พิมพ์หน้านี้ - >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< แจ้งข่าวตีพิมพ์ 07-05-22 P.9

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: MA_LEE ที่ 06-03-2018 23:58:32

หัวข้อ: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< แจ้งข่าวตีพิมพ์ 07-05-22 P.9
เริ่มหัวข้อโดย: MA_LEE ที่ 06-03-2018 23:58:32
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


ฝรั่งใจรักนี้สายฝอ ตีพิมพ์กับสำนักพิมพ์ Hermitbooks ในนามปากกาMARIEค่ะ


(https://www.picz.in.th/images/2018/06/28/4F2eHJ.png)


ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ



สารบัญ

บทนำ
บทที่1 ผู้ดี..อังกฤษ?! (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66430.msg3809240#msg3809240)
บทที่2 ใต้แสงจันทร์กับชายผู้สวมผ้าพันคอสีฟ้า (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66430.msg3814920#msg3814920)
บทที่3 เชอร์ณต โฮลมส์!! (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66430.msg3823464#msg3823464)
บทที่4 มึน! งง! (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66430.msg3833011#msg3833011)
บทที่5 ผมมันบ้าแต่เขาน่ะบ้ากว่า! (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66430.msg3846370#msg3846370)
บทที่6 จีบ! (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66430.msg3860249#msg3860249)
บทที่7 ขบวนการสมคบคิด! (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66430.msg3876923#msg3876923)
บทที่8 OH BABY I LOVE YOU!! (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66430.msg3890601#msg3890601)
บทที่9 เอ๊ะ! หรือว่าจะหวั่นไหว? (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66430.msg3896838#msg3896838)
บทที่10 เพราะความป่วย.. (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66430.msg3904633#msg3904633)
บทที่11 ใจบางๆ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66430.msg3910391#msg3910391)
บทที่12 ไม่รู้ด้วยแล้ว..ใจ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66430.msg3927081#msg3927081)
บทที่13 ยอมแล้วใจ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66430.msg3937767#msg3937767)
บทที่14 จูบ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66430.msg3973923#msg3973923)
บทที่15 เพราะรัก..จึงคิดถึง (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66430.msg3981906#msg3981906)
บทที่16 เพราะคิดถึง..จึงมาหา (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66430.msg3996594#msg3996594)
บทที่17 I NEED YOU (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66430.msg4002568#msg4002568)
บทที่18 Go to uk (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66430.msg4008606#msg4008606)
ตอนพิเศษ Happy New Year ผมจะรักคุณไปทุกๆปี (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66430.msg4019937#msg4019937)
บทที่19 ให้รักมันพาไป (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66430.msg4025970#msg4025970)
บทที่20 เจ้าหญิง (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66430.msg4028554#msg4028554)
บทที่21 Husband and Husband and Happy (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66430.msg4035084#msg4035084)



เรื่องอื่นๆ
เรื่องสั้น โปรดหันมาที่ผมสักครั้ง (Please) (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66321.0)[ตอนเดียวจบ]
เรื่องยาว Love me Love my cat (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=64124.0) [จบแล้ว]







Introduction


     
คนเราถ้าเกิดมาคู่กันแล้วก็ย่อมไม่แคล้วกัน ถึงแม้จะอยู่คนละซีกโลก ต่างภาษาต่างวัฒนธรรม
สุดท้ายโชคชะตาก็จะนำพาให้มาพบกัน!!

……………………………………..



“เพื่อน ณตคะ เพื่อนฟางมีเรื่องรบกวนให้ช่วยนิ๊ดนุงค่ะ” น้ำเสียงแบบนี้ช่างน่าสยดสยอง!!

“กูไม่ช่วย”

“เวร!!มึงฟังกูก่อนได้มั้ยล่ะ”

“2นาที จับเวลา”

“คืออย่างนี้ค่ะเพื่อนณต Mr.Jeremy บอสของ Paulสามีดิฉันจะมาประชุมกับบริษัทสาขาที่กรุงเทพเมืองฟ้าอมร เขาจะอยู่ที่กรุงเทพ3วันหลังจากนั้นเขาจะไปเที่ยวที่เชียงใหม่ต่ออีก3วัน เขาอยากได้ไกด์ท้องถิ่นพาเที่ยว รบกวนเพื่อนณตเป็นไกด์ให้หน่อยได้มั้ยคะ”

“ไม่ได้!! กูจบถา’ปัตย์ แล้วก็ไม่ได้เป็นไกด์ อยากได้ไกด์ก็ไปหาที่บริษัททัวส์สิ”

“แต่แกเป็นคนเชียงใหม่ ภาษาแกก็ดีด้วยไง อีกอย่างพอลก็ไปโม้ให้บอสฮีฟังว่าฉันมีเพื่อนสนิทอยู่ที่เชียงใหม่” วุ่นวายจริงๆ ขนาดอยู่ลอนดอนยังตามมาวุ่นวายกูถึงเชียงใหม่!!

“แล้วไง?  อีกอย่างไม่ว่าง กูต้องเปิดร้านทุกวันมะ” ร้านที่ว่าคือร้านกาแฟครับ ผมมีเกสท์เฮ้าส์เล็กๆและเปิดร้านกาแฟเล็กๆด้านหน้าของเกสท์เฮ้าส์ พร้อมกับเป็นสถาปนิกฟรีแลนซ์ไปด้วย 108อาชีพครับ!!

“วันละเจ็ดพัน 3วันก็สองหมื่นเอ็ด!!” ถึงกับตาลุกวาว ต้องขายกาแฟเกือบ500แก้วถึงจะได้เงินสองหมื่น!! ไม่ตกลงก็ง่าวแล้ว!!

“ว่าง ส่งรายละเอียดมา” รีบตอบตกลงทันที ที่ร้านกับเกสท์เฮ้าส์มีพนักงานอยู่แล้ว ให้ช่วยๆกันดูไปก่อนไม่น่ามีปัญหา

“ดอกทองมากค่ะ พูดเรื่องเงินไวเลยนะมึงนิสัยงกไม่เคยเปลี่ยน!!”

“ถ้างั้นไม่ทำ แค่นี่นะ” ขอเล่นตัวนิดนึง ถ้าเกิดมันเปลี่ยนใจขึ้นมาก็ถือว่าฟาดเคราะห์ไปละกัน!!

“โธ่ๆ เพื่อนณต หยอกค่ะหยอก ดีออก!!” โล่งใจ!! นึกว่าต้องฟาดเคราะห์แล้วซะอีก ปากผมมันไวไปหน่อย!!

“ส่งรายละเอียดมาละกัน ว่าแต่แกจะกลับมาเมื่อไหร่ เพื่อนฝูงน่ะลืมหมดแล้วละมั้ง”

“มึงก็พูดง่าย อังกฤษ-ไทย ไม่ใช่กทม.-เชียงใหม่นะมึง ฉันก็อยากกลับจะตายห่า ถ้าคิดถึงฉันก็ส่งตั๋วมาสิ”

“เดี๋ยวส่งตั๋วนครชัยแอร์ไปให้”

“ค่ะ คงถึงชาติหน้าตอนบ่ายๆ!!”

“ก็ดีสิชาติหน้าจะได้เจอแกอีก ซึ้งน้ำตาแทบไหล”

“ค่ะ ไม่คุยกับมึงละไร้สาระ ค่าโทรทางไกลมันแพงนะมึง วางละคิดถึงนะจ๊ะเพื่อนเลิฟ จุฟๆ” ไม่รอให้ผมได้ล่ำลามันวางสายไปละ

ผมกับไอ้ฟางเป็นเพื่อนสนิทกันตอนเรียนมหา’ลัย ความฝันของมันคืออยากมีผัวฝรั่งเลยลงทุนไปเรียนต่อที่อังกฤษเพื่อหาผัวนะ เรื่องความรู้น่ะเรื่องรอง!! สุดท้ายนางก็ได้ฝรั่งสมใจ ผมเคยเจอพอลผัวมันแค่สองครั้งหลังจากที่มันแต่งงานได้สามปีนางจะกลับบ้านปีละครั้ง นี่ก็เกือบปีละที่ไม่ได้เจอกัน คิดถึงมันเหมือนกันแฮะ..


‘Mr.Jeremy Carson จะมาถึงเชียงใหม่วันเสาร์ ไฟท์บินจากกรุงเทพบ่ายโมงตรง ถึงเชียงใหม่ประมาณบ่ายสอง’ นี่คือรายละเอียดที่ไอ้ฟางส่งมาให้ ช่างเป็นรายละเอียดที่ชัดเจนซะเหลือเกิน!!

บอกแค่ชื่อ วันเวลาที่จะมาถึง แค่นั้น?! รูปของบอสผัวมันก็ไม่ส่งมาให้ดู เบอร์โทรอะไรก็ไม่ให้ หรือเอาเบอร์กูไปก็ได้ เกิดผิดพลาดอะไรจะได้ติดต่อกลับมา ติดต่อไลน์มันไปชาตินึงกว่าจะตอบกลับ โทรไปก็ไม่รับเวลาก็คนละเวลาอีก จะบ้าตาย!! 
สุดท้ายก็ต้องชูป้ายชื่อ

‘Mr. Jeremy Carson’ คาร์สันงั้นเหรอ สงสัยพ่อของพี่บอสมันผลิตถุงตีนขายแน่ๆ!!
ว่าแต่เป็นบอสเจ้าของบริษัทก็น่าจะมีอายุแล้ว อายุน่าจะสัก50 ฝรั่งมีอันจะกินก็น่าเป็นคุณลุงอ้วนพุงพลุ้ย หัวก็น่าจะล้านหรือหัวหงอกน่าจะประมานนี้

นี่ก็ใกล้บ่ายสองแล้วเดี๋ยวคงจะมาถึง ไม่นานนักก็มีเสียงประกาศจากสายการบินว่าไฟท์ที่มาจากกรุงเทพบ่ายโมงมาถึงแล้ว 
เมื่อเริ่มมีผู้โดยสารทยอยเดินออกมาผมเลยรีบชูแผ่นกระดาษเอสี่ เขียนด้วยปากกาเมจิกสีน้ำเงินว่า Mr.Jeremy Carson.

แล้วก็มีฝรั่งสุดเท่เดินตรงมายังผมด้วยรอยยิ้มแฉ่ง ยิ้มให้กูเหรอ?ไม่มั้ง หันไปดูข้างหลังก็ไม่มีใคร แล้วเค้าก็เดินมาหยุดตรงหน้าผม พร้อมกับรอยยิ้มที่กว้างกว่าเดิม..ยิ้มสวยจังวะ หัวใจกระตุกไปกับรอยยิ้มนั้น0.3วิ!!

“ป้านด”

“...” ใครวะป้านด?! แถวนี้ก็ไม่มีผู้หญิงรุ่นป้าสักคน

“คุณป้านดใช่มั้ยครับ” ภาษาอังกฤชัดเป๊ะขนาดนี้ แต่สำเนียงภาษาไทยทำไมแป่งๆจังวะ ป้านดคงหมายถึง   ‘ปณต’ ชื่อกูแน่ๆ

“Mr. Jeremy?” ผมเลยถามกลับไป

“yes!!”  OMG!!  ลืมภาพลุงฝรั่งพุงพลุ้ยหัวล้านไปให้หมดสิ้น นี่มันนายแบบหลุดมาจากรันเวย์ชัดๆ โอ้แม่เจ้า ฝรั่งหุ่นนายแบบ สูงน่าจะสัก190ซม.!! ผมสีน้ำตาลเข้มยักโศกยาวระต้นคอ ดวงตาสีเทาสวย แต่งตัวก็โคตรจะสบายเสื้อยืดสีขาวล้วนกับกางเกงขาสั้นสีเทา พร้อมกับคีบอีแตะ สะพายกระเป๋าเป้ใหญ่เหมือนพวกแบ็คแพ็คเกอร์ ไม่มีภาพของคำว่าบอสอยู่เลย แถมยังดูเด็กอีกต่างหาก!!  แต่ดูรวมๆแล้วบอกได้คำเดียว Very handsome!!

“ผมเจเรมีครับยินดีที่ได้รู้จัก” แล้วคุณพี่บอสก็แนะนำตัวอย่างเป็นทางการพร้อมกับยื่นมือมาทางผม

“ผม ปณต(ปะ-นด) ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันครับ”ต้องออกเสียงชื่อตัวเองให้ชัดที่สุด อีตาบอสนี่จะได้ออกเสียงถูก

“ป้านดครับ..”

“เรียกผมว่า ณตก็ได้ครับ” เรียกชื่อเต็มแล้วสงสาร สงสารตัวกูนี่แหละ คนบ้าอะไรชื่อป้านด!!

“ณต วันนี้เราจะไปที่ไหนกันบ้างครับ”

“ก่อนอื่น ผมจะพาคุณไปเช็คอินที่โรงแรมก่อน แล้วเราจะไปหาอะไรกินกัน แล้วตอนเย็นไปช็อปปิ้งที่ถนนคนเดิน”

“น่าตื่นเต้นจังเลยนะครับ ผมมาเมืองไทยบ่อยมากแต่ไม่เคยมาเชียงใหม่เลย” อีพี่บอสพูดด้วยรอยยิ้มกว้าง

“ครับรับรองว่าต้องสนุกแน่นอน!!”

“ครับ” แล้วอีพี่บอสก็หันมายิ้มกว้างให้ผม..ทำไมรอยยิ้มมันมีเสน่ห์แบบนี้วะ!!

“โอเค งั้นเชิญทางนี้ครับ” ผมเดินนำคุณบอสไปยังรถอีโคคาร์คันจิ๋วของผม รู้สึกเหมือนรถจะคันเล็กกว่าคน ไอ้กระป๋องของผมมันจะยัดอีพี่บอสฝรั่งตัวเบิ้มนี้ได้มั้ยวะ ขอเรียกพี่แกว่าพี่เบิ้มละกันนะ!!

       ..เหมือนจะเริ่มเห็นเค้าลางมาแต่ไกลว่าสามวันต่อจากนี้ชีวิตกูสนุก วุ่นวายแน่นอน!!



 TBC.




...

  ขอฝาก ป้านดกับพี่เบิ้ม ไว้ในอ้อมอกอ้อมใจด้วยนะคะ

  บทที่1 มาอาทิตย์หน้า ฝากติดตามกันด้วยนะคะ^^



Twitter -  MA_LEE_01 (https://twitter.com/MA_LEE_01)


หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทนำ 06-03-2018
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 07-03-2018 00:31:52
 :110011: :z7:
มารอจ้าาา ว่าแต่ป้านด อย่าเอาพี่เบิ้มไปทิ้งคูรอบเมืองเชียงใหม่ละ
เขาเอาไว้เล่นสงกรานต์นะ เดี๋ยวปลาเปอตายลอยไปหมด เสียดาย
เสียดายพี่เบิ้มนะแหละ
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทนำ 06-03-2018
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 07-03-2018 11:31:28
 :กอด1: :pig4:
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทนำ 06-03-2018
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 07-03-2018 14:28:16
ตาม  เห็นเค้าความปณต  เหมือนเพื่อนฟางและ
คือ.......แหะๆ......ได้ปั๋วฝาหรั่งตามเพื่อน   :z3: :z3: :z3:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
 
ปณต(ประ-นด)  ----- ไม่ใช่ ปะ-นด  เหรอ
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทนำ 06-03-2018
เริ่มหัวข้อโดย: MA_LEE ที่ 07-03-2018 14:47:04


   ขอบคุณ คุณMAGNOLIAมากนะค่ะ  แก้ให้แล้วนะ ต้องเป็น ปะ-นด เน๊อะ   :pig4:
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทนำ 06-03-2018
เริ่มหัวข้อโดย: holyhilly ที่ 07-03-2018 14:49:30
 :ling1: ปูเสื่อรอ  :hao7:
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทนำ 06-03-2018
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 07-03-2018 16:01:35
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทนำ 06-03-2018
เริ่มหัวข้อโดย: skykick ที่ 08-03-2018 00:45:31

 ป้านดได้หลัวฝรั่งแน่ๆ   :-[  :katai2-1:




หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทนำ 06-03-2018
เริ่มหัวข้อโดย: fairy ที่ 09-03-2018 22:34:52
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทนำ 06-03-2018
เริ่มหัวข้อโดย: มะเขือม่วง ที่ 10-03-2018 16:07:38
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทนำ 06-03-2018
เริ่มหัวข้อโดย: เพียงเพื่อน ที่ 10-03-2018 22:19:13
น่าสนุกมากๆค่ะ  :L1: :L1:
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทที่1 ผู้ดี..อังกฤษ?! 25-03-2018
เริ่มหัวข้อโดย: MA_LEE ที่ 25-03-2018 21:45:08
 



บทที่ 1 ผู้ดี..อังกฤษ?!




       ขับรถไปก็คิดไปว่าจะพาพี่เบิ้มไปแดกอะไรดี เวลาบ่ายๆแบบนี้ ข้าวซอยละกันวะ

“คุณทานเผ็ดได้มั้ย” ผมถามพี่เบิ้มหลังจากพาไปเช็คอินที่โรงแรมเรียบร้อยแล้ว

“ได้นิดหน่อยครับ เรากำลังจะไปกินอะไรครับ” พี่เบิ้มถามด้วยสายตาตื่นเต้น

“ผมจะพาไปทาน ‘ข้าวซอย’ ”

“ข่าวซ่อย?!”  เอิม..ข่าวอะไรดีล่ะ ข่าวบันเทิงละกัน ถ้าเป็นข่าวอาชญากรรมคงแดกไม่ลง!! ถถถถถ

“ข้ า ว ซ อ ย เป็นอาหารขึ้นชื่อของภาคเหนือโดยเฉพาะที่เชียงใหม่ คล้ายๆก๋วยเตี๋ยวแต่เป็นซุปแกงมีรสเผ็ดนิดหน่อย”

“น่าอร่อยนะครับ”   


ผมพาพี่เบิ้มมาร้านข้าวซอยเจ้าดังของเชียงใหม่ พอเดินเข้ามาในร้านสายตาของสาวเล็กสาวใหญ่ก็ต่างจับจ้องมาที่พี่เบิ้ม..ไม่แปลกก็พี่แกหล่ออย่างกะนายแบบ!!

“มีไก่กับเนื้อคุณจะทานอะไรดีครับ”

“ผมขอทั้งสองเลยละกัน”

“ขอข้าวซอยไก่สอง กับข้าวซอยเนื้อหนึ่งที่ครับ แล้วก็น้ำลำใยสองแก้วครับ” ผมหันไปสั่งกับคุณป้าที่กำลังรอรับออเดอร์อยู่

“อ้ายฝรั่งคนนี้หยังมาหล่อแต้หล่อว่า แฟนน้องกะ” แล้วคุณป้าก็มากระซิบกระซาบกับผม

“บะใจ่ครับป้า!!” ตกใจแทบช็อก ผมกับพี่เบิ้มเนี่ยนะแฟนกัน ป้าคิดได้ยังไงเนี่ย!!

“ป้าเค้าพูดอะไรครับ ทำไมทำหน้าตกใจแบบนั้น”

“ป้าถามว่าคุณเป็นแฟนผมรึป่าว” ที่บอกเพราะเห็นว่ามันเป็นเรื่องตลกและไม่น่าเป็นไปได้หรอกนะ..

“ทำไมเค้าคิดแบบนั้นล่ะ”

“นั้นนะสิ” ผมได้แต่ยักไหล่

“แต่ผมว่ามันก็ดีนะ คุณน่ารักดีออกผมชอบนะ” ไม่พูดเปล่าขยิบตาให้อีกต่างหาก!!

“...!!” No!!!  ไม่ดีอ่ะ คบกันจริงกูไส้แตกแน่!!

“น้ำอะไรครับ” พี่เบิ้มถามขึ้นทันทีเมื่อคุณป้าเอาน้ำลำไยมาเสิร์ฟ

“น้ำลำไยครับ ลองชิมดูครับ”

“หอมแล้วก็หวานดีนะครับ” แล้วพี่แกก็ดูดทีเดียวหมดแก้ว

“เอาไว้ดื่มแก้เผ็ดน่ะครับ”

“ของผมหมดแล้ว ช่วยสั่งให้ผมอีกแก้วนะครับป้านด” ก็หมดนะสิ มึงไม่ได้ดื่มแต่มึงสูบ นี่หรือผู้ดีอังกฤษ!! แล้วก็บอกไม่รู้จักจำให้เรียกณตๆ..ให้ตายสิ!!

     แล้วข้าวซอยสามถ้วยก็ถูกนำมาเสิร์ฟ

“ชิมก่อนนะครับแล้วค่อยปรุง ส่วนหอมแดงกับผักกาดดองก็กินแก้เลี่ยน” ผมเลื่อนจานเล็กๆที่มีมะนาว ผักกาดดองและหอมแดงไปตรงหน้าที่เบิ้ม

ก่อนชิมพี่แกก็ถ่ายรูปตามธรรมเนียมในยุคนี้ ก่อนจะค่อยๆดมแล้วพี่เบิ้มก็ตักน้ำข้าวซอยขึ้นมาซดเสียงดังซู้ดดด นี่มึงเป็นฝรั่งจริงป่าวเนี่ย ไอ้ฝรั่งเซินเจิ่น!!

“อืม เผ็ดนิดหน่อยแต่อร่อย หอมเครื่องแกงกับกะทิ” แล้วพี่เบิ้มก็หันไปยกนิ้วหัวแม่มือให้ป้าที่ยืนลุ้นเยี่ยวเหนียวไม่ต่างจากผม เฮ้อ!!ค่อยโล่งอกหน่อย  แสดงว่าพี่เบิ้มมีเซ้นส์เรื่องอาหารเหมือนกันนะเนี่ยถึงรู้ว่าใส่อะไรลงไปในน้ำแกงบ้าง

“คุณเคยไปเรียนต่อที่เมืองนอกมารึป่าว ผมว่าสำเนียงของคุณค่อนข้างดี” พี่เบิ้มถามขึ้นหลังจากซัดข้าวซอยถ้วยแรกหมดไปด้วยความไว กินเร็วมากโคตรผมกินยังไม่ถึงครึ่งถ้วยเลย!!

“ไม่เคยครับ แต่เคยไปเที่ยวบ้าง”

“งั้นคุณก็เก่งมาก”

“ไม่หรอกครับ คงเพราะผมต้องใช้ภาษาอังกฤษทุกวัน ลูกค้าส่วนใหญ่ของผมเป็นชาวต่างชาติ มันก็เหมือนได้ฝึกภาษาทุกวัน”
 
“ลูกค้า? คุณทำงานอะไรครับ ผมทราบแค่ว่าคุณเป็นเพื่อนสนิทภรรยาของพอล”

“ผมมีเกสท์เฮ้าส์เล็กๆกับเปิดร้านกาแฟอยู่หน้าเกสท์เฮ้าส์น่ะครับ อยู่ใกล้ๆกับประตูท่าแพโซนนั้นนักท่องเที่ยวต่างชาติค่อนข้างเยอะลูกค้าผม80%จึงเป็นชาวต่างชาติ”

“ถ้าผมรู้ว่าคุณมีเกสท์เฮ้าส์ผมมาพักกับคุณดีกว่า พอลน่าจะบอกผมสักหน่อย” ท้ายเสียงเหมือนจะตำหนิผัวไอ้ฟาง อีพี่เบิ้มกลับไปแล้วโดนด่าอย่ามาว่ากูนะ กูไม่เกี่ยว!!

“พักที่โรงแรมดีแล้วล่ะครับ อีกอย่างห้องพักก็เต็มด้วยตอนนี้”

“ผมอยากไปร้านกาแฟของคุณ”

“งั้นเดี๋ยวกินเสร็จแล้วผมจะพาไปครับ” ดีจะได้ลูกค้าเพิ่มอีกคน

หลังจากกินข้าวซอยเสร็จเรียบร้อยก็ใช้เวลาไม่นานก็มาถึง  ‘Dok Kaew Guest House’

“เกสท์เฮ้าส์ของคุณดูอบอุ่นน่าอยู่ดีนะครับ ร้านกาแฟก็ร่มรื่นดีผมชอบ โดยเฉพาะต้นดอกไม้สีขาวที่อยู่ตรงทางเข้ามันดูสวยสะดุดตา” พี่เบิ้มพูดพร้อมกับมองสำรวจไปรอบๆ

“ขอบคุณครับ ต้นไม้ที่คุณว่าคือที่มาของชื่อเกสท์เฮ้าส์และร้านกาแฟที่นี่ครับ”  เพราะมีต้นดอกแก้วต้นใหญ่อยู่ประตูทางเข้าของเกสท์เฮ้าส์  แม่ผมเลยใช้เป็นชื่อของเกสท์เฮ้าส์ซะเลย ง่ายดีมั้ยล่ะ..

“ดอกแก่ว” แก่วอะรายยยยพี่เมิง

“ด อ ก แ ก้ ว ครับ”

“ผมชอบ ช่วงนี้ห้องเต็มหมดเลยเหรอครับ”

“จริงๆพรุ่งนี้จะมีห้องว่างอยู่หนึ่งห้องครับ”

“ผมจองได้มั้ยครับ” พี่เบิ้มถามด้วยสายตาลุกวาว

“แต่คุณจองโรงแรมไว้แล้วนะครับ”

“ไม่เป็นไรผมแคนเซิลได้”

“...”

“ผมชอบที่นี่ งั้นผมจองเลยนะครับ”

    เข้าใจนะว่ารวย แต่พักที่โรงแรมห้าดาวมันก็ดีกว่าเกสท์เฮ้าส์เล็กๆแบบนี้มั้ยวะ...

“แต่มันน่าเสียดายนะครับ” คืออดเสียดายเงินไม่ได้ไง เงินไม่ใช่น้อยๆ

ถ้าไม่ได้พักที่นี่ต่างหากที่น่าเสียดาย ผมอยากพักที่นี่..กับคุณ

“...!!” มาอีกแล้วขยิบตาแบบนี้ มันหมายความว่าไงวะ กูชักจะเริ่มกลัวขึ้นมาละสิ!!

“มีเมนูอะไรแนะนำมั้ยครับ” แล้วพี่เบิ้มก็หันไปถามบีพนักงานที่ร้าน ดีนะเด็กที่ทำงานกับผมพูดภาษาอังกฤษได้ทุกคนถึงจะไม่ดีมากแต่ขอสื่อสารได้ก็พอเพราะมันจำเป็นสำหรับการทำงานที่นี่

“กาแฟของเราจะใช้กาแฟท้องถิ่นที่ปลูกที่เชียงใหม่ เป็นกาแฟที่ปลูกโดยชาวเขา คุณอยากลองมั้ย?” ผมเป็นคนอธิบายเองเพราะบีกำลังยืนอึ่งกับความแฮนซ่ำของพี่เบิ้มอยู่!!

“อืม น่าสนใจงั้นผมขออเมริกาโน่เย็นแก้วหนึ่ง”

“รอสักครู่นะครับ”

“ป้านด” กูเกลียดชื่อเน้!!!!!!

“ปะ-นด ครับ”

“ปานด” โอเคพอไหว

“ครับ”

“คุณก็พักที่นี่เหรอครับ”

“ใช่ครับ ถ้าเดินไปตามทางเล็กๆนี้บ้านผมจะอยู่ด้านในสุด” ผมพูดพร้อมกับชี้ให้พี่เบิ้มดูทางเล็กๆที่ปูด้วยก้อนอิฐมอญเป็นทางยาว

“คุณอยู่กับครอบครัวเหรอครับ”

“เปล่าครับ ผมอยู่คนเดียว”

“แล้วครอบครัวคุณล่ะ”

“พ่อกับแม่ผมดูแลอีกเกสท์เฮ้าส์นึงซึ่งอยู่บนภูเขาครับ ส่วนผมก็ดูแลที่นี่”

“ผมหมายถึงภรรยา เอ่อ..คุณแต่งงานรึยัง”

“อ่อ ผมยังโสด”

“...” ไม่มีคำตอบ มีเพียงแต่รอยยิ้มสว่างจ้า..โอ้ยยยแสบตา!!

“แล้วคุณล่ะ แต่งงานรึยังครับ” ขอเดาว่าอีพี่เบิ้มคงแต่งงานมีลูกน้อยที่แสนน่ารักแล้วแน่นอน

“ผมเคยแต่งงานแต่หย่าได้สองปีแล้ว ตอนนี้ถือว่าโสด”

“...” ทำไมถึงหย่าออกจะเพอร์เฟคขนาดนี้  เอาเถอะไม่เสือกดีกว่า

“กาแฟรสดีนะครับ” พี่เบิ้มชิมกาแฟทันทีหลังจากที่บีเอามาเสิร์ฟ

“ถ้าคุณสนใจเรามีเมล็ดกาแฟขาย” ได้เวลาขายของแล้ววว อะไรที่เป็นเงินเป็นทองต้องเอาให้หมด ถ้าไอ้ฟางมันอยู่มันต้องว่าผมงกแน่นอน..แล้วไงใครแคร์!!

“งั้นผมขอสิบถุงนะครับ” เยส!! ตั้งสิบถุงแหนะ

“เดี๋ยวรอเย็นอีกสักหน่อยเราค่อยไปถนนคนเดินกันนะครับ จริงๆที่นี่ก็มีถนนคนเดินแต่มีวันพรุ่งนี้วันนี้ผมจะพาไปที่วัวลาย ที่นั้นขึ้นชื่อเรื่องเครื่องเงินเผื่อคุณสนใจ”

“โอเค งั้นผมขอนั่งทำงานรอนะครับ” แล้วคุณพี่เบิ้มก็หยิบไอแพดมินิออกมาจดๆจ้องๆ สีหน้าตอนตั้งใจก็พอจะเริ่มเห็นเค้าลางของนักธุรกิจมาลางๆละ

“ตามสบายเลยนะครับ อยากได้อะไรบอกผมหรือเด็กที่ร้านได้เลย”

ไม่มีคำตอบ มีแต่รอยยิ้มขอบคุณที่ดูแล้วโคตรมีเสน่ห์ อย่างพี่เบิ้มใช้คำว่า ดูรวมๆแล้วมีเสน่ห์ไม่ได้ เพราะแค่ดูที่เดียวก็มีเสน่ห์แล้ว ยิ่งถ้าดูรวมๆแล้วต้องเป็นโคตรของโคตรมีเสน่ห์!!! นี่ไม่ได้เวอร์เลยนะเออ..

     ห้าโมงเย็นก็ได้เวลาไปเดินถนนคนเดินวัวลาย อาจจะมาเร็วไปนิดแต่ไม่อยากให้พี่แกเดินเบียดเสียดกับผู้คนมากเกินไปเลยรีบมาดีกว่า

“ถนนคนเดินวัวลายที่นี่จะมีพวกของแฮนเมด งานศิลปะ งานหัตถกรรม เสื้อผ้าพื้นเมืองต่างๆ และที่ชุมชนแห่งนี้ยังเป็นแห่งผลิตเครื่องเงินที่มีชื่อเสียงของเชียงใหม่ด้วยครับ” ผมอธิบายให้พี่เบิ้มฟังคราวๆ จริงๆผมก็ไม่ค่อยรู้อะไรมากหรอก คืออย่าลืมว่าผมเป็นไกด์จำเป็น!! พี่เบิ้มก็ฟังไปพยักหน้าไปพร้อมกับหยิบหมวกแก๊ปสีดำมาใส่ พอใส่หมวกแล้วยิ่งดูเท่ขึ้นไปอีก!!

เราเดินดูของกันไปเรื่อยๆ พี่เบิ้มก็หยิบกล้องถ่ายรูปมาถ่ายร้านค้าบรรยากาศต่างๆ แต่ทำไมผมรู้สึกเหมือนโดนแอบถ่ายยังไงก็ไม่รู้!! แล้วพี่เบิ้มก็มาหยุดอยู่ที่ร้านขายเครื่องเงินของคุณยายคนหนึ่ง

“ผมอยากซื้อของฝากไปฝากคนที่นู้นสักหน่อย คุณว่าอันไหนสวยกว่ากัน” พี่เบิ้มหยิบกำไลข้อมือที่อันนึงเป็นกำไลเงินที่สลักเป็นรูปนกตัวเล็กๆ ส่วนอีกอันนึงเป็นกำไลเงินที่ฉลุเป็นรูปดอกไม้

“สวยทั้งคู่ ซื้อทั้งสองอันเลยครับ ” รวยขนาดนี้จะเลือกไปทำไมซื้อๆไปเหอะน่า อยากให้คุณยายได้ขายของเยอะๆด้วย

“เปิ้นถามว่าเอาอันไหนดี ผมบอกหื้อเปิ้นซื้อตึงสองอันเลย” แล้วผมก็หันไปบอกคุณยายที่ฟังไม่ออกว่าผมกับอีพี่เบิ้มคุยอะไรกัน คุณยายก็ยิ้มดีใจที่ผมช่วยขายของให้แก

“โอเคงั้นก็เอาทั้งสองอัน แล้วก็เอาต่างหูสองคู่นี้ด้วยนะครับ” แล้วพี่เบิ้มก็หยิบต่างหูที่เข้าชุดกับกำไล ยื่นให้กับคุณยาย ของแบบนี้ต้องซื้อไปฝากผู้หญิงไม่ฝากแม่ก็ฝากสาวละว้า!!

“ขอบคุณน้องนักๆเน้อตี้จ้วยยายขายของ แฟนน้องหล่อขนาดเนาะ”

“...!!!” รอยยิ้มที่ยิ้มให้กับคุณยายถึงกับค้างเติ่ง  อารายกานนนน ทำไมพวกคุณป้าคุณยายถึงเข้าใจผิดว่าผมกับอีพี่เบิ้มเป็นแฟนกันวะ  บะเข้าใจ๋เลย!!

“คุณหิวรึยังครับ” ผมถามพี่เบิ้มหลังจากที่เราเดินกันมาได้พักใหญ่แล้ว

“นิดหน่อยครับ”

“ของกินจะเป็นพวกสตรีทฟู้ด งั้นเราไปเลือกซื้อแล้วไปหาที่นั่งกินกันนะครับ”

“โอเค”

     ไม่ว่าจะเห็นของกินอะไรพี่เบิ้มก็จะตื่นเต้นแล้วอยากลิ้มลองไปซะทุกอย่าง สรุปคือของกินเต็มโต๊ะ มีทั้งไข่ป่าม ข้าวเหนียว หมูทอด ไส้อั่ว แคบหมู น้ำพริกหนุ่ม ที่น่าตลกคือขนมจีนน้ำเงี้ยวที่ใส่ผักจนล้นถ้วยโฟม เหตุผลเพราะอีพี่เบิ้มเห็นคนอื่นเค้าใส่ผักกันล้นถ้วย เลยหันมาถามผมว่าผักหลากหลายชนิดที่อยู่ในถาดใส่ฟรีรึป่าว ผมเลยตอบกลับไปว่าจะใส่หมดทั้งถาดก็ไม่มีใครว่า พี่แกเลยจัดมาซะล้นถ้วยแถบจะหาเส้นขมมจีนไม่เจอ..ได้ข่าวว่ารวยมากกกกก ไม่น่างกได้ขนาดนี้ เอ๊ะ..หรือว่าเค้าติดนิสัยงกมาจากผม!!

     จากที่สังเกตดูพี่เบิ้มดูจะเป็นคนกินง่ายอยู่ง่าย แล้วก็ปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมได้ง่าย
ของกินที่ซื้อมาพี่แกก็ซัดจนหมดเกลี้ยงแถมยังตบท้ายด้วยข้าวเหนียวมะม่วง อีกสองถ้วย..แดกห่าขนาดนี้ทำไมมันไม่อ้วนวะ!!

“ทำไมคุณทานน้อยจัง”

“ผมทานปกติครับ”  hello!!มึงไงที่แดกไม่ปกติ

“ผมทานเยอะไปเหรอ? แต่มันอร่อยจริงๆนะ ผมชอบอาหารไทย” ยังมีน่ามาถามรู้แล้วล่ะว่าชอบ แดกซะเกลี้ยงขนาดนี้!!

“คุณทานขนาดนี้ แต่ทำไมคุณไม่อ้วนล่ะ?”

“ผมออกกำลังกายทุกวัน ปกติผมไม่ได้ทานเยอะขนาดนี้นะ แต่นี่มาเที่ยวถือว่าเป็นโบนัสทานอะไรก็ได้ที่อยากทาน แต่ผมว่าผมเริ่มอ้วนละนะ” ว่าแล้วพี่เบิ้มก็เปิดเสื้อโชว์ชิกแพคแน่นๆให้ผมดู!!

“...” แบบนี้ก็ได้เหรอ!!นึกอยากจะเปิดก็เปิด..แล้วอ้วนคือไร? กูเห็นแต่กล้าม  ถ้ากูหน้าด้านพอกูเปิดเสื้อโชว์พุงให้ดูแล้วล่ะจะได้รู้ว่าอ้วนที่แท้ทรู คือไร..ฮึมมม!!

“ผมยังไม่อยากกลับโรงแรม ขอกลับไปนั่งทำงานที่ร้านคุณได้มั้ยครับ”

“ร้านผมปิดทุ่มครึ่ง ตอนนี้ที่ร้านก็คงใกล้จะปิดแล้ว” ตอนนี้ก็ทุ่มนึงละ ไม่รู้ถูกใจอะไรนักหนาที่ร้านผม
อยู่ที่โรงแรมสะดวกสบายกว่าตั้งเยอะ

“ผมขอนั่งข้างนอกก็ได้ ได้มั้ยครับ Please” สายตาจะเว้าวอนไปไหน แล้วพูดเฉยๆก็ได้มั้ย ไม่ต้องจับมือกูก็ได้!!หัวใจถึงกับกระตุก!!

“โอเคๆ” กูยอม!!

“ขอบคุณครับ งั้นเรากลับกันเลยนะ” เกลียดไอ้รอยยิ้มแป้นแล้นนี่จริงๆ

ระหว่างเดินออกจากถนนคนเดินพี่เบิ้มก็ได้ของฝากเพิ่มมาอีกสองอย่าง คืองานไม้แกะสลักเป็นรูปช้างตัวเคืองสองตัว กับภาพวาดรูปต้นโพธิ์ขนาดไม่ใหญ่มากอีกหนึ่งภาพ



“ร้านคุณมีชามั้ยครับ” สุดท้ายก็ได้มาที่ร้านผมสมใจ ร้านปิดแล้วแต่พี่เบิ้มขอนั่งตรงระเบียงด้านนอกร้าน ชวนให้ไปนั่งข้างในร้านอยู่นะไม่ได้ใจดำขนาดนั้น แต่พี่เบิ้มแกไม่นั่งเองอยากนั่งรับลมข้างนอก

“มีครับ รับเป็นชาคาโมมายล์มั้ยครับ” ตอนนี้ก็เกือบสองทุ่มละแดกชาที่มีคาเฟอีนคงได้นอนไม่หลับแน่ๆ

“ได้ครับ”

“ได้ละครับ” ผมว่างถ้วยชาลงตรงหน้าพี่เบิ้มที่กำลังอ่านอะไรสักอย่างในไอแพดอย่างตั้งใจ

“นั่งคุยด้วยกันก่อนมั้ยครับ”

“เชิญคุณทำงานตามสบายเลยครับ ผมไม่กวนดีกว่า”

“ผมทำเสร็จแล้วครับ”

“...”ทำตอนไหน? แล้วอีพี่เบิ้มก็ยื่นไอแพดที่มีแต่ตัวหนังสือยาวเหยียดให้ผมดู..กูไม่เข้าใจด้วยหรอกนะ

“นี่ไงงานผม แค่อ่านแล้วตอบกลับไปว่าผ่านหรือไม่ผ่าน ผมอ่านเสร็จแล้ววันนี้ลูกน้องทำงานดีงานก็ไม่มีอะไรต้องแก้” อยากจะถามว่าพี่เบิ้มทำงานอะไรแต่ก็ไม่กล้าถาม..ผัวไอ้ฟางมันทำงานไรวะกูจำไม่ได้!!

ในเมื่องานพี่เบิ้มเสร็จแล้วผมเลยหย่อนก้นลงนั่งคุยเป็นเพื่อนตามคำชวนของฝรั่งผมยาวระต้นคอที่ตอนนี้รวบผมมัดเป็นจุก จากหนุ่มลุคเซอร์ทำไมตอนนี้รู้สึกว่าพี่เบิ้มมันดูเซ็กซี่จังวะ!! คนอะไรแม้กระทั้งต้นคอยังดูมีเสน่ห์!! โลกนี่ช่างไม่ยุติธรรม!!

“หน้าผมมีอะไรติดรึปป่าวครับ ป้านด”

“เออ..ไม่มีครับ” ตายห่า..เผลอจ้องนานไปหน่อย แล้วอีป้านดก็ยังตามมาหลอกหลอนกูไม่เลิก!!

“คุณอายุเท่าไหร่ครับผมยังไม่ทราบเลย”

“เดือนหน้าก็จะ26ปีแล้วล่ะครับ” รู้สึกเต้นตื่นจนบอกไม่ถูกเพราะไม่เคยอายุ26ปีมาก่อน!!ถถถถถ

“ยังเด็กอยู่เลยนะครับ”

“แล้วคุณล่ะอายุเท่าไหร่ครับ” ดูจากหนังหน้าพี่เบิ้มแล้วน่าจะอายุมากกว่าผมไม่เกิน5ปี

“35ครับ” ห่ะ..ขอนับนิ้วแป๊ป ห่างกับผม 9ปีเลยเหรอ ทำไมหน้าอีพี่เบิ้มมันเด็กจังวะ!!

“พรุ่งนี้เราจะไปไหนกันบ้างครับ”

“พรุ่งนี้เช้าเราจะขึ้นดอยสุเทพไปไหว้พระกัน ตอนบ่ายค่อยว่ากันอีกทีว่าจะไปที่ไหน หรือคุณอยากไปเที่ยวที่ไหนเป็นพิเศษรึป่าวครับ” เอาจริงๆก็ไม่รู้หรอกว่าจะพาพี่เบิ้มไปไหนบ้างคิดอะไรขึ้นมาได้ก็ไปตามนั้นแหละ ผมไม่ใช่ไกด์นี่นาอีกอย่างไม่ค่อยชอบเที่ยวด้วยเลยนึกโปรแกรมเที่ยวไม่ค่อยออก มันก็ช่วยไม่ได้ที่ไอ้ฟางมาขอร้องให้ผมช่วยเอง..

“ไม่มีครับแล้วแต่คุณเลย จริงๆไม่ต้องไปไหนก็ได้ขอแค่ได้นั่งทำงานอยู่ที่ร้านคุณ..กับคุณ”

“...!!” นี่มันอะไรกัน ‘ที่ร้านคุณ..กับคุณ’ วันนี้อีพี่เบิ้มมึงพูดสองรอบละนะ หมายความว่าไงวะ..ไปไม่เป็นเลยกู ทำตัวไม่ถูก!!

“พรุ่งนี้ผมจะได้มาพักที่นี่แล้วตื่นเต้นจัง” ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นเลยพี่เมิง!! และได้โปรดอย่ายิ้มแป้นแล้นแบบนี้กูใจไม่ดี!!

     เมื่อเห็นถ้วยชาของอีพี่เบิ้มหมดเกลี้ยงไม่เหลือแม้แต่หยดเดียวก็ถึงเวลาที่จะชวนพี่มันกลับไปพักสักที

“ดึกแล้วกลับโรงแรมมั้ยครับ คุณจะได้พักผ่อน” หมายถึงกูด้วยที่จะได้พักผ่อน เหนื่อย..เหนื่อยใจ!!

“โอเคครับ งั้นพวกของฝากผมฝากไว้ที่เลยนะครับเพราะยังไงพรุ่งนี้ผมก็จะมาพักที่นี่..กับคุณอยู่แล้ว” จ๊ะแล้วแต่พี่มึงเลย ไม่ต้องย้ำมากก็ได้ว่าจะมาพักกับกู



จากเกสท์เฮ้าส์ผมไปโรงแรมที่พี่เบิ้มพักใช้เวลาประมาณ15นาทีก็ถึง

“พรุ่งนี้แปดโมงเช้า ผมจะมารับนะครับ เราจะขึ้นดอยสุเทพกัน” ผมย้ำบอกอีกครั้งก่อนที่พี่เบิ้มจะลงจากรถ

“โอเค ฝันดีนะครับป้านด” พูดจบอีพี่เบิ้มก็night kiss ลงมาที่แก้มผมทั้งสองข้างด้วยความไว แล้วก็ลงจากรถปิดประตูไม่ทันให้ผมได้พูดอะไร วินาทีนี้พูดได้คำเดียวว่า อึ้ง..

มันเกิดอะไรขึ้น..ใจหนอใจทำไมถึงได้เต้นแรงขนาดนี้ล่ะ มันก็แค่ธรรมเนียมของฝรั่งป่าววะ ไม่น่าจะมีอะไรมากกว่านั้นทำไมกูต้องหน้าร้อนด้วยวะ แต่สายตาของอีพี่เบิ้มแม่งกรุ้มกริ่มเหลือเกิน กูเกลียดสายตาแบบเน้!! กูเกลียดเมิงอีพี่เบิ้มมมมม!!





 TBC.


..........................................................................................

 มาแล้ววววบทที่1ของพี่เบิ้มกับป้านด มาแบบเบาๆสั้นๆไม่ยาวมากเน๊อะ

 ฝากติดตามพี่เบิ้มกับป้านดกันด้วยนะคะ ขอบคุณทุกๆกำลังใจและทุกๆคอมเม้นค่ะ^^


 
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทที่1 ผู้ดี..อังกฤษ?! 25-03-2018
เริ่มหัวข้อโดย: เพียงเพื่อน ที่ 25-03-2018 22:54:26
ฝรั่งหรือปลาไหล ค่ะ แหมมมมม ไหลลื่นจริงจริ้งงงง
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทที่1 ผู้ดี..อังกฤษ?! 25-03-2018
เริ่มหัวข้อโดย: onlyplease ที่ 25-03-2018 23:08:02
อื้อหือออออ  เล่นไซส์ฝรั่งเลยเหรอค่ะะะะ  แหกแน่ๆป้านต!!! :katai5: :katai5: :katai5: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทที่1 ผู้ดี..อังกฤษ?! 25-03-2018
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 25-03-2018 23:12:29
น่ารักจัง มุ้งมิ้งเหลือเกิน
อีกคนก็อ้อยซะเรี่ยราด ตั้งใจมาเพื่องานนี้ใช่ไหม
อีกคนก็กลัวไส้แตก เอ๊ะ เกี่ยวกันด้วยเหรอ
 :really2: :really2: :really2:
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทที่1 ผู้ดี..อังกฤษ?! 25-03-2018
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 26-03-2018 02:27:04
รุกเร็วมาก
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทที่1 ผู้ดี..อังกฤษ?! 25-03-2018
เริ่มหัวข้อโดย: zaneforest ที่ 26-03-2018 03:50:58
ป้านดเเกน่ารักกกก ลุงเจมีความรุกหนักมาก
 ทีม ลุงป้า จ้า 5555
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทที่1 ผู้ดี..อังกฤษ?! 25-03-2018
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 26-03-2018 05:55:29
 :laugh:

ป้านด ไม่ไหว 55
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทที่1 ผู้ดี..อังกฤษ?! 25-03-2018
เริ่มหัวข้อโดย: Shonteen ที่ 26-03-2018 12:14:47
อิป้านดฉันหมั่นไส้แก
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทที่1 ผู้ดี..อังกฤษ?! 25-03-2018
เริ่มหัวข้อโดย: Mayana ที่ 26-03-2018 18:39:45
้ป้านด ..หนูน่าจะรอดยาก บอกเลย 555
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทที่1 ผู้ดี..อังกฤษ?! 25-03-2018
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 26-03-2018 18:54:58
อ่อยสุดพี่ท่านอ่อยสุด
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทที่1 ผู้ดี..อังกฤษ?! 25-03-2018
เริ่มหัวข้อโดย: patompong888 ที่ 26-03-2018 23:19:07


 #ทีมลุงป้าด้วยคนจ้า   :katai2-1:




หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทที่1 ผู้ดี..อังกฤษ?! 25-03-2018
เริ่มหัวข้อโดย: fanhy ที่ 27-03-2018 12:11:07
สนุกกกก
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทที่1 ผู้ดี..อังกฤษ?! 25-03-2018
เริ่มหัวข้อโดย: donut4top ที่ 27-03-2018 12:27:21
โถป้านดของเรา โดนรถอ้อยลมทับใส่เสียแล้ว o18
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทที่1 ผู้ดี..อังกฤษ?! 25-03-2018
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 27-03-2018 13:38:24
เป็นฝรั่งที่อ้อยเก่งมากค๊าาาาาา

 :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทที่1 ผู้ดี..อังกฤษ?! 25-03-2018
เริ่มหัวข้อโดย: fairy ที่ 27-03-2018 21:52:15
#ทีมป้า
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทที่1 ผู้ดี..อังกฤษ?! 25-03-2018
เริ่มหัวข้อโดย: skykick ที่ 28-03-2018 16:21:30


เกลียดอะไรได้แบบนั้นนะป้านด  :hao3:
#พี่เบิ้มป้านด



หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทที่1 ผู้ดี..อังกฤษ?! 25-03-2018
เริ่มหัวข้อโดย: holyhilly ที่ 04-04-2018 12:57:33
 :impress3: มะไหร่บทที่สองจะมา  :hao5:
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทที่1 ผู้ดี..อังกฤษ?! 25-03-2018
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 04-04-2018 14:35:16
คุณบอสนี่ก็ชอบพูดให้คิดจัง อย่ามาเล่นๆกับป้านดนะ
หัวข้อ: Re: >>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<< บทที่2 ใต้แสงจันทร์กับชายผู้สวมผ้าพันคอสีฟ้า
เริ่มหัวข้อโดย: MA_LEE ที่ 07-04-2018 21:58:06

บทที่2 ใต้แสงจันทร์กับชายผู้สวมผ้าพันคอสีฟ้า..



“ก๊อกๆ” 7:55นาที ผมมาก่อนเวลานัด5นาที ไม่รู้ว่าพี่เบิ้มเตรียมตัวพร้อมรึยัง

“Good morning” พี่เบิ้มเปิดประตูทักทายผมด้วยรอยยิ้มสดใส ก่อนจะหอมซ้ายหอมขวาตามธรรมเนียม                                                             
       ..เหรอวะ!? 

ด้วยความที่คิดว่าผมจะเดินตามเข้าไปในห้อง พี่เบิ้มจึงปล่อยมือที่จับประตูไว้ ทำให้ประตูค่อยๆปิดลงมา ไอ้ผมที่มัวยืนอึ้งอยู่เอามือดันประตูไว้แทบไม่ทัน   ไม่งั้นดั้งกูยุบแน่ๆ!!

พี่เบิ้มในวันนี้ยังมาในลุคเซอร์เหมือนเดิม ผมยาวระต้นคอถูกรวบมัดไว้อย่างดี หรือว่าพี่เบิ้มมันจะรู้ว่าผมแอบชมในใจว่าต้นคอมันมีเสน่ห์เซ็กซี่ วันนี้เลยมัดผมซะ..อ่อยกู?!  ผมว่าผมคงคิดมากไป พี่เบิ้มมันจะมารู้ความในใจผมได้ไง ว่ามะ..

กางเกงยีนส์ขาสั้นเท่าเข่า เสื้อยืดแขนสั้นสีขาวส่วนแขนสีน้ำเงินสกรีนคำว่า’กระทิงแดง’ พร้อมกับรูปกระทิงสีแดงสองตัวหันหัวชนกัน มันคือกิมมิคที่ฝรั่งทุกคนที่มาเมืองไทยต้องมีสินะ เสื้อเครื่องดื่มชูกำลังกับเสื้อแบรนด์น้ำเมาทั้งหลาย

วันนี้ไม่ใส่อีแตะแฮะ ใส่คอนเวิร์สสีขาวรุ่นคลาสสิค ที่ดูแล้วสีไม่ขาวเท่าไหร่น่าจะผ่านการใช่งานมาพอสมควร เอาง่ายๆคือเน่า ไม่ต่างจากคอนเวิร์สแจ็คเพอร์เซลล์ที่ผมใส่อยู่ตอนนี้สักเท่าไหร่ เน่าพอๆกัน 
ช่างหัวรองเท้าเน่าๆมันไปก่อน สนใจอีพี่ฝรั่งตรงหน้าดีกว่าที่ตอนนี้กำลังยัดเสื้อใส่ในกระเป๋า เพราะวันนี้พี่แกจะไปนอนที่เกสท์เฮ้าส์ของผม สงสัยเหมือนกันว่าทำไมพี่มึงไม่เก็บตั้งแต่เมื่อคืน

“เมื่อคืนผมกลับมาก็เผลอหลับไป เลยไม่ได้เก็บของใส่กระเป๋า คุณรอแป๊ปนึงนะครับ” อีพี่เบิ้มหันมาบอกเหมือนรู้ว่าผมกำลังสงสัยอะไรอยู่ในใจ มึงเป็นริว จิตสัมผัส เวอร์ชั่นฝรั่งแน่ๆ!!

“ครับ ไม่ต้องรีบ” ไม่ถึง10นาทีพี่เบิ้มที่สะพายกระเป๋าเป้ใหญ่ก็พร้อมออกเดินทางด้วยเจ้ากระป๋องของผมที่ดูยังไงๆ คนก็ตัวใหญ่กว่ารถ เราแวะที่เกสท์เฮ้าส์ของผมก่อนเพื่อเก็บสัมภาระของพี่เบิ้ม

“คุณมีอะไรให้รองท้องบ้างมั้ยครับ ผมตื่นสายเลยไม่ได้ลงไปกินอาหารเช้าของโรงแรม”

ที่เกสท์ของผมก็มีบริการอาหารเช้าให้กับลูกค้าเหมือนกัน แต่เนื่องด้วยที่นั่งทานอาหารตอนนี้ถูกจับจองเต็มหมดแล้ว ผมจึงต้องพาลูกค้าวีไอพีมาทานที่บ้านของผมแทน แล้วทำไมไม่นั่งทานที่ร้านกาแฟก็เพราะทานที่บ้านสะดวกกว่าในความคิดของผมอ่ะนะ

“น้ำเต้าหู้ ปาท่องโก่ เป็นอาหารเช้าง่ายๆที่คนไทยนิยมกินในตอนเช้า” ผมอธิบายให้พี่เบิ้มฟังคราวๆกับอาหารที่อยู่ตรงหน้า

“ส่วนนี่ก็ข้าวต้มหมูสับครับ ขนมปังปิ้งกับแจมก็นี้นะถ้าคุณต้องการเดี๋ยวผมไปเอามาให้”

“ไม่เป็นไรครับ แค่นี้ก็พอแล้ว” รอยยิ้มแทนคำขอบคุณช่างแสบตาดีแท้ เออ..แว่นตากันแดดลืมได้ไงว่าแล้วก็ลุกไปหยิบแว่นตากันแดดที่วางไว้ในห้องนอน หยิบมาเหน็บไว้กับคอเสื้อจะได้ไม่ลืม

“บ้านคุณน่าอยู่จังเลยนะครับ เล็กๆแต่ดูอบอุ่น” บ้านของผมเป็นบ้านหลังเล็กๆมีแค่สองห้องนอน เป็นบ้านชั้นเดียวกึ่งปูนผสมไม้ เฟอร์นิเจอร์ก็เป็นของเก่าเก็บที่แม่กับพ่อสะสมไว้ บ้านหลังนี้จึงให้ความรู้สึกวินเทจหน่อยๆบวกกับต้นไม้น้อยใหญ่ที่ให้ความร่มรื่นได้เป็นอย่างดี

“ขอบคุณครับ บ้านหลังนี้ค่อนข้างเก่า ผมอยู่บ้านหลังนี้ตั้งแต่จำความได้ ส่วนเกสท์เฮ้าส์เพิ่งสร้างได้สิบปี พอผมเรียนจบแม่ก็ยกให้ผมดูแลแทน ส่วนพ่อกับแม่ก็ไปดูแลอีกเกสท์เฮ้าส์นึงที่สร้างตอนก่อนที่ผมจะเรียนจบ”

ผมค่อนข้างโชคดีที่พ่อแม่ปูทางในเรื่องธุรกิจไว้ให้ แต่ใช่ว่าจะสบายซะทีเดียว เพราะผมต้องบริหารจัดการเองทุกอย่าง ต้องมีความรับผิดชอบและใส่ใจอย่างมากถึงจะดูแลธุรกิจด้านบริการนี้ได้

“คล้ายกับผมเลย ผมเรียนจบก็มาบริหารงานต่อจากครอบครัวเหมือนกัน ..ผมทานเสร็จละครับ” รอยยิ้มที่พี่เบิ้มส่งมาให้ มันเป็นรอยยิ้มที่เหมือนเข้าอกเข้าใจว่าผมรู้สึกยังที่ต้องแบกรับหน้าที่ต่อจากพ่อแม่ที่สร้างไว้ให้..อืม หัวอกเดียวกันสินะ 
แต่ไม่น่าเหมือนของผมมันแค่ธุรกิจขนาดย่อม ส่วนของพี่เบิ้มคงเป็นธุรกิจขนาดใหญ่มหึมา!!

“ครับ งั้นก็ออกเดินทางได้”

เจ้ากระป๋องค่อยๆพาผมกับพี่เบิ้มขึ้นไปยังวัดพระธาตุดอยสุเทพที่อยู่เหนือระดับน้ำทะเลประมาณ1,000เมตร ได้อย่างปลอดภัย อึดมากลูกพ่อกลับลงไปข้างล่างแล้วพ่อจะพาไปเข้าศูนย์เช็คช่วงล่างให้แน่นเปี๊ยะเหมือนใหม่เลยไม่ต้องห่วง!!

“เดี๋ยวเราขึ้นไปไหว้พระข้างบนกันครับ”

“ข้างบน?”

“ครับ” แล้วผมก็ชี้ไปยังบันไดนาค ที่ยาวขึ้นไปสู่องค์พระธาตุด้านบน

“บันไดมีทั้งหมด306ขั้น คุณขึ้นไหวมั้ย ถ้าไม่ไหวมีกระเช้าพาขึ้นไป”

“ผมไหวเพราะผมออกกำลังกายประจำอยู่แล้ว ว่าแต่คุณเหอะไหวรึป่าว” สายตานี้ช่างสบประมาท ดูถูกอย่าว่าแต่ขึ้นบันไดเลย
รับน้องขึ้นดอยวิ่งจากมหา’ลัยขึ้นมาบนนี้กูก็ทำมาแล้ว!! เออ..แต่นั้นก็น่าจะประมาณเจ็ดปีมาแล้ว เอาน่าสังขารผมยังไหว..

“ผมไหว เห็นแบบนี้ผมแข็งแรงนะครับ”


“แฮกๆๆ” เสียงหมาหอบแดดที่ไหน ไม่ต้องมองหาที่ไหนไกล..ผมนี่แหละ น่าอายชะมัดเดินขึ้นบันไดมายังไม่ถึงร้อยขั้นผมก็หอบแดกซะแล้ว!!

“นี่ครับ ค่อยๆจิบนะ” ที่เบิ้มยื่นขวดน้ำเปล่าที่เปิดฝาเรียบร้อยแล้วมาให้กับผม

“ขอบคุณครับ”  ผมค่อยๆจิบน้ำตามที่พี่เบิ้มบอก ตาก็แอบชำเรืองมองฝรั่งตัวเบิ้มที่ตอนนี้ใช้ผ้าขนหนูผืนเล็กที่พกมาช่วยพัดให้กับผม ดูๆแล้วก็อย่างกะพี่เลี้ยงนักกีฬา!!

มึงเป็นหุ่นยนต์แน่ๆถึงไม่มีความรู้สึกเหนื่อยใดๆ เหงื่อสักหยดก็ไม่มี การหายใจก็ปกติ ทั้งที่ตัวก็หนักมีกระเป๋าเป้ใบเขื่องสะพายอยู่ด้านหลัง ส่วนด้านหน้าก็มีกล้องถ่ายรูปที่คล้องคอไว้ด้วยสายคล้องกล้อง   

ส่วนผมเดินขึ้นมาตัวเปล่าเล่าเปือยมีแค่แว่นตากันแดดที่เหน็บอยู่ตรงคอเสื้อชิคๆ ที่ตอนนี้อยากจะช่างหัวชิคๆมัน!!แค่แว่นตาอันเดียวก็รู้สึกว่าเป็นตัวถ่วงในชีวิตกูเหลือเกิน  อย่าถามว่าเหงื่อผมออกมั้ย? ออกตั้งแต่หัวรามไปถึงง่ามดาก!! หึๆ

แต่ที่น่าโมโหคือหลังจากที่หยุดพัดให้ผมอีพี่เบิ้มเอาแต่ถ่ายรูปผมตอนที่นั่งพักหายใจพะงาบๆ หมดกันความชิค!!

“คุณนี่น่ารักจริงๆ” พี่เบิ้มบ่นพึมพำ ตาก็ก้มลงมองภาพในกล้อง ถึงจะพึมพำแต่กูได้ยิน..น่ารักกับผีนะสิ!! แรงเถียงก็ไม่มี ทำไมผมถึงปวกเปียกแบบนี่น้า เกลียดตัวเองจริงๆ ไม่ได้ละจากนี้ไปผมต้องฟิตร่างกายให้แน่นเปี๊ยะสักหน่อยแล้ว!!

“โอเค ผมพร้อมแล้ว” เมื่อนั่งพักพอหายเหนื่อยแล้วก็ต้องฝืนใจเดินขึ้นต่อไป

และแล้วก็เดินมาถึงบันไดขั้นสุดท้าย 306ขั้นเองเหรอ จิ๊บๆแค่นี่สบ๊าย ก็แค่ขาสั่นพั่บๆเท่านั้นเอง           
บอกแล้วว่าผมน่ะแข็งแรง (หรา!!)

     เมื่อขึ้นมาถึงก็พาพี่เบิ้มมาสักการะองค์พระธาตุก่อนเป็นอันดับแรก พี่เบิ้มทำตามผมทุกขั้นตอน ไม่ว่าจะจุดธูปเทียน นำเทียนไปตั้งตรงแท่นสำหรับวางเทียน จากนั้นก็นั่งคุกเข่าพนมมือโดยมีดอกบัวและธูปอยู่ในมือผมตั้งจิตอธิฐาน พอลืมตาก็เห็นพี่เบิ้มมองมาอย่างยิ้มๆ ก่อนจะถามผม

“ผมขอพรได้มั้ย”

“ได้สิ องค์พระธาตุเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์คนที่นี่ก็ต่างเคารพนับถือ และก็มีหลายคนที่ขอพรกับองค์พระธาตุแล้วสัมฤทธิ์ผล”

เมื่อฟังผมพูดจบพี่เบิ้มก็พนมมือขึ้นไหว้ขอพรแบบเก้ๆกังๆ เห็นแล้วผมก็อดอมยิ้มตามไม่ได้ ฝรั่งที่พนมมือไหว้แบบไทยๆนี่ก็ดูน่ารักดี..หืมมม น่ารักงั้นเหรอ!?


ประวัติของวัดพระธาตุดอยสุเทพ ผมก็ไม่รู้หรอกให้พี่เบิ้มอ่านเอาเอง เค้ามีแปลเป็นภาษาอังกฤษไว้ให้เรียบร้อย สบายแฮเลยเรา!!   จากนั้นก็พาพี่เบิ้มไหว้พระภายในวัดจนครบ และให้พี่แกได้ถ่ายรูปจนหนำใจโดยเฉพาะวิวตัวเมืองเชียงใหม่ที่มองเห็นจากด้านบน พอหนำใจแล้วก็เดินลงไปยังลานด้านล่าง

ขาลงสบายหน่อยไม่เหนื่อยเท่าขาขึ้น อากาศตอนนี้ก็เย็นสบายกำลังดี เหมาะแก่การเดินลงแบบชิวๆ

“หิวรึยังครับ” ผมหันไปถามพี่เบิ้มที่ตอนนี้กำลังก้มดูรูปที่ตัวเองถ่ายด้วยใบหน้ายิ้มน้อยยิ้มใหญ่

ถ้าตาผมไม่ฝาดผมเห็นรูปตัวเองอยู่ในนั้น..

“นิดหน่อยครับ คุณละป้านด” ป้านดก็ยังคงตามมา มาไกลถึงดอยสุเทพ!!

“นิดหน่อยเหมือนกันครับ งั้นเราลงไปกินข้างล่างกันนะครับ ผมมีร้านแนะนำ”

“โอเค” พี่เบิ้มหันมายิ้มจนตาหยี  โอ้ยแสบตา..แว่นกันแดดมีประโยชน์ก็คราวนี้แหละว่าแล้วก็หยิบมาใส่สักหน่อย

ขับรถลงจากดอยสุเทพก่อนเข้าตัวเมืองเชียงใหม่ ผมพาพี่เบิ้มแวะนมัสการอนุสาวรีย์ครูบาศรีวิชัย ซึ่งที่นี่เค้าเรียกว่าตีนดอยทางขึ้นดอยสุเทพ อันที่จริงผิดแผนไปนิดความจริงเราต้องแวะนมัสการก่อนที่จะขึ้นดอยสุเทพแต่ผมเห็นคนเยอะเลยขับผ่านเลยไป ตอนนี้เห็นคนโล่งๆเลยเลี้ยวรถเข้าไป

“แวะที่นี่สักหน่อยนะครับ ตามจริงผมต้องพาคุณแวะตอนขาขึ้น”

“โอะ ชื่อนี้เหมือนในประวัติที่อ่านเมื้อกี้” พี่เบิ้มที่อ่านป้ายทางด้านเข้า แล้วหันมาถามอย่างสงสัย

“ใช่แล้วครับ นี่คืออนุสาวรีย์ครูบาศรีวิชัย ผู้ทำถนนขึ้นดอยสุเทพ”

“เค้าเป็นพระ?”

“ใช่แล้วครับท่านเป็นพระ ที่คนในท้องถิ่นรวมถึงคนนอกพื้นที่ศรัทธาเลื่อมใส”

“พระ สร้างถนนได้ด้วย?”

“ท่านช่วยระดมทุนและแรงงานจากชาวบ้านให้มาช่วยกันทำทางขึ้นดอยสุเทพ เพื่อจะได้ง่ายต่อการเดินทางขึ้นไปสักการระองค์พระธาตุ ไม่ใช่แค่ที่นี่นะท่านยังบูรณะวัดหลายวัดในแผ่นดินล้านนาหรือภาคเหนือในปัจจุบันด้วย” นี่ตกลงเมื่อกี้ได้อ่านประวัติจริงป่ะเนี่ย หรืออ่านแล้วไม่เข้าใจ?

“ว้าว ท่านและชาวบ้านมีน้ำใจและเสียสละดีจัง”

“เค้าเรียกว่าแรงศรัทธาครับ” ผมหันไปบอกพี่เบิ้มอย่างยิ้มๆ คนเราถ้ามีแรงศรัทธาต่ออะไรสักอย่างแล้วต่อให้ยากลำบากแค่ไหนก็สามารถฝ่าฟันไปถึง..

      หลังจากนมัสการอนุสาวรีย์ครูบาศรีวิชัยเสร็จแล้ว ก็มุ่งหน้าสู่ตัวเมืองเชียงใหม่พาพี่เบิ้มไปร้านอาหารที่ผมคิดไว้ว่าน่าจะถูกใจ และสัมผัสได้ถึงวัฒนธรรมล้านนา มื้อนี้เลยพาพี่เบิ้มมาท่านอาหารเหนือแบบฟูลคอร์ส
ร้านที่ผมพามาเป็นร้านแนวขันโตก ตกแต่งด้วยสไตล์ล้านนา ไม่นานนักพนักงานเสิร์ฟสาวสวยที่แต่งกายด้วยชุดผ้าซิ่นล้านนาก็ยกขันโตกมาเสิร์ฟ

ในขันโตกเต็มไปด้วยสำรับอาหารเหนือ ทั้งแกงฮังเล แกงโฮะ ลาบหมูคั่ว น้ำพริกอ่อง น้ำพริกหนุ่มพร้อมกับผักนึ่งและแคบหมู
อืม..มีแต่อาหารรสเผ็ด แต่จากการสังเกตเมื่อวานพี่เบิ้มทานเผ็ดได้ ไม่น่าจะมีปัญหา

“ถ้าเรามาตอนเย็นที่นี้จะมีโชว์การแสดงศิลปวัฒนธรรมของภาคเหนือให้ดูด้วย เสียดายที่ผมไม่ได้พาคุณมาทานมื้อเย็น” ผมทำหน้าเสียดายอย่างที่พูดจริงๆ เนื่องด้วยเวลาจำกัดเพราะตอนเย็นต้องไปหลายที่ผมเลยตัดสินใจพามาทานมื้อเที่ยงแทน

“ไม่เป็นไรครับ ไว้คราวหน้าเราค่อยมาใหม่” พี่เบิ้มพูดด้วยน้ำเสียงสบายๆไม่ได้ซีเรียสอะไร

 “...” หืม..คราวหน้า? เรา?  ยังจะมาอีกเหรอ!! พูดแบบนี้หมายความว่าผมต้องเป็นฝ่ายพามาอีกใช่มะ?!

       ..แต่ทำไมรู้สึกดีใจอยู่หน่อยๆแฮะ..

“อร่อยมั้ยครับ เผ็ดเกินไปรึป่าว”

“อร่อยครับ เผ็ดไม่มากแบบนี้ผมทานได้สบาย” ส่วนใหญ่ร้านอาหารที่เน้นบริการให้กับนั่งท่องเที่ยวอาหารจะทำออกมารสกลางๆรสไม่จัดเท่าไหร่ พี่เบิ้มที่พอทานเผ็ดได้ เลยทานได้สบายคิดถูกแล้วพี่พามาที่นี่..

“ผมต้องเช็คอินที่เกสท์เฮ้าส์คุณมั้ย”

“ไม่ต้องครับผมฝากเด็กจัดการให้แล้ว”

“อาหารอร่อย บรรยากาศดีผมชอบนะ กลับไปผมคงต้องคิดถึงอาหารเหนือมากๆแน่” แปลกๆแฮะ ตอนพูดคำว่าคิดถึงทำไมต้องจ้องนัยน์ตาผมนิ่งด้วยละ ..หรือกูมีขี้ตาติด!!

หลังจากซัดขันโตกจนเกลี้ยง ถ้าแดกขันโตกได้พี่เบิ้มคงแดกลงท้องไปแล้วแน่แท้
ก็พาแกมาย่อยโดยการพามาเดินชมวัดไหว้พระ  เนื่องด้วยเวลามีจำกัดผมจึงพยายามเลือกวัดที่มีสถาปัตยกรรมที่โดดเด่นแกจะได้ประทับใจ วัดแรกที่ผมพามาคือวัดเจ็ดยอด จากนั้นก็พาไปวัดอุโมงค์ และจบด้วยวัดพระสิงห์ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากเกสท์เฮ้าส์ของผม  พี่เบิ้มก็ดูตื่นตาตื่นใจและสนอกสนใจภาพจิตรกรรมฝาผนังเป็นพิเศษ

“ผมชอบจิตรกรรมฝาผนังพวกนี้จัง และที่ผมสังเกตแต่ละวัดจะมีรูปไม่เหมือนกัน”

“ใช่แล้วครับแต่ละวัดจะเลือกใช้เรื่องราวที่ไม่เหมือนเหมือนกัน ลายเส้นแต่ละที่ก็ไม่เหมือนกันขึ้นอยู่กับฝีมือของจิตรกร จิตรกรรมฝาผนังในวัดส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องราวของพุทธประวัติในช่วงเวลาต่างๆ รวมถึงพวกนิทานชาดกประมานนี้ครับ” ไอ้ผมคนอธิบายก็ไม่ค่อยรู้อะไรมากมายซะด้วยสิ คราวๆแบบนี้ไปก่อนละกัน

“เมื่อวานที่ถนนคนเดินผมเห็นมีภาพคล้ายๆแบบนี้ขายด้วย พอเห็นที่นี่แล้วผมอยากได้ขึ้นมาซะแล้วสิ”

“วันนี้มีถนนคนเดินท่าแพเดี๋ยวผมพาไปซื้อครับถ้าคุณอยากได้”

“ครับ”

“งั้นเรากลับกันนะครับ”

“ได้ครับ”



“จิ๊บพี่ขอกุญแจห้องพักหมายเลข1หน่อย”

“ให้แขกไปแล้วพี่”
“แขกไหน? ในเมื่อMr.jeremy อยู่กับพี่ เอาไปให้ตอนไหน”

“อ้าว แปปนะพี่” แล้วจิ๊บก็เข้าดูข้อมูลลูกค้าพี่มาพักในแล็ปท็อป

“ห้องพักหมายเลข1 ลูกค้าชื่อหย่าจิ้ง เป็นชาวจีนนะพี่ แล้วลูกค้าก็เช็คอินแล้วเรียบร้อยทั้งแต่บ่าย”

“เอกไม่ได้บอกไว้เหรอว่าพี่จองไว้ให้ลูกค้าแล้ว”เอกคือพนักงานกะเช้าที่ผมสั่งให้เจ้าตัวจัดการเรื่องห้องพักหมายเลข1ที่จะว่างในวันนี้หลังเที่ยงวัน แล้วทำไมมันไม่จัดการวะ  ไอ้เอกเล่นงานกูแล้ววว

“ไม่เห็นบอกอะไรเลยนะพี่ เปลี่ยนกะปุ๊บก็เห็นรีบออกไปเลยเห็นว่าจะไปซื้อของขวัญให้สาว”

ไอ้เอกมึงลืมได้ยังไงวะ  ตัดเงินเดือนเดือนนี้เลยดีมั้ย เอาไงดีกับฝรั่งตัวเบิ้มที่ยืนทำหน้าไม่รู้เรื่องไม่รู้ราวนี่ดีวะ โรงแรมที่พี่แกพักก็เช็คอินออกมาแล้วซะด้วยสิ

“มีเรื่องอะไรรึป่าวครับ”

“พอดีเกิดปัญหาขึ้นนิดหน่อย พนักงานผมไม่ได้จองห้องพักให้คุณ ความผิดผมเองแหละที่ไม่ได้ตรวจดูให้เรียบร้อย..งั้นคุณมาพักที่บ้านผมละกันครับถ้าไม่รังเกียจ”

“Lucky!” เสียงพี่เบิ้มพึมพำเบาๆ  อะไรกี้ๆนะ?

“อะไรนะครับ”

“เอ่อ ผมไม่ได้รังเกียจ ยินดีและเป็นเกียรติที่ได้พักบ้านคุณ..กับคุณ” ประโยคทำนองนี้กลับมาหลอกหลอนกูอีกแล้ววว..

“โอเคครับ งั้นเราไปที่บ้านผมกัน” ผมพาพี่เบิ้มเดินลัดเลาะมาตามทางก้อนอิฐมอญที่วางเป็นทางยาวจากเกสท์เฮ้าจนมาถึงบ้านหลังน้อยๆของผม

“คุณพักที่ห้องของผมเลยละกันนะครับ ส่วนผมจะไปนอนห้องของพ่อกับแม่เอง” พักที่ห้องผมน่าสะดวกสบายกว่า โชคดีที่เพิ่งทำความสะอาดไปเมื่อวันก่อน

“ผมรบกวนคุณรึป่าว”

“ไม่ครับๆ มันเป็นความผิดผมเองผมต้องรับผิดชอบครับ”

“เรานอนห้องเดียวกันก็ได้นะครับ ผมไม่นอนดิ้น”

“ไม่ดีกว่าครับ เดี๋ยวคุณไม่สะดวก ตกลงตามนี้นะครับ” สายตามึงโคตรไม่น่าไว้ใจ ขืนนอนด้วยกลัวไส้แตก!!

   อ๊ะ..อย่าคิดลึกกันครับ ผมกลัวพี่แกจะมานอนทับผมจนไส้แตกต่างหากล่ะ!

“คุณพักตามสบายเลยนะครับ ผมขอตัวไปทำงานสักหน่อย แล้วเดี๋ยวห้าโมงผมจะมาเรียกนะครับ”

“ขอบคุณครับ”


สิ่งแรกที่ต้องทำ คือการโทรไปเทศนาไอ้เอกก่อนเป็นอันดับแรก สะเพร่าแบบนี้มันต้องโดน ฮึมมม

เกทส์เฮ้าส์ตอนนี้ก็เรียบร้อยดีไม่มีปัญหาอะไร ผมเลยมาช่วยบีที่ร้านกาแฟที่ลูกค้าตอนนี้มีอยู่พอสมควร
โดยปกติแล้วงานที่เกสท์เฮ้าส์ผมจะเข้าไปตรวจดูความเรียบร้อนในตอนเช้าและตอนค่ำ ส่วนเวลาที่เหลือผมก็จะอยู่ที่ร้านกาแฟเป็นหลัก

“คาปูชิโน่เย็นแก้วนึงครับ”

“ได้ครับ โอ๊ะ..ทำไมคุณไม่พักที่บ้านละครับ”

"ผมอยากมานั่งเล่นที่ร้านกาแฟของคุณมากกว่า"

พี่เบิ้มคงจะอาบน้ำถึงได้เปลี่ยนชุดใหม่ กางเกงยีนส์ขาสั้นตัวเดิมแต่เปลี่ยนเสื้อเป็นเสื้อกล้ามสีขาวล้วน แขนค่อนข้างเว้าลึกทำให้มองเห็นแผงหน้าอกแพลมๆ อกจะแน่นไปไหน กล้ามแขนก็เป็นมัดๆ ฮึมมม นี่คือครั้งแรกที่เห็นหุ่นผู้ชายด้วยกันแล้วนึกอิจฉา
ผมก็ยังหมาดๆปล่อยสยายเส้นผมหยักศกเป็นลอนสวยตามธรรมชาติอยากจะลองสัมผัสกลุ่มเส้นผมนั้นสักครั้งคงจะนุ่มมือน่าดู..

..เบรกกกก เอี๊ยดดดด.. มึงกำลังคิดอะไรอยู่วะไอ้ณต นั้นมันผู้ชาย อยากจะจับผมผู้ชายเนี่ยนะ!! บ้าแล้ววว

“ณต  ป้านด”

“อ่า ครับว่าไง” ตายห่า เผลอจ้องนานไปหน่อย น้ำลายไหลรึป่าววะ!!

“ผมขอชีสเค้กชิ้นนึงด้วยนะครับ”

“ได้ครับ รอสักครู่”

“พี่ณต คุณเจเรมีหุ่นแซบเน๊อะ เห็นแล้วน้ำลายแตก” บีที่กำลังชงกาแฟที่พี่เบิ้มสั่งไปเมื่อครู่หันมากระซิบกับผม กระซิบทำไมวะ พี่แกฟังภาษาเราไม่ออกเว้ย!!

“ตั้งแต่พรุ่งนี้ไปพี่จะเข้าฟิตเนส” ผมพูดด้วยความมุ่งมั่น

“พี่ณตพูดคำนี้มาน่าจะ88รอบได้ละ” บีหรี่ตามองผมอย่างล้อๆ

“ครั้งนี้เอาจริงโว้ย” ผมสัญญากับตัวเองบนพระธาตุดอยสุเทพไว้แล้วว่าผมจะไม่อ่อนปวกเปียก ผมจะต้องแน่นเปี๊ยะ!!!!

“คำนี้ก็น่าจะประมาณ58รอบที่ได้ยิน”

“แล้วคำว่าหักเงินเดือนละ ได้ยินกี่รอบ”

“โธ่ พี่ณตสุดหล่อ หุ่นฟิตแอนด์เฟิม แถมยังใจดีอีกต่างหากน้องบีคนนี้จะเป็นกำลังใจให้และผลักดันให้เข้าฟิตเนสอย่างสม่ำเสมอค่ะ” คำพูดที่แข็งขันเหมือนทหารพร้อมทำท่าตะเบ๊ะ ทำให้ผมหลุดขำ

“ดีมาก แต่ว่าตอนนี้เอากาแฟไปเสิร์ฟได้แล้ว”

“รับทราบ” ยัง..ยังเล่นไม่เลิก

“นี่ครับ ชีสเค้ก”

“ขอบคุณครับ นั่งด้วยกันสิครับ” ลูกค้าเริ่มบางตาผมจึงลากเก้าอี้ลงนั่งตามคำชวน

“คุณคงเหนื่อยน่าดู พาผมไปเที่ยวทั้งวันยังต้องกลับมาทำงานอีก”

“ไม่เหนื่อยหรอกครับไม่ได้ใช้แรงงานอะไรมากมายสักหน่อย สนุกดีออก ว่าแต่วันนี้คุณไม่ทำงานเหรอครับ”

“ไม่ครับวันนี้ฟรี” ยิ้มซะกว้างเชียว  ขอซื้อรอยยิ้มนี้ทิ้งได้มะ มันทำให้หัวใจตุ๊มๆต่อมๆ



  ต่อหน้า2ค่ะ

หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทที่2 ใต้แสงจันทร์กับชายหนุ่มผู้สวมผ้าพันคอสีฟ้า
เริ่มหัวข้อโดย: MA_LEE ที่ 07-04-2018 22:01:50
“Hello my friend เพื่อนณตอยู่มั้ยเอ่ย” เสียงดัดจริตแบบนี้มีอยู่แค่คนเดียว..

“ไอ้ชาติ!!”

“ซูซี่ย่ะ ตบปากเท่าอายุตัวเองเดี๋ยวนี้”

“โทษๆ อีซูซี่ลมอะไรหอบแกมาถึงนี่ได้วะนึกว่าอยู่สิงคโปร์ซะอีก” ไอ้ชาติ ชื่อเต็มคือ ชาติชาย เกย์ควีนหัวใจสีบานเย็น
มีผัวเป็นชาวสิงคโปร์ อยู่ที่สิงค์โปรเป็นหลัก จะมาเชียงใหม่สองเดือนต่อครั้ง เพราะผัวมันเปิดยิมอยู่ไม่ไกลจากบ้านผมเท่าไหร่เลยต้องมาดูแลเป็นพักๆ ผัวมันเป็นฟิตเนสเทรนเนอร์กล้ามปูยิ่งกว่าพี่เบิ้มซะอีก!!

มันเพิ่งมาเมื่อเดือนที่แล้ว ยังไม่ครบกำหนด2เดือนเลย มองไปยังหน้าร้านก็เห็นกระเป๋าเดินทางสีชมพูสดใสใบโตว่างอยู่
ถ้ามาในลักษณะนี้มีอยู่อย่างเดียว ทะเลาะกับผัวแล้วงอนหนีผัวกลับเชียงใหม่ แล้วก็ไม่ได้ไปพักที่ไหนไกลพักกับกูนี่แหละ  อยากจะตะโกนออกมาว่า อีกแล้วหรา!!

“ณตตตตตต” เสียงเรียกชื่อครางยาวแบบนี้ ข้อสันนิฐานผมน่าจะถูก

“ทะเลาะกับผัวสินะ งอนแล้วก็หนีมา”

มันพยักหน้าพร้อมทำหน้าตาหน้าสงสาร

“ทุกทีเลยนะมึงชอบหนีปัญหา บอกแล้วว่ามีอะไรให้คุยกันให้ชัดเจนอย่าหนีมาแบบนี้”

“อย่าเพิ่งด่ากูสิ กูกำลังเศร้าอยู่นะ อุ้ย! ว่าแต่หนุ่มหล่อแฮนซั่มสุดเพอร์เฟคคนนี้ใคร? ผัวมึงเหรอ?!”

“เดี๋ยวกูถีบคว่ำ ไหนบอกมึงเศร้าเห็นผู้ชายละสีหน้าลั้นลาทันที”

“ก็เค้างานดีอ่ะแก หล๊อหล่อ กล้ามแขนก็เป็นมัดๆ” ผัวมึงมัดใหญ่กว่านี้อีก ได้ข่าว

“Hi” แล้วมันก็หันไปทักทายด้วยท่าทางกระมิดกระเมี้ยน

“Hi” พี่เบิ้มยิ้มตอบด้วยรอยยิ้มพิมใจ

“ซูซี่ค่ะ เป็นเพื่อนรักของณต” ถามกูสักคำรึยังว่าอยากเป็นเพื่อนรักกับมึงรึป่าว โผล่หน้ามาให้เห็นทีไรก็เอาแต่เรื่องปวดหัวมาให้กู แบบนี้เค้าเรียกว่าเพื่อนเวร!!

“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะสุดหล่อ”

“ผมเจเรมี่ เพื่อนณตเหมือนกันครับ ยินดีที่ได้รู้จักสุดสวย” นี่ก็บ้าจี้เล่นตาม สวยกะผีน่ะสิ!!

 สันใหญ่กว่ากูอีก   ว่าแต่เมื่อกี้พี่เบิ้มว่าไงนะ เพื่อนงั้นเหรอ  เออๆเพื่อนก็เพื่อน อย่างพี่เบิ้มคงเป็นลูกค้าไม่ได้ ลูกค้าที่ไหนจะได้อภิสิทธิ์นอนที่บ้านผมล่ะว่ามะ..

“ไม่ใช่ลูกค้าแกเหรอ แล้วแกไปมีเพื่อนเป็นฝรั่งตอนไหน?”

“เจเรมี่เป็นบอสของผัวไอ้ฟาง เค้ามาทำงานที่กรุงเทพเสร็จงานเลยมาเที่ยวต่อที่เชียงใหม่ ไอ้ฟางเลยขอให้กูเป็นไกด์ให้”

“อ๋อออออ คนนี้นี่เองไอ้ฟางเพิ่งเม้าให้ฉันฟัง ไม่คิดว่าคุณบอสจะหน้าเด็กแถมยังหล่อหน้าเซี้ยะขนาดนี้”

“เจเรมี่ขา” เสียงน่าถีบมาก ณ.จุดนี้

“ว่าไงครับ” พี่เบิ้มเงยหน้าจากไอแพด มองอีซูซี่ด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม

“ซูซี่ได้ไวน์ชั้นดีมาขวดนึง คืนนี้สนใจดริ้งด้วยกันมั้ยคะ”

“ด้วยความยิ้มดีครับสุดสวย”

“ไอ้ชาติ”

“กูเกลียดมึงอีณต มีไร”

“มึงจะนอนไหน”

“ยังมีหน้ามาถาม ก็นอนบ้านมึงสิ” สาบานว่านี่คือคำพูดของคนที่มาขอความช่วยเหลือ เห็นไหมล่ะมันไม่ใช่เพื่อนรัก แต่มันคือเพื่อนเวร!!

“งั้นกูกับมึงก็ต้องนอนห้องเดียวกัน” ปกติถ้าไอ้ชาติ เอ้ย อีซูซี่มันมาค้างบ้านผมมันจะนอนห้องของพ่อกับแม่ผม ห้องนั้นจึงเหมือนเป็นห้องของอีซูซี่นั้นแหละเพราะมันมานอนบ่อยมากกว่าเจ้าของห้องซะอีก

“ทำไม?”

“เจเรมี่นอนห้องกู”

“...?”

“เรื่องมันยาว เอาเป็นว่าเกิดแอคซิเดนนิดหน่อยกูเลยให้เขามาพักที่บ้าน”

“งั้นกูนอนห้องมึง กับคุณบอสสุดหล่อ”

“เห้ยยย!!”

“ตกใจเบอร์ใหญ่ไปป่ะ ฉันล้อเล่นย่ะ ฉันรักโจเซฟสามีสุดที่รักของฉันคนเดียวย่ะ” แล้วจู่ๆอีซูซี่ก็น้ำตาคลอเบ้า กูตามอารมณ์มึงไม่ทัน  เมื่อกี้มึงยังดี้ด้าเรื่องผู้ชายอยู่เลยจู่ๆก็เข้าโหมดดราม่าซะงั้น

ส่วนโจเซฟคือใคร นั่นละชื่อผัวมัน

“ตกลงทะเลาะอะไรกัน เล่าให้ฟังได้รึยัง”

“ฉันสงสัยว่าโจเซฟกำลังนอกใจ”

“...”

“เค้าเปลี่ยนไป กลับบ้านดึก สนใจฉันน้อยลงแล้วพยายามเลี่ยงเวลาที่ฉันถามคำถาม”

“มึงแน่ใจแล้วเหรอ”

“ฮื่อออ กูก็ไม่รู้ กูอึดอัดที่ต้องอยู่แบบนั้นเลยหนีมาอยู่กับมึงเพราะกูไม่สบายใจเอาซะเลย” เอ้าอยู่ดีๆก็ปล่อยโฮ

“ใจเย็นๆนะซูซี่ มันอาจจะไม่เป็นอย่างที่มึงคิดก็ได้” ผมได้แต่ให้กำลังใจพร้อมกับลูบหลังเพื่อนเบาๆ 

พี่เบิ้มก็คงจะตกใจไม่น้อยที่อยู่ๆอีซูซี่ก็ดึงเข้าโหมดดราม่า ผมอ่านปากพี่เบิ้มว่ามีอะไรให้ช่วยรึป่าว
ผมเลยส่ายหน้าตอบเบาๆว่าไม่เป็นไร
มันไม่เป็นไรหรอกเชื่อดิ ไม่เกินสามวันโจเซฟก็จะมาตามง้อให้อีซูซี่กลับไป เพราะเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นนับครั้งไม่ถ้วน แต่ในเมื่อเพื่อนไม่สบายใจแล้วมาพักใจกับเรา เราก็ต้องทำหน้าที่เพื่อนให้ดีที่สุดว่ามะ
ส่วนเรื่องของความรักก็ต้องปล่อยให้เค้าเคลียร์กันเองดีที่สุด..

        ถนนคนเดินท่าแพ คลาคล่ำไปด้วยผู้คนทั้งนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ และนักท่องเที่ยวชาวไทย
จาก ‘ดอกแก้วเกสท์เฮ้าส์’ เดินไปสุดปากซอยก็จะเจอถนนคนเดิน ผมจึงไม่รีบร้อนเท่าไหร่นักเพราะเดินไม่ถึง50ก้าวก็ถึง

“ไปด้วยกันมั้ยมึง” ผมชวนอีซูซี่ไปเดินถนนคนเดินด้วยกัน เมื่ออีซูซี่หยุดดราม่าได้พักใหญ่

“ไม่อ่ะ ลงเครื่องปุ๊บก็มาหามึงทันทีขอพักก่อนดีกว่า”

“อืมตามใจ อยากกินอะไรก็ไลน์บอกนะ จะซื้อเข้ามาให้”

“ขอบใจนะมึง มาให้จุ๊บหน่อย”

“จูบตีนกูน่ะสิ ไปพักได้แล้ว” ผมพูดพร้อมกับเอามือยันหน้ามันไว้ ซึ้งใจทีไรเอะอะเป็นขอจูบ

“โด่ว กำลังซึ้งเลย ให้เจเรมี่จุ๊บก็ได้”

“เจเรมี่ kiss me please” แล้วอีซูซี่ก็ชี้นิ้วไปที่แก้มตัวเอง อีพี่เบิ้มก็ดันบ้าจี้ตามจุ๊บแก้มทั้งสองข้างของอีตุ๊ดหัวโปกซะงั้น  อีซูซี่ก็แกล้งเขินทำเป็นตีแขนอีพี่เบิ้มเบาๆ
ทีอย่างงี้ละยิ้มออก เมื่อกี้ร้องไห้อย่างกะเขื่อนแตก กูจะฟ้องผัวมึง มึงเจอกล้ามปูผัวมึงหนีบจนแบนแน่ๆ


“เพื่อนคุณน่ารักดีนะ มีเพื่อนแบบนี้สักคนคงไม่เหงา” ลองมีสักคนดูสิ แล้วพี่เมิงจะอยากเหงา หึๆ

“น่ารำคาญละสิไม่ว่า” ถึงปากจะบอกว่ารำคาญแต่หน้าผมกลับเปื้อนยิ้ม

“ดูพวกคุณรักกันดี”

“ผม ซูซี่ ฟาง และก็เพื่อนอีกคนชื่อดอยเราเป็นกลุ่มเพื่อนสนิทกันตั้งแต่เรียนมหา'ลัย แต่พอฟาง และซูซี่ย้ายไปอยู่ต่างประเทศกลุ่มเราก็เหงาจริงๆนั้นแหละที่ขาดพวกมัน” เมื่อพูดถึงพวกมันผมก็อดยิ้มไม่ได้ สมัยเรียนพวกเราสร้างวีรกรรมไว้เยอะมากแต่ละเรื่องก็ไร้สาระและบ้าบอกันทั้งนั้น

“อิจฉาพวกคุณจัง”

“คุณไม่มีเพื่อนเหรอ”

“เพื่อนสนิทแบบพวกคุณผมไม่มีครับ ผมโตมากับสังคมที่ค่อนข้างสวมหน้ากากเข้าหากัน แม้แต่เพื่อนที่จริงใจก็ยากที่จะหาเจอ”

“คุณก็เป็นเพื่อนกับผมแล้วไง ถือว่าเราอยู่กลุ่มเดียวกันแล้วโอเคมั้ยครับ” นี่คงเป็นคำพูดปลอบใจที่ฟังดูแล้วอาจจะไม่ได้ผล ผมแค่อยากพูดอะไรสักอย่างที่ทำให้แววตาที่หม่นแสงลงได้กลับมาสดใสเหมือนเดิม

มนุษย์เรามันก็ต้องมีเรื่องหรือปมในใจกันบ้างละน้า ไม่ว่าจะเป็นคนชาติไหนก็ตาม..

“ขอบคุณครับ” แล้วพี่เบิ้มก็หันมายิ้มจนตาหยี มันต้องแบบนี้สิ!! แล้วมันก็ได้ผล.
.
“ถนนคนเดินที่นี่ ไม่ต่างจากที่เราไปเมื่อวานมากนัก สินค้าที่ขายก็คล้ายๆกัน คุณอยากได้ภาพวาดใช่มั้ยครับเดี๋ยวผมพาไปดู”
ผมพาพี่เบิ้มมายังถนนเส้นที่ขายงานศิลปะ ที่วางเรียงรายเป็นแถว

พี่เบิ้มมาถูกใจภาพวาดของน้องนักศึกษาชายคนนึง ซึ่งน่าจะเป็นเด็กจิตรกรรม งานของน้องคนนี้เน้นภาพวาดที่เกี่ยวกับพุทธศาสนา เป็นภาพคล้ายๆกับจิตรกรรมบนฝาผนังที่วัดที่พี่เบิ้มอยากได้อยู่แล้ว พี่แกเลยเหมามาสามภาพ ที่จริงพี่แกอยากซื้อมากกว่านั้น แต่ตอนเอากลับคงลำบากยิ่งรวมกับของที่ซื้อเมื่อวานด้วยแล้วเลยหยุดการช้อปไว้เพียงเท่านี้

เราเดินดูของกันไปเรื่อยๆท้องก็เริ่มหิว เราจึงตัดสินใจซื้อของกินกลับไปกินที่บ้านกับอีซูซี่
พร้อมกับข้อความจากไลน์ที่ดังขึ้น

ไอ้ชาติ : ส้มตำปูปลาร้าเผ็ดระดับ88ตีนถีบ ร้านสำตำนรกครกแตก เจ๊แดงเจ้าเก่าเจ้าเดิม

             (อย่าไปบอกมันนะครับว่าผมตั้งชื่อไลน์มันแบบนี้ แหะๆ)

ปะ-นด : OK



“คิดถึงส้มตำสุดๆ” อีซูซี่ทำท่าน้ำลายแตกเมื่อนั่งอยู่บนโต๊ะอาการที่ตอนนี้หลากหลายไปด้วยอาหารนานาชนิด

“ไปล้างมือก่อนแล้วค่อยมาแดก”

“ไม่เป็นไรหรอกน่า”

“ไอ้ชา..” ไม่รอให้ผมได้เรียกชื่อเก่ามันจบ รีบลุกพรวดทันที หึๆ

“เออๆ ไปเดี๋ยวนี้แหละ”

“คุณด้วยไปล้างมือก่อนกินข้าวด้วยนะครับ” ผมหันไปบอกพี่เบิ้มที่กำลังจะจกข้าวเหนียว พี่แกก็ลุกไปล้างมืออย่างว่าง่าย
       อืม..good boy!!

มื้อนี้พี่เบิ้มก็เจริญอาหารอีกเช่นเคย

“จานนี้เผ็ดมากนะครับ อย่าลองเลย” มือพี่เบิ้มชะงักกึกทันทีที่ผมบอก พี่เมิงดูสีมันก่อนแดงเถือกขนาดนี้ ส้มดำรสที่อีซูซี่มันแดกไม่ต่างกับแดกพริกดีๆนี่เอง

“ผมอย่างลอง” อ่ะไม่ห้าม ตามใจพี่เลย แล้วอย่าหาว่าไอ้ณตไม่เตือนว่ารสเผ็ดระดับ88ตีนถีบมันมีพลังทำลายล้างขนาดไหน

ยังไม่ทันได้กลืนสีหน้าของพี่เบิ้มก็เปลี่ยนเป็นสีแดงเข้มขึ้นเรื่อยๆ

“อ๊ากกก เผ็ด hot เผ็ด” ถึงกับพูดไม่เป็นภาษากูบอกมึงแล้ววว

ผมกับอิซูซี่ได้แต่ขำ กับความดื้ออยากรู้อยากลองของพี่เบิ้ม

“น้ำครับ  ผมบอกแล้วว่ามันเผ็ด”

“ผมเคยกินส้มตำที่กรุงเทพมันไม่เผ็ดขนาดนี้”

“ซูซี่เป็นคนเผ็ช ต้องกินอะไรเผ็ชๆ แบบนี้ล่ะค่ะ แซ่บมั้ยคะ” เกลียดการจือปากของมึงมาก กูแนะนำให้มึงแดกพริดสดผสมวาซาบิ รับรองปากมึงจืออัตโนมัติแน่ๆ!!

เดินขึ้นบันไดที่วัดพระธาตุดอยสุเทพเหงื่อไม่ออกสักกะหยด เจอส้มตำนรกครกแตกของเจ๊แดงเข้าไปแค่คำเดียว ถึงกับเหงื่อผุดเต็มหน้า ..กูเจอจุดอ่อนเมิงล้าวววว!!

“เช็ดเหงื่อก่อนครับ” ผมยื่นทิชชู่ให้กับพี่เบิ้มที่ตอนนี้ดื่มน้ำไม่หยุด

“เช็ดให้หน่อยสิครับ” ไม่พูดเปล่า ยื่นหน้ามาใกล้ผม ผมเลยจำใจค่อยๆซับเหงื่อให้ ปากที่เจ่อแดงเพราะความเผ็ดก็ยังคงพูดต่อ

“คุณดูสิ ปากผมบวมไปหมดเลย” มีฟ้องๆ แต่ไม่ต้องทำเสียงอ้อนขนาดนั้นก็ได้มั้ง ส่วนหน้าที่โน้มเข้ามาใกล้ขยับออกห่างอีกสักนิดก็ดี  กูใจบ่ดี!!

“มึงฉันว่าคุณบอสกำลังอ่อยมึงอยู่ว่ะ”

“ห๊ะ!!”

“เชื่อเรด้าเกย์ควีนอย่างกู”

“อ่อยกูเพื่อ กูผู้ชายแล้วพี่แกก็ผู้ชายแถมยังเคยแต่งงานมาแล้วด้วย”

“เคยแต่งงาน?”

“หย่าแล้ว”

“แต่งกับผู้หญิง?”

“มันก็ต้องแต่งกับผู้หญิงสิ” เอ๊ะ หรือว่าไม่ใช่วะ?!

“ช่างเหอะ นั้นไม่ใช่ประเด็น ประเด็นคือพี่เค้ากำลังอ่อยมึงอยู่”

“...” หันไปมองคนที่กำลังถูกกล่าวหาว่ากำลังอ่อยผมอยู่ กำลังเขมือบข้าวเหนียวมะม่วงของโปรดไม่สนใจว่าผมกับอีซูซี่กำลังคุยอะไรกัน ..ก็แหง๋ล่ะ พี่มันฟังพวกมึงไม่รู้เรื่องไง!!

“เชื่อกู กูเอาตำแหน่งรองอันดับสองมิสดาวเทียมเมื่อเจ็ดปีที่แล้วเป็นเดิมพันเลยเอ้า” ถุย ของเดิมพันช่างน่าภาคภูมิใจซะเหลือเกิ๊น ..อีรองอันดับสอง!!

“สายตาที่เค้ามองแกมันก็ไม่ปกติ”

“ไม่ปกติยังไง?”

“เอาน้า ไว้ให้ฉันมั่นใจกว่านี้แล้วจะบอกอีกที เดี๋ยวแกจะหาว่าฉันมั่ว”


“ดื่มไวน์ กันมั้ยคะหนุ่มๆ” อีซูซี่ที่หายเข้าไปในห้องเดินกลับมาพร้อมกับขวดไวน์สีเขียว

“โอเคครับ แต่ผมขอตัวไปอาบน้ำก่อนเดี๋ยวมาร่วมวงด้วยนะครับ”

“โอเคค่ะ”

“มึงออกไปนั่งข้างนอกตรงระเบียงกันเหอะ จุดเทียนด้วย โรแมนติกดี”

“ยุ่งยากนะมึงอ่ะ”

“เอาน่า ในบ้านเหม็นกลิ่นปลาร้าเสียบรรยากาศ”

“จัดการเอาเอง กูไปตรวจความเรียบร้อยที่เกสท์เฮ้าส์ก่อนเดี๋ยวมา” ทีตอนแดกทำไมมึงไม่เหม็น ที่ตอนนี้กระแดะทำเป็นเหม็นกลิ่นปลาร้า..อีรองอันดับสอง!!


กลับมาจากเกสท์เฮ้าส์ อีรองอันดับสองกำลังหัวเราะคิกคักกับพี่เบิ้มอย่างสนุกสนานอยู่ที่ระเบียงหน้าบ้าน

“ป้านด” พี่เบิ้มรีบกวักมือเรียกเมื่อเห็นผมเดินมา

“อีป้านดมาเร็วๆ” เดี๋ยวมึงเจอกูอีซูซี่

“ใจเย็นดิ ไอ้ชาติ”
 
“หยอกค่ะ เพื่อนณตก็” หึๆ

“ผัวมึงโทรมาไม่รับ?”  โทรศัพท์ของอีซูซี่สั่นไม่หยุด

“ไม่อ่ะ”

“รับๆไปเหอะน่า”

“เห้ย!!จะทำอะไร”

“จะปิดเครื่อง กูรำคาญ”

“เออๆ รับก็รับ”

อีซูซี่รับโทรศัพท์ด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้าง ก่อนจะค่อยๆแปรเปลี่ยนเป็นน้ำเสียงออดอ้อน..หมั่นไส้!! แต่นั่นก็ทำให้ผมยิ้มออก เพื่อนคืนดีกับผัวเราก็ดีใจ ชีวิตผมก็พลอยสงบสุขไปด้วย!!

แล้วมันก็ทำปากเป็นเชิงบอกว่าขอตัวไปคุยที่ห้อง ตอนนี้เลยเหลือผมกับพี่เบิ้มสองคน

“พระจันทร์สวย” จู่ๆพี่เบิ้มก็พูดขึ้น

ผมแหงนหน้าขึ้นมองพระจันทร์ตามคำอวดอ้างของพี่เบิ้ม ..อืมสวยจริงๆนั้นแหละ

คืนนี้พระจันทร์โตเต็มดวง สีเหลืองทองสว่างสดใส มองแล้วก็ทำให้นึกถึงรอยยิ้มของคนที่นั่งข้างๆ
ถ้าจะเปรียบเทียบรอยยิ้มของพี่เบิ้มก็คงเปรียบได้กับดวงจันทร์สีเหลืองทองสดใสนี่แหละมันดูสดใสแต่ก็นุ่มลึกน่าข้นหาอยู่ในที ไม่ได้สดใจแสบจ้าเหมือนดวงอาทิตย์ที่มองด้วยตาเปล่าแทบไม่ได้..

“ป้านด”

“...” กำลังชื่นชมอยู่ในใจแท้ๆ เสียบรรยากาศหมด

“คุณเชื่อเรื่องพรหมลิขิตมั้ย?”

“เชื่อครับ ทุกๆเรื่องราว ทุกๆคนที่เราได้เจอก็ล้วนเป็นพรหมลิขิตที่ข้างบนเค้าได้กำหนดมาไว้แล้ว”

“แล้วพรหมลิขิตเรื่องความรักล่ะ”

“อืม..ไม่รู้ครับเพราะผมก็ยังไม่เคยเจอ” ก็ผมโสด เกิดมาก็ยังไม่เคยมีแฟนจริงๆจังๆกับเค้าสักทีจะบอกว่าเชื่อก็คงไม่เต็มปาก

“ผมมีเรื่องเล่าจะเล่าให้คุณฟัง” พี่เบิ้มพูดด้วยท่าทีสบายๆ พร้อมกับยกแก้วไวน์ขึ้นจิบ อืม..มองมุมนี้ใบหน้าของพี่เบิ้มที่สะท้อนกับแสงจันทร์แล้วโคตรน่าหลงใหล..ไม่นะไอ้ณตคิดอะไรอยู่?! มึงเมาไวน์แน่ๆ

“ชายคนหนึ่งผู้ไม่เชื่อในเรื่องพรหมลิขิต อยู่มาวันนึงเค้าบังเอิญได้เห็นรูปถ่ายรูปนึง ในรูปถ่ายมีคนอยู่ด้วยกันสี่คนที่กำลังยิ้มให้กล้องอย่างสดใสและใบหน้าของทุกคนล้วนมีความสุข ชายคนนั้นเดาว่าทั้งสี่คนคงจะเป็นเพื่อนรักกัน

แต่แล้วสายตาของชายคนนั้นก็ไปหยุดนิ่งอยู่ที่ชายที่สวมผ้าพันคอสีฟ้าสดใสใบหน้าที่ยิ้มทั้งปากทั้งดวงตาทำให้ชายหนุ่มไม่สามารถละสายออกมาได้เลยราวกับโดนมนต์สะกด

ทุกครั้งที่ชายหนุ่มเครียดหรือท้อแท้เค้ามักจะนึกถึงรอยยิ้มของชายที่สวมผ้าพันคอสีฟ้าในรูปถ่ายรูปนั้น” ไม่รู้ผมคิดไปเองรึป่าวว่าใบหน้าของพี่เบิ้มตอนที่พูดถึงชายหนุ่มที่สวมผ้าพันคอสีฟ้า ใบหน้าของพี่แกดูมีความสุข

“แล้วทำไมเค้าไม่จีบชายหนุ่มสวมผ้าพันคอสีฟ้าล่ะครับ หรือว่าเค้ามีแฟนแล้ว”

“นั่นน่ะสินะ”

“...?”

“คงเพราะชายหนุ่มคิดว่ามันคงเป็นความรักที่เป็นไปไม่ได้ เพราะเค้าไม่รู้อะไรเกี่ยวกับชายที่สวมผ้าพันคอสีฟ้าเลย แม้กระทั้งชื่อ”

“ทำไมฟังดูเศร้าจัง”

“เปล่าเลย ชายหนุ่มเต็มใจเพราะมันคือความรักที่บริสุทธิ์ เป็นรักที่ไม่ต้องการครอบครอง”

“...”

“แต่แล้ววันนึงชายที่สวมผ้าพันคอสีฟ้าก็มาอยู่ตรงหน้าของชายหนุ่ม โดยไม่คาดฝัน ถ้าคุณเป็นชายหนุ่มคนนั้นคุณจะทำยังไง ปณต” หืม..นี่เป็นครั้งแรกที่พี่เบิ้มเรียกชื่อผมได้ถูกต้องชัดเจน

“ผมก็คงรีบคว้าเค้าไว้ เพราะนี่มันคือพรหมลิขิตชัดๆที่ทำให้พบกัน”

“นั้นน่ะสิ ไม่เห็นต้องคิดมากเลย ขอบคุณนะครับสำหรับคำตอบ” แปลก!! ทั้งแววตาและน้ำเสียงของพี่เบิ้มแปลกไป มันดูอบอุ่นแล้วก็เหมือนโล่งใจอยู่ในที..

“ดึกมากแล้วพักผ่อนมั้ยครับ”

“ได้ครับ ฝันดีนะครับ” พี่เบิ้มค่อยๆโน้มหน้าลงมา ในใจผมคิดว่าจะไนท์คิสหอมแก้มแบบเมื่อวาน

แต่ผมคิดผิด!! พี่เบิ้มประทับริมฝีปากได้รูปนั้นลงมาที่ริมฝีปากบางของผม วินาทีนั้นเหมือนถูกไฟช็อต ตัวแข็งทื่อ ใจเต้นแรง
หน้าร้อนผ่าว ..หรือผมกำลังจะตาย?!!

“Night Kiss” พี่เบิ้มกระซิบบอกที่ข้างหูผมเบาๆ ก่อนจะยิ้มด้วยสายตาพราวระยับ

“...!!”

จูบแรกของผม ที่เฝ้ารักษามายาวนานเกือบ26พรรษา ถูกฝรั่งร่างเบิ้มพรากจากไป..

           อ๊ากกก ไอ้เบิ้มมึงเอาจูบแรกกูคืนมา!!!!




  TBC.

…………………………………………………………………

บทนี้มีความเวิ่นเว้อนิดนึง จะตัดออกก็ไม่รู้จะตัดตรงไหนออก แหะๆ

ขอบคุณสำหรับความอดทนที่ยอมอ่านความเวิ่นเว้อของบทนี้ค่ะ^^

บทหน้าเราจะมาเฉลยว่าชายหนุ่มคนนั้น และชายผู้สวมผ้าพันคอสีฟ้าคือใคร..เอ๊ะหรือว่าเดากันได้แล้ว!!

ขอบคุณสำหรับทุกๆคอมเม้น ขอบคุณจากใจจริงค่ะ จุฟ



หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทที่2 ใต้แสงจันทร์กับชายหนุ่มผู้สวมผ้าพันคอสีฟ้า
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 07-04-2018 22:10:41
คุณบอสอ่อยแล้ว ป้านดอ่อยตอบสิ จะได้ไม่มีใครเสียเปรียบใคร อิอิ
หัวข้อ: Re: >>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<< บทที่2 ใต้แสงจันทร์กับชายผู้สวมผ้าพันคอสีฟ้า 07-04-18
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 07-04-2018 23:47:50
ละมุนดีจัง จะมีใครตามหาเราอย่างนี้บ้างไหมน้อ
ไม่ต้องหล่อแบบพี่เบิ้มก็ได้ แต่อย่าขี้เหล่มากนะ อิอิอิ
 :-[ :-[
หัวข้อ: Re: >>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<< บทที่2 ใต้แสงจันทร์กับชายผู้สวมผ้าพันคอสีฟ้า 07-04-18
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 08-04-2018 01:17:27
 :hao7:
หัวข้อ: Re: >>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<< บทที่2 ใต้แสงจันทร์กับชายผู้สวมผ้าพันคอสีฟ้า 07-04-18
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 08-04-2018 06:31:50
 :-[ :-[

 :L2: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: >>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<< บทที่2 ใต้แสงจันทร์กับชายผู้สวมผ้าพันคอสีฟ้า 07-04-18
เริ่มหัวข้อโดย: เพียงเพื่อน ที่ 08-04-2018 11:22:13
ฝรั่งจอมฉวยโอกาศศศศ :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: >>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<< บทที่2 ใต้แสงจันทร์กับชายผู้สวมผ้าพันคอสีฟ้า 07-04-18
เริ่มหัวข้อโดย: Sky ที่ 08-04-2018 11:54:49
คุณบอสนางร้ายนักนะคะ
หัวข้อ: Re: >>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<< บทที่2 ใต้แสงจันทร์กับชายผู้สวมผ้าพันคอสีฟ้า 07-04-18
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 08-04-2018 17:32:39
ลุ้น ๆ บอสจะเฉลยว่าไง
หัวข้อ: Re: >>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<< บทที่2 ใต้แสงจันทร์กับชายผู้สวมผ้าพันคอสีฟ้า 07-04-18
เริ่มหัวข้อโดย: onlyplease ที่ 08-04-2018 18:41:52
อื้อหืออออออ พี่เบิ้มคนอ่อยแรงส์  :-[
หัวข้อ: Re: >>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<< บทที่2 ใต้แสงจันทร์กับชายผู้สวมผ้าพันคอสีฟ้า 07-04-18
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 08-04-2018 19:07:10
อ่อยเบอร์สุดเลยคุณบอส ^^
หัวข้อ: Re: >>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<< บทที่2 ใต้แสงจันทร์กับชายผู้สวมผ้าพันคอสีฟ้า 07-04-18
เริ่มหัวข้อโดย: skykick ที่ 08-04-2018 20:52:01


อ๊ากกกก  :hao7: :hao7:








หัวข้อ: Re: >>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<< บทที่2 ใต้แสงจันทร์กับชายผู้สวมผ้าพันคอสีฟ้า 07-04-18
เริ่มหัวข้อโดย: fairy ที่ 09-04-2018 14:47:07
 o13
หัวข้อ: Re: >>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<< บทที่2 ใต้แสงจันทร์กับชายผู้สวมผ้าพันคอสีฟ้า 07-04-18
เริ่มหัวข้อโดย: patompong888 ที่ 09-04-2018 19:01:53


 พี่เบิ้มอ้อยแร๊งส์  :hao6:





หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทที่ 3 เชอร์ณต โฮล์มส์!! (27-04-18) p.2
เริ่มหัวข้อโดย: MA_LEE ที่ 27-04-2018 21:37:18
 


บทที่ 3  เชอร์ณต โฮล์มส์!!



        วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่พี่เบิ้มจะอยู่ที่เชียงใหม่ ช่วงบ่ายพี่เบิ้มจะเดินทางกลับไปทำงานต่อที่กรุงเทพอีกหนึ่งวัน ในวันรุ่งขึ้นก็เดินทางกลับลอนดอนบ้านเกิด..
ผมเพิ่งรู้ว่าอีพี่เบิ้มแม่งเป็นคนขี้เซา ถึงว่าเมื่อวานตอนไปรับที่โรงแรมยังเตรียมตัวไม่พร้อมเมื่อถึงเวลานัด  ตอนนี้แปดโมงเช้าเข้าไปแล้วพี่เบิ้มก็ยังไม่ออกจากห้อง..หรือว่าเมื่อวานแดกเยอะไปท้องแตกตายหมกอยู่ในห้องวะ!!

“เจเรมี่ ตื่นรึยังครับ”

“...” ผมเคาะห้องพร้อมกับเรียกอยู่อย่างนั้นสามรอบ ไร้ซึ่งการตอบรับใดๆ

ลองหมุนลูกบิดประตู..ห้องไม่ได้ล็อคนี่หว่า

“งั้นผมเข้าไปนะครับ” ผมเอ่ยบอกอย่างเกรงใจก่อนจะหมุนลูกบิดประตูเข้าไป  สิ่งที่ปะทะเข้ากับสายตาคือ ชายหนุ่มผมยาวสีน้ำตาลเข้มระต้นคอนอนคว่ำอยู่บนเตียง ท่อนบนเปลือยเปล่า ส่วนท่อนล่างปกคลุมด้วยผ้าห่มสีครีม

ตึก ตึก จู่ๆก็ใจเต้นแรง หน้าร้อนเห่อกับแผ่นหลังที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามแข็งแรง..เซ็กซี่!

เพิ่งสังเกตว่าพี่เบิ้มมีรอยสัก เป็นตัวเขียนภาษาอังกฤษอยู่บริเวณบ่าด้านหลัง   อ่านว่าอะไรผมก็อ่านไม่ออกเพราะมองเห็นไม่ชัด กำลังจะเดินเข้าไปใกล้อีกนิดหวังว่าจะได้เห็นตัวหนังสือบนแผ่นหลังนั้นชัดๆ อีพี่เบิ้มก็ดันพลิกตัวมานอนหงายเสียก่อน..นาทีนั้นผมแทบกลั้นหายใจ กลัวพี่เบิ้มจะตื่น ..แล้วทำไมต้องกลัวมันตื่นด้วยวะ ก็ผมเข้ามาปลุกพี่เบิ้มนี่หว่า!

“เจเรมี่” ผมเดินเข้าไปใกล้ พร้อมกับส่งเสียงเรียกไม่ดังมากนัก ยิ่งเดินเข้าไปใกล้ใจก็ยิ่งสั่น ไรขนจากท้องน้อยที่ลามขึ้นมาจนถึงสะดือ ทำให้ผมหายใจติดขัด..มึงท่าจะบ้าแล้วไอ้ณต!!
ผมทำใจกล้าไปเขย่าแขนพี่เบิ้มเบาๆ เพื่อเพิ่มเลเวลในการปลุก นิ่ง..โอ้ยย อีตาบอสนี่ก็ตื่นยากตื่นเย็น นี่ถ้าเป็นอีซูซี่กูถีบตกเตียงไปนานแล้ว!!  พอเพิ่มแรงเขย่าอีพี่เบิ้มก็ค่อยๆลืมตาขึ้นอย่างงัวเงีย

“Mr. Blue Scarf” พี่เบิ้มเอ่ยออกมาเสียงเบาคล้ายกับละเมอ

“หืม?” ละเมออะไรของพี่แก สงสัยจะหมายถึงชายหนุ่มที่สวมผ้าพันคอสีฟ้าที่เล่าให้ฟังเมื่อคืนล่ะมั้ง! คงจะชอบเรื่องนี้มากถึงขั้นเพ้อ

“ตื่นได้แล้วครับคุณ”

“อื่อ ขอโทษทีครับนี่ผมตื่นสายอีกแล้วสินะ” พี่แกว่าพลางใช้มือขยี้ตาเบาๆพร้อมกับลุกขึ้นนั่ง..อืมยังคงนิยามคำว่า ‘เซ็กซี่’ ได้คงเส้นคงวา ขนาดเพิ่งตื่นไอ้เส้นผมยาวสลวยที่รกปรกหน้ายิ่งทำให้ดูเซ็กซี่บวกกับหน้าอกที่เปล่าเปลือย เห็นแล้วก็อยากได้!!..อยากได้หุ่นแบบนี่ อย่าคิดไปไกลครับ!

“อาหารเช้าพร้อมแล้ว ถ้าคุณทำธุระส่วนตัวเสร็จเชิญทานได้เลย” ผมพูดจบก็หมุนตัวออกจากห้อง มือที่กำลังจะหมุนลูกบิดซะงักลงเมื่อนึกเรื่องที่จะพูดขึ้นได้อีกเรื่อง เลยหันหน้ากลับไปยังพี่เบิ้มอีกครั้ง

“อ่อ แล้วก...” เสียงของผมขาดหาย พร้อมกับเสียงสะบัดผ้าห่มออกจากตัวพี่เบิ้ม

“เชี่ย!!”  ผมอุทานออกมาด้วยความตกใจ ทะ ทำไมมึงไม่นุ่งกางเกง บ๊อกเซอร์ก็ได้ กางเกงในก็ยังดี!

 นี่มัน..นี่มันงูหลามเผือกชัดๆ!!!!!  ..ตากุ้งยิงแน่ๆ ไม่สิตากูบอดแน่ๆ ใหญ่กระแทกเบ้าตากูซะขนาดนี้!!

“มีอะไรครับ ป้านด” มึงยังไม่รู้ตัวอิ๊ก ยืนเคะขี้ตาไม่รู้เรื่องรู้ราว โชว์งูหลามเผือกหราอยู่แบบนี้ใครมันจะไปพูดออก ..ลืม กูลืมไปหมดแล้วว่าจะพูดอะไร!!

“ไม่มีอะไรครับ ผมขอตัว” ผมรีบหมุนตัวออกจากห้องอย่างเร่งด่วน  ..ให้ตายสิ!!



      น้ำเย็นๆดับความร้อนจากการหน้าร้อนเห่อและในใจที่ร้อนรุ่มได้เป็นอย่างดี แต่จู่ๆน้ำเย็นที่กำลังดื่มก็กลายเป็นน้ำร้อนแทบจะลวกปากในทันทีเมื่อบียื่นอะไรบางอย่างมาให้

“พี่ณต กินข้าวหลามมั้ยพอดีญาติของบีไปเที่ยวชลบุรี เลยซื้อมาฝาก” บียื่นกระบอกข้าวหลามหนองมนของฝากขึ้นชื่อเมืองชลให้กับผม

“กระบอกใหญ่สุดเลยนะ บียกให้” บียิ้มประจบอย่างเอาใจที่มอบข้าวหลามกระบอกใหญ่ที่สุดให้

“กินเหอะ เออ พี่ลดความอ้วนอยู่น่ะ” ได้แต่กลืนน้ำลายอย่างฝืดคอ เอาจริงๆมะ กูแดกไม่ลง แม่งแค่เห็นกระบอกข้าวหลาม
อีภาพงูหลามเผือกก็กระแทกเข้าเบ้าตา..บอดแน่ๆตากู!!

“Good Morning”

เห็นหน้าพี่เบิ้มหน้าผมก็ร้อนขึ้นมาอีกครั้ง ถึงกับทำอะไรไม่ถูก สติสตังหายไปหมด เพราะมึงคนเดียวอีงูหลาม

“ไม่สบายรึป่าวครับ หน้าแดงๆ” ไม่พูดเปล่าจับหน้าผมพลิกหันซ้ายหันขวา

“...” ถึงกับไปไม่เป็นเลยกู!

“หรือว่าคุณโกรธที่ผมตื่นสาย”

“เวลานอนคุณไม่ใส่เสื้อผ้านอนเหรอครับ” กูไม่ตอบกูเข้าประเด็นเลยละกัน

“ส่วนใหญ่ก็ไม่ใส่ครับ”

“...”

“โอ๊ะ ซอรี่ เมื่อกี้คุณคงเห็น..” นี่มึงเพิ่งรู้ตัวเหรอ!!

“ไม่เป็นไรครับ ผมไม่ถือยังไงผมก็ผู้ชายมีเหมือนกับคุณ” ปากดีไปงั้นแหละแต่หัวใจแทบกระเด้งออกมาตอนที่เห็นไอ้เจ้างูหลามเผือกแผ่หราอยู่ในห้องของผม! เหอะ..มีเหมือนกันก็จริงแต่ขนาดต่างกันราวฟ้ากับเหว งูดินรึจะไปสู้งูหลามเผือก!!

“แล้วคุณชอบมั้ยครับ” สายตาที่ถามช่างวาววับ จิ้มตาบอดสักทีดีมะ

“แค่กๆ  ชอบอะไร?” น้ำในปากแทบพุ่งใส่หน้ามึง อีพี่เบิ้มมึงถามเชี่ยไรเนี่ย!!

“ชอบถอดเสื้อผ้านอนแบบผมไงครับ” ได้แต่เป่าปากโล่งอกอยู่ในใจ ค่อยยังชั่ว นึกว่ามึงจะเป็นบอสโรคจิตซะแล้ว!

“ผมใส่เสื้อผ้านอน”

“ไม่ร้อนเหรอ?”

“เปิดแอร์”

“แล้วถ้าแอร์เสียล่ะ” อะไรของเมิง! กวนตีนกูป่ะเนี่ย!!

“เปิดพัดลม”

“แล้วถ้าพัดลมเสีย?”

“คุณต้องการอะไร?” ผมชักเริ่มหมดความอดทน

“ผมต้องการให้คุณถอดเสื้อผ้านอนเหมือนผม”

“...?!” ใครก็ได้บอกที ว่าผมกำลังโดนฝรั่งกวนตีนอยู่ใช่ป่ะ!

“ฮ่าๆ ล้อเล่นครับ ผมแค่แกล้งให้คุณทำหน้าเหวอ ผมชอบเพราะมันน่ารักดี”

“...?!” อะไร?? กูตามอารมณ์มึงไม่ทัน ผมได้แต่อ้าปากค้างกระพริบตาปริบๆมองหน้าพี่เบิ้มอย่างไม่เข้าใจ

“เห็นมั้ย น่ารักจริงๆด้วย” แล้วพี่เบิ้มก็ลูบที่แก้มผมเบาๆ

“...” ถ้าผมเป็นกาน้ำร้อนแบบนกหวีดตอนนี้คงมีเสียงหวีดร้องออกมาอย่างบ้าคลั่งแน่ๆ เพราะหน้ากูร้อนมากบอกเลอ!!  ไม่รู้จะโกรธหรือเขินดี! ..สติ ไอ้ณตมึงต้องดึงสติกลับมาโดยด่วน

“ผมมาตามคุณไปทานอาหารเช้าด้วยกัน” จู่ๆก็ปรับโทนเสียงซะอ่อนโยน เมื่อกี้ยังแหย่กูอยู่เลย

“ผมทานแล้วครับ”

“งั้นนั่งเป็นเพื่อนผมหน่อยได้มั้ยครับ วันนี้ต้องกลับแล้วผมอยากใช้เวลาอยู่กับคุณให้มากที่สุด”

“...” อ้อน?! น้ำเสียงแบบนี้เรียกว่าอ้อนใช่มะ!? 

อะไร?? (เช้านี้กูอะไร?หลายรอบมาก) ทั้งคำพูดและสายตามันผิดแผกต่างจากเมื่อวานมาก ‘อ่อย’ แล้วคำพูดของอีซูซี่ก็ผุดขึ้นมาในความคิด..จริงเหรอ ไม่จริงม้าง!!

“ไปครับ ผมหิวแล้ว” แล้วอีพี่เบิ้มก็คว้าข้อมือผมกึ่งดึงกึ่งลากออกจากร้านกาแฟไปยังตัวบ้าน  นี่มันแรงคนหรือแรงควาย ออกแรงดึงแค่นิดเดียวตัวผมแทบปลิว!!



“ผมชอบอันนี้ครับ เค้าเรียกว่าอะไร” พี่เบิ้มถามพร้อมกับหยิบห่อใบตองที่หอเป็นสามเหลี่ยมวางไว้บนฝ่ามือหลังจากที่ทานอาหารเช้าเรียบร้อยแล้วโดยมีผมนั่งเป็นเพื่อนและกำลังทานของหวานล้างปากอยู่ ปากคงจะคาวมากกินข้าวเหนียวสังขยาไปสี่ห่อ และห่อที่ห้าห่อสุดท้ายที่วางอยู่บนฝ่ามือก็กำลังจะลงท้องตามไปติดๆ

“ข้าวเหนียวสังขยาครับ”

“ข่าว เนียว สัง ขา ยา” อย่าพยายามเลยพี่เมิง

“ข้าว เหนียว สัง ขะ หยา”

“ข้าว เหนียว สัง ขา หยา” เกลียดรอยยิ้มพี่เมิงจริงๆ

“ครับ”

“ว่าแต่ผมยังไม่เห็นซูซี่ ยังไม่ตื่นเหรอครับ” ใครจะไปขี้เซาเหมือนพี่เมิงงง ผมได้แต่ร้องด่าอยู่ในใจ

“ออกไปยิมตั่งแต่เช้าแล้วล่ะครับ” เห็นเป็นตุ๊ดหัวโป๊กแบบนี้ อีซูซี่ดูแลสุขภาพตังเองดีมาก ดีจนได้ผัวเป็นเทรนเนอร์ฟิตเนส!!

“ซูซี่คืนดีกับสามีรึยังครับ”

“ก็คงดีกันแล้วล่ะครับ พรุ่งนี้มันก็จะกลับสิงคโปร์แล้ว”

“ดีจังนะครับ ความรักเนี่ย”

“หืม..”

“ก็รักกัน ทะเลาะกันและก็ง้อกัน ดีออกนะครับความรักแบบนี้”

“แล้วความรักของคุณไม่ได้เป็นแบบนี้เหรอ  โอ๊ะ ขอโทษครับ ผมไม่น่าเสียมารยาท” ลืมไปเลยว่าพี่แกหย่าแล้ว อาจจะจบกันไม่สวย ผมนี่ปากพาซวยจริงๆ!

“ไม่เป็นไรครับ การแต่งงานของผมมันไม่ใช่ความรัก เราแต่งเพื่อผลประโยชน์ทางธุรกิจ”

“...” นึกว่าจะมีแต่ในหนัง พวกคนรวยนี่เข้าใจยากจังแฮะ

“อดีตภรรยาของผมมีคนรักอยู่แล้ว เธอจำใจต้องแต่งงานกับผมเพื่อช่วยธุรกิจของที่บ้านเธอที่กำลังจะล้มละลายเพราะธุระกิจของครอบครัวเธอเอื้อต่อธุรกิจของครอบครัวผมด้วย  พ่อผมเลยยื่นข้อเสนอนี้ให้กับพ่อของเธอ พ่อของเธอตอบตงลงรับข้อเสนอนี้ทันที  อาจจะด้วยเหตุผลที่บ้านของเธอพยายามกีดกันคนรักของเธอเพียงแค่ว่าชายคนนั้นเป็นแค่อาจารย์มหาวิทยาลัยธรรมดาๆคนนึง ไม่ใช่นักธุรกิจที่มีทรัพย์สินมากมายเหมือนกับผม  โดยลืมคิดไปว่าความรักมันไม่ใช่เรื่องของเงินแต่มันคือเรื่องของหัวใจต่างหากล่ะ” สีหน้าของพี่เบิ้มตอนที่พูดผมเดาไม่ถูกแฮะ ว่ากำลังคิดอะไรอยู่มันนิ่งมาก นิ่งจนเรียบเฉย

“ผมสงสัย แล้วทำไมคุณถึงยอมแต่งงานกับเธอล่ะครับทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าเธอมีคนรัก”

“เพราะว่าผมอยากช่วยเธอ  ครอบครัวของเราสนิทกันมาตั้งแต่ผมยังเด็ก ผมรักเธอเหมือนน้องสาวคนหนึ่ง ถ้าการแต่งงานนี่มันจะช่วยครอบครัวของน้องสาวของผมได้ผมก็ยินดีที่จะช่วย ผมศรัทธาในความรักของทั้งคู่เลยให้สัญญากับทั้งคู่ว่าถ้าธุรกิจของครอบครัวเธอพ้นวิกฤตเมื่อไหร่ผมจะหย่าให้ทันที”

“แล้วคุณอยู่ด้วยกันกี่ปี”

“จะว่าอยู่ด้วยกันก็ไม่ถูก เราใช้คอนโดเป็นเรือนหอแต่ผมซื้อห้องข้างๆเอาไว้อีกห้องเพื่อให้เธอได้อยู่กับคนรักของเธอ
ใช้เวลาปีครึ่งพวกเราก็หย่ากัน ความจริงมันใช้เวลาแค่ปีเดียวเท่านั้นแหละแต่ผู้ใหญ่ไม่ยอมมันเลยยืดเยื้อมาอีกครึ่งปี
จนสุดท้ายเธอก็ตั้งครรภ์แน่นอนว่าไม่ใช่ท้องกับผม เพราะเราไม่เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งผมให้เกียรติเธอและคนรักของเธอ สุดท้ายผมทนไม่ไหวผมยอมไม่ได้ที่พวกเขาสามคนพ่อแม่ลูกต้องแยกจากกัน  ผมเลยบอกความจริงให้ทุกคนทราบ เพราะเด็กไม่ผิดและมันไม่ยุติธรรมเมื่อเด็กที่กำลังจะเกิดขึ้นมาลืมตาบนโลกใบนี้ต้องมารับกรรมที่ผู้ใหญ่อย่างเราๆก่อไว้..มันไม่ยุติธรรม
สุดท้ายเราก็ได้หย่ากัน ด้วยการที่พวกเขาเห็นแก่หลานของพวกเขาเอง เรื่องก็จบลงโดยที่พวกเค้าเปิดใจยอมรับสามีของเธอ แล้วผมก็โสดอีกครั้งจนถึงตอนนี้”

“นึกว่าเรื่องแบบนี้จะมีแต่ในนิยายซะอีก” ชีวิตจริงอิงมาจากนิยาย หรือนิยายที่อิงมาจากชีวิตจริงกันแน่น้า!

“นั้นน่ะสินะ ผมก็ไม่คิดว่าจะมาเจอเรื่องแบบนี้กับตัวเอง”

“แล้วตอนนี้คุณไม่มีแฟนเหรอครับ” ถึงจะโสดมันก็ต้องมีสาวๆกันบ้างล่ะ เพอร์เฟคขนาดนี้

“ไม่มีครับ แต่มีคนที่ชอบ” พี่เบิ้มนั่งเท้าคางพูดอย่างสบายๆ ดูผ่อนคลายขึ้นกว่าตอนที่เล่าเรื่องการแต่งงานเมื่อกี้นี้

“หมายความว่าผู้หญิงคนนั้นไม่รู้ว่าคุณชอบ”

“ครับไม่รู้”

“ทำไมคุณไม่จีบเธอละครับ หรือว่าเธอมีแฟนแล้ว”

“ผมเพิ่งรู้ว่าเขายังไม่มีแฟน ตอนนี้กำลังเริ่มจีบ” สายตาดูเป็นประกายเชียวนะเวลาพูดถึงคนที่ชอบ..น่าหมั่นไส้!

“ดีจังเลยนะครับ ผมขอให้คุณสมหวังในรักครั้งนี้นะครับ”

“ขอบคุณครับ..ผมก็หวังให้เป็นเช่นนั้น” แบบพี่เบิ้มจีบติดแน่นอน เฟอร์เฟคซะขนาดนี้ใครไม่เอาก็บ้าแล้ว!!


“Hi หนุ่มๆคุยอะไรกันคะ” อีซูซี่ที่เดินถือข้าวเหนียวหมูปิ้งเข้ามาในบ้านเอ่ยทักขึ้น

ได้ข่าวว่าไปยิมมา ล่อข้าวเหนียวหมูปิ้งแต่เช้า!!

“กับข้าวที่บ้านก็มีซื้อมาทำไมวะ”

“เอาน่า ฉันอยากกินให้กินหน่อยเหอะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็กลับละ”

“ว่าแต่เจเรมีขึ้นเครื่องกี่โมงคะ”

“บ่ายโมงครับ”

“มีเวลาเหลืออีกประมาณสามชั่วโมงคุณอยากทำอะไรหรือไปไหนมั้ยค่ะ เดี๋ยวซูซี่พาไปรับรองรู้ทุกซอกทุกมุมมากกว่าอีป้านดแน่นอนค่ะ”

“ขอบคุณครับ แต่ไม่เป็นไรผมอยากอยู่ที่นี่กับณตมากกว่า”

“เห็นมั้ยฉันบอกแล้วคุณบอสสุดหล่อเขาอ่อยแก่อยู่” อีซูซี่กัดข้าวเหนียวคำโตพร้อมกับพูดลอยๆไม่ให้พี่เบิ้มจับได้ว่ากำลังพูดถึงพี่แกอยู่

“...” ผมได้แต่ส่ายหน้าให้กับความคิดมั่วซั่วของอีซูซี่..ไม่มีทางหรอก เขาก็เพิ่งบอกไปเองว่ากำลังจีบคนที่ชอบอยู่ แล้วจะมาอ่อยผมเพื่ออะไร อีกอย่างเดี๋ยวพี่แกก็กลับละ อาจจะไม่ได้เจอกันอีกก็ได้..อืม ไม่ได้เจอกันอีกเหรอ! อดใจหายไม่ได้เหมือนกันแฮะ..

“กลับไปลอนดอนผมจะไปเรียนภาษาไทย”

“คุณว่างเหรอครับ”

“ก็พอมีบ้างครับ ผมอยากฟังออกเวลาพวกคุณคุยกัน ท่าทางสนุกดี” บอกตามตรงเลยก็ได้นะว่าอยากรู้ว่าพวกเรานินทาอะไร! โด่ว..รู้ทันหรอกน่า


11.20น. ผมและอีซูซี่มาส่งพี่เบิ้มที่สนามบินเพื่อเดินทางไปประชุมที่กรุงเทพตอนเย็นก่อนจะเดินทางกลับอังกฤษในวันรุ่งขึ้น

“คุณไม่ลืมอะไรนะครับ”

“ไม่ลืมครับ เอามาครบหมดแล้ว”

“นี่มึงถามคุณบอสจะ99รอบได้ละนะ เป็นโรคย้ำคิดย้ำทำตั้งแต่เมื่อไหร่”

“ก็รอบครอบไว้ก่อนไง อีกอย่างค่าส่งของไปเมืองนอกมันแพงนะมึง”

“งก!!” เออ กูยอมรับ

หลังจากนั้นรอไม่นานพี่เบิ้มก็เช็คอินและโหลดกระเป๋าเสร็จเรียบร้อย  เรานั่งรอเวลากันสักพักก็ได้เวลาที่พี่เบิ้มต้องเข้าGate

“เจเรมี่ขา ถ้าซูซี่ไปลอนดอนเราจะได้เจอกันมั้ยคะ” เกลียดการจือปากของมันมาก ดีดปากแตกสักทีดีมะ!

“แน่นอน ถ้าคุณไปลอนดอนไปหาผมได้ทุกเมื่อ”

“งั้นซูซี่ขอเบอร์ติดต่อหน่อยได้มั้ยคะ”

“ไม่มีปัญหา” แล้วทั้งสองก็ทำการแลกเปลี่ยนช่องทางสำหรับการติดต่อสื่อสาร

“ป้านด”

“ครับ” นึกว่าวันนี้กูจะไม่ได้ยินคำนี้ซะแล้ว ตามหลอกหลอนจนวินาทีสุดท้ายเลยนะมึง!

“นี่ครับ แต่ช่วยอ่านหลังจากที่ผมเข้าGateไปแล้วได้มั้ยครับ” พี่เบิ้มยื่นกระดาษโพสอิทสีฟ้าที่พับครึ่งมาให้กับผม

“โอเค” ผมตอบรับแบบงงๆ

“แล้วเจอกันครับ” พี่เบิ้มหันไปกอดอีซูซี่เป็นการบอกลา ก่อนจะหันมาทางผม

“แล้วเจอกันนะครับป้านด..ผมจะคิดถึงคุณ” ประโยคหลังเขากระซิบบอกเบาๆ แล้วแนบริมฝีปากลงมาที่หน้าผากผมอย่างแผ่วเบา..แค่คำว่าคิดถึง กับสัมผัสตรงหน้าผากที่ตอนนี้รอยอุ่นจากสัมผัสนั้นยังไม่จางหายทำให้ใจผมเต้นแรงอย่างน่าประหลาด..และนี่เป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึกกลัวคำว่าห่างไกล..


“มึงคุณบอสเขียนว่าอะไร รีบๆอ่านสิฉันอย่างรู้” อีซูซี่เอ่ยปากทันทีหลังจากที่พี่เบิ้มเดินเข้าGateไปแล้ว

“เสือก”

“โห พูดแบบนี้ฆ่ากันชัดๆ เร็วกูอยากรู้”

“ใจเย็นดิ ไปที่รถก่อน”

“ยังไงๆ” ผมยื่นกระดาษแผ่นนั้นให้กับอีซูซี่หลังจากที่ผมอ่านมันแล้ว


“ You are my Destiny
Mr. Blue Scarf ”


ไม่เข้าใจ? งงในงง? ในหัวเต็มไปด้วยคำถาม?..ผมไปเป็นพรหมลิขิตของพี่เบิ้มตอนไหน? แล้วผมเกี่ยวอะไรกับชายที่สวมผ้าพันคอสีฟ้าในเรื่องที่พี่เบิ้มเล่าให้ฟังเมื่อคืน? คิดจนหัวแทบแตกก็คิดไม่ออก ผมมั่นใจว่าผมไม่มีผ้าพันคอสีฟ้านะ แล้วไม่เคยเจอพี่เบิ้มมาก่อน แล้วมันเกี่ยวอะไรกับผมวะ..โอ๊ยยยยยย หัวจะระเบิด!!
 
..มึงทิ้งอะไรไว้ให้กูอีพี่เบิ้ม มึงออกมาเคลียร์กับกูให้รู้เรื่องก่อน!!!


“อ้ายยยย เห็นมะกูบอกแล้วว่าคุณบอสเค้าอ่อยมึง แต่กูไม่เข้าใจอะไรคือ Mr. Blue Scarf”

“เหอะ ถามกูแล้วกูจะไปถามใคร งงเหมือนกับมึงนั้นแหละ”

“ก็ถามคุณบอสสิ ไม่เห็นยาก”

“ถามยังไงล่ะ เบอร์ห่าอะไรก็ไม่มีสักอย่าง”

“แต่กูมี แล้วกูก็บอกเบอร์โทร พร้อมกับไอดีไลน์ของมึงให้เค้าไปแล้วด้วย รอไม่นานคุณบอสติดต่อมึงมาแน่นอน”

“ฮะ!! เสร่อแล้วไอ้ชาติ”

“หยาบคายอีณต กูช่วยมึงอยู่นะ”

“ช่วยให้กูวุ่นวายล่ะสิ..เออว่าแต่กูมีผ้าพันคอสีฟ้ามั้ยวะ”

“กูจะรู้กับมึงมั้ย!”




“แม่งไปนานกันจังวะ กูนั่งรอจนรากจะงอกอยู่แล้วเนี่ย” ไอ้ดอยเพื่อนสนิทให้กลุ่มอีกคนนึงของผมบ่นทันทีเมื่อผมกับอีซูซี่โผล่หัวเข้ามาในร้านกาแฟ

“ว๊ายย เพื่อนดอยเห็นหน้าเพื่อนไม่บ่นสิคะ มากอดทีหนึ่งคิดถึงมากมาย” ถึงปากมันจะบ่นไม่หยุดแต่มันก็สวมกอดอีซูซี่ด้วยความเต็มใจอยู่ดี

“เดี๋ยวๆ กอดอย่างเดียวหอมแก้มไม่ต้อง!!”

“เห็นพวกเราอยู่กันสามคนแบบนี้ก็นึกถึงไอ้ฟางมันว่ะ เมื่อไหร่จะได้รวมตัวกันครบแก๊งสักทีวะ” ปากของไอ้ดอยก็ยังขยับไม่หยุด

“นั้นดิ แต่ละคนเสือกมีผัวอินเตอร์ รวมตัวกันท่าจะยาก” ผมบ่นไม่จริงจังนัก

“อย่าบ่นจ๊ะ อีกหน่อยมึงก็มาอยู่สมาคมแม่บ้านอินเตอร์กับกูกับไอ้ฟางเหมือนกันนั้นแหละ” อีซู่ซี่เอ่ยแซว อย่างขำๆ

“เดี๋ยวถีบ!! เชิญพวกมึงอยู่กันตามสบาย”

“อะไรไอ้ณต มึงจีบสาวฝอเหรอวะ ประเทศไหน อังกฤษ อเมกา?”

“อังกฤษน่ะถูกแล้ว แต่ไม่ได้จีบ กำลังโดนจีบ แล้วก็..ไม่ใช่สาวฝอ แต่เป็นหนุ่มฝอ” ขอบใจมากซูซี่ที่ช่วยอธิบายแทนกู ถุย!!

“เหี้ย!! มึงโดนตอกเสาเข็มเหรอวะไอ้ณต”

“ไอ้สัด ตอกเสาเข็มพ่องดิ” ไอ้ห่าดอยแม่งพูดโดนตอกเสาเข็มมาคำเดียว ภาพอีงูหลามเผือกก็ลอยมากระแทกเบ้าตาจังๆอีกครั้ง กูอุตส่าห์ลืมไปแล้วแท้ๆ เหี้ย!! แค่คิดก็ขนลุก โดนจริงๆมีหวังแหก จุกไปถึงลิ้นปี่แน่ๆ!!

“มีความตายยากจ้า” แล้วอีซูซี่ก็โชว์หน้าจอมือถือที่มีสายเรียกเข้าเป็นวิดิโอคลอจากไอ้ฟาง

“Hi my friend อ๊ายยย อีดอยมึงก็อยู่ด้วย ฉันโทรมาถูกเวลาจริงๆครบองค์ประชุมค่ะ”

“เป็นไงมึงสบายดีมั้ย” ไอ้ดอยโบกมือพร้อยเอ่ยทักทาย

“สบายดีมากกกกก แต่อากาศอย่างหนาววว ฉันคิดถึงแสงแดดอันร้อนอบอ้าวของบ้านเราจริงๆ”

“ได้ข่าวว่าทะเลาะกับหลัวเหรอค่ะเพื่อนซี่”

“ซูซี่ เรียกให้เต็มๆค่ะ ดีกันแล้วย่ะ พรุ่งนี้ฉันก็กลับแล้ว”

“ไอ้ณต คุณบอสเป็นไง ลุล่วงไปได้ด้วยดีมั้ย ”

“ก็น่าจะดี เพิ่งส่งขึ้นเครื่องกลับกรุงเทพไปเมื่อกี้”

“ฉันโอนเงินไปให้แล้วนะ”

“แต้งมึง ว่าแต่มึงสนิทกับคุณบอสมั้ยวะ”

“ก็ไม่เท่าไหร่ เจอกันบ้าง แต่กับพอลก็สนิทระดับนึงนอกจากจะเป็นเลขาแล้วพอลยังเป็นรุ่นน้องสมัยเรียนมหา’ลัยด้วยน่ะ ทำไมวะ?”

“คุณบอสเขาบอกว่าอีณตเป็นพรหมลิขิตของเขา” อีนี่ก็สาระแน ผมเลยถีบมันไปดอกนึง!

“เห้ย!! จริงดิ เล่ามาๆ”

“จะเล่ายังไงล่ะมึง กูก็ยังงงอยู่เนี่ย ว่าแต่มึงมีผ้าพันคอสีฟ้ามั้ยวะ แล้วกูเคยยืมของมึงรึป่าว”

“ไม่มีนะ ถามไรของมึงเนี่ย?!”

“ตอนนี้มันกำลังเพ้อ ปล่อยมันไปค่ะ”

“คุยไรกันวะ กูไม่เข้าใจด้วยสักอย่าง” ไอ้ดอยบ่น

“มึงไม่ต้องเข้าใจหรอก เดี๋ยวจะปวดหัวตามกูไปด้วย”

“นี่ๆพวกมึงทุกคน คิดถึงพวกแกนะ ต้องวางแล้วหลัวตามให้เข้าไปนอนต่อแล้ว ส่วนมึงไอ้ณตแล้วฉันจะหลังไมค์ไปเผือก ไปละบ๊ายบาย จุฟๆ”


"ไอ้ดอยมึงมีผ้าพันคอสีฟ้ามั้ยวะ แล้วกูเคยยืมของมึงรึป่าว” ผมถามคำถามเดิมที่ถามไอ้ฟาง

“ไม่มีอย่างกูเนี่ยนะใช้ผ้าพันคอ มึงนี่ถ้าจะอาการหนักเป็นไรมากป่าววะ” ไอ้ดอยบ่นพร้อมกับส่ายหน้าเอือม

“ซูซี่..”

“กูรู้ว่ามึงจะถามอะไร กูมีผ้าพันคอสีฟ้าแต่ไม่น่าจะเคยให้มึงยืมเพราะตอนนี้มันยังพับอยู่ในตู้อย่างดี”

“มึง กูว่าคืนนี้กูคงนอนไม่หลับ” ผมเป็นพวกเวลาสงสัยแล้วไม่ได้คำตอบจะคิดจนนอนไม่หลับ ใครที่เป็นเหมือนผมจะเข้าใจผมดี!

“มึงก็ถามคุณบอสตรงๆสิ”

“เดี๋ยวๆ กูขอขัดพวกมึงแปปนะ คุณบอสคือใคร แล้วผ้าพันคอสีฟ้าคืออะไร”

“มาให้จูบทีนึง แล้วจะบอก”

“ตีนกูน่ะสิ กับเพื่อนกับฝูงก็ไม่เว้น!”

“มีไวน์เหลือ จิบไวน์กันคืนนี้แล้วกูจะเล่าให้ฟัง”

“น่าสน โอเค ดิล” แล้วมันก็จับมือกันเป็นมั่นเป็นเหมาะ ส่วนผมนะเหรอ หัวแตกครับ!!

“ตอนเย็นไปยิมกัน กูเครียดดดด”

“โอเค ดิล” แล้วมันก็ประสานเสียงพร้อมกัน  เอ่อ เอากับพวกมึงสิ



      ออกกำลังกายให้เหงื่อออกสมองจะได้โล่ง ..โล่งกับผีน่ะสิ!! ยิ่งมีสมาธิจดจ่อกับตัวเองมากเท่าไหร่ คำถามยิ่งผุดขึ้นเต็มหัวไปหมด..

วิ่งบนสายพานขาก็ก้าวไปเรื่อยๆ ไม่ต่างกับสมองที่คิดทบทวนเรื่องที่พี่เบิ้มเล่าให้ฟังเมื่อคืนไปเรื่อยๆ..

พี่เบิ้มบอกว่าเห็นรูปถ่าย ในรูปมีคนทั้งหมดสี่คน เอ๊ะหรือว่าห้าวะ? ทุกคนน่าจะเป็นเพื่อนรักกัน แล้วพี่เบิ่มก็ไปสะดุดเข้ากับรอยยิ้มของชายที่สวมผ้าพันคอสีฟ้าจนไม่สามารถละสายตาได้ เวลาเครียดก็จะนึกถึงรอยยิ้มของชายหนุ่มที่สวมผ้าพันคอสีฟ้า..น่าจะประมาณนี้ รึป่าวว้า!

แล้วผมก็ถามว่าทำไมไม่จีบหรือเขามีแฟนแล้ว  คำตอบที่ได้กลับมาเหมือนกับความไม่แน่ใจ เพราะพี่เบิ้มไม่รู้จักชายที่สวมผ้าพันคอสีฟ้าเลยแม้แต่ชื่อของเขา แต่ก็เต็มใจที่เป็นแบบนี้เพราะมันเป็นรักที่ไม่ต้องการการครอบครอง..ใช่ แกบอกว่าเป็นรักที่บริสุทธิ์  แล้วเหมือนเรื่องเล่านี้จะจบลงด้วยคำถาม

‘ แต่แล้ววันนึงชายที่สวมผ้าพันคอสีฟ้าก็มาอยู่ตรงหน้าของชายหนุ่ม โดยไม่คาดฝัน ถ้าคุณเป็นชายหนุ่มคนนั้นคุณจะทำยังไง ปณต ’ พี่เบิ้มเรียกชื่อผมได้ถูกต้องชัดเป๊ะเป็นครั้งแรก ผมเลยจำประโยคนี้ได้ขึ้นใจ

  อืม..ผมตอบไปว่ายังไงน้า..

‘ ผมก็คงรีบคว้าเค้าไว้ เพราะนี่มันคือพรหมลิขิตชัดๆที่ทำให้พบกัน ’ ใช่ นี่คือคำตอบของผม

‘ นั้นน่ะสิ ไม่เห็นต้องคิดมากเลย ขอบคุณนะครับสำหรับคำตอบ ’  นี่คือคำพูดของพี่เบิ้มหลังจากที่ฟังคำตอบของผม   เดี๋ยวนะ!! คำตอบงั้นเหรอ มานึกๆดูแล้วเหมือนแกถามเรื่องของตัวเองอยู่เลย

..สรุปแล้วเรื่องเล่านั้น ตัวละครคือผมกับพี่เบิ้มงั้นเหรอ?! แต่ที่งงคือแกไปเห็นรูปถ่ายนั่นที่ไหน แล้วผมก็ไม่มีผ้าพันคอสีฟ้าด้วย แล้วเรื่องนี้มันเกิดขึ้นนานยัง? พี่แกก็ไม่ได้บอกช่วงเวลาซะด้วยสิ โอ้ยยยยยยยยยย ..อยากจะร้องออกมาเป็นภาษากาตาล็อก!!


..รูปถ่าย!! ใช่ ผมต้องกลับไปหารูปถ่ายทั้งหมดที่มี ว่ามีรูปไหนที่ผมสวมผ้าพันคอสีฟ้า ถ่ายรูปกับเพื่อนงั้นเหรอ ก็คงเป็นรูปหมู่ที่ถ่ายกับชาวแก๊งนั่นแหละ..หึหึ กูจะไม่ถามมึงอีพี่เบิ้ม แต่กูจะหาคำตอบด้วยตัวเอง!!

...ถึงเวลาที่ เชอร์ณต โฮล์มส์ ต้องออกโรงพิสูจน์ล้าวววว!!





  TBC.


........................................................................................

อ่านแล้วมีใครอยากกินข้าวหลามบ้างเอ่ย!!

ขอบคุณทุกๆกำลังใจค่ะ^^


Twitter - MA_LEE_01 (https://twitter.com/MA_LEE_01)


หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทที่ 3 เชอร์ณต โฮล์มส์!! 27-04-18 p.2
เริ่มหัวข้อโดย: skykick ที่ 28-04-2018 07:17:06

ระวังป้านดจะได้ไปอยู่ทีมแม่บ้านอินเตอร์  :hao3:



หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทที่ 3 เชอร์ณต โฮล์มส์!! 27-04-18 p.2
เริ่มหัวข้อโดย: fairy ที่ 28-04-2018 16:30:58
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทที่ 3 เชอร์ณต โฮล์มส์!! 27-04-18 p.2
เริ่มหัวข้อโดย: patompong888 ที่ 29-04-2018 00:10:27


 งูหลามเผือกลอยมาแต่ไกล!  :laugh:




หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทที่ 3 เชอร์ณต โฮล์มส์!! 27-04-18 p.2
เริ่มหัวข้อโดย: Pinkping ที่ 29-04-2018 03:46:41
สนุกมากค่ะ น่าติดตาม
ตินิดหน่อย อยากให้เช็คการใช้ คะ ค่ะ ให้ถูกต้องด้วยนะคะ
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทที่ 3 เชอร์ณต โฮล์มส์!! 27-04-18 p.2
เริ่มหัวข้อโดย: MA_LEE ที่ 29-04-2018 15:15:54
 


 ขอบคุณ คุณPinkping มากๆค่ะ ที่บอกเรื่องคำผิด แก้ให้แล้วนะคะ  :pig4:
 
 ใครเจอคำผิดบอกกันได้นะคะ บางทีคนเขียนก็แอบเบลอ^^





หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทที่4 มึน! งง! 18-05-18 p.2
เริ่มหัวข้อโดย: MA_LEE ที่ 18-05-2018 18:19:18



บทที่ 4  มึน! งง!



          งงในงงและงงในงง! คุณเคยประสบปัญหานี้กันไหมครับ ตอนนี้ผมกำลังประสบกับปัญหานี้อยู่และหัวก็กำลังจะแตก!!    ผมสืบเสาะหารูปทุกรูปทั้งในอัลบั้มรูปเก่าๆและอัลบั้มรูปในแล็ปท็อปและในมือถือของตัวเองก็ไม่มีรูปไหนเลยที่ผมสวมผ้าพันคอสีฟ้า..อยากจะบ้าตาย   อีพี่เบิ้มมันไปเห็นรูปจากไหนวะ ตอนนี้สมองกำลังประมวลความเป็นไปได้อย่างเอาเป็นเอาตาย
อังกฤษ? ลอนดอน? เจเรมี? บอส? พอล? ไอ้ฟาง? ...ใช่!! ไอ้ฟาง ความเป็นไปได้ที่สุดที่พี่เบิ้มมันจะเห็นรูปผมจากไอ้ฟางหรือพอล?! ...อืมมมม อะไรที่ทำให้คนเชื่อมต่อกันได้ทั่วโลกโดยไม่จำเป็นต้องรู้จักกัน อินเตอร์เน็ต? ทวิตเตอร์? อินสตาแกรม? เฟสบุ๊ค? ... เฟสบุ๊ค?!  ใช่เพราะผมใช้เป็นอยู่โปรแกรมเดียว และนานๆทีจะอัพเดทอะไรบ้าง ส่วนใหญ่จะใช้เช็คอินบล็อกของลูกค้าซะมากกว่า

ถ้าพี่เบิ้มเป็นเพื่อนในเฟสบุ๊คกับไอ้ฟางและพอล  แต่น่าจะเป็นพอลมากกว่าซึ่งมีความเป็นได้เพราะเป็นเลขาของพี่เบิ้มและยังเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องตอนเรียนมหา’ลัย ความสนิทมันต้องระดับนึงล่ะวะ    ถ้าเมียโพสต์อะไรผัวก็ต้องกดถูกใจ ทฤษฎีนี้น่าจะใช้ได้กับคู่รักต่างเชื้อชาติคู่นี้ ลองถ้าไม่กดไลค์ดูสิ บ้านแตก! นั้นล่ะนิสัยไอ้ฟางถ้าได้เสียกันแล้วฉันต้องสำคัญไม่ว่าเรื่องเล็กเรื่องใหญ่ก็ตาม!
แล้วถ้าพอลกดถูกใจรูปที่ไอ้ฟางโพสต์ พี่เบิ้มที่เป็นเพื่อนกับพอลในเฟสบุ๊คก็ต้องเห็น ถ้าไอ้ฟางไม่ตั้งค่าส่วนตัวไว้ ซึ่งก็คงจะไม่ ถ้าอย่างนั้นต้องเข้าไปดูอัลบั้มรูปในเฟสบุ๊คของไอ้ฟางก่อนเลย

..ห่าราก! ทำไมรูปมึงเยอะจังวะ วันๆไม่ทำห่าไรเลยเรอะ  ถ่ายรูปอัพลงเฟสบุ๊คอย่างเดียว ถ้ามีอาชีพนี้มึงคงรวยแน่ๆ


“สังคมก้มหน้า เพื่อนอยู่นี่กับไม่เห็นหัวเพื่อน” กูไม่สน ตอนนี้กูกำลังสืบ! รูปของไอ้ฟางแม่งก็เยอะสัดๆถ้ากูนิ้วล็อคขึ้นมา กูจะคิดค่าเสียหายกับมึง!


“นั่นน่ะสิน่าน้อยใจพรุ่งนี้เพื่อนต้องกลับแดนไกลแล้วด้วยสิ” ไกลมาก..สิงคโปร์นั่งเครื่องบินสองชั่วโมงก็ถึงไหม


“เฮ้ย ซูซี่ไอ้ณตมันหายหัวไปวะ” ยัง..ยังไม่หยุดแซะกูอีก


“สงสัยไปตามหาผัวที่อังกฤษ” นี่พวกมึงกำลังคุยข้ามหัวกูอยู่! นอกจากหัวจะแตกกับการหารูปแล้ว หัวยังเปียกน้ำลายพวกมึงสองตัวที่คุยข้ามหัวกูไปมาอีก!


“ผัวห่าอะไรของมึง” ไม่ไหว ประเด็นนี้ต้องเคลียร์


“อ้าวมึงอยู่นี่เองเหรอ ว๊าย ฉันไม่เห็น” ประชดประชัน เดี๋ยวตบกระบาลแยก คนยิ่งเครียดๆอยู่


“เลิกทำหน้าอมขี้ได้แล้ว แดกๆเข้าไปแอลกอฮอล์มันระเหยหมดแล้ว” เดี๋ยวกูพ่นขี้ใส่หน้าแม่ง!


ตอนนี้เรานั่งจิบไวน์กันอยู่ที่บ้านผม ตามคำเชิญชวนของไอ้ชาติ เอ้ย ของอีซูซี่ ผมว่านี่ไม่ใช่บ้านผมน่าจะเป็นบ้านมันมากกว่า ผมหลุดออกจากวงสนทนาของอีซูซี่และไอ้ดอย แล้วจมอยู่กับการค้นหารูปอย่างหนักหน่วง


“นี่กูถามหน่อยว่าทำไมคุณบอสของมึงถึงได้มาพักที่บ้านกับมึงทั้งที่รวยออกขนาดนี้” ไอ้ดอยถามด้วยความสงสัย


“ไม่ใช่บอสของกู!  มันเกิดแอคซิเดนนิดหน่อยน่ะ”


“ครั้งก่อนมึงก็ตอบกูแบบนี้ เล่ามา” อีซูซี่ที่นั่งไขว่ห้าง ในมือถือแก้วไวน์ถามอย่างคาดคั้น  ลักษณะท่าทางของมันตอนนี้น่าถีบมากครับ!


“ตอนแรกก็พักที่โรงแรม พอกูพาแวะมาที่นี่ก็อยากจะพักขึ้นมาซะงั้น มันมีห้องว่างเหลือห้องนึงพอดี กูเลยสั่งให้ไอ้เอกจองให้ แต่มันดันลืมเลยมีลูกค้าคนอื่นจองตัดหน้าไป กูเลยรับผิดชอบให้มาพักที่บ้าน เพราะที่โรงแรมพี่แกก็ดันเช็คเอาท์ออกไปแล้ว”


“อืมมมมม น่าสงสัย แล้วไอ้พรหมลิขิตกับผ้าพันคอสีฟ้าคืออะไร” ไอ้ดอยเกาคางถามอย่างสงสัย ผมเลยเล่าเรื่องชายหนุ่มสวมผ้าพันคอสีฟ้าที่พี่เบิ้มเล่าเมื่อคืนให้พวกมันฟัง


“สรุปว่ามึงคือชายหนุ่มสวมผ้าพันคอสีฟ้า แล้วคุณบอสก็ตกหลุมรักเพียงแค่เห็นมึงในรูป?! แล้วบังเอิญมาเจอมึงที่นี่ มันก็เลยกลายเป็นพรหมลิขิต แม่งน้ำเน่าโคตรๆ” เออ ถ้าเป็นเรื่องจริงกูก็คิดว่ามันน้ำเน่าโคตรๆ!


“ไม่รู้แม่ง พวกมึงก็ช่วยๆกูหารูปหน่อยดิ๊ คิดว่ารูปน่าจะมาจากไอ้ฟาง”


“ไม่ต้องหาแล้วค่ะ กูคิดว่าต้องเป็นรูปนี้แน่นอน” แล้วอีซูซี่ก็ยื่นมือถือของมันมาให้ผม

แชร์ความทรงจำ 4ปี ของอีซูซี่ ที่โพสต์ไปเมื่อ5ชั่วโมงก่อน แล้วทำไมมึงไม่บอกกูว่าเจอรูปที่กูสวมผ้าพันคอสีฟ้าแล้ว! ..ครับ จบสิ้นภารกิจของเชอร์ณตโฮล์มส์ กูจะตามหาให้เมื่อยตุ้มทำไม?!


รูปที่มันโพสต์เป็นรูปที่พวกเราสี่คนไปตั้งแค้มป์กันบนดอยอ่างข่าง เป็นทริปฉลองเรียนจบของว่าที่บัณฑิตทั้งสี่คน ในรูปถ่ายพวกเรากำลังนั่งผิงไฟโดยมีฉากหลังเป็นความมืดมิดที่ประดับไปด้วยดวงดาว..และที่สำคัญรูปนั้นผมสวมผ้าพันคอสีฟ้า!กำลังยิ้มแฉ่งหน้าบานเป็นกระด้ง


“รูปนี้ปีที่แล้วไอ้ฟางมันก็โพสต์นะ คุณบอสคงเห็นจากรูปนี้แหละ”


“ไอ้ชาติ มึงเจอรูปแล้วไม่บอกกูวะ แล้วกูสวมผ้าพันคอของใคร ตอบ!” ไอ้สัด โมโห ปล่อยกูหัวแตกตั้งนาน


“ตบปากอีดอก กูเห็นมึงกำลังสนุกในการเป็นนักสืบของมึงเลยให้มึงหาต่ออีกสักพัก ส่วนผ้าพันคอของกูเองค่ะ ก็มันผ่านมาตั้งนานกูก็จำไม่ได้ว่าเคยให้มึงยืมสวม” สนุกพ่อง!


“เออๆ เอาเหอะกูเองก็จำไม่ได้เหมือนกัน” พอทุกอย่างเริ่มคลี่คลายผมก็วางมือถือไม่สนใจมันอีกต่อไป  แล้วนั่งซดไวน์ลงคออย่างเอาเป็นเอาตาย แม่งขอเมาสักวันเหอะ กูเครียดเกินไปแล้ว!


“มึงจะเอาไงต่อกับเรื่องนี้” แล้วไอ้ดอยก็เปิดประเด็นอีกครั้ง


“ก็ไม่เอาไง ต่างคนต่างใช้ชีวิตของตัวเองต่อไป”


“แล้วถ้าเขาจีบมึงขึ้นมาจริงๆล่ะ”


“ไม่มีทางอ่ะ เขาผู้ชายกูก็ผู้ชาย มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว อีกอย่างเขาเพิ่งบอกกูว่ามีคนที่ชอบแล้วและกำลังจะเริ่มจีบ”


“มึงโง่รึป่าวคะ เขาอาจจะหมายถึงมึงก็ได้”  ไม่ม้าง


“พอๆ เลิกพูดเรื่องนี้กันได้ละ” กูชักจะเริ่มเอียน พรหมลิขิตอะไรกันบ้าบอ แถมยังเป็นผู้ชายด้วยกันอีก แล้วอย่างพี่เบิ้มก็คงไม่มาชอบผู้ชายอย่างผมหรอก!!

แต่ถ้าพี่เบิ้มมันจีบผมขึ้นมาจริงๆผมจะทำยังไงน่ะเหรอ..ไม่รู้ครับ! เพราะที่ผ่านมาไม่เคยจีบใครและก็ไม่เคยถูกใครจีบ แล้วถ้าคนที่มาจีบเป็นผู้ชายผมก็ไม่รู้จริงๆว่าผมต้องทำยังไง?!

..แต่ลึกๆมันรู้สึกดีใจนิดๆ สาบานว่านิดๆจริงๆ ที่รอยยิ้มของผมทำให้ใครบางคนรู้สึกดีขึ้นในยามที่ท้อ..



          สองอาทิตย์ผ่านไปหลังจากที่พี่เบิ้มกลับอังกฤษ ชีวิตผมก็ยังคงดำเนินตามปกติดูแลเกสท์เฮ้าส์และร้านกาแฟ เพิ่มเติมคือเข้ายิมไปออกกำลังกายตามที่สัญญากับตัวเองไว้ว่าผมจะไม่ปวกเปียกจะกลับมาฟิตแอนด์เฟิร์มอีกครั้ง  แต่น่าแปลกเรื่องของคนที่อยู่ไกลออกไปอีกซีกโลกกับทำให้ผมวุ่นวายใจอยู่หน่อยๆ ไม่มีการติดต่อกลับมาอย่างที่อีซูซี่เคยบอกว่ายังไงคุณบอสของมันก็ต้องติดต่อผมมาแน่ๆ

เอ๊ะ! หรือว่าอีซูซี่มันจะบอกเบอร์โทรและไอดีไลน์ของผมผิด แต่เดี๋ยวก่อน..นี่มึงกำลังหวังอะไรอยู่วะไอ้ณต!! 
ให้ตาย ผมรีบส่ายหัวตัวเองอย่างบ้าคลั่งหวังให้ความคิดนั้นมันหลุดออกจากหัว แล้วหันมาจดจ่อกับบัญชีรายรับรายจ่ายที่อยู่ตรงหน้าที่ทำค้างไว้ ดูยอดรายรับแล้วไม่ค่อยจะแฮปปี้สักเท่าไหร่ เฮ้อ! เศรษฐกิจมันแย่อะไรๆก็แย่ตามกันไปหมด..


“โอ้โห” จู่ๆเอกก็ร้องออกมาจนผมตกใจ ห่ามึง


“เป็นอะไร”


“มีคนจองห้องพักยาวตั้งเดือนหนึ่งแหนะพี่ณต แถมยังโอนเงินมาแล้วด้วย” เอกบอกด้วยความตื่นเต้น


“จริงเหรอ! ดีๆ” ช่วงนี้นักท่องเที่ยวลดลงเมื่อเทียบกับเมื่อก่อน ยอดจองห้องพักก็ลดลงตามไปด้วย มีคนมาพักยาวแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน อย่างน้อยก็มีหนึ่งห้องที่จะเต็มตลอดทั้งเดือน แบบนี้ค่อยแฮปปี้หน่อย


“ว่าแต่เขาจะเข้าพักวันไหน”


“วันศุกร์พี่” หืม อีกสองวัน


“ว่าแต่จองเดือนนึงจริงๆเหรอ ไม่ได้ดูผิดนะ” ผมไม่ค่อยไว้ใจเอกมันเท่าไหร่ ตั้งแต่มันลืมจองห้องพักให้พี่เบิ้มครั้งก่อน


“ไม่เชื่อก็ดูเองเลยพี่” แล้วเอกก็หมุนแล็ปท็อปมาทางผม

ตารางห้องพักหมายเลข1 ถูกจองเต็มแล้วทั้งเดือน โดยลูกค้าเพียงคนเดียว แล้วผมก็เลื่อนไปดูตรงรายละเอียดของคนที่จองห้องพัก  Mr.Jeremy Carson from UK  ดีๆจองตั้งเดือนหนึ่ง 

เฮ้ย!! ชื่ออะไรนะ แล้วผมก็เบิกตาดูชื่อของลูกค้าที่จองห้องพักหมายเลข1อีกครั้ง
 
Mr.Jeremy Carson    Mr.Jeremy Carson    Mr.Jeremy Carson  ยิ่งดูก็ยิ่งชัดเจน ว่าผมอ่านไม่ผิดแน่ๆ พี่เบิ้มมันจะมาอยู่ตั้งเดือนนึง แถมยังไม่บอกผมสักคำ! แล้วทำไมเขาต้องบอกแก เออนั้นน่ะสิ!


“เป็นไรพี่ ดีใจจนช็อคไปแล้วเหรอ” เอกสะกิดผมเบาๆทำให้ผมได้สติกลับมา


“เอ่อ ไม่มีไร พี่ไปร้านกาแฟก่อนนะ”


“ครับพี่” เอกได้แต่ทำสายตางงๆ กับอาการอึ้งแดกของผม




“บี ขอน้ำเย็นจัดๆสัดๆให้พี่แก้วนึงสิ”


“โหพี่ เย็นขนาดนั้นบีจะไปหาได้ที่ไหน แนะนำให้อมน้ำแข็งค่ะ เย็นสัดๆแน่นอน”


“งั้นเอามาก้อนนึง”


“เฮ้ย พี่ณตเอาจริงอ่ะ เครียดอะไรมาอีกคะเนี่ย”


“ไม่มีอะไร แค่รู้สึกกระหายน้ำ” หรือที่จริงแล้วผมกำลังตื่นเต้นกับการกลับมาของใครบางคนกันแน่วะ..ไม่ม้าง!!


“นี่ค่ะ น้ำลำไยเย็นๆแก้กระหายได้ดี แม่บีทำไว้เยอะเลยแบ่งใส่ขวดมาให้” น้ำลำไยที่อยู่ในแก้วมัคสีใสถูกยื่นมาอยู่ตรงหน้าผม  ความหวานกำลังดีและความหอมของลำไยอบแห้ง ทำให้ผ่อนคลายได้เป็นอย่างดี ผมดื่มน้ำลำไยจนหมดแก้วหลงเหลือแต่เพียงน้ำแข็ง แล้วภาพความทรงจำบางอย่างก็ผ่านเข้ามาในสมอง..ภาพของพี่เบิ้มที่ดูดน้ำลำไยจนหมดแก้วแล้วยิ้มพราวเมื่อค้นพบว่ามันอร่อยเมื่อครั้งที่ผมพาไปกินข้าวซอย ...ก็แค่กินน้ำลำไยก็เลยนึกถึงไม่มีอะไรน่า!!


“พี่ณต  พี่ณต”


“อะไรบี เรียกซะเสียงดัง”


“บีเรียกหลายรอบแล้วพี่ไม่ตอบ โทรศัพท์ค่ะ” แล้วบีก็ชี้ไปที่มือถือของผมที่กำลังสั่นระรัว เบอร์แปลก ใครหว่า?! สงสัยจะลูกค้า

 
“ฮัลโหล ครับ”


“ป้านด”


“...!” หืม น้ำเสียงนี้ สำเนียงนี้ อีพี่เบิ้ม!!


“เจเรมี่??”


“ครับ”


“มีธุระอะไรครับ” ผมถามด้วยน้ำเสียงปกติ แต่เหมือนว่าหัวใจเริ่มเต้นเร็วขึ้นเมื่อได้ยินเสียงทุ้มนั่น


“น่าน้อยใจจัง ต้องมีธุระด้วยเหรอครับถึงโทรหาคุณได้”


“ถ้าไม่มีธุระคุณโทรหาผมทำไมล่ะครับ” ถามแปลก ไม่มีอะไรจะโทรมาเพื่อ?


“ผมคิดถึงคุณ”


“...”


“ผมคิดถึงคุณมากๆ อยากเจอมากๆด้วย” เพ้ออะไรของเมิงงงง


“ผ่านมาตั้งสองอาทิตย์เพิ่งจะมาคิดเนี่ยนะ” ไม่ได้น้อยใจนะครับ แต่แค่สงสัยเฉยๆ จริงจริ๊ง!


“นี่คุณอย่างเพิ่งน้อยใจฟังผมอธิบายก่อน”


“ผมไม่ได้น้อยใจ!!”


“โอเคครับๆ ที่ผมไม่โทรหาคุณเพราะถ้าได้คุยกับคุณแล้วผมกลัวอดใจไม่ไหวจะนั่งเครื่องมาหาคุณทันทีน่ะสิ แล้วงานผมก็จะพังไม่เป็นท่า ผมเลยใจแข็งไม่ติดต่อคุณแล้วตั้งใจเคลียร์งานให้เสร็จไวๆ จะได้กลับมาหาคุณยังไงล่ะครับ”


“แล้วที่โทรหาผมไม่กลัวงานคุณจะพังเหรอ” อดที่จะแขวะไม่ได้ เหตุผลอะไรฟังไม่ขึ้นสักนิด..แล้วมึงจะยิ้มทำไมไอ้ณต! เห็นเงาตัวเองที่สะท้อนประตูกระจกของร้านแล้วอยากจะบ้าตายหน้าบานเชียวนะมึง


“งานผมเสร็จแล้วครับ ผมจะว่างหนึ่งเดือนและกำลังจะกลับไปหาคุณ แล้วผมก็จองห้องพักที่เกสท์เฮ้าส์ของคุณไว้แล้วด้วย” น้ำเสียงดี้ด๊าเกินไปมั้ย เก็บอาการหน่อยพี่เมิง


“ครับผมทราบแล้ว Mr.Jeremy Carson จองห้องพักหมายเลข1 ทั้งหมด31คืน ” รวยอย่างเดียวไม่ได้นะต้องบ้าด้วยที่จะทำแบบนี้ได้!


“คุณทราบ แล้วคุณดีใจไหมที่เราจะได้เจอกัน”  ถามแบบนี้แล้วกูจะตอบยังไงล่ะ


“ดีใจครับที่ห้องหนึ่งห้องจะเต็มตลอดทั้งเดือน” ใช่ผมดีใจที่จะได้เงิน!


“แค่นี่? แล้วคุณคิดถึงผมบ้างรึป่าว”


“นึกถึงบ้างครับ ไม่รู้ว่ามันเหมือนกับคิดถึงรึป่าว” นี่ผมพูดจริงๆนะครับ ผมไม่ได้คิดถึงอีพี่เบิ้มเลยยยยยย


“ก็ยังดีครับที่นึกถึง  ผมอยากเจอคุณแล้วสิ ผมนั่งเครื่องไปหาตอนนี้เลยได้ไหมครับ”


“เดี๋ยวๆ ใจเย็น อังกฤษ-เชียงใหม่ ไม่ใช่เชียงใหม่-กรุงเทพฯ นะคุณที่จะนั่งเครื่องบินแค่ชั่วโมงเดียวก็ถึงน่ะ”


“ครับตอนนี้ผมอยู่กรุงเทพฯ นั่งเครื่องบินแค่ชั่วโมงเดียวก็ถึง”


“เฮ้ย!! จริงอ่ะ”


“ผมมาถึงกรุงเทพตั้งแต่เมื่อวาน มาเคลียร์งานที่นี่ให้เรียบร้อย จะได้ไปหาคุณแบบสบายๆไงครับ คืนนี้ผมไปหาได้ไหมแล้วตอนเช้าผมค่อยนั่งเครื่องกลับมาทำงานต่อ” เมิงมันบ้า!!


“เฮ้ ใจเย็นก่อน อย่าเวอร์ได้ไหมคุณ”


“เพราะแบบนี้ไงผมถึงไม่ติดต่อคุณเพราะผมคงทนไม่ไหวแน่ๆ ไม่รู้ล่ะ น่าจะไม่เกินสามชั่วโมง แล้วเจอกันนะครับ ถึงแล้วจะโทรหา บาย”


“เดี๋ยวคุณ เจเรมี่ๆ” ไอ้ห่าเอ้ย มึงจะหัวร้อนอะไรปานนั้น


  ..ผมได้แต่ภาวนาขอให้มันไม่มีตั๋ว บินปุ๊บปั๊บขนาดนี้ตั๋วไม่มีหร๊อก!

แล้วทำไมความคิดกับการกระทำมันสวนทางกันล่ะ ผมได้แต่มองนาฬิกากับจดจ่ออยู่ที่มือถือ มือถือที่ตั้งสั่นไว้ก็เปลี่ยนเป็นเปิดเสียงให้ดังสุด นี่ก็เลยสามชั่วโมงมาละ ทำไมยังไม่โทรมาวะ!

            …โอ้ย นี่ผมหวังอะไรอยู่เนี่ย!! ไม่เข้าใจตัวเองเลยยยยยยยย?!...



……………………………………..


   Jeremy


          ลอนดอน ประเทศอังกฤษ อุณหภูมิตอนนี้ 2องศา ไร้ซึ่งแสงแดดมีเพียงสายฝนที่โปรยปราย ผมกระชับผ้าพันคอให้แน่นขึ้นเมื่อสัมผัสหนาวเย็นปะทะเข้ากับผิวหน้า แต่ในใจกับอุ่นวาบเมื่อนึกถึงหน้าของใครบางคนที่อยู่ไกลออกไปอีกซีกโลกหนึ่ง..
ก่อนหน้านี้‘ปณต’ คือความรักที่ไม่ต้องการการครอบครองสำหรับผม หลายคนอาจสงสัยว่าผมมีเงินมากพอที่จะตามหาปณต..ใช่ครับผมทำได้แต่ผมเลือกที่จะไม่ทำเพราะเขาเป็นผู้ชายคงไม่มีทางที่จะชอบผู้ชายด้วยกัน มันเลยเป็นความรักที่ผมไม่ต้องการครอบครอง แค่รอยยิ้มในรูปถ่ายไม่จางหายแค่นี้มันก็เพียงพอแล้วสำหรับผม..

แต่แล้วโชคชะตาก็นำพาให้ผมมาเจอเขา ซึ่งชาตินี้ผมคิดว่าคงไม่มีโอกาสได้เจอ การเจอกันในครั้งนี้มันทำให้รูปแบบความรักที่ผมมีต่อเขาเปลี่ยนไป ผมอยากจะครอบครองเพราะเขาอยู่เพียงแค่เอื้อม

ทุกอย่างที่เป็นปณตมันทำให้ผมแทบคลั่ง ใบหน้าเรียวเล็กรูปไข่ ดวงตาเรียวคมสวย จมูกเชิดรั้นเล็กๆ ริมฝีปากอิ่มสีระเรื่อ ผิวขาวเนียนละเอียด กลิ่นหอมอ่อนๆที่มาจากตัวเขา น้ำเสียงนุ่มน่าฟัง และที่สำคัญรอยยิ้มที่เป็นเอกลักษณ์ที่มีลักยิ้มบุ๋มที่แก้มข้างซ้าย มันยิ่งทำให้ผมแทบคลั่งเมื่อได้เห็นใกล้ๆเต็มสองตา! มันรู้สึกอิ่มเอมใจมากกว่าที่ได้เห็นจากรูปถ่าย พอได้เจอตัวจริงของปณตแล้วมันทำให้ผมโลภ..โลภที่อยากจะครอบครองเขาทั้งตัวและหัวใจ!!


       การเจอปณต คือความโชคดีที่สุดตั้งแต่ผมเกิดมามันยิ่งกว่าธุรกิจประสบความสำเร็จซะอีก เมื่อผมเจอปณตที่สนามบินผมแทบจะไม่เชื่อสายตาตัวเอง และยิ่งเห็นกระดาษที่เขาชูขึ้นมาเขียนชื่อผมอยู่บนนั้นผมแทบจะตะโกนออกมาดังๆว่า ‘Lucky’    จากนั้นความโชคดีก็ตามมาอีกไม่หยุดเมื่อ ดอกแก้วเกสท์เฮ้าส์มีห้องว่างหนึ่งห้องพอดีผมไม่ลังเลเลยที่จะเลือกพักที่ดอกแก้วเกสท์เฮ้าส์มากกว่าโรงแรมห้าดาวที่เลขาของผมจองให้ แล้วมันกลายเป็นโชคสองชั้นเมื่อความสะเพร่าของพนักงานของปณตที่ดันลืมจองห้องให้ สุดท้ายแล้วมันทำให้ผมได้มาพักที่บ้านของเขาและที่สำคัญมันคือห้องของปณต..Lucky!!

ผมกลับมาที่อังกฤษแต่ใจของผมดันอยู่ที่เชียงใหม่ ผมต้องใช้ความอดกลั้นอย่างมากเพื่อจะสั่งให้ตัวเองจดจ่ออยู่กับงาน มีหลายครั้งที่ผมกดเบอร์โทรของปณตแต่ไม่กล้าโทรออกเพราะกลัวตัวเองที่จะตามหัวใจของตัวเองที่ทิ้งไว้ที่เชียงใหม่!! ผมเร่งทำงานหามรุ่งหามค่ำเพื่อจะได้กลับไปหาหัวใจของผมให้ไวที่สุด

กาแฟที่ผมซื้อมาจากปณตผมดื่มมันทุกวันซึ่งปกติผมจะดื่มชามากกว่าแต่เพราะมันเหมือนเป็นตัวแทนที่มาจากเขาผมเลยเต็มใจที่จะดื่ม และทุกครั้งที่ดื่มผมมักจะเห็นใบหน้าเรียวสวยลอยอยู่บนถ้วยกาแฟ! ที่มาพร้อมกับท่อนหนึ่งของเพลง Best Part ของ Daniel Caesar feat. H.E.R.ที่ร้องว่า ‘You're the coffee that I need in the morning’  อืม..มันใช่เลย

 .. ผมว่าผมอาจจะเป็นพวกคลั่งรักแม้ตอนนี้มันจะเป็นรักข้างเดียวก็ตาม!  แต่เชื่อเถอะอีกไม่นานมันจะไม่เป็นรักข้างเดียวอีกต่อไป..หวังว่านะ!!





  TBC.


…………………………………………………………………….


 พี่เบิ้มกำลังจะเร่งเครื่องจีบป้านดแบบเต็มกำลัง ส่วนป้านดก็มึนๆงงๆกับความรู้สึกต่อไป..

 https://www.youtube.com/watch?v=iKk6_2-AAGc (https://www.youtube.com/watch?v=iKk6_2-AAGc) Daniel Caesar - Best Part (feat. H.E.R.) ฟังพลงนี้ทุกวันเลยเอาเข้ามาในบทนี้ซะเลย เพลงเพราะๆลองฟังกันดูค่ะ จะลองจิบกาแฟตามพี่เบิ้มก็ได้นะคะแล้วคุณจะเข้าใจอารมณ์ของพี่เบิ้ม^^

หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทที่ 4 มึน! งง! 18-05-18 p.2
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 18-05-2018 19:45:49
โอ้ยยย คิดถึงพี่เบิ้มจังเลย ว่าแต่ป้านตไม่ตื่นเต้นเลยเน๊อะ
แค่เปลี่ยนเสียงโทรแบบสั่นมาเป็นเสียงเรียกเข้าแล้วเร่งดังสุดๆ
 :z2: :z2: :z2:
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทที่ 4 มึน! งง! 18-05-18 p.2
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 18-05-2018 22:26:57
 :-[ :L2: :L1: :pig4:


น่ารักทั้งคู่เลย
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทที่ 4 มึน! งง! 18-05-18 p.2
เริ่มหัวข้อโดย: fairy ที่ 18-05-2018 22:45:01
 :mew3:
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทที่ 4 มึน! งง! 18-05-18 p.2
เริ่มหัวข้อโดย: ashbyipcet ที่ 18-05-2018 23:39:32
เป็นกำลังใจให้ Mr.carson ทำสำเร็จพิชิตใจปณตให้ได้นะคะ  :mc4: :mew3:
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทที่ 4 มึน! งง! 18-05-18 p.2
เริ่มหัวข้อโดย: skykick ที่ 19-05-2018 11:52:34


 ป้านดปากตรงกับใจมากกกก  :laugh:




หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทที่ 4 มึน! งง! 18-05-18 p.2
เริ่มหัวข้อโดย: patompong888 ที่ 19-05-2018 21:44:00


ขอให้พี่เบิ้มไม่มีตั๋วคำภาวนาของป้านดจะได้สมหวัง  :katai5:




หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทที่ 4 มึน! งง! 18-05-18 p.2
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 02-06-2018 22:35:39
 :katai5: :ling1:

รอป้านด
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทที่ 5 ผมมันบ้าแต่เขาน่ะบ้ากว่า! 14-06-18 p.2
เริ่มหัวข้อโดย: MA_LEE ที่ 14-06-2018 16:25:25

บทที่5 ผมมันบ้าแต่เขาน่ะบ้ากว่า!



   
    เก็บมือถือยัดใส่กระเป๋ากางเกงหลังจากที่นั่งจ้องมันมา5ชั่วโมง!  ให้ตาย
5ชั่วโมงผ่านไป อีพี่เบิ้มคงไม่มาแล้ว คำภาวนาขอให้ไม่มีตั๋วของผมคงสัมฤทธิ์ผล..ผมควรจะดีใจ แต่ลึกๆทำไมรู้สึกผิดหวังชอบกลแฮะ

ช่างเหอะๆ อย่าไปสนใจปิดร้านก่อนดีกว่า นี่ผมนั่งเฝ้ามือถือตั้งแต่ฟ้าแจ้งจางปางจนถึงหนึ่งทุ่มได้เวลาปิดร้านพอดิบพอดี นี่ถ้าไม่บ้ามึงทำไม่ได้นะแต่ก็น่าจะบ้าพอๆกับไอ้คนที่มันจองห้องพักยาว31คืนนั่นแหละ..แต่สิ่งหนึ่งที่ผมไม่เข้าใจตัวเองคือ ทำไม่ผมต้องรอ?!  ทำไมว๊าาา


“กริ๊งงงงงงงงง”


“เฮ้ยย ใครตั้งนาฬิกาปลุกวะ” บีที่กำลังล้างแก้วอยู่ร้องด้วยความตกใจ

  เสียงมือถือกูเองครับ ไอ้สัด!ตกใจ เล่นตั้งเสียงซะดังสุด และที่เลือกเสียงนี้เพราะคิดว่ามันดังที่สุดในบรรดาเสียงริงโทนของสมาร์ทโฟนรุ่นเก่าแต่ยังเก๋า  แล้วยังไงล่ะ ก็หูดับไงครับ!

แรงสั่นพร้อมกับเสียงกรีดร้องของโทรศัพท์ดังขึ้นไม่หยุด กว่าจะล้วงมือถือออกมาได้ไอ้กระเป๋ากางเกงยีนส์ตัวนี้ก็ลึกซะเหลือเกินแถมยังรัดติ้วซะจนล้วงยากล้วงเย็น ไข่กูก็สั่นจนระบมไปหมด หมันแน่ๆกู!

เบอร์แปลกซึ่งเป็นเบอร์เดียวกันกับเบอร์ที่พี่เบิ้มใช้โทรมาเมื่อ5ชั่วโมงก่อน อยากจะรับตั้งแต่วินาทีแรกที่จกมือถือขึ้นมาจากกระเป๋ากางเกงได้ แต่ขอฟอร์มสักหน่อย ค่อยๆนับหนึ่งถึงห้าในใจ

  1    2     3     4… ฉิบหาย!!  สายตัด!!  ปลายนิ้วกำลังจะแตะโดนปุ่มรับสายอยู่แล้วแท้ๆ


     ลนลานๆ  ทำไงๆ   ใช่! โทรกลับ 


‘หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้ Sorry…’


“อ๊ากกกกก”  โทรไม่ติด!


“เฮ้ย! พี่ณตเป็นไรคะ” บีถามด้วยสีหน้าแตกตื่น และคงจะงงว่าผมหัวฟัดหัวเหวี่ยงกับมือถือเครื่องนี้ทำไม


“เป็นบ้าาาาา”


“งั้นเชิญรับยาช่อง2ค่ะ ” แง่


“...” คอตก พูดไม่ออกบอกไม่ถูก


“ว่าแต่พี่ณตรอสายจากใครคะ เห็นจ้องมือถือมาตั้งแต่บ่าย”


“คนบ้า”


“อ่อ คนบ้าโทรหาคนบ้าด้วยกันนี่เอง” ผมได้แต่เงยหน้ามองบีด้วยสายตาละห้อย และกำลังจะกดโทรออกหาเบอร์แปลกนั่นอีกครั้ง แต่ทว่า..


“กริ๊งงงง” ไม่รีรอ กดรับตั้งแต่วินาทีแรกที่ได้ยิน


“ผมมาถึงแล้วครับ โทรหาคุณแล้วคุณไม่รับ โทรกลับอีกทีก็โทรไม่ติด คิดว่าต้องหาทางไปหาคุณเองซะแล้วโชคดีที่โทรติด ที่มาช้าเพราะเครื่องบินดีเลย์ขอโทษนะครับที่ทำให้รอ” ยังไม่ทันได้เอ่ยอะไรออกไป อีพี่เบิ้มก็รีบพูดตัดหน้าก่อนด้วยความร้อนรน    ..ร้อนรนกว่ากูก็มึงสินะ


“ผมไม่ได้รอสักหน่อย งั้นเดี๋ยวผมไปรับนะครับ” ไม่ได้รอเลย จริ๊งงงงง


“ขอบคุณครับ ผมจะรอด้วยใจจดจ่อ” มึงก็เวอร์


“บี พี่ฝากล็อกร้านด้วยนะ” รีบคว้ากุญแจรถแล้วออกจากร้านทันที ไม่ได้รีบเพราะกลัวใครจะรอนะ
 เพราะผมหิวต่างหากล่ะตั้งแต่บ่ายกินแค่น้ำลำใยกับขนมปังไปแค่2แผ่น ไปรับเร็วก็จะได้หาอะไรกินเร็วไง..ได้โปรดเชื่อผม!






     ใช้เวลา15นาทีก็มาถึงที่หมาย เพราะบ้านผมมันใกล้กับสนามบินและตอนนี้ก็เกือบสองทุ่มถนนมันก็ไม่ค่อยแออัดสักเท่าไหร่ ..ย้ำอีกครั้งว่าไม่ได้รีบเพราะกลัวใครจะรอ


   เดินเข้ามาในตัวอาคารของสนามบินฝั่งผู้โดยสารขาเข้า มองซ้ายมองขวา อีพี่เบิ้มมันรออยู่ที่ตรงไหนวะกำลังจะกดเบอร์โทรออก แต่ขากับชะงักเมื่อมีใครบางคนโบกมือหย่อยๆอยู่ด้านหน้า ผมยืนยิ้มรอให้พี่เบิ้มเป็นฝ่ายเดินเข้ามาหา  เอ่อ..มันเป็นยิ้มทักทาย ไม่ใช่ยิ้มดีใจ อันนี้ก็อย่าเข้าใจผิด!


   พี่เบิ้มในวันนี้ต่างออกไปจากพี่เบิ้มเมื่อสองอาทิตย์ก่อน  ร่างสูงอยู่ในชุดสูทสีกรมท่าที่สวมทับเสื้อเชิ้ตสีขาว กางเกงสแล็คเข้ารูปสีเดียวกับเสื้อสูทที่เข้ากับรองเท้าหนังสีน้ำตาลเข้มที่ขึ้นเงาวาววับ ส่วนผมยาวก็ถูกรวบมัดไว้เป็นอย่างดีเผยให้เห็นใบหน้าที่เกลี้ยงเกลาหล่อเหลา..อืม แบบนี้สิค่อยเหมาะสมกับคำว่าบอส.. 

   แต่ใจผมนี่สิที่มันไม่เหมาะสม..ได้โปรดเถอะอย่าเต้นแรงไปกว่านี้เลย!


ร่างสูงเดินยิ้มเข้ามาใกล้ก่อนจะสวมกอดผมเป็นการทักทาย

“ผมคิดถึงคุณ” นี่คือประโยคแรกที่กล่าวทักทายเมื่อพบหน้า แล้วผมควรจะตอบกลับไปยังไง ‘ผมก็คิดถึงคุณ’ แบบนี้น่ะเหรอ  ฝัน!


“รอนานมั้ยครับ”


“ไม่เลย”


“เอ่อ คุณช่วยปล่อยผมก่อนได้มั้ยครับ” ไอ้บ้านี่ยืนกอดผมไม่ยอมปล่อย คนนี่มองกันให้ควั่ก ถามว่าพี่เขาแคร์มั้ย โนแคร์จ้า


“ก็ผมคิดถึงคุณนี่นา” อย่าใช้เสียงอ้อนแบบเน้


“ครับๆ ผมหิวไปกินข้าวกัน” รู้แล้วๆ แต่ตอนนี้กูหิว!


“ผมก็หิว”


“งั้นก็ไปกันครับ”


    จับมือ! จับมือกูทำม้ายยย สะบัดเท่าไหร่ก็ไม่ยอมหลุด แถมทำมึนชวนกูคุยเรื่อยเปื่อยอิ๊ก!

   ดูๆไปแล้วอย่างกะคุณชายกับเบ๊ ซึ่งแน่นอนว่าเบ๊ คือผม คุณชายในชุดสูทสุดหรูซึ่งคาดว่าชุดนี้ราคาน่าจะเกือบแสน
ส่วนเบ๊อย่างผม  เสื้อยืดห่านคู่สีขาวที่ใส่มาตั้งแต่เรียนปี1 สีเสื้อก็แลดูไม่ค่อยจะขาวสักเท่าไหร่ เอ่อ..เขาเรียกว่าสีขาวเข้ม
แถมคอเสื้อยังย้วยอีกต่างหาก กับกางเกงยีนส์สีซีดมอซอที่ไม่ได้ซักมานานชาติเศษ ส่วนรองเท้าน่ะเหรออีแตะคีบดาวเทียมจ้า หัวก็กะเซอะกะเซิงไม่เป็นทรง ดูสภาพตัวเองแล้วอยากจะสะบัดมือคุณชายทิ้งแล้ววิ่งหน้าตั้งไปรอที่รถก่อน  แต่มันทำไม่ได้! มือไอ้คุณชายบ้านี่ก็เหนียวอย่างกะหนวดปลาหมึก

สิ่งที่ทำได้คือรีบจ้ำอ้าวไปให้ถึงรถโดยเร็วที่สุด  ไอ้กระป๋องลูกพ่อเพิ่งเข้าศูนย์เช็คสภาพมาใหม่แท้ๆ ต้องมากรำศึกหนักอีกแล้ว!




    ‘ชายสี่เมียสี่ลูกสองบะหมี่เกี๊ยว’ เออ เอากะชื่อมันสิ

    ร้านบะหมี่ข้างทางคือร้านที่เหมาะสำหรับคนหิวโซอย่างเรา คนหนึ่งก็ไม่มีอะไรตกถึงท้องเป็นชิ้นเป็นอันตั้งแต่บ่ายมัวแต่ใจจดใจจ่อกับอะไรก็ไม่รู้ ส่วนอีกคนก็ไม่ได้แดกอะไรเพราะมัวแต่หาตั๋วเครื่องบิน  ดีแท้!

 บะหมี่เกี๊ยวพิเศษสองชามถูกเสิร์ฟอยู่ตรงหน้า ไม่ต้องพูดพร่ำทำเพลงต่างฝ่ายต่างโซ้ยบะหมี่เข้าปากทันใด

   โชคดีของผมอย่างหนึ่งที่อีคุณชายมันกินง่ายอยู่ง่ายไม่ต้องหาร้านเลิศหรูให้เสียเวลา คุณชายตอนนี้พับแขนเสื้อเชิ้ตลวกๆนั่งโซ้ยบะหมี่อย่างสบายอารมณ์  ส่วนเสื้อสูทน่ะเหรอคุณชายมันโยนทิ้งไว้ในรถอย่างไม่ใยดี ก็อากาศมันร้อน ใส่สูทนั่งแดกบะหมี่ร้อนๆในสภาพอากาศแบบนี้ ถ้ามึงทนได้ มึงก็เป็นฝรั่งเซินเจิ้นแล้วล่ะ!


   ก่อนกลับบ้านแวะซื้อของกินอีกเล็กน้อยคาดว่ากระเพราะควายอย่างพี่เบิ้มคงไม่อิ่มแม้จะฟาดบะหมี่เกี๊ยวพิเศษไปสองชามก็ตาม  น้ำต้าหู้ทรงเครื่องคนละถุง ขนมปังสังขยาอีกหนึ่งชุด หมูสะเต๊ะอีกสักหน่อยละกันเผื่อเลี่ยน น้ำมะพร้าวปั่นนี่ก็น่าอร่อยอีพี่เบิ้มคงจะชอบอ่ะจัดไปคนละแก้ว และคาดว่าคืนนี้คงนอนไม่หลับเพราะท้องอืด!  แต่อีโนช่วยคุณได้



   ถึงบ้านเวลาสามทุ่ม ด้วยสภาพหนังท้องตึง

“คุณเดินไปที่บ้านก่อนเลยนะครับ เดี๋ยวผมขอแวะที่เกสท์เฮ้าส์สักครู่”


“โอเคครับ” ผมมองพี่เบิ้มที่ถือถุงของกินพะรุงพะรังเต็มไม้เต็มมือแล้วก็รู้สึกแปลกๆ มันเหมือนกับขาดอะไรไปสักอย่าง คนที่เพิ่งลงจากเครื่องมันต้องมีกระเป๋าเดินทางสิ  ฉิบหาย! ลืมไว้ที่สนามบินแน่ๆ

     โอ้ยน้อ..ผมก็ดันความรู้สึกช้าอีก


“เจเรมี่คุณลืมกระเป๋าเดินทางไว้ที่สนามบินรึป่าวครับ” ผมรีบตามพี่เบิ้มมาที่บ้านแล้วถามด้วยความร้อนรน


“ไม่ลืมครับ เพราะผมมาแต่ตัว” มาแต่ตัวจริงๆ ผับผ่า เพราะตอนนี้พี่มันถอดเสื้อเชิ้ตออกแล้วโชว์หน้าท้องเป็นลอนสุดคูล ทำให้ผมได้แต่กลืนน้ำลายลงคอด้วยความอิจฉา!  สักวันกูต้องมีหน้าท้องแบบมึง ฮึมมม


“แล้วคุณจะใส่อะไรนอน แล้วชุดสำหรับพรุ่งนี้อีก” มาแต่ตัว เชื่อเขาเลย


“ผมไม่ใส่อะไรนอน คุณก็เคยเห็น” นัยน์ตาสีเทาช่างพราวระยับ กูอยากจะจิ้มตามึงบอด


”...!” ห่าราก น้ำเต้าหู้ที่กำลังเทใส่แก้วถึงกับกระฉอก เพราะงูหลามเผือกของมึงทำให้กูฝันร้ายแถมยังฝังใจไม่กล้าแดกอะไรที่เป็นทรงกระบอกอีกเลย  ชีวิตช่างรันทด!


“ล้อเล่นครับ ผมขอยืมแค่เสื้อยืดกับกางเกงขาสั้นของคุณก็พอ ส่วนชุดใส่กลับพรุ่งนี้ก็ชุดนี้ไง” พี่เบิ้มพูดพร้อมชูเสื้อเชิ้ตสีขาวที่เพิ่งถอดออกก่อนจะเดินเข้าห้องผมแล้วจัดการแขวนไว้ในตู้เสร็จสรรพ

อีพี่เบิ้มมึงนี่ก็คุ้นเคยกับบ้านผมดีราวกับเคยอยู่มาตั้งแต่ชาติปางก่อนเน๊อะ  แถมยังทำตัวสบายราวกับเป็นบ้านตัวเอง เดินออกจากห้องด้วยช่วงบนที่เปล่าเปลือยมานั่งกินหมูสะเต๊ะอย่างสบายอารมณ์ ผิดกับกูที่เป็นเจ้าของบ้านแท้ๆที่ทำตัวเกร็ง ซึ่งก็ไม่รู้จะเกร็งไปทำไม..


“หมูสีเหลืองนี่อร่อยดีนะครับ” อืมก็ถูกของมึง หมูสะเต๊ะบ้านใครสีบานเย็นล่ะว่ามั้ย?!

ผมปล่อยให้พี่เบิ้มนั่งแดกต่อไป ส่วนผมก็มาค้นเสื้อเพื่อให้พี่เบิ้มมันใส่ ไม่ไหวๆ ปล่อยให้พี่มันเปลือยท่อนบนแบบนี้นานๆแล้วใจบ่ดี!


แล้วที่ว่าจะใส่เสื้อผมพี่เบิ้มมึงก็พูดไม่คิดเนาะ ไม่ได้ดูขนาดตัวกูเล้ยย เสาไฟฟ้ากับตอหม้อชัดๆ ถ้ามึงใส่คงเหมือนใส่เสื้อเอวลอย!



   เสื้อยืดสีน้ำเงินสกรีนคำว่า ‘Mobil Super’  ครับ!  เสื้อแถมน้ำมันเครื่อง ได้มาตอนพาเจ้ากระป๋องไปเช็คสภาพหลังจากตรากตรำแบกพี่เบิ้มเมื่อ2อาทิตย์ก่อน

เสื้อตัวนี้ใหญ่ที่สุดเท่าที่ผมมี และมันยังใหม่เพราะตัวมันใหญ่ผมเลยไม่ใส่กะว่าจะให้ไอ้เอกมัน แต่ดันลืมทุกที จึงเป็นโชดีที่อีพี่เบิ้มไม่ต้องใส่เสื้อเอวลอย

และเสื้อตัวนี้มันก็พอดิบพอดีกับสารร่างของพี่เบิ้ม ใส่แล้วอย่างกะนายแบบโฆษณาน้ำมันเครื่อง!..แต่ถ้าผมใส่น่ะเหรอ หึ เด็กอู่ดีๆนี่เอง!  โลกนี้ช่างไม่ยุติธรรม..






“ผมนอนห้องไหนครับ”


“คุณนอนอีกห้องนึงละกันครับ พอดีห้องผมมันรก” มากระทันหันแบบนี้ใครจะไปเก็บห้องทันวะ


“ไม่เป็นไร ผมไม่ถือผมอยากนอนห้องคุณ” แล้วมึงจะถามเพื่อ?!


“โอเคครับ งั้นก็ตามสบายเดี๋ยวผมจะไปนอนอีกห้องนึงเอง” ถ้าไม่แคร์ความซกมกของห้องผม ก็ตามใจ


“ไม่ครับ! ผมอยากนอนห้องคุณกับคุณ”


“...!” อะไรของพี่เมิงงง จะนอนกับผมทำไมครับ ลูกค้าก็ไม่ใช่นอนก็นอนฟรี เรื่องมากจังวะ



“นะ ให้ผมนอนด้วยนะครับ ผมคิดถึงคุณผมอยากคุยกับคุณถึงเช้าเลย” มึงมันบ้า


“ผมง่วง”


“งั้นก็จนกว่าคุณจะหลับ” อย่าต่อรอง!


“เตียงมันแคบ เดี๋ยวนอนไม่สบาย”


“ผมนอนพื้นได้ ไม่มีปัญหา” เฮ้อ เอากับมึงสิ มึงมันบ้า มึน ซึน กูล่ะเกลียด..เกลียดตัวเองนี่แหละที่ไม่ยอมปฏิเสธ!

สุดท้ายอีพี่เบิ้มก็ได้นอนห้องเดียวกับผมสมใจ โดยปูฟูกนอนที่พื้น ฝันไปเหอะว่าผมจะยกเตียงให้ แค่ยอมให้นอนในห้องด้วยก็บุญโข


“ปิดไฟเลยนะครับ” พี่เบิ้มถามหลังจากที่ผมล้มตัวลงนอนบนเตียงเรียบร้อยแล้ว และแน่นอนว่ามึงต้องเป็นคนปิดเพราะอยู่ใกล้กับสวิทช์ไฟสุด


“ครับ”


“คุณผอมลงรึป่าวผมว่าจะทักตั้งแต่ที่สบามบิน” นี่ถือเป็นคำถามที่ดี


“น้ำหนักผมลดลงสองกิโล”


“ตรอมใจ คิดถึงผมเหรอ ”


“ผมเข้ายิมต่างหากล่ะ” สำคัญตัว!


“นึกว่าจะเหมือนผมซะอีก ผมก็น้ำหนักลดเหมือนกันกินอะไรไม่ค่อยลงเพราะมัวแต่คิดถึงคุณ”


“...” เวอร์วังตลอด


“ผมชอบรอยยิ้มที่คุณยิ้มให้ผมที่สนามบินแบบวันนี้จัง  คุณยิ้มแบบนั้นให้ผมดูหน่อยได้มั้ยครับ”


“ฮะ บ้ารึป่าวคุณ ปิดไฟแล้วจะเห็นได้ไงล่ะ”


“งั้นผมเปิดไฟ”


“ไม่ต้อง! ผมไม่ยิ้ม!” จู่ๆจะให้ลุกขึ้นมายิ้มให้ บ้ารึป่าว ปวดหัวกับมึงจริงๆ


“ใจร้าย”


“นี่ผมถามหน่อย คุณไปเห็นรูปผมที่ไหน” เปลี่ยนเรื่องๆ ผมถามสิ่งที่รู้คำตอบอยู่แล้วแต่ก็อยากได้ยินจากปากพี่เบิ้ม


“จากฟาง พอลกดถูกใจ ผมก็เลยเห็น” ว่าแล้วเชียวต้องมาจากไอ้ฟาง


“รูปนั้นถ่ายตอนกลางคืนใช่มั้ย แล้วมีเพื่อนผมอีก3คน หนึ่งในนั้นคือฟาง กับซูซี่ใช่รึป่าว” ถามเพื่อความแน่ใจอีกครั้งว่าเป็นรูปนั้นจริงๆ


“ใช่ครับ ในรูปตอนนั้นทุกคนดูเด็กกว่าตอนนี้” มึงหลอกด่าว่ากูแก่ใช่มะ


“น่าจะสี่ปีได้ รูปนั้นถ่ายตอนหลังเรียนจบ เป็นทริปฉลองเรียนจบกับกลุ่มเพื่อนสนิท”


“ผมอยากไปที่นั้นบ้างจัง”


“ต้องไปหน้าหนาวครับ ถึงจะได้บรรยากาศ”


“งั้นก็รอหน้าหนาวเน๊อะ” กูตกลงด้วยรึยัง?! ไอ้บ้านี่ก็ติต่างไปเอง เก่งแท้


“คุณผมง่วงแล้ว” จะให้คุยถึงเช้าไม่ไหวจริงๆ คือการมาของมึงทำให้กูเหนื่อยมากบอกเลย


“โอเคครับ งั้นผมไม่กวนแล้ว..Good Night”


“Good Night”




     ผมกำลังฝัน...งูหลามเผือกตัวบิ๊กเบิ้มตัวหนึ่งมันกำลังค่อยๆเลื้อยรัดตัวผมที่นอนหลับจมลึกอยู่ในห้วงนิทรา
มันค่อยๆรัดตั้งแต่ปลายเท้าตวัดรัดแน่นขึ้นและเลื้อยรัดขึ้นมาเรื่อยๆจนถึงลำคอ  ลมหายใจที่เข้าออกสม่ำเสมอเริ่มติดขัด

    ..หะ หาย หายใจไม่ออก!


   เฮือก!!  ผมสะดุ้งตื่นด้วยความกลัว เพราะความฝันนั้นมันเหมือนจริงมาก เหมือนว่าผมหายใจไม่ออกจริงๆ
เมื่อสติกลับมาผมก็รับรู้ถึงความรู้สึกหนักเหมือนมีอะไรบางอย่างพาดอยู่ที่ลำคอ เมื่อดวงตาคุ้นชินกับความมืดสลัวผมจึงยกเจ้าสิ่งที่มันอยู่บนคอผมขึ้นมาดู  ท่อนแขน!! ของใคร?!  ลุกขึ้นด้วยความไวแสงแล้วจ้องมองไปยังสัมผัสอุ่นๆที่อยู่ข้างๆ

   
    ให้ตาย อีพี่เบิ้ม! มึงขึ้นมานอนกับกูได้ยังงายยยยยยยย

แถมยังจะฆ่ากูด้วยท่อนแขนของมึงอีกกกกกกก  ไอ้ฆาตกร!


“คุณๆ” ผมเขย่าตัวพี่เบิ้มให้มันตื่น แต่ปลุกยังไงมันก็ไม่ยอมตื่น


“อือ” ทำเสียงรำคาญใส่กูอีก ทำไมขี้เซาได้ขนาดนี้วะ


“ก็ได้! กูยกเตียงให้” กูยอม


สุดท้ายผมต้องลงไปนอนฟูกแทนอีพี่เบิ้ม   ฮึมมมม เจ็บใจนัก!



“ติ๊ดๆ ติ๊ดๆ” ตีห้าครึ่ง เสียงนาฬิกาปลุกทำหน้าที่ของมันเหมือนเดิมเฉกเช่นทุกวัน ผมงัวเงียตื่นอย่างไม่เต็มตาเพราะรู้สึกว่ายังนอนไม่เต็มอิ่ม เพราะเหตุการณ์บ้าๆเมื่อกลางดึก นึกแล้วก็หงุดหงิดชะมัด

แต่แล้วความหงุดหงิดก็เพิ่มเป็นทวีคูณ เมื่อผมรู้สึกถึงสัมผัสอุ่นๆที่ต้นคอ รีบพลิกตัวกลับไปหาต้นตอของสัมผัสนั้น ถึงกับผงะ เมื่อสายตาปะทะเข้ากับใบหน้าที่หลับตาพริ้มของไอ้ฝรั่งตัวโต


   อีพี่เบิ้ม!!!!!  มึงอีกแล้ววว เป็นเจ้ากรรมนายเวรกูรึไง ตามติดชีวิตกูดีแท้
อุตส่าห์ยกเตียงให้มึงแล้วแท้ๆ  มึงลงมานอนกับกูตอนไหน แล้วทำไมกูไม่รู้ตัว..   

       
        ใครก็ได้ส่งมันกลับที  ฮืออออออ





  TBC.

.........................................................................................

บทนี้สาระหามีไม่ มีแต่ความผีบ้าของคนสองคน  เอิ๊ก

มาสั้นๆให้หายคิดถึง #พี่เบิ้มป้านด


หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทที่ 5 ผมมันบ้าแต่เขาน่ะบ้ากว่า! 14-06-18 p.2
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 14-06-2018 18:21:40
งุ้ยยย น่ารักอ่ะ อยากมีแบบนี้มั่ง ถีบอีป้านตไปไกลๆ เลยเราจะไปนอนตรงนั้นแทน
 :z2: :z2:
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทที่ 5 ผมมันบ้าแต่เขาน่ะบ้ากว่า! 14-06-18 p.2
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 14-06-2018 18:32:00
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทที่ 5 ผมมันบ้าแต่เขาน่ะบ้ากว่า! 14-06-18 p.2
เริ่มหัวข้อโดย: เพียงเพื่อน ที่ 14-06-2018 22:36:15
ฝรั่งคนนี้เขาใจเอาจริงๆนะคะคุณ ผู้ช้มมมมมมมมมมม :laugh: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทที่ 5 ผมมันบ้าแต่เขาน่ะบ้ากว่า! 14-06-18 p.2
เริ่มหัวข้อโดย: skykick ที่ 15-06-2018 14:20:58


ความมึนของพี่เบิ้มเอาไปเลยเต็ม100  :katai5:




หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทที่ 5 ผมมันบ้าแต่เขาน่ะบ้ากว่า! 14-06-18 p.2
เริ่มหัวข้อโดย: patompong888 ที่ 16-06-2018 16:23:36


  :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทที่ 5 ผมมันบ้าแต่เขาน่ะบ้ากว่า! 14-06-18 p.2
เริ่มหัวข้อโดย: fairy ที่ 21-06-2018 23:21:11
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทที่ 6 จีบ! 14-07-18 p.3
เริ่มหัวข้อโดย: MA_LEE ที่ 14-07-2018 23:18:16

บทที่ 6  จีบ






         วันเวลาช่างเดินเร็วดีแท้..หลังจากส่งพี่เบิ้มขึ้นเครื่องบินกลับกรุงเทพฯเมื่อวาน ชีวิตผมก็กลับมาปกติสุขอีกครั้ง   
แต่มันแค่แปปเดียว..แปปเดียวจริงๆ!! เพราะมันยังไม่ถึง24ชั่วโมงด้วยซ้ำ  ผมต้องมารอรับพี่เบิ้มอีกครั้ง


“ป้านด” มาละครับลูกค้าสุดเอ็กซ์คลูซีฟที่จองห้องพักไว้ตั้ง31คืน จังหวัดอื่นก็มีที่เที่ยวตั้งเยอะแยะไม่รู้จักไป จะมาอยู่เชียงใหม่ทำห่าอะไรตั้งเดือนนึง..ไม่เข้าใจพี่มันเลยจริงๆ



       วันนี้พี่เบิ้มลากอีแตะคีบสีดำ เสื้อยืดสีเทาล้วนกับกางเกงยีนส์ขาดเข่าสุดเซอร์มาพร้อมกับกระเป๋าเป้ใบโต แบบนี้ค่อยเป็นพี่เบิ้มที่ผมคุ้นชินหน่อยต่างจากมาดคุณชายเมื่อวานลิบลับ

อืม..แต่งตัวแบบนี้ค่อยศีลเสมอกันหน่อย แต่ความต่างของเบ้าหน้านั้น..เหอะ อย่าให้พูดเลอ!


“รอนานมั้ยครับ”


“ผมคิดถึงคุณจัง” ตอบไม่ตรงคำถาม  แถมยังทักทายด้วยภาษากายที่ผมไม่คุ้นชินอีก สัมผัสจากเรียวปากที่แนบลงมาที่ข้างแก้มทำให้ใจผมเต้นระรัว

จะว่ายังไงดีล่ะ เข้าใจนะว่าเป็นวัฒนธรรมของบ้านพี่แก แต่ด้วยน้ำเสียง สาตาและสัมผัสที่อ่อนโยน มันทำให้ผมใจเต้นแปลกๆ  หรืออาจเพราะผมยังไม่ชินกับการทักทายแบบถึงเนื้อถึงตัวแบบนี้ล่ะมั้ง?!
 




       ไอ้กระป๋องของผมค่อยๆทะยานออกจากท่าอากาศยานเชียงใหม่  เพื่อไปยัง ดอกแก้วเกสท์เฮ้าส์
เมื่อมาถึงก็พาพี่เบิ้มมาเช็คอินอย่างเป็นทางการ  ในที่สุดพี่เบิ้มก็เป็นลูกค้าของผมเต็มตัวสักที!

แค่พี่เบิ้มคนเดียวทำให้รายรับของผมในเดือนนี้มันช่างวันเดอร์ฟลู  ห้องแอร์ราคาคืนละ800บาท รวมอาหารเช้าหนึ่งมื้อ ทั้งหมด31คืน รวมเป็นเงินสุทธิ 24,800..โอ้ววว ช่างเป็นตัวเลขที่สวยงาม 


“คุณอยากไปไหนเป็นพิเศษบอกผมได้นะครับ” เพราะเป็นบอสของผัวไอ้ฟาง จึงได้รับการไหว้วานให้ดูแลเป็นพิเศษ ถามว่าได้เงินมั้ย ขอตอบเลยว่าไม่  แต่คำถามที่ได้กลับมาจากไอ้ฟาง คือน้ำใจอ่ะมีมั้ย..สรุปคือ มีก็ได้วะ  อย่างน้อยก็ถือว่าเป็นเพื่อนกัน..

“ขอบคุณครับ เชิญคุณทำงานตามปกติได้เลยครับผมไม่รบกวน” 

สงสัยครั้งนี้จะเตรียมตัวมาดี เอาให้รอดทั้ง31วันนะพี่มึง..








     ผ่านไปสามวันกับการเข้าพักของลูกค้ากิตติมศักดิ์..ก็บอกแล้วเวลามันเดินเร็ว!
พี่เบิ้มไม่ได้รบกวนผมอย่างที่บอกไว้  พี่เบิ้มเช่ามอเตอร์ไชค์ไว้หนึ่งคันและมักจะออกไปพร้อมกับกล้องถ่ายรูปหนึ่งตัว  แรกๆก็แอบกังวลว่าพี่แกจะหลง แต่พอนึกขึ้นได้ว่ายุคนี้มันมี จีพีเอส แล้วนี่หว่าก็เลิกกังวล..แล้วจะกังวลเพื่อ?!  เอาน่า ก็เขาเป็นเจ้านายผัวเพื่อน!

ส่วนเรื่องอาหารการกิน ยิ่งไม่ต้องห่วงเพราะแค่ออกจากปากซอยก็เจอร้านอาหารและร้านกาแฟที่มีมากมายเรียงรายไปทั้งสองฝั่งข้างทาง ยิ่งกินง่ายอยู่ง่ายแบบพี่เบิ้มแล้วสบายใจหายห่วง

..แต่ที่ไม่ค่อยสบายใจสักเท่าไหร่ก็เวลาที่อีพี่เบิ้มมันไม่ออกไปไหนก็มักจะมาป้วนเปี้ยนอยู่ใกล้ๆผมพี่แหละ!

อย่างเช่นวันนี้.. พี่เบิ้มเดินหัวฟูเข้ามาในร้านกาแฟพร้อมกับเอกสารปึกใหญ่


“ป้านด ผมขออเมริกาโน่เย็นแก้วนึงครับ” มาถึงก็ตรงดิ่งมาที่เค้าเตอร์ พร้อมกับรอยยิ้มที่แผ่ออร่าไปทั่วร้าน
ลูกค้าสาวฝอที่นั่งอยู่ในร้านต่างก็มองตามกันคอแทบเคล็ด  สาวฝอนี่เขาช่างเปิดเผยกันดีแท้! 
ส่วนหนุ่มฝอน่ะเหรอไม่ได้สนใจสายตาของสาวๆที่ส่งยิ้มเมียงมองมาให้เล้ย..หล่อแล้วหยิ่งงี้?!


“อเมริกาโน่เย็นได้ละครับ”


“ขอบคุณครับ”


“วันนี้ไม่ออกไปเที่ยวเหรอครับ”


“พอดีมีงานที่ต้องเคลียร์นิดหน่อยครับ  ถ้าคุณว่างแล้วมานั่งพักที่โต๊ะผมนะครับ”


“ไม่ดีกว่าครับ กวนคุณป่าวๆ”


“ไม่เลย ผมอยากอยู่ใกล้ๆคุณ  นะครับ”  เสนอหน้ามาขลุกอยู่ที่ร้านกาแฟทุกวันนี่ยังใกล้ไม่พอเรอะ?      แล้วอีเสียงสองของพี่มึงนี่คือไร?!


แต่ท้ายที่สุดผมก็ลากเก้าอี้มานั่งฝั่งตรงข้ามกับอีพี่เบิ้มอยู่ดี..ให้มันได้อย่างนี้ซี้!


สีหน้าของพี่เบิ้มในตอนนี้เป็นพี่เบิ้มในมุมที่ผมไม่เคยเห็น หน้าตามุ่งมั่น ตั้งใจ ไม่มีแววของความขี้เล่น..อืม โหมดบอสสินะ
แต่พอเงยหน้าขึ้นมาสบตาผม ใบหน้าที่เคร่งเครียดก็แต้มไปด้วยรอยยิ้มทั้งปากทั้งตา..มึงเป็นไบโพล่าแน่ๆ!


“คุณจะไปไหนครับ” เมื่อผมลุกจากเก้าอี้พี่เบิ้มก็รีบเอ่ยท้วงทันที..นี่จะไม่ให้คาดสายตาเลยใช่มะ


“ผมจะหยิบมือถือที่เค้าเตอร์ครับ”  ไม่ได้ไปไหนหรอกพ่อคุณ นั่งเฉยๆมันเบื่อเลยจะไปหยิบมือถือที่ชาร์ตแบตไว้หลังเค้าเตอร์มาเล่นค่าเวลาสักหน่อย

ผมเดินกลับมาหาพี่เบิ้มพร้อมกับสมาร์ทโฟนรุ่นเก่าและคุกกี้อัลมอนด์อีกหนึ่งถุง


“ทานได้นะครับ” ผมเอ่ยชวนพี่เบิ้มเมื่อหยิบคุกกี้เข้าปากไปหนึ่งชิ้น


“ป้อนผมได้มั้ยครับ มือผมไม่ว่าง”


“...”


“พลีส”  เชื่อเขาเลย  มึงก็แค่วางปากกา และวางเอกสารในมือมึงก็แดกเองได้ละ  แต่ที่น่าเหลือเชื่อไปกว่านั้นก็กูนี่แหละ! เสือกบ้าจี้ป้อนอีพี่เบิ้มมันอย่างว่าง่าย  โถถถถถถ

อีคนถูกป้อนก็ยิ้มหน้าบานจนหน้ามั่นไส้..เมื่อไหร่จะมีลูกค้ามาใหม่สักทีว้า เรียกเช็คบิลก็ได้ จะได้เลิกนั่งเฝ้าฝรั่งโข่งนี่สักที



เสียงกระดิ่งที่แขวนตรงประตูร้านดังขึ้นพร้อมกับเสียงกระแอมกระไอของผู้มาใหม่  รอดแล้วกู!!


“เซอร์วิสใหม่เหรอวะ มีป้อนถึงโต๊ะด้วย” ไอ้ดอยเพื่อนรักมึงมาได้ถูกเวลาพอดิบพอดี แม้ปากจะเสียไปหน่อยแต่ไม่เป็นไรค่อยเอาคืนแม่งทีหลัง


“ตาฝาดแล้วมึงอ่ะ” แถไว้ก่อนครับชั่วโมงนี้


“หราาา” อยากจะเตะตัดขา หน้าแม่งโคตรรกวนตีน


“ว่าแต่ทำไมถึงโผล่มาเวลานี้ได้วะ” เวลาทำงานแบบนี้ผู้บริหารดีเด่นอย่างมันจะไม่ออกจากออฟฟิตนอกจากเป็นเรื่องงาน  หรือมาหาลูกค้า?


“พาเด็กเอาของมาให้”


“เด็ก?” 


“พี่ณต สวัสดีครับ” แล้วก็หายสงสัยเมื่อเห็นหน้าของฝรั่งหนุ่มน้อยหน้ามนที่เดินเข้ามาพร้อมกับยกมือไหว้สวยงามตามแบบมารยาทไทย


“ซันนี่ หวัดดี”  ซันนี่คือเด็กหนุ่มลูกครึ่งไทย-ออสเตรเลีย  ที่เคยฝึกงานที่บริษัทสถาปนิกของไอ้ดอยเมื่อปีก่อน ซันนี่เกิดและโตที่เชียงใหม่แต่ไปเรียนต่อมหา’ลัยที่กรุงเทพฯ   แม่ของซันนี่รู้จักกับแม่ของไอ้ดอยเลยฝากฝังให้มาฝึกงานที่บริษัทไอ้ดอย

บริษัทของไอ้ดอยเป็นบริษัทสถาปนิกเล็กๆมีพนักงานทั้งหมด5คนถ้วน  ซันนี่จึงเป็นเด็กฝึกงานคนแรกและคนเดียวของบริษัท
ไอ้ดอยหรือพนักคนอื่นๆ แต่ผมและมันมักจะเรียกว่าเด็กในสังกัด มักจะพาลูกค้ามาคุยงานที่ร้านผมทุกเมื่อที่มีโอกาส
เสมือนฮั้วกัน นี่แหละเพื่อนแท้มันต้องช่วยกับทำมาหากิน! ทำให้ผมสนิทกับเด็กในสังกัดของมันไปด้วย รวมถึงซันนี่เด็กในสังกัดพิเศษคนนี้ด้วย หรืออาจจะเพราะความน่ารักของซันนี่ทำให้ใครๆต่างก็เอ็นดูทำให้เราสนิทกับเขาได้ไม่ยาก


“ของฝากครับพี่ณต”  ซันนี่เพิ่งกลับจากออสเตรเลีย นี่คงจะเป็นของฝากจากที่นั้นซันนี่คงไม่ซื้อของจากดิวตี้ฟรีมาเป็นของฝากแน่ๆ แต่ถ้าคนห่ามอย่างไอ้ดอยละไม่แน่!


“แต้งกิ้วนะ  ดื่มอะไรดีเดี๋ยวพี่เลี้ยง”


“ขอลาเต้เย็นละกันครับ”


“กูด้วย แต่ของกูขอหวานน้อยนะส่วนของซันขอหวานพิเศษเพราะน้องชอบกินหวาน”


“รู้ดีนะมึงอ่ะ”


“กูใส่ใจรายละเอียดเด็กในสังกัดกูทุกคนเว้ย”


“หราาา”

เชื่ออยู่ว่ามันใส่ใจพนักงานมันทุกคน แต่กับอดีตเด็กฝึกงานคนนี้ผมว่ามันพิเศษกว่าคนอื่น..


“ผมช่วยนะคุณ” แล้วคนที่หลุดออกจากวงโคจรก็กลับเข้ามาอีกครั้ง


“ไม่เป็นไรครับขอบคุณ” กูซึ้งในน้ำใจของพี่มึงจริงๆ  วันนี้บีลาครับ ผมจึงอยู่ร้านคนเดียว


เดี๋ยวๆ นี่ฟังที่ผมพูดไม่ออกเหรอ ผมว่าผมพูดไม่ผิดนะ สำเนียงก็พอใช้ได้อยู่ ทำไมอีพี่เบิ้มยังเดินเข้ามาทางหลังเค้าเตอร์แบบนี้ล่ะ  จากนั้นก็ถามอย่างรู้งานว่าเครื่องดื่มร้อนหรือเย็น  เมื่อทราบคำตอบก็ตักน้ำแข็งใส่แก้วแล้วยื่นให้ผมด้วยใบหน้ายิ้มแฉ่ง..จะปฏิเสธแล้วไล่ให้กลับไปนั่ง ก็กลัวจะเสียน้ำใจเลยรับแก้วมาพร้อมกับเอ่ยขอบคุณเบาๆ..เฮ้ออออ กูเคยปฏิเสธพี่มันได้บ้างมั้ยเนี่ย! 



“คุณบอสของมึงนี่ดีนะ รู้จักช่วยกันทำมาหากิน” เกลียดการเท้าคางแล้วพูดเหมือนเป็นเรื่องน่ายินดี..ไม่น่ายินดีสักนิด


“ไม่ใช่บอสกู! บอสของพอลโว้ย” ผมได้แต่โวยวายกลับไป


“ไอ้ชาติบอกว่าบอสของมึงมาพักเกสท์เฮาส์มึงตั้งเดือนนึงเลยหนิ รุกหนักเลยนะเนี่ย” บอกไม่รู้จักจำว่าไม่ใช่บอสกูๆ  แถมยังเรียกอีซูซี่ด้วยชื่อแรกเกิดของมันอีก ถ้ามันรู้เข้ามีหวังโดนตบเรียงตัวแน่!


“รุกอะไรของมึง  เพ้อ”


“เอ้า ก็มึงเป็นพรหมลิขิตของเขา ตอนนี้เขากำลังจีบมึงอยู่ หรือมึงไม่รู้ตัว ตื่นว้อย” จีบเจิบอะไร ไม่มีอ่ะ


“พี่เขาจีบพี่ณตเหรอครับ” ซันนี่ที่นั่งฟังเงียบๆถามด้วยความตกใจ


“ไอ้ดอยมันเพ้อ อย่าไปเชื่อมันซันนี่”


..แน่นอนว่าบทสนทนาทั้งหมดพี่เบิ้มฟังไม่ออก  พี่แกได้แต่ทำหน้าสงสัยแต่ก็คงจะรู้ตัวว่าตัวเองตกเป็นเป้าในบทสนทนานี้

ไม่นานลาเต้เย็นสองแก้วก็ถูกนำไปเสิร์ฟ ซึ่งแน่นอนว่าไม่ใช่ผมอีพี่เบิ้มจัดการเองเสร็จสรรพ   


“ได้แล้วครับ แก้วนี้หวานน้อย ส่วนแก้วนี้หวานพิเศษครับ” อีพี่เบิ้มเดาได้ถูกต้องว่าใครดื่มแก้วไหน แหงล่ะหน้าอย่างไอ้ดอยคงจะแดกหวาน!


“ขอบคุณครับ  ผมดอยเพื่อนของปณต ยินดีที่ได้รู้จักครับ”


“ผมเจเรมี่ครับ ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกับครับ ผมจำคุณได้คุณคือผู้ชายที่อยู่ในรูปถ่าย”


“รูปถ่าย?   อ๋อออ รูปถ่ายบนดอยอ่างข่าง งั้นแสดงว่าคุณก็เจอคนในรูปครบทุกคนแล้วใช่มั้ยครับ แต่ก็คงไม่สำคัญเท่ากับคนที่สวมผ้าพันคอสีฟ้าใช่มั้ยครับ”


“อ่า ครับ คนๆนั้นเขาสำคัญสำหรับผมจริงๆครับ” แล้วทั้งคู่ก็ต่างส่งสายตามาทางผม แต่ความหมายมันต่างกันโดยสิ้นเชิง ไอ้ดอยส่งสายตาเป็นเชิงว่าเห็นมั้ยกูบอกแล้วว่าเขาจีบมึง!  ส่วนสายตาของพี่เบิ้มผมอ่านไม่ออกแฮะ


แล้วจู่ๆพี่เบิ้มก็ถามคำถามที่เล่นเอาพวกผมทั้งสามคนถึงกับช็อก


“ว่าแต่แฟนคุณดอยชื่ออะไรครับ ผมเจเรมี่ยินดีที่ได้รู้จักครับ” ลาเต้ในปากไอ้ดอยแทบพุ่ง ส่วนคนที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นแฟนไอ้ดอยถึงกับตาเบิกโพลง ก่อนจะแนะนำตัวเองด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก


“เออ ผมซันนี่ครับยินดีที่ได้รู้จัก ผมเป็นรุ่นน้องพี่ดอยครับไม่ใช่แฟน” ในขณะที่แก้ตัวแก้มของซันนี่ก็แดงระเรื่อ  โกรธ?     
ใช่ โกรธแน่ๆ น่าตบปากอีพี่เบิ้มจริงๆเชียว!


“โอ๊ะ ซอรรี่”


“ไม่เป็นไรครับ”


“อ่า งั้นผมขอตัวไปทำงานต่อก่อนนะครับ” วางระเบิดไว้แล้วหนีดื้อๆแบบนี้เลยเรอะ 


“ขอโทษแทนเจเรมี่อีกครั้งนะซันนี่ พี่แกชอบพูดจามั่วซั่วแบบนี้แหละ” ผมก็ลืมไปว่าพี่แกน่ะบ้า อย่าถือสาๆ


“ไม่เป็นไรครับพี่ณต” ซันนี่พูดพร้อมกับก้มลงดูดลาเต้เหมือนไม่ได้ใส่ใจอะไร แต่แก้มนี่สิยังแดงไม่หาย  หรือว่าจะเขิน! 
ส่วนไอ้คนที่ถูกกล่าวหาด้วยอีกคนก็ดูดกาแฟทำเป็นหันไปชมนกชมไม้นอกร้าน..แต่หูแม่งแดงว่ะ!!


“ซันนี่มาเที่ยวหรือว่าจะมาอยู่ที่เชียงใหม่เลย” 


“กะว่าจะมาอยู่สักพักครับ ขอพักก่อนแล้วค่อยเลือกอีกทีว่าจะหางานทำที่นี่หรือไปเรียนต่อที่ออสเตรเลีย” ซันนี่เพิ่งเรียนจบได้ไม่นานหลังจากเรียนจบก็กลับไปหาพ่อพี่ออสเตรเลีย


“ชวนมาทำงานด้วยกันก็ไม่ยอม” ไอ้ดอยขยี้หัวซันนี่เบาๆด้วยความเอ็นดู..เดี๋ยวนะทำไมรู้สึกว่ามีดอกไม้ฟุ้งๆออกมาจากสองคนนี้วะ!


“ไหนมึงบอกจะไม่รับคนเพิ่มไงถ้าไม่มีใครลาออก หรือมีคนลาออก?” มันเคยบอกว่าบริษัทมันเหมือนครอบครัวเล็กๆไม่อยากรับคนเพิ่มไปมากกว่านี้เพราะกลัวความอบอุ่นที่มีอยู่มันจะหายไป..


“ไม่มีใครลาออก แล้วไม่รับคนอื่นด้วย จะรับแค่น้องซันคนเดียว” หืมมมมมมม!!


“ผมยังอยากพักอีกหน่อย ถ้าตัดสินใจได้เมื่อไหร่ผมจะรีบบอกนะครับ” อะไร? หน้าแดงอีกละ

     
       แปลกเนอะ สองคนนี้..แปลกสุดๆ

     
     เรานั่งคุยกันอีกสักพักไอ้ดอยและซันนี่ก็ขอตัวกลับ เรานัดเจอกันอีกทีพรุ่งนี้เพื่อพาเด็กนอกที่หิวโหยหมูกะทะไปปลดปล่อยความอยาก..โถถถ น่าสงสารที่ออสเตรเลียคงไม่มีร้านบุฟเฟ่หมูกระทะที่แดกได้ไม่อั้นแบบบ้านเราสินะ..








     พระอาทิตย์เริ่มตกดินแต่ลูกค้ากิตติมศักดิ์ยังคงนั่งอยู่ที่เดิม พร้อมกับส่งรอยยิ้มมาให้เป็นพักๆ

ผมต้องเขินหรือต้องส่งยิ้มให้วะ..นี่ก็ทำตัวบ่ถูก!


เมื่อเห็นว่าผมว่างพี่เบิ้มก็กวักมือหยอยๆให้ผมไปนั่งด้วยอีกครั้ง


“เจเรมี่ ผมถามหน่อยสิ ทำมันคุณถึงคิดว่าสองคนนั้นเป็นแฟนกันล่ะ”


“ผมรู้สึกได้แบบนั้นนะ พวกเขาเหมือนเป็นแฟนกันจริงๆ”  จะว่าไปผมก็รู้สึกแบบนั้นเหมือนกัน คู่นี้มันมีบรรยากาศฟุ้งๆเหมือนคู่รักจริงๆนั้นแหละ


“แต่พวกเขาเป็นแค่พี่น้องกันครับ ซันนี่เคยฝึกงานที่บริษัทของดอย”


“ถ้าเขาไม่ได้คบกัน แบบนั้นซันนี่ก็คงจะแอบรักข้างเดียว”


“รักข้างเดียว?”  ไม่มั้ง ผมมั่นใจว่าไอ้ดอยก็มีความรู้สึกพิเศษต่อซันนี่เช่นกัน


“เพราะสายตาของซันนี่ที่มองดอยมันเต็มเปี่ยมไปด้วยความรัก ผมมองออกและเข้าใจดี”


“หืมม”


เพราะสายตาที่ผมมองคุณก็เต็มเปี่ยมไปด้วยความรักเช่นกัน


บ้าบอที่สุด!! 


ใจหนอใจ เต้นแรงไปมั้ย!


“ปิดร้านแล้วไปเดินถนนคนเดินด้วยกันนะครับ” เปลี่ยนเรื่องเร็วไปมั้ย ใจกูยังแกว่งอยู่เลย  แต่ก็ดีเหมือนกันเพราะผมก็ไม่รู้ว่าจะออกจากบทสนทนานี้ยังไง


“ได้ครับ” ผมไม่ปฏิเสธเพราะผมตั้งใจจะไปหาอะไรกินที่ถนนคนเดินอยู่แล้ว


“ว่าแต่คุณยังทำงานไม่เสร็จเหรอครับ” เห็นนั่งทำตั้งนาน ยังไม่เลิกทำสักที เป็นบอสนี่ก็เหนื่อยเหมือนกันเนอะ


“เสร็จแล้วครับ ผมกำลังดูลายละเอียดคอนโดที่เลขาส่งมาให้อยู่ครับ คุณช่วยผมเลือกหน่อยสิว่าที่ไหนดี”

แล้วพี่เบิ้มก็ยื่นไอแพดมินิที่เปิดหน้าเพจของคอนโดในหลายๆที่ในเชียงใหม่ให้ผมดู


“คุณจะซื้อคอนโดเหรอครับ”


“ครับ อีกหน่อยผมอาจจะมาอยู่ที่เชียงใหม่เป็นหลัก เลยอยากซื้อไว้สักห้อง คุณชอบแบบไหนเลือกให้ผมหน่อยสิ”


“คอนโดของคุณ คุณก็ต้องเลือกเองสิครับ” อะไรของพี่แกวะ?!


“อีกหน่อยมันก็จะเป็นของคุณด้วยเหมือนกัน”


“...?!” ไม่เข้าใจ ทำไมมันจะต้องเป็นของผมด้วยล่ะ?


“ไม่เป็นไร งั้นเราก็ค่อยๆเลือกเนอะ”


เกาหัวสิครับ ทำเหมือนกับคู่รักที่กำลังหาเรือนหอ!! 








       วันนี้ปิดร้านเร็วหน่อยเพราะผมอยู่คนเดียว หนึ่งทุ่มก็ปิดร้านเสร็จเรียบร้อย โดยมีพี่เบิ้มคอยช่วยอย่างแข็งขัน อุดหนุนผมไม่พอยังมาช่วยผมเก็บร้านอีก ช่างเป็นฝรั่งที่จิตใจประเสริฐดีแท้!



       ถนนคนเดินท่าแพเวลานี้คลาคล่ำไปด้วยผู้คนไม่แปรเปลี่ยน เราเดินเบียดเสียดฝูงชนเพื่อไปยังโซนที่ขายอาหาร ในจังหวะที่คอยหลบหลีกเพื่อไม่ให้ไหล่ชนกัน ก็มีกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติกลุ่มหนึ่งที่เดินไม่ระวังไหลของเขากระแทกเข้าที่ไหลผมเต็มๆ จังหวะที่กำลังจะล้มพี่เบิ้มก็ประคองผมไว้ได้ทันท่วงที   ตอนนี้ผมเลยอยู่ในอ้อมกอดของพี่เบิ้มไปโดยปริยาย..
 
ตึก ตึก ใจเต้นแรงจังวะ..ตกใจ  ใช่!  ก็แค่ตกใจไม่ได้ตื่นเต้นแต่อย่างใด


“เจ็บตรงไหนมั้ยคุณ” พี่เบิ้มถามผมน้ำเสียงที่เป็นห่วง พร้อมกับหันหน้าไปมองกลุ่มนักท่องเที่ยวที่เดินชนผมแล้วไม่แม้แต่จะขอโทษสักคำด้วยสีหน้าไม่พอใจ


“ผมไม่เป็นไร”


“ไม่มีมารยาทเลย เป็นฝ่ายเดินชนแท้ๆแต่ไม่ขอโทษสักคำ” พี่เบิ้มบ่นอย่างหัวเสีย


“เอาน่าคุณ อย่าไปใส่ใจเลย”


“วันนี้คนเยอะจริงๆ จับมือผมไว้นะครับ” ไม่รอให้ปฏิเสธพี่เบิ้มก็คว้ามือผมไปจับทันที..ผมก็ดันสมยอมซะด้วยสิ!!  คนเยอะไงไม่อยากสะดีดสะดิ้ง รีบๆเดินไปให้ถึงที่หมายดีกว่า..มือพี่เบิ้มอุ่นดีแฮะ




     ร้านน้ำเงี้ยว ที่ใช้แคร่ไม้ไผ่เป็นโต๊ะและมีตั่งตัวเล็กๆให้นั่ง ซึ่งว่างสองที่สำหรับเราพอดี
ผมสั่งน้ำเงี้ยวสองจาน จากนั้นก็ให้พี่เบิ้มนั่งเฝ้าที่ไว้โดยผมออกไปซื้อของกินมาเพิ่มเติม
ไข่ป่าม2ชิ้น กระเพราะปลาพี่เบิ้มน่าจะชอบ ข้าวเหนียวมะม่วงของโปรดของพี่แกอีกหนึ่งกล่อง น้ำส้มคั้นอีกสองแก้ว พอแค่นี้ก่อน เพราะมือไม่ว่างแล้วววว



    พี่เบิ้มยังคงเอ็นจอยอีสติ้งเช่นเดิม กินอะไรก็อร่อยถูกปากไปหมด มองพี่เบิ้มกินแล้วก็เพลินดีแฮะ

“คุณอิ่มแล้วเหรอครับ” เมื่อข้าวเหนียวมะม่วงคำสุดท้ายเข้าปากถึงได้เงยหน้าขึ้นมาถามผม


“อิ่มแล้วครับ อยากได้อะไรเพิ่มมั้ยเดี๋ยวผมไปซื้อให้”


“พอแล้วครับ ช่วงนี้ต้องควบคุมน้ำหนักเพราะมาอยู่หลายวัน” เอิม..นี่ขนาดควบคุมน้ำหนักนะ 


“ยิมของซูซี่อยู่ไม่ไกลจากที่นี่เท่าไหร่ ถ้าคุณสนใจไปกับผมก็ได้นะเพราะผมไปที่นั่นประจำ” แต่วันนี้อดไปเพราะบีลาหยุดเลยต้องอยู่เฝ้าร้าน แต่จะว่าไปเมื่อวานก็ไม่ได้ไปนี่หว่า ไอ้ตัวขี้เกียจมันเริ่มครอบงำผมอีกแล้ววว


“ดีเลยครับ งั้นพรุ่งนี้ไปกันนะครับ” อะไรจะตื่นเต้นเบอร์นั้น แววตาเป็นประกายเชียว!


“ครับ ถ้างั้นกลับกันเลยมั้ยหรือจะเดินเล่นดูของก่อน”


“คนเยอะเดินไม่สะดวก กลับดีกว่าครับ”



     ระหว่างเดินกลับพี่เบิ้มก็ยังคงจับมือผมไม่ปล่อย แต่ครั้งนี้ผมพยายามสะบัดแต่ก็ไม่เป็นผลครับ..ลืมไปว่ามือพี่แกเป็นญาติกับหนวดปลาหมึก

เราคุยเรื่อยเปื่อยจนเดินมาถึงปากซอยทางเข้าของเกสท์เฮ้าส์ คนไม่เยอะแล้วแต่อีพี่เบิ้มก็ไม่ยอมปล่อยมือผมสักที


“ปล่อยได้แล้วครับ”


“ผมขอจับมือคุณจนกว่าถึงเกสท์เฮ้าส์นะครับ  พลีสสส”  เฮ้อออ  ขัดใจพี่แกไม่เคยได้เลยจริงๆ


“เจเรมี่ ผมถามจริงๆนะ คุณตั้งใจมาทำอะไรที่เชียงใหม่ตั้งเดือนนึง ไม่เบื่อเหรอคุณ” ผมเงยหน้าขึ้นถามคนตัวสูงที่ตอนนี้หน้าตาเปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม..และมือของผมก็ยังคงถูกจับไม่ปล่อย  มันอุ่น อุ่นจนทำให้หัวใจของผมเต้นไม่เป็นจังหวะ


“ผมตั้งใจมาอยู่ใกล้ๆคุณ”


“เพื่อ?”


ผมมาเพื่อจีบคุณยังไงล่ะ ป้านด


“....”   OMG!!


     จีบ?


     ผมผู้ชายนะเว้ย!


     พี่มึงเอาจริงดิ?!


แล้วผมต้องทำงายยยยยย?!!!





TBC.

.......................................................................
 
บอกป้าเขาหน่อยค่ะว่าต้องทำยังไง^^

มาสั้นๆอีกแล้ว แหะๆ
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทที่ 6 จีบ! 14-07-18 p.3
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 14-07-2018 23:35:29
 :-[

 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทที่ 6 จีบ! 14-07-18 p.3
เริ่มหัวข้อโดย: patompong888 ที่ 15-07-2018 11:06:02
 
 
     
         ขอให้พี่เบิ้มจีบป้านดสำเร็จภายในหนึ่งเดือนเน้อ  :-[





       

 
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทที่ 6 จีบ! 14-07-18 p.3
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 15-07-2018 19:23:28
ว๊ากกกก พี่เบิ้มบ้าบอ อะไร อะไร พูดตรงไปไหม
ป้านด ทำใจเหอะเจอแบบจริงจังเข้าให้แล้ว
ยินดีด้วยนะ
 :z2: :z2:
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทที่ 6 จีบ! 14-07-18 p.3
เริ่มหัวข้อโดย: skykick ที่ 16-07-2018 16:52:30
 

  พี่เบิ้มมาแรงแซงทางโค้งแต่ระวังแหกโค้งเน้อ  :hao3:
 
  แต่คงไม่หรอกเนอะ ป้านดคงไม่รอด :katai2-1:



หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทที่ 6 จีบ! 14-07-18 p.3
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 17-07-2018 15:23:05
ป้านดก็แค่ยอมให้พี่เบิ้มจีบก็แค่นั้น
ว่าแต่พี่เบิ้มจะหาห้องหาคอนโดให้ยุ่งยากทำไม มาอยู่บ้านป้านดก็ได้ อัฐยายขนมยาย You know ?

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทที่ 6 จีบ! 14-07-18 p.3
เริ่มหัวข้อโดย: fairy ที่ 19-07-2018 21:29:30
 :mew3:
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทที่ 7 ขบวนการสมคบคิด! 21-08-18 p.3
เริ่มหัวข้อโดย: MA_LEE ที่ 21-08-2018 17:55:04



บทที่ 7  ขบวนการสมคบคิด!




      การเข้ายิมของผมในแต่ละครั้งนั้นไม่ได้มีอะไรที่หนักหน่วง ปั่นจักรยานเบาๆ20นาที ต่อด้วยวิ่งเหยาะๆบนลู่วิ่งไฟฟ้าอีกสัก15นาที วันไหนร้อนๆก็เลือกที่จะว่าน้ำแทน ผมออกกำลังกายเพื่อให้ร่างกายแข็งแรงไม่ได้ออกเพื่อจะสร้างซิกแพคแต่อย่างใด แต่พอเห็นกล้ามเนื้อสุดชิคของพี่เบิ้มก็เกิดอิจฉาอยากได้อยากมีกับเขาบ้าง..วันนี้จึงได้รับเกียรติจากเทรนเนอร์กิตติมศักดิ์ที่ส่งตรงมาจากลอนดอน ที่เต็มใจเทรนให้อย่างออกนอกหน้า..





         ..ดีมากครับ   อีกเซ็ตหนึ่งนะครับ  ไปครับ 1   2   3  เยี่ยม  4   5  ดี..

  ครับ!  ประโยคพวกนี้วนเวียนอยู่ในหัวผมมาเกือบ1ชั่วโมง พร้อมกับเหงื่อซกไปทั้งตัว ลิ้นก็ห้อยไปถึงหว่างขา!

มาถึงพี่แกก็ให้ผมวิ่งบนลู่วิ่งช้าสลับเร็ว30นาที..แค่นี้ก็หอบแฮก  จากนั้นก็เล่นกล้ามแขน ขา หลัง หน้าอก และจบด้วยหน้าท้อง อย่างละ3เซ็ต เซ็ตละ10ครั้งและผมก็กำลังจะตาย! เพราะหัวใจที่ทำงานหนักเกินไปมันไม่ใช่แค่ความเหนื่อยเพียงอย่างเดียว ก็พี่แกเล่นยื่นหน้าเข้ามาใกล้เวลาซิทอัพยกตัวขึ้นมาปลายจมูกแทบจะชนกันมันใกล้ซะจนได้กลิ่นอาฟเตอร์เชฟจางๆ..ใจก็เต้นรัวไปสิ!



“เช็ตสุดท้าย ไหวไหมป้านด” กูอยากตะโกนใส่หน้าว่า กูไม่ไหว! แต่แรงหมดครับ ทำได้เพียงสายหัวอย่างเชื่องช้า 


“ผมเหนื่อยแล้ว 2เซ็ตก็พอนะคุณ” ต้องต่อลองครับ ไม่งั้นตายแน่ๆ


“งั้นผมให้พักเพิ่มอีก30วินาทีละกัน” จากเดิมพักเซ็ตละ30วิ นี่พี่มึงอุตส่าห์เพิ่มให้เป็น1นาที  ช่างมีน้ำใจประเสริฐดีแท้..ขอบใจพี่มึงมาก!  ตามึงบอดเรอะถึงมองไม่เห็นความเปลี้ยของกูเนี่ย


สุดท้ายก็ต้องกัดฟันซิทอัพต่ออีก10ครั้งพร้อมกับสูดกลิ่นอาฟเตอร์เชฟจากใบหน้าของพี่แกไปด้วย พอจะกลั้นหายใจก็เสือกรู้อีก


“อย่ากลั้นหายใจครับ การควบคุมลมหายใจให้เป็นจังหวะมันสำคัญนะคุณ” มึงก็อย่ายื่นหน้ามาใกล้เซ่! แล้วอีดวงตาพราวระยับนี่คือไร?! หัวโขกแม่งเลยดีมั้ย!

 
  ..และนี่คือผลของการอยากได้อยากมีซิคแพคในวันแรก พอ..พอกันที หัวใจจะวาย!


“เชิญคุณตามสบายเลยนะครับเดี๋ยวผมนั่งรอที่บาร์น้ำ” จบสิ้นกระบวนการเสริมสร้างกล้ามเนื้อของวันนี้สักที    เฮ้ออออ


“โอเคครับ งั้นผมขอเวลา30นาที” นานกว่านี้ก็ได้พ่อคุณ ครึ่งชั่วโมงกูยังไม่หายเหนื่อยหรอก!


       ดีหน่อยที่ยิมของอีซูซี่มีบาร์น้ำเพื่อสุขภาพ เมนูน้ำแต่ละอย่างแลดูช่างเหม็นเขียวดีแท้..น้ำผักกาดขาว!
 กูขอแดกแกงจืดผักกาดขาวไปเลยดีกว่า..

ไม่รู้จะสั่งน้ำอะไรดี ขอใช้ตรรกะเมนูยอดนิยมละกัน  อันไหนขายดีอันนั้นก็คงอร่อยสุดนั้นแหละว่ามั้ย?


“ได้แล้วพี่ น้ำผักเขียว” หืม แค่ชื่อก็ชวนน้ำลายสอ!!


“ขอบคุณครับ ว่าแต่มันมีส่วนผสมอะไรบ้างอ่ะ” กูก็น่าจะถามตั้งแต่แรกเนาะ


“มีผักโขม แตงกวา เซเลอรี่ หน่อไม้ฝรั่ง เลมอน แอปเปิ้ลเขียวแล้วก็สับปะรดค่ะ” อ่า..ผมมองดูน้ำผักสีเขียวอื๋อที่อยู่ในแก้วแล้วกลืนน้ำลายอย่างฝืดคอ


“อร่อยนะพี่ มีประโยชน์แล้วก็ดีท็อกซ์ได้ดีสุดๆ” น้องนางมือชงน้ำผักเธอคงเห็นผมทำหน้าลำบากใจ เธอจึงเชียร์น้ำผักของเธอด้วยความมั่นใจสุดๆ  ผมค่อยๆจิบน้ำผักลงคออย่างช้าๆ  อืม..รสชาติและกลิ่นของมันก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร เอาเป็นว่ากินได้


“ฝากเสื้อหน่อยนะครับ” พี่เบิ้มเดินโชว์ซิกแพคสุดชิคมาหาผมก่อนจะวางเสื้อกล้ามสีดำที่ชุ่มไปด้วยเหงื่อลงบนโต๊ะที่ผมนั่ง จากนั้นก็ดึงหนังยางที่มัดกลุ่มเส้นผมสีน้ำตาลที่กำลังหลุดลุ่ยให้ปล่อยยาวสยายก่อนจะรวบมัดใหม่อีกครั้ง ทุกการกระทำล้วนเรียกเสียงกรี๊ดกร๊าดจากสาวๆโต๊ะข้างๆได้เป็นอย่างดี


“โคตรเท่อ่ะแก” เมื่อพี่เบิ้มเดินออกจากโต๊ะกลุ่มสาวๆโต๊ะข้างๆก็เริ่มซุบซิบทันที


“อยากสัมผัสกล้ามแน่นๆนั่นจัง โอ้ยย นี่มันพ่อของลูกฉันชัดๆ”  ปานนั้นเลยเร๊อะ


“ที่หลังมีรอยสักด้วยอ่ะแก เซ็กซี่โคตร” รอยสัก! ผมรีบหันไปจ้องมองแผ่นหลังที่ค่อยๆเดินห่างไปเรื่อยๆ

..ในที่สุดผมก็ได้เห็นอักษรบนแผ่นหลังนั่นชัดๆสักที  ‘Follow your heart’   ทำตามใจตัวเองงั้นเหรอ?!  มันก็คงจะเป็นคำที่มีความหมายกับพี่แกล่ะมั้ง..



       ผมนั่งพักเหนื่อยบวกกับรอพี่เบิ้มโดยหาอะไรอ่านในมือถือไปเรื่อยๆ เมื่อเงยหน้าจากจอมือถือสายตาก็สบเข้ากับสายตาของพี่เบิ้มพอดี พี่แกก็อุตส่าห์ยิ้มให้ในขณะที่ตัวกำลังโหนบ่าอยู่  มึงช่างเก่งดีแท้!

ผมมองพี่เบิ้มเคลื่อนไหวร่างกายไปเรื่อยๆ แล้วก็เหมือนถูกถึงดูดด้วยร่างกายที่แข็งแรงที่มีมัดกล้ามสวย  มันไม่ได้มีมากมายเท่านักกล้ามหรือนักเพาะกายแต่มันกำลังดีและพอดีกับรูปร่างสูงสมส่วนนั่น

ไม่รู้คิดไปเองรึป่าวขณะที่กำลังจ้องร่างกายกำยำนั้นกลิ่นอาฟเตอร์เชฟจางๆก็ลอยเข้ามาในความรู้สึกอีกครั้ง เหมือนกลิ่นนั้นมันจะฝั่งลึกลงไปในความรู้สึกของผมเสียแล้วและมันก็ทำให้จิตใจผมสั่นไหวอย่างน่าประหลาด..ว่าแล้วก็ขอดูดน้ำผักสีเขียวอื๋อแก้วนี้ให้หมดแก้วก่อนนะ เผื่อมันจะช่วยดีท็อกซ์ความรู้สึกสั่นไหวนี้ออกจากใจ!!




   
     

      และแล้วก็ถึงเวลาที่พาฝรั่งน้อยซันนี่มากินหมูกระทะตามสัญญาโดยมีฝรั่งเบิ้มติดสอยห้อยตามมาด้วย


      หมูกระทะกับเมืองร้อนช่างเป็นของที่เข้ากันดีซะเหลือเกิน แต่ไทยแลนด์โอนลีอย่างเราก็บ่ยั่น ยิ่งเป็นบุฟเฟต์ด้วยแล้วสู้สุดใจฮะ  แต่ที่กลัวใจก็ฝรั่งที่ยืนอยู่ข้างๆนี่แหละ ใช่อยู่ที่พี่เบิ้มกินง่ายอยู่ง่าย แต่นั่งย่างหมูหน้าเตาถ่านในวันที่อุณหภูมิ32องศาแบบนี้กลัวพี่แกจะไม่เอ็นจอยอีทติ้งซะเหลือเกิน


...แต่ผิดคาด พี่เบิ้มก็คือพี่เบิ้มมีความสุขกับการกินทุกอย่างแม้เหงื่อจะท่วมตัวและทุลักทุเลกับการใช้ตะเกียบแต่พี่แกก็บ่ยั่น..เห็นแบบนี้แล้วอยากตะโกนต้อนรับให้สุดเสียงอย่างเป็นทางการว่า..Welcome to Thailand !!


“ใช้ช้อนกับส้อมจะถนัดกว่ามั้ยคุณ” เมื่อเห็นความพยายามใช้ตะเกียบคีบเนื้อปลาของพี่เบิ้มแล้วทำให้ผมอดที่จะยื่นช้อนกับส้อมให้อย่างห่วงใยไม่ได้ ถ้ายังฝืนใช้ตะเกียบต่อวันนี้คงไม่ได้แดกแน่ๆ


“นั่นสิครับ ผมใช้ตะเกียบไม่ถนัดจริงๆ” แหงล่ะ ก็โตมากับมีดกับส้อมนี่นา แต่เดี๋ยวนะแล้วไอ้อาการยิ้มเขินๆเกาท้ายทอยตัวเองแบบนี้คือไร?! แล้วใจกูก็เสือกเขินตามสะด้วยสิ!..กูเมาควันหมูกระทะแหงๆ


ถึงจะเปลี่ยนมาใช้ช้อนกับส้อมแล้วสกิลการปิ้งย่างของพี่มึงยังถือว่าติดลบอยู่ดี เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้วตัวช่วยที่ดีที่สุดก็คือ..กูไงล่ะ!  มึงแดก กูย่าง เออดี สมแล้วที่เป็นลูกค้ากิตติมศักดิ์ของดอกแก้วเกสท์เฮ้าส์!


“คุณบอสของมึงเหงื่อเต็มตัวแล้วนั่น” ไอ้ดอยพูดพร้อมยื่นกล่องกระดาษทิชชู่มาทางผม แล้วทำไมมึงไม่ยื่นให้อีพี่เบิ้มมันเองวะ  แล้วก็บอกไม่รู้จักจำว่าพี่เบิ้มไม่ใช่คุณบอสของกู


“ทิชชู่แม่งเอาไม่อยู่หรอก เดี๋ยวกูมานะมึง” ทุกคนได้แต่มองตามผมอย่างงงๆ

โชคดีนะที่กระเป๋าเสื้อผ้าตอนไปยิมยังไม่ได้เอาลงจากรถ แล้วก็โชคดีอีกที่มีผ้าขนหนูผืนเล็กที่ยังไม่ได้ใช้ไม่งั้นพี่มึงคงได้ใช้ผ้าขนหนูเน่าๆที่หมกอยู่ในกระเป๋าเป็นแน่แท้!


“นี่ครับ” ผมยื่นผ้าขนหนูผืนเล็กสีขาวสะอาดให้กับพี่เบิ้ม


“ขอบคุณครับ” พี่เบิ้มเอ่ยขอบคุณด้วยรอยยิ้มละมุนก่อนจะรับผ้าขนหนูไปคล้องไว้ที่คอ


“กินไม่พูดไม่จาเลยนะซันนี่ สงสัยจะอยากกินมากจริงๆ” อดแซวฝรั่งน้อยหน้ามนไม่ได้ตั้งแต่กระทะวางลงบนเตาปุ๊บซันนี่ก็ตั้งหน้าตั้งตาปิ้งย่างอย่างแข่งขันด้วยหน้าตาที่บ่งบอกถึงความฟินสุดๆ


“สมใจอยากสุดๆไปเลยพี่ณต” ซันนี่พูดด้วยดวงตาที่เป็นประกายพร้อมกับปากที่เคี้ยวไม่หยุด..จะว่าไปฝรั่งน้อยหน้ามนหน้าเหมือนหนูแฮมเตอร์เหมือนกันแฮะ


“ค่อยๆกินก็ได้ เลอะหมดแล้ว” ไอ้ดอยที่นั่งข้างซันนี่ค่อยๆใช้ทิชชู่ซับมุมปากให้กับซันนี่อย่างอ่อนโยน


แล้วไอ้บรรยากาศที่มีดอกไม้ฟุ้งๆก็กลับมาอีกครั้ง  มันไม่น่าจะเป็นรักข้างเดียวของซันนี่อย่างที่พี่เบิ้มบอกแล้วล่ะ ในเมื่อสายตาของไอ้ดอยที่มองซันนี่มันก็เต็มเปี่ยมไปด้วยความรัก เออ..ก็แบบที่พี่เบิ้มบอกอีกนั้นแหละ... “ เพราะสายตาของซันนี่ที่มองดอยมันเต็มเปี่ยมไปด้วยความรัก ผมมองออกและเข้าใจดี..เพราะสายตาที่ผมมองคุณก็เต็มเปี่ยมไปด้วยความรักเช่นกัน ”   คิดแล้วก็จั๊กจี้ใจดีแท้!


“ผมว่ายังไงเขาก็เหมือนแฟนกัน” แล้วอีพี่เบิ้มก็ก้มลงมากระซิบที่ข้างหู มันใกล้ซะจนปากของพี่แกแทบจะแตะโดนใบหูของผม แถมกลิ่นอาฟเตอร์เชฟจางๆก็ยังตามมาหลอกหลอนอีก!



แต่แล้วบรรยากาศที่ฟุ้งไปด้วยดอกไม้ก็แทนที่ด้วยความมืดครึ้ม  เมื่อไอ้ดอยที่ลุกออกไปคุยโทรศัพท์กลับเข้ามาพร้อมหน้าตาที่เป็นกังวล


“ไอ้ณตกูฝากไปส่งซันนี่ด้วยนะ”


“อ้าวทำไมวะ”


“พิมพ์รถยางแตกอยู่บนดอย กูต้องขึ้นไปรับว่ะ” สีหน้าและน้ำเสียงของมันดูเป็นกังวลก่อนจะก้มลงบอกซันนี่อีกครั้ง “กลับกับณตนะซันนี่  พี่ไปก่อนนะ” ว่าแล้วไอ้ดอยก็รีบร้อนออกจากร้านทันที


แล้วดวงตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรักของซันนี่ก็แปรเปลี่ยนเป็นความเศร้าหมอง..


“เกิดอะไรขึ้นเหรอครับ ทำไมเพื่อนคุณรีบร้อนจัง” เหมือนที่เบิ้มจะรับรู้ถึงสถานการณ์ที่ผิดปกติ


“เอ่อ..แฟนเก่าของดอยรถเสียอยู่บนเขามันเลยขึ้นไปช่วยน่ะ” ผมพยายามเบาเสียงคำว่า แฟนเก่า ให้เบาที่สุดเพื่อไม่ให้กระทบจิตใจของฝรั่งน้อยที่นั่งกระดกเบียร์เข้าปากไม่ยั้ง ทั้งที่ตอนแรกดื่มแค่จิบๆตอนนี้ถึงขั้นสั่งเพิ่ม ..แอบรักไอ้ดอยอย่างที่พี่เบิ้มบอกจริงๆสินะ


“แฟนเก่า!” เสียงดังเพื่อ กูอุตส่าห์เบาเสียงคำนี้แล้วแท้ๆ


“...”


“ซันนี่  ผมถามอะไรอย่างหนึ่งสิ”


“...” ฝรั่งน้อยไม่ตอบครับ เพียงแต่สบตาของพี่เบิ้มนิ่ง  มึงจะถามอะไรกูกลัวใจพี่มึงเหลือเกิน..


“คุณชอบคุณดอยใช่มั้ยครับ” นั่นไง คำถามมึงช่างตรงเถรดีแท้


“ผมดูออกง่ายขนาดนั้นเลยเหรอครับ” ซันนี่เอ่ยออกมาเหมือนคนยอมแพ้


“ไม่หรอกครับ เพียงแค่เราอยู่ในสถานการณ์เดียวกันต่างหาก ผมเลยมองคุณออกและเข้าใจคุณดี”


“สถานการณ์เดียวกัน?”


“ผมก็กำลังแอบรักใครบางคนอยู่ แต่สบายใจได้ไม่ใช่คุณดอยแน่นอน” แล้วฝรั่งทั้งสองคนก็หันมามองที่ผม..ถ้าจะมองกันขนาดนี้  มึงไม่เอ่ยชื่อกูออกไปเลยล่ะ!!


“แต่ผมว่าของผมมันคงต่างจากของคุณ เพราะคุณมีความกล้าที่จะสารภาพ แต่ของผมไม่กล้าแม้แต่จะคิดที่จะสารภาพ”


“ทำไมล่ะ? ผมว่าคุณดอยเขาชอบคุณนะ”


“อืม อันนี้พี่เห็นด้วย พี่ว่าไอ้ดอยมันก็ชอบซันนี่เหมือนกันนะ”


“เป็นไปไม่ได้ครับ”


“ไอ้ดอยมันอ่อนโยนกับเรามากนะ ตั้งแต่รู้จักกับมันมาพี่ยังไม่เคยเห็นมันอ่อนโยนกับใครแบบนี้มาก่อน”


“ผมก็แค่..”


“ Stop คุยกันเป็นภาษาอังกฤษได้มั้ยครับ ผมขอคุยด้วยคนนะ” หน้าตาพี่มึงน่าเห็นใจมาก คงอยากเสือกสินะ


“ขี้เสือกเหมือนกันนะเราเนี่ย”  อีพี่เบิ้มได้แต่ทำหน้างง “พูดต่อเลยซันนี่ ทรานสเลทให้พี่แกด้วย” ซันนี่ขำน้อยๆก่อนจะพูดต่อจากเมื่อกี้


“ผมก็แค่ลูกชายเพื่อนสนิทของของแม่พี่เขาก็เท่านั้นเอง เป็นแค่น้องชายที่แม่ฝากฝังให้ดูแล อีกอย่างพี่ดอยก็ยังคงไม่ลืมพี่พิมพ์” ซึม..ซึมยิ่งกว่าส้วมก็หน้าฝรั่งน้อยนี่แหละ น่าสงสาร


“งั้นเรามาพิสูนจ์กันมั้ย” เอาอีกแล้ว กูล่ะกลัวใจพี่มึงจริงๆ


“คุณจะพิสูจน์ยังไง?”


“ทำให้หึงไง ถ้าไม่รักก็คงไม่หึงว่ามั้ย?!”


“...” ผมกับซันนี่ได้แต่มองตากันปริบๆ  จะปฏิเสธดูท่าแล้วก็คงจะไม่ได้


“คุณมั่นใจแผนของผมได้เลย  ถือว่าพวกเราลงเรือลำเดียวกันแล้วนะครับ” แล้วอีพี่เบิ้มก็ชูแก้วเบียร์ขึ้นมา ผมและซันนี่จึงจำยอมยกแก้วขึ้นชนเป็นอักตงลงสบคบคิดกับพี่แก


“ว่าแต่แผนของคุณคืออะไร”


“ยังไม่รู้ครับ ตอนนี้ยังคิดไม่ออก ขอกินก่อนก็แล้วกัน กองทัพต้องเดินด้วยท้องนะคุณ”
           
           

          อ้าว!  แบบนี้ไม่น่ารอด เรือมึงล่มแหงๆเพราะหนักท้องพี่มึงนี่แหละ..




 TBC.

...............................................................................

 เมื่อฝรั่งเบิ้มช่วยฝรั่งน้อย..น่าเอ็นดู ว่าแต่เอาเรื่องตัวเองให้รอดก่อนมั้ยพี่เบิ้ม!!


หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทที่ 7 ขบวนการสมคบคิด! 21-08-18 p.3
เริ่มหัวข้อโดย: patompong888 ที่ 21-08-2018 19:31:41


   
   :katai2-1: :katai2-1:




หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทที่ 7 ขบวนการสมคบคิด! 21-08-18 p.3
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 21-08-2018 22:37:17
นับวันพี่เบิ้มจะเก่งเกินหน้าเกินตาไปแล้วมั้งเนี่ย
ยังไงแล้ว ป้านดก็ไม่รอดหรอก แพรวพราวขนาดนั้น
 :z2: :z2:
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทที่ 7 ขบวนการสมคบคิด! 21-08-18 p.3
เริ่มหัวข้อโดย: maxtorpis ที่ 22-08-2018 13:19:04
สนุกมาก
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทที่ 7 ขบวนการสมคบคิด! 21-08-18 p.3
เริ่มหัวข้อโดย: skykick ที่ 22-08-2018 19:24:58


 พี่เบิ้มมาอยู่ที่เมืองไทยถาวรเลยเหอะ  :z2:





       
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทที่ 7 ขบวนการสมคบคิด! 21-08-18 p.3
เริ่มหัวข้อโดย: kunt ที่ 23-08-2018 17:18:07
ตอนแรกก็แอบสงสารที่อยู่ดีๆ ก็ได้เป็นป้านด แต่ตอนนี้คิดว่า เออ ก็เหมาะดีนี่หว่า สกิลการเพ้อของพี่แกก็เข้ากั้นเข้ากันกับป้านดจริงๆ 555
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทที่ 7 ขบวนการสมคบคิด! 21-08-18 p.3
เริ่มหัวข้อโดย: fairy ที่ 28-08-2018 22:15:02
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทที่8 OH BABY I LOVE YOU!! [22-09-18] p.3
เริ่มหัวข้อโดย: MA_LEE ที่ 22-09-2018 20:36:44


บทที่8
OH BABY I LOVE YOU!!






“Good morning” พี่เบิ้มเดินยิ้มแป้นแล้นเข้ามาในร้านกาแฟ ผมจึงเอ่ยทักทายตามมารยาท


“Good morning baby”  babyพ่อง?!  กูไปเป็นที่รักของพี่มึงตอนไหน


“...” แล้วอีMorning kiss กูก็ไม่ชินสักทีสิน่า มือที่กำลังเช็ดโต๊ะอยู่ถึงกับชะงัก..ให้ตายสิ!


“ทานอาหารเช้ารึยังครับ”


“ยังครับ”


“ทำไมไม่ทานล่ะ ที่รัก”


“นี่คุณอย่าเรียกผมที่รักได้มั้ย”


“คุณไม่ชอบเหรอแต่ผมชอบนะ” ชอบกับผีน่ะสิ กูล่ะเกลียดรอยยิ้มแป้นแล้นของพี่มึงจริงๆ ขอซื้อต่อเหอะกูจะซื้อแล้วเอาไปปล่อยลงน้ำปิง!


“เขาเอาไว้ใช้เรียกคนรักไม่ใช่เหรอคุณ”


“ก็ใช่ไงครับ ก็ผมรักคุณ”


“...!!”  มึงบอกรักกูง่ายดายขนาดนี้เลยเหรอ  แล้วกูต้องทำไง โอ้ยยยย ไปไม่เป็นเลยกู..เมื่อคืนนอนไม่พอแน่ๆใจถึงได้สั่นแปลกๆ


“ที่รัก” ยังอีก


“นี่คุณ!”


“โอเคๆ ป้านด” ชื่อป้านดฟังแล้วเพราะหูก็ครั้งนี้แหละ เฮ้อออ


“ว่าไงครับ”


“ผมยกอาหารเช้ามาทานที่นี่ได้มั้ยครับ”


“ได้สิครับ” เช้าๆแบบนี้ห้องทานอาหารของเกสท์เฮ้าส์มักจะเต็มไปด้วยลูกค้าเพราะเราจะบริการอาหารเช้าถึงสิบโมงเช้า มาหลังสิบโมงก็อดครับเพราะหมด!


     หลังจากนั้นไม่นานพี่เบิ้มก็ยกถาดที่ใส่อาหารเช้ามานั่งกินตรงชานด้านนอกของร้านกาแฟที่เอาไว้ไห้สำหรับลูกค้าที่อยากนั่งเอ้าท์ดอร์พร้อมกับโบกมือหย๋อยๆเรียกผมให้ไปหา  ..อะไรของพี่มึงอีกวุ่นวายแต่เช้า


“มาทานด้วยกันครับ ผมตักมาเผื่อคุณด้วย” พี่เบิ้มยิ้มบอกอย่างใจดีก่อนจะยกชามข้าวต้มสองชามออกจากถาดแล้วก็เลื่อนเก้าอี้ให้ผมนั่งเสร็จสรรพ  ทำขนาดนี้ใครจะกล้าปฏิเสธผมจึงนั่งลงอย่างว่าง่าย


“ขอบคุณครับ ความจริงแล้วคุณไม่ต้องตักมาให้ผมก็ได้เดี๋ยวผมไปทานเอง”


“อย่าพูดแบบนี้สิที่รัก ผมอยากทานกับคุณนะครับ”


“...” ได้แต่ทำตาเหลือกกับคำว่าที่รัก กูจะอ้วกก็เสียดายข้าวต้ม!


“ขนมปังมั้ยคุณ” แล้วพี่แกก็ยื่นขนมปังปิ้งที่ทาแยมส้มมาให้กับผม ผมจึงรับไว้เพราะกลัวพี่แกจะเสียน้ำใจหรอกนะ


“ผมมีแยมกุหลาบ คุณอยากได้มั้ยเดี๋ยวผมไปหยิบให้”


“ไม่ล่ะครับขอบคุณ แค่นี้ก็พอแล้ว” มึงจะทำผมทัดหูแก้เขินเพื่อ?


“เอ่อ..เศษขนมปังติดผมคุณน่ะครับ” ผมบอกพร้อมกับชี้ไปที่กลุ่มเส้นผมสีน้ำตาลสวยที่มีเศษขนมปังเกาะอยู่


“ออกยังครับ”


“ยังครับ ซ้ายหน่อย” เมื่อเห็นว่ามันยังไม่ยอมหลุดผมจึงจำใจต้องปัดเศษขนมปังนั้นออกให้


จังหวะที่เอื้อมมือที่เบิ้มก็ยิ้มกว้างพร้อมกับจ้องเข้ามานัยน์ตาผมนิ่ง แววตานั้นไม่มีแววสั่นไหวแต่มันเปิดเผยความในใจออกมาตรงๆให้ผมรับรู้ได้อย่างน่าประหลาด  แล้วผมก็ใจเต้นรัวกับนัยน์ตาสีเทาคู่นั้นอีกครั้ง..


“อะ ออกแล้วครับ” ทั้งใจสั่นปากสั่นเลยกู


“ขอบคุณที่รัก”


   ..ให้ตายเหอะน่า!  เมื่อไหร่จะเลิกเรียกแบบนี้สักที


“ผมอิ่มแล้วขอตัวไปทำงานก่อนนะครับ” ทนนั่งต่อไม่ไหว รู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเองยังไงก็ไม่รู้


“เดี๋ยวครับ วันนี้ผมจะเข้ายิมตอนบ่าย คุณจะไปพร้อมผมมั้ย”


“ตามสบายเลยครับ ว่าแต่ทำไมวันนี้คุณรีบไปล่ะ”


“ตอนเย็นผมมีประชุมกับสาขาใหญ่ที่ลอนดอน ส่วนตอนสิบโมงเช้าก็มีประชุมกับสาขาที่กรุงเทพ”


“ประชุม?”


“ครับ ประชุมผ่านวิดีโอคอนเฟอร์เรนซ์” ช่างสะดวกสบายดีแท้ บริษัทพี่มึงนี่ก็ชิลดีเนาะ


“ครับ” 


“เออจริงด้วย! ผมมีอะไรจะอวดคุณด้วยล่ะ” ร้องซะตกอกตกใจ อะไรจะตื่นเต้นปานนั้น


“อะไรครับ”


จากนั้นพี่เบิ้มก็หยิบกระดาษแผ่นเล็กที่ผับครึ่งออกจากกระเป๋าตัง แล้วยื่นให้กับผม


     ลอตเตอลี่!!  โอ้วววแม่เจ้า นี่พี่มึงแอดวานซ์ถึงขั้นซื้อหวยแล้วเรอะ!


“คุณซื้อมันได้ยังไง?”


“เมื่อวานผมไปถ่ายรูปวัดแถวๆนี้มา แล้วมีคุณลุงคนนึงเขาห้อยอะไรสักอย่างคล้ายกระเป๋าพอเดินผ่านผมเขาก็เปิดกระเป๋านั่น แล้วข้างในก็มีกระดาษที่มีตัวเลขเรียงกันเต็มไปหมด มันน่าทึ่งมาก ผมก็เลยช่วยแกซื้อ”  เหอะ แล้วมึงสื่อสารกันยังไงวะ?


“แล้วคุณรู้มั้ยว่ามันคืออะไร”


“ครับ ผมพอจะรู้มันคือล็อตเตอร์ลี่ของไทยใช่มั้ยครับ”


“ใช่ครับ ถ้าถูกรางวัลพาผมไปเลี้ยงด้วยล่ะ” นี่พูดจริงไม่ได้พูดเล่นนะ มันเป็นธรรมเนียมป่ะถูกหวยก็ต้องเลี้ยงเพื่อนถ้าไม่อยากเลี้ยงเวลาถูกหวยก็ต้องปิดปากให้มิด!


“แน่นอน  ว่าแต่กระเป๋าใส่ล็อตเตอร์เจ๋งดีนะ ผมชอบ ผมขอถ่ายรูปมาด้วยแหละ” แล้วพี่แกก็โชว์รูปเซลฟี่กับกระเป๋าใส่ล็อตเตอรี่
   
    ..เฮ้อ ความฝรั่งเขาล่ะ


“แล้วคุณซื้อมากี่ใบ”


“สิบใบครับ  ผมไม่รู้จะซื้อเลขอะไรแต่ผมนับหนึ่งถึงสิบได้ ก็เลยนับให้ลุงฟัง” เหอะ ประสาทจะแดก นับหนึ่งถึงสิบให้ลุงขายหวยฟัง ลุงแกเลยจัด01-10ให้อย่างละใบ   ถ้าพี่มึงนับหนึ่งถึงร้อยได้คงได้ซื้อยกแผง

     ..รวยเละล่ะงานนี้?!










   

     บ่ายสามพี่เบิ้มโผล่หน้ามาให้เห็นอีกครั้ง แล้วคำว่า ‘ที่รัก’ ก็ตามมาหลอกหลอนไม่เลิก

“คุณไม่ไปกับผมแน่นะที่รัก”


“คุณไปก่อนเลยครับ ผมยังต้องทำงาน” ขอแยกไปเองบ้างเหอะ ไปด้วยกันทีไรอีเทรนเนอร์ส่วนตัวก็เทรนแบบถึงเนื้อถึงตัวตลอด เป็นแบบนี้บ่อยๆมันไม่ดี..ไม่ดีต่อใจ


“โอเคที่รัก งั้นตอนเย็นเจอกัน”  กูไม่อยากเจอมึงสักนิด


วันนี้พี่เบิ้มมันไม่ขับมอไซค์แฮะ เลือกเดินชมนกชมไม้ไปตามทางแทน  เพราะยิมของโจเซฟผัวของอีซูซี่อยู่ไม่ไกลจากเกสท์เฮ้าส์ของผมนักเดินไปได้สบาย..เหนื่อยกำลังดี!




   
     แดดจ้าในตอนบ่ายโดยเฉพาะหน้าฝนแบบนี้มักเป็นสัญญาณว่าตอนเย็นมึงเจอกับฝนแน่นอน  และก็เป็นอย่างที่คิดห้าโมงเย็นฝนเทกระหน่ำลงมาอย่างหนักหน่วง  แล้วใจก็ดันไปนึกถึงพี่เบิ้มมันมีประชุมตอนเย็นนี่หว่า ไอ้เย็นของมันนี่กี่โมงวะ ฝนตกหนักขนาดนี้แล้วพี่มันจะกลับยังไงวะ..แล้วทำไมกูต้องกังวลด้วยเนี่ย!


“พี่ณตเป็นไรค่ะ เดินไปเดินมาไม่หยุด”


“อ่อ ออกกำลังกายไง”


“ไม่ไปยิมเหรอพี่วันนี้”


“ไม่อ่ะ วันนี้ขอพักกล้ามเนื้อสักหน่อย” พูดให้ดูดีไปงั้นแหละ ความจริงคือขี้เกียจ


“อ่อค่ะ ว่าแต่พี่ณตจะโทรหาใครเห็นกดวางๆ ให้บีโทรให้มั้ย” ไอ้เด็กนี่ก็ตาดีจริงๆ


“ฝนตกไงจะโทรก็กลัวฟ้าผ่า”


“โทรเหอะพี่ฟ้าไม่ผ่าหรอก บีว่าเจเรมี่คงติดฝนกลับไม่ได้แน่ๆ”


“...” ได้แต่อ้าปากหวอ บีแกเป็นญาติริว จิตสัมผัสเรอะ!


“ม่ะ เดี๋ยวบีโทรให้” ว่าแล้วบีก็คว้ามือถือในมือผมแล้วกดโทรหาพี่เบิ้มหน้าตาเฉย ทำไมพนักงานของผมถึงได้เสร่อไม่เกรงใจผมได้ขนาดนี้


“โทรไม่ติดอ่ะพี่ เดี๋ยวลองโทรใหม่”


“พอแล้วๆ ไม่ต้องโทร” ผมรีบคว้ามือถือคืนทันที


“ได้ยินเจเรมี่คุยกับพี่ณตว่าตอนเย็นมีประชุมแต่ยิมอยู่ใกล้ๆแค่นี้เอง วิ่งกลับก็แค่เปียก ซวยหน่อยก็แค่เป็นหวัดเนอะพี่” นี่กำลังเล่นเกมส์จิตวิทยาอยู่เรอะ


“เออๆๆ  จะไปรับเดี๋ยวนี้แหละ”  กูแพ้!  กูยอม!


     จากนั้นก็คว้ากุญแจรถแล้วตรงดิ่งไปที่เจ้ากระป๋องของผมทันที ขับรถประมาณห้านาทีก็มาถึง โจเซฟยิม
กำลังชะลอจอดรถ เป็นจังหวะเดียวกับที่พี่เบิ้มกำชับหมวกที่สวมอยู่ให้แน่นและกำลังจะเตรียมตัวออกวิ่ง   ผมจึงรีบบีบแตรรถเรียกพี่แกทันที  เมื่อเห็นว่าเป็นผมพี่แกก็ยิ้มหน้าบานแล้วรีบวิ่งมาขึ้นรถทันที


“คุณมารับผมเหรอครับ คุณเป็นห่วงผมใช่มั้ยที่รัก ดีใจจัง” เมื่อปิดประตูรถพี่เบิ้มก็หันมาพูดกับผมด้วยสายตาที่เป็นประกาย

    อะไรนะ!  เป็นห่วงงั้นเหรอ ไม่จริงอ่ะ


“ป่าว ผมก็มาออกกำลังกาตามปกติไงคุณ” ใครจะยอมรับตรงๆล่ะว่าผมมารับ

 
“อ้าว  งั้นเดี๋ยวผมเดินกลับเองก็ได้ครับ” เหอะ ถ้าพี่มึงเป็นหมาตอนนี้คงหูตก หางตก


“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมไปส่งคุณแล้วค่อยกลับมาใหม่อีกทีก็ได้”


ระหว่างทางกลับถึงแม้จะใช้เวลาไม่กี่นาทีแต่พี่เบิ้มก็ปิดปากเงียบมาตลอดทาง แถมยังเล่นเอ็มวีทำหน้าเศร้าเหม่อมองสายฝนนอกหน้าต่าง..คิดว่ากูสนเหรอ  ฝันไปเหอะ!


ผมลงจากรถแต่อีพี่เบิ้มก็ยังนั่งเหม่อไม่ยอมขยับ จนผมต้องเคาะหน้าต่างรถเรียกสติของพี่แกให้กลับมา

“ถึงแล้วคุณ” พี่เบิ้มสะดุ้งน้อยๆ ก่อนจะลงจากรถแล้วถามผมอย่างสงสัย


“คุณไม่ไปยิมแล้วเหรอครับ”


“วันนี้ผมตั้งใจไม่ไปอยู่.....” ฉิบหาย! เผลอพูดจนได้


“เมื่อกี้คุณว่าไงนะครับ”


“เอ่อ ผมไม่ไปแล้วจู่ๆก็ปวดท้อง”


“ที่รักคุณตั้งใจไปรับผม” แล้วอีหน้าหมาหง๋อยก็แปรเปลี่ยนเป็นยิ้มกว้างทันที  หมั่นไส้นัก


“เอ่อ ผมขอตัว” อยู่ทำไมให้โง่ ต้องรีบชิ่งด่วน


“ที่รักจะไปไหน” อย่าสนใจกูนักได้มั้ย เสือกจริง


“ไปขี้!”  แมร่ง! กูเกลียดรอยยิ้มของมึงที่สุดมันทำให้ใจกูแกว่ง  ยอมรับก็ได้ว่ากูตั้งใจไปรับมึง กูกลัวมึงเปียกไง กลัวมึงกลับมาประชุมไม่ทันไง กลัวมึงเป็นหวัดไง  แมร่ง!!!


“ที่รักขอบคุณนะที่คุณเป็นห่วงผม”  NO!!!


“....” รีบจ้ำอ้าวอย่างไว ไม่สน แล้วก็อย่าหันไปมอง แต่ถึงไม่มองก็รู้ว่าไอ้ใบหน้าเท่ๆนั่นกำลังยิ้มปากแทบฉีกไปถึงรูหูแน่ๆ 

     สาธุ กูขอให้มึงปากฉีกกกกก


“ที่รักคุณไปผิดทางที่ร้านกาแฟคุณไม่มีห้องน้ำ” บ้าเอ้ย  รีบหมุนตัวกลับไปทางเข้าบ้านแทบไม่ทัน 


     ฮือออ  กูเกลียดเสียงหัวเราะของมึงงงงง

 อีพี่เบิ้มมึงมันร้าย มึงทำร้ายหัวใจดวงน้อยๆของกูให้ทำงานหนัก กูขอ..ขอให้ปากมึงฉีก ฮือออออ   










     สี่ทุ่ม ตรวจตราความเรียบร้อยที่เกสท์เฮ้าส์เสร็จก็ได้เวลาพักผ่อนของผมสักที  จังหวะที่กำลังจะเดินกลับบ้านก็เห็นพี่เบิ้มเดินลงบันไดด้วยท่าทางเบลอๆ แถมยังหัวฟูอีกต่างหาก

 
“ที่รัก” น่าตบปากเป็นที่สุด


“ประชุมเสร็จแล้วเหรอคุณ”


“ครับ คุณทานข้าวเย็นรึยัง”


“ทานแล้วครับ” สี่ทุ่มแล้วถ้ายังไม่ได้แดกข้าวไส้คงขาดพอดี


“งั้นผมไปหาอะไรทานก่อนนะ” ยังไม่ได้แดกข้าวอีกเรอะ สงสัยการประชุมคงหักหน่วงน่าดู


“เอ่อ เจเรมี่ ผมมีแกงเขียวหวาน คุณจะทานมั้ย”  ดึกแล้วร้านข้าวใกล้ๆแถวนี้ก็คงปิดแล้ว แถมฝนยังตั้งเค้าทำท่าจะตกลงมาอีกหน  เขาเป็นลูกค้าแถมยังพ่วงตำแหน่งเพื่อน และเป็นหัวหน้าเพื่อนเรา เราก็ต้องเป็นห่วงเป็นใยเป็นธรรมดา ใช่มั้ยล่ะ 

..ใช้แล้วที่เป็นห่วงก็เพราะเขาเป็นเพื่อนเรานี่เอง ใช่ๆๆ


“ดีเลยครับ ตอนนี้ผมหิวมากๆเลย” พี่เบิ้มพูดพร้อมกับลูบท้องตัวเองแถมยังซบลงมาที่ไหล่ของผมอย่างหมดแรง


“งั้นก็ตามมาครับ” ให้ตาย ชอบมาทำให้ใจเต้นแปลกๆทุกทีสิน่า



แกงเขียวหวานไก่ถูกอุ่นแล้วยกมาเสิร์ฟให้กับฝรั่งตัวโตที่ตอนนี้กำลังหิวโซ

“อืมม หอมจัง ผมชอบแกงเคี้ยวหว่าน” สาบานว่านั้นชื่ออาหาร!


“แกง เขียว หวาน”


“แกง เคี้ยว หวาน”  เฮ้อ เอาเหอะ


“เอาไข่เจียวเพิ่มมั้ยคุณ” แกงเขียวหวานอย่างเดียวก็กลัวพี่แกไม่อิ่ม


“ไค่เจียวว?”


“ออมเล็ทแบบไทยน่ะ”


“ไม่เป็นไรครับ แค่มีแกงเคี้ยวหวาน กับคุณก็เพียงพอแล้ว”


“...” เออพอ กูเหนื่อย เหนื่อยกับรอยยิ้มของมึงนี่แหละจะขยันยิ้มไปถึงไหน


“เอ่อใช่ ผมได้คอนโดแล้วนะ พรุ่งนี้ไปดูกันนะครับ”


“เอ่อ...” ปฏิเสธยังไงดีหว่า


“ผมไม่ชินทาง ไปกับผมนะครับ พลีสสส”


“โอเคๆ” มึงไม่ชินทางแต่กูไม่ชินกับความอ้อนของมึง!


“แกงเคี้ยวหวานอร่อย ขอบคุณนะครับ ผมอิ่มแล้วเดี๋ยวล้างจานให้นะครับ” ไม่ถึงห้านาทีอีพี่เบิ้มก็ซัดแกงเคี้ยวหวาน เอ้ย แกงเขียวหวานซะหมดเกลี้ยง


“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมจัดการเอง”


“ขอบคุณมากครับ ถ้างั้นผมไม่รบกวนคุณแล้ว” ดี รู้งาน


“ครับ”


“กู๊ดไนท์ที่รัก” ไม่ทันตั้งตัวอีพี่เบิ้มโน้มหน้าลงมาจูบที่ปากผมอย่างรวดเร็ว เมื่อผละออกก็ฉีกยิ้มกว้างดวงตาเป็นประกายจากนั้นก็เดินผิวปากกลับห้องตัวเองอย่างอารมณ์ดี   เล่นเอาซะผมทำอะไรไม่ถูกได้แต่ยืนนิ่งเหมือนถูกเหน็บกินไปทั้งตัว แต่สัมผัสอุ่นที่ริมฝีปากนั้นยังอยู่รวมถึงใจที่อุ่นมันอุ่นจนร้อนแทบระเบิด

..และไอ้รสจูบบ้านี่มันเป็นรส แกงเคี้ยวววหวานนน!!  อีพี่เบิ้ม มึงงงงงง













     เพนท์เฮาส์ชั้นบนสุดของคอนโดใจกลางเมือง เป็นคอนโดเก่าไม่ใช่คอนโดสร้างใหม่แต่อย่างใด แต่อายุของคอนโดยังไม่มากถือว่าใช้ได้และมีความหรูหราและทันสมัย

เพนท์เฮ้าส์ใจกลางเมืองแบบนี้ราคามันต้องไม่ธรรมดาแน่ๆ มีเงินอย่างเดียวซื้อไม่ได้นะเนี่ย..ต้องโง่ด้วย แต่ที่โง่ไปกว่านั้นก็เหตุผลที่พี่เบิ้มเลือกคอนโดแห่งนี้ก็เพราะมันใกล้กับบ้านผมมากที่สุด..งี่เง่าสิ้นดี! 
   
นึกแล้วก็เสียดายเงิน เงินที่พี่มึงต้องจ่ายให้กับเพนท์เฮาส์สุดหรูบ้านี่ คงซื้อที่ดินแถวชานเมืองได้หลายสิบไร่!


“เป็นไงครับ คุณชอบมั้ย”


“ผมว่ามันใหญ่ไปสำหรับการอยู่คนเดียวนะครับ” อยู่คนเดียวแถมไม่ได้อยู่ตลอดแบบนี้ แม่งโคตรสิ้นเปลือง


“สองคนต่างหากครับ” อยู่กับใครหว่า?


“ก็ยังใหญ่ไปสำหรับสองคนอยู่ดี ผมว่าห้องชุดสองห้องนอนกำลังพอดี”


“อืมม ถ้างั้นผมซื้อห้องชุดอีกห้องหนึ่งดีมั้ย”


“เพื่อ?”


“ก็คุณชอบห้องชุดนี่”


“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับผม” พี่มึงบ้าป่ะเนี่ย


“ก็คุณไม่ชอบห้องนี่”


“แล้ว?”


“โอเค เอาเป็นว่าผมจะซื้อห้องชุดแบบที่คุณชอบ”   มึงมันบ้า


“นี่คุณมีเหตุผลหน่อย ผมรู้ว่าคุณรวยและคงรวยขนาดซื้อดอนโดแห่งนี้ได้ทุกห้อง แต่ได้โปรดอย่าเล่นกับเงินแบบนี้ ยิ่งคุณทำแบบนี้มันยิ่งทำให้ผมคิดว่าโลกนี้มันช่างไม่ยุติธรรมนึกถึงคนที่เขาไม่มีอันจะกินหน่อยสิคุณ”  เข้าใจอยู่ว่าเป็นเงินที่หามาด้วยน้ำพักน้ำแรงของพี่แกแต่มันก็อดโมโหกับการใช้เงินอย่างไม่เห็นค่าแบบนี้ไม่ได้นี่หว่า..ใครเป็นคนงกแบบผมจะเข้าใจในสิ่งที่ผมกำลังโมโห


“ที่รักผมขอโทษ” พี่เบิ้มถึงกับหน้าถอดสี นี่เป็นครั้งแรกที่ผมขึ้นเสียง ซึ่งที่จริงแล้วผมก็ไม่มีสิทธิ์เลยสักนิด


“เอ่อ ผมขอโทษที่เสียงดัง”


“ผมขอโทษ ที่จริงแล้วผมเป็นคนมีเหตุผลในการใช้เงินนะ แต่ครั้งนี้ผมแค่อยากตามใจคุณ” และนี่เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ผมไม่เข้าใจ ตามใจกูเพื่อ คอนโดมึงไม่ใช่คอนโดกู


“ผมไม่เข้าใจ”


“ผมอยากให้มันเป็นที่ของเรา ผมหวังว่าสักวันที่นี่จะเป็นบ้านหลังที่สองของเรา” พี่เบิ้มก้มหน้าพูดเสียงอ่อย นี่เป็นครั้งแรกที่พี่เบิ้มไม่กล้าสบตาผม


“...” กูก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี?! 


“ที่รัก..ผมจริงจังกับคุณจริงๆนะครับ” พี่เบิ้มเงยหน้าขึ้นสบตาผมเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจังแต่แววตาสีเทาคู่นั้นช่างเว้าวอนและมันทำให้หัวใจของผมสับสนอย่างน่าประหลาด..


“เอาเป็นว่าคุณซื้อที่นี่ไปแล้วก็ควรจะอยู่ที่นี่  แต่ถ้าอยากได้ห้องอื่นก็ควรจะขายที่นี่ให้ได้ซะก่อน แล้วอย่าเอาความเห็นของผมไปเป็นตัวตัดสิน โอเค๊?” รู้แล้วล่ะว่ามึงจริงจัง จริงจังมากด้วย แมร่งเงินตั้งหลายสิบล้าน!


“โอเค ถ้างั้นผมก็เลือกที่นี่”


“ดีครับ”


“แต่ผมอยากรีโนเวท”


“แบบเดิมมันก็ดีอยู่แล้วนี่คุณ ทุกอย่างก็ยังดูใหม่”


“ใจเย็นที่รัก ผมแค่จะรีโนเวทบางส่วนไม่ใช่ทั้งหมด ผมไม่ชอบสีทองและมันไม่ใช่สไตล์ที่ผมชอบ มันดูเหมือนอียิปต์โบราณยังไงก็ไม่รู้” เมื่อพี่เบิ้มเห็นผมเริ่มชักสีหน้าก็รีบอธิบาย 

   ก็จริงอย่างที่พี่มึงว่าเพนท์เฮ้าส์แห่งนี้ตกแต่งสไตล์คลาสสิค ซึ่งเน้นความหรูหรามากกว่าพื้นที่ใช้สอย การตกแต่งก็เน้นโทนสีทองเป็นหลัก  แนวนี้น่าจะเหมาะกับผู้บริหารอาวุโสมากกว่าบอสหนุ่มสุดเซอร์ที่ไม่มีเค้าของความเป็นผู้บริหารอยู่แม้แต่น้อยอย่างพี่เบิ้มจริงๆนั้นแหละ


“แล้วคุณอยากได้แนวไหน”


“แล้วแต่คุณแต่ไม่เอาแบบนี้”  แล้วแต่กูอีกแล้ว


“นี่คุณ!”


“งั้นเอาแบบนี้ ซู่ซี่บอกผมว่าคุณเป็นสถาปนิกฟรีแลนซ์ คุณสนใจรับงานตกแต่งภายในให้ผมมั้ย”


“ผมไม่ว่าง ผมแนะนำให้ปรึกษาบริษัทของดอย”


“ไม่! ผมอยากให้คุณเป็นคนทำ”  แม่ง งี่เง่าได้โล่


“ช่วงนี้ผมไม่ค่อยว่างจริงๆครับ”  จริงๆอ่ะว่าง ทำได้สบาย ยิ่งงานแบบนี้ผมถนัดนัก

 
“ถึงผมจ้างบริษัทดอย ผมก็จะเลือกให้คุณมาเป็นสถาปนิกเพราะผมรู้ว่าคุณรับงานมาจากบริษัทของดอย” ฉลาดนัก!


“ใช่ครับ ผมรับก็ต่อเมื่อผมว่าง” เอาซี่ กูไม่ยอมซะอย่าง


“โอเค งั้นผมจะขายที่นี่ ทุกอย่างเป็นอันยกเลิก” พี่เบิ้มกอดอกพูดด้วยที่ใบหน้าที่งอง้ำ ตอนเด็กๆมึงต้องเอาแต่ใจตัวเองโคตรๆแน่ 


“โอเค งั้นก็กลับกันครับ” เรื่องของพี่มึงสิใครสน!


   ผมเดินไปที่ประตูแต่ฝรั่งโข่งยังคงหน้าบึ้งยืนกอดอกนิ่งไม่ยอมขยับไปไหน ..ให้ตายให้มันได้แบบนี้สิ กูอยากให้ลูกน้องของมึงมาเห็นมุมนี้ของมึงจังเล้ยยย.. นี่นะหรือผู้บริหารหนุ่มน่าเกรงขาม  เด็กห้าขวบชัดๆ!


“โอเคๆ ผมตกลงรับงานนี้ครับ” กูจะคิดค่าแรงจนมึงหมดตัวเลยคอยดู


“ขอบคุณที่รัก คุณน่ารักที่สุด” หึ แต่มึงน่าถีบที่สุด! แต่จะถีบก็กลัวจะโดนสวน สันแข่งแม่งคนละไซส์ โดนถีบทีนึงคงสลบไปสามชาติ!







     กลับมาถึงเกสท์เฮาส์ ก็เจอกับเรื่องปวดหัวอีกครั้งเมื่อมีแขกไม่ได้รับเชิญที่ส่งตรงมาจากสิงคโปร์นั่งหน้าสลอนอยู่ในร้านกาแฟ..พี่เบิ้มคนเดียวกูก็ปวดกบาลแทบแย่เพิ่มอีซูซี่เข้าไปอีกคนมีหวังได้แดกพาราทั้งแผงแน่ๆเลยกู


“Hi Jeremy” อีตุ๊ดหัวโปกเดินนวยนาดเข้ามาสวมกอดพี่เบิ้มเป็นคนแรก กูเพื่อนมึงแท้ๆกับไม่เห็นหัว


“HI Joseph” เมื่อมันไม่เห็นหัวผม ผมจึงหันไปทักทายฝรั่งกล้ามปูที่ตามติดมันมาด้วยซึ่งก็ไม่ใช่ใครที่ไหนเจ้าของ โจเซฟยิม ผัวของอีซูซี่นั่นเอง   
โจเซฟเป็นคนสิงคโปร์ก็จริงแต่หน้าตาไม่มีเค้าโครงของความเป็นเอเชี่ยนเลยแม้แต่น้อย เพราะพี่แกเป็นลูกเสี้ยว สิงคโปร์ ฝรั่งเศส แคนดา บราซิล แม่งรวมเชื้อชาติสี่ทวีปไว้ในคนคนเดียว   เห่อะ..เป็นไงล่ะผัวของไอ้ชาติมันไม่ธรรมดา

 
ผมและโจเชฟเราทักทายกันเล็กน้อยก่อนที่อีซูซี่จะแนะนำให้พี่เบิ้มรู้จักกับผัวของมัน  หึ มึงก็ยังไม่เห็นหัวกูสินะ
จากนั้นฝรั่งผู้เสพติดในการออกกำลังทั้งสองคนก็นั่งคุยกันอย่างออกรสออกชาติ บทสนทนาก็หนีไม่พ้นเรื่องออกกำลังกาย อีซูซี่จึงถูกตัดออกจากวงสนทนามันถึงได้หันมาทักผม


“ไงมึง สบายดีนะ”


“สบายดี แต่พอเจอหน้ามึงเริ่มจะคั่นเนื้อคั่นตัว”

 
“ค่ะ  ไปเดทมาเหรอกูนั่งรอตั้งนาน”


“เดทพ่อง”


“ปากคอเราะร้าย คุณบอสไม่น่าหลวมตัวชอบมึงเล้ย” ใครขอให้มาชอบกูกันล่ะ


“ครั้งนี้กลับมากี่วัน”


“ฉันอยู่ยาวยังไม่มีกำหนดกลับ แต่มายสวีทฮาร์ทอยู่เดือนหนึ่ง” มายสวีทฮาร์ท!  เอิ่มม มองบนแปป


“ทะเลาะกันอีกแล้วเหรอ ถึงได้อยู่ยาว”


“ป่าวค่ะ ช่วงนี้มายสวีทฮาร์ททำตัวน่ารักมากกก  แต่ที่มาอยู่ยาวเพราะจะมารีโนเวทออฟฟิตให้เป็นห้องนอนด้วยน่ะ ไม่อยากพักที่บ้านแกก็รู้ว่าบ้านฉันมันไกล”


“ดีแล้ว เวลาหนีผัวมาจะได้ไม่ต้องมาวุ่นวายกับกู”


“อิดอกใจร้าย  แต่เรื่องของกูเอาไว้ก่อนเหอะ คุยเรื่องของอิดอยดีกว่า” หน้ามึงเต็มอัตราเสือกมากอีซูซี่


“กูว่ามันแม่งชอบซันนี่ มึงต้องเจอตอนมันอยู่ด้วยกันแล้วมึงจะรับรู้ได้”


“นัดเจอสิคะรอไร” ว่าแล้วอีซูซี่ก็ต่อสายหาไอ้ดอยทันที เรื่องเสือกนี่ไวนัก

เป็นอันตกลงว่าพรุ่งนี้ตอนเย็นมีนัดรวมตัวกันที่บ้านของผม ส่วนอีพี่เบิ้มก็เห็นดีเห็นงามด้วยที่จะได้เริ่มแผนการอย่างเป็นทางการ กูจะรอดูว่าจะรุ่งหรือจะร่วง 

   
      คิดแล้วก็เหมือนการรวมตัวของสหประชาชาติช่างหลายเชื้อชาติซะเหลือเกิน ...สนุกล่ะงานนี้!!




 

  TBC.

………………………………………………..................

  หายไปนานเพราะความป่วย ขอบคุณที่ยังไม่ลืมพี่เบิ้มป้านดกันนะคะ^^



หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทที่8 OH BABY I LOVE YOU!! [22-09-18]
เริ่มหัวข้อโดย: kunt ที่ 23-09-2018 10:02:26
ป้าแกก็ยังเวิ่นได้เป็นเรื่องเป็นราวเหมือนเดิม ป้านดก็ตามหลอกหลอนกันต่อไป 555
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทที่8 OH BABY I LOVE YOU!! [22-09-18]
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 23-09-2018 10:26:33
คิดถึง

 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทที่8 OH BABY I LOVE YOU!! [22-09-18]
เริ่มหัวข้อโดย: cheezett ที่ 23-09-2018 11:26:41
อันนี้ไม่รู้จริงออ ว่าถูกจีบอยู่??? อ่านๆไปรู้สึกแปลกๆน่ะค่ะ อีกอย่างเรื่องใช้เงิน เงินเขาเขาจะใช้ยังไงก็ได้นะคะ เขาทำงานมา จู่ๆไปเสียงดังใส่ให้คิดถึงคนไม่มีคือ?? อ่านแล้วขัดๆกับนายเอกนิดนึง ดีใจที่มาต่อค่ะ
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทที่8 OH BABY I LOVE YOU!! [22-09-18]
เริ่มหัวข้อโดย: 19th ที่ 23-09-2018 14:08:06
ป้านตใจแข็งไม่ได้ซักรอบ 555
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทที่8 OH BABY I LOVE YOU!! [22-09-18]
เริ่มหัวข้อโดย: Toon_TK ที่ 23-09-2018 23:02:41
 รออ่านจ้าาา
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทที่8 OH BABY I LOVE YOU!! [22-09-18]
เริ่มหัวข้อโดย: M_Y MILD ที่ 24-09-2018 03:08:51
ชอบค่ะะ ชอบมากเลยยย อยากอ่านต่อเร็วแล้วววว จะเอาน้องณตกับพี่เบิ้มมมมมม :katai1: :katai5:
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทที่8 OH BABY I LOVE YOU!! [22-09-18]
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 24-09-2018 08:42:26
คิดถึงที่รักของป้านดมากๆ
แหม เดี๋ยวนี้สกิลเยอะมากเลยนะพี่เบิ้ม
ป้านดของเรา ไปไหนไมได้เลยดักหน้า ดักหลังซะชนาดนั้น
 :z2: :z2:
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทที่8 OH BABY I LOVE YOU!! [22-09-18]
เริ่มหัวข้อโดย: patompong888 ที่ 24-09-2018 17:32:46


 :katai2-1: :katai1: :katai5:




 
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทที่8 OH BABY I LOVE YOU!! [22-09-18]
เริ่มหัวข้อโดย: fairy ที่ 28-09-2018 19:58:37
 :mew1:
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทที่8 OH BABY I LOVE YOU!! [22-09-18]
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 28-09-2018 21:50:32
เจเรมี่น่าร๊ากกกกกก ชอบป้านดด้วยยยยยย :impress2:
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทที่ 9 เอ๊ะ! หรือว่าจะหวั่นไหว? [06-10-18]
เริ่มหัวข้อโดย: MA_LEE ที่ 06-10-2018 21:30:51



บทที่9
เอ๊ะ! หรือว่าจะหวั่นไหว?






     วันนี้เรามีนัดรวมตัวกันตามคำเชิญชวนของอีซูซี่และสถานที่ก็คือบ้านผมเอง..

ทุกคนกำลังช่วยกันเตรียมอาหารอยู่ในครัวสำหรับดินเนอร์ในคืนนี้  เมื่อที่ร้านไม่มีลูกค้าผมจึงแอบย่องมาดูว่าสถานการณ์เป็นยังไงบ้าง ดูเหมือนว่าตอนนี้ในครัวกำลังวุ่นวาย นี่พวกมึงทำกับข้าวหรือกำลังทำสงคราม สภาพห้องครัวตอนนี้บอกได้คำเดียวว่า เละ!


“ที่รัก ลองชิมจานนี้ดูครับ” เมื่ออีพี่เบิ้มเห็นผมโผล่หน้าเข้ามาในบ้านก็รีบรั้งผมให้ไปชิมอะไรสักอย่างที่อยู่ในจาน สภาพมันดูเหมือนหมูสับผัดแห้งๆกับอะไรสักอย่าง หน้าตาดูไม่น่าแดกเท่าไหร่ชิมแล้วขี้แตกป่าววะ?!


“มันคืออะไรครับ”


“มันคือไส้สำหรับทาโก้” ไส้ทาโก้! พี่มึงแน่ใจนะว่าใช่


“ผมทานเองครับ” ผมปฏิเสธช้อนที่จ่ออยู่ที่ปากที่ถือโดยฝรั่งตัวโตที่กำลังยิ้มแป้นแล้นอย่างน่าเตะตัดขามาก


“อ้ามมม” ดื้อด้านสิ้นดี  ผมเลยจำใจอ้าปากรับแต่โดยดี


“อร่อยมั้ย?” หน้าตาพี่มึงนี่ลุ้นยิ่งกว่าลุ้นหวย


“ก็อร่อยดีครับ” มันก็ผงทาโก้สำเร็จรูปป่ะวะ ผมเหลือบไปเห็นซองผงทาโก้สำเร็จรูปที่วางอยู่ข้างเตา

  โธ่ ก็นึกว่าจะมีฝีมือ


“มึงชิมนี่ด้วย แซ่บสุด” อีซูซี่แทรกกลางเข้ามาระหว่างผมกับพี่เบิ้มพร้อมกับยื่นจานยำอะไรสักอย่างมาตรงหน้าผม กลิ่นแม่งเปรี้ยวสัด!


“อะไรวะ”


“ยำมะนาว”


“ยำมะนาว! ยำมีเป็นร้อยแปดอีซูซี่”


“ก็กูอยากกิน สงสัยจะแพ้ท้อง”


“เหอะ มึงหามดลูกให้ได้ก่อน”


“ท้องนอกมดลูกได้ย่ะ”   มโนเก่ง!


“ท้องขี้น่ะสิ! มึงไม่มีรังไข่มีแต่พวงไข่หรรม หยุดมโนไอ้ชาติ”


“ตบปาก หยาบคายมาก แล้วหยุดเรียกชื่อนี้สักที ได้ยินทีไรกูฝันร้ายทุกที” เหอะ เดี๋ยวกูจะตามไปกระทืบมึงในฝัน  มึงได้ฝันร้ายแน่ๆ


“ว่าแต่ไอ้ดอยมึงทำอะไร” แต่ละคนก็ทำคนละเมนูประหนึ่งแข่งกันทำ


“ซันนี่ทำสปาเก็ตตี้มีทบอลกูเป็นแค่ลูกมือ   พี่ทำแบบนี้ถูกมั้ยครับ” แล้วมันยื่นไก่บดที่ปั้นเป็นก้อนหันไปถามซันนี่ด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม ..ชอบล่ะสิ


“ก้อนใหญ่ไปนิดหนึ่งครับ แต่แบบนี้ก็ได้เต็มปากเต็มคำดี” ซันนี่ก็ใบหน้าเปื้อนยิ้มไม่ต่างกัน


“เนอะ เวลาที่ซันนี่เคี้ยวแก้มคงตุ่ยน่ารักดี”


   หืมมมมม....บรรยากาศที่ฟุ้งไปด้วยดอกไม้กลับมาอีกแล้วววว

ส่วนอีซู่ซี่ก็ใช้ตีนสะกิดผมยิกๆ ถ้ามึงจะสะกิดกูขนาดนี้มึงถีบกูเหอะ อีตุ๊ดสันถึก!









     เมื่อถึงเวลาร้านปิดก็ได้เวลาที่อาหารพร้อมขึ้นโต๊ะรับประทาน..

ทาโก้ของพี่เบิ้มมพอมันประกอบเป็นรูปเป็นร่างก็ดูน่าทานขึ้นมาทันที ส่วนเมนูของโจเซฟวัตถุดิบหลักคืออกไก่ตามสไตล์สายคลีนเขาล่ะ สลัดอกไก่ อกไก่ย่างซีอิ้ว อกไก่ผัดหน่อไม้ฝรั่ง  รวมถึงมีทบอลของซันนี่และทาโก้ของพี่เบิ้มก็ทำมาจากเนื้ออกไก่ตามรีเควสของโจเซฟ    หึ จบมื้อนี้คงได้เป็นเก๊ากันถ้วนหน้า!

มีแค่ยำมะนาวของอีซูซี่เท่านั้นแหละที่ปราศจากเนื้ออกไก่ แต่กินแล้วคงขี้แตกไปสามวัน!



  เมื่อเริ่มดินเนอร์พี่เบิ้มก็ใส่ใจซันนี่เป็นพิเศษ คอยตักอาหารให้อย่างเอาใจ และชวนคุยอย่างสนุกสนาน ส่วนไอ้ดอยได้แต่ทำหน้าตึง แล้วใช้จังหวะที่พี่เบิ้มลุกเข้าไปในครัวเข้ามานั่งแทนที่ของพี่เบิ้มที่นั่งข้างซันนี่


“ผมขอนั่งตรงนี้นะครับ ผมหนาวแอร์ลงตรงฝั่งนั้นพอดี” มึงเนี่ยน่ะหนาว ได้ข่าวว่ามึงขี้ร้อน


“เชิญครับ” พี่เบิ้มตอบอย่างว่าง่ายก่อนจะหันมาขยิบตาให้ผมกับอีซูซี่ ..แผนพี่มึงถือว่าใช่ได้


“ถ้าคุณไม่ได้บอกว่าชอบณต ผมคงเข้าใจว่าคุณชอบซันนี่” แล้วไอ้ดอยก็พูดขัดขึ้นเมื่อพี่เบิ้มยื่นทิชชู่ให้ซันนี่เพื่อเช็ดคราบซอสที่เลอะตรงมุมปากอย่างใส่ใจ


“ครับผมชอบซันนี่ด้วย แต่แบบน้องชายนะเหมือนคุณไง”


“แต่ผมว่าไม่เหมือน” ไอ้ดอยรีบสวนกลับทันควัน


“ไม่เหมือนยังไง”คราวนี่เป็นอีซูซี่ที่ถามขึ้นด้วยความเผือกอย่างแรงกล้า 


เผื่อทุกคนสงสัยว่าตอนนี้เราคุยภาษาอะไรกันเพื่อความเข้าใจของทุกคนเราเลือกใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสารของวันนี้ จะได้ไม่ต้องแปลกลับไปกลับมาให้เสียเวลา


“ก็..ซันนี่เป็นน้องที่สนิทและเราก็รู้จักกันมานาน”


“อืมมมม สนิทระดับไหนวะ” ผมเท้าคางถามอย่างสบายอารมณ์ แต่ในใจกูนี่โคตรสนุกที่ไล้ต้อนมันแบบนี้


“เอาเป็นว่าสนิทมากกว่าสนิทกับเจเรมี่ละกัน มันก็เลยไม่เหมือนกันไง”


“อ่าฮะ โอเคๆ เรียกว่าน้องสนิทคนพิเศษว่างั้น”


“อืม” อั้ยยะ ชัดเจน


“มึงถามซันนี่ยังว่าอยากสนิทกับมึงรึป่าว”


“ว่าไงซันนี่ สนิทกับไอ้ดอยรึป่าว” ซันนี่ที่ตั้งหน้าตั้งตากินเกินความอร่อย ทำเป็นไม่สนใจบทสนทนาที่พวกผมคุณกันทั้งที่ใบหน้านั้นกำลังแดงก่ำ


“แบบไหนถึงเรียกว่าสนิทกันครับ”


“ก็แบบที่เราเป็นอยู่ตอนนี้ไง” ไอ้ดอยหันมาตอบฝรั่งน้อยหน้ามนด้วยแววตาที่จริงจัง


“แล้วตอนนี้พวกมึงสนิทกันแบบไหนวะ” คือกูอย่างรู้ไงสนิทแบบไหนก็บอกมาให้ชัดเจนสิวะ


“เสือก!” 

   ชัดเจนเต็มปากเต็มคำ แต่แค่นี้ก็พอจะรู้ชัดเจนเช่นกันว่ามึงคิดยังไงกับชันนี่..








จบมื้อค่ำเรานั่งคุยกันต่ออีกพักใหญ่ก่อนจะแยกย้ายกันกลับ..

ด้วยการเป็นเจ้าบ้านที่ดีและไม่ได้มีส่วนร่วมในการทำอาหารเลยแม้แต่น้อยผมเลยอาสาที่จะเป็นคนล้างจานเอง แต่พอเห็นสภาพห้องครัวที่เละเทะแล้วก็อดถอนหายใจไม่ได้ เฮ้อออออ


“ป้านด ผมช่วยนะครับ” อ้าวนึกว่าพี่เบิ้มกลับเข้าห้องไปแล้วซะอีกเพราะเห็นเดินออกไปพร้อมกับอีซูซี่


“ไม่เป็นไรครับ คุณไปพักเถอะ”


“ผมอยากช่วย” ว่าแล้วพี่เบิ้มก็ม้วนผมเป็นจุกอย่างลวกๆเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการทำความสะอาดห้องครัวที่แสนจะรุงรัง..แม่งเท่ชะมัด! 

กูจะไม่ตัดผมกูจะไว้ผมยาวแบบพี่มึงบ้างเผื่อจะได้เท่สักเศษเสี้ยวของพี่มึงก็ยังดี!



   ผมและพี่เบิ้มเราช่วยกันจัดการปัดกวาดเช็ดถูกคนละไม้คนละมือใช้เวลาไม่นานห้องครัวก็สะอาดวาววับเหลือเพียงแต่จานที่วางเรียงซ้อนกันอยู่ในซิ้งล้างจาน ไม่รอช้ารีบล้างจานให้เสร็จโดยไวจะได้พักสักที..

ผมเป็นคนล้างน้ำยาล้างจานแล้วก็ส่งต่อให้พี่เบิ้มล้างน้ำเปล่า มีหลายจังหวะที่มือของเราสัมผัสกันภายใต้ฟองสีขาว
     
     อืมม..หัวใจผมก็ดันเต้นจังหวะแปลกๆซะด้วยสิ



“ชาร้อนหรือโกโก้ร้อนสักแก้วมั้ยคุณ”ผมถามพี่เบิ้มที่นั่งพักเหนื่อยที่โซฟาตัวยาวหน้าทีวีหลังจากที่เราทำความสะอาดในครัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว


“ชาคาโมมายล์สักแก้วก็ดีครับ” พี่เบิ้มพูดด้วยท่าทีที่ดูผ่อนคลาย ประหนึ่งเหมือนนั่งอยู่ในบ้านตัวเองก็ไม่ปาน


“โอเคครับ” ดึกๆและเหนื่อยแบบนี้ชาคาโมมายล์อุ่นๆสักแก้วก่อนนอนก็คงเหมาะที่สุด


รอไม่นานชาคาโมมายล์ก็พร้อมเสิร์ฟ ผมถือชาร้อนสองแก้วที่ควันลอยคลุ้งและส่งกลิ่นหอมละมุนมายังโต๊ะหน้าโซฟา จังหวะที่กำลังวางแก้วลงบนโต๊ะ ก็ได้ยินเสียงอะไรบางอย่างดังมาจากในครัว    ‘เคร้งงง!’

ผมรีบวางแก้วเพื่อจะไปดูที่มาของเสียง

“ที่รักระวัง!!” อ่า ไม่ทันแล้วครับ ด้วยความรีบผมดันพลาดวางแก้วลงบนขอบโต๊ะพอดิบพอดี
ส่งผลให้แก้วชานั้นตกลงบนพื้นแตกกระจาย..แต่ที่น่าตกใจไปกว่านั้นพี่เบิ้มปัดมือผมออกทำให้แขนของพี่แกโดนชาร้อนลวกเข้าเต็มๆ    บ้าเอ้ย!


“เฮ้ย! คุณเป็นไรมั้ยครับ”  ผมถามพี่เบิ้มด้วยความตกใจ


“ผมไม่เป็นไรที่รัก แล้วคุณล่ะโดนตรงไหนรึป่าว” มึงเป็นห่วงตัวเองก่อนมั้ย! แขนแดงเถือกขนาดนี้ยังจะบอกว่าไม่เป็นไรอีก
ผมรีบจูงมือพี่เบิ้มมาที่ซิ้งล้างจานในครัวแล้วเปิดน้ำให้ไหลผ่านแขนที่กำลังเริ่มบวมแดง


“คุณให้น้ำมันไหลผ่านแผลแบบนี้ไปเรื่อยๆนะครับ สัก20นาที เดี๋ยวผมไปหายามาทาให้นะ”


“ครับ”



ผมกลับเข้ามาในครัวอีกครั้งพร้อมกับยาทาแผลน้ำร้อนลวกและยาแก้อักเสบอีกหนึ่งเม็ด ส่วนพี่เบิ้มยังคงปล่อยให้น้ำไหลผ่านรอยแดงที่แขนไปเรื่อยๆ


“ทำไมคุณต้องเจ็บตัวแทนผมด้วยล่ะครับ”


“ผมทำไปตามสัญชาตญาณ ผมแค่ปกป้องคุณ”


“แต่คุณต้องเจ็บตัวเพราะผม”


“ก็ดีกว่าคุณเจ็บ ที่รักผมเต็มใจ ผมไม่เจ็บเลยสักนิด” พี่เบิ้มพูดด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มพร้อมกับจับมือของผมไว้มั่น  ผมรับรู้ถึงความรู้สึกที่ส่งผ่านจากฝ่ามือหนานั้นว่าพี่เบิ้มเต็มใจอย่างที่พูดจริงๆ


“...” บ้าเอ้ย!  เมื่อก้มลงมองแผลที่แขนของพี่เบิ้มอีกครั้ง ขอบตาของผมก็ร้อนผ่าวขึ้นมาดื้อๆ..ทำไมต้องเจ็บตัวแทนผมด้วยวะ??   แล้วไอ้ที่บอกว่าไม่เจ็บก็โกหกชัดๆ ผมโดนกระเด็นใส่ตรงเท้านิดหน่อยยังรู้สึกแสบๆร้อนๆ นี่โดนลวกที่แขนเต็มๆเป็นผมคงนั่งร้องไห้น้ำตาแตกไปแล้วไม่มานั่งหน้าเปื้อนยิ้มแบบพี่มึงตอนนี้หรอก..ไม่เข้าใจพี่มึงเลย?! 
รวมถึงไม่เข้าใจตัวเองด้วยทำไมหัวใจผมมันรู้สึกเจ็บไปด้วยวะ?!


“ที่รักคุณร้องไห้!”


“ป่าวสักหน่อย ผมแค่แสบตาสงสัยฝุ่นจะเข้าตา”


“ผมดูให้นะ” พี่เบิ้มค่อยๆประคองใบหน้าผมแล้วสำรวจเข้ามาในดวงตาของผม..หน้าของเราใกล้กันมาก ใกล้ซะจนหัวใจของผมแทบหยุดเต้น..


“เอ่อ สงสัยมันคงหลุดไปแล้วล่ะครับ  คุณล่ะอาการปวดแสบปวดร้อนลดลงมั้ยครับ”


“ดีขึ้นมากแล้วครับ” พี่เบิ้มยังคงตอบด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มเช่นเดิม ไม่รู้ว่ารอยยิ้มนั้นมีความสุขหรือยิ้มเพราะไม่อยากให้ผมเป็นห่วงกันแน่?!


“ถ้างั้นก็ไปทายากันครับ” เรากลับมาที่โซฟาตัวเดิมอีกครั้ง  ผมค่อยๆใช้ผ้าซับน้ำที่แขนของพี่เบิ้มก่อนบรรจงทายาให้อย่างเบามือ โชคดีพี่แผลไม่พุพองอาจเพราะน้ำที่ใช้ชงชาไม่ได้ร้อนจัดและเราปฐมพยาบาลได้ทันควัน  แต่ถึงอย่างนั้นพี่เบิ้มก็คงปวดแสบปวดร้อนไม่น้อยแม้ปากจะบอกว่าไม่เป็นไรก็ตาม..


“ขอบคุณครับ” พี่เบิ้มเอ่ยขอบคุณหลังจากกลืนยาแก้อักเสบลงคอ


“ผมต่างหากที่ต้องขอบคุณ  ขอบคุณนะครับ” ผมเอ่ยขอบคุณด้วยความจริงใจ ที่พี่เบิ้มยอมเจ็บตัวแทนผมทั้งที่ไม่จำเป็นเลยสักนิด แต่ผมก็รู้สึกขอบคุณจริงๆ


“ผมเต็มใจที่รัก” น้ำเสียงของพี่เบิ้มช่างอ่อนละมุนรวมถึงสัมผัสอ่อนโยนที่ประทับลงมาที่หน้าผากของผม
แม้จะเป็นสัมผัสที่บางเบา แต่มันก็ทำให้หัวใจของผมร้อนระอุและสั่นไหวเป็นพิเศษ!








   เกือบเที่ยงคืนกว่าที่ผมได้ล้มตัวลงนอนพร้อมกับหัวใจที่ว้าวุ้น เหตุการณ์เมื่อตอนค่ำ การกระทำของพี่เบิ้มทำให้หัวใจของผมสับสนไม่น้อย  และนั้นส่งผลให้ผมนอนไม่หลับเลยคว้ามือถือขึ้นมาเล่นเผื่ออาการว้าวุ่นมันจะได้ลดน้อยลง  หน้าจอมือถือปรากฏข้อความจากไลน์กลุ่ม ขบวนการสมคบคิด ที่ยังไม่ได้เปิดอ่านร้อยกว่าข้อความ แต่ยังไม่ทันได้เปิดอ่าน บุคคลเพียงหนึ่งเดียวที่ไม่ได้อยู่ในกรุ๊ปไลน์นี้ก็โทรมาขัดจังหวเสียก่อน



“ว่าไงไอ้ดอย”


[ไอ้ณต คุณบอสของมึงชอบมึงแน่นะ]


“เอ้า กูจะไปรู้เหรอ”  ถามแบบนี้กูต้องตอบยัง ใช่เขาชอบกูแบบนี้เหรอ?


“ทำไมเขาทำเหมือนจะจีบซันนี่เลยวะ แม่งมีคุยไลน์กันด้วยกูแอบเห็นตอนไปส่งซันนี่กลับบ้าน”


“ก็ปล่อยให้จีบไปสิ ไม่เห็นต้องเดือดร้อนเลย”


[เดือดร้อนสิวะ ก็กูกำลังจีบซันนี่อยู่]


“หึ  มึงชอบซันนี่จริงๆสินะ”


[มึงรู้เหรอวะ]


“เออ กูดูออก” ทุกคนนั้นแหละดูออกยกเว้นฝรั่งน้อยหน้ามนบุคคลที่กำลังโดนจีบ!


[มึงว่ากูจะจีบติดมั้ยวะ]


“ติด”


[มั่นใจจังวะ]  ก็น้องมันชอบมึง แต่ไม่บอกแม่งหรอก ของแบบนี้ต้องพยายามด้วยตัวเอง


“เซนส์กูมันบอก  ว่าแต่มึงเป็นเกย์เหรอวะ” ที่ผ่านมาก็เห็นแม่งคบแต่ผู้หญิง


[ไม่รู้ดิ คิดว่าไม่นะที่ผ่านมากูก็คบผู้หญิงมาตลอด แต่ซันนี่พิเศษสำหรับกูว่ะ และซันนี่ก็เป็นผู้ชายคนเดียวที่กูสนใจ  แต่มันก็ไม่สำคัญหรอกว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย ยังไม่มันก็คือความรักที่ใช้หัวใจเหมือนกัน]


นั้นน่ะสินะ ความรักก็คือความรักไม่จำเป็นเสมอไปว่าต้องรักกับเพศตรงข้ามเท่านั้นไม่ว่าจะเพศไหนทุกหัวใจก็มีสิทธิ์ที่จะรัก..


“ซันนี่รู้ตัวรึป่าวว่ามึงกำลังจีบ”


[รู้มั้ง กูไม่ได้บอกแต่การกระทำของกูก็น่าจะดูออก] เหอะ ดูออกกับผีน่ะสิ ถ้าดูออกพวกกูจะวางแผนให้มึงหึงทำไม


“กูแนะนำให้มึงบอกให้ชัดเจนไปเลยว่ามึงกำลังจีบหรือบอกชอบไปเลยก็ได้”


[กูกลัวน้องจะปฏิเสธว่ะ]  โอ้ยย คันปากอยากบอกกก


“มึงไม่คิดบ้างเหรอว่าซันนี่ก็อาจจะชอบมึง” กูใบ้ให้สุดๆแล้วนะ


[ก็แอบคิดเข้าข้างตัวเองบ้าง แต่ก็ยังไม่มั่นใจที่จะบอกว่ากูชอบเขา]


“มึงตั้งใจจะจีบขนาดนี้ มึงก็ต้องบอกป่าววะ ยังไงสักวันน้องมันก็ต้องรู้อยู่ดี”


[ก็จริงของมึง ไว้กูจะหาโอกาสดีๆบอก]


“เอ่อดี ให้ไวล่ะ”


[แต่ที่กูกลัวอีกอย่างก็คุณบอสของมึงนี่แหละ ถ้าเขาจีบซันนี่ขึ้นมาจริงๆกูคงสู้ไม่ไหว มึงยอมคบกับคุณบอสไปเลยได้มั้ยวะถือว่าช่วยเพื่อน]  เพื่อนชั่ว!


“เจเรมี่ไม่ได้จีบซันนี่ เชื่อกู”


[จริงเหรอวะ]


“มึงไม่ต้องสนขิงข่าอะไรทั้งนั้นไอ้ดอย มั่นใจในตัวเองหน่อย ลุยจีบซันนี่เต็มที่โลด”


[เออๆ ขอบใจมึงมาก แต่ยังไงกูก็อยากให้มึงลองเปิดใจให้เจเรมี่นะ กูไม่ได้พูดเพราะเรื่องซันนี่หรอกนะ กูพูดในฐานะเพื่อนของมึง กูว่าเขาก็คงจริงใจกับมึงจริงๆไม่งั้นคงไม่ถ่อมาอยู่กับมึงเป็นเดือนๆแบบนี้]


ไอ้ดอยพูดจบมันก็วางสายทันที ส่วนผมก็จมอยู่กับคำว่า เปิดใจ ของไอ้ดอย แล้วหน้าพี่เบิ้มก็ลอยเข้ามาในความคิด ผมรู้อยู่เต็มอกว่าพี่เบิ้มมันชอบผมเพราะแม่งป่าวประกาศอยู่ทุกวัน และยิ่งเหตุการณ์ตอนค่ำที่ยอมเจ็บตัวแทนผมก็เหมือนตอกย้ำไปอีกว่าพี่เบิ้มคงจะชอบผมจริงๆ


   ...ผู้ชายกับผู้ชายงั้นเหรอ? ก็จริงว่าทุกคนมีสิทธิ์ที่จะรัก แล้วผมจะรักพี่เบิ้มได้จริงๆรึป่าวนะ??






   TBC.

.....................................................................................

 ป้านดแค่สับสนบวกกับความสึ่งตึง(ซื้อบื้อ) ให้เวลาป้าอีกสักนิดน๊าาา

หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทที่ 9 เอ๊ะ! หรือว่าจะหวั่นไหว? [06-10-18] p.3
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 06-10-2018 22:53:41
โอ้ยยยย มาอัพแล้ววว น้ำตาจะไหลลลลลล
ชอบพี่เบิ้มมมมม ทำไมดีอ่ะะะ :man1:
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทที่ 9 เอ๊ะ! หรือว่าจะหวั่นไหว? [06-10-18] p.3
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 06-10-2018 23:11:09
ป้านด ถ้าไม่เอาบอส ส่งมาทางนี้ได้นะ ดูอบอุ่นขนาดนั้น อยากมีมั่งสักคน
 :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทที่ 9 เอ๊ะ! หรือว่าจะหวั่นไหว? [06-10-18] p.3
เริ่มหัวข้อโดย: patompong888 ที่ 07-10-2018 17:18:17


  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:




หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทที่ 9 เอ๊ะ! หรือว่าจะหวั่นไหว? [06-10-18] p.3
เริ่มหัวข้อโดย: fairy ที่ 07-10-2018 21:01:21
 :mew1:
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทที่ 9 เอ๊ะ! หรือว่าจะหวั่นไหว? [06-10-18] p.3
เริ่มหัวข้อโดย: skykick ที่ 08-10-2018 18:00:59

 
 พี่เบิ้มดีงามอ่ะ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทที่10 เพราะความป่วย.. [26-10-18] p.3
เริ่มหัวข้อโดย: MA_LEE ที่ 26-10-2018 22:10:39
   




บทที่10 
เพราะความป่วย..
     
     




     สิบโมงเช้าไร้เงาของพี่เบิ้มมาป้วนเปี้ยนเหมือนทุกวัน ตอนเช้าก็ไม่ลงมาทานข้าวด้วย เกิดอะไรขึ้นกันน้อ
เอ๊ะ หรือว่าจะเป็นไข้เพราะปวดแผล หรือแผลเน่าแล้วจะต้องตัดแขน    อ่าาาา   ไม่นะ ไม่ใช่ความผิดโผมมมมมม

ด้วยความฟุ้งฟ่านและจิตใต้สำนึกบอกว่าผมเป็นต้นเหตุที่ทำให้พี่เบิ้มเจ็บแขน จึงพาตัวเองมาหยุดอยู่ที่หน้าห้องพักหมายเลข1 ที่มี Mr. Jeremy Carson พักอยู่

 
   เคาะประตูอยู่นานกว่าที่พี่เบิ้มจะเปิดประตู   อ่า นี่คนหรือซอมบี้!  ผมยาวสีน้ำตาลกระเซอะกระเซิง ใต้ตาดำคล้ำ สภาพนี้มันคนอดนอนชัดๆ


“ว่าไงที่รัก” อยากจะถีบนัก แต่ก็ถีบไม่ลงเพราะน้ำเสียงของพี่แกช่างแห้งผากเหลือเกิน


“ผมไม่เห็นคุณลงมาทานข้าวเช้า คุณเจ็บแผลเหรอครับ”


“ดีขึ้นมากแล้วครับ”


“ผมขอดูแผลหน่อยได้มั้ยครับ” เพราะพี่เบิ้มใส่เสื้อแขนยาวผมจึงไม่สามารถมองออกว่าตอนนี้แผลมันบวมขึ้นจากเมื่อวานหรือป่าว   จากนั้นพี่เบิ้มก็ค่อยๆเลิกปลายแขนเสื้อขึ้นให้ผมเห็นแผลได้อย่างชัดเจน แผลไม่บวมอย่างที่คิดแต่รอยแดงนั้นใหญ่กว่าที่คิดไว้แฮะ


“ผมไม่เป็นไรแล้วที่รัก อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ” แล้วกูทำหน้าแบบไหนอยู่วะ แต่รู้สึกว่าขอบตามันเริ่มร้อนผ่าวอีกแล้ว! 


“แล้วทำไมคุณไม่ลงไปทานข้าวล่ะครับ  แถมสภาพตอนนี้ของคุณ เอ่อ เหมือนคนยังไม่ได้นอน”


“งานมีปัญหานิดหน่อยก็เลยเพิ่งจะได้นอนตอนพระอาทิตย์ขึ้นพอดี” ไอ้พระอาทิตย์ขึ้นของพี่มึงนี่มันกี่โมงวะ   แต่ก็โล่งอก..นึกว่าแขนเน่าต้องเสียแขนเพราะกูซะแล้ว


“งั้นก็ขอโทษนะครับที่มาปลุกคุณ ผมขอตัวลงไปทำงานต่อนะครับ”


“ขอบคุณนะที่รัก ที่คุณเป็นห่วงผม” เดี๋ยวๆทำไมโน้มตัวลงมากอดกูล่ะ   ไม่ฟังที่กูพูดเลย กูบอกจะไปทำงานต่อไง “ปล่อยได้แล้วครับ ผมหายใจไม่ออก”


“ขออยู่แบบนี้สักนาทีได้มั้ยที่รัก เมื่อคืนผมเหนื่อยจริงๆ”

 
“คนอื่นมาเห็นมันจะดูไม่ดีนะคุณ”


“ถ้างั้น..” พี่เบิ้มไม่พูดต่อ ถอยหลังเดินเข้าห้องโดยที่ยังกอดผมไว้ จากนั้นก็ปิดประตูห้องแล้วดันผมให้ไปชิดกับประตูแล้วซบหน้าลงกับไหล่ผมอย่างคนหมดแรง..ดูจากกองเอกสารที่เกลื่อนไปทั่วห้องพี่มึงคงเหนื่อยมากจริงๆ

อยู่แบบนี้สักนาทีสองนาทีก็คงไม่เป็นไรมั้ง ถือว่าขอบคุณเรื่องเมื่อวานที่ยอมเจ็บตัวแทนละกัน..แต่เดี๋ยวๆไซร้คอกูด้วยนี่ไม่โอเคนะ!   ใจดีด้วยไม่ได้เลยให้ตายซิ!


“เดี๋ยวคุณ จะทำอะไร” ผมทั้งดันทั้งแงะหน้าที่ซุกอยู่ที่ซอกคอออกแต่ไม่เป็นผลครับ นี่มันปลิงควายชัดๆ


“ก็ตัวคุณหอม ผมเลยอดใจไม่ไหว” เห่อะ!


“ถ้ายังไม่หยุด ผมจะโกรธคุณจริงๆด้วย” ขนกูลุกเกรียวไปหมดทั้งตัวแล้วเนี่ย!


“โอเคครับ” จากนั้นที่เบิ้มก็เด้งหน้าออกจากซอกคอผมทันที แต่ยังเนียนกอดผมไม่ยอมปล่อย


“เกินหนึ่งนาทีแล้วคุณ”


“คราบ~” ตอบซะเสียงอ่อย แต่ก็ยอมปล่อยผมแต่โดยดี


“นอนเถอะคุณ ผมไม่กวนแล้วครับ”


“แต่ผมอยากให้คุณกวน” มึงเป็นมะม่วงรึ “งั้นผมนอนแล้วคุณช่วยกวนผมทีได้มั้ยครับ” ไม่ใช่มะม่วงแล้วล่ะ แบบนี้เรียกตีน  กวนตีนนนนน!


“นอนครับ  แล้วตอนเที่ยงผมจะพาคุณไปทานข้าว”


“คุณจะพาผมไปเหรอที่รัก” หน้าแม่งเบิกบานขึ้นมาทันตา


“ครับ”


“งั้นไปตอนนี้เลยนะครับ” ได้ฟังกูป่ะเนี่ยกูบอกตอนเที่ยงไง


“แต่คุณยังไม่ได้นอน นอนก่อนเถอะครับตื่นแล้วค่อยไปกัน”


“ได้นอนหนึ่งชั่วโมงแค่นี้ก็เหลือเฟือแล้วครับ”  ชั่วโมงเดียวเนี่ยน่ะ!


“มีใครเคยบอกมั้ยว่าคุณดื้อ”


“ไม่มี สมัยเด็กมีแต่คนชมผมว่าผมเป็นเด็กดี” เหอะ เด็กโข่งน่ะสิ


“ผมลงไปทำงานก่อนนะครับ ขอตัว” ขี้เกียจเถียงต่อ หนีดีกว่ากู แต่ยังไม่ทันหมุนตัวออกจากห้องมือหนาก็รั้งผมไว้เสียก่อน


“ไปตอนนี้นะคราบ ผมหิวมากเลย จะได้กินยาด้วยไงครับ เนี่ยเริ่มเจ็บแผลอีกแล้ว โอ้ยๆ”  ห่า เล่นใหญ่ไปนะ แล้วไอ้น้ำเสียงและสีหน้าสำออยแบบนี้พี่มึงไปเรียมมาจากไหนหึ  ตอบ!


“โอเคๆ ถ้างั้นก็อาบน้ำแต่งตัวครับ ผมจะลงไปรอที่ร้านกาแฟ”  เฮ้ออออ ให้มันได้แบบนี้เซ่

พี่มึงนี่ก็แปลกคน เมื่อกี้สภาพเหมือคนใกล้ตาย พอบอกว่าจะพาไปทานข้าวแค่นั้นแหละ ดี้ด๊าขึ้นมาทันตา







 “เราจะไปทานอะไรกันครับ” เมื่ออยู่บนรถพี่เบิ้มก็ถามด้วยความตื่นเต้น


 “ผมจะพาคุณไปทานของอร่อยที่อะเมซิ่งสุดๆเลยล่ะ”


 “WOW” รับรองเอ็งได้ร้องว๊าวแน่ๆ


  ร้านอาหารตามสั่งไม่ไกลจากบ้านผมเท่าไหร่นัก เป็นร้านเก่าแก่ที่ผมกินมาตั้งแต่จำความได้   รอไม่นานเฮียตี๋เจ้าของร้านรุ่นสอง ก็นำอาหารสุดอเมซิ่งมาเสิร์ฟ


“จานนี้เรียกว่า ข้าวผัดอเมริกัน”


“อเมริกัน?” อ้าว งงฝรั่งงง   


ข้าวที่ผัดด้วยซอสมะเขือเทศโดยผัดกับเนย ใส่ลูกเกด หัวหอมใหญ่และแฮม เคียงคู่มากับไส้กรอก ไก่ทอด และไข่ดาว ..เป็นไงอเมริกันมั้ยล่ะ


“ที่อเมริกาไม่มีขาย มีขายเฉพาะที่ไทย” อเมซิ่งไทยแลนด์ดีแท้


“ทำไมต้องอเมริกัน?”


“นั้นสิ?” ถามกูแล้วกูจะไปถามใคร อ่อ ก็พี่กูไง..กูเกิ้ล


“แต่อร่อยมากเลยครับ ผมชอบ”


“คุณมาประเทศไทยมีอะไรที่คุณทานแล้วไม่ชอบบ้างครับ” เห็นยัดอะไรเข้าปากก็บอกว่าอร่อยทุกครั้ง


“ชอบทุกอย่าง โดยเฉพาะคุณแล้วก็อยากจะทานเป็นพิเศษด้วย


“แค่กๆๆๆ” ให้ตาย! มึงพูดอารายยย ขยิบตาให้กูอีกต่างหากกก  แต่ตอนนี้กูขอน้ำ อ่าา ลูกเกดติดคอกู!


ถ้ากูตายเพราะลูกเกดติดคอชีวิตคงช่างน่าอนาถดีแท้..


“ใจเย็นที่รัก นี่ครับน้ำ” ทำเป็นใจดียื่นน้ำให้ กูเป็นแบบนี้เพราะใครกันล่ะ!


“คุณก็อย่าพูดเล่นแบบนี้สิครับ”


ผมพูดจริง


“...” โชคดีที่กลืนน้ำลงไปแล้ว ไม่งั้นได้สำลักน้ำอีกรอบแน่


“เมื่อไหร่จะใจอ่อนสักทีที่รัก” กินไปด้วยถามไปด้วยนี่มันเป็นคำถามสามัญทั่วไปใช่มะ?!


“มะ ไม่รู้”


“ค่อยยังชั่ว ดีกว่าคุณปฏิเสธว่าไม่มีทาง แบบนี้ผมก็มีหวังอยู่ใช่มั้ยครับ”


“มะ ไม่รู้”


“แล้วถ้าผมกลับอังกฤษ คุณจะคิดถึงผมมั้ยครับ”


“ไม่รู้” ข้าวผัดอเมริกันกลืนคำศัพท์ในหัวกูไปหมดแล้ว   ไม่รู้   กูจำได้แค่คำนี้คำเดียว


“แต่ผมคงคิดถึงคุณ และคงคิดถึงมากๆๆ” พี่เบิ้มพูดด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม แต่ผมกลับเห็นแววตาที่เจือไปด้วยความเศร้า..


“กินยาก่อนครับ” เปลี่ยนเรื่องเถอะ


“ขอบคุณครับ” ยาแก้อักเสบแถมด้วยยาแก้ไข้เพราะตอนที่พี่เบิ้มกอดผมรู้สึกตัวพี่แกจะรุมๆ    กินกันไว้ก่อนไม่เสียหาย


ที่เบิ้มแดกยาด้วยสีหน้ามีความสุข ยามันขมนะพี่มึงจะยิ้มอะไรกันนักกันหนา เลยอดที่จะถามไม่ได้

“ยิ้มอะไรของคุณ”


“ผมดีใจที่คุณเป็นห่วงผม เตรียมยามาให้ผมด้วย” กูกลัวแขนมึงเน่าเหอะแล้วก็จะมาโทษว่ากูเป็นต้นเหตุ


“งั้นกลับกับเลยนะครับ ผมต้องกลับไปทำงานต่อส่วนคุณก็ควรจะนอนต่ออีกสักหน่อย”


“โอเค” นานๆจะว่าง่ายสักที แสดงว่าคงเหนื่อยจริงๆ







      เมื่อขับรถผ่านตลาดตาก็เหลือบเห็นรถขายขนมโตเกียวที่จอดขายอยู่หน้าตลาด  ใช่! พี่เบิ้มมึงต้องได้ลอง
รับรองอะเมซิ่งไทยแลนด์  ขนมโตเกียว ที่โตเกียวไม่มีขายแต่มีขายที่เมืองไทยนะ!

และเมื่อมองเข้าไปในตลาด อ่ะนั้นไง ลอดช่องสิงคโปร์!  ที่สิงคโปร์มีขายรึป่าวไม่รู้ต้องถามอีซูซี่ แต่ที่แน่ๆไทยแลนด์อ่ะมีขาย..
และก็เหมือนเคยพี่เบิ้มก็แดกได้อย่างเอร็ดอร่อย พร้อมความงุนงงและคำถามถึงที่มาของชื่อขนม   ซึ่งผมก็ให้คำตอบไม่ได้ ไว้ค่อยไปถามอากู๋ทีหลัง  เอาเป็นว่าของมันอร่อยก็แดกๆไปเหอะน่า


“คุณอยากทานเหรอครับ” ผมเห็นพี่เบิ้มจ้องข้าวเหนียวมะม่วงไม่วางตา


“ครับ ผมชอบ ข่าว เนียว มา ม่วง” เอิมมม แดกไปตั้งหลายครั้งเรียกชื่อไม่ถูกสักทีสิน่า


พี่เบิ้มได้ข้าวเหนียวมะม่วงมาสองกล่อง จากนั้นก็ถือโอกาสพาพี่เบิ้มเดินเที่ยวที่ตลาดซะเลยไหนๆก็มาแล้ว และนี่ก็เป็นครั้งแรกที่พี่เบิ้มได้มาเดินตลาดสด พี่แกก็ดูจะตื่นเต้นไม่น้อยและก็ถามผมไม่หยุดเมื่อเห็นผักหรือผลไม้ที่แปลกตา


“ป้านด อันนี้คืออะไรครับ” ขนุนไง ที่ลอนดอนไม่มีเรอะ     ว๊าย เชยยย


“Jackfruit อยากลองทานมั้ยครับ” ขนุนที่แม่ค้ากำลังแกะเพื่อแพ็คใส่ถุงสีเหลืองอร่ามดูน่ากิน แต่ผลไม้ที่มีกลิ่นแรงมักจะเป็นของแสลงสำหรับชาวต่างชาติ


“จิมได้เน้อ(ชิมได้นะ)” จากนั้นคุณป้าแม่ค้าก็ยื่นขนุนที่แกะเมล็ดออกแล้วให้กับพี่เบิ้มอย่างใจดี


“ลองชิมดูครับ ฟรี”  พี่เบิ้มหันมามองหน้าผมด้วยสีหน้าลังเล ผมจึงแปลให้อีกครั้งหนึ่ง


“ข่อบคุณขับ” พี่แกจึงเอ่ยขอบคุณด้วยสำเนียงที่เรียกรอยยิ้มจากคุณป้าแม่ค้ารวมไปถึงแม่ค้าแผงข้างๆด้วย

จากนั้นเหล่าบรรดาคุณป้าแม่ค้าก็ต่างลุ้นตัวโก่งว่าพี่เบิ้มจะถูกใจกับขนุนชิ้นนี้มั้ย  ลุ้นยิ่งกว่าลุ้นหวย!

“เป็นไงคุณ ทานไม่ได้ก็ไม่ต้องฝืนนะครับ”


“อะล่อย” หืม อร่อย?!


จากนั้นป้าๆแม่ค้าก็พากันปรบมือเกรียว ถูกอกถูกใจที่ฝรั่งกินขนุน!


“ป้าหื้อ ฟรี (ป้าให้ ฟรี)” จากนั้นป้าแม่ค้าก็ยื่นถุงขนุนให้กับพี่เบิ้ม


“No No” พอได้ยินคำว่าฟรีพี่เบิ้มก็เข้าใจความหมายได้ทันที จึงรีบปฏิเสธพร้อมกับยื่นแบงค์ยี่สิบให้กับแม่ค้าเพราะบนถุงที่ใส่ขนุนเขียนราคาไว้ตัวปากกาเมจิกสีน้ำเงินตัวเท่าบ้าน


“ไม่เป็นไรคุณรับไปเถอะเป็นน้ำใจของชาวบ้านที่นี่”


“ขอบคุณขับ” พี่เบิ้มเอ่ยขอบคุณพร้อมกับพนมมือไหว้อย่างสุดความสามารถ  เรียกรอยยิ้มจากป้าๆแม่ค้าได้อีกหน
..รวมถึงผมด้วย มองแล้วก็น่าเอ็นดูดีแฮะ!


“ขอบคุณนะครับป้า” ผมเอ่ยขอบคุณแม่ค้าขายขนุนอีกครั้ง


“บะเป็นหยังๆ น้องโจคดีเน้อมีแฟนหล่อขนาด (ไม่เป็นไรๆ หนูโชคดีนะมีแฟนหล่อมากเลย)”


“เปื้อนผมครับบะใจ่แฟน (เพื่อนผมครับไม่ใช่แฟน)” ทำไมต้องคิดว่าพี่เบิ้มเป็นแฟนผมด้วยวะ


“บะต้องอายๆ บะเด่วนี้ป้อจายกับป้อจายคบกันเป็นเรื่องปกติ ป้ามัก (ไม่ต้องอายๆ สมัยนี้ผู้ชายกับผู้ชายคบกันเป็นเรื่องปกติ ป้าชอบ)” ครับเป็นเรื่องปกติ แต่ผมไม่ได้เป็นแฟนกับพี่เบิ้มงายยยย

  แล้วป้าก็คงเป็นสาววายรุ่นเดอะสินะ หน้านี่ฟินเชียว


“ฝรั่งหยังมาหล่อแต้หล่อว่า เอานี้ไปจิมตวยป้าหื้อ (ฝรั่งอะไรหล่อมากกกกก เอานี้ไปชิมด้วยป้าให้)” ครับ!แล้วป้าแผงๆข้างก็ชื่นชมความหล่อของพี่เบิ้มด้วยปลาสลิดแดดเดียว!  โอ้ยยยยยป้า

จะปฏิเสธก็กลัวจะเสียน้ำใจก็ป้าแกเล่นเอาถุงที่ใส่ปลาสลิดแดดเดียวคล้องที่ข้อมือของผมให้เสร็จสรรพ     จากนั้นแม่ค้าแผงอื่นๆก็พากันกรูเข้ามาพร้อมกับน้ำใจคนละถุงสองถุง  มาหมดครับพืชผักสวนครัว หมูหมากาไก่!

แต่เดี๋ยวๆ คุณป้าขายดอกไม้ไม่ต้องก็ได้มั้ง พวงมาลัยดอกมะลิคล้องคอให้ด้วยคือไร? นี่มึงเป็นขวัญใจแม่ยกตลาดรึไง?!

ส่วนอีพี่เบิ้มก็รับของจากป้าๆแม่ค้าด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มผสมกับความมึนงง

..สาบานว่าจะไม่พามึงมาเดินตลาดอีก แม่งตลาดแตกยิ่งกว่าดารามาซะอีก!



กว่าจะหลุดออกจากตลาดได้ แทบตาย!


“คนไทยใจดีนะครับ” เมื่อขึ้นมาบนรถพี่เบิ้มก็เอ่ยด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม


“ครับ ชาวบ้านที่นี่น่ารัก”


“คุณก็น่ารัก”


“...”

อีกแล้วนะ ให้กูได้มีสมาธิขับรถหน่อยเถอะ









“พี่ณตซื้ออะไรมาเยอะแยะ วันนี้จะทำกับข้าวเหรอพี่” บีเอ่ยทักทันทีเมื่อเห็นผมและพี่เบิ้มหิ้วถุงพะรุงพะรังเข้ามาในร้าน


“ช่ายยย มาช่วยพี่คิดหน่อยว่าจะทำอะไรดี” โอ้ยกูเหนื่อยยย กูทำกับข้าวไม่เป็นนน


“อ้าวว  ซื้อของมาตั้งเยอะแต่ยังไม่มีเมนูเนี่ยนะพี่”


“ได้มาฟรีต่างหากล่ะ”


“จริงดิ แต่งงอ่ะ”


“เพราะคนนี้ไง” ผมหันไปทางที่เบิ้มอย่างหมั่นไส้ พี่เบิ้มได้แต่เลิ่กคิ้วอย่างสงสัย เหอะ คนอะไรจะฮอตขนาดแม่ค้าแม่ขายก็ไม่เว้น 


“อ๋อ~  เดี๋ยววันหลังบีพาเจเรมี่ไปตลาดด้วยดีกว่า จะได้ไม่ต้องเสียเงิน”


“งก”


“โด่ว น้อยกว่าพี่ณตหรอกน่า”


“เดี๋ยวเถอะ ไปทำงานเลยเดี๋ยวก็ตัดเงินซะหรอก”


“ไปแล้วจ้าๆ” เหอะ พนักงานมันกลัวผมซะที่ไหนล่ะ 




“ป้านด” ได้ยินกี่ทีๆก็แสลงหูทุกสีสิน่า แต่ก็ยังดีกว่าเรียกว่า ที่รัก ล่ะวะ


“ว่าไงครับ”


“เราจะทำยังไงกับของพวกนี้ดี” พี่เบิ้มหมายถึงของสดของแห้งมากมายที่กองอยู่บนโต๊ะที่ได้มาจากป้าๆแม่ค้าที่ตลาด


“นั้นสิ ผมทำอาหารไม่เก่งซะด้วย”


“แต่ผมทำเก่งนะ งั้นผมจัดการให้เอง”


“จะดีเหรอคุณ”


“ดีสิครับ ผมอยากลองชิมปลาหัวขาด” ปลาหัวขาด!  เขาเรียกปลาสลิดแดดเดียวพี่มึง


  ..โธ่ ความฝรั่งเขาล่ะ  แต่ก็น่าเอ็นดูดีแฮะ!


“ต้องเอาทอดครับถึงจะอร่อย”


“ครับ เดี๋ยวผมจะโชว์ฝีมือให้คุณดูเอง”  จ๊ะ กูก็อยากรู้เหมือนว่าคนที่ทำอาหารเป็นแต่ไม่เคยทำอาหารไทยแล้วต้องมาเจอวัตถุดิบอย่างไทยๆ มึงจะไปรอดมั้ย


“แต่ผมว่าตอนนี้คุณไปนอนพักก่อนเถอะ” เพราะหน้าพี่มึงตอนนี้โคตรเพลีย ถ้าหน้ามืดเป็นลมล้มพับขึ้นมาตัวเบิ้มเท่าควายเผือกขนาดนี้กูแบกพี่มึงไม่ไหวหรอกนะ


“ก็ได้ครับ ถ้างั้นห้าโมงเย็นเราไปยิมด้วยกัน แล้วเราชวนเพื่อนๆคุณมาทานข้าวด้วยกันดีมั้ยครับ” เหอะ ชวนมาทานหรือชวนมาช่วยทำกับข้าวกันแน่


“ตามใจคุณครับ”


“ที่รัก น่ารักที่สุด”   เกลียดมึง!












   ห้าโมงเย็นยังไม่เห็นพี่เบิ้มโผล่มาสักที รออีกสักนิดละกัน..

ห้าโมงครึ่งแม้แต่เงาก็ยังไม่เห็น ทำอะไรอยู่วะ เดี๋ยวกูก็ไปก่อนซะเลยหนิ

จะหกโมงแล้ว คนตรงเวลาอย่างที่เบิ้มไม่น่าเลท  หรือว่าจะตกส้วม!


“ก๊อกๆ”


“...”  เงียบ


“ก๊อกๆๆ”


“...” เงียบอีก


“เจเรมี่”


“...”  ผมลองโทรหาพี่เบิ้มได้ยินเสียงโทรศัพท์จากด้านในห้องแต่ไม่มีคนรับสาย

   
   ฉิบหาย หรือมึงจะตกส้วมจริงๆ   เฮ้ย หรือจะไหลตายวะ!


“เจเรมี่ๆ” ผมกระหน่ำเคาะประตูไม่หยุด จนในที่สุดเจ้าของห้องก็เปิดประตูด้วยใบหน้าที่ซีดเผือด


“ที่รัก” อ่าน้ำเสียงช่างแหบแห้ง


“คุณไม่สบายเหรอครับ” ไม่รอช้าผมรีบแตะหลังมือทบนหน้าผากของคนตัวสูงทันที   ร้อน!


“ผมโอเค”  โอเคกับผีน่ะสิ จะอวดเก่งไปถึงไหน


“ตัวคุณร้อนมาก เดี๋ยวผมจะเช็ดตัวให้คุณ”


“แล้วยิม กับอาหาร...” เอาตัวเองให้รอดก่อนเหอะ เสียงพูดแทบจะไม่มี ตัวก็ร้อนอย่างกับไฟ


“วันนี้พักก่อนครับ” ผมประคองพี่เบิ้มไปนอนที่เตียง จากนั้นก็ค้นหาอุปกรณ์ที่จะใช้เช็ดตัว ซึ่งแน่นอนว่าไม่มี!


“เดี๋ยวผมมานะคุณ ไม่ดีกว่า คุณลงบันไดไหวมั้ย ผมว่าคุณไปพักที่บ้านผมดีกว่า” จะเสียเวลาขึ้นลงทำไม พาพี่เบิ้มไปนอนที่บ้านผมก็สิ้นเรื่อง อุปกรณ์อะไรก็ครบครัน


“ครับ” พี่เบิ้มตอบรับด้วยเสียงอันแหบแห้งพร้อมกับรอยยิ้มดีใจที่แสนจะแห้งผาก  มึงก็ยังจะฝืนยิ้มเนาะ
 

“เอกมาช่วยพี่พาเจเรมี่ไปที่บ้านหน่อย” เมื่อลงบันไดจนถึงชั้นล่างผมก็เรียกให้เอกมาช่วยทันที  คนเดียวไม่ไหวหรอก  เพราะนี่มันควายเผือก!


“เขาเป็นไรอ่ะพี่”


“เป็นไข้ เร็วๆ” อย่าเพิ่งถามรีบมาช่วยกูก่อน  ขากูอ่อนหมดแล้วเนี่ย






“คุณเช็ดตัวหน่อยนะครับ” คนป่วยตอนนี้หมดแรงแม้แต่จะพูดได้แต่พยัคหน้าให้เบาๆ ถึงจะแข็งแรงแค่ไหนยังไงก็คน มีวันที่ป่วยได้เหมือนกันนั่นแหละน้า


   ผมค่อยๆเช็ดไปตามท่อนแขนแข็งแรง จากนั้นก็ย้ายไปที่แขนอีกข้างที่มีรอยแดงจากเหตุการณ์เมื่อคืน
เมื่อเห็นรอยแดงผมก็รู้สึกผิดขึ้นมาทันที นี่คงเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้พี่เบิ้มป่วย เมื่อคืนคงจะปวดแผลน่าดูแทนที่จะได้พักกลับต้องมาทำงานโต้รุ้ง แถมยังดื้อไม่ยอมนอนให้ผมพาไปกินข้าวจนได้ แต่ก็คงโทษพี่เบิ้มไม่ได้..เพราะผมเองที่ใจอ่อน


“ผมถอดเสื้อคุณนะครับ” แม้คนป่วยไม่พูดแต่ก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี จากนั้นผมก็ค่อยๆถูผ้าไปตามหน้าท้องที่เต็มไปด้วยมัดกล้าม  ไล่ขึ้นมาเรื่อยๆจนถึงแผงอกกำยำ ความร้อนของผิวกายเพราะพิษไข้ซึมเข้ามาในผืนผ้าทำให้หัวใจของผมเต้นรัวอย่างน่าประหลาด..

ผมจับให้พี่เบิ้มนอนตะแคงเพื่อเช็ดที่หลัง นี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้เห็นรอยสักบนแผ่นหลังนี้ใกล้ๆ

‘Follow your heart’     คำนี้คงจะความหมายพิเศษสำหรับพี่เบิ้มแน่ๆ

ผมจ้องมองตัวหนังสือบนแผ่นหลังนั้นอยู่นาน แล้วก็เหมือนมีแรงดึงดูดบางอย่างให้ผมค่อยๆลูบไล้ตัวหนังสือด้วยปลายนิ้วบนแผ่นหลังนั้นเบาๆ  อืมม..มันเป็นสัมผัสที่ผมก็อธิบายไม่ถูกเหมือนกัน


ไม่รู้สิ มันเหมือนว่าผมอยากจะลองรู้จักผู้ชายคนนี้ให้มากขึ้นกว่านี้ เผื่อลึกๆแล้วความรู้สึกของผมอาจจะไปในทิศทางเดียวกันกับพี่เบิ้มก็ได้..


“อืมมม”  ตายห่า ผมเผลอลูบรอยสักอยู่นาน จนพี่เบิ้มร้องครางออกมาเบาๆ


“ใส่เสื้อนะคุณ”


“คุณชอบรอยสักของผมเหรอที่รัก”


“ชู่ววว” เงียบเหอะพี่มึง เสียงไม่มีแล้วยังจะพูดมากอีก

รู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเองเลยแฮะ จากนั้นผมก็เช็ดตัวให้คนป่วยอย่างลวกๆ ก่อนจะหนีออกมาสูดอากาศข้างนอก

..ทำไมหัวใจถึงรู้สึกสับสนแบบนี้วะ?!











“เจเรมี่”


“อืออ”


“ทานข้าวครับจะได้ทานยา”


“ผมไม่หิวครับ ขอทานยาเลยได้มั้ย”


“ทานยาตอนท้องว่างได้ยังไงกันครับ ฝืนใจกินสักหน่อยนะ”


“คุณจะป้อนผมใช่มั้ยครับ”


“ครับ” ก็ต้องเป็นแบบนั้นสิ  ก็มึงเปลี้ยขนาดนี้กูไม่ใจร้ายขนาดนั้นหรอกน่า


พอได้ยินว่าผมจะป้อนให้พี่เบิ้มก็ลุกขึ้มานั่งพิงหัวเตียงอย่างว่าง่ายทันที..ป่วยการเมืองป่าวว่ะ?


“เอ่อ จับมือผมทำไมครับ”


“ผมต้องการกำลังใจ” นี่หรือคนป่วย?  ถ้ามีแรงจับมือกูได้ขนาดนี้ มึงก็จับช้อนตักข้าวเข้าปากเองเหอะ   แต่ที่ไม่สะบัดมือออกเพราะมึงป่วยหรอกนะ!

การป้อนข้าวพี่เบิ้มเป็นอะไรที่ยากลำบากมากครับ มือข้างหนึ่งก็ถูกมือหนาจับไว้แน่น บางทีก็ยกขึ้นมาลูบหลังมืออย่างกับมือผมเป็นหัวหมา    ส่วนอีดวงตาคู่สีเทาก็จ้องหน้าผมซะทำตัวแทบไม่ถูก ถ้าจะจ้องกูขนาดนี้ มึงกลืนกูลงท้องไปเลยเหอะ!


“คืนนี้คุณจะนอนกับผมใช่มั้ยครับ”


“ครับ”


“นอนบนเตียงด้วยกันใช่มั้ยครับ”


“ไม่ครับ”


“อ่า แต่ไม่เป็นไร นอนด้วยกันเดี๋ยวคุณจะติดไข้จากผม” จ๊ะ ถ้ากูติดก็คงติดไปนานละ ก็แม่งนั่งติดกูขนาดนี้แถมยังยื่นหน้ามาใกล้แทบจะเป็นหน้าเดียวกันอยู่แล้ว..สิงกูเลยมั้ยล่ะ?!!


“เจ็บคอมั้ย?”


“เจ็บครับ”


“ถ้างั้นก็เลิกพูดสักทีครับ” กูป้อนคำหนึ่งมึงก็ถามคำถามหนึ่ง เสียงแหบเหมือนเสียงเป็ดแม่งรำคาญหู


“ที่รัก~” อย่ามาตีหน้าเศร้า คิดว่าป่วยแล้วจะได้ผลเหรอ ฝัน!


“อิ่มแล้วใช่มั้ยครับ ถ้างั้นก็กินยาครับ”


“ขอบคุณนะครับที่รัก” ความร้อนจากริมฝีปากที่สัมผัสลงมาบนฝามือของผม ทำให้หัวใจของผมร้อนวาบขึ้นมาอย่างน่าประหลาด..









     วันนี้ผมปิดร้านเร็วและเคลียร์ทุกอย่างเสร็จไวกว่าปกติ เพราะกลัวคนป่วยที่นอนซมอยู่ที่บ้านจะตายห่าไปซะก่อน

เมื่อกลับมาที่บ้านพี่เบิ้มก็ยังคงนอนซมเพราะฤทธิ์ยาและพิษไข้ ผมจึงรีบจัดการธุระส่วนตัวของตัวเองให้เรียบร้อย จากนั้นจึงเช็คอาการคนป่วยอีกครั้ง


“อืออ กลับมาแล้วเหรอที่รัก” พี่เบิ้มรู้สึกตัวเมื่อผมเปิดไฟในห้องนอน


“เป็นยังไงบ้างครับ”


“ดีขึ้นครับ ไม่ปวดหัวแล้ว” ผมแตะที่แก้มของป่วยเพราะที่หน้าผากมีแผ่นเจลลดไข้แปะอยู่ ตัวไม่ร้อนเท่ากับตอนแรกดูเหมือนไข้จะลดลงแล้ว  สีหน้าก็ดูสดชื่นขึ้นเล็กน้อย แต่น้ำเสียงยังคงแหบแห้ง


“แต่เสียงของคุณไม่ดีขึ้นเลย เดี๋ยวผมหาอะไรอุ่นๆมาให้ดื่มดีมั้ยครับ”


“โอเค”


น้ำอุ่นผสมน้ำผึ้งมะนาวน่าจะช่วยให้ชุ่มคอได้ดีที่สุดในเวลานี้  ผมค่อยๆถือแก้วอย่างระมัดระวังที่สุดเพราะกลัวว่าเหตุการณ์เหมือนเมื่อคืนจะเกิดขึ้นซ้ำสอง

 
“ดื่มสักหน่อยนะครับ”


“ขอบคุณครับ...คุณรู้มั้ยนี่คือการป่วยในรอบสิบปีของผมเลยนะ แต่ผมรู้สึกดีมากเลยเพราะมีคุณดูแลอยู่ข้างๆมันทำให้ผมไม่อยากหายป่วยเลยล่ะ”


“...” มึงมันบ้า คนอะไรไม่อยากหายป่วย

   
“ที่รักคุณจะไม่ขึ้นมานอนบนเตียงกับผมจริงๆเหรอครับ”


“ไม่ล่ะครับ นอนเบียดกันเดียวคุณจะไม่สบายตัว”


“แต่ผมหนาว” มึงก็ห่มผ้าสิ


“เดี๋ยวผมเอาผ้าห่มมาเพิ่มให้ครับ”


“สัมผัสจากมนุษย์เป็นสัมผัสที่อุ่นที่สุดนะครับ” มึงอยากห่มหนังคนเรอะ?!


“...”


“นะครับที่รัก ขึ้นมานอนให้ความอบอุ่นแก่ผมหน่อย”


“...” อะไรคือความป่วย อะไรคือความเจ็บคอ ฮึ  เซ้าซี้จริง


“ที่รัก...”


“ชู่ววว” พอ! กูเกลียดเสียงแหบของมึง


   จากนั้นผมก็หยุดคนป่วยที่พูดมากด้วยการซุกตัวเองลงใต้ผ้าห่มผืนเดียวกับพี่เบิ้ม พร้อมกับกอดให้ความอบอุ่นอย่างที่คนป่วยต้องการพร้อมกับหัวใจที่ไหวหวั่น..

แล้วมันก็ได้ผลเพราะคนป่วยหุบปากลงทันทีแต่ใบหน้านั้นเต็มไปด้วยรอยยิ้ม เห็นแล้วก็น่าหมั่นไส้ 


..ความอบอุ่นจากมนุษย์อะไรกัน รู้ทั้งรู้ว่านี่เป็นแค่ข้ออ้างของพี่เบิ้มแต่สุดท้ายผมก็ยอมกอดแต่โดยดี..มันเพราะอะไรกันน้า?!





  TBC.

………………………………………………………………

 มาแล้ว..และก็มาช้าอีกเช่นเคย เค้าขอโต๊ด T_T
 ป้านดของเราเริ่มหวั่นไหวแล้วเน้อ^^



หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทที่ 10 เพราะความป่วย.. [26-10-18] p.4
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 26-10-2018 23:21:24
ป้านดน่าร้ากกกกกกก เจเรมี่ก็น่าร้ากกกกกกกกก :impress2:
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทที่ 10 เพราะความป่วย.. [26-10-18] p.4
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 27-10-2018 00:12:28
อยากได้แบบพี่เบิ้มบ้างอ่ะป้านด


 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทที่ 10 เพราะความป่วย.. [26-10-18] p.4
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 27-10-2018 07:47:05
พี่เบิ้มนี่ร้ายจริงๆ ขอบอก แต่ป้านดก็ทำอะไรไม่ได้ต้องตามใจ น่ารักฝุดๆ คู่นี้
 :mew3: :mew3:  :mew3:
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทที่ 10 เพราะความป่วย.. [26-10-18] p.4
เริ่มหัวข้อโดย: patompong888 ที่ 27-10-2018 18:57:34


่  คนป่วยน่ารัก คนดูแลคนป่วยก็น่ารัก  :katai2-1:




หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทที่ 10 เพราะความป่วย.. [26-10-18] p.4
เริ่มหัวข้อโดย: fairy ที่ 28-10-2018 10:21:04
 :o8:
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทที่ 10 เพราะความป่วย.. [26-10-18] p.4
เริ่มหัวข้อโดย: skykick ที่ 28-10-2018 18:57:40

 เป็นคู่ที่น่ารักมากกก :katai2-1:





หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทที่ 10 เพราะความป่วย.. [26-10-18] p.4
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 29-10-2018 07:00:42
ขอบคุณครับ +1 ให้กำลังใจคนเขียนครับ o13
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทที่ 10 เพราะความป่วย.. [26-10-18] p.4
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 30-10-2018 12:26:35
ติดตามๆ
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทที่ 11 ใจบางๆ [11-11-18] p.4
เริ่มหัวข้อโดย: MA_LEE ที่ 11-11-2018 20:07:35


บทที่11 ใจบางๆ






“ที่รัก”


“...”  เสียงใคร?  น่ามคาน!


“ที่รัก ตื่นได้แล้วครับ”


“อื่อ” ตัวอะไรมาไต่ที่แก้มวะ คนจะหลับจะนอน วุ่นวายกูจริงเชียว


หนัก!  ขยับตัวไม่ได้!  …ผีอำ!!


     เฮือกกก!..


“คุณจะทำอะไร?!”  ไอ้สัดไม่ใช่ผี แต่เป็นควาย  ควายเผือกมันกำลังนั่งทับบนตัวกู!


“ปลุกคุณไงที่รัก” ไอ้ควายยย  ใครเขาปลุกด้วยการขึ้นมานั่งค่อมกันแบบเน้!

ยัง..ยังไม่ยอมลงจากตัวกูอีก แถมหน้าตาก็หน้าก็ระรื่นสุดๆ อยากตบให้คว่ำนัก แต่ทำไม่ได้ไงก็ควายมันนั่งทับอยู่   ฮึม


“ลุกออกจากตัวผมได้แล้วคุณ”


“ตัวผมหนักเหรอคุณ” ก็เออสิวะ  กล้าถามมมม 

ผมได้แต่กลอกตา ทำหน้าบอกบุญไม่รับสุดขีดพี่เบิ้มถึงยอมลุกออกจากตัวผม แต่ก็ยังเนียนนอนกอดแขนผมไม่ยอมปล่อย


“หายดีแล้วเหรอคุณ” ดูจากสีหน้าที่ระรื่นเกิดเหตุกับการกวนประสาทแต่เช้าแบบนี้คงจะหายดีเป็นปลิดทิ้งแล้วล่ะ


“ดีขึ้นมากครับ แต่ไม่รู้ว่าตัวยังร้อนอยู่มั้ย คุณเช็คให้หน่อยสิครับ” คิดว่าสายตาออดอ้อนมันเข้ากับสารร่างถึกๆของมึงรึไง?


“ไม่ร้อนแล้วครับ” ผมแตะที่หน้าผากของพี่เบิ้มเบาๆ คือจริงๆไม่ต้องเช็คดูก็ได้ก็พี่แกเล่นกอดแขนผมซะแน่นขนาดนี้ก็รู้แล้วว่าตัวร้อนหรือไม่ร้อน


“เช็คแบบนี้มันก็ไม่รู้เรื่องสิครับ มันต้องทำแบบนี้..” จากนั้นพี่เบิ้มที่นอนกอดแขนผมอยู่ข้างๆก็เลื้อยขึ้นมาบนตัวผมก่อนจะแนบหน้าผากจรดลงกับเรียวปากของผมที่ตอนนี้นอนตายซากเป็นสากกระเบือ


“...”


“เป็นไงครับ ตัวผมยังร้อนอยู่มั้ย”  ร้อน!  หน้ากูนี่แหละร้อน ใครก็ได้ช่วยดับไฟที่หน้าผมด้วยยยยย


“พอเลยคุณ ผมจะไปอาบน้ำ” ผมใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดที่เหลืออยู่ดันอีควายเผือกให้ออกไปให้พ้นตัว ไม่อย่างนั้นผมตายแน่ๆ..ไม่ไหวๆ หัวใจผมมันกำลังทำงาหนักเกินไป


“อาบด้วย”


“เจเรมี่ เลิกล้อเล่นได้แล้ว”

เมื่อเห็นสายตาที่จริงจังของผมพี่เบิ้มก็หน้าหงอลงทันทีก่อนจะล้มตัวลงนอนอีกรอบพร้อมกับห่มผ้าจนมิดหัว

ให้ตาย! นี่มันทำคุณบูชาโทษชัดๆ กูเฝ้าไข้คอยลุกมาเช็ดตัวให้มึงทั้งคืนแถมยังต้องมาเป็นหมอนข้างให้มึงกอดถึงเช้า ตื่นแล้วยังกวนประสาท แล้วตอนนี้มึงมางอนกูเนี่ยนะ  ฝันไปเหอะว่ากูจะง้อ!


อ้าว! มึงก็เดินไปห้องน้ำสิวะไอ้ณต  มึงจะเดินกลับมาที่เตียงทำไม?! 


“คุณ”


“...”


“ทานอะไรดีครับเช้านี้” อย่างควายเผือกก็ต้องเอาของกินเข้าล่อ


“...” เงียบ  ผมจึงเดินมาที่ข้างเตียงก่อนจะหย่อนตูดนั่งลงบนพื้น  ..แล้วทำไมกูต้องง้อกูต้องแคร์มึงด้วยเนี่ย?!   บ่เข้าใจเลย??


“คุณณณ” สะกิดก็แล้วเขย่าก็แล้วมันก็ยังนิ่ง หรือว่าจะขาดใจตายหมกอยู่ในผ้าห่มวะ


ผมจับปลายผ้าห่มค่อยๆเลื่อนมันลงมา แล้วใบหน้ากลั้นยิ้มของไอ้ควายเผือกก็ปรากฏสู่สายตา


  ..ไอ้พี่เบิ้ม มึงแกล้งกู!


“เดี๋ยวสิที่รัก” ที่รักพ่อง กูเกลียดมึง! 


“ปล่อยครับ” ผมรีบสะบัดข้อมือออกจากฝ่ามือหนาที่แข็งแรงประดุจดั่งคีมตัดเหล็กผสมกับแรงควายเผือก คิดเหรอว่าจะหลุด..ก็ไม่หลุดน่ะเซ่!


“อย่าโกรธผมเลยนะครับ ก็คุณน่ารักแบบนี้ไงผมถึงอยากแกล้ง” ว่าแล้วพี่แกก็กระตุกข้อมือผมเพียงน้อยนิดตัวผมก็ลงไปซบแหมะอยู่บนอกหนาของไอ้ควายเผือก   ฮือออ  กูสู้มึงไม่ได้เลย T_T


   
       เอาล่ะ..กูยอมแพ้ 


“คุณต้องการอะไร”


ต้องการคุณ


“ผะ ผมก็อยู่นี่ไง จะต้องการอะไรอีก” กูเกยอยู่บนอกให้มึงจ้องตาอยู่เนี่ย  ให้ตาย!


ทั้งตัวและหัวใจ


“...” 


“ที่รักผมชอบคุณ..ไม่สิผมรักคุณ ยิ่งคุณดูแลตอนผมป่วยผมยิ่งรักคุณ คุณห่วงผม คุณน่ารัก คุณใจดี บางทีคุณก็ตลก ยิ่งตอนที่คุณทำหน้าเหวอหรือหน้าเหวี่ยงเวลาที่ผมแกล้งคุณมันยิ่งน่ามอง และน่ามองและน่ารักมากขึ้นไปอีกตอนที่คุณเขินจนหน้าแดงเหมือนตอนนี้ไงครับ..ที่รัก”


“...” ใช่ผมกำลังหน้าแดง และกำลังเขินสุดๆ ก็ใครเล่นให้พี่มึงบอกรักกันโต้งๆแบบนี้กันเล่า  และโดยเฉพาะน้ำเสียงที่เอ่ยออกมามันลึกซึ้ง อ่อนโยนแต่ทว่ากลับดูจริงจัง ไม่มีแววขี้เล่นเลยสักนิด  และลมหายใจที่เป่ารดอยู่ข้างหูมันทำให้หัวใจเต้นแรงเป็นบ้า!


“ผมจีบคุณอยู่นะครับ บอกอีกครั้งเผื่อคุณจะลืม”


“ผะ ผมรู้” กูไม่ได้ลืม แต่แค่ไม่อยากจะเชื่อแค่นั้นเอง


“ชอบกันบ้างยัง?”


“...” ชอบเหรอ? ไม่รู้สิ จะบอกยังไงดีล่ะ


“ที่รัก บอกผมหน่อยได้มั้ยครับ ว่าคุณรู้สึกยังไง”


“ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน”


“...”


“ผมไม่ได้รังเกียจคุณนะ แต่ชอบหรือป่าวนั้นผมก็ไม่รู้ คงต้องรู้จักคุณให้มากกว่านี้มั้งถึงจะตอบได้ว่าชอบรึป่าว” อ่า พูดไปแล้ว..


“หมายความว่า..คุณจะลองศึกษาผมให้มากกว่านี้  คือ..เปิดใจให้ผมใช่มั้ยครับ” น้ำเสียงนั้นช่างตื่นเต้น


“...” แบบนั้นละมั้ง ดูๆกันไปก่อนอะไรทำนองนั้น ก็กูไม่เคยมีแฟนมาก่อนนี้หว่า ไม่เคยจีบใคร แล้วก็ไม่เคยมีใครมาจีบด้วยเลยไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงบ้าง

และจริงๆแล้วความรักมันคืออะไร ผมก็ยังไม่ค่อยเข้าใจมันเท่าไหร่..


“ที่รักตอบผมหน่อย”


“ประมาณนั้นครับ”


“Thank God! ” ดีใจขนาดขอบคุณพระเจ้าเลยเหรอวะ กูยังไม่ได้ตกลงเป็นแฟนกับมึงสักหน่อย แค่เปิดใจเฉยๆนะ


“แต่ผมขออะไรอย่างหนึ่ง คุณอย่าถึงเนื้อถึงตัวผมมากได้มั้ย ผมยังไม่ได้เป็นแฟนคุณสักหน่อย”


“ก็ผมดีใจ อยากฟัดคุณจะแย่” ไอ้ห่า ตอนนี้มึงก็กำลังทำอยู่! หน้ามึงจมไปในซอกคอกูแล้ววววว

ทำไมคำพูดกับการกระทำของมึงมันถึงสวนทางกันวะ


“Stop!” โอ้ยยย ตัวกูอ่อนยวบไปหมดแล้วเนี่ย  หยุดเหอะพี่เมิงงง


“โอเคๆ ผมจะไม่ทำแบบนี้อีกถ้าคุณไม่อนุญาต” 


“ดีครับ ถ้างั้นก็ปล่อยผมได้แล้ว”


“แต่..”  แต่ คำนี้ช่างน่ากลัว


“...”


“มัดจำไว้ก่อนนะครับ” 


     ..มัดจำด้วยลิ้น! 

  มันคือจูบ จูบที่ไม่เหมือนครั้งก่อนๆที่พี่เบิ้มเคยจูบผม ไม่ใช่แค่ปากชนปาก

มันคือจูบที่ลึกซึ้งวาบหวามเรียวลิ้นร้อนที่สอดเข้ามาในโพรงปากของผมไม่ต่างจากการเกี่ยวสัญญาว่าผมคิดที่จะเปิดใจแล้วจะถอยอีกไม่ได้แล้ว..อ่า แบบนี้สินะที่เรียกว่าจูบ มีใครเคยตายเพราะจูบบ้างมั้ย?

ถ้ายังไม่มี ผมน่าจะเป็นคนแรกที่ตายเพราะจูบ..ร่างกายตอนนี้นอนแน่นิ่งเหมือนถูกสูบวิญญาณออกจากร่างและทุกอณูของร่างกายก็พร้อมจะระเบิดได้ทุกเมื่อ..


..ผมกำลังจะตาย  อาเมน














“ที่รัก นี่มันปลาหัวขาดนี่” มึงจะดีใจอะไรเบอร์นั้น ปลาสลิดแดดเดียวกินกับข้าวต้มนี่แหละเหมาะสุด


“ปลา  สลิด  แดด  เดียว”


“ป่า สลิ่ด แด่ด เดี๋ยว”


“โอเค ปลาหัวขาด”  กูยอม


“คุณทอดเอง?”  เหอะ ถ้ากูทอดเองไม่เละก็ไหม้


“ป่าวครับ ผมให้ป้าแม่บ้านทอดให้” ผมพูดพร้อมกับแกะเนื้อปลาแล้ววางในชามข้าวต้มของพี่เบิ้ม

..ไม่ได้ใส่ใจแค่อยากให้ลองชิม อย่าคิดมากกันนะครับ 


“อืมมม ปลาหัวขาดอร่อย รสคล้ายๆแซลมอนรมควัน”  ลิ้นมึงเสียเรอะ?


“ค่อยๆทานครับ ระวังก้างด้วยคุณ”


“ที่รัก~ คุณเป็นห่วงผม” กูกลัวก้างติดคอมึงแล้วมาตายห่าในบ้านกูต่างหากล่ะ สวาปามไม่สมกับเป็นผู้ดีอังกฤษเลยสักแอะ   ไอ้ฝรั่งเสินเจิ้น!


“ยังเจ็บคออยู่มั้ยคุณ”


“นิดหน่อยครับ”


“งั้นก็อย่าดื่มน้ำเย็นสิคุณ”


“sorry ผมเผลอ”


“ยิ้มอะไรองคุณ” ปลาหัวขาดมันอร่อยขนาดนั้นเลยเหรอวะ


“ผมมีความสุข”


“...”


“นานแล้วที่ไม่มีคนคอยใส่ใจผมแบบนี้”


“เอ่อ..” อยากถามแต่ก็ไม่กล้า..


“คุณถามผมได้ที่รัก คุณมีสิทธิ์ที่จะรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับตัวผม”


“...” ได้ฟังแบบนี้ยิ่งพูดอะไรไม่ออก กูสำคัญขนาดนั้นเลยเหรอวะ..อ่า ใจเต้นแรงจัง


“ให้ตาย! ที่รักคุณเขินแล้วน่ารักเป็นบ้า แก้มคุณแดงเหมือนเชอร์รี่ ”


“...” ยิ่งมึงพูดหน้ากูก็ยิ่งร้อน จากหน้าแดงเดี๋ยวก็คงจะเป็นหน้าดำ


“เชอร์รี่ ผมจูบนะครับ” เชอร์รี่! แต่ละชื่อที่มึงเรียกกูฟังแล้วไม่รื่นหูเลยสักนิดให้ตายสิ 

แต่เดี๋ยวนะ ประเด็นมันไม่ได้อยู่ที่ชื่อป่าววะ เมื่อกี้พี่เบิ้มมันขออะไรนะ  ..จูบ!


“No!”


“ทำไมล่ะครับ ผมขออนุญาตคุณแล้วนี่ครับ”


“แต่ผมไม่อนุญาต” มึงจะบ้าเรอะ ขอก่อนแล้วใช้ว่ากูจะยอมนะเว้ย


“ก็ได้ครับ” อย่ามาทำเสียงอ่อย กูไม่ใจอ่อนหรอก


“รีบทานข้าวเลยคุณจะได้ทานยา” เดี๋ยวไข้มึงกลับก็ลำบากกูอีก


“คุณไม่ถามเรื่องของผมแล้วเหรอครับ”


“ทานข้าวก่อนเถอะครับ” อยากรู้แต่ไม่อยากถาม และยิ่งคุยมึงก็ยิ่งทำให้กูปั่นป่วน


“งั้นเอาแบบนี้ครับ คืนนี้ผมจะเล่าเรื่องของผมให้คุณฟังถึงเช้าเลย” คืนนี้? ถึงเช้า? หมายความว่ามึงจะนอนกับกูอีกแล้วเหรอ?!


“ไม่เป็นไรครับ ไว้ค่อยเล่าก็ได้”


“ไม่ได้ครับ คุณจะได้รู้เรื่องราวเกี่ยวกับผมไงเชอร์รี่” กูเกลียดชื่อนี้ แล้วก็เกลียดตัวเองด้วย..กูปฏิเสธมึงไม่ได้เลยจริงๆ ให้ตาย!















“คุณไม่ไปนอนพักเหรอครับ” ตั้งแต่ผมเปิดร้านพี่เบิ้มก็นั่งอ่านหนังสืออยู่ในร้านไม่ยอมขยับเขยื่อนไปไหน


“ผมเหงา” เพ้ออะไรของมึงอีก หรือว่าไข้จะกลับ?


“คุณเพิ่งจะหายไข้ น่าจะนอนพักอีกสักหน่อย” 


“ถ้าผมไม่เห็นหน้าคุณ ผมต้องไข้ขึ้นอีกแน่ๆ ขออยู่ใกล้ๆคุณแบบนี้นะครับ” ให้ตาย!


“ผมไม่ใช่ยานะคุณ”


“you’re the Tylenol I take when  my head hurts” กูว่าประโยคนี้มันคุ้นๆนะ


“ไม่ใช่ละคุณ นั้นมันเพลง”


“You're the coffee that I need in the morning

You're my sunshine in the rain when it's pouring

You're my water when I'm stuck in the desert

You're the Tylenol I take when my head hurts

You're the sunshine on my life

ทำไงดีกลับลอนดอนผมต้องเป็นบ้าเพราะคิดถึงคุณแน่ๆที่รัก”


มึงร้องเพลงเลยเหอะถ้าจะลอกประโยคในเพลงมาขนาดนี้..แล้วไม่ต้องรอกลับบ้านมึงหรอก ตอนนี้มึงก็บ้าแล้วล่ะ! 



กำลังคิดว่าจะเถียงกับคนบ้ายังไงดี ก็มีคนบ้าเพิ่มมาอีกหนึ่งให้ปวดหัว


“Hi Jeremy”


“Hi Susie”


อีซูซี่เดินเข้ามาสวมกอดพี่เบิ้มโดยเมินผมตามสเต็ป  ..น่าเตะตัดขาให้ร่วง!


“หายไข้รึยังคะ” จากนั้นมันก็วัดไข้พี่เบิ้มด้วยการเอาหน้าผากแนบหน้าผาก..ไม่น่าเตะตัดขาแล้วล่ะ น่าจะตัดขาให้ขาดไปเลยมากกว่า! หมั่นไส้นัก


“หายแล้วครับเพราะมีคนดูแลดีเป็นพิเศษ” ไอ้พี่เบิ้มนี่ก็อีกคนไม่พูดเปล่ามีขยิบตาให้กูด้วย   จกตาบอดแม่ม!


“อุ๊ย ใครเหรอค่ะ” มึงถามได้ตอแหลมาก


“ก็ที่รักของผมไงครับ เขาค่อยเช็ดตัวให้ผมทั้งคืนแล้วเราก็นอนกอดกันถึงเช้า” มึงไม่ต้องสาธยายขนาดนั้นก็ได้มั้ง


“อุต๊ะ แรดไม่เบานะเราน่ะ” แน่นอนว่าพี่เบิ้มฟังไม่ออกเพราะอีซูซี่มันพูดภาษาไทย


“มึงสิแรด”


“คุยอะไรกันครับ” นี่ก็สาระแน ไม่รู้สักเรื่องจะตายมั้ย?


“ณตบอกซูซี่ว่าชอบกอดของคุณค่ะ” กูบอกมึงแรด  นี่มึงแปลออกทะเลจีนใต้แล้วทะลุมาที่กูได้ไงวะ?!


“จริงเหรอครับงั้นคืนนี้เรานอนกอดกันอีกนะครับ”  มึงก็เชื่อ? 


จะบ้าตาย คุยกับคนบ้าแล้วกูประสาทจะแดก..


“แล้วแขนไปโดนอะไรมาคะ” อีซูซี่ถามพร้อมกับลูบรอยแดงนั้นเบาๆ  เห็นแล้วหงุดหงิดว่ะ?!


“อ่อ นี่คือร่องรอยแห่งรัก”  ส่วนไอ้ควายเผือกก็ตอบด้วยความภาคภูมิใจ  เพ้ออะไรของพี่มึง?     


“ร่องรอยแห่งรัก?” อีซูซี่พูดพร้อมกับหันมามองหน้าผมอย่างสงสัย


“พี่แกโดนน้ำร้อนลวก”


“มึงทำ?”


“มันเป็นอุบัติเหตุ”


“มึงมันเลวร้ายมาก ไม่ยอมให้เขาจีบก็ไม่เห็นต้องทำร้ายร่างกายกันแบบนี้ ดูสิแขนล่ำๆแปดเปื้อนหมด” ไปกันใหญ่ล่ะ ได้ฟังที่กูพูดบ้างมั้ยเนี่ย


“หูมึงบอดรึไง กูบอกว่ามันเป็นอุบัติเหตุ”


“ไม่ต้องมาแก้ตัว มึงต้องรับผิดชอบ”  อยากตายมีเพื่อนฟังภาษาคนไม่รู้เรื่อง


“น่ารำคาญ จะให้กูรับผิดชอบอะไรมิทราบ”


“ยอมให้คุณบอสจีบซะดีๆ”


“ก็..ไม่ได้ไม่ยอมหนิ”


“อร๊ายยย จริง?!”


“อือ” เขินโว้ยยย


“อร้ายยย ดีใจเพื่อนจะมีผัวล้าววว” ผัวพ่อง!


แล้วไอ้ชาติก็สติหลุดก่อนจะหันไปยินดีปรีดากับพี่เบิ้มที่นั่งงงเป็นไก่ตาแตกก่อนจะเข้าใจสถานการณ์แล้วจึงกอดอีซูซี่ด้วยความปลื้มปริ่ม 

นี่พวกมึงเข้าใจอะไรผิดรึป่าววะ กูแค่ยอมให้จีบยังไม่ได้ตกลงปลงใจเป็นแฟนสักหน่อย..นี่ถ้ากูยอมเป็นแฟนพวกมึงจะไม่ปิดซอยเลี้ยงเลยเหรอวะ!


จากนั้นผู้มาเยี่ยมไข้ก็ขอตัวกลับไปลุ้นหวยที่บ้าน พร้อมกับกาแฟอีกสองแก้ว คิดว่ามันชื้อเหรอ หึ ฟรี!

พอพูดถึงหวย อีพี่เบิ้มก็มีหวยอยู่สิบใบนี่หว่า ขอให้ได้ขอให้โดนละกัน กูจะได้แดกฟรี   ฮ่า







“เชอร์รี่”


“ผมเกลียดชื่อนี่”


“ที่รัก”


“...” เฮ้อ! อยากเรียกอะไรก็ตามใจพี่มึงเลย


“ผมอยากให้ถึงตอนกลางคืนเร็วๆจัง”


“ทำไมครับ?”


“จะได้นอนกอดคุณไงครับ ตัวคุณนุ่มนิ่มแล้วก็หอมด้วย ผมชอบ” มึงแอบด่ากูว่าอ้วนป่าววะ?


“ผมมีตุ๊กตาตัวใหญ่แล้วก็นุ่มด้วย ผมจะเอาให้คุณไว้กอดตอนนอนนะครับ”


“No!  ผม จะ กอด คุณ”


“แต่ผมไม่อนุญาต ทำไมต้องนอนกอดกันด้วยล่ะครับ” แค่กูยอมให้นอนด้วยอีกคืนก็บุญโข


“ผมสัญญาว่าจะกอดอย่างเดียว ไม่ทำอะไรมากกว่านั้น นะครับ”


“...”


“นะครับ”


“...”


“นะครับที่รัก”


“ก็ได้ๆ แค่กอดนะครับ” กูยอมมึงอีกจนได้  ดวงตาคู่สีเทาของพี่เบิ้มมันมีพลังทำลายล้างสูงทำให้ใจของผมบางได้อย่างน่ากล้ว!


..คงได้แต่สวดภาวนาขอให้คืนนี้แคล้วคลาดปลอดภัยจากควายเผือก ขอให้มันแค่นอนกอดอย่างเดียวด้วยเถอะ..อาเมน






 TBC.

.............................................................

 มาแล้วค๊า มาช้ายังดีกว่าไม่มาเน๊อะ   แหะๆ
- ป้ายอมเปิดใจล้าววว
-บทหน้ามาลุ้นกันว่าพี่เบิ้มจะแค่นอดกอดป้านดรึป่าว!!

 ปล. Best Part - Daniel Caesar feat. H.E.R.  เพลงที่พี่เบิ้มเพ้อ https://www.youtube.com/watch?v=iKk6_2-AAGc
 (https://www.youtube.com/watch?v=iKk6_2-AAGc)


หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทที่ 11 ใจบางๆ [11-11-18] p.4
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 11-11-2018 22:38:30
 :L2: :L1: :pig4:

น่ารัก
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทที่ 11 ใจบางๆ [11-11-18] p.4
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 12-11-2018 10:42:00
เจอแบบนี้เป็นเราก็ยอมเหมือนกันแหล่ะ
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทที่ 11 ใจบางๆ [11-11-18] p.4
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 12-11-2018 18:08:01
โอ้ยย พี่เบิ้มคำพูดคำจา อ่อยซะ แบบคนโดนก็ตั้งตัวไม่ติด
หลวมตามไปโดยไม่รู้ตัว ป้าณตก็ ทำตามเขาหน่อยนะ อิอิ
 :really2: :really2:
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทที่ 11 ใจบางๆ [11-11-18] p.4
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 12-11-2018 21:18:50
เป็นยักษ์ขี้อ้อนอ่ะ ฮืออออออออ :-[
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทที่ 11 ใจบางๆ [11-11-18] p.4
เริ่มหัวข้อโดย: patompong888 ที่ 13-11-2018 15:15:19
 


  ป้านดไม่น่ารอด!!    :katai5:




หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทที่ 11 ใจบางๆ [11-11-18] p.4
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 15-11-2018 09:44:33
รอๆ
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทที่ 11 ใจบางๆ [11-11-18] p.4
เริ่มหัวข้อโดย: JanTi ที่ 16-11-2018 23:11:08
พี่เบิ้มน่ารัก เต๊าะตลอด เขิลแทนป้านด
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทที่ 11 ใจบางๆ [11-11-18] p.4
เริ่มหัวข้อโดย: fairy ที่ 19-11-2018 23:06:07
 :mew6:
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทที่ 11 ใจบางๆ [11-11-18] p.4
เริ่มหัวข้อโดย: skykick ที่ 22-11-2018 11:22:01
 น่ารัก  :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทที่ 12 ไม่รู้ด้วยแล้ว..ใจ [25-12-18] p.4
เริ่มหัวข้อโดย: MA_LEE ที่ 25-12-2018 19:59:58

บทที่12 
ไม่รู้ด้วยแล้ว..ใจ







        ‘กริ๊งงงงงง’   


     ผมถูกปลุกด้วยเสียงนาฬิกาปลุกเจ้าเก่าเจ้าเดิมเหมือนเฉกเช่นทุกเช้าพร้อมกับดวงอาทิตย์ที่กำลังโผล่พ้นเส้นขอบฟ้า
ความงัวเงียในคราแรกเริ่มหายไปเมื่อสติเริ่มตื่น จากนั้นผมก็เริ่มสำรวจร่างกายว่ายังอยู่ครบ32ประการรึป่าว หรือว่าโดนควายเผือกมันแทะเล่นจนเหลือแต่กระดูกไปแล้วกันแน่


  ..ครบ


เสื้อผ้า หน้า ผม แขนขา ยังอยู่ดี ชื้นใจขึ้นมาหน่อยที่อีพี่เบิ้มนอนอยู่บนเตียงไม่ได้ลงมานอนเบียดผมที่ฟูกด้านล่างเหมือนที่เคยทำ 

และแล้วก็แคล้วคลาดปลอดภัยจากควายเผือก..ขอบคุณพระเจ้า


   ..ซะที่ไหนล่ะ!!



   เมื่อยืนเปลือยอยู่หน้ากระจกในห้องน้ำก็ต้องตกใจเมื่อเห็นรอยแดงเป็นจ้ำๆอยู่ทั่วบริเวนหน้าอก กูเป็นโรคอะไรล่ะเนี่ย!

มดกัด?  เห็บหมากัด?  หรือว่า..เห็บควายเผือกกัด ต้องใช่ ต้องใช่มันแน่ๆ


Damn !!


“Jeremy!” ผมออกจากห้องน้ำโดยไวแล้วตะโกนเรียกอีพี่เบิ้มสุดเสียง 


“ว่าไง..ที่รัก” อีพี่เบิ้มตกใจตื่นพูดด้วยน้ำเสียงสลึมสลือ


“คุณทำอะไรกับหน้าอกผม” ด้วยความโมโหทำให้ผมออกจากห้องน้ำด้วยการนุ่งผ้าขนหนูเพียงผืนเดียว และกำลังยืนชี้หน้าอกตัวเองต่อหน้าไอ้ควายเผือกที่ตอนนี้ดวงตาคู่สีเทาแทบถลนออกจากเบ้า


“ผม ผมเปล๊า  เอ่อ คุณเป็นภูมิแพ้รึป่าว” มีเสียงสูงซะด้วย  ถ้าจะแพ้ก็คงแพ้ควายเผือกอย่างมึงนี่แหละ


“แน่ใจนะว่าคุณไม่ได้ทำอะไรผม” ผมคาดคั้นพี่เบิ้มด้วยใบหน้าที่คิดว่าบึ้งตึงสุดขีด เผื่อไอ้ควายเผือกมันจะยอมรับสารภาพ  ..แต่ก็ไม่เป็นผล


“แน่ใจ๊”  เกลียดคีย์เสียงของมึงจริงๆ


ในเมื่อไม่ยอมรับและไม่มีหลักฐาน จึงทำได้เพียงแค่หรี่ตามองผู้ต้องสงสัยอย่างจับผิดที่ตอนนี้กำลังทำหน้าตาหื่นกระหายสุดๆ

 
“ที่รัก..ผิวคุณสวยเป็นบ้าเลย ผมน่าจะคิสมาร์กมากให้ทั่วทั้งตัวไปเลย” อีพี่เบิ้มพูดพึมพำพร้อมกับจ้องหน้าอกผมไม่วางตา

 
   เดี๋ยวก่อนๆ เมื่อกี้มึงพึมพำว่าอะไรนะ?!


“คิสมาร์ก!”   ผมตะโกนเสียงดังลั่นด้วยความตกใจปนโมโห 

ให้ตาย! อีพี่เบิ้มมึงลักหลับกู   โอ้ววว ลมแทบจับ


“ผมขออนุญาตคุณแล้วนะครับ แต่คุณไม่ตอบ ผมก็เลยคิดว่าคุณคงตกลง” มึงแก้ตัวแบบนี้ก็ได้เหรอแถมยังหน้าตายอีกต่างหาก
 
อยากจะเอาฟันเฉาะหน้ามึงสักแผล แน่สิกูไม่ตอบเพราะกูหลับไง แถมยังหลับลึกขนาดมึงแทะอกกูยังไม่รู้เรื่องรู้ราว  จะบ้าตายนี่กูแดกยานอนหลับเข้าไปรึไง!

“คุณกลับห้องของคุณไปก่อนเหอะ ผมยังไม่อยากคุยกับคุณตอนนี้” ผมพูดพร้อมกับเดินเข้าห้องน้ำ ไม่สนว่าไอ้คนที่นั่งบนเตียงมันพร่ำอะไรออกมา  บอกได้คำเดียว ว่ากู โกรธ!


อะไรคือการอย่าถึงเนื้อถึงตัว อะไรคือการขออนุญาต มึงเล่นแทะอกกูซะพรุนขนาดนี้  กูควรจะเปิดใจให้มึงต่อดีมั้ย  ฮึ




     
     ยืนสำรวจตัวเองที่หน้ากระจกอีกครั้ง ลมก็แทบจับอีกหน ไอ้ควายนี่มึงล่อทั้งหน้าเอหน้าบีเลยเรอะ
มันไม่ใช่แค่หน้าอกเท่านั้นที่แผ่นหลังก็เต็มไปด้วยรอยแดงเต็มไปหมด   ฮืออออ  พระเจ้าไม่ได้ช่วยอะไรกูเลย

อีพี่เบิ้มมันต้องวางแผนไว้แล้วแน่ๆ มันหลอกให้ผมฟังเรื่องราวชีวิตที่แสนจะดีฉิบหายแต่ก็มาพร้อมกับหน้าที่อันใหญ่หลวง แม่งเล่นเล่าตั้งแต่แรกเกิดจนถึงวินาทีที่กำลังนอนเล่าให้ผมฟังอยู่บนเตียง
เล่าน้ำไหลไฟดับก็ไม่ยอมหยุดเล่าสักที ซึ่งสุดท้ายผมก็เผลอหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้  พอง่วงจัดมันก็หลับลึกไงจนไม่รู้สึกตัวว่ากำลังโดนควายเผือกจ้องเล่นงานอยู่ สุดท้ายกูก็เป็นเหยื่อดีๆนี่เอง ..แผนมึงช่างสูงยิ่งนักไอ้ควายเผือก




     อาบน้ำให้จิตใจได้สงบลงอยู่นานโข พอออกมาจากห้องน้ำก็เจอควายเผือกนั่งคุกเข่าทำหน้าตาสำนึกผิดพร้อมกับเอ่ยขอโทษอยู่หน้าห้องน้ำ 
แต่ชั่วโมงนี้กูไม่สนหรอก  เมื่อจัดการตัวเองเรียบร้อยผมก็ตรงดิ่งมาที่เกสท์เฮ้าส์ทำหน้าที่ประจำวันที่แสนจะจำเจโดยไม่สนใจฝรั่งตัวโตที่นั่งคุกเข่าทำตาละห้อยอยู่ในห้อง


ดี! นั่งอยู่แบบนั้นแหละให้ตะคริวแดกไปทั้งตัวเลย แมร่ง



   ด้วยความรีบร้อนออกจากห้องทำให้ลืมโทรศัพท์มือถือไว้ในห้องแต่กว่าจะนึกออกก็ปาไปสามชั่วโมง
เมื่อกลับมาที่ห้องก็ต้องตกใจเมื่อพี่เบิ้มยังนั่งอยู่หน้าห้องน้ำในท่าเดิม ..มึงมันบ้า


“ที่รัก ผมขอโทษ” ทั้งใบหน้าและน้ำเสียงช่างละห้อยซะจริง แต่ผมรู้สึกว่าครั้งนี้พี่เบิ้มมันรู้สึกผิดจริงๆแฮะ


“ถ้าผมไม่กลับเข้ามาคุณก็จะนั่งแบบนี้ไปถึงเย็นเลยรึไง”


“ครับ” มึงมันโง่ 


  ‘โครกกก’   ใครกดชักโครก หืม


“หิวใช่มั้ยคุณ”


“มากกก” แหงล่ะ นี่มันใกล้เที่ยงแล้วแถมข้าวเช้าก็ยังไม่ได้แดก  พอเห็นควายเผือกลูบท้องตัวเองป้อยๆด้วยหน้าตาละห้อย ใจก็อ่อนยวบไม่เป็นท่าทั้งที่ตั้งใจจะใจแข็งแล้วแท้ๆ 


“ลุกขึ้นมาครับ”


“คุณหายโกรธผมรึยังครับ” พี่เบิ้มยังไม่ยอมลุกถามผมด้วยสายตาละห้อยเช่นเดิม


“คุณต้องสัญญาก่อนว่าจะไม่ทำแบบนี้อีก”


“ครับ ผมสัญญา” น้ำเสียงนั้นจริงจัง แต่ก็ไม่อยากจะเชื่อใจมากซะเท่าไหร่ แต่ก็เอาเหอะ


“ครับ ผมไม่โกรธแล้ว ทีนี้คุณก็ลุกได้แล้ว”


แล้วรอยยิ้มก็ค่อยๆปรากฏบนหน้าตาที่แสนจะเศร้าสร้อยในทันที จากนั้นควายเผือกที่กำลังลุกขึ้นก็ล้มตึงลงกับพื้นไม่เป็นท่า


  ..ไม่รู้จะสงสารหรือสมน้ำหน้าดี   หึ  เหน็บแดก






     เส้นเล็กน้ำตกพิเศษสองถ้วย เกาเหลาพิเศษอีกหนึ่งเพิ่มเติมคือขนมจีบอีกสิบลูก นี่มึงตายอดตายอยากมาจากไหน อดข้าวแค่มื้อเดียวมึงฟาดเรียบขนาดนี้เลยเรอะ ถ้าอดทั้งวันมึงจะไม่ฟาดเรียบทั้งเชียงใหม่เลยเหรอวะ  หืม

เมื่ออิ่มแปล้..หมายถึงพี่เบิ้มอ่ะนะ ก็กลับมาเฝ้าร้านกาแฟต่อ ส่วนอีพี่เบิ้มหนังท้องตึงหนังตาก็หย่อนขอตัวขึ้นไปนอนที่ห้อง สบายจริงชีวิตพี่มึงเนี่ย





   









     เผลอแป๊บเดียวก็เกือบหกโมงเย็นและตอนนี้ผมก็กำลังเหงื่อท่วมตัวอยู่ที่ยิมของอีซูซี่ซึ่งก็ไม่รู้ว่ามันหายหัวไปไหน
ทั้งที่ตั้งใจว่าจะเริ่มพรุ่งนี้แท้ๆ แต่อีควายเผือกที่หายไปนอนหลับจนอิ่มเอมจนหน้าบานเป็นกระด้งก็ลากผมมาจนได้ด้วยเหตุผลที่ว่า ‘หน้าท้องของคุณเริ่มนิ่มแล้วนะครับ’  เหอะ อยากจะเอาไขมันฟาดปากแม่ง แล้วรู้ได้ยังไงว่าท้องกูนิ่ม!

..แต่ก็นั่นแหละ สุดท้ายก็โดนลากมาจนได้


   อีพี่เบิ้มก็ยังคงเป็นอีพี่เบิ้ม เรียกสายตาจากสาวๆและเก้งกวางทั้งหลายให้หันมามองคอแทบเคล็ด ส่วนพี่มันก็โปรยยิ้มให้เขาไปทั่ว

  หึ  เรี่ยราดชะมัด!


  ไม่เห็นจะน่ามองตรงไหนก็แค่กล้ามเนื้อที่เด่นชัดขึ้นเวลายกดัมเบล หน้าตาที่มุ่งมั่นและจดจ่อบวกกับเหงื่อที่ฉาบอยู่บนร่างกายที่แข็งแรงสมส่วน  มันก็แค่..แค่ เซ็กซี่ก็เท่านั้นเอง


 เซ็กซี่!  ให้ตายเหอะไอ้ณต นี่กูคิดอะไรอยู่เนี่ย!!


อ่า ไอ้ควายเผือกมันหันมายิ้มให้ครับ เท้าที่กำลังวิ่งอยู่บนลู่วิ่งถึงกับสะดุด  บ้าเอ้ย!!

ไม่ได้ๆ อย่าหันไปมองมีสมาธิกับตัวเองหน่อย 

เหอะ อนาถตัวเองดีแท้ มีสมาธิได้แค่สองนาทีเท่านั้นสายตาผมก็สอดส่องหาอีควายเผือกอีกครั้ง

อ้าวหายไปไหนหว่า..


   เมื่อสอดส่องสายตาหาจนทั่วก็เจออีพี่เบิ้มนั่งอยู่กับซันนี่ที่บาร์น้ำ มาตั้งแต่เมื่อไหร่น้อ แต่ทำไมฝรั่งน้อยถึงทำหน้าหงอยเหงาไม่สดใสสมกับชื่อของเจ้าตัวและคนที่กำลังอินเลิฟเลยน้า


   ใช่แล้วครับ..ฝรั่งน้อยกำลังมีความรัก  ความสัมพันธ์ระหว่างซันนี่กับไอ้ดอยกำลังพัฒนาไปในทิศทางที่ดี
หลังทั้งคู่รับรู้ถึงความรู้สึกของอีกฝ่าย ด้วยความหึงขึ้นหน้าของไอ้ดอยหลังจากที่กลับจากกินข้าวที่บ้านผมเมื่อครั้งก่อนทำให้ไอ้ดอยสารภาพออกไปว่าชอบซันนี่ของเรามานานแล้ว ไอ้ดอยจึงได้รับรู้ความรู้สึกของซันนี่ที่มีให้กับไอ้ดอยเช่นกันว่าทั้งคู่นั้นใจตรงกันมานานแล้ว

   ทำไมผมถึงรู้น่ะเหรอ ก็ฝรั่งน้อยของเราเล่าบรรยายเป็นฉากๆในไลน์กลุ่ม ’ขบวนการสมคบคิด’ ด้วยความดีใจที่แผนของพี่เบิ้มนั้นสัมฤทธิ์ผล   อืม ต้องยกความดีความชอบให้ฝรั่งหัวโจกเขาล่ะงานนี้

แต่สถานะที่แน่ชัดของทั้งคู่ตอนนี้คืออะไรนั้น ก็คงต้องรอให้ทั้งคู่แถลงการณ์ให้ฟังอีกครั้ง..


อ้าวเห้ย! ร้องไห้ซะแล้วจากนั้นซันนี่ก็โผเข้ากอดพี่เบิ้ม   อืมมม เห็นแล้วก็รู้สึกแปลกๆแฮะ
ว่าแต่เกิดอะไรขึ้นกับซันนี่กันแน่ ไม่ได้การล่ะ งานนี้ต้องเผือก!

กำลังจ้ำอ้าวไปยังบาร์น้ำอย่างเร่งรีบ แต่แล้วก็มีสิ่งมีชีวิตอะไรสักอย่างปาดหน้าผมไปด้วยความเร็วแสงพร้อมกับหันมาพูดด้วยใบหน้าทะมึน  ไอ้ดอย!


“ให้คนของมึงมากอดคนของกูได้ยังไง” น้ำเสียงทุ้มต่ำฟังแล้วช่างขนลุกขนพอง แม่งมึงจะหึงโหดไปมั้ย  แล้วใครคนของกู?
แล้วมันก็ปรี่เข้าไปกระชากซันนี่ออกจากอ้อมกอดของพี่เบิ้ม


“เรามีเรื่องต้องคุณกัน ตามพี่มา” จากนั้นมันก็ลากซันนี่ตัวปลิวออกไปข้างนอกยิม โอ๊ย สงสารฝรั่งน้อย

ส่วนผมจะยืนเซ่อทำไมล่ะ ตามเผือกสิครับรอไร



   


     ผมซุ่มอยู่ที่ท้ายรถกระบะคันหนึ่งตรงลานจอดรถ  เพราะซันนี่ยื้อหยุดไม่ยอมไปต่อทั้งคู่เลยหยุดอยู่ที่กลางลานจอดรถ 
แต่ให้ตายเถอะ  มันไกลไป ผมไม่ได้ยินว่าทั้งคู่กำลังคุยอะไรกัน

แต่ภาพที่เห็นคือ ซันนี่กำลังโวยวาย ทั้งทุบทั้งตีไอ้ดอยไม่หยุด แต่แล้วไอ้ดอยก็หยุดการกระทำทุกอย่างของซันนี่ด้วยการ..จูบ!

..โอ้วว นี่กูกำลังดูจำเลยรัก?!



“พูดกันดังๆสิวะ กูไม่ได้ยิน”


“ชู่ววว”


“เห้ย!” ตาเถร ไอ้ควายเผือกมันมาอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่


“อย่าเสียงดังสิคุณ” อีพี่เบิ้มกระซิบบอกพร้อมกับเอามือปิดปากผมไว้


     ใกล้..ใกล้เกินไป

   อุณหภูมิที่ฝ่ามือหนาที่แนบชิดอยู่ที่ริมฝีปากของผมและเสียงกระซิบที่ข้างหูทำให้ใจของผมเต้นรัวแทบทะลุออกจากอก  หัวใจผมนิ่งเฉยกับสถานการณ์แบบนี้ไม่ได้เลยจริงๆ 
รวมถึงกลิ่นเหงื่อผสมกับกลิ่นอาฟเตอร์เชฟจางๆกำลังทำให้ผมหายใจลำบาก..เพราะอะไร?

นิ่งไว้ๆ เลิกสนใจตัวเองแล้วหันมาสนใจสองคนข้างหน้าก่อนดีกว่า


อ้าวเห้ย! ไปซะแล้ว แม่งเกิดอะไรขึ้นวะแต่ก็พอจะเดาได้ว่าสถานการณ์คงคลี่คลายไปในทิศทางที่ดีแล้ว  เพราะก่อนที่ทั้งคู่จะขึ้นรถของไอ้ดอยต่างก็หันมายิ้มให้แก่กัน  ดีกันแล้วก็โล่งอก..
 

  ไม่โล่งสิเพราะตอนนี้ในอกผมกำลังเต้นระรัว


“ความรักนี่ดีจังน้า” ขณะที่พูดช่วยปล่อยมือออกจากปากกูด้วยครับ


“อืออ”


“อะไรครับ” มึงจะเนียนไปถึงไหน  กัดแม่ม


“โอ๊ย เจ็บนะคุณ จับจูบเหมือนคุณดอยทำกับซันนี่ดีมั้ยน้า” ยังจะเล่นอีก


“เมื่อเช้ายังไม่เข็ดใช่มั้ยคุณ” ผมช้อนตามองด้วยความฉุน   อา..แต่ท่านี้มันล่อแหลมยังไงชอบกล
พี่เบิ้มนั้งชันเข่าท่ายองซ้อนทับผมอยู่ด้านหลังเท่ากับว่าผมกำลังอยู่ในหว่างขาของพี่เบิ้ม ..อันตรายเกินไปแล้ว!


“แหะๆ ล้อเล่นครับ”


“ปะ..ไปกันได้แล้วครับ” แล้วกูจะตื่นเต้นทำไมเนี่ย


“เดี๋ยวสิครับ”


“...” พี่เบิ้มรั้งข้อมือผมไว้ไม่ยอมให้ลุกขึ้น


“ที่รัก ผมขอจูบคุณได้มั้ยครับ”


“ไม่ได้ครับ!” จูบเจิบอะไรล่ะ เมื่อคืนแทะกูทั้งตัวยังไม่พอใจอีกรึไง


“ตัวคุณหอม อนุญาตนะครับ” หอมอะไรเล่ามีแต่เหงื่อ จมูกมึงเพี้ยนไปแล้วแน่ๆ


“...”


“Plesae” น้ำเสียงนั้นช่างเว้าวอน


  แล้วผมก็ถูกดึงดูดด้วยดวงตาคู่สีเทานี้อีกครั้ง..ไม่รู้แม่งด้วยแล้ว อยากจะจูบนักก็เชิญ ผมจึงหลับตาแทนคำตอบ


“ผมรักคุณ” สิ้นสุดคำบอกรัก ริมฝีปากของพี่เบิ้มก็แนบชิดกับเรียวปากของผม มันเป็นจูบที่ไม่ได้รุกล้ำแต่อย่างใดแต่ทว่ามันหนักแน่นและจริงใจ ทำให้ผมรู้สึกอุ่นวาบในหัวใจอย่างน่าประหลาด..

  คำบอกรักเพียงเบาๆแค่เอ่ยกระซิบแต่มันกลับดังก้องภายในหัวผมไม่หยุด  ทั้งสถานที่และบรรยากาศมันไม่ได้เป็นใจสำหรับการบอกรักเลยสักนิด แต่ผมขอสารภาพตามตรงว่าผมรู้สึกดีกับคำสามคำนี้จัง


มันคงจะเป็นเพราะ ..เพราะคนที่พูดประโยคนี้ล่ะมั้ง





  TBC.

……………………………………………..............................

  กราบตักคุณผู้อ่านงามๆ ขออภัยที่หายไปนาน ช่วงนี้ชีพจรลงเท้าเดินทางเหนือจรดใต้เวลาที่มีให้พี่เบิ้มกับป้านดก็ช่างน้อยนิดT_T
บทนี้มาสั้นๆให้หายคิดถึงและขอบคุณที่ยังไม่ลืมพี่เบิ้มกับป้านดกันนะคะ
และก็ขอถือโอกาสนี้ Merry Christmas ค่ะ  และHappy New Yearล่วงหน้า ขอให้ผู้อ่านทุกท่านมีความสุขกายสุขใจตลอดปีใหม่ที่กำลังจะมาถึงนี้ค่ะ^^

หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทที่ 12 ไม่รู้ด้วยแล้ว..ใจ [25-12-18] p.4
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 25-12-2018 23:09:44
น่ารักดีคับ
กำลังคามอ่านอยู่
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทที่ 12 ไม่รู้ด้วยแล้ว..ใจ [25-12-18] p.4
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 25-12-2018 23:18:28
 :L2: :pig4: :L1:

คิดถึงป้านด
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทที่ 12 ไม่รู้ด้วยแล้ว..ใจ [25-12-18] p.4
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 26-12-2018 09:09:32
พี่เบิ้มเกาะติดทุกสถานการณ์ อย่างนี้ถ้าเราเป็นป้านต ก็คงอ่อนยวบยาบแน่นอน
ก็มีขออนุญาตได้น่ารักขนาดนัั้น // คิดถึงคนเขียนเสมอ
 :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทที่ 12 ไม่รู้ด้วยแล้ว..ใจ [25-12-18] p.4
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 27-12-2018 10:24:27
เขิน~
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทที่ 12 ไม่รู้ด้วยแล้ว..ใจ [25-12-18] p.4
เริ่มหัวข้อโดย: pedchara ที่ 27-12-2018 20:04:38
ลุ้นให้ป้านดเปิดใจให้เจเรมี่เร็วๆ พี่เบิ้มเรารุกทั้งกายรุกทั้งใจแล้ววว  :katai3:
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทที่ 12 ไม่รู้ด้วยแล้ว..ใจ [25-12-18] p.4
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 28-12-2018 10:23:24
เปิดใจเร็วๆ นะ
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทที่ 12 ไม่รู้ด้วยแล้ว..ใจ [25-12-18] p.4
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 29-12-2018 23:31:08
ฝรั่งตลก 5555555555
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทที่ 12 ไม่รู้ด้วยแล้ว..ใจ [25-12-18] p.4
เริ่มหัวข้อโดย: maxtorpis ที่ 30-12-2018 07:40:38
ป๊าดคือดี
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทที่ 12 ไม่รู้ด้วยแล้ว..ใจ [25-12-18] p.4
เริ่มหัวข้อโดย: Sky ที่ 30-12-2018 12:13:32
ป้านดมีการหวงด้วยโว้ยยยย55555555555
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทที่ 12 ไม่รู้ด้วยแล้ว..ใจ [25-12-18] p.4
เริ่มหัวข้อโดย: OoniceoO ที่ 31-12-2018 02:22:56
ชอบๆอ่านวันเดียวยาวๆไปสนุก
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทที่ 12 ไม่รู้ด้วยแล้ว..ใจ [25-12-18] p.4
เริ่มหัวข้อโดย: fairy ที่ 31-12-2018 19:19:41
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทที่ 12 ไม่รู้ด้วยแล้ว..ใจ [25-12-18] p.4
เริ่มหัวข้อโดย: imac ที่ 01-01-2019 09:51:02
ป้านดไม่รอดแน่555
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทที่ 13 ยอมแล้วใจ [24-01-19] p.5
เริ่มหัวข้อโดย: MA_LEE ที่ 24-01-2019 19:30:16





บทที่13 ยอมแล้วใจ




         
        ผ่านมาได้หนึ่งอาทิตย์หลังจากเหตุการณ์ถูกบอกรักหลังรถกระบะที่ลานจอดรถ ถ้าถามว่าเกิดอะไรขึ้นกับผมหลังจากเหตุการณ์วันนั้น คงต้องยอมรับตรงๆว่าตอนนี้ผมโคตรจะสับสนกับความรู้สึกของตัวเอง
ส่วนอีพี่เบิ้มก็ติดผมหนึบยิ่งกว่าเดิมซะอีก ไม่ยอมออกไปไหนขลุกอยู่กับผมที่ร้านกาแฟทุกวัน ตกเย็นก็ออกไปยิมด้วยกัน ทานข้าวเย็นด้วยกันจากนั้นก็จะรอผมเสร็จงานที่เกสท์เฮ้าส์เพื่อที่จะเดินมาส่งผมที่หน้าบ้านทุกคืนทำตัวซะเหมือนคนเป็นแฟนกันเข้าไปทุกวัน..จนผมเริ่มชินกับการมีพี่เบิ้มใกล้ๆตัวแบบนี้ จนหลงลืมอะไรบางอย่างว่าเหลืออีกแค่ไม่กี่วันพี่เบิ้มก็จะกลับลอนดอนและนั้นทำให้ในใจของผมวูบโหวงอย่างน่าประหลาด..


“ที่รัก เย็นนี้เราไปดูเฟอร์นิเจอร์กันมัยครับ” พี่เบิ้มเงยหน้าจากหนังสือเมื่อผมวางแก้วกาแฟแก้วที่สามของวันนี้ลงบนโต๊ะ  หึ แดกให้ตาค้างไปถึงชาติหน้าเลยนะมึง


“เฟอร์นิเจอร์?”  รีบดูเพื่อ คอนโดของพี่เบิ้มผมยังไม่ได้เริ่มลงมือทำเลยสักแอะ ก็เพราะเจ้าของห้องมันยังไม่ให้เริ่มทำ ไม่รู้เหตุผลอะไรของเขาถึงบอกให้เริ่มทำหลังจากที่กลับลอนดอนไปแล้วค่อยเริ่ม ส่วนแบบห้องเคยทำให้ดูอยู่หลายแบบแต่คำตอบที่ได้ก็มีเพียงหนึ่งเดียวคือ ‘แล้วแต่คุณ’


“ครับ ผมอยากมีโมเมนต์คู่รักเลือกซื้อของเข้าบ้านอะไรแบบนี้” ใบหน้ามึงช่างเพ้อฝัน


“คู่รัก?”


“ใช่ครับ ผมกับคุณไงที่รัก”


“ตั้งแต่เมื่อไหร่?”  เควสชั่นมาร์คเต็มหน้าเต็มหัวกูไปหมดแล้วเนี่ย


“ตั้งแต่วันที่ผมบอกรักคุณที่ยิมของซูซี่ยังไงล่ะครับ”


“คุณบอกรักผมแต่ผมยังไม่ได้บอกรักคุณ” มึงจะเออออห่อหมกเองแบบนี้ไม่ได้นะเว้ย


“แต่คุณยอมให้ผมจูบ ถ้าไม่รักกันทำไมยอมให้จูบล่ะครับ” เออ..นั่นน่ะสิ?


“กะ ก็คุณขอ”


“ถ้าเป็นคนอื่นขอคุณก็ยอม?”


“ไม่ใช่!” ใครจะยอมให้คนอื่นจูบเรี่ยราดขนาดนั้นเล่า


“ถ้างั้นเพราะอะไรล่ะครับ” เวลามึงถามทำไมต้องใช้สายตาวาววับขนาดนั้นด้วยละเนี่ย


“ผมไม่รู้!” อย่าถามกู  กูไม่รู้   ฮือออ


“หึ หึ”


“หะ หัวเราะทำไม”


“หัวเราะคนปากแข็ง”


“ผมไม่ได้ปากแข็งนะ”


“คร้าบบไม่แข็ง แต่นิ่มมากๆต่างหากเนอะ”               

                   
“...” หัวแม่มือที่เกลี่ยเบาๆที่ริมฝีปากของผมทำเอาตัวผมแข็งทื่อไปหมดพร้อมกับใจที่สั่นไหว..อีกแล้วใจ


“ไปด้วยกันนะที่รัก”


   น้ำเสียงอ้อนวอน นัยน์ตาคู่สีเทา สัมผัสที่ใกล้ชิด กลิ่นกายที่ทำให้ปั่นป่วนทุกครั้งเมื่อเผลอสูดเข้าไป และทุกๆอย่างที่มาจากผู้ชายตรงหน้าผมไม่สามารถต้านทานได้เลย..ยอมแพ้แล้วใจ


“ก็ได้ครับ”


“เย้ ถ้างั้นไปกันเลยนะครับ” เย้? มึงเป็นเด็กรึไง?


“ใจเย็นสิคุณ แล้วยิมล่ะ” ก็นี่มันใกล้เวลาที่จะไปยิมแล้วไง


“วันนี้งดครับ เพราะเราจะไปเดทกัน”


“...” เดท? ที่ร้านเฟอร์นิเจอร์?  เอาเหอะ ถ้าพี่มึงจะหน้าบานเป็นกระด้งมีความสุขขนาดนี้ก็ไม่อยากขัด


“ถ้างั้นก็ Let’s go”


“เดี๋ยวครับ รถผมจอดทางนี้” มึงดีใจจนหลงทิศแล้วเรอะ


“วันนี้ไปรถผมครับ”


“?”

แล้วก็ถึงบางอ้อเมื่อเดินตามพี่เบิ้มมาจนถึงมอเตอร์ไซค์ที่พี่เบิ้มเช่าไว้ 


“นี่ครับ” หมวกกันน็อคสีชมพูหวานถูกยืนมาตรงหน้า..ทำไมของมึงสีดำละแล้วของกูทำไมสีมันช่างเข้ากับเหง้าหน้าขนาดนี้  ฮึ

ว่าแต่ไอ้ตัวล็อกสายรัดใต้คางทำไมมันไม่เข้าล็อกสักทีวะ มองก็ไม่เห็น  โว๊ะ เสียบยากเสียบเย็น!


“คุณนี่ทำตัวน่ารักได้ทุกเวลาเลยน้า”


“ผมทำอะไร?” มึงบ้ารึป่าวไอ้การที่กูหงุดหงิดมันน่ารักตรงไหนมิทราบ


“ก็ทำหน้ามุ่ยแบบนี้ไงครับ” อีพี่เบิ้มพูดพร้อมกับโน้มตัวลงมาเสียบสายรัดใต้ค้างให้ แต่รัศมีมันช่างใกล้..ใกล้ซะจนหัวใจแทบหยุดเต้น


“สะ เสร็จแล้วก็ถอยออกไปสิครับ” ผมก้าวถอยหลังแต่พี่เบิ้มก็ก้าวตามพร้อมกับสายตาที่วาววับ


“รู้อะไรมั้ยที่รัก ยิ่งทำหน้ามุ่ยปากของคุณก็ยิ่งน่าจูบ”


“ถะ ถ้าคุณจูบ ผมจะไม่ไปไหนกับคุณทั้งนั้น!” เอาสิ กูรู้จุดอ่อนของมึงแล้ว


“ที่รักคุณน่ะใจร้าย” มึงสิใจร้าย ปั่นป่วนหัวใจกูแทบวาย ให้ตายเหอะ!


“จะไปได้รึยังครับ” พูดมากเดี๋ยวไม่ไปแม่ง


“เชิญครับ~”







     นานแค่ไหนแล้วที่ไม่ได้ซ้อนมอเตอร์ไซค์แบบนี้ ลมเย็นที่ปะทะเข้าใบหน้าทำให้รู้สึกดีไม่น้อยแต่มันก็มาพร้อมกับความรำคาญ..ก็ผมของพี่เบิ้มน่ะสิไม่รู้จักมัดให้เรียบร้อย ปลายผมของพี่เบิ้มที่พลิ้วไปกับแรงลมตีเข้าหน้าผมอย่างไม่ลดละ สิ่งที่ผมทำได้คือกำปลายผมสีน้ำตาลไว้ในมือหลวมๆเพื่อไม่ให้มันปลิวเข้าหน้าอีก

จะว่าไปผมของพี่เบิ้มยาวกว่าที่เจอกันครั้งแรกมาก จำได้ว่าครั้งแรกที่เจอผมยาวเกือบถึงต้นคอ แต่ตอนนี้มันเกือบถึงบ่าแล้ว
อืมมม..แต่ผมของอีพี่เบิ้มมันก็นุ่มดีแฮะ แถมมันยังหอมดีด้วย

..อ่าาา ไม่ได้นะใจจะเต้นรัวแบบนี้ไม่ได้!   ส่วนอีคนขับทำหน้าตาแบบไหนอยู่น่ะเหรอ..บานเป็นกระด้งน่ะสิ  ชิ






“ที่รัก เตียงนี่มนอนสบายดีจัง ลองนอนดูสิครับ”


“ไม่ล่ะครับ เชิญคุณเลือกที่ถูกใจได้เลย”


“เร็วๆครับ” ไอ้บ้านี่ไม่สนใจคำพูดผมแถมยังตบที่นอนปุๆให้ผมลงไปนอนข้างๆ 
อยากจะบ้าตาย ผมเพียงหย่อนตูดนั่งลงข้างๆใครจะบ้าจี้ล้มลงนอนตามล่ะ แต่แล้วสิ่งไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น


“โอ๊ะ  คุณทำอะไรเนี่ย!” เชื่อเค้าเลย อีควายเผือกมันเลื้อยมาหนุนตักผมเฉยเลย


“เป็นไงครับ ผมว่ามันไม่นุ่มไปไม่แข็งไปกำลังดี” ฟังกูบ้างงง


“คุณอายเขา ลุกเร็วไปดูอย่างอื่นกัน” บ้าเอ๊ย คนมองกันให้ควั่ก


“ผมไม่อาย” มึงมันหน้าด้าน แต่กูอายไง


“เจเรมี่!”


“โอเค~” สาบานว่ามึงอายุ35 กูนึกว่าเด็ก5ขวบ  ต้องให้ดุอยู่เรื่อยสิน่า






“โอ๊ะ เชอร์รี่” กูเกลียดชื่อนี้


"ว่าไงครับ"


"ผมหมายถึงนี่ต่างหากครับ" เอิ่มมนะ  แก้วน้ำใสที่มีรูปเชอร์รี่สีแดงสองลูกแปะอยู่ถูกยื่นมาตรงหน้า


“ชอบก็ซื้อสิครับ” ไม่คิดว่าอีพี่เบิ้มจะมีรสนิยมมุ้งมิ้งแบบนี้ด้วย จากนั้นอีพี่เบิ้มก็หยิบแก้วน้ำลายเชอร์รี่สองใบลงในตะกร้าก่อนจะพูดประโยคที่ชวนให้จั๊กจี้ใจเป็นบ้า


“ผมซื้อเพราะมันเหมือนคุณ”


“ผมเหมือนแก้ว?”


“เชอร์รี่ต่างหากล่ะครับ คุณคือเชอร์รี่ของผม”


“...” ไอ้บ้า เชอร์รี่อะไรของมึง เลี่ยนชะมัด แล้วทำไมต้องหน้าร้อนด้วยหว่า


“เห็นมั้ยที่รัก ตอนนี้หน้าคุณแดงไม่ต่างกับเชอร์รี่บนแก้วใบนี้เลย” อีพี่เบิ้มมองหน้าผมสลับกับแก้วที่อยู่ในตะกร้าพร้อมกับยิ้ม..มันเป็นยิ้มที่อ่อนโยน อ่อนโยนซะจนหัวใจของผมอ่อนไหวตามอย่างห้ามไม่อยู่..








     เมื่อกลับมาถึงร้านก็ได้เวลาปิดร้านพอดี ผมจึงให้บีกลับก่อนได้เลยหน้าที่ที่เหลือผมจึงจัดการเอง

“คุณขึ้นห้องก่อนก็ได้ครับ เดี๋ยวผมปิดร้านเสร็จแล้วจะเรียกมาทานข้าวนะครับ” วันนี้ป้าแม่บ้านทำกับข้าวไว้ให้เลยไม่ต้องเสียเวลาไปกินนอกบ้าน


“ไม่เป็นไรครับ ผมช่วยคุณดีกว่า” พูดจบพี่เบิ้มก็จัดการยกเก้าอี้ที่อยู่ตรงเฉลียงเข้ามาข้างในร้านอย่างไม่รีรอ  เอาเหอะอยากช่วยก็ตามใจพี่มึง..



   แกงจืดเต้าหู้หมูสับ ไข่เจียวและผัดผักรวม อาหารง่ายๆที่ผมให้ป้าแม่บ้านทำให้เกือบทุกเย็น ปกติแล้วให้ทำแค่อย่างเดียวแต่อาทิตย์ที่ผ่านมาพี่เบิ้มมาทานด้วยเลยเพิ่มให้อีกสองอย่างเพราะกลัวว่าคนตัวโตจะไม่อิ่ม

อาหารง่ายๆแต่พี่เบิ้มก็กินได้อย่างเอร็ดอร่อยทุกครั้ง..ครั้งนี้ก็เช่นกัน หมดเกลี้ยงแม้แต่น้ำซุปสักหยดก็ไม่เหลือ


“คุณไม่เก็บไว้ใช้ที่คอนโดเหรอครับ” ผมถามอย่างสงสัยเมื่อพี่เบิ้มรินน้ำใส่แก้วลายเชอร์รี่ที่เพิ่งซื้อมา และเป็นอย่างเดียวที่ได้มาจากการไปดูเฟอร์นิเจอร์ในวันนี้


“สองใบนี้ผมจะเก็บไว้ที่บ้านคุณ แล้วค่อยหาซื้อใบใหม่ไว้ที่คอนโดของเรา”


“...” ของเรา? ของมึงคนเดียวเหอะ


“เดี๋ยวผมล้างจานเองนะครับ”


“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวกลับมาจากเกสท์เฮ้าส์แล้วผมค่อยล้าง”


“คุณไปเกสท์เฮ้าส์เถอะครับ เดี๋ยวผมจัดการเอง”


“ขอบคุณครับ”


“ยินดีครับ” ทำไมรอยิ้มของคนตรงหน้ามันทำให้ความล้าของวันนี้หายไปได้ในพริบตากันน้า




     ผมจัดการงานในส่วนสุดท้ายที่ต้องทำในวันนี้ได้สักพักพี่เบิ้มก็เดินเข้ามาในส่วนของเกสท์เฮ้าส์จากนั้นก็นั่งรอผมที่โซฟาเงียบๆ อย่างที่ผมเคยบอกที่เบิ้มจะเดินไปส่งผมถึงประตูบ้านทุกคืน แม้จะปฏิเสธหลายครั้ง แต่คนดื้อก็คือคนดื้อ พี่แกเคยฟังผมซะที่ไหนล่ะ ผมก็เลยปล่อยเลยตามเลยจนมันเริ่มจะกลายเป็นความเคยชิน..


“เสร็จแล้วครับ”


“ครับ”


“วันนี้คุณขึ้นไปพักเลยก็ได้นะครับ ผมกลั...”


“ชู่ววว” ไม่รอให้ผมพูดจบพี่เบิ้มก็คว้ามือผมแล้วกระตุกเบาๆให้ออกเดินไปพร้อมกัน..เห็นมั้ยล่ะวิถีของคนดิ้อน่ะ  ส่วนผมก็ไม่เคยปฏิเสธการกระทำของคนดื้อได้เลยสักครั้ง ตอนนี้ก็ทำได้เพียงเดินตามอย่างเงียบๆ 

ความจริงแล้วที่ผมปฏิเสธไปเมื่อกี้เพราะผมมีเหตุผล ผมไม่อยากจะชินกับการเอาใจใส่แบบนี้เพราะผมรู้ดีว่าการกระทำเหล่านี้มันเหมือนกับนาฬิกาทรายที่ตอนนี้ทรายด้านบนไหลใกล้จะหมดและกำลังจะหลงเหลือเพียงความว่างเปล่าและไม่รู้อีกเมื่อไหร่ที่มันจะถูกพลิกอีกครั้ง เพราะอีกสองวันพี่เบิ้มก็ต้องกลับ..ฝ่ามือที่เต็มไปด้วยไออุ่นจากฝ่ามือหนาของคนข้างๆอีกสองวันมันก็จะว่างเปล่าและคงจะหนาวเย็นไม่น้อย  แค่คิดขอบตาก็ร้อนผ่าว

ทางเดินจากเกสท์เฮ้าส์จนถึงตัวบ้านก็สั้นแสนสั้น นี่เป็นครั้งแรกที่ผมอยากยืดระยะทางให้ยาวออกไปแบบไม่มีที่สิ้นสุด

..ในที่สุดผมก็ต้องยอมรับว่าผมแพ้แล้วล่ะครับ หัวใจของผมโดนผู้ชายข้างๆขโมยไปเป็นที่เรียบร้อย

..ทำยังไงดี ผมรู้สึกสับสนเป็นบ้า



“ที่รัก”


“...”


“ป้านด”


“ครับ!”


“ถึงบ้านแล้วครับ คุณดูเหม่อๆเป็นอะไรรึป่าว”


“อ่ะ ป่าวครับ ขอบคุณที่มาส่ง ฝันดีครับ”


“ฝันดีครับ พรุ่งนี้เจอกัน” รอยยิ้มละมุนตอกย้ำความรู้สึกของผมที่มีต่อพี่เบิ้มให้ชัดเจนขึ้นอีกครั้ง ‘พรุ่งนี้เจอกัน’  อีกสองวันก็คงไม่ได้พูดประโยคนี้แล้วสินะ แค่คิดก็ใจหาย..

   เมื่อประตูปิดลงน้ำตาผมก็ไหล ผมเป็นอะไร? ความรู้สึกวูบโหวงแบบนี้มันมาจากไหน? แล้วผมควรทำยังไง?
ใช่! ผมต้องปรึกษาใครสักคน อีซูซี่น่าจะช่วยผมได้ดีที่สุดเวลานี้  ปาดน้ำตาบังคับตัวเองให้หยุดร้องไห้แล้วต่อสายหาอีซูซี่ทันที


“มึงอยู่ที่ยิมมั้ยเดี๋ยวกูไปหา”


[มึงเป็นอะไร น้ำเสียงไม่ดีเลย]


“กูสับสนว่ะ”


[กูเข้าใจละ เดี๋ยวกูไปหาที่บ้าน]


เข้าใจอะไรของมันวะ ว่าแล้วมันก็ตัดสายทันที จากนั้นไม่ถึงห้านาทีเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น

อีซูซี่มาในชุดนอนพร้อมกระป๋องเบียร์ ไม่พูดพร่ำทำเพลงมันเดินไปนั่งที่โซฟา เรียงกระป๋องเบียร์สีขาวลงบนโต๊ะก่อนจะกระดกเบียร์เข้าปากตัวเอง..แดกเหมือนคนตายอดตายอยาก


“อ่ะแดกก่อน ย้อมใจ”


“...” ย้อมใจ? แดกก็แดกวะ ผมยกกระป๋องเบียร์ที่มันยื่นให้ขึ้นดื่มอย่างอย่างงงๆ


“ไหนว่ามาสิ มึงกำลังสับสนอะไร” อีซูซี่นั่งไขว่ห้างแดกเบียร์สบายอารมณ์ นี่กูปรึกษาถูกคนอยู่ใช่มั้ยวะ


“คือ..” เริ่มพูดยังไงดีวะ


“ถ้าให้กูเดา เรื่องเจเรมี่?”


“อืม..มึงก็รู้ใช่มั้ยว่ากูไม่เคยมีแฟนมาก่อน ไม่เคยมีใครมาจีบแล้วก็ไม่เคยจีบใคร กูมีคนที่แอบชอบบ้างแต่เขาก็เป็นผู้หญิง”


“แล้ว?”


“มึงรู้ใช่มั้ยว่าเจเรมี่คิดยังไงกับกู”


“รู้ แล้วยังไง?”


“ก็เขาเป็นผู้ชาย!”


“เป็นผู้ชายแล้วยังไง มันสำคัญที่มึงรู้สึกยังไงกับเขาต่างหาก นี่มึงกำลังสับสนเรื่องที่เจเรมี่เป็นผู้ชายหรือสับสนความรู้สึกที่มีต่อเขากันแน่”


“ก็..ทั้งสอง กูรู้สึกแปลกๆเวลาที่อยู่ใกล้เขาวะ หรือว่ากูจะเป็นเกย์วะซูซี่”


“ไอ้เรื่องเกย์หรือไม่เกย์น่ะตัดออกไปก่อน ไอ้ที่มึงบอกว่ารู้สึกแปลกน่ะมันแปลกยังไงไหนว่ามาสิ”


“ใจกูเต้นแรงที่เขาเข้าใกล้ เวลาที่เขาสัมผัสกูก็ตื่นเต้นเป็นบ้า กูหวั่นไหวทุกครั้งที่มองตาคู่สีเทาของเขา แล้วกูก็รู้สึกดีกับการกระทำที่อ่อนโยนของเขา แล้วก็อีกอย่างหนึ่งกลิ่นของเขามันมันทำให้กูปั่นป่วน  แม่งกูเป็นอะไรวะซูซี่” สับสนฉิบหาย  อ่า แดกเบียร์ดีกว่า


“คือมึงไม่ได้รังเกียจการกระทำเหล่านั้นที่มาจากผู้ชาย”


“ไม่ๆ ผู้ชายคนอื่นกูคงไม่โอเค” คือผมไม่เคยรู้สึกกับผู้ชายคนไหนมาก่อน มันเฉพาะแค่พี่เบิ้มเท่านั้น


“อ่า กูเข้าใจละ”


“เข้าใจว่าไงวะ”


“เพื่อนณตเอ๋ย มึงตกหลุมรักเจเรมี่เข้าอย่างจังยังไงล่ะ” แล้วมันก็กระดกเบียร์เข้าปากด้วยใบหน้ายิ้มกริ่ม


“รัก? งั้นกูก็เป็นเกย์?”


“มึงเป็นเพื่อนกับกูมากี่ปี ทำไมกูจะดูไม่ออก ผีเห็นผีน่ะเข้าใจป่ะ แต่กูมองไม่เห็นผีในตัวมึงวะ แต่ก็ไม่สำคัญหรอกว่าจะเป็นเกย์หรือไม่เป็น ความรักมันไม่เกี่ยวกับเพศสภาพหรอก มันอยู่ที่ใจของมึงกับใจของเขาต่างหาก ถ้ามันตรงกันแล้วก็ไม่ต้องแคร์หรอกว่ามันจะเพศเดียวกันหรือเพศตรงข้าม ลุยแม่งโลด”

นั้นสินะการจะรักใครสักคน คนๆนั้นไม่จำเป็นต้องเพศตรงข้ามเสมอไป ความรักน่ะใช้หัวใจก็พอแล้ว 

อ่าาา..สับสนมาตั้งนานความรู้สึกเหล่านี้มันคือความรักนั้นเองสินะ


“ซูซี่~ มาให้เพื่อนคนนี้กอดทีหนึ่ง” ว่าแล้วมันก็อ้าแขนรอให้ผมเข้าไปสวมกอด ถึงมันจะเป็นเพื่อนผู้น่ารำคาญในบางที แต่บางครั้งมันก็ช่วยผมให้เข้าใจความรู้สึกของตัวเองสักที ผมโคตรรักมันอ่ะ


“มึง ไอ้ที่บอกว่าเขาสัมผัสน่ะมันแบบไหนหรา” ทำไมกูต้องลงลายละเอียดให้มึงรู้ด้วยเล่า แล้วแม่งสายตามึงนี่เผือกสุดๆ


“เออน่า ตามที่กูบอกนั่นแหละ”


“ไม่บอกกูก็พอจะรู้ หึๆ เขาสอดลิ้นเข้าไปมะ”


“ไอ้ชาติ!”


“เดี๋ยวแม่ตบคว่ำ กูเห็นนะที่ลานจอดรถวันนั้น”


“...”


“ตอบกูมา”


“ไม่มีลิ้นโว้ย แค่ปากชนปาก”


“จริง?”


“เออสิ  จริงๆแล้ววันนั้นเขาบอกรักกูด้วยนะ”


“อร๊ายยย แล้วมึงรู้สึกไง”


“รู้สึกดีเป็นบ้า”


“อิดอก หน้ามึงแดง เขินเหี้ยไรเนี่ย” แล้วมันก็ผลักไหล่ผมจนเซ อีถึกเอ้ย


“มึงกูควร ทำไงต่อวะ”


“บอกให้เขารู้สิ จะรออะไร”


“แต่เจเรมีกำลังจะกลับ”


“แล้วไง?”


“รักทางไกลจะดีเหรอวะ” นี่เป็นอีกเหตุผลหึ่งที่ผมกลัว ‘ความห่างไกล’


“มึงอย่าเพิ่งนึกไปไกลขนาดนั้นดิ คิดแค่วันนี้กับพรุ่งนี้ก็พอ ลุยโลด ทุกอย่างจะมีทางออกของมันเชื่อกู”


“แล้วถ้ากูสารภาพออกไปแล้ว เขาปฏิเสธกูล่ะ” จู่ๆก็ปอดแหกขึ้นมาดื้อๆ เขารักผมจริงๆใช่มะ


“มึงโง่รึป่าว มึงลืมไปแล้วเหรอเหตุผลที่เจเรมี่มาอยู่เป็นเดือนๆที่นี้เพราะอะไร และเขาก็รอมึงเซเยสอยู่นะ มึงจะกังวลอะไรอีก”


“กูไม่รู้ กูไม่เคยมีแฟนมาก่อนนี้หว่า”


“คิดมากมึงอ่ะ เอาล่ะกูว่าถึงเวลาแล้ว” มันกระดกเบียร์หมดกระป๋อง ก่อนจะกดมือถือยิกๆ


“เวลาอะไรวะ?”


“เวลาที่เพื่อนจะมีผัวไงล่ะจ๊ะ”


“ผัวพ่อง!”


“กูกลับก่อนนะ ส่งข่าวให้กูเผือกด้วย” มันกอดผมทีหนึ่ง แล้วก็หนีหายไปอย่างเร็วรี่

  เป็นห่าอะไรของมัน?!



  เสียงปิดประตูของอีซูซี่ยังไม่หายไปในโสตประสาท เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นอีกครั้ง


“ลืมอะไรล่ะมึ...” อ้าวไม่ใช่อีซูซี่แต่เป็นพี่เบิ้มที่กำลังยืนหอบอยู่หน้าประตู มาทำไม?


“ที่รัก ซูซี่บอกผมว่าคุณมีเรื่องอยากจะคุยกับผม”


“เอ่อ...” อีซูซี่ไวนักนะมึง ไม่ทันให้กูได้เตรียมตัวเตรียมใจเลย และให้ตายพอผมรู้ใจตัวเอง ไม่กล้าแม้จะสบตาพี่เบิ้มตรงๆ  มันเขินวุ้ย


“หน้าคุณแดง ไม่สบายรึป่าวครับ” หลังมือที่แตะลงมาที่หน้าผากของผม ทำเอาใจเต้นไม่เป็นส่ำ


“ป่าวครับ ผมโอเค”


“แล้วเรื่องที่คุณจะคุย”


“เอ่อ ไว้คุยพรุ่งนี้ก็ได้ครับ ตอนนี้ดึกแล้ว” บ้าเอ้ย ขอกูตั้งสติก่อนเหอะ


“ไม่ครับ ผมอยากคุยตอนนี้” ดื้อเก่งจังวะ


“...”


“ว่าไงครับ” 

  เอาวะ! ช้าหรือเร็วก็ต้องบอก


“ผม..ผมคิดว่าได้คำตอบเรื่องของคุณแล้ว”


“โอเคที่รัก หยุดก่อนนะครับ ผมขอเตรียมใจแปป” เอ้า มึงก็ประหม่าเป็นกับเขาเหรอเนี่ย


“...” กูสิที่ควรเตรียมใจ


“เอาล่ะที่รัก ผมพร้อมแล้ว” พี่เบิ้มสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดก่อนจะสบตาผมนิ่ง

จากนั้นผมก็รวบรวมความกล้าและสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดเช่นกันก่อนจะพูดความรู้สึกที่สับสนและอัดอั้นมาตลอดตั้งแต่ผู้ชายตรงหน้าเข้ามาในชีวิต แต่ตอนนี้ผมหาคำตอบนั้นเจอแล้ว


“ผมชอบคุณ” อ่า โล่งแล้ว ในที่สุดก็พูดมันออกไปจนได้


“...” เห้ย พี่มึงอย่านิ่งดิ หรือจะไม่ได้ยิน กูบอกอีกทีก็ได้วะ


“ผมชอบคุณเจเรมี่”


“ที่รัก~ คุณไม่ได้หลอกผมใช่มั้ยครับ” หน้าของพี่เบิ้มตอนนี้ทั้งดีใจทั้งอึ้ง  ตลกดีแฮะ


“ทำไมผมต้องหลอกคุณด้วยเล่า” ไอ้บ้าแค่กูบอกสองรอบก็เขินจะแย่แล้ว


“ที่รักผมดีใจเป็นบ้าจนข้างในนี้มันแทบจะระเบิดอยู่แล้ว” จากนั้นพี่เบิ้มก็ดึงผมเข้าสู่อ้อมกอดหน้าอกที่แนบชิดกันทำให้ผมรับรู้ได้ถึงจังหวะการเต้นของหัวใจที่มันเต้นแรงเป็นบ้าของพี่เบิ้มซึ่งมันก็ไม่ต่างกับหัวใจของผมที่ตอนนี้มันแทบทุลุออกจากอก


“เป็นแฟนกันนะที่รัก” ความรู้สึกที่ถูกขอเป็นแฟนมันเป็นแบบนี้เองสินะ  รู้สึกดีเป็นบ้า  ผมจึงตอบตกลงโดยไม่ลังเล


“ครับ”

“ขอบคุณที่รัก ขอบคุณจริงๆ ผมจะทำให้คุณมีความสุขที่สุดและจะไม่ทำให้คุณผิดหวังที่คุณเลือกผม”


 “...” ผมทำได้เพียงพยักหน้าอยู่ในอกหนา เพราะมันเต็มตื้นไปหมดจนหาคำพูดไม่เจอ

ผมไม่รู้หรอกว่าหนทางข้างหน้าจะเป็นยังไง แต่ความเชื่อในความรู้สึกของตัวเองและเชื่อมั่นในเจ้าของของอ้อมกอดที่แสนอบอุ่นนี้ว่าเขาจะทำให้ผมมีความสุขได้จริงๆ

“ผมรักคุณ ปณต” คำพูดที่เอ่ยออกมาเป็นคำบอกรักที่เพราะที่สุดเท่าที่ผมเคยได้ฟังมาเพราะมันเป็นภาษาไทยถึงแม้สำเนียงจะไม่ชัดเจน
..แต่คำบอกรักคำนี้มันชัดเจนในหัวใจของผมที่สุด..





  TBC
........................................................................................

  ป้านดมีผัวแล้ว เอ้ย!ไม่ใช่ มีแฟนแล้ว(สักที)
 
  นานๆโผล่มาทีอีกแล้ว อย่าว่าเค้าน้าT_T

  ขอบคุณที่ยังติดตามกันค่ะ^^





หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทที่ 13 ยอมแล้วใจ [24-01-19] p.5
เริ่มหัวข้อโดย: เพียงเพื่อน ที่ 24-01-2019 23:27:32
งู้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย :hao7: :hao7: :mc4:
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทที่ 13 ยอมแล้วใจ [24-01-19] p.5
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 24-01-2019 23:35:45
 :-[ :-[ :-[ :-[
เขินแทน ป้านด เอ้ย ปณต ทำไมพี่เบิ้มถึงได้เรียกชื่อได้ชัดขนาดนี้ ที่ผ่านมาแกล้งเรียกป้านดใช่ไหม
ดีใจด้วยน้าาาา ขอบคุณเพื่อนชาติที่ทำให้ป้านดตัดสินใจเร็วขึ้น
รู้สึกอิ่มใจจังเลยตอนนี้
 :man1: :man1: :man1:
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทที่ 13 ยอมแล้วใจ [24-01-19] p.5
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 25-01-2019 15:12:02
เขิน เค้าบอกรักกันแล้ว
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทที่ 13 ยอมแล้วใจ [24-01-19] p.5
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 25-01-2019 22:58:09
เป็นแฟนกันแล้วจ้าาาาาาา :mc4:
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทที่ 13 ยอมแล้วใจ [24-01-19] p.5
เริ่มหัวข้อโดย: iamtsubame ที่ 26-01-2019 06:37:33
พี่เบิ้มน่ารักมาก ดีต่อใจ :impress2:
อิจฉาป้านดสุดๆอ่ะ :katai1:

หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทที่ 13 ยอมแล้วใจ [24-01-19] p.5
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 26-01-2019 09:19:13
ยินดีด้วยน้า~
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทที่ 13 ยอมแล้วใจ [24-01-19] p.5
เริ่มหัวข้อโดย: imac ที่ 26-01-2019 16:21:19
คบกันซะที ดีใจด้วยน้า
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทที่ 13 ยอมแล้วใจ [24-01-19] p.5
เริ่มหัวข้อโดย: skykick ที่ 27-01-2019 12:16:13
 

  เป็นแฟนกันแล้วววว   :katai2-1:




หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทที่ 13 ยอมแล้วใจ [24-01-19] p.5
เริ่มหัวข้อโดย: Quatree ที่ 28-01-2019 10:46:05
เขิน :o8:
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทที่ 13 ยอมแล้วใจ [24-01-19] p.5
เริ่มหัวข้อโดย: patompong888 ที่ 28-01-2019 20:42:22

 Happy  :mc4:
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทที่ 13 ยอมแล้วใจ [24-01-19] p.5
เริ่มหัวข้อโดย: OoniceoO ที่ 06-02-2019 11:37:26
ดีสุดๆไปเลย
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทที่ 13 ยอมแล้วใจ [24-01-19] p.5
เริ่มหัวข้อโดย: cosmop ที่ 09-05-2019 23:57:13
เพิ่งได้เข้ามาอ่านชอบมากกกน่ารักมากเลยยย
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทที่ 14 จูบ [15-05-19] p.5
เริ่มหัวข้อโดย: MA_LEE ที่ 15-05-2019 00:02:42

บทที่14  จูบ



        หลังจากที่เมื่อคืนสารภาพความในใจให้พี่เบิ้มได้รับรู้ ก็ตงลงปลงใจคบกับพี่เบิ้มอย่างจำนน เช้านี้สถานะของผมกับพี่เบิ้มจึงเปลี่ยนไป   ผะ..ผม ผมมีแฟนแล้วครับ!  ฮ่า เขินวุ้ย

   เขาว่ากันว่าคนที่กำลังมีความรักจะดูมีออร่าสดใสเปล่งปลั่ง ไม่เห็นกับตาก็คงไม่เชื่อเพราะอีพี่เบิ้มที่กำลังเดินเข้ามาในร้านกาแฟกำลังออกแสงเต็มที่ทำให้ผมต้องรีบหยิบแว่นตากันแดดขึ้นมาสวมอย่างเร็วรี่ นี่มึงแดกแสงอาทิตย์เข้าไปรึไงกัน  แต่ทฤษฎีนี้คงใช้กับผมไม่ได้ นอกจากจะไม่แผ่แสงออร่าแบบพี่เบิ้มแล้ว เวลาเดินก็ยิ่งกว่าซอมบี้อ่อนแรงป้อแป้แถมใต้ตาก็ดำคล้ำ 
เหอะ ก็เพราะเมื่อคืนกว่าจะขมตาหลับได้ปาไปค่อนคืน ก็มันตื่นเต้นจนนอนไม่หลับนะเซ่  ปัดโธ่!


“มอร์นิ่งครับที่รัก”


“มะ มอนิ่ง” พอได้ยินคำว่า ที่รัก ในสถานะที่เปลี่ยนไป มันก็เขินแปลกๆวุ้ย


“เจ็บตาเหรอครับ?” เมื่อเห็นผมใส่แว่นตากันแดดพี่เบิ้มก็ถามขึ้นอย่างสงสัย


“ผมแพ้แสง”


“แพ้แสง?” ก็แสงบนหน้ามึงไงเล่า! 


ความจริงแล้วไม่ได้แพ้สงแพ้แสงอะไรหรอก ผมแค่อยากจะปกปิดรอยคล้ำใต้ตา รวมถึงสบตาอีแฟนหมาดๆของผมตรงๆไม่ได้ต่างหากล่ะ..ใจมันสั่น!


“เหอะน่า ผมแค่อยากใส่ ก็แฟนชั่นอ่ะ”


“คราบ~ ใบหน้าเล็กๆของคุณใส่อะไรก็น่ารัก ผมชอบหมดทุกอย่าง” เกลียดไอ้ใบหน้าแป้นแล้นนี่จริงเชียว แล้วใครถามความคิดเห็นของพี่มึงมิทราบ   ถอดแม่ง!


“โอ้วว ที่รักตาคุณ..” สัมผัสอันแผ่วเบาที่เกลี่ยลงมาที่ใต้ตา เล่นเอาหัวใจแทบหยุดเต้น ถึงจะเป็นแฟนกันแล้วก็เหอะ มันยังไม่ชิน..


“ผะ ผมไม่เป็นไร  ไปคุณไปทานข้าวกัน” อย่ามาปั่นป่วนหัวใจกันแต่เช้าแบบนี้เซ่   ใจบ่ดี


ผมเดินนำพี่เบิ้มไปยังตัวบ้าน แต่แล้วคนตัวสูงก็คว้าข้อมือผมไว้ก่อนจะประสานนิ้วมือเข้าด้วยกัน..

“เดินไปด้วยกันแบบนี้ดีกว่านะครับ” รอยยิ้มละมุนทำเอาผมแสบตาอีกครั้ง ความอบอุ่นที่แผ่ซ่านไปทั่วฝ่ามือเล่นเอาขาเปลี้ยขึ้นมาดื้อๆ  นี่มันอารมณ์การ์ตูนสาวน้อยชัดๆ!

 อ่า..แต่จะว่าไป ความรู้สึกที่เดินจับมือของเช้านี้ต่างจากเมื่อคืนนิดหน่อยแฮะ จะว่าไงดี มันเต็มใจอย่างไม่ตะขิดตะขวงใจล่ะมั้ง..



       




       
        ช่วงบ่ายของวันนี้เงียบเหงากว่าทุกวัน  ยิ่งเงียบแบบนี้อาการง่วงเหงาหาวนอนก็ตีขึ้นฉับพลัน คิดถึงเตียงนอนที่ห้องจัง ส่วนไอ้คนที่เป็นต้นเหตุทำให้ผมนอนไม่พอก็นั่งจิบชาอ่านหนังสือสบายใจสุดๆ เห็นแล้วก็หมั่นไส้  ...ไม่ไหว นอนฟุบกับโต๊ะมันนี่แหละ


“กลับไปนอนที่บ้านก่อนมั้ยที่รัก บีอยู่คนเดียวก็คงไม่มีปัญหา ถ้าลูกค้าเยอะเดี๋ยวผมไปปลุกดีมั้ยครับ” พี่เบิ้มที่นั่งตรงข้ามลูบหัวผมอย่างอ่อนโยน  อย่าทำแบบนี้สิยิ่งลูบกูก็ยิ่งเคลิ้ม


“ไม่เป็นไรครับ ผมขอแค่ห้านาทีแล้วปลุกผมด้วยนะ”


“ถ้างั้นนอนตรงนี้ดีว่าครับ”


“...” หืม ตรงไหน?


จากนั้นพี่เบิ้มก็เลื่อนเก้าอี้มานั่งข้างผมก่อนจะเอียงตัวของผมให้ซบลงบนไหล่กว้าง ส่วนผมก็ยอมซบแต่โดยดี ไม่ไหวจะขัดขืนมันง่วงจริงๆ


“แบบนี้สบายกว่าว่ามั้ย?”


“สบาย~ แต่บีต้องมองอยู่แน่ๆ” ไอ้สบายมันก็สบายอยู่หรอก แต่มันเขินไง


“หลับตาก็ไม่เห็นแล้วคุณ” นั้นสิก็แค่หลับตา โง่จริงๆเลยกู! บีที่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ก็คงรับรู้ได้ถึงการเปลี่ยนแปลงบางอย่างระหว่างผมกับพี่เบิ้ม และก็คงไม่แปลกใจเท่าไหร่ถ้ารู้ว่าเราคบกันแล้วเพราะทุกคนรู้เจตจำนงของอีพี่เบิ้มดีว่ามาที่นี่ทำไม


“ที่รักตัวคุณหอม” เสียงกระชิบเบาๆที่ข้างหูทำให้ต้องลืมตา เพราะมันใกล้ ใกล้ซะจนรู้สึกถึงลมหายใจที่เป่ารดข้างหูทำให้ขนอ่อนลุกซู่ไปทั้งตัว..


“หยุดเลยนะคุณ..” อ่า ไม่ทันแล้วครับ พี่เบิ้มใช้หนังสือที่อ่านค้างไว้บังหน้าของเราก่อนจะจุ๊บลงมาที่แก้มของผมอย่างรวดเร็ว
ให้ตาย!..อุกอาจเกิดไปแล้ว  ตื่นเต็มตาเลยกู!


   ยังไม่ทันได้คาดโทษอีพี่เบิ้ม ผองเพื่อนผู้น่ารักน่าชังก็โผล่มา..

“ไหนๆๆ ขอดูหน้าของคนมีผัวหน่อยสิ”


“ผัวพ่อง!” มาล่ะครับตัวป่วนช่วยให้หายง่วง นำโดยอีซูซี่ตัวนี้เด็ดกว่ามะยมดองหายง่วงเป็นปลิดทิ้ง ตามติดมาด้วยไอ้ดอยและซันนี่คู่รักป้ายแดงที่พึ่งตกลงคบกันก่อนหน้าคู่ผมไม่กี่วัน


“สีชมพูเอาะ” น้ำเสียงแม่งน่าเตะตัดขา “ยินดีด้วยนะคะเจเรมี่” จากนั้นมันก็เข้าไปสวมกอดยินดีปรีดากับอีพี่เบิ้มที่ยิ้มจนแก้มแทบแตก หมั่นไส้นัก


“ยินดีด้วยนะครับพี่ณต” ฝรั่งน้อยก็หันมาอวยพรกับเขาด้วยอีกคน ไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมข่าวถึงแพร่สะพัดเร็วขนาดนี้  ซูซี่รู้โลกรู้


“ไม่เห็นมีเรื่องอะไรน่ายินดีเลยซันนี่ เรื่องของซันนี่น่ายินดีมากกว่าอีก ใช่มั้ยว่ะไอ้ดอย”


“เออขอบใจ แต่เรื่องของมึงก็ต้องน่ายินดีสิแฟนคนแรกของมึงเลยนะเว้ย”


“นั้นน่ะสิพี่ณต มีแฟนทั้งทีนะครับแถมยังเพอร์เฟคขนาดนี้”


“พี่หึงนะตะวัน ชมผู้ชายคนอื่นต่อหน้าพี่แบบนี้” หืม ตะวัน?


“โธ่พี่ดอยก็  แค่ชมไม่ได้คิดอะไรสักหน่อย”


“ไม่ได้! ตะวันต้องชมแค่พี่คนเดียว”


“เผด็จการมึงอ่ะ เนอะตะวัน”


“ตบปากมึงเลยไอ้ณต ชื่อตะวันกูมีสิทธิ์เรียกได้คนเดียวเว้ย”


“โว๊ะ หวงแม้กระทั่งชื่อ” ใช่แล้วครับ ตะวันคือชื่อไทยของซันนี่


“หวงยันเงาเลยล่ะจะบอกให้”


“เวอร์ครับพี่ดอย”


“ไม่เวอร์นะ ก็พี่รักของพี่อ่ะ”


“หยุดค่ะ อย่ามาโชว์หวานแถวนี้เบาหวานจะขึ้น” แล้วอีซูซี่ก็แหวกวงล้อมแทรกเข้ามาอยู่ตรงกลางของทั้งคู่


“ผัวมึงก็มีจะอิจฉาทำไม” ไอ้ดอยพูดพร้อมกับดึงอีซูซี่ออกแล้วไปยืนข้างฝรั่งน้อยเหมือนเดิม..กูเชื่อล่ะว่ามึงหวงจริง


“ช่างเรื่องของผัวกูก่อน ไอ้ณตตอนนี้กูมีเรื่องอยากรู้สุดๆ”


“...” ความเผือกของมันทำให้ผมเสียวสันหลังวาบ


“เป็นไง เสียวมั้ยเมื่อคืน” มันกระซิบถามเบาๆ


“เสียว?”


“ก็มึงกับเจเรมี่ไง ของเขาใหญ่มะ”


“ไอ้ชาติ เดี๋ยวกูถีบ!” กูว่าล่ะคำถามมึงต้องไม่ธรรมดา


“อย่าเขินแรงขนาดนั้นสิจ๊ะ คนเขาอุตส่าห์ถามดีๆ”


“ไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น มึงจะบ้ารึป่าวเพิ่งตกลงคบกันยังไม่ถึงยี่สิบสี่ชั่วโมง มึงจะให้กูถวายตัวให้ทันทีเลยรึไงฮะ?” เมื่อคืนหลังจากตกลงเป็นแฟนกันอีพี่เบิ้มก็มีจูบอีกนิดหน่อยไม่ได้มีอะไรมากกว่านั้น


“เล่นตัว!” อยากจะถีบแม่ง


“เหยดดด ไม่อยากจะเชื่อเลยว่ะว่ามึงจะโดนตอกเสาเข็มจริงๆ แม่งเข็มใหญ่ซะด้วย” ไอ้ดอยพูดพร้อมกับมองหน้าผมสลับกับหน้าพี่เบิ้มไปมา


“หุบปากเลยพวกมึงสองตัว” พอหันไปมองหน้าไอ้เสาเข็ม เอ้ย อีพี่เบิ้มแล้วได้แต่กลืนน้ำลายอย่างฝืดคอ   ให้ตาย! สักวันกูต้องโดนเสาเข็มของมึงจริงๆใช่มะ   ฮือออ กูลืมคิดเรื่องนี้ไปเลย.. 


“เอาน่าทำใจให้สบาย เจ็บแค่มดกัดจากนั้นมึงก็จะหฤหรรษ์สุดๆ ไม่เชื่อก็ถามซันนี่” อีซูซี่ตบไหล่ผมเบาๆก่อนจะขยิบตาให้กับฝรั่งน้อย


“พี่ซูซี่~”


“อะไร? อย่าบอกนะว่าไอ้ดอยมึงกับน้อง..” แล้วไอ้ดอยก็ยักคิ้วเป็นคำตอบ ส่วนฝรั่งน้อยได้แต่ก้มหน้างุดเห็นเพียงใบหูที่ขึ้นสีระเรื่อ


“เอ่อ ก็กูไม่เคยไงเลยโทรไปปรึกษาผู้เชี่ยวชาญอย่างอีซูซี่มัน” แม่งไวไฟชะมัด


“มึงก็ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญคนนี้ได้นะจ๊ะ” เหอะ กูอยากจะร้องไห้

 
“เดี๋ยวครับทุกคน ช่วยคุยกันเป็นภาษาอังกฤษได้มั้ยครับ ผมอยากคุยด้วย” ขอเหอะ เรื่องนี้พี่มึงอย่าเผือก อย่าเพิ่งไปกระตุ้นพี่มัน ไม่งั้นกูไม่รอดแน่ ขอล่ะ กูยังไม่พร้อมมม


“เอ่อ คุยเรื่องซันนี่กับดอยไงครับที่พวกเขาคบกัน”


“จริงด้วยสิ ยินดีด้วยนะครับพวกคุณเหมาะสมกันมากจริงๆ เหมือนคู่ของเราเลยเนอะคุณ” อ่ะจ๊ะ อย่าจับมือต่อหน้าสาธารณะชนแบบนี้เซ่


“แบบนี้ต้องฉลอง ว่ามั้ยคะ”


“ดีเลยครับ ผมขอเป็นเจ้ามือเอง”


“ไม่ได้ค่ะๆ มื้อนี้ซูซี่ของเลี้ยงเอง”


“จะดีเหรอครับ ให้ผมเลี้ยงพวกคุณดีกว่า” นั้นสิรวยจะตายห่าอยู่แล้ว ให้พี่มันเลี้ยงไปเหอะ


“ดีที่สุดค่ะ เพราะว่าซูซี่ถูกหวยให้ซูซี่เลี้ยงเถอะนะคะถือว่าเลี้ยงส่งคุณด้วย” นึกแล้วเชียวว่าอีนี่ต้องถูกหวย


“หวย! ผมก็มีครับ” ว่าแล้วพี่เบิ้มก็หยิบล็อตเตอร์ที่พับครึ่งอยู่ในกระเป๋าสตางค์ออกมา  ..เออวะพี่แกมีหวยอยู่สิบใบนี่หว่า


“อุ๊ต๊ะ ฝรั่งซื้อหวย  เดี๋ยวซูซี่ตรวจให้ค่ะ”


   จากนั้นทุกคนก็รอลุ้นว่าหวยของอีพี่เบิ้มจะโดนสักรางวัลรึป่าว


“อร๊ายยย”


“ถูกเหรอวะ” ผมโพล่งถามอย่างตื่นเต้น


“ถูกแดกจร้า”


“มึงตรวจถูกงวดป่ะเนี่ย”


“ก็ของงวดที่แล้วไง ไม่เชื่อมึงเอาไปตรวจเอง” แล้วมันก็ยื่นโทรศัพท์มือถือที่เปิดแอพพลิเคชั่นตรวจหวยพร้อมกับหวยสิบใบเจ้าปัญหาของอีพี่เบิ้ม


       อ่า..ถูกแดกจริงๆด้วย   ส่วนคนถูกหวยแดกก็หน้าซึมเป็นส้วม  เพื่อ?..ได้ข่าวว่ามึงรวยมากกก


 






     ร้านอาหารญี่ปุ่นระดับพรีเมี่ยมใจกลางเมืองเป็นร้านที่เจ้ามือเสนอ เมื่อยินดีเสนอเราก็ยินดีสนอง
ดีล่ะ ในเมื่อเจ้ามือหวยไม่ได้แดกมึง กูนี่แหละจะแดกให้มึงหมดตัวเอง  หึๆ

เชตอาหารญี่ปุ่นสุดหรูทั้งซูชิและซาชิมิจัดเต็มอยู่เต็มโต๊ะ ทุกคนต่างเอนจอยอีสติ้งยกเว้นแต่พี่เบิ้ม..
งานตะเกียบเป็นงานที่พี่เบิ้มไม่ถนัดจริงๆครับ เนื้อปลาแซลมอนที่พี่เบิ้มพยามคีบครั้งแล้วครั้งเล่ามันก็ยังไม่ได้เข้าปากสักที..สุดท้ายก็ต้องเป็นกูสินะ


“นี่ครับ” ผมป้อนเนื้อปลาสีส้มสวยให้กับพี่เบิ้ม  ถ้าผมไม่ป้อนร้านปิดก็ยังคงไม่ได้แดก


“ขอบคุณครับ ตะเตียบเป็นของที่ผมใช้ไม่เป็นจริงๆ” พี่เบิ้มอ้าปากรับเนื้อปลาอย่างว่าง่าย แล้วไอ้การพูดพร้อมกับยิ้มแก้เขินแบบนี้มันก็ชวนให้คนมองเขินตามได้เหมือนกันนะ..ควายเผือกมันน่ารักแฮะ


“ดูแลดี~” แล้วกลองแต๊กทั้งหลายก็พร้อมใจกันเอ่ยแซว


“ฮันนี่ ป้อนหน่อยค่ะ ซูซี่ใช้ตะเกียบไม่ถนัดเลย” แล้วอีซูซี่ก็หันไปออเซาะโจเซฟที่ตามมาสมทบ ได้ข่าวว่าพ่อมึงเป็นจีนไหหลำ ส่วนมึงน่ะหำไหล!


“ตะวัน  อ้ามมมม” เกินหน้าเกินตาก็ไอ้ดอยนี่แหละ  ตะเกียบจกตาแม่ม!


“เดี๋ยวผมขอส้อมให้นะครับ คุณจะได้ทานสะดวก”


“ผมสะดวกให้คุณป้อนมากกว่าที่รัก” แต่กูไม่สะดวกมั้ย?


“ป้อนแฟนแค่นี้ทำไม่ได้รึไงมึง ใจร้ายอ่ะคนเขาใช้ตะเกียบไม่ถนัดแท้ๆ” อีซูซี่ว่าด้วยสายตาประณามประหนึ่งว่ามันคือปัญหาร้ายแรงระดับโลก 


“ก็จะได้แดกสะดวกๆไง”


“ก็เขาก็บอกเองว่าสะดวกให้มึงป้อน” เอ้า ไอ้ห่าดอยมึงก็เออออตามอีกคน

  เพื่อนชั่ว อะไรคือการรุมด่ากู ไม่มีใครเข้าใจความหวังดีของกูสักคน ให้ตาย!


“พรุ่งนี้เจเรมี่ก็ต้องกลับแล้วแท้ๆ เอาใจใส่ผัวมึงหน่อยสิ”


“ไอ้ชาติ มึงเลิกใช้คำว่าผัวก่อนได้มั้ย” แม่ง! คำว่าตอกเสาเข็มแว๊บเข้ามาให้หัวอีกครั้ง แต่คำว่า ‘พรุ่งนี้ต้องกลับ’ มันแรงกล้ากว่าทำให้ผมยอมตามใจควายเผือกอย่างจำนน คอยป้อนสิ่งที่ต้องใช้ตะเกียบให้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง..
นั้นสินะพรุ่งนี้ควายเผือกก็จะกลับแล้ว คงอีกนานกว่าจะได้เจอกัน ทำช่วงเวลานี้ให้น่าจดจำสักหน่อยละกัน


“เจเรมี่คุณจะกลับมาอีกเมื่อไหร่คะ” แล้วอีซูซี่ถามความคิดที่อยู่ในใจผมออกไปอย่างรู้งาน


“อีกหนึ่งเดือนผมจะกลับมาครับ หรืออาจจะเร็วกว่านั้น”   


“คนทางนี้คิดถึงแย่เลยเนอะ” แล้วอีซูซี่ก็หันหน้ามามองผม


“เดือนเดียวเอง ไม่ทันได้คิดถึงหรอก” แต่ในใจน่ะคิดว่าตั้งเดือนนึงแหนะ


“แน่ใจ๊” เสียงสูงเพื่อ


“เออ ก็คงคิดถึงนิดหน่อย” จะบอกว่าคิดถึงโต้งๆมันก็เขินไง  แม่งคนเยอะแยะ


“กลับไปแล้วผมจะโทรหาคุณทุกๆชั่วโมงเลยดีมั้ยครับ”


“มากไปคุณ” ไม่ให้กูได้ขี้ได้เยี่ยวเลยรึ แล้วมึงจะไม่ทำงานทำการเลยรึไง


“ก็ผมคิดถึงคุณ”


“คุณยังไม่ได้กลับเลย จะรู้ได้ยังไงว่าจะคิดถึงผม กลับไปแล้วคุณอาจจะลืมผมแล้วไปลั้นลากับสาวผมบลอนด์ก็ได้” เริ่มนอยด์ละกู


“ไม่! ผมชอบหนุ่มผมดำและต้องเป็นคุณด้วย แค่คุณคนเดียวเท่านั้นป้านด ไว้ใจผมที่รัก” น้ำเสียงและแววตาที่จริงจัง ทำให้ใจเต้นแรงอย่างฉับพลัน


“โอเค แต่ไม่ต้องโทรมาทุกชั่วโมงก็ได้ แค่โทรมาทุกวันก็พอ”


“แน่นอนที่รัก..ผมรักคุณ” รอยยิ้มทั้งปากทั้งตานี่มันอะไรกันน้า


“คุณ~” ดันหน้าออกแทบไม่ทันเพราะอีพี่เบิ้มโน้มหน้าลงมาจะจูบผมเฉยเลย! อีพี่เบิ้มมึงแคร์สื่อบ้างงงง


“กูว่าของหวานไม่ต้องแดกแล้วล่ะ แค่นี้ก็เลี่ยนขึ้นตาแล้ว  โอ้ยยย เจ็บตาฮันนี่ขาาา เป่าตาให้ซูซี่หน่อยค่ะ” แซวเก่ง! กูขอให้ตามึงบอด แม่ม


“มาครับๆ ชนแก้วแด่ความรักที่สวยงาม” ว่าแล้วไอ้ดอยก็ชูแก้วสาเกขึ้นเป็นสัญลักษณ์ก่อนที่ทุกคนจะยกแก้วขึ้นประสานกันจนเกิดเสียงที่ดังก้องไปทั่วห้องวีไอพีที่อีซูซี่มันจองไว้

   รสชาติหวานปนขมของสาเกซึมซาบไปทั่วลิ้นไม่ต่างจากรสชาติของความรักที่ค่อยๆซึมลึกลงในหัวใจดวงน้อยๆของผม มันแค่เริ่มต้นสินะ ต่อจากนี้จะเป็นยังไงน้า หวังว่าจะสุขมากกว่าทุกข์ละกันนะกับความรักครั้งแรกของผม..


   










“ที่รักให้ผมขับรถให้มั้ย คุณดูง่วงๆ” ไม่ได้ดูง่วงๆแต่กูง่วงจริงๆ อดหลับอดนอนมาทั้งคืนแถมแดกปลามาทั้งทะเลจนหนังท้องตึงขนาดนี้หนังตามันก็จะปิดเสียให้ได้


“ได้ครับ” ผมยื่นกุญแจรถให้พี่เบิ้มอย่างไม่อิดออด จากนั้นก็ไปนั้งที่นั่งข้างคนขับแล้วเอนเบาะลงนอนพักสายตาทันที..กูง่วง!

ไม่รู้ว่าผ่านไปกี่นาทีที่ผมงีบหลับไปพอตื่นขึ้นมาก็พบกับแสงไฟสลัวๆ ฝาผนังที่คุ้นตา และกลิ่นน้ำยาปรับผ้านุ่มที่แสนจะคุ้นเคยบนผ้าปูที่นอน  หืม..ที่นอน ผมอยู่บนเตียง? เมื่อตื่นเต็มตาถึงได้รู้ว่าผมนอนอยู่บนเตียงในห้องของตัวเอง แล้วผมมาโผล่ที่ห้องนอนตัวเองได้ยังไง?!


“ตื่นแล้วเหรอที่รัก อาบน้ำก่อนมั้ย หรือจะเปลี่ยนชุดแล้วนอนต่อเลย” พี่เบิ้มที่เดินออกมาจากห้องน้ำพูดด้วยน้ำเสียงสบายๆ


“เดี๋ยวนะคุณ ผมมาอยู่ที่ห้องได้ยังไง” กูงง


“ผมอุ้มคุณมาเองครับ”


“อุ้ม!”


“ครับ ผมปลุกคุณแล้วแต่คุณไม่ยอมตื่นผมเลยอุ้มคุณมานอนต่อที่บ้าน คุณคงง่วงมากผมอุ้มคุณยังไม่รู้สึกตัวสักนิด” มากกว่าอุ้มกูก็คงจะไม่รู้สึกตัว ให้ตาย! ทำไมกูนอนเหมือนไหลตายได้ขนาดนี้วะ


“เอ่อ กี่โมงแล้วครับ”


“เที่ยงคืนครับ” บ๊ะ! คิดว่างีบไปแค่ไม่กี่นาที นี่กูล่อไปสามชั่วโมงเลยรึ  ว่าแต่อีพี่เบิ้มมันเพิ่งอาบน้ำเสร็จสินะจากสภาพนุ่งกางเกงขาสั้นตัวเดียวพร้อมกับหยดน้ำที่เกาะอยู่บนอกหนา แล้วทำไมต้องมาอาบน้ำที่บ้านกู?


“เออ นี่ก็ดึกแล้วคุณกลับไปพักผ่อนเถอะครับ ” นี่คือการไล่อยากแนบเนียน บอกตามตรงว่าสถานการณ์ช่างล่อแหลมซะเหลือเกิน


“ผมเช็คเอ้าท์แล้วครับ”


“ห๊ะ!” พี่มึงพูดบ้าอะไรวะ เมื่อมองไปตรงมุมห้องก็เห็นกระเป๋าแบ็คแพ็คใบโตของพี่เบิ้ม..นี่พี่มึงเอาจริงดิ!


“ให้ผมนอนด้วยนะที่รัก ผมอยากอยู่กับคุณจนถึงเช้า”


“...” แดกจุดเลยกู


“นะครับที่รัก” อย่าอ้อนกูแบบเน้


“โอเคๆ แค่นอนอย่างเดียวนะครับ  เอ่อ..บอกตามตรงว่าผมกลัว” ไม่อ้อมค้อมละกัน ก็คนมันกลัวจริงๆนี่หว่า บอกตรงๆขนาดนี้แล้วอีพี่เบิ้มคงไม่ใจร้ายฝืนใจปล้ำแฟนตัวเองหรอกใช่มั้ย?


“กลัวอะไรครับ” อย่ามาทำหน้าตอแหล กูรู้ว่ามึงรู้


“คุณรู้น่า”


“ผมสัญญาว่าจะไม่ทำอะไรไปมากกว่าจูบ โอเคนะครับ”


“อะ โอเค”
“ถ้าอย่างนั้น นอนต่อหรืออาน้ำดีครับ”


“อะ อาบน้ำ” แล้วทำไมกูต้องตื่นเต้นด้วยวะ กะอีแค่รู้ว่าจะต้องถูกจูบ



     ผมอาบน้ำอย่างอ้อยอิ่งขัดมันทุกซอกทุกมุมขี้ไคลออกจนหมดตัวปั้นควายได้เป็นฝูง ตัวนี่เปื่อยยิ่งกว่าตีนไก่ในต้มซุปเปอร์ หวังว่าออกจากห้องน้ำแล้วพี่เบิ้มมันคงจะหลับไปแล้วนะ..แต่ที่ไหนได้พ่อหนุ่มผมยาวของผมนอนพิงหัวเตียงอ่านหนังสืออย่างสบายอารมณ์    ..เหอะ อยากจะมอบโล่รักการอ่านให้พี่มึงซะจริงๆ

เมื่อรู้ว่าผมออกจากห้องน้ำก็เงยหน้าจากหนังสือแล้วยิ้มให้ผมอย่างอ่อนโยน ให้ตายสิ นี่มันรอยยิ้มพิฆาตของแท้ร่างกายถึงกับร้อนฉ่า..


“ผมนึกว่าคุณหลับในห้องน้ำไปแล้วเสียอีก” พี่มันพูดด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม เหมือนรู้ว่าผมตั้งใจที่จะอาบน้ำนาน..เกลียดนักพวกรู้ทัน


“ปกติผมอาบน้ำนานอยู่แล้วครับ” หึ ใครจะยอมรับล่ะ


“เหรอครับ”  ก็เออนะสิ  “มาครับมานอน”


“ผมของผมยังไม่แห้ง คุณนอนก่อนได้เลยครับ”


“ไดร์เป่าผมล่ะครับ”


“ไม่มีครับ” ผมสั้นแค่นิดเดียวใครมันจะไปใช้ของแบบนั้นกันเล่า


“ถ้างั้นคุณนั่งลงเลยครับ เดี๋ยวผมจัดการให้เอง” พี่เบิ้มจับผมให้นั่งลงตรงปลายเตียงก่อนจะหันไปรื้อกระเป๋าใบโตแล้วหยิบไดร์เป่าผมสีดำออกมา จากนั้นก็จัดการเป่าผมอันเปียกชื้นของผมด้วยการยืนค้ำหัวผมอยู่ วิวเดียวที่ผมเห็นในตอนนี้คือหน้าท้องที่เปลือยเปล่า อืมนะ..จะแน่นไปไหน

ไม่รู้อะไรดลใจหรือโดนผีตัวไหนเข้าสิง จู่ๆก็เกิดอาการมันเขี้ยวผมจึงงับฝังเขี้ยวลงไปที่หน้าท้องของพี่เบิ้มอย่างจังปรากฏให้เห็นเป็นรอยเขี้ยวจางๆ   อืม..แน่นจริง


“ที่รัก!” พี่เบิ้มสะดุ้งน้อยๆ ก่อนจะมองหน้าผมอย่างตกตะลึง


“ผะ..ผมแค่อยากรู้ว่ามันจะแข็งแค่ไหน” อ่า นี่กูเผลอทำอะไรลงไปเนี่ย


“ไม่ยุติธรรม ให้ผมเอาคืนเดี๋ยวนี้เลย” สายตาของมึงช่างวาววับซะเหลือเกิน


“No!”


“เปิดเสื้อคุณขึ้นเดี๋ยวนี้เลย”


“ผมว่าเรานอนกันดีกว่า ผมง่วงแล้ว” ใครจะบ้าจี้ตามพี่มึงล่ะ

   เมื่อผมไม่ยอมทำตามพี่เบิ้มก็ผลักผมลงกับเตียงจากนั้นก็เลิกชายเสื้อผมขึ้นแล้วจุ๊บหนักๆลงมาที่หน้าท้องของผม..เหมือนไฟฟ้าสะถิตเพราะมันชาวาบไปทั้งตัว


“หน้าท้องนิ่มๆของคุณไม่เหมาะกับทำให้เป็นรอยหรอก ว่ามั้ยครับ” หรอกด่าว่ากูอ้วนอีกแล้ว แต่เชื่อเถอะว่าเสี้ยววินาทีหนึ่งผมเห็นดวงตาสีเทาคู่นั้นเหมือนมีเปลวไฟกำลังลุกโชน ท่าทางในตอนนี้ก็ล่อแหลมเกินไปแล้ว อะไรคือการขึ้นค่อมผมทั้งตัวแบบนี้


“เอ่อ..นอนกันเถอะคุณดึกมากแล้ว” เหมือนคำพูดของผมจะไม่ได้เข้าหูของอีพี่เบิ้มแม้แต่น้อยเพราะดวงตาคู่สีเทากำลังจดจ้องอยู่ที่เรียวปากของผม..


“จูบนะครับ”


“...” ถึงเวลาแล้วใช่มะ 


“แค่จูบที่รัก ผมต้องการจูบของคุณจริงๆ”


“แค่จู...” ยังไม่ทันจบประโยคเรียวปากของพี่เบิ้มก็ประกบลงมาที่เรียวปากของผมอย่างดุดันทันที


“เปิดปากให้ผมที่รัก” เมื่อสติเริ่มมึนก็ทำตามอย่างว่าง่ายผมเผยอปากน้อยๆจากนั้นเรียวลิ้นร้อนของพี่เบิ้มก็แทรกเข้ามาอย่างรวดเร็วเกี่ยวกระหวัดดูดดึงปลายลิ้นของผมอย่างเร่าร้อน


   อ่า..แบบนี้สินะที่เรียกว่าจูบ เล่นเอาผมหายใจติดขัด สมองขาวโพลนไปหมดพร้อมกับร่างกายที่แทบจะหลอมละลาย

พี่เบิ้มปล่อยปากผมให้เป็นอิสระเพื่อหายใจเข้าปอดแต่มันแค่แป๊บเดียว แป๊บเดียวจริงๆก็ประกบริมฝีปากลงมาอีกครั้ง ฝ่ามืออีกข้างที่ว่างเว้นจากการประคองหน้าของผมก็เริ่มซุกเข้ามาภายใต้เสื้อและลูบไล้ไปทั่วแผ่นหลังของผมจนร้อนผ่าวไปทั้งร่างก่อนจะเคลื่อนฝ่ามือมาที่หน้าอกและเขี่ยเบาๆที่ยอดอกจนผมเผลอแอ่นหน้าอกและร้องครางออกมาอย่างลืมตัว


“อ๊ะ” เสียงนี้เหมือนดึงสติของผมให้กลับมา นี่มันชักจะมากกว่าจูบ ผมตีไหล่พี่เบิ้มรัวๆเพื่อให้ผละออกและเหมือนสติของพี่เบิ้มก็กลับมาเช่นกัน


“คุณนอนก่อนเลยที่รัก ผมขอเข้าห้องน้ำสักครู่” พี่เบิ้มพูดด้วยน้ำเสียงที่แหบพร่าพลางอดกลั้นและลมหายใจที่หนักหน่วงก่อนจะผละออกแล้วเดินไปเข้าห้องน้ำอย่างเร็วรี่  ไม่บอกก็รู้ว่าไปเข้าห้องน้ำทำไม ไม่ใช่ปวดขี้แน่ๆ ยังไงเราก็ผู้ชายเหมือนกันผมเข้าใจพี่เบิ้มดีเพราะอาการของผมตอนนี้ก็ไม่ต่างกัน..


   ...บอกตามตรงว่าไอ้จูบเร่าร้อนเนี่ยแม่งโคตรดี ผมว่าผมชอบมันว่ะ!



   

  TBC.
.................................................................

ไปล่องลอยอยู่นอกโลกเสียนาน ตอนนี้กลับมายังโลกได้สักที
ขอบคุณที่ยังไม่ลืมกันค่ะ #พี่เบิ้มป้านด

หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทที่ 14 จูบ [15-05-19] p.5
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 15-05-2019 00:58:57
เกือบลืม กลับมาแล้ว~
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทที่ 14 จูบ [15-05-19] p.5
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 15-05-2019 09:29:29
กรี๊ดดดดดดดดดดดด ดีใจ ป้านตกับพี่เบิ้มกลับมาแล้ว
ชอบเพื่อนๆ ของป้านตจัง แซวได้น่ารักมากกกก
ว่าแต่ พี่เบิ้มนี่แมนของแท้เลยนะ ไม่ตามใจตัวเอง
อยากมีแบบนี้บ้าง จะเหลือถึงเราหรือเปล่านะ
 :really2:
ช่วงนี้อากาศเปลี่ยน คนเขียนรักษาสุขภาพด้วยนะ
 :mew1:
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทที่ 14 จูบ [15-05-19] p.5
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 15-05-2019 16:07:12
งู๊ยยยยยย มาแล้วววววว แอบแซ่บโด้ยยยยยยย :impress2:
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทที่ 14 จูบ [15-05-19] p.5
เริ่มหัวข้อโดย: Quatree ที่ 15-05-2019 23:42:25
 :pig4:รอติดตามอยู่นะคะ
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทที่ 14 จูบ [15-05-19] p.5
เริ่มหัวข้อโดย: Pin_12442 ที่ 16-05-2019 00:03:08
คิดถึงมากกกกกก คิดถึงทุกคน :hao5:
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทที่ 14 จูบ [15-05-19] p.5
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 16-05-2019 09:48:06
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทที่ 14 จูบ [15-05-19] p.5
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 16-05-2019 16:41:10
กลับมาแล้ว คิดถึงมากเลยครับ //มาต่อบ่อย ๆ นะครับ ^^
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทที่ 14 จูบ [15-05-19] p.5
เริ่มหัวข้อโดย: Rsun ที่ 19-05-2019 18:24:17
รอๆ​มาต่อบ่อยๆน้าาาา

 :mew2:
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทที่ 14 จูบ [15-05-19] p.5
เริ่มหัวข้อโดย: cosmop ที่ 28-05-2019 22:24:26
โอ้ยเขินมากกกก รอตอนต่อไปค้าบบบ
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทที่ 14 จูบ [15-05-19] p.5
เริ่มหัวข้อโดย: patompong888 ที่ 01-06-2019 21:52:58



 ฮือออออ คิดถึงๆ
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทที่ 14 จูบ [15-05-19] p.5
เริ่มหัวข้อโดย: panpang ที่ 02-06-2019 14:22:36
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทที่ 14 จูบ [15-05-19] p.5
เริ่มหัวข้อโดย: yaoigirl ที่ 03-06-2019 08:59:55
รอพี่เบิ้มอยู่นะจ้ะ
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทที่ 14 จูบ [15-05-19] p.5
เริ่มหัวข้อโดย: 449307p ที่ 03-06-2019 12:01:53
 :hao6:
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทที่ 15 เพราะรัก..จึงคิดถึง [11-06-19] p.6
เริ่มหัวข้อโดย: MA_LEE ที่ 11-06-2019 22:36:25



บทที่15  เพราะรัก..จึงคิดถึง





        พี่เบิ้มหายหัวไปเข้าห้องน้ำพร้อมกับเสียงน้ำจากฝักบัวที่ดังกระทบพื้นไม่ขาดสาย ส่วนผมนั้นนอนสงบแน่นิ่งอยู่บนเตียงแต่ไอ้ที่ไม่นิ่งก็ส่วนกึ่งกลางตรงหว่างขานี่แหละที่มันโป่งพองแทบระเบิด  ยุบหนอ..พองหนอ..

ยี่สิบกว่านาทีผ่านไปพี่เบิ้มถึงได้ฤกษ์ออกจากห้องน้ำ..สบายตัวแล้วสินะมึง

“ที่รัก..เอ่อเข้าห้องน้ำมั้ยครับ” พอเห็นหน้าอีพี่เบิ้มตรงๆก็เขินวุ้ย..ก็เมื่อกี้เกือบได้กันนะ!


“อ่า..ไม่ครับ ผมโอเค” แต่กว่าจะโอเคได้ต้องอ่านหนังสือธรรมะที่วางอยู่บนหัวเตียงไปหลายบท..


เมื่อล้มตัวลงนอนอีพี่เบิ้มก็คว้าผมเข้าอ้อมกอดทันที นัวเนีย คลอเคลียที่หน้าและคอผมไม่ห่าง..เดี๋ยวก็ของขึ้นอีกหรอกมึง


“ตัวคุณหอม ผมชอบจัง”


“ยะ เยอะไปแล้วคุณ” พี่เบิ้มซุกไซร้ที่คอผมไม่หยุด


“คุณไม่ชอบสัมผัสของผมเหรอครับ” อย่ามามุกนี้ดิ ไม่ใช่ไม่ชอบ..ยอมรับตรงๆว่าชอบจะตายห่าอยู่แล้ว!


“ไม่ใช่อย่างนั้น เดี๋ยวมันจะเลยเถิดต่างหากล่ะครับ” เหมือนเมื้อกี้ไงไอ้บ้า แค่จูบซะที่ไหนเกือบเตลิดเปิดเปิง


“ก็ตัวคุณหอมนี่ครับ”


“ผมไม่ได้ใส่น้ำหอมสักหน่อย” งงกับพี่มันเหมือนกันบอกว่าหอมอยู่ได้ คนไม่ใช้น้ำหอมแท้ๆ


“ครับผมรู้ มันไม่ใช่กลิ่นน้ำหอมแต่มันคือกลิ่นกายของคุณต่างหากล่ะครับ” ไม่พูดเปล่าหอมแก้มผมฟอดใหญ่  ช้ำแก้มกูช้ำ


“กลิ่นกาย?”


“ครับ มันหอมอ่อนๆได้กลิ่นแล้วอยากจะหอมอยากจะอยู่ใกล้ทั้งวัน บางครั้งมันก็ยั่วยวนทำให้ผมแทบคลั่ง”


“ยั่วยวน? คลั่ง?” นอนนิ่งเป็นสากกะเบือขนาดนี้ กูไปยั่วมึงตอนไหนฮึ


“ครับ คุณไม่รู้ตัวเหรอที่รักว่าคุณยั่วยวนแค่ไหนและมันทำให้ผมคลั่งซะจนอยากจะกลืนกินคุณลงท้องให้รู้แล้วรู้รอด”


“...” เอิ่ม..


“เหมือนเมื้อกี้ไงครับ ผมเกือบจะกินคุณซะแล้ว” เสียงกระซิบและลมหายใจอุ่นๆที่ข้างหูทำให้ร้อนวาบไปทั้งตัว


“ถะ ถ้างั้นก็อย่านอนเบียดแบบนี้สิครับ” ผมขืนตัวออกจากอ้อมกอดแต่ก็ถูกรั้งเอาไว้แล้วอ้อมกอดนั้นยิ่งแนบแน่นกว่าเดิม


“ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมสัญญากับคุณไว้แล้ว ยังไม่กินคุณตอนนี้หรอก”


“กะ..กินอะไรกันเล่า ผมไม่ใช่ของกินสักหน่อย”


“คุณเหมือนของหวาน โดยเฉพาะตรงนี้..” จูบเบาๆที่ริมฝีปากทำให้ใจเต้นไม่เป็นจังหวะอีกครั้ง เก่งจริงเรื่องทำให้เขินเนี่ย..


  ให้ตาย! ถ้าพูดถึงกลิ่น กลิ่นของพี่เบิ้มผมก็โคตรชอบ


“ผมก็ชอบนะ”


“หืม?”


“กลิ่นกายของคุณ เอ่อมัน ซะ เซ็กซี่” บ้าเอ้ย! พูดเองก็เขินเอง ผมว่าเราทั้งคู่คงจะเสพติดกลิ่นกายของกันและกันไปแล้วล่ะ..


“ที่รัก~” จากนั้นอีพี่เบิ้มก็รั้งผมเข้าไปนัวเนียอีกครั้งอย่างบ้าคลั่ง..กูจะรอดมั้ยเนี่ย!


เมื่อนัวเนียจนหนำใจแล้วก็ปล่อยผมให้เป็นอิสระพร้อมกับสียงหอบ แฮ่กๆกันทั้งคู่ มึงเป็นมาโซแน่ๆชอบทรมานตัวเอง



“งานของคุณมีช่วงลาพักร้อนมั้ยครับ” พี่เบิ้มพูดพร้อมกับกอดผมไว้หลวมๆ


“ก็ไม่เชิงครับ คือถ้าผมจะลาเมื่อไหร่ก็ลาได้ แม่ผมก็จะมาช่วยดูให้” เมื่อพูดถึงแม่ก็เหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ ถ้าแม่รู้ว่าแฟนคนแรกของลูกเป็นผู้ชายแม่จะว่ายังไงนะ..


“ครอบครัวของคุณมีรีสอร์ทอยู่บนภูเขาใช่มั้ยที่รัก”


“...”  ลืมคิดเรื่องนี้ไปเสียสนิท ถึงแม้พ่อกับแม่ของผมจะค่อนข้างหัวสมัยใหม่เพราะงานที่ต้องคลุกคลีกับชาวต่างชาติเสมอๆ แต่ก็อดกลัวไม่ได้ถ้ารู้ว่าลูกชายตัวเองคบกับผู้ชายจะรับได้จริงๆรึป่าว


“ที่รัก”


“...”


“ป้านด”


“ครับ!”

   
“คิดอะไรอยู่ครับ”


“เอ่อ ผมยังไม่ได้บอกเรื่องของเราให้ที่บ้านรู้ ถ้าพ่อแม่รู้ว่าผมคบกับคุณ เออ..คบกับผู้ชาย..”


“อย่าเพิ่งกังวลไปที่รัก พวกเราไม่ได้ทำอะไรผิดผมเชื่อว่าพ่อกับแม่คุณจะต้องเข้าใจ เชื่อผมว่าทุกอย่างจะผ่านไปได้ด้วยดีเราจะผ่านไปด้วยกัน..เชื่อผมนะที่รัก” มือสองข้างของพี่เบิ้มประคองหน้าของผมไว้พร้อมกับน้ำเสียงที่จริงจังและแววตาที่มุ่งมั่นคู่นั้นมันทำให้ผมเชื่อว่าเราจะผ่านมันไปได้ 

   ใช่! มันต้องผ่านไปได้สิ..ผ่านไปด้วยกัน


“แล้ว..ครอบครัวของคุณล่ะครับ” มันเป็นเรื่องของคนสองคนฉะนั้นมันคงไม่ใช่แค่เรื่องครอบครัวของผมเพียงครอบครัวเดียว..อดคิดไม่ได้เลยว่าพวกเขาจะรับผมได้รึป่าว


“ไม่มีปัญหาที่รัก พวกเขารู้จักคุณดีแล้วก็อยากพบคุณไวๆ”


“ฮะ!”  รู้จักตอนไหนวะ?


“เอาเป็นว่าครอบครัวของผมยินดีที่เรารักกัน”


“คุณบอกแล้ว?”


“ครับ ครอบครัวของผมทราบดีว่าหนึ่งเดือนที่ผ่านมาผมมาทำอะไรที่เชียงใหม่” น้ำเสียงสบายๆที่เอ่ยออกมาแสดงถึงความไร้กังวล มันทำให้ผมคลายความกังวลลงไปได้บ้าง แต่ก็นะ..


“อ่า..” เหลือแค่ที่บ้านผมสินะ


“แล้วผมจะพาคุณไปเปิดตัว ไปรู้จักครอบครัวของผมกันนะครับ” เปิดตัว? อ่า..เริ่มประหม่าซะแล้วสิ


“กะ..ไกลนะคุณ”


“ไม่เกินสิบสามชั่วโมง ถือว่าไปนอนเล่นบนฟ้านะครับ” เหอะ กูไม่อยากนอน


“ตะ..ตั๋วแพง” ที่จริงก็มีปัญญาอยู่หรอก แต่ไม่พร้อมไง


“คุณไม่ต้องออกเงินแม้แต่เพ็นซ์เดียวที่รัก..แฟนคุณรวยนะเผื่อคุณลืม” จ๊ะ รวย แต่ไม่ต้องกระซิบข้างหูขนาดนี้ก็ได้มะ


“ผม เกรงใจ”


“ผมเต็มใจ มีที่ที่ผมอยากพาคุณไปเยอะเลย ที่ในความทรงจำของผม” อืม..อันนี้น่าสน


“โอเค ผมจะไป” ผมก็อยากรู้เหมือนกันว่าที่ที่เด็กชายเจเรมี่เติบโตมาเป็นแบบไหน เพราะจริงๆแล้วเรารู้เรื่องของกันและกันน้อยมาก มันคงถึงเวลาที่เราจะเรียนรู้และรู้จักกันให้มากขึ้น..


“ขอบคุณครับ”

                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                       
“นี่คุณ”


“ว่าไงครับ”


“เรื่องคอนโดของคุณ คุณอยากได้แบบไหนช่วยบอกผมสักนิด” คือจะให้แล้วแต่ผมหมดทุกอย่างมันก็ไม่ใช่ป่ะ


“ตามใจคุณที่รัก” อีกล่ะ


“ได้ยังไงล่ะครับ คอนโดของคุณนะ”


“ไม่ใช่คอนโดของผมแต่เป็นคอนโดของเรา ฉะนั้นผมให้คุณออกแบบได้ตามใจชอบ”


“ของเราได้ยังไงครับ”


“ได้สิครับ ก็เราคบกันมันก็ต้องเป็นของเรา ผมอยากให้คุณออกแบบ อยากให้ห้องนั้นเป็นฝีมือของคุณทั้งหมด” ถ้ามันเป็นของเราก็ต้องช่วยกันดิ


“มันต้องช่วยกันคิดต่างหากล่ะครับ ถึงจะเรียกว่าเป็นของเรา


“โอเคที่รัก เราจะช่วยกัน” รอยยิ้มกว้างที่แสนอ่อนโยนทำให้ในอกอุ่นไม่น้อย..


“ถ้าอย่างงั้นผมจะออกแบบใหม่แล้วส่งไปให้คุณดูคุณอยากได้ตรงไหนเพิ่มหรือแก้ส่วนไหนก็บอกผม โอเคนะครับ”


“ครับ”


“งั้นนอนกันนะครับ”


“คุณง่วงแล้วเหรอที่รัก”


“ครับ ผมง่วงแล้ว” เอาจริงๆมะ ไม่ได้ง่วงหรอกตานี่สว่างโร่ก็บรรยากาศแบบนี้ใครมันจะไปหลับลง แต่อยากให้พี่เบิ้มได้พักไง พรุ่งนี้ต้องเดินทางแต่เช้าแถมยังไกลอีกต่างหาก ให้ร่างกายไม่เพลียพร้อมสำหรับการเดินทางนั้นแหละดีที่สุด..ไม่รักไม่ห่วงหรอกนะ   เขินวุ้ยยย


“ฝันดีนะที่รัก ผมรักคุณ” คำบอกรักเบาๆพร้อมกับริมฝีปากที่แนบลงมาที่หน้าผากทำให้ผมยิ้มรับสัมผัสนั้นอย่างเต็มใจ  และไม่ลืมเอ่ยตอบกลับไปเช่นกัน..


“ฝันดีครับ ผม..ผมก็รักคุณ” ไม่บอกก็รู้ว่าเจ้าของอ้อมกอดที่เอาคางเกยบนหัวผมเนี่ยทำหน้ายังไง..ยิ้มร่าเลยล่ะสิท่า


   

   ..คืนนี้เราคงฝันดีกันทั้งคู่
   












   


      08.15น. ท่าอากาศยานนานาชาติเชียงใหม่

“คุณส่งผมแค่นี้ก็ได้ครับที่รัก” เมื่อเลี้ยวรถเข้ามาในสนามบินพี่เบิ้มก็เอ่ยปากทันที


“ได้ไงล่ะครับ ผมจะรอส่งคุณเข้าเกต” เอาให้มันถึงวินาทีสุดท้ายกันไปเลย


“แค่นี้คุณก็คิดถึงผมซะแล้ว” ไอ้อาการยิ้มยิงฟันแบบนี้หมายความว่าไง ฮึ


“ว่าแต่คุณเหอะ ไม่อยากให้ผมอยู่ส่งรึไง ไหนบอกว่าจะโทรหาทุกชั่วโมงนี่ยังไม่ทันขึ้นเครื่องก็ไล่ผมกลับซะแล้ว” ชิ คนโกหก


“ผมแค่กลัวใจตัวเองต่างหากล่ะครับ ขืนอยู่กับคุณนานกว่านี้ผมอาจจะเปลี่ยนใจไม่กลับแล้วก็ได้” บ้าบอ


“ไม่กลับไปทำงานรึไงคุณ”


“ผมยอมขายหุ้น”


“คุณมันบ้า”


“ใช่ผมมันบ้า บ้าก็เพราะคุณ” อย่ามาโทษกันนะ


“โอ้ยย เดี๋ยวคุณนี่มันในรถนะ” เมื่อรถจอดสนิทอีพี่เบิ้มก็จู่โจมโน้มผมเข้าไปนัวเนียทันที


“จูบเดียวนะที่รัก เดี๋ยวเข้าไปข้างในคุณต้องไม่ยอมให้ผมจูบแน่ๆ”


“...” แหงล่ะ


“อีกตั้งหนึ่งเดือนที่ผมจะได้จูบคุณอีก นะที่รักไม่งั้นผมขาดใจแน่ๆ” ให้ตาย! มึงมันงอแงสิ้นดี


  ยอมก็ได้! กูกลัวมึงขาดใจหรอกนะ


“โอเคๆ จูบเดียวนะครับ” ผมหลับตาลงเพื่อเป็นสัญญาณ ไม่ต้องรอนานริมฝีปากหนาก็สัมผัสลงมาที่เรียวปากของผมทันที


   ..อ่อนโยน


   ..เนิบช้า


   ..อยากให้เวลาหยุดหมุน   อืมมม แต่หมุนเหอะ! เพราะกำลังจะขาดใจตายเมื่อรสจูบแปรเปลี่ยนเร่าร้อน


“อือออ  ไม่เอาลิ้น!”   


“ก็คุณหวานอ่ะ”


“พอเลยคุณ ลงรถได้แล้วเดี๋ยวก็ตกเครื่องหรอก”


“ก็ดี จะได้อยู่ต่ออีกสักหน่อย” มึงมันบ้า เสียเวลาคุยชะมัด มึงไม่ลงก็ตามใจกูลงก่อนล่ะ

ผมเดินมาเปิดท้ายรถรอให้อีควายเผือกมาหยิบกระเป๋า..มึงจะอ้อยอิ่งไปถึงไหน  พอหยิบกระเป๋าสะพายบ่าได้ ก็หันมาเร่งผมซะอย่างงั้น


“ไปกันคุณ เดี๋ยวจะไม่ทัน” นี่มึงเพิ่งจะรู้ตัวเหรอ? แล้วพี่มันก็เดินนำผมไปเฉยเลยครับ เชื่อเขาเลย..




     เมื่อเช็คอินและโหลดกระเป๋าเสร็จเรียบร้อย ยังพอมีเวลาเหลือให้เราได้ร่ำลากันอีกนิดหน่อยก่อนที่พี่เบิ้มจะเข้าไปยังเกต


“เฮ้อ เมื่อกี้ผมน่าจะจับคุณยัดกระเป๋า” นี่คนนะไม่ใช่กางเกงใน


“เดือนเดียวเองครับ อดทนหน่อย” ผมเข้าใจความรู้สึกของพี่เบิ้มดีเพราะเราต้องอดทนไปด้วยกัน..


“ถึงแล้วผมจะรีบโทรหานะที่รัก”


“ครับ”


“ทานข้าวให้ตรงเวลาแล้วก็อย่าลืมไปยิมด้วยนะครับ”


“ฮ่าๆ ครับๆ คุณก็ด้วยนะอย่าทำงานหนักจนลืมกินข้าวล่ะ”


“รอผมนะที่รัก”


“ครับ เข้าไปข้างในเหอะคุณใกล้ได้เวลาแล้ว”


“โอเค แล้วเจอกันที่รัก”


“แล้วเจอกันครับ” พี่เบิ้มสวมกอดผมแนบแน่นก่อนจะผละออกอย่างตัดใจ


ผมยังยืนอยู่ที่เดิมมองคนตัวสูงเดินไปยังเจ้าหน้าที่เพื่อตรวจตั๋วและพาสปอร์ต จากนั้นก็นำของทุกอย่างที่ติดตัวมาวางลงบนสายพานเอกซเรย์ก่อนจะหันมามองผมพร้อมกับพูดโดยไม่เปล่งเสียง  "I  miss  you"

ผมยิ้มให้กับประโยคนั้นพร้อมกับพยักหน้ารับรู้  เมื่อผ่านเข้าไปข้างในเรียบร้อยแล้ว พี่เบิ้มก็หันกลับมาที่ผมอีกครั้งและเอ่ยคำบางคำถึงแม้ผมจะไม่ได้ยินแต่คำๆนั้นกลับดังก้องอยู่ในหัวใจ   "I  love  you"


ผมโบกมือลาให้กับคนตัวสูงพร้อมกับเอ่ยประโยคเดิมนั้นอีกครั้งเบาๆ  "I  love  you  too"










     เมื่อกลับมาถึงเกสท์เฮาส์ความรู้สึกเหมือนขาดอะไรไปสักอย่างก็จู่โจมขึ้นอย่างฉับพลัน..หรือนี่จะเรียกว่าความเหงา  ยังไม่ทันพ้นหนึ่งชั่วโมงผมก็คิดถึงพี่เบิ้มซะแล้ว..


   เริ่มทำงานแล้วสินะ..ความคิดถึง




   มือถือที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงสั่นครืนเรียกสติที่กำลังเหม่อลอยให้กลับมาอีกครั้ง  หืมมม...ไอ้ฟาง


“หวัดดีมึง” เสียงหญิงสาวหนึ่งเดียวในกลุ่มเอ่ยทักทายมาตามสาย


“หวัดดีเพื่อน ไม่หลับไม่นอนรึไงมึงโทรมาเวลานี้มีไรป่ะเนี่ย” ที่อังกฤษตอนนี้น่าจะตีสามแล้ว


“กูแค่จะโทรมาถามว่าส่งคุณบอส ไม่สิส่งคุณแฟนของมึงขึ้นเครื่องเรียบร้อยแล้วใช่มะ”


“อื่อ เรียบร้อยแล้ว” ไม่แปลกที่ไอ้ฟางจะรู้ก็เพื่อนสนิทในกลุ่มจะไม่รู้ได้ยังไงล่ะ แต่ตอนที่มันรู้ว่าผมคบกับพี่เบิ้มดูเหมือนว่ามันจะไม่ตกใจเท่าไหร่ ที่จริงมันก็ทุกคนในกลุ่มนั้นแหละไม่มีใครแปลกใจเลยที่ผมตกลงคบกับพี่เบิ้ม เหมือนรู้กันอยู่แล้วว่ายังไงผมก็ไม่รอดแน่ๆ


“คราวนี้มึงจะได้มีข้ออ้างมาหากูที่อังกฤษสักที”


“ทำไมต้องมีข้ออ้าง”


“อ้าวก็ผัวมึงอยู่นี่ ใจคอไม่คิดจะมาหาเขาที่นี่เลยรึไง”


“ยังไม่ใช่ผัวโว้ยยย”


“ฮิฮิ อีกหน่อยก็เป็น” หัวเราะได้น่าดีดปากแตกมาก


“นี่ กูถามไรหน่อยดิ”


“ว่ามา แต่บอกไว้ก่อนนะถ้าถามเรื่องอย่างว่าทำยังไงนี่กูไม่รู้นะเว้ยต้องถามอีซูซี่มัน  ฮิฮิ” กูเกลียดเสียงหัวเราะมึง


“ไม่ใช่โว้ย  มึงไม่ตกใจเหรอวะที่กูคบกับผู้ชาย” ผมถามมันด้วยน้ำเสียงจริงจัง ไอ้ฟางคือคนเดียวในกลุ่มที่คบกับเพศตรงข้ามผมจึงอยากรู้ว่าจริงๆแล้วมันคิดยังไงกับเพื่อนสนิทที่มีแฟนเป็นเพศเดียวกัน


“ตอนแรกก็แปลกใจนิดหน่อยทั้งมึงทั้งไอ้ดอยต่างก็คบกับผู้ชายด้วยกันทั้งคู่ทั้งที่เมื่อก่อนก็ไม่ได้มีรสนิยมออกไปแนวนั้น  แต่กูก็ยินดีที่พวกมึงมีความรักและก็มีความสุขไม่ว่าพวกมึงจะคบใครพวงมึงก็เป็นเพื่อนรักกูไม่เปลี่ยนแปลง ความรักมันไม่ใช่เรื่องของเพศแต่มันคือเรื่องของความรู้สึกต่างหากล่ะที่สำคัญ” ซึ้งเลย


“กูรักมึง”


“บอกผัวมึงนู้น”


“โว๊ะ คนกำลังซึ้ง”


“นี่กูดีใจจริงๆนะที่มึงมีแฟนเป็นตัวเป็นตนสักที”


“ขอบใจ”


“คุณบอสเป็นคนดีแล้วเขาก็รักมึงมาก กูจำแววตามีความสุขของเขาในวันนั้นได้ดี”


“วันไหนวะ?” จะว่าไปแล้วไอ้ฟางเป็นคนที่น่าจะรู้จักพี่เบิ้มมากที่สุด แต่ก่อนหน้านี้มันไม่เคยเล่าอะไรให้ผมฟังเลย


“หลังจากวันที่เขากลับมาจากเชียงใหม่วันที่มึงกับเขาเจอกันครั้งแรกน่ะ เขานัดกูกับพอลกินข้าว แล้วเขาก็เล่าเรื่องมึงให้กูฟัง เขาบอกดีใจมากที่ไกด์ที่กูแนะนำให้เป็นคนในโชคชะตาของเขา” ไอ้ฟางเว้นวรรคหายใจครู่หนึ่งก่อนจะเล่าต่อด้วยน้ำเสียงที่ดูตื่นเต้นนิดๆ


“แต่ตอนแรกกูก็งงๆว่าอะไรคือคนในโชคชะตา จากนั้นเขาก็ปลดล็อคมือถือที่วางอยู่บนโต๊ะแล้วหน้ามึงก็ยิ้มร่าออกมาเชียว เขาเล่าให้ฟังว่าเห็นรูปนี้เมื่อปีที่แล้วเป็นรูปที่กูแชร์ความทรงจำในเฟส วันนั้นเป็นวันที่เขารู้สึกท้อพอดี แต่พอเห็นรอยยิ้มมึงกลับมีแรงฮึดขึ้นมาและตกหลุมรักมึงในทันที”


“...” อืมมม พอได้ยินเรื่องจากปากคนอื่นที่ไม่ใช่เจ้าตัวแล้วก็เขินแปลกๆแฮะ  แต่อีพี่เบิ้มไม่เห็นเคยเล่าให้ฟังเลยว่าไปเจอไอ้ฟาง ส่วนไอ้ฟางกว่าจะเล่าให้ฟังก็รอจนป่านนี้  แต่ก็ช่างเหอะ ก็ตอนนี้คบกันแล้วนี่เนอะ ฮ่า


“แต่ที่กูสงสัย รู้ทั้งรู้ว่ามึงเป็นเพื่อนกูก็น่าจะมาถามกูตั้งแต่แรกจะได้เจอกันให้สิ้นเรื่องสิ้นราว แต่สิ่งที่เขาตอบกลับมาทำให้กูขนลุกซู่”


“มึงปวดขี้?”


“ใช่ เพิ่งแดกตำซั่วไป ถุยไม่ใช่สิ กำลังจะซึ้งเลยนะมึง”


“...” ผมจึงเงียบเพื่อรอบทซึ้ง


“เขาบอกว่าเขาเชื่อในพรหมลิขิตถ้ามึงคือคู่ของเขาสักวันหนึ่งต้องได้พบกัน”


“...” ถ้าผมจำไม่ผิดตอนที่พี่เบิ้มเล่าเรื่องชายหนุ่มผ้าพันคอสีฟ้าซึ่งตอนนั่นผมยังไม่รู้ว่าเป็นผม ผมก็ถามออกไปเหมือนกันว่าทำไมไม่จีบชายคนนั้นล่ะถ้ารู้สึกตกหลุมรักขนาดนั้น แต่พี่แกกลับบอกว่ามันเป็นความรักที่เป็นไปไม่ได้ และก็ถามกลับมาอีกว่าถ้าได้เจอคนนั้นตรงหน้าจะทำยัง ผมตอบไปว่ายังไงน้า..รู้สึกจะตอบว่า 'ผมก็คงรีบคว้าเขาไว้ เพราะนี่มันคือพรหมลิขิตชัดๆที่ทำให้พบกัน'

อ่า..จู่ๆขอบตาก็ร้อนผ่้าว เขาต้องอดทนขนาดไหนกันนะกับการรอโดยที่ไม่รู้จุดหมาย ผมเข้าใจความรู้สึกของพี่เบิ้มแล้วว่าทำไมเขาถึงไม่ยอมปล่อยให้ผมหลุดมือ..


“แล้วมึงก็คือคู่ของเขาจริงๆเว้ย สุดท้ายก็ได้พบกัน แมร่งพูดแล้วก็ขนลุก”


“ขอบคุณนะ”


“ขอบคุณอะไรกู”


“ก็ที่มึงเป็นคิวปิดไง ถ้ามึงไม่ให้กูเป็นไกด์ในวันนั้นเราก็คงไม่ได้พบกัน”


“อืมนั่นสินะ แต่ถึงวันนั้นพวกมึงไม่ได้เจอกันแต่กูเชื่อว่าสักวันคงได้พบกันเพราะพวกมึงเป็นคู่กันไง”


“แต่มึงทำให้พวกกูหากันเจอไวขึ้นไง” ถ้าไม่มีไอ้ฟางป่านนี้ผมกับพี่เบิ้มอาจจะคงยังไม่รู้จักกันก็ได้


“เออว่ะ งั้นดี คิวปิดคนนี้ขอตั๋วเครื่องบินไป-กลับด้วยนะจ๊ะ อยากจะกลับไปดูหนังหน้าคนมีผัว เอ้ย!คนมีความรักสักหน่อย ฮิฮิ”ขอซื้อทิ้งเหอะ เสียงหัวเรามึงอ่ะ


“ได้! จองเลยเดี๋ยวกูโอนเงินให้” เพื่อคิวปิดแล้วกูยอม


“จริงอ่ะ กราบแทบท้าวงามๆเจ้าค่ะ”


“เออ”


“งั้นกูไปนอนต่อก่อนนะง่วงมากกกก” ใครใช้ให้โทรมาเวลานี้กันเล่า


“ไปๆ ฝันดีมึง”


“จ้า คิดถึงมึงเน้อ”





  ...


  ..


  .


   ..คิดถึงพี่เบิ้มมมม ยิ่งได้ฟังที่ไอ้ฟางเล่าผมก็ยิ่งคิดถึงพี่เบิ้มมมมม
 
ให้ตาย! ความคิดถึงนี่มันทรมานใช่เล่น แต่คนที่ทรมานมากกว่าก็น่าจะเป็นพี่เบิ้มเพราะแม่งรอผมมาสองปี..อีพี่เบิ้มมึงนี่มันมาโซคิสม์ชัดๆ






 

     


     02.30น. ล่วงเลยเข้าวันใหม่ไปแล้วแต่ผมยังนอนไม่หลับได้แต่พลิกตัวไปมาอยู่บนเตียงอยู่ พี่เบิ้มน่าจะถึงตั้งแต่เที่ยงคืนกว่าแล้ว ทำไมยังไม่โทรมานะ ..ก็พี่แกบอกเองนี่นาว่าถ้าถึงแล้วจะรีบโทรหา..

แต่ก็นะพี่แกคงจะเหนื่อยเดินทางตั้งสิบสองชั่วโมงและก็คงจะเจ็ทแลคแน่ๆ ไว้ตอนสายๆค่อยโทรไปหาก่อนก็ได้ คืนนี้ให้พี่แกได้พักก่อนดีกว่า

กำลังข่มตาให้หลับแต่แล้วแรงสั่นและแสงสว่างจากหน้าจอมือถือที่วางอยู่บนโต๊ะข้างหัวเตียงทำให้ผมต้องลืมตา และยิ้มออกทันทีเมื่อเห็นเบอร์โทรศัพท์ที่ยาวเหยียดและไม่คุ้นตา..ยังไม่หมดแรงสินะ


“Hello” ผมกรอกเสียงลงไปตามสายที่อยู่ห่างออกไปห้าพักว่าไมล์โดยที่รอยยิ้มยังไม่เลือนหายไปจากใบหน้า


[“ที่รัก ผมเองนะครับ”]  พอได้เสียงเสียงทุ้มที่คุ้นเคยก็ทำให้รู้สึกเต็มตื้นอย่างบอกไม่ถูก


“ครับ เดินทางปลอดภัยดีนะครับ”


[“ครับ ถึงฮีทโทรลตอนเกือบๆหนึ่งทุ่ม ส่วนตอนนี้สองทุ่มครึ่งเดินทางถึงบ้านเรียบร้อยแล้วครับ”]


“เหนื่อยมั้ยคุณ”


[“เจ็ทแลคนิดหน่อยครับ แต่คิดถึงคุณมากกว่าที่รัก นี่ผมโทรมาปลุกคุณรึเปล่าที่เมืองไทยน่าจะตีสองกว่าแล้ว”] ไม่อยากจะบอกว่าผมก็ง่วงแต่ก็นอนไม่หลับเพราะคิดถึงคุณเหมือนกัน..


“ไม่ครับ ผมลุกมาเข้าห้องน้ำพอดี” เขิน ใครจะกล้าบอกตรงๆกันล่ะ


[“จริงเหรอครับ ผมนึกว่าคุณนอนไม่หลับเพราะว่ารอโทรศัพท์จากผมอยู่ซะอีก”] ชิ ฉลาดนัก


“ก็ใครบอกถึงแล้วจะโทรหากันเล่า!”


[“ฮ่าๆ คุณน่ารักที่สุด..ผมอยากจูบคุณจัง”] บ้าบอ


“คุณพักผ่อนเถอะครับ ไว้เราค่อยคุยกันใหม่” ไม่ใช่ไม่อยากคุยนะ แต่ผมเป็นห่วงอยากให้พี่เบิ้มได้พัก


[“ได้ครับ ฝันดีนะที่รัก ผมรักคุณ”]


“ครับ ฝันดีเช่นกัน”


“แค่นั้นเองเหรอครับ” งอแงตลอด


“...” ตอนไปส่งที่สนามบินก็บอกไปแล้วไง บอกไรเยอะแยะเล่า


[“...”] พี่เบิ้มยังคงรอคำตอบอย่างใจเย็น แต่ที่แน่ๆหน้ามึงกำลังยิ้มแน่ๆ


ก็ได้! จะให้พูดสักพันรอบจนปากเป็นตะคริวกูก็ยอม


“ผมรักคุณ”  นั้นไงยิ้มจริงๆด้วย


  ..กูนี่แหละที่ยิ้ม


    ..บ้า ไอ้ณตมึงบ้าไปแล้ว


     ..ความคิดถึงมันก็ทำให้มีความสุขได้เหมือนกันเนอะ





 TBC.
…………………………………..........................

 อิป้านางบ้าไปแล้วจ้า #พี่เบิ้มป้านด




หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทที่ 15 เพราะรัก..จึงคิดถึง [11-06-19] p.6
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 11-06-2019 22:39:28
 :pig4:
 :กอด1:
 :3123:
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทที่ 15 เพราะรัก..จึงคิดถึง [11-06-19] p.6
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 12-06-2019 00:47:48
พอคบกันแล้วก็หวานซะ!
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทที่ 15 เพราะรัก..จึงคิดถึง [11-06-19] p.6
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 12-06-2019 03:14:00
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทที่ 15 เพราะรัก..จึงคิดถึง [11-06-19] p.6
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 12-06-2019 11:08:01
บอกรักกันเก่งงงงงงงงงงง
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทที่ 15 เพราะรัก..จึงคิดถึง [11-06-19] p.6
เริ่มหัวข้อโดย: patompong888 ที่ 13-06-2019 17:30:28
หวานเจี๊ยบ  :-[
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทที่ 15 เพราะรัก..จึงคิดถึง [11-06-19] p.6
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 13-06-2019 21:02:35
น่ารักฝุดๆ พี่เบิ้มเนี่ย มีเหลือๆ อีกสักคนไหม อิอิอิ
ด่านเพื่อน แสดงความดีใจกันใหญ่ ที่เพื่อนมีผัว เอ้ย..แฟน
ด่านพ่อแม่ คุยกับท่านให้ดีๆนะ ไม่งั้นลูกเขยหัวแบะ เอ๊ะ หรือว่าทั้งคู่
 :z2: :z2:
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทที่ 15 เพราะรัก..จึงคิดถึง [11-06-19] p.6
เริ่มหัวข้อโดย: Quatree ที่ 13-06-2019 21:33:12
น่ารักดี :pig4:
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทที่ 15 เพราะรัก..จึงคิดถึง [11-06-19] p.6
เริ่มหัวข้อโดย: fairy ที่ 13-06-2019 23:44:41
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทที่ 15 เพราะรัก..จึงคิดถึง [11-06-19] p.6
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 07-08-2019 22:47:49
เริ่มเป็นแฟนก็ต้องห่างเห็นใจจริงๆ
รอนหนึ่งเดือนเนอะเดี๋ยวเจเรมี่ก็มาแล้ว
ซึ้งอีตรงพรหมลิขิตอ่ะ คนมันจะได้เจอกัน

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทที่ 15 เพราะรัก..จึงคิดถึง [11-06-19] p.6
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 08-08-2019 02:34:01
 :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทที่ 16 เพราะคิดถึง..จึงมาหา [13-08-19] p.6
เริ่มหัวข้อโดย: MA_LEE ที่ 13-08-2019 19:41:57



บทที่16 เพราะคิดถึง..จึงมาหา   



   
        ห้าวันแล้วที่พี่เบิ้มกลับอังกฤษ..ทุกอย่างยังคงดำเนินไปตามปกติ..เพิ่มเติมคือความคิดถึง
การโทรหากันวันละสามเวลาช่วยให้ความคิดถึงเบาบางลงได้บ้าง  ตีห้าครึ่งคือเวลาตื่นของผมซึ่งที่อังกฤษคือเวลาห้าทุ่มครึ่งเป็นเวลาเข้านอนของพี่เบิ้ม การโทรหาผมก่อนนอนกลายเป็นการโทรปลุกผมไปโดยปริยายห้าวันแล้วที่นาฬิกาปลุกไม่จำเป็นสำหรับผมอีกต่อไปเพราะมีคนโทรปลุกส่งตรงมาจากUK.. 
ส่วนเวลาตื่นของคนที่อยู่อีกซีกโลกก็คือยามบ่ายอันแสนง่วงงันการโทรไปปลุกฝรั่งขี้เซาก็เป็นการช่วยให้หายง่วงได้เป็นอย่างดี เอ๊ะ!หรือให้หายคิดถึงกันแน่นะ..   และเมื่อถึงเวลาเข้านอนของผมก็ตรงกับเวลาเลิกงานของพี่เบิ้มเราคุยกันตั้งแต่พี่เบิ้มออกจากออฟฟิศจนถึงบ้านหรือบางวันก็คุยจนผมหลับคาโทรศัพท์ไปเลย

รักทางไกลมันก็ไม่ก็ไม่แย่อย่างที่คิดสักเท่าไหร่สำหรับคนที่มีความรักครั้งแรกอย่างผม..เป็นอะไรที่แปลกใหม่ดี



    กรุ๊งกริ๊ง กรุ๊งกริ๊ง เสียงกระดิ่งที่แขวนอยู่ตรงประตูร้านบ่งบอกถึงผู้มาใหม่..และการกวนประสาท


“กูกลัวมึงเหงาเลยพาเด็กมาฝาก”


“พี่ดอย ผมไม่ใช่เด็กอนุบาลสักหน่อย” ฝรั่งน้อยซันนี่มองค้อน แต่มันช่างน่ามอง


“ยังไงเราก็เป็นเด็กน่ารักของพี่น่า” ผมได้แต่กลอกตากับความเลี่ยนของเพื่อนคำพูดช่างไม่เข้ากับสารร่างของมันสักนิด


“กลับไปหยอกกันที่บ้านไป๊ เหม็น”


“ฝนจะตกเหรอวะ มืดครึ้มเชียว”


“ตามึงบอด?” แดดสว่างจ้าขนาดนี้


“บนหัวมึงอ่ะ”


“โว๊ะ จะกินมั้ยกาแฟ กินก็สั่ง”


“ฉุนเฉียวๆ กูเอาออเรนจ์แบล็คคอฟฟี่”


“มาแปลกนะวันนี้”


“คนมีความรักก็งี้แหละ อยากกินอะไรที่มันหวานๆ”


“กาแฟดำผสมน้ำส้มมันไม่ได้หวานขนาดนั้น อยากแดกหวานก็แดกน้ำเชื่อม”


“ผัวไม่อยู่อารมณ์ไม่สุนทรีเลยนะมึง”


“แฟนสิ ผัวห่าไรของมึง”


“หึหึ” หัวเราะได้น่าถีบ แต่ก็กลัวมันเอาคืนเพราะตัวมันไม่ใช่น้อยๆเล็กกว่าพี่เบิ้มแค่คืบ


“ซันนี่กินไรดี”


“ผมขอมอคค่าเย็นครับ”


“หวานๆเหมือนเดิมเนาะ”


“ครับ” เด็กอะไรไม่รู้น่ารักน่าชัง ไอ้ดอยมันขุดหลุมยังไงวะถึงตกฝรั่งน้อยได้วะ..แต่ก็ยินดีกับเพื่อนกับน้องล่ะน้า


“มึงอย่ามามองที่รักของกูด้วยสายตาแบบนี้นะ กูหวง” มันดึงน้องเข้าไปกอดพร้อมกับดึงปีกหมวกสีขาวที่น้องสวมให้ปิดหน้าของน้องเอาไว้..บ้าบอความรัก


“ประสาท” ผมได้แต่ส่ายหน้ากับความขี้หวงของเพื่อน


“เออมึง เย็นนี้ไปแดกซูชิกันชวนอีซูซี่มันไปด้วย”


“วันนี้มันไม่ว่างพาผัวไปกินข้าวกับที่บ้าน”


“อ้าวเหรอ”


“มึงไปกินกับซันนี่สองคนเหอะกูไม่อยากเป็นก้าง วันนี้กูตั้งใจจะเข้ายิมด้วย” ต้องถ่ายรูปส่งการบ้านให้คนทางไกลว่าผมเข้ายิมจริงๆไม่ได้รับปากเฉยๆ


“โอเคมึง งั้นพวกเราค่อยนัดกันคราวหน้า”


“ตามนั้นมึง”


“เออจะว่าไปลุงสมชายพ่ออีซูซี่แม่งโคตรใจเลยเนอะ”


“ยังไงวะ”


“ก็รับได้ที่อีซูซี่เป็นเกย์ไงแถมพาผัวเข้าบ้านอีก  ตอนแรกที่กูเจอพ่อมันกูคิดเลยว่าอีซูซี่ไม่กล้าบอกพ่อมันแน่ๆ ก็แม่งเป็นทหารโหดซะขนาดนั้น” ก็จริงเพราะพ่อของอีซูซี่เป็นทหารยศนายพลมีระเบียบและวินัยที่เคร่งครัดมาก ชื่ออจริงของมัน ชาติชาย มีที่มาก็เพราะพ่อของมันอยากให้ลูกชายคนโตของบ้านเจริญรอยตามเป็นชายชาติทหารเหมือนกับตนเอง..แต่ก็นะหัวใจดันเป็นสีรุ้งฟรุ้งฟริ้งซะอย่างนั้น 

พวกผมเคยถามอีซูซี่ว่าคิดจะบอกที่บ้านของมันหรือเปล่าเรื่องที่มันเป็นเกย์ มันเลยเล่าให้ฟังว่าแม่ของมันรู้อยู่แล้วเพราะมันกับแม่สนิทกันมากและด้วยความเป็นแม่ทำไมจะดูไม่ออกว่าลูกของตัวเองนั้นเพศสภาพไหน แม่ของมันไม่เคยบอกเรื่องนี้กับพ่อเพราะรอวันที่อีซูซี่พร้อมให้เป็นฝ่ายบอกด้วยตัวเอง

ตอนที่มันอยู่ม.5พ่อมันบังเอิญไปเจอหนังโป๊เกย์ที่มันโหลดเก็บไว้ในคอมเท่านั้นแหละโป๊ะแตก มันคิดว่าวันนั้นมันต้องตายแน่ๆแต่สุดท้ายพ่อของมันกลับเข้าใจและรับได้ เพียงแต่มีข้อแม้ว่ามันต้องทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุดมีวินัยในการใช้ชีวิตไม่ออกนอกลู่นอกทาง ส่วนจะรักใครชอบใครเพศไหนนั้นก็แล้วแต่เพียงแต่ว่าเวลาคบใครที่บ้านต้องรับรู้..และนั้นเป็นเหตุผลของการเรียนจบปริญญาตรีด้วยเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง ถึงแม้อีซูซี่จะเป็นเกย์ควีนหัวใจสีบานเย็นแต่การใช้ชีวิตของมันมีระเบียบวินัยตามแบบฉบับของลูกนายพลไม่ได้ไร้สาระวี๊ดว๊ายไปวันๆ และเมื่อมันคบใครก็อยู่ในสายตาของพ่อและแม่มันเสมอ..และดูเหมือนว่าลูกเขยต่างชาติคนนี้จะเป็นที่ถูกใจท่านายพลซะด้วยสิ


“จริงๆพ่อของมันใจดีนะแล้วก็ไม่ได้หัวโบราณ อีซูซี่มันโชคดีจริงๆนั้นแหละ   ว่าแต่ที่บ้านมึงเหอะรู้รึเปล่าเรื่องซันนี่” จะว่าไปผู้ชายทั้งสามคนในก๊วนแก๊งมีแฟนเป็นผู้ชายกันหมดอีซูซี่น่ะไม่น่าแปลกใจหรอกแต่ผมกับไอ้ดอยนี่สิมีแฟนเป็นผู้ชายเฉยเลย 

..แต่ก็นะในเมื่อมันคือความรักก็ไม่อยากปล่อยให้หลุดมือ

“รู้ดิ ดีใจกันยกใหญ่ที่กูคบกับน้อง นี่กูก็แปลกใจกับแม่กูเหมือนกัน”


“เออดีว่ะ” ทำไมมันง่ายดายดีจังวะ


“แต่แม่ของซันนี่ยังกังวลอยู่นิดหน่อยว่าลูกชายของตัวเองมาเปลี่ยนกูให้เป็นเกย์”


“หืมมม?”


“คือ..ผมเป็นเกย์ครับ”


“อ่า..” แบบนี้นี่เอง ก็พอจะมองออกอยู่หรอกว่าฝรั่งน้อยไม่ได้ชอบผู้หญิง


“ก็พี่ดอยเป็นผู้ชายที่ชอบผู้หญิงแม่ก็เลยกังวลว่าเป็นเพราะผมหรือเปล่าที่เป็นคนเปลี่ยนให้พี่ดอยชอบผู้ชาย แล้วก็พี่ดอยจะรักผู้ชายอย่างผมได้จริงๆไหม”


“อย่างหลังนี่แม่หรือว่าเราที่กังวล ฮึ   ยอมรับครับว่าพี่ชอบผู้หญิงไม่ได้ชอบผู้ชายแต่ตอนนี้คนที่พี่รักคือซันนี่ พี่ไม่สนหรอกนะว่าใครจะมองพี่เป็นไบหรือเป็นเกย์ พี่สนแค่หัวใจของพี่และหัวใจของตะวัน เชื่อมั่นในตัวพี่ก็พอนะครับ”


“ครับ” ฝรั่งน้อยน้ำตาคลอก่อนที่ไอ้ดอยจะดึงน้องเข้าไปกอดโยกตัวเบาๆเป็นการปลอบ..ผมก็ไม่คิดเหมือนกันว่าคนเนื้อหอมในหมู่สาวๆอย่างไอ้ดอยจะลงเอยกับผู้ชายอย่างซันนี่ แต่ผมเชื่อมันนะว่ามันรักน้องจริงๆ


“แล้วมึงล่ะ ที่บ้านรู้ยัง”


“ยัง” ผมตอบเสียงเบา นี่แหละปัญหาของกู


“กูรู้ว่ามึงกังวล แต่เชื่อกูว่ามันจะผ่านไปได้ด้วยดี” มันตบบ่าผมเบาๆเพื่อให้กำลังใจ คำพูดของมันเหมือนของพี่เบิ้มเลยแฮะ มันจะผ่านไปได้ด้วยดี ก็ขอให้เป็นแบบนั้น..


“เดี๋ยวกูจะไปหาลูกค้าไม่เกินสองชั่วโมงเดี๋ยวกลับมา อย่าทำอะไรตะวันของกูล่ะ” มันก้มลงมองนาฬิกาข้อมือก่อนจะเงยหน้ามองผมตาขวาง


“หึ ไม่รับปาก”


“ปากดี เคะกับเคะเหมือนกันจะทำกันยังไงวะ” อะไรของแม่ง เคะ? ภาษาต่างดาวเร๊อะ


“เคะอะไรของมึง”


“ให้ซันนี่อธิบายละกันกูไปล่ะ เดี๋ยวพี่มานะครับ” มันพูดกับผมก่อนจะหันไปบอกน้องเท่านั้นไม่พอดึงน้องเข้ามาหอมแก้มฟอดใหญ่จนคนโดยหอมแก้มอายม้วนหน้าแดงเป็นตูดลิง..บ้าบอความรัก อะเกน


“เคะคืออะไร?” เมื่อไอ้ดอยก้าวขาออกจากร้านผมก็ถามฝรั่งน้อยด้วยความสงสัยทันที


“มันเป็นศัพท์มาจากอะนิเมะของญี่ปุ่นที่ใช้เรียกลักษณะตัวละครน่ะครับ เคะย่อมาจากอุเคะรุคู่กับเมะที่ย่อมากจากเซเมะรุ”


“?” หน้าผมงงมากบอกเลย ซันนี่ขำน้อยๆก่อนจะอธิบายง่ายๆเห็นภาพชัดเจนแจ่มแจ้ง


“เคะก็คือฝ่ายรับ ส่วนเมะก็คือฝ่ารุกครับ”


“อ่า..” ตกลงว่าผมคือเคะก็คือฝ่ายรับงั้นสิ ก็รู้อยู่แล้วล่ะว่ากูต้องรับน่ะ แม่งภาพงูหลามเผือกของอีพี่เบิ้มลอยมาเลย ผวาเลยกู!


“พี่ณตกลัวใช่ไหมครับ” สีหน้าของผมคงแสดงออกชัดเจน


“ก็นะ..พอนึกว่าต้องมีอะไรมาเสียบข้างหลังแล้วมัน...” มันเป็นทางออกนะโว้ยไม่ใช่ทางเข้า แค่คิดก็เสียวสันหลังวาบ


“มันเจ็บครับ”


“ใช่มั้ยล่ะ! มากไหมอ่ะ”


“เจ็บแต่ทนไหว จากนั้นพี่ณตก็จะมีความสุข”


“จริงอ่ะ?” มันเจ็บแล้วจะสุขได้ไงวะ


“เพราะเรากำลังเชื่อมต่อเป็นหนึ่งเดียวกันกับคนที่เรารัก..ถ้าถึงวันนั้นพี่ณตจะเข้าใจครับ” คนพูดก็เขินส่วนคนฟังก็เขิน


ิิ     ...เชื่อมต่อเป็นหนึ่งเดียวกัน..เชื่อมต่อด้วยร่างกาย  อ่าาา



     




     ห้าทุ่มครึ่งแล้วผมยังคงนั่งไถนอนไถหน้าจอมือถือจนนิ้วแทบล็อกจึงต้องวางมันไว้ข้างเตียงก่อน เปลี่ยนมาเปิดทีวีแต่ช่องรายการทีวีในเวลาเกือบเที่ยงคืนแบบนี้ก็ไม่ค่อยมีอะไรน่าดูสักเท่าไหร่..น่าเบื่อชะมัด  เมื่อชั่วโมงที่แล้วพี่เบิ้มไล์น์มาบอกว่าวันนี้เลิกงานช้าเพราะมีประชุมด่วนให้นอนก่อนได้เลยไม่ต้องรอ  แต่คำตอบของผมคือ ผมจะรอ ใครจะไปหลับลงกันเล่า!

นอนกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่บนเตียงไม่รู้ว่าเพราะความคิดถึงหรืออะไรกันแน่ กลิ่นกายจางๆของพี่เบิ้มที่ยังคงหลงเหลืออยู่บนเตียงทำให้ผมเผลอสูดกลิ่นนั้นของพี่เบิ้มเข้าเต็มปอด นี่ผมถึงขั้นไม่ยอมเปลี่ยนผ้าปูที่นอนเลยนะเครื่องนอนทุกชิ้นที่พี่เบิ้มใช้ยังอยู่ครบบนเตียง

แต่ช้าแต่..ให้ตาย! ไอ้ลูกชายของผมมันดันโป่งพองขึ้นมาซะงั้น นี่กูมีอารมณ์เพราะกลิ่นของอีพี่เบิ้มเหรอเนี่ย..ไอ้ณตมึงอาการหนักแล้วล่ะ   

อ่า แล้วคำพูดของซันนี่เมื่อตอนบ่ายก็ดังขึ้นมาในห้วงความคิดอีกครั้ง เชื่อมต่อเป็นหนึ่งเดียวกันกับคนที่เรารัก  บ้าเอ้ย ยิ่งคิดตรงหว่างขาของผมมันก็ยิ่งปวดหนึบ..ไม่ไหวแล้ว!!


  ..แฮ่ก  แฮ่ก เกิดมายี่สิบหกปีกูไม่เคยต้องมาช่วยตัวเองเพราะกลิ่นแม่งโรคจิตไปอีก แล้วพี่มึงก็อย่าเสือกโทรมาตอนนี้ล่ะ รอแป๊บ รอกูแตกก่อน!!

กลิ่นที่ติดตรงหมอนชัดเจนที่สุดผมจึงคว่ำหน้าสูดกลิ่นที่ยังคงลงเหลืออยู่บนหมอนพร้อมกับขยับมือขึ้นลงถี่รัวเพื่อให้ถึงฝั่งฝันให้เร็วที่สุด

ครืด ครืด  นั่นไงให้มันได้แบบนี้เซ่ มือที่กำลังรูดรั้งแกนกายจำเป็นต้องชะงักก่อนจะเร่งสปีดอีกครั้ง..รอก่อนใกล้จะแตกแล้ว
สายตัดไปแล้วแต่ไม่ถึงห้าวินาทีอีพี่เบิ้มก็กระหน่ำโทรมาไม่หยุด..เอาล่ะ กูยอมแพ้ ไม่แตกก็ไม่แตก แม่ม!


  Ok! Calm Down..สงบสติอารมณ์พยายามผ่อนคลายปรับลมหายใจให้เป็นปกติที่สุดก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์บนโต๊ะข้างหัวเตียง..แม่ม วิดิโอคอลไปอิ๊ก  รีบนอนจัดท่าทางให้เรียบร้อยห่มผ้าถึงคอก่อนจะกดรับสายที่กระหน่ำโทรมาไม่หยุดประหนึ่งว่ามีใครกำลังจะตาย..แต่กูนี่แหละที่กำลังจะตาย  บ้าเอ้ย! หรรมกูยังโด่อยู่เลย


[นอนแล้วเหรอครับที่รัก ผมโทรมาปลุกคุณรึเปล่า] หึ นอนที่ไหนกันล่ะตั้งโด่อยู่เนี่ย


“สงสัยผมเผลอหลับไปน่ะครับ” แถได้โล่ก็กูนี่แหละ


[ขอโทษนะครับที่โทรมาช้า พอดีมีประชุมด่วน]


“ไม่เป็นไรครับ ว่าแต่คุณถึงบ้านแล้วเหรอครับถึงได้วิดิโอคอล” ปกติแล้วถ้าอยู่บนรถพี่เบิ้มจะแค่โทรแต่พอถึงบ้านแล้วจะเปลี่ยนเป็นวิดิโอคอล


[ใช่แล้วครับ พอดีตอนที่อยู่บนรถผมคุยเรื่องงานกับพอลอยู่น่ะครับเลยไม่ได้โทรหาคุณ]   


“งานคุณคงยุ่งหน้าดู”


[ผมอยากกลับไปหาคุณไวๆเลยต้องรีบเคลียร์งานทั้งงานเก่างานใหม่ให้รีบสร็จ]


“อย่าหักโหมมากนะครับผมอยู่ที่เดิมไม่หนีไปไหนหรอก”


[ก็ผมคิดถึงคุณ คิดถึงๆๆๆ]


“ฮ่าๆ รู้แล้วครับ ผมก็คิดถึงคุณเหมือนกัน” ให้ตาย! ยิ่งเห็นหน้ากลิ่นของอีพี่เบิ้มก็ยิ่งชัดเจนขึ้น ถ้าผมคุยไปด้วยว่าวไปด้วยจะผิดไหมวะ..ใจเย็นๆไอ้ณต


[มะรืนนี้ผมต้องไปประชุมที่ฮ่องกง ถ้าเวลาเหลือผมจะไปหาคุณนะที่รัก]


“ไม่ต้องขนาดนั้นก็ได้ครับ คุณทำงานให้เต็มที่เถอะแล้วก็พักผ่อนเยอะๆด้วย” เชียงใหม่-ฮ่องกงนะไม่ใช่แค่นั่งรถสองแถวก็ถึงน่ะ ถึงจะบินไม่กี่ชั่วโมงก็เหอะ


[ไม่รู้ล่ะถ้าไปได้ผมก็จะไป] น้ำเสียงดื้อดึงไม่เคยเปลี่ยน


“ตามใจคุณครับ” ห้ามได้ซะที่ไหนล่ะ แต่ลึกๆก็ดีใจนะที่จะได้เจอกัน


เราคุยกันสัพเพเหระไปเรื่อยจนลูกชายของผมมันสงบลงและผมก็เผลอหลับคาโทรศัพท์ไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้..รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่ตกใจตื่นเพราะฝัน



...ฝันว่าผมกับพี่เบิ้มกำลังเมคเลิฟกัน  อ่า ฝันเปียก และแล้วก็แตกจนได้!!






       วันนี้ผมตั้งใจจะไปหาพ่อกับแม่ที่รีสอร์ทเพื่อบอกเรื่องสำคัญผมไม่อยากให้มันค้างคาเพราะยังไงสักวันหนึ่งที่บ้านผมก็ต้องรู้อยู่ดีแล้วก็รู้จากปากผมนี่แหละดีที่สุด..

ดุจดาวรีสอร์ท ตั้งอยู่ในอำเภอแม่ริม เป็นรีสอร์ทเล็กๆที่มีบ้านพักเพียงสามหลังที่ล้อมรอบไปด้วยภูเขา พื้นที่หลังรีสอร์ทจะมีสวนผักออร์แกนนิคและแปลงสตรอเบอรี่เล็กๆให้แขกที่เข้าพักได้เด็ดชิมเมื่อถึงช่วงฤดูหนาวส่วนชื่อทำไมต้องดุจดาว อ๋อนั่นชื่อแม่ผมเองครับแถมกลางคืนที่นี่ก็มองเห็นดาวได้ชัดเจนแจ่มแจ้ง..

ที่นี่อากาศดีกว่าในตัวเมืองมากและบรรยากาศก็ดีสุดๆหน้าหนาวผมชอบมานอนที่นี่บ่อยๆ ถ้าพี่เบิ้มได้มาคงจะชอบน่าดู แต่จะได้มาในฐานะอะไรนั้นมาลุ้นกันอีกที ผมไม่ได้บอกใครว่าผมมาหาพ่อกับแม่โดยเฉพาะพี่เบิ้มผมไม่อยากให้พี่แกเป็นกังวลแค่งานเยอะก็น่าปวดหัวจะแย่แล้ว

จากดอกแก้วเกสท์เฮ้าส์ผมใช้เวลาเดินทางเกือบๆสองชั่วโมงก็มาถึงดุจดาวรีสอร์ท  ผมเดินเข้ามายังตัวบ้านที่อยู่ด้านหน้ารีสอร์ทเป็นบ้านไม้สองชั้นสไตล์คันทรี่ชั้นล่างเป็นส่วนรับรองแขกเและแบ่งเป็นห้องอาหารสำหรับบริการแขกที่มาเข้าพัก ส่วนอาหารของที่รีสอร์ทจะเน้นอาหารท้องถิ่นและแน่นอนว่าวัตถุดิบส่วนใหญ่มาจากสวนที่พ่อกับแม่ปลูกเอง ส่วนชั้นสองก็เป็นบ้านของครอบครัวเรา


“แม่ สวัสดีครับ”


“ณต! จะขึ้นมาทำไมไม่โทรมาบอกก่อนล่ะลูก” แม่ที่นั่งอยู่ด้านในเคาน์เตอร์สำหรับให้แขกมาติดต่อเอ่ยอย่างตกใจเมื่อเห็นผม


“เซอร์ไพรส์ครับ” เดี๋ยวจะมีเรื่องเซอร์ไพรส์กว่านี้อีกนะแม่


“วันนี้ร้านกาแฟไม่เปิดเหรอลูก”


“ให้บีดูน่ะแม่ ช่วงนี้ลูกค้าน้อย”


“แล้วนี่จะค้างไหมแม่จะได้เตรียมห้องให้”


“ไม่ค้างครับแม่ ณตขึ้นมาเยี่ยมพ่อกับแม่เฉยๆคิดถึง” ผมหอมแก้มแม่ฟอดใหญ่ด้วยความคิดถึง คิดถึงจริงๆนะเพราะตั้งแต่อีพี่เบิ้มเข้ามาในชีวิตผมยังไม่ได้มาหาพ่อกับแม่เลย


“หืม อ้อนแม่แบบนี้ต้องมีอะไรแน่ๆ”


“โอ๊ะ ไอ้ลูกชาย” พ่อที่เดินลงมาจากชั้นสองเอ่ยทักด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม


“สวัสดีครับพ่อ”


“หายหน้าหายตานะช่วงนี้ หรือว่าจะติดหญิง” ผู้ชายตัวเบ้อเร่อต่างหากล่ะครับพ่อ


“จริงเหรอลูก นี่แม่จะได้มีลูกสาวแล้วใช่ไหม” สีหน้าแม่ดูตื่นเต้นแต่เกรงว่าแม่จะได้ลูกชายเพิ่ม โอ้ยยย อยากจะร้องไห้


“เอ่อ..จริงๆแล้ววันนี้ณตตั้งใจจะมาบอกเรื่องนี้แหละครับ” ไหนๆก็พูดเรื่องแฟนแล้วก็เข้าประเด็นเลยละกัน


“ลูกมีแฟนแล้ว?!”


“ครับ”


“โอ้ว ขายออกสักทีลูกพ่อ”


“แล้วทำไม่ไม่พามาด้วยล่ะลูก”


“ตอนนี้เขาอยู่อังกฤษครับแม่”


“หืม?”


“เขาเป็นคนอังกฤษไม่ใช่คนไทยครับ”


“ลูกพ่อไม่ธรรมดา มันล่อสาวฝรั่งเลยเว้ย” ผมได้แต่ยิ้มแห้งๆกับคำว่าสาวฝรั่งของพ่อ


“เขาชื่ออะไรลูก” หายใจเข้าลึกๆไอ้ณต


“เออ..เจเรมี่ครับ”


“ชื่อเหมือนผู้ชายน้อ”


“...”


“...” เมื่อผมเงียบ ทั้งพ่อและแม่ต่างก็มองหน้ากันก่อนที่แม่จะทำลายความเงียบ


“แฟนลูกเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย” แม่ถามด้วยใบหน้าที่เรียบเฉยปราศจากรอยยิ้มเหมือนเมื่อครู่ ผมเตรียมใจมาแล้วนะแต่ไม่คิดว่าพอถึงเวลาจริงมันไม่ง่ายเลยที่จะพูด บอกตามตรงตอนนี้ผมโคตรกลัว กลัวพ่อแม่จะเสียใจ แต่เอาวะมาถึงขั้นนี้แล้ว..


“ผู้..ผู้ชายครับ” ผมก้มหน้าตอบด้วยน้ำเสียงที่เบาหวิว


“ลูกเป็นเกย์?” แม่อุทานด้วยความตกใจ


“ไม่รู้ครับคือ..” น้ำเสียงผมเริ่มสั่นและฝ่ามือก็เริ่มชื้นไปด้วยเหงื่อ


“ค่อยๆอธิบายมาลูก” พ่อที่เห็นผมท่าทางผิดปกติค่อยๆลูบหลังให้ใจเย็นใจผมก็ใจชื่นขึ้นมาจึงค่อยๆอธิบาย


“ถึงณตจะไม่เคยมีแฟนมาก่อนแต่ณตก็ชอบผู้หญิงมาตลอด แต่ตอนนี้คนที่ณตรักเขาดันเป็นผู้ชาย..ณตก็ไม่รู้เหมือนกันว่าแบบนี้เรียกว่าเกย์หรือเปล่า”


“...” เมื่อทั้งพ่อและแม่เงียบผมก็เริ่มใจเสีย มันต้องผ่านพ้นไปได้ด้วยดีๆๆ ผมได้แต่ท่องคำนี้อยู่ในใจก่อนจะถามคำถามที่ผมกลัวที่สุดออกไป


“พ่อกับแม่จะรังเกียจณตหรือเปล่าที่ณตมีแฟนเป็นผู้ชาย” ผมถามด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือและดวงตาที่พร่ามัวเพราะน้ำตามันกำลังจะไหล..กลัว กลัวคำตอบเหลือเกิน


“พ่อแม่ที่ไหนเขารังเกียจลูกกันล่ะ” แม่จับมือผมที่กำไว้แน่นให้คลายออกพร้อมกับลูบหลังมือเบาๆพร้อมกับน้ำตาของผมที่ไหลรินด้วยความซาบซึ้ง


“หมายความว่า..”


“ลูกรักเขาไหม”


“ครับ”


“แล้วเขาล่ะรักลูกของแม่ไหม”


“เขารักลูกครับ” สิ่งที่พี่เบิ้มทำและแสดงออกคงไม่ใช่การโกหกแน่ๆ


“ถ้าอย่างนั้นแม่ก็ไม่มีสิทธิ์ห้าม พ่อล่ะว่าไง” แม่หันไปถามพ่อที่นั่งนิ่งไม่แสดงท่าทีใดๆจนผมชักหวั่นใจ


“ถ้าลูกมีความสุข พ่อก็ยินดีด้วย ถ้าครอบครัวไม่ยินดีแล้วลูกจะมีความสุขได้ยังไงล่ะ จริงไหม” สิ้นสุดคำพูดของพ่อเท่านั้นแหละน้ำตาของผมก็ไหลอย่างกับเขื่อนแตกพร้อมกับโผลกอดทั้งสองท่าน


“ขอบคุณครับ ณตรักพ่อกับแม่ที่สุด ฮือออ” ผมโชคดี โชคดีจริงๆที่ได้เกิดเป็นลูกพ่อกับแม่


“โอ๋ๆไม่เอาลูกไม่ร้อง พ่อกับแม่ก็รักลูกที่สุดเหมือนกัน” แม่กอดผมพร้อมกับโยกตัวไปมาเหมือนกำลังปลอบเด็กชายปณตเมื่อสมัยยังเด็ก


“ณตกลัวว่าพ่อกับแม่จะรับไม่ได้”


“ก็ต้องรับได้สิลูกแม่มีแฟนทั้งที คิดว่าลูกชายแม่จะต้องขึ้นคานซะอีกแต่ผิดคาดนิดหน่อยนึกว่าจะได้ลูกสาวแต่ไม่เป็นไรได้ลูกชายเพิ่มอีกคนก็ดีเหมือนกัน”


“ฮือออ ณตรักแม่”


“พอแล้วๆไม่ร้อง ขี้แยจริงเด็กคนนี้  ว่าแต่ไปรู้จักกันได้ยังไงไหนเล่าให้แม่กับพ่อฟังสิ”


“เขาเป็นหัวหน้าของพอลแฟนไอ้ฟางน่ะครับ เมื่อหลายเดือนก่อนไอ้ฟางให้ผมเป็นไกด์ตอนที่เขามาเชียงใหม่”


“โอ้วว หัวหน้าเลยเหรอแล้วเขาคิดยังไงมาชอบลูกชายแม่เนี่ย” ถ้าจะให้ถูกต้องบอกว่าเป็นเจ้าของบริษัทแต่บอกแบบนี้แหละดีแล้วจะได้ไม่ตกใจไปมากกว่านี้


“แม่อ่ะ”


“อ๊ะ สงสัยเขาจะติดใจในความงามของลูกแม่”


“งามอะไรล่ะแม่ ลูกออกจะหล่อ”


“หึ ถ้าลูกใส่วิกผมยาวนะเหมือนแม่ตอนเป็นสาวเด๊ะ เนอะพ่อ”


“ถ้าเดินด้วยกันเขาคงไม่คิดว่าเป็นแม่กับลูกคงคิดว่าเป็นฝาแฝด”


“พ่อก็พูดเกินไปแม่แก่แล้วจะเป็นแฝดกับลูกได้ยังไง”


“ใครบอกแม่แก่ แม่ยังสาวยังสวยเหมือนเดิมเหมือนสมัยที่ได้ตำแหน่งดาวมหา'ลัย” อะไรจะอวยเมียขนาดนี้ และใช่ครับแม่ผมเป็นอดีตดาวมหา'ลัย  เอิ่ม..เมื่อประมาณสามสิบกว่าปีที่แล้ว


“พ่อก็~ ปากหวาน” ส่วนคนถูกอวยก็เขินซะจริงจัง


“ปากแม่ก็หวาน” เดี๋ยวๆชักจะติดเรทล่ะ จะจูบต่อหน้าลูกไม่ได้นะ..ลูกเขิน


“อะแฮ่ม ลูกยังนั่งอยู่ตรงนี้ครับ”


“โอ๊ะ ซอรี่ๆ” พ่อหันมายิ้มล้อๆก่อนจะโดนแม่ฟาดเข้าที่ต้นแขน


“พอเลยพ่อ ไปเก็บผักที่สวนเลยนะแม่จะได้เอามาทำกับข้าวตอนเที่ยง”


“ครับๆคุณดุจดาว  ไปไอ้ลูกชายไปเก็บผักกับพ่อ”


ผมช่วยพ่อเก็บผักและอยู่กินข้าวต่อกับที่บ้านสักพักก็ขอตัวกลับและแน่นอนว่าบทสนทนาบนโต๊ะอาหารก็หนีไม่พ้นเรื่องของ Mr.Jeremy..

ผมรู้สึกโล่งใจเหมือนยกภูเขาออกจากอกและดีใจจนบอกไม่ถูก   เมื่อมาถึงเกสท์เฮาส์ก็ได้เวลาโทรไปปลุกพี่เบิ้มพอดิบพอดี ใจจริงแล้วอยากจะโทรไปตั้งแต่ตอนขับรถแต่ต้องอดทนรอไว้ก่อน  ต่อสายไม่นานคนที่อยู่ไกลออกไปอีกทวีปหนึ่งก็กดรับสาย


[ที่รัก] น้ำเสียงนั้นช่างงัวเงีย


“คุณผมมีข่าวดีจะบอก” มันดีใจจนไม่อยากเวิ่นเว้อ


[อ่า ถูกหวยเหรอครับ] บ้าบอ


“ยิ่งกว่าถูกหวยซะอีกครับ”


[…]


“คือ..ผมไปหาพ่อกับแม่มาแล้วก็บอกเรื่องของเรา..”


[หมายความว่าท่านโอเคใช่ไหมครับ!] น้ำเสียงนั้นช่างตื่นเต้น ตื่นเต็มตาแล้วสินะมึง


“ครับ ท่านยินดีที่เราคบกัน”


[วิเศษ  ว่าแต่คุณพูดจริงๆใช่ไหมครับ ไม่ได้อำผมนะ]


“ใครจะอำเรื่องแบบนี้กันล่ะครับ” ตอนบอกน่ะกลัวแทบตาย


[ดีใจจัง แต่คุณน่าจะบอกผมสักหน่อยว่าคุณไปหาพ่อกับแม่]


“ไม่เป็นไรครับผมไม่อยากให้คุณกังวลไปด้วยแค่งานของคุณก็เยอะพอแล้ว”


[โธ่ที่รัก คุณคงกังวลน่าดู ไม่แฟร์เลยที่คุณต้องกังวลอยู่ฝ่ายเดียว]


“ผมไม่เป็นไรจริงๆแล้วผลมันก็ออกมาอย่างที่คุณบอกไงครับว่ามันจะผ่านไปได้ด้วยดี พ่อกับแม่ยังบอกอีกนะว่าให้พาคุณไปหาเมื่อคุณกลับมาที่เชียงใหม่” พ่อกับแม่ย้ำเรื่องนี้ไม่หยุดขนาดผมขึ้นรถแล้วก็ยังเคาะกระจกเพื่อเตือนผมอีกครั้ง


[ครับแน่นอนเราจะไปด้วยกัน ที่รักผมรักคุณจัง]


“ผม..ก็รักคุณครับ”


[ให้ตาย! ทำยังไงดีผมอยากเจอคุณแทบบ้า]


“อีกสามอาทิตย์ แป๊บเดียวเอง”


[ตั้งสามอาทิตย์ต่างหากครับ]


“คุณก็คิดให้เป็นแค่สามอาทิตย์สิครับ”


[ไม่รู้ละ ผมคิดถึงคุณแค่วันเดียวก็เหมือนหนึ่งปีแล้ว] เว่อร์ตลอด


“แล้วจะให้ผมทำยังไงล่ะครับ”


[เจอกันแล้วคุณต้องให้ผมจูบจนกว่าผมจะพอใจ] แล้วทำไมต้องเรียกร้องเหมือนว่ากูผิดด้วยวะ มึงนั้นแหละที่ผิดทำไมไม่เกิดเป็นคนไทยเล่า


“ครับๆ” เถียงไปก็เปล่าประโยชน์ ไอ้การจูบยังไงก็หนีไม่พ้นอยู่แล้วอีกอย่างผมก็ชอบมันไม่น้อย ฮ่า





...............



..........




.......


...



.




[ที่รัก]


“ถึงแล้วเหรอครับ”


[ครับตอนนี้อยู่โรงแรมแล้วเดี๋ยวต้องออกไปประชุมต่อ]


“เหนื่อยแย่เลย”


[นิดหน่อยครับ อ่อวันนี้ผมคงโทรหาคุณช้าหน่อยเพราะตอนเย็นต้องไปงานเลี้ยงลูกค้าต่อคุณนอนก่อนได้เลยนะที่รัก ถ้าผมกลับโรงแรมแล้วจะโทรหานะครับ]


“ได้ครับ”


[อ่า ผมต้องวางแล้ว คิดถึงนะที่รัก]


“ครับ ตั้งใจทำงานนะครับ”


[ครับ]


    ตอนนี้พี่เบิ้มอยู่ฮ่องกงแล้วครับซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าพี่เบิ้มมาฮ่องกงกี่วันรู้เพียงว่าเป็นการเดินทางที่ฉุกละหุกและดูเหมือนว่าเสร็จธุระที่ฮ่องกงก็ต้องเดินทางไปญี่ปุ่นต่อเป็นชีวิตนักธุระกิจที่โคตรจะวุ่นวายดีแท้แล้วเมื่อเดือนก่อนมาขลุกอยู่กับผมทั้งเดือนไม่รู้ว่าลูกน้องจะยุ่งวุ่นวายกันแค่ไหน..


วันนี้ทั้งวันผมได้คุยกับพี่เบิ้มแค่ตอนบ่ายก็ตอนที่พี่แกโทรมาบอกว่าถึงแล้วนั้นแหละจนถึงตอนนี้ก็ปาเข้าไปเกือบห้าทุ่มผมก็ยังรอสายจากพี่เบิ้มอยู่ มันหลับไม่ลงจริงๆนะ แล้วไอ้งานเลี้ยงเนี่ยปกติเขาเลิกกันกี่โมงวะ


         

        ก๊อก ก๊อก


ใครมา?  อีซูซี่เหรอ ทำไมมาดึกป่านนี้  แต่พอเปิดประตูก็ทำเอาผมยืนอ้าปากค้างด้วยความตกใจ


“เซอร์ไพรส์!” พี่เบิ้มในชุดสูทสีน้ำตาลในร่างของบอสที่ผมไม่คุ้นตามาพร้อมกับกระเป๋าเดินทางใบเล็กสีดำและรอยยิ้มแป้นแล้นประจำตัว 


“คุณมา..อื้ม” ไม่รอให้ผมได้ถามอีพี่เบิ้มก็คว้าผมไปกอดพร้อมกับแนบริมฝีปากลงมาทันที




จูบแห่งความคิดถึง นุ่มนวลและอ่อนโยน..




และจูบแห่งความโหยหา เร่าร้อนแทบหลอมละลาย..



“อื่อ คุณยะ หยุดก่อน” ผมดันพี่เบิ้มออกพร้อมกับเสียงหอบหายใจที่ถี่กระชั้นซึ่งที่เบิ้มก็ไม่ต่างกัน..


“ที่รักผมคิดถึงคุณแทบบ้า” พี่เบิ้มกำลังจะทาบริมฝีปากลงมาอีกผมจึงต้องดันอกหนาเอาไว้ก่อน..ขอหายใจแป๊บ


“ใจเย็นก่อน ผมหายใจไม่ทัน”


“ผมคิดถึงคุณ บอกแล้วไงครับว่าถ้าเจอกันผมจะจูบคุณจนกว่าจะพอใจ ซึ่งมันยังไม่พอ”


อ่า..ริมฝีปากที่บดคลึงช้าๆค่อยๆไล่ระดับจนกลายเป็นดุดัน เรียวลิ้นสอดแทรกเข้ามาดูดกลื่นทุกอย่างในโพรงปากทำเอาร่างของผมอ่อนระทวยโชคดีที่มีสองมือหนาประคองไว้และแผ่นหลังที่ชิดติดกับประตูไม่อย่างนั้นผมคงล้มไม่เป็นท่า
ผมจูบตอบและดูดดึงปลายลิ้นที่สอดแทรกเข้ามาอย่างไม่ยอมแพ้เช่นกัน แค่พี่เบิ้มคนเดียวซะที่ไหนละที่โหยหา..


 
     จูบ..จูบแห่งความคิดถึง รสชาติมันเป็นแบบนี้นี่เอง




             ขมในตอนแรกแต่สุดท้ายหวานแทบขาดใจ..






 TBC.
 ..........................................................................

 ขอสารภาพตามตรงว่าตั้งใจจะไม่เขียนนิยายเรื่องนี้ต่อด้วยปัญหาหลายๆอย่างของมาลีเองที่ทำให้มาต่อนิยายเรื่อง
 นี้ไม่สม่ำเสมอ..แต่เพราะคิดถึงพี่เบิ้มกับป้านดและนักอ่านที่ยังรอจึงต้องกลับมา
 ขอบคุณนักอ่านทุกท่านที่อดทนอ่านนิยายเรื่องนี้ที่นานๆโผล่มาที..สัญญาว่าจะมีตอนจบของพี่เบิ้มกับป้านดค่ะ^^


หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทที่ 16 เพราะคิดถึง..จึงมาหา [13-08-19] p.6
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 13-08-2019 20:25:53
ปูเสื่่อรอตอนหน้าเลยจ่ะพี่จ๋าาาาาาา :impress2:
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทที่ 16 เพราะคิดถึง..จึงมาหา [13-08-19] p.6
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 13-08-2019 23:52:25
อย่าหายไปเลยนะ เวลาเข้ามาเปิดหน้าจอก็กด F5 ตลอด รออยู่เสมอ
ขอบคุณที่สัญญาว่าจะมาต่อจนจบ คิดถึงป้าณตและพี่เบิ้มเสมอ
ดีใจที่พ่อแม่ป้าณตเข้าใจในตัวลูก ได้ลูกเขยแทนลูกสะใภ้
คนเขียนก็รักษาสุขภาพด้วยนะ

*** แม่และพ่อของณต แอบหวานออกสื่อนะ อิอิอิ
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทที่ 16 เพราะคิดถึง..จึงมาหา [13-08-19] p.6
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 14-08-2019 01:30:10
 :impress2: :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทที่ 16 เพราะคิดถึง..จึงมาหา [13-08-19] p.6
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 14-08-2019 09:45:11
คิดถึงเรื่องนี้
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทที่ 16 เพราะคิดถึง..จึงมาหา [13-08-19] p.6
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 14-08-2019 10:07:20
รออ่านทั้งคู่ตลอดเลยครับ //ได้อ่านทีไรแล้วชุ่มชื่นหัวใจจริง ๆ อยากมีแบบป้านดสักคน ^^"
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทที่ 16 เพราะคิดถึง..จึงมาหา [13-08-19] p.6
เริ่มหัวข้อโดย: Quatree ที่ 14-08-2019 22:53:47
 :pig4:
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทที่ 16 เพราะคิดถึง..จึงมาหา [13-08-19] p.6
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 15-08-2019 00:01:24
ได้เจอกันแล้วดีใจจัง
ดีใจด้วยที่บ้านณตเข้าใจ
กลับมารอบนี้น่าจะหวานกว่าเดิมสามล้านเท่า เย่

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทที่ 16 เพราะคิดถึง..จึงมาหา [13-08-19] p.6
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 15-08-2019 07:44:21
ฟินมากกกกก ฝรั่งคลั่งแฟนสุดๆ
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทที่ 16 เพราะคิดถึง..จึงมาหา [13-08-19] p.6
เริ่มหัวข้อโดย: sang som ที่ 16-08-2019 11:37:11
หวานมากกกกกก
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทที่ 16 เพราะคิดถึง..จึงมาหา [13-08-19] p.6
เริ่มหัวข้อโดย: memozy ที่ 16-08-2019 14:25:45
กำลังฟิน  :hao6: :hao7: :hao7:

มาต่อเร็วๆนะ  o13
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทที่ 16 เพราะคิดถึง..จึงมาหา [13-08-19] p.6
เริ่มหัวข้อโดย: Sky ที่ 31-08-2019 11:38:34
มารอป้านด :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทที่ 16 เพราะคิดถึง..จึงมาหา [13-08-19] p.6
เริ่มหัวข้อโดย: love-boy ที่ 31-08-2019 22:05:15
 :hao6: :z1: :pighaun:
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทที่ 17 I NEED YOU [09-09-19] p.6
เริ่มหัวข้อโดย: MA_LEE ที่ 10-09-2019 00:57:05
 


 
บทที่ 17
I NEED YOU

     


     การมาของพี่เบิ้มสร้างความประหลาดใจเป็นอย่างมาก เท่านั้นไม่พอการจูบแบบจู่โจมก็เล่นเอาสติกระเจิดกระเจิง..สติกลับมาก็ตอนที่แผ่นหลังอันเปลือยเปล่าสัมผัสกับความนุ่มบนเตียง


..เสื้อผ้าของผมถูกถอดตั้งแต่เมื่อไหร่?!


“ดะ..เดี๋ยวคุณ” ผมรีบดันอกหนาที่คร่อมอยู่บนตัวให้ออกห่างเกรงว่าอะไรๆมันจะเลยเถิด..แล้วพี่มันก็ถอดเสื้อตั้งแต่เมื่อไหร่ เมื่อเหลือบไปมองข้างเตียงก็เห็นชุดสูทหรูราคาแพงถูกกองทิ้งไว้อย่างไม่ใยดี


“ที่รักแค่จูบมันยังไม่พอ ผมคิดถึงคุณ รักคุณจะบ้าอยู่แล้ว..ให้ผมนะที่รัก” น้ำเสียงแหบพร่านั้นช่างเว้าวอน


“ให้..ให้อะไร” ขออะไรของพี่มึงเนี่ย


“มากกว่าจูบที่รักให้ผมได้สัมผัสคุณ” นัยน์ตาคู่สีเทาเต็มไปด้วยความอ้อนวอนปนความอดกลั้น


“...” แล้วมันแค่ไหนล่ะ


“ผมสัญญาว่าจะไม่ใส่ของผมเข้าไปในตัวคุณ..ถ้าคุณยังไม่เต็มใจ” แน่นอนสิ! ใครมันจะไปเต็มใจกันเล่า จู่ๆก็โผล่มายังไม่ทันได้เตรียมตัวเตรียมใจเลยนะ


“...”


“ผมอยากปลดปล่อยไปพร้อมกับคุณ..นะครับที่รัก Please”


“ผม..ผมยังไม่พร้อมให้คุณเข้ามา..รักษาสัญญาด้วยนะครับ”


..ไม่รู้ด้วยแล้ว  เมื่อความต้องการของผมก็มีไม่ต่างกันและผมก็อยากจะปลดปล่อยไปพร้อมกับพี่เบิ้มเช่นกัน  ผมโอบคอของพี่เบิ้มให้โน้มลงมาหาเป็นเพื่อยืนยันคำตอบอีกครั้ง




   ..ผมเชื่อใจพี่เบิ้ม




“ผมสัญญา” น้ำเสียงที่ลึกซึ้งกับดวงตาที่สื่อความปรารถนาออกมาอย่างเปี่ยมล้น  เรียวลิ้นร้อนแทรกซึมดุดันเข้าในโพรงปากอีกครั้งผมเปิดปากรับสัมผัสร้อนชื้นนั้นอย่างเต็มใจ  กางเกงชั้นในที่หลงเหลือเพียงชิ้นเดียวบนร่างกายถูกนิ้วเรียวเกี่ยวกระหวัดดึงลงมาจนถึงข้อเท้า  สัมผัสเย็นวาบทำให้ผมสะดุ้งแต่จะมาปฏิเสธตอนนี้มันก็ไม่ทันเสียแล้ว  มือหนาลูบไล้แผ่วเบาที่แก่นกายของผมก่อนจะกอบกุมแล้วขยับขึ้นลงตามแรงปรารถนา..


“ดะ เดี๋ยวคุณ” เมื่อพี่เบิ้มถอยลงต่ำ ซุกหน้าลงที่หว่างขาของผมก่อนจะพรหมจูบไปทั่วบริเวณโคนขาและสะโพกผมรีบหุบขาทันทีแต่มันก็ต่อต้านอะไรไม่ได้เลยเมื่อพี่เบิ้มกางขาผมออกอีกครั้ง


“แล้วคุณจะชอบมันที่รัก” ใบหน้าที่เงยขึ้นมาจากหว่างขายิ้มให้อย่างอ่อนโยนแต่มันกลับปนไปด้วยความเซ็กซี่อย่างบอกไม่ถูก ด้วยความเขินอายผมจึงใช้ท่อนแขนปิดหน้าตัวเองเอาไว้จากนั้นร่างของผมก็สะท้านไปด้วยความเสียวซ่านเมื่อพี่เบิ้มปรนเปรอแก่นกายที่กำลังแข็งตัวด้วย..ปาก

ให้ตาย! มันคือครั้งแรกของผม การใช้ปากนั้นแตกต่างจากการใช้มืออย่างสิ้นเชิง ความอุ่นร้อนและเปียกชื้นให้ความรู้สึกดีอย่างน่าประหลาด..ประหลาดเสียจนอีกไม่กี่วินาทีผมก็แตกซะแล้ว..


“อ๊ะ..คุณผม จะ ถึง..”

   
“ให้ผมที่รัก”


“อ๊ะ อ้า..”


“good boy”


..ผมแตกในปากพี่เบิ้มไปเสียแล้วและอีพี่เบิ้มก็กลืนกินเข้าไปอย่างไม่ตะขิดตะขวงใจก่อนจะถาโถมจูบลงมาอีกครั้ง กลิ่นคาวคละคลุ้งไปทั่วโพรงปาก แต่น่าแปลก..มันรู้สึกดีชะมัด!


“งั้น..เดี๋ยวผมทำให้คุณบ้างนะครับ” มันคงไม่แฟร์ถ้าผมจะถึงฝั่งฝันอยู่ฝ่ายเดียว..ผมจึงเสนอแม้ในใจจะกล้าๆกลัวๆก็ตาม
เอาวะไม่เห็นต้องอายเลยก็ผู้ชายเหมือนๆกัน ผมค่อยๆดึงกางเกงชั้นในสีดำของพี่เบิ้มลงอย่างช้าๆ

บ๊ะ! เหมือนที่ไหนกันเล่า ลืมไปว่านี่มันงูหลามเผือกทำเอางูดินของผมอายจนต้องมุดลงรู


“ทำพร้อมกันดีกว่าที่รัก” พี่เบิ้มมองออกว่าผมไม่รู้จะจัดการกับอีงูหลามเผือกตรงหน้ายังไง  แหงสิก็มันใหญ่ขนาดนี้จะเข้าเอิ่ม..เข้าปากผมได้ยังไง!


พี่เบิ้มลุกขึ้นนั่งก่อนจะยกผมขึ้นมานั่งคร่อมบนตักจากนั้นก็จับแก่นกายของเราเข้าไว้ด้วยกันแล้วขยับมันขึ้นลงตามมาด้วยเสียงลมหายใจที่หนักหน่วง..บ้าน่าผมต้องแตกสองรอบเหรอเนี่ย

สองแขนของผมโอบรอบคอแล้วซุกหน้าลงกับลาดไหล่กว้างด้วยความเขินอาย..มันเป็นครั้งแรกที่หว่าที่ต้องเปลือยล่อนจ้อนต่อหน้าคนอื่นถ้าไม่นับตอนเด็กๆที่พ่อกับแม่อาบน้ำให้นะ แถมหนอนน้อยของผมก็ไม่ได้ครึ่งงูหลามเผือกของอีพี่เบิ้ม..


“ที่รักให้ผมได้เห็นหน้าของคุณ” น้ำเสียงกระเส่าเต็มไปด้วยแรงปรารถนา ผมไม่อาจต้านทานแรงปรารถนานี้ได้เลยจึงค่อยๆเงยหน้าขึ้นสบนัยน์ตาคู่สีเทาช้าๆที่มาพร้อมกับรอยยิ้มพอใจ   


“...”


“ชอบมันไหมที่รัก”


“...” เมื่อผมไม่ตอบจังหวะขึ้นลงก็ถี่รัวขึ้น   


“อ๊ะ..”


“ว่าไงครับ ได้โปรดบอกผม”


“ชอบ..ผมชอบมัน” ผมตอบไม่เต็มเสียงนักเพราะพยายามกลั้นเสียงร้องอันน่าอายไม่ให้หลุดออกมา


“ที่รัก ให้ผมได้ฟังเสียงคุณ ทุกอย่างที่เป็นของคุณให้ผมได้เห็นมัน” เอาแต่ใจที่สุด ท้ายที่สุดผมก็ต้านทานสัมผัสของผู้ชายตรงหน้าไม่ไหว..


“อ้ะ  อ่าา”


“ที่รักคุณโคตรเซ็กซี่” เสียงคำรามพร้อมกับแรงเร็วที่มากขึ้น ริมฝีปากและเรียวลิ้นบดเบียดกันอีกครั้งพร้อมกับแรงอารมณ์ที่พุ่งทะยานสูงขึ้น


“คุณ..ผมจะ..ไม่ไหวแล้ว”


“พร้อมกันที่รัก”


“อ้าาา” ไม่รู้เสียงใครเป็นเสียงใคร เสียงร้องและเสียงหอบหายใจปนกันระงม


“I love you” สิ้นเสียงคำบอกรักพี่เบิ้มก็จูบซับที่ขมับอย่างอ่อนโยนก่อนจะอุ้มผมไปยังห้องน้ำด้วยแรงที่เหลือเฟือ
ส่วนผมน่ะเหรอ..อ่อนเปี้ยสิครับงานนี้








     แสงแดดที่ลอดผ่านผ้าม่านทำให้ผมต้องลืมตา..ผมตื่นสาย แน่นอนเพราะนาฬิกาปลุกส่วนตัวนอนกอดผมอยู่ตรงนี้
พี่เบิ้มยังคงนอนอยู่ด้วยความเพลียจากการทำงานและการเดินทางเมื่อคืนหลังจากเสร็จภาระกิจแห่งการปลดปล่อยก็ปาไปค่อนคืน ผมจึงไม่อยากถามซักไซ้ใดๆปล่อยให้พี่เบิ้มได้พักผ่อนเราเพียงแค่นอนกอดกันก่อนต่างฝ่ายจะจมเข้าสู่ห้วงนิทรา

ผมเกลี่ยเส้นผมของพี่เบิ้มที่ปรกหน้าออกเพื่อให้เห็นใบหน้าที่แสนคิดถึงนั้นชัดๆ  ขนตายาวเป็นแพสวยของพี่เบิ้มเป็นสีน้ำตาลเข้มสีเดียวกับเส้นผมและดูเหมือนว่าเส้นผมสีตาลเข้มหยักศกเป็นลอนตามธรรมชาตินี้จะสั้นลงกว่าเดิมน่าจะยาวเท่าปลายคางได้  จมูกโด่งเป็นสันตามเชื้อชาติ  ส่วนริมฝีปากก็หยักสวยได้รูปและทุกครั้งที่มันสัมผัสกับเรียวปากของผมก็ทำให้เคลิบเคลิ้มแทบหลอมละลาย แต่ที่ผมชอบที่สุดบนใบหน้าคมสันนี้คือนัยน์ตาคู่สีเทาที่ปิดสนิทอยู่ตอนนี้..


“รอนานแล้วนะครับ ปล้ำผมสักที” บ้าเอ้ย นี่มึงแกล้งหลับเหรอเนี่ย นัยน์ตาสีเทาที่ผมอยากเห็นพราวระยับ


“ใครจะปล้ำกันเล่า!” บ้าบอ


“ถ้างั้นผมปล้ำ” พลิกตัวขึ้นมาอย่างว่องเลยนะมึง


“หยุดเลยคุณ” ผมรีบดันพี่เบิ้มให้ออกห่างแต่ไม่ก็ไม่รอดโดนพรหมจูบไปทั่วหน้าก่อนอีควายเผือกจะยอมถอยลงไปนอนข้างๆตามเดิม


“คิดถึงนะที่รัก”


“ครับ คิดถึงเช่นกัน  เอ่อจริงสิ ไหนคุณบอกว่างานเลี้ยงเลิกดึกไงครับ แล้วทำไมถึงมาหาผมถึงที่นี่ได้”


“เซอร์ไพรส์ไงครับ ผมออกจากงานเลี้ยงตั้งแต่หกโมงก็รีบมาหาคุณเลย”


“แล้วกลับเมื่อไหร่ครับ”


“บ่ายนี้ครับ ผมต้องบินไปญี่ปุ่นต่อ”


“บ่ายนี้! คุณไม่น่ามาหาผมเลย เหนื่อยแย่”


“หายเหนื่อยต่างหากล่ะครับ” พี่เบิ้มกระชับอ้อมแขนแน่นขึ้นพร้อมกับหอมแก้มผมฟอดใหญ่ “อยากเจอครอบครัวคุณไวๆจัง คุณว่าพ่อและแม่ของคุณจะชอบผมไหม”


“ต้องชอบสิครับ”


“คุณแน่ใจได้ยังไง”


“แน่ใจสิ เพราะผมชอบคุณไง”


“คุณน่ารักชะมัด” แล้วผมก็โดนฟัดอีกหน


“เอาไว้คุณกลับมาแล้วเราไปค้างที่รีสอร์ทพ่อกับแม่สักสองสามคืนดีไหมครับ บรรยากาศที่นั้นดีมากคุณน่าจะชอบ”


“โอเคครับ  แต่ตอนนี้ไม่อยากให้คุณออกไปทำงานเลยอยู่ในบ้านกับผมจนถึงบ่ายได้ไหมที่รัก”


“ไม่หิว?”


“หิวคุณมากกว่า” ให้ตาย พูดได้หน้าตาเฉย


“หิวข้าวสิ ลุกได้แล้วผมหิว”


“...” พี่มันยังเฉยครับ นอนมองหน้าผมทำตาปริบๆ


  ...เฮ้อ



“โอเคๆ ไปกินข้าวกันครับเสร็จแล้วผมจะอยู่กับคุณจนถึงขึ้นเครื่องเลย”


“คุณน่ารักที่สุด” ถ้าไม่มีหูกั้นปากมึงคงฉีกมาบรรจบกันเป็นแน่แท้


“จะ..ทำอะไร”


“อาบน้ำไงครับ”


“แล้วอุ้มผมทำไมเนี่ย!”


“ก็คุณหิวแล้ว อาบด้วยกันจะได้ไวๆไงที่รัก” มึงนี่มันเจ้าเล่ห์ที่สุด ดวงตานี่พราวระยับ


“ผมอาบเองได้น่า ปล่อยผมลงครับ”


“ไม่ต้องอายๆ เมื่อคืนผมก็อาบให้คุณไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย ผมชอบ” เมื่อคืนขากูเปลี้ยเฉยๆหรอกน่า


“แต่ผมไม่ชอบ!”


“อีกหน่อยก็ชอบครับ” หน้ามึน!


แล้วอีควายเผือกก็ไม่สนขิงสนข่าใดๆเดินผิวปากพร้อมกับอุ้มผมที่ดิ้นขลุกขลักไม่หยุดไปยังห้องน้ำก่อนจะวางผมลงหน้ากระจกช้าๆ


“ถอดเสื้อครับ หรือจะให้ผมถอดให้” เกลียดสายตาวิบวับเป็นที่สุด


“ผมถอดเองแล้วก็จะอาบเองด้วยคุณออกไปก่อน” อาบด้วยกันเกรงว่ามันจะยิ่งช้า


“ไม่ดื้อสิครับ” มึงสิดื้อ เผด็จการ


ผมถอดเสื้อผ้าด้วยท่าทางฮึดฮัด ส่วนอีพี่เบิ้มถอดเสื้อผ้าแต่ละชิ้นออกพร้อมกับฮัมเพลงด้วยความสบายใจ..มันน่าหมั่นไส้นัก
ผมยังคงเหลือกกางเกงชั้นในไว้ ส่วนอีพี่เบิ้มน่ะเหรอล่อนจ้อน อีงูหลามเผือกชี้หน้าผมอยู่เนี่ย!


“กางเกงในคุณ..”


“ผมไม่ถอด ผมจะอาบแบบนี้ ถ้าคุณยังขอนู้นขอนี่อีกผมจะไม่อาบแล้ว” แม่ง! แดกข้าวทั้งขี้ฟันแบบนี้แหละ


“โอเคครับ” อีพี่เบิ้มยกมือยอมแพ้ก่อนจะอาบน้ำเงียบๆ


ผมจัดการล้างหน้าแปรงฟันก่อน ส่วนอีเบิ้มอาบน้ำสระผมก่อนที่เราจะสลับตำแหน่งกัน


“ผมถูหลังให้ไหมที่รัก” ดูมันๆ ยืนแปรงฟันพิงอ่างล้างหน้ามองผมด้วยสายตาวิบวับ


“ไม่ต้อง!”


“กางเกงในเปียกแนบเนื้อแบบนี้ก็ดูเซ็กซี่ไปอีกแบบ” บ้าเอ้ย ผมจึงหันหลังให้สายตาหื่นๆนั่น “โอ้วว ที่รักก้นคุณ”


“นี่คุณ!”


“ฮ่าๆ” 


“...” รู้เลยว่าพี่มันแกล้งผม  ให้ตาย


“ที่รักคุณน่ารักเป็นบ้า” เออกูจะบ้า ประสาทจะแดกกับมึงนี่แหละ


“สะ เสร็จแล้ว” จากหงุดหงิดกลายเป็นเขินเลยกู ก็ใครใช้ให้พี่มันพูดด้วยสายตาเอ็นดูแบบนั้นกันเล่า


“คราบ” จากนั้นพี่เบิ้มก็ยื่นผ้าเช็ดตัวมาให้กับผม ผมเช็ดตัวลวกๆก่อนจะรีบนุ่งผ้าเช็ดตัวไว้


“อย่าลืมถอดกางเกงในด้วยนะครับ” พี่เบิ้มพูดปนขำพร้อมกับหันหลังให้  บ้าที่สุด ผมรีบถอดออกอย่างเร็วรี่ก็ใครอยากจะนุ่งเกงเกงในเปียกนานๆกันเล่า..สังคังแดกพอดี


“เสร็จแล้วคุณ” ไม่เข้าใจ จะรอออกพร้อมกันทำไมเสร็จก่อนผมแท้ๆ


จังหวะเดียวกับที่เปิดประตูห้องน้ำ ประตูห้องนอนก็ถูกเปิดเช่นกัน   ..ฉะ ฉิบหาย


“แม่!”


“โอ้วว ผู้ชายกับลูกชายแม่!”


แม่ยืนอ้าปากค้าง คงจะตกใจไม่น้อยที่เห็นลูกชายออกห้องน้ำมาพร้อมกับผู้ชายเหมือนกันและต่างฝ่ายต่างนุ่งแค่ผ้าเช็ดตัวเพียงผืนเดียว




    ช่างเป็นการเปิดตัวแฟนที่น่าประทับใจดีแท้..





 TBC.
........................................................

 มาสั้นๆให้หายคิดถึง บทนี้ไม่มีอะไรมากคนเขามีเวลาอยู่ด้วยกันน้อยต้องรีบตักตวง  ..แต่ก็น่าหมั่นไส้เนอะ(บึนปาก)   

หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทที่ 17 I NEED YOU [10-09-19] p.6
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 10-09-2019 01:47:43
เปิดตัวแฟนได้ดี :m20: :m20: :oo1: :oo1:
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทที่ 17 I NEED YOU [10-09-19] p.6
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 10-09-2019 01:56:48
 :hao7: คุณแม่มาถูกจังหวะมาก
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทที่ 17 I NEED YOU [10-09-19] p.6
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 10-09-2019 03:08:15
 :z1: :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทที่ 17 I NEED YOU [10-09-19] p.6
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 10-09-2019 10:52:57
พี่เบิ้มเนี่ย ไม่ยอมเลยนะ ป้าณตต่อต้านไม่ไหวจริงๆ พูดมาได้ไงว่าไม่เอาของใส่ในตัวคุณ
 :o8: :o8:
ดีแล้วนะ ที่แม่เปิดประตูมาตอนนี้ มาเร็วกว่านีอีกหน่อย ตาเป็นกุ้งยิงแน่ๆ อิอิอิ
 :m20: :m20:
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทที่ 17 I NEED YOU [10-09-19] p.6
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 10-09-2019 13:13:14
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทที่ 17 I NEED YOU [10-09-19] p.6
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 10-09-2019 19:32:20
เซอร์ไพรส์กันหมด 5555555 :laugh:
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทที่ 17 I NEED YOU [10-09-19] p.6
เริ่มหัวข้อโดย: Quatree ที่ 10-09-2019 22:48:58
 :pig4:
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทที่ 17 I NEED YOU [10-09-19] p.6
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 10-09-2019 23:33:44
แม่คงตกใจ
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทที่ 18 Go to uk [17-10-19] p.6
เริ่มหัวข้อโดย: MA_LEE ที่ 17-10-2019 14:51:06

บทที่18 Go to UK.





   
“แม่!”


“โอ้วว  ผู้ชายกับลูกชายแม่!”


“แม่ของคุณ?” สกิลภาษาไทยอันน้อยนิดของพี่เบิ้มพอจะรู้ว่าคำว่า แม่ แปลว่าอะไร หรืออาจจะเพียงแค่เห็นหน้าก็ดูออกแล้วว่านี่แม่ผม..ที่แม่บอกว่าถ้าผมใส่วิกผมยาวก็คือแม่สมัยสาวๆดีๆนี่เองนั่นน่ะผมไม่เถียงครับ บางเดือนที่ยุ่งๆจนลืมตัดผมพอผมเริ่มยาวเวลาส่องกระจกนี่แทบตกใจนั่นแม่หรือผม!


“ครับนี่แม่ผมเอง..”


“สวัสดีครับคุณแม่ ผมเจเรมี่แฟนของป้านดยินดีที่ได้รู้จักครับ” ผมยังไม่ทันแนะนำอีพี่เบิ้มก็เสนอตัวอันเกือบเปลือยเปล่าไปแนะนำตัวกับแม่ที่ยืนอ้าปากค้างอยู่หน้าประตูห้อง


“ป้านด?  อ๋อ ปณต สวัสดีจ๊ะลูกชายได้เจอกันสักทีเนอะ” แม่ขำเมื่อได้ยินชื่อลูกชายตัวเองสำเนียงuk  จากนั้นสองแม่ลูกนอกไส้ก็สวมกอดด้วยความยินดีปรีย์ดา 


“คุณแม่ยังสาวและสวยมากครับ” ครับ แม่ผมสวยแต่สาวนะไม่..ต้องอวยเบอร์นั้นเลย


“ปากหวานลูกชาย” ลูกชายแม่น่ะยืนหัวโด่อยู่นี่ครับ


“เอ่อ แม่ไม่เห็นบอกณตเลยว่าจะมาหา”


“ถ้าบอกแม่ก็ไม่เซอร์ไพรส์แบบนี้สิ ลูกเขยแม่นี่หล่อจริงๆ แล้วลูกสองคนอะไรยังไงทำไมออกห้องน้ำมาพร้อมกัน หรือว่าอาบน้ำด้วยกัน?”


“เอ่อ..” จะปฏิเสธก็ไม่ได้เพราะมันคือความจริงแถมสภาพยังฟ้องชัดเจน


“โอเคๆ ไม่ต้องบอกก็ได้ลูก แต่งเนื้อแต่งตัวซะเดี๋ยวแม่ออกไปรอข้างนอก” แม่ยิ้มล้อๆก่อนจะออกไปรอด้านนอก


“ผมตื่นเต้นจัง คุณว่าแม่จะชอบผมไหม” ยิ่มร่าขนาดนี้คงจะไม่ชอบหรอก


“แล้วทำไมต้องไม่ชอบด้วยล่ะ”


“นั่นสิ ผมว่าผมน่ารักนะ” กล้าพูดเกรงใจกล้ามบนตัวมึงด้วย ผมทำได้เพียงกลอกตากับประโยคนี้


ใช้เวลาแต่งตัวด้วยความความไวแสงก่อนจะรีบออกมาหาแม่ที่นั่งรออยู่ที่โซฟา


“แฟนมาหาทำไมไม่บอกแม่ล่ะลูก”


“พอดีเจเรมี่มาประชุมที่ฮ่องกงแล้วเมื่อคืนเขาก็โผล่มาเซอร์ไพรส์เฉยเลย” แล้วตอนเช้าแม่ก็มาเซอร์ไพรส์ผมอีก ชีวิตผมนี่ช่างน่าตื่นเต้นดีนัก


“แล้วนี่ลูกชายจะกลับวันไหนคะ”


“บ่ายนี้ครับผมต้องไปญี่ปุ่นต่อ”


“แม่นึกว่ามาหลายวันซะอีก จะได้ไปค้างที่รีสอร์ท”


“เดือนหน้าผมจะไปหาคุณแม่แน่นอนครับ  ครั้งนี้ผมแค่แวะมาชาร์จแบต”


“ชาร์จแบต?”


“นี่ไงครับ” แล้วอีพี่เบิ้มก็คว้าเอวผมหมับกอดไว้หลวมๆพร้อมกับรอยยิ้มพิมพ์ใจ


แม่ถึงกับยิ้มเขินแทนผม ส่วนผมน่ะเหรอตัวแตกไปแล้วจ้า ต่อหน้าแม่กูเลยนะ พี่มึงก็..


แผนที่ตั้งใจจะขลุกอยู่กับผมจำเป็นต้องยกเลิกเพราะแม่ชวนไปทานข้าวด้วยกันและดูเหมือนว่าแม่จะได้ลูกรักคนใหม่เพราะคุยกันออกรสออกชาติ อีพี่เบิ้มก็มีมุกทำให้คนแก่ยิ่มร่าได้ไม่หยุด เห็นแบบนี้ก็โล่งใจที่ทั้งคู่เข้ากันได้ ถ้าแม่ชอบพ่อก็คงไม่มีปัญหารายนั้นตามใจเมียอยู่แล้ว..


ทานข้าวเสร็จเหลือเวลาอีกไม่มากพี่เบิ้มต้องออกเดินทางอีกครั้ง แม่ขอตัวไปทำธุระต่อพร้อมกับย้ำแล้วย้ำอีกกับพี่เบิ้มว่ากลับมาเมื่อไหร่อย่าลืมไปหาแม่ที่รีสอร์ท

ส่วนผมก็มาส่งที่เบิ้มขึ้นเครื่องที่สนามบิน ก่อนจะเข้าเกตอีพี่เบิ้มกอดผมน่าจะร้อยแปดรอบได้ กอดแล้วกอดอีกอยู่นั่นแหละ

..เข้าใจว่ารักและคิดถึงแต่หน้ากูก็บางนะโว้ยยย









     สองอาทิตย์ผ่านไปอย่างรวดเร็วหลังจากที่พี่เบิ้มมาชาร์จแบตแบบมาเร็วเคลมเร็ว ชีวิตผมก็ยังคงดำเนินไปตามปกติงานเดิมๆเพิ่มเติมคืองานตกแต่งคอนโดของพี่เบิ้ม ช่างเข้ามาทำงานได้เกือบหนึ่งอาทิตย์ตอนนี้เริ่มเป็นรูปเป็นร่างขึ้นบ้างแล้ว   ความต้องการของคุณลูกค้ากิตติมศักดิ์คือความเรียบง่ายแต่ดูอบอุ่น  สไตล์มินิมอลจึงตอบโจทย์ นอกเหนือจากนั้นก็ไม่มีความเห็นใดๆนอกจากคำว่า ‘แล้วแต่คุณ’

ส่วนรักทางไกลของเราก็ยังคงราบรื่นไม่มีปัญหาใดๆนอกจากความคิดถึง มีกวนประสาทกันบ้างตามนิสัยของอีควายเผือกแต่เราก็รักกันดีไม่มีตีกัน ก็มันอยู่ไกลจะตีถึงได้ยังไงเล่า ปัดโธ่!



[ที่รักคิดถึงคุณจัง] เมื่อกดรับวิดิโอคอลปลายสายที่อยู่อีกทวีปหนึ่งก็ยิ้มหน้าบานส่งมาให้พร้อมกับคำคิดถึง 


“ถึงแล้วเหรอครับ” สุดสัปดาห์ถ้างานไม่ล้นมือพี่เบิ้มมักจะกลับไปเยี่ยมพ่อกับแม่ที่อาศัยอยู่ที่เมืองยอร์ก ฉากหลังของวันนี้จึงไม่ใช่ห้องนอนหรือห้องนั่งเล่นที่บ้านของพี่เบิ้มแต่เป็นทุ่งหญ้าเขียวขจีที่มีม้าเล็มหญ้าอยู่ด้านหลัง..ที่บ้านพี่แกมีคอกม้าด้วยนะ ว่าแต่ม้ามันตัวละเท่าไหร่วะ จะซื้อมาขี้เล่นชิคๆสักตัว


[ถึงแล้วครับ]


“อากาศวันนี้เป็นยังไงบ้างครับ หนาวยัง” ลมที่ผัดมาเอื่อยๆทำให้ผมสีน้ำตาลที่ยาวเท่าปลายคางนั้นพริ้วไปตามลมดูแล้วคงจะเย็นไม่น้อย


[เริ่มหนาวแล้วล่ะครับ แต่วันนี้ดีหน่อยที่มีแดดไม่มีฝน] อยากจะแบ่งแดดที่นี่ไปให้พี่ซะเหลือเกิน แม่งร้อนตับแตกตับแล่บ


“ดูแล สุภาพด้วยนะครับ ผมเป็นห่วง”


[รักคุณจัง คุณห่วงผมแบบนี้รับรองผมไม่มีทางป่วยแน่ๆครับ]


“...” บ้าบอ ผมทำได้เพียงกลอกตา แน่นอนสิ กูไม่ใช่เชื้อโรคนะที่จะทำให้คนป่วยได้นะ


[ที่รักผมมีใครจะแนะนำให้รู้จัก]


“...” อ่า อย่าบอกนะว่าจะให้คุยกับพ่อแม่ของพี่มึงน่ะ  ไม่บอกแต่เนิ่นๆเล่า


[นี่ครับ มาสเมลโล่]

 
“มาสเมลโล่?”  ไม่ใช่แม่แต่เป็นม้าว่ะ


[ครับ เธอคือม้าตัวโปรดของผม] ม้าสีขาวสมชื่อ มันดูสวยและสง่าผมตรงแผงสันคอสีบอร์นประกายทองนิดๆยาวสวย ถ้าได้จับคงจะนุ่มมือไม่น้อย


“เธอสวยนะครับ”


[ครับเธอสวย แต่คุณสวยกว่า]


“...” อ่อ กูหน้าเหมือนม้า?


[ส่วนนี่โคล่า เป็นน้องใหม่ของที่นี่ครับ] พี่เบิ้มเดินไปหาม้าอีกตัวที่มีสีน้ำตาลเข้มที่เกือบจะเป็นสีดำ   ก็สมชื่อโคล่าเขาล่ะ บ้านพี่มึงคงจะตั้งชื่อม้าตามสีที่คล้ายกับของกินเนอะ


“คุณชอบม้าเหรอครับ” อดถามไม่ได้เพราะรอบตัวของพี่เบิ้มตอนนี้ลายล้อมไปด้วยม้าหลายตัว


[พ่อผมชอบครับ ผมก็เลยผูกพันกับพวกมันไปด้วยตั้งแต่จำความได้ม้าก็เป็นสัตว์เลี้ยงอีกหนึ่งชนิดที่บ้านผมเลี้ยง แล้วคุณล่ะตอนเด็กเลี้ยงสัตว์ไหม] 


“อืมมม สัตว์ตัวแรกของผมเหรอ ตัวด้วงครับ”


[ด้วง!?]


“ใช่ครับ เจ๋งป่ะล่ะ” ของมึงก็แค่ม้า ของกูด้วงกว่างนะเว้ยแม่งโคตรคลู 
จำได้ว่าตอนเด็กๆไปเดินตลาดกับแม่แล้วช่วงหน้าฝนจะมีด้วงกว่างขาย เขาจะจับแมลงพวกนี้เกาะไว้กับท่อนของต้นอ้อยผูกขามันไว้ข้างหนึ่งเพื่อไม่ให้มันบินหนี   ปีกของมันสีดำวาววับพร้อมกับเขาสองคู่ที่ประกบกันบนล่างดูแล้วแม่งโคตรเท่เหมือนมอนสเตอร์ตัวจิ๋ว   พอได้มันมาเลี้ยงด้วยความสงสารผมไม่ได้ผูกขามันไว้แต่มันก็ไม่ได้บินหนีไปไหนเพราะน้ำหวานจากต้นอ้อยคืออาหารชั้นดีของมัน   แต่วงจรชีวิตของแมลงพวกนี้ช่างแสนสั้นไม่ถึงสามเดือนเจ้ามอสเตอร์จิ๋วของผมก็ล่วงหล่นจากท่อนอ้อยนอนหงายท้องอยู่บนพื้น ถึงจะไม่ถึงสามเดือนแต่ผมก็เริ่มผูกพันกับมันเพราะหลังจากกลับมาจากโรงเรียนผมต้องมาลูบปีกแข็งมันวาวของมันทุกครั้ง  ความรู้สึกของการสูญเสียแบบนี้ล่ะมั้งที่ผมไม่เคยเลี้ยงสัตว์จริงๆจังๆสักที หรือเอาเข้าจริงๆแล้วมันอาจจะเป็นเหตุผลหนึ่งที่ผมไม่เคยมีแฟนมาก่อนล่ะมั้ง..แต่สำหรับพี่เบิ้มผมไม่เคยคิดว่าความรักของเราจะยืนยาวแค่ไหน แค่ตอนนี้เรายังรักกันแค่นั้นมันก็เพียงพอแล้ว


[โคตรเจ๋ง ผมอยากเลี้ยงบ้าง]


“...” ประชดกูป่ะเนี่ย 


[เอ่อ ที่รักมีคนมาตามผมแล้ว ผมขอไปทานข้าวก่อนนะครับ ถ้าคุณยังไม่ง่วงเดี๋ยวผมทานข้าวเสร็จแล้วจะรีบโทรหาครับ]  พี่เบิ้มหันไปมองข้างหลังและเหมือนผมจะเห็นผู้หญิงผมสั้นร่างท้วมแว๊บๆ แม่บ้านหรือแม่? จะว่าไปแล้วผมยังไม่เคยแนะนำตัวกับที่บ้านพี่เบิ้มเลย ก็พี่เบิ้มนั่นแหละบอกว่าให้ผมมาที่นี่ก่อนแล้วค่อยแนะนำอย่างเป็นทางการ


“ไม่เป็นไรครับ คุณอยู่กับครอบครัวเถอะ ผมง่วงแล้ว”


“โอเคที่รัก ตอนเช้าผมโทรปลุกนะครับ ฝันดีครับผมรักคุณ”


“ครับ ผมก็รักคุณเช่นกัน”



................................



.....................



..............



.........




...



   เมื่อตอนตีห้าพี่เบิ้มโทรมาปลุกผมตามปกติตอนนี้บ่ายโมงแล้วถึงเวลาที่ผมต้องโทรไปปลุกอีพี่เบิ้มบ้าง..แต่โทรเท่าไหร่พี่เบิ้มก็ไม่รับสาย ไลน์ไปก็ไม่อ่าน มันผิดวิสัยของคนที่โทรไปปุ๊บก็รับปั๊บอย่างพี่เบิ้มสุดๆ

คงจะไม่ใหลตายหรอกนะ..ชักใจคอไม่ดีซะแล้วสิ



ผมกระหน่ำโทรไปตลอดสองชั่วโมงจนในที่สุดมือถือก็ปิดเครื่องไม่รู้ว่าเพราะแบตหมดหรืออะไรกันแน่เพราะตอนนี้โทรเท่าไหร่ก็โทรไม่ติดนั่นยิ่งทำให้ความวิตกจริตมีเพิ่มมากขึ้น

หนึ่งเดียวที่จะช่วยผมได้ในตอนนี้คือ ไอ้ฟาง เมื่อคิดได้ดังนั้นก็หยิบมือถือขึ้นมาอีกครั้งแต่ก่อนที่จะกดโทรออก หน้าไอ้ฟางก็โชว์หราบนจอมือถือผมซะก่อน


“ฟาง กูกำลังจะโทรหาอยู่พอดี”


[ณต ทำใจดีๆนะ] น้ำเสียงของมันดูร้อนรน


“มีอะไรวะ” ได้โปรดเถอะ ขออย่าให้เกิดเรื่องร้ายๆขึ้นเลย


[เจเรมี่ตกม้า ตอนนี้อยู่ไอซียู ยังไม่ได้สติ] คำว่าไอซียูและไม่ได้สติ ทำให้สติผมหายไปเช่นกัน บอกตรงๆว่าโคตรกลัว


“มะ มันเกิดอะไรขึ้นวะ”


[กูก็ไม่รู้อะไรมาก รู้แค่ว่าเขาตกม้าที่ยอร์กบ้านพ่อแม่เขาน่ะ]


“...” ใช่ พี่เบิ้มไปยอร์ก และเมื่อวานก็ยังแนะนำมาสเมลโล่กับโคล่าให้ผมรู้จัก หรือจะตกเจ้าโคล่าถ้าผมจำไม่ผิดเจ้าม้าสีน้ำตาลเข้มตัวนั้นเป็นม้าตัวใหม่ ..ได้โปรดเถอะขออย่าให้พี่เบิ้มเป็นอะไรมากเลย


[ณต มึงโอเคไหมถ้าจะเดินทางมาหาเขาที่นี่ กู..คิดว่ามึงควรมา] น้ำเสียงของไอ้ฟางเต็มไปด้วยความกังวลและจริงจัง


“ได้ กูจะไป” ผมพยามเค้นเสียงที่แห้งผากตอบออกไปอย่างไม่ลังเล




    ห้าทุ่มของวันต่อมาผมเดินทางไปอังกฤษทันทีด้วยการขอวีซ่าแบบเร่งด่วนทำให้ผมสามารถเดินทางได้โดยไม่ต้องรอนาน แต่มันก็ต้องจ่ายด้วยเงินที่มากโขแต่นั่นไม่ใช่ประเด็น ขอแค่ให้ได้ไปเจอพี่เบิ้มพร้อมกับรอยยิ้มที่ทำให้ผมใจเต้นทุกครั้งที่ได้มองต่อให้หมดตัวผมก็ยอม..เพราะตอนนี้พี่เบิ้มยังไม่ฟื้น


   
      เจเรมี่คุณรอผมก่อนนะผมกำลังจะไปหา..





     06.15น. ตามเวลาของอังกฤษผมมาถึงฮีทโทรว์ลอนดอนด้วยหัวใจที่หวาดหวั่น


“ณต ทางนี้”


“ไอ้ฟาง” เมื่อเห็นหน้าเพื่อนสิ่งแรกคือสวมกอด พร้อมกับคำถามที่ผมถามมันมาตลอดสองวันที่ผ่านมา “เจเรมี่ฟื้นยัง” คำตอบคือการส่ายหน้า นั้นยิ่งทำให้หัวใจผมหนักอึ้ง


“เอาน่า อย่าเพิ่งคิดอะไรมาก กลับไปพักที่บ้านกูก่อนแล้วเดี๋ยวสายๆเราไปหาเขากัน”


“ไปตอนนี้เลยได้ไหม”


“มึงควรพักสักนิด สีหน้ามึงไม่โอเคเลยรู้มั้ย”


“แต่..”


“ณต มึงต้องแข็งแรงด้วยนะถ้ามึงทรุดไปอีกคนจะทำไง”


“โอเค กูเชื่อมึง” ใช่ผมต้องแข็งแรง พี่เบิ้มตื่นขึ้นมาแล้วจะได้เจอผม



   เมื่อมาถึงบ้านพอลก็เปิดประตูต้อนรับ เราทักทายกันเล็กน้อยก่อนที่ไอ้ฟางจะพาผมไปพักที่ห้องนอนที่เตรียมไว้


“ฟาง กูกลัวว่ะ” พอเอาเข้าจริงๆแล้วความรู้สึกผมมันมีแต่คำว่ากลัวเต็มไปหมด


“เอาน่า เจเรมี่เป็นคนดีพระเจ้าต้องคุ้มครองเชื่อกู เอาล่ะมึงอาบน้ำอาบท่าแล้วเดี๋ยวมากินข้าว  นอนพักอีกสักหน่อยแล้วเราค่อยเดินทางไปยอร์กกันมันใช้เวลาขับรถประมาณสี่ชั่วโมง”


“มึงขับเหรอวะ ทำไมไม่นั่งรถไฟไปล่ะ”


“กูไม่ได้ขับเอง เจเรมี่ส่งคนขับรถ..เอ้ย ไม่ใช่กูหมายถึงพอลน่ะให้คนขับรถของเจเรมี่พาเราไปยอร์ก เอาแบบนี้แหละ เขาคิดมาดีแล้ว”


“เขาไหน?”


“เอ่อ..หมายถึงกูไง กูคิดมาดีแล้วคือไม่ต้องเสียเวลาไปที่สถานีขึ้นรถปุ๊บมึงก็จะได้พักยาวๆเลยจะได้มีแรงรอเจเรมี่ตื่นขึ้นมาไง”


“อืม” ดีเหมือนกันผมจะได้ไม่ห่วงไอ้ฟางเพราะผมไม่มีใบขับขี่สากลคงขับรถแทนมันไม่ได้






   ถนนในลอนดอนค่อนข้างวุ่นวาย แต่พอรถขับออกมาถึงชานเมืองความเงียบสงบก็มีให้เห็น อากาศวันนี้ค่อนข้างแย่ไม่มีแสงแดดให้เห็นมีเพียงสายฝนที่โปรยปราย ท้องฟ้าเป็นสีหม่นไม่ต่างจากหัวใจของผมในตอนนี้
นี่คือการมาอังกฤษครั้งแรกแต่มันไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นเลยสักนิด เพราะความรู้สึกของผมตอนนี้มีแต่ความกลัวและได้แต่ภาวนาให้พี่เบิ้มปลอดภัยและตื่นขึ้นมาไวๆ



   ..ไปถึงแล้วหวังว่าจะได้เจอรอยยิ้มของคุณนะ





   เกือบสี่ชั่วโมงครึ่งตอนนี้ผมและไอ้ฟางยืนอยู่หน้าห้องพักผู้ป่วยมีป้ายชื่อของคนไข้ติดอยู่ชัดเจน ‘Jeremy Carson’ พี่เบิ้มออกจากไอซียูแล้วนั่นทำให้ผมใจชื้น   แต่ก่อนที่ผมจะผลักประตูเข้าไป ไอ้ฟางก็พูดประโยคหนึ่งซึ่งทำให้ผมต้องชะงักมือเอาไว้ก่อน


“มึงกูขอโทษ”


“ขอโทษทำไม?” ตั้งแต่ผมมาถึงอังกฤษผมว่าไอ้ฟางมันพูดจาแปลกๆหลายรอบแล้วนะ


“เอาเป็นว่า กูไม่ได้ตั้งใจแต่กูหวังดีกับมึงจริงๆนะ”


“พูดไรของมึง?”


“ช่างเหอะๆ เข้าไปข้างในกัน”


เมื่อเปิดประตูเข้าไปสิ่งแรกที่เห็นคือรอยยิ้มที่ผมอยากเห็นของพี่เบิ้ม..เขาฟื้นแล้ว นั่นทำให้ผมโล่งใจเป็นที่สุด


“ที่รักคุณมาแล้ว” พี่เบิ้มรีบถลาลงจากเตียงเข้ามาสวมกอดผมด้วยแขนขวาเพียงข้างเดียว เพราะแขนซ้ายนั้นห่อหุ้มด้วยเฝือกสีขาว  แต่ดูท่าแล้วไม่เหมือนคนที่เพิ่งออกจากไอซียูแฮะ ชักจะได้กลิ่นทะแม่งๆละสิ


“ครับผมมาแล้ว คุณเป็นยังไงบ้างครับ”


“ผมเจ็บมากเลยที่รัก แขนหักด้วย” ว่าแล้วก็ยกแขนข้างที่ใส่เฝือกอ้อนผมเหมือนเด็ก


“คุณเพิ่งออกจากไอซียู?” คือดูทรงพี่มึงแล้วมันไม่เหมือนคนที่เพิ่งฟื้นอ่ะ


“เอ่อ..”


“งั้นผมถามใหม่ คุณตกม้า”


“ครับ”


“แล้วคุณก็ไม่ได้สติ”


“แค่..แป๊ปเดียว” เสียงนั้นเริ่มแผ่วลง


“คุณอยู่ไอซียู”


“แค่..ห้องฉุกเฉิน”


“คุณเพิ่งฟื้น”


“อ่า..ผมเพิ่งตื่นนอนเมื่อตอนหกโมงครับ” เหอะ


“แล้วคุณก็ปิดมือถือ เพื่อจะหลอกผม”


“...”


“โอเค คุณตกม้าแขนหัก นอกเหนือจากนั้นทุกอย่างก็ปกติไม่ได้มีปัญหาอะไร แล้วก็ไม่ได้เพิ่งฟื้นหรือเพิ่งออกจากห้องไอซียูด้วยถูกต้องไหมครับ”


“..ครับ”


ให้ตาย!  เอาล่ะ ตกลงว่ากูโดนต้ม ถึงว่าไอ้ฟางพูดจาแปลกๆ  มึงคือผู้สมรู้ร่วมคิดสินะ


“มีอะไรจะบอกกูไหม” คราวนี้ผมหันไปถามไอ้เพื่อนตัวดีที่นั่งเจี๋ยมเจี้ยมอยู่ที่โซฟา


“กูขอโทษเมื่อกี้ไง”


“เหอะ” เพื่อนชั่ว


“กูหวังดีจริงๆนะมึง ก็แฟนมึงน่าสงสารเขาอยากเจอมึงอยากให้มึงมาอยู่ใกล้ๆในช่วงเวลาที่เขาบาดเจ็บแบบนี้ กูก็เลยช่วยเขา” มึงมันตัวการ


“มึงก็เลยโกหกกู แล้วไม่สงสารความรู้สึกกูบ้างล่ะ”


“ก็..ถ้าบอกตรงๆมึงก็คงไม่มา กูขอโทษษษ” น้ำเสียงนั้นหงอยพร้อมกับเข้ามากอดผมด้วยความสำนึกผิด


“คุณอย่าโทษฟางเลยนะครับ ผมผิดเอง”


“พอเลย ผิดทั้งคู่นั่นแหละ”


“แต่ผมก็ทรมานนะที่รักที่ไม่ได้คุณกับคุณตั้งสองวัน” กล้าพูด กูมากกว่าไหมที่ทรมาน


“แต่ผมทรมาณมากกว่า คุณรู้ไหมว่าสิบสามชั่วโมงบนเครื่องบินผมได้แต่สวดภาวนาขอให้คุณปลอดภัย สองวันที่ผ่านมาผมกินไม่ได้นอนไม่หลับผมเป็นห่วงคุณแทบบ้า คุณเล่นกับความรู้สึกของผมแบบนี้ได้ยังไง!”  ด้วยความโกรธผมทุบอกคนป่วยไม่ยั้งพร้อมกับร้องไห้ฟูมฟาย แม่ง! กูว่าจะใจเย็นแล้วนะ


“ที่รักผมขอโทษ ขอโทษที่คิดน้อยไป ผมรักคุณผมอยากเจอคุณมากจริงๆตอนที่ผมตกลงมาจากโคล่า สิ่งแรกที่ผมเห็นคือหน้าของคุณ ตอนนั้นผมขยับตัวไม่ได้เลยแล้วผมก็กลัวมาก กลัวว่าจะไม่ได้เจอคุณอีก ยกโทษให้ผมนะที่รัก ผมขอโทษๆๆๆๆๆ” คนสำนึกผิดพูดคำขอโทษไม่หยุดพร้อมกับน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม  มึงร้องไห้?


“คุณ ร้องไห้ทำไม”


“ผมรู้สึกผิด ผิดที่ทำให้คุณเป็นกังวลและผิดที่ทำให้คุณร้องไห้” บ้าเอ้ย เป็นแบบนี้ใครจะโกรธได้นานกันเล่า


กลับกลายเป็นว่าเราต่างฝ่ายต่างเช็ดน้ำตาให้กัน..หายโกรธก็ได้วะ แค่พี่เบิ้มปลอดภัยไม่ได้บาดเจ็บร้ายแรงก็ดีแล้วล่ะ


“โอเคๆ ผมยกโทษให้แต่คุณอย่าทำแบบนี้อีกนะครับ”


“ขอบคุณที่รัก ผมรักคุณนะ” พี่เบิ้มกอดผมด้วยแขนขวาเพียงข้างเดียวก่อนจะโน้มหน้าลงมาจูบเบาๆ..มันเป็นรสจูบที่แสนคิดถึง ความกังวลและความเป็นห่วงหายไปในบัดดล


“อะแฮ่ม” ฉิบหาย ลืมไปเลยว่าไอ้ฟางยังอยู่


“มึง ไม่เห็นใช่มะ”


“ไม่เห็นจ้าาา  ไม่เห็นเลยยย” เกลียดสายตาของแม่งที่สุด มึงล้อออกมาตรงๆยังดีกว่าเหอะ


“เอ่อ คุณนอนพักก่อนครับ” ผมรีบจูงมือคนป่วยกลับไปที่เตียงเพื่อหลบสายตากรุ้มกริ่มของเพื่อนชั่ว


“คิดถึงคุณจังที่รัก คุณขึ้นมานอนกับผมได้ไหมผมอยากนอนกอดคุณ”


“บ้าเหรอคุณ” ผมรีบหันไปมองไอ้ฟาง ซึ่งมันก็ทำหน้ากรุ้มกริ่มรออยู่แล้ว


“เอาล่ะค่ะ ฉันพาพยาบาลส่วนตัวมาส่งให้คุณถึงที่แล้วถือว่าภารกิจเสร็จสิ้น ถ้าอย่างนั้นขอตัวก่อนนะคะ”


“ขอบคุณมากครับฟาง”


“เดี๋ยวๆ มึงจะไปไหน”


“กลับบ้านสิ กูก็มีผัวให้ดูแลนะโว้ย ส่วนมึงก็ดูแลผัวมึงไปเข้าใจ๊”


“แฟนโว้ย! ไม่ใช่ผัว”


“เอาน่า อีกหน่อยก็ใช่” ถ้าไม่ติดว่าเป็นผู้หญิงกูถีบมึงแน่ๆ


“แล้วมึงจะกลับยังไง”


“คนขับรถไงจ๊ะ นานๆทีจะได้มีคนขับรถส่วนตัวกับเขาบ้างต้องใช้ให้คุ้ม”


“โอเค เดี๋ยวกูเดินไปส่ง”


“ไม่ต้องจ๊ะ อยู่ดูแลผัวมึงไปเหอะไปละไว้เจอกันที่ลอนดอนเน้อ”


“ขอบคุณอีกครั้งนะครับฟาง”


“ด้วยความยินดีค่ะ หายไวๆนะคะเจเรมี่”


ไอ้ฟางกลับไปแล้วเหลือเพียงผมกับคนป่วย แต่ไม่ถึงห้านาทีผู้มาใหม่ก็มาเยือน


“โอ้วว ป้านด” หืมมม ยังมีใครที่เรียกกูด้วยสำเนียงนี้อีก ไม่ทันตั้งตัวผู้หญิงสูงวัยร่างท้วมแต่ดูใจดีก็ปรี่เข้ามากอดผมทันทีพร้อมกับหอมซ้ายหอมขวาที่แก้ม  ใครหว่า?!


“Mom”


     ..หืม แม่พี่เบิ้ม?!






 TBC.

………………………………….............

บทที่แล้วจบด้วยแม่ของป้านด บทนี้ขอจบด้วยแม่ของพี่เบิ้มละกัน^^

..ขอบคุณที่ยังคิดถึงกันค่ะ


หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทที่ 18 Go to uk [17-10-19] p.7
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 17-10-2019 15:58:42
 :L2: :pig4:

น่ารัก น่าตี
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทที่ 18 Go to uk [17-10-19] p.7
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 17-10-2019 18:55:39
อุ้ยยย อิจฉาป้านด แม่ตัวเองก็ยิ้มกริ่ม แม่ทางผัว เอ้ย แฟนก็มากอดรัดฟัดเหวี่ยงอย่างนี้น่ารักจริง ๆ 
อยู่ทางอังกฤษเจอแบบพี่เบิ้มแนะนำให้เราบ้างนะ อิอิอิ เราพูดอังกฤษไม่ได้ แต่ภาษาใบ้เราเก่งนะ
 :z2: :z2: :z2:
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทที่ 18 Go to uk [17-10-19] p.7
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 17-10-2019 22:47:58
 :z1: :z1: :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทที่ 18 Go to uk [17-10-19] p.7
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 18-10-2019 00:55:36
ช่วงพบปะแม่สามี
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทที่ 18 Go to uk [17-10-19] p.7
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 18-10-2019 01:02:35
 :hao4: น่าตีทั้งเพื่อน ทั้งแฟนเลย
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทที่ 18 Go to uk [17-10-19] p.7
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 18-10-2019 01:58:43
น่ารัก ช่วงพบครอบครัว ^^
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< Happy New Year ผมจะรักคุณไปทุกๆปี (ตอนพิเศษ)
เริ่มหัวข้อโดย: MA_LEE ที่ 01-01-2020 18:17:05



ตอนพิเศษ
Happy New Year ผมจะรักคุณไปทุกๆปี



     ***ตอนพิเศษนี้ไม่เกี่ยวกับเนื้อหาหลักนะคะ..มาเฉพาะกิจให้หายคิดถึงค่ะ^^


     *****คำเตือนตอนพิเศษนี้มันสั้นมาก สั้นมากจริงๆค่อยๆอ่านกันน๊า^^





     
       ปีใหม่ปีนี้กลุ่มเพื่อนของผมต่างติดภารกิจ อีซูซี่อยู่สิงคโปร์กับโจเซฟ ส่วนไอ้ดอยกับซันนี่ก็ฉลองปีใหม่ข้ามปีก่อนใครที่ออสเตรเลียบ้านพ่อของซันนี่ ส่วนไอ้ฟางไม่ต้องพูดถึงอยู่อังกฤษเหมือนเดิมยังไม่มีแพลนว่าจะกลับเชียงใหม่เมื่อไหร่ ส่วนผมก็ติดแหง็กอยู่ที่เกสท์เฮาส์เพราะลูกค้าช่วงสิ้นปีแน่นขนัดเหลือเกินทำให้ไปเที่ยวที่ไหนกับเขาไม่ได้ จึงเกิดความงอแงขึ้นเล็กน้อยเมื่อผมไปฉลองคริสต์มาสที่อังกฤษกับพี่เบิ้มไม่ได้

ก็นะ..อังกฤษนะเว้ยไม่ใช่ลำพูนที่อยู่ห่างเชียงใหม่แค่ยี่สิบเอ็ดกิโล ฝรั่งขี้งอนจึงต้องบินลัดฟ้ามาเค้าดาวน์กับผมที่เชียงใหม่..คืนพิเศษก็อยากอยู่กับคนพิเศษพี่แกว่างั้น






     


        ช่วงเทศกาลปีใหม่ไม่ว่าจะไปที่ไหนก็เนืองแน่นไปด้วยผู้คน สำหรับผมอยู่บ้านดีที่สุด และหมูกระทะก็คือที่สุดในหน้าหนาวแบบนี้  เราเลือกกินที่เฉลียงหน้าบ้านด้วยไม่อยากให้ควันมันคละคลุ้งในบ้านและข้างนอกบรรยากาศมันก็ดีกว่าด้วย..ไฟสีส้มสลัวๆ เสียงแมลงที่ส่งเสียงร้องในพุ่มไม้ซึ่งไม่รู้ว่ามันคือตัวอะไรพร้อมกับเสียงฉู่ฉ่าของหมูย่างบนเตาย่างไฟฟ้าที่เพิ่งซื้อมาสดๆร้อนๆกับเบียร์กระป๋องที่แช่จนเย็นเจี๊ยบแค่นี้ก็วิเศษสุดๆแล้ว..แต่มันวิเศษคูณสองเมื่อกินกับคนที่เรารัก   อิอ๊ะ


“คุณมัดผมหน่อยมั้ยครับ” ผมยาวปรกหน้าทำให้ผมรำคาญลูกกะตาเลยอดไม่ได้ที่จะถามออกไป


“อ่า ที่รักคุณช่วยมัดให้ผมหน่อยสิครับ” อีพี่เบิ้มยกมือที่เลอะเนื้อหมูให้ผมดูก่อนจะพลิกหมูบนเตาด้วยความทุลักทุเล..ตะเกียบเป็นงานยากสำหรับพี่เบิ้มมันจริงๆ


“ยางรัดผมล่ะครับ”


“อยู่ในกระเป๋ากางเกงผมที่รัก” พี่แกตอบด้วยหน้าตาใสซื้อ นี่กูต้องล้วง?


ผมลุกจากเก้าอี้ไปยังคนตัวโตที่นั่งฝั่งตรงข้ามก่อนจะล้วงมือลงไปในกระเป๋าข้างของกางเกงยีนส์ซึ่งมันแน่นมาก มากซะจนยัดมือลงไปได้แต่ครึ่งเดียว ก่อนที่อีฝรั่งตัวโตจะหลุดหัวเราะออกมา


“อยู่ข้างนี้ต่างหากล่ะครับ” ควาย แล้วไม่บอกกูแต่แรก


“ยืนขึ้นเลยนะคุณ มันล้วงยาก” อีพี่เบิ้มยอมยืนขึ้นแต่โดยดีให้ผมล้วงกระเป๋ากางเกงอีกข้างเพื่อจกอีหนังยางเส้นสีดำออกมา ก่อนจะนั่งลงอีกครั้งปล่อยให้ผมมัดผมยาวสีน้ำตาลเข้มด้วยท่าทางเก้ๆกังๆ  ก็แม่งเกิดมาไม่เคยมัดผมให้ใครนี่หว่า


“เจ็บมั้ยคุณ” บอกตรงๆว่าโคตรเกร็ง กลัวหนังหัวพี่แกจะหลุดติดมือมาด้วย


“ไม่ครับ ขอบคุณ” ไม่ได้มีเพียงคำขอบคุณขณะที่ผมโน้มตัวลงไปถามพี่เบิ้มก็เอี้ยวตัวแล้วสบตากับผมนิ่งด้วยสายตาที่อ่อนโยนก่อนจะแนบริมฝีปากหนาลงมาที่เรียวปากของผมแผ่วเบาก่อนผละออก แต่เหมือนมีแรงดึงดูดทำให้เราโน้มหน้าเข้าหากันอีกครั้งกลายเป็นจูบที่เร่าร้อนแข่งกับความร้อนบนเตา กระทั่งกลิ่นไหม้จากเตาทำให้เราผละออกจากกัน ..ให้ตายความโหยหานี่มันน่ากลัวชะมัด 














        อีกไม่กี่นาทีก็ใกล้จะบอกลาปีเก่าแล้วล่วงเลยเข้าสู่ปีใหม่ ปีที่ทุกคนล้วนอยากให้เป็นปีที่ดีและมีภูมิคุ้มกันชีวิตที่แข็งแรง   ผมเชื่อว่าความผิดพลาดในปีเก่าเป็นภูมิคุ้มกันที่ดีให้เราเรียนรู้และเติบโต
 
สำหรับผมแล้วภูมิคุ้มกันที่ดีของผมก็คือพี่เบิ้ม คนที่มาเติมเต็มช่องว่างเล็กๆในหัวใจให้สมบูรณ์และเราก็พร้อมจะเรียนรู้และเติบโตไปด้วยกัน


“ปีใหม่คุณมีแพลนอะไรที่อยากทำบ้างมั้ยครับ” พี่เบิ้มยกกระป๋องเบียร์ขึ้นจิบก่อนจะถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน


“อืมมม ผมไม่มีแผนอะไรนะแค่ทำหน้าที่ในแต่ละวันให้ที่สุด ไม่ได้วางเป้าหมายหรือมีสิ่งที่อยากทำเป็นพิเศษ แล้วคุณล่ะครับ”


“ผมก็คล้ายๆกับคุณนะ ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุดและทำทุกอย่างไปทีละสเต็ปตามจังหวะของมัน  แต่ปีนี้มีอะไรที่พิเศษต่างออกไปจากทุกปีนี้” นัยน์ตาสีเทาของพี่เบิ้มจ้องมองมาอย่างหวานเชื่อม


“อะไรเหรอครับ”


“ผมจะรักคุณไปทุกๆปี และผมก็อยากจูบคุณข้ามปีแบบนี้ไปทุกๆปีเช่นกัน”


   5 4 3 2 1...เข็มนาฬิกาบรรจบกันที่เลขสิบสองบ่งบอกว่าล่วงเลยเข้าสู่ปีใหม่จากนั้นริมฝีปากของเราก็ประกบกันหวานเชื่อม ดูดดื่ม   อืมมม จูบข้ามปีรสมันเป็นอย่างนี้นี่เอง..มันโคตรดีอ่ะ


..ผมก็อยากบอกกับพี่เบิ้มว่าผมก็อยากจูบข้ามปีกับพี่เบิ้มแบบนี้ไปทุกๆปีเช่นกัน






.................................................................................


•*´¨`*•.¸¸.•*´¨`*•.¸¸.•*´¨`*•.¸¸.•*´¨`*•.¸¸.•*♥: 。◕‿◕。
::: (\_(\ …*…*…*…*…*…*…*…*…::::::::::::::
*: (=’ :’) ::  ҢάÞρ ¥  ηέ ω  Ỳξαѓ  :::::::::::::::::::::
•.. (,(”)(”)¤…*…*…*…*…*…*…*…*…:::::::::::
¸.•*´¨`*•.¸¸.•*´¨`*•.¸¸.•*´¨`*•.¸¸.•*´¨`*•.¸¸.•*´¨`*•.¸❀❁

สวัสดีปีใหม่ค่ะขอให้ใน365วันของปี2563เป็นวันที่ดีสำหรับทุกๆคนนะคะ ♥                             
                                                                                             



หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<<Happy New Year ผมจะรักคุณไปทุกๆปี(ตอนพิเศษ) 01-01-20
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 01-01-2020 19:27:04
ว้ายยยยย ตาลุกเป็นไฟไหม้หมูทะหมดละกัน
เห็นใจคนไม่มีคู่บ้างอีตาเบิ้มกับป้านต เชอะ
คิดถึงทุกคนในนี้นะ คราวหน้ายาวกว่านี้หน่อยนะ
โชคดีปีใหม่ ขอให้ไรท์ถูกหวย 2 ตัว
 :really2: :really2: :really2:
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<<Happy New Year ผมจะรักคุณไปทุกๆปี(ตอนพิเศษ) 01-01-20
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 01-01-2020 20:10:37
 :L1: :3123: :L2:
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<<Happy New Year ผมจะรักคุณไปทุกๆปี(ตอนพิเศษ) 01-01-20
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 02-01-2020 10:05:25
สวัสดีปีใหม่ค่ะ
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<<Happy New Year ผมจะรักคุณไปทุกๆปี(ตอนพิเศษ) 01-01-20
เริ่มหัวข้อโดย: cchompoo ที่ 02-01-2020 20:46:12
 :really2: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<<Happy New Year ผมจะรักคุณไปทุกๆปี(ตอนพิเศษ) 01-01-20
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 03-01-2020 00:15:29
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<<Happy New Year ผมจะรักคุณไปทุกๆปี(ตอนพิเศษ) 01-01-20
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 05-01-2020 02:21:37
หวาน ๆ รับปีใหม่
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทที่19 ให้รักมันพาไป [18-02-20] P.7
เริ่มหัวข้อโดย: MA_LEE ที่ 18-02-2020 01:18:15

บทที่ 19 ให้รักมันพาไป




         หลังจากกอดผมจนหนำใจแล้วแม่พี่เบิ้มก็เอ่ยดีใจไม่หยุดที่ผมมาหาพี่เบิ้มถึงที่นี่และดีใจที่ได้เจอผมสักที แม่พี่เบิ้มบอกว่าเดิมทีตั้งใจจะไปหาผมที่เชียงใหม่แต่อีพี่เบิ้มดันตกม้าเสียก่อน..นี่มันอะไร? เป็นครอบครัวนักเซอร์ไพรส์หรือไง
นึกอยากมาหาก็มาไม่บอกไม่กล่าวกันก่อน แล้วก็ไม่รู้อีพี่เบิ้มมันเล่าเรื่องอะไรของผมให้ฟังบ้างเพราะดูเหมือนว่าแม่พี่เบิ้มจะรู้จักผมดีราวกับเคยเจอผมมาก่อน

หญิงสูงวัยร่างท้วมกำลังนั่งปอกผลไม้ด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม ซึ่งเป็นรอยยิ้มที่ผมคุ้นเคยเป็นอย่างดีไม่บอกก็รู้ว่าพี่เบิ้มได้รอยยิ้มนี้มาจากไหนก็ถอดแบบมาซะเป๊ะขนาดนี้..อีพี่เบิ้มนี่มันลูกแม่ดีๆนี่เอง

“นี่จ้ะ ผลไม้พวกนี้มาจากสวนหลังบ้านของเราเองลองชิมดูสิจ๊ะ” แอปเปิ้ล พีช แพร์และพลัม ผลไม้หน้าตาน่าทานถูกปลอกเปลือกและเรียงใส่จานสวยงาม

..ผลไม้เยี่ยมคนป่วยกลายเป็นของคนเยี่ยมคนป่วย

“แล้วของผมล่ะครับแม่” พี่เบิ้มประท้วงแต่ไม่จริงจังนักเป็นการแซวแม่ตัวเองซะมากกว่าที่เพิ่งเจอผมก็เอาใจผมซะแล้ว


“ลูกก็ให้ป้านดป้อนสิ” คุณนายโรส คาร์สันพูดพร้อมขยิบตาให้ลูกชาย


“ที่รักผมขอแพร์ครับ” อยากจิ้มตามึงบอดเกลียดนักอีรอยยิ้มทั้งปากทั้งตาแบบนี้..ทั้งแม่ทั้งลูกเลย

แพร์ชิ้นสีขาวฉ่ำน้ำถูกป้อนให้คนแขนเดี้ยงที่นอนยิ้มเหมือนคนบ้า ส่วนไอ้เราก็เขินที่ป้อนผลไม้ต่อหน้าแม่เขาจึงแก้เขินด้วยการยัดลูกพีชเข้าปาก ความหอมและความหวานอมเปรี้ยวนิดๆช่วยให้ความเขินลดลงได้บ้างเมื่อประสาทสัมผัสโฟกัสอยู่ที่รสสัมผัสในปากแทน

“ป้านดเย็นนี้กลับกับแม่นะ แม่จะทำอาหารอร่อยๆให้ทาน”


“อ้าว แล้วผมล่ะครับ”


“ลูกไม่ได้เป็นอะไรมาก พรุ่งนี้ก็ออกโรงพยาบาลได้แล้ว อีกอย่างที่นี่มีพยาบาลนะจ๊ะ”


“โธ่คุณแม่ ป้านดเป็นแฟนผมเขาก็ต้องอยู่ดูแลผมสิครับ  ไม่รู้ล่ะ ผมให้คุณเลือกว่าคุณจะอยู่กับผมที่นี่หรือกลับบ้านพร้อมกับคุณแม่” อ้าว ทำไมหวยมาออกที่กูล่ะ


“เออ..ผมอยู่ที่นี่ก็ได้ครับคุณแม่ พรุ่งนี้ค่อยกลับพร้อมเจเรมี่” มีพยาบาลก็จริงแต่มันก็อดห่วงไม่ได้อ่ะ แฟนทั้งคนนะเว้ย


“เอางั้นเหรอจ๊ะ ป้านดของเราเนี่ยรักลูกชายแม่ไม่เบาเลยน้า” ยิ้มให้ทั้งปากทั้งตาอีกแล้ว นี่คุณแม่แกล้งผมใช่มะ 

เอ๊ะ..หรือว่าลองใจ


หลังจากที่คุณนายโรสกลับไปแล้วก็เหลือเพียงผมและคนแขนเดี้ยงที่เอาแต่นอนจ้องหน้าผมไม่หยุด


“หน้าผมมีอะไรติดหรือเปล่าคุณ” ถ้ากูเป็นปลากัดคงท้องมีลูกเป็นโขยงไปแล้วล่ะ


“คุณสวย”


“ผมเป็นผู้ชาย จะสวยได้ไงเล่า” ให้ตาย


“คุณน่ารัก”


“...” เออ เอาเข้าไป


“แล้วผมก็คิดถึงคุณมากๆๆๆๆๆ”


“...” เชิญพูดตามสบายเลยพี่มึง ผมเป็นฝ่ายนั่งมองริมฝีปากนั้นมันขยับบ้าง


“แล้วก็ดีใจที่คุณมาหาผม..แล้วก็ขอโทษที่โกหกจนทำให้คุณต้องร้องไห้ ผมจะไม่ทำแบบนั้นอีกแล้วครับ” เอ้า ดึงดราม่าซะงั้น


“ช่างมันเถอะครับ คุณไม่เป็นอะไรมากก็ดีแล้ว” ไม่รู้จะโกรธไปเพื่ออะไร แค่พี่เบิ้มปลอดภัยก็โชคดีมากแล้ว


“ผมรักคุณ..อยากจูบ” อืม..แล้วไง ผมต้องเดินไปหาที่เตียงเพื่อจูบ?


คนขอก็ต้องเป็นฝ่ายเริ่มก่อนสิถึงจะถูก แต่ไม่ต้องรอนานพี่เบิ้มเดินมายังโซฟาที่ผมนั่งอยู่แล้วโน้มตัวลงมาจูบทันที...ใครว่าผมไม่อยากจูบล่ะ ผมเองก็โคตรคิดถึงแล้วก็รักพี่เบิ้มไม่ต่างกัน..




“ที่รัก สีหน้าคุณดูเพลียๆ” พอพี่เบิ้มทัก ผมก็รู้สึกถึงความเหนื่อยล้าทันที
น่าแปลก..ก่อนหน้านี้ไม่เห็นจะรู้สึกแต่พอหมดความกังวลเรื่องพี่เบิ้มความเพลียจากการเดินทางและไอ้อาการเจ็ตแล็กก็ตีขึ้นมาทันที


“เหนื่อยนิดหน่อยเดี๋ยวได้นอนพักก็หายครับ” แต่ก็ไม่แปลกเพราะตั้งแต่ก่อนเดินทางผมยังไม่ได้นอนหลับเต็มตื่นเลยสักคืน


“โธ่ที่รักคุณคงเหนื่อยแย่ ผมขอโทษนะครับ” พี่เบิ้มพูดด้วยน้ำเสียงสำนึกผิดก่อนจะเกลี้ยขอบตาที่ใกล้จะเหมือนตาแพนด้าของผมเบาๆ


“ไม่เป็นไรครับ”   


“ขึ้นมานอนกับผมนะที่รัก”


“ได้ไงล่ะครับ นั่นเตียงคนป่วยนะ”


“โอเค ถ้าอย่างงั้นคุณก็นอนพักนะครับ กู๊ดไนท์” วันนี้ว่าง่ายแฮะ..ปกติต้องตื้องอแงไม่หยุด สงสัยจะสำนึกผิดจริงๆ


“กู๊ดไนท์ครับ แต่ถ้าคุณอยากให้ผมช่วยอะไรเรียกผมได้ตลอดเลยนะครับ”


“...” ไม่มีคำตอบมีเพียงรอยยิ้มอบอุ่นและสัมผัสอุ่นชื้นจากเรียวปากที่แนบลงมาที่หน้าผากของผม จากนั้นพี่เบิ้มก็ปีนขึ้นเตียงตัวเองเราต่างนอนตะแคงมองหน้ากันและกันก่อนที่พี่เบิ้มจะเอ่ยเบาๆว่า ’I Love You’ ผมยิ้มรับก่อนเปลือกตาอันหนักอึ้งจะค่อยๆปิดลงด้วยความเหนื่อยล้า


..กู๊ดไนท์กับคืนแรกในอังกฤษบนเตียงเฝ้าไข้ที่โรงพยาบาลพร้อมกับคนแขนเดี้ยงหนึ่งอัตรา..













“อะแฮ่ม  ได้เวลาวัดไข้แล้วค่ะ กลับมานอนที่เตียงของคุณด้วยค่ะมิสเตอร์คาร์สัน”


“...” หืม..เสียงใคร วัดไข้? พยาบาล?  แต่เอ๊ะ กลับมาที่เตียงคือ?


“มิสเตอร์คาร์สัน” เสียงนั้นยังคงปลุกพี่เบิ้มต่อ แต่ยังคงไร้เสียงตอบรับจากคนแขนเดี้ยง


ผมพยายามฝืนตัวเองให้ตื่นด้วยการลูบหน้าแรงๆ และดันตัวเองให้ลุกขึ้น..แต่แม่งติดครับเพราะมีอีกร่างหนึ่งนอนเบียดผมจนชิดผนัง..ให้ตาย! มึงมานอนเบียดกูตั้งแต่เมื่อไหร่

..ตื่นเต็มตาเลยกู


“คุณ ตื่นครับ”


“อื่อ” มีรำคาญใส่แถมยังซุกหน้าลงมาที่หน้าท้องผมเต็มๆ..เมื่อสบตากับพยาบาลคนสวยก็ได้แต่ยิ้มแหย๋ๆ


“เจเรมี่ตื่น ถ้าไม่ตื่นผมจะกลับไทยเดี๋ยวนี้!” ได้ผลครับ เพราะอีพี่เบิ้มเด้งตัวลุกทันที “กลับไปที่เตียงครับ พยาบาลมาวัดไข้แล้ว” จากนั้นพี่เบิ้มเดินตามพยาบาลไปที่เตียงอย่างว่าง่าย


“ไข้ไม่มีค่ะ เดี๋ยวอีกสักครู่คุณหมอจะเข้าตรวจอีกนะคะ”


“ครับ”   


เมื่อพยาบาลออกไปแล้วก็ได้เวลาจัดการกับฝรั่งจอมเนียน แต่ก่อนที่พยาบาลคนสวยจะออกไปมีหันมายิ้มให้ผมซะด้วย..เออมันเป็นรอยยิ้มแบบกรุ่มกริ่มหมายความว่าไงหว่า


“ทำไมคุณถึงมานอนกับผมได้ล่ะครับ”


“sorryที่รัก สงสัยผมละเมอ” เหอะ ละเมอหรือตั้งใจ ทำเป็นว่าง่ายยอมกลับไปนอนที่ตัวเองโดยไม่งอแงที่ไหนได้มึงมันนักฉวยโอกาส จอมวางแผน รู้ว่ากูง่วงพอหลับลึกก็ลงมานอนเบียดแทบจะสิงกันอยู่แล้ว ที่น่าเจ็บใจคือกูไม่รู้ตัวนี่สิ 

ให้ตาย!..แม่งกูมาเฝ้าคนป่วยเสือกนอนเหมือนไหลตายซะงั้น


“คุณมันเจ้าเล่ห์ที่สุด”

   
“โธ่ที่รัก แต่ก่อนนอนคุณบอกผมเองนะครับว่าอยากให้ช่วยอะไรเรียกได้ตลอด ผมแค่อยากให้คุณนอนใกล้ๆผมเรียกคุณแล้วนะครับแต่คุณไม่ตอบเลยถือว่าคุณตกลง” อย่ามาทำน้ำเสียงหมาหงอยแบบเน้


“...” โอเคกูพลาดเอง..แต่ก็ช่างเหอะ ถือว่าเป็นเซอร์วิชพิเศษสำหรับคนป่วยละกัน   



          หลังจากคุณหมอเข้ามาตรวจสรุปแล้วอาการของพี่เบิ้มไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงมีเพียงแขนซ้ายที่ต้องเข้าเฝือกอย่างน้อยสามอาทิตย์เนื่องจากกระดูกร้าว วันนี้จึงกลับบ้านได้

หลังจากนั้นสองชั่วโมงผมและพี่เบิ้มก็นั่งอยู่ในรถเอสยูวีสีดำเงาวับที่ขับโดย มิสเตอร์สกอตต์ คาร์สัน ซึ่งไม่ใช่ใครที่ไหนคุณพ่อของพี่เบิ้มนั่นเอง พ่อพี่เบิ้มดูเป็นคนนิ่งๆ แต่เมื่อมองหน้าผมทีไรก็ยิ้มไม่หุบ ไม่รู้เพราะอะไรทั้งพ่อและแม่ของพี่เบิ้มเวลามองหน้าผมแล้วสีหน้าก็จะเปื้อยรอยยิ้มทุกเมื่อ..จะว่าไงดีมันเป็นรอยยิ้มของความสุข ซึ่งมันทำให้ผมเขินตามไปด้วย

"วันนี้แสงแดดสดใสดีจริงๆ สงสัยจะต้อนรับป้านดของเรา" แม่พี่เบิ้มหันมายิ้มใ้หทั้งปากทั้งตาอีกแล้ว..แล้วทั้งรถก็ปกคลุมไปด้วยรอยยิ้ม

พอรถพ้นจากเขตเมืองสองข้างทางก็ปกคลุมไปด้วยทุ่งข้าวสาลีสีทองอร่ามสลับกับทุ่งหญ้าเขียวขจีที่มีแกะตัวสีขาวน้อยใหญ่ที่กำลังแทะเล็มหญ้า..มองแล้วเพลินตาไม่น้อย


     บ้านพี่เบิ้มไม่สิหรือจะเรียกว่าคฤหาสน์ดี บ้านหลังขนาดใหญ่ที่มีไม้เลื้อยสีเขียวปนส้มเกาะอยู่เกือบทั้งหลัง พื้นที่บริเวณบ้านกว้างขวางรายล้อมไปด้วยสวนสวยสไตล์อังกฤษด้านหลังเป็นสวนผักและผลไม้ที่ผมได้ทานเมื่อวาน  ส่วนด้านข้างห่างจากตัวไปหลายเมตรเป็นคอกม้าที่มีรั้วไม้สีขาวกั้นไว้

แม่พี่เบิ้มเล่าให้ฟังว่าบ้านหลังนี้เคยเป็นบ้านของดยุคหรือขุนนางในสมัยร้อยกว่าปีที่แล้ว..ถ้าจะมีอายุขนาดนี้หวังว่าจะไม่มีผีฝรั่งโผล่มาหลอกนะ


แต่พอเข้ามาในตัวบ้านแล้วกลับให้ความรู้สึกที่เปลี่ยนไป ด้านในเน้นโทนสีขาวตัดกับไม้สนสีอ่อนให้ความรู้สึกอบอุ่นขัดกับตัว
ภายนอกบ้านที่เป็นอิฐสีเทาดูอึมครึมคล้ายกับท้องฟ้าที่กำลังก่อตัวเป็นเมฆฝนในตอนนี้ เมื่อกี้ยังแดดจ้าต้อนรับกูอยู่เลย..แต่ก็นะ ความอังกฤษเขาล่ะ

ยังไงดีล่ะ เริ่มทำตัวไม่ถูกแฮะผมต้องไปนั่งตรงไหนดี

“ป้านดเดี๋ยวแม่จะพาไปดูห้องนะจ๊ะ” อ่า ผู้ช่วยชีวิตผมมาแล้ว


“ไม่ต้องหรอกครับแม่ ป้านดจะนอนห้องผม”


“โอ๊ะ เอางั้นเหรอจ๊ะ”


“ครับ”


“...” เออ ถามผมสักหน่อยก็ดีนะครับ


“ถ้าอย่างงั้นลูกพาป้านดไปพักเถอะจ๊ะ เดี๋ยวแม่จะอบสโคนไว้เสร็จแล้วแม่จะเรียกมาดื่มชาด้วยกันนะจ๊ะ”

เอ่อคุณแม่เข้าใจอะไรผิดหรือเปล่าครับ คนที่ต้องพักคือลูกชายแม่ที่แขนเดี้ยงไม่ใช่พยาบาลจำเป็นอย่างผมนะครับ


“ไปกันครับ ผมจะพาไปห้องนอนของเรา” ห้องนอนของเรา..ฟังแล้วจั๊กจี้ใจดีแท้


..ถึงกับปะทะเมื่อเข้ามาให้ห้องนอนของพี่เบิ้ม นี่มันห้องนอนหรือช็อปขายเสื้อบอล?!
คอเลคชั่นเสื้อนักเตะของสโมสรแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดในยุคต่างๆพร้อมลายเซ็นของนักเตะแขวนอยู่ในกรอบอย่างดีเรียงรายอยู่เต็มผนัง

ว้าว นี่มันน่าตื่นตาตื่นใจไม่น้อย ที่สำคัญมันคือทีมเดียวกันที่ผมเชียร์มาตั้งแต่อายุสิบห้าเว้ย ที่น่าประหลาดใจไปกว่านั้นคือ เสื้อบอลไซส์เด็กข้างหลังเสื้อสกรีนหมายเลข18 ส่วนชื่อที่อยู่ข้างบนหมายเลขคือ J. Carson


“คุณเคยเล่นฟุตบอล?” ผมหันไปถามพี่เบิ้มด้วยสายตาตื่นเต้น


“มันคือความฝันในวัยเด็กของผม” พี่เบิ้มตอบด้วยรอยยิ้มเขินพร้อมกับเอาผมทัดหู..น่ารักเหมือนกันแฮะ


“แล้วทำไมถึงไม่ไปต่อล่ะครับ” นี่มันทีมระดับโลกเลยนะเว้ย ได้เป็นเด็กฝึกของแมนยูนี่มันสุดยอดมากๆอ่ะ


“ผมเป็นลูกคนเดียวและก็ถูกคาดหวังมาตั้งแต่เด็กว่าผมต้องสานต่อสิ่งที่พ่อแม่สร้างไว้ให้” เศร้าจัง..แต่สีหน้าพี่เบิ้มไม่ได้เศร้าตามเลย มันดูภูมิใจด้วยซ้ำ


“แล้วคุณไม่เสียดาย...”


“ไม่เลยที่รัก ผมตัดสินใจถูกแล้ว” พี่เบิ้มจับไหล่ผมพร้อมกับจ้องเข้ามานัยน์ตาก่อนจะอธิบายด้วยสายตาแน่วแน่


“...”


“ถ้าผมเลือกฟุตบอลผมก็จะไม่ได้เจอคุณ ผมเลือกที่จะเรียนต่อพอเข้ามหา’ลัยทำให้ผมรู้จักกับพอลแล้วมิตรภาพของเราก็ทำให้ผมได้เจอกับคุณ..ที่รัก” ก็จริงถ้าพี่เบิ้มได้เป็นนักฟุตบอลระดับโลกเราคงไม่มีวันได้พบกันคงมีแต่ผมฝ่ายเดียวที่รู้จักพี่เบิ้มผ่านหน้าจอโทรทัศน์
“อีกอย่างการเป็นนักฟุตบอลมันไม่ง่ายเลยที่จะประสบความสำเร็จได้เล่นในทีมชุดใหญ่ในลีกสูงสุดอย่างพรีเมียร์ลีกซึ่งมันเป็นความฝันของนักเตะอังกฤษทุกคนอยู่แล้วการแข่งขันมันจึงสูงมาก การได้เป็นนักเตะเยาวชนในสโมสรที่ผมรักผมถือว่ามันคุ้มค่ามากพอแล้ว มันเป็นความทรงจำที่ล้ำค่าที่สุดในวัยเด็กของผม..ส่วนสิ่งล่ำค่าในปัจจุบันของผมก็คือการได้เจอคุณที่รักและผมจะไม่ปล่อยคุณไปด้วย  คุณจะอยู่ทั้งในอดีต ปัจจุบัน และอนาคตของผม  และเพื่อให้คุณมั่นใจอีกครั้งผมอยากจะบอกว่าผมไม่เคยเสียใจที่ผมเลือกครอบครัว โดยเฉพาะครอบครัวที่มีคุณเพิ่มเข้ามามันวิเศษที่สุด” เป็นคำอธิบายที่ยาวที่สุดแต่ก็ชัดเจนที่สุดเช่นกัน ครอบครัวและความฝันสุดท้ายเราก็ต้องเลือก เมื่อท้ายที่สุดสิ่งที่เราเลือกไม่ทำให้เรามานั่งเสียใจภายหลังนั่นถือว่าเราเลือกถูกต้องที่สุดแล้ว พี่เบิ้มคงไม่ได้โกหกเพราะใบหน้านั้นไม่ได้มีร่องรอยของความเสียใจอยู่เลยแม้แต่นิดเดียว

..ขอบคุณที่เลือกครอบครัว ขอบคุณที่เราได้เจอกัน



“จริงสิ แล้วคุณล่ะครับชอบดูฟุตบอลไหม”


“ชอบครับ ผมก็มีทีมที่ผมรักเช่นกัน ผมเริ่มเชียร์ตอนผมอายุสิบห้า”


“ตอนผมอายุสิบห้าผมเลิกเล่นฟุตบอลพอดี ส่วนตอนคุณอายุสิบห้าผมกำลังใกล้จบปริญญาโทและเพิ่งเริ่มทำงานในบริษัทอย่างเต็มตัว  แล้วคุณชียร์ทีมไหนที่รัก” ฟังดูแล้วความกดดันช่างต่างกันน่าดู อายุสิบห้าของพี่เบิ้มต้องเลือกเรียนต่อหรือเล่นฟุตบอลอย่างจริงจังเพื่อเป็นนักฟุตบอลอาชีพ  ส่วนผมตอนนั้นกำลังจะขึ้นมอปลายมีหน้าที่เลือกว่าจะเรียนสายวิทย์หรือสายศิลป์แต่นั่นก็เป็นการตัดสินใจที่ยิ่งใหญ่มากนะเว้ยสำหรับวัยรุ่นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ


“ถ้าผมจะบอกว่าทีมที่ผมเชียร์เป็นทีมคู่อริของคุณล่ะ” ถ้าผมเชียร์ทีมคู่รักคู่แค้นของแมนยูอย่างลิเวอร์พูลพี่เบิ้มจะว่ายังไงน้า..ขอลองใจสักหน่อย


“ซิตี้?”


“No” ไม่ใช่เพื่อนบ้านผู้น่ารำคาญอย่างแมนซิตี้จ๊ะ


“ลิเวอร์พูล?”


“Yes” ใบหน้าพี่เบิ้มนั้นเรียบเฉย ก่อนจะถอนหายใจแรงๆ


“โอเคที่รัก เอาเป็นว่าเราต่างฝ่ายต่างเชียร์ทีมที่เรารักอย่างเงียบละกันครับ..ไม่เข้าใจเลยทำไมถึงชอบได้น้า” ท้ายเสียงเหมือนบ่นลอยๆ


“นั่นน่ะสิ ก็แค่ฤดูกาลนี้ยังไม่แพ้ทีมไหนเลยในลีก” พูดเองก็ช้ำเองครับ ถ้าปีนี้หงษ์แดงได้แชมป์โดยเฉพาะแชมป์แบบไร้พ่ายขึ้นมาเด็กผีอย่างเราโปรดเจียมเนื้อเจียมตัวครับ งดการมีปากเสียงให้น้อยที่สุดพร้อมกับท่องไว้ในใจว่าฤดูกาลหน้าว่ากันใหม่ซึ่งก็ท่องแบบนี้มาหลายปีแล้วล่ะ..ช่างละเหี่ยใจดีแท้

แต่ก็นะแฟนบอลอย่างเราก็ต้องคอยเชียร์และซับพอร์ตต่อไปไม่ว่าสถานการณ์ทีมจะย่ำแย่สักแค่ไหน

‘We’ll never die’ เราจะไม่มีวันตาย...เราจะต้องกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง  เมื่อไหร่ว้า?!



“โอเค ยอมรับครับว่าปีนี้ทีมคุณมาแรงจริงๆ”


“พอๆคุณ ยิ่งพูดยิ่งเหมือนตอกย้ำให้เราซ้ำใจ”


“เรา?” พี่เบิ้มทำหน้าไม่เข้าใจ


“นี่ครับผมเชียร์ทีมนี้ต่างหาก” ว่าแล้วก็กดปลดล็อกหน้าจอมือที่มีวอลเปเปอร์เป็นรูปสนามโอลด์แทรฟฟอร์ดในแบบฉบับภาพวาดให้พี่เบิ้มดู..สักวันผมต้องไปเยือนสนามแห่งนี้ให้ได้


“ที่รัก!” แล้วอีพี่เบิ้มก็กอดผมด้วยแขนขวาที่ไร้เฝือก รัดแน่นจนกระดูกแทบแตก..มึงดีใจยิ่งกว่าแมนยูได้ทริปเปิ้ลแชมป์อีกนะเนี่ย


“คุณ ผมหายใจไม่ออก”


“sorry ทำไมคุณต้องหลอกผมด้วยล่ะครับ”


“ผมแค่ลองใจ อยากรู้เหมือนกันว่าถ้าผมเชียร์ลิเวอร์พูลคุณจะเลิกกับผมไหม” พวกคลั่งบอลเรื่องเชียร์ทีมตรงข้ามกับคนในครอบครัวหรือคู่รักมันช่างอ่อนไหวนัก


“บ้าน่า ห้ามพูดว่าเลิกกันนะครับ ผมไม่ยอมเด็ดขาด” ว่าแล้วอีพี่เบิ้มก็กดจูบลงมาหนักๆที่เรียวปากของผม


“อื่อออ” โดนจูบจู่โจมไม่ทันตั้งตัวเข่าแทบทรุด


“ลงโทษเด็กดื้อ ห้ามพูดว่าเลิกกันอีกนะครับผมไม่ชอบเลย แล้วก็ไม่ต้องลองใจอะไรด้วยยังไงผมก็ไม่ยอมเสียคุณไปเด็ดขาด ผมรักคุณมากนะที่รัก” ท้ายประโยคช่างอ่อนโยนก่อนจะโน้มลงมาจูบอีกครั้ง


“อื่อออ รู้แล้วครับเลิกจูบลงโทษได้แล้ว”


“จูบเพราะรักต่างหากล่ะครับ”


“...” ให้ตาย เขินเว้ยทั้งน้ำเสียง สายตา สัมผัสของพี่เบิ้มผมไม่ชินสักทีสิน่า


“จูบของผม คุณชอบมันไหมที่รัก”


“...” อย่าถามสิ


“ว่าไงครับ”


“ชอบ ผมชอบมัน” จูบก่อนแม่งเลย!


“อื่อ ให้ตาย ที่รักคุณมันจอมยั่ว คืนนี้คุณไม่รอดแน่”


“ไม่รอด?” ไม่นะ ผมยังไม่พร้อมมมมม


“ไม่บอกครับ เอาเป็นว่าคุณพักสักหน่อยก่อนดีกว่า เมื่อคืนคุณคงนอนไม่สบายเท่าไหร่”


“ก็ใช่สิครับ ก็คุณนอนเบียดผม” นอนโซฟาก็ลำบากอยู่แล้วเล่นมาสิงกูอีก


“แต่คุณชอบ คุณนอนกอดผม”


“ผะ ผมฝันเหอะ”


“ฝันว่าอะไรครับ” เกลียดนักสายตาเจ้าเล่ห์


“ฝันว่านอนกอดตุ๊กตาหมีตัวใหญ่” ผมฝันแบบนั้นจริงๆนะครับ ฝันว่ากอดพี่หมีตัวใหญ่นุ่มนิ่ม


“ถ้างั้นคืนนี้ผมจะเป็นตุ๊กตาหมีตัวใหญ่ให้คุณกอดเอง” อย่าทำหน้าละมุนแบบนี้สิ ใจมันสั่นนะ


“ไม่เอาอ่ะ ตัวคุณไม่นุ่ม”


“แต่ผมอุ่นนะ” อืม อันนี้ไม่เถียง




  ก๊อกๆๆ  อ่า ขอบคุณเสียงสวรรค์

“เจเรมี่ แม่เข้าไปนะจ๊ะ”


“ครับแม่”


“ป้านดไปจิบชาที่สวนกันจ้ะ”


“ครับ”


“หน้าลูกมีความสุขมากไปหรือเปล่าจ๊ะ”


“ผมมีความสุขมากนี่ครับ”


“แม่ก็มีความสุขจ้ะ ขอบคุณมากนะจ๊ะที่รักลูกชายของเรา”


“เอ่อ ครับ” ผมตอบรับงงๆ แล้วจะยิ้มอะไรนักหนาทั้งแม่ทั้งลูกเลย รอยยิ้มทั้งปากทั้งตาแบบนี้มันเจิดจ้าเกินไปแล้ว..ช่วยผมด้วย ตาผมกำลังจะบอด


........................

อ่านต่อด้านล่างค่ะ  
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทที่19 ให้รักมันพาไป [18-02-20] P.7
เริ่มหัวข้อโดย: MA_LEE ที่ 18-02-2020 01:21:46
      ท้องฟ้ามืดครึ้มสถานที่จิบชาจึงย้ายจากซุ้มกุหลาบเลื้อยมาเป็นเรือนกระจกที่มีดอกไม้น้อยใหญ่สีสันแปลกตาที่ไม่เคยเห็นในเมืองร้อนอย่างบ้านเรา  ชุดAfternoon tea แบบฉบับคุณนายโรสที่ของว่างมีเพียงสโคนเพียงอย่างเดียวแต่มีความหลากหลายทั้งแบบดั้งเดิมและแบบผสมผลไม้อบแห้งและถั่วมีทั้งแบบก้อนฟูๆที่เราเคยเห็นกันและแบบสามเหลี่ยมเหมือนพิซซ่า มาคู่กับแยมหลากหลายชนิดและclotted cream ทุกอย่างล้วนโฮมเมดจากฝีมือคุณนายโรสและที่ขาดไม่ได้คือชารสดีที่ทานคู่กับสโคน


“ชาจ้ะ”


“ขอบคุณครับ” ผมรับถ้วยชาที่มีชาสีน้ำตาลแดงกลิ่นหอมละมุน..อืมรสคงจะดีไม่น้อย


“สโคนฝีมือแม่ผมอร่อยที่สุดในโลกรับรอง” อวยขนาดนี้ก็ต้องชิมแล้วล่ะ

สโคนชิ้นหนานุ่มผมบิออกครึ่งหนึ่งก่อนจะกัดเจ้าแป้งเนื้อหนาคำโต สัมผัสแรกคือเนื้อแป้งไม่แน่นแข็งมันเนียนนุ่มและหอมเนยสดมากๆ ไม่ต้องทาแยมหรือครีมทานเปล่าๆแค่นี้ก็อร่อยแล้ว


“เป็นไงจ๊ะ”


“อร่อยมากครับ เป็นสโคนที่อร่อยที่สุดเท่าที่ผมเคยทานมาเลยล่ะครับ”


“ทานคู่กับชายิ่งอร่อยจ้ะ”


“ครับ” ผมค่อยๆจิบชาสีน้ำตาลแดงที่ผสมนมกลายเป็นสีส้มนวลสวย กลิ่นหอมรสไม่เข้มจนเกินไปเข้ากันเป็นอย่างดีกับสโคนเนื้อเนียนนุ่ม


“ชาซีลอนมาจากไร่ชาของเราเอง” ว้าว ครอบครัวนี้มีธุรกิจกี่อย่างกันนะ


“ที่ศรีลังกาน่ะเหรอครับ” ชาซีลอนเป็นชาที่มาจากประเทศศรีลังกาเพราะชื่อเดิมของศรีลังกาก่อนได้รับเอกราชจากอังกฤษก็คือซีลอน และชาวอังกฤษเองที่เป็นคนนำต้นชาจากจีนเข้ามาปลูกกลายเป็นอุตสาหกรรมชาส่งออกเป็นชาซีลอนที่เรารู้จักกันในปัจจุบัน ตั้งแต่เปิดร้านกาแฟผมก็พอจะรู้เรื่องราวของกาแฟและชาอยู่บ้าง


“ใช่จ้ะ เรามีไร่ชาเล็กๆที่นั่นพร้อมกับบ้านพักตากอากาศ ที่นั่นอากาศเย็นสบายตลอดทั้งปี แม่ก็เพิ่งไปมาเมื่ออาทิตย์ที่แล้วนี่เองจ้ะ ถ้าป้านดอยากไปบอกเจเรมี่ได้เลยนะจ๊ะ” พูดจบคุณนายโรสก็หันไปขยิบตาให้กับลูกชายที่นั่งหน้ายิ้มแป้นแล้น


“ไว้เราไปฮันนีมูนที่นั่นกันนะครับ ไม่สิผมให้คุณเลือกดีกว่าว่าอยากไปฮันนีมูนที่ไหน”


“ฮันนีมูน?”  จะฮันนีมูนได้มันต้องแต่งงานก่อนสิ..แต่งงาน!!


“ครับ..โอ๊ะที่รักผมขอตัวสักครู่” พี่เบิ้มพูดพร้อมกับชูมือถือที่มีสายเรียกเข้าจากพอลก่อนจะเดินออกจากเรือนกระจกเพื่อรับสาย


เมื่ออยู่กับพ่อแม่พี่เบิ้มเพียงลำพังก็ชักจะทำตัวไม่ถูก..


“ถ้าป้านดแต่งงานกับเจเรมี่มันคงเป็นอะไรที่วิเศษมากว่าไหมคุณ” คุณนายโรสหันไปถามสามีที่นั่งจิบชาเงียบๆ


“เราต้องไปคุยกับผู้ใหญ่ทางนู้นก่อน” เอ่อ ก่อนจะถามผู้ใหญ่ทางผม ได้โปรดถามผมก่อนครับ


“แขนเจเรมี่หายดีเมื่อไหร่แม่จะไปหาที่เชียงใหม่นะจ๊ะ”


“..ครับ”


“ป้านดรู้อะไรไหม เมื่อก่อนเจเรมี่เป็นเด็กร่าเริงมากแต่พอเขาตัดสินใจเลิกเล่นฟุตบอลเขาก็กลายเป็นเด็กเงียบขรึมและเอาจริงเอาจังกับการเรียน คิดและโตเกินวัยของตัวเอง ช่วงวัยรุ่นที่ควรจะมีเหมือนวัยรุ่นคนอื่นๆก็หายไปเพราะเขาต้องมาเรียนรู้งานที่บริษัท เป็นเพราะเราเองที่โยนความกดดันให้เขาโดยไม่รู้ตัว พวกเรามีเวลาให้ลูกน้อยมากเพราะธุรกิจที่กำลังเติบโตทำให้เราหลงลืมช่วงเวลาที่เราควรมีให้แก่ลูก แต่เจเรมี่เองก็ไม่เคยร้องขอเขาบอกเสมอว่าเขาไม่เป็นไร นั่นยิ่งทำให้เรารุู้สึกผิด" คุณนายโรสพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือก่อนที่มิสเตอร์สกอตต์จะกุมมือภรรยาตัวเองไว้เป็นการปลอบโยน

"เจเรมี่บอกผมว่าเขาตัดสินใจถูกแล้วที่เลือกครอบครัว ผมว่าเขาไม่ได้โกหกหรอกครับเพราะรอยยิ้มของเขามันเป็นรอยยิ้มของความสุข พวกคุณอย่าโทษตัวเองเลยนะครับ" 

"เพราะคุณป้านด ที่ทำให้ลูกชายของเรายิ้มได้แบบนี้อีกครั้งขอบคุณจริงๆ  แต่ยังมีอีกเรื่องหนึ่งที่เรายังเสียใจป้านดรู้ไหมว่าเจเรมี่เคยแต่งงาน เราบังคับให้เขาแต่งงานกับน้องสาวที่เขารักเหมือนน้องสาวแท้ๆ พวกเราแย่มากใช่ไหม" ผมพอจะรู้เรื่องนี้แต่รายละเอียดของมันผมไม่รู้หรอกแล้วก็ไม่สนใจด้วย เพราะมันคืออดีตที่เรากลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้ แค่เราทำปัจจุบันให้ดีที่สุดนั่นคือสิ่งที่ผมสนใจมากกว่า


“ผมว่าให้อดีตมันเป็นบทเรียนที่สำคัญของเราดีกว่าครับ อย่าไปพูดถึงมันเลย ในเมื่อตอนนี้เรื่องแย่ๆพวกนั้นก็จบลงไปแล้ว เรามาเริ่มต้นกันใหม่กันเถอะครับ”


“ตอนนี้เรารู้แล้วว่าความสุขที่แท้จริงของลูกคือความสุขที่มาจากสิ่งที่เขาเลือกเอง การมาของคุณทำให้เรารู้ว่าลูกของเรามีความสุขและเขารักคุณมากแค่ไหนป้านด..ขอบคุณที่รักลูกชายของเรา” แม่พี่เบิ้มกุมมือผมพูดด้วยรอยยิ้มปนน้ำตา


“ขอบคุณพวกคุณเช่นกันที่เข้าใจเขาครับ” ผมกุมมือของทั้งสองท่านก่อนจะพูดด้วยรอยยิ้มเช่นกัน

พ่อและแม่พี่เบิ้มนั่งหันหลังให้กับประตูเรือนกระจกเลยไม่รู้ว่าลูกชายของตัวเองนั้นคุยโทรศัพท์เสร็จนานแล้วและยืนฟังบทสนทนานี้เงียบๆ เมื่อบทสทนาจบลงพี่เบิ้มเอ่ยคำขอบคุณผมแบบไม่มีเสียงพร้อมรอยยิ้มก่อนจะเดินเข้ามาทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้


"เหลือสโคนให้ผมบ้างไหมเนี้ย" เสียงพี่เบิ้มนำมาก่อนตัวคุณนายโรสรีบเช็ดน้ำตาก่อนจะหยิบสโคนใส่จานให้พี่เบิ้มหลายชิ้น


"เยอะแยะจ้ะ แม่ทำไว้เยอะแม่รู้ว่าลูกชายของแม่กินจุ"


"ขอบคุณครับ ว่าแต่มื้อเย็นวันนี้เป็นอะไรครับ" อืม เปลี่ยนเรื่องได้ดี


"สตูว์จ้ะ  อ๊ะใช่ งั้นแม่ไปเก็บผักก่อนนะจ๊ะป่ะพ่อไปเก็บผักกัน" คุณนายโรสรีบจับจูงมือสามีไปยังแปลงผักเพื่อจะซ่อนสายตาที่แดงก่ำ


"ขอบคุณนะครับ"


"ผมไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย" วันนี้ผมได้รับคำขอบคุณมากไปแล้ว


"ขอบคุณที่รักกัน"


"ขอบคุณเช่นกันครับ"

เรื่องอดีตก็ปล่อยให้มันผ่านไปส่วนอนาคตไม่รู้หรอกว่าจะเป็นยังไง ตราบใดที่เราและคนที่เรารักยังยิ้มให้กันและกันได้แบบนี้ ผมถือว่ามันคือรักที่ดีของผม..











“ที่รัก อาบน้ำให้ผมได้ไหมครับ ผมอยากสระผมแทบแย่” หลังจากมื้อค่ำแสนอร่อยจบลง พี่เบิ้มก็ลากผมขึ้นห้องทันที


“ได้ครับ” มันหน้าที่ผมอยู่แล้ว “เดี๋ยว! คุณจะทำอะไร”


“ก็ถอดเสื้อผ้าอาบน้ำไงครับ”


“ไม่ต้องถอดหมดสิครับ เหลือบ๊อกเซอร์ไว้ด้วย”


“ทำไมล่ะครับ คุณยังไม่ชินอีกเหรอ” ให้ตาย! ใครจะชินกับงูหลามเผือกของมึงกันฟะ จากนั้นมันก็ดึงบ๊อกเซอร์ลงหน้าตาเฉยเดินผิวปากลงอ่างอาบน้ำสบายใจไม่ได้สนอารมณ์ฮึดฮัดของผมแม้แต่นิดเดียว..มันน่าหักแขนอีกข้างให้หักนัก ฮึม


“เอนตัวลงมาครับ” ผมสั่งพี่เบิ้มเมื่อตัวเองนั่งอยู่ข้างหลังพี่เบิ้มแต่อยู่ข้างนอกอ่างอาบน้ำนะจะได้สระผมให้สะดวกๆ  อีกอย่างจะให้ลงไปแช่อ่างด้วยกันมันรู้สึกจั๊กจี้แปลกๆอ่ะ


“คุณไม่ถอดเสื้อเหรอครับ” พี่เบิ้ทเงยหน้าถามด้วยสายตาเว้าวอน


“ไม่ครับ” หึ วันนี้พี่มึงไม่ได้เห็นหัวนมกูหรอก


ศีรษะพี่เบิ้มค่อยๆเอนลงมาพิงกับขอบอ่างปล่อยผมยาวสีน้ำตาลเข้มทิ้งตัวออกมานอกอ่าง ผมจึงค่อยๆปล่อยน้ำจากฝักบัวชโลมลงไปบนเส้นผมจนชุ่มก่อนจะชโลมแชมพูจนเกิดฟองแล้วนวดศีรษะของคนแขนเดี้ยงด้วยท่าทางเงอะงะ..เกิดมาไม่เคยสระผมให้ใครมาก่อนนี่หว่า


“เจ็บไหมคุณ”


“ไม่ครับผมชอบ มือคุณเบาดีจัง” พี่เบิ้มหลับตาพริ้มท่าทางผ่อนคลายไม่น้อย
 

“ทำไมคุณถึงไว้ผมยาวครับ”


“อืมมม ผมไม่ชอบไว้ผมสั้นครับ”


“...” ขอบคุณสำหรับคำตอบ


“ยังไงดีล่ะ คือผมไม่ชอบตัดผมสั้นเพราะเวลาเสียงกรรไกรมันอยู่ใกล้หู หรือสัมผัสของปัตตาเลี่ยนเวลาที่มันใกล้หนังศีรษะแล้วผมรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่”


“กลัว?”


“ไม่กลัวแต่แค่ไม่ชอบครับ”


“แล้วเวลาที่ผมมันยาวเกินไปแล้วคุณตัดยังไง”


“ตัดเองครับ บางทีแม่ก็ตัดให้”


“แล้วแบบนี้ไม่กลัวเหรอครับ”


“แบบนี้โอเคเพราะไม่ได้ใกล้หู บอกอีกครั้งว่าแค่ไม่ชอบไม่ได้กลัวครับ”


“โอเคๆ”จุดอ่อนพี่มึงอยู่ที่หูสินะ เสร็จกูล่ะ คิดได้ดังนั้นก็จัดการลูบไล้ที่หูของพี่เบิ้มเบาๆ


“อื่อออที่รัก” เป็นไงเริ่มกลัวแล้วล่ะสิ ผมยังคงลูบไล้ใบหูไม่หยุดเริ่มสัมผัสให้มากขึ้น..คนอะไรหูนุ่มจังวะ


“คุณยั่วผมอีกแล้วนะที่รัก”


“ยั่ว?” ตามหลอกตามหลอนกูดีจังคำนี้


“ดูนี่สิ” ให้ตาย งูหลามเผือกของอีพี่เบิ้มมันชูชันพร้อมใช้งานเต็มที่


“ไหนคุณบอกว่าไม่ชอบสัมผัสที่หูไง”


“ผมไม่ชอบเสียงกรรไกร ไม่ได้หมายความว่าจะไม่ชอบมือของคุณนี่ครับ ทำต่อสิครับแต่ผมไม่รับรองความปลอดภัยนะ” พับผ่า ทำต่อกูก็เสร็จมึงสิ


“สะ..สระผมเสร็จแล้วครับ” เสียงสั่นเลยกู


“คุณโน้มหน้าลงมาหน่อยสิครับ”


“?” ถึงจะงง แต่ก็โน้มหน้าลงอย่างว่าง่าย หน้าของผมกับพี่เบิ้มในตอนนี้จึงอยู่ในระนาบเดียวกันเพียงแต่มันคนละด้าน
 

จุ๊บ เสียงริมฝีปากสัมผัสหน้าผากผมเบาๆ


“แทนคำขอบคุณที่คุณสระผมให้ครับ” ให้ตาย แค่จุ๊บหน้าผากมึงก็ใจเต้นแรงได้นะไอ้ณต


“อะ อาบน้ำต่อเลยไหมครับ”


“ได้ครับ” อีพี่เบิ้มลุกออกจากอ่างอย่างว่าง่ายก่อนจะมายืนใต้ฝักบัวแขนข้างซ้ายค้ำผนังห้องน้ำเพื่อไม่ให้เฝือกสัมผัสกับน้ำ
น้ำจากฝักบัวไหลกระทบผิวกายผมฟอกสบู่ไปตามกล้ามเนื้อแข็งด้วยใจที่สั่นรัว..ให้ตายไอ้ณตนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มึงสัมผัสตัวอีพี่เบิ้มสักหน่อยมากกว่านี้ก็ยังเคยมาแล้วมึงจะตื่นเต้นทำไม?!
รีบๆอาบให้เสร็จๆไปจะดีต่อใจที่สุด ผมรีบถูสบู่ให้คนแขนเดี้ยงจากหน้าอกไล่มายังเกือบถึงจุดกึ่งกางของลำตัวแต่แล้วก็ต้องชะงัก..ให้ตายอีงูหลามเผือกมันกำลังชี้หน้าผมอยู่


“เออ ตรงนี้คุณล้างเองก็แล้วกันนะครับ”


“ผมไม่ถนัดที่รัก” ฟาย จะให้กูถูหรรมมึงหรือไง ไม่มีทาง!


“คุณก็ทำให้มันสงบลงก่อนสิ!” จะแทงตากูอยู่แล้ว


“จะให้ผมทำยังไงล่ะครับ รู้ไหมว่าตอนนี้ผมต้องใช้ความอดทนมากแค่ไหน” บ้าเอ้ย


“คุณ..จะทำอะไร” พี่เบิ้มพลิกตัวผมให้ชิดผนังเท่ากับว่าตอนนี้เราสลับตำแหน่งกัน


“ที่รักความอดทนผมกำลังจะหมด คุณรู้ไหมว่าคุณยืนเปียกต่อหน้าผมแบบนี้แล้วมันทำให้ผมแทบคลั่ง” รีบตะคุบหน้าอกตัวเองอย่างว่อง เพิ่งรู้ว่าตอนนี้เสื้อยืดสีขาวที่สวมอยู่มันเปียกแนบเนื้อเกือบทั้งตัว


“อย่ามองครับ”


“ไม่ทันแล้วที่รัก บอกแล้วว่าคุณมันจอมยั่ว” กูเกลียดคำนี้ ฮือ


หน้าพี่เบิ้มใกล้เข้ามาจนรู้สึกได้ถึงลมหายใจอุ่นร้อนที่ปะทะลงมาที่ผิวแก้มก่อนจะจูบลงมาอย่างอ่อนโยนปลายลิ้นร้อนค่อยๆลุกล้ำเข้ามาเกี่ยวกระกวัดเรียวลิ้นของผมสัมผัสเนิบช้าไม่เร่งรีบเหมือนค่อยๆสำรวจและดูดกลืนทุกอย่างที่เป็นของผม สัมผัสวาบหวิวค่อยๆพุ่งทะยานจนต้องเกาะเกี่ยวลำคอแข็งแรงเพื่อพะยุงร่างที่กำลังอ่อนระทวย..ยอมแล้ว

“อ่ะ!” เมื่อปลายลิ้นย้ายตำแหน่งจากปากที่กำลังบวมเจ่อของผมมายังหน้าอกที่ขว้างกันเพียงเนื้อผ้าบางเบาที่เปียกชื้น ปลายลิ้นไล่เลียวนยอดอกที่กำลังแข็งเป็นไต เกิดความความรู้สึกเสียวซ่านจนเผลอร้องเสียงน่าอายออกมา


“ที่รัก ผมต้องการคุณ” เสียงกระเส่าปนแหบพล่า บงบอกถึงความอดกลั้นที่กำลังจะสิ้นสุด


“อ่า” สัมผัสจากเรียวลิ้นเริ่มรุนแรงขึ้นตามแรงปรารถนาผมแอ่นอกรับมันอย่างเต็มใจ

 
ไม่รู้อะไรดลใจทำให้ผมคุกเข่าลงแล้วจับส่วนแกนกายที่ขยายตัวจนดูน่าอึดอัดก่อนจะเงยหน้ามองพี่เบิ้มที่ตอนนี้ยืนอึ้งกับการกระทำของผม


“ที่รัก~”


“ผมจะทำให้คุณเอง” ผมตอบด้วยน้ำเสียงมาดมั่นแม้ในใจนั่นสั่นระรัว


สองมือค่อยๆจับแกนกายของพี่เบิ้มขยับขึ้นลงด้วยจังหวะเนิบช้าก่อนจะเพิ่มจัวหวะให้เร็วขึ้น เสียงหอบหายใจหนักห่วงของพี่เบิ้มทำให้ผมได้ใจตัดสินใจครอบครองแกนกายนั้นด้วยปากของตัวเอง


“อ่า..ที่รัก”


พี่เบิ้มเคยทำให้ผม ผมรู้ดีว่ามันรู้สึกดีแค่ไหนมันถึงคราวที่ผมจะทำให้พี่เบิ้มรู้สึกดีบ้าง..
ปากของผมคับแน่นไปด้วยแกนกายของพี่เบิ้มที่ขยายตัวถึงขีดสุด ผมทำทุกอย่างไปตามสัญชาตญาณในเมื่อเป็นผู้ชายเหมือนกันย่อมรู้ดีว่าสัมผัสตรงไหนมันถึงกระสัน ผมดูดดึงแกนกายก่อนจะตวัดปลายลิ้นไล่เลียส่วนปลายที่มีน้ำใสไหลเยิ้มพร้อมกลืนกินโดยไม่นึกรังเกียจ ทุกการกระทำของผมล้วนอยู่ในสายตาของพี่เบิ้มที่จ้องมองผมตาไม่กระพริบราวกับได้เห็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลก


“คุณชอบมันไหม”


“ผมชอบมันที่รัก อ่า” พี่เบิ้มเสยผมที่เปียกลู่พร้อมกับก้มมองผมอีกครั้งก่อนจะจับศีรษะของผมให้ขยับเข้าออกตามแรงปรารถนาของตัวเอง..ลึก มันเกินลึกไป


“อ๊อก แค่กๆ” เสียงสำลักคล้ายกับจะสำรอกออกมาเมื่อแกนกายของพี่เบิ้มเข้าไปลึกจนสุดในโพรงปาก


“ที่รัก..พอแล้วครับเดี๋ยวผมจัดการเอง” แววตานั้นคล้ายขอโทษก่อนจะพยุงผมลุกขึ้น


“ไม่เป็นไรผมจะทำให้คุณเสร็จเอง” มาถึงขั้นนี้แล้วก็ต้องไปให้สุด


“ทำด้วยกันครับ” เสื้อผ้าเปียกชื้นของผมถูกถอดออกอย่างคล่องแคล่วด้วยมือขวาเพียงข้างเดียวของพี่เบิ้ม


“เดี๋ยว แขนคุณ!” ผมตัวลอยเคว้งเมื่อถูกอุ้มโดยคนแขนเดี้ยง


“ตัวคุณน่ะเบาหวิว แค่นี้แขนผมไม่เป็นอะไรหรอกครับ”


พี่เบิ้มวางผมลงบนเตียงก่อนจะขึ้นมาทาบทับแล้วละเลงจูบไปทั่วไปหน้า มือข้างขวาที่ไร้เฝือกลูบไล้ไปทั่วร่างก่อนจะหยุดลงตรงแกนกายของผมที่กำลังแข็งตัว


“ผะ ผมอยากทำให้คุณด้วย”


“ที่รัก คุณรู้หรือเปล่าว่าตอนนี้คุณกำลังทำหน้าแบบไหน”


“แบบไหน?”


“เซ็กซี่เกินไปแล้ว!” จากนั้นพี่เบิ้มก็หมุนตัวเองหว่างขาของเราจึงอยู่ตรงหน้าของกันและกันก่อนจะพลิกตัวเองอย่างรวดเร็วสลับตำแหน่งให้ผมอยู่ด้านบน


“...” ผมเริ่มเงอะงะ ต้องทำไงต่อเล่า


“จัดการผมต่อได้ตามสบายเลยครับ”


“อ๊ะ” เมื่อผมยังนิ่ง พี่เบิ้มจึงนำร่องให้ก่อนโดยครอบครองแกนกายของผมด้วยปากก่อนจะดูดดึงไล่เลียจนเสียวซ่านไปทั้งร่าง ผมจึงจัดการแกนกายของพี่เบิ้มให้ไม่ต่างกับที่ผมได้รับการปรนเปรอ


“คุณชอบมันไหมที่รัก” พี่เบิ้มถามด้วยเสียงกระเส่า


“ชะ ชอบผมชอบมัน”


“ผมจะทำให้คุณรู้สึกดีกว่านี้ที่รัก” จากนั้นลิ้นของพี่เบิ้มก็ไล่รามลงมาตรงช่องทางข้างหลังของผมก่อนลิ้นร้อนจะไล่เลียวนตรงสัมผัสนุ่มหยุ่น


“อ๊ะ”


“ผมจะเอานิ้วเข้าไปนะที่นะรัก”


“ไม่! เดี๋ยวก่อนผมยังไม่พร้อม”


“แค่นิ้วที่รัก ไม่มีมากกว่านั้นผมสัญญา”


“...”


“ผมจะทำให้คุณค่อยๆชินกับสัมผัสของผมที่รัก”


“มะ มันจะไม่เจ็บใช่ไหมครับ” ผมถามออกไปด้วยความกลัว


“ไม่ที่รัก คุณจะโอเคกับมันเชื่อใจผม”


“อะ..โอเค” สักวันผมก็ต้องเป็นของพี่เบิ้มอยู่ดี..ไม่รู้ด้วยแล้ว ผมหลับตาปี๋รอรับสัมผัสจากพี่เบิ้ม

นิ้วของพี่เบิ้มนวดคลึงที่ช่องทางด้านหลังก่อนจะค่อยๆสอดนิ้วยาวเข้ามาจนสุดนิ้วแล้วขยับเข้าออกช้าๆ


“อึก”


“เจ็บไหมที่รัก” น้ำเสียงนั้นกังวลไม่น้อยแม้จะบอกให้ผมเชื่อใจก็ตาม


“ไม่ครับ แต่มันแปลกๆ”


“โอเค ผมจะค่อยๆใส่เข้าไปอีกนิ้วนะครับ”


“อื่อ” มันอึดอัดแปลกๆ


“ผ่อนคลายที่รัก..good boy”


พี่เบิ้มเพิ่มนิ้วเข้าไปอีกหนึ่งนิ้วจากนั้นก็เพิ่มจังหวะขยับนิ้วเข้าออกช้าๆก่อนจะเพิ่มจังหวังถี่รัว ปากก็ยังปรนเปรอแกนกายของผมขึ้นลงไม่หยุด ส่วนผมก็ไม่ลืมหน้าที่ตัวเองปรนเปรอให้พี่เบิ้มไม่หยุดเช่นกัน..ความอึดอัดในคราแรกแปรเปลี่ยนเป็นความเสียวซ่านอย่างน่าประหลาด


“อาาา”


“อ๊ะะ”


เสียงครางกระเส่าของผมและเสียงหายใจอันหนักหน่วงของพี่เบิ้มดังปนกันไปทั่วห้อง


“อ๊ะ คุณ  ผมจะถึง” ความเสียวซ่านแปลกใหม่ที่ผมได้รับกำลังจะถึงฝั่งฝัน


“cum with me baby”


“อะ..อ้าาาาา” ร่างผมกระตุกไปทั้งร่างก่อนที่ของเหลวสีขาวจะพวยพุ่งออกมาในหัวสว่างวาบขาวโพลนไปหมด..ยิ่งกว่านั้นผมเสร็จในปากพี่เบิ้ม..
พี่เบิ้มกลืนกินน้ำของผมเข้าไปอย่างไม่รังเกียจก่อนจะพลิกตัวแล้วหมุนตัวมาหาผมที่นอนอ่อนระทวย จูบพรหมไปทั่วใบหน้าพร้อมกับบอกรักผมไม่หยุด จากนั้นพี่เบิ้มก็จัดการกับแกนกายของตัวเองก่อนที่ของเหลวสีขาวจะพวยพุ่งเปรอะเปื้อนที่หน้าอกของผม..อยากจะขอโทษพี่เบิ้มที่ต้องเสร็จด้วยตัวเอง แต่ผมนั้นมันไม่ไหวจริงๆ..ระทวยเหี้ยๆ





     เช้าวันที่สองในอังกฤษกับแสงแดดยามเช้าอันสดใส..สดใสกับผีน่ะสิ!

ให้ตาย..ผมดันไข้ขึ้นซะงั้น หน้าท้องก็ปวดเกร็งไปหมด อยากจะลุกไปฟาดอิงลิชเบรคฟาสต์ที่ตั้งใจไว้ว่าเช้านี้จะจัดให้เต็มท้อง แต่ต้องมานอนเดี้ยงอยู่บนเตียงโดยมีคนแขนเดี้ยงพยาบาลหยอดข้าวหยอดยาอยู่ไม่ห่าง

อยากจะหัวเราะเป็นภาษามนุษย์ต่างดาวพลูโต นี่แค่โดนนิ้วของพี่เบิ้มผมยังไข้ขึ้นง่อยแดกขนาดนี้ ถ้าโดนอีงูหลามเผือกของมันเข้าไปทั้งดุ้นผมจะไม่ตายใช่ไหม?!



..พระเจ้าโปรดคุ้มครองลูกด้วย  อาเมน







 TBC.

…………………………………………………….


 หายไปนานอีกแล้ว..บทนี้แอบยาว(เหมือนเก็บกด)

 ขอบคุณที่ยังไม่ลืมพี่เบิ้มกับอีป้าค่ะ^^


หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทที่19 ให้รักมันพาไป [18-02-20] P.7
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 18-02-2020 09:00:40
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทที่19 ให้รักมันพาไป [18-02-20] P.7
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 18-02-2020 17:09:44
 :o8: :o8: :-[ :impress2: :impress2: :impress2: :impress2: :o8: :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทที่19 ให้รักมันพาไป [18-02-20] P.7
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 18-02-2020 22:21:50
 :mew1:
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทที่19 ให้รักมันพาไป [18-02-20] P.7
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 18-02-2020 23:26:42
 :mew1:
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทที่19 ให้รักมันพาไป [18-02-20] P.7
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 19-02-2020 02:07:09
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทที่19 ให้รักมันพาไป [18-02-20] P.7
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 19-02-2020 09:42:26
รอตอนต่อไป~
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทที่19 ให้รักมันพาไป [18-02-20] P.7
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 19-02-2020 13:04:26
 :hao6: :hao6: :hao6: :hao6:
กลับมาแล้ว ทำให้คนอ่านบิดไปมาด้วยความ....
ชอบครอบครัวนี้จัง น่ารักทั้งพ่อและแม่
ดีใจกับป้านตด้วยน้าาาาา
 :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทที่19 ให้รักมันพาไป [18-02-20] P.7
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 19-02-2020 21:38:55
กลับมาพร้อมความฟิน (เกือบสุด) ของป้านด คุณเจเรมี่ก็นะ ทำร้ายคนที่รักแบบนั้นได้ไงครับ ไข้ขึ้นเลย :impress2:
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทที่ 20 เจ้าหญิง [14-03-20] P.8
เริ่มหัวข้อโดย: MA_LEE ที่ 14-03-2020 13:16:23
 





บทที่ 20 เจ้าหญิง





 
        Fulham London...เพราะงานท่วมหัวรอพี่เบิ้มอยู่ที่ลอนดอนทำให้ผมได้กลับมาที่เมืองหลวงนี้อีกครั้ง สามวันที่ยอร์คผมไม่ได้กระดิกไปไหนเลยโดยเฉพาะสองวันสุดท้ายที่ต้องนอนเปลี้ยเป็นผักเหี่ยวๆอยู่บนเตียงเพราะไข้แดก การเดินทัวร์เมืองยอร์คที่วาดฝันต้องพับเก็บใส่กระเป๋าเอาไว้ก่อน แต่ก็ได้รับข้อเสนอสุดพิเศษจากครอบครัวคาร์สันที่ยินดีอย่างยิ่งถ้าผมจะอยู่ต่อและยินดีเป็นไกด์กิตติมศักดิ์พาทัวร์ไม่ใช่เฉพาะแค่ที่ยอร์คแต่สามารถพาทัวร์ทั่วสหราชอาณาจักรเป็นข้อเสนอที่แสนงามแต่ดันโดนคนแขนเดี้ยงเบรคไว้ซะก่อน ‘ไปได้ครับแต่ผมต้องไปด้วย’ ให้ตายแล้วเมื่อไหร่มึงจะว่างผมจึงจำใจลากกระเป๋ากลับลอนดอนพร้อมกับคนแขนเดี้ยงด้วยอารมณ์บูดบึ้ง..โดยลืมไปว่าผมมาที่นี่เพื่อมาดูแลคนแขนเดี้ยงนี่หว่า 


“ที่รักคุณงอนผมเหรอครับ” ด้วยความหงุดหงิดจึงไม่อยากคุยกับอีพี่เบิ้มจึงแกล้งหลับมาตลอดทาง เมื่อถึงบ้านอีพี่เบิ้มก็เปิดปากถามทันที


“ก็ผมอยากเที่ยวนี่ครับ”


“เดี๋ยวผมพาเที่ยวครับ”


“เมื่อไหร่ครับ”


“เมื่อผมเคลียร์งานเสร็จ”


“...” ชาติหน้าเหรอ? วีซ่ากูหมดก่อนพอดี


“อาทิตย์หน้าครับเราจะกลับไปที่ยอร์คอีกครั้ง ผมจะพาคุณเที่ยวทุกซอกทุกมุมเองแล้ววันอาทิตย์เราไปแมนเชสเตอร์ไปดูยูไนเต็ดแข่งกัน”


“จริงเหรอครับ!” ความฝันของผมกำลังจะเป็นจริง โอลด์แทรฟฟอร์ดจ๋ารอพี่ก่อนน้า
“จริงที่สุด ผมสัญญา”


“คุณสัญญาแล้วนะครับ” เบี้ยวขึ้นมาล่ะน่าดู


“คร้าบที่รัก คุณเพิ่งหายไข้งีบสักหน่อยดีมั้ยครับ” นอนอะไรอีกเล่า แข็งแรงแล้วโว้ย


“ผมนอนมากพอแล้วครับ ผมอยากเดินดูบ้านคุณมากกว่า” มาบ้านแฟนทั้งทีมันต้องสำรวจกันสักหน่อยแม้บางมุมผมจะคุ้นเคยเป็นอย่างดีผ่านวิดิโอคอลก็เหอะแต่มันก็มีหลายมุมที่น่าสนใจโดยเฉพาะวิวที่ระเบียงที่สามารถมองเห็นแม่น้ำเทมส์ที่ไหลทอดยาวเป็นสาย..วิวดีชะมัด

บ้านของพี่เบิ้มอยู่บนชั้นห้าของอพาร์ตเมนต์ขนาดห้าคูหาที่มีทั้งหมดห้าชั้นและที่น่าตกตะลึงคือชั้นห้าทั้งหมดคือพื้นที่บ้านของพี่เบิ้ม! และต้องอ้าปากค้างไปอีกเมื่อรู้ว่าอพาร์ตเมนต์หลังนี้เป็นกิจการของพี่เบิ้มเองจ้าาา


“ถ้าไข้กลับผมจะพาคุณไปหาหมอโดยไม่ฟังเสียงงอแงของคุณแล้วนะครับ” งอแงสิ ใครจะอยากเล่าสาเหตุของการป่วยให้คุณหมอฟังกันล่ะ..โดนนิ้วของคุณแฟนแหย่ตูดไข้ก็เลยขึ้นงี้เหรอ..อนาถแท้ชีวิตกู


“ผมโอเคแล้วจริงๆ  ครับแล้วตอนนี้ก็อยากทานอะไรหนักๆ ด้วย” พอแล้วสำหรับอาหารคนป่วยตอนนี้ขอแดกอะไรจุกๆ สักหน่อยเหอะ


“ทานอะไรดีครับ”


“ผมอยากทาน Fish & Chips” มาอังกฤษต้องได้กินสิเดี๋ยวเขาจะหาว่ามาไม่ถึง


“ไม่มีปัญหาครับเจ้าหญิง” เจ้าหญิงอีกละมีล้านแปดชื่อแล้วกู


“ยังมีอีกครับผมอยากทาน Bangers and Mash, Sunday Roast with Yorkshire Pudding, Apple Crumbleแล้วก็ Full English Breakfast” จุกๆ ไปเล้ยยย


“อย่างสุดท้ายมันอาหารเช้านะครับตอนนี้เย็นแล้วนะที่รัก”


“ผมจะทานเป็นมื้อเย็นมันผิดตรงไหน มื้อเช้าที่บ้านคุณผมก็ไม่ได้ทานด้วยได้ทานแต่อะไรก็ไม่รู้เหลวๆหยึยๆ” Full English Breakfast ที่วาดฝันกลับกลายเป็นข้าวโอ๊ตตุ๋นรสสัมผัสหยึยๆ..ช่างท้อแท้ใจเหลือเกิน ดีล่ะหายป่วยแล้วพ่อจะฟาดเรียบให้หมดเกาะอังกฤษเลยคอยดู ฮึ


“ก็คุณป่วยที่รัก ส่วนSunday Roast with Yorkshire Pudding เขามักจะทานกันวันอาทิตย์ตามชื่อครับ”


“ก็ผมอยากทานวันนี้” กินวันพุธแล้วตำรวจจะจับเหรอวะ


“โอเคๆ ตามบัญชาครับเจ้าหญิง” เจ้าหญิงอะไร บ้าบอ ขอซื้อทิ้งเหอะเรียกเชอร์รี่ยังดีกว่าอ่ะ


“ผมเป็นผู้ชายนะต้องเป็นเจ้าชายสิ”


“หน้าคุณสวยไม่เหมาะกับเจ้าชายหรอก เชื่อผมสิ” อีพี่เบิ้มขยิบตาให้ก่อนจะจุ๊บเหม่งผมเบาๆ


“...” ให้ตาย หัวใจจะเต้นแรงไปไหน


“ตัวคุณอุ่นๆ งั้นสั่งมาทานที่บ้านนะครับ ผมไม่อยากให้คุณต้องไปเจออากาศแย่ๆ ข้างนอก”


“ก็ได้ครับ” วันนี้ฝนตกเกือบทั้งวันอากาศก็หนาวมากๆ ด้วยกินที่บ้านเป็นความคิดที่ไม่เลว


     ระหว่างรออาหารพี่เบิ้มก็เข้าไปดูเอกสารในห้องทำงานส่วนผมก็เดินสำรวจบ้านของพี่เบิ้มอีกครั้ง
บ้านของพี่เบิ้มแบ่งเป็นสัดส่วนชัดเจน มีห้องนอนทั้งหมดสี่ห้อง ห้องทำงานที่เต็มไปด้วยชั้นหนังสืออีกหนึ่งห้อง ห้องครัวที่สะอาดเงาวับดูๆ แล้วเจ้าของห้องคงใช้งานไม่มากเท่าไหร่และที่ขาดไม่ได้คือห้องออกกำลังกายที่มีอุปกรณ์ฟิตเนตครบครันประหนึ่งยกยิมมาไว้ที่นี่..แต่ที่ผมชอบที่สุดคือวิวระเบียงนี่แหละ ระเบียงยาวที่มีมุมและสวนเล็กๆให้นั่งพักผ่อนถ้าได้นั่งจิบชาในวันที่แสงแดดอบอุ่นมองสายแม่น้ำเทมส์ไหลเอื่อยๆ คงจะชิวไม่น้อย..
 
 

ติ๊งติ่ง เสียงกริ่งประตูดังขึ้นอาหารน่าจะมาส่งแล้ว..มาไวดีแฮะ


“เดี๋ยวผมไปเปิดเองครับ” ผมตะโกนบอกพี่เบิ้มที่อยู่ในห้องทำงานก่อนจะวิ่งปรี่ไปเปิดประตู..หิวมากบอกเลอ
..เมื่อประตูเปิดกว้างได้แต่ยืนอึ้ง นี่ไม่ใช่มาส่งอาหารแต่มาส่งนม! ครับมันคือนม นมจากเต้าของแท้หรือของหมอผมก็ไม่อาจคาดเดาได้


“คุณเป็นใคร?” น้องนางหุ้นสะบึ้มถามด้วยใบหน้าสงสัย


“แล้วคุณล่ะเป็นใคร?” ผมไม่ตอบแต่ถามกลับพร้อมกับจ้องน้องนางผมสีบลอนด์ทองที่หุ่นทวดทรงองเอวประหนึ่งนางแบบ victoria’s secret แม้จะมีโค้ทสีครีมตัวยาวห่มหุ้มแต่เดรสสีดำรัดติ้วตัวในที่ผ่าอกเกือบถึงสะดือโชว์หน้าอกหน้าใจแทบกระเด้งกระดอนออกมาโดนเบ้าหน้าผม!


“Lily?” อ่อชื่อน้องดอกลิลลี่แน่เอง ดูเหมือนพี่เบิ้มจะแปลกใจไม่น้อยกับการมาของน้องนางทรงโต


“Hi Jeremy” เมื่อเธอเห็นพี่เบิ้มน้องนางก็มองข้ามหัวผมไปเลยก่อนจะเบียดแทรกตัวทรงโตๆ เข้ามาแถมเหยียบตีนกูอี๊ก..น้องดอกกกกก

หลังจากนั้นน้องดอกก็หอมแก้มซ้ายขวาทักทายอีพี่เบิ้มที่ดูไม่เหมือนหอมทักทายสักเท่าไหร่เพราะน้องดอกตั้งใจแนบริมฝีปากที่ฉาบไปด้วยลิปติกสีแดงสดลงไปที่ข้างแก้มของพี่เบิ้มนานเป็นพิเศษทำให้คนดูอย่างผมหงุดหงิดใจไม่น้อย


“ลิลลี่ได้ข่าวว่าคุณตกม้าเป็นยังไงบ้างคะ” จริตของน้องดอกนั้นไม่ธรรมดานิ้วเรียวยาวที่มีเล็บสีเดียวกับสีลิปสติกที่เคลือบอยู่บนริมฝีปากค่อยๆลูบไล้แขนที่ห่อหุ้มด้วยเฝือกของพี่เบิ้มด้วยท่าทางยั่วยวนออดอ้อน..ฮึ มองปราดเดียวรู้เลยว่าน้องดอกต้องการจะงาบอีพี่เบิ้มก็ใครเขาจะใส่เดรสรัดติ้วพร้อมแหวกอกนมทะลักมาหาผู้ชายถึงที่บ้านแบบนี้กันเล่าแล้วนั่งน่ะจะชิดไปไหนนมถูแขนอีพี่เบิ้มไม่หยุดแต่ดีนะที่อีพี่เบิ้มมันขยับตัวออกมากูนึกว่ามึงจะเคลิ้มตามซะแล้ว ฮึมมม


“ผมไม่เป็นอะไรมากครับแค่กระดูกร้าวไม่เกินหนึ่งเดือนก็น่าจะหายเป็นปกติ”


“ลำบากแย่เลยค่ะ มีอะไรให้ลิลลี่ช่วยบอกได้ทุกเมื่อนะคะ”


“ผมมีพยาบาลส่วนตัวแล้วล่ะครับ ขอบคุณมากนะครับ ที่รักมานี่สิครับ” อ่า ถึงตากูแล้ว ผมเดินไปนั่งแทรกกลางทั้งคู่พร้อมกับฉีกยิ้มให้อย่างเป็นมิตรแต่ในใจได้แต่ร้องฮึมๆ


“ที่รัก?” น้องนางทำหน้างงตาแตกกับสรรพนามที่พี่เบิ้มใช้เรียกผม


“ครับ นี่ป้านดแฟนผมเองครับ” รอยยิ้มของน้องดอกที่มีในคราแรกถึงกับกระตุก


“ลิลลี่ค่ะเป็นหุ้นส่วนคนสนิทของเจเรมี่ ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ” น้องนางเน้นคำว่าสนิทเป็นพิเศษผมได้แต่หรี่ตามองพี่เบิ้มอย่างจับผิด


“ผมปณตแฟนของเจเรมี่ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันครับ” ผมเน้นคำที่ควรจะเน้นเช่นกัน คือคำว่าปะ-นดเธอจะได้เรียกชื่อผมถูก ไม่ใช่สิ ถุย ผมก็ต้องเน้นคำว่าแฟนอยู่แล้วถึงจะไม่มีนมแต่กูมีพุงโว้ย!


“คุณชอบผู้ชาย?” เหมือนจะไม่เชื่อว่าผมเป็นแฟนของพี่เบิ้มจริงๆ น้องดอกถามพี่เบิ้มด้วยความงงตาแตกอีกครั้ง


“จะว่าอย่างนั้นก็ได้ครับเพราะป้านดเป็นผู้ชาย” นี่มึงตอบกวนตีนน้องดอกเขาป่ะเนี่ย


“เหรอคะ เอ่อเจเรมี่คะขอชาสักแก้วได้มั้ยคะ”


“ได้ครับ”


รู้น่าว่าไม่ได้หิวน้ำ..เมื่ออยู่กันสองต่อสองน้องดอกก็เริ่มสงครามประสาททันที


“เจเรมี่กินคุณยัง” โอ้โหน้ำเสียงช่างเป็นมิตรดีแท้


“กิน?”


“ฉันหมายถึงได้กันหรือยัง”


“...” ที่เงียบเนี่ยเพราะกำลังคิดอยู่ เมื่อคืนก่อนถือว่าได้มั้ยว้า


“เดี๋ยวเขาก็เบื่อ คุณก็แค่ของแปลกสำหรับเขา” ของแปลก? น้องนางสิแปลกคนบ้าอะไรโชว์นมให้คนเขาดูไปทั่ว


“คุณอยากกินเขาเหรอครับ” ผมมันคนซื่อก็เลยถามตรงๆ ไม่ได้คิดจะเสียมารยาทกับคุณผู้หญิงเขาแต่อย่างใด


“ห๊ะ!”


“เอ๊ะ หรือว่าคุณอยากให้เจเรมี่กินคุณแต่เจเรมี่ไม่ชอบของธรรมดาๆ อย่างคุณก็เลยมากินของแปลกอย่างผม นี่จะบอกอะไรให้นะของแปลกสิดี ลิมิเต็ด อิชั่นน่ะใครๆ ก็อยากได้” นี่ก็ด้วยความซื่ออีกแหละก็เลยบอกไปตรงๆไม่ได้ตั้งใจจะถากถางนะเออ


“คุณ!”


“ชาได้แล้วครับ” แต้งๆ หมดยกจ้า


“ขอบคุณค่ะ พอดีลิลลี่นึกได้ว่ามีนัดขอตัวกลับก่อนนะคะ หายไวๆ นะคะแล้วพรุ่งนี้เจอกันที่ประชุมค่ะ” โอ๊ะ น้องดอกเปลี่ยนสีหน้าและน้ำเสียงได้ไวมากแนะนำให้ไปเป็นดารานะรับรองรุ่ง อ้าวแล้วจะไม่จิบชาสักหน่อยเหรอจะรีบกลับไปไหนคนแขนเดี้ยงอุตส่าห์ชงมาให้เชียวนะ


“ขอบคุณครับ แล้วเจอกันครับ” ก่อนที่น้องดอกจะกลับก็ไม่ลืมจูบลาที่แก้มทั้งสองข้างของอีพี่เบิ้มและแน่นอนจังหวะยังคงเนิบช้าเหมือนเดิมและที่สำคัญมีเหลือบตามองผมอย่างเย้ยหยันซะด้วย..บ้าบอ
 
“หุ้นส่วนคนสนิท? สนิทระดับไหนครับ” เมื่อเสียงประตูปิดลงผมก็ซักอีพี่เบิ้มทันที


“เราไม่ได้สนิทกันนะครับ เราเจอกันตามที่ประชุมแล้วก็ที่งานเลี้ยงบ้าง สำหรับผมถือว่าเราไม่ได้สนิทกันนะครับ”


“ไม่สนิททำไมถึงมาหาถึงที่บ้านได้ล่ะครับ”


“ผมก็แปลกใจเหมือนกันนี่ครั้งแรกที่เธอมาหาผมที่นี่ปกติผมไม่รับแขกที่บ้าน นอกจากครอบครัวแล้วก็พอลคุณคือคนแรกที่มาที่บ้านผม”


“ถ้าไม่เจอที่บ้านแล้วเจอกันที่ไหนครับ”


“ออฟฟิศผมครับที่รักแล้วเรื่องที่คุยส่วนใหญ่ก็เป็นเรื่องงานครับ”


“...” ผมหรี่ตามองอย่างจับผิด


“คุณหึงผมที่รัก”


“ผมไม่ได้หึง!”


“คุณหน้างอ”


“เพราะผมป่วย”


“คุณบอกคุณหายแล้วที่รัก”


“ใช่ผมหึง! พอใจหรือยัง ดูหน้าคุณตอนนี้สิเต็มไปด้วยรอยลิปสติกมันเป็นรอยปากคนอื่นที่ไม่ใช่ของผมเห็นแล้วหงุดหงิดเป็นบ้า ให้ตาย!” แม่ง ขอบ่นหน่อยเหอะไม่ไหวแล้วเหมือนกัน ไม่คิดว่าตัวเองจะฉุนขนาดนี้จะวัฒนธรรมโลกตะวันตกอะไรก็ช่างใครจะอยากให้คนอื่นมาสัมผัสแฟนตัวเองกันเล่า!


“ผมชอบจัง คุณหึงได้น่ารักเป็นบ้า” อย่ามายิ้มนะ บ้าเอ้ย


“อย่ามาเปลี่ยนเรื่องนะ”


“คุณคือลิมิเต็ด อิดิชั่นของผม ผมไม่ยอมเสียคุณไปแน่นอนเชื่อใจผมที่รัก”


“คุณได้ยิน!” ให้ตายน่าอายชะมัด


“แน่นอนที่รัก ห้องครัวอยู่แค่ตรงนี้แต่ผมชอบมันชะมัด”


“ไม่รู้ล่ะแล้วผมจะไว้ใจเธอได้ไง ดูชุดที่เธอใส่สิชุดมาเยี่ยมคนป่วยอะไรจะแหวกได้ขนาดนั้น เธอจ้องจะงาบคุณไม่รู้เหรอครับ”


“ผมทราบครับ แต่ผมไม่สนผมมีแค่คุณนะที่รัก”


“หน้าคุณมัน..” หงุดหงิดลูกตาเว้ย


“เช็ดให้หน่อยสิครับ”


“เช็ดเองสิครับ” ไม่อยากจะมองรอยริมฝีปากแดงๆ นั่นเลย


“แขนผมเจ็บ” เหอะ อ้างมันเข้าไปสิคืนก่อนยังอุ้มกูตัวปลิวอยู่เลย

ผมเช็ดหน้าให้พี่เบิ้มไม่เบามือนักด้วยอารมณ์หงุดหงิดคนแขนเดี้ยงจึงกระตุกข้อมือผมเพียงน้อยนิดผมก็ซบแหมะลงบนอกหนาที่นั่งขืนตัวไม่ให้ล้มตามแรงของผมก่อนจะดันสะโพกของผมให้นั่งคร่อมบนต้นขาอันแข็งแรง..เอ่อท่านั่งทำไมมันดูล่อแหลมชอบกล

“ท่านั่งแบบนี้ดีจังคุณจะได้เช็ดหน้าผมสะดวกๆ ไงครับ” สายตาวาววับมันน่าจิ้มตาบอดนัก


“ไม่เห็นจะดีเลย ปล่อยผมเลยนะคุณ” มืออีพี่เบิ้มก็เริ่มซนลูบไล้ไปทั่วแผ่นหลัง


“ไม่ปล่อย”


“...” จะเล่นเกมส์จ้องตาหรือไง


“ผมรู้ว่าคุณกังวลแต่ได้โปรดเชื่อใจผมที่รัก ผมไม่มีทางทำให้คุณเสียใจเด็ดขาดผมสัญญากับคุณไว้ว่าจะทำให้คุณมีความสุขที่สุดไงครับ” พี่เบิ้มจ้องลึกเข้ามานัยน์ตาสีนิลของผมอย่างจริงใจ ผมเชื่อแววตาสีเทาคู่นี้ว่าทุกคำที่เอ่ยออกมาล้วนออกมาจากใจจริง


“ครับ ผมเชื่อใจคุณ” ความรักและความเชื่อใจมันควรจะมาพร้อมกัน..


“ขอบคุณครับ..ผมจูบนะครับ” ผมโอบคอพี่เบิ้มเป็นคำตอบก่อนเรียวปากของเราทั้งคู่จะแนบชิดกัน จูบอันหวานหอม ละมุน ลึกซึ้ง แทนคำเชื่อมั่นระหว่างเราได้เป็นอย่างดี


 

ติ๊งติ่ง เสียงกริ่งดังอีกครั้ง หวังว่าครั้งนี้จะเป็นอาหารจริงๆนะ คราวนี้พี่เบิ้มเป็นฝ่ายเดินไปปิดประตูและเดินกลับเข้ามาพร้อมกับของถุงของกินเต็มไม้เต็มมือ ไม่รีรอรีบกินจุกๆ กันเหอะ ใช้พลังงานในการตอบโต้กับน้องดอกไปเมื่อกี้แล้วยิ่งหิวหนักกว่าเดิมบอกเลย


“อร่อยมั้ยเจ้าหญิง” บอกว่าขอซื้อคำนี้ทิ้งไงเล่า ผมได้แต่ส่งสายตาให้อย่างเคืองๆ


“ครับอร่อยมาก”


“เอาไว้พรุ่งนี้ผมจะพาไปดินเนอร์ที่โรงแรมนะครับ มีเมนูให้คุณเลือกทานอีกเยอะแยะเลย”


“โรงแรม?”


“ครับ โรงแรมของผมเอง อาหารที่เรากำลังทานอยู่ตอนนี้มาจากโรงแรมของผมเองครับผม”


“อ่า คุณมีโรงแรมกี่ที่ครับถามจริง” เรื่องงานของพี่เบิ้มผมรู้เรื่องน้อยมากเพราะไม่อยากก้าวก่าย แต่มันก็อดอยากรู้ไม่ได้จริงๆ


“ถ้าเฉพาะโรงแรมในอังกฤษมีอยู่สิบแห่งครับ”


“แล้วถ้าไม่ใช่โรงแรมล่ะครับ”


“อืม มีอพาร์ตเมนต์แล้วก็บ้านให้เช่าเอาแค่เฉพาะในลอนดอนนะครับน่าจะยี่สิบที่ได้ครับ”


“ถ้านอกลอนดอน นอกอังกฤษ..”


“ถ้าคุณอยากรู้เดี๋ยวผมเปิดแผนธุรกิจให้ดูครับในนั้นมีบอกจำนวนและสถานที่ชัดเจนและธุรกิจอื่นนอกเหนือจากธุรกิจอหังสาริมทรัพย์” ประชดกูป่ะเนี่ย


“ไม่ต้องขนาดนั้นหรอกครับ”


“คุณมีสิทธิ์จะรู้ทุกเรื่องของผมที่รัก” ไม่อยากรู้แล้วเดี๋ยวจะตกใจไปมากกว่านี้ รู้แค่นี้ก็พอแล้วล่ะ

เอาเป็นว่าเรื่องงานเราจะไม่ก้าวก่ายซึ่งกันและกันดีกว่า


“ไม่เอาไม่อยากรู้แล้วครับ ทานต่อดีกว่าผมชอบไส้กรอกนี่จัง” ผมหมายถึงไส้กรอกในจาน Bangers and Mashเป็นไส้กรอกเนื้อเน้นที่มาพร้อมกับมันบดและหัวหอมผัดราดด้วยน้ำเกรวี่สุดกลมกล่อม..จะกินให้จุกๆ ไปเลย


“ค่อยๆ กินสิครับ” ก็มันอร่อยนี่นา


“แล้วคุณไม่ทานเหรอครับ” พี่เบิ้มได้แต่นั่งมองผมกินด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม


“ก็..”


“โอ๊ะ ขอโทษครับ คุณทำไมไม่บอกผมล่ะครับ” แขนเดี้ยงอยู่จะจับมีดจับส้อมหั่นก็คงไม่ถนัด..ผมนี่มันไม่ได้เรื่องเลยจริงๆ


“ก็คุณกำลังทานอร่อยผมเลยไม่อยากขัด”


“คุณก็..เอ้าอ้าปากครับ” ผมหั่นเนื้ออบชิ้นพอดีคำพร้อมกับป้อนพี่เบิ้ม


“ขอบคุณครับ” ยิ้มร่าเชียวนะพี่มึง


“อยากทานอันไหนบอกผมนะครับ มื้อนี้ผมจะเป็นแขนให้คุณเอง” ผมยิ้มบอกอย่างใจดี


“ผมมีความสุขจังที่รักอยากอยู่ด้วยกันแบบนี้ทุกวันเลย” น้ำเสียงพี่เบิ้มอ่อนโยนพร้อมกับยิ้มดวงตาเป็นประกาย


“ครับ ผมก็มีความสุข” มันอบอุ่นจนบอกไม่ถูก..แต่ให้ทำไงได้ช่วงนี้ก็คงต้องไปๆมาๆแบบนี้ไปก่อน อนคตค่อยว่ากันอีกที
 
 
 จุกๆกับมื้อค่ำแสนอร่อยไปแล้วก็มานั่งย่อยจิบโกโก้ร้อนที่ริมระเบียง


“คุณชอบแก้วใบนี้มั้ยครับ”


“แก้ว?” เพิ่งสังเกตว่าแก้วเป็นลายเชอร์รี่ลายเดียวกันกับแก้วที่พี่เบิ้มมันซื้อเมื่อตอนไปดูเฟอร์นิเจอร์ที่เชียงใหม่ต่างกันแค่แก้วใบนี้เป็นแก้วเซรามิคสีขาวส่วนแก้วที่เชียงใหม่เป็นแก้วใส


“ผมกลับมาจากเชียงใหม่ครั้งก่อนหาซื้อตั้งหลายที่กว่าจะเจอแก้วลายเชอรรี่ถึงจะไม่เหมือนแต่สองใบนี้ใกล้เคียงกับแก้วที่ไปซื้อกับคุณที่สุด”


“เป็นเอามากเหมือนกันนะคุณ” กระจุ๊กกระจิ๊กกับเขาก็เป็นด้วย


“ก็ผมคิดถึงคุณนี่ครับ”


“คร้าบ~”


“ผมว่าเราเข้าข้างในบ้านกันเถอะ ข้างนอกลมแรงคุณเพิ่งหายไข้นะที่รัก”


“ก็ได้ครับ” หนาวจริงๆนั่นแหละ


“คุณจะอาบน้ำก่อนหรือจะให้ผมอาบก่อนครับ”


“คุณไม่ให้ผมช่วยคุณอาบเหรอครับ”


“ผมอาบเองได้แล้วครับ อีกอย่างคุณเพิ่งหายไข้ผมไม่อยากให้คุณโดนน้ำนานๆ” ห่วงมากไปแล้วนะ ผมแข็งแรงแล้วเว้ย


“โอเคครับงั้นคุณอาบก่อนได้เลย แต่ถ้ามีอะไรให้ผมช่วยบอกได้นะครับ” ดีเหมือนกันอาบให้เดี๋ยวก็เลยเถิดอีก




ผมนั่งๆนอนอยู่บนโซฟาดูรายการทีวีไปเรื่อยเปื่อยสักพักพี่เบิ้มก็เดินออกมาจากห้องพร้อมกับเนื้อตัวที่เปลือยเปล่า..ให้ตาย!


“ที่รักช่วยโกนหนวดให้ผมหน่อยได้มั้ยครับ”


“ทำไมคุณล่อนจ่อนออกมาแบบนี้เล่า”


“ผมนึกว่าคุณชินแล้วเสียอีก” เหอะ พูดได้หน้าตาเฉยมาก


“ผมไม่ชินครับ!” ให้ตาย จะชินได้ยังไงวะหรรมมึงทั้งดุ้นนะโว้ย


“ถ้าอย่างงั้นก็เห็นบ่อยๆจะได้ชิน”


“...” ไม่อยากชินโว้ย


“ผมไม่ถนัดเลยคุณช่วยผมหน่อยนะครับ” พี่เบิ้มใส่เฝือกข้างซ้ายหลายคนอาจจะคิดว่าดีนะที่ไม่เป็นข้างขวาไม่งั้นคงลำบากกว่านี่แย่ เหอะขอโทษครับอีพี่เบิ้มแม่งถนัดซ้ายครับ..คนลำบากคือกูนี่แหละที่ต้องมาทนเห็นงูหลามเผือกของมึง ยื่นเสื้อคลุมให้กลับโยนทิ้งหน้าตาเฉย ฟาย!


“คุณมีเคราก็ดูเท่ไปอีกแบบนะผมว่า” เหมาะกับลุกเซอร์ของพี่มึงดี


“เหรอครับ ถ้าคุณชอบผมไม่เอาออกก็ได้ครับ” นี่ก็ตามใจไปอีก


“แต่ผมชอบแบบไม่มีมากกว่า” คือมีเครามันเท่ก็จริงแต่เวลาที่พี่แกซุกไซ้ผมแล้วมันจั๊กจี้แปลกๆ


“ถ้าอย่างง้ั้นเชิญเจ้าหญิงเอาออกให้เกลี้ยงเลยครับ” เจ้าหญิงอีกแล้ว แม่ม!


   ผมค่อยๆชโลมครีมโกนหนวดเนื้อโฟมลงไปตามสันกรามที่ปกคลุมไปด้วยเคราที่กำลังเริ่มยาวเนื้อโฟมเนียมนุ่มบนนิ้วมือสัมผัสกับความสากของขนเคราให้รู้สึกสัมผัสที่น่าประหลาด ผมค่อยๆปาดใบมีดโกนลงใปบนเนื้อโฟมอย่างเบามือ มันคือครั้งแรกที่โกนหนวดให้คนอื่นแล้วก็ไม่เคยคิดด้วยว่าวันหนึ่งจะได้มาทำอะไรแบบนี้สำหรับพี่เบิ้มแล้วมีครั้งแรกให้ผมต้องเจอหลายเรื่องและคาดว่าต้องเจออีกมากมายต่อจากนี้..

ผมตั้งใจโกนหนวดให้พี่เบิ้มด้วยความระมัดระวังพยายามมีสมาธิจดจ่อไม่สนใจแววตาคู่ที่เทาที่จ้องมองมาอย่างลึกซึ้ง..ให้ตายหัวใจผมเต้นแรงเป็นบ้า ไม่มีทางหรอกที่ผมจะชินจากทุกสัมผัสจากผู้ชายตรงหน้า


“เอ้าช์!”


“โดนบาดเหรอครับ!” ผมรีบชักใบมีดออกทันที


“ล้อเล่นครับ” บ้าเอ้ย


“คุณ! อย่าแกล้งแบบนี้สิครับ” คนยิ่งเกร็งๆ อยู่


“ผมมีความสุขจัง” รู้แล้วน่าดวงตาพราวระยับขนาดนี้


“อย่าเพิ่งพูดสิครับ”


“ที่รัก ผมรักคุณ”


“...” บอกว่าอย่าพูดไงเล่า เกร็งที่มือไม่พอต้องเกร็งที่ใจอีกมันเต้นจนทะลุออกจากอกแล้วเนี่ย..ก็นะบรรยากาศตอนนี้มันอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก


“ทำไงดีที่รัก ผมมีความสุขจนแทบบ้า”


“เดียวโดนมีดบาดนะคุณ” ดื้อจริง


“ให้ตายผมมีความสุขจนหยุดพูดไม่ได้เลย”


“...”


“I know I talk too much so give me your two lips baby, I’ll shut up* ”


“...” บ้าบอจะให้จูบตอนนี้เนี่ยนะ


..ไม่รู้ด้วยแล้วแรงดึงดูดจากนัยน์ตาคู่สีเทาทำให้ผมปิดปากคนพูดมากด้วยเรียวปากของผมตามคำขอสัมผัสนุ่มนวลอ่อนโยนไม่ต่างจากเนื้อโฟมที่ละเลงเลอะไปทั่วใบหน้าของเราทั้งคู่บรรยากาศอบอวลไปด้วยความสุขจนล้น..หัวใจของเราทั้งคู่ก็เช่นกัน


   การโกนหนวดใครว่าง่าย มันยาก..ยากจนแทบละลาย











        สองอาทิตย์แล้วกับการมาอังกฤษของผมซึ่งได้รับการต้อนรับอย่างดีจากครอบครัวคาร์สัน สุดสัปดาห์ที่ผ่านมาผมกลับไปที่ยอร์คอีกครั้งเพราะพี่เบิ้มต้องมาตรวจแขนที่เข้าเฝือกผลการตรวจออกมาค่อนข้างดีกระดูกเข้าที่เร็วกว่าที่คิดอาทิตย์หน้าคาดว่าน่าจะเอาเฝือกออกได้แล้ว หลังจากตรวจเสร็จพี่เบิ้มก็พาผมเที่ยวเมืองยอร์คทุกซอกทุกมุมตามที่สัญญาไว้เดินจนขาแทบหลุดและจบ ทริปด้วยการพาผมไปดูการแข่งขันฟุตบอลที่สนามโอล์ดแทรฟฟอร์ดสนามเย้าของทีมแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด..ความฝันของผมเป็นจริงสักที

แมตช์ที่เราไปดูเป็นศึกดาร์บี้แมตช์กับทีมร่วมเมืองอย่างทีมแมนเชสเตอร์ซิตี้ความเนื่องเแน่นและ ความมันจึงคับแน่นไปทั่วสนาม เสียงเชียร์ทั้งทีมเจ้าบ้านและทีมเยือนดังก้องไปทั่วสนามทำให้แฟนบอลที่มาเชียร์ติดขอบสนามเป็นครั้งแรกอย่างผมฮึกเหิมไม่น้อย โมเมนต์ดีใจเมื่อทีมรักทำประตูได้ผมและพี่เบิ้มเราต่างเฮและสวมกอดกันอย่างบ้าคลั่งมันเป็นประสบการณ์ที่ให้ความรู้สึกที่ดีโคตรๆ และที่สุดของความประทับใจในทริปนี้คือทีมรักของเราเอาชนะทีมเพื่อบ้านผู้น่ารำคาญไปด้วยสกอร์ 2-0..สะใจเป็นบ้า





     เมื่อกลับมาลอนดอนพี่เบิ้มก็เริ่มโหมงานหนักเร่งเคลียร์งานให้เสร็จเพื่อเดินทางกลับเชียงใหม่พร้อมกับผมในอาทิตหน้า ไอ้ฟางเพื่อนผู้น่ารักและน่ารำคาญในบางเวลาคอยมาอยู่เป็นเพื่อนผมและพาเที่ยวลอนดอนเดินจนขาแทบเปื่อยเกือบทุกวัน วันนี้ก็อยู่กับไอ้ฟางจนถึงค่ำเมื่อกลับมาถึงบ้านของพี่เบิ้มก็ยังคงไร้เงาเจ้าของบ้าน..วันนี้ก็กลับดึกอีกแล้ว

“อ๊ะ คุณกลับมาแล้วเหรอครับ” ผมนั่งรอพี่เบิ้มอยู่ที่โซฟาและไม่รู้ว่าเผลอหลับไปตั้งเมื่อไหร่รู้ตัวอีกทีก็ลอยเคว้งอยู่ในอ้อมกอดของคนแขนเดี้ยง..แขนมึงจะหายมั้ย ฮึ

 
“ทำไมมานอนตรงนี้ล่ะครับ หรือคุณรอผม”


“อื่อผมรอคุณ”


“ขอบคุณนะครับเจ้าหญิงของผม” เกลียดคำนี้แต่พี่เบิ้มก็สนใจตาขวางของผมไม่ พาผมเข้าห้องนอนแล้ววางผมลงบนเตียงอย่างนุ่มนวล


“ผมมีงานค้างอีกนิดหน่อยคุณนอนก่อนเลยนะครับ ฝันดีครับที่รัก” งานจะเยอะไปไหนผมได้แต่มองตามพี่เบิ้มออกจากห้องด้วยตาปริบๆ
 




   ตีสอง..ที่นอนข้างๆยังว่างเปล่า ให้ตายผมนอนไม่หลับร่างกายมันเคยชินกับอ้อมกอดของคนตัวโตไปเสียแล้วสิ


“คุณงานยังไม่เสร็จอีกเหรอครับ” สุดท้ายผมก็ทนนอนคนเดียวไม่ไหวจึงต้อมออกมาตามคนงานยุ่งที่ห้องทำงาน..รีบมานอนเป็นตุ๊กตาหมีตัวใหญ่ให้ผมกอดได้แล้ว


“ใกล้แล้วล่ะครับ นอนไม่หลับเหรอที่รัก”


“พักก่อนมั้ยครับ พรุ่งนี้ค่อยทำต่อ”


“ผมตั้งใจว่าพรุ่งนี้จะใช้เวลาอยู่กับคุณทั้งวันเพราะสามวันที่ผ่านมาผมแทบจะไม่มีเวลาให้คุณเลยที่รัก”


“ไปนอนเถอะครับ ผะ..ผมนอนไม่หลับถ้าคุณไม่นอนกอดผม” นี่ผมขี้อ้อนตั้งแต่เมื่อไหร่?!


“ที่รัก~”


“นะครับ”


“แล้วผมจะปฏิเสธได้ยังไงล่ะครับ ให้ตายที่รักคุณอ้อนแล้วน่ารักเป็นบ้า”


“อื่อออ” จูบจู่โจมไม่ทันได้ตั้งตัวอีกแล้ว..ไม่ไหวเลยหัวใจ


“ไปครับเจ้าหญิงไปนอนกัน” เฮ้อ โอเคเจ้าหญิงก็เจ้าหญิงแล้วพี่เบิ้มก็เดินจูงมือผมไปยังห้องนอนแล้วนอนกอดผมอย่างที่ผมต้องการไม่มีการล่วงเกินไปมากกว่าจูบเบาๆที่หน้าผากพร้อมกับคำว่าฝันดี..แล้วคืนนี้ผมก็ฝันดีจริงๆ



ฝันที่พอตื่นขึ้นมาแล้วคำพูดของพี่เบิ้มที่พูดในความฝันยังดังก้องอยู่ในหัวผมไม่หยุด..‘will you marry me’








TBC.

………………………………………………….....

 บทหน้าตอนจบแล้วน๊า..ขอบคุณที่ติดตามอ่านกันค่ะ^^

 *Greyson Chance - shut up  https://www.youtube.com/watch?v=SpNn32HA0SI (https://www.youtube.com/watch?v=SpNn32HA0SI)


หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทที่ 20 เจ้าหญิง [14-03-20] P.8
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 14-03-2020 16:40:35
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทที่ 20 เจ้าหญิง [14-03-20] P.8
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 14-03-2020 23:39:01
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทที่ 20 เจ้าหญิง [14-03-20] P.8
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 15-03-2020 14:22:08
หูยๆๆๆ ตอนนีหวานหยดไปตามทางเลยนะพี่เบิ้มกับป้านต
ถึงแม้จะมี น้องดอก มาขั้นนิดหน่อย ก็ไม่สามารถหยุดความหวานของทั้งคู่ได้
น่ารักสุด ๆ
 :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทที่ 20 เจ้าหญิง [14-03-20] P.8
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 15-03-2020 14:45:03
หวานกันจริงๆ
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< บทที่ 20 เจ้าหญิง [14-03-20] P.8
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 16-03-2020 21:29:35
จะจบแล้วเหรอครับเนี่ย ผ่านไปไวจัง :monkeysad:
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<<Husband and Husband and Happy [The End] 27-04-20
เริ่มหัวข้อโดย: MA_LEE ที่ 27-04-2020 19:01:56



บทที่21
Husband and Husband and Happy [The End]





        เช้านี้ผมตื่นเพราะกลิ่น มันคือกลิ่นหอมของอาหารที่ได้กลิ่นแล้วท้องก็ร้องโดยอัตโนมัติ ที่นอนข้างๆ ว่างเปล่าผมจึงเดินตามกลิ่นเพื่อตามหาเจ้าของที่นอนข้างๆ พี่เบิ้มกำลังทำกับข้าวอยู่หน้าเตาสวมผ้ากันเปื้อนสีครีมที่สวมทับเสื้อกล้ามสีขาวตัวย้วยผมยาวที่รวบไว้หลวมๆ มีหลุดลุ่ยลงมาบ้างทำให้คนที่แอบยืนมองอย่างผมรู้สึกละมุนตาไม่น้อย..หายใจติดขัดแต่เช้าเลยกู


“โอ๊ะ มอร์นิ่งครับที่รัก”


“มะ มอร์นิ่งครับ” ให้ตาย! รอยยิ้มทั้งปากทั้งตามันเล่นงานผมเข้าอีกแล้ว ใจหนอใจ


“Full English Breakfast ที่คุณอยากทานเรียบร้อยแล้วครับเจ้าหญิง” เจ้าหญิงก็ยังคงตามมาหลอกหลอนไม่เลิก


“ทำไมไม่ปลุกผมให้มาช่วยคุณล่ะครับ”


“หน้าที่ของคุณคือทานให้อร่อยครับที่รัก”


“ขอบคุณครับ น่าอร่อยจัง” มื้อเช้าแบบจุกๆ อาหารเช้าตามแบบฉบับอังกฤษที่มีของคาวหลากหลายในจานเดียว


“เชิญทานครับ รับรองอร่อยแต่น้อยกว่าผมนะ”


“...” บ้าบอ อีพี่เบิ้มไม่พูดเปล่าขยิบตาให้อีกต่างหาก ทำใจกูเหลวแต่เช้าเลย


“เย็นนี้เราไปดินเนอร์ที่โรงแรมของผมกันนะครับ ส่วนกลางวันผมให้คุณเลือกว่าคุณอยากไปที่ไหน”


“ฟางพาผมไปจนทั่วแล้วล่ะครับ ผมว่าคุณพักผ่อนอยู่ที่บ้านดีมั้ยครับเมื่อคืนคุณก็นอนดึกแถมยังตื่นเช้ามาทำอาหารให้ผมทานอีก”


“แต่ผมอยากใช้เวลาอยู่กับคุณนะที่รัก” ฝรั่งตัวโตเริ่มทำหน้ามุ่ย


“Duvet Dayไงครับ วันนี้เราหาหนังหนุกๆ ดูสั่งอาหารอร่อยๆ มาทานขลุกอยู่ด้วยกันทั้งวันที่บ้านแค่นี้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันมากพอมั้ยครับ ”


“คร้าบเจ้าหญิง” จากหน้ามุ่ยก็ยิ้มหน้าบานทันที


วันนี้ทั้งวันเรานอนก่ายกันดูหนังไปหลายเรื่องสั่งอาหารจากโรงแรมพี่เบิ้มมาทานเป็นมื้อกลางวัน จิบชาอุ่นๆ พร้อมกับสโคนและเค้กแสนอร่อยที่ระบียงพร้อมกับมองวิวแม่น้ำที่ไหลเอื่อยๆ พักผ่อนอยู่บ้านนี่แหละดีที่สุดจะสุขมากสุขน้อยขึ้นอยู่กับคนที่อยู่ข้างๆ เราต่างหากล่ะว่าเป็นใคร..สุขของผมน่ะเหรอมากมายจนล้น

แต่ที่น่าแปลกวันนี้พี่เบิ้มจับโทรศัพท์บ่อยมากทั้งที่ปกติเวลาอยู่กับผมถ้าไม่มีงานด่วนจริงๆ พี่เบิ้มแทบจะลืมโทรศัพท์ไปเลย..สงสัยงานจะยุ่งจริงๆ














           ดินเนอร์ระดับพรีเมียมพร้อมกับวิวสุดหรู ณ โรงแรมใจกลางกรุงลอนดอน ผมไม่ได้อยู่ในส่วนของห้องอาหารแต่ผมอยู่ในห้องลับที่ซ่อนอยู่ในห้องทำงานของพี่เบิ้มบนชั้นหนังสือในห้องทำงานมีปุ่มเล็กๆ ซ่อนอยู่เมื่อกดมันชั้นหนังสือก็จะเลื่อนออกเผยให้เห็นห้องสูทสุดหรูที่มีกระจกบานใหญ่มองเห็นวิวลอนดอนที่อยู่เบื้องล่างและทาวเวอร์บริดจ์สะพานข้ามแม่น้ำเทมป์ได้อย่างชัดเจน


“คืนนี้เราค้างที่นี่ดีมั้ยครับ คุณจะได้เปลี่ยนบรรยากาศ” หลังจากอิ่มแปล้จนตัวแทบแตกกับมื้อค่ำแสนอร่อยพี่เบิ้มก็ชวนมานั่งเอกขเนกชมวิวลอนดอนยามค่ำคืนที่หน้ากระจกบานใหญ่


“เสื้อผ้าผมล่ะครับ” ไม่บอกล่วงหน้าเล่า


“ไม่มีปัญหาที่รัก เสื้อผ้าของผมในตู้คุณเลือกใส่ได้ตามสบายครับ”


“...” ดูขนาดตัวกูด้วยครับ


“ตกลงนะครับ”


“ครับ” แล้วผมจะตอบอะไรได้เล่า


“โอ๊ะ ผมขอออกไปคุยธุระกับพอลสักครู่นะครับ ถ้าคุณอยากได้อะไรเพิ่มเรียกรูมเซอร์วิสได้เลยนะที่รัก”
พี่เบิ้มรีบบอกผมก่อนจะกดรับโทรศัพท์ปลายสายจากพอลที่สั่นไม่หยุดพร้อมกับท่าทางร้อนรนออกจากห้อง..ทำตัวน่าแปลกจริงๆ แหละวันนี้
 



หนึ่งชั่วโมงผ่านไปพี่เบิ้มยังไม่กลับมาไหนบอกแป๊บเดียวไงวะ ขณะที่กำลังลังเลอยู่ว่าจะส่งข้อความไปหาดีมั้ยข้อความจากพี่เบิ้มก็ส่งมาพอดี
 
‘ที่รักตอนนี้ผมอยู่บนชั้นดาดฟ้า คุณขึ้นมาหาผมหน่อยสิครับ’
 
ดาดฟ้า? แม้จะงงๆ แต่ผมก็ออกไปยังชั้นดาดฟ้าตามที่พี่เบิ้มบอกอย่างว่าง่าย เมื่อลิฟต์หยุดยังชั้นบนสุดผมเดินตรงไปตามทางเดินก่อนจะหยุดที่ประตูบานใหญ่ก่อนจะผลักมันด้วยสองมือแรงลมปะทะใบหน้าแต่ไม่เท่าภาพที่ปรากฎอยู่เบื้องหน้ามันทำให้ผมอึ้งแทบก้าวขาไม่ออก..

เทียนเล่มเล็กสีขาวจุดไปตามทางเดินยาวไปจนถึงซุ้มกุหลาบเล็กๆ ที่พี่เบิ้มยืนอยู่ในมือถือช่อดอกไม้สีขาวและผ้าพันคอสีฟ้า..อย่าบอกนะว่าที่วันนี้ทำตัวแปลกๆ และหายไปเกือบชั่วโมงเพื่อมาเตรียมอะไรพวกนี้ ความตื่นเต้นแผ่ช่านไปทั่วร่างก่อนที่ผมจะก้าวเดินไปตามทางเดินช้าๆ และหยุดอยู่ตรงหน้าผู้ชายตัวโตที่ยืนยิ้มให้ผมทั้งปากทั้งตาแต่นัยน์ตาคู่สีเทานั้นแฝงไปด้วยความประหม่าไม่น้อย


“สวมนี่ก่อนครับ” ผ้าพันคอสีฟ้าถูกสวมลงมาที่คอของผมอย่างอ่อนโยน มันคือผ้าผืนใหม่ไม่ใช่ของอีซูซี่แต่อย่างใดและถ้าผมตาไม่ฝาดที่ปลายของผ้าพันคอมีชื้อของผมปักไว้


“ขอบคุณครับ”


“แล้วนี่ครับ ดอกไม้สำหรับคุณ”


“ขอบคุณครับ” คำขอบคุณเป็นเพียงคำเดียวที่ผมนึกออกในตอนนี้


“ที่รัก..”


“...” อ่า เหตุการณ์แบบนี้มันคล้ายกับ..ฝัน?!

พี่เบิ้มคุกเข่าลงกับพื้นก่อนจะกุมมือของผมไว้และเอื้อนเอ่ยประโยคที่ทำให้ผมน้ำตาคลออย่างง่ายดาย


“ช่วงเวลาที่เราได้อยู่ด้วยกันผมมีความสุขมาก การลืมตาตื่นขึ้นมาในตอนเช้าแล้วเห็นใบหน้าของคุณเป็นคนแรกมันทำให้ผมมีพลังที่จะต่อสู้กับงานได้ทั้งวันได้อย่างน่าอัศจรรย์ ผมเคยสัญญากับคุณว่าจะทำให้คุณมีความสุขที่สุดได้โปรดให้ผมได้ทำตามสัญญา ผมอยากดูแลคุณให้คุณมีความสุขมาเป็นครอบครัวเดียวกันนะที่รัก ให้ผมได้ดูแลคุณไปตลอดชีวิตของผม ตลอดชีวิตของคุณ..ตลอดชีวิตของเรา แต่งงานกับผมนะครับ


ฝัน..ผมยังไม่ตื่นจากฝัน?


“...” เจ็บ! ผมแอบจิกมือตัวเองเพื่อให้ตื่นจากฝัน แต่นี่มันคือความจริง..คำพูดและการกระทำของพี่เบิ้มในตอนนี้มันคือเรื่องจริง..พี่เบิ้มกำลังคุกเข่าขอผมแต่งงาน!!


“ที่รัก..”


“ตกลง!..ผมตกลงครับ” ไม่มีเหตุเลยที่ผมต้องปฏิเสธเพราะผมก็มีความสุขที่ได้อยู่กับพี่เบิ้มเช่นกัน


“ขอบคุณ ขอบคุณที่รัก ผมรักคุณ” น้ำเสียงพี่เบิ้มสั่นเครือพร้อมกับน้ำตาที่เอ่อคลอส่วนน้ำตาของผมน่ะเหรอไหลออกมาเป็นที่เรียบร้อย..

นิ้วนางข้างซ้ายของผมถูกสวมด้วยแหวนเงินด้วยมือที่สั่นเทาของพี่เบิ้มซึ่งมือของผมก็สั่นไม่ต่างกัน จากนั้นพี่เบิ้มก็ลุกขึ้นก่อนจะสวมกอดผมด้วยความแนบแน่นพร้อมคำบอกรักที่พรั่งพรูออกมาไม่หยุด
 

ให้ตาย ความรู้สึกถูกขอแต่งงานมันเป็นอย่างนี่นี่เอง..อกแทบระเบิด
 

“ยินดีด้วยจ้า”


“ดีใจด้วยนะมึง”


“ดีใจด้วยนะมึงเป็นฝั่งเป็นฝาสักที”


“ยินดีด้วนนะครับพี่ณต เจเรมี่”


“เฮ้ย! มากันได้ไง” แก๊งเพื่อนของผมเดินออกมาจากหลังประตูอย่างพร้อมหน้ารวมถึงซันนี่ โจเซฟและพอล ในมือต่างก็ถือดอกกุหลาบสีขาวกันคนละดอกก่อนจะมอบให้ผมและสวมกอดด้วยความยินดี


“เพื่อนกูจะมีผัวอย่างเป็นทางการแล้วจ้าาาาา” อีซูซี่ตะโกนออกมาด้วยความดีใจพร้อมกับน้ำตาที่เอ่อคลอ ส่วนไอ้ฟางร้องไห้สะอึกสะอื้นตั้งแต่เดินออกมาจากประตู บ้าเอ้ย น้ำตากูหยุดไหลไปแล้วนะต้องมาเขื่อนแตกกับพวกมึงอีกรอบ ฮือออออ

..มีผัวอย่างเป็นทางการเหรอ เออ ผัวก็ผัว ยังไงมันก็คือความจริงถ้าแต่งงานกันแล้วเราก็ต่างเป็นสามีของกันและกันซึ่งมันแน่นอนอยู่แล้ว


 
หลังจากเหตุการณ์เซอร์ไพรส์ถูกขอแต่งงานท่ามกลางลมหนาวก็มีอาฟเตอร์ปาร์ตี้เล็กๆ กับผองเพื่อนผู้น่ารักและน่ารำคาญในบางเวลาที่อุตส่าห์เดินทางไกลข้ามน้ำข้ามทะเลเพื่อร่วมแสดงความยินดีโดยมีอีพี่เบิ้มเป็นเจ้าภาพอาสาจัดการค่าใช้จ่ายในการเดินทางให้ทั้งหมดพร้อมกับที่พักสุดหรูใจกลางกรุงลอนดอน..ไม่อยากจะคิดถ้ากูเซย์โนคงจะหน้าแหกมิใช่น้อยแต่กระเป๋าน่ะไม่แหกหรอกแค่นี้ขนหน้าแข่งแม่งไม่ร่วงหรอก

เมื่อเวลาล่วงเลยใกล้เที่ยงคืนทุกคนก็แยกย้ายเข้าห้องพักส่วนผมและพี่เบิ้มคืนนี้เราพักกันที่ห้องลับที่ซ่อนอยู่ในห้องทำงานของพี่เบิ้ม


“อื่อ เดี๋ยวก่อนสิครับ” ประตูห้องยังปิดไม่สนิทอีพี่เบิ้มก็จู่โจมผมด้วยจูบทันที


“ก็ผมดีใจ อยากจูบคุณแทบแย่ผมอดทนมาตั้งสามชั่วโมงให้รางวัลผมหน่อยนะครับ” รางวัลอะไรมิทราบ


‘จุ๊บ’ ผมจุ๊บเบาๆ ที่ริมฝีปากได้รูปของว่าที่เจ้าบ่าวเพื่อเป็นรางวัล..ว่าที่เจ้าบ่าวเหรอ เขินแฮะ


“ดีพคิสต่างละครับ” ได้คืบจะเอาศอกนะมึง


“ไปอาบน้ำก่อนครับ”


“อาบน้ำแล้วเราจะดีพคิสกันใช่มั้ยครับ” กูเกลียดดวงตาเป็นประกายของมึงจริงๆ


“ครับ” เอาน่า แค่จูบน่ะพอไหว


“อยากแต่งงานกับคุณไวๆ จัง ผมจะดีพคิสคุณทั้งเช้าทั้งเย็นเลย ” เห็นอนาคตมาแต่ไกล ปากเปื่อยแน่ๆ กู


“เรื่องแต่งงานเราต้องไปคุณกับพ่อแม่ของผมก่อนนะครับ” คนมีพ่อมีแม่นะเว้ย จะรีบร้อนไปไหนไม่หนีหายไปไหนหรอกน่า


“คุยเรียบร้อยแล้วครับ ท่านอนุมัติครับ”


“ฮะ! ตั้งแต่เมื่อไหร่?”


“เมื่อสองวันที่แล้วครับ เผื่อคุณไม่รู้ตอนนี้พ่อกับแม่ของผมพักอยู่ที่รีสอร์ทของครอบครัวคุณ”


“ฮะ!” เออสิ กูไม่รู้ เมื่อวานก็โทรไปหาแม่ไม่เห็นแม่จะบอกอะไรผมสักคำ


“เซอร์ไพรส์ไงที่รัก”


“เหอะ ถ้าเกิดวันนี้ผมเซย์โนคุณจะทำยังไง”


“ผมมั่นใจว่าคุณจะเซย์เยส คุณรักผมที่รักแล้วผมก็รักคุณ”


“...” อืม ไม่เถียงเพราะมันคือเรื่องจริง


อ่า จูบ จูบกูอีกแล้วไม่ต้องรอแต่งงานหรอกแค่นี่ปากกูก็เปื่อยแล้วล่ะ


“อื่อ หยุดก่อนครับ ไปอาบน้ำก่อน” ผมรีบดันอกหนาให้ผละออกก่อนที่ดีพคิสมันจะเลยเถิด


“ถ้าอย่างนั้นคุณอาบก่อนเลยที่รักเดี๋ยวผมขอคุยกับแม่ผมก่อนนะครับ ทางนั้นก็ลุ้นจะแย่แล้ว” นี่มันครอบครัวนักเซอร์ไพรส์หรือไง ไม่อยากจะเชื่อว่าครอบครัวคาร์สันไปคุยกับครอบครัวของผมเรียบร้อยแล้ว


“โอเคครับ” คุณนายดุจดาวนะคุณนายดุจดาวตกลงง่ายๆ ได้ยังไง ไม่ถงไม่ถามอะไรผมสักคำ พรุ่งนี้ต้องโทรไปบ่นสักหน่อยแล้ว ฮึม







“ดะ เดี๋ยวคุณ!” นี่มันมากกว่าดีพคิสแล้วนะเมื่อมือหนาล้วงเข้ามาในเสื้อลูบไล้อย่างจาบจ้วง


“ที่รัก คุณกำลังยั่วผม”


ให้ตาย ถ้าถามว่าเกิดอะไรขึ้นล่ะก็..หลังจากผมอาบน้ำเสร็จพี่เบิ้มก็มองผมด้วยสายตาหื่นกระหายก่อนจะเข้าไปอาบน้ำและออกมาจากห้องน้ำโดยสวมบ๊อกเซอร์เพียงตัวเดียวถือว่าเป็นโชคดีของผมที่พี่มันไม่ล่อนจ้อนออกมาเหมือนครั้งก่อนและตอนนี้ผมกำลังโดนควายเผือกขย้ำเพราะเสื้อเชิ้ตสีขาวเป็นเหตุ!


“ผมไม่ได้ทำอะไรเลยนะ คุณ..อื้อออ” ไม่ฟังกูเลยแถมยังหุบปากของผมด้วยจูบอย่างเร่าร้อน


“อ่า ที่รักแค่ดีพคิสมันไม่พอคุณรู้อะไรมั้ยแค่เห็นคุณสวมเสื้อเชิ้ตของผมความอดทนของผมก็แทบจะขาดแล้วที่รัก”
ทุกคนคงจะงงว่าเสื้อเชิ้ตของอีพี่เบิ้มมันทำไม จำคำพูดของอีพี่เบิ้มได้มั้ยครับที่ชวนผมค้างที่โรงแรมแล้วบอกว่าเสื้อในตู้เลือกใส่ได้ตามสบาย เหอะแต่ขอโทษ ทั้งตู้มีแต่เสื้อเชิ้ตสีขาวและเสื้อกล้ามตัวย้วยที่อีพี่เบิ้มมันชอบใส่ นี่ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันทำไมชอบใส่เสื้อย้วยๆ ระดับพี่มันจะซื้อเสื้อใหม่สักกี่ตัวหรือซื้อโรงงานผลิตเสื้อแม่งไปเลยก็ยังได้! เมื่อมีเพียงสองตัวเลือกแน่นอนผมเลือกที่จะใส่เสื้อเชิ้ตสีขาวฝันไปเหอะว่าผมจะใส่ไอ้เสื้อกล้ามตัวย้วยนั่นก็แขนแม่งเว้าลึกจนเห็นหัวนมน่ะสิ ปัดโธ่
แล้วใครจะไปคิดว่าอีพี่เบิ้มแม่งจะหื่นเพียงแค่เห็นผมใส่เสื้อเชิ้ตสีขาวตัวโคล่งเพียงตัวเดียว อ่อแต่ข้างในยังสวมบ๊อกเซอร์ไว้อยู่นะแม้ชายเสื้อจะบังมิดจนมองไม่เห็นก็เหอะ


“ก็คุณมีแค่เสื้อเชิ้ต หรือจะให้ผมเปลี่ยนไปใส่เสื้อตัวเดิมครับ”


“No! ใส่แบบนี้ดีแล้วผมชอบ คุณเซ็กซี่เป็นบ้า” พูดจบอีพี่เบิ้มก็ประกบจูบลงมาที่เรียวปากของผมอีกครั้ง..กูเชื่อละว่าแม่งหื่นจริง จูบที่เร่าร้อนพร้อมกับปลายลิ้นที่ดูดกลื่นทุกสิ่งในโพรงปากของผมเล่นเอาหายใจติดขัด


“อื่อ หยุดก่อนครับ ผมหายใจไม่ทัน!” หอบแฮกๆ แล้วเนี่ย


“อ่า ที่รักขอให้ผมนะครับ ผมรอจนถึงงานแต่งงานไม่ไหวแน่ๆ ตรงนี้มันทรมานมากเลยที่รัก” พี่เบิ้มกุมมือของผมก่อนจะแนบไปที่หน้าอกของตัวเองที่หัวใจกำลังเต้นรัวก่อนจะเคลื่อนมือของผมไปยังแกนกายของตัวเองที่กำลังขยายตัวถึงขีดสุดจนผมอดรู้สึกอึดอัดแทนไม่ได้..ผมเข้าใจเพราะผมก็เป็นผู้ชายเหมือนกัน


“ไหนบอกแค่ดีพคิสไงครับ”


“มันไม่พอที่รัก ได้โปรด”


“ผม..กลัว”


“แค่เชื่อใจผมที่รัก” พี่เบิ้มจ้องลึกเข้ามาในดวงตาของผมอย่างมาดมั่น


“มะ มันต้องเจ็บมากแน่ๆ” อีซูซี่บอกว่าเจ็บเท่ามดกัดแต่ผมไม่อยากจะเชื่อมันสักเท่าไหร่ก็ครั้งก่อนโดนแค่นิ้วยังเกือบตายไข้แดกไปสามวันนี่ถ้าโดนงูหลามเผือกของอีพี่เบิ้มมันทั้งดุ้นผมจะไม่ตายจริงๆ เหรอวะ แค่คิดก็จะร้องไห้แล้ว ฮือออ


“ผมจะอ่อนโยนอย่างที่สุดครับ”


“...”


“เรามาเป็นของกันและกันนะที่รัก”


‘เจ็บแต่ทนไหว จากนั้นพี่ณตก็จะมีความสุข เพราะเรากำลังเชื่อมต่อเป็นหนึ่งเดียวกันกับคนที่เรารัก’

คำพูดของซันนี่ที่เคยพูดไว้กับผมดังก้องขึ้นมารวมทั้งสายตาของพี่เบิ้มที่อ่อนโยนแต่ก็เว้าวอนอยู่ในทีทำให้ผมไม่อยากจะปฏิเสธอีกแล้ว


“มะ ไม่เอาเจ็บมากนะครับ”


“ผมจะพยายามอย่างที่สุดที่รัก” พี่เบิ้มพูดด้วยรอยยิ้มกว้างก่อนจะจูบหน้าผากของผมอย่างอ่อนโยน
จากนั้นพี่เบิ้มก็หยิบอุปกรณ์ที่ใช้ในการร่วมรักออกมาจากลิ้นชักแล้วกองมันไว้บนเตียง..นี่มึงเตรียมการตั้งแต่เมื่อไหร่?!
การเล้าโลมผ่านไปอย่างเนิบช้าและใจเย็นของพี่เบิ้มเมื่อร่างกายของผมตื่นตัวกับสัมผัสวาบหวามที่พี่เบิ้มปรนนิบัติให้ก็ถึงขั้นตอนต่อไปที่ผมนึกกลัว


“ผมจะใส่นิ้วเข้าไปนะที่รัก ผ่อนคลายนะครับ”


“...” เกร็ง กูเกร็งบอกเลยเมื่อสัมผัสถึงความเย็นของเจลหล่อลื่นที่พี่เบิ้มชโลมทั่วช่องทางด้านหลังของผม


“เจ็บมั้ยครับ” นิ้วเรียวยาวของที่เบิ้มสอดเข้ามาอย่างช้าๆ


“มันแปลกๆ”


“โอเคเด็กดี ผมจะขยับเข้าออกช้าๆ นะ”


“อะ”


“เจ็บเหรอครับ”


“มันอึดอัด” รู้สึกแบบเดียวกันเหมือนครั้งก่อนมันแปลกๆ อย่างบอกไม่ถูก


“โอเค เรามาเพิ่มอีกนิ้วกันดีกว่า” พี่เบิ้มคอยบอกผมทุกขั้นตอนอย่างอดทนและค่อยๆ ทำให้ผมอย่างใจเย็นทั้งๆ ที่สายตานั่นอยากจะขย่ำผมเต็มแก่
นิ้วที่สองผ่านไปและจบที่สามนิ้วในการเบิกทางให้ร่างกายของผมคุ้นชินทั้งสามนิ้วยังคงขยับเข้าออกในจังหวะที่สม่ำเสมอก่อนที่ความรู้สึกเสียวซ่านจะแผ่ไปทั่วร่างเมื่อมืออีกข้างของพี่เบิ้มรูดรั้งแกนกายขึ้นลงตามจังหวะของนิ้วที่ขยับเข้าออกทางช่องทางด้านหลังของผม


“อะ อ๊ะ”


“เด็กดี คุณน่าจะพร้อมแล้วผมจะค่อยๆ ใส่ของผมเข้าไปนะครับ” เจลหล่อลื่นถูกชโลมลงมาที่ช่องทางด้านหลังของผมอีกครั้งและแกนกายของพี่เบิ้มที่สวมเครื่องป้องกันเรียบร้อยแล้วก่อนจะจ่อมาที่ช่องทางด้านหลังของผมทำเอาผมกลั้นหายใจโดยไม่รู้ตัว


“ผ่อนคลายที่รัก เชื่อใจผม เราจะมีความสุขไปด้วยกัน” สองมือหนาสอดประสานกับมือของผมพร้อมกับจูบซับหน้าผากอย่างอ่อนโยน


“อึก” เจ็บ! ผมบีบมือของพี่เบิ้มแน่นพร้อมกับกัดริมฝีปากของตัวเองเพื่อระบายความเจ็บจนได้กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งไปทั่วโพรงปากก่อนที่พี่เบิ้มจะประกบจูบลงมาเพื่อหยุดการกระทำของผม


“กัดผมที่รัก ถ้าคุณเจ็บระบายความเจ็บมาที่ผม” ผมส่ายหน้าอยู่บนหมอนพร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกจากทางหางตา

‘งับ’ แต่แล้วก็ทนไม่ไหวเมื่อพี่เบิ้มกระแทกตัวเข้ามาจนสุดผมจึงกัดหัวไหล่ของพี่เบิ้มอย่างเต็มแรง


“เจ็บ! มันเจ็บ ฮือออ” ไม่ไหวของพี่เบิ้มมันใหญ่เกินไป ฮือออ


“เด็กดี มันเข้าไปแล้วเข้าไปหมดแล้วที่รักคุณเก่งมาก” คำปลอบประโลมพร้อมกับการจูบซับน้ำตาให้อย่างอ่อนโยนทำให้ผมผ่อนคลายลง


“ผมจะเริ่มขยับช้าๆ นะครับ”


“...”


“รัดแน่นเกินไปแล้วที่รัก ผ่อนคลายหน่อยครับ ยิ่งคุณรัดแน่นมากขึ้นผมกลัวจะไม่อ่อนโยนกับคุณนะที่รัก” แล้วจะให้ทำยังไงเล่า!


“ฮือออ” ร้องไห้อีกรอบแม่ง


“ขอโทษที่รัก ผมสัญญาผมจะอ่อนโยนให้มากที่สุดไม่เอาไม่ร้องนะเจ้าหญิงของผม” ในระหว่างที่ปลอบประโลมสะโพกของพี่เบิ้มก็ขยับเข้าออกช้าๆ พร้อมกับจูบที่ดูดดื่่มเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ..น่าแปลกไม่นานความเจ็บปวดทั้งหลายก็หลงเหลือเพียงน้อยนิดก่อนที่ความเสียวซ่านจะแทรกซึมเข้ามาแทนที่


“อ่าาา” เมื่อปากถูกปล่อยให้เป็นอิสระเสียงร้องน่าอายก็ถูกปลดปล่อยออกมาอย่างควบคุมไม่อยู่


“ชอบมันมั้ยที่รัก อ่า”


“อ๊ะ”


“เด็กดี คุณเก่งมากที่รัก”


“อะ อ่า” เสียงร้องที่อดกลั้นไม่ได้ของผมเสียงหอบหายใจอันหนักหน่วงของพี่เบิ้มและเสียงหยาบโลนเมื่อเนื้อกระทบกันดังปนกันไปทั่วห้อง


“ผมรักคุณที่รัก ได้โปรดดูดกลืนผมเข้าไปให้ลึกที่สุด” พี่เบิ้มกระซิบเสียงแหบพล่าก่อนจะกดสะโพกเข้ามาจนสุดและขยับเข้าออกอย่างถี่รัว


“อ่า ลึกไป!”


“I just want you to feel me baby”


“อ่า”


“Do you feel me?”


“Ahh too big” มันใหญ่กว่าเดิมให้ตาย!


“อา อ๊ะ”


“You like it?”


“Yeah I like it!” แต่ผมก็ไม่สามารถปฏิเสธมันได้เลยว่ามันรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก


“Good boy I feel so good”


“อะ อ๊ะ ไม่ไหว จะ.จะถึงแล้ว แฮก”


“Ahh Cum with me baby” มือหนารูดรั้งแกนกายของผมถี่รัวไม่ต่างกับสะโพกหนาที่ขยับเข้าออกอย่างหนักหน่วง


“อ๊ะ อ่าาาาา” ร่างของผมกระตุกเกร็งพร้อมกับของเหลวสีขาวพวยพุ่งเลอะเปรอะเปื้อนไปทั่วหน้าท้องสมองนั้นขาวโพลนไร้สติไปชั่วขณะ


“เก่งมากที่รัก รอผมอีกนิดนะครับ” เสียงทุ้มกระเส่ากระซิบบอกก่อนจะจูบซับลงมาที่เรียวปากแนบแน่นจากนั้นสองมือหนาก็ประคองสะโพกของผมไว้มั่นและเริ่มขยับแกนขายเข้าออกอีกครั้งอย่างถี่รัวจนหัวของผมสั่นคลอนไปตามแรงกระแทกแห่งอารมณ์ปรารถนาจากนั้นการปลอดปล่อยที่มาพร้อมกับแรงกระตุกก็ทำให้ร่างของผมสั่นเกร็งตามไปทั้งร่างเสียงหอบหายใจของพี่เบิ้มนั้นหนักหน่วงก่อนที่คนตัวโตจะซบลงมาที่อกของผมจนร่างของเราแนบชิดแทบจะกลายเป็นร่างเดียวกัน..


“ที่รักผมรักคุณ” พี่เบิ้มจูบซับที่หน้าผากอย่างอ่อนโยนก่อนจะถอนแกนกายออกช้าๆ และถอดเครื่องป้องกันที่เต็มไปด้วยของเหลวสีขาวขุ่นจากนั้นก็โยนลงถังขยะที่อยู่ตรงมุมห้องได้อย่างแม่นยำผมมองทุกการกระทำของพี่เบิ้มด้วยสายตาเลื่อนลอยเพราะตอนนี้วิญญาณเหมือนได้หลุดออกไปจากร่างเรียบร้อยแล้ว..


พี่เบิ้มเช็ดตัวให้ผมอย่างอ่อนโยนพร้อมกับเอ่ยคำขอโทษและคำบอกรักไม่ขาดปากก่อนจะป้อนยาเม็ดสีขาวให้ไม่รู้ว่ามันคือยาอะไรแต่ผมก็ยอมกลืนยาเม็ดเล็กลงไปโดยไม่มีงอแงเพราะเรี่ยวแรงหมดสิ้นรับรู้เพียงความร้าวระบมตรงสะโพกก่อนจะหลับไปในที่สุด



 อ่านต่อด้านล่างค่ะ

หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<<Husband and Husband and Happy [The End] 27-04-20 P.8
เริ่มหัวข้อโดย: MA_LEE ที่ 27-04-2020 19:10:16
“ฮือออออ” ผมร้องไห้ก่อนเลยเมื่อตื่นขึ้นมาพร้อมกับความเจ็บปวด ฮือ แค่ขยับตัวก็ร้าวไปถึงทรวงใน


“ที่รักเป็นอะไรครับ!” พี่เบิ้มวิ่งออกมาจากห้องน้ำด้วยสีหน้าแตกตื่น


“ผมเจ็บบบ ปวดไปหมดทั้งตัว ฮือออออ” งอแงบอกเลย


“ไปหาหมอนะครับที่รัก”


“ฮือออ ไม่ไป” จะให้บอกหมอว่าเสียตัวให้กับคุณแฟนก็เลยป่วยงี้ ครั้งก่อนที่ไข้ขึ้นเพราะโดนนิ้วก็ทีนึงละใครจะกล้าไปส่วนครั้งนี้ก็ฝันไปเหอะว่าจะไป


“ที่รัก~” พี่เบิ้มสีหน้าอ่อนใจกับความงอแงของผม


“ฮือ ผมหิว” เมื่อคืนใช้เรี่ยวแรงไปจนหมดเกลี้ยงพอตื่นขึ้นมาท้องมันก็ร้องโครกครากไอ้เจ็บก็ส่วนเจ็บแต่ตอนนี้หิวมากบอกเลย


“งั้นเดี๋ยวผมสั่งข้าวโอ๊ตตุ๋นให้นะครับ” แหวะ


“ผมอยากทาน Full English Breakfast ฮืออ”


“ผมว่าคุณทานของอ่อนๆ ดีกว่านะครับ”


“ฮือออ” กูจะร้องไห้ให้น้ำตาหมดตัวไปเลยคอยดู


“โอเคครับเจ้าหญิงเดี๋ยวผมโทรสั่งให้นะครับ” พี่เบิ้มเช็ดน้ำตาให้ผมป้อยๆ ด้วยสายตาเอ็นดูก่อนจะโทรหารูมเซอร์วิสสั่งสิ่งที่ผมอยากทาน


“ตัวคุณไม่ร้อนโชคดีที่ผมให้คุณทานยาตั้งแต่เมื่อคืนแต่ถ้าคุณเจ็บจนทนไม่ไหวต้องบอกผมนะครับผมจะพาคุณไปหาหมอ”


“ผมโอเค ผมทนไหวเดี๋ยวทานยาอีกก็คงดีขึ้นครับ” ไม่ไหวก็ต้องบอกไหว ยังไงกูก็ไม่ไปหาหมอแน่ๆ


“ขอโทษนะครับที่ทำให้คุณเจ็บ” พี่เบิ้มลูบแก้มของผมแผ่วเบาด้วยสายตาที่หม่นแสง


“ขอโทษทำไมล่ะครับคุณไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อยอีกอย่างคุณก็เจ็บเหมือนกัน” ผมลูบรอบเขี้ยวของตัวเองที่ฝังอยู่บนหัวไหล่ของพี่เบิ้มทั้งสองข้าง


“แผลแค่นี้ผมไม่เจ็บเลยสักนิดที่รัก ดีซะอีกที่ผมได้แบ่งเบาความเจ็บมาจากคุณ” พี่เบิ้มจูบซับลงมาที่หน้าผากของผมอย่างอ่อนโยนก่อนจะออกไปยังห้องทำงานเพื่อรอรับมื้อเช้าสำหรับผม


ผ่านมื้อเช้าไปอย่างง่อยๆ เมื่อคนแขนเดี้ยงพยายามป้อนข้าว..พี่มึงลืมอะไรไปหรือเปล่ามึงยังไม่ได้ถอดเฝือกออกนะเว้ยแล้วเมื่อคืนก็ใช้แขนทั้งอุ้มทั้งค้ำทั้งยันไม่ได้เกรงใจเฝือกบนแขนของพี่มึงเลย
 


“ที่รักเพื่อนคุณมาหาอยากเจอมั้ยครับหรือรอให้คุณหายดีก่อน” ผมเข้าใจในความห่วงของพี่เบิ้ม


“เดี๋ยวผมออกไปหาพวกเขาข้างนอกครับ อ๊ะ” แค่ลุกขึ้นยืนก็โงนเงนยิ่งกว่าคนเมากูจะรอดมั้ยวะเนี่ย


“ผมอุ้มนะครับ” บ้าเอ้ย ไม่เกรงใจเฝือกมึงอีกแล้ว เช้านี้ก็อุ้มผมเข้าห้องน้ำมาสองรอบแล้วนะ


“ไม่ครับ แค่ช่วยพยุงก็พอ”


“ให้พวกเขาเข้ามาข้างในห้องดีกว่ามั้ยครับ”


“แต่ห้องคุณ..” ก็พี่เบิ้มหวงพื้นที่ส่วนตัวจะตายส่วนห้องนี้ก็ไม่เคยมีใครเคยเข้ามาก่อนและผมก็คือคนแรก

 
“ไม่เป็นไรที่รักเพราะพวกเขาคือเพื่อนของคุณ” พี่เบิ้มยิ้มให้อย่างอ่อนโยนก่อนจะเดินออกจากห้องเพื่อเชิญผองเพื่อนของผมให้เข้ามาในห้องลับ

 
“ห้องนี้เจ๋งชะมัด มีปุ่มกดเปิดประตูอยู่ที่ชั้นหนังสืออย่างกับหนังเรื่องThe Equalizer2 แต่ห้องแม่งต่างกันลิบลับนี่มันห้องสูทสุดหรูวิวระดับสิบดาวเลยนะเนี่ย” ไอ้ดอยพูดอย่างตื่นเต้นก่อนจะชื่นชมวิวลอนดอนที่อยู่เบื้องล่าง


“มึงโอเคใช่มั้ยเนี่ย” ไอ้ฟางนั่งลงบนเตียงก่อนจะถามผมด้วยสีหน้าเป็นห่วง


“กูโอเค” แต่ในใจนึกสงสัยว่าพวกมันจะรู้มั้ยว่าที่ผมป่วยสาเหตุมาจากอะไร


“คุณบอสของมึงเนี่ยรุนแรงเหมือนกันนะเนี่ยเล่นเอาเพื่อนกูเปลี้ยขนาดนี้” สัด! รู้เฉยเลย


“พวกมึงรู้..”


“แน่สิยะ ก็ยาที่มึงแดกกับอุปกรณ์ทั้งหลายแหล่ที่มึงใช้เมื่อคืนกูนี่แหละเป็นคนแนะนำให้กับเจเรมี่” อีซูซี่นั่งลงข้างๆ ไอ้ฟางก่อนจะพูดยืดอกภูมิใจกับความเป็นผู้เชี่ยวชาญของมัน..บ้าบอนี่พวกมึงวางแผนกันเรอะ


“พี่ณตมีความสุขมั้ยครับเมื่อคืน..” ซันนี่ถ้าจะอายม้วนขนาดนั้นไม่ต้องถามก็ได้นะ นี่ก็เขินตามจะแย่


“ก็..มีความสุขสิ แต่ตอนนี้เหมือนลงนรกร้าวระบมไปทั้งตัว”


“เอาน่าครั้งแรกก็แบบนี้แหละ เจ็บเท่าหมดกัด” มดกันพ่องนี่มันควายเผือกขวิดชัดๆ


“มดกัดบ้านมึงสิอีซูซี่ กูแทบเดินไม่ได้มั้ย”


“มึงแดกยาแล้วเดี๋ยวก็หายน่า ตอนนี้ไข้ก็ไม่มีนิ” นั่นมือหรือตีนทาบลงมาที่หน้าผากกูวะ


“ว่าแต่ผัวมึงไปไหน” ทุกคนมากันครบยกว้นผัวกล้ามปูของอีซูซี่


“อยู่ยิมข้างล่างจ้ะ”


“ไม่ได้เข้ายิมวันเดียวกล้ามมันจะฟีบเหรอวะ”


“นี่อย่าว่ามายสวีทฮาร์ตของกูนะ”


“...” เหอะ ผมและไอ้ฝางได้แต่กรอกตา


“ณตมึงอยากหายเร็วขึ้นมั้ยกูมีวิธี” ไอ้ดอยเสนอหลังจากที่มันเดินสำรวจห้องจนทั่ว แบบนี้แหละนิสัยสถาปนิกหนุ่มไฟแรงอย่างมันเห็นห้องที่น่าสนใจเป็นต้องเผือก เอ้ย สำรวจไปทุกซอกทุกมุม


“วิธีไรวะ”


“หนามยอกก็ต้องเอาหนามบ่งคืนนี้ให้คุณบอสของมึงจัดหนักๆ อีกสักดอกสิ”


“พ่อง! กูได้ตายห่าก่อนจะหายนะสิ”


“เอ้า วิธีนี้ได้ผลจริงๆ นะเว้ย ไม่เชื่อถามตะวันของกูสิ”


“พี่ดอย!” แล้วซันนี่ก็ป๊าบเข้าให้ที่ต้นแขนของมัน สมน้ำหน้า..ว่าแต่หายจริงเหรอว่ะ? ผมหันไปมองหน้าพี่เบิ้มเพื่อขอความเห็นแต่แม่งลืมไปว่าพี่มันฟังภาษาไทยออกซะที่ไหน ปัดโธ่ นั่งงงเป็นควายเผือกตาแตกอยู่เนี่ย
 





[ว่าไงจ๊ะว่าที่เจ้าบ่าว] หลังจากผองเพื่อนผู้น่ารักและน่ารำคาญในบางเวลากลับไปแล้วคุณนายดุจดาวก็ส่งเสียงตามสายทางไกลจากเชียงใหม่ตามมาทันที


“แม่นะแม่ ยกลูกชายคนเดียวให้คนอื่นโดยไม่บอกกันสักคำ”


[บอกทำไมละจ๊ะ ยังไงลูกของแม่ก็เซย์เยสอยู่แล้ว]


“แม่อ่ะ” บ้าบอ เถียงไม่ออกเลย


[ไม่ต้องทำบ่นเลย แม่รู้ว่าลูกรักเจเรมี่แล้วเจเรมี่ก็รักลูกยังไงสักวันลูกก็ต้องแต่งงานกัน แม่ดีใจมากนะที่ลูกจะเป็นฝั่งเป็นฝาสักทีส่วนทางครอบครัวเขาก็ดีใจและตื่นเต้นไม่แพ้กัน]


“...” รู้สึกขอบตาร้อนผ่าวอย่างบอกไม่ถูก


[แม่รักลูกนะ]


“ณตก็รักแม่ครับ” ผมบอกรักแม่ด้วยเสียงที่สั่นเครือ


[อย่าร้องไห้นะ ฮึบไว้]


“ไม่ร้องสักหน่อย” ไม่ได้ร้องแต่เสียงสูดน้ำมูกดังฟืดฟาด


[เด็กขี้แย] คุณนายดุจดาวเอ่ยอย่างล้อๆ


“ถ้าแต่งงานณตอาจจะต้องย้ายมาอยู่ที่อังกฤษ แล้วเรื่องเกสต์เฮาส์..” เพราะงานของพี่เบิ้มคงเป็นเรื่องยากที่พี่เบิ้มจะย้ายไปอยู่ที่เชียงใหม่ผมแอบตัดสินใจไว้แล้วว่าถ้าวันนั้นมาถึงผมคงต้องย้ายมาอยู่ที่นี่ แต่เรื่องคนที่จะมาดูแลเกสต์เฮาส์แทนผมก็ทำให้ผมกังวลไม่น้อย


[ไม่ต้องห่วงจ้ะ พี่ณัฐเพิ่งลาออกจากงานที่กรุงเทพฯ จะย้ายกลับมาอยู่ที่เชียงใหม่และกำลังหางานใหม่อยู่พอดีแม่ก็เลยเสนอตำแหน่งผู้จัดการดอกแก้วเกสต์เฮาส์ให้ซะเลย เห็นมั้ยทุกอย่างมันจะลงตัวและมีทางออกของมันเสมอเมื่อถึงเวลาลูกไม่ต้องกังวลนะ]


“ถ้าเป็นพี่ณัฐ ณตก็สบายใจครับ” พี่ณัฐคือลูกพี่ลูกน้องที่สนิทกับครอบครัวของผมไม่ต่างจากพี่ชายแท้ๆ เพราะเราโตมาด้วยกันถ้าเป็นพี่ณัฐเรื่องเกสต์เฮาส์ผมก็หมดห่วง..นั่นน่ะสินะเมื่อถึงเวลาทุกอย่างจะลงตัวเอง
และในที่สุดคอนโดที่พี่เบิ้มซื้อไว้ก็ได้ใช้ประโยชน์เสียดีเพราะพี่ณัฐจะต้องย้ายเข้ามาอยู่ที่บ้านแทนผม


[อาทิตย์หน้าเมื่อลูกกลับมาแล้ว มาเข้าคอร์ดเรียนทำอาหารกับแม่นะเตรียมตัวเป็นแม่บ้านได้แล้วจ้ะ]


“พ่อบ้านสิครับแม่บ้านอะไรเล่า” บ้าบอ แล้วผมจะเขินทำไมวะเนี่ย


[เหมือนๆ กันนั่นแหละจ้ะ ไม่เอาๆ ไม่คุยแล้วแม่ไปเตรียมอาหารสำหรับครอบครัวคาร์สันก่อน พ่อพาไปทัวร์ปางช้างตั้งแต่เช้าเดี๋ยวก็คงกลับมากันแล้วล่ะ]


“ครับแม่ ว่าแต่เข้ากันได้ดีนะครับ”


[แน่นอนก็จะเป็นครอบครัวเดียวกันแล้วนิจ๊ะ นี่ลูกแม่ต้องวางแล้วเจอกันอาทิตย์หน้านะลูก รักลูกนะ]


“ครับ ณตก็รักแม่ครับ”



“คุยกับแม่เหรอครับ” พี่เบิ้มนั่งทำงานอยู่ข้างๆ ถามขึ้นหลังจากที่ผมวางสายแล้ว นี่ก็ห่วงจนไม่ยอมไปไหนไกลห้องทำงานก็อยู่ข้างนอกแท้ๆ

 
“ใช่แล้วครับ แม่โทรมายินดี เอ่อคุณผมตั้งใจว่าถ้าหลังจากแต่งงานผมจะย้ายมาอยู่กับคุณที่นี่”


“เกสต์เฮาส์ของคุณล่ะครับ ผมย้ายไปอยู่กับคุณได้นะที่รัก”


“ได้ไงล่ะครับแล้วงานของคุณล่ะ”


“ขายหุ้นไงที่รักจะได้มีเวลาอยู่กับคุณเยอะขึ้นด้วยไงครับ ผมยอมได้หมดเพื่อคุณนะที่รัก” บ้าบออีกแล้ว ธุระกิจของพี่เบิ้มกำลังไปได้ดีและขยายใหญ่ขึ้นจะหยุดชะงักเพราะผมได้ยังไง หน้าที่ของผมคือสนับสนุนและผลักดันให้เบิ้มประสบความสำเร็จให้มากที่สุดต่างหากล่ะ


“ครั้งนี้ให้ผมได้เสียสละเพื่อคุณเถอะนะครับ แม่ผมหาคนดูแลเกสต์เฮาส์แทนผมได้แล้วด้วย”


“ที่รัก~แค่คุณยอมแต่งงานกับผมแค่นี้ก็มากเกินพอแล้วล่ะครับ”


“ให้ผมได้ทำอะไรเพื่อคุณบ้างนะครับ ผมเป็นฝ่ายรับมามากเกินพอแล้ว”


“ขอบคุณครับที่รัก ผมรักคุณ”


“ผมก็รักคุณครับ”


..เหตุผลของเราทั้งคู่ก็เพราะคำว่า รัก นั่นแหละน้า























“ตื่นเต้นเหรอครับที่รัก” พี่เบิ้มบีมมือผมเบาๆ เพื่อให้ผ่อนคลาย


“มากกก แล้วคุณล่ะไม่ตื่นเต้นเหรอครับ”


“มากกว่าคุณสิบเท่าที่รัก” ปัดโธ่ ผมได้แต่ขำกับฝรั่งตัวโตที่ตอนนี้นั่งกระดิกเท้าไม่หยุดเพราะความประหม่า

ทุกคนคงอาจจะเดากันถูกว่าทำไมเราถึงตื่นเต้น..ใช่แล้วล่ะครับวันนี้คือวันแต่งงานของเรา

สามเดือนผ่านไปหลังจากถูกขอแต่งงานและแล้วงานแแต่งงานก็มาถึง งานแต่งงานถูกจัดขึ้นที่ยอร์คบ้านของครอบครัวคาร์สันเป็นงานเล็กๆ และเรียบง่ายมีเพียงครอบครัวของเราและคนสนิทของครอบครัวพี่เบิ้มที่มีไม่กี่คนและผองเพื่อนของผมมาร่วมเป็นสักขีพยานในวันสำคัญของเรา
 

เมื่อพิธีการเริ่มขึ้นเจ้าบ่าวของผมอยู่ในชุดสูทสีน้ำเงินเข้มยืนอยู่ที่หน้าแท่นพิธีใต้ซุ้มกุหลาบเลื้อยสีขาวพร้อมบาทหลวงรอให้ผมที่อยู่ในชุดสูทสีขาวเดินเข้าไปหาโดยมีคุณนายดุจดาวจูงมือไปส่งยังแท่นพิธี เมื่อถึงยังแท่นพิธีเราหันหน้าเข้าหากันก่อนที่พี่เบิ้มจะประสานมือของเราไว้มั่นและยิ้มให้ผมอย่างอ่อนโยนแต่น่าแปลกที่ขอบตาของผมกลับร้อนผ่าวขึ้นมาเสียดื้อๆ
 

“เจเรมี่ คุณจะรับปณตเป็นสามีของคุณไหมคุณสัญญาว่าจะซื่อสัตย์ต่อเขาทั้งในยามสุขและยามทุกข์ในยามป่วยและยามสบายดีจงรักเขาและให้เกียรติเขาชั่วชีวิตของคุณหรือไม่”

ครับ” พี่เบิ้มตอบรับบาทหลวงด้วยน้ำเสียงหนักแน่นพร้อมกับขอบตาที่แดงก่ำ


“ปณต คุณจะรับเจเรมี่เป็นสามีของคุณไหมคุณสัญญาว่าจะซื่อสัตย์ต่อเขาทั้งในยามสุขและยามทุกข์ในยามป่วยและยามสบายดีจงรักเขาและให้เกียรติเขาชั่วชีวิตของคุณหรือไม่”


ครับ” ผมตอบรับหนักแน่นเช่นกันพร้อมกับน้ำตาที่ไหลด้วยความซาบซึ้งอย่างกลั้นไม่อยู่

เราต่างสวมแหวนให้กันและกันเป็นแหวนเงินที่ทำขึ้นใหม่โดยสลักชื่อของเราทั้งคู่ไว้ด้านใน


“บัดนี้ทั้งสองเป็นสามีของกันและกันโดยสมบูรณ์แล้ว..ขอให้พระเจ้าคุ้มครอง” สิ้นเสียงของบาทหลวงเรียวปากของเราก็แนบชิดเข้าหากัน..จูบแห่งความรักแห่งความซาบซึ้งและจูบแห่งการเริ่มต้นของชีวิตคู่













        Fulham London บ้านหลังเดิมของพี่เบิ้มเพิ่มเติมคือเป็นเรือนหอของเรา ชีวิตคู่อันแสนเรียบง่ายของผมเริ่มต้นขึ้นที่นี่และแล้วผมก็ได้เป็นพ่อบ้านเต็มตัวดูแลทั้งสามีและงานบ้าน..เข้าใจหัวอกของแม่บ้านขึ้นมาทันที

..ก็งานบ้านน่ะเหนื่อยใช่ย่อย


ผนังบ้านที่เคยว่างเปล่าตอนนี้เริ่มมีกรอบรูปที่เต็มไปด้วยเรื่องราวตลอดระยะเวลาหนึ่งปีหลังจากที่เราแต่งงานกัน..ใช่แล้วล่ะครับผมกับพี่เบิ้มเราเป็นสามีของกันและกันครบรอบได้หนึ่งปีแล้ว ถ้าถามว่ามีความสุขมั้ยกับชีวิตคู่ขอตอบตรงๆ ว่าผมมีความสุขมากถึงมากที่สุดครับ
รูปที่ใหญ่ที่สุดคือรูปในวันแต่งงานของเราเป็นรูปที่เจ้าบ่าวทั้งสองคนยิ้มให้กันทั้งปากทั้งตา ใครได้มองรูปนี้ก็เดาได้ไม่ยากว่าผู้ชายสองคนในรูปมีความสุขจนล้นมากแค่ไหน

ถัดมาคือรูปรวมครอบครัวของเราและผองเพื่อนของผมทุกคนล้วนใบหน้าเปื้อนยิ้มมีความสุขโดยเฉพาะอีซูซี่ที่ยิ้มหน้าบานเป็นกระด้งในมือถือช่อบูเก้สีฟ้าที่มันรับได้จากผมเมื่อตอนโยนช่อดอกไม้..และที่น่ายินดีไปมากกว่านั้นคือเมื่อกลางปีที่ผ่านมาอีซูซี่ได้เข้าพิธีวิวาห์กับโจเซฟเป็นที่เรียบร้อยโรงเรียนสิงคโปร์ พอคิดดูดีๆ แล้วก็อดขำไม่ได้ในกลุ่มของเราต่างก็มีแฟนเป็นคนต่างชาติกันหมด..สายฝอกันยกแก๊ง

และอีกรูปเป็นรูปของผมกำลังนั่งจิบชาที่ริมระเบียงบนบ้านพักตากอากาศที่รายล้อมไปด้วยไร่ชาสีเขียวขจี รูปนี้ถ่ายโดยพี่เบิ้มและแน่นอนว่าที่นี่คือไร่ชาของครอบครัวคาร์สันคือสถานที่ฮีนนีมูนของเรา..แอบบอกว่าค่ำคืนฮันนีมูนเราดื่มด่ำกับน้ำผึ้งพระจันทร์อย่างเร่าร้อนแทบจะทำให้อากาศที่แสนจะเย็นสบายร้อนแผดเผาเหมือนอยู่ท่ามกลางทะเลทรายเลยทีเดียว!

ส่วนรูปสุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุดที่ผมอยากอวดคือภาพล่าสุดถ่ายเมื่ออาทิตย์ที่แล้วเป็นทิปฉลองครบรอบแต่งงานของเราที่ดอยอ่างขางเป็นรูปที่ผมสวมผ้าพันคอสีฟ้านั่งอิงแอบพี่เบิ้มอยู่หน้ากองไฟท่ามกลางท้องฟ้ายามค่ำคืนที่พร่างพรายไปด้วยดวงดาวนับร้อยบรรยากาศโรแมนติกสุดๆไปเลยล่ะ ดอยอ่างขางคือที่ที่ผมเคยสัญญากับพี่เบิ้มไว้ว่าจะพามาและที่นี่ถือเป็นที่ที่สำคัญสำหรับเราเพราะมันคือที่ที่พี่เบิ้มเจอผมครั้งแรกแม้จะเจอผ่านรูปถ่ายก็ตาม 

ส่วนผนังอีกฝั่งยังคงว่างเปล่าแต่อีกไม่นานมันจะถูกเติมเต็มไปด้วยเรื่องราวของเราไปจนถึงบั้นปลายชีวิตของเราทั้งคู่..คำมั่นสัญญาที่เราให้ไว้ต่อพระเจ้าในวันแต่งงานเราไม่รู้หรอกว่าสักวันหนึ่งจะมีใครผิดคำสัญญานั่นมั้ย แต่ตราบใดที่รักเรายังแข็งแรงและสองมือของเรายังจับกันไว้มั่นทั้งในยามทุกข์และยามสุขผมก็ไม่กลัวหรอกว่าจะมีใครผิดคำสัญญาและผมมั่นใจว่าคำมั่นสัญญาจะอยู่กับเราไปจนถึงวินาทีสุดท้ายของชีวิต



“มื้อเช้าเรียบร้อยแล้วครับ” ผมตะโกนเรียกพี่เบิ้มเมื่ออาหารเช้าสไตล์อังกฤษสำหรับสองพี่พร้อมเสิร์ฟอยู่บนโต๊ะอาหาร


“คร้าบที่รัก” พี่เบิ้มในชุดสูทสีเทาเดินออกมาจากห้องแต่งตัวด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม ในลุคของบอสเป็นอะไรที่ผมคุ้นตาไปเสียแล้วและแทบจะลืมลุคเซอร์ๆ ของพี่มันไปเลย


“เย็นนี้ผมจะทำแกงเขียวหวานไก่และข้าวเหนียวมะม่วงของโปรดของคุณไว้รอนะครับ” เดี๋ยวนี้ผมทำอาหารโปรมากบอกเลยทั้งอาหารคาวหวานอาหารทุกชาติผมทำได้หมด คอร์สเรียนทำอาหารหลักสูตรเร่งด่วนของคุณนายดุจดาวและยูทูปช่วยผมได้เป็นอย่างดีและมันทำให้ผมค้นพบว่าการทำอาหารเป็นอะไรที่สนุกมากโดยเฉพาะเวลาที่คนทานแล้วอร่อยไปกับอาหารที่เราทำนั่นยิ่งทำให้ปลื้มปริ่มไม่น้อย


“โอ้ ข่าวเนียวมามวง ผมจะตั้งตารอนะครับ”


“คร้าบ~” อ่อนใจกับสำเนียงภาษาไทยของคุณสามีดีแท้..แต่ก็น่ารักดีว่ามั้ยครับ




“เรียบร้อยแล้วครับ” หลังมื้อเช้าผมจะมาส่งพี่เบิ้มที่หน้าประตูพร้อมกับจัดเน็กไทให้เป็นประจำทุกวัน


“ขอบคุณครับที่รัก ขอบคุณนะครับที่คุณมาเติมเต็มอีกครึ่งหนึ่งในชีวิตของผม ผมรักคุณ” จูบเบาๆ ที่ข้างแก้มและคำบอกรักที่มีให้แกกันแม้จะฟังและพูดประโยคเดิมทุกวันๆ แต่ผมก็ไม่เคยเบื่อและยังรู้สึกหัวใจพองโตทุกครั้งที่ได้ยิน


“ผมก็รักคุณครับ ขอบคุณที่เป็นอีกครึ่งหนึ่งของชีวิตของผมเช่นกัน” ขอบคุณที่รักกันขอบคุณที่มาเติมเต็มเป็นจิ๊กซอว์ชิ้นสุดท้ายที่ทำให้ชีวิตของผมมีความสุขและสมบูรณ์


..ขอบคุณที่เป็นฝรั่งใจของผม






…..THE END…..




 ............................................


 2ปี 1เดือน 21วัน กับการเดินทางของฝรั่งใจ ♥ รักนี้สายฝอ ในที่สุดก็มาถึงคำว่า The End สักที

 ขอบคุณนักอ่านทุกท่านที่รักและเอ็นดูพี่เบิ้มกับป้านดมาจนถึงบทสุดท้าย ขอบคุณอีกครั้งขอบคุณจากใจจริงค่ะ..มาลี^^
 


หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<<Husband and Husband and Happy [The End] 27-04-20 P.8
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 27-04-2020 19:34:02
 :3123: :L1: :L2:
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<<Husband and Husband and Happy [The End] 27-04-20 P.8
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 27-04-2020 20:18:04
 :L1: :L1: :L1: :L1:
จบได้แบบสมบูรณ์สุดๆ เลยจ๊ะ
ไม่มีค้างคาใจ แบบว่ายินดีกับคนทั้งคู่ด้วยน้าา
คนเขียนก็รักษาสุขภาพด้วยนะจ๊ะ
 :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<<Husband and Husband and Happy [The End] 27-04-20 P.8
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 28-04-2020 05:47:28
งื้อออออ น่ารักมาก ๆ ครับ //ฝันไว้เหมือนกัน อยากมีแบบนี้บ้าง ^^
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<<Husband and Husband and Happy [The End] 27-04-20 P.8
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 28-04-2020 06:36:57
 :pig4:
 :L2: :L1:
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<<Husband and Husband and Happy [The End] 27-04-20 P.8
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 28-04-2020 08:26:02
จบแล้ว อ่านไปยิ้มไป สนุกมากๆค่ะ
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<<Husband and Husband and Happy [The End] 27-04-20 P.8
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 28-04-2020 19:49:32
 :L2: :L1:
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<<Husband and Husband and Happy [The End] 27-04-20 P.8
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 28-04-2020 22:52:45
 :pig4: ขอบคุณสำหรับความรักละมุนของคู่นี้ค่ะ :pig4:
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<<Husband and Husband and Happy [The End] 27-04-20 P.8
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 29-04-2020 23:53:07
เป็นนิยายที่น่ารักมากๆ แล้วก็ลุ้นมากๆว่าเมื่อไหร่จะมาอัพ 5555555
ขอบคุณที่มาอัพจนจบนะคะ :pig4:
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<<Husband and Husband and Happy [The End] 27-04-20 P.8
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 08-05-2020 17:01:50
น่ารักมาก...กกกกกกกกกกกกกกกกก   :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<<Husband and Husband and Happy [The End] 27-04-20 P.8
เริ่มหัวข้อโดย: มนุษย์บิน ที่ 10-05-2020 11:49:26
 :-[ พี่เบิ้มและป้านดน่าเอ็นดูมากกกกกกกกกก ฟีลกู้ดสุด ๆ เริ่มยันจบผองเพื่อนของป้าก็แป้นแล้รได้ใจมาก คลายเครียดช่วงกักตัวได้ดีมาก
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<<Husband and Husband and Happy [The End] 27-04-20 P.8
เริ่มหัวข้อโดย: samsung009 ที่ 10-05-2020 23:34:34
 :pig4:
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<<Husband and Husband and Happy [The End] 27-04-20 P.8
เริ่มหัวข้อโดย: Kunjirawaracom ที่ 11-05-2020 12:05:23
เจเรมี่น่ารักปณตก็น่ารักเขินแทน :-[ :impress2:
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<<Husband and Husband and Happy [The End] 27-04-20 P.8
เริ่มหัวข้อโดย: บีเวอร์ ที่ 16-05-2020 12:35:02
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<<Husband and Husband and Happy [The End] 27-04-20 P.8
เริ่มหัวข้อโดย: RENYINGYING ที่ 17-05-2020 22:52:36
งื้อชอบเรื่องนี้มากๆเลย อ่านไปเขินไป ชอบทั้งคู่มากๆเลย เสียดายที่จบแล้ว อยากอ่านอีก ขอบคุณมากๆนะคะที่แต่งนิยายดีๆมาให้เราอ่าน :กอด1: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<<Husband and Husband and Happy [The End] 27-04-20 P.8
เริ่มหัวข้อโดย: nonocong ที่ 02-06-2020 21:02:00
ชอบมากมายกับนิยายคู่ชีวิตของเรื่องนี้ ดีใจที่จบแฮปปี้มีสุข งื้อ----- หินบะซอลท์์์---- ขอบคุณที่แต่งนวนิยายเรื่องนี้มาให้นักอ่านคนนี้ได้อ่านนะครับ====> ขอบคุณ ๆๆๆๆล้านคำ******/-
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<<Husband and Husband and Happy [The End] 27-04-20 P.8
เริ่มหัวข้อโดย: pogpax ที่ 05-06-2020 18:02:03
 :z13:
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<<Husband and Husband and Happy [The End] 27-04-20 P.8
เริ่มหัวข้อโดย: Gatjang_naka ที่ 12-06-2020 10:35:41
ละมุนไปหมดเลย
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<<Husband and Husband and Happy [The End] 27-04-20 P.8
เริ่มหัวข้อโดย: OmleteO. ที่ 13-06-2020 05:23:12
อ่านเพลินๆ น่ารักดีค่ะ โดยเฉพาะพี่เบิ้มของป้านด 555 ขอบคุณคุณนักเขียนนะคะที่เขียนอะไรดีๆให้อ่าน
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<<Husband and Husband and Happy [The End] 27-04-20 P.8
เริ่มหัวข้อโดย: sugarcane_aoi ที่ 13-06-2020 20:08:18
เจรามี่ ขี้อ้อน ปณต น่ารัก แฮปปี้ยกแก๊ง เนื้อเรื่องน่ารัก สดใส สนุกมากค่ะ :pig4:
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<<Husband and Husband and Happy [The End] 27-04-20 P.8
เริ่มหัวข้อโดย: nuch-p ที่ 14-06-2020 21:25:57
น่ารักกกก :mew1:
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<<Husband and Husband and Happy [The End] 27-04-20 P.8
เริ่มหัวข้อโดย: PanGii ที่ 21-06-2020 10:50:52
อ่านไปยิ่มไปเขินไป ฟีลกู๊ด สุดๆไปเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<<Husband and Husband and Happy [The End] 27-04-20 P.8
เริ่มหัวข้อโดย: habanice ที่ 26-07-2020 23:00:01
 :z1: :z1: :z1: :z1: :z1: :z1:
ม่วนขนาด เมินๆจะมีคนเหนือมาเขียน เรื่องนี้ก็ติดท็อปของคนเหนือเน้อ อีกอยากชอบ ฝ กับชอบแมนยู พระเอกน่าจะประมาณ
เดเคอา ผู้รักษาประตูแมนยู
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<<Husband and Husband and Happy [The End] 27-04-20 P.8
เริ่มหัวข้อโดย: Freezz ที่ 30-07-2020 08:30:32
อ่านเรื่องนี้แล้ว ฟีลกู้ดสุดๆเลยครับ
ความรักมันช่างหอมหวาน  อยากมีแฟนเป็น ฝ เลยครับ 555
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<<Husband and Husband and Happy [The End] 27-04-20 P.8
เริ่มหัวข้อโดย: Monkey D lufy ที่ 03-08-2020 10:09:20
อ่านไปยิ้มไปเขินไปประหนึ่งว่าตัวเองเป็นปณต 555

ชอบค่ะ ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<<Husband and Husband and Happy [The End] 27-04-20 P.8
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 06-08-2020 13:21:50
 :pig4: นิยายน่ารัก ป้านดน่ารักจริงๆ บอสก็น่ารัก รักพรหมลิขิตที่ทำให้ได้เจอกันนะคะเจเรมี่  :mew1:
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<<Husband and Husband and Happy [The End] 27-04-20 P.8
เริ่มหัวข้อโดย: skykick ที่ 09-11-2020 13:41:03

 :pig4: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<<Husband and Husband and Happy [The End] 27-04-20 P.8
เริ่มหัวข้อโดย: nonocong ที่ 04-05-2021 22:16:26
ขอบคุณน้า :pig4: :L2: :3123: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<<Husband and Husband and Happy [The End] 27-04-20 P.8
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 26-05-2021 09:56:08
คิดถึงพี่เบิ้ม เลยกลับมาอีกรอบ ^^
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< แจ้งข่าวตีพิมพ์ P.9
เริ่มหัวข้อโดย: MA_LEE ที่ 07-05-2022 15:53:40
แจ้งข่าวตีพิมพ์ค่ะ

นิยายเรื่อง ฝรั่งใจรักนี้สายฝอ กำลังจะได้ตีพิมพ์กับสำนักพิมพ์ Hermitbooks โดยเปลี่ยนนามปากกาจากMA_LEEเป็นMARIEนะคะ

เมื่อนิยายวางแผงจะแจ้งให้ทราบอีกครั้งค่ะ

 :pig4:
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< แจ้งข่าวตีพิมพ์ 07-05-22 P.9
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 10-05-2022 01:27:36
น่ารักมาก ขอบคุณมากค่า
หัวข้อ: Re: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< แจ้งข่าวตีพิมพ์ 07-05-22 P.9
เริ่มหัวข้อโดย: TrebleBass ที่ 10-05-2022 21:39:36
อ่านเพลินมากเลยค่ะ   ทั้งคู่น่ารัก เพื่อนเพื่อนน่ารัก  ครอบครัวก็น่ารัก เป็นเรื่องที่เต็มไปด้วยความอบอุ่นค่ะ  ขอบคุณนะคะที่แต่งเรื่องที่มีความอบอุ่นแบบนี้