>>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< แจ้งข่าวตีพิมพ์ 07-05-22 P.9
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< แจ้งข่าวตีพิมพ์ 07-05-22 P.9  (อ่าน 59195 ครั้ง)

ออฟไลน์ BABYBB

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1123
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
โอ้ยยยย มาอัพแล้ววว น้ำตาจะไหลลลลลล
ชอบพี่เบิ้มมมมม ทำไมดีอ่ะะะ :man1:

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
ป้านด ถ้าไม่เอาบอส ส่งมาทางนี้ได้นะ ดูอบอุ่นขนาดนั้น อยากมีมั่งสักคน
 :hao3: :hao3:

ออฟไลน์ patompong888

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 113
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0

ออฟไลน์ fairy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 31
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0

ออฟไลน์ skykick

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 59
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0

ออฟไลน์ MA_LEE

  • เป็ดหัดเขียน
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 74
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0
   




บทที่10 
เพราะความป่วย..
     
     




     สิบโมงเช้าไร้เงาของพี่เบิ้มมาป้วนเปี้ยนเหมือนทุกวัน ตอนเช้าก็ไม่ลงมาทานข้าวด้วย เกิดอะไรขึ้นกันน้อ
เอ๊ะ หรือว่าจะเป็นไข้เพราะปวดแผล หรือแผลเน่าแล้วจะต้องตัดแขน    อ่าาาา   ไม่นะ ไม่ใช่ความผิดโผมมมมมม

ด้วยความฟุ้งฟ่านและจิตใต้สำนึกบอกว่าผมเป็นต้นเหตุที่ทำให้พี่เบิ้มเจ็บแขน จึงพาตัวเองมาหยุดอยู่ที่หน้าห้องพักหมายเลข1 ที่มี Mr. Jeremy Carson พักอยู่

 
   เคาะประตูอยู่นานกว่าที่พี่เบิ้มจะเปิดประตู   อ่า นี่คนหรือซอมบี้!  ผมยาวสีน้ำตาลกระเซอะกระเซิง ใต้ตาดำคล้ำ สภาพนี้มันคนอดนอนชัดๆ


“ว่าไงที่รัก” อยากจะถีบนัก แต่ก็ถีบไม่ลงเพราะน้ำเสียงของพี่แกช่างแห้งผากเหลือเกิน


“ผมไม่เห็นคุณลงมาทานข้าวเช้า คุณเจ็บแผลเหรอครับ”


“ดีขึ้นมากแล้วครับ”


“ผมขอดูแผลหน่อยได้มั้ยครับ” เพราะพี่เบิ้มใส่เสื้อแขนยาวผมจึงไม่สามารถมองออกว่าตอนนี้แผลมันบวมขึ้นจากเมื่อวานหรือป่าว   จากนั้นพี่เบิ้มก็ค่อยๆเลิกปลายแขนเสื้อขึ้นให้ผมเห็นแผลได้อย่างชัดเจน แผลไม่บวมอย่างที่คิดแต่รอยแดงนั้นใหญ่กว่าที่คิดไว้แฮะ


“ผมไม่เป็นไรแล้วที่รัก อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ” แล้วกูทำหน้าแบบไหนอยู่วะ แต่รู้สึกว่าขอบตามันเริ่มร้อนผ่าวอีกแล้ว! 


“แล้วทำไมคุณไม่ลงไปทานข้าวล่ะครับ  แถมสภาพตอนนี้ของคุณ เอ่อ เหมือนคนยังไม่ได้นอน”


“งานมีปัญหานิดหน่อยก็เลยเพิ่งจะได้นอนตอนพระอาทิตย์ขึ้นพอดี” ไอ้พระอาทิตย์ขึ้นของพี่มึงนี่มันกี่โมงวะ   แต่ก็โล่งอก..นึกว่าแขนเน่าต้องเสียแขนเพราะกูซะแล้ว


“งั้นก็ขอโทษนะครับที่มาปลุกคุณ ผมขอตัวลงไปทำงานต่อนะครับ”


“ขอบคุณนะที่รัก ที่คุณเป็นห่วงผม” เดี๋ยวๆทำไมโน้มตัวลงมากอดกูล่ะ   ไม่ฟังที่กูพูดเลย กูบอกจะไปทำงานต่อไง “ปล่อยได้แล้วครับ ผมหายใจไม่ออก”


“ขออยู่แบบนี้สักนาทีได้มั้ยที่รัก เมื่อคืนผมเหนื่อยจริงๆ”

 
“คนอื่นมาเห็นมันจะดูไม่ดีนะคุณ”


“ถ้างั้น..” พี่เบิ้มไม่พูดต่อ ถอยหลังเดินเข้าห้องโดยที่ยังกอดผมไว้ จากนั้นก็ปิดประตูห้องแล้วดันผมให้ไปชิดกับประตูแล้วซบหน้าลงกับไหล่ผมอย่างคนหมดแรง..ดูจากกองเอกสารที่เกลื่อนไปทั่วห้องพี่มึงคงเหนื่อยมากจริงๆ

อยู่แบบนี้สักนาทีสองนาทีก็คงไม่เป็นไรมั้ง ถือว่าขอบคุณเรื่องเมื่อวานที่ยอมเจ็บตัวแทนละกัน..แต่เดี๋ยวๆไซร้คอกูด้วยนี่ไม่โอเคนะ!   ใจดีด้วยไม่ได้เลยให้ตายซิ!


“เดี๋ยวคุณ จะทำอะไร” ผมทั้งดันทั้งแงะหน้าที่ซุกอยู่ที่ซอกคอออกแต่ไม่เป็นผลครับ นี่มันปลิงควายชัดๆ


“ก็ตัวคุณหอม ผมเลยอดใจไม่ไหว” เห่อะ!


“ถ้ายังไม่หยุด ผมจะโกรธคุณจริงๆด้วย” ขนกูลุกเกรียวไปหมดทั้งตัวแล้วเนี่ย!


“โอเคครับ” จากนั้นที่เบิ้มก็เด้งหน้าออกจากซอกคอผมทันที แต่ยังเนียนกอดผมไม่ยอมปล่อย


“เกินหนึ่งนาทีแล้วคุณ”


“คราบ~” ตอบซะเสียงอ่อย แต่ก็ยอมปล่อยผมแต่โดยดี


“นอนเถอะคุณ ผมไม่กวนแล้วครับ”


“แต่ผมอยากให้คุณกวน” มึงเป็นมะม่วงรึ “งั้นผมนอนแล้วคุณช่วยกวนผมทีได้มั้ยครับ” ไม่ใช่มะม่วงแล้วล่ะ แบบนี้เรียกตีน  กวนตีนนนนน!


“นอนครับ  แล้วตอนเที่ยงผมจะพาคุณไปทานข้าว”


“คุณจะพาผมไปเหรอที่รัก” หน้าแม่งเบิกบานขึ้นมาทันตา


“ครับ”


“งั้นไปตอนนี้เลยนะครับ” ได้ฟังกูป่ะเนี่ยกูบอกตอนเที่ยงไง


“แต่คุณยังไม่ได้นอน นอนก่อนเถอะครับตื่นแล้วค่อยไปกัน”


“ได้นอนหนึ่งชั่วโมงแค่นี้ก็เหลือเฟือแล้วครับ”  ชั่วโมงเดียวเนี่ยน่ะ!


“มีใครเคยบอกมั้ยว่าคุณดื้อ”


“ไม่มี สมัยเด็กมีแต่คนชมผมว่าผมเป็นเด็กดี” เหอะ เด็กโข่งน่ะสิ


“ผมลงไปทำงานก่อนนะครับ ขอตัว” ขี้เกียจเถียงต่อ หนีดีกว่ากู แต่ยังไม่ทันหมุนตัวออกจากห้องมือหนาก็รั้งผมไว้เสียก่อน


“ไปตอนนี้นะคราบ ผมหิวมากเลย จะได้กินยาด้วยไงครับ เนี่ยเริ่มเจ็บแผลอีกแล้ว โอ้ยๆ”  ห่า เล่นใหญ่ไปนะ แล้วไอ้น้ำเสียงและสีหน้าสำออยแบบนี้พี่มึงไปเรียมมาจากไหนหึ  ตอบ!


“โอเคๆ ถ้างั้นก็อาบน้ำแต่งตัวครับ ผมจะลงไปรอที่ร้านกาแฟ”  เฮ้ออออ ให้มันได้แบบนี้เซ่

พี่มึงนี่ก็แปลกคน เมื่อกี้สภาพเหมือคนใกล้ตาย พอบอกว่าจะพาไปทานข้าวแค่นั้นแหละ ดี้ด๊าขึ้นมาทันตา







 “เราจะไปทานอะไรกันครับ” เมื่ออยู่บนรถพี่เบิ้มก็ถามด้วยความตื่นเต้น


 “ผมจะพาคุณไปทานของอร่อยที่อะเมซิ่งสุดๆเลยล่ะ”


 “WOW” รับรองเอ็งได้ร้องว๊าวแน่ๆ


  ร้านอาหารตามสั่งไม่ไกลจากบ้านผมเท่าไหร่นัก เป็นร้านเก่าแก่ที่ผมกินมาตั้งแต่จำความได้   รอไม่นานเฮียตี๋เจ้าของร้านรุ่นสอง ก็นำอาหารสุดอเมซิ่งมาเสิร์ฟ


“จานนี้เรียกว่า ข้าวผัดอเมริกัน”


“อเมริกัน?” อ้าว งงฝรั่งงง   


ข้าวที่ผัดด้วยซอสมะเขือเทศโดยผัดกับเนย ใส่ลูกเกด หัวหอมใหญ่และแฮม เคียงคู่มากับไส้กรอก ไก่ทอด และไข่ดาว ..เป็นไงอเมริกันมั้ยล่ะ


“ที่อเมริกาไม่มีขาย มีขายเฉพาะที่ไทย” อเมซิ่งไทยแลนด์ดีแท้


“ทำไมต้องอเมริกัน?”


“นั้นสิ?” ถามกูแล้วกูจะไปถามใคร อ่อ ก็พี่กูไง..กูเกิ้ล


“แต่อร่อยมากเลยครับ ผมชอบ”


“คุณมาประเทศไทยมีอะไรที่คุณทานแล้วไม่ชอบบ้างครับ” เห็นยัดอะไรเข้าปากก็บอกว่าอร่อยทุกครั้ง


“ชอบทุกอย่าง โดยเฉพาะคุณแล้วก็อยากจะทานเป็นพิเศษด้วย


“แค่กๆๆๆ” ให้ตาย! มึงพูดอารายยย ขยิบตาให้กูอีกต่างหากกก  แต่ตอนนี้กูขอน้ำ อ่าา ลูกเกดติดคอกู!


ถ้ากูตายเพราะลูกเกดติดคอชีวิตคงช่างน่าอนาถดีแท้..


“ใจเย็นที่รัก นี่ครับน้ำ” ทำเป็นใจดียื่นน้ำให้ กูเป็นแบบนี้เพราะใครกันล่ะ!


“คุณก็อย่าพูดเล่นแบบนี้สิครับ”


ผมพูดจริง


“...” โชคดีที่กลืนน้ำลงไปแล้ว ไม่งั้นได้สำลักน้ำอีกรอบแน่


“เมื่อไหร่จะใจอ่อนสักทีที่รัก” กินไปด้วยถามไปด้วยนี่มันเป็นคำถามสามัญทั่วไปใช่มะ?!


“มะ ไม่รู้”


“ค่อยยังชั่ว ดีกว่าคุณปฏิเสธว่าไม่มีทาง แบบนี้ผมก็มีหวังอยู่ใช่มั้ยครับ”


“มะ ไม่รู้”


“แล้วถ้าผมกลับอังกฤษ คุณจะคิดถึงผมมั้ยครับ”


“ไม่รู้” ข้าวผัดอเมริกันกลืนคำศัพท์ในหัวกูไปหมดแล้ว   ไม่รู้   กูจำได้แค่คำนี้คำเดียว


“แต่ผมคงคิดถึงคุณ และคงคิดถึงมากๆๆ” พี่เบิ้มพูดด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม แต่ผมกลับเห็นแววตาที่เจือไปด้วยความเศร้า..


“กินยาก่อนครับ” เปลี่ยนเรื่องเถอะ


“ขอบคุณครับ” ยาแก้อักเสบแถมด้วยยาแก้ไข้เพราะตอนที่พี่เบิ้มกอดผมรู้สึกตัวพี่แกจะรุมๆ    กินกันไว้ก่อนไม่เสียหาย


ที่เบิ้มแดกยาด้วยสีหน้ามีความสุข ยามันขมนะพี่มึงจะยิ้มอะไรกันนักกันหนา เลยอดที่จะถามไม่ได้

“ยิ้มอะไรของคุณ”


“ผมดีใจที่คุณเป็นห่วงผม เตรียมยามาให้ผมด้วย” กูกลัวแขนมึงเน่าเหอะแล้วก็จะมาโทษว่ากูเป็นต้นเหตุ


“งั้นกลับกับเลยนะครับ ผมต้องกลับไปทำงานต่อส่วนคุณก็ควรจะนอนต่ออีกสักหน่อย”


“โอเค” นานๆจะว่าง่ายสักที แสดงว่าคงเหนื่อยจริงๆ







      เมื่อขับรถผ่านตลาดตาก็เหลือบเห็นรถขายขนมโตเกียวที่จอดขายอยู่หน้าตลาด  ใช่! พี่เบิ้มมึงต้องได้ลอง
รับรองอะเมซิ่งไทยแลนด์  ขนมโตเกียว ที่โตเกียวไม่มีขายแต่มีขายที่เมืองไทยนะ!

และเมื่อมองเข้าไปในตลาด อ่ะนั้นไง ลอดช่องสิงคโปร์!  ที่สิงคโปร์มีขายรึป่าวไม่รู้ต้องถามอีซูซี่ แต่ที่แน่ๆไทยแลนด์อ่ะมีขาย..
และก็เหมือนเคยพี่เบิ้มก็แดกได้อย่างเอร็ดอร่อย พร้อมความงุนงงและคำถามถึงที่มาของชื่อขนม   ซึ่งผมก็ให้คำตอบไม่ได้ ไว้ค่อยไปถามอากู๋ทีหลัง  เอาเป็นว่าของมันอร่อยก็แดกๆไปเหอะน่า


“คุณอยากทานเหรอครับ” ผมเห็นพี่เบิ้มจ้องข้าวเหนียวมะม่วงไม่วางตา


“ครับ ผมชอบ ข่าว เนียว มา ม่วง” เอิมมม แดกไปตั้งหลายครั้งเรียกชื่อไม่ถูกสักทีสิน่า


พี่เบิ้มได้ข้าวเหนียวมะม่วงมาสองกล่อง จากนั้นก็ถือโอกาสพาพี่เบิ้มเดินเที่ยวที่ตลาดซะเลยไหนๆก็มาแล้ว และนี่ก็เป็นครั้งแรกที่พี่เบิ้มได้มาเดินตลาดสด พี่แกก็ดูจะตื่นเต้นไม่น้อยและก็ถามผมไม่หยุดเมื่อเห็นผักหรือผลไม้ที่แปลกตา


“ป้านด อันนี้คืออะไรครับ” ขนุนไง ที่ลอนดอนไม่มีเรอะ     ว๊าย เชยยย


“Jackfruit อยากลองทานมั้ยครับ” ขนุนที่แม่ค้ากำลังแกะเพื่อแพ็คใส่ถุงสีเหลืองอร่ามดูน่ากิน แต่ผลไม้ที่มีกลิ่นแรงมักจะเป็นของแสลงสำหรับชาวต่างชาติ


“จิมได้เน้อ(ชิมได้นะ)” จากนั้นคุณป้าแม่ค้าก็ยื่นขนุนที่แกะเมล็ดออกแล้วให้กับพี่เบิ้มอย่างใจดี


“ลองชิมดูครับ ฟรี”  พี่เบิ้มหันมามองหน้าผมด้วยสีหน้าลังเล ผมจึงแปลให้อีกครั้งหนึ่ง


“ข่อบคุณขับ” พี่แกจึงเอ่ยขอบคุณด้วยสำเนียงที่เรียกรอยยิ้มจากคุณป้าแม่ค้ารวมไปถึงแม่ค้าแผงข้างๆด้วย

จากนั้นเหล่าบรรดาคุณป้าแม่ค้าก็ต่างลุ้นตัวโก่งว่าพี่เบิ้มจะถูกใจกับขนุนชิ้นนี้มั้ย  ลุ้นยิ่งกว่าลุ้นหวย!

“เป็นไงคุณ ทานไม่ได้ก็ไม่ต้องฝืนนะครับ”


“อะล่อย” หืม อร่อย?!


จากนั้นป้าๆแม่ค้าก็พากันปรบมือเกรียว ถูกอกถูกใจที่ฝรั่งกินขนุน!


“ป้าหื้อ ฟรี (ป้าให้ ฟรี)” จากนั้นป้าแม่ค้าก็ยื่นถุงขนุนให้กับพี่เบิ้ม


“No No” พอได้ยินคำว่าฟรีพี่เบิ้มก็เข้าใจความหมายได้ทันที จึงรีบปฏิเสธพร้อมกับยื่นแบงค์ยี่สิบให้กับแม่ค้าเพราะบนถุงที่ใส่ขนุนเขียนราคาไว้ตัวปากกาเมจิกสีน้ำเงินตัวเท่าบ้าน


“ไม่เป็นไรคุณรับไปเถอะเป็นน้ำใจของชาวบ้านที่นี่”


“ขอบคุณขับ” พี่เบิ้มเอ่ยขอบคุณพร้อมกับพนมมือไหว้อย่างสุดความสามารถ  เรียกรอยยิ้มจากป้าๆแม่ค้าได้อีกหน
..รวมถึงผมด้วย มองแล้วก็น่าเอ็นดูดีแฮะ!


“ขอบคุณนะครับป้า” ผมเอ่ยขอบคุณแม่ค้าขายขนุนอีกครั้ง


“บะเป็นหยังๆ น้องโจคดีเน้อมีแฟนหล่อขนาด (ไม่เป็นไรๆ หนูโชคดีนะมีแฟนหล่อมากเลย)”


“เปื้อนผมครับบะใจ่แฟน (เพื่อนผมครับไม่ใช่แฟน)” ทำไมต้องคิดว่าพี่เบิ้มเป็นแฟนผมด้วยวะ


“บะต้องอายๆ บะเด่วนี้ป้อจายกับป้อจายคบกันเป็นเรื่องปกติ ป้ามัก (ไม่ต้องอายๆ สมัยนี้ผู้ชายกับผู้ชายคบกันเป็นเรื่องปกติ ป้าชอบ)” ครับเป็นเรื่องปกติ แต่ผมไม่ได้เป็นแฟนกับพี่เบิ้มงายยยย

  แล้วป้าก็คงเป็นสาววายรุ่นเดอะสินะ หน้านี่ฟินเชียว


“ฝรั่งหยังมาหล่อแต้หล่อว่า เอานี้ไปจิมตวยป้าหื้อ (ฝรั่งอะไรหล่อมากกกกก เอานี้ไปชิมด้วยป้าให้)” ครับ!แล้วป้าแผงๆข้างก็ชื่นชมความหล่อของพี่เบิ้มด้วยปลาสลิดแดดเดียว!  โอ้ยยยยยป้า

จะปฏิเสธก็กลัวจะเสียน้ำใจก็ป้าแกเล่นเอาถุงที่ใส่ปลาสลิดแดดเดียวคล้องที่ข้อมือของผมให้เสร็จสรรพ     จากนั้นแม่ค้าแผงอื่นๆก็พากันกรูเข้ามาพร้อมกับน้ำใจคนละถุงสองถุง  มาหมดครับพืชผักสวนครัว หมูหมากาไก่!

แต่เดี๋ยวๆ คุณป้าขายดอกไม้ไม่ต้องก็ได้มั้ง พวงมาลัยดอกมะลิคล้องคอให้ด้วยคือไร? นี่มึงเป็นขวัญใจแม่ยกตลาดรึไง?!

ส่วนอีพี่เบิ้มก็รับของจากป้าๆแม่ค้าด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มผสมกับความมึนงง

..สาบานว่าจะไม่พามึงมาเดินตลาดอีก แม่งตลาดแตกยิ่งกว่าดารามาซะอีก!



กว่าจะหลุดออกจากตลาดได้ แทบตาย!


“คนไทยใจดีนะครับ” เมื่อขึ้นมาบนรถพี่เบิ้มก็เอ่ยด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม


“ครับ ชาวบ้านที่นี่น่ารัก”


“คุณก็น่ารัก”


“...”

อีกแล้วนะ ให้กูได้มีสมาธิขับรถหน่อยเถอะ









“พี่ณตซื้ออะไรมาเยอะแยะ วันนี้จะทำกับข้าวเหรอพี่” บีเอ่ยทักทันทีเมื่อเห็นผมและพี่เบิ้มหิ้วถุงพะรุงพะรังเข้ามาในร้าน


“ช่ายยย มาช่วยพี่คิดหน่อยว่าจะทำอะไรดี” โอ้ยกูเหนื่อยยย กูทำกับข้าวไม่เป็นนน


“อ้าวว  ซื้อของมาตั้งเยอะแต่ยังไม่มีเมนูเนี่ยนะพี่”


“ได้มาฟรีต่างหากล่ะ”


“จริงดิ แต่งงอ่ะ”


“เพราะคนนี้ไง” ผมหันไปทางที่เบิ้มอย่างหมั่นไส้ พี่เบิ้มได้แต่เลิ่กคิ้วอย่างสงสัย เหอะ คนอะไรจะฮอตขนาดแม่ค้าแม่ขายก็ไม่เว้น 


“อ๋อ~  เดี๋ยววันหลังบีพาเจเรมี่ไปตลาดด้วยดีกว่า จะได้ไม่ต้องเสียเงิน”


“งก”


“โด่ว น้อยกว่าพี่ณตหรอกน่า”


“เดี๋ยวเถอะ ไปทำงานเลยเดี๋ยวก็ตัดเงินซะหรอก”


“ไปแล้วจ้าๆ” เหอะ พนักงานมันกลัวผมซะที่ไหนล่ะ 




“ป้านด” ได้ยินกี่ทีๆก็แสลงหูทุกสีสิน่า แต่ก็ยังดีกว่าเรียกว่า ที่รัก ล่ะวะ


“ว่าไงครับ”


“เราจะทำยังไงกับของพวกนี้ดี” พี่เบิ้มหมายถึงของสดของแห้งมากมายที่กองอยู่บนโต๊ะที่ได้มาจากป้าๆแม่ค้าที่ตลาด


“นั้นสิ ผมทำอาหารไม่เก่งซะด้วย”


“แต่ผมทำเก่งนะ งั้นผมจัดการให้เอง”


“จะดีเหรอคุณ”


“ดีสิครับ ผมอยากลองชิมปลาหัวขาด” ปลาหัวขาด!  เขาเรียกปลาสลิดแดดเดียวพี่มึง


  ..โธ่ ความฝรั่งเขาล่ะ  แต่ก็น่าเอ็นดูดีแฮะ!


“ต้องเอาทอดครับถึงจะอร่อย”


“ครับ เดี๋ยวผมจะโชว์ฝีมือให้คุณดูเอง”  จ๊ะ กูก็อยากรู้เหมือนว่าคนที่ทำอาหารเป็นแต่ไม่เคยทำอาหารไทยแล้วต้องมาเจอวัตถุดิบอย่างไทยๆ มึงจะไปรอดมั้ย


“แต่ผมว่าตอนนี้คุณไปนอนพักก่อนเถอะ” เพราะหน้าพี่มึงตอนนี้โคตรเพลีย ถ้าหน้ามืดเป็นลมล้มพับขึ้นมาตัวเบิ้มเท่าควายเผือกขนาดนี้กูแบกพี่มึงไม่ไหวหรอกนะ


“ก็ได้ครับ ถ้างั้นห้าโมงเย็นเราไปยิมด้วยกัน แล้วเราชวนเพื่อนๆคุณมาทานข้าวด้วยกันดีมั้ยครับ” เหอะ ชวนมาทานหรือชวนมาช่วยทำกับข้าวกันแน่


“ตามใจคุณครับ”


“ที่รัก น่ารักที่สุด”   เกลียดมึง!












   ห้าโมงเย็นยังไม่เห็นพี่เบิ้มโผล่มาสักที รออีกสักนิดละกัน..

ห้าโมงครึ่งแม้แต่เงาก็ยังไม่เห็น ทำอะไรอยู่วะ เดี๋ยวกูก็ไปก่อนซะเลยหนิ

จะหกโมงแล้ว คนตรงเวลาอย่างที่เบิ้มไม่น่าเลท  หรือว่าจะตกส้วม!


“ก๊อกๆ”


“...”  เงียบ


“ก๊อกๆๆ”


“...” เงียบอีก


“เจเรมี่”


“...”  ผมลองโทรหาพี่เบิ้มได้ยินเสียงโทรศัพท์จากด้านในห้องแต่ไม่มีคนรับสาย

   
   ฉิบหาย หรือมึงจะตกส้วมจริงๆ   เฮ้ย หรือจะไหลตายวะ!


“เจเรมี่ๆ” ผมกระหน่ำเคาะประตูไม่หยุด จนในที่สุดเจ้าของห้องก็เปิดประตูด้วยใบหน้าที่ซีดเผือด


“ที่รัก” อ่าน้ำเสียงช่างแหบแห้ง


“คุณไม่สบายเหรอครับ” ไม่รอช้าผมรีบแตะหลังมือทบนหน้าผากของคนตัวสูงทันที   ร้อน!


“ผมโอเค”  โอเคกับผีน่ะสิ จะอวดเก่งไปถึงไหน


“ตัวคุณร้อนมาก เดี๋ยวผมจะเช็ดตัวให้คุณ”


“แล้วยิม กับอาหาร...” เอาตัวเองให้รอดก่อนเหอะ เสียงพูดแทบจะไม่มี ตัวก็ร้อนอย่างกับไฟ


“วันนี้พักก่อนครับ” ผมประคองพี่เบิ้มไปนอนที่เตียง จากนั้นก็ค้นหาอุปกรณ์ที่จะใช้เช็ดตัว ซึ่งแน่นอนว่าไม่มี!


“เดี๋ยวผมมานะคุณ ไม่ดีกว่า คุณลงบันไดไหวมั้ย ผมว่าคุณไปพักที่บ้านผมดีกว่า” จะเสียเวลาขึ้นลงทำไม พาพี่เบิ้มไปนอนที่บ้านผมก็สิ้นเรื่อง อุปกรณ์อะไรก็ครบครัน


“ครับ” พี่เบิ้มตอบรับด้วยเสียงอันแหบแห้งพร้อมกับรอยยิ้มดีใจที่แสนจะแห้งผาก  มึงก็ยังจะฝืนยิ้มเนาะ
 

“เอกมาช่วยพี่พาเจเรมี่ไปที่บ้านหน่อย” เมื่อลงบันไดจนถึงชั้นล่างผมก็เรียกให้เอกมาช่วยทันที  คนเดียวไม่ไหวหรอก  เพราะนี่มันควายเผือก!


“เขาเป็นไรอ่ะพี่”


“เป็นไข้ เร็วๆ” อย่าเพิ่งถามรีบมาช่วยกูก่อน  ขากูอ่อนหมดแล้วเนี่ย






“คุณเช็ดตัวหน่อยนะครับ” คนป่วยตอนนี้หมดแรงแม้แต่จะพูดได้แต่พยัคหน้าให้เบาๆ ถึงจะแข็งแรงแค่ไหนยังไงก็คน มีวันที่ป่วยได้เหมือนกันนั่นแหละน้า


   ผมค่อยๆเช็ดไปตามท่อนแขนแข็งแรง จากนั้นก็ย้ายไปที่แขนอีกข้างที่มีรอยแดงจากเหตุการณ์เมื่อคืน
เมื่อเห็นรอยแดงผมก็รู้สึกผิดขึ้นมาทันที นี่คงเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้พี่เบิ้มป่วย เมื่อคืนคงจะปวดแผลน่าดูแทนที่จะได้พักกลับต้องมาทำงานโต้รุ้ง แถมยังดื้อไม่ยอมนอนให้ผมพาไปกินข้าวจนได้ แต่ก็คงโทษพี่เบิ้มไม่ได้..เพราะผมเองที่ใจอ่อน


“ผมถอดเสื้อคุณนะครับ” แม้คนป่วยไม่พูดแต่ก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี จากนั้นผมก็ค่อยๆถูผ้าไปตามหน้าท้องที่เต็มไปด้วยมัดกล้าม  ไล่ขึ้นมาเรื่อยๆจนถึงแผงอกกำยำ ความร้อนของผิวกายเพราะพิษไข้ซึมเข้ามาในผืนผ้าทำให้หัวใจของผมเต้นรัวอย่างน่าประหลาด..

ผมจับให้พี่เบิ้มนอนตะแคงเพื่อเช็ดที่หลัง นี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้เห็นรอยสักบนแผ่นหลังนี้ใกล้ๆ

‘Follow your heart’     คำนี้คงจะความหมายพิเศษสำหรับพี่เบิ้มแน่ๆ

ผมจ้องมองตัวหนังสือบนแผ่นหลังนั้นอยู่นาน แล้วก็เหมือนมีแรงดึงดูดบางอย่างให้ผมค่อยๆลูบไล้ตัวหนังสือด้วยปลายนิ้วบนแผ่นหลังนั้นเบาๆ  อืมม..มันเป็นสัมผัสที่ผมก็อธิบายไม่ถูกเหมือนกัน


ไม่รู้สิ มันเหมือนว่าผมอยากจะลองรู้จักผู้ชายคนนี้ให้มากขึ้นกว่านี้ เผื่อลึกๆแล้วความรู้สึกของผมอาจจะไปในทิศทางเดียวกันกับพี่เบิ้มก็ได้..


“อืมมม”  ตายห่า ผมเผลอลูบรอยสักอยู่นาน จนพี่เบิ้มร้องครางออกมาเบาๆ


“ใส่เสื้อนะคุณ”


“คุณชอบรอยสักของผมเหรอที่รัก”


“ชู่ววว” เงียบเหอะพี่มึง เสียงไม่มีแล้วยังจะพูดมากอีก

รู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเองเลยแฮะ จากนั้นผมก็เช็ดตัวให้คนป่วยอย่างลวกๆ ก่อนจะหนีออกมาสูดอากาศข้างนอก

..ทำไมหัวใจถึงรู้สึกสับสนแบบนี้วะ?!











“เจเรมี่”


“อืออ”


“ทานข้าวครับจะได้ทานยา”


“ผมไม่หิวครับ ขอทานยาเลยได้มั้ย”


“ทานยาตอนท้องว่างได้ยังไงกันครับ ฝืนใจกินสักหน่อยนะ”


“คุณจะป้อนผมใช่มั้ยครับ”


“ครับ” ก็ต้องเป็นแบบนั้นสิ  ก็มึงเปลี้ยขนาดนี้กูไม่ใจร้ายขนาดนั้นหรอกน่า


พอได้ยินว่าผมจะป้อนให้พี่เบิ้มก็ลุกขึ้มานั่งพิงหัวเตียงอย่างว่าง่ายทันที..ป่วยการเมืองป่าวว่ะ?


“เอ่อ จับมือผมทำไมครับ”


“ผมต้องการกำลังใจ” นี่หรือคนป่วย?  ถ้ามีแรงจับมือกูได้ขนาดนี้ มึงก็จับช้อนตักข้าวเข้าปากเองเหอะ   แต่ที่ไม่สะบัดมือออกเพราะมึงป่วยหรอกนะ!

การป้อนข้าวพี่เบิ้มเป็นอะไรที่ยากลำบากมากครับ มือข้างหนึ่งก็ถูกมือหนาจับไว้แน่น บางทีก็ยกขึ้นมาลูบหลังมืออย่างกับมือผมเป็นหัวหมา    ส่วนอีดวงตาคู่สีเทาก็จ้องหน้าผมซะทำตัวแทบไม่ถูก ถ้าจะจ้องกูขนาดนี้ มึงกลืนกูลงท้องไปเลยเหอะ!


“คืนนี้คุณจะนอนกับผมใช่มั้ยครับ”


“ครับ”


“นอนบนเตียงด้วยกันใช่มั้ยครับ”


“ไม่ครับ”


“อ่า แต่ไม่เป็นไร นอนด้วยกันเดี๋ยวคุณจะติดไข้จากผม” จ๊ะ ถ้ากูติดก็คงติดไปนานละ ก็แม่งนั่งติดกูขนาดนี้แถมยังยื่นหน้ามาใกล้แทบจะเป็นหน้าเดียวกันอยู่แล้ว..สิงกูเลยมั้ยล่ะ?!!


“เจ็บคอมั้ย?”


“เจ็บครับ”


“ถ้างั้นก็เลิกพูดสักทีครับ” กูป้อนคำหนึ่งมึงก็ถามคำถามหนึ่ง เสียงแหบเหมือนเสียงเป็ดแม่งรำคาญหู


“ที่รัก~” อย่ามาตีหน้าเศร้า คิดว่าป่วยแล้วจะได้ผลเหรอ ฝัน!


“อิ่มแล้วใช่มั้ยครับ ถ้างั้นก็กินยาครับ”


“ขอบคุณนะครับที่รัก” ความร้อนจากริมฝีปากที่สัมผัสลงมาบนฝามือของผม ทำให้หัวใจของผมร้อนวาบขึ้นมาอย่างน่าประหลาด..









     วันนี้ผมปิดร้านเร็วและเคลียร์ทุกอย่างเสร็จไวกว่าปกติ เพราะกลัวคนป่วยที่นอนซมอยู่ที่บ้านจะตายห่าไปซะก่อน

เมื่อกลับมาที่บ้านพี่เบิ้มก็ยังคงนอนซมเพราะฤทธิ์ยาและพิษไข้ ผมจึงรีบจัดการธุระส่วนตัวของตัวเองให้เรียบร้อย จากนั้นจึงเช็คอาการคนป่วยอีกครั้ง


“อืออ กลับมาแล้วเหรอที่รัก” พี่เบิ้มรู้สึกตัวเมื่อผมเปิดไฟในห้องนอน


“เป็นยังไงบ้างครับ”


“ดีขึ้นครับ ไม่ปวดหัวแล้ว” ผมแตะที่แก้มของป่วยเพราะที่หน้าผากมีแผ่นเจลลดไข้แปะอยู่ ตัวไม่ร้อนเท่ากับตอนแรกดูเหมือนไข้จะลดลงแล้ว  สีหน้าก็ดูสดชื่นขึ้นเล็กน้อย แต่น้ำเสียงยังคงแหบแห้ง


“แต่เสียงของคุณไม่ดีขึ้นเลย เดี๋ยวผมหาอะไรอุ่นๆมาให้ดื่มดีมั้ยครับ”


“โอเค”


น้ำอุ่นผสมน้ำผึ้งมะนาวน่าจะช่วยให้ชุ่มคอได้ดีที่สุดในเวลานี้  ผมค่อยๆถือแก้วอย่างระมัดระวังที่สุดเพราะกลัวว่าเหตุการณ์เหมือนเมื่อคืนจะเกิดขึ้นซ้ำสอง

 
“ดื่มสักหน่อยนะครับ”


“ขอบคุณครับ...คุณรู้มั้ยนี่คือการป่วยในรอบสิบปีของผมเลยนะ แต่ผมรู้สึกดีมากเลยเพราะมีคุณดูแลอยู่ข้างๆมันทำให้ผมไม่อยากหายป่วยเลยล่ะ”


“...” มึงมันบ้า คนอะไรไม่อยากหายป่วย

   
“ที่รักคุณจะไม่ขึ้นมานอนบนเตียงกับผมจริงๆเหรอครับ”


“ไม่ล่ะครับ นอนเบียดกันเดียวคุณจะไม่สบายตัว”


“แต่ผมหนาว” มึงก็ห่มผ้าสิ


“เดี๋ยวผมเอาผ้าห่มมาเพิ่มให้ครับ”


“สัมผัสจากมนุษย์เป็นสัมผัสที่อุ่นที่สุดนะครับ” มึงอยากห่มหนังคนเรอะ?!


“...”


“นะครับที่รัก ขึ้นมานอนให้ความอบอุ่นแก่ผมหน่อย”


“...” อะไรคือความป่วย อะไรคือความเจ็บคอ ฮึ  เซ้าซี้จริง


“ที่รัก...”


“ชู่ววว” พอ! กูเกลียดเสียงแหบของมึง


   จากนั้นผมก็หยุดคนป่วยที่พูดมากด้วยการซุกตัวเองลงใต้ผ้าห่มผืนเดียวกับพี่เบิ้ม พร้อมกับกอดให้ความอบอุ่นอย่างที่คนป่วยต้องการพร้อมกับหัวใจที่ไหวหวั่น..

แล้วมันก็ได้ผลเพราะคนป่วยหุบปากลงทันทีแต่ใบหน้านั้นเต็มไปด้วยรอยยิ้ม เห็นแล้วก็น่าหมั่นไส้ 


..ความอบอุ่นจากมนุษย์อะไรกัน รู้ทั้งรู้ว่านี่เป็นแค่ข้ออ้างของพี่เบิ้มแต่สุดท้ายผมก็ยอมกอดแต่โดยดี..มันเพราะอะไรกันน้า?!





  TBC.

………………………………………………………………

 มาแล้ว..และก็มาช้าอีกเช่นเคย เค้าขอโต๊ด T_T
 ป้านดของเราเริ่มหวั่นไหวแล้วเน้อ^^





ออฟไลน์ BABYBB

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1123
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
ป้านดน่าร้ากกกกกกก เจเรมี่ก็น่าร้ากกกกกกกกก :impress2:

ออฟไลน์ golove2

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +277/-6
อยากได้แบบพี่เบิ้มบ้างอ่ะป้านด


 :L2: :L2:

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
พี่เบิ้มนี่ร้ายจริงๆ ขอบอก แต่ป้านดก็ทำอะไรไม่ได้ต้องตามใจ น่ารักฝุดๆ คู่นี้
 :mew3: :mew3:  :mew3:

ออฟไลน์ patompong888

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 113
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0


่  คนป่วยน่ารัก คนดูแลคนป่วยก็น่ารัก  :katai2-1:





CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ fairy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 31
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0

ออฟไลน์ skykick

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 59
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0

 เป็นคู่ที่น่ารักมากกก :katai2-1:






ออฟไลน์ กาแฟมั้ยฮะจ้าว

  • Let me hug you tight, and I’ll make you feel how important you are.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +570/-0
ขอบคุณครับ +1 ให้กำลังใจคนเขียนครับ o13

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7697
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12

ออฟไลน์ MA_LEE

  • เป็ดหัดเขียน
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 74
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0


บทที่11 ใจบางๆ






“ที่รัก”


“...”  เสียงใคร?  น่ามคาน!


“ที่รัก ตื่นได้แล้วครับ”


“อื่อ” ตัวอะไรมาไต่ที่แก้มวะ คนจะหลับจะนอน วุ่นวายกูจริงเชียว


หนัก!  ขยับตัวไม่ได้!  …ผีอำ!!


     เฮือกกก!..


“คุณจะทำอะไร?!”  ไอ้สัดไม่ใช่ผี แต่เป็นควาย  ควายเผือกมันกำลังนั่งทับบนตัวกู!


“ปลุกคุณไงที่รัก” ไอ้ควายยย  ใครเขาปลุกด้วยการขึ้นมานั่งค่อมกันแบบเน้!

ยัง..ยังไม่ยอมลงจากตัวกูอีก แถมหน้าตาก็หน้าก็ระรื่นสุดๆ อยากตบให้คว่ำนัก แต่ทำไม่ได้ไงก็ควายมันนั่งทับอยู่   ฮึม


“ลุกออกจากตัวผมได้แล้วคุณ”


“ตัวผมหนักเหรอคุณ” ก็เออสิวะ  กล้าถามมมม 

ผมได้แต่กลอกตา ทำหน้าบอกบุญไม่รับสุดขีดพี่เบิ้มถึงยอมลุกออกจากตัวผม แต่ก็ยังเนียนนอนกอดแขนผมไม่ยอมปล่อย


“หายดีแล้วเหรอคุณ” ดูจากสีหน้าที่ระรื่นเกิดเหตุกับการกวนประสาทแต่เช้าแบบนี้คงจะหายดีเป็นปลิดทิ้งแล้วล่ะ


“ดีขึ้นมากครับ แต่ไม่รู้ว่าตัวยังร้อนอยู่มั้ย คุณเช็คให้หน่อยสิครับ” คิดว่าสายตาออดอ้อนมันเข้ากับสารร่างถึกๆของมึงรึไง?


“ไม่ร้อนแล้วครับ” ผมแตะที่หน้าผากของพี่เบิ้มเบาๆ คือจริงๆไม่ต้องเช็คดูก็ได้ก็พี่แกเล่นกอดแขนผมซะแน่นขนาดนี้ก็รู้แล้วว่าตัวร้อนหรือไม่ร้อน


“เช็คแบบนี้มันก็ไม่รู้เรื่องสิครับ มันต้องทำแบบนี้..” จากนั้นพี่เบิ้มที่นอนกอดแขนผมอยู่ข้างๆก็เลื้อยขึ้นมาบนตัวผมก่อนจะแนบหน้าผากจรดลงกับเรียวปากของผมที่ตอนนี้นอนตายซากเป็นสากกระเบือ


“...”


“เป็นไงครับ ตัวผมยังร้อนอยู่มั้ย”  ร้อน!  หน้ากูนี่แหละร้อน ใครก็ได้ช่วยดับไฟที่หน้าผมด้วยยยยย


“พอเลยคุณ ผมจะไปอาบน้ำ” ผมใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดที่เหลืออยู่ดันอีควายเผือกให้ออกไปให้พ้นตัว ไม่อย่างนั้นผมตายแน่ๆ..ไม่ไหวๆ หัวใจผมมันกำลังทำงาหนักเกินไป


“อาบด้วย”


“เจเรมี่ เลิกล้อเล่นได้แล้ว”

เมื่อเห็นสายตาที่จริงจังของผมพี่เบิ้มก็หน้าหงอลงทันทีก่อนจะล้มตัวลงนอนอีกรอบพร้อมกับห่มผ้าจนมิดหัว

ให้ตาย! นี่มันทำคุณบูชาโทษชัดๆ กูเฝ้าไข้คอยลุกมาเช็ดตัวให้มึงทั้งคืนแถมยังต้องมาเป็นหมอนข้างให้มึงกอดถึงเช้า ตื่นแล้วยังกวนประสาท แล้วตอนนี้มึงมางอนกูเนี่ยนะ  ฝันไปเหอะว่ากูจะง้อ!


อ้าว! มึงก็เดินไปห้องน้ำสิวะไอ้ณต  มึงจะเดินกลับมาที่เตียงทำไม?! 


“คุณ”


“...”


“ทานอะไรดีครับเช้านี้” อย่างควายเผือกก็ต้องเอาของกินเข้าล่อ


“...” เงียบ  ผมจึงเดินมาที่ข้างเตียงก่อนจะหย่อนตูดนั่งลงบนพื้น  ..แล้วทำไมกูต้องง้อกูต้องแคร์มึงด้วยเนี่ย?!   บ่เข้าใจเลย??


“คุณณณ” สะกิดก็แล้วเขย่าก็แล้วมันก็ยังนิ่ง หรือว่าจะขาดใจตายหมกอยู่ในผ้าห่มวะ


ผมจับปลายผ้าห่มค่อยๆเลื่อนมันลงมา แล้วใบหน้ากลั้นยิ้มของไอ้ควายเผือกก็ปรากฏสู่สายตา


  ..ไอ้พี่เบิ้ม มึงแกล้งกู!


“เดี๋ยวสิที่รัก” ที่รักพ่อง กูเกลียดมึง! 


“ปล่อยครับ” ผมรีบสะบัดข้อมือออกจากฝ่ามือหนาที่แข็งแรงประดุจดั่งคีมตัดเหล็กผสมกับแรงควายเผือก คิดเหรอว่าจะหลุด..ก็ไม่หลุดน่ะเซ่!


“อย่าโกรธผมเลยนะครับ ก็คุณน่ารักแบบนี้ไงผมถึงอยากแกล้ง” ว่าแล้วพี่แกก็กระตุกข้อมือผมเพียงน้อยนิดตัวผมก็ลงไปซบแหมะอยู่บนอกหนาของไอ้ควายเผือก   ฮือออ  กูสู้มึงไม่ได้เลย T_T


   
       เอาล่ะ..กูยอมแพ้ 


“คุณต้องการอะไร”


ต้องการคุณ


“ผะ ผมก็อยู่นี่ไง จะต้องการอะไรอีก” กูเกยอยู่บนอกให้มึงจ้องตาอยู่เนี่ย  ให้ตาย!


ทั้งตัวและหัวใจ


“...” 


“ที่รักผมชอบคุณ..ไม่สิผมรักคุณ ยิ่งคุณดูแลตอนผมป่วยผมยิ่งรักคุณ คุณห่วงผม คุณน่ารัก คุณใจดี บางทีคุณก็ตลก ยิ่งตอนที่คุณทำหน้าเหวอหรือหน้าเหวี่ยงเวลาที่ผมแกล้งคุณมันยิ่งน่ามอง และน่ามองและน่ารักมากขึ้นไปอีกตอนที่คุณเขินจนหน้าแดงเหมือนตอนนี้ไงครับ..ที่รัก”


“...” ใช่ผมกำลังหน้าแดง และกำลังเขินสุดๆ ก็ใครเล่นให้พี่มึงบอกรักกันโต้งๆแบบนี้กันเล่า  และโดยเฉพาะน้ำเสียงที่เอ่ยออกมามันลึกซึ้ง อ่อนโยนแต่ทว่ากลับดูจริงจัง ไม่มีแววขี้เล่นเลยสักนิด  และลมหายใจที่เป่ารดอยู่ข้างหูมันทำให้หัวใจเต้นแรงเป็นบ้า!


“ผมจีบคุณอยู่นะครับ บอกอีกครั้งเผื่อคุณจะลืม”


“ผะ ผมรู้” กูไม่ได้ลืม แต่แค่ไม่อยากจะเชื่อแค่นั้นเอง


“ชอบกันบ้างยัง?”


“...” ชอบเหรอ? ไม่รู้สิ จะบอกยังไงดีล่ะ


“ที่รัก บอกผมหน่อยได้มั้ยครับ ว่าคุณรู้สึกยังไง”


“ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน”


“...”


“ผมไม่ได้รังเกียจคุณนะ แต่ชอบหรือป่าวนั้นผมก็ไม่รู้ คงต้องรู้จักคุณให้มากกว่านี้มั้งถึงจะตอบได้ว่าชอบรึป่าว” อ่า พูดไปแล้ว..


“หมายความว่า..คุณจะลองศึกษาผมให้มากกว่านี้  คือ..เปิดใจให้ผมใช่มั้ยครับ” น้ำเสียงนั้นช่างตื่นเต้น


“...” แบบนั้นละมั้ง ดูๆกันไปก่อนอะไรทำนองนั้น ก็กูไม่เคยมีแฟนมาก่อนนี้หว่า ไม่เคยจีบใคร แล้วก็ไม่เคยมีใครมาจีบด้วยเลยไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงบ้าง

และจริงๆแล้วความรักมันคืออะไร ผมก็ยังไม่ค่อยเข้าใจมันเท่าไหร่..


“ที่รักตอบผมหน่อย”


“ประมาณนั้นครับ”


“Thank God! ” ดีใจขนาดขอบคุณพระเจ้าเลยเหรอวะ กูยังไม่ได้ตกลงเป็นแฟนกับมึงสักหน่อย แค่เปิดใจเฉยๆนะ


“แต่ผมขออะไรอย่างหนึ่ง คุณอย่าถึงเนื้อถึงตัวผมมากได้มั้ย ผมยังไม่ได้เป็นแฟนคุณสักหน่อย”


“ก็ผมดีใจ อยากฟัดคุณจะแย่” ไอ้ห่า ตอนนี้มึงก็กำลังทำอยู่! หน้ามึงจมไปในซอกคอกูแล้ววววว

ทำไมคำพูดกับการกระทำของมึงมันถึงสวนทางกันวะ


“Stop!” โอ้ยยย ตัวกูอ่อนยวบไปหมดแล้วเนี่ย  หยุดเหอะพี่เมิงงง


“โอเคๆ ผมจะไม่ทำแบบนี้อีกถ้าคุณไม่อนุญาต” 


“ดีครับ ถ้างั้นก็ปล่อยผมได้แล้ว”


“แต่..”  แต่ คำนี้ช่างน่ากลัว


“...”


“มัดจำไว้ก่อนนะครับ” 


     ..มัดจำด้วยลิ้น! 

  มันคือจูบ จูบที่ไม่เหมือนครั้งก่อนๆที่พี่เบิ้มเคยจูบผม ไม่ใช่แค่ปากชนปาก

มันคือจูบที่ลึกซึ้งวาบหวามเรียวลิ้นร้อนที่สอดเข้ามาในโพรงปากของผมไม่ต่างจากการเกี่ยวสัญญาว่าผมคิดที่จะเปิดใจแล้วจะถอยอีกไม่ได้แล้ว..อ่า แบบนี้สินะที่เรียกว่าจูบ มีใครเคยตายเพราะจูบบ้างมั้ย?

ถ้ายังไม่มี ผมน่าจะเป็นคนแรกที่ตายเพราะจูบ..ร่างกายตอนนี้นอนแน่นิ่งเหมือนถูกสูบวิญญาณออกจากร่างและทุกอณูของร่างกายก็พร้อมจะระเบิดได้ทุกเมื่อ..


..ผมกำลังจะตาย  อาเมน














“ที่รัก นี่มันปลาหัวขาดนี่” มึงจะดีใจอะไรเบอร์นั้น ปลาสลิดแดดเดียวกินกับข้าวต้มนี่แหละเหมาะสุด


“ปลา  สลิด  แดด  เดียว”


“ป่า สลิ่ด แด่ด เดี๋ยว”


“โอเค ปลาหัวขาด”  กูยอม


“คุณทอดเอง?”  เหอะ ถ้ากูทอดเองไม่เละก็ไหม้


“ป่าวครับ ผมให้ป้าแม่บ้านทอดให้” ผมพูดพร้อมกับแกะเนื้อปลาแล้ววางในชามข้าวต้มของพี่เบิ้ม

..ไม่ได้ใส่ใจแค่อยากให้ลองชิม อย่าคิดมากกันนะครับ 


“อืมมม ปลาหัวขาดอร่อย รสคล้ายๆแซลมอนรมควัน”  ลิ้นมึงเสียเรอะ?


“ค่อยๆทานครับ ระวังก้างด้วยคุณ”


“ที่รัก~ คุณเป็นห่วงผม” กูกลัวก้างติดคอมึงแล้วมาตายห่าในบ้านกูต่างหากล่ะ สวาปามไม่สมกับเป็นผู้ดีอังกฤษเลยสักแอะ   ไอ้ฝรั่งเสินเจิ้น!


“ยังเจ็บคออยู่มั้ยคุณ”


“นิดหน่อยครับ”


“งั้นก็อย่าดื่มน้ำเย็นสิคุณ”


“sorry ผมเผลอ”


“ยิ้มอะไรองคุณ” ปลาหัวขาดมันอร่อยขนาดนั้นเลยเหรอวะ


“ผมมีความสุข”


“...”


“นานแล้วที่ไม่มีคนคอยใส่ใจผมแบบนี้”


“เอ่อ..” อยากถามแต่ก็ไม่กล้า..


“คุณถามผมได้ที่รัก คุณมีสิทธิ์ที่จะรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับตัวผม”


“...” ได้ฟังแบบนี้ยิ่งพูดอะไรไม่ออก กูสำคัญขนาดนั้นเลยเหรอวะ..อ่า ใจเต้นแรงจัง


“ให้ตาย! ที่รักคุณเขินแล้วน่ารักเป็นบ้า แก้มคุณแดงเหมือนเชอร์รี่ ”


“...” ยิ่งมึงพูดหน้ากูก็ยิ่งร้อน จากหน้าแดงเดี๋ยวก็คงจะเป็นหน้าดำ


“เชอร์รี่ ผมจูบนะครับ” เชอร์รี่! แต่ละชื่อที่มึงเรียกกูฟังแล้วไม่รื่นหูเลยสักนิดให้ตายสิ 

แต่เดี๋ยวนะ ประเด็นมันไม่ได้อยู่ที่ชื่อป่าววะ เมื่อกี้พี่เบิ้มมันขออะไรนะ  ..จูบ!


“No!”


“ทำไมล่ะครับ ผมขออนุญาตคุณแล้วนี่ครับ”


“แต่ผมไม่อนุญาต” มึงจะบ้าเรอะ ขอก่อนแล้วใช้ว่ากูจะยอมนะเว้ย


“ก็ได้ครับ” อย่ามาทำเสียงอ่อย กูไม่ใจอ่อนหรอก


“รีบทานข้าวเลยคุณจะได้ทานยา” เดี๋ยวไข้มึงกลับก็ลำบากกูอีก


“คุณไม่ถามเรื่องของผมแล้วเหรอครับ”


“ทานข้าวก่อนเถอะครับ” อยากรู้แต่ไม่อยากถาม และยิ่งคุยมึงก็ยิ่งทำให้กูปั่นป่วน


“งั้นเอาแบบนี้ครับ คืนนี้ผมจะเล่าเรื่องของผมให้คุณฟังถึงเช้าเลย” คืนนี้? ถึงเช้า? หมายความว่ามึงจะนอนกับกูอีกแล้วเหรอ?!


“ไม่เป็นไรครับ ไว้ค่อยเล่าก็ได้”


“ไม่ได้ครับ คุณจะได้รู้เรื่องราวเกี่ยวกับผมไงเชอร์รี่” กูเกลียดชื่อนี้ แล้วก็เกลียดตัวเองด้วย..กูปฏิเสธมึงไม่ได้เลยจริงๆ ให้ตาย!















“คุณไม่ไปนอนพักเหรอครับ” ตั้งแต่ผมเปิดร้านพี่เบิ้มก็นั่งอ่านหนังสืออยู่ในร้านไม่ยอมขยับเขยื่อนไปไหน


“ผมเหงา” เพ้ออะไรของมึงอีก หรือว่าไข้จะกลับ?


“คุณเพิ่งจะหายไข้ น่าจะนอนพักอีกสักหน่อย” 


“ถ้าผมไม่เห็นหน้าคุณ ผมต้องไข้ขึ้นอีกแน่ๆ ขออยู่ใกล้ๆคุณแบบนี้นะครับ” ให้ตาย!


“ผมไม่ใช่ยานะคุณ”


“you’re the Tylenol I take when  my head hurts” กูว่าประโยคนี้มันคุ้นๆนะ


“ไม่ใช่ละคุณ นั้นมันเพลง”


“You're the coffee that I need in the morning

You're my sunshine in the rain when it's pouring

You're my water when I'm stuck in the desert

You're the Tylenol I take when my head hurts

You're the sunshine on my life

ทำไงดีกลับลอนดอนผมต้องเป็นบ้าเพราะคิดถึงคุณแน่ๆที่รัก”


มึงร้องเพลงเลยเหอะถ้าจะลอกประโยคในเพลงมาขนาดนี้..แล้วไม่ต้องรอกลับบ้านมึงหรอก ตอนนี้มึงก็บ้าแล้วล่ะ! 



กำลังคิดว่าจะเถียงกับคนบ้ายังไงดี ก็มีคนบ้าเพิ่มมาอีกหนึ่งให้ปวดหัว


“Hi Jeremy”


“Hi Susie”


อีซูซี่เดินเข้ามาสวมกอดพี่เบิ้มโดยเมินผมตามสเต็ป  ..น่าเตะตัดขาให้ร่วง!


“หายไข้รึยังคะ” จากนั้นมันก็วัดไข้พี่เบิ้มด้วยการเอาหน้าผากแนบหน้าผาก..ไม่น่าเตะตัดขาแล้วล่ะ น่าจะตัดขาให้ขาดไปเลยมากกว่า! หมั่นไส้นัก


“หายแล้วครับเพราะมีคนดูแลดีเป็นพิเศษ” ไอ้พี่เบิ้มนี่ก็อีกคนไม่พูดเปล่ามีขยิบตาให้กูด้วย   จกตาบอดแม่ม!


“อุ๊ย ใครเหรอค่ะ” มึงถามได้ตอแหลมาก


“ก็ที่รักของผมไงครับ เขาค่อยเช็ดตัวให้ผมทั้งคืนแล้วเราก็นอนกอดกันถึงเช้า” มึงไม่ต้องสาธยายขนาดนั้นก็ได้มั้ง


“อุต๊ะ แรดไม่เบานะเราน่ะ” แน่นอนว่าพี่เบิ้มฟังไม่ออกเพราะอีซูซี่มันพูดภาษาไทย


“มึงสิแรด”


“คุยอะไรกันครับ” นี่ก็สาระแน ไม่รู้สักเรื่องจะตายมั้ย?


“ณตบอกซูซี่ว่าชอบกอดของคุณค่ะ” กูบอกมึงแรด  นี่มึงแปลออกทะเลจีนใต้แล้วทะลุมาที่กูได้ไงวะ?!


“จริงเหรอครับงั้นคืนนี้เรานอนกอดกันอีกนะครับ”  มึงก็เชื่อ? 


จะบ้าตาย คุยกับคนบ้าแล้วกูประสาทจะแดก..


“แล้วแขนไปโดนอะไรมาคะ” อีซูซี่ถามพร้อมกับลูบรอยแดงนั้นเบาๆ  เห็นแล้วหงุดหงิดว่ะ?!


“อ่อ นี่คือร่องรอยแห่งรัก”  ส่วนไอ้ควายเผือกก็ตอบด้วยความภาคภูมิใจ  เพ้ออะไรของพี่มึง?     


“ร่องรอยแห่งรัก?” อีซูซี่พูดพร้อมกับหันมามองหน้าผมอย่างสงสัย


“พี่แกโดนน้ำร้อนลวก”


“มึงทำ?”


“มันเป็นอุบัติเหตุ”


“มึงมันเลวร้ายมาก ไม่ยอมให้เขาจีบก็ไม่เห็นต้องทำร้ายร่างกายกันแบบนี้ ดูสิแขนล่ำๆแปดเปื้อนหมด” ไปกันใหญ่ล่ะ ได้ฟังที่กูพูดบ้างมั้ยเนี่ย


“หูมึงบอดรึไง กูบอกว่ามันเป็นอุบัติเหตุ”


“ไม่ต้องมาแก้ตัว มึงต้องรับผิดชอบ”  อยากตายมีเพื่อนฟังภาษาคนไม่รู้เรื่อง


“น่ารำคาญ จะให้กูรับผิดชอบอะไรมิทราบ”


“ยอมให้คุณบอสจีบซะดีๆ”


“ก็..ไม่ได้ไม่ยอมหนิ”


“อร๊ายยย จริง?!”


“อือ” เขินโว้ยยย


“อร้ายยย ดีใจเพื่อนจะมีผัวล้าววว” ผัวพ่อง!


แล้วไอ้ชาติก็สติหลุดก่อนจะหันไปยินดีปรีดากับพี่เบิ้มที่นั่งงงเป็นไก่ตาแตกก่อนจะเข้าใจสถานการณ์แล้วจึงกอดอีซูซี่ด้วยความปลื้มปริ่ม 

นี่พวกมึงเข้าใจอะไรผิดรึป่าววะ กูแค่ยอมให้จีบยังไม่ได้ตกลงปลงใจเป็นแฟนสักหน่อย..นี่ถ้ากูยอมเป็นแฟนพวกมึงจะไม่ปิดซอยเลี้ยงเลยเหรอวะ!


จากนั้นผู้มาเยี่ยมไข้ก็ขอตัวกลับไปลุ้นหวยที่บ้าน พร้อมกับกาแฟอีกสองแก้ว คิดว่ามันชื้อเหรอ หึ ฟรี!

พอพูดถึงหวย อีพี่เบิ้มก็มีหวยอยู่สิบใบนี่หว่า ขอให้ได้ขอให้โดนละกัน กูจะได้แดกฟรี   ฮ่า







“เชอร์รี่”


“ผมเกลียดชื่อนี่”


“ที่รัก”


“...” เฮ้อ! อยากเรียกอะไรก็ตามใจพี่มึงเลย


“ผมอยากให้ถึงตอนกลางคืนเร็วๆจัง”


“ทำไมครับ?”


“จะได้นอนกอดคุณไงครับ ตัวคุณนุ่มนิ่มแล้วก็หอมด้วย ผมชอบ” มึงแอบด่ากูว่าอ้วนป่าววะ?


“ผมมีตุ๊กตาตัวใหญ่แล้วก็นุ่มด้วย ผมจะเอาให้คุณไว้กอดตอนนอนนะครับ”


“No!  ผม จะ กอด คุณ”


“แต่ผมไม่อนุญาต ทำไมต้องนอนกอดกันด้วยล่ะครับ” แค่กูยอมให้นอนด้วยอีกคืนก็บุญโข


“ผมสัญญาว่าจะกอดอย่างเดียว ไม่ทำอะไรมากกว่านั้น นะครับ”


“...”


“นะครับ”


“...”


“นะครับที่รัก”


“ก็ได้ๆ แค่กอดนะครับ” กูยอมมึงอีกจนได้  ดวงตาคู่สีเทาของพี่เบิ้มมันมีพลังทำลายล้างสูงทำให้ใจของผมบางได้อย่างน่ากล้ว!


..คงได้แต่สวดภาวนาขอให้คืนนี้แคล้วคลาดปลอดภัยจากควายเผือก ขอให้มันแค่นอนกอดอย่างเดียวด้วยเถอะ..อาเมน






 TBC.

.............................................................

มาแล้วค๊า มาช้ายังดีกว่าไม่มาเน๊อะ   แหะๆ
- ป้ายอมเปิดใจล้าววว
-บทหน้ามาลุ้นกันว่าพี่เบิ้มจะแค่นอดกอดป้านดรึป่าว!!


 ปล. Best Part - Daniel Caesar feat. H.E.R.  เพลงที่พี่เบิ้มเพ้อ https://www.youtube.com/watch?v=iKk6_2-AAGc



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-12-2018 13:55:54 โดย MA_LEE »

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3393
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
เจอแบบนี้เป็นเราก็ยอมเหมือนกันแหล่ะ

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
โอ้ยย พี่เบิ้มคำพูดคำจา อ่อยซะ แบบคนโดนก็ตั้งตัวไม่ติด
หลวมตามไปโดยไม่รู้ตัว ป้าณตก็ ทำตามเขาหน่อยนะ อิอิ
 :really2: :really2:

ออฟไลน์ BABYBB

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1123
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
เป็นยักษ์ขี้อ้อนอ่ะ ฮืออออออออ :-[

ออฟไลน์ patompong888

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 113
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
 


  ป้านดไม่น่ารอด!!    :katai5:





CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7697
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12

ออฟไลน์ JanTi

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 146
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
พี่เบิ้มน่ารัก เต๊าะตลอด เขิลแทนป้านด

ออฟไลน์ fairy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 31
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0

ออฟไลน์ skykick

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 59
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0

ออฟไลน์ MA_LEE

  • เป็ดหัดเขียน
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 74
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0

บทที่12 
ไม่รู้ด้วยแล้ว..ใจ







        ‘กริ๊งงงงงง’   


     ผมถูกปลุกด้วยเสียงนาฬิกาปลุกเจ้าเก่าเจ้าเดิมเหมือนเฉกเช่นทุกเช้าพร้อมกับดวงอาทิตย์ที่กำลังโผล่พ้นเส้นขอบฟ้า
ความงัวเงียในคราแรกเริ่มหายไปเมื่อสติเริ่มตื่น จากนั้นผมก็เริ่มสำรวจร่างกายว่ายังอยู่ครบ32ประการรึป่าว หรือว่าโดนควายเผือกมันแทะเล่นจนเหลือแต่กระดูกไปแล้วกันแน่


  ..ครบ


เสื้อผ้า หน้า ผม แขนขา ยังอยู่ดี ชื้นใจขึ้นมาหน่อยที่อีพี่เบิ้มนอนอยู่บนเตียงไม่ได้ลงมานอนเบียดผมที่ฟูกด้านล่างเหมือนที่เคยทำ 

และแล้วก็แคล้วคลาดปลอดภัยจากควายเผือก..ขอบคุณพระเจ้า


   ..ซะที่ไหนล่ะ!!



   เมื่อยืนเปลือยอยู่หน้ากระจกในห้องน้ำก็ต้องตกใจเมื่อเห็นรอยแดงเป็นจ้ำๆอยู่ทั่วบริเวนหน้าอก กูเป็นโรคอะไรล่ะเนี่ย!

มดกัด?  เห็บหมากัด?  หรือว่า..เห็บควายเผือกกัด ต้องใช่ ต้องใช่มันแน่ๆ


Damn !!


“Jeremy!” ผมออกจากห้องน้ำโดยไวแล้วตะโกนเรียกอีพี่เบิ้มสุดเสียง 


“ว่าไง..ที่รัก” อีพี่เบิ้มตกใจตื่นพูดด้วยน้ำเสียงสลึมสลือ


“คุณทำอะไรกับหน้าอกผม” ด้วยความโมโหทำให้ผมออกจากห้องน้ำด้วยการนุ่งผ้าขนหนูเพียงผืนเดียว และกำลังยืนชี้หน้าอกตัวเองต่อหน้าไอ้ควายเผือกที่ตอนนี้ดวงตาคู่สีเทาแทบถลนออกจากเบ้า


“ผม ผมเปล๊า  เอ่อ คุณเป็นภูมิแพ้รึป่าว” มีเสียงสูงซะด้วย  ถ้าจะแพ้ก็คงแพ้ควายเผือกอย่างมึงนี่แหละ


“แน่ใจนะว่าคุณไม่ได้ทำอะไรผม” ผมคาดคั้นพี่เบิ้มด้วยใบหน้าที่คิดว่าบึ้งตึงสุดขีด เผื่อไอ้ควายเผือกมันจะยอมรับสารภาพ  ..แต่ก็ไม่เป็นผล


“แน่ใจ๊”  เกลียดคีย์เสียงของมึงจริงๆ


ในเมื่อไม่ยอมรับและไม่มีหลักฐาน จึงทำได้เพียงแค่หรี่ตามองผู้ต้องสงสัยอย่างจับผิดที่ตอนนี้กำลังทำหน้าตาหื่นกระหายสุดๆ

 
“ที่รัก..ผิวคุณสวยเป็นบ้าเลย ผมน่าจะคิสมาร์กมากให้ทั่วทั้งตัวไปเลย” อีพี่เบิ้มพูดพึมพำพร้อมกับจ้องหน้าอกผมไม่วางตา

 
   เดี๋ยวก่อนๆ เมื่อกี้มึงพึมพำว่าอะไรนะ?!


“คิสมาร์ก!”   ผมตะโกนเสียงดังลั่นด้วยความตกใจปนโมโห 

ให้ตาย! อีพี่เบิ้มมึงลักหลับกู   โอ้ววว ลมแทบจับ


“ผมขออนุญาตคุณแล้วนะครับ แต่คุณไม่ตอบ ผมก็เลยคิดว่าคุณคงตกลง” มึงแก้ตัวแบบนี้ก็ได้เหรอแถมยังหน้าตายอีกต่างหาก
 
อยากจะเอาฟันเฉาะหน้ามึงสักแผล แน่สิกูไม่ตอบเพราะกูหลับไง แถมยังหลับลึกขนาดมึงแทะอกกูยังไม่รู้เรื่องรู้ราว  จะบ้าตายนี่กูแดกยานอนหลับเข้าไปรึไง!

“คุณกลับห้องของคุณไปก่อนเหอะ ผมยังไม่อยากคุยกับคุณตอนนี้” ผมพูดพร้อมกับเดินเข้าห้องน้ำ ไม่สนว่าไอ้คนที่นั่งบนเตียงมันพร่ำอะไรออกมา  บอกได้คำเดียว ว่ากู โกรธ!


อะไรคือการอย่าถึงเนื้อถึงตัว อะไรคือการขออนุญาต มึงเล่นแทะอกกูซะพรุนขนาดนี้  กูควรจะเปิดใจให้มึงต่อดีมั้ย  ฮึ




     
     ยืนสำรวจตัวเองที่หน้ากระจกอีกครั้ง ลมก็แทบจับอีกหน ไอ้ควายนี่มึงล่อทั้งหน้าเอหน้าบีเลยเรอะ
มันไม่ใช่แค่หน้าอกเท่านั้นที่แผ่นหลังก็เต็มไปด้วยรอยแดงเต็มไปหมด   ฮืออออ  พระเจ้าไม่ได้ช่วยอะไรกูเลย

อีพี่เบิ้มมันต้องวางแผนไว้แล้วแน่ๆ มันหลอกให้ผมฟังเรื่องราวชีวิตที่แสนจะดีฉิบหายแต่ก็มาพร้อมกับหน้าที่อันใหญ่หลวง แม่งเล่นเล่าตั้งแต่แรกเกิดจนถึงวินาทีที่กำลังนอนเล่าให้ผมฟังอยู่บนเตียง
เล่าน้ำไหลไฟดับก็ไม่ยอมหยุดเล่าสักที ซึ่งสุดท้ายผมก็เผลอหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้  พอง่วงจัดมันก็หลับลึกไงจนไม่รู้สึกตัวว่ากำลังโดนควายเผือกจ้องเล่นงานอยู่ สุดท้ายกูก็เป็นเหยื่อดีๆนี่เอง ..แผนมึงช่างสูงยิ่งนักไอ้ควายเผือก




     อาบน้ำให้จิตใจได้สงบลงอยู่นานโข พอออกมาจากห้องน้ำก็เจอควายเผือกนั่งคุกเข่าทำหน้าตาสำนึกผิดพร้อมกับเอ่ยขอโทษอยู่หน้าห้องน้ำ 
แต่ชั่วโมงนี้กูไม่สนหรอก  เมื่อจัดการตัวเองเรียบร้อยผมก็ตรงดิ่งมาที่เกสท์เฮ้าส์ทำหน้าที่ประจำวันที่แสนจะจำเจโดยไม่สนใจฝรั่งตัวโตที่นั่งคุกเข่าทำตาละห้อยอยู่ในห้อง


ดี! นั่งอยู่แบบนั้นแหละให้ตะคริวแดกไปทั้งตัวเลย แมร่ง



   ด้วยความรีบร้อนออกจากห้องทำให้ลืมโทรศัพท์มือถือไว้ในห้องแต่กว่าจะนึกออกก็ปาไปสามชั่วโมง
เมื่อกลับมาที่ห้องก็ต้องตกใจเมื่อพี่เบิ้มยังนั่งอยู่หน้าห้องน้ำในท่าเดิม ..มึงมันบ้า


“ที่รัก ผมขอโทษ” ทั้งใบหน้าและน้ำเสียงช่างละห้อยซะจริง แต่ผมรู้สึกว่าครั้งนี้พี่เบิ้มมันรู้สึกผิดจริงๆแฮะ


“ถ้าผมไม่กลับเข้ามาคุณก็จะนั่งแบบนี้ไปถึงเย็นเลยรึไง”


“ครับ” มึงมันโง่ 


  ‘โครกกก’   ใครกดชักโครก หืม


“หิวใช่มั้ยคุณ”


“มากกก” แหงล่ะ นี่มันใกล้เที่ยงแล้วแถมข้าวเช้าก็ยังไม่ได้แดก  พอเห็นควายเผือกลูบท้องตัวเองป้อยๆด้วยหน้าตาละห้อย ใจก็อ่อนยวบไม่เป็นท่าทั้งที่ตั้งใจจะใจแข็งแล้วแท้ๆ 


“ลุกขึ้นมาครับ”


“คุณหายโกรธผมรึยังครับ” พี่เบิ้มยังไม่ยอมลุกถามผมด้วยสายตาละห้อยเช่นเดิม


“คุณต้องสัญญาก่อนว่าจะไม่ทำแบบนี้อีก”


“ครับ ผมสัญญา” น้ำเสียงนั้นจริงจัง แต่ก็ไม่อยากจะเชื่อใจมากซะเท่าไหร่ แต่ก็เอาเหอะ


“ครับ ผมไม่โกรธแล้ว ทีนี้คุณก็ลุกได้แล้ว”


แล้วรอยยิ้มก็ค่อยๆปรากฏบนหน้าตาที่แสนจะเศร้าสร้อยในทันที จากนั้นควายเผือกที่กำลังลุกขึ้นก็ล้มตึงลงกับพื้นไม่เป็นท่า


  ..ไม่รู้จะสงสารหรือสมน้ำหน้าดี   หึ  เหน็บแดก






     เส้นเล็กน้ำตกพิเศษสองถ้วย เกาเหลาพิเศษอีกหนึ่งเพิ่มเติมคือขนมจีบอีกสิบลูก นี่มึงตายอดตายอยากมาจากไหน อดข้าวแค่มื้อเดียวมึงฟาดเรียบขนาดนี้เลยเรอะ ถ้าอดทั้งวันมึงจะไม่ฟาดเรียบทั้งเชียงใหม่เลยเหรอวะ  หืม

เมื่ออิ่มแปล้..หมายถึงพี่เบิ้มอ่ะนะ ก็กลับมาเฝ้าร้านกาแฟต่อ ส่วนอีพี่เบิ้มหนังท้องตึงหนังตาก็หย่อนขอตัวขึ้นไปนอนที่ห้อง สบายจริงชีวิตพี่มึงเนี่ย





   









     เผลอแป๊บเดียวก็เกือบหกโมงเย็นและตอนนี้ผมก็กำลังเหงื่อท่วมตัวอยู่ที่ยิมของอีซูซี่ซึ่งก็ไม่รู้ว่ามันหายหัวไปไหน
ทั้งที่ตั้งใจว่าจะเริ่มพรุ่งนี้แท้ๆ แต่อีควายเผือกที่หายไปนอนหลับจนอิ่มเอมจนหน้าบานเป็นกระด้งก็ลากผมมาจนได้ด้วยเหตุผลที่ว่า ‘หน้าท้องของคุณเริ่มนิ่มแล้วนะครับ’  เหอะ อยากจะเอาไขมันฟาดปากแม่ง แล้วรู้ได้ยังไงว่าท้องกูนิ่ม!

..แต่ก็นั่นแหละ สุดท้ายก็โดนลากมาจนได้


   อีพี่เบิ้มก็ยังคงเป็นอีพี่เบิ้ม เรียกสายตาจากสาวๆและเก้งกวางทั้งหลายให้หันมามองคอแทบเคล็ด ส่วนพี่มันก็โปรยยิ้มให้เขาไปทั่ว

  หึ  เรี่ยราดชะมัด!


  ไม่เห็นจะน่ามองตรงไหนก็แค่กล้ามเนื้อที่เด่นชัดขึ้นเวลายกดัมเบล หน้าตาที่มุ่งมั่นและจดจ่อบวกกับเหงื่อที่ฉาบอยู่บนร่างกายที่แข็งแรงสมส่วน  มันก็แค่..แค่ เซ็กซี่ก็เท่านั้นเอง


 เซ็กซี่!  ให้ตายเหอะไอ้ณต นี่กูคิดอะไรอยู่เนี่ย!!


อ่า ไอ้ควายเผือกมันหันมายิ้มให้ครับ เท้าที่กำลังวิ่งอยู่บนลู่วิ่งถึงกับสะดุด  บ้าเอ้ย!!

ไม่ได้ๆ อย่าหันไปมองมีสมาธิกับตัวเองหน่อย 

เหอะ อนาถตัวเองดีแท้ มีสมาธิได้แค่สองนาทีเท่านั้นสายตาผมก็สอดส่องหาอีควายเผือกอีกครั้ง

อ้าวหายไปไหนหว่า..


   เมื่อสอดส่องสายตาหาจนทั่วก็เจออีพี่เบิ้มนั่งอยู่กับซันนี่ที่บาร์น้ำ มาตั้งแต่เมื่อไหร่น้อ แต่ทำไมฝรั่งน้อยถึงทำหน้าหงอยเหงาไม่สดใสสมกับชื่อของเจ้าตัวและคนที่กำลังอินเลิฟเลยน้า


   ใช่แล้วครับ..ฝรั่งน้อยกำลังมีความรัก  ความสัมพันธ์ระหว่างซันนี่กับไอ้ดอยกำลังพัฒนาไปในทิศทางที่ดี
หลังทั้งคู่รับรู้ถึงความรู้สึกของอีกฝ่าย ด้วยความหึงขึ้นหน้าของไอ้ดอยหลังจากที่กลับจากกินข้าวที่บ้านผมเมื่อครั้งก่อนทำให้ไอ้ดอยสารภาพออกไปว่าชอบซันนี่ของเรามานานแล้ว ไอ้ดอยจึงได้รับรู้ความรู้สึกของซันนี่ที่มีให้กับไอ้ดอยเช่นกันว่าทั้งคู่นั้นใจตรงกันมานานแล้ว

   ทำไมผมถึงรู้น่ะเหรอ ก็ฝรั่งน้อยของเราเล่าบรรยายเป็นฉากๆในไลน์กลุ่ม ’ขบวนการสมคบคิด’ ด้วยความดีใจที่แผนของพี่เบิ้มนั้นสัมฤทธิ์ผล   อืม ต้องยกความดีความชอบให้ฝรั่งหัวโจกเขาล่ะงานนี้

แต่สถานะที่แน่ชัดของทั้งคู่ตอนนี้คืออะไรนั้น ก็คงต้องรอให้ทั้งคู่แถลงการณ์ให้ฟังอีกครั้ง..


อ้าวเห้ย! ร้องไห้ซะแล้วจากนั้นซันนี่ก็โผเข้ากอดพี่เบิ้ม   อืมมม เห็นแล้วก็รู้สึกแปลกๆแฮะ
ว่าแต่เกิดอะไรขึ้นกับซันนี่กันแน่ ไม่ได้การล่ะ งานนี้ต้องเผือก!

กำลังจ้ำอ้าวไปยังบาร์น้ำอย่างเร่งรีบ แต่แล้วก็มีสิ่งมีชีวิตอะไรสักอย่างปาดหน้าผมไปด้วยความเร็วแสงพร้อมกับหันมาพูดด้วยใบหน้าทะมึน  ไอ้ดอย!


“ให้คนของมึงมากอดคนของกูได้ยังไง” น้ำเสียงทุ้มต่ำฟังแล้วช่างขนลุกขนพอง แม่งมึงจะหึงโหดไปมั้ย  แล้วใครคนของกู?
แล้วมันก็ปรี่เข้าไปกระชากซันนี่ออกจากอ้อมกอดของพี่เบิ้ม


“เรามีเรื่องต้องคุณกัน ตามพี่มา” จากนั้นมันก็ลากซันนี่ตัวปลิวออกไปข้างนอกยิม โอ๊ย สงสารฝรั่งน้อย

ส่วนผมจะยืนเซ่อทำไมล่ะ ตามเผือกสิครับรอไร



   


     ผมซุ่มอยู่ที่ท้ายรถกระบะคันหนึ่งตรงลานจอดรถ  เพราะซันนี่ยื้อหยุดไม่ยอมไปต่อทั้งคู่เลยหยุดอยู่ที่กลางลานจอดรถ 
แต่ให้ตายเถอะ  มันไกลไป ผมไม่ได้ยินว่าทั้งคู่กำลังคุยอะไรกัน

แต่ภาพที่เห็นคือ ซันนี่กำลังโวยวาย ทั้งทุบทั้งตีไอ้ดอยไม่หยุด แต่แล้วไอ้ดอยก็หยุดการกระทำทุกอย่างของซันนี่ด้วยการ..จูบ!

..โอ้วว นี่กูกำลังดูจำเลยรัก?!



“พูดกันดังๆสิวะ กูไม่ได้ยิน”


“ชู่ววว”


“เห้ย!” ตาเถร ไอ้ควายเผือกมันมาอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่


“อย่าเสียงดังสิคุณ” อีพี่เบิ้มกระซิบบอกพร้อมกับเอามือปิดปากผมไว้


     ใกล้..ใกล้เกินไป

   อุณหภูมิที่ฝ่ามือหนาที่แนบชิดอยู่ที่ริมฝีปากของผมและเสียงกระซิบที่ข้างหูทำให้ใจของผมเต้นรัวแทบทะลุออกจากอก  หัวใจผมนิ่งเฉยกับสถานการณ์แบบนี้ไม่ได้เลยจริงๆ 
รวมถึงกลิ่นเหงื่อผสมกับกลิ่นอาฟเตอร์เชฟจางๆกำลังทำให้ผมหายใจลำบาก..เพราะอะไร?

นิ่งไว้ๆ เลิกสนใจตัวเองแล้วหันมาสนใจสองคนข้างหน้าก่อนดีกว่า


อ้าวเห้ย! ไปซะแล้ว แม่งเกิดอะไรขึ้นวะแต่ก็พอจะเดาได้ว่าสถานการณ์คงคลี่คลายไปในทิศทางที่ดีแล้ว  เพราะก่อนที่ทั้งคู่จะขึ้นรถของไอ้ดอยต่างก็หันมายิ้มให้แก่กัน  ดีกันแล้วก็โล่งอก..
 

  ไม่โล่งสิเพราะตอนนี้ในอกผมกำลังเต้นระรัว


“ความรักนี่ดีจังน้า” ขณะที่พูดช่วยปล่อยมือออกจากปากกูด้วยครับ


“อืออ”


“อะไรครับ” มึงจะเนียนไปถึงไหน  กัดแม่ม


“โอ๊ย เจ็บนะคุณ จับจูบเหมือนคุณดอยทำกับซันนี่ดีมั้ยน้า” ยังจะเล่นอีก


“เมื่อเช้ายังไม่เข็ดใช่มั้ยคุณ” ผมช้อนตามองด้วยความฉุน   อา..แต่ท่านี้มันล่อแหลมยังไงชอบกล
พี่เบิ้มนั้งชันเข่าท่ายองซ้อนทับผมอยู่ด้านหลังเท่ากับว่าผมกำลังอยู่ในหว่างขาของพี่เบิ้ม ..อันตรายเกินไปแล้ว!


“แหะๆ ล้อเล่นครับ”


“ปะ..ไปกันได้แล้วครับ” แล้วกูจะตื่นเต้นทำไมเนี่ย


“เดี๋ยวสิครับ”


“...” พี่เบิ้มรั้งข้อมือผมไว้ไม่ยอมให้ลุกขึ้น


“ที่รัก ผมขอจูบคุณได้มั้ยครับ”


“ไม่ได้ครับ!” จูบเจิบอะไรล่ะ เมื่อคืนแทะกูทั้งตัวยังไม่พอใจอีกรึไง


“ตัวคุณหอม อนุญาตนะครับ” หอมอะไรเล่ามีแต่เหงื่อ จมูกมึงเพี้ยนไปแล้วแน่ๆ


“...”


“Plesae” น้ำเสียงนั้นช่างเว้าวอน


  แล้วผมก็ถูกดึงดูดด้วยดวงตาคู่สีเทานี้อีกครั้ง..ไม่รู้แม่งด้วยแล้ว อยากจะจูบนักก็เชิญ ผมจึงหลับตาแทนคำตอบ


“ผมรักคุณ” สิ้นสุดคำบอกรัก ริมฝีปากของพี่เบิ้มก็แนบชิดกับเรียวปากของผม มันเป็นจูบที่ไม่ได้รุกล้ำแต่อย่างใดแต่ทว่ามันหนักแน่นและจริงใจ ทำให้ผมรู้สึกอุ่นวาบในหัวใจอย่างน่าประหลาด..

  คำบอกรักเพียงเบาๆแค่เอ่ยกระซิบแต่มันกลับดังก้องภายในหัวผมไม่หยุด  ทั้งสถานที่และบรรยากาศมันไม่ได้เป็นใจสำหรับการบอกรักเลยสักนิด แต่ผมขอสารภาพตามตรงว่าผมรู้สึกดีกับคำสามคำนี้จัง


มันคงจะเป็นเพราะ ..เพราะคนที่พูดประโยคนี้ล่ะมั้ง





  TBC.

……………………………………………..............................

  กราบตักคุณผู้อ่านงามๆ ขออภัยที่หายไปนาน ช่วงนี้ชีพจรลงเท้าเดินทางเหนือจรดใต้เวลาที่มีให้พี่เบิ้มกับป้านดก็ช่างน้อยนิดT_T
บทนี้มาสั้นๆให้หายคิดถึงและขอบคุณที่ยังไม่ลืมพี่เบิ้มกับป้านดกันนะคะ
และก็ขอถือโอกาสนี้ Merry Christmas ค่ะ  และHappy New Yearล่วงหน้า ขอให้ผู้อ่านทุกท่านมีความสุขกายสุขใจตลอดปีใหม่ที่กำลังจะมาถึงนี้ค่ะ^^


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-12-2018 11:33:20 โดย MA_LEE »

ออฟไลน์ DeShiWa

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4332
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-9
น่ารักดีคับ
กำลังคามอ่านอยู่

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
พี่เบิ้มเกาะติดทุกสถานการณ์ อย่างนี้ถ้าเราเป็นป้านต ก็คงอ่อนยวบยาบแน่นอน
ก็มีขออนุญาตได้น่ารักขนาดนัั้น // คิดถึงคนเขียนเสมอ
 :กอด1: :กอด1: :กอด1:

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7697
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12

ออฟไลน์ pedchara

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 179
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-0
ลุ้นให้ป้านดเปิดใจให้เจเรมี่เร็วๆ พี่เบิ้มเรารุกทั้งกายรุกทั้งใจแล้ววว  :katai3:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด