>>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< แจ้งข่าวตีพิมพ์ 07-05-22 P.9
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< แจ้งข่าวตีพิมพ์ 07-05-22 P.9  (อ่าน 59203 ครั้ง)

ออฟไลน์ patompong888

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 113
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0



 ฮือออออ คิดถึงๆ

ออฟไลน์ panpang

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 508
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1

ออฟไลน์ yaoigirl

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 151
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
รอพี่เบิ้มอยู่นะจ้ะ

ออฟไลน์ 449307p

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 1
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0

ออฟไลน์ MA_LEE

  • เป็ดหัดเขียน
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 74
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0



บทที่15  เพราะรัก..จึงคิดถึง





        พี่เบิ้มหายหัวไปเข้าห้องน้ำพร้อมกับเสียงน้ำจากฝักบัวที่ดังกระทบพื้นไม่ขาดสาย ส่วนผมนั้นนอนสงบแน่นิ่งอยู่บนเตียงแต่ไอ้ที่ไม่นิ่งก็ส่วนกึ่งกลางตรงหว่างขานี่แหละที่มันโป่งพองแทบระเบิด  ยุบหนอ..พองหนอ..

ยี่สิบกว่านาทีผ่านไปพี่เบิ้มถึงได้ฤกษ์ออกจากห้องน้ำ..สบายตัวแล้วสินะมึง

“ที่รัก..เอ่อเข้าห้องน้ำมั้ยครับ” พอเห็นหน้าอีพี่เบิ้มตรงๆก็เขินวุ้ย..ก็เมื่อกี้เกือบได้กันนะ!


“อ่า..ไม่ครับ ผมโอเค” แต่กว่าจะโอเคได้ต้องอ่านหนังสือธรรมะที่วางอยู่บนหัวเตียงไปหลายบท..


เมื่อล้มตัวลงนอนอีพี่เบิ้มก็คว้าผมเข้าอ้อมกอดทันที นัวเนีย คลอเคลียที่หน้าและคอผมไม่ห่าง..เดี๋ยวก็ของขึ้นอีกหรอกมึง


“ตัวคุณหอม ผมชอบจัง”


“ยะ เยอะไปแล้วคุณ” พี่เบิ้มซุกไซร้ที่คอผมไม่หยุด


“คุณไม่ชอบสัมผัสของผมเหรอครับ” อย่ามามุกนี้ดิ ไม่ใช่ไม่ชอบ..ยอมรับตรงๆว่าชอบจะตายห่าอยู่แล้ว!


“ไม่ใช่อย่างนั้น เดี๋ยวมันจะเลยเถิดต่างหากล่ะครับ” เหมือนเมื้อกี้ไงไอ้บ้า แค่จูบซะที่ไหนเกือบเตลิดเปิดเปิง


“ก็ตัวคุณหอมนี่ครับ”


“ผมไม่ได้ใส่น้ำหอมสักหน่อย” งงกับพี่มันเหมือนกันบอกว่าหอมอยู่ได้ คนไม่ใช้น้ำหอมแท้ๆ


“ครับผมรู้ มันไม่ใช่กลิ่นน้ำหอมแต่มันคือกลิ่นกายของคุณต่างหากล่ะครับ” ไม่พูดเปล่าหอมแก้มผมฟอดใหญ่  ช้ำแก้มกูช้ำ


“กลิ่นกาย?”


“ครับ มันหอมอ่อนๆได้กลิ่นแล้วอยากจะหอมอยากจะอยู่ใกล้ทั้งวัน บางครั้งมันก็ยั่วยวนทำให้ผมแทบคลั่ง”


“ยั่วยวน? คลั่ง?” นอนนิ่งเป็นสากกะเบือขนาดนี้ กูไปยั่วมึงตอนไหนฮึ


“ครับ คุณไม่รู้ตัวเหรอที่รักว่าคุณยั่วยวนแค่ไหนและมันทำให้ผมคลั่งซะจนอยากจะกลืนกินคุณลงท้องให้รู้แล้วรู้รอด”


“...” เอิ่ม..


“เหมือนเมื้อกี้ไงครับ ผมเกือบจะกินคุณซะแล้ว” เสียงกระซิบและลมหายใจอุ่นๆที่ข้างหูทำให้ร้อนวาบไปทั้งตัว


“ถะ ถ้างั้นก็อย่านอนเบียดแบบนี้สิครับ” ผมขืนตัวออกจากอ้อมกอดแต่ก็ถูกรั้งเอาไว้แล้วอ้อมกอดนั้นยิ่งแนบแน่นกว่าเดิม


“ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมสัญญากับคุณไว้แล้ว ยังไม่กินคุณตอนนี้หรอก”


“กะ..กินอะไรกันเล่า ผมไม่ใช่ของกินสักหน่อย”


“คุณเหมือนของหวาน โดยเฉพาะตรงนี้..” จูบเบาๆที่ริมฝีปากทำให้ใจเต้นไม่เป็นจังหวะอีกครั้ง เก่งจริงเรื่องทำให้เขินเนี่ย..


  ให้ตาย! ถ้าพูดถึงกลิ่น กลิ่นของพี่เบิ้มผมก็โคตรชอบ


“ผมก็ชอบนะ”


“หืม?”


“กลิ่นกายของคุณ เอ่อมัน ซะ เซ็กซี่” บ้าเอ้ย! พูดเองก็เขินเอง ผมว่าเราทั้งคู่คงจะเสพติดกลิ่นกายของกันและกันไปแล้วล่ะ..


“ที่รัก~” จากนั้นอีพี่เบิ้มก็รั้งผมเข้าไปนัวเนียอีกครั้งอย่างบ้าคลั่ง..กูจะรอดมั้ยเนี่ย!


เมื่อนัวเนียจนหนำใจแล้วก็ปล่อยผมให้เป็นอิสระพร้อมกับสียงหอบ แฮ่กๆกันทั้งคู่ มึงเป็นมาโซแน่ๆชอบทรมานตัวเอง



“งานของคุณมีช่วงลาพักร้อนมั้ยครับ” พี่เบิ้มพูดพร้อมกับกอดผมไว้หลวมๆ


“ก็ไม่เชิงครับ คือถ้าผมจะลาเมื่อไหร่ก็ลาได้ แม่ผมก็จะมาช่วยดูให้” เมื่อพูดถึงแม่ก็เหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ ถ้าแม่รู้ว่าแฟนคนแรกของลูกเป็นผู้ชายแม่จะว่ายังไงนะ..


“ครอบครัวของคุณมีรีสอร์ทอยู่บนภูเขาใช่มั้ยที่รัก”


“...”  ลืมคิดเรื่องนี้ไปเสียสนิท ถึงแม้พ่อกับแม่ของผมจะค่อนข้างหัวสมัยใหม่เพราะงานที่ต้องคลุกคลีกับชาวต่างชาติเสมอๆ แต่ก็อดกลัวไม่ได้ถ้ารู้ว่าลูกชายตัวเองคบกับผู้ชายจะรับได้จริงๆรึป่าว


“ที่รัก”


“...”


“ป้านด”


“ครับ!”

   
“คิดอะไรอยู่ครับ”


“เอ่อ ผมยังไม่ได้บอกเรื่องของเราให้ที่บ้านรู้ ถ้าพ่อแม่รู้ว่าผมคบกับคุณ เออ..คบกับผู้ชาย..”


“อย่าเพิ่งกังวลไปที่รัก พวกเราไม่ได้ทำอะไรผิดผมเชื่อว่าพ่อกับแม่คุณจะต้องเข้าใจ เชื่อผมว่าทุกอย่างจะผ่านไปได้ด้วยดีเราจะผ่านไปด้วยกัน..เชื่อผมนะที่รัก” มือสองข้างของพี่เบิ้มประคองหน้าของผมไว้พร้อมกับน้ำเสียงที่จริงจังและแววตาที่มุ่งมั่นคู่นั้นมันทำให้ผมเชื่อว่าเราจะผ่านมันไปได้ 

   ใช่! มันต้องผ่านไปได้สิ..ผ่านไปด้วยกัน


“แล้ว..ครอบครัวของคุณล่ะครับ” มันเป็นเรื่องของคนสองคนฉะนั้นมันคงไม่ใช่แค่เรื่องครอบครัวของผมเพียงครอบครัวเดียว..อดคิดไม่ได้เลยว่าพวกเขาจะรับผมได้รึป่าว


“ไม่มีปัญหาที่รัก พวกเขารู้จักคุณดีแล้วก็อยากพบคุณไวๆ”


“ฮะ!”  รู้จักตอนไหนวะ?


“เอาเป็นว่าครอบครัวของผมยินดีที่เรารักกัน”


“คุณบอกแล้ว?”


“ครับ ครอบครัวของผมทราบดีว่าหนึ่งเดือนที่ผ่านมาผมมาทำอะไรที่เชียงใหม่” น้ำเสียงสบายๆที่เอ่ยออกมาแสดงถึงความไร้กังวล มันทำให้ผมคลายความกังวลลงไปได้บ้าง แต่ก็นะ..


“อ่า..” เหลือแค่ที่บ้านผมสินะ


“แล้วผมจะพาคุณไปเปิดตัว ไปรู้จักครอบครัวของผมกันนะครับ” เปิดตัว? อ่า..เริ่มประหม่าซะแล้วสิ


“กะ..ไกลนะคุณ”


“ไม่เกินสิบสามชั่วโมง ถือว่าไปนอนเล่นบนฟ้านะครับ” เหอะ กูไม่อยากนอน


“ตะ..ตั๋วแพง” ที่จริงก็มีปัญญาอยู่หรอก แต่ไม่พร้อมไง


“คุณไม่ต้องออกเงินแม้แต่เพ็นซ์เดียวที่รัก..แฟนคุณรวยนะเผื่อคุณลืม” จ๊ะ รวย แต่ไม่ต้องกระซิบข้างหูขนาดนี้ก็ได้มะ


“ผม เกรงใจ”


“ผมเต็มใจ มีที่ที่ผมอยากพาคุณไปเยอะเลย ที่ในความทรงจำของผม” อืม..อันนี้น่าสน


“โอเค ผมจะไป” ผมก็อยากรู้เหมือนกันว่าที่ที่เด็กชายเจเรมี่เติบโตมาเป็นแบบไหน เพราะจริงๆแล้วเรารู้เรื่องของกันและกันน้อยมาก มันคงถึงเวลาที่เราจะเรียนรู้และรู้จักกันให้มากขึ้น..


“ขอบคุณครับ”

                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                       
“นี่คุณ”


“ว่าไงครับ”


“เรื่องคอนโดของคุณ คุณอยากได้แบบไหนช่วยบอกผมสักนิด” คือจะให้แล้วแต่ผมหมดทุกอย่างมันก็ไม่ใช่ป่ะ


“ตามใจคุณที่รัก” อีกล่ะ


“ได้ยังไงล่ะครับ คอนโดของคุณนะ”


“ไม่ใช่คอนโดของผมแต่เป็นคอนโดของเรา ฉะนั้นผมให้คุณออกแบบได้ตามใจชอบ”


“ของเราได้ยังไงครับ”


“ได้สิครับ ก็เราคบกันมันก็ต้องเป็นของเรา ผมอยากให้คุณออกแบบ อยากให้ห้องนั้นเป็นฝีมือของคุณทั้งหมด” ถ้ามันเป็นของเราก็ต้องช่วยกันดิ


“มันต้องช่วยกันคิดต่างหากล่ะครับ ถึงจะเรียกว่าเป็นของเรา


“โอเคที่รัก เราจะช่วยกัน” รอยยิ้มกว้างที่แสนอ่อนโยนทำให้ในอกอุ่นไม่น้อย..


“ถ้าอย่างงั้นผมจะออกแบบใหม่แล้วส่งไปให้คุณดูคุณอยากได้ตรงไหนเพิ่มหรือแก้ส่วนไหนก็บอกผม โอเคนะครับ”


“ครับ”


“งั้นนอนกันนะครับ”


“คุณง่วงแล้วเหรอที่รัก”


“ครับ ผมง่วงแล้ว” เอาจริงๆมะ ไม่ได้ง่วงหรอกตานี่สว่างโร่ก็บรรยากาศแบบนี้ใครมันจะไปหลับลง แต่อยากให้พี่เบิ้มได้พักไง พรุ่งนี้ต้องเดินทางแต่เช้าแถมยังไกลอีกต่างหาก ให้ร่างกายไม่เพลียพร้อมสำหรับการเดินทางนั้นแหละดีที่สุด..ไม่รักไม่ห่วงหรอกนะ   เขินวุ้ยยย


“ฝันดีนะที่รัก ผมรักคุณ” คำบอกรักเบาๆพร้อมกับริมฝีปากที่แนบลงมาที่หน้าผากทำให้ผมยิ้มรับสัมผัสนั้นอย่างเต็มใจ  และไม่ลืมเอ่ยตอบกลับไปเช่นกัน..


“ฝันดีครับ ผม..ผมก็รักคุณ” ไม่บอกก็รู้ว่าเจ้าของอ้อมกอดที่เอาคางเกยบนหัวผมเนี่ยทำหน้ายังไง..ยิ้มร่าเลยล่ะสิท่า


   

   ..คืนนี้เราคงฝันดีกันทั้งคู่
   












   


      08.15น. ท่าอากาศยานนานาชาติเชียงใหม่

“คุณส่งผมแค่นี้ก็ได้ครับที่รัก” เมื่อเลี้ยวรถเข้ามาในสนามบินพี่เบิ้มก็เอ่ยปากทันที


“ได้ไงล่ะครับ ผมจะรอส่งคุณเข้าเกต” เอาให้มันถึงวินาทีสุดท้ายกันไปเลย


“แค่นี้คุณก็คิดถึงผมซะแล้ว” ไอ้อาการยิ้มยิงฟันแบบนี้หมายความว่าไง ฮึ


“ว่าแต่คุณเหอะ ไม่อยากให้ผมอยู่ส่งรึไง ไหนบอกว่าจะโทรหาทุกชั่วโมงนี่ยังไม่ทันขึ้นเครื่องก็ไล่ผมกลับซะแล้ว” ชิ คนโกหก


“ผมแค่กลัวใจตัวเองต่างหากล่ะครับ ขืนอยู่กับคุณนานกว่านี้ผมอาจจะเปลี่ยนใจไม่กลับแล้วก็ได้” บ้าบอ


“ไม่กลับไปทำงานรึไงคุณ”


“ผมยอมขายหุ้น”


“คุณมันบ้า”


“ใช่ผมมันบ้า บ้าก็เพราะคุณ” อย่ามาโทษกันนะ


“โอ้ยย เดี๋ยวคุณนี่มันในรถนะ” เมื่อรถจอดสนิทอีพี่เบิ้มก็จู่โจมโน้มผมเข้าไปนัวเนียทันที


“จูบเดียวนะที่รัก เดี๋ยวเข้าไปข้างในคุณต้องไม่ยอมให้ผมจูบแน่ๆ”


“...” แหงล่ะ


“อีกตั้งหนึ่งเดือนที่ผมจะได้จูบคุณอีก นะที่รักไม่งั้นผมขาดใจแน่ๆ” ให้ตาย! มึงมันงอแงสิ้นดี


  ยอมก็ได้! กูกลัวมึงขาดใจหรอกนะ


“โอเคๆ จูบเดียวนะครับ” ผมหลับตาลงเพื่อเป็นสัญญาณ ไม่ต้องรอนานริมฝีปากหนาก็สัมผัสลงมาที่เรียวปากของผมทันที


   ..อ่อนโยน


   ..เนิบช้า


   ..อยากให้เวลาหยุดหมุน   อืมมม แต่หมุนเหอะ! เพราะกำลังจะขาดใจตายเมื่อรสจูบแปรเปลี่ยนเร่าร้อน


“อือออ  ไม่เอาลิ้น!”   


“ก็คุณหวานอ่ะ”


“พอเลยคุณ ลงรถได้แล้วเดี๋ยวก็ตกเครื่องหรอก”


“ก็ดี จะได้อยู่ต่ออีกสักหน่อย” มึงมันบ้า เสียเวลาคุยชะมัด มึงไม่ลงก็ตามใจกูลงก่อนล่ะ

ผมเดินมาเปิดท้ายรถรอให้อีควายเผือกมาหยิบกระเป๋า..มึงจะอ้อยอิ่งไปถึงไหน  พอหยิบกระเป๋าสะพายบ่าได้ ก็หันมาเร่งผมซะอย่างงั้น


“ไปกันคุณ เดี๋ยวจะไม่ทัน” นี่มึงเพิ่งจะรู้ตัวเหรอ? แล้วพี่มันก็เดินนำผมไปเฉยเลยครับ เชื่อเขาเลย..




     เมื่อเช็คอินและโหลดกระเป๋าเสร็จเรียบร้อย ยังพอมีเวลาเหลือให้เราได้ร่ำลากันอีกนิดหน่อยก่อนที่พี่เบิ้มจะเข้าไปยังเกต


“เฮ้อ เมื่อกี้ผมน่าจะจับคุณยัดกระเป๋า” นี่คนนะไม่ใช่กางเกงใน


“เดือนเดียวเองครับ อดทนหน่อย” ผมเข้าใจความรู้สึกของพี่เบิ้มดีเพราะเราต้องอดทนไปด้วยกัน..


“ถึงแล้วผมจะรีบโทรหานะที่รัก”


“ครับ”


“ทานข้าวให้ตรงเวลาแล้วก็อย่าลืมไปยิมด้วยนะครับ”


“ฮ่าๆ ครับๆ คุณก็ด้วยนะอย่าทำงานหนักจนลืมกินข้าวล่ะ”


“รอผมนะที่รัก”


“ครับ เข้าไปข้างในเหอะคุณใกล้ได้เวลาแล้ว”


“โอเค แล้วเจอกันที่รัก”


“แล้วเจอกันครับ” พี่เบิ้มสวมกอดผมแนบแน่นก่อนจะผละออกอย่างตัดใจ


ผมยังยืนอยู่ที่เดิมมองคนตัวสูงเดินไปยังเจ้าหน้าที่เพื่อตรวจตั๋วและพาสปอร์ต จากนั้นก็นำของทุกอย่างที่ติดตัวมาวางลงบนสายพานเอกซเรย์ก่อนจะหันมามองผมพร้อมกับพูดโดยไม่เปล่งเสียง  "I  miss  you"

ผมยิ้มให้กับประโยคนั้นพร้อมกับพยักหน้ารับรู้  เมื่อผ่านเข้าไปข้างในเรียบร้อยแล้ว พี่เบิ้มก็หันกลับมาที่ผมอีกครั้งและเอ่ยคำบางคำถึงแม้ผมจะไม่ได้ยินแต่คำๆนั้นกลับดังก้องอยู่ในหัวใจ   "I  love  you"


ผมโบกมือลาให้กับคนตัวสูงพร้อมกับเอ่ยประโยคเดิมนั้นอีกครั้งเบาๆ  "I  love  you  too"










     เมื่อกลับมาถึงเกสท์เฮาส์ความรู้สึกเหมือนขาดอะไรไปสักอย่างก็จู่โจมขึ้นอย่างฉับพลัน..หรือนี่จะเรียกว่าความเหงา  ยังไม่ทันพ้นหนึ่งชั่วโมงผมก็คิดถึงพี่เบิ้มซะแล้ว..


   เริ่มทำงานแล้วสินะ..ความคิดถึง




   มือถือที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงสั่นครืนเรียกสติที่กำลังเหม่อลอยให้กลับมาอีกครั้ง  หืมมม...ไอ้ฟาง


“หวัดดีมึง” เสียงหญิงสาวหนึ่งเดียวในกลุ่มเอ่ยทักทายมาตามสาย


“หวัดดีเพื่อน ไม่หลับไม่นอนรึไงมึงโทรมาเวลานี้มีไรป่ะเนี่ย” ที่อังกฤษตอนนี้น่าจะตีสามแล้ว


“กูแค่จะโทรมาถามว่าส่งคุณบอส ไม่สิส่งคุณแฟนของมึงขึ้นเครื่องเรียบร้อยแล้วใช่มะ”


“อื่อ เรียบร้อยแล้ว” ไม่แปลกที่ไอ้ฟางจะรู้ก็เพื่อนสนิทในกลุ่มจะไม่รู้ได้ยังไงล่ะ แต่ตอนที่มันรู้ว่าผมคบกับพี่เบิ้มดูเหมือนว่ามันจะไม่ตกใจเท่าไหร่ ที่จริงมันก็ทุกคนในกลุ่มนั้นแหละไม่มีใครแปลกใจเลยที่ผมตกลงคบกับพี่เบิ้ม เหมือนรู้กันอยู่แล้วว่ายังไงผมก็ไม่รอดแน่ๆ


“คราวนี้มึงจะได้มีข้ออ้างมาหากูที่อังกฤษสักที”


“ทำไมต้องมีข้ออ้าง”


“อ้าวก็ผัวมึงอยู่นี่ ใจคอไม่คิดจะมาหาเขาที่นี่เลยรึไง”


“ยังไม่ใช่ผัวโว้ยยย”


“ฮิฮิ อีกหน่อยก็เป็น” หัวเราะได้น่าดีดปากแตกมาก


“นี่ กูถามไรหน่อยดิ”


“ว่ามา แต่บอกไว้ก่อนนะถ้าถามเรื่องอย่างว่าทำยังไงนี่กูไม่รู้นะเว้ยต้องถามอีซูซี่มัน  ฮิฮิ” กูเกลียดเสียงหัวเราะมึง


“ไม่ใช่โว้ย  มึงไม่ตกใจเหรอวะที่กูคบกับผู้ชาย” ผมถามมันด้วยน้ำเสียงจริงจัง ไอ้ฟางคือคนเดียวในกลุ่มที่คบกับเพศตรงข้ามผมจึงอยากรู้ว่าจริงๆแล้วมันคิดยังไงกับเพื่อนสนิทที่มีแฟนเป็นเพศเดียวกัน


“ตอนแรกก็แปลกใจนิดหน่อยทั้งมึงทั้งไอ้ดอยต่างก็คบกับผู้ชายด้วยกันทั้งคู่ทั้งที่เมื่อก่อนก็ไม่ได้มีรสนิยมออกไปแนวนั้น  แต่กูก็ยินดีที่พวกมึงมีความรักและก็มีความสุขไม่ว่าพวกมึงจะคบใครพวงมึงก็เป็นเพื่อนรักกูไม่เปลี่ยนแปลง ความรักมันไม่ใช่เรื่องของเพศแต่มันคือเรื่องของความรู้สึกต่างหากล่ะที่สำคัญ” ซึ้งเลย


“กูรักมึง”


“บอกผัวมึงนู้น”


“โว๊ะ คนกำลังซึ้ง”


“นี่กูดีใจจริงๆนะที่มึงมีแฟนเป็นตัวเป็นตนสักที”


“ขอบใจ”


“คุณบอสเป็นคนดีแล้วเขาก็รักมึงมาก กูจำแววตามีความสุขของเขาในวันนั้นได้ดี”


“วันไหนวะ?” จะว่าไปแล้วไอ้ฟางเป็นคนที่น่าจะรู้จักพี่เบิ้มมากที่สุด แต่ก่อนหน้านี้มันไม่เคยเล่าอะไรให้ผมฟังเลย


“หลังจากวันที่เขากลับมาจากเชียงใหม่วันที่มึงกับเขาเจอกันครั้งแรกน่ะ เขานัดกูกับพอลกินข้าว แล้วเขาก็เล่าเรื่องมึงให้กูฟัง เขาบอกดีใจมากที่ไกด์ที่กูแนะนำให้เป็นคนในโชคชะตาของเขา” ไอ้ฟางเว้นวรรคหายใจครู่หนึ่งก่อนจะเล่าต่อด้วยน้ำเสียงที่ดูตื่นเต้นนิดๆ


“แต่ตอนแรกกูก็งงๆว่าอะไรคือคนในโชคชะตา จากนั้นเขาก็ปลดล็อคมือถือที่วางอยู่บนโต๊ะแล้วหน้ามึงก็ยิ้มร่าออกมาเชียว เขาเล่าให้ฟังว่าเห็นรูปนี้เมื่อปีที่แล้วเป็นรูปที่กูแชร์ความทรงจำในเฟส วันนั้นเป็นวันที่เขารู้สึกท้อพอดี แต่พอเห็นรอยยิ้มมึงกลับมีแรงฮึดขึ้นมาและตกหลุมรักมึงในทันที”


“...” อืมมม พอได้ยินเรื่องจากปากคนอื่นที่ไม่ใช่เจ้าตัวแล้วก็เขินแปลกๆแฮะ  แต่อีพี่เบิ้มไม่เห็นเคยเล่าให้ฟังเลยว่าไปเจอไอ้ฟาง ส่วนไอ้ฟางกว่าจะเล่าให้ฟังก็รอจนป่านนี้  แต่ก็ช่างเหอะ ก็ตอนนี้คบกันแล้วนี่เนอะ ฮ่า


“แต่ที่กูสงสัย รู้ทั้งรู้ว่ามึงเป็นเพื่อนกูก็น่าจะมาถามกูตั้งแต่แรกจะได้เจอกันให้สิ้นเรื่องสิ้นราว แต่สิ่งที่เขาตอบกลับมาทำให้กูขนลุกซู่”


“มึงปวดขี้?”


“ใช่ เพิ่งแดกตำซั่วไป ถุยไม่ใช่สิ กำลังจะซึ้งเลยนะมึง”


“...” ผมจึงเงียบเพื่อรอบทซึ้ง


“เขาบอกว่าเขาเชื่อในพรหมลิขิตถ้ามึงคือคู่ของเขาสักวันหนึ่งต้องได้พบกัน”


“...” ถ้าผมจำไม่ผิดตอนที่พี่เบิ้มเล่าเรื่องชายหนุ่มผ้าพันคอสีฟ้าซึ่งตอนนั่นผมยังไม่รู้ว่าเป็นผม ผมก็ถามออกไปเหมือนกันว่าทำไมไม่จีบชายคนนั้นล่ะถ้ารู้สึกตกหลุมรักขนาดนั้น แต่พี่แกกลับบอกว่ามันเป็นความรักที่เป็นไปไม่ได้ และก็ถามกลับมาอีกว่าถ้าได้เจอคนนั้นตรงหน้าจะทำยัง ผมตอบไปว่ายังไงน้า..รู้สึกจะตอบว่า 'ผมก็คงรีบคว้าเขาไว้ เพราะนี่มันคือพรหมลิขิตชัดๆที่ทำให้พบกัน'

อ่า..จู่ๆขอบตาก็ร้อนผ่้าว เขาต้องอดทนขนาดไหนกันนะกับการรอโดยที่ไม่รู้จุดหมาย ผมเข้าใจความรู้สึกของพี่เบิ้มแล้วว่าทำไมเขาถึงไม่ยอมปล่อยให้ผมหลุดมือ..


“แล้วมึงก็คือคู่ของเขาจริงๆเว้ย สุดท้ายก็ได้พบกัน แมร่งพูดแล้วก็ขนลุก”


“ขอบคุณนะ”


“ขอบคุณอะไรกู”


“ก็ที่มึงเป็นคิวปิดไง ถ้ามึงไม่ให้กูเป็นไกด์ในวันนั้นเราก็คงไม่ได้พบกัน”


“อืมนั่นสินะ แต่ถึงวันนั้นพวกมึงไม่ได้เจอกันแต่กูเชื่อว่าสักวันคงได้พบกันเพราะพวกมึงเป็นคู่กันไง”


“แต่มึงทำให้พวกกูหากันเจอไวขึ้นไง” ถ้าไม่มีไอ้ฟางป่านนี้ผมกับพี่เบิ้มอาจจะคงยังไม่รู้จักกันก็ได้


“เออว่ะ งั้นดี คิวปิดคนนี้ขอตั๋วเครื่องบินไป-กลับด้วยนะจ๊ะ อยากจะกลับไปดูหนังหน้าคนมีผัว เอ้ย!คนมีความรักสักหน่อย ฮิฮิ”ขอซื้อทิ้งเหอะ เสียงหัวเรามึงอ่ะ


“ได้! จองเลยเดี๋ยวกูโอนเงินให้” เพื่อคิวปิดแล้วกูยอม


“จริงอ่ะ กราบแทบท้าวงามๆเจ้าค่ะ”


“เออ”


“งั้นกูไปนอนต่อก่อนนะง่วงมากกกก” ใครใช้ให้โทรมาเวลานี้กันเล่า


“ไปๆ ฝันดีมึง”


“จ้า คิดถึงมึงเน้อ”





  ...


  ..


  .


   ..คิดถึงพี่เบิ้มมมม ยิ่งได้ฟังที่ไอ้ฟางเล่าผมก็ยิ่งคิดถึงพี่เบิ้มมมมม
 
ให้ตาย! ความคิดถึงนี่มันทรมานใช่เล่น แต่คนที่ทรมานมากกว่าก็น่าจะเป็นพี่เบิ้มเพราะแม่งรอผมมาสองปี..อีพี่เบิ้มมึงนี่มันมาโซคิสม์ชัดๆ






 

     


     02.30น. ล่วงเลยเข้าวันใหม่ไปแล้วแต่ผมยังนอนไม่หลับได้แต่พลิกตัวไปมาอยู่บนเตียงอยู่ พี่เบิ้มน่าจะถึงตั้งแต่เที่ยงคืนกว่าแล้ว ทำไมยังไม่โทรมานะ ..ก็พี่แกบอกเองนี่นาว่าถ้าถึงแล้วจะรีบโทรหา..

แต่ก็นะพี่แกคงจะเหนื่อยเดินทางตั้งสิบสองชั่วโมงและก็คงจะเจ็ทแลคแน่ๆ ไว้ตอนสายๆค่อยโทรไปหาก่อนก็ได้ คืนนี้ให้พี่แกได้พักก่อนดีกว่า

กำลังข่มตาให้หลับแต่แล้วแรงสั่นและแสงสว่างจากหน้าจอมือถือที่วางอยู่บนโต๊ะข้างหัวเตียงทำให้ผมต้องลืมตา และยิ้มออกทันทีเมื่อเห็นเบอร์โทรศัพท์ที่ยาวเหยียดและไม่คุ้นตา..ยังไม่หมดแรงสินะ


“Hello” ผมกรอกเสียงลงไปตามสายที่อยู่ห่างออกไปห้าพักว่าไมล์โดยที่รอยยิ้มยังไม่เลือนหายไปจากใบหน้า


[“ที่รัก ผมเองนะครับ”]  พอได้เสียงเสียงทุ้มที่คุ้นเคยก็ทำให้รู้สึกเต็มตื้นอย่างบอกไม่ถูก


“ครับ เดินทางปลอดภัยดีนะครับ”


[“ครับ ถึงฮีทโทรลตอนเกือบๆหนึ่งทุ่ม ส่วนตอนนี้สองทุ่มครึ่งเดินทางถึงบ้านเรียบร้อยแล้วครับ”]


“เหนื่อยมั้ยคุณ”


[“เจ็ทแลคนิดหน่อยครับ แต่คิดถึงคุณมากกว่าที่รัก นี่ผมโทรมาปลุกคุณรึเปล่าที่เมืองไทยน่าจะตีสองกว่าแล้ว”] ไม่อยากจะบอกว่าผมก็ง่วงแต่ก็นอนไม่หลับเพราะคิดถึงคุณเหมือนกัน..


“ไม่ครับ ผมลุกมาเข้าห้องน้ำพอดี” เขิน ใครจะกล้าบอกตรงๆกันล่ะ


[“จริงเหรอครับ ผมนึกว่าคุณนอนไม่หลับเพราะว่ารอโทรศัพท์จากผมอยู่ซะอีก”] ชิ ฉลาดนัก


“ก็ใครบอกถึงแล้วจะโทรหากันเล่า!”


[“ฮ่าๆ คุณน่ารักที่สุด..ผมอยากจูบคุณจัง”] บ้าบอ


“คุณพักผ่อนเถอะครับ ไว้เราค่อยคุยกันใหม่” ไม่ใช่ไม่อยากคุยนะ แต่ผมเป็นห่วงอยากให้พี่เบิ้มได้พัก


[“ได้ครับ ฝันดีนะที่รัก ผมรักคุณ”]


“ครับ ฝันดีเช่นกัน”


“แค่นั้นเองเหรอครับ” งอแงตลอด


“...” ตอนไปส่งที่สนามบินก็บอกไปแล้วไง บอกไรเยอะแยะเล่า


[“...”] พี่เบิ้มยังคงรอคำตอบอย่างใจเย็น แต่ที่แน่ๆหน้ามึงกำลังยิ้มแน่ๆ


ก็ได้! จะให้พูดสักพันรอบจนปากเป็นตะคริวกูก็ยอม


“ผมรักคุณ”  นั้นไงยิ้มจริงๆด้วย


  ..กูนี่แหละที่ยิ้ม


    ..บ้า ไอ้ณตมึงบ้าไปแล้ว


     ..ความคิดถึงมันก็ทำให้มีความสุขได้เหมือนกันเนอะ





 TBC.
…………………………………..........................

 อิป้านางบ้าไปแล้วจ้า #พี่เบิ้มป้านด




« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-06-2019 23:04:13 โดย MA_LEE »

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7697
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
พอคบกันแล้วก็หวานซะ!

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ BABYBB

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1123
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
บอกรักกันเก่งงงงงงงงงงง

ออฟไลน์ patompong888

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 113
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
น่ารักฝุดๆ พี่เบิ้มเนี่ย มีเหลือๆ อีกสักคนไหม อิอิอิ
ด่านเพื่อน แสดงความดีใจกันใหญ่ ที่เพื่อนมีผัว เอ้ย..แฟน
ด่านพ่อแม่ คุยกับท่านให้ดีๆนะ ไม่งั้นลูกเขยหัวแบะ เอ๊ะ หรือว่าทั้งคู่
 :z2: :z2:

ออฟไลน์ Quatree

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 279
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1

ออฟไลน์ fairy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 31
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0

ออฟไลน์ ่patsaporn

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4339
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +227/-6
เริ่มเป็นแฟนก็ต้องห่างเห็นใจจริงๆ
รอนหนึ่งเดือนเนอะเดี๋ยวเจเรมี่ก็มาแล้ว
ซึ้งอีตรงพรหมลิขิตอ่ะ คนมันจะได้เจอกัน

ขอบคุณค่ะ

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ MA_LEE

  • เป็ดหัดเขียน
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 74
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0



บทที่16 เพราะคิดถึง..จึงมาหา   



   
        ห้าวันแล้วที่พี่เบิ้มกลับอังกฤษ..ทุกอย่างยังคงดำเนินไปตามปกติ..เพิ่มเติมคือความคิดถึง
การโทรหากันวันละสามเวลาช่วยให้ความคิดถึงเบาบางลงได้บ้าง  ตีห้าครึ่งคือเวลาตื่นของผมซึ่งที่อังกฤษคือเวลาห้าทุ่มครึ่งเป็นเวลาเข้านอนของพี่เบิ้ม การโทรหาผมก่อนนอนกลายเป็นการโทรปลุกผมไปโดยปริยายห้าวันแล้วที่นาฬิกาปลุกไม่จำเป็นสำหรับผมอีกต่อไปเพราะมีคนโทรปลุกส่งตรงมาจากUK.. 
ส่วนเวลาตื่นของคนที่อยู่อีกซีกโลกก็คือยามบ่ายอันแสนง่วงงันการโทรไปปลุกฝรั่งขี้เซาก็เป็นการช่วยให้หายง่วงได้เป็นอย่างดี เอ๊ะ!หรือให้หายคิดถึงกันแน่นะ..   และเมื่อถึงเวลาเข้านอนของผมก็ตรงกับเวลาเลิกงานของพี่เบิ้มเราคุยกันตั้งแต่พี่เบิ้มออกจากออฟฟิศจนถึงบ้านหรือบางวันก็คุยจนผมหลับคาโทรศัพท์ไปเลย

รักทางไกลมันก็ไม่ก็ไม่แย่อย่างที่คิดสักเท่าไหร่สำหรับคนที่มีความรักครั้งแรกอย่างผม..เป็นอะไรที่แปลกใหม่ดี



    กรุ๊งกริ๊ง กรุ๊งกริ๊ง เสียงกระดิ่งที่แขวนอยู่ตรงประตูร้านบ่งบอกถึงผู้มาใหม่..และการกวนประสาท


“กูกลัวมึงเหงาเลยพาเด็กมาฝาก”


“พี่ดอย ผมไม่ใช่เด็กอนุบาลสักหน่อย” ฝรั่งน้อยซันนี่มองค้อน แต่มันช่างน่ามอง


“ยังไงเราก็เป็นเด็กน่ารักของพี่น่า” ผมได้แต่กลอกตากับความเลี่ยนของเพื่อนคำพูดช่างไม่เข้ากับสารร่างของมันสักนิด


“กลับไปหยอกกันที่บ้านไป๊ เหม็น”


“ฝนจะตกเหรอวะ มืดครึ้มเชียว”


“ตามึงบอด?” แดดสว่างจ้าขนาดนี้


“บนหัวมึงอ่ะ”


“โว๊ะ จะกินมั้ยกาแฟ กินก็สั่ง”


“ฉุนเฉียวๆ กูเอาออเรนจ์แบล็คคอฟฟี่”


“มาแปลกนะวันนี้”


“คนมีความรักก็งี้แหละ อยากกินอะไรที่มันหวานๆ”


“กาแฟดำผสมน้ำส้มมันไม่ได้หวานขนาดนั้น อยากแดกหวานก็แดกน้ำเชื่อม”


“ผัวไม่อยู่อารมณ์ไม่สุนทรีเลยนะมึง”


“แฟนสิ ผัวห่าไรของมึง”


“หึหึ” หัวเราะได้น่าถีบ แต่ก็กลัวมันเอาคืนเพราะตัวมันไม่ใช่น้อยๆเล็กกว่าพี่เบิ้มแค่คืบ


“ซันนี่กินไรดี”


“ผมขอมอคค่าเย็นครับ”


“หวานๆเหมือนเดิมเนาะ”


“ครับ” เด็กอะไรไม่รู้น่ารักน่าชัง ไอ้ดอยมันขุดหลุมยังไงวะถึงตกฝรั่งน้อยได้วะ..แต่ก็ยินดีกับเพื่อนกับน้องล่ะน้า


“มึงอย่ามามองที่รักของกูด้วยสายตาแบบนี้นะ กูหวง” มันดึงน้องเข้าไปกอดพร้อมกับดึงปีกหมวกสีขาวที่น้องสวมให้ปิดหน้าของน้องเอาไว้..บ้าบอความรัก


“ประสาท” ผมได้แต่ส่ายหน้ากับความขี้หวงของเพื่อน


“เออมึง เย็นนี้ไปแดกซูชิกันชวนอีซูซี่มันไปด้วย”


“วันนี้มันไม่ว่างพาผัวไปกินข้าวกับที่บ้าน”


“อ้าวเหรอ”


“มึงไปกินกับซันนี่สองคนเหอะกูไม่อยากเป็นก้าง วันนี้กูตั้งใจจะเข้ายิมด้วย” ต้องถ่ายรูปส่งการบ้านให้คนทางไกลว่าผมเข้ายิมจริงๆไม่ได้รับปากเฉยๆ


“โอเคมึง งั้นพวกเราค่อยนัดกันคราวหน้า”


“ตามนั้นมึง”


“เออจะว่าไปลุงสมชายพ่ออีซูซี่แม่งโคตรใจเลยเนอะ”


“ยังไงวะ”


“ก็รับได้ที่อีซูซี่เป็นเกย์ไงแถมพาผัวเข้าบ้านอีก  ตอนแรกที่กูเจอพ่อมันกูคิดเลยว่าอีซูซี่ไม่กล้าบอกพ่อมันแน่ๆ ก็แม่งเป็นทหารโหดซะขนาดนั้น” ก็จริงเพราะพ่อของอีซูซี่เป็นทหารยศนายพลมีระเบียบและวินัยที่เคร่งครัดมาก ชื่ออจริงของมัน ชาติชาย มีที่มาก็เพราะพ่อของมันอยากให้ลูกชายคนโตของบ้านเจริญรอยตามเป็นชายชาติทหารเหมือนกับตนเอง..แต่ก็นะหัวใจดันเป็นสีรุ้งฟรุ้งฟริ้งซะอย่างนั้น 

พวกผมเคยถามอีซูซี่ว่าคิดจะบอกที่บ้านของมันหรือเปล่าเรื่องที่มันเป็นเกย์ มันเลยเล่าให้ฟังว่าแม่ของมันรู้อยู่แล้วเพราะมันกับแม่สนิทกันมากและด้วยความเป็นแม่ทำไมจะดูไม่ออกว่าลูกของตัวเองนั้นเพศสภาพไหน แม่ของมันไม่เคยบอกเรื่องนี้กับพ่อเพราะรอวันที่อีซูซี่พร้อมให้เป็นฝ่ายบอกด้วยตัวเอง

ตอนที่มันอยู่ม.5พ่อมันบังเอิญไปเจอหนังโป๊เกย์ที่มันโหลดเก็บไว้ในคอมเท่านั้นแหละโป๊ะแตก มันคิดว่าวันนั้นมันต้องตายแน่ๆแต่สุดท้ายพ่อของมันกลับเข้าใจและรับได้ เพียงแต่มีข้อแม้ว่ามันต้องทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุดมีวินัยในการใช้ชีวิตไม่ออกนอกลู่นอกทาง ส่วนจะรักใครชอบใครเพศไหนนั้นก็แล้วแต่เพียงแต่ว่าเวลาคบใครที่บ้านต้องรับรู้..และนั้นเป็นเหตุผลของการเรียนจบปริญญาตรีด้วยเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง ถึงแม้อีซูซี่จะเป็นเกย์ควีนหัวใจสีบานเย็นแต่การใช้ชีวิตของมันมีระเบียบวินัยตามแบบฉบับของลูกนายพลไม่ได้ไร้สาระวี๊ดว๊ายไปวันๆ และเมื่อมันคบใครก็อยู่ในสายตาของพ่อและแม่มันเสมอ..และดูเหมือนว่าลูกเขยต่างชาติคนนี้จะเป็นที่ถูกใจท่านายพลซะด้วยสิ


“จริงๆพ่อของมันใจดีนะแล้วก็ไม่ได้หัวโบราณ อีซูซี่มันโชคดีจริงๆนั้นแหละ   ว่าแต่ที่บ้านมึงเหอะรู้รึเปล่าเรื่องซันนี่” จะว่าไปผู้ชายทั้งสามคนในก๊วนแก๊งมีแฟนเป็นผู้ชายกันหมดอีซูซี่น่ะไม่น่าแปลกใจหรอกแต่ผมกับไอ้ดอยนี่สิมีแฟนเป็นผู้ชายเฉยเลย 

..แต่ก็นะในเมื่อมันคือความรักก็ไม่อยากปล่อยให้หลุดมือ

“รู้ดิ ดีใจกันยกใหญ่ที่กูคบกับน้อง นี่กูก็แปลกใจกับแม่กูเหมือนกัน”


“เออดีว่ะ” ทำไมมันง่ายดายดีจังวะ


“แต่แม่ของซันนี่ยังกังวลอยู่นิดหน่อยว่าลูกชายของตัวเองมาเปลี่ยนกูให้เป็นเกย์”


“หืมมม?”


“คือ..ผมเป็นเกย์ครับ”


“อ่า..” แบบนี้นี่เอง ก็พอจะมองออกอยู่หรอกว่าฝรั่งน้อยไม่ได้ชอบผู้หญิง


“ก็พี่ดอยเป็นผู้ชายที่ชอบผู้หญิงแม่ก็เลยกังวลว่าเป็นเพราะผมหรือเปล่าที่เป็นคนเปลี่ยนให้พี่ดอยชอบผู้ชาย แล้วก็พี่ดอยจะรักผู้ชายอย่างผมได้จริงๆไหม”


“อย่างหลังนี่แม่หรือว่าเราที่กังวล ฮึ   ยอมรับครับว่าพี่ชอบผู้หญิงไม่ได้ชอบผู้ชายแต่ตอนนี้คนที่พี่รักคือซันนี่ พี่ไม่สนหรอกนะว่าใครจะมองพี่เป็นไบหรือเป็นเกย์ พี่สนแค่หัวใจของพี่และหัวใจของตะวัน เชื่อมั่นในตัวพี่ก็พอนะครับ”


“ครับ” ฝรั่งน้อยน้ำตาคลอก่อนที่ไอ้ดอยจะดึงน้องเข้าไปกอดโยกตัวเบาๆเป็นการปลอบ..ผมก็ไม่คิดเหมือนกันว่าคนเนื้อหอมในหมู่สาวๆอย่างไอ้ดอยจะลงเอยกับผู้ชายอย่างซันนี่ แต่ผมเชื่อมันนะว่ามันรักน้องจริงๆ


“แล้วมึงล่ะ ที่บ้านรู้ยัง”


“ยัง” ผมตอบเสียงเบา นี่แหละปัญหาของกู


“กูรู้ว่ามึงกังวล แต่เชื่อกูว่ามันจะผ่านไปได้ด้วยดี” มันตบบ่าผมเบาๆเพื่อให้กำลังใจ คำพูดของมันเหมือนของพี่เบิ้มเลยแฮะ มันจะผ่านไปได้ด้วยดี ก็ขอให้เป็นแบบนั้น..


“เดี๋ยวกูจะไปหาลูกค้าไม่เกินสองชั่วโมงเดี๋ยวกลับมา อย่าทำอะไรตะวันของกูล่ะ” มันก้มลงมองนาฬิกาข้อมือก่อนจะเงยหน้ามองผมตาขวาง


“หึ ไม่รับปาก”


“ปากดี เคะกับเคะเหมือนกันจะทำกันยังไงวะ” อะไรของแม่ง เคะ? ภาษาต่างดาวเร๊อะ


“เคะอะไรของมึง”


“ให้ซันนี่อธิบายละกันกูไปล่ะ เดี๋ยวพี่มานะครับ” มันพูดกับผมก่อนจะหันไปบอกน้องเท่านั้นไม่พอดึงน้องเข้ามาหอมแก้มฟอดใหญ่จนคนโดยหอมแก้มอายม้วนหน้าแดงเป็นตูดลิง..บ้าบอความรัก อะเกน


“เคะคืออะไร?” เมื่อไอ้ดอยก้าวขาออกจากร้านผมก็ถามฝรั่งน้อยด้วยความสงสัยทันที


“มันเป็นศัพท์มาจากอะนิเมะของญี่ปุ่นที่ใช้เรียกลักษณะตัวละครน่ะครับ เคะย่อมาจากอุเคะรุคู่กับเมะที่ย่อมากจากเซเมะรุ”


“?” หน้าผมงงมากบอกเลย ซันนี่ขำน้อยๆก่อนจะอธิบายง่ายๆเห็นภาพชัดเจนแจ่มแจ้ง


“เคะก็คือฝ่ายรับ ส่วนเมะก็คือฝ่ารุกครับ”


“อ่า..” ตกลงว่าผมคือเคะก็คือฝ่ายรับงั้นสิ ก็รู้อยู่แล้วล่ะว่ากูต้องรับน่ะ แม่งภาพงูหลามเผือกของอีพี่เบิ้มลอยมาเลย ผวาเลยกู!


“พี่ณตกลัวใช่ไหมครับ” สีหน้าของผมคงแสดงออกชัดเจน


“ก็นะ..พอนึกว่าต้องมีอะไรมาเสียบข้างหลังแล้วมัน...” มันเป็นทางออกนะโว้ยไม่ใช่ทางเข้า แค่คิดก็เสียวสันหลังวาบ


“มันเจ็บครับ”


“ใช่มั้ยล่ะ! มากไหมอ่ะ”


“เจ็บแต่ทนไหว จากนั้นพี่ณตก็จะมีความสุข”


“จริงอ่ะ?” มันเจ็บแล้วจะสุขได้ไงวะ


“เพราะเรากำลังเชื่อมต่อเป็นหนึ่งเดียวกันกับคนที่เรารัก..ถ้าถึงวันนั้นพี่ณตจะเข้าใจครับ” คนพูดก็เขินส่วนคนฟังก็เขิน


ิิ     ...เชื่อมต่อเป็นหนึ่งเดียวกัน..เชื่อมต่อด้วยร่างกาย  อ่าาา



     




     ห้าทุ่มครึ่งแล้วผมยังคงนั่งไถนอนไถหน้าจอมือถือจนนิ้วแทบล็อกจึงต้องวางมันไว้ข้างเตียงก่อน เปลี่ยนมาเปิดทีวีแต่ช่องรายการทีวีในเวลาเกือบเที่ยงคืนแบบนี้ก็ไม่ค่อยมีอะไรน่าดูสักเท่าไหร่..น่าเบื่อชะมัด  เมื่อชั่วโมงที่แล้วพี่เบิ้มไล์น์มาบอกว่าวันนี้เลิกงานช้าเพราะมีประชุมด่วนให้นอนก่อนได้เลยไม่ต้องรอ  แต่คำตอบของผมคือ ผมจะรอ ใครจะไปหลับลงกันเล่า!

นอนกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่บนเตียงไม่รู้ว่าเพราะความคิดถึงหรืออะไรกันแน่ กลิ่นกายจางๆของพี่เบิ้มที่ยังคงหลงเหลืออยู่บนเตียงทำให้ผมเผลอสูดกลิ่นนั้นของพี่เบิ้มเข้าเต็มปอด นี่ผมถึงขั้นไม่ยอมเปลี่ยนผ้าปูที่นอนเลยนะเครื่องนอนทุกชิ้นที่พี่เบิ้มใช้ยังอยู่ครบบนเตียง

แต่ช้าแต่..ให้ตาย! ไอ้ลูกชายของผมมันดันโป่งพองขึ้นมาซะงั้น นี่กูมีอารมณ์เพราะกลิ่นของอีพี่เบิ้มเหรอเนี่ย..ไอ้ณตมึงอาการหนักแล้วล่ะ   

อ่า แล้วคำพูดของซันนี่เมื่อตอนบ่ายก็ดังขึ้นมาในห้วงความคิดอีกครั้ง เชื่อมต่อเป็นหนึ่งเดียวกันกับคนที่เรารัก  บ้าเอ้ย ยิ่งคิดตรงหว่างขาของผมมันก็ยิ่งปวดหนึบ..ไม่ไหวแล้ว!!


  ..แฮ่ก  แฮ่ก เกิดมายี่สิบหกปีกูไม่เคยต้องมาช่วยตัวเองเพราะกลิ่นแม่งโรคจิตไปอีก แล้วพี่มึงก็อย่าเสือกโทรมาตอนนี้ล่ะ รอแป๊บ รอกูแตกก่อน!!

กลิ่นที่ติดตรงหมอนชัดเจนที่สุดผมจึงคว่ำหน้าสูดกลิ่นที่ยังคงลงเหลืออยู่บนหมอนพร้อมกับขยับมือขึ้นลงถี่รัวเพื่อให้ถึงฝั่งฝันให้เร็วที่สุด

ครืด ครืด  นั่นไงให้มันได้แบบนี้เซ่ มือที่กำลังรูดรั้งแกนกายจำเป็นต้องชะงักก่อนจะเร่งสปีดอีกครั้ง..รอก่อนใกล้จะแตกแล้ว
สายตัดไปแล้วแต่ไม่ถึงห้าวินาทีอีพี่เบิ้มก็กระหน่ำโทรมาไม่หยุด..เอาล่ะ กูยอมแพ้ ไม่แตกก็ไม่แตก แม่ม!


  Ok! Calm Down..สงบสติอารมณ์พยายามผ่อนคลายปรับลมหายใจให้เป็นปกติที่สุดก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์บนโต๊ะข้างหัวเตียง..แม่ม วิดิโอคอลไปอิ๊ก  รีบนอนจัดท่าทางให้เรียบร้อยห่มผ้าถึงคอก่อนจะกดรับสายที่กระหน่ำโทรมาไม่หยุดประหนึ่งว่ามีใครกำลังจะตาย..แต่กูนี่แหละที่กำลังจะตาย  บ้าเอ้ย! หรรมกูยังโด่อยู่เลย


[นอนแล้วเหรอครับที่รัก ผมโทรมาปลุกคุณรึเปล่า] หึ นอนที่ไหนกันล่ะตั้งโด่อยู่เนี่ย


“สงสัยผมเผลอหลับไปน่ะครับ” แถได้โล่ก็กูนี่แหละ


[ขอโทษนะครับที่โทรมาช้า พอดีมีประชุมด่วน]


“ไม่เป็นไรครับ ว่าแต่คุณถึงบ้านแล้วเหรอครับถึงได้วิดิโอคอล” ปกติแล้วถ้าอยู่บนรถพี่เบิ้มจะแค่โทรแต่พอถึงบ้านแล้วจะเปลี่ยนเป็นวิดิโอคอล


[ใช่แล้วครับ พอดีตอนที่อยู่บนรถผมคุยเรื่องงานกับพอลอยู่น่ะครับเลยไม่ได้โทรหาคุณ]   


“งานคุณคงยุ่งหน้าดู”


[ผมอยากกลับไปหาคุณไวๆเลยต้องรีบเคลียร์งานทั้งงานเก่างานใหม่ให้รีบสร็จ]


“อย่าหักโหมมากนะครับผมอยู่ที่เดิมไม่หนีไปไหนหรอก”


[ก็ผมคิดถึงคุณ คิดถึงๆๆๆ]


“ฮ่าๆ รู้แล้วครับ ผมก็คิดถึงคุณเหมือนกัน” ให้ตาย! ยิ่งเห็นหน้ากลิ่นของอีพี่เบิ้มก็ยิ่งชัดเจนขึ้น ถ้าผมคุยไปด้วยว่าวไปด้วยจะผิดไหมวะ..ใจเย็นๆไอ้ณต


[มะรืนนี้ผมต้องไปประชุมที่ฮ่องกง ถ้าเวลาเหลือผมจะไปหาคุณนะที่รัก]


“ไม่ต้องขนาดนั้นก็ได้ครับ คุณทำงานให้เต็มที่เถอะแล้วก็พักผ่อนเยอะๆด้วย” เชียงใหม่-ฮ่องกงนะไม่ใช่แค่นั่งรถสองแถวก็ถึงน่ะ ถึงจะบินไม่กี่ชั่วโมงก็เหอะ


[ไม่รู้ล่ะถ้าไปได้ผมก็จะไป] น้ำเสียงดื้อดึงไม่เคยเปลี่ยน


“ตามใจคุณครับ” ห้ามได้ซะที่ไหนล่ะ แต่ลึกๆก็ดีใจนะที่จะได้เจอกัน


เราคุยกันสัพเพเหระไปเรื่อยจนลูกชายของผมมันสงบลงและผมก็เผลอหลับคาโทรศัพท์ไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้..รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่ตกใจตื่นเพราะฝัน



...ฝันว่าผมกับพี่เบิ้มกำลังเมคเลิฟกัน  อ่า ฝันเปียก และแล้วก็แตกจนได้!!






       วันนี้ผมตั้งใจจะไปหาพ่อกับแม่ที่รีสอร์ทเพื่อบอกเรื่องสำคัญผมไม่อยากให้มันค้างคาเพราะยังไงสักวันหนึ่งที่บ้านผมก็ต้องรู้อยู่ดีแล้วก็รู้จากปากผมนี่แหละดีที่สุด..

ดุจดาวรีสอร์ท ตั้งอยู่ในอำเภอแม่ริม เป็นรีสอร์ทเล็กๆที่มีบ้านพักเพียงสามหลังที่ล้อมรอบไปด้วยภูเขา พื้นที่หลังรีสอร์ทจะมีสวนผักออร์แกนนิคและแปลงสตรอเบอรี่เล็กๆให้แขกที่เข้าพักได้เด็ดชิมเมื่อถึงช่วงฤดูหนาวส่วนชื่อทำไมต้องดุจดาว อ๋อนั่นชื่อแม่ผมเองครับแถมกลางคืนที่นี่ก็มองเห็นดาวได้ชัดเจนแจ่มแจ้ง..

ที่นี่อากาศดีกว่าในตัวเมืองมากและบรรยากาศก็ดีสุดๆหน้าหนาวผมชอบมานอนที่นี่บ่อยๆ ถ้าพี่เบิ้มได้มาคงจะชอบน่าดู แต่จะได้มาในฐานะอะไรนั้นมาลุ้นกันอีกที ผมไม่ได้บอกใครว่าผมมาหาพ่อกับแม่โดยเฉพาะพี่เบิ้มผมไม่อยากให้พี่แกเป็นกังวลแค่งานเยอะก็น่าปวดหัวจะแย่แล้ว

จากดอกแก้วเกสท์เฮ้าส์ผมใช้เวลาเดินทางเกือบๆสองชั่วโมงก็มาถึงดุจดาวรีสอร์ท  ผมเดินเข้ามายังตัวบ้านที่อยู่ด้านหน้ารีสอร์ทเป็นบ้านไม้สองชั้นสไตล์คันทรี่ชั้นล่างเป็นส่วนรับรองแขกเและแบ่งเป็นห้องอาหารสำหรับบริการแขกที่มาเข้าพัก ส่วนอาหารของที่รีสอร์ทจะเน้นอาหารท้องถิ่นและแน่นอนว่าวัตถุดิบส่วนใหญ่มาจากสวนที่พ่อกับแม่ปลูกเอง ส่วนชั้นสองก็เป็นบ้านของครอบครัวเรา


“แม่ สวัสดีครับ”


“ณต! จะขึ้นมาทำไมไม่โทรมาบอกก่อนล่ะลูก” แม่ที่นั่งอยู่ด้านในเคาน์เตอร์สำหรับให้แขกมาติดต่อเอ่ยอย่างตกใจเมื่อเห็นผม


“เซอร์ไพรส์ครับ” เดี๋ยวจะมีเรื่องเซอร์ไพรส์กว่านี้อีกนะแม่


“วันนี้ร้านกาแฟไม่เปิดเหรอลูก”


“ให้บีดูน่ะแม่ ช่วงนี้ลูกค้าน้อย”


“แล้วนี่จะค้างไหมแม่จะได้เตรียมห้องให้”


“ไม่ค้างครับแม่ ณตขึ้นมาเยี่ยมพ่อกับแม่เฉยๆคิดถึง” ผมหอมแก้มแม่ฟอดใหญ่ด้วยความคิดถึง คิดถึงจริงๆนะเพราะตั้งแต่อีพี่เบิ้มเข้ามาในชีวิตผมยังไม่ได้มาหาพ่อกับแม่เลย


“หืม อ้อนแม่แบบนี้ต้องมีอะไรแน่ๆ”


“โอ๊ะ ไอ้ลูกชาย” พ่อที่เดินลงมาจากชั้นสองเอ่ยทักด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม


“สวัสดีครับพ่อ”


“หายหน้าหายตานะช่วงนี้ หรือว่าจะติดหญิง” ผู้ชายตัวเบ้อเร่อต่างหากล่ะครับพ่อ


“จริงเหรอลูก นี่แม่จะได้มีลูกสาวแล้วใช่ไหม” สีหน้าแม่ดูตื่นเต้นแต่เกรงว่าแม่จะได้ลูกชายเพิ่ม โอ้ยยย อยากจะร้องไห้


“เอ่อ..จริงๆแล้ววันนี้ณตตั้งใจจะมาบอกเรื่องนี้แหละครับ” ไหนๆก็พูดเรื่องแฟนแล้วก็เข้าประเด็นเลยละกัน


“ลูกมีแฟนแล้ว?!”


“ครับ”


“โอ้ว ขายออกสักทีลูกพ่อ”


“แล้วทำไม่ไม่พามาด้วยล่ะลูก”


“ตอนนี้เขาอยู่อังกฤษครับแม่”


“หืม?”


“เขาเป็นคนอังกฤษไม่ใช่คนไทยครับ”


“ลูกพ่อไม่ธรรมดา มันล่อสาวฝรั่งเลยเว้ย” ผมได้แต่ยิ้มแห้งๆกับคำว่าสาวฝรั่งของพ่อ


“เขาชื่ออะไรลูก” หายใจเข้าลึกๆไอ้ณต


“เออ..เจเรมี่ครับ”


“ชื่อเหมือนผู้ชายน้อ”


“...”


“...” เมื่อผมเงียบ ทั้งพ่อและแม่ต่างก็มองหน้ากันก่อนที่แม่จะทำลายความเงียบ


“แฟนลูกเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย” แม่ถามด้วยใบหน้าที่เรียบเฉยปราศจากรอยยิ้มเหมือนเมื่อครู่ ผมเตรียมใจมาแล้วนะแต่ไม่คิดว่าพอถึงเวลาจริงมันไม่ง่ายเลยที่จะพูด บอกตามตรงตอนนี้ผมโคตรกลัว กลัวพ่อแม่จะเสียใจ แต่เอาวะมาถึงขั้นนี้แล้ว..


“ผู้..ผู้ชายครับ” ผมก้มหน้าตอบด้วยน้ำเสียงที่เบาหวิว


“ลูกเป็นเกย์?” แม่อุทานด้วยความตกใจ


“ไม่รู้ครับคือ..” น้ำเสียงผมเริ่มสั่นและฝ่ามือก็เริ่มชื้นไปด้วยเหงื่อ


“ค่อยๆอธิบายมาลูก” พ่อที่เห็นผมท่าทางผิดปกติค่อยๆลูบหลังให้ใจเย็นใจผมก็ใจชื่นขึ้นมาจึงค่อยๆอธิบาย


“ถึงณตจะไม่เคยมีแฟนมาก่อนแต่ณตก็ชอบผู้หญิงมาตลอด แต่ตอนนี้คนที่ณตรักเขาดันเป็นผู้ชาย..ณตก็ไม่รู้เหมือนกันว่าแบบนี้เรียกว่าเกย์หรือเปล่า”


“...” เมื่อทั้งพ่อและแม่เงียบผมก็เริ่มใจเสีย มันต้องผ่านพ้นไปได้ด้วยดีๆๆ ผมได้แต่ท่องคำนี้อยู่ในใจก่อนจะถามคำถามที่ผมกลัวที่สุดออกไป


“พ่อกับแม่จะรังเกียจณตหรือเปล่าที่ณตมีแฟนเป็นผู้ชาย” ผมถามด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือและดวงตาที่พร่ามัวเพราะน้ำตามันกำลังจะไหล..กลัว กลัวคำตอบเหลือเกิน


“พ่อแม่ที่ไหนเขารังเกียจลูกกันล่ะ” แม่จับมือผมที่กำไว้แน่นให้คลายออกพร้อมกับลูบหลังมือเบาๆพร้อมกับน้ำตาของผมที่ไหลรินด้วยความซาบซึ้ง


“หมายความว่า..”


“ลูกรักเขาไหม”


“ครับ”


“แล้วเขาล่ะรักลูกของแม่ไหม”


“เขารักลูกครับ” สิ่งที่พี่เบิ้มทำและแสดงออกคงไม่ใช่การโกหกแน่ๆ


“ถ้าอย่างนั้นแม่ก็ไม่มีสิทธิ์ห้าม พ่อล่ะว่าไง” แม่หันไปถามพ่อที่นั่งนิ่งไม่แสดงท่าทีใดๆจนผมชักหวั่นใจ


“ถ้าลูกมีความสุข พ่อก็ยินดีด้วย ถ้าครอบครัวไม่ยินดีแล้วลูกจะมีความสุขได้ยังไงล่ะ จริงไหม” สิ้นสุดคำพูดของพ่อเท่านั้นแหละน้ำตาของผมก็ไหลอย่างกับเขื่อนแตกพร้อมกับโผลกอดทั้งสองท่าน


“ขอบคุณครับ ณตรักพ่อกับแม่ที่สุด ฮือออ” ผมโชคดี โชคดีจริงๆที่ได้เกิดเป็นลูกพ่อกับแม่


“โอ๋ๆไม่เอาลูกไม่ร้อง พ่อกับแม่ก็รักลูกที่สุดเหมือนกัน” แม่กอดผมพร้อมกับโยกตัวไปมาเหมือนกำลังปลอบเด็กชายปณตเมื่อสมัยยังเด็ก


“ณตกลัวว่าพ่อกับแม่จะรับไม่ได้”


“ก็ต้องรับได้สิลูกแม่มีแฟนทั้งที คิดว่าลูกชายแม่จะต้องขึ้นคานซะอีกแต่ผิดคาดนิดหน่อยนึกว่าจะได้ลูกสาวแต่ไม่เป็นไรได้ลูกชายเพิ่มอีกคนก็ดีเหมือนกัน”


“ฮือออ ณตรักแม่”


“พอแล้วๆไม่ร้อง ขี้แยจริงเด็กคนนี้  ว่าแต่ไปรู้จักกันได้ยังไงไหนเล่าให้แม่กับพ่อฟังสิ”


“เขาเป็นหัวหน้าของพอลแฟนไอ้ฟางน่ะครับ เมื่อหลายเดือนก่อนไอ้ฟางให้ผมเป็นไกด์ตอนที่เขามาเชียงใหม่”


“โอ้วว หัวหน้าเลยเหรอแล้วเขาคิดยังไงมาชอบลูกชายแม่เนี่ย” ถ้าจะให้ถูกต้องบอกว่าเป็นเจ้าของบริษัทแต่บอกแบบนี้แหละดีแล้วจะได้ไม่ตกใจไปมากกว่านี้


“แม่อ่ะ”


“อ๊ะ สงสัยเขาจะติดใจในความงามของลูกแม่”


“งามอะไรล่ะแม่ ลูกออกจะหล่อ”


“หึ ถ้าลูกใส่วิกผมยาวนะเหมือนแม่ตอนเป็นสาวเด๊ะ เนอะพ่อ”


“ถ้าเดินด้วยกันเขาคงไม่คิดว่าเป็นแม่กับลูกคงคิดว่าเป็นฝาแฝด”


“พ่อก็พูดเกินไปแม่แก่แล้วจะเป็นแฝดกับลูกได้ยังไง”


“ใครบอกแม่แก่ แม่ยังสาวยังสวยเหมือนเดิมเหมือนสมัยที่ได้ตำแหน่งดาวมหา'ลัย” อะไรจะอวยเมียขนาดนี้ และใช่ครับแม่ผมเป็นอดีตดาวมหา'ลัย  เอิ่ม..เมื่อประมาณสามสิบกว่าปีที่แล้ว


“พ่อก็~ ปากหวาน” ส่วนคนถูกอวยก็เขินซะจริงจัง


“ปากแม่ก็หวาน” เดี๋ยวๆชักจะติดเรทล่ะ จะจูบต่อหน้าลูกไม่ได้นะ..ลูกเขิน


“อะแฮ่ม ลูกยังนั่งอยู่ตรงนี้ครับ”


“โอ๊ะ ซอรี่ๆ” พ่อหันมายิ้มล้อๆก่อนจะโดนแม่ฟาดเข้าที่ต้นแขน


“พอเลยพ่อ ไปเก็บผักที่สวนเลยนะแม่จะได้เอามาทำกับข้าวตอนเที่ยง”


“ครับๆคุณดุจดาว  ไปไอ้ลูกชายไปเก็บผักกับพ่อ”


ผมช่วยพ่อเก็บผักและอยู่กินข้าวต่อกับที่บ้านสักพักก็ขอตัวกลับและแน่นอนว่าบทสนทนาบนโต๊ะอาหารก็หนีไม่พ้นเรื่องของ Mr.Jeremy..

ผมรู้สึกโล่งใจเหมือนยกภูเขาออกจากอกและดีใจจนบอกไม่ถูก   เมื่อมาถึงเกสท์เฮาส์ก็ได้เวลาโทรไปปลุกพี่เบิ้มพอดิบพอดี ใจจริงแล้วอยากจะโทรไปตั้งแต่ตอนขับรถแต่ต้องอดทนรอไว้ก่อน  ต่อสายไม่นานคนที่อยู่ไกลออกไปอีกทวีปหนึ่งก็กดรับสาย


[ที่รัก] น้ำเสียงนั้นช่างงัวเงีย


“คุณผมมีข่าวดีจะบอก” มันดีใจจนไม่อยากเวิ่นเว้อ


[อ่า ถูกหวยเหรอครับ] บ้าบอ


“ยิ่งกว่าถูกหวยซะอีกครับ”


[…]


“คือ..ผมไปหาพ่อกับแม่มาแล้วก็บอกเรื่องของเรา..”


[หมายความว่าท่านโอเคใช่ไหมครับ!] น้ำเสียงนั้นช่างตื่นเต้น ตื่นเต็มตาแล้วสินะมึง


“ครับ ท่านยินดีที่เราคบกัน”


[วิเศษ  ว่าแต่คุณพูดจริงๆใช่ไหมครับ ไม่ได้อำผมนะ]


“ใครจะอำเรื่องแบบนี้กันล่ะครับ” ตอนบอกน่ะกลัวแทบตาย


[ดีใจจัง แต่คุณน่าจะบอกผมสักหน่อยว่าคุณไปหาพ่อกับแม่]


“ไม่เป็นไรครับผมไม่อยากให้คุณกังวลไปด้วยแค่งานของคุณก็เยอะพอแล้ว”


[โธ่ที่รัก คุณคงกังวลน่าดู ไม่แฟร์เลยที่คุณต้องกังวลอยู่ฝ่ายเดียว]


“ผมไม่เป็นไรจริงๆแล้วผลมันก็ออกมาอย่างที่คุณบอกไงครับว่ามันจะผ่านไปได้ด้วยดี พ่อกับแม่ยังบอกอีกนะว่าให้พาคุณไปหาเมื่อคุณกลับมาที่เชียงใหม่” พ่อกับแม่ย้ำเรื่องนี้ไม่หยุดขนาดผมขึ้นรถแล้วก็ยังเคาะกระจกเพื่อเตือนผมอีกครั้ง


[ครับแน่นอนเราจะไปด้วยกัน ที่รักผมรักคุณจัง]


“ผม..ก็รักคุณครับ”


[ให้ตาย! ทำยังไงดีผมอยากเจอคุณแทบบ้า]


“อีกสามอาทิตย์ แป๊บเดียวเอง”


[ตั้งสามอาทิตย์ต่างหากครับ]


“คุณก็คิดให้เป็นแค่สามอาทิตย์สิครับ”


[ไม่รู้ละ ผมคิดถึงคุณแค่วันเดียวก็เหมือนหนึ่งปีแล้ว] เว่อร์ตลอด


“แล้วจะให้ผมทำยังไงล่ะครับ”


[เจอกันแล้วคุณต้องให้ผมจูบจนกว่าผมจะพอใจ] แล้วทำไมต้องเรียกร้องเหมือนว่ากูผิดด้วยวะ มึงนั้นแหละที่ผิดทำไมไม่เกิดเป็นคนไทยเล่า


“ครับๆ” เถียงไปก็เปล่าประโยชน์ ไอ้การจูบยังไงก็หนีไม่พ้นอยู่แล้วอีกอย่างผมก็ชอบมันไม่น้อย ฮ่า





...............



..........




.......


...



.




[ที่รัก]


“ถึงแล้วเหรอครับ”


[ครับตอนนี้อยู่โรงแรมแล้วเดี๋ยวต้องออกไปประชุมต่อ]


“เหนื่อยแย่เลย”


[นิดหน่อยครับ อ่อวันนี้ผมคงโทรหาคุณช้าหน่อยเพราะตอนเย็นต้องไปงานเลี้ยงลูกค้าต่อคุณนอนก่อนได้เลยนะที่รัก ถ้าผมกลับโรงแรมแล้วจะโทรหานะครับ]


“ได้ครับ”


[อ่า ผมต้องวางแล้ว คิดถึงนะที่รัก]


“ครับ ตั้งใจทำงานนะครับ”


[ครับ]


    ตอนนี้พี่เบิ้มอยู่ฮ่องกงแล้วครับซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าพี่เบิ้มมาฮ่องกงกี่วันรู้เพียงว่าเป็นการเดินทางที่ฉุกละหุกและดูเหมือนว่าเสร็จธุระที่ฮ่องกงก็ต้องเดินทางไปญี่ปุ่นต่อเป็นชีวิตนักธุระกิจที่โคตรจะวุ่นวายดีแท้แล้วเมื่อเดือนก่อนมาขลุกอยู่กับผมทั้งเดือนไม่รู้ว่าลูกน้องจะยุ่งวุ่นวายกันแค่ไหน..


วันนี้ทั้งวันผมได้คุยกับพี่เบิ้มแค่ตอนบ่ายก็ตอนที่พี่แกโทรมาบอกว่าถึงแล้วนั้นแหละจนถึงตอนนี้ก็ปาเข้าไปเกือบห้าทุ่มผมก็ยังรอสายจากพี่เบิ้มอยู่ มันหลับไม่ลงจริงๆนะ แล้วไอ้งานเลี้ยงเนี่ยปกติเขาเลิกกันกี่โมงวะ


         

        ก๊อก ก๊อก


ใครมา?  อีซูซี่เหรอ ทำไมมาดึกป่านนี้  แต่พอเปิดประตูก็ทำเอาผมยืนอ้าปากค้างด้วยความตกใจ


“เซอร์ไพรส์!” พี่เบิ้มในชุดสูทสีน้ำตาลในร่างของบอสที่ผมไม่คุ้นตามาพร้อมกับกระเป๋าเดินทางใบเล็กสีดำและรอยยิ้มแป้นแล้นประจำตัว 


“คุณมา..อื้ม” ไม่รอให้ผมได้ถามอีพี่เบิ้มก็คว้าผมไปกอดพร้อมกับแนบริมฝีปากลงมาทันที




จูบแห่งความคิดถึง นุ่มนวลและอ่อนโยน..




และจูบแห่งความโหยหา เร่าร้อนแทบหลอมละลาย..



“อื่อ คุณยะ หยุดก่อน” ผมดันพี่เบิ้มออกพร้อมกับเสียงหอบหายใจที่ถี่กระชั้นซึ่งที่เบิ้มก็ไม่ต่างกัน..


“ที่รักผมคิดถึงคุณแทบบ้า” พี่เบิ้มกำลังจะทาบริมฝีปากลงมาอีกผมจึงต้องดันอกหนาเอาไว้ก่อน..ขอหายใจแป๊บ


“ใจเย็นก่อน ผมหายใจไม่ทัน”


“ผมคิดถึงคุณ บอกแล้วไงครับว่าถ้าเจอกันผมจะจูบคุณจนกว่าจะพอใจ ซึ่งมันยังไม่พอ”


อ่า..ริมฝีปากที่บดคลึงช้าๆค่อยๆไล่ระดับจนกลายเป็นดุดัน เรียวลิ้นสอดแทรกเข้ามาดูดกลื่นทุกอย่างในโพรงปากทำเอาร่างของผมอ่อนระทวยโชคดีที่มีสองมือหนาประคองไว้และแผ่นหลังที่ชิดติดกับประตูไม่อย่างนั้นผมคงล้มไม่เป็นท่า
ผมจูบตอบและดูดดึงปลายลิ้นที่สอดแทรกเข้ามาอย่างไม่ยอมแพ้เช่นกัน แค่พี่เบิ้มคนเดียวซะที่ไหนละที่โหยหา..


 
     จูบ..จูบแห่งความคิดถึง รสชาติมันเป็นแบบนี้นี่เอง




             ขมในตอนแรกแต่สุดท้ายหวานแทบขาดใจ..






 TBC.
 ..........................................................................

 ขอสารภาพตามตรงว่าตั้งใจจะไม่เขียนนิยายเรื่องนี้ต่อด้วยปัญหาหลายๆอย่างของมาลีเองที่ทำให้มาต่อนิยายเรื่อง
 นี้ไม่สม่ำเสมอ..แต่เพราะคิดถึงพี่เบิ้มกับป้านดและนักอ่านที่ยังรอจึงต้องกลับมา
 ขอบคุณนักอ่านทุกท่านที่อดทนอ่านนิยายเรื่องนี้ที่นานๆโผล่มาที..สัญญาว่าจะมีตอนจบของพี่เบิ้มกับป้านดค่ะ^^


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-08-2019 19:53:15 โดย MA_LEE »

ออฟไลน์ BABYBB

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1123
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
ปูเสื่่อรอตอนหน้าเลยจ่ะพี่จ๋าาาาาาา :impress2:

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
อย่าหายไปเลยนะ เวลาเข้ามาเปิดหน้าจอก็กด F5 ตลอด รออยู่เสมอ
ขอบคุณที่สัญญาว่าจะมาต่อจนจบ คิดถึงป้าณตและพี่เบิ้มเสมอ
ดีใจที่พ่อแม่ป้าณตเข้าใจในตัวลูก ได้ลูกเขยแทนลูกสะใภ้
คนเขียนก็รักษาสุขภาพด้วยนะ

*** แม่และพ่อของณต แอบหวานออกสื่อนะ อิอิอิ

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7697
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ seaz

  • รักอยู่ไหน...ใจเรียกหา
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +381/-9
รออ่านทั้งคู่ตลอดเลยครับ //ได้อ่านทีไรแล้วชุ่มชื่นหัวใจจริง ๆ อยากมีแบบป้านดสักคน ^^"

ออฟไลน์ Quatree

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 279
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1

ออฟไลน์ ่patsaporn

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4339
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +227/-6
ได้เจอกันแล้วดีใจจัง
ดีใจด้วยที่บ้านณตเข้าใจ
กลับมารอบนี้น่าจะหวานกว่าเดิมสามล้านเท่า เย่

ขอบคุณค่ะ

ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
ฟินมากกกกก ฝรั่งคลั่งแฟนสุดๆ

ออฟไลน์ sang som

  • เจ็บจิต!!
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1609
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +108/-6

ออฟไลน์ memozy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 377
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
กำลังฟิน  :hao6: :hao7: :hao7:

มาต่อเร็วๆนะ  o13

ออฟไลน์ Sky

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 944
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-2

ออฟไลน์ love-boy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

ออฟไลน์ MA_LEE

  • เป็ดหัดเขียน
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 74
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0
 


 
บทที่ 17
I NEED YOU

     


     การมาของพี่เบิ้มสร้างความประหลาดใจเป็นอย่างมาก เท่านั้นไม่พอการจูบแบบจู่โจมก็เล่นเอาสติกระเจิดกระเจิง..สติกลับมาก็ตอนที่แผ่นหลังอันเปลือยเปล่าสัมผัสกับความนุ่มบนเตียง


..เสื้อผ้าของผมถูกถอดตั้งแต่เมื่อไหร่?!


“ดะ..เดี๋ยวคุณ” ผมรีบดันอกหนาที่คร่อมอยู่บนตัวให้ออกห่างเกรงว่าอะไรๆมันจะเลยเถิด..แล้วพี่มันก็ถอดเสื้อตั้งแต่เมื่อไหร่ เมื่อเหลือบไปมองข้างเตียงก็เห็นชุดสูทหรูราคาแพงถูกกองทิ้งไว้อย่างไม่ใยดี


“ที่รักแค่จูบมันยังไม่พอ ผมคิดถึงคุณ รักคุณจะบ้าอยู่แล้ว..ให้ผมนะที่รัก” น้ำเสียงแหบพร่านั้นช่างเว้าวอน


“ให้..ให้อะไร” ขออะไรของพี่มึงเนี่ย


“มากกว่าจูบที่รักให้ผมได้สัมผัสคุณ” นัยน์ตาคู่สีเทาเต็มไปด้วยความอ้อนวอนปนความอดกลั้น


“...” แล้วมันแค่ไหนล่ะ


“ผมสัญญาว่าจะไม่ใส่ของผมเข้าไปในตัวคุณ..ถ้าคุณยังไม่เต็มใจ” แน่นอนสิ! ใครมันจะไปเต็มใจกันเล่า จู่ๆก็โผล่มายังไม่ทันได้เตรียมตัวเตรียมใจเลยนะ


“...”


“ผมอยากปลดปล่อยไปพร้อมกับคุณ..นะครับที่รัก Please”


“ผม..ผมยังไม่พร้อมให้คุณเข้ามา..รักษาสัญญาด้วยนะครับ”


..ไม่รู้ด้วยแล้ว  เมื่อความต้องการของผมก็มีไม่ต่างกันและผมก็อยากจะปลดปล่อยไปพร้อมกับพี่เบิ้มเช่นกัน  ผมโอบคอของพี่เบิ้มให้โน้มลงมาหาเป็นเพื่อยืนยันคำตอบอีกครั้ง




   ..ผมเชื่อใจพี่เบิ้ม




“ผมสัญญา” น้ำเสียงที่ลึกซึ้งกับดวงตาที่สื่อความปรารถนาออกมาอย่างเปี่ยมล้น  เรียวลิ้นร้อนแทรกซึมดุดันเข้าในโพรงปากอีกครั้งผมเปิดปากรับสัมผัสร้อนชื้นนั้นอย่างเต็มใจ  กางเกงชั้นในที่หลงเหลือเพียงชิ้นเดียวบนร่างกายถูกนิ้วเรียวเกี่ยวกระหวัดดึงลงมาจนถึงข้อเท้า  สัมผัสเย็นวาบทำให้ผมสะดุ้งแต่จะมาปฏิเสธตอนนี้มันก็ไม่ทันเสียแล้ว  มือหนาลูบไล้แผ่วเบาที่แก่นกายของผมก่อนจะกอบกุมแล้วขยับขึ้นลงตามแรงปรารถนา..


“ดะ เดี๋ยวคุณ” เมื่อพี่เบิ้มถอยลงต่ำ ซุกหน้าลงที่หว่างขาของผมก่อนจะพรหมจูบไปทั่วบริเวณโคนขาและสะโพกผมรีบหุบขาทันทีแต่มันก็ต่อต้านอะไรไม่ได้เลยเมื่อพี่เบิ้มกางขาผมออกอีกครั้ง


“แล้วคุณจะชอบมันที่รัก” ใบหน้าที่เงยขึ้นมาจากหว่างขายิ้มให้อย่างอ่อนโยนแต่มันกลับปนไปด้วยความเซ็กซี่อย่างบอกไม่ถูก ด้วยความเขินอายผมจึงใช้ท่อนแขนปิดหน้าตัวเองเอาไว้จากนั้นร่างของผมก็สะท้านไปด้วยความเสียวซ่านเมื่อพี่เบิ้มปรนเปรอแก่นกายที่กำลังแข็งตัวด้วย..ปาก

ให้ตาย! มันคือครั้งแรกของผม การใช้ปากนั้นแตกต่างจากการใช้มืออย่างสิ้นเชิง ความอุ่นร้อนและเปียกชื้นให้ความรู้สึกดีอย่างน่าประหลาด..ประหลาดเสียจนอีกไม่กี่วินาทีผมก็แตกซะแล้ว..


“อ๊ะ..คุณผม จะ ถึง..”

   
“ให้ผมที่รัก”


“อ๊ะ อ้า..”


“good boy”


..ผมแตกในปากพี่เบิ้มไปเสียแล้วและอีพี่เบิ้มก็กลืนกินเข้าไปอย่างไม่ตะขิดตะขวงใจก่อนจะถาโถมจูบลงมาอีกครั้ง กลิ่นคาวคละคลุ้งไปทั่วโพรงปาก แต่น่าแปลก..มันรู้สึกดีชะมัด!


“งั้น..เดี๋ยวผมทำให้คุณบ้างนะครับ” มันคงไม่แฟร์ถ้าผมจะถึงฝั่งฝันอยู่ฝ่ายเดียว..ผมจึงเสนอแม้ในใจจะกล้าๆกลัวๆก็ตาม
เอาวะไม่เห็นต้องอายเลยก็ผู้ชายเหมือนๆกัน ผมค่อยๆดึงกางเกงชั้นในสีดำของพี่เบิ้มลงอย่างช้าๆ

บ๊ะ! เหมือนที่ไหนกันเล่า ลืมไปว่านี่มันงูหลามเผือกทำเอางูดินของผมอายจนต้องมุดลงรู


“ทำพร้อมกันดีกว่าที่รัก” พี่เบิ้มมองออกว่าผมไม่รู้จะจัดการกับอีงูหลามเผือกตรงหน้ายังไง  แหงสิก็มันใหญ่ขนาดนี้จะเข้าเอิ่ม..เข้าปากผมได้ยังไง!


พี่เบิ้มลุกขึ้นนั่งก่อนจะยกผมขึ้นมานั่งคร่อมบนตักจากนั้นก็จับแก่นกายของเราเข้าไว้ด้วยกันแล้วขยับมันขึ้นลงตามมาด้วยเสียงลมหายใจที่หนักหน่วง..บ้าน่าผมต้องแตกสองรอบเหรอเนี่ย

สองแขนของผมโอบรอบคอแล้วซุกหน้าลงกับลาดไหล่กว้างด้วยความเขินอาย..มันเป็นครั้งแรกที่หว่าที่ต้องเปลือยล่อนจ้อนต่อหน้าคนอื่นถ้าไม่นับตอนเด็กๆที่พ่อกับแม่อาบน้ำให้นะ แถมหนอนน้อยของผมก็ไม่ได้ครึ่งงูหลามเผือกของอีพี่เบิ้ม..


“ที่รักให้ผมได้เห็นหน้าของคุณ” น้ำเสียงกระเส่าเต็มไปด้วยแรงปรารถนา ผมไม่อาจต้านทานแรงปรารถนานี้ได้เลยจึงค่อยๆเงยหน้าขึ้นสบนัยน์ตาคู่สีเทาช้าๆที่มาพร้อมกับรอยยิ้มพอใจ   


“...”


“ชอบมันไหมที่รัก”


“...” เมื่อผมไม่ตอบจังหวะขึ้นลงก็ถี่รัวขึ้น   


“อ๊ะ..”


“ว่าไงครับ ได้โปรดบอกผม”


“ชอบ..ผมชอบมัน” ผมตอบไม่เต็มเสียงนักเพราะพยายามกลั้นเสียงร้องอันน่าอายไม่ให้หลุดออกมา


“ที่รัก ให้ผมได้ฟังเสียงคุณ ทุกอย่างที่เป็นของคุณให้ผมได้เห็นมัน” เอาแต่ใจที่สุด ท้ายที่สุดผมก็ต้านทานสัมผัสของผู้ชายตรงหน้าไม่ไหว..


“อ้ะ  อ่าา”


“ที่รักคุณโคตรเซ็กซี่” เสียงคำรามพร้อมกับแรงเร็วที่มากขึ้น ริมฝีปากและเรียวลิ้นบดเบียดกันอีกครั้งพร้อมกับแรงอารมณ์ที่พุ่งทะยานสูงขึ้น


“คุณ..ผมจะ..ไม่ไหวแล้ว”


“พร้อมกันที่รัก”


“อ้าาา” ไม่รู้เสียงใครเป็นเสียงใคร เสียงร้องและเสียงหอบหายใจปนกันระงม


“I love you” สิ้นเสียงคำบอกรักพี่เบิ้มก็จูบซับที่ขมับอย่างอ่อนโยนก่อนจะอุ้มผมไปยังห้องน้ำด้วยแรงที่เหลือเฟือ
ส่วนผมน่ะเหรอ..อ่อนเปี้ยสิครับงานนี้








     แสงแดดที่ลอดผ่านผ้าม่านทำให้ผมต้องลืมตา..ผมตื่นสาย แน่นอนเพราะนาฬิกาปลุกส่วนตัวนอนกอดผมอยู่ตรงนี้
พี่เบิ้มยังคงนอนอยู่ด้วยความเพลียจากการทำงานและการเดินทางเมื่อคืนหลังจากเสร็จภาระกิจแห่งการปลดปล่อยก็ปาไปค่อนคืน ผมจึงไม่อยากถามซักไซ้ใดๆปล่อยให้พี่เบิ้มได้พักผ่อนเราเพียงแค่นอนกอดกันก่อนต่างฝ่ายจะจมเข้าสู่ห้วงนิทรา

ผมเกลี่ยเส้นผมของพี่เบิ้มที่ปรกหน้าออกเพื่อให้เห็นใบหน้าที่แสนคิดถึงนั้นชัดๆ  ขนตายาวเป็นแพสวยของพี่เบิ้มเป็นสีน้ำตาลเข้มสีเดียวกับเส้นผมและดูเหมือนว่าเส้นผมสีตาลเข้มหยักศกเป็นลอนตามธรรมชาตินี้จะสั้นลงกว่าเดิมน่าจะยาวเท่าปลายคางได้  จมูกโด่งเป็นสันตามเชื้อชาติ  ส่วนริมฝีปากก็หยักสวยได้รูปและทุกครั้งที่มันสัมผัสกับเรียวปากของผมก็ทำให้เคลิบเคลิ้มแทบหลอมละลาย แต่ที่ผมชอบที่สุดบนใบหน้าคมสันนี้คือนัยน์ตาคู่สีเทาที่ปิดสนิทอยู่ตอนนี้..


“รอนานแล้วนะครับ ปล้ำผมสักที” บ้าเอ้ย นี่มึงแกล้งหลับเหรอเนี่ย นัยน์ตาสีเทาที่ผมอยากเห็นพราวระยับ


“ใครจะปล้ำกันเล่า!” บ้าบอ


“ถ้างั้นผมปล้ำ” พลิกตัวขึ้นมาอย่างว่องเลยนะมึง


“หยุดเลยคุณ” ผมรีบดันพี่เบิ้มให้ออกห่างแต่ไม่ก็ไม่รอดโดนพรหมจูบไปทั่วหน้าก่อนอีควายเผือกจะยอมถอยลงไปนอนข้างๆตามเดิม


“คิดถึงนะที่รัก”


“ครับ คิดถึงเช่นกัน  เอ่อจริงสิ ไหนคุณบอกว่างานเลี้ยงเลิกดึกไงครับ แล้วทำไมถึงมาหาผมถึงที่นี่ได้”


“เซอร์ไพรส์ไงครับ ผมออกจากงานเลี้ยงตั้งแต่หกโมงก็รีบมาหาคุณเลย”


“แล้วกลับเมื่อไหร่ครับ”


“บ่ายนี้ครับ ผมต้องบินไปญี่ปุ่นต่อ”


“บ่ายนี้! คุณไม่น่ามาหาผมเลย เหนื่อยแย่”


“หายเหนื่อยต่างหากล่ะครับ” พี่เบิ้มกระชับอ้อมแขนแน่นขึ้นพร้อมกับหอมแก้มผมฟอดใหญ่ “อยากเจอครอบครัวคุณไวๆจัง คุณว่าพ่อและแม่ของคุณจะชอบผมไหม”


“ต้องชอบสิครับ”


“คุณแน่ใจได้ยังไง”


“แน่ใจสิ เพราะผมชอบคุณไง”


“คุณน่ารักชะมัด” แล้วผมก็โดนฟัดอีกหน


“เอาไว้คุณกลับมาแล้วเราไปค้างที่รีสอร์ทพ่อกับแม่สักสองสามคืนดีไหมครับ บรรยากาศที่นั้นดีมากคุณน่าจะชอบ”


“โอเคครับ  แต่ตอนนี้ไม่อยากให้คุณออกไปทำงานเลยอยู่ในบ้านกับผมจนถึงบ่ายได้ไหมที่รัก”


“ไม่หิว?”


“หิวคุณมากกว่า” ให้ตาย พูดได้หน้าตาเฉย


“หิวข้าวสิ ลุกได้แล้วผมหิว”


“...” พี่มันยังเฉยครับ นอนมองหน้าผมทำตาปริบๆ


  ...เฮ้อ



“โอเคๆ ไปกินข้าวกันครับเสร็จแล้วผมจะอยู่กับคุณจนถึงขึ้นเครื่องเลย”


“คุณน่ารักที่สุด” ถ้าไม่มีหูกั้นปากมึงคงฉีกมาบรรจบกันเป็นแน่แท้


“จะ..ทำอะไร”


“อาบน้ำไงครับ”


“แล้วอุ้มผมทำไมเนี่ย!”


“ก็คุณหิวแล้ว อาบด้วยกันจะได้ไวๆไงที่รัก” มึงนี่มันเจ้าเล่ห์ที่สุด ดวงตานี่พราวระยับ


“ผมอาบเองได้น่า ปล่อยผมลงครับ”


“ไม่ต้องอายๆ เมื่อคืนผมก็อาบให้คุณไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย ผมชอบ” เมื่อคืนขากูเปลี้ยเฉยๆหรอกน่า


“แต่ผมไม่ชอบ!”


“อีกหน่อยก็ชอบครับ” หน้ามึน!


แล้วอีควายเผือกก็ไม่สนขิงสนข่าใดๆเดินผิวปากพร้อมกับอุ้มผมที่ดิ้นขลุกขลักไม่หยุดไปยังห้องน้ำก่อนจะวางผมลงหน้ากระจกช้าๆ


“ถอดเสื้อครับ หรือจะให้ผมถอดให้” เกลียดสายตาวิบวับเป็นที่สุด


“ผมถอดเองแล้วก็จะอาบเองด้วยคุณออกไปก่อน” อาบด้วยกันเกรงว่ามันจะยิ่งช้า


“ไม่ดื้อสิครับ” มึงสิดื้อ เผด็จการ


ผมถอดเสื้อผ้าด้วยท่าทางฮึดฮัด ส่วนอีพี่เบิ้มถอดเสื้อผ้าแต่ละชิ้นออกพร้อมกับฮัมเพลงด้วยความสบายใจ..มันน่าหมั่นไส้นัก
ผมยังคงเหลือกกางเกงชั้นในไว้ ส่วนอีพี่เบิ้มน่ะเหรอล่อนจ้อน อีงูหลามเผือกชี้หน้าผมอยู่เนี่ย!


“กางเกงในคุณ..”


“ผมไม่ถอด ผมจะอาบแบบนี้ ถ้าคุณยังขอนู้นขอนี่อีกผมจะไม่อาบแล้ว” แม่ง! แดกข้าวทั้งขี้ฟันแบบนี้แหละ


“โอเคครับ” อีพี่เบิ้มยกมือยอมแพ้ก่อนจะอาบน้ำเงียบๆ


ผมจัดการล้างหน้าแปรงฟันก่อน ส่วนอีเบิ้มอาบน้ำสระผมก่อนที่เราจะสลับตำแหน่งกัน


“ผมถูหลังให้ไหมที่รัก” ดูมันๆ ยืนแปรงฟันพิงอ่างล้างหน้ามองผมด้วยสายตาวิบวับ


“ไม่ต้อง!”


“กางเกงในเปียกแนบเนื้อแบบนี้ก็ดูเซ็กซี่ไปอีกแบบ” บ้าเอ้ย ผมจึงหันหลังให้สายตาหื่นๆนั่น “โอ้วว ที่รักก้นคุณ”


“นี่คุณ!”


“ฮ่าๆ” 


“...” รู้เลยว่าพี่มันแกล้งผม  ให้ตาย


“ที่รักคุณน่ารักเป็นบ้า” เออกูจะบ้า ประสาทจะแดกกับมึงนี่แหละ


“สะ เสร็จแล้ว” จากหงุดหงิดกลายเป็นเขินเลยกู ก็ใครใช้ให้พี่มันพูดด้วยสายตาเอ็นดูแบบนั้นกันเล่า


“คราบ” จากนั้นพี่เบิ้มก็ยื่นผ้าเช็ดตัวมาให้กับผม ผมเช็ดตัวลวกๆก่อนจะรีบนุ่งผ้าเช็ดตัวไว้


“อย่าลืมถอดกางเกงในด้วยนะครับ” พี่เบิ้มพูดปนขำพร้อมกับหันหลังให้  บ้าที่สุด ผมรีบถอดออกอย่างเร็วรี่ก็ใครอยากจะนุ่งเกงเกงในเปียกนานๆกันเล่า..สังคังแดกพอดี


“เสร็จแล้วคุณ” ไม่เข้าใจ จะรอออกพร้อมกันทำไมเสร็จก่อนผมแท้ๆ


จังหวะเดียวกับที่เปิดประตูห้องน้ำ ประตูห้องนอนก็ถูกเปิดเช่นกัน   ..ฉะ ฉิบหาย


“แม่!”


“โอ้วว ผู้ชายกับลูกชายแม่!”


แม่ยืนอ้าปากค้าง คงจะตกใจไม่น้อยที่เห็นลูกชายออกห้องน้ำมาพร้อมกับผู้ชายเหมือนกันและต่างฝ่ายต่างนุ่งแค่ผ้าเช็ดตัวเพียงผืนเดียว




    ช่างเป็นการเปิดตัวแฟนที่น่าประทับใจดีแท้..





 TBC.
........................................................

 มาสั้นๆให้หายคิดถึง บทนี้ไม่มีอะไรมากคนเขามีเวลาอยู่ด้วยกันน้อยต้องรีบตักตวง  ..แต่ก็น่าหมั่นไส้เนอะ(บึนปาก)   


ออฟไลน์ seaz

  • รักอยู่ไหน...ใจเรียกหา
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +381/-9
เปิดตัวแฟนได้ดี :m20: :m20: :oo1: :oo1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด