[Mpreg]มัจจุราชลงทัณฑ์รัก||​ตอนพิเศษสั้นๆ [END]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [Mpreg]มัจจุราชลงทัณฑ์รัก||​ตอนพิเศษสั้นๆ [END]  (อ่าน 89691 ครั้ง)

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4825
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
ครีมอาบน้ำยี่ห้ออะไร นเรศไปเหมาทั้งโกดังมาเลย อีกหลายเดือนกว่าจะคลอด  o18

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3494
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
สวัสดีปีใหม่ไทยค่ะ

ออฟไลน์ mooping-7

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2527
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +88/-5
เย่ๆๆๆเจ้าใจอ่อนแว้วววดีใจจัง

ออฟไลน์ weedear

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-4
ตอนนี้น่ารักๆๆๆ

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ KARMI

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-2

ออฟไลน์ เจี๊ยะบ่จ่าย

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 34
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
บทที่ 24 เกือบจะดี


“สวัสดีครับ” นเรศจ้องมองหน้าจอโทรศัพท์มือถือที่มีสายเข้าเป็นเบอร์ไม่ได้บันทึกชื่อด้วยความฉงน โทรศัพท์เครื่องนี้เป็นเครื่องส่วนตัวที่น้อยคนนักจะรู้เบอร์ แต่วันนี้กลับมีเบอร์ที่ไม่รู้จักโทรมา “นั่นใครพูดครับ” เขาขมวดคิ้วเมื่ออีกฝ่ายยังคงเงียบ

“นเรศคะ อยู่กับคนอื่นจนจำลิสาไม่ได้แล้วหรอคะ” เสียงจากปลายสายทำให้นเรศขมวดคิ้วมุ่น เขาจำได้ว่าหลังจากที่มีอะไรกันครั้งสุดท้ายเขาก็ตัดขาดจาดลิสา ไม่ยุ่งเกี่ยวไม่เรียกหาอีก ทั้งยังลบช่องทางการติดต่อทุกอย่าง แต่ทำไมเธอถึงรู้เบอร์ใหม่ของเขา

“ผมว่าเราคุยกันรู้เรื่องแล้วนะลิสา” เสียงทุ้มดุดันขึ้น

“แต่ลิสาไม่ยอมหรอกค่ะ คุณได้ลิสาแล้วคิดจะทิ้งลิสาไปเพราะมันท้องหรอคะ” เสียงปลายสายเริ่มมีโทสะ

“คุณรู้ได้ยังไง”

เสียงแกรกเหมือนของมีคมกรีดลงบางสิ่งก่อนที่ปลายสายจะตอบกลับมา “ลิสาไม่ได้โง่ค่ะ ถ้าคุณจะทิ้งลิสาไปเพื่อไปรับผิดชอบมัน...นเรศไม่ยุติธรรมเลย ลิสามาก่อน แล้วมันที่มาทีหลังทำไมถึงได้คุณไป นเรศ!” เธอตัดพ้อด้วยน้ำเสียงเจือแววสะอื้นก่อนท้ายประโยคจะเต็มไปด้วยความโกรธ

“มันไม่เกี่ยวกับว่ามาก่อนหรือมาทีหลังลิสา...”

“แล้วถ้าลิสาบอกว่าในท้องของลิสามีลูกของคุณเหมือนกันล่ะ” อีกฝ่ายสวนกลับมาทั้งที่เขายังเอ่ยไม่ทันจบประโยคด้วยซ้ำ

“คุณไม่ควรใช้วิธีนี้กับผมลิสา ทุกครั้งที่มีอะไรกันผมป้องกันตลอดคุณก็รู้” คำถามย้อนกลับของเขาทำให้อีกฝ่ายสะอึกจนเงียบไป

“แต่ทุกอย่างมันมีพลาดได้นี่คะ คุณแน่ใจหรอคะว่าการป้องกันมันป้องกันได้ทั้งหมด”

“แล้วคุณคิดว่าคุณนอนกับผมคนเดียวหรือไง!” คราวนี้นเรศสวนกลับไปคืนบ้าง เขารู้ดีว่าลิสาแม้ปากจะบอกว่ามีเขาเพียงคนเดียว แต่เมื่อเขาไม่อยู่ไม่เข้าหาเธอก็ไปกับผู้ชายไปมั่ว ถึงเธอจะปิดบังแต่เขาไม่ได้จาบอดหูหนวกที่จะไม่รู้อะไรเลย เสียงสะอื้นแผ่วๆ จากปลายสายทำให้เขาพยายามระงับอารมณ์โกรธ

“แต่หลังจากที่เจอคุณลิสานอนแค่กับคุณ”

“อย่ามาโกหกผมลิสา”

“ลิสาไม่ได้โกหก” ปลายสายตะโกนกลับมา “ลูกในท้องของลิสาคือลูกคุณ สี่เดือนเท่ากับลูกที่อยู่ในท้องมันและมันคือช่วงที่ลิสานอนกับคุณ นเรศคุณปฏิเสธลิสาแต่คุณกลับยอมรับมัน! ฮือๆ” เธอร้องคร่ำครวญ

“งั้นไปตรวจ” เขาบอกไปเพียงสั้นๆ

“ฮาๆ” เสียงหัวเราะของเธอเหมือนเสียสติเข้าไปทุกที “ลิสาไม่ตรวจเพราะลิสามั่นใจว่าเป็นลูกคุณ” น้ำเสียงมั่นใจตอบกลับมาเริ่มทำให้นเรศเริ่มหวั่น

“แต่ผมไม่มั่นใจว่าใช่ลูกผม”

“นเรศ!”

“ถ้าคุณมั่นใจว่าเขาคือลูกของผมเราควรจะไปตรวจที่โรงพยาบาลด้วยกัน นัดผมมาได้เลยลิสา” นเรศรวบรัดด้วยต้องการจบปัญหานี้ก่อนจะถึงหูเจ้าจันทร์ เขาไม่ต้องการให้เจ้าจันทร์คิดมากและมาเสียใจกับเรื่องไม่เป็นเรื่องแบบนี้ เพราะเขามั่นใจว่าในท้องลิสาไม่ใช่ลูกของเขา

“ได้ค่ะ แต่ต้องเป็นโรงพยาบาลที่ลิสาเลือก” อีกฝ่ายเงียบไปจนเขาคิดว่าจะตัดสายทิ้งเสียอีก แต่แล้วลิสาก็ตอบกลับมา

“ได้ เมื่อคุณพร้อมก็ส่งที่อยู่โรงพยาบาลมา” เมื่อตอบรับจบเขาก็กดตัดสายทิ้งทันที โทรศัพท์มือถือราคาแพงถูกโยนลงบนที่นอนอย่างไม่ไยดี นเรศยกมือขึ้นเสยผมด้วยความเครียด ไม่คิดว่าความสัมพันธ์ของเขากับลิสาจะนำปัญหามาให้แบบนี้ ทั้งที่ทุกอย่างกำลังไปได้ด้วยดี

ภายในห้องเงียบกริบนเรศนั่งครุ่นคิดจมลงกับตัวเอง ชายหนุ่มนั่งหน้าเคร่งอยู่ปลายเตียงจนสะดุ้งตื่นเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตู

ก๊อกๆ

“นเรศอยู่ข้างในหรือเปล่าลูก” เสียงมารดาเรียกทำให้นเรศหลุดจากภวังค์

“ครับแม่” เขาเดินไปเปิดประตู เพียงแค่เห็นใบหน้าผู้ให้กำเนิดนเรศก็สวมกอดทันที

“เป็นอะไรไป หืม” ท่าทางแปลกๆ ของลูกชายทำให้ท่านอดที่จะถามด้วยความเป็นห่วงไม่ได้ “เกิดอะไรขึ้น ปัญหามันหนักมากหรือลูกเล่าให้แม่ฟังหน่อย” น้อยครั้งที่คุณหญิงดาหลาจะได้เห็นท่าทางเคร่งเครียดแบบนี้ของลูกชาย ปัญหาของลูกชายท่านจะต้องหนักหนามากแน่ๆ

นเรศตัดสินใจประคองมารดาไปนั่งที่โซฟา “แม่จำลิสาได้ไหมครับ” ก่อนจะเกริ่นขึ้นมาเพื่อทบทวนความจำท่าน

“ลิสา...” ท่านลากเสียงยาวทวนชื่อตาม “แม่ลูกสาวคนงานที่แกมั่วอยู่พักหนึ่งใช่ไหม” ประโยคต่อมาท่านว่าอย่างไม่ชอบใจ ใบหน้าท่านเริ่มถมึงทึงจนนเรศยิ้มแหย

“คือว่า...”

“แม่ลิสาคนนั้นกำลังเป็นปัญหาสินะ” คุณหญิงดาหลาคาดเดาได้อย่างแม่นยำ

“ครับ” นเรศรับคำเสียงอ่อน

“ตานเรศ!” ผู้เป็นมารดาตะวาดลั่นด้วยใบหน้าบูดบึ้ง “ทำอะไรทำไมไม่รู้จักคิด ไม่เห็นใจน้องบ้างหะ” นิ้วเรียวจิ้มไปที่ศีรษะลูกชายด้วยความโมโหจนท่านอยากจะร้องหายาดม “เราน่ะมีคู่หมั้น...ไม่สิมีเมียแล้วต่างหาก กว่าจะตามง้อเมียเราได้ทำไมไม่นึกถึงความลำบากที่กว่าจะฝ่าฟันมา  ตานเรศนะตานเรศ โอ๊ย...แม่ปวดหัว” คราวนี้ท่านได้ร้องหายาดมจริงๆ เมื่อรู้สึกปวดขมับจนต้องยกมือขึ้นมากุม

“แม่ครับ แม่ฟังผมก่อน”

“แม่ไม่อยากฟังอะไรทั้งนั้น ถ้าน้องรู้เรื่องนี้ละก็...โถ่จะเป็นยังไงก็ไม่รู้”

“คุณแม่ครับคือจริงๆ แล้วเรื่องมันเป็นแบบนี้...” จากนั้นนเรศก็ดึงสติมารดาที่กำลังเป็นห่วงลูกสะใภ้ให้กลับมา แล้วเริ่มต้นเล่าเรื่องราวทั้งหมด ตั้งแต่ที่เขาเริ่มไปไหนมาไหนกับลิสา และข้อตกลงระหว่างเขากับลิสาจะเป็นเพียงแค่คู่นอน ไม่มีพันธะใดๆ ผูกพันกัน ต่างฝ่ายต่างจะมีใครก็ได้ ซึ่งลิสารับข้อตกลงนี้ทั้งหมดและความสัมพันธ์ของเขากับลิสาก็เริ่มต้นขึ้น จนกระทั่งเขารู้ความจริงว่าเจ้าจันทร์ไม่ได้ทำชลธารท้อง และได้พิสูจน์ความรู้สึกของตัวเองจนแน่ใจแล้วว่าเขาชอบ ไม่สิ เขารักเจ้าจันทร์ จึงได้ทำทุกอย่างให้จบลงด้วยการไปพูดคุยตกลงกับลิสาเพื่อจบความสัมพันธ์แบบคู่นอนนี้ซะ ลิสาเองก็ได้เรียกร้องค่าเสียเวลาเป็นก้อนหนึ่งแล้วเขาก็ยอมจ่ายเพื่อจบปัญหานี้ แต่ไม่คิดว่าเธอจะกลับมาอีกครั้งพร้อมปัญหาที่หนักอกมากกว่าเดิม

“ลิสาบอกจะเลือกโรงพยาบาลเองใช่ไหม” ณัฐธัญที่เข้ามาร่วมฟังปัญหาด้วยเอ่ยถามด้วยสีหน้าครุ่นคิด เขารู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ชอบมาพากล

“อืม”

“ฉันว่ามันแปลกๆ วะ” ใช่นเรศเองก็คิดว่ามันแปลกอย่างที่ณัฐธัญคิด “แกจะว่าอะไรไหมถ้าฉันจะบอกให้ส่งคนตามดูลิสา”

“แม่ว่า...แม่เห็นด้วยนะ” คุณหญิงดาหลาออกความเห็น

“มารยาของผู้หญิงมีมากกว่าร้อยเล่มเกวียน ชลไม่ได้ว่าฟังความข้างเดียวนะคะ แต่จากที่นเรศบอกชลคิดว่ายัยลิสาคนนี้ เหมือนกำลังหาทางดึงพี่นเรศให้กลับไปอยู่กับเธอ” ชลธารขมวดคิ้วนึกว่าเธอเคยเจอแม่ลิสาคนนี้บ้างหรือเปล่า เห็นว่าเป็นลูกสาวคนงานในเกาะ แบบนี้เธอจะต้องโทรไปถามป้าสุดาเสียหน่อยแล้ว

“อย่างที่น้องพูด แล้วนเรศก็ควรบอกเจ้าจันทร์เล่าความจริงให้ฟังทุกอย่าง ดีกว่าปล่อยให้น้องมารู้เองทีหลัง แบบนั้นจะทำให้เกิดปัญหามากกว่า เอาล่ะปัญหาเรื่องแม่ลิสานั่นแม่จะจัดการเอง บอกหล่อนโทรมาหาแม่มาคุยกับผู้ใหญ่ หรือจะให้แม่ไปโรงพยาบาลพร้อมตานเรศก็ได้ บอกหล่อนเลือกมาได้เลยแม่พร้อม” คุณหญิงดาหลากล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่นเหมือนพร้อมจะออกรบทุกเมื่อ

“ขอบคุณครับแม่ ผมจะรับจัดการปัญหานี้ให้เร็วที่สุด”





เครง!

นเรศสะดุ้งเมื่อช้อนที่กินข้าวอยู่ถูกวางลงอย่างกะทันหัน ใบหน้าหวานก้มลงไม่ยอมเงยขึ้นมาสบตา หมัดเล็กกำแน่นจนขึ้นข้อขาว นเรศแอบกลืนน้ำลายด้วยความยากลำบาก

ครืน...

เสียงเคลื่อนเก้าอี้พร้อมกับเจ้าจันทร์ลุกขึ้น จู่ๆ หัวใจก็บีบรัดแน่นจนแทบหายใจไม่ออก ใช่เจ้าจันทร์โมโหหลังจากที่นเรศมาสารภาพ ทำให้ในหัวตอนนี้ของเจ้าจันทร์ขาวโพลนไปหมด แม้กระทั่งร่างกายยังรู้สึกชาราวกับร่างกายนี้ไม่ใช่ของตัวเอง ทั้งที่คิดว่าผู้ชายคนนี้จะปรับตัว หรือเพราะเจ้าจันทร์คิดไปเองว่านเรศรักถึงได้ยอมเปิดใจ เจ็บนี้เพราะตัวเองทั้งนั้นจะโทษก็ต้องโทษที่ตัวเอง

แหมะ

“เจ้า”

“ไม่...ไม่เป็นไร เจ้าไม่รู้สึกอะไรเลย ฮึก” มือเล็กยกขึ้นเช็ดน้ำตาแต่ยิ่งเช็ดก็เหมือนจะยิ่งไหลลงมามากกว่าเดิม

“เจ้าฟังพี่ก่อน” นเรศรีบเข้าประชิดร่างเล็กขณะพยายามใช้มือเช็ดน้ำตาให้คนในอ้อมแขน แม้ว่าเจ้าตัวจะพยายามหลบสักแค่ไหนก็ตาม

“เจ้าเป็นผู้ชายเจ้าเข้าใจ คุณจะไปหาเขาก็ได้...แค่ลูกคนเดียวเจ้าดูแลเอง” ทำไมถึงรู้สึกเจ็บขนาดนี้ เจ้าจันทร์พยายามดันอกแกร่งที่พยายามเข้ามาหาให้ออกห่าง “เรื่องถอนหมั้นเจ้าจะบอกกับแม่เอง ของหมั้นทุกอย่างก็ยังอยู่ครบเจ้าจะคืนให้ทั้ง...”

“ไม่! จะไม่มีการถอนหมั้นอะไรทั้งนั้น” นเรศสวนกลับแล้วยิ่งกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น “ปัญหาทั้งหมดมันเกิดขึ้นเพราะพี่ พี่จะจัดการเองเจ้าไม่ต้องห่วง” เพียงแค่ได้ยินว่าจะต้องถอนหมั้นหัวใจนเรศก็เหมือนจะหยุดเต้น เขาไม่ยอม ไม่มีทางที่จะให้ความสัมพันธ์กับเจ้าจันทร์จบลงเพียงเท่านี้

“แต่เจ้าไม่อยากกลายเป็นผู้ชายที่ทำลายครอบครัวคนอื่น ไม่อยากกลายเป็นผู้ชายที่แย่งสามีคนอื่นมา เจ้าไม่อยากโดนคนอื่นมองว่าเป็นผู้ชายแพศยา! ฮือๆ” เสียงตะโกนเหมือนจะขาดใจพร้อมแรงดิ้นทำให้นเรศกอดร่างบางแน่น

“เกิดอะไรขึ้น” คุณชญตว์ได้ยินเสียงร้องของลูกชายก็วิ่งเข้ามาดู ใบหน้าท่านมืดครึ้มเหมือนพายุกำลังตั้งเค้า เมื่อเห็นลูกชายร้องปริ่มจะขาดใจ “แก...” ขณะที่กำลังจะวิ่งเข้าไปท่านก็ถูกภรรยาดึงตัวเอาไว้ซะก่อน คุณพิมลรัตน์ที่ได้ฟังเรื่องราวจากคุณหญิงดาหลามาก่อนส่ายหน้าเป็นเชิงห้าม

“ให้ลูกๆ คุยกันเองดีกว่า แม่เชื่อว่าทั้งคู่จะสามารถก้าวข้ามอุปสรรคไปด้วยกันได้”

“แต่มันทำลูกเราร้องไห้” คุณชญตว์เองก็เอ่ยอย่างไม่ยอมแพ้ ลูกชายเพียงคนเดียวท่านรักของท่านนักหนาๆ จู่ๆ ไอ้ผู้ชายเฮงซวยมันก็กลับมาทำร้ายแก้วตาดวงใจท่าน ครั้งนี้อย่าหวังเลยว่ามันจะรอด ถ้าจะต้องฆ่าท่านก็จะทำอย่างไม่ลังเลเลย

“ครอบครัวก็มีบ้างที่ต้องทะเลาะกัน แต่เราก็ควรที่จะปล่อยให้ลูกๆ พูดคุยกัน ถ้าเรื่องราวมันหนักหนาสาหัสจริงๆ เราค่อยไปช่วยก็ยังไม่สายนะคะคุณ” คุณพิมลรัตน์พยายามใช้มือลูบแขนสามีเพื่อให้อารมณ์เย็นลง

“คุณพูดเหมือนรู้ปัญหา”

“ใช่ค่ะฉันรู้”

“งั้นเล่าให้ผมฟังทั้งหมด”



ดวงตาโศกยังคงมีน้ำตาซึมจากหางตา จมูกโด่งรั้นแดงก่ำจากการร้องไห้ ใบหน้าหวานซีดเซียวหลังจากที่ต้องวิ่งเข้าไปอาเจียนมากว่าสามรอบ คงเพราะได้รับความเครียดอาการแพ้ท้องจึงหนักขึ้น นเรศทอดสายตามองดูคนที่เพิ่งหลับไปเพราะฤทธิ์ยาด้วยความปวดใจ เขานำปัญหามาให้เจ้าจันทร์จึงทำให้กลายเป็นแบบนี้

ก๊อกๆ

เสียงเคาะประตูทำให้นเรศรีบเช็ดน้ำตาลวกๆ ก่อนรีบเดินไปเปิด

“แม่ทำน้ำส้มคั้นมาให้...น้องหลับแล้วหรอลูก” คุณพิมลรัตน์ถามด้วยความเป็นห่วงเมื่อเห็นสภาพของชายหนุ่ม

“ครับ” เขาตอบรับเสียงแผ่วพร้อมจะหมดแรงทุกเมื่อ

“คนท้องมักอารมณ์อ่อนไหวง่ายกว่าตอนปกติ นเรศก็พยายามค่อยๆ อธิบายให้น้องฟัง แม่เชื่อว่าน้องไม่ไร้เหตุผลแน่นอน” ท่านแนะนำอย่างผู้มีประสบการณ์มามากกว่า

“ขอบคุณครับแม่” เขาไหว้ขอบคุณจากใจจริง

คุณพิมลรัตน์รับไหว้องลูกเขยด้วยรอยยิ้มก่อนจะวางฝ่ามือลงบนไหล่หนานั้นเบาๆ แล้วเดินออกมา

“อุ๊!” เสียงอึกอักทำให้นเรศรีบเข้าไปอุ้มเจ้าจันทร์ตรงเข้าไปยังห้องน้ำ “อ๊อก...อ้วกกกกก” คนตัวเล็กกว่าโก่งคออาเจียนจนตัวงอ นเรศทำได้เพียงคอยลูบหลังให้เท่านั้น

เมื่อเห็นว่าเจ้าจันทร์อาเจียนจนหมดแรงแล้ว นเรศก็หยิบชุดใหม่มาเปลี่ยนให้เจ้าจันทร์แทนชุดเดิมที่เลอะเทอะไปหมด มือแกร่งหยิบผ้าเย็นเช็ดตามใบหน้าหวานจนอีกคนปรือตาขึ้นมา

“น้ำส้มหน่อยไหมเผื่อดีขึ้น แต่พี่ว่าเรียกอาหมอมาดีกว่าไหมอาการเจ้าไม่ดีเลย” เขารัวคำถามใส่ด้วยความร้อนรน

“อืม” น้ำเสียงแหบตอบรับสั้นๆ แค่นี้เขาก็ดีใจมากแล้ว

นเรศรีบประคองร่างเล็กขึ้นมาจิบน้ำส้มคั้น เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายพอแล้วก็ประคองนอนลงอย่างนุ่มนวล นเรศหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาติดต่อหาอาหมอทันที เมื่อได้รับคำตอบแล้วก็วางสายแล้วหันกลับมาสนใจดวงตาโศกที่กำลังจ้องเขาอยู่

“เจ้า...”

“ไม่...เจ้าไม่อยากฟังคำแก้ตัวอะไรทั้งนั้น ถ้าจะไปก็รีบไปแล้วอย่ามายุ่งกับเจ้าอีก” เจ้าจันทร์สะบัดหน้าตะแคงข้างให้อีกฝ่ายทันที น้ำตาที่เหือดแห้งไปกลับมาไหลอีกครั้ง

“เจ้าอย่าเพิ่งโกรธพี่ได้ไหม ฟังพี่เล่าเรื่องให้จบก่อน” นเรศตัดสินใจคร่อมลงบนร่างเล็ก

“คุณจะบอกว่าเจ้าไม่ยอมฟังอะไร” ร่างที่นอนตะแคงข้างให้พลิกกลับมาเผชิญหน้าพร้อมใบหน้าถมึงทึง ดวงตาโศกออกแววดุเหมือนแม่เสือร้ายจนนเรศชักหวั่นใจ

“ไม่ใช่”

“ไม่ใช่” เจ้าจันทร์ทวนคำสียงสูง “หรือว่าเจ้าเข้าใจผิด...เอ๊ะ!” จบประโยคก็ต้องหลุดอุทานเมื่อริมฝีปากหยักฉกลงมาบนริมฝีปากนุ่มก่อนผละออกไปอย่างรวดเร็ว

“ทีอย่างนี้แล้วไล่ต้อนพี่ ก่อนหน้าทำไมไม่เห็นทำแบบนั้นบ้างฮึ” นเรศยื่นใบหน้าแทบชิดดวงหน้าหวานพลางทำน้ำเสียงน้อยอกน้อยใจ “โอ๊ย! ตีพี่ทำไมเนี้ย” นเรศร้องลั่นเมื่อฝ่ามือเล็กฟาดลงที่ปาก

“ยังคุยกันไม่จบใครใช้ให้มาลวนลาม” เจ้าจันทร์หน้าหง่ำจนดูน่ารักไปอีกแบบในสายตาคนมอง

“พี่ลวนลามที่ไหน นี่เมียพี่แก้มนี้ก็ของพี่ ปากนี่ก็ของพี่” พูดไปเขาก็ก้มลงประทับริมฝีปากตามจุดที่บอก

เพียะ!

“โอ๊ย! ตีพี่อีกแล้ว” นเรศโอดครวญได้ดูน่าถีบสำหรับเจ้าจันทร์นัก

“อย่ามาเปลี่ยนเรื่อง ถ้าจะคุยก็รีบคุยมา” สองแขนเรียวยกขึ้นกอดอก ดวงตากลมโตมีแววดุของคนใต้ร่างจ้องเขม็งมา

นเรศพลิกตัวลงมานอนข้างๆ แล้วดึงร่างเล็กเข้ามากอด เจ้าจันทร์ดิ้นขัดขืนแต่สุดท้ายก็นิ่งไปปล่อยให้เขาลูบผมอย่างเพลินมือ

“ลิสาเจ้าเคยเห็นมาแล้วที่เกาะ...”

“อ้อ...ผู้หญิงคนนั้น” ภาพของผู้หญิงในชุดแม็กซี่เดรสลายดอกสีฟ้าสดใส สวมหมวกปีกกว้างสีน้ำตาลอ่อนแวบเข้ามาในหัว “เจ้าจำได้ว่าเธอนอนกับคุณ”

“...อะแฮ่ม” คำตอบทำให้รู้สึกสะอึกจนต้องกระแอมแก้ขัด “พี่เคยนอนกับเธอช่วงหนึ่ง แต่พี่กับลิสาไม่ได้คบกันพวกเราก็เหมือนคู่นอนเท่านั้น...” จากนั้นเขาก็เริ่มเล่าเรื่องราวทุกอย่างจนมาถึงปัจจุบันที่มันกำลังสร้างปัญหาให้เขากับเจ้าจันทร์ในขณะนี้

“สมน้ำหน้า กรรมคงตามสนองแล้ว” เมื่อฟังเรื่องราวจบเจ้าจันทร์ก็ตอกย้ำทันที

“โอ๊ย! เจ็บยิ่งกว่าโดนตีนะเนี้ย” นเรศทำท่าโอดครวญ “จะไม่ให้กำลังใจพี่หน่อยหรอ” เมื่อเห็นว่าท่าโอดครวญไม่ได้ช่วยเรียกร้องความเห็นใจ แต่คงใช้เรียกฝ่ามือให้ฟาดลงมาอีกทีจึงรีบหยุด แล้วหันไปออดอ้อนขอคะแนนความสงสารแทน

ริมฝีปากสีระเรื่อเม้มแน่นจนแทบเป็นเส้นตรง “คุณ” น้ำเสียงเรียกชายหนุ่มเต็มไปด้วยความเครียด “ถ้าเกิดว่าลูกในท้องคุณลิสาเป็นลูกของคุณจริงๆ ละ” ดวงตาลมโตช้อนขึ้นมามองอย่างรอคอย

นเรศจรดริมฝีปากลงบนหน้าผากเนียนแล้วผละออก “พี่เชื่อว่าเด็กในท้องลิสาไม่ใช่ลูกพี่”

“แล้วถ้าเป็นล่ะ”

“ถ้าเขาเป็นลูกพี่จริงๆ พี่ก็แค่อยากถามว่าเจ้าจะยอมรับเขาเป็นลูกของเราอีกคนไหม” คำถามนี้สร้างความเงียบขึ้นทั่วทั้งห้อง

“แล้วคุณลิสาจะยอมยกลูกให้คุณหรอ”

“พี่ก็จะไม่ยอมยกลูกให้ลิสาเหมือนกัน ถึงเวลานั้นคงต้องไปต่อสู้กันที่ศาล และพี่คิดว่าพี่ชนะเพราะพี่พร้อมมากกว่าลิสา” เขาตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่นมั่นคง ราวกับต้องการให้ความเชื่อมั่นกับร่างในอ้อมแขนว่าไม่มีปัญหาไหนจะมาแยกเขากับคนคนนี้ออกจากกันได้

“เจ้ารู้สึกสงสารลิสา” เจ้าจันทร์พึมพำเสียงแผ่วทำให้นเรศเชยใบหน้าหวานขึ้นมา

  ดวงตาคมสบลงมองราวกับจะค้นหา “ถึงแม้ว่าคนอื่นจะมองว่าพี่เป็นผู้ชายใจร้าย แต่ขอให้เจ้ารู้เอาไว้ว่าพี่จะทำทุกอย่างขอเพียงให้เจ้าและลูกอยู่กับพี่ แม้ว่าพี่จะต้องกลายเป็นผู้ชายที่เห็นแก่ตัวก็ตาม” จบประโยคก็ประทับริมฝีปากหนักหน่วงลงบนริมฝีปากนุ่ม



************************
คุคุ มีคนแอบเดาถูกด้วย
ขอบคุณนักอ่านทุกท่านทุกคอมเม้นนะคะ

ออฟไลน์ weedear

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-4

ออฟไลน์ KARMI

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-2

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
ลิสา ต้องติดสินบนคนในโรงบาลนั้นแน่นอน ฟันธง

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3494
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
ลิสาต้องยัดเงินใต้โต๊ะปลอมผลตรวจแน่ๆ

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4825
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
ถ้าท้องหลอก ๆ หรือเป็นลูกของคนอื่นมาสวมรอย เตรียมตัวไว้ให้ดี ๆ นะ  :z6:

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ boboman

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-2
ตามอ่านจนทันแล้วว เหมือนเคยอ่านเรื่องนี้ก่อนที่จะลงใหม่
ขอให้ไม่ใช่ลูกนเรศ เพี้ยง!
รอตอนหน้าค่ะ

ออฟไลน์ Readyaoi

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 212
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
เชื่อว่าไม่ใช่ลูกนเรศแน่นอน น้าา
ยังหวังว่ลูกเจ้าจะเป็นผช. งื้ออออ

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4198
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
 :mew2: มานั่งรอลุ้นผลตรวจเป็นเพื่อนเจ้าจันทร์  ลุ้นๆๆๆ :katai1: :katai1: :call:

ออฟไลน์ เจี๊ยะบ่จ่าย

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 34
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
บทที่ 25 เรียกอีกสิครับ

นเรศยืนรอปลายสายตอบรับอยู่เกือบนาทีถึงได้ยินเสียงทักทายกลับมา “ลิสาเราตกลงกันแล้วไม่ใช่หรอว่าจะไปตรวจที่โรงพยาบาล แล้วทำไมคุณไม่มา” เขาไม่รอช้าตรงเข้าประเด็นทันที

“เราตกลงกันว่าจะไปแค่สองคน แต่คุณทำผิดนเรศ คุณพาคุณหญิงท่านและคนอื่นๆ มาด้วยทำไม” เธอตวาดกลับมาด้วยความเกรี้ยวกราด

“ผมจำไม่เห็นได้ว่าเราตกลงที่จะไปแค่สองคน แล้วการที่จะไปตรวจว่าเด็กในท้องคุณเป็นลูกผมหรือเปล่า ทำไมผมจะพาแม่ไปด้วยไม่ได้” นเรศชักเริ่มทนไม่ไหวตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงดุดันไม่แพ้กัน

“ขอโทษค่ะนเรศ” อีกฝ่ายว่าเสียงสะอื้น “แต่เด็กในท้องเป็นลูกของคุณจริงๆ”

“ผมจะยอมรับเขาก็ต่อเมื่อผลตรวจออกมาว่าเขาเป็นลูกของผมเท่านั้น และที่วันนี้คุณเลี่ยงไม่ไปโรงพยาบาลหรือว่าแท้จริงแล้วคุณกลัว...กลัวว่าผลตรวจออกมาว่าเขาไม่ใช่ลูกผม”

“เขาเป็นลูกคุณค่ะนเรศ แต่ที่วันนี้ลิสาไม่ไปตามนัดก็เพราะ...เพราะว่าแพ้ท้องจนลุกไม่ไหวค่ะ”

ชลธารที่นั่งฟังอยู่พูดออกมาโดยไม่มีเสียง ‘ตอแหล’

“ลิสาผมไม่มีเวลามาเล่นเกมบ้าๆ นี้กับคุณ”

“นี่ไม่ใช่เกมค่ะนเรศ”

“ถ้างั้นครั้งนี้ผมจะเป็นฝ่ายนัดคุณเอง ผมจะส่งลูกน้องไปรับคุณ”

“แล้วถ้าลิสาแพ้ท้องจนลุกไม่ไหวล่ะคะ”

“พอดีเลย ผมคิดว่าคุณควรไปโรงพยาบาลเพื่อตรวจสุขภาพและเด็กในท้อง” เขารีบตัดสายก่อนที่จะมีเสียงกรีดร้องแสบหูหลุดออกมาให้ทุกคนได้ยิน นเรศเงยหน้ามองทุกคนที่นั่งฟังการพูดคุยของเขาผ่านการเปิดลำโพง โดยเฉพาะเจ้าจันทร์ที่เขาเป็นห่วงมากที่สุด

“แม่นี่ดูท่าจะดื้อด้านน่าดู” คุณหญิงดาหลาขมวดคิ้วแน่น

“ต้องบอกว่าหน้าด้านน่าจะเหมาะกว่าค่ะคุณแม่” ชลธารแก้

“แล้วจะเอายังไงต่อไป” คุณชญตว์เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ

“ผมจะส่งคนไปรับลิสาพรุ่งนี้ แล้วเราจะไปพบเธอที่โรงพยาบาลครับ” นเรศบอก

“ดี ฉันหวังว่าทุกอย่ามันจะจบลงด้วยดี และผลตรวจจะออกมาตามที่แกหวัง” คุณชญตว์กล่าวจบก็เดินออกไป ทิ้งสีหน้าครุ่นคิดของทุกคนไว้เบื้องหลัง

“...” ณัฐธัญตบไหล่ให้กำลังใจนเรศ “ตอนนี้เมียฉันกำลังวางแผนอะไรสักอย่างอยู่ ไม่ต้องห่วงหรอก” สุดท้ายก็อดไม่ไหวที่จะก้มลงกระซิบบอก ก่อนจะเดินจากไปพร้อมชลธาร

“เจ้าไปกินไอติมมะพร้าวอ่อนกันไหม” เมื่อทุกคนทยอยเดินออกไปหมดแล้วนเรศก็เดินเข้าไปนั่งยองๆ ตรงหน้าเมียตัวเอง

“เจ้าไม่ใช่เด็กนะที่จะได้เอาไอติมมาล่อ” ใบหน้าหวานมู่ทู่ทันควัน ทำให้คนมองดูอดไม่ได้ที่จะยื่นมือออกไปดึงแก้มนุ่มเบาๆ “คุณ...ไหวหรือเปล่า” คำถามที่เหมือนกับพึมพำอยู่กับตัวเองแต่ชัดเจนสำหรับคนฟัง

นเรศประคองมือนุ่มขึ้นมาแล้วจรดริมฝีปากสัมผัสฝ่ามือเล็ก เจ้าจันทร์รู้สึกอุ่นวาบทั่วทั้งร่าง “ขอแค่มีเจ้าจันทร์และลูก...” มือหนายืนออกไปสัมผัสหน้าท้องนูนเล็กน้อยด้วยความอ่อนโยน “ต่อให้ต้องบุกน้ำลุยไฟอุปสรรคมากมายเท่าไหร่พี่ก็ทนได้” นเรศเงยหน้าขึ้นดวงตาแสดงถึงความหนักแน่นเต็มเปี่ยมเพื่อสื่อให้ถึงอีกคน

“พี่นเรศ”

“...” ดวงตาขอนเรศฉายแววตกตะลึง ก่อนจะค่อยๆ ยกมุมปากขึ้นกลายเป็นรอยยิ้มกว้างในที่สุด “เรียกอีกทีได้ไหมครับ” เขาร้องขอด้วยน้ำเสียงออดอ้อน

เจ้าจันทร์เม้มปากสะกดกั้นความเขินอายก่อนจะเรียกความกล้าเปล่งเสียงออกไป “พี่นเรศ”

“เรียกอีกสิครับ” นเรศขยับใกล้เข้ามาอีก

“พี่นเรศ”

“เรียกอีกทีได้ไหมครับ”

“พี่นเรศๆ ๆ ๆ ๆ พอใจหรือยังคะ...อื้อ” เจ้าจันทร์เรียกอีกฝ่ายย้ำๆ ตามความต้องการ ก่อนจะถูกริมฝีปากหยักทาบทับสัมผัสลงมา ทั้งอ่อนโยน เรียกร้อง จนหวานละมุนไปหมด

นเรศตระกองกอดร่างที่อ่อนปวกเปียกบนโซฟาก่อนละริมฝีปากออกมาคลอเคลียไม่ห่าง “พอใจที่สุดครับ เจ้าเรียกพี่แบบนี้ตลอดไปนะ”

“ครับ” คำตอบรับสั้นส่งผลให้อีกคนยิ้มกว้างก่อนจะมอบสัมผัสหวานละมุนให้แก่กันและกัน

“แบบนี้พี่จะให้รางวัล ไปกินไอติมกันเถอะ” จบประโยคนเรศก็หัวเราะร่ากับใบหน้าหวานที่กลับมามู่ทู่อีกครั้ง “ไม่อยากกินหรอครับ” เขาแกล้งแหย่ทั้งๆ ที่รู้ดีว่าเมียตัวเองชอบแค่ไหนตั้งแต่ตั้งท้อง หรือจะบอกว่าเป็นเจ้าตัวเล็กในท้องดีที่ชอบ

“อยากกินสิ” เจ้าจันทร์รีบสวนกลับก่อนจะยกมือขึ้นยื่นไปตรงหน้าอีกฝ่าย

นเรศยิ้มกว้างจับมือเล็กที่ส่งมาให้แล้วค่อยๆ ประคองร่างอวบลุกขึ้น





ภายในห้องคับแคบมืดสลัวด้วยเฟอร์นิเจอร์โทนสีทึบ บนโซฟาสีน้ำตาลปรากฏร่างสูงของชายผิวแทน บนใบหน้าคมสันนั้นมีแผลเป็นที่หางคิ้วซ้าย ยิ่งช่วยเสริมให้เขาดูน่าเกรงกลัวขึ้นไปอีก ท่านั่งโน้มมาด้านหน้าเล็กน้อยพร้อมกับมือที่ประสานกันอยู่ใต้คาง ดวงตาคมกริบจ้องเขม็งไปยังร่างตรงหน้า เพียงเท่านี้อีกฝ่ายก็ขาอ่อนยวบทรุดลงกองกับพื้นด้วยความกลัว

“ลิสา...” เสียงทุ้มเอ่ยเนิบนาบแต่สะกดคนฟังอย่างลิสาให้ขนลุกซู่ “ครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายที่ผมจะให้โอกาสคุณ” ชายหนุ่มยังคงกล่าวด้วยความใจเย็น

“แต่...แต่นเรศเขาไม่โง่ค่ะ” ลิสาตอบเสียงสั่นเครือก้มหน้างุดไม่กล้าสบดวงตาคมกริบ

“ถ้าอย่างนั้นคนในบ้านของคุณ...ผมคงต้องขอ” น้ำเสียงราบเรียบของเขาแปรเปลี่ยนเป็นมีดค่อยๆ กรีดลงบนหัวใจคนฟังจนอยากจะกรีดร้อง ชายหนุ่มลุกขึ้นสืบเท้าไปยังหญิงสาวก่อนจะเชยคางมนให้ขึ้นมาสบตา “ลิสาผมให้คุณเลือกระหว่างผมกับมัน” เขามอบทางเลือกให้

“ลิ...ลิสาเลือกคุณค่ะ” เธอตอบแล้วก็ปล่อยโฮลั่น ทางหนึ่งก็คือชายหนุ่มที่เธอรัก อีกทางเขาก็มีชีวิตคนในครอบครัวของเธอเป็นประกัน มันเป็นทางเลือกที่ไม่ว่าเลือกทางไหนเธอก็ต้องสูญเสีย เขาช่างเป็นคนที่โหดร้าย

“ดีมากแล้วผมจะให้รางวัลคุณ” เมื่อได้รับคำตอบที่พึงพอใจมุมปากก็ยกยิ้ม ก่อนจะก้มลงกระซิบข้างหูหญิงสาว

เมื่อรับปากแล้วลิสาก็ต้องทำตาม กุเรื่องตั้งท้องขึ้นมาเพื่อที่จะให้นเรศมาพบกับเธอให้ได้ แต่เธอกลับได้รับข่าวจากชายคนนั้น มันคือข่าวที่ทำให้เธอยื่นข้อตกลงเพื่อให้พวกเขาฆ่าใครอีกคนแทน เจ้าจันทร์! ไอ้เด็กคนนั้นที่ครั้งหนึ่งนเรศเคยพามาที่เกาะ ก่อนที่นเรศจะตัดความสัมพันธ์กับเธอและตอนนี้มันกำลังท้อง ไอ้ผู้ชายวิปริตผิดเพศ

“สวัสดีครับ...นั่นใครพูดครับ” ทันทีที่เธอกดโทรออกรอเพียงไม่นานปลายสายก็กรอกเสียงตอบกลับมา

ลิสาเม้มปากแน่นที่อีกฝ่ายทำเหมือนไม่รู้จักกัน “นเรศคะ อยู่กับคนอื่นจนจำลิสาไม่ได้แล้วหรอคะ” เธอส่งรอยยิ้มหยันกับตัวเอง

“ผมว่าเราคุยกันรู้เรื่องแล้วนะลิสา” เสียงทุ้มดุดันขึ้น

“แต่ลิสาไม่ยอมหรอกค่ะ คุณได้ลิสาแล้วคิดจะทิ้งลิสาไปเพราะมันท้องหรอคะ” ลิสาอยากจะอาละวาดทันทีที่อีกฝ่ายตอบปฏิเสธทันควัน ทั้งที่เธออาจจะโทรมาถามข่าวคราวก็ได้ แต่นเรศคงคิดที่จะตัดความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเขาให้หมดสิ้นเยื่อใย...เพื่อใครอีกคน แล้วทำไมเธอจะต้องยอมในเมื่อเธอมาก่อน เธอได้ครอบครองเขาก่อน เป็นมัน...เป็นมันที่ไม่มีสิทธิ์อะไรเลย มันก็แค่ผู้ชายที่ยอมพลีกายให้นเรศเชยชมก็เท่านั้น

“คุณรู้ได้ยังไง” น้ำเสียงฝ่ายตรงข้ามฟังดูก็รู้ได้ทันทีว่าคงตกใจไม่น้อยที่เธอรู้ความลับของไอ้เด็กนั่น

ดวงตาหวานวาวโรจน์ขึ้นมาเมื่อเธอมองเห็นรูปไอ้เด็กนั่นบนโต๊ะข้างซองเอกสาร ลิสาหยิบคัตเตอร์แล้วกรีดบนใบหน้าด้วยความโกรธ ก่อนจะค่อยๆ เค้นน้ำเสียงตอบกลับไป “ลิสาไม่ได้โง่ค่ะ ถ้าคุณจะทิ้งลิสาไปเพื่อไปปรับผิดชอบมัน...นเรศไม่ยุติธรรมเลย ลิสามาก่อน แล้วมันที่มาทีหลังทำไมถึงได้คุณไป นเรศ!” เธอตัดพ้อด้วยน้ำเสียงเจือแววสะอื้นก่อนท้ายประโยคจะเจือด้วยความโกรธ พร้อมๆ กับใบหน้าหวานเกินชายในรูปถ่ายถูกกรีดจนไม่เหลือเค้าเดิม

ลิสาพยายามต่อรองอ้อนวอนเขาเพียงเพื่อเป็นความหวังครั้งสุดท้าย ถ้าหากเขายอมรับเรื่องที่เธอตั้งท้องนเรศต้องไม่ปล่อยให้ผู้ชายคนนั้นทำร้ายเธอและครอบครัวเธออย่างแน่นอน แต่คำตอบของนเรศช่วยทำให้ทุกอย่างกระจ่างในใจเธอ นเรศเลือกมัน ไม่ว่าเธอจะขอร้องเขามากแค่ไหนก็เป็นมันที่ถูกเลือก

ปลายสายกดตัดไปแล้วเมื่อเธอต้องการกรีดร้องใส่เขา ลิสาน้ำตาร่วงก่อนจะร้องไห้โดยที่มือของเธอยังคงถือโทรศัพท์ค้างไว้อย่างนั้น

“อย่ามาโทษลิสาทีหลังแล้วกันนเรศ คุณต้องโทษที่คุณเลือกมันไม่ใช่ลิสา” เธอพึมพำก่อนจะหัวเราะอย่างบ้าคลั่งเพียงลำพัง

หลังจากที่นัดกับนเรศเรียบร้อยลิสาก็โทรไปรายงานผู้ชายคนนั้น แต่อีกวันถัดมาเขาก็โทรมาต่อว่าเธอที่นเรศไม่ได้ไปเพียงลำพัง แล้วมันใช่ความผิดของเธอรึยังไงที่ไม่สามารถนัดเขามาแค่เพียงคนเดียวได้ แต่เธอก็ไม่สามารถมีปากเสียงได้เมื่อในกำมือของเขามีชีวิตของคนในครอบครัวเธออยู่ ดังนั้นเธอคงทำได้เพียงโทรไปโวยวายกับนเรศที่เขาไม่ยอมไปเพียงลำพัง แล้วสุดท้ายก็โดนเขาสวนกลับมาด้วยคำพูดที่ทำให้เธอเจ็บลึกไปทั้งใจ

“ว่าไง งานที่ให้ทำเรียบร้อยดีใช่ไหม” ปลายสายเอ่ยถามทันทีที่รับสาย

“ฉันบอกคุณแล้วว่านเรศไม่โง่ เขาจะส่งคนมารับฉันไปตรวจถ้าครั้งนี้ฉันไม่ไป” เธอพยายามระงับน้ำเสียงที่พร้อมจะตะคอกใส่เขาทุกเมื่อ

“โง่! งานแค่นี้ก็ทำไม่สำเร็จ” เสียงห้ามทุ้มตะคอกกลับมาจนลิสาสะดุ้ง เธอไม่อยากคาดเดาว่าถ้าเธออยู่ตรงนั้นผู้ชายคนนั้นอาจจะลุกขึ้นมาบีบคอเธอก็ได้

“แล้วทำไมคุณถึงไม่ไปจัดการเมียเขาล่ะ มันจะไม่ง่ายกว่าหรอ” เธอเสนอแน่นอนว่าถ้าเขาทำจริงเธอจะสนับสนุนทุกอย่าง ขอเพียงเขาฆ่าเจ้าจันทร์ได้

“ผมไม่ทำร้ายคนท้อง”

“อย่ามาทำเป็นพูดดีหน่อยเลย ในเมื่อคุณมันชั่วอยู่แล้วแค่ไม่ฆ่าคนท้องความชั่วของคุณก็ไม่ลดลงหรอก” เธอประชดกลับทำให้ปลายสายเงียบไป

“มันก็จริงของเธอ ผมควรโยนคุณธรรมทั้งหมดทิ้งไปซะ” มันก็สมควรเป็นอย่างนั้นตั้งแต่ต้นแล้วไม่ใช่หรอ “ถ้าผมไม่กำจัดครอบครัวนเรศผมก็ไม่มีทางได้เกาะนั้น หึหึ ขอบใจเธอมากจริงๆ ที่เสนอให้ผมฆ่าคนที่คุณรัก นี่สินะที่เขาเรียกว่า รักมากโกรธมาก” พูดจบอีกฝ่ายก็ตัดสายทันที

“คงจะจริงอย่างที่คุณว่า” ลิสาพึมพำกับโทรศัพท์ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าที่ขมุกขมัวเหมือนใจของเธอในตอนนี้





พงศ์ปณตเกิดมาในครอบครัวที่มีพร้อมทุกอย่าง เขามักจะได้รับคำชมเสมอเมื่อทำอะไรก็ตามได้สำเร็จและนั่นเป็นแรงผลักดันให้เขากลายเป็นคนที่ไม่ยอมรับความผิดพลาด แต่ทุกอย่างกลับพังทลายลงเพียงเพราะเขาเจรจาซื้อขายเกาะกับนเรศไม่สำเร็จ และเขาจะไม่ยอมให้เกิดความผิดพลาดขึ้น เมื่อพ่อของเขาหวังว่าการเจรจาในครั้งนี้จะเป็นผลงานที่สามารถผลักดันให้เขาสามารถขึ้นเป็นผู้บริหารคนต่อไปได้อย่างสวยงาม ดังนั้นนเรศที่เป็นขวางหนามของเขาจะต้องถูกกำจัด โดยการเริ่มต้นที่คนที่มันรักที่สุด

“ว่ายังไง” ท่ามกลางความคิดจู่ๆ โทรศัพท์มือถือก็แผดร้องขึ้น พงศ์ปณตเจ้าของร่างสูงใหญ่กรอกเสียงถามปลายสายทันทีที่เห็นรายชื่อปรากฏบนหน้าจอ

“นายครับพวกมันอยู่ร้านไอติมคนในร้านไม่เยอะเท่าไหร่ เอ๊ะ*! นายครับไอ้นเรศมันลุกออกไปแล้วเหลือแต่เมียมัน ให้ผมจัดการเลยไหมครับ”* ลูกน้องที่ถูกส่งให้ไปจับตาดูนเรศรายงานก่อนจะอุทานเมื่อเห็นโอกาสเหมาะที่จะพาตัวอีกฝ่ายมา

“พาเมียมันมา” เขาสั่งออกไปก่อนจะหัวเราะอารมณ์ดีเมื่อทุกอย่างเป็นไปตามแผนที่วางไว้     

พงศ์ปณตใช้มือซ้ายคว้าแก้วไวน์ขึ้นมาจิบขณะมือขวาล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกง ชายหนุ่มยืนมองดูวิวทิวทัศน์ด้านนอกที่เป็นทะเลสีน้ำเงินสะท้อนแสงประกายระยิบระยับ อีกไม่นานแล้วสินะทุกอย่างจะสำเร็จ การเฝ้ารอคอยเพื่อจัดการปัญหาอยู่ที่นี่ช่างน่าเบื่อ เขาจะได้กลับบ้านสักที
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-04-2018 06:50:09 โดย เจี๊ยะบ่จ่าย »

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4825
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
ชะนีรอดตัวไป เหตุผลที่จะให้อภัยพอรับได้ ส่วนผู้อีกตัว ไม่เก่งจริงนิ ใช้วิธีลอบกัดนิ  o12

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
อ้าว!!! แบบนี้ก็หมาลอบกัดนี่

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3494
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
เลวมาก ขอให้เจ้าปลอดภัยนะ

ออฟไลน์ Readyaoi

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 212
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
เจ้าและลูกต้องปลอดภัยนะ นักเขียนอย่าให้บู้เยอะมากนะ สงสารเจ้าา :mew4

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ weedear

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-4

ออฟไลน์ boboman

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-2
เวรกรรม มีคนอยู่เบื้องหลังอีกคนหนึ่งนี่เอง

ออฟไลน์ เจี๊ยะบ่จ่าย

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 34
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
บทที่ 26 ถ้าอยากถ่ายหนังบู๊ เดี๋ยวพ่อจะจัดให้ได้บู๊สมใจ


ไอติมกะทิในกะลามะพร้าวโรยด้วยเนื้อมะพร้าวอ่อนและถัวลิสง เพียงคำแรกที่ตักเข้าชิมเจ้าจันทร์ก็หลับตาพริ้มถูกอกถูกใจ ท่าทางการกินอย่างเอร็ดอร่อยทำให้เจ้าตัวไม่รู้ว่าบนใบหน้าหวานได้มีเศษไอติมติดอยู่ นเรศหัวเราะเบาๆ กับท่าทางเหมือนเด็กของเมียตัวเอง ก่อนจะยื่นนิ้วโป้งปาดเอาเศษไอติมออกจากดวงหน้าหวานแล้วเอากลับมาใส่ปากตัวเอง

“หวาน” นเรศบอกหลังจากชิมรสไอติม

“...” เจ้าจันทร์ชะงักกับการถูกกระทำเช่นนั้นก่อนจะก้มหน้างุดซ่อนความขัดเขิน “ไอติมก็ตะ...ต้องหวานสิ” เสียงตะกุกตะกักตอบกลับมาแก้อาการเขินอาย

“แต่ปากเจ้าหวานกว่านะครับ” อดไม่ได้ที่จะเย้าแหย่สักหน่อยซึ่งทำให้ใบหน้าที่แดงอยู่แล้วยิ่งแดงเข้าไปอีก

“พี่นเรศ” เจ้าจันทร์เรียกอีกฝ่ายเสียงดังก่อนจะทำเป็นก้มลงสนใจเพียงไอติมมะพร้าวอ่อนตรงหน้า

“หึหึ” นเรศหัวเราะด้วยความสุข หลังจากนั้นเขาก็ปล่อยให้เจ้าจันทร์สั่งไอติมมาอีกถ้วย ในระหว่างที่รอเขาก็รู้สึกได้ว่าการกินน้ำเยอะๆ เพราะต้องการล้างความหวานบนปลายลิ้นออกจะทำพิษ “เจ้าเดี๋ยวพี่ไปเข้าห้องน้ำก่อนนะครับ” เขายกมือขึ้นลูบหัวนิ่มมือแล้วขยี้เบา

“อื้อ” เจ้าจันทร์ส่งเสียงอืออาพยายามดันมือเขาออกจากหัว

“พี่ไปแป๊บเดียวอย่าสั่งเพิ่มนะครับ” ก่อนไปไม่วายออกคำสั่ง แค่สองถ้วยก็ถือว่ามากเกินแล้วสำหรับคนท้อง ถึงเขาจะตามใจเมียแค่ไหนแต่เรื่องสุขภาพของเมียต้องมาก่อน

“รู้แล้วงับ” พูดยังไม่ทันจบก็รีบจ้วงไอติมเข้าปาก นเรศหัวเราะเบาๆ กับท่าทางน่าเอ็นดูของเจ้าจันทร์ก่อนจะรีบไปเข้าห้องน้ำ

ในขณะที่เจ้าจันทร์กำลังลิ้มรสความหวานเย็นของไอติมอยู่นั้น จู่ๆ ก็ปรากฏเงาดำกลุ่มหนึ่งทาบทับลงมา เมื่อเงยหน้าขึ้นคิ้วสวยก็ขมวดเป็นปม

“มีอะไรหรือเปล่าครับ” เจ้าจันทร์ถามกลุ่มคนตรงหน้าด้วยความสงสัย เมื่อแน่ใจแล้วว่าพวกเขาคงมีธุระอะไรสักอย่างกับตัวเองแน่

“ช่วยไปกับพวกผมด้วยครับ” อีกฝ่ายบอกความต้องการง่ายๆ ด้วยใบหน้านิ่งเรียบ

บรรยากาศรอบตัวพวกเขาทำให้เจ้าจันทร์เริ่มกลัว ขณะที่กำลังจะอ้าปากตอบปฏิเสธไปพลันแผ่นหลังก็รู้สึกเย็นเยียบจากเหล็ก ใบหน้าหวานซีดเผือดไม่กล้าขยับในใจเฝ้าแต่ภาวะนาขอให้นเรศกลับมาไวๆ

“ผมขอให้คุณตามพวกผมไปดีๆ ครับ” ลูกค้าในร้านไอติมหลายคนเริ่มหันมามอง แต่ก็พบแค่เพียงว่ากลุ่มชายชุดดำเหล่านี้กำลังพูดคุยกับเจ้าจันทร์ หรืออาจจะคิดไปว่าพวกเขาคือลูกน้องของเจ้าจันทร์เสียมากกว่า

ปลายกระบอกปืนที่ซุกซ่อนเบื้องหลังกดจี้ลง เจ้าจันทร์จำใจลุกขึ้นด้วยร่างที่สั่นเทา ดวงตาโศกเริ่มน้ำตาคลอ เมื่อเจ้าจันทร์ลุกขึ้นพวกเขาทั้งสามคนก็เข้าประกบซ้ายขวาและหลัง เพื่อใช้ร่างบังปลายกระบอกปืนที่จี้ตรงแผ่นหลังเล็ก

“คุณลูกค้าคะ คุณลูกค้าลืมจ่ายเงินค่ะ” พนักงานในร้านไอติมวิ่งเข้ามาถามก่อนคิ้วจะขมวดด้วยความสงสัยกับดวงตาโศกที่ทอแววเว้าวอน

“เดี๋ยวเก็บกับผู้ชายที่มาด้วยอีกคน แล้วฝากนี่ไปให้มันด้วย” พวกชายชุดดำตอบพร้อมกับส่งกระดาษให้กับพนักงานร้าน

“คะ...ขอบคุณที่มาอุดหนุนนะคะ” พนักงานสาวตอบรับด้วยอาการงงงวยก่อนจะรับกระดาษไป

เมื่อนเรศกลับออกมาบนโต๊ะก็เหลือเพียงความว่างเปล่า คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันด้วยความไม่เข้าใจ เมื่อพนักงานสาวเห็นนเรศซึ่งเป็นเจ้าของโต๊ะเดินมาถึงด้วยใบหน้าคิ้วขมวด เธอรีบเดินเข้าไปพร้อมกับบอกเล่าเหตุการณ์ที่ชายหนุ่มหน้าวหวานอีกคนที่มาด้วยถูกกลุ่มชายชุดดำพาตัวไป พร้อมกับทิ้งโน้ตเอาไว้ให้

พอได้ฟังนเรศไม่สนใจมารยาท เขาคว้ากระดาษแผ่นนั้นมาด้วยความเร็วท่ามกลางความสงสัยของพนักงานในร้าน บรรทัดสุดท้ายจบลงพร้อมกับเศษกระดาษที่ถูกขย้ำจนไม่เหลือชิ้นดี นเรศควักเงินออกมาจ่ายด้วยจำนวนที่มากกว่าที่สั่งไว้ ก่อนจะหุนหันออกจากร้านด้วยใบหน้าที่โกรธจัด มือหนายกโทรศัพท์ขึ้นต่อสายหาณัฐธัญเจ้าน้องเขยตัวดีที่พอจะรับมือกับสถานการณ์แบบนี้ได้

“ฮัลโหล ว่าไงไอ้พี่ชาย” ปลายสายตอบรับด้วยน้ำเสียงยียวนเช่นเคย

“เจ้าถูกพาตัวไปแล้ว” เสียงของนเรศสั่นเครือจนฟังได้ชัด

“หะ...อะไรนะ! ใครพาตัวเจ้าไป” ณัฐธัญตะโกนกลับมาด้วยความตกใจ พร้อมกับเสียงอุทานที่คาดว่าจะเป็นชลธารและคุณหญิงดาหลา

“ไอ้ปณต...ไอ้เวรตะไลนั้นมันลักพาตัวเจ้าไป” นเรศกัดฟันกรอดรู้สึกโกรธเป็นอย่างมาก แต่ในใจตอนนี้เขาเป็นห่วงเจ้าจันทร์มากที่สุด

“อะไรเรื่องมันเป็นไงมาไงวะ แล้วไอ้ปณตนี่มันใคร...”

“แล้วเจ้าเป็นยังไงบ้าง ฝ่ายนู้นเขาติดต่อมาว่ายังไงบ้าง ต้องการอะไรถึงทำแบบนี้” ณัฐธัญยังถามไม่จบประโยคดี เสียงหวานใสของน้องสาวก็แทรกขึ้นมาด้วยอาการร้อนรนไม่แพ้กัน

“มันต้องการซื้อเกาะพี่ มันเคยมาเจรจาแล้วแต่พี่ไม่ขาย มันเลยหันมาเล่นงานคนรอบข้างแทน แล้วพวกมันก็เลือกเจ้าจันทร์...โว้ย” นเรศทุบพวกมาลัยระบายอารมณ์โกรธขณะติดไฟแดง เขารีบ เขาเป็นห่วงเจ้าจันทร์ แต่ทำไมทุกอย่างถึงไม่เป็นใจ

“ใจเย็นพี่ชาย ตอนนี้แกคงกำลังไปตามที่มันนัดเพื่อแลกตัวเจ้าจันทร์ใช่ไหม” ณัฐธัญคาดเดาได้อย่างแม่นยำ

“มันบอกห้ามแจ้งตำรวจห้ามพาใครมานอกจากฉันคนเดียว แต่ฉันไม่ไว้ใจมัน”

“งั้นเอางี้แกถ่วงเวลาและดูแลเจ้าจันทร์ให้ดีฉันจะหาทางเอง แล้วมันนัดที่ไหน” แล้วไอ้เจ้าน้องเขยตัวดีก็ไม่ทำให้ผิดหวัง เวลาคับขันแบบนี้ใจนเรศห่วงแต่เจ้าจันทร์จนสมองตื้อไปหมด ใจเขาพะวงจนตอนนี้คงไม่สามารถคิดได้อย่างรอบคอบนอกจากพึ่งพาณัฐธัญหรือไม่ก็ลูกน้อง ซึ่งชลธารคงติดต่อพวกมันให้แล้ว

“ท่าเรือ”

“มันเลือกโลเคชั่นอย่างกับจะไปถ่ายหนังบู๊เลยวุ้ย” ณัฐธัญว่าอย่างขำๆ แต่คนในสายกลับไม่ขำด้วย จนชายหนุ่มต้องรีบหุบปาก “แกไม่ต้องห่วงน่า ถ่วงเวลาและดูแลเจ้าจันทร์ให้ดีก็พอ หึหึ ในเมื่อพวกมันอย่างถ่ายหนังบู๊เดี๋ยวพ่อจะจัดให้ได้บู๊สมใจแน่” ณัฐธัญหัวเราะทิ้งท้ายด้วยท่าทางเจ้าเล่ห์ “แค่นี้ก่อนแล้วแกคอยติดต่อฉันมาเรื่อยๆ ฉันเองก็จะไปเตรียมการแล้วเหมือนกัน”

“อืม” นเรศกดตัดสายและมุ่งหน้าไปท่าเรือตามที่อีกฝ่ายบอก ปณตเราจะได้เห็นดีกันแน่



ตู้คอนเทนเนอร์เรียงกันราวกับตึกกระจายกันอย่างเป็นระเบียบบนท่าเรือ ดวงไฟส่องสว่างเรื่อๆ เป็นบางจุด ข้างตู้คอนเทนเนอร์เก่าเวลานี้ปรากกฎกลุ่มมคนกลุ่มหนึ่ง พวกเขาเหล่านั้นประกอบด้วยชายในชุดสูทสีดำยืนหน้าเคร่งกระจายล้อมรอบอยู่ราวๆ สิบกว่าคน โดยตรงกลางกลุ่มคนเหล่านั้นมีร่างสูงของพงศ์ปณตยืนล้วงกระเป๋ากางเกงด้วยใบหน้าราบเรียบ ข้างๆ เป็นร่างเล็กของเจ้าจันทร์ที่ถูกมัดแขนขาติดกับเก้าอี้ ริมฝีปากเล็กถูกผ้ามัดไว้อย่างแน่นหนา

“นายครับ” ลูกน้องคนหนึ่งวิ่งทักๆ เข้ามา พงศ์ปณตเพียงแค่ชายตามองรอคำตอบ “มาแล้วครับ” จบประโยคเบื้องหน้าพวกเขาก็ปรากฏร่างสูงแกร่งของนเรศที่ถูกควบคุมตัวเข้ามา

ดวงตาโศกเบิกตากว้างแล้วทำได้แค่เพียงร้องอืออาในลำคอ มือเล็กกำแน่นจนขึ้นข้อขาวก่อนจะอุทานเป็นเสียงอึกอักเมื่อร่างสูงของนเรศถูกชกเข้าเต็มท้อง แล้วตามด้วยหมัดที่กระหน่ำใส่ร่างแกร่งไม่ยั้ง

“อือ...อื้อ”

“แค่ก พี่ไม่เป็นอะไร” นเรศเงยหน้าขึ้นมายิ้มปลอบ ก่อนจะฟุบลงกับพื้นเมื่อโดนอีกหมัดเข้าที่โหนกแก้ม

“ทำตัวอย่างกับเป็นพระเอกเลยนะครับ” พงศ์ปณตยิ้มเยาะอย่างคนมีชัยเหนือกว่า

“ถ้าฉันเป็นพระเอกแกก็คงเป็นตัวร้าย และแกคงรู้ว่าตัวร้ายมันมักจะจบไม่สวย” นเรศหัวเราะเบาๆ อย่างไม่สะทกสะท้าน ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาตอบด้วยท่าทางอวดดีในสายตาคนมองอย่างพงศ์ปณต

“แต่หนังที่ผมกำกับเองกับมือ ถ้าผมอยากให้ตัวร้ายชนะมันก็ต้องเป็นแบบนั้น” พงศ์ปณตนั่งยองๆ ลงตรงหน้านเรศ ก่อนจะใช้หลังมือเคาะเบาๆ ไปที่หน้าผากของชายหนุ่มเหมือนต้องการจะหยอกเย้า “เอาละผมเองก็ไม่ต้องการเสียเวลา และทำให้การเจรจาธุรกิจของเราเกิดข้อบาดหมางกัน คุณควรลงชื่อตรงนี้...” นิ้วเรียวชี้ลงบนกระดาษที่รับมาจากลูกน้อง “เรื่องมันจะได้จบๆ สักที แล้วเมียและลูกของคุณจะได้ไม่ต้องเจ็บตัว” จบประโยคก็วางกระดาษลงหน้าตรงหน้านเรศ

“หึ...ฮาๆ” นเรศหัวเราะลั่นจนอีกฝ่ายมึนงง “แค่การเจรจาซื้อขายเกาะกับฉันแกยังทำไม่สำเร็จจนต้องใช้วิธีสกปรกแบบนี้...” ศีรษะถูกส่ายไปมาเหมือนระอา “ฉันเป็นห่วงอนาคตแกจริงๆ วะ อ้อ คงต้องเผื่อแผ่ไปถึงพ่อกับแม่แล้วก็บริษัทของแกด้วย ฉันว่าไม่นานคงเจ้งวะ ฮะ...อึก”

ประโยคถากถางสะกิดโดนจุดเข้าอย่างจังทำให้พงศ์ปณตสติขาดผึง เขาคว้าเอาคอเสื้อของนเรศขึ้นมาก่อนจะประเคนหมัดเข้าใส่เต็มหน้า แล้วตามเข้าไปกระทืบซ้ำเมื่อได้ยินประโยคดูถูกให้เจ็บใจอีก

“หมัดเบาอย่างกับมดแบบนี้ได้กินข้าวมาหรือเปล่าวะ...”

พี่นเรศ!

เจ้าจันทร์ที่มองเห็นนเรศถูกซ้อมอยู่ดิ้นขลุกขลัก พยายามตะโกนร้องให้คนเหล่านั้นพอ เมื่อตามใบหน้าหล่อเหลามีเลือดอาบแดงเถือกแทบไม่เห็นสีผิว

“ถ้าขืนมึงยังปากดีอีกอย่าหาว่ากูไม่เตือน เพราะต่อไปจะเป็นเมียมึงที่ถูกซ้อม” คำพูดสุภาพถูกโยนทิ้งไปพร้อมกับอารมณ์ที่ปะทุเดือดขึ้นมา

“แกมันลูกหมา แม้กระทั่งคนท้องยังจะทำร้ายได้ลงคอ” นเรศกัดฟันกรอดอย่างไม่สามารถทำอะไรได้

“หยุดเห่าหอนแล้วเซ็นเอกสารซะ” กระดาษใบเดิมถูกวางลงตรงหน้าอีกครั้ง

นเรศขยับร่างกายทั้งหนักอึ้งทั้งปวดร้าวค่อยๆ จรดปลายปากกาลงลงชื่อตัวเองด้วยการตวัดสองสามที พงศ์ปณตยกยิ้มพอใจหยิบกระดาษขึ้นมาใช้เคาะที่ศีรษะนเรศเป็นการตอกย้ำถึงความพ่ายแพ้ ก่อนจะส่งเอกสารให้ลูกน้อง

“แบบนี้สิค่อยน่าทำธุรกิจร่วมกันหน่อย ถ้าคุณว่าง่ายตั้งแต่แรกแบบนี้เมียคุณคงไม่ต้องมาลำบากด้วย” พงศ์ปณตยิ้มอารมณ์ดีค่อยๆ ใช้หลังมือวาดตามโครงหน้าหวานของเจ้าจันทร์

“แกได้สิ่งที่ต้องการแล้วก็เอามือชั่วๆ ของแกออกจากเมียฉัน” นเรศคำรามลั่นเมื่อเห็นฝ่ามือของอีกฝ่ายแตะต้องเจ้าจันทร์

“ครับๆ” พงศ์ปณตรับคำแบบขอไปที เดิมทีเขาก็ต้องการแค่เกาะแห่งนั้นไม่ได้มีเจตนาลากคนท้องเข้ามาเกี่ยวข้องอยู่แล้ว เมื่อนเรศว่าง่ายยอมเซ็นเอกสารดีๆ เขาก็ไม่จำเป็นต้องลงมือทำร้ายใคร “ปล่อยตัว” จบคำสั่งลูกน้องของเขาก็เข้ามาปลดพันธนาการให้อิสระแก่เจ้าจันทร์

“พี่นเรศ” เมื่อเจ้าจันทร์เป็นอิสระก็โถมกายเข้าหานเรศทันทีก่อนจะปล่อยโฮเสียงดังลั่น

“ไม่เป็นไรนะครับ พี่มาช่วยแล้วไม่ต้องร้อง เจ้าปลอดภัยแล้ว” นเรศกอดปลอบร่างที่สั่นเทา เขาใช้ร่างกายที่ใหญ่โตโอบกอดร่างเล็กกว่าจนมิดราวกับว่าตอนนี้เขาคือเกราะที่คอยปกป้องเจ้าจันทร์ “มันทำอะไรเจ้าไหม เจ็บตรงไหนหรือเปล่า” เมื่อร่างอวบผละออกเขาก็ส่งคำถามรัวพร้อมกับสำรวจคนตัวเล็ก

เจ้าจันทร์ส่ายหน้าทั้งสะอื้น “เจ้าไม่เป็นอะไรพวกเขาไม่ได้ทำอะไรเจ้า” ตอบแล้วก็ประคองใบหน้าของนเรศ “เจ็บมากไหมครับ เลือดออกเยอะมากเลย...ฮึก” ทั้งที่พยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้แล้วสุดท้ายน้ำตาก็ร่วงผล็อยจนอาบไปทั้งหน้า แม้ว่าร่างกายของเจ้าจันทร์จะไร้บาดแผลใดๆ แต่ตอนนี้เจ้าจันทร์กลับรู้สึกเจ็บ เจ็บตรงที่อกข้างซ้ายเหมือนมีใครเอามีดมากรีด เพียงเพราะเห็นนเรศที่กำลังโดนทำร้าย

“หึ เหมือนละครหลังข่าวมากเลยครับ แต่คงต้องบอกว่าจบเพียงเท่านี้ หวังว่าเราจะได้ทำธุรกิจร่วมกันอีกนะครับ” พงศ์ปณตแทรกขึ้นแล้วจึงหันไปสั่งให้ลูกน้องถอนตัว

“จบแน่หรือคะ” เสียงของหญิงสาวแทรกขึ้นมาพร้อมกับร่างอรชอนก้าวเดินออกมา

“ลิสา” พงศ์ปณตขมวดคิ้วเรียกชื่ออีกฝ่ายก่อนจะทำเป็นมองไม่เห็นเธอ ประหนึ่งเธอไร้ตัวตนในสถานที่แห่งนี้ด้วยการเดินผ่านไปราวกับคนไม่รู้จักกัน

“จะไปแล้วหรือคะปณต” ลิสาเอ่ยถามด้วยใบหน้าราบเรียบพร้อมคว้าข้อมือใหญ่เอาไว้

“ผมได้สิ่งที่ผมต้องการแล้ว ดังนั้นผมไม่มีธุระอะไรที่นี่อีกแต่ถ้าคุณมีคุณก็จัดการเอาเอง” พงศ์ปณตดักทางลิสา เพียงแค่มองตาเธอเขาก็รู้แล้วว่าสิ่งที่เธอต้องการคืออะไร พงศ์ปณตไม่ยอมให้ผู้หญิงตัวเล็กๆ ยืมมือของเขาให้แปดเปื้อนหรอก

“แล้วที่คุณตกลงกับลิสาไว้ละคะ” ลิสาถามเสียงสูง

“ผมไม่ได้บอกสักหน่อยว่าต้องฆ่า” คำตอบของพงศ์ปณตกลับทำให้ลิสาหน้าถอดสี เธอเหมือนคนโง่ที่โดนเขาหลอกใช้เต็มๆ

“คุณจะคืนคำหรอคะ” เธอถามย้ำสียงสูงอีกครั้งพร้อมกับจ้องตาพงศ์ปณตด้วยดวงตาวาวโรจน์ ไม่หลงเหลือแววตาสั่นกลัวเช่นก่อนหน้าที่เคยเจอ เมื่อในตอนนี้ในอกของเธอเต็มไปด้วยไฟแค้นจนไม่กลัวสิ่งใด

“ผมไม่เคยรับปากคุณลิสา” พงศ์ปณตยังคงปฏิเสธได้อย่างน่าตาย

“หึหึ” ลิสาหัวเราะให้กับความโง่เขลาของตัวเองก่อนจะเปิดกระเป๋าล้วงเอากระบอกปืนออกมา พงศ์ปณตเบิกตาตกใจเล็กน้อยที่ผู้หญิงตัวเล็กๆ อย่างเธอมีของเล่นอันตรายอย่างนี้ไว้ในกระเป๋า “งั้นฉันคงมีต้องจัดการเองแล้วสินะ” จบประโยคก็เดินย่างสามขุมเข้าไปหาร่างสองร่างที่กำลังกอดกันกลม โดยไม่รู้ชะตาตัวเองที่กำลังถูกคนอย่างเธอตัดสินให้

“ลิสาคุณไม่ได้ท้องแล้วยังร่วมมือกับมัน” นเรศถามเมื่อพอเดาเรื่องราวได้

“แล้วทำไมคะ” เธอถามกลับด้วยน้ำเสียงไม่ยี่ระ “คุณปฏิเสธลิสาเองดังนั้นอย่ามาโทษกันเลยค่ะ” จบประโยคก็เล็งปลายกระปืนไปยังร่างในอ้อมแขนแกร่ง มือของเธอสั่นเล็กน้อยอย่างคนที่ไม่เคยจับ แต่เมื่อตัดสินใจแล้วเธอไม่มีทางย้อนกลับไปทางเดิมได้แล้ว

“...” นเรศไม่เอ่ยสิ่งใดเขาทำแค่เพียงกอดกระชับร่างในอ้อมแขนให้แน่นขึ้น ใช้ร่างกายตัวเองบดบังวิถีกระสุนที่ชี้ตรงมายังร่างเจ้าจันทร์ ดวงตาคมกริบจ้องมองลิสาตอบจนทำให้เธอขนลุกซู่ จู่ๆ ก็เกิดอาการกลัวขึ้นมา “ผมขอบอกคุณไว้ตรงนี้ลิสา ถ้าจะฆ่าผมก็ฆ่าให้ตายในนัดเดียว เพราะถ้าผมไม่ตายจะเป็นคุณเองที่ต้องตาย” เสียงทุ้มกล่าวขมขวัญได้เป็นอย่างดี

“คุณอย่ามาขู่ ลิสาไม่กลัวหรอกคะนเรศ” ว่าจบก็กระชับปืนให้แน่นขึ้นด้วยมือเพียงข้างเดียว บ่งบอกว่าเธอเอาจริง

ปัง! ปัง!




หลานคนแต่ง นิยายยังลงไม่จบ ห้ามประกาศขายของนะ มันผิดกฏข้อ 17 
ระวังโดนล็อคกระทู้นะ  :ling3:

ขอบคุณมากนะคะที่เตือน พอดีจำกฎยังไม่ได้ ขอบพระคุณมากค่ะ พุ่งไปกราบตั้งแต่ห้าร้อยเมตร :m5:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-04-2018 06:49:37 โดย เจี๊ยะบ่จ่าย »

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4825
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
หลานคนแต่ง นิยายยังลงไม่จบ ห้ามประกาศขายของนะ มันผิดกฏข้อ 17 
ระวังโดนล็อคกระทู้นะ  :ling3:

ออฟไลน์ weedear

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-4

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4198
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

ออฟไลน์ Readyaoi

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 212
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
 :mew5:ค้างหนักมากอ่ะ ฮืออออ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด