกับเลือดเสียที่ถูกขับออกมาทุกเดือนของผู้หญิง

“มันร้ายแรงมากหรือครับหมอ” โอภาสอดที่เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงกังวลกับใบหน้าเคร่งเครียดที่หมอเพลิงแสดงออกมาไม่ได้

“ผมไม่แน่ใจ ป้าสุดาครับผมแนะนำให้พาไปโรงพยาบาลดีกว่าครับ” พอเอ่ยแนะนำสองป้าหลานก็มีสีหน้าเคร่งเครียดทันที “มีอะไรหรือเปล่าครับ” หมอเพลิงเอ่ยถามต่อด้วยความข้องใจ เด็กหนุ่มป่วยซึ่งไม่รู้ด้วยซ้ำว่าป่วยหนักป่วยน้อยหรือป่วยเป็นโรคอะไร พอแนะนำให้ไปโรงพยาบาลทำไมสองป้าหลานถึงทำสีหน้าลำบากใจราวกับกลืนยาขมเสียอย่างนั้น

“นายคงไม่ให้พาไปหรอกคะ” ป้าสุดาส่ายหน้าซึ่งพอหมอเพลิงหันไปขอความเห็นจากผู้เป็นหลานก็ได้รับการส่ายหน้าเป็นคำตอบยืนยัน

“ทำไมละครับ ผมไม่รู้ว่าเด็กคนนี้เป็นโรคอะไรร้ายแรงแค่ไหน แต่ถ้าพาไปโรงพยาบาลหากเป็นโรคร้ายแรงก็อาจแก้ไขได้ทันนะครับ”

“หมอเพลิงช่วยคุณเจ้าหน่อยเถอะคะ แค่ป้าไปตามหมอเพลิงมานายเองก็ไม่รู้” พอได้ฟังหมอเพลิงยิ่งขมวดคิ้ว

“ผมขอร้องอีกคนหมอเพลิงช่วยเจ้าจันทร์ทีนะครับ” โอภาสช่วยพูดอีกแรง

“ผมจบสัตวแพทย์มานะครับ ผมไม่ได้เชี่ยวชาญเรื่องรักษาคน...เอาอย่างนี้ พรุ่งนี้ผมจะขึ้นฝั่งไปพาเพื่อนที่เป็นหมอรักษาคนโดยเฉพาะมา แต่คุณนเรศคงรู้...”

“ไม่เป็นไรคะ พรุ่งนี้นายขึ้นฝั่งไปกรุงเทพค่ะ” ป้าสุดารีบบอกทำให้หมอเพลิงพยักหน้าคลายกังวล

“ถ้าอย่างนั้นวันนี้ผมจะให้ยาลดไข้ไปก่อน และอยากจะให้มีคนเฝ้าอยู่ตลอดด้วยเผื่อฉุกเฉินจะได้รีบไปตามทัน” หมอเพลิงหยิบยาลดไข้สามัญที่เขาพอจะจ่ายให้คนได้ออกมาส่งให้ป้าสุดาก่อนจะกำชับทิ้งท้ายเอาไว้แล้วเดินทางกลับไปยังบ้านพักโดยมีโอภาสกลับไปส่ง

หลังจากให้กินยาอาการสั่นเทาพร้อมเสียงละเมอก็ดีขึ้น โอภาสที่กลับเข้ามาก็อาสาที่จะอยู่เฝ้าเองปล่อยให้ป้าสุดาที่เหนื่อยมาทั้งวันกลับไปพักผ่อนเสียบ้าง ดังนั้นตลอดคืนเขาจึงจำเป็นต้องลุกขึ้นมาเช็ดตัวให้เจ้าจันทร์บ่อยๆ ทั้งที่เป็นผู้ชายด้วยกันแท้ๆ แต่พอสัมผัสผิวขาวเนียนกลับรู้สึกนุ่มมือจนใจสั่น โอภาสพยายามสะบัดไล่ภาพร่างกายขาวผ่องนั้นออกจาความคิดก่อนจะออกมานั่งสงบอยู่บนเก้าอี้ด้านนอก หันไปก่อกองไฟไล่ยุงและบรรเทาความหนาวหลังจากตัดสินใจที่จะหลับนอนเฝ้าคนป่วยอยู่ด้านนอกแทน


**********************************
ขอบคุณออเจ้าหลายเด้อ Leenboy ซักผ้ากลายเป็นสักผ้าไปได้ โอ๊ยๆ คนแก่ตาไม่ค่อยดี ฮาๆ
ส่วนคำถามจาก PrimYJ มีสาเหตุแน่นอนค่ะ เพราะความจริงมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น ยอดนักสืบโคนัน เอี๊ยด!!! ผิดเรื่องละ
ขอบคุณทุกคอมเม้นททุกกำลังใจเจอกันพรุ่งนี้จ้า

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4825
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
กระทืบจนเลือดทะลัก โหดไปไหม  :ling3:

ออฟไลน์ ซีเนียร์

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 778
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
สงสารน้องเจ้า :hao5:

ออฟไลน์ เจี๊ยะบ่จ่าย

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 34
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
บทที่ 5 ที่นี่คือนรก...

ในช่วงเช้าของวัน นเรศก็ออกเรือไปขึ้นฝั่งมุงหน้ากลับเข้ากรุงเทพเพื่อติดต่อธุรกิจ และถือโอกาสไปเยี่ยมครอบครัว เจ้านายไปแล้วในช่วงบ่าย หมอเพลิงก็พาเพื่อนที่บอกว่าเป็นหมอรักษาคนกลับเข้ามา พร้อมกับเครื่องมือหลายชนิด ป้าสุดากับโอภาสเข้าไปรับ ก่อนพามากระท่อมด้วยอาการร้อนใจ

อาการพิษไข้ของเจ้าจันทร์อ่อนลงแล้ว แต่เจ้าเลือดที่ไหลออกมาจากก้นของเด็กหนุ่มกลับไม่ยอมหยุดไหลสักทีสร้างความวิตกกังวลให้พวกเขานัก

อึดใจต่อมาหมอบูมเพื่อนของหมอเพลิงใช้เครื่องมือที่ค่อนข้างมากมายตรวจดูเจ้าจันทร์ แล้วก็ไม่สามารถสรุปได้ว่าเป็นโรคอะไรอยู่ดี หมอเพลิงและหมอบูมได้แต่มองหน้ากันแล้วส่ายหน้า ไม่รู้จะตอบสองป้าหลานว่าอย่างไร

“ป้าสุดาครับ” หมอเพลิงเป็นคนเกริ่นนำขึ้น

“คะหมอเพลิง”

“ผมแนะนำให้พาส่งโรงพยาบาลเท่านั้นครับ ผมในตอนนี้ไม่มีเครื่องมือที่ครบครันถ้าไปโรงพยาบาลต้องสามารถวินิจฉัยโรคได้แน่นอนครับ” หมอบูมเป็นคนตัดสินใจบอก

“แต่...”

“เชื่อหมอบูมเถอะครับ” เมื่อเห็นท่าทีที่พร้อมจะปฏิเสธของป้าสุดา หมอเพลิงก็รีบกล่าวสนับสนุนเพื่อนทันที “อย่างน้อยตอนนี้คุณนเรศไปกรุงเทพไม่ใช่หรอครับ พวกเราก็ใช้โอกาสนี้...พาเด็กคนนี้ไปโรงพยาบาลตรวจให้ละเอียดแล้วรีบพากลับมา ก่อนคุณนเรศจะกลับมาดีกว่าไหมครับ” คำพูดของหมอเพลิงทำให้ป้าน้อยคล้อยตามอยู่พอสมควร ก่อนจะดึงหลานชายเข้าไปปรึกษากันอยู่ด้านนอก ไม่นานก็กลับเข้ามาพร้อมกับอนุญาตให้พาเจ้าจันทร์ขึ้นฝั่งไปโรงพยาบาล โดยมีป้าสุดาตามไปด้วย

หมอบูมขอใช้เวลาในการเข้ารับการตรวจเป็นเวลาหนึ่งวันกับอีกหนึ่งคืน เพื่อรักษาอาการพิษไข้ด้วยก่อนจะให้พาเจ้าจันทร์กลับเกาะ รอเพียงผลตรวจที่จะส่งตามมาอีกสองเดือน แต่ในขณะที่เลือดของเจ้าจันทร์ที่ยังไม่ยอมหยุดไหลก็ให้ซื้อผ้าอนามัยมารองไว้ก่อน เลือดที่ผลตรวจแน่ชัดแล้วว่าเป็นเลือดเสีย ทำให้หมอบูมกำชับให้ป้าสุดาต้มน้ำร้อนให้อีกฝ่ายดื่ม
เจ้าจันทร์เองในตอนนี้ก็ยังคงหลับตื่นๆ อยู่ตลอด จนล่วงเลยเข้าสู่วันที่สามของการเป็นไข้ คนป่วยจึงเริ่มได้สติกลับมาสามรถลุกขึ้นมานั่งทานข้าวได้

“คุณเจ้าคะป้าขอถามหน่อยค่ะ” สุดามองดูดวงหน้าซีดเซียวที่กำลังอ้าปากรับข้าวต้มโรยขิงอ่อน ที่เธอกำลังป้อนให้พลางเอ่ยถาม

“ครับ”

“เลือดที่ออกมาจากก้นของคุณเจ้ามันเป็นโรคอะไร ร้ายแรงหรือเปล่าคะ” คำถามตรงไปตรงมาทำเอาเจ้าจันทร์แทบสำลักข้าวต้มในปาก

“ผมเองก็ไม่รู้อะไรมากครับ แต่คุณพ่อกับคุณแม่บอกไม่ต้องกังวล อืม...จะว่ายังไงดีล่ะ มันจะมาทุกเดือนคล้ายๆ ว่ากำลังขับเลือดเสียออกจากร่างกาย สักสามสี่วันก็หายครับ” เจ้าจันทร์ตอบตามที่มารดาเคยบอกเอาไว้ ในครั้งแรกที่ตัวเองเป็นตอนนั้นเองก็ร้องไห้โวยวายกลัวว่ากำลังจะตาย แต่นี่ก็เป็นมาจนอายุยี่สิบเอ็ดเจ้าจันทร์ยังไม่ตายแสดงว่ามันคงเป็นแค่การขับเลือดเสียออกจากร่างกายจริงๆ นั้นแหละ

“คล้ายๆ การมีประจำเดือนของผู้หญิงน่ะหรือคะ?”

“ราวๆ นั้นครับ บางครั้งก็ยังมีปวดท้องเหมือนกันอีก ตอนนี้ก็เริ่มไม่มีเลือดไหลแล้วครับสงสัยใกล้จะหายแล้ว” ตอบคำถามไปก็อ้าปากรับข้าวต้มที่ป้าสุดาคอยป้อนให้ จนรู้สึกว่าวันนี้กินได้เยอะกว่าทุกที

“เป็นโรคที่แปลกดีนะคะ ตอนแรกคิดว่าคุณเจ้าโดนนายซ้อมจนเลือดช้ำใน แล้วเลือดไหลออกมาทางก้นซะอีก” พอได้ฟังป้าสุดาพูดเจ้าจันทร์ก็อมยิ้มจนป้าสุดาขัดเขิน “ไม่เป็นอะไรมากก็ดีแล้วค่ะ” ก่อนจะกล่าวทิ้งท้ายเอาไว้ แล้วเอาถ้วยไปล้างหลังจากเจ้าจันทร์ทานจนหมด “วันนี้นายกลับมาแล้วคุณเจ้าก็พยายามหลบๆ นายไว้นะคะ ร่างกายยังไม่หายดี” ก่อนกลับป้าสุดาไม่วายเอ่ยเตือน

เจ้าจันทร์เองก็ยิ้มรับความเป็นห่วงของป้าสุดา รับปากจะพยายามหลบเจ้าคนป่าเถื่อนนั้นให้มากที่สุด แต่ดูเหมือนฟ้าดินไม่เป็นใจ เมื่อเข้าสู่ช่วงหัวค่ำโอภาสก็มาตามเจ้าจันทร์ให้ไปพบนเรศ ในขณะที่เจ้าจันทร์กำลังจะเดินเข้าไปในบ้านของอีกฝ่ายโอภาสก็ส่งสายตาเป็นห่วงมาให้จนต้องยกยิ้มเข้มแข็งให้อีกฝ่ายเลิกกังวล ช่วงหลังๆ มานี้โอภาสเริ่มพูดคุยกับเจ้าจันทร์ดีขึ้นไม่ต่างจากคนเป็นป้า ซึ่งนั่นทำให้เจ้าจันทร์ดีใจมากที่มีเพื่อนบนสถานที่อันโหดร้ายนี้เพิ่มขึ้นมา

เพียงก้าวแรกที่เหยียบย่างเข้าสู่ห้องนั่งเล่น กลิ่นสุรารสแรงก็ลอยเข้ากระแทกจนต้องย่นจมูกอย่างไม่ชอบใจ ในใจเริ่มจะหวาดกลัวอีกฝ่ายแทบอยากจะหันหลังวิ่งกลับออกไป ขนาดไม่เมายังป่าเถื่อนได้ขนาดนั้น เวลาเขาเมาอย่างเช่นในตอนนี้จะร้ายกาจมากสักเพียงไร เจ้าจันทร์ได้แต่คิดอย่างหวาดหวั่น

ร่างสูงแกร่งลุกขึ้นซวนเซเล็กน้อยพร้อมกับหันกลับมา ใช้ดวงตาแดงก่ำของคนเมามายจ้องเขม็ง สร้างความประหวั่นให้กับคนมอง ดวงตาประหนึ่งสัตว์ร้ายนั้นทำให้เจ้าจันทร์เผลอผงะก้าวถอยหลังด้วยความหวาดกลัว

“หึ มาแล้วหรอ” รอยยิ้มแสยะถูกยกยิ้มขึ้นบนใบหน้าหล่อเข้ม

“...” เจ้าจันทร์ทำแค่เพียงยืนนิ่งไม่กล่าวสิ่งใดตอบรับ ใช้ดวงตาโศกที่สะกดความหวาดกลัวให้หลบซ่อนเข้าไปข้างในจับจ้องมองนเรศ สงครามศึกสายตาเริ่มต้นขึ้นเมื่อต่างฝ่ายต่างจ้องกันนิ่ง รอดูว่าความอดทนของใครจะหมดก่อน จนในที่สุดนเรศก็ก้มลงหยิบขวดเหล้าราคาแพงว่างเปล่า ง้างขึ้นแล้วขว้างลงตรงปลายเท้าของเจ้าจันทร์สุดแรง

เพล้ง!

เจ้าจันทร์สะดุ้งตกใจผงะถอยหลบเศษขวดแก้วแตกกระจาย ที่กระเด็นเฉียดหลังเท้าเปลือยเปล่าให้มีเลือดซึม ใบหน้าหวานนั้นแสดงความตื่นตระหนก มองดูอารมณ์ร้ายของชายหนุ่มด้วยความหวาดกลัว

“เก็บสิ” จบประโยคก็ลงไปนั่งบนโซฟา ยกแก้วเหล้ากระดกไม่สนใจว่าอีกคนจะทำตามหรือไม่ แต่ถ้าไม่คงจะได้เห็นดีกัน
ทำเองก็เก็บเองสิ เจ้าจันทร์อยากจะย้อนอีกฝ่ายไปแบบนั้น แต่กลับไม่สามารถเอ่ยประโยคใดๆ ได้นอกจากหันซ้ายหันขวามองหาไม้กวาดและที่ตักขยะ ขณะกำลังจะเดินไปหยิบเสียงทุ้มก็ดังแทรกขึ้น

“มือเปล่า”

“หะ?” เจ้าจันทร์เผลอย้อนถามอีกฝ่ายเสียงสูงด้วยความไม่เข้าใจว่าเขาต้องการอะไรกันแน่

“มึงนี่โง่จริง” อีกฝ่ายเหน็บ “คำสั่งแค่นี้มึงไม่เข้าใจหรอ” นัยน์ตาสีอำพันประหนึ่งหมาป่าหันกลับมามองด้วยความดูถูก “กูบอกให้มึงใช้มือเปล่าเก็บพวกมัน” หางตาเหลือบสะบัดไปยังเศษแก้วพร้อมกับมุมปากกระตุกยิ้มอย่างผู้ชนะ ที่ได้เห็นคนที่พยายามหลบหน้ามาตลอดทั้งวันหน้านิ่วคิ้วขมวด

“ครับ” เจ้าจันทร์ถอนหายใจอย่างสะกดกั้นอารมณ์ พยายามปลุกปลอบตัวเองในใจ เดินเข้าไปนั่งยองๆ ยื่นฝ่ามือที่มีแผลพุพอง จากการตรากตรำทำงานหนักตลอดเวลาช่วงเวลาที่ต้องอยู่บนเกาะแห่งนี้ออกไปรับเศษแก้วที่ค่อยๆ วางลงทีละชิ้น

เพล้ง!

ยังเก็บไม่ทันเสร็จ อีกขวดก็ลอยมาตกตรงหน้าแตกกระจายจนเจ้าจันทร์แทบยกมือขึ้นบังหน้าเอาไว้ไม่ทัน ไม่ใช่กลัวว่าจะโดนหน้า แต่กลัวมันกระเด็นเข้าตาแบบนั้นมันคงแย่มากสำหรับเจ้าจันทร์ อยากจะโวยวายด้วยอารมณ์ที่เริ่มไม่คงที่อย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน แต่ก็ทำได้เพียงหายใจเข้าออกรุนแรงระบายความเครียดขมึงในสมองเท่านั้น

ขณะพยายามระงับอารมณ์ไปพลางเก็บเศษขวดไป ก็ต้องชะงักกึกกับช่วงขายาวที่ก้าวฉับๆ มาหยุดตรงหน้า เจ้าจันทร์ชะงักนิ่งก่อนจะก้มหน้าเก็บต่อ ไม่สนใจอีกฝ่ายที่คงจะมาเรื่องตนอีกแน่

“ชักช้า” เสียงตวาดลั่น ยิ่งนเรศเห็นว่าอีกคนไม่สะดุ้งสะเทือน เอาแต่ก้มหน้าก้มตาเก็บไม่สนใจเขา อารมณ์ยิ่งคุกรุ่น “กูบอกว่าชักช้า” จบประโยคก็ใช้เท้าเตะฝ่ามือซึ่งมีเศษขวดที่เก็บขึ้นมาในอุ้งมือเต็มแรง จนเจ้าจันทร์ร้องลั่นด้วยความเจ็บปวด เสียงร้องทรมานของอีกฝ่ายประหนึ่งน้ำที่ชโลมความแค้นในอกให้จางหาย จึงต้องยกเท้าเหยียบฝ่ามือเล็กมีบาดแผลเลือดไหลจากการโดนเศษขวดบาดนั้นซ้ำเติมแล้วบดขยี้

“โอ๊ย! คุณผมเจ็บ” เสียงเล็กร้องดั่งลั่นทรมานเจ็บปวดเหลือแสน พยายามใช้มืออีกข้างดันฝ่าเท้าอีกฝ่ายออกไป น้ำตาเอ่อคลอขึ้นมาในดวงตาโศก ก่อนจะหยดแหมะแล้วทะลักออกมาราวกับเขื่อนแตก

“เจ็บแค่นี้มันยังไม่เท่าน้องสาวกูเจ็บหรอก อย่ามาทำสำออย” ยกเท้าออกจากฝ่ามือเล็กแล้วก็กระชากอีกฝ่ายขึ้นมาแทน ยิ่งคิดถึงความผิดคนตรงหน้าไฟแค้นในใจนเรศก็ยิ่งโหมกระพือขึ้น

เสียงกัดฟันกรอดพร้อมกับแรงบีบต้นแขนจนแทบแหลกคามือ เจ้าจันทร์ก้มหน้าหลบดวงตาวาวโรจน์คลั่งแค้นอีกฝ่ายอย่างขาดเขลา แม้ว่าจะเป็นผู้ชายเหมือนกันแต่ดูเหมือนว่าทั้งสรีระและพละกำลัง เจ้าจันทร์ไม่อาจจะเอาชนะอีกฝ่ายได้อย่างแน่นอน หยดเลือดจากฝ่ามือเล็กเริ่มหยดลงบนพื้นเป็นดวงๆ แต่มีหรือที่เขาจะเหลือบมอง

“ร้องไห้ เฮอะ” นเรศขึ้นเสียงสูงใช้ดวงตาคมกริบจ้องมองใบหน้าหวาน “กูจะทำให้มึงร้องไห้ทรมานกว่านี้อีก” จบประโยคก็ใช้แรงทั้งหมดผลักคนตัวเล็กกว่าล้มลงก้นกระแทก “อ้อ กูว่านะบนลงโทษของมึงคงสบายไปหน่อย วันนี้กูเลยคิดได้ว่าจะลงโทษมึงยังไง แต่ว่าถ้าไม่กินเหล้ากูก็คงทำใจทำกับมึงไม่ได้...”

พอได้ฟังและเห็นท่าทีราวกับมัจจุราชของอีกฝ่าย ร่างกายเจ้าจันทร์ก็สั่นสะท้านอย่างไม่อาจห้ามได้ ดวงตาโศกเริ่มมองหาทางหนีทีไล่ ใช้ฝ่ามือที่มีเลือดแดงเถือกยันกายลุกขึ้น ก่อนจะรู้สึกว่าภาพที่เห็นคล้ายภาพในภาพยนตร์โรคจิตชายหนุ่มพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็วยื่นมือจับข้อเท้าทั้งสองข้างแล้วลากเจ้าจันทร์ไปเผชิญหน้า

“มึงทำน้องกูให้ท้องยังไงกูน่าจะทำกับมึงบ้าง...เพราะกูจะทำลายมึงให้ย่อยยับจะได้ไม่กล้าใช้ความชั่วช้าของมึง ไปทำกับผู้หญิงคนอื่นอีก” ริมฝากหยักได้รูปยื่นเข้ามากระซิบข้างหูก่อนดวงตาโศกจะเบิกโพลง ส่ายหน้าปฏิเสธอย่างเอาเป็นเอาตาย

“ไม่นะคุณจะไม่ทำกับผมแบบนี้” เจ้าจันทร์ร้องเสียงหลงเมื่อร่างกายใหญ่โตกำยำของอีกฝ่ายคร่อมทับลงมา “ผมไม่เคยมีอะไรกับพี่ชล  ผมไม่เคย!” เสียงร้องโหยหวนดังลั่นเมื่อเสื้อถูกฉีกออกเผยผิวกายขาวเนียน ที่ยังคงหลงเหลือร่องรอยฟกช้ำกระจายตามร่าง

“ไม่เคยแล้วน้องกูท้องกับหมาที่ไหน ไอ้ตอแหล” ผรุสวาทด้วยโทสะจนต้องฟาดฝ่ามือลงบนหน้าอีกฝ่าย ก่อนก้มลงกัดตามซอกคอขาวและไหล่เล็กที่ห่อเข้าหากัน

“ไม่! ปล่อยนะ” เจ้าจันทร์ใช้กำปั้นทุบตีนเรศพร้อมทั้งดิ้นรนขัดขืน สะบัดฝ่าเท้าพยายามถีบยันเขาออกจากกายแต่ไม่สำเร็จ “อั๊ก” หมัดหลุนๆ ชกเข้าเต็มท้องจุกจนตัวงอ เจ้าจันทร์มีสีหน้าบิดเบี้ยวกับความจุกร้องไม่ออกแม้เพียงครึ่งคำ ได้แต่ปล่อยให้นเรศล่วงเกินร่างกายอันชอกช้ำของตน

ริมฝีปากเล็กถูกกัดแน่นข่มความเจ็บปวดแทบจะทำให้ร่างกายแตกเป็นเสี่ยงๆ ยามเมื่อความแข็งแกร่งขนาดใหญ่รุกล้ำเข้ามาในร่างอย่างไร้ซึ่งความปราณี

กายแกร่งเริ่มขยับโดยไม่สนเสียงร้องโหยหวนดังสะท้อนก้องทั้งบ้าน นเรศกระแทกแก่นกายเข้าไปจนสุดแล้วถอยออกมาดันเข้าไปใหม่ ช่องทางคับแน่นคล้ายฉีกขาดมีเลือดไหลซึมออกมา แต่มีหรือที่เขาจะเห็นใจ ไม่มีทาง! ในเมื่อการกระทำของอีกฝ่ายก็ไม่ต่างจากข่มขืนน้องสาวของเขา ยิ่งภาพใบหน้าหม่นหมองของน้องสาวลอยเข้ามาในหัว นเรศยิ่งใช้เอวสอบกระแทกไม่ยั้งแรง

เป็นเจ้าจันทร์เสียเองที่ต้องผ่อนคลายร่างกาย เพื่อให้เขาสามารถเสพสมได้อย่างต้องการ โดยที่ตัวเองจะไม่เจ็บไปมากกว่านี้
“อ้า” ปากเล็กอ้ากว้างร้องทรมานน้ำตาไหลออกจากหางตาราวกับทำนบแตก

ความแน่นรัดตรึงแก่นกายทำให้รู้สึกหฤหรรษ์ ยิ่งทำให้ร่างกายล่ำสันสูงใหญ่ยัดลงมาอย่างหนักหน่วง ด้วยความหิวกระหาย เสียงครางกระเส่าดังอยู่ข้างหู ริมฝีปากหยักได้รูปขบเม้มตามซอกคอแนบร่างกดแก่นกายจนมิด นาทีต่อมายิ่งรุนแรงเมื่อใกล้ถึงฝั่งฝัน หน้าท้องแกร่งเต็มไปด้วยมัดกล้ามเกร็งแน่นจนเห็นกล้ามท้องเรียงกัน ก่อนจะกระตุกปลดปล่อยให้น้ำสีขาวขุ่นไหลทะลักออกมาปะปนกับคราบเลือด

“ไม่ต่างจากโสเภณี” นเรศหัวเราะอีกฝ่ายอย่างพึงพอใจกับภาพตรงหน้า ใบหน้าหวานเอียงไปข้างหนึ่งแสดงความเจ็บปวด ร่างกายชอกช้ำมีรอยกัดกระจายไปทั่ว นอนหอบหายใจฟังดูอ่อนล้าอย่างคนหมดแรง “แต่แค่รอบเดียวคงไม่พอหรอก เพราะกูชักจะติดใจมึงแล้วสิ” จบประโยคก็แบกอีกฝ่ายขึ้นบนไหล่แกร่งก้าวฉับๆ ตรงไปยังห้องนอน

ร่างเล็กถูกโยนคว่ำลงบนที่นอนหนานุ่มก่อนจะตามด้วยนเรศขึ้นมาคร่อมทับ จับบั้นท้ายเล็กให้ลอยเด่นขึ้นแล้วกดแก่นกายเข้าจนมิด เสียงเล็กร้องครวญครางดังลั่นเจ็บปวด แต่เขาไม่สนใจขยับเข้าออกรุนแรงอย่างไร้ความปราณี เจ้าจันทร์คล้ายว่าตนกำลังฝันร้าย มีพญามัจจุราชกำลังลงทัณฑ์เจ็บปวดทรมานแทบกระอักเลือด


****************************************
อ่านแล้วชอบอย่าลืมคอมเม้นเป็นกำลังใจให้เจี๊ยะบ่จ่ายด้วยนะคะ เจอกันพรุ่งนี้จ้า

ออฟไลน์ kun

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3593
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +122/-10

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
โหดจัง แต่เดี๋ยวก้แพ้ทางเจ้าจันทร์

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3494
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
เลวเกิน ถ้าจันทร์หนีออกไปได้จะให้จันทร์หนีไปไกลๆเลย

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4825
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
เก็บความแค้นไว้ทุกเม็ด ถึงทีจันทร์เมื่อไหร่ ทุกอย่างคูณ 10 จำไว้  :katai1:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
ทำเลวขนาดนี้ไว้ แล้วจะให้เจ้าจันทร์ใจอ่อนมารักง่ายๆ บอกตรงๆว่าเราคง?ำำำำำใจอ่านต่อไม่ได้ คนโดนทำร้ายทั้งทางร่างกายและจิตใจคงไม่หลงรักอาชญากรง่ายๆหรอกนะ

ออฟไลน์ เจี๊ยะบ่จ่าย

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 34
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
บทที่ 6 มือมัจจุราชคู่นั้นไม่มีทาง...ไม่มีทางหนีพ้น

เสียงคลื่นสาดซัดเข้าหาฝั่งยามกลางดึก พัดมาพร้อมกับสายลมผ่านหน้าต่างที่ถูกเปิดทิ้งไว้จนผ้าม่านโบกสะบัดพลิ้วไหว ดวงตาโศกเปิดปรือขึ้นมาด้วยอาการปวดหัวรุนแรง ความรู้สึกหนักอึ้งมาพร้อมกับร่างกายรุ่มร้อนราวกับกำลังโดนไฟแผดเผา ภาพทุกอย่างเมื่อตอนหัวค่ำแล่นเข้ามาในห้วงความทรงจำ มือเล็กกำหมัดแน่นน้ำตากลิ้งหล่นจากดวงตาไร้ซึ่งสุ่มเสียงใดๆ หลุดออกมา

เนิ่นนานกว่าจะสามารถเรียกสติกลับมาได้ เจ้าจันทร์รู้แล้วว่าตนเองไม่อาจทนให้เขากดขี่ข่มเหงได้อีกต่อไป มีแต่จะต้องหนีเท่านั้นเจ้าจันทร์จึงจะยังรู้สึกว่าตนเองยังมีชีวิตอยู่...ยังคงเป็นมนุษย์ที่มีสิทธิ์เสรี คิดได้ดังนั้นก็ค่อยๆ หยันกายที่เจ็บปวดรวดร้าวขึ้น ยกท่อนแขนหนาที่พาดบนเอวออกไป คลานลงจากเตียงยืนขึ้นด้วยขาสั่นระริก รู้สึกถึงของเหลวบางอย่างไหลออกมาจากช่องทางที่เจ็บแสบ

เจ้าจันทร์เบ้หน้ารู้แล้วว่าสิ่งใดคือสาเหตุที่ทำให้ปวดท้องก่อนจะเดินกะเพลกๆ เข้าไปเปิดตู้รื้อค้นหาเสื้อผ้าที่พอจะหยิบใส่ลวกๆ ได้ มือเรียวจับเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาวมาใส่อย่างเร่งรีบ

“อือ” เจ้าจันทร์สะดุ้งสุดตัวค่อยๆ เหลือบหางตาไปมองบนเตียงก่อนจะถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อเขายังหลับอยู่ รีบติดกระดุมเม็ดสุดท้ายก่อนตัดสินใจวิ่งกะเพลกๆ ออกจากห้องไม่เหลียวหลังกลับไปมองอีก หากมัวแต่ชักช้าคงไม่ทันได้หนีเขาต้องตามมาทันแน่ๆ แค่เสื้อเชิ้ตที่ยาวจนมาถึงต้นขาแค่นี้ก็เพียงพอให้กันอับอายได้

เมื่อหนีออกมาจากบ้านที่เปรียบเสมือนนรกสำหรับตนได้แล้ว เจ้าจันทร์ก็มุ่งหน้าไปยังท่าเรือ แต่ดูเหมือนจะไม่มีเรือสักลำจึงเบี่ยงหน้ากลับเข้าไปในป่าแทน อย่างน้อยก็ขอให้พอมีที่ซ่อนตัวก่อนจะหาทางหนีออกจากที่นี่ได้ เสียงวิ่งกระหืดกระหอบดังสนั่นไปทั่วทั้งป่าที่เงียบสงบก่อนจะมีเสียงร้องครวญด้วยความเจ็บเมื่อสะดุดเข้ากับบางสิ่งจนลื่นไถลศีรษะกระแทกเข้ากับโคนต้นไม้เต็มแรง ร่างเล็กพลันแน่นิ่งในบันดล

“ไอ้ภาส...ไอ้ภาส!” เสียงร้องของนเรศดังลั่นมาจากบนบ้าน วิ่งออกมาด้วยสีหน้าโกรธกริ้วหน้าระเบียงพลางตะโกนเรียกลูกน้องคนสนิท

“ครับนาย” โอภาสที่ได้เวลาเริ่มงานกำลังยืนรดน้ำต้นไม้อยู่รีบวางสายยางวิ่งไปเงยหน้ารอรับคำสั่งเจ้านาย

“ไอ้เด็กนั่นมันไปไหน” เขาตวาดเสียงดังลั่นคล้ายมีไฟสุมในอก หลังจากตื่นขึ้นมาก็ไม่พบอีกคนที่เขาย่ำยีจนมีแต่คราบเลือดเป็นด่างดวงบนที่นอน

“เจ้าจันทร์หรือครับ”

“เออ” เขากระแทกเสียงจู่ๆ ก็หงุดหงิดแทนที่เจ้าลูกน้องคนสนิทเรียกขานอีกฝ่ายอย่างสนิทชิดเชื้อ

“ไม่ใช่อยู่กับนายหรือครับ?” โอภาสงุนงงเมื่อช่วงหัวค่ำเจ้าจันทร์ถูกนเรศเรียกตัวไปพบแล้วไม่กลับมาอีกเลย พอเช้ามาเจ้านายหนุ่มกลับมาเรียกตะโกนถามหาเจ้าจันทร์เสียอย่างนั้น มันน่างุนงงแท้

“ให้คนออกตามหามัน ถ้าเจอให้ลากมันกลับมา” นเรศตวาดกร้าวออกคำสั่งก่อนจะรีบเดินกลับเข้าห้องคว้าเสื้อมาใส่อย่างลวกๆ แล้วเร่งออกตามหาอีกฝ่าย ในเวลาต่อมาลูกน้องหลายคนวิ่งเข้ามารายงานต่างมีคำตอบที่ไม่น่าพอใจอย่างยิ่ง “พวกมึงมันไม่ได้เรื่อง” ลูกน้องต่างสะดุ้งเมื่อรู้ดีว่ายามเขาโกรธน่าเกรงกลัวแค่ไหน

“นายครับ”

“อะไร!”

“เหมือนจะมุ่งหน้าเข้าไปในป่าครับ” จบประโยคเขาก็สั่งคนกระจายเข้าไปตามหาในป่าทันที

เสียงหวีดหวิวใบไม้เสียดสีกันพร้อมกับลมพัดกรรโชกท้องฟ้าตั้งเค้ามืดครึ้มราวกับกำลังมีพายุเข้า เจ้าจันทร์ร้องครางฮือรู้สึกร้าวระบมทั้งตัวก่อนจะค่อยลืมตาขึ้น ยกมือขึ้นจับศีรษะบนรอยปูดบวมที่เพิ่มความปวดแปลบให้กับอาการร้อนรุ่มทั่วร่าง คงจะจับไข้อีกแล้ว...

ดวงตาโศกช้อนมองท้องฟ้าที่เริ่มแสดงความวิปริต สายฟ้าแลบแปลบปลาบมาพร้อมกับลมพายุบ้าคลั่ง ความมืดค่อยๆ คืบคลานเข้ามา เจ้าจันทร์ได้แต่ขดกายแทบฝั่งเข้ากับต้นไม้สายตาหันมองซ้ายขวาไม่รู้จะเริ่มต้นไปทางไหนดี ในเมื่อมองไปทางไหนก็มีแต่ต้นไม้

“พ่อ แม่ ฮือๆ ช่วยเจ้าด้วย...ฮือๆ” เมื่อยามอ่อนแอที่สุดจึงได้แต่ร่ำเรียกหาบิดามารดาที่เฝ้าคิดถึงไม่ต่างจากเด็กทารก น้ำตาเม็ดใสกลิ้งหล่นจากดวงตาโศกพร้อมกับเสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นปานจะขาดใจ มือมัจจุราชคู่นั้นไม่มีทาง...ไม่มีทางเลยที่เจ้าจันทร์จะสามารถหนีได้เพราะที่นี้คือนรกสถานที่ของพญามารตนนั้น

“คุณเจ้าจันทร์” เสียงเรียกชื่อทำให้ร่างที่กำลังร้องไห้สะดุ้ง เงยหน้าขึ้นมองสำรวจไปรอบกาย เมื่อมั่นใจแล้วว่าตนไม่ได้หูฟาดกับเสียงเรียกอีกเสียงทำให้รีบหยันกายลุกขึ้น ไม่คิดสิ่งใดอีกออกก้าววิ่งทันทีด้วยความเร็วเท่าที่ร่างกายอันชอกช้ำสามารถทำได้

“ไม่! จะยอมให้เจอตัวไม่ได้ แฮกๆ” เจ้าจันทร์พึมพำกับตัวเองขณะออกตัววิ่ง “โอ๊ย!” ก่อนจะร้องลั่นด้วยความตระหนกร่างกายสะดุดด้วยความซวยกลิ้งหลุนๆ ลงจากเนิน แต่คราวนี้ไม่รีรอสำรวจความบาดแผลที่เพิ่มขึ้นรีบลุกวิ่งหนีทันที

“เจ้าจันทร์ครับ”

นั่นมันเสียงโอภาส! เจ้าจันทร์ชะงักกายครู่หนึ่ง ก่อนจะคิดได้ว่ายังไงอีกฝ่ายก็เป็นลูกน้องของเขาต่อให้ใจดีด้วยถึงเวลาก็ต้องทำตามคำสั่งของเจ้านายอยู่ดี กายที่ชะงักหยุดจึงเริ่มสืบเท้าไปต่อข้างหน้า

ตุ้บ

กายเล็กซวนเซถอยหลังกลับมาก่อนจะล้มลงความรู้สึกคล้ายว่าวิ่งชนต้นไม้แน่แล้ว ในใจได้แต่ก่นด่าตัวเองมัวแต่วิ่งไม่มองทางถึงได้ชนต้นไม้เข้าให้ ซวยบัดซบแค่จะหนีจากเขาคนนั้นทำไมถึงได้ยากเย็นนัก

“หึ” เสียงทุ้มหัวเราะน่าขนลุกทำให้เจ้าจันทร์หน้าซีดเผือดค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมองด้วยความหวาดหวั่น ในใจร่ำร้องตะโกนบอกปลอบใจตนเองว่าไม่ใช่ ยังไงก็ไม่ใช่เขาแน่ “เล่นวิ่งไล่จับพอหรือยัง แต่ยังไงก็ต้องพอเพราะกูเหนื่อยแล้ว” น้ำเสียงเย้ยยันคุ้นหูเหน็บ ก่อนฝ่ามือแกร่งจะยื่นเข้ามากำรอบต้นแขนกระชากขึ้นไปเผชิญหน้าให้ขวัญหนีดีฝ่อ

“คะ..คุณ” เจ้าจันทร์รู้สึกมีก้อนบางอย่างมาจุกไว้ที่ลำคอเสียงที่เปล่งออกมาจึงดูดฝืดเคืองนัก ยิ่งเมื่อสบนัยน์ตาวาวโรจน์ของอีกฝ่ายยิ่งตระหนกหวาดกลัว

“ไม่คิดว่าจะยังมีแรงมาวิ่งเล่นได้...หรือว่ากูกระแทกไม่แรงพอ”

เพียะ!

คำถามหยาบคายเรียกฝ่ามือเล็กฟาดลงบนใบหน้า แต่นเรศกลับไม่สะทกสะท้านต่อแรงตบอ่อนแรงนั้น กลับยกยิ้มขึ้นอย่างพึงพอใจเมื่อเห็นอีกฝ่ายยืนโกรธหน้าแดงก่ำ ไม่สามารถทำอะไรเขาได้มากกว่านี้

“กูว่ากูต้องกระแทกมึงอีกถึงจะไม่กล้าหนีมาแบบนี้ เอาให้นอนหมดแรงเลยแล้วกันคราวนี้” ท้ายประโยคก้มลงกระซิบข้างหูเจ้าจันทร์แล้วดันร่างเล็กชิดกับต้นไม้บดขยี้รีมฝีปากช้ำดูดกลืนเสียงที่กำลังเปล่งออกมา รสจูบรุนแรงเต็มไปด้วยโทสะสร้างความหวาดกลัวจนได้แต่พยายามผลักอีกฝ่ายอย่างขลาดเขลา

“ปล่อยนะ! ไม่!” เจ้าจันทร์หันหน้าหนีดันอีกฝ่ายออกก่อนจะร้องลั่นด้วยความเจ็บกับฟันคมกัดลงเต็มแรงเหนือบ่า เขาแทบไม่เสียเวลาปลดกระดุมใช้แรงกระชากเสื้อขาดออกอย่างไม่ปราณี ใช้ฝ่ามือหนาหยาบกร้านลูบไล้ร่างกายขาวเนียนลื่นนุ่มมือที่ชักเริ่มจะติดใจ “ปล่อยผมไปเถอะนะ...ขอร้อง” เงยหน้าขึ้นสบมองอีกฝ่ายที่จับจ้องมองมาด้วยสายตาอ้อนวอนร้องขออย่างอับจนหนทาง

“กูปล่อยมึงแน่...” เจ้าจันทร์แย้มรอยยิ้มยินดีเมื่อได้ฟังคำตอบอีกฝ่าย ก่อนดวงหน้าจะซีดเผือดกับประโยคถัดมา “หลังจากที่กูย่ำยีทำลายมึงจนไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อ!”

“ปล่อยนะ!” เจ้าจันทร์ตะโกนลั่นจนเสียงแหบแห้งพร้อมอาการเจ็บลำคอเหลือประมาณ แต่ไม่อาจทำให้หลุดพ้นการลงทัณฑ์จากมัจจุราชตนนี้ได้เลย

ร่างเล็กพยายามดิ้นรนขัดขืนกระเสือกกระสนหนีจากอุ้งมือที่สัมผัสกายเนียนอย่างโหดร้ายทารุณ นเรศกดอีกฝ่ายควบคุมให้อยู่เพียงใต้อาณัติของเขา ใบหน้าซุกไซร้สูดกลิ่นกายหอมอ่อนๆ ตามซอกคอขาวเนียน ใช้ฟันคมขบเม้มสร้างรอยกระจายตามแรงอารมณ์ที่ถูกกระตุ้นให้ลุกโหมกระพือ ฝ่ามือหยาบกร้านลูบไล้ผิวเนียนลื่นมือจุดฉนวนอารมณ์ของอีกฝ่ายอย่างชำนาญ

แรงขัดขืนอ่อนแรงลงทุกทีพร้อมแผ่นอกเล็กของเจ้าจันทร์กระเพื่อมขึ้นลงตามอาการหอบหายใจ กายเล็กสะดุ้งทันใดเมื่อความสากจากฝ่ามือใหญ่บีบเค้นบั้นท้ายเปลือยเปล่า

“ช่วยด้วย!” เจ้าจันทร์ร้องตะโกนด้วยความหวาดผวาดวงหน้าพลันซีดเผือดแทบกลายเป็นสีกระดาษขาว ภาพความทรงจำที่ถูกกระทำรุนแรงก่อนหน้าวิ่งเข้ามาในหัวทำให้ร่างกายยิ่งสั่นเทาหวาดกลัว “อย่าทำแบบนี้...ฮือๆ” น้ำตาเม็ดโตร่วงหล่นจากดวงตาโศกเมื่อฝ่ามือหนากอบกุมส่วนอ่อนไหวแล้วรูดรั้งชักนำอารมณ์ความปรารถนา “....อ้า” เพียงไม่นานใบหน้าเล็กก็แหงนขึ้นท้องฟ้าเปล่งเสียงร้องพร้อมทั้งปลดปล่อยน้ำสีขาวขุ่นออกจากแก่นกายเล็กสีสวย

“ปากร้องปฏิเสธแต่ร่างกายกลับ...ร่าน” ยิ่งนเรศพ่นคำด่าหยาบคายใบหน้าหวานของเจ้าจันทร์ยิ่งบิดเบี้ยวด้วยอารมณ์ทั้งต้องการและเกลียดชังต่อร่างกายที่ทรยศของตัวเอง

“ไม่ใช่...ทุกอย่างเป็นเพราะคุณ...ฮือๆ เพราะคุณมันเลว!” เจ้าจันทร์ตะโกนร้องสุดเสียง ส่ายหน้าปฏิเสธข้อกล่าวหาของเขาอย่างบ้าคลั่ง สองกำปั้นรัวทุบลงบนอกหนาราวกับกำลังพยายามระบายความเจ็บปวดที่ได้รับกับแรงทุบตีชายหนุ่มที่น้อยนิด

“เออ กูมันเลว” เสียงเขากัดฟันกรอดยอมรับทั้งอารมณ์เต็มไปด้วยโทสะ “แต่กูยังเลวน้อยกว่ามึง” จบคำก็ใช้นิ้วรุกล้ำเข้าไปในช่องทางที่จับจีบเรียงตัวกันด้วยสีหวาน หากแต่ยามนี้มันกลายเป็นสีช้ำมีคราบเลือดติดด้วยการกระทำอันรุนแรงก่อนหน้าของเขา แต่นเรศยังคงดื้อดึงเบิกช่องทางอย่างลวกๆ ไม่สนใจเสียงร้องไห้เจ็บปวดเพียงเพื่อให้สามารถยัดเยียดความอลังการของบุรุษเพศของเขาให้อีกฝ่าย

“อ้า!!!...”

“อืม ดีกว่าผู้หญิงเพราะมึงยังฟิต” นเรศครางกระหึ่มอย่างพึงพอใจหลังจากนำแก่นกายขนาดยักษ์ของเขาแทรกเข้าช่องทางบอบช้ำจนมิด ไม่สนใจเสียงกรีดร้องเจ็บปวดที่ร่ำร้องนเรศขยับกายเข้าออกอย่างบ้าคลั่งตามแรงอารมณ์ความปรารถนาราวพายุอันเกรี้ยวกราด

ร่างกายเล็กสั่นคลอนไถลขึ้นลงตามแรงโถมกายเต็มแรงของอีกฝ่าย แขนเรียวราวหญิงสาวตวัดโอบรอบลำคอหนานิ้วทั้งสิบกางออกจิกลงบนแผ่นหลังเต็มไปด้วยมัดกล้ามเพื่อระบายความเจ็บปวดที่ได้รับ ราวกับไม่อยากยอมพ่ายแพ้หมดรูปแต่เพียงผู้เดียว เจ้าจันทร์เจ็บคนผู้นี้เองก็ต้องเจ็บ

“อ่ะ...” เสียงครางหวานหูหลุดรอดออกมาอย่างไร้เดียงสา พลันมือทั้งสองข้างถูกปล่อยออกจากแผ่นหลังแกร่งยกขึ้นปิดปากหยุดเสียงร้องอันน่าอาย

แต่มีหรือนเรศจะยอมในเมื่อเขาค่อนข้างพึงพอใจกับเสียงครางเร้าอารมณ์ที่อีกฝ่ายเปล่งให้ได้ยิน มันฟังดูไร้เดียงสากระตุ้นสัญชาติญาณพยัคฆ์ร้ายในตัวให้ตื่นขึ้นมาลิ้มรสแสนอร่อยของเหยื่อตัวน้อย ร้อยยิ้มถูกยกขึ้นเมื่อคิดว่าเขาได้ครอบครองร่างกายอันหอมหวานนี้จึงยิ่งส่งแรงถาโถมอย่างบ้าคลั่งให้ร่างใต้อาณัติเปล่งเสียงร้องครวญคราง

แรงส่งรุกล้ำถี่กระชันขึ้นเรื่อยๆ เพื่อบ่งบอกสัญญาณบางอย่างก่อนร่างกายใหญ่โตของนเรศจะเกร็งกระตุกปลดปล่อยสายธารสีขาวขุ่นฉีดเข้าใส่ช่องทางบอบช้ำ นเรศสูดหายใจลากยาวเพื่อปรับอัตราการเต้นของหัวใจ สายตาที่ไม่อาจบ่งบอกสิ่งใดมองดูใบหน้าหวานแดงก่ำมีเหงื่อพุดพรายที่หอบหายใจไม่แพ้กัน

พลันนเรศต้องชะงักกับความงามอันเย้ายวนจนต้องเผลอเสสายตาหลบ ทำไมเขาต้องเห็นว่าคนตรงหน้านั้นงดงาม ไม่...เขาไม่มีวันมอบความอ่อนโยนให้คนที่ทำร้ายน้องสาวของเขาแน่นอน นเรศกัดฟันกรอดก้มลงบดจูบพร้อมทั้งโถมกายขยับเข้าออกอีกครั้ง ครั้งแล้วครั้งเล่าไม่มีทีท่าว่าจะหยุด แม้ว่าร่างกายตอนนี้จะชุ่มโชกด้วยเหงื่อกาฬจากการขยับเข้าออกเต็มแรง

“ไม่ไหวแล้ว อ่ะ...พะ..พอเถอะ” เจ้าจันทร์ส่ายหน้าปฏิเสธพร้อมทั้งใช้ปลายฝ่ามือดันหน้าท้องแกร่งเมื่อไม่สามารถรับแรงอารมณ์อันโหดร้ายของเขาได้อีกต่อไป ความเจ็บปวดที่ได้รับราวกับต้องการฉีกร่างกายนี้ให้เป็นเสี่ยงๆ จู่ๆ ร่างกายก็เกิดอาการชาดิกแลนกระจายทั่วร่าง ภาพใบหน้าของเจ้าคนป่าเถื่อนที่ขยับเข้าออกด้านบนพร่าเลือน

วิ้ง....

เสียงบางอย่างวิ่งเข้ามาในโสตประสาทก่อนภาพทุกอย่างจะดับวูบพร้อมกับสติถูกกระชากให้หลุดลอยไป

“เฮ้ย!...” นเรศยกฝ่ามือขึ้นตบหน้าอีกฝ่ายเบาๆ เมื่อเห็นว่าร่างเล็กนั้นจู่ๆ ก็แน่นิ่งไป “เฮ้ย มึงยังไม่ตายใช่ไหม” หัวใจที่เคยนิ่งสงบพลันเกิดคลื่นกระเพื่อมไหว เขาเขย่าร่างเล็กนั้นเพื่อเรียกสติอีกฝ่ายอีกหลายครั้งแต่ยังคงไร้วี่แววปฏิกิริยาตอบรับ

ครืดดดด...

พายุที่บ้าคลั่งวิปริตราวกับต้องการกลั่นแกล้งผู้คนเทกระหน่ำลงสู่พื้นราวกับฟ้ารั่ว สาดเทลงให้ทุกที่ชุ่มช่ำเจิ่งนองด้วยแอ่งน้ำ นเรศหันมองซ้ายขวาด้วยอาการลังเลก่อนจะช้อนตัวอีกฝ่ายขึ้นพาดบ่ามุ่งหน้าไปยังสถานที่ซุกซ่อนภายในป่า เพียงเร่งฝีเท้าไม่นานปากทางเข้าที่ถูกสร้างจากธรรมชาติก็ปรากฏให้เห็น มันคือถ้ำขนาดเล็กที่พอมีพื้นที่ให้หลบฝนฟ้าได้

นเรศยกร่างเล็กออกจากบ่าวางลงบนพื้นซึ่งเต็มไปด้วยก้อนหิน ในตอนแรกเขาก็จะทำแค่เพียงทิ้งอีกฝ่ายไว้อย่างไม่ใส่ใจก็ได้ แต่แล้วเขากลับถอดเสื้อของตัวเองอวดผิวสีแทนที่เต็มไปด้วยมันกล้ามปูรองบนพื้นก่อนหันไปช้อนร่างกายเล็กมาวางไว้พร้อมทั้งจัดท่านอนให้อีกฝ่ายสบายตัวขึ้น ในใจเฝ้าบอกตัวเอง มันทำให้เขาพอใจเพราะฉะนั้นไม่ใช่เรื่องแปลกหากเขาจะถนอมนักโทษเอาไว้ทรมานเล่น

ร่างเล็กเปล่าเปลือยไร้สิ่งใดปกปิดเผยผิวกายเนียนละเอียดที่เต็มไปด้วยร่องรอยทารุณจากเขา เมื่อได้สังเกตอย่างถี่ถ้วนเช่นนี้ครั้งแรกพลันหัวใจเขาคล้ายมีมือปริศนายื่นเข้ามาบีบ แต่ยังคงมีสียงเล็กๆ ในใจที่ตะโกนค้านว่าสิ่งเหล่านี้สมควรแล้วที่อีกฝ่ายจะต้องได้รับ ดังนั้นเขาจึงรีบเบนสายตาออกไปมองด้านนอกแทน

สายฝนด้านนอกยังคงเทกระหน่ำลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตาโดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุดง่ายๆ นเรศทำได้เพียงยกเข่าชันขึ้นข้างหนึ่งนั่งเหม่อมองสายฝนแล้วจมดิ่งลงสู่ห้วงความคิดมากมายที่เริ่มตีกันยุ่งเหยิง



******************************
เกือบลืมมาอัพนิยายแน่ะ อ่านมังงะเพลินไปนิด เงยหน้าขึ้นมาอีกที อะอ้าวสามทุ่มแล้วหรอ รีบแวบมาแบบด่วนๆ เลย :katai4:
ขอบคุณนักอ่านทุกท่านทุกคอมเม้น ออเจ้าทั้งหลายอย่าลืมเม้มเป็นกำลังใจให้เจี๊ยะเยอะๆ กันด้วยนะจ๊ะ เจอกันพรุ่งนี้จ้า

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3494
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
อยากจะด่าความเลวและความสะเพร่าของนเรศว่าทำไมไม่ตรวจเช็คให้ดีก่อนว่าใครเป็นพ่อของเด็ก สงสารก็แต่เจ้าจันทร์ที่ต้องมาทนรับความแค้น ความสะใจของคนเลวๆ อยากให้คนพาเจ้าจันทร์หนีไปไกลๆจากนเรศซะ

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4825
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
ถ้าจันทร์เป็นอะไรไป นายตายยยยยยยยยยยยยย  :o211:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด