**{31.8.61-ตอนพิเศษนอกเล่ม๒ คู่รอง} Cinderella man and the beast
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: **{31.8.61-ตอนพิเศษนอกเล่ม๒ คู่รอง} Cinderella man and the beast  (อ่าน 37695 ครั้ง)

ออฟไลน์ noonaaRP

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 262
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-1
    • fanpage Noonaa

ตอนที่ ๑๘

2 เดือนต่อมา

“ฮัลโหล ไอ้อิก พวกมึงอยู่ไหนกันแล้ว”

วิริยะในชุดลำลองยืนอยู่หน้าร้านอาหารแห่งหนึ่งภายในห้าง ก้มลงดูนาฬิกาด้วยสีหน้าหงุดหงิด เพราะตอนนี้มารอกลุ่มเพื่อนนานกว่าสิบนาที จนทนไม่ไหวต้องต่อสายตรงไปหาเพื่อนรักถามไถ่ว่าพวกมันขี่เกวียนกันมาหรืออย่างไร ถึงได้ช้าขนาดนี้ นัดแล้วดันไม่มาตรงเวลา เดี๋ยวได้หมดเวลาติวหนังสือพอดี

เมื่อได้ยินคำตอบของเพื่อนรักที่กำลังจะกลายเป็นเพื่อนเลว วิริยะร้องเสียงดัง “ฮะ! พวกมึงไปทำห่าอะไรกันอยู่ที่ฟิตเนส จำไม่ได้เหรอว่านัดจะมาอ่านหนังสือ”

“มึงไม่ได้อ่านไลน์กลุ่มอีกแล้วใช่ไหมเนี่ย” อัศวินถามจากปลายสาย

วิริยะเหลือกตาโต “อะไรวะ ไลน์กลุ่มนี่มีกี่กลุ่ม กูเข้าไม่ครบรึยังไง”

“สรุปมึงไม่ได้อ่าน กูเลื่อนนัดแล้ว ไอ้บ้า!”

เด็กหนุ่มยกมือเกาหัว “แล้วทำไมมึงไม่โทรมาบอกละ มึง! เดี๋ยวกูจะออกจากกลุ่มไลน์เดี๋ยวนี้แหละ ไอ้เวร แม่งมาเสียเที่ยว!”

เสียงอัศวินหัวเราะสะใจขนาดหนัก พูดกลับมาว่า “เออ มึงก็อย่าให้มันเสียเที่ยวสิ หาอะไรสนุก ๆ แถวนั้นทำไป”

“ก็มันมะ...” ทำท่าจะเถียงว่าไม่มีอะไรน่าสนุกทั้งนั้น หากแต่ว่าดวงตากลมเหลือบไปสบเห็นอะไรอีกฝั่ง จนลืมว่ากำลังคุยโทรศัพท์อยู่ อะไรสักอย่างที่ดึงความสนใจวิริยะไปหมดสิ้นแล้ว เด็กหนุ่มเห็นชายตัวใหญ่สูงกำลังเดินหน้าเคร่งมาพร้อมกับเลขาและคู่ค้าอีกสองสามคน บนตัวสวมสูทผูกไทเป็นทางการ ใบหน้าที่เคยมีหนวดเครายาวครึ้มสะอาดสะอ้านจนเปลี่ยนไป หากทว่าวิริยะจำได้ว่าเป็นใคร

ผิดจากภาพนายใหญ่ของไร่รุ่งอรุณีลิบลับ

“ไอ้อิก!” วิริยะกรอกสายเสียงกระซาบ วิ่งหลบไปยังหัวมุมเมื่อเห็นว่าเชษฐ์ไชยกำลังเดินตรงมาทิศนี้ จุดมุ่งหมายอีกฝ่ายคงเป็นร้านอาหารเพื่อคุยธุรกิจ

ครั้นหลบร่างบริเวณหัวมุมของร้านได้อย่างปลอดภัยแล้ว วิริยะอดคิดไม่ได้ว่านี่มันบังเอิญเกินไป “อย่าบอกกูนะ ว่านี่ฝีมือมึง!” น้ำเสียงของเด็กหนุ่มฉุนเล็กน้อย แล้วลอบชะโงกออกไปดูลาดเลาว่าถูกเห็นรึไม่ พบเชษฐ์ไชยกำลังพาคู่ค้าเดินเข้าไปด้านในพอดิบพอดี ด้วยรอยยิ้มที่ไม่ได้เห็นนานแล้ว รอยยิ้มที่วิริยะพรากไป

“พูดอะไรวะวิว” อัศวินย้อน

“มึงไม่ต้องมาไขสือ มึงหลอกกูมาเจออาเชษฐ์ใช่ไหม”

อัศวินหัวเราะ “ว้า พลาดแล้วเรา”

“ไม่ต้องมาขำเลย กูไม่สนุกด้วย”

“ก็ไม่ได้จะให้สนุกนี่หว่า กูอยากให้มึงกับอาเชษฐ์คุยกัน งอนกันยาวเกินไปแล้วเนี่ย” เพื่อนรักใช้เสียงจริงใจ ได้ฟังแล้ววิริยะมุ่ยหน้าด้วยความโมโห กรอกสายกลับไปว่า “ถ้าขืนอาเชษฐ์เจอกูคงไม่คุยอะไรสักคำหรอก คงวิ่งไล่ฟาดงวงฟาดงา จับกูหักเป็นสองท่อนให้สมกับความแย่ที่กูทำใส่วันนั้น”

“อาเชษฐ์ไม่ทำแบบนั้นหรอกน่า มีแต่มึงนั่นแหละคิดเองเออเอง” อัศวินตอบ

“ไม่เอา ยังไงก็ไม่อยากเจอ”

“กูรู้นะว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นระหว่างมึงกับอาเชษฐ์”

วิริยะเบิกตา “แต่มึงควรรู้คนสุดท้ายนะเว้ย เพราะคนที่กูชอบคือมึงอะ”

“แค่เคยชอบไหม แต่อาเชษฐ์ดันคิดว่าคนที่มึงชอบคืออาอัฐษ์ แล้วตอนนี้อาเชษฐ์ก็งอนอาอัฐษ์มากด้วย ตั้งแต่ไปหามึงวันนั้นก็นับครั้งที่คุยกันได้เลย” อัศวินเล่าเรื่องที่ผ่านมาให้วิริยะฟังตามความจริง พร้อมกับเด็กหนุ่มฝั่งนี้ที่หน้าร้อนฉ่าเพราะความงุนงง ไม่เข้าใจ “อาอัฐษ์เกี่ยวอะไรด้วยวะ!”

“ก็นี่ไง ถึงได้อยากให้คุยกัน”

“ไม่เอา ไม่คุยอะไรทั้งนั้น” วิริยะส่ายหน้าราวกับกลัวเพื่อนรักจะเห็น

“แน่ใจ๊ แล้วห้ามมาทำมิวสิควิดีโอเป็นหมาถูกทิ้งให้กูเห็นอีกนะ”

“กูไม่ใช่หมา แล้วก็ไม่ได้ถูกทิ้งด้วย ฝ่ายกูเป็นคนทิ้งอาเชษฐ์ต่างหาก จำใส่สมองใหม่ซะนะ” วิริยะกดวางสายพร้อมหัวใจเต้นตึกเพราะเรื่องที่เถียงด้วย เมื่อพูดถึงทีไรก็รู้สึกเหมือนถูกเข็มแทงลงบนหน้าอก เพราะเขาไม่ได้รู้สึกภาคภูมิใจเลยที่ทำเช่นนั้น มันเจ็บจี้ดจนแทบหายใจไม่ออก

วิริยะผ่อนปรนอารมณ์ตัวเองอยู่ครู่หนึ่งแล้วทำใจ ค่อย ๆ ย่องเดินผ่านหน้าร้าน มองเข้าไปในกระจกอีกครั้งเพราะยังอยากเห็นหน้า สองเดือนแล้วที่ไม่ได้เจอ อยากเห็นว่าเชษฐ์ไชยเป็นอย่างไรบ้าง

ปรากฏร่างของเชษฐ์ไชยที่นั่งตรงกันข้ามกับลูกค้า กำลังพูดจาสีหน้าจริงจังอยู่ไม่หยุด สายตาของเด็กหนุ่มชะงักอยู่บริเวณใบหน้าหล่อเหลานั้นเพื่อเก็บงำภาพนี้ไว้ในความทรงจำ หายจากกันไปสองเดือน เชษฐ์ไชยดูหล่อและเนี๊ยบมากขึ้นแทบจะเหมือนกับอัฐษไชย แต่ด้วยความรู้สึก วิริยะสามารถแยกออกได้ภายในพริบตาเดียวว่าใครพี่ใครน้อง และใครที่ทำให้หัวใจเต้นแรงได้อย่างนี้

แต่...แม้จะดูดีขึ้นเพียงไหน เด็กหนุ่มกลับกำลังคิดว่าอีกฝ่ายดูฝืนทนเหลือเกิน ไม่เป็นตัวของตัวเองเลย ไม่เหมือนตอนที่อยู่ในไร่สักนิด

วินาทีหนึ่ง ใจของวิริยะชาวาบเมื่อนัยน์ตาคมนั้น จากสบกับคู่สนทนาก็ผละมามองทิศนี้ราวกำลังรู้ว่าถูกแอบมอง วิริยะหลบร่างไม่ทัน ทำได้เพียงยืนขาแข็งอยู่ตรงนี้เมื่อถูกจับได้ แต่ยิ่งไปกว่าสายตาคมเฉียบของเชษฐ์ไชยที่ทำให้ใจสั่นไหว คือท่าทีเมินเฉยของอีกฝ่ายนั้นกระมังที่ทำให้วิริยะแพ้พ่าย

เขาเพิ่งรู้ ว่าตัวเองกลายเป็นอากาศไปแล้ว เชษฐ์ไชยมองผ่านเขาไปอย่างไม่ใยดี

เจ็บที่หัวใจจัง

วิริยะหันมากุมหน้าอกตัวเองแล้วเดินหลบเลี่ยงออกมา ภายในสมองพร่ำบอกว่าอีกฝ่ายยังคงโกรธอยู่เท่านั้น แต่อีกความคิดหนึ่งก็บอกเด็กหนุ่มว่าเชษฐ์ไชยอาจหมดรักไปแล้ว

ทิ้งเขาเอง แล้วจะมาเสียใจแบบนี้ไม่ได้นะวิว ไม่ได้...

 

หลังจากเปิดเทอม ช่วงวันหยุด วิริยะจะใช้เวลาอยู่กับการนอนเอื่อยเฉื่อยอยู่บนโซฟา หรือไม่ก็ลุกไปหยิบทำโน่นทำนี่จนกลายเป็นนิสัย งานบ้านงานเรือนไม่เคยได้ตกถึงมือแม่เลี้ยงกับพี่สาวสักที แต่วันนี้เมื่อกลับมาถึงบ้าน วิริยะไม่เป็นอันทำอะไร นอกจากหยิบขนมในตู้มานั่งกินไปพลาง ดูทีวีไปพลาง

ผู้เป็นพี่สาวที่จับตามอง เห็นแล้วก็เพียงแค่ถอนใจ

กระทั่งเย็นแล้ว รายการข่าวมาแทนที่ช่วงบันเทิง ปรากฏร่างของคนที่กัดกินความคิดวิริยะขึ้นมาบนหน้าจอ กำลังจับมือกับใครสักคนที่น่าจะอยู่ในวงการธุรกิจเดียวกัน เสียงผู้ประกาศข่าวพูดเล่ารายละเอียดอะไรให้ฟัง วิริยะไม่ได้ให้ความสนใจมากเท่ากับการมองใบหน้าหล่อคมคายนั้นอย่างไม่วางตา

“เก่งเนอะ ธุรกิจกำลังไปได้สวยเลย” ทรายพูดขึ้น เมื่อเห็นเด็กหนุ่มยังไม่หยุดจ้อง

“ฮะ อะไรนะ” วิริยะย้อน

“ก็อีตาหน้าโหดนั่นไง นี่แกไม่ได้ดูอยู่หรอกเหรอ”

เด็กหนุ่มไม่ได้ตอบกลับ เพราะกลัวทรายล้อเรื่องที่ผ่านมา หล่อนได้ยินทุกคำที่เด็กหนุ่มคุยกับเชษฐ์ไชยวันนั้น อีกนัยหนึ่งก็คือรู้สึกเสียใจกับการตัดสินใจของตัวเองและไม่อยากพูดให้เจ็บใจ แค่นี้ก็จะบ้าอยู่แล้ว วิริยะถอนใจเฮือกใหญ่แล้วเอนหลังพิงพนักโซฟา เคี้ยวขนมอย่างไม่รู้จะหาหนทางให้ตัวเองไม่รู้สึกคาราคาซังอย่างนี้ได้อย่างไร

คนง่วนอยู่กับการทำงานด้านหลังเหลือบมอง ยิ่งได้ยินเสียงถอนหายใจก็ยิ่งคิดว่าควรพูดอะไรบ้าง เพราะตั้งแต่ที่วิริยะร้องไห้วันนั้นก็เป็นคนไม่มีชีวิตชีวาเอาเสียเลย แม้จะทำเป็นบ้า ๆ บ๊อง ๆ กลบเกลื่อนก็ตามที สำหรับทรายที่โตมาด้วยกันยังไงก็กลบไม่มีทางมิด “แกจะอยู่อย่างงี้อีกนานไหมวิว”

วิริยะโผล่หัวจากพนักพิงมองไปด้านหลัง ในปากเต็มไปด้วยขนม “ก็มันไม่มีอะไรทำเลยซักอย่าง พ่อไม่ยอมให้ทำงานพิเศษแล้วอะพี่” มุ่นคิ้วทำหน้าเซ็ง ตอบหล่อนตามที่คิดและเข้าใจความหมายของคำถาม

คนฟังส่ายหน้า “ฉันหมายถึงเรื่องของแกกับเขา”

เด็กหนุ่มชะงัก

“ผมไม่อยากคุยเรื่องอาเชษฐ์” แล้วก็หันหลังกลับมาที่เดิม บอกว่าไม่อยากคุยเรื่องนี้จริง ๆ

“แล้วถ้ามีหมาตัวไหนคาบไป แกจะไม่หวงก้างใช่ไหม” ถ้อยคำที่พี่สาวใช้นั้นช่างแสบสัน และแทงที่หัวใจของวิริยะจนแทบจะพรุนราวรู้ว่าจะพูดยังไงให้เจ็บที่สุด เด็กหนุ่มหน้างอ หันกลับมาหาทราย

“เอาไปเลย ใครอยากได้ก็เอาไป”

“แน่นอน คอยดูก็แล้วกัน พี่แกขยันออกสื่อขนาดนี้เดี๋ยวได้มีมือดีมาฉกไปแน่ ทั้งหล่อทั้งรวยทั้งโสด มีใครไม่อยากได้เป็นผัวบ้างยะ” ก็จริงอย่างที่ทรายพูด เด็กหนุ่มหน้าบึ้งแล้วฉุกคิดตามว่าตอนนี้เชษฐ์ไชยก็ดูหล่อเหลาเหมือนพระเอกฮอลลีวู้ด ไม่แปลกที่ใคร ๆ จะชอบและเข้าหา ไหนจะคุณสมบัติรูปหล่อพ่อรวย กระบวยอันใหญ่นั่นอีก ไม่นานคงได้มีสาวแห่ขอดูกระบวยกันเป็นพรวนแน่

ไม่ได้ ต้องให้เขาดูคนเดียว!

เรื่องของรตรีหรือผู้คนไม่ยอมรับไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไปแล้ว ตอนนี้เชษฐ์ไชยก็เมินเขา นั่นสามารถบอกวิริยะได้เป็นอย่างดีว่าเจ้าตัวใกล้พร้อมที่จะมีใหม่แล้ว

แต่ก็ไม่ได้อีกนั่นแหละ เขาจะหน้าด้านกลับไปหาเชษฐ์ไชยได้ยังไง ในเมื่อทรยศและทำร้ายจิตใจอีกฝ่ายตั้งขนาดนั้น

“คนบางคนก็โง๊โง่ ทิ้งเขาได้ไม่ถึงห้านาทีก็ร้องไห้ขี้มูกโป่ง” เสียงนกเสียงกาแถวนี้ดังเข้ามาแทรกความคิด และดูเหมือนทรายจะไม่ยอมหยุดแต่โดยง่าย ทำอย่างกับวิริยะไม่รู้ว่ากำลังถูกหล่อนเกลี้ยกล่อมให้เป็นฝ่ายไปง้อเชษฐ์ไชย ไม่ต้องบอกให้ทำ วิริยะก็เผลอคิดอยากทำอยู่ทุกวัน แต่ติดอยู่ที่ว่าเขาหน้าด้านไม่พอ

“เฮ้อ กลัวเหลือเกินว่าจะคิดได้ก็ตอนที่สาย คราวนี้ได้ร้องไห้ข้ามปีแน่”

เด็กหนุ่มยกมือกุมขมับ “ไม่ต้องมาบ่น พี่ไม่เข้าใจผมหรอก”

“ที่กลัวอะไรไม่เข้าเรื่องน่ะเหรอ แบบนี้เขาเรียกพวกปอดแหกต่างหาก”

“ไม่รู้เว้ย ไม่เอา ไม่อยากฟัง...” เด็กหนุ่มส่ายหน้าแล้วล้มตัวลงนอนบนโซฟา เอาหมอนอุดหูไม่อยากพูดหรือคุยอะไรอีกต่อไป เพราะแค่เสียงในความคิดก็เพียงพอแล้วที่จะด่าว่าตัวเองให้เจ็บแสบ ภายในสมองมีแต่คำต่อว่าที่เขาตัดสินใจผิด เขารักเชษฐ์ไชย และเขาต้องเป็นบ้าแน่หากไม่ทำอะไรสักอย่างให้เสียงพวกนี้มลายหายไป

โทรศัพท์ในกระเป๋าวิริยะสั่นครืดชวนให้อารมณ์เสีย ใครกันที่โทรมาเอายามนี้ ไม่รู้หรือไรว่าเจ้าของของมันกำลังจะเป็นบ้าแล้ว แต่เมื่อเห็นว่าเป็นเบอร์อัศวินเพื่อนรักจอมวางแผน เด็กหนุ่มเบิกตาตกใจและชะงักหยุดคิดว่า หรืออีกฝ่ายจะโทรมาเล่าเรื่องเกี่ยวกับเชษฐ์ไชยให้ฟังอีก ซึ่งเมื่อได้คำตอบแล้ว วิริยะก็รีบกดรับสาย “มีไร ไอ้เลว”

“อาเชษฐ์กำลังจะกลับไร่ แล้วก็จะไม่กลับมาที่นี่อีกต่อไปแล้ว”

วิริยะถลึงตาจนเหลือกเท่าไข่ห่านรีบลุกขึ้นยืน เรียกให้ทรายหันมองตาม พอเดาก็รู้ว่ามีเรื่องน่าตกใจเกิดขึ้น แม้ว่าไอ้น้องนอกไส้ทำทีเหมือนไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตายก็ตามที หล่อนมองตามวิริยะที่ผ่อนลมหายใจ สั่งตัวเองให้นั่งลงคุยโทรศัพท์ต่อ “แล้วมึงมาบอกกูทำไม กูไม่เห็นอยากรู้เลย”

ทั้งที่ความจริงเหงื่อผุดเป็นเม็ดข้าวโพดแล้ว ยังจะท่าเยอะอีก

“อย่าลีลาไอ้วิว คราวนี้กูไม่ได้พูดเล่น มึงจะไม่ได้เจออาเชษฐ์ได้ง่าย ๆ แล้วนะ”

เด็กหนุ่มนิ่ง พูดไม่ออก “ละ แล้วทำไมอาเชษฐ์ถึงตัดสินใจแบบนั้น ก็ไหนบอกว่ารับหน้าที่เป็นผู้บริหารแล้ว แล้วจะรีบกลับไร่ไปทำไม”

“กูไม่รู้เว้ย นี่กูกลับมาแล้วอาเชษฐ์เพิ่งบอกว่าจะไป กูเลยรีบแอบโทรหามึงเนี่ย ตอนนี้อาเชษฐ์กำลังเก็บผ้าอยู่ อีกสักพักคงจะออกไปแล้ว”

“จะออกไปแล้ว!” วิริยะร้องด้วยความตกใจ เริ่มอยู่ไม่ติดที่

“จะเดินอะไรนักหนา เวียนหัว!” ทรายแสร้งบ่นเมื่อเห็นวิริยะหน้าเปลี่ยนสี

คนทำเป็นวางท่าเริ่มเก๊กไม่อยู่ หน้าแดง เหงื่อแตกทั้งเดินวนไปมาราวคนขาดสติ กระทั่งเลือกที่จะตัดสายแล้ววิ่งเข้าไปในห้องนอนของบิดา ขโมยกุญแจอย่างอุกอาจ ไม่สนอิงอรที่กำลังง่วนอยู่กับการทำความสะอาดแม้แต่นิด ตั้งแต่ธเนศกลับไปทำงานที่แท่น นางก็เริ่มชาชินกับการเห็นลูกเลี้ยงผุดตรงโน้นทีตรงนี้ทีแล้ว แต่คราวนี้ไหงกุญแจรถถึงหายไปได้

มารู้ตัวอีกทีก็ได้ยินเสียงสตาร์ทจากข้างล่าง “ว้าย! ทราย ไอ้วิวมันขโมยรถอีกแล้ว”

“ช่างมันเหอะแม่ เดี๋ยวมันก็กลับ” หญิงสาวผู้ง่วนอยู่กับโครงงานแอบคลี่ยิ้ม ยามได้ยินสุ้มเสียงร้อนใจของมารดา แต่ตอนนี้ใครที่ไหนเล่า จะใจร้อนเท่าไอ้น้องที่กำลังขับรถออกไป

นานเท่าไรไม่รู้ที่วิริยะไม่ได้ไปเหยียบบ้านหลังใหญ่ของเพื่อนรัก เด็กหนุ่มพอจำทางได้ บังคับขับเคลื่อนยานพาหนะที่พ่อทิ้งจอดไว้บ้าน ดำเนินไปตามความคาดหวัง แม้จะใจร้อน แต่วิริยะไม่ได้ขับเร็วกว่ากำหนดเพราะรู้ถึงอันตรายดี จริงอยู่ว่าอีกไม่นานจะสิบแปดแล้ว แต่ถึงอย่างไรก็อาจโดนตำรวจจับอยู่ดีเพราะเขาไม่ทำตามกฎหมาย

ไม่รู้ว่าเร็วหรือช้า วิริยะมาถึงบ้านของเชษฐ์ไชย เห็นประตูรั้วใหญ่เปิดทิ้งไว้ก็รีบขับรถเข้าไป ใจที่ว่าตื่นเต้นก็พลันชื้นขึ้นเมื่อเห็นรถปิ๊กอัพของไร่จอดอยู่ แต่จู่ ๆ ไฟท้ายก็ติด บอกได้ว่าเครื่องยนต์ถูกสตาร์ทแล้วและเชษฐ์ไชยคงกำลังจะเดินทางกลับ วิริยะขับไปจอดขวางอยู่ที่ท้ายรถคันนั้นแล้ววิ่งลงไปอย่างสุดชีวิต ยังดีหน่อยที่อีกฝ่ายยังไม่ทันปิดกระจกด้านคนขับ เด็กหนุ่มจึงได้ที วิ่งไปเปิดประตูแล้วหมุนดับเครื่อง ดึงกุญแจรถมาเสียดื้อ ๆ

“เฮ้ย!” เชษฐ์ไชยเงยขึ้นมองผู้ที่โผล่มา วิริยะถอยกรูดออกจากตัวรถ แอบซ่อนของกลางไว้ข้างหลังไม่ให้เชษฐ์ไชยที่ลุกขึ้นยืน ทำหน้าเรียบย่างสามขุมตามมาแย่งกุญแจรถคืนไปได้

“เอากุญแจคืนมา”

เด็กหนุ่มพยายามทำหน้าให้เป็นปรกติ ลืมเรื่องที่เคยพูดจาทำร้ายอีกฝ่ายไป “ไม่เอา”

คนตรงหน้าเริ่มมีท่าทางโมโห “บอกให้เอามา”

“อย่าเพิ่งไปได้ไหมครับ คุยกันก่อน”

“ฉันไม่คุย เอากุญแจรถมาแล้วแยกย้ายกันซะ”

น้ำเสียง ถ้อยคำที่เชษฐ์ไชยใช้นั้นดูห่างเหินเหลือเกิน

“วันนั้นผมโกหก ทุกคำที่ผมพูดผมโกหก!” เด็กหนุ่มร้องบอก ในขณะที่พยายามถอยออกห่างเมื่อเจ้าของใบหน้าดุก้าวเข้ามาใกล้ โดยมุ่งหวังจะยื้อแย่งของในมือวิริยะคืนไปแล้วกลับไปที่ไร่ แต่ก่อนจะจาก วิริยะอยากให้อีกฝ่ายมองเขาเสียใหม่ เพียงแค่ถูกมองด้วยสายตาเย็นยะเยือกเฉยชาเช่นนี้ก็เหมือนโดนบีบหัวใจ รู้สึกเจ็บไปถึงขั้วหัวใจ

“เธอโกหกก็จริง แต่มันถูกทุกอย่าง” เชษฐ์ไชยจ้องนัยน์ตากลมเบื้องหน้า ซึ่งมันก็เริ่มซีดลงหลังได้ฟัง “ฉันมาคิดทบทวนได้ทีหลัง ว่าถ้าเราไม่รักกันอะไรมันก็คงจะดีกว่านี้ ขอบใจ ที่ชี้ทางสว่างให้ ขอบใจที่อุตส่าห์สงสารบอกกันตรง ๆ ฉันเองก็จะบอกเธอตรง ๆ เหมือนกัน”

ภายในนัยน์ตาของเชษฐ์ไชยไม่เหลือวิริยะอยู่ในนั้นแล้ว

ความรุมร้อนแล่นเข้ามาที่เบ้าตาของวิริยะเมื่อได้ฟัง และได้เห็นทีท่ายามชายเบื้องหน้าพูด ไม่ทันได้มองด้านหลังว่าสุดทางเดินแล้ว ลำขาสะดุดกับขอบคอนกรีตของโรงรถแล้วร่างของเด็กหนุ่มร่วงล้มลงไปกระแทกบนพื้นสนามหญ้า หากทว่าไม่ได้ตกใจและรู้สึกเจ็บเลย เพราะนัยน์ตาคมแสนเฉยชาของเชษฐ์ไชยกำลังสะกดวิริยะอยู่

“เธอรู้จักฉันดีนี่ ว่าไม่มีทางกลับไปหาอดีตแน่”

เชษฐ์ไชยพูดเสียงเบา พลางเอื้อมมือยื่นมาให้

เด็กหนุ่มกะพริบตาไล่อะไรต่าง ๆ นานาออกไป แล้วยกแขนรับความช่วยเหลือ

“เพราะงั้นเลิกคิดได้แล้ว ว่าเราจะเป็นเหมือนเดิมได้”

คนกล่าวผละไปหยิบพวงกุญแจที่หล่นอยู่แถวนั้นแล้วจากไป ปล่อยให้มือของวิริยะส่งไปเก้อ

ก็ไม่คิดว่ามันจะง่ายนักหรอก เขาเตรียมใจมาแล้ว

เด็กหนุ่มมุ่นคิ้ว มองตามแผ่นหลังกว้างนั้นเดินตรงดิ่งไปยังรถของไร่แล้วขับออกไป ไม่ได้สนใจหันมองว่าตอนนี้วิริยะเป็นอย่างไร เฉกเช่นวันที่เด็กหนุ่มพูดจาทำร้ายจิตใจอีกฝ่าย วิริยะลุกขึ้นยืนเมื่อเห็นดังนั้น มองตามรถของเชษฐ์ไชยไปจนสุดสายตา พยายามไล่น้ำไม่ให้รื้นชื้นเต็มเบ้า พร่ำบอกว่าเป็นเพราะทำตัวเองมันถึงได้เป็นอย่างนี้ จะมาร้องไห้เหมือนเมื่อก่อนไม่ได้อีกแล้ว

สมแล้ว ที่ทำกับเชษฐ์ไชยมันยังไม่พอเลย

แต่แค่นี้ วิริยะไม่ยอมหรอก

หนักว่านี้เด็กหนุ่มก็เคยเจอมาแล้ว คอยดูเถอะว่าจะเป็นเหมือนเดิมได้ไหม

 

3 เดือนต่อมา

ดูเหมือนทุกอย่างกำลังดำเนินผ่านไปโดยไม่รอท่า หลังเลิกงานแล้วเจ้าของไร่ก็เดินขึ้นมาบนห้องพัก ถอดผ้าผ่อนโยนใส่ตะกร้าแล้วเดินเข้าไปในห้องอาบน้ำชำระร่างกาย หลังโกนหนวดโนเคราแล้วเสร็จคนตัวใหญ่ก็หันมาเช็ดผมสั้น ๆ ให้พอหมาดแล้วปล่อยให้มันแห้งตามธรรมชาติ ง่ายกว่าช่วงผมยาวตั้งเยอะ รู้อย่างนี้ตัดตั้งนานก็ดี

ดูหล่อกว่าเป็นลิงตั้งเยอะ

มือใหญ่ชะงัก เมื่อเสียงของใครสักคนที่บังคับให้ทำดังผุดขึ้นมาในหัว พร้อมด้วยหน้าใส ๆ และแววตาล้อเลียนนั้น เชษฐ์ไชยสะบัดทิ้งไป บอกว่าเขาควรอยู่กับปัจจุบันแล้วลืมอดีตแย่ ๆ พวกนั้นทิ้งไปเสีย

ชายหนุ่มโยนผ้าเช็ดผมลงในตะกร้าที่ใช้แล้ว แล้วถอนใจ เปิดประตูกะว่าจะหาเสื้อผ้าสวมใส่แล้วลงไปทานมื้อเย็น หากทว่าต้องชะงัก เมื่อเหลือบไปเห็นใครยืนยิ้มทำหน้าแป้นอยู่ ราวกับรู้ว่าชายหนุ่มกำลังอยู่ในห้องน้ำ ซึ่งใครคนนั้น คือคนเดียวกันที่เชษฐ์ไชยกำลังนึกถึงตอนนี้

ไม่จริง เขากำลังเพ้ออยู่

เด็กตรงหน้าคลี่ยิ้มกว้าง “อาเชษฐ์ครับ ปิดเทอมเล็กแล้ว ขอผมอยู่ด้วยคนนะ”

วิริยะจะมายืนยิ้มอะไรที่นี่!

ชายหนุ่มนิ่ง จ้องคนตรงหน้าราวกับไม่เชื่อ คิดว่าตัวเองไม่ได้แค่แพ้อ เขายังเห็นภาพหลอนว่าวิริยะพูดคุยด้วยอย่างเป็นตุเป็นตะ นี่คงเป็นเพราะผลพวงจากการทำงานหนักแล้วให้ฮอร์โมนทำงานผิดปกติแน่ ๆ !

--๕๐--

----------------------------------------------------------

กลับมาสายฮาเหมือนเดิมแล้ว รู้สึกดราม่าไม่ขึ้น แฮ่!

มารอดูกันว่าน้องวิวจะตามง้อคุณอายังไง รับรองแต่ละวิธีจะฮาและน่ารักมากกกกก

แล้วจะขยันอัพและตั้งใจเขียนนิยายสนุก ๆ ให้อ่านกันนะคะ

อย่าลืมทิ้งคอมเม้นเป็นกำลังใจให้หนูนาเด้อ พากลับมาหาหนุ่ม ๆ บอยแบนด์แล้ว

ใครคิดถึงดำบอกได้ อิอิ

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
 :pig4:

ออฟไลน์ ●GreenTEA●

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 684
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-2
ดีกันเร็วๆน้าา

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
 :pig4:

ออฟไลน์ nunda

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3004
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-2
เราสงสารอาเชษฐ์มากเลยนะ
คำพูดวันนั้นของวิวมันแรงและทำร้ายจิตใจของอาเชษฐ์มากจริงๆ
คนเคยมีปมอยู่แล้ว ยังมาถูกคนที่รักพูดจาร้ายๆใส่อีก
ช่วงที่ผ่านมาคงได้แต่ทำใจอย่างเจ็บปวด เฮัอออ

ส่วนวิว เด็กนัอยเอ๋ย ไม่รู้จะพูดยังไงดี รอดูต่อไปล่ะกัน
ถ้ามันไม่ดีขึ้น ก็คงได้แต่โทษอาเชษฐ์ว่าไม่น่ามารักเด็กเลย...

ออฟไลน์ muiko

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +98/-3
สมน้ำหน้าดีมั้ยเนี่ย
คิดช้าจังน้าวิว สองเดือนกว่าจะคิดได้
สามเดือนกว่าจะกลับไปง้อที่ไร่
สงสารต้องง้ออาเชษฐ์เยอะๆหน่อยแล้วหล่ะมั้ง

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
ตัวจริง ไม่จริง ก็เข้าไปกอดซิ จะได้รู้ว่าเพ้อ หรือ ไม่เพ้อ  :katai3:

ออฟไลน์ Yara

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-2
ยั่วอย่างเดียว เดี๋ยวอาเชษฐ์ก็ทนไม่ได้เอง 555

ออฟไลน์ BAKA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3025
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-10
อุ้ย น้องวิวตามไปง้อแล้ว สู้ๆนะทั้งคู่เลย

ออฟไลน์ noonaaRP

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 262
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-1
    • fanpage Noonaa

(ต่อ)

“เดี๋ยวสิครับอาเชษฐ์ เดี๋ยว...”

เสียงฝีเท้าสองคู่ประสานกันด้วยความรวดเร็วเพราะความใจร้อนของคนนำ วิริยะทำหน้ามุ่ยเดินตามหลังเชษฐ์ไชย ทันทีที่เห็นเขายืนรออยู่ในห้อง เจ้าตัวก็หยิบเสื้อผ้าสวมใส่ แล้วคว้ากระเป๋ากับแขนของวิริยะพาเดินออกมา จุดมุ่งหมายคงจะเป็นด้านล่าง นี่จิตใจจะไม่สงสารกันบ้างเลยเหรอ เด็กหนุ่มอุตส่าห์บากหน้ามาหาถึงที่แล้วแท้ ๆ

แต่เชษฐ์ไชยไม่รู้อะไรหรอก

วิริยะยิ้มเผล่ เขาคิดไว้อยู่แล้วว่าเชษฐ์ไชยต้องต้อนรับด้วยวิธีนี้ ซึ่งเด็กหนุ่มก็วางแผนไว้อย่างรอบคอบแน่นหนา เชษฐ์ไชยไม่มีทางกล้าไล่เขากลับบ้านได้อย่างแน่นอน วิริยะก้มลงมองมือใหญ่ที่กุมจับแขน ก่อนที่เชษฐ์ไชยจะชะงักเท้ากึกเมื่อพาเขามาด้านล่าง แล้วเห็นครอบครัวของวิริยะกำลังยืนสำรวจรอบบ้านรออยู่ ซึ่งเมื่อเห็นเจ้าของสถานที่ลงมาแล้วธเนศก็ยกยิ้ม เดินตรงมาหาทันที

“คุณเชษฐ์ บ้านสวยจังเลยนะครับ”

“ใช่ค่ะ น่าอยู่มากเลย” อิงอรสมทบ ไม่พ้นทำสายตาวาววับยามมองรอบกาย ในขณะที่ทรายกับแพรวายืนส่งยิ้มให้อยู่ด้านหลัง

เชษฐ์ไชยนิ่งไปพักหนึ่ง ไม่รู้จะเล่นงานวิริยะวิธีไหน ในเมื่อเจ้าตัวเลือกใช้ครอบครัวมาต่อรองอย่างนี้ ชายหนุ่มกระตุกให้เด็กด้านหลังมายืนข้างกาย แล้วมองบิดาของวิริยะที่พูดต่อ “ขอโทษด้วยที่พวกเรามาโดยไม่บอกก่อน แต่วิวคาดคั้นว่าอยากมาหาคุณให้ได้ บอกว่าคิดถึง”

เจ้าของนัยน์ตาคมหน้าบูดเหลือบไปสบไอ้จอมวางแผน มุ่นคิ้ว

“เจ้าตัวจะอยากมาที่นี่ทำไม ที่นี่มีแต่ลำบาก”

“ต๊าย ลำบากอะไรละคะ น่าอยู่จะตาย ว่าแต่ไร่ที่ขับรถผ่านมานี่ของคุณเชษฐ์หมดเลยรึเปล่าคะ”

“แม่!” ทรายสะกิด

“อะไร แม่ก็แค่ถามดู”

“ของอาเชษฐ์หมดเลยครับ” วิริยะรีบตอบด้วยสีหน้าสดใส ไม่สนใจท่าทางเบื่อหน่ายของคนข้างกาย “นอกจากจะบริหารเก่งแล้ว อาเชษฐ์ยังดูแลไร่เก่งมาก ๆ ทำงานทุกอย่างในไร่เลย แถมคนงานก็รักอาเชษฐ์มากด้วยนะครับ เพราะว่าอาเชษฐ์ใจดี ตอนผมมาอยู่น้ำหนักก็ขึ้นตั้งห้ากิโลแหนะ”

คนหน้าดุยังคงไม่ยินดีที่ถูกชม ถึงแม้สถานการณ์จะดูเหมือนลูกสาวกำลังยกยอแฟนให้ว่าที่พ่อตาเอ็นดูก็ตามที เชษฐ์ไชยไม่รู้สึกดีใจ พยายามปรับสีหน้าให้เป็นปกติ

“ทานอะไรกันมารึยังครับ มื้อเย็นกำลังจัด” ตัดบทสนทนาไปเสียดื้อ ๆ

วิริยะหันมองหน้าคนกล่าว แล้วกระซาบเสียงแผ่ว “ผมอุตส่าห์ทำคะแนนให้เลยนะ”

“ไม่ต้อง”

“แล้วอาเชษฐ์ไม่อยากให้พ่อชอบรึไง”

“ไม่ชอบก็ไม่ต้องชอบ” เชษฐ์ไชยตอบ ทำหน้ารำคาญ ประหนึ่งเหมือนช่วงรตรีมาตามตื๊อเจ้าตัวใหม่ ๆ เห็นแล้ววิริยะย่นหน้า แต่ไม่ยอมแพ้หรอก คิดแล้วก็ต้อนครอบครัวทั้งหมดเดินตามร่างสูงใหญ่ของเจ้าของบ้านเดินไปยังโต๊ะอาหาร

พูดถึงรตรีแล้ว เด็กหนุ่มถามไถ่ป้าต้อยตั้งแต่มาถึงว่าหล่อนกลับไปหรือยัง ได้ความว่ากลับไปได้หลายเดือนแล้ว จะมีก็แต่แวะมานอนค้างคืนบ้างเป็นครั้งคราว หรือไม่ก็แวะเข้ามา เอาขนมกับกับข้าวที่อ้างว่าตัวเองเป็นคนทำมาให้เชษฐ์ไชย วิริยะภาวนาว่าตลอดหนึ่งอาทิตย์ที่มาเที่ยวและง้อเชษฐ์ไชย ก้างชิ้นใหญ่จะไม่มารบกวนพวกเขา เพราะดูเหมือนเจ้าหล่อนจะจริงจังและไม่ยอมถอยทัพแต่โดยง่าย

ตั้งแต่รู้ตัวคราวนั้น วิริยะก็คิดได้ว่าต่อจากนี้ไปจะทำตามความต้องการของตัวเอง ไม่เอาแต่ห่วงความรู้สึกของคนอื่นอีกต่อไปแล้ว และเมื่อเห็นว่าบิดาไม่มัวเอาแต่ยุ่งกับงาน กลับบ้านมาพักทุกครั้งที่มีโอกาส วิริยะก็ออดอ้อน ชมเชษฐ์ไชย และเล่าให้ธเนศฟังว่าอีกฝ่ายดีขนาดไหน จนคนเป็นพ่ออยากทำความรู้จัก

วิริยะคิดว่าอยากจะบอกบิดา ว่าคิดยังไงกับเชษฐ์ไชย แต่เด็กหนุ่มอยากพยายามให้ได้มากที่สุด และเข้าใจกับอีกฝ่ายก่อน ซึ่งหากเชษฐ์ไชยเห็นว่าครอบครัวของเขาชอบเจ้าตัว อาจจะรู้สึกวางใจและหันกลับมาคิดได้อีกทีว่าเรื่องของทั้งสองมันเป็นไปได้

แม้จะบอกพ่อว่าอยากมาเที่ยว แต่เอาเข้าจริงวิริยะไม่ได้ได้ตามทุกคนออกไปข้างนอกเลย ที่เด็กหนุ่มไปคือบริเวณเชษฐ์ไชยทำงานต่างหาก ท่ามกลางเสียงทักทายของชาวไร่ที่ยังคงเอ็นดูเขาไม่เปลี่ยน แถมตื่นเต้นกันยกให้ญ่ที่เห็นว่าวิริยะกลับมา แต่ในฐานะแขกของเชษฐ์ไชยเท่านั้น

วิริยะนั่งอยู่ท้ายรถอีแต๋นของคนงาน มองคนตัวใหญ่สวมหมวกทรงคาวบอย ภายในสวมเสื้อกล้ามแล้วทับด้วยแขนยาวลายตารางที่มักใส่ วันนี้เขาเองก็สวมของเชษฐ์ไชยด้วยเหมือนกัน เนื้อผ้ามันโปร่งสบาย ใส่แล้วไม่รู้สึกร้อน สีหน้าของเชษฐ์ไชยตอนกำลังเคร่งเครียดหรือจดจ่ออยู่กับงานนั้น แลดูมีสเน่ห์มากขึ้นอีกเท่าหนึ่ง เห็นแล้วก็อดคิดไม่ได้ว่าแฟนใคร ทำไมเท่เหลือเกิน

ยังไม่ใช่แฟนสักหน่อย วิริยะมุ่ยหน้าคิดน้อยใจ

“ผลไม้ขาดส่งอีกแล้วเหรอ ทำไมช่วงสี่ห้าเดือนนี้ได้ผลผลิตน้อยกว่าที่ควรล่ะ” เชษฐ์ไชยมองยอดสรุปของจำนวนที่ส่งออกแล้วมุ่นคิ้ว มองลุงแสวงที่ยืนส่ายหน้างุนงง

“ชาวบ้านไม่อยากส่งให้เราด้วย เพราะมีคนไปโน้มน้าวบอกว่าไร่เรากดราคา เพราะจะได้เอามาขายแพงได้ครับ” แกบอกพลางทำสีหน้ากลุ้มใจ แล้วหันกลับมาหาเชษฐ์ไชยเหมือนคิดอะไรบางอย่างออก “รึว่าจะเป็นไอ้ชาติกันครับ ไร่เราเริ่มมีปัญหากับชาวบ้านก็ตั้งแต่มันโดนไล่ออกไป”

เชษฐ์ไชยคิดตาม แล้วผละไปมองไอ้ตัวดีที่นั่งไม่รู้ไม่ชี้อยู่อีกมุม

“อย่าเพิ่งไปเล่าเรื่องนี้ให้ใครฟัง ฉันกำลังจะจับหนอนบ่อนไส้ ถึงผลไม้จะหายไปคันละไม่กี่กิโล แต่ถ้ามันหายไปทุกคันก็คงได้ไม่น้อยเลย วัน ๆ นึงเราขนออกไปกันกี่เที่ยว ลุงก็รู้”

อีกฝ่ายเบิกตาตกใจ “มีคนขโมยเหรอครับ”

“ฉันคิดไว้แบบนั้น นี่เป็นหน้าผลไม้แท้ ๆ ทำไมจะส่งออกไม่พอ แต่ยังจับไม่ได้ไล่ไม่ทัน คิดว่าในไร่ของเรามีคนร่วมมือกับไอ้ชาติ หรือไม่มันก็ทำกันเป็นกระบวนการ ถ้าฉันรู้เมื่อไร รับรองฉันเล่นงานมันจนไม่ได้ผุดไม่ได้เกิดแน่ ตอนนี้กำลังตามสืบอยู่ อีกไม่นานก็คงรู้ตัวคนร้าย ลุงอย่าเพิ่งเอาไปบอกใครจนกว่าฉันจะจับมันได้”

ได้ฟังแล้วลุงแสวงก็เหงื่อแตก หน้าถอดสี รีบพยักหน้าหงึกรับทราบในสิ่งที่เจ้านายขอ ก่อนผละเดินออกไป ท่าทางเป็นกังวลและรีบเร่งจนผิดวิสัยคนอายุมาก หากทว่ามีเพียงวิริยะเท่านั้นที่ได้เห็นมัน เชษฐ์ไชยกำลังง่วนอยู่กับการทำงานตรงหน้า ไม่ได้มอง กระทั่งวิริยะรีบลุกจากอีกมุมเดินตรงมาหาคนที่ง่วนอยู่กับการอ่านรายละเอียดในบัญชี ใต้ร่มไม้ใหญ่ภายในไร่ ซึ่งยังคงมีคนงานเดินเก็บผลไม้ผ่านไปมา

“อาเชษฐ์ เกิดเรื่องอะไรขึ้นรึเปล่า ทำไมลุงแหวงทำท่าตกใจขนาดนั้น”

“ไม่ใช่เรื่องของเธอ” คนตอบไม่ได้ผละมามองเด็กหนุ่ม ง่วนอยู่กับเอกสาร ยกน้ำดื่มไปพลาง

วิริยะมุ่นคิ้ว อันที่จริงก็เห็นลุงแสวงมีทีท่าร้อนอกร้อนใจตั้งแต่เมื่อก่อนแล้ว ทั้งที่งานในไร่ก็ไม่น่ามีอะไรให้เครียดถึงขนาดนั้น เด็กหนุ่มหยิบขวดน้ำในมือคนตรงหน้ามายกดื่มบ้าง แล้วพูดว่า “ลุงแหวงแกสนิทกับคนขับรถทุกคันเลยนะครับ บางวันก็เห็นตั้งวงกินเหล้าอยู่หน้าบ้าน ครบชุดเลย”

เชษฐ์ไชยชะงัก คิดตามในสิ่งที่วิริยะบอก “แล้วพูดเพื่อ”

เด็กหนุ่มมองมือใหญ่ที่เอื้อมมาแย่งขวดน้ำไปดื่มอีกที อดที่จะยิ้มเขินไม่ได้

“ก็ผมได้ยินอาเชษฐ์พูดเรื่องส่งผลไม้อะไรนั่นไง ทำไมครับ มีปัญหาอะไรเหรอ”

“ไม่ใช่เรื่องของเธอ นี่จะมาเที่ยวกับครอบครัวไม่ใช่รึไง แถวนี้ไม่มีพ่อแม่ของเธออยู่หรอก ไปให้พ้นเลยไป” เชษฐ์ไชยตอบเสียงห้วนพลางโยนขวดน้ำอันเป็นสิ่งที่ทำให้เด็กตรงหน้ายิ้มน้อยยิ้มใหญ่ทิ้งไป แล้วลุกขึ้นเดินหนีไปอีกฝั่งของไร่ ไม่ได้มีท่าทางใจอ่อนขึ้นมาสักนิด เวลาเห็นเขาทำตาแป๋วใส่

พูดอยู่ได้ว่าไม่ใช่เรื่องของเธอ ๆ เรื่องของแฟนก็เหมือนเรื่องของเขานั่นแหละ

ใจแข็งฉิบหาย!

“มาทำอะไรแถวนี้น้องวิว” คุณป้าคนหนึ่งเดินถือลังผลไม้ผ่านมา

เด็กหนุ่มคลี่ยิ้ม ตอบกลับไปตามความจริงว่า “มาง้ออาเชษฐ์ครับ อาเชษฐ์โกรธผมอยู่”

“จริงเหรอจ๊ะ คงง้อยากหน่อยนะ เพราะเห็นคุณรตรีง้อมาหลายเดือนแล้วยังไม่ได้แตะแม้แต่ขี้เล็บ”

“ไม่ต้องห่วงครับ เดี๋ยวเราก็คืนดีกัน”

“ต๊าย พูดอย่างกะเป็นแฟนกันแหนะ ลูกใครทำไมช่างอำจัง” นางหัวเราะร่วนแล้วสะกิดเพื่อนร่วมงานคนอื่นให้หันมาสนใจด้วย วิริยะคลี่ยิ้มกว้าง ไม่ได้เอ่ยคำปฏิเสธ วิ่งตามหลังเชษฐ์ไชยไปโดยไม่สนว่าคนตัวใหญ่จะแสดงออกว่าไม่อยากอยู่ใกล้ด้วยเท่าไร จนกลายเป็นภาพชาชินปนเอ็นดูของคนทั้งไร่ไปแล้ว

เมื่อเห็นเชษฐ์ไชยอยู่ที่ไหน ก็จะมีเด็กกรุงตัวขาว ๆ วิ่งทำหน้าทะเล้นอยู่รอบข้างเสมอ ถามวิริยะทีไร เจ้าตัวก็ยังตอบอย่างเดิมว่าง้อเชษฐ์ไชย นอกจากจะไม่นึกแขยงขยาดกับถ้อยคำที่วิริยะพูดแล้ว ดูเหมือนลุง ๆ ป้า ๆ จะชื่นชอบแล้วแซวว่าเป็นแฟนกันเสียด้วยซ้ำ แทนที่วิริยะจะเอ่ยปฏิเสธ เจ้าตัวยังคงยิ้มหน้าบานชอบอกชอบใจไปกว่าเก่า ในสายตาคนรอบข้างดูเหมือนเด็กหนุ่มจะสนุกที่แกล้งให้เชษฐ์ไชยอยู่ไม่ติด ไม่พอใจได้ แต่เอาเข้าจริงคนมองดูอยู่ตลอดอย่างดำก็พอรู้อยู่ว่าหมายความอย่างไร

“คนในไร่โคตรลำเอียงเลย คั่นลองให้นายเซษฐ์เว้าเบิ่งตี๊ ว่าตามง้อวิว มีหวังคงโดนด่าว่าเป็นกะเทยควายหัวโปกแท้ ๆ ซ่างมาสองมาตรฐานคัก เห็นแล้วหมั่นไส้วิวหลาย”

พูดพลางตักข้าวเข้าปากเคี้ยวตุ้ย มองไปยังไอ้ตัวเล็กยิ้มหน้าบานเท่ากระด้งเข้าหาเชษฐ์ไชยอยู่ที่โต๊ะตรงกันข้าม ในเวลาพักเที่ยง “โตส่ำลูกหมา วางแผนเก่งคัก คิดว่าเฮาบ่ฮู้ว่าตั้งใจบอกคนอื่นว่าเจ้าของเป็นอีหยังกับนายเซษฐ์ นี่มันยิงปืนเถื่อเดียวได้นกสองโตคัก ๆ”

“ให้มันน้อย ๆ หน่อยไอ้ห่า สรุปมึงเข้าข้างนายเชษฐ์ใช่ไหม” หมอกแขวะ

“บ่แม่นเว้ย”

ไทพนักหน้าคิดตามในสิ่งที่เพื่อนพูด “แบบนี้มันก็ดีแล้วนี่หว่า ถ้าคนในไร่รับเรื่องของนายเชษฐ์กับวิวได้ก็ไม่มีปัญหา ก็อย่างที่มึงพูดน่ะไอ้ดำ ถ้าคนที่จะมาเป็นนายใหญ่ของไร่อีกคนคือวิว คงไม่มีใครไม่อยากยอมรับ เด็กมันตีซี๊กับทุกคน ไม่ถือตัวซักนิด ใคร ๆ ก็รักก็หลง จะเหลือก็แต่บางคนเท่านั้นแหละ เต๊ะท่าอยู่นั่น ทั้งที่มาชวนเรากินเหล้าย้อมใจทุกวัน”

บางคนที่ว่า ก็ยังคงทำหน้าไม่ชอบอกชอบใจ ท่าเยอะอยู่กับวิริยะตรงนั้น

“วิวมันต้องทำอะไรให้นายเชษฐ์โกรธแน่ ๆ ช่วงที่ไปอยู่โน่น”

“แม่นอยู่แล้ว แล้วตอนไปกะบ่บอกหมู่เฮาซักคำ หลอกให้คิดฮอดตั้งโดน”

“อ๋อ ที่มึงพูด ๆ อยู่เนี่ย งอนน้องมันเรื่องนี้ใช่มะ” เหนือยิ้ม

“บ่แม่นเว้ย!” ดำหน้างอ หันไปไม่ยอมพูดยอมจากันต่อ เห็นแล้วเพื่อนร่วมกลุ่มก็พอจะเดาทางได้ว่าเหตุใดจึงพูดจาว่าวิริยะอย่างกับโกรธอะไร เพราะเรื่องนี้เอง หากช่วยกันเคลียร์ปัญหาเรื่องเจ้านายได้เมื่อไร เดี๋ยวจะช่วยบอกให้วิริยะมาง้อไอ้เพื่อนตัวใหญ่ใจมุ้งมิ้งคนนี้ทีหลังก็แล้วกัน

--๗๕--


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ noonaaRP

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 262
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-1
    • fanpage Noonaa


(ต่อ)

เลิกงานแล้ว ความจริงเชษฐ์ไชยคิดว่าจะหลบวิริยะไปทานมื้อเย็นที่โรงครัวเพราะขี้เกียจต่อปากต่อคำด้วย แต่มาคิดอีกทีก็คงจะไม่เหมาะเพราะครอบครัวของเด็กหนุ่มรออยู่ เดี๋ยวจะกลายเป็นว่าเสียมารยาทเอาได้ คิดแล้วชายหนุ่มก็ขับรถกลับไปยังบ้านพัก ทั้งที่ความเป็นจริงแล้วเขาไม่เคยนึกถึงจิตใจคนอื่นมาก่อน ไม่สนด้วยว่าใครจะมาจะไป แต่พอเป็นครอบครัวของวิริยะ กลับกลายเป็นว่าต้องคิดเยอะทุกที

ไปถึงห้องพักก็เห็นไอ้ตัวดีนอนจองเตียงไว้ก่อนแล้วด้วยชุดใหม่ หลังวิ่งตากแดดไล่ตามเขาทั้งวี่ทั้งวัน กำลังกดมือถือนอนสบายใจเฉิบ เมื่อได้ยินเสียงเปิดประตูก็รีบนั่ง คลี่ยิ้มแล้วกระเด้งตัวกึ่งเดินกึ่งวิ่งมาหา “อาเชษฐ์ กลับมาแล้วเหรอ”

“ยังไม่มามั้ง” ชายหนุ่มตอบแล้วถอดเสื้อ เตรียมตัวอาบน้ำ

“อุ๊ย ตลกฝืดนะเราเนี่ย”

ชายหนุ่มถอนใจ “ไม่ใช่เพื่อนเล่น”

คนฟังยู่หน้าเมื่ออีกฝ่ายไม่รับมุก ทิ้งก้นลงนั่งบนเตียงแล้วปล่อยให้คนตัวใหญ่เข้าไปอาบน้ำ หากทว่าบังเอิญที่เชษฐ์ไชยไม่ใช่คนขี้อาย อีกฝ่ายถอดเสื้อผ้าออกทั้งหมดโดยไม่สนว่าเด็กหนุ่มอยู่ด้วย หรือไม่ก็กำลังจงใจอ่อยให้วิริยะใจแตกกลาย ๆ เพราะรู้ว่าเขาอายุถึงสิบแปดแล้วแน่

เด็กหนุ่มกลืนน้ำลาย มองแผ่นหลังกว้างที่เต็มไปด้วยรอยสักลายมังกรตัวใหญ่ ไหนจะมัดกล้ามบนหลังและเอวที่เล็กคอดเป็นสัดส่วนชัดเจนนั่นอีก เห็นแล้วนึกถึงสมัยที่เขามาไร่ใหม่ ๆ ตอนนั้นเผลอไปแอบดูเชษฐ์ไชยอาบน้ำที่น้ำตก ซึ่งความรู้สึกตอนมองอีกฝ่ายไม่ได้เป็นแบบนี้เลย

แชะ!

“โอ๊ะ”

เชษฐ์ไชยหันไปมองตามเสียงอุทานของวิริยะ เห็นไอ้ตัวแสบถือโทรศัพท์แอบถ่ายก้นงาม ๆ ของเขาแล้วถอนใจ ชายหนุ่มยกผ้าขนหนูพันเอว แล้วเดินมาแย่งของในมือวิริยะ ดูรูปในนั้น เห็นเพียงแค่แผ่นหลังเปล่าเปลือยของตนเองที่มีลวดลายของรอยสักเท่านั้น ครั้นเห็นว่าเด็กหนุ่มไม่ได้ตั้งใจถ่ายแนวอนาจารก็ยอมคืนโทรศัพท์ให้แต่โดยดี

วิริยะทำหน้างง รับไปถือ “ไม่ว่าเหรอครับ”

“เก็บข้าวของลงไปนอนห้องข้างล่างได้แล้ว บอกกี่ทีว่าอย่าขึ้นมา” อันที่จริงห้องก็พอพักอยู่ แต่วิริยะหน้ามึนไม่ยอมนอนตรงนั้น ดื้อดึงถือวิสาสะขึ้นมานอนบนเตียงของเชษฐ์ไชย จนเจ้าของห้องต้องระเห็จหนีไปนอนที่อื่นเสียเอง ซึ่งเมื่อได้ยินบอกแบบนั้นแล้ว ววิริยะก็หน้างอ ไม่อยากให้เชษฐ์ไชยหลบไปนอนที่อื่นเหมือนคืนก่อน ๆ อีก “ไม่เอาอะ ก็อาเชษฐ์ไม่ยอมให้พี่เสือลงไปนอนด้วยนี่”

“นอนตั้งหลายเดือนโดยไม่มีไอ้เสือได้แล้วนี่!”

“ในเมื่อมาอยู่ใกล้กันแล้วก็ขอนอนด้วยไม่ได้เหรอ” วิริยะย้อน

คนฟังมุ่นคิ้วระอา “เออ เอามันลงไปนอนด้วยเลยจะได้จบ”

“ผมหมายถึงอาเชษฐ์ต่างหาก ไม่รู้เหรอว่าที่ตามขึ้นมานี่เนี่ยเพราะอยากนอนกับใคร”

“ไม่รู้เว้ย!” เชษฐ์ไชยตัดบทแล้วเดินหนีเข้าไปในห้องน้ำเสียเฉย ๆ ไม่รู้ว่าโกรธหรืออะไร ทำหน้าดำหน้าแดงราวกับยักษ์ ปล่อยให้วิริยะยืนหงอยเป็นหมาโดนทิ้งอยู่มุมนี้อย่างเดียวดาย แต่ดีหน่อยที่ไม่โดนถ้อยคำเจ็บแสบอะไรอื่น นอกจากทำท่าทางรำคาญและไล่ให้ถอยห่างออกไปก็เท่านั้น นั่นทำให้เด็กหนุ่มมีกำลังใจ ไหนจะความเกรงใจที่เชษฐ์ไชยแสดงออกต่อครอบครัวของเขา บอกวิริยะได้อยู่ว่ามีลุ้น

เพราะจริง ๆ แล้วเจ้าตัวไม่ใช่คนสนหน้าอินทร์หน้าพรหมอย่างนี้นัก

ขนาดพ่อตัวเองยังฉะกันมาแล้ว

วิริยะได้ยินจากอัศวินว่าเหตุใดทำไมเชษฐ์ไชยจึงวางมือจากงานในเมืองอย่างกะทันหัน เพราะผิดใจกับพ่อที่ห่วงเรื่องสมบัตินัก เชษฐ์ไชยเลยโมโหยกหน้าที่ให้รองผู้บริหารอย่างอัฐษไชยทำแทน แล้วกลับมาทำงานที่ไร่ต่อ พร้อมทิ้งท้ายไว้ด้วยว่าพ่อไม่มีทางได้อำนาจพวกนั้นแน่ ตราบใดที่เชษฐ์ไชยยังอยู่

ซึ่งนั่นก็ทำให้พี่ชาย พ่อของอัศวินโกรธมากด้วย เพราะเป็นพี่ใหญ่แต่ไม่ได้รับอะไรเลย

เขาเพิ่งรู้ ว่าเชษฐ์ไชยเป็นหลานรักของคุณไกรเลิศ เจ้าของสมบัติที่แท้จริง ซึ่งวันเผาที่เห็นเชษฐ์ไชยร้องไห้นั้นไม่ได้ตาฝาด เจ้าตัวไม่ได้หลบไปตดอย่างที่คิด

เชษฐ์ไชยออกจากห้องน้ำช่วงที่วิริยะสลึมสลือกำลังจะหลับ เมื่อเห็นอีกฝ่ายกำลังสวมเสื้อผ้าอย่างรีบเร่งแล้วก็รู้ทันทีว่าเชษฐ์ไชยกำลังจะหนีแอบไปนอนที่อื่น แต่เพราะช่วงกลางวันคงสนุกกับการวิ่งตากแดดตามอีกฝ่ายไปหน่อย คราวนี้เลยลุกไม่ขึ้น วิริยะครางด้วยความปวดเมื่อยร่างกาย พลิกตัวนอนตะแคง “อาเชษฐ์ พยุงผมหน่อย”

คนกำลังสวมเสื้อชะงัก “เป็นอะไรอีก อย่ามาเจ้าเล่ห์นะ”

“ผมเปล่า ปวดตัวลุกไม่ขึ้นอะ”

ดูเหมือนจะรู้ทันแต่เชษฐ์ไชยก็ไม่ปฏิเสธ เดินมาดึงแขนยาว ๆ ของเด็กหนุ่มให้ลุกขึ้นนั่ง แต่แทนที่เจ้าตัวจะลุกตามแรงดึง ไม่รู้เอาแรงมาจากไหนกระตุกรั้งให้เชษฐ์ไชยล้มตัวลงไปคร่อมทับ อยู่ในท่าล่อแหลม คงเพราะคิดว่าไม่มีอะไรเลยไม่นึกว่าวิริยะมันเด็กแสบแผนสูง ซึ่งตอนนี้ก็กำลังทำตาหวาน ยกแขนที่ว่าไม่มีแรงขึ้นมาคล้องคอราวกำลังพอใจที่ทุกอย่างเป็นไปตามคาด

เชษฐ์ไชยเบิกตา มองใบหน้าขาวสะอ้านของวิริยะยามสบตาแล้วนิ่งไป

“อาเชษฐ์รู้รึเปล่า ตอนนี้...ผมสิบแปดแล้วนะ” วิริยะกระซิบเสียงหวาน

คนฟังปรับสีหน้าไม่ให้แก้มร้อน ยามเด็กตัวเล็กใต้ร่างเม้มริมฝีปากสีเชอรี่จนบอบช้ำแลดูน่าเสียดาย แต่ช่างมัน ช่างปากของวิริยะซี เขาควรถอนตัวออกจากเกมบ้า ๆ นี่เสียก่อนจะพ่ายแพ้ “สิบแปดแล้วยังไง ใครเขาสนใจกัน”

เด็กหนุ่มมุ่นคิ้ว เมื่อยังเห็นว่าเชษฐ์ไชยไม่ยอมเสียท่า ผละไปคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะสบตา พูดว่า “เราก็จะได้...ทำอะไรที่อยากทำไง”

คนฟังกลืนน้ำลาย ผละไปมองทิศอื่นเมื่อดวงตากลมของวิริยะยังคงจ้องไม่เลิก หากอยู่ในท่านี้ต่อไปคงมีหวังได้จับเด็กขี้อ่อยมาปู้ยี่ปู้ยำสมความอยากแน่ คิดแล้วเชษฐ์ไชยก็ผละสายตาไปที่อื่นเอาตัวรอด พยายามจะดึงมือวิริยะออกจากคอ แต่มันเหนียวยิ่งกว่าหนวดปลาหมึก แถมสู้ด้วยการดึงตัวชายหนุ่มเข้าไปกอด แล้วพลิกขึ้นมานั่งบนตัวได้สำเร็จ

มือใหญ่ประคองเอวคนอยู่ด้านบนหน้าเหวอ เสียท่านายใหญ่ผู้เคร่งขรึมอีกจนได้ “ลงไปนะวิว!”

“ก็หายงอนผมก่อนสิ”

“เราคุยกันจบไปแล้ว ลงไปจากตัวฉัน!” วิริยะส่ายหน้าหลังได้ฟัง โน้มขยับมาบังคับ กดมือใหญ่ของคนนอนหงายใต้ร่างลงกับพื้นเตียง “อาเชษฐ์ไม่รักผมแล้วเหรอ ตัดใจง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ”

คนฟังชะงักเมื่อได้ยินเสียงพ้อ อันที่จริงแค่นี้เชษฐ์ไชยมีแรงสู้ขัดขืน แต่ไม่ทำ อาจเพราะกลัววิริยะเจ็บตัว นัยน์ตาคมมองวิริยะด้วยสายตาดังเดิม “เห็นฉันง่ายขนาดนั้นเลยใช่ไหม คิดจะมาก็มา คิดจะไปก็ไป”

วิริยะส่ายหน้า ซุกกอดลงในอก “ผมขอโทษ จะไม่ไปไหนอีกแล้ว”

นายใหญ่ของไร่ขบฟัน แม้ลึก ๆ จะใจหาย

“อย่าคิดว่าทำหน้าใส ๆ ไร้เดียงสาแล้วใครจะหลงไปซะหมดนะ ฉันคนหนึ่งแหละที่ไม่” มือใหญ่ดันไหล่วิริยะออกไป ให้เห็นว่าเด็กบนตัวหน้าเริ่มแดงก่ำเพราะกำลังจะร้องไห้ เจ้าตัวพยายามสุดชีวิตที่จะกลั้นน้ำตาเพื่อไม่ให้เชษฐ์ไชยนึกสงสาร พลอยให้คนตัวใหญ่ที่กำลังโกรธใจแป้วไป จากที่กำลังโมโหก็รู้สึกหวิวโหวงขึ้นมาอย่างน่าประหลาด

ใครบอกเล่าว่าไม่หลงไอ้หน้าตาซื่อ ๆ นี่ เห็นที่ไรใจจะอ่อนระทวยใส่ทุกที

ดูเหมือนวิริยะกำลังจะถอดใจ แต่ก็ไม่ เด็กหนุ่มงุดลงจ้องตาเชษฐ์ไชยทั้งกะพริบตาไล่น้ำออก

“ถ้าอาเช...ถ้าพี่เชษฐ์ยอมหายโกรธ ผมจะกลับมาเรียกพี่เหมือนเดิมนะ”

เชษฐ์ไชยมุ่นคิ้ว ชายหนุ่มกุลีกุจอลุกขึ้นแล้วผลักวิริยะออกไม่อยากจะเถียงต่อด้วย “จะเรียกแบบไหนก็เชิญ ไม่สนใจ” พูดจบก็ปรับสีหน้า พาตัวเองเดินดุ่ม ๆ ออกมา ไม่สนวิริยะที่ร้องเรียก ‘พี่เชษฐ์ ๆ’ ตามอยู่หลายครั้ง

ครั้นปิดประตูลงได้แล้วเชษฐ์ไชยก็ผ่อนปรนลมหายใจ ยกมือขึ้นสางไรผมที่ชื้นไปด้วยเหงื่อเพื่อปัดภาพใบหน้าน่ารักนั้นกำลังจ้องตา แล้วร้องเรียก ‘พี่เชษฐ์’ ด้วยเสียงเครือไหว คิดว่าเพียงแค่เรียกเขาว่าพี่แล้วจะเปลี่ยนทุกอย่างได้งั้นเหรอ ใครมันจะไปดีใจกันเล่า

ซะที่ไหน โคตรดีใจเลย!

นึกขึ้นมาทีไรต่อมโคแก่ในใจก็เต้นตุบ ๆ จนอดที่จะรู้สึกตื่นเต้นไม่ได้ ไม่เป็นเขาไม่รู้หรอก อายุห่างกันขนาดนี้แล้ว มารู้ตัวอีกทีก็กระโดดโลดเต้นอยู่หน้าประตูเป็นบ้าเป็นหลัง เพียงเพราะวิริยะยอมเรียกเขาว่าพี่เหมือนเดิมแล้ว

กระทั่งเห็นทรายจูงน้องสาวตัวเล็กเดินมา คนหน้าโหดก็แทบจะปรับโหมดตัวเองไม่ทัน เมื่อเห็นหล่อนยกมือปิดตาแพรวาแล้วบอกน้องว่า “อย่าไปมองคนบ้านะน้องวา เดี๋ยวติดเชื้อ”

ชายหนุ่มทำท่ากระแอมวางมาด เปลี่ยนมาเป็นโยกตัวไปมาเหมือนกำลังออกกำลังกายแเก้เก้อเขินให้ตัวเองไป จนกระทั่งพวกหล่อนลงไปด้านล่างกันแล้วจึงทอดถอนใจ เปลี่ยนมาคลี่ยิ้มอย่างอดไม่ไหว

เดี๋ยวเถอะ แค่ดีใจที่เมียเรียกว่าพี่ ผิดตรงไหน!

 

“อาเชษฐ์ รอผมด้วยสิ”

วิริยะยังคงวิ่งตามเชษฐ์ไชยในขณะคนอายุมากกว่าทำงานเสมอ เมื่อวานยังทำหน้าเหมือนกำลังแพ้อยู่เลย แล้วไหงตื่นขึ้นมาถึงได้เปลี่ยนโหมดเป็นเด็กดื้อวิ่งเข้าใส่อีกจนได้ เห็นแล้วนายใหญ่ของไร่ผู้กลายเป็นคนรักของวิริยะในสายตาของคนงานก็ส่ายหน้า อันที่จริงวันนั้นก็ไม่ได้โกรธวิริยะเพราะรู้ว่าเด็กหนุ่มเป็นคนยังไง แค่แอบจุกที่เด็กนั่นพูดความจริงเท่านั้นเอง

พูดมาได้ว่าอาย แล้วตอนนี้เล่นโพนทะนาไปทั่วว่าตัวเองกำลังคบหาดูใจกับเขา

พวกคนงานนี่ก็ลำเอียงนัก นึกไม่ออกเลยว่าถ้าเป็นคนอื่นทำแบบนี้ พวกนี้จะตอบสนองอย่างไร

“จะตามมาทำไม วิ่งกวนหน้ากวนหลัง รำคาญ” ชายหนุ่มพูดเสียงเหนื่อย

“มาเป็นกำลังใจให้แฟน!”

เชษฐ์ไชยอ้าปากเหวอ เมื่อทุกคนพร้อมใจหันมามองที่เขาหลังได้ยินวิริยะตะโกน เหลือบไปเห็นกลุ่มไอ้ลิงทั้งเจ็ดจ้องมาราวกับว่าคาดโทษเขาแล้วล่วงหน้า เชษฐ์ไชยอึกอักไม่รู้จะต่อว่าเด็กหนุ่มด้วยวิธีไหนพวกมันถึงจะไม่โกรธ ทำได้เพียงถอนใจ แล้วเดินหนีวิริยะฉับ ๆ ไปอีกฝั่งเสียเฉย ๆ

“อ้าวแฟน ไปไหนครับ”

วิริยะหัวเราะเพราะรู้ว่าเชษฐ์ไชยกำลังขัดเขิน ร้องไล่หลังไป ดีใจที่อีกไม่นานเชษฐ์ไชยกำลังจะใจอ่อน ตั้งใจจะวิ่งตามเจ้าของไร่รุ่งอรุณีอีก แต่ก็หยุดยืนส่งซิกให้พวกพี่ ๆ อีกฝั่งบอกว่าไม่ต้องห่วง ไม่นานเชษฐ์ไชยก็กลับมาใจดีกับเขาเหมือนเดิม

หันมาอีกทีเชษฐ์ไชยหายไปแล้ว รู้แต่ว่าวิ่งไปอีกฝั่งของไร่ วิริยะรีบเดินไปตามเส้นทางหวังจะเอาให้ทัน หากทว่าไปจนสุดทางก็ยังไม่เห็นอีกฝ่ายเลย ถึงได้รู้ว่าคลาดกันเสียแล้ว เด็กหนุ่มถอนใจเพราะความเหนื่อยและร้อน ก่อนจะขึ้นเนินไปยังบ้านพักหรือแยกไปอีกฝั่งที่มีป่าผลไม้ชนิดอื่น

ลำขาวิริยะชะงักกึกเพราะรู้สึกเหมือนมีคนตามมาจากด้านหลัง หันไปเห็นใครสักคนกำลังยืนอยู่ ถึงจะมีผ้าคลุมบนหัวแต่วิริยะกลับจำได้ และเมื่อมันเห็นว่าเขารู้ตัวก็ตรงดิ่งมาหยุดอยู่ตรงหน้า

ไอ้ชาติ!

วิริยะเบิกตาตกใจ มองรอบกายแล้วหาใครสักคนที่พอจะช่วยเหลือได้ แต่ไม่มีเลย ซึ่งดูเหมือนมันจะรู้ว่าวิริยะกำลังรู้สึกกลัว ย่างเดินตรงมาใกล้ด้วยสีหน้าน่ากลัว กระทั่งมือหนาหยุดจับต้นแขน ไม่ยอมให้วิริยะถอยออกห่าง “อ๊ากกกกก!”

ฝ่ามือสากของมันปิดปากไม่ยอมให้วิริยะร้อง หรือจะโกรธที่เขาเป็นตัวปัญหาทำให้ตกงาน แล้วจะตามมาฆ่าหมกป่าผลไม้เป็นการล้างแค้น เด็กหนุ่มพยายามดิ้น หากทว่ามันทำหน้าโกรธแล้วขยับเข้ามาใกล้ “จะร้องทำห่าอะไร เงียบ!”

ก็ตัวเองมาอย่างนี้เป็นใครจะมองดี ๆ ได้เล่า วิริยะตาแข็ง หอบหายใจฟังในสิ่งที่อีกฝ่ายกำลังจะบอก ไอ้ชาติมองซ้ายเเลขวาหาลู่ทาง ก่อนจะผละมาสบตาวิริยะแล้วพูดเสียงเบา “ฉันมานานไม่ได้ ไม่งั้นไอ้ลุงแหวงมันให้คนมาเล่นงานฉันแน่”

หมายความว่าไง วิริยะมุ่นคิ้ว ดึงมืออีกฝ่ายออก “ทำไม”

มันจ้องตา “ที่ฉันพูดเป็นความจริงทุกอย่าง ไม่ได้กุเรื่องสร้างความวุ่นวายให้ไร่อย่างที่ไอ้แหวงมันกล่าวหา แกรีบไปบอกไอ้เชษฐ์ก่อนที่มันจะตลบหลังเข้า เหมือนที่มันทำกับน้องของฉัน”

“ไม่เข้าใจอะ” วิริยะส่ายหน้า

“ก็มันทรยศไอ้เชษฐ์อยู่ยังไงเล่า!”

ได้ฟังแล้ววิริยะเบิกตา นึกถึงลุงแก่หน้าตาซื่ออย่างลุงแสวงแล้วก็คิดว่าไม่น่าเป็นไปได้ แต่ก็ไม่อยากเถียงไอ้ชาติเช่นเดียวกัน เพราะจะเป็นอันตรายต่อตัวเองเปล่า ๆ ฟังมันพูดพล่ามต่ออีกว่า “ตั้งแต่ฉันออกมา ไม่ได้อยู่เป็นก้างมันก็ย่ามใจ แอบขนของกันเป็นว่าเล่น แกต้องไปบอกให้นายเชษฐ์จับตาระวังพวกมัน”

วิริยะพยักหน้าหงึก เมื่อพูดแล้วไอ้ชาติก็แลซ้ายขวา ยกผ้าขาวม้าขึ้นปิดใบหน้าให้ดูกลมกลืนกับคนงานคนอื่นแล้วเดินจากไปอีกฝั่ง พร้อมกับความโล่งอกที่ตัวเองไม่ถูกทำร้าย เมื่อเห็นดังนั้นแล้ววิริยะรีบหาทางให้ตัวเองปลอดภัย เดินไปอีกฝั่งของไร่ซึ่งน่าจะมีคนงานกำลังขนผลไม้ขึ้นรถเตรียมส่งกันอยู่ เห็นลุงแสวงกำลังพูดคุยกับคนขับหน้าตาเคร่งเครียดพอดี ด้วยความหวังดี วิริยะจึงรีบตรงไปหา

“ลุงแหวงครับ ผมมีเรื่องจะบอก” วิริยะรีบพูด

“เดี๋ยวก่อนนะ ลุงมีเรื่องสำคัญต้องทำ”

“แต่เรื่องนี้เรื่องใหญ่นะครับ ลุงแหวงต้องระวังตัว” เด็กหนุ่มไม่เชื่อเด็ดขาดว่าลุงคนนี้จะเป็นพวกคนร้ายหรือโลภมากขนาดทรยศเจ้านายได้ ในเมื่อเชษฐ์ไชยรักและดูแลแกกับครอบครัวเสมือนเป็นบ้านเดียวกัน ต้องเป็นแผนของไอ้ชาติ มันอยากปั่นหัวให้คนในไร่ไม่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน

“น้องวิวไปเล่นที่อื่นก่อนเถอะ ลุงยังไม่ว่าง!” แกทำเสียงเอ็ด

เด็กหนุ่มถอนใจ “งั้นผมไปบอกอาเชษฐ์เองก็ได้ว่าเจอไอ้ชาติที่นี่”

คนที่กำลังสนใจพูดคุยกับคนงานอีกฝั่งชะงัก หน้าถอดสี หันมาหาวิริยะสีหน้าตกใจ

“ไอ้ชาติเหรอ!”

วิริยะรู้สึกเจ็บ เมื่อมือหยาบกร้านของลุงแกกุมจับต้นแขนเขารุนแรงเกินไป “คะ ครับ แถมมาบอกผมด้วยว่าลุงแหวงเป็นคนทรยศอาเชษฐ์ แอบโกงอาเชษฐ์ แต่ผมไม่เชื่อหรอก ลุงแหวงใจดีแล้วก็รักอาเชษฐ์จะตาย ไม่มีทางทำแบบนั้นแน่”

คนฟังนิ่งไป “อ๋อ ใช่...ไอ้ชาตินี่มันเลวจริง ๆ ขนาดโดนไล่ออกไปแล้วยังจะก่อเรื่องไม่เลิก” แกคลายมือออกไปบ่นกับตัวเองสีหน้ากังวล แต่ก็ยังหันมาหาวิริยะแล้วตบบ่า ส่งยิ้มเอ็นดูให้อย่างเคย “ขอบใจนะที่มาบอกลุง แต่น้องวิวอย่าไปบอกนายเชษฐ์เด็ดขาดเลยนะว่าไอ้ชาติมา จะทำให้นายเชษฐ์เป็นกังวลเปล่า ๆ  เดี๋ยวพวกลุงจะจัดการเรื่องนี้เอง โอเคนะครับ”

“อ๋อ ครับ” วิริยะยกยิ้ม

“กลับบ้านไปเถอะครับ เดี๋ยวนายเชษฐ์ก็จะกลับแล้ว ใกล้ถึงเวลาเลิกงานแล้วนี่นา”

ได้ฟังแล้ววิริยะก็ยิ้มรับด้วยความดีใจเมื่อแกรับฟัง แล้วเดินแยกจากไปอีกฝั่งเพราะคนงานเยอะกว่า จะได้มีคนเห็นและคอยช่วยเหลือหากมีเรื่องฉุกเฉิน ท่ามกลางสายตาลูกน้องคู่สนทนาของลุงแสวงที่ฉายแววไม่พอใจ มันสบตาแกแล้วส่ายหน้า พูดว่า “ปล่อยไปอย่างนี้จะดีเหรอ”

แสวงขบฟัน แล้วกอดอกตัวเองหน้าเคร่ง

“เด็กมันไม่มีพิษมีภัย แต่ถ้าถึงคราวจริง ๆ คงต้องทำ”

“อย่างที่ทำกับไอ้โชค” อีกคนต่อบทสนทนา แล้วหันไปทิศอื่นครุ่นคิดหาทางออก หลังจากได้ฟังจากแสวงว่านายใหญ่ของไร่เริ่มระแคะระคายเรื่องของพวกมันแล้ว แล้วไหนจะไอ้ชาติ ก้างชิ้นใหญ่ที่โดนไล่ออกกลับมาสร้างปัญหาให้อีก คงต้องรีบแก้ไขสถานการณ์เพื่อเอาตัวรอดกันยกใหญ่

แต่ตาแสวงแกใจอ่อนเกินไป จะทำงานใหญ่ ใจต้องนิ่ง

มันคิดว่าจะจัดการเรื่องของวิริยะเอง โดยไม่ต้องรอให้แสวงอนุมัติอะไรทั้งสิ้น เพราะขืนใจดีไปแล้วเกิดเด็กนั่นมีพิษสงขึ้นมา พวกมันทั้งหมดจะแย่แพราะความมีเมตตาโง่ ๆ เอาได้!

--๑๐๐--

----------------------------------------------------------------

ตราบใดที่วิ่งไล่ตามอาเชษฐ์ก็คงปลอดภัยนะลูก

สำหรับใครที่ไม่รู้จักโชค นั่นคือน้องชายของชาติ ที่เป็นคนแย่งรตรีจากอาเชษฐ์ไปนะคะ

ซึ่งยังไม่มีคำตอบว่าโชคหายไปไหน ทำไมเหลือแต่รตรีที่วิ่งกลับมาหาสามีเก่าเท่านั้น

ไม่รู้มีใครชอบที่น้องตามง้อสามีมั้ย แต่ไรต์ชอบ สนองนี๊ดตัวเอง 5555

ที่จริงเรื่องยังไม่จบ ถ้าตัวละครไม่ไม่จุดขัดแย้งกันไปพร้อมกับพลอต มันจะดูเฉื่อย ๆ ไป แล้วมาคอยลุ้นกันว่าเชษฐ์ไชยจะไล่ตามคนร้าย ก่อนที่จะเกิดเรื่องกับวิวได้ไหม เจอกันตอนหน้าค่า

อย่าลืมทิ้งคอมเม้นไว้ให้หนูนาอ่านเด้อออ

ออฟไลน์ BAKA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3025
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-10
แย่แล้วน้องวิว เกาะติดอาเชษฐ์ไว้นะจะได้ปลอดภัย

ขำอาเชษฐ์ไปแอบดีใจอ่ะ 55555

และทราย ผู้รู้เห็นทุกอย่างที่แท้จริง!

ออฟไลน์ muiko

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +98/-3
วิวนี่บางครั้งก็ดูชอบตัดสินใจทำอะไรโง่ๆเนาะ
ตอนอาเชษฐ์ ก็ทีละ แล้วนี่ก็อีกเรื่อง
แทนที่จะไปบอกอาเชษฐ์ แล้วช่วยๆกันคอยจับตาดู
รู้ว่าเชื่อใจไว้ใจลุงแก กับไม่ชอบชาติ แต่เรื่องแบบนี้
จริงหรือไม่จริงก็ยังไม่รุ้ ดันไปบอกเจ้าตัวเลยนี่มัน
ปรึกษาพี่ๆหน่อยก็ดี ทีนี้เหมือนเอาภัยใส่ตัวชัดๆ
ไม่รุ้ตอนหน้าจะเปนไงเนี่ย
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-05-2018 09:47:05 โดย muiko »

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ nunda

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3004
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-2
อาเชษฐ์คะ อาเชษฐ์ขัดขืนไม่จริงจังนี่คะ 555

ออฟไลน์ noonaaRP

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 262
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-1
    • fanpage Noonaa

ตอนที่ ๑๙

วิริยะยังคงวุ่นวายอยู่กับเชษฐ์ไชยในไร่ เด็กหนุ่มคลี่ยิ้มกว้างเมื่อเห็นลุงแสวงยกเครื่องดื่มชูกำลังและน้ำเกลือแร่อยู่เต็มไม้เต็มมือมาแจกจ่ายคนงาน ด้วยความที่ตนเองไม่ได้ทำงานหนักเท่าผู้อื่น วิริยะจึงวิ่งไปช่วยแกขนของมาแบ่งให้พี่ ๆ น้อง ๆ ดื่มแก้เหนื่อย เมื่อเห็นว่าเด็กหนุ่มไปช่วย แกยิ้มให้แล้วยินดียื่นของหนักสู่มือวิริยะอย่างไม่ดื้อดึง

“ว่าแต่ช่วงนี้ไม่เห็นน้องหน่อยเลยนะครับลุงแหวง”

แกยิ้มให้เล็กน้อยพลางเดินคู่กัน “เห็นว่ามีสอบใหญ่เลยอยู่อ่านหนังสือที่บ้านครับ”

“ถ้าน้องสงสัยตรงไหนมาถามผมก็ได้นะครับ แต่...ผมก็ไม่ค่อยฉลาดนะ”

ได้ฟังแล้วแสวงหัวเราะ “จะบอกมันให้นะครับ”

“ลุงแหวงไปนั่งพักกับคนงานคนอื่นก็ได้นะครับ เดี๋ยวที่เหลือผมยกมาให้เอง”

แกนิ่งไปพักหนึ่ง “จะดีเหรอครับ”

“ไม่เป็นไรหรอกน่า ยกกระป๋องปุ๋ยตอนทำงานหนักกว่านี้เยอะเลยครับ ลุงแหวงไม่ต้องห่วงนะ ห่วงตัวเองดีกว่า ตอนนี้เหงื่อเต็มหน้าไปหมดแล้ว ไปนั่งพักเถอะเดี๋ยวผมรับช่วงต่อให้เอง” วิริยะยืดอกทำตัวเท่ในขณะพูด เรียกรอยยิ้มผู้ฟังและคนรอบข้างที่เดินสวนไปมา เมื่อเห็นลุงแสวงทำตามคำขอแล้วเด็กหนุ่มก็แยกเดินมาคนเดียวเพื่อยกเครื่องดื่มชุดสุดท้าย ท้ายรถกระบะที่จอดอยู่ริมถนน

อาจเป็นเพราะสัญชาตญาณและความกลัว เด็กหนุ่มรู้สึกเหมือนใครมองอยู่ตลอดเวลา ทว่าเมื่อหันกลับไปดันไม่เจออะไรอย่างที่คิด ความรู้สึกบอกให้วิริยะรีบเดินเร็วกว่าเดิมเพราะเริ่มจะอันตรายแล้ว แถวนี้ไม่มีคนงานสักคน อาจไปรวมกลุ่มพักกันที่อื่น

“แฮ่!”

“อ๊ากกกก!” วิริยะร้องเสียงหลง ยกมือกุมหน้าอกตัวเองทรุดตัวนั่งยองย่อเพราะเข่าอ่อน และโล่งใจที่คนตรงหน้าไม่ใช่ใครที่ไหน คือกลุ่มของส้มนั่นเอง ตั้งแต่เจอไอ้ชาติที่ไร่ก็ทำให้เขาระแวงไปเสียหมด คิดว่าที่นี่ไม่ปลอดภัยอีกแล้ว “โธ่ อย่าแกล้งวิวแบบนี้อีกนะ หัวใจจะวาย”

พวกพี่ ๆ หัวเราะกันยกใหญ่ “ขอโทษ แต่เวลาวิวเหลือกตาร้องนี่ตลกจังเลยนะ”

“ไม่ขำนะ ตกใจหมดเลย คิดว่าเป็น...” ไอ้ชาติ

“เป็นใครจ๊ะ เป็นนายเชษฐ์สุดหล่อรึไง” กุ้งแซว

“เป็นอาเชษฐ์ไม่ร้องแบบนี้หรอก จะกระโดดใส่เลยด้วยซ้ำ”

“แหม ๆ ๆ หมั่นไส้จริง แล้วนี่จะไปไหนจ๊ะ” ตาถามเสียงสดใสแล้วช่วยพยุงวิริยะยืนขึ้น พากันเดินต่อเป็นเพื่อนวิริยะ เด็กหนุ่มเช็ดเหงื่อบนหน้าตัวเอง ทำปากยื่นปากยาวไปยังรถกระบะที่จอดอยู่ริมถนนลูกรังของไร่ “ไปเอาเครื่องดื่มมาให้คนงานน่ะครับ”

“แล้วลุงแหวงล่ะ” ส้มถาม

“ก็แกทำท่าเหมือนจะไม่ไหว แดดก็ร้อน ผมเลยอาสามาเอง”

“เด็กดี” พี่สาวยิ้มพลางเดินรวมกลุ่มไปยังที่หมาย ครั้นไปถึงก็ช่วยกันยกคนละนิดละน้อย พลอยให้วิริยะรู้สึกโล่งใจที่มีเพื่อนอยู่ในเวลาเช่นนี้ คิดว่าไอ้ชาติมันจะย้อนกลับมาเล่นงานอีก ทว่าเมื่อคิดถึงไอ้ชาติแล้วประโยคที่มันกล่าวถึงน้องชายก็ผุดขึ้นมาในความคิด พร้อมกับความสงสัยของวิริยะ

“ว่าแต่พวกพี่รู้จักน้องของไอ้ชาติบ้างไหม”

ทั้งหมดชะงัก แล้วหันมามองหน้าเด็กหนุ่ม “นายเชษฐ์ไม่เคยเล่าให้ฟังเหรอ”

วิริยะรีบโคลงศีรษะ เริ่มสงสัยขึ้นมากกว่าเก่า “เกี่ยวอะไรกับอาเชษฐ์อะ”

“จะไม่เกี่ยวได้ยังไง เกี่ยวเต็ม ๆ เลยจะบอกให้ ก็คนที่แย่งเมียนายเชษฐ์ไปก็คือไอ้โชค น้องชายของไอ้ชาติยังไงเล่า พูดแล้วขนลุกขึ้นมาเลย” ตาทำท่าลูบแขนของตัวเอง พร้อมกับความฉงนของวิริยะที่ยังไม่กระจ่างแจ้ง แต่พอจะเดาได้ลาง ๆ แล้ว ว่าเหตุใดเชษฐ์ไชยถึงดูไม่ชอบขี้หน้ากับไอ้ชาตินัก คงมีเรื่องนี้มาเกี่ยวด้วยแน่

“ตอนนี้เขาไปไหนแล้วละพี่” เด็กหนุ่มถาม

ทั้งสามมองหน้ากันแล้วเกี่ยงที่จะพูด สุดท้ายส้มก็เป็นคนตอบในสิ่งที่วิริยะสงสัย “มีคนเจอศพมันที่กระท่อมท้ายไร่ ตั้งแต่ได้ข่าวว่าพาคุณรตรีหนีไปใหม่ ๆ เขาว่ากันว่า มันโดนปืนยิงกลางแสกหน้าแล้วเอาไปทิ้งไว้จนเน่าส่งกลิ่นเหม็น คนไปเจอนี่ฝันร้ายจนต้องหนีเข้าวัดเลย”

วิริยะขนลุกตามไปด้วย “น่ากลัวจัง”

“แต่ที่น่ากลัวกว่านั้น มีข่าวลือว่าคนที่ฆ่ามันก็คือนายเชษฐ์นั่นแหละ เพราะความโกรธที่ถูกไอ้โชคแย่งเมียไป แถมตอนเกิดเรื่องนายเชษฐ์ก็ไม่ได้ตกใจ แล้วบอกคนงานว่าให้เก็บเรื่องนี้เป็นความลับ ห้ามให้ใครรู้ว่ามีคนตายที่ไร่ด้วย ที่มาของนายเชษฐ์จอมโหดไม่ได้มาลอย ๆ นะวิว” กุ้งกุมอกพูดเป็นตุเป็นตะ

ในขณะที่ตาส่ายหน้าไม่เห็นด้วย “ฉันว่าไม่ใช่ฝีมือนายเชษฐ์หรอก นายเชษฐ์แค่ไม่อยากให้คนแตกตื่นก็เท่านั้น”

“ใช่ นายเชษฐ์ไม่ได้ใจร้ายถึงขนาดฆ่าคนได้สักหน่อย” ส้มสมทบ

“ใครจะไปรู้ล่ะ ความรักทำให้คนตาบอด พวกแกเคยได้ยินคำนี้ไหม” กุ้งเถียง

วิริยะนิ่งไป แล้วหวนนึกถึงสีหน้าของไอ้ชาติ ตอนที่พยายามบอกให้เขานำเรื่องนี้ไปบอกเชษฐ์ไชยแล้วชั่งใจ ว่าความน่าเชื่อถือของลุงแสวง ลุงแก่หน้าตาซื่อ กับผู้ชายหน้าโจรที่เคยมีเรื่องกันมาก่อน ซึ่งสูญเสียน้องชายไปโดยไม่รู้ว่าเป็นฝีมือของใครแน่ชัด ใครมันน่าเชื่อถือกว่ากัน

“วิว ว่าแต่นอนอยู่ในห้องนั้นไม่ได้เลขเด็ดอะไรเลยเหรอ”

“ฮะ” เด็กหนุ่มย้อน

“ก็แต่ก่อนยังไม่ได้สร้างหอพักอีกฝั่ง ห้องพักก็เลยต้องรวมทั้งชายกับหญิงไปก่อน แล้วห้องที่วิวนอนอยู่น่ะเป็นห้องของไอ้โชคไง”

วิริยะอ้าปากค้าง ไม่คิดว่าเรื่องที่เชษฐ์ไชยพูดคราวนั้นจะเป็นเรื่องจริง เขานึกว่าที่อีกฝ่ายบอกมาเป็นเรื่องอำให้เด็กหนุ่มกลัวก็เท่านั้น มาคิดอีกทีเชษฐ์ไชยก็ใจร้ายเหลือเกิน ให้คนกลัวผีอย่างเขานอนอยู่ในห้องของคนตายแล้วมาตลอดหนึ่งเดือน โดยไม่บอกอะไรสักคำ ถึงคนชื่อโชคจะหนีไปก่อนและไม่ได้เสียชีวิตในนั้น แต่คิดแล้ววิริยะก็ขนลุกขึ้นมา เขาว่ากันว่าวิญญาณจะไปเฉพาะที่ที่ตัวเองเคยไปเท่านั้น

วิริยะเดินหน้ามุ่ยกลับไปที่โรงครัวพร้อมพี่ ๆ หลังเลิกงาน เห็นหลังเชษฐ์ไชยเดินนำไปอยู่ลิบ ๆ ครั้นไปถึงเห็นลุงแสวงแกนั่งอยู่ กำลังทายาแก้ปวดข้อขาให้คลายเมื่อย เห็นแล้วเด็กหนุ่มก็เดินไปทรุดนั่งข้าง “ลุงแหวงปวดขาเหรอครับ”

“โรคคนแก่น่ะครับน้องวิว” แสวงหัวเราะ แล้วโน้มลงไปทาครีมที่ข้อเท้า

“เดี๋ยวผมช่วยครับ”

“ไม่เป็นไรครับ น้องวิวไปกินข้าวเถอะ”

เด็กหนุ่มส่ายหน้า “เถอะน่าลุงแหวง ก้มต่ำ ๆ เดี๋ยวความดันขึ้นพอดี”

วิริยะคลี่ยิ้มทำหน้าเอาอกเอาใจแล้วแย่งยามาบีบใส่มือ ก้มลงไปนวดให้แกด้วยความตั้งอกตั้งใจ พลอยเรียกรอยยิ้มเอ็นดูของลุงที่นั่งบนเก้าอี้ได้ “ลุงแหวงทำให้ผมนึกถึงปู่เลย แกเป็นโรคเกาต์ แต่ชอบแอบไปสั่งไก่ทอดกินคนเดียวประจำ พ่อนี่ตามไปดุตลอด แกก็เอาแต่งอนบอกว่าอีกไม่กี่ปีกูก็ตายแล้ว ตามใจหน่อยไม่ได้เลยรึไง”

คนฟังคลี่ยิ้ม “ก็จริงของปู่แกนะครับ แต่ลูกหลานทำเพราะเป็นห่วงนี่นะ”

“นี่คงกินไก่อยู่บนสวรรค์สบายใจเฉิบแล้ว” วิริยะยิ้มหลังทายาและนวดให้แล้วเสร็จ ก่อนจะเงยมาสบตาคนฟัง “ลุงแหวงเองก็เชื่อลูกหลานบ้างนะครับ ที่บอกที่ปรามเพราะว่าเป็นห่วงและรัก จะได้อยู่กันไปนาน ๆ น้องหน่อยคงอยากให้พ่ออยู่ทันถึงตอนเรียนจบปริญญา ผมก็ด้วย ผมอยากให้ลุงแหวงอยู่ทันวันรับปริญญาของผมเหมือนกัน”

คนฟังคลายรอยยิ้มลง มองใบหน้าใสของคนกล่าวอยู่ครู่หนึ่งด้วยความเอ็นดูอย่างอดไม่ได้

“ขอบใจนะครับ ตัวมีแต่เหงื่อ เหม็นก็เหม็น ยังให้น้องวิวมานวดให้อีก เดี๋ยวลุงไปอาบน้ำก่อน”

วิริยะลุกขึ้นแล้วมองคนแก่เดินไปยังบ้านพักที่ห่างไปจากตรงนี้ไม่ไกลนัก เพียงแต่ต้องผ่านโค้งไปก่อน หันกลับมาอีกทีก็เห็นหลอดยาของแกที่ลืมทิ้งไว้ คราวแรกเด็กหนุ่มกะว่าจะร้องเรียกให้กลับมารับ แต่เห็นว่าลุงแสวงปวดขาอยู่เลยเอามาเก็บไว้ก่อน หากทานข้าวเสร็จแล้วค่อยเอาไปให้ ยาตัวนี้คงสำคัญสำหรับคนทำงานหนักอย่างลุงแสวงน่าดู

คิดแล้ววิริยะก็หมุนตัวเดินไปล้างมือ ตักอาหารแล้วเดินไปหาที่นั่ง เห็นนายใหญ่ของไร่กำลังทานอยู่ก็รีบตรงดิ่งเข้าไปทรุดอยู่ข้างกาย เชษฐ์ไชยมองวิริยะ แล้วถอนใจ “หลบไม่พ้นจริง ๆ”

“ยาก!” วิริยะทำหน้างอ

“รีบกินข้าวแล้วรีบกลับบ้าน เดี๋ยวจะมืดเสียก่อน”

“ก็รอกลับพร้อมอาเชษฐ์ไง”

“ไม่เอาโว้ย”

คนฟังตักข้าวเข้าปาก “ใจร้ายว่ะ นี่ยังไม่นับเรื่องที่ให้ผมไปนอนห้องคนตายแล้วนะ”

เชษฐ์ไชยแอบยิ้ม “เพิ่งรู้เหรอ ก็คิดว่ารู้แล้ว ตั้งแต่ตามไปขอพระวันนั้นซะอีก” คนกล่าวยกน้ำขึ้นดื่มไปพลาง กลัววิริยะจับได้ว่ากำลังนึกตลกในสิ่งที่เจ้าตัวบ่นให้ฟัง “แล้วสรุปเห็นอะไรไหมละ”

“ไม่ต้องมาถามเลย! นี่ถ้าไอ้ชาติไม่มาบอก...” วิริยะเบิกตา แล้วยกมือปิดปากที่เผลอลั่นออกไป เด็กหนุ่มเหลือกตาวาว เมื่อเหลือบไปเห็นว่าคนกำลังยิ้มได้คลายสีหน้าสบายลงไป แล้วหันมาจ้องตาเขาราวกับจะกินเลือดกินเนื้อกันให้ได้

“ไปเจอไอ้ชาติมาเหรอ!” เชษฐ์ไชยไม่ได้เสียงดัง แต่ถ้อยคำที่กล่าวฟังดูน่ากลัว

วิริยะพูดไม่ออก เหงื่อตกไปพักหนึ่งเพราะไม่อยากโกหก

“ถามอยู่ไม่ได้ยินเหรอ!” คนอายุมากกว่ายังคงทำเสียงดุ ท้ายที่สุดเด็กหนุ่มก็ยอมพยักหน้ารับด้วยสีหน้าหงอยลงเมื่อยังคงเห็นแววตาเอ็ดของเชษฐ์ไชย “อย่าไปไหนมาไหนคนเดียวอีกเด็ดขาด เข้าใจไหม เกิดไม่โชคดีเหมือนคราวนี้จะทำยังไง รู้รึเปล่าว่าตอนนี้ไร่ไม่ใช่ที่ปลอดภัยแล้ว”

“ผมจะระวังตัวครับอาเชษฐ์” เด็กหนุ่มยอมรับผิด

“รีบกิน เดี๋ยวจะไปส่งที่บ้าน แล้วห้ามออกมาอีกเข้าใจไหม” เมื่อได้ยินเสียงกำชับด้วยความเป็นห่วงของเชษฐ์ไชยแล้ววิริยะอดจะยิ้มดีใจไม่ได้ พยักหน้ารับอย่างเร็วไวราวต้องการเอาอกเอาใจคนตรงหน้า เห็นแล้วจากที่ดุ เชษฐ์ไชยก็คลายความกังวล เหลือเพียงแค่ส่ายหน้าให้อย่างระอาที่เด็กหนุ่มเอาแต่ทำให้เป็นห่วงอยู่เสมอ แล้วอย่างนี้จะปล่อยให้คลาดสายตาได้ยังไง

ค่ำจนได้ หลังทานข้าวเสร็จวิริยะก็ขออนุญาตชายหนุ่มเอายาไปคืนลุงแสวง บอกด้วยสีหน้าสดใสว่าจะรีบไปรีบกลับ คนหน้าโหดก็พยักหน้ารับเพราะเห็นว่าใกล้กันแค่นี้คงไม่เป็นไร ที่สำคัญเป็นบ้านของแสวงด้วย จึงเดินไปหยุดยืนรออยู่ที่รถ มองตามร่างของเด็กหนุ่มจนหายไปในความมืด

ขาดยาหลอดนี้ลุงแสวงคงนอนปวดขาทั้งคืนแน่

วิริยะยกมือที่ถือยาขึ้นดูด้วยรอยยิ้ม เห็นหน้าบ้านแกเปิดไฟทิ้งไว้ ประตูบานหนึ่งไม่ได้งับบอกว่ามีคนอยู่ข้างใน วิริยะตั้งใจจะเข้าไปเรียกหาน้องหน่อยเพราะคิดว่าแสวงอาจกำลังอาบน้ำ หากทว่าเห็นแกยืนหน้าเคร่งอยู่ต่อหน้าน้องหน่อยราวกับว่ามีปัญหากันอยู่ เธอหันหลังให้เขา ในมือถือสมุดบันทึกเล่มเล็กสีเหลืองเล่มหนึ่งอยู่ข้างหลัง ซึ่งมันคุ้นตาเขาว่าเคยเห็นแวบ ๆ ที่ไหนมาก่อน

น้องหน่อยร้องไห้ “พ่อหยุดเถอะนะ อย่าทำแบบนี้กับนายเชษฐ์เลย”

“เอามาให้พ่อนะหน่อย ครั้งนี้ครั้งสุดท้ายพ่อสัญญา”

หน่อยส่ายหน้าระรัวไม่ยอม “นายเชษฐ์รักเรามากนะ เขาดูแลเราดีมาโดยตลอด หนูไม่กล้ามองหน้านายเชษฐ์แล้วพ่อรู้ไหม เพราะพ่อทำแบบนี้ไง”

“แกคิดว่าที่ได้เรียนโรงเรียนดี ๆ นี่เพราะนายเชษฐ์เหรอ เพราะพ่อทำแบบนี้ต่างหากถึงได้มีปัญญาส่งแกไปเรียนได้ เอาสมุดมาให้พ่อเดี๋ยวนี้!”

“ไม่ หนูว่าจะบอกแม่ตั้งนานแล้ว แต่พ่อรับปากหนูว่าจะเลิกหนูเลยยังไม่ได้บอก แต่นี่พ่อผิดสัญญา หนูจะไปบอกแม่กับนายเชษฐ์!”

ลุงแสวงตัวสั่นจ้องหน้าลูกสาว “ห้ามบอกแม่กับนายเชษฐ์เรื่องนี้เด็ดขาด คราวที่แล้วก็เกือบถูกไอ้ชาติจับได้แล้วไง! คราวนี้ถ้านายเชษฐ์รู้ว่าเราทรยศมีหวังได้ฆ่าพ่อแน่ อยากให้พ่อตาย อยากให้พ่อติดคุกใช่ไหม แบบนี้ใช่ไหมลูกถึงจะว่าดี!”

วิริยะเบิกตาโต หลังได้ฟังในสิ่งที่แกพูดก็ถึงบางอ้อ เขาจำได้แล้วว่าเคยเห็นสมุดเล่มนี้ที่ไหน

ตอนนั้นที่เขากำลังเดินเล่นแล้วเห็นไอ้ชาติทำท่าจะกอดน้องหน่อย เด็กหนุ่มจึงเข้าไปห้ามแล้วได้ลงมือทำร้ายกัน เขาเห็นหน่อยหยิบสมุดเล่มนั้นใส่กระเป๋า หรือที่เธอยอมโกหกเชษฐ์ไชยว่าไม่ได้ถูกลวนลามนั้น อันที่จริงแล้วหน่อยไม่ได้โกหก ที่ร้องขอความช่วยเหลือก็เพราะไอ้ชาติกำลังตามมาแย่งเอาสมุด เมื่อวิริยะมาเห็นเลยบอกว่าถูกลวนลาม แต่เมื่อเชษฐ์ไชยรับรู้เลยไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร เพราะไม่อยากให้พ่อถูกลงโทษเลยต้องยอมตามไอ้ชาติไปก่อน

ยังไงเสียไอ้ชาติก็ไม่กล้าปรักปรำลุงแสวงโดยไม่มีหลักฐานอยู่แล้ว

งั้นที่ไอ้ชาติมาบอกก็ไม่ได้โกหกน่ะซี วิริยะคิดแล้วมือไม้อ่อน หลอดยาในมือหล่นตุบจนทั้งสองที่กำลังคุยกันหันมา เมื่อลุงแสวงเห็นเด็กหนุ่มแล้วก็ตกใจ เดินตรงมาทิศนี้ด้วยดวงตากร้าว ภาพโชคที่ถูกยิงตายในจินตนาการแล่นเข้ามาที่หัวเด็กหนุ่มอย่างฉับพลันจนทำให้วิริยะกลัว

ไอ้ชาติบอกว่าโชคตายเพราะลุงแสวง

“น้องวิว...” แกใช้เสียงเบา

วิริยะถอยหลังมองสองพ่อลูกตรงหน้า ไม่ได้ เขาต้องรีบไปบอกเรื่องนี้กับเชษฐ์ไชยเดี๋ยวนี้!

ไม่ทันได้รู้ตัวเลยว่ามีใครยืนอยู่ข้างหลัง กว่าจะไหวตัวทันก็ตอนที่มีคนล็อกคอวิริยะด้วยลำแขนแล้ว เด็กหนุ่มพยายามส่งเสียงร้องทว่าทำไม่ได้เลย คนข้างหลังใช้ผ้าอะไรสักอย่างปิดจมูกและปากเขาไว้แน่นหนาจนเหม็นหืน พละกำลังก็มหาศาล

วิริยะพยายามดิ้นสุดชีวิตแต่สู้แรงไม่ได้เลย เขาเห็นสีหน้าหวาดกลัวของน้องหน่อยในขณะที่สติสัมปชัญญะค่อย ๆ หายไป ภาพสุดท้ายคือมือยาว ๆ ของตัวเองเอื้อมเรียกขอความช่วยเหลือจากเด็กสาว และใบหน้าของหน่อยที่หลบอยู่หลังลุงแสวงทั้งน้ำตา ก่อนทุกอย่างจะหายไป

น้ำตาเด็กหนุ่มไหลอาบ ภาพของครอบครัวและเชษฐ์ไชยผุดขึ้นมาในชั่ววินาทีหนึ่ง

คิดว่าไม่น่าเลย รู้อย่างนี้ทำทุกอย่างอย่างเต็มที่ ก่อนจะเป็นแบบนี้เสียก็ดี...

 

เชษฐ์ไชยยังคงยืนรออยู่ที่รถแม้จะผ่านมากว่าห้านาทีแล้ว ด้วยความเป็นห่วงชายหนุ่มจึงตัดสินใจเดินไปตาม หากทว่าเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมาขัดเสียก่อน และยิ่งเห็นเป็นเบอร์น้องชาย ชายหนุ่มจึงตัดสินใจกดรับสายเพราะรู้ว่าหากไม่สำคัญอัฐษไชยคงไม่รีบโทรมา

“ว่าไงอัฐษ์” ชายหนุ่มตอบรับ น้ำเสียงบอกอยู่เป็นนัยว่ากำลังใจร้อน

“วันนี้ฉันติดต่อชาติไม่ได้เลย”

นึกว่าจะโทรมาบอกเรื่องอะไร “ถ้าจะมาคุยเรื่องไอ้ชาติหมานี่ก็วางสายซะ ฉันมีธุระ”

“ไม่นะเชษฐ์ แกอคติกับชาติมันเกินไป” เสียงของอัฐษไชยเป็นกังวลอย่างหนัก

“ถ้าจะมาสรรเสริญมันให้ฉันฟังก็แค่นี้นะ”

“ฉันรู้ว่าแค่พูดแกคงไม่เชื่อ แต่ตอนนี้ที่ไร่ของแกไม่ปลอดภัยแล้ว ระวังคนข้างกายของแกไว้ให้ดีเถอะ ไม่ต้องไประวังชาติมัน คอยจับตามองคนที่คอยยิ้มเข้าหาแกจะดีกว่า” อัษฐ์ไชยพูดเสียงเป็นห่วง พลอยให้คนทางนี้รู้สึกแปลกใจ

“แกหมายความว่าไง”

อัษฐไชยเงียบไปพักหนึ่ง “ก็เรื่องที่ฉันบอกแกนั่นไงว่ามีคนกำลังทรยศแกอยู่ ตั้งแต่ชาติบอกฉันว่าจะเข้าไปที่ไร่เพื่อบอกแก ตอนนี้มันยังไม่ติดต่อมาเลย ฉันเลยคิดว่ามันอาจถูกปิดปากอย่างโชคแล้วก็ได้ บอกฉันหน่อยว่าแกพอได้ยินข่าวชาติบ้างไหม”

เขาได้ยิน ได้ยินจากปากของวิริยะ

“แค่นี้ก่อนนะ”

อย่าบอกเลยว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับวิริยะ เชษฐ์ไชยกดวางสายแล้วรีบวิ่งไปที่บ้านพักของลุงแสวงทันทีเมื่อน้องชายถามถึงข่าวของชาติ ซึ่งวิริยะเพิ่งบอกว่าเจอกัน มันอาจเล่าความจริงให้เด็กหนุ่มฟังแล้วคนร้ายอาจตามปิดปากวิริยะด้วยอีกคนก็ได้ เมื่อตอนเย็นเขาก็ลืมคาดคั้นวิริยะว่าไอ้ชาติพูดอะไรด้วยบ้าง

ชายหนุ่มรู้สึกถึงใบหน้าที่ร้อนผ่าว ภาวนาว่าอย่าให้เกิดเรื่องอะไรขึ้นเลย คิดแล้วเชษฐ์ไชยก็สาวเท้าเข้าไปเปิดประตูบ้านคนงานเก่าแก่ของไร่เพื่อถามหาวิริยะ เห็นหน่อยที่นั่งอยู่หน้าโต๊ะอ่านหนังสือ เด็กสาวสะดุ้ง หันมาทางทิศนี้ด้วยท่าทางตกใจ ชายหนุ่มถามหาวิริยะและลุงแสวงพร้อมกัน ได้ฟังเด็กสาวอึกอักพักหนึ่งดูเหมือนตกใจที่เห็นท่าทางรีบร้อนของชายหนุ่ม ตอบกลับมาว่าวิริยะเดินกลับบ้านไปแล้ว ส่วนพ่อก็ออกไปดื่มเหล้ากับกลุ่มเพื่อน

ชายหนุ่มแปลกใจ รู้ว่าหน่อยกำลังหวาดกลัวอะไรบางอย่างและมีพิรุธ

เขาไม่ได้บังคับถาม ด้วยความที่อยากรู้ว่าวิริยะไปบ้านแล้วจริงหรือไม่ จึงกลับไปที่รถแล้วบึ่งไปบ้านพักทันที ครั้นไปถึงก็เห็นแม่ต้อยยกยิ้มทักทายและจัดมื้อเย็นอยู่ “วิวกลับมารึยังต้อย”

นางแปลกใจ “ยังไม่เห็นนะคะ เอ...แต่ต้อยก็มัววุ่นอยู่ในครัว ไม่รู้ว่ามารึยังนะคะ”

เชษฐ์ไชยถอนใจหน้าเคร่งเครียด เดินขึ้นไปชั้นสองเพื่อหาในห้องพักของตนเอง ไร้ร่างของวิริยะนอนรอด้วยสีหน้าสดใสอย่างเคย ใจชายหนุ่มสั่นไหว รีบเร่งไปเคาะประตูพี่สาวของเด็กหนุ่มถามหา ทรายบอกว่าไม่เห็น ทั้งสองจึงเดินตรงไปยังห้องพักของธเนศกับอิงอรด้วยความหวังว่าวิริยะจะอยู่ในนั้น แต่ธเนศบอกว่าไม่อยู่ จากนั้นทุกคนก็เริ่มแสดงถึงความหวาดวิตกเมื่อสุดท้ายไม่มีใครรู้ว่าวิริยะอยู่ที่ไหน

ธเนศสั่งให้ทุกคนรออยู่ในบ้าน แล้วตามเชษฐ์ไชยออกมาที่หอพักสอบถามทุกห้องว่ามีใครเห็นวิริยะหรือเปล่า ทุกคนตอบเป็นเสียงเดียวกันว่าไม่เจอ และเห็นครั้งสุดท้ายก็ตอนที่อยู่กับเชษฐ์ไชย

เมื่อเห็นสายตาบิดาของเด็กหนุ่มมองมา เชษฐ์ไชยอยากฆ่าตัวเองเสียให้ตายที่สะเพร่าปล่อยเด็กหนุ่มเดินไปคนเดียว ทั้งที่ปากบอกว่าเป็นห่วงแท้ ๆ

กว่าจะสอบถามครบทุกคนก็ผ่านมาชั่วโมงกว่าแล้ว ใจนายใหญ่ของไร่ร้อนราวกับไฟ และเมื่อลุง ๆ ป้า ๆ ทั้งหมดรู้ข่าวว่าวิริยะหายไปต่างรู้สึกเป็นกังวลตามด้วย หลังเดินรอบไร่แล้วเชษฐ์ไชยและธเนศก็กลับมาที่หอ ทั้งสองชะงักเท่ากึกเมื่อเห็นคนงานเกือบครึ่งร้อยชีวิตอยู่รอกันอยู่กลางลานเพื่อฟังข่าวด้วยความเป็นห่วงเป็นใยวิริยะ ในมือถือไฟฉายคนละอันเตรียมตัวรอเชษฐ์ไชย

น้ำเสียงของเชษฐ์ไชยเจ็บปวดเมื่อบอกว่าไม่เจอวิริยะ เจ็ดหนุ่มเห็นแล้วก็ใจหวิว ออกปากว่าจะช่วยหาทั้งคืนจนกว่าจะเจอ เมื่อได้ยินแล้วคนงานคนอื่นก็เออออ บอกว่าจะช่วยด้วยอีกแรง “น้องวิวหายไปทั้งคน ไม่มีใครทนรอฟังข่าวอย่างเดียวได้จริง ๆ นายเชษฐ์ให้พวกเราไปช่วยหานะคะ”

“ใช่ครับ เราเอ็นดูแกเหมือนลูกเหมือนหลาน”

เชษฐ์ไชยขบฟัน หวังว่าวิริยะแค่เดินเล่นจนหลงทางเท่านั้น “ได้สิ ไปหาวิวกัน”

น้ำตาของธเนศไหลด้วยความเป็นห่วงวิริยะ เขารู้ว่าลูกชายเป็นพวกขี้กลัวขนาดไหน ป่านนี้คงนั่งตัวสั่นร้องไห้อยู่ที่ไหนสักที่ ทั้งไร่ได้ยินเสียงคนงานร้องเรียกวิริยะให้ขานรับ แต่ไร้เสียงตอบกลับของเด็กหนุ่ม ความมืดมิดมีแสงไฟฉายกวาดไปทั่วราวหิ่งห้อยตัวใหญ่มาเป็นฝูง ทุกตารางที่เดินผ่านมีแต่ความหวังว่าจะเจอเด็กหนุ่ม แต่จนแล้วจนรอด ผ่านไปอีกสามชั่วโมงก็ไร่ร่างของวิริยะโผล่ออกมา

จะเที่ยงคืนแล้ว คนงานทุกคนเริ่มเหนื่อยอ่อนเพราะทำงานมาทั้งวัน แต่ก็ยังไม่ถอดใจ

กระทั่งได้ยินเสียงปืนดังขึ้นหลายนัด เท้าของทุกคนชาวาบและมองหน้ากัน

“นายเซษฐ์! ดำว่าเสียงปืนแท้ ๆ แต่บ่ฮู้ว่ามาจากทางใด๋ เสียงมันสะท้อนไปเบิ่ดเลย!”

“นายเชษฐ์ เสียงมาจากน้ำตก มองลงเนินไปเห็นแสงไฟกะพริบอยู่ครับ!” อีกหนุ่มหนึ่งทันมองเห็นรีบร้องบอก ธเนศเข่าอ่อน พร้อมทั้งใจของเชษฐ์ไชยหายวาบ

“ผู้ชายไปเอาอาวุธ ส่วนผู้หญิงกลับไปรออยู่ที่ห้อง” ออกคำสั่งแล้วชายหนุ่มเองก็วิ่งไปหยิบปืนที่วางทิ้งไว้ในรถ กลับไปอีกทีเห็นคนงานผู้หญิงหลายคนถือจอบและเสียมยืนรวมกลุ่มรอท่า จะไปด้วยกัน ไม่มีใครคิดจะอยู่ที่นี่

“ผู้ชายนำไปก่อนแล้ว ส่วนเราพร้อมจะช่วยน้องวิวแล้วค่ะ!”

เชษฐ์ไชยปล่อยเลยตามเลย สั่งให้พวกนางขึ้นหลังรถกระบะแล้วรีบขับรถลงเนินไปยังน้ำตก หวังว่ากลุ่มดำที่นำไปก่อนจะช่วยไว้ได้ทัน หวังว่ามันจะไม่สายไป แม้เสียงปืนนั่นจะยังคงลั่นอยู่ภายในใจของเชษฐ์ไชยอย่างไม่จบสิ้นอยู่ก็ตาม

“อย่าเป็นอะไรไปนะวิว พี่ขอร้อง...”


--๕๐--


-----------------------------------------------------

แงงงงงงง ซวยแล้วนายเชษฐ์เอ๊ย แล้วปืนนี่ยิงใคร

แล้วตอนหน้าจะเป็นไง นายเชษฐ์จะไปช่วยน้องได้ทันรึไม่ ต้องรอติดตาม

นิยายใกล้จะจบเต็มที่แล้ว มาช่วยกันลุ้นหน่อย รู้ว่าเซ็งที่น้องไม่ทันคน รู้ว่ามีอะไรไม่ได้ดังใจ มาอินกันต่อเถอะ แล้วมาเดินจูงมือนายเชษฐ์กับวิวไปพบเจอความสุขในตอนสุดท้ายที่ใกล้จะถึงเต็มทีกัน

บายเด้ออออ เจอกันตอนหน้า อย่าลืมทิ้งคอมเม้นไว้ให้เค้าอ่านน้า จุ๊บ...

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
ทำตัวเองแท้ๆ เลยวิว  :hao5:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
 :ling3:

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
ยังไงตัวเอกไม่เป็นอะไรหรอก คนเขียนไม่ได้ใจร้าย แต่ก็เป็นห่วงวิวเหมือนกัน
ขอให้ปลอดภัย

ออฟไลน์ BAKA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3025
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-10
โอยยยย อย่าเป็นอะไรนะน้องวิว

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: **{4.5.61-ตอนที่ ๑๙--๕๐/๑๐๐ } Cinderella man and the beast
« ตอบ #199 เมื่อ: 04-05-2018 20:55:08 »





ออฟไลน์ pigarea

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 748
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
คนใกล้ชิด​มาทำร้ายกันแบบนี้

ออฟไลน์ seaz

  • รักอยู่ไหน...ใจเรียกหา
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5383
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +381/-9
โอ๊ยๆ น้องวิวอย่าเป็นอะไรนะครับ :o12:

ออฟไลน์ nunda

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3004
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-2
กำจัดคนชั่วให้ได้!!!

ออฟไลน์ noonaaRP

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 262
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-1
    • fanpage Noonaa

(ต่อ)

30 นาทีก่อนหน้านี้

วิริยะรู้สึกตัวตื่นท่ามกลางความมืดมิดเพราะแรงสะกิดเรียกที่ขา แวบแรกคิดว่าตัวเองเพียงแค่ฝันไปเท่านั้น ความน่ากลัวที่ผ่านมามันยังไม่ได้เกิดขึ้น แต่ไม่เลย เมื่อลืมตาตื่นเขาก็ยังคงพบความจริงที่กำลังเผชิญหน้าอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เขาถูกจับตัวมา ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าที่นี่ที่ไหน ได้ยินเพียงเสียงนกกลางคืนและสายน้ำกระทบไหลเท่านั้น

เมื่อตื่นแล้ว แสงจากดวงจันทร์สาดลอดใบไม้ลงมาให้เห็นลาง ๆ เด็กหนุ่มเบิกตาหอบหายใจ เมื่อเหลือบไปเห็นใครสักคนนอนเลือดอาบอยู่ตรงหน้า “ชู่...” ทว่าไม่ได้หมดสติอย่างที่คิด มันส่งเสียงปรามไม่ให้วิริยะแตกตื่นแล้วเหลือบไปด้านหลัง เห็นผู้ชายตัวใหญ่สองคนยืนเฝ้าอยู่

ถ้ามองไม่ผิด นี่คือไอ้ชาติ เพียงแต่มันถูกทำร้ายสภาพสะบักสะบอมแทบจะไม่เหลือเค้า

ทั้งสองถูกทิ้งไว้ที่พื้นหิน ริมตลิ่งของน้ำตก ข้าง ๆ ทั้งสองมียางรถยนต์วางเรียงกันอยู่ ไอ้ชาติใช้โอกาสที่คนร้ายสองคนตั้งตาปรึกษากัน ควานหยิบหาหินแหลมที่พอจะใช้ได้ ตัดเชือกที่มัดมือตัวเองออกไปได้แล้ว แต่ยังคงแสร้งสลบเพื่อหาโอกาสช่วยวิริยะอยู่ ดีหน่อยที่ช่วงนี้น้ำตกมีเยอะ เสียงของมันกระแทกกับก้อนหินดังสนั่น พอให้พวกมันไม่หันมาสังเกตได้

“พวกมันรอน้ำมัน” ชาติกระซิบเสียงเบาที่สุด “มันพูดว่าจะเผาเราตอนตีหนึ่ง ช่วงที่คนอื่นในไร่นอนหลับกันหมดแล้ว แล้วจะไม่ได้เห็นควันหรือแสงไฟ อยู่ใกล้น้ำตก จะได้ดับไฟแล้วก็ทำลายหลักฐานได้สะดวก”

วิริยะน้ำตาไหลเพราะความกลัว ตัวสั่นไปหมด “ทำยังไงดี”

ทั้งสองมองหน้ากันในความมืด ชาติใช้ทีเผลอคู้เข่าขึ้นแก้มัดที่เท้าให้ตัวเองแล้วพันไว้หลวม ๆ หลอกตา จากนั้นรีบเอื้อมไปแก้มัดให้วิริยะที่ยังคงนอนอยู่ตรงกันข้าม แล้วทำอย่างเดิมไว้เพื่อรอโอกาส จะได้พากันวิ่งหนีเข้าไปในป่า ดีหน่อยที่คนร้ายไม่กล้าใช้ไฟฉายหรือก่อไฟใด ๆ ทั้งสิ้น เพราะกลัวมีคนรู้เห็นว่าเกิดอะไรขึ้นที่นี่ หากทว่าดูเหมือนพวกมันจะเริ่มแตกคอกันเพราะลุงแสวงเดินเข้ามา

“พวกมึงทำบ้าอะไรกัน! กูบอกแล้วใช่ไหมว่าอย่า”

วิริยะน้ำตาไหลเมื่อได้ฟัง

“อย่าไม่ได้แล้วลุง เด็กมันรู้หมดแล้วว่าลุงทำอะไร ถ้าไม่ฆ่ามันตอนนี้ก็ไม่รู้จะทำตอนไหน”

“กูตั้งใจจะพอแล้ว ยังไงกูก็จะสารภาพกับนายเชษฐ์อยู่ดี”

“เป็นลุง ลุงก็พูดง่ายสิ แต่พวกฉันยังไงก็ต้องติดคุกหัวโตอยู่ดี เรื่องของไอ้โชคยังไม่หมดอายุความ ขืนลุงไปสารภาพกับนายเชษฐ์ ยังไงก็ต้องโดนสาวมาถึงพวกฉัน ทำแบบนี้น่ะดีที่สุดแล้ว!” ได้ฟังไอ้ชาติก็ขบฟันจนปูดเมื่อรู้สักทีว่าใครฆ่าน้องชาย วันนั้นถ้าเขาเชื่อโชคว่าในไร่มีพวกหนอนบ่อนไส้ตั้งแต่แรก คงไม่เสียน้องชายไปอย่างนี้

ลุงแสวงถอนใจเพราะไม่รู้จะปรามอย่างไร อย่างไรพวกมันย่อมทำทุกทางเพื่อปกปิดความผิดของตัวเอง ไม่มีทางเชื่อคำห้ามของแกแน่ ผละไปมองร่างคนสลบทั้งสองที่ถูกมัดมือมัดเท้าไร้สติอยู่ก็นึกเวทนา ได้แต่พร่ำบอกว่าอโหสิกรรมให้เสียเถิด แกกระแอมเมื่อเห็นพวกมันจะหันไปหาวิริยะกับชาติ ชวนคุยเพื่อเบี่ยงความสนใจ เมื่อเห็นไอ้ชาติกำลังช่วยวิริยะอยู่

“แล้วไอ้เฉิดมันจะเอาน้ำมันมาให้ตอนไหน”

“อีกสักพัก รอให้คนที่ไร่หลับก่อน”

ชาติเหลือบมองหาลาดเลา เท่าที่สังเกตได้ คนร้ายมีอยู่สามคนเท่านั้น หากตัดลุงแสวงด้วยก็เท่ากัน เพียงแต่ว่าวิริยะกำลังหวาดกลัวจนไม่เป็นอันทำอะไร จะให้สู้กันโดยไม่รู้ว่าพวกมันมีอาวุธติดมือมาหรือไม่เป็นเรื่องที่ยาก โอกาสรอดน้อยมากเหลือเกิน แต่ครั้นจะให้หนี โอกาสรอดก็คงมีน้อยเช่นเดียวกัน นอกจากเข้าป่า

ไม่รู้ว่านานเท่าไร ที่ทั้งสองนอนอยู่บนก้อนหินแหลมคม วิริยะเจ็บปวดตัวไปหมด แต่ก็ไม่กล้าแม้จะหายใจแรงเพราะกลัวพวกมันจะได้ยิน แล้วเสียแผนไป แต่จู่ ๆ เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นมา เป็นของคนร้าย มันรีบกดรับสายในขณะที่มองคนสลบฝั่งนี้ ดูเหมือนจะเป็นพวกที่ไปเอาน้ำมันติดต่อมา

“ว่าไงนะ นายเชษฐ์รู้แล้วเหรอ!” มันร้องเสียงดัง

ใจวิริยะเต้นตึก ร่ำร้องเรียกหาเชษฐ์ไชยและเริ่มมีความหวังขึ้นมาอีกนิด

“เกิดอะไรขึ้น” แสวงถามหน้ากังวล

“ก็นายเชษฐ์น่ะสิ รู้แล้วว่าเด็กนั่นหายไป ตอนนี้ระดมคนตามหากันทั้งไร่แล้ว พวกเราต้องรีบจัดการพวกมันก่อนที่จะโดนจับตัวได้ แล้วแยกย้ายหนีกบดานกันให้เร็วที่สุด” มันบอกเล่าพลางยกมือขึ้นเท้าสะเอว ยกปืนขึ้นมาถือตั้งใจจะเดินไปฆ่าวิริยะแล้วจะได้แยกย้าย หากทว่าแสวงไม่ยอม บอกให้เก็บอาวุธแล้วเตือนสติมัน

“มึงจะยิงไม่ได้ เกิดคนที่ไร่ได้ยินเสียงปืนรู้แน่ว่าเราอยู่นี่”

คนฟังขบฟันกรอด “โธ่เว้ย! โน้นก็ไม่ได้นี่ก็ไม่ได้!”

ได้ยินเสียงโวยวายของคนร้ายชาติก็กลืนน้ำลาย กระซาบเสียงเบาให้วิริยะถือหินอันเหมาะมือที่สุดไว้ เพราะอีกไม่นานแล้วที่ความตายจะมาเยือนทั้งสอง ท้ายที่สุด ดูเหมือนคนจนตรอกจะค้นหาวิธีฆ่าพวกเขาได้ มันเหลือบไปเห็นเชือกที่วางทิ้งไว้อยู่ โยนไปให้เพื่อนอีกคนแล้วเดินหน้าเหี้ยมมาทิศนี้ ในขณะที่ทั้งสองคนนอนสบตากันด้วยใจเต้นระทึกไหว

“รัดคอมันจนกว่าจะไม่หายใจ แบบนี้ใครก็ไม่ได้ยินแล้ว” มันใช้เสียงเย็นเยียบ

แสวงเหงื่อตก มองตามลูกน้องทั้งสองอย่างระอาและรู้สึกว่าจุดจบของทุกคนคงกำลังจะมาถึงในไม่ช้า หวังว่าวิริยะจะหนีไปได้

“มึงทำไอ้เด็กนั่น เดี๋ยวกูฆ่าไอ้ชาติเอง มันจะได้ไปเยี่ยมน้องมันถูก ถ้าคนส่งมันไปนรกเป็นคนเดียวกัน” พูดจบมันก็ขึงเชือก ตั้งใจก้มลงไปจัดการคนสลบบนพื้น ไม่ทันได้สังเกตในความมืดว่าตื่นหรือไม่

วิริยะตัวสั่นกำหินในมือแน่น เมื่อเห็นชาติโกรธมาก กระทั่งคนร้ายเข้าคู่แล้วจับพลิกให้ทั้งสองนอนหงาย ก็เป็นช่วงเวลาที่จะหนี “เอาเลย!”

วิริยะกลั้นใจเหวี่ยงหินก้อนใหญ่ในมือ ทุบเข้าบริเวณเบ้าตาของคนที่คร่อมทับหวังฆ่าตัวเองสุดแรงเกิด มันร้องว๊ากเสียงดัง กุมดวงตาของตัวเองแล้วนอนดิ้นทุรนทุราย ด้วยความกลัวมันจะลุกขึ้นมาทำร้ายเพราะยังมีแรง เด็กหนุ่มซ้ำไปอีกที ในขณะที่ฝ่ายชาติเองก็จัดการคนที่ฆ่าน้องชายตัวเองได้แล้ว “ถ้าไม่ทำเราก็ต้องตาย!”

ชาติเห็นวิริยะร้องไห้ตกใจ ลุกกะเผลกมาดึงแขนพาวิริยะวิ่งหนีท่ามกลางเสียงร้อง

“อ๊าก! จะตายแล้วยังฤทธิ์เยอะนะมึง!” คนล้มนอนกับพื้นคว้าปืนที่เหน็บเอวไว้ด้วยความโกรธไปกว่าเก่า จากที่ลังเลไม่อยากฆ่า ก็เหลืออด เล็งไปยังทั้งสองที่วิ่งทุลักทุเลผ่านธารน้ำตกเข้าไปในป่าแล้วลั่นไก กราดยิงตามด้วยความโมโหอย่างไม่สนว่าใครหน้าไหนจะได้ยิน ท้ายที่สุดเห็นไอ้ชาติล้มฟุบลงเพราะโดนยิง

“ชาติ! ชาติ!” วิริยะร้องเสียงดัง ประคองจะพาหนีไปด้วยกัน

“ไป ไปเลย!” มันผลักเด็กหนุ่มออก

“ฮือ ไปด้วยกัน!”

“ไม่ได้ เดี๋ยวจะตายกันหมด โดนแค่ขาเดี๋ยวกูหลบอยู่แถวนี้ มึงไปเรียกคนมาช่วย”

วิริยะสะอื้นฮึกแล้วมองหาลู่ทาง ตอนกลางคืนเขาไม่รู้จะไปทางไหนดี สุดท้ายตาเหลือกโพลงเมื่อเห็นคนถือปืนวิ่งโซเซลุยน้ำเล็งมาทางนี้ คิดว่าคงหนีไม่ทันแน่ แต่เมื่อลั่นไกก็ไม่ถูกเป้า เสียงกระสุนกระทบกับก้อนหินหรือต้นไม้แถวนี้จนเด็กหนุ่มสะดุ้ง วิริยะกับชาติแตกกระเจิงหลบไปคนละทาง เมื่อเห็นว่าลุงแสวงวิ่งตามมาปัดมือของคนร้ายออก

“พอที ยังไงพวกเราก็จบแล้ว!”

“ไม่พอเว้ย!” มันกุมหัวที่เลือดอาบของตัวเอง ถึงจะได้รับบาดเจ็บอยู่แต่ก็เป็นคนหนุ่มกว่าแสวงมาก ทั้งสองสู้แรงกัน ยื้อแย่งปืนในขณะที่วิริยะตัวสั่นในความมืด ล้มลุกคลุกคลานหาทางออกไปยังถนนให้ได้ กระทั่งเห็นแสงไฟหลายดวงสาดแทรกผ่านใบไม้ใบหญ้า บอกเด็กหนุ่มว่าทุกคนกำลังมุ่งหน้ามาช่วยเขา

“นี่ลุงจะช่วยมันใช่ไหม ถ้าขวางทางฉันก็ลงนรกไปด้วยกันเลยไป!”

“ไม่... ไม่...” วิริยะส่ายหน้า น้ำตาไหลพราก ได้ยินชัดทุกคำว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับแสวง ยกมือปิดปากตัวเองไม่ให้สะอึกสะอื้นเสียงดังจนมันได้ยินเข้า แต่เขาก็ไม่กล้าพอที่จะก้าวเท้าออกไปปรามมัน

“ไป น้องวิว ไป!”

ทั้งสองสู้กันอยู่พักใหญ่ เหมือนแกจะรู้ว่ามีคนกำลังตามมาช่วยเลยใช้ตัวเองรั้งเวลา

เสียงปืนลั่นขึ้นไปบนฟ้า สะท้อนก้องในโสตประสาทเด็กหนุ่มที่ตัวสั่นหลบซ่อนอยู่ในความมืดมุมนี้ ดินปืนสะท้อนแสงวาบให้เห็นอยู่คราวหนึ่งว่าวิริยะอยู่ตรงไหน คนร้ายกัดฟันกรอดแล้วกดแรงรั้งดึงปลายกระบอกลงต่ำกว่าเดิม หวังว่าจะฆ่าให้วิริยะตายไปสมใจ ท้ายที่สุดไกก็ลั่นขึ้นมาอีกครั้ง ไปยังร่างของลุงแสวงที่กำลังช่วยชีวิตเด็กหนุ่มอย่างสุดความสามารถ

“ลุงแหวง ลุงแหวง!” วิริยะร้องไห้ มองไปยังร่างของแกที่ซวนเซ ล้มลงนอนหลังจากนั้น

ซึ่งในเวลาต่อมา คนยิงก็ยื่นปลายกระบอกปืนมาที่วิริยะสีหน้าโหดร้าย

หากทว่าไม่ทันได้ยิง ร่างของมันพรุนไปด้วยลูกกระสุนโดยไม่ทราบที่มาจนหงายท้องลงไปในธารน้ำ นอนแน่นิ่งเพราะโดนจุดสำคัญหลายที พร้อมทั้งสุ้มเสียงของผู้คนและฝีเท้าวิ่งเข้ามาร้องเรียกหาวิริยะอย่างไม่ขาดสาย เด็กหนุ่มวิ่งกะเผลกออกไปหาลุงแสวงที่ยังคงนอนอยู่บนพื้น ใจเต้นเป็นระส่ำที่ยังเห็นแกนอนลืมตา หายใจระโหยโรยแรงอยู่

น้ำตาวิริยะไหลไม่หยุด ก้มลงช่วยประคองแกขึ้นมา

“ลุงแหวง ลุงแหวงครับ...”

ดูเหมือนลูกปืนจะโดนจุดสำคัญ เลือดไหลออกจากปากของแกอาบไปจนถึงใบหู แต่ถึงอย่างนั้นคนแก่ก็ยังยกยิ้มให้ พูดติดตลกอีกว่า “เสียดายจัง ไม่ได้ไปงานรับปริญญาน้องวิวซะแล้ว ได้ไปกินไก่เป็นเพื่อนปู่น้องวิวแทนซะอย่างงั้น”

วิริยะส่ายหน้า น้ำตาหยดแหมะ “ไม่เอา ไม่เอา”

แกยังคงยิ้ม มองวิริยะที่เอาแต่ส่ายหน้าไม่ยอมหยุด

“ลุงแหวง ทำใจดี ๆ ก่อน เร็วเข้า พาแกไปส่งโรงพยาบาล!” หมอกรีบบอกคนแก่ แล้วเรียกคนงานชายคนอื่นมาช่วยกันยกแกลงไป ท่ามกลางเสียงสะอื้นตกใจของวิริยะที่มองตามแสวงไม่ละด้วยความห่วง

หมอกลูบบ่าปลอบน้องอยู่พักหนึ่งบอกว่าเดี๋ยวแกก็หาย ก่อนจะเดินไปสำรวจคนร้ายเมื่อเห็นธเนศวิ่งตรงมาหาวิริยะรับช่วงต่อแล้ว คนร้ายตายคาที่ หมอกจึงยืนเฝ้าอยู่ตรงนี้ รอให้ตำรวจและเชษฐ์ไชยมาถึงเพื่อจัดการต่อ ทั้งมองธเนศสวมกอดลูกชายไปด้วยความสงสารวิริยะ เด็กอายุเท่านี้ไม่น่ามาเจอเรื่องร้ายถึงเพียงนี้เลย

“ทางโน้นมีคนเจ็บอีกหนึ่ง มันยอมให้จับตัวแล้ว!” ไทตะโกนบอก

หลายคนช่วยกันสำรวจหาคนเจ็บและตรวจตรากันให้ทั่ว แสงไฟฉายสาดไปเห็นเลือดเปื้อนบนโขดหิน เป็นทางยาวไปจนถึงต้นไม้ใหญ่แห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นที่หลบซ่อนของใครอีกคน “เฮ้ยไอ้ชาตินี่หว่า แต่มันสลบไปแล้ว!”

“พามันไปส่งโรงพยาบาลด้วย แล้วมีใครเจอวิวรึยัง” เชษฐ์ไชยรีบเดินไต่ก้อนหินเข้ามาที่ธารน้ำแหล่งเกิดเหตุ หัวใจที่หวิวไหวยังคงไม่ลดทอนลงไป แม้ดูเหมือนว่าสถานการณ์จะคลี่คลายลงไปแล้ว และตัวเองมาช้าเกินไปก็ตาม ชายหนุ่มไม่สนว่ายามนี้ใครจะเป็นฮีโร่ในสายตาวิริยะ แค่ขอให้ได้รู้ว่าเด็กหนุ่มยังอยู่ดีก็เพียงพอแล้ว

“น้องวิวปลอดภัยดี อยู่กับพ่อทางโน้นครับนายเชษฐ์”

ได้ฟังเชษฐ์ไชยก็โล่งอก กึ่งเดินกึ่งวิ่งไปหาเด็กแสบที่ทำหัวใจเขาแทบวายหวังจะปลอบใจ จนลืมไปเสียสนิทว่าตอนนี้เจ้าตัวมีคนปลอบอยู่แล้ว

ลำขายาวชะงัก เมื่อเหลืบไปเห็นธเนศกำลังกอดลูกชายไว้อย่างแนบแน่น ประโลมใจด้วยถ้อยคำต่าง ๆ นานาอยู่ข้างหูเด็กหนุ่มให้คลายความกลัว ใจที่ระทึกตื่นเต้นของชายหนุ่มก็คลายลงไป ดีใจที่เห็นว่ามีคนทำหน้าที่นี้ได้อย่างดีเยี่ยมอยู่แล้ว

ไม่มีเขาคงไม่เป็นไรกระมัง กำลังใจจากธเนศดีกว่าเขาตั้งหลายเท่า

คิดแล้ว ชายหนุ่มก็วางใจ เดินไปอีกฝั่งเพื่อจัดการเรื่องต่าง ๆ ให้เสร็จสิ้น

 

เสียงฝีเท้าของแม่ต้อยและหน่อยระรัวมาหยุดหอบหายใจต่อหน้าเชษฐ์ไชย ที่ยังคงยืนเฝ้าอยู่หน้าห้องผ่าตัดมากว่าชั่วโมงแล้ว ชายหนุ่มให้เจ็ดลิงรอรับหน้ากับตำรวจอยู่ที่น้ำตก ส่วนเขาพาคนเจ็บทั้งหมดมาที่โรงพยาบาลเพราะกลัวจะไม่ทันการณ์ ส่วนวิริยะถูกสั่งไปนอนพักอยู่อีกฝั่งเพื่อรอดูอาการอีกที

แม่ต้อยกุมหน้าอกร้องไห้ ในขณะที่หน่อยยังคงอึ้งเมื่อรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับบิดา พูดไม่ออก ยืนน้ำตาไหลอยู่เงียบ ๆ ไม่พูดจา เธอหลบตาของเชษฐ์ไชยไปทรุดนั่งลงอยู่บนเก้าอี้ ตามร่างกายสั่นไปหมดราวกับกำลังถกเถียงกับตัวเอง ท้ายที่สุดก็ล้วงกระเป๋ากระโปรงนักเรียนยกสมุดตัวการทั้งหมดขึ้นมาถือ ชั่งใจถามตัวเองว่าควรกล้าตัดสินใจทำอะไรสักอย่างหรือยัง

เด็กสาวร้องไห้ หากเธอบอกเชษฐ์ไชยตั้งแต่แรกว่าวิริยะไปไหนคงไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น

ไม่น่าโกหกเลย

ไม่น่าเมินเฉยคำขอร้องของวิริยะตอนนั้นแล้วปล่อยให้ถูกพาตัวไปเลย

น้ำตาคลอเต็มเบ้าของหน่อยในขณะที่ก้มมองของในมือ กระทั่งได้ยินเสียงหมอเปิดประตูออกมา เด็กสาวรีบลุกขึ้นไปยืนอยู่ด้านหลังเชษฐ์ไชย เพื่อรับฟังอาการของผู้เป็นพ่อด้วยความหวัง หากทว่าสีหน้าของชายผู้สวมเสื้อกาวน์ตรงกันข้ามไม่ดีเลย หนำซ้ำยังบอกข่าวร้ายกับพวกเธออีกต่างหาก

“หมอเสียใจด้วยนะครับ...”

คุณหมอพูดอะไรต่อ ผู้ฟังกลับไม่ได้ศัพท์อะไรเข้าสมอง น้ำตาของหน่อยไหล หูอื้อไปพักหนึ่ง แล้วจึงค่อยได้ยินเสียงร้องไห้โฮจนแทบจะเป็นลมของมารดา รับรู้แล้วว่าผลกรรมของพวกคิดเลวอย่างเธอเป็นเช่นไร เด็กสาวตัวสั่นไหว ร้องเรียกมารดาที่เป็นลมอยู่ในอกนายใหญ่ของไร่รุ่งอรุณีทั้งน้ำตา

ถ้าเธอไม่เข้าข้างพ่อแล้วปล่อยวิริยะไปคงไม่เป็นแบบนี้

ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นเพราะเธอ!

หลังจากให้พยาบาลหิ้วหามมารดาไปแล้ว หน่อยร้องไห้และกอดเชษฐ์ไชยแน่น พร่ำโทษว่าเป็นเพราะตัวเธอเองอยู่เช่นนั้นถึงได้เป็นแบบนี้ เชษฐ์ไชยฟังแล้วใจหาย ทำได้เพียงแค่ปฏิเสธ ปลอบประโลมใจเด็กสาวว่าอย่าโทษตัวเองเลย ทุกคนก็ผิดด้วยกันทั้งหมด แม้แต่เขาก็ผิดที่สะเพร่าไม่ดูแลวิริยะให้ดี จนเกิดเรื่องใหญ่จนถึงขั้นมีคนตายขนาดนี้

“นายเชษฐ์ หนูขอโทษนะคะ”

หน่อยบอกทั้งน้ำตา ยื่นสมุดบันทึกสีเหลืองเล่มเล็กให้

เชษฐ์ไชยรับมาถือแล้วเปิดดูอยู่ครู่หนึ่ง มีรายละเอียดการโกงและชื่อของผู้ร่วมขบวนการทั้งหมดอยู่ในนั้น ชายหนุ่มพยักหน้ารับ คิดว่าเห็นทีจะต้องถอนรากถอนโคนเจ้าพวกนี้สักที แล้วเชษฐ์ไชยจึงเก็บใส่กระเป๋า ก้มลงบอกหน่อยว่า “เข้าไปเฝ้าแม่นะหน่อย ฉันต้องไปจัดการอีกหลายเรื่อง ไม่ต้องคิดมาก ฉันไม่โกรธเธอกับลุงแหวงเลย ฉันโทษตัวเองด้วยซ้ำที่ดูแลพวกเธอไม่ดี ถึงได้ต้องทำแบบนี้”

“ไม่นะคะ นายเชษฐ์ดูแลเราอย่างดี” เด็กสาวส่ายหน้า

มือใหญ่วางบนศีรษะของเธอด้วยรอยยิ้ม “งั้น เรามาเริ่มต้นใหม่กันเถอะนะ”

เด็กสาวร้องไห้ ยอมพยักหน้ารับในท้ายที่สุด ก่อนที่เชษฐ์ไชยจะเดินผละออกมา จุดมุ่งหมายคือห้องพักของคนไข้ที่เขาเป็นห่วงเหลือเกินว่าอาการจะเป็นอย่างไร ไปถึงก็เห็นจากข้างนอกว่าธเนศกำลังเฝ้าไข้ลูกชายอยู่ ซึ่งดูเหมือนคนที่เพิ่งเจอเรื่องน่ากลัวจะหลับไปแล้ว ดังนั้นเชษฐ์ไชยจึงเปิดประตูเข้าไปด้วยเสียงเบาที่สุด แต่ถึงอย่างนั้นธเนศก็ยังได้ยิน

“อ้าว คุณเชษฐ์” อีกฝ่ายยกยิ้มเล็กน้อย

“วิวเป็นไงบ้างครับ”

“ก็ดีขึ้นแล้ว เมื่อกี้ก็เพิ่งถามหาคุณอยู่เหมือนกัน บอกว่าเป็นห่วง”

“ตัวเองน่าห่วงกว่าอีก” ชายหนุ่มกอดอกพูด เรียกรอยยิ้มของผู้ฟัง

เชษฐ์ไชยใช้สายตาสำรวจไปจนถ้วนทั่วว่าวิริยะได้บาดเจ็บบริเวณไหนบ้าง เห็นว่าหัวโน ตามแขนขามีรอยหนามขีดข่วนอยู่หลายที่ ภายนอกอาจไม่มากนัก แต่การได้เห็นลุงแสวงถูกฆ่าต่อหน้าต่อตาและต้องผ่านอะไรเลวร้ายมานั้น คงเป็นเรื่องยากที่จะลืมได้ คิดแล้วชายหนุ่มก็รู้สึกผิดจนอัดอั้นไปหมด

“ผมขอโทษด้วยนะครับคุณพ่อ ที่ลูกชายของคุณต้องมาเจอเรื่องร้ายที่นี่”

คนฟังส่ายหน้า “ไม่ใช่ความผิดของคุณเชษฐ์สักหน่อย ไม่ต้องกลัวว่าผมจะโกรธหรอก ยังไงลูกผมก็ไม่เป็นอะไรแล้ว”

ยิ่งธเนศพูดอย่างนี้ เชษฐ์ไชยก็ยิ่งรู้สึกผิด ชายหนุ่มมองไปยังคนเจ็บด้วยสายตาห่วงใย อยากพุ่งเข้าไปกอดเสียให้รู้แล้วรู้รอด หากไม่เกรงใจพ่อตาที่ยืนเฝ้าอยู่ตรงนี้ และยังมีเรื่องใหญ่อยู่หลายอย่างที่รอเขาไปจัดการให้มันจบไป คิดได้ดังนั้นนายใหญ่ของไร่ก็ทอดถอนใจ ยกมือขึ้นสางผมแล้วพูดกับธเนศเสียงเบาหลังจากตัดสินใจแน่วแน่แล้ว

“คุณพ่อครับ ผมมีเรื่องจะขอร้อง...”

นี่คือสิ่งที่เขาจะทำเป็นครั้งสุดท้าย แล้วจะไม่หนีปัญหาอีก

เชษฐ์ไชยให้คำสัตย์กับตนเอง ต่อหน้าวิริยะตรงนี้!

 

วิริยะรู้สึกตัวอีกทีตอนเช้า เห็นบิดา และครอบครัวรออยู่ในห้องพักอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา เมื่อเห็นเขาฟื้น ทุกคนต่างกรูเข้ามาถามว่าเป็นอย่างไรบ้าง วิริยะยิ้มรับบอกว่าดีขึ้นแล้ว แต่แม้จะถูกใครรุมล้อมให้ความอบอุ่น หากทว่าเด็กหนุ่มกลับคิดว่าคนที่เขารักยังมาไม่ครบ

ใจของเด็กหนุ่มสั่นไหวอยากเจอใครคนนั้น นัยน์ตากลมกวาดหาไปจนทั่วในขณะที่ให้พยาบาลตรวจเชคร่างกาย หากทว่าไร้ร่างสูงใหญ่ของคนที่เขากำลังมองหาอยู่ในห้องนี้ เชษฐ์ไชยไม่ได้มาเยี่ยมเขา “ไม่เป็นอะไรแล้ว คุณหมออนุญาตให้กลับบ้านได้เลยนะคะ” พยาบาลสาวบอก

“งั้นเดี๋ยวป้าไปเคลียร์ค่าใช้จ่ายก่อน”

“ไม่ต้องคุณ คุณเชษฐ์เขาจัดการให้หมดแล้ว”

ใจวิริยะเต้นตึกเมื่อได้ยินชื่อนั้น รู้สึกอยากเห็นหน้า “แล้วอาเชษฐ์ไปไหนครับ”

บิดายกยิ้มเล็กน้อย “กลับไปแล้ว เห็นว่ามีธุระเร่งด่วน ไปลูก ลุกไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วจะได้ไป”

วิริยะคลี่ยิ้มอย่างใจชื้น อย่างน้อยจะได้เจอเชษฐ์ไชยและรับรู้ว่าอีกฝ่ายห่วงเขาขนาดไหน เด็กหนุ่มรีบกุลีกุจอ ลงไปเปลี่ยนเสื้อผ้าตามคำขอของบิดาแต่โดยง่าย ท่ามกลางสายตาอันวางใจของผู้มองอยู่ตลอดอย่างธเนศ ครั้นเด็กหนุ่มทำธุระแล้วเสร็จ ทั้งหมดก็พากันขึ้นรถเพื่อเดินทาง โดยที่บิดาก็เทียวลอบมองลูกชายอยู่ตลอดด้วยความเป็นห่วง และรู้อยู่ วิริยะกำลังคิดว่าทั้งหมดจะกลับไปที่ไร่

เมื่อเห็นเด็กหนุ่มหน้าเปลี่ยนสีตอนที่เขาขับมาอีกทาง ธเนศก็ส่ายหน้า

วิริยะตกใจแล้วหันมองพ่อด้วยความไม่เข้าใจ น้ำตารื้นขึ้นมาแล้วรีบถามธเนศว่า “ทำไมไปทางนี้ละพ่อ ไม่ได้ไปที่ไร่หรอกเหรอ!”

ธเนศเจ็บใจ และรู้ดีว่าเป็นเพราะอะไรวิริยะจึงมีอาการแบบนี้

“กลับบ้านเราเถอะนะ”

“ไม่ได้ แล้วอาเชษฐ์ล่ะ!” วิริยะเสียงดัง

“คุณเชษฐ์นั่นแหละขอพ่อให้ทำแบบนี้ ถ้าวิวกลับไปที่ไร่ก็จะเป็นอันตรายอีก แล้วเขาก็จะเอาแต่พะวงห่วงลูกจนไม่เป็นอันทำอะไร เข้าใจที่พ่อบอกลูกไหม” น้ำเสียงของธเนศยามเล่านั้น ยิ่งทำให้วิริยะปวดใจ เด็กหนุ่มยกมือเช็ดน้ำตา ในขณะที่บิดาเอื้อมมาโยกศีรษะเป็นการปลอบใจไปพลาง บอกว่ารับรู้ถึงความรู้สึกของเด็กหนุ่มดี

วิริยะกลั้นเสียงสะอื้น ไม่ให้ตัวเองเสียใจหลังได้ฟัง อย่างน้อยอีกฝ่ายทำไปเพราะเป็นห่วงเขา

“แล้วเมื่อไรจะได้เจออาเชษฐ์ครับ”

เด็กหนุ่มเหม่อมองออกไปยังสองข้างทางขณะที่เอ่ยถาม ปล่อยให้น้ำตาเหือดเพราะรู้ดีว่าหากเป็นความต้องการของเชษฐ์ไชย ตัวเองไม่สามารถทัดทานได้ เพียงแต่เขาอยากรู้ว่าเมื่อไรที่ทุกอย่างจบแล้วได้กลับมาพบกันอีกที แค่รู้ว่าจะไม่ได้เจอกันอีกครั้งก็รู้สึกเหมือนจะขาดใจแล้ว เขาคิดถึงเชษฐ์ไชยเหลือเกิน

“ไม่มีกำหนด”

วิริยะพยักหน้าเล็กน้อยหลังได้ฟัง ตอบกลับไปว่าเข้าใจเพื่อให้บิดาไม่กังวล แล้วปล่อยให้น้ำตาไหล เหลือบมองวิวข้างทางต่อไปราวไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งที่ภายในพังไปหมดแล้ว

รู้อยู่แล้วแหละ ว่าเชษฐ์ไชยต้องบอกบิดาเขาแบบนี้

วิริยะหวังว่ากำหนดที่ไม่มีนั้น จะเร็วพอที่อีกฝ่ายไม่ลืมเขาไปเสียก่อน

อยากเจอเหลือเกิน...

--๑๐๐--

-----------------------------------------------------

มาอัพแล้วจ้า ปวดหัวตุ้บ ๆ เลยทีเดียว

น้องวิวอย่าร้อง นายเชษฐ์ทำไปเพราะเป็นห่วงและรักมาก

แล้วสุดท้ายความรักของทั้งสองจะจบลงอย่างไร รอติดตาม

และจะมีตอนพิเศษมาให้อ่านกันด้วยนะคะ และจะเล่าถึงพวกพี่ดำ ชาติ อาอัษฐ์ด้วย

เหมือนเดิม ทิ้งคอมเม้นไว้ให้หนูนาอ่านด้วยเด้อออออออ



ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ BAKA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3025
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-10
โอยยย ดีใจที่น้องวิวไม่เป็นอะไรมาก แล้วก็สงสารไปด้วยพร้อมๆกันเลย ฮือออออ
เอาใจช่วยทุกคนเลยนะคะ

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
อาเชษฏร์รีบ ๆ จัดการเรื่องให้เสร็จไว ๆ แล้วรีบมารับวิวกลับไร่เด้อ  :กอด1:

ออฟไลน์ nunda

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3004
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-2
อาเชษฐ์เคลียร์เรื่องให้เสร็จเร็วๆน๊าาาาา

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
ปลอดภัย ก็ดีแล้วนะ

ออฟไลน์ kunt

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +42/-1
จะร้องตามแล้วนะ น้องวิวร้องนำไปก่อนละกำลังตามไปติดๆ แง้งงงงง

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด