**{31.8.61-ตอนพิเศษนอกเล่ม๒ คู่รอง} Cinderella man and the beast
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: **{31.8.61-ตอนพิเศษนอกเล่ม๒ คู่รอง} Cinderella man and the beast  (อ่าน 37581 ครั้ง)

ออฟไลน์ noonaaRP

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 262
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-1
    • fanpage Noonaa

ตอนที่ ๒๐

1 ปีผ่านไป

ชีวิตเฟรชชี่ปีหนึ่งในมหาวิทยาลัยเริ่มได้สักพักแล้ว ซึ่งก็วุ่นวายมากด้วย ย้อนไปช่วงมัธยมปลาย วิริยะเคร่งเครียดกับการสอบโน่นนี่จนลืมคิดถึงบางสิ่งที่ขาดหายไป แรก ๆ ก็รู้สึกปวดใจ ห่วง เป็นกังวลอยู่หลายอย่าง แต่เมื่อเหลียวหลังกลับไปเห็นพ่อที่คอยให้กำลังใจและคาดหวังอยู่ เด็กหนุ่มก็คิดว่าต้องตั้งใจทำสิ่งตรงหน้าให้สำเร็จก่อน ไม่ควรจมอยู่กับเรื่องข้างหลัง

วิริยะสอบติดที่เดียวกันกับทรายในคณะวิศวะอย่างที่ตัวเองหวัง เขาบอกว่าอยากเก่งเหมือนพ่อ เด็กหนุ่มมีโอกาสได้ออกไปทานข้าวนอกบ้านกับธเนศและเพื่อนอยู่บ่อยครั้ง ทุกครั้งท่านจะยิ้มหน้าบาน อวดลูกชายกับเพื่อนรุ่นเดียวกันว่าเรียนติดที่เดียวกันกับตัวเอง พลอยให้วิริยะรู้สึกมีความสุขไปด้วย

วิริยะรู้ว่าการใช้ชีวิตแบบมีจุดหมายมันคุ้มค่า และเขารอให้ถึงวันนั้นไม่ไหว

แต่ในอีกส่วนที่ยังไม่รู้เลยว่าจะจบยังไง เด็กหนุ่มก็เหมือนคนงมทางในความมืดเช่นกัน

เชษฐ์ไชยลืมเขาไปแล้วหรือ เหตุใดจึงไม่ติดต่อมาบ้างเลย วิริยะเอาแต่ร่ำร้องถามตัวเองอยู่ในใจ

ดูเหมือนสิ่งเดียวที่ยึดเหนี่ยวจิตใจได้ คือการนอนมองรูปในมือถือของตัวเอง ดูภาพนายใหญ่แห่งไร่รุ่งอรุณีในอิริยาบถต่าง ๆ ที่ตัวเองแอบถ่ายเก็บไว้เพื่อคลายความคิดถึง ภาพที่เชษฐ์ไชยจดจ่อเคร่งเครียดอยู่กับงานยังดูมีเสน่ห์ต่อวิริยะ ไม่เว้นแม้แต่ตอนที่เจ้าตัวกำลังขมวดคิ้วมุ่นครุ่นคิด เห็นแล้วความรู้สึกอบอุ่นก็ผุดขึ้นมาอยู่ในใจ

แต่ติดตรงที่ว่ามันแย่ยิ่งกว่าเก่าน่ะซี ยิ่งเห็น ยิ่งคิดถึง

ตลอดเวลาที่ใช้ชีวิตโดยปราศจากเชษฐ์ไชยในหนึ่งปีที่ผ่านมานี้ ดูเหมือนบิดาของเขาจะไม่ต้องรอให้ลูกชายเล่าอะไรให้ฟัง คงรู้ไปหมดแล้วว่าวิริยะรักเชษฐ์ไชยขนาดไหน เมื่อถึงข่าวธุรกิจทีไร จากที่กำลังง่วนอยู่กับสิ่งอื่น วิริยะก็วิ่งโร่มานั่งดู แถมเปิดเสียงดังแทบบ้านจะแตก ทั้งที่ภายในข่าวไม่ได้กล่าวถึงครอบครัวของเชษฐ์ไชย หรือจะมี ส่วนมากก็เห็นพูดถึงอัฐษไชยที่รักษาการแทนเท่านั้น

“หนวกหูโว้ย หรี่เสียงลงได้แล้ว ดูยังไงเขาก็ไม่มาหาหรอก”

“แม่!” ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไร มารู้ตัวอีกทีทรายก็ทำหน้าที่ปรามมารดาตัวเองยามปากไม่ดีเข้าแล้ว

“ก็พูดจริงนี่นา นี่ที่ป้าบอกเพราะหวังดีหรอก” อิงอรพูด

วิริยะถอนใจ “ก็อาเชษฐ์เขายุ่งอยู่นี่”

“ยุ่งอะไร จะบอกให้ คนเราถ้ามีใจ ต่อให้ยุ่งขนาดไหนก็ปลีกตัวมาหาได้”

“แม่!”

“เอ๊ะนั่งนี่ แกน่ะเข้าข้างน้องแก ระวังมันจะน้ำตาเช็ดหัวเข่าเอาเถอะ ถ้ากลับไปอีกทีเขามีลูกมีเมียแล้วน่ะ วิว...ที่ป้าพูดตรง ๆ น่ะ พูดในเชิงความเป็นไปได้นะ เขาทั้งหล่อทั้งรวย ตอนนี้ผู้หญิงเข้าแถวถวายตัวให้ทั้งจังหวัดแล้วมั้ง” นางล้างถ้วยล้างชาม จีบปากจีบคอพูดไปด้วย พลอยให้หน้าของวิริยะเหลือสองนิ้วเพราะขบคิดตาม

“ขึ้นไปอาบน้ำอาบท่าไปลูก”

ธเนศมองลูกชายแล้วก็เอาแต่ส่ายหน้า นึกถึงวันที่เกิดเหตุร้ายกับวิริยะขึ้นมา ที่โรงพยาบาลในวันที่เชษฐ์ไชยไปพบวิริยะนั้น เจ้าตัวได้สารภาพเรื่องสถานะของตนกับวิริยะออกมาแล้วหมดสิ้น อันเป็นต้นเหตุให้ธเนศต้องรีบพาลูกชายกลับบ้านมาก่อน ทั้งที่วิริยะไม่เต็มใจ

เขายังมีบางอย่างที่ยังไม่ได้บอกลูกชาย เพราะรอเวลาอยู่ รอว่าเมื่อไรเชษฐ์ไชยจะพร้อมเดินกลับมา เพราะฝ่ายลูกชายของเขายังคงยึดมั่นในสิ่งที่เชษฐ์ไชยขอร้องโดยไม่ปริปากบ่น ไม่จู้จี้ถามหา และทำหน้าที่ลูกอย่างดีจนธเนศภาคภูมิใจได้ คนเป็นพ่ออย่างเขา เห็นทีต้องตอบแทนในสิ่งที่ลูกชายทำให้บ้าง

คิดแล้วผู้เป็นพ่อก็ทอดถอนใจ มองวิริยะที่เดินลากเท้าขึ้นไปพักด้านบนเพียงลำพัง

แต่ก็รู้ ว่าเจ้าตัวไม่ได้ลืมเชษฐ์ไชยเลยสักวินาที

 จะมีก็แต่ฝ่ายนั้นนั่นแหละ ลืมลูกชายของเขาไปแล้วหรือไร ถึงไม่ได้ติดต่อมาเลย...

 

ภายในห้องพักของวิริยะมืดมิด มีเพียงแสงของโทรศัพท์เท่านั้นที่แผ่กระจายไปทั่ว วิริยะมุ่นคิ้วจ้องภาพชายหนุ่มในความทรงจำของตัวเองเขม็งอย่างไม่เชื่อสายตา คิดถึงใบหน้าของอัฐษไชยเมื่อครู่แล้วเกาศีรษะ ต่อว่าตัวเองว่าอาจบ้าเพราะความคิดถึงไปแล้วก็ได้ เหตุใดช่วงนี้ตาฝาดเฝื่อน มองใครต่อใครว่าเป็นเชษฐ์ไชยไปหมด ถึงจะไม่ได้เจออีกฝ่ายเป็นปี เขาก็แยกออกอยู่ดีว่าคนไหนพี่ คนไหนน้อง ไม่มีทางจำผิดแน่

แล้วไหงวันนี้ใบหน้าของอัฐษไชยถึงได้คล้ายเชษฐ์ไชยนัก เขาบ้าไปแล้วแน่ ๆ บ้าจนต้องแอบมาเปิดดูรูปของเชษฐ์ไชยในโทรศัพท์อีกทีเพื่อความแน่ใจ นี่สรุปตัวเขาเองก็ค่อย ๆ ลืมภาพใบหน้าของอีกฝ่ายไปเหมือนกันหรือ

แล้วเชษฐ์ไชยเล่า ป่านนี้จะลืมหน้าของเขาไปหรือยัง

“อาเชษฐ์...”

คิดถึงแทบเป็นบ้า

ถึงจะโดนพ่อไล่ให้ขึ้นมาอาบน้ำ แต่วิริยะฟุบหลับไปทั้งอย่างนั้น มารู้ตัวอีกทีก็เช้าแล้ว และวันนี้เป็นวันสำคัญต่อเขามาก ต้องรีบอาบน้ำลงไปตักบาตรกับครอบครัว เพราะเป็นวันแรกที่ใช้ชีวิตการเป็นชายหนุ่มอย่างเต็มตัว ครั้นแล้วธุระก็รีบลงไปด้านล่าง ไปถึงเห็นธเนศยิ้มกว้างทักทายในขณะป้าและพี่สาวกำลังทำงานบ้าน “ไง ไอ้หนุ่ม”

วิริยะคลี่ยิ้มเขิน เดินไปหยุดยืนตรงหน้า “ฮึ ผมสูงกว่าพ่อแล้ว”

“เออ ชนะไปเลย” พูดจบ เสียงหัวเราะของสองพ่อลูกก็ประสานกัน

“เอ้อ เดี๋ยววันนี้ผมต้องออกไปเจอไอ้อิกกับพี่รหัสนะครับ เขาบอกจะเลี้ยงข้าว” วิริยะพูดขึ้น

“ให้พ่อออกไปส่งไหม”

“โหย ไม่ต้องหรอกครับพ่อ ผมโตเป็นหนุ่มแล้วนะ”

“โตเป็นหนุ่มรึโตเป็นสาว” อิงอรแซว

ได้ฟังวิริยะก็ยู่หน้า “ถามแบบนี้ เห็นหน้าผมสวยกว่าลูกสาวป้าอรเหรอครับ”

คนอีกฝั่งหันขวับ “เฮอะ! ฉันอยู่ดี ๆ นะเนี่ย จะทะเลาะกันไม่ต้องมาพาดพิงถึงกันจะได้มะ” ทรายทำเสียงงอน แล้วทุกคนก็หัวเราะขึ้นมา เห็นแล้ววิริยะก็คลายความรู้สึกค้างคาใจของตัวเองเมื่อคืนไปนิดหน่อย เมื่อเห็นว่าสมาชิกในบ้านสนิทสนมกลมเกลียวกันมากขึ้นกว่าเมื่อก่อน

หลังรับพรจากพระและกรวดน้ำแล้ว ทุกคนก็กลับมาทานมื้อเช้ากันก่อน วิริยะนัดกับรุ่นพี่ว่าจะทานมื้อเที่ยงกัน จึงคิดว่าควรออกไปสาย ๆ หน่อย เพราะถึงอย่างไรต้องพาแกไปเลือกของขวัญให้แฟนอยู่แล้ว ครั้นแล้วเสร็จธุระ เขาก็หยิบกระเป๋าขึ้นสะพายบนบ่า โทรศัพท์ แล้วหยิบของเล็ก ๆ น้อย ๆ ใส่ตามไปด้วย ก่อนจะจ้ำลงบันไดไปยืนรอแท็กซี่อยู่ข้างนอก จุดมุ่งหมายคือห้างสรรพสินค้าที่เดิม

ไปถึง ยังไม่ทันลงจากรถดีเสียด้วยซ้ำ พี่รหัสคู่ซี้ก็โทรตามเขาแล้ว เด็กหนุ่มส่ายหัวด้วยรอยยิ้มแล้วกดรับสายในขณะที่จ่ายเงินค่ารถไปด้วย “ว่าไงพี่กันย์ ถึงแล้วพี่ เจอกันข้างใน แล้วไอ้อิกละมายัง” ว่าพลางปิดประตูรถแล้ววิ่งเข้าไปด้านใน จากที่ตากแดดร้อน พอเข้าไปเจอไอเย็นของเครื่องปรับอากาศก็ทำวิริยะชะงักได้เหมือนกัน

“มึงอยู่ตรงไหน”

“เพิ่งเข้ามาเองพี่”

“กูก็เพิ่งมาเหมือนกัน นั่น! กูเจอมึงแล้ว” หลังรุ่นพี่พูดจบก็วางสาย วิริยะกวาดสายตาไปเห็นพี่ชายตัวใหญ่กว่ายกมือกวักเรียกอยู่แต่ไกลก็รีบคลี่ยิ้ม เดินตรงไปหา ยังไม่ทันได้คำตอบว่าเพื่อนรักมาหรือยังก็พอรู้ว่าไม่ เพราะตอนนี้เห็นอีกฝ่ายยืนรอเขาอยู่เพียงคนเดียวเท่านั้น “ไอ้อิกยังไม่มาเลยเนี่ย เราไปเดินเลือกของกันก่อนไหม จะได้ใช้เวลาคิดนานกว่าเก่า”

วิริยะพยักหน้ารับเห็นด้วย แล้วก็พากันหมุนตัวเดินไปที่ลิฟท์ ด้วยความคุ้นชินที่ถูกคนตัวสูงกว่าใช้เป็นที่พักลำแขน ตั้งแต่สมัยอัศวินและกลุ่มบอยแบนด์ภูธรแล้ว วิริยะเลยเมินเฉยเวลาที่ถูกใครกอดคอไป นอกเสียจากตอนที่มีใครมองตามด้วยสายตาแปลก ๆ เช่นนี้ เด็กหนุ่มเริ่มรู้สึกไม่ค่อยดี เพราะคนที่กอดคอเขาอยู่เป็นถึงเดือนมหาวิทยาลัย ความหล่อเหลามองเห็นไกลตั้งแต่ร้อยเมตรโน่น

น่า...แค่เพื่อนกอดคอกัน ใครเขาก็ทำ

“มึงว่ากูควรซื้ออะไรดีวะ” กันย์ถามขึ้น ขณะยืนรอกันอยู่หน้าลิฟท์

“ไม่ได้คิดไว้แล้วหรอกเหรอ ช่วงนี้พี่เขาไม่บ่นว่าอยากได้อะไรเป็นพิเศษเลยรึไง”

“โหย! มันไม่บ่นอะ มันบอกตรง ๆ เลยว่าอยากได้โทรศัพท์ใหม่ แพง!”

“ขี้งก” เด็กหนุ่มย่นหน้า ถ้าเป็นเขาขอเชษฐ์ไชยคงได้ตั้งแต่เดี๋ยวนั้นเลย

“เออ เห็นหล่อ ๆ อย่างนี้แต่จนนะเว้ย” ไม่พูดเปล่า รุ่นพี่ล็อกคอวิริยะเข้ามาใกล้ทำท่าจะเขกมะเหงกที่กล้าว่า ท่ามกลางเสียงหัวเราะของเด็กหนุ่มที่ดิ้นหนี ทั้งสองหยอกล้อกันอยู่เช่นนั้น กระทั่งประตูลิฟต์เปิดออกเผยให้เห็นผู้ที่ยืนอยู่ด้านในสามสี่คน ซึ่งเป็นผู้ชายที่เด็กหนุ่มคุ้นหน้าคุ้นตาดี ดีเสียจนคิดว่าตัวเองอาจตาฝาดไปแล้วก็ได้

“อาเชษฐ์!”

เห็นแล้วกันย์ก็ดึงวิริยะหลบให้เดินออกมา ในขณะที่เด็กหนุ่มเบิกตาตกใจราวกับเห็นผี จ้องชายตัวใหญ่สวมสูทผูกเนคไทเดินออกมาพร้อมกับคู่ค้า อีกฝ่ายเลิกคิ้วเล็กน้อยด้วยความแปลกใจที่เห็นวิริยะและผู้ชายคนอื่น ยืนหัวเราะสนุกสนานกันอยู่ตรงนี้ ชายหนุ่มยกยิ้มเล็กน้อยเท่านั้นเป็นการตอบ “อะไรกันวิว ไม่ได้เจอหน้าพักเดียวก็ทักกันผิดซะแล้ว”

วิริยะนิ่งไปเมื่อเห็นสายตาสุขุมใจดีของอีกฝ่าย “อะ อาอัฐษ์เหรอ”

“ก็ใช่น่ะซี ถึงอาจะหล่อ แต่ก็หล่อสู้อาเชษฐ์ของวิวไม่ได้หรอก” อีกฝ่ายตอบสุขุม

ได้ฟังแล้วเด็กหนุ่มยังนิ่ง จ้องตาชายอาวุโสกว่าตรงหน้าด้วยต้องการทราบว่าจริงหรือไม่ ถึงแม้อีกฝ่ายจะดูผิวสะอาดสะอ้านมากขึ้น ปล่อยผมลงมาปิดหน้าผาก และดูผอมลงไปมากจนหุ่นใกล้เคียงกับอัฐษไชยแล้วก็จริง แต่มีความรู้สึกบางอย่างบอกเด็กหนุ่มว่าคนตรงหน้าไม่ใช่อัฐษไชยอย่างที่เห็น

“คุณอัฐษ์จะไปไหนต่อรึเปล่าครับ” เลขาพูดแทรก

ตกลงวิริยะลืมเชษฐ์ไชยไปแล้วจริง ๆ หรือเนี่ย

แม้กระทั่งความรู้สึกตอนอยู่ด้วยกันก็ยังลืมไป สับสนไปหมด

“อ้อ กะว่าจะเลี้ยงข้าวหลานหน่อยน่ะ คุณกลับไปก่อนได้เลย เดี๋ยวผมไปส่งลูกค้าเอง วิวรออาอยู่ตรงนี้ก่อนนะ” อัฐษไชยยิ้มให้วิริยะ วางมือลงบนศีรษะเด็กหนุ่มเหมือนที่เคย เป็นรอยยิ้มสุขุมใจดีอย่างที่มักทำบ่อย ๆ หากทว่าความรู้สึกของวิริยะตอนนี้มันแปรปรวนไปหมดจนพูดไม่ออก ทำได้เพียงพยักหน้ารับผู้อาวุโสกว่าเท่านั้น และมองตามแผ่นหลังกว้างใหญ่ของอีกฝ่ายโดยไม่วางตา

“มีเจ้ามือแล้วโว้ย” กันย์คลี่ยิ้ม เลียปากอย่างได้ใจ

“ไอ้วิว!” เสียงของอัศวินร้องเรียกเด็กหนุ่มแต่ไกล แล้ววิ่งมาหยุดหอบเหนื่อยตรงหน้า มองตามหลังอาของตัวเองแล้วเอ่ยถาม “เมื่อกี้อาอัฐษ์เหรอ กูบอกให้รับกูมาด้วย ทิ้งเฉยเลย!” อัศวินบ่นให้หลัง

วิริยะรู้สึกหน้าชาไปนิดหน่อย “อาอัฐษ์จริง ๆ เหรอ”

“อะไรของมึงเนี่ย ก็อาอัฐษ์ไง”

วิริยะรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนโง่ขึ้นมา เขามั่นใจว่าคนที่เดินออกไปเมื่อกี้คือเชษฐ์ไชยไม่ผิดแน่

“อย่ามารวมหัวหลอกกันนะเว้ย!” พูดจบ วิริยะก็หมุนตัววิ่งตามผู้ชายคนนั้นไป หวังจะเค้นให้ยอมรับให้ได้ หากเป็นเชษฐ์ไชยคงหลอกตบตาเด็กหนุ่มได้ไม่นานหรอก

ไปถึงที่โรงจอดรถ เห็นเจ้าของร่างสูงใหญ่กำลังเดินกลับมาทางนี้ด้วยสีหน้าเรียบขรึม ลำขาของเด็กหนุ่มชะงักกึกอยู่ตรงหน้าอีกฝ่ายทั้งหอบหายใจเพราะการวิ่ง แล้วจับจ้อง พยายามที่สุดที่จะแยกแยะให้ออกว่าใครเป็นใคร

คนตรงหน้าเลิกคิ้วฉงนเมื่อเห็นวิริยะอยู่ที่นี่ สุดท้ายก็คลี่ยิ้มให้อย่างใจดี พูดกับวิริยะเสียงโทนอบอุ่นว่า “อาไม่หนีไปไหนหรอกน่า ไปเถอะ เดี๋ยวเพื่อนจะรอ”

“อาเชษฐ์!”

คนตรงหน้าชะงักไปชั่วอึดใจ ท่าทีแลดูแปลกไปเพียงไม่กี่วินาทีเท่านั้น

อาจเป็นเพราะแปลกใจที่จู่ ๆ วิริยะก็โพล่งขึ้นมาก็เป็นได้ แต่สุดท้ายอัฐษไชยกลับผุดยิ้มให้ พร้อมทั้งยกมือขึ้นโยกศีรษะเด็กหนุ่มด้วยความนึกเอ็นดูปนสงสาร “โถวิว ตอนนี้เชษฐ์กำลังตั้งใจจัดการเรื่องที่ไร่อยู่ อีกไม่นานหรอกนะ เดี๋ยวจะได้เจอกันแล้ว ทนรออีกนิดเถอะนะ”

มือใหญ่จูงวิริยะให้เดินตามหลังกลับไปด้านใน ในขณะที่หัวใจวิริยะรู้สึกเหมือนกำลังจะสลาย

แม้แต่มือก็ยังเหมือน

เด็กหนุ่มกลืนน้ำลาย เงยมองแผ่นหลังกว้างใหญ่ของคนตรงหน้า ถามตัวเองอยู่หลายครั้งว่าเชษฐ์ไชยมีเหตุผลอะไรที่ต้องโกหกเขา แล้วหายไปจากชีวิตนานถึงหนึ่งปี คำตอบที่ได้คือไม่มีเลย

“อาอัฐษ์ ทำไมทิ้งผมอย่างนี้ล่ะ!” อัศวินโวยวายเมื่อทั้งสองมาถึง ทั้งสีหน้า ทั้งแววตาของเพื่อนรักพูดได้อย่างธรรมชาติ ราวกับมองว่าคนคนนี้คืออัฐษไชยอย่างแท้จริง หรือความรู้สึกที่เป็นอยู่คือวิริยะคิดเองเออเอง เขาลืมภาพของเชษฐ์ไชยไปแล้วจริง ๆ

หรือทั้งสองกำลังโกหกวิริยะ

โกหกทำไม เพื่ออะไร

อัฐษไชยพาทั้งสามไปที่ร้านชาบู คนตัวใหญ่ถอดสูทวางไว้ข้างกายให้ลดความเป็นทางการลง ปล่อยคนอายุน้อยกว่าเป็นผู้สั่งเมนู ดูเหมือนเจ้าตัวจะรู้ว่าถูกวิริยะลอบมองอยู่บ่อยครั้งเพื่อจับสังเกต อัฐษไชยเพียงหันมายกยิ้มสุขุมให้อย่างเคย แล้วขยับมาสอบถามอยู่ตลอดว่าอาหารอร่อยหรือไม่ คอยคีบมาใส่จานอย่างคนอัธยาศัยใจดีเหมือนเคย เพียงแต่ทุกครั้งที่สบมองกัน ใจวิริยะกลับไหวสั่น ซึ่งไม่ใช่ความรู้สึกที่เคยมีต่ออัฐษไชยเลย

หลังทานอาหาร กันย์ชวนวิริยะออกไปเลือกของขวัญให้แฟน ทั้งหมดยกมือไหว้ขอบคุณอัฐษไชยยกใหญ่ หากทว่าวิริยะยังไม่ได้เดินตามรุ่นพี่ไป เด็กหนุ่มดึงแขนคนตัวใหญ่ให้ยังหยุดอยู่มุมนี้ก่อน พร้อมทั้งสีหน้าของผู้ถูกกระทำที่กำลังฉงนมองอยู่

“วิว ไปเร็ว เดี๋ยวไม่มีเวลาเลือกของ”

เด็กหนุ่มมองไปยังรุ่นพี่หลังถูกเรียก แล้วถอนใจ “พี่ไปกับไอ้อิกก่อนเลย”

“เฮ้ย! ไปกับไอ้นี่น่ะเหรอ”

“เออ ไปกับผมนี่แหละพี่” อัศวินชอบนักที่เห็นคนเกลียดขี้หน้าตัวเองทำทีแขยงขยาดยามอยู่ด้วยกัน ชายหนุ่มกอดคอรุ่นพี่ บังคับพาเดินแยกออกไปก่อน หลังเห็นว่าวิริยะต้องการความเป็นส่วนตัว

อีกนิดเดียว แล้ววิริยะจะยอมล่าถอยไป ขอแค่ให้แน่ใจ

มือเรียวยาวกุมจับมือใหญ่ของคนตรงหน้าอย่างแนบแน่น อย่างที่เคยกุมจับกับเชษฐ์ไชยเมื่อก่อน ในขณะที่เงยจ้องตาจับหาอาความจริงในแววตาของชายตรงหน้า ว่ากำลังโกหกเขาอยู่หรือไม่

ในแววตาของอีกฝ่ายนั้นว่างเปล่า ขณะที่ไม่หลบเลี่ยงไปไหนสักวินาที

เชษฐ์ไชยไม่ใช่คนโกหกเก่งนัก วิริยะรู้ดี

“ผมคิดถึงอาเชษฐ์มาก...”

คนตรงหน้านิ่งไปราวกำลังอึ้ง แต่ก็ไม่นาน ใบหน้าหล่อเหลาคมคายก็คลี่ยิ้มรับในสิ่งที่วิริยะต้องการบอก บีบมือของเด็กหนุ่มเป็นการตอบรับ นัยหนึ่งก็คิดว่าอาจกำลังจะเฉลยบอกว่าแท้จริงแล้วตัวเองเป็นใคร พลอยให้หัวใจที่เหี่ยวเฉาของวิริยะลิงโลดขึ้นมา หากทว่าเมื่อเห็นมือใหญ่ผละมาโยกศีรษะอีกครั้งอย่างอ่อนแผ่ว พร้อมโน้มขยับลงมาจ้องตาอย่างไม่ปกปิดนั้น

วิริยะกลับรู้สึกใจหาย

“ไม่ต้องบอกอาก็รู้หรอก” อัฐษไชยบอกเสียงเบา ท้ายที่สุดแล้ววิริยะก็ไม่ได้ความจริงจากปากของอีกฝ่าย เด็กหนุ่มรู้สึกสับสน มึนงงไปหมด คิดว่าหากทำเช่นนี้แล้วความจริงจะถูกเปิดเผยได้ แต่ไม่เลย

สีหน้าของคนอายุมากกว่าตรงหน้าเปลี่ยนไป เมื่อเห็นน้ำตาของวิริยะไหล

“ขอโทษที่งี่เง่าครับ อาอัฐษ์ แต่ผมคิดถึงอาเชษฐ์มากจริง ๆ”

น้ำเสียงของเด็กหนุ่มเครือสั่นแทบไม่มีแรงเพราะหัวใจเต้นตุบตับแทบทะลุออกจากอก พูดจบ วิริยะก็เดินกลับไปอีกฝั่งเสียอย่างนั้น แทนที่จะตามอัศวินและรุ่นพี่ไป ปล่อยให้อัฐษไชยมุ่นคิ้วมองตามด้วยความไม่เข้าใจความรู้สึกนึกคิด

แต่ถึงอย่างนั้น ชายหนุ่มก็ยกยิ้ม ส่ายหน้าให้อีกทีด้วยความเอ็นดูและไม่ถือสาที่วิริยะทำแบบนี้ ก็เพราะไม่ได้เจอกันเป็นปี ไม่แปลกที่วิริยะจะพะวงถึงอย่างนี้ เขาเข้าใจดีและไม่โกรธเลย...

 

กันย์เลือกของด้วยความเบื่อ ในขณะที่เพื่อนของรุ่นน้องทำหน้ากระหยิ่มยิ้มย่องตามหลังอยู่ตลอด พอจะหยิบของน่าสนใจ อัศวินก็ติบอกว่าไม่ดีอย่างโน้นอย่างนี้ ไม่เหมือนตอนอยู่กับวิริยะเลย น้องของเขามีเหตุผลกว่าตั้งเยอะ คิดแล้วความรู้สึกของชายหนุ่มก็แสดงออกมาถึงสีหน้า ให้อัศวินรู้ว่าตัวเองไม่อยากอยู่ด้วย

แล้วเมื่อไรวิริยะจะตามมากันหนอ นี่ผ่านมาจะสองชั่วโมงแล้ว คุยธุระกันถึงไหน เขาเบื่อจะอยู่กับไอ้โย่งที่คอยแต่พูดจากวนประสาทนี่เต็มทีแล้ว เมื่อคิดได้ กันย์ล้วงกระเป๋าหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาต่อสายหาน้องรหัส ไม่นานวิริยะก็กดรับ น้ำเสียงเครือไหวคล้ายกำลังร้องไห้อยู่ในที

“ฮัลโหล เมื่อไรจะมาซักทีวะวิว รอนานแล้วเนี่ย” คนพี่บ่นอย่างหงุดหงิดพลางเหลือบไปมองอัศวินที่ยืนเลือกของอยู่ข้างหลัง

“พี่เลือกแล้วกลับไปก่อนเลย ผมไม่ว่าง” เสียงปลายสายตอบเบามาก

ได้ยินแล้วกันย์ก็หงุดหงิดกว่าเก่า “ไม่ว่างบ้าอะไร นี่แกอยู่ไหน”

“อยู่บนรถตู้”

“ฮะ!” กันย์ย้อนถามเสียงดังลั่นร้าน เรียกให้อัศวินเดินมาหาด้วยความใคร่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น ไม่เว้นแม้แต่คนอื่นที่อยู่รอบข้าง “ไปทำอะไรบนรถตู้ ถูกจับตัวไปเหรอ!”

“เปล่า กำลังไปไร่รุ่งอรุณี”

“ไร่รุ่งอรุณี ที่ไหน! ไปทะ...” ยังไม่ได้พูดจบ อัศวินก็เหลือกตาแย่งโทรศัพท์ไปคุยเสียเอง

“ไปที่ไร่ทำไม ก็อาเชษฐ์บอกแล้วว่าอย่าไป”

วิริยะถอนใจ หน้าบูดหน้างอตอบกลับปลายสาย

“ก็มึงกับอาเชษฐ์รวมหัวกันหลอกกู กูก็จะไปพิสูจน์น่ะสิว่าอาเชษฐ์อยู่ที่ไร่จริงรึเปล่า ห้ามโทรไปบอกอาเชษฐ์ด้วย ไม่งั้นกูโกรธมึงมากกว่าเดิมแน่ แค่นี้นะ” พูดจบ วิริยะก็กดวางสายแล้วมองทอดออกไปยังสองข้างทาง แม้จะยอมล่าถอยจากอีกฝ่ายเมื่อครู่ใหญ่ แต่วิริยะเชื่อความรู้สึกตัวเองว่าคนตรงหน้านั้น คือเชษฐ์ไชยไม่ผิดแน่

อีกฝ่ายโกหกทำไมไม่รู้ รู้เพียงแต่ว่าตอนนี้เขาเสียความรู้สึกจนอดทนรอให้ได้ยินคำอธิบายจากปากเจ้าตัวไม่ไหว จนต้องตามหาความจริงด้วยตัวเอง แม้ว่าจะเป็นการผิดสัญญาก็ตาม คอยดูเถอะเชษฐ์ไชย เขาจะจับให้ได้คาหนังคาเขาเลย!

--๕๐--

---------------------------------------------------------

บางคนคิดว่านิยายจบแล้ว ที่จริงยังไม่จบเด้อ ยังไม่มีฉากวาบหวิวเซอร์วิสแฟน ๆ เลย ยังจบไม่ได้ อิอิ ว่าจะให้จบซักตอนที่ 22 เพิ่มฉากหวาน ๆ ในตอนท้าย ๆ ด้วย แล้วก็มีตอนพิเศษคู่รองค่ะ พวกชาติ อัฐษ์ ดำ หมอก

อย่าเพิ่งเลิกติดตามน้า ถึงเรื่องจะคลี่คลายลงไปแล้ว แต่ความสนุกยังไม่จบเด้อออออ

ทิ้งคอมเม้นไว้ให้เค้าอ่านหน่อยน้า ตอนหน้ามีเซอร์วิสด้วย

สรุปตอนนี้วิวคุยกะอาอัฐษ์หรืออาเชษฐ์ ให้ทาย อิอิ

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4825
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
เอาใจช่วยนะวิว.  :กอด1:

ออฟไลน์ Yara

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-2
คิดว่าอาเชษฐ์นะ เพราะวิวน่าจะจำไม่ผิด

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
สู้ๆ

ออฟไลน์ BAKA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3025
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-10
หืออออ วิวไม่น่าจะจำผิดนะ

ออฟไลน์ ●GreenTEA●

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 684
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-2
 :hao5:

ออฟไลน์ AeRoMoZa

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 432
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-1
ฮือ เครียดแทนวิวเลย เฮ้อ อาเชษฐ์ทำอะไรนะ

ออฟไลน์ pigarea

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 748
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
อา​เชษฐ์ชัวร์​ แต่ต้องมีเหตุผล​ที่ให้ไว้กับพ่อของวิวหรือป่าว

ออฟไลน์ nunda

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3004
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-2
ความคิดถึงนี่ช่างโหดร้าย สงสารวิวจัง
แต่เราก็เชื่อว่าอาเชษฐ์กำลังพยายามอยู่เหมือนกัน

ออฟไลน์ noonaaRP

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 262
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-1
    • fanpage Noonaa

(ต่อ)


เพราะนั่งรถตู้ประจำทาง ทำให้วิริยะมาถึงจังหวัดในช่วงบ่ายแก่ของวัน เด็กหนุ่มเดินไปยังท่ารถที่เคยเห็นสมัยช่วงออกมาเที่ยวเล่นกับดำ เพื่อต่อสองแถวเข้าไปในไร่ ซึ่งระยะห่างจากตัวเมืองราวยี่สิบกิโลเมตรได้ หากทว่าทั้งลานว่างเปล่าไม่มีสักคันจอดอยู่ มีแต่วินมอเตอร์ไซค์และรถตุ๊กตุ๊กเรียงกันแถวนั้น

ถามลุงป้าคนละแวกใกล้เคียง ได้ความว่ารถสองแถววิ่งแค่ครึ่งวัน ถ้าจะกลับคงต้องนั่งวินและเสียเงินราคาเหมา ซึ่งมันก็แพงกว่าการนั่งสองแถวหลายเท่า

“พี่ ไปไร่รุ่งอรุณีเท่าไรครับ” วิริยะหยุดยืนอยู่ตรงหน้าวินมอเตอร์ไซค์

“สองร้อย”

วิริยะมุ่ยหน้า ก้มลงเปิดกระเป๋าสตางค์ที่เหลือเพียงสองร้อยสุดท้ายแล้วถอนใจ แล้วจะเอาที่ไหนจ่ายตอนกลับล่ะนี่ แต่...หากได้รับความจริงแล้ว เมื่ออยากกลับบ้านก็ค่อยหยิบยืมคนที่ไร่ก็ได้ คงมีใครใจดีช่วยอยู่กระมัง คิดแล้วเด็กหนุ่มก็พยักหน้ารับ “ไปครับพี่”

กว่าจะไปถึงก็สี่โมงครึ่งแล้ว วิริยะจ่ายเงินค่ารถอยู่หน้าบ้านหลังใหญ่อันคุ้นตา คืนหมวกกันน็อกให้คนขับ ก่อนจะหมุนตัวกลับมาสูดเอาอากาศบริสุทธิ์ที่ห่างหายนับปีเข้าปอด แล้วเดินดุ่มไปข้างในโดยไม่ต้องรอให้ใครต้อนรับ

บริเวณหน้าบ้านแปลกตาเพราะต้นกุหลาบสีขาวหายไปทั้งหมด แทนด้วยไม้ดอกชนิดอื่นที่บัดนี้บานสะพรั่งหลากสีสัน แปลกตาวิริยะดีเหลือเกิน

เด็กหนุ่มหยุดยืนเก็บภาพตรงหน้าในความทรงจำอยู่เพียงครู่เดียว ก่อนจะเดินเข้าไปข้างในอย่างถือวิสาสะ ในขณะที่กวาดมองหาเจ้าของสถานที่ ก็ได้เห็นว่าเชษฐ์ไชยจัดสัดส่วนของห้องโถงใหม่หมดเสียน่าค้นหา ทันสมัยกว่าเก่ามากทีเดียว

ขณะที่เสพสมความแปลกใหม่ต่อหน้า วิริยะได้ยินเสียงคนโวยวายอยู่ที่ห้องครัว แต่แหลมจนแสบแก้วหูเช่นนี้ไม่ใช่แม่ต้อยอย่างแน่นอน คิดแล้วผู้มาเยือนก็เดินมุ่งตรงไปทิศนั้นด้วยความใคร่ทราบ แต่แทนที่จะรู้สึกดีใจ วิริยะมุ่ยหน้าเมื่อเห็นว่านกกระจอกที่ร้องเมื่อครู่คือใคร

รตรี ผ่านมานานขนาดนี้แล้วยังไม่กลับไปอีก

“ฉันบอกแล้วใช่ไหมว่าอย่าทำเผ็ด ไปทำมาใหม่ให้หมดเลย!”

หล่อนเหวี่ยงชามอาหารตรงหน้าทิ้ง

“แต่ นายเชษฐ์บอกว่ารสชาติประมาณนี้พอดีแล้วนะคะ”

“ฉันพูดอะไรก็ให้ทำอย่างนั้น ฉันเป็นเมีย ยังไงพี่เชษฐ์ก็ต้องตามใจอย่างที่ฉันต้องการอยู่ดี!”

วิริยะส่ายหน้า ถึงขนาดนี้แล้วเจ้าตัวยังโมเมอยู่อีกหรือว่าเป็นอะไรกับเชษฐ์ไชย ในระหว่างที่คิดและลอบมองอยู่บริเวณขอบประตู แม่ต้อยก็ผละมาเห็นเด็กหนุ่มมุมนี้ “น้องวิว! น้องวิวจริง ๆ ด้วย มาได้ยังไง มาหานายเชษฐ์เหรอคะ”

นางคลี่ยิ้มกว้าง ราวเห็นนางฟ้ามาโปรด กึ่งเดินกึ่งวิ่งเข้ามากุมจับมือของเด็กหนุ่มด้วยความดีใจ

ความสนใจของแม่บ้านใหญ่เทมายังวิริยะตั้งแต่วินาทีนั้น แม้แต่เด็กคนอื่นก็ด้วย จนสร้างความไม่พอใจแก่คนที่ยังนั่งหน้าบูดอยู่บนโต๊ะอาหาร “ใครจะมาจะไปมันสำคัญกว่าปากท้องฉันรึไง ถ้ายังไม่ได้ดังใจ พวกเธอโดนดีแน่”

วิริยะมุ่นคิ้ว มองตาแม่ต้อยเป็นเชิงถามว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น เหตุใดรตรีจึงได้กลับมาทำตัวยิ่งใหญ่ อวดเบ่งใส่ทุกคน ราวกับว่าได้อภิสิทธิ์เมียนายใหญ่แห่งไร่อรุณีกลับมาแล้วเสียอย่างนั้น เมื่อเห็น คนแก่ไม่กล้าเล่าตอนนี้ รีบส่ายหน้าด้วยความลำบากใจแล้วเดินกลับเข้าไปในครัว เพื่อทำตามความประสงค์ของหล่อน

“ป้าต้อย ไม่ต้องทำหรอกครับ ถ้ากินไม่ได้ก็ไม่ต้องกิน” เด็กหนุ่มกอดอก

สิ่งที่วิริยะพูดได้สร้างความไม่พอใจแก่รตรีนัก

“พูดอะไรของเธอน่ะหา!”

เด็กหนุ่มยักไหล่ “หูตึงรึยังไงครับ ผมบอกว่าถ้ากินไม่ได้ก็ไม่ต้องกิน” อย่าให้เขาต้องมีน้ำโห ตลอดเวลาที่อยู่ใกล้ชิดกับป้าอรและทราย มีหรือวิริยะจะไม่ซึมซับความเป็นแม่ค้าปากตลาดของแม่เลี้ยงมาบ้าง

อีกฝ่ายลุกขึ้นยืน หันมาจ้องตาวิริยะสีหน้าหยันเยาะ “เธอ ไอ้เด็กคนนั่นนี่นา”

วิริยะเลิกคิ้วแปลกใจ ที่อีกฝ่ายจำได้

“คนที่โมเมเรียกผัวฉันว่าอา”

เด็กหนุ่มหน้าเปลี่ยนสี ชักเริ่มขุ่นใจกับสายตาของผู้หญิงร้ายตรงหน้า หากเขาใช้คำเจ็บแสบย้อนกลับไปจะกลายเป็นพวกหน้าตัวเมียอีกรึเปล่าหนอ คิดแล้ววิริยะก็ส่ายหน้าระอา ใครจะสนเล่า “ใครกันแน่ที่โมเม ทำตัวเป็นชะนีร้องหาผัว ๆ อยู่เป็นปี แต่ไม่ยักถูกคนเขายอมรับซักที ไม่รู้เหรอครับ ว่าคนแถวนี้เขาสาปส่งให้ลงนรกกันหมดแล้ว”

คนฟังเบิกตา ชี้นิ้วใส่หน้าวิริยะร้องเสียงดัง “หน็อย ไอ้เด็กเมื่อวานซืน!”

“ผู้หญิงหน้าไม่อาย!”

ได้ฟังแล้วรตรียิ่งหน้าร้อนฉ่า “กรี๊ดดดดด!”

ท่ามกลางสีหน้าสะใจของแม่บ้านเด็กที่ยืนมองอยู่ไม่ไกล รตรีกระทืบเท้าเหยง ๆ ร้องด้วยความโมโห ไม่เคยเห็นใครด่ากลับได้เร็วและแสบสันเท่านี้มาก่อน อันที่จริง ตั้งแต่เกิดมาก็มีเด็กนี่คนแรกเลยนั่นแหละ คิดแล้วความรู้สึกที่ถูกหยามต่อหน้าพวกคนใช้นั้น ทำให้หล่อนต้องหาที่ระบายให้สมกับความอับอายที่ถูกฉีกหน้า รตรีเอื้อมไปหยิบจานถ้วยแกงเผ็ดร้อนมาถือ แล้วตั้งใจจะสาดใส่วิริยะ

เด็กหนุ่มเบิกตาด้วยความตกใจ ก้มหน้าหลบซ่อนให้ปลอดภัย หากทว่าตัวถูกดึงไปจากด้านหลังให้น้ำแกงร้อนราดมาโดนที่หลังมือเล็กน้อยเท่านั้น ในขณะที่ใจเต้นตึกตักคิดว่าตัวเองจะเสียโฉมเข้าแล้ว จากเดิมยิ่งขี้เหร่อยู่ด้วย

นี่กะจะไม่ให้เขาหาแฟนได้เลยหรือไง!

เสียงถ้วยใบนั้นตกลงพื้นแตก พร้อมกับการหวีดร้องตกใจของเหล่าแม่บ้าน วิริยะตัวชา เมื่อหลังพิงอยู่บนหน้าอกของใครสักคนที่เข้ามาช่วยชีวิตไว้ได้ทัน เด็กหนุ่มแหงนขึ้นมองเจ้าของร่างใหญ่ที่กำลังช่วยประคอง พร้อมกับความร้อนที่แล่นเข้าสู่ใบหน้าและดวงตาฉับพลัน คนคนนี้ ชายร่างใหญ่ผู้มักสวมใส่เสื้อลายตาราง ผิวสีเข้ม หนวดเคราครึ้ม กำลังจ้องตารตรีเขม็งสีหน้าบ่งบอกว่ากำลังไม่พอใจเป็นอย่างมาก

“อาเชษฐ์!”

คนที่เขาต้องการพบ

เมื่อเห็นว่าเป็นใคร เด็กหนุ่มหันกลับไปกอดอีกฝ่ายแนบแน่น ลืมความเจ็บบนหลังมือไปฉับพลัน

คิดถึง คิดถึงมาก!

เชษฐ์ไชยนิ่งไป เมื่อถูกวิริยะทักทายเช่นนี้ จากที่กำลังเคืองโกรธรตรีจนแทบจะพุ่งเข้าไปทำร้าย ชายหนุ่มคลายหมัดของตัวเองลง ลูบบ่าของคนที่กำลังซุกกอดด้วยความแผ่วเบา มีเพียงดวงตาที่กำลังแผ่จิตสังหารมองคนก่อเหตุอย่างเงียบเชียบเท่านั้น

ดีที่เขารีบเข้ามาเพราะได้ยินเสียงกรี๊ด ไม่อย่างนั้นวิริยะคงได้รับบาดเจ็บมากแน่

รตรีหน้าถอดสี ถอยกรูดออกห่างเมื่อเห็นเชษฐ์ไชยขบฟันจนกรามปูด เพียงแต่ยังไม่ระเบิดอารมณ์เพราะมีวิริยะอยู่ในอกก็เท่านั้นเอง “เป็นบ้าอะไร ทำไมถึงปกป้องมันด้วยน่ะพี่เชษฐ์ ปล่อยมันออกมาเดี๋ยวนี้เลย เมียพี่อยู่ตรงนี้”

ชายหนุ่มยังคงไม่โวยวาย พูดเสียงเย็นเยียบว่า

“ไสหัวไปให้พ้น”

รตรีชะงัก “อะไรนะ...”

“ไปให้พ้นสายตาพี่ รตรี ในตอนที่พี่ยังใจเย็นอยู่”

“ไม่!” หล่อนเสียงดัง

“ถ้างั้นก็อย่าหาว่าไม่เตือนนะ” เสียงของเชษฐ์ไชยเย็นยะเยือกเพิ่มอีกเท่าหนึ่งในขณะที่นัยน์ตาคมจ้องราวกับสัตว์ป่าบ้าคลั่ง ทำท่าจะขยับเข้าใกล้ ไม่ทันไรรตรีก็หวีดร้องแล้ววิ่งหนีไปอย่างคนถูกขัดใจ ท่ามกลางสีหน้าสะอกสะใจของคนมองตามทั้งหมด เพราะที่จริงเชษฐ์ไชยยังไม่ได้ทำอะไรเลยแท้ ๆ

วิริยะถูกพาตัวไปนั่งอยู่ที่โซฟากลางบ้านพัก หลังคนตัวใหญ่ผละมาสำรวจว่าได้รับบาดเจ็บหรือไม่ เมื่อเห็นว่าบริเวณมือของเด็กหนุ่มเป็นแผล เชษฐ์ไชยหันไปบอกเหล่าแม่บ้านให้หยิบกล่องปฐมพยาบาลและนำน้ำเปล่าสะอาดมาให้ เมื่อได้ คนตัวใหญ่ช่วยจับมือวิริยะลงไปแช่ในกะละมังน้ำด้วยความเบามือ

“แผลไม่ลึกมาก เอาไว้สักประมาณสิบนาที จนกว่าจะหายแสบร้อนนะวิว”

เด็กหนุ่มพยักหน้ารับเล็กน้อย

“ไม่เอายาสีฟันทาเหรอคะนายเชษฐ์” ต้อยถามด้วยความเป็นห่วง

“อย่าเชียวนะ นั่นเป็นการรักษาที่ผิดวิธี เกิดแผลติดเชื้อขึ้นมาจะทำไง”

ได้ฟัง แม่ต้อยก็พยักหน้าเข้าใจหลังได้รับความรู้ใหม่ แล้วก็หันไปสั่งให้แม่บ้านคนอื่นทำความสะอาดครัวเพราะเห็นเจ้านายมาแล้ว อีกไม่นานก็จะถึงเวลามื้อเย็นของเชษฐ์ไชย ครั้นออกคำสั่งเสร็จนางก็เหลือบมองไปด้านหลัง เห็นสองคนกำลังนั่งไหล่ชนกันแล้วอดที่จะยิ้มไม่ได้ ท่าทีของนายใหญ่ดูอ่อนโยนขึ้นเมื่อจับต้องวิริยะ หลังจากทำตัวเป็นคนโหดร้ายตั้งแต่คืนนั้น เล่นงานคนทรยศตัวเองไปเสียราบคาบอย่างไม่มีความปราณี

เชษฐ์ไชยหันไปสนใจโทรศัพท์ในกระเป๋าที่กำลังสั่นครืดบอกว่ามีคนโทรหา มือหนาผละจากมือวิริยะ แล้วเช็ดลวก ๆ ที่ขากางเกงตัวเอง กำลังจะลุกออกไป วิริยะก็แหงนมองตาม รีบเอื้อมมืออีกข้างดึงแขนเมื่อเห็นเชษฐ์ไชยจะลุกไปไหน

“อยู่กับผมก่อนนะอาเชษฐ์” เด็กหนุ่มทำตาอ้อน

คนเห็นยกยิ้ม “เดี๋ยวมานะ ไปคุยธุระ”

แม้ไม่อยากให้ไป วิริยะก็จำต้องยอมพยักหน้ารับอีกครั้ง ปล่อยให้เชษฐ์ไชยกดรับสายแล้วเดินออกไปนอกบ้านโดยที่ยังไม่พูดอะไรกันสักคำ แม้แต่คำทักทายเมื่อกลับมาพบกันอีก คิดแล้วเด็กหนุ่มก็ผ่อนลมหายใจ ตัวเองเป็นคนแส่หาเรื่องใส่ตัวแล้วยังมีหน้ามาน้อยใจอาเชษฐ์อีก

วิริยะมองนาฬิกาบอกว่าสิบกว่านาที แต่เชษฐ์ไชยยังไม่กลับเข้ามาในบ้าน เด็กหนุ่มรู้สึกว่าความร้อนที่เต้นตุบบนหลังมือคลายลงไปแล้วจึงยกขึ้นมา ใช้ผ้าขนหนูสะอาดที่แม่บ้านยกมาวางไว้ให้ซับบริเวณรอบแผล แล้วเดินตามคนตัวใหญ่ออกไปที่หน้าบ้าน เห็นเชษฐ์ไชยกำลังคุยอยู่กับใครสักคนที่โต๊ะนั่ง เขาก็คิดว่าอีกฝ่ายยังคุยสายไม่เสร็จเสียอีก

ทีท่าของทั้งสองดูเคร่งเครียดคล้ายกำลังปรึกษาเรื่องใหญ่ ครั้นได้ยินเสียงฝีเท้าของวิริยะก้าวไป คู่สนทนาของเชษฐ์ก็เงยขึ้นมองเด็กหนุ่ม บอกให้วิริยะทราบว่าเป็นใคร ผู้มีพระคุณที่ช่วยเหลือเขาเมื่อปีที่แล้วอย่างไรเล่า เด็กหนุ่มเบิกตาโตหยุดอยู่ตรงหน้าของทั้งสองด้วยความดีใจที่ได้พบอีก

“ชาติ...”

เจ้าของบ้านส่ายหน้า “ชาติเฉย ๆ ได้ยังไง ต้องเรียกอาชาติสิ เขาแก่กว่าพี่ตั้งสองปี”

“พี่เหรอ” ชาติย้อนพลางเบ้ปาก “ห่างกันแค่สองปี แล้วให้เรียกกูว่าอาเนี่ยนะ”

เชษฐ์ไชยคลี่ยิ้ม แล้วแหงนมองวิริยะ “พอใจเรียกแบบไหน หืม”

วิริยะอึกอัก มองทั้งสองแล้วยิ้มขึ้นเล็กน้อย ก็ไหนบอกว่าตัวเองไม่ค่อยถูกกับชาติกัน ไหงตอนนี้นั่งร่วมโต๊ะพูดคุยหยอกล้อกันราวกับไม่เคยมีเรื่องบาดหมางใจ “เรียกอา...ทั้งคู่เลย” วิริยะตอบตามความรู้สึกจริง แล้วทรุดลงนั่งร่วมวงเมื่อเชษฐ์ไชยเชื้อเชิญด้วยการตบลงบนเก้าอี้ข้างกัน แม้เด็กหนุ่มจะคิดว่าทั้งสองยังคุยธุระกันยังไม่ทันเสร็จเสียด้วยซ้ำ

ยังไม่ทันได้เริ่มคุยอะไร ทั้งสามได้ยินฝีเท้าระรัวมาแต่ไกล “วิว วิวมาได้จั่งใด๋!”

ดำหยุดหอบหายใจอยู่ตรงหน้าเด็กหนุ่ม พร้อมกับรอยยิ้มที่ปรากฏอยู่บนใบหน้าวิริยะ สิ่งที่เป็นไปโดยอัตโนมัติคือร่างกายที่ไปก่อนสมอง มารู้ตัวอีกทีเด็กหนุ่มก็กระโดดกอดคอพี่ชายต่างบ้านคนนี้เข้าแล้ว

คิดถึง

คิดถึงดำ คิดถึงทุกอย่างที่อยู่ที่นี่

ไม่เคยมีตอนไหนที่วิริยะไม่มีความสุข ในไร่รุ่งอรุณีแห่งนี้!

“ไปแต่ละเถื่อบ่เคยบอกอ้ายเลย” ดำมองตาเด็กหนุ่มพ้อ

วิริยะเองก็เสียใจ “ขอโทษพี่ดำ มันฉุกละหุกเกินไป”

“บ่เป็นหยัง อ้ายเข้าใจเบิ่ดทุกอย่างแล้ว นายเซษฐ์อธิบายให้ฟังเบิ่ดแล้ว” ดำลูบหัวเด็กหนุ่มเป็นการปลอบ ในขณะที่วิริยะคลี่ยิ้มรับราวลูกแมวน้อย คิดแล้วอยากไปที่หอและทักทายพี่ ๆ คนอื่นเช่นเดียวกัน แต่ทุกอย่างมันรวดเร็วและต้องรีบไปหมดจนไม่มีเวลาทำอะไรสักอย่าง อีกซ้ำ วิริยะอยากอยู่กับเชษฐ์ไชยตลอดเวลา ก่อนที่พรุ่งนี้จะได้กลับเพื่อรอให้ถึงเวลาต่อไป

เด็กหนุ่มยังคงรอให้เชษฐ์ไชยเสร็จธุระ แล้วจะได้คุยเรื่องระหว่างทั้งสองเสียที

การได้พบกันในครั้งนี้ทำให้วิริยะรู้สึกอบอุ่นในหัวใจ ได้นึกถึงเรื่องราวปีก่อน ความรู้สึกที่อยู่ในไร่รุ่งอรุณียังคงทำให้วิริยะมีความสุขเสมอ ในขณะที่อิ่มอกอิ่มเอมใจกับการนั่งมองคนรอบข้างในความทรงจำเมื่อก่อน ขณะที่พูดคุยกัน ทุกคนก็ได้ยินเสียงเครื่องยนต์ของรถคันหนึ่งแล่นขึ้นเนินมา พร้อมกับฝุ่นสีแดงลอยขโมงโฉงเฉง จนสปอร์ตคันสีดำกลายเป็นสีแดงอยู่รอมร่อ

ถ้าเข้าใจไม่ผิด วิริยะพอรู้ว่ารถคันนี้เป็นของใคร

เด็กหนุ่มลุกขึ้นยืนไปหลบหลังเชษฐ์ไชย นึกโกรธไอ้เพื่อนตัวดีที่เข้าข้างอาตัวเองอีกแล้ว

“อัฐษ์ แกมาได้ยังไง” เชษฐ์ไชยลุกขึ้นยืน เหลือบมองไอ้ตัวดีที่ยืนหน้ายุ่งอยู่ข้างหลังแล้วก็พอจะรู้ นี่คงตามกันมาน่ะซีนะ

แต่ยังไม่ทันได้เคลียร์ดี ตัวก่อความวุ่นวายก็วิ่งลงมาข้างล่างอีกคน พร้อมเหวี่ยงข้าวของกระจัดกระจาย ทำลายแจกันของแพงที่คุณไกรเลิศเก็บสะสมไว้เสียจนแตกยับ แล้วชี้หน้าด่าเชษฐ์ไชยเสียงดัง “พี่นี่มันบ้าชัด ๆ เป็นคนพูดเองไม่ใช่เหรอว่าให้รตรีกลับมาอยู่ด้วย แล้วจะทำแบบนี้เหรอ!”

วิริยะมุ่นคิ้ว “อาเชษฐ์พูดแบบนั้นเหรอ”

“เปล่า พี่พูดว่าอยากทำอะไรก็เชิญ” ชายหนุ่มยักไหล่

“ก็นั่นแหละ มันก็หมายความแบบนั้นไม่ใช่เหรอ”

“ไม่ใช่ เมื่อไรจะเข้าใจสักทีว่าอาเชษฐ์ไม่เอาแล้ว” วิริยะส่ายหน้า

“ว่าไงนะ!”

“อาเชษฐ์มีคนใหม่แล้ว เลิกหวังเสียเถอะว่าจะได้ผัวคืน” เด็กหนุ่มรีบบอกเพราะอยากตัดความรำคาญใจของตัวเองออกให้เร็วที่สุด หากไล่รตรีออกไปได้ วิริยะจะรู้สึกวางใจมากขึ้นกว่านี้เยอะเลย ในขณะที่คนตัวใหญ่ด้านหลังเบิกตา รู้ว่าวิริยะกำลังจะพูดอะไรต่อ “คุณคงไม่อยากถูกหยามไปมากกว่านี้หรอกนะ ถ้าได้รู้ว่าอาเชษฐ์น่ะ...”

“แยกย้ายกันดีกว่า” นายใหญ่ของไร่รีบแทรก แล้วกุมปากของวิริยะให้เงียบด้วยฝ่ามือใหญ่ ท่ามกลางสีหน้าฉงนของคนรอบข้างทั้งหมด ชายหนุ่มเหลือบมองขอความช่วยเหลือของใครก็ได้ ให้ต้อนรตรีออกไปที ก่อนจะมีปัญหาใหญ่เกิดขึ้น ซึ่งไม่มีใครทำตามความประสงค์เพราะมัวแต่อยากรู้ว่าเด็กหนุ่มกำลังจะพูดอะไร

“อ๊า ปล่อยนะ ผมจะพูดความจริง!” วิริยะดิ้นขืน “อาเชษฐ์เป็นตุ๊ด ชอบข้างหลังมากกว่า เคยได้ยินไหมว่าได้หลังแล้วลืมหน้าอะ!” เด็กหนุ่มร้องเสียงดัง ปัดมือของคนปรามออกราวลูกแมวกำลังเล่นของเล่น

ท่ามกลางเสียงหัวเราะของทุกคน ยกเว้นรตรีที่หน้าแดงก่ำเพราะคิดว่าถูกล้อ

“ไม่ตลกนะ!”

“ใช่ ไม่เห็นตลกเลย” อัฐษไชยมุ่นคิ้วเห็นด้วย

“ไม่ตลกก็เรื่องของอาอัฐษ์สิครับ ขนาดอาเชษฐ์เองยังไม่เห็นโวยวายเลย” วิริยะหันมาพูดแล้วคลี่ยิ้ม ขณะที่คนถูกพาดพิงพูดไม่ออกไปพักหนึ่งเพราะไม่รู้จะแก้ตัวยังไง กลับเป็นอัฐษไชยที่ร้อนรนใจอยู่ไม่ติดเสียเอง

เห็นแล้ววิริยะก็ยังไม่ยอมจบ กอดแขนเชษฐ์ไชยแล้วพูดกับรตรีต่ออีกว่า “จะบอกให้เอาบุญนะครับคุณป้า อาเชษฐ์เขาไม่กลับไปเอาคุณให้เสียเวลาหรอก อย่าคิดว่าที่เขาปล่อยผมยาวน่ะเป็นเพราะหลงคุณจนไม่ดูแลตัวเองนะ ที่จริงเขาชอบเป็นคุณแม่ที่ไว้ผมยาวมากกว่า จะได้เอามาถักเปียได้ เวลาแต่งหญิงต่างหาก”

พูดจบชาติก็หัวเราะก๊าก สร้างความไม่พอใจให้รตรีมาก “ไม่จริง ผัวฉันไม่ได้เป็น”

“แล้วผมจะบอกให้ ถึงเขาจะเป็นผัวคุณ แต่เขาเป็นเมียคนอื่น”

อัฐษไชยสำลักน้ำลายตัวเองเมื่อได้ฟัง หันมองวิริยะที่แหงนขึ้นไปยิ้มหวานสบตากับเชษฐ์ไชยผู้ที่หน้าเหวออยู่ ซึ่งตอนนี้กำลังพูดไม่ออกบอกไม่ถูกกับมุกแถของวิริยะ ทำได้เพียงแค่จ้องเด็กตรงหน้าเท่านั้นโดยที่ไม่แก้ตัวอะไรเลย

กลับเป็นผู้น้องที่ทำใจรับฟังต่อไปไม่ไหว รีบพูดขัด ก่อนที่จะมันจะน่าอายไปมากกว่านี้ “เมียเมอที่ไหนเล่า! หยุดเล่นได้แล้ว มันไม่จริงสักหน่อยนะวิว”

วิริยะหันมายกนิ้วชี้ปราม ทำหน้าเจ้าชู้ “ จุ๊ ๆ ๆ ๆ อาอัฐษ์จะไปรู้อะไร อยู่แต่ในเมืองทำงานงก ๆ ไม่รู้หรอกว่าจริงแล้วพี่ชายน่ะ ที่แท้เป็นพี่สาวต่างหาก เนอะ ที่รัก ต่อไปนี้ไม่ต้องปิดใครแล้วนะ สบายใจขึ้นไหม...”

ชายตัวใหญ่สวมสูทเริ่มจะหงุดหงิดงุ่นง่าน ยามเห็นวิริยะแสร้งทำเป็นเชยคางเชษฐ์ไชยส่ายไปมาราวกับกำลังเอ็นดูเด็กน้อยคนหนึ่ง ท่ามกลางสายตาไอ้ชาติที่กำลังยืนมอง แล้วหัวเราะจนท้องขดท้องแข็งไปหมด พูดแทรกทุกคนกับตนขึ้นมาทั้งที่ยังหัวเราะว่า “ฉันหวังว่าแกจะรับพี่ชายของแกได้นะ ที่จะไปเป็นเมียของใครเขา”

อัฐษไชยกอดอกทำหน้าไม่พอใจ เหนื่อยที่จะพูด

“ฉันไม่เชื่อ! ดูก็รู้ว่าพูดเล่น” รตรีเถียงพลางส่ายหน้า “สภาพอย่างแกน่ะเหรอจะไปเป็นผัวใครได้ ไอ้เด็กบ้า!”

วิริยะกระตุกยิ้มเมื่อได้ฟัง

“ขนาดตัวมันไม่เป็นอุปสรรคในที่ราบหรอก เดี๋ยวพิสูจน์ให้ดู มานี่ที่รัก...”

พูดจบ วิริยะก็ดึงคนหน้าหนวดตรงหน้าเข้ามาจูบแต่เดี๋ยวนั้น สร้างความตกใจแก่คนทั้งวงสนทนา แม้แต่แม่ต้อยที่ถือน้ำมาจากในครัว ตั้งใจจะบริการอัฐษไชยก็สะดุดกึกราวกับเจอผี ที่วิริยะทำนั้นไม่ใช่แค่จูบธรรมดา เป็นจูบที่ดูดดื่มราวจะสูบวิญญาณของคนตัวใหญ่กว่าไป มือแสบ ๆ ซน ๆ ก็เอื้อมขยี้ขยำก้นคนตัวใหญ่ทำราวกับตัวเป็นผัวที่เก่งเรื่องบนเตียงนัก ให้คนมองทำได้เพียงแค่อ้าปากค้างเท่านั้น

แต่ก็ทำได้ไม่นาน ตัววิริยะถูกกระตุกดึงออกห่างตามอารมณ์คนกระทำ ในขณะที่คนที่ถูกฉวยจูบยังคงหน้าเหวอทำอะไรไม่ถูก ตาฉ่ำหวานไปกับรสจูบของวิริยะราวกับติดลมบน เห็นแล้วน้องชายทุเรศลูกตา!

“ทำบ้าอะไรน่ะวิว!” อัฐษไชยเสียงดัง สีหน้าบอกว่ากำลังเคร่งเครียดแต่ก็พยายามเก็บอารมณ์

“ก็จูบอาเชษฐ์ไง”

“จูบทำไม ห้ามจูบ แกก็เหมือนกัน ยอมให้วิวจูบง่าย ๆ ได้ไง แกเป็นลูกมีพ่อมีแม่นะเว้ย” คนเคืองหันไปต่อว่าผู้ที่ยังยืนงง ทั้งที่ไอ้ประโยคเมื่อครู่ควรเป็นฝ่ายวิริยะพูดเสียมากกว่า เด็กหนุ่มส่ายหน้า ไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย คิดแล้วหลบมือใหญ่ของชายสวมสูทตรงหน้า ที่เอื้อมจะมาแตะที่ริมฝีปากเพื่อตรวจเช็กว่าบวมช้ำหรือไม่กับจูบเมื่อครู่

เมื่อเห็นเด็กหนุ่มไม่ยอม คนดุก็จิ๊ปากอย่างโมโห “อยู่เฉย ๆ นะวิว อย่าให้ฉันต้องโกรธ!”

“ผมจูบแฟนผมผิดตรงไหนเล่า”

“ก็ตรงที่...” ชายหนุ่มทำเสียงเหลืออด อยากจะโพล่งบอกเสียเต็มประดา แต่ทำได้เพียงแค่ยืนทึ้งหัวตัวเองด้วยความหงุดหงิดเท่านั้น นึกโกรธไอ้หนวดตรงหน้าที่ยอมให้วิริยะทำตามใจชอบเสียจริง “ไม่กงเก็บเป็นความลับละโว้ย โมโห!”

วิริยะเบิกตา เมื่อเห็นคนสวมชุดสูทตัวเดียวกันกับเมื่อตอนกลางวันนั้น ถอดออกตามอารมณ์แล้วเหวี่ยงลงบนพื้น หันใบหน้าโกรธมาหาเด็กหนุ่มราวกำลังคาดโทษที่ทำอะไรไม่รู้จักคิด เด็กหนุ่มสะดุ้ง ยามนิ้วชี้เรียวจ่อหน้าตักเตือน แล้วพูดเสียงเยียบเย็นจนวิริยะรู้สึกได้ว่ากำลังถูกโกรธจริง ๆ

“ถ้ามั่นใจว่าฉันคือเชษฐ์ไชยขนาดนั้น แล้วไปจูบผู้ชายคนอื่นทำไม”

เด็กหนุ่มอึกอัก แล้วส่ายหน้า “ก็อาเชษฐ์ไม่ยอมรับกับผมตรง ๆ...”

“มันไม่ใช่เหตุผล! ไอ้ดำ มึงโทรสั่งเตียงมาใหม่ซะคืนนี้ กูจะสั่งสอนน้องมึงให้จำได้ว่าใครตัวจริง ใครตัวปลอม” เชษฐ์ไชยพูดจบ ก็กระตุกแขนวิริยะให้เดินตาม เด็กหนุ่มรั้งแขนกลับเพราะคิดว่าอีกฝ่ายไม่ถูกต้อง เจ้าตัวต่างหากที่สมควรโดนเขาโกรธมากกว่าที่ไม่ยอมรับตั้งแต่แรก จนวิริยะต้องถ่อสังขารมาถึงที่นี่

ซึ่งเมื่อเห็นเด็กหนุ่มรั้น คนตัวใหญ่ตรงหน้าก็ยิ่งเพิ่มระดับความฉุนเฉียว

“อย่าให้พี่ต้องบังคับนะ”

วิริยะไม่ยอม “ก็ผมไม่ผิด อาเชษฐ์นั่นแหละที่โกหก ที่ไม่รักษาสัญญา ผมละอยากเริ่มต้นใหม่แต่ก็ทำไม่ได้เพราะมัวแต่รอเรื่องของอาเชษฐ์ เจอกันก็ดีจะเคลียร์กันให้จบ!”

“คิดดีแล้วเหรอที่พูด ในเมื่อยังไม่รู้เหตุผลเลยว่าคนเขาทำไปทำไมก็โกรธแล้ว เมื่อไรจะโตสักที” เชษฐ์ไชยย้อน ไม่คิดว่าจะได้ยินคำพูดพวกนี้

“คิดดีแล้ว คิดว่าปีหนึ่งมันผ่านไปไวนักรึไง ผมคิดอยู่ทุกคืนนั่นแหละ แล้วทีตัวเองเล่นสลับตัวกันเป็นเด็ก นี่เรียกโตแล้วเหรอ!”

เชษฐ์ไชยกัดฟันจนกรอด เมื่อได้ฟังแล้วดีกรีความโกรธทะลุปรอทจนคนแถวนี้เริ่มหวั่น ชายหนุ่มพุ่งเข้ายกตัววิริยะขึ้นพาดบ่า ไม่สนว่าเด็กหนุ่มจะเต็มใจรึไม่ เพราะวิริยะเองก็เลือกที่จะโกรธ โดยไม่ถามด้วยซ้ำว่าที่เขาทำเพราะอะไร

“ถ้าเตียงไม่หักคืนนี้ อย่าเรียกกูว่านายเชษฐ์!”

“อาอัฐษ์! อาอัฐษ์” เด็กหนุ่มร้องลั่นบ้าน

“อย่าเรียกชื่อมันให้ได้ยินอีกครั้งเชียว!” พูดจบ เชษฐ์ไชยก็พาวิริยะเดินตึงตังเข้าไปในบ้าน ท่ามกลางสายตาของทุกคนที่ยังคงนิ่งอึ้ง ไม่เว้นแม้แต่รตรีด้วย

ท้ายที่สุดผู้ถูกขานเรียกชื่ออย่างดำได้สติก่อนใคร เดินไปหาคนหน้าหนวดที่เข้าใจว่าเป็นเจ้านายมาตลอดหลายเดือนอย่างตกตะลึง ไม่คิดว่าอัฐษไชยจะลงทุนถึงขนาดไว้หนวดเครา ปล่อยตัวเองให้ตากแดดจนผิวดำคร้าม มิน่าเล่าช่วงแรก ๆ เขาก็คิดว่าเชษฐ์ไชยใจดีเป็นพิเศษ ไหนจะชอบไปไหนมาไหนกับไอ้ชาติอีก คนที่ร้อยวันพันปีเชษฐ์ไชยไม่เคยอยากญาติดีด้วย

แหงนมองขึ้นไป เห็นห้องพักของเชษฐ์ไชยปิดไฟพรึ่บ มือของพี่ชายอย่างดำก็อ่อนเปลี้ยขึ้นมาเสียเฉย ๆ เมื่อรู้ว่าไม่ช้าจะเกิดอะไรขึ้นกับน้อง หากเจ้านายบ้าอำนาจจะเจาะไข่แดงวิริยะน่ะดำไม่ว่า เหตุใดต้องป่าวประกาศขนาดนี้ด้วยเล่า คนเขาอายแทนกันหมดแล้ว!

“ไปแอบฟังกันเถอะ อยากรู้ว่าไอ้เชษฐ์มันเป็นเมียจริงรึเปล่า”

ชาติโพล่งขึ้น หลังจากเห็นไฟชั้นสองดับไปพร้อมกับทุกคน สีหน้าลุ้นระทึก ราวกับมองพลุบนท้องฟ้ากันในวันขึ้นปีใหม่ พูดจบก็เหลือบมองรตรีแล้วยิ้มเย้ย

เมื่อรู้ว่าถูกแขวะ หล่อนหลับตาชังใส่แล้ววิ่งกุมหน้าตาหนีออกจากบ้านไปด้วยความอับอายแทนอดีตสามี ในขณะที่ทุกคนกำลังมองหน้ากันเพราะไม่รู้จะใช้คำไหนต่อบทสนทนา นอกจากยืนมองหน้าต่างนั้นกันอย่างเงียบเชียบ...

--๑๐๐--

-------------------------------------------------------

อึ้ง ทึ่ง เสียว กันทั้งบ้าน 555555 อาเชษฐ์เนียนตั้งนาน มาหลุดก็ตอนหวงเมีย

ชอบความจะเอาให้เตียงพัง มีความโหดฉบับนายเชษฐ์ 55555


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Yara

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-2
เตียงพังเลยเหรอออออ

ออฟไลน์ nunda

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3004
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-2
เหตุผลไรน๊ออออออ

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
อย่างนี้วิวจะเดินได้เป็นปกติไหมนะ
 :hao6: :hao6:

ออฟไลน์ BAKA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3025
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-10
555555 น้องวิวลูกกกก กระตุกหนวดเสือไปอีกแล้วสินะ

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4825
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
เอ่อ..... มีใครสนใจอาอัษบ้างไหม เคลิ้มกับจุ๊บของวิวไปแล้วมัง  o22

ออฟไลน์ AeRoMoZa

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 432
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-1
มีเหตุผลอะไรที่ทำแบบนี้เนี่ย ไงล่ะ วิวเลยไปจูบอาอัฐษ์เลยเนี่ย

ออฟไลน์ kunt

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 702
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +42/-1
แน่ใจเหรออาว่าจะชนะน้องวิว เชษฐ์ไชยก็เชษฐ์ไชยเถอะ 555

ออฟไลน์ ●GreenTEA●

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 684
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-2

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2938
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
น้องวิวอยากจะพูดว่าไม่เนียนไปเรียนมาใหม่ :katai2-1: แต่พูดไม่ทันโดนขึงซะก่อน55555 อยากรู้เหตุผลที่ลุงทุนเปลี่ยนตัวกัน พี่ชาติกับพี่อัษฐ์มีซัมติงกันใช่ป่ะ รอตอนพิเศษคู่นี้กับของอ้ายดำนะคะ เพิ่งอ่านสนุกมาก :pig4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ noonaaRP

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 262
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-1
    • fanpage Noonaa

ตอนที่ ๒๑

วิริยะถูกเชษฐ์ไชยพาตัวขึ้นมายังห้องพักท่ามกลางสายตาของเหล่าแม่บ้าน เด็กหนุ่มดิ้นสุดชีวิตเพราะยังเห็นว่าครั้งนี้ตัวเองไม่ผิด เชษฐ์ไชยต่างหากที่ไม่มีเหตุผล แล้วยังมาตีหน้ายักษ์โวยวายว่าตัวเสียหาย คิดแล้วเด็กหนุ่มก็งับแผ่นหลังของอีกฝ่ายด้วยความหมั่นไส้

ในขณะที่คนตัวใหญ่เดินมุ่งเข้าไปเปิดประตู เพราะเจ็บที่ถูกทำร้าย เชษฐ์ไชยทิ้งวิริยะลงบนเตียง เริ่มมีน้ำโห ไม่ทันที่คนตัวเล็กกว่าจะลุกขึ้นนั่งก็ถูกร่างหนักคร่อมทับซ้ำ ซึ่งพละกำลังของคนด้านบนมหาศาลเหลือเกิน แค่มือข้างเดียวก็เอาชนะวิริยะได้แล้ว แล้วอย่างนี้จะเอาอะไรไปสู้กัน

เด็กหนุ่มหอบหายใจเพราะการขืนแรง มาได้สติอีกที ก็ตอนถูกรวบข้อมือทั้งสองไว้บนเหนือหัวเป็นที่เรียบร้อย น้ำหนักแรงกดจนยุบยวบลงไปกับเตียง จากที่ดื้อดึงก็ฉุกคิดขึ้นมาได้ ว่าหากเชษฐ์ไชยเอาจริงขึ้นมาเด็กหนุ่มก็แพ้ราบคาบ

“อาเช...” พูดไม่ทันจบดี ริมฝีปากเด็กหนุ่มถูกบดจูบตามอารมณ์คนนำเป็นการสั่งสอน

นอกจากฟอนเฟ้นดูดดุน เชษฐ์ไชยยังงับริมฝีปากของเด็กหนุ่มมาที จนวิริยะต้องส่งเสียงปราม ความรุนแรงของมันไม่มากมายพอให้เจ็บปวดเท่าไรนัก แต่วิริยะคิดว่าไม่ควรทำให้เชษฐ์ไชยโมโหไปมากกว่านี้แล้ว ทั้งสองต้องคุยกันเพื่อปรับความเข้าใจ และต้องคุยแบบไม่ใช้อารมณ์ด้วย ซึ่งเด็กหนุ่มก็มีวิธี

จากรั้นขัดขืนพลันเปลี่ยนมายินยอมแต่โดยง่าย คิดว่าฝ่ายเชษฐ์ไชยคงมีเหตุผลและใจเย็นลง เมื่อเด็กหนุ่มไม่ดื้ออีกต่อไป ซึ่งก็จริง ครั้นคนตัวใหญ่ด้านบนชิมจูบของเขาจนพอใจแล้ว ก็มอบอิสระให้คืน เป็นเวลาเดียวกันที่เด็กหนุ่มสูดลมเข้าปอดราวกำลังขาดอากาศหายใจ ตอนนี้ ใบหน้าวิริยะคงแดงเพราะเลือดกำลังวิ่งพล่านอยู่เป็นแน่

ลมหายใจของเชษฐ์ไชยอยู่ในระยะรดบนแก้ม ควันหลงความขุ่นมัวยังคงมีอยู่ไม่หายไปแต่โดยง่าย เด็กหนุ่มสูดลมอีกที เมื่อคนโกรธขยับมาฝังริมฝีปากจูบซ้ำ แต่คราวนี้ดีหน่อยที่ไม่รุนแรงเท่าเมื่อครู่ ทว่ายังคงดูดดื่ม ไม่ทิ้งลายเสือดุที่กำลังบ้าดีเดือดไปมากนัก

“พี่จะจูบให้ปากเธอเปื่อยติดมาด้วยเลย คอยดู” น้ำเสียงของเชษฐ์ไชยยังคงโกรธ

ได้ยินแล้วเด็กหนุ่มก็พริ้มตารับ คิดว่าคนตรงหน้าช่างเจ้าคิดเจ้าแค้นเสียจริง

แล้ววิระยะทำอะไรได้ นอกจากนอนให้คนงอนจูบจนกว่าจะพอใจ หรือไม่ก็จนกว่าปากจะเปื่อยยุ่ยติดไปกับเจ้าตัวอย่างที่พูดไว้ คิดแล้ว ก็ขยับมือขึ้นไปแตะบนอกของอีกฝ่าย เมื่อเจ้าตัวเปลี่ยนใจผละกำมือแข็งแรงออก ไม่บังคับเด็กหนุ่มแล้ว แล้วเปลี่ยนมาเคลื่อนลูบไล่ตามลำตัวแทน

“ฮื่อ...”

เด็กหนุ่มอดครวญไม่ได้ คิ้วมุ่นจนหน้าผากยับ ยามถูกจับต้องส่วนที่ไม่อยากให้เชษฐ์ไชยแตะ

วิริยะคิดว่าเชษฐ์ไชยควรพอได้แล้ว ปากเขาจะเปื่อยยุ่ยติดออกไปจริง ๆ

เด็กหนุ่มดิ้นหลบมือของอีกฝ่ายที่เคลื่อนขยับซุกซน แล้วดันใบหน้าคมคายให้ผละออกไปเสียที ตอนนี้เลือดแล่นพล่านบนริมฝีปากของเขาราวมีมดเป็นพันตัวไต่ไปมา วิริยะทำได้เพียงเม้มติดกัน ให้มันคลายลง ซึ่งแทนที่ไอ้คนตัวใหญ่จะใจเย็นลงกลับเป็นหนักกว่าเดิม จนเด็กหนุ่มต้องหาทางหนีที่ไล่ เคลื่อนขยับมือไปที่กางเกงของอีกฝ่ายแล้วบีบไข่ไปที

“อั่ก! ทำอะไรวะวิว!” เชษฐ์ไชยร้องเสียงดังไม่ได้ เพราะความจุก มือหนากุมที่กางเกงของตัวเองทิ้งตัวลงนอนหงายอยู่บนเตียง เป็นเวลาที่วิริยะจะเอาตัวรอด เด็กหนุ่มเหลือกตาวิ่งสี่คูณร้อยไปยังประตู ซึ่งเมื่อคนพี่เห็นก็ลืมความเจ็บจุกไปฉับพลัน ใช้สิทธิ์ความขายาวกว่าเอาชนะเขา “อย่าหนีนะโว้ย!”

ใครบอกว่าจะหนีกันล่ะ วิริยะคิดอยู่ในใจแล้ววิ่งไปล็อกประตูให้แน่นหนา เพื่อไม่ให้เจ้าตัวนั่นแหละหนีออกไปได้ จากนั้นก็ปิดไฟห้องให้คู่ต่อสู้ตาพร่า แล้ววนกลับมาหาเชษฐ์ไชยเพื่อจัดการให้อยู่หมัด ด้วยการกระโดดล็อกคอ

เพราะน้ำหนักตัวจึงสามารถรั้งตัวใหญ่ยักษ์หงายท้องลงบนเตียงได้ ซึ่งก็เป็นไปตามแผนที่คาดไว้ จะต่อกรกับวิริยะมันเร็วไป เชษฐ์ไชยคงไม่รู้อะไรเสียแล้ว ตั้งแต่ถูกลักพาตัวไปเจอเรื่องร้ายวันนั้น พ่อของเด็กหนุ่มก็ส่งเขาเข้าเรียนวิชาป้องกันตัวมาโดยตลอด!

เมื่อนั่งทับบนตัวของเชษฐ์ไชยได้ก็ถึงเวลาสั่งสอน เด็กหนุ่มก้มลงกัดหูอีกฝ่ายจนจมเขี้ยว

“โอ๊ยยยยยย เจ็บ ๆ ๆ ๆ วิว!” เชษฐ์ไชยดิ้นพล่านอยู่ใต้ร่างราวหมูกำลังถูกเชือด กอดตัววิริยะไว้แน่นและรู้แล้วว่าฝ่ายตัวเองแพ้เด็กคนนี้ราบคาบ สิ้นท่าเสือดุที่เก่งแต่ขู่คำราม “ยอมแล้ววิว พี่ยอมแล้ว ปล่อย!”

“จะใช้กำลังกับผมอีกไหม!” วิริยะผละมาถาม

“ยังไม่ได้ใช้เลย มีแต่ตัวเองนั่นแหละ โอ๊ย!” เมื่ออยู่ใต้อาณัติเขาแล้วอย่าแม้แต่จะคิดเถียง เด็กหนุ่มก้มลงงับซ้ำที่รอยเดิมเป็นการสั่งสอนอีกที ส่วนเชษฐ์ไชยก็ร้องขอชีวิตก่อนที่จะมีหูข้างเดียวไว้ใช้ ขอยอมแพ้ให้แก่คนบนตัวแต่โดยดี ได้ยินแล้ววิริยะก็ผละออกมาจ้องตา สอบถามว่าตอนนี้พร้อมที่จะคุยกันหรือยัง เห็นเชษฐ์ไชยทำหน้ายุ่งไม่พอใจในเงาสลัว ยกมือขึ้นเช็ดน้ำลายเยิ้มอยู่บนเสื้อตัวเองพักหนึ่งแล้วจึงถอนใจ ดูเหมือนจะใจเย็นลงบ้างแล้ว

ลองไม่ใจเย็นซี เจอหนักกว่านี้แน่

ทั้งสองปล่อยให้ความเงียบเข้ามาทดแทนครู่หนึ่ง ราวกับว่ารอให้ต่างฝ่ายต่างมีสติมากขึ้นก่อนเริ่มคุยกัน ระหว่างนั้นเด็กหนุ่มลูบจับบริเวณที่คนด้านใต้ถูกกัด เพื่อแสดงให้เห็นว่ากำลังปลอบ ไม่ได้ตั้งใจจะทำร้าย แค่ห้ามปรามคนใจร้อนฉบับมนุษย์เมียก็เท่านั้นเอง

แต่ดูเหมือนเชษฐ์ไชยจะไม่รู้สึกเช่นนั้น เจ้าตัวทำหน้ายุ่งแล้วผละไปมองที่อื่นราวกับกำลังงอน หรือกำลังคิดว่าถูกตบหัวแล้วลูบหลังหว่า

วิริยะส่ายหน้าพลางยกยิ้ม เอื้อมหยิบหมอนบนหัวเตียงให้คนงอนหนุนนอนสบายขึ้น ซึ่งคนถูกกระทำก็ยกศีรษะขึ้น ให้สอดแทรกวางหมอนตามที่วิริยะต้องการ ในขณะที่ร่างเด็กหนุ่มยังคงนั่งอยู่บนตัวใหญ่ของอีกฝ่าย น้ำหนักเท่านี้คงไม่อาจทำให้เชษฐ์ไชยปวดเมื่อยตัวได้ง่ายกระมัง

ใบหน้าคมคายของเชษฐ์ไชยในเงาสลัวแลดูน่ามองไปอีกแบบ เรียกให้วิริยะขยับโน้มลงเข้าไปใกล้ ค้ำศอกไว้กับเตียงเพื่อร่นระยะห่างของทั้งคู่ลงเหลือเพียงแค่ลมหายใจคั่น คนตรงหน้าจับจ้องวิริยะ แล้วพริ้มตารับจูบจากเด็กหนุ่มโดยไม่คิดที่จะปฏิเสธ ยอมอย่างนี้แล้วคงหายเคืองใจเด็กหนุ่มแล้วกระมัง

คิดว่าทำแบบนี้แล้ว คนเขาไม่รู้หรือว่ากำลังทำดีกลบความผิด

เชษฐ์ไชยคิด สนองรับริมฝีปากนุ่มนิ่มด้านบนอย่างนึกติดใจกับรสชาติของมัน มือก็เคลื่อนกอด ลูบไล่ไปตามลำตัวของคนด้านบนด้วยความรักใคร่ นานเท่าไรแล้วชายหนุ่มไม่ได้สัมผัสความรู้สึกนี้ ทั้งที่โหยหา คิดถึงแทบบ้า แต่กลับมาเจอคนของตัวเองกำลังจูบกับคนอื่นทั้งที่ควรมอบมันให้เขา เชษฐ์ไชยก็โกรธจนควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่อยู่ แทบจะกลายร่างเป็นปีศาจอยู่แล้ว

คนด้านบนยังคงเอาใจเขา พรมจูบไปทั่วใบหน้าหลังจากผละออกจากกัน

เจ้าแผนการนัก

แล้วยังไง แล้วเขาก็ใจอ่อนน่ะซี!

“ผมขอโทษที่เอาแต่ใจ”

แววตาคนกล่าวบอกว่ารู้สึกอย่างที่พูด

ได้ฟังแล้วเชษฐ์ไชยก็ถอนใจ อันที่จริง ครั้นใจเย็นลงแล้วชายหนุ่มก็คิดอะไรได้หลายอย่างเมื่อมีสติ มือใหญ่เคลื่อนกอดเอวคนที่นั่งอยู่บนตัว จ้องนัยน์ตากลมในความสลัว บอกอีกฝ่ายไปว่า “เข้าใจอยู่ว่าที่โกรธเพราะพี่ไม่ยอมรับเรื่องเปลี่ยนตัวกันตั้งแต่แรก แต่ไอ้วิธีปั่นประสาทให้หึงนี่ไม่โอเคเลย”

เด็กหนุ่มทำหน้ารู้สึกผิด ก้มลงเข้าไปใกล้กว่าเก่า “จะไม่ทำอีกแล้ว”

“แหงแหละ! ลองทำดูอีกสิ” พูดแล้วก็อารมณ์ขึ้น

“แล้วตัวเองน่ะ ยังไม่อธิบายอีกว่าทำไปทำไม” หน้าวิริยะจ๋อย

เชษฐ์ไชยเงียบไปพักหนึ่ง ขยับตัวเปลี่ยนมาเป็นฝ่ายอยู่ข้างบนบ้าง แล้วประคองให้วิริยะทิ้งหัวลงบนหมอนที่ตนเองหนุนเมื่อครู่ ยอมเล่าให้ฟังในท้ายที่สุดอย่างคนใจอ่อนว่า “หลังจากถอนรากถอนโคนไอ้พวกทรยศได้ สืบไปสืบมากลายเป็นว่าคนอยู่เบื้องหลังเป็นคนในครอบครัว จ้องจะทำร้ายพี่อยู่เงียบ ๆ พี่เลยขอให้อัฐษ์มาดูแลไร่ แล้วจะไปหาข้อมูลเอาคืนมันให้สาสม เลยให้ใครรู้ไม่ได้ว่าพี่เป็นใคร ตบตาได้ทุกคนยกเว้นวิวนี่แหละ”

เชษฐ์ไชยใช้เสียงเรียบปกติอธิบาย แต่เหตุใดใจวิริยะถึงได้สั่นก็ไม่ทราบ

คงเป็นเพราะคำว่าครอบครัว ที่กำลังปองร้ายเชษฐ์ไชยอยู่กระมัง

หากไม่รู้จักกันดีเหมือนช่วงก่อนหน้า วิริยะคงไม่รู้เลยว่ากำลังหมั่นไส้ผู้ชายคนหนึ่งที่เจอเรื่องร้ายมาขนาดนี้ เชษฐ์ไชยเข้มแข็งถึงเพียงไหนที่เก็บความเจ็บปวดเสียใจไว้เพียงคนเดียว เด็กหนุ่มมองตาคนที่นั่งอยู่ตรงหน้า แล้วครุ่นคิดถึงเรื่องทั้งหมดอย่างรู้สึกผิด “แล้วอย่างนี้ จะไม่ทำให้แผนอาเชษฐ์เสียใช่ไหม”

“ซะที่ไหนล่ะ พังหมดแล้วเนี่ย”

เด็กหนุ่มมุ่ยหน้า “เอ้า ขอโทษ ก็ใครจะไปรู้กันล่ะ”

“ถึงได้โมโหไงที่ไม่ยอมฟังกันบ้าง” คนอายุมากกว่าบอก

ได้ยินแล้ววิริยะอึกอัก หลบตาไปหลังรู้ว่าฝ่ายตัวเองเป็นคนผิด ซึ่งเมื่อเห็นว่าเด็กหนุ่มยอมรับกลาย ๆ เช่นนี้ เจ้าของห้องก็โกรธไม่ลง จิ้มนิ้วลงบนปลายจมูกรั้นของวิริยะอย่างนึกมันเขี้ยวและหมั่นไส้ไปพร้อมกัน “คราวหน้าคราวหลังอย่ากวนโมโหกันแบบนี้อีก จะไม่ยอมหายโกรธง่าย ๆ แล้วก็จะไม่ใจเย็นเหมือนวันนี้”

นี่เย็นแล้วเหรอ ถ้ากระโดดบีบคออาอัฐษ์ได้คงทำไปแล้ว

วิริยะมุ่ยหน้าแสร้งหูทวนลม ถ้ายอมรับง่าย ๆ ก็หมายความว่าเขากลัวคำขู่น่ะซี

คนนั่งบนเตียงกอบกำแก้มด้วยมือเดียว บังคับให้หันมาสบตา “ได้ยินไหม”

วิริยะเบี่ยงตาไปที่อื่น “ดะ ได้ยินครับ...”

ไม่ได้กลัวหรอก ก็แค่ตอบไปให้เรื่องมันจบก็เท่านั้นเอง

นายใหญ่จอมโหดของไร่นิ่งมองวิริยะ เมื่อสายตาคุ้นชินกับแสงเพียงเท่านี้ที่สาดเข้ามาจากหน้าต่าง ให้เห็นเด็กใต้อาณัติกำลังนอนทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้เมื่อหมดเรื่องคุย ก็พลอยให้ยิ้มตามเพราะความน่าเอ็นดูของเด็กหนุ่ม ถึงจะจูบจนหนำใจแล้ว แต่พอมาคิดอีกทีเชษฐ์ไชยควรทำอย่างที่พูดโต้ง ๆ จนชาวบ้านชาวช่องเขาได้ยินไปให้เสียรู้แล้วรู้รอด จะได้ไม่ผิดคำของนายใหญ่แห่งไร่รุ่งอรุณี

หากทว่าครั้นเห็นหน้าจ๋อย ๆ ของวิริยะตอนนี้แล้วก็ทำไม่ลง ได้เพียงแค่แอบสำรวจว่าไอ้ตัวดีโตขนาดไหนแล้ว เปลี่ยนไปมากเพียงใด รู้เพียงว่าสูงขึ้นเล็กน้อย ผิวที่คล้ำลงกลับมากระจ่างใสแต่ดูสุขภาพดีกว่าเมื่อก่อน

ตอนกลางวัน ที่เจ้าตัวเงยขึ้นมาบอกว่าคิดถึงเขามาก หัวใจเชษฐ์ไชยลิงโลดดีใจ แต่แสดงออกอะไรไม่ได้เลย เขาคิดถึง แต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากคิดถึง

หลังจากปรับความเข้าใจกันแล้ว เชษฐ์ไชยสอบถามว่าวิริยะจะกลับวันไหน เด็กหนุ่มเหลือกตาจนแทบจะถลนออกจากเบ้า ลุกขึ้นนั่งแล้วนึกขึ้นมาได้ว่ายังไม่ทันได้โทรรายงานทางบ้านว่าตอนนี้อยู่ไหน อาจจัดงาน จุดเทียนรอให้เด็กหนุ่มกลับไปเป่าเค้กเก้อแล้วก็เป็นได้ แต่ด้วยความที่กลัวถูกดุ วิริยะให้เชษฐ์ไชยเป็นคนไกล่เกลี่ยกับบิดาแทน ทั้งที่ความเป็นจริงเด็กหนุ่มไม่ใช่พวกไร้ความรับผิดชอบอย่างนั้น

เขาแค่อยากรู้ว่าเชษฐ์ไชยจะพูดอย่างไรกับธเนศก็เท่านั้นเอง

“ครับ เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมไปส่งนะครับ”

แล้วไหงพ่อถึงได้ยอมง่ายขนาดนี้เล่า วิริยะอ้าปากค้างมองเชษฐ์ไชยด้วยความไม่เข้าใจ ส่วนอีกฝ่ายก็ยิ้มอย่างคนเหนือกว่ามาให้แล้วคืนโทรศัพท์แก่เด็กหนุ่มหน้าตาเฉย เล่าให้ฟังด้วยเสียงเรียบว่า “ตอนนี้เขาจัดงานวันเกิดให้ เพื่อนทุกคนก็มากันหมด ขาดแต่เจ้าของวันเกิดคนเดียวที่เป็นบ้าหนีตามผู้ชายมาที่นี่” ตามด้วยการหลอกด่าวิริยะกลาย ๆ

ไม่ใช่สักหน่อย วิริยะมุ่นคิ้วอยากจะเถียง แต่ถ้าทำอย่างนั้นก็เข้าทางเชษฐ์ไชยน่ะซี

“ใช่ ผมหนีตามอาอัฐษ์มา”

คนฟังพ่นลมหายใจ “อย่าพูดถึงชื่อมันนะวิว”

นี่เชษฐ์ไชยยังโง่คิดว่าเขาชอบอัฐษไชยอยู่อีกหรือ

“ไม่อยากคุยด้วยแล้ว” วิริยะส่ายหน้าแล้วลุกขึ้นยืนเพื่อไปอาบน้ำชำระร่างกาย เดินทางมาทั้งวัน เนื้อตัวเหนียวเหนอะหนะไปหมด หากทว่าเดินไปยังไม่ทันถึงหน้าห้องน้ำเสียด้วยซ้ำ ลำขาของเด็กหนุ่มก็ชะงักหยุดเพราะแรงฉุด ความอบอุ่นก็แผ่ซ่านไปทั่วแผ่นหลังของเขา พร้อมสัมผัสของอ้อมกอดที่ถูกมอบให้จากด้านหลัง

วิริยะแปลกใจ หันกลับไปมองเชษฐ์ไชยที่จู่ ๆ ก็ทำเช่นนี้ “อาเชษฐ์”

“เผื่อวิวจะยังไม่รู้ พี่คิดถึงมากเลย” สุ้มเสียงของเชษฐ์ไชยอธิบายได้เป็นอย่างดี ดูเหมือนเด็กน้อยที่กำลังหวาดกลัวอยู่ในที กลัวว่าจะไม่ได้รับความรักของพ่อแม่อีกต่อไป ทำเหมือนเจ้าตัวจะเสียวิริยะไปเพียงเพราะเรื่องแค่นี้ เด็กหนุ่มคลี่ยิ้มเพราะความเขิน กุมสัมผัสมือใหญ่ที่กำลังมอบกอดให้อย่างเงียบเชียบ ใช้เพียงความรู้สึกเท่านั้นสื่อสารต่อกัน

ดีใจเหลือเกิน ที่ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม...

“รอพี่ได้ไหม อีกนิดเดียว ถ้าสะสางปัญหาทั้งหมดได้พี่จะไปรับวิวให้มาอยู่ด้วยกัน”

วิริยะหันกลับไปมองคนข้างหลัง แม้จะรู้สึกดีใจ ตื้นตันอยู่ในอก แต่ก็ยังคงสงสัย

“พี่...แน่ใจแล้วใช่ไหม”

คนตรงหน้ารีบตอบ “แน่ซะยิ่งกว่าแน่ แล้วก็บอกไว้ก่อนเลยว่าที่พี่รักวิวไม่ใช่เพราะประชดชีวิตบัดซบของตัวเอง พี่รักเพราะอะไรรู้ไหม” คนตรงหน้าถามด้วยน้ำเสียงใจดี น้ำเสียงที่วิริยะเคยสับสนว่านี่ใครกันแน่ อัฐษไชยหรือเชษฐ์ไชย ทำให้ใจเด็กหนุ่มเต้นเป็นระส่ำ อยากถามเหลือเกินว่าในเมื่อมีมุมแบบนี้ตั้งแต่แรกทำไมไม่แสดงออกมา เพราะเขาจะไม่เสียเวลาสับสนและหลอกตัวเองเลยว่าไม่ชอบเชษฐ์ไชย

เด็กหนุ่มส่ายหน้าเล็กน้อยบอกว่าไม่รู้ ในขณะที่จ้องตากัน

เชษฐ์ไชยยกยิ้ม “เพราะเธอเป็นคนเดียวที่ทำให้พี่มีความสุขไง” มือใหญ่เคลื่อนมาสางผมให้ด้วยความอ่อนแผ่วขณะพูด “ขอโทษนะ ถ้าคำตอบของพี่ออกจะเห็นแก่ตัวไปหน่อย แต่ถ้าพี่มีความสุขแล้ว พี่จะรักษาสิ่งเดียวที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของพี่ไปตลอดชีวิต”

วิริยะพยักหน้ารับฟัง อยากจะร้องไห้แต่ก็อายเหลือเกิน ทำได้เพียงกลอกตาและสูดลมหายใจให้อะไรต่าง ๆ มันคลายลง แล้วหันกลับมาสบตาเชษฐ์ไชยอีกครั้ง เพราะเห็นเชษฐ์ไชยทำหน้าลุ้นเหลือเกิน ทั้งที่คำตอบก็ยืนอยู่ตรงหน้าแล้วนี่ไง “ครับ ผมจะรอ จะรอจนกว่าเราจะได้อยู่ด้วยกันอีก”

ว่าจบ เด็กหนุ่มก็คลี่ยิ้มจนหน้าบานเท่ากระด้ง ไม่ค่อยแสดงออกให้อีกฝ่ายเท่าไรเลยว่ากำลังดีใจ เห็นแล้วเชษฐ์ไชยหลุดหัวเราะ โยกศีรษะคนตัวเตี้ยกว่าเล่นแล้วดึงเข้ามากอดจูบอยู่เช่นนั้น ให้สมกับความรักที่มีให้

วิริยะแหงนขึ้นมอง บนใบหน้ายังไม่คลายรอยยิ้มแห่งความสุข

“ว่าแต่...จะไม่ทำอย่างที่พูดข้างล่างเหรอ”

คนฟังชะงัก “ทำอะไร” โกรธจนเผลอพ่นอะไรไม่คิดไปหลายอย่าง ชายหนุ่มจำไม่ได้

เด็กหนุ่มทำท่ากวนประสาท “พังเตียงไง อาเชษฐ์พูดเองนะ”


--๒๕--
-----------------------------------------------------


ออฟไลน์ noonaaRP

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 262
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-1
    • fanpage Noonaa

--ต่อ--


ได้ฟังแล้วเชษฐ์ไชยร้องอ้อ เปลี่ยนโหมดจากโรแมนติกมาทำหน้ากระหยิ่มยิ้มย่องพอใจที่วิริยะถามขึ้นอย่างนี้ ดูเหมือนจะมีแววว่าจะได้เมียเป็นตัวเป็นตนแล้ว “ให้เหรอ”

“บ้า! แค่อำเล่นไหม” พูดจบก็เบี่ยงหน้าแดง ๆ หลบ “ไปอาบน้ำดีกว่า”

เชษฐ์ไชยยิ้ม ไม่ได้รั้งให้วิริยะอยู่ ชายหนุ่มวิ่งลงไปด้านล่างกะว่าจะยกของกินขึ้นไปให้ เพราะตั้งแต่ที่แยกกันช่วงเที่ยงแล้วเด็กหนุ่มก็เดินทาง คงไม่มีอะไรตกถึงท้อง ครั้นจะเอาแต่ใจจับวิริยะปู้ยี่ปู้ยำก็คงเห็นแก่ตัวเกินไปแล้ว แถมวิริยะก็น่ารัก เขาไม่อยากบังคับเจ้าตัวแม้แต่นิด เพราะภาพของคืนนั้นยังคงฝังใจชายหนุ่ม และเชษฐ์ไชยก็สาบานกับตัวเองไปแล้วว่าจะไม่เอาแต่ใจหรือเอาเปรียบวิริยะ

เพราะเขามีวิธีทำให้เด็กหนุ่มใจอ่อนอยู่อย่างไรเล่า

ลงไปด้านใต้ ชายหนุ่มก็มุ่งตรงไปยังห้องครัวที่ยังคงมีเสียงแม่บ้านล้างจานชามทำความสะอาด แต่บริเวณห้องโถงเงียบพิกล ทว่าชายหนุ่มไม่ได้สนใจ กะว่าจะรีบหยิบข้าวของที่ต้องการแล้วขึ้นไปกกเมียต่อ

ไปถึงชายหนุ่มชะงักเท้า เมื่อเห็นพวกที่ไม่อยากต้อนรับ กำลังนั่งรับประทานอาหารอยู่บนโต๊ะหน้าสลอน ไม่เว้นแม้แต่ไอ้ดำ เมื่อเห็นเขาแล้วไอ้ตัวดีมืออ่อนเปลี้ยจนช้อนส้อมร่วงลงบนจาน เรียกให้คนอื่นหันมองตามสายตามันมาทางทิศนี้

ชายหนุ่มมุ่นคิ้วบอกพวกมันว่าไม่ชอบใจ ขณะที่เดินไปเปิดประตูตู้เย็น หยิบขวดน้ำเปล่ามาถือ แล้วหันไปสั่งแม่ต้อยให้จัดมื้อเย็นเผื่อเขาและวิริยะ

“เร็วด้วย ฉันรีบ” เชษฐ์ไชยบอก

ไอ้ชาติยกน้ำขึ้นดื่มแล้วลอบยิ้มขันเมื่อนึกอะไรขึ้นมาได้ ก้มลงมองนาฬิกาบนข้อมือของตัวเอง ก่อนจะพูดกลางวงว่า “ก็คงจะรีบจริง ๆ นั่นแหละ ดูซิยังไม่ถึงครึ่งชั่วโมง แบบนี้ไม่เรียกว่ารีบธรรมดา เขาเรียกว่านกกระจอกไม่ทันกินน้ำ”

อัฐษไชยสำลักอาหารเมื่อได้ฟัง แล้วหันมองพี่ชายพลางทุบหน้าอกของตัวเอง “พูดบ้าอะไรน่ะชาติ” เห็นเชษฐ์ไชยทำหน้ายักษ์รออยู่ เดี๋ยวเขาก็ถูกไอ้พี่นี่พาลอีก

“ก็มันจริงนี่หว่า ว่าแล้วทำไมถึงถูกเมียเก่าทิ้ง ก็เพราะเป็นพวกรีบร้อนแบบนี้ไง”

“หุบปากหมา ๆ ของมึงไปเลย ไม่มีปัญญาหาเมียจนแก่หงำเหงือก ก่อนคิดจะหาน้ำกิน มึงหัดบินให้เป็นก่อนเถอะไอ้นก กระจอก...” จะเถียงว่าตัวเองยังไม่ได้เจอแอ่งน้ำ นกกระจอกยังไม่ทันได้บินขึ้นที่สูงก็รู้สึกขายขี้หน้า เชษฐ์ไชยไม่พูดอะไรอื่นนอกจากยืนกอดอกรอให้แม่ต้อยจัดเตรียมมื้อเย็นให้

“โอ้โห...ไอ้คนเก่ง กูแก่กว่ามึงแค่สองปี อย่าว่าแต่เตะปี๊บเลย เตะก้านคอเจ้าของไร่ก็ยังไหว”

“ไอ้ห่านี่!” เชษฐ์ไชยจะพุ่งเข้าใส่ ในขณะที่อัฐษไชยลุกขึ้นไปปราม สถานการณ์กลับมาสู่สภาวะเดิมแล้ว จากไม่ถูกกันอย่างไรสองคนนี้ก็ยังคงเส้นคงวาไม่เปลี่ยน พลอยให้ไอ้ดำที่นั่งมองสถานการณ์รู้สึกโล่งใจ จะมีก็แต่ห่วงน้องชายต่างบ้านเท่านั้น ตอนนี้คงไม่บอบช้ำคามือนายใหญ่ของไร่หรอกนะ

ชาติยังคงสนุกกับการกวนน้ำให้ขุ่น มันยิ้มเย้ยเมื่อเห็นเชษฐ์ไชยถูกน้องห้ามปราม “มึงระวังตัวไว้ให้ดีเถอะ ตอนนี้ผัวมึงน่ะทำให้ไอ้อัฐษ์ค้นพบตัวเองแล้ว เนี่ย...มันก็นั่งเพ้อใจลอยหาแต่ผัวมึงอยู่ เฝ้าให้ดีแล้วกัน ถ้าน้องฉกผัวไปต่อหน้าต่อตากูไม่รู้ด้วยนะ” มันทำเสียงยียวนแล้วตักข้าวทาน คิดแล้วเชษฐ์ไชยอยากเตะปากให้ข้าวพุ่ง

“ไอ้เวรนี่...” เชษฐ์ไชยสบถ แล้วผลักมืออัฐษไชยออก “แกก็ด้วย ห้ามยุ่งกับเมียฉัน”

ผู้น้องทอดถอนใจ “แกก็บ้าจี้ตามชาติมันไปได้ ฉันไม่ได้คิดอะไรกับวิวสักหน่อย”

“แต่วิวคิด” ชายหนุ่มย้อนด้วยความหงุดหงิด เมื่อเห็นสีหน้าแปลกใจของน้องแล้วเชษฐ์ไชยก็อยากจะบ้า ไปบอกมันแบบนี้เดี๋ยวอัฐษไชยก็เปลี่ยนใจเพราะเห็นว่าตัวเองมีหวังพอดี หากทว่าดูเหมือนชายหนุ่มกำลังคิดผิด น้องชายร่วมท้องหัวเราะแล้วส่ายหน้า ย้อนกลับมาว่า “นี่แกไม่รู้เหรอว่าวิวชอบอิก”

ผู้เพิ่งฟังชะงัก เหลือกตาถลนมองอัฐษไชยด้วยความตกใจ

ให้ตายซี อันที่จริงเขาไม่เคยถามวิริยะตรง ๆ เลยด้วยซ้ำว่าสรุปแล้วเจ้าตัวชอบใครกันแน่ ไอ้เขาก็คิดเองเออเองมาโดยตลอดว่าเด็กหนุ่มชอบอัฐษไชย แล้วมาทำตัวเป็นเด็ก พาลใส่น้องชายที่ทั้งที่ไม่ผิดอย่างนี้ เจ้าตัวคงงงอยู่ไม่น้อยที่จู่ ๆ เชษฐ์ไชยก็ทำตัวเป็นหมาหวงก้างใส่อยู่ตลอดเวลา

เชษฐ์ไชยยกมือกุมหน้าพูดไม่ออก แก้เขินด้วยการหยิบถาดชามอาหารเดินหนีขึ้นไปข้างบนเสียดื้อ ๆ ท่ามกลางรอยยิ้มรู้ทันของน้องชาย

แม่ต้อยพูดถูกว่าสเป็กเขาน่ะคล้ายกับเชษฐ์ไชยมาก ชายหนุ่มชอบคนสดใส อยู่ด้วยแล้วทำให้หัวเราะและมีความสุข ซึ่งในชีวิตของอัฐษไชยมีไม่มากนัก แต่เขาก็เจอแล้ว ก็มีไอ้คนปากหมาที่คอยพูดจากวนประสาท กับไอ้เด็กตัวคล้ำนิสัยซื่อบื้อที่ไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองไปขโมยหัวใจใครต่อใครเข้า

คนที่ว่า ก็กำลังทำหน้ามึนร่วมโต๊ะอาหารกับเขาทั้งสองนี่ไง

“บอกแล้ว ไอ้เชษฐ์มันไร้น้ำยา” ไอ้ชาติทำเสียงเย้ย

“เดี๋ยวนายเซษฐ์กะเซาเคียด คุณอัฐษ์ของดำนั่งลงก่อนเด้อ” ดำวิ่งมาเกาะบ่า ดันให้ชายหนุ่มทรุดตัวลงนั่งด้วยรอยยิ้มระยับ ในแววตามีแต่ความจริงใจ

ใครบอกว่าเขาเพิ่งค้นพบตัวเอง เขาพบว่าตัวเองชอบอะไรไม่ชอบอะไรก่อนเชษฐ์ไชยเสียด้วยซ้ำ คิดแล้วอัฐษไชยก็ยกยิ้มและส่ายหน้า ขณะที่เอื้อมมือหยิบช้อนส้อมตักอาหารทานตามความต้องการของดำ คิดว่าการทำตัวบ้าดีเดือด ใช้ชีวิตแบบไม่สนโลกแบบนี้มันก็ไม่เลว เหมือนได้ปลดปล่อยความอัดอั้นในใจตลอดหลายปีที่ผ่าน

มิน่าเล่าเชษฐ์ไชยถึงได้มีความสุขนัก มาอยู่ไม่ถึงปี อัฐษไชยกลับคิดว่าอยากอยู่ที่นี่ตลอดไป

 

วิริยะขึ้นมือสางผมขณะแหงนหน้าให้น้ำชำระล้างฟองออกไป แต่แค่เพียงหลับตา ภาพยามเชษฐ์ไชยทำหน้าหวงราววัวกระทิงแสนดุก็โผล่ขึ้นมา เรียกรอยยิ้มของเด็กหนุ่มขึ้นมาจนกระชุ่มกระชวยใจ เสียงน้ำกำลังไหลพาดผ่านร่างกาย ไม่ทันได้ยินว่าใครถือวิสาสะเปิดประตูเข้ามาด้านใน รู้ตัวก็ตอนถูกโอบกอดเข้าให้แล้ว

วิริยะสะดุ้งโหยง หันหน้าไปด้านหลังด้วยความตกใจ “อะ อาเชษฐ์!”

ก็ไหนว่าพูดกันจบแล้วไง แล้วเหตุใดอีกฝ่ายถึงได้ทำหน้าตึงอยู่อย่างนี้ วิริยะเหลือกตามองคนเอาแต่ใจด้านหลังเพราะตามอารมณ์ไม่ทัน รู้เพียงว่าตอนนี้หน้าร้อนฉ่าเมื่อเห็นว่าเชษฐ์ไชยเองก็เปลือยด้วย เด็กหนุ่มจ้องใบหน้าคมคายไม่ละเพราะไม่กล้าหลุบมองลงไปข้างล่าง ยังไม่พร้อมเจอกระบวยของอีกฝ่ายตอนนี้

“อื้อ ทำอะไรน่ะ...” คนตัวเล็กกว่าย่นคอ เมื่อริมฝีปากอุ่นฝังลงจูบ มือก็ซุกซนเคลื่อนไล้ตามร่างกายที่ยังคงเปื้อนฟองสบู่ราวกับทำความสะอาดให้ แต่เป็นการทำความสะอาดที่สยิวและทะลึ่งตึงตังจนเกินไป เมื่อมือใหญ่หยุดบริเวณบั้นท้าย ขยี้ขยำและขยับนิ้วที่ที่หนึ่งหวังให้สะอาดหมดจด จนวิริยะต้องปรามให้หยุดถูไถบริเวณเดิมซ้ำ ๆ เสียที อย่างนี้มันใจร้ายเกินไปแล้ว

“งอนอะไรอีกเนี่ย” วิริยะบ่น ทำเสียงอู้อี้ขณะที่มืออีกฝ่ายยังไม่ยอมละไปไหน

ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว ช่างหัวความน่าอายมันซี

เด็กหนุ่มหมุนตัวไปหาคนตัวใหญ่ด้านหลัง แล้วได้เห็นเต็มตาว่าอะไรเป็นอะไร จากที่เคยคิดว่าเชษฐ์ไชยผอมลงมากก็รู้แล้วว่าไม่ ดูเหมือนน้ำหนักลดอยู่ก็จริง แต่อีกฝ่ายยังคงมีกล้ามเนื้อชัดเจน เพียงแค่ไม่ตัวล่ำเป็นกอริลล่าตัวผู้เหมือนเมื่อก่อนแล้ว

ครั้นเห็นว่าวิริยะกำลังใช้สายตาสำรวจอยู่ เชษฐ์ไชยไม่รู้สึกกระดากอายเลยแม้แต่นิด ขยับเข้ามาดึงมือวิริยะให้แตะตามลำตัว แล้วกระซาบเสียงแผ่วทว่าก้องอยู่ในโสตประสาทของเด็กหนุ่มว่า...

“ถูตัวให้พี่บ้างซี”

ลมหายใจอุ่นร้อนรดแก้มวิริยะ แต่ที่ทำให้มันแดงปลั่งคงเป็นคำพูดต่อจากนั้นของเชษฐ์ไชยเสียมากกว่า “หรือจะใช้ตัวของวิวถูให้พี่ก็ได้...”

เด็กหนุ่มเบิกตา ทำท่าจะตีให้หายทะลึ่ง หากทว่ามือใหญ่กลับกระตุกรั้งให้ขยับเข้าไปหา รับจูบของเจ้าตัวในตอนนั้น บวกกับสัมผัสของฟองสบู่ในขณะที่ร่างกายบดเบียดเสียดสีกัน สร้างอารมณ์แปลก ๆ แก่วิริยะมากมายเหลือเกิน พาลให้เรี่ยวแรงจมหายไปกับริมฝีปากนุ่มหยุ่นของเชษฐ์ไชยเสียดื้อ ๆ

“ผิดนะ รู้รึเปล่า” เชษฐ์ไชยถาม ทั้งที่ง่วนอยู่กับการใช้ลิ้นลามเลียใบหูวิริยะจนขนลุกซู่ ต้องย่นคอหลบเพื่อปกป้องตัวเอง ทั้งที่ยังไม่รู้เลยว่าไปทำอะไรให้อีกฝ่ายงอน เด็กหนุ่มดุนดันไหล่กว้างของคนกอดให้เขยิบถอยออกห่าง ฟังเสียงเบาพร่าอยู่ข้างหูไปด้วย “วิวผิดที่ไปทำตัวน่ารักให้ใครต่อใครเขาหลง เพราะงั้นต้องรับผิดชอบ”

เด็กหนุ่มย่นคิ้ว ตัวสะเทิ้นไปกับรสสัมผัสแต่ละที่ที่ลิ้นร้อนลากลงไปแตะ

“หาเรื่องกันนี่นา”

เชษฐ์ไชยส่ายหน้า “ต้องโดนสั่งสอนให้หลาบจำซะบ้างว่าตัวเองเป็นของใคร”

แผ่นหลังของวิริยะแนบติดกับผนังจนรู้สึกเย็นวาบ ต่างจากแก้มที่ร้อนผ่าว เมื่อเงยขึ้นสบนัยน์ตาคมดุของชายตรงหน้า ที่นอกจากจะบ้าดีเดือด เอาแต่ใจแล้ว ยังเป็นคนรักของเขาอีกด้วย ไม่แปลกที่วิริยะจะรู้สึกหวั่นไหวปวกเปียก ยามถูกสายตาร้อนแรงของชายตรงหน้าลามเลียไปทั่วลำตัวเช่นนี้

แค่เพียงสายตา วิริยะก็อยู่ไม่ติด ทำได้เพียงแค่เบี่ยงหลบไปมองทิศอื่น

เชษฐ์ไชยก้มโน้มลงมาจูบ ดึงมือวิริยะเอื้อมกอดเจ้าตัวให้ไว้วางใจว่าจะไม่ถูกทำร้าย เด็กหนุ่มเชื่ออย่างสนิทใจว่าหากเป็นเชษฐ์ไชย ทุกอย่างมันจะต้องโอเค แม้หัวใจกำลังเต้นตึกแทบจะทะลุออกจากอกด้วยความตื่นเต้นก็ตาม

นานเท่าไรไม่รู้ที่เชษฐ์ไชยจูบวิริยะ ในหูของทั้งสองได้ยินเพียงเสียงสายน้ำ และริมฝีปากที่สัมผัสดูดดุนกัน ผละออกมาอีกทีชายหนุ่มก็เห็นริมฝีปากของวิริยะแดงระเรื่อ บวมเจ่อเพราะถูกฟอนเฟ้น ทว่ากลับไม่ได้แย่เพียงนิด มันยิ่งแลดูเย้ายวน ให้เชษฐ์ไชยอยากหวนกลับไปเชยชิมความหวานอีกครั้งซ้ำ ๆ ไม่รู้จักหน่าย

นอกจากริมฝีปากที่น่ามองแล้ว แก้มของวิริยะสุกปลั่งราวผลไม้ ไหนจะดวงตาหวานเยิ้มยามสบตานี่อีก บอกชายหนุ่มว่าเจ้าตัวก็กำลังเครื่องติดไม่ต่างกัน เชษฐ์ไชยทนไม่ไหวเมื่อได้เห็น ชายหนุ่มเคลื่อนขยับกอดวิริยะให้แนบชิด กอบกำ นำพาให้วิริยะและตนเองมีความสุขไปพร้อมกัน ซึ่งเมื่อถูกกระทำเช่นนี้วิริยะตัวโยนอยู่ไม่ติด ครวญครางอือออไม่เป็นศัพท์อยู่ในอกชายหนุ่ม

ความลื่นของสบู่ทำให้ทุกอย่างดำเนินไปด้วยดี ไม่เว้นแม้แต่ยามที่ชายหนุ่มเอื้อมไปด้านหลังของคนรักตัวน้อย สอดแทรกนิ้วเพื่อเบิกทางให้ตัวเองทำอย่างใจหวังได้สะดวก ถึงเขาจะมีเมียมาก่อน แต่เรื่องอย่างนี้พึ่งเพียงแค่สัญชาตญาณอย่างเดียวไม่พอ ต้องเรียนรู้ด้วยเหมือนกัน โดยเฉพาะความรู้ที่จะทำให้อีกคนมีความสุขไปพร้อมกันได้

ใจเชษฐ์ไชยเต้นตึกตัก เสียงวิริยะครวญร้องในอกไม่อาจบอกว่าเจ็บหรือกำลังสุขสม แต่มันปลุกเร้าสัญชาติญาณดิบของเชษฐ์ไชยเข้าให้แล้ว อีกไม่นานชายหนุ่มอาจอดทนไม่ไหว ทำอะไรลงไปโดยไม่ทันคิด ไอ้ที่ว่าควรแข็งก็แข็งเสียจนปวดหนึบอยากจะระบายอยู่เต็มแก่

“อาเชษฐ์...” วิริยะกอดคนตัวโตแน่น เพราะรู้สึกยืนไม่อยู่เอาเสียเลย

เพียงแค่ถูกนิ้วมือยาวรุกล้ำนำทางไปก่อนเท่านั้น ราวกับเป็นเด็กอายุเพียงสิบสี่สิบห้า ไม่ประสีประสาแทบจะล้มลงพื้นเพราะความสุขที่นับค่าไม่ได้ จะไม่เป็นอะไรเลย หากเชษฐ์ไชยไม่ลากลิ้นไปโดนแต่ละที่ที่ทำให้เขามีความสุขทั้งนั้น จนวิริยะเริ่มจะถึงปลายทางอยู่รอมร่อ

“จะเสร็จ จะเสร็จ อื้ม...”

พูดยังไม่ทันขาดคำ วิริยะเม้มริมฝีปากตัวเองแน่นเกรงกลัวว่าใครจะมาได้ยิน ปลดปล่อยความพึงพอใจออกมาเต็มไม้เต็มมือของคนที่กำลังทำให้ ตัวก็หอบโยนแทบจะล้ม และคิดขึ้นมาได้ว่าไม่ไหวแน่ หากเชษฐ์ไชยจะต่อกิจกรรมนี้ทั้งที่ให้เด็กหนุ่มยืนอยู่

“อาเชษฐ์ ผมยอมแล้ว แต่...บะ บนเตียงได้ไหมครับ”

วิริยะทำเสียงครวญ เงยขึ้นมองด้วยดวงตาเว้าวอน

คนฟังกระตุกยิ้มร้าย แล้วส่ายหน้าไม่ยอม จับวิริยะให้หันไปหาผนังแล้วซุกคอสูดดมฟีโรโมนของเด็กหนุ่ม ฝังเขี้ยวงับด้วยความเอ็นดู เด็กหนุ่มหอบหายใจยังไม่รู้สึกโล่งดีก็สะดุ้งโหยง ยามความร้อนของอะไรที่น่าจะรู้ดีสอดแทรกเข้ามาในกายทีละเล็กน้อย แต่กลับทำเอาแทบยืนไม่อยู่ จนต้องเอื้อมยกมือขึ้นไปเกาะราวตากผ้าด้านบนเพื่อหาหลักยึด

“เจ็บไหมวิว”

น้ำเสียงหอบสั่นของคนด้านหลังสอบถาม เด็กหนุ่มไม่รู้อะไรเลย ทำได้เพียงแค่สั่นหัวหงึก ๆ ตอบรับเท่านั้น จากที่พยายามเก็บกลั้นเสียง ตอนนี้ครวญอือออไม่มีแม้แต่สติ รู้ตัวอีกทีหัวเหน่าของเชษฐ์ไชยก็แนบอยู่ที่บั้นท้ายแล้ว

อีกฝ่ายปล่อยให้วิริยะทำใจอยู่ครู่ก็เคลื่อนขยับ ทุกครั้งที่กดเอวบดเบียดจนเนื้อแนบเนื้อ วิริยะก็ทำได้เพียงแค่ยกมือกุมปากไม่ให้ส่งเสียงออกไปเท่านั้น เขารู้สึกกระดากอายเหลือเกินที่ต้องส่งเสียงอย่างนี้ให้ใครได้ยิน

ตัวเด็กหนุ่มร้อนราวกลับเป็นไข้ ภายในช่องท้องรู้สึกเหมือนมีตัวอะไรบินว่อนไปมา ในขณะที่เชษฐ์ไชยกอดรั้ง มอบความหอมหวานของรสชาติความรักให้อย่างไม่ยอมลดทอนความเร่าร้อน ทั้งที่ยังคงซุกกอด ปล่อยเสียงกระเส่าพร่าอยู่ข้างหูให้ได้ยิน ทุกอย่างประสมประสานกันมั่วไปหมด ทว่าวิริยะสามารถพูดได้อย่างเต็มปากว่ามันรู้สึกดี

“อื้อ อะ อาเชษฐ์...”

ในตัววิริยะราวกำลังจะแตกเป็นเสี่ยง

คนด้านหลังกอดรัดวิริยะราวกลัวว่าจะหนีหายไป เมื่อเห็นว่าเด็กหนุ่มกำลังจะไม่ไหวก็ลดทอนความรุนแรงลงไป หลงเหลือเพียงแรงบดเบา ๆ เท่านั้น แล้วกระซาบ “เรียกอีกซี เรียกชื่อพี่อีก...”

น้ำเสียงราวกับชายร่างใหญ่ด้านหลังกำลังเพ้อจากพิษไข้ นี่เป็นเพราะตัวของเขาอย่างนั้นหรือ ที่ทำให้เชษฐ์ไชยกระสับกระส่าย จมดิ่งไปกับความสุขเช่นนี้

“อาเชษฐ์ อาเชษฐ์รักผมไหม...”

น้ำตาของเด็กหนุ่มไหลโดยที่ไม่รู้ตัว แต่รู้แค่ว่าไม่ได้กำลังเศร้า

“รักซีคนดี รักจนจะบ้าอยู่แล้ว...” มือใหญ่ตระกองกอดเอววิริยะไม่ยอมให้สะเทิ้นไหวหนีไปให้เสียเวลา เด็กหนุ่มทำได้เพียงแค่กุมหน้าท้องของตัวเองเพราะกำลังจะทนไม่ไหว เสียงเนื้อกายกระทบกันดังก้องสะท้อนทั่วภายในห้องน้ำ ฟังดูน่าอายแต่ก็ไม่มีกะจิตกะใจรู้สึก

วิริยะสะบัดหน้าไปมา ร้องไม่เป็นศัพท์ ภาพของเซ็กส์ที่มีกับเชษฐ์ไชยต่างจากในจินตนาการอย่างสิ้นเชิง คิดว่ามันจะเจ็บ คิดว่ามันจะน่ากลัวจนต้องหลบหลีกบ่ายหนีเพราะภาพลักษณ์น่ากลัว ๆ ของอีกฝ่าย

ใครจะไปรู้ว่าเชษฐ์จะนุ่มนวลถึงขนาดนี้ รู้วิธีทำให้เขาคลายความกลัวได้ พร่ำบอกว่ารักและจูบทั่วแผ่นหลัง ให้เขาสนองตอบกลับไปได้อย่างง่ายดาย ไหนจะเสียงเซ็กซี่ ๆ ที่กำลังดังอยู่ข้างหูนี่อีก

แย่แล้ว เขากำลังถูกเชษฐ์ไชยมอมเมาให้หลงใหลไปกว่าเก่า

มารู้ตัวอีกที ความสุขของวิริยะก็พวยพุ่งออกมาเสียเต็มผนังอย่างไม่อาจทานไหวอีกต่อไป ยิ่งไปกว่านั้น เด็กหนุ่มสะดุ้งเฮือกใหญ่ เมื่อลาวาร้อนมากมายไหลทะลักเข้ามาในท้องจนเข่าอ่อน ขณะที่เชษฐ์ไชยประคองกอดไม่ยอมให้ล้มลงพื้น กัดฟันกรอดเพราะความสุขสมยามถึงที่หมายในร่างของวิริยะตามหลังมาติด ๆ

น้ำร้อน ๆ ไหลอาบลงมาถึงเข่าให้วิริยะที่ไม่มีเรี่ยวแรงเหลือบไปเห็น ทว่าคนตัวใหญ่เหมือนจะยังไม่พอใจ กกกอดวิริยะแล้วคล้องลำขาหนึ่งข้างให้ยกขึ้น เด็กหนุ่มร้องเสียงหลงเพราะเริ่มเจ็บขัด ๆ ขนาดยืนสองข้างยังจะไม่ไหว เชษฐ์ไชยยังคิดที่จะให้เขายืนด้วยขาข้างเดียว ไหนจะอะไรที่มันคับแน่นภายในช่องท้องที่กำลังกระตุกกึก ครูดกับส่วนที่อ่อนไหวของวิริยะอยู่เนือง ๆ นี่อีก

แต่มันดันให้เด็กหนุ่มตอบสนองขึ้นมาอีกครั้ง จนต้องยอมให้อีกฝ่ายทำตามใจในครั้งต่อไปจนได้ ก็รสชาติของมัน...ชวนให้เสพติดนี่

สรุปแล้ววิริยะเสร็จเชษฐ์ไชยไปถึงสองยกสมความอยาก เอาเสียเด็กหนุ่มขาอ่อนเปลี้ยไม่มีแรง ซึ่งดูยังไงเชษฐ์ไชยก็ไม่มีวี่แววว่าอยากจะพอเสียด้วยซ้ำ เด็กหนุ่มถูกยกไปวางอยู่บนเตียงหลังจากเชษฐ์ไชยทำความสะอาดตัวใหม่ให้อย่างเอี่ยมอ่อง ตั้งใจสวมชุดคลุมให้เพียงลวก ๆ เท่านั้นแล้วก็ขึ้นมาคร่อมทับ จูบวิริยะออดอ้อนอยู่สองสามที ก่อนจะบอกว่า “ตัวเองผิดนะ รู้รึเปล่า”

วิริยะเม้มปากเพราะบวมเจ่อ ถึงเชษฐ์ไชยจะไม่ร้าย

แต่ถ้ายังขอถี่ ๆ แบบนี้ อีกไม่นานร่างวิริยะอาจจะพังเอาได้

“โธ่ ผมรู้อยู่แล้วน่า ปล่อยเลย” เด็กหนุ่มขยับหนี

“รู้ แต่ไม่เคยจำ มานี่เลย” เชษฐ์ไชยกระตุกดึงให้ขยับเข้าใกล้ ลำตัวทั้งสองแนบชิด ให้วิริยะรำลึกได้ว่าทั้งสองกำลังโป๊กันอยู่ ไหนจะไอ้เรื่องทะลึ่งที่เชษฐ์ไชยทำเมื่อครู่อีก แม้ว่าจะผ่านสมรภูมิมาก่อนหน้านี้แล้วก็ยังสามารถปลุกเสือตัวใหญ่ให้ตื่นขึ้นมาข่มขู่เขาอีกครั้งได้ แล้วอย่างไร แล้วเขาก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากตามใจอย่างนี้ไงเล่า

“เดี๋ยวจะตอก ย้ำให้รู้เลยว่าอย่าไปบริหารเสน่ห์กับใครหน้าไหน”

“บ้า...” เว้นวรรคบ้าอะไรของเชษฐ์ไชยกัน วิริยะยกมือดันไหลหนาออกห่างด้วยความเขินอาย ยามคนตัวใหญ่ยกยิ้มเจ้าเล่ห์จ้องเขาอยู่ ราวเสือหิวโหยมานาน ก็คงใช่ ถูกเมียทิ้งมานานแรมปี อีกฝ่ายคงคิดว่าได้ทั้งทีก็ทบต้นทบดอกทีเดียวเสียให้ลุกไม่ไหวเลยกระมัง

เด็กหนุ่มชำเลืองมองไปยังประตูห้องยามถูกกกกอด ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเชษฐ์ไชยล็อกอย่างดีหรือไม่ เขาไม่อยากจะคิดเลยว่าในขณะที่กำลังเข้าด้ายเข้าเข็มแล้วแม่ต้อยขึ้นมา มันจะน่าอายขนาดไหน

แค่เชษฐ์ไชยร้องบอกชาวบ้านชาวช่อง เด็กหนุ่มก็อายจนไม่รู้จะเอาหน้าไว้ที่ไหนแล้ว

ลงไป มีหวังเขาถูกแซวแน่!

--๕๐--

--------------------------------------------------------

มาส่งความสยิวให้อ่านกันสิ้นปี มันก็จะหึง ๆ หื่น ๆ ละมุน ๆ หน่อย อิอิ

แล้วมาเม้ามอยกัน ว่าอาเชษฐ์แซ่บประมาณไหน

มีใครแอบคิดเรื่องของอาอัษฐ์ไหมคะ ว่าเฮียแกชอบใคร ระหว่างชาติกับดำ รึว่าจะ3P อุต๊ะ!! แต่ละคนก็ตัวล่ำ ๆ ทั้งนั้น ใครผัวใครเมียน้ออออ

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
โห วิวโดนทำโทษซะหลายครั้ง แต่ก็ยอมจำนนใช่ม้าา
ว่าแต่อยากรู้เรื่องของอัฐไชยมากกว่าแล้วตอนนี้ อิอิอิ
 :hao6: :hao6:

ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
พรุ่งนี้อาเชษฐ์จะพาลูกชายไปคืนพ่อเค้าสภาพไหนล่ะเนี่ย

ส่วนอาอัษฐ์หรือจะสามพี อุ๊ปส์.......

ออฟไลน์ muiko

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +98/-3
ถึงว่าเคมีอาอัษฐ์กับชาตินี่แปลกๆ แต่พี่ดำนี่ ด้วยหรอ
 o22

ออฟไลน์ BAKA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3025
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-10
อาเชษฐ์ รบกวนถนอมน้องวิวด้วยค่ะ

ส่วนอาอัษฐ์นี่ตอนแรกเราคิดว่าชาติแน่ๆ เพราะเห็นสนิทแล้วก็ติดต่อกันมาตั้งนาน แต่ตอนนี้เริ่มไม่มั่นใจแล้วสิเนี่ย

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
 :haun4:

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4825
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
มีความสงสัยในตัวของอัษฐ์กับชาติ เป็นอะไรกันหรือเปล่านะ  :hao4:

ออฟไลน์ noonaaRP

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 262
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-1
    • fanpage Noonaa

--ต่อ--

เชษฐ์ไชยรู้สึกตัวตื่นในช่วงเช้ามืดหลังจากนอนพักได้ไม่กี่ชั่วโมง เหลือบไปเห็นวิริยะนอนหันหลังให้อยู่เงียบเชียบก็ผุดรอยยิ้มขึ้น ขยับไปดึงรั้งให้เด็กหนุ่มหันมากกกอดสมความคิดถึง แม้ว่าเมื่อไม่นานมานี้ เขาถอนทุนความคิดถึงมากพอจนอิ่มหนำสำราญแล้วก็ตามที อย่างไรเสียก็หยุดความอยากที่จะสัมผัสไม่ได้

ลำแขนยาวของวิริยะยกกอดเขาสนองบอกว่ารับรู้ ขณะพลิกกลับมาหาเพราะรู้สึกตัว ชายหนุ่มกระซิบเสียงเบาให้นอนต่อเพราะว่ายังไม่เช้าดี ซึ่งคนหลับก็ทำตามอย่างว่าง่าย หรือไม่ก็เพลียเสียจนลืมตาไม่ขึ้นเพราะกิจกรรมเมื่อคืน นึกขึ้นมาทีไรก็รู้สึกจั๊กจี้หัวใจจนอยากจะทำอีก

ไม่รู้เลยว่าตอนแยกกันจะรู้สึกยังไง แต่เขาอยากเสพความสุขตอนอยู่ด้วยกันอย่างนี้ให้มากพอ จนมีแรงสู้ปัญหา แล้วกลับมาพบเจอกันอีก คิดแล้วชายหนุ่มก็นอนไม่หลับเพราะความสุข ยามได้มองวิริยะจมดิ่งไปกับความฝันและอ้อมอกของเขา

เขาว่ากันว่าเวลาแห่งความสุขย่อมผ่านไปไว โดยที่คนเราไม่ทันได้เตรียมใจนัก วันนี้เชษฐ์ไชยเชื่ออย่างสนิทใจ เมื่อบังคับขับเคลื่อนยานพาหนะมาจอดหน้าบ้านของวิริยะ ชายหนุ่มเอื้อมไปกุมจับประสานกับอีกฝ่ายอยู่พักหนึ่ง ซึ่งดูเหมือนเขาไม่ใช่คนเดียวที่กำลังรู้สึกใจหาย เมื่อเห็นวิริยะน้ำตาคลอ เคลื่อนขยับมากอดแนบแน่นแล้วกระซาบอยู่กันสองคนว่าจะรอ

เชษฐ์ไชยยิ้มรับ ยกมือสางผมจัดทรงให้คนงอแง “เดี๋ยวพี่ก็มาแล้ว มานี่มา...”

ลำแขนยาวเอื้อมดึงวิริยะให้ขยับเข้าใกล้ แล้วจูบลงบนแก้มเป็นการปลอบหนึ่งที เรียกรอยยิ้มของเด็กหนุ่มได้น้อยนิดเท่านั้น ก่อนเจ้าตัวจะลุกออกไปยืนอยู่ริมฟุตบาธด้วยสีหน้าไม่ค่อยเต็มใจอยากจะแยกนัก โบกมือให้เป็นการบอกลา แต่ครั้นเชษฐ์ไชยกำลังจะไป วิริยะกลับวิ่งมาดักหน้ารถจนต้องหยุดชะงักเพราะกลัวเหยียบเด็กดื้อเข้า

ชายหนุ่มมุ่นคิ้ว อยากดุที่ทำอะไรไม่คิด แต่เมื่อเห็นสีหน้าเศร้าของวิริยะวิ่งวนมาเคาะกระจกราวอยากพูดอะไรด้วย เชษฐ์ไชยก็ลืมความรู้สึกเมื่อกี้เพราะความอยากรู้ “อะไร เกือบเหยียบแล้วเนี่ย”

เด็กหนุ่มย่นหน้า ก้มลงจับมือเชษฐ์ไชยขอร้อง

“ถ้ามีเวลา โทรหาผมหน่อยนะ อย่าหายเงียบไปเลย”

คนฟังชะงัก แล้วผุดยิ้มให้ “ได้ พี่ก็อยากคุยกับเธอเหมือนกัน จะได้มีกำลังใจสะสางงานไว ๆ”

ได้ยินวิริยะก็ใจชื้นขึ้น ยิ้มกว้างสดใสขึ้นเป็นกอง เอื้อมขยับเปิดประตูแล้วโน้มไปจูบแก้มเชษฐ์ไชยเป็นการลา โดยไม่อายว่าตอนนี้อยู่หน้าบ้านตัวเองแล้วใครจะเห็นหรือไม่ เชษฐ์ไชยรู้สึกอึ้งที่เด็กหนุ่มกล้าทำ แล้วอดที่จะยิ้มด้วยความดีใจไม่ได้ ที่วิริยะกล้าแสดงออกว่ารักเขามากกว่าเมื่อก่อน

จะทำให้รักให้หลงถึงไหนกัน

ชายหนุ่มยิ้ม ความร้อนของริมฝีปากนุ่มยังไม่จางหายไปจากแก้ม และจูบนั้นเป็นครั้งสุดท้าย ฝังใจเชษฐ์ไชยให้นึกถึงอยู่ตลอด เป็นเชื้อเพลิงให้เขามีกำลังใจรีบทำงานและรีบกลับไปหาเจ้าตัวไว ๆ อย่างที่สัญญากันไว้



ก่อนปิดเทอมเล็กทุกปีเป็นวันแม่ ทุกครั้งที่วิริยะเลิกเรียนกลับมาจะเห็นน้องแพรวากำลังมอบพวงมาลัยหรือก้มกราบอิงอรอยู่เสมอ บางครั้งจะเห็นพี่สาวกับน้องสาวอยู่ครบ เหลือก็แต่เด็กหนุ่มเท่านั้นที่ไม่มีแม่ วิริยะเลือกที่จะเดินขึ้นไปอยู่ด้านบน ไม่อยากเป็นก้างขวางคอ เขาไม่ได้ร้องไห้เสียใจที่ตัวเองอาภัพมารดา แค่รู้สึกโหวง ๆ ในใจเล็กน้อยเท่านั้นเมื่อเห็นคนอื่นมีแต่ตัวเองไม่

ตั้งแต่แยกกับเชษฐ์ไชยคราวนั้น ผ่านมาหลายเดือนจนถึงวันสำคัญของอิงอรอีกครั้งแล้ว

หลังจากแต่งตัวในชุดนักศึกษาเสร็จ วิริยะก็ถือกระเป๋าลงไปนั่งบนโต๊ะอาหาร เดี๋ยวนี้แม่เลี้ยงกับพี่สาวทำงานบ้านคล่องกว่าวิริยะ อิงอรออกไปเปิดร้านเล็ก ๆ หน้าปากซอย ส่วนทรายเรียนจบแล้วและกำลังทำงานอยู่ที่บริษัทแห่งหนึ่ง เด็กหนุ่มกับทรายต้องออกจากบ้านพร้อมกัน เธอจะไปส่งวิริยะเข้าเรียนทุกเช้า ช่วงไหนต้องเรียนสายก็ต้องโบกแท็กซี่

แพรวาอายุสิบเอ็ดขวบ กำลังจะโตเป็นสาว ช่างพูดช่างจ้อขึ้นทุกวัน

“พี่วิว วันนี้วันแม่ หนูจะซื้อพวงมาลัยให้แหละ” เธอเล่าเสียงใส เรียกรอยยิ้มคนที่กำลังง่วนอยู่กับการจัดอาหารที่ครัวอย่างดี อิงอรหยิบจานชามมาวางไว้ตรงหน้าวิริยะ เอ่ยถามว่า “แกอยากกินอะไรพิเศษรึเปล่าวิว วันนี้ป้าเลี้ยง”

เด็กหนุ่มเงยมองคนถาม “ได้หมดเลยเหรอ”

“อื้ม” นางพยักหน้า

“แล้วคนอื่นอยากกินอะไรครับ”

“คนอื่นเขาบอกหมดแล้ว นี่ป้าถามแกอยู่ บอกมาเลย อะไรก็ได้” นางบอก ได้ยินแล้วนั้นวิริยะก็ยิ้มเผล่ รู้อยู่ว่าอิงอรขี้งกขนาดไหน “อยากกินอาหารทะเล แล้วก็...ล็อบสเตอร์ตัวใหญ่ ๆ”

“โอ้โห โลภมากเหลือเกิน ขออย่างนี้แม่ไม่ให้แกหรอกไอ้วิว!” ทรายเอ่ยแทรก ซึ่งวิริยะก็มุ่ยหน้าคิดอยู่แล้วว่าคงไม่ได้ อย่างน้อยก็ขออาหารทะเลมาก่อนก็ได้ คิดแล้วเด็กหนุ่มก็ก้มหน้าก้มตาทานก่อนที่จะสาย แล้วโดนทรายต่อว่าเหมือนทุกวัน

กิจวัตรของวิริยะดำเนินไปอย่างไม่หวือหวานัก เชษฐ์ไชยติดต่อมาหาเขาอยู่เรื่อย ๆ บอกว่าคิดถึงและทุกอย่างใกล้เรียบร้อยแล้ว อีกฝ่ายไม่ได้เล่าอะไรให้ฟังมากมายนักว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง ทั้งที่เด็กหนุ่มกลัวและห่วงใยเหลือเกินที่เชษฐ์ไชยเอาตัวเองไปเสี่ยงเช่นนั้น

แต่เป็นเรื่องของครอบครัวอีกฝ่าย เดี๋ยวเชษฐ์ไชยคงเล่าให้ฟังเองนั่นแหละ เมื่อพร้อม

เด็กหนุ่มรู้ว่าหากถาม ต้องสะกิดแผลใจของเชษฐ์ไชยแน่

วิริยะนั่งแท็กซี่กลับมาถึงบ้านตามเวลาหลังจากเรียนเสร็จแล้ว ช้าหน่อยเพราะรถติด เมื่อลงมาได้ เด็กหนุ่มกระชับกระเป๋าสะพาย ทำใจแล้วว่าเมื่อก้าวเข้าไปจะต้องเจอภาพเดิมตั้งแต่เด็ก เหลือบไปเห็นธเนศยืนยิ้มภูมิใจมองลูกสาวทั้งสองคนกำลังกอดหอมมารดาหลังจากกราบไหว้ เมื่อได้ยินเสียงเด็กหนุ่มเปิดประตูบ้าน ผู้เป็นพ่อหันมายิ้มให้วิริยะแล้วรีบพูดด้วย

“วิว มานี่ซีลูก ป้าอรแจกตังค์ด้วยล่ะ” พูดจบทุกคนก็ยิ้มกว้างอย่างมีความสุข

ใจวิริยะเจ็บหนึบเมื่อมองทั้งหมดยามอยู่ด้วยกัน รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นส่วนเกินยังไงยังงั้น

“ไม่ละครับ ผมเหนื่อย”

พูดจบ วิริยะก็วิ่งขึ้นไปด้านบนโดยไม่เอ่ยอะไรต่อ เมื่อเห็นท่าทางเปลี่ยนไปของลูกชายแล้วธเนศก็ถอนใจ รู้อยู่ว่าเมื่อถึงวันนี้ทีไรวิริยะจะรู้สึกเจ็บปวดทุกครั้ง ซึ่งตัวภรรยาก็รู้ดีว่าตัวเองเป็นตัวแปรสำคัญ อิงอรลุกขึ้นไปแตะต้นแขนบอกสามีว่าจะขึ้นไปหาวิริยะเอง หลังจากจัดแจงโต๊ะอาหารมื้อสำคัญของครอบครัวอย่างดีแล้ว นางจึงตัดสินใจเดินขึ้นไปหาลูกเลี้ยงผู้เป็นไม้เบื่อไม้เมากันตั้งแต่ก่อน

อิงอรหยุดอยู่หน้าห้องพักของวิริยะครู่หนึ่ง แล้วเคาะเรียก “วิว ลงไปกินข้าว”

คนด้านในไม่ได้ตอบทันที แต่ก็ยอมในท้ายที่สุด “ป้าอรลงไปกินเลยครับ ผมอยากนอนพักก่อน”

“แต่ทุกคนรออยู่นะ”

“ไม่ต้องรอ กินกันไปก่อนเลยครับ วันนี้ไม่ใช่วันของผม เป็นวันของป้าอรต่างหาก” ได้ฟังแล้วอิงอรถอนใจ เพราะความปากหนักทำให้หล่อนไม่กล้าเอ่ยอะไรออกไปในตอนนั้น นางยอมพ่ายแพ้แล้วลงไปด้านล่าง ทานอาหารอย่างที่วิริยะต้องการ แม้จะยังพะวงถึงว่าเด็กหนุ่มจะเป็นอย่างไรจนธเนศจับสังเกตได้

หลังจากทานมื้อเย็นเสร็จแล้ว ใช้เวลาครอบครัวด้วยกันโดยปราศจากวิริยะ อิงอรก็ขึ้นมาที่ห้องพัก หวังจะชำระร่างกายแล้วนอน เมื่อเปิดประตูเข้าไป นางชะงักเข้ากับกลิ่นหอมของดอกไม้ กวาดหาอยู่ครู่หนึ่งก็เห็นพวงมาลัยสีขาว วางอยู่ที่หมอนของนางราวตั้งใจบอกว่ามอบให้ใคร

เมื่อได้เห็น ใจของอิงอรเคว้ง ทรุดตัวนั่งแล้วหยิบมันขึ้นมามองทั้งน้ำตา

เด็กบ้า ทำไมต้องทำอย่างนี้

ธเนศที่เพิ่งเดินตามมาถึงห้องพัก เห็นภรรยานั่งหันหลัง ตัวสั่นสะอื้นอยู่เงียบ ๆ คนเดียวก็แปลกใจ เดินไปเห็นกำลังกุมจับพวงมาลัยพวงหนึ่งอยู่ก็พอเข้าใจ ทรุดตัวนั่งลงข้างกายแล้วลูบบ่าปลอบให้คลายน้ำตาไหล ถามนางเสียงแผ่วว่า “รู้ใช่ไหมว่ามาลัยพวงนี้ของใคร”

อิงอรสะอื้นฮึก “รู้ค่ะ...” รู้สึกผิดต่อผู้ให้อย่างจับใจ

“สักวันวิวจะเอาเข้ามาให้ด้วยตัวเอง พี่รู้”

อิงอรพยักหน้ารับพลางก้มลงสูดดมของในมือทั้งน้ำตา  หวังว่าสักวันเด็กคนนั้นจะยกโทษให้นาง

วิริยะอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ลงมาด้านล่างเพื่อทานอาหารหลังตื่นจากงีบ ดูเหมือนทุกคนแยกย้ายขึ้นไปพักผ่อนกันหมด แล้วเปิดเพียงไฟครัวรอให้วิริยะทานส่วนที่แบ่งไว้เท่านั้น ไปถึงโต๊ะอาหาร เห็นฝาชีครอบกับข้าวไว้อย่างเรียบง่าย

วิริยะเปิดมันออกพร้อมที่จะกิน หากทว่าใจเด็กหนุ่มสะเทือนไหว เมื่อเห็นว่าของตรงหน้าเป็นสิ่งที่ตัวเองขอไปเมื่อเช้า เมื่อวิริยะไม่ลงมาทาน อิงอรก็จัดการห่อหุ้มพลาสติกไว้ให้อย่างเรียบร้อย แล้วติดโน้ตบอกว่าให้อุ่นก่อนทานด้วย

วิริยะมือสั่น มองกุ้งตัวใหญ่โตตรงหน้าทั้งน้ำตา แล้วเคลื่อนมือสั่นเปิดออกกินทั้งอย่างนั้นเงียบ ๆ คนเดียว ลิ้นของเด็กหนุ่มไม่รับรสชาติเพราะกำลังร้องไห้ รู้สึกไม่อร่อยเลย แต่รู้ว่าต้องทานให้หมด เพราะอิงอรอุตส่าห์หามาให้จนได้

อิงอรกำลังพยายามเข้าหา แต่เขาก็เอาแต่ปิดกั้น...

อยากขอโทษ



ความสัมพันธ์เรื่องครอบครัวของวิริยะดีมากขึ้นเมื่อเวลาผ่านไปเรื่อย ๆ เด็กหนุ่มยังคงตั้งใจเรียนไม่ต่างจากเฝ้ารอให้เชษฐ์ไชยติดต่อมากเท่าใดนัก จนกระทั่งวันนี้ วิริยะแปลกใจที่เห็นรถคันหนึ่งจอดอยู่หน้าบ้าน เมื่อลงจากแท็กซี่ได้เด็กหนุ่มก็รีบสาวเท้าเข้าไปด้านใน หวังว่าจะเป็นคนที่กำลังนึกถึงอยู่ ซึ่งครั้นเปิดประตูและเห็นว่าใครกำลังนั่งคุยกับบิดา วิริยะก็คลี่ยิ้มกว้างแล้ววิ่งไปหยุดยืนอยู่ตรงหน้า

“อาอัฐษ์!”

ได้ยิน ชายสวมสูทเรียบร้อยตรงหน้าละรอยยิ้มความดีใจที่เจอกัน คิดว่าวิริยะจะเข้ามาทักทายดี ๆ เสียอีก “ก็ได้ งั้นกลับล่ะ”

“โอ๋ ๆ ๆ อย่างอนสิ แกล้งแค่นิดเดียวเอง”

วิริยะหัวเราะเล็กน้อยเมื่อเห็นหน้าเคืองของคนตัวใหญ่ต่อหน้า แล้วขยับเข้าไปทรุดนั่งข้างเชษฐ์ไชยไม่สนว่าธเนศกำลังมองอยู่ ครั้นได้กลับมาพบอีกที ผ่านมาหลายเดือน เชษฐ์ไชยแลดูเปลี่ยนไปมาก ผิวขาวสะอ้านขึ้น คงเพราะไม่ได้ทำงานตากแดดอย่างเมื่อก่อน ผิดไปจากไอ้พี่หนวดผมยาวหน้าลิงที่มักสวมเสื้อยืดและคอมแบทที่เจอกันครั้งแรก

ผู้เป็นพ่อกระแอมเมื่อเห็นสายตาลูกชายมองเชษฐ์ไชย ให้มันลดท่าทางกระดี๊กระด๊าลงหน่อย เดี๋ยวเสียราคา “คุณเชษฐ์เขามาคุยธุระเรื่องวิว ว่าจะชวนไปอยู่ไร่ช่วงปิดเทอม”

ได้ฟังวิริยะก็อ้าปากเหวอ “จริงเหรอ แล้วพ่อให้ไปไหมครับ!”

เมื่อเห็นสายตาราวลูกแมวของวิริยะ นี่มั่นใจแล้วใช่ไหมว่ากำลังถาม ไม่ใช่ว่ากำลังอ้อนขอไป

“ให้ พ่อให้อยู่แล้ว แต่...” วิริยะกำลังจะดีใจอยู่แล้วเชียว เด็กหนุ่มมุ่ยหน้าเมื่อเห็นสายตาดุของธเนศ ขณะที่เจ้าตัวยกนิ้วชี้ออกคำสั่ง แล้วหมุนไปหาเชษฐ์ไชยเป็นการตักเตือนว่า “ถ้าวิวทำอะไรผิดไปก็ต้องสอนด้วยเหตุผล อย่าให้ผมได้ยินข่าวว่าคุณทำร้ายลูกชายผมเด็ดขาด”

“พ่อ...” วิริยะส่ายหน้า เชษฐ์ไชยกล้าทำเขาเสียที่ไหนเล่า

“ครับคุณพ่อ ผมจะทำตามสัญญาที่บอกไว้ตั้งแต่วันนั้น”

วิริยะมองทั้งสองด้วยความไม่เข้าใจว่าไปให้คำสัญญาอะไรกันตั้งแต่เมื่อไร แต่เมื่อเด็กหนุ่มเห็นแววตาพึงพอใจของบิดาแล้วทำให้รู้สึกถึงเค้าลางที่ดี ว่าหากวันใดวันหนึ่งเชษฐ์ไชยอยากขอเขาไปอยู่ที่ไร่ด้วย อาจได้คำอนุมัติจากพ่อตาง่ายกว่าที่คิด

วิริยะคลี่ยิ้ม เชษฐ์ไชยควรขอบคุณเขาที่โม้เรื่องเจ้าตัวให้ธเนศฟังอยู่บ่อย ๆ และทำคะแนนให้อยู่ตลอด ไม่อย่างนั้นอย่าฝันว่าจะผ่านด่านพ่อตาคนนี้ไปได้ง่าย ๆ เห็นดี ๆ เงียบ ๆ เช่นนี้ พ่อของเขาก็ดุไม่เบา อย่าให้คนใจดีกลายร่างเป็นยักษ์ก็แล้วกัน เพราะอย่างนั้นห้ามผิดคำพูดเด็ดขาด

เชษฐ์ไชยยังไม่ได้เล่าว่าจัดการเรื่องทุกอย่างแล้วเสร็จดีหรือไม่ เมื่อเห็นคนตัวใหญ่อารมณ์ดีในขณะพาเขามุ่งตรงไปยังไร่รุ่งอรุณีที่คิดถึง วิริยะก็พลอยยิ้มตามไปด้วย พอให้เดาได้ลาง ๆ ว่าทุกอย่างคงจบไปแล้ว และเมื่อพร้อม เชษฐ์ไชยคงยอมเล่าให้ฟังทั้งหมดว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง เกี่ยวกับช่วงที่ไม่ได้เจอกัน

ดูเหมือนทุกคนที่ไร่จะรู้ว่าวิริยะกับเชษฐ์ไชยกำลังเดินทางกลับ เมื่อไปถึง เด็กหนุ่มเห็นเหล่าแม่บ้านและอัษฐไชยยืนรออยู่อย่างพร้อมหน้าพร้อมตา พ่วงด้วยชาติและดำที่ยืนอยู่ไม่ห่าง หลัง ๆ มานี้วิริยะเห็นทั้งสามอยู่ด้วยกันบ่อย คงเพราะช่วงที่เชษฐ์ไชยไม่อยู่เลยสนิทกันกระมัง แต่กลับมาคราวนี้อัฐษไชยแลดูแข็งแรงและตัวโตขึ้นมาก ราวกับสองพี่น้องคู่นี้ยังคงสลับสถานะกันอยู่

เมื่อได้พบกันอีกครั้ง ทั้งหมดก็อยู่ทักทายตามประสาคนไม่ได้เจอกันนาน แต่ครั้นเห็นวิริยะพูดคุยกับน้องตัวเองทีไร เชษฐ์ไชยก็แยกเขี้ยวใส่อัฐษไชยราวกับเป็นเสือหวงเหยื่อ แล้ววิริยะก็เพียงแค่ส่ายหน้าขำ ทำได้แค่เพียงหันกลับไปยิ้มให้เท่านั้น เมื่อถูกเจ้าของบ้านตัวจริงบังคับพาหนีขึ้นไปด้านบน “อาเชษฐ์ ผมกำลังคุยกับอาอัฐษ์อยู่นะ”

คนเดินนำลากวิริยะมุ่งตรงไปที่ห้องพัก “พี่ไม่ชอบให้วิวมองมันด้วยสายตาแบบนั้น”

“ก็อาอัฐษ์หล่อนี่นา ขนาดลองปล่อยหนวดปล่อยเครายังกลบความหล่อไม่ได้ ทำแบบไหนก็ดูเข้าไปหมด”

“จะยั่วโมโหพี่ใช่ไหม” เชษฐ์ไชยถามพลางเปิดประตูพาวิริยะเข้าไป

เด็กหนุ่มหลุดยิ้ม

“ผมพูดความจริงนะครับ แต่ถึงอาอัฐษ์จะหล่อยังไง ผมก็รักอาเชษฐ์คนเดียวนั่นแหละ”

ค่อยโล่งอกหน่อย

ซะที่ไหนเล่า!

เชษฐ์ไชยถอนใจ มองวิริยะที่ทำหน้าลิงค่างล้อเลียนแล้วอดที่จะจับฟัดไม่ได้ ชอบกวนประสาทกันดีนัก คิดแล้วเจ้าของร่างใหญ่ก็กระโจนเข้าหาเด็กหนุ่มโดยวิริยะไม่ทันรู้ตัว เห็นไอ้แสบหน้าเหวอ ตาเหลือกราวไข่ห่านล้มทั้งยืนลงบนเตียง จากนั้นก็หัวเราะคิกเมื่อถูกเขาแกล้งด้วยการจั๊กจี้ ทีแรกก็นึกสนุกใช้มือ แต่หลัง ๆ เริ่มใช้ปากแทนจนวิริยะร้องปรามเสียงลั่น

ทั้งสองใช้เวลามองตา ขณะที่ต่อสู้แกล้งกันไปมาบนเตียง แล้วระบายยิ้ม ความรู้สึกยามอยู่ด้วยกันยังคงอบอวลด้วยรักเหมือนเดิม แม้จะห่างหายไปหลายเดือนและได้ยินเพียงเสียงของกันและกันเท่านั้น

วิริยะหอบเหนื่อยในท้ายที่สุด เด็กหนุ่มพริ้มตารับจูบเชษฐ์ไชย ร่างใหญ่ขยับมาอยู่บนตัว เพื่อบอกว่าคิดถึงเพียงไหนได้อย่างถนัดถนี่กว่าเดิม แม้เวลาที่ไม่ได้อยู่ด้วยกันจะนาน แต่ทุกอย่างมันพิสูจน์ให้ทั้งคู่เชื่อมั่นต่อกันว่าต่างฝ่ายต่างไม่ได้ตัดสินใจผิด และยังคงยึดมั่นในปณิธานของตัวเอง ราวกับว่าทุกอย่างเพิ่งจะผ่านไปเหมือนเป็นเพียงแค่ เมื่อวาน...

 
---------------------------------------------



ออฟไลน์ noonaaRP

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 262
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-1
    • fanpage Noonaa

--ต่อ--

5 ปีผ่านไป

ทุกอย่างในไร่รุ่งอรุณีไม่ได้เปลี่ยนไปนัก นอกจากความร่ำรวยและยิ่งใหญ่ของเชษฐ์ไชย หอพักที่คิดว่าพอกลับต้องสร้างเพิ่มมาใหม่ ฝั่งละสองชั้นเพื่อรองรับคนงาน อาณาเขตปกครองของเชษฐ์ไชยขยายกว้างเพิ่มขึ้น แต่เจ้าของไร่ไม่ได้หนักใจที่จะดูแลผู้คนใต้คำสั่ง เพราะมีคนงานที่ไว้วางใจได้ช่วยเหลืออยู่ตลอดหลังจากสะสางปัญหา

ตลอดสองข้างทางที่เข้ามาในไร่ มีบ้านผุดขึ้นมาใหม่สองหลัง หลังหนึ่งของดำที่เก็บเงินสร้าง ส่วนที่ดินแถวนั้น เชษฐ์ไชยยกให้แปลงหนึ่งเพราะนึกถึงความซื่อสัตย์ที่ดำมีให้หลายปี ทุกวันนี้หนุ่มอีสานมีบ้านและรถ เป็นหัวหน้าคนงานหนุ่มโสด ที่ยังคงขยันขันแข็งและเป็นที่หมายปองของสาว ๆ ในไร่

ส่วนชาติ เชษฐ์ไชยไม่ชอบขี้หน้าเลยไม่ให้ฟรี ๆ แต่มันก็เก็บเงินแล้วบังคับขอซื้อที่และสร้างบ้านแถวนั้นด้วย เวลาอัฐษไชยมาเยี่ยมทีไร ชอบไปนอนค้างที่นั่นเป็นประจำ

เพื่อนร่วมกลุ่มของดำบ้างก็ออกไปทำงานที่อื่น บ้างก็มีครอบครัว เหลือเพียงแค่ไท หมอก และเหนือที่ยังคงทำงานในหน้าที่หัวหน้าแทนรุ่นก่อน ๆ ไทกับเหนือมีเมียแล้ว กำลังตั้งท้องแก่ใกล้คลอด ก็ตา พี่สาวตัวอวบของวิริยะนั่นแหละ

ตอนแรกตาคิดว่าจะลงรอยกับดำเพราะฝีมือวิริยะ แต่ไป ๆ มา ๆ โดนไทจับทำเมียเพราะสเป็กเป็นผู้หญิงอวบ ส่วนส้มกำลังท้องลูกคนที่สองกับเหนือ สองคนนี้เคยเห็นแอบมองกันบ่อย ๆ เป็นคู่ที่น่ารักไม่หยอก จะเหลือก็แต่หมอกและดำนี่แหละที่สาว ๆ เห็นว่าดีและอยากได้ทำพ่อของลูก

เสียงเจื้อยแจ้วของเด็ก ๆ ราวสี่ห้าชีวิตกำลังจับกลุ่มเล่นกัน ขณะที่พ่อแม่ทำงานในไร่ในช่วงบ่ายแก่ของวัน หลังจากเพื่อนออกความเห็นว่าให้เล่นพ่อแม่ลูก หนุ่มน้อยคนหนึ่งเอาแต่ใจหวังจะจับคู่กับเพื่อนชายคนสนิท ในขณะที่คนอื่นออกความเห็นว่าไม่ได้ แต่หนุ่มน้อยก็เถียงจนคอขึ้นเอ็นว่าได้

“ไนน์เป็นผู้ชายจะไปเป็นเมียไอ้บอยได้ยังไง” เพื่อนคนอื่นว่า

เด็กน้อยพองแก้ม “ทำไมจะไม่ได้ ทีคุณวิวยังเป็นเมียลุงเชษฐ์ได้เลย”

เพื่อน ๆ คนอื่นพูดไม่ออก เพราะเห็นกันอยู่ว่าอะไรเป็นอะไร นายเชษฐ์เป็นผู้ชายน่ากลัว แต่มีเมียใจดีจนพวกเด็ก ๆ รักและหลงกันมาก ถึงจะกลัวคนหน้ายักษ์ แต่พวกเด็กน้อยทั้งหลายต่างพากันวิ่งฝ่าความกลัวไปหาเมียของเจ้านายกันบ่อย ไปช่วยจับโน่นหยิบนี่ หรือไม่ก็นวดให้ แล้วมักจะได้ขนมรึไม่ก็เงินกลับมาอวดกัน

“บอยบอกมาว่าอยากได้เราเป็นเมียไหม มีเมียแบบคุณวิวดีจะตาย ใจดีด้วย ถ้าไม่อยากได้เราจะไปเป็นเมียของต้นแทนแล้วนะ” คนกอดอกทำหน้างอ เมื่อเห็นตัวอย่างที่ยกขึ้นมาแล้ว ดูเหมือนทุกคนอยากได้หนุ่มน้อยคนนี้ อยากมีเมียเหมือนคุณวิวกันยกแกงค์  “เรา เราอยาก!”

“ไม่ได้! เราอิ๊บแล้ว” บอยรีบพูด

เมื่อเห็นว่าเพื่อนยอมรับแล้ว เด็กน้อยผิวขาวสะอ้าน แต่งตัวดีและสะอาดกว่าคนอื่นก็ทำเป็นกอดอก ยื่นหน้าหน้าตาน่ารักเข้าไปให้บอย ซึ่งคนถูกกระทำงง ทำหน้าไม่รู้เรื่องมองด้วยความไม่เข้าใจ คนกอดอกจึงยู่หน้าจนแก้มใหญ่พองกว่าเก่าบอกว่า “ก็ทำแบบที่ลุงเชษฐ์ทำทุกวันไง จุ๊บอะ”

“ใช่ นายเชษฐ์ทำทุกวันเลย” เพื่อนคนอื่นเออออ

เพื่อนหนุ่มได้ยินก็เขินหน้าแดงเมื่อนึกถึงตอนเจ้านายทำกับเมีย ไม่กล้าเลียนแบบ แต่เมื่อเห็นว่าทุกสายตาจับจ้อง ก็จำต้องยอมทำตาม ทั้งที่ตัวเองไม่อยากเป็นเชษฐ์ไชยเลย ไม่หล่อ แถมใจร้าย เจอกันทีไรก็ทำเสียงดุ คอยใช้สายตาพิฆาตมองมาอยู่เรื่อยจนพวกเขาตัวสั่นไปหมด เวลาเห็นเชษฐ์ไชยทีไรเด็ก ๆ มักจะเลี่ยงกันประจำ

ที่สำคัญ บอยเคยเดินผ่านกระท่อมท้ายไร่ที่เชษฐ์ไชยห้ามคนเข้าไปในช่วงหัวค่ำ แล้วรู้ความลับเข้าว่านายใหญ่ชอบทำร้ายร่างกายเมีย จนได้ยินเสียงของคุณวิวร้องออกมาตั้งนานสองนาน

แต่ที่แปลกคือเมื่อกลับไปถึงห้องพัก บอยฟ้องพ่อกับแม่ว่าเจออะไรที่นั่น แต่เด็กน้อยกลับถูกพ่อแม่หัวเราะใส่กันยกใหญ่ จากนั้นก็โดนห้ามไม่ให้เดินผ่านตรงนั้นอีก ไม่อย่างนั้นจะโดนนายเชษฐ์ตีอย่างที่ทำกับเมียเข้าสักวัน บอยรู้สึกกลัวคำขู่ของพ่อกับแม่ เพราะเสียงของคุณวิวดูทุรนทุรายเหลือเกิน ตั้งแต่วันนั้น เด็กหนุ่มจึงไม่กล้าเดินไปใกล้กระท่อมหลังนั้นของนายเชษฐ์อีกเลย

“ไนน์! คุณวิวเรียกให้กลับบ้านแล้ว” เด็กน้อยคนหนึ่งวิ่งมาบอก แล้วอวดเพื่อน “นี่! คุณวิวให้ตังค์เราด้วย”

“ไหน ได้แบงค์สีอะไร” ทุกคนตื่นเต้น

“สีแดง” หนุ่มน้อยทำหน้าภาคภูมิใจ

“โอโห้ แบงค์สีแดงซื้อได้เยอะด้วย ไปเถอะ ไปหาคุณวิวกัน ไนน์”

“ไปด้วย” เด็ก ๆ คนอื่นกำลังจะวิ่งไป เหลือแต่บอยที่รู้ว่า อีกไม่นานจะเลิกงานแล้วเชษฐ์ไชยจะกลับมาพอดี เขากลัวที่จะเจอคนดุจนไม่กล้าไปหาคุณวิว หนุ่มน้อยนามว่าไนน์ชะงัก แล้วหมุนตัวกลับไปมองเพื่อนตาแป๋ว วิ่งดุ๊กดิ๊กไปจูงแขนบังคับให้บอยตามมาด้วย

บอยส่ายหน้า “เราไม่ไป เราไม่อยากโดนนายเชษฐ์ดุ”

“ลุงเชษฐ์ไม่ดุหรอกน่า” ไนน์บอก

“ก็ไนน์เป็นหลานนายเชษฐ์นี่นา”

คนเดินนำหน้าคลี่ยิ้มจนแก้มตึง “เดี๋ยวเราช่วยบอยเอง”

ด้วยความที่อยากเจอคุณวิวมาก บอยยอมเชื่อว่าไนน์จะสามารถทำให้ลุงไม่โกรธได้ ทั้งหมดจึงพากันยกโขยงไปยังบ้านหลังใหญ่ที่ปลูกดอกไม้สีขาวกลิ่นหอมไว้ทั่ว เห็นคุณวิวกำลังนั่งรอไนน์ที่โต๊ะเหล็กตัวสีขาวอยู่หน้าบ้าน ซึ่งเมื่อเห็นเด็ก ๆ วิ่งตามหลานชายมาทั้งหมด คนรอก็รู้ดีว่าเจ้าตัวดีที่ได้เงินเพราะช่วยงานเมื่อครู่วิ่งไปอวด

ชายหนุ่มคลี่ยิ้ม เมื่อเห็นเด็กห้าขวบแก้มยุ้ยวิ่งเป็นหัวโจกมาหา ตามเนื้อตัวเต็มไปด้วยเหงื่อและปอนเปื้อนไปด้วยดินทราย “คุณวิว เมื่อกี้คุณวิวให้เงินพี่สกายเหรอครับ ไนน์ขอบ้างสิ” เด็กน้อยทำเสียงแจ้ว หากทว่าคนตัวโตที่สุดยกมือเช็ดเหงื่อให้ไอ้ตัวแสบตรงหน้า

“ไปอาบน้ำก่อนแล้วพี่จะให้ จะถึงเวลามื้อเย็นแล้ว ถ้าลุงเชษฐ์กลับมาแล้วเห็นว่าเราตัวเลอะเทอะสกปรกแบบนี้ มีดุนะ” วิริยะมองเด็กตัวน้อยตรงหน้าอย่างนึกมันเขี้ยว จำได้ว่าเมื่อไม่นานมานี้ยังเห็นตัวแดง ๆ ผู้เป็นแม่หอบมาทั้งน้ำตาแล้วขอร้องให้รับเลี้ยงลูกไว้อยู่เลย เวลาผ่านไปไวเหลือเกิน

จำได้ว่าตอนนั้น แม่ต้อยร้องไห้เสียใจที่หน่อยเกเรและทำตัวเหลวแหลก ส่งไปเรียนในเมืองกลับท้องไม่มีพ่อเสียได้ ผู้ชายก็ไม่ยอมรับเด็กคนนี้จนต้องหอบกลับบ้านมาให้แม่และคนอื่นเลี้ยง

เชษฐ์ไชยโกรธมาก วันนั้นถือไม้เรียวตีหน่อยไปหลายทีที่ไม่รักดี จนวิริยะต้องห้ามเพราะสงสาร และขอรับไนน์มาเลี้ยงเอง ยังไงเด็กก็เกิดมาแล้วและน่ารักมาด้วย ทั้งหมดจึงช่วยกันถู ๆ ไถ ๆ เลี้ยงมาได้จนโตเท่านี้

วิริยะต้องไปเรียนและกลับมาทุกครั้งจะเห็นว่าไนน์โตขึ้นมาก ตอนนี้แม่ของเจ้าตัวก็ยังเรียนไม่จบ แวะมาหาบ้างเป็นบางครั้งจนเด็กน้อยชาชินกับการถูกมองว่าไม่มีพ่อแม่แล้ว

ไนน์ดื้อตามประสาเด็ก แต่ติดวิริยะแจ เป็นไม้เบื่อไม้เมากับเชษฐ์ไชยรองลงมาจากชาติ คุณลุงนี่ก็ขี้หวงแม้กระทั่งกับเด็ก ชอบมาบ่นให้วิริยะฟังว่าไนน์แย่งความรักจากเขาไปหมดแล้ว คิดแล้ววิริยะก็คลี่ยิ้ม

ทุกอย่างผ่านไปไวเหลือเกิน ตั้งแต่เชษฐ์ไชยมารับวิริยะคราวนั้น ทุกครั้งที่ปิดเทอมหรือมีวันหยุดยาวก็จะมาอยู่ที่นี่ เมื่อหมดวันหยุดก็ต้องกลับไปเรียนจนจบ ตอนนี้วิริยะอายุยี่สิบสี่ปี เชษฐ์ไชยย่างสามสิบแปด หลังเรียนจบนายใหญ่ของไร่รุ่งอรุณีก็ไปขอรับวิริยะมาอยู่ด้วย พูดง่าย ๆ ว่าอยู่กันฉันผัวเมียในสายตาคนทั้งไร่

ตอนนี้วิริยะอยู่กับเชษฐ์ไชยได้ปีกว่าแล้ว ความรักของทั้งสองกำลังหวานชื่น เพียงแค่ไม่ค่อยมีเวลาเท่านั้นเอง ทางเชษฐ์ไชยก็ทำงานหนัก ส่วนวิริยะก็ยุ่งอยู่กับการเลี้ยงหลาน แต่เจ้าตัวก็ส่งเงินให้ครอบครัววิริยะอยู่ทุกเดือน พูดเพียงว่าเอาลูกชายเขามาอยู่ด้วย ถึงจะเป็นฝ่ายหาเลี้ยงวิริยะก็จริง แต่ชายหนุ่มก็เรียนจบแล้วและหากทำงาน ก็เป็นที่พึ่งของครอบครัวคนหนึ่งเลยเหมือนกัน ฉะนั้นขอลูกเขามาแล้ว เชษฐ์ไชยต้องรับผิดชอบส่วนนี้แทนวิริยะด้วย

ถึงจะงานเยอะ แต่เชษฐ์ไชยก็ไม่หักโหมเพราะกลัวถูกเมียทิ้ง ถึงวันหยุดทีไรจะพาวิริยะไปหาครอบครัว รับไปเที่ยวกันทั้งหมด แม้แต่พากันยกโขยงไปเที่ยวต่างประเทศก็หลายรอบแล้ว แม้ที่ไร่จะไม่มีแสงสีหรืออะไรหวือหวา แต่วิริยะกลับรู้สึกว่ามีความสุขเหลือเกิน

เสียงรถยนต์คันใหญ่แล่นมาจอดที่สวน บอกเด็ก ๆ ทั้งหลายว่าเสือใหญ่น่ากลัวของไร่มาแล้ว วิริยะรู้ว่าเด็ก ๆ ไม่ชอบเชษฐ์ไชยเลย เพราะหน้าดุ ๆ และชอบทำเสียงห้วนเวลาพูด ทั้งที่ความจริงยามอยู่กับเขาก็เสียงอ่อนเสียงหวานเป็นคนละคน ยังดีที่ไนน์ยอมตามแม่บ้านไปอาบน้ำแล้วเพราะถูกดุ ทิ้งให้เหล่าลิงทั้งหลายวิ่งเล่นอยู่แถวนี้เพราะชายหนุ่มบอกให้รอไนน์ด้วย

เสียงฝีเท้าและกุญแจรถกระทบกันดังมาตามทาง เผยร่างสูงใหญ่ผิวคร้ามแดดเดินตรงมายังมุมนี้ วิริยะฉีกยิ้มเมื่อเห็นเชษฐ์ไชยถอดหมวก เสยผมสั้นเปียกเหงื่อของตัวเองไปพลางและถอดเสื้อแขนยาวไปพลางเมื่อถึงบ้าน

“มาแล้วเหรอครับ” วิริยะเงยมองคนตรงหน้า

มาถึงก็โน้มลงจุ๊บปากเมียเป็นการทักทาย

“มาแล้ว ร้อนเป็นบ้า” ไม่อายสายตาเด็ก ๆ ที่มองอยู่สักนิด

มือหนาวางเงินฟ่อนใหญ่ที่เหลือจากการแจกจ่ายให้คนงานไว้ในมือวิริยะ ให้เอาไปเก็บหรือใช้ตามต้องการ เชษฐ์ไชยไม่เคยถามว่าเงินในตู้เซฟหายไปไหน ยกหน้าที่ให้วิริยะจัดการหมดทุกอย่าง แม้แต่ค่าใช้จ่ายเล็ก ๆ น้อย ๆ ในบ้านก็ยกให้วิริยะทำหมด หลังจากทักทายเมียตัวเองแล้ว นายใหญ่ของไร่ก็มองรอบกายอยู่พักหนึ่ง ถามหาไอ้ตัวดี “ไนน์ไปไหน”

วิริยะพยักพเยิดเข้าไปในบ้าน “อาบน้ำครับ นั่นไง ออกมาพอดี”

“จะหกโมงแล้วเพิ่งหาทางกลับบ้านเจอเหรอไนน์” คนโหดทำเสียงดัง

วิริยะส่ายหน้าให้คนรัก ชอบทำเป็นดุอย่างนี้อยู่เรื่อย

“จะถึงเวลากินข้าวแล้วนะ” วิริยะจับมือเด็กน้อยตรงหน้าบอก

“ไนน์ไม่อยากกิน ยายทำกับข้าวไม่อร่อยเลย ผักเยอะมาก”

“ก็ตัวเองไม่ยอมกินผักเองนี่ เพื่อนคนอื่นเขากินได้หมด ไหนใครกินผักเก่งบ้าง” วิริยะหันไปถามเด็ก ๆ ที่เหลือ ทุกคนกระโดดยกมือบอกว่าตัวเองกินได้ทั้งหมด เห็นแล้วเด็กน้อยก็หน้าจ๋อย ถึงไม่อยากกินแต่อยากเก่งเหมือนเพื่อนบ้าง เห็นแล้ววิริยะก็ยกยิ้ม “งั้นให้กินข้าวกับเพื่อน ๆ อยู่หน้าบ้านนี่แหละ ใครกินหมดก่อนพี่จะให้รางวัล อิน เอาเสื่อมาปูแล้วเอากับข้าวมาวางตรงนี้”

“ตรงนี้เลยเหรอคะคุณวิว” เด็กสาวย้อน แล้วมองเชษฐ์ไชย

“ตามใจเมียฉันซี” ชายหนุ่มกอดอก “อ้อ ถ้าใครไม่ทำงานแลกอย่าให้เงินมันสักบาทนะวิว”

แล้วเดินแยกขึ้นไปข้างบนเพราะความร้อนอบอ้าว อยากไปอาบน้ำแล้วจะได้กอดวิริยะสะดวกขึ้นหน่อย หากไม่สะอาดมีหรือเจ้าตัวจะให้กอดให้หอม

ดูเหมือนหลานชายตัวดีจะบ้ายอ เมื่อให้นั่งร่วมวงทานข้าวกันอยู่หน้าบ้านกับเพื่อน ทุกคนก็แข่งกันยกใหญ่ วิริยะทิ้งเงินไว้กับพี่เลี้ยงให้แจกจ่ายเด็ก ๆ หลังจากที่ทานเสร็จ แล้วบอกว่าให้เล่นกันอยู่แถวนั้นก็พอเพราะใกล้ค่ำแล้ว อีกไม่นานไนน์จะต้องเข้าบ้าน ก่อนที่ชายหนุ่มจะเดินขึ้นไปด้านบน

เข้าไปในห้องพัก เห็นเชษฐ์ไชยกำลังสวมเสื้อผ้าหลังอาบน้ำเสร็จ วิริยะง่วนอยู่กับการเก็บเงินเข้าตู้เซฟข้างเตียง ครั้นลุกขึ้นยืน ขยับถอยหลังหวังจะหมุนตัวไปอีกทิศก็สะดุด ล้มลงไปนั่งบนตักของเชษฐ์ไชยที่มาทรุดอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไรไม่ทราบ ชายหนุ่มหันไปหาคนด้านหลังเพราะความตกใจนิด ๆ แล้วเปลี่ยนมายิ้ม เมื่อเห็นใบหน้าเจ้าเล่ห์ของเจ้าของตัก

“ยิ้มอะไรครับ พี่เชษฐ์”

ลำแขนยาวกอดเอววิริยะแน่น “ยิ้มให้เมียมันแปลกรึไง”

“ไม่แปลกหรอก ถ้ามือไม่ล้วงขนาดนี้” วิริยะก้มลงมองร่างกายตัวเอง ยามถูกมือใหญ่ก่อกวน

“วันนี้จะไปนอนเฝ้าไร่ ไปนอนเป็นเพื่อนพี่ไหม”

คนฟังหลับตาชังให้ “ไปทีไรไม่เห็นได้นอนซักที”

“สรุปไม่ไป”

วิริยะอึกอัก เป็นห่วง ไม่อยากให้เชษฐ์ไชยอยู่คนเดียวที่ไร่ “ปะ ไปครับ”

คนฟังแหงนขึ้นมามองแล้วคลี่ยิ้ม “พี่ซ่อมแคร่ตรงนั้นแล้ว รับรองไม่มีเสียงเอี๊ยดอ๊าดแน่ จะมีก็แต่เสียงร้องใครบางคนนั่นแหละ อายนักก็เก็บให้ดีล่ะ” พูดจบก็จูบบนหลังสองสามที ไม่อยากออกอาการว่าหลงเมียให้ได้ใจนัก แต่ก็หักห้ามตัวเองไม่เคยได้

ก็มันหลงจริง ๆ นี่...

เห็นว่าได้เมียมานอนกอดอย่างนี้เป็นปี แต่นาน ๆ ทีจะได้ทำการบ้านเหมือนกัน ไหนตัวเองจะกลับมานอนสลบปางตาย ไหนบางวันจะมีก้างตัวเล็ก ๆ นอนกอดเมียเขาอีก หาโอกาสได้เชษฐ์ไชยก็ต้องไขว่คว้าสุดชีวิต เพราะค่าตัววิริยะมันแพง

คนถูกฝังริมฝีปากทั่วหลังมุ่นคิ้วเล็กน้อย ก็เชษฐ์ไชยน่ะซี เอาแต่คิดวิธีทำเรื่องทะลึ่งกับวิริยะ คราวที่แล้วไอ้เขาก็เชื่อที่เจ้าตัวบอกว่านอนคนเดียวแล้วรู้สึกกลัว เลยไปอยู่เป็นเพื่อน ที่ไหนได้ เชษฐ์ไชยก็แค่หาโอกาสจู๋จี๋กับเขานอกสถานที่เท่านั้นเอง คิดแล้ววิริยะก็ถอนใจ เปลี่ยนมาคิดในแง่ดีว่าอีกฝ่ายคงรักเขามาก และไม่อยากให้ความรู้สึกมันจืดชืดลงไป เลยหาอะไรที่มันตื่นเต้นทำอยู่เรื่อย

เพียงแค่วิธีการของเชษฐ์ไชยมันออกจะ...แปลกไปสักหน่อยเท่านั้นเอง

วิริยะก้มมองเจ้าของนัยน์ตาคมที่กำลังกกกอดแล้วผุดยิ้มขึ้นมา เมื่อเห็นว่าภายในนั้นยังคงเต็มเปี่ยมไปด้วยความรักและเอ็นดูยามสบกัน นิ้วมือเรียวยาวยกขึ้นแตะบนใบหน้าคมคาย จูบไปจนถ้วนทั่วให้เปื้อนน้ำลายสมกับความรักที่มีให้ ดูเหมือนเขาจะไม่ถูกอีกฝ่ายต่อว่า หนำซ้ำคนถูกกระทำยังแสดงออกว่าชอบนักหนา แหงนเงยให้จูบด้วยสีหน้าราวกับคนทำบุญมาดี

ยิ้มแป้นแล้นจนคนเป็นเมียหมั่นไส้ กัดแก้มไปที

เชษฐ์ไชยทำเป็นโกรธทีเล่นทีจริง จับเมียรักเบี่ยงลงที่นอนแล้วเอาคืนด้วยจูบบ้าง ให้ภายในห้องอันเป็นจุดเริ่มต้นความสัมพันธ์ที่เจ็บปวดของทั้งสองนั้น ทดแทนไปด้วยเสียงหัวเราะแห่งความสุข...



จบ

(มีตอนพิเศษ)

--๑๐๐--
-------------------------------
จบลงแล้ว แต่มีตอนพิเศษอยู่นะคะ จะใส่เรื่องของอาอัฐษ์ติดมาด้วย
อาเชษฐ์ก็จะมีความหลงเมียหน่อย ๆ แถมน้องบอยแกไปได้ยินน้องวิวโดนรังแกด้วย โดนนายเชษฐ์ทำร้ายอะไรน้อ ร้องอยู่นานสองนาน 5555

คอมเม้นกันเยอะ ๆ นะคะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด