###END### = P A Y = เปย์ข้าด้วยบุฟเฟ่ต์สิ [แจ้งกำหนดการวางจำหน่าย] 04/04/64
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ###END### = P A Y = เปย์ข้าด้วยบุฟเฟ่ต์สิ [แจ้งกำหนดการวางจำหน่าย] 04/04/64  (อ่าน 69524 ครั้ง)

ออฟไลน์ GreenHead(หัวเขียว)

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 124
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
    • Green Head - หัวเขียว
อ้างถึง
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม


_____________________________________________________________________________

PAY เปย์ข้าด้วยบุฟเฟ่ต์สิ
#นายเอกสายแดก #พระเอกสายเปย์ ที่แท้ทรู
[ผ่านพิจารณาสำนักพิมพ์ Bookish House]



ไอ้ดำเป็นเด็กวัด ไอ้ดำต้องแบ่งข้าวกับคนอื่นๆ ไอ้ดำไม่เคยกินอิ่ม ไอ้ดำหิวอยู่ตลอดเวลา ใครกินเพื่ออยู่ แต่ไอ้ดำอยู่เพื่อกิน!
#ไอ้ดำสายแดก


คุณสินชอบมองไอ้ดำกิน คุณสินชอบรอยยิ้มซื่อๆของไอ้ดำ พอได้กินไอ้ดำจะยิ้ม คุณสินมีเงินเยอะ คุณสินก็เลยเปย์ไอ้ดำหนักมาก
#คุณสินสายเปย์



นิยายแนว Feel Good เน้นกิน เน้นฮา เน้นความเปย์หนักมากของพระเอก
แต่งหน่วงๆมาหลายเรื่อง ขอเปลี่ยนแนวบ้างก็แล้วกันนะคะ ฮ่าๆ
แต่! แต่! แต่! ความแฟนตาซียังคงอยู่
พบกับไอ้ดำผู้หลงยุค และคุณสินจอมเจ้าเล่ห์ได้เลยนะบัดนี้!

==========================

ประกาศ

(จากความกระเหี้ยนกระหือรือของกรีนแล้วก็สามารถงอกเรื่องนี้ออกมาเป็นซีรี่ย์จนได้ค่ะ แหะๆ)

TIMES The Series

PAY เปย์ข้าด้วยบุฟเฟ่ต์สิ (Shotacon)

Please ปล่อยกูไปเถอะ (3P)

Daddy ของสมิง #แด๊ดดี้ที่ไม่ได้แปลว่าพ่อ (Ojicon)

***เรื่องต่อไปจะลงเมื่อเรื่องนี้จบ และแต่ละเรื่องมีเนื้อหาหลัก  15 ตอนโดยประมาณค่ะ***

==========================

สารบัญ
ก่อนจะเปย์ (รีไรท์)  เปย์ครั้งที่ ๑ (รีไรท์)  เปย์ครั้งที่ ๒ (รีไรท์) เปย์ครั้งที่ ๓ (รีไรท์) เปย์ครั้งที่ ๔ (รีไรท์) เปย์ครั้งที่ 5

เปย์ครั้งที่ 6  เปย์ครั้งที่ 7  เปย์ครั้งที่ 7 [2]
 เปย์ครั้งที่ 8  เปย์ครั้งที่ 8 [2]

เปย์ครั้งที่ 9   เปย์ครั้งที่ 10  เปย์ครั้งที่ 11  เปย์ครั้งที่ 12[1]  เปย์ครั้งที่ 12[2]

เปย์ครั้งที่ 13   เปย์ครั้งที่ 14  เปย์ครั้งที่ 15  เปย์ครั้งที่ 16 [1]   เปย์ครั้งที่ 16 [2]

เปย์ครั้งที่ 17
 เปย์ครั้งที่ 18[1]  เปย์ครั้งที่ 18[2] เปย์ครั้งที่ 19  เปย์ครั้งที่ 20[1]   เปย์ครั้งที่ 20 [2]

เปย์ครั้งที่ 21  เปย์ครั้งที่ 22   เปย์ครั้งที่ 23   เปย์ครั้งที่ 24   เปย์ครั้งที่ 25
เปย์ครั้งที่ 26

-END-
Talk

แจ้งกำหนดการวางจำหน่าย


นิยายเรื่องอื่นๆของกรีน

The Scalpel นักฆ่าสองโลก

EXECUTE ผู้ส่งสารแห่งความตาย

พูดคุย และทางนิยายได้ที่
FACEBOOK
Twitter


Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-04-2021 23:34:42 โดย GreenHead(หัวเขียว) »

ออฟไลน์ GreenHead(หัวเขียว)

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 124
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
    • Green Head - หัวเขียว
ก่อนจะเปย์ (รีไรท์)
«ตอบ #1 เมื่อ02-03-2018 09:51:54 »

ก่อนจะเปย์ (รีไรท์)

ก่อนจะเปย์

ปีพุทธศักราช  ๒๔๙๙  ยุคอันธพาลครองเมือง

บริเวณคลองแสนแสบ


“ไอ้ดำเอ็งไปทางนั้น”

“ได้เลย เจอกันท้ายตลาดนะพี่ชัย”

“เออๆโชคดีเว้ย”

“มันไปทางนั้นตามไป โว้ย!”

เสียงกลุ่มคนหลายสิบคนวิ่งตามสองสหายที่วิ่งหนีหัวซุกหัวซุนอย่างไม่มีทีท่าว่าจะยอมหยุดลงง่ายๆ ในมือก็ถืออาวุธครบครัน ทั้งไม้ ทั้งมีด อย่างไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย สมแล้วกับเป็นยุคของเหล่าอันธพาลอย่างแท้จริง
 
“แฮ่กๆ เว้ย!  ทำไมตามข้ามาวะ ไปตามพี่ชัยไป ชิ้วๆ”

ตายๆ วันนี้ไอ้ดำตายแน่  แค่ออกมาซื้อของไปฉลองชัยชนะหลังยกพวกตีกันเมื่อวันก่อนแท้ๆ ทำไมหนอดวงถึงได้ซวยขนาดนี้  พวกมันเองก็มาแก้แค้นเร็วซะเหลือกเกิน โถ่!  ปล่อยให้ไอ้ดำคนนี้กินอิ่มบ้างเถ๊อะ ลูกพี่อุตส่าห์เลี้ยงข้าวทั้งที ไอ้ดำอยากร้องไห้

ปกติก็อาศัยกินแต่ข้าววัด ยิ่งเด็กวัดเยอะส่วนแบ่งยิ่งน้อยลง เยอะสุดก็ไม่เคยถึงครึ่งกระเพาะแท้ๆ  ดูสิผอมจนแทบจะเป็นโครงกระดูกเดินได้อยู่แล้ว มีเรื่องทีก็สู้แรงอริไม่ค่อยได้ กรรมหนอกรรม ชาติก่อนไอ้ดำคนนี้ทำกรรมอะไรมา เมื่อไหร่จะได้กินอิ่มนอนหลับเหมือนพวกเศรษฐีซะที

คิดแล้วต่อให้ใช้เวลาทั้งชีวิตก็คงเป็นไปไม่ได้ เพราะฉะนั้นแค่วันนี้ ขอไอ้ดำกินอิ่มแค่วันนี้ไม่ได้เหรอ ฮือๆ

“อยากกิน อยากกิน อยากกิน อยากกินข้าวแบบไม่อั้นโว้ย!”

“หยุดนะโว้ย! วันนี้ข้าจะกระทืบเอ็งฝากไปให้ไอ้พันมันดูต่างหน้าให้ได้”

“ไม่หยุดโว้ย! แน่จริงก็ตามให้ทันสิวะ” กล่าวจบก็หันไปยกนิ้วกลางให้หนึ่งที แล้วสับขาวิ่งอย่างไว

“ไอ้เด็กเวร ตามไปฆ่ามัน!” ไอ้หมาบ้าตะโกนลั่นเลย หึๆ ให้ตายไอ้ดำก็ไม่กลัวหร๊อก ระดับนี้แล้ว ถึงเป็นลูกกระจ๊อกฝีมือต่อยตีห่วยแตก แต่เรื่องวิ่งไอ้ดำไม่เคยแพ้ใครอยู่แล้ว ฮ่าๆๆ

เอี๊ยดดดด หยุดแทบไม่ทัน เฮ้ยๆๆ เล่นมาดักรอด้านหน้าแบบนี้เลยเรอะ!

“หึหึ ไง คราวนี้เอ็งไม่รอดแน่” จะรอดได้ยังไงล่ะ ก็เล่นส่งคนมาดักหน้าแบบนี้ ตายๆไอ้ดำจะรอดไหมครับเนี่ย

“ไอ้พวกหมาหมู่ แน่จริงก็ตัวตัวดิวะ” หนอยๆ ถ้าตัวต่อตัวนะไอ้ดำต้องชนะสักคนสองคนล่ะวะ

“หึหึ ข้าแค่มาส่งของขวัญไปให้ลูกพี่เอ็ง ไม่จำเป็นว่ะ” อึก เอาแล้วไง ข้างหลังก็กลุ่มไอ้หมาบ้า ข้างหน้าก็ลูกกระจ๊อกของมันอีกโขยง ด้านซ้ายก็กำแพง ด้านขวาก็คลองแสนแสบ โถ่ ทางหนีไอ้ดำเหลือน้อยเกินไปหรือเปล่า

เหลือบดูทุกทิศทาง คิดหลายตลบ เอาวะโดดก็โดด ถึงมันลึกแต่สะอาดอยู่นา เดี๋ยวว่ายๆไปอีกด้านก็รอด ไม่ต้องคิดแล้ว ไปล่ะจ้า

ตู้ม!

“เฮ้ย!” พวกมันดูท่าจะตกใจ หึหึ แน่จริงก็ตามมาสิวะ แต่ด้วยระดับเด็กวัดที่อาบน้ำในคลองทุกวันแล้ว ต่อให้ลงมาก็ตามไอ้ดำคนนี้ไม่ทันหรอก รู้ซะบ้างว่าไผเป็นไผ

เอาล่ะ ว่ายไปๆ

เอ๊ะ! ขาติดอะไร บัดซบ ใครมันทิ้งแหไว้ในน้ำวะ หายใจจะไม่ออกแล้ว หลุดดิวะหลุดหลุด

ดิ้นไปหลายนาทีก็เปลืองแรง นี่ไอ้ดำจะตายอนาถแบบนี้ใช่ไหม ฮือ ฮือ อยากกินข้าว อยากกินหมู อยากกินเนื้อ อยากกินไก่
อยากกินจนน้ำลายไหลในน้ำแล้ว ขอให้ไอ้ดำได้กินจนท้องจะแตกบ้างเถอะ

ถ้าไอ้ดำรอดจะทำบุญให้เจ้ากรรมนายเวรเยอะๆเลยนะครับ ขอไอ้ดำกินข้าวเถอะนะ

ตาจะปิดแล้ว ทรมานเหลือเกิน...

..

..

..

พรึ่บ

เอ๊ะ ยังไม่ตาย เฮ้ยๆ แหก็หายไปแล้ว นี่มันบ้าอะไรกัน  ขึ้นไปด้านบนก่อนก็แล้วกันค่อยคิดทีหลัง

อะไรผักตบชวาทำไมเยอะขนาดนี้ จำได้ว่ามันมีน้อยกว่านี้ไม่ใช่เหรอ แอ่ก ขมคอ! น้ำทำไมขมแบบนี้ เกิดอะไรขึ้น
ขอแหวกผักตบชวา แล้วขึ้นไปสูดอากาศก่อน

“แค่กๆ แหวะๆ ทำไมมันเหม็นขนาดนี้เนี่ย” แสบหู แสบตาไปหมด เหม็นก็เหม็น มันเกิดอะไรขึ้นในน้ำกันนะ

“เฮ้ยๆๆ ไอ้น้ำเน่านี่มันอะไรวะ แล้วตึกสูงเสียดฟ้ารอบๆนั่นอีก ที่นี่มันยังไง ไอ้ดำงง” มองซ้ายมองขวาก็ตกใจ ไอ้สภาพที่เปลี่ยนไปจนไม่เหลือเคล้าเดิมนี่มันอะไรกัน หรือไอ้ดำจมน้ำแล้วมาเกยตื้นที่อื่นกัน

โอ๊ะ ป้ายอะไร

“สอ-แอ-นอ แสน สอ-แอ-บอ แสบ แสนแสบ บ้าไปแล้ว ที่นี่มันจะเป็นคลองแสนแสบที่น้ำใสสะอาดน่าอาบได้อย่างไร บ้าไปแล้ว หรือว่าไอ้ดำฝัน ตื่นๆ ตื่นได้แล้ว"

เพลี๊ยะ เพลี๊ยะ

ว่าจบก็ตบหน้าตัวเองไปหลายที  แต่ก็ไม่มีทีท่าว่าจะตื่นขึ้นมาเลยแฮะ เกิดอะไรขึ้นกับไอ้ดำกันแน่

แตร๊ดดดดด

เสียงอะไรกัน คุ้นหูเอามากๆ อ๊ะ ระ เรือเครื่อง! เรือเครื่องกำลังวิ่งมาทางนี้  ไม่เห็นคนหรือย่างไร ขับเร็วอะไรเช่นนี้ ใกล้จะชนไอ้ดำอยู่แล้วนะ!

“เฮ้ยๆ อย่ามาทางนี้มีคนอยู่ มีคนอยู่เว้ย!”

“อ้าก! มาแล้ว มาแล้ว” หนีสิครับรออะไร จ้วงเข้าไป ไอ้ดำ ด้วยศักดิ์ศรีของแชมป์ว่ายน้ำอันดับหนึ่งของเด็กวัด แต่ๆ มันเร็วเกินไปแล้ว

“อ้าก!”

ซ่า!

บุ๋งๆๆๆ จมอีกแล้ว...ชีวิตไอ้ดำจะเป็นยังไงต่อไปล่ะเนี่ย ฮือๆ

โปรดติดตามตอนต่อไป...

*แก้ไข 28/10/62







« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-10-2019 15:42:48 โดย GreenHead(หัวเขียว) »

ออฟไลน์ GreenHead(หัวเขียว)

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 124
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
    • Green Head - หัวเขียว
เปย์ครั้งที่ ๑ (รีไรท์)
«ตอบ #2 เมื่อ02-03-2018 10:03:08 »

เปย์ครั้งที่ ๑ (รีไรท์)

‘ชาติเสือต้องไว้ลาย ชาติชายต้องไว้ชื่อ’

ลูกผู้ชายที่ชื่อว่าตนมีความเก่งกล้าสามารถ จะต้องสำแดงวิชาความรู้และความสามารถให้ลือชาปรากฏแก่คนทั่วไป ดุจเสือ (ลายพาดกลอน) ก็ต้องมีลายฉะนั้น



ปีพุทธศักราช ๒๕๖๑

ตุ๊บ! ตั๊บ! ตุ๊บ! ตั๊บ!

“ตายซะเถอะมึง เฮ้ย! เอามีดมา” ชาย 5 คน กำลังรุมกระทืบชายเพียงคนเดียวที่นอนหมดสภาพอยู่ในตรอกเล็กๆ แห่งหนึ่ง พวกเขาสวมเสื้อช็อปไม่ต่างกัน แต่หากอยู่ต่างสถาบันเพียงเท่านั้น ใครเห็นคงรู้ได้ไม่ยากว่าเป็นการรุมทำร้ายคู่อริต่างสถาบันของพวกวิศวะ

“อึก” ร่างที่นอนคว่ำอยู่ถูกกระชากคอเสื้อขึ้นมาจ้องหน้ากับฝ่ายตรงข้าม แต่สายตาของเขากลับเย็นชา ไม่มีความกลัวในนั้นแม้แต่น้อย

“ไง แค่แข่งบาสกระชับมิตรกันครั้งเดียว มึงก็กล้าคาบผู้หญิงของกูไปแดกแล้วเหรอวะ” ปากพูด มือก็ยื่นไปรับมีดจากเพื่อนด้านหลัง

“หึ” รอยยิ้มเยอะปรากฏขึ้นที่มุมปาก แต่หากสายตายังคงเหยียบเย็น รอยยิ้มนี้ไม่ได้มอบให้กับคนตรงหน้า แต่หากเขากำลังยิ้มเยาะตัวเอง ไม่ว่าจะกี่ครั้งต่อกี่ครั้งฝ่ายที่วิ่งเข้าหาจะเป็นอีกฝ่ายเสมอ เพียงเสนอ เขาก็พร้อมสนอง แต่มันก็มักมาพร้อมกับผลลัพธ์อันเลวร้ายเช่นทุกครั้งไป

“ยิ้มอะไรวะ หึ วันนี้กูจะกรีดหน้าหล่อๆ ของมึงให้เอง จะได้ไม่มีหน้าไปแย่งแฟนใครได้อีก” คมมีดคมกริบถูกยื่นเข้าไปใกล้ใบหน้าอันหล่อเหลา เสียงข่มขู่นั้นก็เต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว เขาโดนแฟนบอกเลิกก็เพราะมัน วันนี้ต้องสั่งสอนให้หลาบจำ!

“สมเพทตัวเองน่ะ เงินก็จ่ายให้แล้วแท้ๆ ดันหาเรื่องมาให้ซะอย่างนั้น” คนโดนมีดจ่อกลับตอบกลับโดยไร้ความกลัว ทั้งถ้อยคำที่พูดออกไปก็ไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ แต่หากใครได้ฟังก็คงตีความหมายได้ไม่ยากว่า เขาซื้อตัวผู้หญิงมานอนด้วย ไม่ได้แย่งของใครมา มันไม่ใช่การแย่งแฟน

เขาไม่ได้ใส่ใจ เพราะทุกครั้งที่ผู้หญิงวิ่งเข้าหาเขาจะชัดเจนเสมอว่าพวกเธออยู่ในสถานะไหน ถ้าใครรับได้ก็ตอบรับ แต่มันมักจบลงเช่นนี้ พวกเธอชอบหวังให้เขาจริงจัง เมื่อเขาตอบรับพวกที่มีแฟนก็จะกลับไปเลิกกับแฟนคนปัจจุบันทันที สุดท้ายถ้าไม่จบด้วยโดนกลั่นแกล้ง โดนด่า ก็จะโดนทำร้ายร่างกายเช่นนี้เสมอ

“ไอ้เวร มึงดูถูกแฟนกู”

อั๊ก!

หมัดหนักๆ กระแทกเข้าใบหน้าอย่างจัง แต่กระนั้นก็ยังดูดีแม้มีบาดแผล ตัวเขาเองคิดว่าบางทีให้มีแผลเป็นบ้างก็คงจะลดความวุ่นวายพวกนี้ได้ไม่น้อยเหมือนกัน

“เฮ้ย เร็วๆ ดิวะ เดี๋ยวก็มีคนมาเห็นกันพอดี” หนึ่งในเพื่อนที่ยืนดูเหตุการณ์เร่งเร้าเพื่อนให้รีบจัดการธุระให้เรียบร้อย ถึงจะเป็นตอนกลางคืน แต่พวกเขาอยู่ในเมืองที่พลุกพล่าน ไม่ช้าต้องมีคนมาเห็นอย่างแน่นอน

“เออๆ ...หึหึ เริ่มจากตรงไหนดีล่ะครับ คุณหนูสิริน ฮ่าๆๆ” เสียงหัวเราะดังขึ้นอย่างพร้อมเพียง บรรดาผู้ลงมือทั้ง 5 คน กำลังหัวเราะกับความสำเร็จในครั้งนี้

เพียงคมมีดกดลึกลงไปบนแก้มสีขาว เลือดสีแดงก็ค่อยๆ ไหลอยากมา

“หยุดนะโว้ย พวกเอ็งทำอะไรกัน” เสียงเล็กๆ แต่หากแฝงด้วยความก้าวร้าวของเด็กคนหนึ่งดังขึ้น พาให้คนทั้งหกหันไปมอง พวกเขาพบกับเด็กผู้ชายที่คาดว่าอายุน่าจะประมาณมอต้น สวมใส่เสื้อผ้าที่เปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำเน่าแห้งเกรอะกัง ผมก็แห้งเกาะกันเป็นก้อน ร่างกายเต็มไปด้วยรอยเปื้อนโคลน

“คนบ้านี่หว่า...ไปไกลๆ เลยถ้าไม่อยากจมตีนอีกคน ชิ้วๆ ไอ้เด็กบ้า” ผู้ชายที่ยืนอยู่ออกปากไล่ มองจากสภาพแล้วคงตีความได้ไม่ยากว่าคนที่ถือไม้หน้าสามยืนจังก้าอยู่ไม่ไกลนี่เป็นคนบ้าอย่างแน่นอน

“ว่าใครบ้าวะ พวกเอ็งนั่นแหละหมาหมู่ ทำร้ายคนไม่มีทางสู้ ไอ้พวกขี้ขลาด!” เด็กบ้าส่งเสียงด่าอย่างบ้าคลั่ง คิดแล้วแค้นเพราะพวกหมาหมู่นั่นเขาถึงได้โผล่มาที่ประหลาดๆ เช่นนี้

“หนอย จัดการมันอีกคนเลยก็แล้วกัน” ชายที่จับคอเสื้อของสิรินอยู่ปล่อยมืออย่างหัวเสีย แล้วคิดจะจัดการไอ้เด็กบ้านี่อีกคน แส่หาเรื่องก็จัดการเพิ่ม กระทืบคนบ้าน่ะไม่มีใครมาเอาผิดอยู่แล้ว

“ย้าก! วันนี้ถึงต้องตายไอ้ดำก็จะทิ้งชื่อไว้ที่นี่ ไม่เหมือนพวกหน้าตัวเมียอย่างพวกเอ็งหรอก!” เด็กชายตัวเล็กพุ่งเข้าใส่กลุ่มชายฉกรรจ์ทั้งห้าอย่างไม่เกรงกลัว กระโดถีบคนที่อยู่หน้าสุด ก่อนจะหมุนตัวลงพื้นอย่างสวยงาม จากนั้นก็ใช้ไม้หวดไปที่ท้องของชายอีกคน หลบลูกเตะจากด้านหลังด้วยการกระโดดขึ้นสูงโดยใช้ขาที่เตะมาเป็นฐานกระโดด

แรงกระโดดถีบตัวขึ้นสูงพอๆ กับชายคนที่ 4 เขาจึงหมุนตัวเตะก้านคอของคู่ต่อสู้ พอชายคนนั้นล้มก็ใช้เป็นฐานเหยียบไปจัดการผู้ชายอีกคนที่ดูแล้วน่าจะเป็นหัวโจกของกลุ่ม

ตัวที่เล็กและเบาทำให้ดำไปนั่งบนบ่าของอีกฝ่ายได้ ใช้ขารัดคอจากนั้นก็ใช้ไม่ตีไปที่หัวสุดแรง

ปึก!

“ไปตายซะไอ้พวกหมาหมู่...อันธพาลของที่นี่อ่อนแอเกินไปแล้ว ทั้งที่ไอ้ดำเป็นพวกปลายแถวแท้ๆ ยังจัดการได้เลย หึ” เมื่อเรียบร้อยก็กระโดดตีลังกาลงพื้นจ้องมองศัตรู และกล่าวอย่างผู้เหนือกว่า

สิรินมองภาพเหล่านั้นด้วยความตะลึง เด็กตัวเล็กๆ เพียงคนเดียวแต่กลับจัดการชายตัวโตๆ ได้อย่างง่ายดาย เด็กบ้าคนนี้เป็นใครกันแน่

พึบ!

“เฮ้ย เป็นอะไรรึเปล่า” สิรินถามด้วยความตกใจ เพราะอยู่ๆ เด็กคนนั้นก็ล้มลง เมื่อไร้เสียงตอบรับเขาจึงพยุงตัวขึ้นเพื่อไปดูอาการของคนที่ช่วยชีวิตเขาไว้ ถึงจะเป็นคนบ้า แต่ก็ต้องตอบแทน อย่างน้อยคงต้องช่วยส่งไปรักษา

ชายหนุ่มที่ดูอย่างไรก็น่าจะเป็นคุณชายรักสะอาด แต่กลับเข้าไปพยุงคนบ้าที่ทั้งเปื้อน ทั้งเหม็นอย่างไม่คิดรังเกียจ หากใครได้มาเห็นคงหลงใหลผู้ชายคนนี้มากขึ้นไปอีก

“หะ...” สิรินได้ยินคำพูดอันแสนเบาหวิว จึงพยายามเงี่ยหูฟังอีกครั้ง เด็กคนนี้อาจจะบาดเจ็บตรงไหนอยู่ก็ได้

“หิว...หิวข้าว” เมื่อได้ฟังชัดๆ เขาก็ต้องตกใจอีกครั้ง มันต่างจากที่เขาคาดไว้มากเกินไป

“หึหึ ฮ่าๆ โธ่ เด็กบ้าเอ๊ย” เสียงหัวเราะดังขึ้นอย่างไม่เก็บอาการ รอยยิ้มพึงพอใจปรากฏขึ้นบนใบหน้า เสริมให้สิรินน่ามองมากขึ้นไปอีก เขามองเด็กตรงหน้าอย่างพิจารณา แล้วจึงตัดสินใจกดโทรศัพท์หาใครบางคน

“ไอ้ทิวขับรถมารับที” สิรินคิดว่าเขาคงต้องพาเด็กคนนี้ไปจัดการให้เรียบร้อย จะพากลับเองคงไม่สะดวก เพราะเขาเองขับมอเตอร์ไซค์มา จะให้คนที่สลบอยู่ซ้อนท้ายไปคงต้องหล่นลงไปแน่ๆ

“อะไรว้า กูขี้เกียจ ง่วงเว้ยยย ลูกรักของมึงหายไปไหน” ทิวคือเพื่อนไม่กี่คนของสิริน พวกเขามีฐานะไม่ต่างกันจึงเข้าใจกันได้เป็นอย่างดี ไม่ต้องมาระแวง ไม่ต้องสวมหน้ากากเข้าหากันเหมือนเพื่อนคนอื่นๆ

“วันนี้มีเรื่องอีกแล้ว พอดีมีคนเข้ามาช่วย ตอนนี้สลบอยู่ขับรถมารับหน่อยกลับเองไม่สะดวก” เสียงราบเรียบตอบกลับเพื่อน พร้อมจ้องมองคนที่อยู่ในอ้อมแขน เด็กคนนี้ผอมแห้งไปหมด คงจะไม่ค่อยกินอะไรสินะ

“ห๊ะ ทำไมพึ่งมาบอกวะ น่าน ไอ้น่านเว้ย ตื่นๆ มึงอยู่ที่ไหนว่ามา” ทิวเริ่มร้อนรน สิรินน่ะโดนอะไรแบบนี้บ่อยๆ พวกเขาเองก็ด้วย ปกติก็สู้ได้ แต่ถ้าถึงขั้นต้องให้คนมาช่วยจนหมดสติเนี่ยแปลว่าฝ่ายนั้นมีหลายคน ไม่ก็เล่นสกปรกแน่ๆ

“อยู่ที่XXX”







“มาช้า” เสียงเย็นชาเอ่ยขึ้น เมื่อเห็นเพื่อนนำรถมาจอดริมฟุตบาต เขาเดินออกมาจากตรอกนั้น แล้วยืนรอมาได้เกือบครึ่งชั่วโมง แถมยังอุ้มเจ้าเด็กผอมแห้งเอาไว้อีก ต่อให้ตัวเบาหวิว แต่อุ้มนานๆ มันก็เมื่อยจนอดบ่นไม่ได้

“โหๆ บ่นๆ มึงว่านี่กี่โมงกี่ยาม ตี 3 ครับ คุณชายสิริน กว่าเพื่อนจะลุกจากที่นอนได้แต่ละคนแทบฆ่ากันตายอยู่แล้วครับ” ทิวตอบเพื่อนกลับไปกวนๆ เมื่อเห็นว่าเพื่อนปลอดภัยดี ถึงมีแผลที่แก้มเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้สาหัสอะไร

“แล้วพวกมึงขนกันมาเพื่อ” กระจกเลื่อนลงต่ำเขาจึงเห็นเพื่อนอีก 2 คนนั่งทำหน้าสลอนอยู่ด้านใน

กลุ่มเขามี 4 คน นอกจากทิว ก็มีน่านซึ่งทำหน้าที่ขับรถกับก้องที่นั่งเบาะหลังพร้อมสื่อคำพูดผ่านสายตาว่าเร็วๆ เถอะกูง่วง หนอนหนังสือที่ไม่เหมาะจะเรียนวิศวะ แต่ก็คิดสอยห้อยตามกันมาจนได้

“ก็ไอ้ทิวไง แม่ง พูดยังกับว่ามึงปางตาย ปลุกพวกกูที่เมาค้างมาด้วยเนี่ย” น่านฟ้องสิรินในทันที ในกลุ่มเขาก็สิรินนี่แหละที่ดูพึ่งได้มากกว่าคนอื่น

“เออๆ กูผิดก็ได้ แล้วนั่น” ทิวรับผิดอย่างขอไปที ตอนนั้นเขาตกใจเกินเหตุไปนิดหน่อยเองล่ะนะ ตอนนี้รับๆ ไปก่อนขี้เกียจฟังไอ้คนปากมากบ่น จึงชี้เป้าหมายของหัวข้อสนทนาใหม่ทันที

“ขอขึ้นรถก่อนได้ไหม” คนถูกถามตอบกลับเป็นคำถามเช่นเดียวกัน ทั้งยังพูดด้วยเสียงเบื่อหน่าย แต่ปากก็ขยับยิ้มบางๆ เขารู้ว่าถึงจะบ่นกันไปแต่ทุกคนก็เป็นห่วงเขา แล้วถ้าหนึ่งในพวกนี้เป็นอะไรไปเขาก็คงเป็นห่วงไม่ต่างกัน

“อุ๊บ เหม็น” ก้องที่นั่งเบาะหลังอยู่ก่อนแล้วพูดขึ้น พร้อมจ้องมองวัตถุประหลาดที่อยู่ในอ้อมแขนของสิรินด้วยความสงสัย

“ก็นะ คนบ้าน่ะ น่าจะไปลงน้ำเน่ามา” สิรินตอบพร้อมกระชับอ้อมแขน พอเขามาในรถคนตัวเล็กก็สั่นเล็กน้อย คงจะหนาวสินะ

“ห๊ะ” ทั้งสามคนตะโกนลั่น สิรินเป็นคุณหนูที่ถูกเลี้ยงดูมาอย่างดี เขาจึงติดความเรียบร้อย การเข้าไปยุ่งกับคนบ้าที่ทั้งไม่เรียบร้อยทั้งยังสกปรกมอมแมมจึงทำให้พวกเขาแปลกใจ

จากนั้นทั้งสามก็ขยี้ตาอย่างพร้อมเพียง

“กวนตีน...เด็กคนนี้ช่วยกูไว้น่ะ ก็เลยอยากช่วย อย่างน้อยก็คงต้องพาไปรักษา” หลังจากมองภาพนั้นด้วยสายตาเอือมระอา สิรินก็ไขข้อข้องใจให้เพื่อนทันที

“อ๋อ แล้วเด็กนี่เป็นไงบ้าง โดนพวกมันอัดพร้อมมึงเหรอวะ” ทิวถามขึ้น เด็กนี่ตัวเล็ก แถมเตี้ยกว่าเขาหลายเซน ทั้งยังดูผอมแห้ง ถ้าโดนซ้อมจนสลบคงอาการหนักเอาการ

“เปล่า หิวจนสลบน่ะ ไม่ได้โดนอะไร” จากนั้นคนทั้งรถก็เงียบกริบ รู้สึกว่าวันนี้จะมีเรื่องไม่น่าเชื่อมากเกินไป เลิกเดาอะไรไปเองท่าจะดีกว่า

“แล้วจะให้กูพาไปไหน สั่งมาเลยครับคุณชาย” ทิวทำลายความเงียบด้วยน้ำเสียงยียวน เอาไว้เคลียร์ปัญหานี้ให้เรียบร้อยอย่างอื่นค่อยว่ากัน

“คอนโด”





“กูค้างนี่นะ” ประโยคนี้ไม่ใช่คำขอ แต่หากเป็นประโยคบอกเล่าของก้อง พอพูดจบเจ้าตัวก็เดินไปนอนห้องพักแขกอย่างไม่เกรงใจ

เพราะมาค้างที่นี่บ่อย จนความเกรงใจน่ะเก็บใส่กรุไปนานแล้ว

“เฮ้ยๆ ก้องรอด้วย” แล้วทิวก็เป็นรายต่อไปที่หายเข้าไปในห้อง

“มึงจะทำอะไรก่อนวะ ให้ช่วยไหม” น่านเกาหัวแกรกๆ อย่างคิดอะไรไม่ออก ก็เลยตัดสินใจถามเจ้าของห้องแทน

“จะพาไปอาบน้ำ อย่างแรกคงต้องให้หายเหม็นก่อน มึงไปนอนเหอะ เมาค้างอยู่ไม่ใช่เหรอ เดี๋ยวไปเรียนไม่ไหวซะเปล่า”

“โอเค ถ้ามีอะไรก็ปลุกได้ พวกมันด้วย” สิรินพยักหน้าตอบรับก่อนจะหายเข้าไปในห้องนอนของตัวเอง น่านมองด้วยความแปลกใจ เพราะห้องนอนเป็นพื้นที่ส่วนตัวที่แม้แต่พวกเขาก็ต้องขออนุญาตก่อนเข้า

“มันคงกลัวเสียงดังมั้ง ช่างเหอะๆ” เมื่อคิดได้ดังนั้น และปวดหัวเกินบรรยาย น่านก็เดินเข้าไปนอนกับอีก 2 คน ที่เข้าไปก่อนแล้ว

สิรินพาคนตัวเล็กเข้าไปในห้องน้ำ เปิดน้ำในอ่าง ระหว่างรอให้น้ำเต็มก็จัดการพยุงให้ร่างเล็กยืน แล้วถอดเสื้อผ้าออกจนหมด จ้องมองร่างกายสีน้ำผึ่งอย่างพิจารณา

“ผอมแห้งขนาดนี้ ไปเอาแรงมาจากไหนนะ” นั่นเป็นเรื่องที่เขาแปลกใจที่สุด ตอนอุ้มรู้สึกว่าเบา และผอม พอยิ่งเห็นชัดๆ แบบนี้ถึงรู้ว่าผอมมากกว่าที่คิด มีซี่โครงโผล่ออกมาให้เห็น ใช้ยืนยันคำพูดว่า “หิว” ได้เป็นอย่างดี

สิรินวางร่างนั้นลงในอ่างอาบน้ำ แล้วจึงหันไปถอดเสื้อช็อป และกางเกงยีนส์ เหลือไว้เพียงเสียยืดสีดำกับบ็อกเซอร์ตัวบางเท่านั้น จากนั้นเข้าไปนั่งบนขอบอ่างอาบน้ำ จัดแจงให้หัวของคนในอ่างพาดลงที่ขา แล้วเริ่มต้นการสระผม ตามด้วยการอาบน้ำ ทำความสะอาดไปทั่วร่าง เรียกได้ว่าทำความสะอาดทุกซอกทุกมุมเลยทีเดียว

ในระหว่างนั้นเขาก็ได้ยินเสียงคางฮึมฮัมของคนที่ตัวเองกำลังบริการอยู่เรื่อยๆ ส่งเสียงว่ากวนใจบ้าง พอใจบ้าง แต่ก็ไม่มีท่าทีว่าจะลืมตาขึ้นมาเลย

“นี่ๆ นี่ตื่นเถอะ ต้องแปรงฟันแล้วนะ” สิรินพาร่างเล็กออกมายืนหน้ากระจกในสภาพที่ใช้ผ้าผืนใหญ่ห่อเอาไว้ทั่วร่าง เหลือไว้เพียงหัวกับเท้าเท่านั้น

“อื้อ” แต่ดูเหมือนจะยังไม่ได้รับความร่วมมือ คนตัวเล็กก็ส่งเสียงอย่างรำคาญ สิรินไม่อยากบังคับจึงหยุดคิดสักพักแล้วก้มไปกระซิบข้างหูของคนในอ้อมกอดแทน

“อ้าปากเร็ว เดี๋ยวจะพาไปกินข้าว” ได้ผลทันที เจ้าคนหิวยอมอ้าปาก แถมยังกว้างจนสิรินอดที่จะยิ้มเอ็นดูไม่ได้

เขาจัดการแกะแปรงฟันอันใหม่ บีบยาสีฟันลงไป แต่พอเอาเข้าปากเท่านั้น

งับ! แจ๊บๆ

“เฮ้ย ห้ามกิน อันนี้ไม่ใช้ของกิน หยุดๆ”

สุดท้ายการแปรงฟันก็เต็มไปด้วยความทุลักทุเล กว่าจะแปรงฟันเสร็จก็ใช้เวลาไปมากกว่าอาบน้ำเสียอีก

สิรินวางคนที่เขาจัดแจงใส่ชุดให้เรียบร้อยลงบนเตียง ร่างนั้นใส่เพียงเสื้อยืดของเขา เพราะว่าตัวเล็กเกินกว่าที่จะใส่อะไรของเขาได้ แล้วห่มผ้าให้ พอหันไปมองนาฬิกาก็พบว่าเวลาเลยตี 5 ไปแล้ว เขาอาบน้ำให้คนตัวเล็กราวๆ 2 ชั่วโมงได้ ทั้งเหนื่อยทั้งง่วง ข้าวเอาไว้ค่อยหาให้พรุ่งนี้ก็แล้วกัน

จากนั้นเขาก็เข้าไปอาบน้ำแล้วออกมานอน พอล้มตัวลงถึงได้เห็นว่าคนข้างๆ กำลังสั่น

“หนาวเหรอ ฉันไม่ชอบนอนร้อนๆ ด้วยสิ” สุดท้ายสิรินก็ดึงคนตัวเล็กเข้ามากอดเอาไว้ เจ้าตัวพอได้รับความอบอุ่นก็ซุกหาทีเหมาะๆ จนเลิกสั่นแล้วหลับสนิทไป

จะบอกว่าไม่เพียงน่านที่แปลกใจ เขาเองก็แปลกใจตัวเองเหมือนกัน พาคนบ้ามานอนด้วยเนี่ย แล้วยังรู้สึกดีที่นอนกอดเด็กผู้ชายอีก...ดูท่าเขาจะเพี้ยนไปแล้วจริงๆ





ตี๊ด ตี๊ด ตี๊ด ตี๊ด

แป๊ก!

“อือ” สิรินกดปิดนาฬิกาปลุกข้างหัวเตียง ก่อนจะควานหาคนตัวเล็กที่เขาโอบกอดเอาไว้เมื่อคืน

“เฮ้ย! หายไปไหน” เขาลุกพรวดขึ้นมาด้วยความตกใจ คนที่นอนข้างๆ หายไปไหนซะแล้ว คงไม่ใช่หนีไปแล้วหรอกนะ คิดได้ดังนั้นก็รีบลุกออกไปดูด้านนอก

ตุ๊บ! เพล้ง! ซู่

“แหวะ อ้วก!”

เสียงอึกกระทึกดังมาจากห้องครัว ตามด้วยเสียงน้ำไหล และเสียงอ้วกของใครบางคน สิรินจึงรีบวิ่งเข้าไปดู

เขาชะงักอยู่ด้าน หน้า เพราะตกใจกับสภาพห้องครัวที่พังเละแทบไม่เหลือเคล้าเดิม เครื่องครัวกระจัดกระจายไปทั่ว และเสียงที่แตกเมื่อครู่คือบรรดาแก้วที่เรียงรายเอาไว้ในชั้นด้านบน จากความเป็นห่วงแปรเปลี่ยนเป็นโกรธแทบจะปะทุในทันที

“นายทำอะไร” เสียงเย็นทรงอำนาจดังขึ้นขัดจังหวะคนที่กำลังอ้วกหน้าดำหน้าแดง

“อ๊ะ” ดำชะงักแล้วหันมามอง น้ำตาที่คลออยู่ก็เริ่มไหลออกมาจนคนมองตกใจ

“ฮือ หิวอะ หิว หิว ฮือๆ อึกหิว” มือกุมท้อง ปากก็ร้องบอกว่าหิว ทั้งยังร้องไห้โฮเหมือนเด็กตัวเล็กๆ น้ำตา น้ำมูกเกรอะกังจนน่าสงสาร

“ฮะ...เฮ้ยๆ อย่าร้องสิ อย่าร้องๆ” กลายเป็นว่าสิรินลืมความโกรธไปในทันที เห็นอาการนั้นแล้วแม้แต่คนอย่างเขาเองก็ทำอะไรไม่ถูก

“แง โฮๆ หิว หิว อึก ข้าว อ่า ฮือ” เสียงร้องยังคงดังลั่น จนคนอื่นๆ ก็พลอยตื่นไปด้วยเพราะได้ยินเสียงร้อง

“เป็นไรวะ” น่านถามอย่างสงสัย ถึงจะรู้ว่าเป็นคนบ้า แต่ถ้าจะร้องไห้คงมีสาเหตุบ้างล่ะนะ

ก้องเดินเข้าไปหาพร้อมกับล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกง เพราะไม่ได้เปลี่ยนเสื้อผ้าจากเมื่อคืน ของที่เอาใส่ไว้ก็เลยยังอยู่

“อ๊ะ กินสิ” ก้องยื่นช็อกโกแลตห่อสีแดงที่พกติดตัวเอาไว้แก้ง่วงไปให้ พร้อมรอยยิ้มกว้างจนตาหยีอย่างเป็นมิตร เพื่อหวังว่าอีกฝ่ายคงสงบลงถ้ารู้ว่าเขาไม่ได้อันตราย

เสียงร้องไห้หยุดลง แล้วเจ้าของเสียงร้องก็มองอย่างลังเล

พึ่บ!

พอแน่ใจแล้วถึงดึงช็อกโกแลตไปแกะกินคำโต

ส่วนคนที่เหลือก็ได้แต่มองก้องด้วยสายตานับถือ เจ้าง่วงก้องผู้สยบคนบ้า บันไซ!

“อินอีก อออีก” คนมูมมามพยายามสื่อสารกับคนใจดี ตั้งแต่โผล่มาที่นี่มีแต่คนไล่เขาเหมือนหมูเหมือนหมา หลายวันที่ผ่านมาจึงได้ต้องคุ้ยขยะกินประทังชีวิต ทำตามพวกคนจรจัดแถวนั้น ซึ่งมันมีของเน่าซะส่วนใหญ่จนเขากินแล้วอ้วก กินแล้วท้องเสียจนผอมแห้งลงกว่าแต่ก่อนมากขนาดนี้

“กินให้หมดแล้วพูดดีๆ สิ” สิรินเดินเข้ามาใกล้แล้วพูดขึ้นอย่างปลงๆ เอาเถอะก็อย่างที่ว่าไปถือคนบ้ามันจะได้อะไรขึ้นมา

อึก

“ขอบใจเอ็งมากนะ แต่ขออีกได้ไหม ไอ้ดำยังไม่อิ่มเลย” เจ้าคนหิวก็ว่าง่ายยอมกลืนช็อกโกแลตลงคอแล้วพูดรัวเร็วจากนั้นก็ส่งสายตาหมาน้อยมาให้ สายตานั้นสื่อว่า นะ นะ ไอ้ดำขอกินอีกนะ จนคนมองจะอดเอ็นดูไม่ได้

ตอนนี้สภาพที่กลับมาเป็นผู้เป็นคนแล้วดูน่ารักไม่น้อย ถึงจะดูขี้ก้างไปบ้าง แต่ดวงตากลมโตกลับทอประกายอย่างดึงดูดชวนมองอย่างน่าประหลาด

“ขอโทษนะ มันหมดแล้วล่ะ” ก้องตอบโดยไม่สนใจคำขอบคุณที่ไม่คำนึงถึงอายุของตัวเองนั่น แล้วยังไอ้คำว่าเอ็งนั่นอีก ก็นะจะไปถือคนบ้าได้อย่างไร

“หิว” เจ้าหมาน้อยดูสลดลงทันตา ไม่เพียงเท่านั้นยังลงไปนอนขดอย่างน่าสงสาร คนทั้ง 4 ก็ได้แต่จ้องมองอย่างจนใจ มึนๆ งงๆ ตามไม่ทันอารมณ์แสนแปรปรวนนั่นเลย

สิรินเห็นว่าถ้าไม่ทำอะไรสักอย่างพวกเขาคงไม่เป็นอันไปเรียนแน่ก็เลยคิดจะลองคุยดีๆ ด้วย อาจจะรู้เรื่องกว่าที่คิดก็ได้ เขาเดินไปหยิบบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป แล้วไปกดน้ำที่ตู้เย็นอัตโนมัติแสนสะดวกสบาย มันมีทั้งช่องน้ำร้อนและน้ำเย็นอย่างครบครัน

กลิ่นหอมๆ ของบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปรสหมูสับทำให้เจ้าหมาตัวโตลุกขึ้นนั่งมามองตามอย่างมีความหวัง น้ำลายก็ไหลออกมาอย่างไม่อาย

“รออีก 3 นาที ก็กินได้แล้ว มานั่งสิ” สิ้นเสียงของสิริน เจ้าลูกหมาก็วิ่งหางกระดิกไปนั่งโต๊ะอย่างว่าง่าย นั่งมองเจ้ากระป๋องกลมๆ ที่ว่างอยู่บนโต๊ะอย่างไม่วางตา

3 นาที 3 นาทีไอ้ดำก็จะได้กินแล้ว

สิรินมองภาพนั้นยิ้มๆ ก่อนจะหยิบทิชชู่มาเช็ดน้ำลายของเจ้าหมาอย่างเบามือ เจ้าหมาเองก็นั่งนิ่งไม่หือไม่อือตาจ้องเพียงของกินตรงหน้า ตอนนี้ความสนใจทั้งหมดคงอยู่ที่ตรงนั้นไปแล้ว

“ถ้าอย่างนั้นกูไปเรียนก่อนนะ มีเรียนเช้าว่ะ” ก้องเห็นว่าสิรินจัดการสถานการณ์ได้จึงขอตัว พวกเขาเรียนคณะเดียวกันก็จริงแต่กลับเรียนกันคนละสาขา บางวิชาก็เลยเรียนไม่ตรงกัน

เขาเรียนวิศวกรรมเคมี ทิวกับน่านเรียนวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ ส่วนสิรินเรียนวิศวกรรมโยธา และปีนี้พวกเขาอยู่ปี 3 แล้ว ปีหน้าคงต้องฝึกงาน วิชาที่เรียนจึงขาดไม่ได้ ต่อให้เมาค้างขนาดไหนก็ต้องฝืนสังขารไปเรียน อาจารย์แต่ละคนก็โหดๆ ทั้งนั้น เสี่ยงไทร์กันเป็นแถว

“เออ กูกับไอ้ทิวด้วย ไปนะมึง เจอกันพักเที่ยง” จากนั้นเพื่อนๆ ทั้ง 3 ของสิรินก็กลับออกไปเหลือไว้เพียงเจ้าหมาจอมหิวกับนายสิรินผู้เก็บน้องหมากลับบ้านเท่านั้น

“นี่ๆ 3 นาทีรึยัง ไอ้ดำหิว” เจ้าหมาส่งสายตาอย่างออดอ้อน เห็นแบบนั้นเขาก็พยักหน้ารับ จ้องมองคนกินที่แทบจะกินเข้าไปในคำเดียว

“แค่นี้คงไม่อิ่มสินะ แต่นายทำครัวเละไปหมดแล้ว วัตถุดิบคงใช้ไม่ได้ รออีก 30 นาทีก็แล้วกัน” พูดจบก็ถอนหายไปอย่างปลงๆ

“ของพวกนั้นไม่เห็นอร่อยเลย แข็งก็แข็ง เอ็งกินของแบบนั้นเหรอ” ดำถามอย่างสงสัย พร้อมชี้ไปที่เส้นสปาเก็ตตี้เกลื่อนพื้น มันไม่เข้าใจคนพวกนี้เลย

“มันต้องทำให้สุกก่อนถึงจะอร่อย ไม่รู้รึไง” คำถามประหลาดๆ ของดำทำให้สิรินละความสนใจจากโทรศัพท์ที่พึ่งกดสั่งพิซซ่าไป

“สุก แต่ไม่มีเตา เอ็งจะบ้าเรอะ” ไม่เพียงคำพูดประหลาดๆ สายตาที่ส่งไปให้สิรินก็เต็มไปด้วยความสงสาร เหมือนจะบอกว่า สิรินนี่ช่างโง่จริงๆ

โป๊ก!

“โอ๊ย เขกหัวไอ้ดำทำไม หาเรื่องกันเรอะ” มือกุมหัว แต่สายตากับเข่นเขี้ยว พร้อมสู้ทุกเมื่อ

“เฮ้อ ช่างเถอะ อธิบายไปนายก็คงไม่เข้าใจ” สิรินละความสนใจจากเจ้าหมา แล้วเดินไปยกเตาไฟฟ้าที่พื้นกลับไปไว้ที่เดิม

“เฮ้ยๆ อย่าจับนะมันร้อน ดูสิมือไอ้ดำพองหมดเลย” ดำลุกขึ้นมาห้ามสิริน ถึงเมื่อครู่จะถูกทำร้ายร่ายกายไปเล็กน้อย แต่สิรินก็เลี้ยงข้างเขา ไอ้ดำน่ะรู้จักบุญคุณคนนะ หลวงตาสอนมาดี

“ไปนั่งรอที่โซฟา จะทายาให้” อารมณ์ของสิรินขุ่นมัวอีกครั้ง เมื่อเห็นว่ามือเล็กๆ นั่นแดงแจ๋ คงจะเสียบปลั๊กแล้วกดเล่นเข้าถึงได้ถูกไปลวกแบบนี้ มันน่าจับตีก้นจริงๆ เลย เขาจึงยกเตาขึ้นวางด้านบนก่อนจะออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด

“โซฟา โซฟาคืออะไร” คำถามประหลาดๆ ถูกถามอีกครั้ง สิรินจึงเริ่มสงสัยความเป็นมาของเด็กคนนี้มากขึ้น ถึงเป็นคนบ้าก็ต้องรู้จักของใช้ทั่วไปได้บ้าง แต่แบบนี้เหมือนกับไม่เคยเห็นสิ่งของพวกนี้มาก่อนเสียมากกว่า

“ตามมา” คงต้องลองคุยกันดูจริงๆ สินะ การพูดคุยที่ดูมีสติ กับคำถามประหลาดๆ พวกนี้ เขาคงต้องลองค้นหาคำตอบดูสักครั้ง

ไอ้ดำก็ว่าง่ายเดินตามไปนั่งลงบนเก้าอี้นุ่มที่เรียกว่า โซฟา อย่างตื่นเต้น มันไม่เคยนั่งของแบบนี้มาก่อน มันนุ่มพอๆ กับที่นอนที่ได้นอนเมื่อคืนเลย

พวกคนมีตังค์นี่สบายกันจริงๆ เลย โอ๊ย ไอ้ดำอิจฉา

สิรินทายาแก้ไฟลวกในดำจนเสร็จ แล้วจึงเปิดปากพูดคุย

“นี่ เรามาเล่นเกมกันไหม” สิรินถามเจ้าคนที่หันไปหันมาไม่ยอมอยู่นิ่งเรียกความสนใจให้เจ้าตัวมามองเขาในทันที

“เกม อืม...ได้สิ จะเล่นอะไร บอกไว้ก่อนนะว่าถ้าเป็นเกมทอยลูกเต๋าไอ้ดำเก่งมาก ไม่เคยแพ้ใครเลยนะ” มือทุบอกบึกๆ อย่างอย่างอวดๆ แถมยังยิ้มอวดเขี้ยวขาวอย่างน่ารัก สิรินมองแล้วรู้สึกอารมณ์ดี ความขุ่นมัวจากเหตุการณ์เมื่อครู่หายไปชั่วพริบตา เจ้าเด็กคนนี้จะทำให้อารมณ์เขาเปลี่ยนไปมาง่ายดายเกินไปแล้ว

อาจจะเพราะความตรงไปตรงมาที่ไร้การแต่งแต้มนี่ล่ะมั้ง เขาซึ่งอยู่ท่ามกลางคนใส่หน้ากากเข้าหากันถึงได้รู้สึกเอ็นดูคนตรงหน้ามากขนาดนี้

“หึหึ ไม่ใช่หรอก เกมถามตอบน่ะ” จบคำตอบดำก็หน้าเสีย ส่ายหน้าระรัวปฏิเสธหัวชนฝา

“ไม่ๆ ไอ้ดำโง่ คำถามยากๆ ไอ้ดำตอบไม่ได้หรอก เปลี่ยนเกมเถอะนะ...นะ”

“อุ๊ป ฮ่าๆๆๆ ไม่ยากหรอก สัญญาเลย” สิรินหัวเราะเสียงดังอย่างที่ยากจะได้เห็น เด็กคนนี้ทำเขาอารมณ์ดีได้ขนาดนี้เชียว

“ก็ได้ สัญญาแล้วนะ” ดำไม่เข้าใจท่าทีของสิริน แต่เห็นว่าอีกฝ่ายยอมให้สัญญาก็เลยตอบรับอย่างง่ายดาย

ก็คนคนนี้ให้ข้าวไอ้ดำกิน คนที่ให้ข้าวให้น้ำคนอื่นกินน่ะต้องเป็นคนดีมากๆ แน่นอน

ไอ้ดำเชื่ออย่างนั้น...



โปรดติดตามตอนต่อไป...

________________________________________

สวัสดีค่ะ เปิดเรื่องใหม่อีกแล้ว
ใครอยากได้นิยายสายฮิลจิตใจ เก็บเรื่องนี้เข้าลิสต์ได้เลยจ้า
มาร่วมเชียร์ไอ้ดำ กับ คุณสิน ไปพร้อมๆกันนะค้าาา
ฝากตัวด้วยค่ะ

 :impress2:
*แก้ไข 28/10/62
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-10-2019 15:58:29 โดย GreenHead(หัวเขียว) »

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2590
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ Melonlove

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 257
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-1

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
คุณสิริน สายเปย์ที่แท้ทรู

ออฟไลน์ มะเขือม่วง

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 435
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0

ออฟไลน์ GreenHead(หัวเขียว)

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 124
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
    • Green Head - หัวเขียว
เปย์ครั้งที่ ๒ (รีไรท์)
«ตอบ #7 เมื่อ05-03-2018 15:00:11 »

เปย์ครั้งที่ ๒ (รีไรท์)


‘มีเงินนับเป็นน้อง มีทองนับเป็นพี่’

เมื่อมั่งมีเงินมีทองแล้ว ใครๆ ก็อยากประจบอยากเข้ามาเป็นญาติพี่น้องด้วย



“ฉันชื่อสิน นายชื่อดำสินะ แล้วชื่อจริงกับนามสกุลล่ะ” สิรินเก็บสีหน้ากลับมาสุขุมอีกครั้ง แล้วจึงแนะนำตัวเองก่อนเริ่มตั้งคำถาม

“ไอ้ดำก็ชื่อไอ้ดำ แต่ไอ้ดำเป็นเด็กวัดไม่มีนามสกุลหรอก” ดำงงกับเกมถามตอบของสิริน

ถ้ามันง่ายขนาดนี้ไอ้ดำพร้อมตอบทุกข้อเลย ฮ่าๆ

“เด็กวัด” สิรินทวนคำอย่างแปลกใจ ดูอย่างไรเด็กคนนี้ก็เป็นคนบ้า เขานึกว่าจะได้คำตอบที่ดูเพ้อฝันมากกว่านี้เสียอีก อย่างเช่น ฮีโร่ผู้ผดุงความยุติธรรม อะไรแบบนั้น

“ใช่ๆ ไอ้ดำอยู่กับหลวงตา แล้วก็พวกพี่ๆ น้องๆ ที่เป็นเด็กวัดด้วยกัน” ดำยิ้มซื่อยืนยันคำตอบของตัวเอง

“ชื่อวัดล่ะ” สิรินเก็บความสงสัยเอาไว้แล้วถามต่อ อย่างไรก็ต้องรู้ความเป็นมา อาจจะช่วยส่งดำกลับบ้านได้

“วัดทำนบ” ไม่คุ้นเลยแฮะอยู่ต่างจังหวัดอย่างนั้นเหรอ

“วัดทำนบอยู่ที่ไหน”

“อยู่ที่บางกอก”

“บางกอก กรุงเทพฯ น่ะเหรอ” ความแปลกใจถาโถมมากขึ้น ปัจจุบันใครๆ ก็เรียงเมื่อหลวงของประเทศไทยว่า กรุงเทพฯ ทำไมดำถึงเรียกแบบนั้นล่ะ

“กรุงเทพฯ คือที่ไหน บางกอกก็คือบางกอกสิ เอ็งนี่ถามแปลกๆ” ดำขมวดคิ้วมุ่น

แค่ชื่อก็ไม่เหมือนกันแล้วจะเป็นที่เดียวกันได้อย่างไร ไอ้ดำว่าแล้วคนใจดีคนนี้โง่จริงๆ ด้วย

สิรินเองก็ครุ่นคิด อาจจะเพราะดำเป็นคนบ้าก็เลยอาจคิดว่าตัวเองเป็นคนสมัยก่อนก็ได้ล่ะมั้ง คนบ้ามีหลายแบบอยู่ด้วย

“นี่ไอ้ดำขอเป็นคนถามบ้างได้รึเปล่า” ดำเห็นสิรินเงียบไปจึงเอ่ยปากถาม เขาไม่รู้ว่าตัวเองโผล่มาอยู่ที่ไหน แต่มีหลายสถานที่ที่เขาเดินผ่านแล้วเหมือนกับที่ที่เขาจากมา ถึงจะเปลี่ยนไปมากจนน่าตกใจก็เถอะ

“อืม ได้” สิรินตอบรับ ให้อีกฝ่ายถามบ้างก็แฟร์ดี

“กรุงเทพฯ ของเอ็งคือที่ไหน” เขาอยากรู้ว่าทำไมคนคนนี้ถึงเข้าใจผิดว่าบางกอกคือกรุงเทพฯ ก็เลยลองถามดูบ้าง

“ที่นี่ จังหวัดนี้ไง ที่นี่เรียกว่ากรุงเทพฯ” ถึงดำจะโง่ แต่มีสถานที่คุ้นตาหลายที่ ถนนหนทางเปลี่ยนไปบ้างแต่เส้นทางส่วนใหญ่ยังคงเดิม ดำจึงคิดว่าที่นี่ต้องเป็นบางกอกแน่ๆ บางกอกที่เปลี่ยนไปจนให้ความรู้สึกน่าพิศวงในความรู้สึก จนเขาคิดไปว่าที่นี่อาจจะเป็นบางกอกที่อยู่บนสวรรค์

แต่แดนสวรรค์ไม่มีทางที่จะสกปรกเต็มไปด้วยขยะ ทั้งยังมีคนใจร้ายมากมายขนาดนี้แน่นอน สิ่งเดียวที่ดำคิดว่าพอเป็นไปได้นั่นคือ เขามายังอนาคตที่ยังมาไม่ถึงนั่นเอง

“ปีนี้ปีพุทธศักราชอะไร” มือของดำกำแน่นอย่างลุ้นระทึกหลังจากที่เอ่ยคำถามออกไป

ถ้าเรื่องที่คิดเป็นจริงล่ะก็ ไอ้ดำจะทำอย่างไรดีล่ะ ไม่ ไม่ มันต้องไม่ใช่ล่ะน่า

“2561” สิรินแปลกใจในท่าทีที่เปลี่ยนไปของดำ เด็กคนนี้อยู่ดีๆ ก็มีบรรยากาศกดดัน รู้สึกถึงความมุ่งมั่นของอีกฝ่าย ดวงตากลมโตดวงนั้นเหมือนคาดหวังอะไรบางอย่าง จนเขาเองยังลำบากใจที่จะตอบ

“อ้าก!! ไอ้ดำมาอนาคต เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้ แต่ๆ คลองแสนแสบก็น้ำเน่า หรือว่าอนาคตคลองสวยๆ นั่นจะเน่า โอ้ไม่นะ ปลาจ๋า แล้วแบบนี้ไอ้ดำจะกินอะไรเวลาไม่มีคนมาทำบุญล่ะ แบบนี้ไอ้ดำก็จะหิวๆ ไอ้ดำตายแน่ ไอ้ดำตายแน่” ดำสติแตกทันทีที่ได้ยินคำตอบซึ่งตนไม่ต้องการให้เป็น จากที่นั่งอยู่ดีๆ ก็ลุกขึ้นวิ่งไปมาทั่วห้องอย่างไม่อาจสงบสติลงได้

“เฮ้ เป็นอะไร” เจ้าของห้องมองภาพเหล่านั้นด้วยความตกใจ คำพูดที่หลั่งไหลออกมามันเร็วจนฟังไม่รู้เรื่อง ส่วนเจ้าของเสียงก็วิ่งไปมาจนเขาทำตัวไม่ถูก

“ไอ้ดำมาอนาคตล่ะ ไอ้ดำมาอนาคต หรือว่าที่นี่คือความฝัน ไอ้ดำตายไปแล้วสินะ ต้องใช่แน่ เลย ใช่ ใช่แล้ว โอ๊ย ไอ้ดำก็คิดไปได้ว่ามาอนาคต ฮ่าๆๆๆ” ถึงเสียงที่ตอบสิรินจะเหมือนจะกำลังเฮฮา แต่น้ำตากลับไหลอาบแก้ม ดูได้ไม่ยากว่าคนพูดกำลังหาข้ออ้างให้ตัวเอง ซึ่งมันสวนทางกับความเป็นจริง

“อย่าอาละวาดสิ เฮ้อ” สิรินรู้สึกจนใจอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน แต่ในความรู้สึกนั้นเขากลับเอนเอียงไปกับคำพูดของดำ

“เอ็งไม่เข้าใจไอ้ดำก็พูดได้สิ ไอ้ดำโดนพวกหมาหมู่นั่นวิ่งไล่จนกระโดดลงน้ำหวังให้รอดไปอีกฝั่งแท้ๆ แต่กลับมีคนวางแหไว้ในน้ำ ขาไอ้ดำติด ไอ้ดำจมน้ำ พอฟื้นน้ำก็เน่า มีป้ายเขียนว่าแสนแสบ แต่ไอ้ดำแน่ใจว่าต้องไม่ใช่แน่ๆ บ้านริมคลองก็หายไปเกือบหมด มีแต่ก็บ้านสี่เหลี่ยมสูงๆ เต็มไปหมด พอจะเข้าไปถามใครก็มีแต่คนไล่หาว่าไอ้ดำเป็นบ้า พึ่งเจอ พึ่งเจอคนใจดีกับไอ้ดำครั้งแรกหลังจากที่มา แต่ว่าถึงจะใจดีแต่ช่วยไอ้ดำไม่ได้หรอก ไอ้ดำจะกลับอย่างไร กระโดดกลับไปตั้งหลายรอบแต่ก็โผล่มาที่เดิม ฮือ ไอ้ดำอยากกลับบ้าน”

“ดำ ดำ ใจเย็น ใจเย็นนะ” ดำโวยวายหนักขึ้นอีก บอกเล่าถึงความเป็นไปของตนเอง สิรินพยายามเรียบเรียงคำพูดของดำอย่างใจเย็นที่สุด เขาอาจจะบ้าไปแล้วก็ได้ที่อยากจะเชื่อคำพูดเหล่านั้นดูสักครั้ง เพราะดำดูมีสติมากเกินไปที่จะเป็นบ้า เขาคุยรู้เรื่อง ตอบคำถามได้ มีความคิดเห็นสงสัย ทั้งยังเหมือนไม่รู้จักของใช้ต่างๆ จริงๆ อย่างน้อยหากแค่เป็นบ้า ของใช้ทั่วไปเหล่านี้ก็ต้องรู้จักบ้างสิ

“ไม่ๆ ที่จริงก็หาว่าไอ้ดำบ้าเหมือนกันใช่ไหม ไม่เชื่อไอ้ดำใช่ไหม ฮึก ฮือออ” ยิ่งเห็นสิรินทำคิ้วขมวดอย่างเครียดๆ ยิ่งทำให้ดำแปลความหมายไปในทางตรงกันข้าม เขาเคยบอกใครต่อใครไปทั่วว่าไม่ได้บ้า แต่ก็ไม่เคยมีใครเชื่อเขาเลยสักคน แม้แต่พวกจรจัดที่คุ้ยขยะด้วยกันยังหัวเราะเยาะหาว่าเข้าบ้า

“เชื่อแล้ว ฉันเชื่อแล้วดำ หยุดร้องก่อนนะ” คนตัวโตเห็นท่าทางว่าดำจะกลับมางอแงอีกครั้ง จึงดึงคนตัวเล็กเข้ามากอดเอาไว้ ดำจึงเสียหลักนั่งอยู่บนตักของสิรินแทน สิรินลูบหลังลูบหัวปลอบใจ หวังคลายความรู้สึกแตกตื่นของดำ ไม่ต่างจากกอดปลอบเด็กตัวเล็กๆ เลย

“ฮือ ฮือ ฮือ เชื่อนะ เชื่อนะ เชื่อไอ้ดำนะ ฮือ” ดำร้องไห้สะอึกสะอึกสะอื้นกอดสิรินอย่างโหยหาความอบอุ่น ไขว่คว้าคนที่บอกว่าเชื่อในสิ่งที่เขาพูด ถึงจะอายุ 15 แล้ว แต่ดำก็ยังเป็นเด็กคนหนึ่ง เขารู้สึกเหงา รู้สึกโดดเดี่ยว รู้สึกเคว้งไปหมดตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา

แม้จะเป็นอันธพาลคนหนึ่งแต่เวลานี้ดำกลับยอมทิ้งศักดิ์ศรีของตน ร้องไห้ในอ้อมกอดของสิริน หวังให้คนใจดีเชื่อที่เขาพูด แค่เพียงสักคนที่เชื่อ ดำก็จะกลับมาเข้มแข็งอีกครั้งอย่างแน่นอน

“ดำตอบคำถามฉันอีกข้อนะ” หลังจากที่คนตัวเล็กร้องไห้จนพอใจ เหลือไว้เพียงเสียงสะอื้นเบาๆ สิรินก็ตัดสินใจถามคำถามอีกข้อที่เหลืออยู่ คำถามที่เขาคิดว่าจะลองเชื่อมันดูสักครั้ง...เขาคงบ้าไปแล้วจริงๆ สินะ

“อื้อ” เสียงอู้อี้ตอบออกมาทั้งที่ยังซบหน้าลงบนอกของสิริน

“ที่ที่นายอยู่คือที่ไหน ปีอะไร”

“บางกอก ปี 2499” ดำตอบเสียงอู้อี้แต่ก็ยอมเงยหน้ามาสบตาสิรินเพื่อยืนยันคำตอบ ดวงตาแดงก่ำอย่างน่าสงสาร คนตัวโตรู้สึกเหมือนหัวใจปวดหนึบขึ้นมาจึงกระชับอ้อมกอดนั้นให้แน่นขึ้น

เขาอาจจะยังไม่ได้เชื่อดำเต็มร้อย แต่มันคงมากกว่า 50% ไปแล้ว เจ้าตัวเล็กที่ดูน่าทะนุถนอมขนาดนี้คงไม่เป็นบ้า หรือตั้งใจหลอกเขาเพราะทุกสิ่งที่แสดงออกมาล้วนเต็มไปด้วยความตรงไปตรงตรงมาอย่างจริงใจ สิรินคลุกคลีกับการหลอกลวงมาทั้งชีวิตจะมองไม่ออกได้อย่างไร

กริ๊ง!

เสียงออดหน้าประตูทำให้สิรินยอมคลายอ้อมกอดจึงพึ่งเห็นว่าดำจ้องเขาตาแป๋วเหมือนหมาน้อยที่ไม่เข้าใจการกระทำของเจ้านาย แต่ก็ไม่ประท้วงสิ่งใดออกมาให้เจ้านายลำบากใจ

ดำเลิกร้องไห้ได้สักพักแล้วตั้งแต่ตอบคำถามขอสิริน แต่เมื่อเห็นคนตัวโตยิ่งรัดเขาแน่นจึงไม่ได้ขัดขืน

ก็มันอุ่นดีเหมือนกัน ถ้าคนใจดีอยากกอดไอ้ดำก็ไม่ว่าหรอก

“เอ่อ นั่งรอตรงนี้นะ เดี๋ยวฉันมา” สิรินเป็นฝ่ายเก้อกระดากเมื่อคิดได้ว่ากอดดำนั่งบนตักนานพอควร ทั้งยังลูบไล้อีกฝ่ายไปทั่วจึงทำตัวไม่ถูกได้แต่บอกให้ดำรอแล้วขอออกไปรับพิซซ่าด้านนอกเพื่อทำใจให้สงบลงเสียก่อน

เจ้าหมาก็ว่าง่ายพยักหัวงึกๆ อย่างเชื่อฟัง นั่งรอนิ่งๆ จนสิรินเดินกลับมา กลิ่นหอมที่ลอยมาตามอากาศทำให้ดำละความสนใจจากสิ่งของที่วางรอบห้องย้ายสายตาไปยังกล่องสี่เหลี่ยมที่สิรินถือมาแทน ตากลมโตพราวระยับด้วยความดีใจ จนเหมือนมีหูหางงอกแกว่งไปมาก็ว่าได้

สิรินยิ้มบางๆ เมื่อเห็นเจ้าหมาน้อยอยากเข้ามาดูกล่องพิซซ่าในมือเขาจะแย่แต่ยังคงทำตามคำสั่ง ไม่ลุกขึ้นจากที่นั่งแม้แต่น้อย มีเพียงสายตาจับจ้องมาจนเหมือนจะหลุดออกมาจากเบ้าเท่านั้น

เขานึกสนุกจึงลองโยกกล่องพิซซ่าไปทางซ้ายทีขวาทีเพื่อรอดูปฏิกิริยาของอีกฝ่าย และเป็นดังคาดดำหันหน้าไปมาตามการเคลื่อนไหวของกล่องอย่างน่ารัก จนสิรินต้องกลั้นหัวเราะให้เหลือเพียงเสียงขลุกขลักในคอเท่านั้น

เจ้าหมาส่งสายตาเว้าวอนเมื่อกล่องพิซซ่าไม่ถูกวางลงตรงหน้ามันเสียที ใบหน้านั้นน่าสงสารจนสิรินยอมใจอ่อนนำพิซซ่าไปวางไว้บนโต๊ะด้านหน้าของดำจนได้

“อะ...ไอ้ดำขอกินได้ไหม” ดำเอ่ยตะกุกตะกัก ใจเขาน่ะอยากเปิดกล่องสี่เหลี่ยมตรงหน้าแล้วยัดของข้างในเข้าปากเคี้ยวลงท้องไปนานแล้ว แต่ก็ติดที่มารยาทซึ่งหลวงตาพร่ำสอนมา ของของคนอื่นเราจะหยิบมาโดยไม่ขออนุญาตไม่ได้

“หึหึ ได้สิ กินเลย ฉันสั่งมาให้ดำกินนั่นแหละ”

สรุปว่าเป็นของไอ้ดำแล้วนะหลวงตา ไอ้ดำกินได้ ฮ่าๆๆ

ดำเปิดกล่องด้วยสายตาพราวระยับ แผ่นแป้งกลมๆ ถูกวางเอาไว้ มันถูกตัดออกเป็นชิ้นสามเหลี่ยมทั้งหมด 8 ชิ้น บนแผ่นแป้งก็มีของที่สีเหมือนเนื้อหมูวางกระจัดกระจายอยู่เต็มไปหมด มันถูกหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ และบางด้วยขนาดที่เท่ากัน มีก้อนสามเหลี่ยมเล็กๆ สีเหลืองวางอยู่ปะปราย และด้านบนมีของของที่เหมือนแป้งเปียกราดอยู่ด้วย

อาหารจานนี้แปลกตามาก แต่หากส่งกลิ่นหอมเย้ายวนจนดำไม่ยั้งคิดให้เสียเวลา รีบหยิบมันขึ้นมายัดเข้าปากอย่างอดใจไม่ไหว

อา สีแดงนั่นเป็นเนื้อหมูเหรอ แต่ทำไมมันอร่อยกว่าปกติล่ะ อร่อยกว่ามากๆ เลย ส่วนสามเหลี่ยมสีเหลืองคือสับปะรดซึ่งมีรสหวานอมเปรี้ยวเข้ากับของที่ราดไว้ด้านบนได้เป็นอย่างดี และที่อร่อยที่สุดคงเป็นของที่ราดอยู่ข้างบนนี่ล่ะ ไอ้ดำไม่รู้ว่าอะไร รู้แค่ว่ามันอร่อยมาก นี่เป็นครั้งแรกที่ไอ้ดำได้กินของอร่อยขนาดนี้ ปกติได้กินแต่ของที่เหลือจากที่หลวงตาฉันท์รวมๆ กันจนไร้รสชาติ เพียงกินให้อิ่มเท่านั้น

“อึบ” ดำรีบๆ เคี้ยวจนสิรินยังกลัวอีกฝ่ายจะติดคอ

“มันคืออะไร อร่อยมากๆ ไอ้ดำชอบ” ดำที่กลืนพิซซ่าคำโตลงในกระเพาะจนหมดปากก็เอ่ยปากถามในทันที

หลวงตาสอนมาว่า อย่าพูดตอนเคี้ยวข้าว ไอ้ดำเชื่อฟังอย่างดีเลยล่ะ

สิรินก็เพียงแปลกใจที่ดำรีบกลืนในตอนแรก แต่พอเห็นเจ้าคนหิวทำเพื่อถามคำถามก็เลยยิ่งเอ็นดูมากขึ้นไปอีก ถึงบอกว่าเป็นเด็กวัดแต่มีมารยาทจนบางคนต้องอาย

“พิซซ่า”

“พิซซ่า เหรอ ไอ้ดำไม่เคยได้ยินแฮะ อาหารฝรั่งเหรอ” คำตอบไม่คุ้นหูนั่นทำให้ดำถามต่ออย่างอยากรู้อยากเห็น

ของที่อยู่ในอนาคตถ้ามันอร่อยขนาดนี้ไอ้ดำไม่อยากกลับแล้วก็ได้ ขอเที่ยวสักพักคงไม่เป็นไรล่ะมั้ง ทางกลับค่อยหาทีหลัง อยู่แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน

ดำคิดอย่างตื่นเต้น เมื่อลองจินตนาการว่าในอนาคตที่เขาได้มาอยู่ตอนนี้จะมีของอร่อยอะไรบ้าง ถ้ามันอร่อยขนาดนี้ขออยู่ชิมจนครบค่อยกลับก็ได้ คิดอย่างมักง่ายเช่นนั้น...

“ใช่แล้ว กินเถอะ เดี๋ยวฉันต้องออกไปเรียน จะสอนวิธีอยู่ห้องก่อนออกไปนะ” สิรินตอบดำก่อนจะหยิบสปาเกตตี้มาเปิดกิน สำหรับเขาแค่นี้ก็พอแล้ว ส่วนคนตัวเล็กพิซซ่าทั้งกล่องนั่นจะอิ่มรึเปล่านะ

“อื้อๆ” ดำได้รับคำตอบก็นั่งก้มหน้าก้มตากิน ก่อนจะนึกได้ว่าเข้ากินเกือบหมดถาดแล้ว เหลือชิ้นเดียวเอง ส่วนสิรินน่ะยังไม่ได้หยิบเลยสักชิ้นเดียว

ถาดพิซซ่าถูกเลื่อนมาตรงหน้าสิรินซึ่งกำลังนั่งจดจ้องดำตลอดเวลาที่กิน ก็ดำน่ะกินได้น่าอร่อยสุดๆ เห็นแล้วเจริญอาหารตามเลยเชียวล่ะ

“หือ อิ่มแล้วเหรอ” คำตอบที่ได้รับมาคือการส่ายหัวปฏิเสธ แปลว่าดำยังไม่อิ่ม

“ถ้าไม่อิ่มก็กินเถอะ”

“แต่เอ็งยังไม่ได้กิน ไอ้ดำขอโทษ กินเพลินไปจนเหลือชิ้นเดียวเอง” ดำกล่าวอย่างรู้สึกผิด ปกติเขาต้องแบ่งข้าวให้คนอื่นอย่างเท่าๆ กันแท้ๆ แต่ตอนนี้ดำกลับกินจนเกินส่วนของตัวเองไปแล้ว

หลวงตาไอ้ดำขอโทษ ไอ้ดำละเมิดข้อห้ามแล้ว

“กินเถอะ ฉันสั่งมาให้ดำทั้งหมดนั่นแหละ ฉันกินนี่แล้ว อิ่มมากกินต่อไม่ไหวหรอก” เสียงที่เต็มไปด้วยความเอ็นดูทำให้ดำกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง กลายเป็นว่ายิ่งมองสิรินอย่างเทิดทูนเป็นผู้มีพระคุณเหนือหัวไปแล้ว

“อันนี้ด้วยนะ ไก่ทอด กับขนมปังกระเทียม” ดำละสายตาจากพิซซ่าชิ้นสุดท้ายไปสนใจเจ้ากล่องสี่เหลี่ยมอีกกล่อง และก้อนรียาวที่ถูกห่อด้วยกระดาษ ความอยากรู้อยากลองทำให้ดำรีบเปิดออกมามอง ของที่อยู่ข้างในยั่วน้ำลายดำอีกแล้ว

ถ้าคนใจดีบอกกินได้ไอ้ดำก็ไม่เกรงใจล่ะนะ

“เรียกฉันว่า คุณสิน นะดำ” ดำตาโตก่อนจะรีบเคี้ยวให้หมดเพื่อตอบรับคำพูดของสิริน

“เข้าใจแล้ว คุณสิน เรียกไอ้ดำว่า ไอ้ดำก็ได้” รอยยิ้มที่โชว์ซี่ฟันขาวดูเจิดจ้าจนสิรินอดที่จะยื่นมือออกไปลูบหัวไม่ได้

“เดี๋ยวฉันจะออกไปเรียนขอไปอาบน้ำก่อนนะ กินแล้วก็นั่งรอ ไม่ต้องทำอะไร เข้าใจนะ” สิรินกำชับเพราะจากสภาพห้องครัวแล้วการปล่อยให้ดำเพ่นพ่านไปทั่วไม่ใช่ความคิดที่ดี

ดำกระพริบตาปริบๆ ด้วยความงุนงงๆ แต่ก็ยอมผงกหัวยอมรับอย่างว่าง่าย สิรินเห็นเช่นนั้นจึงเข้าไปจัดการตนเองในห้องนอน ส่วนดำก็มองตามจนอีนคนหายลับเข้าไปหลังบานประตู จึงก้มหน้าก้มตากินต่อ

ไอ้ดำไม่เคยกินอิ่มขนาดนี้มาก่อนเลย เอิ้ก!





*แก้ไข 29/10/62
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-10-2019 17:38:13 โดย GreenHead(หัวเขียว) »

ออฟไลน์ GreenHead(หัวเขียว)

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 124
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
    • Green Head - หัวเขียว
เปย์ครั้งที่ ๒ (๒) (รีไรท์)
«ตอบ #8 เมื่อ05-03-2018 15:01:04 »

(ต่อ)

ขยะถูกเก็บลงถุงแล้วมัดไว้เป็นอย่างดี ส่วนคนที่ทำก็นั่งจ้องมองมือตัวเองนิ่งๆ เหมือนกำลังครุ่นคิดเรื่องบางอย่าง บรรยากาศที่เคยสดใจกลายเป็นหม่นหมอง สิรินออกจากห้องมาเห็นเข้าก็รีบสาวเท้าเดินเข้าไปลูบหัวให้อีกฝ่ายคลายกังวล

“เป็นอะไรไป หือ” สิรินนั่งลงข้างๆ แล้วถามขึ้น ดำจ้องมองเขาเหมือนกำลังตัดสินใจอะไรบางอย่างแล้วจึงเอ่ยปากถาม

“คุณสินจะทำอย่างไรกับไอ้ดำต่อ ไอ้ดำควรไปอยู่ที่ไหน” ความเจ็บปวดสะท้อนจางๆ ในดวงตา ทำให้สิรินรับรู้ได้ว่า ดำคงอยากอยู่กับเขา แต่ไม่กล้าขอร้องคนแปลกหน้าอย่างเอาแต่ใจ

“เรื่องนั้นค่อยคิดเถอะนะ วันนี้ดำอยู่รอฉันก่อน ตอนเย็นจะมารับไปกินข้าว ฉันไม่เอาดำไปทิ้งหรอก” สิรินกล่าวอย่างอ่อนโยน เขาต้องคิดเรื่องดำอย่างถี่ถ้วน เขาเชื่อว่าดำไม่ได้บ้า เช่นนั้นดำก็ต้องเป็นคนที่ไม่มีประวัติในทะเบียนราษฎร์ จะทำอย่างไรต่อเขาต้องคิดอย่างรอบครอบ

“จะไม่ทิ้งไอ้ดำจริงๆ นะ” แววตาทอประกายออดอ้อนทำให้สิรินใจกระตุกไปชั่วขณะอย่างประหลาด แต่เขาก็เลือกที่จะไม่สนใจมัน ปล่อยผ่านไปเช่นนั้นแล้วมุ่งความสนใจไปที่การสอนให้ดำรออยู่ในห้องแทน

“แน่นอน” สิรินได้รับรอยยิ้มสว่างจ้าตอบกลับมา ทำให้สิรินหัวใจชุ่มชื้น จึงรีบสอนให้ดำคุ้นชินกับห้องนี้เร็วๆ

ดำบอกว่าในยุคนั้นก็เคยดูโทรทัศน์ตอนที่ไปบ้านของลูกพี่ซึ่งเป็นหัวหน้าแก๊งอันธพาล เพราะที่วัดไม่มี มันเป็นเพียงภาพขาวดำ ทั้งยังเล็กกระจิริด เมื่อรู้ว่ากล่องสีเหลี่ยมสีดำที่ติดผนังอยู่ตรงหน้ามาตลอดคือโทรทัศน์ก็ตื่นเต้นจนลืมความรู้สึกเมื่อครู่ไปเสียสนิท

จากที่สอนใช้โทรทัศน์ก็ต่อด้วยการรับโทรศัพท์บ้านซึ่งอยู่ในห้องนั่งเล่น สิรินบอกถึงการสื่อสารที่ไม่ต้องเห็นหน้า ดำยิ่งตาโตอย่างไม่อยากเชื่อ ดูแล้ววันนี้ทั้งวันต้องนั่งจ้องโทรศัพท์ให้เขาโทรหาอย่างแน่นอน

สิรินลังเลที่จะสอนดำเปิดปิดประตูห้อง เพราะกลัวดำออกไปเดินข้างนอกแล้วหลงไปไหน แต่สุดท้ายก็สอนเอาไว้เผื่อมีเหตุฉุกเฉิน แต่กว่าจะเรียบร้อยก็ปาไปเกือบ 11 โมงแล้ว

หลังจากเปิดทีวีให้ดำก็เลือกช่องจนจบลงที่การ์ตูนยอดฮิตอย่างโดราเอม่อน ซึ่งดูจะสนใจเป็นเอามาก เพราะในทีวีไม่ใช่คนแต่หากเป็นตัวละครแปลกประหลาด สิรินอธิบายเรื่องตัวการ์ตูนสั้นๆ ถึงสุดท้ายดำยังคงทำหน้างงๆ แต่ก็ยิ้มกว้างอย่างสนใจอยู่ดี สิรินจึงเลิกล้มความตั้งใจที่จะอธิบายแล้วลุกขึ้นเตรียมไปเรียน บอกลาดำเล็กน้อย ทั้งยังกำชับให้อยู่เพียงในห้อง

ก่อนปิดประตูสิรินก็ยังคงยิ้มให้กับภาพที่เห็น เพราะดำนั่งจ้องเจ้าตัวการ์ตูนสีฟ้าไปสักพักและเหมือนนึกขึ้นได้ว่ามีโทรศัพท์อีกเรื่องที่น่าสนใจ จึงหันไปหันมาไม่หยุด เหมือนจะเลือกไม่ถูกว่าเวลาที่เหลือดำควรจดจ้องสิ่งใดดี

สิรินไม่ได้เข้าไปห้าม เขาเพียงส่ายหัวอย่างปลงๆ แต่หากริมฝีปากยังประดับด้วยรอยยิ้มแล้วจึงปิดล็อกห้อง วันนี้คงเป็นวันที่เขายิ้มบ่อยที่สุดแล้ว





โรงอาหารคณะวิศวะเต็มไปด้วยผู้คน หากมาเวลานี้คงไม่มีทางหาที่นั่งได้ สิรินจึงมองหาเพื่อนๆ ที่บอกว่ามาจองโต๊ะรออยู่ก่อนแล้ว เพียงไม่นานก็หาเจอด้วยความโดดเด่นของพวกเขา

“โอ๊ะ มาแล้ว เป็นยังไงบ้างวะ” น่านถามเป็นคนแรกด้วยความเป็นห่วง เพราะเมื่อเช้าพวกเขาปล่อยเพื่อนให้อยู่กับคนบ้าเพียงลำพัง ถึงแม้จากรูปร่างแล้วจะไม่น่าเป็นห่วงเพื่อนเขาเท่าไหร่ แต่ถ้าสิรินโมโหขึ้นมาคนที่น่าเป็นห่วงคงจะเป็นเด็กคนนั้น จะให้เพื่อนเข้าคุกข้อหาฆ่าคนตายก็คงไม่เหมาะเท่าไหร่

“หือ ก็ดี” คำตอบของเพื่อนที่ดูขอไปทีทำให้พวกเขาทั้งสามประหลาดใจ ปกติสิรินจะเป็นคนพูดตรงๆ ไม่ถนอมน้ำใจใคร จึงน่าแปลกที่จะได้คำตอบเช่นนี้จากสิริน

“ก็ดีคืออะไรวะสิน กูงง เด็กนั่นอาละวาดก็ดี หรือมึงอัดเด็กนั่นไปแล้วก็ดี ไขข้อข้องให้กูที” หลังจบคำพูดของทิว น่านกับก้องก็พยักหน้าเห็นด้วยกับคำถาม

“กูดูร้ายขนาดนั้น...แต่เอาเข้าจริงถ้าอัดกันกูอาจจะเป็นฝ่ายเละก็ได้ หึหึ” สิรินพูดแล้วก็นึกไปถึงเหตุการณ์เมื่อคืน การต่อสู้ที่ดูไม่สมตัวของดำทำให้เขาทึ่ง พอลองคิดๆ ดูแล้ว เขาที่ไม่ได้ถูกเล่นทีเผลอทั้งยังทีสภาพเต็มร้อย กับดำที่ตอนนี้ท้องเต็มเปลี่ยมไปด้วยของกิน มีแรงเพิ่มขึ้นมากกว่าเมื่อคืนอีกเท่าตัว ผลของการปะทะอาจจะจบลงที่เขาแพ้ก็ได้ ชั้นเชิงยิ่งกว่ามวยวัด ทั้งยังเต็มไปด้วยสัญชาตญาณการต่อสู้ยากที่จะเอาชนะจริงๆ

“หมายความว่าไงวะ” ทิวถามต่อ ยิ่งพูดยิ่งงง ชอบจริงๆ ไอ้ความกวนที่มักจะมีเผื่อแผ่ให้คนสนิทเนี่ย

“หึหึ กูจะเห็นแก่ว่ามึงน่าสงสารนะทิว เดี๋ยวจะเล่าให้ฟังทั้งหมดก็แล้วกัน” สิรินมองทิวด้วยสายตาวิบวับ แต่หากคนถูกมองกลับมีสีหน้าเต็มไปด้วยความมึนงง

จนสุดท้ายสิรินจึงเริ่มเล่าเรื่องทั้งหมดแบบคร่าวๆ คนทั้งสามจึงกลับมาสนใจเรื่องราวใหม่อีกครั้ง เลิกสนใจสายตาเมื่อครู่ของสิรินทันที

สิรินเล่าตั้งแต่ตอนที่ตนโดนตีหัวจากข้างหลังในขณะเดินผ่านซอยเปลี่ยว จนถึงตอนที่ดำเข้ามาช่วย สีหน้าสิรินเรียงเฉยในตอนแรกเปลี่ยนเป็นยิ้มมุมปากอย่างอบอุ่นเมื่อพูดถึงดำ พาให้เพื่อนๆ มองอย่างประหลาดใจ

เขาเล่าข้ามตอนอาบน้ำนอน ไปเป็นหลังจากที่เพื่อนทั้งสามมาเรียน เล่าถึงเรื่องที่ดำบอกเขา แต่ข้ามฉากที่ดำมองสิ่งต่างๆ ด้วยความตื่นเต้น พอคิดถึงภาพที่ร้องไห้ก็เอ็นดู หากแต่ไร้คำพูดใดๆ ออกมา

“กูว่าไม่น่าเชื่อว่ะ” ทิวเป็นคนแรกที่ออกความเห็น มันไม่น่าเชื่อทั้งตอนที่เด็กคนนั้นล้มเจ้าสวะ 4 ตัวนั่น ทั้งที่บอกว่าตัวเองมาจากอดีต มันเป็นเรื่องเหนือความคาดหมายมากเกินไป

“กูว่าพิสูจน์ดูอีกนิดดีกว่านะ มึงว่าไงก้อง” ก้องหยุดมือที่จ้วงข้าวจานที่ 2 เข้าปากเพื่อตอบคำถามของน่าน

“กูเชื่อ” สีหน้าทิวเต็มไปด้วยความงุนงง

“เพราะดำดูมีสติดี ถึงเมื่อเช้าจะเจอกันนิดเดียวแต่ว่าก็ฟังที่กูพูด แถมไอ้สินยังเล่าได้ขนาดนี้แปลว่าเขามีสติเชื่อฟังดี แล้วน้องมันก็น่ารักกูว่าเชื่อๆ ไปเถอะ” สิ้นสุดคำตอบที่เหมือนจะมีหลักการแต่ก็ขอไปทีของก้อง ทิวกับน่านได้แต่ถอนหายใจเฮือกอย่างปลง คิดในใจไปว่า กูไม่น่าถามมันเลย มีเพียงสิรินที่นั่งยิ้มมุมปากเป็นบ้าเป็นหลังดูอารมณ์ดีกว่าทุกวัน ทิวกับน่านจึงตัดใจที่จะห้ามเพื่อน

“ว่าแต่มึงจะเอายังไงต่อวะ ส่งสถานสงเคราะห์ป่ะ” ทิวถามต่อ เพราะถึงอย่างไรพวกเขาก็เป็นเพียงนักศึกษาจะให้ไปรับผิดชอบชีวิตเด็กคนหนึ่งมันคงเป็นไปไม่ได้

“ขอคิดดูก่อน” คำตอบที่ไม่ชัดเจนทำให้พวกเขาแปลกใจอีกครั้งแต่ก็ไม่มีใครติดใจสงสัยหรือถามออกไป คนทั้ง 4 จึงนั่งกินข้าวจนเสร็จแล้วแยกย้ายกันไปเข้าเรียน

คำพูดของอาจารย์ไม่เข้าหัวสิรินสักนิด เพราะในหัวมีเพียงคำพูดของดำ กับทิว ถามสลับไปมา

“คุณสินจะทำอย่างไรกับไอ้ดำต่อ ไอ้ดำควรไปอยู่ที่ไหน”

“ว่าแต่มึงจะเอายังไงต่อวะ ส่งสถานสงเคราะห์ป่ะ”

กว่าจะหมดเวลาเรียนสองชั่วโมงอันยาวนาน ระหว่างนั้นสิรินก็นั่งคิดหาทางออกที่ควรจะเป็น อย่างที่ทิวพูดส่งสถานสงเคราะห์คงเป็นทางเลือกที่ดี แต่เมื่อคิดถึงใบหน้าที่แต่งแต้มอารมณ์มากมายในช่วงเวลาสั้นๆ อย่างเป็นธรรมชาติก็ทำให้เขารู้สึกเสียดาย และยังมีความปวดหนึบในใจอย่างไม่ทราบสาเหตุ จึงได้แต่ปล่อยกลิ่นอายหงุดหงิดออกมาจนเพื่อนร่วมชั้นไม่กล้าเข้าใกล้

เรื่องเรียนไม่เข้าหัว ทั้งยังคิดไม่ตกทำให้สิรินนั่งอยู่ที่เดิมไม่ขยับเขยื้อน เวลาเบรก 15 นาที เขาไม่คิดที่จะออกไปพัก จากที่ตัดสินใจอะไรไม่ได้จึงกดเบอร์ต่อสายถึงคนที่เป็นต้นเหตุ

“คุณสิน! เฮ้ยๆ ร่วง! ฮู้ รับทันพอดี คุณสินไอ้ดำเอง” หัวคิ้วเริ่มคลายออกหลังจากได้ยินเสียงปลายสาย ทั้งที่พึ่งกดโทรออกไปแท้ๆ นั่นหมายความว่าดำคงนั่งจ้องโทรศัพท์อยู่จริงๆ สินะ ทั้งยังเสียงร้องลนลานนั่นอีกทำให้สิรินยิ้มบางๆ อย่างผ่อนคลาย

เพียงได้ยินเสียงก็เป็นได้ถึงเพียงนี้ เขาจะให้ดำไปอยู่สถานสงเคราะห์ได้อย่างไร ถ้าจะทำเช่นนั้นจริงๆ คงไม่ต้องมาคิดมากอยู่เช่นนี้

“ดำอยากอยู่กับฉันรึเปล่า” สิรินถามออกไป เขาตัดสินใจได้แล้ว แต่คงต้องถามความเห็นคนอยู่เสียก่อน

“อื้อ ไอ้ดำอยากอยู่ อยากอยู่กับคุณสิน คุณสินใจดี ข้าวอร่อย ฮี่ๆ” เสียงของดำตอบกลับมา ถึงสิรินจะคาดไว้แล้วแต่ก็รู้สึกชุ่มชื่นหัวใจอย่างประหลาด ทั้งยังคำที่บอกออกมาตรงๆ แบบนั้นมันน่าตีจริงๆ

“ตกลงอยากอยู่กับฉันเพราะข้าวอร่อยสินะ” สิรินถามกลับไปด้วยเสียงเรียบนิ่ง แต่หากยกยิ้มมุมปากอย่างขบขัน

“เฮ้ย ไม่ๆ ไม่ใช่ คุณสินใจดี...แต่ข้าวก็อร่อยนี่นา” ไม่วายที่จะต่ออีกประโยคอันแสนเบาหวิว แต่กระนั้นสิรินก็ยังคงได้ยินเสียง

“หึหึ ถ้าอย่างนั้นรออีก 30 นาที เปิดประตูรับของด้วยนะ” คอยดูเถอะจะขุนให้อ้วนเลย เจ้าจอมตะกละเอ๊ย

“จำได้ใช่ไหมเมื่อเช้าฉันบอกว่าอะไร” สิรินไม่ลืมจะย้ำ เพราะกลัวดำจะมีอันตราย

“ห้ามเปิดประตูให้คนแปลกหน้า คนที่จะเอาของมาให้คือลุงยามที่เจอเมื่อเช้า ไอ้ดำเก่ง ไอ้ดำจำได้” เสียงเจื้อยแจ้วชมตัวเองอย่างไม่อายปาก ทำให้สิรินเผยยิ้มกว้างอย่างไม่คิดจะมี

“ใช่ ดำเก่งมาก...แค่นี้ก่อนนะ ฉันต้องเรียนต่อแล้ว” สิรินวางสายเมื่อเห็นว่าเริ่มมีคนทยอยกลับเข้ามา รอยยิ้มของเขามีไว้ให้คนสนิทเท่านั้น

“ครับๆ คุณสินตั้งใจเรียนนะ” แต่ก็หลุดยิ้มอีกครั้งด้วยคำบอกกล่าวเล็กๆ น้อยๆ แสนธรรมดาประโยคหนึ่ง

“อืม วางแล้วนะ” สิรินวางสายทั้งที่รอยยิ้มยังประดับมุมปาก แล้วก้มหน้าก้มตากดโทรศัพท์เปิดแอพฯ สั่งเดลิเวอรี่

“เปลี่ยนอารมณ์เร็วว่ะ คนในโทรศัพท์นั่นใคร กิ้วๆ” วันเพื่อนที่นั่งข้างๆ ส่งเสียงแซว พวกเขารู้จักกันตั้งแต่ปี 1 แต่หากไม่สนิทเท่า ทิว น่าน และก้องเท่านั้น

“เสือก” สิรินกดโอนเงินจนเสร็จแล้วจึงหันมาตอบเพื่อน

“โหยๆ แรงว่ะ ทำหวง คนนี้จริงจังรึไง” คนเสือกยังคงไม่หยุดแม้โดนด่าเต็มๆ เพราะโดนมาจนชินเสียแล้ว สิรินก็เป็นแบบนี้ แล้วดูเข้าสิ เมื่อครู่ยังยิ้มตาเยิ้ม พอมาตอนนี้ปั้นหน้านิ่งอีกแล้ว ส่วนบรรยากาศก็กลับมาเป็นเหมือนเดิมแล้ว ไม่ได้ขุ่นมัวเหมือนก่อนหน้านี้

สิรินตกใจกับคำถามของวัน แต่ก็เพียงยกยิ้มมุมปาก ไม่ได้กล่าวตอบอะไร ปล่อยให้อีกคนสงสัยอยู่เช่นนั้น มันไม่ใช่ธุระอะไรที่เขาต้องบอกเรื่องของดำกับคนอื่น



ทางด้านดำหลังจากวางสายก็ยิ้มกว้าง นั่งรอเสียงออดอย่างใจจดใจจ่อ

เพียงไม่นานเสียงออดหน้าประตูก็ดังขึ้น ดำวิ่งไปส่องตาแมวดูคนด้านนอกก่อนจะค่อยๆ เปิดประตูตามที่สิรินสอน พยายามเพียงไม่นานก็เปิดออก เขากล่าวขอบคุณก่อนจะรับถุงใบใหญ่เข้ามา แล้วปิดประตูห้อง

หลังวางกล่องลงบนโต๊ะหน้าทีวี ดำขยับเปิดถุง ก่อนหยิบกล่องที่เรียงรายอยู่ด้านใน สายตาก็สะดุด กับ กระดาษแผ่นเล็กสีขาว ดำพยายามอ่าน ทั้งอ่านออกบ้างไม่ออกบ้าง แต่พอดูออกว่ามันคือรายการของสิ่งที่อยู่ด้านใน และเดาได้ว่าตัวเลขล่างสุดคือราคาของเจ้าของกินทั้งหมดนี้

“สะ สี่ร้อยยี่สิบห้า” ดำถึงกลับเหงื่อตกกับราคาของมัน ปกติก๋วยเตี๋ยวชามหนึ่งราคาก็ตั้งหนึ่งสลึง แต่ทั้งหมดในถุงไม่รู้ราคามากกว่ากี่เท่าตัว มือดำถึงกับสั่น ความนับถือสิรินเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่า น้ำตาถึงกับหลั่งไหลออกมาไม่หยุดด้วยความตื้นตันใจ

“คุณสิน ฮือ ใจดีใจดีจริงๆ ด้วย” บทจะร้องก็ร้องเสียไม่อายใคร น้ำมูกน้ำตาไหลออกมาไม่หยุด ความจริงใจส่งผ่านการกระทำอย่างไม่ปิดบัง เป็นแบบที่คนยุคปัจจุบันแทบไม่มีให้เห็น ยุคที่เหล่าผู้คนใส่หน้ากากเข้าหากัน

"ไอ้ดำตัดสินใจแล้ว หลวงตาสอนว่า ‘มีเงินนับเป็นน้อง มีทองนับเป็นพี่’ แต่ไอ้ดำจะนับถือคุณสินเป็นลูกพี่ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป” ดำกล่าวอย่างมุ่งมั่น ซึ่งหากหลวงตาได้ฟังคงหลั่งน้ำตาในการใช้สำนวนผิดๆ ของดำ





โปรดติดตามตอนต่อไป...

*แก้ไข 29/10/62





สวัสดีค่าาาา
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะคะ แล้วก็ทุกคอมเม้นท์เลย เป็นกำลังใจที่ดีมากๆ ><
ส่วนตอนนี้คุณสินก็ทิ้งไอ้ดำไม่ลงแล้ว กร๊ากกกก
มาลุ้นกันต่อนะคะ ว่าไอ้ดำจะป่วนคุณสินได้แค่ไหน หุหุ
เจอกันตอนหน้าจ้า
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-10-2019 18:12:03 โดย GreenHead(หัวเขียว) »

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
อิจฉาดำอ่ะ อยากมีคนเปย์แบบนี้บ้าง

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2590
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ Chise

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
ไอ้ดำน่าเอ็นดูละเกิ๊น ปี2499นี่พ่อเพิ่งเกิดเลย ถ้ามีชีวิตเรื่อยมาถึงตอนนี้ดำเป็นปู่เป็นตาของสินได้เลยนะ

ออฟไลน์ GreenHead(หัวเขียว)

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 124
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
    • Green Head - หัวเขียว
เปย์ครั้งที่ ๓ (รีไรท์)
«ตอบ #12 เมื่อ07-03-2018 17:57:46 »

เปย์ครั้งที่ ๓ (รีไรท์)


‘หมูไปไก่มา’

การช่วยเหลือเกื้อกูลแบบถ้อยทีถ้อยอาศัย ด้วยการให้สิ่งของแลกเปลี่ยน หรือการตอบแทน



วันนั้นดำได้กินอย่างอิ่มหนำสำราญมากที่สุดในชีวิต มันกินไปร้องไห้ไปอย่างปลาบปลื้ม หัวใจที่เคยตั้งแง่ก็สลายไปจนหมดสิ้น หวังจะนับถือสิรินเป็นลูกพี่ ตำแหน่งที่จะยกให้ได้ทั้งชีวิต ยิ่งกว่าอันธพาลที่เป็นลูกพี่ในอดีต นับถืออย่างมากล้น จนเกินจะกลั่นออกมาเป็นคำพูดใดๆ

กว่าจะสงบลงได้ก็เป็นตอนที่เก็บขยะลงถังเรียบร้อย แล้วไปจัดการอาบน้ำเตรียมตัว เพราะสิรินบอกว่าจะพาไปซื้อของข้างนอก ถึงข้างนอกจะน่ากลัวหลังจากที่ได้เผชิญมา แต่หากมีสิรินไปด้วยดำก็เรียกความกล้าออกมาได้

แต่เวลาผ่านไปแล้วผ่านไปเล่าสิรินก็ไม่กลับมาเสียที ทำให้ดำที่ซนเป็นลิงอยู่นิ่งได้ไม่นาน การ์ตูนก็ดูจบไปหลายตอน ดำจึงเริ่มมองหางานทำแก้ว่าง และนึกขึ้นได้ว่าตนทำห้องครัวของสิรินเละเทะจากการหาของกินเมื่อเช้า

คิดได้ดังนั้นดำจึงตัดสินใจเข้าไปทำความสะอาดครัว แม้สิรินจะไม่ได้สั่งก็ตาม ปกติดำจะกวาดลานวัด ไม่ก็ทำความสะอาดที่ต่างๆ ในวัดอยู่แล้ว การทำความสะอาดจึงไม่ยากเกินไปสำหรับเขา

ดำจัดการยกของวางไว้ที่เดิม ตามหาไม้กวาด แต่จนแล้วจนรอดก็หาไม่พบ จึงตัดสินใจไปออกไปขอยืมลุงยาม

“คุณสินบอกว่าไอ้ดำเจอลุงยามได้ ถ้าออกไปยืมไม้กวาดจากลุงยามคงไม่มีปัญหา เอาล่ะไปดีกว่า” ตัดสินใจเสร็จสรรพดำก็เดินออกจากห้องด้วยสภาพสวมเสื้อตัวใหญ่โคร่งของสิรินเพียงตัวเดียว ถึงจะหวิวๆ อยู่บ้างแต่ดำอยากตอบแทนสิรินในเรื่องของกินจึงยอมหน้าด้านออกไปทั้งที่ลมมันเย็น...

หลังปิดประตูดำมองซ้ายทีขวาทีอย่างงุนงง เขาหลับในระหว่างที่สิรินอุ้มมา ทั้งยังไม่เคยเห็นสถานที่แปลกตาเช่นนี้จึงอดที่จะตื่นเต้นไม่ได้ ดำเดินไปมาจนสุดทาง และพบว่าไม่มีทางไปต่อ ตรงหน้าของเขาคือเจ้าประตูแปลกๆ ที่เปิดไม่ได้ ทั้งผลักทั้งดันมันก็ยังคงนิ่งอยู่

“ประตูนี่มันอะไรกัน โถ่! แล้วไอ้ดำจะไปหาลุงยามยังไงดี เปิดสิเว้ย เปิดๆ” ดำโวยวายอย่างหัวเสีย เจ้าประตูประหลาดก็ไม่มีทีท่าจะเปิดออก จึงได้แต่ยืนครุ่นคิดว่ามันมีกลไกอะไรรึเปล่า จนกระทั่ง

ตริ๊ง!

ประตูลิฟต์เปิดออกพร้อมกับชายวัยรุ่นคนหนึ่งเดินออกมาจากด้านใน ดำมองทุกอย่างด้านในแล้วยืนงุนงง ไม่มีทางไปต่อ อ้าว แล้วดำจะลงไปหาลุงยามได้อย่างไร

ชายหนุ่มที่เดินออกมามองดำอย่างพิจารณา ด้วยสภาพชุดที่สวมใส่ทำให้เขาตีความไปในทางที่ผิดๆ

“อ้าว ใครพาเด็กขายมานอนกก แล้วนี่แต่งตัวแบบนี้จะมาหาลูกค้าเพิ่มเหรอ หืม” คำพูดของชายคนนั้นดำไม่เข้าใจมากนัก แต่รับรู้ได้ว่ามันไม่ใช่คำพูดที่ดี เพราะสายตาที่มองมามันน่ารังเกียจอย่างเห็นได้ชัด สายตาที่เหมือนดูถูก และปะปนได้ด้วยความต้องการ มันเหมือนว่าชายคนนั้นกำลังโลมเลียเขาไปทั่วทั้งร่างกาย

“เอ็งพูดอะไร” เสียงติดห้วนตอบกลับไปด้วยความไม่พอใจ ดำเป็นเช่นนี้ เวลาเขารู้สึกอย่างไรก็จะแสดงออกมาตรงๆ

“หึหึ นี่กำลังแสดงบทแบบไหนอยู่ กับฉันน่ะไม่จำเป็นหรอกนะ เอ้า ไปกันเถอะ” ชายคนนั้นยังคงคิดเช่นเดิม เขาคิดว่าดำกำลังเล่นละคร เหมือนที่บางคนนิยม แสดงบทบาทต่างๆ เพื่อเพิ่มความตื่นเต้นในเรื่องเซ็ก

ทั้งยังเข้าไปดึงแขนดำให้เดินตามไปยังห้องของตน

เพี๊ยะ!

ดำปัดมือที่ยื่นมาอย่างถือวิสาสะนั้นออก แล้วเดินหนี ตอนนี้ดำไปไหนไม่ได้คงต้องกลับห้องก่อน

“เฮ้ นี่อ่อยกันแล้วคิดจะหนีรึไง” ยังไม่จบชายคนนั้นเดินตามดำไป หมายคว้าแขนจากด้านหลัง ดำเบี่ยงตัวหลบ แล้วสวนหมัดกลับไปอย่างไม่พอใจ แต่ดูเหมือนชายคนนี้ก็มีชั้นเชิงการต่อสู่ไม่น้อย เขาโยกตัวหลบหมัดเล็กๆ นั่น พร้อมคว้าข้อมือสีน้ำผึ้งเอาไว้ บิดข้อมือไว้ด้านหลังของดำจนเหมือนเขากำลังโอบกอดดำอยู่

“ปล่อยนะเว้ย! แน่จริงปล่อยแล้วมาตัวต่อตัวเลยดีกว่า” ดำดิ้นไปมา เพราะการเคลื่อนไหวของคนคนนี้คาดเดาไม่ได้ เขาจึงเสียท่าอยู่เช่นนี้

“โห นักเลงซะด้วย ชักอยากปราบพยศซะแล้วสิ หึหึ” สายตาที่แสดงออกถึงความสนุกนั่นเริ่มทำให้ดำกลัว เขารู้สึกภัยคุกคามที่มองไม่เห็น ความรู้สึกแตกต่างจากการถูกหมายเอาชีวิต มันรู้สึกทั้งน่ารังเกียจ น่าขยะแขยงจนดวงตาสั่นระริก หากเป็นพวกอันธพาลด้วยกันแล้วถึงแม้คุกคามถึงชีวิตดำก็ไม่เคยรู้สึกเช่นนี้

“ลูกพี่” ในวินาทีนั้นดำนึกถึงหน้าของสิริน ผู้ชายใจดีซึ่งเป็นหลักยึดเหนี่ยวเพียงหนึ่งเดียวของเขาในตอนนี้

“กลัวเหรอ” และเหมือนชายคนนั้นจะรับรู้ถึงความรู้สึกที่เปลี่ยนไปของดำ เขายกยิ้มชั่วร้ายอย่างพอใจ เมื่อเห็นว่าคนในอ้อมกอดกำลังตัวสั่นระริก ยิ่งเห็นยิ่งได้ใจ โน้มตัวเข้าหาหมายจะช่วงชิงริมฝีปากของเด็กน้อย

“คิดจะทำอะไร” เสียงเย็นดังขึ้นด้านหลัง พาให้การกระทำนั้นหยุดชะงักลง ดำเองก็ได้ยินเสียงอันคุ้นเคยจึงได้สติจากความกลัว เริ่มดิ้นรนอีกครั้ง

จะให้ลูกพี่เห็นสภาพน่าสมเพชไม่ได้!

“ปล่อยไอ้ดำนะ” สายตาแข็งกร้าวกลับมาอีกครั้ง ทำให้คนที่กอดอยู่ยิ่งนึกสนุก

“อ้าว เด็กของนายเหรอ...คุณชายสิริน” น้ำเสียงยียวนนั้นพาให้สิรินคิ้วกระตุก ยิ่งเห็นร่างของคนตัวเล็กถูกโอบกอดอยู่เขายิ่งรู้สึกไม่พอใจ ความคิดหนึ่งเข้าครอบงำอย่างที่ไม่คาดคิด

คนที่แตะต้องดำได้มีแค่ฉัน!

แม้ใจร้อนรุ่มสิรินยังคงแสดงท่าทีแสนเยือกเย็น เขาจ้องมองกลับไปเรียบนิ่งแต่ก็พาให้คนถูกมองรู้สึกหวาดกลัวขึ้นอย่างห้ามไม่อยู่ สายตาทรงอำนาจ สายตาของผู้นำที่ใครก็ไม่อาจต้าน

“โอ๊ะๆ ใจเย็น ก็เด็กนี่เล่นมายืนอ่อยอยู่หน้าลิฟต์ กูแค่จะสนองเท่านั้นเอง...แต่ก็ไม่น่าเชื่อนะว่าคนอย่างคุณชายสิรินจะซื้อเด็กตัวแค่นี้มานอนกก วิปริตใช่เล่น

ว่าแต่ลีลาเป็นไง เด็กๆ คงฟิตน่าดู ให้กูลองบ้างดิวะ” ชายคนนั้นยังคงพูดถากถางไม่หยุด เพราะนานครั้งจะเยาะเย้ยอีกฝ่ายได้เช่นนี้

สิรินดวงตาแววโรจน์ เขาโกรธ โกรธมาก โกรธที่มันดูถูกดำ ไม่เพียงแตะต้องดำ แต่มันยังดูถูกว่าดำเป็นเด็กขาย ความโกรธปะทุอย่างที่ไม่อาจควบคุมอารมณ์ได้อีก ต่อให้เป็นญาติกันมันก็ไม่มีสิทธิ์มาว่าร้ายดำ เขาไม่มีทางยกโทษให้

เมื่อขาดสติสิรินจึงเริ่มขยับฝีเท้าเดินเข้าไปหาอีกฝ่ายด้วยความโกรธเกรี้ยว หมายจะเลาะฟันเน่าๆ นั่นออกจากปาก

ปึ้ก!

“อย่ามาว่าลูกพี่นะ” ดำไม่ค่อยเข้าใจคำของผู้ชายคนนี้มากนัก แต่ที่แน่ๆ คำว่า วิปริต นั่น มันต้องดูถูกสิรินอยู่แน่ๆ

บังอาจว่าร้ายลูกพี่ที่เคารพรักของไอ้ดำ ไอ้ดำต้องสั่งสอน

ความกลัวก่อนหน้านี้หายไปตั้งแต่สิรินเข้ามาแล้ว

หมัดแรกถูกปล่อยหลังจากสลัดมือหลุดจากการเกาะกุม ตามด้วยหมัดที่สอง และสาม ตามลำดับ ทั้งพออีกฝ่ายล้มลงดำยังกระทืบอย่างไม่คิดจะให้อีกฝ่ายรอดไปได้

สิรินชะงักมองฉากนั้นด้วยความตกตะลึง กว่าจะปรับอารมณ์ให้สงบได้ก็เป็นเวลามากพอให้ดำกระทืบชายคนนั้นจนสิ้นฤทธิ์

“ดำหยุดได้แล้ว” สิรินกล่าว พร้อมกับเดินเข้าไปหา ในตอนนี้ดำหยุดนิ่ง แล้วยิ้มกว้างให้สิริน เหมือนเด็กน้อยที่รอคำชมจากเขาอยู่

สภาพดำตอนนี้มีเพียงเสื้อตัวยาวคลุมถึงขาอ่อน กับเหงื่อเปียกชุ่มเพราะออกแรงช่วยขับให้ดำดูยั่วยวนขึ้น ถ้าผู้ชายคนนั้นจะมองว่าดำกำลังอ่อยก็คงไม่มากเกินไป ขนาดสิรินที่ไม่ได้คิดเกินเลยยังเผลอใจกระตุกกับภาพที่เห็น

หน้าแดงนิดๆ กับเหงื่อที่ไหลออกมาเล็กน้อย ทั้งคอเสื้อซึ่งกว้างเกือบจะหลุดจากหัวไหล่ข้างหนึ่ง กับขาอ่อนสีน้ำผึ้งที่มองเห็นวับๆ แวมๆ เวลาขยับตัว ทั้งยังรู้ดีว่าภายใต้เสื้อตัวนั้นดำร่างกายเปลือยเปล่า ไม่มีกระทั่งชุดชั้นใน

ภาพการอาบน้ำให้เมื่อคืน ไหลเข้ามาในหัวอย่างไม่คาดคิด สิรินรีบสลัดความคิดเหล่านั้นทิ้งไปแล้วรีบพาดำเดินกลับเข้าไปในห้อง จากนั้นยื่นถุงกระดาษที่ถือมาให้ทันทีที่เข้ามาด้านใน

ดำทำหน้าตาเลิ่กลั่กด้วยความสงสัย เห็นสิรินไม่ยอมสบตาเขา จึงไม่ได้ถามอะไร เพียงรับถุงนั้นมาพอเปิดดูก็เห็นว่ามีเสื้อผ้าอยู่ด้านใน

“ลูกพี่ให้ไอ้ดำเหรอ” ดำหยิบเสื้อผ้าออกมาสำรวจ พบว่าเป็นขนาดที่ตัวเองใส่ได้พอดีก็เลยถามออกไปด้วยใจพองโต

ลูกพี่ของไอ้ดำใจดีอีกแล้ว ซื้อเสื้อผ้าให้ไอ้ดำด้วยล่ะ

“ไปเปลี่ยนชุดก่อนแล้วค่อยมาคุยกัน” ดำพยักหน้าหงึกๆ หลายครั้งตามด้วยรอยยิ้มสว่างไสว แล้วเริ่มถอดชุดเปลี่ยนเสื้อผ้า

“เดี๋ยวดำ ไปเปลี่ยนในห้อง” สิรินรีบร้องห้าม เพราะเหมือนใจเขายังไม่สงบลง ถ้าดำยังมาเปลือยต่อหน้าตอนนี้ ความคิดชั่ววูบนั่นคงเตลิดไปไกล

“ได้เลย” ดำรีบวิ่งเข้าห้องไป แม้สงสัยว่าคนสมัยนี้เขาไม่แก้ผ้าต่อหน้ากันแล้วเหรอ แต่ก็ยอมเข้าไปง่ายๆ เพราะมันเป็นคำสั่งของสิริน ดำทำได้อยู่แล้ว

หลังประตูห้องนอนปิดลง สิรินก็เดินไปทรุดตัวนั่งบนโซฟา ผ่อนลมหายใจ สงบสติที่เตลิดไปไกลของตัวเอง เขาคิดว่าจะดูแลดำในฐานะน้องชาย แต่เหมือนจิตใต้สำนึกมันต้องการมากกว่านั้น จึงได้แต่สะกดจิตตัวเองซ้ำๆ ว่าดำอายุ 15 อายุ 15 แบบนี้มันพรากผู้เยาว์ชัดๆ ห้ามคิดอะไรเกินเลยเด็ดขาด!

“ลูกพี่ไอ้ดำเปลี่ยนชุดแล้ว ผ้านุ่มนิ่มไอ้ดำชอบ ฮิฮ” ดำหัวเราะอารมณ์ดีหลังจากที่แต่งตัวเสร็จ สิรินจึงหันไปมอง เจ้าตัวเล็กอยู่ในชุดเสื้อยืดสีขาวกับกางเกงยีนส์ 4 ส่วน ยืนยิ้มแป้นอยู่หน้าประตูมันดูดีกว่าที่เขาคิดไว้ ดำเหมือนเด็กชายตัวน้อยเพราะตัวเล็กเกินอายุของตน นั่นทำให้เขาหัวใจกระตุกอีกครั้ง จึงพยายามข่มอารมณ์ และปั่นหน้าให้สงบเข้าไว้

จะไม่ให้คิดเกินเลย มันคงไม่ไหวจริงๆ เอาเถอะความรู้สึกน่ะคงต้องปล่อยมันไป จะไปในทิศทางไหนก็ไม่ต้องกำหนด แค่อย่าให้ความรู้สึกของตัวเองไปทำร้ายดำก็พอ

“ป่ะ ออกไปข้างนอกกัน เดี๋ยวพาไปกินข้าว แล้วซื้อก็ของใช้เพิ่ม ฉันซื้อมาชุดเดียว กลัวไม่ถูกใจ ไปเลือกเองน่าจะดีกว่า” ในที่สุดเขาก็เผยรอยยิ้มอ่อนโยนได้อีกครั้ง เพียงแค่ยอมรับความรู้สึกของตัวเอง ถึงมันจะดูเป็นเรื่องที่ผิด และเป็นไปได้ยากที่ดำจะใจตรงกัน แต่ถ้าหากเขามั่นใจเมื่อไหร่ว่าขาดดำไม่ได้ การจะครอบครองดำเอาไว้เพียงคนเดียวต่อให้ต้องใช้เล่ห์กลอะไรเขาก็พร้อมจะทำ

ตอนนี้รู้เพียงแค่ว่าเขามีความสุขทุกครั้งที่ดำยิ้มอย่างดีใจก็เพียงพอแล้ว

“ลูกพี่จะพาไอ้ดำไปกินข้าวที่ไหนเหรอ” ดำหูผึ่งเมื่อได้ยินว่าจะไปกินข้าว รีบก้าวตามสิรินออกไปทันที เดินโผล่ซ้ายทีขวาทีอย่างลิงโลด

“ถึงแล้วก็รู้...แต่ดำต้องชอบแน่ๆ”

“ว้าว ถึงไม่รู้ว่าที่ไหน แต่ลูกพี่ใจดีที่สู้ด ฮิฮิ” เมื่อรู้ว่าลูกพี่เอาใจ ดำก็ยิ้มร่า เขาดีใจมากที่เจอสิริน เพราะหลายวันที่ผ่านมาเขาใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก คงเปรียบสิรินเหมือนเทวดาที่ลงมาโปรด สิรินเองก็ได้แต่มองตามเจ้าเด็กหน้าแป้นที่วิ่งไปจนถึงลิฟต์ด้วยรอยยิ้มบางๆ เขาเองก็มีความสุข ความสุขที่ไม่ได้รับมาตั้งแต่สูญเสียพ่อบังเกิดเกล้าไป

ถึงจะมีคนคอยทำหน้าที่แทนพ่อและมีเพื่อนคอยอยู่เคียงข้างกัน แต่เขากลับรู้สึกว่าเวลาอยู่กับดำเขาเปิดใจได้มากกว่า มีความสุขได้มากกว่า เหมือนเสพติดความสุขที่แผ่ออกมาจากตัวของดำอย่างไรอย่างนั้น

ดำหยุดชะงักหน้าลิฟต์แล้วหันมาขอความช่วยเหลือ

“ลูกพี่มันไปต่อยังไง ไอ้ดำเปิดไม่ได้ ก่อนหน้านี้ลองดันดูมันก็ไม่ยอมเปิด” หัวคิ้วขมวดเพราะคิดไม่ตกแต่ก็ส่งสายตาขอความช่วยเหลือมาให้

“สิ่งนี้เรียกว่าลิฟต์ เวลาอยากให้มันเปิดดำต้องมากดปุ่มตรงนี้ จะขึ้นไปก็กดสามเหลี่ยมที่ปลายชี้ไปข้างบน ถ้าไปด้านล่างก็กดสามเหลี่ยมที่ชี้ลงข้างล่าง แล้วก็ยืนรอจนมันดังปริ๊ง มันถึงจะเปิดออก ลองดูสิ” สิริน อธิบายให้ดำฟังด้วยประโยคง่ายๆ จะใช้คำทัพศัพท์ไม่ได้ เขาทั้งใจเย็น ทั้งยิ้มเอ็นดูเมื่อดำตั้งใจฟังทุกครั้งที่เขาอธิบาย เวลาเข้าใจจะผงกหัว แต่ถ้าไม่เข้าใจจะส่งสายตาขอร้องให้อธิบายซ้ำ มันน่ารักเสียจนบางครั้งเขาก็เผลอแกล้งไปบ้าง

“ครับ” ดำรับคำแล้วลองทำดู รอจนลิฟต์ดังขึ้นพร้อมเปิดออก จึงหันมายิ้มกว้างรอรับคำชมจากสิริน

“เก่งมาก ไปกันเถอะ” สิรินยื่นมือมาลูกหัวดำเบาๆ เป็นการให้รางวัล เจ้าหมาก็ยิ้มร่าอย่างพอใจ แล้วรีบเดินเข้าไปด้านใน

“มานี่มา” พอเข้ามาด้านในสิรินก็เรียกให้ดำมายืนอยู่หน้าปุ่มเลือกชั้น แล้วเริ่มอธิบายอีกครั้ง ดีที่ไม่มีคนโดยสารลิฟต์มา การใช้เวลาของพวกเขาจึงไม่ต้องเร่งรีบนัก

ดำจ้องมองมือสิรินที่กำลังชี้ไปยังตัวเลขซึ่งใช้ในการระบุชั้นต่างๆ พวกเขาอยู่บนชั้น 20 ของตึก 25 ชั้น และกำลังจะลงไปชั้น 1 ครั้งนี้สิรินก็ให้ดำลองกดดู เมื่อทำสำเร็จก็ลูบหัวให้รางวัลอีกครั้งแล้วจึงมายืนข้างๆ

“ลูกพี่แล้วเราจะลงไปยังไงล่ะ อย่าบอกนะว่าจะ...ระ ร่วงลงไป!! อ้าก!!!” ดำยังคงคาใจกับการทำงานของลิฟต์พอจะถามสิรินก็นึกบางอย่างได้ ในเมื่อไม่มีบันไดทางเดียวที่จะลงไปคือ ร่วง! ไม่ใช่เหรอ

สมองประสานงานกับร่างกาย ดำเข้าไปกอดสิรินแน่น พึมพำแต่คำว่าร่วงแล้วร่วงแล้วไม่หยุด

“ใจเย็นๆ ลืมตาสิ เชื่อฉันนะดำ” น้ำเสียงอ่อนโยนกับฝ่ามืออบอุ่นลูบหลังปลอบโยนทำให้ดำค่อยๆ คลายความตกใจลง

“จริงนะ ลูกพี่ไม่โกหกไอ้ดำนะ” เสียงยังอู้อี้เพราะซบหน้าลงกับแผงอกของสิริน มือก็ยังดึงเสื้อด้านหลังแน่น

“จริงสิ ฉันจะโกหกดำทำไม เอ้า ลืมตาได้แล้ว หึหึ” ดำได้ยินแบบนั้นก็เริ่มสบายใจ แม้จะแปลกใจกับเสียงหัวเราะเบาๆ ของสิรินเล็กน้อย เขาค่อยๆ หันหน้าออกมาจาแผงอกแกร่ง แล้วลืมตาขึ้นทีละข้าง จนรู้สึกว่าลิฟต์เลื่อนลงช้าๆ เท่านั้น

“ว้าว ไม่ร่วงจริงๆ ด้วย ลูกพี่สุดยอด” ดำหันมายิ้มให้ทั้งที่ร่างกายพวกเขายังแนบชิดกันอยู่ เวลานี้สายตาของทั้งคู่จึงจับจ้องกัน สิรินหัวใจเต้นแรงกว่าครั้งก่อน จึงเผลอแสดงสายตารักใคร่ออกไปอย่างไม่รู้ตัว

ดำแม้ไม่เข้าใจ แต่กลับรู้สึกเขินอายกับสายตาแบบนั้นรีบก้มหน้าหลบด้วยความไม่เข้าใจ บรรยากาศด้านในจึงเริ่มอึดอัด อยู่เช่นนั้น

ปริ๊ง!

พอลิฟต์เปิดออกดำก็รีบปล่อยแขนจากตัวสิริน เดินจ้ำอ้าวออกไปไม่รอ

“ดำจะไปไหน” สิรินร้องถามเมื่อจับคนตัวเล็กไว้ไม่ทัน ขาสั้นแต่เดินเร็วเกินคาด

“ปะ...ปะ....ไปกินข้าวกับลูกพี่” ดำหยุดเดินแต่ไม่ยอมหันกลับมามอง เขารู้แค่ว่าเมื่อครู่หน้าเขาร้อนมาก ใจมันเต้นแรงมาก ถ้ามองหน้าสิรินตอนนี้ดำหัวใจจะวาย

ไม่เข้าใจเลย ไอ้ดำเป็นอะไรกันแน่ ไม่เข้าใจสักนิดเดียว

“แต่รถฉันอยู่ทางนี้นะ ตามมาได้แล้ว” สิรินเข้าใจอาการของดำ เพราะรู้ว่าดำกำลังเขินอาย เขาคงเผลอทำสายตาแปลกๆ เข้า จึงทำตัวตามปกติ เดินนำไปก่อน ปล่อยให้ดำได้ใช้เวลาสงบสติตัวเอง ถ้าไปกระตุ้นอะไรตอนนี้เดี๋ยวเตลิดไปไกล

มันเป็นเรื่องดีหากเขาต้องการดำเป็นคนรัก แต่มันจะไม่ดีถ้าหากวันที่เขามั่นใจในความรู้สึกแล้วพบว่ามันไม่ใช่ สิรินไม่ต้องการทำร้ายดำ ดังนั้นเราจึงบอกกับตัวเองว่าจะไม่ทำอะไรให้ดำต้องอึดอัด หรือเปลี่ยนความรู้สึกนับถือเหล่านี้ไป

ตอนนี้พวกเขาควรอยู่ในฐานะ พี่ชาย น้องชาย เท่านั้น ต้องมั่นใจเสียก่อนว่าเขารักดำ เมื่อนั้นเขาจะรุกจีบให้ดำตั้งตัวไม่ทันเลยล่ะ

“ขึ้นมาสิ” สิรินเปิดประตูให้ดำเข้าไปนั่ง แล้วปิดประตูให้ก่อนจะเดินไปนั่งฝั่งคนขับ

“ลูกพี่สุดยอดเลย ไอ้ดำเคยเห็นนะ แต่มันไม่สวยขนาดนี้ สุดยอด เป็นครั้งแรกเลยที่ไอ้ดำได้นั่ง” ความตื่นเต้นแบบเด็กๆ กลับมาตั้งแต่พามาถึงที่จอดรถ ดำตื่นตาตื่นใจกับรถรูปแบบต่างๆ จนเขาต้องคอยห้ามไม่ให้ไปแตะรถใครสุ่มสี่สุ่มห้า

พอเข้ามานั่งในรถก็หันมองนั่นมองนี่ แถมยังทำมือเหมือนอยากแตะแต่ไม่กล้า พยายามทำตามที่เขาเตือนทั้งที่อยากจับจะแย่ มันทั้งน่าเอ็นดูทั้งน่าแกล้งในเวลาเดียวกัน สิรินจึงนั่งมองเงียบๆ จนพอใจ แล้วจึงยอมใจดีบอกให้แตะของต่างๆ ในรถได้ ด้วยความสงสารเด็กน้อยที่กุมมือตัวเองเอาไว้แน่น

“รถฉันจับได้ ฉันอนุญาต”

“ว้าว สุดยอดเลย ตรงนี้นุ่ม กระจกก็ใส ทั้งที่มองข้างนอกมันเป็นสีดำแท้ๆ รถลูกพี่สุดยอดมากเลย” หลังรับคำอนุญาตดำก็แตะนู่นแตะนี่ไปทั่ว ดวงตานั้นก็สื่อถึงความตื่นเต้นอย่างไม่ปิดบัง มันทำให้สิรินเพลิดเพลินกับการมองจนไม่อาจละสายตาไปได้

“อยู่นิ่งๆ ก่อนดำ” ดำว่าง่ายยอมนั่งนิ่งๆ ให้สิรินใส่เข็มขัดนิรภัยให้ และดูเหมือนสติของดำจะกลับมาครบถ้วน เขาจึงไม่ได้หน้าร้อนแทบไหม้เหมือนเมื่อครู่อีก จึงได้แต่นั่งแปลกใจในความรู้สึกตัวเอง ยิ่งคิดยิ่งไม่เข้าใจ เพราะฉะนั้นนั้นช่างมันเถอะ

คิดไปก็ปวดหัวเปล่าๆ ไอ้ดำโง่ด้วย เดี๋ยวก็คงเข้าใจเองแหละเนาะ

“เร็วมาก ลูกพี่เร็วสุดยอด” หลังจากรถออกวิ่งดำก็ตื่นตาตื่นใจกับความเร็ว สิรินก็ปล่อยให้ดำมองจนพอใจ ตั้งใจขับรถแล้วหันมามองเป็นครั้งคราว พอเห็นว่าดำนั่งนิ่งแล้วจึงเปิดปากพูด

“ดำ”

“ครับลูกพี่”

“ทำไมเรียกฉันว่าลูกพี่” สิรินค้างคาใจกับการเรียกของดำตั้งแต่ก่อนหน้านี้ แต่พึ่งจะหาโอกาสถามได้ จึงไม่ปล่อยให้ช่วงเวลานี้หลุดมือไป

“ก็คุณสินมีบุญคุณกับไอ้ดำ ตอนที่ไอ้ดำสลบก็ช่วยอาบน้ำให้ พาไปนอนเตียงนุ่มๆ แล้วยังเลี้ยงข้าวไอ้ดำ ถึงไอ้ดำจะเป็นอันธพาลปลายแถวแต่ก็มีศักดิ์ศรี หลวงตาก็สอนให้รู้จักบุญคุณคน ไอ้ดำนับถือคุณสินเอามากๆ แล้วก็อยากช่วยเหลือคุณสิน เพราะฉะนั้นไอ้ดำจึงนับถือคุณสินเป็นลูกพี่ที่ควรเคารพรัก” ดำอธิบายพร้อมดวงตาใสซื่อ ตรรกะของดำดูจะเก่าไปสักหน่อยแต่สิรินเข้าใจได้

“ฉันเข้าใจนะ แต่...ไม่อนุญาต”

“เอ๋ ทำไม่ละ ลูกพี่ อะ ไอ้ดำไม่มีประโยชน์กับลูกพี่เลยเหรอถึงกับรับเป็นลูกน้องไม่ได้” ดำกระวนกระวายที่สิรินไม่ยอมรับตนเป็นลูกน้อง น้ำตาค่อยๆ เอ่อคลอ ดำไม่เข้าใจปกติเขาไม่เคยอ่อนไหวง่ายขนาดนี้ เพียงการปฏิเสธคำเดียวแท้ๆ

“ไม่ใช่แบบนั้น ฉันแค่ไม่ชอบคำว่าลูกพี่ แล้วตอนนี้ฉันก็คิดว่าดำเป็นน้องชาย เพราะอย่างนั้นเรียกพี่สิน หรือคุณสินดีกว่านะ” รถติดไฟแดงพอดีสิรินจึงหันมาเช็ดน้ำตาให้ดำอย่างอ่อนโยน รอยยิ้มบางๆ นั่นบ่งบอกถึงความเอ็นดู ทำให้ดำเลิกร้องไห้ในทันที

“น้องชายเหรอ”

“ใช่ ถ้าดำอยากนับถือฉันก็เก็บเอาไว้ในใจ แล้วเรียกด้วยคำอื่นแทน ยุคนี้ไม่ค่อยมีใครใช้คำนั้นกันแล้ว” คำอธิบายนั้นทำให้ดำยิ้มออก เขามัวแต่คิดในแง่ร้าย

คุณสินน่ะใจดีขนาดนี้ แล้วไอ้ดำเป็นบ้าอะไรอยู่นะ

“ครับคุณสิน ไอ้ดำเข้าใจ ไอ้ดำดีใจที่เป็นประโยชน์กับคุณสินได้ อยากให้ไอ้ดำไปซัดใครบอกได้เลย ไอ้ดำจะปกป้องคุณสินเอง ไว้ใจได้” ดำยกแขนกำหมัดเอาไว้อย่างหมายมาด

เขาจะอัดทุกคนที่ว่าร้ายคุณสิน คอยดูเถอะ

“ฮ่าๆๆๆ เข้าใจแล้วๆ แต่อย่าทำอะไรใครสุ่มสี่สุ่มห้านะ” สิรินกลั้นหัวเราะไม่ไหว สุดท้ายเขาก็หัวเราะให้กับท่าทางเปลี่ยนไปมาของดำอย่างหยุดไม่ได้ แล้วยังคำมั่นที่ว่าจะปกป้องนั้นอีก มันชุ่มชื่นหัวใจอย่างบอกไม่ถูก เหมือนความรู้สึกแปลกใหม่ที่ไม่เคยได้รับกำลังค่อยๆ ซึมซับไปในตัวเขาเรื่อยๆ

“ขอบคุณนะดำ”

“ครับ ไอ้ดำก็ขอบคุณคุณสินเหมือนกัน” ตอนนี้คงเป็นพวกเขาทั้งสองต่างทำประโยชน์ให้กัน สิรินช่วยเหลือดูแลดำ ส่วนดำก็ช่วยยิ้ม ช่วยคอยอยู่ข้างๆ กันก็เป็นประโยชน์มากเกินพอแล้ว

ความสุขมันช่างง่ายดาย ไม่ต้องหรูหรา ไม่ต้องอลังการ เพียงเท่านี้ พวกเขาก็มีความสุขมากมาย สิรินสัญญาในใจ...

ถ้าเพื่อให้ดำยิ้มจะเป็นอะไรฉันก็จะทำ






*แก้ไข 30/10/62
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-10-2019 11:29:37 โดย GreenHead(หัวเขียว) »

ออฟไลน์ GreenHead(หัวเขียว)

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 124
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
    • Green Head - หัวเขียว
เปย์ครั้งที่ ๓ (๒) (รีไรท์)
«ตอบ #13 เมื่อ07-03-2018 17:59:22 »

(ต่อ)

ดำมองรอบด้านด้วยความตื่นเต้น ตอนนี้เขาอยู่ในสถานที่ที่เรียกว่า ห้างสรรพสินค้า มันใหญ่โต อัดแน่นด้วยร้านขายของมากมาย ร้านค้าเล่านั้นเรียงรายกันอยู่ทุกชั้น ยิ่งสิรินพาเดินขึ้นบันไดเลื่อนมาเรื่อยๆ เขายิ่งตื่นตาตื่นใจ

“ชอบไหม” สิรินลูบหัวดำด้วยความเอ็นดู

“อื้อ อื้อ อื้อ ชอบ ชอบมากกกก” ดำหันมายิ้มแล้วยิ้มอีกจนแก้มจะแตก ก่อนหน้านี้ดำหลงอยู่แถวชุมชนแออัดเขาจึงได้แต่มองอยู่ไกลๆ เป็นครั้งแรกที่เขาได้เข้ามา จึงตื่นเต้นจนอยากตะโกนออกมาดังๆ

“ถ้าไปถึงข้างบน ดำจะชอบกว่านี้อีก”

“จริงเหรอคุณสิน มีที่ที่ดีสวยกว่านี้อีกเหรอครับ”

“หึหึ แน่นอนสิ” สิรินหัวเราะในลำคอเบาๆ อย่างอารมณ์ดีเหมือนเห็นสายตาวิบวับของดำ เรียกได้ว่าดูตั้งหน้าตั้งตารอสุดๆ

“เอ้าถึงแล้ว” บนชั้น 6 ก่อนจะถึงโรงหนัง เป็นชั้นที่เต็มไปด้วยร้านอาหาร มีร้านให้เลือกกินมากมาย

“คะ คุณ คุณสิน ดูสิ ของกิน ของกินเยอะแยะเลย ว้าวๆๆ” ดำมองทุกอย่างด้วยความตื่นเต้น มือก็กระตุกแขนของสิรินให้ดูด้วยกันไม่หยุด และที่ทำให้สิรินหลุดหัวเราะเสียงดังคงจะเป็นน้ำลายที่ไหลออกมาจนต้องใช้มือเช็ดออกไม่หยุดนั่น

“ฮ่าๆๆๆ ใจเย็นๆ ฉันนัดพวกน่านเอาไว้ เดี๋ยวเราจะไปหาอะไรกินกัน” ดำรีบเช็ดน้ำลายหยดสุดท้ายแล้วหันมามองสิริน สายตาบ่งบอกได้ว่า

เร็วสิคุณสิน ไอ้ดำอยากกิน พาไอ้ดำไปกินนะ นะ นะ นะครับ

อ้อนเกินกว่าที่สิรินจะใจแข็งแกล้งต่อไหว เล่นออดอ้อนด้วยสายตาแบบนี้ ใบหน้าแบบนี้ ใจแข็งต่อไหวก็แกร่งเกินไปแล้ว เขาจึงรีบเดินนำดำไปยังร้านที่เพื่อนของเขารออยู่

ร้านที่พวกเขาเลือกเป็นอาหารบุฟเฟต์สุดฮิตอย่างชาบู มีเวลาจำกัดเพียง 1 ชั่วโมง แต่หากสะดวกสบายด้วยสายพานที่เรียงรายด้วยอาหารซึ่งเลื่อนมาเสิร์ฟถึงที่ มันคงช่วยให้ดำเลือกอาหารที่ชอบได้อย่างถูกใจ มันเป็นการทดสอบที่ดีว่า ในครั้งต่อไปเขาควรพาดำไปทานอะไรดี

สิรินพาดำเดินเข้าไปด้านในจนถึงโต๊ะ แต่หากพอมองด้านหลังเจ้าตัวเล็กกลับหายไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่ทราบ

“อ้าว แล้วดำอะ” ทิวถามขึ้นหลังจากมองเพื่อนแล้วพบว่าคนที่อาละวาดเมื่อเช้าหายไป ถึงจะยังไม่เชื่อเรื่องที่ดำบอกสิรินเต็มร้อย แต่เขาก็อดที่จะเป็นห่วงไม่ได้ จะเป็นบ้า หรือหลงยุค ก็น่าเป็นห่วงไม่แพ้กัน เด็กตัวแค่นั้นถ้ามีปัญหาอะไรคงจะแก้ไขเองไม่ได้ จนถึงขั้นเลือกเส้นทางที่ผิดไปเลยก็ได้

แล้วยิ่งพอล้างตัวจนเป็นผู้เป็นคนแล้ว ยังดูดีใช่ย่อย ถ้าถูกเหลอกไปทำอะไรไม่ดีเข้ายิ่งน่าเป็นห่วง

สิรินไม่ตอบคำถามทิวแต่หากมองหาจนเห็นดำยืนนิ่งอยู่ข้างสายพานด้านหนึ่ง ซึ่งไม่มีโต๊ะตั้งอยู่ตรงนั้น ดำกำลังมองอาหารที่เคลื่อนไปบนสายพานด้วยสายตาแวววาว ดูสนอกสนใจกับของแปลกใหม่ที่พึ่งเคยเห็น แล้วกำลังน้ำลายไหลกับอาหารน่าทานเหล่านั้น

“หึหึ เจ้าเด็กเห็นแก่กินเอ๊ย” สิรินได้แต่ส่ายหัว แต่ริมฝีปากก็ยกยิ้มอย่างเอ็นดู เขาคิดอยู่แล้วว่าดำต้องสนใจ แต่ไม่คิดว่าจะถึงขั้นไม่ยอมขยับไปไหนตั้งแต่เดินเข้ามาในร้านแบบนี้

พนักงานเดินเข้าไปใกล้เหมือนจะเข้าไปถามความต้องการของดำ สิรินจึงรีบเดินเข้าไปก่อนที่ดำจะทำอะไรแปลกๆ เข้า

“ขอโทษนะครับ คุณลูกค้ามีปัญหาอะไรรึเปล่า”

“เอ็...”

“ไม่มีอะไรครับเขามากับผมเอง ขอตัวนะครับ... ดำตามมานี่” สิริน กล่าวบอกพนักงานก่อนจะดึงข้อมือของดำให้เดินตาม กลัวว่าจะเด็กจอมหิวจะเผลอไปหยุดที่ไหนเข้าอีก

“คุณสินๆ ยอดเลย มีแต่ของกินเต็มไปหมด หมู หมึก กุ้ง แล้วก็ของแปลกๆ เพียบเลย ว้าว! ที่นี่วิเศษไปเลย ไอ้ดำกินได้จริงๆ เหรอ” ดำพูดทั้งที่ยังเดินตาม หันหน้าเลิ่กลั่กมองไปทั่วร้าน

ไม่ว่าจะเป็นที่ไหน อาหารเหล่านั้นก็เลื่อนไปหาถึงที่ โลกอนาคตมีของที่สะดวกสบายขนาดนี้เชียว ไอ้ดำชักติดใจขึ้นมาแล้วสิ

“ได้สิ ดำกินได้ทั้งหมด ชอบอะไรก็เลือกกินได้เลย”

“เย้ คุณสินใจดีที่สุดเล้ย” ตัวตนของสิรินในใจของดำสูงขึ้นไปอีก เพราะปกติแล้วเขาจะเลือกกินไม่ได้ มีอะไรให้กินก็ต้องกิน ดีกว่าต้องอดตาย

ก้องย้ายไปนั่งฝั่งเดียวกับทิวและน่าน เพื่อเหลืออีกฝั่งไว้ให้สิรินกับดำได้นั่งอย่างสะดวก แม้มันจะดูน่าอึดอัดที่ผู้ชายตัวใหญ่สามคนนั่งฝั่งเดียวกัน แต่ก็อยากให้ดำได้นั่งอย่างสบาย เพราะพึ่งเคยเข้ามาในร้านแบบนี้ครั้งแรก ไปนั่งขนาบข้างเหมือนกดดัน เดี๋ยวจะกินไม่อร่อย โดยที่ไม่รู้เลยว่ามันไม่มีผลต่อดำเลยสักนิด

สิรินให้ดำเข้าไปนั่งด้านในเพื่อที่จะได้เลือกหยิบอาหารได้สะดวก ส่วนตัวเองก็นั่งข้างดำอีกที เขาจะกินอะไรค่อยบอกดำหยิบให้ก็ไม่มีปัญหา

“ดำ ก่อนอื่นจะแนะนำเพื่อนของฉันให้รู้จักนะ” สิรินเอ่ยขึ้น ดำจึงยอมละสายตาจากอาหารที่เรียงรายอยู่ตรงหน้าอย่างตัดใจ ผืนกลั้นน้ำลายไว้อย่างอดทน

“ไอ้ดำขอกินไปฟังไปไม่ได้เหรอ” สายตาออดอ้อนแสนน่าสงสารถูกส่งออกไปพร้อมคำพูด ทำให้สิรินพยักหน้าอย่างจนใจ ถ้าไม่อนุญาตเดี๋ยวเด็กจอมหิวจะขาดใจตายไปเสียก่อน

“ของคุณครับ แล้วไอ้ดำหยิบได้เลยใช่ไหม”

“ได้สิ เอาเลย” ดำมองแล้วก็ดูน่ากินไปเสียทุกอย่าง เลือกหยิบลงมาเกือบ 10 จานจนสิรินต้องคว้ามือเล็กเอาไว้ก่อนที่จะหยิบจานต่อไป

เฮ้อ ดูเหมือนเข้าจะประมาทความอยากของดำมากเกินไป

“ดำ หยิบทีละอย่าง สองอย่าง กินหมดแล้วค่อยหยิบเพิ่ม...เข้าใจไหม” เสียงสิรินดูทรงอำนาจดำจึงไม่ขัดขืน แต่หากก็มีแววดื้อรั้นอยู่ในดวงตากลมโตดวงนั้น จนสิรินต้องย้ำเสียงเข้มในท้ายประโยค จนดำยอมพยักหน้ารับอย่างจำยอม ด้วยสภาพเหงาหงอยอย่างเห็นได้ชัด เหมือนหมาน้อยที่กำลังน้อยใจ

“ถ้ากินไม่หมดเราต้องจ่ายค่าปรับ หรือก็คือนอกจากจ่ายค่าอาหารที่กินวันนี้แล้ว ยังต้องจ่ายส่วนที่หยิบเกินมาด้วยนะดำ เพราะอย่างนั้นไอ้สินถึงไม่อยากให้หยิบมาเยอะจนเกินไป” น่านช่วยอธิบาย เพราะเจ้าตัวเล็กดูน่าสงสาร พอโดนสิรินดุก็หงอย เดี๋ยวจะพาลกินอาหารไม่อร่อยไปเปล่าๆ

“อ๊ะ เข้าใจแล้ว ขอโทษครับคุณสิน ไอ้ดำไม่รู้ อย่าโกรธไอ้ดำเลยนะ ต่อไปไอ้ดำจะเชื่อคุณสินทุกอย่าง ไม่ดื้อ ไม่ซน สัญญาเลย”





โปรดติดตามตอนต่อไป...



*แก้ไข 30/10/62


______________________________________________


สวัสดีค่ะ กลับมาแล้วกับช่วงคุณสินผู้หวั่นไหว อรั๊ยๆๆ
ลุ้นๆๆ ส่วนตอนหน้าก็มารอการท่องอาณาจักรบุฟเฟ่ต์ของไอ้ดำกันนะคะ
เจอกันตอนหน้าจ้า


อิจฉาดำอ่ะ อยากมีคนเปย์แบบนี้บ้าง

เนาะๆ อิจดำแรงมาก  :hao5:

ไอ้ดำน่าเอ็นดูละเกิ๊น ปี2499นี่พ่อเพิ่งเกิดเลย ถ้ามีชีวิตเรื่อยมาถึงตอนนี้ดำเป็นปู่เป็นตาของสินได้เลยนะ

งืมๆ นั่นสินะคะ แบบนี้แล้วคุณสินเนี่ยยิ่งต้องเปย์ผู้เฒ่าผู้แก่ให้ดีกว่าเดิมแล้วสิเนาะ  คุคุคุ :-[
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-10-2019 11:33:18 โดย GreenHead(หัวเขียว) »

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
ดำน่ารักมากเลย กินเท่าไหร่คุณสินก็ไม่สะเทือนแน่ๆค่ะ เห็นออร่าแบล็คการ์ดแรงมาก  :hao5:

ปล.ตอนล่าสุดเจอคำผิดค่ะ หัวเรอะ เป็น หัวเราะ รึเปล่าคะ

ออฟไลน์ StarPasO

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 101
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
จะอัพทันในdek d หรือเปล่าครับ อยากให้อัพทัน จะได้เม้นได้  :sad4:

ออฟไลน์ GreenHead(หัวเขียว)

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 124
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
    • Green Head - หัวเขียว
เปย์ครั้งที่ ๔ (รีไรท์)
«ตอบ #16 เมื่อ11-03-2018 06:46:01 »

เปย์ครั้งที่ ๔ (รีไรท์)

‘เล็กพริกขี้หนู’

เล็กแต่เก่งกล้าสามารถ เล็กแต่มีพิษสง


“ฉันไม่ได้โกรธ แค่อยากให้ดำคิดก่อนจะทำอะไร เพราะโลกปัจจุบันมันมีอะไรมากกว่าที่ดำคิด สัญญาแล้วจำให้ได้นะ” สิรินมีสีหน้าผ่อนคลาย แล้วกล่าวอธิบายบ้าง เพียงแต่ย้ำเตือนคำพูดของดำ เพราะอย่างที่เขาว่า โลกนี้มีอะไรมากกว่าอดีต ทั้งคน ทั้งเทคโนโลยี ถ้าดำทำอะไรโดยไม่ยั้งคิดจะทำให้ตัวเองเดือดร้อนเอาง่ายๆ และความโลภนั้นเข้าครอบงำคนได้ง่ายเช่นกัน เขาไม่อยากให้ดำโลภ แม้จะกับเรื่องกินก็ตาม

“ครับ ไอ้ดำสัญญา จะไม่ดื้อ ไม่ซน เชื่อฟังคุณสิน ทำอะไรจะถามก่อน ไม่เอาแต่ใจแล้วครับ” รอยยิ้มใสซื่อส่งมาอีกครั้ง เขาไม่อยากให้ดำแปดเปื้อนกับโลกที่แสนโสมมใบนี้เลย

“เอาแต่ใจได้ แต่ต้องมีขอบเขต ฉันไม่ว่าหรอกถ้ามันไม่มากเกินไป เรื่องความคิด ฉันให้อิสระดำ แต่ต้องคิดทบทวนให้ดีก่อนทำอะไรเสมอ เข้าใจไหม"

"ครับ ไอ้ดำเข้าใจ”

“กินเถอะ เอ้า” สิรินยิ้มอย่างพอใจ ก่อนจะตักหมูกับผักที่สุกแล้วไปไว้ในชามของดำ เพราะของที่ดำหยิบมา น่านที่นั่งอยู่ตรงข้ามช่วยเทลงหม้อให้เรียบร้อยแล้ว

“ว้าว ขอบคุณครับ อร่อยจัง” ดำคีบหมูใส่ปาก เคี้ยวแล้วกลืนอย่างมีความสุข ลืมบรรยากาศก่อนหน้านี้ไปจนหมด อีก 3 คน ที่ถูกลืมได้แต่มองอย่างเอ็นดู ตอนนี้ทิวเชื่อแล้วว่าอย่างดำคงไม่ได้บ้าหรอก ก็ดูมีสติออกขนาดนี้ เป็นเด็กน่ารักอีกต่างหาก

“ขอบคุณน่านด้วย เขาเป็นคนเอาของที่ดำหยิบมาลงหม้อให้” ดำมองตามสายตาของสิริน ก่อนจะสบตากับน่านที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม ซึ่งกำลังช่วยเทของในจานลงหม้อ แล้วส่งจานเปล่าผ่านทิวไปยังก้องที่รับจานไปวางไว้บนโต๊ะมุมนอกสุด โดยมีทิวยังตั้งหน้าตั้งตากินไม่ได้บ่นอะไร ทั้งยังไม่ช่วยรับจานไปยื่นให้ก้องอีกต่างหาก

แต่ทิวก็ช่วยคีบนู่นคีบนี่ลงในจานของทั้งสองให้อย่างคล่องมือ ซึ่งเขาจำได้ดีว่าเพื่อนทั้งสองชอบกินอะไรไม่ชอบกินอะไร เป็นบรรยากาศที่พวกเขาทั้งสี่คุ้นเคยเป็นอย่างดี ดำมองภาพนั้นด้วยความสนใจ

“ขอบคุณครับคุณน่าน”

“เรียกพี่น่านก็พอ” น่านรีบขัด เพราะเขาไม่ชอบให้ใครมาเรียกอย่างเป็นทางการนัก

“ไม่เอา คุณน่านเป็นเพื่อนกับคุณสิน เรียกคุณน่านดีแล้ว” ดำดื้อดึง

คุณสินบอกว่าเอาแต่ใจได้ ขอแค่มีขอบเขต ดังนั้นแค่คำเรียกไอ้ดำคงเอาแต่ใจได้สินะ

ถึงคิดแบบนั้นก็ยังหันไปมองสิรินว่าจะมีสีหน้าไม่พอใจหรือไม่ พอเห็นอีกฝ่ายยิ้มให้ก็กลับไปมองน่านเพื่อยืนยันว่าจะเรียกแบบนี้

“คนตรงกลางชื่อทิว ส่วนอีกคนชื่อก้อง” สิรินตามใจดำในเรื่องนี้ เขาอยากให้ดำเป็นตัวของเองมากที่สุด เป็นตัวตนที่เขาชอบอยู่แบบนี้

ในระหว่างแนะนำเพื่อนๆ ของเขา สิรินก็ไม่ได้หยุดมือ เขาตักของในหม้อลงในชามของดำเรื่อยๆ เรียกได้ว่าบริการเต็มที่เลยทีเดียว

“คุณทิว แล้วก็...คุณก้อง คนใจดีที่ให้ของอร่อยไอ้ดำเมื่อเช้า ขอบคุณครับ” สิรินสอนบอกให้ดำเอ่ยขอบคุณ และพูดลงท้ายด้วยครับกับเขา ดำจึงใช้มันกับเพื่อนๆ ของสิรินด้วย

เพื่อนของลูกพี่ไอ้ดำก็ต้องนับถือด้วย...ถึงจะน้อยกว่าลูกพี่นิดนึงก็เถอะ

ปกติดำจะพูดแค่กับหลวงตา เพราะถูกสั่งสอนมาตั้งแต่เด็กๆ กับพวกที่อยู่ในกลุ่มอันธพาลกลุ่มเดียวกันดำไม่เคยใช้มันเลย เขาไม่เคยนับถือใครจากใจจริงเช่นนี้ ที่ทำเพียงเพื่อเอาชีวิตรอดในสังคมเท่านั้น

ถ้าไร้กลุ่มจะถูกรังแก ต้องเลือกอยู่กลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง แล้วจะมีพวกร่วมสู้เพียงเท่านั้น พวกหัวแถวคงนับถือกันจากใจจริง แต่กับพวกปลายแถวขอเพียงมีชีวิตรอดเท่านั้นก็เพียงพอ ยิ่งกลุ่มใหญ่ ยิ่งห่างไกลจากคำว่าพวกพ้อง อาจจะโดนตัดทิ้งเมื่อไหร่ก็ไม่อาจทราบ ต้องไต่เต้าขึ้นไปให้สูงอยู่เสมอ

เพียงแต่ดำไม่ได้เข้าไปอยู่ในวังวนนั้นอย่างเต็มตัว เขายังมีหลวงตาที่คอยเลี้ยง คอยสอน เขาจึงเข้าร่วมเพียงเพื่อได้กินของอร่อยเวลาฉลองชัยชนะเท่านั้น ฝีมือก็พอเอาตัวรอด เป็นลูกกระจ๊อกปลายแถว ไม่เข้าไปในวังวนแห่งการแย่งชิงของพวกที่โหดเหี้ยมเหล่านั้น

ดำจึงยังคงมองโลกในแง่ดีเช่นนี้มาโดยตลอด สิ่งที่เขาใฝ่หามีเพียงของอร่อยที่ช่วยให้อิ่มท้องเท่านั้น ความเคารพบูชาจึงไม่ได้มีเท่าคนอื่นๆ บางคนเข้าร่วมเพราะชื่อเสียงของหัวแถวในกลุ่ม บางคนเพื่อศักดิ์ศรีอันยิ่งใหญ่ บางคนเพื่อแก้แค้นกลุ่มอื่น พวกนั้นจะเคารพพวกหัวหน้าจากใจจริง ดำจึงพอซึมซับนิสัยเด็ดเดี่ยวของอันธพาลมาด้วย แต่ก็ไม่ได้เคารพใครเป็นพิเศษ มีสิรินเป็นคนแรกที่เขาเคารพอย่างใจจริง

ดำไม่เคยคิดมาก่อนว่านอกจากหลวงตา และน้องๆ ที่เป็นเด็กวัดด้วยกันแล้วเขาจะวางใจคนอื่นได้มากขนาดนี้ เพราะเป็นสิรินเขาถึงสบายใจ เพราะเป็นสิรินจึงกล้าจะแสดงความเป็นตัวของตัวเองออกมามากขนาดนี้ แม้ศักดิ์ศรี และความทะนงจะถูกหล่อหลอมมากจากวัด และเหล่าคนในกลุ่ม แต่คนที่จะมอบความไว้วางใจให้กลับเป็นคนที่พึ่งพบกันได้เพียงไม่ถึงวัน ถ้าหลวงตารู้เข้าคงหัวใจวายตาย

แต่มันก็ช่วยไม่ได้จริงๆ สัญชาตญาณของดำบอกว่าสิรินเป็นคนดี เพื่อนของสิรินก็ด้วย

เรื่องสัญชาตญาณน่ะ ไอ้ดำมั่นใจยิ่งกว่าอะไร ตอนที่เลือกกลุ่มไอ้ดำถึงเลือกด้วยสัญชาตญาณ และพบว่ามันเป็นกลุ่มที่ดี ไม่ได้มีความดำมืดเหมือนกลุ่มอื่นๆ เพียงแต่คอยจัดการพวกคนเหล่านั้นเท่านั้น นั่นเป็นสาเหตุที่พวกเขามีศัตรูมากมาย

ดำไม่ชอบพวกที่มีความดำมืด กลุ่มนี้จึงเป็นกลุ่มที่ดำเลือกเข้าร่วมและช่วยเหลือในเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เรื่องการหักหลัง หรือไต่เต้าตำแหน่งก็แทบจะไม่มี มันเป็นกลุ่มที่ดี ดูแลลูกน้องปลายแถวดีด้วย ดำก็สำนึกบุญคุณ เพียงแต่มันไม่ใช่ความรู้สึกเคารพจนหมดใจเช่นนี้ กับสิรินเป็นคนแรกที่เขาให้ทั้งใจ

“ลองเอาหมูจิ้มอันนี้ดูสิ มันจะอร่อยขึ้นนะ” สิรินดูแลดำอย่างดี ตักอาหารใส่ถ้วยให้ดำทุกครั้งที่ของในถ้วยยุบลง แต่พอเห็นว่าดำไม่ได้จิ้มน้ำจิ้มก็เลยรีบบอก

“อร่อย! ขอบคุณครับคุณสิน” ดำหันมาขอบคุณสิรินก่อนตั้งหน้าตั้งตาทดลองจิ้มน้ำจิ้มแบบต่างๆ ซึ่งถูกนำมาเรียงไว้ข้างๆ ตัวเอง ไม่ว่าจะเป็น หมู ตับ ลูกชิ้น หรือแม้แต่ผักดำก็นำลงไปจิ้ม ดูตื่นตาตื่นใจทุกครั้งที่ได้ลิ้มลอง รอยยิ้มแสนพอใจนั่น และใบหน้าอิ่มเอิบที่แสดงออกมา ยิ่งทำให้สิรินพอใจ เขามองดำแล้วอิ่มท้องยิ่งกว่านั่งกินเองเสียอีก เด็กคนนี้ชักมีอิทธิพลกับเขามากเกินไปแล้ว แต่มันก็มีความสุขดี...ช่างมันเถอะ

“ดำลองอันนี้” น่านคีบเนื้อฮารามิยื่นให้ดำ มันเป็นเนื้อที่ถูกส่งตรงจากญี่ปุ่น เนื้อส่วนท้องซึ่งมีไขมันแทรกอยู่ ทำให้ได้ความละมุนลิ้นมากขึ้น เขาเห็นดำกินแล้วก็เอ็นดู กินอย่างมีความสุขเหมือนเด็กตัวเล็กๆ จึงอยากให้ได้กินของอร่อย เพราะนานๆ ครั้งของอร่อยจะเลื่อนมาถึง ช่วงเย็นแบบนี้คนเยอะเกินกว่าจะเลือกที่นั่งต้นสายพานได้ หวังได้เพียงดวงเท่านั้น พวกเขาได้นั่งห่างจากครัวพอสมควร ของอร่อยที่มาถึงจึงน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด

“ขอบคุณครับ คุณน่านใจดีจัง ฮี่ๆ” ดำหัวเราะอย่างอารมณ์ดี ก่อนจะอ้าปากงับชั้นเนื้อจากตะเกียบที่ยื่นมา ความนุ่มของเนื้อทำให้ดำพอใจเป็นอย่างมาก จนเผลอยกมือขึ้นทาบแก้มนวดตามจังหวะการเคี้ยวอย่างมีความสุข ตาก็หลับพริ้ม เขาไม่เคยกินเนื้อที่นุ่มขนาดนี้มาก่อน นี่มันสวรรค์ชัดๆ

น่านตกใจไม่น้อยที่ดำอ้าปากรับ แต่ก็ยิ้มเอ็นดู เขาไม่ถือเพราะดำเหมือนเด็กน้อย จนเขาคิดได้ว่ามันเป็นเพียงการป้อนข้าวเด็กคนหนึ่งเท่านั้น จึงใช้ตะเกียบคีบอาหารกินต่ออย่างไม่รังเกียจ

‘เปลี่ยนตะเกียบซะ’

ปากที่ขยับแบบไม่ออกเสียงทำให้คนนั่งฝั่งตรงข้ามรู้ว่าคนร่วมโต๊ะคนหนึ่งกำลังไม่พอใจ สิรินขมวดคิ้วมุ่น ทั้งที่ไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน คนทั้งสามมองอย่างงุนงง แต่เพียงไม่นานพวกเขาก็เข้าใจ พวกเขาติดใจตั้งแต่ที่สิรินบอกว่าจะดูแลดำเองแล้ว มันดูมีอะไรมากกว่าความเอ็นดู และดูเหมือนเพื่อนของเขาจะไม่รู้สึกตัวเสียด้วยซ้ำว่า...ตกหลุมรักเด็กน้อยคนหนึ่งไปเสียแล้ว

ความหึงหวงที่แสดงออกมาดูอย่างไรก็ไม่อาจคิดเป็นอย่างอื่น เพียงไม่นานสายตาของคนทั้งสามก็วูบวาบด้วยความสนุก มุมปากผุดยิ้มอย่างพอใจ นานๆ ที่คนอย่างสิรินจะไม่รู้สึกตัวในความรู้สึกของตัวเอง ถ้าแบบนั้นก็ขอแกล้งให้หนำใจหน่อยเถอะ

นิสัยขี้แกล้งนี้ทำให้พวกเขาอยู่ด้วยกันได้ เพราะรู้ทันกันและกัน มันกลายเป็นข้อดี และข้อเสียเมื่อมีคนใดคนหนึ่งโดนรุมแกล้ง ปกติคนที่โดยบ่อยสุดคือทิว และครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่สิรินพลาด ความสนุกที่พวกเขาไม่เคยทำมาก่อนมันทำให้หัวใจพองโต

แต่ใช่ว่าพวกเขาจะแกล้งเพื่อนจนไม่มีที่ยืน มันมีขอบเขตอยู่ เอาแค่พอสนุก จะไม่ทำลายชีวิตคนอื่น ถ้าหากคนคนนั้นไม่ใช่ศัตรู

น่านไม่รอช้าลงมือคนแรก ยกตะเกียบนั้นเข้าปากในทันที ทั้งยังยักคิ้วยั่วโมโหเพื่อนไปหนึ่งที พร้อมส่งสายตาท้าทาย ดังจะบอกว่า ไม่ว่ะ กูได้จูบทางอ้อมมาหนึ่ง

“ขอไอ้ดำอีก อร่อยมากเลยคุณน่าน ไอ้ดำชอบ” ดำไม่รับรู้ถึงบรรยากาศบนโต๊ะแม้แต่น้อย หลังกลืนเนื้อลงคอก็พูดขออีก ทั้งยังอ้าปากรอเหมือนเด็กตัวเล็กๆ น่านก็ว่าง่ายคีบเนื้ออีกชิ้นที่อยู่ในชามจิ้มน้ำจิ้มแล้วยื่นไปป้อนดำ

“อ้ำ กินเยอะๆ” ดำไม่สนใจสิ่งรอบข้าง แม้น่านจะจะทำเหมือนเขาเป็นเด็กๆ ก็ไม่ถือ ขอเพียงได้กินของอร่อยก็เพียงพอแล้ว

“ไอ้น่าน!” สิรินกัดฟันกรอด ส่งเสียงลอดไรฟันอย่างไม่พอใจ ทำไมเขาจะรู้ไม่ทันเพื่อน มันกำลังจงใจยั่วโมโหเขา มันน่านักนะ

“ดำอันนี้ก็อร่อยลองสิ” ก้องยื่นตะเกียบซึ่งคีบซูชิหน้าแซลมอนที่พึ่งเดินไปตักมาให้ดำ เขาละสายตาไปสนใจน่านเพียงชั่วครู่ ไอ้คนหน้าง่วงก็แผลงฤทธิ์เสียแล้ว

“ว้าว มันยังสดอยู่เลย กินได้เหรอครับ” ดำมองอย่างสนใจ ของกินประหลาดเป็นก่อนเล็กๆ พอดีคำ เนื้อปลาสีชมพูสดใส กับข้าวที่ถูกปั้นเป็นก้อนไว้ด้านล่าง มันดูน่ากินเสียจนแทบอดใจไม่ไหว แต่ก็ยังคงยั้งคิดตามที่สิรินสั่งไว้

“ได้สิ แซลมอนถูกส่งตรงจากญี่ปุ่น เหมือนเนื้อวัวที่กินไป มันก็เลยทั้งสะอาดทั้งอร่อย กินดิบดิบยิ่งอร่อย ลองสิ” หลังจากก้องอธิบายจบดำก็อ้าปากงับเข้าปากในทันที

ชิ้นเนื้อแซลมอนหวานละมุนลิ้น มันเหมือนจะค่อยๆ ละลายในปากอย่างช้าๆ ความสดใหม่ช่วยให้การเคี้ยวลื่นขึ้น ทั้งข้าวยังนุ่มแสนนุ่มพอถูกอัดเป็นก้อนก็ช่วยขับรสหวานนั้นให้กลมกล่อมยิ่งขึ้นไปอีก

ความอร่อยเป็นแบบนี้เองไอ้ดำพึ่งเคยกินเป็นครั้งแรก ทั้งยังหยิบได้ไม่อั้น แบบนี้มันสวรรค์ชัดๆ นี่ไอ้ดำตายแล้วขึ้นสวรรค์มาใช่ไหม~

ดำซึมซับความสุขจนลืมกระทั่งความทุกข์ทมก่อนที่จะได้พบกับสิรินไปจนหมด ตอนนี้ดำเหมือนล่องลอยอยู่ในสวนสวรรค์ก็ไม่ปาน ความคิดที่จะกลับไปหาหลวงตาก็ถูกพับไว้ชั่วพริบตา

ไอ้ดำขอโทษ แต่ขอไอ้ดำมีความสุขกับโลกนี้ก่อนนะครับหลวงตา ยกโทษให้ไอ้ดำด้วย...

เมื่อกลืนของอร่อยลงคอดำถึงเริ่มรับรู้ถึงบรรยากาศเหยียบเย็นของคนที่นั่งอยู่ข้างๆ จึงละความสนใจจากของอร่อยหันมาสนใจสิรินที่กำลังแสดงออกถึงความไม่พอใจในทันที

“คุณสินเป็นอะไรไป ไอ้ดำทำอะไรผิดเหรอครับ”

“ปะ...เปล่า แค่มีเรื่องให้คิดนิดหน่อย ไม่ใช่ความผิดของดำหรอก กินต่อเถอะ” คำถามและหน้าตาสำนึกผิดทำให้สิรินได้สติ ความไม่พอใจของเขากำลังทำให้ดำหุบยิ้ม เขามีความสุขเวลาเห็นดำยิ้มไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงได้งี่เง่าแบบนี้นะ

...แค่รู้สึกไปว่า รอยยิ้มนั้นเป็นของเขาเพียงคนเดียวเท่านั้นเอง ดูเหมือนความรู้สึกที่ไม่แน่ใจจะค่อยๆ ชัดเจนขึ้นเสียแล้ว มันยังผ่านไปไม่ถึงวันเลยนะ สิรินเตือนสติตัวเอง เขาไม่เชื่อในรักแรกพบ จึงคิดว่าความสัมพันธ์ต้องเกิดจากการเรียนรู้ที่ต้องใช้เวลาในการตัดสินใจ เพื่อไม่ให้ความรู้สึกชั่ววูบทำร้ายใครอีกคน

มือหนาลูบหัวดำอย่างเอ็นดู ยิ่งกับดำแล้วเขายิ่งไม่อยากทำให้แปดเปื้อน ไม่อยากเห็นน้ำตาของเด็กน้อยแสนน่ารักของเขาแม้แต่น้อย

“ครับ คุณสินอย่าเครียดนะ กินของอร่อยเยอะๆ จะได้อารมณ์ดี เชื่อไอ้ดำนะครับ” ดำยิ้มแฉ่ง ก่อนจะหันไปหยิบหมึกของโปรดสิรินมาใส่หม้อเพิ่ม ถึงจะเอาแต่กินเขาก็สังเกตว่าน่านหยิบหมึกลงหม้อเรื่อยๆ และคนที่ตักเยอะที่สุดก็คือสิริน ทั้งให้เขาและตัวเอง

คงเพราะคุณสินอยากให้ไอ้ดำกินของอร่อยเหมือนกัน

สิรินอารมณ์ดีขึ้นจนเป็นปกติ หัวใจเขาพองโตอย่างไม่รู้ตัวเมื่อดำใส่ใจในตัวของเขา ไม่ใช่สนใจเพียงเรื่องของตัวเอง

“ขอบใจ” รอยยิ้มน้อยๆ แต่หากอบอุ่นนั้นทำให้ดำหน้าแดง ความรู้สึกที่เกิดขึ้นในลิฟต์กลับมาอีกครั้งจนเขาไม่อาจเข้าใจได้

“อะ เอ่อ คุณก้องพาไอ้ดำไปตักไอ้ที่กินเมื่อกี้อีกได้รึเปล่า ไอ้ดำอยากกินอีก” หัวสมองดำตื้อไปหมดรู้เพียงว่าเขาต้องหนีออกไปจากสถานการณ์ตรงนี้เพื่อทำความรู้สึกของตัวเองให้สงบลง

“เอาสิ หลบน้องด้วยสิน” ก้องสังเกตทุกอย่างที่เกิดขึ้น รวมทั้งน่านกับทิวด้วย เพียงแต่เขาสงสารเกินกว่าจะแกล้งดำ ตอนนี้พอเข้าใจความรู้สึกของเด็กน้อยก็อยากจะช่วยเอาไว้

สิรินมองดำไม่ละสายตา ใบหน้าสีน้ำผึ้งนั่นขึ้นสีระเรี่ยอย่างน่ารัก ทั้งที่ควรรู้สึกผิดที่ทำให้ดำหวั่นไหวก่อนจะมั่นใจในความรู้สึกตัวเอง แต่หัวใจเจ้ากรรมกลับเต้นอย่างยินดี เป็นแบบนี้แล้วตัวเขาควรจะทำอย่างไร

“อะ ฮึ่ม” ก้องแกล้งส่งเสียงในลำคอเพื่อเรียกสติของสิริน ดูเหมือนเพื่อนของเขาจะอาการหนักไม่เบา เขารู้ดีเพราะสิรินไม่เคยตกหลุมรักใครจริงจัง พอเห็นแบบนี้ก็ทั้งอยากช่วยทั้งอยากแกล้งในเวลาเดียวกัน ก็นะคุณชายสิรินผู้เพอร์เฟคหลุดมาดทั้งทีมันน่าสนุกไม่ใช่เหรอ

“อะ เอ่อ มาสิ เดี๋ยวฉันไปด้วย” สิรินรีบเก็บอาการ แก้เก้อโดยการขยับลุกแล้วพาดำเดินไปบริเวณที่วางออเดิร์ฟด้านข้าง

ดำที่ตั้งใจจะหนีหน้าสิรินก็ได้แต่จำยอมลุกตามไป

ก็เป็นความต้องการของคุณสินไอ้ดำจะขัดอะไรได้

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-11-2019 11:27:42 โดย GreenHead(หัวเขียว) »

ออฟไลน์ GreenHead(หัวเขียว)

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 124
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
    • Green Head - หัวเขียว
เปย์ครั้งที่ ๔(๒) (รีไรท์)
«ตอบ #17 เมื่อ11-03-2018 06:47:27 »

(ต่อ)

“ว้าว นอกจากแสวม่อนก็มีอะไรเยอะแยะเลย อันนี้ข้างบนเป็นกุ้งล่ะ แล้วอันนี้อะไร แท่งยาวๆ นี่ดูน่ากินจัง คุณสินดูสิ น่ากินมากเลย” แต่พอมาถึงที่เจ้าตัวดีก็พุ่งความสนใจไปที่ของกินจนหมด ก้องได้แต่ถอนหายใจ เพียงแค่เริ่มก็ดูเหมือนเพื่อนของเขาจะแพ้ซูชิเสียแล้ว เฮ้อ

“แซลมอน ไม่ใช่แสวม่อนดำ” สิรินขยี่ผมดำเบาๆ ยิ้มเอ็นดูอย่างไม่ใส่ใจว่าดำจะสนใจอาหารตรงหน้ามากกว่าตน สำหรับเขาแค่ดำยิ้มได้ก็เพียงพอแล้ว ดูเข้าสิตื่นเต้นจนเรียกเขาดูทุกครั้งไป เหมือนอะไรน่าสนใจก็อยากให้เขาได้ดูด้วย เห็นแบบนี้ก็ขอคิดเข้าข้างตัวเองว่าดำให้ความสำคัญกับเขาไม่แพ้อาหารพวกนี้ก็แล้วกัน

“แสว...ซะ แซล มอน” ดำพยายามออกเสียง เพราะพยัญชนะที่ไม่คุ้นเคยทำให้การออกเสียงลำบากสำหรับดำ คิ้วเข้มจึงขมวดเขาหากัน แต่ก็ยังพยายามทำให้ได้

ออกเสียงแบบนี้ไอ้ดำแทบจะกัดลิ้นตัวเองอยู่แล้ว ทำไมมันยากจัง

“ถูกต้อง เก่งมากๆ” สิรินลูบผมสีดำสนิทนั่นอีกครั้ง เวลาเขาลูบหัวดำจะทำหน้ามีความสุข มันจึงกลายเป็นของรางวัลสำหรับดำไปเสียแล้ว

ก้องกลายเป็นธาตุอากาศสำหรับคนทั้งคู่ได้แต่ส่ายหัวกับบรรยากาศแสนหวานตรงหน้า แล้วตัดสินใจเลือกหยิบอาหารที่ต้องการกลับโต๊ะไปเงียบๆ อย่างรู้หน้าที่ สิรินไม่เคยยิ้มบ่อยขนาดนี้ เขาเป็นเพื่อนมานานย่อมรู้ดี จึงไม่คิดจะห้ามแม้ว่าดำจะเด็กมากก็ตาม

“อันนี้คือปูอัด อร่อยนะ ตักไปด้วยสิ”

“ครับ ไอ้ดำขอตักทั้งหมดเลยได้ไหม” ดำมองปูอัดแท่งสีขาวส้มแล้วน้ำลายไหล

คุณสินบอกว่าอร่อยล่ะ จะตักไปเยอะๆ เลย ส่วนของอย่างอื่นก็น่าอร่อย ไอ้ดำอยากกินทั้งหมดเลย

ของที่อยู่บนข้าวก้อนกลมนั่นมีแต่น่ากินๆ ทั้งนั้น แล้วกุ้งชุบแป้งทอดสีเหลืองเงางามนั่นก็ยั่วน้ำลาย ไหนจะของแปลกๆ ที่อยู่ในหม้อ มองเลยไปก็เจอแก้วเล็กๆ ข้างในมีอะไรใส่ไว้ไม่รู้ ไอ้ดำรู้แค่ว่ามันทั้งสวย ทั้งน่ากินทั้งนั้นเอง งื้อ อยากลอง


“ได้ แต่ต้องหยิบอย่างละนิดก่อนนะ เอาไปชิมก่อน ดำชอบอันไหนค่อยมาหยิบเพิ่ม ส่วนของหวานน่ะ เอาไว้กินหลังจากที่กินของคาวแล้วดีกว่านะ” สิรินมองตามสายตาแวววาวของดำ เห็นจดจ้องของหวานที่วางอยู่ในตู้อย่างสนใจแล้วจึงเตือนก่อน เขาไม่มั่นใจว่าคนสมัยก่อนจะกินของคาวหวานร่วมกันได้หรือไม่ กลัวหยิบไปแล้วจะกินไม่อร่อยจะเสียของเปล่าๆ

“อ๋อ ไอ้ดำเข้าใจแล้วครับ” ดำตอบรับ แต่ก็ยังเดินไปยังตู้ที่ใส่ของหวานในแก้วเล็กๆ อย่างอาวรณ์ เขากินของหวานที่หลังเสมอจึงจำต้องตัดใจ

“เจ้าของหวานสีสวย เดี๋ยวไอ้ดำมากินนะ ขอกินของบนโต๊ะก่อน อย่าพึ่งหมดน้า รอไอ้ดำก่อน” ดำอยากกินจนกลัวหมด จึงเดินไปเว้าวอนเจ้าของหวานสีสวย

มันคงฟังไอ้ดำไม่รู้เรื่องหรอก แต่ก็อยากมีความหวังว่ามันจะไม่หมดไปก่อนที่ไอ้ดำจะกินนี่นา

“หึหึ” สิรินมองภาพนั้นแล้วก็รู้สึกขบขัน แต่เขาไม่อยากหลุดมาดให้คนอื่นได้เห็น เพราะตอนนี้มีคนหยุดมองเขาอยู่ไม่น้อยเลย ส่วนมากเป็นคนที่มหาวิทยาลัยทั้งนั้น อย่างที่บอกรอยยิ้มของเขามีไว้ให้คนสนิทเท่านั้น

สิรินจึงเลือกที่จะเก็บสีหน้าแล้วเดินไปหาเจ้าตัวเล็ก เวลานี้เขาควรสนใจเพียงเจ้าเด็กตรงหน้า สายตาเชื้อเชิญที่ถูกส่งมาเหล่านั้นจึงถูกเมินเฉย

“มันไม่หมดหรอก แต่ถ้ากลัวนักก็หยิบไปวางไว้ที่โต๊ะก็ได้” น้ำเสียงของสิรินอ่อนโยน แม้สีหน้าจะเยือกเย็น กับดำแล้วเขาไม่อยากอาจใช้คำพูดแข็งกระด้างได้ จะอย่างไรก็ทำไม่ได้จริงๆ

“ครับ ไอ้ดำขอหยิบเยอะๆ เลยนะ” เจ้าตัวเล็กตาวาว หันมายิ้มกว้าง ใบหน้าหดหู่กลับเป็นสว่างไสวอีกครั้ง จนสิรินต้องขยับตัวมาบังเอาไว้ ก็อย่างที่ว่า รอยยิ้มของดำก็เป็นของเขา จะให้คนอื่นมองได้อย่างไร

“ถ้าหยิบเยอะแล้วกินไม่หมด ฉันจะลงโทษให้ดำอดข้าว...ดีไหม” คำพูดที่เต็มไปด้วยความสนุกนั่นทำให้ดำหน้าซีดเผือด การลงโทษที่โหดร้ายที่สุดสำหรับดำก็อดข้าวนี่แหละ

สมัยก่อนเวลาไอ้ดำทำผิดหลวงตาก็มักลงโทษแบบนี้ มันทรมานมาก ไอ้ดำไม่อยากโดนอีกแล้ว คุณสินโหดร้าย

“ยะ อย่างละชิ้น หมดแล้วค่อยมาหยิบเพิ่มครับ” ดำรีบบอก เขากลัวสิรินจะเปลี่ยนใจมาลงโทษเสียตอนนี้ จากนั้นก็หันไปหยิบของหวานมาถือไว้อย่างละแก้วเท่านั้น

สิรินหยิบของในมือดำมาถือไว้จนเจ้าตัวเล็กทำหน้างงงวย...

หรือว่าคุณสินจะลงโทษไอ้ดำแล้ว ไม่นะ!

สีหน้าของดำเปลี่ยนไปมาจนสิรินพอใจ ก็บอกไปแล้วว่าเขาทั้งเอ็นดู ทั้งชอบแกล้งดำก็เพราะแบบนี้ หึหึ

“ฉันถือให้ ไปหยิบอย่างอื่นสิจะได้กลับไปกินต่อ” พอแกล้งจนพอใจสิรินก็เฉลยให้เจ้าตัวเล็กที่หน้าซีดเผือดลนลานพยายามหาข้อแก้ตัวได้สบายใจ ขืนแกล้งมากกว่านี้คงได้มีคนร้องไห้กลางร้านแน่ๆ

“อ๊ะ! คะ คุณสินขี้แกล้ง” คนรู้ตัวว่าถูกแกล้งเข้าเสียแล้วทำแก้มพองลมไม่พอใจ น่ารักเสียจนคนถูกว่ารู้สึกมีความสุขเสียต้องระบายยิ้มบางๆ ออกมาที่มุมปาก

“หือ ตกลงไม่ตักเพิ่มแล้วสินะ ถ้าอย่างนั้นกลับไปที่โต๊ะกัน” และคนขี้แกล้งก็ยังคงแกล้งต่อโดยไม่เกรงกลัวว่าจะโดนโกรธเข้าจริงๆ

“ไม่นะ ไม่ๆ ไอ้ดำขอตักเพิ่มนะครับคุณสิน ไอ้ดำไม่ว่าแล้วก็ได้” ดำรีบค้าน แก้มพองลมเมื่อครู่ก็หายไป เหลือไว้เพียงใบหน้าอ้อนๆ ให้คนตัวโตเห็นใจเท่านั้น

“หึหึ เข้าใจแล้ว รีบไปตักเถอะ” สิรินเลิกแกล้งในที่สุด เมื่อใบหน้าออดอ้อนนั้น แปรเปลี่ยนเป็นสลดหดหู่ ก็รู้สึกผิดขึ้นมา

“ครับ คุณสินใจดีที่สู้ดดด” พอได้รับคำอนุญาตจากเจ้านายเจ้าหมาน้อยก็ยิ้มร่าแล้วรีบไปตักของทุกอย่างใส่จาน ด้วยที่ขนาดจานมันเล็กมาก ดำจึงตักจนพูนจาน 4 ใบ บางอย่างตัก 1 ชิ้น บางอย่างตัก 2 ชิ้น ตามรูปร่างหน้าตาที่ดำสนใจ

สิรินไม่ได้ห้าม เพราะอย่างไรก็จะช่วยดำกินอยู่แล้วถ้ากินไม่หมด จึงเข้าไปช่วยถือมา 2 ใบ เพราะคิดว่ามือเล็กๆ นั่นคงถือไปไม่หมดอย่างแน่นอน

ดำเห็นสิรินเข้ามาช่วยถือก็ทำท่าจะแย่งคืน แต่ก็ไม่เร็วเท่าขายาวๆ ซึ่งเดินกลับไปที่โต๊ะอย่างรวดเร็ว ดำมองตามหลังสิรินพอทำความเข้าใจการกระทำนั้นได้ก็ยิ้มร่าตามไป คนตัวสูงยืนรอให้ดำเข้าไปนั่งด้านในก่อน แล้วตนจึงนั่งตามตำแหน่งเดิมอย่างรู้หน้าที่

โต๊ะฝั่งของดำถูกเคลียร์ไว้เรียบร้อย พร้อมให้วางของได้เต็มที่ด้วยฝีมือของน่าน ดำยกยิ้มอย่างชอบใจแต่เมื่อวางของทุกอย่างลงบนโต๊ะ จับตะเกียบเตรียมกินก็หยุดชะงัก เบี่ยงตะเกียบไปจานนั้นทีจานนี้ทีอย่างเลือกไม่ถูก

“แซลมอนก็น่ากิน ปูอัดก็น่ากิน ของบนข้าวปั้นก็น่ากิน กุ้งชุบแป้งทอดก็น่ากิน งื้อ ไอ้ดำจะกินอะไรก่อนดี” ปากก็บ่นงึมงัมอย่างจนใจ ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็น่ากินไปเสียหมด น้ำลายก็ไหลหยดติ๋งจนสิรินได้แต่ยกทิชชู่เช็ดปากให้ด้วยใบหน้าประดับรอยยิ้มบางๆ ที่มุมปาก

คนบนโต๊ะไม่มีใครออกปากช่วย เพราะกำลังขำกับท่าทางของดำ จะว่าน่าเอ็นดูก็น่าเอ็นดู จะว่าน่าแกล้งก็น่าแกล้ง พวกเขาชักเข้าใจความรู้สึกของสิรินเสียแล้วสิ

โต๊ะที่พวกเขานั่งแม้ไกลห้องครัวแต่ก็เป็นโต๊ะด้านในสุด พวกเขาโดนโต๊ะอื่นๆ บัง เมื่อกลับมานั่งที่ทุกคนจึงผ่อนคลาย ไม่ได้เก็บสีหน้าเหมือนก่อนหน้านี้ เวลานี้สิรินจึงยิ้มออกมาอย่างไม่ต้องเก็บอาการไว้ แต่ถึงอย่างนั้นรอยยิ้มของเขาก็ยังเป็นยิ้มมุมปากอีกตามเคย มันเป็นพฤติกรรมที่ติดตัวมานานเกินจะแก้แล้ว

คนที่เคร่งเครียดสุดจึงเหลือแค่ดำเพียงคนเดียว แต่หลังจากผ่านไปหลายนาทีสีหน้าลังเลก็กลายเป็นขมวดคิ้วแน่นอย่างคิดหนัก พยักหน้าตกลงกับตัวเอง ก่อนจะเริ่มกินชิ้นแรกที่หมายตาเอาไว้

ดำใช้ตะเกียบคีบเทมปุระเข้าปาก เจ้ากุ้งทอดตัวยาวนุ่มนิ่มอยู่ด้านใน ด้านนอกห่อหุ้มด้วยแป้งทอดกรุบกรอบ ช่วยเพิ่มรสสัมผัสให้เคี้ยวได้อย่างเพลิดเพลินมากขึ้น ดำคิดว่าตัวเองคิดถูกแล้วที่เลือกหยิบมา 2 ชิ้น และหมายมาดว่าจะต้องไปตักมาเพิ่มอีก

สัก 2 จาน หรือ 3 หรือ 4 ดี โอ๊ย เลือกไม่ถูกมันอร่อยมากเลย คุณสินคงไม่ว่าอะไรหรอกเนาะถ้าไอ้ดำจะตักมาเยอะๆ เพราะไอ้ดำจะกินให้หมดแน่นอน!

ถัดจากเทมปุระดำก็คีบซูชิแบบต่างๆ เข้าปาก ทั้งแบบสดและทอดกรอบซึ่งเป็นซูชิแบบใหม่ที่ร้านพึ่งนำมาวางได้ไม่นาน ดำถูกใจซูชิที่สอดไส้ด้วยไข่หวานกับผักหลากชนิดโดยเฉพาะแตงกวาญี่ปุ่นช่วยขับรสชาติความชุ่มฉ่ำได้เป็นอย่างดี ทั้งด้านนอกยังถูกห่อพันไว้ด้วยไข่กุ้งสีสวย แม้ดำจะไม่รู้จักว่าของเหล่านี้คืออะไร แต่ใครจะสนกัน รู้แค่ว่ามันอร่อยมากก็พอแล้ว

นอกจากนี้ยังมีไข่หวานที่ถูกม้วนทับหลายๆ ชั้นพันเป็นก้อนเรียกน้ำลายดำได้เป็นอย่างดี ขนาดชิ้นเล็กๆ ที่อยู่ภายในยังอร่อยขนาดนั้น แล้วแบบมีแค่ไข่เพรียวๆ จะอร่อยขนาดไหน แค่คิดก็น้ำลายไหล รีบจ้วงเจ้าไข่หวานก้อนกลมเข้าปากในทันที

สัมผัสนุ่มละมุนลิ้นดังว่าไข่ที่อยู่ในปากกำลังละลายอย่างช้าๆ ความหวานที่สอดแทรกด้วยเหล้าหวานของญี่ปุ่นทั้งหอมหวาน ทั้งกลมกล่อม ไม่ได้หวานจนเลี่ยนเกินไป แต่กลับช่วยดึงรสชาติของไข่ที่เป็นวัตถุดิบหลักออกมาได้เป็นอย่างดี ยิ่งเคี้ยวยิ่งรับรู้ถึงความอร่อยที่เพิ่มขึ้น ดำคิดว่านี่เป็นไข่ที่อร่อยที่สุดเท่าที่เคยกินมาอย่างแน่นอน

ดำดื่มด่ำอาหารแปลกใหม่แสนอร่อยโดยไม่สนใจสิ่งรอบข้าง ในสายตาของเขามองเห็นเพียงแค่ของกินเท่านั้น

อา ไอ้ดำพึ่งรู้ว่าของที่กินไม่อั้นนอกจากอร่อยแล้ว ยังพาไอ้ดำขึ้นสวรรค์ได้ด้วย ให้ตายก็ไม่เสียชาติเกิดแล้ว ไอ้ดำช่างโชคดีจริงๆ

สิรินมองภาพนั้นไม่วางตา เจ้าเด็กจอมตะกละกำลังทำหน้ามีความสุขแบบสุดๆ อยู่ ทำให้เขายิ้มตามภาพนั้นอย่างห้ามไม่อยู่ ส่วนเพื่อนทั้งสามที่นั่งเป็นตัวประกอบอยู่ก็มองภาพนั้นยิ้มๆ ดูท่าเพื่อนของเขาจะอาการหนักสุดๆ ไปเลย คิดเพียงเท่านั้นแล้วก็ตั้งหน้าตั้งตากินต่อไปก่อนที่จะหมดเวลาเสียก่อน

“ไง ไม่คิดเลยว่ะว่าจะเจอพวกมึงที่นี่” เสียงที่ขัดบรรยากาศดังขึ้น พวกเขาจึงต้องหันไปมองต้นเสียง ขาดเพียงดำที่จมดิ่งสู้โลกส่วนตัวเสียแล้ว

ดำคีบไข่หวานอีกชิ้นเข้าปาก แล้วตกลงกับตัวเองในใจว่าจะไปตักเพิ่มอีกสัก สิบ ยี่สิบ หรือ สามสิบชิ้นเลยดี ส่วนคนที่มาใหม่ก็ไม่ได้สนใจเด็กน้อยที่ร่วมโต๊ะอยู่อย่างใด เพียงเจอคนที่เกลียดขี้หน้า พาลนั่งกินแล้วเสียอารมณ์จึงต้องเข้ามาทักทายเสียหน่อยเท่านั้นเอง

ไม่มีใครตอบรับเพียงมองนิ่งๆ เท่านั้น แต่คนพูดก็ไม่มีทีท่าว่าจะเดินกลับไปที่โต๊ะของตัวเองง่ายๆ วันนี้เขามาพร้อมกับสาวสวยดาวคณะมนุษยศาสตร์ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องเป็นคณะที่รวบรวมหญิงแท้หญิงเทียมที่สวยที่สุดในมหาวิทยาลัยเอาไว้

“คิดจะเมินกันเหรอวะ หรือไม่กล้าสู้หน้าเพราะรอบนี้กูนำมึงไปหนึ่งก้าว” คริสหนุ่มตาน้ำข้าวเจ้าของตำแหน่งเดือนคณะวิศวกรรมศาสตร์เอ่ยขึ้นอย่างเย้ยหยัย เขาตั้งตัวแข่งกับสิรินมาตั้งแต่เข้าปีหนึ่ง เพราะสิรินเป็นเพียงรองเดือนแต่กลับแย่งความนิยมของเขาไปจนหมด

ซึ่งทุกครั้งที่ใครเข้าหาสิริน คริสก็จะเข้าไปแย่งมา ผู้หญิงเหล่านั้นก็มีทั้งเล่นด้วยและไม่เล่นด้วย ซึ่งปกติสิรินจะตอบรับผู้หญิงทุกคนถ้าเข้าใจข้อตกลงของเขา แต่หากผู้หญิงคนไหนผ่านคริสมาก่อนเขาจะไม่เล่นด้วย เพราะไม่ชอบความวุ่นวายที่ตามมา

พลอยเดือนคณะมนุษยศาสตร์ปีหนึ่งเป็นผู้หญิงที่เข้าหาสิรินเมื่ออาทิตย์ก่อน แต่เขาไม่เล่นด้วยเพราะดูเหมือนเป็นผู้หญิงที่ยอมรับข้อตกลงเพียงผ่านๆ เท่านั้น พาลแต่จะทำให้วุ่นวาย และเมื่อสองสามวันก่อนเจ้าตัวก็ยอมแพ้ไป ซึ่งดูจะไม่ใช่แค่สาเหตุนี้ทั้งหมด ดูท่าคงหลงคารมคริสไปอีกคนแล้ว

สิรินมองภาพนั้นด้วยสายตาเย็นชา เขารู้ว่าผู้หญิงคนนี้เข้าหาเขาเพราะเงิน และต้องการอวดเพื่อนเท่านั้น ทั้งยังมีนิสัยดื้อรั้นชอบเอาชนะไม่ยอมเสียหน้าง่ายๆ คงไม่ยอมรับข้อเสนอที่เป็นเพียงคู่นอนแน่ๆ คริสเองก็ชอบเอาชนะ เมื่อพอใจหรือหมดสนุกแล้วก็ทิ้งขว้างง่ายๆ ช่างเป็นคู่ที่เข้ากันเสียจริงๆ

“คุณสิน คุณสิน ไอ้ดำอยากออกไปตักของเพิ่ม” เสียงของดำแทรกผ่านความเย็นชาที่กำลังฟาดฟันกันของคนทั้งสอง คนหนึ่งเยือกเย็น อีกคนร้อนแรงท้าทาย แต่ดำกลับไม่สนใจมันแม้แต่น้อย ตอนนี้ภายในใจร่ำร้องเพียงว่าอยากได้กุ้งชุบแป้งทอดที่กินจานแรก กับไข่เนื้อนุ่มแสนอร่อยเพิ่มเท่านั้น

“เอาสิ” สิรินเมินคนที่เข้ามาหาเรื่อง แล้วหันมาตอบดำแทน ความรู้สึกเยือกเย็นเมื่อครู่ก็จางหายไป ละลายไปเพราะเจ้าดวงอาทิตย์ยิ้มแฉ่งตรงหน้าไปเสียแล้ว

“กล้าเมินกูเหรอไอ้สิน!” คริสทนต่อความเฉยเมยไม่ไหวจึงพูดขึ้นด้วยความโกรธ เขายื่นแขนออกมาหมายจะคว้าคอเสื้อของสิรินที่กำลังลุกขึ้นให้ดำได้เดินออกไปด้านนอกเอาไว้

พรึ่บ!

แต่ดำเร็วกว่า แม้ใจจะจดจ่อกับของกินมากขนาดไหน เขาก็ไม่มีทางปล่อยให้ใครมาทำร้ายสิรินอย่างแน่นอน ชั่วพริบตานั้นดำลุกขึ้นจากที่นั่ง ก้าวขาเพียงไม่กี่ก้าวก็มาประจันหน้ากับคริสได้ นอกจากจะจับมือที่พุ่งมาจะทำร้ายสิรินได้ ดำยังดันข้อมือของอีกฝ่ายให้งอไปด้านหลังจนคริสเสียจังหวะล้มคุกเข่าลงกับพื้น

เมื่อเป็นเช่นนั้นดำก็ออกแรงให้มากขึ้นจนข้อมือที่ต่อต้านอย่างไม่ยอมแพ้นั้นเจ็บปวดจนแทบหัก ยิ่งเมื่อเขาอยู่ในตำแหน่งที่สูงกว่ายิ่งออกแรงได้มากยิ่งขึ้น คริสได้แต่ร้องโอดโอยอย่างเจ็บปวด

คนทั้งร้านหันมามองเด็กชายตัวเล็กที่จัดการผู้ชายตัวใหญ่ให้นั่งคุกเข่าลงได้ ทั้งยังร้องคร่ำครวญอยู่บนพื้นอย่างไม่น่าเชื่อ แรงที่มากกว่าขนาดตัวนั่นทำให้พวกเขาตกใจ บางคนตื่นเต้น บางคนส่ายหัวอย่างไม่เชื่อ พนักงานก็ไม่กล้าเข้ามาห้ามกลัวจะโดนลูกหลงไปด้วย

“พอแล้วดำ ไปตักของกินมาเพิ่มเถอะ” สิรินวางมือบนไหล่แล้วบีบเบาๆ เพื่อให้ดำเลิกเข้าสู่โหมดต่อสู้ ดำสัญญาว่าจะปกป้องเขา และจะเชื่อฟัง สิรินจึงไม่ได้ตกใจอะไรกับสิ่งที่เกิดขึ้น เวลาดำเลือดขึ้นหน้า ต้องปล่อยให้ระบายออกไปบ้าง แล้วจึงค่อยห้าม ดำก็จะเชื่อฟัง สิรินจับจุดนี้ได้เป็นอย่างดี

“ครับ” ดำปล่อยมือคริสแล้วหันมายิ้มกว้างให้สิริน จากนั้นจึงเดินผิวปากอย่างอารมณ์ดีไปตักของที่ต้องการดังว่าเมื่อครู่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยสักนิด

คริสมองรอบๆ ด้วยความอาย เขาแพ้ให้เด็กตัวกะเปี๊ยกใครรู้เขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน อยู่ต่อก็อายเปล่า รีบเดินจ้ำอ้าวออกไปโดยไม่สนใจผู้หญิงที่มาด้วยแม้แต่น้อย พลอยก็เพียงชายตาหว่านเสน่ห์อย่างไม่รู้สึกรู้สาก่อนจะเดินตามไปอีกคน ร้านจึงกลับมาสู้ความสงบอีกครั้งด้วยความรวดเร็ว ผู้คนในร้านก็กลับไปสนใจอาหารบนโต๊ะของตน พนักงานก็กลับไปประจำตำแหน่งเดิม

“อุ๊ป ฮ่าๆๆๆ โอ๊ยไม่ไหว ไอ้คริสคงแทบเอาปี๊บมาคลุมหัว” น่านหัวเราะขึ้นอย่างอดไม่อยู่ เขาอยากขำตั้งแต่เจ้าตัวเล็กหันมายิ้มกว้างเปลี่ยนอารมณ์อย่างง่ายดายแล้ว เพียงแต่ไม่อยากให้คริสขายหน้าไปมากกว่านี้เท่านั้น

“หึหึ” สิรินนั่งลงก่อนจะหัวเราะให้ลำคอ มุมปากกลับกระตุกยิ้มอย่างพอใจ

“กูเข้าใจแล้วว่าทำไมไอ้สินถึงบอกว่า ถ้าสู้กันมันอาจโดนอัด โหดใช่เล่นเลยนี่หว่า เล็กพริกขี้หนูของจริง พวกมึงก็อย่าไปยั่วโมโหเข้าล่ะ กูขอเตือน ฮ่าๆๆ” ทิวพูดบ้าง เห็นแล้วยังเสียวสันหลังวาบ ดีนะที่ยังฟังสิรินพูด ไม่อย่างนั้นแล้ววันนี้คริสคงต้องไปหยอดน้ำข้าวต้มที่โรงพยาบาลสักอาทิตย์สองอาทิตย์แน่ๆ

“เตือนตัวเองเถอะ” ก้องพูดขึ้นบ้าง ก่อนที่ทุกสายตาจะไปหยุดลงที่ทิวก่อนจะผงกหัวเห็นด้วยอย่างพร้อมเพรียง...



โปรดติดตามตอนต่อไป...





************************************************************

มาแล้วค่าาา
ไอ้ดำของเราไม่ธรรมดาใช่ไหมล่ะ โฮะๆๆ

ดำน่ารักมากเลย กินเท่าไหร่คุณสินก็ไม่สะเทือนแน่ๆค่ะ เห็นออร่าแบล็คการ์ดแรงมาก  :hao5:

ปล.ตอนล่าสุดเจอคำผิดค่ะ หัวเรอะ เป็น หัวเราะ รึเปล่าคะ

เนาะๆคู่นี้ถูกสร้างขึ้นมาคู่กันจริงๆ  :m3:

//คำผิดเดี๋ยวกลับไปแก้นะคะ ขอบคุณค่าา

จะอัพทันในdek d หรือเปล่าครับ อยากให้อัพทัน จะได้เม้นได้  :sad4:

ลงทันแน่นอนค่ะ จะลงให้เรียบร้อยก่อนกลับไปอัพเป็นปกติพร้อมๆกันทุกเว็บเล้ยยย  o13

*แก้ไข 01/11/62
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-11-2019 11:29:46 โดย GreenHead(หัวเขียว) »

ออฟไลน์ Fallinlove

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 132
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
สนุกมากกกก  ชอบมากเลยจ้า
น้องดำน่ารัก เก่งกล้ามีน้ำใจด้วย ปลื้ม
อ่านแล้วอารมณ์ดีมากเลยค่ะ ขอบคุณคนเขียนมากเลย > <

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
อ่านแล้วหิวตามเลยค่ะ  :hao5:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
หิวตามเลย

ออฟไลน์ Victor.yuriyurio

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 16
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
 :sad4: อ่านไปหิวไป น้องดำโคตรน่าเอ็นดูเลยลูกเอ้ย พี่จะให้หนูกินทุกอย่างเลย  :hao5:

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
น้องดำผู้น่ารัก ชอบมากกก

ออฟไลน์ Victor.yuriyurio

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 16
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
คิดถึงน้องดำ กอดขาไรท์ :ling1:  :hao5: :serius2:

ออฟไลน์ Mayana

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 424
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-2
สายเปย์ทุ่มเทเลี้ยงน้อง คุณสินได้คะแนนอยู่หัวแถวเลย

ออฟไลน์ GreenHead(หัวเขียว)

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 124
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
    • Green Head - หัวเขียว
เปย์ครั้งที่ 5
«ตอบ #25 เมื่อ13-03-2018 10:46:06 »

เปย์ครั้งที่ ๕

มือถือสาก ปากถือศีล

‘คนที่มักแสดงให้คนอื่นเห็นว่าเป็นคนดีมีศีลธรรม แต่ความจริงกลับประพฤติชั่ว’


เข็มนาฬิกาติดผนังบอกเวลา 03.15 น. แต่สิรินก็ลืมตาตื่นขึ้นทั้งที่ฟ้ายังไม่สว่าง เขากระชับกอดให้แน่นขึ้นเล็กน้อยก่อนหลับตาลง แล้วกดจมูกหอมผมสีดำนุ่มนิ่มของคนให้อ้อมแขน ซึมซับความอบอุ่นอีกครั้งก่อนจะลุกขึ้นจากเตียง แม้จะอยากนอนต่ออีกสักนิด แต่เขาก็ยังมีเรื่องต้องทำมากมาย

หลังห่มผ้าและเพิ่มอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศก็มองจนแน่ใจว่าเด็กน้อยบนเตียงนอนหลับสบายดี จึงเดินออกจากห้องอย่างแสนเสียดาย

ภายในห้องของสิรินถูกแบ่งเป็นสัดส่วน มีทั้งห้องนอน 3 ห้อง ห้องทำงาน ห้องนั่งเล่น และห้องครัว แต่ห้องนอนที่อยู่มุมตรงกลางระหว่างห้องทั้งสองก็ถูกพวกตัวปัญหา 3 คนนั่นสั่งพนักงานตกแต่งภายในยกเฟอร์นิเจอร์ออกไปจนหมด แล้วช่วยกันซื้อเครื่องออกกำลังกายมาไว้ พร้อมออกความเห็นว่า

‘ห้องนอนติดประตูของพวกกู 3 คน เพราะฉะนั้นห้องหัวมุมตรงกลางก็ต้องเป็นห้องออกกำลังกาย แหนะๆ ไม่ต้องทำหน้าเย็นชาใส่ เพราะกูรู้ว่ามึงไม่มีทางพาใครมาค้างนอกจากพวกกู 3 คน จะปล่อยให้ฝุ่นเกาะไปทำไมวะ สู้ๆ ให้พวกกูใช้ดีกว่า อีกอย่างเดียวก้องกับน่านก็เป็นคนออกเงินไม่ต้องห่วง ฮ่าๆ ๆ ’

สุดท้ายทิวก็โดนน่านบ่นยกใหญ่ ส่วนก้องก็ได้แต่ทำหน้าเอือมระอา แต่ก็นั่นล่ะ พวกมันเห็นด้วย แค่ทำท่าทางไม่พอใจอย่างนั้นเอง ส่วนตัวเขาก็ไม่มีปัญหา เพราะเหตุผลที่ทิวยกมามันเป็นความจริง ถึงจะพูดจาน่ากระทืบไปหน่อยก็ตาม แน่นอนว่าพวกผู้หญิงเขาก็พาไปมากสุดก็โรงแรม ไม่ก็ห้องของเจ้าตัว ไม่มีทางพามาในห้องที่เป็นพื้นที่ส่วนตัวอย่างแน่นอน...มันวุ่นวาย

สิรินเดินไปยังประตูเชื่อมระหว่างห้องนอนกับห้องทำงานอย่างไม่เร่งรีบ เขาต้องการยืดเวลามองคนตัวเล็กออกไปอีกนิด อีกสักวินาทีก็ยังดี

สุดท้ายทิวก็โดนน่านบ่นยกใหญ่ ส่วนก้องก็ได้แต่ทำหน้าเอือมระอา แต่ก็นั่นล่ะ พวกมันเห็นด้วย แค่ทำท่าทางไม่พอใจอย่างนั้นเอง ส่วนตัวเขาก็ไม่มีปัญหา เพราะเหตุผลที่ทิวยกมามันเป็นความจริง ถึงจะพูดจาน่ากระทืบไปหน่อยก็ตาม แน่นอนว่าพวกผู้หญิงเขาก็พาไปมากสุดก็โรงแรม ไม่ก็ห้องของเจ้าตัว ไม่มีทางพามาในห้องที่เป็นพื้นที่ส่วนตัวอย่างแน่นอน...มันวุ่นวาย

ซึ่งแม้แต่ตอนนี้เองสิรินก็มีสิทธิ์เข้ามาเพียงคนเดียว เขาบอกดำแล้วว่าห้ามเข้ามารบกวน และเจ้าตัวเล็กก็ว่าง่ายยอมทำตามอย่างเคร่งครัด ไม่เคยเข้ามาด้านในเลยสักครั้งเดียว

ความจริงเขาอยากให้ดำเข้ามาด้วย แต่จะทำอย่างไรได้ถ้าดำเข้ามาเขาก็ไม่มีสมาธิทำงานพอดี คงได้แต่นั่งมองรอยยิ้มสว่างจ้านั่นแน่ๆ สุดท้ายถึงได้ตัดใจสั่งออกไปแบบนั้น

ดำอยู่ในความดูแลของเขา 5 วันแล้ว แต่ตัวเขาเองก็ยังไม่ได้เตรียมที่อยู่ให้อย่างเต็มที่ เพราะใช้เวลาส่วนมากไปกับการเรียนและพาดำออกไปกินของอร่อยๆ วันนี้หยุดทั้งทีคงต้องลงมือทำอะไรจริงจังเสียบ้าง

ก่อนอื่นก็ต้องเป็นข้อมูลพื้นฐาน พวกบัตรประชาชน ทะเบียนบ้าน และโรงเรียน สิรินคิดว่าดำควรจะได้เรียนเหมือนเด็กทั่วๆ ไป เขาตั้งใจว่าจะติวหนังสือให้ดำก่อนที่โรงเรียนมัธยมจะเปิดเทอม ให้เจ้าตัวได้ใช้ชีวิตของตัวเองอย่างเต็มที่ นั่งๆ นอนๆ อยู่แต่ในห้องอีกไม่นานก็คงจะเบื่อ ดำควรจะมีเพื่อน มีสังคมของตัวเอง ถึงจะน่าเป็นห่วงไปบ้าง แต่สิรินก็เชื่อว่าดำต้องผ่านทุกอย่างไปได้

...และดำจะไม่เปลี่ยนไปอย่างแน่นอน เขาเชื่อใจดำมากกว่าใคร

แต่ก่อนอื่นคงต้องเคลียร์งานของตัวเองให้เรียบร้อยก่อน ความจริงเขาต้องนอนประมาณตี 1 แต่พอมีดำเข้ามาในชีวิตตารางของเขาก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย ประจวบเหมาะกับเป็นช่วงเสาร์ อาทิตย์ เป็นช่วงเวลาปิดของตลาดหุ้น สิรินจึงนอนพร้อมกับคนตัวเล็กไปเสียเลย

ก่อนหน้านี้สิรินเข้ามาทำงานในห้องแล้วปล่อยดำดูทีวีอยู่ที่ห้องนั่งเล่น พอทำงานเสร็จก็ออกไปเจอคนตัวเล็กนอนหลับอยู่ที่โซฟาอย่างน่าสงสาร พอวันต่อมาก็เลยตัดสินใจนอนตั้งแต่ 3 ทุ่ม พร้อมๆ กัน และพบว่ามันเป็นช่วงเวลาที่ดีมาก ความอบอุ่นของคนในอ้อมกอดทำให้เขาหลับสบาย ทั้งยังได้มองหน้าคนตัวเล็กจนเคลิ้มหลับไป สิรินพบว่ามันมีความสุขกว่าที่คิดไว้มากมายทีเดียว

ทั้งตอนเช้ายังได้นอนมองใบหน้าสีน้ำผึ้งของคนหลับจนพอใจอีก สิรินก็เลยจัดการปรับเปลี่ยนเวลาของตนอย่างเต็มใจ ถึงแม้วันเสาร์-อาทิตย์เขาจะได้เติมจนพลังเต็มที่ แต่วันนี้ก็ต้องลุกเร็วกว่าเดิมเพื่อเช็คความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้น

ภายในห้องทำงานมีคอมพิวเตอร์วางอยู่ 4 เครื่อง และโน๊ตบุ๊คขนาดพกพาอีก 2 เครื่อง คอมพิวเตอร์ 3 ถูกเปิดเอาไว้ตลอดเวลาด้วยความต้องการของเจ้าของห้อง ส่วนอีกเครื่องถูกปิดไว้เพราะมีไว้ใช้สำหรับทำงานของคณะ

โน๊ตบุ๊คสีขาวถูกเปิดขึ้นเมื่อสิรินกดเปิดหลังจากที่นั่งลงบนเก้าอี้ตรงกลาง เพียงไม่นานหน้าจอก็เปิดเสร็จสมบูรณ์ วิดีโอคอลถูกเปิดเพราะถูกตั้งไว้ให้เปิดอัตโนมัติ บนจอภาพปรากฏคนคนหนึ่งที่กำลังนอนหลับอยู่บนโซฟาห่างออกไปเล็กน้อย

“มาร์โก้” สิรินส่งเสียงเรียกคนที่อยู่ในจอภาพ เพียงเท่านั้นก็เหมือนเป็นนาฬิกาปลุก ผู้ชายตัวใหญ่และดูอายุประมาณ 30 ปลายๆ ลุกขึ้นมานั่งบนโซฟาก่อนจะรีบมานั่งที่เก้าอี้หน้าเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ถูกเปิดเอาไว้

“มาช้าเกือบ 20 นาทีเลยนะ” คำพูดแบบขวานผ่าซากไม่เกรงใจสักนิด ทำให้สิรินยิ้มมุมปาก เมื่อนึกถึงคนที่เป็นสาเหตุให้เขาไม่อยากลุกขึ้นจากเตียง จนเลยเวลานัดมาเกือบ 20 นาที

“หึ ฉันไม่ต้องรีบก็ได้ไม่ใช่รึไง ยังไงนายก็ดูให้ตลอดอยู่แล้ว” สิรินตอบกลับอย่างไม่สะทกสะท้านในคำพูดของมาร์โก้ เขาชินเสียแล้วกับนิสัยของผู้ชายตรงหน้านี้

“ชิ เดี๋ยวก็ปล่อยให้ขาดทุนซะเลย” พูดเสร็จก็สะบัดหน้าหนีแบบงอนๆ ไปหนึ่งที

“ฉันบอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่าทำแบบนั้น คนตัวใหญ่อย่างนายทำไปก็ไม่น่ารักหรอก อีกอย่างนายก็ไม่มีทางทำแบบนั้นอยู่แล้ว” ได้ยินแบบนั้นมาร์โก้ก็คิ้วกระตุกยิกๆ จะเถียงก็เถียงไม่ออก เขาตัวใหญ่กว่าสิรินเสียอีก เพราะเป็นคนอเมริกาเต็มตัว ถึงจะอยู่ไทยหลายปีจนภาษาไทยแข็งแรงยิ่งกว่าเจ้าของภาษาแล้วก็ตาม

“ชิ ใครจะไปน่ารักเท่าเด็กน้อยของนายเล่า ดำอย่างโน้น ดำอย่างนี้ ข้ออ้างแต่ละอย่างดีๆทั้งนั้น” มาร์โก้เหน็บแนมออกไปอีก ก็แหมเล่นขอเปลี่ยนเวลาเล่นหุ้นเป็นตี 3 ถึง ตี 5 แทน เพราะสาเหตุอย่าง อยากนอนกอดดำเนี่ยนะให้ตาย ถึงเขาจะไม่มีปัญหาเรื่องเวลาก็อเถอะ แต่มันก็อดหมั่นไส้ไม่ได้ กล้าพูดมาเต็มปากเต็มทำ และยังจะมาบอกว่าเป็นน้องชาย ให้ตายก็ไม่เชื่อ

มาร์โก้ยอมสิรินง่ายๆ เพราะเอ็นดูสิรินไม่ต่างจากลูกชาย เห็นเด็กที่มีแววตาเย็นชาคนนั้นเริ่มทอแสงอบอุ่นเสียบ้าง เขาก็มีความสุขมากมายแล้ว

“ก็นะ ดำน่ารัก แล้วมาร์โก้จะมาที่ไทยเมื่อไหร่...จะถึงวันครบรอบวันตายของพ่อแล้วนะ” สิรินไม่ปฏิเสธ แต่พอนึกได้ถึงธุระสำคัญก็เลยถามขึ้น มาร์โกกลับไปที่อเมริกาตั้งแต่พ่อของสิรินเสียชีวิต ตอนนั้นเขาอายุเพียง 12 ปีเท่านั้น และกลับมาทีไทยบ้างบางโอกาส เช่น วันเกิดของเขา วันเกิดมาร์โก้ ปีใหม่ และวันครบรอบวันตายของพ่อ

“กลับสิ จะกลับไปก่อนสักอาทิตย์จะไปดูหน้าเจ้าเด็กน้อยของนายซะหน่อย อยากรู้ว่าน่ารักจริงรึเปล่า หึหึ เตรียมใจไว้ ถ้าน่ารักฉันจะขโมยมาเป็นลูกชายอีกคนซะเลย! ” มาร์โก้เปลี่ยนบรรยากาศ เขาไม่อยากให้สิรินเศร้าเมื่อนึกถึงเหตุการณ์เหล่านั้น

สิรินกำพร้าแม่ตั้งแต่คลอด เพราะเธอเสียชีวิตลงหลังจากนั้น และยังต้องมาเสียพ่อไปเมื่อตอนอายุ 12 ปี ญาติต่างพากันแย่งชิงที่จะเลี้ยงดูเขา เพียงเพราะสมบัติของพ่อ จนเกิดเรื่องร้ายแรงมากมาย

เวลานั้นมาร์โก้ตระหนักดีว่าอีกไม่นานคนเหล่านั้นจะต้องหาทางฮุบสมบัติที่ควรเป็นของสิรินไปจนหมด เขาจึงตัดสินใจบอกลาสิรินมายังอเมริกาอันเป็นบ้านเกิด กลับมายังจุดที่ตัวเองทิ้งไปหลายปี และใช้อำนาจนั้นผลักดันสิรินให้เดินไปในทางที่ควรจะเป็น

สิรินเป็นเด็กอัจฉริยะเวลานั้นเขารู้ดีว่า ต่อไปอนาคตของเขาจะเดินไปในทิศทางใด คนที่ได้สิทธิ์ในการดูแลสิรินคืออาสุชาติน้องชายของพ่อ คนคนนั้นเป็นพวกมือถือสาก ปากถือศีล นั่นคือสิ่งที่สิรินรู้ แต่เขาในวัยเพียง 12 ปี ก็ไม่อาจตัดสินใจอะไรด้วยตัวเองได้ ทั้งมาร์โก้ยังไม่มีสิทธิ์ในทรัพย์สมบัติทั้งหมดอีก

เพราะพินัยกรรมฉบับนั้นยังไม่ถูกปรับเปลี่ยน สิรินคิดว่าถ้าพ่อของเขาแก้พินัยกรรมตั้งแต่ต้น คนที่จะได้ดูแลเขาและสมบัติทั้งหมดต้องเป็นมาร์โก้ไม่ผิดแน่

มาร์โก้เป็นคนรักของพ่อ ตอนนั้นสิรินรู้ดี พ่อเล่าให้ฟังเสมอว่ามาร์โก้คือคนที่เข้ามาทำให้หัวใจของท่านเต้นอีกครั้ง หลังจากปิดตายตั้งแต่แม่ของเขาจากไป สิรินในวัย 9 ขวบ เชื่อใจพ่อก็เลยยอมเปิดใจกับมาร์โก้ และยอมรับมาร์โก้เป็นคนในครอบครัวในที่สุด แม้บรรดาญาติพี่น้องของเขาจะไม่เห็นด้วย และใส่ร้ายมาร์โก้มากเท่าใดก็ตาม

มาร์โก้เป็นคนดี สิรินรู้ เพราะเขาเป็นคนเดียวนอกจากพ่อที่พูดกับสิรินโดยไม่เสแสร้ง ตั้งแต่จำความได้สิรินก็เข้าใจทุกอย่างมากกว่าเด็กทั่วไป มองเห็นพฤติกรรมอันเสแสร้งของญาติพี่น้อง และคนรอบตัว ถ้าพ่อของเขาไม่นิ่งนอนใจจนลืมแก้พินัยกรรมเสียใหม่ล่ะก็ ทุกอย่างคงออกมาดีมากกว่านี้

สิรินเคยถามว่าทำไมมาร์โก้ไม่พาเขาไปด้วย ทำไมไม่ทิ้งสมบัติของพ่อไป มาร์โก้มักจะบอกว่า

‘บ้านหลังนี้ คือ ความทรงจำของพวกเรา บริษัทแห่งนี้ก็สร้างด้วยพักน้ำแรงของสุทินที่ดิ้นรนสร้างมันเพื่ออนาคตของเธอ ฉันไม่อยากให้เธอสูญเสีย ไม่อยากให้ทุกอย่างสูญเปล่า เข้าใจฉันเถอะนะสิน’

มันทำให้สิรินคิดได้ว่า หากเขาสูญเสียบ้านที่เต็มไปด้วยความทรงจำเหล่านี้เขายอมได้หรือ ทั้งความทรงจำที่ได้อยู่กับพ่อ ความทรงจำที่ได้อยู่กับมาร์โก้ บริษัทที่พ่อสร้างมากับมือเขาให้คนอื่นเข้ามาเหยียบย่ำเพราะความโลภได้จริงหรือ

สิรินได้คำตอบคือ ‘ไม่’

ยิ่งมองคนเหล่านั้นเหยียบย่ำในบ้านที่เต็มไปด้วยความทรงจำเขายิ่งไม่ยอมรับ เขารับไม่ได้ที่พวกมันทิ้งของของพ่อไปจนหมด เขาไม่ยอม!

แต่ในตอนนั้นสิรินต้องทำตามพินัยกรรมอย่างเลี่ยงไม่ได้ เขากับมาร์โก้จึงช่วยกันวางแผนที่จะทวงทุกอย่างคืน เสแสร้งเป็นคนโง่เชื่อฟังคนเหล่านั้น ทำเป็นปิดหูปิดตา แต่ก็แอบแทรกซึมเข้าไปภายในไม่ให้อีกฝ่ายรู้ตัว

สิรินมีตำแหน่งรองประธานบริษัท AMP DEVELOPMENT COMPANY LIMITED บริษัทอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ของประเทศ นั่นคือสิ่งที่คนภายนอกรับรู้ และเขาควรจะรู้เช่นนั้น

ในความเป็นจริงมันเป็นแค่ชื่อ หรือก็คือเขาเป็นแค่หุ่นเชิดของอาเขาเท่านั้น ผู้ชายคนนั้นค่อยๆ โอนหุ้นส่วนของสิรินไปที่ตนทีละส่วนๆ เพื่อไม่ให้สิรินรู้ตัว และปกปิดเพื่อหน้าตาทางสังคม เล่นบทเป็นพ่อพระที่บริหารบริษัทต่อจากพี่ชายเพื่อรอวันที่หลายชายอายุ 23 แล้วมาสืบทอดบริษัทตามพินัยกรรมเท่านั้น

แต่หากถึงวันนั้นสิรินรู้ดีว่าเขาจะสูญเสียทุกอย่างทันทีที่ขึ้นเป็นประธาน หุ้นส่วนของเขาจะตกเป็นของอาโดยสมบูรณ์ ถึงตอนนั้นเขาอาจจะต้องสูญเสียกระทั่งชีวิต เพื่อไม่ให้ใครค้านสิ่งที่เกิดขึ้นได้ ทั้งยังได้รับการสนับสนุนจากคณะกรรมการคนอื่นๆ อย่างท่วมท้น

ที่สิรินยังยืดชีวิตได้ถึงวันนี้ เพราะพินัยกรรมของพ่อระบุไว้ชัดเจนว่า หากสิรินเสียชีวิตก่อนสืบทอดบริษัทโดยสมบูรณ์ สมบัติทั้งหมดจะถูกยกให้มูลนิธิเพื่อการกุศลต่างๆ จนหมด และนั่นเป็นสิ่งที่อาของเขารับไม่ได้ จึงยังไว้ชีวิตเขาจนถึงวันนี้

สิ่งแรกที่เขากับมาร์โก้ลงมือทำคือหาเงิน รับเงินใช้จ่ายแต่ละเดือนจากอา ที่ต้องดูแลเขาอย่างห้ามขาดตกบกพร่อง เพราะอยู่ท่ามกลางสายตาของญาติคนอื่นๆ และคนในสังคม แล้วนำมันมาใช้ลงทุน ตั้งต้นแทรกซึมวางคนในบริษัท และเป็นค่าใช้จ่ายในแผนการขั้นสุดท้าย

และสิ่งที่หาเงินได้เร็วที่สุดคือการเข้าสู่ตลาดหุ้น สิรินเป็นอัจฉริยะทางด้านนี้ เพราะพ่อของเขาสอนให้ตั้งแต่รู้ว่าเขาเรียนรู้ได้เร็วกว่าเด็กทั่วไป ความจำ การวิเคราะห์ข้อมูล เขาล้วนทำมันได้เป็นอย่างดี

แต่ในตอนนั้นเขาอายุเพียง 12 ปี อายุไม่ถึงเกณฑ์ และจะลงทุนด้วยชื่อมาร์โก้ก็คงล้มเพราะถูกขัดขวางโดยอาของเขาเอง มาร์โก้จึงกลับไปที่บ้านเกิด กลับคืนสู้ตำแหน่งผู้อยู่ในวงการมืด ใช้อำนาจปกปิดตัวตน และคอยช่วยเหลือสิรินโดยให้เด็กคนหนึ่งก้าวเข้าสู่ตลาดหุ้นระดับโลก

ช่วยสิรินที่เวลานั้นถูกส่งไปอยู่โรงเรียนประจำเพื่อกันให้ออกห่างจากแผนการของอา โดยพูดคุยผ่านวิดีโอคอล ทาร์โก้นำเงินทั้งหมดของตนมาให้สิรินได้ใช้ลงทุนก้อนแรก ทั้งที่แรกเริ่มต้นเขาสูญเงินไปไม่น้อย แต่มาร์โก้ก็ไม่ยอมแพ้ ทั้งไม่ช่วยตัดสินใจใดๆ เขาเพียงช่วยเช็คข้อมูลทั้งหมด และเตือนทุกครั้งที่เริ่มมีปัญหา เพื่อพยุงให้สิรินได้ผ่านพ้นวิกฤติไปได้ด้วยตนเองเท่านั้น

สิรินแม้จะเสียใจที่มาร์โก้ใจร้าย แต่เขารู้ดีว่าทั้งหมดนั่นเพื่อตัวเขาเอง มาร์โก้อยากให้เขารู้ถึงความล้มเหลว และความสำเร็จด้วยตัวเอง ทำให้ปัจจุบันเขาทำทุกอย่างได้โดยธรรมชาติ คาดเดาผลได้ผลเสียแทบจะไม่คลาดเคลื่อน

ยิ่งพอสิรินขึ้นมัธยมปลายก็ขออาออกมาอยู่คอนโด เขาเริ่มขยับตัวทำอะไรๆ ได้มากขึ้น ไม่ได้ถูกจับตามองตลอดเวลาเหมือนอยู่โรงเรียนประจำ ยอมเป็นหุ่นเชิดเพียงเบื้องหน้า แล้วตลบหลังไม่ให้อีกฝ่ายรู้ตัว

เพราะเป็นแบบนั้นเสมอมาสิรินจึงโตกว่าเด็กวัยเดียวกัน เขาผ่านชีวิตมามากมายเกินไป จนไม่อาจใช้ชีวิตวัยรุ่นได้อย่างเต็มที่ ยิ่งฉลาดยิ่งมองเห็น ยิ่งทำลายตัวเองง่ายๆ เพราะหันไปทางไหนก็มีแต่คนเสแสร้ง

คนที่พยุงสิรินจนถึงตอนนี้จึงมีเพียง มาร์โก้ ที่เขารักเหมือนพ่ออีกคน ทิว น่าน ก้อง ที่รู้ความลับของเขาตั้งแต่อยู่โรงเรียนประจำ แต่ก็ช่วยปกปิดมันจากอาจารย์ที่ถูกสั่งให้จับตามองได้เป็นอย่างดี เพราะพวกนั้นก็มีฐานะไม่ต่างจากเขาเท่าไหร่นัก เหมือนโชคชะตาเล่นตลกที่ส่งคน 4 คน ที่มีชะตาชีวิตคล้ายๆ กันให้มาอยู่ห้องเดียวกันอย่างประจวบเหมาะเสียได้

พวกนั้นช่วยเขา เขาช่วยพวกนั้น จนสุดท้ายก็เป็นเพื่อนสนิทอย่างเหนียวแน่นถึงปัจจุบัน และคงจะเป็นเช่นนี้จนกว่าจะตายจากกันไป ตั้งแต่เหตุการณ์ในครั้งนั้น พวกเขาก็เชื่อใจกันจนหมดหัวใจ แม้จะเริ่มต้นกันไม่ดีนักก็ตาม

ส่วนดำเหมือนผ้าขาวสะอาด ไร้การแต่งแต้มใดๆ เป็นคนแบบที่สิรินไม่เคยพบเจอ ไม่ได้เป็นสีเทาขุ่นมัวอย่างพวกเขา และไม่ได้เป็นสีดำเหมือนอาของเขาเช่นเดียวกัน จากความสนใจใคร่รู้ก็ค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นความยึดติดที่ขาดไม่ได้ สิรินรู้ตัวดีว่าเขาคงไม่อาจปล่อยมือจากดำได้อีก ไม่ว่าจะในฐานะใดก็ตาม

เพียงแต่สิรินมีความคิดที่ซับซ้อนมากเกินไป ทำให้เขามองไม่เห็นความจริงที่อยู่ตรงหน้า ถ้าเขาปัดทิ้งความคิดแสนวุ่นวายนั้นไปจนหมด ก็จะค้นพบตัวเองได้ง่ายๆ ว่า เขาตกหลุมรักดำไปเสียแล้ว เหมือนที่มาร์โก้และเพื่อนของเขารับรู้นั่นเอง

มาร์โก้ดีใจที่สิรินพบคนที่ฝากหัวใจไว้เสียที เขาเชื่อว่าอีกไม่นานสิรินจะเข้าใจตัวเอง และจะมีหลักยึดที่ทำให้ตัวเองมีความสุขอย่างแน่นอน มาร์โก้เชื่อแบบนั้น เหมือนตัวเขาที่ยังรักสุทินอย่างไม่เสื่อมคลาย และรักลูกของชายคนนั้นได้เต็มหัวใจได้ขนาดนี้

“ระวังไว้เถอะดำจะติดฉันมากกว่านาย ฮ่าๆ ๆ” มาร์โก้หัวเราะสะใจ เมื่อสิรินหลุดมาดแสดงความไม่พอใจออกมา


ออฟไลน์ GreenHead(หัวเขียว)

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 124
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
    • Green Head - หัวเขียว
เปย์ครั้งที่ 5 [2]
«ตอบ #26 เมื่อ13-03-2018 10:47:06 »

“ฉันไม่ยกดำให้หรอก...แต่ก็อยากให้มาร์โก้รับดำเป็นลูกนะ ได้รึเปล่า” สิรินพยายามสงบใจถึงจะถูกยั่วโมโห แล้วเปลี่ยนเป็นจริงจังเมื่อต้องคุยธุระสำคัญ

“ทำไม”

“ฉันเล่าให้มาร์โก้ฟังทั้งหมดแล้ว และคิดว่าอยากให้ดำใช้ชีวิตเหมือนเด็กปกติ และสิ่งแรกที่ต้องมีคือตัวตน ถึงตอนนี้ฉันจะทำได้ง่ายๆ แต่ว่า...ฉันอยากให้ดำเป็นคนในครอบครัวเรา ฉันจดรับรองบุตรไม่ได้เพราะอายุไม่พอ แต่ถ้าเป็นมาร์โก้ล่ะก็ไม่มีปัญหาแน่นอน...ฉันขอร้อง” สายตาที่จริงจังนั่นทำให้มาร์โก้ยิ้มกว้าง ในที่สุดเด็กคนนี้ก็กล้าขอร้องเขาตรงตรงเสียทีนะ แต่ก่อนเอาแต่พยายามคนเดียวแท้ๆ ไม่กล้ารบกวนเขามากไปกว่านั้น ทั้งที่เขายินดีช่วยจนถึงที่สุด เจ้าเด็กบ้าเอ๊ย

ดีจังนะที่เด็กคนนั้นโผล่มา ในที่สุดสิ่งที่เขารอคอยก็เริ่มต้นขึ้นแล้ว ครอบครัวที่เหลือเพียง 2 คน มาโดยตลอดกำลังขยายใหญ่ขึ้น และสิรินก็จะมีความสุขมากขึ้น เพียงเท่านั้นก็เพียงพอแล้ว

“เด็กโง่ ทำไมจะไม่ได้ล่ะ คิดว่าฉันจะไม่ตกลงเหรอ เธอขอร้องทั้งที ไม่สิต่อให้เธอไม่ขอร้องฉันก็เต็มใจทำอยู่แล้ว เธอก็รู้ว่าฉันคนนี้ยินดีทำให้เธอมีความสุขอยู่แล้ว...เราเป็นครอบครัวเดียวกันนะสิน” ถ้อยคำอ่อนโยนทำให้สิรินดีใจ รอยยิ้มอบอุ่นที่ส่งมานั่นย้ำเตือนสิ่งที่มาร์โก้พูดได้เป็นอย่างดี

“ขอบคุณครับ...แด๊ดดี้” คำเรียกที่นานๆ ครั้งจะถูกเอ่ยออกจากปากลูกชายเพียงคนเดียวทำให้มาร์โก้ต้องรีบหันหน้าหนี เพราะกลัวจะปล่อยโฮน่าอายเข้า

“รู้แล้วน่า” เสียงที่ตอบกลับก็เบาแสนเบาพาให้คนขี้แกล้งยิ้มเจ้าเล่ห์ เปลี่ยนอารมณ์เร็วเสียจนเหมือนเรื่องก่อนหน้านี้เป็นการล้อเล่น แต่ความจริงนั่นเป็นเพียงนิสัยส่วนตัวของเขาเท่านั้น เพราะตั้งแต่เด็กแล้วที่เขาชอบแกล้งมาร์โก้ตามนิสัยของพ่อ

เวลามาร์โก้อ่อนไหวจะเป็นภาพซ่อนกับภาพการกลั่นแกล้งที่พ่อเขาชอบทำ เหมือนช่วงเวลาเล็กๆ ที่ทำให้เขากับมาร์โก้ได้ย้อนกลับไปสมัยก่อน ความสุขที่พวกเขาทั้งสามเคยมีร่วมกันในบ้านหลังนั้น

มันทำให้ความสุขย้อนกลับมา ปลอบประโลมจิตใจที่สูญเสียคนที่รักไป จนกลายเป็นสิ่งที่ทำมาตลอดหลายปี เป็นพ่อที่ถูกลูกชายแกล้งจนเสียคนเลยทีเดียว

“ร้องไห้เหรอครับ...แด๊ด”

“ไม่ได้ร้อง”

“ไม่ร้องก็หันมาสีครับแด๊ด”

“เลิกเรียกแด๊ดๆ ได้แล้วน่า ตอนเป็นเด็กก็ไม่เคยเรียกแท้ๆ”

“เรียกต่อหน้าพ่อมันน่าอายนี่ครับ เพราะพ่อเวลาอยู่กับแด๊ดจะต้องเป็นแม่นี่ หึหึ”

“อย่ามานินทาสุทินนะ เด็กบ้านี่” พอได้ยินแบบนั้นมาร์โก้ก็หันมาเหวใส่ น้ำตาที่พยายามกลั้นเอาไว้ก็ร่วงเผาะ แต่เจ้าตัวกลับถลึงตาใส่เจ้าลูกชายตัวดี สิรินหวงดำเท่าไหร่ เขาเองก็หวงสุทินไม่แพ้กัน ถึงตอนเด็กๆ จะแบ่งได้เพราะสิรินตัวเล็กนิดเดียว แต่พอโตแล้วตัวขนาดนี้ ถึงเป็นลูกเขาก็หึงนะ คนที่รู้เรื่องสุทินมากที่สุดควรเป็นเขาคนเดียวสิ!

“หึหึ คุณนี่มัน ยังไม่เลิกหึงพ่ออีกเหรอ”

“ให้ตายก็ไม่เลิก สุทินเป็นของฉัน ชิ้วๆ กลับไปนอนกอดเจ้าเด็กตัวเล็กของนายนู่น” มาร์โก้ทำหน้าไม่พอใจก่อนจะไล่ให้สุทินกลับไปหาคนของตัวเอง วันนี้ไม่คงไม่คุยมันแล้วเสียอารมณ์

“โอเค” พูดเสร็จก็ลุกไม่ต้องให้ไล่ซ้ำ

“เฮ้ยๆ ล้อเล่นน่ะ มาทำงานให้เสร็จก่อน ส่วนเรื่องดำ เดือนหน้าเธอหยุดหลังสอบย่อย 5 วัน ก็พาบินมาได้เลย เดี๋ยวฉันเตรียมเอกสารรอ มาทำที่นี่สะดวกกว่า ถือโอกาสพาเจ้าตัวเล็กมาเที่ยวด้วยเลยไม่ดีเหรอ” มาร์โก้เองก็เลิกเล่น วันนี้เป็นวันเปิดตลาดหลังจากที่หยุดไป สิรินต้องจัดการหุ้นเริ่มต้นให้เรียบร้อย ถ้าพลาดจะเสียโอกาสกันเปล่าๆ ถึงจะรู้ว่าเจ้าลูกชายตัวดีแกล้งเขาก็ตาม

แล้วพอพูดถึงดำก็นึกขึ้นได้ มาร์โก้อยากเจอเด็กคนนั้นเร็วๆ เหมือนกัน ถือว่าข้อเสนอนี้ได้ประโยชน์ทุกฝ่าย เขาได้เจอดำคนที่ทำให้สิรินเปิดใจ สิรินได้เริ่มแผนสร้างที่อยู่ให้ดำ ส่วนดำเองก็จะได้มาเที่ยวต่างประเทศครั้งแรกในชีวิต วินวินทุกฝ่าย

“หือ ไม่เลว ดำจะได้ลองกินอาหารที่นั่นด้วย...ตกลง” สิรินทำท่าทางลังเลเล็กน้อยเพื่อแกล้งคนที่เสมือนพ่อให้ลุ้นเล่นๆ แล้วถึงเดินกลับไปนั่งเก้าอี้ ตอบตกลง ก่อนก้มหน้าก้มตาตั้งใจทำงาน

มาร์โก้ได้แต่ส่ายหน้าเอือมระอา สิรินติดนิสัยคนรักของเขามาจริงๆ ให้ตายเถอะ สุดท้ายก็ได้แต่ถอนหายใจแล้วรายงานการเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นในทันที

เพราะสิรินไม่มีเวลามากพอ ทั้งแม้จะจัดเก็บการเคลื่อนไหวช่วงที่ตัวเองไม่อยู่เอาไว้ แต่มันก็มากเกินไปจนวิเคราะห์ได้ยาก ทั้งยังใช้เวลานานอาจทำให้พลาดช่วงสำคัญไปได้ มาร์โก้จึงช่วยสรุปทุกอย่างในช่วงเวลาที่สิรินพักผ่อน หรือช่วงเวลาที่ไม่สะดวก โดยเขาและคนของเขาจะช่วยตรวจสอบ เก็บรายละเอียด รวมทั้งสรุปเนื้อหาไว้ให้ และแจ้งเวลามีเหตุฉุกเฉินเท่านั้น ไม่เคยที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการตัดสินใจแม้แต่น้อย หน้าที่สำคัญถูกมอบให้สิรินตั้งแต่เริ่มต้น

ทั้งสองพูดคุย และส่งเอกสารผ่านอีเมลเพื่อนำไปปรับเปลี่ยนกลวิธีต่อไป เพราะพวกเขาเองต้องแข่งขันกับบริษัทมากมาย เอกสารจึงมีมากมายตามไปด้วย เอกสารทั้งหมดจึงต้องถูกส่งต่อให้ผู้มีหน้าที่ตัดสินใจ

ความรวดเร็วในการจดจำวิเคราะห์ข้อมูลของสิรินรวดเร็วกว่าคนทั่วไป เพียง 1 ชั่วโมงเขาก็อ่านเอกสารกว่า 100 ฉบับจนครับถ้วน เลือกเทรดที่ต้องการซื้อและขายอย่างคล่องแคล่วด้วยข้อมูลที่อยู่ในหัว แผนการมากมายถูกสร้างขึ้น จะทำอย่างไรให้ราคาเม็ดเงินเพิ่มขึ้น มีลูกล่อลูกชนอย่างน่าตื่นเต้น เขาเองก็ใช้ช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมาจนสามารถกลายเป็นผู้มีอิทธิพลต่อตลาดโลกที่สำคัญอีกคนหนึ่ง

‘SINMA’ (ซิกมา)

นามแฝงที่ถูกสร้างขึ้นจากจุดเล็กๆ ที่ไหลตามคลื่นเม็ดเงิน กลับใช้เวลาเพียงไม่กี่ปีกลายเป็นผู้ที่มีอิทธิพลกับตลาดหุ้นอย่างมหาศาล ไม่แพ้ธนาคาร หรือมหาเศรษฐีคนใด ทุกอย่างเตรียมการเรียบร้อย เขาเพียงรอเวลาเท่านั้น เพราะพินัยกรรมของพ่อทำให้ความสงบสุขสิ้นสุดลงเมื่อเขาอายุ 23 ปีบริบูรณ์ ทั้งสำหรับเขา...และอาของเขาเอง

หลังจากเคลียร์งานเรียบร้อย สิรินก็เข้าครัวเตรียมอาหารเช้า เพราะก่อนหน้านี้เขามีเรียนตอนเช้าเสมอ อาหารที่ดำกินจึงต้องสั่งผ่านเดลิเวอรี่ วันนี้ได้หยุดทั้งทีสิรินตั้งใจว่าจะลงมือทำอาหารด้วยตัวเอง

น้ำถูกต้มจนเดือดก่อนสิรินจะใส่เส้นสปาเกตตี้ลงไป คนเล็กน้อยให้เส้นจมลงไปในน้ำทั้งหมดทุกเส้น หรี่ไฟให้อ่อนลงพร้อมปิดฝาเอาไว้ มือหนากดตั้งนาฬิกา 20 นาที เพื่อรอให้เส้นสุก ในระหว่างนั้นสิรินก็เตรียมส่วนของซอสที่ใช้สำหรับราดลงบนเส้น

พอมองหม้อที่ถูกปิดฝาเอาไว้ก็พาให้นึกถึงวันแรกที่ดำทำห้องครัวเละ แล้วยังบอกว่าเส้นสปาเกตตี้ไม่อร่อยอีก สิรินก็ได้แต่ระบายยิ้มเอ็นดูเจ้าคนไม่รู้รสชาติของความอร่อยเล็กน้อย ทั้งยังคิดถึงเหตุผลที่เขาลุกขึ้นมาทำสปาเกตตี้ด้วยตนเองก็ได้แต่ส่ายหัวทั้งที่ริมฝีปากประดับด้วยรอยยิ้มอบอุ่น

ก่อนจะเสียเวลาไปมากกว่านี้สิรินก็หันไปตั้งกระทะบนเตาแม่เหล็กไฟฟ้า กดเลือกฟังก์ชันแล้วเริ่มใส่เนยลงไป 2 ก้อน หลังจากเนยละลายก็นำหอมใหญ่ที่หั่นเอาไว้เทลงไป ขยับมือผัดอย่างชำนาญจนสุกก่อนจะนำแฮมกับเห็ดใส่ลงไปผัดจนสุกเหลืองเล็กน้อย จากนั้นตักใส่จานวางพักไว้

นำเนยที่เหลือในห่อใส่ลงในกระทะ กลิ่นหอมฉุยอบอวลยิ่งกว่าเมื่อครู่ยิ่งทำให้คนตัวโตพอใจ ยิ่งจินตนาการถึงดำเวลายิ้มหลังจากลิ้มรสสปาเกตตี้เหล่านี้ยิ่งทำให้ชุ่มชื่อหัวใจ

แป้งถูกใส่ลงเพิ่มในกระทะ ตามด้วยน้ำเปล่าและผงปรุงรส เพื่อให้ได้ซอสที่สมบูรณ์สิรินจึงออกแรงคนให้เร็วขึ้น ให้แป้งกับน้ำเข้ากัน และไม่จับกันเป็นก้อน ส่วนผสมสำคัญอย่างวิปครีมถูกใส่ลงไป ในระหว่างนั้นก็ออกแรงคนอย่างสม่ำเสมอคอยสังเกตว่าซอสเริ่มเหนี่ยวหรือยัง

ผ่านไปไม่นานซอสก็เริ่มเหนี่ยวได้ที่ มือที่ชำนาญในการหยิบจับของในห้องครับ จัดการหยิบแฮมที่ผัดเตรียมไว้เทลงในกระทะเติมพริกไทยอีกเล็กน้อยเพื่อเพิ่มความกลมกล่อมของซอส เมื่อส่วนผสมเข้ากันทั้งหมดก็กดปิดเตาแม่เหล็กไฟฟ้า พร้อมกับนาฬิกาที่นับถอยหลังถึงศูนย์พอดี

เขาก้าวเพียงเล็กน้อยก็เปลี่ยนตำแหน่งมาอยู่หน้าหม้อต้มเส้นสปาเกตตี้ นำเส้นออกมาแช่น้ำเย็น จากนั้นทำให้สะเด็ดน้ำ แล้วนำไปคลุกกับน้ำมันพืชที่เตรียมวางไว้ด้านข้าง

เมื่อน้ำมันพืชแทรกซึมจนทั่วเส้น สิรินก็นำไปใส่จานวางพักไว้ ทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยเหลือแค่รอเท่านั้น ในระหว่างนั้นก็คิดว่าต้องปลุกเจ้าตัวเล็กขึ้นมาอาบน้ำแปรงฟันให้เรียบร้อยเสียก่อน เตรียมตัวให้พร้อมก่อนที่จะได้สวาปามสปาเกตตี้ชามโตที่เขาทำไว้

คนตัวเล็กยังนอนคุดคู้ในผ้าห่มทั้งที่อุณหภูมิสูงขึ้นแล้ว ดำหลับตาพริ้มอย่างสบายไม่มีทีท่าว่าจะตื่นขึ้นมารับเช้าวันใหม่ง่ายๆ สิรินจึงก้าวเท้าไปข้างเตียงก่อนจะก้มลงจรดจมูกลงบนผมนุ่มนิ่มจนพอใจ แล้วจึงเดินไปเปิดม่านสีน้ำเงินที่ปิดระเบียงด้านหนึ่งเอาไว้จนหมด

เพราะผนังทำด้วยกระจกที่สามารถมองเห็นด้านนอกได้ทำให้ดวงอาทิตย์ทอประกายแสงสาดส่องจนอาบทั่วร่างคนที่นอนอยู่บนเตียง ส่งผลให้ผิวสีน้ำผึ่้งเงางามยิ่งขึ้น กลายเป็นมนต์เสน่ห์ที่สิรินไม่อาจระสายตาไปได้

ดวงตาที่ปกคลุมด้วยขนตายาวค่อยๆ ลืมขึ้นเพราะแสงอาทิตย์ทำให้เขารำคาญเกินกว่าจะหลับต่อ ทำให้สิรินได้สติเมื่อถูกดวงตาสีน้ำตาลมองมาอย่างสงสัย

“อะ ฮึ่ม! ไปอาบน้ำได้แล้ว อาหารเช้ารออยู่บนโต๊ะ” จากใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสงสัยค่อยๆ คลายคิ้วที่เผลอขมวดออก ตามด้วยรอยยิ้มกว้างที่เผยออกมาทุกครั้งที่ได้ยินเรื่องกิน

“ครับ” ดำรับคำอย่างรวดเร็ว รีบวิ่งเข้าห้องน้ำโดยไม่ต้องให้บอกซ้ำ วันนี้ไอ้ดจะได้กินข้าวแล้ว แถมยังได้กินพร้อมคุณสิน ไชโย! ดำได้แต่กรีดร้องในใจ ขยับตัวถอดชุดอาบน้ำแปรงฟันอย่างเร่งรีบ ส่วนสิรินก็เดินไปอาบน้ำในห้องออกกำลังกายแทน

“เร็วไปรึเปล่าฮึ อาบสะอาดรึยัง” สิรินทักหลังจากที่เดินตามเข้ามาในห้องครัว ดำจับจองที่นั่ง ตรงหน้าก็มีชุดจานช้อนวางไว้ 2 ชุด เตรียมพร้อมกินเรียบร้อย

“สะอาดครับ ไอ้ดำถูทุกซอกทุกมุมเลย ตัวก็หอมแล้ว” ดำยิ้มโอ้อวดฟันขาวอย่างภูมิใจ เรื่องอาบน้ำไอ้ดำไม่แพ้ใครอยู่แล้ว แต่ก่อนไปอาบน้ำในคลองกับน้องๆ แล้วเล่นเพลินพอหลวงตามาตามก็เลยพากันรีบอาบ ใครที่ยังไม่เสร็จก็โดนลงโทษอดอาหารตามระเบียบ แน่นอนไอ้ดำอาบเสร็จคนแรกพ้นผิดตลอด ฮ่าๆ ๆ ๆ

“จริงเหรอ” สิรินเดินไปตักแบ่งเส้นใส่จาน แล้วราดไวท์ซอสด้านบนจนกลิ่นหอมของส่วนผสมที่เข้ากันอย่างลงตัวนั้นลอยแตะจมูกของดำจนต้องลุกขึ้นเดินตามกลิ่นที่ลอยมาอย่างเชิญชวน

“จริงครับ...หอม” ดำมองซอสสีขาวภายในหม้ออย่างหลงใหล กลิ่นหอมของเนยเรียกความอยากอาหารของเขาได้เป็นอย่างดีจึงเผลอชะโงกหน้าเข้าไปดูสปาเกตตี้ไวท์ซอสที่เสร็จสมบูรณ์แล้วภายในจานที่สิรินถืออยู่อย่างอดใจไม่ได้

สิรินมองเจ้าเด็กจอมหิวตอบเขาอย่างเผลอไผลแล้วก็นึกสนุก ก้มลงกดจมูกลงบนแก้มของคนที่ชะโงกหน้ามาตรงหน้าเขาอย่างไม่เอ่ยเตือน กลิ่นหอมของสบู่กลิ่นเดียวกันแต่กลับหอมมากกว่าเพราะอยู่บนตัวของดำ ทำให้สิรินไม่อยากถอนจมูกของเลยสักนิด แต่ก็ต้องอดใจไว้รีบเงยหน้าขึ้นก่อนที่ดำจะได้สติ

“อืม หอมจริงๆ ด้วย” สิรินพูดขึ้นอย่างพอใจ ส่วนดำก็ได้แต่กระเด้งตัวมายืนตรงๆ แล้วเรียบเรียงความคิดอย่างงุนงง

ตอนแรกคุณสินคุณเรื่องอาบน้ำ ไอ้ดำตอบแล้วพูดเรื่องขอกิน แล้วคุณสินก็ตอบ แต่ตอบเรื่องอะไรล่ะ แล้วเมื่อกี้มันคืออะไร โอ๊ย ไอ้ดำงง

ความคิดในหัวตีกันจนยุ่งเหยิง ร่างกายเคลื่อนตามสัญชาตญาณ แก้มขึ้นสีแดงอย่างน่ารัก มือก็จับแก้มร้อนเอาไว้ทั้งสองข้าง แต่ดวงตากลับสะท้อนความไม่เข้าใจ เรียกได้ว่าสมองของดำทำงานไม่ทันร่างกายเลยทีเดียว

“หึหึ มัวแต่ยืนทำอะไรอยู่ เดี๋ยวฉันกินหมดก่อนไม่รู้ด้วยนะ” สิรินที่วางจานลงบนโต๊ะ และเข้าประจำที่ของตนเรียบร้อยแล้ว แล้วจึงพูดขึ้นเพื่อเรียกสติของดำเล็กน้อย แต่ก็ไม่ยอมไขข้อกระจ่างให้แก่ดำเช่นกัน ก็เวลาดำสับสนคิดไม่ทันร่างกายแบบนี้มันน่ารักไม่น้อยเลย ต้องโทษตัวเองแล้วล่ะที่น่ารักเกินไป หึหึ

“เอ๊ะ คุณสินกิน...ไอ้ดำกินครับ” สติที่ถูกดึงกลับมาเล็กน้อยนั่นถูกความสนใจเรื่องกินดึงไปจนหมด ดำสลัดความคิดมากมายในหัวออกแล้วพุ่งตรงมานั่งลงบนเก้าอี้ด้านหน้าของกินแสนอร่อยอย่างไม่รีรอ

อะไรยากๆ ไอ้ดำไม่เข้าใจ ช่างมันเถอะ ช่างมันเถอะ สำหรับไอ้ดำเรื่องกินต้องมาก่อน เรื่องอื่นเดี๋ยวมันก็คิดออกเอง ขอกินเจ้าเส้นเหลืองๆ ที่ราดด้วยซอสสีขาวตรงหน้านี้ก่อนก็แล้วกัน งื้อ ทั้งน่าอร่อย ทั้งหอม ไอ้ดำจะกินให้เกลี้ยงเลย !





โปรดติดตามตอนต่อไป...



________________________________

สวัสดีค่ะ ขอบคุณทุกคอมเมนท์นะคะ

กรีนก็กรี๊ดดำมากเหมือนกัน เอ็นดู อยากเลี้ยง โอ๊ยยย ><

ตอนนี้มาหม่นหน่อยๆแต่ก็ไม่ม่าเนาะ

ไม่ม่าแน่นอน//กะพริบตาปิ๊งๆ

ฝากคุณสินกับไอ้ดำด้วยนะคะ

เจอกันตอนหน้าจ้า


สนุกมากกกก  ชอบมากเลยจ้า
น้องดำน่ารัก เก่งกล้ามีน้ำใจด้วย ปลื้ม
อ่านแล้วอารมณ์ดีมากเลยค่ะ ขอบคุณคนเขียนมากเลย > <
ขอบคุณค้าา ถ้าชอบก็มาเชียร์น้องดำให้ป่วนคุณสินไปด้วยกันนะคะ หุหุ

อ่านแล้วหิวตามเลยค่ะ  :hao5:
งื้อออ รอบหน้าจะพาไปกินอะไรดีน้าา  :-[

หิวตามเลย
รอบนี้อยากกินสปาเก็ตตี้ฝีมือคุณสินบ้างไหมคะ เริ่มอิจน้องดำ :hao6:

:sad4: อ่านไปหิวไป น้องดำโคตรน่าเอ็นดูเลยลูกเอ้ย พี่จะให้หนูกินทุกอย่างเลย  :hao5:
ไอ้ดำ : จริงนะ ให้ไอ้ดำกินทุกอย่างจริงๆนะ ชอบที่สุดเล้ยยย เย้ๆ
คุณสิน : อะฮึ่ม!
ไอ้ดำ : อ๊ะ...ตะ แต่ไอ้ดำรักคุณสินที่สุดเล้ยยย
คุณสิน : เด็กดี//ลูบหัวอย่างเอ็นดู

น้องดำผู้น่ารัก ชอบมากกก
ขอบคุณค่าา น้องดำรู้ต้องเขินมากแน่เลย :m3:

คิดถึงน้องดำ กอดขาไรท์ :ling1:  :hao5: :serius2:
มาแล้วค่าา น้องดำมาแบบรวดเร็วทันใจให้หายคิดถึงกันแล้ว ><

สายเปย์ทุ่มเทเลี้ยงน้อง คุณสินได้คะแนนอยู่หัวแถวเลย
อรั๊ยยย ขอบคุณมากค่ะ คุณสินได้ยินแล้วนะคะ มาถึงขนาดนี้แล้วเราต้องเปย์ให้มากขึ้นมากขึ้นไปอีก :interest:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-03-2018 12:44:11 โดย GreenHead(หัวเขียว) »

ออฟไลน์ Wanwann

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 31
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ไอ้ดำ เอ็งทำให้ข้าอยากกินบุฟเฟ่ต์ หิวววว :hao6:

ออฟไลน์ BABYBB

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1123
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
หิวมั้ยอะให้ทาย นี่นิยายอาหารรึป่าวคะะะะะ เย็นนี้กินคาโบนาร่าดีกว่าค่ะ ฮือออออออ :laugh:

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
เป็นนิยายที่ไม่ควรอ่านก่อนนอน เพราะจะทเองร้อง555

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด