**{31.8.61-ตอนพิเศษนอกเล่ม๒ คู่รอง} Cinderella man and the beast
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: **{31.8.61-ตอนพิเศษนอกเล่ม๒ คู่รอง} Cinderella man and the beast  (อ่าน 37783 ครั้ง)

ออฟไลน์ BAKA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3025
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-10
อาเชษฐ์นี่ไม่ได้หลงเมียธรรมดานะคะ หวงเว่อออออ อีกตังหาก

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
ดี ๆ ต่อเลยตอนพิเศษเพิ่มทุกอย่างเลยนะ  :katai2-1:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
มีความสุขกันถ้วนหน้า

ออฟไลน์ Duangjai

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 655
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-1
……

Happy Ending   

รักกันจนแก่เฒ่าเป็นตายายนะ พี่เชษฐ์น้องวิว

……

 :bye2:   :bye2:   :bye2:   :bye2:   :bye2:   :bye2:

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
จบได้น่ารักมากเลย คนอ่านอมยิ้มอย่างมีความสุข
ว่าแต่ตอนพิเศษนั้น ขอให้อาอัฐซัมติงกับชาติก็พอนะ
อย่าเอาดำไปยุ่งเกี่ยวด้วยเลย ปล่อยให้ดำมีครอบครัวปกติไปเหอะ
ขอบคุณคนเขียนมากกกมาย
 :z2: :z2:

ออฟไลน์ T_TARS

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 36
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ขอเรื่องใหม่หรือไม่ก็ตอนพิเศษที่พี่ดำคนซื่อเป็นพระเอกบ้างอะไรบ้างท่าจะดีนะฮะไรท์เตอร์ ท่าทางจะสนุกพิลึก
 :hao7: :hao7: :hao7: :hao3: :hao3: :hao3:

ออฟไลน์ ●GreenTEA●

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 684
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-2
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆ รอตอนพิเศษจ้าาา

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
Happy ending o13 แรกๆก็แกล้งสารพัด พอได้เป็นเมียเท่านั้นแหละ ทั้งรักทั้งหลงทั้งหื่นมากกกกก รอตอนพิเศษค่ะ  :กอด1: :pig4:

ออฟไลน์ noonaaRP

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 262
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-1
    • fanpage Noonaa
ตอนที่ ๒๒

หลังจากใช้เวลาแกล้งกันจนพอใจ เชษฐ์ไชยกับวิริยะเดินลงมาด้านล่างเพราะถึงเวลามื้อเย็นแล้ว ได้ยินเสียงเด็ก ๆ เล่นกันแว่วอยู่ที่หน้าบ้าน ส่วนคุณยายต้อยของไนน์ก็จัดสำรับอยู่ในครัว เมื่อเห็นทั้งสองยิ้มหน้าบานเดินลงมาก็อดที่จะทำสายตาแซวไม่ได้ “แหม ถ้าน้องวิวมีมดลูก ป่านนี้มีเป็นโหลแล้วมั้งคะ คุณพ่อขยันสุดฤทธิ์”

วิริยะมองตากับเชษฐ์ไชยแล้วหัวเราะกับคำกระเซ้านั้น “อะไรกันครับป้าต้อย มั่วแล้ว”

“จะว่าไป ถ้าไม่มีหลาน ลูกฉันอาจมีครึ่งร้อยแล้วก็ได้ แต่พอดีมีก้างขวางคอเลยต้องอดไง เพราะแม่มันมาไข่ทิ้งไว้ให้เลี้ยง” นายใหญ่ของไร่ทรุดตัวนั่ง แล้วสะดุ้งโหยงเพราะแรงหยิกที่ต้นขา หันไปเห็นไอ้ตัวดีทำตาดุปรามที่ชายหนุ่มพูดตรงเถรเกินไป จนไปแทงใจของใครเข้า หลานที่เชษฐ์ไชยหมายถึงก็คือหลานของแม่ต้อยด้วยเช่นกัน

เมื่อเห็นสีหน้าไม่รู้ไม่ชี้ของเชษฐ์ไชย วิริยะอดที่จะพูดไม่ได้

“ตัวเองอ่อนปวกเปียกเองก็บอกเขาไป”

“อะไร ใครอ่อน พี่ไม่ได้อ่อน แค่ทำงานเหนื่อยเอง” คนพูดทำเสียงดังแก้ตัวสุดความสามารถ

“ก็ไม่เห็นต้องทำจมูกบานป้ะ ทำไม...รึว่าร้อนตัวเหรอครับ” วิริยะแซวปนขำ ไอ้นิสัยชอบทำจมูกบานเวลาตื่นเต้นตกใจของเชษฐ์ไชยยังไม่หายไปสักที นี่แหละ เวลาโกหกหรือทำผิดอะไรมา วิริยะก็รู้ทันหมดทุกอย่าง คิดแล้วชายหนุ่มก็คลี่ยิ้มมองคนโดนรู้ทันตรงหน้า ที่กำลังงอนตักข้าวทานเมื่อถูกแซว “เอ้อ เรื่องที่คุยกันไว้อาทิตย์ที่แล้ว คือผมต้องออกจากบ้านมะรืนนี้นะครับ”

เรื่องที่คุยกัน เชษฐ์ไชยมุ่นคิ้วนึกอยู่ครู่หนึ่ง กลัวถูกต่อว่าที่ลืม “ไอ้ที่ว่าเพื่อนนัดเลี้ยงรุ่นน่ะเหรอ ไม่เอาหรอก ไม่ให้ไป”

“เอ้า พี่เชษฐ์ ได้ไงอะ ผมตกลงกับเพื่อนไว้ตั้งเป็นเดือนแล้วว่าจะไป” วิริยะทำตาโตเถียง

“นี่ตกลงก่อนจะขอพี่อีกเหรอ” เชษฐ์ไชยถามน้ำเสียงไม่จริงจังนัก

“ไม่ได้ขอ เพราะผมตั้งใจจะไปอยู่แล้ว แค่บอกให้รู้ว่าไปไหนแค่นั้นแหละ แล้วถ้าพี่ไม่ไปส่งที่นั่น ผมก็จะนั่งรถบขส. ไปเองก็ได้ ไม่เห็นต้องง้อเลย” วิริยะหันไปกล่าวระรัว แล้วเผลอทำหน้างอโดยไม่ตั้งใจ

“งอนรึเปล่าน่ะ”

คนฟังเบิกตา “งอนอะไร ไม่ได้งอน เรื่องไร้สาระจะงอนทำไม”

“แล้วแต่นะ” คนพี่ยิ้มแล้วแสร้งไม่สนใจ ตักอาหารตรงหน้าทาน

คนถูกเมินย่นหน้า “งอนก็ได้ แล้วจะไม่ง้อหน่อยเหรอ”

“ไม่อะ ก็บอกเองนี่ว่าเรื่องไร้สาระ งอนเองก็หายเองไป”

วิริยะอ้าปากกว้างเพราะไม่คิดว่าจะได้ยินเชษฐ์ไชยพูดแบบนี้ เดี๋ยวนี้ชักเก่งขึ้นทุกวันแล้ว ชายหนุ่มคิดแล้วทำเป็นเบ้ปากกล่าวตอบกลับไปว่า “อ๋อ ใช่ละซี...ก็ผมยอมมาอยู่ด้วยแล้วไง คราวนี้จะทิ้งขว้างยังไงก็ได้ ถ้าเป็นเมื่อก่อนน่ะเหรอ พูดอะไรก็ยอมไปหมด พองอนนะ โน่น...ขับรถไล่ตาม ใช้ให้จับลูกเจี๊ยบเป็นร้อย ๆ ตัวก็ยังไหว”

“ชู่...” เชษฐ์ไชยหันมาเอ็ด “เรื่องนี้ไม่มีใครรู้...”

หลังทราบ วิริยะก็คลี่ยิ้มกว้างอยากจะแกล้ง หันไปหาแม่ต้อยที่กำลังง่วนอยู่กับงาน “ป้าต้อยครับ จำได้ไหมตอนที่พี่เชษฐ์รถคว่ำ เขาขับรถไปตามง้อผมด้วยแหละ แล้วกลัวโดนผมทิ้งมากขนาดสั่งให้ไปไล่จับลูกเจี๊ยบ...” มือใหญ่กุมปากวิริยะแล้วดึงใบหน้าของชายหนุ่มเข้าไปให้ประจันหน้า ดูเหมือนจะโกรธ แต่เชษฐ์ไชยกลับยิ้มขันเมื่อเห็นวิริยะไม่รีรอที่จะแกล้งสักวินาทีเมื่อมีโอกาส

“ถ้าพูดอีกพี่จูบนะ ต่อหน้าทุกคนนี่แหละ” คนดุกระซาบ เมื่อเห็นวิริยะนิ่งแล้วก็ยอมผละมือออก ยังคงมีความสุขกับการแกล้งกันไปมาราวกับทั้งสองไม่ได้โตขึ้นเลย ครั้นริมฝีปากวิริยะเป็นอิสระแล้ว ไอ้ตัวดีก็ทำปากจู๋เชื้อเชิญให้จูบอย่างท้าทาย สิ้นลายหนุ่มน้อยขี้อายเมื่อก่อนไปแล้ว กลับเป็นฝ่ายเชษฐ์ไชยเสียเองที่รู้สึกแก้มร้อนขึ้นมาเมื่อเห็น

“กินนี่ไปเลยไป” มือใหญ่หยิบผักแถวนั้นยัดปากอีกฝ่ายแทน

“สรุปไปนะครับ เดี๋ยวผมจัดกระเป๋าให้พี่เอง” วิริยะหันมายิ้ม เคี้ยวของในปากไปพลาง แลดูเหมือนแฮมสเตอร์ตัวอวบอ้วนกำลังกินอาหาร เห็นแล้วผู้พี่ก็นึกเอ็นดู เอื้อมไปยีผมให้เสียทรงพลางพยักหน้าตอบรับ

ช่วงเช้า เชษฐ์ไชยตื่นตามเวลาอย่างทุกวัน ชายหนุ่มพลิกตัวมาดึงคนนอนข้าง ให้ซุกกอดอยู่ในอกรับความอบอุ่น ท่ามกลางความหนาวเย็นจากเครื่องปรับอากาศ วิริยะขยับหนุนต้นแขนใหญ่ให้ตัวเองหลับสนิทกว่าเก่า กลิ่นหอมกรุ่นจากร่างกายของเชษฐ์ไชยทำให้เพลินไปกับการนอน และแทนที่คนตื่นก่อนจะลุกหรือปลุก กลับใช้เวลาสนุกสนานกับการจูบเรือนผมวิริยะซ้ำแล้วซ้ำอีก ไม่มีวันอิ่มหนำ

เดี๋ยวนี้วิริยะไม่หวงตัว จะจับตรงไหนก็ให้จับไปหมด ถึงอย่างนั้นชายหนุ่มก็ไม่เคยเบื่อ

ทุก ๆ วัน เชษฐ์ไชยไม่มีเวลาเอื่อยเฉื่อยอย่างนี้นัก ต้องลุกตื่นออกไปทำงานตั้งแต่เช้ามืด หวนนึกถึงช่วงที่วิริยะเข้ามาอยู่ด้วยใหม่ ๆ แล้วรู้สึกมีความสุข ตอนนั้นเชษฐ์ไชยหลงเมียจนเสียการเสียงาน กลางคืนขยันทำการบ้าน ตอนเช้าก็ไม่อยากลุกเพราะเสียกำลังมาทั้งคืน วิริยะบังคับให้ออกไปทำงานช่วงแรก ชายหนุ่มก็ใช้ลูกแถว่าปวดนั่น เมื่อยนี่ ถึงได้อยู่ด้วยจนหนำใจ พักหลังหนึ่งอาทิตย์ที่อยู่นอนเฝ้าเมียทั้งวันทั้งคืน ดูเหมือนวิริยะจะรู้ทันลูกแถจนได้

จากนั้น เชษฐ์ไชยก็โดนลงโทษให้อด ๆ อยาก ๆ มาตลอดจนถึงตอนนี้

ไม่น่าจัดไปอย่างละโมบโลภมากเลย

“พี่เชษฐ์รักผมไหม” วิริยะอู้อี้ถามตั้งแต่ยังไม่ลืมตาตื่น

เห็นแล้วคนมองก็คลี่ยิ้ม “รักสิ รักที่สุด”

“ผมก็รักพี่” คนกล่าวขยับตัวกอดแล้วยกขาขึ้นมาก่ายบนตัวราวกับยังไม่ตื่นดี เห็นแล้วเชษฐ์ไชยก็มุ่นคิ้ว คงไม่ใช่ว่ากำลังละเมออยู่หรอกนะ ชายหนุ่มขยับตัวจะจับผ้าห่มคลุมตัวให้คลายความหนาวก็ชะงัก เมื่ออะไรแข็ง ๆ กำลังดุนดันขาเขาอยู่ ยังไม่กระจ่างใจดีจึงล้วงเข้าไปจับดูถึงได้รู้

“เฮ้ย! ห้ามฝัน ตื่นมาเดี๋ยวนี้เลยนะวิว” มือใหญ่เขย่าตัววิริยะให้ตื่น “ห้ามเสร็จ จะเสร็จก็เสร็จตอนมีอะไรกันจริง ๆ สิวะ”

“หือ...” วิริยะลืมตางง ๆ

“ไม่ต้องมาหือ ก็ว่าอยู่ ร้อยวันพันปีไม่เคยถาม” นอกจากตอนจะเสร็จ คิดแล้วชายหนุ่มมุ่นคิ้ว

ผู้เพิ่งตื่นนิ่วหน้า เกาหัวแกรกกับคนจอมหาเรื่อง “พี่บ้ารึเปล่าเนี่ย หึงตัวเองในฝันเหรอ”

“แล้วจะเอาไปฝันทำไม ตัวจริงก็นอนกอดอยู่ตรงนี้ พี่น้อยใจนะ” เชษฐ์ไชยทำหน้าละห้อย ที่ถูกแซวเมื่อวาน ใช่ว่าจะได้ทำสมอยากอย่างที่แม่ต้อยเห็น ถึงจะหวานให้ใครอิจฉาแต่ความจริงเชษฐ์ไชยรู้อยู่ว่าเป็นยังไง เพราะความโลภของตัวเองแท้ ๆ เชียว

ครั้นเห็นว่าเชษฐ์ไชยเคืองเพราะอะไร วิริยะก็คลี่ยิ้มแล้วลุกขึ้นนั่งส่ายหน้าให้

“เดี๋ยววันนี้ กลับจากเจอเพื่อนแล้ว...จะตามใจนะครับ”

แก้มของเชษฐ์ไชยชื้นด้วยจูบหลังวิริยะกล่าวจบ ชายหนุ่มติดไอ้นิสัยยิ้มเผล่นี้มาจากวิริยะ แต่เจ้าตัวไม่ทันได้เห็นเพราะเดินไปเข้าห้องน้ำแล้ว หลังประตูปิดลง นายใหญ่ของไร่ก็ร้องเยส กลิ้งไปมาอยู่บนเตียงราวกับเด็กร้องอยากได้ของ เมื่อจะได้ทำอะไร ‘ตามใจ’ สักที คิดขึ้นมากี่ทีก็รู้สึกกระชุ่มกระชวยใจเหลือเกิน

 

ดำขับรถเข้ามาที่ไร่ในช่วงเที่ยงของวัน กะจะบอกเชษฐ์ไชยว่าเมื่อคืนที่ไร่เกิดโกลาหลเพราะมีคนปวดท้องคลอดลูกกลางดึก เหนือได้ลูกชายและให้วิริยะไปรับขวัญหลาน ไปถึงบ้านพัก พบคนตัวใหญ่กำลังนั่งอยู่ที่เก้าอี้เหล็กตัวสีขาวหน้าบ้าน ไม่ได้ไปทำงานที่ไร่ เห็นแล้วดำก็รู้สึกแปลกใจ เดินตรงไปหาอีกฝ่ายทักทาย “นายเซษฐ์ ดำมีเรื่องสิบอก”

คนฟังเงยขึ้นมาสบตา แล้วยิ้ม “มีอะไร”

ดำนิ่งไปเมื่อได้สบตา แล้วลอบสำรวจเจ้านายอีกที

“คุณอัฐษ์...” เขารู้หรอกว่าเป็นใคร ถึงอีกฝ่ายจะใส่เสื้อผ้าของเชษฐ์ไชยอยู่ราวตั้งใจสวมรอยนายใหญ่ของไร่ แต่ผิวตัวและใบหน้าสะอ้านสะอาด และรอยยิ้มสุขุมตรงหน้านั้นยากที่เชษฐ์ไชยจะเลียนแบบได้ คราวที่แล้วอัฐษไชยหลอกเขาเสียอยู่หมัดเลย เล่นใหญ่อย่างกับเป็นเชษฐ์ไชยจริง ๆ ทั้งที่ดำเองก็ทำงานกับเชษฐ์ไชยมาตั้งหลายปี

ครั้นอีกฝ่ายถูกทักก็หัวเราะ ยกนิ้วชี้ชี้หน้าดำด้วยรอยยิ้ม “จำได้ขึ้นใจขนาดนี้ ไม่ใช่ว่าแอบชอบฉันหรอกนะ”

“กะมักอยู่ครับ คุณอัฐษ์ใจดีหลายกั่วนายเซษฐ์” ดำทรุดนั่งอยู่ตรงกันข้าม

“แต่ทำไมรู้สึกว่าเธอชอบเชษฐ์มากกว่าฉันล่ะ” คนถามยกกาแฟขึ้นดื่ม

ดำอึกอักไม่รู้จะตอบอะไร ดูเหมือนจะถูกแกล้งเสียจนไปไม่เป็น หากทว่าชายหนุ่มนึกขึ้นได้ว่าตัวเองมีธุระต้องคุยกับเจ้านาย “นายเซษฐ์ไปไสครับ” เปลี่ยนเรื่องไปเสียดื้อ ๆ ซึ่งหลังได้ฟังแล้วอัฐษไชยจะเข้าใจว่าตอนนี้ดำรู้สึกอย่างไร ตอบกลับดำไปอย่างปกติ “ป้าต้อยบอกว่าพาวิวออกไปตั้งแต่เช้าโน่น เอาหลานไปด้วย สงสัยคงพาไปเยี่ยมครอบครัวละมั้ง”

ดำร้องอ้อ “อ้าว แล้วคุณอัฐษ์มาได้จั่งใด๋ครับ”

“คิดถึงคนที่นี่ไง” คนกล่าวระบายยิ้ม ทั้งที่ยังไม่ละสายตาไปไหน ดำรู้สึกแปลกเมื่อถูกมองด้วยสายตาเช่นนี้ ราวกับว่าคนที่นี่ ที่อัฐษไชยกำลังหมายถึงคือตัวเขาเองเสียอย่างนั้น ทั้งสองเงียบไปพักหนึ่ง มีเพียงเสียงลมและใบไม้ปลิวตามพื้นดังแกรก ๆ คั่นกลาง และหากต้องเป็นอย่างนี้ต่อไปเรื่อย ๆ มีหวังดำอกแตกตายแน่

ชายหนุ่มลุกขึ้นยืนเต็มความสูง รีบบอกอีกฝ่ายว่า “ดำไปก่อนดีกั่ว ยังบ่ได้นอนตั้งแต่เมื่อคืน ไปก่อนเด้อครับ” กำลังจะหมุนตัวเดินไปอีกฝั่ง ชายหนุ่มชะงักเท้ากึกเมื่อเห็นตัวใหญ่ของชาติเดินกะเผลกมาทางนี้ นึกขึ้นมาว่าก็คงใช่ หากคนที่นี่ที่อัฐษไชยหมายถึงคือหัวหน้าใหญ่ของไร่อย่างชาติ ผู้เป็นเพื่อนเติบโตมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก

ชาติเหลือบเห็นทั้งสองที่อยู่ด้วยกัน แล้วกระตุกยิ้มร้าย ทักทายคนอายุน้อยที่สุดว่า “ทำไมต้องเห็นมึงอยู่กับอัฐษ์ตลอดเลย ชักแปลก ๆ แล้วนะ”

“บังเอิญครับ” ดำบอก

“บังเอิญบ่อย ๆ ไม่ดีหรอก คราวหลังอย่าบังเอิญมาให้กูเห็น”

“ชาติ!” อัฐษไชยเอ็ดความปากไม่ดีขี้หาเรื่องของเพื่อน

“แล้วอ้ายซาติกะบังเอิญคือกันบ่ครับ” ดำย้อน ใครจะไปยอมให้ถูกเล่นฝ่ายเดียวกันเล่า

คนถูกถามหัวเราะหึ “ซะที่ไหน อัฐษ์มันบอกว่ามาถึงแล้ว ก็เลยจะเอากุญแจบ้านมาให้นี่ไง”

“เป็นหยังต้องเอามาให้ครับ” ดำถามสีหน้าไม่รู้

ชาติกระตุกยิ้มราวกับเหนือกว่า “ไม่รู้รึไง ทุกทีที่มันมาก็จะไปค้าง...ที่บ้านกู” คนตัวสูงใหญ่ตรงหน้าทำเป็นเว้นวรรคให้คิดเองเออเอง ว่าส่วนที่หายไปนั้นหมายความว่ายังไง

ดำทำหน้าขึงขัง “อ้ายชาติคงบ่ฮู้คือกัน ว่าวันนี้คุณอัฐษ์สิค้างอยู่บ้านดำ”

“ฮะ...” อัฐษไชยย้อนด้วยความงง ท่ามกลางสีหน้าแปลกใจของชาติที่ได้ฟัง

“ไปครับคุณอัฐษ์ ดำง่วงแล้ว ฝากโทรลานายเซษฐ์ให้ดำนำเด้อ อ้ายซาติ”

“ดะ เดี๋ยวก่อนดำ ไปเอากระเป๋าที่รถก่อน” ผู้ถูกจูงมือทำหน้างงร้องบอก ไม่อาจเอ่ยทักท้วงให้คนอายุน้อยกว่าเสียหน้าได้ ทั้งที่ความเป็นจริงชายหนุ่มตั้งใจจะไปค้างที่บ้านของชาติอย่างที่เพื่อนพูด จึงได้โทรเรียกให้ออกจากไร่มาหา คิดแล้วอัฐษไชยก็หันไปทางด้านหลัง เห็นชาติทำสายตาเคืองโกรธราวกับเสือที่จ้องจะตะครุบเหยื่อตามมา แต่ใครจะไปสนกันเล่า ในเมื่อดำออกตัวเสียขนาดนี้ อัฐษไชยก็ต้องคว้าโอกาสไว้ซีถึงจะถูก

ไปถึงบ้านพักซึ่งอยู่ตรงกันข้ามกับบ้านของชาติ ดำลงไปเปิดประตูรั้วครู่เดียวก็ขึ้นมาขับรถเข้าไปจอดด้านใน ทุกครั้งที่มาเยี่ยมเชษฐ์ไชย อัฐษไชยมีโอกาสแค่ได้มองจากภายนอกเท่านั้น เมื่อได้เข้ามาจึงได้รู้ว่าดูดีกว่าที่คิด สะอาดสะอ้านและจัดสวนสวยงามแปลกตา ขนาดของตัวบ้านไม่เล็กไม่ใหญ่ แต่ดูรวม ๆ แล้วอบอุ่นน่าอยู่

ดูเหมือนคนแถวนี้ชอบบ้านไม้ สมัยนี้ไม้ราคาสูงเหลือเกิน คงต้องจ่ายเงินไม่น้อยเลยเหมือนกัน คิดแล้วอัฐษไชยก็เดินสำรวจภายในบ้านอยู่ครู่หนึ่ง ไม่นานดำก็ถือกระเป๋าของชายหนุ่มเดินตามเข้ามา เมื่อได้ยินฝีเท้าของเจ้าบ้าน ชายหนุ่มจึงหันไปส่งยิ้มให้อีกฝ่ายที่เดินตรงมาทิศนี้ สีหน้าเหมือนกำลังวิตกอะไร “คุณอัฐษ์คงสิงงว่าเป็นหยังดำคือเฮ็ดแบบนี้”

ชายหนุ่มยกยิ้ม “ใช่ งงนิดหน่อย”

“ดำกะงงคือกัน” คนกล่าวพูดตามตรงพลางยื่นของในมือมาให้ อัฐษไชยยิ้มพลางเอื้อมไปรับ มองคนตรงหน้ากล่าวขัดความเงียบในขณะสบตากันว่า “ซั่นไปห้องคุณอัฐษ์กันครับ”

“ทำห้องให้ฉันด้วยเหรอ” ชายหนุ่มแซว

คนฟังหน้าขึ้นสี

“บะ บ่แม่นแบบนั้นครับ” ดำแก้ตัวพลางส่ายหน้า “ดำหมายถึงห้องที่คุณอัฐษ์สินอนคืนนี้”

อัฐษไชยเบ้ปากเล็กน้อยเมื่อเห็นเด็กตรงหน้ารีบแก้ไขความเข้าใจผิดของเขา ทั้งที่ความเป็นจริงชายหนุ่มก็เข้าใจถูกตั้งแต่แรกแล้ว แต่ที่พูดแบบนั้นเพราะต้องการยียวน 'กวนใจ' เด็กคนนี้มากกว่า

“ขอมานอนบ่อย ๆ ได้ไหม” อัฐษไชยพูดทีเล่นทีจริงพลางยกยิ้ม คนเดินนำยังไม่ได้ตอบ พาไปหยุดอยู่ตรงหน้าห้องพักแล้วเปิดออก ให้อัฐษไชยเดินเข้าสู่ด้านใน ชายหนุ่มสำรวจด้วยสายตา เห็นว่าจัดแจงดูดีและสะอาดสะอ้านเหมือนห้องใหม่ น่าจะใช่...ชายหนุ่มคิดแล้วผุดรอยยิ้มขึ้นมาเมื่อนึกขึ้นได้ว่าตัวเองเป็นคนแรกที่ได้เข้ามาพัก ก่อนที่เจ้าของบ้านจะตามเข้าไป

เสียงปิดประตูสะท้อนก้องภายในใจของอัฐษไชยอยู่ครู่หนึ่ง ชายหนุ่มหันไปมองคนด้านหลังที่ทำหน้าแปลกใจเมื่อถูกจับจ้อง แล้วยกยิ้มกับท่าทางเงอะงะของดำ รู้ตัวว่าอีกฝ่ายเริ่มทำตัวไม่ถูกเมื่ออยู่กันสองคนอีกครั้ง เห็นเช่นนั้นอัฐษไชยก็ทรุดนั่งลงบนเตียง แล้วนึกอะไรขึ้นมาได้

“เอ้อ รูปสาวที่ตั้งอยู่กลางบ้าน เมียเหรอ”

ดำเบิกตา “บ่แม่นครับ น้องสาวหล่า”

“แปลว่า” อัฐษไชยย้อน

“น้องคนเล็กครับ” ดำตอบภาษาไทยด้วยสีหน้าอาย ๆ

“ก็พูดได้นี่นา ทำไมไม่พูดไทยกลางล่ะ”

คนฟังยู่หน้า โคลงศีรษะ “บ่เอาครับ ดำเว้าแล้วตก คนฟังแล้วหัวเราะกัน ดำบ่มัก”

“ฉันไม่หัวเราะหรอก เวลาดำพูดไทยน่ารักจะตาย” อัฐษไชยเอื้อมไปดึงให้คนยืนตรงหน้ามาทรุดนั่งข้าง ดูเหมือนดำจะทำตัวไม่ถูกแต่ก็ยอม รู้สึกเหมือนยักษ์สองตัวนั่งเรียงกันอยู่ แถมติดกันจนรู้สึกถึงผิวกายร้อนผ่าวของอัฐษไชยอีกต่างหาก เห็นดังนั้นดำจึงกระเถิบออกเพื่อเว้นระยะห่างสักเล็กน้อย หากทว่าเมื่ออัฐษไชยรู้ตัวก็คลี่ยิ้มอยากแกล้ง ขยับเข้ามาเบียดอีกรอบหนึ่ง แล้วดำก็กระเถิบหนีอีกที เป็นเช่นนั้นจนสิ้นสุดที่บริเวณขอบเตียง

“คุณอัฐษ์ ดำบ่มีม่องนั่งแล้ว” ชายหนุ่มหันไปบอกพลางเกาศีรษะแกรก ทำหน้าไม่ถูก

คนฟังยักไหล่ หันมาพูดว่า “มานั่งบนตักฉันก็ได้”

ดำถอนใจกับนิสัยเจ้านาย “อย่าท้าดำ คั่นดำเฮ็ดอีหลีอย่ามาเคียดกันเด้”

“ว่าไงนะ” คนฟังย้อน ไม่รู้ว่าอัฐษไชยแสร้งไม่เข้าใจ หรือกำลังเป็นอย่างที่ตอบกลับมาจริง ๆ แต่แววตาและสีหน้านั้นยียวนจนดำรู้สึกรำคาญ ชายหนุ่มขยับไปนั่งบนตักเจ้านายให้รู้แล้วรู้รอดไป ซึ่งเมื่อเห็นเด็กอายุน้อยกว่าตอบสนองกลับมาเช่นนี้แล้วอัฐษไชยก็อึ้งไป “เห็นบ่ บอกแล้วว่าสิเคียด”

“แปลหน่อยสิดำ” อัฐษไชยเงยขึ้นมองชายหนุ่ม มือวางอยู่บนตักของดำอย่างถือวิสาสะ

คนด้านบนถอนใจ ทำท่าจะลุกแต่ลุกไม่ขึ้น อัฐษไชยไม่ยอม

“คุณอัฐษ์ ดำล้อเล่น” ชายหนุ่มบอก

“เวลาคุยกับฉัน พูดภาษากลาง”

“บ่...” ดำตอบ เริ่มรู้สึกรำคาญมือที่เริ่มไต่บนตัว

“ตอนที่เข้าใจว่าฉันเป็นเชษฐ์ทำไมดูน่ารักว่านี้นะ” อัฐษไชยทำเสียงน้อยใจ ซึ่งดำก็รู้ว่าอีกฝ่ายแค่แสร้งเท่านั้น

“กะดำย่านนายเซษฐ์ แต่คุณอัฐษ์บ่น่าย่าน ใจดีกั่ว” ที่สำคัญความรู้สึกระหว่างเชษฐ์ไชยกับอัฐษไชย ตอนอยู่ด้วยกันแล้วมันแตกต่าง วางตัวคนละแบบอย่างสิ้นเชิง อยู่กับเชษฐ์ไชยถึงจะห่างเหินแต่รู้สึกสบายใจกว่า แต่กับอัฐษไชย แม้สายตาที่อีกฝ่ายใช้มองจะมีความใจดีและเอ็นดูประสมอยู่ แต่มันดูร้ายกาจอย่างไรพิกล

ดำไม่เข้าใจตัวเอง

“พอเห็นว่าเป็นฉัน เลยอยากดื้อยังไงก็ได้งั้นเหรอ หืม...” เสียงของคนกล่าวล้อเลียน

ดำปัดมือซุกซนออกจากหน้าขา “รอให้คุณอัฐษ์เป็นคนจ่ายค่าแฮงดำก่อน จั่งสิเซื่อ”

อัฐษไชยคลี่ยิ้มหลังได้ฟัง “งั้น...ขอจ้างให้มาเป็นคนรู้ใจหน่อยสิ”

อดจะใช้คำพูดน้ำเน่าพวกนี้ไม่ได้เลยสิพับผ่า

ได้ฟังแล้วดำหน้าชาไปพักหนึ่ง รู้สึกเหมือนตัวเองหูฝาดเฝื่อนฟังผิดเพี้ยนไป อัฐษไชยคิดอะไรอยู่ถึงได้ใช้คำพูดกับเขาเช่นนี้ ชายหนุ่มกระเด้งตัวลุกขึ้นยืน หันกลับไปเห็นเจ้าของตักที่กำลังใช้มือค้ำพื้นเตียงข้างหลัง เงยมองเขาอยู่เช่นกัน หากทว่าสายตาแลดูพราวระยับราวกับว่าคิดอะไรอยู่ ซึ่งดูลึกลับ และแปลกจากสายตาของอัฐษไชยที่เคยเห็นมาก่อน

“ดูทำหน้าเข้า ตลกจัง” อัฐษไชยระบายยิ้มใจดี ดูเหมือนกำลังอยากแกล้งดำอยู่ พลอยให้ชายหนุ่มอดที่จะยิ้มตามอย่างโล่งอกไม่ได้ที่มันไม่เป็นความจริง “แต่ฉันเอาจริงนะ”

รอยยิ้มดำผลุบหายไป ความวางใจทั้งหมดพังครืนลงกับคำเดียว อยากจะบ้า!

“บ่เว้ากับคุณอัฐษ์แล้ว มักแกล้งดำ” เจ้าของบ้านทำหน้าขึงขังเดินหนีออกไปจากห้อง พร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของเจ้านายที่มองตามจนร่างของดำหายไปจากสายตา แกล้งงั้นหรือ อัฐษไชยยกมือสางผมตัวเองเพราะความรุมร้อนบนใบหน้าแปลก ๆ ตัวเขารู้สึกอายที่หน้าด้านพุ่งชนไปตรง ๆ แทบตาย แต่ไอ้เด็กซื่อบื้อเจ้าของบ้านยังคิดว่าเขาแกล้งอยู่อีก

ก็อุตส่าห์รู้สึกมีความหวังขึ้นมานิด ๆ แล้วแท้ ๆ ที่เจ้าตัวทำท่าหวงกับชาติ

สงสัยต้องให้ถึงเนื้อถึงตัว จับเอามาเป็นของเขาทางพฤตินัยก่อนกระมัง คนโง่ข้างนอกถึงจะเข้าใจว่าที่อัฐษไชยเป็นอยู่ตอนนี้ โคตรจะเอาจริงเลย คิดแล้ว รอยยิ้มสุขุมก็ผุดขึ้นมาเมื่อมองลงบนตักของตัวเอง ความอุ่นของร่างกายอีกฝ่ายยังไม่จางหายไปไหนเลย

หนำซ้ำ ป่านนี้ชาติคงนั่งแช่งเขาให้โดนดำกระทืบตายอยู่กระมัง

--๓๕--


ออฟไลน์ noonaaRP

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 262
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-1
    • fanpage Noonaa

--ต่อ--

เชษฐ์ไชยกับวิริยะไปถึงบ้านพักก็ตอนเที่ยงแล้ว ชายหนุ่มบังคับให้วิริยะเอาไนน์มาด้วย ที่จริงไม่อยากให้มาเป็นก้างขวางคอเท่าใดนัก แต่หากเด็กน้อยไปด้วย วิริยะจะได้ไม่อยากอยู่สังสรรค์กับเพื่อนต่อแล้วกลับบ้านเร็วกว่ากำหนด จะส่งผลให้เขามีเวลาอยู่กับวิริยะมากขึ้นกว่าเก่า ชายหนุ่มลอบยิ้มเมื่อเห็นไอ้ตัวดีหน้ามุ่ยรู้ทันว่าคิดอะไร แต่ทัดทานความต้องการไม่ได้ ทำได้เพียงเดินถือข้าวของนำเข้าบ้าน ให้เชษฐ์ไชยอุ้มหลานที่หลับตามหลังไป

“มาแล้วเหรอ ต๊าย น้องไนน์...”

เชษฐ์ไชยยกมือไหว้ทักทายอิงอรอย่างทุลักทุเล โชคดีอีกต่อหนึ่งที่ธเนศไม่อยู่ อิงอรคงอยากได้หลานตัวน้อยไปนอนเป็นเพื่อนแน่ มาถึงนางก็รับตัวไนน์ขึ้นไปอุ้มอย่างนึกเอ็นดู พาขึ้นไปบนบ้านท่ามกลางสายตางอนของวิริยะ “ผมบอกแล้วว่าเรานัดแค่กินข้าวกันที่ร้านอาหารธรรมดาพี่ก็ไม่ยอมเชื่อ”

เชษฐ์ไชยยักไหล่ “พี่เชื่อ”

“เชื่อแล้วให้ไนน์มาด้วยทำไม หลานมานั่งรอเบื่อ ๆ มันดีที่ไหนเล่า”

“ถ้าเห็นหลานเบื่อวิวก็พากลับซี” เชษฐ์ไชยยิ้ม

“เออ เดี๋ยวจะรีบกลับ” ชายหนุ่มตอบแล้วขนกระเป๋าเสื้อผ้าเข้าไปเก็บในห้อง เป็นจังหวะเดียวกันที่อิงอรเดินออกมาจากที่พักหลังจากพาไนน์ขึ้นมานอนบนเตียง นางเดินตรงมาบอกว่าทำมื้อเที่ยงไว้รอแล้ว ลงไปทานกันได้เลย เชษฐ์ไชยยิ้มรับแล้วขอบคุณอยู่หลายครั้ง

“เอ้อ คืนนี้ให้ไนน์นอนกับฉันนะคะ” นางหันมาบอก

“ครับ แต่ว่าต้องปลุกลุกมาฉี่กลางดึกด้วยนะ ไม่อย่างนั้นที่นอนนองน้ำแน่”

“ค่ะ ไม่เป็นไรหรอก” นางสะบัดมือหย็อยทำหน้าทำตายินดี เท่านี้แผนของชายหนุ่มก็เสร็จสมบูรณ์ เชษฐ์ไชยผุดยิ้มขึ้นมาด้วยความย่ามใจอยู่เพียงคนเดียว แต่ครั้นเห็นวิริยะเปิดประตูออกมาก็ตกใจ เปลี่ยนสีหน้ามาเป็นปกติเช่นเดิม ไม่อยากให้รู้ว่ากำลังคิดการณ์ใหญ่อยู่

วิริยะนัดกับเพื่อนช่วงหัวค่ำ แต่ไปก่อนเวลาหน่อยเพราะรถคงติดน่าดู ชายหนุ่มยิ้มร่าเมื่อเห็นว่าไนน์ตื่นเต้นกับตึกรามบ้านช่อง สีสัน และอาคารทรวดทรงแปลกตาอยู่ด้านหลัง ส่วนคนขับรถออกปากว่าจะดูแลหลานให้แล้วเสนอหน้าตามมาด้วย ทั้งที่ตอนแรกบอกว่าให้ตายยังไงก็ไม่ยอมมา

เมื่อมาถึง เชษฐ์ไชยพาทั้งสองคนจอดบริเวณลานกว้างในช่วงที่มืดพอดี หน้าร้านมีแสงไฟหลากสีจัดแต่งคู่กับธรรมชาติ มีนักดนตรีกลางคืนกำลังร้องเพลงสบาย ๆ ให้ฟังอยู่ แต่ไม่ใช่ร้านนั่งดื่ม เชษฐ์ไชยคิดว่าน่าจะพาเด็กต่ำกว่าสิบแปดปีเข้าได้ ซึ่งก็จริง ชายหนุ่มให้วิริยะพาไนน์ไปก่อน เพราะเหลือบเห็นฝั่งตรงข้ามมีร้านของขวัญตั้งอยู่ เขารำลึกได้ว่าอีกไม่กี่วันก็ถึงวันเกิดครบห้าขวบเต็มของหลานชาย

วิริยะเข้าไปด้านใน เห็นเพื่อนร่วมชั้นสมัยมัธยมปลายนั่งอยู่ก่อนแล้วสี่ห้าคน ล้วนแต่เป็นผู้หญิง ดีหน่อยที่มีคนหนึ่งพกลูกสาวรุ่นราวคราวเดียวกันกับไนน์มาด้วย ได้ข่าวแว่ว ๆ เธอพลาดท้องช่วงเรียนมหาวิทยาลัยเหมือนกันกับหน่อย แต่ก็กลับไปเรียนจนจบได้ เมื่อเห็นเขาไป หล่อนทั้งหลายพากันวี๊ดว้ายร้องทักทาย “วิว วิวมาแล้ว!”

ชายหนุ่มทรุดร่วมโต๊ะกับเพื่อนแล้วยิ้มทักทายทุกคน มองรอบกายยังไม่เห็นเพื่อนผู้ชายมา “เรามาเร็วเกินไปรึเปล่า”

“ไม่หรอก พวกเราก็เพิ่งมา แต่เอ๊ะ พ่อรูปหล่อคนนั้นใคร ลูกวิวเหรอ” คนทักชะโงกไปหาหนุ่มน้อยแก้มยุ้ยที่ยังอายคนแปลกหน้าอยู่ ยืนเกาะหลังหลบวิริยะแจ ไม่กล้าออกมาให้ทั้งหมดเห็น แม้แต่สาวน้อยคนสวยผมยาวแต่งตัวน่ารักที่นั่งอยู่กับแม่ก็ด้วย

วิริยะยิ้ม “เปล่า หลานน่ะ ไนน์ ออกมาเล่นกับเพื่อนสิ”

“แกก็พูดไป จะเป็นลูกวิวได้ยังไง วิวมันไม่ได้มีเมีย มันมีผัว”

“พูดให้มันดี ๆ หน่อย ต่อหน้าเด็ก” แม่ของเด็กน้อยปรามด้วยสีหน้าจริงจัง เธอชื่อพลอย วิริยะเพียงยกยิ้มและรู้สึกอึดอัดขึ้นมา ไม่ต่างจากอีกฝ่ายที่คงโดนมาตลอดเช่นกัน อย่างที่คนเขาว่ากันว่าเรียนจบสูงก็ไม่ได้ช่วยให้ความคิดของคนสูงส่งมากขึ้นเลย

“ว่าแต่แกหายไปตั้งนาน ทำงานอะไรเหรอ” เพื่อนสาวหันมาเปลี่ยนเรื่อง

“ก็...ไม่ได้ทำนะ อยู่บ้านเลี้ยงหลาน” ได้ยินที่วิริยะบอกเล่า ทุกคนทำหน้าแปลกใจ แล้วพากันให้ความสนใจซักไซ้ผู้มาใหม่ต่อ “ทำไมไม่ทำล่ะ แกจบตั้งวิศวะมานี่ ไม่เสียเวลาฟรีเหรอ แล้วแฟนไม่บ่นสักคำรึไง”

“ก็พี่เขาไม่ให้ทำนี่”

วิริยะยักไหล่แล้วอุ้มไนน์ขึ้นนั่งบนตัก เมื่อยังเห็นสีหน้าของเพื่อนสาวทั้งกลุ่มหันไปมองกันพลางส่ายหน้าไม่อยากเชื่อ มีเพียงชายหนุ่มกับคุณแม่ลูกติดที่สบตากัน หล่อนพูดเสียงเบากับเขาว่าก่อนหน้านี้ก็โดนผู้หญิงกลุ่มนี้เล่นมาแล้วเรื่องท้องตอนเรียน เลยทำได้เพียงนั่งหน้าเจื่อน ๆ เท่านั้น เห็นแล้ววิริยะก็เพียงแค่ถอนใจแล้วส่ายหน้าระอา “ทำไมไม่สั่งอะไรทานกันหน่อยล่ะ พลอย ลูกสาวหิวรึยัง”

เพื่อนสาวยกยิ้ม “น้องพิ้งค์หิวรึยังคะ”

“หิวแล้วค่ะ” สาวน้อยตอบตาแป๋ว

“กี่ขวบแล้วนั่น”

“จะสี่ขวบแล้วจ้า” เพื่อนสาวนามว่าพลอยตอบ

“น้อยกว่าไนน์ ไนน์ใกล้จะห้าขวบแล้วครับ” เด็กแก้มยุ้ยแหงนมาบอกวิริยะ

“แล้วน้องเป็นลูกใครเหรอ ลูกเมียเก่าแฟนแกใช่ป้ะ” เพื่อนสาวอีกคนเริ่มเปิดประเด็นใหม่

วิริยะมุ่นคิ้วปฏิเสธ เริ่มรู้สึกถึงความละลาบละล้วงเกินเหตุ “เปล่า บอกว่าหลานไง”

“แล้วที่บอกว่าเขาไม่ยอมให้แกทำงาน พี่เขาทำอะไรอยู่เหรอ”

วิริยะยกยิ้มอย่างสุดทน รีบตอบกลับ “ทำไร่...”

“ทำไร่! ต๊าย ก็ว่าแล้วเชียวทำไม่แกดูผิวคล้ำ ๆ ลง แล้วใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นยังไง พี่เขาทำงานคนเดียวจะมีเงินพอใช้เหรอ รึว่าอยู่บ้านนอกเก็บผักกินตามรั้วตามไร่ได้ เลยประหยัดหน่อย” คนพูดคลี่ยิ้ม แล้วเสียงหัวเราะคิกคักจากสาวคนอื่นก็ดังขึ้นมา ถึงจะเป็นแค่คำแซว แต่มีความดูถูกเหยียดหยามในอาชีพของแฟนเขาเต็มไปหมด นึกแล้ววิริยะก็ส่ายหน้า ถามกลับไปว่า “แล้วพวกเธอล่ะทำงานอะไร”

“ฉันทำงานบริษัท เงินเดือนก็ดีนะ สองหมื่นกว่า ๆ”

วิริยะคลี่ยิ้ม แล้วพยักหน้ารับ “ดีจริงด้วย”

“ใช่ไหมล่ะ ไม่ต้องไปตากแดดตากลมให้ผิวคล้ำด้วย” หล่อนทำหน้าทำตาภูมิใจนักหนา ได้ยินแล้ววิริยะก็ส่ายหน้า ชายหนุ่มหันไปขอเมนูกับเด็กเสิร์ฟอีกฝั่งเพราะเริ่มรู้สึกหิว และคิดว่าเชษฐ์ไชยคงกลับมาแล้วต้องการทานมื้อเย็นเช่นเดียวกัน สายตาหลายคู่หันมาจับจ้องว่าวิริยะจะสั่งอะไรบ้าง และมากน้อยขนาดไหน ชายหนุ่มกระตุกยิ้ม แล้วรัวเมนูออกมาเสียจนเด็กเสิร์ฟแทบฟังไม่ทัน

“เอ...จะพอกินไหมนะ พี่เชษฐ์ตัวโต กินเยอะเสียด้วยซี”

วิริยะบ่นอุบกับตัวเอง ในขณะที่พลอยยิ้มมอง

“เยอะขนาดนี้จ่ายไหวเหรอ เมนูร้านนี้มีแต่ของแพง ๆ ทั้งนั้น” สาวคนหนึ่งรีบทัก

“พลอยเอาอะไรอีกไหม เราเลี้ยง” วิริยะหันไปถามคุณแม่ลูกติด เธอเพียงแค่สั่นศีรษะเล็กน้อยเพราะเกรงใจ “ตามใจวิวเลย เรากินง่าย”

“งั้นเราสั่งเผื่อน้องพิ้งค์ด้วยก็แล้วกัน” ชายหนุ่มใช้เสียงเรียบขณะที่มองเมนูอาหาร แล้วเริ่มสั่งอีกครั้ง ในขณะที่เพื่อนคนอื่นเริ่มเดินทางมาถึง เหล่าอาหารฝั่งของวิริยะก็เรียงรายจนเต็มโต๊ะ นั่นแหละเชษฐ์ไชยถึงได้เดินเข้ามาในร้าน ชายหนุ่มยกมือเรียกให้คนรักเห็น ท่ามกลางสายตาของเพื่อนร่วมชั้นที่พากันหันมอง แล้วซุบซิบกันยกใหญ่ เมื่อเห็นว่าเชษฐ์ไชยดูไม่เหมือนคนทำไร่ทำสวน แต่งตัวสะอาดสะอ้านและดูมีราคา เดินมาทรุดตัวนั่งข้างชายหนุ่มด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

“สวัสดีค่ะ” พลอยยกมือไหว้คนแรก เชษฐ์ไชยยิ้มรับ

“กินอะไรกันรึยัง”

“ยังเลยค่ะ รอให้เพื่อนมากันครบทีเดียว แต่ดูเหมือนเด็ก ๆ จะหิวเลยสั่งให้ทานก่อน ดูสิ วิวสั่งมาตั้งเยอะ” เพื่อนสาวคนหนึ่งรีบออกตัวบอก เธอคนนี้หน้าตาสะสวยและเป็นสาวกิจกรรมตั้งแต่สมัยมัธยม ตอนนี้กำลังยกยิ้มหวานให้เชษฐ์ไชย วิริยะกระแอมเสียงดัง ชำเลืองตามองคนตัวใหญ่ที่เพิ่งมาถึงว่าอย่าแม้แต่จะคิดมองไปทางนั้น ดูเหมือนเชษฐ์ไชยจะรู้ตัว แต่ก็ปั้นหน้าเป็นไม่รู้ไม่ชี้ไปก่อน

“พี่หน้าคุ้น ๆ นะคะ เหมือนเคยเห็นเลย” สาวคนหนึ่งทัก

“เอ้า พวกเธอไม่รู้เหรอ พี่เขาออกข่าวธุรกิจบ่อยจะตาย” พลอยทำเสียงไม่ตื่นเต้น

สาว ๆ ที่เหลือมองหน้ากันไม่เข้าใจ “ธุรกิจอะไรเหรอ ไม่เคยเห็นเลย”

เมื่อได้ฟังแล้วก็เข้าทาง พลอยหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดอะไรสักอย่างแล้วยิ้มราวกับว่าตัวเองเป็นแฟนเชษฐ์ไชยเสียเองอย่างสะใจ ส่งไปให้พวกปากดีกลุ่มนี้ดูแล้วเลิกทำตัวเหยียดหยามคนอื่นเสียที หลังจากมุงดูกันจนรู้แล้วว่าเชษฐ์ไชยเป็นใคร พวกหล่อนหน้าเจื่อนลงไปเล็กน้อยหันไปมองวิริยะ “ทำไร่ ที่แท้ก็เป็นเจ้าของไร่นี่เองนะวิว”

วิริยะยิ้มเล็กน้อย ไม่แสดงออกว่ารู้สึกยังไง เมื่อเห็นว่าเพื่อนผู้ชายมาแล้วชายหนุ่มก็กวักมือเรียกให้มาร่วมโต๊ะ แล้วสาว ๆ กลุ่มนั้นก็ค่อย ๆ เลือนหายออกไปจากรัศมีสายตาของชายหนุ่ม คงเหลือไว้แต่พลอยที่ยังคงร่วมทานมื้อเย็นด้วย แม้จะรู้ว่าพวกหล่อนจะแอบชะเง้อมองมาจากไกล ๆ วิริยะก็ไม่สน ไม่จำเป็นต้องเก็บเอาคำพูดของคนไร้ความสำคัญต่อชีวิตมาใส่ใจ

เขาโตแล้ว และเขาก็เบื่อกับการใช้ชีวิตแบบพวกหล่อนเหลือเกิน

ถึงได้มีความสุขกับการอยู่เงียบ ๆ ในไร่รุ่งอรุณีมากกว่าที่จะออกมายังไงเล่า

--๕๐--

----------------------------------------------

เอาตอนพิเศษมาให้อ่านกันแล้วจ้า น้องวิวก็จะมีความอวดแฟนหน่อย ๆ เปย์นิด ๆ ตามประสาเมียนายใหญ่ของไร่ผู้มีเงินเป็นฟ่อนอะนะ 5555555

สำหรับคนที่อยากอ่านตอนของอาอัฐษ์ ดำ ชาติ หนูนาตัดสินใจจะอัพให้อ่านเป็นเรื่องสั้นซักห้าตอนนะคะ(ต่อจากตอนพิเศษ) แยกเป็นตอนย่อยคือจะได้อ่านกันสิบตอนเลย ซึ่งมันก็ยาวมากด้วย มาลุ้นเอา NC ทีหลังเด้อ

มาลุ้นกันค่ะว่าความรักจะจบลงยังไง 3P มั้ย แล้วที่ชาติทำหน้าโกรธ ๆ นี่หึงรึเปล่า อิอิ

แล้วเจอกันจ้า


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: **{24.5.61-ตอนที่ ๒๒--๕๐/๑๐๐ } Cinderella man and the beast
« ตอบ #249 เมื่อ: 24-05-2018 20:55:10 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
 :pig4:

ออฟไลน์ Yara

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-2
มีแฟนรวยก็ต้องอวดใช่มั้ยวิว 5555

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
เป็นไงล่ะ ชะนีหน้าแหก  :laugh:

ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
ไม่ใช่แค่ชาวไร่ธรรมดาที่ไหน นี่เจ้าของไร่ดังเลยนะ 55555

ชอบคุณอัษฐ์ตอนกะลิ้มกะเหลี่ยน้องดำจัง ผิดคาดเลย   :hao7:

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
คนที่ชอบดูถูกคน ก็ยังมีความคิดแบบเดิมนะ ดีแล้วที่วิวโตขึ้นมากถึงไม่ได้แสดงอาการไม่พอใจออกไป
ส่วนเรื่อง 3p นั้น เรายังเป็น Fc ดำเหมือนเดิม ว่าแต่คนเขียนอย่าให้ดำเป็นนายเอกนะ โกรธจริงด้วย
 :m16: :m16:

ออฟไลน์ BAKA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3025
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-10
นึกออกเลย เวลาเจอคนแบบนี้แล้วอึดอัดมากกกก พูดอะไรต่อหน้าเด็กกันเนี่ย! เฮ้อออ

แต่น้องวิวมีความผู้ใหญ่อยู่แล้ว ก็อยู่อย่างที่เราสบายใจแบบนี้ล่ะเนอะ

ออฟไลน์ nunda

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3004
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-2
อิคนอ่านหายไปนาน มาอ่านอีกทึก็จบล่ะ
รออ่านตอนพิเศษจ้าา ^^

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
 :pig4:

ออฟไลน์ noonaaRP

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 262
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-1
    • fanpage Noonaa

--ต่อ--

หลังจากพบปะเพื่อนฝูงสมัยมัธยมปลายแล้ว วิริยะก็กลับบ้านในเวลาเกือบสี่ทุ่มของวัน แน่นอนว่าไนน์หลับตั้งแต่ตัวโดนความเย็นของเครื่องปรับอากาศในรถ ดังนั้นบรรยากาศย่อมต่างจากขามาแน่ ๆ หันไปเห็นเชษฐ์ไชยอารมณ์ดีผิดปกติ วิริยะอดที่จะถามไม่ได้จริง ๆ ว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไรอยู่

“เป็นอะไรฮะ นั่งยิ้มคนเดียว”

คนฟังผละสายตามามองอยู่ครู่หนึ่ง แล้วกระตุกมุมปากขึ้น “ไม่บอก”

เมื่อเห็นสายตาอันมีเลศนัยของคนรักแล้ววิริยะก็ส่ายหน้า ขี้เกียจบังคับถาม ชายหนุ่มเปลี่ยนเรื่องเมื่อนึกอะไรขึ้นมาได้ “ว่าแต่เมื่อตอนเย็นหายไปไหนตั้งนานครับ”

เชษฐ์ไชยยกยิ้มเล็กน้อย “ความลับ”

“ความลับอะไร เดี๋ยวนี้มีความลับกับผมเหรอ”

“ไม่ใช่แบบนั้น เดี๋ยวมันจะไม่เซอไพรส์ไง” คนตัวใหญ่กล่าวพลางส่งสายตาไปด้านหลัง เห็นแล้ววิริยะก็ร้องอ้อขึ้นมาเสียงเบา คลี่ยิ้ม จากที่ว่าเป็นคู่กัดและมีปัญหากันตลอด เหตุใดถึงได้ตระเตรียมของขวัญให้หลานก่อนผู้อื่น คงเป็นความรู้สึกที่ผูกพันกันกระมัง วิริยะรู้ว่าเชษฐ์ไชยรักไนน์เสมือนลูกตัวเอง รักในแบบของเชษฐ์ไชย

ถึงบ้านพักแล้ว อิงอรวิ่งโร่มาอุ้มไนน์ด้วยความรักและเอ็นดู นำพาไปพักห้องเดียวกันอย่างที่พูดไว้ก่อนหน้า วิริยะถึงได้เข้าใจว่าไอ้รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่อีกฝ่ายเป็นทั้งวันนี้ เพราะอะไร เห็นแล้วชายหนุ่มก็ส่ายหน้าให้พ่อคนดีใจเกินเหตุ ครั้นเข้าไปในห้องได้วิริยะก็ถูกกอดจูบอยู่สองสามที ราวกับว่ารออีกกี่วินาทีก็ไม่ไหวแล้ว ชายหนุ่มเบิกตาโตเมื่อถูกยกตัวขึ้นไปวางลงบนเตียง ในขณะที่สายตาคมกวาดทั่วร่างเขา บอกว่ากำลังหลงใหลวิริยะเหลือเกิน

“ขอผมอาบน้ำก่อนนะ” วิริยะใช้เสียงเบา

“ไม่ได้ ไม่ให้อาบ ยังหอม ๆ อยู่เลย เนี่ย...” พูดจบเชษฐ์ไชยก็พิสูจน์ด้วยการดมไปทั่วตัวของวิริยะให้เชื่อ ชายหนุ่มคลี่ยิ้มพลางดันจมูกโด่งอีกฝ่ายออกเพราะเริ่มจั๊กจี้ แต่คนด้านบนก็ไม่ยอมร่นถอยออกห่าง ผละสายตามาทำท่าแมวเหมียวออดอ้อนอยู่เช่นนั้น

ท้ายที่สุด วิริยะพยักหน้าเล็กน้อยบอกว่ายอมแล้ว ก็เล่นใช้ลูกตื๊อขนาดนี้ไม่ยอมยังไงไหว

น้ำหนักของเชษฐ์ไชยไม่ใช่ธรรมดา ขึ้นมาคร่อมทับแต่ละทีก็แทบจะหายใจไม่ออก ไหนจะชอบจูบวิริยะอีก แต่ถึงอย่างนั้นชายหนุ่มก็ไม่เคยรู้สึกว่ารับไม่ได้ กลับหวั่นไหวและมีความสุขไปพร้อมกับอีกฝ่ายเสียอย่างนั้น ทุกที่ที่เชษฐ์ไชยสัมผัสราวกับเป็นไฟร้อน ลนให้ตัววิริยะละลายปวกเปียกอยู่ในอ้อมแขน ทำได้เพียงส่งเสียงอือออเท่านั้น

ภายในห้องพักที่มีเพียงความเงียบงันของยามดึก ทดแทนด้วยเสียงลมหายใจขาดห้วงของทั้งสอง และริมฝีปากที่สัมผัสดูดดุนกัน ในขณะที่มือไม้สองคู่พันรัวนัวเนียนั้น ไม่ต่างจากลิ้นภายในช่องปากที่เคล้าคลึงกันอยู่

เชษฐ์ไชยกำลังเครื่องติด ขึ้นมาอยู่บนร่างของวิริยะแล้วกระซาบบอกว่ารัก ก่อนจะจับข้อมือชายหนุ่มขึงอยู่เหนือหัวคล้ายกลัววิริยะเปลี่ยนใจ

วิริยะพริ้มตารับจูบแสนหวานนี้อีกครั้ง ในหัวมึนเบลอไปหมด ตามร่างกายรู้สึกวูบวาบยามมือใหญ่ลากไล้จนถ้วนทั่ว แต่ทว่ากำลังจะเข้าด้ายเข้าเข็ม เสียงเคาะประตูจากข้างนอกก็ดังขึ้นมาคั่นกลางทั้งคู่เสียก่อน เชษฐ์ไชยชะงัก มองตาวิริยะแววรำคาญใจเมื่อไม่ได้ดังหวัง

“คุณวิว ไนน์จะนอนกับคุณวิว!” เด็กน้อยร้องไห้กระจองอแง

รู้อยู่แล้วว่ามันต้องเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น อย่างนี้ไงเล่าที่เชษฐ์ไชยรีบนักหนา เพราะชายหนุ่มรู้ดีว่าเมื่อจะได้กอดวิริยะทีไร จะมีไอ้ตัวเล็กเดินงอแงบังคับขอนอนกับเมียเขาทุกครั้งไป เหลือบเห็นผู้เป็นเมียหัวเราะคิกอย่างสะใจ ก่อนที่จะละความสนใจเชษฐ์ไชยไปเปิดประตูต้อนรับเด็กน้อยเหมือนทุกที

มานอนด้วยกันไม่พอ จะให้เชษฐ์ไชยได้กอดวิริยะหน่อยก็ไม่ได้

เชษฐ์ไชยพลิกตัวหันหนีอย่างหงุดหงิด บริเวณที่ชายหนุ่มได้รับน้อยนิดจนแทบจะตกลงพื้นแล้ว เพราะไอ้เจ้าตัวแสบนอนกินพื้นที่เหลือเกิน ทั้งมือทั้งขากางราวกับกลัวว่าเชษฐ์ไชยจะเข้าใกล้คุณวิวของมัน กลางดึกของคืน ชายหนุ่มก็หลับไม่ลง ทำได้เพียงแค่นอนถอนหายใจภายในความสลัวเพราะความอัดอั้น

วิริยะยกยิ้มเมื่อเห็นคนงอแงกว่าไนน์ ชายหนุ่มลุกขึ้นนั่ง จัดแจงผ้าห่มให้หลานที่นอนคั่นกลางก่อนจะลุกขึ้น เดินวนไปอีกฝั่งปลอบใจพ่อคนโดนผิดนัดด้วยจูบ แล้วกระซาบเสียงแผ่วเบาไปว่า “ในห้องน้ำก็ได้นะ”

เชษฐ์ไชยหูผึ่งแล้วหันมองวิริยะที่ยังคงทำสีหน้าเรียบนิ่ง รีบกระเด้งตัวนั่งเพราะคิดว่าตัวเองหูฝาดไป มือใหญ่เอื้อมแตะลำคอ แก้ม และหน้าผากของวิริยะอยู่ครู่หนึ่งด้วยความสงสัย ก็ไม่ได้มีอะไรผิดปกตินี่ “คิดว่าไม่สบายนะเนี่ย”

“อย่ามาล้อกันนะ เดี๋ยวก็อดหรอก” วิริยะใช้เสียงเบา

เชษฐ์ไชยทำตาพราวแล้วรีบคว้ากอดเอววิริยะอุ้มขึ้น มุ่งตรงไปยังห้องน้ำอย่างที่ว่า ท่ามกลางเสียงหัวเราะคิกชอบใจของชายหนุ่มผู้ถูกกระทำ ครั้นประตูปิดลงได้ สายน้ำอุ่น ๆ ไหลลงสาดกระทบพื้นเสียงดังอย่างไร กลับไม่อาจปิดเสียงของวิริยะมิดได้ เชษฐ์ไชยหวังเหลือเกินว่าไนน์จะไม่ตื่นขึ้นมาในระหว่างที่ทั้งสองกำลังได้ที่อย่างนี้ แต่มาคิดอีกทีก็ตื่นเต้นดีเหลือเกิน ที่ได้ลุ้นว่าตัวเองจะทำภารกิจเสร็จก่อนหลานตื่นหรือไม่

“คนดี เดี๋ยวไนน์ก็ตื่นหรอก”

ชายหนุ่มกระซาบเสียงแผ่ว แต่พละกำลังที่ส่งไปยังร่างของวิริยะไม่ได้ลดทอนอย่างคำพูดเลย วิริยะทำได้เพียงแค่ส่ายหน้า เม้มริมฝีปากเก็บกลั้นแน่นสุดเท่าที่ทำได้ แต่ก็ไม่พอ เชษฐ์ไชยอาจจะแกล้งที่วิริยะปล่อยให้หิวโหยมานาน เลยทำแบบนี้ แต่วิริยะก็ไม่มีแรงพอที่จะทัดทาน เพราะตัวเองก็รู้สึกดีไม่ต่างจากคนพี่เท่าไรนัก

เชษฐ์ไชยคงไม่รู้ นอกจากเจ้าตัวจะลุ่มหลงวิริยะ ฝ่ายชายหนุ่มเองก็หลงเชษฐ์ไชยไม่ต่างกันนักหรอก “พี่เชษฐ์ พี่รักผมไหมครับ...”

คำตอบของคำถามนี้คือสิ่งเดียวที่วิริยะอยากได้ยินที่สุด ซึ่งเชษฐ์ไชยก็ไม่เคยไม่บอกวิริยะเลย

“รักซี รักวิวคนเดียวเท่านั้น”

แค่ได้ยิน วิริยะก็มีความสุขจนล่องลอยไปไกลแสนไกล...

 

ดำรู้สึกตัวตื่นในช่วงกลางดึกของวัน ชายหนุ่มลุกขึ้นอาบน้ำแล้วตั้งใจจะเดินลงไปหาอะไรกินที่ครัว ครั้นเปิดประตูออกไปได้ก็พบอัฐษไชยนั่งอยู่ที่ห้องโถงของบ้าน อีกฝ่ายกำลังตะลึงเมื่อเห็นเขา ดำรู้สึกแปลกและไม่เข้าใจความหมายของแววตานั้น ก่อนจะสัมผัสได้ถึงลมเย็นพัดมาที่ร่าง แล้วรู้สึกโล่งจนต้องก้มลงมอง

“เฮ้ย!” ชายหนุ่มอุทานเสียงหลง กุมส่วนล่างของตัวเองวิ่งกลับเข้าไปในห้อง หยิบกางเกงนอนมาสวมด้วยความขายขี้หน้าอย่างที่สุด หลังจากทำสมาธิลบความอายทิ้งแล้ว ดำก็ตีหน้านิ่งเดินออกไปอีกครั้ง ท่ามกลางสายตากรุ้มกริ่มของอัฐษไชยที่มองอยู่

“ดำขอโทษคุณอัฐษ์ที่ปล่อยให้เห็นภาพอุบาทว์สายตาเด้อ ดำชินว่าตัวเองอยู่ผู้เดียว” ชายหนุ่มทรุดตัวนั่งตรงกันข้าม ไม่กล้าแม้แต่จะสบตากับเจ้านายเพราะรู้สึกทำตัวไม่ถูก และไม่ชอบเลย ยามอัฐษไชยยิ้มและจ้องมองอยู่อย่างนี้ นึกแล้วชายหนุ่มก็อึกอัก พูดออกไปว่า “คุณอัฐษ์คิดอีหยังอยู่ครับ”

คนฟังส่ายหน้า “คิดถึงเรื่องเมื่อตอนกลางวัน”

ดำเบิกตาด้วยความไม่เข้าใจ “ตอนกลางเว็น”

“ไม่มีคำไหนที่ฉันล้อเล่นเลยนะดำ ฉันชอบเธอ” อัฐษไชยยกขาขึ้นไขว่ห้าง เห็นแล้วดำรู้สึกได้ถึงความมีเสน่ห์อันน่าหลงใหลนั้น ชายหนุ่มพูดไม่ออก ไม่รู้จะตอบกลับไปอย่างไรดี ทำได้เพียงแค่กลืนน้ำลายลงอึกใหญ่ เมื่อสายตาคมเบื้องหน้าลาดไล่ตามลำตัวของเขา ที่มิได้สวมเสื้อปกปิดอยู่ในตอนนี้

ดำไม่อาจปล่อยให้ทุกอย่างเกิดขึ้นได้ จึงตัดสินใจทำลายความเงียบอีกครั้ง

“คุณอัฐษ์ ดำว่าอย่ามักดำเลยดีกั่ว”

“ทำไม” อัฐษไชยย้อน

“เฮามันบ่สมกัน คุณอัฐษ์เหมือนเทวดาส่วนดำเป็นแค่หมาวัดขี้ขโมย” คนกล่าวมองทอดออกไปที่ไหนสักแห่งราวกับกำลังครุ่นคิดอะไรอยู่ แม้ว่ากำลังสนทนาอยู่กับอัฐษไชยก็ตาม เจ้านายรู้สึกแปลกใจเมื่อเห็นเด็กสดใสกำลังหมองหม่นไม่เหมือนก่อน

“ฉันทำให้ดำรู้สึกแย่ขนาดนั้นเลยเหรอ” ชายหนุ่มพูดขึ้น

“บ่แม่นครับ ดำบ่เคยฮู้สึกจังซั่น” หัวหน้าคนงานหนุ่มโคลงศีรษะปฏิเสธ ในระหว่างสถานการณ์เคร่งเครียด อัฐษไชยกลับยกยิ้มเอ็นดูขึ้นมา ได้ยินเสียงท้องโวยวายแสดงความหิวโหยจากเด็กตรงหน้า ชายหนุ่มลุกขึ้นยืนเต็มความสูง เอื้อมไปจูงเจ้าของบ้านให้เดินตามลงไปที่ครัว ดำเลิกคิ้วแปลกใจแต่ก็ไม่ได้ทักท้วงอะไร เมื่อเห็นเจ้านายกำลังเปิดตู้เย็นหาวัตถุดิบอยู่ครู่หนึ่ง

“โอ้โห ของกินเต็มตู้เลย”

ดำยกยิ้มเล็กน้อย “มีไว้แค่นั้นแหละครับ บ่เคยเฮ็ดกินจนต้องเอาไปทิ้งซื่อ ๆ”

ได้ยินแล้วอัฐษไชยก็ทำสายตาเจ้าเล่ห์ ขยับมาพูดเสียงเบาว่า

“หาเมียได้แล้วนะ”

ดำเบิกตา ลมร้อนรดที่แก้มยามอัฐษไชยเขยิบเข้ามากระซิบกระซาบ ไหนจะไอ้คำพูดคำจาที่แฝงเร้นไปด้วยนัยยะอะไรต่าง ๆ เต็มไปหมด ประกอบกับสายตาเจ้าชู้ลึกของอีกฝ่ายทำให้ชายหนุ่มรู้สึกใจเต้นตึกขึ้นมา จนต้องถอยออกห่างเพื่อรักษาความสัมพันธ์นี้ไว้ “ครับ เดี๋ยวดำสิฟ้าวหา”

อัฐษไชยยกยิ้มเมื่อได้ยินชายหนุ่มตอบ แล้วหันมาสนใจของตรงหน้า “ช่วยเป็นลูกมือหน่อยสิ”

ดำกลืนน้ำลายลงคอพลางพยักหน้ารับแต่โดยง่าย ทั้งที่ความจริงแล้วอยากจะอยู่ให้ห่างคนร้ายลึกอย่างอัฐษไชยเหลือเกิน เพราะอะไรน่ะหรือ เพราะเจ้าตัวชอบหันมาส่งยิ้มใจดี เจ้าตัวมักใช้สายตาเจ้าชู้มาก่อกวนให้เขาอยู่ไม่สุข ไหนจะมือไม้ทีเทียวมาแตะโน่น จับนี่อีก “หั่นผิดแล้ว ต้องทำแบบนี้”

อัฐษไชยใช้ความสูงกว่าเล่นงานดำด้วยการโน้มลงมาเกยคางบนบ่าเปล่าเปลือยของเขา มือทั้งสองข้างก็แตะ จับสอนให้ใช้มีดอย่างถูกวิธี ทำให้คนยืนอยู่ข้างหน้าเงอะงะไปกว่าเก่าเพราะหน้าอกที่กำลังเสียดสีอยู่ข้างหลัง และกลิ่นน้ำหอมราคาแพงที่ยังคงกระจายเข้ามาที่จมูกอยู่เนือง ๆ “คุณอัฐษ์ กระทะจะไหม้”

“โอ้จริงสิ จับเอ๊ย! สอนเพลินไปหน่อย”

ดำถอนใจ หั่นวัตถุดิบตรงหน้าจนครบแล้วจึงเดินไปหยุดยืนข้างเจ้านาย มองดูอยู่ห่าง ๆ ว่ามันจะรุ่งหรือจะร่วง แต่ครั้นอัฐษไชยทำเสร็จแล้วหน้าตามันดูดีกว่าที่คิด ชายหนุ่มจึงเดินไปหยิบช้อนตักชิมหลังเห็นอัฐษไชยปิดแก๊ส ซึ่งนอกจากหน้าตาจะเข้าท่าแล้ว รสชาติมันอร่อยเกินคาด ดำเหลือกตาตื่นเต้นแล้วตักเข้าปากอีกทีเพราะความหิว ไม่สนสายตาของคนทำที่มองอยู่ด้วยรอยยิ้มสุขุมใจดีเช่นเคย

“จะกินให้หมดตรงนี้เลยเหรอ” คนอายุมากกว่าถาม

ดำยิ้มแล้วหันไปหยิบจานชาม ตักของตัวเองและเผื่ออัฐษไชยด้วย “กะมันหิวนี่ครับ ไปเร็ว ๆ ดำอยากกินต่อแล้ว” ผู้กล่าวดุนดันให้อัฐษไชยเดินนำไป ท่ามกลางเสียงหัวเราะของคนถูกกระทำ ท้ายที่สุดทั้งสองก็หยุดอยู่ที่โต๊ะบริเวณห้องโถงกลางบ้าน ทานข้าวยามดึกไปด้วย และเปิดทีวีดูกันด้วย

ขณะที่อัฐษไชยสนุกกับการมองดำเพลิดเพลินกับอาหาร ชายหนุ่มก็นึกอะไรขึ้นมาได้ จึงถามคนอายุน้อยกว่าไปว่า “ดำมาอยู่ที่ไร่ตั้งแต่เมื่อไรนะ ฉันจำไม่ได้ รู้ว่ากลับมาเยี่ยมเชษฐ์อีกทีก็เห็นเด็กตัวดำ ๆ ผอม ๆ อยู่ในไร่แล้ว”

คนฟังนึกถึงสิ่งที่เจ้านายถาม “ตั้งแต่ยี่สิบครับ ตอนนั้นผมกับนายเซษฐ์มีปัญหากัน แล้วเขากะฮับผมมาเป็นคนงาน” คนกล่าวรำลึกไปเมื่อแปดปีก่อน ตอนที่หนีออกจากบ้านมาใหม่ ๆ แล้วเงินที่หยิบติดตัวมาก็หายไปเพราะความซื่อ ทำให้ตัวเองต้องมาขโมยกระเป๋าสตางค์ของเชษฐ์ไชย แต่เขาโชคร้ายที่มาขโมยของนายใหญ่แห่งไร่รุ่งอรุณี ตอนนั้นจำได้ว่าเมื่อถูกจับตัวได้ เขาร้องไห้ ประนมมือขอร้องไม่ให้เชษฐ์ไชยเอาความ บอกเจ้านายไปว่าสำนึกผิดและจะไม่ทำมันอีก

ภายนอกดูเหมือนเชษฐ์ไชยจะเป็นคนดุร้าย แต่ใครจะรู้ว่าเจ้านายที่ดำรักและนับถือนั้นคือคนที่มอบชีวิตใหม่ให้ ดำได้ทำงาน ได้มีที่พัก ในตอนนั้นเขาก็สาบานกับตัวเองว่าจะซื่อสัตย์ต่อเจ้านายคนนี้ไปตลอด

หลังจากนั้นห้าปีเขาก็ติดต่อที่บ้าน ดูเหมือนพ่อกับแม่จะหายเคืองและโล่งใจที่ดำยังมีชีวิตอยู่ เขาได้มีโอกาสกลับไปขอโทษพวกท่านที่ตัดสินใจหนีออกมา แต่ก็ไม่คิดที่จะกลับไปอยู่ที่นั่นถาวร จึงเลือกที่จะสร้างบ้านพักอยู่ที่นี่ และมีครอบครัวอยู่ที่นี่เช่นกัน

“ตอนนี้ดำยี่สิบแปด ก็แปดปีแล้วงั้นซี” อัฐษไชยคิด

ดำพยักหน้าและยิ้ม “ครับ ไวอีหลี”

“แล้ว...อะไรทำให้ดำไม่คิดมีแฟนสักที” เจ้านายอยากรู้

คนฟังหันไปหาอัฐษไชยทันทีเมื่อได้ยินคำถาม ชายหนุ่มคิดว่าอีกฝ่ายคงไม่ได้คำตอบนั้น เพราะตัวเขาเองก็ยังหาคำตอบไม่ได้เช่นกัน “บ่ฮู้คือกันครับ อาจสิเป็นเพราะว่ายังบ่เจอคนที่ใช่กะได้”

อัฐษไชยพยักหน้ารับ “แล้วคนที่ใช่ของดำเป็นยังไง”

“กะ...คนที่เฮ็ดให้หัวใจดำเต้นแฮง จนทนบ่ไหว...”

“แบบนี้ไหม” อัฐษไชยขยับเข้าไปใกล้จนดำต้องเบิกตากว้าง แต่ที่ตกใจไม่ใช่เพราะใบหน้าหล่อเหลาคมคายในระยะใกล้ เป็นเพราะริมฝีปากนุ่มหยุ่นของอีกฝ่ายที่เข้ามาแนบจูบนี่มากกว่า

ตัวดำแข็งทื่อเพราะไม่รู้จะทำอย่างไร รู้เพียงว่าตอนนี้หัวใจจะกระดอนออกจากอกให้ได้ ยามมือใหญ่เคลื่อนมากุมจับ ขณะที่คนนำจูบรุกลามรุกไล่ตามลิ้นของเขาจนเอาชนะได้ ใช้เวลานานเท่าไรไม่รู้ รู้แต่ว่าชายหนุ่มหอบหายใจ เมื่อในที่สุดอัฐษไชยก็ยอมผละออกไปเสียที

บนใบหน้านั้นเต็มไปด้วยแววตาที่ดำไม่ชอบใจ ถามมาอีกว่า

“ตอบหน่อยสิ ฉันทำให้ดำใจเต้นแรงรึเปล่า”

ดำนิ่งไปพักหนึ่ง รู้สึกว่าขายขี้หน้าเหลือเกิน

“บ่โว้ย! บ่ต้องมาใกล้ดำอีกเลยคุณอัฐษ์!” คนกล่าวหน้าแดงจนไม่อาจอยู่ในระยะสายตาของอีกฝ่ายได้ ครั้นพูดจบเจ้าของบ้านก็วิ่งหนีไปที่ห้องพักของตัวเองด้วยความรวดเร็ว ท่ามกลางสายตาของอัฐษไชยที่มองอยู่ไม่ละ แล้วทอดถอนใจ ตั้งแต่รู้จักกันมา ชายหนุ่มไม่เคยเห็นดำโกรธใครจนพ่นคำอย่างนี้มาก่อนเลย

คงจะโดนรังเกียจคราวนี้แหละ

ผลีผลามเกินไปแล้ว ไอ้อัฐษ์

--๑๐๐--

------------------------------------------------------

อาอัฐษ์รุกหนักมากกกก แต่ไม่บอกว่าใครรุกใครรับ กี่คน รึสองคน อิอิ มาลุ้นกันเอาเด้ออ

เค้ามาเลทมากจริงๆ (กราบเบญจางคประดิษฐ์)

มันก็จะมีความป่วยแบบผู้หญิงอะคะ ปวดท้อง ปจด. ทรมานมาก

แต่ก็อดทน ปั่นให้ทุกคนอ่าน ต่อจากนี้จะไม่มีเรื่องราวของวิวกะอาเชษฐ์แล้วนะคะ

เป็นเรื่องของดำ อาอัฐษ์ และชาติล้วนๆ เลย




ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
จะรอจ๊ะ แต่ดำต้องไม่ใช่นายเอกนะ ไม่งั้นโป้งเลย FC ดำ
 :hao3: :hao3:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
ดำจะหาเมียได้ไหมนะ  o18

ออฟไลน์ unicorncolour

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1001
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
รอจ้า  :z1:

ออฟไลน์ nunda

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3004
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-2
นึกว่าอัษฐ์ชอบชาติซะอีก ไหงมาเป็นดำ???

ออฟไลน์ ทั่วหล้า

  • ไม่ช่างพูดแต่ช่างพิมพ์
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1049
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-3
นึกว่าคุณอัฐษ์กับชาติกิ๊กกันเสียอีก
เอ๊ะ?หรืว่าจะสามคน

มาอ่านรวดเดียวจบไม่วอกแวกไปเรื่องอื่นเลย
ชอบค่ะบรรยากาศเรื่องดี ภาษาสวย สนุก
ขอบคุณคุณคนเขียนจากใจ

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ noonaaRP

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 262
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-1
    • fanpage Noonaa

ตอนพิเศษ ๑

อัฐษไชยต้องบ้าไปแล้วแน่ ๆ!

ดำนอนเหลือกตาโพลงท่ามกลางความมืดเพราะรู้สึกเหมือนมีอะไรค้างคาใจอยู่ ซึ่งอย่างหนึ่งก็คือความรู้สึกบนริมฝีปาก แม้ว่ามันจะผ่านมาเป็นชั่วโมงแล้วก็ตาม ชายหนุ่มพลิกตัวนอนตะแคง เอาหมอนทุบหัวตัวเอง สั่งสอนแกมบังคับให้ข่มตาหลับลงไปเสีย พรุ่งนี้จะได้ตื่นไปทำงานอย่างมีเรียวมีแรงพร้อม แต่สมองเจ้ากรรมมันไม่ยอมทำตามใจอยาก ผุดแต่ภาพรอยยิ้มเจ้าชู้นั้นอยู่เต็มไปหมด

สรุปคนที่อยู่ข้างห้องก็ชอบผู้ชาย มีรสนิยมแบบเดียวกันกับเชษฐ์ไชย นี่เป็นสิ่งใหม่ที่เขาเพิ่งรู้

สิ่งที่สำคัญคือดำไม่รู้ว่าอัฐษไชยกำลังคิดอะไรอยู่ เห็นเขาเป็นคนบ้านนอก จะหลอกจะล่อจะทำตามใจยังไงก็ได้งั้นหรือ และถึงแม้ว่าเขายอมรับเรื่องของเชษฐ์ไชยกับวิริยะได้ ก็ใช่ว่าเขาอยากจะเป็นอย่างนั้นสักหน่อย หนุ่มอีสานคิดแล้วพ่นลมหายใจ สัญญากับตนว่าต่อไปนี้จะระวังตัว หากอัฐษไชยเข้าใกล้เมื่อไรจะต่อยให้หน้าหงายเลยทีเดียว

ชายหนุ่มตื่นขึ้นมาตั้งแต่เช้ามืด เพื่อเลี่ยงการเผชิญหน้ากับอัฐษไชย อันที่จริงก็กลัวว่าตัวเองจะไม่หาญกล้าพอที่จะแสดงท่าทางปฏิเสธโดยตรง จึงตัดสินใจใช้วิธีหลบหน้าแทนการพูดไป เมื่อจัดการแต่งตัวตระเตรียมไปที่ไร่แล้วเสร็จ หัวหน้าคนงานหนุ่มก็โทรเรียกให้หมอกออกมารับ เพราะตั้งใจทิ้งกุญแจไว้ให้เจ้านายขับรถของตนเข้าไปที่ไร่ เผื่อว่าอยากไปทานอาหารกับเชษฐ์ไชยจะได้สะดวก

แต่เอาเข้าจริง ตลอดวันดำกลับจดจ่อกับงานตรงหน้าไม่ได้เลย ในหัวของเขาได้ยินเพียงคำถามจากเจ้าของสายตาเจ้าเล่ห์เมื่อคืนนั้นว่า ‘ฉันทำให้ดำใจเต้นแรงรึเปล่า’ แค่คิดขึ้นมา ก็รู้สึกวูบ ๆ หวิว ๆ อยู่กลางอกพิกล แต่ช่างมัน ตอนนั้นเขาก็แค่ตกใจจนทำอะไรไม่ถูกก็เท่านั้นเอง คิดแล้วดำก็สะบัดหน้า ไล่ลำเสียงนั้นออกไปจากความคิด

“เป็นอะไรพี่ดำ ทำหน้าอย่างกับปวดขี้” หนุ่มคนงานผู้มาใหม่แซว

ชายหนุ่มทำหน้ายุ่งยิ่งกว่าเก่า “เออ ปวดขี้ ขี้บ่ออกมาสองสามมื้อแล้ว พอใจบ่”

คนฟังรู้สึกงง ปกติเวลาดำโดนหยอกจะยิ้มหน้าบาน ตอกมุกกลับมาให้งานสนุกสนานขึ้น

“เป็นอะไรพี่ ขี้หงุดหงิดอย่างกับผู้หญิงเป็นเมนส์”

ดำถอนใจ “บ่บอกโว้ย ทำงานไป!”

“สงสัยโรคคนโสด บอกแล้วว่าให้รีบมีเมีย เห็นไหม พี่เหนือนำไปสองดอกแล้ว”

ดำรู้สึกรำคาญ “มึงฟ้าวย่างออกไปจากรัศมีสายตากูเดี๋ยวนี้เลย”

“น่าน! พูดแล้วโกรธแบบนี้ อิจฉาพี่เหนืออยู่ละสิ” มันยกนิ้วชี้ล้อด้วยใบหน้าแป้นแล้น

ชายหนุ่มก้มลงถอดรองเท้า หากมีคำพูดเล็ดรอดมากวนใจอีกที ไอ้ของในมือนี่ได้ลอยไปฟาดหัวกบาลมันแน่ ชายหนุ่มทำท่าจะปาใส่อยู่สองสามทีในขณะที่กัดฟันอดทน เพราะคนที่ต้องเหนื่อยเดินตามไปเก็บทีหลังก็ตัวเอง ทำได้เพียงแค่ส่ายหน้า มองตามเด็กคนงานวิ่งหนีไป เหลือเพียงหลังลิบ ๆ พร้อมเสียงหัวเราะชอบใจของคนอื่นลั่นไร่ หยอกใครตอนโมโหไม่หยอก มาหยอกไอ้ดำ

คิดแล้วหนุ่มตัวใหญ่กล้ามล่ำก็หมุนตัว ตั้งใจจะเดินไปยังรถกะบะที่ขนเครื่องดื่มชูกำลังและน้ำเกลือแร่ เตรียมแจกจ่ายให้คนง่านเพราะใกล้ถึงเวลาพัก หากทว่าเดินออกไปได้ไม่กี่ก้าวก็เห็นใครโผล่ออกมาจากพงหญ้า สีหน้าตื่นเต้นที่เห็นดำ แต่เจ้าตัวไม่รู้เลยว่าชายหนุ่มอยากหลีกเลี่ยง และต้องการเจอเป็นคนสุดท้ายของวัน “คะ คุณอัฐษ์!”

คนตรงหน้าคลี่ยิ้ม ยกอะไรสักอย่างขึ้นมา “ดำ คือว่า...”

ชายหนุ่มไม่อยากฝัง ใช้วิชาเสือเผ่นพาตัวเองหนีออกมาเสียเฉย ๆ เพราะไม่อยากพูด หรือรับฟังคำแปลก ๆ จากปากของอีกฝ่ายอีก ซึ่งหวังว่าอัฐษไชยก็น่าจะรู้ตัวว่าเขาลำบากใจที่ทำเช่นนี้ คิดแล้วดำก็หันหลังกลับไปในขณะที่ยังคงวิ่ง แต่กลับตกใจไปกว่าเก่า เมื่อเห็นว่าเจ้านายที่ถูกทิ้งยังคงไม่ยอมลดละความพยายาม ร้องเรียกดำแล้วตามหลังมาติด ๆ “อ๊ากกกก! คุณอัฐษ์ อย่าตามดำมา!”

คนด้านหลังส่ายหน้า ยกอะไรสักอย่างให้ดำดู “เดี๋ยวก่อนดำ เดี๋ย...”

“บ่ ดำบ่อยากคุยกับคุณอัฐษ์อีกแล้ว!”

“ดำ!” อัฐษไชยร้องสุดเสียง

ดำส่ายหน้า แล้วเหตุใดอัฐษไชยยังไม่ยอมเหนื่อยสักทีเล่า!

คิดแล้ววิ่งสุดชีวิต หนีเตลิดเลยรถกะบะที่จอดอยู่ เหลือบหันไปเห็นอีกฝ่ายยังไม่ยอม

คนงานได้ยินเสียงทั้งสองตะโกนสนทนากันลั่นไร่ ตั้งแต่หัวยันท้าย อัฐษไชยคงอยากรู้ว่าระหว่างตัวเองกับดำ ใครจะแข็งแกร่งกว่ากันกระมัง จึงไม่ยอมลดฝีเท้าลงไปเลย ส่วนคนทางนี้มีหรือจะยอม “คุณ...อัฐษ์ อย่า...ตาม...ดำมา...” แม้ว่าตัวเองกำลังจะตายแล้วก็ตาม

ภาพทั้งสองคนวิ่งไล่กันทั่วไร่ เป็นที่สนใจแก่คนงานคนอื่น ไม่เว้นแม้แต่ฝั่งที่ชาติรับผิดชอบ ชายหนุ่มมุ่นคิ้ว เมื่อเห็นเพื่อนตั้งแต่วัยเด็กและคนงานรุ่นน้องเล่นวิ่งไล่จับ ซึ่งดูเหมือนจะไม่มีใครยอมใคร หากให้เดา อย่าบอกชาติเลยว่าวิ่งไล่กันมาตั้งแต่ฝั่งโน้น สภาพก็เหมือนพวกแข่งมาราธอนข้ามจังหวัดไม่มีผิดเพี้ยน อยากจะไปร่วมวิ่งด้วยอยู่หรอก แต่สภาพขาเขาหลังถูกยิงนั้นจะเดินดี ๆ ยังไม่ได้

จึงทำได้เพียงแค่มองตามสองยักษ์นั่นเท่านั้น

“เล่นอะไรกันเป็นเด็ก”

กล่าวจบ ชาติก็ส่ายหน้า แล้วก้มดูงานต่อไป

“ดำ หยุดก่อน...” อัฐษไชยหอบแฮ่ก มองออกไปไอ้เด็กดื้อข้างหน้าก็ไม่ต่างกัน เจ้าตัวคงกำลังดูถูกเขาอยู่กระมังว่าทำงานอยู่แต่บนโต๊ะ ไม่ได้มีโอกาสออกกำลัง คงจะวิ่งตามไม่ทันคนงานที่ต้องใช้พละกำลังทั้งวันอย่างดำ หารู้ไม่ว่าบ้านหลังที่สองของอัฐษไชยคือฟิตเนส นอกจากไปออกกำลัง เขายังแอบไปส่องเด็กวัยมหาวิทยาลัยที่มักแวะเวียนเข้าไปบ่อย ๆ

กำลังขาชายหนุ่มไม่เป็นสองรองใครแน่ “ดำ...”

คนวิ่งนำหันหลังกลับมา แล้วทำหน้าเหมือนเห็นผี “อย่าตามดำมา...”

“รอฉันก่อน”

“บ่ ดำบ่อยากคุยกับคุณอัฐษ์...”

“ฉันขอโทษ ฉันจะไม่ทำแบบเมื่อวานอีกแล้ว หยุดเถอะดำ...” อัฐษไชยพูดผ่านเสียงหอบ ใช้เฮือกสุดท้ายออกกำลังไปที่ขา ตามให้ดำหันมาพูดคุยกันดี ๆ แต่ครั้นตัวเขาแตะไปที่แขนของคนวิ่งตรงหน้าได้ มันก็ร้องว๊ากเสียงดัง สะบัดหนีราวเห็นเป็นกิ้งกือไส้เดือนน่าขยะแขง อัฐษไชยกลืนน้ำลายทั้งที่คอแห้งผาก ไม่คิดเลยว่าเพียงจูบเดียวทำให้ตัวเองกลายเป็นของน่าแขยงต่อดำได้

ชายหนุ่มตัดสินใจกระโดดตะครุบไอ้เด็กตรงหน้า ให้ล้มเกลือกกองอยู่ที่ป่าหญ้าข้างทางกันทั้งสอง ได้ยินเสียงร้องโหวกเหวกโวยวายไม่อยากถูกจับตัว แต่ครั้นจะพูดดี ๆ อัฐษไชยกลับรู้สึกชาและเจ็บแปลบขึ้นมาบริเวณกล้ามเนื้อน่อง ชายหนุ่มผละมือออกจากไอ้ตัวดีฉับพลัน แล้วหันมากุมที่ขาของตัวเองร้องโอดโอย “ดำ ตะคริว ตะคริว!”

คนถูกจับทำหน้าเหวอ “คุณอัฐษ์ คุณอัฐษ์...”

“ถอยไปไอ้ดำ”

ไม่รู้ชาติมาจากไหน ดันตัวให้ดำหลบ แล้วเดินกะเผลกมาทรุดตัวนั่งตรงกันข้ามกับอัฐษไชยที่ยังหน้ายู่ยับเพราะความเจ็บ เจ้าของมือใหญ่เอื้อมขยับถอดรองเท้าให้อัฐษไชย จับขาเกร็งของคนเจ็บเหยียดยาวให้คลายลง ดำที่ยืนมองอยู่ก็รู้สึกขนลุก เมื่อเหลือบไปเห็นกล้ามเนื้อน่องนั้น เหมือนมีตัวอะไรคืบคลานอยู่ข้างในจนเป็นรูปร่างกระเพื่อมไปมา

“ยืนบื้ออะไรล่ะ! มานวดกล้ามสิวะ”

ได้ยินชาติหันมาเรียกด้วยสายตาคมดุ ดำรีบพยักหน้าอือออเลิ่กลั่ก ทรุดลงไปช่วยนวดบริเวณเอ็นและกล้ามเนื้อที่กำลังจับก้อนอย่างกะทันหันนั้น ตาก็เหลือบไปเห็นเจ้านายที่กำลังทำหน้าเจ็บปวด เหงื่อกาฬไหลอาบไปทั่วตัวเพราะวิ่งไล่ตามกันมาตั้งนาน

“เบา ๆ สิดำ ฉันเจ็บ” มือหนาของอีกฝ่ายกุมจับมือของดำให้เพลาแรงลง ดำรีบสะบัดออกด้วยความตกใจ เป็นอาการของคนที่กำลังตื่นจนชาติจับสังเกตได้

“ไอ้ดำ ไปเอาน้ำมาให้อัฐษ์ แล้วก็เอาน้ำแข็งมาประคบขาด้วย จนกว่ามันจะหาย”

ได้ฟังดำก็ส่ายหน้า ทำไมเขาต้องทำด้วยเล่า “แต่ว่า...”

“หุบปากมึงไปเลย เพราะมึงนั่นแหละ เล่นกันเป็นเด็กจนต้องมีคนเจ็บ”

ดำอารมณ์เสีย แต่จำต้องทำตามคำสั่งของพ่อหัวหน้าใหญ่ของไร่ ทั้งที่ฝ่ายเขาก็เหนื่อยเหมือนกัน แค่ยังไม่แก่จนต้องมีอาการอย่างนี้ก็เท่านั้น คิดแล้วชายหนุ่มก็เดินขาเปลี้ยไปที่ฝั่งของชาติเพื่อรับผิดชอบ มานึกดูอีกทีพวกเขามาไกลขนาดนี้แล้วหรือ มันคงสมควรแล้วที่อัฐษไชยจะเป็นตะคริว ครั้นหยิบขวดเครื่องดื่มชูกำลังทั้งของตัวเองและเจ้านายแล้ว เหลือบไปเห็นคนงานฝั่งนี้กำลังพัก ดำถึงได้นึกขึ้นมาได้ว่าตัวเองจะออกมาทำอะไร

ชายหนุ่มเบิกตา ล้วงกระเป๋าตั้งใจจะโทรบอกลูกน้อง หากทว่าไม่มีโทรศัพท์อยู่ภายใน สรุปเขาลืมทิ้งไว้อยู่บ้านหรอกหรือ ทำงานมาครึ่งวันแล้วเพิ่งจะรู้ตัว คนโสดก็แบบนี้ โทรศัพท์เงียบเสียจนเคยชิน

คิดแล้วดำรีบวิ่งกลับไปหาชาติ ต้องการยืมโทรศัพท์โทรไปบอกลูกน้องฝั่งนั้นให้จัดการเรื่องน้ำดื่มกันเองไปก่อน เพราะหากให้เขาเดินกลับไปแจกจ่ายคงไม่ทัน แต่ครั้นไปถึงก็ไม่เห็นชาติแล้ว คาดว่าคงขับมอเตอร์ไชค์ออกไปข้างนอก คิดแล้วชายหนุ่มก็ทรุดลงเปิดน้ำให้เจ้านาย “อ้ายซาติไปไสครับคุณอัฐษ์”

อัฐษไชยยกน้ำดื่มอยู่หลายอึก แล้วผละออกมาตอบปนเหนื่อย “เห็นว่ารถที่ออกไปส่งผลไม้เสียอยู่กลางทาง จะออกไปซ่อมข้างนอก พักใหญ่ ๆ โน่นแหละถึงได้กลับมา” พูดแล้วก็ยกดื่มอีกทีเพราะความกระหาย “แล้วดำมีอะไรรึเปล่า”

ดำถอนใจ “กะคุณอัฐษ์ไล่ตามดำมา ดำเลยลืมว่าต้องเอาน้ำไปให้คนงาน ตอนนี้กะว่าสิยืมโทรศัพท์อ้ายซาติโทรไปบอกลูกน้องว่าให้หาน้ำดื่มกันเอาเองก่อน เพราะตอนนี้สิให้กลับไปคงบ่ทัน ต้องเบิ่ง(ดูแล)คนเฒ่าก่อน” คนกล่าวใช้เสียงเบื่อหน่าย แต่สีหน้าของอัฐษไชยเบื่อหน่ายยิ่งกว่า มือใหญ่ยกของในมือที่ถือวิ่งตามดำมาตลอดทางยื่นให้

“อันนี้พอใช้ได้ไหม” เจ้านายถาม

ดำก้มลงมอง เห็นมือถือเครื่องหนึ่งก็แปลกใจ “คุณอัฐษ์มีโทรศัพท์คือ(เหมือน)ดำเลย!”

“ซะที่ไหนล่ะ ของดำนั่นแหละ”

“อ้าว...” ดำทำหน้างง

“ก็ฉันจะเอาโทรศัพท์มาให้ดำ เมื่อเช้ามีคนโทรมาบอกว่าให้ดำรีบโทรกลับเร็วที่สุด พอเจอดำ ฉันพยายามจะพูดด้วย แต่ดำก็เอาแต่วิ่งหนี...” คนเล่าทำหน้าเสียใจอยู่พักหนึ่ง ดูเหมือนจะเจ็บปวดที่ถูกกระทำเช่นนั้นด้วย เห็นแล้วผู้มองอยู่ก็รู้สึกใจเสียขึ้นมาที่ตัดสินใจทำเช่นนั้น แต่รู้สึกผิดได้ไม่นาน สายตาที่ดำเกลียดก็ผุดขึ้นมาบนใบหน้าอัฐษไชยอักครั้ง เมื่อชายหนุ่มก้มลงประคบกล้ามเนื้อให้

มือใหญ่เคลื่อนมาจับมือของดำ ให้เห็นว่าสีผิวคนละเฉดกัน “เพราะดำนั่นแหละ ฉันเลยเจ็บขนาดนี้ ต้องรับผิดชอบ”

รู้สึกเหมือนเลือดวิ่งพล่านขึ้นมาบนหน้าของดำอย่างอัตโนมัติ หลังได้ฟังอัฐษไชยพูด ประกอบสายตาเจ้าชู้นั่น จะโปรยเสน่ห์ทุกที่ทุกเวลาอย่างนี้ไม่ได้ คิดแล้วมือของดำก็กดลงที่กล้ามเนื้อต่อหน้าหนักขึ้นกว่าเดิมด้วยความหมั่นไส้! “โอ๊ย! ดำ...”

“ห้ามเฮ็ดจังซี่กับดำอีก ห้ามเว้า(พูด)สองแง่ ห้ามใซ้สายตา ห้ามถืกโต(โดนตัว) ห้ามเข้าใกล้ดำเกินหนึ่งเมตร!”

“ไม่ได้...” อัฐษไชยร้อง ไม่ยอมลดละแต่โดยง่าย

“ดำบ่ได้มักคุณอัฐษ์ ดำบ่ได้มักผู้ซาย!”

“ก็ช่างสิ แค่ฉันชอบดำก็พอ โอ๊ย...” อัฐษไชยทิ้งตัวลงนอนกับพื้นเพราะเห็นเด็กตรงหน้าเอาจริง บีบขาเขาแน่น ถึงจะเจ็บแต่จะไม่ยอมรับปากในสิ่งที่ดำขออย่างเด็ดขาด ชายหนุ่มชักดิ้นชักงออยู่ตรงนั้น ยกมือปิดปากร้องเพราะเจ็บแต่ไม่อยากยอมแพ้

กระทั่งฝ่ายดำเองที่จนใจ ยอมละมือออกเพราะเริ่มรู้สึกว่าตัวเองโหดร้ายป่าเถื่อนกับเจ้านายไปหน่อย หนุ่มอีสานถอนใจอยากจะบ้า ลุกขึ้นหยิบโทรศัพท์ไปติดต่อหาลูกน้อง นัยหนึ่งคืออยากระงับอารมณ์ตัวเองไม่ให้ทำอะไรบ้า ๆ ต่ออัฐษไชยลงไป

หลังสั่งการคนปลายสายแล้วหนุ่มอีสานก็ผละไปด้านหลัง เห็นอัฐษไชยกำลังนวดขาตัวเองรอให้คลายเส้นอยู่ ราวกับรู้ว่าถูกมอง คนอายุมากกว่าก็หันมาทำหน้าทำตาเจ็บปวดให้เห็นเสียยกใหญ่ ทำอย่างกับดำไม่รู้ว่าเจ้าตัวกำลังสำออย แต่แล้วอย่างไร เขาก็ต้องรับผิดชอบไงเล่า คิดแล้วดำก็ทำหน้าเซ็ง เดินกลับไปประคบน้ำแข็งให้

ระหว่างทั้งสองเงียบไปพักหนึ่ง อัฐษไชยเองก็กลัวว่าหากอ้าปากพูดเมื่อไร ดำคงไล่ห้ามให้เขาเข้าใกล้อีกแน่

“แล้วขาคุณอัฐษ์สิหายตอนใด๋ คุณอัฐษ์ครับ ฮู้โตว่าเจ้าของเฒ่าแล้วยังสิมาแลน(วิ่ง)ตามเด็กน้อยอยู่ บ่ฮู้จักเจียมสังขารเจ้าของ(ตัวเอง)เลย...” คนอายุน้อยกว่าบ่นเสียยกใหญ่แล้วตั้งอกตั้งใจคลายเส้นให้ อันที่จริงคืออยากแยกกับคนตรงหน้าเสียแทบขาดใจ ถึงได้พยายามทำให้หายโดยไวที่สุดอย่างนี้

“เดี๋ยวเถอะ ห่างกันแค่สิบปีเอง” อัฐษไชยทำเสียงขุ่น

ดำเบ้ปาก “เว้ามาได้ว่าแค่ เฒ่าสิลงโลงอยู่แล้ว ดีบ่หัวใจวายตายกลางทางซะก่อน”

“กานต์...”

“เอิ้น(เรียก)เฮ็ดหยังฮะ!” คนง่วนอยู่กับสิ่งตรงหน้าตอบกลับมาทันควันอย่างรำคาญ จากสีหน้าที่ยุ่งอยู่แล้วก็ยุ่งยิ่งไปกว่าเก่า เมื่อรำลึกได้ว่าอัฐษไชยพูดอะไรออกไป หนุ่มจากอีสานเบิกตากว้างแล้วกระโจนขึ้นทับตัวอัฐษไชย ใช้มือทั้งสองข้างค้ำพื้นแล้วจ้องเจ้านายผู้รู้ชื่อจริง ๆ ของตัวเองด้วยความใคร่ทราบ “คุณอัฐษ์ เมื่อกี้คุณอัฐษ์ว่าอีหยัง”

อัฐษไชยตกใจกว่าดำเสียอีก ที่เห็นท่าทีตอบสนองอย่างนี้ “กานต์ไง ชื่อของเธอ คือกานต์...”

“ไผบอกคุณอัฐษ์!” ดำกดบ่าเจ้านายลงพื้น เค้นถามเพราะความอยากรู้

อัฐษไชยรู้สึกเหมือนถูกหินแทงจากข้างหลัง “ก็...แม่ของเธอไง เขาเรียกเธอแบบนั้น”

“อ๊ากกกกกก!” ดำเหลือกตาราวกับกำลังจะบ้า

“ระ ร้องทำไมเล่า!” อัฐษไชยหน้าเหวอ มองเด็กด้านบนทำหน้าราวโลกจะแตกให้ได้ ยกมือขึ้นยีหัวตัวเอง ทำหน้าทำตาครวญคร่ำราวกับใกล้สิ้นสติไปแล้วจริง ๆ “เป็นหยังต้องเป็นคุณอัฐษ์นำ เป็นหยังต้องเป็นคุณอัฐษ์ที่ฮู้ความลับของดำ!”

ได้ฟังแล้วคนอายุมากกว่าก็เบิกตา “ฉันรู้แล้วจะทำไมเล่า”

“กะคุณอัฐษ์สิแบล็กเมล์ดำ”

“บ้ารึไง ฉันไม่ทำแบบนั้นหรอกน่า...”

“แต่ฉันทำ” สองหนุ่มทางนี้ชะงัก เพราะกำลังสนใจต่อปากต่อคำกับคู่สนทนา จึงไม่ทันได้รู้ว่ามีใครเดินมายืนฟังตั้งนานแล้ว ดำหันไปตามเสียงด้วยสีหน้าลุ้นสุดชีวิต แม้จะพอจำเสียงได้ว่าเป็นใคร แต่ชายหนุ่มภาวนาอย่างยิ่งว่าอย่าให้คนที่เขาไม่ชอบขี้หน้าที่สุดอย่างชาติ เป็นเจ้าของประโยคเมื่อครู่นี้เลย

แต่เพราะดำคงทำกรรมไว้มากไปหน่อย พระเจ้าจึงไม่สงสารเขาเลย แขนขาดำอ่อนเปลี้ยขึ้นมาเสียเฉย ๆ เมื่อเหลือบไปเห็นหัวหน้าคนงานวัยย่างสี่ยิบยืนหน้าถมึงทึงมองเขาอยู่ แม้ว่าอยากจะลืมไปเสียให้หมดว่าเมื่อครู่ได้ยินอะไร แต่ดำกลับจำได้สนิทใจ ว่าไอ้คนตรงนั้นมันพูดว่าอยากจะแบล็กเมล์เขา ชายหนุ่มอยากจะตะโกนถามจริง ๆ ว่าเขาไปขี้ใส่บ้านมันแล้วไม่ราดหรือไร ถึงได้จงใจแกล้งเขาขนาดนี้!

ชาติกระตุกยิ้มร้าย เมื่อเห็นหน้าดำเหวอมองมา

“อ้ายซาติ เว้าเล่นแม่นบ่” มันยิ้มแห้ง ๆ ให้

ชายหนุ่มไม่แสดงท่าทีอะไรอื่นนอกจากยิ้มเท่านั้น “มึงเห็นกูเป็นคนขี้เล่นมาตลอดงั้นสิ”

“ฮะ...” เด็กตรงหน้ามุ่นคิ้ว

“เดี๋ยวได้เล่นกันสนุกสนานแน่”

พูดจบ หัวหน้าใหญ่แห่งไร่รุ่งอรุณีก็เดินมาด้วยรอยยิ้มที่ดำเกลียด ไม่ต่างจากใบหน้าเจ้าชู้ของอัฐษไชยนัก ชายหนุ่มสะบัดหัวหลบเมื่อมือหนาใหญ่ของไอ้หน้าโจรโน้มลงมาแตะศีรษะ นัยหนึ่งดูเหมือนปลอบ ส่วนอีกนัยหนึ่งคือตั้งใจจะแกล้งให้รู้สึกว่าเป็นฝ่ายต่ำกว่า ดำมุ่นคิ้วด้วยความไม่ชอบใจ ปล่อยให้ชาติหัวเราะหึแล้วเดินจากไปโดยไม่บอกว่าต่อจากนี้จะเกิดอะไรขึ้น

ดำยกมือขึ้นยีผมตัวเองจนยุ่งเหยิง หันไปมองตัวต้นเหตุที่ยังคงทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้อยู่

“เพราะคุณอัฐษ์นั่นแหละ คนอื่นเลยฮู้เบิ่ดเลย!”

“อ้าว” อัฐษไชยพูดไม่ออก เพราะเป็นความจริงอย่างที่ดำต่อว่า ไม่สิ กานต์ต่างหาก อันที่จริงชื่อก็ไม่ได้แย่ขนาดที่จะต้องอายขนาดนั้น ชายหนุ่มไม่รู้ว่าทำไมเด็กตรงหน้าถึงได้กลัวใครรู้เพียงชื่อของตัวเองด้วย หรือมันจะมีอะไรมากกว่าแค่ชื่อ คิดแล้วอัฐษไชยก็ลุกขึ้นยืน เดินกะเผลกตามดำที่ทำหน้าไม่พอใจกลับไปที่ไร่

ชาติมันพวกชอบเอาชนะ พอเห็นดำที่กำลังล้มก็เลยอยากเอาคืนที่โดนเล่นเมื่อวาน แต่ใจจริงแล้วเพื่อนที่โตด้วยกันมาไม่ใช่พวกร้ายกาจขนาดนั้น อัฐษไชยรู้ดี ว่าหากชาติจะกลั่นแกล้งดำก็เพียงเพราะเรื่องไร้สาระเท่านั้น อย่างมันโหดก็แค่หน้าเท่านั้นแหละ พอลับตาคนก็เป็นลูกแมวไม่ต่างจากเชษฐ์ไชย พี่ชายของเขานักหรอก

 

เลิกงานแล้ว ดำไม่ยอมกลับบ้านหากยังมีอัฐษไชยเดินตามตูดต้อย ๆ อย่างนี้ ชายหนุ่มมุ่งไปยังห้องพักของหมอกเพื่อหลบเลี่ยงการอยู่กับอัฐษไชยเพียงลำพัง จะไม่ยอมให้เจ้านายจอมเจ้าเล่ห์ฉวยโอกาสเป็นครั้งที่สองแน่ คิดแล้วดำก็ตระเตรียมเหล้ายาปลาปิ้งให้ครบครัน ตั้งใจจะเลี้ยงเพื่อน หากทว่าชายหนุ่มต้องชะงักเท้าเมื่อหนีเสือมาปะจระเข้เสียได้

เหลือบไปเห็นหัวหน้าคนงานนั่งอยู่กับเพื่อนรัก หมอกกำลังผัดอะไรสักอย่างอยู่หน้าเตาอันเล็กกลิ่นหอมอยู่หน้าห้องพัก น่าจะเป็นกับแกล้มของดี ไอ้อยากกินก็อยาก แต่ไม่อยากเข้าร่วมวงกับชาติ ซึ่งเขาก็ไม่รู้ว่าหมอกได้สนิทชิดเชื้อกับมันตอนไหน

“ชาติ โอ้โห...เจอกันอีกแล้ว” อัฐษไชยร้องทัก ในขณะที่ดำตัดสินใจจะหมุนตัวกลับ ซึ่งเมื่อถูกทักแล้วไอ้คนตัวใหญ่ราวกับยักษ์เบื้องหน้าก็หันมากระตุกยิ้มทักทาย เป็นรอยยิ้มที่ดำเชื่อว่าน่าเกลียดที่สุดเท่าที่เคยเห็นมา หนุ่มอีสานยกมือกุมขมับเมื่อถูกอีกฝ่ายเห็นจนได้ ให้มันได้อย่างนี้ซีอัฐษไชย

“ไอ้ดำ มา! กูมีของดีเว้ย คุณอัฐษ์ด้วยครับ” หมอกเรียก

อัฐษไชยคลี่ยิ้มกว้าง ไม่ปฏิเสธ ส่วนดำ อยากจะปฏิเสธเสียเต็มประดาแต่ทำไม่ได้ ทั้งสองจึงเดินเข้าไปร่วมวงในที่สุด

ด้วยความที่เก้าอี้หินอ่อนเป็นตัวยาว ตั้งอยู่สี่มุม เมื่อดำทรุดตัวนั่ง ไม่รู้อะไรดลใจให้ทั้งชาติและอัฐษไชยตัดสินใจที่จะขยับมานั่งประกบข้าง ราวกับตั้งใจบอกดำว่าคืนนี้ยังอีกยาวไกล อย่าหวังว่าจะลุกออกไปจากตรงนี้ได้

เห็นแล้ว หนุ่มอีสานก็เหลือกตาในความสลัวของค่ำคืน ในสภาพน้ำยังไม่ได้อาบ!



--------------------------------------------------------

มาแล้วจ้าาา มาอัพแล้ว เป็นเย็นที่เกือบวันใหม่อีกที 55555

ก็มาเวลานี้ทุกวัน คนอ่านน่าจะเดาถูกเนอะ

พี่ชาติจะแกล้งอะไรน้องดำน้อ เจอกันตอนหน้าเด้ออออ

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
งานนี้ตายแน่ๆ เลยดำ ขอบคุณที่มาตอนพิเศษนะจ๊ะ
 :really2: :really2:

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
ดำชื่อจริงวา "กานต์" หรอ เพราะดีนะ น่าเรียกบ่อย ๆ  :o8:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด