###END### = P A Y = เปย์ข้าด้วยบุฟเฟ่ต์สิ [แจ้งกำหนดการวางจำหน่าย] 04/04/64
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ###END### = P A Y = เปย์ข้าด้วยบุฟเฟ่ต์สิ [แจ้งกำหนดการวางจำหน่าย] 04/04/64  (อ่าน 69577 ครั้ง)

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2

ออฟไลน์ maemix

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4403
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +299/-3
ดำกินอะไรก็อร่อย คนพี่ชอบแกล้งน้อง
รอพี่สิรินยึดอำนาจคืน

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
สู้ๆนะเด็กๆ  :katai2-1:

ออฟไลน์ Meen2495

  • is allergic to drama.
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 364
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-4
เจอเมนูปลาเผาตอน 5 ทุ่ม...เข้าไป
สงสัยได้เข้านอนพร้อมท้องร้องจ๊อก ๆ แน่ :hao5:

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
หิวเมี่ยงปลาเผาเลย

ออฟไลน์ Mayana

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 424
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-2
ครือ.. ตอนนี้ทำให้หิว อยากกินปลาเผามากก  :hao5:

ออฟไลน์ GreenHead(หัวเขียว)

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 124
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
    • Green Head - หัวเขียว
เปย์ครั้งที่ 17
«ตอบ #156 เมื่อ01-07-2018 06:32:34 »


เปย์ครั้งที่ ๑๗
{ครึ่งแรก}

หยิบมือเดียว

‘จำนวนน้อยมาก เช่น มีทหารแค่หยิบมือเดียวจะไปรบกับใครเขาได้’



“ดำ ดำ ตื่นได้แล้ว ได้เวลากินข้าวเที่ยงแล้วนะ ลุกขึ้นมากินก่อนเดี๋ยวปวดท้อง” เสียงทุ้มต่ำอันแสนคุ้นเคย ปลุกคนตัวเล็กที่ยังนอนหลับพริ้มอยู่บนเตียงให้ตื่นขึ้น แม้จะผ่านเวลาอาหารเช้าจนถึงเวลาเที่ยงวันแล้วก็ตาม

ด้วยเพราะต้องทำโครงงานเตรียมพร้อมสำหรับเปิด Open House ให้นักเรียนมัธยมต้นได้เข้าชมประกอบการตัดสินใจในการสอบเข้า ทำให้นักเรียนชั้น ม.5 ต้องทำงานอย่างหนักแม้พึ่งผ่านพ้นช่วงสอบปลายภาคมาก็ตาม หลังเร่งทำโครงงานหามรุ่งหามค่ำเสียหลายวัน และร่วมจัดกิจกรรมที่โรงเรียนจนเสร็จเรียบร้อย พวกเขาก็ได้รับอิสระในการพักผ่อนช่วงปิดเทอมอย่างเต็มที่

อย่างแรกที่ดำอยากทำคือการนอน ชดเชยให้กับเวลานอนที่สูญเสียไป แม้บ่อยครั้งที่ท้อแท้จะถูกเติมกำลังใจด้วยของอร่อย แต่ก็ไม่อาจรับความอร่อยได้อย่างเต็มที่ เพราะร่างกายมีส่วนที่สึกหรอไป ดังนั้นแล้วดำตั้งใจว่า

จะนอน นอน นอน เพื่อให้ร่างกายแข็งแรง มีแรงกิน กิน กิน กินได้อย่างเต็มที่!

ด้วยความตั้งมั่นอันแรงกล้าต่อการกิน บวกกับสภาพร่อแร่จากการอดหลับอดนอนเสียหลายวัน สุดท้ายจึงจบลงด้วยการพลาดอาหารเช้าไปเช่นนี้

พรึ่บ!

“เที่ยงแล้วเหรอครับ ไม่นะ ไม่ๆ เมื่อวานไอ้ดำนอนตั้งแต่ดวงอาทิตย์ยังไม่กลับไปนอนด้วยซ้ำ ทำไมถึงตื่นสายขนาดนี้ โถ่ ไอ้ดำกินชดเชยสองมื้อตอนนี้ได้ไหมครับ” คำว่ากินข้าวกระตุ้นให้สมองของดำได้เป็นอย่างดี ยิ่งประมวลผลเสร็จสรรพว่าตนตื่นไม่ทันข้าวเช้าทั้งที่นอนเสียแต่หัววัน ทำให้ดำตื่นเต็มตาลุกขึ้นนั่ง หันมาออดอ้อนคนมาปลุกทันที

“หึหึ จอมตะกละ ไปอาบน้ำก่อน อยากกินอะไรก็กินได้เต็มที่” สิรินอนุญาต ดำก็ตอบรับครับๆ ยิ้มร่า แล้วก็รีบวิ่งแจ้นเข้าห้องน้ำ

“ว้าก! คุณสิน คุณสิน ที่นี่ไม่ใช่ห้องเรานี่นา ไอ้ดำอยู่ที่ไหนครับ” กว่าจะรู้สึกตัววิ่งหน้าตื่นออกมาจากห้องน้ำ ก็แทบจะแก้ผ้าเสร็จเสียแล้ว ดำจึงวิ่งออกมาด้วยสภาพกางเกงในตัวเดียว

“หึหึ กว่าจะรู้สึกตัวนะ ฉันนึกว่าต้องออกไปกินข้าวสักมื้อก่อนเสียอีก” อย่างที่ว่า ดำนั้นคิดเพียงเรื่องกินกับเรื่องสิรินเป็นหลัก ยิ่งพอท้องว่างสมองก็ไม่แล่น สภาพคนที่ตื่นมาเจื้อยแจ้วทั้งที่ยังไม่รู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงรอบด้าน ทั้งน่ารักน่าขำ เสียจนสิรินต้องปั้นหน้านิ่งกลั้นขำไม่ยอมบอกให้อีกฝ่ายรู้สึกตัวจนถึงตอนนี้

ก็ช่วยไม่ได้ เวลาดำมึนๆ เช่นนี้ก็น่ารักไม่น้อย

“โถ่ ไอ้ดำฉลาดรู้ก่อนกินข้าวอยู่แล้ว ว่าแต่ที่นี่ที่ไหนครับ” ดำโอ้อย่างไม่อายปาก อย่างไรเขาก็รู้สึกตัวก่อนกินข้าว ถือว่าทำได้ดีกว่าที่สิรินคิดไว้ อย่างไรนั่นก็คำชมอยู่แล้ว

“หึหึ นั่นสินะ แต่ถ้าอยากรู้ก็ไปอาบน้ำแล้วออกไปพร้อมกัน หรือว่า...ต้องให้ฉันจับกินสักรอบก่อนดีล่ะ” สิรินไล่สายตาบนร่างที่เหลือเพียงกางเกงในปกปิดส่วนอ่อนไหวเพียงชิ้นเดียว ราวหมาป่าที่จ้องจับกินลูกแกะตัวอ้วนที่ขุนจนอิ่มหมีพีมัน

ดำหน้าแดงระเรื่อ พักหลังมานี้เขาได้เรียนรู้ความรู้สึกหลากหลายแบบ จนสมองแล่นทันร่างกาย รู้ว่าตนกำลังอยู่ในอาการเช่นไร

“อะ ไอ้ดำกินข้าวก่อนได้ไหมครับจะได้มีแรง คุณสินจะได้ทำเยอะๆ ตอนนี้ไอ้ดำทั้งเหม็น ทั้งเพลีย สัญญาว่าจะให้กินเต็มที่เลย” แต่ดำก็ยังคงเป็นดำ ต่อให้อายจนแทบแทรกแผ่นดินหนีก็ยังกล่าวทุกคำออกมาด้วยใบหน้าที่แดงก่ำเช่นทุกครั้งไป

สิรินยกยิ้มพอใจชั่วครู่ก่อนจะย่างสามขุมเข้าไปหาด้วยใบหน้าเรียบเฉย พาให้ดำหลับตาแน่น คิดว่าตนไม่รอดแน่ๆ แต่ก็ไม่คิดจะขยับหนีไปไหน อย่างไรเขาก็ตามใจสิรินอยู่แล้ว ไม่มีสักครั้งที่ปฏิเสธ รวมทั้งมีบ่อยครั้งที่เขาเป็นคนพุ่งเข้าใส่เองเสียด้วยซ้ำไป

ก็ช่วยไม่ได้ ไอ้ดำชอบสัมผัสของคุณสิน จนกลายเป็นเด็กจอมลามกสุดๆ เลยล่ะ!

จุ๊บ

“ไปอาบน้ำได้แล้ว ก่อนที่ฉันจะอดใจไม่ไหว” ริมฝีปากสัมผัสหน้าผากเกลี้ยงเกลาก่อนจะยื่นมือไปขยี้ผมนุ่มนิ่มเสียจนไม่เหลือเคล้าเดิม เขาจะรังแกดำได้อย่างไรทั้งที่เจ้าตัวเล็กแทบไม่มีแรงขนาดนี้ เอาไว้กินอิ่มแล้วค่อยจัดการก็ไม่สาย

“ครับๆ” ดำยิ้มแฉ่งอารมณ์ดีก่อนจะวิ่งเข้าห้องน้ำไป สิรินได้แต่มองตามด้วยรอยยิ้ม ต่อให้เหนื่อยขนาดไหนดำก็ยังคงสดใสเช่นนี้เสมอ

รอไม่นานดำก็ออกมาจากห้องน้ำสวมชุดที่สิรินเตรียมไว้เสียเรียบร้อย เป็นเสื้อยืดแขนยาวกับกางเกงขาสั้นเลยเข่าขึ้นมาเล็กน้อย ดูเข้ากับเด็กน้อยของเขาเป็นอย่างยิ่ง

คนทั้งสองเดินออกมาจากห้องก็เจอ ทิว น่าน ก้อง รออยู่ก่อนแล้ว มีดนัยเพิ่มขึ้นมาอีกคนทำให้ดำมองอย่างแปลกใจ เพราะเขาเจอดนัยเพียงแค่เวลาเข้าไปบริษัทกับสิรินเท่านั้น จะเดาอย่างไรก็เดาไม่ออกว่าตนอยู่ที่ใด ดำจึงรีบเดินตามไปอย่างว่าง่าย

ห้องเรียงรายสองฝั่งทางเดินให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในโรงแรม ซึ่งเพื่อนๆ ของสิรินเองก็พักอยู่ห้องถัดไป เดินไปอีกไม่ไกลก็สังเกตเห็นบันไดอยู่กึ่งกลางของชั้นนี้ใช้สำหรับขึ้นไปด้านบน ซึ่งด้านบนก็เจอเข้ากับห้องที่เรียงรายอยู่อีกชั้นหนึ่งไม่ต่างจากชั้นที่พวกเขาใช้พักแม้แต่น้อย เพียงแค่มีพื้นที่ครึ่งเดียวเท่านั้นทำให้ห้องพักมีจำนวนน้อยกว่า และข้างบันไดของชั้นนี้ยังมีประตูบานใหญ่อยู่ข้างๆ อีกบานหนึ่ง

เพียงเปิดออกสายลมก็ปะทะหน้าพร้อมไอเค็มของทะเล ดำคอยๆ ลืมตาที่หลับลงเมื่อครู่ขึ้นสำรวจรอบด้านก่อนใบหน้าจะฉายแววตื่นตะลึง

"คุณสิน คุณสินดูสิ ทะเลล่ะ ทะเล ว้าวๆ น้ำสีครามเหมือนที่เคยเห็นในทีวีเลย แถมยัง แถมยัง ไอ้นี่ถึงจะใหญ่จนไม่น่าเชื่อแต่มันคือเรือใช่ไหมครับ" ดำกระโดดโลดเต้น มองสำรวจอย่างสนใจ

ด้านหน้าเหมือนระเบียงกว้างคาดว่าจะเป็นตำแหน่งหัวเรือ มีสระว่ายน้ำอยู่ตรงกลาง รอบด้านมีเก้าอี้คล้ายเก้าอีกชายหาดเพียงแต่เป็นไม้และร่มตั้งวางไว้ไม่ต่างจากสระว่ายน้ำเคลื่อนที่เลย เพราะมีพื้นที่แค่ส่วนหัวเรือทำให้มันไม่ได้มีขนาดใหญ่มาก แต่ก็พอเหมาะให้พักผ่อนแช่น้ำชมวิวทะเลสบายอารมณ์

ในสระว่ายน้ำตอนนี้ยังไม่มีใครใช้ แต่ในร่มก็มีคนกว่า 10 คน กำลังจับกลุ่มพูดคุยอย่างออกรสออกชาติ ทางกราบเรือเองก็มีคนยืนมองวิวทะเลอยู่ไม่ต่างกัน ถึงแดดจะร้อนแต่ได้ลมทะเลช่วยปัดเป่าความร้อน ดังนั้นแม้จะยังเป็นช่วงกลางวันก็ทำให้คนออกมาดื่มด่ำบรรยากาศรื่นรมย์นี้ไม่น้อยเลย

“ไปกินข้าวกันก่อนเดี๋ยวฉันพาไปเดินสำรวจ...ตกลงไหม” สิรินพูดกับคนตัวเล็กที่ตื่นเต้นจนแทบจะวิ่งไปรอบๆ เสียให้ได้ เอาของกินมาล่อเล็กน้อยดำก็ตอบรับว่าง่ายเดินตามหลังเขาไปต้อยๆ แล้ว เลี้ยงง่ายเสียจริงๆ

ขึ้นบันไดไปอีกชั้นก็เจอเข้ากับห้องโถงกว้าง มีเวทีอยู่ด้านในฝั่งท้ายเรือ ที่ตอนนี้ดูเหมือนกำลังจัดเตรียมงานอะไรบางอย่าง นอกจากเวทีที่เด่นสะดุดตาก็คือโต๊ะสำหรับนั่งทานอาหารหรูหราวางเรียงรายอยู่ ทั้งโต๊ะ ทั้งเก้าอี้ล้วนคลุมด้วยผ้าสีครีมนวลละมุนเหมาะแก่การเฉลิมฉลองเป็นอย่างยิ่ง

เวลานี้เป็นเวลาอาหารกลางวันทำให้มีคนจับจองโต๊ะอยู่ไม่น้อยเลย พวกเขาจึงเลือกนั่งโต๊ะที่อยู่ห่างจากคนเหล่านั้น เพราะต้องการความเป็นส่วนตัว ไม่นานก็มีพนักงานเข้ามาบริการ เมนูมื้อเที่ยงมีไม่มากนัก เป็นฟูลคอร์สอาหารฝรั่งเศส 5 คอร์ส พวกเขาเลือกสั่งคอร์สที่ตนสนใจแล้วพนักงานก็เดินกลับเข้าไปส่งออเดอร์ให้กับครัวที่อยู่ในห้องด้านหลังเวที

ดำฮำเพลงรออาหารชื่อแปลกๆ ที่ได้ยินอย่างอารมณ์ดี กว่าจะคิดได้ว่าตนสงสัยใคร่รู้ว่าถูกพามาที่นี่ได้อย่างไรก็ผ่านไปหลายอึดใจทีเดียว

“อ๊ะ ไอ้ดำมาที่นี่ได้ยังไงครับเนี่ย” คำถามของเขาทำให้คนอื่นๆ อมยิ้ม ดูการตอบสนองที่ช้าสุดๆ นั่น โดนเรือกับอาหารดึงความสนใจไปหมดจนพึ่งจะรู้ตัว มันน่าเอ็นดูเสียจนกลั้นขำแทบไม่อยู่เชียวล่ะ

“อุ๊บ ฮ่าๆ ๆ ตกลงหัวไวแค่เรื่องกินสินะ” สุดท้ายทิวก็หลุดขำเป็นคนแรก จะเก๊กหน้าขรึมได้อย่างไรถ้ามีเจ้าเด็กประหลาดคอยทำให้อารมณ์ดีขนาดนี้

“ไม่ใช่นะ เรื่องคุณสินไอ้ดำก็รู้” ดำเถียง ไม่ยอมให้ทิวสบประมาทง่ายๆ กว่าสงครามน้ำลายของเพื่อนต่างวัยจะจบลงอาหารก็มาเสิร์ฟพอดี ประเด็นที่จะถามจึงตกไป โดนอาหารบนโต๊ะแย่งความสนใจจนหมดแล้ว

ถ้าโดนลักพาตัวไปจะรู้สึกตัวไหมล่ะนี่...

Aperitif (อาเปคริติฟ) อาหารเรียกน้ำย่อย เป็นน้ำสีส้มอมน้ำตาลวางล่อตาล่อใจให้ดำสงสัยใคร่รู้ กลิ่นน้ำองุ่นกับสมุนไพรเล็กน้อยทำให้ดำสูดดมอย่างสนใจ จากนั้นก็กระดกเข้าปากอย่างสมใจ

รสขององุ่นถูกใจดำไม่น้อย ยิ่งมีรสหอมหวานจากการบ่มช่วยดึกรสชาติให้ละมุนลิ้นยิ่งทำให้ดำอยากลิ้มลองมากขึ้นไปอีก

“ขออีกๆ” ดำเรียกร้องทันทีหลังจากวางแก้วลง

“ไม่ได้มันมีแอลกอฮอล์แค่นั้นก็พอแล้ว” แต่ก็ถูกสั่งห้ามจากคนตัวโต ถ้าอยู่ที่บ้านเขาคงให้ดำกินจนกว่าจะพอใจ แต่สำหรับที่นี่นั้นพวกเขาจะวางใจถึงขั้นนั้นไม่ได้

ดำทำปากยื่นแต่ก็ยอมรับคำบอกกล่าวของสิริน ปลอบใจตัวเองเสร็จสรรพว่าเดี๋ยวค่อยขอให้ปะป๋าทำให้กินก็ได้

จานต่อไป Entree (อองเทร่) อาหารจานเปิดตัว ซึ่งเป็นเทอร์รีนสีเขียวครีม ดำเห็นแล้วก็ได้แต่จินตนาการไปว่ามันต้องเป็นรสผักแน่นอน ยิ่งมองไปทางจานของทิวที่เป็นเหมือนขนมปังแผ่นสีน้ำตาลพันด้วยเบคอนด้วยแล้วดำยิ่งอยากขอเปลี่ยนคอร์ส

ทำไมคุณสินไม่เตือนไอ้ดำเลย โถ่ มันต้องขมแน่ๆ เลย

ดำค้อนสิรินในใจแต่กลับทำหน้าตาน่าสงสาร มองจานของคนอื่นที ของตัวเองทีอย่างตัดใจกินไม่ได้ เพราะเขาสั่งตามสิรินจึงได้แต่ทำใจกินมันลงไป หลังจากนั่งทำใจได้ก็ใช้มีดตัดเป็นชิ้นเล็กๆ แล้วใช้ส้อมจิ้มเข้าปาก สเต็ปเดียวกับสิรินไม่มีผิดเพี้ยน

เพราะทั้งมีด ช้อน ส้อม หลากหลายแบบที่วางเรียงไว้บนโต๊ะ ทำให้ดำไม่รู้ว่าควรใช้อันไหนก่อน เขาจึงจับจ้องการกระทำของสิรินทุกการเคลื่อนไหว สิรินเองก็ไม่ได้บอกสอนอะไร ถือว่าให้ดำเรียนรู้ด้วยตนเอง เขาไม่ค่อยได้กินอาหารเช่นนี้บ่อยนัก แล้วดำก็เรียนรู้เรื่องกินเร็วกว่าใคร ค่อยๆ ให้เล่นสนุกไปแบบนี้ก็ได้ นั่งจับจ้องใบหน้าที่เปลี่ยนไปเรื่อยๆ นั่นเจริญอาหารกว่าเป็นไหนๆ

หลังเทอร์รีนสีเขียวอยู่ในปากดำก็ต้องตกใจกับรสชาติที่กระจายออกมา รีบเคี้ยวรับรสอย่างสนใจ มูสผักที่เนียนนุ่มหวานจนแทบละลายในปาก รสชาติแฝงที่อยู่ข้างในก็เข้มขึ้นเรื่อยๆ ทุกครั้งที่เคี้ยว

ตับ รสแบบนี้ ตับสินะ แต่ว่า แต่ว่า ไม่ขมเลย แถมยังไม่ได้กลิ่นอีกทำให้ไอ้ดำไม่รู้ว่ามีด้วย งื้อ อร่อยจัง รสผักกับตับเข้ากันสุดๆ ไม่เหมือนตับไก่ หรือจะเป็นตับเป็ดนะ ไอ้ดำเคยกินมันไม่มีรสขมเหมือนตับไก่ ต้องใช่แน่ๆ คุณสินเก่งที่สุดเลือกของอร่อยแบบนี้ออกมาได้ ไอ้ดำขอโทษที่ว่าคุณสินครับ!

ไม่รอให้เสียเวลาดำจิ้มเทอร์รีนชิ้นพอดีคำเข้าปากอย่างไม่ลังเล แต่มันมีเพียงแค่ 3 ชิ้นเท่านั้น ดำขอเพิ่มแต่ถูกบอกให้รออาหารจานต่อไป จึงได้แต่ตัดพ้ออยู่คนเดียว

โถ่ จานตั้งใหญ่ ใส่มาแค่ตรงกลาง 3 ชิ้นเอง ยังไม่ถึงเสี้ยวกระเพาะไอ้ดำด้วยซ้ำ คอยดูนะกลับไปจะให้ปะป๋าทำให้กินเยอะๆ เลย ไอ้ดำไม่ง้อหรอก เชอะ

สุดท้ายไม่ว่าจานไหนๆ ก็ไม่เยอะพอสำหรับดำ ทำให้ดำหน้าตาเปลี่ยนไปมาทั้งหน้ายิ้มดีใจ ทั้งหน้าบูดบึ้งสลับไปมาจนอาหารเสิร์ฟจบคอร์ส ทั้งหมด 17 เมนู เรียกความเอ็นดูจากคนรอบข้างได้อีกมากโข จนบางครั้งสิรินยังหยุดมือไม่ให้ยื่นไปบีบแก้มพองลมนั่นไม่ได้

และเป็นไปตามคาดอาหารเพียงเท่านี้ไม่อาจหยุดความหิวของดำที่ต้องการกินชดเชยมื้อเช้าที่พลาดไปได้ สุดท้ายก็ตามมาด้วยคอร์สที่สองคอร์สที่สามจนพอใจ

“กินเยอะขนาดนี้ คืนนี้มีงานเลี้ยงเป็นอาหารแบบบุฟเฟต์ด้วยจะกินไหวเหรอฮึ” สิรินแกล้งเย้าขณะกำลังเดินกลับไปยังบริเวณสระว่ายน้ำหัวเรือ

“เอ๋ งานเลี้ยง หรือว่าวันเกิดคุณสิน...ไอ้ดำถูกพามาไม่ได้เอาของขวัญมาด้วยล่ะ ไม่เป็นไรๆ ไอ้ดำให้ทีหลัง แล้วก็บุฟเฟต์ๆ ไอ้ดำกินไหวอยู่แล้ว” สมองดำประมวลผลออกมาทีละเรื่อง เขาไม่มีทางลืมวันคล้ายวันเกิดสิรินอยู่แล้ว ทำให้ชนะเรื่องกินไปได้เล็กน้อย แต่พอตกลงกับตัวเองได้ก็ถูกเรื่องกินดึงความสนใจกลับมาอีกครั้ง

บุฟเฟต์เชียวนะ บุฟเฟต์ของอร่อยกินไม่อั้น แค่คิดน้ำลายก็ไหลแล้ว ซู้ด บุฟเฟต์บันไซ!

ดำยกมือเช็ดน้ำลายที่ไหลอย่างห้ามไม่อยู่ จนคนรอบด้านหัวเราะตามอย่างห้ามไม่อยู่ จนกลายเป็นจุดสนใจเสียได้ และอาจจะเพราะพวกเขาใช้เวลากินนานทีเดียว ตอนนี้ทางส่วนหัวเรือถึงได้มีคนจับจองมากขึ้นอีกเยอะทีเดียว แต่ก็ไม่มีใครกล้าเข้ามาทักทาย เพียงส่งสายตาเชื้อเชิญให้เท่านั้น

“ผมขอตัวไปจัดการธุระก่อนนะครับ เชิญท่านประธานกับเพื่อนๆ พักผ่อนให้เต็มที่...แล้วเจอกันนะดำ” ดนัยออกปากขอตัวไปก่อน ไม่ลืมที่จะกล่าวลาดำด้วยคำพูดเป็นกันเองเหมือนที่ตกลงกันไว้ หลังจากทุกคนตอบรับ เขาก็เดินตามลูกเรือตัวใหญ่คนหนึ่งไป

หากไม่สังเกตก็คงคิดว่าแค่เดินไปทางเดียวกัน แต่หากสังเกตให้ดีจะเห็นว่าดนัยเอ่ยขอตัวหลังจากสบตากับลูกเรือคนเมื่อครู่รวมทั้งสิรินด้วย

“ฝากด้วยนะ หลังจากนี้ผมจะอนุญาตให้คุณลาพักร้อนได้”

“ขอบคุณครับท่านประธาน” เขาเน้นย้ำตำแหน่งที่สิรินกำลังจะได้รับโดยไม่รู้สึกตะขิดตะขวงใจกลับภูมิใจที่ได้ทำงานให้เสียอีก หลังหันกลับมาสบตาอย่างรู้กันแล้วจึงเดินจากไป

“คืนนี้แล้วสินะ อามึงจะก็ช่างวางแผน” วันเกิดปีนี้พวกเขาต่างรู้ว่าจะเกิดเรื่องวุ่นวายขึ้น เพราะโอกาสลงมือมีเพียงแค่วันนี้เท่านั้น พรุ่งนี้กลับเข้าฝั่งก็จะถึงเวลาดำเนินการอย่างเป็นทางการ ซึ่งไม่ว่าจะอาสุชาติ หรือสิรินก็ไม่อยากให้มันเกิดขึ้น

สุชาติไม่อยากให้สิรินรับตำแหน่งประธาน สิรินเองก็ยังไม่อยากรับมาทั้งที่ยังเหลือปัญหาไว้มากมาย ซึ่งอาจจะโดนบีบออกเมื่อไหร่ไม่ทราบ ดังนั้นแล้วจึงต้องสะสางให้เรียบร้อยแล้วจึงรับเอาบริษัทคืนมาอย่างภาคภูมิใจ



******************************50%**************************

กลับมาแล้วค่ะ ขอโทษที่หายไปนานเลย

พอดีกรีนขบปัญหาของการปิดฉากสุดท้ายไม่แตกซักที

เคลียร์อย่างหนึ่งได้ก็เหลืออีกอย่าง จริงๆ ตอนนี้ก็เหลืออีกอย่างที่ตัดสินใจยังไม่ได้

ก็เลยคิดว่าเคลียร์ได้ 2-3 อย่างละ เหลืออันเดียวเองเดี๋ยวค่อยเคลียร์ระหว่างแต่งก็ได้

ปลอบใจกันไป ฮ่าๆ

แต่มาแต่งเอาเมื่อวานเย็นๆ หลังเลิกงานก็ได้เท่านี้ล่ะเนาะ

เอาไว้มาต่อเย็นนี้ไม่ก็พรุ่งนี้จ้า

แล้วเจอกันน้า

ออฟไลน์ maemix

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4403
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +299/-3
ดำมาแล้ว เรื่องกินเรื่องใหญ่จริงๆ
มันกำลังจะเริ่มแล้ว

ออฟไลน์ meteexp

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 709
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
งื้ออออออออ เกือบลืม :hao7:

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
สิรินจะจัดการคุณอายังไงอ่ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
เย็นนี้ดำจะได้กินมื้อใหญ่อีกแล้วนะ อิจฉาจังเลย  :hao3:

ออฟไลน์ Mayana

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 424
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-2
ป๊ะป๋าเตรียมของสดของแห้งให้พร้อมเลยคร่า ... น้องดำมีรายการของกินที่อยากเกินเพียบค่ะ ณ จุดนี้  :laugh: :laugh:

ออฟไลน์ GreenHead(หัวเขียว)

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 124
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
    • Green Head - หัวเขียว
เปย์ครั้งที่ 17 [2]
«ตอบ #162 เมื่อ03-07-2018 12:52:31 »



เปย์ครั้งที่ ๑๗ [๒]


ช่วงเวลาที่ต้องรอมื้อค่ำไม่น่าเบื่ออย่างที่คิด เพราะดำได้วิ่งเล่นสำรวจเรือจนทั่วทั้งลำ และยังได้ตื่นตาตื่นใจกับบรรยากาศแสนสดชื่นของลมทะเล ได้มองทิวทัศน์ที่เปลี่ยนไปเรื่อยๆ เมื่อเรือเคลื่อนไปข้างหน้า แล้วยังได้มองเจ้าปลาที่แหวกว่ายขึ้นมาให้ได้เห็นอยู่เป็นระยะ

เรือซุปเปอร์ยอร์ชแสนหรูหรามีความยาวถึง 88 เมตร มีห้องพักภายในเรือถึง 15 ห้อง สำหรับรองรับผู้โดยสารมากกว่า 30 คน ซึ่งภายในเรือลำนี้มีแขกที่มาร่วมงานทั้งหมด 36 คน แม้ห้องไม่กว้างขวางแต่ก็ไม่ต่างจากห้องพักภายในโรงแรมเลย

งานวันคล้ายวันเกิดสุดพิเศษนี้คนที่ดำเนินการทั้งหมดคืออาสุชาติ ผู้มาร่วมงานเป็นบุคคลสำคัญในวงการธุรกิจของบริษัทที่อย่างไรก็ขาดไม่ได้ 2-3 ครอบครัว ญาติๆ ของสิริน และบรรดาคณะกรรมการของบริษัทบางส่วน รวมทั้งนักข่าว 3 คนที่ได้รับอนุญาตให้ตามมาทำข่าวได้

งานนี้เน้นความเป็นส่วนตัวและการพักผ่อนหย่อนใจ ใช้เวลาตั้งแต่เช้าวันนี้ และกลับเข้าฝั่งเย็นของวันพรุ่งนี้ เป็นกำหนดการระยะสั้นก่อนกลับไปบริหารงานบริษัท รวมทั้งยังต้องกลับไปแต่งตั้งสิรินให้เป็นประธานบริษัทอย่างเป็นทางการ

ดำวิ่งสำรวจเสียทุกชั้น ตั้งแต่ชั้นล่างที่พวกเขาเข้าพัก ซึ่งมีห้องเรียงรายอยู 10 ห้อง และชั้นบนที่มีอีก 5 ห้อง เป็นชั้นที่เชื่อมต่อออกมาถึงระเบียงซึ่งมีสระว่ายน้ำให้ลอยคลออย่างสบายอารมณ์ ยิ่งได้เดินตามเส้นทางกราบเรือด้านข้างไปก็เจอเข้ากับห้องฟิตเนตอยู่ท้ายเรืออีกห้อง

ภายในไม่มีคนใช้งาน สามสหายของสิรินจึงขอแยกตัวออกกำลังกายอยู่ที่นี่ ส่วนดำกับสิรินก็ยังคงเดินสำรวจต่อไป ซึ่งชั้นถัดมาก็เป็นโถงที่พวกเขาขึ้นมาทานอาหารเมื่อครู่ ชั้นนี้จัดเป็นโถงขนาดใหญ่มีไว้สำหรับจัดงานเลี้ยงโดยเฉพาะ หลังจากหมดเวลาทานอาหารเที่ยง ภายในห้องก็เริ่มตกแต่งจัดวางของสำหรับงานเลี้ยงคืนนี้อย่างรวดเร็ว

ห้องที่ดำให้ความสนใจสุดๆ คงหนีไม่พ้นห้องครัวที่อยู่ด้านหลัง มีพ่อครัวแม่ครัวกว่า 10 ชีวิตกำลังเตรียมวัตถุดิบสำหรับงานเลี้ยงอย่างคึกคัก ดำมองบรรดาของเหล่านั้นแล้วก็ได้แต่จินตนาการถึงรสชาติจนน้ำลายไหล ลำบากสิรินต้องลากออกมากลัวว่าเจ้าตัวเล็กจะกระโดดเข้าไปตะครุบของกินเสียตอนนี้

เดินขึ้นไปอีกชั้นก็ถึงห้องควบคุมเรือ มีกัปตันคอยขับเรือและลูกทีมอีก 2 คน พวกเขาทักทายสิรินกับดำแล้วแนะนำให้ลองขึ้นไปรับลมบนดาดฟ้าเรือ ได้ยินว่าวิวสายกว่าด้านล่างและบรรยากาศก็ดีกว่าดำจึงไม่รอช้าดึงแขนสิรินขึ้นไปอย่างตื่นเต้นทันที

ดำตื่นเต้นกับวิวสุดลูกหูลูกตาเหมือนทะเลไร้ซึ่งจุดสิ้นสุด เรียกให้สิรินดูด้วยเสียงดังเจื้อยแจ้ว สิรินโอบดำจากด้านหลังก่อนจะก้มลมหอมแก้มอย่างรักใคร่ แม้จะอันตรายเพราะอาสุชาติวางแผนจะฆ่าเขา แต่ก็ไม่อาจจะปฏิเสธได้เช่นกันว่าเขาชอบบรรยากาศเช่นนี้ไม่น้อย

“เอาไว้หลังจากเสร็จเรื่องครั้งนี้แล้วฉันจะพาดำมาเที่ยวหลายๆ วันดีไหม” เขากระชับอ้อมกอดแน่นก่อนจะเอ่ยถามพร้อมกับก้มลงสูดดมผมหอมกรุ่น

“ดีครับ ไอ้ดำอยากเที่ยว ไอ้ดำชอบมากๆ สัญญาแล้วนะครับ” ดำขืนตัวหันมามองสิริน แล้วยกนิ้วก้อยขอคำสัญญา

“ครับ สัญญา จะพามาเที่ยวแน่นอน” คนตัวโตก็ไม่เกี่ยงกับการสัญญาแสนน่ารักเช่นนี้ ยกนิ้วก้อยขึ้นมาเกี่ยวเอาไว้พร้อมยิ้มอบอุ่น เรียบร้อยยิ้มแฉ่งของคนตรงหน้าให้กว้างยิ่งขึ้น

หลังจากชมวิวรับลมจนพอใจก็กลับไปพักผ่อน ใกล้ถึงกำหนดการค่อยตื่นขึ้นมาอาบน้ำก็ไม่สาย ดำหลับปุ๋ยเหมือนไม่ทุกร้อน แต่ก็ให้สิรินรับปากว่าจะไม่ทำอะไรที่เสี่ยงอันตราย และยืนยันหนักแน่นว่าจะปกป้องสิรินเอง

ดวงตาที่ฉายชัดถึงคำกล่าวนั้นทำให้สิรินรู้สึกอบอุ่น เขาเล่าเรื่องทุกอย่างให้ดำฟังแล้ว ทั้งที่ตั้งใจว่าจะไม่ให้เข้ามาเสี่ยงอันตราย แต่เขาก็ไม่อาจปล่อยให้ดำนั่งรอเป็นห่วงอยู่ที่บ้านได้

เพราะรู้ว่าถ้าบอกเช่นนั้น ดำก็จะขอตื้อมาจนได้ไม่ว่าเขาจะโกรธเพียงใดก็ตามมาจนได้ หรือถ้าแอบมา ปล่อยดำไว้ที่ห้อง เขาก็กลัวว่าเจ้าเด็กดื้อของเขาจะหาทางทำอะไรพิเรนทร์ๆ เข้า ถึงต้องพามาด้วยเช่นนี้

คืนนี้อาสุชาติวางแผนจะฆ่าเขา จะใช้วิธีไหนทางนี้ก็เป็นฝ่ายเสียเปรียบ ยิ่งวันนี้ได้เดินสำรวจจนทั่วจึงได้เห็นพวกพนักงานบนเรือหลายสิบคนที่ไม่คุ้นตา ไม่มีในข้อมูลที่เขาได้มาก่อนหน้านี้ก็อดที่จะเคร่งเครียดไม่ได้

สิรินคิดถึงความเป็นไปได้หลายๆ แบบ แต่จะอย่างไรเรื่องที่คนของเขามีน้อยกว่าก็ไม่อาจปฏิเสธได้ คนที่แทรกแซงเข้ามาได้มีไม่ถึงสิบคนเสียด้วยซ้ำ ถึงรวมเขาและเพื่อนๆ เข้าไปก็มีแค่ 13 คนเท่านั้น ถ้าจะให้ใช้กำลังเข้าสู้ต่อให้เก่งเพียงใดโอกาสชนะก็มีน้อยนิดอยู่ดี

ติ๊ด!

“มาร์โก้ทางนั้นเรียบร้อยรึเปล่า” สิรินยกหูโทรศัพท์โทรออกเพียงชั่วครู่ปลายสายก็รับ เขาไม่รอให้ทางนั้นตอบกลับรีบกรอกเสียงลงไปทันที

“มือระดับไหนแล้ว ทุกอย่างเรียบร้อย” มาร์โก้ตอบกลับอย่างมั่นใจ แม้เป็นห่วงลูกๆ ของเขาไม่น้อย แต่จะมาทำให้กังวลไปด้วยได้อย่างไร

“ดี...ฝากด้วยนะครับ” หลังวางสายจากมาร์โก้สิรินก็ทบทวนข้อมูลที่มีอยู่ แม้ลูกเรือบางส่วนถูกสับเปลี่ยน แต่ก็ยังเหลือคนที่มีข้อมูลอยู่บ้าง อย่างเช่นกัปตันกับลูกทีมนั่น

แต่ถึงจะคิดทบทวนมากเพียงใดสิรินก็ไม่มีทางรู้เลยว่า อาสุชาติจะเลือกเส้นทางที่เลือดเย็นถึงเพียงนั้น...



งานเลี้ยงเริ่มขึ้นในเวลา 19.00 น. มีเพลงบรรเลงสดเบาๆ จากบนเวทีรอให้แขกเข้ามาร่วมงานอย่างพร้อมหน้า บรรดาแขกผู้ใหญ่เข้ามาทักทายสิรินไม่ขาดสายเนื่องจากเป็นเจ้าของงานในวันนี้ สิรินจึงให้ทิวพาดำไปหาของกินก่อนไม่อยากให้คนตัวเล็กต้องรอจนท้องกิ่ว

“สุขสันต์วันเกิดแล้วก็ยินดีด้วยนะสิริน หลานเหมือนพ่อจริงๆ ถ้าเจ้านั่นได้เห็นคงมีความสุขมากแน่ๆ” คนที่เข้ามาทักทายมีญาติของเขารวมอยู่ด้วย เช่นชายที่ดูอายุราวๆ 50 ปีคนนี้เป็นน้าของพ่อ หรือก็คือน้อยชายของคุณย่าของสิริน ซึ่งไม่ค่อยได้เจอกันนัก อาสุชาติเชิญคนมาร่วมงานได้มากทีเดียว สังเกตแล้วก็มีญาติทางฝั่งพ่ออยู่หลายคน

“ขอบคุณครับ คุณปู่เล็ก” ถึงแม้จะไม่ค่อยได้พบหน้า แต่สิรินก็ไม่ได้เย็นชา เพราะมองออกว่าคำแสดงความยินดีเหล่านี้มาจากใจจริง เพราะปู่กับย่าเสียไปนานมากแล้ว ทั้งอาสุชาติยังส่งให้เขาเข้าเรียนโรงเรียนประจำ การพบปะญาติพี่น้องจึงห่วงหายมานาน คงเป็นอีกความต้องการหนึ่งของชายคนนั้นที่ต้องการกันเขาออกจากคนรู้จัก หรือพร้อมจะให้ความช่วยเหลือเหล่านั้น

“หลานปู่ก็มาหลายคนนะไปนั่งด้วยกันสิเดี๋ยวจะแนะนำให้รู้จัก” สิรินตอบรับแล้วเดินตามไปอย่างว่าง่าย ให้เวลากับปู่เล็กซึ่งเป็นญาติคนสำคัญ คนที่ตั้งใจจะเข้ามาคุยจะได้ล่าถอยไป เขาไม่ได้ชอบบรรยากาศงานเลี้ยงมากนัก ถึงจะพอยกยิ้มน้อยๆ ให้ได้ แต่จะให้ทำเช่นนี้จนจบงานเขาทำไม่ได้อย่างแน่นอน

ยิ่งบรรดานักธุรกิจหอบหิ้วลูกสาวหรือหลานสาวมาด้วยแล้วนั้นเข้ายิ่งไม่อยากพูดคุยด้วยนานเกินไป เลี่ยงการถูกจับคู่อย่างเห็นได้ชัด

ปู่เล็กพาลูกชายคนโตกับหลานสาวหลานชายที่อายุเท่าดำมาอีก 2 คน ผู้หญิงคนพี่นั้นนั่งเงียบขรึมเกินอายุ ส่วนผู้ชายคนน้องพูดน้ำไหลไฟดับดูปลาบปลื้มสิรินที่ประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อยแบบสุดขั้ว ดูแตกต่างกันมากทีเดียว

“พี่สินสุดยอดไปเลยครับ ผมอยากเรียนวิศวะมากเลยล่ะ เอาไว้ผมเรียนจบแล้วรับผมเข้าทำงานที่บริษัทบ้างนะ”

“สอบเข้าให้คิดก่อนเจ้าฟ้า” ปู่เล็กสวนขึ้น หลานคนนี้หัวดีแต่ทำตัวเกเรไม่น้อยคะแนนถึงได้ไม่โดดเด่นอะไรเลย

“ปู่! สายฟ้าครับสายฟ้า เรียกฟ้ามันเหมือนผู้หญิงอะไม่เอา” โดนว่าไปแบบนั้นไม่วายสายฟ้ายังหันไปงอแงกับปู่ ดูสนิทสนมจนสิรินยังรู้สึกอิจฉาในใจ ถ้าครอบครัวของเราอยู่พร้อมหน้าพร้อมตารักใคร่กลมเกลียวกันเช่นบ้างก็คงดี

“จิ้ม” เสียงที่มาพร้อมกับสัมผัสอ่อนนุ่มที่แก้มทำให้สิรินตกใจ หลุดจากอารมณ์เมื่อครู่แล้วหันไปมองต้นเหตุของการกระทำเมื่อครู่

“ดำ” คนตัวเล็กยิ้มแฉ่งทั้งยังไม่ลดนิ้วที่ใช้จิ้มแก้มของเขาลง

“ไอ้ดำเอามาให้ชิม อร่อยมากครับ” ดำยกอีกมือที่ถือจานใบเล็กไปให้ ก่อนจะหยิบขึ้นป้อนคนตัวโตอย่างเอาใจ มาการองสีหวานถูกงับเข้าปากอย่างง่ายดาย ความหวานทำให้อารมณ์ดีขึ้นทั้งยังได้คนป้อนดีสิรินถึงได้เผลอยิ้มกว้างออกมาในที่สุด

“อร่อย” กล่าวชมสักหน่อยแล้วลูบหัวให้รางวัลเช่นเคย กลายเป็นโลกของเราสองคนไปซะแล้ว ดำดีใจที่สิรินอารมณ์ดี ก่อนหน้านี้ที่มองมาเขาสังเกตเห็นความหดหู่เล็กๆ ได้จากร่างสูง ถึงได้ตรงดิ่งมาหาโดยไม่ฟังเสียงห้ามใคร

“อะแฮ่ม! ใครน่ะแนะนำให้ปู่รู้จักบ้างสิ” ปูเล็กกล่าวแทรก นานมากทีเดียวที่เขาไม่ได้เจอสิริน แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังจำเจ้าเด็กน้อยที่ชอบพูดชอบคุย ยิ้มดีใจกับเรื่องเล็กๆ ได้ เมื่อครู่ที่ได้คุยถึงตระหนักได้ว่าหลายชายคนเดิมของเขาเปลี่ยนไปกลายเป็นคนยิ้มยากเย็นชาไปเสียแล้ว พอได้เห็นสิรินยิ้มเช่นนี้ถึงได้รู้สึกสนใจคนที่เข้ามามากขึ้น

“เด็กคนนี้คือดำ เป็น...” สิรินหยุดคิด เขาไม่อยากบอกคนนอกเพราะเป็นห่วงอนาคตดำ เลือกที่จะบอกคนสนิทเท่านั้น อยากรอให้ดำเรียนจบมัธยมปลายเสียก่อน ปกติจึงแนะนำว่าเป็นน้องชาย แต่ที่ได้สัมผัสครอบครัวของปู่เล็กเมื่อครู่ทำให้สิรินลังเล ไม่อยากปิดบังญาติๆ ที่ห่วงใยเขานับเขาเป็นคนในครอบครัวเช่นนี้

ทั้งยังห่วงความรู้สึกดำ ก่อนหน้านี้เขาไม่ได้พบญาติมากนัก เจอแค่เพื่อนหรือคนรู้จัก จะแนะนำเช่นนั้นมันก็ไม่ได้รู้สึกแย่นัก แต่ญาติกับคนรู้จักต่างกัน ยิ่งเป็นคนที่นับญาติกับเขาด้วยใจจริงเช่นนี้ เขากลัวดำจะน้อยใจ หรืออาจจะรู้สึกแย่ก็เป็นได้

ดำมองดูสิรินที่หยุดชะงักไป จึงเอ่ยปากบอกเอง เสียงของพวกเขาจึงสวนกันขึ้นมาพอดี

“เป็นคนรักครับ”

“เป็นน้องชายครับ เอ๊ะ!” ดำแทบไม่เชื่อหูตัวเอง หันไปมองหน้าสิรินด้วยความแปลกใจ

“หือ ตกลงไปอะไรกัน” ปู่เล็กมึนงงไม่น้อยจึงถามซ้ำ พร้อมๆ กับดำที่สงสายตาถามอย่างแปลกใจ

คุณสินให้บอกแค่คนที่ไว้ใจได้ไม่ใช่เหรอครับ คนพวกนี้เชื่อใจได้เหรอ

สิรินดึงดำเข้ามากอด โอบไหล่เล็กๆ นั่นไว้ ก้มมาสบตายืนยันคำตอบของตัวเอง ริมฝีปากประดับรอยยิ้มเอ็นดูน้อยๆ กับท่าทางเป็นห่วงสถานการณ์แบบสุดๆ เช่นนี้ ก่อนจะเงยหน้าไปสบตาปู่เล็กด้วยสายตาจริงจัง

“ดำเป็นคนรักของผมครับ” หลังสิ้นเสียงนั้นดำก็หลับตาแน่น ดีใจไหม ดำบอกได้ว่าดีใจ ทุกครั้งที่สิรินแนะนำว่าเขาคือคนรัก ดำแทบจะลอยได้ หัวใจพองโตจนแทบบ้า แต่ก็เข้าใจได้ว่ามีผลลัพธ์อยู่ 2 แบบที่ตามมา

ดำเรียนรู้โลกในยุคนี้ได้ 2 ปีแล้ว เขาเห็นเหตุการณ์มากมาย ไม่ว่าจะในจอทีวี หรือชีวิตจริง ที่เจอกับตัวเองก็มี ใครว่ามีแค่สิรินที่ห่วงอนาคตดำกลัวจะถูกประณามด่าทอหรือกีดกันจากสังคมที่พวกเขาอยู่ ดำเองก็ไม่ต่างกัน เพราะมีเต็มเป็นไม้กันหมา จึงมีคนเข้าใจผิดว่าพวกเขาคบกันอยู่มากทีเดียว มีทั้งพวกที่รับได้และรับไม่ได้ บางคนถึงกลับตะโกนด่าไม่เกรงกลัว แน่นอนว่าอย่างเต็มกับดำแล้วก็จัดการจนคนสะพรึงกลัวมันก็จบ

แต่สิรินแตกต่าง สังคมของเขากว้างใหญ่กว่านั้น ผู้คนที่คอยหาผลประโยชน์จากความผิดพลาดของอีกคนนั้นน่ากลัวกว่าที่คิดมากนัก ดำเชื่อว่าสิรินไม่มีทางหันหลังให้เขาเพื่อกลบคำประณาม ดีไม่ดีคงยืดอกรับความรับผิดชอบทั้งหมดไว้ ไม่ยอมให้ใครว่ามาถึงดำได้ และนั่นเป็นสิ่งที่ดำไม่อยากให้เกิดขึ้นที่สุด

คนรักกันอยู่ด้วยกันควรมีความสุขไม่ใช่หรือ ถ้าต้องคอยรับมือคนรอบข้างที่มุ่งร้ายอยู่ตลอดเวลาจะมีความสุขได้อย่างไร จะบอกว่าให้ปิดหูปิดตาไม่สนใจมันเป็นไปได้หรือ ในเมื่อภาระที่สิรินต้องแบกรับหนักหนาถึงเพียงนี้ ตำแหน่งที่ไม่มั่นคง บริษัทที่ยังต้องสนใจผู้ร่วมหุ้นและการลงทุนกับบริษัทอื่น ล้วนต้องคบค้าสมาคม

รอให้ดำจบมัธยมปลาย ดำรู้ดีว่าคำนั้นไม่ใช่เพียงแค่รอให้เขาเรียนจบจริงๆ มันเป็นช่วงเวลาที่สิรินทำให้ตำแหน่งและบริษัทคงตัวด้วย

แม้เปิดตัวก็ไม่ถูกสั่นคลอนตำแหน่งยังคงบริหารงานได้เช่นเดิม

แม้เปิดตัวก็ไม่ต้องหวั่นเรื่องคนที่อยากถอนหุ้นหรือหันหลังไม่ร่วมลงทุน นั่นต่างหากคือคำสัญญาที่สิรินจะทำให้ได้

กับสังคมที่ยังต้องอิงอาศัยกันนั้นเราไม่อาจตัดขาดคนรอบตัวได้ ดังนั้นแล้วถ้าอยากทำเช่นนั้นเราก็แค่ทำให้ทุกคนขาดเราไม่ได้นั้นก็พอ...ยิ่งใหญ่จนใครก็อยากร่วมงานด้วย สิ่งที่สิรินต้องทำให้สำเร็จก่อนดำจะเรียนจบ เขาสัญญาไว้เช่นนั้น

ดำจ้องมองเหล่าคนตรงหน้าที่ดูตกใจนิ่งเงียบไป จนคนที่เอ่ยปากถามเดินเข้ามา ยืนมืออันสั่นเทามาจับมือเขากับสิรินเอาไว้ แล้วจึงยิ้มอย่างอ่อนโยนพร้อมกล่าวความรู้สึกออกมาจากใจจริง

“หือ น่ารักดี คงจะเป็นเด็กดีด้วยสินะ ฝากสินด้วยล่ะ ปู่ดีใจที่สินยังยิ้มแย้มอบอุ่นเหมือนวัยเด็ก ถึงปู่จะไม่ค่อยได้เจอแต่ก็พอรู้ว่าสุชาติคงดูแลสินไม่ดีเหมือนสุทินอีกทั้ง...เจ้านั่นเปลี่ยนไปมากทีเดียว เห็นแบบนี้ปู่ก็วางใจได้ว่าสินจะมีความสุข

จะคบใครก็ได้ ขอแค่เป็นคนดีก็พอ มาร์โก้ที่เลี้ยงดูสินจนถึงตอนนี้พิสูจน์ให้ปู่เห็นแล้วว่า ความรักไม่เกี่ยวกับเพศเลย ถ้ามีโอกาสก็นัดเจอให้ปู่บ้างนะ....ปู่อยากจะขอโทษที่เคยคัดค้านไม่ให้สุทินกับมาร์โก้คบกัน ตอนนั้นหูตาของปู่มันเก่าค่ำครึจริงๆ” ดวงตาของปู่น้อยสะท้อนความดีใจอย่างไม่ปิดบัง และเมื่อพูดถึงมาร์โก้นั้นปู่น้อยก็รู้สึกผิดมากจริงๆ

ตอนนั้นทุกคนต่างคัดค้านจนสุทินแทบตัดขาดจากที่บ้าน ยังดีที่ตอนนั้นย่าใจอ่อนกล่อมจนทุกคนยอมลงให้ อนุญาตให้ทั้งคู่อยู่ด้วยกัน เพียงแต่ห้ามเปิดเผยให้คนภายนอกรู้เด็ดขาด ซึ่งสิรินเองก็ไม่อยากให้เรื่องเช่นนั้นเกิดขึ้นกับดำเหมือนกัน

“ขอบคุณครับ ผมจะบอกให้” สิรินหันไปยิ้มกับดำพร้อมกุมมือคนตัวเล็กแน่นในฝ่ามือเหี่ยวย่นที่กุมมือพวกเขาประกบกันอยู่ เขารู้สึกดีมากที่เลือกบอกความจริง อบอุ่นเหมือนครอบครัวขยายใหญ่ขึ้นอีกขั้น มันมีความสุขมากจริงๆ

“ไอ้ดำก็ขอบคุณครับ ไอ้ดำเป็นเด็กดี จะทำให้คุณสินยิ้มเยอะๆ เลย ฮี่ๆ”

“ฮ่าๆ ดีๆ ร่าเริงจริงๆ เอ้า มาทำความรู้จักกับหลานปู่มา จะได้เป็นเพื่อนกัน” ดำหันมาส่งสายตาขออนุญาต สิรินผงกหัวตอบรับถึงได้เดินตามแรงจูงของปู่น้อยไป ภาพนั้นก็อยู่ในสายตาของคนแก่จนได้แต่คิดว่าดีจริงๆ ที่รักใคร่กันเช่นนี้

ดำเข้ากับคนได้ง่ายหากรู้สึกว่าเป็นคนดี ไม่นานจึงได้เข้ากับสายฟ้าเป็นปี่เป็นขลุ่ย ยกยอโอ้อวดสิรินเสียใหญ่โต จนคนถูกพูดถึงได้แต่ส่วนหน้าอย่างจนใจ เอาเถอะถือว่าดำมีเพื่อนเล่นที่เข้ากันได้สุดๆ แล้ว สายฟ้าก็ดูไม่มีท่าทีไม่ดีด้วย จะให้คิดว่าเป็นเต็มคนที่สองก็ได้

“รักมากสินะ หือ” ปู่น้อยเอ่ยขึ้นหลังจากพวกเขานั่งลงคุยกัน สิรินก็แอบมองดำอยู่หลายครั้งจนคนแก่เอ่ยแซวออกไป

“ครับ รักมาก ดำเป็นแสงสว่างในชีวิตของผม...ที่ขาดไปไม่ได้อย่างเด็ดขาด”



โปรดติดตามตอนต่อไป...



++++++++++++++++++++++++++++++++

อร๊าย เปิดตัวหลายสะใภ้ค่ะ

ฉากกินตอนหน้าน้า

ออฟไลน์ maemix

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4403
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +299/-3
ดำ สดใสตลอด แม้สถานการณ์จะเริ่มแล้ว

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
หลังจากนี้จะมีอะไรเกิดขึ้นนะ  :hao4:

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
เอ๊ะ!! นี่งานเปิดตัวหลานสะใภ้รึเปล่านะ 555

ออฟไลน์ Mayana

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 424
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-2
คุณสิน #คนจริง2018   o13

ออฟไลน์ GreenHead(หัวเขียว)

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 124
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
    • Green Head - หัวเขียว
เปย์ครั้งที่ 18
«ตอบ #167 เมื่อ19-09-2018 18:53:37 »


เปย์ครั้งที่  ๑๘

หน้าสิ่วหน้าขวาน

‘การอยู่ในช่วงวิกฤต อันตราย มีเหตุการณ์ไม่น่าไว้วางใจ’



งานเลี้ยงผ่านพ้นช่วงกล่าวขอบคุณแขกผู้มีเกียรติบนเวทีไปอย่างเรียบง่าย ไม่มีการเป่าเค้กเพราะสิรินทัดทานไปก่อนแล้ว งานนี้จึงเพียงแจกเค้กให้ผู้ที่ต้องการจะทานเท่านั้น แน่นอนว่าในจำนวนนั้นต้องมีส่วนของดำกว่าครึ่ง เจ้าตัวเล็กหอบเค้กหลากหลายรสชาติไปวางไว้บนโต๊ะ โดยมีเพื่อนใหม่คอยช่วยยกกลับมา เพราะเค้กถูกตัดแบ่งเป็นก้อนทรงสามเหลี่ยมเล็กๆ วางไว้บนโต๊ะในมุมของหวาน ใครต้องการรสใดก็หยิบได้ตามใจชอบ จะหยิบเท่าใดก็ไม่มีใครทัดทาน

สิรินเดินกลับมาถึงโต๊ะก็ได้แต่ส่ายหัวให้กับความตะกละของคนตัวเล็ก ยังดีที่เลือกหยิบมาอย่างละ 2-3 ชิ้น คงยังจำข้อห้ามตอนกินบุฟเฟต์ได้ เขาจึงทำเพียงแกล้งเย้าเล็กน้อยเท่านั้น

"ตักมาเยอะเชียว ถ้ากินไม่หมดอาหารชุดใหญ่คงต้องอดแน่นอน หึหึ" ดำเหมือนพึ่งนึกได้ จับจ้องมองไปยังมุมอาหารคาวที่กำลังทยอยวางส่วนของงานเลี้ยงเพิ่มเติม แม้มีกลิ่นน้ำหอมรบกวนประสาทรับกลิ่นไปบ้าง แต่ดำก็ได้กลิ่นหอมของความอร่อยได้เป็นอย่างดี

"อะ ไอ้ดำเอามาแบ่งทุกคนไงครับ คุณสินมากินกับไอ้ดำเร็วๆ " กล่าวพร้อมลากเก้าอี้ออกมาตบเบาๆ เชื้อเชิญให้สิรินนั่ง

"หึหึ เรื่องกินเก่งจริงนะเจ้าตัวเล็ก" สิรินลูบหัวอย่างเคยชิน ดำก็ยิ้มร่ารับคำชมอย่างไม่รู้สึกตะขิดตะขวงใจ

คุณสินชมด้วยล่ะ ไอ้ดำเก่งอยู่แล้ว!

คนร่วมโต๊ะอมยิ้มกับท่าทางน่าเอ็นดูของดำ ทั้งยิ้มร่า ทั้งหัวเราะอย่างมีความสุข ใครอยู่ใกล้ก็ใจละลายไปตามๆ กัน โดยเฉพาะกับสิรินแล้วจะรักมากมายขนาดนี้ก็ไม่แปลกอะไร

ปกติดำจะไม่กินของหวานก่อนของคาว แต่วันนี้กลับกินอย่างไม่สนใจ จะบอกว่าเค้กอร่อยคงไม่ผิด แต่มันก็ไม่ใช่เพียงแค่นั้น ทั้งบรรยากาศ ทั้งผู้ร่วมโต๊ะ ต่างช่วยทำให้เจริญอาหารมากขึ้น และถ้ายิ่งมีมาร์โก้กับเต็มอยู่ด้วยดำคงมีความสุขมากกว่านี้ มาร์โก้เป็นปะป๋า ส่วนเต็มเป็นเพื่อนที่ไว้ใจ ดำจึงขอให้สิรินจัดงานเลี้ยงที่เชิญผู้ร่วมโต๊ะในวันนี้ไปฉลองร่วมกันอีกครั้งแบบส่วนตัว โดยมีมาร์โก้กับเต็มร่วมด้วย สิรินก็ไม่ขัดใจรับปากดำด้วยความยินดี

บรรยากาศอบอุ่นเช่นนี้แม้ในช่วงวิกฤตแต่ก็มีความสุขมากจริงๆ

ในที่สุดดำก็กินเค้กจนหมดโดยให้คนอื่นๆ ช่วยบ้าง ป้อนสิรินบ้าง สุดท้ายก็ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี ได้เวลาของมื้อใหญ่แล้ว ดำลากสิรินเดินไปยังมุมตักอาหารด้วยความรวดเร็ว

อาหารไม่มีบริการเสิร์ฟถึงโต๊ะ เพราะเน้นให้เลือกของกินที่ตัวเองชอบเป็นหลัก แต่ที่มุมตักอาหาร จะมีพนักงานคอยบริการตักให้ และยังมีอาหารแบบที่ทำเมื่อมีคนสั่ง ตั้งเตาแสดงฝีมือสดๆ ได้ทั้งความตื่นเต้น และความสดใหม่ มีแขกมากมายสั่งอาหารเหล่านี้ เพราะถึงแม้อาหารที่พร้อมเสิร์ฟจะอยู่ในหม้ออุ่นอยู่ตลอดเวลา แต่รสชาติไม่ดีเท่าแบบที่ทำสดๆ ร้อนๆ

ดำจ้องสเต็กเนื้อวากิว A5 ตาวาว เสียงเนื้อดังฉู่ฉ่าบนเตาย่างร้อนๆ ช่างเย้ายวนเกินบรรยาย ซอสที่ใช้ทาบนเนื้อชิ้นหนาหอมฟุ้ง กลิ่นสมุนไพรอบอวลไปในอากาศ ยิ่งพอสัมผัสบนกระทะร้อนๆ ยิ่งเพิ่มความรุนแรงของกลิ่นมากขึ้นจนดำแทบจะยับยั้งตัวเองไม่ให้กระโจนเข้าใส่ไม่ไหวแล้ว ยังดีที่อยู่คิวถัดไป บวกกับสิรินจับตัวไว้ ไม่เช่นนั้นดำคงเข้าไปเกาะขอบเตาน้ำลายไหลยืดแล้ว

"กินเค้กไปขนาดนั้นยังหิวอีกเหรอ หือ" สิรินแกล้งเย้า แม้จะแบ่งคนอื่นบ้าง แต่อย่างไรดำก็กินมากกว่าใคร ถึงจะคิดว่าคงไม่อิ่ม แต่ไม่คิดว่าจะอาการหนักขนาดนี้

"หิว ไอ้ดำหิว แถมกลิ่นหอมขนาดนี้ไอ้ดำจะไม่ไหวแล้ว" ถ้าตากลายเป็นรูปเนื้อได้ตาของดำคงกลายสภาพไปนานแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นภายในแววตาก็สะท้อนภาพเนื้อชิ้นโตบนกระทะอย่างไม่วางตา

"ได้แล้วครับคุณหนู เนื้อวากิวแสนอร่อย" พ่อครัวกล่าวกับดำ เพราะเด็กน้อยแสดงออกถึงความอยากกินมากมายจนน่าเอ็นดูที่น้อยนักจะเห็นเวลาจัดงานเช่นนี้ เชฟจึงพูดด้วยรอยยิ้มจริงใจน้ำเสียงก็อบอุ่น

"ไอ้ดำขอสอง ไม่สิ สามเลย" ความโลภมากไม่เคยออกจากความคิดดำเลยจริงๆ ทั้งที่ได้มาหนึ่งจานแล้วยังจะขอเพิ่ม พ่อครัวจึงสบตาขอความเห็นจากสิรินที่ดูท่าจะตัดสินใจแทนคนตัวเล็กได้ พอเห็นว่าสิรินพยักหน้าตกลง เขาจึงลงมือทำจานต่อไปตามประสงค์ของเด็กน้อยจอมตะกละ

และแล้วดำก็ได้สเต็กเนื้อวากิวสมใจอยาก เจ้าตัวเดินกลับโต๊ะอย่างอารมณ์ดี แต่ก่อนจะกลับถึงโต๊ะ สายตาก็ปะทะเข้ากับเจ้ากุ้งตัวใหญ่ยักษ์ที่เคยเห็นในทีวี ทั้งยังคิดมาตลอดว่าอยากจะกินสักครั้ง

สิรินสังเกตเห็นสายตาแวววาวของดำ ที่ตอนนี้มองทั้งจานเนื้อในมือ และล็อปสเตอร์ตัวโตที่กำลังถูกราดด้วยซอสสีขาวนวลโดยฝีมือเชฟอีกคนในมุมโต๊ะที่เยื้องไปอีกฝั่ง

"กลับโต๊ะเถอะ กินสเต็กก่อน เดี๋ยวล็อปสเตอร์ฉันจะไปสั่งมาให้" ได้ยินแบบนั้นดำก็หูกระดิก เงยหน้าขึ้นยิ้มร่าอย่างถูกใจ

"รักคุณสินที่สุดเลยครับ" ดำกล่าวประโยคบอกรักอย่างไม่รู้สึกอาย ทุกครั้งจะบอกจากใจจริง และบอกทุกครั้งที่ดีใจ แต่สิรินก็ไม่เคยเบื่อ เขาชอบคำบอกรักของดำมากที่สุด เพราะมันมาจากใจ ส่งต่อมาด้วยความรู้สึกที่อัดแน่นด้วยความอบอุ่น ดำก็คงเป็นดำ แม้จะเจ้าเล่ห์เรื่องกินไปบ้าง แต่เรื่องเช่นนี้ดำไม่เคยโกหกเลยสักครั้ง

หลังวางสเต็ก 3 จานลงบนโต๊ะ จากดำ 1 จาน และจากสิริน 2 จาน สิรินก็ลูบหัวให้รางวัลก่อนเดินกลับไป ถึงจะอยากนั่งมองเวลาดำกิน แต่ก็ไม่เร่งร้อน กลับมาค่อยมองก็ยังไม่สาย ทั้งยังได้มองมากขึ้นจากอาหารจานต่อไปด้วย

ดำมองตามหลังสิรินที่เดินไปสั่งอาหารให้อย่างมีความสุข ก่อนจะหันกลับมามองเนื้อที่อยู่ตรงหน้า แม้อยากกินมากเพียงไร ดำก็ยังเป็นเช่นเดิม เขานั่งรอคนตัวโตอยู่อย่างนั้น ใครถามว่าทำไมไม่กินก็ตอบง่ายๆ ว่า

รอคุณสินกลับมากินด้วยกัน ไอ้ดำชอบเวลาได้กินข้าวพร้อมคุณสินที่สุด

จากเหตุการณ์ที่แอบหนีเที่ยวจนสิรินหายหน้าต้องกินข้าวคนเดียว ก็ทำให้ดำยึดติดกับการกินข้าวพร้อมสิรินมากขึ้นไปอีก พอตอบเช่นนั้นทุกคนก็ยิ้มอย่างเอ็นดู ไม่ได้ถามหรือแซวอะไรอีก เพียงแค่มองท่าทางอดทนต่อความเย้ายวนจากสเต็กเนื้อวากิวของดำ ทั้งกลั้นขำทั้งมองด้วยสายตาเอ็นดู

ไม่นานสิรินก็กลับมาพร้อมล็อปสเตอร์สองจาน และทั้งสองจานไม่ใช่เมนูเดียวกัน เพียงเป็นอาหารที่ใช้วัตถุดิบหลักเป็นล็อปสเตอร์เท่านั้น กลิ่นหอมชีสเรียกความสนใจของดำจนต้องละสายตาจากสเต็กเนื้อวากิวอย่างช่วยไม่ได้ ทั้งยังมองจนสิรินวางจานอาหารลงบนโต๊ะ

"รอฉันเหรอ เด็กดี" สิรินลูบหัวให้รางวัล ดำก็ออดอ้อนเอาหัวถูไถฝ่ามือใหญ่ด้วยใบหน้าที่มีรอยยิ้ม เพียงแต่รอยยิ้มครั้งนี้มีน้ำลายไหลรดมุมปากเพิ่มขึ้นมา จนสิรินต้องกลั้นหัวเราะเอาไว้แล้วละมือไปหยิบผ้ามาเช็ดปากให้

"กินได้แล้วเจ้าตัวเล็ก ดูสิอดทนจนน้ำลายไหลจะหมดตัวแล้วมั้ง หึหึ" ดำเหมือนได้รับคำอนุญาตพอบอกขอบคุณครับก็ลงมือกินโดยไม่สนใจอะไรอีก ดูท่าจะถึงขีดจำกัดแล้ว

สเต็กเนื้อวากิวชิ้นหนาที่จดจ้องมานานในที่สุดก็ได้ลงมือกิน เพียงมีดสัมผัสก็รู้สึกถึงความนุ่ม มีดจมลึกลงไปจนชิดจานด้วยการออกแรงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น นอกจากคุณภาพของเนื้อแล้ว เทคนิคที่ใช้หมักเนื้อของเชฟระดับโรงแรม 5 ดาวก็ยอดเยี่ยมไม่ต่างกัน

เสียงซู่ซ่าดังขึ้นยามน้ำที่ไหลออกมาจากตัวเนื้อ มีทั้งความนุ่ม ทั้งชุ่มฉ่ำ เป็นจานสเต็กเกรดพรีเมี่ยมอย่างไม่ต้องสงสัย ดำทั้งกลืนน้ำลาย ทั้งมือสั่นเทาเมื่อได้กลิ่นหอมที่กระจายออกมาหลังจากหันเนื้อออกมาพอดีคำ

“คุณสินไอ้ดำกินแล้วนะครับ” ไม่รอให้สิรินเอ่ยอนุญาตดำก็ยัดเนื้อคำโตเข้าปาก แล้วส่งเสียงอู้ๆ ที่บ่งบอกถึงความพอใจออกมา

สุดยอด ตอนหั่นว่านุ่มแล้ว พอเข้าปากแล้วนุ่มกว่า ไม่มีรสคาวของเนื้อ แต่ก็ได้รสเนื้อเต็มปาก ไอ้ดำไม่เคยกินเนื้อที่อร่อยแล้วก็นุ่มขนาดนี้มาก่อน พอเคี้ยวก็มีน้ำหวานจากเนื้อไหลออกมา สามารถเก็บน้ำหวานที่ไหลออกมาไว้จนชุ่มได้ขนาดนี้ ไอ้ดำอยากหิ้วคุณเชฟกลับบ้านจัง ป๊ะป๋าจะทำได้ไหมนะ งื้อ อยากถามปะป๋าจะแย่แล้ว

ดำคิดไปเคี้ยวไปแถมยังหันไปมองเชฟเป็นระยะ หมายมั่นว่าถ้ามาร์โก้ทำออกมาไม่ได้จะให้สิรินจ้างเชฟกลับบ้าน ดำติดใจรสชาติของเนื้อวากิว A5 จนถอนตัวไม่ขึ้นแล้ว ไม่นานก็หมดจาน จากนั้นสิรินก็เปลี่ยนจานให้ เพราะเป็นจานแบบอุ่นร้อนถึงนำมาวางไว้สักพักค่อยๆ กินความร้อนก็ไม่ลดลง

สเต็กชิ้นโตโดนสิรินหันเป็นสี่เหลี่ยมลูกเต๋าไว้หลายคำ ดำก็ใช้ส้อมจิ้มกินอย่างไม่เกรงใจ เขาเคยชินกับการที่สิรินคอยบริการเช่นนี้เสียแล้ว และคาดว่านิสัยนี้แก้อย่างไรก็ไม่หาย ดำติดกับผู้ชายเจ้าเล่ห์จนหนีไม่รอดเสียแล้ว

พอดับความอยากได้เสี้ยวหนึ่งดำก็ยื่นส้อมที่จิ้มเนื้อวากิวไปที่ปากสิริน ไม่ใช่ว่าดำกินแล้วลืมสิรินเสียหน่อย สุดท้ายคนตัวเล็กก็ยังเอาใจคนตัวโตอยู่ไม่ขาด สวีสจนเพื่อนร่วมโต๊ะส่งสายตาอิจฉามาตงิดๆ แล้ว แต่มีหรือสิรินจะสนใจ ส่วนดำนั้นยิ่งไม่รู้ตัว เพราะสายตานั้นไม่ได้มีเจตนาร้าย ก็เลยอยู่ในโลกของเราสองเช่นนั้น คนหนึ่งหั่น คนหนึ่งกินเองบ้าง ป้อนคนหั่นบ้างจนหมดจานที่สอง

สิรินส่งล็อปสเตอร์อบชีสมาแทนจานสเต็ก จานที่สามเอาไว้กินตบท้ายดำจะได้ไม่วิ่งโล่ไปต่อแถมขอเพิ่มมากินตบท้ายอีกจาน ดำก็ว่าง่าย ขอแค่เป็นของอร่อยจานไหนมาก่อนก็ไม่ขัด ยิ่งมองล็อปสเตอร์เนื้อขาวผ่อง โรยด้วยชีสด้านบนดำก็เช็ดน้ำลายแทบไม่ทันแล้ว

“กุ้ง กุ้ง กุ้ง” แถมยังส่งเสียงฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดี ก้มลงดมกลิ่นชีสแสนอร่อยที่เขาชอบอย่างไม่เกรงใจ

“หึหึ แค่ดมมันไม่อิ่มท้องหรอกนะ เอ้า กินได้แล้วครับ” สิรินกล่าวเช่นนั้นแล้วยื่นส้อมที่มีเนื้อล็อปสเตอร์หั่นพอดีคำเสียบอยู่ไห้ดำ เจ้าตัวเล็กก็ไม่รอช้า อ้าปากงับอย่างถูกใจ เคี้ยวจนแก้มตุ่ยเหมือนแฮมสเตอร์ ทั้งยิ้มจนตาหยี ทั้งเคี้ยวไปด้วยน่ารักจนสิรินละสายตาไม่ได้ รีบส่งคำต่อไปให้อย่างเคยชิน เขาชอบใบหน้าเวลาดำกินอย่างมีความสุขที่สุด

“อร่อย หวานฉ่ำ” กลืนแล้วก็ชมเสียหน่อยค่อยอ้าปากรับคำต่อไป

เนื้อกุ้งยักษ์หวานฉ่ำสุดๆ ไปเลย หวานคนละแบบกับเนื้อก่อนหน้านี้ แต่ก็อร่อยเหมือนกัน ไอ้ดำไม่เคยกินกุ้งเต็มปากเต็มคำขนาดนี้มาก่อน ถึงจะเคยกินกุ้งตัวใหญ่จากที่ไปฉลองบ้านคุณทิว แต่อันนี้ใหญ่กว่านั้นอีก ทั้งหอมชีส ทั้งกลิ่นเนยจางๆ กับกลิ่นแปลกๆ เหมือนแอลกอฮอล์...ใส่เหล้าลงไปรึเปล่านะ ป๊ะป๋าก็ใส่ตอนหมักเนื้อ แต่มันรสชาติดีกว่านั้น ไม่รู้ล่ะว่าอะไรแต่อร่อยมากเลย

ไอ้ดำชอบ ทั้งกุ้งทั้งชีสเข้ากันสุดๆ ตอนอบซอสก็ซึมเข้าถึงด้านใน พอมีชีสอยู่ด้านบนยิ่งเข้ากัน ได้เมนูใหม่ให้ป๊ะป๋าทำอีกแล้ว ฮี่ๆ


“คุณสินกุ้งยักษ์จานนั้น” กะพริบตาปริบๆ บ่งบอกว่าอยากชิมจานต่อไปจะแย่แล้ว ทั้งที่คำสุดท้ายพึ่งกลืนไปแท้ๆ อย่างไรจอมตะกละก็เป็นจอมตะกละอยู่วันยังค่ำจริงๆ

แต่สิรินก็ไม่ได้ขัด ยกจานต่อไปมาวางตรงหน้าดำทันที เหมือนจานก่อนหน้านี้ ล็อปสเตอร์ถูกผ่าครึ่ง ทำให้เห็นเนื้อด้านในอย่างชัดเจน จะใช้ช้อนกับส้อมตักขึ้นมากินเลยก็ได้

อา จานนี้มีกลิ่นพริกไทยล่ะ แถมยังมีข้าวกินคู่กันด้วย เป็นข้าวสีเหลืองเหมือนข้าวผัด แต่มองดีๆ แล้วไม่ใช่ ไม่รู้ว่าอะไรแต่ลองกินแล้วรสเหมือนข้าวอบ ไอ้ดำเคยกินครั้งหนึ่งจำได้ ปะป๋าทำให้กิน มันจะแห้งกว่าผัดนัดหน่อย แถมรสชาติกลมกล่อมกว่าด้วย ต่อไปก็กุ้งยักษ์ล่ะ

รสชาติเรียบง่าย ใช้พริกไทยเป็นหลักแล้วก็มีความเค็มนิดๆ ของเนยซึ่งช่วยเน้นรสกลมกล่อมได้ดีกว่าเกลือ เค็มแบบพอดีๆ ไอ้ดำชอบ อู้ แบบไหนก็อร่อย จะชีสจะพริกไทยก็อร่อย กุ้งเนี่ยอร่อยจริงๆ เลยน้า...


หลังจบจานกุ้งดำปิดท้ายด้วยสเต็กเนื้อวากิวตามที่ต้องการ จานอร่อยที่สุดในคืนนี้

หลังจากนั้นผู้คนก็เริ่มเดินออกไปรับลมทะเล บางคนก็ยังดื่มกินอย่างสนุกสนาน ตามหน้าที่ของเจ้าภาพแล้วสิรินควรอยู่จนส่งแขกคนสุดท้าย แต่เขากลับพาดำกลับห้องนอน ไม่ลืมไปลาอาสุชาติ ทั้งให้เหตุผลว่าดำยังเด็กควรนอนแต่หัวค่ำจากนั้นก็กลับห้องตามต้องการ

พวกเขาเข้าไปแช่น้ำด้วยกันเช่นทุกครั้ง แม้อ่างอาบน้ำเล็กไปบ้าง แต่ก็ไม่ใช่อุปสรรคอะไร ดำตัวเล็กก็เลยนั่งบนตักสิรินได้สบาย สนุกกันในห้องน้ำไปหนึ่งรอบเป็นการย่อยอาหาร แล้วจึงออกมาแต่งตัวนอนกอดกัน แบ่งปันความอุบอุ่นเช่นนั้น...

...

ดำหลับสนิทไปแล้ว แต่สิรินกลับตื่นขึ้นมากลางดึก ถึงจะเสียดายความอบอุ่นไปบ้าง แต่คืนนี้ก็ประมาทไม่ได้ เขาต้องระวังตัวให้ดี คืนนี้อาสุชาติคงลงมือแน่

หลังจัดท่านอนห่มผ้าแน่ใจว่าดำหลับสบายก็ออกไปจากห้อง เพราะไม่รู้ว่าอาสุชาติจะลงมือเวลาไหน เขาจึงต้องเตรียมการให้พร้อม ต้องไปสั่งการเป็นครั้งสุดท้าย เขาไม่อยากรบกวนให้ดำตื่น อยากจัดการปัญหาด้วยตนเอง

พอเดินถึงส่วนดาดฟ้าท้ายเรือสิรินก็โทรหาดนัย

“ตู๊ดๆ ๆ ๆ” มีเพียงเสียงดังเช่นนี้ ไม่มีทีท่าว่าอีกฝ่ายจะรับเลยสักนิด

“เกิดอะไรขึ้น...”

ตู้ม!

ไม่รอให้สิรินคาดการณ์ไปมากกว่านี้ เสียงระเบิดก็ดังขึ้น และน่าแปลกที่ไม่มีแม้แต่เสียงใครโวยวายทั้งที่เสียงดังขนาดนี้ ไม่รอช้าเขาวิ่งกลับห้อง น่านกับก้องก็เปิดประตูออกมาเจอเข้าพอดี

“ไอ้สิน ทิวปลุกไม่ตื่น น่าจะโดนวางยา” น่านเปิดปากพูดก่อน สิรินใจไม่ดีไม่ตอบอะไรเพื่อน รีบกลับห้อง หัวใจเต้นตึกตัก เขากำลังกลัว

ปัง!

บนเตียงที่เคยมีคนตัวเล็กนอนอยู่ว่างเปล่า เขาประมาทเกินไป ดำหายไปเสียแล้ว...



***50%***



กลับมาแล้วค่า ขอโทษที่หายไปนะคะ

เขียนไม่ออกอีกแล้ว แหะๆ ขอโทษจริงๆ ค่ะ

แต่ตอนนี้กลับมาจริงๆ แล้วนะ!

กะจะลง 100% แต่พิมพ์ไม่ทัน ต้องไปทำงานแล้วค่ะ

พรุ่งนี้จะมาต่อให้น้า

...ฉากกินส่งท้าย เข้าโค้งสุดท้ายแล้วคงต้องเว้นฉากกินไปก่อน จะมีอีกทีก็ตอนสุดท้ายเลยจ้า ให้เคลียร์ปมที่ปูไว้กันก่อนน้า






ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
ทำไมร้ายจัง

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
หนูดำโดนอุ้มหายไป  :a5:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ กาแฟมั้ยฮะจ้าว

  • Let me hug you tight, and I’ll make you feel how important you are.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +570/-0
ขอบคุณครับ +1 ให้นะครับ :a2: :katai2-1: o13

ออฟไลน์ Mayana

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 424
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-2
ใครอุ้มน้องงไป  o12

ออฟไลน์ GreenHead(หัวเขียว)

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 124
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
    • Green Head - หัวเขียว
เปย์ครั้งที่ 18 [2]
«ตอบ #172 เมื่อ01-12-2018 18:59:31 »

เปย์ครั้งที่ ๑๘ {2}


สิรินพยายามควบคุมสติของตนให้คงที่ เพราะรู้ดีว่าหากตนลนลานตอนนี้เรื่องจะยิ่งเลวร้าย คิดถึงสิ่งที่ต้องทำต่อไป คิดถึงความเป็นไปได้ของแต่ละสถานที่ว่าที่ใดเหมาะสมให้อาของเขาควบคุมสถานการณ์ได้ดีที่สุด

จากนั้นกดโทรศัพท์หามาร์โก้แต่ไร้สัญญาณตอบรับ ซึ่งสิรินเองก็หาได้ใส่ใจ เขาสำรวจปืนพกบนสายห้อยปืนข้างเอว ก้มเปิดลิ้นชักหัวเตียงหยิบปืนสำรองที่เอาไว้ให้ดำป้องกันตัว นำปืนกระบอกนั้นมาห้อยไว้อีกฝั่งของเอว ก่อนจะออกไปด้านนอก หน้าห้องมีปู่น้อยเพิ่มขึ้นมาอีกคน แต่ไร้วี่แววคนอื่นๆ

“สินทุกคนหลับกันหมดแล้ว” ได้ฟังดังนั้น กับเสียงที่เงียบเกินกว่าจะเป็นหลังเกิดเหตุระเบิด สิรินก็สันนิษฐานความเป็นไปได้ในหัว ที่แน่ๆ พวกเขาถูกวางยานอนหลับไม่ผิดแน่ แต่ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ถูกรมควันในห้องทุกคนก็ควรสลบหมด แต่ทั้งน่าน ก้อง และปู่น้อยล้วนแต่ปลอดภัย ดังนั้นตัดข้อนี้ออกได้เลย

ในอาหารอย่างนั้นหรือ พวกเขานั่งร่วมโต๊ะก็กินอาหารไม่ได้ต่างกันเท่าไหร่นัก หรืออยู่ที่ปริมาณ ของที่ดำกินเยอะที่สุดคงไม่พ้น

"""เค้ก” ””

สิริน น่าน ก้อง พูดขึ้นมาพร้อมกัน สิรินใส่ใจดำมากที่สุด ส่วนน่านกับก้องนั้นไม่พ้นดูแลทิวเช่นที่ผ่านมา ดังนั้นแล้วในชั่ววินาทีนี้บทสรุปของพวกเขาจึงตรงกัน

พวกเขาไม่ได้แย่งเค้กที่ทั้งสองคนเลือกมา กินเฉพาะเวลาที่ถูกป้อนหรือแบ่งให้ ดังนั้นแล้วปริมาณที่กินเข้าไปนับว่าน้อย ไม่ได้กลืนเอากลืนเอาเป็นหลุมดำเหมือนคนทั้งสอง และแน่นอนว่าพวกเด็กๆ ก็กินเค้กไปไม่น้อย นั่นหมายความว่าพวกเขาก็โดนวางยา เพียงแต่ไม่ได้มากจนทำให้หลับไปเท่านั้น

ปู่น้อยแม้ไม่เข้าใจมากนักในตอนแรก แต่พอคิดถึงความสัมพันธ์ของสินกับสุชาติและผลประโยชน์ของบริษัทหลังจากนี้ก็เข้าใจถึงความเป็นไปได้ของอันตรายที่กำลังเกิดขึ้น รวมทั้งเมื่อได้ยินคำว่าเค้กสมองก็แล่น เพราะเขาไม่ชอบของหวานจึงไม่แตะต้อง แต่หลานๆ กลับกินกันอย่างมีความสุขจึงไม่มีความเห็นต่างใดๆ จากข้อสรุปนี้

“สินกูจะพาทิวไปห้องปู่น้อย ดูแลคนทางนี้เอง พวกมึงไปตามดำเถอะ ทางนี้ไม่ต้องห่วง…ไปกันครับปู่” น่านตัดสินใจอย่ารวดเร็ว ต้องมีคนระวังภัยด้วยไม่เช่นนั้นจะต้องแระแวงด้านหลังอยู่เช่นนี้จะทำอะไรก็ทำได้ไม่เต็มที่

“ขอบใจนะ” สิรินตอบรับอย่างเต็มใจ แม้เขาห่วงดำมากที่สุด แต่กับญาติที่เปิดใจให้จะบอกว่าไม่ใส่ใจเลยก็ไม่ถูกต้องนัก มีความเป็นไปได้สูงที่อาสุชาติจะส่งคนมาฆ่าพวกเขา หรือจับเป็นตัวประกันอีก ซึ่งท้ายสุดสิรินคงเลือกช่วยดำมากที่สุดอยู่ดี จะปล่อยให้พวกเขามาอยู่ในอันตรายเพิ่มไม่ได้

ก้องหันไปกำชับน่านเรื่องทิวอีกเล็กน้อยก่อนจะตามสิรินไป พวกเขามุ่งหน้าไปยังห้องควบคุม ถ้าต้องการควบคุมเรือลำนี้ต้องหนีไม่พ้นห้องนั้นอย่างแน่นอน พวกเขาวิ่งมาถึงชั้นบน ก็พบกับลูกเรือตัวใหญ่ที่ดนัยเดินตามไปเมื่อช่วงกลางวัน

ชายคนนี้ชื่อว่า โจ เป็นคนที่ดนัยเลือกมาด้วยตนเอง เป็นอีกคนที่ทำงานให้สิรินมาอย่างยาวนาน เขาทำงานต่างมือเท้าของดนัย ซึ่งไม่ถนัดในเรื่องการใช้กำลัง และยังอยู่ในที่แจ้ง โจจึงเป็นคนที่ทำงานเบื้องหลังให้ดนัยนั่นเอง

ในงานครั้งนี้เองก็แฝงตัวมาในฐานะลูกเรือด้วยเช่นกัน ดังนั้นจึงน่าแปลกที่เขามากับลูกน้องอีก 4 คน ไร้วี่แววของดนัย

“ดนัยล่ะ” สิรินเอ่ยถามอย่างสงสัย เขาติดต่อดนัยไม่ได้ ในระหว่างเอ่ยปากก็ไม่ได้ลดความเร็วลง พวกเขายังคงวิ่งไปห้องควบคุม โดยมีโจกับลูกน้องวิ่งตามมาด้วย แม้จะบอกว่าเป็นลูกน้องของโจ แต่ความจริงคนเหล่านั้นก็เป็นคนของสิรินที่มอบให้ช่วยงานโจเท่านั้น พวกเขาจึงค่อนข้างเรียบร้อยเมื่ออยู่กับสิริน ปล่อยให้โจเป็นคนตอบคำถามอย่างรู้หน้าที่

“ผมติดต่อไม่ได้เหมือนกัน ไปเช็คที่ห้องแล้วแต่ไร้วี่แวว ตอนนี้สั่งให้ลูกน้องส่วนหนึ่งออกไปตามหา…คิดว่ามีโอกาสจะโดนฆ่าปิดปากไปแล้วครับ” น้ำเสียงของโจแม้เหมือนจะใจเย็น แต่กลับแฝงไว้ด้วยความวิตกกังวล ความเป็นห่วงฉายชัดอยู่ในน้ำเสียงนั้น ความจริงคงอยากไปตามหาด้วยตัวเอง แต่ติดที่ตนเป็นหัวหน้าจึงต้องมาคุ้มกันสิรินแทน

สิรินพยักหน้ารับรู้ แล้ววิ่งต่อ เรื่องดนัยคงฝากฝังไว้กับลูกน้องเท่านั้น ตอนนี้เรื่องความปลอดภัยของดำสำคัญที่สุด

เพียงไม่นานพวกเขาก็วิ่งมาถึง สิรินไม่ได้ใจร้อนถึงขั้นเปิดเข้าไปโดยไม่เตรียมตัว เขาสั่งให้โจกับลูกน้องแยกออกไปยืนสองฝั่งของประตู เขากับก้องก็ทำเช่นนั้น เพื่อป้องกันหากโดนยิงสวนมาหลังเปิดประตู เพราะประตูเป็นเหล็กทำให้ยิ่งกระสุนผ่านออกมาไม่ได้ แต่เมื่อเปิดออกก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง

พวกเขาหยิบปืนขึ้นมาเตรียมพร้อม ทุกคนต่างพกอาวุธของตัวเอง ทำให้ง่ายขึ้นในการเตรียมพร้อมต่อสู้ โจเปิดประตูอย่างรู้หน้าที่ แต่กระนั้นก็ไร้เสียงปืนดังขึ้น ในห้องดูเงียบเชียบผิดปกติ ก่อนจะชะโงกหน้าเข้าไปดู เสียงของคนคุ้ยเคยก็ดังขึ้น

“ว่าอย่างไรหลานรัก จะไปหลบอยู่ทำไมออกมาคุยกับอาก่อนสิ…เดี๋ยวอีกสักพักก็ไม่ได้คุยแล้ว หึหึ” เสียงนั้นเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน เพราะเขารู้ดีว่าสิรินเตรียมรับมือเอาไว้แล้ว แต่กลับตกม้าตายง่ายๆ เพียงเพราะเด็กของตนถูกจับไปเช่นนี้

สิรินได้ยินเสียงนั้นก็เดินเข้ามาในห้อง เขาหาได้มองไปที่อาสุชาติ แต่กลับมองไปยังเด็กชายคนหนึ่งที่ถูกวางไว้บนเก้าอี้ โดยมีชายอีกคนยืนเอาปืนจ่อไว้ที่หัว ทั้งยังมีสายตาโลมเลียอย่างเห็นได้ชัด สิรินได้แต่กัดฟันโกรธ เขาต้องสู้กับตัวเองอย่างหนักเพื่อไม่ให้ตนเข้าไปกระชากดำกลับมา

“วางแผนได้เยี่ยมดีนะครับ สร้างสถานการณ์ชื่นมื่น ชวนกระทั่งปู่น้อยกับหลานๆ มาเพื่อให้ผมคลายการป้องกันลง วางยานอนหลับในปริมาณน้อยนิด เพื่อไม่ให้ใครรู้สึกตัว วางระเบิด ฆ่าปิดปากกัปตันที่พาเรือออกมาไกลถึงน่านน้ำสากลอย่างเงียบๆ ให้เหมือนการบุกปล้นเรือท่องเที่ยวที่ไร้การระมัดระวังตัว ยิ่งอยู่ในน่านน้ำสากลที่ไม่ว่าประเทศใดก็เข้ามาได้แล้ว ขอบเขตการหาตัวคนร้ายก็จะยิ่งกว้างขึ้น ผมล่ะนับถืออามากจริงๆ แต่คิดจริงๆ เหรอว่าผมจะไม่รู้เรื่องนั้นจนยอมมาด้วยง่ายๆ แบบนี้” สิรินกวาดตามมองไปทั่วห้อง มีร่างไร้วิญญาณนั่งอยู่บนเก้าอี้สองร่าง กัปตันเรือกับผู้ช่วยถูกยิงกระสุนเจาะกะโหลกตายคาที่

ต่อจากนี้คงตั้งใจฆ่าเขาให้ตาย อพยพคนที่ยังพอมีประโยชน์ลงเรือลี้ภัยแล้วทำการจมเรือลำนี้ทิ้ง สร้างสถานการณ์กลับขึ้นฝั่งเหมือนตนโชคดีที่ยังรอด ทั้งยังสามารถซื้อใจคนที่ถูกช่วยให้พ้นวิกฤต เสียงคัดค้านการรับช่วงต่อบริษัทคงเบาบางลงไปอีก เรียกได้ว่ายิงปืนนัดเดียวได้นกหลายตัวทีเดียว สมแล้วที่วางแผนมาอย่างยาวนานเช่นนี้ จบโดยที่ตนถูกเห็นชอบว่าเป็นผู้ที่สมควรแล้วที่ยังมีชีวิตรอดนั่นเอง

“แน่นอน กับเด็กที่เกิดหลังฉันเป็นสิบปีอย่างแก ต่อให้ฉลาดอย่างไรก็ตามเกมฉันไม่ทันอยู่ดี แกล้งโง่มากๆ สุดท้ายก็โง่จริง…เหมือนพ่อแกไง ฮ่าๆ ๆ” ต่อให้สิรินคาดเดาแผนการทั้งหมดได้ สุชาติก็หาได้สะทกสะท้าน สำหรับเขาดีเสียอีกที่เข้าใจทุกอย่างง่ายๆ เช่นนี้ ทั้งยังมั่นใจว่ารับมือได้จนกระโจนเข้ามาในกับดักด้วยตนเองเช่นนี้ จะไม่ให้เขามั่นใจได้อย่างไร

“ถ้าอาจะคิดแบบนั้นก็ตามสบายเถอะครับ แต่ผมไม่อยากเสียเวลาแล้ว”

“โอ๊ย! ปล่อยกูนะเว้ย!” สิ้นคำบอกกล่าวของสิริน เสียงของสน ลูกชายของสุชาติที่กำลังใช้ปืนจ่อหัวดำ ทั้งยังใช้มือที่ว่างอยู่ลูบไล้แก้มสีน้ำผึ้งโดยไม่ระวังตัวอยู่ก็ร้องขึ้น เขาโดนลูกน้องข้างกายใช้มือสับปืนตกแล้วจับบิดแขนกดลงกับพื้น เพียงชั่วพริบตาคนที่โดนจับตัวประกันก็เป็นฝ่ายสุชาติแทน

คนที่เคลื่อนไหวไม่ได้มีเพียงคนเดียว ลูกน้องที่ยืนอยู่แปดคน เคลื่อนไหวสามคน คนหนึ่งจับตัวสนกดลงกับพื้น อีกคนคุ้มกันด้านหลังไม่ให้ลูกสมุนที่เหลือของสุชาติกรูกันเข้ามาเล่นงานพร้อมกัน ส่วนอีกคนยกปืนจ่อหัวสุชาติอยู่ด้านหลังพอดิบพอดี

สุชาติเกิดอาการลนลานแต่ก็ไม่กล้าขยับตัว เพราะขณะที่สบดวงตาของสิรินอยู่นี้ บ่งบอกว่าอีกฝ่ายเอาจริง ถ้าเขาขยับแม้แต่น้อย ลูกสมุนที่เลี้ยงไม่เชื่องของตนคงได้ลั่นไกอย่างแน่นอน

“พวกเลี้ยงไม่เชื่อง” สุชาติกัดฟันด้วยความโกรธ สถานการณ์กลับตาลปัตรเพราะถูกทรยศแท้ๆ

“ไม่ใช่หรอกครับอา พวกเขาภักดีสุดๆ ต่างหาก ใช่ไหม” สิรินเผยรอยยิ้มมุมปาก สุชาติก็คาดเดาได้ทันที ไม่ใช่ว่าลูกสมุนของตนทรยศ แต่พวกมันไม่ใช่คนของตนตั้งแต่แรกต่างหาก สามปี คนเหล่านี้ทำงานสกปรกให้เขาถึงสามปี จะอย่างไรก็ไม่คาดคิดว่าจะทรยศ ซื้อความเชื่อใจจากเขาได้จนแทบหมดใจ เรื่องที่เป็นความลับหลายๆ เรื่องถูกบอกกล่าว…เพราะเช่นนี้เอง สิรินจึงมั่นใจจนกล้ากระโดดลงมาในกับดักนี้

สิ่งที่ได้รับรู้ทำให้สุชาติเจ็บใจยิ่งกว่าสิ่งใด คนมีฝีมือที่ตนไว้วางใจกลับไม่ใช่คนของตนตั้งแต่แรก เสียงก่นด่าของสนดังขึ้น ด่าสาดเสียเทเสียอย่างไม่ไว้หน้า แต่ก็ถูกคนของสิรินจับบิดแขนจนร้องโอดโอย

ผิดกับอาสุชาติที่นิ่งเงียบ ก้มหน้าเหมือนยอมแพ้ มือสองข้างกำเข้าหากันแน่นจนเกิดเป็นเส้นเลือดปูดโปน บ่งบอกว่าเจ้าตัวอดกลั้นมากเพียงใด

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า…” เสียงหัวเราะดังก้อง เสียงนั้นแฝงด้วยความเจ็บใจ เย้ยหยัน ลงท้ายด้วยความสะใจ จนพวกสิรินอดที่จะหวั่นวิตกไม่ได้ แม้สถานการณ์พวกเขาจะเหนือกว่า แต่ทุกคนก็กระชับปืนในมือแน่น พร้อมลั่นไกตลอดเวลา

“ยอดเยี่ยม ยอดเยี่ยมจริงๆ ฉันไม่เคยสงสัยพวกมันเลย ไม่เคยเลยจริงๆ เรื่องจิตใจภักดีของพวกมันคนของฉันเองคงเทียบไม่ติด เลือกคนได้ดี…” สุชาติกล่าวทั้งที่ใบหน้ายังคงประดับรอยยิ้มของคนดีเช่นที่ผ่านมา ใบหน้าที่สวมทับไว้ด้วยหน้ากาก

‘คุณอาที่แสนดี’

สิรินหาได้กล่าวโต้ตอบ ตอนนี้ใจของเขาอยู่ที่ร่างเล็กๆ ของดำที่หลับพริ้มโดยไม่รับรู้อะไรอยู่บนเก้าอี้ พวกเขาทั้งสองฝั่งยังคุมเชิงกันอยู่จึงยังไม่มีจังหวะเข้าไปประชิดตัว

อาสุชาติยังไม่สั่งลูกน้องให้วางปืนลง หากก้าวเข้าไปสุ่มสี่สุ่มห้า สุชาติจะสั่งให้ใครสละชีวิตก็ไม่อาจทราบ ดูอย่างคนบนเรือลำนี้ กว่าครึ่งถูกกำหนดให้จมหายลงไปใต้ทะเลลึกโดยไม่รู้สึกตัวเสียด้วยซ้ำ

เสียงฝีเท้าด้านนอกบ่งบอกว่ามีคนตามมาสมทบไม่น้อย ไม่ทราบว่าเป็นคนของฝ่ายใด เพราะคนของสิรินส่วนหนึ่งแบ่งไปตามหาดนัยถ้าไม่เจอคงตามมา ส่วนคนของสุชาตินั้นถูกแบ่งไปสร้างสถานการณ์ช่วยเหลือคนสำคัญหนีจากเรือที่กำลังถูกโจรบุก และปลอมเป็นโจรเพื่อฆ่าคนที่ไม่หลับไปจากการถูกวางยาทั้งที่กำหนดให้ตายภายในเรือลำนี้ ถ้าหากเสร็จเรื่องคงไม่แปลกที่จะมารายงานผล

ความสนใจของพวกเขาจึงถูกเบนไปที่ประตูโดยอัตโนมัติ เพียงชั่วอึดใจคนเหล่านั้นก็วิ่งมาถึง

“พวกเราครับ” โจส่งเสียงบอก เพราะหันไปมองเต็มตา ส่วนสิรินเพียงแบ่งประสาทรับรู้ระวังภัยเท่านั้น ไม่ได้หันไปมองตรงๆ จึงเห็นทีหลังโจ

มีคนมาเพิ่มสิบคน ทำให้ห้องนี้ดูคับแคบขึ้นทันตา แต่สิรินก็ยังคงจดจ้องอาสุชาติที่ยังมีสีหน้าไม่ยี่หระกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น

“แล้วก็…” รอยยิ้มฉายชัดในดวงตา สิรินเข้าใจได้ก่อนคำกล่าวต่อไปจะตามมาเสียอีก

“เลวได้ใจจริงๆ”

ปัง ปัง ปัง

ปืนดังขึ้นสามนัดแทบจะพร้อมๆ กัน 3 ใน 10 คนที่เข้ามาในห้องล้มลงกับพื้น เลือดสีแดงไหลนอง พวกเขาจดจ้องเพื่อนร่วมทีมที่ยกปืนยิงตนด้วยสายตาไม่เข้าใจ ก่อนจะกลายเป็นเจ็บแค้นเมื่อสมองประมวลผลได้...7 คนที่เหลือ เป็นสายของสุชาติ พวกเขาถูกหักหลังเสียแล้ว

ปัง

“อ้าก” ไม่ถึงอึดใจต่อจากนั้น เสี้ยววินาทีที่ทุกคนอยู่ในสภาพตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ปืนก็ดังขึ้นอีกหนึ่งนัด พร้อมกันนั้นมือที่ถือปืนจ่อหัวสุชาติอยู่ก็ขาดกระเด็น กระสุนถูกยิงจากกลุ่มคนที่มาเพิ่ม

แกร๊ก

ปืนอีกหนึ่งกระบอกยกขึ้นชนท้ายทอยของสิรินเบาๆ เขาถูกปืนจี้หัวจากด้านหลัง ส่วนอาสุชาติกลับหลุดพ้นจากวิถีกระสุนแล้ว

“หยุด ถ้าขยับพวกมึงคงรู้ว่าจะเกิดอะไร” โจกล่าวเช่นนั้น ใช่แล้ว คนที่ใช้ปืนจี้หัวสิรินอยู่ตอนนี้คือโจนั่นเอง

“เป็นอย่างไรบ้างหลานรัก ความรู้สึกที่ถูกทรยศ ไม่ต่างห่วงๆ โจไม่ใช่คนของอาตั้งแต่แรก เพราะฉะนั้นเชิญลิ้มรสการถูกทรยศให้เต็มที่ได้เลย ฮ่าๆ ๆ” เพราะเสียงข่มขู่ของโจ และสภาพที่สิรินตกเป็นตัวประกัน ทำให้คนที่เหลือไม่กล้าบุ่มบ่าม จากที่ยกปืนขึ้นจะยิงสุชาติก็หยุดลง

อาสุชาติจึงได้อิสระกลับมา เขาเดินไปหยิบปืนที่ล่วงหล่นเมื่อครู่ แล้วยกขึ้นยิงเจ้าของปืนที่นอนกุมมืออยู่

ปัง ปัง

กระสุนสองนัดซ้อน ทำให้ร่างนั้นไม่ต้องเจ็บปวดทรมานอีก แต่ยังไม่พอใจ ตอนนี้สถานการณ์กลับมาเป็นเขาเหนือกว่าแล้ว ความโกรธเกลียดก็พอกเท่าทวีคูณ

ยิงให้ตายมันธรรมดาเกินไป เขาต้องการวิธีฆ่าที่ทรมานยิ่งกว่า

เป็นการส่งท้ายหลานชายที่น่ารักให้เป็นเจอพ่อใน

…นรก





โปรดติดตามตอนต่อไป...

____________________________________________

แจ้งอีกครั้งสำหรับใครที่ยังไม่เข้าไปอ่านในเพจหรือทวิตเตอร์ค่ะ

แจ้ง ณ วันที่ 21 พฤศจิกายน 2561 เวลา16.41 น.

สวัสดีค้าา ยังจำกันได้มั๊ยเอ่ย

กลับมาพร้อมดำดำที่น่ารักค่ะ เห็นด้วยกับกรีนมั๊ย น่ารักมากเลยเนาะ โดนใจสุดๆ

การ์ดภาพกรีนสั่งทำมา คิดว่าจะให้ สนพ.ช่วยแจกตอนที่มีงานหนังสือ (ซักงาน) สำหรับโปรโมทเล่ม ภาพด้านหลังก็น่ารักนะ หุหุ

ส่วนพวงกุญแจดำดำใส่หูหมายังไม่คุยกับ สนพ. ถ้าผ่านอาจเป็นของแถมรอบพรีค่ะ แต่ถ้าไม่กรีนจะขอ สนพ. เอามาเปิดให้จองแยก (จริงๆ ทำมือทีละตัว ค่อนข้างช้า มีเปอร์เซ็นผ่านต่ำมาก)

คิดเรื่องของแถมก่อนเรื่องจบอีกแล้ว แหะๆ

จริงๆ ที่กรีนยังไม่ลงต่อ เพราะว่าตอนจบยังไม่ลงตัวค่ะ กรีนอยากเขียนให้จบก่อนแล้วทะยอยลง จะได้แก้สะดวกๆ ด้วยประสบการณ์ที่น้อยนิดในการเขียนจบเล่ม ทำให้การแก้บทสรุปจนจบสำหรับกรีนยากมากๆ ไม่อยากลงแล้วไปตามแก้แล้วแก้อีก ขอกรีนเขียนจบก่อนนะคะ กำลังเร่งสปรีด พยายามจบภายในเดือนนี้ ช่วยรอก่อนนะคะ อย่าทิ้งดำดำน้าา

#กรีน #Pay #คุณสินเปย์ไอ้ดำ






***

แจ้ง ณ วันที่ 25 พฤศจิกายน 2561 เวลา11.02 น.

ย่อง ย่อง ย่อง...

เอามาแปะให้ช่วยตกใจค่ะ พี่เอา 17 ตอนแรกไปจัดหน้าคร่าวๆ ก่อนส่ง สนพ. ให้ ต้องเปลี่ยนจาก A4 เป็น A5 ดูความเยอะของหน้านั่นสิ

(เรื่องหลักน่าจะจบที่ตอน 25 ไม่รวมตอนพิเศษ) คิดจากตรงนี้ นี่ขนาดยังไม่จบนะ ถ้าจบคงปาไป 400 กว่าๆ

เขียนอะไรเยอะแยะเนี่ยเรา คิดว่าตัวเองเขียน ราวๆ 4,000-6,000 คำ เพราะใช้นับจำนวนหน้า (ฟอนด์ 14 ตอนละ 10 หน้า) แต่คือพอนั่งรวมตอนถึงรู้ว่า 4,000 คำนั้นมีแค่ตอนแรก ที่เหลือ 5,000 อัพ บางตอนขึ้นถึง 6,900 คำ เลยทีเดียว

กรีนทำอะไรลงไปปปปป มันจะหยุดที่เล่มเดียวจบอยู่มั๊ยนี่

#กรีน #Pay #เปย์ข้าด้วยบุฟเฟต์สิ #คุณสินเปย์ไอ้ดำ

น้องชู (ครีม) : Nanoya Posung ❤️





ตอนนี้เหลือตอนหลัก 3 ตอน กับตอนพิเศษ 5 ตอน
ซึ่งตอนแรกกรีนจะเขียนให้จบตอนหลักในเดือนพฤศจิกายน  แต่ไม่ทันค่ะ
ก็เลยตัดสินใจลงต่อให้ก่อน กรีนไม่ลงนานมากแล้วจริงๆ

สุดท้ายขอบคุณนักอ่านที่น่ารักทุกท่าน ที่ยังรอกรีนค่ะ

ขอบคุณมากจริงๆนะคะ

​​​​​​​ :pig4: :pig4: :pig4:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-12-2018 19:20:51 โดย GreenHead(หัวเขียว) »

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
รอดำน้อย ตื่นก่อนเถอะ  o18

ออฟไลน์ maemix

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4403
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +299/-3
เลี้ยงใครเชื่องบ้าง​  ดำต​ื่นมาช่วยสิรินเร็ว

ออฟไลน์ suikajang

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 813
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0
กำลังเข้มข้น    :pig4:    :3123:

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
หักหลังกันไปมา :hao5:

ออฟไลน์ Meen2495

  • is allergic to drama.
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 364
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-4
หายไปนานเลยนะคะ ..
ถึง ณ วันนี้ แม้จะยังพอจำได้คร่าว ๆ
แต่อ่านตอนล่าสุดแล้ว พบว่า...ต่ออารมณ์ไม่ติดค่ะ 555+

เอาไว้ประกาศ END เมื่อไหร่ ค่อยกลับมาย้อนอ่านใหม่ละกันนะคะ
เพราะยังไงก็ยัง "ชอบ" กระเพาะหลุมดำ ของเจ้าเด็กข้ามยุคค่ะ

ออฟไลน์ GreenHead(หัวเขียว)

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 124
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
    • Green Head - หัวเขียว
เปย์ครั้งที่ 19
«ตอบ #178 เมื่อ18-04-2019 14:57:02 »

เปย์ครั้งที่ ๑๙

น้ำน้อยแพ้ไฟ

‘ผู้ที่มีพละกำลังหรืออำนาจน้อยก็ย่อมจะแพ้ ผู้ที่มีพละกำลังหรืออำนาจมากกว่า’



เวลานี้สิรินกับก้องถูกควบคุมตัวไปยังท้ายเรือชั้นบนสุด โดยมีโจกับพวกถือปืนเดินตามมาติดๆ รั้งท้ายด้วยสุชาติ และสนที่อุ้มดำตามมาด้วย

ท้องฟ้ามืดครึ้ม เมฆบดบังแสงจันทร์จนหมดสิ้น สายลมพัดรุนแรงเสียดผิดจนรู้สึกเจ็บ คลื่นในท้องทะเลก็ใหญ่ขึ้นทีละน้อย บ่งบอกว่าพายุกำลังจะมาในอีกไม่ช้า

สิรินรู้อยู่ก่อนแล้วว่าเรือลำนี้ถูกสั่งให้ล่องออกนอกเส้นทาง ตามข้อมูลที่สายข่าวส่งมา กัปตันเรือถูกจ้างด้วยเงินไม่น้อยเพื่อขับเรือไปยังเขตอันมีพายุก่อตัวเช่นนี้ แม้พายุจะลูกไม่ใหญ่นักจนถึงขั้นต้องเฝ้าระวัง แต่มันก็มากพอหากเรือลำนี้เกิดระเบิดสูญเสียการควบคุมไม่ต่างจากซากเรือเละๆ ลำหนึ่ง

กัปตันเรือคงคิดว่าเสี่ยงแต่ก็คุ้ม ทั้งคนจ้างวานยังวางแผนหนีเอาไว้แล้วเสียอีก กัปตันผู้โง่เขลาสุดท้ายก็ถูกฆ่าปิดปากก่อนจะได้กลับไปเสวยสุขดังที่หวังไว้

เพราะเดินอยู่หน้าสุดทุกคนจึงไม่ทันสังเกตเห็นประกายในดวงตาของเขา วาบผ่านเพียงชั่วเสี้ยววินาทีก็กลับมาเรียบนิ่งอีกครั้ง แผนแรกไม่เป็นไปตามที่หวัง ทั้งยังลากดำเข้ามาเสี่ยงถือว่าผิดพลาดอย่างร้ายแรง เขามั่นใจในตัวเองจนเกินไป มั่นใจว่าจะกันดำออกจากแผนการครั้งนี้ของอาสุชาติได้

ถ้าเขาระวังให้มากกว่านี้ล่ะก็คงไม่เกิดเรื่องขึ้น เพราะไม่อยากทิ้งดำไว้คนเดียว กลัวว่าอาสุชาติจะหาทางจัดการหลังฆ่าเขาสำเร็จ หรือจะให้ไปอยู่ในที่ปลอดภัยชั่วคราวก็กลัวอารู้เรื่องเข้าแล้วส่งคนตามล่า ทั้งยังเชื่อมั่นในตัวเองมากเกินไปว่าต่อให้มาด้วยกันเขาก็ปกป้องดำได้ ผลลัพธ์จึงย่ำแย่เช่นนี้

แต่อย่างไรแผนการก็ไม่อาจหยุดยั้ง เปลี่ยนเป็นแผนสำรอง เพียงเพิ่มเงื่อนไขอย่าให้สนพาดำไปด้วย จะทำอะไรบุ่มบ่ามอีกไม่ได้ การกระทำก่อนหน้าก็เพื่อทำให้คนของอาซึ่งซ่อนอยู่เผยตัวออกมา ตามที่คาดไว้มีคนที่เขาไม่รู้อยู่หลายคน อาสุชาติขี้ระแวง แม้เป็นคนสนิทก็ยากที่จะเผยแผนการทั้งหมดให้รู้ ไม่ว่าจะเป็นคนหรือเรื่องยิบย่อยอย่างตำแหน่งระเบิด คาดว่าคนที่วางคงถูกฆ่าตายเรียบร้อยแล้ว

ด้วยนิสัยนี้ของอาสุชาติ อาควรจะหนีออกไปจากเรือตั้งแต่ปิดปากกัปตันเรือเสร็จ โดยไม่สนใจดำเสียด้วยซ้ำ คาดว่าคนที่หว่านล้อมจนอาสุชาติรั้งอยู่เช่นนี้ได้คงมีเพียงสนลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของเขาอย่างสน ซึ่งนิสัยต่างจากพ่อโดยสิ้นเชิง ทั้งหัวรั้น ทั้งอวดดี ทั้งชอบเอาชนะ ไร้ความระวังตัว

เมื่อรู้ว่าดำสำคัญกับสิริน ทั้งยังอยากเห็นสิรินทรมานก่อนตาย ไม่ใช่เพียงรอดูอยู่ห่างๆ แต่กระทำด้วยมือของตนเอง จึงรีบคว้าโอกาสนี้ไว้ โน้มน้าวจนสุชาติยอมใช้เวลาที่เหลืออยู่ทรมานสิรินก่อนตาย

ทั้งสุชาติยังเจ็บใจที่คนสนิทของตนกลายเป็นคนของสิรินเสียได้ เขาโกรธเกรี้ยวจนละทิ้งความรอบคอบอย่างที่ควรจะเป็น ทุกอย่างจึงเป็นไปตามที่สนต้องการ

“คุณเตรียมการมาดี” หลังหยุดยืนชิดขอบระเบียงสิรินก็หันกลับมาเผชิญหน้ากับสุชาติ แม้จะต้องสบตากับปลายกระบอกปืนในมือโจก็ตาม เขารู้ดีว่าลูกสมุนเหล่านี้ไม่มีทางลั่นไกรปืนหากเจ้านายไม่สั่ง หรือตกอยู่ในอันตราย ดังนั้นช่วงเวลานี้สิรินต้องดึงความสนใจมาที่ตน เขาไม่อยากให้ความสนใจมุ่งไปยังเด็กน้อยที่หลับอยู่ในอ้อมแขนสน

โจกัดฟันแน่นแล้วขยับปากพูดไร้เสียง ก่อนจะหมุนกระบอกปืนคว่ำลงใช้สันปืนกระแทกท้องจนสิรินแทบทรุดลงไปกับพื้น

“หยุด ฉันอยากรู้ว่ามันยังจะพูดอะไรอีก” โจหยุดหมัดที่กำลังจะปล่อยออกไปอีกครั้งตามคำสั่งของสุชาติ แล้วเดินกลับไปยืนด้านหลัง ให้สุชาติได้เผชิญหน้ากับสิรินตามที่ต้องการ

“โถ่ พ่อจะไปคุยกับมันทำไม มันก็แค่กำลังดึงความสนใจเพราะกลัวผมจะปู้ยี่ปู้ยำเจ้าเด็กตัวนุ่มนิ่มต่อหน้ามันเท่านั้นแหละ” สนไม่ใช่คนโง่ เพียงแค่ชอบทำอะไรโดยไม่คิดอย่างถี่ถ้วน ชอบคิดว่าตนฉลาดกว่าใครๆ นั่นทำให้กลายเป็นคนน่ารังเกียจ

"ไม่อยากเห็นนักใช่ไหม หึ เชิญดูให้เต็มตา" หลังจากหันมาพูดกับสิน สนก็อุ้มดำไปวางบนเก้าอี้นอนที่วางอยู่ไม่ไกล ก่อนเริ่มซุกไซ้ซอกคอสูดดมกลิ่นหอมอ่อนๆ ประจำตัวของเด็กหนุ่ม มือก็ขย้ำขยี้ไปตามร่างกายอย่างหยาบโลน

"หยุดนะ! " เหมือนสติขาดผึ่ง สมองที่ปกติคิดอย่างรอบคอบไม่อาจยับยั้งความโกรธได้อีกต่อไป สิรินทะยานตัวไปด้านหน้าหมายจะกระชากตัวสนออกจากร่างเล็กๆ นั่น สมุนของสุชาติก็หาได้อยู่เฉยพวกเขากรูกันเข้ามาจับสิรินไว้ ออกหมัดกันอย่างชุลมุนวุ่นวาย พวกมันยังไม่ได้รับคำสั่งให้ฆ่า จึงไม่มีใครกล้าลั่นไกรปืน

"อืม ทั้งหอมทั้งนุ่มเข้าใจเลยว่าทำไมมึงถึงได้หลงขนาดนี้ แบบนี้คงไม่เบื่อไปอีกนาน" เสียงของสนดังมากพอที่สิรินจะได้ยิน เพราะเขาตั้งใจให้เป็นเช่นนั้น ต้องการตอกย้ำให้สิรินเจ็บปวด เขาสังเกตมานานแล้วว่า ความสัมพันธ์ของคนทั้งสองไม่ธรรมดา เมื่อเห็นสิรินดิ้นรนยิ่งตอกย้ำได้ดียิ่งขึ้น มันช่างสะใจเสียเหลือเกิน

ปากพร่ำพูด มือขยับไม่หยุด ดังหยอกเย้าให้คนดิ้นตายต่อภาพที่เห็น ทุกอย่างเป็นไปตามที่สนต้องการ สิรินกำลังดิ้นรนอย่างสุดกำลังเพื่อช่วยดำ สำหรับสิรินแล้วดำสำคัญยิ่งกว่าชีวิต เขาไม่ต้องใช้สมองคิดให้มากมาย รู้เพียงว่าหัวใจปวดร้าวเมื่อเห็นภาพตำตาตรงหน้า

ร่างกายเคลื่อนไหวตามสัญชาตญาณ เขาไม่คิดปิดบังอีกต่อไป ทักษะทั้งหมดที่เรียนกับมาร์โก้แสดงออกมาจนหมดสิ้น ลูกสมุนไม่อาจแตะตัวสิรินได้อีกต่อไป ความเร็ว ความแรงของหมัดล้วนแข็งกร้าว ราวกับผ่านการต่อสู้มานับไม่ถ้วน

คนแล้วคนเล่าล้มลง ในที่สุดก็มาถึงตัวสน แรงกระชากพร้อมหมัดหนักๆ พาให้ร่างใหญ่ไม่แพ้กันนั้นล้มไปกองอยู่กับพื้น ตามด้วยร่างของสิรินซึ่งลงไปคร่อมร่างนั้นไว้แล้วกระหน่ำปล่อยหมัดอย่างไม่รู้จากเหน็ดเหนื่อย สิรินบ้าเลือดไปเสียแล้ว

“ตายๆ ๆ ๆ” ปากก็พร่ำร้องอย่างโกรธเกรี้ยว ดูท่าว่าจะไม่มีทางหยุดลงง่ายๆ สุชาติเห็นดังนั้นก็ร้อนใจ หลุดออกจากความตกตะลึง คุมสติให้นิ่งก่อนขยับปากเตรียมสั่งการให้ยิงก่อนสนจะตายไปเสียก่อน

แต่กลับมีคนเร็วกว่า ขาหนักๆ ของโจเตะเข้าที่ลำคอของสิรินอย่างจัง จนร่างนั้นปลิวตามแรงล้มไปกองกับพื้น

“จับไว้!” โจสั่งการ ก่อนคนที่ถูกซัดเมื่อครู่จะกรูกันเข้ามาล็อกร่างนั้นไว้ไม่ให้แผลงฤทธิ์ได้อีก สิรินมองโจตาขวางอย่างไม่พอใจ แต่หากสายตาที่มองมากลับนิ่งสนิทไร้คลื่นอารมณ์ จนเขาได้สติขึ้นมา

เมื่อเห็นว่าโจควบคุมสถานการณ์ได้แล้ว สุชาติจึงออกคำสั่งให้ลูกสมุนเข้าไปพยุงตัวสนขึ้นเท่านั้น หาได้สั่งยิงดังที่คิดเมื่อครู่ เพราะเขาไม่อยากให้ร่างของสิรินมีร่องรอยกระสุน ซึ่งเหมือนจงใจปล้นเพราะถูกจ้างวานให้ฆ่าเป้าหมาย ซึ่งอาจถูกนักข่าวจับประเด็นมาโจมตีเขาให้เสื่อมเสียชื่อเสียง และเป็นอุปสรรคต่อการรับตำแหน่งอย่างขาวสะอาดดังที่วางแผนไว้

ทั้งยังคงกังวลว่ามาร์โก้จะตามสืบเรื่องนี้จนพบเบาะแส ใช้เป็นเครื่องมือในการแก้แค้น สุชาติจึงต้องการให้สิรินตายเหมือนเป็นอุบัติเหตุ โดยถูกระเบิดหรือไม่ก็จมน้ำตายเพราะเรือล่ม ดังนั้นแล้วหากหลีกเลี่ยงได้เขาก็อยากหลีกเลี่ยงให้ถึงที่สุด

ส่วนการทำร้ายร่างกายนั้นยังพอปกปิดได้ เพราะกว่าจะหาร่างเจอ คงตรวจสอบอะไรได้ยากแล้ว เขาจึงยอมให้ลูกชายได้เล่นสนุกอย่างที่เห็น

“มึง ไอ้สิน!” แต่สนหาได้ใจเย็นเช่นพ่อของตน หลังตั้งสติได้ก็เข้าไปอัดหมัดใส่สิรินด้วยความคั่งแค้น รอบนี้สิรินหาได้ขัดขืน มุมปากกลับแสยะยิ้มพึงพอใจ

เพียงเท่านี้ก็ดึงความสนใจจากดำได้แล้ว เขายอมเจ็บตัวดีกว่าให้สนแตะต้องเจ้าตัวเล็กของเขา

หมัดแล้วหมัดเล่า สนระบายความเจ็บปวดทั้งกายใจอย่างไม่หยุดยั้ง สิรินพยุงกายแทบใหม่อยู่ ยังดีที่มีลูกสมุนสองคนรั้งตัวไว้คนละข้าง ไม่เช่นนั้นแล้วเขาคงได้ลงไปนอนอยู่บนพื้น

“หยุดเดี๋ยวนี้!” ก้องไม่อาจทนมองได้อีก เขาทำตามแผนที่วางไว้จึงยอมอยู่เฉย แต่หากตอนนี้สถานการณ์เกินกว่าที่จะทนรับได้ บัดนี้เจ้าง่วงประจำกลุ่มจึงสะบัดคราบนั้นทิ้งจนหมดสิ้น

น้ำเสียง บรรยากาศ ล้วนทรงพลัง สะกดทุกคนชะงักอย่างไม่อาจควบคุม บรรยากาศเช่นนี้สุชาติเกลียดที่สุด มันเป็นดังสิ่งที่บ่งบอกว่าคนเหล่านี้เกิดมาเพื่ออยู่บนจุดสูงสุดเหนือคนอื่นๆ ดังพ่อของเขา สุทิน ไม่เว้นแม้แต่สิริน หลานชายที่ทำตัวดังไร้ความสามารถ แต่หากไม่อาจกลบฝังบรรยากาศเช่นนี้ลงได้

สิ่งที่เขาไม่อาจมี...

“หึ ลูกชายคนโตของเจ้าสัวเกริกเกียรติผู้ไร้ความสามารถในที่สุดก็เผยเขี้ยวเล็บอย่างนั้นสินะ สมแล้วที่เป็นเพื่อนกับเจ้าสินได้ นี่ถ้าให้เดาเพื่อนอีก 2 คนก็คงไม่ต่างกัน เหมือนสัตว์ป่าซึ่งเฝ้าลับเขี้ยวเล็บเพื่อทวงคืนสิ่งที่ควรเป็นของตัวเอง...แต่น่าเสียดายที่ต้องมาตายพร้อมหลานโง่ๆ ของฉัน ช่างสูญเปล่าจริงๆ ฮ่าๆ ๆ ๆ ๆ” สุชาติกล่าวอย่างสะใจ เขารู้มาตลอดว่าหลานชายแอบทำบางอย่าง แม้รู้ตัวช้าไปบ้างแต่ก็วางแผนรับมือเป็นอย่างดี

ทำให้เขาคิดมาตลอดว่าเพื่อนๆ ของหลานชายเองก็ไม่น่าใช่อยากที่ตาเห็น เพราะทุกคนล้วนมีที่มาไม่ธรรมดา ทั้งยังมีจุดเชื่อมโยงไม่ต่างกัน ในที่สุดวันนี้ทุกอย่างก็เผยออกมา ซึ่งมันยิ่งทำให้เขาพอใจ ได้ทำลายความพยายามทั้งหมดของเด็กหนุ่มถึง 4 คน จะไม่ให้เขาพอใจได้อย่างไร

“อย่างที่คิด คุณเป็นคนฉลาด ทั้งยังรอบคอบ แต่ไม่คิดว่าสิ่งที่ทำอยู่นี่เปล่าประโยชน์บางหรือครับ คุณฆ่ากัปตันไปแล้ว ทำให้ไร้คนนำทาง ทั้งยังไม่รู้ว่าพายุที่ก่อตัวจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ถึงคุณจะคำนวณเวลาระเบิดได้ แต่มั่นใจแล้วอย่างนั้นหรือว่าธรรมชาติเป็นสิ่งที่แน่นอนเช่นนั้น ไม่แน่ว่า คุณอาจจะตายพร้อมกับเราก็ได้...ใครกันแน่โง่เขลา” ก้องพูดมากกว่าที่เคย ทั้งคำพูดยังจี้ถึงจุดอ่อนของแผนการนี้ จนสุชาติได้สติ เขาคิดทบทวนสิ่งที่ก้องพูดอย่างรวดเร็ว และพบว่ามันเป็นเช่นนั้นจริงๆ

“ความจริงถ้าคุณมั่นใจในแผนการของตัวเองมากนัก คิดว่ามันสมบูรณ์แบบ ทำไมถึงยังทำลายมันด้วยตนเองเล่า คุณสามารถนั่งเรือออกไปยังจุดปลอดภัยได้อย่างง่ายดายและแน่นอน ทั้งยังสามารถนั่งจิบไวท์มองเราตายอย่างทรมานได้ด้วยซ้ำ” คำพูดคล้ายนอบน้อม แต่น้ำเสียงแข็งกร้าวอย่างเห็นได้ชัด ใบหน้าก็ไร้อารมณ์ดังไม่แยแสต่อคำพูดของสุชาติแม้ได้น้อย

“เหอะ แค่นั้นมันไม่สะใจโว้ย! กูต้องทรมานมันด้วยตัวเองถึงจะสะใจ ไอ้เด็กนั่นกูยังไม่เอาก็ได้ แต่ขออัดมันให้หายแค้นก่อนเถอะ แค่นี้ยังไม่สาสมกับความเกลียดชังตลอด 10 ปีที่ผ่านมา” พูดจบสนก็ต่อยสิรินไปอีกหลายหมัด ก้องขยับตัวหมายจะจัดการคนที่จับตัวเองไว้ แต่หากเห็นสัญญาณบอกให้อยู่เฉยของสิรินเสียก่อนเขาจึงแสร้งขัดขืนเล็กน้อยเท่านั้น แม้จะไม่พอใจนักก็ตาม

“พอแล้ว” สุชาติคิดอย่างถี่ถ้วนแล้วจึงห้ามสน ทั้งยังส่งสายตาห้ามปราม ลูกชายตัวดีจึงได้แต่หยุดการกระทำอย่างไม่พอใจ ถอยออกมาให้พ่อเข้าไปยืนตรงหน้าสิรินแทน

“ฉันยอมรับว่าแกฉลาดกว่าพ่อของแก แต่สำหรับฉันแกยังเด็กมาก แผนการทั้งหมดนั่นคิดว่าฉันคนนี้คิดไม่ถึงอย่างนั้นเรอะ หึ อ่อนเกินไปแล้วหลานรัก” สุชาติคิดจะถอยไปยังพื้นที่ปลอดภัย แต่หากทำตามที่ก้องพูดทันทีก็เหมือนขี้ขลาดตาขาว จึงทำเหมือนใจเย็น คิดจะเข้ามาเยอะเย้ยสิรินเล็กน้อยแล้วจึงจากไป ตามเวลาที่กัปตันเรือบอกไว้เกี่ยวกับพายุ และเวลาของระเบิดที่วางไว้ คำนวณเรื่องเพิ่มความปลอดภัยอีกเล็กน้อย จะกล่าวกับหลานชายอีกสองสามประโยชน์ก็หาได้เสี่ยงเกินไป

“แค่กๆ” เพียงจะตอบกลับ อาการบอกช้ำก็ทำให้สิรินไอเสียตัวโยน เลือดกระเด็นออกมาไม่น้อย

“คิดไม่ผิด อาอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้จริงๆ” แม้จะอยากให้สุชาติจากไปเร็วๆ แต่เรื่องนี้ก็ไม่อาจเมินเฉย เพราะเขาอาจจะได้รับหลักฐานชั้นดี ตอนที่พ่อเสียชีวิต สิรินยังเด็กเกินกว่าจะหาหลักฐานใดๆ ทั้งมาร์โก้ยังถูกกันออกไปจนแทบไม่อาจแทรกแซง ที่ยังคงช่วยเหลือสุทินได้ก็นับว่ามีความสามารถมากแล้ว ทำให้ไม่อาจหาหลักฐานเอาผิดสุชาติได้

“หึหึ ฮ่าๆ ๆ ใช่แล้ว แกพึ่งจะรู้รึไง ไหนๆ แกก็กำลังจะตายแล้ว ฉันจะบอกให้เอาบุญจะได้ไปช่วยปลอบใจกันในนรก ฉันเอง ฉันเป็นคนวางแผนฆ่าไอ้สุทิน รู้อะไรไหมมันโง่จนวินาทีสุดท้าย บอกว่าโชคดีที่ฉันรอดมาได้ ฮ่าๆ ๆ ไม่มีอะไรจะสะใจมากไปกว่านี้อีกแล้ว ได้แก้แค้นคนที่แย่งทุกอย่างไปจากฉัน ได้แย่งชิงทุกอย่างกลับมาจนหมดสิ้น ได้เห็นหน้าเป็นห่วงโง่ๆ นั่นก่อนตาย มันสะใจที่สุดในชีวิตเลยล่ะหลานรัก” คำกล่าวนั้นเต็มไปด้วยอารมณ์หลากหลาย ทั้งสะใจ ทั้งเคียดแค้น ปะปนไปด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจต่อบุพการี

สุทินเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ มีรถบรรทุกพุ่งชนขณะขับรถไปดูงานที่กำลังมีปัญหา วันนั้นการก่อสร้างโรงแรมแห่งหนึ่งเกิดอุบัติเหตุทำให้คนเสียชีวิตหลายสิบคน ทั้งยังเป็นงานที่ร่วมมือกับคู่ค้ารายใหญ่ แม้ว่าตอนนั้นเขาจะอยู่ที่โรงพยาบาล รอดูอาการของพ่อซึ่งพลัดตกบันไดก็ตาม

เขารู้สึกร้อนรนกับสิ่งที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะหน้าที่ประธานหรือลูกล้วนสำคัญ สุทินไม่อาจละทิ้งทั้งสองอย่าง แต่เมื่อนึกถึงคำสั่งของพ่อแล้วสุทินจึงตัดสินใจไปแก้ปัญหาเรื่องบริษัท สุชาติขอตามไปด้วย แต่สุทินห้ามน้องชายเอาไว้ ฝากฝังให้ดูแลพ่อแล้วส่งข่าวบอกเขาด้วย

หลังจากนั้นก็เป็นไปตามที่สุชาติต้องการ เพียงแต่สุทินไม่ได้ตายในทันที เขาถูกยื้อชีวิตอย่างถึงที่สุด แต่หากไร้ความหวัง ขณะนั้นทำได้เพียงยื้อชีวิตให้ได้สั่งเสียเล็กน้อยเท่านั้น

‘ดีจริงๆ ที่นายไม่ได้ขึ้นรถมาด้วย ดีจริงๆ ที่นายไม่ตายสุชาติ’ นั่นเป็นคำกล่าวสุดท้ายพร้อมรอยยิ้มก่อนสุทินจะสิ้นใจ ท่ามกลางเสียงร้องไห้ สุชาติกลับเผยรอยยิ้มเย้ยหยันต่อร่างไร้ลมหายใจ

“คุณก็แค่โลภมาก เวลานั้นถ้าคุณเรียนจบ ตำแหน่งรองประธาน หรือหัวหน้าสาขาใหญ่ที่อเมริการอคุณอยู่แท้ๆ คุณยังคิดเรื่องชั่วๆ พวกนี้ได้อีก”

“แกจะไปรู้อะไร! คนที่ควรได้ตำแหน่งประธานคือฉันคนนี้ ฉันเข้าไปฝึกงานที่บริษัทตั้งแต่อายุยังไม่ถึง 15 ปี มันแค่กลับจากต่างประเทศ แค่อายุมากกว่าไม่กี่ปี พ่อก็ยกทุกอย่างให้มัน ทุกอย่างที่ควรจะเป็นของฉัน” เพียงแค่ได้ฟัง สุชาติก็ถูกกระตุ้นด้วยความทรงจำในอดีต เขาคับข้องใจต่อสิ่งที่พ่อทำเป็นอย่างยิ่ง ทั้งที่เขาอยู่ข้างกายพ่อมาตลอด แต่กลับถูกคนที่อาศัยอยู่ต่างประเทศตั้งแต่เด็กแย่งชิงทุกอย่างไป

“คนที่ไม่รู้อะไรคือคุณ พ่อของผมก็เริ่มต้นพิสูจน์ตัวเองในอายุไม่ต่างกัน ต้องบอกว่าก่อนคุณเสียด้วยซ้ำ เพราะพ่อถูกเลี้ยงมาแบบคนอเมริกา อายุเพียง 9 ขวบ ก็ได้รับเงินก้อนหนึ่งไปบริหารจัดการ ลงทุนในตลาดหุ้น พออายุ 15 ก็เข้าไปฝึกงานที่บริษัทตามที่ปู่กำหนดไว้

ใช้เวลาไม่กี่ปีก็ไต่เต้าจากตำแหน่งเล็กๆ จนกลายเป็นหัวหน้าสาขา ทั้งยังทำกำไรเพิ่มขึ้นกว่าสองหมื่นล้าน ปู่จึงยอมรับให้กลับมารับตำแหน่งประธานที่นี่” สิรินรู้เรื่องทั้งหมดจากมาร์โก้ เพราะคนทั้งสองรู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก แม้หลังจากสุทินแต่งงานมาร์โก้จะช้ำใจจนไม่โผล่หน้ามาให้เห็นก็ตาม นั่นทำให้มาร์โก้รู้เรื่องหลายๆ อย่างของสุทินเป็นอย่างดี

“สาขาอเมริกาบริหารยากแค่ไหนคุณอาน่าจะเข้าใจใช่ไหมล่ะครับ...ก็คุณทำจนแทบจะเจ๊งอยู่รอมร่อ” ข้อมูลเหล่านี้เองก็หาได้ไม่ยาก เพราะอย่างไรเส้นสายของสิรินส่วนมากก็อยู่ที่อเมริกา แม้ว่าอาสุชาติจะพยายามปกปิดเรื่องนี้เพียงใดก็ตาม

“แก!” ไร้คำโต้แย้ง เมื่อทุกอย่างเป็นไปตามคำกล่าวของสิรินจริงๆ มีข้อมูลมากมายที่สิรินรับรู้ กระทั่งเรื่องที่สุชาติกำลังสารภาพอยู่ เพียงแต่เขาไม่มีหลักฐานที่แน่ชัดเท่านั้น จะมีใครเชื่อว่าลูกชายคนดีทำให้พ่อเกิดอุบัติเหตุพลัดตกบันไดเพื่อทำให้แผนการของตนราบรื่น ส่วนคนขับรถก็ถูกฆ่าปิดปาก ข้อสันนิษฐานต่างๆ จึงจมหายไปกับอดีต

จุดเริ่มต้นนั้นจะกล่าวว่ามาจากปู่ก็คงไม่ผิดนัก ปู่พบรักกับย่าเมื่อครั้งที่ไปดูแลสาขาอเมริกา ทั้งสองรักกันมากจึงแต่งงานกัน เวลานั้นปู่ตามใจภรรยายิ่ง ยอมเลี้ยงสุทินที่อเมริกาตามคำขอหญิงสาวร้องขอ

จนกระทั่งย่าเสียชีวิตลง ปู่เศร้าเสียใจจนไม่อาจทนอยู่อเมริกาได้อีก เพียงแต่เมื่อกลับมายังประเทศไทย สุทินนั้นไม่อาจปรับตัวได้จนต้องเข้าโรงพยาบาลอยู่หลายครั้ง ญาติฝั่งแม่ที่อเมริกาทนไม่ไหวจึงขอพาสุทินกลับไปเลี้ยงที่นั่น

ปู่คิดว่าต้องใช้เวลาทำใจให้ได้แล้วจึงกลับไป แต่หากเวลานั้นเขาได้พบกับย่าสมรแม่ของสุชาติ หญิงสาวที่เข้ามาเยียวยาหัวใจ เพราะเธอจิตใจดี รักสุทินเหมือนลูกแท้ๆ ทำให้ปู่เปิดใจอีกครั้ง ทั้งตอนนั้นพี่ชายคนโตเสียชีวิต ปู่ไม่อาจกลับไปยังอเมริกา เขาต้องสืบทอดตำแหน่งประธานบริษัท สุทินเองก็กำลังเรียนหนังสือ มีอนาคตที่สดใส ปู่กับย่าสมรจึงตกลงกันไปเยี่ยมสุทินบ่อยๆ แทน

จนกระทั่งสุชาติเกิดมา แต่น้องชายคนนี้กลับไม่ได้นิสัยของแม่มาแม้แต่น้อย เขาคิดว่าสุทินแย่งความรักจากแม่ไป ทั้งที่ไม่ใช่ลูกแท้ๆ อคติเริ่มมากขึ้นคิดว่า ทั้งสมบัติ ทั้งอำนาจที่ควรจะเป็นของตนกลับกลายเป็นของสุทินไปเสียทั้งหมด

สุชาติเข้าไปฝึกงานตั้งแต่จบมัธยมต้น เขาเริ่มงานในตำแหน่งเล็กๆ ตามที่ปู่กำหนดไว้ เพียงแต่สุชาตินั้นถือตัวว่าตนคือลูกชายเจ้าของบริษัท เขารักสบาย ทั้งฉลาดแกมโกง ใช้เงินปูฐานอำนาจใช้คนอื่นทำงานแทน แล้วอ้างว่าเป็นผลงานของตน ซึ่งไม่ใกล้เคียงกับคำว่าฝึกงานแม้แต่น้อย

เขาคิดว่าปู่ไม่รู้ แต่จริงๆ ปู่รู้ทุกอย่าง แค่ปล่อยให้สุชาติได้ทำตามใจ การกระทำของลูกชายล้วนถูกจับตามองทุกฝีก้าว ไม่ว่าจะเป็นฝั่งสุทินหรือสุชาติก็ตาม ซึ่งการกระทำของสุชาติไม่ใช่ว่าไร้ความสามารถ เพียงไม่เหมาะกับตำแหน่งประธานเท่านั้น

ปู่มีนิสัยเสียอยู่ข้อหนึ่งนั่นคือไม่พูด แต่จะกระทำอย่างเด็ดขาดแทน สุชาติจึงรู้สึกเหมือนถูกแย่งชิงทุกอย่างไป ความจริงปูใจดีกับสุชาติมากกว่าเสียด้วยซ้ำ เพราะหากเทียบกันแล้ว สาขาที่ไทยฐานมั่นคงกว่า การบริหารย่อมง่ายกว่ามาก

ซึ่งสาขาอเมริกามี 1 สาขาใหญ่ กับ 2 สาขาย่อย กว่าสุทินจะปีนป่ายจนถึงจุดที่ทำกำไรให้บริษัทก็ยากจนเลือดตาแทบกระเด็น ด้วยอัตราการแข่งขันที่สูงกว่า และตลาดที่โตกว่าอย่างอเมริกา หากเทียบกันแล้วสุทินโดนทดสอบหนักกว่าอย่างเห็นได้ชัด

เวลานั้นสุชาติก็ทราบ แต่หากดวงตามืดบอด เขาเชื่อว่าถ้าปู่ให้โอกาส เขาเองก็ทำได้อย่างสุทิน จนกระทั่งได้รับรู้ความจริงจากสภาพปัจจุบันซึ่งยากจะยอมรับได้ สาขาอเมริกายอดตก กำไรติดลบจนยากจะแก้วิกฤต

“หึ จี้ใจดำจนเถียงไม่ออกเลยหรือครับ”

“ไอ้เด็กเวร!”

ปัง!

ปึก

กระสุนจากกระบอกปืนในมือสุชาติ เจาะเข้าที่ต้นขาของสิรินจนร่างนั้นไม่อาจทรงตัวได้อีก เข่ากระแทกพื้นอย่างไม่ทันตั้งตัว การกระทำนี้บ่งบอกว่าสิรินไม่ได้พูดผิดแม้แต่น้อย

“อย่าคิดว่าแกจะได้ตายดี จับมันมัดไว้ ฉันต้องมั่นใจว่ามันไม่มีทางรอด!” แม้จะโกรธจนเลือดขึ้นหน้าคิดอยากจะทรมานสิรินก่อนจากไป แต่เวลาก็กระชั้นชิดเข้ามาทุกที





-TBC-



แอบกลับมาเงียบๆ แหะๆ

สารภาพนิดนึงนะคะ (จะเรียกแก้ตัวก็ได้)

ตอนนี้คือแก้หลายรอบมากกกกกก แบบว่าเขียนจนจบฉากบนเรือแล้วก็มาเอะใจจุดนั้นทีจุดนี้ที จนกลับมาแก้แล้วแก้อีก เพราะกรีนไม่เคยเขียนนิยายให้จบ (เรื่องนี้เรื่องแรก) พอต้องมาปิดปมหลายๆ อย่างทำให้หลุดไปบ้างค่ะ

คือ พยายามแก้ให้ตัวเองคิดว่าดีที่สุด ก็เลยวนๆ เขียน บางทีก็ตันบ้าง

หลายคนคงสงสัยว่าทำไมเคยบอกว่าจบแล้ว

จริงๆ คือจบแล้วค่ะ แต่พอกลับไปอ่านใหม่ทั้งเรื่องมันมีจุดที่หลุด แน่นอนใหญ่ๆ ก็ฉากบนเรือนี่แหละ ซึ่งพอแก้แล้ว มันก็ทำให้ต้องแก้ตอนต่อๆ ไปด้วย

ส่วนที่ลงตอนนี้คือมั่นใจแล้วถึงลงให้อ่าน ขอโทษนะคะที่ทำให้รอนาน

แล้วก็ขอบคุณทุกคนที่ยังรอ กรีนจะตั้งใจเขียนให้ออกมาดีที่สุดเท่าที่จะทำได้นะคะ

ขอบคุณมากจริงๆ ค่ะ





« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-04-2019 15:23:06 โดย GreenHead(หัวเขียว) »

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
มาร์โก้อยู่ไหนนนนนนนนนนนน  :katai1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด