###END### = P A Y = เปย์ข้าด้วยบุฟเฟ่ต์สิ [แจ้งกำหนดการวางจำหน่าย] 04/04/64
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ###END### = P A Y = เปย์ข้าด้วยบุฟเฟ่ต์สิ [แจ้งกำหนดการวางจำหน่าย] 04/04/64  (อ่าน 69553 ครั้ง)

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
รอติดตามจ้า

ออฟไลน์ GreenHead(หัวเขียว)

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 124
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
    • Green Head - หัวเขียว
เปย์ครั้งที่ 20 [1]
«ตอบ #181 เมื่อ20-04-2019 19:54:48 »

เปย์ครั้งที่ 20

‘เสือในร่างสมัน’

คนร้ายที่แฝงมาอยู่ในร่างคนดี ทำเป็นคนดี

ตู้ม!

ระเบิดลูกล่าสุดดังจากหัวเรือ สุชาติทบทวนอย่างรวดเร็วว่าจุดต่อไปคือจุดใด คนที่รู้ตำแหน่งระเบิดปัจจุบันมีเพียงสุชาติ เขาฆ่าคนวางระเบิดทิ้งไปแล้ว ทั้งยังเผาแผนผังจนหมดสิ้น เพราะระแวงว่าจุดวางระเบิดจะหลุดออกไปซึ่งอาจทำให้สิรินหาทางรอดออกไปได้จนเป็นภัยต่อตัวเอง

ลูกสมุนแยกย้ายกันทำหน้าที่ ทั้งหาเชือกทั้งระวังภัยให้เจ้านาย มีเพียง 4 คนคอยควบคุมตัวสิรินกับก้องไว้ไม่ให้คิดขัดขืนอีก

ร่างกายสิรินแทบหมดสภาพ หัวเข่าทั้งสองข้างจรดพื้น สองแขนถูกตรึงไว้โดยชาย 2 คนที่ยืนอยู่ ทั้งยังถูกกดไหล่เอาไว้ไม่ให้ลุกขึ้นต่อต้าน ส่วนก้องถูกจับโดยชายตัวโตหนึ่งคน และชายอีกคนใช้ปืนขู่ไม่ให้ขยับ สภาพของเขาก็ยังคงไร้รอยขีดข่วน แต่หากไม่อาจกลับไปอยู่ในสภาพง่วงเหงาหาวนอนเช่นเดิมได้ ถ้าทำเช่นนั้นอาสุชาติจะสงสัย เขาจึงยังคงบรรยากาศคุณชายผู้สูงศักดิ์เอาไว้

สถานการณ์สงบลงอีกครั้ง แต่ใจสิรินก็ยังคงเป็นห่วงดำ เจ้าตัวเล็กไม่มีท่าจะตื่น ส่วนสนกำลังถกเถียงกับสุชาติ จากเหตุที่เขาจะพาดำลงเรือลี้ภัยไปด้วย ซึ่งอาสุชาติไม่เห็นด้วย

สิรินสบตากับก้อง ถ้าดำจะถูกพาไปจริงๆ อย่างไรเขาก็ไม่อาจอยู่เฉย ทางเลือกเดียวคือพาดำกระโดดลงทะเล เสี่ยงให้อาสุชาติระแวงเล็กน้อย ซึ่งมีเปอร์เซ็นต์ที่เขาจะตายมากกว่ารอด คงพอทำให้อาสุชาติวางใจได้

ระหว่างนั้นทุกฝ่ายต่างมีแผนในใจ บรรยากาศจึงดูสงบลง แต่หากเวลานี้ดำกลับถูกรบกวนอย่างหนัก

‘ดำ ตื่นๆ ตื่นได้แล้ว ได้โปรดลุกขึ้นมาช่วยสินด้วยเถอะนะ ขอร้องล่ะดำ ฉันสื่อสารได้แค่กับเธอคนเดียวเท่านั้น ดำ ดำ ดำ’

เสียงนั้นเต็มไปด้วยความกระวนกระวายอย่างเห็นได้ชัด ทั้งยังดังก้องรบกวนการนอนเป็นอย่างยิ่ง ดำจึงบิดตัวหนีด้วยความรำคาญ แต่เสียงนั้นกลับไม่ยอมหายไป ดังว่ามันดังอยู่ภายในหัวของเขาเอง

“หึ เจ้าลูกตัวดี ยังไม่ยอมอีกรึไง พวกแกจับตัวเจ้าสนแล้วตามฉันมาซะ!” สุชาติขบเขี้ยวเมื่อพูดอย่างไรสนยังยืนกรานจะพาเด็กของสิรินไปด้วย เขาจึงหันไปสั่งให้ลูกสมุนจับตัวสนตามไปแทน แต่สนก็ขัดขืน เพราะรู้ดีว่าคนพวกนี้อย่างไรก็ไม่อาจใช้ความรุนแรงกับเขาได้มากนัก

‘ดำเร็วเข้า! ตื่นๆ จะไม่ทันแล้วนะ เหลือเวลาไม่มากแล้ว!’

เสียงนี้กระวนกระวายยิ่งขึ้น เมื่อทุกอย่างต้องแข่งกับเวลา คนไปหาเชือกกลับมาแล้ว หากสิรินโดนมัดอีกก็จะยิ่งเสียเวลา คนที่รู้จุดวางระเบิดนอกจากสุชาติก็มีเจ้าของเสียงนี้ ทั้งยังรู้ว่ามือวางระเบิดคนนั้นวางยาสุชาติเอาไว้ในกรณีที่ตนโดนฆ่าตาย ซึ่งบังเอิญว่าเป็นจุดนี้อย่างพอดิบพอดี

“พ่อก็แค่เจ้าเด็กนี่คนเดียวเองจะไปยุ่งยากอะไร มันไม่มีปัญญาเล่นงานเราหรอกน่า ถ้าใช้เสร็จแล้วผมจะฆ่าทิ้งเอง ไม่ปล่อยให้เป็นปัญหาในภายหลังแน่นอน” สนโต้แย้งออกไปเช่นนั้นแล้วสะบัดแขนให้หลุดจากการจับกุมของสมุน เขาเดินไปยังร่างของดำโดยไม่ฟังคำทัดทานของใครอีก

สิรินมองสนเข้าไปอุ้มดำ ก็สบตากับก้อง ร่างกายเขาไม่อาจฝืนได้มากนัก การช่วยเหลือดำจึงต้องให้ก้องลงมือช่วยเสียเป็นส่วนใหญ่

‘ดำ ดำ เจ้าเด็กดื้อตื่นเดี๋ยวนี้เลยนะจะไม่ทันแล้ว ถ้ายังชักช้าอยู่แบบนี้จะไม่มีใครรอดสักคน!’

‘อื้อ ไอ้ดำเด็กดี’

‘ถ้าเป็นเด็กดีก็ตื่นเร็วเข้า’

บทสนทนานี้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ก่อนที่สิรินกับก้องจะเริ่มขยับตัวเสียด้วยซ้ำ

“ฮึ่ย ไอ้ลูกบ้า จะทำอะไรก็ทำ แล้วรีบตามมา” เหมือนเป็นสัญชาตญาณ ใจสุชาติร้อนรนดังมีไฟแผดเผา ระแวงว่าแผนการของเขากำลังเกิดความผิดพลาด ทำให้เจ้าตัวอยากออกไปจากบริเวณนี้ให้เร็วที่สุด ไม่แน่ว่าจุดนี้

กำลังจะระเบิดก่อนเวลา!

‘ดำ ระเบิดจะทำงานแล้ว!’

ผั๊วะ

สิ้นคำพูดนั้น ดำก็ซัดหมัดหนักๆ ไปยังใบหน้าของสนที่กำลังอุ้มเขาขึ้นจากเก้าอี้จนเสียการทรงตัว ก่อนจะล่วงจากอ้อมแขนก็แถมเท้าหนักๆ ไปอีกหนึ่งข้าง เข้าที่คออย่างพอดิบพอดี

ร่างกายขยับก่อนความคิด ดำใช้แขนดันพื้นสปริงตัวลุกขึ้นยืนก่อนร่างจะกระแทกพื้นเข้าอย่างจัง สลัดคาบเด็กน้อยขี้เซาเมื่อครู่เสียจนหมดสิ้น

“ดำ” สิรินส่งเสียงเรียกด้วยความตกตะลึงปนดีใจไม่น้อย เมื่อครู่เขากำลังจะดึงความสนใจให้ก้องได้มีโอกาสเข้าไปช่วยดำ แต่กลับถูกเด็กน้อยดึงสติให้หยุดชะงักก่อนจะได้ลงมือเสียอีก

ดำเบิกตาโพลงเมื่อเห็นว่าร่างกายของสิรินสะบักสะบอมเพียงใด ทั้งรอยช้ำบนใบหน้า ทั้งเสื้อผ้ายับย่นบ่างบ่งว่าโดนซ้อมมาอย่างหนัก ไหนจะรอยเลือดบนขาที่ไหลนองพื้นจนเป็นสีแดงฉาน

“คุณสิน!” ความโกรธถาโถม ดำมองสำรวจรอบกายจนได้คำตอบ เขารู้แผนการครั้งนี้ดี ตามที่ตกลงไว้คือเขาต้องไปซ่อนตัวหลังเกิดเหตุการณ์วุ่นวาย แต่เมื่อเห็นตนอยู่ในที่เกิดเหตุเช่นนี้ต่อให้โง่เพียงใดก็รู้ว่าตัวเองเป็นต้นเหตุให้สิรินต้องเสี่ยงอันตรายจนมีสภาพเช่นนี้

‘ดำตอนนี้อย่าพึ่งโทษตัวเอง เราต้องพาสินออกจากที่นี่’

เสียงในหัวดังขึ้นเรียกสติของดำ แต่เด็กน้อยเช่นเขาไม่อาจกดข่มความโกรธเหล่านี้ไว้ได้ มีเพียงต้องระบายออกเท่านั้น ดำหยุดสายตากับร่างของสน ซึ่งกำลังพยายามลุกขึ้นมาหลังถูกเตะก้านคอ ไม่รอให้อีกฝ่ายตั้งตัวเท้าเล็กๆ แต่หากไม่เบากระทืบระบายความโกรธไปเสียหลายครั้ง ก่อนจะตวัดสายตาต่อไปยังคนที่จับสิรินอยู่

ใครบังอาจทำร้ายคุณสิน ไอ้ดำจะกระทืบให้ตายคาตีน!

“คุณสิน คุณก้องหนีเร็วเข้าตรงนี้กำลังจะระเบิด!” ดำเชื่อเจ้าของเสียงในหัว เพราะภาพเบื้องหลังการวางระเบิดฉายชัด ดังว่าเป็นความทรงจำของตนเอง และรู้ดีว่าตอนนี้คุณสินกำลังใช้แผนสำรอง ซึ่งต้องทำให้สุชาติจากไปด้วยความมั่นใจว่าเขาตายแน่ๆ ดำจึงต้องรีบเตือนพวกเขาว่าจะอยู่ตรงจุดนี้นานกว่านี้ไม่ได้แล้ว

“ดำหลบไปทางขวา” สิ้นเสียงเตือน ดำก็กระโดดหลบไปทางขวาตามคำสั่งอย่างเชื่อฟัง เพราะว่าเสียงนั้นคือเสียงของสิริน

ปัง!

กระสุนฝังลงพื้นจุดที่ดำยืนอยู่เมื่อครู่พอดิบพอดี สุชาติทั้งโกรธทั้งลนลาน เขาเดินออกไปหลังพูดกับสนจบ แต่หากหันกลับมาอีกครั้งกลับเจอภาพลูกชายลงไปนอนบนพื้นอย่างหมดสภาพ ไหนจะคำพูดของดำอีก ดังตอกย้ำว่าสิ่งที่เขากลัวกำลังจะเกิดขึ้น

เพราะมัวแต่หลงมัวเมากับชัยชนะ และเชื่อในความสมบูรณ์แบบของแผนการ เขาจึงลืมคิดไปว่ามือวางระเบิดอาจจะเล่นตุกติกก็ได้ ทั้งคำกล่าวเตือนยังมาจากเด็กที่ไม่น่ารู้อะไรยิ่งสร้างความฉงน คิดระแวงว่ามือวางระเบิดกับดำอาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องกันไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง

ระเบิดที่วางไว้คล้ายแบบสุ่ม ซึ่งทำงานสลับจุดระเบิดไปเรื่อยๆ ไม่เชื่อมต่อกันไปทางเดียว ทั้งยังไม่ใช่แบบเชื่อมโยงที่เมื่อลูกนี้ระเบิดลูกที่ใกล้กันก็จะระเบิดต่อ ทำให้ระเบิดบนเรือไม่อาจคาดเดาวงจรลำดับของการระเบิดได้ นั่นจึงทำให้สุชาติกล้าที่จะอยู่เล่นสนุกต่ออีกนิด เพราะอย่างไรเขาก็รู้เวลากับจุดวางระเบิดที่แน่ชัดเพียงคนเดียว จะหลบเลี่ยงจุดระเบิด หรือหนีออกจากเรือก็ไม่ยากเย็น

ทั้งยังจงใจพาสิรินมายังบริเวณนี้ เพราะจะหลอกให้สิรินตายใจยอมอยู่ที่นี่เพื่อรอความตาย โดยปลูกฝังไปว่าจุดนี้ไม่มีระเบิดตนจึงกล้ามายืนอยู่ ณ ตรงนี้ ซึ่งมันสมบูรณ์แบบไปอีกขั้น หากไม่ถูกมือวางระเบิดเล่นตุกติก และเขาก็เริ่มระแวงเมื่อก้องเอ่ยเตือนเรื่องพายุด้วย เหมือนพอระแวงก็ระแวงไปด้วยกันเสียหมดทุกอย่าง

“ไปพาเจ้าสนมาแล้วออกไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้!” สุชาติจงใจยิงดำ จะโดนหรือไม่โดนก็ล้วนช่วยให้คนของตนพาสนหนีออกมาง่ายขึ้น เวลานี้เขาจึงไม่สนใจสิรินอีก รีบจ้ำอ้าวออกไปอย่างว่องไว เหลือไว้เพียงลูกสมุน 4 คนซึ่งยังต้องทำตามคำสั่งให้เรียบร้อย

ดำเองก็หาได้สนใจสุชาติเช่นกัน ตอนนี้เสียงในหัวเร่งเขาอย่างหนัก เจ้าตัวเล็กจึงมุ่งเป้าไปช่วยสิรินแทน ในตอนนั้นสิรินกับก้องเองก็หาได้อยู่เฉย ฝั่งก้องไม่ยากเย็น เขาออกแรงเพียงเล็กน้อยก็จัดการสมุนทั้งสองได้

ส่วนสิรินกลับทุลักทุเลไม่น้อย เขาออกแรงขัดขืนจนหลุดจากการจับกุม แต่หากร่างกายไม่อำนวย จนไม่อาจลุกหนีจากจุดนั้นได้

“ย้าก!” เหตุการณ์เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ไวยิ่งกว่าเสียง เท้าของดำก็ปะทะเข้าที่หน้าของหนึ่งในสองคนนั้นอย่างจัง จนเป็นเหตุให้เสียหลักตกทะเลไป เพราะยังไม่ทันตั้งตัว มัวแต่พุ่งความสนใจไปรับมือสิรินเมื่อครู่ ทั้งยังอยู่ติดระเบียงอีก เพียงถูกแรงถีบของดำก็ทำให้ตกลงไปอย่างง่ายดาย

ส่วนดำก็พลิกตัวหมุนกลางอากาศลงพื้นอย่างสวยงาม ไม่รอให้ใครตื่นจากความตะลึง ดำซัดหมัดเข้าที่ท้องชายอีกคนอย่างรวดเร็ว เมื่ออีกฝ่ายงอตัวจนสูงเท่าๆ กันดำก็อาศัยกอดคอตีเข่าไปเสียหลายครั้ง ก่อนจะผลักเจ้าคนหมดสภาพนั่นลงทะเลไปอีกคน

‘โดด!’

เสียงนั้นดังขึ้นอีก ดำเข้าใจทันทีว่าจะหมดเวลาแล้ว เจ้าตัวรีบเข้าไปช่วยสิรินซึ่งกำลังลุกขึ้นยืน ด้วยตัวที่เล็กกว่ามากทำให้ไม่อาจกระโดดลงไปพร้อมกันได้ ดำจึงตัดสินใจผลักสิรินลงไปก่อน ตั้งใจว่าหลังกระโดดตามลงไปแล้วค่อยช่วยพยุงสิรินในน้ำ อย่างไรจากสภาพแล้วสิรินคงว่ายน้ำไม่ถนัดนัก

ติ๊ด ติ๊ด

ระเบิดนับถอยหลังเหลือ 3 วินาที ก้องเห็นว่าสิรินถูกผลักลงไปแล้วเขาจึงกระโดดตาม ดำก็ตามไปติดๆ แต่หากถูกสมุนที่ก้องจัดการเมื่อครู่ดึงขาไว้

‘เร็วเข้า!’

“โถ่! คนกำลังรีบๆ ปล่อยนะ” แถมเท้าอีกข้างแล้วรีบกระโดดตามลงไป

ติ๊ด ตี๊ดดดดด ตู้ม!!!!!!!!!

เพราะร่างของดำยังล่วงลงไปไม่ไกล จึงถูกแรงระเบิดกระแทก จนแทบหมดสติ

เมื่อร่างตกลงในน้ำ ร่างกายจึงไม่อาจขยับว่ายน้ำได้ทัน ทั้งความง่วงจากยา ทั้งอาการบาดเจ็บจากระเบิด สติของเจ้าตัวเล็กจึงค่อยๆ เลือนราง

‘ดำ ดำ ดำ อย่าหลับนะ!’

ก่อนสติดับวูบ เขาพบกับเจ้าของเสียงนี้ เป็นใบหน้าที่แสนคุ้นเคย เพราะเขาเห็นในรูปบนหัวเตียงของสิรินทุกคืน...

+++++50%+++++

ดำ น้องงงงงงงงง

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
เสียงในหัวน้องดำเป็นเสียงใครนะ หลวงตาอ่ะป่าว  :m28:

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
เสียงพ่อของสิรินแน่ๆ

ออฟไลน์ GreenHead(หัวเขียว)

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 124
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
    • Green Head - หัวเขียว
เปย์ครั้งที่ 20 [2]
«ตอบ #184 เมื่อ23-04-2019 20:09:38 »

เปย์ครั้งที่ 20
 [ครึ่งหลัง]


เสียงระเบิดดังกลบเสียงเรือที่กำลังแล่นมาอีกฟากหนึ่งของทะเล เพราะอยู่ไกลออกไปทำให้มองเห็นได้ยาก ความมืดกลืนกินเสียจนหมดสิ้น

ใต้ผืนน้ำก้องกับสิรินคว้าหยิบถังออกซิเจนขนาดจิ๋วออกมาจากกระเป๋าลับในกางเกงซึ่งเตรียมเอาไว้สำหรับกรณีนี้อยู่ก่อนแล้ว ตามด้วยไฟฉายแบบกันน้ำใช้สอดส่องผ่านความมืดในท้องทะเล

สิรินรีบค้นหาดำ แม้เจ้าตัวเล็กเคยโอ้อวดว่าเป็นแชมป์ว่ายน้ำประจำคลอง แต่หากเวลานี้เขาอยู่ในทะเลย่อมแตกต่างกัน ทั้งสภาพน้ำ ทั้งความแรงของคลื่นอันไม่มีทางเกิดขึ้นในคลอง เขาจึงไม่อาจวางใจได้

ก้องเองก็ช่วยหาอีกแรง เสียงระเบิดเมื่อครู่ทำให้เขากังวล ดำกระโดดลงมาหลังเขาเสียอีก ไม่แน่ว่าอาจถูกระเบิดเข้า ทั้งสองจึงช่วยกันหาร่างเล็กอย่างไม่รอช้าไม่นานก็พบร่างแน่นิ่งของดำ สิรินรีบเข้าไปพยุงตัวไว้พบว่าดำหมดสติไปเสียแล้ว ยังดีที่ใต้น้ำสงบกว่าที่คิด ร่างของดำจึงยังไม่ถูกคลื่นซัดหายไปไกล

เจ้าของร่างหมดสติ ออกซิเจนอีกถังจึงไร้ประโยชน์ ดำไม่อาจหายใจทางปากด้วยตนเอง คิดได้ดังนั้นสิรินก็ช่วยดำหายใจ สูดเอาออกซิเจนไว้แล้วใช้ริมฝีปากเย็นยะเยือกเพราะอุณหภูมิของน้ำประกบจูบ ถ่ายทอดลมหายใจเข้าไปทางริมฝีปาก ผลัดทำอยู่เช่นนั้นจนกระทั่งเสียงด้านบนสงบลง พวกเขาจึงลอยขึ้นเหนือน้ำ

ระเบิดรอบเมื่อครู่สงบลงไปแล้ว บริเวณที่พวกเขาอยู่พังเป็นแนวยาว หากไม่ได้คำเตือนของดำพวกเขาคงไม่อาจมีชีวิตรอด ส่วนคนบนเรือต้องช่วยอพยพคนออกมาโดยเร็ว ไม่เช่นนั้นคงมีการตายเพิ่มมากขึ้น ไม่รู้ว่าเวลานี้พวกปู่เล็กเป็นเช่นไร คาดว่าระเบิดรอบต่อไปคงตามมาอีกไม่ช้า

สิรินส่งสัญญาณเป็นรหัสผ่านโทรศัพท์ให้มาร์โก้ตั้งแต่อยู่ในห้องพัก ดูจากระยะทางแล้วอีกไม่นานคงมาถึง พวกเขาจึงได้แต่ลอยคลอรอเรือมารับเท่านั้น เวลานี้อาสุชาติเองก็เร่งรีบจากไป หากใช้เรือเล็กค่อยๆ ถ่ายเทคนคงยากจะสังเกตเห็น ทั้งควันทั้งระเบิดต่างช่วยอำพรางได้เป็นอย่างดี

เขาห่วงคนในอ้อมแขนมากกว่าสิ่งใด ดำยังมีลมหายใจ แต่หากไม่ได้สติ จากคำบอกเล่าของก้อง สิรินเองก็คิดว่าดำสลบไปเพราะแรงระเบิด โชคดีที่คนตัวเล็กสวมเสื้อผ้าแขนขายาวหนานุ่มเนื่องจากทนลมทะเลไม่ไหว ทั้งสนยังไม่ได้ถอดชุดออกไป จึงช่วยป้องกันร่างนี้เอาไว้ทำให้ไม่มีแผลจนเลือดไหลออกมา คาดว่าคงมีเพียงอาการบอบช้ำภายในเท่านั้น

อาการร้อนใจถาโถม สิรินกอดดำแน่นขึ้นอีกร่างเล็กเย็นเฉียบเสียจนน่าใจหาย ยิ่งคิดอยากเร่งเวลาให้เร็วขึ้นมาร์โกจะได้มาถึงเสียที แล้วมาร์โกก็ไม่ทำให้ผิดหวัง เรือยอชต์ขนาดเล็กลำหนึ่งขับเข้ามาใกล้ อาศัยเรือลำใหญ่บังไว้ ในตำแหน่งตรงข้ามกับทางที่สุดชาติใช้หนี บนเรือลำนั้นมีชายชาวอเมริการ่างใหญ่โบกมือมาให้

มาร์โก้ดีใจที่สิรินรอด แต่หากเข้ามาใกล้มองเห็นลูกชายอีกคนในอ้อมแขนสิรินใบหน้าก็ซีดเซียวอย่างตกตะลึง เร่งคนขับเรือให้เพิ่มความเร็วขึ้นอีก

"รีบพาขึ้นมาเร็วเข้า หมอรีบมาดูอาการ ดำเป็นอะไรไป" มาร์โก้รีบออกคำสั่ง บนเรือมีคนอยู่ 5 คน มีมาร์โก้ สมุนทำหน้าที่ขับเรือ 1 คน หมอสองคน และคนคุ้มกันติดอาวุธอีก 2 คน

หมอแยกกันดูอาการของสิรินกับดำ สิรินมีอาการช้ำในจากการถูกซ้อม และแผลถูกยิงโชคดีที่ไม่ถูกจุดสำคัญ ส่วนดำสลบเพราะยานอนหลับและถูกแรงระเบิดกระแทก คาดว่าอีกไม่นานคงฟื้น คนบนเรือจึงสบายใจมากขึ้น

"ไม่รู้ว่าดำรู้เรื่องระเบิดได้อย่างไร แต่พวกเราก็รอดชีวิตได้เพราะดำ คราวนี้ผมประมาทเกินไป ทั้งเรื่องดำ ทั้งเรื่องระเบิด คิดไปว่าอาสุชาติคงไม่ยอมเข้าไปยังที่อันตรายเช่นนั้นจึงวางใจ คาดคิดไปเองว่าจุดนั้นปลอดภัย ขอโทษนะครับ ดำก็เลยต้องเจ็บตัวแบบนี้" สิรินกล่าวกับมาร์โก้อย่างรู้สึกผิด

“ดำไม่ได้เป็นอะไรร้ายแรง สินไม่จำเป็นต้องโทษตัวเอง แค่จำเอาไว้เป็นบทเรียนก็พอ อย่างไรเราก็คิดกันอยู่แล้วว่าแผนนี้เสี่ยงมากเพียงใด เราไม่รู้เรื่องคนของสุชาติ ทั้งไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรแทรกซ้อนขึ้นมา แค่รอดมาได้ครบสามสิบสองฉันก็ดีใจมากแล้ว” แผนการครั้งนี้ไม่ใช่เรียบง่ายอย่างที่ตาเห็น เพราะหวังผลมากมาย สิ่งที่พวกเขาต้องการมากจนไม่อาจวางแผนแบบธรรมดาได้

ความจริงมาร์โก้อยากใช้คนของเขาฆ่าสุชาติเสียให้รู้แล้วรู้รอด แต่หากก็เพียงแค่เปลี่ยนศัตรูคนใหม่เท่านั้น เพราะมีคนอยากเข้ามาฮุบบริษัทมากมาย หรือหาหลักฐานเอาผิดสุชาติทางกฎหมายก็ใช่ว่าสุชาติจะไร้เส้นสาย ชายคนนั้นมีนิสัยหวาดระแวงทำให้ระวังตัวแจ ทั้งยังวางแผนเผื่อพลาดหลายอย่าง พวกเขาจึงต้องกำจัดให้หมดสิ้น

จากนั้นก็มีเรืออีกตามมา บนเรือมีคนของสิรินอยู่หลายคน พวกเขาจะทำหน้าที่ปลดระเบิดบางส่วน และถ่ายเทคนไปยังจุดปลอดภัยบนเรือก่อน เพื่อรอเรืออพยพซึ่งต้องรอให้สุชาติไปไกลจนไม่อาจมองเห็นพวกเขาได้จึงจะนำมาจอดเทียบพาคนหนีไปได้

“แบ่งคนไปห้องพักลูกเรือกับห้องหมายเลข 5 พาพวกเขาแยกมาที่นี่ก่อน ส่วนคนอื่นๆ ทำตามแผนเดิม”

“เยสเซอร์!” หลังได้รับคำสั่งของสิรินพวกเขาก็พาดบันไดขึ้นไปบนเรือบริเวณที่ถูกระเบิดจนขอบระเบียงถูกทำลายแล้วปีนขึ้นไป จากนั้นแยกย้ายกันทำหน้าที่อย่างคล่องแคล่ว ไม่นานก็นำน่านที่กำลังอุ้มทิวเอาไว้ ปู่เล็กที่กำลังอุ้มหลานสาว ส่วนคนที่เหลือหน่วยพิเศษของสิรินช่วยอุ้มตามมา

“สินนี่มันอะไรกัน” ปู่เล็กถามด้วยความสงสัย ก่อนหน้านี้เพราะมัวแต่ห่วงหลานๆ ทำให้ไม่ได้ถามอะไรน่าน พอมีคนแต่งชุดแปลกๆ ทั้งยังติดอาวุธเข้าไปก็ตกใจจนเกือบยิงอีกฝ่ายยังดีที่น่านห้ามไว้ จึงได้รู้ว่าพวกเขาได้รับความช่วยเหลือแล้ว

“นั่งก่อนครับ ตอนนี้ทุกคนปลอดภัยแล้ว ผมขอจัดการเรื่องทุกอย่างให้เรียบร้อยแล้วจะเล่าให้ฟังนะครับ” ปู่เล็กจึงไม่เอ่ยถามอีก เขารู้ดีว่าเวลานี้ไม่ใช่เวลามานั่งอธิบาย ถึงจะบอกว่าปลอดภัยแต่หากบนเรือยังวุ่นวาย ผู้คนมากมายกำลังแตกตื่นตกใจ ทั้งยังมีคนอีกมากโดนยานอนหลับจนหนีไม่ทันจนได้รับบาดเจ็บจากโจรร้าย

“รายงานมา” หลังพวกปู่น้อยหลบฉากไปนั่งอยู่ด้านหนึ่งสิรินก็กล่าวกับหัวหน้าหน่วยพิเศษ

“เหลือคนบนเรือ 12 คน ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บจากระเบิด เพราะระเบิดถูกติดตั้งไว้ในจุดที่ไม่เด่นสะดุดเพื่อไม่ให้ใครเห็น ทำให้ไม่มีการวางระเบิดในห้องพัก มีเพียงผู้บาดเจ็บจากการถูกยิง 5 คน ส่วนอีก 7 คนเพียงหลับไปเท่านั้น ตอนนี้ได้ย้ายทุกคนไปยังจุดปลอดภัย และหน่วยแพทย์ได้ปฐมพยาบาลผู้บาดเจ็บแล้วครับ” ผู้ถูกถามรายงานสถานการณ์ผู้บาดเจ็บอย่างกระชับตามแบบมืออาชีพ

“ระเบิดล่ะ”

“ตอนนี้กำลังเก็บกู้ เหลืออีก 3 จุดที่ยังไม่ระเบิดครับ” สิรินพยักหน้าอย่างพึงพอใจ สถานการณ์ถูกคลี่คลายแล้ว

จากคน 36 คน หักลบพวกเขา 5 คน เหลือ 31 คน แยกปู่เล็กกับหลานๆ เหลือ 27 คน ตอนนี้คนบนเรือเหลือ 12 คน นอกจากอาสุชาติกับสนแล้ว หมายความว่ามีคนไปกับอาสุชาติ 13 คนด้วยกัน

“ตรวจเช็ครายชื่อคนที่เหลืออยู่แล้วมารายงานฉัน”

“รับทราบครับ” จากนั้นหัวหน้าหน่วยก็แยกออกไปทำงานตามคำสั่ง

“คุณสินช่วยบอกให้เขาวางผมลงเถอะครับ” ดนัยกล่าวขึ้นเมื่อได้โอกาส ตอนนี้ตัวเขาถูกห่อเป็นก้อนกลมอยู่ภายในผ้าห่มผืนหนา สภาพเหนื่อยล้าใบหน้าซีดเซียว ถูกอุ้มมาโดยชายตัวใหญ่คนหนึ่ง

“อืม พาดนัยไปนั่งบนเก้าอี้ แล้วหาเสื้อผ้ามาให้ใส่ด้วย” ชายคนนั้นก็ทำตามคำสั่งแต่โดยดี ทั้งที่ก่อนหน้านี้ดนัยบอกอย่างไรก็ไม่ยอมฟังแท้ๆ

“สภาพดูไม่ได้เลยนะ” ไม่ต้องถามก็คาดเดาไม่ยากว่าโดนอะไรมา เมื่อผ้าขยับเปิดตรงช่วงคอหลังจากนั่งตัวตรง ผิวสีขาวซีดของคนไม่ค่อยโดนแดดมีรอยสีกุหลาบฝากเอาไว้มากมาย ทั้งรอยจูบรอยกัด เจ้าตัวคงผ่านศึกหนักมาไม่น้อย

“อย่าพูดถึงเลยครับ ผมไม่อยากนึกถึง อยากจะฆ่าคนเปล่าๆ” ดนัยกัดฟันข่มความโกรธที่พุ่งปรี๊ดทุกครั้งเวลาคิดถึงเหตุการณ์ในห้องพักลูกเรือ ถึงมันจะช่วยให้เขารอดมาได้ แต่ก็เจ็บใจไม่น้อย ตัวเขาแม้จะเคยนอนกับผู้ชายก่อนก็ใช่ว่าจะแข็งแรงเช่นสมัยก่อน เวลานี้ร่างกายปวดร้าวเสียจนไร้แรงยืน

“หึหึ เข้าใจแล้ว พวกเรากลับกันก่อนเถอะ เหลืองานอีกมากที่ต้องทำ” หลังจากนั้นพวกเขาก็แยกกันพักผ่อน ก้องเข้าไปช่วยน่านดูแล้วทิว ปู่เล็กพาลูกชายกับหลานๆ ไปพักผ่อน คิดว่าคืนนี้ทุกคนเหนื่อยมามากแล้ว ถ้าจะถามสิ่งใดรอพรุ่งนี้ยังไม่สาย

ส่วนสิรินกับดำถูกย้ายไปไว้ห้องเดียวกัน เจ้าตัวเล็กยังไม่มีทีท่าจะตื่นทำให้สิรินไม่ยอมพักผ่อน เขาเฝ้าอยู่เช่นนั้นจนเผลอฟุบหลับข้างเตียง

มาร์โก้สั่งการให้เรือลำที่ทุกคนพักผ่อนกลับขึ้นฝั่งไปก่อน ส่วนเขาอยู่จัดการส่วนที่เหลือ ค่ำคืนนั้นทุกอย่างก็ผ่านไปได้ด้วยดี



ฝั่งอาสุชาติ หลังลงเรือเล็กหนีออกมา ก็รีบออกเรือกลับเข้าฝั่ง มองเรือลำใหญ่จนแน่ใจแล้วหันมาแสร้งปลอบขวัญคนบนเรืออย่างแนบเนียน คนที่รอดมาได้ถูกกำหนดไว้แล้ว มีทั้งคนของเขาและไม่ใช่ เพราะหากเป็นคนของเขาทั้งหมดจะตกเป็นที่สงสัยได้

บนเรือลำนี้จึงมีเป้าหมายที่เขาต้องการร่วมธุรกิจอยู่ด้วย ทั้งประธานบริษัทยักษ์ใหญ่ ทั้งคนสำคัญทางการเมือง เขาต้องการสร้างบุญคุณให้คนเหล่านี้ และต้องการให้เป็นพยานของเหตุการณ์ในคืนนี้ด้วย

ดังนั้นจึงแบ่งคนของตนเป็น 2 ฝ่าย ให้กลายเป็นสลัดกับผู้ช่วยเหลือคนเหล่านี้และครอบครัวหนีออกมา ซึ่งเป็นการยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวอย่างแท้จริง แม้วุ่นวายและต้นทุนสูงก็นับว่าคุ้มค่า

ส่วนพวกโจรสลัดก็หนีลงเรืออีกลำแล้วหายไปในความมืด ทำให้เหมือนปล้นเสร็จ ระเบิดเรือแล้วหายไป ซึ่งคนเหล่านี้สุชาติวางแผนที่จะฆ่าปิดปากในภายหลัง

เรือที่สุชาติใช้หนีเป็นเรือยอชต์ขนาดเล็กจึงสามารถขับได้เร็ว ไม่นานก็ออกจากเขตพายุ ส่วนเส้นทางนั้นเขาสั่งให้กัปตันเรือตั้งให้เป็นแบบอัตโนมัติตั้งแต่ต้น พวกเขาจึงรอดออกมาอย่างปลอดภัยตามแผนที่วางไว้

คนบนเรือมีทั้งตื่นตระหนกจริงและแสร้งตื่นตระหนกตลอดเส้นทางจึงมีเพียงเสียงปลอบโยนให้กำลังใจกันและกันเท่านั้น หวังเพียงให้เรือพาพวกเขากลับขึ้นฝั่งได้อย่างปลอดภัย

สุชาติแอบยิ้มกริ่มอย่างพึงพอใจ ทุกอย่างเป็นไปตามแผน แม้มีข้อผิดพลาดเรื่องระเบิดเล็กน้อยก็หาได้หยุดแผนการของเขาได้ นับว่าโชคชะตาเข้าข้างเขาอย่างแท้จริง กลับไปนอกจากดำเนินแผนการต่อไปแล้วคงต้องดื่มฉลองเสียหน่อย

หึหึ ในที่สุดทุกอย่างก็กลายเป็นของฉันอย่างแท้จริง

ลาก่อน...หลานรัก



-TBC-

เจอกันตอนหน้านะคะ

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
นับเวลาถอยหลังสู่ความตายได้แล้ว สุชาติ  :hao3:

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
รอความวิบัติอยู่นะ หึๆๆ

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
เล่นกับใครไม่เล่นนะสุชาติ  :hao3:

ออฟไลน์ Mayana

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 424
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-2

ออฟไลน์ เลยร์มุจา

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 24
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
หิวเมื่อไหร่ก็แวะมา เซเว่น อีเลฟเว่น  :mew2: o13

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ เลยร์มุจา

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 24
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ติดตามอยู่นาาาาาาาา      :mew1:มาต่อเร็วๆนะคะ :mew6:

ออฟไลน์ GreenHead(หัวเขียว)

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 124
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
    • Green Head - หัวเขียว
เปย์ครั้งที่ 21
«ตอบ #191 เมื่อ08-07-2019 15:34:48 »

เปย์ครั้งที่ 21

‘ราชรถมาเกย’

การได้โชค ลาภมาโดยไม่รู้ตัวหรือไม่นึกไม่ฝันมาก่อน ได้มาโดยที่ไม่ต้องขวนขวาย



“ว่าที่ประธานบริษัท AMP DEVELOPMENT COMPANY LIMITED จมทะเลก่อนเข้ารับตำแหน่ง”

“ผู้ก่อการร้ายบุกปล้นเรือกลางงานฉลองวันเกิดก่อนรับตำแหน่ง ว่าที่ประธานดับอนาถกลางทะเล”

“เร่งค้นหาซากเรือหวังผู้รอดชีวิต ญาติร่ำให้ ผู้สูญหายกว่า 20 ชีวิต หวั่นเรือถูกพายุพัดเข้าสู่น่านน้ำประเทศเพื่อนบ้าน”

“สุชาติอาลัยหลานรักจบชีวิตกลางทะเล แถลงข่าววันพฤหัสที่จะถึงนี้!!!! ...อ่านต่อ…”



หน้าข่าวออนไลน์ของหนังสือพิมพ์หลายฉบับเร่งพาดหัวข่าวตั้งแต่ได้รับข้อมูล เพื่อแย่งชิงความได้เปรียบจากสำนักข่าวอื่นๆ

ทั้งยังลงพื้นที่รอคอยความเคลื่อนไหวพร้อมกับเจ้าหน้าที่ผู้เตรียมพร้อมช่วยเหลือผู้ประสบภัยตั้งแต่ได้รับข่าวจากกัปตันเรือซึ่งหาโอกาสแจ้งมาตั้งแต่ถูกโจรสลัดบุกขึ้นเรือ ก่อนเรือจะถูกทำลายจนสูญเสียการควบคุมมุ่งสู่เขตเกิดพายุลูกหนึ่ง

ศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยเรือล่มฯ เร่งดำเนินการออกค้นหาจากพิกัดที่ได้รับล่าสุดก่อนเรือขาดการติดต่อไป ใช้เวลาค้นหาอยู่หลายชั่วโมงในที่สุดก็พบผู้รอดชีวิตกลุ่มแรก แน่นอนว่าเป็นกลุ่มของสุชาตินั่นเอง

“ยังมีคนอยู่บนเรือ สินกับปู่เล็ก ได้โปรด...ได้โปรดช่วยพวกเขากลับมาด้วย” สุชาติอ้อนวอนเจ้าหน้าที่ด้วยความเศร้าสลด นักข่าวที่เห็นเหตุการณ์เร่งเก็บภาพข่าวเด็ดในทันที

ผู้รอดชีวิตเหล่านี้ต่างสติหลุดหวาดกลัวเกินกว่าจะคิดไตร่ตรองสิ่งได บ้างร่ำไห้ บ้างพยายามบอกเล่าเหตุการณ์แต่น้ำเสียงสับสนจนยากจะฟังเข้าใจ เจ้าหน้าที่รีบกันนักข่าวออกจากพวกเขาเกรงว่านานกว่านี้จะเป็นผลแย่ต่อผู้รอดชีวิต และยังต้องให้แพทย์ตรวจร่างกาย จึงคุ้มครองพวกเขาไปยังพื้นที่ปลอดภัยจากคนนอก

หลังจากให้เวลาพวกเขาจนควบคุมสติได้เจ้าหน้าที่ก็เริ่มสอบถามข้อมูล เพราะเมื่อมนุษย์รู้สึกว่าตนปลอดภัยก็จะค่อยๆ คลายความกังวลลงเอง ทุกอย่างจึงต้องใช้เวลาเช่นนี้

ส่วนทางนักข่าวเมื่อถูกตัดขาดข่าวสารก็นำข้อมูลที่พอมีอยู่เล็กน้อยไปตีความเสียใหญ่โตจนเกิดพาดหัวข่าวอันอุกอาจเช่นนั้น เจ้าหน้าที่ยิ่งถูกกดดันมากขึ้น เพราะผู้คนต่างอยากทราบรายชื่อผู้สูญหาย

แต่การค้นหาท่ามกลางพายุย่อมเป็นไปอย่างยากลำบาก ต้องฝาฟันทั้งความมืด ทั้งคลื่นลมอันรุนแรง ไหนจะฝนฟ้าอันน่าหวาดหวั่นที่ไม่รู้ว่าจะผ่าลงมาเมื่อใด บดบังวิสัยทัศน์เสียจนแทบสูญเสียทิศทางการค้นหา เรือมุ่งไปข้างหน้าช้าเพราะต้องระมัดระวัง สุดท้ายจึงต้องหยุดการค้นหาชั่วคราว ไม่เช่นนั้นคนที่เอาชีวิตไปทิ้งคงเป็นเจ้าหน้าที่เอง

ญาติของผู้สูญหายต่างกดดันหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แต่ก็ยังคงไร้ผล เมื่อเป็นเพียงบีบให้เจ้าหน้าที่ออกไปค้นหาเท่านั้น หากไม่พบก็ทำได้เพียงภาวนาให้พวกเขารอด รอคอยความช่วยเหลือหลังพายุสงบลง

และภาวนาไม่ให้เรือล่องผ่านน่านน้ำสากลไปยังน่านน้ำของประเทศเพื่อนบ้าน ไม่เช่นนั้นขอบเขตการค้นหาก็จะกว้างขึ้นอีก ทั้งยังต้องดำเนินการหลายอย่าง จนอาจเกิดความล่าช้าก่อยจะลงมือค้นหาได้ ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นไม่แน่ว่าจะได้กลับมาเพียงซากศพ





ตลอด 1 สัปดาห์ข่าวพัดโหมเมื่อไม่อาจหาซากเรือพบ แม้ว่าในน่านน้ำสากลจะค้นหาเป็นบริเวณกว้างจากตำแหน่งล่าสุดของเรือแล้วก็ตาม

กระแสสังคมยิ่งเลวร้ายลง ผู้เกี่ยวข้องล้วนถูกจับโยงว่าใครได้ประโยชน์ใครเสียประโยชน์บ้างจากเหตุการณ์นี้ ทั้งยังคาดเดาไปว่าอาจจะมีบางคนอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์นี้

สุชาติโดนกระแสสังคมไม่น้อย แต่ก็ยังมีผู้คนส่วนหนึ่งออกมาปกป้องต่อต้านกระแสอันเลวร้ายเอาไว้ แถมยังมีมากกว่าฝั่งว่าร้ายเสียอีก สุชาติจึงไม่ได้กดดันอะไรมากนัก เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาสุชาติล้วนดีต่อสิริน ไม่ว่าจะเป็นการศึกษา หรือตำแหน่งในบริษัท

ตั้งแต่สุทินพ่อของสิรินเสียชีวิต สุชาติก็ให้สิรินเรียนในโรงเรียนอันดับท็อปของประเทศ เรื่องเงินไม่ให้ขาดดูแลไม่ต่างกับลูกของตัวเอง พอขึ้นมหาวิทยาลัยก็ไม่บังคับปล่อยให้เลือกเส้นทางได้เต็มที่กล่าวเพียงว่าการบริหารไม่จำเป็นต้องเรียนในมหาวิทยาลัย สิรินจึงได้เข้ามาฝึกงานในบริษัท ตำแหน่งก็สูงเสียจนน่าอิจฉา อายุเพียง 18 ปีก็เป็นถึงรองประธานบริษัท เป็นชายหนุ่มที่ใครๆ ต่างใฝ่หา สุชาติไม่สนกระทั่งเสียงคัดค้านของพ่อซึ่งเป็นอดีตประธานบริษัทคนก่อนแม้แต่น้อย

เขาตามใจสิรินเสียจนลูกชายของตนอย่าง ‘สน’ ยังอิจฉา ใครๆ ต่างก็ทราบดีว่าสนพยายามแข่งขันกับสิรินมาแต่ไหนแต่ไร จึงมีน้อยคนนักที่จะสงสัยในตัวสุชาติ ก็แม้กระทั่งลูกชายของตนยังอิจฉาความรักที่มีให้ คนนอกอย่างพวกเขายังจะเคลือบแคลงสิ่งใดอีก

นอกจากกระแสข่าวก็มีหลักฐานหลุดมาด้วยเช่นกัน มีคนรวบรวมคลิปของสุชาติหลายๆ คลิปเข้าไว้ด้วยกัน ซึ่งเป็นคลิปรวมคำถามจากนักข่าวและคนในแวดวงเดียวกันเวลาถามถึงอนาคตของบริษัท คำตอบล้วนเป็นไปในแนวทางเดิมเสมอ

“อนาคตของบริษัทมีหลานชายของผมเป็นคนสืบทอดครับ สิรินจะเข้ามารับตำแหน่งประธานบริษัทเมื่ออายุ 23 ปี ตามพินัยกรรมของพี่ชาย”

ทั้งท่าทาง ทั้งคำพูดล้วนแฝงด้วยความภาคภูมิใจ คลิปนี้จึงช่วยอุดปากนักเลงคีย์บอร์ดไปเสียหลายคน

นอกจากนี้หากถามถึงผู้ที่สูญเสียมากที่สุดล้วนเป็นสุชาติ ไม่เพียงสิรินยังมีครอบครัวของปู่เล็กซึ่งไม่พบผู้รอดชีวิตเช่นเดียวกัน และสนลูกชายของสุชาติเวลานี้ก็รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลเนื่องจากได้รับบาดเจ็บจากการปะทะกับคนร้าย ได้ยินว่ากระดูกหักหลายจุดทีเดียว

ส่วนผู้รอดชีวิตนั้นไม่ใช่ว่าเป็นผู้สนับสนุนสุชาติไปเสียทั้งหมด ยังมีนักการเมืองหัวแข็งผู้ตั้งแง่กับสุชาติ และอดีตคู่ค้าของบริษัทซึ่งถอนตัวออกไปตั้งสุทินเสียชีวิต พวกเขาเป็นเป้าหมายในการชักจูงของสุชาติในครั้งนี้ และยังเป็นพยานของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้อย่างดี เพราะผู้คนต่างทราบว่าพวกเขาไม่มีทางเข้าข้างสุชาติอย่างแน่นอน

หลังจากสถานการณ์คงตัวก็ถึงกำหนดการแถลงข่าว พวกเขาย่อมเป็นตัวละครหลักในฉากนี้ตามที่สุชาติวางแผนไว้

สื่อมวลชนเข้าร่วมการแถลงข่าวอย่างคับคั่งบริเวณห้องโถงใหญ่ภายในโรงแรมในเครือบริษัท AMP DEVELOPMENT COMPANY LIMITED อันใช้เป็นสถานที่จัดงานในครั้งนี้

งานเริ่มต้นจากพิธีกรกล่าวเปิดงานก่อนจะส่งให้ตัวแทนทั้งสี่คนเริ่มแถลงข่าว คุณประหยัดนักการเมืองหัวแข็งซึ่งเป็นเพื่อนเก่าเพื่อนแก่ของอดีตประธานบริษัทหรือก็คือพ่อของสุชาติ เขาอาวุโสที่สุดในบรรดาตัวแทนทั้งหมด จึงได้เป็นคนที่ได้เริ่มพูดก่อน

“เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทุกคนคงพอทราบกันบ้างแล้ว ผมเองก็คงเล่าอะไรไม่ได้มากเพราะอาจทำให้เสียรูปคดี วันนี้ผมจึงจะบอกเพียงคร่าวๆ เพื่อให้รับรู้ไปในทางเดียวกันเท่านั้น

วันนั้นพวกเราปาร์ตี้วันเกิดกันปกติ จนกระทั่งมืดพวกเราแยกย้ายกันเข้านอน ผมไม่ชินกับการนอนบนเรือเลยลุกขึ้นมาเดินข้างนอก ไม่คิดว่าอยู่ดีๆ จะไปเจอเจ้าพวกสารเลวนั่น ดีที่ผู้คุ้มกันไหวตัวทันพาผมหนีได้ทันตอนนั้นคิดจะไปเตือนเจ้าเล็กกับคนอื่นๆ แต่ตัวเองก็แทบเอาตัวไม่รอดผู้คุ้มกันถูกฆ่าต้องหนีหัวซุกหัวซุนไปทางหัวเรือ คิดว่าจะไม่รอดซะแล้วแต่สุชาติก็มาช่วยเอาไว้

ผมเห็นสุชาติมาตั้งแต่แบเบาะ รู้นิสัยใจคอเจ้าตัวเป็นอย่างดี แต่ก่อนผมคิดว่าสุชาติไม่เหมาะกับตำแหน่งประธานบริษัทเพราะขี้ระแวงเกินเหตุ เกรงว่าบริษัทจะไม่ก้าวหน้าไปไหนเพราะความกลัวที่จะเสี่ยง ไม่กล้าได้กล้าเสีย มาวันนี้ผมรู้สึกเสียใจเป็นอย่างยิ่งครับ

ภาพในวันนั้นยังติดตาแม้จะไม่ได้ลงมือแต่ก็ยืนสังการอย่างองอาจ สั่งผู้คุ้มกันให้แยกกันออกไปช่วยเหลือคนอื่นๆ อย่างกระชับฉับไว หลังจากนำทางผมไปยังเรือสำรองแล้วยังขอตัวไปดูสถานการณ์ด้วยตัวเองอีก ห่วงคนอื่นเสียจนผมยังอดนับถือไม่ได้

จะบอกว่าผม ไม่สิ ที่ทุกคนรอดชีวิตมาได้เพราะสุชาติก็ไม่ผิดนัก เสียดาย...ที่ต้องสูญเสียมากกว่าใคร” คุณประหยัดเล่าชัดถ่อยชัดคำ เขาทั้งรู้สึกผิดทั้งอยากขอบคุณสุชาติ

หลังเขากล่าจบก็ถึงคู่สามีภรรยาอดีตคู่ค้าของบริษัท ตอนนี้ยังไม่เปิดโอกาสให้ซักถาม นักข่าวจึงก้มหน้าก้มตาจดข้อสงสัยกันยิกๆ รอเวลาแทบไม่ไหวแล้ว

“พวกเราเองก็ได้คุณสุชาติช่วยไว้ครับ ตอนนั้นภรรยาของผมปลุกอย่างไรก็ไม่ตื่น คิดว่าต้องเกิดเหตุร้ายแล้วก็เกิดขึ้นจริงๆ หลังจากได้ยินเสียงระเบิดคนของคุณสุชาติก็เข้ามาช่วยพาผมกับภรรยา เสียงปืนไล่หลังพวกเรามา คนที่ช่วยเราก็ถูกยิงบาดเจ็บ แต่ก็พาเราไปถึงเรือจนได้ ในนั้นมีคุณประหยัดกับคนที่คุณสุชาติทิ้งไว้คุ้มกัน กว่าจะได้เจอกับคุณสุชาติพวกเขาก็สะบักสะบอมกลับมาแล้ว ต้องขอบคุณจริงๆ ที่ช่วยให้ภรรยากับลูกชายตัวน้อยในท้องรอดมาได้”

สองสามีภรรยาคู่นี้แต่เดิมสนิทสนมกับสุทิน จึงไม่ค่อยชอบสุชาตินัก หลังจากสุทินเสียชีวิตจึงแยกตัวออกไปไม่ร่วมธุรกิจกันอีก เพราะพอจะรับรู้วีรกรรมของสุชาติอยู่บ้าง แต่ตอนนี้ต้องยอมรับแล้วว่าเมื่อคนเราโตขึ้นย่อมต้องปรับตัวกับสังคม สุชาติคงจะเป็นส่วนหนึ่งที่เสียใจเรื่องพี่ชายจนแก้ไขตัวเองใหม่อย่างแน่นอน หลังจากนี้คงต้องพิจารณาการร่วมงานอีกครั้งหนึ่ง

เรียกได้ว่าการวางแผนของสุชาติได้ผลมากทีเดียว แม้คุณประหยัดจะออกนอกแผนไปบ้างแต่สุดท้ายก็คุมสถานการณ์ได้ ดีที่บริเวณนั้นไม่มีคน เมื่อติดกระบอกเก็บเสียงทุกอย่างจึงราบรื่น ส่วนกับคู่สามีภรรยานั่นเกิดขึ้นหลังจากเหตุระเบิดสุชาติจึงใช้เพียงลูกน้องสร้างสถานการณ์เท่านั้น

เรียกได้ว่าใช้วิธีการนี้รวบรวมผู้ต้องการให้รอดชีวิต ส่วนตัวเองก็เข้าไปปลิดชีวิตกัปตันเรือและเล่นสนุกกับหลานชายจนพอใจ เขาไม่กลัวว่าใครจะมาเห็น เพราะให้คนคุมเส้นทางไว้หมดแล้ว น่าเจ็บใจเพียงระเบิดลูกนั้น ถ้าไม่ได้เจ้าเด็กนั่นบอกไม่แน่ว่าเขาเองก็อาจจะไม่รอดเช่นกัน แปลว่าสวรรค์มีตาเข้าข้างเขาจนแผนสำเร็จเช่นนี้

“อย่าขอบคุณผมเลยครับ มันเป็นหน้าที่ เพราะอย่างไรคนที่จัดงานเลี้ยงก็เป็นผม เพราะไม่สอบประวัติลูกเรือก่อนจึงเกิดเหตุการณ์เช่นนี้” สุชาติปฏิเสธคำขอบคุณด้วยความหมองเศร้า ตลอดหลายวันที่ผ่านมาพวกเขาต่างรู้ว่าสุชาติวิ่งเต้นมากเพียงใดเพื่อช่วยหลานชาย

“วันนี้ผมไม่ขอพูดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่จะขอฟ้องบริษัทล่องเรือยอช์ตข้อหารับอาชญากรเข้าทำงาน เอกสารฉบับนี้เป็นประวัติกัปตันเรือ เขาเคยคิดคุกข้อหาค้ายาเสพติด ทั้งในอดีตยังมีชื่อในหมู่ชาวประมงเรื่องการปล้นเรือหาปลา ก่อนที่จะเรียนจบจนได้ทำงานในปัจจุบัน

ผมอยากทราบว่าคุณแน่ใจได้อย่างไรว่าเขาจะไม่มีหนทางติดต่อกับผู้ก่อการร้ายพวกนั้น ในเมื่อเคยเป็นโจร กล้ารับคนแบบนี้ทำงานได้อย่างไร กล้าให้พวกเราเสี่ยงชีวิตได้อย่างไร พวกคุณ...

ชดเชยชีวิตหลานๆ และอาของผมได้หรือ!!! ” นักข่าวฮือฮากับข่าวที่ได้รับ ซูมกล้องไปยังเอกสารในมือสุชาติ พวกเขาคิดว่าจะได้เห็นเหตุการณ์ดราม่าของอาหลาน ไม่คิดว่าจะได้รับข้อมูลสำคัญเช่นนี้ อย่างที่ว่าความเสียใจแปรเปลี่ยนเป็นความโกรธเกรี้ยว บริษัทล่องเรือต้องรับความโกรธนี้ไปอย่างไม่อาจเลี่ยง

สุชาติโกรธเสียจนน้ำตาไหล พิธีกรเห็นว่าสุชาติคงต้องใช้เวลาสงบสติอารมณ์จึงเบี่ยงประเด็นมาถามความเห็นของคุณประหยัดกับคู่สามีภรรยาถึงการฟ้องร้องครั้งนี้แทน

พวกเขาบอกว่าพึ่งรู้ข้อมูลเช่นกัน เพราะไม่คิดว่าตัวกัปตันที่เป็นคนแจ้งข่าวจะเป็นผู้ร้ายเสียเอง ถ้าไม่ได้ข้อมูลของสุชาติพวกเขาคงหูหนวกตาบอดคิดว่าพวกเขาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกัน

นักข่าวเริ่มไม่อยู่สุข เริ่มคุยกันเสียงดังขึ้นเรื่อยๆ พิธีกรจึงหันไปมองตัวแทนทั้ง 4 เห็นว่าพวกเขากลับมาเป็นปกติแล้วจึงประกาศให้นักข่าวเริ่มถามคำถามได้

นักข่าวต่างแย่งกันยกมือถาม หวังว่าตนจะถูกคนบนเวทีเลือกให้ถามเป็นคนแรก พิธีกรพิจารณาแล้วจึงเลือกขึ้นมาหนึ่งคน เป็นช่องที่ยืนฝั่งสุชาติ เพื่อให้เริ่มจากคำถามเบาๆ ก่อน

“ขอถามคุณสุชาติ คุณรู้ได้อย่างไรครับว่ามีผู้ก่อการร้ายบุกปล้นเรือก่อนที่ระเบิดจะดังจนสามารถช่วยคนได้มากมายขนาดนี้” นักข่าวถามคำถามที่เอื้อประโยชน์ให้สุชาติเล็กน้อย เน้นย้ำว่าสุชาติเป็นผู้ช่วยเหลือคนอื่นๆ ให้รอดชีวิต

“ครับ วันนั้นบอดี้การ์ดของผมมาแจ้งว่ามีแขกบางคนหลับไปแล้วปลุกไม่ตื่น ผมร้อนใจมากกลัวว่าจะเกิดเหตุการณ์ถึงชีวิตจึงเดินไปยังห้องกัปตัน คิดจะไปบอกให้กลับหัวเรือมุ่งหน้าขึ้นฝั่งพาผู้ป่วยไปหาหมอ แต่ว่ายังไปไม่ถึงก็เจอกับพวกมันเสียก่อน ดีที่ผมมีบอร์ดี้การ์ดจึงจัดการพวกมันได้ หลักจากนั้นก็เรียกรวมพลแล้วก็ไปเจอคุณประหยัดนั่นแหละครับ” หลังจากนั้นนักข่าวก็ผลัดกันถามมากมาย

“จากที่ฟังมาหมายความว่าคนบนเรือถูกวางยาหรือครับ แล้วทำไมบางคนถึงรอดมาได้”

“จากที่พิจารณาคาดว่ามียานอนหลับในอาหาร เพราะเป็นแบบเลือกทานได้ทุกคนจึงมีของที่กินไม่กินต่างกัน”

“ทำไมช่วยคนได้มากมายขนาดนี้แต่กลับช่วยหลานชายไม่ได้คะ”

“ผมไปถึงห้องแล้วแต่หาตัวสินไม่เจอครับ คิดว่าน่าจะออกไปหลังได้ยินเสียงระเบิด เพราะเส้นทางถูกทำลายพวกเราจึงต้องกลับ หวังเพียงว่าจะไปเจอกันบนเรือ แต่ระหว่างพวกเราปะทะกับคนร้าย สนก็บาดเจ็บสาหัส พวกมันตามมาถึงเรือ จึงเลี่ยงไม่ได้ที่จะหนีออกมาก่อน...ถ้าตอนนั้นผมหาสินต่อล่ะก็คงไม่เป็นแบบนี้”

“คุณสงสัยกัปตันเรือตั้งแต่ตอนไหนคะ”

“หลังคิดทบบทวนแล้วผมก็จำได้ว่าคนร้ายสองคนแรกที่เจอเดินมาจากทางห้องกัปตัน แล้วที่แจ้งมาคือโจรบุกปล้นจนเรือหลุดเข้าไปยังเขตพายุ ซึ่งตอนนั้นยังไม่เข้าไปในเขตพายุครับผมจำได้ จึงได้เริ่มตรวจสอบประวัติกัปตันเรือ”

“ตำแหน่งประธานบริษัทจะเป็นอย่างไรต่อครับ”

“ตอนนี้ผมยังไม่อยากพูดถึงครับ ตัวผมยังคงดำรงตำแหน่งรักษาการประธานบริษัทไปก่อน ผมยังหวังว่าสินจะกลับมา ถ้าพบศพแล้วถึงจะพิจารณาเรื่องนี้อีกครั้ง”

คำถามมากมายถาโถม ส่วนมากเน้นย้ำไปที่สุชาติ มีทั้งเชิดเฉือน มีทั้งเห็นใจ มีทั้งคำถามเกี่ยวกับอนาคต ซึ่งสุชาติก็ยิ้มในใจเมื่อสองสามีภรรยาบอกว่าจะกลับมาร่วมงานกับบริษัทตน

ทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่น สุชาติยังไม่รีบร้อนเพราะไม่อยากตกเป็นเป้าสงสัย จะตำแหน่งไหนเขาก็เป็นคนควบคุมบริษัท จะรออีกสักนิดก็ไม่ได้ยุ่งยากแต่อย่างใด





“ถ้าใครมาเห็นตอนนี้คงอยากเอาหัวทุบซีเมนต์ โทษฐานที่โง่เกินไปนะครับพ่อ ฮ่าๆ ๆ ” สนกล่าวขึ้นเสียงดัง ก่อนยกไวน์ขึ้นจิบอย่างอารมณ์ดี แม้จะเจ็บแปร๊บๆ บนใบหน้าก็ตาม

สองพ่อลูกฉลองกันเงียบๆ ในห้องส่วนตัว จิบไวน์ชมวิว ลิ้มรสชัยชนะของตนอย่างพึงพอใจ

“หึ คนพวกนี้ชักจูงง่าย ออกแรงตีหน้าเศร้าเพียงเล็กน้อยก็ติดกับซะแล้ว แต่ก็ดีอะไรๆ จะได้ง่ายขึ้น รอเวลาอีกสักหน่อยทุกอย่างก็จะกลายเป็นของเราอย่างสมบูรณ์”

“ถ้าไม่ติดว่าพ่อปล่อยข่าวว่า ผมโดนเล่นงานปางตายนะจะออกไปฉลองให้ถึงเช้าเลย ฮ่าๆ ๆ ๆ ” สนโดนดำเล่นงานหนักไม่น้อย แต่มีเพียงกระดูกแขนเท่านั้นที่ร้าว ส่วนอื่นไม่ได้หักเหมือนข่าวที่คนรับรู้ หลังผ่านมาหนึ่งสัปดาห์จึงลุกขึ้นมาใช้ชีวิตได้อย่างปกติ ข่าวนั้นเป็นเพียงข่าวที่สุชาติปล่อยออกไปให้น่าสงสารเท่านั้น

นอกจากนี้ผู้คนภายนอกต่างคิดว่าสนอยู่ในโรงพยาบาล ความจริงสุชาติทำเพื่อหลอกตาผู้คน แล้วพาสนมาพักยังห้องส่วนตัวในคอนโดหรูแถบชานเมือง ทั้งเพื่อเรียกคะแนนสงสาร และกันลูกชายออกจากแผนการกลัวว่าจะเผยพิรุธให้ใครจับได้

เมื่อสนกล่าวเช่นนั้นสุชาติจึงเพียงยิ้ม คิดในใจว่า ตนคิดถูกแล้วจริงๆ ที่วางแผนให้สนออกจากแผนการชั่วคราวจนกว่าเรื่องทุกอย่างจะเงียบลง





เวลาผ่านเลยไปทีมค้นหาก็ยังหาซากเรือไม่พบ ในที่สุดทางประเทศเพื่อนบ้านเองก็ให้ความช่วยเหลือส่งทีมค้นหามาช่วยส่วนหนึ่ง คาดว่าไม่นานคนหาพบ ญาติผู้สูญหายต่างมีความหวังขึ้นมาบ้างแล้ว

แต่สุชาติหาได้สนใจ เพราะมีสิ่งที่น่าสนใจยิ่งกว่าคือบริษัทยักษ์ใหญ่ของอเมริกาติดต่อขอร่วมลงทุนกับบริษัทเพื่อสร้างรีสอร์ทแบบครบวงจรในไทย สุชาติดีใจจนเนื้อเต้น ในที่สุดก็ตกปลาตัวใหญ่ได้เสียที เช่นนี้แล้วสาขาอเมริกาเองก็คงจะมีคนสนใจร่วมลงทุนมากขึ้นจนผ่านเส้นแดงไปได้อย่างแน่นอน

วันนี้เป็นวันนัดเจรจาดังกล่าวสุชาติเตรียมสถานที่ดีที่สุด และอาหารที่ดีที่สุดไว้รองรับแขกรายนี้ สนเองก็ติดตามไปด้วย สุชาติหวังให้ลูกชายได้เชื่อมสัมพันธ์กับบริษัทยักษ์ใหญ่ต่อไปในอนาคต

“Hello,Mr.Hawking. I'm Suchard. Come from AMP Development Company Limited. Nice to meet you.” สุชาติลุกขึ้นยืนกล่าวทักทายเมื่อแขกคนสำคัญมาถึงสถานที่นัดพบ พร้อมจับมือกับอีกฝ่ายตามมารยาทของคนอเมริกา

“Nice to meet you too, Mr.Suchard. ผมกำลังฝึกพูดภาษาไทย เราคุยเป็นภาษาไทยดีกว่าครับ” ฮอว์กิง ชายหนุ่มเจ้าของตาสีฟ้าหัวสีเหลืองแบบคนตะวันตกกล่าวทักทายกลับอย่างเป็นกันเอง แม้พวกเขาจะเจอหน้ากันครั้งแรกแต่ไม่ใช่คนแปลกหน้า เพราะติดต่อกันผ่านเลขามาได้พักหนึ่งแล้ว

“โอ้ ยอดเยี่ยมไปเลยครับ เช่นนั้นเรานั่งกันก่อนดีกว่า” ฮอว์กิงกับเลขานั่งลงบนเก้าอี้ ก่อนสุชาติกับสนจะนั่งลงบนเก้าอี้ที่ว่างอยู่ โดยมีเลขาของเขายืนคอยจดรายละเอียดอยู่ด้านหลัง

“ทางนี้คือคุณแซนรี่ครับเธอเป็นคนที่ติดต่อกับบริษัทของคุณก่อนหน้านี้”

“สวัสดีค่ะ” แซนรี่เป็นลูกครึ่งจึงมีเคล้าโครงแบบชาวเอเชียไม่น้อย แม้จะเป็นเพียงเลขาแต่สุชาติก็ไม่อาจละเลยได้ ดูได้จากที่เธอได้นั่งร่วมโต๊ะทานอาหารค่ำมื้อนี้

“สวัสดีครับคุณแซนรี่ ผมยินดีเป็นอย่างยิ่งที่บริษัทยักษ์ใหญ่เช่นนี้สนใจบริษัทของเรา ผมขอแนะนำลูกชายคนเดียวของผมให้รู้จัก สน ครับ” สนไม่ทำให้ผิดหวัง ส่งสายตากรุ่มกริ่มให้เลขาสาวแสนสวย หลังจากเก็บตัวมานานเขาก็ได้รับอิสระอีกครั้ง แถมพ่อยังเปิดทางให้เองจะไม่รับความหวังดีนี้ได้อย่างไร

“เรามาทานอาหารเย็นกันก่อนดีกว่านะครับ แล้วค่อยคุยเรื่องธุรกิจ มื้อนี้ผมมีอาหารมาให้ลิ้มลองหลายอย่าง”

“ผมไม่เคยทานอาหารไทย น่าสนใจดี ชักรอไม่ไหวแล้วสิ” หลังตอบรับคำชวน พวกเขาก็ใช้เวลาทานอาหารไปไม่น้อย สุชาติได้รับคำชมครั้งแล้วครั้งเล่าก็แทบเก็บอาการไม่อยู่ การลงทุนครั้งใหญ่ช่างง่ายดายจนอยากจะหัวเราะดังๆ โอ้อวดให้คนรับทั้งโลกได้รับรู้เสียจริง

การเจรจาธุรกิจเป็นไปอย่างราบรื่น ข้อเสนอต่างๆ ถูกยกขึ้นมาประชุมในบอร์ดบริหารนับตั้งแต่ได้รับการติดต่อมา จึงตระเตรียมข้อเสนอต่างๆ มาพร้อม เมื่อทุกอย่างเป็นไปตามที่ตกลงไว้ก็เซ็นสัญญากันเรียบร้อยก่อนสุชาติจะส่งข้อมูลให้นักข่าว

เพราะมิสเตอร์ฮอว์กิงไม่ต้องการแถลงข่าวในตอนนี้ พวกเขาจึงตกลงกันให้จัดงานพร้อมกันทีเดียวในวันเปิดรีสอร์ท ซึ่งสุชาติเองก็ไม่ขัดข้อง เพียงแต่ต้องการกระจายข่าวใหญ่ในตอนนี้เท่านั้น

ใครๆ ต่างก็รู้ว่า บริษัท สติกมา (Stigma) บริษัทยักษ์ใหญ่ในอเมริกา เป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์มีพื้นที่รวมกว่า 110 ล้านตารางฟุตในสหรัฐฯ ซึ่งบริษัทนี้ตั้งก่อตั้งเริ่มแรกจากการรวบรวมบริษัทอสังหาริมทรัพย์รายย่อยเข้าด้วยกัน กลายเป็นบริษัทในเครือสติกมา โดยมีสำนักงานใหญ่อยู่ในแคลิฟอร์เนีย ทั้งประธานบริษัทยังลึกลับเสียจนไม่อาจเข้าถึงได้ มีเพียงตัวแทนอย่าง มิสเตอร์ฮอว์กิง ดำเนินการแทนเท่านั้น

และแน่นอนว่าหากมิสเตอร์ฮอว์กิงให้เกียรติมาเจรจาเองเช่นนี้ บริษัทของเขาย่อมได้รับชื่อเสียงมากขึ้นไปอีก

หลังนัดวันประชุมร่วมกันกับบริษัทเพื่อเริ่มงานในครั้งนี้ มิสเตอร์ฮอว์กิงก็ขอตัวกลับ สุชาติกับสนจึงอยู่ฉลองต่ออีกสักหน่อย สนแม้จะเสียดายอยู่บ้างที่วันนี้ไม่อาจสานสัมพันธ์เลขาสาวเป็นการส่วนตัว แต่เมื่อคิดว่ายังมีเวลาอีกเยอะจึงไม่ขัดข้องที่จะฉลองความสำเร็จเป็นเพื่อนพ่อ ดูอย่างไรเธอก็สนใจเขาไม่น้อย ปลากินเบ็ดแล้วทิ้งไว้อีกหน่อยก็ยังไม่สาย





ภายในรถสีดำเรียบหรู ปลาน้อยของสนกำลังนั่งใช้แอลกอร์ฮอล์ล้างมืออย่างเอาเป็นเอาตาย

“พอๆ เดี๋ยวมือก็ได้เปื่อยก่อนพอดี” ฮอว์กิงห้ามอย่างไม่จริงจังนัก ริมฝีปากก็เผยรอยยิ้มขบขัน

“นายไม่ใช่คนโดนนี่จะมาเข้าใจอะไร ฮึ๊ย ขยะแขยง” แซนรี่เถียงอย่างไม่เห็นหัวเจ้านาย

“ฮ่าๆ ๆ เอาน่าๆ เดี๋ยวฉันเลี้ยงมื้อใหญ่ให้สมกับที่อดทนเล่นละครจนจบงาน” ชายหนุ่มก็หาได้ถือสา แถมเสนอเลี้ยงปลอบใจอีกต่างหาก จะทำอย่างไรได้ในเมื่อพวกเขาเป็นเพื่อนกันมานาน การวางตัวในตำแหน่งนั้นเอาไว้ทำเพียงต่อหน้าคนภายนอกเท่านั้น

“แน่นอน! ถ้านายไม่เลี้ยงนะ อย่าหวังว่ารอบหน้าฉันจะยอมให้มันแตะเนื้อต้องตัว ดูสายตานั่นสิแทบจะกินฉันเข้าไปทั้งตัวแล้ว อยากจะอัดให้เละ ถ้าไม่ใช่เพื่องานนะ จะจัดให้ตาบอดเลย”

“เอาดีๆ ว่าเพื่องานหรือเพื่ออะไร หือ” ฮอว์กิงไม่พลาดที่จะเปิดโปรงเธอ จนแซนรี่ส่งเสียงอย่างไม่พอใจ

“ชิ ยอมรับก็ได้ ถ้าไม่ใช่ว่ามาสเตอร์สัญญาว่าจะยอมให้เจอมายฮันนี่สุดน่ารักนะฉันไม่ยอมเปลืองตัวขนาดนี้หรอก”

“ฮ่าๆ ๆ ๆ นี่เธอตื้อขอสำเร็จจนได้สินะ” แซนรี่บ่นเรื่องนี้มาพักใหญ่เมื่อมาสเตอร์ผู้เย็นชาของพวกเขาแสดงมุมอบอุ่นออกมาเวลาพูดถึงเด็กชายตัวน้อยคนหนึ่ง ตอนที่รู้แทบจะจองไฟล์บินมาไทยเสียเดี๋ยวนั้น แต่ก็โดนเสียงทรงอำนาจห้ามเอาไว้

แต่ก็นะพลังความอยากรู้อยากเห็นของแซนรี่ใช่จะมอดลงง่ายๆ ในที่สุดก็ต่อลองสำเร็จจนได้

เฮ้อ ชักปวดหัวแทนมาสเตอร์ซะแล้วสิเรา...



-TBC-



สวัสดีค่ะ กรีนกลับมาแล้ววววว

ขอโทษด้วยจริงๆ ค่ะที่หายไปนานเลย

แต่คราวนี้กลับมาพร้อมข่าวดีนะคะ

นั่นคืออออ กรีนส่งต้นฉบับให้สำนักพิมพ์เรียบร้อยแล้วจ้า

รอลุ้นกันได้เลยนะคะว่าน้องดำจะออกมาเป็นเล่มเมื่อไหร่

กรีนก็รอข่าวดีเหมือนกัน ฮ่าๆ ๆ ๆ



ฝากอีกนิด ถ้าแจ้งเตือนขึ้นบ่อยก็ขอโทษล่วงหน้าด้วยนะคะ พอดีมีจุดที่กรีนรีไรท์ก่อนส่งไปหลายจุด เดี๋ยวจะลงฉบับรีไรท์ตั้งแต่ตอนแรกเลย ขอรบกวนหน่อยน้า

ส่วนตอนต่อๆ ไปกรีนก็จะลงให้อ่านจนจบเลยจ้า ไม่ต้องกังวลกันน้า

ขอบคุณค่า



ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
รอดูหน้าคนดีของสังคมโดนกระชากหน้ากาก มาเร็ว  ๆ เด้อ  o18

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
รีบๆจัดการสุชาติสักที

ออฟไลน์ GreenHead(หัวเขียว)

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 124
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
    • Green Head - หัวเขียว
เปย์ครั้งที่ 22
«ตอบ #194 เมื่อ09-07-2019 21:51:57 »

เปย์ครั้งที่ 22

‘จนด้วยเกล้า’

จนปัญญา หมดปัญญาที่จะคิด คิดไม่ออก ไม่รู้จะทำอย่างไร



“สิน อาหารเย็นเสร็จแล้วพักกินข้าวก่อนเถอะ” มาร์โก้เรียกเจ้าของร่างสูงที่นั่งอยู่ท่ามกลางคอมพิวเตอร์ซึ่งบนจอเต็มไปด้วยกราฟต่างๆ มากมาย ทั้งกราฟที่เป็นปัจจุบัน และกราฟสถิติเก่าๆ เพื่อใช้เปรียบเทียบข้อมูล บางจอเป็นข้อมูลข่าวสารจากทั่วโลก บางจอเป็นข้อมูลบริษัทต่างๆ หรือกระทั่งประวัติส่วนตัวของนักธุรกิจ ซึ่งเป็นข้อมูลสำคัญในการเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นระดับโลก

สิรินเคยชินกับการรับข้อมูลพร้อมกันเช่นนี้ เพียงแต่ไม่ควรจะเป็นการนั่งทำงานตลอดเวลาเช่นปัจจุบัน ถ้ามาร์โก้ไม่บังคับให้นอน ไม่แน่ว่าเจ้าตัวคงนั่งอยู่เช่นนั้นจนลืมเวลา

“ถ้า...ถ้าผมไม่ทำแบบนี้คงสติแตกไปนานแล้ว คุณน่าจะเข้าใจผมที่สุดไม่ใช่หรือ” สิรินกล่าวตอบมาร์โก้โดยที่มือยังขยับไม่หยุดเช่นนั้น

“เข้าใจสิ เพราะเข้าใจถึงไม่อยากให้สินมานั่งทรมานตัวเองแบบนี้” ดวงตาสีฟ้าหลับลงซ่อนความเจ็บปวด แม้ผ่านมานานเพียงใดเขาก็ไม่อาจลืมวันที่สูญเสียสุทินไปได้ เข้าใจดีว่าวันที่รู้นั่นตัวเองคุ้มคลั่งเพียงใด กว่าจะกลับมายืนได้อีกครั้งก็เกือบจะสูญเสียคนสำคัญอีกคนไปเสียแล้ว มาร์โก้จึงไม่อยากให้สิรินเสียใจภายหลัง ถ้าตอนนั้นเขาช่วยสิรินให้ได้เร็วกว่านี้ เด็กชายตัวน้อยคงไม่แปรเปลี่ยนเป็นคนเย็นชาเช่นปัจจุบัน

“...” ไร้คำตอบกลับ สิรินจัดการงานตรงหน้าจนเรียบร้อยก็ยอมลุกออกจากที่นั่ง เพียงแต่เขาไม่ได้เดินไปยังห้องครัว กลับขึ้นลิฟต์ไปชั้นบนสุด จุดหมายคือเตียงขนาดใหญ่ซึ่งตั้งอยู่ในส่วนของห้องนอน

ทิวเห็นเพื่อนเข้ามาในห้องก็รู้ตัวว่าตนไม่ควรยืนอยู่ด้านในจึงหลบออกไปให้สิรินได้ใช้เวลาส่วนตัว

“ดำ” ร่างของเด็กชายตัวเล็กผิวสีน้ำผึ้งนอนแน่นิ่งบนเตียงกว้าง สิ่งที่ยืนยันว่าเจ้าตัวเพียงหลับไปมีเพียงแรงกระเพื่อมเบาๆ ของหน้าอกเวลาหายใจเท่านั้น

ตั้งวันนั้นดำก็ไม่ฟื้นขึ้นมาอีกเลย แม้ว่าจะผ่านไปนานเพียงใด ไม่ว่าจะใช้วิธีใดก็ตาม หมอทุกคนที่เข้ามาตรวจล้วนยืนยันว่าดำเหมือนหลับไปเฉยๆ ไม่มีสิ่งใดผิดปกตินอกจากนี้

สิรินไม่เข้าใจ เป็นเรื่องที่เขาไม่อาจทำความเข้าใจได้

ทำไมกัน...

ทำไมดำยังไม่ฟื้น!

เรื่องของดำยากจนการทำงานเมื่อครู่เทียบไม่ติด

เพื่อไม่ให้ตัวเองสติแตกสิรินจึงทำงาน ทำงานให้หนัก ทำงานเพื่อให้สติยังคงอยู่ ทำสิ่งที่ควรกระทำ ทั้งที่หัวใจกำลังแตกสลาย...

“ฟื้นขึ้นมาสิดำ ฉันขาดเธอไปไม่ได้...ได้โปรด” น้ำตาที่เหือดแห้งมานานไหลออกมาหยดแล้วหยดเล่า เขากุมมือเล็กๆ ของดำเอาไว้เพื่อยืนยันว่าเจ้าตัวเล็กยังคงอยู่ ปลอบใจว่าตนยังมีหวัง ภาวนาให้ปาฏิหาริย์เกิดขึ้นอีกครั้ง...

“จำได้ไหมว่าดำสัญญาอะไรไว้...เธอสัญญาว่าจะแสดงความยินดีกับฉันเป็นคนแรกไม่ใช่หรือ หือ แผนการใกล้จะสำเร็จแล้ว อย่าลืมสัญญาของเรา รีบฟื้นขึ้นมาให้ทันนะ...เจ้าตัวเล็กสุดที่รักของฉัน”





ภายในเส้นทางที่ช่วงเวลามาบรรจบ วิญญาณดวงหนึ่งกำลังลอยเคว้งคว้างอย่างไม่รู้ทิศทาง จะลอยไปทางใดก็เหมือนมีแรงบางอย่างสะท้อนให้เขากลับมาจุดเดิมทุกครั้งไป

“ไอ้ดำอยู่ไหนนะ ทำไมไม่มีใครเลย คุณสิน! ปะป๋า! หลวงตา! ได้ยินไอ้ดำไหม” วิญญาณดวงน้อยกระวนกระวายเขาไม่รู้ว่าเวลาผ่านมานานเท่าใดแล้ว ทั้งยังมองไม่เห็นใคร มีเพียงทางแยกสีขาวแตกแขนงออกไปมากมายจนนับไม่ถ้วนรอบตัวเท่านั้น

“ดำ”

“ใครน่ะ ไอ้ดำอยู่นี่ ไอ้ดำไปไหนไม่ได้ ช่วยไอ้ดำด้วย ไอ้ดำอยากเจอคุณสิน” เสียงเรียกแหบพร่าพาให้ดำตื่นตัว ทั้งตื่นเต้นทั้งดีใจ ในที่สุดดำก็เจอคนอื่นแล้ว

“จินตนาการถึงร่างกายตัวเอง แล้วเธอจะขยับได้อิสระมากขึ้น”

“อื้อ” ดำรับคำอย่างว่าง่าย วิญญาณดวงจิ๋วค่อยๆ ขยายใหญ่ขึ้นจนกลายเป็นร่างเดิมของดำ เมื่อร่างกายครบถ้วน ประสาทสัมผัสก็กลับมาจนครบ จากที่เห็นว่าเส้นทางสีขาวยาวไกลก็พบว่าแต่ละเส้นทางมีม่านใสๆ ปิดอยู่

‘มิน่าล่ะ ไอ้ถึงโดนดีดกลับ ม่านพวกนั้นน่าจะสะท้อนเวลาเข้าไปชน โห ไอ้ดำฉลาดอีกแล้ว ฮ่าๆ ๆ ๆ ’

ดำมัวแต่ชมตัวเองจนลืมสังเกตวิญญาณอีกดวงที่ยืนอยู่ข้างหลัง วิญญาณดวงนั้นมองร่างเล็กจ้อยด้วยสายตาแฝงความอบอุ่น

“ขอบใจเธอมากนะดำที่ช่วยสิน” ความสนใจทั้งหมดถูกฉุดดึง ดำหมุนตัวกลับมามองด้วยความว่องไว

“อ๊ะ ไอ้ดำคิดออกแล้ว เสียงที่ไอ้ดำได้ยินบนเรือนี่เอง...เรื่องช่วยคุณสินเป็นหน้าที่ไอ้ดำอยู่แล้วไม่ต้องขอบใจหรอกครับ แค่นี้สบายมาก ไอ้ดำเจ๋งอยู่แล้ว” ว่าจบก็ยิ้มร่าตามแบบฉบับตัวเอง จนคนมองอดที่จะยิ้มตามไม่ได้

“ยังไงฉันต้องขอบใจดำ ทั้งเรื่องนั้นแล้วก็ที่ช่วยทำให้สินกับมาร์โกยิ้มได้อีกครั้ง ฉันเฝ้ามองมาโดยตลอด ทั้งเจ็บปวดทั้งทรมาน ในที่สุดคำภาวนาก็เป็นผล สวรรค์ส่งดำมาให้แท้ๆ ชีวิตคนที่ฉันรักถึงกลับมามีความสุขอีกครั้ง จะขอบคุณกี่ครั้งก็คงไม่พอ ขอบคุณนะดำ ขอบคุณมากจริงๆ ” สุทินกอดดำโดยไม่ทันตั้งตัว สมองน้อยๆ พยายามประมวลผลแต่ก็ไม่ได้ผลักออก เพราะรู้สึกอบอุ่นเหมือนเวลากอดกับมาร์โก้

“ไอ้ดำ...คิดออกแล้ว คุณคือพ่อของคุณสิน คนรักของปะป๋า ใช่ไหมครับ ไอ้ดำเคยไปหาที่วัดแล้วก็เห็นรูปบนหัวเตียงด้วย” กอดอยู่นานในที่สุดดำก็นึกออก เพราะว่าสุทินไม่ค่อยเหมือนสิรินเท่าไหร่นัก เจ้าตัวมีดวงตาสีฟ้าเหมือนแม่ ผมสีน้ำตาลอ่อน ทั้งยังดูตัวเล็กลงถนัดตาหากเทียบกับลูกชาย ภาพที่ดำเห็นก็เป็นสีขาวดำ ทำให้ต้องใช้เวลากว่าจะนึกออก

จะว่าไปแล้วก่อนสลบไปก็เหมือนมีภาพรูปใบนั้นฉายชัดเข้ามาในหัว ทำไมถึงลืมไปอีกได้นะ หรือว่าเขาติดอยู่ที่นี่นานจนสมองเลอะเลือน

ไม่นะ ไอ้ดำไม่อยากลืมคุณสิน!

“ใช่แล้ว ฉันชื่อ สุทิน ยินดีที่ได้พบนะดำ” สุทินปล่อยดำออกจากอ้อมแขนแล้วแนะนำตัวพร้อมรอยยิ้ม นอกจากรูปลักษณ์ภายนอก คงมีนิสัยนี่ล่ะที่แตกต่าง สุทินยิ้มง่าย ส่วนสิรินก่อนเจอดำก็ยิ้มยากเสียยิ่งกว่ายากทีเดียว

“พ่อคุณสินตายแล้ว ถ้าอย่างนั้น...อะ อะ อะ ไอ้ดำก็ตายแล้วน่ะสิ” ดำชี้หน้าตัวเอง ถามสุทินเพื่อยืนยันคำตอบ ปากก็อ้ากว้างอย่างตกตะลึง เรื่องลืมกลายเป็นเรื่องเล็กไปในทันที เมื่อความจริงตีหน้าเข้าอย่างจัง

“เอ ตายรึยังนะ” ยิ่งถูกหยอกล้อเช่นนี้ ดำก็ยิ่งซีด ในที่สุดขาก็หมดแรง นั่งจุ้มปุกลงบนพื้นอย่างไร้เรี่ยวแรง

...ไอ้ดำจะไม่ได้เจอคุณสินอีกแล้ว ไม่เอานะ!

“อา ฉันล้อเล่นๆ ลุกขึ้นมาเถอะ ขอโทษด้วยไม่คิดว่าเธอจะช็อกขนาดนี้ ดำยังไม่ตายไม่ต้องห่วง” สุทินกระวีกระวาด เข้าไปช่วยพยุงดำลุกขึ้น เขาไม่คิดว่าแค่หยอกล้อเล็กน้อยจะทำให้ดำเป็นได้ขนาดนี้ เขากลายเป็นผีนิสัยเสียไปซะแล้ว

“จริงนะครับ ไอ้ดำยังไม่ตาย ไอ้ดำยังเจอคุณสินได้ ไม่หลอกไอ้ดำแล้วนะ” ดำเขย่าแขนสุทินด้วยความดีใจ ใบหน้าก็เปลี่ยนเป็นฉีกยิ้มกว้างอย่างรวดเร็ว แววตาไร้ซึ่งความโกรธใดๆ เล่นเอาสุทินต้องด่าตัวเองแทนเมื่อเล่นอะไรไม่รู้เรื่อง เจ้าตัวน้อยใสซื่อขนาดนี้เขายังจะกล้าแกล้งได้ลงอีก เลวจริงๆ

“อืม จะได้เจอหรือไม่ได้เจอคงอยู่ที่ดำเลือกแล้วล่ะ”

“หมายความว่ายังไงเหรอครับ” ความจริงจังของสุทินพาให้ดำจริงจังตามไปด้วย สัญชาตญาณบอกว่ากำลังจะมีเรื่องสำคัญเกิดขึ้น ดำจึงยืนนิ่งตั้งใจฟัง

“สถานที่แห่งนี้เรียกว่าทางแยกแห่งกาลเวลา ความหมายของมันก็คือ ที่ที่กาลเวลามาบรรจบกัน นั่นหมายความว่าถ้าอยู่ตรงจุดนี้ ดำสามารถเลือกได้ว่าจะกลับไปสู่ช่วงเวลาเดิมที่จากมา หรือกลับไปหาสิน และฉันก็รู้เส้นทางทั้งสองสาย ถ้าดำต้องการก็จะพาไปส่ง ถือว่าเป็นการตอบแทน รวมทั้งแทนคำขอโทษที่ดึงเข้ามาสู่เรื่องอันตรายจนเกือบถูกฆ่าตายแบบนี้

เอาล่ะดำ...เลือกสิ” เส้นทางเหล่านี้หากว่าวิญญาณไม่เคยผ่านเลยสักครั้งจะไม่สามารถผ่านไปได้ แต่เดิมดำหลุดรอดผ่านเส้นทางนี้ทั้งร่างกาย ทำให้มิติปิดกั้นไม่อาจรองรับแรงกระแทกไหวจนปริแตก ประกอบกับช่วงนั้นเส้นทางแห่งนี้ไร้ผู้เฝ้ามองกว่าจะรู้ตัวก็สายไปเสียแล้ว

ความปรารถนาของวิญญาณหากแรงกล้ามากพอก็จะยิ่งกลัดกร่อนมิติปิดกั้นจึงต้องมีผู้เฝ้ามองคอยซ่อมแซมและแก้ปัญหาต่างๆ อยู่เสมอ เมื่อขาดผู้เฝ้ามองทำให้ความปรารถนาของวิญญาณคนตายกับคนเป็นเชื่อมต่อกัน จนเกิดเหตุไม่คาดฝันดังเช่นที่เห็นนี้

สุทินรอคอยเงียบๆ เฝ้ามองเจ้าตัวเล็กแสดงออกถึงความสับสน ไม่ดุด่า ไม่ตัดเตือน ไม่กระทั่งโน้มน้าว เขารู้ดีว่าคนเรานั้นโลภมาก เมื่อมีสองสิ่งที่อยากได้ก็จะตัดสินใจยากเสมอ

ฝั่งหนึ่งคือหลวงตาอันเปรียบดังพ่อแท้ๆ ซึ่งชุบเลี้ยงมาแต่เล็ก อีกฝั่งหนึ่งคือคนที่รักหมดหัวใจ เลือกฝั่งหนึ่งก็กลัวจะไม่ได้พบอีกฝั่งหนึ่ง จะไม่ให้เลือกยากได้อย่างไร

เขาไม่ได้อยากทำเรื่องใจร้ายเช่นนี้ แต่หากไม่ตัดบ่วงของดำทิ้ง วิญญาณของดำก็จะหลุดเข้ามาที่นี่ทุกครั้งเมื่อเกิดเหตุอันตรายถึงชีวิต และอาจหาทางกลับไม่ได้ ร่างกายไร้วิญญาณดังนอนหลับไปเช่นนั้นจนกว่าจะสิ้นอายุขัย สุทินไม่อยากทำร้ายลูกชาย แต่ไม่อาจให้สิรินเผชิญเหตุการณ์เช่นนี้ครั้งแล้วครั้งเล่า

และเขาต้องการชดเชยให้แก่ดำ หากว่าดำเลือกกลับไปอยู่กับหลวงตาเขาก็ไม่คิดจะลังเลส่งดำกลับไป เพราะสถานที่แห่งนั้นคือช่วงเวลาจริงๆ ของเจ้าตัวซึ่งมีชีวิตอยู่มาตั้งแต่เกิด เขาที่ทำให้ดำพลัดพรากจากคนสำคัญจึงรู้สึกผิดบาปไม่น้อย

ในตอนนั้นคิดเพียงว่าหากเติมเต็มความปรารถนาของดำได้ก็คงสามารถชดเชยให้เด็กชายคนหนึ่งสำเร็จ แต่เมื่อได้เห็นดำร้องไห้ด้วยความเจ็บปวดของการสูญเสีย เขารู้ว่าตนคิดผิด ไม่ว่าใครที่สูญเสียคนสำคัญย่อมต้องเจ็บปวดจนไม่อาจชดเชยด้วยปัจจัยภายนอกได้

ย้อนกลับไปในช่วงก่อนที่ดำจะข้ามมิติมาเจอสิริน เป็นช่วงที่มิติปิดกั้นเปราะบางที่สุด สุทินได้ยินเสียงความปรารถนาที่บริสุทธิ์สายหนึ่ง

‘นี่ไอ้ดำจะตายอนาถแบบนี้ใช่ไหม ฮือ ฮือ อยากกินข้าว อยากกินหมู อยากกินเนื้อ อยากกินไก่ อยากกินจนน้ำลายไหลในน้ำแล้ว ขอให้ไอ้ดำได้กินจนท้องจะแตกบ้างเถอะ

ถ้าไอ้ดำรอดจะทำบุญให้เจ้ากรรมนายเวรเยอะๆ เลยนะครับ ขอไอ้ดำกินข้าวเถอะนะ’


ในตอนนั้นสุทินหลุดขำเสียงดังอย่างไม่มีมานาน ได้แต่คิดว่า คนอะไรกำลังจะตายแท้ๆ ยังคิดถึงแต่เรื่องกินอีก

ในเวลาเดียวกันเสียงความปรารถนาของลูกชายก็เข้ามาในหัว

‘พ่อครับ ผมรู้สึกว่างเปล่าเหมือนรูที่กลวงโบ๋ เป็นเพียงหุ่นที่มีลมหายใจ ไม่รู้ว่าหลังทุกอย่างจบลงแล้วผมจะยังมีอะไรเหลืออยู่ ผมมีมาร์โก้เป็นคนสำคัญแต่ก็ยังคงว่างเปล่า ถ้าทำเพื่อมาร์โก้ได้แล้วผมควรจะทำอะไรต่อไม่รู้เลยจริงๆ

ความสุขในชีวิตที่พ่อพูดถึงคืออะไรกันนะ...ผมจะสามารถมีความสุขได้จริงหรือ...มันช่างว่างเปล่าเหลือเกิน’


ความเศร้า ความเดียวดาย ความมืดกำลังกัดกินลูกชายให้ตายทั้งเป็น เสียงหัวเราะเงียบลงกลายเป็นความทุกข์ทรมาน สงสารสิรินจับใจ ในตอนนั้นเองคิดว่า ถ้าลูกชายมีแสงสว่างในชีวิตล่ะก็ ไม่แน่ว่าอาจถูกเติมเต็มจนมีความสุขก็ได้

เหมือนการตัดสินใจชั่ววูบสุทินนั่งคุกเข่ายกมือไหวภาวนา ขอให้ความปรารถนาของคนทั้งสองเชื่อมต่อกัน จนก่อตัวกลายเป็นปาฏิหาริย์ ขอให้ลูกชายของเขามีความสุขด้วยเทอญ

ไม่คาดว่าเส้นทางจะบิดเบี้ยวจนเกิดการผันผวน ดำหลุดเข้ามาในช่วงเวลาของสิรินในตอนนั้นเอง ทุกอย่างเป็นใจเสียจนสุทินยังตื่นตะลึง แต่ไม่นานก็ความคุมสติได้ นั่งภาวนาต่อไป ให้ดำฟื้นจากความตาย ต้องรีบคว้าโอกาสหายากนี้เอาไว้ ไม่เช่นนั้นจะต้องเสียใจทีหลังแน่ๆ

ได้โปรดขอให้ทุกอยากสำเร็จด้วยเถอะ...

“ไอ้ดำ ไอ้ดำรักคุณสิน แต่ก็รักหลวงตา ไอ้ดำ ไอ้ดำเลือกไม่ได้ ฮึก” ในที่สุดน้ำตาสีใสก็หยดอาบแก้ม สำหรับดำแล้วเขาไม่อยากสูญเสียใครเลยสักคน สับสนจนแทบบ้าคลั่ง ถ้าขาดใครคนใดคนหนึ่งชีวิตของดำก็ขาดหายไปเช่นกัน

“เฮ้อ ถ้าฉันไม่ช่วยอะไรเลยคงดูเป็นผู้ใหญ่ใจร้าย มาสิ ตามมา ฉันจะพาไปดู” ดำไม่ค่อยเข้าใจนัก แต่ก็รู้ว่ายังไม่ต้องเลือกจึงยื่นมาไปจับมือสุทินเอาไว้เดินตามไปต้อยๆ ไม่ถามแม้แต่น้อยว่าจะพาไปดูสิ่งใด

“ดำ” ภาพของสิรินฉายชัดตรงหน้า ดำจะวิ่งเข้าไปหาแต่ถูกดึงไว้

“คุณสิน คุณสิน ไอ้ดำอยากไปหาคุณสิน” สุทินยอมพาเดินไปแต่หากเห็นคนบนเตียงก็ตกตะลึง

‘ทำไมไอ้ดำอยู่ตรงนั้นอีกคนล่ะ แล้วทำไม...คุณสินถึงร้องไห้’

“อย่าร้องเลยนะครับไอ้ดำอยู่ตรงนี้” ดำยื่นมือไปหมายจะเช็ดน้ำตาให้คนตัวโตซึ่งนั่งอยู่ข้างเตียง แต่หากไม่อาจสัมผัสได้ มือเขาทะลุผ่านไปคว้าได้เพียงความว่างเปล่า

“ทำไม”

“เพราะตอนนี้เราอยู่คนละโลก ไปเถอะเธอยังต้องไปต่อ” สุทินไม่อาจทนมองภาพตรงหน้าได้ เขาจึงหันหลังเดินจากไปเงียบๆ คนหนึ่งไม่หลับไม่นอนเฝ้ามองร่างแน่นิ่งบนเตียง ส่วนอีกคนส่งสายตาเจ็บปวดมาให้ ต่อให้เขาผ่านโลกมามากเพียงใจก็แทบทนใจแข็งอยู่ไม่ได้

“ไอ้ดำอยากไปหาคุณสิน อยากกอด อยากเช็ดน้ำตา ฮึก...อยากเห็นคุณสินยิ้ม ไม่ใช่เศร้าเสียใจอยู่แบบนี้” ดำร้องไห้เหมือนเขื่อนแตก

คุณสินเจ็บปวด ไอ้ดำก็เจ็บหัวใจมากๆ เลย

“เดี๋ยวรอก่อนสิครับ ฮึก รอไอ้ดำด้วย” เมื่อสุทินเดินไปไม่รอดำก็เริ่มลังเล เขารู้ดีว่าอยู่ตรงนี้ไม่ช่วยอะไร คนที่ช่วยเขาได้มีเพียงสุทิน สุดท้ายจึงตัดสินใจวิ่งตามสุทินไป

ช่วยพาไอ้ดำกลับไปหาคุณสินด้วยนะครับ!

“หลวงตาไปหาหมอเถอะครับ เดี๋ยวก็หน้ามืดล้มลงไปอีก ไปให้หมอตรวจจะได้รู้ว่าเป็นอะไร” เสียงเด็กชายอันแสนคุ้นเคยดังขึ้น ดำจึงหันมองรอบข้าง วิสัยทัศเปลี่ยนไป ตอนนี้พวกเขาอยู่ในกุฏิของหลวงตา

“ข้าไม่เป็นอะไร เอ็งไปทำงานเถอะ”

“ไม่มีทางไม่เป็นอะไรได้หรอก หลวงตาล้มมา 3 รอบแล้วนะ ไปหาหมอกัน” เด็กชายตัวน้อยยังตื้อไม่หยุด สำหรับเด็กวัดอย่างพวกเขาหลวงตาไม่ต่างจากพ่อแท้ๆ จะไม่ให้ห่วงได้อย่างไร

“เอ็งนี่นะ ข้ารู้ตัวเองดี บนโลกนี้ไม่มีอะไรเที่ยงแท้หรอก...ไปไป ไปกวดลานวัด ถูพื้น ล้างห้องน้ำ แล้วก็...”

“ครับๆ ๆ ๆ เข้าใจแล้ว ไปแล้วคร้าบบบ” ถึงจะไม่เข้าใจนักแต่พอโดนหลวงตาตีหน้ายักษ์ใส่ก็วิ่งหายจ้อยไปดังกลัวว่าจะโดนใช้มากกว่านี้

“ฮ่าๆ ๆ ไอ้พวกเด็กดื้อเอ๊ย เฮ้อ ตัวก็โตขึ้นแต่นิสัยยังเด็กเหมือนเดิม” หลวงตานอนลงนิ่งๆ หวนคิดถึงเจ้าเด็กแต่ละคนที่ถูกพามาทิ้งไว้ที่วัด ตอนนี้ก็โตกันหมดแล้ว คงหมดห่วงไปได้

“อุก แค่กๆ ” ไม่นานก็ไอไม่หยุด จนต้องยกกระโถนขึ้นมาคายเลือดทิ้ง

“ใกล้แล้วสินะ ข้าแก่มากแล้วจริงๆ ถึงเวลาต้องละสังขารแล้ว” ลิขิตของสวรรค์ไม่อาจฝืน มนุษย์นั้นไม่ว่าใครก็ไม่อาจหนีจากความตายพ้น หลวงตาก็ยอมรับเรื่องนี้ได้มานานแล้ว จึงไม่อยากฝืนยื้อให้เสียเวลาเปล่า การจากโลกนี้ไปอย่างสงบนับว่าเป็นความหวังสูดสุดแล้ว

“ละ หลวงตา หลวงตาหมายความว่ายังไง หลวงตาฟังไอ้แดงแล้วยอมไปหาหมอสิ หลวงตาได้ยินไอ้ดำไหม หลวงตา! หลวงตา! ” ดำพยายามเข้าไปเขย่าตัวหลวงตาแต่ไม่ว่าจะพยายามไขว่คว้าเพียงใดก็ไม่อาจแตะต้อง

“ฮึก หลวงตา ไปหาหมอนะไอ้ดำขอร้อง ฮึก ฮือ หลวงตา” หลังมองอยู่นานดำก็เข้าใจสถานการณ์ หลวงตากำลังจะตาย ดำทำใจยอดรับไม่ได้จริงๆ เหมือนเรื่องของสิรินปลิวหาย ในหัวคิดถึงแต่หลวงตาที่อยู่เบื้องหน้า ความเจ็บปวดซ้อนทับกันไปครั้งแล้วครั้งเล่า

“ฉันจะให้เวลาเธอเลือกดำ ไม่ว่าเธอจะเลือกอะไรฉันก็จะช่วยเธอเอง” สุทินค้นพบวิธีพาดำกลับไปทั้งร่างกาย โดยใช้วิญญาณของตนขับเคลื่อนให้ร่างไร้วิญาณตกลงไปในน้ำอีกครั้ง แม้มันจะทำให้วิญญาณของเขาแหลกสลายก็นับว่าคุ้มค่ากับสิ่งตอบแทน

เพราะช่วงเวลาหนึ่งดำสอนให้สิรินรู้ถึงความสุขอย่างแท้จริง...

“ไอ้ดำ...ไม่รู้...ไม่รู้เลยจริงๆ ” สุทินปล่อยให้ดำได้ใช้เวลาขบคิดด้วยตนเอง เขาหลบออกไปเงียบๆ แล้วทอดสายตามองร่างคุดคู้กอดเข่าแน่นอย่างคนทำอะไรไม่ถูกของดำเท่านั้น

ฉันจะรอนะดำ...

ไม่ว่าจะตัดสินใจแบบไหนก็ตาม...







-TBC-



เอาดำดำมาหย่อนให้แล้วค่า//สงสารน้อง...

เจอกันตอนหน้าน้า

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
บอกไปเลยดำ ว่าจะกลับไปอยู่กับคุณสิน แต่ขอไปเยี่ยมหลวงตาก่อน  o18

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
ตอนนี้เศร้าจัง :hao5:

ออฟไลน์ meteexp

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 709
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0

ออฟไลน์ GreenHead(หัวเขียว)

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 124
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
    • Green Head - หัวเขียว
เปย์ครั้งที่ 23
«ตอบ #198 เมื่อ11-07-2019 20:10:07 »

เปย์ครั้งที่ 23

‘คลื่นใต้น้ำ’

เหตุการณ์ที่กรุ่นอยู่ภายใน แต่ภายนอกดูเสมือนสงบเรียบร้อย



ในที่สุดการค้นหาก็ประสบความสำเร็จ พบซากเรือใต้ทะเลลึก จึงเข้าสู่ส่วนของการสำรวจซากเรือทันที ซึ่งตลอดสองสัปดาห์ที่ผ่านมาเหล่าญาติพี่น้องผู้สูญหายก็ทำใจยอมรับการสูญเสียได้

ข่าวจากที่เงียบหายก็กลับมาร้อนแรงอีกครั้ง ผู้คนต่างให้ความสนใจยกเว้นแต่เพียงสุชาติ เวลานี้ตัวเขากำลังมีความสุขจนไม่อาจบรรยาย งานของบริษัทสติกมานับว่าราบรื่น ทั้งสองสามีภรรยาคู่นั้นก็กลับมาร่วมลงทุนกับเขาอีกครั้ง เรียกได้ว่าเวลานี้บริษัทของเขาประสบความสำเร็จอย่างไม่เคยมีมาก่อนเลยทีเดียว

สามีภรรยาคู่นั้นคือ คุณปรเมศ และคุณหฤทัย เป็นเจ้าของโรงแรมระดับ 5 ดาว ซึ่งมีสาขาอยู่ในจังหวัดท่องเที่ยวของประเทศ ทั้ง กรุงเทพฯ เชียงใหม่ พัทยา และภูเก็ต รวมถึงต่างประเทศด้วย เรียกได้ว่าหากได้ร่วมงานกัน บริษัทของเขาก็จะเติบโตมากขึ้นไปอีกในธุรกิจโรงแรม ทั้งในและต่างประเทศ

โปรเจคครั้งนี้คือการสร้างโรงแรมแห่งใหม่ในจีนแผ่นดินใหญ่ ซึ่งเป็นดังตลาดแห่งใหม่ ให้บริษัทของเขาได้มีโอกาสตีแผ่ชื่อเสียงในจีน สุชาติจึงรีบคว้าไว้อย่างไม่ลังเล

หลังผ่านพ้นอุปสรรคชิ้นใหญ่ดูเหมือนโชคชะตาดีขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งคนขี้ระแวงอย่างสุชาติยังไม่ทันระวังตัว

อันว่าหลังผ่านวิกฤตคนเรามักระวังตัวน้อยลงเสมอ สุชาติเองก็ไม่มีข้อยกเว้น

เวลานี้บริษัสติกมากลายเป็นผู้ถือหุ้นของบริษัท AMP เรียบร้อยแล้ว ด้วยจำนวนหุ้นถึง 12% ซึ่งตลอดหลายปีมานี้สุชาติค่อยๆ ซื้อหุ้นคืนจากหุ้นส่วนรายย่อย ทำให้หุ้นจาก 10% เท่ากับพ่อของตน พุ่งทะยานไปถึง 22% ห่างกับหุ้นของสิรินเพียง 2% เท่านั้น

ก่อนจัดการสินในวันคล้ายวันเกิด หุ้นในบริษัทแบ่งออกเป็น

สิริน 30%

สุชาติ 22%

ปู่ของสิริน 10%

และหุ้นส่วนรายย่อยอีก 38%

ซึ่งสิรินรับหุ้นต่อมาจากสุทินผู้เป็นประธานบริษัท แม้จะยังไม่อาจดำรงตำแหน่งประธาน แต่หากชื่อก็ถูกปรับเปลี่ยนมานานมากแล้ว ส่วนสุชาติเองเมื่อมุ่งหวังตำแหน่งประธานจึงต้องมีหุ้นเทียบเท่าหรือมากกว่าสิริน ในระหว่างที่ควบคุมสิรินไว้ในกำมือก็ค่อยๆ กำจัดคนที่ซื่อสัตย์กับสุทินออกไป พร้อมกันกว้านซื้อหุ้นเหล่านั้นจากพวกเขา คนมากมายถูกบีบจนไร้ที่ยืน หุ้นก็ไม่ได้มากมายจึงยอมถอยดีกว่าล่มจม มีเพียงผู้ถือหุ้นบางส่วนเท่านั้นที่กำจัดอย่างไรก็ไม่ได้ สุดท้ายจึงต้องปล่อยจมทะเลไปเกือบหมด ระหว่างที่ครอบครัวของคนเหล่านั้นจมกับความเศร้าก็ลงมือช่วงชิงหุ้นเหล่านั้นมาเป็นของตน

ในปัจจุบันรายชื่อผู้ถือหุ้นจึงเปลี่ยนเป็น

สิริน 30%

สุชาติ 30%

สติกมา 12%

ปู่ 10%

และผู้ถือหุ้นรายย่อยอีก 18%

แน่นอนว่าผู้ถือหุ้นรายย่อยเหล่านั้นย่อมเป็นคนถือหางสุชาติทั้งสิ้น พร้อมที่จะขายหุ้นให้สุชาติทุกเมื่อ หากพ่อของตนยื่นมือเข้าช่วยเหลือสิริน หรือตรึงหุ้นของผู้ไร้ชีวิตไม่ยอมปล่อยให้เขาครอบครองง่ายๆ สุชาติก็สามารถใช้ข้ออ้างเรื่องจำนวนหุ้นที่มากกว่าส่วนขอสิรินในการครองตำแหน่งประธานบริษัทได้อย่างง่ายดาย

ความพยายามตลอดหลายปีมานี้นับว่าได้รับการตอบแทนอย่างน่าพอใจจริงๆ

หลังสิรินตายไปหุ้นส่วนของสิรินก็ต้องกลายเป็นของสุชาติ ซึ่งพ่อของเขาต้องเห็นด้วยอย่างแน่นอน เพื่อไม่ให้บริษัทตกอยู่ในมือของคนอื่น พ่อของเขาคงไม่อาจเข้ามาทำงานได้อีก ส่วนญาติคนอื่นๆ ก็แทบจะไม่เหลือ เพราะครอบครัวของปู่เล็กเขาก็กำจัดไปเรียบร้อยแล้ว

สุชาติวางแผนทุกอย่างโดยคำนึกถึงผู้ได้ประโยชน์ทั้งหมดแล้วหาทางกำจัดไม่ให้เหลือ ในงานจึงจงใจเชิญปู่เล็กกับลูกชายมาร่วมงาน เรียกได้ว่ายิงปืนนัดเดียวได้นกหลายตัว

จะมีใครฉลาดได้เท่าเขาอีก...





ในที่สุดเวลาก็ผ่านเลยไปถึงหนึ่งเดือน การกู้ซากเรือเสร็จสิ้น ภายในไร้ผู้รอดชีวิต มีเพียงร่างไร้วิญญาณรอการชันสูตรเท่านั้น เพราะแช่อยู่นานเกือบหนึ่งเดือนเต็ม ทำให้ร่างกายเน่าเปื่อยเสียจนไม่อาจระบุชื่อเจ้าของร่างได้

อีกทั้งจำนวนศพยังไม่สอดคล้องกับจำนวนผู้สูญหาย ทีมค้นหาจึงต้องทำงานต่อไป

ถึงตอนนี้ สุชาติร้อนใจเป็นอย่างยิ่ง เมื่อศพของหลานชายหาไม่พบจึงไม่สามารถยืนยันการตายได้ หุ้นในส่วนนี้จึงไม่อาจแตะต้อง

ในตอนแรกอยากให้ทุกอย่างล่าช้าเพื่อกลับฝังเบาะแสทั้งมวล แต่ตอนนี้กลับต้องการให้เจ้าหน้าที่รีบทำงาน เพื่อผลประโยชน์ของเขาเอง

ยิ่งความสัมพันธ์กับสติกมาดีขึ้นมากเพียงใดเขายิ่งต้องการตำแหน่งประธานมากขึ้นเท่านั้น เพราะต้องการเป็นประธานผู้ประสบความสำเร็จมากที่สุด มีคนยกย่องสรรเสริญ เงินก็ไหลเข้ากระเป๋ามากมายมหาศาลใครบ้างจะไม่ต้องการ

ส่วนการสร้างโรงแรมที่จีนก็เป็นไปอย่างราบรื่น หลังตกลงสัญญาก็นำเสนอแปลนไปกว่า 20 แบบ ในที่สุดก็ได้เริ่มงาน วัสดุอุปกรณ์ก็ใช้ของคุณภาพดีที่สุดส่งจากไทย รวมทั้งวัสดุสั่งตรงจากอเมริกา

สินค้าล็อตใหญ่ถูกลงทุนด้วยเงินมหาศาล แต่หากเทียบกับกำไรและผลพลอยได้แล้วนับว่าคุ้มเสียยิ่งกว่าคุ้ม

ติ๊ด ติ๊ด

แกร็ก

“มีอะไร” สุชาติรับโทรศัพท์ของเลขาหน้าห้องอย่างหัวเสีย คิดจะลงโทษสักเล็กน้อยทั้งที่เขาสั่งเอาไว้แล้วว่าวันนี้ไม่ต้องการพบปะกับใคร แต่สิ่งที่ได้ฟังกลับทำให้ความคิดนี้ถูกหยุดไว้ เพราะส่งที่ได้ยินน่าตกใจยิ่งกว่า

“คุณปกรณ์ขอพบครับ แจ้งว่าเกิดปัญหาด้านการขนส่งของจากอเมริกาไปจีน”

“ให้เข้ามา” ความหวาดระแวงก่อตัว มันเป็นเรื่องที่ห้ามเกิดปัญหาโดยเด็ดขาด เพราะเป็นการกลับมาร่วมงานกันอีกครั้งตั้งแต่ฝ่ายนั้นตีตัวออกห่างนับแต่สุทินตาย ทั้งยังเป็นโอกาสของการเปิดตลาดในจีน เขาจะปล่อยให้เรื่องผิดพลาดขึ้นไม่ได้

อีกทั้งเพื่อซื้อความเชื่อใจกลับมาเขาจึงยอมจ่ายเงินออกไปเป็นจำนวนมหาศาล ไม่กลัวความเสี่ยงที่เกิดขึ้น เพื่อแลกกับความสัมพันธ์อันยืนยาวนับว่าการลงทุนคุ้มค่ามิใช่หรือ

“ขออนุญาตครับ” ปกรณ์เป็นหัวหน้าแผนกต่างประเทศ ซึ่งประสานงานกับสาขาอเมริกาให้เป็นตัวแทนซื้อขายวัสดุส่งไปยังจีน เห็นเจ้านายหน้าตาเรียบนิ่งก็อดที่จะเหงื่อตกไม่ได้

“มีอะไรว่ามา”

“ครับ นี่เป็นเอกสารที่ส่งอีเมลมาจากสาขาอเมริกาครับ” ปกรณ์วางแฟ้มลงเพื่อเป็นหลักฐานยืนยันสิ่งที่ตนพูด

“ทางนั้นแจ้งมาว่า วัสดุที่เราสั่งไปผลิตไม่ทันครับ เนื่องจากระหว่างที่เราเจรจามีบริษัทอีกเจ้าหนึ่งเข้ามาทำสัญญาซื้อขายวัสดุจำนวนมหาศาล ทำให้ผู้ผลิตไม่อาจผลิตสินค้าของเราได้ทัน ตอนนี้กำลังเจรจาขอยืดระยะเวลาผลิตเป็นอีกหนึ่งเดือน โดยอ้างว่าระหว่างทำสัญญาทางเราขอปรับเปลี่ยนสัญญาจนไม่อาจกำหนดวันที่แน่นอนได้

เมื่อบริษัทอีกแห่งหนึ่งเข้ามาตกลงทำสัญญาเสร็จภายในหนึ่งวัน อีกทั้งชัดเจนในกำหนดการ จึงได้รับอนุมัติก่อน ตอนนี้สัญญาของทางเราจึงต้องเป็นฝ่ายปรับเปลี่ยนครับ” ด้วยเพราะสาขาอเมริกาอยู่ในช่วงวิกฤติ ทำให้ผู้บริหารสาขาต้องการลดค่าใช้จ่ายให้มากที่สุด จึงพยายามต่อรองราคาอยู่หลายครั้ง จนล่าสุดทำสำเร็จจึงแจ้งมาว่าทางนั้นตอบตกลงและทำสัญญาในวันนี้

แน่นอนว่ากำหนดการต่างๆ ยังไม่นิ่งจึงแจ้งมายังบริษัทแม่เพื่อขอคำยืนยันก่อนแล้วเขียนจึงเขียนลงในสัญญา ทำให้ผู้ผลิตยังไม่ทราบกำหนดการที่แน่นอนดังที่กล่าวอ้าง เมื่อถึงเวลาทำสัญญาก็เกิดปัญหาต้องเจรจารอบใหม่ดังที่แจ้งมา ทำให้ต้องยืดระยะเวลาการจัดส่งมากขึ้นไปอีก

“หนึ่งเดือน แล้วกำหนดส่งจะยืดไปแค่ไหน อีกทั้งระยะเวลาขนส่งอีก คุณก็รู้ว่านั่นเป็นวัสดุลงพื้นของการสร้าง หากเราไม่ได้มาก็ไม่อาจเริ่มต้นก่อสร้าง ผมบอกให้ใช้งบประมาณได้อย่างเต็มที่แล้วพวกคุณมัวทำอะไรอยู่การเจรจาถึงยืดออกมานานขนาดนี้! ” สุชาติรู้สึกโกรธเป็นอย่างยิ่ง ทุกอย่างกำลังไปได้สวยกลับต้องหยุดชะงักลงด้วยเหตุผลเช่นนี้

“ตอนนี้ทางนั้นกำลังติดต่อผู้ผลิตอื่นอยู่ครับ ซึ่งเป็นคู่แข่งกับผู้ผลิตเดิม สินค้าใกล้เคียงกันมากสามารถใช้ทนแทนกันได้ ตอนนี้ผมเร่งไปแล้วคาดว่าวันนี้น่าจะได้ข้อสรุปครับ” ปกรณ์เตรียมแก้ปัญหามาแล้ว ใครๆ ต่างรู้ว่าหากต้องการเอาตัวรอดกับคนอย่างสุชาติต้องหาทางแก้ปัญหามาก่อนแล้วจึงแจ้ง ไม่เช่นนั้นอาจถูกลงโทษหนักถึงขั้นไล่ออก เมื่อแก้ปัญหาได้ทุกอย่างก็จะเบาลง

“หึ ขอให้มันสำเร็จก็แล้วกัน ถ้ามีความคืบหน้าแล้วก็มาแจ้งฉัน เชิญ” หลังเชิญปกรณ์ออกไปสุชาติก็อ่านเอกสารซึ่งวางอยู่บนโต๊ะ น่าเสียดายที่สัญญายังไม่เรียบร้อยเพวกเขาจึงไม่อาจฟ้องร้องสิ่งใดได้ ได้แต่ยอมรับสภาพที่เกิดขึ้น

สุชาตินั่งรอแล้วรอเล่าในที่สุดก็ได้รับแจ้งจากปกรณ์ ดีที่วันนี้เย็นแล้วแต่ทางอเมริกากลับเป็นช่วงเช้า จึงดำเนินการได้อย่างรวดเร็ว ความดีใจแปรเปลี่ยนเป็นโกรธเกรี้ยวเมื่อข่าวที่ได้รับไม่น่าพอใจเป็นอย่างยิ่ง

“พวกคุณทำงานกันอย่างไรถึงได้ไม่สำเร็จสักอย่าง เสร็จงานนี้ฉันจะไปจัดการสาขานั่นด้วยตัวเอง พิจารณาตัวเองว่าทำอะไรผิดพลาด ออกไปได้แล้ว”

“ครับ” ปกรณ์รีบหลบจากสถานการณ์ตรงหน้า นับวันสุชาติยิ่งเผยธาตุแท้ เขาไม่ต้องการแก้ปัญหาใดๆ อยากนั่งสบายๆ รอเงินเข้ากระเป๋าเท่านั้น พวกพนักงานระดับล่างจึงถูกกดดันอย่างหนักเพื่อแก้ปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น ทั้งที่บางครั้งมันไม่ควรจะเป็นการแก้ปัญหาในขอบเขตของพนักงานเลย

แกร๊ก

“นัดคุณปรเมศให้ฉันด่วน! ” สุชาติสั่งงานเลขาหน้าห้องแล้วนั่งลงอย่างหัวเสีย การร่วมงานกันครั้งแรกไม่ควรเกิดปัญหาเช่นนี้

เลขาทำงานอย่างรวดเร็ว กำหนดการคืออีก 2 วันข้างหน้า รอคุณปรเมศกลับจากจีน สุชาติได้ยินเช่นนั้นก็ยิ่งร้อนใจ ทางนั้นเตรียมพร้อมหมดแล้วยิ่งกดดันให้พวกเขาต้องดำเนินการให้ทันตามที่กำหนด ไม่แน่ว่าการเจรจาขอเลื่อนเวลาอาจออกมาไม่สวยงามนัก ซึ่งเขาต้องทำมันให้สำเร็จ ไม่เช่นนั้นความน่าเชื่อถือกับสติกมาก็จะลดลงการเหตุการณ์ในครั้งนี้ด้วย

เป็นไปดังคาดปรเมศไม่พอใจอย่างยิ่ง เพราะเตรียมการเปิดโรงแรมไว้แล้ว แม้สุชาติรับปากว่าจะเสร็จทันกำหนดการก็ไม่อาจหยุดความไม่พอใจไว้ได้ ครั้งจะขอเปลี่ยนวัสดุใหม่เป็นของจากไทยหรือจีนเอง ปรเมศก็ไม่ยอม เพราะเขาถือว่าบริษัท AMP ผิดสัญญา

การเจรจาที่ไม่ลงตัวทำให้ปรเมศยกเลิกสัญญากับบริษัท อีกทั้งเรียกค่าเสียหายจากการผิดสัญญาไม่อาจเริ่มงานได้ทันตามที่กำหนด สุชาติแทบเสียศูนย์ ไม่คิดว่าการกลับมาร่วมงานกันจะต้องพบกับวิกฤตเช่นนี้ แต่ไม่ว่าจะทำอย่างไรปรเมศก็ไม่มีทีท่าว่าจะใจอ่อนแม้แต่น้อย

ข่าวกระพือทั่วทั้งวงการ ผู้ถือหุ้นรายย่อยจากที่คิดว่าหากถือหางสุชาติตนย่อมต้องได้รับกำไรมหาศาลเริ่มหวั่นใจ อยากรีบขายหุ้นทิ้งเพราะบริษัทขาดทุนย่อยยับจากเหตุการณ์นี้ อีกทั้งยังเสียชื่อเสียงจนลูกค้ายกเลิกไปเสียหลายคน คาดว่าอย่างไรไตรมาตรปีนี้ก็ไม่อาจคว้าไว้ได้

เจอวิกฤตครั้งนี้นับว่าใหญ่หลวงนัก ทั้งเงินลงทุนกับวัสดุในไทย ทั้งค่าใช้จ่ายของกำลังคน ทั้งยังมีค่าเสียหายที่อีกฝ่ายเรียกร้อง หากต้องจ่ายไป อีกทั้งยังมาถูกถอนหุ้นอีก เรียกว่าบริษัทแทบล้มเลยทีเดียว ถ้าหากว่าบริษัทสติกมายกเลิกงานลงทุนไปด้วยอีก บริษัทนี้คงไม่สามารถคงสถานการณ์ได้อีก

สุชาติสั่งให้สนสืบข่าวจากแซนรี่ซึ่งกำลังเดตกันอยู่ อีกทั้งยังให้กล่อมแซนรี่ช่วยเป่าหูฮอว์กิงอย่าถอนหุ้นออกจากบริษัท และอย่าได้ยกเลิกการก่อสร้างรีสอร์ทที่ทำอยู่ในปัจจุบัน ไม่เช่นนั้นจะไร้ทางพยุงบริษัทนี้ไว้จนล้มละลายในที่สุด

สนทำสำเร็จ ไม่นานฮอว์กิงก็เข้ามาพบกับสุชาติ นอกจากไม่ยกเลิกสัญญาแล้วฮอว์กิงยังยินดีช่วยเหลือบริษัท ซื้อหุ้นจากผู้ถือหุ้นรายย่อยที่ต้องการถอนตัวเอาไว้ทั้งหมด อีกทั้งยังจ่ายเงินส่วนที่เหลือหลังงานเสร็จมาให้ก่อนเพื่อช่วยกู้วิกฤติให้กับบริษัท

การช่วยเหลือนี้ทำให้สุชาติรู้สึกว่าตนโชคดีอย่างมาก แม้จะรู้สึกกังวลใจเรื่องจำนวนหุ้นที่เพิ่มขึ้นอยู่บ้าง แต่เมื่อคิดว่าอีกไม่นานหุ้นส่วนของสิรินก็จะกลายเป็นของตนก็ทำใจยอมรับได้

ซึ่งระหว่างถูกฟ้องร้อง หุ้นส่วนหาย ผู้ลงทุนก็หาย อีกทั้งยังถูกยกเลิกจากคู่ค้าอีกมากมาย ทำให้บริษัทต้องใช้เวลาฟื้นตัว ปกติเมื่อสาขาใดสาขาหนึ่งระส่ำระสายก็จะได้รับการช่วยเหลือจากสาขาอื่น แต่ว่าเวลานี้สาขาอเมริกาก็ขาดทุนย่อยยับ สุชาติจึงแทบไร้ทางออก ด้วยสถานการณ์ตอนนี้กู้ธนาคารไม่ผ่านแน่ๆ ส่วนเงินส่วนตัวก็ต้องขายทรัพย์สินบางส่วนออกไป ซึ่งไม่อาจทำใจยอมรับได้ เขาไม่ยอมตกต่ำอย่างเด็ดขาด

ส่วนพ่อหลังจากทะเลาะกันเรื่องเลี้ยงดูสิริน พวกเขาก็แทบตัดขาดกันโดยสิ้นเชิง ชายคนนั้นหากตัดสินใจแล้วก็ไม่มีทางเปลี่ยนใจ ถ้ายื่นมือเข้ามาช่วยก็ต้องมีข้อแลกเปลี่ยนที่สมน้ำสมเนื้อกันแน่ๆ

ครั้งนี้สุชาติจึงยอมรับความช่วยเหลือจากฮอว์กิงอย่างเต็มใจ แม้จะระแวงกลัวถูกฮุบบริษัทไปบ้างก็ตาม ซึ่งเขาก็ต้องเตรียมพร้อมป้องกันปัญหานี้เช่นกัน นักธุรกิจนั้นล้วนเกี่ยวข้องกันเพื่อผลประโยชน์ของตนทั้งนั้น ไม่มีใครช่วยเหลือคนอื่นโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน

ปัจจุบันหุ้นของบริษัทเปลี่ยนเป็น

สุชาติ 30%

ปู่ 10%

สิริน 30%

Stigma 26%

หุ้นส่วนรายย่อย 4%

มีคนสละเรือหนีไปจนแทบหมดสิ้น ทำให้ปัจจุบันสติกมาได้ครอบครองหุ้นเกือบเทียบเท่าสุชาติแล้ว ที่สุชาติยังคงวางใจอยู่ได้เพราะ 4% ที่เหลือคือหุ้นของตนในนามของคนอื่น เขาสร้างไว้เพื่อเป็นแผนสำรอง อีกทั้งหุ้นของสิรินเองเมื่อตรวจสอบว่าสิรินเสียชีวิต ผู้ที่รับมาได้ย่อมเป็นเขาที่เลี้ยงดูสิรินมาหากว่าไม่ได้เขียนพินัยกรรมไว้

จะอย่างไรเขาก็ต้องผ่านพ้นวิกฤตครั้งนี้ไปให้ได้!





ทางฝั่งสิริน วันนี้เป็นวันเสาร์เขาว่างทั้งวันจึงทำกิจวัตรที่คุ้นเคยคือนั่งเฝ้ามองเจ้าเด็กน้อยขี้เซาอยู่ข้างเตียง รอคอยว่าเมื่อไหร่กันเด็กน้อยของเขาจะยอมตื่นขึ้นมาเสียที

ไม่มีใครเข้ามาห้าม เพราะเข้าใจดีว่าดำเป็นดังแสงสว่างของสิริน หากจะให้เจ้าตัวทำใจยอมรับการสูญเสียต้องใช้เวลา และพวกเขาเองก็หวังว่าดำจะฟื้นขึ้นมาในสักวัน มันเป็นสิ่งที่พยุงให้สิรินเดินหน้าต่อ

“ดำ รู้ไหมว่าฉันหัดทำไอศกรีมแล้วนะ ประเทศไทยร้อนมาก หน้าร้อนเหมาะกับของเย็นๆ แบบนี้ แล้วก็ถ้าเอาไปวางบนแพนเค้กก็อร่อยมากเหมือนกัน รีบตื่นขึ้นมานะดำ...ฉันรอที่จะได้ทำให้ดำกิน” นอกจากงานที่ต้องทำ สิรินก็ขอให้มาร์โก้สอนทำอาหาร และทุกวันก็จะมาเล่าความคืบหน้าให้ดำฟังเสมอ

สิ่งเหล่านี้กลายเป็นกิจวัตรประจำวันของเขา ทุกวันต้องมานั่งข้างเตียงแล้วเล่าสิ่งที่ทำวันนั้นๆ ให้ฟัง ยิ่งถึงช่วงของการทำอาหาร สิรินจะเล่าละเอียดเป็นพิเศษ เขาเตรียมอาหารมากมาย รอวันที่จะทำให้เจ้าตัวเล็กกิน

รีบตื่นขึ้นมานะ เดี๋ยวเมนูจะเยอะจนทานไม่ไหว...ก็สิรินตั้งใจว่าจะทำอาหารทั้งหมดฉลองในวันที่ดำฟื้นนี่นา

ก๊อกๆ

“คุณสินครับมีโทรศัพท์ถึงคุณ” ประตูเปิดเข้ามาด้วยมือของบอร์ดี้การ์ด สิรินจึงเดินไปรับมาก่อนเดินออกไปคุยที่ระเบียง

“ครับ”

“ผมสบายดี คุณลุงล่ะครับ” ถึงใจจะไม่ได้สบายอย่างที่ปากพูด แต่เขาก็ไม่ได้หมดอาลัยตายอยาก เพราะดำยังอยู่ตรงนี้ อยู่ข้างๆ เขา

“ผมยืนยันคำเดิม แผนการจะสำเร็จหรือล้มเหลวผมจะชดเชยค่าเสียหายทั้งหมดให้เอง” สายตาของสิรินจับจ้องร่างบนเตียงไม่วางตา แสงแดดสาดส่องผ่านกระจก กระทบลงบนร่างสีน้ำผึ้ง ชวนให้หวนระลึกถึงการปลุกเจ้าคนขี้เซาให้ตื่นไปโรงเรียนทุกเช้า

“พวกเราตกลงกันแล้วนะครับว่าผมจะจ่ายค่าเสียหายทั้งหมด คุณลุงจะมายกผลประโยชน์ให้ผมแบบนี้ผมก็ลำบากใจนะครับ” เสียงของปลายสายทำให้สิรินชะงัก เขาปฏิเสธทันควัน จนฝ่ายนั้นได้แต่ถอนหายใจ

“ครึ่งเดียวก็ไม่ได้ครับ” การต่อรองยังคงดำเนินต่อ แต่สิรินไม่ใช่คนใจอ่อน จึงไม่ยอมลดราวาศอกให้อีกฝ่ายง่ายๆ

“ถ้าคุณลุงยังดื้อผมจะฟ้องคุณป้าแล้วนะครับ” สุดท้ายการขู่ก็ได้ผลมากที่สุด สิรินคิดถึงสามีภรรยาคู่นี้แล้วก็รู้สึกอิจฉาขึ้นมา การได้ครองคู่กับคนที่รัก ได้ใช้ชีวิตจวบจนถึงบั้นปลายชีวิต คงมีความสุขอย่างหาที่สุดไม่ได้

“ขอบคุณมากจริงๆ ครับที่ให้ความร่วมมือ” น้ำเสียงตรงนี้อ่อนลงเล็กน้อย เขารู้สึกของคุณจากใจ ไม่ใช่หวังเพียงผลประโยชน์

“ได้ครับ ผมรับปาก” สุดท้ายจึงยอมรับปากหาเวลาไปทานข้าวด้วย ถ้าจะดีก็อยากพาดำไปอวด เอาคืนข้อหาที่ทำให้เขารู้สึกอิจฉา สิรินหวังให้เป็นเช่นนั้น...

“แล้วเจอกันครับ ครับ ครับ” หลังวางสายสิรินก็ยืนจ้องมองดำต่อไปเงียบๆ เช่นนั้น ดังว่าถ้าเขารอเช่นนี้ไม่นานดำต้องตื่นขึ้นมาอย่างแน่นอน

“ฉันกำลังจะปิดฉากสุดท้ายแล้วนะดำ ถ้าเธอยังช้าจะผิดสัญญาเอานะ อย่ากลายเป็นเด็กดื้อจอมโกหกสิ รีบตื่นขึ้นมาทำตามสัญญาเร็วๆ เข้า ทุกอย่างกำลังจะจบลงแล้ว”





-TBC-



ใกล้จบแล้ว เจอกันตอนหน้าค่า

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
รอไอ้ดำก่อนเด้อ คุณสิน  ไอ้ดำขอลาไปเยี่ยมหลวงตาแป้ป  :hao3:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
จะจัดการสุชาติด้วยวิธีไหนดีนะ

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ GreenHead(หัวเขียว)

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 124
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
    • Green Head - หัวเขียว
เปย์ครั้งที่ 24
«ตอบ #202 เมื่อ13-07-2019 22:44:16 »

เปย์ครั้งที่ 24

‘หว่านพืชหวังผล’

ให้ผลประโยชน์แก่ผู้อื่นเพื่อหวังผลตอบแทน



“เชิญครับ” ฮอว์กิงกับแซนรี่ก้าวขึ้นรถตามคำเชิญของบอร์ดี้การ์ดตัวโต วันนี้พวกเขาต้องเข้าร่วมงานซึ่งถูกจัดขึ้นเพื่อประกาศการร่วมงานระหว่างบริษัทสติกมาและ บริษัท AMP Development Company Limited อย่างเป็นทางการ ซึ่งตอนแรกได้ตกลงกันว่าจะจัดพร้อมกับเปิดตัวรีสอร์ทแห่งใหม่ แต่ว่าบริษัท AMP เกิดวิกฤตเสียก่อนจึงต้องจัดงานเพื่อกอบกู้ชื่อเสียงของบริษัทกลับคืนมา โดยงานนี้จะประกาศเรื่องที่บริษัทสติกมาได้เข้ามาเป็นหุ้นส่วนรายใหญ่ของบริษัทเรียบร้อยแล้ว

ซึ่งชื่อเสียงของสติกมาจะทำให้บริษัทกลับมามั่นคงอีกครั้ง และด้วยข่าวลือที่ปล่อยออกไปก่อนหน้านี้ ภายในงานคงคับคั่งไปด้วยนักธุรกิจมากมายอย่างแน่นอน

“ยินดีที่ได้พบครับ มาสเตอร์” ภายในรถมีคนนั่งรออยู่ก่อนแล้ว เป็นเจ้านายของพวกเขานั่นเอง

“ในที่สุดก็ได้เจอกันนะคะมาสเตอร์ เฮ้อ ต้องระวังตัวทุกฝีเก้าแบบนี้ในที่สุดก็จบลงซะที” แซนรี่บ่นออกมาอย่างไม่เกรงใจ เพราะตั้งแต่มาถึงประเทศไทยพวกเขาก็ไม่อาจพบเจอกันได้จนกว่าทุกอย่างจะพร้อม ทำให้สิ่งที่หวังไว้ก่อนมาแทบจะหายไปกับสายลม

“อืม วันนี้ได้เวลาปิดฉากแล้ว” ฮอว์กิงกับเซนรี่ยิ้มด้วยความยินดี แต่เมื่อเห็นเจ้านายยิ้มไม่ถึงตาก็เป็นห่วงอยู่ไม่น้อย ถ้าจบงานนี้แล้วเจ้านายของเขาจะเดินไปยังทิศทางใดต่อก็ไม่อาจคาดเดา

ตั้งแต่เจอกันครั้งแรกจนถึงตอนนี้ก็ผ่านมา 7 ปีแล้ว จากหนุ่มน้อยผู้มองโลกอย่างเย็นชา วันหนึ่งกลับแผ่รังสีความอบอุ่นออกมา พวกเขาดีใจมากเมื่อเห็น เพราะนับถือมาสเตอร์มานาน เวลานี้เห็นว่าความอบอุ่นหายไป ความเย็นชากลับมาแทนที่ก็อดรู้สึกเสียดายไม่ได้

หลังส่งคนทั้งสองลงรถหน้างาน รถก็ขับหายไปอีกด้านหนึ่ง พวกเขาต้องแยกกันทำหน้าที่ ทุกอย่างเตรียมพร้อมไว้หมดแล้ว

งานถูกจัดขึ้นในโรงแรมแห่งหนึ่ง ซึ่งมีพื้นที่กว้างขวาง ตึกหลักสูงตระหง่าน ระหว่างช่วงตึกมีสะพานเชื่อมไปยังตึกรองอีกสองตึกซึ่งมีขนาดเล็กกว่า เป็นโรงแรมที่รองรับการจัดงานเลี้ยงโดยเฉพาะ ซึ่งแต่ละชั้นจะถูกออกแบบให้มีลักษณะเฉพาะตัวแยกกันอย่างชัดเจน ให้ผู้เช่าสถานที่ได้ดื่มด่ำกับบรรยากาศที่ตนชอบมากที่สุด อีกทั้งยังมีพนังงานคอยบริการในส่วนงานเลี้ยงด้วย โดยพวกเขาจะแต่งตัวให้เข้ากับชั้นที่ตนดูแล้วอยู่ เรียกได้ว่าเป็นสถานที่อันสะดวกสบายทั้งยังน่าประทับใจสำหรับจัดงานเลี้ยงเลยทีเดียว

ห้องที่พวกเขาเลือกเป็นแบบโรงละคร เป็นห้องแบบสองชั้น ด้านล่วงเป็นโถงกว้าง ให้เหล่านักแสดงได้ร้องเล่นเต้นรำสร้างความสำราญให้แก่แขกผู้มีเกียรติ มีบันไดทอดยาวปูด้วยพรมสีแดงสดขึ้นไปยังชั้นบนสำหรับให้ผู้มาร่วมงานได้มีโอกาสลงไปเต้นรำ

ชั้นสองมีโต๊ะอาหารเรียงราย สำหรับแขกผู้มีเกียรติในค่ำคืนนี้ ระยะห่างจากระเบียงชั้นสองไม่กว้างนัก แต่คอบคุมพื้นที่สามด้านที่เหลือ

ซึ่งพวกนักข่าวไม่ได้รับอนุญาตให้ขึ้นไปด้านบน รวมทั้งผู้ที่มาโดยไม่ได้รับเชิญจะถูกแยกให้อยู่เพียงด้านล่าง ชั้นสองของงานจึงให้ความรู้สึกเป็นส่วนตัว หากไม่ประสงค์ให้สัมภาษณ์ก็ห้ามลงไปเพียงเท่านั้น

อาหารถูกจัดวางไว้ทั้งสามด้านสำหรับให้แขกเดินไปตักได้สะดวก ส่วนเครื่องดื่มมีบริกรคอยเดินให้บริการ งานจึงให้บรรยากาศสบายๆ ไม่ต้องวิตกกังวลว่าจะต้องรายล้อมด้วยความวุ่นวาย

ที่ชั้นล่าง เวทีสำหรับนักดนตรีถูกยกขึ้นสูงจากพื้นเล็กน้อย ตั้งอยู่ตรงข้ามกับบันใดขึ้นชั้นสอง พวกเขากำลังบรรเลงเพลงสบายๆ เวลานี้ผู้คนเริ่มทยอยเข้ามาในงานแล้ว

เวลานี้สุชาติก็กำลังเดินทักทายแขกที่มาร่วมงาน มีคนมากมายเข้ามาถามพูดคุยด้วย หวังว่าจะได้ผูกมิตรกับบริษัทสติกมาบ้าง เขายิ้มเยอะในใจ ตอนที่เขาล้มคนพวกนี้กลับตีตัวออกห่าง มาเวลานี้กลับทำตัวสนิทชิดเชื้อ จะมองอย่างไรก็รู้ว่ามีเจตนาแอบแฝง

ในตอนแรกคนเหล่านี้คิดว่าเมื่อบริษัท AMP Development Company Limited วิกฤติ สติกมาเองก็ต้องถอนตัวเช่นเดียวกัน เมื่อความน่าเชื่อถือหมดลง บริษัทยักษ์ใหญ่เช่นนั้นมีหรือว่าจะเสียดายเงินเพียงเท่านั้น คงไม่พ้นสะบัดก้นหนีไม่ต่างกัน ทีนี้สุชาติจะยังคงหาทางออกใดๆ ได้อีก บริษัทที่สืบทอดมารุ่นสู้รุ่นย่อมจบลงเพียงเท่านี้

ไม่คาดคิดว่าสติกมานั้นกลับไม่ยกเลิกสัญญา กลับยินดีจ่ายเงินส่วนที่เหลือให้ก่อน อีกทั้งยังจัดงานเช่นนี้เพื่อช่วยกอบกู้ชื่อเสียงของบริษัท อยากรู้จริงๆ ว่าคนพวกนี้ใช้วิธีใดจึงดึงความช่วยเหลือจากบริษัทยักษ์ใหญ่มาได้

คนที่รู้คงมีเพียงสุชาติ เขาตบรางวัลให้ลูกชายไปไม่น้อย ช่วยเกลี่ยกล่อมจนแม่เลขาสาวเป่าหูเจ้านายให้ แน่ว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่คงไม่ใช่เพียงเจ้านายลูกน้อง แม้จะเสี่ยงอยู่บ้างแต่จากผลตอบรับแล้วคงต้องหาทางแก้ไขทีหลัง พวกเขาต้องแก้ปัญหาตรงหน้าก่อน

แสงแฟล็ตสว่างวูบวาบเมื่อดาวเด่นของงานเดินเข้ามาในงาน ฮอว์กิง ผู้นั่งในตำแหน่งรองประธานบริษัทสติกมา ซึ่งออกหน้าในงานสังคมแทนประธานของตนเรื่อยมา ใบหน้าของเขาจึงเป็นที่รู้จักกันดี ด้วยความหนุ่ม และความหล่อ ไหนจะหน้าที่การงาน หญิงสาวคนไหนบ้างจะไม่ใฝ่หา

เขาอยู่ในชุดสูทสีขาวอันช่วยขับให้ผมสีทองกับดวงตาสีฟ้าโดดเด่นยิ่งขึ้นราวกับเทพบุตรลงมาจุติยังโลกมนุษย์ และหากฮอว์กิงเป็นเทพบุตร หญิงสาวที่ตามมาคงเป็นปีศาจสาวแสนสวยซึ่งพร้อมจะล่อลวงเหล่าท่านชายให้ขายวิญญาณให้กับเธอ

เธอคือ แซนรี่ เลขาสาวคนสนิท ซึ่งตามทำงานกับฮอว์กิงตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท เธออยู่ในชุดเดรสยาวสีแดง ตัดกับผมยาวสีดำระต้นคอ เพิ่มเสน่ห์ให้คอยาวระหงส์อย่างลงตัว

นักข่าวกรูกันเข้าไปหา การ์ดของงานรีบเข้ามาขวางไว้ เกรงว่าจะทำให้บุคคลสำคัญของงานได้รับบาดเจ็บ นักข่าวพยายามถามถึงประเด็นที่ถกเถียงอยู่ เซนรี่จึงตอบกลับแทนฮอว์กิงว่าหลังเปิดงานอย่างเป็นทางการแล้ว พวกเขาจะได้รับทราบอย่างพร้อมเพียงกัน จากนั้นก็เดินขึ้นไปชั้นบน เพื่อพูดคุยกับสุชาติก่อน

พวกนักธุรกิจมองอย่างดูท่าที หวังใจว่าสุชาติจะแนะนำพวกเขาให้กับฮอว์กิงเป็นคนแรก เพราะตามมารยาทแล้ว สุชาติผู้เป็นเจ้าของงานต้องเป็นฝ่ายแนะนำพวกเขาให้ฮอว์กิงรู้จัก ไม่สามารถตีเนียนเข้าไปพูดคุยเองได้ พวกเขาต่างต้องรักษาหน้าตาของตนไว้ เก็บความอยากของตนลึกลงภายใน จะแสดงออกว่าอยากร่วมงานจนตัวสั่นไม่ได้ ถ้าเป็นเช่นนั้นเวลาต่อรองธุรกิจพวกเขาจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบ

สุดท้ายพวกเขาก็ได้แต่ผิดหวัง สาปแช่งสุชาติในใจ เมื่อสุชาติทำเพียงขอตัวออกไปพูดคุยกับฮอว์กิงตามลำพัง แน่นอนว่าสนก็ผละออกจากสาวๆ ตั้งแต่เห็นแซนรี่ เวลานี้เขาต้องรักษาความสัมพันธ์เอาไว้ให้ดี ไม่เช่นนั้นคงสูญเสียอำนาจทางสังคมไปแน่

หลังทักทายกันเรียบร้อย สุชาติก็สั่งให้เลขาไปสั่งให้พิธีกรเริ่มงาน

“สวัสดีครับแขกผู้มีเกียรติทุกท่าน ยินดีต้อนรับเข้าสู่งานในค่ำคืนนี้ และเมื่อบุคคลสำคัญมาครบแล้ว ก็ถึงเวลาเปิดงานอย่างเป็นทางการ ขอเชิญท่านสุชาติ รักษาการประธานบริษัท AMP Development Company Limited ขึ้นมากล่าวเปิดงานในครั้งนี้ เชิญเลขครับ” แสงจากสปอตไลท์ส่องไปกลางห้องโถงในตำแหน่งที่พิธีกรยืนอยู่ ซึ่งถูกใช้แทนเวทีในค่ำคืนนี้ และเมื่อกล่าวเชิญสุชาติแสงก็ส่องไปยังตำแหน่งที่สุชาติยืนอยู่ ทั้งยังเคลื่อนไหวตามสุชาติทุกย่างก้าว จนเขาหยุดลงกลางบันใดพอดิบพอดี

บรรยากาศของงานดังว่ากำลังมีละครเวทีแสดงอยู่ โดยมีพวกเขาเป็นผู้ชมการแสดงในครั้งนี้

“สวัสดีครับทุกท่าน ขอบคุณเป็นอย่างยิ่งที่มาร่วมงานในวันนี้ ผมคาดว่าทุกท่านคงพอจะทราบจุดประสงค์ของงานไปบ้างแล้ว จึงไม่อยากรบกวนเวลารื่นเริงให้มากนัก จึงขอกล่าวเปิดงานแต่เพียงเท่านี้

เรามาคุยกับแขกคนสำคัญของงานดีกว่า ขอเชิญคุณฮอร์กิง รองประธานบริษัทสติกมาด้านนี้เลยครับ” เสียงปรบมือกระหึ่ม เมื่อแสงพาดไปยังร่างของฮอว์กิง ไม่อาจไม่ยอมรับว่าพวกเขารู้สึกดังเช่นสุชาติกล่าว พวกเขาอยากพูดคุยกับฮอว์กิงใจจะขาด หากเปิดงานว่าเป็นแขกคนสำคัญแล้วอย่างไรก็ไม่อาจปฏิเสธการทักทายของพวกเขาได้

เพียงเข้าไปแสดงความยินดี ก็สามารถพูดคุยได้อย่างเป็นธรรมชาติแล้ว!

“สวัสดีครับ ผม ฮอว์กิง รูเว็น เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้พบกับทุกท่านในวันนี้ อย่างที่พวกท่านทราบว่าเราได้ร่วมทำธุรกิจกับบริษัท AMP มาได้พักหนึ่งแล้ว วันนี้จึงอยากจะประกาศอย่างเป็นทางการให้พวกท่านได้ทราบอย่างทั่วถึง และวันนี้ก็มีเรื่องสำคัญยิ่งกว่าอยากจะประกาศให้ทราบ” เมื่อฮอว์กิงเว้นจังหวะ ทำให้คนในงานเริ่มส่งเสียงพูดคุยกันด้วยความสงสัย

มีข่าวที่สำคัญกว่านั้นด้วยหรือ พวกเขารู้เพียงว่างานนี้จัดขึ้นเพื่อประกาศเรื่องการร่วมธุรกิจอย่างเป็นทางการ เพื่อกอบกู้ชื่อเสียงของบริษัท AMP Development Company Limited เท่านั้นเอง

จังหวะนั้นเพลงก็บรรเลงขึ้น เรียกความสนใจกลับมาอยู่ที่ตัวฮอว์กิงอีกครั้ง ผู้คนในงานจึงเงียบเสียง รอฟังอย่างตั้งใจ

“บริษัทสติกมาได้เข้าเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัท AMP เรียบร้อยแล้วครับ” เพียงประโยคเดียวงานก็ตกอยู่ในความวุ่นวาย แสงแฟลชสว่างวาบครั้งแล้วครั้งเล่า ผู้คนในงานต่างปรบมือ ทั้งยังหันไปพูดคุยชื่นชมกับคนข้างๆ ทั้งที่ในใจริษยาจนแทบเผาสุชาติให้มอดไหม้

การประกาศเรื่องในครั้งนี้ทำให้เหล่าผู้ถอนตัวจากบริษัท AMP แทบกระอักเลือด พวกเขาถือหางสุชาติมานานเพราะหวังให้ได้รับผลประโยชน์อันมหาศาลเช่นนี้ เมื่อบริษัทวิกฤตพวกเขาจึงรีบสละเรือทิ้ง ถอนหุ้น ถอยออกห่างบริษัทให้มากที่สุด

ไม่คาดคิดว่าเวลาผ่านไปยังไม่ถึงไหน สุชาติก็สามารถทำให้บริษัทขึ้นมาผงาดอีกครั้งอย่างง่ายดายเช่นนี้ ฮอว์กิงควรยกเลิกสัญญาแล้วเลือกบริษัทอื่นโดยไม่สนใจค่าเสียหายใดสิ นั่นเป็นสิ่งที่ควรจะเป็น

“อีก 2 เดือนข้างหน้าจะมีงานเปิดตัวรีสอร์ทครบวงจร พร้อมด้วยเทคโนโลยีอันสะดวกสบาย หวังว่าพากท่านจะไปร่วมงานอีกครั้ง แน่นอนว่าผมจะจัดให้ยิ่งใหญ่ยิ่งกว่านี้แน่นอน ขอเรียนเชิญทุกท่านล่วงหน้า ขอบคุณครับ” ตีเหล็กต้องตีตอนร้อนๆ ฮอว์กิงประกาศเชิญชวนแขกอีกครั้ง การลงทุนทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไม่ว่าจะเป็นที่ใด ก็ต้องฝ่าฟันอุปสรรคไม่ต่างกัน ดังนั้นแล้วหากมีผลประโยชน์ให้ฉกฉวยก็ฉกฉวยอย่างเหมาะสม

“ผมรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมงานกับสติกมา ทั้งยังได้คุณเข้ามาเป็นหุ้นส่วน บริษัทของเราต้องประสบความสำเร็จอย่างล้นหลามแน่นอนครับ” สุชาติยื่นมือออกไป ฮอว์กิงก็ตอบรับ พวกเขาทั้งสองต่างแสดงความยินดีแก่กันและกัน แม้รอยยิ้มของฮอว์กิงจะดูลึกลับสักเล็กน้อยก็ตาม

“เพื่อเป็นการฉลองความสำเร็จของทั้งสองบริษัท ของเชิญแขกผู้มีเกียรติทุกท่านรื่นรมย์กับงานให้เต็มที่ พวกเรามาแบ่งปันความสุขร่วมกันเถอะครับ” สุชาติจิกกัดเล็กน้อย เขาคิดว่าเหตุการณ์เช่นนี้ก็ดีไปอีกแบบ พวกที่ร่วมมือกับเขาเพียงเพื่อฉกฉวยผลประโยชน์ก็หมดไป ตัดคนหารผลประโยชน์ให้น้อยลง เขาก็ได้รับค่าตอบแทนมากยิ่งขึ้น จะไม่ให้พอใจได้อย่างไร

“เพื่อแสดงความยินดีกับ AMP Development Company Limited และสติกมา ขอให้แขกผู้มีเกียรติทุกท่านกยแก้วขึ้นมาไชโยพร้อมกันครับ หนึ่ง สอง สาม!

ไชโย!! ” พิธีกรรับไม้ต่ออย่างไหลลื่น แขกในงานส่งเสียงดังแสดงความยินดีความสำเร็จในครั้งนี้อย่างพร้อมเพียงกัน

สุชาติก้มหัวขอบคุณอย่างพึงพอใจ แล้วคิดจะก้าวขึ้นบันไดกลับไปยังโต๊ะของตน แต่กลับถูกหยุดไว้ด้วยเสียงของฮอว์กิง

“ช่วยรอซักครู่ครับคุณสุชาติ” น้ำเสียงดูสุภาพ สุชาติกลับรู้สึกดังว่ามีสิ่งชั่วร้ายแอบแฝงอยู่ เขาจึงหยุดเดินแล้วหันกลับมามอง ตอนนี้เขายืนอยู่สูงกว่าฮอว์กิงเล็กน้อย แต่กลับรู้สึกว่าตนโดนข่มขวัญ เป็นฝ่ายเสียเปรียบต่ออีกฝ่าย

“ยังมีอีกหนึ่งเรื่องที่ผมต้องการจะบอก ไม่สิ มีคนคนหนึ่งอยากจะพบคุณ คาดว่าผู้มาร่วมงานทั้งหลายคงอยากเจอไม่ต่างกัน” คนในงานต่างเงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจ หัวใจเต้นโครมคราม ลุ้นระทึกว่าจะใช่คนที่พวกเขาคิดหรือไม่

“เอาล่ะครับ เรามาเข้าสู่ช่วงสำคัญกันเลยดีกว่า...” จะบอกว่าเรื่องเมื่อคู่ยังไม่ใช่เรื่องสำคัญเช่นนั้นหรือ ชายคนนี้กำลังคิดจะทำอะไร ทั้งสุชาติ สน และผู้ร่วมงานทั้งหลายต่างคิดเช่นนั้น

บรรยากาศกดดันขึ้นทันตา แม้แต่นักข่าวยังเครียดเกร็ง เตรียมพร้อมกดชัตเตอร์ หวังว่าจะเป็นอย่างที่ตนคิด ถ้าเป็นเช่นนั้นไม่เพียงทำผลงานเข้าตาเจ้านาย ข่าวของพวกเขาอาจจะดังไปถึงระดับโลก

บุคคลที่มีตัวตนอันลึกลับ ไม่ออกสื่อ รู้จักกันเพียงในวงธุรกิจบางส่วนเท่านั้น นักข่าวมากมายต่างต้องการสัมภาษณ์เขา หรือจะเล็กน้อยเพียงภาพแอบถ่ายก็ยังดี แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่สามารถหาออกมาได้

วันนี้ ในเวลานี้ พวกเขาอาจจะได้ภาพบุคคลที่ว่านั่น!

“ขอในแนะนำให้ทุกคนได้รู้จักอีกครั้ง...” บรรยากาศเงียบเชียบ มีเพียงเสียงเพลงที่บรรเลงตามบรรยากาศอันเปลี่ยนไป ดังเพิ่มความระทึกใจให้มากขึ้น

แขกในงานบางคนถึงขั้นอยากเขาไปเขย่าคอฮอว์กิงแล้วพูดใส่หน้าว่า จะมัวเว้นจังหวะอยู่ทำไม รีบๆ คายออกมาเร็วเข้า!

“ประธานบริษัทสติกมา...

‘ซิกมา’ ครับ”

เสียงดังกระหึ่มยิ่งกว่าการปรากฏตัวของฮอว์กิง ทั้งเสียงปรบมือ ทั้งเสียงโห่ร้องด้วยความยินดี นักข่าวก็กดชัตเตอร์ตามการชี้มือของฮอว์กิงตั้งแต่ยังมองไม่เห็นซิกมาเสียด้วยซ้ำ

พวกเขาห้ามพลาดแม้แต่ช็อตเดียว!!!

แสงสปอร์ตไลท์มืดลง ก่อนจะสาดส่องลงไปยังจุดเดียวกัน ดังว่าได้ซักซ้อมกันมาอย่างนับไม่ถ้วน ผู้คงต่างจับจ้อง พวกเขาตื่นเต้นยินดี ต่างกับสุชาติที่เย็นเหยียบจนถึงหัวใจ คนเหล่านั้นไม่เห็นสายตาของฮอว์กิง ชายคนนี้มองเขาดังผู้ชนะ เหมือนเหยื่อที่โง่เขลา เดินเข้าไปในกับดักด้วยขาของตัวเอง

ชายคนนี้กำลังทำอะไร?

คำถามนี้ได้รับคำตอบในเวลาต่อมา เมื่อแสงแฟลชจากกล้องหยุดลงก็มองเห็นได้ชัด ภาพตรงหน้าทำให้เขาตกตะลึงจะแทบหยุดหายใจ แม้แต่ผู้ร่วมงานก็แทบไม่เชื่อสายตาของตนเช่นกัน

“สิน” เสียงของสุชาติเบาหวิว ตกใจจนสมองกลายเป็นสีขาวโพลน ว่างเปล่าไร้ความคิดใดๆ แต่เพียงครู่เดียวเท่านั้น ในเวลาต่อมากลับถาโถมด้วยความคิดที่เลวร้ายต่างต่างนานา เขาเป็นคนหวาดระแวง ดังนั้นเมื่อประสบกับเหตุการณ์ไม่คาดฝันจึงเห็นจุดจบของตนก่อนเสมอ และนั่นทำให้สุชาติตกลงในบ่วงของสิรินเข้าเต็มเปา

หากจมจ่อมอยู่กับความคิดติดลบ สมองก็จะทำงานได้ไม่เต็มที่ การแสดงออกทางสีหน้า อารมณ์ความรู้สึก แม้แต่ความนึกคิดในการแก้ปัญหาก็จะแย่ลงหลายส่วน นั่นเป็นสาเหตุที่สิรินเลือกเปิดตัวต่อหน้าคนมากมาย ต้องการให้สุชาติรู้สึกหวาดกลัวว่าความจริงจะถูกเปิดเผยต่อหน้าประชาชน ทั้งยังกำหนดขอบเขตของการแก้ปัญหาให้แคบลง

เมื่อเผชิญกับคนรอบข้าง อีกทั้งนักข่าว นอกจากหาข้อแก้ตัวกับเขาแล้ว สุชาติยังต้องคำนึงถึงคนเหล่านี้ด้วย ถ้าเจอกันในที่ลับไม่พ้นสุชาติหาทางฆ่าปิดปาก หรืออาจเกิดการต่อสู้ขึ้น แต่เมื่ออยู่ในที่แจ้ง เขาย่อมต้องคำนึงถึงภาพลักษณ์ของตน ไม่อาจกระทำการอุกอาจเช่นนั้นได้

“ยินดีที่ได้พบทุกท่านครับ คาดว่าพวกท่านคงรู้จักกันอยู่แล้ว ไม่ว่าจะในนามของ สิริน หรือ...

ซิกมา”

“ไม่จริง แกโกหก! ” สนตะโกนค้าน เขาเดินเขาหาสิรินอย่างโกรธแค้น ความรู้สึกมากมายจุกอกจนแทบหายใจไม่ออก แต่บอร์ดี้การ์ดของสิรินกลับจับเขาเอาไว้ ไม่อนุญาตให้แตะต้องเจ้านายอย่างเด็ดขาด

แน่นอนว่าคนในงานย่อมสังเกตเห็น รอบตัวสิรินรายล้อมไปด้วยบอร์ดี้การ์ดตัวใหญ่สวมสูท ดูจากรูปลักษณ์แล้วก็รู้ว่าเป็นชาวตะวันตกทั้งสิ้น ไม่ว่าจะผิวขาวหรือผิวดำ สิ่งเหล่านี้ดังช่วงยืนยันว่าเขาคือ ซิกมา ชายผู้มีอิทธิพลทั้งในตลาดหุ้น และธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของอเมริกาได้เป็นอย่างดี

“ไม่พบกันนานเลยนะสน แล้วก็...อาสุชาติ ทั้งสองคนสบายดีนะครับ” รอยยิ้มหลังคำทักทายดังมีดที่กรีดแทน สุชาติมีความเยือกเย็นมากกว่าสน จึงยังไม่เอ่ยสิ่งใดออกไป เขาต้องเรียบเรียงทุกอย่างก่อนที่จะกล่าวสิ่งใด ไม่เช่นนั้นมันจะไม่ต่างกับการขุดหลุมฝังตัวเอง

“อาสบายดี ไม่คิดว่าหลานจะแอบไปทำอะไรแบบนี้ คิดไม่ถึงจริงๆ ” เขาอยากจะถามว่าสิรินรอดมาได้อย่างไร แต่กระนั้นหากถามไปคำตอบที่ได้รับอาจจะฆ่าเขาจนไม่อาจแก้ตัวได้

“มึง มึงรอดมาได้ยังไงวะ ห๊ะ! ไอ้สิน มึงควรที่จะตา-”

“หุบปาก! ” สุชาติตะโกนห้าม จดจ้องลูกชายด้วยสายตาน่ากลัว เกือบไปแล้ว ถ้าพูดออกมาพวกนักข่าวต้องเอาไปตีความเอาแน่ๆ ว่าเขาวางแผนฆ่าสิริน

“สินรอดมาได้อาก็ดีใจ รู้ไหมว่าอาเป็นห่วงหลานแค่ไหน นั่งสวดมนต์ทุกคืนให้หลานรอด ดีจริงๆ แต่ว่า...แล้วคนอื่นล่ะ ไม่ใช่ว่าสินเอาตัวรอดมาแค่คนเดียวหรอกใช่ไหม” ไม่เพียงตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จ ทุกถ่อยคำของสุชาติยังจงใจลากสิรินลงไปคลุกในน้ำคลำด้วยกัน

เขาคิดว่าสิรินคงเตรียมแผนอะไรบางอย่างรับมือเขาไว้ อาจจะซ่อนถังออกซิเจน หรือเตรียมคนช่วยเหลือ ซึ่งสุชาติคิดว่าสิรินไม่มีทางช่วยเหลือทุกคนได้ ในเมื่อพวกเขาตกเรือลงไปแล้วจึงรอด จะไปช่วยเหลือคนบนเรือได้อย่างไร หรือต่อให้มีเรือมาช่วยจริงก็ต้องใช้เรือลำใหญ่พอควร มันจะเล็ดลอดสายตาเขาไปได้อย่างไร ในเมื่อวันนั้นเขาใช้กล้องส่องทางไกลมองดูจนแน่ใจแล้วว่าไม่พบเห็นเรือลำอื่น

อีกทั้งหากเป็นเรือเล็กที่สามารถใช้จุดบอดสายตาเล็กลอดผ่านเข้าไปได้ สุชาติก็คิดว่าคนที่รอดน่าจะมีแค่พวกสิรินเท่านั้น การช่วยเหลือเรือที่กำลังระเบิด จำเป็นต้องใช้กำลังคนและเรืออพยพขนาดใหญ่

ซึ่งสุชาติไม่รู้เลยว่า สิรินเพียงให้ย้ายคนไปไว้ยังจุดปลอดภัยบนเรือ รอให้เรือลำใหญ่มาถึงเท่านั้น ซึ่งเวลาดังกล่าวเรือที่สุชาตินั่งกลับก็หายลับตาไปเสียแล้ว

“อยากรู้หรือครับว่าผมรอดมาได้อย่างไร อืม เรื่องนั้นเอาไว้ทีหลังดีกว่า วันนี้เป็นงานของอาทั้งทีทำไม่เราไม่มาทำอะไรที่ตื่นเต้นกว่านี้ล่ะครับ

วันนี้ผมมีของขวัญสุดพิเศษมาให้...สำหรับอาโดยเฉพาะเลยนะ” สิรินไม่คิดจะลงไปเล่นกับสุชาติ เขาไม่อยากเสียเวลามากไปกว่านี้ ต้องทำทุกอย่างในจบแล้วรีบไปบอกข่าวดีกับดำ เขาไม่อยากให้ค่ากับคนอย่างสุชาติไปมากกว่านี้อีกแล้ว

เพียงเท่านั้นเสียงดนตรีก็เงียบลง พวกเขาทำตามคำสั่งของผู้จ้างที่แท้จริง แน่นอนว่าผู้ที่เตรียมสถานที่แห่งนี้คือแซนรี่ เธอจึงคิดว่าการปิดฉากครั้งนี้ควรเป็นละครเวทีอันยิ่งใหญ่และน่าประทับใจ ทั้งสถานที่ การดำเนินงาน แสงสีเสียง เธอจะทำให้มาสเตอร์โดดเด่นที่สุด มันควรจะเป็นฉากจบอันสมบูรณ์แบบ

ต่อจากนั้นเสียงจากลำโพงก็ดังขึ้นรอบทิศ เป็นการเปิดตัวฉากจบอันยิ่งใหญ่ ฉากที่ตัวร้ายไม่อาจหนีรอดจากจุดจบของตน

ไม่ว่าจะใช้วิธีไหนก็ตาม...





-TBC-

เหลืออีก 2 ตอนจบจ้า

ใกล้แล้วๆ เจอกันตอนหน้าค่า


ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
ขึ้นคาน ตอนนี้รู้สึกแบบนี้จริง ขึ้นคาน  :m16:

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2

ออฟไลน์ Chucream.nabi

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 315
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0

ออฟไลน์ GreenHead(หัวเขียว)

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 124
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
    • Green Head - หัวเขียว
เปย์ครั้งที่ 25
«ตอบ #206 เมื่อ16-07-2019 21:39:41 »

เปย์ครั้งที่ 25

‘สิ้นไส้สิ้นพุง’

การเปิดเผยจนหมดสิ้นไม่มีอะไรเหลือ



“อย่างที่คิด คุณเป็นคนฉลาด ทั้งยังรอบคอบ แต่ไม่คิดว่าสิ่งที่ทำอยู่นี่เปล่าประโยชน์บ้างหรือครับ คุณฆ่ากัปตันไปแล้ว ทำให้ไร้คนนำทาง ทั้งยังไม่รู้ว่าพายุที่ก่อตัวจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ถึงคุณจะคำนวณเวลาระเบิดได้ แต่มั่นใจแล้วอย่างนั้นหรือว่าธรรมชาติเป็นสิ่งที่แน่นอนเช่นนั้น ไม่แน่ว่า คุณอาจจะตายพร้อมกับเราก็ได้...ใครกันแน่โง่เขลา”

เพียงได้ฟังเสียงสุชาติก็รู้ทันทีว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อไป ทั้งยังคาดเดาได้ว่าเวลานั้นเขาได้เสียท่าสิรินจนตกเข้าสู่หลุมพรางของอีกฝ่ายเต็มเปา พูดในสิ่งที่ใช้เป็นหลักฐานมัดตัวตนเองได้เป็นอย่างดี

“ความจริงถ้าคุณมั่นใจในแผนการของตัวเองมากนัก คิดว่ามันสมบูรณ์แบบ ทำไมถึงยังทำลายมันด้วยตนเองเล่า คุณสามารถนั่งเรือออกไปยังจุดปลอดภัยได้อย่างง่ายดายและแน่นอน ทั้งยังสามารถนั่งจิบไวท์มองเราตายอย่างทรมานได้ด้วยซ้ำ”

“ปิด ปิดมันเดี๋ยวนี้! ” สุชาติสติแตกอย่างห้ามไม่อยู่ เมื่อคิดว่าสิ่งที่ตนพยายามมาทั้งหมดกำลังจะสูญสิ้นไป

ผู้คนในงานต่างให้ความสนใจกับเสียงที่ดังขึ้น ทั้งยังงุนงงสงสัย เพราะเสียงที่ได้ยินไม่ใช่เสียงของสุชาติหรือสิริน แม้จะกล่าวกับสุชาติทั้งยังสามารถเชื่อมโยงไปถึงเหตุการณ์ในค่ำคืนที่เกิดเหตุร้าย ก็ยังไม่ได้โยงมัน 100% สุชาติรู้จึงต้องรีบหยุดไว้ก่อนที่ประโยคต่อจะตามมา

เพราะเขาดื่มด่ำกับความสุขในคืนนั้นเสมอจึงจดจำได้ทุกเหตุการณ์ ทุกคำพูด ทุกการกระทำ รู้ดีว่าต่อไปจะเป็นคำกล่าวของใคร

“ไม่ได้ยินรึไง ปิดมันซะ! ” ไม่ว่าจะโวยวายมากเพียงใดเสียงนั้นก็หาได้หยุดลง

“เหอะ แค่นั้นมันไม่สะใจโว้ย! กูต้องทรมานมันด้วยตัวเองถึงจะสะใจ ไอ้เด็กนั่นกูยังไม่เอาก็ได้ แต่ขออัดมันให้หายแค้นก่อนเถอะ แค่นี้ยังไม่สาสมกับความเกลียดชังตลอด 10 ปีที่ผ่านมา”

คนในงานเริ่มฮือฮา เพราะจดจำเสียงนี้ได้ดี ส่วนเจ้าของเสียงนั้นเวลานี้หยุดดิ้นรนขัดขืนจะเข้าไปจัดการสิรินแล้ว สนหน้าซีดด้วยความหวาดกลัว

“พอแล้ว”

“ฉันยอมรับว่าแกฉลาดกว่าพ่อของแก แต่สำหรับฉันแกยังเด็กมาก แผนการทั้งหมดนั่นคิดว่าฉันคนนี้คิดไม่ถึงอย่างนั้นเรอะ หึ อ่อนเกินไปแล้วหลานรัก”

ต่อมาเป็นเสียงสุชาติทำให้คนในงานยิ่งแตกตื่น เพราะมันฉีกภาพลักษณ์ของเขาโดยสิ้นเชิง

“ไม่ได้ยินรึไงวะว่าพ่อกูบอกให้หยุด! ” สนได้สติก็กระวนกระวาย แม้จำได้บ้างไม่ได้บ้างว่าวันพูดอะไรไป แต่อย่างไรคงไม่ใช่เรื่องดีแน่ เพราะวันนั้นเขาคิดว่าอย่างไรสินก็คงไม่รอดจึงไม่คิดปิดบังความรู้สึกของตน

“แค่กๆ ”

“คิดไม่ผิด อาอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้จริงๆ ”


ยิ่งได้ยินยิ่งตอกย้ำ สนพยายามสะบัดตัวหนีบอร์ดี้การ์ดตัวโตหวังจะเข้าไปปิดมันด้วยตนเอง แต่ก็ไร้ผล คนที่มีแต่เข้าฟิตเนตจะไปสู้คนลงภาคสนามจริงได้อย่างไร

ส่วนสุชาติมองหาทางหนีทีไล่ ทำให้พึ่งสังเกตเห็นว่าพวกเขาโดนล้อมไว้เสียแล้ว สิรินดึงจุดสนใจเอาไว้ที่ตน ส่วนคนของเขาก็ค่อยๆ ทยอยเดินเข้ามาทางประตูด้านหลัง ทำให้สุชาติหนีไม่ทัน ทั้งยังเข้าไปขัดขวางไม่ได้ดังเช่นตอนนี้

“หึหึ ฮ่าๆ ๆ ใช่แล้ว แกพึ่งจะรู้รึไง ไหนๆ แกก็กำลังจะตายแล้ว ฉันจะบอกให้เอาบุญจะได้ไปช่วยปลอบใจกันในนรก ฉันเอง ฉันเป็นคนวางแผนฆ่าไอ้สุทิน รู้อะไรไหมมันโง่จนวินาทีสุดท้าย บอกว่าโชคดีที่ฉันรอดมาได้ ฮ่าๆ ๆ ไม่มีอะไรจะสะใจมากไปกว่านี้อีกแล้ว ได้แก้แค้นคนที่แย่งทุกอย่างไปจากฉัน ได้แย่งชิงทุกอย่างกลับมาจนหมดสิ้น ได้เห็นหน้าเป็นห่วงโง่ๆ นั่นก่อนตาย มันสะใจที่สุดในชีวิตเลยล่ะหลานรัก”

เกิดเสียงดังในงานอีกครั้งเมื่อชื่อไม่คาดฝันปรากฏขึ้น ในวงการธุรกิจอสังหาริมทรัพย์นี้พวกเขาย่อมเคยร่วมงานกับสุทิน อดีตประธานบริษัท ผู้มีพรสวรรค์เต็มเปี่ยม พิสูจน์ความสามารถของตนตั้งแต่เยาว์วัยจนสามารถพาบริษัทประสบความสำเร็จอย่างมหาศาล ซึ่งในใจผู้คนส่วนใหญ่ต่างเคยเปรียบเทียบสองพี่น้องต่างมารดาว่ามีฝีมือต่างกันมากน้อยเพียงใด

สุทินทำผลประโยชน์ไว้ให้บริษัทมากมาย จนบริษัทขยายใหญ่โตเช่นในปัจจุบัน ทั้งขยายพื้นที่บริษัท ทั้งขยายสาขาจนโด่งดังไปทั่วประเทศ เมื่อเทียบกับสุชาติแล้ว เขาเพียงบริหารทุกสิ่งต่อจากพี่ชาย ไม่มีส่วนไหนเพิ่มเติมจนต้องทึ่ง เพียงเดินไปตามรากฐานนี้เท่านั้น

คิดแล้วก็น่าเสียดายที่ต้องจบชีวิตตั้งแต่ยังหนุ่ม แล้วนี่จะบอกว่าไม่ใช่อุบัติเหตุแต่เป็นการวางแผนฆ่าอย่างจงใจเช่นนั้นหรือ ช่างอุกอาจเหลือเกิน ผ่านไปเป็นสิบปีก็ไม่มีใครจับได้ จะเรียกว่าพรสวรรค์ของคนน้องเช่นนั้นหรือ...

“คุณก็แค่โลภมาก เวลานั้นถ้าคุณเรียนจบ ตำแหน่งรองประธาน หรือหัวหน้าสาขาใหญ่ที่อเมริการอคุณอยู่แท้ๆ คุณยังคิดเรื่องชั่วๆ พวกนี้ได้อีก

เสียงสิรินดังขึ้นอีก หลายคนจึงออกจากห้วงความคิดเมื่อครู่ ซึ่งพยายามระลึกความหลัง เพื่อหาความเป็นไปได้ของคำกล่าวเหล่านี้

“แกจะไปรู้อะไร! คนที่ควรได้ตำแหน่งประธานคือฉันคนนี้ ฉันเข้าไปฝึกงานที่บริษัทตั้งแต่อายุยังไม่ถึง 15 ปี มันแค่กลับจากต่างประเทศ แค่อายุมากกว่าไม่กี่ปี พ่อก็ยกทุกอย่างให้มัน ทุกอย่างที่ควรจะเป็นของฉัน”

ความเห็นแก่ตัว ความเอาแต่ได้ ดื้อรั้นเสียจนใครก็ห้ามไม่อยู่ จะว่าไปแล้วในครั้งสุชาติยังเด็กพวกเขาบางคนก็เคยพบสุชาติซึ่งมีนิสัยเช่นนั้น เผลอคิดว่าเปลี่ยนนิสัยจนดีขึ้น ที่แท้เล่นละครตบตากันหรอกหรือ

“คนที่ไม่รู้อะไรคือคุณ พ่อของผมก็เริ่มต้นพิสูจน์ตัวเองในอายุไม่ต่างกัน ต้องบอกว่าก่อนคุณเสียด้วยซ้ำ เพราะพ่อถูกเลี้ยงมาแบบคนอเมริกา อายุเพียง 9 ขวบ ก็ได้รับเงินก้อนหนึ่งไปบริหารจัดการ ลงทุนในตลาดหุ้น พออายุ 15 ก็เข้าไปฝึกงานที่บริษัทตามที่ปู่กำหนดไว้

ใช้เวลาไม่กี่ปีก็ไต่เต้าจากตำแหน่งเล็กๆ จนกลายเป็นหัวหน้าสาขา ทั้งยังทำกำไรเพิ่มขึ้นหลายพันล้าน ปู่จึงยอมรับให้กลับมารับตำแหน่งประธานที่นี่”


เสียงวิพากษ์วิจารณ์ดังขึ้นอีก ความจริงเหล่านี้มีเพียงบางคนที่รู้เท่านั้น จึงเกิดการยืนยันซักถามกันไปมาจนได้คำตอบ

ส่วนสิรินก็มองสุชาติด้วยรอยยิ้มเย็นเหยียบ จนสุชาติไม่อาจกล่าวสิ่งใดออกไปได้อีก สถานการณ์ย่ำแย่จนเกินจะรับไหว เขาตกหลุมพรางเข้าเต็มเปาเสียแล้ว สุชาติใกล้สติแตกเต็มที

“สาขาอเมริกาบริหารยากแค่ไหนคุณอาน่าจะเข้าใจใช่ไหมล่ะครับ...ก็คุณทำจนแทบจะเจ๊งอยู่รอมร่อ”

“แก! ”

“หึ จี้ใจดำจนเถียงไม่ออกเลยหรือครับ”


“ไอ้เด็กเวร! ”

ปัง!

ปึก


“อย่าคิดว่าแกจะได้ตายดี จับมันมัดไว้ ฉันต้องมั่นใจว่ามันไม่มีทางรอด!

“แก! ” สุชาติกัดฟันโกรธ พยายามเค้นสมองแก้สถานการณ์ แต่ด้วยความกดดันอันมหาศาลสมองจำทำงานช้ากว่าที่เคย

“ไอ้คนสารเลว แกทำกับพี่แล้วก็หลานตัวเองเช่นนี้ได้อย่างไร”

“ใช่ๆ กล้าปั้นหน้าเป็นคนดีทั้งที่เลวขนาดนี้ ชั่วช้าจริงๆ ”

“ไปตายซะไอ้สารเลว! ”

เสียงด่าทอดังขึ้นหลังฟังจบ เหล่าคนที่ทั้งเคย และไม่เคยรู้จักกับสุทินต่างตะโดนด่าทอ ดีที่ยังไม่มีการขว้างปาข้าวของ สุชาติจึงไม่ถูกทำร้ายร่างกาย แต่หากเสียงของคนรอบข้างที่เขารักษามาตลอดหลายปีกลับถูกพลิกกลับในเพียงชั่วเวลาไม่กี่นาที ทำให้เขาเจ็บปวดจนแทบกระอีกเลือด

เสียงด่าทอไม่ควรเป็นของเขา วันนี้เป็นวันที่เขาต้องได้รับคำอวยพรสิ ทำไมถึงเป็นเช่นนี้ เขาพลาดตั้งแต่ตรงไหนกัน!

“หุบปาก! หุบปาก! หุบปาก! พวกแกไม่มีสิทธ์มาว่าฉัน ทั้งที่ตัวเองก็เลวทรามไม่ต่างกัน ใครบ้างที่ไม่ทำเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง ใครกันที่เป็นคนดีไม่เคยทำร้ายใคร เพราะฉะนั้นอย่ายุ่งกับเรื่องของฉัน! ” สุชาติสติแตกอย่างแท้จริง เขาไม่สนใจใครหน้าไหนอีกแล้ว สิ่งที่เขาต้องทำวันนี้มีเพียงรักษาผลประโยชน์ของตนให้ได้มากที่สุดเท่านั้น

“แต่พวกฉันไม่เคยฆ่าพี่น้อง ไม่ได้ใจดำอำมหิตเหมือนแก! ”

“ใช่ๆ เป็นพี่น้องกันแท้ๆ ทุเรศที่สุด! ”

การถกเถียงจากแขกในงานยังดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง สิรินมองอย่างพอใจ เข้าไม่ได้เข้าข้างคนนอก เพียงแต่ต้องขอบคุณพวกเขาที่ทำให้สุชาติขาดสติได้เสียที

เมื่อเห็นว่าสถานการณ์เหมาะจะลงมือแล้วสิรินก็ส่งสัญญาณให้นักดนตรีบรรเลงเปียโนกลบเสียงด่าทอของทั้งสองฝ่าย

“ผมมีเรื่องสำคัญจะคุยกับอา รบกวนอยู่ในความสงบด้วยนะครับ” เพียงเท่านั้นความสนใจก็กลับมาอยู่ที่สิริน สุชาติยิ่งโกรธเกรี้ยว ทั้งที่งานนี้จัดเพื่อเขา เหตุใดสิรินจึงสั่งนั่นนี่ได้เล่า นั่นหมายความว่าหลานชายตัวดีวางแผนมาตั้งแต่ต้น ทั้งหมด ทั้งหมดนั่นคือแผนของสิริน

“แก! คิดว่าทำแบบนี้แล้วจะได้ทุกอย่างคืนรึไง บอกไว้ก่อนนะว่าคลิปเสียงนั่นฉันไม่ยอมรับ หลักฐานที่ไม่รู้ว่าใช่ของจริงรึเปล่าแบบนั้นใช้ดำเนินคดีไม่ได้หรอก ถ้าจะเอาอย่างนั้นก็ไปสู้ในชั้นศาล” มีหรือคนอย่างสุชาติจะยอมแพ้ง่ายๆ ถ้าไม่ยอมรับซะอย่างเขาก็สามารถยื้อคดีต่อไปได้ จะหาทางออกต่อไปก็ยังไม่สาย

“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงไปครับอา พักเรื่องนี้ไว้ก่อน เรามาคุยเรื่องธุรกิจกันก่อนดีกว่า” เวลานี้ในสายตาทุกคนสิรินเปลี่ยนไปมาก ในอดีตพวกเขาต่างคิดว่าสิรินนั้นไร้ซึ่งความรู้สึกของผู้มีอำนาจ ทั้งยังไร้ความสามารถ ได้โอกาสนั่งในตำแหน่งของรองประธานแท้ๆ กลับไม่มีผลงานเป็นชิ้นเป็นอัน เกาะสุชาติกินไปวันวันเท่านั้น

ในตอนนั้นเมื่อคิดว่าสิรินได้ขึ้นไปประธานก็รู้สึกว่าอีกไม่นานบริษัทนี้คงล้มในมือ ให้พวกเขาไปรุมกินรุมทึ้งจนพอใจ แต่เมื่อได้รู้ความจริงก็แทบไม่เชื่อหูตัวเอง ทั้งบรรยากาศรอบตัวสิรินยังผิดแปลกไป ดังผู้ที่อยู่สูงกว่ามองพวกเขาซึ่งอยู่เบื้องล่าง ดังผู้ล่ามองเหยื่อแสนอ่อนแอ บางคนถึงกับแข้งขาสั่น โดยเฉพาะผู้ที่เคยกดข่มสิรินเมื่อครั้งที่เจอหน้ากัน พวกเขาทำผิดพลาดครั้งใหญ่เสียแล้ว

“แกจะคุยอะไร” สุชาติถามด้วยความหวาดระแวง เขาเข้าใจทุกอย่างดี ตอนนี้ถ้าสิรินรวมหุ้นเข้ากับสติกมาก็ไม่จำเป็นต้องใช้เสียงโหวตของคณะกรรมการ เพราะหุ้นของพวกเขาจะไม่เท่ากันอีกต่อไป

“แกคิดว่าใช้วิธีนี้แล้วจะบีบให้ฉันยอมแพ้ได้รึไง ฉันยังมีส่วนในบริษัท แกอย่าคิดว่าจะอยู่อย่างสงบสุข” ยิ่งรู้ยิ่งสติแตก ตอนนี้สุชาติคิดจนหัวแทบแตกก็ไม่สามารถหาทางออกได้ เวลา ตอนนี้เขาต้องการแค่เวลาเท่านั้น ถ้ามีเวลาคนอย่างเขามีหรือจะแก้ปัญหาพวกนี้ไม่ได้

“หึหึ อานี่ฉลาดจริงๆ นะครับ เข้าใจอะไรง่ายดี ผมมีทางออกมากมายรู้ไหมครับ ทั้งชื่อผมเป็นประธานบริษัทโดยชอบธรรม หรือจะเป็นรวมหุ้นที่อาว่า ถึงจริงๆ ผมจะไม่คิดที่จะทำก็เถอะ เพราะผมไม่อยากรวมสองบริษัทเข้าด้วยกันเท่าไหร่นัก บริษัทนี้เป็นบริษัทที่พ่อรัก ผมไม่อยากให้มันกลายเป็นส่วนหนึ่งของบริษัทอื่น ต่อให้นั่นเป็นบริษัทของผมเอง” สิรินยังคงความเหนือกว่าเอาไว้ แผนการทุกอย่างเตรียมการไว้พร้อมแล้ว

“ถ้าอย่างนั้นก็ก็ปล่อยบริษัทนี้ให้ฉันดูแล แกจะโลภมากไปทำไม ในเมื่อที่นี่มันควรจะเป็นของฉันตั้งแต่แรก! ” ช่างเป็นการโต้เถียงที่ไร้เหตุผล ใครกันแน่ที่แย่งบริษัทนี้มาจากเด็กวัย 12 ปี อย่างหน้าด้านๆ ไม่ใช่เพราะความโลภหลอกหรือ มีคนมากมายถามคำถามนี้ในใจ

“ผมก็อยากจะทำแบบนั้นนะครับ ถ้าอาไม่ได้ฆ่าพ่อผม” ดวงตาแดงก่ำเล็กน้อยอย่างยากจะให้ใครได้เห็น เรื่องนี้เป็นเรื่องเดียวที่ไม่อาจอภัยให้สุชาติได้

“มันเป็นอุบัติเหตุต่างหาก วันนั้นถ้าฉันนั่งรถไปด้วยฉันก็ตาย วันนั้นปู่ของแกก็เข้าโรงพยาบาล ถ้าไม่ได้ฉันบริษัทจะอยู่รอดมาถึงตอนนี้อย่างนั้นเรอะ แกควรสำนึกบุญคุณฉันถึงจะถูก! ” เสียงตะโกนก้อง สุชาติหาข้อแก้ตัวให้ตนได้ในที่สุด เขากำจัดหลักฐานไปหมดแล้ว อีกทั้งเรื่องผ่านมาเป็น 10 จะไปหาตัวคนขับรถบรรทุกมาจากที่ใด คลิปเสียงนั่นเขายังหาข้ออ้างได้

สุชาติมั่นใจว่าตนรอบครอบพอ ใครที่ควรกำจัด สิ่งใดที่ควรทำ เขาทำจนหมดสิ้นแล้ว

“แค่นี้มันก็มากพอที่แกจะหยุด ถ้าไม่คิดจะรวมหุ้นของสติกมา ฉันกับแกก็มีอำนาจในบริษัทเท่าเทียมกัน ถ้าให้คณะผู้บริหารโหวตฉันต้องชนะแน่ แกยังคิดว่าจะทำอะไรได้อีก” สุชาติพยายามยืดตัวตรง มองสิรินดังตนมีข้อต่อสู้มากกว่า

“ผมบอกแล้วหรือครับว่ามีแค่นั้น หึหึ

อาลืมไปรึเปล่า ถ้าผมถอนหุ้นออก ยกเลิกการสร้างรีสอร์ท...บริษัทนี้จะเป็นอย่างไร”

“แกไม่กล้าหรอก” สิ้นเสียงสิริน สุชาติก็ตะโกนกลับไปโดยไม่คิด เขาไม่คิดว่าสิรินจะกล้าทำลายบริษัทจึงไม่เคยคิดถึงข้อนี้แม้แต่น้อย

“คิดแบบนั้นจริงๆ หรือ หึหึ ผมน่ะกล้าทำทุกอย่างเพื่อทำลายอาอยู่แล้วล่ะครับ รู้ไหม” น้ำเสียงสิรินยังราบเรียบ ดังว่าเขาไม่รู้สึกถึงสิ่งที่ตนกล่าวแม้แต่น้อย

คนรอบข้างก็ใจหายวาบ ไม่คิดว่าลูกชายของสุทินซึ่งมอบชีวิตให้บริษัท จะกล้าทำลายทุกสิ่งที่พอของตนสร้างมา ใครต่างก็รู้ว่าสุทินทุ่มเทให้บริษัทนี้มากมายเพียงใด ความสำเร็จก็มีมากกว่าใครทั้งหมด จะบอกว่าสิ่งเหล่านั้นจะถูกลูกชายทำลายอย่างนั้นหรือ บ้าเกินไปแล้ว

“แก แก แก แกก็บอกเองว่าบริษัทนี้เป็นบริษัทที่พ่อแกรัก! ” แม้แต่สุชาติยังใจหาย เขาเคยคิดว่าประโยคนี้ไม่มีทางออกจากปากสิริน แต่น้ำเสียงรายเรียบดังไม่ยี่ระต่อสิ่งใดนั้นทำให้จิตสำนึกเขาเชื่อไปกว่าครึ่ง

“อืม...ถ้าแลกบริษัทกับการแก้แค้นให้พ่อ ผมว่าก็คู่ควร ไม่ใช่หรือครับ” รอยยิ้มเหยียบเย็น แววตาท้าทาย สุชาติแทบขาอ่อนไปกองกับพื้น ยังดีที่ฝืนตัวเอาไว้ได้ สายตาแบบนั้น บรรยากาศเช่นนั้น เขาเคยได้รับทั้งจากพ่อ และสุทิน สายตาที่ไม่อาจต่อต้านได้

เขาเกลียดมัน!

“มันโกหก พ่ออย่าไปเชื่อ มันทำขนาดนี้ไม่มีทางวางมือทำลายบริษัทลงง่ายๆ หรอก ไอ้ชั่ว มึงวางแผนมานานแค่ไหนแล้ว มึงจงใจทำร้ายกูกับพ่อใช่ไหมถึงได้ใส่ร้ายกันแบบนี้” สนเห็นพ่อของตนหน้าซีดก็หมายจะกู้สถานการณ์ แม้โดนบอดี้การ์ดตัวใหญ่จับล็อกตัวอยู่ก็หาได้เกรงกลัว

“หึหึ ฮ่าๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ” สิรินหัวเราะก้องงาน ดังคำกล่าวนั้นน่าขันเป็นอย่างยิ่ง แต่ถึงแม้จะหัวเราะ แต่ใบหน้ากลับยังคงเรียบเฉย แล้วยิ้มให้สนกับสุชาติ

คงได้เวลาปิดฉากแล้ว

(ต่อ)

ออฟไลน์ GreenHead(หัวเขียว)

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 124
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
    • Green Head - หัวเขียว
เปย์ครั้งที่ 25 (2)
«ตอบ #207 เมื่อ16-07-2019 21:41:15 »

“อืม ใส่ร้ายสินะ” สิรินพยักหน้าให้ก้องที่อยู่ตรงประตูทางเข้าเบาๆ จากนั้นพวกเขาก็เปิดประตูออก ตำรวจกรูกันเข้ามาในงาน พวกเขาได้รับหลักฐานบางส่วนไป จึงพร้อมปฏิบัติงานมารอชมหลักฐานที่เหลือพร้อมคนอื่นๆ ในงานตามคำขอของสิริน ซึ่งพวกเขาติดต่อกันมาสักพักแล้ว

“อาสุชาติครับ” เสียงของสิรินปลุกให้สุชาติตื่นจากภวังค์ เขากำลังตื่นตะลึกกับสิ่งที่เกิดขึ้น พร้อมทั้งพยายามคิดหาทางออก แต่ก็...ไม่มี ไม่มีเลยสักทางเดียว

“ผมมีบางคนอยากจะให้แนะนำให้อาได้รู้จัก...อีกครั้ง” ไร้เสียงตอบรับใดๆ มีเพียงสายตาแห่งความหวาดกลัวเท่านั้นที่มองสบมา สิรินรู้สึกพอใจเป็นอย่างยิ่ง

“เขาเป็นคนสำคัญในงานครั้งนี้ และเป็นคนที่ผมไว้ใจมากๆ คนหนึ่ง อารู้จักคนคนนี้ดีเลยละครับ” สิ้นเสียงสิรินไฟในห้องก็มืดลง สุชาติยิ่งหวาดกลัวมากขึ้น เขาคิดถึงใบหน้าคนสนิทของตนทีละคนๆ ใครกันเป็นหนอนบ่อนใส่ ไม่ใช่ว่าเขาทั้งพิสูจน์พวกนั้นทุกคนแล้วหรือไร

พร้อมๆ กับไฟที่สว่างขึ้น สุชาติก็คิดออก มีคนคนนึงไม่ใช่หรือ คนที่ไม่ใช่คนของเขาตั้งแต่ต้น แต่หากถูกซื้อด้วยเงิน และอำนาจอันมหาศาล ชายที่มองสิรินอย่างไร้เยื่อใยทั้งที่เป็นนายเก่าของตน มันพาให้เขาคิดไปว่าคนคนนั้นจงรักภักดีต่อเขาเป็นอย่างยิ่ง

‘โจ’

“โจ” คำตอบในใจดังขึ้นพร้อมๆ กับเสียงของสิริน สปอร์ตไลท์สว่างวาบทอประกายรอบตัวของชายสองคน เป็นคนที่คุ้นหน้าคุ้นตาทุกคนเป็นอย่างยิ่ง

คนหนึ่งอยู่คอยอยู่รับใช้สิริน เป็นคนประสานงานระหว่างเขากับบริษัท ซึ่งบางคนคิดว่าคนคนนี้ควรนั่งในตำแหน่งรองประธานมากกว่าสิรินเสียอีก

อีกคนหากใครเคยพบสุชาติหลังเหตุการณ์เรือล่ม ก็จะเจอคนคนนี้ตามมาด้วยเสียทุกครั้ง เป็นบอดี้การ์ดส่วนตัวของสุชาติ และหนึ่งในผู้รอดชีวิตจากเหตุการณ์เรือล่มครั้งนั้นด้วย

ดนัยควงแขนโจเดินท่ามกลางห้องโถงปูพรมสีแดง พวกเขาใส่สูทสีดำแบบเดียวกัน พาให้ผู้คนรู้สึกว่าพวกเขากลมกลืนกันเป็นอย่างยิ่ง

“มึงไอ้โจ ไอ้ชั่ว ไอ้เลว พวกมึงวางแผนหลอกกู” สนเดือดดานเมื่อคิดว่าพวกตนโดนสามเขามาโดยตลอด และเมื่อยิ่งคิดกลับไป วันนั้นที่เขากับพ่อเชื่อโจหมดใจ คงเป็นเหตุการณ์บนเรือ เจ้านั่นต้องใจแข็งขนาดไหนถึงกลับกล้าทำร้ายเจ้านายของตน

แต่สุชาติกลับคิดต่าง พอคิดกลับไปแล้ว โจยิงคนของสิรินก็จริง แต่ใครเล่าได้ตรวจสอบ เวลานั้นอยู่ในช่วงสถานการณ์บีบบังคับใครก็ไม่อาจตรวจสอบอะไรได้ นั่นหมายความว่าพวกนั้นเพียงแค่ถูกยิงจุดไม่สำคัญแล้วแกล้งตายเท่านั้น

ไหนจะเหตุการณ์ที่สิรินต่อปากต่อคำกับเขา โจก็เข้าไปลงมือก่อนเขาจะได้ลงมือ ถ้าตอนนั้นไม่ใช่แค่ลงมือแทนเจ้านาย แต่ปกป้องเจ้านายโดยลงมือเลี่ยงสุดสำคัญเล่า แล้วก็ในตอนนั้น ตอนที่เขากำลังจะสั่งยิงสิริน โจก็เข้าไปจัดการก่อนอีก

เมื่อทุกอย่างประกอบเข้าด้วยกันสุชาติก็ตาสว่าง โจไม่ได้ปกป้องพวกเขา แต่ปกป้องสิรินต่างหาก ชายคนนี้เล่นละครได้อย่างแนบเนียนจนเขาไม่ทันได้เอะใจ ทั้งยังใจแข็งไม่แสดงอาการใดๆ ตอนที่สิรินโดนซ้อม เป็นลูกน้องที่ทำงานได้เพอร์เฟคอย่างยิ่ง

ทำไมเขาไม่มีลูกน้องแบบนี้บ้างนะ...สวรรค์จะเข้าข้างสิรินมากเกินไปแล้ว

“ผมเป็นคนของคุณสิน พวกคุณก็รู้อยู่แกใจไม่ใช่หรือครับ...ความจริงถ้าอยากได้คนอย่างผมก็ง่ายดายมาก เพียงแต่ผมไม่ได้สนใจเงินทอง ลาภยศชื่อเสียงเท่านั้นเอง” โจตอบสน เขาไม่เคยบอกคนทั้งสองเลยสักนิดว่าต้องการสิ่งที่สุชาติเสนอมา เพียงแค่รับไว้ตามสมควร คนพวกนั้นเข้าใจไปเองทั้งนั้น

“เลิกพูดเล่นได้แล้ว ส่งหลักฐานที่ได้มาให้คุณสินสิ” ดนัยดุโจเล็กน้อย เมื่อนิสัยเก่าๆ กำลังออกลาย โจชอบปั่นหัวคนอื่น ทำให้สนุกกับการทำงานครั้งนี้เอามากๆ คนแม้แต่เขายังโดนไม่น้อย

“ครับๆ ” โจยอมฟังคำสั่ง ทำให้สนแปลกใจ

“เฮ้ ไม่ใช่ว่าแกข่มขืนมันบนเรือรึไง ทำไมถึงยังปองดองกันอีก” เพียงเท่านั้นเสียงฮือฮาของคนในงานก็ดังขึ้น จนดนัยเองยังคิ้วกระตุก ให้ตายเถอะอย่าพูดถึงเหตุการณ์คืนนั้นได้ไหม

ส่วนโจมีหรือจะสลด เขายังคงเดินไปข้างหน้า เดินผ่านสุชาติขึ้นบันไดไปชั้นบน แล้วยื่นเอกสารทั้งหมดให้กับสิริน

“ขอบคุณที่ตั้งใจทำงาน” สิรินรับเปิดดูอย่างพอใจ

“ผมไม่ต้องการคำขอบคุณหรอกครับ ขอแค่วันหยุดหนึ่งเดือนสำหรับผมกับดนัยก็พอ” โจนอบน้อมกับสิรินยิ่ง แต่กระนั้นก็ยังกล้าขอวันหยุดของตน

“ได้สิ อยากไปทีไหนก็บอกแซนรี่ได้เลย เดี๋ยวเธอจัดการให้” แซนรี่ได้ยินชื่อของตนก็โค้งหัวรับอย่างเต็มใจ

“ขอบคุณครับ...ฝากด้วยนะครับ” โจของคุณสิรินแล้วหันไปคุยกับแซนรี่ โดยไม่สนสีหน้าคัดค้านของดนัยที่อยู่ด้านล่าง

เมื่อได้ยินคำสนทนาเหล่านี้ก็ไม่ต้องคาดเดาให้ยาก มันชัดเจนอยู่แล้วไม่ใช่หรือ

“แก แกจะบอกว่าต้องการวันหยุดไปสวีทกับไอ้เกย์แก่ๆ นี่มากกว่าเงินที่พ่อกูให้เหรอวะ” มีเพียงสนที่กล้ากล่าวออกมา

“ไม่ใช่หรอกครับคุณสน เพียงแต่...ถ้าดนัยเลือกฝั่งไหนผมก็เลือกฝั่งนั้นเท่านั้นเอง” โจกล่าวสบายๆ เขาไม่กลัวคำต่อว่าของสังคมแม้แต่น้อย ขอเพียงได้อยู่เคียงข้างดนัยก็เพียงพอแล้ว

ความจริงโจเป็นเด็กไม่มีที่ไป เขาหนีออกจากบ้านตั้งแต่เรียนจบ ม.ต้น เพราะที่บ้านมีปัญหา จากนั้นก็เร่ร่อนไปเรื่อยๆ ทั้งขโมย เล่นยา สารพัดการดิ้นรน จนกระทั่งเขาได้เจอกับดนัย ซึ่งรับเขามาเลี้ยงหลังจากถูกเขาขโมยเป๋า

โจไม่เข้าใจดนัยแม้แต่น้อย เขาไม่เคยรู้จักความรัก ทำให้ค่อยๆ ปรับตัวจนดนัยกลายมาเป็นคนสำคัญที่สุดในชีวิตตั้งแต่เมื่อใดไม่ทราบ และเขาก็ได้รู้ว่าตนคล้ายกับน้องชายของดนัยจึงค่อยๆ ทำลายกำแพง จนในที่สุดก็วางแผนจับดนัยกินสำเร็จ

แม้ผ่านอุปสรรคมามากมายในที่สุดโจก็ได้ดนัยมาครอบครอง ทั้งชีวิตเขาจึงมอบให้ดนัย ไม่ว่าอีกฝ่ายจะต้องการให้เขาทำสิ่งใดก็ตาม

ส่วนเหตุการณ์ที่สนพูดถึงนั้นเป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า เพราะสนอยู่ด้วยตอนจับดนัยมัดไว้ในห้องพักลูกเรือ และยังออกความเห็นให้พวกเขาเล่นสนุกกับดนัย จงใจพิสูจน์ความภักดีของพวกเขา คิดว่าหากเป็นคนของสิรินคงไม่กล้าทำร้ายดนัยแน่นอน

เวลานั้นโจจึงเสนอตัวเป็นคนแรก บอกว่าสนใจดนัยมานานแล้วขอระบายความรู้สึกก่อนฆ่าทิ้ง เพื่อพิสูจน์ และสนองความต้องการของตัวเอง เล่นบทขืนใจดนัยก็สนุกไม่เลว จึงทำไปเสียหลายรอบเพื่อถ่วงเวลา ทั้งยังติดใจเสียจนใส่สุดแรง ดนัยจึงหมดสภาพดังเช่นที่สิรินเห็นนั่นเอง

ส่วนที่อยู่ของดนัยก็ขยับปากบอกสิรินแบบไร้เสียง ตอนเข้าไปชกสั่งสอนสิรินไม่ให้กล้าต่อปากต่อคำกับสุชาตินั่นเอง

เรียกได้ว่าโจมีแต่ได้กับได้ มีกำไรมากกว่าใครเลยทีเดียว แค่ให้เล่นละครต่ออีกหน่อย เพื่อหาหลักฐานที่เหลืออยู่ จึงราบรื่นเช่นนี้เอง

“คุณตำรวจครับ นี่เป็นหลักฐานที่เหลืออยู่ ทั้งยักยอกเงินบริษัท บีบบังคับหุ้นส่วน และ...หลักฐานการจ้างวานคนขับรถบรรทุกในคืนที่ฆ่าพ่อของผม

ฝากจัดการที่เหลือต่อด้วยนะครับ” เมื่อสุชาติไว้วางใจโจ โจก็สามารถเข้าถึงข้อมูลได้มากขึ้น เขาจึงสามารถหาหลักฐานทั้งหมดมาได้อย่างง่ายดาย ทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่ว่าสิรินจะใช้วิธีใดก็ไม่อาจหาเบาะแสได้แท้ๆ

“ครับ ไปรับหลักฐานมา...ขอเชิญคุณสุชาติกับลูกชายไปที่โรงพักด้วยนะครับ รวมทั้งคนที่เกี่ยวข้องด้วย” แน่นอนว่าคนที่มีส่วนได้ส่วนเสียกับสุชาติทั้งหมดก็โดนไม่ต่างกัน โชคดีที่สุชาติได้เตรียมหลักฐานเอาไว้เล่นงานพวกเขา หากว่าคนเหล่านั้นคิดหักหลัก เป็นหลักฐานที่ใช้รวบตัวพวกเขาทั้งหมดได้เป็นอย่างดี ซึ่งสิรินได้มอบให้กรมตำรวจตั้งแต่ก่อนหน้านี้

ส่วนที่เขาต้องดึงเวลามาถึงตอนนี้ย่อมมีเหตุผล หากลงมือก่อนอายุ 23 ปี เขาก็ยังไม่มีสิทธิ์ขึ้นเป็นประธาน ในตอนนั้นจะเป็นเพียงการเปลี่ยนมือเป็นญาติคนอื่นซึ่งไม่แน่ว่าจะเหมือนสุชาติเท่านั้น อีกทั้งยังอาจจะไม่มีหัวคิดจนทำให้บริษัทล้มละลาย จึงต้องรอเวลาก่อน

ส่วนที่ต้องใช้วิธีแผนซ้อนแผนเสียวุ่นวายก็เพื่อหาหลักฐานเหล่านี้ และปิดทางรอดของสุชาติ ทั้งเรื่องบริษัทและคดีความ สิรินดึงบริษัทสติกมาเข้ามาเพื่อกำจัดหมากเล็กหมากน้อยของสุชาติ เพื่อไม่ให้ใช้ใครแทรกแซงเข้ามาได้อีก พร้อมกับกำจัดพวกถ่วงความเจริญให้ออกไป ล้างระบบในบริษัทใหม่ให้สะอาดเอี่ยม จึงจะเป็นความสบายใจสูงสุด

อีกทั้งเขายังกระจ่างว่าใครบ้างที่เป็นคนของสุชาติ ซึ่งแน่นอนว่าถ้าใช้ชื่อของตนคนเหล่านี้คงไม่ยอมสละหุ้นทิ้ง เกาะไว้เหนียวแน่นเพื่อช่วยสุชาติ ดังนั้นการใช้ชื่อเสียงของสติกมาจึงสำคัญเช่นนี้เอง

“แก! ตายซะ! อย่าเข้ามานะเว้ย ไม่อย่างนั้นกูยิงจริงๆ ด้วย” สุชาติตัดสินใจยกปืนขึ้นมาข่มขู่ เขาเล็งปืนไปที่สิริน แต่หากถูกบอร์ดี้การ์ดขวางไว้ งานเกิดชุลมุนต่างคนต่างหนีตาย

สนอาศัยจังหวะวุ่นวายสะบัดตัวจนหลุด แล้วหลบหนี หาช่องว่างชักปืนขึ้นมาหมายจะยิงสิริน

“มึงต้องตาย ไอ้สิน! ”

ปัง!

ปัง!

“อ้ากกกกกกก” เสียงปืนพร้อมกับเสียงร้องโหยหวนของสนดังขึ้น ปืนตกพื้น ส่วนมือของสนมีเลือดไหลนอง ส่วนกระสุนอีกนัดเฉียดตัวสิรินไปเล็กน้อย

“อย่าหันปืนไปทางมาสเตอร์สิเจ้าโง่” แซนรี่กล่าวขึ้นอย่างหัวเสีย หมดเวลาที่ต้องอดทนให้เจ้าบ้านี่ลวนลามแล้ว ขอเอาคืนบ้างเถอะ

“ขอบใจแซนรี่” สิรินกล่าวกลับแซนรี่ แต่เจ้าตัวกลับขมวดคิ้วไม่ตอบรับคำขอบใจ

“ไม่ต้องขอบใจหรอกค่ะ ดิฉันแค่ไม่อยากให้มาสเตอร์แปดเปื้อนเท่านั้น แล้วก็เบนสายตายไปยังกระบอกปืนข้างตัวสิริน

ถึงพวกเขาจะมีใบอนุญาตพกปืน ทั้งยังอ้างได้ว่าป้องกันตัว แต่มันไม่ดีต่อภาพลักษณ์ของสิริน พวกเขาจึงเข้าไปบังสิรินไว้ไม่ให้นักข่าว หรือคนรอบข้างเห็น สิรินรู้ถึงความหวังดีของพวกเขา จึงเก็บปืนเอาไว้เช่นเดิม ปล่อยให้ตำรวจเคลียร์สถานการณ์ เวลานี้ทั้งสุชาติ ทั้งสนนอนราบไปกับพื้นอย่างหมดสภาพเรียบร้อยแล้ว

สุชาติโดนยิงโดยตำรวจ เพื่อปกป้องประชาชนรอบด้านซึ่งกำลังวิ่งกันอย่างโกลาหล อีกทั้งยังชี้กระบอกปืนใส่ตำรวจ ทำให้พวกเขาสามารถทำได้

หลังตำรวจคุมตัวผู้ต้องหาจากไป ทุกอย่างก็กลับเข้าสู่ความสงบ แขกเหรื่อเตรียมตัวกลับ แต่สิรินกลับเอ่ยหยุดพวกเขาเอาไว้

“วันนี้ขอโทษด้วยที่ทำให้ทุกท่านต้องเจอเรื่องเลวร้าย ซึ่งเกิดจากครอบครัวของผม วันนี้จึงขอชดเชยให้พวกท่าน ได้เขาพักฟรีในรีสอร์ทของสติกมาหลังสร้างเสร็จ ครอบครัวละ 1 เดือน ไม่จำกัดจำนวนคน” มีหลายคนฮือฮากับคำประกาศนี้

ใครบ้างไม่รู้ว่ารีสอร์ทที่ว่าหมายถึงรีสอร์ทครบวงจร ทั้งยังอำนวยความสะดวกด้วยเทคโนโลยีสุดทันสมัย ซึ่งบริษัทสติกมากำลังสร้างอยู่ในปัจจุบัน พวกเขาแม้หวาดกลัวกับเหตุการณ์เมื่อครู่ ก็ไม่อาจระงับความดีใจไว้ได้ ใบหน้าพวกเขาจึงแช่มชื่นขึ้นทันตา

แต่ก็ยังมีบางคนโศกเศร้า พวกเขาคือครอบครัวของผู้สูญเสีย เพราะแค่อาหลานแย่งบริษัทกันกลับลากคนไปตายมากมาย จะให้พวกเขายอมรับได้อย่างไร บางคนถึงขั้นเครียดแค้น คิดหาทางทำลายสิรินกับสุชาติให้พินาศย่อยยับ

“และยังมีอีก 1 เซอร์ไพร์สำหรับคำคืนนี้ครับ ขอเชิญคนที่อยู่ด้านนอกเขามาได้เลยครับ”

ปึก!

ประตูเปิดออก พร้อมกับคนมากมายเดินเข้ามา มีทั้งสภาพปกติ ทั้งใส่เฝือกที่แขนขา แต่พวกเขาก็มีชีวิตรอดกลับมา

“พ่อ! ”

“คุณคะ”

“ฮึก ฮืออออ ขอบคุณ ขอบคุณจริงๆ ”

เสียงร้องไห้ดังระงม ทุกคนต่างรู้สึกขอบคุณจากใจ ไม่กล่าวโทษสิ่งใดอีก แผนการชั่วร้ายก็ล้มเลิกจนหมดสิ้น บางคนถึงขั้นขอโทษที่คิดทำเรื่องเลวทรามกับผู้มีพระคุณ

ความจริงพวกเขาไม่ควรโทษสิริน คนผิดคือสุชาติ ยิ่งได้ฟังทุกอย่างจากปากผู้รอดชีวิต พวกเขายิ่งเข้าใจสิรินมากขึ้น นักข่าวพยายามเข้าไปสัมภาษณ์เสียวุ่นวาย

สองสามีภรรยา ปรเมศกับหฤทัย เข้ามาหาสิริน ทั้งสองยิ้มให้อย่างมีความสุข หลานชายของพวกเขาโตถึงขั้นนี้แล้ว สุทินต้องมีความสุขมากแน่ๆ

“ขอบคุณคุณลุงคุณป้ามากนะครับที่ให้ความร่วมมือ แผนการนี้จึงจบลงอย่างสมบูรณ์” สิรินกล่าวขอบคุณคนทั้งสองอีกครั้ง ทั้งที่ไม่ได้ติดต่อกันมานาน แต่พอขอความช่วยเหลือคนทั้งสองกลับไม่ถามสิ่งใด ตกลงช่วยเขาทันที พวกเขาดีกับสิรินยิ่งกว่าญาติแท้ๆ เสียอีก

“ยินดีช่วยหลานชายสุดหล่ออยู่แล้วล่ะ อย่าลืมนัดทานข้าวของเราก็พอ” หฤทัยตอบสิริน พวกเขาได้รับบัตรเชิญจากสุชาติ ตอนสิรินบอกก็ยังไม่แน่ใจว่าพวกเขาจะใช่เป้าหมายแน่หรือ สุดท้ายก็ใช่จริงๆ

หลังเล่นละครสานสัมพันธ์กับสุชาติ ก็เพียงยกเลิกงานเมื่อฝ่ายนั้นขอเลื่อนงานออกไป ดูก็รู้ว่าสิรินต้องทำอะไรบางอย่างลงไป ทั้งยังจะจ่ายค่าเสียหายให้พวกเขาจากการยกเลิกงานครั้งนี้อีก พอพวกเขาจะไม่รับก็บอกว่าอยู่ในข้อตกลงเสียอย่างนั้น ข้อนี้ช่างเหมือนสุทินจนพวกเขารู้สึกผิดที่ไม่ยื่นมือเข้ามาช่วยตั้งแต่แรก จึงอยากชดเชยหลายๆ สิ่งให้หลานชายคนนี้

สิรินให้สัญญาอีกครั้งก่อนกล่าวลาพวกเขา แล้วจึงเดินทางกลับ เวลานี้ใจเขาลอบไปถึงห้องเรียบร้อยแล้ว

“ฉันทำตามสัญญาแล้วนะดำ...เธออย่าผิดสัญญาซะล่ะ

ฉันขอร้อง”





-TBC-



มาแล้วค่า

ช่วงนี้กรีนกลับต่างจังหวัด แล้วก็ช่วยน้องย้ายของเข้าหอ วุ่นๆ หน่อยนะคะ

พอดีน้องกรีนเข้ามหาลัยแล้ว ต้องเตรียมของหลายอย่างเลย

เหลือตอนสุดท้าย อาจจะได้ลงช้าหน่อยน้า


ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
ถ้าไม่ติดว่าหนูดำไปเยี่ยมหลวงตานะ งานคงสนุกมากกว่านี้แน่ ๆ  :laugh:

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
หนูดำรีบๆฟื้นนะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด