พิมพ์หน้านี้ - ###END### = P A Y = เปย์ข้าด้วยบุฟเฟ่ต์สิ [แจ้งกำหนดการวางจำหน่าย] 04/04/64

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: GreenHead(หัวเขียว) ที่ 02-03-2018 09:39:01

หัวข้อ: ###END### = P A Y = เปย์ข้าด้วยบุฟเฟ่ต์สิ [แจ้งกำหนดการวางจำหน่าย] 04/04/64
เริ่มหัวข้อโดย: GreenHead(หัวเขียว) ที่ 02-03-2018 09:39:01
อ้างถึง
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม


_____________________________________________________________________________

PAY เปย์ข้าด้วยบุฟเฟ่ต์สิ
#นายเอกสายแดก #พระเอกสายเปย์ ที่แท้ทรู
[ผ่านพิจารณาสำนักพิมพ์ Bookish House]



ไอ้ดำเป็นเด็กวัด ไอ้ดำต้องแบ่งข้าวกับคนอื่นๆ ไอ้ดำไม่เคยกินอิ่ม ไอ้ดำหิวอยู่ตลอดเวลา ใครกินเพื่ออยู่ แต่ไอ้ดำอยู่เพื่อกิน!
#ไอ้ดำสายแดก


คุณสินชอบมองไอ้ดำกิน คุณสินชอบรอยยิ้มซื่อๆของไอ้ดำ พอได้กินไอ้ดำจะยิ้ม คุณสินมีเงินเยอะ คุณสินก็เลยเปย์ไอ้ดำหนักมาก
#คุณสินสายเปย์



นิยายแนว Feel Good เน้นกิน เน้นฮา เน้นความเปย์หนักมากของพระเอก
แต่งหน่วงๆมาหลายเรื่อง ขอเปลี่ยนแนวบ้างก็แล้วกันนะคะ ฮ่าๆ
แต่! แต่! แต่! ความแฟนตาซียังคงอยู่
พบกับไอ้ดำผู้หลงยุค และคุณสินจอมเจ้าเล่ห์ได้เลยนะบัดนี้!

==========================

ประกาศ

(จากความกระเหี้ยนกระหือรือของกรีนแล้วก็สามารถงอกเรื่องนี้ออกมาเป็นซีรี่ย์จนได้ค่ะ แหะๆ)

TIMES The Series

PAY เปย์ข้าด้วยบุฟเฟ่ต์สิ (Shotacon)

Please ปล่อยกูไปเถอะ (3P)

Daddy ของสมิง #แด๊ดดี้ที่ไม่ได้แปลว่าพ่อ (Ojicon)

***เรื่องต่อไปจะลงเมื่อเรื่องนี้จบ และแต่ละเรื่องมีเนื้อหาหลัก  15 ตอนโดยประมาณค่ะ***

==========================

สารบัญ
ก่อนจะเปย์ (รีไรท์) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66372.msg3798626#msg3798626)  เปย์ครั้งที่ ๑ (รีไรท์) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66372.msg3798629#msg3798629)  เปย์ครั้งที่ ๒ (รีไรท์) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66372.msg3800370#msg3800370) เปย์ครั้งที่ ๓ (รีไรท์) (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66372.msg3801199#msg3801199) เปย์ครั้งที่ ๔ (รีไรท์) (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66372.msg3802503#msg3802503) เปย์ครั้งที่ 5 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66372.msg3803535#msg3803535)

เปย์ครั้งที่ 6 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66372.msg3804934#msg3804934)  เปย์ครั้งที่ 7 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66372.msg3807531#msg3807531)  เปย์ครั้งที่ 7 [2] (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66372.msg3808761#msg3808761)
 เปย์ครั้งที่ 8 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66372.msg3813620#msg3813620)  เปย์ครั้งที่ 8 [2]  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66372.msg3817485#msg3817485)

เปย์ครั้งที่ 9 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66372.msg3821473#msg3821473)   เปย์ครั้งที่ 10 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66372.msg3824927#msg3824927)  เปย์ครั้งที่ 11 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66372.msg3828874#msg3828874)  เปย์ครั้งที่ 12[1] (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66372.msg3829239#msg3829239)  เปย์ครั้งที่ 12[2] (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66372.msg3829891#msg3829891)

เปย์ครั้งที่ 13 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66372.msg3832716#msg3832716)   เปย์ครั้งที่ 14 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66372.msg3834169#msg3834169)  เปย์ครั้งที่ 15 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66372.msg3838247#msg3838247)  เปย์ครั้งที่ 16 [1] (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66372.msg3844507#msg3844507)   เปย์ครั้งที่ 16 [2] (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66372.msg3845348#msg3845348)

เปย์ครั้งที่ 17 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66372.msg3854142#msg3854142)
 เปย์ครั้งที่ 18[1] (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66372.msg3889207#msg3889207)  เปย์ครั้งที่ 18[2] (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66372.msg3918331#msg3918331) เปย์ครั้งที่ 19 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66372.msg3965824#msg3965824)  เปย์ครั้งที่ 20[1]  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66372.msg3966620#msg3966620)  เปย์ครั้งที่ 20 [2]  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66372.msg3967575#msg3967575)

เปย์ครั้งที่ 21 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66372.msg3988369#msg3988369)  เปย์ครั้งที่ 22  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66372.msg3988675#msg3988675)  เปย์ครั้งที่ 23  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66372.msg3989155#msg3989155)  เปย์ครั้งที่ 24  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66372.msg3989690#msg3989690)  เปย์ครั้งที่ 25  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66372.msg3990350#msg3990350)
เปย์ครั้งที่ 26  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66372.msg3991434#msg3991434)

-END-
Talk (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66372.msg3992600#msg3992600)

แจ้งกำหนดการวางจำหน่าย (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66372.msg4056364#msg4056364)


นิยายเรื่องอื่นๆของกรีน

The Scalpel นักฆ่าสองโลก (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=54897.0)

EXECUTE ผู้ส่งสารแห่งความตาย (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=63755.0)

พูดคุย และทางนิยายได้ที่
FACEBOOK (https://www.facebook.com/greenheadzoro/)
Twitter (https://twitter.com/mato_dae)


หัวข้อ: ก่อนจะเปย์ (รีไรท์)
เริ่มหัวข้อโดย: GreenHead(หัวเขียว) ที่ 02-03-2018 09:51:54
ก่อนจะเปย์ (รีไรท์)

ก่อนจะเปย์

ปีพุทธศักราช  ๒๔๙๙  ยุคอันธพาลครองเมือง

บริเวณคลองแสนแสบ


“ไอ้ดำเอ็งไปทางนั้น”

“ได้เลย เจอกันท้ายตลาดนะพี่ชัย”

“เออๆโชคดีเว้ย”

“มันไปทางนั้นตามไป โว้ย!”

เสียงกลุ่มคนหลายสิบคนวิ่งตามสองสหายที่วิ่งหนีหัวซุกหัวซุนอย่างไม่มีทีท่าว่าจะยอมหยุดลงง่ายๆ ในมือก็ถืออาวุธครบครัน ทั้งไม้ ทั้งมีด อย่างไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย สมแล้วกับเป็นยุคของเหล่าอันธพาลอย่างแท้จริง
 
“แฮ่กๆ เว้ย!  ทำไมตามข้ามาวะ ไปตามพี่ชัยไป ชิ้วๆ”

ตายๆ วันนี้ไอ้ดำตายแน่  แค่ออกมาซื้อของไปฉลองชัยชนะหลังยกพวกตีกันเมื่อวันก่อนแท้ๆ ทำไมหนอดวงถึงได้ซวยขนาดนี้  พวกมันเองก็มาแก้แค้นเร็วซะเหลือกเกิน โถ่!  ปล่อยให้ไอ้ดำคนนี้กินอิ่มบ้างเถ๊อะ ลูกพี่อุตส่าห์เลี้ยงข้าวทั้งที ไอ้ดำอยากร้องไห้

ปกติก็อาศัยกินแต่ข้าววัด ยิ่งเด็กวัดเยอะส่วนแบ่งยิ่งน้อยลง เยอะสุดก็ไม่เคยถึงครึ่งกระเพาะแท้ๆ  ดูสิผอมจนแทบจะเป็นโครงกระดูกเดินได้อยู่แล้ว มีเรื่องทีก็สู้แรงอริไม่ค่อยได้ กรรมหนอกรรม ชาติก่อนไอ้ดำคนนี้ทำกรรมอะไรมา เมื่อไหร่จะได้กินอิ่มนอนหลับเหมือนพวกเศรษฐีซะที

คิดแล้วต่อให้ใช้เวลาทั้งชีวิตก็คงเป็นไปไม่ได้ เพราะฉะนั้นแค่วันนี้ ขอไอ้ดำกินอิ่มแค่วันนี้ไม่ได้เหรอ ฮือๆ

“อยากกิน อยากกิน อยากกิน อยากกินข้าวแบบไม่อั้นโว้ย!”

“หยุดนะโว้ย! วันนี้ข้าจะกระทืบเอ็งฝากไปให้ไอ้พันมันดูต่างหน้าให้ได้”

“ไม่หยุดโว้ย! แน่จริงก็ตามให้ทันสิวะ” กล่าวจบก็หันไปยกนิ้วกลางให้หนึ่งที แล้วสับขาวิ่งอย่างไว

“ไอ้เด็กเวร ตามไปฆ่ามัน!” ไอ้หมาบ้าตะโกนลั่นเลย หึๆ ให้ตายไอ้ดำก็ไม่กลัวหร๊อก ระดับนี้แล้ว ถึงเป็นลูกกระจ๊อกฝีมือต่อยตีห่วยแตก แต่เรื่องวิ่งไอ้ดำไม่เคยแพ้ใครอยู่แล้ว ฮ่าๆๆ

เอี๊ยดดดด หยุดแทบไม่ทัน เฮ้ยๆๆ เล่นมาดักรอด้านหน้าแบบนี้เลยเรอะ!

“หึหึ ไง คราวนี้เอ็งไม่รอดแน่” จะรอดได้ยังไงล่ะ ก็เล่นส่งคนมาดักหน้าแบบนี้ ตายๆไอ้ดำจะรอดไหมครับเนี่ย

“ไอ้พวกหมาหมู่ แน่จริงก็ตัวตัวดิวะ” หนอยๆ ถ้าตัวต่อตัวนะไอ้ดำต้องชนะสักคนสองคนล่ะวะ

“หึหึ ข้าแค่มาส่งของขวัญไปให้ลูกพี่เอ็ง ไม่จำเป็นว่ะ” อึก เอาแล้วไง ข้างหลังก็กลุ่มไอ้หมาบ้า ข้างหน้าก็ลูกกระจ๊อกของมันอีกโขยง ด้านซ้ายก็กำแพง ด้านขวาก็คลองแสนแสบ โถ่ ทางหนีไอ้ดำเหลือน้อยเกินไปหรือเปล่า

เหลือบดูทุกทิศทาง คิดหลายตลบ เอาวะโดดก็โดด ถึงมันลึกแต่สะอาดอยู่นา เดี๋ยวว่ายๆไปอีกด้านก็รอด ไม่ต้องคิดแล้ว ไปล่ะจ้า

ตู้ม!

“เฮ้ย!” พวกมันดูท่าจะตกใจ หึหึ แน่จริงก็ตามมาสิวะ แต่ด้วยระดับเด็กวัดที่อาบน้ำในคลองทุกวันแล้ว ต่อให้ลงมาก็ตามไอ้ดำคนนี้ไม่ทันหรอก รู้ซะบ้างว่าไผเป็นไผ

เอาล่ะ ว่ายไปๆ

เอ๊ะ! ขาติดอะไร บัดซบ ใครมันทิ้งแหไว้ในน้ำวะ หายใจจะไม่ออกแล้ว หลุดดิวะหลุดหลุด

ดิ้นไปหลายนาทีก็เปลืองแรง นี่ไอ้ดำจะตายอนาถแบบนี้ใช่ไหม ฮือ ฮือ อยากกินข้าว อยากกินหมู อยากกินเนื้อ อยากกินไก่
อยากกินจนน้ำลายไหลในน้ำแล้ว ขอให้ไอ้ดำได้กินจนท้องจะแตกบ้างเถอะ

ถ้าไอ้ดำรอดจะทำบุญให้เจ้ากรรมนายเวรเยอะๆเลยนะครับ ขอไอ้ดำกินข้าวเถอะนะ

ตาจะปิดแล้ว ทรมานเหลือเกิน...

..

..

..

พรึ่บ

เอ๊ะ ยังไม่ตาย เฮ้ยๆ แหก็หายไปแล้ว นี่มันบ้าอะไรกัน  ขึ้นไปด้านบนก่อนก็แล้วกันค่อยคิดทีหลัง

อะไรผักตบชวาทำไมเยอะขนาดนี้ จำได้ว่ามันมีน้อยกว่านี้ไม่ใช่เหรอ แอ่ก ขมคอ! น้ำทำไมขมแบบนี้ เกิดอะไรขึ้น
ขอแหวกผักตบชวา แล้วขึ้นไปสูดอากาศก่อน

“แค่กๆ แหวะๆ ทำไมมันเหม็นขนาดนี้เนี่ย” แสบหู แสบตาไปหมด เหม็นก็เหม็น มันเกิดอะไรขึ้นในน้ำกันนะ

“เฮ้ยๆๆ ไอ้น้ำเน่านี่มันอะไรวะ แล้วตึกสูงเสียดฟ้ารอบๆนั่นอีก ที่นี่มันยังไง ไอ้ดำงง” มองซ้ายมองขวาก็ตกใจ ไอ้สภาพที่เปลี่ยนไปจนไม่เหลือเคล้าเดิมนี่มันอะไรกัน หรือไอ้ดำจมน้ำแล้วมาเกยตื้นที่อื่นกัน

โอ๊ะ ป้ายอะไร

“สอ-แอ-นอ แสน สอ-แอ-บอ แสบ แสนแสบ บ้าไปแล้ว ที่นี่มันจะเป็นคลองแสนแสบที่น้ำใสสะอาดน่าอาบได้อย่างไร บ้าไปแล้ว หรือว่าไอ้ดำฝัน ตื่นๆ ตื่นได้แล้ว"

เพลี๊ยะ เพลี๊ยะ

ว่าจบก็ตบหน้าตัวเองไปหลายที  แต่ก็ไม่มีทีท่าว่าจะตื่นขึ้นมาเลยแฮะ เกิดอะไรขึ้นกับไอ้ดำกันแน่

แตร๊ดดดดด

เสียงอะไรกัน คุ้นหูเอามากๆ อ๊ะ ระ เรือเครื่อง! เรือเครื่องกำลังวิ่งมาทางนี้  ไม่เห็นคนหรือย่างไร ขับเร็วอะไรเช่นนี้ ใกล้จะชนไอ้ดำอยู่แล้วนะ!

“เฮ้ยๆ อย่ามาทางนี้มีคนอยู่ มีคนอยู่เว้ย!”

“อ้าก! มาแล้ว มาแล้ว” หนีสิครับรออะไร จ้วงเข้าไป ไอ้ดำ ด้วยศักดิ์ศรีของแชมป์ว่ายน้ำอันดับหนึ่งของเด็กวัด แต่ๆ มันเร็วเกินไปแล้ว

“อ้าก!”

ซ่า!

บุ๋งๆๆๆ จมอีกแล้ว...ชีวิตไอ้ดำจะเป็นยังไงต่อไปล่ะเนี่ย ฮือๆ

โปรดติดตามตอนต่อไป...

*แก้ไข 28/10/62







หัวข้อ: เปย์ครั้งที่ ๑ (รีไรท์)
เริ่มหัวข้อโดย: GreenHead(หัวเขียว) ที่ 02-03-2018 10:03:08
เปย์ครั้งที่ ๑ (รีไรท์)

‘ชาติเสือต้องไว้ลาย ชาติชายต้องไว้ชื่อ’

ลูกผู้ชายที่ชื่อว่าตนมีความเก่งกล้าสามารถ จะต้องสำแดงวิชาความรู้และความสามารถให้ลือชาปรากฏแก่คนทั่วไป ดุจเสือ (ลายพาดกลอน) ก็ต้องมีลายฉะนั้น



ปีพุทธศักราช ๒๕๖๑

ตุ๊บ! ตั๊บ! ตุ๊บ! ตั๊บ!

“ตายซะเถอะมึง เฮ้ย! เอามีดมา” ชาย 5 คน กำลังรุมกระทืบชายเพียงคนเดียวที่นอนหมดสภาพอยู่ในตรอกเล็กๆ แห่งหนึ่ง พวกเขาสวมเสื้อช็อปไม่ต่างกัน แต่หากอยู่ต่างสถาบันเพียงเท่านั้น ใครเห็นคงรู้ได้ไม่ยากว่าเป็นการรุมทำร้ายคู่อริต่างสถาบันของพวกวิศวะ

“อึก” ร่างที่นอนคว่ำอยู่ถูกกระชากคอเสื้อขึ้นมาจ้องหน้ากับฝ่ายตรงข้าม แต่สายตาของเขากลับเย็นชา ไม่มีความกลัวในนั้นแม้แต่น้อย

“ไง แค่แข่งบาสกระชับมิตรกันครั้งเดียว มึงก็กล้าคาบผู้หญิงของกูไปแดกแล้วเหรอวะ” ปากพูด มือก็ยื่นไปรับมีดจากเพื่อนด้านหลัง

“หึ” รอยยิ้มเยอะปรากฏขึ้นที่มุมปาก แต่หากสายตายังคงเหยียบเย็น รอยยิ้มนี้ไม่ได้มอบให้กับคนตรงหน้า แต่หากเขากำลังยิ้มเยาะตัวเอง ไม่ว่าจะกี่ครั้งต่อกี่ครั้งฝ่ายที่วิ่งเข้าหาจะเป็นอีกฝ่ายเสมอ เพียงเสนอ เขาก็พร้อมสนอง แต่มันก็มักมาพร้อมกับผลลัพธ์อันเลวร้ายเช่นทุกครั้งไป

“ยิ้มอะไรวะ หึ วันนี้กูจะกรีดหน้าหล่อๆ ของมึงให้เอง จะได้ไม่มีหน้าไปแย่งแฟนใครได้อีก” คมมีดคมกริบถูกยื่นเข้าไปใกล้ใบหน้าอันหล่อเหลา เสียงข่มขู่นั้นก็เต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว เขาโดนแฟนบอกเลิกก็เพราะมัน วันนี้ต้องสั่งสอนให้หลาบจำ!

“สมเพทตัวเองน่ะ เงินก็จ่ายให้แล้วแท้ๆ ดันหาเรื่องมาให้ซะอย่างนั้น” คนโดนมีดจ่อกลับตอบกลับโดยไร้ความกลัว ทั้งถ้อยคำที่พูดออกไปก็ไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ แต่หากใครได้ฟังก็คงตีความหมายได้ไม่ยากว่า เขาซื้อตัวผู้หญิงมานอนด้วย ไม่ได้แย่งของใครมา มันไม่ใช่การแย่งแฟน

เขาไม่ได้ใส่ใจ เพราะทุกครั้งที่ผู้หญิงวิ่งเข้าหาเขาจะชัดเจนเสมอว่าพวกเธออยู่ในสถานะไหน ถ้าใครรับได้ก็ตอบรับ แต่มันมักจบลงเช่นนี้ พวกเธอชอบหวังให้เขาจริงจัง เมื่อเขาตอบรับพวกที่มีแฟนก็จะกลับไปเลิกกับแฟนคนปัจจุบันทันที สุดท้ายถ้าไม่จบด้วยโดนกลั่นแกล้ง โดนด่า ก็จะโดนทำร้ายร่างกายเช่นนี้เสมอ

“ไอ้เวร มึงดูถูกแฟนกู”

อั๊ก!

หมัดหนักๆ กระแทกเข้าใบหน้าอย่างจัง แต่กระนั้นก็ยังดูดีแม้มีบาดแผล ตัวเขาเองคิดว่าบางทีให้มีแผลเป็นบ้างก็คงจะลดความวุ่นวายพวกนี้ได้ไม่น้อยเหมือนกัน

“เฮ้ย เร็วๆ ดิวะ เดี๋ยวก็มีคนมาเห็นกันพอดี” หนึ่งในเพื่อนที่ยืนดูเหตุการณ์เร่งเร้าเพื่อนให้รีบจัดการธุระให้เรียบร้อย ถึงจะเป็นตอนกลางคืน แต่พวกเขาอยู่ในเมืองที่พลุกพล่าน ไม่ช้าต้องมีคนมาเห็นอย่างแน่นอน

“เออๆ ...หึหึ เริ่มจากตรงไหนดีล่ะครับ คุณหนูสิริน ฮ่าๆๆ” เสียงหัวเราะดังขึ้นอย่างพร้อมเพียง บรรดาผู้ลงมือทั้ง 5 คน กำลังหัวเราะกับความสำเร็จในครั้งนี้

เพียงคมมีดกดลึกลงไปบนแก้มสีขาว เลือดสีแดงก็ค่อยๆ ไหลอยากมา

“หยุดนะโว้ย พวกเอ็งทำอะไรกัน” เสียงเล็กๆ แต่หากแฝงด้วยความก้าวร้าวของเด็กคนหนึ่งดังขึ้น พาให้คนทั้งหกหันไปมอง พวกเขาพบกับเด็กผู้ชายที่คาดว่าอายุน่าจะประมาณมอต้น สวมใส่เสื้อผ้าที่เปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำเน่าแห้งเกรอะกัง ผมก็แห้งเกาะกันเป็นก้อน ร่างกายเต็มไปด้วยรอยเปื้อนโคลน

“คนบ้านี่หว่า...ไปไกลๆ เลยถ้าไม่อยากจมตีนอีกคน ชิ้วๆ ไอ้เด็กบ้า” ผู้ชายที่ยืนอยู่ออกปากไล่ มองจากสภาพแล้วคงตีความได้ไม่ยากว่าคนที่ถือไม้หน้าสามยืนจังก้าอยู่ไม่ไกลนี่เป็นคนบ้าอย่างแน่นอน

“ว่าใครบ้าวะ พวกเอ็งนั่นแหละหมาหมู่ ทำร้ายคนไม่มีทางสู้ ไอ้พวกขี้ขลาด!” เด็กบ้าส่งเสียงด่าอย่างบ้าคลั่ง คิดแล้วแค้นเพราะพวกหมาหมู่นั่นเขาถึงได้โผล่มาที่ประหลาดๆ เช่นนี้

“หนอย จัดการมันอีกคนเลยก็แล้วกัน” ชายที่จับคอเสื้อของสิรินอยู่ปล่อยมืออย่างหัวเสีย แล้วคิดจะจัดการไอ้เด็กบ้านี่อีกคน แส่หาเรื่องก็จัดการเพิ่ม กระทืบคนบ้าน่ะไม่มีใครมาเอาผิดอยู่แล้ว

“ย้าก! วันนี้ถึงต้องตายไอ้ดำก็จะทิ้งชื่อไว้ที่นี่ ไม่เหมือนพวกหน้าตัวเมียอย่างพวกเอ็งหรอก!” เด็กชายตัวเล็กพุ่งเข้าใส่กลุ่มชายฉกรรจ์ทั้งห้าอย่างไม่เกรงกลัว กระโดถีบคนที่อยู่หน้าสุด ก่อนจะหมุนตัวลงพื้นอย่างสวยงาม จากนั้นก็ใช้ไม้หวดไปที่ท้องของชายอีกคน หลบลูกเตะจากด้านหลังด้วยการกระโดดขึ้นสูงโดยใช้ขาที่เตะมาเป็นฐานกระโดด

แรงกระโดดถีบตัวขึ้นสูงพอๆ กับชายคนที่ 4 เขาจึงหมุนตัวเตะก้านคอของคู่ต่อสู้ พอชายคนนั้นล้มก็ใช้เป็นฐานเหยียบไปจัดการผู้ชายอีกคนที่ดูแล้วน่าจะเป็นหัวโจกของกลุ่ม

ตัวที่เล็กและเบาทำให้ดำไปนั่งบนบ่าของอีกฝ่ายได้ ใช้ขารัดคอจากนั้นก็ใช้ไม่ตีไปที่หัวสุดแรง

ปึก!

“ไปตายซะไอ้พวกหมาหมู่...อันธพาลของที่นี่อ่อนแอเกินไปแล้ว ทั้งที่ไอ้ดำเป็นพวกปลายแถวแท้ๆ ยังจัดการได้เลย หึ” เมื่อเรียบร้อยก็กระโดดตีลังกาลงพื้นจ้องมองศัตรู และกล่าวอย่างผู้เหนือกว่า

สิรินมองภาพเหล่านั้นด้วยความตะลึง เด็กตัวเล็กๆ เพียงคนเดียวแต่กลับจัดการชายตัวโตๆ ได้อย่างง่ายดาย เด็กบ้าคนนี้เป็นใครกันแน่

พึบ!

“เฮ้ย เป็นอะไรรึเปล่า” สิรินถามด้วยความตกใจ เพราะอยู่ๆ เด็กคนนั้นก็ล้มลง เมื่อไร้เสียงตอบรับเขาจึงพยุงตัวขึ้นเพื่อไปดูอาการของคนที่ช่วยชีวิตเขาไว้ ถึงจะเป็นคนบ้า แต่ก็ต้องตอบแทน อย่างน้อยคงต้องช่วยส่งไปรักษา

ชายหนุ่มที่ดูอย่างไรก็น่าจะเป็นคุณชายรักสะอาด แต่กลับเข้าไปพยุงคนบ้าที่ทั้งเปื้อน ทั้งเหม็นอย่างไม่คิดรังเกียจ หากใครได้มาเห็นคงหลงใหลผู้ชายคนนี้มากขึ้นไปอีก

“หะ...” สิรินได้ยินคำพูดอันแสนเบาหวิว จึงพยายามเงี่ยหูฟังอีกครั้ง เด็กคนนี้อาจจะบาดเจ็บตรงไหนอยู่ก็ได้

“หิว...หิวข้าว” เมื่อได้ฟังชัดๆ เขาก็ต้องตกใจอีกครั้ง มันต่างจากที่เขาคาดไว้มากเกินไป

“หึหึ ฮ่าๆ โธ่ เด็กบ้าเอ๊ย” เสียงหัวเราะดังขึ้นอย่างไม่เก็บอาการ รอยยิ้มพึงพอใจปรากฏขึ้นบนใบหน้า เสริมให้สิรินน่ามองมากขึ้นไปอีก เขามองเด็กตรงหน้าอย่างพิจารณา แล้วจึงตัดสินใจกดโทรศัพท์หาใครบางคน

“ไอ้ทิวขับรถมารับที” สิรินคิดว่าเขาคงต้องพาเด็กคนนี้ไปจัดการให้เรียบร้อย จะพากลับเองคงไม่สะดวก เพราะเขาเองขับมอเตอร์ไซค์มา จะให้คนที่สลบอยู่ซ้อนท้ายไปคงต้องหล่นลงไปแน่ๆ

“อะไรว้า กูขี้เกียจ ง่วงเว้ยยย ลูกรักของมึงหายไปไหน” ทิวคือเพื่อนไม่กี่คนของสิริน พวกเขามีฐานะไม่ต่างกันจึงเข้าใจกันได้เป็นอย่างดี ไม่ต้องมาระแวง ไม่ต้องสวมหน้ากากเข้าหากันเหมือนเพื่อนคนอื่นๆ

“วันนี้มีเรื่องอีกแล้ว พอดีมีคนเข้ามาช่วย ตอนนี้สลบอยู่ขับรถมารับหน่อยกลับเองไม่สะดวก” เสียงราบเรียบตอบกลับเพื่อน พร้อมจ้องมองคนที่อยู่ในอ้อมแขน เด็กคนนี้ผอมแห้งไปหมด คงจะไม่ค่อยกินอะไรสินะ

“ห๊ะ ทำไมพึ่งมาบอกวะ น่าน ไอ้น่านเว้ย ตื่นๆ มึงอยู่ที่ไหนว่ามา” ทิวเริ่มร้อนรน สิรินน่ะโดนอะไรแบบนี้บ่อยๆ พวกเขาเองก็ด้วย ปกติก็สู้ได้ แต่ถ้าถึงขั้นต้องให้คนมาช่วยจนหมดสติเนี่ยแปลว่าฝ่ายนั้นมีหลายคน ไม่ก็เล่นสกปรกแน่ๆ

“อยู่ที่XXX”







“มาช้า” เสียงเย็นชาเอ่ยขึ้น เมื่อเห็นเพื่อนนำรถมาจอดริมฟุตบาต เขาเดินออกมาจากตรอกนั้น แล้วยืนรอมาได้เกือบครึ่งชั่วโมง แถมยังอุ้มเจ้าเด็กผอมแห้งเอาไว้อีก ต่อให้ตัวเบาหวิว แต่อุ้มนานๆ มันก็เมื่อยจนอดบ่นไม่ได้

“โหๆ บ่นๆ มึงว่านี่กี่โมงกี่ยาม ตี 3 ครับ คุณชายสิริน กว่าเพื่อนจะลุกจากที่นอนได้แต่ละคนแทบฆ่ากันตายอยู่แล้วครับ” ทิวตอบเพื่อนกลับไปกวนๆ เมื่อเห็นว่าเพื่อนปลอดภัยดี ถึงมีแผลที่แก้มเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้สาหัสอะไร

“แล้วพวกมึงขนกันมาเพื่อ” กระจกเลื่อนลงต่ำเขาจึงเห็นเพื่อนอีก 2 คนนั่งทำหน้าสลอนอยู่ด้านใน

กลุ่มเขามี 4 คน นอกจากทิว ก็มีน่านซึ่งทำหน้าที่ขับรถกับก้องที่นั่งเบาะหลังพร้อมสื่อคำพูดผ่านสายตาว่าเร็วๆ เถอะกูง่วง หนอนหนังสือที่ไม่เหมาะจะเรียนวิศวะ แต่ก็คิดสอยห้อยตามกันมาจนได้

“ก็ไอ้ทิวไง แม่ง พูดยังกับว่ามึงปางตาย ปลุกพวกกูที่เมาค้างมาด้วยเนี่ย” น่านฟ้องสิรินในทันที ในกลุ่มเขาก็สิรินนี่แหละที่ดูพึ่งได้มากกว่าคนอื่น

“เออๆ กูผิดก็ได้ แล้วนั่น” ทิวรับผิดอย่างขอไปที ตอนนั้นเขาตกใจเกินเหตุไปนิดหน่อยเองล่ะนะ ตอนนี้รับๆ ไปก่อนขี้เกียจฟังไอ้คนปากมากบ่น จึงชี้เป้าหมายของหัวข้อสนทนาใหม่ทันที

“ขอขึ้นรถก่อนได้ไหม” คนถูกถามตอบกลับเป็นคำถามเช่นเดียวกัน ทั้งยังพูดด้วยเสียงเบื่อหน่าย แต่ปากก็ขยับยิ้มบางๆ เขารู้ว่าถึงจะบ่นกันไปแต่ทุกคนก็เป็นห่วงเขา แล้วถ้าหนึ่งในพวกนี้เป็นอะไรไปเขาก็คงเป็นห่วงไม่ต่างกัน

“อุ๊บ เหม็น” ก้องที่นั่งเบาะหลังอยู่ก่อนแล้วพูดขึ้น พร้อมจ้องมองวัตถุประหลาดที่อยู่ในอ้อมแขนของสิรินด้วยความสงสัย

“ก็นะ คนบ้าน่ะ น่าจะไปลงน้ำเน่ามา” สิรินตอบพร้อมกระชับอ้อมแขน พอเขามาในรถคนตัวเล็กก็สั่นเล็กน้อย คงจะหนาวสินะ

“ห๊ะ” ทั้งสามคนตะโกนลั่น สิรินเป็นคุณหนูที่ถูกเลี้ยงดูมาอย่างดี เขาจึงติดความเรียบร้อย การเข้าไปยุ่งกับคนบ้าที่ทั้งไม่เรียบร้อยทั้งยังสกปรกมอมแมมจึงทำให้พวกเขาแปลกใจ

จากนั้นทั้งสามก็ขยี้ตาอย่างพร้อมเพียง

“กวนตีน...เด็กคนนี้ช่วยกูไว้น่ะ ก็เลยอยากช่วย อย่างน้อยก็คงต้องพาไปรักษา” หลังจากมองภาพนั้นด้วยสายตาเอือมระอา สิรินก็ไขข้อข้องใจให้เพื่อนทันที

“อ๋อ แล้วเด็กนี่เป็นไงบ้าง โดนพวกมันอัดพร้อมมึงเหรอวะ” ทิวถามขึ้น เด็กนี่ตัวเล็ก แถมเตี้ยกว่าเขาหลายเซน ทั้งยังดูผอมแห้ง ถ้าโดนซ้อมจนสลบคงอาการหนักเอาการ

“เปล่า หิวจนสลบน่ะ ไม่ได้โดนอะไร” จากนั้นคนทั้งรถก็เงียบกริบ รู้สึกว่าวันนี้จะมีเรื่องไม่น่าเชื่อมากเกินไป เลิกเดาอะไรไปเองท่าจะดีกว่า

“แล้วจะให้กูพาไปไหน สั่งมาเลยครับคุณชาย” ทิวทำลายความเงียบด้วยน้ำเสียงยียวน เอาไว้เคลียร์ปัญหานี้ให้เรียบร้อยอย่างอื่นค่อยว่ากัน

“คอนโด”





“กูค้างนี่นะ” ประโยคนี้ไม่ใช่คำขอ แต่หากเป็นประโยคบอกเล่าของก้อง พอพูดจบเจ้าตัวก็เดินไปนอนห้องพักแขกอย่างไม่เกรงใจ

เพราะมาค้างที่นี่บ่อย จนความเกรงใจน่ะเก็บใส่กรุไปนานแล้ว

“เฮ้ยๆ ก้องรอด้วย” แล้วทิวก็เป็นรายต่อไปที่หายเข้าไปในห้อง

“มึงจะทำอะไรก่อนวะ ให้ช่วยไหม” น่านเกาหัวแกรกๆ อย่างคิดอะไรไม่ออก ก็เลยตัดสินใจถามเจ้าของห้องแทน

“จะพาไปอาบน้ำ อย่างแรกคงต้องให้หายเหม็นก่อน มึงไปนอนเหอะ เมาค้างอยู่ไม่ใช่เหรอ เดี๋ยวไปเรียนไม่ไหวซะเปล่า”

“โอเค ถ้ามีอะไรก็ปลุกได้ พวกมันด้วย” สิรินพยักหน้าตอบรับก่อนจะหายเข้าไปในห้องนอนของตัวเอง น่านมองด้วยความแปลกใจ เพราะห้องนอนเป็นพื้นที่ส่วนตัวที่แม้แต่พวกเขาก็ต้องขออนุญาตก่อนเข้า

“มันคงกลัวเสียงดังมั้ง ช่างเหอะๆ” เมื่อคิดได้ดังนั้น และปวดหัวเกินบรรยาย น่านก็เดินเข้าไปนอนกับอีก 2 คน ที่เข้าไปก่อนแล้ว

สิรินพาคนตัวเล็กเข้าไปในห้องน้ำ เปิดน้ำในอ่าง ระหว่างรอให้น้ำเต็มก็จัดการพยุงให้ร่างเล็กยืน แล้วถอดเสื้อผ้าออกจนหมด จ้องมองร่างกายสีน้ำผึ่งอย่างพิจารณา

“ผอมแห้งขนาดนี้ ไปเอาแรงมาจากไหนนะ” นั่นเป็นเรื่องที่เขาแปลกใจที่สุด ตอนอุ้มรู้สึกว่าเบา และผอม พอยิ่งเห็นชัดๆ แบบนี้ถึงรู้ว่าผอมมากกว่าที่คิด มีซี่โครงโผล่ออกมาให้เห็น ใช้ยืนยันคำพูดว่า “หิว” ได้เป็นอย่างดี

สิรินวางร่างนั้นลงในอ่างอาบน้ำ แล้วจึงหันไปถอดเสื้อช็อป และกางเกงยีนส์ เหลือไว้เพียงเสียยืดสีดำกับบ็อกเซอร์ตัวบางเท่านั้น จากนั้นเข้าไปนั่งบนขอบอ่างอาบน้ำ จัดแจงให้หัวของคนในอ่างพาดลงที่ขา แล้วเริ่มต้นการสระผม ตามด้วยการอาบน้ำ ทำความสะอาดไปทั่วร่าง เรียกได้ว่าทำความสะอาดทุกซอกทุกมุมเลยทีเดียว

ในระหว่างนั้นเขาก็ได้ยินเสียงคางฮึมฮัมของคนที่ตัวเองกำลังบริการอยู่เรื่อยๆ ส่งเสียงว่ากวนใจบ้าง พอใจบ้าง แต่ก็ไม่มีท่าทีว่าจะลืมตาขึ้นมาเลย

“นี่ๆ นี่ตื่นเถอะ ต้องแปรงฟันแล้วนะ” สิรินพาร่างเล็กออกมายืนหน้ากระจกในสภาพที่ใช้ผ้าผืนใหญ่ห่อเอาไว้ทั่วร่าง เหลือไว้เพียงหัวกับเท้าเท่านั้น

“อื้อ” แต่ดูเหมือนจะยังไม่ได้รับความร่วมมือ คนตัวเล็กก็ส่งเสียงอย่างรำคาญ สิรินไม่อยากบังคับจึงหยุดคิดสักพักแล้วก้มไปกระซิบข้างหูของคนในอ้อมกอดแทน

“อ้าปากเร็ว เดี๋ยวจะพาไปกินข้าว” ได้ผลทันที เจ้าคนหิวยอมอ้าปาก แถมยังกว้างจนสิรินอดที่จะยิ้มเอ็นดูไม่ได้

เขาจัดการแกะแปรงฟันอันใหม่ บีบยาสีฟันลงไป แต่พอเอาเข้าปากเท่านั้น

งับ! แจ๊บๆ

“เฮ้ย ห้ามกิน อันนี้ไม่ใช้ของกิน หยุดๆ”

สุดท้ายการแปรงฟันก็เต็มไปด้วยความทุลักทุเล กว่าจะแปรงฟันเสร็จก็ใช้เวลาไปมากกว่าอาบน้ำเสียอีก

สิรินวางคนที่เขาจัดแจงใส่ชุดให้เรียบร้อยลงบนเตียง ร่างนั้นใส่เพียงเสื้อยืดของเขา เพราะว่าตัวเล็กเกินกว่าที่จะใส่อะไรของเขาได้ แล้วห่มผ้าให้ พอหันไปมองนาฬิกาก็พบว่าเวลาเลยตี 5 ไปแล้ว เขาอาบน้ำให้คนตัวเล็กราวๆ 2 ชั่วโมงได้ ทั้งเหนื่อยทั้งง่วง ข้าวเอาไว้ค่อยหาให้พรุ่งนี้ก็แล้วกัน

จากนั้นเขาก็เข้าไปอาบน้ำแล้วออกมานอน พอล้มตัวลงถึงได้เห็นว่าคนข้างๆ กำลังสั่น

“หนาวเหรอ ฉันไม่ชอบนอนร้อนๆ ด้วยสิ” สุดท้ายสิรินก็ดึงคนตัวเล็กเข้ามากอดเอาไว้ เจ้าตัวพอได้รับความอบอุ่นก็ซุกหาทีเหมาะๆ จนเลิกสั่นแล้วหลับสนิทไป

จะบอกว่าไม่เพียงน่านที่แปลกใจ เขาเองก็แปลกใจตัวเองเหมือนกัน พาคนบ้ามานอนด้วยเนี่ย แล้วยังรู้สึกดีที่นอนกอดเด็กผู้ชายอีก...ดูท่าเขาจะเพี้ยนไปแล้วจริงๆ





ตี๊ด ตี๊ด ตี๊ด ตี๊ด

แป๊ก!

“อือ” สิรินกดปิดนาฬิกาปลุกข้างหัวเตียง ก่อนจะควานหาคนตัวเล็กที่เขาโอบกอดเอาไว้เมื่อคืน

“เฮ้ย! หายไปไหน” เขาลุกพรวดขึ้นมาด้วยความตกใจ คนที่นอนข้างๆ หายไปไหนซะแล้ว คงไม่ใช่หนีไปแล้วหรอกนะ คิดได้ดังนั้นก็รีบลุกออกไปดูด้านนอก

ตุ๊บ! เพล้ง! ซู่

“แหวะ อ้วก!”

เสียงอึกกระทึกดังมาจากห้องครัว ตามด้วยเสียงน้ำไหล และเสียงอ้วกของใครบางคน สิรินจึงรีบวิ่งเข้าไปดู

เขาชะงักอยู่ด้าน หน้า เพราะตกใจกับสภาพห้องครัวที่พังเละแทบไม่เหลือเคล้าเดิม เครื่องครัวกระจัดกระจายไปทั่ว และเสียงที่แตกเมื่อครู่คือบรรดาแก้วที่เรียงรายเอาไว้ในชั้นด้านบน จากความเป็นห่วงแปรเปลี่ยนเป็นโกรธแทบจะปะทุในทันที

“นายทำอะไร” เสียงเย็นทรงอำนาจดังขึ้นขัดจังหวะคนที่กำลังอ้วกหน้าดำหน้าแดง

“อ๊ะ” ดำชะงักแล้วหันมามอง น้ำตาที่คลออยู่ก็เริ่มไหลออกมาจนคนมองตกใจ

“ฮือ หิวอะ หิว หิว ฮือๆ อึกหิว” มือกุมท้อง ปากก็ร้องบอกว่าหิว ทั้งยังร้องไห้โฮเหมือนเด็กตัวเล็กๆ น้ำตา น้ำมูกเกรอะกังจนน่าสงสาร

“ฮะ...เฮ้ยๆ อย่าร้องสิ อย่าร้องๆ” กลายเป็นว่าสิรินลืมความโกรธไปในทันที เห็นอาการนั้นแล้วแม้แต่คนอย่างเขาเองก็ทำอะไรไม่ถูก

“แง โฮๆ หิว หิว อึก ข้าว อ่า ฮือ” เสียงร้องยังคงดังลั่น จนคนอื่นๆ ก็พลอยตื่นไปด้วยเพราะได้ยินเสียงร้อง

“เป็นไรวะ” น่านถามอย่างสงสัย ถึงจะรู้ว่าเป็นคนบ้า แต่ถ้าจะร้องไห้คงมีสาเหตุบ้างล่ะนะ

ก้องเดินเข้าไปหาพร้อมกับล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกง เพราะไม่ได้เปลี่ยนเสื้อผ้าจากเมื่อคืน ของที่เอาใส่ไว้ก็เลยยังอยู่

“อ๊ะ กินสิ” ก้องยื่นช็อกโกแลตห่อสีแดงที่พกติดตัวเอาไว้แก้ง่วงไปให้ พร้อมรอยยิ้มกว้างจนตาหยีอย่างเป็นมิตร เพื่อหวังว่าอีกฝ่ายคงสงบลงถ้ารู้ว่าเขาไม่ได้อันตราย

เสียงร้องไห้หยุดลง แล้วเจ้าของเสียงร้องก็มองอย่างลังเล

พึ่บ!

พอแน่ใจแล้วถึงดึงช็อกโกแลตไปแกะกินคำโต

ส่วนคนที่เหลือก็ได้แต่มองก้องด้วยสายตานับถือ เจ้าง่วงก้องผู้สยบคนบ้า บันไซ!

“อินอีก อออีก” คนมูมมามพยายามสื่อสารกับคนใจดี ตั้งแต่โผล่มาที่นี่มีแต่คนไล่เขาเหมือนหมูเหมือนหมา หลายวันที่ผ่านมาจึงได้ต้องคุ้ยขยะกินประทังชีวิต ทำตามพวกคนจรจัดแถวนั้น ซึ่งมันมีของเน่าซะส่วนใหญ่จนเขากินแล้วอ้วก กินแล้วท้องเสียจนผอมแห้งลงกว่าแต่ก่อนมากขนาดนี้

“กินให้หมดแล้วพูดดีๆ สิ” สิรินเดินเข้ามาใกล้แล้วพูดขึ้นอย่างปลงๆ เอาเถอะก็อย่างที่ว่าไปถือคนบ้ามันจะได้อะไรขึ้นมา

อึก

“ขอบใจเอ็งมากนะ แต่ขออีกได้ไหม ไอ้ดำยังไม่อิ่มเลย” เจ้าคนหิวก็ว่าง่ายยอมกลืนช็อกโกแลตลงคอแล้วพูดรัวเร็วจากนั้นก็ส่งสายตาหมาน้อยมาให้ สายตานั้นสื่อว่า นะ นะ ไอ้ดำขอกินอีกนะ จนคนมองจะอดเอ็นดูไม่ได้

ตอนนี้สภาพที่กลับมาเป็นผู้เป็นคนแล้วดูน่ารักไม่น้อย ถึงจะดูขี้ก้างไปบ้าง แต่ดวงตากลมโตกลับทอประกายอย่างดึงดูดชวนมองอย่างน่าประหลาด

“ขอโทษนะ มันหมดแล้วล่ะ” ก้องตอบโดยไม่สนใจคำขอบคุณที่ไม่คำนึงถึงอายุของตัวเองนั่น แล้วยังไอ้คำว่าเอ็งนั่นอีก ก็นะจะไปถือคนบ้าได้อย่างไร

“หิว” เจ้าหมาน้อยดูสลดลงทันตา ไม่เพียงเท่านั้นยังลงไปนอนขดอย่างน่าสงสาร คนทั้ง 4 ก็ได้แต่จ้องมองอย่างจนใจ มึนๆ งงๆ ตามไม่ทันอารมณ์แสนแปรปรวนนั่นเลย

สิรินเห็นว่าถ้าไม่ทำอะไรสักอย่างพวกเขาคงไม่เป็นอันไปเรียนแน่ก็เลยคิดจะลองคุยดีๆ ด้วย อาจจะรู้เรื่องกว่าที่คิดก็ได้ เขาเดินไปหยิบบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป แล้วไปกดน้ำที่ตู้เย็นอัตโนมัติแสนสะดวกสบาย มันมีทั้งช่องน้ำร้อนและน้ำเย็นอย่างครบครัน

กลิ่นหอมๆ ของบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปรสหมูสับทำให้เจ้าหมาตัวโตลุกขึ้นนั่งมามองตามอย่างมีความหวัง น้ำลายก็ไหลออกมาอย่างไม่อาย

“รออีก 3 นาที ก็กินได้แล้ว มานั่งสิ” สิ้นเสียงของสิริน เจ้าลูกหมาก็วิ่งหางกระดิกไปนั่งโต๊ะอย่างว่าง่าย นั่งมองเจ้ากระป๋องกลมๆ ที่ว่างอยู่บนโต๊ะอย่างไม่วางตา

3 นาที 3 นาทีไอ้ดำก็จะได้กินแล้ว

สิรินมองภาพนั้นยิ้มๆ ก่อนจะหยิบทิชชู่มาเช็ดน้ำลายของเจ้าหมาอย่างเบามือ เจ้าหมาเองก็นั่งนิ่งไม่หือไม่อือตาจ้องเพียงของกินตรงหน้า ตอนนี้ความสนใจทั้งหมดคงอยู่ที่ตรงนั้นไปแล้ว

“ถ้าอย่างนั้นกูไปเรียนก่อนนะ มีเรียนเช้าว่ะ” ก้องเห็นว่าสิรินจัดการสถานการณ์ได้จึงขอตัว พวกเขาเรียนคณะเดียวกันก็จริงแต่กลับเรียนกันคนละสาขา บางวิชาก็เลยเรียนไม่ตรงกัน

เขาเรียนวิศวกรรมเคมี ทิวกับน่านเรียนวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ ส่วนสิรินเรียนวิศวกรรมโยธา และปีนี้พวกเขาอยู่ปี 3 แล้ว ปีหน้าคงต้องฝึกงาน วิชาที่เรียนจึงขาดไม่ได้ ต่อให้เมาค้างขนาดไหนก็ต้องฝืนสังขารไปเรียน อาจารย์แต่ละคนก็โหดๆ ทั้งนั้น เสี่ยงไทร์กันเป็นแถว

“เออ กูกับไอ้ทิวด้วย ไปนะมึง เจอกันพักเที่ยง” จากนั้นเพื่อนๆ ทั้ง 3 ของสิรินก็กลับออกไปเหลือไว้เพียงเจ้าหมาจอมหิวกับนายสิรินผู้เก็บน้องหมากลับบ้านเท่านั้น

“นี่ๆ 3 นาทีรึยัง ไอ้ดำหิว” เจ้าหมาส่งสายตาอย่างออดอ้อน เห็นแบบนั้นเขาก็พยักหน้ารับ จ้องมองคนกินที่แทบจะกินเข้าไปในคำเดียว

“แค่นี้คงไม่อิ่มสินะ แต่นายทำครัวเละไปหมดแล้ว วัตถุดิบคงใช้ไม่ได้ รออีก 30 นาทีก็แล้วกัน” พูดจบก็ถอนหายไปอย่างปลงๆ

“ของพวกนั้นไม่เห็นอร่อยเลย แข็งก็แข็ง เอ็งกินของแบบนั้นเหรอ” ดำถามอย่างสงสัย พร้อมชี้ไปที่เส้นสปาเก็ตตี้เกลื่อนพื้น มันไม่เข้าใจคนพวกนี้เลย

“มันต้องทำให้สุกก่อนถึงจะอร่อย ไม่รู้รึไง” คำถามประหลาดๆ ของดำทำให้สิรินละความสนใจจากโทรศัพท์ที่พึ่งกดสั่งพิซซ่าไป

“สุก แต่ไม่มีเตา เอ็งจะบ้าเรอะ” ไม่เพียงคำพูดประหลาดๆ สายตาที่ส่งไปให้สิรินก็เต็มไปด้วยความสงสาร เหมือนจะบอกว่า สิรินนี่ช่างโง่จริงๆ

โป๊ก!

“โอ๊ย เขกหัวไอ้ดำทำไม หาเรื่องกันเรอะ” มือกุมหัว แต่สายตากับเข่นเขี้ยว พร้อมสู้ทุกเมื่อ

“เฮ้อ ช่างเถอะ อธิบายไปนายก็คงไม่เข้าใจ” สิรินละความสนใจจากเจ้าหมา แล้วเดินไปยกเตาไฟฟ้าที่พื้นกลับไปไว้ที่เดิม

“เฮ้ยๆ อย่าจับนะมันร้อน ดูสิมือไอ้ดำพองหมดเลย” ดำลุกขึ้นมาห้ามสิริน ถึงเมื่อครู่จะถูกทำร้ายร่ายกายไปเล็กน้อย แต่สิรินก็เลี้ยงข้างเขา ไอ้ดำน่ะรู้จักบุญคุณคนนะ หลวงตาสอนมาดี

“ไปนั่งรอที่โซฟา จะทายาให้” อารมณ์ของสิรินขุ่นมัวอีกครั้ง เมื่อเห็นว่ามือเล็กๆ นั่นแดงแจ๋ คงจะเสียบปลั๊กแล้วกดเล่นเข้าถึงได้ถูกไปลวกแบบนี้ มันน่าจับตีก้นจริงๆ เลย เขาจึงยกเตาขึ้นวางด้านบนก่อนจะออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด

“โซฟา โซฟาคืออะไร” คำถามประหลาดๆ ถูกถามอีกครั้ง สิรินจึงเริ่มสงสัยความเป็นมาของเด็กคนนี้มากขึ้น ถึงเป็นคนบ้าก็ต้องรู้จักของใช้ทั่วไปได้บ้าง แต่แบบนี้เหมือนกับไม่เคยเห็นสิ่งของพวกนี้มาก่อนเสียมากกว่า

“ตามมา” คงต้องลองคุยกันดูจริงๆ สินะ การพูดคุยที่ดูมีสติ กับคำถามประหลาดๆ พวกนี้ เขาคงต้องลองค้นหาคำตอบดูสักครั้ง

ไอ้ดำก็ว่าง่ายเดินตามไปนั่งลงบนเก้าอี้นุ่มที่เรียกว่า โซฟา อย่างตื่นเต้น มันไม่เคยนั่งของแบบนี้มาก่อน มันนุ่มพอๆ กับที่นอนที่ได้นอนเมื่อคืนเลย

พวกคนมีตังค์นี่สบายกันจริงๆ เลย โอ๊ย ไอ้ดำอิจฉา

สิรินทายาแก้ไฟลวกในดำจนเสร็จ แล้วจึงเปิดปากพูดคุย

“นี่ เรามาเล่นเกมกันไหม” สิรินถามเจ้าคนที่หันไปหันมาไม่ยอมอยู่นิ่งเรียกความสนใจให้เจ้าตัวมามองเขาในทันที

“เกม อืม...ได้สิ จะเล่นอะไร บอกไว้ก่อนนะว่าถ้าเป็นเกมทอยลูกเต๋าไอ้ดำเก่งมาก ไม่เคยแพ้ใครเลยนะ” มือทุบอกบึกๆ อย่างอย่างอวดๆ แถมยังยิ้มอวดเขี้ยวขาวอย่างน่ารัก สิรินมองแล้วรู้สึกอารมณ์ดี ความขุ่นมัวจากเหตุการณ์เมื่อครู่หายไปชั่วพริบตา เจ้าเด็กคนนี้จะทำให้อารมณ์เขาเปลี่ยนไปมาง่ายดายเกินไปแล้ว

อาจจะเพราะความตรงไปตรงมาที่ไร้การแต่งแต้มนี่ล่ะมั้ง เขาซึ่งอยู่ท่ามกลางคนใส่หน้ากากเข้าหากันถึงได้รู้สึกเอ็นดูคนตรงหน้ามากขนาดนี้

“หึหึ ไม่ใช่หรอก เกมถามตอบน่ะ” จบคำตอบดำก็หน้าเสีย ส่ายหน้าระรัวปฏิเสธหัวชนฝา

“ไม่ๆ ไอ้ดำโง่ คำถามยากๆ ไอ้ดำตอบไม่ได้หรอก เปลี่ยนเกมเถอะนะ...นะ”

“อุ๊ป ฮ่าๆๆๆ ไม่ยากหรอก สัญญาเลย” สิรินหัวเราะเสียงดังอย่างที่ยากจะได้เห็น เด็กคนนี้ทำเขาอารมณ์ดีได้ขนาดนี้เชียว

“ก็ได้ สัญญาแล้วนะ” ดำไม่เข้าใจท่าทีของสิริน แต่เห็นว่าอีกฝ่ายยอมให้สัญญาก็เลยตอบรับอย่างง่ายดาย

ก็คนคนนี้ให้ข้าวไอ้ดำกิน คนที่ให้ข้าวให้น้ำคนอื่นกินน่ะต้องเป็นคนดีมากๆ แน่นอน

ไอ้ดำเชื่ออย่างนั้น...



โปรดติดตามตอนต่อไป...

________________________________________

สวัสดีค่ะ เปิดเรื่องใหม่อีกแล้ว
ใครอยากได้นิยายสายฮิลจิตใจ เก็บเรื่องนี้เข้าลิสต์ได้เลยจ้า
มาร่วมเชียร์ไอ้ดำ กับ คุณสิน ไปพร้อมๆกันนะค้าาา
ฝากตัวด้วยค่ะ
 :impress2:
*แก้ไข 28/10/62
หัวข้อ: Re: PAY เปย์ข้าด้วยบุฟเฟ่ต์สิ [เปย์ครั้งที่ 1] 02.03.2018
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 02-03-2018 13:02:42
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: PAY เปย์ข้าด้วยบุฟเฟ่ต์สิ [เปย์ครั้งที่ 1] 02.03.2018
เริ่มหัวข้อโดย: Melonlove ที่ 02-03-2018 16:39:16
 :pig4: :pig4: :3123: :L2:
หัวข้อ: Re: PAY เปย์ข้าด้วยบุฟเฟ่ต์สิ [เปย์ครั้งที่ 1] 02.03.2018
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 03-03-2018 06:18:22
คุณสิริน สายเปย์ที่แท้ทรู
หัวข้อ: Re: PAY เปย์ข้าด้วยบุฟเฟ่ต์สิ [เปย์ครั้งที่ 1] 02.03.2018
เริ่มหัวข้อโดย: มะเขือม่วง ที่ 03-03-2018 22:56:52
 :pig4:
หัวข้อ: เปย์ครั้งที่ ๒ (รีไรท์)
เริ่มหัวข้อโดย: GreenHead(หัวเขียว) ที่ 05-03-2018 15:00:11
เปย์ครั้งที่ ๒ (รีไรท์)


‘มีเงินนับเป็นน้อง มีทองนับเป็นพี่’

เมื่อมั่งมีเงินมีทองแล้ว ใครๆ ก็อยากประจบอยากเข้ามาเป็นญาติพี่น้องด้วย



“ฉันชื่อสิน นายชื่อดำสินะ แล้วชื่อจริงกับนามสกุลล่ะ” สิรินเก็บสีหน้ากลับมาสุขุมอีกครั้ง แล้วจึงแนะนำตัวเองก่อนเริ่มตั้งคำถาม

“ไอ้ดำก็ชื่อไอ้ดำ แต่ไอ้ดำเป็นเด็กวัดไม่มีนามสกุลหรอก” ดำงงกับเกมถามตอบของสิริน

ถ้ามันง่ายขนาดนี้ไอ้ดำพร้อมตอบทุกข้อเลย ฮ่าๆ

“เด็กวัด” สิรินทวนคำอย่างแปลกใจ ดูอย่างไรเด็กคนนี้ก็เป็นคนบ้า เขานึกว่าจะได้คำตอบที่ดูเพ้อฝันมากกว่านี้เสียอีก อย่างเช่น ฮีโร่ผู้ผดุงความยุติธรรม อะไรแบบนั้น

“ใช่ๆ ไอ้ดำอยู่กับหลวงตา แล้วก็พวกพี่ๆ น้องๆ ที่เป็นเด็กวัดด้วยกัน” ดำยิ้มซื่อยืนยันคำตอบของตัวเอง

“ชื่อวัดล่ะ” สิรินเก็บความสงสัยเอาไว้แล้วถามต่อ อย่างไรก็ต้องรู้ความเป็นมา อาจจะช่วยส่งดำกลับบ้านได้

“วัดทำนบ” ไม่คุ้นเลยแฮะอยู่ต่างจังหวัดอย่างนั้นเหรอ

“วัดทำนบอยู่ที่ไหน”

“อยู่ที่บางกอก”

“บางกอก กรุงเทพฯ น่ะเหรอ” ความแปลกใจถาโถมมากขึ้น ปัจจุบันใครๆ ก็เรียงเมื่อหลวงของประเทศไทยว่า กรุงเทพฯ ทำไมดำถึงเรียกแบบนั้นล่ะ

“กรุงเทพฯ คือที่ไหน บางกอกก็คือบางกอกสิ เอ็งนี่ถามแปลกๆ” ดำขมวดคิ้วมุ่น

แค่ชื่อก็ไม่เหมือนกันแล้วจะเป็นที่เดียวกันได้อย่างไร ไอ้ดำว่าแล้วคนใจดีคนนี้โง่จริงๆ ด้วย

สิรินเองก็ครุ่นคิด อาจจะเพราะดำเป็นคนบ้าก็เลยอาจคิดว่าตัวเองเป็นคนสมัยก่อนก็ได้ล่ะมั้ง คนบ้ามีหลายแบบอยู่ด้วย

“นี่ไอ้ดำขอเป็นคนถามบ้างได้รึเปล่า” ดำเห็นสิรินเงียบไปจึงเอ่ยปากถาม เขาไม่รู้ว่าตัวเองโผล่มาอยู่ที่ไหน แต่มีหลายสถานที่ที่เขาเดินผ่านแล้วเหมือนกับที่ที่เขาจากมา ถึงจะเปลี่ยนไปมากจนน่าตกใจก็เถอะ

“อืม ได้” สิรินตอบรับ ให้อีกฝ่ายถามบ้างก็แฟร์ดี

“กรุงเทพฯ ของเอ็งคือที่ไหน” เขาอยากรู้ว่าทำไมคนคนนี้ถึงเข้าใจผิดว่าบางกอกคือกรุงเทพฯ ก็เลยลองถามดูบ้าง

“ที่นี่ จังหวัดนี้ไง ที่นี่เรียกว่ากรุงเทพฯ” ถึงดำจะโง่ แต่มีสถานที่คุ้นตาหลายที่ ถนนหนทางเปลี่ยนไปบ้างแต่เส้นทางส่วนใหญ่ยังคงเดิม ดำจึงคิดว่าที่นี่ต้องเป็นบางกอกแน่ๆ บางกอกที่เปลี่ยนไปจนให้ความรู้สึกน่าพิศวงในความรู้สึก จนเขาคิดไปว่าที่นี่อาจจะเป็นบางกอกที่อยู่บนสวรรค์

แต่แดนสวรรค์ไม่มีทางที่จะสกปรกเต็มไปด้วยขยะ ทั้งยังมีคนใจร้ายมากมายขนาดนี้แน่นอน สิ่งเดียวที่ดำคิดว่าพอเป็นไปได้นั่นคือ เขามายังอนาคตที่ยังมาไม่ถึงนั่นเอง

“ปีนี้ปีพุทธศักราชอะไร” มือของดำกำแน่นอย่างลุ้นระทึกหลังจากที่เอ่ยคำถามออกไป

ถ้าเรื่องที่คิดเป็นจริงล่ะก็ ไอ้ดำจะทำอย่างไรดีล่ะ ไม่ ไม่ มันต้องไม่ใช่ล่ะน่า

“2561” สิรินแปลกใจในท่าทีที่เปลี่ยนไปของดำ เด็กคนนี้อยู่ดีๆ ก็มีบรรยากาศกดดัน รู้สึกถึงความมุ่งมั่นของอีกฝ่าย ดวงตากลมโตดวงนั้นเหมือนคาดหวังอะไรบางอย่าง จนเขาเองยังลำบากใจที่จะตอบ

“อ้าก!! ไอ้ดำมาอนาคต เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้ แต่ๆ คลองแสนแสบก็น้ำเน่า หรือว่าอนาคตคลองสวยๆ นั่นจะเน่า โอ้ไม่นะ ปลาจ๋า แล้วแบบนี้ไอ้ดำจะกินอะไรเวลาไม่มีคนมาทำบุญล่ะ แบบนี้ไอ้ดำก็จะหิวๆ ไอ้ดำตายแน่ ไอ้ดำตายแน่” ดำสติแตกทันทีที่ได้ยินคำตอบซึ่งตนไม่ต้องการให้เป็น จากที่นั่งอยู่ดีๆ ก็ลุกขึ้นวิ่งไปมาทั่วห้องอย่างไม่อาจสงบสติลงได้

“เฮ้ เป็นอะไร” เจ้าของห้องมองภาพเหล่านั้นด้วยความตกใจ คำพูดที่หลั่งไหลออกมามันเร็วจนฟังไม่รู้เรื่อง ส่วนเจ้าของเสียงก็วิ่งไปมาจนเขาทำตัวไม่ถูก

“ไอ้ดำมาอนาคตล่ะ ไอ้ดำมาอนาคต หรือว่าที่นี่คือความฝัน ไอ้ดำตายไปแล้วสินะ ต้องใช่แน่ เลย ใช่ ใช่แล้ว โอ๊ย ไอ้ดำก็คิดไปได้ว่ามาอนาคต ฮ่าๆๆๆ” ถึงเสียงที่ตอบสิรินจะเหมือนจะกำลังเฮฮา แต่น้ำตากลับไหลอาบแก้ม ดูได้ไม่ยากว่าคนพูดกำลังหาข้ออ้างให้ตัวเอง ซึ่งมันสวนทางกับความเป็นจริง

“อย่าอาละวาดสิ เฮ้อ” สิรินรู้สึกจนใจอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน แต่ในความรู้สึกนั้นเขากลับเอนเอียงไปกับคำพูดของดำ

“เอ็งไม่เข้าใจไอ้ดำก็พูดได้สิ ไอ้ดำโดนพวกหมาหมู่นั่นวิ่งไล่จนกระโดดลงน้ำหวังให้รอดไปอีกฝั่งแท้ๆ แต่กลับมีคนวางแหไว้ในน้ำ ขาไอ้ดำติด ไอ้ดำจมน้ำ พอฟื้นน้ำก็เน่า มีป้ายเขียนว่าแสนแสบ แต่ไอ้ดำแน่ใจว่าต้องไม่ใช่แน่ๆ บ้านริมคลองก็หายไปเกือบหมด มีแต่ก็บ้านสี่เหลี่ยมสูงๆ เต็มไปหมด พอจะเข้าไปถามใครก็มีแต่คนไล่หาว่าไอ้ดำเป็นบ้า พึ่งเจอ พึ่งเจอคนใจดีกับไอ้ดำครั้งแรกหลังจากที่มา แต่ว่าถึงจะใจดีแต่ช่วยไอ้ดำไม่ได้หรอก ไอ้ดำจะกลับอย่างไร กระโดดกลับไปตั้งหลายรอบแต่ก็โผล่มาที่เดิม ฮือ ไอ้ดำอยากกลับบ้าน”

“ดำ ดำ ใจเย็น ใจเย็นนะ” ดำโวยวายหนักขึ้นอีก บอกเล่าถึงความเป็นไปของตนเอง สิรินพยายามเรียบเรียงคำพูดของดำอย่างใจเย็นที่สุด เขาอาจจะบ้าไปแล้วก็ได้ที่อยากจะเชื่อคำพูดเหล่านั้นดูสักครั้ง เพราะดำดูมีสติมากเกินไปที่จะเป็นบ้า เขาคุยรู้เรื่อง ตอบคำถามได้ มีความคิดเห็นสงสัย ทั้งยังเหมือนไม่รู้จักของใช้ต่างๆ จริงๆ อย่างน้อยหากแค่เป็นบ้า ของใช้ทั่วไปเหล่านี้ก็ต้องรู้จักบ้างสิ

“ไม่ๆ ที่จริงก็หาว่าไอ้ดำบ้าเหมือนกันใช่ไหม ไม่เชื่อไอ้ดำใช่ไหม ฮึก ฮือออ” ยิ่งเห็นสิรินทำคิ้วขมวดอย่างเครียดๆ ยิ่งทำให้ดำแปลความหมายไปในทางตรงกันข้าม เขาเคยบอกใครต่อใครไปทั่วว่าไม่ได้บ้า แต่ก็ไม่เคยมีใครเชื่อเขาเลยสักคน แม้แต่พวกจรจัดที่คุ้ยขยะด้วยกันยังหัวเราะเยาะหาว่าเข้าบ้า

“เชื่อแล้ว ฉันเชื่อแล้วดำ หยุดร้องก่อนนะ” คนตัวโตเห็นท่าทางว่าดำจะกลับมางอแงอีกครั้ง จึงดึงคนตัวเล็กเข้ามากอดเอาไว้ ดำจึงเสียหลักนั่งอยู่บนตักของสิรินแทน สิรินลูบหลังลูบหัวปลอบใจ หวังคลายความรู้สึกแตกตื่นของดำ ไม่ต่างจากกอดปลอบเด็กตัวเล็กๆ เลย

“ฮือ ฮือ ฮือ เชื่อนะ เชื่อนะ เชื่อไอ้ดำนะ ฮือ” ดำร้องไห้สะอึกสะอึกสะอื้นกอดสิรินอย่างโหยหาความอบอุ่น ไขว่คว้าคนที่บอกว่าเชื่อในสิ่งที่เขาพูด ถึงจะอายุ 15 แล้ว แต่ดำก็ยังเป็นเด็กคนหนึ่ง เขารู้สึกเหงา รู้สึกโดดเดี่ยว รู้สึกเคว้งไปหมดตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา

แม้จะเป็นอันธพาลคนหนึ่งแต่เวลานี้ดำกลับยอมทิ้งศักดิ์ศรีของตน ร้องไห้ในอ้อมกอดของสิริน หวังให้คนใจดีเชื่อที่เขาพูด แค่เพียงสักคนที่เชื่อ ดำก็จะกลับมาเข้มแข็งอีกครั้งอย่างแน่นอน

“ดำตอบคำถามฉันอีกข้อนะ” หลังจากที่คนตัวเล็กร้องไห้จนพอใจ เหลือไว้เพียงเสียงสะอื้นเบาๆ สิรินก็ตัดสินใจถามคำถามอีกข้อที่เหลืออยู่ คำถามที่เขาคิดว่าจะลองเชื่อมันดูสักครั้ง...เขาคงบ้าไปแล้วจริงๆ สินะ

“อื้อ” เสียงอู้อี้ตอบออกมาทั้งที่ยังซบหน้าลงบนอกของสิริน

“ที่ที่นายอยู่คือที่ไหน ปีอะไร”

“บางกอก ปี 2499” ดำตอบเสียงอู้อี้แต่ก็ยอมเงยหน้ามาสบตาสิรินเพื่อยืนยันคำตอบ ดวงตาแดงก่ำอย่างน่าสงสาร คนตัวโตรู้สึกเหมือนหัวใจปวดหนึบขึ้นมาจึงกระชับอ้อมกอดนั้นให้แน่นขึ้น

เขาอาจจะยังไม่ได้เชื่อดำเต็มร้อย แต่มันคงมากกว่า 50% ไปแล้ว เจ้าตัวเล็กที่ดูน่าทะนุถนอมขนาดนี้คงไม่เป็นบ้า หรือตั้งใจหลอกเขาเพราะทุกสิ่งที่แสดงออกมาล้วนเต็มไปด้วยความตรงไปตรงตรงมาอย่างจริงใจ สิรินคลุกคลีกับการหลอกลวงมาทั้งชีวิตจะมองไม่ออกได้อย่างไร

กริ๊ง!

เสียงออดหน้าประตูทำให้สิรินยอมคลายอ้อมกอดจึงพึ่งเห็นว่าดำจ้องเขาตาแป๋วเหมือนหมาน้อยที่ไม่เข้าใจการกระทำของเจ้านาย แต่ก็ไม่ประท้วงสิ่งใดออกมาให้เจ้านายลำบากใจ

ดำเลิกร้องไห้ได้สักพักแล้วตั้งแต่ตอบคำถามขอสิริน แต่เมื่อเห็นคนตัวโตยิ่งรัดเขาแน่นจึงไม่ได้ขัดขืน

ก็มันอุ่นดีเหมือนกัน ถ้าคนใจดีอยากกอดไอ้ดำก็ไม่ว่าหรอก

“เอ่อ นั่งรอตรงนี้นะ เดี๋ยวฉันมา” สิรินเป็นฝ่ายเก้อกระดากเมื่อคิดได้ว่ากอดดำนั่งบนตักนานพอควร ทั้งยังลูบไล้อีกฝ่ายไปทั่วจึงทำตัวไม่ถูกได้แต่บอกให้ดำรอแล้วขอออกไปรับพิซซ่าด้านนอกเพื่อทำใจให้สงบลงเสียก่อน

เจ้าหมาก็ว่าง่ายพยักหัวงึกๆ อย่างเชื่อฟัง นั่งรอนิ่งๆ จนสิรินเดินกลับมา กลิ่นหอมที่ลอยมาตามอากาศทำให้ดำละความสนใจจากสิ่งของที่วางรอบห้องย้ายสายตาไปยังกล่องสี่เหลี่ยมที่สิรินถือมาแทน ตากลมโตพราวระยับด้วยความดีใจ จนเหมือนมีหูหางงอกแกว่งไปมาก็ว่าได้

สิรินยิ้มบางๆ เมื่อเห็นเจ้าหมาน้อยอยากเข้ามาดูกล่องพิซซ่าในมือเขาจะแย่แต่ยังคงทำตามคำสั่ง ไม่ลุกขึ้นจากที่นั่งแม้แต่น้อย มีเพียงสายตาจับจ้องมาจนเหมือนจะหลุดออกมาจากเบ้าเท่านั้น

เขานึกสนุกจึงลองโยกกล่องพิซซ่าไปทางซ้ายทีขวาทีเพื่อรอดูปฏิกิริยาของอีกฝ่าย และเป็นดังคาดดำหันหน้าไปมาตามการเคลื่อนไหวของกล่องอย่างน่ารัก จนสิรินต้องกลั้นหัวเราะให้เหลือเพียงเสียงขลุกขลักในคอเท่านั้น

เจ้าหมาส่งสายตาเว้าวอนเมื่อกล่องพิซซ่าไม่ถูกวางลงตรงหน้ามันเสียที ใบหน้านั้นน่าสงสารจนสิรินยอมใจอ่อนนำพิซซ่าไปวางไว้บนโต๊ะด้านหน้าของดำจนได้

“อะ...ไอ้ดำขอกินได้ไหม” ดำเอ่ยตะกุกตะกัก ใจเขาน่ะอยากเปิดกล่องสี่เหลี่ยมตรงหน้าแล้วยัดของข้างในเข้าปากเคี้ยวลงท้องไปนานแล้ว แต่ก็ติดที่มารยาทซึ่งหลวงตาพร่ำสอนมา ของของคนอื่นเราจะหยิบมาโดยไม่ขออนุญาตไม่ได้

“หึหึ ได้สิ กินเลย ฉันสั่งมาให้ดำกินนั่นแหละ”

สรุปว่าเป็นของไอ้ดำแล้วนะหลวงตา ไอ้ดำกินได้ ฮ่าๆๆ

ดำเปิดกล่องด้วยสายตาพราวระยับ แผ่นแป้งกลมๆ ถูกวางเอาไว้ มันถูกตัดออกเป็นชิ้นสามเหลี่ยมทั้งหมด 8 ชิ้น บนแผ่นแป้งก็มีของที่สีเหมือนเนื้อหมูวางกระจัดกระจายอยู่เต็มไปหมด มันถูกหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ และบางด้วยขนาดที่เท่ากัน มีก้อนสามเหลี่ยมเล็กๆ สีเหลืองวางอยู่ปะปราย และด้านบนมีของของที่เหมือนแป้งเปียกราดอยู่ด้วย

อาหารจานนี้แปลกตามาก แต่หากส่งกลิ่นหอมเย้ายวนจนดำไม่ยั้งคิดให้เสียเวลา รีบหยิบมันขึ้นมายัดเข้าปากอย่างอดใจไม่ไหว

อา สีแดงนั่นเป็นเนื้อหมูเหรอ แต่ทำไมมันอร่อยกว่าปกติล่ะ อร่อยกว่ามากๆ เลย ส่วนสามเหลี่ยมสีเหลืองคือสับปะรดซึ่งมีรสหวานอมเปรี้ยวเข้ากับของที่ราดไว้ด้านบนได้เป็นอย่างดี และที่อร่อยที่สุดคงเป็นของที่ราดอยู่ข้างบนนี่ล่ะ ไอ้ดำไม่รู้ว่าอะไร รู้แค่ว่ามันอร่อยมาก นี่เป็นครั้งแรกที่ไอ้ดำได้กินของอร่อยขนาดนี้ ปกติได้กินแต่ของที่เหลือจากที่หลวงตาฉันท์รวมๆ กันจนไร้รสชาติ เพียงกินให้อิ่มเท่านั้น

“อึบ” ดำรีบๆ เคี้ยวจนสิรินยังกลัวอีกฝ่ายจะติดคอ

“มันคืออะไร อร่อยมากๆ ไอ้ดำชอบ” ดำที่กลืนพิซซ่าคำโตลงในกระเพาะจนหมดปากก็เอ่ยปากถามในทันที

หลวงตาสอนมาว่า อย่าพูดตอนเคี้ยวข้าว ไอ้ดำเชื่อฟังอย่างดีเลยล่ะ

สิรินก็เพียงแปลกใจที่ดำรีบกลืนในตอนแรก แต่พอเห็นเจ้าคนหิวทำเพื่อถามคำถามก็เลยยิ่งเอ็นดูมากขึ้นไปอีก ถึงบอกว่าเป็นเด็กวัดแต่มีมารยาทจนบางคนต้องอาย

“พิซซ่า”

“พิซซ่า เหรอ ไอ้ดำไม่เคยได้ยินแฮะ อาหารฝรั่งเหรอ” คำตอบไม่คุ้นหูนั่นทำให้ดำถามต่ออย่างอยากรู้อยากเห็น

ของที่อยู่ในอนาคตถ้ามันอร่อยขนาดนี้ไอ้ดำไม่อยากกลับแล้วก็ได้ ขอเที่ยวสักพักคงไม่เป็นไรล่ะมั้ง ทางกลับค่อยหาทีหลัง อยู่แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน

ดำคิดอย่างตื่นเต้น เมื่อลองจินตนาการว่าในอนาคตที่เขาได้มาอยู่ตอนนี้จะมีของอร่อยอะไรบ้าง ถ้ามันอร่อยขนาดนี้ขออยู่ชิมจนครบค่อยกลับก็ได้ คิดอย่างมักง่ายเช่นนั้น...

“ใช่แล้ว กินเถอะ เดี๋ยวฉันต้องออกไปเรียน จะสอนวิธีอยู่ห้องก่อนออกไปนะ” สิรินตอบดำก่อนจะหยิบสปาเกตตี้มาเปิดกิน สำหรับเขาแค่นี้ก็พอแล้ว ส่วนคนตัวเล็กพิซซ่าทั้งกล่องนั่นจะอิ่มรึเปล่านะ

“อื้อๆ” ดำได้รับคำตอบก็นั่งก้มหน้าก้มตากิน ก่อนจะนึกได้ว่าเข้ากินเกือบหมดถาดแล้ว เหลือชิ้นเดียวเอง ส่วนสิรินน่ะยังไม่ได้หยิบเลยสักชิ้นเดียว

ถาดพิซซ่าถูกเลื่อนมาตรงหน้าสิรินซึ่งกำลังนั่งจดจ้องดำตลอดเวลาที่กิน ก็ดำน่ะกินได้น่าอร่อยสุดๆ เห็นแล้วเจริญอาหารตามเลยเชียวล่ะ

“หือ อิ่มแล้วเหรอ” คำตอบที่ได้รับมาคือการส่ายหัวปฏิเสธ แปลว่าดำยังไม่อิ่ม

“ถ้าไม่อิ่มก็กินเถอะ”

“แต่เอ็งยังไม่ได้กิน ไอ้ดำขอโทษ กินเพลินไปจนเหลือชิ้นเดียวเอง” ดำกล่าวอย่างรู้สึกผิด ปกติเขาต้องแบ่งข้าวให้คนอื่นอย่างเท่าๆ กันแท้ๆ แต่ตอนนี้ดำกลับกินจนเกินส่วนของตัวเองไปแล้ว

หลวงตาไอ้ดำขอโทษ ไอ้ดำละเมิดข้อห้ามแล้ว

“กินเถอะ ฉันสั่งมาให้ดำทั้งหมดนั่นแหละ ฉันกินนี่แล้ว อิ่มมากกินต่อไม่ไหวหรอก” เสียงที่เต็มไปด้วยความเอ็นดูทำให้ดำกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง กลายเป็นว่ายิ่งมองสิรินอย่างเทิดทูนเป็นผู้มีพระคุณเหนือหัวไปแล้ว

“อันนี้ด้วยนะ ไก่ทอด กับขนมปังกระเทียม” ดำละสายตาจากพิซซ่าชิ้นสุดท้ายไปสนใจเจ้ากล่องสี่เหลี่ยมอีกกล่อง และก้อนรียาวที่ถูกห่อด้วยกระดาษ ความอยากรู้อยากลองทำให้ดำรีบเปิดออกมามอง ของที่อยู่ข้างในยั่วน้ำลายดำอีกแล้ว

ถ้าคนใจดีบอกกินได้ไอ้ดำก็ไม่เกรงใจล่ะนะ

“เรียกฉันว่า คุณสิน นะดำ” ดำตาโตก่อนจะรีบเคี้ยวให้หมดเพื่อตอบรับคำพูดของสิริน

“เข้าใจแล้ว คุณสิน เรียกไอ้ดำว่า ไอ้ดำก็ได้” รอยยิ้มที่โชว์ซี่ฟันขาวดูเจิดจ้าจนสิรินอดที่จะยื่นมือออกไปลูบหัวไม่ได้

“เดี๋ยวฉันจะออกไปเรียนขอไปอาบน้ำก่อนนะ กินแล้วก็นั่งรอ ไม่ต้องทำอะไร เข้าใจนะ” สิรินกำชับเพราะจากสภาพห้องครัวแล้วการปล่อยให้ดำเพ่นพ่านไปทั่วไม่ใช่ความคิดที่ดี

ดำกระพริบตาปริบๆ ด้วยความงุนงงๆ แต่ก็ยอมผงกหัวยอมรับอย่างว่าง่าย สิรินเห็นเช่นนั้นจึงเข้าไปจัดการตนเองในห้องนอน ส่วนดำก็มองตามจนอีนคนหายลับเข้าไปหลังบานประตู จึงก้มหน้าก้มตากินต่อ

ไอ้ดำไม่เคยกินอิ่มขนาดนี้มาก่อนเลย เอิ้ก!





*แก้ไข 29/10/62
หัวข้อ: เปย์ครั้งที่ ๒ (๒) (รีไรท์)
เริ่มหัวข้อโดย: GreenHead(หัวเขียว) ที่ 05-03-2018 15:01:04
(ต่อ)

ขยะถูกเก็บลงถุงแล้วมัดไว้เป็นอย่างดี ส่วนคนที่ทำก็นั่งจ้องมองมือตัวเองนิ่งๆ เหมือนกำลังครุ่นคิดเรื่องบางอย่าง บรรยากาศที่เคยสดใจกลายเป็นหม่นหมอง สิรินออกจากห้องมาเห็นเข้าก็รีบสาวเท้าเดินเข้าไปลูบหัวให้อีกฝ่ายคลายกังวล

“เป็นอะไรไป หือ” สิรินนั่งลงข้างๆ แล้วถามขึ้น ดำจ้องมองเขาเหมือนกำลังตัดสินใจอะไรบางอย่างแล้วจึงเอ่ยปากถาม

“คุณสินจะทำอย่างไรกับไอ้ดำต่อ ไอ้ดำควรไปอยู่ที่ไหน” ความเจ็บปวดสะท้อนจางๆ ในดวงตา ทำให้สิรินรับรู้ได้ว่า ดำคงอยากอยู่กับเขา แต่ไม่กล้าขอร้องคนแปลกหน้าอย่างเอาแต่ใจ

“เรื่องนั้นค่อยคิดเถอะนะ วันนี้ดำอยู่รอฉันก่อน ตอนเย็นจะมารับไปกินข้าว ฉันไม่เอาดำไปทิ้งหรอก” สิรินกล่าวอย่างอ่อนโยน เขาต้องคิดเรื่องดำอย่างถี่ถ้วน เขาเชื่อว่าดำไม่ได้บ้า เช่นนั้นดำก็ต้องเป็นคนที่ไม่มีประวัติในทะเบียนราษฎร์ จะทำอย่างไรต่อเขาต้องคิดอย่างรอบครอบ

“จะไม่ทิ้งไอ้ดำจริงๆ นะ” แววตาทอประกายออดอ้อนทำให้สิรินใจกระตุกไปชั่วขณะอย่างประหลาด แต่เขาก็เลือกที่จะไม่สนใจมัน ปล่อยผ่านไปเช่นนั้นแล้วมุ่งความสนใจไปที่การสอนให้ดำรออยู่ในห้องแทน

“แน่นอน” สิรินได้รับรอยยิ้มสว่างจ้าตอบกลับมา ทำให้สิรินหัวใจชุ่มชื้น จึงรีบสอนให้ดำคุ้นชินกับห้องนี้เร็วๆ

ดำบอกว่าในยุคนั้นก็เคยดูโทรทัศน์ตอนที่ไปบ้านของลูกพี่ซึ่งเป็นหัวหน้าแก๊งอันธพาล เพราะที่วัดไม่มี มันเป็นเพียงภาพขาวดำ ทั้งยังเล็กกระจิริด เมื่อรู้ว่ากล่องสีเหลี่ยมสีดำที่ติดผนังอยู่ตรงหน้ามาตลอดคือโทรทัศน์ก็ตื่นเต้นจนลืมความรู้สึกเมื่อครู่ไปเสียสนิท

จากที่สอนใช้โทรทัศน์ก็ต่อด้วยการรับโทรศัพท์บ้านซึ่งอยู่ในห้องนั่งเล่น สิรินบอกถึงการสื่อสารที่ไม่ต้องเห็นหน้า ดำยิ่งตาโตอย่างไม่อยากเชื่อ ดูแล้ววันนี้ทั้งวันต้องนั่งจ้องโทรศัพท์ให้เขาโทรหาอย่างแน่นอน

สิรินลังเลที่จะสอนดำเปิดปิดประตูห้อง เพราะกลัวดำออกไปเดินข้างนอกแล้วหลงไปไหน แต่สุดท้ายก็สอนเอาไว้เผื่อมีเหตุฉุกเฉิน แต่กว่าจะเรียบร้อยก็ปาไปเกือบ 11 โมงแล้ว

หลังจากเปิดทีวีให้ดำก็เลือกช่องจนจบลงที่การ์ตูนยอดฮิตอย่างโดราเอม่อน ซึ่งดูจะสนใจเป็นเอามาก เพราะในทีวีไม่ใช่คนแต่หากเป็นตัวละครแปลกประหลาด สิรินอธิบายเรื่องตัวการ์ตูนสั้นๆ ถึงสุดท้ายดำยังคงทำหน้างงๆ แต่ก็ยิ้มกว้างอย่างสนใจอยู่ดี สิรินจึงเลิกล้มความตั้งใจที่จะอธิบายแล้วลุกขึ้นเตรียมไปเรียน บอกลาดำเล็กน้อย ทั้งยังกำชับให้อยู่เพียงในห้อง

ก่อนปิดประตูสิรินก็ยังคงยิ้มให้กับภาพที่เห็น เพราะดำนั่งจ้องเจ้าตัวการ์ตูนสีฟ้าไปสักพักและเหมือนนึกขึ้นได้ว่ามีโทรศัพท์อีกเรื่องที่น่าสนใจ จึงหันไปหันมาไม่หยุด เหมือนจะเลือกไม่ถูกว่าเวลาที่เหลือดำควรจดจ้องสิ่งใดดี

สิรินไม่ได้เข้าไปห้าม เขาเพียงส่ายหัวอย่างปลงๆ แต่หากริมฝีปากยังประดับด้วยรอยยิ้มแล้วจึงปิดล็อกห้อง วันนี้คงเป็นวันที่เขายิ้มบ่อยที่สุดแล้ว





โรงอาหารคณะวิศวะเต็มไปด้วยผู้คน หากมาเวลานี้คงไม่มีทางหาที่นั่งได้ สิรินจึงมองหาเพื่อนๆ ที่บอกว่ามาจองโต๊ะรออยู่ก่อนแล้ว เพียงไม่นานก็หาเจอด้วยความโดดเด่นของพวกเขา

“โอ๊ะ มาแล้ว เป็นยังไงบ้างวะ” น่านถามเป็นคนแรกด้วยความเป็นห่วง เพราะเมื่อเช้าพวกเขาปล่อยเพื่อนให้อยู่กับคนบ้าเพียงลำพัง ถึงแม้จากรูปร่างแล้วจะไม่น่าเป็นห่วงเพื่อนเขาเท่าไหร่ แต่ถ้าสิรินโมโหขึ้นมาคนที่น่าเป็นห่วงคงจะเป็นเด็กคนนั้น จะให้เพื่อนเข้าคุกข้อหาฆ่าคนตายก็คงไม่เหมาะเท่าไหร่

“หือ ก็ดี” คำตอบของเพื่อนที่ดูขอไปทีทำให้พวกเขาทั้งสามประหลาดใจ ปกติสิรินจะเป็นคนพูดตรงๆ ไม่ถนอมน้ำใจใคร จึงน่าแปลกที่จะได้คำตอบเช่นนี้จากสิริน

“ก็ดีคืออะไรวะสิน กูงง เด็กนั่นอาละวาดก็ดี หรือมึงอัดเด็กนั่นไปแล้วก็ดี ไขข้อข้องให้กูที” หลังจบคำพูดของทิว น่านกับก้องก็พยักหน้าเห็นด้วยกับคำถาม

“กูดูร้ายขนาดนั้น...แต่เอาเข้าจริงถ้าอัดกันกูอาจจะเป็นฝ่ายเละก็ได้ หึหึ” สิรินพูดแล้วก็นึกไปถึงเหตุการณ์เมื่อคืน การต่อสู้ที่ดูไม่สมตัวของดำทำให้เขาทึ่ง พอลองคิดๆ ดูแล้ว เขาที่ไม่ได้ถูกเล่นทีเผลอทั้งยังทีสภาพเต็มร้อย กับดำที่ตอนนี้ท้องเต็มเปลี่ยมไปด้วยของกิน มีแรงเพิ่มขึ้นมากกว่าเมื่อคืนอีกเท่าตัว ผลของการปะทะอาจจะจบลงที่เขาแพ้ก็ได้ ชั้นเชิงยิ่งกว่ามวยวัด ทั้งยังเต็มไปด้วยสัญชาตญาณการต่อสู้ยากที่จะเอาชนะจริงๆ

“หมายความว่าไงวะ” ทิวถามต่อ ยิ่งพูดยิ่งงง ชอบจริงๆ ไอ้ความกวนที่มักจะมีเผื่อแผ่ให้คนสนิทเนี่ย

“หึหึ กูจะเห็นแก่ว่ามึงน่าสงสารนะทิว เดี๋ยวจะเล่าให้ฟังทั้งหมดก็แล้วกัน” สิรินมองทิวด้วยสายตาวิบวับ แต่หากคนถูกมองกลับมีสีหน้าเต็มไปด้วยความมึนงง

จนสุดท้ายสิรินจึงเริ่มเล่าเรื่องทั้งหมดแบบคร่าวๆ คนทั้งสามจึงกลับมาสนใจเรื่องราวใหม่อีกครั้ง เลิกสนใจสายตาเมื่อครู่ของสิรินทันที

สิรินเล่าตั้งแต่ตอนที่ตนโดนตีหัวจากข้างหลังในขณะเดินผ่านซอยเปลี่ยว จนถึงตอนที่ดำเข้ามาช่วย สีหน้าสิรินเรียงเฉยในตอนแรกเปลี่ยนเป็นยิ้มมุมปากอย่างอบอุ่นเมื่อพูดถึงดำ พาให้เพื่อนๆ มองอย่างประหลาดใจ

เขาเล่าข้ามตอนอาบน้ำนอน ไปเป็นหลังจากที่เพื่อนทั้งสามมาเรียน เล่าถึงเรื่องที่ดำบอกเขา แต่ข้ามฉากที่ดำมองสิ่งต่างๆ ด้วยความตื่นเต้น พอคิดถึงภาพที่ร้องไห้ก็เอ็นดู หากแต่ไร้คำพูดใดๆ ออกมา

“กูว่าไม่น่าเชื่อว่ะ” ทิวเป็นคนแรกที่ออกความเห็น มันไม่น่าเชื่อทั้งตอนที่เด็กคนนั้นล้มเจ้าสวะ 4 ตัวนั่น ทั้งที่บอกว่าตัวเองมาจากอดีต มันเป็นเรื่องเหนือความคาดหมายมากเกินไป

“กูว่าพิสูจน์ดูอีกนิดดีกว่านะ มึงว่าไงก้อง” ก้องหยุดมือที่จ้วงข้าวจานที่ 2 เข้าปากเพื่อตอบคำถามของน่าน

“กูเชื่อ” สีหน้าทิวเต็มไปด้วยความงุนงง

“เพราะดำดูมีสติดี ถึงเมื่อเช้าจะเจอกันนิดเดียวแต่ว่าก็ฟังที่กูพูด แถมไอ้สินยังเล่าได้ขนาดนี้แปลว่าเขามีสติเชื่อฟังดี แล้วน้องมันก็น่ารักกูว่าเชื่อๆ ไปเถอะ” สิ้นสุดคำตอบที่เหมือนจะมีหลักการแต่ก็ขอไปทีของก้อง ทิวกับน่านได้แต่ถอนหายใจเฮือกอย่างปลง คิดในใจไปว่า กูไม่น่าถามมันเลย มีเพียงสิรินที่นั่งยิ้มมุมปากเป็นบ้าเป็นหลังดูอารมณ์ดีกว่าทุกวัน ทิวกับน่านจึงตัดใจที่จะห้ามเพื่อน

“ว่าแต่มึงจะเอายังไงต่อวะ ส่งสถานสงเคราะห์ป่ะ” ทิวถามต่อ เพราะถึงอย่างไรพวกเขาก็เป็นเพียงนักศึกษาจะให้ไปรับผิดชอบชีวิตเด็กคนหนึ่งมันคงเป็นไปไม่ได้

“ขอคิดดูก่อน” คำตอบที่ไม่ชัดเจนทำให้พวกเขาแปลกใจอีกครั้งแต่ก็ไม่มีใครติดใจสงสัยหรือถามออกไป คนทั้ง 4 จึงนั่งกินข้าวจนเสร็จแล้วแยกย้ายกันไปเข้าเรียน

คำพูดของอาจารย์ไม่เข้าหัวสิรินสักนิด เพราะในหัวมีเพียงคำพูดของดำ กับทิว ถามสลับไปมา

“คุณสินจะทำอย่างไรกับไอ้ดำต่อ ไอ้ดำควรไปอยู่ที่ไหน”

“ว่าแต่มึงจะเอายังไงต่อวะ ส่งสถานสงเคราะห์ป่ะ”

กว่าจะหมดเวลาเรียนสองชั่วโมงอันยาวนาน ระหว่างนั้นสิรินก็นั่งคิดหาทางออกที่ควรจะเป็น อย่างที่ทิวพูดส่งสถานสงเคราะห์คงเป็นทางเลือกที่ดี แต่เมื่อคิดถึงใบหน้าที่แต่งแต้มอารมณ์มากมายในช่วงเวลาสั้นๆ อย่างเป็นธรรมชาติก็ทำให้เขารู้สึกเสียดาย และยังมีความปวดหนึบในใจอย่างไม่ทราบสาเหตุ จึงได้แต่ปล่อยกลิ่นอายหงุดหงิดออกมาจนเพื่อนร่วมชั้นไม่กล้าเข้าใกล้

เรื่องเรียนไม่เข้าหัว ทั้งยังคิดไม่ตกทำให้สิรินนั่งอยู่ที่เดิมไม่ขยับเขยื้อน เวลาเบรก 15 นาที เขาไม่คิดที่จะออกไปพัก จากที่ตัดสินใจอะไรไม่ได้จึงกดเบอร์ต่อสายถึงคนที่เป็นต้นเหตุ

“คุณสิน! เฮ้ยๆ ร่วง! ฮู้ รับทันพอดี คุณสินไอ้ดำเอง” หัวคิ้วเริ่มคลายออกหลังจากได้ยินเสียงปลายสาย ทั้งที่พึ่งกดโทรออกไปแท้ๆ นั่นหมายความว่าดำคงนั่งจ้องโทรศัพท์อยู่จริงๆ สินะ ทั้งยังเสียงร้องลนลานนั่นอีกทำให้สิรินยิ้มบางๆ อย่างผ่อนคลาย

เพียงได้ยินเสียงก็เป็นได้ถึงเพียงนี้ เขาจะให้ดำไปอยู่สถานสงเคราะห์ได้อย่างไร ถ้าจะทำเช่นนั้นจริงๆ คงไม่ต้องมาคิดมากอยู่เช่นนี้

“ดำอยากอยู่กับฉันรึเปล่า” สิรินถามออกไป เขาตัดสินใจได้แล้ว แต่คงต้องถามความเห็นคนอยู่เสียก่อน

“อื้อ ไอ้ดำอยากอยู่ อยากอยู่กับคุณสิน คุณสินใจดี ข้าวอร่อย ฮี่ๆ” เสียงของดำตอบกลับมา ถึงสิรินจะคาดไว้แล้วแต่ก็รู้สึกชุ่มชื่นหัวใจอย่างประหลาด ทั้งยังคำที่บอกออกมาตรงๆ แบบนั้นมันน่าตีจริงๆ

“ตกลงอยากอยู่กับฉันเพราะข้าวอร่อยสินะ” สิรินถามกลับไปด้วยเสียงเรียบนิ่ง แต่หากยกยิ้มมุมปากอย่างขบขัน

“เฮ้ย ไม่ๆ ไม่ใช่ คุณสินใจดี...แต่ข้าวก็อร่อยนี่นา” ไม่วายที่จะต่ออีกประโยคอันแสนเบาหวิว แต่กระนั้นสิรินก็ยังคงได้ยินเสียง

“หึหึ ถ้าอย่างนั้นรออีก 30 นาที เปิดประตูรับของด้วยนะ” คอยดูเถอะจะขุนให้อ้วนเลย เจ้าจอมตะกละเอ๊ย

“จำได้ใช่ไหมเมื่อเช้าฉันบอกว่าอะไร” สิรินไม่ลืมจะย้ำ เพราะกลัวดำจะมีอันตราย

“ห้ามเปิดประตูให้คนแปลกหน้า คนที่จะเอาของมาให้คือลุงยามที่เจอเมื่อเช้า ไอ้ดำเก่ง ไอ้ดำจำได้” เสียงเจื้อยแจ้วชมตัวเองอย่างไม่อายปาก ทำให้สิรินเผยยิ้มกว้างอย่างไม่คิดจะมี

“ใช่ ดำเก่งมาก...แค่นี้ก่อนนะ ฉันต้องเรียนต่อแล้ว” สิรินวางสายเมื่อเห็นว่าเริ่มมีคนทยอยกลับเข้ามา รอยยิ้มของเขามีไว้ให้คนสนิทเท่านั้น

“ครับๆ คุณสินตั้งใจเรียนนะ” แต่ก็หลุดยิ้มอีกครั้งด้วยคำบอกกล่าวเล็กๆ น้อยๆ แสนธรรมดาประโยคหนึ่ง

“อืม วางแล้วนะ” สิรินวางสายทั้งที่รอยยิ้มยังประดับมุมปาก แล้วก้มหน้าก้มตากดโทรศัพท์เปิดแอพฯ สั่งเดลิเวอรี่

“เปลี่ยนอารมณ์เร็วว่ะ คนในโทรศัพท์นั่นใคร กิ้วๆ” วันเพื่อนที่นั่งข้างๆ ส่งเสียงแซว พวกเขารู้จักกันตั้งแต่ปี 1 แต่หากไม่สนิทเท่า ทิว น่าน และก้องเท่านั้น

“เสือก” สิรินกดโอนเงินจนเสร็จแล้วจึงหันมาตอบเพื่อน

“โหยๆ แรงว่ะ ทำหวง คนนี้จริงจังรึไง” คนเสือกยังคงไม่หยุดแม้โดนด่าเต็มๆ เพราะโดนมาจนชินเสียแล้ว สิรินก็เป็นแบบนี้ แล้วดูเข้าสิ เมื่อครู่ยังยิ้มตาเยิ้ม พอมาตอนนี้ปั้นหน้านิ่งอีกแล้ว ส่วนบรรยากาศก็กลับมาเป็นเหมือนเดิมแล้ว ไม่ได้ขุ่นมัวเหมือนก่อนหน้านี้

สิรินตกใจกับคำถามของวัน แต่ก็เพียงยกยิ้มมุมปาก ไม่ได้กล่าวตอบอะไร ปล่อยให้อีกคนสงสัยอยู่เช่นนั้น มันไม่ใช่ธุระอะไรที่เขาต้องบอกเรื่องของดำกับคนอื่น



ทางด้านดำหลังจากวางสายก็ยิ้มกว้าง นั่งรอเสียงออดอย่างใจจดใจจ่อ

เพียงไม่นานเสียงออดหน้าประตูก็ดังขึ้น ดำวิ่งไปส่องตาแมวดูคนด้านนอกก่อนจะค่อยๆ เปิดประตูตามที่สิรินสอน พยายามเพียงไม่นานก็เปิดออก เขากล่าวขอบคุณก่อนจะรับถุงใบใหญ่เข้ามา แล้วปิดประตูห้อง

หลังวางกล่องลงบนโต๊ะหน้าทีวี ดำขยับเปิดถุง ก่อนหยิบกล่องที่เรียงรายอยู่ด้านใน สายตาก็สะดุด กับ กระดาษแผ่นเล็กสีขาว ดำพยายามอ่าน ทั้งอ่านออกบ้างไม่ออกบ้าง แต่พอดูออกว่ามันคือรายการของสิ่งที่อยู่ด้านใน และเดาได้ว่าตัวเลขล่างสุดคือราคาของเจ้าของกินทั้งหมดนี้

“สะ สี่ร้อยยี่สิบห้า” ดำถึงกลับเหงื่อตกกับราคาของมัน ปกติก๋วยเตี๋ยวชามหนึ่งราคาก็ตั้งหนึ่งสลึง แต่ทั้งหมดในถุงไม่รู้ราคามากกว่ากี่เท่าตัว มือดำถึงกับสั่น ความนับถือสิรินเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่า น้ำตาถึงกับหลั่งไหลออกมาไม่หยุดด้วยความตื้นตันใจ

“คุณสิน ฮือ ใจดีใจดีจริงๆ ด้วย” บทจะร้องก็ร้องเสียไม่อายใคร น้ำมูกน้ำตาไหลออกมาไม่หยุด ความจริงใจส่งผ่านการกระทำอย่างไม่ปิดบัง เป็นแบบที่คนยุคปัจจุบันแทบไม่มีให้เห็น ยุคที่เหล่าผู้คนใส่หน้ากากเข้าหากัน

"ไอ้ดำตัดสินใจแล้ว หลวงตาสอนว่า ‘มีเงินนับเป็นน้อง มีทองนับเป็นพี่’ แต่ไอ้ดำจะนับถือคุณสินเป็นลูกพี่ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป” ดำกล่าวอย่างมุ่งมั่น ซึ่งหากหลวงตาได้ฟังคงหลั่งน้ำตาในการใช้สำนวนผิดๆ ของดำ





โปรดติดตามตอนต่อไป...

*แก้ไข 29/10/62





สวัสดีค่าาาา
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะคะ แล้วก็ทุกคอมเม้นท์เลย เป็นกำลังใจที่ดีมากๆ ><
ส่วนตอนนี้คุณสินก็ทิ้งไอ้ดำไม่ลงแล้ว กร๊ากกกก
มาลุ้นกันต่อนะคะ ว่าไอ้ดำจะป่วนคุณสินได้แค่ไหน หุหุ
เจอกันตอนหน้าจ้า
หัวข้อ: Re: PAY เปย์ข้าด้วยบุฟเฟ่ต์สิ [เปย์ครั้งที่ 2] 05.03.2018
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 06-03-2018 01:14:42
อิจฉาดำอ่ะ อยากมีคนเปย์แบบนี้บ้าง
หัวข้อ: Re: PAY เปย์ข้าด้วยบุฟเฟ่ต์สิ [เปย์ครั้งที่ 2] 05.03.2018
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 06-03-2018 10:09:43
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: PAY เปย์ข้าด้วยบุฟเฟ่ต์สิ [เปย์ครั้งที่ 2] 05.03.2018
เริ่มหัวข้อโดย: Chise ที่ 06-03-2018 11:15:32
ไอ้ดำน่าเอ็นดูละเกิ๊น ปี2499นี่พ่อเพิ่งเกิดเลย ถ้ามีชีวิตเรื่อยมาถึงตอนนี้ดำเป็นปู่เป็นตาของสินได้เลยนะ
หัวข้อ: เปย์ครั้งที่ ๓ (รีไรท์)
เริ่มหัวข้อโดย: GreenHead(หัวเขียว) ที่ 07-03-2018 17:57:46
เปย์ครั้งที่ ๓ (รีไรท์)


‘หมูไปไก่มา’

การช่วยเหลือเกื้อกูลแบบถ้อยทีถ้อยอาศัย ด้วยการให้สิ่งของแลกเปลี่ยน หรือการตอบแทน



วันนั้นดำได้กินอย่างอิ่มหนำสำราญมากที่สุดในชีวิต มันกินไปร้องไห้ไปอย่างปลาบปลื้ม หัวใจที่เคยตั้งแง่ก็สลายไปจนหมดสิ้น หวังจะนับถือสิรินเป็นลูกพี่ ตำแหน่งที่จะยกให้ได้ทั้งชีวิต ยิ่งกว่าอันธพาลที่เป็นลูกพี่ในอดีต นับถืออย่างมากล้น จนเกินจะกลั่นออกมาเป็นคำพูดใดๆ

กว่าจะสงบลงได้ก็เป็นตอนที่เก็บขยะลงถังเรียบร้อย แล้วไปจัดการอาบน้ำเตรียมตัว เพราะสิรินบอกว่าจะพาไปซื้อของข้างนอก ถึงข้างนอกจะน่ากลัวหลังจากที่ได้เผชิญมา แต่หากมีสิรินไปด้วยดำก็เรียกความกล้าออกมาได้

แต่เวลาผ่านไปแล้วผ่านไปเล่าสิรินก็ไม่กลับมาเสียที ทำให้ดำที่ซนเป็นลิงอยู่นิ่งได้ไม่นาน การ์ตูนก็ดูจบไปหลายตอน ดำจึงเริ่มมองหางานทำแก้ว่าง และนึกขึ้นได้ว่าตนทำห้องครัวของสิรินเละเทะจากการหาของกินเมื่อเช้า

คิดได้ดังนั้นดำจึงตัดสินใจเข้าไปทำความสะอาดครัว แม้สิรินจะไม่ได้สั่งก็ตาม ปกติดำจะกวาดลานวัด ไม่ก็ทำความสะอาดที่ต่างๆ ในวัดอยู่แล้ว การทำความสะอาดจึงไม่ยากเกินไปสำหรับเขา

ดำจัดการยกของวางไว้ที่เดิม ตามหาไม้กวาด แต่จนแล้วจนรอดก็หาไม่พบ จึงตัดสินใจไปออกไปขอยืมลุงยาม

“คุณสินบอกว่าไอ้ดำเจอลุงยามได้ ถ้าออกไปยืมไม้กวาดจากลุงยามคงไม่มีปัญหา เอาล่ะไปดีกว่า” ตัดสินใจเสร็จสรรพดำก็เดินออกจากห้องด้วยสภาพสวมเสื้อตัวใหญ่โคร่งของสิรินเพียงตัวเดียว ถึงจะหวิวๆ อยู่บ้างแต่ดำอยากตอบแทนสิรินในเรื่องของกินจึงยอมหน้าด้านออกไปทั้งที่ลมมันเย็น...

หลังปิดประตูดำมองซ้ายทีขวาทีอย่างงุนงง เขาหลับในระหว่างที่สิรินอุ้มมา ทั้งยังไม่เคยเห็นสถานที่แปลกตาเช่นนี้จึงอดที่จะตื่นเต้นไม่ได้ ดำเดินไปมาจนสุดทาง และพบว่าไม่มีทางไปต่อ ตรงหน้าของเขาคือเจ้าประตูแปลกๆ ที่เปิดไม่ได้ ทั้งผลักทั้งดันมันก็ยังคงนิ่งอยู่

“ประตูนี่มันอะไรกัน โถ่! แล้วไอ้ดำจะไปหาลุงยามยังไงดี เปิดสิเว้ย เปิดๆ” ดำโวยวายอย่างหัวเสีย เจ้าประตูประหลาดก็ไม่มีทีท่าจะเปิดออก จึงได้แต่ยืนครุ่นคิดว่ามันมีกลไกอะไรรึเปล่า จนกระทั่ง

ตริ๊ง!

ประตูลิฟต์เปิดออกพร้อมกับชายวัยรุ่นคนหนึ่งเดินออกมาจากด้านใน ดำมองทุกอย่างด้านในแล้วยืนงุนงง ไม่มีทางไปต่อ อ้าว แล้วดำจะลงไปหาลุงยามได้อย่างไร

ชายหนุ่มที่เดินออกมามองดำอย่างพิจารณา ด้วยสภาพชุดที่สวมใส่ทำให้เขาตีความไปในทางที่ผิดๆ

“อ้าว ใครพาเด็กขายมานอนกก แล้วนี่แต่งตัวแบบนี้จะมาหาลูกค้าเพิ่มเหรอ หืม” คำพูดของชายคนนั้นดำไม่เข้าใจมากนัก แต่รับรู้ได้ว่ามันไม่ใช่คำพูดที่ดี เพราะสายตาที่มองมามันน่ารังเกียจอย่างเห็นได้ชัด สายตาที่เหมือนดูถูก และปะปนได้ด้วยความต้องการ มันเหมือนว่าชายคนนั้นกำลังโลมเลียเขาไปทั่วทั้งร่างกาย

“เอ็งพูดอะไร” เสียงติดห้วนตอบกลับไปด้วยความไม่พอใจ ดำเป็นเช่นนี้ เวลาเขารู้สึกอย่างไรก็จะแสดงออกมาตรงๆ

“หึหึ นี่กำลังแสดงบทแบบไหนอยู่ กับฉันน่ะไม่จำเป็นหรอกนะ เอ้า ไปกันเถอะ” ชายคนนั้นยังคงคิดเช่นเดิม เขาคิดว่าดำกำลังเล่นละคร เหมือนที่บางคนนิยม แสดงบทบาทต่างๆ เพื่อเพิ่มความตื่นเต้นในเรื่องเซ็ก

ทั้งยังเข้าไปดึงแขนดำให้เดินตามไปยังห้องของตน

เพี๊ยะ!

ดำปัดมือที่ยื่นมาอย่างถือวิสาสะนั้นออก แล้วเดินหนี ตอนนี้ดำไปไหนไม่ได้คงต้องกลับห้องก่อน

“เฮ้ นี่อ่อยกันแล้วคิดจะหนีรึไง” ยังไม่จบชายคนนั้นเดินตามดำไป หมายคว้าแขนจากด้านหลัง ดำเบี่ยงตัวหลบ แล้วสวนหมัดกลับไปอย่างไม่พอใจ แต่ดูเหมือนชายคนนี้ก็มีชั้นเชิงการต่อสู่ไม่น้อย เขาโยกตัวหลบหมัดเล็กๆ นั่น พร้อมคว้าข้อมือสีน้ำผึ้งเอาไว้ บิดข้อมือไว้ด้านหลังของดำจนเหมือนเขากำลังโอบกอดดำอยู่

“ปล่อยนะเว้ย! แน่จริงปล่อยแล้วมาตัวต่อตัวเลยดีกว่า” ดำดิ้นไปมา เพราะการเคลื่อนไหวของคนคนนี้คาดเดาไม่ได้ เขาจึงเสียท่าอยู่เช่นนี้

“โห นักเลงซะด้วย ชักอยากปราบพยศซะแล้วสิ หึหึ” สายตาที่แสดงออกถึงความสนุกนั่นเริ่มทำให้ดำกลัว เขารู้สึกภัยคุกคามที่มองไม่เห็น ความรู้สึกแตกต่างจากการถูกหมายเอาชีวิต มันรู้สึกทั้งน่ารังเกียจ น่าขยะแขยงจนดวงตาสั่นระริก หากเป็นพวกอันธพาลด้วยกันแล้วถึงแม้คุกคามถึงชีวิตดำก็ไม่เคยรู้สึกเช่นนี้

“ลูกพี่” ในวินาทีนั้นดำนึกถึงหน้าของสิริน ผู้ชายใจดีซึ่งเป็นหลักยึดเหนี่ยวเพียงหนึ่งเดียวของเขาในตอนนี้

“กลัวเหรอ” และเหมือนชายคนนั้นจะรับรู้ถึงความรู้สึกที่เปลี่ยนไปของดำ เขายกยิ้มชั่วร้ายอย่างพอใจ เมื่อเห็นว่าคนในอ้อมกอดกำลังตัวสั่นระริก ยิ่งเห็นยิ่งได้ใจ โน้มตัวเข้าหาหมายจะช่วงชิงริมฝีปากของเด็กน้อย

“คิดจะทำอะไร” เสียงเย็นดังขึ้นด้านหลัง พาให้การกระทำนั้นหยุดชะงักลง ดำเองก็ได้ยินเสียงอันคุ้นเคยจึงได้สติจากความกลัว เริ่มดิ้นรนอีกครั้ง

จะให้ลูกพี่เห็นสภาพน่าสมเพชไม่ได้!

“ปล่อยไอ้ดำนะ” สายตาแข็งกร้าวกลับมาอีกครั้ง ทำให้คนที่กอดอยู่ยิ่งนึกสนุก

“อ้าว เด็กของนายเหรอ...คุณชายสิริน” น้ำเสียงยียวนนั้นพาให้สิรินคิ้วกระตุก ยิ่งเห็นร่างของคนตัวเล็กถูกโอบกอดอยู่เขายิ่งรู้สึกไม่พอใจ ความคิดหนึ่งเข้าครอบงำอย่างที่ไม่คาดคิด

คนที่แตะต้องดำได้มีแค่ฉัน!

แม้ใจร้อนรุ่มสิรินยังคงแสดงท่าทีแสนเยือกเย็น เขาจ้องมองกลับไปเรียบนิ่งแต่ก็พาให้คนถูกมองรู้สึกหวาดกลัวขึ้นอย่างห้ามไม่อยู่ สายตาทรงอำนาจ สายตาของผู้นำที่ใครก็ไม่อาจต้าน

“โอ๊ะๆ ใจเย็น ก็เด็กนี่เล่นมายืนอ่อยอยู่หน้าลิฟต์ กูแค่จะสนองเท่านั้นเอง...แต่ก็ไม่น่าเชื่อนะว่าคนอย่างคุณชายสิรินจะซื้อเด็กตัวแค่นี้มานอนกก วิปริตใช่เล่น

ว่าแต่ลีลาเป็นไง เด็กๆ คงฟิตน่าดู ให้กูลองบ้างดิวะ” ชายคนนั้นยังคงพูดถากถางไม่หยุด เพราะนานครั้งจะเยาะเย้ยอีกฝ่ายได้เช่นนี้

สิรินดวงตาแววโรจน์ เขาโกรธ โกรธมาก โกรธที่มันดูถูกดำ ไม่เพียงแตะต้องดำ แต่มันยังดูถูกว่าดำเป็นเด็กขาย ความโกรธปะทุอย่างที่ไม่อาจควบคุมอารมณ์ได้อีก ต่อให้เป็นญาติกันมันก็ไม่มีสิทธิ์มาว่าร้ายดำ เขาไม่มีทางยกโทษให้

เมื่อขาดสติสิรินจึงเริ่มขยับฝีเท้าเดินเข้าไปหาอีกฝ่ายด้วยความโกรธเกรี้ยว หมายจะเลาะฟันเน่าๆ นั่นออกจากปาก

ปึ้ก!

“อย่ามาว่าลูกพี่นะ” ดำไม่ค่อยเข้าใจคำของผู้ชายคนนี้มากนัก แต่ที่แน่ๆ คำว่า วิปริต นั่น มันต้องดูถูกสิรินอยู่แน่ๆ

บังอาจว่าร้ายลูกพี่ที่เคารพรักของไอ้ดำ ไอ้ดำต้องสั่งสอน

ความกลัวก่อนหน้านี้หายไปตั้งแต่สิรินเข้ามาแล้ว

หมัดแรกถูกปล่อยหลังจากสลัดมือหลุดจากการเกาะกุม ตามด้วยหมัดที่สอง และสาม ตามลำดับ ทั้งพออีกฝ่ายล้มลงดำยังกระทืบอย่างไม่คิดจะให้อีกฝ่ายรอดไปได้

สิรินชะงักมองฉากนั้นด้วยความตกตะลึง กว่าจะปรับอารมณ์ให้สงบได้ก็เป็นเวลามากพอให้ดำกระทืบชายคนนั้นจนสิ้นฤทธิ์

“ดำหยุดได้แล้ว” สิรินกล่าว พร้อมกับเดินเข้าไปหา ในตอนนี้ดำหยุดนิ่ง แล้วยิ้มกว้างให้สิริน เหมือนเด็กน้อยที่รอคำชมจากเขาอยู่

สภาพดำตอนนี้มีเพียงเสื้อตัวยาวคลุมถึงขาอ่อน กับเหงื่อเปียกชุ่มเพราะออกแรงช่วยขับให้ดำดูยั่วยวนขึ้น ถ้าผู้ชายคนนั้นจะมองว่าดำกำลังอ่อยก็คงไม่มากเกินไป ขนาดสิรินที่ไม่ได้คิดเกินเลยยังเผลอใจกระตุกกับภาพที่เห็น

หน้าแดงนิดๆ กับเหงื่อที่ไหลออกมาเล็กน้อย ทั้งคอเสื้อซึ่งกว้างเกือบจะหลุดจากหัวไหล่ข้างหนึ่ง กับขาอ่อนสีน้ำผึ้งที่มองเห็นวับๆ แวมๆ เวลาขยับตัว ทั้งยังรู้ดีว่าภายใต้เสื้อตัวนั้นดำร่างกายเปลือยเปล่า ไม่มีกระทั่งชุดชั้นใน

ภาพการอาบน้ำให้เมื่อคืน ไหลเข้ามาในหัวอย่างไม่คาดคิด สิรินรีบสลัดความคิดเหล่านั้นทิ้งไปแล้วรีบพาดำเดินกลับเข้าไปในห้อง จากนั้นยื่นถุงกระดาษที่ถือมาให้ทันทีที่เข้ามาด้านใน

ดำทำหน้าตาเลิ่กลั่กด้วยความสงสัย เห็นสิรินไม่ยอมสบตาเขา จึงไม่ได้ถามอะไร เพียงรับถุงนั้นมาพอเปิดดูก็เห็นว่ามีเสื้อผ้าอยู่ด้านใน

“ลูกพี่ให้ไอ้ดำเหรอ” ดำหยิบเสื้อผ้าออกมาสำรวจ พบว่าเป็นขนาดที่ตัวเองใส่ได้พอดีก็เลยถามออกไปด้วยใจพองโต

ลูกพี่ของไอ้ดำใจดีอีกแล้ว ซื้อเสื้อผ้าให้ไอ้ดำด้วยล่ะ

“ไปเปลี่ยนชุดก่อนแล้วค่อยมาคุยกัน” ดำพยักหน้าหงึกๆ หลายครั้งตามด้วยรอยยิ้มสว่างไสว แล้วเริ่มถอดชุดเปลี่ยนเสื้อผ้า

“เดี๋ยวดำ ไปเปลี่ยนในห้อง” สิรินรีบร้องห้าม เพราะเหมือนใจเขายังไม่สงบลง ถ้าดำยังมาเปลือยต่อหน้าตอนนี้ ความคิดชั่ววูบนั่นคงเตลิดไปไกล

“ได้เลย” ดำรีบวิ่งเข้าห้องไป แม้สงสัยว่าคนสมัยนี้เขาไม่แก้ผ้าต่อหน้ากันแล้วเหรอ แต่ก็ยอมเข้าไปง่ายๆ เพราะมันเป็นคำสั่งของสิริน ดำทำได้อยู่แล้ว

หลังประตูห้องนอนปิดลง สิรินก็เดินไปทรุดตัวนั่งบนโซฟา ผ่อนลมหายใจ สงบสติที่เตลิดไปไกลของตัวเอง เขาคิดว่าจะดูแลดำในฐานะน้องชาย แต่เหมือนจิตใต้สำนึกมันต้องการมากกว่านั้น จึงได้แต่สะกดจิตตัวเองซ้ำๆ ว่าดำอายุ 15 อายุ 15 แบบนี้มันพรากผู้เยาว์ชัดๆ ห้ามคิดอะไรเกินเลยเด็ดขาด!

“ลูกพี่ไอ้ดำเปลี่ยนชุดแล้ว ผ้านุ่มนิ่มไอ้ดำชอบ ฮิฮ” ดำหัวเราะอารมณ์ดีหลังจากที่แต่งตัวเสร็จ สิรินจึงหันไปมอง เจ้าตัวเล็กอยู่ในชุดเสื้อยืดสีขาวกับกางเกงยีนส์ 4 ส่วน ยืนยิ้มแป้นอยู่หน้าประตูมันดูดีกว่าที่เขาคิดไว้ ดำเหมือนเด็กชายตัวน้อยเพราะตัวเล็กเกินอายุของตน นั่นทำให้เขาหัวใจกระตุกอีกครั้ง จึงพยายามข่มอารมณ์ และปั่นหน้าให้สงบเข้าไว้

จะไม่ให้คิดเกินเลย มันคงไม่ไหวจริงๆ เอาเถอะความรู้สึกน่ะคงต้องปล่อยมันไป จะไปในทิศทางไหนก็ไม่ต้องกำหนด แค่อย่าให้ความรู้สึกของตัวเองไปทำร้ายดำก็พอ

“ป่ะ ออกไปข้างนอกกัน เดี๋ยวพาไปกินข้าว แล้วซื้อก็ของใช้เพิ่ม ฉันซื้อมาชุดเดียว กลัวไม่ถูกใจ ไปเลือกเองน่าจะดีกว่า” ในที่สุดเขาก็เผยรอยยิ้มอ่อนโยนได้อีกครั้ง เพียงแค่ยอมรับความรู้สึกของตัวเอง ถึงมันจะดูเป็นเรื่องที่ผิด และเป็นไปได้ยากที่ดำจะใจตรงกัน แต่ถ้าหากเขามั่นใจเมื่อไหร่ว่าขาดดำไม่ได้ การจะครอบครองดำเอาไว้เพียงคนเดียวต่อให้ต้องใช้เล่ห์กลอะไรเขาก็พร้อมจะทำ

ตอนนี้รู้เพียงแค่ว่าเขามีความสุขทุกครั้งที่ดำยิ้มอย่างดีใจก็เพียงพอแล้ว

“ลูกพี่จะพาไอ้ดำไปกินข้าวที่ไหนเหรอ” ดำหูผึ่งเมื่อได้ยินว่าจะไปกินข้าว รีบก้าวตามสิรินออกไปทันที เดินโผล่ซ้ายทีขวาทีอย่างลิงโลด

“ถึงแล้วก็รู้...แต่ดำต้องชอบแน่ๆ”

“ว้าว ถึงไม่รู้ว่าที่ไหน แต่ลูกพี่ใจดีที่สู้ด ฮิฮิ” เมื่อรู้ว่าลูกพี่เอาใจ ดำก็ยิ้มร่า เขาดีใจมากที่เจอสิริน เพราะหลายวันที่ผ่านมาเขาใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก คงเปรียบสิรินเหมือนเทวดาที่ลงมาโปรด สิรินเองก็ได้แต่มองตามเจ้าเด็กหน้าแป้นที่วิ่งไปจนถึงลิฟต์ด้วยรอยยิ้มบางๆ เขาเองก็มีความสุข ความสุขที่ไม่ได้รับมาตั้งแต่สูญเสียพ่อบังเกิดเกล้าไป

ถึงจะมีคนคอยทำหน้าที่แทนพ่อและมีเพื่อนคอยอยู่เคียงข้างกัน แต่เขากลับรู้สึกว่าเวลาอยู่กับดำเขาเปิดใจได้มากกว่า มีความสุขได้มากกว่า เหมือนเสพติดความสุขที่แผ่ออกมาจากตัวของดำอย่างไรอย่างนั้น

ดำหยุดชะงักหน้าลิฟต์แล้วหันมาขอความช่วยเหลือ

“ลูกพี่มันไปต่อยังไง ไอ้ดำเปิดไม่ได้ ก่อนหน้านี้ลองดันดูมันก็ไม่ยอมเปิด” หัวคิ้วขมวดเพราะคิดไม่ตกแต่ก็ส่งสายตาขอความช่วยเหลือมาให้

“สิ่งนี้เรียกว่าลิฟต์ เวลาอยากให้มันเปิดดำต้องมากดปุ่มตรงนี้ จะขึ้นไปก็กดสามเหลี่ยมที่ปลายชี้ไปข้างบน ถ้าไปด้านล่างก็กดสามเหลี่ยมที่ชี้ลงข้างล่าง แล้วก็ยืนรอจนมันดังปริ๊ง มันถึงจะเปิดออก ลองดูสิ” สิริน อธิบายให้ดำฟังด้วยประโยคง่ายๆ จะใช้คำทัพศัพท์ไม่ได้ เขาทั้งใจเย็น ทั้งยิ้มเอ็นดูเมื่อดำตั้งใจฟังทุกครั้งที่เขาอธิบาย เวลาเข้าใจจะผงกหัว แต่ถ้าไม่เข้าใจจะส่งสายตาขอร้องให้อธิบายซ้ำ มันน่ารักเสียจนบางครั้งเขาก็เผลอแกล้งไปบ้าง

“ครับ” ดำรับคำแล้วลองทำดู รอจนลิฟต์ดังขึ้นพร้อมเปิดออก จึงหันมายิ้มกว้างรอรับคำชมจากสิริน

“เก่งมาก ไปกันเถอะ” สิรินยื่นมือมาลูกหัวดำเบาๆ เป็นการให้รางวัล เจ้าหมาก็ยิ้มร่าอย่างพอใจ แล้วรีบเดินเข้าไปด้านใน

“มานี่มา” พอเข้ามาด้านในสิรินก็เรียกให้ดำมายืนอยู่หน้าปุ่มเลือกชั้น แล้วเริ่มอธิบายอีกครั้ง ดีที่ไม่มีคนโดยสารลิฟต์มา การใช้เวลาของพวกเขาจึงไม่ต้องเร่งรีบนัก

ดำจ้องมองมือสิรินที่กำลังชี้ไปยังตัวเลขซึ่งใช้ในการระบุชั้นต่างๆ พวกเขาอยู่บนชั้น 20 ของตึก 25 ชั้น และกำลังจะลงไปชั้น 1 ครั้งนี้สิรินก็ให้ดำลองกดดู เมื่อทำสำเร็จก็ลูบหัวให้รางวัลอีกครั้งแล้วจึงมายืนข้างๆ

“ลูกพี่แล้วเราจะลงไปยังไงล่ะ อย่าบอกนะว่าจะ...ระ ร่วงลงไป!! อ้าก!!!” ดำยังคงคาใจกับการทำงานของลิฟต์พอจะถามสิรินก็นึกบางอย่างได้ ในเมื่อไม่มีบันไดทางเดียวที่จะลงไปคือ ร่วง! ไม่ใช่เหรอ

สมองประสานงานกับร่างกาย ดำเข้าไปกอดสิรินแน่น พึมพำแต่คำว่าร่วงแล้วร่วงแล้วไม่หยุด

“ใจเย็นๆ ลืมตาสิ เชื่อฉันนะดำ” น้ำเสียงอ่อนโยนกับฝ่ามืออบอุ่นลูบหลังปลอบโยนทำให้ดำค่อยๆ คลายความตกใจลง

“จริงนะ ลูกพี่ไม่โกหกไอ้ดำนะ” เสียงยังอู้อี้เพราะซบหน้าลงกับแผงอกของสิริน มือก็ยังดึงเสื้อด้านหลังแน่น

“จริงสิ ฉันจะโกหกดำทำไม เอ้า ลืมตาได้แล้ว หึหึ” ดำได้ยินแบบนั้นก็เริ่มสบายใจ แม้จะแปลกใจกับเสียงหัวเราะเบาๆ ของสิรินเล็กน้อย เขาค่อยๆ หันหน้าออกมาจาแผงอกแกร่ง แล้วลืมตาขึ้นทีละข้าง จนรู้สึกว่าลิฟต์เลื่อนลงช้าๆ เท่านั้น

“ว้าว ไม่ร่วงจริงๆ ด้วย ลูกพี่สุดยอด” ดำหันมายิ้มให้ทั้งที่ร่างกายพวกเขายังแนบชิดกันอยู่ เวลานี้สายตาของทั้งคู่จึงจับจ้องกัน สิรินหัวใจเต้นแรงกว่าครั้งก่อน จึงเผลอแสดงสายตารักใคร่ออกไปอย่างไม่รู้ตัว

ดำแม้ไม่เข้าใจ แต่กลับรู้สึกเขินอายกับสายตาแบบนั้นรีบก้มหน้าหลบด้วยความไม่เข้าใจ บรรยากาศด้านในจึงเริ่มอึดอัด อยู่เช่นนั้น

ปริ๊ง!

พอลิฟต์เปิดออกดำก็รีบปล่อยแขนจากตัวสิริน เดินจ้ำอ้าวออกไปไม่รอ

“ดำจะไปไหน” สิรินร้องถามเมื่อจับคนตัวเล็กไว้ไม่ทัน ขาสั้นแต่เดินเร็วเกินคาด

“ปะ...ปะ....ไปกินข้าวกับลูกพี่” ดำหยุดเดินแต่ไม่ยอมหันกลับมามอง เขารู้แค่ว่าเมื่อครู่หน้าเขาร้อนมาก ใจมันเต้นแรงมาก ถ้ามองหน้าสิรินตอนนี้ดำหัวใจจะวาย

ไม่เข้าใจเลย ไอ้ดำเป็นอะไรกันแน่ ไม่เข้าใจสักนิดเดียว

“แต่รถฉันอยู่ทางนี้นะ ตามมาได้แล้ว” สิรินเข้าใจอาการของดำ เพราะรู้ว่าดำกำลังเขินอาย เขาคงเผลอทำสายตาแปลกๆ เข้า จึงทำตัวตามปกติ เดินนำไปก่อน ปล่อยให้ดำได้ใช้เวลาสงบสติตัวเอง ถ้าไปกระตุ้นอะไรตอนนี้เดี๋ยวเตลิดไปไกล

มันเป็นเรื่องดีหากเขาต้องการดำเป็นคนรัก แต่มันจะไม่ดีถ้าหากวันที่เขามั่นใจในความรู้สึกแล้วพบว่ามันไม่ใช่ สิรินไม่ต้องการทำร้ายดำ ดังนั้นเราจึงบอกกับตัวเองว่าจะไม่ทำอะไรให้ดำต้องอึดอัด หรือเปลี่ยนความรู้สึกนับถือเหล่านี้ไป

ตอนนี้พวกเขาควรอยู่ในฐานะ พี่ชาย น้องชาย เท่านั้น ต้องมั่นใจเสียก่อนว่าเขารักดำ เมื่อนั้นเขาจะรุกจีบให้ดำตั้งตัวไม่ทันเลยล่ะ

“ขึ้นมาสิ” สิรินเปิดประตูให้ดำเข้าไปนั่ง แล้วปิดประตูให้ก่อนจะเดินไปนั่งฝั่งคนขับ

“ลูกพี่สุดยอดเลย ไอ้ดำเคยเห็นนะ แต่มันไม่สวยขนาดนี้ สุดยอด เป็นครั้งแรกเลยที่ไอ้ดำได้นั่ง” ความตื่นเต้นแบบเด็กๆ กลับมาตั้งแต่พามาถึงที่จอดรถ ดำตื่นตาตื่นใจกับรถรูปแบบต่างๆ จนเขาต้องคอยห้ามไม่ให้ไปแตะรถใครสุ่มสี่สุ่มห้า

พอเข้ามานั่งในรถก็หันมองนั่นมองนี่ แถมยังทำมือเหมือนอยากแตะแต่ไม่กล้า พยายามทำตามที่เขาเตือนทั้งที่อยากจับจะแย่ มันทั้งน่าเอ็นดูทั้งน่าแกล้งในเวลาเดียวกัน สิรินจึงนั่งมองเงียบๆ จนพอใจ แล้วจึงยอมใจดีบอกให้แตะของต่างๆ ในรถได้ ด้วยความสงสารเด็กน้อยที่กุมมือตัวเองเอาไว้แน่น

“รถฉันจับได้ ฉันอนุญาต”

“ว้าว สุดยอดเลย ตรงนี้นุ่ม กระจกก็ใส ทั้งที่มองข้างนอกมันเป็นสีดำแท้ๆ รถลูกพี่สุดยอดมากเลย” หลังรับคำอนุญาตดำก็แตะนู่นแตะนี่ไปทั่ว ดวงตานั้นก็สื่อถึงความตื่นเต้นอย่างไม่ปิดบัง มันทำให้สิรินเพลิดเพลินกับการมองจนไม่อาจละสายตาไปได้

“อยู่นิ่งๆ ก่อนดำ” ดำว่าง่ายยอมนั่งนิ่งๆ ให้สิรินใส่เข็มขัดนิรภัยให้ และดูเหมือนสติของดำจะกลับมาครบถ้วน เขาจึงไม่ได้หน้าร้อนแทบไหม้เหมือนเมื่อครู่อีก จึงได้แต่นั่งแปลกใจในความรู้สึกตัวเอง ยิ่งคิดยิ่งไม่เข้าใจ เพราะฉะนั้นนั้นช่างมันเถอะ

คิดไปก็ปวดหัวเปล่าๆ ไอ้ดำโง่ด้วย เดี๋ยวก็คงเข้าใจเองแหละเนาะ

“เร็วมาก ลูกพี่เร็วสุดยอด” หลังจากรถออกวิ่งดำก็ตื่นตาตื่นใจกับความเร็ว สิรินก็ปล่อยให้ดำมองจนพอใจ ตั้งใจขับรถแล้วหันมามองเป็นครั้งคราว พอเห็นว่าดำนั่งนิ่งแล้วจึงเปิดปากพูด

“ดำ”

“ครับลูกพี่”

“ทำไมเรียกฉันว่าลูกพี่” สิรินค้างคาใจกับการเรียกของดำตั้งแต่ก่อนหน้านี้ แต่พึ่งจะหาโอกาสถามได้ จึงไม่ปล่อยให้ช่วงเวลานี้หลุดมือไป

“ก็คุณสินมีบุญคุณกับไอ้ดำ ตอนที่ไอ้ดำสลบก็ช่วยอาบน้ำให้ พาไปนอนเตียงนุ่มๆ แล้วยังเลี้ยงข้าวไอ้ดำ ถึงไอ้ดำจะเป็นอันธพาลปลายแถวแต่ก็มีศักดิ์ศรี หลวงตาก็สอนให้รู้จักบุญคุณคน ไอ้ดำนับถือคุณสินเอามากๆ แล้วก็อยากช่วยเหลือคุณสิน เพราะฉะนั้นไอ้ดำจึงนับถือคุณสินเป็นลูกพี่ที่ควรเคารพรัก” ดำอธิบายพร้อมดวงตาใสซื่อ ตรรกะของดำดูจะเก่าไปสักหน่อยแต่สิรินเข้าใจได้

“ฉันเข้าใจนะ แต่...ไม่อนุญาต”

“เอ๋ ทำไม่ละ ลูกพี่ อะ ไอ้ดำไม่มีประโยชน์กับลูกพี่เลยเหรอถึงกับรับเป็นลูกน้องไม่ได้” ดำกระวนกระวายที่สิรินไม่ยอมรับตนเป็นลูกน้อง น้ำตาค่อยๆ เอ่อคลอ ดำไม่เข้าใจปกติเขาไม่เคยอ่อนไหวง่ายขนาดนี้ เพียงการปฏิเสธคำเดียวแท้ๆ

“ไม่ใช่แบบนั้น ฉันแค่ไม่ชอบคำว่าลูกพี่ แล้วตอนนี้ฉันก็คิดว่าดำเป็นน้องชาย เพราะอย่างนั้นเรียกพี่สิน หรือคุณสินดีกว่านะ” รถติดไฟแดงพอดีสิรินจึงหันมาเช็ดน้ำตาให้ดำอย่างอ่อนโยน รอยยิ้มบางๆ นั่นบ่งบอกถึงความเอ็นดู ทำให้ดำเลิกร้องไห้ในทันที

“น้องชายเหรอ”

“ใช่ ถ้าดำอยากนับถือฉันก็เก็บเอาไว้ในใจ แล้วเรียกด้วยคำอื่นแทน ยุคนี้ไม่ค่อยมีใครใช้คำนั้นกันแล้ว” คำอธิบายนั้นทำให้ดำยิ้มออก เขามัวแต่คิดในแง่ร้าย

คุณสินน่ะใจดีขนาดนี้ แล้วไอ้ดำเป็นบ้าอะไรอยู่นะ

“ครับคุณสิน ไอ้ดำเข้าใจ ไอ้ดำดีใจที่เป็นประโยชน์กับคุณสินได้ อยากให้ไอ้ดำไปซัดใครบอกได้เลย ไอ้ดำจะปกป้องคุณสินเอง ไว้ใจได้” ดำยกแขนกำหมัดเอาไว้อย่างหมายมาด

เขาจะอัดทุกคนที่ว่าร้ายคุณสิน คอยดูเถอะ

“ฮ่าๆๆๆ เข้าใจแล้วๆ แต่อย่าทำอะไรใครสุ่มสี่สุ่มห้านะ” สิรินกลั้นหัวเราะไม่ไหว สุดท้ายเขาก็หัวเราะให้กับท่าทางเปลี่ยนไปมาของดำอย่างหยุดไม่ได้ แล้วยังคำมั่นที่ว่าจะปกป้องนั้นอีก มันชุ่มชื่นหัวใจอย่างบอกไม่ถูก เหมือนความรู้สึกแปลกใหม่ที่ไม่เคยได้รับกำลังค่อยๆ ซึมซับไปในตัวเขาเรื่อยๆ

“ขอบคุณนะดำ”

“ครับ ไอ้ดำก็ขอบคุณคุณสินเหมือนกัน” ตอนนี้คงเป็นพวกเขาทั้งสองต่างทำประโยชน์ให้กัน สิรินช่วยเหลือดูแลดำ ส่วนดำก็ช่วยยิ้ม ช่วยคอยอยู่ข้างๆ กันก็เป็นประโยชน์มากเกินพอแล้ว

ความสุขมันช่างง่ายดาย ไม่ต้องหรูหรา ไม่ต้องอลังการ เพียงเท่านี้ พวกเขาก็มีความสุขมากมาย สิรินสัญญาในใจ...

ถ้าเพื่อให้ดำยิ้มจะเป็นอะไรฉันก็จะทำ






*แก้ไข 30/10/62
หัวข้อ: เปย์ครั้งที่ ๓ (๒) (รีไรท์)
เริ่มหัวข้อโดย: GreenHead(หัวเขียว) ที่ 07-03-2018 17:59:22
(ต่อ)

ดำมองรอบด้านด้วยความตื่นเต้น ตอนนี้เขาอยู่ในสถานที่ที่เรียกว่า ห้างสรรพสินค้า มันใหญ่โต อัดแน่นด้วยร้านขายของมากมาย ร้านค้าเล่านั้นเรียงรายกันอยู่ทุกชั้น ยิ่งสิรินพาเดินขึ้นบันไดเลื่อนมาเรื่อยๆ เขายิ่งตื่นตาตื่นใจ

“ชอบไหม” สิรินลูบหัวดำด้วยความเอ็นดู

“อื้อ อื้อ อื้อ ชอบ ชอบมากกกก” ดำหันมายิ้มแล้วยิ้มอีกจนแก้มจะแตก ก่อนหน้านี้ดำหลงอยู่แถวชุมชนแออัดเขาจึงได้แต่มองอยู่ไกลๆ เป็นครั้งแรกที่เขาได้เข้ามา จึงตื่นเต้นจนอยากตะโกนออกมาดังๆ

“ถ้าไปถึงข้างบน ดำจะชอบกว่านี้อีก”

“จริงเหรอคุณสิน มีที่ที่ดีสวยกว่านี้อีกเหรอครับ”

“หึหึ แน่นอนสิ” สิรินหัวเราะในลำคอเบาๆ อย่างอารมณ์ดีเหมือนเห็นสายตาวิบวับของดำ เรียกได้ว่าดูตั้งหน้าตั้งตารอสุดๆ

“เอ้าถึงแล้ว” บนชั้น 6 ก่อนจะถึงโรงหนัง เป็นชั้นที่เต็มไปด้วยร้านอาหาร มีร้านให้เลือกกินมากมาย

“คะ คุณ คุณสิน ดูสิ ของกิน ของกินเยอะแยะเลย ว้าวๆๆ” ดำมองทุกอย่างด้วยความตื่นเต้น มือก็กระตุกแขนของสิรินให้ดูด้วยกันไม่หยุด และที่ทำให้สิรินหลุดหัวเราะเสียงดังคงจะเป็นน้ำลายที่ไหลออกมาจนต้องใช้มือเช็ดออกไม่หยุดนั่น

“ฮ่าๆๆๆ ใจเย็นๆ ฉันนัดพวกน่านเอาไว้ เดี๋ยวเราจะไปหาอะไรกินกัน” ดำรีบเช็ดน้ำลายหยดสุดท้ายแล้วหันมามองสิริน สายตาบ่งบอกได้ว่า

เร็วสิคุณสิน ไอ้ดำอยากกิน พาไอ้ดำไปกินนะ นะ นะ นะครับ

อ้อนเกินกว่าที่สิรินจะใจแข็งแกล้งต่อไหว เล่นออดอ้อนด้วยสายตาแบบนี้ ใบหน้าแบบนี้ ใจแข็งต่อไหวก็แกร่งเกินไปแล้ว เขาจึงรีบเดินนำดำไปยังร้านที่เพื่อนของเขารออยู่

ร้านที่พวกเขาเลือกเป็นอาหารบุฟเฟต์สุดฮิตอย่างชาบู มีเวลาจำกัดเพียง 1 ชั่วโมง แต่หากสะดวกสบายด้วยสายพานที่เรียงรายด้วยอาหารซึ่งเลื่อนมาเสิร์ฟถึงที่ มันคงช่วยให้ดำเลือกอาหารที่ชอบได้อย่างถูกใจ มันเป็นการทดสอบที่ดีว่า ในครั้งต่อไปเขาควรพาดำไปทานอะไรดี

สิรินพาดำเดินเข้าไปด้านในจนถึงโต๊ะ แต่หากพอมองด้านหลังเจ้าตัวเล็กกลับหายไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่ทราบ

“อ้าว แล้วดำอะ” ทิวถามขึ้นหลังจากมองเพื่อนแล้วพบว่าคนที่อาละวาดเมื่อเช้าหายไป ถึงจะยังไม่เชื่อเรื่องที่ดำบอกสิรินเต็มร้อย แต่เขาก็อดที่จะเป็นห่วงไม่ได้ จะเป็นบ้า หรือหลงยุค ก็น่าเป็นห่วงไม่แพ้กัน เด็กตัวแค่นั้นถ้ามีปัญหาอะไรคงจะแก้ไขเองไม่ได้ จนถึงขั้นเลือกเส้นทางที่ผิดไปเลยก็ได้

แล้วยิ่งพอล้างตัวจนเป็นผู้เป็นคนแล้ว ยังดูดีใช่ย่อย ถ้าถูกเหลอกไปทำอะไรไม่ดีเข้ายิ่งน่าเป็นห่วง

สิรินไม่ตอบคำถามทิวแต่หากมองหาจนเห็นดำยืนนิ่งอยู่ข้างสายพานด้านหนึ่ง ซึ่งไม่มีโต๊ะตั้งอยู่ตรงนั้น ดำกำลังมองอาหารที่เคลื่อนไปบนสายพานด้วยสายตาแวววาว ดูสนอกสนใจกับของแปลกใหม่ที่พึ่งเคยเห็น แล้วกำลังน้ำลายไหลกับอาหารน่าทานเหล่านั้น

“หึหึ เจ้าเด็กเห็นแก่กินเอ๊ย” สิรินได้แต่ส่ายหัว แต่ริมฝีปากก็ยกยิ้มอย่างเอ็นดู เขาคิดอยู่แล้วว่าดำต้องสนใจ แต่ไม่คิดว่าจะถึงขั้นไม่ยอมขยับไปไหนตั้งแต่เดินเข้ามาในร้านแบบนี้

พนักงานเดินเข้าไปใกล้เหมือนจะเข้าไปถามความต้องการของดำ สิรินจึงรีบเดินเข้าไปก่อนที่ดำจะทำอะไรแปลกๆ เข้า

“ขอโทษนะครับ คุณลูกค้ามีปัญหาอะไรรึเปล่า”

“เอ็...”

“ไม่มีอะไรครับเขามากับผมเอง ขอตัวนะครับ... ดำตามมานี่” สิริน กล่าวบอกพนักงานก่อนจะดึงข้อมือของดำให้เดินตาม กลัวว่าจะเด็กจอมหิวจะเผลอไปหยุดที่ไหนเข้าอีก

“คุณสินๆ ยอดเลย มีแต่ของกินเต็มไปหมด หมู หมึก กุ้ง แล้วก็ของแปลกๆ เพียบเลย ว้าว! ที่นี่วิเศษไปเลย ไอ้ดำกินได้จริงๆ เหรอ” ดำพูดทั้งที่ยังเดินตาม หันหน้าเลิ่กลั่กมองไปทั่วร้าน

ไม่ว่าจะเป็นที่ไหน อาหารเหล่านั้นก็เลื่อนไปหาถึงที่ โลกอนาคตมีของที่สะดวกสบายขนาดนี้เชียว ไอ้ดำชักติดใจขึ้นมาแล้วสิ

“ได้สิ ดำกินได้ทั้งหมด ชอบอะไรก็เลือกกินได้เลย”

“เย้ คุณสินใจดีที่สุดเล้ย” ตัวตนของสิรินในใจของดำสูงขึ้นไปอีก เพราะปกติแล้วเขาจะเลือกกินไม่ได้ มีอะไรให้กินก็ต้องกิน ดีกว่าต้องอดตาย

ก้องย้ายไปนั่งฝั่งเดียวกับทิวและน่าน เพื่อเหลืออีกฝั่งไว้ให้สิรินกับดำได้นั่งอย่างสะดวก แม้มันจะดูน่าอึดอัดที่ผู้ชายตัวใหญ่สามคนนั่งฝั่งเดียวกัน แต่ก็อยากให้ดำได้นั่งอย่างสบาย เพราะพึ่งเคยเข้ามาในร้านแบบนี้ครั้งแรก ไปนั่งขนาบข้างเหมือนกดดัน เดี๋ยวจะกินไม่อร่อย โดยที่ไม่รู้เลยว่ามันไม่มีผลต่อดำเลยสักนิด

สิรินให้ดำเข้าไปนั่งด้านในเพื่อที่จะได้เลือกหยิบอาหารได้สะดวก ส่วนตัวเองก็นั่งข้างดำอีกที เขาจะกินอะไรค่อยบอกดำหยิบให้ก็ไม่มีปัญหา

“ดำ ก่อนอื่นจะแนะนำเพื่อนของฉันให้รู้จักนะ” สิรินเอ่ยขึ้น ดำจึงยอมละสายตาจากอาหารที่เรียงรายอยู่ตรงหน้าอย่างตัดใจ ผืนกลั้นน้ำลายไว้อย่างอดทน

“ไอ้ดำขอกินไปฟังไปไม่ได้เหรอ” สายตาออดอ้อนแสนน่าสงสารถูกส่งออกไปพร้อมคำพูด ทำให้สิรินพยักหน้าอย่างจนใจ ถ้าไม่อนุญาตเดี๋ยวเด็กจอมหิวจะขาดใจตายไปเสียก่อน

“ของคุณครับ แล้วไอ้ดำหยิบได้เลยใช่ไหม”

“ได้สิ เอาเลย” ดำมองแล้วก็ดูน่ากินไปเสียทุกอย่าง เลือกหยิบลงมาเกือบ 10 จานจนสิรินต้องคว้ามือเล็กเอาไว้ก่อนที่จะหยิบจานต่อไป

เฮ้อ ดูเหมือนเข้าจะประมาทความอยากของดำมากเกินไป

“ดำ หยิบทีละอย่าง สองอย่าง กินหมดแล้วค่อยหยิบเพิ่ม...เข้าใจไหม” เสียงสิรินดูทรงอำนาจดำจึงไม่ขัดขืน แต่หากก็มีแววดื้อรั้นอยู่ในดวงตากลมโตดวงนั้น จนสิรินต้องย้ำเสียงเข้มในท้ายประโยค จนดำยอมพยักหน้ารับอย่างจำยอม ด้วยสภาพเหงาหงอยอย่างเห็นได้ชัด เหมือนหมาน้อยที่กำลังน้อยใจ

“ถ้ากินไม่หมดเราต้องจ่ายค่าปรับ หรือก็คือนอกจากจ่ายค่าอาหารที่กินวันนี้แล้ว ยังต้องจ่ายส่วนที่หยิบเกินมาด้วยนะดำ เพราะอย่างนั้นไอ้สินถึงไม่อยากให้หยิบมาเยอะจนเกินไป” น่านช่วยอธิบาย เพราะเจ้าตัวเล็กดูน่าสงสาร พอโดนสิรินดุก็หงอย เดี๋ยวจะพาลกินอาหารไม่อร่อยไปเปล่าๆ

“อ๊ะ เข้าใจแล้ว ขอโทษครับคุณสิน ไอ้ดำไม่รู้ อย่าโกรธไอ้ดำเลยนะ ต่อไปไอ้ดำจะเชื่อคุณสินทุกอย่าง ไม่ดื้อ ไม่ซน สัญญาเลย”





โปรดติดตามตอนต่อไป...



*แก้ไข 30/10/62


______________________________________________


สวัสดีค่ะ กลับมาแล้วกับช่วงคุณสินผู้หวั่นไหว อรั๊ยๆๆ
ลุ้นๆๆ ส่วนตอนหน้าก็มารอการท่องอาณาจักรบุฟเฟ่ต์ของไอ้ดำกันนะคะ
เจอกันตอนหน้าจ้า

อิจฉาดำอ่ะ อยากมีคนเปย์แบบนี้บ้าง

เนาะๆ อิจดำแรงมาก  :hao5:

ไอ้ดำน่าเอ็นดูละเกิ๊น ปี2499นี่พ่อเพิ่งเกิดเลย ถ้ามีชีวิตเรื่อยมาถึงตอนนี้ดำเป็นปู่เป็นตาของสินได้เลยนะ

งืมๆ นั่นสินะคะ แบบนี้แล้วคุณสินเนี่ยยิ่งต้องเปย์ผู้เฒ่าผู้แก่ให้ดีกว่าเดิมแล้วสิเนาะ  คุคุคุ :-[
หัวข้อ: Re: PAY เปย์ข้าด้วยบุฟเฟ่ต์สิ [เปย์ครั้งที่ 3] 07.03.2018
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 09-03-2018 00:40:29
ดำน่ารักมากเลย กินเท่าไหร่คุณสินก็ไม่สะเทือนแน่ๆค่ะ เห็นออร่าแบล็คการ์ดแรงมาก  :hao5:

ปล.ตอนล่าสุดเจอคำผิดค่ะ หัวเรอะ เป็น หัวเราะ รึเปล่าคะ
หัวข้อ: Re: PAY เปย์ข้าด้วยบุฟเฟ่ต์สิ [เปย์ครั้งที่ 3] 07.03.2018
เริ่มหัวข้อโดย: StarPasO ที่ 11-03-2018 00:01:44
จะอัพทันในdek d หรือเปล่าครับ อยากให้อัพทัน จะได้เม้นได้  :sad4:
หัวข้อ: เปย์ครั้งที่ ๔ (รีไรท์)
เริ่มหัวข้อโดย: GreenHead(หัวเขียว) ที่ 11-03-2018 06:46:01
เปย์ครั้งที่ ๔ (รีไรท์)

‘เล็กพริกขี้หนู’

เล็กแต่เก่งกล้าสามารถ เล็กแต่มีพิษสง


“ฉันไม่ได้โกรธ แค่อยากให้ดำคิดก่อนจะทำอะไร เพราะโลกปัจจุบันมันมีอะไรมากกว่าที่ดำคิด สัญญาแล้วจำให้ได้นะ” สิรินมีสีหน้าผ่อนคลาย แล้วกล่าวอธิบายบ้าง เพียงแต่ย้ำเตือนคำพูดของดำ เพราะอย่างที่เขาว่า โลกนี้มีอะไรมากกว่าอดีต ทั้งคน ทั้งเทคโนโลยี ถ้าดำทำอะไรโดยไม่ยั้งคิดจะทำให้ตัวเองเดือดร้อนเอาง่ายๆ และความโลภนั้นเข้าครอบงำคนได้ง่ายเช่นกัน เขาไม่อยากให้ดำโลภ แม้จะกับเรื่องกินก็ตาม

“ครับ ไอ้ดำสัญญา จะไม่ดื้อ ไม่ซน เชื่อฟังคุณสิน ทำอะไรจะถามก่อน ไม่เอาแต่ใจแล้วครับ” รอยยิ้มใสซื่อส่งมาอีกครั้ง เขาไม่อยากให้ดำแปดเปื้อนกับโลกที่แสนโสมมใบนี้เลย

“เอาแต่ใจได้ แต่ต้องมีขอบเขต ฉันไม่ว่าหรอกถ้ามันไม่มากเกินไป เรื่องความคิด ฉันให้อิสระดำ แต่ต้องคิดทบทวนให้ดีก่อนทำอะไรเสมอ เข้าใจไหม"

"ครับ ไอ้ดำเข้าใจ”

“กินเถอะ เอ้า” สิรินยิ้มอย่างพอใจ ก่อนจะตักหมูกับผักที่สุกแล้วไปไว้ในชามของดำ เพราะของที่ดำหยิบมา น่านที่นั่งอยู่ตรงข้ามช่วยเทลงหม้อให้เรียบร้อยแล้ว

“ว้าว ขอบคุณครับ อร่อยจัง” ดำคีบหมูใส่ปาก เคี้ยวแล้วกลืนอย่างมีความสุข ลืมบรรยากาศก่อนหน้านี้ไปจนหมด อีก 3 คน ที่ถูกลืมได้แต่มองอย่างเอ็นดู ตอนนี้ทิวเชื่อแล้วว่าอย่างดำคงไม่ได้บ้าหรอก ก็ดูมีสติออกขนาดนี้ เป็นเด็กน่ารักอีกต่างหาก

“ขอบคุณน่านด้วย เขาเป็นคนเอาของที่ดำหยิบมาลงหม้อให้” ดำมองตามสายตาของสิริน ก่อนจะสบตากับน่านที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม ซึ่งกำลังช่วยเทของในจานลงหม้อ แล้วส่งจานเปล่าผ่านทิวไปยังก้องที่รับจานไปวางไว้บนโต๊ะมุมนอกสุด โดยมีทิวยังตั้งหน้าตั้งตากินไม่ได้บ่นอะไร ทั้งยังไม่ช่วยรับจานไปยื่นให้ก้องอีกต่างหาก

แต่ทิวก็ช่วยคีบนู่นคีบนี่ลงในจานของทั้งสองให้อย่างคล่องมือ ซึ่งเขาจำได้ดีว่าเพื่อนทั้งสองชอบกินอะไรไม่ชอบกินอะไร เป็นบรรยากาศที่พวกเขาทั้งสี่คุ้นเคยเป็นอย่างดี ดำมองภาพนั้นด้วยความสนใจ

“ขอบคุณครับคุณน่าน”

“เรียกพี่น่านก็พอ” น่านรีบขัด เพราะเขาไม่ชอบให้ใครมาเรียกอย่างเป็นทางการนัก

“ไม่เอา คุณน่านเป็นเพื่อนกับคุณสิน เรียกคุณน่านดีแล้ว” ดำดื้อดึง

คุณสินบอกว่าเอาแต่ใจได้ ขอแค่มีขอบเขต ดังนั้นแค่คำเรียกไอ้ดำคงเอาแต่ใจได้สินะ

ถึงคิดแบบนั้นก็ยังหันไปมองสิรินว่าจะมีสีหน้าไม่พอใจหรือไม่ พอเห็นอีกฝ่ายยิ้มให้ก็กลับไปมองน่านเพื่อยืนยันว่าจะเรียกแบบนี้

“คนตรงกลางชื่อทิว ส่วนอีกคนชื่อก้อง” สิรินตามใจดำในเรื่องนี้ เขาอยากให้ดำเป็นตัวของเองมากที่สุด เป็นตัวตนที่เขาชอบอยู่แบบนี้

ในระหว่างแนะนำเพื่อนๆ ของเขา สิรินก็ไม่ได้หยุดมือ เขาตักของในหม้อลงในชามของดำเรื่อยๆ เรียกได้ว่าบริการเต็มที่เลยทีเดียว

“คุณทิว แล้วก็...คุณก้อง คนใจดีที่ให้ของอร่อยไอ้ดำเมื่อเช้า ขอบคุณครับ” สิรินสอนบอกให้ดำเอ่ยขอบคุณ และพูดลงท้ายด้วยครับกับเขา ดำจึงใช้มันกับเพื่อนๆ ของสิรินด้วย

เพื่อนของลูกพี่ไอ้ดำก็ต้องนับถือด้วย...ถึงจะน้อยกว่าลูกพี่นิดนึงก็เถอะ

ปกติดำจะพูดแค่กับหลวงตา เพราะถูกสั่งสอนมาตั้งแต่เด็กๆ กับพวกที่อยู่ในกลุ่มอันธพาลกลุ่มเดียวกันดำไม่เคยใช้มันเลย เขาไม่เคยนับถือใครจากใจจริงเช่นนี้ ที่ทำเพียงเพื่อเอาชีวิตรอดในสังคมเท่านั้น

ถ้าไร้กลุ่มจะถูกรังแก ต้องเลือกอยู่กลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง แล้วจะมีพวกร่วมสู้เพียงเท่านั้น พวกหัวแถวคงนับถือกันจากใจจริง แต่กับพวกปลายแถวขอเพียงมีชีวิตรอดเท่านั้นก็เพียงพอ ยิ่งกลุ่มใหญ่ ยิ่งห่างไกลจากคำว่าพวกพ้อง อาจจะโดนตัดทิ้งเมื่อไหร่ก็ไม่อาจทราบ ต้องไต่เต้าขึ้นไปให้สูงอยู่เสมอ

เพียงแต่ดำไม่ได้เข้าไปอยู่ในวังวนนั้นอย่างเต็มตัว เขายังมีหลวงตาที่คอยเลี้ยง คอยสอน เขาจึงเข้าร่วมเพียงเพื่อได้กินของอร่อยเวลาฉลองชัยชนะเท่านั้น ฝีมือก็พอเอาตัวรอด เป็นลูกกระจ๊อกปลายแถว ไม่เข้าไปในวังวนแห่งการแย่งชิงของพวกที่โหดเหี้ยมเหล่านั้น

ดำจึงยังคงมองโลกในแง่ดีเช่นนี้มาโดยตลอด สิ่งที่เขาใฝ่หามีเพียงของอร่อยที่ช่วยให้อิ่มท้องเท่านั้น ความเคารพบูชาจึงไม่ได้มีเท่าคนอื่นๆ บางคนเข้าร่วมเพราะชื่อเสียงของหัวแถวในกลุ่ม บางคนเพื่อศักดิ์ศรีอันยิ่งใหญ่ บางคนเพื่อแก้แค้นกลุ่มอื่น พวกนั้นจะเคารพพวกหัวหน้าจากใจจริง ดำจึงพอซึมซับนิสัยเด็ดเดี่ยวของอันธพาลมาด้วย แต่ก็ไม่ได้เคารพใครเป็นพิเศษ มีสิรินเป็นคนแรกที่เขาเคารพอย่างใจจริง

ดำไม่เคยคิดมาก่อนว่านอกจากหลวงตา และน้องๆ ที่เป็นเด็กวัดด้วยกันแล้วเขาจะวางใจคนอื่นได้มากขนาดนี้ เพราะเป็นสิรินเขาถึงสบายใจ เพราะเป็นสิรินจึงกล้าจะแสดงความเป็นตัวของตัวเองออกมามากขนาดนี้ แม้ศักดิ์ศรี และความทะนงจะถูกหล่อหลอมมากจากวัด และเหล่าคนในกลุ่ม แต่คนที่จะมอบความไว้วางใจให้กลับเป็นคนที่พึ่งพบกันได้เพียงไม่ถึงวัน ถ้าหลวงตารู้เข้าคงหัวใจวายตาย

แต่มันก็ช่วยไม่ได้จริงๆ สัญชาตญาณของดำบอกว่าสิรินเป็นคนดี เพื่อนของสิรินก็ด้วย

เรื่องสัญชาตญาณน่ะ ไอ้ดำมั่นใจยิ่งกว่าอะไร ตอนที่เลือกกลุ่มไอ้ดำถึงเลือกด้วยสัญชาตญาณ และพบว่ามันเป็นกลุ่มที่ดี ไม่ได้มีความดำมืดเหมือนกลุ่มอื่นๆ เพียงแต่คอยจัดการพวกคนเหล่านั้นเท่านั้น นั่นเป็นสาเหตุที่พวกเขามีศัตรูมากมาย

ดำไม่ชอบพวกที่มีความดำมืด กลุ่มนี้จึงเป็นกลุ่มที่ดำเลือกเข้าร่วมและช่วยเหลือในเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เรื่องการหักหลัง หรือไต่เต้าตำแหน่งก็แทบจะไม่มี มันเป็นกลุ่มที่ดี ดูแลลูกน้องปลายแถวดีด้วย ดำก็สำนึกบุญคุณ เพียงแต่มันไม่ใช่ความรู้สึกเคารพจนหมดใจเช่นนี้ กับสิรินเป็นคนแรกที่เขาให้ทั้งใจ

“ลองเอาหมูจิ้มอันนี้ดูสิ มันจะอร่อยขึ้นนะ” สิรินดูแลดำอย่างดี ตักอาหารใส่ถ้วยให้ดำทุกครั้งที่ของในถ้วยยุบลง แต่พอเห็นว่าดำไม่ได้จิ้มน้ำจิ้มก็เลยรีบบอก

“อร่อย! ขอบคุณครับคุณสิน” ดำหันมาขอบคุณสิรินก่อนตั้งหน้าตั้งตาทดลองจิ้มน้ำจิ้มแบบต่างๆ ซึ่งถูกนำมาเรียงไว้ข้างๆ ตัวเอง ไม่ว่าจะเป็น หมู ตับ ลูกชิ้น หรือแม้แต่ผักดำก็นำลงไปจิ้ม ดูตื่นตาตื่นใจทุกครั้งที่ได้ลิ้มลอง รอยยิ้มแสนพอใจนั่น และใบหน้าอิ่มเอิบที่แสดงออกมา ยิ่งทำให้สิรินพอใจ เขามองดำแล้วอิ่มท้องยิ่งกว่านั่งกินเองเสียอีก เด็กคนนี้ชักมีอิทธิพลกับเขามากเกินไปแล้ว แต่มันก็มีความสุขดี...ช่างมันเถอะ

“ดำลองอันนี้” น่านคีบเนื้อฮารามิยื่นให้ดำ มันเป็นเนื้อที่ถูกส่งตรงจากญี่ปุ่น เนื้อส่วนท้องซึ่งมีไขมันแทรกอยู่ ทำให้ได้ความละมุนลิ้นมากขึ้น เขาเห็นดำกินแล้วก็เอ็นดู กินอย่างมีความสุขเหมือนเด็กตัวเล็กๆ จึงอยากให้ได้กินของอร่อย เพราะนานๆ ครั้งของอร่อยจะเลื่อนมาถึง ช่วงเย็นแบบนี้คนเยอะเกินกว่าจะเลือกที่นั่งต้นสายพานได้ หวังได้เพียงดวงเท่านั้น พวกเขาได้นั่งห่างจากครัวพอสมควร ของอร่อยที่มาถึงจึงน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด

“ขอบคุณครับ คุณน่านใจดีจัง ฮี่ๆ” ดำหัวเราะอย่างอารมณ์ดี ก่อนจะอ้าปากงับชั้นเนื้อจากตะเกียบที่ยื่นมา ความนุ่มของเนื้อทำให้ดำพอใจเป็นอย่างมาก จนเผลอยกมือขึ้นทาบแก้มนวดตามจังหวะการเคี้ยวอย่างมีความสุข ตาก็หลับพริ้ม เขาไม่เคยกินเนื้อที่นุ่มขนาดนี้มาก่อน นี่มันสวรรค์ชัดๆ

น่านตกใจไม่น้อยที่ดำอ้าปากรับ แต่ก็ยิ้มเอ็นดู เขาไม่ถือเพราะดำเหมือนเด็กน้อย จนเขาคิดได้ว่ามันเป็นเพียงการป้อนข้าวเด็กคนหนึ่งเท่านั้น จึงใช้ตะเกียบคีบอาหารกินต่ออย่างไม่รังเกียจ

‘เปลี่ยนตะเกียบซะ’

ปากที่ขยับแบบไม่ออกเสียงทำให้คนนั่งฝั่งตรงข้ามรู้ว่าคนร่วมโต๊ะคนหนึ่งกำลังไม่พอใจ สิรินขมวดคิ้วมุ่น ทั้งที่ไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน คนทั้งสามมองอย่างงุนงง แต่เพียงไม่นานพวกเขาก็เข้าใจ พวกเขาติดใจตั้งแต่ที่สิรินบอกว่าจะดูแลดำเองแล้ว มันดูมีอะไรมากกว่าความเอ็นดู และดูเหมือนเพื่อนของเขาจะไม่รู้สึกตัวเสียด้วยซ้ำว่า...ตกหลุมรักเด็กน้อยคนหนึ่งไปเสียแล้ว

ความหึงหวงที่แสดงออกมาดูอย่างไรก็ไม่อาจคิดเป็นอย่างอื่น เพียงไม่นานสายตาของคนทั้งสามก็วูบวาบด้วยความสนุก มุมปากผุดยิ้มอย่างพอใจ นานๆ ที่คนอย่างสิรินจะไม่รู้สึกตัวในความรู้สึกของตัวเอง ถ้าแบบนั้นก็ขอแกล้งให้หนำใจหน่อยเถอะ

นิสัยขี้แกล้งนี้ทำให้พวกเขาอยู่ด้วยกันได้ เพราะรู้ทันกันและกัน มันกลายเป็นข้อดี และข้อเสียเมื่อมีคนใดคนหนึ่งโดนรุมแกล้ง ปกติคนที่โดยบ่อยสุดคือทิว และครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่สิรินพลาด ความสนุกที่พวกเขาไม่เคยทำมาก่อนมันทำให้หัวใจพองโต

แต่ใช่ว่าพวกเขาจะแกล้งเพื่อนจนไม่มีที่ยืน มันมีขอบเขตอยู่ เอาแค่พอสนุก จะไม่ทำลายชีวิตคนอื่น ถ้าหากคนคนนั้นไม่ใช่ศัตรู

น่านไม่รอช้าลงมือคนแรก ยกตะเกียบนั้นเข้าปากในทันที ทั้งยังยักคิ้วยั่วโมโหเพื่อนไปหนึ่งที พร้อมส่งสายตาท้าทาย ดังจะบอกว่า ไม่ว่ะ กูได้จูบทางอ้อมมาหนึ่ง

“ขอไอ้ดำอีก อร่อยมากเลยคุณน่าน ไอ้ดำชอบ” ดำไม่รับรู้ถึงบรรยากาศบนโต๊ะแม้แต่น้อย หลังกลืนเนื้อลงคอก็พูดขออีก ทั้งยังอ้าปากรอเหมือนเด็กตัวเล็กๆ น่านก็ว่าง่ายคีบเนื้ออีกชิ้นที่อยู่ในชามจิ้มน้ำจิ้มแล้วยื่นไปป้อนดำ

“อ้ำ กินเยอะๆ” ดำไม่สนใจสิ่งรอบข้าง แม้น่านจะจะทำเหมือนเขาเป็นเด็กๆ ก็ไม่ถือ ขอเพียงได้กินของอร่อยก็เพียงพอแล้ว

“ไอ้น่าน!” สิรินกัดฟันกรอด ส่งเสียงลอดไรฟันอย่างไม่พอใจ ทำไมเขาจะรู้ไม่ทันเพื่อน มันกำลังจงใจยั่วโมโหเขา มันน่านักนะ

“ดำอันนี้ก็อร่อยลองสิ” ก้องยื่นตะเกียบซึ่งคีบซูชิหน้าแซลมอนที่พึ่งเดินไปตักมาให้ดำ เขาละสายตาไปสนใจน่านเพียงชั่วครู่ ไอ้คนหน้าง่วงก็แผลงฤทธิ์เสียแล้ว

“ว้าว มันยังสดอยู่เลย กินได้เหรอครับ” ดำมองอย่างสนใจ ของกินประหลาดเป็นก่อนเล็กๆ พอดีคำ เนื้อปลาสีชมพูสดใส กับข้าวที่ถูกปั้นเป็นก้อนไว้ด้านล่าง มันดูน่ากินเสียจนแทบอดใจไม่ไหว แต่ก็ยังคงยั้งคิดตามที่สิรินสั่งไว้

“ได้สิ แซลมอนถูกส่งตรงจากญี่ปุ่น เหมือนเนื้อวัวที่กินไป มันก็เลยทั้งสะอาดทั้งอร่อย กินดิบดิบยิ่งอร่อย ลองสิ” หลังจากก้องอธิบายจบดำก็อ้าปากงับเข้าปากในทันที

ชิ้นเนื้อแซลมอนหวานละมุนลิ้น มันเหมือนจะค่อยๆ ละลายในปากอย่างช้าๆ ความสดใหม่ช่วยให้การเคี้ยวลื่นขึ้น ทั้งข้าวยังนุ่มแสนนุ่มพอถูกอัดเป็นก้อนก็ช่วยขับรสหวานนั้นให้กลมกล่อมยิ่งขึ้นไปอีก

ความอร่อยเป็นแบบนี้เองไอ้ดำพึ่งเคยกินเป็นครั้งแรก ทั้งยังหยิบได้ไม่อั้น แบบนี้มันสวรรค์ชัดๆ นี่ไอ้ดำตายแล้วขึ้นสวรรค์มาใช่ไหม~

ดำซึมซับความสุขจนลืมกระทั่งความทุกข์ทมก่อนที่จะได้พบกับสิรินไปจนหมด ตอนนี้ดำเหมือนล่องลอยอยู่ในสวนสวรรค์ก็ไม่ปาน ความคิดที่จะกลับไปหาหลวงตาก็ถูกพับไว้ชั่วพริบตา

ไอ้ดำขอโทษ แต่ขอไอ้ดำมีความสุขกับโลกนี้ก่อนนะครับหลวงตา ยกโทษให้ไอ้ดำด้วย...

เมื่อกลืนของอร่อยลงคอดำถึงเริ่มรับรู้ถึงบรรยากาศเหยียบเย็นของคนที่นั่งอยู่ข้างๆ จึงละความสนใจจากของอร่อยหันมาสนใจสิรินที่กำลังแสดงออกถึงความไม่พอใจในทันที

“คุณสินเป็นอะไรไป ไอ้ดำทำอะไรผิดเหรอครับ”

“ปะ...เปล่า แค่มีเรื่องให้คิดนิดหน่อย ไม่ใช่ความผิดของดำหรอก กินต่อเถอะ” คำถามและหน้าตาสำนึกผิดทำให้สิรินได้สติ ความไม่พอใจของเขากำลังทำให้ดำหุบยิ้ม เขามีความสุขเวลาเห็นดำยิ้มไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงได้งี่เง่าแบบนี้นะ

...แค่รู้สึกไปว่า รอยยิ้มนั้นเป็นของเขาเพียงคนเดียวเท่านั้นเอง ดูเหมือนความรู้สึกที่ไม่แน่ใจจะค่อยๆ ชัดเจนขึ้นเสียแล้ว มันยังผ่านไปไม่ถึงวันเลยนะ สิรินเตือนสติตัวเอง เขาไม่เชื่อในรักแรกพบ จึงคิดว่าความสัมพันธ์ต้องเกิดจากการเรียนรู้ที่ต้องใช้เวลาในการตัดสินใจ เพื่อไม่ให้ความรู้สึกชั่ววูบทำร้ายใครอีกคน

มือหนาลูบหัวดำอย่างเอ็นดู ยิ่งกับดำแล้วเขายิ่งไม่อยากทำให้แปดเปื้อน ไม่อยากเห็นน้ำตาของเด็กน้อยแสนน่ารักของเขาแม้แต่น้อย

“ครับ คุณสินอย่าเครียดนะ กินของอร่อยเยอะๆ จะได้อารมณ์ดี เชื่อไอ้ดำนะครับ” ดำยิ้มแฉ่ง ก่อนจะหันไปหยิบหมึกของโปรดสิรินมาใส่หม้อเพิ่ม ถึงจะเอาแต่กินเขาก็สังเกตว่าน่านหยิบหมึกลงหม้อเรื่อยๆ และคนที่ตักเยอะที่สุดก็คือสิริน ทั้งให้เขาและตัวเอง

คงเพราะคุณสินอยากให้ไอ้ดำกินของอร่อยเหมือนกัน

สิรินอารมณ์ดีขึ้นจนเป็นปกติ หัวใจเขาพองโตอย่างไม่รู้ตัวเมื่อดำใส่ใจในตัวของเขา ไม่ใช่สนใจเพียงเรื่องของตัวเอง

“ขอบใจ” รอยยิ้มน้อยๆ แต่หากอบอุ่นนั้นทำให้ดำหน้าแดง ความรู้สึกที่เกิดขึ้นในลิฟต์กลับมาอีกครั้งจนเขาไม่อาจเข้าใจได้

“อะ เอ่อ คุณก้องพาไอ้ดำไปตักไอ้ที่กินเมื่อกี้อีกได้รึเปล่า ไอ้ดำอยากกินอีก” หัวสมองดำตื้อไปหมดรู้เพียงว่าเขาต้องหนีออกไปจากสถานการณ์ตรงนี้เพื่อทำความรู้สึกของตัวเองให้สงบลง

“เอาสิ หลบน้องด้วยสิน” ก้องสังเกตทุกอย่างที่เกิดขึ้น รวมทั้งน่านกับทิวด้วย เพียงแต่เขาสงสารเกินกว่าจะแกล้งดำ ตอนนี้พอเข้าใจความรู้สึกของเด็กน้อยก็อยากจะช่วยเอาไว้

สิรินมองดำไม่ละสายตา ใบหน้าสีน้ำผึ้งนั่นขึ้นสีระเรี่ยอย่างน่ารัก ทั้งที่ควรรู้สึกผิดที่ทำให้ดำหวั่นไหวก่อนจะมั่นใจในความรู้สึกตัวเอง แต่หัวใจเจ้ากรรมกลับเต้นอย่างยินดี เป็นแบบนี้แล้วตัวเขาควรจะทำอย่างไร

“อะ ฮึ่ม” ก้องแกล้งส่งเสียงในลำคอเพื่อเรียกสติของสิริน ดูเหมือนเพื่อนของเขาจะอาการหนักไม่เบา เขารู้ดีเพราะสิรินไม่เคยตกหลุมรักใครจริงจัง พอเห็นแบบนี้ก็ทั้งอยากช่วยทั้งอยากแกล้งในเวลาเดียวกัน ก็นะคุณชายสิรินผู้เพอร์เฟคหลุดมาดทั้งทีมันน่าสนุกไม่ใช่เหรอ

“อะ เอ่อ มาสิ เดี๋ยวฉันไปด้วย” สิรินรีบเก็บอาการ แก้เก้อโดยการขยับลุกแล้วพาดำเดินไปบริเวณที่วางออเดิร์ฟด้านข้าง

ดำที่ตั้งใจจะหนีหน้าสิรินก็ได้แต่จำยอมลุกตามไป

ก็เป็นความต้องการของคุณสินไอ้ดำจะขัดอะไรได้

หัวข้อ: เปย์ครั้งที่ ๔(๒) (รีไรท์)
เริ่มหัวข้อโดย: GreenHead(หัวเขียว) ที่ 11-03-2018 06:47:27
(ต่อ)

“ว้าว นอกจากแสวม่อนก็มีอะไรเยอะแยะเลย อันนี้ข้างบนเป็นกุ้งล่ะ แล้วอันนี้อะไร แท่งยาวๆ นี่ดูน่ากินจัง คุณสินดูสิ น่ากินมากเลย” แต่พอมาถึงที่เจ้าตัวดีก็พุ่งความสนใจไปที่ของกินจนหมด ก้องได้แต่ถอนหายใจ เพียงแค่เริ่มก็ดูเหมือนเพื่อนของเขาจะแพ้ซูชิเสียแล้ว เฮ้อ

“แซลมอน ไม่ใช่แสวม่อนดำ” สิรินขยี่ผมดำเบาๆ ยิ้มเอ็นดูอย่างไม่ใส่ใจว่าดำจะสนใจอาหารตรงหน้ามากกว่าตน สำหรับเขาแค่ดำยิ้มได้ก็เพียงพอแล้ว ดูเข้าสิตื่นเต้นจนเรียกเขาดูทุกครั้งไป เหมือนอะไรน่าสนใจก็อยากให้เขาได้ดูด้วย เห็นแบบนี้ก็ขอคิดเข้าข้างตัวเองว่าดำให้ความสำคัญกับเขาไม่แพ้อาหารพวกนี้ก็แล้วกัน

“แสว...ซะ แซล มอน” ดำพยายามออกเสียง เพราะพยัญชนะที่ไม่คุ้นเคยทำให้การออกเสียงลำบากสำหรับดำ คิ้วเข้มจึงขมวดเขาหากัน แต่ก็ยังพยายามทำให้ได้

ออกเสียงแบบนี้ไอ้ดำแทบจะกัดลิ้นตัวเองอยู่แล้ว ทำไมมันยากจัง

“ถูกต้อง เก่งมากๆ” สิรินลูบผมสีดำสนิทนั่นอีกครั้ง เวลาเขาลูบหัวดำจะทำหน้ามีความสุข มันจึงกลายเป็นของรางวัลสำหรับดำไปเสียแล้ว

ก้องกลายเป็นธาตุอากาศสำหรับคนทั้งคู่ได้แต่ส่ายหัวกับบรรยากาศแสนหวานตรงหน้า แล้วตัดสินใจเลือกหยิบอาหารที่ต้องการกลับโต๊ะไปเงียบๆ อย่างรู้หน้าที่ สิรินไม่เคยยิ้มบ่อยขนาดนี้ เขาเป็นเพื่อนมานานย่อมรู้ดี จึงไม่คิดจะห้ามแม้ว่าดำจะเด็กมากก็ตาม

“อันนี้คือปูอัด อร่อยนะ ตักไปด้วยสิ”

“ครับ ไอ้ดำขอตักทั้งหมดเลยได้ไหม” ดำมองปูอัดแท่งสีขาวส้มแล้วน้ำลายไหล

คุณสินบอกว่าอร่อยล่ะ จะตักไปเยอะๆ เลย ส่วนของอย่างอื่นก็น่าอร่อย ไอ้ดำอยากกินทั้งหมดเลย

ของที่อยู่บนข้าวก้อนกลมนั่นมีแต่น่ากินๆ ทั้งนั้น แล้วกุ้งชุบแป้งทอดสีเหลืองเงางามนั่นก็ยั่วน้ำลาย ไหนจะของแปลกๆ ที่อยู่ในหม้อ มองเลยไปก็เจอแก้วเล็กๆ ข้างในมีอะไรใส่ไว้ไม่รู้ ไอ้ดำรู้แค่ว่ามันทั้งสวย ทั้งน่ากินทั้งนั้นเอง งื้อ อยากลอง


“ได้ แต่ต้องหยิบอย่างละนิดก่อนนะ เอาไปชิมก่อน ดำชอบอันไหนค่อยมาหยิบเพิ่ม ส่วนของหวานน่ะ เอาไว้กินหลังจากที่กินของคาวแล้วดีกว่านะ” สิรินมองตามสายตาแวววาวของดำ เห็นจดจ้องของหวานที่วางอยู่ในตู้อย่างสนใจแล้วจึงเตือนก่อน เขาไม่มั่นใจว่าคนสมัยก่อนจะกินของคาวหวานร่วมกันได้หรือไม่ กลัวหยิบไปแล้วจะกินไม่อร่อยจะเสียของเปล่าๆ

“อ๋อ ไอ้ดำเข้าใจแล้วครับ” ดำตอบรับ แต่ก็ยังเดินไปยังตู้ที่ใส่ของหวานในแก้วเล็กๆ อย่างอาวรณ์ เขากินของหวานที่หลังเสมอจึงจำต้องตัดใจ

“เจ้าของหวานสีสวย เดี๋ยวไอ้ดำมากินนะ ขอกินของบนโต๊ะก่อน อย่าพึ่งหมดน้า รอไอ้ดำก่อน” ดำอยากกินจนกลัวหมด จึงเดินไปเว้าวอนเจ้าของหวานสีสวย

มันคงฟังไอ้ดำไม่รู้เรื่องหรอก แต่ก็อยากมีความหวังว่ามันจะไม่หมดไปก่อนที่ไอ้ดำจะกินนี่นา

“หึหึ” สิรินมองภาพนั้นแล้วก็รู้สึกขบขัน แต่เขาไม่อยากหลุดมาดให้คนอื่นได้เห็น เพราะตอนนี้มีคนหยุดมองเขาอยู่ไม่น้อยเลย ส่วนมากเป็นคนที่มหาวิทยาลัยทั้งนั้น อย่างที่บอกรอยยิ้มของเขามีไว้ให้คนสนิทเท่านั้น

สิรินจึงเลือกที่จะเก็บสีหน้าแล้วเดินไปหาเจ้าตัวเล็ก เวลานี้เขาควรสนใจเพียงเจ้าเด็กตรงหน้า สายตาเชื้อเชิญที่ถูกส่งมาเหล่านั้นจึงถูกเมินเฉย

“มันไม่หมดหรอก แต่ถ้ากลัวนักก็หยิบไปวางไว้ที่โต๊ะก็ได้” น้ำเสียงของสิรินอ่อนโยน แม้สีหน้าจะเยือกเย็น กับดำแล้วเขาไม่อยากอาจใช้คำพูดแข็งกระด้างได้ จะอย่างไรก็ทำไม่ได้จริงๆ

“ครับ ไอ้ดำขอหยิบเยอะๆ เลยนะ” เจ้าตัวเล็กตาวาว หันมายิ้มกว้าง ใบหน้าหดหู่กลับเป็นสว่างไสวอีกครั้ง จนสิรินต้องขยับตัวมาบังเอาไว้ ก็อย่างที่ว่า รอยยิ้มของดำก็เป็นของเขา จะให้คนอื่นมองได้อย่างไร

“ถ้าหยิบเยอะแล้วกินไม่หมด ฉันจะลงโทษให้ดำอดข้าว...ดีไหม” คำพูดที่เต็มไปด้วยความสนุกนั่นทำให้ดำหน้าซีดเผือด การลงโทษที่โหดร้ายที่สุดสำหรับดำก็อดข้าวนี่แหละ

สมัยก่อนเวลาไอ้ดำทำผิดหลวงตาก็มักลงโทษแบบนี้ มันทรมานมาก ไอ้ดำไม่อยากโดนอีกแล้ว คุณสินโหดร้าย

“ยะ อย่างละชิ้น หมดแล้วค่อยมาหยิบเพิ่มครับ” ดำรีบบอก เขากลัวสิรินจะเปลี่ยนใจมาลงโทษเสียตอนนี้ จากนั้นก็หันไปหยิบของหวานมาถือไว้อย่างละแก้วเท่านั้น

สิรินหยิบของในมือดำมาถือไว้จนเจ้าตัวเล็กทำหน้างงงวย...

หรือว่าคุณสินจะลงโทษไอ้ดำแล้ว ไม่นะ!

สีหน้าของดำเปลี่ยนไปมาจนสิรินพอใจ ก็บอกไปแล้วว่าเขาทั้งเอ็นดู ทั้งชอบแกล้งดำก็เพราะแบบนี้ หึหึ

“ฉันถือให้ ไปหยิบอย่างอื่นสิจะได้กลับไปกินต่อ” พอแกล้งจนพอใจสิรินก็เฉลยให้เจ้าตัวเล็กที่หน้าซีดเผือดลนลานพยายามหาข้อแก้ตัวได้สบายใจ ขืนแกล้งมากกว่านี้คงได้มีคนร้องไห้กลางร้านแน่ๆ

“อ๊ะ! คะ คุณสินขี้แกล้ง” คนรู้ตัวว่าถูกแกล้งเข้าเสียแล้วทำแก้มพองลมไม่พอใจ น่ารักเสียจนคนถูกว่ารู้สึกมีความสุขเสียต้องระบายยิ้มบางๆ ออกมาที่มุมปาก

“หือ ตกลงไม่ตักเพิ่มแล้วสินะ ถ้าอย่างนั้นกลับไปที่โต๊ะกัน” และคนขี้แกล้งก็ยังคงแกล้งต่อโดยไม่เกรงกลัวว่าจะโดนโกรธเข้าจริงๆ

“ไม่นะ ไม่ๆ ไอ้ดำขอตักเพิ่มนะครับคุณสิน ไอ้ดำไม่ว่าแล้วก็ได้” ดำรีบค้าน แก้มพองลมเมื่อครู่ก็หายไป เหลือไว้เพียงใบหน้าอ้อนๆ ให้คนตัวโตเห็นใจเท่านั้น

“หึหึ เข้าใจแล้ว รีบไปตักเถอะ” สิรินเลิกแกล้งในที่สุด เมื่อใบหน้าออดอ้อนนั้น แปรเปลี่ยนเป็นสลดหดหู่ ก็รู้สึกผิดขึ้นมา

“ครับ คุณสินใจดีที่สู้ดดด” พอได้รับคำอนุญาตจากเจ้านายเจ้าหมาน้อยก็ยิ้มร่าแล้วรีบไปตักของทุกอย่างใส่จาน ด้วยที่ขนาดจานมันเล็กมาก ดำจึงตักจนพูนจาน 4 ใบ บางอย่างตัก 1 ชิ้น บางอย่างตัก 2 ชิ้น ตามรูปร่างหน้าตาที่ดำสนใจ

สิรินไม่ได้ห้าม เพราะอย่างไรก็จะช่วยดำกินอยู่แล้วถ้ากินไม่หมด จึงเข้าไปช่วยถือมา 2 ใบ เพราะคิดว่ามือเล็กๆ นั่นคงถือไปไม่หมดอย่างแน่นอน

ดำเห็นสิรินเข้ามาช่วยถือก็ทำท่าจะแย่งคืน แต่ก็ไม่เร็วเท่าขายาวๆ ซึ่งเดินกลับไปที่โต๊ะอย่างรวดเร็ว ดำมองตามหลังสิรินพอทำความเข้าใจการกระทำนั้นได้ก็ยิ้มร่าตามไป คนตัวสูงยืนรอให้ดำเข้าไปนั่งด้านในก่อน แล้วตนจึงนั่งตามตำแหน่งเดิมอย่างรู้หน้าที่

โต๊ะฝั่งของดำถูกเคลียร์ไว้เรียบร้อย พร้อมให้วางของได้เต็มที่ด้วยฝีมือของน่าน ดำยกยิ้มอย่างชอบใจแต่เมื่อวางของทุกอย่างลงบนโต๊ะ จับตะเกียบเตรียมกินก็หยุดชะงัก เบี่ยงตะเกียบไปจานนั้นทีจานนี้ทีอย่างเลือกไม่ถูก

“แซลมอนก็น่ากิน ปูอัดก็น่ากิน ของบนข้าวปั้นก็น่ากิน กุ้งชุบแป้งทอดก็น่ากิน งื้อ ไอ้ดำจะกินอะไรก่อนดี” ปากก็บ่นงึมงัมอย่างจนใจ ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็น่ากินไปเสียหมด น้ำลายก็ไหลหยดติ๋งจนสิรินได้แต่ยกทิชชู่เช็ดปากให้ด้วยใบหน้าประดับรอยยิ้มบางๆ ที่มุมปาก

คนบนโต๊ะไม่มีใครออกปากช่วย เพราะกำลังขำกับท่าทางของดำ จะว่าน่าเอ็นดูก็น่าเอ็นดู จะว่าน่าแกล้งก็น่าแกล้ง พวกเขาชักเข้าใจความรู้สึกของสิรินเสียแล้วสิ

โต๊ะที่พวกเขานั่งแม้ไกลห้องครัวแต่ก็เป็นโต๊ะด้านในสุด พวกเขาโดนโต๊ะอื่นๆ บัง เมื่อกลับมานั่งที่ทุกคนจึงผ่อนคลาย ไม่ได้เก็บสีหน้าเหมือนก่อนหน้านี้ เวลานี้สิรินจึงยิ้มออกมาอย่างไม่ต้องเก็บอาการไว้ แต่ถึงอย่างนั้นรอยยิ้มของเขาก็ยังเป็นยิ้มมุมปากอีกตามเคย มันเป็นพฤติกรรมที่ติดตัวมานานเกินจะแก้แล้ว

คนที่เคร่งเครียดสุดจึงเหลือแค่ดำเพียงคนเดียว แต่หลังจากผ่านไปหลายนาทีสีหน้าลังเลก็กลายเป็นขมวดคิ้วแน่นอย่างคิดหนัก พยักหน้าตกลงกับตัวเอง ก่อนจะเริ่มกินชิ้นแรกที่หมายตาเอาไว้

ดำใช้ตะเกียบคีบเทมปุระเข้าปาก เจ้ากุ้งทอดตัวยาวนุ่มนิ่มอยู่ด้านใน ด้านนอกห่อหุ้มด้วยแป้งทอดกรุบกรอบ ช่วยเพิ่มรสสัมผัสให้เคี้ยวได้อย่างเพลิดเพลินมากขึ้น ดำคิดว่าตัวเองคิดถูกแล้วที่เลือกหยิบมา 2 ชิ้น และหมายมาดว่าจะต้องไปตักมาเพิ่มอีก

สัก 2 จาน หรือ 3 หรือ 4 ดี โอ๊ย เลือกไม่ถูกมันอร่อยมากเลย คุณสินคงไม่ว่าอะไรหรอกเนาะถ้าไอ้ดำจะตักมาเยอะๆ เพราะไอ้ดำจะกินให้หมดแน่นอน!

ถัดจากเทมปุระดำก็คีบซูชิแบบต่างๆ เข้าปาก ทั้งแบบสดและทอดกรอบซึ่งเป็นซูชิแบบใหม่ที่ร้านพึ่งนำมาวางได้ไม่นาน ดำถูกใจซูชิที่สอดไส้ด้วยไข่หวานกับผักหลากชนิดโดยเฉพาะแตงกวาญี่ปุ่นช่วยขับรสชาติความชุ่มฉ่ำได้เป็นอย่างดี ทั้งด้านนอกยังถูกห่อพันไว้ด้วยไข่กุ้งสีสวย แม้ดำจะไม่รู้จักว่าของเหล่านี้คืออะไร แต่ใครจะสนกัน รู้แค่ว่ามันอร่อยมากก็พอแล้ว

นอกจากนี้ยังมีไข่หวานที่ถูกม้วนทับหลายๆ ชั้นพันเป็นก้อนเรียกน้ำลายดำได้เป็นอย่างดี ขนาดชิ้นเล็กๆ ที่อยู่ภายในยังอร่อยขนาดนั้น แล้วแบบมีแค่ไข่เพรียวๆ จะอร่อยขนาดไหน แค่คิดก็น้ำลายไหล รีบจ้วงเจ้าไข่หวานก้อนกลมเข้าปากในทันที

สัมผัสนุ่มละมุนลิ้นดังว่าไข่ที่อยู่ในปากกำลังละลายอย่างช้าๆ ความหวานที่สอดแทรกด้วยเหล้าหวานของญี่ปุ่นทั้งหอมหวาน ทั้งกลมกล่อม ไม่ได้หวานจนเลี่ยนเกินไป แต่กลับช่วยดึงรสชาติของไข่ที่เป็นวัตถุดิบหลักออกมาได้เป็นอย่างดี ยิ่งเคี้ยวยิ่งรับรู้ถึงความอร่อยที่เพิ่มขึ้น ดำคิดว่านี่เป็นไข่ที่อร่อยที่สุดเท่าที่เคยกินมาอย่างแน่นอน

ดำดื่มด่ำอาหารแปลกใหม่แสนอร่อยโดยไม่สนใจสิ่งรอบข้าง ในสายตาของเขามองเห็นเพียงแค่ของกินเท่านั้น

อา ไอ้ดำพึ่งรู้ว่าของที่กินไม่อั้นนอกจากอร่อยแล้ว ยังพาไอ้ดำขึ้นสวรรค์ได้ด้วย ให้ตายก็ไม่เสียชาติเกิดแล้ว ไอ้ดำช่างโชคดีจริงๆ

สิรินมองภาพนั้นไม่วางตา เจ้าเด็กจอมตะกละกำลังทำหน้ามีความสุขแบบสุดๆ อยู่ ทำให้เขายิ้มตามภาพนั้นอย่างห้ามไม่อยู่ ส่วนเพื่อนทั้งสามที่นั่งเป็นตัวประกอบอยู่ก็มองภาพนั้นยิ้มๆ ดูท่าเพื่อนของเขาจะอาการหนักสุดๆ ไปเลย คิดเพียงเท่านั้นแล้วก็ตั้งหน้าตั้งตากินต่อไปก่อนที่จะหมดเวลาเสียก่อน

“ไง ไม่คิดเลยว่ะว่าจะเจอพวกมึงที่นี่” เสียงที่ขัดบรรยากาศดังขึ้น พวกเขาจึงต้องหันไปมองต้นเสียง ขาดเพียงดำที่จมดิ่งสู้โลกส่วนตัวเสียแล้ว

ดำคีบไข่หวานอีกชิ้นเข้าปาก แล้วตกลงกับตัวเองในใจว่าจะไปตักเพิ่มอีกสัก สิบ ยี่สิบ หรือ สามสิบชิ้นเลยดี ส่วนคนที่มาใหม่ก็ไม่ได้สนใจเด็กน้อยที่ร่วมโต๊ะอยู่อย่างใด เพียงเจอคนที่เกลียดขี้หน้า พาลนั่งกินแล้วเสียอารมณ์จึงต้องเข้ามาทักทายเสียหน่อยเท่านั้นเอง

ไม่มีใครตอบรับเพียงมองนิ่งๆ เท่านั้น แต่คนพูดก็ไม่มีทีท่าว่าจะเดินกลับไปที่โต๊ะของตัวเองง่ายๆ วันนี้เขามาพร้อมกับสาวสวยดาวคณะมนุษยศาสตร์ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องเป็นคณะที่รวบรวมหญิงแท้หญิงเทียมที่สวยที่สุดในมหาวิทยาลัยเอาไว้

“คิดจะเมินกันเหรอวะ หรือไม่กล้าสู้หน้าเพราะรอบนี้กูนำมึงไปหนึ่งก้าว” คริสหนุ่มตาน้ำข้าวเจ้าของตำแหน่งเดือนคณะวิศวกรรมศาสตร์เอ่ยขึ้นอย่างเย้ยหยัย เขาตั้งตัวแข่งกับสิรินมาตั้งแต่เข้าปีหนึ่ง เพราะสิรินเป็นเพียงรองเดือนแต่กลับแย่งความนิยมของเขาไปจนหมด

ซึ่งทุกครั้งที่ใครเข้าหาสิริน คริสก็จะเข้าไปแย่งมา ผู้หญิงเหล่านั้นก็มีทั้งเล่นด้วยและไม่เล่นด้วย ซึ่งปกติสิรินจะตอบรับผู้หญิงทุกคนถ้าเข้าใจข้อตกลงของเขา แต่หากผู้หญิงคนไหนผ่านคริสมาก่อนเขาจะไม่เล่นด้วย เพราะไม่ชอบความวุ่นวายที่ตามมา

พลอยเดือนคณะมนุษยศาสตร์ปีหนึ่งเป็นผู้หญิงที่เข้าหาสิรินเมื่ออาทิตย์ก่อน แต่เขาไม่เล่นด้วยเพราะดูเหมือนเป็นผู้หญิงที่ยอมรับข้อตกลงเพียงผ่านๆ เท่านั้น พาลแต่จะทำให้วุ่นวาย และเมื่อสองสามวันก่อนเจ้าตัวก็ยอมแพ้ไป ซึ่งดูจะไม่ใช่แค่สาเหตุนี้ทั้งหมด ดูท่าคงหลงคารมคริสไปอีกคนแล้ว

สิรินมองภาพนั้นด้วยสายตาเย็นชา เขารู้ว่าผู้หญิงคนนี้เข้าหาเขาเพราะเงิน และต้องการอวดเพื่อนเท่านั้น ทั้งยังมีนิสัยดื้อรั้นชอบเอาชนะไม่ยอมเสียหน้าง่ายๆ คงไม่ยอมรับข้อเสนอที่เป็นเพียงคู่นอนแน่ๆ คริสเองก็ชอบเอาชนะ เมื่อพอใจหรือหมดสนุกแล้วก็ทิ้งขว้างง่ายๆ ช่างเป็นคู่ที่เข้ากันเสียจริงๆ

“คุณสิน คุณสิน ไอ้ดำอยากออกไปตักของเพิ่ม” เสียงของดำแทรกผ่านความเย็นชาที่กำลังฟาดฟันกันของคนทั้งสอง คนหนึ่งเยือกเย็น อีกคนร้อนแรงท้าทาย แต่ดำกลับไม่สนใจมันแม้แต่น้อย ตอนนี้ภายในใจร่ำร้องเพียงว่าอยากได้กุ้งชุบแป้งทอดที่กินจานแรก กับไข่เนื้อนุ่มแสนอร่อยเพิ่มเท่านั้น

“เอาสิ” สิรินเมินคนที่เข้ามาหาเรื่อง แล้วหันมาตอบดำแทน ความรู้สึกเยือกเย็นเมื่อครู่ก็จางหายไป ละลายไปเพราะเจ้าดวงอาทิตย์ยิ้มแฉ่งตรงหน้าไปเสียแล้ว

“กล้าเมินกูเหรอไอ้สิน!” คริสทนต่อความเฉยเมยไม่ไหวจึงพูดขึ้นด้วยความโกรธ เขายื่นแขนออกมาหมายจะคว้าคอเสื้อของสิรินที่กำลังลุกขึ้นให้ดำได้เดินออกไปด้านนอกเอาไว้

พรึ่บ!

แต่ดำเร็วกว่า แม้ใจจะจดจ่อกับของกินมากขนาดไหน เขาก็ไม่มีทางปล่อยให้ใครมาทำร้ายสิรินอย่างแน่นอน ชั่วพริบตานั้นดำลุกขึ้นจากที่นั่ง ก้าวขาเพียงไม่กี่ก้าวก็มาประจันหน้ากับคริสได้ นอกจากจะจับมือที่พุ่งมาจะทำร้ายสิรินได้ ดำยังดันข้อมือของอีกฝ่ายให้งอไปด้านหลังจนคริสเสียจังหวะล้มคุกเข่าลงกับพื้น

เมื่อเป็นเช่นนั้นดำก็ออกแรงให้มากขึ้นจนข้อมือที่ต่อต้านอย่างไม่ยอมแพ้นั้นเจ็บปวดจนแทบหัก ยิ่งเมื่อเขาอยู่ในตำแหน่งที่สูงกว่ายิ่งออกแรงได้มากยิ่งขึ้น คริสได้แต่ร้องโอดโอยอย่างเจ็บปวด

คนทั้งร้านหันมามองเด็กชายตัวเล็กที่จัดการผู้ชายตัวใหญ่ให้นั่งคุกเข่าลงได้ ทั้งยังร้องคร่ำครวญอยู่บนพื้นอย่างไม่น่าเชื่อ แรงที่มากกว่าขนาดตัวนั่นทำให้พวกเขาตกใจ บางคนตื่นเต้น บางคนส่ายหัวอย่างไม่เชื่อ พนักงานก็ไม่กล้าเข้ามาห้ามกลัวจะโดนลูกหลงไปด้วย

“พอแล้วดำ ไปตักของกินมาเพิ่มเถอะ” สิรินวางมือบนไหล่แล้วบีบเบาๆ เพื่อให้ดำเลิกเข้าสู่โหมดต่อสู้ ดำสัญญาว่าจะปกป้องเขา และจะเชื่อฟัง สิรินจึงไม่ได้ตกใจอะไรกับสิ่งที่เกิดขึ้น เวลาดำเลือดขึ้นหน้า ต้องปล่อยให้ระบายออกไปบ้าง แล้วจึงค่อยห้าม ดำก็จะเชื่อฟัง สิรินจับจุดนี้ได้เป็นอย่างดี

“ครับ” ดำปล่อยมือคริสแล้วหันมายิ้มกว้างให้สิริน จากนั้นจึงเดินผิวปากอย่างอารมณ์ดีไปตักของที่ต้องการดังว่าเมื่อครู่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยสักนิด

คริสมองรอบๆ ด้วยความอาย เขาแพ้ให้เด็กตัวกะเปี๊ยกใครรู้เขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน อยู่ต่อก็อายเปล่า รีบเดินจ้ำอ้าวออกไปโดยไม่สนใจผู้หญิงที่มาด้วยแม้แต่น้อย พลอยก็เพียงชายตาหว่านเสน่ห์อย่างไม่รู้สึกรู้สาก่อนจะเดินตามไปอีกคน ร้านจึงกลับมาสู้ความสงบอีกครั้งด้วยความรวดเร็ว ผู้คนในร้านก็กลับไปสนใจอาหารบนโต๊ะของตน พนักงานก็กลับไปประจำตำแหน่งเดิม

“อุ๊ป ฮ่าๆๆๆ โอ๊ยไม่ไหว ไอ้คริสคงแทบเอาปี๊บมาคลุมหัว” น่านหัวเราะขึ้นอย่างอดไม่อยู่ เขาอยากขำตั้งแต่เจ้าตัวเล็กหันมายิ้มกว้างเปลี่ยนอารมณ์อย่างง่ายดายแล้ว เพียงแต่ไม่อยากให้คริสขายหน้าไปมากกว่านี้เท่านั้น

“หึหึ” สิรินนั่งลงก่อนจะหัวเราะให้ลำคอ มุมปากกลับกระตุกยิ้มอย่างพอใจ

“กูเข้าใจแล้วว่าทำไมไอ้สินถึงบอกว่า ถ้าสู้กันมันอาจโดนอัด โหดใช่เล่นเลยนี่หว่า เล็กพริกขี้หนูของจริง พวกมึงก็อย่าไปยั่วโมโหเข้าล่ะ กูขอเตือน ฮ่าๆๆ” ทิวพูดบ้าง เห็นแล้วยังเสียวสันหลังวาบ ดีนะที่ยังฟังสิรินพูด ไม่อย่างนั้นแล้ววันนี้คริสคงต้องไปหยอดน้ำข้าวต้มที่โรงพยาบาลสักอาทิตย์สองอาทิตย์แน่ๆ

“เตือนตัวเองเถอะ” ก้องพูดขึ้นบ้าง ก่อนที่ทุกสายตาจะไปหยุดลงที่ทิวก่อนจะผงกหัวเห็นด้วยอย่างพร้อมเพรียง...



โปรดติดตามตอนต่อไป...





************************************************************

มาแล้วค่าาา
ไอ้ดำของเราไม่ธรรมดาใช่ไหมล่ะ โฮะๆๆ

ดำน่ารักมากเลย กินเท่าไหร่คุณสินก็ไม่สะเทือนแน่ๆค่ะ เห็นออร่าแบล็คการ์ดแรงมาก  :hao5:

ปล.ตอนล่าสุดเจอคำผิดค่ะ หัวเรอะ เป็น หัวเราะ รึเปล่าคะ

เนาะๆคู่นี้ถูกสร้างขึ้นมาคู่กันจริงๆ  :m3:

//คำผิดเดี๋ยวกลับไปแก้นะคะ ขอบคุณค่าา

จะอัพทันในdek d หรือเปล่าครับ อยากให้อัพทัน จะได้เม้นได้  :sad4:

ลงทันแน่นอนค่ะ จะลงให้เรียบร้อยก่อนกลับไปอัพเป็นปกติพร้อมๆกันทุกเว็บเล้ยยย  o13

*แก้ไข 01/11/62
หัวข้อ: Re: PAY เปย์ข้าด้วยบุฟเฟ่ต์สิ [เปย์ครั้งที่ 4] 11.03.2018
เริ่มหัวข้อโดย: Fallinlove ที่ 11-03-2018 10:37:48
สนุกมากกกก  ชอบมากเลยจ้า
น้องดำน่ารัก เก่งกล้ามีน้ำใจด้วย ปลื้ม
อ่านแล้วอารมณ์ดีมากเลยค่ะ ขอบคุณคนเขียนมากเลย > <
หัวข้อ: Re: PAY เปย์ข้าด้วยบุฟเฟ่ต์สิ [เปย์ครั้งที่ 4] 11.03.2018
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 11-03-2018 12:45:27
อ่านแล้วหิวตามเลยค่ะ  :hao5:
หัวข้อ: Re: PAY เปย์ข้าด้วยบุฟเฟ่ต์สิ [เปย์ครั้งที่ 4] 11.03.2018
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 11-03-2018 13:59:41
หิวตามเลย
หัวข้อ: Re: PAY เปย์ข้าด้วยบุฟเฟ่ต์สิ [เปย์ครั้งที่ 4] 11.03.2018
เริ่มหัวข้อโดย: Victor.yuriyurio ที่ 11-03-2018 14:22:54
 :sad4: อ่านไปหิวไป น้องดำโคตรน่าเอ็นดูเลยลูกเอ้ย พี่จะให้หนูกินทุกอย่างเลย  :hao5:
หัวข้อ: Re: PAY เปย์ข้าด้วยบุฟเฟ่ต์สิ [เปย์ครั้งที่ 4] 11.03.2018
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 11-03-2018 22:41:57
น้องดำผู้น่ารัก ชอบมากกก
หัวข้อ: Re: PAY เปย์ข้าด้วยบุฟเฟ่ต์สิ [เปย์ครั้งที่ 4] 11.03.2018
เริ่มหัวข้อโดย: Victor.yuriyurio ที่ 12-03-2018 23:44:44
คิดถึงน้องดำ กอดขาไรท์ :ling1:  :hao5: :serius2:
หัวข้อ: Re: PAY เปย์ข้าด้วยบุฟเฟ่ต์สิ [เปย์ครั้งที่ 4] 11.03.2018
เริ่มหัวข้อโดย: Mayana ที่ 13-03-2018 09:34:28
สายเปย์ทุ่มเทเลี้ยงน้อง คุณสินได้คะแนนอยู่หัวแถวเลย
หัวข้อ: เปย์ครั้งที่ 5
เริ่มหัวข้อโดย: GreenHead(หัวเขียว) ที่ 13-03-2018 10:46:06
เปย์ครั้งที่ ๕

มือถือสาก ปากถือศีล

‘คนที่มักแสดงให้คนอื่นเห็นว่าเป็นคนดีมีศีลธรรม แต่ความจริงกลับประพฤติชั่ว’


เข็มนาฬิกาติดผนังบอกเวลา 03.15 น. แต่สิรินก็ลืมตาตื่นขึ้นทั้งที่ฟ้ายังไม่สว่าง เขากระชับกอดให้แน่นขึ้นเล็กน้อยก่อนหลับตาลง แล้วกดจมูกหอมผมสีดำนุ่มนิ่มของคนให้อ้อมแขน ซึมซับความอบอุ่นอีกครั้งก่อนจะลุกขึ้นจากเตียง แม้จะอยากนอนต่ออีกสักนิด แต่เขาก็ยังมีเรื่องต้องทำมากมาย

หลังห่มผ้าและเพิ่มอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศก็มองจนแน่ใจว่าเด็กน้อยบนเตียงนอนหลับสบายดี จึงเดินออกจากห้องอย่างแสนเสียดาย

ภายในห้องของสิรินถูกแบ่งเป็นสัดส่วน มีทั้งห้องนอน 3 ห้อง ห้องทำงาน ห้องนั่งเล่น และห้องครัว แต่ห้องนอนที่อยู่มุมตรงกลางระหว่างห้องทั้งสองก็ถูกพวกตัวปัญหา 3 คนนั่นสั่งพนักงานตกแต่งภายในยกเฟอร์นิเจอร์ออกไปจนหมด แล้วช่วยกันซื้อเครื่องออกกำลังกายมาไว้ พร้อมออกความเห็นว่า

‘ห้องนอนติดประตูของพวกกู 3 คน เพราะฉะนั้นห้องหัวมุมตรงกลางก็ต้องเป็นห้องออกกำลังกาย แหนะๆ ไม่ต้องทำหน้าเย็นชาใส่ เพราะกูรู้ว่ามึงไม่มีทางพาใครมาค้างนอกจากพวกกู 3 คน จะปล่อยให้ฝุ่นเกาะไปทำไมวะ สู้ๆ ให้พวกกูใช้ดีกว่า อีกอย่างเดียวก้องกับน่านก็เป็นคนออกเงินไม่ต้องห่วง ฮ่าๆ ๆ ’

สุดท้ายทิวก็โดนน่านบ่นยกใหญ่ ส่วนก้องก็ได้แต่ทำหน้าเอือมระอา แต่ก็นั่นล่ะ พวกมันเห็นด้วย แค่ทำท่าทางไม่พอใจอย่างนั้นเอง ส่วนตัวเขาก็ไม่มีปัญหา เพราะเหตุผลที่ทิวยกมามันเป็นความจริง ถึงจะพูดจาน่ากระทืบไปหน่อยก็ตาม แน่นอนว่าพวกผู้หญิงเขาก็พาไปมากสุดก็โรงแรม ไม่ก็ห้องของเจ้าตัว ไม่มีทางพามาในห้องที่เป็นพื้นที่ส่วนตัวอย่างแน่นอน...มันวุ่นวาย

สิรินเดินไปยังประตูเชื่อมระหว่างห้องนอนกับห้องทำงานอย่างไม่เร่งรีบ เขาต้องการยืดเวลามองคนตัวเล็กออกไปอีกนิด อีกสักวินาทีก็ยังดี

สุดท้ายทิวก็โดนน่านบ่นยกใหญ่ ส่วนก้องก็ได้แต่ทำหน้าเอือมระอา แต่ก็นั่นล่ะ พวกมันเห็นด้วย แค่ทำท่าทางไม่พอใจอย่างนั้นเอง ส่วนตัวเขาก็ไม่มีปัญหา เพราะเหตุผลที่ทิวยกมามันเป็นความจริง ถึงจะพูดจาน่ากระทืบไปหน่อยก็ตาม แน่นอนว่าพวกผู้หญิงเขาก็พาไปมากสุดก็โรงแรม ไม่ก็ห้องของเจ้าตัว ไม่มีทางพามาในห้องที่เป็นพื้นที่ส่วนตัวอย่างแน่นอน...มันวุ่นวาย

ซึ่งแม้แต่ตอนนี้เองสิรินก็มีสิทธิ์เข้ามาเพียงคนเดียว เขาบอกดำแล้วว่าห้ามเข้ามารบกวน และเจ้าตัวเล็กก็ว่าง่ายยอมทำตามอย่างเคร่งครัด ไม่เคยเข้ามาด้านในเลยสักครั้งเดียว

ความจริงเขาอยากให้ดำเข้ามาด้วย แต่จะทำอย่างไรได้ถ้าดำเข้ามาเขาก็ไม่มีสมาธิทำงานพอดี คงได้แต่นั่งมองรอยยิ้มสว่างจ้านั่นแน่ๆ สุดท้ายถึงได้ตัดใจสั่งออกไปแบบนั้น

ดำอยู่ในความดูแลของเขา 5 วันแล้ว แต่ตัวเขาเองก็ยังไม่ได้เตรียมที่อยู่ให้อย่างเต็มที่ เพราะใช้เวลาส่วนมากไปกับการเรียนและพาดำออกไปกินของอร่อยๆ วันนี้หยุดทั้งทีคงต้องลงมือทำอะไรจริงจังเสียบ้าง

ก่อนอื่นก็ต้องเป็นข้อมูลพื้นฐาน พวกบัตรประชาชน ทะเบียนบ้าน และโรงเรียน สิรินคิดว่าดำควรจะได้เรียนเหมือนเด็กทั่วๆ ไป เขาตั้งใจว่าจะติวหนังสือให้ดำก่อนที่โรงเรียนมัธยมจะเปิดเทอม ให้เจ้าตัวได้ใช้ชีวิตของตัวเองอย่างเต็มที่ นั่งๆ นอนๆ อยู่แต่ในห้องอีกไม่นานก็คงจะเบื่อ ดำควรจะมีเพื่อน มีสังคมของตัวเอง ถึงจะน่าเป็นห่วงไปบ้าง แต่สิรินก็เชื่อว่าดำต้องผ่านทุกอย่างไปได้

...และดำจะไม่เปลี่ยนไปอย่างแน่นอน เขาเชื่อใจดำมากกว่าใคร

แต่ก่อนอื่นคงต้องเคลียร์งานของตัวเองให้เรียบร้อยก่อน ความจริงเขาต้องนอนประมาณตี 1 แต่พอมีดำเข้ามาในชีวิตตารางของเขาก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย ประจวบเหมาะกับเป็นช่วงเสาร์ อาทิตย์ เป็นช่วงเวลาปิดของตลาดหุ้น สิรินจึงนอนพร้อมกับคนตัวเล็กไปเสียเลย

ก่อนหน้านี้สิรินเข้ามาทำงานในห้องแล้วปล่อยดำดูทีวีอยู่ที่ห้องนั่งเล่น พอทำงานเสร็จก็ออกไปเจอคนตัวเล็กนอนหลับอยู่ที่โซฟาอย่างน่าสงสาร พอวันต่อมาก็เลยตัดสินใจนอนตั้งแต่ 3 ทุ่ม พร้อมๆ กัน และพบว่ามันเป็นช่วงเวลาที่ดีมาก ความอบอุ่นของคนในอ้อมกอดทำให้เขาหลับสบาย ทั้งยังได้มองหน้าคนตัวเล็กจนเคลิ้มหลับไป สิรินพบว่ามันมีความสุขกว่าที่คิดไว้มากมายทีเดียว

ทั้งตอนเช้ายังได้นอนมองใบหน้าสีน้ำผึ้งของคนหลับจนพอใจอีก สิรินก็เลยจัดการปรับเปลี่ยนเวลาของตนอย่างเต็มใจ ถึงแม้วันเสาร์-อาทิตย์เขาจะได้เติมจนพลังเต็มที่ แต่วันนี้ก็ต้องลุกเร็วกว่าเดิมเพื่อเช็คความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้น

ภายในห้องทำงานมีคอมพิวเตอร์วางอยู่ 4 เครื่อง และโน๊ตบุ๊คขนาดพกพาอีก 2 เครื่อง คอมพิวเตอร์ 3 ถูกเปิดเอาไว้ตลอดเวลาด้วยความต้องการของเจ้าของห้อง ส่วนอีกเครื่องถูกปิดไว้เพราะมีไว้ใช้สำหรับทำงานของคณะ

โน๊ตบุ๊คสีขาวถูกเปิดขึ้นเมื่อสิรินกดเปิดหลังจากที่นั่งลงบนเก้าอี้ตรงกลาง เพียงไม่นานหน้าจอก็เปิดเสร็จสมบูรณ์ วิดีโอคอลถูกเปิดเพราะถูกตั้งไว้ให้เปิดอัตโนมัติ บนจอภาพปรากฏคนคนหนึ่งที่กำลังนอนหลับอยู่บนโซฟาห่างออกไปเล็กน้อย

“มาร์โก้” สิรินส่งเสียงเรียกคนที่อยู่ในจอภาพ เพียงเท่านั้นก็เหมือนเป็นนาฬิกาปลุก ผู้ชายตัวใหญ่และดูอายุประมาณ 30 ปลายๆ ลุกขึ้นมานั่งบนโซฟาก่อนจะรีบมานั่งที่เก้าอี้หน้าเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ถูกเปิดเอาไว้

“มาช้าเกือบ 20 นาทีเลยนะ” คำพูดแบบขวานผ่าซากไม่เกรงใจสักนิด ทำให้สิรินยิ้มมุมปาก เมื่อนึกถึงคนที่เป็นสาเหตุให้เขาไม่อยากลุกขึ้นจากเตียง จนเลยเวลานัดมาเกือบ 20 นาที

“หึ ฉันไม่ต้องรีบก็ได้ไม่ใช่รึไง ยังไงนายก็ดูให้ตลอดอยู่แล้ว” สิรินตอบกลับอย่างไม่สะทกสะท้านในคำพูดของมาร์โก้ เขาชินเสียแล้วกับนิสัยของผู้ชายตรงหน้านี้

“ชิ เดี๋ยวก็ปล่อยให้ขาดทุนซะเลย” พูดเสร็จก็สะบัดหน้าหนีแบบงอนๆ ไปหนึ่งที

“ฉันบอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่าทำแบบนั้น คนตัวใหญ่อย่างนายทำไปก็ไม่น่ารักหรอก อีกอย่างนายก็ไม่มีทางทำแบบนั้นอยู่แล้ว” ได้ยินแบบนั้นมาร์โก้ก็คิ้วกระตุกยิกๆ จะเถียงก็เถียงไม่ออก เขาตัวใหญ่กว่าสิรินเสียอีก เพราะเป็นคนอเมริกาเต็มตัว ถึงจะอยู่ไทยหลายปีจนภาษาไทยแข็งแรงยิ่งกว่าเจ้าของภาษาแล้วก็ตาม

“ชิ ใครจะไปน่ารักเท่าเด็กน้อยของนายเล่า ดำอย่างโน้น ดำอย่างนี้ ข้ออ้างแต่ละอย่างดีๆทั้งนั้น” มาร์โก้เหน็บแนมออกไปอีก ก็แหมเล่นขอเปลี่ยนเวลาเล่นหุ้นเป็นตี 3 ถึง ตี 5 แทน เพราะสาเหตุอย่าง อยากนอนกอดดำเนี่ยนะให้ตาย ถึงเขาจะไม่มีปัญหาเรื่องเวลาก็อเถอะ แต่มันก็อดหมั่นไส้ไม่ได้ กล้าพูดมาเต็มปากเต็มทำ และยังจะมาบอกว่าเป็นน้องชาย ให้ตายก็ไม่เชื่อ

มาร์โก้ยอมสิรินง่ายๆ เพราะเอ็นดูสิรินไม่ต่างจากลูกชาย เห็นเด็กที่มีแววตาเย็นชาคนนั้นเริ่มทอแสงอบอุ่นเสียบ้าง เขาก็มีความสุขมากมายแล้ว

“ก็นะ ดำน่ารัก แล้วมาร์โก้จะมาที่ไทยเมื่อไหร่...จะถึงวันครบรอบวันตายของพ่อแล้วนะ” สิรินไม่ปฏิเสธ แต่พอนึกได้ถึงธุระสำคัญก็เลยถามขึ้น มาร์โกกลับไปที่อเมริกาตั้งแต่พ่อของสิรินเสียชีวิต ตอนนั้นเขาอายุเพียง 12 ปีเท่านั้น และกลับมาทีไทยบ้างบางโอกาส เช่น วันเกิดของเขา วันเกิดมาร์โก้ ปีใหม่ และวันครบรอบวันตายของพ่อ

“กลับสิ จะกลับไปก่อนสักอาทิตย์จะไปดูหน้าเจ้าเด็กน้อยของนายซะหน่อย อยากรู้ว่าน่ารักจริงรึเปล่า หึหึ เตรียมใจไว้ ถ้าน่ารักฉันจะขโมยมาเป็นลูกชายอีกคนซะเลย! ” มาร์โก้เปลี่ยนบรรยากาศ เขาไม่อยากให้สิรินเศร้าเมื่อนึกถึงเหตุการณ์เหล่านั้น

สิรินกำพร้าแม่ตั้งแต่คลอด เพราะเธอเสียชีวิตลงหลังจากนั้น และยังต้องมาเสียพ่อไปเมื่อตอนอายุ 12 ปี ญาติต่างพากันแย่งชิงที่จะเลี้ยงดูเขา เพียงเพราะสมบัติของพ่อ จนเกิดเรื่องร้ายแรงมากมาย

เวลานั้นมาร์โก้ตระหนักดีว่าอีกไม่นานคนเหล่านั้นจะต้องหาทางฮุบสมบัติที่ควรเป็นของสิรินไปจนหมด เขาจึงตัดสินใจบอกลาสิรินมายังอเมริกาอันเป็นบ้านเกิด กลับมายังจุดที่ตัวเองทิ้งไปหลายปี และใช้อำนาจนั้นผลักดันสิรินให้เดินไปในทางที่ควรจะเป็น

สิรินเป็นเด็กอัจฉริยะเวลานั้นเขารู้ดีว่า ต่อไปอนาคตของเขาจะเดินไปในทิศทางใด คนที่ได้สิทธิ์ในการดูแลสิรินคืออาสุชาติน้องชายของพ่อ คนคนนั้นเป็นพวกมือถือสาก ปากถือศีล นั่นคือสิ่งที่สิรินรู้ แต่เขาในวัยเพียง 12 ปี ก็ไม่อาจตัดสินใจอะไรด้วยตัวเองได้ ทั้งมาร์โก้ยังไม่มีสิทธิ์ในทรัพย์สมบัติทั้งหมดอีก

เพราะพินัยกรรมฉบับนั้นยังไม่ถูกปรับเปลี่ยน สิรินคิดว่าถ้าพ่อของเขาแก้พินัยกรรมตั้งแต่ต้น คนที่จะได้ดูแลเขาและสมบัติทั้งหมดต้องเป็นมาร์โก้ไม่ผิดแน่

มาร์โก้เป็นคนรักของพ่อ ตอนนั้นสิรินรู้ดี พ่อเล่าให้ฟังเสมอว่ามาร์โก้คือคนที่เข้ามาทำให้หัวใจของท่านเต้นอีกครั้ง หลังจากปิดตายตั้งแต่แม่ของเขาจากไป สิรินในวัย 9 ขวบ เชื่อใจพ่อก็เลยยอมเปิดใจกับมาร์โก้ และยอมรับมาร์โก้เป็นคนในครอบครัวในที่สุด แม้บรรดาญาติพี่น้องของเขาจะไม่เห็นด้วย และใส่ร้ายมาร์โก้มากเท่าใดก็ตาม

มาร์โก้เป็นคนดี สิรินรู้ เพราะเขาเป็นคนเดียวนอกจากพ่อที่พูดกับสิรินโดยไม่เสแสร้ง ตั้งแต่จำความได้สิรินก็เข้าใจทุกอย่างมากกว่าเด็กทั่วไป มองเห็นพฤติกรรมอันเสแสร้งของญาติพี่น้อง และคนรอบตัว ถ้าพ่อของเขาไม่นิ่งนอนใจจนลืมแก้พินัยกรรมเสียใหม่ล่ะก็ ทุกอย่างคงออกมาดีมากกว่านี้

สิรินเคยถามว่าทำไมมาร์โก้ไม่พาเขาไปด้วย ทำไมไม่ทิ้งสมบัติของพ่อไป มาร์โก้มักจะบอกว่า

‘บ้านหลังนี้ คือ ความทรงจำของพวกเรา บริษัทแห่งนี้ก็สร้างด้วยพักน้ำแรงของสุทินที่ดิ้นรนสร้างมันเพื่ออนาคตของเธอ ฉันไม่อยากให้เธอสูญเสีย ไม่อยากให้ทุกอย่างสูญเปล่า เข้าใจฉันเถอะนะสิน’

มันทำให้สิรินคิดได้ว่า หากเขาสูญเสียบ้านที่เต็มไปด้วยความทรงจำเหล่านี้เขายอมได้หรือ ทั้งความทรงจำที่ได้อยู่กับพ่อ ความทรงจำที่ได้อยู่กับมาร์โก้ บริษัทที่พ่อสร้างมากับมือเขาให้คนอื่นเข้ามาเหยียบย่ำเพราะความโลภได้จริงหรือ

สิรินได้คำตอบคือ ‘ไม่’

ยิ่งมองคนเหล่านั้นเหยียบย่ำในบ้านที่เต็มไปด้วยความทรงจำเขายิ่งไม่ยอมรับ เขารับไม่ได้ที่พวกมันทิ้งของของพ่อไปจนหมด เขาไม่ยอม!

แต่ในตอนนั้นสิรินต้องทำตามพินัยกรรมอย่างเลี่ยงไม่ได้ เขากับมาร์โก้จึงช่วยกันวางแผนที่จะทวงทุกอย่างคืน เสแสร้งเป็นคนโง่เชื่อฟังคนเหล่านั้น ทำเป็นปิดหูปิดตา แต่ก็แอบแทรกซึมเข้าไปภายในไม่ให้อีกฝ่ายรู้ตัว

สิรินมีตำแหน่งรองประธานบริษัท AMP DEVELOPMENT COMPANY LIMITED บริษัทอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ของประเทศ นั่นคือสิ่งที่คนภายนอกรับรู้ และเขาควรจะรู้เช่นนั้น

ในความเป็นจริงมันเป็นแค่ชื่อ หรือก็คือเขาเป็นแค่หุ่นเชิดของอาเขาเท่านั้น ผู้ชายคนนั้นค่อยๆ โอนหุ้นส่วนของสิรินไปที่ตนทีละส่วนๆ เพื่อไม่ให้สิรินรู้ตัว และปกปิดเพื่อหน้าตาทางสังคม เล่นบทเป็นพ่อพระที่บริหารบริษัทต่อจากพี่ชายเพื่อรอวันที่หลายชายอายุ 23 แล้วมาสืบทอดบริษัทตามพินัยกรรมเท่านั้น

แต่หากถึงวันนั้นสิรินรู้ดีว่าเขาจะสูญเสียทุกอย่างทันทีที่ขึ้นเป็นประธาน หุ้นส่วนของเขาจะตกเป็นของอาโดยสมบูรณ์ ถึงตอนนั้นเขาอาจจะต้องสูญเสียกระทั่งชีวิต เพื่อไม่ให้ใครค้านสิ่งที่เกิดขึ้นได้ ทั้งยังได้รับการสนับสนุนจากคณะกรรมการคนอื่นๆ อย่างท่วมท้น

ที่สิรินยังยืดชีวิตได้ถึงวันนี้ เพราะพินัยกรรมของพ่อระบุไว้ชัดเจนว่า หากสิรินเสียชีวิตก่อนสืบทอดบริษัทโดยสมบูรณ์ สมบัติทั้งหมดจะถูกยกให้มูลนิธิเพื่อการกุศลต่างๆ จนหมด และนั่นเป็นสิ่งที่อาของเขารับไม่ได้ จึงยังไว้ชีวิตเขาจนถึงวันนี้

สิ่งแรกที่เขากับมาร์โก้ลงมือทำคือหาเงิน รับเงินใช้จ่ายแต่ละเดือนจากอา ที่ต้องดูแลเขาอย่างห้ามขาดตกบกพร่อง เพราะอยู่ท่ามกลางสายตาของญาติคนอื่นๆ และคนในสังคม แล้วนำมันมาใช้ลงทุน ตั้งต้นแทรกซึมวางคนในบริษัท และเป็นค่าใช้จ่ายในแผนการขั้นสุดท้าย

และสิ่งที่หาเงินได้เร็วที่สุดคือการเข้าสู่ตลาดหุ้น สิรินเป็นอัจฉริยะทางด้านนี้ เพราะพ่อของเขาสอนให้ตั้งแต่รู้ว่าเขาเรียนรู้ได้เร็วกว่าเด็กทั่วไป ความจำ การวิเคราะห์ข้อมูล เขาล้วนทำมันได้เป็นอย่างดี

แต่ในตอนนั้นเขาอายุเพียง 12 ปี อายุไม่ถึงเกณฑ์ และจะลงทุนด้วยชื่อมาร์โก้ก็คงล้มเพราะถูกขัดขวางโดยอาของเขาเอง มาร์โก้จึงกลับไปที่บ้านเกิด กลับคืนสู้ตำแหน่งผู้อยู่ในวงการมืด ใช้อำนาจปกปิดตัวตน และคอยช่วยเหลือสิรินโดยให้เด็กคนหนึ่งก้าวเข้าสู่ตลาดหุ้นระดับโลก

ช่วยสิรินที่เวลานั้นถูกส่งไปอยู่โรงเรียนประจำเพื่อกันให้ออกห่างจากแผนการของอา โดยพูดคุยผ่านวิดีโอคอล ทาร์โก้นำเงินทั้งหมดของตนมาให้สิรินได้ใช้ลงทุนก้อนแรก ทั้งที่แรกเริ่มต้นเขาสูญเงินไปไม่น้อย แต่มาร์โก้ก็ไม่ยอมแพ้ ทั้งไม่ช่วยตัดสินใจใดๆ เขาเพียงช่วยเช็คข้อมูลทั้งหมด และเตือนทุกครั้งที่เริ่มมีปัญหา เพื่อพยุงให้สิรินได้ผ่านพ้นวิกฤติไปได้ด้วยตนเองเท่านั้น

สิรินแม้จะเสียใจที่มาร์โก้ใจร้าย แต่เขารู้ดีว่าทั้งหมดนั่นเพื่อตัวเขาเอง มาร์โก้อยากให้เขารู้ถึงความล้มเหลว และความสำเร็จด้วยตัวเอง ทำให้ปัจจุบันเขาทำทุกอย่างได้โดยธรรมชาติ คาดเดาผลได้ผลเสียแทบจะไม่คลาดเคลื่อน

ยิ่งพอสิรินขึ้นมัธยมปลายก็ขออาออกมาอยู่คอนโด เขาเริ่มขยับตัวทำอะไรๆ ได้มากขึ้น ไม่ได้ถูกจับตามองตลอดเวลาเหมือนอยู่โรงเรียนประจำ ยอมเป็นหุ่นเชิดเพียงเบื้องหน้า แล้วตลบหลังไม่ให้อีกฝ่ายรู้ตัว

เพราะเป็นแบบนั้นเสมอมาสิรินจึงโตกว่าเด็กวัยเดียวกัน เขาผ่านชีวิตมามากมายเกินไป จนไม่อาจใช้ชีวิตวัยรุ่นได้อย่างเต็มที่ ยิ่งฉลาดยิ่งมองเห็น ยิ่งทำลายตัวเองง่ายๆ เพราะหันไปทางไหนก็มีแต่คนเสแสร้ง

คนที่พยุงสิรินจนถึงตอนนี้จึงมีเพียง มาร์โก้ ที่เขารักเหมือนพ่ออีกคน ทิว น่าน ก้อง ที่รู้ความลับของเขาตั้งแต่อยู่โรงเรียนประจำ แต่ก็ช่วยปกปิดมันจากอาจารย์ที่ถูกสั่งให้จับตามองได้เป็นอย่างดี เพราะพวกนั้นก็มีฐานะไม่ต่างจากเขาเท่าไหร่นัก เหมือนโชคชะตาเล่นตลกที่ส่งคน 4 คน ที่มีชะตาชีวิตคล้ายๆ กันให้มาอยู่ห้องเดียวกันอย่างประจวบเหมาะเสียได้

พวกนั้นช่วยเขา เขาช่วยพวกนั้น จนสุดท้ายก็เป็นเพื่อนสนิทอย่างเหนียวแน่นถึงปัจจุบัน และคงจะเป็นเช่นนี้จนกว่าจะตายจากกันไป ตั้งแต่เหตุการณ์ในครั้งนั้น พวกเขาก็เชื่อใจกันจนหมดหัวใจ แม้จะเริ่มต้นกันไม่ดีนักก็ตาม

ส่วนดำเหมือนผ้าขาวสะอาด ไร้การแต่งแต้มใดๆ เป็นคนแบบที่สิรินไม่เคยพบเจอ ไม่ได้เป็นสีเทาขุ่นมัวอย่างพวกเขา และไม่ได้เป็นสีดำเหมือนอาของเขาเช่นเดียวกัน จากความสนใจใคร่รู้ก็ค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นความยึดติดที่ขาดไม่ได้ สิรินรู้ตัวดีว่าเขาคงไม่อาจปล่อยมือจากดำได้อีก ไม่ว่าจะในฐานะใดก็ตาม

เพียงแต่สิรินมีความคิดที่ซับซ้อนมากเกินไป ทำให้เขามองไม่เห็นความจริงที่อยู่ตรงหน้า ถ้าเขาปัดทิ้งความคิดแสนวุ่นวายนั้นไปจนหมด ก็จะค้นพบตัวเองได้ง่ายๆ ว่า เขาตกหลุมรักดำไปเสียแล้ว เหมือนที่มาร์โก้และเพื่อนของเขารับรู้นั่นเอง

มาร์โก้ดีใจที่สิรินพบคนที่ฝากหัวใจไว้เสียที เขาเชื่อว่าอีกไม่นานสิรินจะเข้าใจตัวเอง และจะมีหลักยึดที่ทำให้ตัวเองมีความสุขอย่างแน่นอน มาร์โก้เชื่อแบบนั้น เหมือนตัวเขาที่ยังรักสุทินอย่างไม่เสื่อมคลาย และรักลูกของชายคนนั้นได้เต็มหัวใจได้ขนาดนี้

“ระวังไว้เถอะดำจะติดฉันมากกว่านาย ฮ่าๆ ๆ” มาร์โก้หัวเราะสะใจ เมื่อสิรินหลุดมาดแสดงความไม่พอใจออกมา

หัวข้อ: เปย์ครั้งที่ 5 [2]
เริ่มหัวข้อโดย: GreenHead(หัวเขียว) ที่ 13-03-2018 10:47:06
“ฉันไม่ยกดำให้หรอก...แต่ก็อยากให้มาร์โก้รับดำเป็นลูกนะ ได้รึเปล่า” สิรินพยายามสงบใจถึงจะถูกยั่วโมโห แล้วเปลี่ยนเป็นจริงจังเมื่อต้องคุยธุระสำคัญ

“ทำไม”

“ฉันเล่าให้มาร์โก้ฟังทั้งหมดแล้ว และคิดว่าอยากให้ดำใช้ชีวิตเหมือนเด็กปกติ และสิ่งแรกที่ต้องมีคือตัวตน ถึงตอนนี้ฉันจะทำได้ง่ายๆ แต่ว่า...ฉันอยากให้ดำเป็นคนในครอบครัวเรา ฉันจดรับรองบุตรไม่ได้เพราะอายุไม่พอ แต่ถ้าเป็นมาร์โก้ล่ะก็ไม่มีปัญหาแน่นอน...ฉันขอร้อง” สายตาที่จริงจังนั่นทำให้มาร์โก้ยิ้มกว้าง ในที่สุดเด็กคนนี้ก็กล้าขอร้องเขาตรงตรงเสียทีนะ แต่ก่อนเอาแต่พยายามคนเดียวแท้ๆ ไม่กล้ารบกวนเขามากไปกว่านั้น ทั้งที่เขายินดีช่วยจนถึงที่สุด เจ้าเด็กบ้าเอ๊ย

ดีจังนะที่เด็กคนนั้นโผล่มา ในที่สุดสิ่งที่เขารอคอยก็เริ่มต้นขึ้นแล้ว ครอบครัวที่เหลือเพียง 2 คน มาโดยตลอดกำลังขยายใหญ่ขึ้น และสิรินก็จะมีความสุขมากขึ้น เพียงเท่านั้นก็เพียงพอแล้ว

“เด็กโง่ ทำไมจะไม่ได้ล่ะ คิดว่าฉันจะไม่ตกลงเหรอ เธอขอร้องทั้งที ไม่สิต่อให้เธอไม่ขอร้องฉันก็เต็มใจทำอยู่แล้ว เธอก็รู้ว่าฉันคนนี้ยินดีทำให้เธอมีความสุขอยู่แล้ว...เราเป็นครอบครัวเดียวกันนะสิน” ถ้อยคำอ่อนโยนทำให้สิรินดีใจ รอยยิ้มอบอุ่นที่ส่งมานั่นย้ำเตือนสิ่งที่มาร์โก้พูดได้เป็นอย่างดี

“ขอบคุณครับ...แด๊ดดี้” คำเรียกที่นานๆ ครั้งจะถูกเอ่ยออกจากปากลูกชายเพียงคนเดียวทำให้มาร์โก้ต้องรีบหันหน้าหนี เพราะกลัวจะปล่อยโฮน่าอายเข้า

“รู้แล้วน่า” เสียงที่ตอบกลับก็เบาแสนเบาพาให้คนขี้แกล้งยิ้มเจ้าเล่ห์ เปลี่ยนอารมณ์เร็วเสียจนเหมือนเรื่องก่อนหน้านี้เป็นการล้อเล่น แต่ความจริงนั่นเป็นเพียงนิสัยส่วนตัวของเขาเท่านั้น เพราะตั้งแต่เด็กแล้วที่เขาชอบแกล้งมาร์โก้ตามนิสัยของพ่อ

เวลามาร์โก้อ่อนไหวจะเป็นภาพซ่อนกับภาพการกลั่นแกล้งที่พ่อเขาชอบทำ เหมือนช่วงเวลาเล็กๆ ที่ทำให้เขากับมาร์โก้ได้ย้อนกลับไปสมัยก่อน ความสุขที่พวกเขาทั้งสามเคยมีร่วมกันในบ้านหลังนั้น

มันทำให้ความสุขย้อนกลับมา ปลอบประโลมจิตใจที่สูญเสียคนที่รักไป จนกลายเป็นสิ่งที่ทำมาตลอดหลายปี เป็นพ่อที่ถูกลูกชายแกล้งจนเสียคนเลยทีเดียว

“ร้องไห้เหรอครับ...แด๊ด”

“ไม่ได้ร้อง”

“ไม่ร้องก็หันมาสีครับแด๊ด”

“เลิกเรียกแด๊ดๆ ได้แล้วน่า ตอนเป็นเด็กก็ไม่เคยเรียกแท้ๆ”

“เรียกต่อหน้าพ่อมันน่าอายนี่ครับ เพราะพ่อเวลาอยู่กับแด๊ดจะต้องเป็นแม่นี่ หึหึ”

“อย่ามานินทาสุทินนะ เด็กบ้านี่” พอได้ยินแบบนั้นมาร์โก้ก็หันมาเหวใส่ น้ำตาที่พยายามกลั้นเอาไว้ก็ร่วงเผาะ แต่เจ้าตัวกลับถลึงตาใส่เจ้าลูกชายตัวดี สิรินหวงดำเท่าไหร่ เขาเองก็หวงสุทินไม่แพ้กัน ถึงตอนเด็กๆ จะแบ่งได้เพราะสิรินตัวเล็กนิดเดียว แต่พอโตแล้วตัวขนาดนี้ ถึงเป็นลูกเขาก็หึงนะ คนที่รู้เรื่องสุทินมากที่สุดควรเป็นเขาคนเดียวสิ!

“หึหึ คุณนี่มัน ยังไม่เลิกหึงพ่ออีกเหรอ”

“ให้ตายก็ไม่เลิก สุทินเป็นของฉัน ชิ้วๆ กลับไปนอนกอดเจ้าเด็กตัวเล็กของนายนู่น” มาร์โก้ทำหน้าไม่พอใจก่อนจะไล่ให้สุทินกลับไปหาคนของตัวเอง วันนี้ไม่คงไม่คุยมันแล้วเสียอารมณ์

“โอเค” พูดเสร็จก็ลุกไม่ต้องให้ไล่ซ้ำ

“เฮ้ยๆ ล้อเล่นน่ะ มาทำงานให้เสร็จก่อน ส่วนเรื่องดำ เดือนหน้าเธอหยุดหลังสอบย่อย 5 วัน ก็พาบินมาได้เลย เดี๋ยวฉันเตรียมเอกสารรอ มาทำที่นี่สะดวกกว่า ถือโอกาสพาเจ้าตัวเล็กมาเที่ยวด้วยเลยไม่ดีเหรอ” มาร์โก้เองก็เลิกเล่น วันนี้เป็นวันเปิดตลาดหลังจากที่หยุดไป สิรินต้องจัดการหุ้นเริ่มต้นให้เรียบร้อย ถ้าพลาดจะเสียโอกาสกันเปล่าๆ ถึงจะรู้ว่าเจ้าลูกชายตัวดีแกล้งเขาก็ตาม

แล้วพอพูดถึงดำก็นึกขึ้นได้ มาร์โก้อยากเจอเด็กคนนั้นเร็วๆ เหมือนกัน ถือว่าข้อเสนอนี้ได้ประโยชน์ทุกฝ่าย เขาได้เจอดำคนที่ทำให้สิรินเปิดใจ สิรินได้เริ่มแผนสร้างที่อยู่ให้ดำ ส่วนดำเองก็จะได้มาเที่ยวต่างประเทศครั้งแรกในชีวิต วินวินทุกฝ่าย

“หือ ไม่เลว ดำจะได้ลองกินอาหารที่นั่นด้วย...ตกลง” สิรินทำท่าทางลังเลเล็กน้อยเพื่อแกล้งคนที่เสมือนพ่อให้ลุ้นเล่นๆ แล้วถึงเดินกลับไปนั่งเก้าอี้ ตอบตกลง ก่อนก้มหน้าก้มตาตั้งใจทำงาน

มาร์โก้ได้แต่ส่ายหน้าเอือมระอา สิรินติดนิสัยคนรักของเขามาจริงๆ ให้ตายเถอะ สุดท้ายก็ได้แต่ถอนหายใจแล้วรายงานการเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นในทันที

เพราะสิรินไม่มีเวลามากพอ ทั้งแม้จะจัดเก็บการเคลื่อนไหวช่วงที่ตัวเองไม่อยู่เอาไว้ แต่มันก็มากเกินไปจนวิเคราะห์ได้ยาก ทั้งยังใช้เวลานานอาจทำให้พลาดช่วงสำคัญไปได้ มาร์โก้จึงช่วยสรุปทุกอย่างในช่วงเวลาที่สิรินพักผ่อน หรือช่วงเวลาที่ไม่สะดวก โดยเขาและคนของเขาจะช่วยตรวจสอบ เก็บรายละเอียด รวมทั้งสรุปเนื้อหาไว้ให้ และแจ้งเวลามีเหตุฉุกเฉินเท่านั้น ไม่เคยที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการตัดสินใจแม้แต่น้อย หน้าที่สำคัญถูกมอบให้สิรินตั้งแต่เริ่มต้น

ทั้งสองพูดคุย และส่งเอกสารผ่านอีเมลเพื่อนำไปปรับเปลี่ยนกลวิธีต่อไป เพราะพวกเขาเองต้องแข่งขันกับบริษัทมากมาย เอกสารจึงมีมากมายตามไปด้วย เอกสารทั้งหมดจึงต้องถูกส่งต่อให้ผู้มีหน้าที่ตัดสินใจ

ความรวดเร็วในการจดจำวิเคราะห์ข้อมูลของสิรินรวดเร็วกว่าคนทั่วไป เพียง 1 ชั่วโมงเขาก็อ่านเอกสารกว่า 100 ฉบับจนครับถ้วน เลือกเทรดที่ต้องการซื้อและขายอย่างคล่องแคล่วด้วยข้อมูลที่อยู่ในหัว แผนการมากมายถูกสร้างขึ้น จะทำอย่างไรให้ราคาเม็ดเงินเพิ่มขึ้น มีลูกล่อลูกชนอย่างน่าตื่นเต้น เขาเองก็ใช้ช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมาจนสามารถกลายเป็นผู้มีอิทธิพลต่อตลาดโลกที่สำคัญอีกคนหนึ่ง

‘SINMA’ (ซิกมา)

นามแฝงที่ถูกสร้างขึ้นจากจุดเล็กๆ ที่ไหลตามคลื่นเม็ดเงิน กลับใช้เวลาเพียงไม่กี่ปีกลายเป็นผู้ที่มีอิทธิพลกับตลาดหุ้นอย่างมหาศาล ไม่แพ้ธนาคาร หรือมหาเศรษฐีคนใด ทุกอย่างเตรียมการเรียบร้อย เขาเพียงรอเวลาเท่านั้น เพราะพินัยกรรมของพ่อทำให้ความสงบสุขสิ้นสุดลงเมื่อเขาอายุ 23 ปีบริบูรณ์ ทั้งสำหรับเขา...และอาของเขาเอง

หลังจากเคลียร์งานเรียบร้อย สิรินก็เข้าครัวเตรียมอาหารเช้า เพราะก่อนหน้านี้เขามีเรียนตอนเช้าเสมอ อาหารที่ดำกินจึงต้องสั่งผ่านเดลิเวอรี่ วันนี้ได้หยุดทั้งทีสิรินตั้งใจว่าจะลงมือทำอาหารด้วยตัวเอง

น้ำถูกต้มจนเดือดก่อนสิรินจะใส่เส้นสปาเกตตี้ลงไป คนเล็กน้อยให้เส้นจมลงไปในน้ำทั้งหมดทุกเส้น หรี่ไฟให้อ่อนลงพร้อมปิดฝาเอาไว้ มือหนากดตั้งนาฬิกา 20 นาที เพื่อรอให้เส้นสุก ในระหว่างนั้นสิรินก็เตรียมส่วนของซอสที่ใช้สำหรับราดลงบนเส้น

พอมองหม้อที่ถูกปิดฝาเอาไว้ก็พาให้นึกถึงวันแรกที่ดำทำห้องครัวเละ แล้วยังบอกว่าเส้นสปาเกตตี้ไม่อร่อยอีก สิรินก็ได้แต่ระบายยิ้มเอ็นดูเจ้าคนไม่รู้รสชาติของความอร่อยเล็กน้อย ทั้งยังคิดถึงเหตุผลที่เขาลุกขึ้นมาทำสปาเกตตี้ด้วยตนเองก็ได้แต่ส่ายหัวทั้งที่ริมฝีปากประดับด้วยรอยยิ้มอบอุ่น

ก่อนจะเสียเวลาไปมากกว่านี้สิรินก็หันไปตั้งกระทะบนเตาแม่เหล็กไฟฟ้า กดเลือกฟังก์ชันแล้วเริ่มใส่เนยลงไป 2 ก้อน หลังจากเนยละลายก็นำหอมใหญ่ที่หั่นเอาไว้เทลงไป ขยับมือผัดอย่างชำนาญจนสุกก่อนจะนำแฮมกับเห็ดใส่ลงไปผัดจนสุกเหลืองเล็กน้อย จากนั้นตักใส่จานวางพักไว้

นำเนยที่เหลือในห่อใส่ลงในกระทะ กลิ่นหอมฉุยอบอวลยิ่งกว่าเมื่อครู่ยิ่งทำให้คนตัวโตพอใจ ยิ่งจินตนาการถึงดำเวลายิ้มหลังจากลิ้มรสสปาเกตตี้เหล่านี้ยิ่งทำให้ชุ่มชื่อหัวใจ

แป้งถูกใส่ลงเพิ่มในกระทะ ตามด้วยน้ำเปล่าและผงปรุงรส เพื่อให้ได้ซอสที่สมบูรณ์สิรินจึงออกแรงคนให้เร็วขึ้น ให้แป้งกับน้ำเข้ากัน และไม่จับกันเป็นก้อน ส่วนผสมสำคัญอย่างวิปครีมถูกใส่ลงไป ในระหว่างนั้นก็ออกแรงคนอย่างสม่ำเสมอคอยสังเกตว่าซอสเริ่มเหนี่ยวหรือยัง

ผ่านไปไม่นานซอสก็เริ่มเหนี่ยวได้ที่ มือที่ชำนาญในการหยิบจับของในห้องครับ จัดการหยิบแฮมที่ผัดเตรียมไว้เทลงในกระทะเติมพริกไทยอีกเล็กน้อยเพื่อเพิ่มความกลมกล่อมของซอส เมื่อส่วนผสมเข้ากันทั้งหมดก็กดปิดเตาแม่เหล็กไฟฟ้า พร้อมกับนาฬิกาที่นับถอยหลังถึงศูนย์พอดี

เขาก้าวเพียงเล็กน้อยก็เปลี่ยนตำแหน่งมาอยู่หน้าหม้อต้มเส้นสปาเกตตี้ นำเส้นออกมาแช่น้ำเย็น จากนั้นทำให้สะเด็ดน้ำ แล้วนำไปคลุกกับน้ำมันพืชที่เตรียมวางไว้ด้านข้าง

เมื่อน้ำมันพืชแทรกซึมจนทั่วเส้น สิรินก็นำไปใส่จานวางพักไว้ ทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยเหลือแค่รอเท่านั้น ในระหว่างนั้นก็คิดว่าต้องปลุกเจ้าตัวเล็กขึ้นมาอาบน้ำแปรงฟันให้เรียบร้อยเสียก่อน เตรียมตัวให้พร้อมก่อนที่จะได้สวาปามสปาเกตตี้ชามโตที่เขาทำไว้

คนตัวเล็กยังนอนคุดคู้ในผ้าห่มทั้งที่อุณหภูมิสูงขึ้นแล้ว ดำหลับตาพริ้มอย่างสบายไม่มีทีท่าว่าจะตื่นขึ้นมารับเช้าวันใหม่ง่ายๆ สิรินจึงก้าวเท้าไปข้างเตียงก่อนจะก้มลงจรดจมูกลงบนผมนุ่มนิ่มจนพอใจ แล้วจึงเดินไปเปิดม่านสีน้ำเงินที่ปิดระเบียงด้านหนึ่งเอาไว้จนหมด

เพราะผนังทำด้วยกระจกที่สามารถมองเห็นด้านนอกได้ทำให้ดวงอาทิตย์ทอประกายแสงสาดส่องจนอาบทั่วร่างคนที่นอนอยู่บนเตียง ส่งผลให้ผิวสีน้ำผึ่้งเงางามยิ่งขึ้น กลายเป็นมนต์เสน่ห์ที่สิรินไม่อาจระสายตาไปได้

ดวงตาที่ปกคลุมด้วยขนตายาวค่อยๆ ลืมขึ้นเพราะแสงอาทิตย์ทำให้เขารำคาญเกินกว่าจะหลับต่อ ทำให้สิรินได้สติเมื่อถูกดวงตาสีน้ำตาลมองมาอย่างสงสัย

“อะ ฮึ่ม! ไปอาบน้ำได้แล้ว อาหารเช้ารออยู่บนโต๊ะ” จากใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสงสัยค่อยๆ คลายคิ้วที่เผลอขมวดออก ตามด้วยรอยยิ้มกว้างที่เผยออกมาทุกครั้งที่ได้ยินเรื่องกิน

“ครับ” ดำรับคำอย่างรวดเร็ว รีบวิ่งเข้าห้องน้ำโดยไม่ต้องให้บอกซ้ำ วันนี้ไอ้ดจะได้กินข้าวแล้ว แถมยังได้กินพร้อมคุณสิน ไชโย! ดำได้แต่กรีดร้องในใจ ขยับตัวถอดชุดอาบน้ำแปรงฟันอย่างเร่งรีบ ส่วนสิรินก็เดินไปอาบน้ำในห้องออกกำลังกายแทน

“เร็วไปรึเปล่าฮึ อาบสะอาดรึยัง” สิรินทักหลังจากที่เดินตามเข้ามาในห้องครัว ดำจับจองที่นั่ง ตรงหน้าก็มีชุดจานช้อนวางไว้ 2 ชุด เตรียมพร้อมกินเรียบร้อย

“สะอาดครับ ไอ้ดำถูทุกซอกทุกมุมเลย ตัวก็หอมแล้ว” ดำยิ้มโอ้อวดฟันขาวอย่างภูมิใจ เรื่องอาบน้ำไอ้ดำไม่แพ้ใครอยู่แล้ว แต่ก่อนไปอาบน้ำในคลองกับน้องๆ แล้วเล่นเพลินพอหลวงตามาตามก็เลยพากันรีบอาบ ใครที่ยังไม่เสร็จก็โดนลงโทษอดอาหารตามระเบียบ แน่นอนไอ้ดำอาบเสร็จคนแรกพ้นผิดตลอด ฮ่าๆ ๆ ๆ

“จริงเหรอ” สิรินเดินไปตักแบ่งเส้นใส่จาน แล้วราดไวท์ซอสด้านบนจนกลิ่นหอมของส่วนผสมที่เข้ากันอย่างลงตัวนั้นลอยแตะจมูกของดำจนต้องลุกขึ้นเดินตามกลิ่นที่ลอยมาอย่างเชิญชวน

“จริงครับ...หอม” ดำมองซอสสีขาวภายในหม้ออย่างหลงใหล กลิ่นหอมของเนยเรียกความอยากอาหารของเขาได้เป็นอย่างดีจึงเผลอชะโงกหน้าเข้าไปดูสปาเกตตี้ไวท์ซอสที่เสร็จสมบูรณ์แล้วภายในจานที่สิรินถืออยู่อย่างอดใจไม่ได้

สิรินมองเจ้าเด็กจอมหิวตอบเขาอย่างเผลอไผลแล้วก็นึกสนุก ก้มลงกดจมูกลงบนแก้มของคนที่ชะโงกหน้ามาตรงหน้าเขาอย่างไม่เอ่ยเตือน กลิ่นหอมของสบู่กลิ่นเดียวกันแต่กลับหอมมากกว่าเพราะอยู่บนตัวของดำ ทำให้สิรินไม่อยากถอนจมูกของเลยสักนิด แต่ก็ต้องอดใจไว้รีบเงยหน้าขึ้นก่อนที่ดำจะได้สติ

“อืม หอมจริงๆ ด้วย” สิรินพูดขึ้นอย่างพอใจ ส่วนดำก็ได้แต่กระเด้งตัวมายืนตรงๆ แล้วเรียบเรียงความคิดอย่างงุนงง

ตอนแรกคุณสินคุณเรื่องอาบน้ำ ไอ้ดำตอบแล้วพูดเรื่องขอกิน แล้วคุณสินก็ตอบ แต่ตอบเรื่องอะไรล่ะ แล้วเมื่อกี้มันคืออะไร โอ๊ย ไอ้ดำงง

ความคิดในหัวตีกันจนยุ่งเหยิง ร่างกายเคลื่อนตามสัญชาตญาณ แก้มขึ้นสีแดงอย่างน่ารัก มือก็จับแก้มร้อนเอาไว้ทั้งสองข้าง แต่ดวงตากลับสะท้อนความไม่เข้าใจ เรียกได้ว่าสมองของดำทำงานไม่ทันร่างกายเลยทีเดียว

“หึหึ มัวแต่ยืนทำอะไรอยู่ เดี๋ยวฉันกินหมดก่อนไม่รู้ด้วยนะ” สิรินที่วางจานลงบนโต๊ะ และเข้าประจำที่ของตนเรียบร้อยแล้ว แล้วจึงพูดขึ้นเพื่อเรียกสติของดำเล็กน้อย แต่ก็ไม่ยอมไขข้อกระจ่างให้แก่ดำเช่นกัน ก็เวลาดำสับสนคิดไม่ทันร่างกายแบบนี้มันน่ารักไม่น้อยเลย ต้องโทษตัวเองแล้วล่ะที่น่ารักเกินไป หึหึ

“เอ๊ะ คุณสินกิน...ไอ้ดำกินครับ” สติที่ถูกดึงกลับมาเล็กน้อยนั่นถูกความสนใจเรื่องกินดึงไปจนหมด ดำสลัดความคิดมากมายในหัวออกแล้วพุ่งตรงมานั่งลงบนเก้าอี้ด้านหน้าของกินแสนอร่อยอย่างไม่รีรอ

อะไรยากๆ ไอ้ดำไม่เข้าใจ ช่างมันเถอะ ช่างมันเถอะ สำหรับไอ้ดำเรื่องกินต้องมาก่อน เรื่องอื่นเดี๋ยวมันก็คิดออกเอง ขอกินเจ้าเส้นเหลืองๆ ที่ราดด้วยซอสสีขาวตรงหน้านี้ก่อนก็แล้วกัน งื้อ ทั้งน่าอร่อย ทั้งหอม ไอ้ดำจะกินให้เกลี้ยงเลย !





โปรดติดตามตอนต่อไป...



________________________________

สวัสดีค่ะ ขอบคุณทุกคอมเมนท์นะคะ

กรีนก็กรี๊ดดำมากเหมือนกัน เอ็นดู อยากเลี้ยง โอ๊ยยย ><

ตอนนี้มาหม่นหน่อยๆแต่ก็ไม่ม่าเนาะ

ไม่ม่าแน่นอน//กะพริบตาปิ๊งๆ

ฝากคุณสินกับไอ้ดำด้วยนะคะ

เจอกันตอนหน้าจ้า

สนุกมากกกก  ชอบมากเลยจ้า
น้องดำน่ารัก เก่งกล้ามีน้ำใจด้วย ปลื้ม
อ่านแล้วอารมณ์ดีมากเลยค่ะ ขอบคุณคนเขียนมากเลย > <
ขอบคุณค้าา ถ้าชอบก็มาเชียร์น้องดำให้ป่วนคุณสินไปด้วยกันนะคะ หุหุ

อ่านแล้วหิวตามเลยค่ะ  :hao5:
งื้อออ รอบหน้าจะพาไปกินอะไรดีน้าา  :-[

หิวตามเลย
รอบนี้อยากกินสปาเก็ตตี้ฝีมือคุณสินบ้างไหมคะ เริ่มอิจน้องดำ :hao6:

:sad4: อ่านไปหิวไป น้องดำโคตรน่าเอ็นดูเลยลูกเอ้ย พี่จะให้หนูกินทุกอย่างเลย  :hao5:
ไอ้ดำ : จริงนะ ให้ไอ้ดำกินทุกอย่างจริงๆนะ ชอบที่สุดเล้ยยย เย้ๆ
คุณสิน : อะฮึ่ม!
ไอ้ดำ : อ๊ะ...ตะ แต่ไอ้ดำรักคุณสินที่สุดเล้ยยย
คุณสิน : เด็กดี//ลูบหัวอย่างเอ็นดู

น้องดำผู้น่ารัก ชอบมากกก
ขอบคุณค่าา น้องดำรู้ต้องเขินมากแน่เลย :m3:

คิดถึงน้องดำ กอดขาไรท์ :ling1:  :hao5: :serius2:
มาแล้วค่าา น้องดำมาแบบรวดเร็วทันใจให้หายคิดถึงกันแล้ว ><

สายเปย์ทุ่มเทเลี้ยงน้อง คุณสินได้คะแนนอยู่หัวแถวเลย
อรั๊ยยย ขอบคุณมากค่ะ คุณสินได้ยินแล้วนะคะ มาถึงขนาดนี้แล้วเราต้องเปย์ให้มากขึ้นมากขึ้นไปอีก :interest:
หัวข้อ: Re: PAY เปย์ข้าด้วยบุฟเฟ่ต์สิ [เปย์ครั้งที่ 5] 13.03.2018
เริ่มหัวข้อโดย: Wanwann ที่ 13-03-2018 11:32:41
ไอ้ดำ เอ็งทำให้ข้าอยากกินบุฟเฟ่ต์ หิวววว :hao6:
หัวข้อ: Re: PAY เปย์ข้าด้วยบุฟเฟ่ต์สิ [เปย์ครั้งที่ 5] 13.03.2018
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 13-03-2018 14:31:07
หิวมั้ยอะให้ทาย นี่นิยายอาหารรึป่าวคะะะะะ เย็นนี้กินคาโบนาร่าดีกว่าค่ะ ฮือออออออ :laugh:
หัวข้อ: Re: PAY เปย์ข้าด้วยบุฟเฟ่ต์สิ [เปย์ครั้งที่ 5] 13.03.2018
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 14-03-2018 00:12:35
เป็นนิยายที่ไม่ควรอ่านก่อนนอน เพราะจะทเองร้อง555
หัวข้อ: Re: PAY เปย์ข้าด้วยบุฟเฟ่ต์สิ [เปย์ครั้งที่ 5] 13.03.2018
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 14-03-2018 05:21:27
สนุกมากๆ ครับ แต่กว่าจะจบเรื่อง น้องดำจะกลายเป็นหมูดำคุโระบูตะหรือเปล่า หาบทบู๊มาให้น้องเบิร์นหน่อยเร็ว
หัวข้อ: Re: PAY เปย์ข้าด้วยบุฟเฟ่ต์สิ [เปย์ครั้งที่ 5] 13.03.2018
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 14-03-2018 20:14:23
อยากกระโดดคลองแสนแสบแล้วตื่นมาเจอคุณสินบ้างค่ะ หิว แต่ไม่มีคนเปย์  :hao7:
หัวข้อ: Re: PAY เปย์ข้าด้วยบุฟเฟ่ต์สิ [เปย์ครั้งที่ 5] 13.03.2018
เริ่มหัวข้อโดย: shiroinu ที่ 15-03-2018 07:27:32
โอ้ว ไวท์ซอสของโปรดดด :katai1: ไม่น่ามาอ่านเช้าๆเลย
ปอลิง. ทำไมเอาน้ำมันพืชคลุกเส้นล่ะ เอาเนยคลุกหอมกว่านะ :hao6:
หัวข้อ: Re: PAY เปย์ข้าด้วยบุฟเฟ่ต์สิ [เปย์ครั้งที่ 5] 13.03.2018
เริ่มหัวข้อโดย: Fallinlove ที่ 15-03-2018 07:41:07
ฮื่อออ  คุณสิน คนฉวยโอกาส  :-[
มาหอมแก้มตอนน้องดำงงได้ไง  เอาตอนไม่งงสิ เอ้ะ ไม่ใช่ละ 555
น้องน่ารักน่าเอ็นดูขนาดนี้ ใครจะไปอดใจไหวเนาะ  :กอด1:
หัวข้อ: เปย์ครั้งที่ 6
เริ่มหัวข้อโดย: GreenHead(หัวเขียว) ที่ 16-03-2018 23:50:58
เปย์ครั้งที่ ๖

'ฝนตกไม่มีเค้า'

เรื่องที่เกิดขึ้นโดยไม่มีวี่แวว หรือไม่ได้คาดคิดไว้



“สปาเก็ตตี้แสนอร่อย เส้นยาวๆ นุ่มนิ่ม ลา ล๊า ละ ลา ไวท์ซอสหอมอร่อย ไอ้ดำช๊อบชอบ ชะลา ล่า”

“หึๆ ร้องเพลงอะไร หือ” สิรินพยายามมีสมาธิกับการขับรถ แต่เพราะเสียเจื้อยแจ้วของเจ้าเด็กตัวน้อยที่นั่งอยู่ข้างๆ ทำให้เขาอดใจที่จะมองใบหน้ายิ้มแฉ่งนั้นไม่ได้ ยิ่งเวลาขยับปากร้องเพลงด้วยใบหน้าอิ่มเอิบเขายิ่งหลงใหล ไม่เสียแรงที่ลงมือทำอาหารด้วยตนเอง ดูเหมือนดำจะชอบมากกว่าที่คิด

“เพลงไอ้ดำชอบกินสปาเก็ตตี้ครับ งื้อ ยิ่งคิดถึงยิ่งอยากกินอีก คุณสินทำอร่อยมากเลย ไอ้ดำไม่คิดว่าเส้นแข็งๆ นั่นจะอร่อยขนาดนี้ คุณสินเก่งที่สุดเลย!” ดำอธิบายด้วยใบหน้ายิ้มแย้มอันเป็นเอกลักษณ์ ยิ่งคิดถึงยิ่งอยากกินอีก คุณสินที่เป็นคนปรุงก็เก่ง ไอ้ดำเนี่ยโชคดีจริงๆ เลย

“เล่นชมขนาดนี้ฉันคงต้องทำให้กินอีกสินะ” ความอิ่มเอิบที่ได้รับทำให้สิรินอารมณ์ดีแม้กำลังมุ่งหน้าไปเจอคนที่ไม่อยากเจอนักก็ตาม ขอใช้ช่วงเวลาแบบนี้ช่วยเยียวยาก็ยังดี อยู่กับดำเขามักมีความสุขเสมอ

“จริงเหรอครับ คุณสินจะทำให้ไอ้ดำกินอีกเหรอ” ดวงตากลมโตยิ่งโตขึ้นอีก แววตาก็วาววับด้วยความคาดหวัง

“จริงสิ” สิรินรับปากพร้อมกับหันมามองท่าทางลิงโลดของเจ้าหมาจอมเชื่อง เก็บภาพเหล่านั้นไว้ในความทรงจำอันมีค่าของเขา เวลาที่ดำไปโรงเรียนเขาจะได้คิดถึงภาพเหล่านี้เวลาคิดถึง

“เย้ๆ ๆ ขอบคุณครับ” ดำร้องลั่นรถก่อนจะกลับไปร้องเพลง ไอ้ดำชอบกินสปาเก็ตตี้ อย่างอารมณ์ดี พึงพอใจในคำตอบของสิรินเป็นที่สุด เหนือกว่าความอร่อยคือได้กินอาหารฝีมือสิริน ดำยังไม่เข้าใจตัวเองในเรื่องนี้แม้แต่น้อย

รถแล่นเข้าลานจอดรถบริษัท AMP DEVELOPMENT COMPANY LIMITED หลังจากผ่านไปเกือบ 2 ชั่วโมง ด้วยสภาพรถติดบนท้องถนนดังเช่นทุกวัน มันเป็นช่วงเวลาปกติของเมืองหลวงไปเสียแล้ว เหล่าผู้คนที่ใช้รถใช้ถนนต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมตามสภาพที่เปลี่ยนแปลงไป สถานที่ใกล้ๆ ก็ต้องเพิ่มเวลาเดินทางให้มากขึ้น เพื่อเผื่อเวลามีรถติดเช่นวันนี้

สิรินเคยรู้สึกแย่ที่รถติด แต่วันนี้เขากลับชอบมันเป็นอย่างมาก ได้เห็นสีหน้าเปลี่ยนไปมาของดำขณะนั่งบนรถ ทั้งเสียงเจื้อยแจ้วโดยไม่เบื่อนั่น ช่วยพาให้เขาอารมณ์ดีไปด้วย

“คุณสินๆ ตึกนี้คือที่ทำงานเหรอครับ สวยจังเลย” รูปร่างบริษัทที่ถูกออกแบบอย่างทันสมัยดูแปลกตา แต่หากเรียกความสนใจของดำได้เป็นอย่างดี

“ใช่ ชอบเหรอ” สิรินถามเมื่อเห็นว่าดำชอบดีไซน์ของบริษัท เพื่อนของพ่อที่เป็นสถาปนิกช่วยออกแบบให้ เป็นดีไซน์แบบร่วมสมัย ที่เพิ่มมุมพักผ่อนให้พนักงานทุกแผนก ชั้นล่างสุดนอกจากแผนกประชาสัมพันธ์ก็มีส่วนของร้านอาหาร ร้านกาแฟรวมอยู่ด้วย ทั้งยังมีสวนภายในและภายนอกเพื่อให้พนักงานทำงานได้อย่างผ่อนคลาย เป็นความเชื่อของพ่อสิรินที่ต้องการให้พนักงานทำงานอย่างเต็มประสิทธิภาพ ซึมซับทัศนียภาพเพื่อคลายความเครียดจากงานที่ได้รับ

สมัยเด็กสิรินเองชอบนำหนังสือมานั่งอ่านในบริษัทเป็นประจำ เขาชอบแนวคิดของพ่อ นับถือคนออกแบบ จนทำให้ความต้องการของพ่อเป็นจริง จึงอยากเป็นส่วนหนึ่งของผู้ที่จะทำให้บริษัทเช่นนี้เกิดขึ้นบ้าง เขาชอบบริษัทนี้อย่างไม่ต้องสงสัย ดังนั้นแล้วเขาคงไม่อาจยกมันให้ใครได้จริงๆ

และถ้าดำชอบเช่นเดียวกับเขา มันก็เป็นความรู้สึกสุขใจอีกแบบหนึ่ง คนสำคัญได้ชื่นชม ได้ซึมซับความชอบของเรา ยอมรับในสิ่งที่เราปรารถนา มันก็สุขใจที่สุดแล้วไม่ใช่หรือ

“ชอบครับ ไอ้ดำชอบ สวยกว่าห้างที่ไปคราวก่อนอีก” ดำตอบสิริน แต่สายตากลับไม่ยอมละจากภาพอาคารตรงหน้า ด้านนอกว่าสวยแล้ว ด้านในที่มองเห็นผ่านกระจกเป็นบางส่วนนั่นยังดูสวยกว่า คุณสินทำงานในที่แบบนี้ สุดยอดจริงๆ สมกับเป็นลูกพี่ของไอ้ดำ

“อ่า เข้าใจแล้ว...แบบนี้ยิ่งยกให้ใครไม่ได้สินะ” คนตัวโตมองใบหน้าด้านข้างของดำ เด็กน้อยยิ้มกว้าง ดวงตาแวววาว ไม่ปกปิดความไม่รู้ของตน ไม่กลัวว่าใครจะหาว่าบ้านนอก เป็นใบหน้าที่ไร้การแต่งแต้มจริตมารยาใด ไม่ว่าจะมองนานเท่าไหร่เขาก็ไม่เคยรู้สึกเบื่อเลยสักนิด

หากดำยิ่งย้ำว่าชอบแล้ว เขาก็เพิ่มเหตุผลอีกข้อหนึ่งลงไปในการกระทำที่ทำมาตลอดและต่อจากนี้ได้ สิรินคิดไว้แล้วว่าจะต้องเล่าเรื่องของตนให้ดำฟังสักวัน แต่ก็ไม่อยากทำลายมุมมองของดำมากนัก เขาจึงรอคอยเวลาที่แน่ใจแล้วเท่านั้น

“คุณสินว่าอะไรนะครับ”

“เปล่า ถึงแล้วลงกันเถอะ” รถแล่นมาจอดหน้าบริษัท ทางลาดยาวที่มีไว้สำหรับผู้บริหาร หรือคู่ค้า เพื่อความสะดวกสบายไม่ต้องขับรถไปถึงลานจอดด้วยตนเอง

ร่างสูงก้าวขาลงจากรถ ก่อนจะยื่นกุญแจในกับพนักงานรักษาความปลอดภัยที่ยืนรอรับอยู่ด้านหน้า แล้วเดินไปจูงมือดำที่ยืนทำหน้าเหลอหราอยู่ข้างประตูรถเข้าบริษัท ยิ่งเดินเข้ามาด้านในดำยิ่งสนใจมองรอบด้าน เขาเดินตามแรงจูงมือของสิรินโดยไม่ขัดขืนเลยแม้แต่น้อย

และยิ่งสนใจมากขึ้นเมื่อมีคนหยุดกิจกรรมที่ทำอยู่แล้วหันมาทักทายสิรินทุกครั้งไป สำหรับดำบางคนดำรู้สึกดีและชื่นชม แต่บางคนดำสัมผัสได้ว่าดวงตาของพวกเขามองมาด้วยสายตาสมเพช ทั้งไม่เข้าใจ ไม่พอใจที่บังอาจมามองสิรินด้วยสายตาแบบนี้ ทำให้อารมณ์บูดเข้ามาแทนที่เสียดื้อๆ

กว่าจะเดินขึ้นลิฟต์มาถึงห้องของรองประธาน ดำก็หน้าบึ้ง เม้มปาก แก้มป่องไปเสียแล้ว สิรินมองทุกสีหน้าท่าทางที่เกิดขึ้น ทำให้หัวใจเขาเต้นแรง ความยินดีถาโถมเข้ามาในใจ ดำแสดงออกมาว่าไม่พอใจที่คนเหล่านั้นมองเขาด้วยสายตาสมเพช สิรินรับรู้ดีว่าเพราะอะไร จะบอกว่าการกระทำของดำคือความรู้สึกจริงๆ ของเขาก็ไม่แปลกนัก

“สวัสดีครับคุณสิริน” ชายหนุ่มอายุประมาณ 30 ต้นๆ สวมแว่นตากรอบสี่เหลี่ยมอย่างภูมิฐาน ใส่สูทเนี๊ยบทั้งตัว บ่งบอกถึงความจริงจังของผู้สวมใส่ ด้วยอายุและลักษณะที่ดูน่าเชื่อถือไม่น่าเชื่อว่าชายคนนั้นจะเคารพสิรินอย่างไร้ข้อกังขา เพราะเขารู้ดีว่า สิรินมีอะไรมากกว่าที่เห็น ไม่ใช่คนโง่ที่ถูกหลอกใช้ และไม่ใช่เพียงหุ่นเชิดของใครอย่างแน่นอน

การทำงานของสิรินทั้งหมดล้วนประสบผลสำเร็จแม้จะเป็นงานยิบย่อยที่อาของเขาแบ่งมาให้ทำเพื่อไม่ให้เจ้าตัวสงสัยเพียงเท่านั้น งานที่สิรินได้รับผิดชอบตัดสินใจมีไม่มากนัก เขาจึงเข้าบริษัทแค่วันหยุดเท่านั้น

“สวัสดีคุณดนัย ดำคนนี้คืนคุณดนัยเลขาของฉัน ส่วนคนนี้ดำ น้องชายของฉันเอง” สิรินแนะนำคนทั้งสองให้รู้จักกัน ดนัยเป็นชายที่ไว้ใจได้ คนคนนี้รู้จักวางตัว และฉลาดมากพอที่จะเข้าใจในตัวตนของเขา ทั้งยังทำงานทุกอย่างตามหน้าที่อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง แม้จะพึ่งเข้ามาทำงานได้เพียง 5 ปีหลังจากที่คนเก่าลาออกไป ก็ยังมีใจนับถือเขามากกว่าเลขาคนเก่าที่คอยเลียแข้งเลียขา และเป็นสายให้อาของเขาเท่านั้น

ดนัยเข้ามาสมัครในตำแหน่งของคณะกรรมการคนอื่น แต่สิรินถูกชะตาด้วยจึงใช้ตำแหน่งหน้าที่ของตนรับเข้ามาทำงานในตำแหน่งนี้แล้วไล่คนเก่าออกไป ด้วยวัยที่โตขึ้นทำให้อาของเขายิ่งระวังตัว พอสิรินทำเช่นนั้นเขาจึงไม่กล้าที่จะเข้าไปขัดเพราะกลัวสิรินรู้สึกตัวเข้าว่าถูกจับตามองอยู่

ตอนนี้ดนัยจะเรียกว่าเป็นหนึ่งในคนที่เขาวางเอาไว้ในบริษัทก็ไม่เกินไปนัก เพราะชายคนนี้ฉลาดพอที่จะไม่หักหลังเขา ในเมื่อมองเห็นตัวตนของเขาได้ชัดเจนตั้งแต่ต้น และรู้ว่าตัวเองเป็นหมากที่เขาพร้อมทิ้งทุกเวลาหากเล่นตุกติกเท่านั้น

“สวัสดีครับคุณดำ” ดำหันมามองตามเสียงที่อีกฝ่ายทักทาย แต่ก็ยังเงียบแล้วมองแววตาของคนคนนั้นอย่างพิจารณา เลขาอะไรไอ้ดำไม่เข้าใจหรอก แต่ถ้าเป็นคนที่สิรินไว้ใจก็อย่ามามองคุณสิรินแบบพวกข้างล่างนะ

ดวงตา รอยยิ้ม สีหน้า ดำมองมันอย่างถี่ถ้วน สัญชาตญาณบอกว่าคนคนนี้ไม่อันตราย ดำถึงลดกราดลง ดูน่ากลัวนิดๆ แต่ถ้าไม่ร้ายกับคุณสินไอ้ดำก็ทำใจได้

“สวัสดีครับ เรียกไอ้ดำแค่ชื่อก็ได้ เรียกคุณดำมันจั๊กจี้ บรึ๋ย! ” ดำยกมือไหว้แล้วรีบพูดตอบ หลุดอาการกลับมาเป็นคนร่าเริงเหมือนเดิมทันที รีบบอกให้อีกฝ่ายเรียกแค่ชื่อ เพราะมันรู้สึกแบบนั้นจริงๆ นี่นา ให้ตายไม่เคยมีคนเรียกไอ้ดำแบบนี้

ท่าทางหลับตาปี๋ แถมสีหน้าที่บ่งบอกว่ามันจั๊กจี้จริงๆ นะทำให้สิรินหัวเราะในลำคอ เรียกความสนใจของดนัยได้เป็นอย่างดี เขามองภาพนั้นแล้วสรุปได้ว่าดำต้องสำคัญกับสิรินมากๆ ถึงทำให้ผู้ชายคนนี้หัวเราะได้ ถึงจะหัวเราะน้อยๆ แต่นั่นเป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็น

และดำเองก็น่าเอ็นดูไม่น้อย เด็กที่แสดงออกมาเสียหมด คงเป็นสิ่งแปลกใหม่สำหรับวงการนี้ ยิ่งอยู่ในสังคมชั้นสูงเท่าใด เด็กที่เกิดมาก็ยิ่งถูกอาบด้วยความเสแสร้งเท่านั้น ดนัยเข้าใจโลกแบบนั้นดี

“เข้าใจแล้วครับ รับทราบ” ดนัยรับคำ ยิ้มเอ็นดูเจ้าตัวน้อยของสิริน เพิ่มความเอ็นดูดำอีกหนึ่งระดับจนสิรินชักหนักใจที่ดำชอบปล่อยอ่อราไปทั่ว ถ้าปล่อยไปโรงเรียนแล้วจะมีคนตามเอ็นดูอีกเป็นพรวนรึเปล่านะ อนาคตดูน่าหนักใจจริงๆ

“เดี๋ยวเตรียมขนมกับน้ำมาให้หน่อยนะ ฉันจะให้ดำเข้าไปนั่งเล่นในห้อง รอเฉยๆ คงเบื่อแย่”

“ครับ” หลังจากที่รับคำดนัยก็เดินจากไปทำตามคำสั่งของสิรินทันที ส่วนสิรินก็พาดำเข้ามาในห้อง ปิดประตูก่อนจะพาเจ้าหมาน้อยไปนั่งบนโซฟาที่อยู่มุมห้องตรงข้ามกับโต๊ะทำงานพอดี

“ดำฉันมีเรื่องจะตกลงด้วย” หลังจากนั่งลงบนโซฟาสิรินก็ออกปากพูด เพราะดำชอบแสดงทุกอย่างออกทางสีหน้า และทำอะไรไม่ค่อยคิดถึงผลลัพธ์เขาจึงอยากทำข้อตกลงกับดำเสียก่อน

“ครับ” ดำรับคำอย่างตั้งใจ

“ห้ามลงมือกับคนในบริษัทเด็ดขาด สัญญานะ” พอได้ยินแบบนั้นดำก็ทำหน้าบูดบึ้งไม่อยากรับปากสิรินแม้แต่น้อย คนพวกนั้นน่าต่อยสักหมัดสองหมัดจะให้ไอ้ดำอยู่เฉยจริงๆ เหรอ หลังจากส่งสายตาเว้าวอนก็ไม่เป็นผล ไอ้ดำจึงพยายามคิดหาทางออกเท่าที่สมองน้อยๆ จะคิดออก

เอาอย่างไรดี ไอ้ดำอยากปกป้องคุณสิน

ไอ้ดำไม่ชอบสายตาของคนพวกนั้น

พวกที่บังอาจมามองคุณสินด้วยสายตาดูถูก ซุบซิบนินทาทั้งที่ไม่รู้ความจริง

ไอ้ดำเกลียดที่สุดเลย!

“ดำ” สิรินเรียกชื่อเสียงนิ่ง เพราะดูเหมือนเจ้าตัวเล็กจะเริ่มดื้ออีกแล้ว ไม่ว่าจะครั้งใดพอเขาทำเสียงและสีหน้านิ่งๆ ดำก็จะยอมอ่อนลงเสมอ แต่ดูเหมือนคราวนี้จะไม่ง่าย ดำยังทำสีหน้าครุ่นคิดหาทางออกแบบที่ไม่ต้องเสียใจทั้งสองฝ่ายอยู่ แถมยังทำแก้มพองลมน่ารักจนอาจจะเป็นเขาเองที่ต้องใจอ่อน แต่ไม่สิริน อย่าใจอ่อน เพราะไม่เช่นนั้นคนที่จะถูกพุ่งเป้ามาทำร้ายคงกลายเป็นดำ

“ไม่มีตัวเลือกอื่นแล้วเหรอครับ นะ นะ คุณสิน ไอ้ดำของร้อง” จากที่คิดอย่างไรก็คิดไม่ออก ดำก็เลยเปลี่ยนมาอ้อนแทน ขอให้คุณสินที่ฉลาดกว่าช่วยคิด ไอ้ดำนี่ฉลาดจริงๆ เลย

สายตาออดอ้อนนั่น ให้ตายสิดำ จะทำฉันบ้าตายให้ได้เลยใช่ไหม

“เฮ้อ ดำเนี่ยนะ” สุดท้ายฝ่ายที่ต้องยอมกลับกลายเป็นสิริน ใครจะไปทนต่อสายตาออดอ้อนนั่นไหวกัน ให้ตายเถอะ

พอเห็นแบบนั้นดำก็ยิ้มกว้าง เย้! สำเร็จ ไอ้ดำไม่ต้องสัญญาแล้ว ยู้ฮู

ปึ๊ก!

“อย่าพึ่งลิงโลด ฉันยังไม่ได้บอกสักหน่อยว่าจะไม่ให้สัญญาแล้ว” สิรินดีดนิ้วเบาๆ ไปที่หน้าผากสีน้ำผึ้ง ก่อนจะพูดต่อพร้อมๆ กับดำที่ยกมือขึ้นปิดหน้าผากเอาไว้กลัวว่าจะโดดีดอีก ยิ่งพอได้ฟังยิ่งอ้าปากกว้างเมื่อคิดได้ว่าตัวเองดีใจเก้อ

“คุณสินอ่า” ตามด้วยเสียงตัดพ้อ ไหนตอนแรกไอ้ดำชนะแล้วไง สุดท้ายคุณสินก็ชนะอยู่ดี ขี้โกง!

“หึหึ ไม่ต้องงอนเลย ฉันจะช่วยเปลี่ยนข้อสัญญาให้ ตกลงไหม”

“ก็ได้...ครับ” สุดท้ายก็ต้องยอมรับ โถ่ อย่างไอ้ดำจะสู้คุณสินได้อย่างไร ตามใจสุดๆ อยู่แล้ว

“เอาเป็นว่า ถ้าคนคนนั้นยังไม่ทำร้ายฉัน ดำห้ามลงมือเด็ดขาด ตกลงไหม” สิรินคิดว่าแบบนี้น่าจะดูเป็นกลางที่สุดแล้ว ถ้าเขาระวังตัว ดำก็ไม่ต้องเสี่ยงอันตราย คนที่เป็นฝ่ายปกป้องไม่ได้มีแต่ดำเพียงคนเดียว

“เอาแบบนั้นก็ได้ครับ แต่ถ้ามีใครแตะต้องคุณสิน ไอ้ดำซัดไม่เลี้ยงแน่” ดำประกาศกร้าวถึงเจตนารมณ์ของตัวเอง คอยดูเถอะคนที่กล้าเข้ามาทำร้ายคุณสินไอ้ดำจะจัดการให้น่วมไปเลย

“เก่งมาก เด็กดี” คำพูดกับการกระทำที่ยกมือขึ้นลูบหัวเจ้าตัวเล็กกลายเป็นรางวัลสำหรับทุกครั้งไปเสียแล้ว มันทำให้ดำยิ้มกว้างขึ้นทุกครั้งที่ถูกทำแบบนี้ แม้ไม่เข้าใจว่าเพราะอะไร แต่คนอย่างไอ้ดำแล้วขอแค่รู้สึกว่าหัวใจพองโตมากๆ ก็เพียงพอ

หัวข้อ: เปย์ครั้งที่ 6 [2]
เริ่มหัวข้อโดย: GreenHead(หัวเขียว) ที่ 16-03-2018 23:52:14
ก๊อกๆ

“ขออนุญาตครับ” ดนัยเข้ามาพร้อมกับจานเค้ก 3 จาน โกโก้ร้อน และน้ำเปล่าหนึ่งแก้ว ดำมองเค้กบนจานตาวาวละความสนใจจากสิรินทันที

“ไอ้ดำช่วย” ดำยื่นมือไปช่วยยกของบนถาดรองหลังจากที่ดนัยวางมันลงบนโต๊ะหน้าโซฟา มองเค้กก้อนนั้นทีก้อนนี้ทีอย่างสนใจ

ก้อนสีสายรุ้งก็สวย ก้อนสีน้ำตาลก็น่าอร่อย สีเหมือนช็อกโกแลตที่คุณก้องให้วันนั้นเลย แล้วก็มีแบบที่อยู่ในแก้วใบใส ข้างล่างขนมปังมีอย่างอื่นอยู่ด้วย ดูน่ากินสุดๆ เลย

โกโก้ร้อนก็หอม จะอร่อยเหมือนที่คุณสินชอบชงให้ไอ้ดำกินรึเปล่านะ งื้อ ดูน่ากินไปหมดเลย

“อยากได้อะไรเพิ่มบอกได้นะครับ”

“ขอบคุณครับ ถ้าหมดแล้วเดี๋ยวไอ้ดำบอก แล้วก็คุณดนัยไม่ต้องเรียกสุภาพกับไอ้ดำก็ได้ ไม่ชินเลย” ดำรับคำ มีหรือจะปฏิเสธถ้าบอกว่าขอเพิ่มได้ เอาไว้หมดแล้วค่อยขอเพิ่ม ต้องทำตามคำสั่งคุณสินเดี๋ยวโดนดุ

“ถ้าอย่างนั้นดำก็เรียกพี่ว่าพี่นัยดีไหมครับ พี่จะได้เรียกชื่อดำเฉยๆ” ดำคิดตาม แต่ก็ไม่เข้าใจ มีแต่คนอยากให้ไอ้ดำเรียกว่าพี่ แต่คุณสินก็ไม่ได้ว่าอะไรนะ ให้ไอ้ดำเรียกว่าคุณได้ด้วย พอคิดไม่ออกก็หันไปสบตาคุณสินขอความเห็นว่าจะอนุญาตรึเปล่า พอสิรินพยักหน้าตามใจดำก็ยิ้มกว้าง

“ครับพี่นัย ที่นี้เรียกไอ้ดำว่าดำนะ”

“ครับ” พอเห็นทั้งสองคนตกลงกันได้ สิรินก็หันไปบอกดำให้นั่งกินรอเขาไปก่อน จะเคลียร์งานให้เสร็จก่อนเที่ยง แล้วค่อยออกไปกินข้าว เขาไม่ได้ติดใจเรื่องการเรียก เพราะมันเป็นความสมัครใจของดำ แล้วด้วยการเรียกของดำแสดงถึงความนับถือเขาจะไปบังคับให้เปลี่ยนตามใครต่อใครได้อย่างไร

ดนัยเดินออกไปหยิบแฟ้มงานมารายงานการเคลื่อนไหวตลอดหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมา นอกจากงานเลขาแล้ว ดนัยยังช่วยเก็บรายละเอียดงานต่างๆ มารายงานสิรินทุกครั้งที่พบหน้า สิ่งที่เขากล่าวบอกล้วนเป็นความจริง เพราะมันเป็นหน้าที่ที่สิรินมอบหมาย ตอนนี้ในใจของดนัยกลายเป็นของสิรินเต็มตัวแล้ว ผู้ที่เลือกข้างอย่างไม่คิดจะเปลี่ยนใจ หนึ่งปีหลังจากนี้เขาเชื่อว่าคนที่จะได้ขึ้นเป็นประธานบริษัทอย่างสมภาคภูมิต้องเป็นสิรินอย่างแน่นอน

นอกจากงานเล็กน้อยที่ถูกโยนมาให้ทำแล้ว สิรินก็นั่งฟังรายงาน และดูเอกสารของบริษัทผ่านดนัย เขาไม่รู้ว่าดนัยได้เอกสารพวกนี้มาอย่างไร แต่ก็คิดว่ามันไม่เหลือบ่ากว่าแรงเลขาจอมเนี๊ยบไปได้หรอก

การเคลื่อนไหวบริษัทช่วงนี้เป็นการขยายตัวโรงแรมในเครือที่ดูเหมือนว่าเป็นโครงการที่ใช้งบประมาณไม่น้อย อาของสิรินเป็นผู้อนุมัติโดยผู้เสนอคือหนึ่งในคณะกรรมการของฝ่ายนั้น หลายปีมานี้บริษัทเอนเอียงไปทางขาดทุน เพราะการทุจริตของอาสุชาติผ่านคณะกรรมการและหัวหน้าฝ่ายต่างๆ ที่เลือกข้างแล้ว

เขาไม่มีอำนาจมากพอไม่อาจแทรกแซงงานของอาได้ จึงอาศัยคนที่ภักดีต่อพ่อของเขาเข้ามาขัดขวาง ซึ่งในระยะเวลาที่ผ่านมาพวกเขาเหล่านั้นก็ล้วนแล้วแต่ลำบากเพราะไม่ยอมเปลี่ยนข้าง ได้แต่อดทนและบอกตัวเองว่าอีกไม่นานโดยที่ไม่รู้เลยว่าอาของสิรินกำลังวางแผนไม่ให้พวกเขาต่อต้านได้ในระยะยาว

ส่วนสิรินที่รู้ถึงทุกแผนการของอาสุชาติก็พยายามที่จะช่วยพวกเขา ตอบสนองต่อความภักดีนั้น และตั้งมั่นว่าจะต้องตอบแทนพวกเขาเหล่านั้นให้ได้

ทางด้านดำมองภาพการทำงานของสิรินด้วยความหลงใหล สิรินตั้งใจทำงานอ่านเอกสาร แต่ก็ฟังสิ่งที่ดนัยรายงานได้พร้อมๆ กัน มันเป็นภาพที่ยอดเยี่ยมมากสำหรับดำ เขาทำงานได้ทีละอย่างเท่านั้น การแยกประสาททำทั้งสองอย่างพร้อมกันมันเป็นเรื่องที่ดำทำไม่ได้

ทั้งดวงตาที่คมกริบกำลังคิด สมาธิจดจ่อยิ่งทำให้ดำละสายตาไม่ได้ แสงสว่างที่ทอประกายจากกระจกด้านหลังขับให้ภาพของคนที่นั่งทำงานอยู่น่าหลงใหลเพิ่มขึ้นไปอีก

สายตาของดำทำให้สิรินไม่มีสมาธิแต่ก็พยายามฝืนเอาไว้ ท่องในใจบอกให้ตัวเองรีบเคลียร์งานจะได้พาดำไปกินข้าว แล้วจะได้รับรางวัลตอบแทนมากกว่านี้อย่างแน่นอน

ดำจับความรู้สึกของสิรินได้เมื่อสายตาของทั้งสองสบกัน จึงรีบละสายตาจากภาพนั้นแล้วมองภาพขนมตรงหน้าแทน ไอ้ดำจะรบกวนคุณสินไม่ได้ กินขนมดีกว่า คิดได้ดังนั้นก็ก้มหน้าร้อนฉ่าจนเป็นสีแดงนั่นมองเค้กทันที...สนใจเค้กสิไอ้ดำ เลิกมองคุณสินได้แล้ว

“ไอ้ดำจะกินอะไรก่อนนะ งืมๆ” ในที่สุดดำก็ทำสำเร็จเขามุ่งความสนใจทั้งหมดไปยังเค้กตรงหน้า เพ่งดูว่าควรกินอะไรก่อนดี พอตัดสินใจได้ก็ตักเค้กเข้าปากทันที

ความนุ่มละมุนของขนมปัง และรสชาติของช็อกโกแลตที่ทั้งขมทั้งหวานซึมซาบไปทั่วปาก ครีมสดที่สอดแทรกเอาไว้ในเนื้อเค้กแต่ละชั้นก็ไม่หวานจนเกินไป เป็นรสชาติที่เสริมความอร่อยของเค้กช็อกโกแลตได้เป็นอย่างดี ดำติดใจสัมผัสนุ่มละมุนลิ้นของเนื้อเค้กจนต้องใช้นิ้วจิ้มดูอยู่หลายครั้ง เขาไม่เคยลิ้มรสชาติแบบนี้มาก่อน จึงติดใจทั้งสัมผัสและความแปลกใหม่ที่ได้รับ มันคล้ายกับรสชาติที่ก้องให้กินวันนั้น แต่ดำแน่ใจว่าเค้กตรงน่าอร่อยกว่า

หลังจากกินก้อนแรกหมดไปดำก็หันไปสนใจขนมที่อยู่ในแก้วใส รูปร่างมันคล้ายเค้กที่กินเมื่อครู่ แต่ด้านล่างครีมแต่งหน้าและขนมปังแต่ละชั้นดูเหมือนจะใส่ขนมแบบอื่นอยู่ ด้วยความสนใจดำพยายามกดช้อนลงไปจนถึงชั้นล่างสุด กินทุกชั้นพร้อมๆ กัน และพบว่ามันอร่อยมาก นอกจากเนื้อเค้กเนียนนุ่มที่อยู่ด้านบนแล้วด้านล่างมีขนมปังบดละเอียด และขนมที่มีความกรุบกรอบอยู่ด้วย ดำไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่สัมผัสที่แตกต่างกันแต่ละชั้นนั่น ผสมคลุกเคล้ากันอย่างลงตัว กินแล้วอยากกินอีกไม่หยุดเลย

เป้าหมายสุดท้ายคือเค้กสีรุ้งหลายสี เนื้อเค้กที่เป็นชั้นบางๆ สลับกับครีมสดหลายสีสันมันดูสวยงามอย่างไม่ต้องสงสัย และเนื้อเค้กยังไม่เหมือนกันเค้กก่อนหน้านี้ มันมีความนุ่มแต่หากยืดหยุ่น เหมือนแผ่นแป้งที่ใช้ทำขนมหวาน รสชาติเวลาเคี้ยวก็ให้ความรู้สึกนุ่มนิ่ม ละลายในปากทุกครั้งที่เคี้ยว รสชาติไม่เหมือนแผ่นแป้งที่ใช้ทำขนมหวานเลยสักนิด ดำชักติดใจรสชาติขนมพวกนี้ซะแล้ว

คิดได้ดังนั้นก็เตรียมจะเอ่ยปากขอเพิ่ม แต่ก็ต้องถูกขัดจังหวะจากเสียงเคาะประตูที่ดังขึ้น ฝ่ายนั้นไม่รอให้คนในห้องเอ่ยปากอนุญาตก็ถือวิสาสะเข้ามาอย่างไม่เกรงใจ เพราะเขาคิดว่าด้วยตำแหน่งแล้วคนที่ควรเกรงใจคือเจ้าของห้องต่างหาก

“ว่าไง เข้ามาทำงานเหรอวันนี้” ชายรูปร่างสันทัด ไม่สูงหรือเตี้ยมากเกินไป รูปร่างดูสมส่วนทั้งที่อายุเข้าใกล้เลข 4 แล้วเอ่ยทักทายผู้ที่อยู่ในห้องอย่างผู้ใหญ่ใจดี สีหน้ายิ้มแย้ม ห่วงใยลูกของพี่ชายเหมือนลูกของตนเอง

แต่สัญชาตญาณดำร้องเตือนว่าคนคนนี้อันตราย ภายใต้สีหน้าที่ดูใจดีไร้พิษสงนั่นมีบางสิ่งซ่อนอยู่ ความไม่ชอบแล่นเข้าสู่หัวใจ เป็นการเกลียดขี้หน้าใครสักคนตั้งแต่แรกพบ ดำไม่เคยมีความรู้สึกหวาดระแวงรุนแรงเช่นนี้มาก่อน

เขาละทิ้งความอยากกินเอาไว้ จ้องมองชายผู้มาใหม่อย่างไม่วางตา ความไม่ชอบใจแสดงออกทางสีหน้าอย่างไม่ปิดบัง ดำอยากเข้าไปกระชากคอชายคนนั้นเข้ามาถามว่าคิดร้ายอะไรกับสิริน แต่ก็ต้องห้ามใจไว้ สั่งร่างกายไม่ให้ขยับจากที่ตรงนี้ เพราะไม่เช่นนั้นแล้วเขาคงพุ่งตรงไปยังชายคนนั้นเป็นแน่ ดำไม่อยากผิดสัญญาที่ให้ไว้กับสิรินเท่าไหร่นัก

“ครับ วันนี้ผมหยุดก็เลยเข้ามาดูงานที่ทำไว้คราวก่อน” สิรินตอบรับทั้งที่ใบหน้าเรียบเฉยตามแบบฉบับของตน เพียงแต่เก็บสายตาคมกริบที่มองทุกสิ่งทะลุปรุโปร่งนั้นไว้ เขาไม่ต้องการให้อาของเขารู้สึกตัว การกระทำทุกอย่างต้องออกมาสำเร็จแม้ต้องเสแสร้งเป็นคนโง่เท่าใดก็ยอม เขาชินกับมันเสียแล้ว

อาของเขาวางใจที่สิรินไม่เคยขัดขืนต่อคำสั่งที่ชี้นำ ทั้งยังโง่เขลาไม่รู้ว่าโดนหลอก ความอบอุ่นอันเป็นเปลือกนอกตลอดมาคือการแสดงละครน้ำเน่าทั้งนั้น เป็นคุณอาแสนใจดีที่ยอมให้หลานชายเรียกวิศวะแทนที่จะเป็นบริหารธุรกิจทั้งที่ต้องมาสืบทอดบริษัทเมื่อถึงกำหนด เป็นความเข้าใจแสนจอมปลอม เพื่อให้เป็นข้อกังขาแก่คณะกรรมการ และผู้ร่วมหุ้นในบริษัท ปูทางให้คนเหล่านั้นเทความวางใจไว้ที่เขาแต่เพียงผู้เดียว

“ขยันจริงๆ ช่วงนี้คงเรียนหนักแย่ ปีหน้าก็ปีสุดท้ายแล้วสินะ อย่าฝืนเรียนหนักจนทั้งร่างกาย...ทั้งสมองแย่ล่ะ” ทั้งที่เป็นความห่วงใยเครือบยาพิษแต่สิรินก็ยิ้มรับรอยยิ้มที่อาของเขาส่งมาให้อย่างโง่เขลา ตอบไปดังคนซื่อบื้อที่เชื่อคำพูดของอาสุดหัวใจ

“ครับ ผมจะตั้งใจทั้งสองทาง เพราะอย่างไรก็ต้องมาดูแลบริษัทของพ่ออยู่แล้ว...ใช่ไหมล่ะครับ” ชั่วพริบตานั้นแววตาของสุชาติลุกวาวด้วยความเกลียดชัง ก่อนจะเลือนหายไปอย่างรวดเร็ว เหลือไว้เพียงใบหน้าของอาผู้แสนใจดีเท่านั้น

“ฮ่าๆ นั่นสินะ ว่าแต่ว่าเจ้าสนบอกว่ามีเด็กคนหนึ่งอยู่กับสินด้วย เด็กคนนี้รึเปล่า” สุชาติจงใจเปลี่ยนเรื่อง แล้วโยงเรื่องที่ค้างคาใจ ลูกชายของเขาบอกว่าสิรินพาเด็กผู้ชายอายุน้อยมานอนกก ถ้ามันเป็นจริง ข่าวคาวในครั้งนี้คงเรียกคะแนนให้เขาได้อีกมากทีเดียว ส่วนสิรินก็ต้องติดลบในสายตาของสังคมอย่างไม่ต้องสงสัย

“ครับ ดำเป็นน้องชายของผม มาร์โก้รับเป็นลูกบุญธรรมแล้ว...ดำนี่อาสุชาติ อาของฉันเอง” ชื่อของมาร์โก้เสียดแทงหูของสุชาติ ผู้ชายตายยากคนนั้นยังคอยเป็นเสี้ยนหนามตำใจมาตลอด ยิ่งตอนนี้กลับไทยน้อยเสียยิ่งกว่าน้อย เขาจึงจัดการได้ลำบาก

เขาเคยโน้มน้าวให้สิรินเลิกติดต่อจากชายคนนั้น แต่ดูเหมือนจะไร้ผล จึงทำได้เพียงตรวจสอบให้แน่ใจว่าฝ่ายนั้นจะไม่เข้ามาแทรกแซงภายในบริษัทเท่านั้น ส่วนการทำลายชื่อเสียงของสิรินที่โดนขัดขวางเสียทุกครั้งก็ไม่ได้ร้ายแรง แต่ก็น่าหงุดหงิดใจ ยิ่งเขาถูกจับตามองจากคนในบริษัท และสังคมของผู้รากมากดีด้วยแล้วยิ่งขยับตัวทำอะไรลำบาก จะออกหน้าไล่มาร์โก้ตรงๆ ก็ไม่ได้

ยังดีที่ฝ่ายนั้นไม่ได้ทำลายเขา เพียงคอยขัดแข้งขัดขาเท่านั้น สุชาติจึงไม่ได้จัดการมาร์โก้อย่างเด็ดขาดจนถึงตอนนี้ เสียแต่พอได้ยินชื่อนี้ทีไร เขาจะหัวเสียเสมอ ดูอย่างแผนคราวนี้ก็ถูกขัดตั้งแต่เริ่ม เขาอยากให้เด็กชายคนนั้นเป็นเพียงเด็กขายบริการ หรือเด็กทั่วไปไร้พิษสง แต่พอเกี่ยวข้องกับมาร์โก้แล้วการยุ่งกับเด็กคนนี้ไม่ใช่ทางเลือกที่ดีนัก

สุชาติบอกตัวเองในใจ เขารอมาเป็นสิบปีแล้ว รออีกแค่ปีเดียวจะเป็นอะไรไป หนึ่งปีมันสั้นแสนสั้น พอถึงเวลานั้นเขาก็ไม่ต้องทำสิ่งใด เพียงชื่นชมชัยชนะที่ปูทางมาตลอดเท่านั้น

“โอ้ ชื่อดำสินะ สวัสดี จะเรียกฉันว่าอาเหมือนเจ้าสินก็ได้ หน้าตาน่าเอ็นดูเหมือนที่เจ้าสนบอกจริงๆ” สุชาติเห็นดำมองเขาด้วยสายตาหวาดระแวงจึงพยายามวางตัวเป็นคนใจดี เวลาหลอกใช้อะไรๆ จะได้สะดวกขึ้น เขาคิดไปเองว่าดำคงแค่หวาดระแวงคนแปลกหน้าเท่านั้น

ดำไม่ตอบรับเขาไม่อยากทำความรู้จักกับคนแบบนี้สักนิด คนจิตใจน่ารังเกียจเช่นนี้ดำไม่อยากให้ความเคารพหรือแม้แต่เสวนาด้วย จึงมองไปทางสิรินเพื่อขอความช่วยเหลือ

สายตาสิรินบอกว่าให้ดำทำตัวปกติ เจ้าตัวเล็กไม่พอใจจนแก้มพองลม คิ้วขมวดมุ่น จำยอมยกมือไหว้ แต่ก็ไม่ยอมพูดอะไรออกมา

คนรับไหว้ทำตัวไม่ถูก แม้จะไม่ชอบใจการกระทำของดำ แต่ก็ต้องรักษาท่าทางต่อหน้าหลานชาย เขายกนาฬิกาขึ้น บอกว่ามีประชุมต่อแล้วขอตัวออกไป ทั้งห้องจึงตกอยู่ในความเงียบ เหลือไว้เพียงอาการน้อยใจของดำเท่านั้น เขาไม่อยากให้ความเคารพชายคนนั้นแม้แต่น้อย และไม่อยากจะเชื่อว่าคนที่เป็นอาแท้ๆ จะคิดทำร้ายคุณสินได้

ถ้าเป็นไอ้ดำคงรู้สึกแย่มากๆ ...แล้วคุณสินล่ะ

ดำเด้งตัวจากโซฟา เมื่อความจริงบางอย่างแล่นเข้าสู่สมอง วิ่งเข้าไปหาสิริน ไม่สนใจดนัยที่ยืนเยื้องอยู่ข้างโต๊ะ โผเข้ากอดสิรินที่อยู่บนเก้าอี้ทันที

เพราะอีกคนนั่งอยู่ตอนนี้ดำจึงสูงพอๆ กับสิริน เพียงโน้มตัวเข้ากอดคออีกฝ่ายก็พาดอยู่บนไหล่เล็กๆ นั่นอย่างไม่ทันตั้งตัว ดำวิ่งเข้ามาเร็วมากจนเขาเองยังตกใจ ไม่เข้าใจการกระทำของคนตัวเล็กแม้แต่น้อย

“ดำ...มีอะไร หือ” พอได้สติสิรินก็กอดตอบเจ้าตัวเล็กแล้วลูบหลังเบาๆ เขาไม่รู้ว่าดำเป็นอะไรไป แต่ก็รับรู้ถึงความอบอุ่นที่ส่งผ่านมาทางอ้อมกอด

“ไม่เป็นอะไรนะครับ ไอ้ดำอยู่ตรงนี้” อ้อมกอดที่กระชับ พร้อมเสียงที่เบาหวิว แต่กลับเต็มไปด้วยความหนักแน่นทำให้สิรินหัวใจเต้นผิดจังหวะ ความรู้สึกที่คิดว่าตัวเองกลบฝังมันอย่างมิดชิดถูกเด็กคนนี้มองออกเสียแล้ว

ทั้งที่คิดว่าตัวเองเย็นชากับการกระทำของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นญาติพี่น้องจนหมดสิ้นแล้ว แต่พอได้ยินคำพูดของดำ เขาก็รู้สึกเหมือนหัวใจได้รับการเติมเต็ม ความรู้สึกส่วนที่ขาดหาย ค่อยๆ กลับมาเหมือนจิ๊กซอที่วางลงไปทีละชิ้นจนเป็นรูปเป็นร่างในที่สุด

“ดำฉันไม่เป็นไร” สิรินพยายามปฏิเสธ ทั้งที่เสียงตัวเองเบาหวิว ไม่รู้ว่าไม่เป็นไรของเขาคือการบอกกับดำหรือบอกกับตัวเองกันแน่ ส่วนดนัยเห็นภาพนั้นแล้วก็พอเข้าใจจึงเดินออกจากห้องไปเงียบๆ ปล่อยให้คนทั้งสองอยู่เพียงลำพัง ไม่ต้องแคร์สายตาคนนอกอย่างเขา

“ไอ้ดำจะปกป้องคุณสินเอง จะไม่มีวันหักหลังแน่นอน...ไอ้ดำขอสัญญาด้วยชีวิต” ดำยังคงกอดสิรินแน่น เขารู้เพียงว่าไม่อยากให้ผู้ชายคนนี้โดดเดี่ยวและอ้างว้าง อยากเป็นส่วนหนึ่งของความเข้มแข็งนั้น ต้องการผลักดันสิรินให้ได้รับความสุขมากกว่าใคร

“ดำ” สิรินครางเสียงเบาหวิวจนคนตัวเล็กต้องเงยหน้าขึ้นสบตา ต้องการยืนยันคำพูดของเขาว่าจริงจังเพียงใด ดวงตากลมโตไร้การเสแสร้ง มันเต็มไปด้วยความจริงจัง ความเชื่อมั่นในสัญญา เผยความจริงอย่างไม่ต้องสงสัย สิรินเชื่อจนหมดใจแล้ว เชื่อทั้งสายตา เชื่อทั้งคำพูด และเชื่อทั้งร่างกายที่ถ่ายทอดความอบอุ่นปลอบประโลมเขาไม่ยอมปล่อย

คนตัวโตเงยหน้าขึ้นพร้อมๆ กับกดหัวของดำลงมา จนทั้งสองจรดหน้าผากเข้าหากันอย่างไร้ช่องว่างซึมซับความอบอุ่น ถ่ายทอดความรู้สึกอัดแน่นไปจนทั่วหัวใจ ปล่อยเวลาผ่านไปเนิ่นนานอย่างไม่รู้สึกเบื่อหน่าย เข็มยาวบนหน้าปัดนาฬิกาติดผนังหมุนวนไปกี่รอบแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจ

ให้เวลาหยุดหมุนดังว่า...ช่วงเวลานี้มีเพียงพวกเขาแค่สองคนบนโลกใบนี้

ทั้งห้องเหมือนทอประกายแสงสีเหลืองละมุนของดวงอาทิตย์

ดวงอาทิตย์ที่ส่งข้ามเวลามาชี้นำทางให้สิรินเดินไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคง

ดวงอาทิตย์ที่ทอแสงแห่งความอบอุ่นโอบอ้อมร่างกายอย่างไม่ลาลับหาย

ดวงอาทิตย์ที่จะอยู่เคียงข้างเขา...ตลอดไป

วันนี้สิรินแน่ใจแล้วว่า ตัวเขาขาดคนตัวเล็กที่ชื่อ ‘ดำ’ ไปไม่ได้อย่างแน่นอน

เพียงไม่นานเด็กชายคนหนึ่งก็ช่วงชิงหัวใจของเขาไปเสียแล้ว

แต่ก็เป็นการช่วงชิงที่เขายกให้ด้วยความเต็มใจ

สิรินเข้าใจแล้วว่า...ตัวเขารักดำตั้งแต่แรกพบ

ความรู้นี้ไม่เคยเปลี่ยนตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้

มีเพียงเขาที่เข้าใจช้ากว่าใคร...ช่างน่าขำเสียจริงๆ

ต่อจากนี้ และตลอดไป เขาจะไม่มีทางปล่อยให้ดำหลุดมือ

เตรียมใจไว้เถอะเจ้าจอมตะกละ...ของเขา!






โปรดติดตามตอนต่อไป...


***************************

มาแล้วค่าา อัพทันเว็บอื่นแล้ว เย้ๆ
ต่อไปจะอัพเป็นปกตินะคะ กรีนสอบเสร็จแล้วด้วย
จะได้แต่งแบบสบายๆ
เอาใจช่วยคุณสินตะล่อมไอ้ดำกันด้วยนะคะ :impress2:

ไอ้ดำ เอ็งทำให้ข้าอยากกินบุฟเฟ่ต์ หิวววว :hao6:
หิวก็กิน มาๆมาร่วมวงบุฟเฟ่ต์กับไอ้ดำ คุณสินเลี้ยงล่ะ :m19:

หิวมั้ยอะให้ทาย นี่นิยายอาหารรึป่าวคะะะะะ เย็นนี้กินคาโบนาร่าดีกว่าค่ะ ฮือออออออ :laugh:
ไอ้ดำก็หิวนะครับ อยากกินด้วยจังคาโบนาร่าอร่อยไหม :hao6:

เป็นนิยายที่ไม่ควรอ่านก่อนนอน เพราะจะทเองร้อง555
ก่อนนอนกำลังดีค่ะ เรียกว่าได้บรรยากาศ 55

สนุกมากๆ ครับ แต่กว่าจะจบเรื่อง น้องดำจะกลายเป็นหมูดำคุโระบูตะหรือเปล่า หาบทบู๊มาให้น้องเบิร์นหน่อยเร็ว
ขอบคุณมากค่ะ พูดถึงหมูคุโรบูตะแล้วหิวเลย จะว่าไปแล้วมันก็อร่อยสุดๆไปเลยน้า คุณสินคะ เรามาขุนไอ้ดำกันเถอะ!! :interest:

อยากกระโดดคลองแสนแสบแล้วตื่นมาเจอคุณสินบ้างค่ะ หิว แต่ไม่มีคนเปย์  :hao7:
เควสนี้เราต้องถามไอ้ดำค่ะ ว่ากระโดดอีท่าไหนถึงได้ผู้แบบคุณสิน ฮือออ อิจ!

โอ้ว ไวท์ซอสของโปรดดด :katai1: ไม่น่ามาอ่านเช้าๆเลย
ปอลิง. ทำไมเอาน้ำมันพืชคลุกเส้นล่ะ เอาเนยคลุกหอมกว่านะ :hao6:
5555 อ่านจบนี่ไปกินเลยรึเปล่าคะเนี่ย //สารภาพว่าไม่เคยทำกินเอง ไปแอบเปิดสูตรมาแล้วเจอสูตรนี้ค่ะ :heaven

ฮื่อออ  คุณสิน คนฉวยโอกาส  :-[
มาหอมแก้มตอนน้องดำงงได้ไง  เอาตอนไม่งงสิ เอ้ะ ไม่ใช่ละ 555
น้องน่ารักน่าเอ็นดูขนาดนี้ ใครจะไปอดใจไหวเนาะ  :กอด1:
จริงค่ะ ยิ่งตอนต่อไปหลังจากนี้ เตรียมพบคุณสินปากว่ามือถึงได้เลย เนียนๆกันไป :hao7:

หัวข้อ: Re: PAY เปย์ข้าด้วยบุฟเฟ่ต์สิ [เปย์ครั้งที่ 6] 17.03.2018
เริ่มหัวข้อโดย: shiroinu ที่ 17-03-2018 01:30:17
มาต่อซะดึกเลยนะคะ ยังงี้ไม่รู้ว่าควรจะอ่านเลย หรืออ่านพรุ่งนี้หลังกินข้าวแล้วดี :hao7:
หัวข้อ: Re: PAY เปย์ข้าด้วยบุฟเฟ่ต์สิ [เปย์ครั้งที่ 6] 17.03.2018
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 17-03-2018 03:40:42
ท้องร้องตอนตีสามตีสี่เพราะเห็นไอ้ดำเลยนะเนี่ย
หัวข้อ: Re: PAY เปย์ข้าด้วยบุฟเฟ่ต์สิ [เปย์ครั้งที่ 6] 17.03.2018
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 17-03-2018 03:43:49
หลงรักหนูดำเข้าแล้วซิ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: PAY เปย์ข้าด้วยบุฟเฟ่ต์สิ [เปย์ครั้งที่ 6] 17.03.2018
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 17-03-2018 07:21:05
ดำทำตัวน่าฟัดง่ะ ขอกอดด้วยคนนนนนน :impress2:
หัวข้อ: Re: PAY เปย์ข้าด้วยบุฟเฟ่ต์สิ [เปย์ครั้งที่ 6] 17.03.2018
เริ่มหัวข้อโดย: Mayana ที่ 17-03-2018 07:42:22
 ถูกคุณสินหมายหัวเอาไว้แล้วว่า "เตรียมใจไว้เถอะเจ้าจอมตะกละ...ของเขา!" แบบนี้เตรียมใจไว้ได้เลยน้องดำเอ๊ย.. จุดจบคือพุงป่องๆ แน่นวลลล  :m12:
หัวข้อ: Re: PAY เปย์ข้าด้วยบุฟเฟ่ต์สิ [เปย์ครั้งที่ 6] 17.03.2018
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 17-03-2018 09:09:26
ตอนจบดำตายรึเปล่าคะ ท้องแตกตายเพราะอิ่ม 555555555555555555
หัวข้อ: Re: PAY เปย์ข้าด้วยบุฟเฟ่ต์สิ [เปย์ครั้งที่ 6] 17.03.2018
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 18-03-2018 00:23:15
ดีที่วันนี้มีแค่เค้ก ถ้ามีบุฟเฟ่ต์คงวิ่งไปเซเว่นแล้ว555
 อ่านทีไรหิวทุกที
หัวข้อ: Re: PAY เปย์ข้าด้วยบุฟเฟ่ต์สิ [เปย์ครั้งที่ 6] 17.03.2018
เริ่มหัวข้อโดย: Victor.yuriyurio ที่ 19-03-2018 01:31:33
 :katai1: จะบ้าตาย อ่านตอนจะตี2 ไรท์จ๋าเขียนบรรยายดีมากจนหิวไปหมดแล้ว เอ็นดูดำมาก เอ็นดูทุกคนเลย ดำลูกเอ้ยโดนจับกินแน่นอน  :katai2-1:
หัวข้อ: เปย์ครั้งที่ 7
เริ่มหัวข้อโดย: GreenHead(หัวเขียว) ที่ 22-03-2018 05:15:15

เปย์ครั้งที่ ๗

จับปูใส่กระด้ง
'ยากที่จะทำให้อยู่นิ่งๆได้'

ห้างสรรพสินค้า คือ ร้านค้าขายปลีกขนาดใหญ่ ซึ่งมีสินค้าหลากหลายประเภท ทั้งเสื้อผ้า เครื่องเรือน เครื่องใช้ในบ้าน เครื่องใช้ไฟฟ้า รวมไปถึงผลิตภัณฑ์อื่นๆ และสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยคือ บรรดาร้านอาหารหลากหลายเชื้อชาติ ไม่ว่าจะเป็นอาหารไทย ตะวันตก จีน ญี่ปุ่น ล้วนแล้วแต่มีครบครันในห้างสรรพสินค้า

ซึ่งทำให้บรรดาผู้คนเลือกเดินจับจ่ายซื้อของภายในห้างเสียเป็นส่วนใหญ่ และโซนอาหารเองก็ตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าที่หลากหลายเป็นอย่างดี ผู้คนในปัจจุบันนิยมทานบุฟเฟ่ต์ เพราะมีของให้เลือกกินมากมาย ทั้งยังตักของอร่อยได้อย่างไม่อั้นอีกด้วย

ไม่แปลกนักที่ผู้คนจะตื่นตาตื่นใจกับการพบเจอบุฟเฟ่ต์แบบใหม่ๆ ให้ลิ้มลอง ยิ่งกับเด็กชายตัวเล็กที่เคยเข้าไปเดินด้านในเพียงครั้งเดียวแล้วยิ่งตื่นเต้นกว่าคนทั่วไป

ไม่ว่าจะเดินผ่านร้านอาหารร้านใดก็มองตาวาว ยืนจับจ้องบรรดารูปภาพอาหารแสนอร่อยบนป้ายหน้าร้านพรางกลืนน้ำลายลงคออย่างอดกลั้น ยิ่งพอสิรินสอนอ่านคำว่าบุฟเฟ่ต์ และอธิบายว่ามันคือการที่เรากินอาหารได้ไม่อั้นภายในเวลาที่กำหนดแล้วดำยิ่งตื่นเต้น

เอาแต่มองหาคำว่าบุพเฟ่ต์บนป้ายหน้าร้านอย่างคาดหวัง วิ่งไปทางนั้นทีทางนี้ที พร้อมเรียกผู้ปกครองตัวโตมาดูราวกับเด็กตัวเล็กๆ หรือไม่ก็หมาน้อยที่ค่อยเรียกให้เจ้าของมาดูสิ่งที่ตนสนใจ

สิรินห้ามปรามให้เดินด้วยกันดีๆ ได้เพียงชั่วครู่ก็วิ่งหายอีก จับมือไว้ก็ลากแขนเขาไปดูด้วย ซนจนคนตัวโตได้แต่ถอนหายใจ แต่ดวงตากลับสะท้อนรอยยิ้มอย่างมีความสุข ยิ่งรอยยิ้มของเด็กคนนั้นกว้างขึ้นเรื่อยๆ เวลาเห็นคำว่าบุฟเฟ่ต์ยิ่งทำให้เขาอารมณ์ดียิ่งขึ้น

“คุณสินๆ ดูสิร้านนี้ก็บุฟเฟ่ต์ล่ะ น่ากินจัง เนื้อมันเยิ้มแบบนั้นต้องนุ่มนิ่มอร่อยมากแน่เลย โห ทางนู้นก็มี มีซูชิ เหมือนร้านที่กินคราวก่อนเลย แต่เยอะกว่าล่ะ ว้าว

คุณสินๆ ซะ แซลมอน บุฟเฟ่ต์แซลมอนล่ะ น่ากินจัง เนื้อสีส้มอมชมพูสดใสสุดๆ ซู้ดด น้ำลายไหลแล้ว โหๆ ๆ ให้ไอ้ดำเลือกร้านจริงๆ เหรอ มันน่ากินไปหมดเลือกไม่ถูกแล้วครับ งื้อออ น่ากินทุกร้านเลย” เสียงเจื้อยแจ้วดังขึ้นไม่เรื่อยๆ อย่างไม่ขาดสาย วิ่งไปร้านไหนก็จะหันมาเรียกแล้วก็จ้องมองรูปไม่วางตาทุกครั้งไป

มีบ้างที่คนมองเหยียดว่าบ้านนอกเข้ากรุง แต่ก็มีคนที่มองอย่างเอ็นดูเช่นเดียวกัน และคนที่เอ็นดูเจ้าดำมากที่สุดคงหนีไม่พ้นสิรินที่เดินตามอยู่ไม่ห่าง ไม่มีความอายแม้แต่น้อยที่จะแสดงให้ใครต่อใครเห็นว่าเขารู้จักเจ้าเด็กยิ้มแฉ่งคนนี้

“โอ๊ะ ขอโทษครับ” เพราะเอาแต่มองเจ้าตัวเล็กทำให้สิรินไม่ทันระวัง จนเผลอชนเข้ากับคนที่เดินสวนมาอย่างพอดิบพอดี

“ไม่เป็นไรค่ะ อ้าว พี่สิน มาเที่ยวกับเพื่อนเหรอคะ” หญิงสาวที่สิรินไม่คุ้นหน้าเอ่ยทัก แต่ดูจากชุดแล้วคงเป็นรุ่นน้องในมหาวิทยาลัยเดียวกัน

“เปล่า”

“แหม มาคนเดียวเหรอคะ แจนก็มาเดินคนเดียวค่ะ เพื่อนแจนเบี้ยวนัดทั้งที่รับปากไว้แล้ว เหงาสุดๆ เลย ถ้ายังไงเราไปต่อด้วยกันไหมคะ” เมื่อได้คำตอบแจนที่หวังอยากจับจองเป็นเจ้าของรุ่นพี่คนดังอย่างสิรินก็ไม่คิดจะปล่อยโอกาสให้หลุดมือ เพื่อนที่นัดกันไว้เธอก็ส่งข้อความไปยกเลิกเรียบร้อยตั้งแต่เห็นสิรินเดินเหม่อมองอยู่คนเดียวแล้ว ที่เดินชนกันก็เป็นความตั้งใจของเธอเอง

“ขอตัว” สิรินไม่แม้แต่มอง เขาเผลอชนเธอเข้า ถ้าไม่ได้บาดเจ็บอะไรแค่ขอโทษก็ควรจะจบแล้ว ไม่จำเป็นต้องเสวนาด้วย

แต่เพียงชั่วครู่ที่ละสายตาจากดำไป เจ้าคนที่ควรยืนอยู่หน้าร้านบุฟเฟ่ต์แซลมอนก็หายไปเสียแล้ว ไม่ว่าจะมองไปทางใดก็มองไม่เห็นแม้แต่น้อย ยิ่งอีกคนตัวเล็กไม่ต่างจากเด็กประถม ยิ่งมองหายากขึ้นอีกเท่าตัว ใจของสิรินร้อนรน เขากลัวว่าดำจะหลงทางไปไกล หรือไปเจอคนไม่ดีเข้าจะทำอย่างไร

“เดี๋ยวสิคะพี่สิน ให้แจนเดินเป็นเพื่อนนะคะ” หญิงสาวยังไม่ละความพยายาม เดินตามมาดึงแขนชายหนุ่มที่ตนหมายตาไว้ด้วยท่าทางออดอ้อน

“ปล่อย”

“ไม่ค่ะ พี่สินอย่าใจร้ายกับแจนสิคะ” แม้อีกฝ่ายจะเสียงเย็นอย่างไร แต่แจนก็ไม่คิดจะหยุด โอกาสแบบนี้หาง่ายๆ เสียที่ไหน ปล่อยให้หลุดมือก็โง่เกินไปแล้ว อีกอย่างเธอยังมั่นใจในรูปร่างหน้าตา และจริตมารยาของเธอ ผู้ชายเย็นชาชอบคนออดอ้อน ยิ่งคนที่ออดอ้อนหน้าตาน่ารักน่าทุถนอมด้วยแล้วใครจะทนใจแข็งไหว

สิ่งที่หมายตาไว้หยุดชะงัก น้ำตาที่คลอเบ้าดังสั่งได้นั้นก็ไม่กล้าที่จะปล่อยให้ไหลออกมา มือที่จับแขนแกร่งเอาไว้ก็คลายออก ยืนแข็งทื่อด้วยใบหน้าซีดเซียว รู้สึกไม่ต่างจากการยืนอยู่ท่ามกลางอากาศหนาวของขั้วโลกเหนือแม้แต่น้อย

สายตาเย็นเหยียบที่ถูกส่งออกมาจากคนตัวสูง ดังทำให้อากาศเย็นลงฉับพลัน ใครกันจะกล้าต่อล้อต่อเถียง หรือพยามตื้อได้อีก ตอนนี้ในใจของสิรินมีเพียงดำ เขาเป็นห่วงเจ้าตัวเล็กของเขา กลัวจะเจอคนไม่ดีเข้า ยิ่งซนชอบเดินไปมา ไม่มองหน้ามองหลังแล้วด้วยยิ่งน่าเป็นห่วง

คงไม่โดนคนไม่ดีแกล้งหลอกใช่ไหม

คงไม่เดินตามคนแปลกหน้าไปเพราะเอาอาหารมาล่อหรอกนะ จึงตะกละๆ อยู่ด้วย

หรือจะไปหยิบอาหารบนพื้นมากิน ไม่หรอกๆ อืม...แต่ก็ไม่แน่

โธ่ เจ้าตัวเล็กหายไปไหนนะ ซนจริง กลายเป็นเด็กหลงไปซะแล้ว!


สิรินกังวลต่างๆ นานา ยิ่งคิด ยิ่งจินตนาการได้ถึงเหตุการณ์ร้ายๆ ขึ้นไปทุกที ถึงจิตสำนึกจะสั่งว่าดำไม่ใช่เด็กตัวเล็กๆ ที่ต้องห่วงไม่เข้าเรื่อง แต่เขาก็กังวลเพราะมีหลายสิ่งที่ดำไม่รู้จัก หรือเดินหายไปไม่ได้พบกันอีก สิรินตัดสินใจแล้วว่าหลังจากนี้เขาจะซื้อโทรศัพท์ให้ดำพกติดตัวเอาไว้ เกิดเหตุอะไรจะได้โทรหาได้ง่ายๆ

“คุณสิน! ”

“ดำ” เสียงเจื้อยแจ้วของเจ้าตัวเล็กดังขึ้นด้านหลังในเส้นทางที่เขาเดินเลยมาแล้ว สิรินจำได้เป็นอย่างดีว่าเป็นเสียงของใคร รีบก้าวเท้าเข้าไปหา หมุนซ้ายหมุนขวาสำรวจด้วยความเป็นห่วง เขาสูญเสียความใจเย็นเพราะเรื่องของดำ ใครจะว่าเล็กน้อย แต่สำหรับสิรินแล้วการที่ดำหายไปเป็นเรื่องใหญ่สำหรับเขา

เฮ้อ ชักกังวลซะแล้ว เขาจะทำใจให้ดำไปโรงเรียนได้จริงหรือ ไม่อยากห่างกับเจ้าหมาน้อยนี่จริงๆ เลย

“มีอะไรครับ” ดำถามอย่างงุนงง คิ้วของสิรินขมวดมุ่น แม้ใบหน้าจะยังเรียบเฉยเช่นปกติก็ตาม ดำเข้าใจอารมณ์ของสิรินได้ดี สิรินดูกังวลเป็นอย่างมาก เขาเข้าไปดูในร้านอาหารไม่กี่นาทีเกิดอะไรขึ้นกันนะ

“ไปไหนมา ฉันเป็นห่วงมากรู้ไหม” น้ำเสียงอ่อนโยนไร้เศษเสี้ยวของความโกรธนั้น พร้อมกับมือที่ลูบหัวปลอบประโลมด้วยความเป็นห่วง ทำให้ดำรับรู้ได้ว่าสิรินกังวลเรื่องของเขามากมายทีเดียว

“ขอโทษครับ ไอ้ดำเข้าไปดูข้างในร้าน ตรงนั้น” ดำชี้ไปยังร้านขนมจีนบุฟเฟ่ต์ร้านหนึ่ง เพราะการตกแต่งภายในทำให้เกิดบรรยากาศที่คุ้นเคย เหมือนยุคสมัยที่เขาเคยอยู่ จึงเผลอเดินเข้าไปมองโดยไม่ขออนุญาตสิรินก่อน คุณสินจะไม่โกรธไอ้ดำใช่ไหม

“แล้วเป็นยังไงบ้าง หือ” สิรินปรับท่าทีให้กลับเป็นปกติ เจ้าตัวเล็กดูรู้สึกผิดจนจ๋อยลงไปมากทีเดียว เขาเองก็โล่งอกที่ดำไม่ได้หายไปไหน เพียงเข้าไปดูร้านขนมจีนที่อยู่ใกล้ๆ นี่เอง เขากังวลมากเกินไปจริงๆ ให้ตายเถอะ พอเป็นเรื่องดำแล้วเขาไม่เป็นตัวของตัวเองเลย

“ข้างในเหมือนบ้านที่ไอ้ดำเคยไปเที่ยวสมัยอยู่ในกลุ่มเลย สุดยอดมากเลย ไม่รู้ว่ายกเข้าไปไว้ในห้องนั้นได้อย่างไร” ดำเริ่มบรรยายถึงวิธีการตกแต่งด้านใน แต่เจ้าตัวกลับคิดว่าเป็นร้านที่ยกบ้านทั้งหลังเข้าไปมากกว่า ดำไม่เข้าใจถึงการตกแต่งภายในแม้แต่น้อย

“อืม ถ้าดำชอบ เราเข้าไปกินกันไหม ฉันเองก็อยากเห็นบ้านสมัยที่ดำอยู่เหมือนกัน” สิรินไม่ได้แก้ความเข้าใจผิด เพราะเขาคิดว่าปล่อยไว้แบบนี้ก็น่ารักดี ในหัวกลมๆ นั่นจะจินตนาการไว้สุดยอดแค่ไหนกันนะ เขาไม่อยากขัดสิ่งที่ดำวาดฝันไว้นักหรอก ก็มันไม่ได้เข้าใจผิดจนร้ายแรงอะไรขนาดนั้น

“กินๆ” เมื่อตอบตกลง สิรินก็จับมือดำพาเดินเข้าไปในร้าน ป้องกันไว้ก่อนเดี๋ยวจะหายไปไหนอีก ยิ่งซนอยู่ด้วยเจ้าเด็กคนนี้

โต๊ะที่สิรินเลือกนั่งอยู่ติดผนังฝั่งขวา เขาเลือกนั่งไม่ไกลจากบริเวณที่จัดวางขนมจีนมากนัก เพื่อสะดวกในการเดินไปตักมานั่งทาน ด้านในตกแต่งด้วยไม้ บนผนังมีรูปขาวดำเรียงรายเอาไว้ ทั้งยังมีบานหน้าต่างติดเอาไว้เพื่อตกแต่งให้ดูเหมือนอยู่ในร้านอาหารอาหารริมคลองซึ่งปัจจุบันมีให้เห็นเฉพาะบริเวณตลาดน้ำเท่านั้น

ไม่ว่าจะเป็น โต๊ะ เก้าอีก ล้วนทำจากไม้ เพดานด้านบนก็ห้อยระโยงระยางด้วยธงราวที่นิยมใช้ตกแต่งตามงานวัด บรรยากาศดูผ่อนคลาย แม้จะอยู่ในห้างสรรพสินค้าก็ตาม นับว่าเป็นการตกแต่งที่ลงตัวมากทีเดียว

พนักงานเข้ามารับออเดอร์สิรินสั่งเป็นบุฟเฟ่ต์สำหรับสองคน เพราะร้านนี้มีทั้งแบบบุฟเฟต์และแบบจานเดียวสำหรับคนที่คิดว่ากินไม่คุ้มราคาบุฟเฟ่ต์ในราคาหัวละ 98 บาท และยังสั่งน้ำแบบรีฟิลที่มีให้เลือกทั้งน้ำลำไย น้ำกระเจี๊ยบ และนำเก๊กฮวย โดยต้องเดินไปเติมเองในบริเวณที่ตั้งไว้ แต่ข้อดีคือเลือกกินได้ทั้ง 3 แบบ ไม่จำกัดว่าจะต้องกินเพียงอย่างเดียว

สิรินเคยมานั่งกินร้านนี้อยู่หลายครั้งเพราะขนมจีนเป็นของโปรดทิวเพื่อนของเขา ต้องโดนมันลากมากินทุกเดือนด้วยซ้ำไป เขากินได้มากสุดก็ 3 จานเท่านั้น แต่ทิวมาทีไรก็ไม่พ้น 5-6 จาน บางทีมองแล้วก็สงสารเจ้าของร้านที่มาเจอคนแบบมัน ตักแต่ละทีน้อยเสียที่ไหนพูนจานทั้งนั้น

พอนึกถึงท่าทีของทิว ภาพนั้นก็ถูกทาบทับด้วยภาพของดำ คิดหวนถึงครั้งก่อนที่กินชาบูเจ้าตัวเล็กของเขาก็กินไม่น้อยเลย ไม่สิมากกว่าทิวที่กินจุที่สุดในบรรดาพวกเขาเสียอีก...แล้ววันนี้ดำจะกินกี่จานกันนะ

หลังพนักงานรับออเดอร์ไปสิรินก็พาดำเดินไปยังบริเวณที่ตั้งชุดขนมจีนที่ให้เลือกตักได้หลายรูปแบบ

กลิ่นหอมของน้ำยาทำให้ดำน้ำลายไหล ก่อนหน้านี้ยังไม่ทันสังเกตอย่างถี่ถ้วนเพราะมัวแต่สนใจบรรยากาศภายในร้าน แต่ตอนนี้ดวงตาดำกลับกลายเป็นรูปขนมจีนไปเสียแล้ว

สิรินอธิบายการเลือกตัดให้กับดำ โดยบริเวณที่ตั้งชุดขนมจีนจะเป็นโต๊ะขนาดใหญ่ ตรงกลางมีน้ำยาวางเรียงรายเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าถึง 8 ชนิด มีน้ำยาแปลกประหลาดหลายอย่างที่ดำไม่เคยเห็น มันเรียกความอยากอาหารของดำเป็นอย่างยิ่ง

รอบนอกถูกทำให้ต่ำกว่าบริเวณตรงกลางเล็กน้อย เพื่อความโดดเด่นของตัวน้ำยาที่ร้านนำเสนอ และยังเพื่อความสะดวกในการตักของลูกค้า มีจานวางไว้ทั้ง 4 มุม และมีถาดวางเส้นขนมจีนยกสูงจนเท่ากับตรงกลางอีก 2 ถาด

ดำมองเส้นที่วางเอาไว้อย่างงุนงง เส้นสีขาวไอ้ดำก็รู้อยู่หรอกว่ามันคือเส้นขนมจีนธรรมดา แล้วเส้นที่มีจุดๆ สีน้ำตาลปะปลายนี่คืออะไรนะ

“คุณสินเส้นขนมจีนอันนี้คืออะไร ไอ้ดำไม่เคยเห็น” ดำอดที่จะทึ่งคนในอนาคตพวกนี้ไม่ได้ แม้แต่ของกินที่ในยุคของเขาก็ยังมีอยู่ แล้วยังสามารถเพิ่มความหลากหลายลงไปได้อีก นับว่าเป็นเรื่องที่น่านับถือย่างยิ่ง

“เส้นข้าวกล้องเป็น ข้าวที่มีคุณค่าทางอาหารสูงสำหรับคนรักสุขภาพ ลองกินดูสิ เส้นข้าวกล้องก็อร่อยนะ” สิรินอธิบาย แต่แววตาดำฉายแววไม่เข้าใจ เขาจึงบอกให้ดำชิมดูแทน

“ครับ ถ้าอย่างนั้นจานแรกไอ้ดำกินเส้นข้าวกล้องดีกว่า” ไอ้ดำตัดสินใจแล้ว สีน้ำตาลอ่อนดูสวยดี แถวเส้นยังมีความหอมละมุนส่งผ่านออกมา ถึงไม่เข้าใจเรื่องคุณค่าทางอาหารอะไรนั่น สำหรับไอ้ดำแค่อร่อยก็พอแล้ว

“แบบนี้แปลว่ามีจานถัดไปสินะ หึหึ”

“ครับ มีแน่นอน ไอ้ดำจะกินให้ครบทุกน้ำยาเลย แต่ละแบบหอมเรียกน้ำลายไอ้ดำสุดๆ เลย ซู้ดดด” พูดเสร็จก็ซู๊ดน้ำลายที่ไหลออกมากลับเข้าปาก เลือกตักขนมจีนที่ทำเป็นก้อนเล็กๆ เท่ากำมือลงในจาน 5 ก้อน แล้วมองผักที่วางเรียงรายเอาไว้รอบๆ ตัวน้ำยาอย่างสนใจ







*************************50%***********************

มาลงต่อตอนดึกจ้า
หัวข้อ: Re: PAY เปย์ข้าด้วยบุฟเฟ่ต์สิ [เปย์ครั้งที่ 7] 22.03.2018
เริ่มหัวข้อโดย: Victor.yuriyurio ที่ 22-03-2018 07:57:33
 :hao5: จะไปกินบุฟเฟ่ขนมจีนที่เดอะมอลตอนห้างเปิด อ่านเรื่องนี้นอกจากความน่ารักของทั้งคู่แล้ว ต้องมาหิวอยากกินนู่นนั่นนี่ตามดำ ตายๆ  :katai1:
หัวข้อ: Re: PAY เปย์ข้าด้วยบุฟเฟ่ต์สิ [เปย์ครั้งที่ 7] 22.03.2018
เริ่มหัวข้อโดย: shiroinu ที่ 22-03-2018 07:59:23
แปะไว้ก่อน อ่านหลังกินข้าวและมาต่อครบ :hao7:
หัวข้อ: Re: PAY เปย์ข้าด้วยบุฟเฟ่ต์สิ [เปย์ครั้งที่ 7] 22.03.2018
เริ่มหัวข้อโดย: Mayana ที่ 22-03-2018 09:51:54
ตอนนี้ทำร้ายกันอย่างแรง ...น้ำลายแตกอยากกินหนมจีนผักเยอะๆ ซะงั้น  :hao5:
หัวข้อ: Re: PAY เปย์ข้าด้วยบุฟเฟ่ต์สิ [เปย์ครั้งที่ 7] 22.03.2018
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 22-03-2018 11:08:25
คุณสินผู้ชายสายเปย์
หัวข้อ: Re: PAY เปย์ข้าด้วยบุฟเฟ่ต์สิ [เปย์ครั้งที่ 7] 22.03.2018
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 22-03-2018 13:04:37
คราวนี้ขนมจีนรึ
หัวข้อ: Re: PAY เปย์ข้าด้วยบุฟเฟ่ต์สิ [เปย์ครั้งที่ 7] 22.03.2018
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 22-03-2018 15:22:48
น้องดำน่ารักจริง ๆ
คุณสินอย่างทิ้งน้องนะ

 :L2: :L2:

หัวข้อ: Re: PAY เปย์ข้าด้วยบุฟเฟ่ต์สิ [เปย์ครั้งที่ 7] 22.03.2018
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 23-03-2018 03:34:42
ขอเดาว่าดำน่าจะกินได้ 5 จาน  :mew4:
หัวข้อ: เปย์ครั้งที่ 7 (ครึ่งหลัง)
เริ่มหัวข้อโดย: GreenHead(หัวเขียว) ที่ 24-03-2018 22:24:30

เปย์ครั้งที่ ๗
[ครึ่งหลัง]

“ผักเยอะมากเลย บางอย่างไอ้ดำก็ไม่รู้จัก แต่มันก็น่าลองชิมสุดๆ เลย ก่อนอื่นเลือกน้ำยาดีกว่า เริ่มจากอะไรดีน้า” หลังจากพูดจบดำก็กวาดสายตาไปยังน้ำยาทั้งแปดชนิด ต้องยอมรับว่าน้ำยามีเยอะมากจริงๆ เพราะไอ้ดำรู้จักแค่ แกงเขียวหวาน น้ำพริก ซาวน้ำ และน้ำยากะทิเท่านั้น ส่วน น้ำยาป่า น้ำเงี้ยว แกงไตปลา กับน้ำยาใต้ไอ้ดำจะค่อยๆ ชิมล่ะ จะได้รู้จักทุกอย่างเล้ย

อย่างแรกที่ตัดสินใจคือเริ่มกินจากของที่ตัวเองรู้จักก่อน แล้วจึงทดลองลิ้มรสของที่มีรสชาติแปลกใหม่ และในบรรดาน้ำยาทั้ง 4 ชนิด แกงเขียวหวานไก่ก็ถูกตาต้องใจดำมากที่สุด ก็ดูสิ ไก่ชื้นใหญ่มาก เนื้อขาวๆ ตัดกับน้ำแกงสีเขียวช่างเย้ายวนใจ เรียกน้ำลายให้ไหลได้ไม่ยากเลย

ซึ่งนอกจากชิ้นไก่ขาวอวบแล้วสิ่งที่สะดุดตาคือฟักหวาน โดยปกติจะนิยมใช้มะเขือเปราะ แต่มันไม่ค่อยเข้ากับขนมจีนสักเท่าไหร่ ไอ้ดำก็เลยชอบกินเป็นกับข้าวมากกว่า แต่พอใส่ฟักหวานลงไปมันก็น่าลิ้มลองไม่น้อย ขอลองชิมหน่อยเถอะ มันจะอร่อยขนาดไหนนะ ไอ้ดำหิวจนจะทนไม่ไหวอยู่แล้ว ซู๊ดดด

ดำอยากกินเนื้อไก่เยอะๆ แต่คิดอีกทีก็เกรงใจว่าคนมาทีหลังจะไม่ได้กิน เพราะติดนิสัยจากที่ต้องแบ่งของกินกับคนอื่นๆ เขาจึงตักขึ้นมาเพียง 2-3 ชิ้น เน้นตัดฟักหวานมากกว่า สิรินเห็นภาพนั้นก็ยิ้มเอ็นดู สายตาที่บ่งบอกว่าอยากฟาดเนื้อไก่ขาวๆ ให้เรียบ แต่กลับตักขึ้นมาเพียงน้อยนิดนั่นช่างติดกันเสียเหลือเกิน

“ตักเท่าที่อยากกินได้เลย ถ้ามันหมด เดี๋ยวพนักงานก็เอามาเติม” สิรินบอกออกไป เพราะกลัวเจ้าตัวเล็กจะนั่งเสียดายทีหลัง นิสัยชอบแบ่งปันก็น่ารักสิน่า แต่เขาชอบเห็นดำยิ้มกว้างแบบเต็มที่มากกว่า

“ไอ้ดำตักได้จริงๆ เหรอครับ” คนตัวเล็กตาวาว จับจ้องใบหน้าของสิรินด้วยความหวัง เพียงเห็นใบหน้านั้นส่งรอยยิ้มอบอุ่นมากให้ กับเสียงตอบรับจากลำคอนั่นดำก็รีบจ้วงตักเนื้อไก่ตามความอยากในทันที

ทั้งเนื้อไก่ ทั้งฟักหวาน ถูกตักจนพูนจาน แทบไม่เหลือพื้นที่ให้วางผักลงในจานแม้แต่น้อย แต่ดำก็ยังก้มหน้าก้มตาเลือกผักอย่างตั้งใจ

ผักชีลาว ใบโหระพา ถั่วฝักยาว แตงกวา กะหล่ำปลี ถั่วงอก หัวปลี มะระ ผังบุ้ง ผักกาดดอง...

เอ ไอ้ดำจะใส่อะไรลงไปดีนะ เลือกยากจัง

หลังคิดอยู่นานดำก็ตัดสินใจใส่ใบโหระพาที่ช่วยเพิ่มความหอมของน้ำแกง ถั่วฝักยาวหันเป็นชิ้นเล็กๆ และผักกาดดอง ดำคิดว่าความเปรี้ยวของมันน่าจะเข้ากับแกงเขียวหวานได้ดี

“กลับไปที่โต๊ะกัน” สิรินตักเสร็จก่อนดำได้สักพัก เพราะเขามีเป้าหมายอยู่ในใจแล้ว ไม่ได้ใช้เวลาเลือกนานเหมือนดำ พอเห็นว่าดำเลือกตักขนมจีนเรียบร้อยแล้วจึงเอ่ยขึ้น พร้อมพาดำเดินกลับไปนั่งที่

จากนั้นก็หยิบแก้วเปล่า ไปตักน้ำ ก่อนจะไปก็ไม่ลืมถามดำว่าอยากกินน้ำอะไร แต่เจ้าหมาก็อาสาจะไปตักให้ และเมื่อตกลงกันไม่ได้เสียที ทั้งคู่จึงเกินไปตักพร้อมๆ กัน

สิรินเปิดกระติกน้ำแข็ง ตักน้ำแข็งหลอดขนาดเล็กลงในแก้วทั้งสองใบยืนให้ดำ

“ขอน้ำเก๊กฮวย” ดำรีบมองป้ายทีเขียนไว้ แต่ด้วยทักษะการอ่านที่อ่อนด้อย ทำให้มันใช้เวลาจับจ้องตัวหนังสือตรงหน้านานมากทีเดียว

“อันนี้” ดำชี้นิ้วไปยังถังใส่น้ำ 1 ใน 3 ถังที่วางอยู่ ก่อนจะหันมามองสิรินด้วยสายตาลุ้นระทึก ไอ้ดำเลือกถูกรึเปล่านะ ต้องถูกล่ะน่าก็อันนี้อ่านว่าเก๊กฮวย เอหรือไอ้ดำจะอ่านผิด โอ๊ย ไม่มั่นใจเลย รู้อย่างนี้ไอ้ดำตั้งใจเรียนมากกว่านี้ก็ดี โธ่ หลวงตาถ้ากลับไปไอ้ดำจะตั้งใจเรียน สำนึกผิดแล้วครับ

“ถูกต้อง” เสียงแผ่วเบาเอ่ยขึ้นหลังจากที่มองสีหน้าที่เปลี่ยนไปมาของดำจนพอใจ ต้องยอมรับว่าเขาอยากจะหัวเราะออกมาดังๆ แต่ต้องเก็บเอาไว้เพราะสถานที่ไม่อำนวย

“เย้ๆ ไอ้ดำเก่ง” ดำเริงร่า ชูแก้วขึ้นเหมือนชูถ้วยรางวัล ดีใจจนอยากกระโดดโลดเต้นไปรอบร้าน

“ครับๆ คนเก่ง” ว่าเสร็จก็ลูบหัวให้รางวัล ส่วนคนรับรางวัลก็ทำท่าล่องลอยไปซะแล้ว

“หึหึ...กดน้ำเสร็จแล้วก็กลับไปที่โต๊ะนะ” สิรินเดินกลับไปที่โต๊ะ ปล่อยให้ดำยืนเหม่อเป็นปลื้มกับความฉลาดของตนอยู่คนเดียว พอเห็นคนตัวสูงเดินไปดำก็ได้สติรีบกดน้ำของสิรินและของตนทันที สิรินเองเมื่อเดินหันหลังก็แอบยิ้มขำกับท่าทางร้อนรนของดำเป็นอย่างยิ่ง...ก็ไปบอกแล้วว่าเจ้าตัวเล็กมันน่าแกล้ง

ในระหว่างที่ดำกำลังกดน้ำใส่แก้วก็มองเห็นถ้วยที่เต็มไปด้วยเนื้อผลไม้สีน้ำตาลวางอยู่ อยากรู้ก็อยากรู้แต่ไม่กล้าหยิบมาลองชิม แต่พอหันซ้ายหันขวาเห็นว่าไม่มีใครสนใจก็รีบหยิบชิ้นเนื้อผลไม้มากินทันที

เนื้อลำไยล่ะ ไอ้ดำนึกว่ามีแค่น้ำนึกเสียดายอยู่เชียวที่แท้ก็มีแยกไว้ให้ตักนี่เอง แถมยังนุ่มชุ่มน้ำสุดๆ ถ้ายิ่งกินกับน้ำลำไยแล้วล่ะก็ต้องเข้ากันมากแน่ๆ

ไม่ว่าเปล่าดำรีบตักเจ้าเนื้อลำไยลงแก้วทันที ถึงอยากตักลงแก้วคุณสินด้วยแต่ก็คิดได้ก่อนว่าแก้วของสิรินคือเก๊กฮวย ใส่ไปมันก็ไม่เข้ากัน สุดท้ายก็ตัดใจแล้วรีบเกินกลับโต๊ะทันที เดี๋ยวให้คุณสินชิมจากแก้วไอ้ดำก็ได้ ไม่มีปัญหา ฮ่าๆ ไอ้ดำนี่ฉลาดจริงๆ ต่อไปต้องได้รางวัลจากคุณสินเยอะๆ แน่เลย

สิรินแปลกใจไม่น้อยที่ดำเดินตามมาช้ากว่าที่คิดไว้ แต่พอมองแก้วที่อัดแน่นไปด้วยเนื้อลำไยเกือบครึ่งแก้วนั่นก็เข้าใจได้ทันที ช้าเพราะตักเนื้อลำไยนี่เอง แต่มันก็ประจวบเหมาะกับเวลาที่เขาสั่งอาหารเพิ่มจากพนักงานเสร็จพอดี

หลังจากนั้นทั้งสองก็ลงมือทาน สิรินเลือกกินซาวน้ำ น้ำยาสีขาวมีรสหวาน แต่กินกับเครื่องเคียงที่ร้านเตรียมไว้ได้อย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็น ขิงอ่อน สับปะรด กระเทียมซอย กุ้งแห้ง ก็ล้วนแล้วแต่สร้างรสสัมผัสที่แตกต่างกัน ยิ่งเพิ่มรสด้วยมะนาวก็จะทำให้รสชาติมีทั้งความหวานของซาวน้ำ ความเปรี้ยวของมะนาว ทั้งยังได้ความเผ็ดจากขิง และรสหวานอมเปรี้ยวจากสับปะรด เรียกได้ว่าเป็นน้ำยาขนมจีนแบบโบราณที่สร้างสรรค์ให้กินได้อย่างหลากหลายรสชาติในจานเดียว เป็นการสร้างสรรค์รสชาติได้อย่างไม่ซ้ำแบบ ทั้งอร่อยและสนุกในการเลือกปรุงรส สิรินยกให้เป็นหนึ่งในของโปรดของเขาเลยทีเดียว

ดำจดจ้องท่าทางที่ยิ้มบางๆ ของสิรินจึงรู้ว่าสิรินชอบซาวน้ำไม่น้อย และดูอร่อยมากทีเดียว ดีล่ะจานต่อไปไอ้ดำจะตักซาวน้ำบ้าง ตกลงกับตัวเองเสร็จสรรพก็จ้วงขนมจีนแกงเขียวหวานแบบพูนจานนั่นเข้าปากในทันที

รสชาติของน้ำกะทิที่ละลายในปากมีทั้งความหวานความมัน เป็นกะทิที่เลือกได้เหมาะสมมากทีเดียว ทั้งเนื้อไก่ยังเป็นแบบไม่มีกระดูกยิ่งกินได้อย่างไม่มีสะดุด ส่วนฟักหวานก็เข้ากับขนมจีนแบบสุดๆ ความนุ่มของเนื้อฟักทั้งยังสามารถซึมซับน้ำแกงได้เป็นอย่างดีนั่นทำให้มันเข้ากับขนมจีนยิ่งกว่ามะเขือเปราะเสียอีก ถูกปากไอ้ดำสุดๆ ไปเลย

ในระหว่างที่กินอยู่นั้นเมนูอาหารที่สิรนสั่งก็ถูกวางลงบนโต๊ะ ไก่ทอดงาสีเหลืองทองที่คลุกเคล้างาขาวก่อนนำไปทอดเป็นเมนูทานเล่นที่ชวนล้ำลายไหลเสียจริงๆ จากนั้นก็ตามมาด้วย ยำปลาดุกฟู และเปาะเปี๊ยะขนมจีนกุ้ง

ดำสนใจอาหารตรงหน้าจนต้องเงยหน้าจากจานขนมจีนที่หมดลงไปแล้วกว่าครึ่งจานมามองของกินตรงหน้า แล้วมองหน้าสิรินด้วยสายตาออดอ้อน ดังจะพูดว่า

ขอไอ้ดำกินด้วยนะครับคุณสิน นะนะ...นะครับ

เห็นแบบนั้นสิรินก็ดึงจานเหล่านั้นมาชิดจานขนมจีนของตน พร้อมมองหน้าดำไปด้วย ใบหน้านิ่งๆ ที่ดำเดาอารมณ์ไม่ได้นั่นทำให้ดำใจเสีย สายตาจึงทั้งออดอ้อน ทั้งตัดพ้อที่สิรินไม่ให้กินด้วย

“ฉันสั่งมาให้ดำกิน เอาสิ หึหึ” ว่าจบคนขี้แกล้งก็ดันจานกลับไปไว้ตรงกลาง แกล้งแค่นี้ก็พอแล้ว เดี๋ยวร้องไห้ขึ้นมาจริงๆ ...ถึงจะชอบสีหน้าหลากหลายรูปแบบของดำ แต่เขาก็ชอบใบหน้ายิ้มแฉ่งนั่นที่สุดแล้ว

“คุณสินนน แกล้งไอ้อีกแล้ว” ปากว่าแต่ส้อมกลับจิ้มลงไปบนไก่ทอดงาที่หมายตาเอาไว้ เคี้ยวไปแก้มปล่องไป ไม่รู้ว่ากำลังงอนหรืออร่อยกับรสชาติของไก่กันแน่

“ตกลงจะงอนหรือจะกิน หือ” สิรินเย้า ดูทำสีหน้าเข้าพิลึกกึกกือไปทุกที...แต่เขาก็ชอบ

“ตอนแรกงอน แต่พอกินแล้วเลิกงอนครับ อร่อยแทน อื้ม เนื้อได้นุ่มจัง อร่อยสุดๆ แถมงายังเพิ่มความมันได้ดี ไอ้ดำชอบ” เชื่อเลยจริงๆ งอนเองหายเองเสร็จสรรพ จะน่ารักก็ให้พอดีหน่อย เจ้าตัวเล็กเอ๊ย

แต่ถึงจะบอกว่าน่ารักขนาดไหนสงครามบนโต๊ะอาหารก็มีบ้าง เมื่อคนขี้แกล้งยังแกล้งไม่หยุด อย่างเช่น

ปึก

ส้อมจิ้มลงไปในจานที่ว่างเปล่า ทั้งที่จ้องมองเปาะเปี๊ยะขนมจีนกุ้งเอาไว้ตั้งแต่ที่เคี้ยวยำปลาดุกฟูอยู่ในปาก พอเงยหน้ามองฝั่งตรงข้าม เปาะเปี๊ยะชิ้นสุดท้ายก็อยู่บนส้อมของสิรินเสียแล้ว

“คุณสินอะ” ดำโอดครวญ นั่นเปาะเปี๊ยะชิ้นสุดท้ายเชียวนะ ไอ้ดำหมายตาไว้ตั้งนานแล้วนะ คุณสินใจร้าย

“ใครเร็วก็ได้ไปไม่รู้เหรอ หืม” ปากดำอ้าพะงาบๆ เถียงไม่ออก รู้อย่างนี้ไอ้ดำตักมาใส่จานไว้แต่แรกก็ดี

“อ้าปากสิ” แต่พอเห็นคนตัวเล็กทำหน้าหงอยสิรินก็ยอมแพ้ยื่นของกินให้ถึงปากเลยทีเดียว

“อ้า” ยิ่งดำอ้าปากรอเหมือนเด็กๆ รอกินข้าว ใจของเขายิ่งอ่อนยวบ จัดการสั่งเพิ่มแล้วป้อนดำทีละชิ้นๆ ทันที

สุดท้ายดำก็กินเปาะเปี๊ยะขนมจีนกุ้งไปถึง 5 จานอย่างอิ่มหนำสำราญ และขนมจีนอีก 6 จาน แบบพูนจนแทบล้น ครบทุกน้ำยาตามที่ตั้งเป้าไว้ พุงเล็กๆ นั่นก็ปล่องออกมานอกเสื้อจนสังเกตได้ แต่ก็ยังไม่น่าเชื่ออยู่ดีว่าดำยัดลงไปได้อย่างไร ตกลงกระเพาะนั่นเป็นหลุมดำสินะ

สิรินเองกินไปได้แค่ 2 จาน เท่านั้น เพราะเขากินของทานเล่นในระหว่างที่รอดำกิน จำนวนขนมจีนจึงลดเช่นนี้เอง โดยปกติใครๆ ก็คงไม่ต่างจากสิริน แต่ดูแล้วคงเว้นดำไว้หนึ่งคน เพราะดูเหมือนว่าจะทฤษฎีแบบไหนก็วัดขนาดกระเพาะของดำไม่ได้...

หลังจากอิ่มหนำสำราญกับขนมจีนเรียบร้อย สิรินก็พาดำกลับห้องพัก แต่เพราะรถติดกว่าที่คิดเอาไว้ เขาจึงต้องขับลัดเลาะตามซอยเพื่อหลบเลี่ยงรถติดบนท้องถนน แม้จะอ้อมไปบ้างแต่ถึงก่อนเสี่ยงไปติดแหง็กบนทางด่วน หรือถนนสายตรงแน่นอน

ดำมองทางที่ไม่คุ้นเคยแต่ความรู้สึกบางอย่างกลับตีตื้นขึ้นมาในอก จากความไม่คุ้นเคยแปรเปลี่ยนเป็นความคุ้นเคยอย่างน่าแปลกประหลาด เหมือนมีเสียงบางอย่างบอกให้เขาตรงไปทางนั้น ตรงไปทางที่สิรินกำลังมุ่งไป หัวใจลุ้นระทึกอย่างไร้สาเหตุ มันเต้นแรงจนเขาแทบขาดใจ

อีกนิด ตรงไป ตรงนั้น จะถึงแล้ว ข้างหน้านั่น!

“คุณสินหยุดรถ”

เอี๊ยดดดด

สิรินหยุดรถทันทีที่ดำบอกพร้อมที่หันไปเหมือนจะพยายามปลดเข็มขัดนิรภัยออกไป ยังดีที่เขาขับในเขตชุมชนทำให้การหยุดรถไม่ได้รุนแรงมากนัก ดำจึงเพียงตัวโยกมาด้านหน้าเล็กน้อย ไม่ได้หัวโขกเข้ากับรถแต่อย่างใด ไม่เช่นนั้นแล้วคนตัวเล็กคงบาดเจ็บไม่น้อย

“คุ-คุณสิน คุณสิน เปิดประตู เปิดประตูให้ไอ้ดำ! ” ดำร้อนรน เพราะประตูเป็นล็อกแบบไฟฟ้าทำให้ไม่อาจเปิดประตูออกไปได้

“ดำ ดำเป็นไร” สิรินเริ่มห่วงหนัก เพราะเหมือนดำคุยไม่รู้เรื่อง คนตัวเล็กเพียงทุบกระจก และพยายามผลักประตูรถเท่านั้น ไม่ได้หันมาสนใจหรือฟังเขาแม้แต่น้อย

“คุณสิน คุณสิน ได้โปรดให้ไอ้ดำลงไป นะ ขอร้องล่ะ คุณสิน” ดำยังคงโวยวาย ความสนใจทั้งหมดพุ่งไปยังด้านนอก ความรู้สึกที่ตีตื้นในใจสั่งให้มันรีบลงไปโดยเร็ว ข้างหน้านั่นจะถึงแล้ว วิ่งไปตรงนั้น

สิรินเห็นท่าทางเช่นนั้นก็ตัดสินใจเปิดประตูรถก่อนจะวิ่งตามดำลงไป เพราะพอเขาเปิดประตูดำก็วิ่งเข้าไปในวัด ใช่แล้วตอนนี้พวกเขาอยู่หน้าวัดแห่งหนึ่ง ดำวิ่งเข้าไปด้านในโดยไม่หันมองรอบข้าง สิรินคิดว่าอาจจะเกี่ยวกับเรื่องที่ดำทะลุมิติมา

จะผิดหรือไม่นะถ้าผมจะบอกว่า...ขออย่าให้ดำกลับไปเลย

ความคิดที่เห็นแก่ตัวนี้เขาจะให้ดำรู้ไม่ได้เด็ดขาด เขาช่างเป็นผู้ชายที่ใจร้ายจริงๆ ใจร้ายจนถึงขั้นอยากจะกักขังดำเอาไว้ให้เป็นของเขาแต่เพียงผู้เดียว...

ดำวิ่ง วิ่งตรงไปด้านหน้าไม่หยุด ภาพวัดยามเย็นที่ทอแสงอาทิตย์อ่อนๆ แปรเปลี่ยนเป็นวัดขนาดเล็กที่ทำจากไม้ ภาพวัดที่ดำเคยอาศัยอยู่ซ้อนทับกับภาพอันวิจิตรงดงามตรงหน้า จนในที่สุดเขาก็หยุดวิ่ง มองสังเกตรอบกายจนในที่สุดภาพวัดเก่าๆ ก็ซ้อนทับกันอย่างสมบูรณ์

“ดำ ไอ้ดำเอ๊ย ชีวิตเอ็งช่างสั้นนัก” ชายชราในชุดสีเหลืองปรากฏขึ้นด้านหน้าของดำ ใบหน้าที่แฝงไปด้วยความใจดีนั่นดูปลงจากสิ่งที่เกิดขึ้น

“หลวงตา” ดำมองภาพตรงหน้านั้นก่อนจะคุกเข่าลงยกมือไหว้หลวงตาที่เขาคุ้นเคย เสียงอันแผ่วเบาเอ่ยขึ้นด้วยความตื่นตะลึง

“เป็นอย่างไรอยู่ทางนั้นสุขสบายดีไหม”

“สบายดีครับ คุณสินดีกับไอ้ดำมาก ไอ้ดำไม่เคยมีความสุขขนาดนี้มาก่อน เพื่อนๆ ของคุณสินก็ใจดี...แต่ก็มีคนนิสัยไม่ดีอยากทำร้ายคุณสิน ไอ้ดำจะจัดการคนพวกนั้นให้หมดเลย! ” ได้ทีก็ฟ้องเสียหน่อย ไอ้ดำไม่ได้คุยกับหลวงตามานานมากแล้ว คิดถึงจัง

“ดีๆ ชีวิตของเอ็งได้เริ่มต้นใหม่เพราะโยมสิน จงใช้ชีวิตเพื่อชายคนนั้นซะเถอะ” หลวงตาเอ่ยเป็นความนัย จนดำไม่อาจเข้าใจได้

“หลวงตาหมายความว่าอย่างไร ไอ้ดำไม่เข้าใจ...ไอ้ดำจะไม่ได้กลับไปแล้วเหรอ” ดำกระวนกระวายรีบถาม เมื่อร่างของหลวงตาค่อยๆ เลือนหาย

“ปั๊ดโถ่ ยังอยากกลับมาอีกหรือ เด็กดื้อๆ อย่างเอ็งอยู่ข้างชายคนนั้นดีที่สุดแล้ว ทางนั้นต้องการเอ็งมากกว่าทางนี้ จงจำเอาไว้” ว่าจบร่างของหลวงตาก็หายไปจนหมดสิ้น ภาพวัดเก่าก็หายไปเช่นเดียวกัน ทุกสิ่งล้วนกลับคืนสู่สภาพเดิม

“หลวงตาเดี๋ยว เดี๋ยวหลวงตา...ไอ้ดำคิดถึง” ดำวิ่งตามภาพเหล่านั้น พยายามคว้าเอาไว้แต่ก็คว้าได้เพียงอากาศเท่านั้น ไอ้ดำไม่เข้าใจ แค่คิดว่าจะไม่ได้เจอหลวงตาที่เป็นเหมือนพ่อแล้วไอ้ดำก็เจ็บที่หัวใจ

“ดำ” สิรินเรียกคนตัวเล็กจากด้านหลัง เขาวิ่งตามมาทันแล้ว แต่ก็เห็นเพียงตอนที่ดำลุกขึ้นแล้วเรียกหลวงตาเท่านั้น

ร่างนั้นหันกลับมาตามเสียงเรียก น้ำตาไหลอาบแก้มทั้งสองข้าง ดวงตาก็เต็มไปด้วยความเจ็บปวด

“คุณสิน คุณสิน ไอ้ดำจะไม่ได้เจอหลวงตาแล้ว ฮึก ฮือ” ดำเริ่มร้องไห้เหมือนเด็กตัวเล็กๆ เขาไม่ได้กลั้นเสียงร้องไห้ ปล่อยอารมณ์ความรู้สึกทั้งหมดออกมาเท่านั้น

สิรินแทบใจสลาย เขาไม่ชอบเลย ไม่ชอบให้ดำมีสีหน้าแบบนี้ ไม่ชอบที่ดำต้องเสียน้ำตา ไม่ชอบที่รอยยิ้มจางหายจากใบหน้าเช่นนี้แม้แต่น้อย

ร่างสูงรีบก้าวเท่าเข้าไปหา ก่อนจะดึงร่างเล็กๆ ที่กำลังสั่นเทานั่นมากอดเอาไว้ กระชับอ้อมแขนถ่ายทอดความห่วงหาไปให้อย่างเต็มกำลัง ลูบหัวลูบหลังปลอบโยนอย่างไม่อายสายตาใคร หวังเพียงให้ใบหน้ายิ้มแฉ่งกลับมาเท่านั้น

“ฉันอยู่ตรงนี้ อยู่ข้างๆ ดำ อย่างร้องไปเลยนะ ฉันขอร้อง”




โปรดติดตามตอนต่อไป...

***********************

มาแล้วค้าา รอนานเลยนะคะ 

กรีนมัวไปกินขนมจีนอยู่เลยมาช้า 55

ล้อเล่นค่ะ กรีนไม่สบายมั้งคิดว่าน่าจะใช่ค่ะ

ไม่แน่ใจว่าตัวเองเป็นอะไร ร่างกายเพลียมาก 

ตื่นมาก็ปวดหัว จี๊ดๆ สมองเบลอสุดๆ พอเลิกงานกลับห้องก็หลับเป็นตาย

ช่วงนี้คิดว่าร่างกายค่อนข้างแย่ค่ะ แต่ก็คิดว่าน่าจะไม่ใช่ไม่สบาย

งง ตัวเองเบาๆ เอาเป็นว่า  จะพยายามอัพบ่อยๆนะคะ

ขอโทษด้วยที่บางทีหายไป ด้วยเพราะมีธุระเยอะแยะมากมายเหลือเกิน

แต่จะอัพจนจบแน่นอนค่ะ  ไม่ต้องห่วง

เจอกันตอนหน้าจ้า
หัวข้อ: Re: = P A Y = เปย์ข้าด้วยบุฟเฟ่ต์สิ [เปย์ครั้งที่ 7] 24.03.2018
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 24-03-2018 23:24:12
รอตอนต่อไปจ้ะ
หัวข้อ: Re: = P A Y = เปย์ข้าด้วยบุฟเฟ่ต์สิ [เปย์ครั้งที่ 7] 24.03.2018
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 25-03-2018 01:17:49
แบบนี้แสดงว่าดำจะไม่ได้กลับใช่ไหมคะ ดีใจ กลัวดราม่าเหลือเกิน อ่านแล้วอยากกินขนมจีนด้วยเลยค่ะ หิวมาก

ปล.เจอคำผิดค่ะ แก้มปล่อง เป็น แก้มป่อง นะคะ
หัวข้อ: Re: = P A Y = เปย์ข้าด้วยบุฟเฟ่ต์สิ [เปย์ครั้งที่ 7] 24.03.2018
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 25-03-2018 01:39:40
หลวงตารู้เห็นอะไรบ้างเจ้าคะ กระซิบบอกหน่อยเถอะเจ้าคะ  :m5:
หัวข้อ: Re: = P A Y = เปย์ข้าด้วยบุฟเฟ่ต์สิ [เปย์ครั้งที่ 7] 24.03.2018
เริ่มหัวข้อโดย: Mayana ที่ 25-03-2018 11:55:16
เริ่มจากกินจนพุงป่อง จบด้วยน้ำตาไหลพราก..น้องดำของคุณสิน น่าสงสาร  :hao5:
หัวข้อ: Re: = P A Y = เปย์ข้าด้วยบุฟเฟ่ต์สิ [เปย์ครั้งที่ 7] 24.03.2018
เริ่มหัวข้อโดย: shiroinu ที่ 25-03-2018 23:37:27
แนะนำให้คนเขียนไปพบคุณหมอนะคะ เพื่อนเราก็พึ่งเป็นโรคSLE แต่นางไม่เอะใจอะไรเลย ล่าสุดแค่ลุกนั่งยังลำบากมาก โรคเดี้ยวนี้ไม่ค่อยออกอาการแต่พอทรุดปุ๊ปแย่เลยค่ะ เรื่องสุขภาพอย่ามองข้ามค่ะ ดูแลรักษาตัวเองดีๆนะคะ คนอ่านเป็นห่วง
หัวข้อ: Re: = P A Y = เปย์ข้าด้วยบุฟเฟ่ต์สิ [เปย์ครั้งที่ 7] 24.03.2018
เริ่มหัวข้อโดย: Victor.yuriyurio ที่ 01-04-2018 23:58:28
 :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: ค้างงงงงงงงง ไรท์สู้ๆ ไรท์กอดๆ สนุกมากเลย มีปมมาแล้วหน่วงหัวใจ :hao5:
หัวข้อ: Re: = P A Y = เปย์ข้าด้วยบุฟเฟ่ต์สิ [เปย์ครั้งที่ 7] 24.03.2018
เริ่มหัวข้อโดย: plugie ที่ 03-04-2018 00:11:01
หิวมากบอกเลยTT
น้องดำน่ารักมาก จะกินอะไรก็ดูน่าเอ็นดูไปหมด
หัวข้อ: Re: = P A Y = เปย์ข้าด้วยบุฟเฟ่ต์สิ [เปย์ครั้งที่ 7] 24.03.2018
เริ่มหัวข้อโดย: mu_mam555 ที่ 03-04-2018 17:07:36
เป็นนิยายที่อ่านแล้วหิวมากค่ะ 5555
มาลุ้นตอนต่อไปว่าดำจะชวนไปกิรอะไรอีก
หัวข้อ: Re: = P A Y = เปย์ข้าด้วยบุฟเฟ่ต์สิ [เปย์ครั้งที่ 7] 24.03.2018
เริ่มหัวข้อโดย: tn ที่ 03-04-2018 18:44:11
ในตู้มีแค่ไข่กับหมูหมัก หึหึ หมูหมักค่ะมื้อนี้
หัวข้อ: Re: = P A Y = เปย์ข้าด้วยบุฟเฟ่ต์สิ [เปย์ครั้งที่ 7] 24.03.2018
เริ่มหัวข้อโดย: yokalive ที่ 05-04-2018 07:05:36
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: เปย์ครั้งที่ 8
เริ่มหัวข้อโดย: GreenHead(หัวเขียว) ที่ 05-04-2018 07:17:43
เปย์ครั้งที่ ๘

ไว้เนื้อเชื่อใจ

‘เป็นที่เชื่อใจ เป็นที่ไว้วางใจให้ทำสิ่งสำคัญแทนได้’


“หือ ตื่นแล้วเหรอเจ้าตัวเล็ก” คนที่นั่งกอดเข่าบนเตียงรู้สึกตัว มองสิรินที่เดินออกมาจากห้องทำงานด้วยสายตาเศร้าสร้อย ในแววตานั้นยังคงมีความเสียใจเจือจางอยู่ หลังจากกลับมาดำก็หลับตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่ทราบด้วยเพราะร้องไห้มาหลายชั่วโมง ดวงตากลมโตดวงนั้นจึงบวมช้ำจนน่าสงสาร

“คุณสิน...ไอ้ดำคิดถึงหลวงตา...ไอ้ดำจะไม่ได้เจอหลวงตาอีกแล้ว ฮึก” พูดจบหยดน้ำสีใสก็ไหลรินอีกรอบ เวลานี้ดำดูอ่อนแอเป็นอย่างยิ่ง ไม่เหลือเคล้าโครงนักเลงหัวดื้อแม้แต่น้อย สิรินมองภาพนั้นแล้วใจหาย เข้าทั้งสงสาร ทั้งเสียใจที่ดำต้องร้องไห้เช่นนี้ แต่ความรู้สึกในส่วนลึกยังคงเห็นแก่ตัว...เข้าไม่อยากให้ดำกลับไป!

“ดำ...ถึงจะไม่ได้เจอหลวงตาแล้ว แต่ฉันจะอยู่เคียงข้างดำเองนะ” อ้อมกอดอบอุ่นของคนตัวโตช่วยพยุงจิตใจที่กำลังพังทลายของดำ เขากอดตอบความอบอุ่นนั้น ซุกหน้าพิงซบกับอกกว้าง กอดกระชับแขนแน่นดังกลัวว่าความอบอุ่นตรงหน้าจะหายไปอีกคน

“ไอ้ดำไม่มีพ่อ ไม่มีแม่ มีแต่หลวงตาที่เลี้ยงดูมาตั้งแต่เด็ก ฮึก ไอ้ดำ รัก รักหลวงตาเหมือนพ่อ ไอ้ดำไม่ชอบเลยถ้าหลวงตาหายไป คุณสิน...ไอ้ดำกลัวถ้าหลวงตาหายไปแบบนี้ ฮึก แล้วคุณสินจะไม่หายไปด้วยใช่ไหม ไอ้ดำคงไม่ทะลุมิติไปที่อื่นแล้วใช่ไหม อย่าหายไปนะครับ ฮือออ” ตัวสั่นระริกกับคำพูดแสนน่าเอ็นดูนั่นทำให้สิรินอดไม่ได้ที่จะหัวใจพองโต เขารู้สึกอิจฉานิดๆ ที่ดำซึมเพราะไม่ได้เจอหลวงตา เขาช่างเป็นผู้ชายที่ใจแคบเสียจริงๆ เวลานี้เมื่อได้ยินว่าดำกังวลเรื่องของเขาด้วยจึงยินดีเสียจนต้องยกยิ้มมุมปาก

“ฉันไม่ยอมให้ดำหายไปหรอก...ไม่มีทาง” สิรินให้คำมั่น ไม่เพียงดำที่ไม่อยากให้เขาหายไป ตัวสิรินเองก็ไม่ยอมสูญเสียดำไปด้วยเช่นเดียวกัน

“ไอ้ดำกลัว การสูญเสียสิ่งสำคัญทำให้เจ็บปวด ไอ้ดำพึ่งเข้าใจวันนี้เอง คุณสินเคยเป็นเหมือนไอ้ดำไหม” เสียงร้องไห้เงียบลง เหลือไว้เพียงเสียสะอื้นแผ่วเบา ยิ่งดำได้กอดซบความอบอุ่นนี้เขาก็ยิ่งอุ่นใจ เหมือนได้รับคนสำคัญเข้ามาในชีวิตอีกหนึ่งคน แล้วเฝ้าบอกตัวเองว่าจะไม่ทำให้คนคนนี้หายไปอย่างเด็ดขาด

หลวงตาบอกว่าคุณสินต้องการไอ้ดำมากกว่า แปลว่าถ้าไอ้ดำกลับคุณสินก็จะเสียใจมากสินะ

ดำคิดเรื่องนี้มาสักพัก ในตอนแรกเอาแต่เสียใจที่ไม่ได้เจอหลวง แต่เมื่อใจเย็นลงถึงได้นำประโยคเหล่านั้นมาครุ่นคิดถึงได้รู้เรื่องสำคัญ และตระหนักได้เองว่าหายเขากลับไปก็จะไม่ได้เจอคุณสินอีก แต่หลวงตานั้นดำคิดว่าหากกลับไปที่วัดทำนบเขาอาจจะสามารถพบหลวงตาได้อีกก็เป็นได้

ดังนั้นแล้วคนที่เขาจะไม่มีโอกาสได้เจออีกก็มีเพียงแค่คุณสิน ถึงแม้หากกลับไปได้แล้ว ใครเล่าจะยืนยันได้ว่าถ้ากระโดดลงคลองแสนแสบแล้วจะได้พบคุณสินอีก ถึงดำจะโง่เขลาแต่ก็รับรู้ได้ดีว่าโอกาสที่จะไม่ได้เจอคุณสินมีมากกว่า

แล้วคุณสินล่ะ อยากให้ไอ้ดำอยู่ด้วยไหม ไอ้ดำจะไม่กลายเป็นภาระใช่หรือเปล่า

และคำตอบของสิรินคือไม่ยอมให้เขาหายไป หัวใจดำอบอุ่น เขาดีใจที่สิรินต้องการ สิ่งที่เขาอยากทำเพื่อสิรินมีมากมาย ทั้งยังสัญญาไว้แล้วว่าจะปกป้อง และคอยอยู่เคียงข้าง ทั้งคำพูดของหลวงตายังย้ำลึก ทางนี้ต้องการเขามากกว่า ดำจึงยอมตัดใจที่จะไม่กลับไป

ถึงเป็นเช่นนั้นใช่ว่าความโศกเศร้าจะหายไปได้ง่ายๆ หัวใจมนุษย์อ่อนแอกว่าที่คิดเอาไว้มากมายนัก ดังนั้นสิ่งที่เขาต้องการคือความอบอุ่นของคนตรงหน้า ดำเชื่อว่าหากได้รับแล้วไม่นานเขาก็จะทำใจยอมรับทุกสิ่งได้อย่างสนิทใจ

“เคยสิ” เสียงราบเรียบแฝงความเศร้านั้นทำให้ดำหูผึ่ง เขาเงยหน้าขึ้นมองคนตัวโตที่มองเห็นได้แค่ปลายคาง ไม่รู้เลยว่าตอนนี้สิรินทำสีหน้าเช่นไร แต่ดำก็สัมผัสได้ว่าความเสียใจของคุณสินยังคงอยู่

“แม่ตายไปตั้งแต่ฉันเกิด แต่ก็ไม่ได้รู้สึกเศร้าสักเท่าไหร่เพราะพ่อทำทุกอย่างให้ดีพร้อม ท่านสามารถเป็นได้ทั้งพ่อและแม่ให้ความรักอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง เป็นคุณพ่อที่ฉันรักมาก ไม่รู้สึกเลยว่าตัวเองขาดความอบอุ่น เป็นพ่อที่ดีมากๆ เลยล่ะ” ดำไม่เข้าใจในน้ำเสียงที่อบอุ่นอันแสนภาคภูมิใจในตัวของพ่อนั้นมีความเศร้าเจืออยู่ ถ้ามีพ่อที่ดีขนาดนั้น ทำไมคุณสินถึงเศร้ากันนะ ดำไม่เข้าใจแม้แต่น้อย

“แล้วตอนนี้พ่อของคุณสินอยู่ไหนเหรอ ไอ้ดำไม่เคยเจอ” ไม่รู้อะไรดลใจจนดำอดที่จะแทรกขึ้นไม่ได้ เขาอยากรู้ว่าพ่อที่ทำให้สิรินทั้งสุขและทุกข์นั้นเป็นคนเช่นไร

“บนนั้น” ดำมองตามนิ้วยาวเรียวที่ชี้ขึ้นด้านบน คิดเพียงชั่วครู่ก็เข้าใจ พ่อของคุณสินตายแล้ว!

“พ่อเสียชีวิตตั้งแต่ฉันอายุ 12” ถ้อยคำย้ำเตือนทำให้ดำกอดกระชับร่างกายของคนตรงหน้าแน่นขึ้นอีก หวังส่งถ่ายความเข้าใจและความอบอุ่นไปให้บ้าง เพราะดำไม่เคยเจอหน้าพ่อกับแม่ทำให้เขาไม่เข้าใจ แต่เมื่อได้มองครอบครัวของคนอื่น เขาก็คิดอิจฉาอยากจะมีบ้างอยู่บ่อยครั้ง ตอนนี้พอรู้ว่าสิรินสูญเสียครอบครัวไปตั้งแต่เด็ก ทั้งยังเด็กกว่าเขาเสียอีก จึงรู้สึกเสียใจไปด้วย

มันคงไม่ต่างจากการที่ไอ้ดำไม่ได้เจอหลวงตาแล้ว เพราะเพียงคิดว่าจะไม่ได้ยินเสียงดุด่า ไม่ได้ยินคำสอนสั่งนั่นอีกต่อไปแล้วก็รู้สึกเจ็บที่หัวใจมากๆ เลย



++++++++++++++++ 20% ++++++++++++++++



มาแล้วค่ะ แต่มาน้อยนิด งื้ออ

อย่างที่แจ้งในเพจว่ากรีนพบข้อผิดพลาดในตอนนี้ทำให้ต้องแก้ใหม่ทั้งตอน

ทำให้ต้องคิดหนักเพราะมันต้องลงตัวกับตอนต่อไปไปด้วย

เมื่อวานกลับมาแก้ก็ยังไม่เสร็จดี เพราะกรีนเลิกงานดึก วันนี้ก็ออกแต่เช้าอีก

กลัวทุกคนรอนานก็เลยเอาส่วนที่ไม่จำเป็นต้องแก้มาให้อ่านก่อนนะคะ

ขอโทษอีกครั้งน้า กรีนจะพยายามลงส่วนที่เหลือให้เร็วที่สุดค่ะ

แล้วเจอกันจ้า
หัวข้อ: Re: = P A Y = เปย์ข้าด้วยบุฟเฟ่ต์สิ [เปย์ครั้งที่ 8] >20%< 05.04.2018
เริ่มหัวข้อโดย: kokoro ที่ 05-04-2018 11:18:18
น้องดำน่ารักมากๆ
เป็นเด็กซื่อๆแต่ไม่ได้ยอมคนนะ
พี่สินควรมีน้องดำเป็นความสดใสให้แก่ชีวิตจริงๆ
หัวข้อ: Re: = P A Y = เปย์ข้าด้วยบุฟเฟ่ต์สิ [เปย์ครั้งที่ 8] >20%< 05.04.2018
เริ่มหัวข้อโดย: Readyaoi ที่ 05-04-2018 14:04:51
คนเขียนสู้ๆน้า
หัวข้อ: Re: = P A Y = เปย์ข้าด้วยบุฟเฟ่ต์สิ [เปย์ครั้งที่ 8] >20%< 05.04.2018
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 05-04-2018 14:35:30
สู้ๆนะคะไรท์
หัวข้อ: Re: = P A Y = เปย์ข้าด้วยบุฟเฟ่ต์สิ [เปย์ครั้งที่ 8] >20%< 05.04.2018
เริ่มหัวข้อโดย: Blue ที่ 05-04-2018 16:04:49
 :pig4:
หัวข้อ: Re: = P A Y = เปย์ข้าด้วยบุฟเฟ่ต์สิ [เปย์ครั้งที่ 8] >20%< 05.04.2018
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 05-04-2018 22:28:08
สู้ ๆ นะหลานคนแต่ง.  :กอด1:
หัวข้อ: Re: = P A Y = เปย์ข้าด้วยบุฟเฟ่ต์สิ [เปย์ครั้งที่ 8] >20%< 05.04.2018
เริ่มหัวข้อโดย: Victor.yuriyurio ที่ 06-04-2018 02:20:38
 :กอด1: ไรท์สู้ๆ กอดๆ อยากจะกระทืบบวกเป็ดให้ทุกตอน :z3: แต่กดได้แค่หนึ่งครั้งต่อต่อเองเสียใจ :hao5: นิยายเรื่องนี้ดีต่อใจ o13
หัวข้อ: Re: = P A Y = เปย์ข้าด้วยบุฟเฟ่ต์สิ [เปย์ครั้งที่ 8] >20%< 05.04.2018
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 06-04-2018 12:16:09
เพิ่งเข้ามาอ่าน สนุกดี
จับผิดหน่อยนึง ตรงที่สินจะพาดำไปทำเอกสารตัวตน ให้มาร์โก้รับเป็นลูก
ดำไม่มีเอกสาร ทำพาสปอร์ต วีซ่า จะพาไปยังไง
หัวข้อ: แจ้งข่าว
เริ่มหัวข้อโดย: GreenHead(หัวเขียว) ที่ 07-04-2018 07:21:50
สวัสดีค่ะ หลังจากเงียบหายไป กรีนมาแจ้งข่าวอีกครั้งนะคะ

สรุปได้ว่านิยายทั้ง 2 เรื่อง กรีนจะลงอีกครั้งวันที่  9 ค่ะ รอให้จบงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติที่ศูนย์ฯสิริกิตก่อน เพราะตอนนี้กรีนเป็นหนึ่งในพนักงานที่ต้องไปขายหนังสือ ทำให้ต้องตื่นเช้าและกลับดึกกว่าเวลาที่ไปทำงานปกติ

ไม่สามารถหาเวลาจับคอมฯแต่งนิยายได้เลย ต้องขอโทษจริงๆนะคะ เลื่อนมายาวจะครบเดือนอยู่แล้ว จบงานแล้วกรีนจะรีบกลับมาแต่งต่อค่ะ

ขอโทษจริงๆนะคะ

#กรีน
หัวข้อ: Re: = P A Y = เปย์ข้าด้วยบุฟเฟ่ต์สิ [เปย์ครั้งที่ 8] >20%< 05.04.2018
เริ่มหัวข้อโดย: mybear_sr ที่ 07-04-2018 11:10:41
อ่านแล้วอยากเป็นคุณสินเพราะจะได้พาดำไปกินของอร่อยแล้วนั่งมองเจ้าเด็กตะกละ
และก็อยากเป็นดำด้วยจะได้มีคนเลี้ยงของอร่อยแบบไม่อั้น!
5555555555555ไม่อยากให้มีดราม่าเลยค่ะ แค่นึกภาพเจ้าดำน้ำตาคลอก็ใจบางแล้ว :mew2:
หัวข้อ: เปย์ครั้งที่ 8 ครึ่งหลัง
เริ่มหัวข้อโดย: GreenHead(หัวเขียว) ที่ 13-04-2018 22:57:03
>>ต่อ<<

เปย์ครั้งที่ 8 ครึ่งหลัง

มือหนาลูบผมนุ่มนิ่มของดำ เขารับรู้ได้ถึงความห่วงใยที่ถ่ายทอดมา ยอมก้มหน้าลงสบตากับคนตัวเล็กในอ้อมกอดเสียโดยดี กลัวว่าถ้าไม่ยอมมอง ดำจะเป็นกังวลมากกว่านี้ เขาต้องทำให้ดำสบายใจ ไม่ใช่มอบความเศร้าไปเพิ่มเติมเช่นนี้

ดวงตาถ่ายทอดความอบอุ่น ความเสียใจเลือนหายไปเมื่อมองสบกับคนตัวเล็ก ดำใจเต้นกับสายตาที่เต็มไปด้วยความเอ็นดูนั้นดังถูกมนตร์สะกดจนไม่อาจละสายตาไปจากรอยยิ้มบางๆ แสนอบอุ่นนั้นได้

“อย่ากังวลไปเลย ถึงพ่อจะจากไปแล้ว และฉันก็เศร้าเสียใจ แต่ก็ยังคงมีคนคอยอยู่เคียงข้างในวันที่ฉันไม่เหลือใคร คนคนนั้นรักและเอาใจใส่ ดูแลฉันเหมือนลูกแท้ๆ คอยช่วยเหลือทุกอย่าง เปรียบเสมือนพ่อของฉันอีกคนเลยล่ะ...ดำจะให้ฉันเป็นคนคนนั้นได้หรือเปล่า

เพียงแต่ฉันไม่คิดจะเป็นพ่อหรอกนะ” ต้องเป็นคนรักต่างหาก

สิรินต่อประโยคในใจ เขายังไม่อยากให้เจ้าหมาน้อยตื่นกลัวในตอนนี้ แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่านั่นคือความปรารถนาที่อยู่ในใจ

“สูด! คุณสิน เป็นลูกพี่ของไอ้ดำ ไอ้ดำต่างหากที่ขออยู่ข้างคุณสิน และขอให้คุณสินเป็นคนสำคัญ อย่าทิ้งไอ้ดำนะครับ” ดำสูดน้ำมูก เช็ดน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม พยายามเข้มแข็งด้วยหัวใจที่พองโตเมื่อสิรินขออยู่ข้างๆ เขาในวันที่ไม่เหลือใคร คุณสินให้ความสำคัญกับไอ้ดำขนาดนี้แล้วจะมั่วเศร้าใจอยู่ได้อย่างไร

ไอ้ดำต้องเข้มแข็ง เพื่อทำตามคำมั่นสัญญาว่าจะปกป้องคุณสินสิ จะมัวอ่อนแอแบบนี้ไม่ได้เด็ดขาด

“ฉันบอกไปแล้วว่าจะไม่ปล่อยให้ดำหายไป เพราะอย่างนั้นอย่าฝันเลยว่าจะได้ห่างจากฉันไปไหนได้ หึหึ” ดวงตาคนตัวโตวาววับ รอยยิ้มเจ้าเล่ห์จุดขึ้นที่มุมปาก ดำขอให้เขาเป็นคนสำคัญ เรื่องดีขนาดนี้ใครจะปฏิเสธได้ ต้องเป็นฝ่ายนั้นต่างหากที่ต้องเตรียมใจรับความรู้สึกของเขา

“ได้เล้ย! ไอ้ดำจะอยู่ใกล้ๆ คุณสินเอง” ดำไม่เข้าใจรอยยิ้มแบบนั้นแต่หน้ากลับแดงก่ำ และหัวใจก็เต้นแรง พาให้ขวยเขินอย่างไม่ทราบสาเหตุ แต่ก็ทำใจกล้ารับปากออกไปด้วยเสียงอันดังก้อง จนคนตรงหน้ายิ้มกว้างอย่างพึงพอใจ ดำจึงต้องเสตาหลบสายตาวาววับดวงนั้น

คุณสินทำอะไรไอ้ดำนะ ทำไมทั้งรู้สึกอบอุ่น ทั้งยังรู้สึกเสียวสันหลังแปลกๆ ไอ้ดำรับปากไปแบบนี้ดีแล้วใช่ไหม

ดำกลืนน้ำลายลงคอ ทั้งที่ใบหน้ายังแดงก่ำ ไม่กล้าสบใบหน้าหล่อเหล่าของคนที่กำลังยิ้มกว้างอย่างที่ไม่เคยคิดให้ใครเห็นมาก่อน เขาไม่กล้าแม้แต่ขยับตัว ไม่เข้าใจเลยสักนิดว่าเหตุใดบรรยากาศที่อบอวลด้วยความเศร้าจึงแปรเปลี่ยนเป็นบรรยากาศแสนแปลกประหลาดเช่นนี้

กริ๊ง!

เสียงออดช่วยชีวิต ดำหลุดออกจากบรรยากาศชวนทำตัวไม่ถูกอย่างรวดเร็ว รีบบอกสิรินอย่างตะกุกตะกักว่าจะออกไปเปิดประตูโดยไม่รอคำค้านของอีกคนแม้แต่น้อย

สิรินได้แต่มองตามร่างเล็กๆ ที่วิ่งจู๊ดออกจากห้องอย่างรวดเร็วด้วยสายตาแห่งความพอใจ

สิรินกำลังดีใจที่ดำไม่ได้ซื่อบื้อถึงขั้นไม่รู้สึกอะไรกับสายตาของเขา ความเขินอายนั่นทำให้ใจชื้นขึ้น มั่นใจว่าการรุกจีบของเขาได้ผลอยู่ไม่น้อย ถึงจะยืนกรานว่าเขาเป็นลูกพี่ แต่อีกไม่นานหรอกที่เขาจะทำให้ดำเปลี่ยนความคิดเหล่านั้น ก็บอกไปแล้วว่าให้เตรียมใจเอาไว้ หึหึ

“ว้าววว ฝรั่งหัวทอง คุณสินๆ ๆ ฝรั่งหัวทองมาครับ อ้ากก กอดไอ้ดำทำไม ปล่อยนะ ปล่อยๆ” เสียงเล็กแว่วจากหน้าประตู สิรินจึงรีบเดินออกไปดู คิ้วกระตุกรัวๆ เมื่อได้ยินว่าใครคนนั้นกำลังกอดเจ้าตัวเล็กของเขาอยู่ ในหัวคาดเดาถึงคนที่เป็นไปได้อย่างรวดเร็ว

และเป็นไปตามคาดคนคุ้นหน้าคุ้นตากันดีกำลังกอดดำแน่น ทั้งยังเอาหน้าถูไถแก้ม ทั้งดึง ทั้งหอมจนกลัวเสียจริงๆ ว่าแก้มเล็กๆ นั่นจะช้ำหมด

“พอได้แล้วมาร์โก้” สิรินรีบสาวเท้าเข้าไปจับแยกทั้งคู่อย่างรวดเร็ว ผลักมาร์โก้ออกเล็กน้อยแล้วดึงดำมาไว้ด้านหลัง มองคนตรงหน้าด้วยสายตาคาดโทษ มาโดยไม่บอกล่วงหน้าแล้วยังมากอดดำโดยไม่ได้รับอนุญาตอีก เป็นคนที่ทำอะไรไม่ดูอายุตัวเองเลยให้ตายสิ

ฟอด...

“สิน เซอร์ไพรส์ แด๊ดดี้มาเยี่ยมแล้วครับ” คิ้วสิรินกระตุกรัวๆ อีกรอบ ให้ตายเถอะเจ้าฝรั่งงี่เง่านี่ ตั้งใจแกล้งเขาชัดๆ เลย

ฟอด...

“ครับ ยินดีต้องรับครับ...แด๊ด” สิรินหอมแก้มคนตรงหน้าคืนไปหนึ่งฟอด จากที่จะเป็นฝ่ายแกล้ง กลับถูกลูกชายแกล้งคืนจนหน้าแดงแป๊ด อ้าปากผะงาบๆ อย่างทำตัวไม่ถูกอยู่เช่นนั้น สิรินส่งเสียงหึในลำคออย่างคนที่เหนือกว่า จะแกล้งเขายังเร็วไปล้านปี ตาแก่เอ๊ย

จากนั้นก็ละความสนใจจากคนที่หน้าแดงด้วยการหอมจากลูกชาย และคำเรียกที่นานๆ ครั้งที่จะหลุดออกจากปากอีกฝ่ายนั่นอีก

“เข้าไปข้างในเถอะดำ ได้เวลาทานข้าวแล้ว” เพราะเมื่อครู่หลบอยู่ด้านหลัง และยังตกใจจากการจู่โจมของมาร์โก้ไม่หาย ดำจึงไม่ทันได้เห็นว่าสิรินทำอะไร จึงยอมเดินตามสิรินเข้าไปที่ห้องครัวต้อยๆ เหลือบมองมาร์โก้สองสามครั้งทั้งที่ยังก้าวไปข้างหน้า

รู้เพียงว่าสิรินรู้จักคนคนนี้ และฝรั่งหัวทองเป็นอะไรที่น่าสนใจสำหรับดำ เขาเคยเห็นอยู่เพียงไม่กี่ครั้ง แต่ก็จากที่ไกลๆ เท่านั้น วันนี้ได้เห็นเต็มๆ ตาจึงละความสนใจไปไม่ได้

กว่ามาร์โก้จะรวบรวมสติที่แตกกระเจิงให้กลับมาได้ก็ใช้เวลาหลายนาทีทีเดียว

“หนอยย ยิ่งโตยิ่งกินยาก ให้ตายเถอะโดนเอาคืนอีกจนได้ สมเป็นลูกคุณจริงๆ เลยนะสุทิน หึยๆ” มาร์โก้ได้แต่เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันอยู่คนเดียว แล้วก็พาลคนที่อยู่บนสวรรค์ไปเล็กน้อย แต่ถึงอย่างนั้นก็ระบายยิ้มออกมาอย่างพอใจ คิดถึงช่วงเวลาที่คนรักคอยแกล้งเขาแล้วก็มีความสุข สิรินสมเป็นลูกชายของพวกเขาจริงๆ

ตั้งหลักได้แล้วก็หยิบของที่วางเอาไว้แล้วเดินตามเข้าไปในห้องครัวด้วยความเคยชิน

“วันนี้ฉันโชว์ฝีมือเอง หลบไปเลยเจ้าหนู” ว่าพรางยกถุงของสดขึ้นให้ดู มาร์โก้ชอบทำอาหาร สิรินรู้ข้อนี้จึงยักไหล่น้อยๆ แล้ววางมือจากของสดตรงหน้า ยอมมานั่งบนเก้าอี้ข้างดำอย่างว่าง่าย เขาเองก็คิดถึงอาหารฝีมือมาร์โก้ไม่น้อยเลย จะปล่อยท่าทางอวดดีนั่นไปก่อนก็แล้วกัน

“คุณสินๆ” เสียงเล็กๆ กระซิบกระซาบ หลังจากที่สิรินนั่งลง

“หือ มีอะไรเหรอ” ดำไม่ตอบแต่พยักพเยิดหน้าไปยังมาร์โก้ เขายังไม่รู้เลยว่าฝรั่งหัวทองคนนั้นคือใคร แถมยังดูท่าคุ้นเคยกับสิรินอีก ดำรู้สึกคาใจจนอดที่จะถามไม่ได้

“คนนั้น คนที่ฉันบอกว่าเป็นเหมือนพ่ออีกคน” สิรินไม่คิดจะปิดบังอะไรดำ เพราะเขาเชื่อ เชื่อว่าดำจะไม่มีทางหักหลังเขาอย่างแน่นอน ความเชื่อใจที่ยากจะมอบให้คนอื่นนั้น สิรินได้มอบให้ดำอย่างหมดใจ หมายมั่นว่าต่อไปหากดำอยากรู้มากกว่านี้เขาก็พร้อมที่จะเล่าให้ฟัง

“อ๋อ คนนั้นเอง” ดำครุ่นคิดไปถึงเรื่องที่คุยกับสิรินก่อนจะร้องอ๋อออกมาเสียงดัง คนนั้นเอง คนที่อยู่เคียงข้างคุณสินในวันที่เสียคนสำคัญที่สุดไป

แปลว่าคนคนนี้ใจดีมากแน่ๆ ถึงจะเข้ามากอดไอ้ดำทั้งที่พึ่งเคยเจอกัน แต่ไอ้ดำก็ไม่รู้สึกว่าโดนคุกคามเลย สุดท้ายจึงไม่ได้ลงมือทำร้ายอะไร มีเพียงความตกใจเท่านั้น เพราะแบบนี้เองสินะ ไอ้ดำเข้าใจแล้ว ถ้าเป็นคนสำคัญของคุณสิน ก็เป็นคนสำคัญของไอ้ดำเหมือนกัน

“อะแฮ่ม คุยอะไรกันสองคนไม่สนใจฉันเลยนะ แต่ดำนี่น่ารักจริงๆ สินไม่ยอมให้ฉันเห็นผ่านกล้องสักทีก็เลยต้องมาเจอตัวจริง น่ารักสมกับที่หวงจริงๆ ฉันชื่อมาร์โก้ยินดีที่ได้รู้จัก เรียก ลุงมาร์โก้ หรือมาร์โก ก็ได้” มาร์โก้พูดกับดำทั้งที่มือยังขยับหั่นผักอย่างคล่องแคล่ว สายตาที่มองมาก็เต็มไปด้วยความเอ็นดู

“ลุง...มาร์โก้”

“อืม ดูไม่รื่นหูเท่าไหร่ ว่าไปแล้ว เรียกว่า ‘พ่อ’ ไปเลยดีกว่า เพราะอย่างไรฉันก็มาที่นี่เพื่อจดรับรองให้ดำเป็นลูกบุญธรรมอยู่แล้ว เรียกให้ชินไว้เลยก็ได้” มาร์โก้พูดเองเออเองเสร็จสรรพก่อนจะนำสลัดผักที่ราดน้ำสลัดสีเขียวมาวางไว้ตรงหน้าลูกชายทั้งสอง

“อันนี้รองท้องไปก่อน เดี๋ยวจะจัดชุดใหญ่ให้ รอก่อนนะ” ดำมองตามมาร์โก้ ไม่ได้สนใจของกินตรงหน้าแม้แต่น้อย ตอนนี้ความสนใจทั้งหมดของดำอยู่ที่คำพูดเรื่องพ่อลูกที่ออกจากปากมาร์โก้

“พะ พ่อ...ไอ้ดำเรียกได้จริงๆ เหรอครับ” มาร์โก้ยิ้มเอ็นดูก่อนจะวางมือแล้วเดินเข้ามาหาดำ

“ได้สิ ฉันอยากให้ดำเรียกนะ แล้วต่อไปฉันเองก็จะรักดำเหมือนลูกชายคนหนึ่ง ยอมรับรึเปล่า” ดำจับจ้องดวงตาสีฟ้าน้ำทะเลอย่างไม่วางตา คนตรงหน้ามีแต่ความจริงใจส่งมาจนดำยิ้มออกทั้งที่น้ำตาไหล หัวใจของเขาอบอุ่นเอามากๆ เลย

ไม่เพียงคุณสินที่ยอมรับไอ้ดำ ยอมให้ที่อยู่กับไอ้ดำ คนสำคัญของคุณสินก็ยอมรับไอ้ดำเหมือนกัน คนที่เหมือนพ่อคุณสินยอมให้ไอ้ดำเป็นลูกอีกคน ไอ้ดำมีความสุขจนกลั้นน้ำตาไม่อยู่แล้ว

“ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ อึก”

“โอ๋ๆ อย่าร้องนะ เด็กดี” มาร์โก้ดึงเด็กน้อยเข้ามากอด โยกตัวไปมาดังปลอบโยนเด็กตัวเล็กๆ ใบหน้านั้นก็ระบายรอยยิ้ม ดำน่ารักจริงๆ เหมาะกับสิรินที่สุด คิดแบบนั้นเหมือนกันใช่ไหม...สุทิน

สิรินมองภาพนั้นด้วยความพอใจ หัวใจเต็มตื้นด้วยความสุข ดีใจที่คนสำคัญทั้งสองเข้ากันได้ดี

“เอาแบบนี้ วันนี้ดำชอบกินอะไรฉันจะทำให้หมดเลย! ” หลังจากเห็นว่าดำเลิกสะอื้นแล้วมาร์โก้ก็เสนอความคิดขึ้นมา ตอนแรกกะจะทำอาหารตามใจตัวเอง แต่เพื่อรับขวัญลูกชายคนใหม่คงต้องเอาใจหน่อยแล้ว

“มาร์- เอ๊ย พ่อทำได้หมดเลยเหรอครับ” ดำเงยหน้าขึ้นมายิ้มกว้าง เรื่องกินขอให้บอก ไอ้ดำเร็วอยู่แล้ว

“แน่นอน สั่งมาได้เลย ไว้ใจได้” พูดเสร็จก็ยกมือชกอกตัวเองหนึ่งที เชิดหน้าอย่างมั่นใจ ไม่ว่าจะอาหารอะไรมาร์โก้คนนี้ไม่เคยพลาดอยู่แล้ว

“ไอ้ดำชอบกินบุฟเฟ่ต์” เสียงตอบดังฟังชัดพาให้มาร์โก้ยิ้มเก้อ ชั่งเป็นคำตอบที่คาดไม่ถึงเสียจริงๆ

หลังผ่านไปชั่วอึดใจ ทั้งสิรินทั้งมาร์โก้ก็หัวเราะขึ้นมาพร้อมกัน ให้ตายเถอะเจ้าตัวเล็กนี่ชอบทำอะไรที่ไม่คาดคิดจริงๆ

“ดำ มาร์โก้หมายถึงชอบกินอะไรในบุฟเฟ่ต์น่ะ” สิรินอธิบาย เพราะดำมองหน้าเขากับมาร์โก้สลับไปมาอย่างไม่เข้าใจหน้าขึ้นสีน้อยๆ เพราะรู้ว่าตัวเองเผลอไปเข้าใจอะไรผิดเข้า แต่ก็ไม่เข้าใจอยู่ดีว่าพูดผิดตรงไหน

“อ๋อ ไอ้ดำชอบทุกอย่างเลยครับ ที่กินไม่อั้น แล้วก็เลือกกินอะไรก็ได้” ดำตอบชัดถ้อยชัดคำ ก็เขาคิดแบบนั้นจริงๆ เพราะอย่างนั้นคำที่ตอบโจทย์มากที่สุดคงหนีไม่พ้นแบบบุฟเฟ่ต์อยู่แล้ว

“อืม คิดออกแล้ว” มาร์โก้ได้ฟังก็ไม่คิดจะขัด ยืนคิดเล็กน้อยก่อนจะพูดออกมาเช่นนั้น แล้วรีบเดินออกไปด้านนอกค้นกระเป๋าเดินทางหยิบแท็บเล็ตออกมา เปิดคลังรูปภาพที่รวบรวมภาพอาหารที่เขาเคยทำเอาไว้ จากนั้นก็ยื่นให้ดำ

“วันนี้เสนอเมนูบุฟเฟ่ต์ฉบับมาร์โก้ อยากกินอันไหนจิ้มเลย” จากนั้นก็สาธยายถึงความคิดอันหลักแหลมของตน แบบนี้ก็ตรงตามหัวข้อ ทั้งไม่อั้น และเลือกอันไหนก็ได้แล้ว

ดำมองรูปในแท็ปเล็ตตาวาว ภาพอาหารที่เลื่อนผ่านทั้งแปลกตา ทั้งน่ากินจนน้ำลายไหล ต้องกลืนน้ำลายลงคอหลายต่อหลายครั้ง ยิ่งเลื่อนท้องยิ่งร้องเรียกอยากกินไม่หยุด เลือกยากเพราะเมนูอาหารละลานตาไปหมด

มาร์โก้มองดำเลือกอย่างตั้งใจก็มองเอ็นดู แล้วหันไปหยิบผ้ากันเปื้อนมาใส่ วันนี้เขาคงต้องเข้าครัวแบบเต็มรูปแบบเพราะลูกชายคนเล็กเสียแล้ว ก็ปริมาณอาหารที่ดำกินน้อยเสียที่ไหน สิรินเล่าให้ฟังประจำ วันนี้คงต้องลองกันสักตั้งว่าดำจะอิ่มก่อน หรือเขาจะเหนื่อยก่อนกันแน่!

“จะมาทำไมไม่บอกล่วงหน้า มีเรื่องด่วนอะไรรึเปล่า” ในระหว่างรอสิรินก็เปิดปากถาม เพราะนานครั้งที่มาร์โก้จะทำสิ่งที่นอกเหนือจากตารางชีวิตของตนเอง โดยที่ไม่บอกเขาล่วงหน้าทั้งที่นัดกันเอาไว้เสร็จสรรพ

“ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง แค่อยากมาเจอดำเร็วๆ แล้วสินจะได้ไม่ต้องรีบเร่งเตรียมเอกสารให้ดำด้วย อีกอย่างล่าสุดที่นั่นพึ่งตรวจพบพวกผู้ก่อการร้ายที่ปลอมแปลงเอกสารเข้าไปก่อความวุ่นวาย ตอนนี้ก็เลยมีมาตรการที่เข้มงวดเอามากๆ ไม่อยากให้เสี่ยงกันน่ะ” มาร์โก้ตอบทั้งที่กำลังนำของสดเก็บใส่ตู้เย็น เวลานี้ที่อเมริกาก็วุ่นวายไม่น้อย ถึงเบื้องหน้าจะดูสงบแต่ความจริงกลับเกิดความวุ่นวายอย่างที่ไม่อาจคาดคิด

ด้วยเส้นสายที่วางเอาไว้ และอำนาจที่ครอบครองเอาไว้ในฐานะซิกมานั้น การสืบรู้ความเคลื่อนไหวเบื้องหลังนับว่าไม่ยากเย็นเกินไป แม้การแทรกซึมเข้าไปในช่วงนี้จะทำได้ แต่การหลีกเลี่ยงอันตรายนับว่าเป็นเรื่องที่ดีกว่า ทั้งเขายังต้องเดินทางมาประเทศไทยอยู่แล้ว เพียงเลื่อนให้เร็วขึ้นอีกหน่อยมันก็ไม่ถือว่าลำบากอะไร

“นั่นสินะ ทำแบบนี้จะรับประกันความปลอดภัยให้ดำมากกว่า ขอบคุณมากมาร์โก้” สิรินเห็นด้วยกับความคิดนี้ เขาจะวู่วามไม่ได้ แม้จะมีอำนาจมากมาย แต่ทุกสิ่งล้วนมีความเสี่ยง สิ่งที่สำคัญที่สุดคือความปลอดภัยของดำ การกระทำที่มั่นใจว่าดำปลอดภัย 100% นับว่าสมควรที่สุด

“หึหึ ฉันซะอย่าง เด็กอย่างนายก็หัดพึ่งๆ ผู้ใหญ่บ้าง ฉันเคยบอกไปแล้วนะ ไม่ว่าอะไรก็บขอให้บอก สิน นายเป็นลูกของฉันนะ” มาร์โก้มองสิรินด้วยรอยยิ้ม ถึงจะได้เจอกันนานๆ ครั้ง แต่สายสัมพันธ์ของพวกเขาก็ลึกซึ้งจนตัดไม่ขาด เป็นครอบครัวที่ไม่ต้องคำนึงถึงความสมบูรณ์พร้อม เพียงเชื่อใจซึ่งกันและกันก็เพียงพอ ยิ่งมีดำเข้ามาทำให้สิรินได้ใช้ชีวิตอย่างมีชีวิตชีวา มาร์โก้ก็ยิ่งวางใจที่จะปล่อยสิรินให้อยู่ทางนี้ได้มากขึ้น

“รู้แล้ว...ดำอยากกินอะไร” สิรินพึมพำเบาๆ แล้วเปลี่ยนเรื่อง เขารับรู้ถึงความรู้สึกของมาร์โก้ดี เพียงแต่มาร์โก้นั้นก็เป็นหนึ่งในคนสำคัญที่เขาต้องปกป้อง ไม่ให้อาสุชาติ หรือคนอื่นๆ เข้ามาทำร้าย เขาจึงต้องเข้มแข็ง และพยายามพึ่งพาตนเองเช่นนี้เสมอมา...สิรินไม่อยากเสียมาร์โก้ไปอีกคน เพราะมาร์โก้เป็นคนที่สำคัญทั้งต่อพ่อของเขา และตัวเขาเอง

“อืม เลือกยากจัง มีแต่ของน่ากินๆ ทั้งนั้น ไอ้ดำอยากลองชิมทั้งหมดเลย” ดำเงยหน้าขึ้นมาตอบ น้ำลายก็ไหลเลอะมุมปาก เป็นสัญญาณบอกว่าดำอยากกินมากจริงๆ

“หึหึ เลอะหมดแล้วเจ้าตัวเล็ก” ว่าจบก็หยิบทิชชู่เช็ดปากให้อย่างเบามือ ดูว่าถ้าให้เปิดไปมากกว่านี้คงน้ำลายหมดตัวไปซะก่อน

“ดำจะได้กินทั้งหมด มาร์โก้ยังอยู่กับพวกเราอีกหลายวัน เพราะอย่างนั้นเลือกของที่อยากกินวันนี้ก่อน ส่วนที่เหลือค่อยกินมื้ออื่นๆ ก็ได้ ไม่ต้องรีบ” ว่าจบก็ลูบหัวหนึ่งทีให้เจ้าหมาจอมตะกละใจเย็นลง ดูสิ ดวงตาเหมือนจะกลายเป็นรูปอาหารหมดแล้ว

“จริงเหรอครับ” ดำตาวาว เขาจะได้กินทั้งหมด ว้าวๆ สุดยอดที่สู้ด

“จริงๆ ว่ามาเลยเจ้าลูกชาย อยากกินอะไร เดี๋ยวปะป๋าจัดให้” เห็นแบบนั้นดำก็กอดแท็บเล็ตวิ่งไปหามาร์โก้ ยกหน้าจอให้ดูเมนูที่ตัวเองอยากกินในทันที

“อันนี้ครับ อันนี้ ไอ้ดำอยากกินอันนี้...ว่าแต่ปะป๋าคืออะไร กินได้รึเปล่า” ชี้เสร็จก็ถามถึงคำที่ตนไม่คุ้นเคยทันที ไอ้ปะป๋ามันคืออะไร อร่อยไหมนะ

“ฮ่าๆ ๆ ปะป๋ากินไม่ได้ครับ ปะป๋าแปลว่าพ่อ แต่คำว่าปะป๋ามันน่ารักกว่า ยิ่งออกจากปากดำยิ่งน่ารัก ปะป๋าเป็นปลื้ม เพราะฉะนั้นเลือกพ่อว่าปะป๋านะครับ” มาร์โก้ร่ายยาว แบบนี้สิถึงน่ารักสมวัย ไม่เหมือนสิรินที่ความน่ารักหายไปหมด โตเร็วซะเหลือเกิน กระซิกๆ วันนี้เขามีความสุขมากจริงๆ

สิรินรู้สึกเหมือนตัวเองกลายเป็นธาตุอากาศอยู่บ้าง แต่เมื่อเห็นคนสำคัญทั้งสองยิ้มอย่างมีความสุขก็ไม่อยากขัดอะไร ยิ่งมาร์โก้เหมือนย้อนกลับไปในช่วงเวลาที่พ่อเขายังอยู่ สิรินยิ่งพอใจ

พ่อครับ เห็นรึเปล่า คนรักของพ่อกลับมายิ้มกว้างได้อีกแล้วนะ

ดำเป็นแสงสว่างในชีวิตเขา และยังส่องแสงไปถึงคนสำคัญของเขาด้วย ยิ่งเป็นเช่นนี้ สิรินก็ยิ่งตระหนักในใจว่าชีวิตของเขาขาดดำไม่ได้

“ปะป๋า ไอ้ดำอยากกินอันนี้ครับ” ดำทำตามที่มาร์โก้เรียกร้อง เพราะดูเหมือนคนตรงหน้าจะชอบมากๆ เวลาเขาพูดแบบนี้ มันไม่ได้ยากเย็นอะไร เพราะฉะนั้นไอ้ดำทำได้สบายมาก ไอ้ดำเก่งอยู่แล้ว ฮ่าๆ ๆ

“ฟิชแอนด์ชิปส์ เหรอ ได้ๆ วัตถุดิบพร้อม นั่งรอเลย ระหว่างนี้ก็กินสลัดแซลมอนรองท้องไปก่อนนะ”

“แซลมอนนน” คำว่า แซลมอนทำให้ดำหูผึ่ง จำได้ติดลิ้นว่ามันอร่อยมาก ก่อนหน้านี้ไม่ได้สนใจมากนักเพราะเห็นผักเสียมากกว่า พอรู้ว่ามีแซลมอนด้วยก็รีบกอดแท็บเล็ตวิ่งจู๊ดไปที่เก้าอี้ของตนทันที

มาร์โก้ก็ได้แต่หัวเราะเบาในลำคอ เอ็นดูเจ้าคนเห็นแก่กินขึ้นไปอีก ดูสิ สิรินก็ตามใจเหลือเกิน คีบแซลมอนให้ดำชิ้นแล้วชิ้นเล่า ไม่คิดว่าจะกินเองเลยหรือไร

จากนั้นก็ละความสนใจหันไปทำฟิชแอนด์ชิปส์แทน อาหารจานนี้เป็นอาหารแบบผู้ดีอังกฤษ ดูผิวเผินคล้ายสเต็กปลาชุปแป้งทอด แต่ก็ยังคงมีเส้นแบ่งความแตกต่างระหว่างอาหารอังกฤษกับอเมริกันอยู่เล็กน้อย

ปลาที่ใช้เป็นปลาคอตที่แร่แบบไร้ก้างซีนพลาสติกเอาไว้เรียบร้อย ยังดีที่เขาซื้อติดมาด้วย ไม่เช่นนั้นคงต้องใช้ปลาชนิดอื่นทดแทนซึ่งจะขาดความอร่อยไปบางส่วน ด้วยทาร์ทาร์ซอสที่ใช้กับอาหารชนิดนี้ต้องทำขึ้นใหม่แบบพิเศษ ทั้งมันฝรั่งยังเป็นแบบทำเอง หั่นให้มีขนาดใหญ่กว่าเฟรนด์ฟรายทั่วไป ซึ่งเรียกว่า ชิปส์ ตามชื่ออาหารชนิดนี้

ส่วนดำนั้นกำลังเคี้ยวแซลมอนแก้มตุ่ยอยู่ข้างๆ สิริน คุณสินยังใจดีกับดำเหมือนเดิม ยกแซลมอนให้ดำกินเยอะแยะเลย

ตอนแรกไอ้ดำจะไม่กินผัก เพราะเคยกินไปแล้วมันไม่อร่อย แต่เพราะน้ำจิ้มที่ราดข้างบนเผ็ดซี้ดโดนใจ เข้ากับเนื้อแซลมันกับผักสลัดแบบสุดๆ ทำให้หยุดมือที่ถือส้อมจิ้มลงบนผักครั้งแล้วครั้งเล่าไม่ได้

คุณสินบอกว่า น้ำจิ้มเขียวๆ คือน้ำจิ้มซีฟู้ด เอาไว้กินกับอาหารทะเล พอเอามากินกับแซลมอน ปลาที่อาศัยในทะเลมันจึงเข้ากันอย่างเห็นได้ชัด ทั้งยังกลบกลิ่นเหม็นเขียวของผักจนหลงเหลือไว้เพียงความอร่อยเท่านั้น

เพียงไม่นานดำก็กินสลัดแซลมอนชามโตจนหมดชาม ไม่เหลือแม้กระทั่งผักสักชิ้นเดียว มาร์โก้ทำอาหารอร่อยมากจริงๆ จนดำมองมาร์โก้ตาวาว

ไอ้ดำอยากให้ปะป๋าอยู่ด้วยตลอดไปจัง

กลิ่นปลาคอตชุปแป้งทอดลอยแตะจมูกดังยั่วยวนให้คนหลงใหล ดำเดินตามกลิ่นไปจนถึงโต๊ะที่วางปลาทอดสีเหลืองแวววาวเอาไว้

อื้อหือ เหมือนในภาพเลย ไอ้ดำขอกินเลยได้ไหม

“ยกไปวางที่โต๊ะได้เลย แล้วต่อไปอยากกินอะไร หือ” เพื่อไม่ให้ขาดตอน หลังจากเห็นดำที่มองฟิชแอนด์ดิปส์ที่ประดับตกแต่งในจานอย่างสวยงามแล้วก็เอ่ยปากเปิดทางให้เจ้าตัวเล็กได้กินตามใจชอบทันที ทั้งยังถามเมนูต่อไปเสร็จสรรพ เห็นคนกินมีความสุขขนาดนี้มาร์โก้ก็สนุกจนหยุดไม่ได้

ดำยื่นแท็บเล็ตให้มาร์โก้ ชี้นิ้วไปบนภาพที่ถูกทำให้มีขนาดเล็กเรียงรายกันเอาไว้

“ไอ้ดำอยากกินอันนี้ อันนี้ แล้วก็อันนี้ อันนี้ด้วย แล้วก็-”

“เดี๋ยวๆ พอก่อนดีกว่า ปะป๋าทำให้ทุกอย่างเลย แต่หลังจากกินเมนูที่ว่ามานั่นหมดก่อนนะ” มาร์โก้รีบหยุดเอาไว้ เพราะไม่เช่นนั้นแล้ววันนี้เขาคงทำได้ไม่ครบทุกเมนูเป็นแน่แท้ ก็ดำเล่นชี้ภาพแบบรัวๆ ขนาดนี้

“ครับผม ปะป๋าเก่งที่สุดเล้ย” ดำว่าง่ายยอมถืออาหารจานปลาตรงหน้ากลับไปนั่งกินที่โต๊ะในทันที เนื้อปลาหนานุ่มด้านใน เคลือบด้วยเกล็ดขนมปังกรุบกรอบด้านนอกให้รสสัมผัสที่อร่อยเคี้ยวได้อย่างไม่มีเบื่อ ดำคิดว่ามันเต็มปากเต็มคำกว่าเทมปุระที่เคยกินมากทีเดียว

ซอสสูตรเข้มข้นช่วยตัดความเลี่ยนของน้ำมันที่ใช้ทอดได้เป็นอย่างดี ทั้งยังช่วยเพิ่มรสชาติให้มีความหลากหลายทำให้คนกินเจริญอาหารมากขึ้นไปอีก ผ่านไปไม่ถึง 5 นาที ดำก็กินอาหารจานนี้หมดเสียแล้ว กระทั่งซอสที่แยกไว้ในถ้วยเล็กยังถูกกวาดลงท้องไม่เหลือแม้แต่หยดเดียว

อร่อยจัง เมื่อกี้ปะป๋ามันเรียกว่าอะไรนะ ไอ้ดำต้องถามปะป๋าเอาไว้เวลาอยากกินจะได้เรียกถูก

ดำหมายมั่น ยิ่งกินยิ่งถูกใจ ไม่ว่าจะเป็นสลัดแซลมอน หรืออาหารจานปลาตรงหน้าก็ถูกปากถูกใจดำเป็นอย่างยิ่ง พื้นที่ความสำคัญของมาร์โก้ภายในใจดำจึงเพิ่มมากขึ้นไปอีก

“มาแล้ว ข้าวไข่ข้นเบคอนนุ่มนิ่ม ซุปบอร์ชเพิ่มความหอมหวานของผัก ปูแตงสูตรเพิ่มชีสพิเศษสำหรับคนชอบชีส” อาหารสีสันน่าทานสามอย่างวางลงตรงหน้า ดำตาวาวด้วยความพอใจ ฉีกยิ้มกว้างก่อนจะหันไปของคุณมาร์โก้อย่างเสียไม่ได้

สมกับเป็นบุฟเฟ่ต์ฉบับปะป๋า รวดเร็วทันใจ แถมยังน่ากินทุกจาน งื้ออ ไอ้ดำรักปะป๋าที่สุดเลย

สายตาวิ๋งๆ ที่ถูกส่งออกมาจากคนตัวเล็กพาให้สิรินคิ้วกระตุกยิกๆ เพียงไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น เพียงเท่านั้นมาร์โก้ก็ดูท่าจะแย่งพื้นที่ของดำไปจากเขาได้เสียแล้ว แต่จะทำอะไรได้ ให้ทำอาหารแข่งเหรอเป็นไปไม่ได้หรอก อย่างดีสรินก็ทำได้แค่อาหารง่ายๆ เท่านั้น ไม่มีทางสู้ได้อยู่แล้ว

เสียงเจื้อยแจ้วเกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า ทวนชื่ออาหารที่ถูกวางตรงหน้าอย่างตั้งใจ พอหมดก็ชี้บอกเมนูใหม่ ประกายเจิดจ้าแสบตาขึ้นเรื่อยๆ เหมือนโลกเหลือพวกเขาเพียงสองคน คนหนึ่งกินอย่างเอร็จอร่อย อีกคนก็คว้ามีคว้ากระทะทำอาหารอย่างมีชีวิตชีวาถูกอกถูกใจที่คนกินชมครั้งแล้วครั้งเล่า ช่างเป็นภาพที่แผ่ความสุขออกมาจนไม่อาจเข้าไปขัดได้

“เลอะแล้วเจ้าตัวเล็ก กินดีๆ” แต่สิรินก็อดใจที่จะขัดภาพนั้นไม่ได้ ถ้าจะมีความสุขก็อย่าทิ้งเขาไว้คนเดียวสิ แล้วอีกอย่างคนที่มีพื้นที่ภายในใจดำมากที่สุดควรจะเป็นเขาต่างหาก!

“คุณสินอร่อยมากเลย อันนี้ชีสบอลล่ะครับ ชีสยืดๆ อร่อย” และดำก็ไม่เคยทำให้เขาผิดหวัง เจ้าหมาน้อยยื่นชีสบอลลูกสุดท้ายมาป้อนถึงปาก ถึงจะลืมชั่ววูบ ด้วยสำนึกผิดจึงต้องเอาใจคนตัวโตเสียหน่อย

สิรินยอมอ้าปากกินชีสบอลตรงหน้า อาหารฝีมือมาร์โก้ยังอร่อยไม่เปลี่ยน ทั้งยังมีรสหอมหวานเพิ่มขึ้นมาอีก...บางทีอาจจะเป็นเพราะคนป้อนล่ะมัง

คิดดังนั้นก็ยื่นมือไปขยี้ผมนุ่มนิ่มเบาๆ มองไปยังคนที่ทำอาหารอยู่หน้าเตาอย่างตั้งใจโดยไม่มีทีท่าว่าจะหันกลับมามอง ทั้งคนตัวเล็กตรงหน้ายังยิ้มตาหยี ดวงตากลมโตเหมือนจะปิดลงเสียให้ได้ก็ฉวยโอกาสหอมแก้มไปหนึ่งฟอด

“อืม ทั้งอร่อย ทั้งหอมหวานจริงๆ”





โปรดติดตามตอนต่อไป...



******************************************

กลับมาแล้วค่า

ขอโทษที่กรีนพักไปหลายวันนะคะ

หลังจากที่จบงานสัปดาห์หนังสือ กรีนก็ยอมรับว่าไม่มีกะจิตกะใจทำอะไรเลย

อยากนอนพักยาวๆ ซักอาทิตย์ ฮ่า

แต่ในที่สุดก็กลับมาฮึดเขียนอีกครั้ง ต่อไปก็ลงแบบปกติแล้วนะคะ พักพอแล้ว

เจอกันตอนหน้าจ้า
หัวข้อ: Re: = P A Y = เปย์ข้าด้วยบุฟเฟ่ต์สิ [เปย์ครั้งที่ 8] >100%< 13.04.2018
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 14-04-2018 01:23:45
 :m22: ดำ ๆ มีอะไรเหลือแบ่งคนแก่กินบ้างป่ะ หิวจังอ่ะ  :m26:
หัวข้อ: Re: = P A Y = เปย์ข้าด้วยบุฟเฟ่ต์สิ [เปย์ครั้งที่ 8] >100%< 13.04.2018
เริ่มหัวข้อโดย: Victor.yuriyurio ที่ 14-04-2018 01:40:41
 :hao5: :hao5: อยากกินด้วยอะดำ!!!!!!!! น่ากินทั้งดำทั้งอาหารเลย สินต้องกินน้องได้แล้วนะรู้กกกกกกกกกกกก  :กอด1:
หัวข้อ: Re: = P A Y = เปย์ข้าด้วยบุฟเฟ่ต์สิ [เปย์ครั้งที่ 8] >100%< 13.04.2018
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 14-04-2018 13:34:28
อยากเป็นดำอ่ะ น้ำหนักขึ้นก็ยอม!!!!
หัวข้อ: Re: = P A Y = เปย์ข้าด้วยบุฟเฟ่ต์สิ [เปย์ครั้งที่ 8] >100%< 13.04.2018
เริ่มหัวข้อโดย: Mayana ที่ 17-04-2018 16:08:33
ป๊ะป๋าคนเดิมเพิ่มเติมคือลูกรักเพิ่มอีกคน .. คุณสินโดนเวนคืนพื้นที่จากน้องดำไปให้ป๊ะป๋าแล้วมั๊งนั่น  :laugh:
หัวข้อ: Re: = P A Y = เปย์ข้าด้วยบุฟเฟ่ต์สิ [เปย์ครั้งที่ 8] >100%< 13.04.2018
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 17-04-2018 16:35:05
หิววววววววววววว
หัวข้อ: เปย์ครั้งที่ 9
เริ่มหัวข้อโดย: GreenHead(หัวเขียว) ที่ 23-04-2018 07:51:12
เปย์ครั้งที่ ๙

หวานอม ขมกลืน

‘ตกอยู่ในฐานะจำต้องยอมรับ ไม่ว่าจะดีหรือร้าย พอใจหรือไม่พอใจก็ตาม’



หลังจากที่มาร์โก้กลับมาไทยก็ผ่านมาเกือบหนึ่งเดือนแล้ว อีกไม่กี่วันก็ถึงช่วงสอบของสิริน ดำจึงเป็นห่วงสิรินไม่น้อยเมื่อยังต้องมานั่งสอนหนังสือเขาอยู่เช่นนี้ ยิ่งเห็นเพื่อนสนิททั้งสามของลูกพี่มานั่งติวหนังสืออยู่ในห้องนั่งเล่น ดำก็ยิ่งเป็นกังวลว่าสิรินจะสอบออกมาได้คะแนนไม่ดีเท่าคนอื่นๆ เห็นความจริงจังเหล่านั้นแล้วดำจึงรู้ว่ามันสำคัญมากๆ แม้เขาจะไม่เคยไปโรงเรียนก็ตาม

ป๊อก!

“เหม่ออะไรหือ ไหนลองแก้โจทย์ข้อนี้หน่อย” เห็นคิ้วของคนตัวเล็กขมวดมุ่น ทั้งยังมีท่าทีเหม่อลอย คงไม่ได้ฟังที่เขาอธิบายเมื่อครู่แน่ๆ สิรินจึงอดไม่ได้ที่จะใช้ดินสอในมือเคาะหัวให้ได้สติ แล้วแกล้งเจ้าเด็กไม่ตั้งใจเรียนคนนี้สักเล็กน้อย

ดำจับหน้าผากที่โดนเคาะ แล้วจึงทอดสายตาไปยังหน้าแบบฝึกหัดที่ถูกเปิดอยู่ ตัวเลขหลักหน่วยเรียงรายอยู่บนหน้ากระดาษ เหมือนโจทย์จะง่ายดายแต่เพราะตัวอักษรภาษาอังกฤษปรากฏอยู่ในนั้นสายตาจึงสั่นสะท้าน

ม่ายย อีกแล้ว แถมยัง แถมยังเพิ่มขึ้นมา ก่อนหน้านี้ตัวเหมือนกากบาทที่เรียกว่าตัวเอ็กซ์ตัวเดียว แต่ตอนนี้มีเจ้าสองแฉกมีหางที่เรียกว่า วาย รวมอยู่ด้วย มันอะไรน่ะ ไอ้ดำไม่เคยเห็นแบบนี้...ขอโทษที่ไม่ตั้งใจเรียนครับ

เห็นดังนั้นดำก็ส่งสายตาเว้าวอนไปให้คุณครูจำเป็นทันที

“คุณสินครับ ไอ้ดำ ไอ้ดำเรียกภาษาอังกฤษกับปะป๊าไม่ใช่เหรอ คุณสินไปเอาตัวหนังสือของปะป๋ามาทำไมครับ แย่งกันมันไม่ดีนะ” ดำถามเสียงสั่น ดูสิแค่ตัวเอ็กซ์ไม่พอคุณสินยังเอาตัววายมาอีก ต่อไปไม่เอามาทั้ง 26 ตัวเลยหรือ

แค่ตัวเดียวไอ้ดำก็จะตายอยู่แล้ว ถ้าเพิ่มมาหมดไอ้ดำไม่รอดแน่ แงงง

“หึหึ อย่ามาหัดเจ้าเล่ห์ ติดนิสัยทิวมารึไงเจ้าตัวเล็ก” ดูเข้าสิ เดี๋ยวนี้ขยันหาทางออกด้วยการกวนประสาทเหมือนทิวเสียด้วย คงให้อยู่ด้วยกันมากเกินไปแล้ว หลังๆ มายิ่งติดกันเป็นปี่เป็นขลุ่ยเลย ให้ตาย

“...ขอโทษครับ ไอ้ดำทำไม่ได้ ไอ้ดำไม่ได้ฟัง ไอ้ดำดื้อเอง ยกโทษให้ไอ้ดำนะครับ” ดำยอมรับผิด ยกมือขึ้นไหว้ปลกๆ นึกว่าจะรอด ที่ไหนได้เขาก็ผ่านด่านคุณสินไปไม่ได้อยู่ดี

“เฮ้อ ฉันยกโทษให้ก็ได้ แต่บอกมาได้รึเปล่าว่าคิดอะไรอยู่ถึงทำหน้าเครียดขนาดนี้” ได้ยินประโยคแรกดำยิ้มกว้าง กำลังจะเอ่ยปากขอบคุณ แต่พอได้ยินประโยคต่อมาเท่านั้น ริมฝีปากก็ค่อยๆ เม้มเข้าหากัน แก้มพองลมอย่างลำบากใจ

ไอ้ดำไม่ชอบขัดใจคุณสิน เดี๋ยวกลายเป็นเด็กไม่ดี ถึงได้แอบเป็นห่วงในใจแบบนี้ แต่พอโดนถามก็ปฏิเสธไม่ได้ ไอ้ดำควรทำอย่างไรดี

สวนตาลุ่มลึกยังคงจับจ้อง ไม่เอ่ยปาก ไม่คาดคั้น แต่ยังคงรออย่างใจเย็น ปล่อยให้เจ้าหมาน้อยจอมตะกละได้มีเวลาตัดสินใจอย่างไม่รีบร้อน

ดำสบสายตาคู่นั้น รู้สึกได้ว่าตนไม่อาจปิดบังสิ่งใดได้ จึงค่อยๆ เปิดปากพูดอย่างจำยอม

“ไอ้ดำเป็นห่วงคุณสิน คุณสินจะสอบแล้วแต่ยังสอนไอ้ดำอยู่เลย คุณทิว คุณน่าน คุณก้อง ยังเลิกสอนตั้งแต่เมื่อวานเพื่อทวนหนังสือ คุณสินไปอ่านหนังสือเถอะครับ ไม่ต้องห่วงไอ้ดำ ไอ้ดำกลัวคุณสินได้คะแนนไม่ดี

แล้ว แล้วไอ้ดำจะทวนหนังสือเองครับ ไม่หยุดเรียนหรอก ช่วงนี้ให้ปะป๋าสอนคนเดียวก่อนก็ได้ ไอ้ดำไม่ได้หาข้ออ้างหยุดเรียนนะ แค่...แค่ไอ้ดำเป็นห่วงคุณสินเท่านั้นเอง” ดำพยายามอธิบายเท่าที่จะทำได้ กลัวคุณสินเข้าใจผิดเหลือเกินว่าตัวเองกำลังหาทางโดดเรียน

สายตามุ่งมั่น ไม่ล่อกแล่ก แต่คิ้วกลับขมวดมุ่น เพราะหาคำพูดดีๆ ไม่เจอ...ทำไมอธิบายยากจัง คุณสินจะหาว่าไอ้ดำแก้ตัวรึเปล่านะ

เห็นแบบนั้นใครจะแกล้งได้ลง สิรินขยับนิ้วไปจิ้มหว่างคิ้ว นวดเบาๆ ให้คลายออก เดี๋ยวสมองที่อัดความรู้ไปตั้งแต่เช้านั่นระเบิดเสียก่อน

“อย่ากังวลไปเลย ฉันเชื่อที่ดำพูด ดำเป็นเด็กดี ฉันรู้” สิรินรับรู้ดีถึงความจริงใจนั้น พอเห็นอีกฝ่ายยอมกลับมายิ้มก็ยิ่งเอ็นดู ย้ายมือขึ้นไปลูบหัวให้รางวัลจนคนรับยิ้มยาหยีอย่างมีความสุข

“ไอ้ดำเป็นเด็กดี ฮี่ๆ” เหมือนจะลืมเรื่องที่ตัวเองเป็นกังวลไปเสียแล้ว พอได้รับคำชมก็ตัวลอยเสียจนไม่คิดเรื่องอะไรในหัว สีหน้าเคลิบเคลิ้มมีความสุขจนน่ามันเขี้ยว

“แล้วก็อีกอย่าง ฉันอ่านหนังสือจบไป 2 รอบแล้ว ไม่ต้องห่วง มีแค่พวกนั้นที่ต้องรีบอ่าน เพราะมันแต่เล่นเข้าใจไหม...เด็กดี” เสียงนุ่มทุ้มที่ตอบคำถามทำให้ให้ดำต้องกลับมาประมวลผล ดึงเรื่องที่เกือบจะลืมไปแล้วจากการได้รับรางวัลกลับมาคิดทันที

เมื่อกี้ไอ้ดำคิดเรื่องอะไรนะ...คิดออกแล้วเรื่องสอบของคุณสิน

“จริงเหรอครับ ทำไมไอ้ดำไม่เห็น” คิดทบทวนกลับไปก็ไม่เคยเห็นคุณสินอ่านหนังสือเลยนา ไอ้ดำมองหาคุณสินตลอดไม่พลาดอยู่แล้ว

“พูดแบบนี้หาว่าฉันโกหกเหรอ” ยกคิ้วขึ้นน้อยๆ เป็นเชิงถาม จนเจ้าตัวเล็กทำหน้าลนลานในทันที

“ไม่ๆ ๆ ไม่ใช่นะครับ ไอ้ดำไม่เคยคิดว่าคุณสินโกหก ไอ้ดำ ไอ้ดำ ไอ้ดำน่ะเชื่อคุณสินทุกอย่างอยู่แล้ว ก็คุณสินใจดีที่สุดนี่นา” ดำพยายามอธิบายด้วยท่าทางร้อนรน เขาไม่อยากให้คุณสินเข้าใจผิด ไม่อยากให้มองเขาเป็นเด็กดื้อ การกล่าวหาคนอื่นว่าโกหกมันไม่ดี

“คุณสินอย่าเกลียดไอ้ดำนะครับ”

“ฉันจะเกลียดดำลงได้อย่างไร อย่าเศร้าไปเลย ฉันแค่พูดเล่นเท่านั้น” อ้อมกอดอบอุ่นทำให้ดำสงบลง เพราะนั่งอยู่บนพื้นห้องทำให้ตอนนี้ดำจึงขึ้นมานั่งบนตักของคนตัวโตพอดิบพอดี แต่เจ้าตัวก็ไม่ได้ขัดขืน กลับซุกหน้าลงกับไหล่กว้าง ยืนแขนออกไปกอดตอบแต่โดยดี ทั้งรู้สึกผิด ทั้งดีใจที่สิรินเชื่อ ความรู้สึกผสมปนเปเต็มไปหมด

“ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ” ดำพร่ำบอก แขนก็กอดแน่นขึ้นเรื่อยๆ กลัวแสนกลัวว่าจะสูญเสียอ้อมกอดที่อบอุ่นนี้ไป

สิรินลูบหัวลูบหลัง รู้สึกผิดไม่น้อยที่ทำให้เจ้าตัวเล็กมีอาการเช่นนี้ เขาชอบใบหน้าที่เปลี่ยนไปมาตามอารมณ์ของดำก็จริง แต่ไม่ชอบแบบนี้เลย เขาต้องระวังให้มากขึ้น เพราะดำยังฝังใจเรื่องหลวงตา จึงอ่อนไหวกับเรื่องนี้มากกว่าปกติ

“ฉันอ่านหนังสือในเวลาว่างที่มหาลัย แล้วก็ตอนที่ดำเรียนกับคนอื่น เพราะแบบนั้นก็เลยไม่เคยเห็น เข้าใจไหม หืม” หลังจากเห็นว่าท่าทางดำผ่อนคลายลง สิรินก็อธิบาย ให้เด็กน้อยเข้าใจ

ความจริงเขาอ่านเพียงรอบเดียวก็จำได้ แต่ก็ต้องเผื่อเอาไว้บ้างเพื่อความมั่นใจ ทั้งยังเข้าใจบทเรียนที่อาจารย์สอนได้ดี จึงไม่จำเป็นต้องนั่งอะไรนานๆ ใช้เวลาว่างเพียงไม่กี่วันก็ครบทุกเล่มเสียแล้ว ไม่ได้ใช้เวลามากเท่ากับคนอื่นๆ

“คุณสินเก่งจัง” ฟังจบดำก็เงยหน้าขึ้นมายิ้มกว้าง คุณสินอ่านหนังสือเล่มหนาๆ ยากๆ ที่ไอ้ดำไม่เข้าใจพวกนั้นหมดแล้ว แถมยังอ่านตั้งสองรอบ สุดยอดไปเลย

ไอ้ดำไปเปิดดูหนังสือที่คุณทิวเอาวางไว้แล้ววิงเวียนศีรษะ หน้ามืดตาลายคล้ายจะเป็นลม หนังสืออะไรไม่รู้ยากเป็นบ้า เหมือนภาษามนุษย์ต่างดาวเลย ถ้าไอ้ดำต้องเรียนอะไรแบบนั้น ไอ้ดำไม่รอดแน่ๆ

“ดำก็เก่ง ตั้งใจเรียนดีมาก เด็กดี” สิรินชมกลับ เขาไม่ได้ยกยอ ดำตั้งใจเรียนมาก และความจริงดำไม่ได้หัวช้า ออกจะเข้าใจบทเรียนได้ดีด้วยซ้ำ สอนเพียงไม่กี่ครั้งก็แก้โจทย์เลขได้ง่ายๆ แล้ว ถ้าได้เรียนตั้งแต่เด็กคงจะกลายเป็นคนเก่งคนหนึ่ง

ถึงแม้ตอนนี้จะสอนเพื่อให้พอผ่านเกณฑ์เท่านั้นก็ถือว่าเก่งมาก เขาจัดโปรแกรมสอนให้ดำแบบเร่งรัด เรียนเฉพาะวิชาที่ต้องใช้ตอนมัธยม 4 แบบล้วนๆ กับพวกพื้นฐานที่จำเป็นเท่านั้น

คุณครูจำเป็นก็มี สิริน มาร์โก้ น่าน ทิว ก้อง โดยผลัดเปลี่ยนสอนตามวิชาที่ตัวเองถนัด และจัดตามเวลาว่างของแต่ละคน เพราะสิรินต้องเรียนจึงไม่มีเวลาสอนดำทั้งวัน ทั้งมาร์โก้ยังไม่เข้าใจบางอย่างที่เป็นหลักสูตรของไทย เช่น วิชาภาษาไทย สังคมฯ ประวัติศาสตร์

ยิ่งพอเพื่อนทั้ง 3 เสนอตัวช่วย จึงง่ายต่อการจัดการมากขึ้น ดำมีเวลาเพียง 3 เดือน พวกเขาต้องใช้เวลาให้คุ้มค่ามากที่สุด ส่วนเรื่องเอกสารเขาจัดการเอาไว้เรียบร้อยตั้งแต่มาร์โก้มาแล้ว

“เอ้าๆ ทุกคนได้เวลากินข้าวเที่ยงแล้ว” เสียงของมาร์โก้ดังมาจากหน้าห้อง ดำก็ยิ่งเพิ่มรอยยิ้มกว้างมากขึ้นไปอีก

“คุณสินข้าวของปะป๋าล่ะ” ถึงจะอิจฉาไปบ้าง แต่ก็ต้องยอมรับว่าดำยิ้มแบบนี้เขามีความสุขมากจริงๆ สิรินจึงยอมปล่อยดำแล้วพากันเดินออกจากห้องนอน

หน้าห้องไม่มีใครอยู่ มีเพียงกองหนังสือระเกะระกะเท่านั้น บ่งบอกได้ว่า เพื่อนๆ ของเขาทิ้งหนังสือหนีไปกินข้าวเสียแล้ว

“ไม่มีใครรอเลย คุณสินเร็วๆ ครับ เดี๋ยวคุณทิวแย่งของอร่อยไอ้ดำหมดก่อน” สัญชาตญาณหวงอาหารเข้าครอบงำ ดำรีบดึงแขนสิรินเดินตรงไปยังห้องครัวทันที แม้จะอยากรีบเข้าไปแย่งของอร่อย แต่ก็ไม่คิดที่จะทิ้งคุณสินเอาไว้คนเดียว

ไอ้ดำอยากให้คุณสินกินของอร่อยด้วยนี่นา

สิรินไม่ขัดขืน ปล่อยให้ดำลากไปเช่นนั้น มองตามแผ่นหลังเล็กๆ นั่นอย่างเอ็นดู เพราะแบบนี้ความรู้สึกของเขาจึงมากขึ้นเรื่อยๆ ดำมักจะใส่ใจเขาเสมอ

มื้อนั้นจบลงด้วยศึกแย่งชิงไก่อบสมุนไพรหอมฉุยของดำกับทิว เป็นมื้อที่คึกคัก เสียงหัวเราะดังขึ้นไม่ขาดสาย เป็นการกินอาหารที่มีความสุขอีกมื้อ ทั้งสุขใจ ทั้งอิ่มท้องเป็นช่วงเวลาเล็กๆ ที่มีความสุขเกินประมาณ

ตั้งแต่มีดำเข้ามาในชีวิต พวกเขาก็ไม่ขาดเสียงหัวเราะอีกเลย...

:: :: ::

หัวข้อ: เปย์ครั้งที่ 9 [2]
เริ่มหัวข้อโดย: GreenHead(หัวเขียว) ที่ 23-04-2018 07:51:57

หลังจากผ่านพ้นสัปดาห์แห่งการสอบ สิรินก็ให้เพื่อนๆ ได้พัก ส่วนเขาพักเพียงวันเดียวก็กลับมาสอนหนังสือดำได้แล้ว แต่ก็ไม่ได้เคร่งครัด เขายังคงปล่อยให้ดำผ่อนคลาย ไม่ว่าจะดูหนัง ดูการ์ตูน เขาก็ไม่เคยห้าม เพราะการเรียนไม่จำเป็นต้องกดดันให้เครียดเสมอไป แค่อยู่ในขอบเขตที่เหมาะสมก็เพียงพอ

จนกระทั่งวันนี้พวกเขาออกจากบ้านแต่เช้า เตรียมอาหาร สังฆทาน และของที่ใช้ทำบุญขึ้นรถ วันนี้เป็นวันครบรอบวันตายของสุทินพ่อของสิรินนั่นเอง

รถมุ่งหน้าไปยังวัดศรีบุญเรือง หรือที่ดำเรียกว่าวัดทำนบ ซึ่งถูกเปลี่ยนชื่อเมื่อปี 2504 ซึ่งเป็นช่วงเวลาหลังจากปีที่ดำจากมา 5 ปีแล้ว

ก่อนวันที่จะเดินทาง สิรินพูดคุยกับดำเรื่องนี้ ถึงสายตาจะหลงเหลือความหวังที่จะได้เจอหลวงตาอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้ซึมเศร้าเช่าครั้งก่อน ใช้เวลาออกจากบ้านเพียงไม่นานก็ถึง เพราะพวกเขาเดินทางเช้ามาก กลัวรถจะติดมากเกินไป และไม่ต้องแวะซื้ออาหารสำหรับใส่บาตรเช้า ซึ่งมาร์โก้ลุกขึ้นมาเตรียมเอาไว้ตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง

กับข้าวถูกบรรจุไว้ในปิ่นโต 5 ชั้น 2 อัน พวกเขาไม่ได้ฟุ่มเฟือยเพราะถือโอกาสมาทำบุญเฉพาะครอบครัวเท่านั้น สังฆทานก็ทำเอง ของด้านในจึงจะครบถ้วนและได้ปริมาณมากกว่า ทั้งยังเต็มไปด้วยของใช้จำเป็นมากมาย

การเตรียมตัวมาทำบุญครั้งนี้ พวกเขายังได้ใช้เวลาครอบครัวอย่างเต็มที่ ทั้งซื้อของ ทั้งจัดเตรียมล้วนร่วมด้วยช่วยกันอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง

แม้จะยังคงหลงเหลือความเศร้า แต่เวลาก็ช่วยเยียวยาให้ดีขึ้น ยิ่งมีคนคอยอยู่เคียงข้างด้วยแล้ว ก็จะมามัวทุกข์ใจอยู่ไม่ได้ ไม่เช่นนั้นคนที่มองลงมาจากบนฟ้าคงไม่อาจมีความสุขได้เช่นเดียวกัน

นอกจากหวังจะได้พบหลวงตาแล้ว ดำก็รู้สึกตื่นเต้นไม่น้อยที่จะได้เจอพ่อของสิรินครั้งแรก แม้จะไม่ใช่รูปแบบที่ชอบมากนักก็ตาม

ไม่เป็นไรวันนี้ไอ้ดำจะไปบอกพ่อคุณสินว่าไอ้ดำจะปกป้องดูแลคุณสินเอง

ดำตั้งใจแบบนั้น ตลอดเวลาที่นั่งบนรถจึงแอบจ้องมองสิรินครั้งแล้วครั้งเล่า ทั้งยังกลัวสิรินจะเศร้า มือของทั้งคู่จึงจับกันไว้จนถึงวัด มาร์โก้ที่นั่งมองจากเบาะหลังก็ได้แต่มองด้วยสายตาอบอุ่น

คราวนี้คุณต้องดีใจแน่สุทิน ต้องดีใจเหมือนผมแน่ๆ ลูกของเราเจอคนที่ตามหาแล้ว...

หลังจากใส่บาตรเช้าคนทั้งสามก็ถวายสังฆทาน กวาดน้ำอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้คนตาย จากนั้นจึงเดินไปยังบริเวณที่ตั้งเจดีย์เก็บกระดูก

ลมพัดผ่านวูบหนึ่งดังต้อนรับผู้มาเยือน สิรินนั่งลงวางดอกไม้ที่เตรียมมา พ่อของเขาชอบดอกทานตะวัน ทุกครั้งที่มาจึงเตรียมมาให้เสมอ แม้คนที่จากไปแล้วอาจจะไม่รับรู้ แต่เขาก็อยากทำทุกอย่างให้ดีที่สุด

“พ่อครับ ผมสบายดี ไม่ต้องห่วง” แม้ถามไปก็ไม่อาจได้รับคำตอบ ทุกครั้งสิรินจึงเป็นฝ่ายเล่าเรื่องราวต่างๆ ให้พ่อฟังเสมอ เรื่องราวดีๆ มากมายถูกหยิบยกขึ้นมากล่าว ถึงจะเป็นตอนนี้เขาก็ยังอยากให้พ่อสบายใจ

ดำมองสิรินที่เผยแววตาเศร้าสร้อย แต่ก็แฝงความอบอุ่นอยู่ในนั้น คุณสินรักพ่อมาก ดำสัมผัสได้

“ส่วนทางนี้คือดำครับ เขาเป็นคนที่ทำให้ผมมีความสุข” สายตาถ่ายทอดความจริงใจ รอยยิ้มค่อยๆ แต่งแต้มที่มุมปาก เขาอยากแนะนำให้พ่อได้รู้จักกับดำมากที่สุด อยากให้เห็นคนที่เขารักและอยากปกป้อง

ดำนั่งลงข้างสิริน รับรู้ได้ถึงความรู้สึกที่อยู่ในน้ำเสียงนั้น

“สวัสดีครับ ไอ้ดำชื่อไอ้ดำครับ ตอนนี้ไอ้ดำอยู่กับคุณสิน ไอ้ดำเป็นเด็กดี เชื่อฟังคุณสินมากๆ แล้วก็จะปกป้องคุณสินเองครับ ไม่ต้องห่วงนะครับ” พูดจบก็ทุบอกตุบๆ 2 ครั้ง เพื่อยืนยันสิ่งที่ตนพูด แน่วแน่ในคำสัญญาที่ให้ไป ยึดเป็นคำกล่าวอันมั่งคงภายในใจ ไม่ว่าจะผ่านไปนานเท่าใดก็จะไม่สั่นคลอน

ลมวูบผ่านอีกครั้ง ไม่ได้เย็นจนหนาว แต่กลับมีความอบอุ่นแฝงอยู่

“พ่อคงรับรู้แล้ว” สิรินลูบหัวเจ้าตัวเล็กที่กำลังยกยิ้มกว้างให้กับเขา

เห็นไหมครับพ่อ เด็กคนนี้เหมือนดอกทานตะวันที่พ่อชอบเลย ทั้งเปล่งประกาย ทั้งสดใส ยิ่งอยู่ใกล้ยิ่งมีความสุข พ่อก็ชอบดำเหมือนกันใช่ไหมครับ...

หลังจากนั้นดำกับสิรินก็หลบออกมา ให้มาร์โก้ได้มีเวลาพูดคุยกับคนรักเป็นการส่วนตัว สิรินทำเช่นนี้เสมอ เพราะรู้ดีว่าสำหรับมาร์โก้แล้วคงมีเรื่องราวที่รับรู้ได้เพียงแค่พวกเขาเท่านั้น

ในระหว่างรอ สิรินพาดำเดินเล่นในวัด ดำสนใจกับทุกสิ่งอย่างเพราะมันเปลี่ยนไปจนแทบจำไม่ได้ สถานที่แรกที่ดำอยากไปคือโบสถ์หลังใหญ่อันเป็นจุดสำคัญของวัด

ทั้งยังเล่าว่าในปีที่ดำจากมาก็มีโบสถ์ตั้งอยู่เช่นกัน เพียงแต่เล็กและโทรมกว่านี้มาก เขาจึงเล่าประวัติที่พอรู้ให้ดำฟังบ้าง

วันนี้เปลี่ยนชื่อจากวัดทำนบ เป็นวัดศรีบุญเรืองตั้งแต่ปีพุทธศักราช 2504 และในปีนั้นก็มีการบูรณะโบสถ์อันเป็นจุดสำคัญของวัดจนมีขนาดใหญ่ตามที่เห็นในปัจจุบัน

ยิ่งเข้าไปด้านในดำยิ่งตื่นเต้น ภาพจิตรกรรมฝาผนังอันวิจิตรงดงามนั้นน่าหลงใหล หลังจากไหว้พระพุทธรูปในโบสถ์แล้ว สิรินก็ปล่อยให้ดำได้นั่งมองภาพรอบด้านจนพอใจแล้วจึงออกมาด้านนอก

การทำบุญในยุคปัจจุบันดูแปลกตา ดำทั้งสนใจทั้งไม่เข้าใจเป็นอย่างยิ่ง พอสิรินพาเดินไปทางไหนก็ตื่นเต้นไปเสียหมด และที่ดำชอบที่สุดก็คือระฆังที่เรียงรายเอาไว้ เสียงอันไพเราะ กลิ่นอายมีมนตร์ขลัง ยิ่งได้เดินเคียงคู่ร่วมลั่นระฆังยิ่งรู้สึกผูกพันลึกซึ้งมากขึ้น

เหมือนหัวใจเชื่อมต่อเข้าด้วยกัน สายตาอบอุ่น ฝ่ามือแข็งแกร่ง ลมหายใจเข้าออกเป็นจังหวะเดียวกันทุกครั้งที่เดินไปข้างหน้า เป็นช่วงเวลาที่งดงามจนต้องสลักไว้ในส่วนลึกของจิตใจ

พวกเขาจะไม่มีทางลืมช่วงเวลาเหล่านี้โดยเด็ดขาด...

กว่าจะออกจากวัดก็สายมากแล้ว ถึงช่วงเวลาที่ห้างเปิดพอดิบพอดี พวกเขาจึงตัดสินใจไปกินข้าวที่ร้านอาหารแทนที่จะกลับไปทำอาหารเองที่บ้าน ให้มาร์โก้ได้พักผ่อน พวกเขาควรใช้เวลาอย่างสบายๆ ในวันที่สำคัญเช่นนี้

เพราะเป็นช่วงเช้า สิรินไม่อยากให้ดำกินจนแน่นท้องมากนัก จึงเลือกร้านแบบสั่งเป็นชุดพร้อมทาน ไม่ใช่แบบบุฟเฟ่ต์ที่ดำชอบ

ดำไม่คัดค้าน อย่างไรอาหารหลักของดำก็ต้องข้าวเป็นที่หนึ่งอยู่แล้ว ไม่ได้กินข้าวจะหิวเร็ว สิรินเข้าใจดำที่สุดดังนั้นคนตัวเล็กจะกล้าขัดได้อย่างไร

ภาพอาหารในเมนูละลานตาจนดำเลือกกินไม่ถูก เซตอาหารหน้าตาน่าทานเรียงรายเอาไว้บนหน้ากระดาษ ไม่ว่าจะเปิดไปกี่หน้าก็ล้วนแล้วแต่เป็นภาพสีทั้งสิ้น แม้เมนูเหล่านี้จะไม่คุ้นตา ทั้งชื่อก็แปลกประหลาด แต่ดำก็ยอมรับว่ามันน่ากินไปเสียหมดทุกอย่าง

“ยังเลือกไม่ได้อีกเหรอ” สิรินถามเมื่อดำเปิดเมนูรอบที่ 3 และยังคงขมวดคิ้วมุ่นทั้งที่น้ำลายไหลเลอะมุมปาก

“มันน่ากินทุกอย่างเลยไม่ดำเลือกไม่ได้ครับ” เงยหน้าพร้อมเช็ดปากแบบลวกๆ เดี๋ยวคุณสินจะมองไอ้ดำไม่ดี

“ดำอยากกินข้าวก็ตัดเมนูที่ไม่มีข้าวออกก่อน แล้วก็เลือกเมนูที่เป็นเซตดีกว่าจะได้เสิร์ฟพร้อมกับอย่างอื่นนอกจากข้าวด้วย” สิรินออกปากช่วยเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้เลือกให้ เขาอยากให้ดำเลือกของที่อยากกินด้วยตัวเองมากกว่าไปเจ้ากี้เจ้าการจัดการให้ไปเสียหมดไม่ได้ ดำไม่ใช่เด็กตัวเล็กๆ สิรินตระหนักถึงเรื่องนั้นดี

“ขอบคุณครับ” ดำยิ้มแป้น ได้ตัวช่วยมาแล้วก็ลองเปิดใหม่อีกครั้ง

อันนี้ไม่มีข้าว ข้ามๆ อันนี้ด้วย อันนี้ด้วย

ฟู่

เหลืออีกแค่ 3 หน้าแล้ว

ยกมือขึ้นเช็ดเหงื่อปลอมๆ หนึ่งทีราวกับว่าการเลือกอาหารเป็นเรื่องยากเหลือจะกล่าว จนต้องใช้พลังใจหักห้ามตัดทิ้งไปมากโข ก็ช่วยไม่ได้เล่นน่ากินทุกเมนูขนาดนี้ เวลาตัดทิ้งมันยากจริงๆ นะ

แต่หลังตัดใจได้ก็มองภาพอาหารเซตด้วยดวงตาแวววาว อย่างที่คุณสินพูดเป็นเซตได้เยอะกว่าจริงๆ ด้วย

หมู ไก่ เนื้อ ปลา กุ้ง จะกินอะไรดีนะ

สุดท้ายก็ต้องชะงักอีกรอบ แต่ด้วยความอยากของเด็กริมคลองแล้ว ปลาถือว่าเป็นอาหารที่ขาดไม่ได้ แซลมอนอร่อยที่สุดแต่เมื่อวานก็กินไปแล้ว ดำจึงจับจ้องปลาที่ตัวเองไม่รู้จักอย่างสนใจ

อ่านว่า ปลาซาบะย่างซีอิ๊วกะทะร้อน โห ไอ้ดำอ่านออก ไม่ติดขัดเลยด้วย คุณสินเก่งที่สุด สอนคนโง่ๆ อย่างไอ้ดำได้ขนาดนี้

ดำปลื้มกับความรู้สึกเหล่านี้ แต่ก่อนเขาต้องสะกดถ้าเจอคำที่ไม่เคยเห็น แต่หลังจากผ่านการติวเข้มมาเวลาอ่านหนังสือจึงคล่องปรื๋อจนตัวเองยังแปลกใจ

“ไอ้ดำอยากกินปลาซาบะย่างซีอิ๊วกระทะร้อนครับ” ตัดสินใจได้ก็หันไปบอกสิริน พร้อมๆ กับที่พนักงานเดินเข้ามารับเมนูเมื่อเห็นว่าลูกค้าเลือกอาหารได้แล้ว

สิรินสั่งข้าวหน้าหมู ส่วนมาร์โก้สั่งเป็นเซตหมูทอดทงคตสึ ในระหว่างรอดำก็เล่าเรื่องคลองแสนแสบให้ทุกคนฟัง

“แต่ก่อนคลองสวยมาก น้ำก็สะอาด ปลาเยอะแยะเลย ไอ้ดำมาเล่นน้ำประจำ พอตอนนี้เห็นแล้วใจหาย เพราะอะไรถึงมีสภาพแบบนั้นไปได้นะ เฮ้อ” ยิ่งคิดถึงปลาตัวใหญ่ๆ ยิ่งเสียดาย น้ำเสียขนาดนั้นไม่ใช่ว่าตายไปหมดแล้วเหรอ น้ำเริ่มมีสภาพแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ ป่านนี้ทางนั้นน้ำเริ่มเปลี่ยนสภาพหรือยัง ยิ่งคิดยิ่งเป็นห่วง

“เพราะมีโรงงานปล่อยสารเคมีลงไปในแม่น้ำ ส่วนคนแถวนั้นก็ทิ้งขยะลงไปด้วย น้ำถึงได้มีสภาพแบบนี้ ...ไม่ต้องกังวลไปหรอกในปีที่ดำอยู่ยังไม่ได้มีโรงงานมากมาย” สิรินลูบหัวปลอบโยน ไม่อยากให้ดำคิดมาก แต่สิ่งที่เขาพูดก็ใช่ว่าจะไม่ใช่ความจริง เพราะอุตสาหกรรมพัฒนาเร็วมากในช่วงไม่กี่ปี ถึงได้ดูเหมือนมีมานาน ความจริงมันไม่ได้ยาวนานขนาดนั้น

“จริงเหรอครับ” ดำรู้สึกสบายใจขึ้น สิรินชอบเป็นแบบนี้ เหมือนเข้าใจความคิดของดำได้ง่ายๆ ทุกครั้งเวลาที่ได้รับฟังน้ำเสียงอบอุ่นถึงได้สบายใจขึ้นอย่างบอกไม่ถูก

“โอ๊ะ มาแล้วๆ” เพียงไม่นานอาหารก็พร้อมเสิร์ฟ เพียงแต่...

“ของไอ้ดำล่ะ” ดำมองตาละห้อย ของคุณสินกับ ปะป๋ามาแล้ว แต่ของไอ้ดำหายไปไหน

ดูทงคตสึของปะป๋าสิ ข้างนอกเหลืองดูท่าจะกรุบกรอบ ด้านในมีหมูสีน้ำตาลดูนุ่มนิ่ม เห็นแล้วน้ำลายไหล ซู้ด ของคุณสินก็ใช่ย่อย หมูหั่นชิ้นพอดีคำ ผัดกับหอมหัวใหญ่จนกลายเป็นสีน้ำตาลอมเหลืองวางเรียงรายบนสวยร้อนๆ กลิ่นหอมของเครื่องปรุงเรียกน้ำย่อยในกระเพาะให้ร้องได้เป็นอย่างดี

“ของดำมาทีหลัง คงเพราะต้องย่างปลาสดๆ รอก่อนนะ ไม่ไหวแล้วเหรอ” สิรินมองคนที่จดจ้องถาดอาหารด้านหน้าของเขา มองสลับไปมา ข้าวหน้าหมูที ทงคตสึที จนน้ำลายเริ่มไหล ดวงตาสะท้อนเป็นของกินตรงหน้าจนไม่สนใจสิ่งใดแล้ว

“หวะ ไหวครับ ไหวๆ” ดำตอบคำถาม และมันก็เป็นคำสั่งที่บอกให้ตัวเองอดทนด้วย

เอาน่า ของไอ้ดำต้องน่ากินกว่านี้แน่

“หึหึ แน่ใจนะ” สิรินเย้าแหย่ ก็ดูเข้าสิ บอกไหวแต่สายตายังไม่ละจากข้าวหน้าหมูของเขาเลย

“ครับ” อึก ไหวครับ ไอ้ดำไหว กลืนน้ำลายไว้ก็ได้ ไอ้ดำจะอดทน

“อา ถ้าอย่างนั้นที่คิดว่าจะให้ชิมข้าวหน้าหมูของฉันก่อน...ก็คงไม่ต้องสินะ” ดำหูผึ่ง หันไปมองหน้าสิรินทันที ส่วนสิรินก็เก็บรอยยิ้มมุมปากนั่นไว้ แกล้งเด็กน้อยของเขาเสียหน่อยช่างสนุกจริงๆ

ดูสายตาทั้งคาดหวัง ทั้งเสียดายนั่นสิ...จะเอาอย่างไรเจ้าจอมตะกละ

“ไอ้ดำ ไอ้ดำ เปลี่ยนคำตอบได้ไหมครับ” หลังจากอ้าปากพะงาบๆ ด้วยความอึ้ง สมองน้อยๆ ของดำก็นึกข้อแก้ตัวอะไรไม่ออก ได้แต่ส่งสายตาออดอ้อนไปให้สิรินเท่านั้น

คำขอแสนซื่อทำให้สิรินพอใจ แต่ก็ยังไม่คิดจะหยุดแกล้ง รอยยิ้มเจ้าเล่ห์จุดขึ้นที่มุมปากอีกครั้งหลังเบือนหน้าไปมองด้านหน้าของตัวเอง

ท่าทีไม่รีบร้อน ขยับมือเปิดซุปมิโสะหอมฉุย หยิบช้อนตักซุปกินเล็กน้อย แล้วจึงเปลี่ยนเป็นตะเกียบคู่หนึ่งที่วางไว้ บรรจงคีมหมูขึ้นค่อยๆ เคลื่อนเข้าปากอย่างช้าๆ

ตลอดเวลานั้นมันช่วงยั่วความอยากของดำเสียเหลือเกิน ไม่ว่าจะซุปหอมฉุย หรือหมูชิ้นพอดีคำที่อยู่บนข้าว ยิ่งมือสินเคลื่อนใกล้ปากมากเท่าใด สายตาดำก็ยิ่งจับจ้อง พร้อมกลืนน้ำลายครั้งแล้วครั้งเล่า

ไอ้ดำอยากกินอะ!

รอยยิ้มของสิรินแทบจะเก็บไม่อยู่ แม้แต่มาร์โก้ยังต้องยกมือขึ้นมาปิดปากกลั้นขำ โอ๊ยลูกชายตัวน้อยน่ารักไปแล้ว แต่ดำไม่ได้รับรู้สิ่งเหล่านี้เลย เขาเพียงจ้อง จับจ้องเพียงหมูที่กำลังเคลื่อนเข้าปากสิรินเท่านั้น

ก่อนอ้าปากรับสิรินก็หยุดมือเอาไว้ แล้วจึงยื่นตะเกียบไปที่ปากดำแทน

น่าเอ็นดูเกินไปแล้วเจ้าตัวเล็ก

ดำมองหมูตรงหน้าสลับกับใบหน้าของสิรินไปมา เหมือนชั่งใจว่าเขากินได้จริงเหรอ พอสิรินพยักหน้าเท่านั้นก็อ้าปากงับหมูชิ้นที่เขาอยากกินทันที

เคี้ยวๆ เคี้ยวจนแก้มป่อง หลับตาพริ้มซึมซับรสชาติของหมูเนื้อนิ่ม ใบหน้าบ่งบอกว่าเจ้าตัวพอใจมากที่สุด

“อร่อยจังครับ” กลืนจนหมดก็ยิ้มแป้นให้สิริน แถมยังอ้าปากกว้างรอรับหมูอีกชิ้นอย่างไม่คิดจะพอ

“หึหึ พอแล้ว นั่นขอดำมาแล้ว” หันตะเกียบด้านที่ไม่เปื้อนเคาะหัวเบาๆ หนึ่งที แล้วจึงชี้บอกเมื่อพนักงานเดินมาถึงโต๊ะ น่าเอ็นดูไปแล้วเจ้าเด็กดื้อ

“ว้าว ปลาชิ้นใหญ่ๆ” ดำตาลุกวาว ละความสนใจจากหมูนุ่มนิ่มไปสนใจปลาโซบะย่างซีอิ๊วกระทะร้อนของตนทันที

ฟังเสียง ชี่ ชี่ ของกระทะร้อนๆ นั่นสิ แค่นี้ก็รู้แล้วว่าต้องอร่อยมาก ไอ้ดำเลือกถูกจริงๆ ด้วย เย้

ความร้อนของกระทะทำให้น้ำซอสที่ราดบนตัวปลาหอมยิ่งขึ้น ยิ่งใกล้ยิ่งน่ากิน ขนาดเครื่องเคียงที่อยู่ในกระทะยังน่ากินเลย

งื้อ ไอ้ดำจะกินให้เกลี้ยง รอบนี้ต่อให้เป็นผักก็จะกินให้หมด ต้องอร่อยแน่

“เอ้าๆ อย่ามัวแต่จ้อง เดี๋ยวน้ำลายก็หมดตัวก่อนหรอก กินได้แล้ว” มาร์โก้แหย่บ้าง ดูสิ สายตาบอกว่าอยากกินๆ แต่กลับไม่ยอมลงมือเสียที คงเพราะคาดเดารสชาติของมันสินะ เด็กหนอเด็ก

“คร้าบบบ” ดำลากเสียงยาว ก่อนจะค่อยๆ หยิบตะเกียบมาจิ้มๆ บนตัวปลา

นุ่มมาก นั่นคือสัมผัสแรกที่รู้สึกผ่านทางตะเกียบ ทำให้ดำกระตือรือร้นยิ่งกว่าเดิม พยายามคีบเนื้อปลาออกจากก้างอยางทุลักทุเล

ตะเกียบใช้ยากจัง ทำไมปะป๋ากับคุณสินใช้กันง่ายๆ เลยนะ

“เอาช้อนกดไว้ก่อน จะได้คีบถนัดขึ้น เนื้อปลาจะหลุดง่ายกว่านะ” เห็นแล้วสงสาร สิรินจึงแนะนำไปเล็กน้อย

ดำหันมามองพร้อมสายตาที่สื่อว่า

‘ คุณสินฉลาดที่สุดเลย ไอ้ดำโง่ตั้งนาน’ แล้วจึงหันไปหยิบช้อนแล้วตั้งหน้าตั้งตาคีบเหนือปลาออกมาได้จนหมด

คราวนี้ล่ะ ไอ้ดำจะได้กินทีเดียว ค่อยๆ คีบมันช้า หึหึ ไอ้ดำก็ฉลาดเหมือนกันนะเนี่ย

หลังจากนั้นสิรินกับมาร์โก้ปล่อยให้ดำสุขสมกับโลกส่วนตัวของตัวเองอย่างเต็มที่ พวกเขาเพียงกินพรางหันไปมองดำเป็นระยะเท่านั้น

ข้าวก็นุ่มปลาก็นุ่ม ซอสยิ่งหอม อื้ม เข้ากับเนื้อปลาที่สุด ยิ่งตักซอสไปคลุกข้าวด้วยยิ่งอร่อย ไอ้ดำขออีกชุดได้ไหมนะ อร่อยจนหยุดกินไม่ได้เลย ขนาดแครอทที่ไอ้ดำไม่ชอบยังอร่อย คงเพราะซอสซีอิ๊วอันนี้ ทั้งแครอทยังหั่นพอดีคำ เนื้อด้านในก็นุ่มนิ่ม เข้ากับซอสบนตัวปลาได้เป็นอย่างดี

ซุปหอมๆ ที่ได้แต่มองคุณสินกินก็อร่อย ถึงจะจืดไปเล็กน้อย แต่ดำชอบสาหร่ายที่อยู่ด้านในมาก เนื้อสาหร่ายลื่นๆ เวลาเคี้ยวก็ให้รสสัมผัสที่เหนียวนิดๆ แต่ยิ่งเคี้ยวยิ่งมัน ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าอร่อยจริง ตบท้ายด้วยสลัด ผักที่หั่นเป็นฝอยกับมะเขือเทศลูกเล็กแปลกตาชวนลิ้มลอง ราดด้วยน้ำสลัดสีขาว ยิ่งกินกับมะเขือเทศลูกเล็กก็ยิ่งอร่อย มันหวานต่างจากที่เคยกินกว่าปกติมากทีเดียว

สุดท้ายดำก็กินอาหารเซตปลาซาบะย่างกระทะร้อนของตนจนหมดเกลี้ยง ทั้งยังขอสั่งเพิ่มอีก 2 ชุด แถมท้ายด้วยเกี๊ยวซ่าทอดกับซูชิคำโต เรียกได้ว่าจุใจจนเกินกว่าเป็นมื้ออาหารเช้าแบบเบาๆ เชียวล่ะ

:: :: ::
วันเวลาผ่านไปจนถึงวันที่ดำต้องไปโรงเรียน วันพรุ่งนี้ก็เป็นวันปฐมนิเทศแล้ว ดำตื่นเต้นทั้งวันกว่าจะกล่อมให้นอนได้ก็ใช้เวลาเกือบค่อนคืน

สิรินจับจ้องใบหน้าหลับพริ้มมีความสุขของดำ ความจริงส่วนลึกเขาไม่อยากให้ดำไปโรงเรียนเลย อยากจะขังคนตัวเล็กเอาไว้เป็นของเขาเพียงคนเดียว แต่ด้วยความรู้สึกของดำแล้ว สิรินรู้ดีว่าไม่ควรทำ และเพื่ออนาคตที่ดีของดำ เขาควรให้ดำได้เรียนรู้โลกกว้าง ดำควรมีอิสระของตัวเอง

แต่ใครจะรู้เล่าว่าเขาให้อิสระกับดำนั้น มันก็มีขอบเขตอยู่ ไม่มีทางเลยที่สิรินจะปล่อยให้ดำหลุดมือ เขาพันธนาการดำไว้ด้วยความรู้สึก และปัจจัยรอบด้าน

มั่นใจแล้วว่าดำไม่อาจหนีเขาไปไหนได้แล้วจึงเปิดพื้นที่ส่วนหนึ่งให้ ยอมรับสภาพที่ควรจะเป็น เพราะรู้ดีว่าการไร้อิสระทางความคิดมันทรมานยิ่งกว่าสิ่งใด

“ดำ เธอเป็นของฉัน เป็นคนสำคัญของฉันเข้าใจรึเปล่า ฉันไม่ปล่อยให้ดำหนีไปไหนแน่” สิรินจรดจูบบนหน้าผากเนียนอย่างแผ่วเบา แล้วจึงล้มตัวนอน กอดคนตัวเล็กเอาไว้ด้วยความรู้สึกหวงแหน ต่อให้พรุ่งนี้เป็นเช่นไรเขาก็ไม่มีทางปล่อยมือ









โปรดติดตามตอนต่อไป...



__________________________________________

มาแล้วค่ะ กลับมาแล้ว กรีนสารภาพผิด

หลงลืมวันลืมคืนจริงๆ นึกว่าผ่านมาไม่กี่วันรู้สึกตัวก็ปาไป 10 แล้วค่ะ

ตอนต่อไปจะรีบลงนะคะ กรีนขอโทษจริงๆ

ขอบคุณทุกคอมเมนท์ด้วยน้า ชอบความอินของทุกคน

มีความสุขมากกกก ที่ทุกคนหิว5555

อ่านจบแล้วอย่าลืมไปหาอะไรกินกันนะคะ กรีนเป็นห่วง หุหุหุ

(ช่วงนี้วุ่นๆ หน่อย คงไม่ค่อยได้ตอบคอมเมนท์ ขอโทษจริงๆ ค่ะ)









หัวข้อ: Re: = P A Y = เปย์ข้าด้วยบุฟเฟ่ต์สิ [เปย์ครั้งที่ 9] 23.04.2018
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 23-04-2018 08:20:36
 o13 ดำน่าเอ็นดู/อ่านจบหิวเลย
หัวข้อ: Re: = P A Y = เปย์ข้าด้วยบุฟเฟ่ต์สิ [เปย์ครั้งที่ 9] 23.04.2018
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 23-04-2018 12:44:15
กระเพาะของดำนี่ ขยายได้มากเลยนะ นับถือๆ o13
หัวข้อ: Re: = P A Y = เปย์ข้าด้วยบุฟเฟ่ต์สิ [เปย์ครั้งที่ 9] 23.04.2018
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 23-04-2018 12:49:18
น้องดำน่ารัก~ :hao5:
หัวข้อ: Re: = P A Y = เปย์ข้าด้วยบุฟเฟ่ต์สิ [เปย์ครั้งที่ 9] 23.04.2018
เริ่มหัวข้อโดย: Mayana ที่ 23-04-2018 12:53:27
นับวันน้องดำแก้มกลมก็ยิ่งน่ารักน่าเอ็นดู ..ใจบางหมดแล้วว  o2
หัวข้อ: Re: = P A Y = เปย์ข้าด้วยบุฟเฟ่ต์สิ [เปย์ครั้งที่ 9] 23.04.2018
เริ่มหัวข้อโดย: talbubbub ที่ 23-04-2018 13:04:12
อยากเป็นไอดำ คุณสินนนนนนนนนนนพาน้องไปอยู่ด้วย :z1:
หัวข้อ: Re: = P A Y = เปย์ข้าด้วยบุฟเฟ่ต์สิ [เปย์ครั้งที่ 9] 23.04.2018
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 23-04-2018 13:38:20
หิว
หัวข้อ: Re: = P A Y = เปย์ข้าด้วยบุฟเฟ่ต์สิ [เปย์ครั้งที่ 9] 23.04.2018
เริ่มหัวข้อโดย: Readyaoi ที่ 23-04-2018 15:09:02
 :katai1:รู้สึกหิวว
ดำน่าร้ากกกกกกกก
หัวข้อ: Re: = P A Y = เปย์ข้าด้วยบุฟเฟ่ต์สิ [เปย์ครั้งที่ 9] 23.04.2018
เริ่มหัวข้อโดย: missme1485 ที่ 26-04-2018 01:08:49
ฮื้ออออ ดำลู้กกกกก น้อนนนน เอ็นดูอ่ะ อยากพาหนูไปเลี้ยงชาบูเลี้ยงทุกอย่างที่หนูอยากกินเลยคนดี ;////;
หัวข้อ: เปย์ครั้งที่ 10
เริ่มหัวข้อโดย: GreenHead(หัวเขียว) ที่ 30-04-2018 22:05:13
เปย์ครั้งที่  10

‘สามเพลงตกม้าตาย’

การพ่ายแพ้อย่างรวดเร็ว ใช้เวลาสู้เพียงไม่นานก็แพ้เสียแล้ว


เสียงพูดคุยจอแจดังขึ้นไม่ขาดสาย วันนี้เป็นวันปฐมนิเทศของบรรดานักเรียนชั้นมัธยมทั้งหลาย หลังแยกกับผู้ปกครองที่ต้องร่วมประชุมกับโรงเรียนพวกเขาก็ต้องตามหาห้องของตัวเองเพื่อพบเพื่อนๆ และคุณครูที่ปรึกษาก่อนจะเริ่มต้นเรียนในวันพรุ่งนี้

หลังจากสิรินให้มาร์โก้เข้าร่วมประชุมในฐานะผู้ปกครอง และตามก็มาส่งดำถึงห้องเรียน เขาก็ต้องแยกตัวกลับไปมหาวิทยาลัยในทันที เนื่องจากช่วงนี้เป็นช่วงที่วุ่นวายที่สุดของเขา มหกรรมการฝึกงานในปีสุดท้ายนั่นเอง

ดำพยายามท่องทุกอย่างที่สิรินสั่งไว้

‘อย่าดื้อ ต้องตั้งใจเรียน อย่าให้ใครรังแกได้ เพราะดำตัวเล็กอาจโดนเพ่งเล็งง่ายๆ เข้าใจไหม ถ้าถูกแกล้งให้มาบอกฉัน ฉันจะปกป้องดำเอง’

รอยยิ้มอบอุ่น กับสัมผัสบางเบาบนหน้าผากทำให้ดำจำยอม รับปากอย่างง่ายดาย แม้ใจจะค้านเล็กน้อยก็ตาม

คุณสินจุ๊บๆ หน้าผากไอ้ดำอีกแล้ว อบอุ่นจัง ไอ้ดำชอบที่สุดเลย

ดำมองส่งสิรินจนลงหายไปจากมุมมองของสายตา แล้วจึงยกมือแตะหน้าผากอมยิ้มมีความสุข สิรินสัมผัสร่างกายเขามากขึ้น แต่ดำกลับไม่เคยคิดรังเกียจ ออกจะชอบเสียด้วยซ้ำ...ก็ทุกครั้งที่ถูกกอดถูกหอม มันอบอุ่นสุดๆ ไปเลยนี่นา

หลังจากยืนยิ้มจนพอใจดำจึงเปิดประตูเข้าห้องของตัวเอง ม.4/2 ห้องที่ดำต้องมาเรียนตลอดหนึ่งปีนี้ เพราะโรงเรียนมีระบบย้ายห้องทุกปี ไม่ได้วัดระดับคะแนน แต่คละกันแบบสุ่มเพื่อให้นักเรียนได้เปิดรับเพื่อนใหม่ๆ มากขึ้น ได้เรียนรู้สังคมที่หลายรูปแบบมากขึ้นด้วยเช่นเดียวกัน

เหล่าเพื่อนนักเรียนจดจ้องดำเป็นตาเดียว แต่ดำหาได้สนใจ เขามองหาโต๊ะที่ว่างก่อนจะเข้าไปนั่ง ทำตามลำดับขั้นตอนที่สิรินเคยบอกได้เป็นอย่างดี เพราะเขาไม่เคยมาโรงเรียนสิรินจึงเล่าลำดับขั้นตอนของการเป็นนักเรียนให้ฟังเสมอ

แม้ไม่ได้ขีดเส้นว่าดำต้องทำตัวอย่างไร แต่เรื่องเล็กน้อยอย่างเข้าห้องแล้วควรทำอะไร คุณครูให้แนะนำตัวต้องตอบแบบไหนบ้าง หรือช่วงเวลาต่างๆ ของโรงเรียนมีกำหนดการเช่นไรสิรินล้วนบอกกล่าวแก่ดำแล้วทั้งสิ้น

‘นั่งโต๊ะแล้วรอคุณครู ถ้ามีเพื่อนมาพูดด้วยก็คุยได้ แล้วแต่ว่าดำอยากทำแบบไหน ช่วงนี้จะปล่อยให้นักเรียนได้ทำความรู้จักกัน ไม่ต้องคิดมาก’

โต๊ะหน้าห้องยังว่างเปล่าไร้เงาของคุณครูที่จะมาพูดคุยในวันนี้ ดำเลือกนั่งโต๊ะข้างหน้าต่าง นับจากด้านหน้าอยู่แถวที่ 3 เพราะดูท่าเย็นสบายและตำแหน่งกำลังดี

“เอ่อ คือ” เสียงเล็กๆ ของเด็กผู้หญิง เรียกให้ดำหันมาสนใจ มีผู้หญิง 2 คนยืนอยู่ข้างโต๊ะของเขา

ดำเอียงคอน้อยๆ อย่างสงสัย ผู้หญิงสองคนนี้มีอะไรจะพูดกับไอ้ดำนะ

“ไฮ้ ฉันชื่อ ลิลิน นะ ยินดีที่ได้รู้จัก ส่วนยัยนี่ ชื่อ ขมิ้น พวกเรามีเรื่องอยากจะถามนิดหน่อยน่ะ” ผู้หญิงอีกคนเปิดปากถาม เพราะดูท่าหากรอให้เพื่อนตัวเองพูดคงต้องรออีกนานโข

“อื้อ ไอ้ดำ ชื่อ ดำ มีเรื่องอะไรจะถามเหรอ” ดำคิดว่าคนทั้งสองไม่ได้แย่จึงคุยด้วยอย่างปกติ ยิ้มแย้มน่ารักจนใครหลายคนต้องหันมามองรอยยิ้มเจิดจ้านั้น

“คือว่าเมื่อเช้าเราเห็นดำมากับผู้ชายอีก 2 คน ใครเหรอ ไม่เหมือนดำเลยอะ” ลิลินยังถามต่อด้วยเป็นผู้หญิงที่พูดขวานผ่าซาก เธอจึงถามตรงๆ แบบไม่เกรงใจ ต่างจากขมิ้นที่ยิ้นเขินอายเมื่อนึกถึงผู้ชายในชุดนักศึกษาเมื่อเช้า

ผู้หญิงหลายคนในห้องหูผึ่ง มีคนเป็นทัพหน้าถามแล้ว พวกเธอพอใจไม่น้อย จึงเริ่มลุกขึ้นมาล้อมวงดำ จนตอนนี้แทบจะมองดำที่นั่งตรงกลางไม่เห็น

“ใช่ๆ ใครเหรอ หล่อมาก คนที่เป็นชาวต่างชาติถึงจะแก่ไปนิดแต่ยังหุ่นเป๊ะอยู่เลย โอ๊ย ปลื้มคนแก่”

“คนที่เป็นนักศึกษาก็หล่อมาก เย็นชาแต่สายตานั่นทำฉันละลาย”

คนที่ได้เห็นมาร์โก้กับสิรินช่วงก่อนจะเข้าห้องต่างถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น นานๆ ครั้งจะเจอผู้ปกครองนักเรียนที่โดดเด่น พวกเธอจึงให้ความสนใจไม่น้อย บางคนปลื้มความหล่อ แต่ก็มีบางคนคิดจริงจังถึงเข้ามาตีสินิทกับดำเพื่อเป็นสะพานไปยังเป้าหมาย

ดำฟังคำชมของนักเรียนหญิงคนแล้วคนเล่า จึงได้แต่ยิ้มภูมิใจในตัวสิรินกับมาร์โก้

ก็ช่วยไม่ได้ที่คนจะสนใจ ขนาดไอ้ดำยังคิดว่าปะป๋ากับคุณสินหล่อมากเลย เหมือนพวกดารา นายแบบที่เห็นในทีวี เวลาไปไหนก็ดูโดดเด่นสุดๆ ไม่แปลกที่คนจะสนใจ ไอ้ดำล่ะปลื้ม เหมือนได้รับคำชมเองเลย

“ลูกพี่ กับปะป๋า ของไอ้ดำเอง” ดำยืดอกรับคำชมอย่างภูมิใจ มีแต่คนชมล่ะดีจัง

“จริงเหรอ ไม่เหมือนกันเลย ลูกพี่ นี่คือลูกพี่ลูกน้องสินะ” คำตอบของดำทำให้คนสนใจมากขึ้น พวกเธอยังซักไซ้หาคำตอบจนกว่าจะพอใจ

“เฮอะ เสี่ยเลี้ยงล่ะสิไม่ว่า” เสียงของเด็กชายคนหนึ่งแทรกขึ้น เจ้าคนตัวเล็กที่ไม่ต่างจากเด็ก ม.ต้น นั้นกล้าดีอย่างไรจึงแย่งความสนใจไปจากเขาเสียหมด เป็นแค่นักเรียนใหม่แท้ๆ คงต้องสั่งสอนสักหน่อยแล้ว

“หมายความว่ายังไง เต็ม นายจะกล่าวหาเพื่อนลอยๆ ไม่ได้นะ” ลิลินโต้กลับ เธอไม่ชอบการกล่าวหาใครโดยไม่มีมูลความจริงแบบนี้ที่สุด

“ใครว่ากล่าวหาลอยๆ ฉันเห็นเต็มๆ ตาว่าไอ้หน้าหล่อนั่นจูบหน้าผากไอ้เตี้ยนี่” เพราะเดินตามหลังดำมาตั้งแต่ขึ้นตึกเขาจึงเห็นภาพนั้นเข้าพอดี จะหาว่าเขากล่าวหาได้อย่างไร

“จริงเหรอเนี่ย”

“บ้าจริง ฉันอุตส่าห์หวัง สุดท้ายชอบผู้ชายหรอกเหรอ”

“นั่นสินะ ดำหน้าตาน่ารัก ไม่แปลกที่จะเลี้ยงไว้ทำอะไรๆ แบบนั้น”

เสียงซุบซิบดังขึ้นอีกระลอก มีคนเอนเอียงเชื่อคำบอกเล่าของเต็ม ส่วนดำนั้นไม่เข้าใจ จูบหน้าผากมันแปลกขนาดนั้นเลยเหรอ แต่เขาก็สัมผัสได้ถึงความน่ารังเกียจของคำพูด มันคล้ายกับคำพูดของชายที่เจอหน้าลิฟต์มากทีเดียว

“ลูกพี่คือ พี่ชาย ปะป๋า คือ คุณพ่อ มันเข้าใจยากตรงไหนเหรอ” ดำเอ่ยขึ้นอย่างไม่พอใจ แต่สมองก็ขบคิดคำอธิบายที่คิดว่าเพื่อนๆ จะเข้าใจ

คุณสินบอกว่าตอนนี้ไม่ใช้คำว่าลูกพี่ คุณสินคือพี่ชายของไอ้ดำ ส่วนปะป๋าคือพ่อบุญธรรม คำอธิบายง่ายๆ เหล่านี้คงไม่ได้ทำให้พวกเขาเข้าใจยากนักใช่ไหม

คนตัวเล็กยืนขึ้นเต็มความสูง แต่ก็สูงกว่าผู้หญิงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น จะโทษใครได้ก็ไอ้ดำโตช้าเอง น้องๆ ก็เริ่มสูงกว่าไอ้ดำหลายคนแล้ว พูดถึงแล้วเศร้ากับความเตี้ยของตัวเอง แล้วยังจะมาย้ำอีก โกรธจริงๆ แล้วนะ

“นั่นสิ พ่อของดำก็เป็นคนต่างชาติการกอดจูบสำหรับต่างประเทศก็เป็นเรื่องปกติ นายจะเอามากล่าวหาเพื่อนไม่ได้” ลิลินยังกางปีกปกป้อง ดำน่าเอ็นดูเหมือนน้องน้อยขนาดนี้ จะปล่อยให้พวกเกเรมารังแกไม่ได้ อีกทั้งเธอก็เชื่อแบบนั้น เวลาดูภาพยนตร์ก็เห็นๆ กันอยู่ไม่ใช่เหรอ

“เฮอะ เธอเชื่อลงได้ยังไงว่าเป็นพ่อ เศษเสี้ยวความเหมือนก็ไม่เห็นจะมี มองยังไงไอ้เตี้ยนี่ก็คนไทยชัดๆ” เต็มยังเถียงเสียงแข็ง ต้องทำให้ทุกคนเชื่อให้ได้ เขาพูดเต็มปากเต็มทำขนาดนี้ยังจะมีใครกล้าไม่เชื่ออีก

“นายไม่รู้จักระบบพ่อลูกบุญธรรมรึไง โตจนขึ้น ม.ปลาย แล้วยังโง่อยู่อีกเหรอ” ฝ่ายที่โต้กลับยังคงเป็นลิลิน ดำเพียงมองเต็มด้วยสายตาไม่พอใจเท่านั้น

ผู้ชายคนนั้นดูสูงกว่าเขาหลายเซนติเมตร ทั้งใบหน้าก็โดดเด่นไม่น้อย ถึงจะเทียบคุณสินกับปะป๋าไม่ติดก็เถอะ ไอ้ดำไม่เข้าใจทำไมถึงนิสัยไม่ดีแบบนี้

“ลิลินเธอ! ” เต็มกัดฟันโกรธ ตะโกนอย่างเข่นเขี้ยว จากตอนแรกที่คิดว่าตนเองเป็นต่อ พอโดนด่าว่าโง่ความโกรธก็เข้าครอบงำ ตวัดสายตาโกรธเกรี้ยวไปมองดำผู้เป็นต้นเหตุในทันที

ลิลินเป็นผู้หญิงสวยและเก่ง เขาก็สนใจเธออยู่ไม่น้อย ไอ้เด็กเตี้ยนี่มีดีอะไรถึงแย่งความสนใจจากเธอไปหมด

ดำจดจ้องสายตาที่พร้อมจะมีเรื่องคู่นั้น เขาทั้งงุนงงทั้งไม่พอใจ เพราะไม่เข้าใจว่าเหตุใจชายคนนี้ถึงเข้ามาหาเรื่องตนโดยไร้สาเหตุ ทั้งยังว่าร้ายคุณสินอีก แบบนี้ไม่น่าให้อภัยเลยจริงๆ

ดี! ถ้าอยากมีเรื่องกับไอ้ดำนัก ไอ้ดำก็จะจัดให้ ให้รู้ซะบ้างว่าไอ้ดำไม่ใช่คนที่จะยอมให้ใครรังแกง่ายๆ ไม่ต้องถึงมือคุณสินหรอก เรื่องแค่นี้ไอ้ดำจัดการเอง!

“หยุดพูดจาชวนงงพวกนั้นสักที ถ้าอยากมีเรื่องนักก็บอกไอ้ดำตรงๆ” ดำเดินเข้าไปขวางหน้าลิลินเอาไว้ เขาไม่ชอบให้ใครต้องเดือดร้อนเพราะปัญหาของตัวเอง ยิ่งลิลินเป็นผู้หญิง สู้กันมีแต่จะเสียเปรียบ

สายตาของเต็มแข็งกร้าวขึ้น จ้องมองคนตรงหน้าอย่างเต็มตา ตัวเตี้ยทั้งยังผอมแห้ง ทั้งใบหน้ายังติดหวานเล็กน้อย ดวงตาก็กลมโตเกินเด็กผู้ชายนั่นอีก ดูเหยาะแหยะไร้กำลัง เหอะ คิดจะมีเรื่องกับเขาอย่างนั้นเหรอ ลักษณะแบบนี้คือพวกอ่อนแอที่ต้องโดนแกล้งชัดๆ

หรือคิดว่าขึ้น ม.ปลาย แล้วจะเก่งขึ้น ก็เลยอวดเก่งต่อหน้าผู้หญิง เหอะ ดี เขาจะเอาให้มันขายหน้าจนไม่กล้าโผล่มาโรงเรียนเลย

“เออ กูอยากมีเรื่องกับมึง แล้วไงวะ” เต็มยื่นมือไปคว้าคอเสื้อนักเรียนสีขาวของดำ ดำก็ไม่ได้ขัดขืนปล่อยให้อีกฝ่ายดึงคอเสื้อจนเท้าลอยจากพื้นเล็กน้อย เพราะน้ำหนักที่เบาของตัวเอง

เสียงเอะอะโวยวายเกิดขึ้น พวกผู้หญิงกรีดร้องตกใจ ถอยออกห่าง แม้แต่ลิลินก็ต้องถอยเพราะเพื่อนดึงออกมากลัวเธอจะโดนลูกหลง อย่างไร 2 คนนั้นก็เป็นผู้ชาย ถ้าลงมือกันต้องรุนแรงแน่ๆ อย่าเข้าใกล้จะดีกว่า

ส่วนพวกผู้ชายเองก็ส่งเสียงเชียร์คึกคัก มาโรงเรียนวันแรกก็เจอเรื่องสนุกเสียแล้ว ดูซิ เจ้าตัวเล็กนั่นจะตอบโต้เต็มอย่างไร เจ้านั่นเป็นตัวแทนนักมวยของโรงเรียน ทั้งยังได้รางวัลรองชนะเลิศระดับจังหวัดเขียวนะ มันถึงได้กล้าหาเรื่องไม่กลัวใครแบบนี้...แต่ดูคนถูกซ้อมน่าสนุกไม่เลว

เพราะเสียงเชียร์ดังก้องห้องอื่นๆ ที่อยู่ในชั้นเดียวกันจึงมีบางคนสนใจเข้ามาดู ทั้งยังไม่ถึงเวลาที่ครูขึ้นมาพูดคุยกับนักเรียน ปล่อยให้นักเรียนได้มีเวลาทำความรู้จักกันเอง ทุกอย่างถึงได้ง่ายดายถึงเพียงนี้ ไม่มีใครห้าม ไม่มีใครไปบอกคุณครู ปล่อยให้คนทั้งคู่ได้มีเรื่องกันอย่างเต็มที่

เต็มใช้หางตามองรอบข้างแล้วยิ้มมุมปาก ดีมากันเยอะๆ มามองดูให้พอใจ จะได้ทำให้มันอับอายตามที่คิดเอาไว้ ซ้อมเสร็จแก้ผ้าประจานก็ไม่เลว หรือจะให้คานเห่าบ๊อกๆ รอบห้องดีนะ

“จะเริ่มได้รึยัง” ดำมองรอยยิ้มร้ายนั่นแล้วคิ้วกระตุก เกลียดคนที่คิดว่าตัวเองเป็นต่อแบบนี้ที่สุด คงคิดว่าจะทำอะไรกับเขาหลังจากชนะอยู่สินะ เดาได้ไม่ยากเลย น่าหงุดหงิดเป็นบ้า รอผู้ชมอยู่รึไง หรือเก่งแต่เห่าไม่กล้าลงมือจริง

เสียงของดำยั่วโทสะของอีกฝ่ายให้พวยพุ่ง เต็มง้างหมัดขึ้นเตรียมอัดใบหน้าเล็กๆ นั่นในทันที

“ก็เริ่มอยู่นี่ไงวะ” สิ้นเสียงสบถหมัดก็เคลื่อนถึงหน้าดำพอดิบพอดี แต่ดำเบี่ยงตัวหลบเพียงเล็กน้อยก็หลบหมัดนั้นได้เสียแล้ว

แรงใช้ได้ทีเดียว ฝีมือสูสีกับพวกที่เคยสู้ด้วยเลย ความจริงไอ้ดำอยากลองรับสักหมัด อยากรู้จริงๆ ว่าแรงขนาดไหน แต่ว่าถ้าปะป๋ากับคุณสินเห็นแผลที่หน้าเข้าไอ้ดำต้องโดนดุหาว่าเป็นเด็กดื้อแน่ๆ ไม่ดีๆ ไอ้ดำต้องเป็นเด็กดีถึงได้รางวัล

สมน้ำหน้าตัวเองเถอะที่เลือกต่อยผิดที่ ถ้าที่ท้องไอ้ดำจะยอมให้สักหมัดแท้ๆ

ชั่วเวลานั้นดำคิดหลายตลบแล้วจึงตัดสินใจได้ว่าไม่ควรโดนหมัดนั้น เพราะอีกเดี๋ยวจะต้องกลับห้องกับมาร์โก้แล้ว แผลหายไม่ทันแน่ๆ งานนี้มีแต่ต้องหลบเท่านั้น

การต่อสู้ของลูกผู้ชายต้องได้แผลถึงจะสะใจ หมัดแลกหมัด เลือดแลกเลือด จึงจะพอใจมากที่สุด แต่มันช่วยไม่ได้ ดำไม่อยากให้สิรินกับมาร์โก้มองไม่ดีจึงต้องละทิ้งการต่อสู้ที่ตัวเองชอบมากที่สุด

“อ่อน” ดำขยับปากพูดแผ่วเบา แต่มันก็มากพอที่จะให้คู่ต่อสู้ได้ยิน สร้างความไม่พอใจมากยิ่งขึ้นเต็ม เหวี่ยงมือที่จับคอเสื้อดำอยู่ให้เข้ามาหาหมัดของตนที่ปล่อยออกไปอีกครั้งทันที

ดำกระเด็นตามแรงเหวี่ยง แต่ก่อนที่หมัดจะปะทะกับใบหน้าเขาก็ยกมือทั้งสองหยุดเอาไว้ทัน บิดข้อมือของอีกฝ่ายแล้วผลักออกไปในทันที

“โอ๊ย” ด้วยความเจ็บแปลบที่ของข้อมือขวาทำให้มือที่จับเสื้ออยู่ปล่อยออกอัตโนมัติ ถอยตามแรงผลักนั้นไป สองสามก้าวก็กลับมาจ้องมองดำด้วยสายตาไม่ยอมแพ้อีกครั้ง แต่ในดวงตานั้นก็มีคลื่นระลอกหนึ่งปรากฏขึ้นเบาบางก่อนจะจางหายไป

เป็นไปไม่ได้ที่มันจะเก่ง!

“วู่ๆ อะไรวะ รองแชมป์ระดับจังหวัดมีฝีมือแค่นี้เองเหรอ ฮ่าๆ อ่อนว่ะ คู่ต่อสู้ตัวแค่นี้ก็ชนะไม่ได้” เสียงกระหึ่มดังขึ้นอีกครั้ง เยอะเย้ยถากถางคนที่เสียท่าเมื่อครู่ทันที มันเคยกลัวเต็ม พอเห็นอีกฝ่ายพลาดท่าจึงอดไม่ได้ที่จะเยอะเย้ย

“หุบปาก มึงดูให้ดีกูจะกระทืบไอ้เตี้ยนี่ให้ตายคาตีน” เต็มหันไปเถียงก่อนจะพุ่งเข้าคลุกวงในกับดำอีกครั้ง สเต็ปการก้าวขานับว่าว่องไว ทั้งการปล่อยหมัด ก็ใช่จะช้า หรือเบาลง แต่ทุกครั้งดำก็เพียงยกมือขึ้นมาปัดป้องจนสร้างความโมโหแก่เขาไม่น้อย

“น่ารำคาญ” ดำขยับปากอีกครั้ง ความไม่พอใจฉายชัดขึ้นในดวงตา จากคิดว่าจะได้สู้กับคู่ต่อสู้ที่เท่าเทียม แต่พอถูกยั่วโมโหการออกหมัดของเต็มก็ยุ่งเหยิงไปหมด น่ารำคาญจริงๆ

หมัดขวาเฉียดเข้าไปหน้า ดำหลบก่อนจะก้าวเข้าไปใกล้ขึ้นอีกก้าวหนึ่ง อาศัยช่องว่างที่หมัดยังลอยกลางอากาศไม่อาจดึงกลับมาได้ทัน เข้าประชิดตัวคู่ต่อสู้แล้วปล่อยหมัดขวาใส่ท้องอีกฝ่ายทันที

“อั๊ก” เต็มชะงักหมัดอยู่เช่นนั้นแล้วขาก็ค่อยๆ ทรุดลง สิ่งเดียวที่รับรู้คือเจ็บ หมัดของดำหนักมาก เพราะไร้นวมกระดูกนิ้วมือกับซี่โครงปะทะกันเข้าพอดี จุกจนแทบทรุดลงไปกับพื้นเสียเดี๋ยวนั้น

แต่ดำก็ไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายสบายถึงเพียงนั้นยกเท้าขึ้นถีบที่เดิมจนเต็มกระเด็นไปขนกำแพงห้องด้านหลังแล้วจึงค่อยทรุดตัวลงนอนกุมท้อง ทั้งยังไอออกมาอย่างทรมาน ดวงตาพร่าเลือนพยายามมองใบหน้าเรียบเฉยของดำ ในใจไม่อย่างจะเชื่อว่าเขาแพ้ให้กับคนที่ตัวเล็กเพียงแค่นี้

ดำชำนาญที่สุดคือการเอาชนะคนที่ตัวโตกว่า ด้วยเพราะร่างกายเขาเล็กกว่าใครๆ จึงหมั่นฝึกฝนให้เรี่ยวแรงของตนเยอะกว่าปกติเสมอ ฝึกฝนทักษะทั้งหมดที่ตนเองจนเก่งขึ้น แอบมองค่ายมวยที่ฝึกอย่างหนักแล้วนำมาฝึกด้วยตนเอง จนในที่สุดเขาก็หาหนทางที่ทำให้ตนเองแข็งแกร่งได้สำเร็จ

แต่ระดับของเขาก็ไม่ได้สูงนักยังสู้พวกผู้ใหญ่ไม่ได้ แม้ฝึกผ่านการต่อสู้จริงมามากมายก็ยังไม่อาจก้าวข้ามคนเหล่านั้นได้เสมอ ดำจึงไม่เคยคิดว่าตัวเองเก่ง แต่กลับประเมินศัตรูได้อย่างถี่ถ้วน คนไหนเก่งกว่า คนไหนอ่อนแอกว่า คนไหนมีทักษะต่อสู้ใกล้เคียงกันล้วนแล้วไม่อาจรอดพ้นสายตาไปได้

เต็มเป็นอีกคนหนึ่งที่ดำคิดว่าฝีมือสูสีกับตน แต่ยังขาดประสบการณ์จึงทำให้ควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ เพียงถูกยั่วยุจากคนรอบข้าง ความอยากเอาชนะก็พานทำให้การออกท่าทางรวนไปหมด ดำจึงอดที่จะบอกว่าน่ารำคาญไม่ได้ มีร่างกาย มีฝีมือ แต่กลับไม่อาจดึงออกมาใช้ได้อย่างเต็มที่ ไร้ค่าสิ้นดี

“ก๊าก ฮ่าๆ ดูดิวะ ดูๆ ไอ้เต็มจอมอวดเก่งแม่งนอนจมตีนไอ้เตี้ยนี่แทนว่ะ ฮ่าๆ สะใจโว้ย ว่าไงเต็ม คราวนี้จะเอาหน้าไปซุกไว้ที่ไหนวะ ฮ่าๆ” เสียงของชายคนเดิมดังขึ้นอีก ภายในห้องมีทั้งคนที่พอใจทั้งไม่พอใจเกิดขึ้น จะบอกว่าสะใจก็คงสะใจ แต่พูดทับถมคนอื่นแบบนี้ก็ไม่ใช่เรื่องที่สมควรกระทำ

ดำตวัดสายตาไปมองต้นเสียง นอกจากชายคนนี้แล้วยังมีอีกหลายคนที่หัวเราะออกมา แค่คนแพ้การดวลมันน่าหัวเราะนักหรือ

“นายพูดแบบนั้นแปลว่าคงเก่งกว่าเต็ม ฉันอยากสู้กับคนเก่งๆ อยู่พอดี ว่าไงออกมาสู้กันหน่อยไหม” ใบหน้ายิ้มแย้มแฝงอันตรายที่สิรินไม่เคยเห็นปรากฏขึ้น เวลาดำเข้าโหมดต่อสู้นิสัยจะเปลี่ยนไปเช่นนี้เสมอ เป็นนิสัยเสียๆ ที่เขาไม่อยากให้สิรินเห็นมากที่สุด

เต็มที่ได้แต่กัดฟันโกรธอย่างไรทางโต้เถียงมองดำอย่างไม่เข้าใจ เจ้าเตี้ยนั่นกำลังปกป้องเขาอยู่หรือ ไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจเลยจริงๆ

“หา คะ ใครจะสู้วะ” ชายคนนั้นตะลึงไป แทนที่ดำจะพอใจในคำพูดของเขาแต่กลับถูกหาเรื่องซะได้ นี่มันอะไรกัน

“ก็นายบอกว่าเต็มอวดเก่ง ดูถูกการดวลตัวต่อตัวของพวกเรานั่นก็แปลว่านายต้องเก่งกว่ามากๆ ถึงขั้นดูถูกคนอื่นได้ไม่ใช่เหรอ เพราะแบบนั้นไอ้ดำถึงท้าสู้อยู่นี่ไง...หรือความจริงเก่งแต่ปาก แบบนั้นไอ้ดำไม่พอใจหรอกนะ” ดวงตากลมโตแข็งกร้าว แสดงความรู้สึกออกไปตรงๆ พาให้ชายคนนั้นกลืนน้ำลายลงคออย่างหวาดกลัว

“มะ ไม่ ไม่ใช่” ถอยหลังเพียงไม่กี่ก้าวก็ชนเก้าอี้จนล้มลงก้นจ้ำเบ้า ดูรนรานมากขึ้นเมื่อดำเดินเข้าไปหา คนที่มุงดูก็ตระหนักในใจว่าดำนั้นไม่ใช่คนที่ควรเข้าไปยุ่ง บางทีอาจอันตรายกว่าเต็มเสียอีก ต้องของใจเต็มแล้วที่เปิดโปงมันตั้งแต่แรก ถ้าปล่อยให้ภาพลักษณ์ภายหลอกตา ไม่แน่คนที่ต้องนอนกุมท้องอยู่ตรงนั้นอาจเป็นพวกเขาเอง

สายตาที่มองมามีทั้งคนที่กลัวดำ สนใจดำ ชื่นชมดำ แตกต่างกันออกไป ทั้งยังใจจดจ่อว่าดำจะทำอย่างไรกับคนที่ดูถูกการต่อสู้ของตนเอง

“แย่แล้ว! พวกครูพากันมาแล้ว”

“เฮ้ยจริงเหรอวะ หมดเวลาปล่อยฟรีแล้วเหรอ โถ่เอ๊ย! กำลังลุ้นเลย”

หัวข้อ: เปย์ครั้งที่ 10 [2]
เริ่มหัวข้อโดย: GreenHead(หัวเขียว) ที่ 30-04-2018 22:07:26

เพียงไม่นานกระแสของผู้คนก็กลับไปสู้ความสงบ ใครที่เป็นคนต่างห้องก็เดินกลับไปห้องตัวเอง หน้าต่างที่ถูกเปิดไว้สำหรับรับชมก็ปิดลง คนที่อยู่ในห้องกลับไปที่นั่งของตัวเอง ดำมองคนอื่นเลิกลักอย่างไม่เข้าใจ สุดท้ายก็คิดถึงคำพูดของสิรินขึ้นมา

‘ดำต้องเชื่อฟังคุณครูรู้ไหม ท่านจะเป็นคนที่มาสอนหนังสือดำ ต้องเคารพพวกท่านให้มากๆ อย่าดื้ออย่าซน ถ้าตัวเองทำผิดจริง ต้องรับผิด...แต่ถ้าดำไม่ผิดก็ออกความเห็นได้ ท่านจะบอกเองว่าจะต้องทำอย่างไร’

ไอ้ดำต้องไม่ดื้อไม่ซนกับคุณครู แต่วันแรกก็มีเรื่องเสียแล้ว ถ้าปะป๋ากับคุณสินรู้ไอ้ดำต้องโดนทำโทษอดข้าวแน่ๆ ไม่นะ ทำอย่างไรดีๆ

ก่อนจะกลับไปนั่งโต๊ะ ดำก็เห็นเต็มที่พยายามลุกขึ้นด้วยตนเอง แม้ท่าทางจะทุลักทุเลอยู่ไม่น้อย แต่ก็ยังฝืนขยับตัว โดยไม่ร้องขอความช่วยเหลือ ก่อนจะคิดอะไรไปมากกว่านั้น ดำเข้าไปพยุงเต็มที่กำลังจะล้มลงทันที

“ระวัง” เต็มหันหน้ามองเจ้าของเสียงก่อนที่จะพยายามยื้อตัวออกจากมือของเขา ปากก็ร้องบอกให้ปล่อย ไม่ยอมรับความช่วยเหลือจากดำแม้แต่น้อย ดำอดที่จะชื่นชมไม่ได้ รักศักดิ์ศรียิ่งชีพนี่สิลูกผู้ชาย ไม่เหมือนเจ้าคนอ่อนแอเมื่อครู่เลย ถ้าได้ลองสู้กันแบบจริงๆ จังๆ กันอีกครั้งโดยไม่มีคนขัดต้องดีไม่น้อย

ดำกำลังจะปล่อยมือ เพราะไม่อยากทำลายศักดิ์ศรีของอีกฝ่าย ครูหญิงวัยกลางคนหนึ่งก็เปิดประตูเข้ามาเสียแล้ว

“นั่นเตวินท์เป็นอะไร” ด้วยที่เต็มเรียนโรงเรียนนี้มาตั้งแต่ ม.ต้น ครูส่วนมากจึงจดจำได้เป็นอย่างดี คนที่สร้างชื่อเสียงให้โรงเรียนจะจำไม่ได้ได้อย่างไร

เต็มกับดำเหงื่อตก มองหน้าส่งสายตาปรึกษากัน จะให้ครูรู้เรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้ ไม่เช่นนั้นซวยแน่ เล่นมีเรื่องกันตั้งแต่วันปฐมนิเทศแบบนี้

“เต็มปวดท้องค่ะ ดำกำลังจะพาไปห้องพยาบาล” ลิลินเห็นทั้งสองคนไม่ตอบเสียทีจึงรีบแก้ตัวแทน เต็มถึงจะเลือดร้อนอยู่บ้าง แต่ก็โดนดำจัดการไปแล้วคงไม่กล้าแผลงฤทธิ์นักหรอก ช่วยได้เธอก็เต็มใจ

“อ้อ แบบนั้นเอง แต่เด็กคนนั้นเป็นนักเรียนใหม่ไม่ใช่เหรอ จะพาไปห้องพยาบาลถูกได้อย่างไร ฮึ” ครูสมศรีจดจำดำได้เป็นอย่างดี เพราะเป็นเด็กที่ไม่ได้เข้าสอบวัดผลพร้อมคนอื่น ดำพึ่งสอบเมื่อ 3 วันก่อน แล้วเริ่มเรียนทันทีเท่านั้น ด้วยคำสั่งของผู้อำนวยการ จะจำไม่ได้ก็แปลกเกินไปแล้ว

“เอ่อ คือ” ลิลินหน้าซีด ครูสมศรีแกความจำดีเกินไปแล้ว โถ่

“เดี๋ยวไอ้ดำให้เต็มบอกครับ ไม่มีปัญหา” ดำเออออห่อหมก ตอนนี้ไอ้ดำขอทางรอดก่อน จะกลายเป็นเด็กดื้อไม่ได้

เต็มพยักหน้าเห็นด้วย ครูสมศรีจึงเลิกสงสัย แล้วปล่อยทั้งคู่ออกจากห้องไป ทั้งยังกำชับให้ดำกลับมาที่ห้องเรียนด้วย เพราะดำเป็นนักเรียนใหม่จะพลาดการพูดคุยครั้งแรกไม่ได้ เด็กคนนี้ถูกกำชับมาเป็นพิเศษ ทั้งยังพึ่งเคยมาโรงเรียนเป็นครั้งแรก เธอต้องดูอุปนิสัยใจคอ และผูกสัมพันธ์กับเพื่อนให้เหมาะสม ไม่เช่นนั้นแล้วเธอคงต้องพบปัญหาในภายภาคหน้าแน่ หวังว่าจะเป็นเด็กดีนะ อย่าให้ครูแก่ๆ คนนี้โดนไล่ออกก่อนเกษียณเลย

ครูสมศรีได้แต่ภาวนาในใจ เธอเจอเด็กมาหลายรูปแบบ แต่ก็อดที่จะวิตกไม่ได้ เพราะเด็กคนนั้นพึ่งเข้ามาเรียน ทั้งยังมีความเกี่ยวข้องกับผู้อำนวยการอีก ร่างกายที่ดูเล็กกว่าคนรุ่นเดียวกันนั่นคงเพราะป่วยจึงหยุดเรียนไปกระมัง ถ้าไม่ถูกแกล้งก็คงดี

เอาล่ะ เธอต้องทำให้พวกเด็กๆ เข้ากันให้จงได้

ครูสมศรีคิดอย่างหมายมั่นจากนั้นเธอจึงกลับมาสนใจนักเรียนในห้อง สั่งให้รอดำแล้วจึงเริ่มพูดคุยถึงการเรียนตลอด 1 ปีต่อไป

ส่วนดำพาเต็มเดินตามทางจนถึงห้องพยาบาลตามที่เต็มบอก กล่าวขอบคุณที่เต็มไม่เปิดโปงที่เขาทำเรื่อง แล้วจึงพาเข้าห้องไปฝากคนป่วยไว้กับครูห้องพยายาล สภาพเต็มสมควรพามาจริงๆ แม้สาเหตุจะไม่ใช่ป่วยก็เถอะ

ดำกลับห้องเรียนตามคำสั่ง ตั้งใจเป็นเด็กดี กู้คืนความโหดเมื่อครู่ กลับมายิ้มแย้มกับเพื่อนๆ เหมือนเดิม ทุกคนแนะนำตัวอย่างเป็นมิตร แม้จะเกรงๆ ดำอยู่บ้างเพราะภาพติดตาเมื่อครู่ก็ตาม จนกระทั่งถึงคิวของดำที่ต้องแนะนำตัว คนตัวเล็กลุกขึ้นยืนจากที่นั่งของตัวเอง แนะนำตัวอย่างฉะฉานตามแบบที่ซักซ้อมเอาไว้หลายครั้งจนจำขึ้นใจ

“ผมชื่อ ดลนที รัสเซลล์ ชื่อเล่น ดำ ครับ ไอ้ดำฝากตัวด้วยน้า” ชื่อที่เตรียมไว้ กับนามสกุลของมาร์โก้ถูกหยิบยกขึ้นมาใช้ เพราะต้องสวมรอยเป็นบุคคลที่มีทะเบียนอยู่จริง แต่หากไร้ตัวตน จึงเลี่ยงไม่ได้เลยที่ดำจะต้องใช้ชื่อแบบไทย เพื่อความแนบเนียน

และเมื่อจดทะเบียนเป็นลูกบุญธรรมแล้วเขาจึงเปลี่ยนนามสกุลได้ไม่ยาก ทุกอย่างถูกคิดไตร่ตรองเอาไว้เป็นอย่างดี ทั้งประวัติต่างๆ ก็ถูกสร้างขึ้นง่าย เนื่องจากเจ้าของชื่อหายสาบสูญไปหลายปี โดยไม่มีใครตรวจสอบ จะใช้เหตุผลใดยกขึ้นมาอ้างในระหว่างนั้นจึงไม่ยากเย็น

“ดลนที ไม่เคยมาโรงเรียน เพราะป่วยหนักร่างกายอ่อนแอมาก อย่างไรก็ฝากทุกคนดูแลเพื่อนด้วยนะ” ครูสมศรีแจ้งสาเหตุให้นักเรียนได้รับทราบ จะอย่างไรก็ต้องอาศัยความร่วมมือจากคนรุ่นเดียวกันจึงจะสามารถดูแลได้อย่างทั่วถึง

ส่วนภายในใจของนักเรียนทุกคนนั้นได้แต่อื้ออึงไปด้วยเครื่องหมายคำถาม

ร่างกายอ่อนแอ คนที่ล้มเต็มได้ด้วยหนึ่งหมัดกับถีบอีกหนึ่งทีเนี่ยนะ

พิจารณาแล้วร่างกายแบบนั้นเชื่อได้ง่ายๆ แต่ภาพที่ดำจัดการเต็มเมื่อครู่มันก็ติดตาเกินบรรยาย ได้แต่หาข้ออ้างให้ตัวเองอย่าง ผู้ปกครองดำอาจจะกลัวโดนรังแกก็เลยฝึกให้สู้เป็นก่อนเข้าสู่สังคมปกติล่ะมัง คิดแบบนั้นแล้วก็ได้แต่ยอมรับในใจเงียบๆ ไม่กล้าเอ่ยถึงเหตุการณ์เมื่อครู่แม้แต่น้อย

การพูดคุยเป็นไปอย่างราบรื่น ผ่านไปหนึ่งชั่วโมงคุณครูสมศรีก็แจกตารางเรียน แล้วปล่อยนักเรียนกลับบ้านพร้อมกับเวลาที่ผู้ปกครองประชุมเสร็จพอดี เพื่อนๆ ต่างลากันกลับบ้าน ผู้ปกครองมารอหน้าห้องอย่างคึกคัก ดำเองก็ออกไปหามาร์โก้ที่ตกเป็นเป้าสายตาของผู้ปกครองคนอื่นตั้งแต่มาถึงโรงเรียน แม้ความอยากรู้อยากเห็นหายไปบ้างแล้ว แต่บรรดาผู้ปกครองที่ไม่เห็นตอนที่มาร์โก้มาพร้อมกับดำและสิรินก็ได้แต่จ้องมองว่าใครกันหนอที่ชายคนนั้นเป็นผู้ปกครอง คงต้องให้ลูกผูกมิตรไว้เสียแล้ว เวลาอยากรู้อะไรจะได้ถามง่ายๆ โดนเฉพาะบรรดาแม่หม้ายทั้งหลายที่วางแผนอย่างคาดหวัง

“ปะป๋า” ดำยิ้มกว้างหลังจากเดินออกมาจากกลุ่มเพื่อน เพียงมองกวาดผ่านรอบเดียวก็พบมาร์โก้ ก็ปะป๋าของเขาออกจะเด่นขนาดนั้น

“ว่าไงเจ้าตัวเล็ก สนุกรึเปล่า” มาร์โก้อ้าแขนรับดำที่พุ่งเข้ามาหา ดูประจบแปลกๆ แต่ก็ทำเป็นมองข้ามไป คงแอบทำอะไรผิดล่ะสิท่าเจ้าเด็กดื้อเอ๊ย

“สนุกมากกก เพื่อนๆ นิสัยดีครับ” ดำยิ้มโชว์ฟันขาว ทำหน้ามีความสุขเต็มประดา แต่เขาก็รู้สึกเช่นนั้นจริงๆ เพื่อนที่อายุเท่ากันอยู่รวมกันมากขนาดนี้เขาไม่เคยพบมาก่อน ทั้งยังใจดีเอามากๆ เข้ามาพูดคุยไม่ถือตัวแม้แต่น้อย ถึงจะดูกลัวๆ เขาไปบ้างก็ตาม แม้กระทั่งเต็มดำก็คิดว่าคงมีความดีอยู่บ้าง ดำชอบในความรักศักดิ์ศรีของอีกฝ่าย ปฏิเสธการช่วยเหลือแม้ร่างกายของตัวเองจะทนไม่ไหว

“ดีมาก มีอะไรก็บอกปะป๋าเข้าใจไหมครับ ถ้ามีใครรังแกบอกได้เลยเดี๋ยวปะป๋าจัดการให้” มาร์โก้ขยี้หัวดำเบาๆ มองด้วยสายตาเอ็นดู ถึงจะฟังจากสิรินมาแล้วว่าดำสู้เก่งเอามากๆ แต่เขาก็เป็นห่วงอยู่ดี ดูร่างกายเล็กๆ นั่นสิ ถ้าโดนทำร้ายเข้าคงเจ็บน่าดู

ตอนนี้ถ้าใครได้ยินเข้าคงจะทอดถอนใจ อย่างดำน่ะเหรอจะมีคนรังแก บอกว่ารังแกคนอื่นยังน่าเชื่อมากกว่า เฮ้อ

“ปะป๋าเก่งที่สุด” ดำออดอ้อน กอดไม่พอยังเพิ่มหัวที่ถูกไปมานั่นอีก เดี๋ยวนี้พัฒนาไปไกล เวลาหิวทีไรมาไม้นี้ทุกที นี่คงใกล้ถึงเวลาอาหารแล้วสินะ มาร์โก้ยกนาฬิกาขึ้นมาดูอย่างรู้ใจ ก็นะลูกคนเล็กทั้งทีจะไม่ตามใจได้อย่างไร

“พึ่ง 11 โมงเอง จะมาอ้อนหิวอะไรฮึเจ้าตัวเล็ก”

“แหะๆ ก็ไอ้ดำหิวแล้วอะปะป๋า ขอกินของอร่อยหน่อยนะครับ นะนะ” ดำยังอ้อนต่อ จะว่าเปลี่ยนเรื่องก็ใช่ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ามันไม่มีส่วนของความจริงเลยนี่นา

ก็ไอ้ดำเริ่มหิวแล้วจริงๆ ล่ะ

“โธ่ เล่นแบบนี้ปะป๋าจะใจแข็งอยู่ได้ยังไง แต่ว่าข้าวยังไม่อนุญาต เอาเป็นว่าไปนั่งกินไอศกรีมแสนอร่อยรองท้องก่อนดีกว่าเนาะ ดีไหม” มาร์โก้เพิ่มข้อเสนอใหม่ ถ้าให้กินเร็วไปเดี๋ยวก็หิวเร็วอีก วันนี้นั่งฟังพวกผู้ปกครองซุบซิบจนปวดหัว ขอพักก่อนดีกว่า

ขับรถเพียงไม่นานก็ถึงร้านที่เล็งเอาไว้ ร้านประดับตกแต่งด้วยสไตล์ที่ดำไม่เคยเห็น ลวดลายตัวอักษรสีดำแดงตัดผ่านกันทั้งบนกระจกและผนัง โต๊ะ เก้าอี้หลากสี ทั้ง แดง ดำ ขาว สลับไปมา ไฟก็เป็นสีเหลืองนวลขับเน้นบรรยากาศให้ดูสบายมากขึ้น เขาจึงมองไปมาอย่างสนใจ แต่ก็เพียงไม่นานเท่านั้น เพราะหลังจากนั่งลงบนเก้าอี้ พนักงานก็นำเมนูมาให้ สายตาของดำจึงถูกความน่ากินของภาพไอศกรีมหลากรูปแบบดึงสายตาเอาไว้เสียทั้งหมด

“ว่าไง อยากกินอะไรสั่งเลย” มาร์โก้กล่าวบอกก่อนจะนั่งรอเงียบๆ ยิ้มมองดำตาวาวกับเมนูที่ไม่เคยกินอยู่เช่นนั้น ดูสิน้ำลายไหลอีกแล้ว เบิกบานใจอยู่ชั่วครู่ก็ยกโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปส่งไปยั่วสิรินเสียหน่อย เอาให้ไม่มีสมาธิฝึกงานไปเลย หึหึ

“ว่าไง อยากกินอะไรสั่งเลย” มาร์โก้กล่าวบอกก่อนจะนั่งรอเงียบๆ ยิ้มมองดำตาวาวกับเมนูที่ไม่เคยกินอยู่เช่นนั้น ดูสิน้ำลายไหลอีกแล้ว เบิกบานใจอยู่ชั่วครู่ก็ยกโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปส่งไปยั่วสิรินเสียหน่อย เอาให้ไม่มีสมาธิฝึกงานไปเลย หึหึ

“ปะป๋า ไอ้ดำอยากกินหมดเลย น่ากินจัง อันนี้เขียนว่าช็อกโกแลตล่ะ โห ช็อกโกแลตที่คุณก้องให้ทำได้หลายอย่างจริงๆ สุดยอด” ดำตื่นเต้นไปหมด เมื่อเปิดถึงหน้ารวบรวมเมนูช็อกโกแลต มีทั้งสำหรับเด็กตกแต่งเหมือนตัวการ์ตูนที่ดำเคยดู และแบบใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ที่ดำชอบที่สุดคงเป็นที่มีช็อกโกแลตแยกเอาไว้ในถ้วย กับไอศกรีม 5 ลูกนี่แหละ ได้เยอะแถมน่ากินอีก

แต่ก่อนที่ดำจะได้บอกเมนูที่อยากกินก็เหลือบไปเห็น กระดาษแผ่นใหญ่ที่ถูกเสียบแทรกเอาไว้ในเล่ม ยิ่งพอดึงออกมามองยิ่งตาโต

มะม่วงอกร่องทองซันเดย์

ว้าว มะม่วงก็กินแบบนี้ได้เหรอเนี่ย ปะ เปลี่ยนใจดีกว่า

“ปะป๋า ไอ้ดำอยากกินอันนี้ เอาถ้วยใหญ่ๆ เลย ไอ้ดำชอบมะม่วงที่สุด” ดำส่งสายตาประกายออดอ้อน ถึงแม้จะรู้ว่าปะป๋าของเขาไม่ห้ามแน่ๆ แต่ก็อยากอ่อนอยู่ดี เพื่อรับประกันความแน่นอนนั่นเอง

“หือ เอาอันเดียวเองเหรอ” มาร์โก้ส่งเสียงถามอย่างแปลกใจ นึกว่าดำจะสั่งมาไม่ต่ำกว่า 5 ถ้วยเสียอีก ก็นะกระเพาะเจ้าลูกคนเล็กของเขายิ่งกว่าหลุมดำซะอีก

“เอ๋ ไอ้ดำสั่งมากกว่าหนึ่งได้เหรอครับ ถ้าอย่างนั้นเอาอันนี้ด้วย มันเขียนว่าบิงซูล่ะ แปลกดี ไอ้ดำอยากลองกินดูครับ แล้วก็- “

“หยุดๆ เอาแค่ 2 พอดีกว่า เดี๋ยวเรากลับบ้านแล้วปะป๋าทำของอร่อยให้กินเนาะ” พอเปิดช่องให้หน่อยก็เอาเลย เขาก็ลืมตัวทุกที ไม่ได้ๆ กินของเย็นเยอะไปเดี๋ยวปวดท้อง แต่จะให้บอกให้หยุดคงดื้ออีก ดังนั้นเพื่อไม่ให้ดำโต้แย้งมาร์โก้จึงยกประโยชน์เรื่องของอร่อยมาต่อรองแทน

“เย้ เอาดำเอา 2 ครับ แล้วก็กลับไปไอ้ดำอยากกินสตูเนื้อล่ะ” ดำไม่รอให้มาร์โก้พูดอีก เขารับปากแล้วบอกเมนูที่อยากกินในทันที แล้วมีหรือมาร์โก้จะขัดได้ ทำได้เพียงยิ้มรับอย่างจำยอมเท่านั้น ก็ช่วยไม่ได้จริงๆ ดีกว่าดำสั่งครบทุกเมนูล่ะนะ ไม่อยากเห็นภาพแบบนั้นเลยจริงๆ

“ขออนุญาตเสิร์ฟค่ะ แมงโก้เฮอริเคน กับ บิงซูข้าวเหนียวมะม่วงนะคะ” รอเพียงไม่นานเมนูมะม่วงอกร่องทองตามฤดูกาลก็พร้อมเสิร์ฟ

ดำมองไอศกรีมตรงหน้าอย่างพอใจ เงยหน้าขอความเห็นเล็กน้อย พอมาร์โก้พยักหน้าก็เริ่มตักไอศกรีมเข้าปากในทันที

อร่อย บอกได้คำเดียวคืออร่อย เป็นไอศกรีมแท้ๆ ทำไมรสชาติถึงเหมือนมะม่วงได้ขนาดนี้ ไอ้ดำเคยกินแค่ไอศกรีมกะทิ มันไม่ออกรสชัดขนาดนี้นี่นา อร่อยเกินไปแล้ว ไอศกรีม 5 ลูกนี่ไอ้ดำจะกินให้หมดเลย

แล้วนั่นข้าวเหนียวสีเขียว

ไม่รอช้าดำตักข้าวเหนียวสีเขียวน่าลิ้มลองเข้าปาก รสชาติใบเตยแผ่ซ่าน ยิ่งตักคำต่อไปคู่กับไอศกรีมมะม่วงยิ่งเข้ากันอย่างลงตัว

“ราดกะทิด้วยสิ จะอร่อยขึ้นนะ” มาร์โก้เอ่ยปากบอกหลังจากส่งรูปล่าสุดไปยั่วคนที่ไม่อยู่เสร็จเรียบร้อย

“ปะป๋ากินสิ เดี๋ยวไอ้ดำกินหมดก่อนไม่รู้ด้วยนะ” ดำรีบบอก เพราะมาร์โก้เป็นคนสำคัญเขาจึงพร้อมจะแบ่งของอร่อยให้

มาร์โก้ราดน้ำกะทิลงไป แล้วจึงตักกิน อืม อร่อยไม่เปลี่ยน ไม่ว่าจะกินกี่ปีก็ยังคงความอร่อยเอาไว้ สมกับเป็นเมนูที่กินได้ตามฤดูกาลจริงๆ

ดำก็ไม่รอช้า ลงมือกินตามมาร์โก้ติดๆ

อืม รสเค็มนิดๆ มันหน่อยๆ ของกะทิเข้ากับข้าวเหนียวใบเตยสุดๆ ลองกินพร้อมกัน 3 อย่างบ้างดีกว่า

ว้าววววว แบบนี้สิถึงเพิ่มความอร่อยถึงที่สุด ครีมขาวๆ ข้างบนก็อร่อย แล้วเจ้าลูกสีเขียวเหลืองคล้ายมะม่วงนี่อะไรนะ ขอลองเลยละกัน

ลูกชุปล่ะ ว้าว อร่อยมาเลย ยิ่งกินกับครีมสีขาวด้วยยิ่งอร่อย เคี้ยวมันสุดๆ

หลังจากชิมไอศกรีมอกร่องทองจนพอใจดำก็หันไปสนใจบิงซูถ้วยใหญ่ มองแก้วใส่นมข้นใบเล็กกับแก้วบรรจุน้ำสีเหลืองละมุนเอาไว้ข้างๆ ก็ และเปรียบเทียบกับน้ำกะทิเมื่อครู่ มันคงเอาไว้ราดไม่ต่างกันสินะ ราดเลยละกันเพราะทำแบบนั้นแล้วอร่อยมากๆ เลย

มะม่วงสี่เหลี่ยมลูกเต๋าหันพอดีคำถูกตักขึ้นพร้อมเกล็ดน้ำแข็ง บนเกล็ดน้ำแข็งราดด้วยน้ำสีขาวและสีเหลือง ดำตักเข้าปากอย่างไม่ลังเล

อื้ม นมข้นกับน้ำมะม่วงเข้ากันสุดๆ เลย น้ำสีเหลืองนี่น้ำมะม่วงนี่เองไอ้ดำชอบจัง กลิ่นมะม่วงอบอวล รสหวานซ่านไปทั่วปาก ความเย็นทำให้มีชีวิตชีวา สำหรับหน้าร้อนแล้วเป็นเมนูที่จะให้กินกี่ครั้งก็คงไม่พอ

ดำลิ้มรสของหวานทั้งสองถ้วยสลับไปมา ไม่ว่าจะแมงโก้เฮอริเคน หรือบิงซูข้าวเหนียวมะม่วงก็ถูกใจเขาทั้งนั้น ถูกใจรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ ดึงความหอมหวานของมะม่วงออกมาได้ถึงขีดสุด ไหนจะความต่างในแต่ละเมนู เรียกได้ว่ามีทั้งความเหมือนและแตกต่างจนยากจะห้ามใจเลยทีเดียว

สุดท้ายดำก็กินหมดอย่างรวดเร็ว มาร์โก้กินน้อยกว่า ส่วนมากเวลาหมดไปกับการถ่ายรูป ยิ่งพอถูกดำตื้อขอกินอีกยิ่งลำบากใจ แต่สุดท้ายก็ต้องจำยอมสั่งไอศกรีมเค้กมะม่วงอกร่องทองกลับบ้านหนึ่งก้อนใหญ่จนได้ เอาเถอะเพื่อเจ้าจอมตะกละแล้วมื้อนี้ถือว่าเล็กน้อยเท่านั้น

มาร์โก้ได้แต่ปลอบตัวเองในใจ ให้ตายเถอะว่าแต่สิริน สุดท้ายตัวเองเองก็เอาชนะลูกอ้อนของดำไม่ได้เหมือนกัน เจ็บใจนัก...



โปรดติดตามตอนต่อไป...

___________________________________________

มาแล้วค่า ตอนก่อนจัดหนักไป ตอนนี้ก็มาแบบมื้อเบาๆ

ได้พักผ่อนพักท้องกันบ้างเนาะ สองพ่อลูกก็สรรหาของมาเลี้ยงเจ้าตัวเล็กกันจริงๆ เลย

ส่วนน้องนั่นน่ารักมาหลายตอน พอห่างตาก็แผลงความแสบออกมาแล้วค้า555

เค้าน่ารักแค่กับคุณสินเท่านั้นแหละเนาะ หุหุหุ

ขอบคุณทุกคอมเมนท์ทุกความเห็นค่ะ กรีนอ่านแล้วดีใจมากที่ทุกคนหิว555

อ่านจบแล้วอย่าลืมหาอะไรทานกันนะคะ

เจอกันตอนหน้าจ้า
หัวข้อ: Re: = P A Y = เปย์ข้าด้วยบุฟเฟ่ต์สิ [เปย์ครั้งที่ 10] 30.04.2018
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 30-04-2018 22:35:59
ชื่อดำ ชื่อเต็มๆหลุมดำ 5555  ดำน่ารักอ่ะ
หัวข้อ: Re: = P A Y = เปย์ข้าด้วยบุฟเฟ่ต์สิ [เปย์ครั้งที่ 10] 30.04.2018
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 01-05-2018 03:01:01
ดำจะได้เพื่อนแล้ว มีเพื่อนสนิทกี่คนหน่า  :mew1:
หัวข้อ: Re: = P A Y = เปย์ข้าด้วยบุฟเฟ่ต์สิ [เปย์ครั้งที่ 10] 30.04.2018
เริ่มหัวข้อโดย: Mayana ที่ 01-05-2018 12:22:51
ป๊ะป๋าแพ้ทางจนได้  :laugh:
หัวข้อ: Re: = P A Y = เปย์ข้าด้วยบุฟเฟ่ต์สิ [เปย์ครั้งที่ 10] 30.04.2018
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 01-05-2018 19:36:06
หิวTT
หัวข้อ: Re: = P A Y = เปย์ข้าด้วยบุฟเฟ่ต์สิ [เปย์ครั้งที่ 10] 30.04.2018
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 01-05-2018 22:12:15
ใครๆก็แพ้ลูกอ้อนน้องงง อยากเลี้ยงงงงง
หัวข้อ: Re: = P A Y = เปย์ข้าด้วยบุฟเฟ่ต์สิ [เปย์ครั้งที่ 10] 30.04.2018
เริ่มหัวข้อโดย: tn ที่ 03-05-2018 19:18:50
ความเปย์ของพ่อลูกนี้ เผื่อแผ่มาถึงน้องบ้างได้มั้ย หิวววววววว  :-[
หัวข้อ: เปย์ครั้งที่ 11
เริ่มหัวข้อโดย: GreenHead(หัวเขียว) ที่ 09-05-2018 09:17:26

เปย์ครั้งที่ 11

รู้หลบเป็นปีก รู้หลีกเป็นหาง

‘รู้จักเอาตัวรอด หรือปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์’

ดิ๊ง

“อีกแล้วเหรอ ฮ่าๆ ๆ สะใจวุ่ย” วันหัวเรอะชอบใจ เมื่อเห็นว่าสิรินเริ่มหน้านิ่วคิ้วขมวดมากขึ้น มันคงเริ่มจากวันนั้น วันที่สิรินขอเข้าสายเพราะอยากไปส่งน้องชายที่โรงเรียน

พวกเขาฝึกงานในบริษัทรับออกแบบอาคารเล็กๆ แห่งหนึ่ง ที่มีพนักงานเพียง 10 คนเท่านั้น ถึงจะเล็กแต่กลับเป็นบริษัทที่มีชื่อเสียง ด้วยเพราะเจ้าของบริษัทเคยได้รับรางวัลในการออกแบบและก่อสร้างอาคารหลายแห่ง จนมีงานล้นมือแทบไม่มีเวลาว่างกันเลยทีเดียว โชคยังดีที่ปฏิเสธไปได้บ้าง จึงไม่ต้องโหมทำงานจนหนักเกินไป คนที่ทำงานก็เป็นกันเอง จะซีเรียสแค่เวลาลุยงานเท่านั้น

นักศึกษาที่ได้ฝึกงานที่นี่จึงได้รับประสบการณ์มากกว่าที่อื่น เพราะไม่ได้หวงวิชา หรือทิฐิสูงส่งมองเด็กฝึกงานเป็นเบ๊ ซ้ำยังให้เป็นผู้ช่วยในบางโครงการอีก เรียกได้ว่าไม่หวงประสบการณ์แม้แต่น้อย

พอสิรินขอไปส่งน้องที่โรงเรียนวันแรกก็ใจอ่อนยอมให้ไปง่ายๆ ยิ่งพอสิรินเผลอเรียกน้องชายว่าเจ้าจอมตะกละ ยิ่งถูกกำชับเสร็จสรรพว่าให้พามาเที่ยวให้ได้

แต่ถึงอย่างนั้นวัน ที่มีประสบการณ์อยู่กับสิรินยาวนานกว่าใครก็พอจับกระแสอารมณ์สั่นไหวชั่ววูบในดวงตาสิรินได้ และเมื่อปะติดปะต่อกับอาการคุยโทรศัพท์แล้วแอบยิ้มมุมปากนั่นอีกมันยิ่งเริ่มชัดขึ้น ว่าเขาหวงน้องชายไม่น้อย

ส่วนที่มั่นใจก็เป็นวันนั้น เวลาประมาณ 11 นาฬิกา พวกเขากำลังนั่งศึกษาข้อมูลงานเก่าๆ ที่บริษัทเคยทำ เพราะวันนี้พวกพี่ๆ อนุญาตให้พวกเขาหยุดพักอยู่ในบริษัทได้ไม่ต้องตามออกไปประชุมร่วมกับบริษัทว่าจ้างงานในครั้งนี้

หลังจากโทรศัพท์ดังสิรินก็หยิบขึ้นมาดู ใบหน้าตอนนั้นเหมือนมีอารมณ์ทับซ้อนกันอยู่ ทั้งดีใจ มีความสุข และอิจฉา หึงหวง ยิ่งพอรัวนิ้วลงไปบนแป้นพิมพ์ในโทรศัพท์ คิ้วยิ่งขมวดผูกกันเป็นโบว์ ด้วยความอยากรู้อยากเห็นวันจึงอาศัยช่วงที่สิรินจดจ่อย่องไปข้างหลัง

ภาพเด็กผู้ชายยิ้มแฉ่งแก้มป่องจากการอมไอศกรีมไว้ในปากดูมีความสุขสุดๆ ปรากฏบนหน้าจอโทรศัพท์ พร้อมกับข้อความเยอะเย้ยจากคนที่ส่งมาเป็นประโยคชวนโมโห และไม่ได้มีเพียงภาพเดียว

ทั้งภาพมองไอศกรีมตาวาว ภาพกำลังยื่นช้อนเข้าปาก ภาพการลิ้มรสไอศกรีมโดยยกมือขึ้นมาจับแก้ม เรียกได้ว่าแทบจะทุกอิริยาบถเลยทีเดียว ส่วนประโยคที่มาพร้อมภาพก็

“น่ารักเนาะ เจ้าตัวเล็กดูชอบมากเลย ปะป๋าเป็นปลื้ม”

“เจ้าตัวเล็กชมฉันใหญ่เลยล่ะสิน หึหึ”

“บอกว่า ปะป๋าเก่งที่สุดด้วยน้า...ไม่ใช่คุณสินเก่งที่สุดซะแล้ว คึคึ”

“ดูสิๆ เคี้ยวจนแก้มป่องเลย ทั้งที่ชอบขนาดนี้ยังบอกให้ปะป๋ากินด้วย เป็นเด็กดีว่าไหม”

“อิจฉาล่ะซี่ ตั้งใจฝึกงานไปนะ ฉันในฐานะพ่อจะดูแล้วดำเอง”

พอได้เห็นก็เข้าใจคนที่นั่งมองโทรศัพท์ด้วยสายตาราวจะฆ่าคนได้ในทันที ถ้าเป็นคนหวงน้องแล้วยิ่งโดนแบบนี้คงอยากจะวิ่งไปนั่งอยู่ตรงนั้นทันที แต่ก็น่าแปลกวันไม่คิดว่าสิรินจะแสดงท่าทางแบบนี้ได้ด้วย ปกติจะเย็นชาเป็นน้ำแข็ง แล้วดูตอนนี้สิแทบจะลุกเป็นไฟแล้ว

“ฝากไว้ก่อนเถอะมาร์โก้...ส่วนเจ้าตัวเล็กจะจับตีก้นให้เข็ด” สิรินเข่นเคี่ยว แม้จะชอบที่ดำยิ้มแต่ก็อย่างที่บอกไป เขาก็ยังอยากเก็บรอยยิ้มนั้นไว้คนเดียว แล้วมาร์โก้นี่ตัวดี รู้ทั้งรู้ว่าเขาจะไม่มีสมาธิทำงานจนแทบอยากบึ่งรถกลับไปหาเจ้าตัวเล็กยังส่งมาอีก มันน่านัก

และเรื่องราวเช่นนี้ก็เป็นมาเรื่อยๆ ในวันที่สิรินพลาดช่วงเวลาอาหารกับน้องชายตัวเล็ก ทั้งช่วงเช้า ช่วงเย็น ไม่ขาดสาย รวมทั้งวันนี้ถาพก็ถูกส่งมาในช่วงเที่ยงพอดิบพอดี อาจเพราะเป็นวันเสาร์ โรงเรียนหยุดแต่ที่ทำงานไม่ได้หยุดไปด้วย สิรินจึงดูบรรยากาศมาคุมากกว่าวันปกติ

“หุปปากไป” สิรินค้อน แล้วก้มหน้าก้มตาเก็บเอกสารที่ต้องอ่านในวันนี้ พวกเขาเองก็ถึงเวลาทานข้าวแล้วเช่นกัน

“น่าๆ นายก็ถือโอกาสโทรหาดำเลยสิ แล้วตอนเย็นก็ไปพาไปหาอะไรอร่อยๆ กินกันไง” หลังจากซักไซ้จนน่ารำคาญ วันก็ได้รู้ชื่อของเจ้าเด็กที่มีอิทธิพลต่อจิตใจของสิรินจนได้ แล้วจะปล่อยให้มีบรรยากาศเช่นนี้จนถึงบ่ายก็คงไม่ดี ถึงจะสะใจแต่ก็ทำงานไม่สะดวกนัก ต้องช่วยเสียหน่อย

“อืม ขอบใจ” หลังจากได้ยินคำพูดของวันสิรินก็คิดอะไรบางอย่างได้ ความจริงที่เขาโมโหหนักเพราะว่าวันนี้เป็นวันหยุดมาร์โก้กับดำอยู่บ้านทั้งวัน ทำให้มาร์โก้ทำนู่นทำนี่ให้ดำกิน แล้วก็ตามมาด้วยภาพน่ารักน่าเอ็นดูทุกครั้งไป เวลาอาหารก็พอว่า แต่เล่นทั้งวันแบบนี้เขาไม่มีกะจิตกะใจทำงานแน่ๆ ยิ่งช่วงบ่ายต้องตามพี่ภพออกไปคุมงานก่อสร้างแล้วด้วย มีหวังเขาเอาแต่จดจ่อกับโทรศัพท์แน่ ดังนั้นแล้วต้องจัดการให้เรียบร้อย

ไม่ต้องรอให้ภาพใหม่ส่งมา สิรินก็ขอตัวออกไปข้างนอกในทันที ให้วันกินข้าวไปก่อนได้เลย ระหว่างเดินก็เปิดโทรศัพท์เช็คข้อมูลสิ่งที่ต้องการ จนกระทั่งมาถึงสวนข้างบิรษัท สิรินเลือกนั่งบนม้านั่งตัวหนึ่งแล้วจึงกดหมายเลขโทรศัพท์ปลายทาง

เขาซื้อโทรศัพท์ในดำได้ลองใช้ตั้งแต่ยังไม่เปิดเรียน แต่ดูเหมือนเจ้าตัวจะไม่ค่อยเล่นอะไรมากมายนัก ส่วนมากคอยรับหรือโทรหาเขา กับมาร์โก้เท่านั้น คงเพราะดำอยู่มากับสภาพไร้แสงสี เด็กน้อยของเขาจึงไม่ได้ใส่ใจโลกโซเชียลเช่นเด็กคนอื่นๆ

แต่ที่ติดหนักก็เห็นจะมีแต่ทีวีล่ะนะ เปิดดูการ์ตูนได้ไม่มีเบื่อ บางวันก็ที่นั่งรถกลับบ้านก็เล่าอย่างออกรสว่าจะไปดูเรื่องนั้นเรื่องนี้ พอลองถามว่าทำไมไม่ดูในโทรศัพท์จะได้ไม่ต้องรอนานก็ได้คำตอบว่า

‘จอเล็กเกินไปไอ้ดำไม่ชอบ ไอ้ดำชอบทีวีจอใหญ่ๆ ’

เป็นคำตอบที่น่าเอ็นดูเหลือเกิน แถมยังทำมือประกอบคำพูดเหมือนเด็กๆ ดวงตาก็แวววาวตื่นเต้น ดูจะชอบมากจริงๆ

รอเพียงไม่นานปลายสายก็กดรับ เสียงเจื้อยแจ้วตอบรับในทันที

“คุณสินนนน”

“ว่าไง ทำอะไรอยู่” สิรินยิ้มออกมาอย่างผ่อนคลาย เสียงสดใสนั่นทำให้อารมณ์หน่วงๆ ในอกหายไปจนหมดสิ้น

“กำลังรอปะป๋าอยู่ครับ วันนี้ปะป๋าจะทำน้ำแข็งไสให้ไอ้ดำกินล่ะ” ดำโอ้ น้ำแข็งไสจากผลไม้ที่ปะป๋าจะทำให้กินดูน่าอร่อยมาก ไอ้ดำไปแอบดูมาล่ะ

“หือ พึ่งกินข้าวเที่ยงไปเอง จะกินอีกแล้วเหรอ” หลังจากถามก็ได้ยินเสียงหัวเราะแหะๆ จากปลายสาย ดูท่าคงจะกินได้อีกเยอะสินะ เข้าทางมาร์โก้เกินไปแล้ว

“ก็ของหวาน กับของคาวมันไม่เหมือนกัน” ตามด้วยเสียงพึมพำแผ่วเบา ดำกลัวโดนคุณสินดุ แต่ความอยากกินก็มีไม่แพ้กัน จึงพยายามหาข้อแก้ตัว ซึ่งไม่มีความมั่นใจอยู่เลย

“อืม...ดำอยากไปดูการ์ตูนจอใหญ่กว่าที่บ้านรึเปล่า” สิรินเริ่มต้นเข้าเรื่อง ส่วนคำตอบของดำเดี๋ยวค่อยจัดการ

“มีที่จอใหญ่กว่านี้เหรอครับ อยากๆ ไอ้ดำอยากดู” ดำตื่นเต้นดีใจ ร้องลั่น พยักหน้าหงึกหงักกับโทรศัพท์แม้ปลายสายจะไม่เห็นก็ตาม

“ถ้าตอนเย็นฉันพาไปกินของอร่อยมื้อใหญ่ กับพาไปดูหนัง...ระหว่างนี้ดำจะไม่กินของจุกจิกได้รึเปล่านะ ต้องเตรียมท้องไปกินมื้อเย็นซะด้วยสิ ถ้าไม่ได้ก็ยกเลิกเลยดีกว่า ดำคิดว่าอย่างไร” เสียงสิรินเรียบเรื่อย แต่หากมุมปากยกยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ เพื่อกันไม่ให้มาร์โก้ส่งรูปน่ารักๆ ดำมาก่อกวน เขาต้องจัดการต้นเหตุของความปั่นป่วนเสียก่อน

ดำฟังตอนแรกยิ้มกว้างดีใจ ทั้งของอร่อยมื้อใหญ่ ทั้งดูหนัง โห! ไอ้ดำอยากทำทั้งสองอย่างเลย

แต่พอประโยคต่อมาก็ทำให้ดำทั้งลังเล ทั้งเสียดาย น้ำแข็งไสฝีมือปะป๋า แล้วอาจจะมีอะไรเพิ่มอีก กับ อาหารมื้อใหญ่พร้อมการ์ตูนจอใหญ่ของคุณสิน เลือกยากจัง

ดำอ้าปากพะงาบๆ อยากเถียงแทบขาดใจ แต่ก็หาข้อโต้แย้งไม่ออก มื้อใหญ่ต้องเตรียมท้อง คุณสินพูดถูก เดี๋ยวไอ้ดำกินได้น้อยไม่คุ้มกันพอดี งื้อ เอาอย่างไรดี

“ว่าไงหือ” ยิ่งดำเงียบ สิรินก็รู้ได้ทันทีว่าข้อเสนอของเขานั้นได้ผล ดำกำลังลังเล กระตุ้นอีกหน่อยก็เป็นอันใช้ได้

“ไอ้ดำ ไอ้ดำ ไอ้ดำอยากกินมื้อใหญ่กับดูการ์ตูนจอใหญ่ แต่ว่าๆ” ดำตะกุกตะกัก อย่างไรไอ้ดำก็เลือกไม่ได้ ยิ่งพอมองไปห้องครัวมีผลไม้เรียงรายอยู่น้ำลายยิ่งไหล จากนั้นหันไปดูจอทีวี ก็คิดถึงจอที่ใหญ่กว่านี้

คุณสินใจร้าย ไอ้ดำต้องเลือกจริงๆ เหรอ

“แต่ว่าอะไร”

“น้ำแข็งไสของปะป๋าจะเสร็จแล้วขอไอ้ดำกินก่อนได้ไหมครับ ถ้วยเดียว ไม่สิ 2 เอ๊ย 3 ดีกว่า” ดำต่อรอง ขอแค่น้ำแข็งไสก็ยังดี ถ้าปะป๋าจะทำอย่างอื่นอีกไอ้ดำจะขอให้ทำพรุ่งนี้ก็ได้ ดำคิดอย่างมุ่งมั่น

“หึหึ สรุปว่าไม่อยากดูจอใหญ่” สิรินแกล้งต่อ ดูเจ้าตัวเล็กสิ ขนาดต่อรองยังมีความตะกละอยู่ในประโยค คงกำลังคำนวณถ้วยที่จะกินได้จนอิ่มสินะ

“ไม่ๆ ไอ้ดำอยากดู...แต่น้ำแข็งไสจะเสร็จแล้วนะครับ” เสียงดำหงอยลงทันตา คุณสินไม่ยอมจริงๆ ด้วย

“2 ถ้วย ถ้าเกินกว่านั้น...อด” คนตัวโตแกล้งจนพอใจแล้วจึงเฉลย เขาตั้งใจจะอนุญาตตั้งแต่แรกอยู่แล้ว แต่ขอลงโทษให้พอใจก่อนเถอะ ยิ้มเรี่ยราดจริงเจ้าจอมตะกละ

“ครับ คุณสินใจดีที่สุด” เสียงเหงาหงอยแปรเปลี่ยนเป็นเริงร่า จากคุณสินใจร้ายก็เปลี่ยนเป็นใจดีเสียแล้ว ดูท่าคนที่มีอิทธิพลต่อจิตใจของอีกฝ่ายจะไม่ได้มีแค่ดำสินะ

“ไปกินเถอะ ฉันจะไปกินข้าวแล้ว เจอกันตอนเย็น” เสียงหัวเรอะชอบใจ กระโดดโลดเต้นของปลายสายทำให้สิรินต้องยกมือขึ้นมาปิดปาก เขาจะยิ้มกว้างเกินไปแล้ว ก่อนจะหลุดมาดไปมากกว่านี้ก็ต้องวางสายเสียก่อน แม้จะไม่อยากวางเพียงใดก็ตาม

“ครับ กินให้อร่อยน้า ไอ้ดำจะตั้งใจรอตอนเย็น...ปะป๋าสองถ้วยพอ ไอ้ดำรอคุณสิน” ดำได้ยินสิรินบอกว่าจะไปกินข้าวก็ไม่ขัด ก็กินข้าวสำคัญนี่นาต้องกินให้ครบทุกมื้อ จึงตอบรับเสียงเริงร่า ตามด้วยเสียงแผ่วเบาคุยกับมาร์โก้ คงรีบวิ่งไปบอกจนลืมวางสาย

ความจริงจะช่วยกันปิดกับมาร์โก้เขาก็ไม่มีทางรู้ แต่ดำน่ะเป็นเด็กดี เชื่อฟังว่าง่ายแบบนี้เขาถึงใจอ่อนทุกทีสิน่า

หลังจากจัดการตัวต้นเหตุเสร็จสรรพสิรินก็กดวางสายแล้วเดินไปกินข้าวร้านอาหารตามสั่งข้างบริษัท เขาเป็นเช่นนี้ แม้วางตัวเป็นคุณชายเย็นชา แต่เรื่องอาหารการกินหรือการทำงานล้วนเหมือนคนทั่วไป

มีเงินมากมายแล้วอย่างไร อาหารอร่อยจำเป็นต้องแพงด้วยหรือ มีอาหารมากมายที่หากขึ้นห้าง หรือกินในร้านหรูแล้วทำเสียรสชาติต้นตำรับ เขาเพียงเลือกกินของที่คิดว่าอร่อยเท่านั้น

ส่วนงานได้ทำอะไรที่มันลุยๆ เหงื่อออกเสียบ้างก็ดีไม่น้อย ขอเพียงเป็นอาชีพที่ตนรักและทุ่มเทก็เพียงพอ

วันนั้นดำกินน้ำแข็งไสแตงโมราดน้ำหวาน ที่มีทั้งแตงโมหั่นเป็นชิ้นประดับตกแต่ง พร้อมลูกชิดสีขาวกับขนมปังนุ่มนิ่มรองอยู่ก้นถ้วย และน้ำแข็งไสมะพร้าวที่มีเนื้อมะพร้าวน้ำหอมวางเรียงรายอยู่ด้านบน ดำว่ามันเหมือนบิงซูอยู่หลายส่วน แต่น้ำแข็งที่ไม่ได้บทละเอียดนักก็ทำให้ได้เคี้ยวเย็นฉ่ำไปทั่วปาก ดำหมายมาดว่าพรุ่งนี้ต้องให้ปะป๋าทำอีก แค่ 2 ถ้วยมันไม่พอหรอก มีเพียงวันนี้ที่ต้องอดทน ของอร่อยกับการ์ตูนมื้อใหญ่รออยู่ตอนเย็นแล้ว

สิรินจัดการปัญหาเช่นนี้ทุกวันเสาร์ โดยสัญญาว่าทุกวันเสาร์จะพาดำไปดูหนัง ซึ่งเจ้าตัวติดอกติดใจจนยอมรับปากง่ายๆ ต่อให้มาร์โก้เอาอะไรมาร์ล่อดำก็จะอดทน

ปัญหานี้จึงจบลงเช่นนี้เอง มาร์โก้ก็ไม่ขัดออกจะชอบใจเสียด้วยซ้ำที่เขายอมดำเสียขนาดนี้

::::

หัวข้อ: เปย์ครั้งที่ 11 [2]
เริ่มหัวข้อโดย: GreenHead(หัวเขียว) ที่ 09-05-2018 09:18:38

ดำมาโรงเรียนได้ 1 เดือนแล้ว วันนี้มาร์โก้กลับไปจัดการธุระสำคัญที่อเมริกา สิรินก็ออกต่างจังหวัดกับบริษัทที่ฝึกงาน ทำให้ดำต้องกลับบ้านเอง ซึ่งสิรินต้องการให้เพื่อนของเขารับส่งดำระหว่าง 3 วันนี้ แต่ดำออกปากอย่างหมายมั่นว่าจะกลับเอง เพราะเห็นเพื่อนๆ กลับกันเองได้ ดำอยากลองนั่งรถเมล์รถไฟฟ้าที่เพื่อนๆ เล่าให้ฟังบ้าง

แถมยังรับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าจะโทรรายงานสิรินทุกฝีก้าว ไม่ว่าเช้าหรือเย็น ส่วนอาหารการกินก็ไม่ต้องห่วงเดี๋ยวดำออกแต่เช้าไปกินที่โรงอาหารของโรงเรียนก็ได้

สิรินจึงจำต้องขอหยุด 1 วันแล้วพาดำนั่งรถไปกลับ เพื่อความมั่นใจ พยายามทำใจว่าอย่างไรดำก็ไม่ใช่เด็กตัวเล็กๆ แล้ว ยิ่งดำออดอ้อนเขาจึงใจอ่อน แต่ก็กำชับว่า 3 วันเท่านั้น ถ้าเขากลับมาแล้วจะรับส่งเหมือนเดิม ดำก็ยอมรับปากอย่างง่ายดาย แถมยังดีใจจนออกนอกหน้า คงอยากไปซนเต็มที่แล้ว

และวันนี้ก็เป็นวันที่ดำต้องกลับคนเดียวเป็นวันแรก เขาทั้งตื่นเต้น ทั้งแอบกังวลว่าตนจะหลงทาง จนนั่งเหม่อในสวนระหว่างพักไม่ทันเข้าเรียนคาบบ่ายเสียได้

“ทำอย่างไรดี คุณสินไม่อยู่วันแรกไอ้ดำก็ทำเรื่องเสียแล้ว มีหวังคุณสินไม่สบายใจแน่เลย” ดำโอดควร เพราะมัวแต่ตื่นเต้นแท้ๆ เลย ถ้าแอบเข้าไปคุณครูจะจับได้ไหมนะ

แต่ไม่มีทางเลือกต้องแอบเข้าไปทางหน้าต่างแล้วล่ะ เวลานี้ต้องปิดประตูห้องแล้วแน่ๆ เพราะคุณครูอำพรไม่ชอบเด็กเข้าสายจึงปิดประตูห้องล็อกระหว่างสอน คนที่สายหลังจาก 5 นาทีไปก็จะไม่อนุญาตให้เข้าเรียน หน้าต่างจึงเป็นทางเดียวที่สมองน้อยๆ ของดำคิดออก

ดำคิดดังนั้นก็แอบลัดเลาะไปด้านหลังอาคาร โชคดีที่ห้องเรียนอยู่ชั้นหนึ่ง หาจังหวะที่ครูอำพรเขียนกระดานปีนเข้าไปก็แล้วกัน

แต่ยังไม่ทันที่ดำจะถึงตึกเรียนของตัวเอง ด้านหลังห้องน้ำที่แยกจากตัวอาหารก็มีคนคุ้นหน้าคุ้นตากำลังปีนกำแพงออกไปด้านนอก

“เต็มทำอะไร” ดำไม่เข้าใจประตูก็มีมาออกทางกำแพงทำไม จึงเอ่ยปากถามเต็มที่กำลังจะกระโดดลงจากกำแพงไปด้านนอก

“เอ๊ย อย่าทำให้ตกใจสิวะ” เต็มตกใจเสียงดำจนแทบร่วงลงไปผิดท่า จึงหันมาเอ็ดดำอย่างหัวเสีย หมอนี่อีกแล้ว อุตส่าห์เลี่ยง จะมาเจออะไรตอนนี้

ปี๊ดๆ

“หยุดนะ ลงมาเดี๋ยวนี้! ” ก่อนที่จะได้พูดอะไรมากกว่านี้ครูฝ่ายปกครองสุดโหดก็ตะโกนอย่างโกรธเกรี้ยว แล้วรีบวิ่งมาจากมุมตึกที่อยู่ถัดไปอีก 2 ตึก

“เอ้า จับมือ ขึ้นมาเร็วสิวะ อยากเข้าห้องเย็นรึไง เดี๋ยวโดนเรียกพบผู้ปกครองพอดี” เต็มจะหนีไปเลยก็ได้ แต่ไม่รู้อะไรดลใจให้ช่วยดำ ถ้าถูกจับไปตอนนี้พาลแต่จะถูกลงโทษเสียเปล่า สู้โดดเรียนเอาตัวรอดไปเลยยังจะดีกว่า

เขาได้แต่ด่าตัวเองในใจจะไปช่วยศัตรูทำไมวะ มือที่ยื่นออกไปกลับไม่ได้ชักกลับแม้แต่น้อย

“ถ้าถูกเรียกพบผู้ปกครองไม่ดีเหรอ” สมองดำยังไม่อาจเข้าใจถึงโทษของการเข้าห้องเย็นที่เต็มพูดได้ แต่คำว่าถูกเรียกพบผู้ปกครองมีอิทธิพลต่อเขาไม่น้อย จึงได้ถามออกไปว่าตกลงมันดีหรือไม่ดีกันแน่นะ ทั้งที่เขากำลังจะไปที่ห้องเรียนแท้ๆ

“เออสิ พวกครูจะบันทึกชื่อเราเป็นเด็กไม่ดีแหกกฎทันที ส่วนพ่อแม่ก็ต้องโกรธมากรู้ไว้ด้วย เร็วสิเว้ย เดี๋ยวก็ทิ้งไว้ซะหรอก” เต็มเร่ง ครูสุชาติจอมโหดจะมาถึงอยู่แล้วยังมัวโอ้เอ้อีกถ้าถูกจำหน้าได้ก็ซวยไม่ต่างกัน ต้องหนีตั้งแต่ตอนที่แกมองไม่ชัดนี่แหละ ระยะนี้ยังใช้ได้ อย่างไรแกก็แก่แล้ว

“อื้อ” ดำได้ยินดังนั้นก็รีบจับมือเต็มให้ดึงขึ้นไปบนกำแพงในทันที เท้าก็กระโดดขึ้นด้านบน มืออีกข้างก็เกาะขอบกำแพงช่วยดึงตัวขึ้นไป เพียงพริบตาก็ขึ้นไปยืนบนกำแพงข้างเต็มแล้ว

“ตามมา”

ปึ้งๆ

นอกกำแพงมีโซฟาเก่าๆ ซึ่งเป็นที่นอนของพวกคนจรจัดอยู่ เต็มกระโดดนำลงไป ดำก็ทำตาม จากนั้นทั้งสองก็ออกวิ่งลัดเลาะไปตามซอยคดเคี้ยว โดยมีเสียงนกหวีดดังแผดขึ้นเป็นระยะ บ่งบอกว่าครูสุชาติจอมโหดยังคงตามมา เพราะประตูด้านหลังไม่ไกลนัก วิ่งอีกไม่ถึงนาทีก็พบแล้ว ทั้งครูสุชาติยังมีกุญแจสำรองติดตัวไว้ตลอดไม่แปลกที่จะตามมาเร็วขนาดนี้

“มานี่” เต็มเลี้ยวเข้าแคบๆ ซอยหนึ่งแล้ว มันพาไปโผล่ด้านหลังค่ายมวยขนาดไม่ใหญ่นักซึ่งเต็มมาฝึกที่นี่เป็นประจำ ไม่รอช้ากระโดดข้ามรั้วเตี้ยๆ เข้าไปทันที

“อ้าวเต็มพาใครมาวะ” ชายรูปร่างใหญ่โตเปลือยท่อนบนเอ่ยปากถามเต็มด้วยความสนใจ ทั้งดูไม่แปลกใจแม้แต่น้อยที่เจอเต็มในเวลาแบบนี้ ทั้งยังวิ่งเอาเป็นเอาตายบ่งบอกว่าหนีโรงเรียนมาอีก

“เดี๋ยวค่อยคุยพี่ ขอหลบก่อน ครูสุชาติตามมา ถ้าแกมาที่นี่ก็ฝากด้วยนะ” ว่าจบก็วิ่งหายลับเข้าไปในค่ายทันที

และเป็นดังที่ตามที่เต็มคาด ครูสุชาติเดินวิ่งจนถึงค่ายมวยจริงๆ ด้วย แม้ในใจจะรู้ว่าครูสุชาติไม่มีทางตามฝีเท้าของพวกเขาทัน ทั้งต้องไม่เป็นตอนที่พวกเขาเลี้ยวเข้าซอยมาด้วยซ้ำ การมาถึงน่าจะเป็นเพราะความบังเอิญ แต่เต็มก็ไม่อาจวางใจได้

เขามั่นใจว่าครูสุชาติต้องมองไม่เห็นหน้าเขากับดำ แต่ทำไม่ถึงมาที่นี่ล่ะ กำลังคุยกับพี่รัน นักมวยรุ่นพี่ของเขาด้วย หรือจะจำเขาได้

ถ้าเป็นปกติเขาก็ออกมาได้อย่างเนียนๆ แท้ๆ แต่เพราะเจอดำถึงได้ซวยแบบนี้ ตั้งแต่แรกเจอหน้าก็ไม่ถูกชะตา เลี่ยงได้เป็นเดือนยังจะมาร่วมหัวจมท้ายด้วยกันแบบนี้อีก บ้าจริงๆ

“ออกมาได้แล้วเว้ย” หลังจากไล่ครูสุชาติไป รันก็เรียกให้เจ้าคนหาเรื่องมาให้ออกมาในทันที

“ขอบใจพี่รัน ว่าแต่ครูสุชาติรู้ไหมว่าเป็นผม” เต็มเดินออกมาจากที่ซ่อน แล้วจึงถามสิ่งที่คาใจในทันที เขายังไม่พร้อมจะมีเรื่องปวดหัวก่อนแข่งใหญ่แบบนี้

“ไม่ แค่วิ่งผ่านมาเลยถามว่าเห็นเด็กโดดเรียนวิ่งมาแถวนี้บ้างรึเปล่า”

“ฟู่ ค่อยยังชั่ว” หลังได้รับคำตอบก็ต้องยอมรับว่าโล่งใจมากทีเดียว ถึงเขาจะได้รับการอนุโลมเรื่องการฝึกซ้อมหากใกล้แข่ง แต่มันก็เป็นเพียงขอบเขตในชมรมเท่านั้น จะออกมาค่ายมวยยังไม่ได้รับการอนุญาต ซึ่งเขาก็แอบทำมาประจำ คาบไหนที่คิดว่าเรียนไปไม่รอดแน่ๆ ก็โดด แล้วทำงานตามส่งทีหลัง ขอแค่ไม่ติดศูนย์ก็พอใจแล้ว

ซึ่งครูในโรงเรียนก็ยอมรับในข้อนี้ และมีกฎว่าถ้าสอบไม่ผ่านต้องเรียนเสริม แน่นอนว่าเต็มโดนประจำ ถึงจะแค่บางรายวิชาก็เถอะ

เต็มชอบที่จะมาฝึกที่ค่ายมากกว่า เพราะได้ชกกับคนที่เก่งกว่า ในชมรมเก่งก็จริง แต่มันก็เป็นเพียงระดับนักเรียนเท่านั้น คู่ต่อสู้ที่เขาต้องการคือพวกที่ผ่านสังเวียนจริง ทั้งยังมีประสบการณ์เจนจัดกว่า เป็นพวกผู้ใหญ่ที่สู้ในสังเวียนครั้งแล้วครั้งเล่า นั่นแหละถึงจะเรียกว่าสุดยอด

ตั้งแต่เด็กเต็มก็หลบจากครอบครัวที่วุ่นวายมาที่นี่ประจำ จนเขารักในการชกมวยไม่แพ้นักมวยคนอื่นๆ ต้องยอมรับว่าเหลิงไปบ้าง เพราะชนะรุ่นพี่ในค่ายที่ใช้เวลาฝึกฝนยาวนานกว่าได้หลายคน และก็ถูกหยุดด้วยความอัปยศครั้งนั้น การแพ้ในระดับนักเรียน เต็มไม่พอใจแม้แต่น้อย

เขาจึงมีทิฐิใหญ่หลวง เริ่มพาลรังแกคนอื่น และถูกหยุดด้วยหมัดเดียวของดำในตอนนั้น ทำให้เต็มตระหนักว่าเขายังอ่อนแอมาก แม้จะอยู่ในรุ่นเดียวกัน ดำไม่ได้ใช้กลโกง สู้อย่างตรงไปตรงมา ไม่เหมือนการแพ้ในครั้งนั้น เต็มจึงฝึกเป็นบ้าเป็นหลังมากขึ้น เขาต้องเก่งกว่าใคร!

“แล้วทำไมรอบนี้พาเพื่อนมาด้วยวะ แปลกดี มีเพื่อนด้วยเหรอมึง ฮ่าๆ ๆ”

“ไม่ใช่”

“ไม่ใช่”

สองเสียงประสานตอบดังฟังชัดแทบจะทันที ไม่พอยังหันหน้าไปมองกันแล้วหันหน้าหนีอีก เพราะการต่อสู้ครั้งนั้นพวกเขาจึงมีอาการเช่นนี้

ดำถูกบางคนกลัวทั้งที่พยายามเป็นมิตร ถึงจะยอมรับว่าเต็มมีดีอยู่บ้าง แต่มันให้อภัยข้อนั้นไม่ได้จริงๆ ส่วนเต็มมองดำเป็นคู่ต่อสู้เต็มตัว เป็นเป้าหมายต่อไปหลังจากคว้าแชมป์ระดับจังหวัดแล้ว จะให้บอกว่าเพื่อนมันก็เลยแปร่งหูพิกล

“ฮ่าๆ แล้วนี่จะเอาเลยไหม” รันหัวเราะกับท่าทางของเด็กทั้งสอง เขามองดูก็รู้ว่าพวกนี้ไม่ได้มองกับเป็นศัตรู คงจะมองว่าเป็นคู่แข่งล่ะมัง เขาก็เคยมีช่วงเวลาเช่นนี้ ไม่ชอบขี้หน้า แต่ก็ตัดกันไม่ขาด ทิ้งอีกฝ่ายเอาตัวรอดไม่ได้ถึงได้พากันวิ่งมาถึงตรงนี้

“เอาเลยเฮีย ขอไปเปลี่ยนชุดก่อน” ว่าจบก็เดินลิ่วๆ เข้าไปในห้องอาบน้ำทันที หลังจากเต็มหายลับเข้าไปในห้อง รันก็คิดว่าถึงเวลาซักฟอกดำแล้ว ตัวเล็กจริงๆ ถึงจะไม่น่าเชื่อว่าเต็มมองเด็กคนนี้เป็นคู่แข่ง แต่เราจะตัดสินคนจากภายนอกไม่ได้ เด็กคนนี้อาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้เต็มกลับมาฝึกอย่างเอาเป็นเอาตายเหมือนสมัยก่อนก็ได้ ไม่ใช่เที่ยวกร่างเหมือนก่อนหน้านี้ เพียงเพราะชนะรุ่นพี่ในค่าย

“ว่าไงเรา ชื่ออะไร” ดำไม่ได้สนใจรัน เขากำลังมองดูรอบๆ อย่างสนใจ สมัยก่อนดำได้แต่แอบมองแล้วฝึกตามอยู่ห่างๆ เป็นครั้งแรกที่ได้เข้ามานั่งด้านในเช่นนี้ ทั้งพวกอุปกรณ์ยังดูดีกว่าสมัยก่อนมาก เขาจึงสนใจมากขึ้นไปอีก

“สนใจเหรอ อยากร่วมฝึกด้วยไหม” รันไม่ได้โกรธที่ไม่ได้รับคำตอบ ดูจากแววตาแล้วคงจะสนใจค่ายมวยมากจริงๆ และเพื่อพิสูจน์ฝีมือดำแล้วทางที่ง่ายที่สุดคือ ให้ลงสนามจริงไปเลย

“ฮะ! พี่ชายว่าไงนะ” ความสนใจถูกดึงกลับมาด้วยประโยคเพียงประโยคเดียว หัวใจดำเต้นตึกตัก แต่ก่อนเขาไม่ถูกอนุญาตให้เข้าไปจึงทำได้เพียงแค่ฝันเท่านั้น พอถูกบอกว่าให้ร่วมฝึกดำจึงตกตะลึงเช่นนี้

ไม่ใช่ความฝันใช่ไหม ไอ้ดำจะได้ต่อยมวยบนสังเวียนล่ะ ว้าวๆ ๆ

“เอ้า ถ้าอยากฝึกด้วยก็ตามมา อย่างแรกต้องเปลี่ยนชุดก่อน ขนาดตัวเท่าเรายืมชุดไอ้ก้อนก็คงได้” ดำเดินตามอย่างว่าง่าย อะไรไอ้ดำไม่เข้าใจหรอก ขอแค่ได้ลองฝึกบ้างก็พอ

“เอ้า เปลี่ยนใส่ชุดนี้ก่อน อย่างแรกต้องอุ่นเครื่อง วิ่งไกลๆ ไหวไหมเรา” รันถือวิสาสะเปิดล็อกเกอร์ของก้อนหิน เจ้าเด็กประถมที่พึ่งเข้ามาฝึกได้ไม่นาน กะขนาดแล้วน่าจะใส่ได้พอดี เพราะก้อนหินตัวใหญ่กว่าเด็กรุ่นเดียวกันเล็กน้อยนั่นเอง

“ได้ครับ ไอ้ดำทำได้” ดำรับชุดที่รันยื่นให้แล้วเดินเข้าห้องน้ำไปเปลี่ยนชุด รันได้แต่มองอย่างงงๆ เจ้านั่นเป็นเด็กผู้ชายจริงๆ ใช่ไหม จำเป็นต้องหาห้องน้ำด้วยเหรอ ไม่ได้ให้เปลือยทั้งตัวเสียหน่อย

ไอ้ดำต้องทำตามคำสั่ง คุณสินบอกว่าไม่ให้แก้ผ้าต่อหน้าคนอื่น ไอ้ดำเด็กดีต้องเชื่อฟังล่ะ ถึงจะไม่ค่อยเข้าใจก็เถอะ

ดำเดินสวนกับเต็มที่เดินออกมาจากห้องน้ำหลังจากเข้าไปจัดการธุระส่วนตัวเรียบร้อย จึงอดแปลกใจไม่ได้ที่เห็นดำอยู่ในนี้ แล้วในแขนนั่นมันชุดฝึกไม่ใช่เหรอ

“เฮียพามันมาทำไม่เนี่ย” รันไมตอบคำถามเต็มเพียงยักคิ้วท่าทางกวนบาทาให้เท่านั้น

ชุดที่ดำได้รับมาเป็นเสื้อกล้ามสีดำ กางเกงมวยสีน้ำเงิน และชุดวอร์มสีฟ้าหนึ่งชุด ดำไม่ค่อยเข้าใจว่าเอามาทำไมแต่ก็ใส่ทับชุดมวยเอาไว้ แล้วหอบชุดนักเรียนออกมาด้านนอก

รันเก็บชุดของดำไว้ในล็อกเกอร์ของก้อนหินแทนชุดฝึกที่ยืมมา

โปรแกรมแรกของพวกเขาคือการวิ่ง ต้องเตรียมร่างกายให้พร้อมก่อนจึงขึ้นชกบนเวที ดำเข้าใจข้อนี้เพราะเห็นค่ายมวยข้างๆ วัดทำเช่นนี้ประจำ จึงไม่อิดออดวิ่งตามไปทันที ตอนนี้ยังเที่ยงวัน พวกเขาจึงเลือกวิ่งในสวนสาธารณะ ที่มีต้นไม้ปกคลุมร่มรื่น

รันกับเต็มสลับกันมองดำเป็นระยะ กลัวว่าคนตัวเล็กจะล้มพับไปเสียก่อนเพราะอากาศเมืองไทยร้อนน้อยเสียที่ไหน คนที่ไม่เคยวิ่งในระยะทางหลายกิโลมีแต่ล้มพับกันไปเท่านั้น พวกเขาวิ่งรอบสวน 10 รอบ ระยะทาง 10 กิโลโดยประมาณ ตอนนี้ผ่านไปครึ่งหนึ่งแล้ว ดำก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะล้มลง แม้หน้าจะแดงชื้นเหงื่อเต็มไปหมดก็ตาม

และผิดคาดดำวิ่งกับพวกเขาจนครบ ทั้งยังไม่มีท่าทีว่าจะเหนื่อยจนล้มพับแม้แต่น้อย ส่วนมากผ่านครึ่งแรกมาก็เริ่มมีคนหมดสภาพแล้วในการวิ่งครั้งแรก แต่ดำกลับทำได้อย่างง่ายดาย

เจ้านี่เป็นตัวอะไรกันแน่ ไหนบอกว่าป่วย แบบนี้ไม่เห็นเข้ากับสภาพเลยนี่หว่า

เต็มได้แต่แย้งในใจ เขาไม่อยากเชื่อตั้งแต่แรก แต่พอเห็นสภาพดำตื่นเต้นกับทุกอย่างที่เห็น แถมบางเรื่องเป็นเรื่องปกติแท้ๆ ยังไม่รู้จัก เขาจึงทำใจเชื่อลงได้ แต่พอมาวันนี้เขากลับเริ่มลังเลอีกครั้ง

“เก่งนี่ พึ่งเคยฝึกจริงเหรอ” รันถามด้วยความอยากรู้อยากเห็นก่อนหน้านี้ถามดูก็ได้คำตอบว่าพึ่งเคยเข้ามาในค่ายมวยครั้งแรก มันจึงทำให้เขาแปลกใจอยู่พอสมควร

“อื้อๆ ไอ้ดำพึ่งเคยฝึกแบบนี้นะ” ก็ก่อนหน้านี้ถึงทำตามอยู่บ้างแต่ก็ไม่อาจทำจริงจังขนาดนี้ ส่วนมากประสบการณ์ของดำมาจากการวิวาทเสียมากกว่า พละกำลังถึงได้มากไม่แพ้คนที่ฝึกเป็นประจำเลย เขาเองก็วิวาทเป็นประจำนี่นา แถมยังต้องทำความสะอาดวัดอีก สะบักสะบอมแค่ไหนก็ต้องทำงานที่รับผิดชอบ ดำจึงก้าวข้ามขีดจำกัดได้เช่นนี้

“เอ้า มาดูกันว่าจะตามพวกเราจนจบได้รึเปล่า พร้อมรึยัง”

“พร้อม! ”

ดำวิ่งตามรันต้อยๆ โดยมีเต็มเดินตามอยู่ห่างๆ จะบอกว่าไม่พอใจก็ไม่ถูก เขาแค่ไม่เข้าใจตัวเองที่รู้สึกดีใจชั่วครู่เมื่อเห็นว่าดำตามทันเท่านั้น ไม่เข้าใจตัวเองเลยจริงๆ

วันนั้นช่วงบ่าย ดำก็ขลุกอยู่ในค่ายมวย ทั้งวิ่ง กระโดดเชือก เตะต่อยกระสอบทราย แม้เหนื่อยจนเหงื่อท่วม เขากลับไม่อาจหุบยิ้มแห่งความสนุกนี้ลงได้

จนกระทั่งถึงเวลาขึ้นสังเวียน เต็มเตรียมสู้กับดำเต็มที่ แต่ก็ถูกดับหวัง เพราะเฮียพงษ์ เจ้าของค่ายมาเจอแล้วสั่งห้าม จะให้เต็มบาดเจ็บก่อนขึ้นชกจริงรอบแรกในอีก 3 วันไม่ได้ ดูแล้วการชกครั้งนี้คงไม่หยุดแค่อีกฝ่ายแพ้ ดูสายตาของทั้งคู่สิ แทบอยากจะอัดอีกฝ่ายให้น่วมเต็มกลืนแล้ว

และในใจเขาก็เต้นตึกตัก สัญชาตญาณของนักชกเจนสังเวียนร้องบอกว่าเจ้าหนูนี่ไม่ธรรมดา วันนี้เขาอาจจะได้นักมวยฝีมือดีเข้าสังกัดอีกก็ได้

“เปรม ขึ้นชกกับเจ้าหนูนี่หน่อย”

“ครับเฮียพงษ์” เปรมเป็นนักมวยที่พึ่งชนะในเวทีใหญ่เป็นครั้งแรก เขาพึ่งเข้ามาฝึกได้ 5 ปี ทำให้ฝีมือใกล้เคียงกับเต็ม แม้จะอายุมากกว่าก็ตาม แต่ถึงจะบอกว่าเต็มไล่ตามคนที่มีอายุมากกว่าทั้งยังมีร่างกายที่พรั่งพร้อมกว่ามันก็ไม่ใช่เรื่องเกินไป

สายตาของเปรมเต็มไปด้วยการดูถูก และแฝงความแค้นเคืองเอาไว้จางๆ เจ้าเด็กนี่เป็นเพื่อนของไอ้เต็มจอมอวดดี ถ้าเช่นนั้นก็ขออัดเป็นของฝากสำหรับนัดชกครั้งหน้าหน่อยเถอะ!





โปรดติดตามตอนต่อไป...



_________________________________________

มาแล้วค้า มาช้าอีกแล้ว ขอโทษนะคะ

บทนี้กลัวยืดก็เลยขอข้ามฉากกินไปน้า ตอนหน้าถึงจะจัดหนัก

เดี๋ยวท้องให้พร้อม ฮ่าๆ

น้องดำจะแสดงฝีมืออีกแล้ว ลุ้นกันไหมเอ่ย

ส่วนความผิดของกรีนจะชดเชยให้ตอนเย็นนะคะ

รอลุ้นกันน้า

แล้วเจอกันจ้า
หัวข้อ: Re: = P A Y = เปย์ข้าด้วยบุฟเฟ่ต์สิ [เปย์ครั้งที่ 11] 09.05.2018
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 09-05-2018 11:44:41
โถๆๆมาเล่นกับดำ ระวังเจอดำอัดคืนนะจ๊ะ
หัวข้อ: Re: = P A Y = เปย์ข้าด้วยบุฟเฟ่ต์สิ [เปย์ครั้งที่ 11] 09.05.2018
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 09-05-2018 12:10:23
สอยเลยดำ สอยเลย  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: = P A Y = เปย์ข้าด้วยบุฟเฟ่ต์สิ [เปย์ครั้งที่ 11] 09.05.2018
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 09-05-2018 16:39:07
รอตอนต่อไปค่ะ^^
หัวข้อ: เปย์ครั้งที่ 12
เริ่มหัวข้อโดย: GreenHead(หัวเขียว) ที่ 10-05-2018 05:02:05
เปย์ครั้งที่ 12

ว่าวเหลิงลม

‘อาการที่หลงระเริงกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งแล้วเพลินจนลืมตัว’


ดำมองนวมที่รันช่วยใส่ให้อย่างตื่นเต้น เป็นครั้งแรกที่ได้ใส่อะไรแบบนี้ แถมยังได้ขึ้นสังเวียนชกอีก เขาจึงไม่ได้สนใจไปมากกว่าการขึ้นชกเลย จุดประสงค์ของเปรมดำก็ไม่อาจรู้ได้

ตอนนี้ดำถอดชุดวอร์มออกแล้ว เหลือเพียงเสื้อกล้ามสีดำกับกางเกงมวยเท่านั้น ทำให้คนที่เริ่มทยอยมามุงดูอยากจะค้านเจ้าของค่ายเต็มที่

ดูสิตัวเล็กบอบบางขนาดนี้ ชกกับเปรมที่สูงเกินร้อยแปดสิบ ตัวหนาเต็มไปด้วยมัดกล้าม จะดูอย่างไรมันก็ผู้ใหญ่รังแกเด็กชัดๆ แถมยังพึ่งเคยมาค่ายไม่ใช่หรือไง จะเป็นมวยเรอะ ถึงจะเป็นเพื่อนของเต็มก็เถอะ มันก็ไม่น่าเก่งไปกว่าเปรมได้เลยนา

อย่างไรเต็มก็พึ่งชนะเปรมไปเมื่อสองเดือนก่อนแค่ครั้งเดียวเอง เจ้าหนูนี่ไม่น่าจะเอามาเทียบได้เลย แล้วใครก็รู้ว่าเปรมมันเสียหน้าขนาดไหนที่แพ้เด็กอย่างเต็ม ยังจะให้ขึ้นชกกับเพื่อนตัวน้อยของเต็มอีก มีหวังเปรมจัดเต็มจนร่างเล็กๆ นั่นเละแน่

“ระวังนะดำ เจ้านี่เก่งพอๆ กับเต็มตอนเครื่องร้อนเต็มที่เลยล่ะ” นอกจากเต็มกับเฮียพงษ์แล้วก็มีรันที่พอรู้ว่าดำไม่ใช่ธรรมดา ร่างกายเล็กๆ นี่กล้ามเนื้อแข็งไม่เบา บ่งบอกว่าได้ออกกำลังอย่างสม่ำเสมอ นิ้วมือด้านหลังมือก็ด้านจนเห็นได้ชัด คงผ่านประสบการณ์ต่อยตีโดนไร้นวมมาไม่น้อย การชกครั้งนี้มีลุ้น

“ครั้งนั้นกูแค่ประมาทจำไว้ อย่าเอาฝีมือเจ้านี่ไปเทียบกับกูตอนนั้น” เต็มเข้ามาหยุดข้างดำโดยไม่มองหน้า พูดจบแล้วก็เดินผ่านไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“อื้อ- “ดำมองตามแผ่นหลังที่เล็กกว่าสิรินไปด้วยสายตางุนงง

“ไอ้ดำยังตอบไม่จบเลยรีบอะไรของเขานะ” สุดท้ายก็พูดออกมาอย่างไม่เข้าใจ รันได้แต่ยิ้ม ห่วงเพื่อนแล้วยังเก๊ก ให้ตายเถอะเต็มเอ๊ย

“ฮ่าๆ อย่าสนใจมันเลย ขึ้นเวทีดีกว่า” ตบหลังดำเบาๆ ส่งท้าย การชกวันนี้น่าสนุกจริง แล้วนั่นเฮียพงษ์ไปกระซิบกระซาบอะไรกับเจ้าเปรม จะทำให้มันสนุกขึ้นรึไง หรือคิดว่าเปรมแพ้แน่ๆ ถ้าดูถูกดำ อืมๆ เฮียพงษ์เนี่ยชอบทำเรื่องสนุกๆ ทุกทีสิน่า

“ครับ” ดำเดินขึ้นเวทีด้วยใจที่เต้นตึกตัก เหมือนจะหลุดออกมาง่ายๆ ไม่ต่างจากวันที่ได้หนังดูหนังจอใหญ่เลย

โอ๊ย ขาสั่น มือสั่นไปหมดแล้ว ตื่นเต้นโว้ย

ทางด้านคนที่ปฏิเสธว่าไม่ได้เป็นเพื่อนกันก็มองตามดำทุกฝีก้าว ไม่เข้าใจว่าตัวเองห่วงอะไร ถึงวันนั้นได้คิดทบทวนแล้วว่าตัวเองยังไม่ได้เอาจริงเต็มร้อย แต่เขาก็รู้ว่าดำไม่ต่างกัน พวกเขาสู้กันโดยที่ยังไม่ได้ลงมือเอาจริงทั้งสองฝ่าย

เปรมเป็นเหมือนคู่แข่งของเขา เพราะเข้ามาทีหลัง แค่เป็นผู้ใหญ่กลับได้ขึ้นชกก่อน ทั้งทุกครั้งที่สู้กันเขาก็ไม่เคยชนะเลย มีเพียงครั้งเดียวที่เอาชนะมาได้ ครั้งนั้นสู้จนสะบักสะบอม ยกแล้วยกเล่า ไม่มีใครยอมใคร ร่างกายของเต็มยังไม่สูงใหญ่เต็มที่ทำให้อาศัยจังหวะและฝีมือในการเอาชนะเท่านั้น

ไม่เพียงร่างกายแม้แต่น้ำหนักของหมัดก็ต่างกัน แรงเด็กจะสู้ผู้ใหญ่ได้อย่างไร หนทางของเขามีเพียงออกหมัดให้มากกว่า เปรมต่อยหนึ่ง เต็มต้องต่อยกลับ 2 หมัด หลบหมัดที่จู่โจมให้ได้ ยิ่งถูกตัวน้อยลงเขายิ่งมีสิทธิ์ชนะ ใช้ทุกอย่างที่มีจนก้าวข้ามมาได้

ซึ่งนั่นเป็นเรื่องมือ 2 เดือนก่อน เวลานี้ไม่รู้ว่าเปรมเก่งขึ้นขนาดไหนแล้ว ดำเองก็ไม่รู้ว่ามีฝีมือถึงขั้นใด ในใจของเต็มจึงอดที่จะเป็นห่วงคู่แข่งของตนไม่ได้

ใช่แค่ห่วงคู่แข่ง ถ้าดำโดนเล่นจนเละแล้วเขาจะสู้กับมันได้อย่างไร ต้องรออีกนานแค่ไหนหว่าจะหาย มันก็เท่านั้น...

ถึงเปรมจะถูกเตือนว่าอย่าได้ดูถูกดำ ให้ชกอย่างเต็มที่ แต่ก็อดที่จะแย้งในใจไม่ได้ เด็กยิ้มแฉ่ง ตาโต ตัวเล็กนี่นะ หึ

“วันนี้ชกอย่างไม่เป็นทางการเริ่มได้เลย ฉันจะเป็นกรรมการเอง” เฮียพงษ์กระโดดขึ้นบนเวที อยู่ใกล้แบบนี้ดีกว่า เกิดอะไรขึ้นจะได้ห้ามทัน

“ดำมานี่มา” เฮียพงษ์เรียกดำที่กำลังมองหัวเสากับรอบๆ เวทีอย่างสนใจ

“ครับ” ในที่สุดดำก็ได้มองหน้าคู่ชกของตนตรงๆ โห ตัวใหญ่จัง

พงษ์มองดำอย่างสนใจ ดูสิไม่มีความกลัวอยู่ในดวงตานั้นเลย เหมือนชินชากับการสู้กับคนที่โตกว่าอยู่แล้ว ต่อให้เปรมตัวหนาจนต้องมีดำสองคนถึงจะเทียบได้ เจ้าตัวยังไม่มีหวั่นไหวอะไร เอาแต่ยิ้มดีใจไม่หุบเสียที

ทั้งคู่ยื่นมือที่ใส่นวมทั้งสองข้างมาแตะกัน กลางเวทีมีเพียง ดำ เปรม และพงษ์เท่านั้น ส่วนด้านล่างก็เริ่มมีเสียงโห่เชียร์ดังขึ้นเรื่อยๆ

“ไอ้หนูอัดไอ้เปรมเลย”

“เฮ้ยๆ เปรมอย่ารังแกเด็กนะเว้ย”

มีคนไม่น้อยที่คิดว่าน่าสนุกถ้าดำชนะเปรมได้จึงส่งเสียงให้กำลังใจดำบ้าง ทำให้เปรมหัวเสียขึ้นอีก มองดำด้วยสายตาไม่พอใจ เอาแต่ยิ้มอยู่ได้ มีความสุขอะไรนักหนา เริ่มชกเมื่อไหร่จะจัดการให้ยิ้มไม่ออกเลย

“วันนี้เป็นการชกแบบไม่เป็นทางการ แล้วดำก็ไม่เคยขึ้นชกมาก่อน ฉันจะไม่กำหนดกติกาอะไรมากมาย แต่ก็ให้ฟังกรรมการเวลาเข้าไปห้ามด้วย เอาล่ะ สู้ให้เต็มที่

ชก! ”

พงษ์กล่าวกับคู่ชกทั้งสอง จากนั้นก็วาดมือไประหว่างนวมที่แตะกันอยู่ เป็นสัญญาณบอกให้เริ่มชกได้ แล้วเขาก็ขยับตัวออกมาอยู่วงนอกให้ทั้งคู่ได้มีพื้นที่เคลื่อนไหวอย่างเต็มที่

เปรมขยับถอยหลังเพื่อตั้งหลักเริ่มสู้ผิดกับดำที่สวนหมัดเข้าใส่เปรมทันที คนตัวเล็กก้าวขาไปข้างหน้าอย่างพอเหมาะย่อตัวลงเล็กน้อย เสริมให้เขาที่สูงเพียงรักแร้ของเปรมเตี้ยลงไปอีก เว้นระยะห่วงของหมัดมากขึ้น แรงเหวี่ยงจากด้านล่างก็มากขึ้น ส่งหมัดเข้าเสยปลายคางของเปรมอย่างพอดิบพอดี

กว่าจะรู้ตัวหมัดของดำก็ถึงปลายคางของเปรมเสียแล้ว ชั่วพริบตานั้นร่างกายของเปรมสั่งให้เงยหน้าขึ้นตามแรงที่เหวี่ยงมาทำให้พอลดแรงกระแทกไปได้บ้าง ถึงจะไม่ได้ทรุดลงกับพื้นเพราะนั่นเป็นจุดตายของร่างกาย แต่ร่างกายใหญ่โตนั้นก็เซไปมาอย่างเห็นได้ชัด

อย่าล้มไอ้เปรม!

เปรมสั่งให้ตัวเองไม่ให้ล้มลงไป เขาไม่อยากเสียหน้า พึ่งเริ่มยังไม่ถึงนาทีเขาก็เสียท่าเข้าอย่างจัง ถ้าล้มลงไปมีหวังโดนหัวเราะเยาะไม่จบสิ้นแน่ๆ มือที่พยายามคว้าอากาศนั่นแตะเข้ากับเชือกด้านหลัง เขาจึงใช้มันพยุงตัวเอาไว้

“มึง ไอ้เด็กเวร” เปรมส่งสายตาโกรธเกรี้ยวไปยังคนตัวเล็กที่กำลังมองนวมอยู่ที่เดิมอย่างไม่สนใจที่จะมาอัดซ้ำ มันดูถูกกันชัดๆ จะมากไปแล้วนะ เพราะปกติใครๆ เขาก็ถอยรอดูจังหวะถึงเริ่มสู้ทั้งนั้น เล่นจู่โจมเลยแบบนี้ มันแค่ความเป็นไปได้ที่คาดไม่ถึงท่านั้น

ดำชกได้แล้วก็ไม่สนใจเปรมเท่าไหร่นัก เวลานี้สัมผัสของการชกผ่านนวมน่าสนใจยิ่งกว่า

ไม่เจ็บล่ะ ไม่เจ็บเลย ปกติจะเจ็บมือเวลาชกคนอื่น ไม่ได้มีแค่ฝ่ายโดนชกที่เจ็บ แต่ไอ้ที่เรียกว่านวมดีชะมัด ผ้าที่พันไว้เทียบไม่ติดเลย ทั้งนุ่มทั้งทำให้บริเวณที่ชกกว้างขึ้น แถมยังดูไม่ลดแรงปะทะลงเท่าไหร่ด้วย

ข้อนี้ดูได้จากที่เปรมได้รับผลกระทบจากหมัดเมื่อครู่ แต่ดำรู้ว่าการที่แรงปะทะลดลงนั้นไม่ดีนัก เขาต้องใส่แรงเข้าไปอีก ชักไฟลุกแล้ว

หางตาดำจับภาพหมัดที่เขาใกล้ตัวเองได้จึงกระโดดหลบไปด้านหลัง แต่ไม่คาดคิดเพียงก้าวเดียวเปรมก็เบี่ยงตัวไปรออยู่ตรงนั้นแล้ว เขายกขาขึ้นเตะหลังดำเข้าอย่างจัง

แรงขาที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามส่งผลให้ดำกระเด็นไปอัดเชือกเข้าอย่างจัง

“เจ็บ” ดำคว้าเชือกไว้ไม่ยอมให้ตัวเองล้ม ก่อนจะหันกลับไปมองเปรมด้วยความโกรธ

ไอ้ดำชักโกรธแล้วนะ

“ระวังด้วยไอ้เตี้ย พี่เปรมถนัดเตะ” ไม่รู้อะไรสิง เต็มรีบเดินเข้ามาเกาะของเวทีแล้วเตือนดำ ความห่วงมีมากกว่าทิฐิเสียแล้ว

“ขอบใจ” ดำมองอย่างงงๆ ไม่เข้าใจเต็ม แต่ก็ยิ้มแล้วเอ่ยขอบใจตามความรู้สึกนั้นจริงๆ ปกติไม่มีใครเตือนหรอกว่าคู่ต่อสู้ถนัดอะไร มีแค่ระวังหลังให้คนฝั่งตัวเองเท่านั้น มวยเนี่ยแปลกดีจริงๆ

เปรมไม่ปล่อยให้ดำตั้งตัว เข้าประชิดตัวดำในทันที แต่ผิดคาด ร่างกายที่ยังพาดอยู่บนเชือกหันหลังให้เปรมกลับตวัดขาเอี้ยวไปด้านหลัง ทั้งที่ไม่ใช่ท่าทางจะใช้ท่านี้ได้

จระเข้ฟาดหาง

เปรมกระโดดถอยหลังหลบออกมาจากระยะนั้น แต่ในใจก็อดแปลกใจไม่ได้ แปลกทั้งที่อยู่ท่านั้นแต่กลับใช้จระเข้พาดหางได้สมบูรณ์แบบ

คนที่สู้แค่บนสังเวียนกับสู้เพื่อเอาชีวิตรอดนั้นต่างกัน ถ้าแพ้ก็อาจตาย นั่นคือเรื่องปกติในยุคของดำ เพื่อไม่ให้ตัวเองมีจุดจบอเนจอนาถไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์เช่นไรก็ต้องสู้เท่านั้น

การออกหมัดหรือกระบวนท่าจึงต้องพลิกแพลงอยู่เสมอ ไม่พร้อมอย่างไรก็ต้องทำให้ได้ ในการต่อสู้เช่นอันธพาล หรือจะวิวาทธรรมดาๆ จะมาร้องบอกว่าขอเวลาตั้งหลักมันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว

เปรมไม่เคยสู้กับคนตัวเล็กกว่าขนาดนี้ เพราะไม่นิยมสู้กับคนอ่อนแอ เขามองว่าคนที่เก่งจริงต้องมีร่างกายที่สมบูรณ์พร้อม พวกตัวเล็กๆ จะเอาแรงจากไหนมาสู้ อย่างไรก็ไม่อาจแตะต้องเขาได้

ทำให้หลักการที่ว่าคนที่ช่วงตัวยาวกว่าควรสู้แบบเว้นระยะจึงไม่อยู่ในหัวเปรมแม้แต่น้อย แทนที่จะเตะจากระยะที่ดำไม่อาจโต้ตอบได้ เขาจึงขยับตัวเข้ามาอยู่ในระยะของดำเสมอ การเว้นระยะ เอาไว้สู้กับคนที่เก่งกว่าเท่านั้น

ดำยิ้มมุมปากอย่างพอใจ ขอเอาคืนที่เตะหลังจนเจ็บเสียหน่อยเถอะ ไม่รอช้า ดำเข้าโจมตีเปรม หมัดตรงถูกต่อยออกไปครั้งแล้วครั้งเล่า แต่เปรมก็โยกตัวหลบได้ทุกครั้งไป ซ้ำยังเตะสวนมาทุกครั้งที่ดำเปิดช่องว่าง จนเวลานี้ดำคิดว่าทั้งขาที่ยกขึ้นมาป้องกัน ทั้งสีข้างที่ยกขาขึ้นมาป้องกันไม่ทันของเขาคงแดงไปหมดแล้ว

เปรมยิ้มเหี้ยม เพียงแค่หมัดตรงทื่อๆ จะใช้ทำอะไรได้ แบบนี้ช่วงล่างเขาก็จู่โจมได้สบายๆ หมัดตรงมองออกง่าย คนที่มีประสบการณ์ขึ้นชกหลายเวทีอย่างเขาจะมองไม่ออกได้อย่างไร ทั้งหมัดยังเบา ไม่สะดุ้งสะเทือนแขนที่ยกขึ้นมาป้องกันแม้แต่น้อย

การโรมรันของทั้งคู่ทำให้เต็มไม่เข้าใจ เขารู้สึกเหมือนดำมีบางอย่างที่เล็งเอาไว้ แต่มันนานเกินไปแล้วนะ จะทำอะไรก็รีบทำสิเจ้าเปี๊ยกเดี๋ยวก็หมดแรงก่อนพอดี

และแล้วก็ถึงจังหวะที่ดำเล็งไว้ จับจังหวะได้แล้ว ตอนนี้แหละ ดำชกหมัดเข้าไปเต็มแรง พร้อมๆ กับเปรมที่ยกขาขึ้นเตะพอดิบพอดี มือที่ยกขึ้นมากันทั้งสองข้างนั้นปิดบังวิสัยทัศน์ถ้ามองคู่สู้ตัวเท่ากันมันไม่ยากเลย แต่ดำตัวเล็กกว่านั้นมาก ก่อนจะเลื่อนสายตาให้ต่ำกว่านี้ดำก็หายไปจากตรงนั้นเสียแล้ว

ดำเลียริมฝีปากอย่างพอใจ เขาย่อตัวลงจนคล้ายนั่งยองๆ กับพื้น วาดขาข้างหนึ่งออกไป เตะข้อพับเปรมที่ยังไม่อาจชักอีกข้างกลับทันเข้าอย่างจัง

เปรมเสียจังหวะจนทรุดเข่าลงกับพื้น สมองยังมึนงงไม่อาจมองการกระทำของดำได้ทัน กว่าจะรู้ตัวหน้าของเขากับดำก็อยู่ในระดับเดียวกันเสียแล้ว

ไม่เสียเปล่า ดำเหยียบเข่าที่ชันกับพื้นยกตัวของตนให้สูงขึ้น ขาอีกข้างที่ลอยอยู่ในอากาศก็งอเอาไว้ มือทั้งสองข้างจับไหล่เปรมไว้เป็นหลังยึด

แล้วซัดเข่าเข้าปลายคางเปรมอย่างจัง

หักคอเอราวัณ!

สติของเปรมดับวูบ ภาพสุดท้ายที่เห็นคือรอยยิ้มสนุกของดำ

จากนั้นดำก็กระโดดกลับมาที่พื้น ส่วนเปรมก็ล้มตัวลงอย่างหมดสภาพ

ทุกคนมองด้วยความตกตะลึงกับภาพที่เห็น แม้แต่พงษ์ที่พอจะคาดการณ์ได้ว่าผู้ชนะน่าจะเป็นดำยังไม่อยากเชื่อสายตาตัวเองได้ ชนะอย่างหมดจด ไม่สะบักสะบอมแม้แต่น้อย เขาคิดว่าสภาพของดำน่าจะไม่ต่างกับเต็มที่ชนะโดยทุ่มหมดตัวเท่าไหร่นัก แต่ดูตอนนี้สิ เจ้าตัวยังยืนยิ้มมีความสุขโดยแทบจะไร้รอยขีดข่วนอยู่เลย

หลังตั้งสติได้ พงษ์ก็เข้าไปจับแขนดำยกขึ้น

“ดำเป็นฝ่ายชนะ”

เย้!!

เสียงเชียร์ดังกระหึ่ม จะบอกว่าพวกเขาเอาใจช่วยดำตั้งแต่หมัดแรกแล้วก็ว่าได้ พอดำชนะจึงได้ออกอาการเช่นนี้ มีเพียงเต็มที่ยิ้มในตอนแรกก่อนรอยยิ้มนั้นจะหายไปเป็นมุ่งมั่นเอาชนะแทน เขาต้องเก่งกว่านี้

เพราะคู่ต่อสู้ของเขา ไม่ธรรมดาเลย

::::

>>>50%<<<



มาแล้วค่ะ จะลงไถ่โทษแท้ๆ แต่ไม่จบตอนล่ะ

แถมจะลงตั้งแต่เมื่อวานเย็น ดันหลับตั้งแต่บ่าย 3 โมง อีก

ทั้งแต่งไม่จบ ทั้งไม่ได้ลง ขอโทษนะคะ

อยากจะบ้ากับตัวเองจริงๆ

ครึ่งที่เหลือมาลงต่อตอนเย็นน้า ขอไปทำงานก่อน

แล้วเจอกันจ้า
หัวข้อ: Re: = P A Y = เปย์ข้าด้วยบุฟเฟ่ต์สิ [เปย์ครั้งที่ 12 >50%<] 10.05.2018
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 10-05-2018 06:00:10
ดำสอยร่วงจนได้  :z2:
หัวข้อ: Re: = P A Y = เปย์ข้าด้วยบุฟเฟ่ต์สิ [เปย์ครั้งที่ 12 >50%<] 10.05.2018
เริ่มหัวข้อโดย: Meen2495 ที่ 10-05-2018 07:49:14
เก่งมากดำ ...
แต่ "รีบกลับบ้าน" นะ เดี๋ยวพี่สินรู้นาาาาาา

ป.ล. มีคำผิดนะคะ

อย่างไรเต็มก็พึ่งชนะเปรมไปเมื่อสองเดือนก่อนแค่ครั้งเดียวเอง เจ้าหนูนี่ไม่น่าจะเอามาเทียบได้เลย แล้วใครก็รู้ว่าเปรมมันเสียหน้าขนาดไหนที่แพ้เด็กอย่างเปรม ยังจะให้ขึ้นชกกับเพื่อนตัวน้อยของเต็มอีก มีหวังเปรมจัดเต็มจนร่างเล็กๆ นั่นเละแน่
น่าจะเป็น "เต็ม"

ในที่สุดดำก็ได้มองหน้าคู่ชกของตนตรงๆ โห ตัวใหญ่ยัง
... ไม่แน่ใจว่า จัง รึเปล่า

เปรมไม่ปล่อยให้ดำตั้งตัว เข้าประชิดตัวดำในทันที แต่ผิดคลาด
ผิดคาด

 

รออ่านตอนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: = P A Y = เปย์ข้าด้วยบุฟเฟ่ต์สิ [เปย์ครั้งที่ 12 >50%<] 10.05.2018
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 10-05-2018 08:45:13
หนีมาแบบนี้คุณสินรู้ละก็ ดำอดกินของอร่อยๆแน่ๆ
หัวข้อ: Re: = P A Y = เปย์ข้าด้วยบุฟเฟ่ต์สิ [เปย์ครั้งที่ 12 >50%<] 10.05.2018
เริ่มหัวข้อโดย: maew189870 ที่ 10-05-2018 10:55:03
ขอบคุณนะคับ  แล้วก็จะรอตอนต่อไปเหมือนเดิมนะคับ
หัวข้อ: เปย์ครั้งที่ 12 [2]
เริ่มหัวข้อโดย: GreenHead(หัวเขียว) ที่ 11-05-2018 21:22:19
เปย์ครั้งที่ 12 [2]

:::::

“วันนี้ไม่มีคนมารับรึไง” หลังจากเดินออกจากค่ายมวย เต็มก็เอ่ยถามขึ้น

หลังจากดำชกเสร็จ เต็มก็ซ้อมกับคนอื่นๆ ต่อ ส่วนดำโดนห้อมล้อมจากคนในค่าย ดูท่าจะสนใจดำมากทีเดียว แต่พอเฮียพงษ์ชวนมาเป็นนักมวยในสังกัดดำกลับปฏิเสธ บอกว่าผู้ปกครองคงไม่อนุญาต

ในดวงตาดำวูบไหว ก้มมองร่างกายตัวเองที่แดงช้ำ ภาวนาในใจขอให้หายก่อนคุณสินกลับมาด้วยเถอะ เพราะมัวเมากับสิ่งที่ชอบจนลืมเสียสนิทว่ามีคนคอยเป็นห่วงเขาอยู่ มันไม่เหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว

“วันนี้ไอ้ดำกลับเอง ปะป๋ากลับไปทำงานที่อเมริกา คุณสินไปต่างจังหวัด” วันนี้บ้านคงเงียบเหงา ดำต้องอยู่คนเดียวเสียแล้ว ทั้งดีทั้งไม่ดี ทั้งอยากให้รีบกลับ ทั้งอยากให้มาช้าๆ ขอให้ร่างกายหายเจ็บก่อน

“ถ้าอย่างนั้นไปเดินตลาดกับกูไหม หิวว่ะ” เต็มเอ่ยปากชวน อยากจะตบปากตัวเองเสียจริงๆ เป็นอะไรไปนะ จะชวนคู่แข่งของตัวเองทำไม ไม่เข้าใจเลย

“ตลาดสดเหรอ เต็มทำอาหารเป็นด้วยเหรอ ปะป๋าเคยพาไอ้ดำไปซื้อของล่ะ” ดำยังจำได้ ของที่ตลาดสดถูกกว่าในห้างเยอะมาก ทั้งยังมีให้เลือกซื้อหลายอย่างกว่า วันนั้นทั้งเขาทั้งมาร์โก้เลือกซื้อจนถือเต็มไม้เต็มมือกลับบ้านเลยล่ะ

“ไม่ ตลาดนัดน่ะ ที่ที่มีของกินเยอะๆ” ถึงยังมึนๆ งงๆ แต่เต็มก็นึกขึ้นได้ว่าดำไม่ค่อยรู้จักอะไร ก็เลยพยายามอธิบายเท่าที่พอจะทำได้

“ว้าว ไปๆ ไอ้ดำไป” ของกินเยอะๆ คำนี้ช่างล่อลวงดำได้ดีเหลือเกิน อย่างไรเย็นนี้ก็ต้องสั่งอาหารแบบส่งถึงห้องมากินอยู่แล้ว สู้ไปกินแล้วค่อยกลับดีกว่า

หลังจากนั้นทั้งคู่ก็เดินลัดเลาะซอกซอยไปเรื่อยๆ และโผล่มาด้านหน้าตลาด ที่ตั้งอยู่อีกฟากของถนน ตลาดใหญ่ละลานตา ดำมองอย่างสนใจ เขาพึ่งเคยมาที่แบบนี้เป็นครั้งแรก ขนาดยืนอยู่ตรงนี้ยังได้กลิ่นของกินหอมๆ เลย

“มานี่” ถนนคับแคบแบบเลนเดียว ทำให้การจราจรติดขัด รถจอดริมทางเป็นสิ่งกรีดขวางชิ้นใหญ่ ซึ่งเป็นปกติของบริเวณชุมชนเช่นนี้ เต็มมองดำที่เพ่งความสนใจไปยังตลาด ไม่แม้แต่จะมองรถตรงหน้า อีกทั้งยังคิดไปว่าดำอาจจะไม่เคยข้ามถนน เพราะทุกวันจะมีคนมารับ บางทีอาจจะไม่เคยเดินไปไหนมาไหนเองด้วยซ้ำ จึงเข้าไปคว้าแขนดำ แล้วเดินจูงพาไปฝั่งตรงข้าม โดยลัดเลาะระหว่างช่องรถที่เว้นเอาไว้ ตอนนี้รถกำลังติด การเดินข้ามไปจึงเป็นเรื่องง่าย

ดำก็ไม่ขัดขืนปล่อยให้เต็มพาไปเช่นนั้น เขาสนใจตลาดด้านหน้ามากกว่า เต็มพาดำเดินดูร้านอาหารที่เรียงราย เขามีร้านที่เล็งเอาไว้แล้วแต่พาดำมาเดินก่อน เพราะไม่รู้ว่าดำอยากกินอะไร

“จริงสิ มึงมีเงินรึเปล่า” เต็มนึกขึ้นได้ เรื่องสำคัญที่สุดแบบนี้ลืมไปได้อย่างไร ปกติพวกเพื่อนๆ ที่ผู้ปกครองมารับ จะได้เงินไว้แค่พอค่าข้าวเที่ยงเท่านั้น

“มีๆ คุณสินให้ไว้แล้วเผื่อ 3 วันเลย” ดำตบกระเป๋ากางเกง สิรินให้เงินไว้ 3,000 เผื่อไว้สำหรับดำที่ต้องสั่งอาหารมากินเอง ทั้งอาจจะมีค่าใช้จ่ายนอกเหนือจากนั้น แต่ดำหยิบมาแค่ 500 กลัวว่าจะทำล่วงหายไปจนหมด

“อยากกินอะไร” หลังเดินมาจนครบ 1 รอบ ก็ไม่เห็นดำออกปากจะซื้ออะไร แต่กลับมองนู่นนี่แล้วสูดน้ำลายเสียทุกร้าน ตกลงอยากกินหรือไม่อาจกินกันนะ

“ไอ้ดำอยากกินทุกอย่างเลย แต่มันแพงนี่นา” อาหารที่โรงเรียนยังพอทำใจซื้อได้เพราะมันจำเป็นแต่ของพวกนี้แพงจัง

“30 บาทเนี่ยนะแพง” เต็มถามอย่างไม่เข้าใจ อะไรของเจ้านี่

“ใช่แพง” แพงมากเลย ปกติดำไม่เคยซื้อของเอง จึงไม่เข้าใจราคาอาหารของยุคนี้ ในใจชอบเอาไปเปรียบเทียบกับที่ที่ตนจากมาเสมอ

“ปกติผู้ปกครองมึงให้กินอะไร” ใช่ให้กินอะไรถึงมองว่า 30 บาทแพง ทั้งที่เป็นราคาที่ถือว่าถูกมากแล้วสำหรับเขา แต่งตัวดูมีเงิน รถก็ยี่ห้อดี จะบอกว่าพาเจ้านี่อดๆ อยากๆ อย่างนั้นเหรอ หรือเพราะเป็นลูกบุญธรรมก็เลยเลี้ยงไม่ดี

“บุฟเฟต์ในห้าง แล้วก็บุพเฟ่ต์ของปะป๋าน่ะ”

“ห๊ะ ไอ้นั่นมันแพงกว่านี้อีกไม่ใช่รึไง บุฟเฟต์อย่างต่ำก็ 200 ถึงไอ้บุฟเฟ่ต์ของปะป๋าอะไรนั่นกูจะไม่รู้จักก็เถอะ” จะว่าตกใจก็ตกใจ จะว่าแปลกใจก็แปลกใจ อะไรของเจ้านี่ ตรรกะบ้าๆ พวกนี้ใครสอนมันเนี่ย บุฟเฟต์ขั้นต่ำมื้อละ 200 กับของกินในตลาดชุดละ 30 ดันบอกว่าของราคา 30 แพงกว่า บ้าไปแล้ว

“บุฟเฟต์ของปะป๋าน่ะ อร่อยมากเลยนะ ชี้อะไรในรูปก็ได้กินหมดเลย เอาไว้วันหลังจะขอปะป๋าทำให้เต็มกินด้วย” ดำโอ้อวด เขาไม่รู้หรอกว่าอาหารเหล่านั้นราคาเท่าไหร่ รู้เพียงว่ามันอร่อยและฟรีเท่านั้นก็พอแล้ว

“กูปวดหัวกับมึงจริงๆ บุฟเฟ่ต์กับไก่ทอดจานนี้มึงบอกว่าไก่ทอด 30 แพงกว่าเนี่ยนะ” ยิ่งพูดยิ่งล้มล้างตรรกะของคนทั่วไป ครอบครัวนั้นเลี้ยงดำมาแบบไหนกัน เรื่องปกติถึงกลายเป็นเรื่องแปลก ส่วนเรื่องแปลกๆ พวกนั้นกลับกลายเป็นเรื่องปกติเสียได้

“ใช่ ก็ปกติไอ้ดำกินฟรีนี่นา อันนี้ไอ้ดำต้องจ่ายเอง...มันแพง”

โอ๊ย เอาแล้ว หลงพาคุณหนูที่ขลุกอยู่แต่ในบ้าน ทั้งยังไปไหนมาไหนกับผู้ปกครองเป็นประจำออกมาเถลไถลเข้าสินะ ถึงได้น่าปวดหัวขนาดนี้ อะไรๆ มันถึงผิดเพี้ยนไปหมด

“โอเค ดำกูจะบอกอะไรให้ เงินที่มึงได้มาก็ฟรี ผู้ปกครองมึงให้มาแล้ว จะใช้ซื้ออะไรก็ได้ ถ้ามันไม่ใช่สิ่งไม่ดี แล้วอาหารพวกนี้อะกินเพื่ออิ่มท้องทั้งนั้น ซื้อไปเถอะอย่าคิดมาก” เต็มยังคงไม่อาจเข้าใจดำได้ แต่ก็พยายามอธิบายให้ดำเลิกคิดอะไรเพี้ยนๆ เสียที เดี๋ยววันนี้จะกลายเป็นว่าเขาต้องเลี้ยงดำแทน ให้ตายสิเหมือนเป็นพี่เลี้ยงเด็กเข้าไปทุกที

“ไม่ได้ ไอ้ดำจะเก็บเงินไว้ ขอซื้ออะไรที่เป็นข้าวเย็นก็พอ”

ไม่ได้หรอก ไอ้ดำจะเก็บเงินไว้ จะพาปะป๋ากับคุณสินไปกินของอร่อยบ้าง ไอ้ดำแอบทำเรื่องไม่ดีแบบนี้ต้องไถ่โทษ แล้วก็ตอบแทนที่เลี้ยงของอร่อยไอ้ดำด้วย ไอ้ดำจะซื้อแค่ของจำเป็นเท่านั้น

“อย่างนั้นก็ตามมา” ว่าแล้วเต็มก็เดินลิ่วๆ ไม่รอดำ เขาปวดหัวเกินจะอธิบาย ปล่อยไปเถอะ พวกเขาถูกเลี้ยงมาไม่เหมือนกันจริงๆ

ดำวิ่งตามเต็มไป เพราะทั้งขาที่สั้นกว่า ทั้งเต็มยังรีบจ้ำอ้าวเดินไม่รอ เขาจึงต้องตามอีกฝ่ายให้ทัน

ด้านหน้าดำตอนนี้เป็นร้านรถเข็นเล็กๆ ด้านหลังมีโต๊ะเหล็กแบบพับได้พร้อมเก้าอี้วางอยู่หลายโต๊ะ ผู้คนคับคั่ง โต๊ะแต่ละตัวแทบจะไม่ว่างเลย

เต็มหันไปมองคนที่ตามมา ดูจากสายตาแล้วคงไม่เคยมากินอะไรแบบนี้ จะถามไปก็คงไม่ได้อะไรขึ้นมา

“เฮีย ผัดไทย 2 หอยทอดกระทะร้อน 2 ด่วนๆ เลยเฮีย”

“เออๆ นั่งเลยไอ้เต็ม โต๊ะไหนยังไม่เก็บฝากด้วย” ไม่ต้องหันมากมองก็รู้ว่าใคร เจ้าของร้านตอบรับเสร็จสรรพก็หันไปหยิบไข่มาตอกลงในกระทะผัดไทยใบใหญ่ทันที

“โห มาถึงก็ใช้เลยว่ะ” ถึงปากจะบ่น แต่เต็มก็ช่วยเก็บจาน เช็ดโต๊ะเรียบร้อย โดยบอกให้ดำนั่งรอที่โต๊ะว่างไปก่อน ร้านนี้เป็นร้านประจำของเขา แล้วเจ้าของร้านก็อยู่บ้านติดกัน พวกเขาจึงสนิทกันไม่ต่างจากพี่น้องกันจริงๆ เวลามากินเต็มก็ช่วยทำงานเช่นนี้เสมอ

ดำมองเต็มอย่างสนใจ ดูเป็นคนดีขึ้นมาอีกแล้ว ท่าทางหัวดื้อแล้วก็ชอบหาเรื่องไปทั่วนั่นคงเป็นนิสัยที่สร้างขึ้นมาปกป้องตัวเองมากกว่า ทั้งช่วยเขาไม่ให้เข้าห้องเย็น ทั้งช่วงเตือนตอนขึ้นชก ทั้งพาข้ามถนน แล้วยังมาช่วยงานร้านอาหารอีก ดูตรงข้ามกับสิ่งที่แสดงออกมาอย่างไม่น่าเชื่อเลย

บางทีพวกเขาอาจจะเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันได้...ถึงจะในรูปแบบแปลกๆ ก็เถอะ

“ไง ฉันชื่อธร เราชื่ออะไร เพื่อนที่โรงเรียนไอ้เต็มเหรอ พึ่งเห็นพาคนอื่นนอกจากที่คนค่ายมวยมาแฮะ” ธร เจ้าของร้านผัดไทยหอยทอดเจ้าอร่อยของตลาดยกของมาเสิร์ฟด้วยตัวเอง ปล่อยกระทะให้น้องชายผัดไป ส่วนเต็มก็กำลังเก็บโต๊ะสุดท้าย พอเสร็จคงมากินด้วยกัน

“ครับ ไอ้ดำ ชื่อ ดำ...น่ากินจัง” ดำมองหน้าธรชั่วครู่ก่อนที่ความสนใจทั้งหมดจะถูกกดต่ำลงตามความหอมของอาหารที่ลอยมา ภาพอาหารไม่คุ้นตาทำให้ดำตื่นเต้น มีอย่างละ 2 จาน เต็มคงสั่งเผื่อเขาด้วย

“หือ ฮ่าๆ ๆ เป็นเพื่อนที่ดีนี่ เอาเลยๆ ถ้าไม่อิ่มก็สั่งเพิ่ม” พอเห็นท่าทางที่ไม่ปิดบังความอยากอาหารของดำแล้วก็ชอบใจ ดูท่าจะเป็นพวกไม่มีลับลมคมใน แล้วก็ไม่ใช่พวกเลียแข้งเลียขาแบบที่เจ้าเต็มไม่ชอบ...ดูเป็นเพื่อนที่ดีเลยล่ะนะ

หลังธรเดินกลับไปเต็มก็มานั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามดำในทันที ต้องรีบกินเดี๋ยวมันเย็นเสียก่อน

“เอ้า กินเลย ผัดไทย กับหอยทอดร้านนี้อร่อยอย่าบอกใคร” เห็นดำเอาแต่จ้อง เต็มก็กระตุ้นให้ดำรีบกิน เขาสั่งเมนูประจำของเขา หวังว่าจะกินได้ ดูแล้วก็ไม่ใช่พวกลูกคุณหนูเท่าไหร่

“อื้อ” ดำรอเต็มนั่งถึงเริ่มลงมือกิน มันติดเป็นนิสัยไปเสียแล้ว เขารอสิรินกับมาร์โก้เช่นนี้ทุกครั้ง ไม่ว่าจะอยากกินขนาดไหนก็ตาม

สายตาของเต็มยังคงจับจ้องคนตัวเล็ก ที่ทั้งมอง ทั้งดม สำรวจจนพอใจแล้วค่อยยกชึ้นเข้าปาก...น่ารักดี

ห๊ะ....

คิดอะไรเนี่ย

ส่วนดำไม่รับรู้ถึงความคิดของคนตรงข้ามแม้แต่น้อย กระทั้งเต็มยกมือขึ้นมาตบหน้าตัวเองเพื่อเรียกสติดำยังไม่รู้เลย เวลานี้ประสาทสัมผัสทั้งหมดของเขาจดจ่ออยู่กับผัดไทยที่อยู่ในปากเท่านั้น

รสชาติเปลี่ยนไปทุกครั้งที่เคี้ยว ทั้งรสเปรี้ยวจากมะขามเปียก ความหวานจากน้ำตาล และได้รสเค็มนิดๆ จากน้ำปลา เพิ่มรสสัมผัสด้วยถั่วลิสงคั่วบดรสกลมกล่อม ไม่ว่าจะอย่างไหนก็ล้วนเข้ากันอย่างลงตัว

ดำไม่ชอบถั่วงอกดิบเท่าไหร่นัก แต่ในผัดไทยกลับกินได้โดยไม่รู้สึกถึงความเหม็นเขียว คงเพราะการใส่ลงไปในขั้นตอนสุดท้ายนั่นทำให้ถั่วงอกผ่านความร้อนเล็กน้อยจึงช่วยรสชาติขมนิดๆ นั่นลงไปได้เป็นอย่างดี ไม่ได้ดิบ และสุกจนเกินไป ความกรุบกรอบแบบฉบับของผักชนิดนี้ยังคงอยู่ ดำเริ่มชอบถั่วงอกขึ้นมาแล้วสิ

ก้อนสี่เหลี่ยมเล็กๆ นี่อะไรนะ ลองดมดูก็หอมมากเลย ส่วนรสชาติ...

ว่าแล้วก็ตักแค่ก้อนสี่เหลี่ยมเล็กๆ สีเหลืองเข้าปากในทันที

โห นอกจากหอมแล้วยังอร่อยอีก มันคือเต้าหู้สินะ ถึงจะหน้าตาไม่เหมือนที่ปะป๋าใช้ทำก็เถอะ ปกติมันจะจืดแล้วก็มีแค่รสของถั่วแท้ๆ แต่อันนี้ซึมซับรสชาติของผัดไทยจานนี้ไว้หมดเลยนี่นา อร่อยจัง ยิ่งกินทั้งหมดพร้อมกันยิ่งอร่อย เส้นทำจากแป้งแท้ๆ แต่ทั้งเหนี่ยว ทั้งนุ่ม เวลาเคี้ยวให้ความหนุบหนับดีจังเลย ไอ้ดำชอบ

“เต็มๆ ไอ้ดำอยากได้ผัดไทย” หลังกลืนกุ้งตัวสุดท้ายลงท้อง ผัดไทยก็หมดจาน บนจานไม่มีอะไรหลงเหลืออยู่แม้แต่น้อย คงจะชอบมากจริงๆ

“อืม รอแป๊บ เฮียขอผัดไทยอีกจาน” เต็มมองด้วยความแปลกใจ ดำกินเร็วมาก หมดก่อนเขาเสียอีก ทั้งยังดูจะยังไม่อิ่มง่ายๆ ตัวแค่นี้เอาไปเก็บไว้ไหนเนี่ย

“ได้ๆ” ธรรับคำแล้วหันกลับไปผัดต่อ ได้แต่นึกแปลกใจ ปกติเต็มกินแค่ผัดไทยเยอะพิเศษของเขากับหอยทอดอีกจานก็อิ่มแล้ว วันนี้ไปทำอะไรมาถึงหิวแล้วสั่งเพิ่ม

“มึงกินหอยทอดกระทะร้อนไปก่อน เย็นๆ แบบลูกค้าเยอะ รอหน่อย” ดำพยักหน้าหงึกหงักแล้วหันไปมองเจ้าหอยทอดกระทะร้อนที่เต็มบอก

อื้อหือ น่ากินไม่แพ้กันเลย ไอ้ดำมัวแต่สนใจผัดไทย เพราะมันอร่อย ขอชิมหอยทอดบ้างดีกว่า

หอยทอดเป็นแผ่นวางบนกระทะที่ค้างไฟจนร้อน ถึงจะผ่านมาสักพักแล้วแต่ก็ยังคงมีความร้อนเหลืออยู่ ทำให้ไม่สูญเสียรสชาติไปแม้จะกินทีหลังก็ตาม

เต็มยื่นขวดน้ำจิ้มให้ เขาไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่ชี้ไปที่หอยทอดให้ดำรู้เท่านั้น ดำก็รับมาดมๆ ก่อนจะเทลงไปที่มุมหนึ่ง พอให้ได้ชิมเสียก่อน ถ้าอร่อยค่อยใส่เพิ่ม

เต็มได้แต่คิดในใจ...

เป็นหมารึไงนะ เจออะไรแปลกก็ดม

ดำใช้ส้อมจิ้มลงไปบนหอยทอดถึงรู้ได้ว่าด้านล่างมีอะไรอยู่ด้วย พอเปิดแผนหอยทอดดูก็เห็นถั่วงอกถูกวางไว้อีก ทำให้ดำยิ่งตื่นเต้น ลุ้นว่าจานนี้ถั่วงอกจะอร่อยขึ้นเหมือนจานก่อนหน้านี้รึเปล่า

หลังจากใช้ช้อนตัดหอยทอดออกเป็นชิ้นพอดีคำ ดำก็ตัดบริเวณที่ยังไม่มีซอสขึ้นมาชิมก่อน จะได้เปรียบเทียบว่าแบบไหนอร่อยกว่า

ความกรุบกรอบของแผนแป้งและไข่เข้ากันได้ดี ทั้งหอยแมลงภู่ตัวโตยังให้รสนุ่มนิ่มยืดหยุ่น ตัวหอยมีรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์อยู่แล้ว ยิ่งเพิ่มรสด้วยแป้งกับไข่ ทั้งเครื่องปรุงรสเพิ่มความกลมกล่อม ความเข้มข้นของตัวหอยจึงยิ่งมีมากขึ้น

ถั่วงอกด้านล่างคงเป็นถั่วงอกสดที่วางหอยทอดไว้ด้านบน จึงทำให้ความกรุบกรอบยังคงอยู่ไม่ต่างกัน ทั้งยังสดใหม่ ให้สัมผัสเหมือนน้ำรสหวานนิดๆ ไหลออกมาจากด้านใน ยิ่งเคี้ยวยิ่งอยากกินอีก อร่อยไม่แพ้ผัดไทยเลย

หลังจากนั้นก็ลองกินคำที่มีน้ำจ้ำราดอยู่ รสแรกที่สัมผัสคือความเปรี้ยวเผ็ดนิดๆ ของซอส เพิ่มความหลากหลายในการลิ้มรสมากขึ้น ทั้งรสเปรี้ยวยังเพิ่มความอยากอาหารขึ้นไปอีก ดำติดใจจึงใส่ลงไปอีกครึ่งของจาน ดำว่ามันอร่อยทั้งสองแบบ ไม่ว่าจะมีน้ำจิ้มหรือไม่มีน้ำจิ้มก็ตาม...เพียงไม่นานดำก็กินจนหมด

อร่อยมากเลย อยากกินอีกจัง

ยังไม่พูดอะไรผัดไทยอีกจานก็มาเสิร์ฟ น้องชายของธรมองอย่างแปลกใจเมื่อผัดไทยจานนั้นถูกยื่นไปให้ดำ แถมยังบอกอีกว่าขอหอยทอดเพิ่มด้วย จึงได้แต่เก็บความแปลกใจนั้นไว้ไปถามพี่ชาย ธรเองได้ฟังก็หันมามองดำด้วยสายตาไม่น่าเชื่อ ได้แต่ส่ายหัวให้น้อง ไม่อาจรู้ได้จริงๆ ว่าทำไมดำถึงกินได้เยอะขนาดนี้

“จานนี้ลองปรุงดูสิ” เต็มเลื่อนชุดเครื่องปรุงไปให้ เพราะจานก่อนหน้านี้ดำไม่ได้ปรุงแม้แต่น้อย ดำส่ายหัวปฏิเสธ ปกติเขาให้สิรินปรุงให้ ปรุงเองจะเสียรสชาติไปเปล่าๆ จะให้เต็มปรุงให้ก็ไม่ไว้ใจ และผัดไทยก็อร่อยอยู่แล้วกินแบบนี้เลยก็ได้ อย่างไรก็อร่อย

เต็มได้แต่มองท่าทางกินจุเป็นหลุมดำนั่นของคนตัวเล็กด้วยความตกตะลึง กินล้างกินผลาญแบบนี้เองถึงบอกว่าผู้ปกครองพาไปกินแต่บุฟเฟ่ต์ แถมเงินคงไม่ใช่น้อยๆ ไม่เช่นนั้นคงเลี้ยงเจ้านี่ไม่ไหวแน่

ยังดีที่รอบนี้ดำกินหอยทอดอีกจานก็สั่งก็อิ่ม เพียงสั่งใส่ถุงกลับบ้านอีกชุดเผื่อหิวช่วงดึกเท่านั้น ส่วนในใจคนได้ยินน่ะหรือ ได้แต่คิดว่า

กินขนาดนี้แล้วยังจะหิวอีกเรอะ!

หลังจากที่รู้ว่าดำไม่เคยกลับบ้านเอง ไม่รู้อะไรดลใจสุดท้ายเต็มก็มาส่งดำถึงรถไฟฟ้าจนได้ ในระหว่างที่กำลังจะแยกกันนั้นโทรศัพท์ของดำก็ดังขึ้น ชื่อที่ปรากฏตรงหน้าจอทำให้ดำยิ้มกว้าง

คุณสินโทรมาล่ะ

“คุณสินนน” ดำรับเสียงเจื้อยแจ้ว เต็มจึงเตรียมตัวจะกลับ แต่กลับก้าวขาไม่ออกเมื่อเห็นว่าดำกำลังหน้าซีด

“วันนี้งานของฉันถูกยกเลิกก็เลยต้องกลับมาก่อน ว่างแล้วก็เลยไปรับดำที่โรงเรียนแต่เพื่อนๆ บอกว่าดำหายไปตั้งแต่ช่วงบ่าย...ไปเถลไถลที่ไหน” เสียงสิรินดังออกมาจากโทรศัพท์ เพราะอยู่ใกล้กัน ทั้งดำยังเปิดเสียงดัง เต็มจึงได้ยินเสียงเล็ดลอดออกด้วย

ดำไม่ขยับเขยื้อนหลังจากได้ยิน ทั้งตกใจทั้งกลัว ทั้งรู้สึกผิด ความรู้สึกปะปนกันไปหมด

“ใจเย็นๆ” เต็มดูท่าไม่ดีจึงกระซิบบอก

“ไอ้ดำ...ออกมาข้างนอก ตอนนี้กำลังจะกลับครับ” ดำใจหาย ในใจร้องบอกว่าแย่แล้ว เขาไม่เข้าเรียนคุณสินต้องโกรธมากแน่ๆ ไอ้ดำจะทำอย่างไรดี

“ไปกับใคร” เสียงสิรินเย็นเหยียบ เสียงกระซิบที่เล็ดลอดออกมานั้นบ่งบอกว่าดำไม่ได้อยู่คนเดียว เจ้าตัวเล็กของเขาอยู่กับใคร แล้วช่วงบ่ายนั้นไปทำอะไรมาบ้าง คำถามเหล่านี้วนเวียนในหัวเต็มไปหมด

“เต็มครับ...เพื่อนที่ห้อง ไอ้ดำ ไอ้ดำแค่ไม่อยากเข้าห้องเย็น กลัวคุณสินเป็นห่วง แล้วก็ๆ ตามเต็มไปค่ายมวย ไม่ได้ทำเรื่องไม่ดีครับ คุณสิน คุณเชื่อไอ้ดำนะ” เสียงของสิรินทำให้ดำใจหาย ถึงสิรินไม่ค่อยแสดงอารมณ์ออกมา แต่น้ำเสียงแบบนี้สิรินไม่เคยพูดกับเขามาก่อน ในใจดำจึงร้อนรุ่ม กลัวแสนกลัวว่าสิรินจะเกลียดตัวเอง รีบแก้ตัวเท่าที่จะนึกออก

“...” ความเงียบของสิรินทำให้ดำใจเสีย ดวงตาเริ่มคลอด้วยน้ำสีใส แรงบีบไหล่ให้กำลังใจจากเต็มนั้นไม่อาจช่วยอะไรได้เลย

“อยู่ที่ไหน”

“รถไฟฟ้าครับ ไอ้ดำถึงแล้วกำลังจะไปซื้อตั๋ว” เสียงสิรินยังคงเรียบนิ่ง แต่ก็ดีกว่าความเงียบที่ได้รับ ดำรีบบอกจนลิ้นแทบพันกัน ดีใจที่สิรินยังคงตอบกลับมา

“รออยู่นั่น เดี๋ยวฉันไปรับ”






โปรดติดตามตอนต่อไป...



____________________________________

มาแล้วค่ะ ช้าอีกแล้ว แหะๆ ขอโทษนะคะ

แต่ต่อไปกรีนจะพยายามอัพไม่เกิน 3 วันต่อตอนเนาะ

ตอนต่อไปม่าไหม...จะพยายามไม่ม่าค่ะ (จริงจริ๊ง)

แค่ลงโทษเด็กดื้อเท่านั้นเองเนาะ หุหุหุ

ส่วนของกินรอบนี้ เป็นอาหารที่เรียกได้ว่าแทบจะเป็นอาหารประจำชาติของเราเลยทีเดียว

แถมยังหากินได้ง่ายๆ อีกเนาะ กรีนเองก็ชอบมากกกก

แถมร้านยังอยู่ใกล้ๆ อีก ถ้าอ่านแล้วหิว ก็ไปกินด้วยกันน้า

แล้วเจอกันจ้า

****

#ขอบคุณที่ช่วยแก้คำผิดให้ค่ะ กรีนอ่านแล้วไม่เจอเยอะมากจริงๆ ใครเจอตรงไหนก็แจ้งเข้ามาได้เลยน้า ช่วยได้เยอะเลยค่ะ ><

เก่งมากดำ ...
แต่ "รีบกลับบ้าน" นะ เดี๋ยวพี่สินรู้นาาาาาา

ป.ล. มีคำผิดนะคะ

อย่างไรเต็มก็พึ่งชนะเปรมไปเมื่อสองเดือนก่อนแค่ครั้งเดียวเอง เจ้าหนูนี่ไม่น่าจะเอามาเทียบได้เลย แล้วใครก็รู้ว่าเปรมมันเสียหน้าขนาดไหนที่แพ้เด็กอย่างเปรม ยังจะให้ขึ้นชกกับเพื่อนตัวน้อยของเต็มอีก มีหวังเปรมจัดเต็มจนร่างเล็กๆ นั่นเละแน่
น่าจะเป็น "เต็ม"

ในที่สุดดำก็ได้มองหน้าคู่ชกของตนตรงๆ โห ตัวใหญ่ยัง
... ไม่แน่ใจว่า จัง รึเปล่า

เปรมไม่ปล่อยให้ดำตั้งตัว เข้าประชิดตัวดำในทันที แต่ผิดคลาด
ผิดคาด

 

รออ่านตอนต่อไปนะคะ
*****

และขอบพระคุณนักอ่านที่น่ารัก ถ้าใครอ่านครึ่งแรกตั้งแต่แรกๆจะเห็นว่า  ชื่อท่าที่ดำใช้เผด็จศึกมีการเปลี่ยนแปลง

กรีนจำท่าสลับกันจนงงเอง จากนั้นก็มีคนที่รู้มาทักถาม ต้องขอบคุณมากจริงๆนะคะ  ตอนนี้กรีนเปลี่ยนเรียบร้อย

จาก "หนุมานถวายแหวน" เป็น  "หักคอเอราวัณ"  ค่ะ
หัวข้อ: Re: = P A Y = เปย์ข้าด้วยบุฟเฟ่ต์สิ [เปย์ครั้งที่ 12] 11.05.2018
เริ่มหัวข้อโดย: Meen2495 ที่ 12-05-2018 01:09:21
อ้าววว ดำ งานเข้าแล้วหนู
เห็นมะ? บอกแล้วว่า ถ้าคุณสินรู้ว่าโดดเรียน มีหวัง....
กลับไปง้อดี ๆ เน้อ ... เค้ารักเค้าหวง เอ๊ย ห่วงแบบนี้
คุณสินก็คุณสินเหอะ ง้อแป๊บเดียวเดี๋ยวก็เสร็จโก๋ดำแล้ว

--------------------------
เรื่องคำผิด "ยินดีค่ะ"
ก็คุณสละเวลาเขียนให้เราอ่านแล้ว
อะไรที่เราช่วยได้ ... ก็เต็มใจช่วยเลยละ
.
.
รถจอดริมทางเป็นสิ่งกรีด (กีด) ขวางชิ้นใหญ่
แค่ 500 กลัวว่าจะทำล่วง (ร่วง) หายไปจนหมด
ตกลงอยากกินหรือไม่อาจ (อยาก) กินกันนะ
ไม่ต้องหันมาก (มา) มองก็รู้ว่าใคร
ทั้งช่วง (ช่วย) เตือนตอนขึ้นชก
สำรวจจนพอใจแล้วค่อยยกชึ้น (ขึ้น) เข้าปาก
กระทั้ง (ทั่ง) เต็มยกมือขึ้นมาตบหน้าตัวเองเพื่อเรียกสติ
เส้นทำจากแป้งแท้ๆ แต่ทั้งเหนี่ยว (เหนียว) ทั้งนุ่ม
พอเปิดแผน (แผ่น) หอยทอดดูก็เห็นถั่วงอกถูกวางไว้อีก
หลังจากนั้นก็ลองกินคำที่มีน้ำจ้ำ (จิ้ม) ราดอยู่
ยังดีที่รอบนี้ดำกินหอยทอดอีกจานก็ (ที่—รึเปล่าคะ) สั่งก็อิ่ม
“ไปกับใคร” เสียงสิรินเย็นเหยียบ (เยียบ)

----------------------
จะรออ่านตอนต่อไปนะคะ ดำดราม่า 555+

หัวข้อ: Re: = P A Y = เปย์ข้าด้วยบุฟเฟ่ต์สิ [เปย์ครั้งที่ 12] 11.05.2018
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 12-05-2018 01:18:43
งานเข้าเต็ม ๆ เลยดำ รอบทลงโทษจากคุณสินได้เลย  :sad5:
หัวข้อ: Re: = P A Y = เปย์ข้าด้วยบุฟเฟ่ต์สิ [เปย์ครั้งที่ 12] 11.05.2018
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 12-05-2018 03:11:33
งานเข้าน้องดำแล้ว
หัวข้อ: เปย์ครั้งที่ 13
เริ่มหัวข้อโดย: GreenHead(หัวเขียว) ที่ 17-05-2018 23:15:04
เปย์ครั้งที่ ๑๓

มืดแปดด้าน

‘นึกไม่เห็น คิดไม่ออก จนปัญญาไม่รู้จะหาทางออกได้อย่างไร’



บรรยากาศภายในรถเย็นเหยียบ เงียบจนแทบได้ยินเพียงเสียงลมหายใจ ตั้งแต่บอกลาเต็ม ดำก็ไม่ได้ยินเสียงสิรินอีกเลย ร่างสูงดูเย็นชากว่าทุกครั้ง หน้าของเขาอีกฝ่ายยังไม่มอง จึงไม่กล้าที่จะกล่าวอะไรออกมาในตอนนี้

จนกระทั่งถึงห้องสิรินก็ไม่พูดอะไร เพียงแค่ยืนมองสำรวจร่างกายของเขา สายตาที่หยุดลงบริเวณขาสีแดงช้ำเต็มไปด้วยอารมณ์หลากหลาย ก่อนที่สิรินจะหลับตาสงบสติอารมณ์อันไม่สมเป็นผู้ใหญ่เอาเสียเลยของเขาแล้วหันหลังเดินจากไป เหลือเพียงดำที่ยังคงยืนนิ่งอยู่ในห้องนั่งเล่นเท่านั้น

“คุณสิน” ดำเอ่ยขึ้นด้วยเสียงแผ่วเบา แต่สิรินก็ไม่มีทีท่าจะหันกลับมาแม้แต่น้อย จนกระทั่งประตูห้องนอนปิดลง ดำก็ไม่อาจคิดสิ่งใดได้อีก เขาไม่รู้ว่าควรทำอย่างไร ทั้งรู้สึกผิด ทั้งขลาดกลัว กลัวเหลือเกินว่าคนสำคัญที่สุดของเขาจะไม่ต้องการเด็กดื้ออย่างเขาอีกแล้ว

“ไอ้ดำขอโทษ” คำขอโทษที่ไม่มีคนฟังช่างไร้ความหมาย ดำยืนมองประตูอยู่เช่นนั้นจนถุงผัดไทยในมือเย็นชืด ไม่รู้ว่านานเท่าใดประตูถึงเปิดขึ้นอีกครั้ง

ดำยิ้มให้คนที่ถือกล่องปฐมพยาบาลออกมา แต่สิ่งที่ได้รับกลับมามีเพียงใบหน้าเรียบนิ่งและสายตาอ่านอารมณ์ไม่ออกเท่านั้น

“ไปอาบน้ำแล้วออกมาทายา” แม้จะเย็นชาเพียงใด แต่ความห่วงใยในประโยคนั้นยังคงอยู่ ดำอารมณ์ดีขึ้นทันตา รีบพยักหน้าหงึกหงักแล้ววิ่งเข้าไปอาบน้ำทันที ถุงผัดไทยแสนอร่อยก็ถูกทิ้งเอาไว้บนโต๊ะเตี้ยหน้าทีวีเสียงอย่างนั้น

“เฮ้อ” หลังดำหายลับเข้าห้องไป สิรินก็เอาแต่นั่งจ้องถุงผัดไทย ความหึงหวงฉายชัดในแววตา ภาพของเด็กอีกคนที่จับมือในกำลังใจดำอยู่นั่นไม่สบอารมณ์เอาเสียเลย ทั้งรอยแดงบนขานั่นอีก ถึงจะรู้ว่าดำมีฝีมือมากเพียงใด แต่เขาไม่อยากเห็นร่างกายเล็กๆ นั่นบาดเจ็บแม้แต่น้อย

วันนี้เป็นวันที่ชวนปวดหัว เขาออกต่างจังหวัดตั้งแต่เช้ามืด แต่เมื่อไปถึงสถานที่ก่อสร้างกลับเกิดปัญหา ภายในบริษัทที่จ้างงานกำลังมีปัญหาภายในเกี่ยวกับโครงการที่พวกเขาต้องทำ ซึ่งฝ่ายที่ไม่เห็นชอบเข้ามาขัดขวางการทำงานของพวกเขา จนต้องล่าถอยออกมา และยื่นคำขาดให้ทางนั้นจัดการปัญหาภายในให้เสร็จเสียก่อนแล้วจึงเริ่มงานกันใหม่อีกครั้ง

ดังนั้นแล้วพวกเขาจึงต้องกลับมาเสียก่อน ทั้งที่ยังสำรวจสถานที่ไม่เรียบร้อย การเดินทางกลับใช้เวลานานกว่าที่คิดเพราะเกิดอุบัติเหตุระหว่างทาง สิรินจึงมาถึงในช่วงที่ดำเลิกเรียนพอดี หลังจากแยกตัวจากพี่ๆ ที่บริษัทแล้วก็เลยตรงมารับเจ้าตัวเล็กจากโรงเรียน

แต่สิ่งที่รับรู้นั่นทำให้เขาแทบระเบิดอารมณ์เสียตรงนั้น ทั้งเป็นห่วง ทั้งกังวลสารพัด ยิ่งโทรไปแล้วได้ยินเสียงผู้ชายแทรกออกมา สิรินยิ่งไม่สบายใจ เขาเป็นคนยอมให้ดำออกไปเผชิญโลกภายนอก แต่ก็ไม่คิดว่าส่งที่เขากลัวจะเกิดขึ้นเร็วถึงเพียงนี้

ถ้าไม่ถูกหลอกก็ดีไป แต่ถ้าถูกพาไปทำอะไรไม่ดีเข้าเขาจะไม่ให้อภัยตัวเองแม้แต่น้อย...

เพียงไม่นานดำก็ออกมา เห็นสิรินนั่งเงียบอยู่ทีเดิมจึงได้แต่ย่องเงียบๆ ไปนั่งลงข้างๆ เท่านั้น แรงยุบตัวของโซฟาทำให้สิรินรู้สึกตัว สายตาออดอ้อนและสำนึกถูกส่งมาอีกครั้ง แต่สิรินเลือกที่จะเมินเฉย

ขาเล็กๆ ที่มีกล้ามเนื้อแข็งเกินวัยถูกยกขึ้นมาวางบนตัก

“โอ๊ย! ” ดำรีบยกมือขึ้นมาปิดปาก เพราะสิรินยกขาเขาขึ้นกระทันทัน แม้จะทำอย่างทะนุถนอมแต่มันก็สะเทือนถึงสะโพกที่พลาดโดนเตะไปหลายครั้ง

ตายแล้ว ไอ้ดำไม่อยากให้คุณสินโกรธมากกว่านี้นะ...แต่มันเจ็บนี่นา

สิรินมองดำที่เริ่มเหงื่อตกไม่กล้าสบตากับเขา เอาแต่ก้มหน้างุดหลบหนีความผิดของตน นิ้วเรียวยาวนั่นจึงถูกยกขึ้นไปแตะลงบนบริเวณที่น่าสงสัยโดยไม่เบาแรงนัก

“โอ๊ย คุณสินไอ้ดำ ไอ้ดำ- “

พรึ่บ!

เสื้อถูกยกขึ้นจนเห็นรอยแดงที่เริ่มกลายเป็นสีเขียวช้ำเลือดเล็กน้อย มือของสิรินกำแน่นสั่นระริกดังอดกลั้นอารมณ์ที่ใกล้ปะทุออกมาเต็มที สายตาโกรธเกรี้ยวเผยขึ้นชั่ววูบ ก่อนคนตัวโตจะหลับตาลงซ่อนมันเอาไว้

เขาไม่อยากทำให้ดำกลัว...

“ไอ้ดำขอโทษ” ดำเอ่ยขึ้นได้เพียงเท่านั้น แต่ก่อนไม่เคยมีคนห่วงเขาเช่นนี้ ไม่เคยมีใครโกรธเมื่อเขาได้รับบาดเจ็บ มีเพียงหลวงตาที่เอาแต่บ่นเสียยืดยาวเวลาเขาเอาชีวิตตัวเองไปเสี่ยงโดยไม่กลัวอะไร

สิรินต่างออกไปดำรู้ ไม่รู้ว่ามันคืออะไร รู้เพียงว่าตัวเองต้องขอโทษ สำนึกผิดต่อสิ่งที่ตนทำลงไปจนไม่กล้าเอ่ยคำแก้ตัวใดๆ

ความเงียบเข้าปกคลุมอีกครั้ง เพราะสิรินไม่ลืมตาขึ้นมาเสียที ดำได้แต่มองด้วยหัวใจลุ้นระทึก ไม่รู้ว่าความรู้สึกขอโทษของเขาส่งไปถึงคนตัวโตหรือไม่

หลังจากลืมตาขึ้นสิรินก็ไม่สบตาดำเลยสักครั้ง พอหยิบยาขึ้นมานวดที่ขาให้ ก็ก้มหน้าก้มตานวดอย่างเดียว เสร็จจากที่ขาก็เป็นสะโพก ทุกสัมผัสเต็มไปด้วยความนุ่มนวล แต่ดำไม่รู้ด้วยเพราะเหตุใดเขาถึงรู้สึกหัวใจเต้นแรงแปลกๆ

มือร้อนผ่าวไล้วนที่สะโพกครั้งแล้วครั้งเล่า สายตาคนตัวสูงก็จดจ้องตามสัมผัสของมือนั้น แม้ไม่อาจรับรู้ถึงความรู้สึกผ่านดวงตาแต่ดำกลับรู้สึกได้ถึงความรู้สึกอันแรงกกล้าที่ส่งผ่านออกมาจากตัวของอีกฝ่าย

ของเขา ร่างกายนี้เป็นของเขา เขาถนอมมาเป็นอย่างดี แต่กลับมีคนทำให้เจ็บถึงเพียงนี้

ต่อไปจะไม่ยอมให้ใครแตะต้องได้อีก เพราะร่างกายนี้เป็นของเขาเพียงคนเดียวเท่านั้น

ทั้งร่างกาย หรือแม้แต่จิตใจของเจ้าตัวเล็กต้องเป็นของเขาเพียงคนเดียว


สิรินดำดิ่งสู่ความรู้สึกของตน หลบซ่อนสายตาที่อยากกลืนกินร่างกายของคนตัวเล็กให้เป็นของเขาเพียงคนเดียวเอาไว้ แต่ด้วยไม่อาจเผยให้เห็น ทำให้ไม่สิรินไม่รับรู้เช่นกันว่าความรู้สึกเหล่านั้นถูกส่งไปถึงแล้ว แม้คนที่รับรู้มันจะไม่เข้าใจว่าความรู้สึกนี้คืออะไรก็ตาม...

การทายาอบอวลไปด้วยความรู้สึกแปลกประหลาด ไม่ใช่โกรธ ไม่ใช่อบอุ่น แต่เป็นความรู้สึกอยากครอบครองจนแทบควบคุมไม่ได้

สิรินเก็บอุปกรณ์ลงกล่อง แล้วจึงเดินกลับเข้าห้องไป ดำถึงได้รู้สึกตัว ภายในใจมีความรู้สึกหลากหลายตีกันเต็มไปหมด แต่ในนั้นก็มีความรู้สึกดีใจอยู่

คุณสินไม่ได้เกลียดไอ้ดำล่ะ คุณสินเป็นห่วงไอ้ดำมากๆ ด้วย ดีใจจัง

ดำยิ้มมีความสุข แต่แล้วรอยยิ้มนั่นก็หดหาย เมื่อเปิดประตูเข้ามาในห้อง กลับพบว่าห้องนอนว่างเปล่า ห้องน้ำก็เงียบเชียบ พอหมุนลูกบิดประตูห้องทำงานถึงรู้ว่าคนตัวโตอยู่ในนั้น

ดำสะบัดหัวไปมา

“ไม่เป็นไรไอ้ดำรอได้” ดำบอกกับตัวเองแล้วขึ้นไปนั่งรอบนเตียง ถึงสิรินจะไม่เกลียด และยังเป็นห่วงดำไม่เปลี่ยน แต่ความโกรธยังคงอยู่ ดำรู้ถึงข้อนั้นดี เขาต้องขอโทษและสารภาพผิดอย่างจริงจัง ทั้งต้องรับปากว่าจะไม่ทำอีก นั่นคือสิ่งที่ดำคิดจะทำ จึงได้แต่นั่งจ้องประตูเฝ้ารออยู่เช่นนั้น

เวลาผ่านไปจนเข็มสั้นชี้เลข 12 ดำนั่งคอพับคออ่อน พยายามต่อต้านดวงตาที่กำลังจะปิดลงในไม่ช้าอย่างเต็มกำลัง แต่ก็พ่ายแพ้ในที่สุด

ในเวลาที่ดำสติเลือนรางเขาสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นของใครอีกคนที่กำลังอุ้มเขาจากท่านั่งพิงหัวเตียงให้ลงไปนอนดีๆ จากนั่นก็ดึงผ้าห่มมาคลุมให้

สัมผัสอบอุ่นแสนคุ้นเคยที่หัวทำให้ดำผ่านคลาย หัวคิ้วเครียดเกร็งคลายออก สัมผัสนั่นหายไปช้าๆ ดำรู้สึกเสียดายจึงพยายามตามติดมือที่กำลังห่างออกไป สิ่งตอบแทนการกระทำนั้นคือสัมผัสที่อบอุ่นยิ่งกว่า

ความนุ่มหยุ่นที่หน้าผากทำให้ดำหลับสนิทเหมือนทุกคืน รอยยิ้มดีใจปรากฏขึ้น หัวใจที่กังวลได้รับการเติมเต็ม แม้เป็นเพียงความฝันก็ดีใจ

คุณสินของไอ้ดำ

::::

นาฬิกาปลุกดังขึ้นแทนเสียงอันคุ้นเคยที่เข้ามาปลุกเขาทุกเช้า แต่ดำก็ยอมลืมตาตื่น หลังปิดนาฬิกาปลุกหัวเตียง ดวงตากลมโตก็พยายามมองหาคนที่นอนกอดเขาทุกคืน

อยากยืนยันว่าความรู้สึกอบอุ่นเมื่อคืนไม่ใช่เพียงความฝัน คุณสินคนเดิมยังอยู่เคียงข้างเขา แต่เตียงที่ว่างเปล่าทำให้ดำใจหาย ความรู้สึกวูบโหวงเกิดขึ้นในใจ

เมื่อวานเป็นแค่ความฝัน...ไม่เอานะ

ไม่รอให้ความรู้สึกอบอุ่นหายไปมากกว่านี้ ดำรีบวิ่งลงจากเตียง เปิดห้องนู้นห้องนี้ตามหาคนตัวโต แต่กลับว่างเปล่า ไม่มีแม้แต่เงาของคนที่เขาอยากขอโทษจากใจ

ความรู้สึกเหมือนถูกทิ้งลงเหว จากที่คิดว่าสิรินจะยกโทษให้ตนก็กลับกลายเป็นขลาดกลัว การไม่ได้เจอหน้าของคนสำคัญในเวลาที่หัวใจอ่อนแอ มันเป็นเช่นนี้เอง

อาหารเช้าถูกเตรียมไว้บนโต๊ะอาหาร แต่กลับไร้วี่แววของคนทำ โน้ตแผ่นเล็กดูไร้เยื่อใยเมื่อไม่ได้ยินออกจากปากของคนที่เขียนมัน

‘กินข้าวแล้วก็ไปโรงเรียน...ตั้งใจเรียนนะ

สิน’


ความรู้สึกอัดแน่นตีตื้นขึ้นในอก แต่ถึงอย่างนั้นดำก็ลากเก้าอี้ออกมาแล้วนั่งลง ข้าวผิดกุ้งตัวโตยังคงหอมกรุ่น บ่งบอกว่าคนที่ทำมันพึ่งออกไปไม่นาน

ทั้งที่เป็นมื้อที่น่ากิน เพราะมีกุ้งสีส้มกว่าสิบตัวอยู่ในจานข้าวผัดใบใหญ่ แต่ดำกลับไม่รู้สึกถึงความอยากอาหารแม้แต่น้อย

มือเล็กสั่นระริกกำช้อนแน่น ปากเม้มเข้าหากันอย่างอดกลั้น จดจ้องข้าวผัดกุ้งแสนอร่อยด้วยสายตาพร่าเลือน เพราะมีหยาดน้ำสีใสไหลออกมาอย่างไม่ขาดสาย

หลังจากกินคำแรกดำก็ตั้งใจเคี้ยว รับรู้ได้ดีว่าแม้จะโกรธเขาเพียงใด แต่สิรินก็ไม่เคยคิดจะทำให้เขาต้องอดอยาก อาหารปริมาณที่มากกว่าคนทั่วไปถูกทำไว้อย่างรู้ใจ กุ้งสดตัวโตถูกใส่ลงไปอย่างไม่นึกเสียดาย อาหารที่ใส่ทุกรายละเอียดลงไปตามนิสัยของคนที่อยากให้กิน มันบ่งบอกได้ถึงความใส่ใจที่มีต่อเขา

แต่ภายในปากของดำกลับไร้รสชาติเหลือเกิน แม้จะเคี้ยวแล้วกลืนลงไปกี่คำก็ไม่รับรู้ถึงความอร่อยเลยสักนิด น้ำตาไหลอาบแก้ม ความรู้สึกอ้างว้างเสียใจขยายใหญ่จนไม่อาจทนไหวได้อีก

ดำพึ่งรู้ว่า อาหารอร่อยเพียงใดก็ไม่อาจแทนที่ความรู้สึกที่ขาดหายได้

หากไร้สิรินนั่งเคียงข้าง พร้อมส่งรอยยิ้มอบอุ่น อาหารก็ไร้รสชาติ

การกินข้าวคนเดียวมันเหงาขนาดนี้เลยเหรอ

คุณสินไอ้ดำขอโทษ...อย่าหายไปเลยนะครับ อาหารจะอร่อยได้อย่างไรถ้าคนสำคัญหายไป

มื้อเช้าที่ไร้คุณสินเคียงข้าง อ้างว้างเหลือเกิน...


:::::

หัวข้อ: เปย์ครั้งที่ 13 [2]
เริ่มหัวข้อโดย: GreenHead(หัวเขียว) ที่ 17-05-2018 23:16:26
เต็มสังเกตคนที่เอาแต่จ้องจานอาหารกลางวันไม่ขยับ เมื่อเช้าก็เอาแต่เหม่อลอย บางครั้งก็ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ คนร่าเริงที่ไม่สะทกสะท้านกับอะไรหายไปเสียแล้ว เมื่อวานเกิดอะไรขึ้นกันนะ

เขาที่ไม่คิดจะสนิทกับดำยังปล่อยเอาไว้ไม่ได้ ผู้ปกครองคนนั้นลงโทษแรงขนาดไหนกัน ดำถึงได้ห่อเหี่ยวขนาดนี้ เมื่อเช้าก็มาเรียนเอง ทั้งที่ปกติต้องมาส่งแท้ๆ อยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เต็มก็ไม่กล้าถามออกไป กลัวว่าจะไปกระตุ้นน้ำตาที่ปริ่มขอบตานั่นให้ไหลออกมา

ยิ่งมองจานข้าว ดำก็ยิ่งเหงาหงอย ทั้งที่เมื่อวานก็นั่งกินข้าวคนเดียวแท้ๆ ยังไม่รู้สึกแย่ขนาดนี้ ที่เป็นแบบนี้เพราะสิรินสำคัญเอามากๆ

ในชีวิตดำไม่เคยคิดว่า วันหนึ่งจะคนที่มีผลกับจิตใจเขาได้มากถึงเพียงนี้

“เต็ม ไอ้ดำจะทำอย่างไรให้คุณสินหายโกรธ” เมื่อคิดอะไรไม่ออกก็ถาม ดำคิดมาทั้งวันจนสมองรับไม่ไหวแล้ว เขาหาทางออกไม่ได้เลย

“กับเรื่องแค่นี้พี่มึงก็โกรธขนาดนั้นเลยเหรอวะ” เต็มถามอยากอดใจไม่ไหว ถึงจะพอเข้าใจว่าพวกเขาทำผิด แต่กลับทำให้เจ้าจอมตะกละเอาแต่จ้องจานข้าวแบบนี้ได้ โกรธถึงขั้นไหนกันนะ

“วันนี้ไอ้ดำยังไม่เจอหน้าคุณสินเลย ฮึก คุณสินไม่อยากเจอไอ้ดำแล้ว เต็ม” สิรินมีอิทธิพลต่อความรู้สึกของดำมากเกินไปจริงๆ เขาไม่เป็นตัวของตัวเองแม้แต่น้อย ทั้งที่ปกติก็พุ่งชนกับปัญหาโดยไม่คิดแท้ๆ แต่ครั้งนี้ความกลัวกับอยู่เหนือกว่าความรู้สึกใดๆ

“เอาน่า เดี๋ยวเย็นนี้ก็ได้เจอ มึงก็บอกไปเลยว่ากูบังคับมึงไป แบบนั้นเขาจะได้ไม่โกรธมึง โอเคไหม” เต็มเกาหัวแกร็กๆ เขาปลอบคนไม่เป็น ทั้งปัญหาความสัมพันธ์แบบนี้ยังยากเกินไปที่จะเข้าใจ การแก้ปัญหาจึงออกมาแบบกำปั้นทุบดินเช่นนี้

“ไม่เอา ไอ้ดำไม่ได้โดนบังคับ แบบนั้นเต็มจะโดนโกรธไปด้วย” ดำส่ายหน้าปฏิเสธ เขาทำผิด ถึงจะบอกว่าตกกระไดพลอยโจน แต่คนที่ไม่ปฏิเสธเที่ยวเล่นจนเย็นคือเขาเอง จะโยนความผิดให้คนอื่นไม่ได้ ลูกผู้ชายกล้าทำต้องกล้ารับ เขาจะไม่ยอมทำตัวขี้ขลาดอย่างเด็ดขาด

“เอ้า แล้วจะเอาไงวะ” ความรู้สึกดีเข้าจู่โจมหัวใจเต็มเล็กน้อย ปกติเพื่อให้พ้นผิดคนเราจะหาทางหนี ดีไม่ดีอาจจะโทษเขาตั้งแต่แรก เพราะอย่างไรเขาก็มีบุคลิกออกไปทางพวกอันธพาลอยู่แล้ว มีคนน้อยนักที่จะปกป้องเขา อย่างไรคนที่ไม่รู้จักเขาจริงๆ จะเชื่อเสมอ โดยเฉพาะพวกผู้ปกครอง

เป็นคนดีเหมือนกันนะเจ้านี่

“ไม่รู้ ไอ้ดำอยากขอโทษ ตอนนี้อยากเจอคุณสินแล้วก็พูดขอโทษจนกว่าคุณสินจะยอมยกโทษให้...แต่ไอ้ดำยังไม่เจอคุณสินเลย” ว่าเสร็จก็ห่อเหี่ยว ทิ้งหัวลงตรงหน้า ยังดีที่เต็มดึงจานออกมาทัน ไม่เช่นนั้นหน้าของดำคงจมลงกับข้าวพอดิบพอดี

เต็มได้แต่มองแล้วถอนหายใจ มันไม่ใช่ปัญหาที่เขาจะเข้าไปยุ่งได้ ทั้งสองคนอาจจะไม่ใช่พี่น้องกันธรรมดาๆ ความรู้สึกบอกเช่นนั้น ถ้าเขาเข้าไปยุ่งมันจะพลอยวุ่นวายขึ้นเสียเปล่า

::::

กริ๊งงงงง

ออดส่งสัญญาณว่าเลิกเรียนได้ ดำรีบวิ่งไปรอยังที่นัดหมาย ซึ่งเขามักนั่งรอสิรินเป็นประจำในทันที ขาก้าวอย่างเร่งรีบ ส่วนใจวิ่งออกไปเจอหน้าสิรินก่อนแล้ว เต็มเป็นห่วงจึงเดินตามมานั่งเป็นเพื่อน ม้านั่งยามเย็นดูเปล่าเปลี่ยว เมื่อไม่มีทีท่าว่ารถคุ้นตาจะแล่นเข้ามาจอดเสียที จากที่มีความหวัง ดำก็หน้าหงอยลงเรื่อยๆ

แต่ในตอนนั้นก็มีรถคันหนึ่งมาจอดบนถนนตรงจุดที่สิรินกับมาร์โก้มักมารอรับดำ คนที่ลงจากรถเป็นคนคุ้นหน้า แต่ไม่ใช่คนที่หวังจะได้เจอ

“หงอยเลยเรา ขึ้นรถเร็วเดี๋ยวพี่พาไปกินของอร่อย” ทิวเดินเข้ามาหา เห็นสภาพเหงาหงอยของดำแล้วก็ใจหาย จริงๆ สิน่า จะลงโทษดำนานแค่ไหนนะ ดูสิยังไม่ถึงวันก็แย่ขนาดนี้แล้ว ทรมานทั้งคนสำคัญทั้งตัวเองแท้ๆ เลย

“คุณสิน” ดำมองไปที่รถ หวังว่าจะเจอคนตัวสูงที่อยากเจอมาทั้งวัน แต่ความหวังก็ดับลง เมื่อทิวยิ้มให้กำลังใจเขา

“เอาน่า ไปกับพวกพี่ดีกว่า อย่าสนใจไอ้คุณชายน้ำแข็งนั่นเลย เพื่อนดำสินะ ไปด้วยกันสิ มาๆ” ไม่ว่าเปล่า ทิวเข้ามากอดคอของเด็กทั้งสองแล้วลากไปขึ้นรถทันที คำปฏิเสธของเต็มก็ไม่สนใจฟังแม้แต่น้อย

บนรถมีน่านกับก้องรออยู่ก่อนแล้ว น่านทำหน้าที่ขับรถ ส่วนก้องนั่งอยู่เบาะข้างคนขับ วันนี้พวกเขาโดนคนปากแข็งขอร้องให้มาช่วยดูแลดำแทน คงห่วงคนตัวเล็กไม่น้อย แต่ก็ใจแข็งไม่ต่างกัน

ร้านอาหารจีนถูกตกแต่งอย่างเรียบง่าย แต่เมนูในร้านกลับอร่อยไม่แพ้ภัตตาคารใหญ่ๆ ร้านนี้ เป็นร้านโปรดของทิว น่านและก้อง ทั้งที่หวังว่าของอร่อยจะช่วยให้ดำดีขึ้นบ้าง แต่ดูเหมือนจะไม่ได้ผลอย่างที่คิด

ร้านอาหารจีนถูกตกแต่งอย่างเรียบง่าย แต่เมนูในร้านกลับอร่อยไม่แพ้ภัตตาคารใหญ่ๆ ร้านนี้ เป็นร้านโปรดของทิว น่านและก้อง ทั้งที่หวังว่าของอร่อยจะช่วยให้ดำดีขึ้นบ้าง แต่ดูเหมือนจะไม่ได้ผลอย่างที่คิด

วันนี้ที่ชวนเต็มมาด้วย เพราะสิรินเผลอเอ่ยถึงเต็มเข้า ดูท่าจะหึงหวงไม่น้อย พวกเขาจึงถือโอกาสพามาสังเกตด้วย แต่ดูแล้วสายตาของเต็มจะไม่มีความรู้สึกเชิงชู้สาวกับดำ ออกจะเป็นเพื่อนที่ดีเสียมากกว่า เอ็นดูดำไม่ต่างจากพวกเขาเท่านั้น คงเพราะดำให้บรรยากาศเหมือนน้องคนเล็ก ใครๆ ถึงได้มองเป็นน้องไปหมด ไม่เว้นแม้แต่คนที่อายุเท่ากัน

ถือว่าสบายใจได้ ไม่ต้องกำจัดแล้ว

เต็มปลอดภัยจากภัยร้ายโดนที่ไม่รู้ตัวแม้แต่น้อย เพราะเพื่อนอย่างพวกเขาไม่มีทางยอมให้เพื่อนของตัวเองต้องเจ็บปวดอยู่แล้ว

การทานอาหารผ่านไปด้วยดี แม้ดำจะกินเพียงไม่กี่คำเท่านั้น อย่างน้อยถ้าวันนี้สิรินยังไม่ยกโทษให้ เจ้าตัวเล็กก็คงไม่ปวดท้องเพราะอดข้าวแล้ว

น่านวนรถไปส่งเต็มกลับบ้าน ก่อนจะพาดำไปส่งที่คอนโด ให้กำลังใจคนตัวเล็ก ปลอบใจกันคนละประโยคสองประโยคเท่าที่จะทำได้แล้วจึงจากไป

ถึงอย่างนั้นดำก็ยังเหงาหงอย แม้น่านจะบอกว่าสิรินโกรธไม่นานหรอกเพราะดำสำคัญมาก แต่ดำก็ไม่มั่นใจในตัวเองแม้แต่น้อย ตอนนี้ความรู้สึกของดำแทบจะถึงจุดต่ำสุด ไม่อาจเรียกความมั่นใจในวันวานกลับคืนมาได้ คิดทุกอย่างในแง่ร้ายเท่านั้น

“ให้คุณสินด่าไอ้ดำยังดีกว่าหายไปแบบนี้ ฮึก” ดำยกมือขั้นมาเช็ดน้ำตาที่ไหลออกมา มือจับลูกบิดสั่นเทา

ไม่ชอบเลย ไอ้ดำไม่ชอบห้องที่ไร้เงาคุณสินเลยสักนิด

ไม่อยากเข้าไปรับรู้ความเป็นจริงอะไรอีกแล้ว

ถึงจะคิดเช่นนั้นแต่ดำก็ไม่มีทางเลือกนอกจากเปิดเข้าไป สิ่งแรกที่ปะทะเข้ากับใบหน้าคือกลิ่นหอมของไวท์ซอสของโปรด ขาเล็กสาวเท้าด้วยความเร็วก่อนจะกลายเป็นวิ่งเข้าไปที่ห้องครัวอันแสนคุ้นเคย

แผ่นหลังกว้างของคนที่อยากเจอมาทั้งวันปรากฏขึ้นแก่สายตา ร่างนั้นหยุดชะงักก่อนจะหันมาสบตากับเขา

“ทำอะไรกลับมาแล้วก็ไปอาบน้ำ” เสียงเต็มไปด้วยความอบอุ่นนั้นทำให้ดำทำตัวไม่ถูก เหมือนภาพความทรงจำอันแสนคุ้นเคยกลับมาอีกครั้ง หัวใจที่เจ็บปวดได้รับการฟื้นฟู น้ำตาที่กลั้นไว้ไหลจากดวงตากลมโตอย่างไม่อาจกลั้นได้อีก

“คุณสิน ฮึก คุณสิน คุณสิน ฮือออ ยกโทษให้ไอ้ดำแล้วใช่ไหมครับ ยกโทษให้ไอ้ดำแล้วใช่ไหม” ดำร้องไห้เหมือนเด็กตัวเล็ก ยกมือขึ้นมากุมหัวใจเอาไว้ หัวใจที่เหี่ยวแห้งเต็มไปด้วยความหวัง

“อืม ไม่โกรธแล้ว” เพียงเท่านั้นดำก็ไม่อาจหยุดตัวเองได้อีก วิ่งเข้าไปกอดสิรินแน่น เอาแต่ร้องไห้ เขาไม่ได้เสียใจ แต่น้ำตาเหล่านี้ออกมาเพราะความรู้สึกดีใจต่างหาก

ดีใจ ดีใจ ไอ้ดำดีใจเหลือเกิน ไอ้ดำจะไม่ทำให้คุณสินโกรธอีกแล้ว ไม่เอาอีกแล้ว ใบหน้า น้ำเสียง ท่าทางเย็นชาเหล่านั้นน่ากลัว เหนือกว่าสิ่งอื่นใดคือการหายไป ไม่เอาอีกแล้ว ไอ้ดำจะไม่ยอมให้คุณสินหายไปเด็ดขาด

ดำสัญญากับตัวเองในใจ ความรู้สึกจุกหน่วงทั้งวันหายไปด้วยประโยคเพียงประโยคเดียว

สิรินกอดตอบ ลูบหัว ลูกหลังคนตัวเล็กอย่างปลอบประโลม

ลงโทษเท่านี้ก็เพียงพอแล้ว...

ความจริงไม่ได้มีเพียงดำที่รู้สึกแย่ เขาเองก็ไม่ต่างกัน แต่ก็ต้องลงโทษ ไม่เช่นนั้นแล้วดำอาจจะหายไปเช่นนี้อีกเมื่อไหร่ไม่ทราบ

การกระทำครั้งนี้เป็นบททดสอบ ทั้งตัวเขาและตัวดำ สิรินต้องอดทนอดกลั้นไม่ให้เผลอทำร้ายจิตใจดำจนไม่อาจหวนกลับมาแก้ไขได้อีก ดังนั้นแล้วเขาจึงต้องถอยห่าง เว้นระยะมาจัดการกับความรู้สึกของตัวเอง แม้ทรมานแต่ก็มีเวลาให้ได้คิด ได้ยับยั้งชั่งใจ ไม่กกกอดดำเป็นของตนด้วยการขืนใจ ถ้าเป็นเช่นนั้นเขาคงเกลียดตัวเองจนไม่อาจอภัยในความโง่เขลานั้นได้

ส่วนดำได้เรียนรู้ถึงความรู้สึกห่วงใย ได้ตระหนักรู้อย่างชัดเจนว่าเวลานี้เขาไม่ใช่ตัวคนเดียว ยังมีคนคอยห่วง คอยกังวล เวลาที่คนสำคัญหายไปรู้สึกเช่นไร นั่นคือสิ่งที่สิรินอยากให้ดำรับรู้

เป็นดังความรู้สึกผูกมัด ให้รู้สึกกลัวที่จะสูญเสีย เป็นบทเรียนครั้งหนึ่งที่จะจดจำไว้ในจิตใจ

การเดิมพันครั้งใหญ่นี้สิรินหวาดกลัวไม่ต่างกัน ถ้าดำหายไปจากการกระทำครั้งนี้เขาคงทำทุกวิถีทางเพื่อเอาตัวดำกลับคืนมา ไม่ว่าอีกฝ่ายจะเกลียดเขาเพียงใดก็ตาม แต่มันกลับเป็นไปตามที่เขาต้องการ

ใช่แล้วดำ จงกลัวการสูญเสียฉันไป เหมือนที่ฉันกลัวว่าดำจะหายไปเถอะ ขอโทษด้วยที่ฉันมันเห็นแก่ตัว...

สิรินวางแผนที่จะใช้เวลาลงโทษดำ 3 วัน แต่ภาพที่ถูกส่งมาจากเพื่อนทั้งสามทำให้เขาไม่อาจทนใจร้ายได้อีก

ของอร่อยอยู่ตรงหน้า แต่คนตัวเล็กกลับเอาแต่นั่งนิ่ง สีหน้าห่อเหี่ยวไร้ชีวิตชีวา ใครจะทนใจร้ายไหวอีก

"ฉันไม่โกรธดำแล้ว เลิกร้องเถอะนะ" น้ำตาของคนตัวเล็กทำให้สิรินปวดใจ เขาช่างขลาดเขลา ดำให้ความสำคัญกับเขาถึงเพียงนี้ แต่ตัวเขากลับมีความไม่เชื่อใจหลงเหลืออยู่เสียได้ เป็นผู้ใหญ่ไม่ได้ความเสียจริงๆ

เป็นเพราะดำ ความมั่นใจในสมองของตัวเองจึงหายไปง่ายๆ เช่นนี้ เขาวางแผนทุกอย่างให้สำเร็จดังที่ตัวเองต้องการเสมอ มีเพียงดำเท่านั้นที่ทำให้เขาหวาดกลัวได้ถึงเพียงนี้

เขารักดำมากจริงๆ

ดำมองสิรินด้วยใบหน้าเคล้าน้ำตา สายตารักใคร่ที่ส่งมานั้นทำให้หัวใจเขาเต้นระรัว และไม่รู้สิ่งใดดลใจคนตัวเล็กถึงเขย่งเท้าให้สูงขึ้น แล้วเงยหน้าแตะริมฝีปากของตนกับคนที่สูงกว่า

หน้าแดงซ่านเพราะความเขินอาย ทั้งที่เป็นฝ่ายรุกหาแต่ดำกลับตัวแข็งทื่อด้วยการกระทำสิ้นคิดของตัวเอง

ไอ้ดำทำอะไรลงไป!

สิรินก็ตกใจไม่แพ้กัน ริมฝีปากเล็กนุ่มนิ่มนั่นช่างเย้ายวน ดวงตาเบิกกว้างด้วยตกใจกับการกระทำของตัวเองนั่นก็น่าเอ็นดู ไหนจะใบหน้าแดงซ่านกับหัวใจเต้นแรงนี่อีก

เขาจะอดใจได้อย่างไร

ไม่รอให้ดำผละหน้าหนี สิรินเลื่อนมือมาจับท้ายทอยของคนตัวเล็กเอาไว้ ขมเม้มริมฝีปากเล็กให้ใกล้ชิดขึ้น มันหอมหวานเสียจนไม่อาจหยุดเอาไว้เพียงเท่านี้ ลิ้นร้อนโลมเลียริมฝีปากเล็กจนเปียกชุ่ม อาศัยความพลั้งเผลอตามอารมณ์สอดแทรกลิ้นร้อนเขาไปด้านในปากหอมหวาน กวัดเกี่ยวนำพาลิ้นเล็กตามจังหวะของตัวเอง ครั้งแล้วครั้งเล่าจนคนไม่เคยได้รับประสบการณ์เช่นนี้ไร้เรี่ยวแรง

ความหรรษาที่ได้รับทำให้ดำเผลอไผล ตอบรับสัมผัสอันแปลกประหลาดอย่างไม่นึกรังเกียจ รู้สึกดี เหมือนล่องลอยในอากาศ ทั้งเบาหวิว ทั้งเร่าร้อน ไม่มีความคิดที่จะขัดขืนแม้แต่น้อย

จนกระทั่งเก็บเกี่ยวความหวานจนพอใจสิรินจึงผละออกอย่างแสนเสียดาย เขากลัวว่าดำจะขาดอากาศหายใจไปเสียก่อนจึงยอมหยุดลง คนตัวเล็กช้อนตามองสบตาด้วยใบหน้าแดงก่ำ หายใจเอาอากาศเข้าปอดสภาพหอบตัวโยน

หลังจากได้สติกลับมาใบหน้านั้นก็แดงขึ้นอีก ก่อนจะอายจนแทบแทรกแผ่นดินหนี ซุกหน้าเข้ากับอกแกร่งไม่กล้าเงยหน้าขึ้นไปสบตาหวานซึ้งคู่นั้นได้อีก

ไอ้ดำทำอะไรลงไป จุ๊บๆ คุณสินเหมือนในทีวีไปซะแล้ว แถมยัง แถมยัง รู้สึกดีมากๆ เลย!

"หึหึ เป็นอะไรหือ ไม่ชอบเหรอ" จะโทษดำคงไม่ได้ เพราะหากเขาจะหยุดก็ใช่ว่าทำไม่ได้เสียเดียว แต่ความอยากครอบครองมีมากกว่า ทั้งริมฝีปากนั้นก็หอมหวานเกินห้ามใจ ถ้าดำบอกว่าไม่ชอบเขาก็จะให้เวลา ไม่แตะต้องจนกว่าดำจะพร้อม แต่ได้กอดได้หอมมันก็มากพอแล้ว

ดำยังเด็ก

"รู้..."

"อะไรนะ" เสียงดำอู้อี้จนจับใจความไม่ได้ ทั้งยังกอดสิรินแน่นขึ้นไปอีก หูที่ไม่อาจซ่อนไว้ได้แดงก่ำ สิรินรู้แล้วว่าดำรู้สึกเช่นไร แต่เขาก็ยังอยากได้ยิน จึงเย้าแหย่คนตัวเล็กเล่นนี้

"...ดี"

"พูดดังๆ หน่อยสิ ฉันไม่ได้ยินเลย" การไล่ต้อนยังคงดำเนินต่อไป ถ้าดำเงยหน้าขึ้นมามองสักนิด คงได้เห็นรอยยิ้มกว้างของคนที่กอดเขาอยู่ แต่ความเขินอายมีมากกว่า

"ไอ้ดำชอบ แล้วก็ แล้วก็รู้สึกดีมากเลยครับ! " ดำไม่ได้ไร้เดียงสาขนาดไม่รู้ว่าสิ่งที่พวกเขาทำคืออะไร เขาเคยเห็นในทีวีที่ผู้ชาย 2 คนจูบกัน ต้องยอมรับว่าตอนนั้นดำรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องแปลกประหลาด แต่ก็อยากรู้ อยากรู้จนนิ้วไม่ยอมกดปุ่มเลื่อนไปช่องอื่น สุดท้ายก็ดูจบจนได้

ในตอนนั้นได้แต่สงสัยว่าผู้ชายสองคนจูบกันเหมือนคู่ชายหญิงปกติแล้วรู้สึกดีจริงหรือ แต่ตอนนี้ชัดเจนแล้วว่ารู้สึกดีมาก มากๆ จนอายตัวเองไปหมดแล้ว

"หึหึ ฉันก็ชอบ" น้ำเสียงนุ่มทุ้มกระซิบข้างหู ทั้งปากทั้งดวงตาผู้เป็นเจ้าของก็ฉีกยิ้มกว้าง

เขาชอบทั้งหมดที่เป็นดำ

"คุณสิน แย่แล้ว" ดำเงยหน้าสบตาสิริน ยกมือกุมหน้าอกเอาไว้ ใบหน้าที่ยังแดงซ่านนั้นดูตกใจไม่น้อย

"อะไรเหรอ หือ" สิรินขมวดคิ้ว เขาไม่อาจคาดเดาได้ว่าดำจะพูดอะไรออกมา

"ไอ้ดำ ไอ้ดำเหมือนจะเป็นลมเลย แถมหัวใจยังเต้นแรงมากๆ เลยครับ เหมือนมันจะหลุดออกมาเลย"

"หึหึ ฮ่าๆ ๆ เธอแค่มีความสุขเจ้าตัวเล็ก มีความสุขมากๆ " สิรินหัวเรอะเสียงดัง จนน้ำตาไหลออกมานิดๆ ยิ่งมองใบหน้าที่ฉายชัดถึงความไม่เข้าใจยิ่งหลงรักมากขึ้นไปอีก

"ฉันเองก็เหมือนกัน ฟังสิ" สิรินลูบหัวคนตัวเล็กเบาๆ ก่อนจะรั้งให้หัวเข้ามาใบหูเล็กๆ นั่นแนบกับอกของเขา

ตึก ตึก ตึก

ก่อนหน้านี้ดำมันแต่เขินอาย หลุดความเป็นตัวเองไปเสียหมด จึงไม่ได้ตั้งใจฟังมากนัก พอครั้งนี้แนบหูเข้าไปใกล้ เขาจึงได้ยินมันอย่างชัดเจน หัวใจของพวกเขาเต้นเป็นจังหวะเดียวกัน ความรู้สึกเองก็ไหลไปในทิศทางเดียวกัน

แม้ดำจะยังไม่รู้สึกตัว แต่เขาก็ไม่รังเกียจเลยที่จะก้าวเดินตามคนตัวสูงไป

สายตามองสบลึกซึ้ง อาหารวันนี้คงจืดชืดสำหรับพวกเขาไปเสียแล้ว ความหอมของซอสไม่อาจดึงความสนใจของดำได้แม้แต่น้อย

"คุณสิน...จุ๊บๆ ไอ้ดำอีกได้รึเปล่าครับ" ดำทำใจกล้า เขากำลังโหยหาสัมผัสเมื่อครู่ แม้ใบหน้าจะแดงระเรื่อด้วยความเขินอายก็ตาม

"หึหึ เจ้าเด็กลามก" ถึงจะว่าไปอย่างนั้น แต่คนตัวสูงก็ไม่คิดจะปฏิเสธ ไม่ปล่อยให้ปากเล็กๆ นั่นเอ่ยอะไรได้อีก ประกบจูบดูดดื่มครั้งแล้วครั้งเล่า จนเวลาผ่านเลยไปเท่าใดไม่อาจทราบ พายุอารมณ์ถึงได้หยุดลง

สิรินไม่ได้ล่วงเกินดำมากไปกว่านั้น เพราะดำยังเด็ก ร่างกายนี้ยังเล็กเกินไป เขาไม่อยากเอาเปรียบดำมากไปกว่านี้ ทั้งทุกอย่างเป็นสิ่งแปลกใหม่สำหรับดำ ต้องค่อยๆ เรียนรู้กันไป เขาไม่อยากให้ดำกลัว

ทั้งการสอนสิ่งต่างๆ ทีละเล็กทีละน้อยก็น่าสนุกกว่าจับกินทีเดียว

เด็กดีที่ตั้งใจเรียนรู้ แค่คิดอยากจะเห็นแล้ว

ดังนั้นแล้ว ไม่เป็นไร เขารอได้

อีกไม่นานหรอกใช่ไหม...เด็กดี







โปรดติดตามตอนต่อไป...



________________________________________________________

ฉลองสอบเสร็จค่ะ เย้ๆ เกิน 3 วันจนได้

มาเสิร์ฟความหวานเบาๆ ท้ายเรื่อง ไอ้หน่วงๆ ข้างบนอย่าไปถือสาเลยน้าา

กรีนไม่ตั้งใจจะม่าเลย (จริงจริ๊ง)

มีใครอินไปกับน้องดำไหมคะ แต่งเองก็สงสารน้อง แหะๆ

ของกินก็ยกไปตอนหน้าเลย ตอนนี้โดนความหวานกลบหมดแล้ว ><

เจอกันตอนหน้าจ้า
หัวข้อ: Re: = P A Y = เปย์ข้าด้วยบุฟเฟ่ต์สิ [เปย์ครั้งที่ 13] 17.05.2018
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 18-05-2018 02:40:24
น่าสงสารหลานดำจังเลย กินไม่ได้เกือบ ๆ 3 วัน น้ำหนักคงจะลดไปหลายซินะ รอบหน้าต้องให้คุณสินพาไปกินอะไร ๆ ที่มันใหญ่ ๆ เยอะ ๆ ดีกว่านะ จะได้เรียกน้ำหนักที่หายไปกลับมา  :laugh:
หัวข้อ: Re: = P A Y = เปย์ข้าด้วยบุฟเฟ่ต์สิ [เปย์ครั้งที่ 13] 17.05.2018
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 18-05-2018 08:07:22
ไปจุ๊บคุณสินซะงั้น น้องดำ
หัวข้อ: Re: = P A Y = เปย์ข้าด้วยบุฟเฟ่ต์สิ [เปย์ครั้งที่ 13] 17.05.2018
เริ่มหัวข้อโดย: kokoro ที่ 18-05-2018 10:49:58
น้องดำทำพี่สินตบะแตกแล้ว 555

แผนทดลองใจได้ผลสำหรับทั้งคู่เลยแฮะ ดีนะที่พี่สินโกรธไม่นาน ไม่งั้นน้องดำแย่แน่ๆ
หัวข้อ: Re: = P A Y = เปย์ข้าด้วยบุฟเฟ่ต์สิ [เปย์ครั้งที่ 13] 17.05.2018
เริ่มหัวข้อโดย: yanisa0801448037 ที่ 18-05-2018 11:10:53
อรั้ยยยยย น่ารักอ่ะ :ling1: ตอนแรกๆก้อหน่วงๆจิงๆสงสารดำหนักมากกกกก ไรท์เตอร์ก้อแต่งเก่งมาก  o13 คือแบบภาพก้อตามมาเป็นฉากๆๆๆ ยิ่งฉากที่เกี่ยวกับอาหาร บรรยายถึงอาหารก้อสุดๆไปเลย เหมือนนั่งดูหนังมากกว่าอ่านนิยาย(เว่อร์ไปมั้ย???) ชอบมากเลยค่ะ นั่งคอย ยิืนคอย นอนคอย ตอนต่อไปตลอดเว  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: = P A Y = เปย์ข้าด้วยบุฟเฟ่ต์สิ [เปย์ครั้งที่ 13] 17.05.2018
เริ่มหัวข้อโดย: Mayana ที่ 18-05-2018 14:01:25
 :o8: :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: = P A Y = เปย์ข้าด้วยบุฟเฟ่ต์สิ [เปย์ครั้งที่ 13] 17.05.2018
เริ่มหัวข้อโดย: WaterProof ที่ 18-05-2018 17:25:44
ชอบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบมว๊ากกกกกกกกกกดด :pig4:
หัวข้อ: Re: = P A Y = เปย์ข้าด้วยบุฟเฟ่ต์สิ [เปย์ครั้งที่ 13] 17.05.2018
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 18-05-2018 19:12:37
 :mew3: :mew3: :mew3:
หัวข้อ: Re: = P A Y = เปย์ข้าด้วยบุฟเฟ่ต์สิ [เปย์ครั้งที่ 13] 17.05.2018
เริ่มหัวข้อโดย: Boom890 ที่ 19-05-2018 01:35:55
 :jul1: :jul1: :jul1:
หัวข้อ: เปย์ครั้งที่ 14
เริ่มหัวข้อโดย: GreenHead(หัวเขียว) ที่ 21-05-2018 04:20:13
เปย์ครั้งที่ 14

รู้อยู่เต็มอก

‘รู้อยู่แก่ใจ รู้ความเป็นไปอย่างดี แต่ไม่สามารถพูดออกไปได้’



“คุณสินไม่โกรธไอ้ดำแล้วแน่นะครับ” ดำถามขึ้นขณะใช้ส้อมม้วนเส้นสปาเกตตีอย่างตั้งใจ

ถ้าม้วนดีๆ จะได้คำใหญ่ๆ ล่ะ นุ่มๆ อร่อยเต็มคำ

“แน่สิ” สิรินตอบทั้งที่กำลังหันหลัง ตั้งหน้าตั้งตาทำอาหารอยู่หน้าเตา

“แล้วทำไมคุณสินไม่มากินสปาเกตตีกับไอ้ดำล่ะ...กินคนเดียวมันเหงานะ” ใจดำยังไม่มั่นคงนัก แม้จะผ่านช่วงเวลาหฤหรรษ์มาแล้วก็ตาม

หลังจากพวกเขานั่งสงบสติอารมณ์จนเข้าที่ ก็ถึงเวลาอาหารค่ำ สปาเกตตีไวท์ซอสที่กลายเป็นของโปรดดำถูกบรรจงทำไว้เหมือนทุกครั้ง เหมาะเป็นอาหารแห่งการฉลอง การกลับมาคืนดีของพวกเขามากที่สุด

สิรินเพียงนำจานสปาเกตตีมาวางตรงหน้าดำอย่างเคย แล้วเดินกลับไปหน้าเตาเสียอย่างนั้น ร่างกายกำยำบดบังสายตาดำจนมองไม่เห็นว่าสิรินกำลังทำอะไรอีก คนตัวเล็กจึงเป็นกังวลขึ้นมาที่สิรินไม่ยอมมานั่งกินด้วยกันเสียที

“กำลังทำของหวานให้เจ้าจอมตะกละน่ะ กินไปก่อนได้เลย” คำตอบของสิรินทำให้ดำขมวดคิ้ว ใครกันเจ้าจอมตะกละ

“จอมตะกละคือไอ้ดำสินะ แปลว่าคุณสินกำลังทำของหวานให้ไอ้ดำ เย้ๆ ของหวาน” สมองแล่นเร็วเมื่อเป็นเรื่องของอาหาร น้อมรับเสียแต่โดยดีว่าตัวเองเป็นจอมตะกละ ยิ้มกว้าง ส่งเสียงดีใจอยู่อย่างนั้น

ไอ้ดำเป็นจอมตะกละก็ได้ถ้าคุณสินชอบ ฮี่ๆ

“หึหึ” สิรินได้แต่ส่ายหน้าอย่างจนใจ แม้ในใจจะเอ็นดูคนตัวเล็กมากขึ้นก็ตาม ถูกใจเขาล่ะ ถ้าได้กินของอร่อย

ดำฮำเพลงอย่างอารมณ์ดี รีบจ้วงสปาเกตตีเข้าปากอย่างเอร็ดอร่อย ตลอดทั้งวันแทบไม่ได้แตะอะไรเลย พอสภาพจิตใจเข้าที่เข้าทาง ท้องก็ส่งเสียงร้องขอของกินอย่างรู้หน้าที่

เส้นสีเหลืองหอมกรุ่นมากกว่าทุกครั้งด้วยถูกปรับสูตรใช้เนยคลุกเคล้าเส้นแทนน้ำมันพืช สิรินทำให้ดำทานหลายครั้ง พอถามเปรียบเทียบว่าชอบแบบไหนมากกว่า ดำก็ตอบว่าชอบแบบคลุกเนย หลังจากนั้นสิรินจึงเปลี่ยนสูตรอย่างถาวร มีบ้างที่ดำเป็นคนเรียกร้องให้ใช้น้ำมันพืชเวลาอยากเปลี่ยนรสชาติ แต่แบบคลุกเนยหอมกว่ามากจริงๆ ดำชอบกลิ่นนี้มากกว่า

ไวท์ซอสเนียนนุ่ม สัมผัสที่ได้จากวิปครีมรสจืดเพิ่มความละมุนของซอสได้อย่างพอดี ตัดความเลี่ยนของเนยให้เบาบางลง ผสมผสานแฮมกับเห็ดให้รสคล้ายซุปเห็ดที่มาร์โก้ชอบทำให้กิน แต่เข้มข้นกว่านั้นมาก

ยิ่งนำมากินกับเส้นสปาเกตตีที่สุกพอดี เหนี่ยวนุ่ม ยืดหยุ่น จึงกลายเป็นอาหารจานอร่อยได้อย่างลงตัว ของโปรดที่ดำชอบกินมากที่สุด

...ความจริงไม่ใช่เพียงความอร่อย แต่มันเป็นอาหารจานแรกที่สิรินลงมือทำให้เขาทานด้วยตนเอง มันจึงมีผลต่อจิตใจของดำเป็นอย่างมาก เพียงแค่ดำไม่อาจเข้าใจความรู้สึกเหล่านี้ได้เท่านั้นเอง

สปาเกตตีที่เป็นฝีมือของคนสำคัญ และยังได้นั่งกินข้างกัน จึงกลายเป็นสิ่งที่ดำชอบมากที่สุดนั่นเอง

สปาเกตตีจานใหม่ถูกวางไว้ตรงหน้าพอดีกับที่ดำกลืนคำสุดท้ายลงท้องไป สิรินใส่ใจทุกรายละเอียดต่อให้เป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยก็ตาม

“กินไปก่อน จะเสร็จแล้ว” เช็ดปากเลอะซอสให้คนตัวเล็กจนเอี่ยมอ่อง ร่างสูงก็กลับไปหน้าเตาอีกครั้ง

แผ่นแป้งวงกลมทั้งไหม้ทั้งไม่สุก วางกองบนจานอยู่หลายแผ่น ในอ่างล้างจานก็มีชามผสมแป้งวางอยู่หลายใบ เป็นหลักฐานบ่งบอกว่าก่อนดำจะกลับมาสิรินพยายามทำของหวานครั้งแล้วครั้งเล่ากว่าจะออกมาเป็นที่น่าพอใจเช่นนี้

เพราะเป็นผู้ชายทั้งยังอยู่คนเดียว สิรินจึงไม่เคยทำของหวานด้วยตนเอง แม้จะเป็นของง่ายๆ อย่างแพนเค้กก็ตาม เขาทำได้เพียงอาหารง่ายๆ อย่างสปาเกตตี หรือข้าวผัดที่มาร์โก้ตั้งใจเคี่ยวเข็ญสอนให้เท่านั้น การทำของหวานจึงไม่เคยอยู่ในหัวแม้แต่น้อย

แต่พอดำเข้ามาในชีวิต เขาก็เริ่มอยากทำให้ดำยิ้ม อยากได้รับความพึงพอใจ อยากแย่งรอยยิ้มนั่นมาจากมาร์โก้บ้าง...หัวใจเขาคับแคบเกินกว่าจะเข้าใจจริงๆ

ยิ่งวันนี้พอคิดว่าจะทำอาหารมื้อพิเศษให้ดำหายเศร้า เขาก็อยากทำของหวานขึ้นมา วันนั้นที่พาดำไปบริษัทดูดำชอบเค้กไม่น้อย เขาจึงอยากจะทำบ้าง แต่พอเห็นสูตรแล้วก็ได้แต่เหงื่อตก เวลาน้อยเกินไปที่จะทำให้สำเร็จ จึงต้องยอมเสียหน้าปรึกษาทิวผู้โปรดปรานของหวานไม่เข้ากับหน้าตา ถึงได้ของหวานหัวข้อที่ง่ายที่สุดอย่างแพนเค้กมาเช่นนี้

สูตรเหมือนจะง่ายมีส่วนผสมไม่กี่อย่าง แต่พอเอาเข้าจริงการจะตีแป้งให้พอดีนั้นยากไม่น้อยเลย ทั้งพอเทแป้งลงในกระทะ ยังต้องคำนึงถึงระดับของไฟอีก แรงไปด้านนอกก็ไหม้ข้างในไม่สุก พอไฟอ่อนไปแป้งก็แข็งจนร่วนไปหมดอีก

กว่าจะผสมแป้งให้อยู่ในระดับที่น่าพอใจ และปรับไฟได้พอดี ของที่ทำเสียจึงมากขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่ทราบ ทั้งยังต้องทำสปาเกตตีอีก ยังดีที่ดำกลับมาในช่วงที่เขาเตรียมการทุกอย่างเสร็จพอดี

สิรินตักแป้งที่สุกกำลังดีขึ้นจากกระทะแล้วกดปิดเตา กลิ่นหอมเรียกความอยากอาหารของคนที่กินสปาเกตตีไปแล้วถึงสองจานได้เป็นอย่างดี เสียงกลืนน้ำลายจากคนตัวเล็กช่วยให้เขาพอใจมากขึ้น

เจ้าจอมตะกละเอ๊ย

รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏขึ้นบนริมฝีปากของคนตัวโต เขายังไม่หันกลับไป ทั้งยังไม่มีทีท่าว่าจะยกไปเสิร์ฟง่ายๆ ขายาวก้าวช้าๆ ไปที่ตู้เย็น เลือกหยิบผลไม้อย่างไม่รีบร้อน พิจารณาแล้ววางจากนั้นก็หยิบอันต่อไป ปล่อยให้คนตัวเล็กมองตามอย่างคาดหวังอยู่เช่นนั้น

ผลไม้ถูกใส่ไว้ในกล่องถนอมอาหารอย่างดีด้วยฝีมือของมาร์โก้ สิรินหยิบสองสามอย่างกลับไปตามที่คิดไว้ แม้จะหยิบเกือบครบทุกกล่องมามองดูก็ตาม ทั้งยังหยิบขวดน้ำผึ้งติดมือไปด้วย

ไม่ต้องล้างให้เสียเวลา เพราะมาร์โก้ก็จัดการไว้ให้อีกเช่นเคย เพียงหั่นผลไม้อย่างพอดีคำ วางตกแต่งด้านบนแพนเค้กสีน้ำตาลอมเหลือง จากนั้นก็ราดน้ำผึ้งชุ่มฉ่ำก็เป็นอันเสร็จสิ้น

ใบหน้าคาดหวัง ทั้งน้ำลายไหลเลอะปากทำให้สิรินต้องกลั้นขำ ยิ่งเวลาขยับมือไปทางซ้ายทีขวาทีดำก็มองตามยิ่งทำให้สิรินหุบยิ้มไม่ได้

เจ้าหมาน้อย

“คุณสินน่ากินจัง” ดำอดใจไม่ไหว

กลิ่นหอมนั่นน่ากินเกินไปแล้ว พื้นที่ของหวานไอ้ดำเหลือเฟือ ส่งมาเถอะครับ งื้อ

“หึหึ เอ้า” จานสีดำตัดกับแพนเค้กสีน้ำตาลอมเหลือง กับตัวแป้งฟูฟ่องมองจากด้านข้างมีสีขาวแทรกอยู่บ่งบอกถึงความนุ่มที่ซ่อนอยู่ภายใน น้ำผึ้งสีเหลืองใสแจ๋วราดไว้ด้านบนก็โดเด่นไม่น้อยหน้า ยิ่งประดับด้วยผลไม้หลากสีสันยิ่งงาม

สิรินวางจานแพนเค้กตรงหน้าดำ แล้วจึงหันกลับไปตักสปาเกตตีของตัวเองมานั่งกินฝั่งตรงข้าม รอยยิ้มกว้างดังดอกทางตะวันยิ้มแฉ่งกลบความงดงามของแพนเค้กจนหมดสิ้น

ยิ่งกว่าของหวานแสนงดงาม... หน้าตา ท่าทาง ใบหน้าประดับรอยยิ้มของดำน่ามองยิ่งกว่าสิ่งใด

บรรยากาศที่คุ้นเคยทำให้ดำมีความสุขกว่าทุกครั้ง เขาเข้าใจคุณค่าของการมีคนสำคัญอยู่เคียงข้างก็ในวันนี้ ได้กินข้าวอย่างพร้อมหน้า แม้ไม่ใช่อาหารเลิศหรูแต่ก็มีความสุขมากกว่าใคร...

ดำตักแพนเค้กจากด้านบนจนถึงก้นจาน แผ่นแป้งหนานุ่มถูกวางไว้ถึง 5 ชั้น แต่กลับขาดง่าย ยิ่งตัวแป้งนุ่มฟูสัมผัสยิ่งนุ่มนิ่มมากขึ้น

สัมผัสแรกที่ได้ลิ้มรสคือความหวาน ความหวานที่ไม่ใช่จากน้ำตาลแต่เป็นน้ำผึ้ง หวานแต่กลับไม่เลี่ยนแม้แต่น้อย

ตัวแป้งนุ่มเหมือนครีมทำให้รู้สึกเหมือนละลายทุกครั้งที่เคี้ยว ฟูฟ่องเหมือนปุยเมฆ

อร่อยจัง ไม่เหมือนเค้กเลย ทั้งที่เป็นแป้งเหมือนกันแท้ๆ แต่กลับนุ่มได้ขนาดนี้เลยเหรอ ไอ้ดำชอบ คุณสินทำอะไรก็อร่อย เก่งที่สุดเล้ย!

ผลไม้สีสวยมาก ถ้ากินพร้อมแป้งจะอร่อยขึ้นไหมนะ

ว่าแล้วก็ตักสตรอว์เบอร์รีสีแดงสดขึ้นมาพร้อมแพนเค้กพอดีคำ ยกเข้าปากอย่างไม่ลังเล ความอร่อยพุ่งขึ้นภายในปาก สตรอว์เบอร์รีมีรสหวานนิดเปรี้ยวหน่อย ช่วยเพิ่มรสชาติที่หลากหลายมากขึ้น ทั้งยังเข้ากับน้ำผึ้งหอมหวานได้เป็นอย่างดี

นอกจากสตรอว์เบอร์รีแล้วยังมีผลไม้ชนิดอื่น ลูกกลมๆ สีม่วงนั่นดำไม่รู้จัก ไหนจะผลไม้สีแดงสดใสที่เหมือนมีผลไม้เม็ดกลมๆ เรียงกันอยู่จนกลายเป็นผลเดียวนั่นอีกดูน่าทานไม่น้อยเลย

ด้วยสงสัยว่ารสชาติจะเป็นอย่างไร ดำไม่รีรอตักขึ้นทางเหมือนคำเมื่อครู่ทันที เพียงแต่เปลี่ยนผลไม้ที่ทานคู่กันเป็นลูกสีม่วงแปลกตาเท่านั้น

รสชาติคล้ายกับสตรอว์เบอร์รีมากเลย แต่มันก็ต่างกันเล็กน้อย ให้รสที่เปรี้ยวกว่าทั้งรสหวานนิดๆ ที่กระจายออกมานี่อะไรกัน ไอ้ดำไม่เข้าใจเลย คล้ายแต่แตกต่าง มันคืออะไรกันนะ อร่อยคนละแบบ เทียบกันไม่ได้เลยจริงๆ

สิรินนั่งมองดำเพลินยิ่งกว่าตักอาหารเข้าปากเสียอีก สปาเกตตีในจานของเขาลดลงไปเล็กน้อยเท่านั้น รอยยิ้มของเจ้าจอมตะกละของเขาดูแล้วเต็มอิ่มหัวใจจนไม่ต้องกินอะไรก็ยังได้เลยล่ะ

“คุณสินๆ ไอ้ดำชอบ จานเดียวแต่หลายรสชาติมากเลย” ดำกินแพนเค้กคำสุดท้ายแล้วเงยหน้าขึ้นมายิ้มแฉ่งให้คนตรงหน้า

อยากกินอีกจัง แต่คุณสิรินยังไม่อิ่ม เดี๋ยวไอ้ดำค่อยขอก็ได้

ดำนั่งยิ้มแต่ไม่พูดอะไร จนสิรินได้แต่หัวเราะ หึหึ อย่างเอ็นดูภายในลำคอ อยากกินแต่รอก่อนเหรอ น่ารักไปแล้วนะ เจ้าหมาน้อย

สิรินจะลุกขึ้นจากเก้าอี้แต่ดำกลับจับมือเขาเอาไว้

“ไอ้ดำรอได้ คุณสินอิ่มแล้วค่อยกินด้วยกัน...นะครับ” ดำอยากกินพร้อมกับสิรินมากกว่า มันอร่อยมาก ถ้าสิรินได้กินต้องมีความสุขเหมือนเขาแน่นอน ดำคิดเช่นนั้น

ส่วนสิรินก็ยอมนั่งลง ใครจะทนสายตาออดอ้อนนั่นไหว ถึงจะไม่ค่อยชอบของหวาน แต่ถ้าเป็นของที่ได้กินพร้อมดำมันต้องทำให้เขาพึงพอใจมากแน่ๆ

และวันนั้นพวกเขาก็ได้ลิ้มรสของหวานที่หอมหวานที่สุด

ความหวานที่ผ่านพ้นความขมขื่นมานั้น จะหาสิ่งใดเปรียบได้อีก

:::::

หัวข้อ: เปย์ครั้งที่ 14 [2]
เริ่มหัวข้อโดย: GreenHead(หัวเขียว) ที่ 21-05-2018 04:21:03

แกร๊ก

เสียงประตูหน้าห้องเปิดออกทำให้สิรินที่นั่งทำงานอยู่ในห้องนั่งเล่นต้องหันไปมอง คนที่เข้ามาก่อนคือเจ้าตัวเล็กที่พักหลังๆ ออดอ้อนเขามากขึ้นทุกที

แต่วันนี้กลับไม่ได้มาคนเดียว ด้านหลังดำมีเด็กรุ่นราวคราวเดียวกันมาด้วยถึง 3 คน สิรินเก็บสีหน้าไม่พอใจเอาไว้อย่างแนบเนียน ทั้งที่เป็นวันหยุดพิเศษของเขา ทั้งที่คิดว่าจะได้ใช้เวลากับดำสองต่อสอง วันนี้กลับถูกโทรมาขอไปทำงานเพื่อนเสียอย่างนั้น

วันนี้ครูที่โรงเรียนมีประชุมจัดงานด่วนในช่วงบ่าย นักเรียนไม่มีเรียนจึงอนุญาตให้กลับบ้านได้ ดำพึ่งเคยทำรายงานเป็นครั้งแรก โปรแกรมในคอมพิวเตอร์ก็ใช้ไม่เป็น ทั้งดูเนื้อหาก็ไม่เข้าใจแม้แต่น้อย พอคุณครูให้จับกลุ่ม จึงพอมีที่พึ่งบ้าง

ดำไม่อยากเสียเวลาพักผ่อนวันหยุดเสาร์อาทิตย์ไปเพราะรายงานเล่มหนา เขาจึงเร่งเร้าให้เพื่อนๆ ทำตั้งแต่วันนี้ ตอนแรกจะไปบ้านทำรายงานที่บ้านของลิลิน แต่พอโทรมาขออนุญาตสิริน ผู้ปกครองของเขากลับให้มาทำที่ห้องเสียอย่างนั้น วันนี้กลุ่มของพวกเขาจึงต้องมาทำรายงานที่ห้องของดำด้วยประการฉะนี้เอง

“คุณสินไอ้ดำกลับมาแล้ว” ดำเข้าไปโอบกอดรอบคอสิรินด้วยแขนสองข้างอย่างคุ้นเคย นับจากวันนั้นที่เผลอไปจุ๊บๆ สิรินเขา ดำก็ได้รับการสอนอะไรหลายๆ อย่าง จนชอบสัมผัสร่างกายกำยำของอีกฝ่ายเป็นอย่างมาก ไม่ใช่เพียงสิรินที่ชอบกอดชอบหอมเขาคนเดียวอีกต่อไป ดำก็ชอบทำไม่ต่างกัน

“ยินดีต้องรับเจ้าตัวเล็ก” สิรินกอดตอบทั้งที่ยังนั่งอยู่ จึงกลายเป็นว่าดำขึ้นมานั่งบนตักของสิรินเสียแล้ว มันเป็นสิ่งที่พวกเขาทำจนกลายเป็นเรื่องปกติ แต่สำหรับคนมาใหม่ทั้งสามนั้นมองดูด้วยความตกใจ

เต็มหันไปปิดประตู จะบอกว่าเขารู้อยู่ก่อนแล้วว่าทั้งสองคนมีความสัมพันธ์ไม่ธรรมดาก็ไม่ผิดนัก เพราะพักหลังๆ ดำชอบพูดโอ้อวดให้เขาฟัง ทั้งเล่าทั้งหน้าแดง ไม่รู้ว่าอายขนาดนั้นจะทนเล่าอยู่อีกทำไม

ผ่านมา 1 เดือนแล้วจากเหตุการณ์ตอนนั้น เขากับดำสนิทกันมากขึ้น จนไม่รู้ว่าดำเอาความมั่นใจมาจากไหนว่าเขาจะไม่เล่าต่อถึงกล้าพูดเรื่องน่าอายเหล่านั้นให้เขาฟัง ทั้งบอกว่าจุ๊บๆ กันแล้วนี่คืออะไร จุ๊บแบบจุ๊บแก้มใช่รึเปล่า เต็มได้แต่ตั้งคำถามกับตัวเอง แต่ไม่กล้าถามออกไป...กลัวว่าจะไม่เป็นแบบที่เขาคิด

ถ้าถามเหตุผลคงไม่อาจอธิบายได้ แต่ดำรู้สึกเชื่อใจเต็มอย่างประหลาด เขากล้าเล่าในสิ่งที่ไม่กล้าเล่าให้ใครฟัง เหมือนได้ระบายสิ่งที่บอกใครไม่ได้ให้เพื่อนที่สนิทมากๆ ฟัง ซึ่งไม่รู้ว่าพวกเขาสนิทกันขนาดนั้นตั้งแต่ตอนไหน...

“สนิทกันจังนะ”

“ก็พี่ชายนี่ปกติออก น่ารักดี”

ขมิ้นกับลิลินซุบซิบกันอย่างปรึกษา เต็มมองออกว่าขมิ้นนั้นรู้สึกอย่างไรกับดำ ส่วนลิลินก็พร้อมช่วยเพื่อนเต็มที่ เฮ้อ บางทีเขาก็หนักใจที่ไม่สามารถเตือนใครได้ทั้งที่รู้อยู่เต็มอก อยากบอกออกไปเหลือเกินว่าใครก็ไม่อาจเข้าไปแทรกความสัมพันธ์ของสองที่กอดกันกลมอยู่ตรงนั้นได้

ไม่ใช่แค่ขมิ้น กับพวกรุ่นพี่ผู้ชายบางคนก็เหมือนกัน เข้าหาดำกันไม่ซ้ำหน้า สุดท้ายเขาก็ต้องเข้าไปกันท่าเอาไว้ จนกลายเป็นว่ามีข่าวลือแปลกๆ ของเขากับดำตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่ทราบ น่าหนักใจเกินไปแล้ว

“เข้ามาสิ ฉันเตรียมโน๊ตบุ๊คเอาไว้ให้แล้ว ใช้ได้ตามสบาย อยากได้อะไรก็บอกได้เลย” สิรินปล่อยดำลงจากตักแล้วจึงเอ่ยกับเด็กทั้งสาม

“ตั้งใจทำงานนะดำ ฉันจะไปทำของว่างให้” สิรินลูบหัวดำอย่างเคย ดำก็ทำหน้าเคลิบเคลิ้มโดยไม่แคร์สายตาใคร สีหน้าสิรินแบ่งแยกชัดเจน กับพวกเต็มเรียบนิ่งไร้อารมณ์ ส่วนกับดำกลับดูอบอุ่นขึ้นโดยไม่ต้องยิ้มเสียอย่างนั้น

“ครับ ไอ้ดำอยากกินแพนเค้กอีก” ดำติดใจแพนเค้กตั้งแต่แรก พักหลังๆ มาจึงขอให้สิรินทำให้กินบ่อยมากขึ้น มันกลายเป็นของโปรดอีกหนึ่งอย่างรองจากสปาเกตตีไปเสียแล้ว

“อืม” ตอบรับแล้วก็เดินเข้าห้องครัวไป บางทีเขาคงยังไม่เป็นผู้ใหญ่พอ กลัวจะทำอะไรสิ้นคิดเพราะหึงหวงดำไปเสียก่อน ถึงเพื่อนทั้งสามของเขาจะยืนยันมาแล้วว่าเต็มไม่คิดอะไร แต่สิรินก็อดที่จะหึงหวงไม่ได้

หลังจากสิรินไปแล้ว เด็กทั้ง 4 ก็เลือกที่จะนั่งลงกับพื้น คนที่อยู่หน้าโน๊ตบุ๊คไม่ใช่ใครแต่เป็นลิลินกับขมิ้น ซึ่งลิลินจัดการเสร็จสรรพจนตอนนี้ดำต้องนั่งคู่กับขมิ้น ให้ขมิ้นสอนใช้งานโปรแกรมเสียแล้ว ส่วนเต็มต้องช่วยลิลินหาข้อมูลไป โน๊ตบุ๊คถูกเตรียมไว้ 2 เครื่อง เข้าทางพวกเธอจริงๆ

เต็มได้แต่มองไปยังห้องครัวหวังว่าคนด้านในจะไม่ออกมาก่อนที่เขาจะแก้ไขสถานการณ์ได้ทัน ตั้งแต่วันนั้น ภายในใจเต็มก็รู้สึกกลัวสิรินอย่างแปลกประหลาด สายตาที่มองมาเย็นชาอย่างถึงที่สุด มันมีอำนาจเสียจนเขาขาสั่น รู้ว่าคนคนนี้ทำได้ทุกอย่างถ้าเพื่อสิ่งที่ตัวเองต้องการ

เขาเฝ้าคิดถึงตอนนั้นแล้วจิตใจที่ไม่เคยกลัวใครก็ยังตื่นตระหนก เริ่มกลัวว่าใครจะเอามือไปแหย่หนวดเสือเข้า กลัวว่าวันใดวันหนึ่งสิรินจะลงมือทำเรื่องโหดร้ายขึ้นมา เต็มจึงพยายามระแวดระวังอย่างถึงที่สุด

“ดำ ขอน้ำหน่อยดิ คอแห้งว่ะ” เห็นดำนั่งจ้องหน้าโน๊ตบุ๊คอย่างตั้งใจจนหัวแทบจะชนกับขมิ้นอยู่แล้วเต็มก็ขัดขึ้น ดำหันมามองแล้วก็พยักหน้าหงึกหงักก่อนเดินหายเข้าไปในครัวอีกคน

“ขมิ้นเข้าไปช่วยดำยกสิ ยกมา 4 แก้วคงหนัก” ลิลินบุ้ยใบ้ จะปล่อยให้โอกาสที่เพื่อนจะอยู่กับคนที่ชอบหลุดมือไปไม่ได้

“จะดี- “

“เดี๋ยวเราไปเอง” ไม่รอให้ใครค้าน เต็มรีบลุกขึ้นแล้วเดินตามดำไปทันที ให้เข้าไปทั้งที่คนคนนั้นอยู่ ไม่รอดแน่ๆ ไม่รอดชัวร์ ๆ

แต่ก่อนจะเปิดประตูเข้าไปเขาก็เห็นภาพที่ต้องชะงักค้างเสียก่อน ได้แต่คิดในใจว่า ดีนะคนที่ตามมาไม่ใช่ขมิ้น โธ่เอ๊ย! วันนี้จะรอดไหมเนี่ย

ภาพที่ลอดผ่านช่องเล็กๆ ของประตูซึ่งปิดไม่สนิทนั้น คือภาพดำกำลังเขย่งเท้ายกตัวขึ้นไปหอมแก้มคนตัวสูง ภาพนั้นยังติดตาเต็ม ถึงจะหลบหลังประตูแล้วแต่ความอยากรู้อยากเห็นก็เข้าครอบงำ มองดูลิลินกับขมิ้นที่กำลังวางแผนกันไม่หันมาสนใจเขาแต่อย่างใด ก็แอบมองผ่านช่องนั้นอีกครั้ง อ่านปากดำที่ขยับไปมาก็ได้แต่หวนคิดถึงคำที่บอกเล่ากับเขาในเวลาที่ผ่านๆ มา

“คุณสินยังไม่จุ๊บๆ ต้อนรับไอ้ดำกลับบ้านเลยนะครับ”

‘คุณสินจุ๊บๆ ไอ้ดำทุกครั้งที่กลับบ้านด้วยล่ะเต็ม ไอ้ดำชอบมาก’

ที่แท้ไอ้จุ๊บๆ ที่ว่าคือจูบนี่เอง!

ทำไมถึงกลายเป็นสิ่งที่เขาคิดในแง่ร้ายที่สุดไว้เสียได้ ดูนั่นทั้งที่มีเพื่อนอยู่เต็มห้อง ผู้ใหญ่คนนั้นกลับวางชามผสมแป้งลงแล้วกอดดำเข้าไปในอ้อมแขนก้มจูบดูดดื่ม แถมยัง แถมยังแลกลิ้นกันด้วยโว้ย!

เต็มหน้าแดงเถือก ภาพจูบแลกลิ้นเร่าร้อนของคนทั้งสองยังติดตา หันหลังพิงกำแพงสะบัดหัวครั้งแล้วครั้งเล่าภาพนั้นก็ยังไม่จางหายไป

“เป็นอะไรไปเต็ม ทำไมนายไม่เข้าไป” ลิลินหันมาเจอเต็มสะบัดหัวระรัวเหมือนคนบ้าก็ถามขึ้น เสียงของลิลินดังมากมันจึงส่งไปถึงภายในห้องครัว ร่างของทั้งสองผละออกจากกัน ก่อนที่เต็มจะเปิดเข้าไป

เต็มรีบร้อนเข้าไปแล้วปิดประตู ขอตายเอาดาบหน้าดีกว่าให้ลิลินสงสัยจนเดินเข้ามาดูเอง

“เอ่อคือ...จะมาช่วยยกน้ำน่ะ” เต็มเกาหัวแกร็กๆ ทำอะไรไม่ถูก ทั้งที่หน้ายังแดงก่ำไม่กล้าสบตากับคนทั้งสอง ส่วนสิรินยิ้มมุมปากน้อยๆ ไม่ให้ใครรู้ เขาเห็นเต็มจากหางตาตั้งแต่ตอนดำเขย่งเท้าหอมแก้มแล้วจึงเพิ่มความรุนแรงในจูบเมื่อครู่มากขึ้น ประกาศความเป็นเจ้าของอย่างโจ่งแจ้ง

“อื้อๆ รอแป๊บนะ” ดำทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เขาเดินไปที่ตู้เย็นหยิบน้ำอัดลมออกมา 4 กระป๋อง ตามความชอบของตัวเองโดยไม่ถามความเห็นใครแม้แต่น้อย

“ไอ้ดำออกไปก่อนนะครับ คุณสินทำเร็วๆ น้า ไอ้ดำรอ” ว่าแล้วก็เขย่งเท้าหอมแก้มสิรินอีกหนึ่งทีก่อนเดินออกไป เต็มเดินตามไปทั้งที่ในหัวตีกันวุ่นไปหมดไม่รู้ควรแสดงออกอย่างไรกับเพื่อนแสนแปลกประหลาดคนนี้ดี

“เห็นไหมไอ้ดำจุ๊บๆ คุณสินทุกครั้งที่กลับบ้านจริงๆ นะ” กระซิบกระซาบยืนยันคำพูดกับเพื่อนอย่างไม่อายปาก ทั้งที่หน้าแดงก่ำ

คราวก่อนที่เล่าให้ฟังเต็มขมวดคิ้วมุ่นเหมือนไม่เชื่อที่ดำพูด พอวันนี้เห็นหน้าเต็มเขินอายเหมือนเขาก็คิดไปว่าเต็มคงเห็นเข้าแล้ว ถือว่าเป็นหลักฐานยืนยันก็ไม่เสียหาย

เต็มเชื่อไอ้ดำแน่ๆ ก็เห็นแล้วนี่นา ถึงจะเขินนิดๆ แต่ก็ช่วยยืนยันได้แล้ว ไอ้ดำฉลาดจริงๆ ฮ่าๆ

ดำยิ้มร่าอย่างพอใจ ส่วนเต็มหันมาผงกหัวขอโทษสิรินน้อยๆ ที่แอบมองเรื่องส่วนตัวของพวกเขาเข้า

หลังประตูปิดลงสิรินก็ได้แต่ครุ่นคิดถึงท่าทางของเด็กทั้งสอง และคำพูดของดำ เด็กน้อยของเขาเคยถามว่าเล่าให้คนอื่นฟังได้รึเปล่า ตอนนั้นสิรินบอกไปว่าเล่าได้แค่กับคนที่เชื่อใจมากๆ เท่านั้น สิรินคิดว่าหมายถึงมาร์โก้ ทิว น่าน และก้อง ไม่เคยคิดว่าดำจะเล่าให้เต็มฟังด้วย

แถมเด็กคนนั้นยังดูไม่มีท่าทางหึงหวงดำทั้งที่เห็นภาพบาดตา เพื่อนๆ ของเขาก็ช่วยยืนยันอีก 3 เสียง ในตอนแรกอาจจะไม่เชื่อ แต่พอเห็นแบบนี้แล้วคงพอวางใจได้บ้าง

ส่วนดำนั้นคงต้องถามให้รู้เรื่องว่าตกลงเล่าไปถึงไหนแล้วกันแน่ ถ้ากับคนที่ไม่ต่อต้านความรักของเพศเดียวกันคงไม่มีปัญหา แต่ถ้าเป็นพวกที่ต่อต้านเข้า เขากลัวเหลือเกินว่าดำจะรับสิ่งที่ตอบกลับมาไม่ไหว ยิ่งถ้าเป็นเพื่อนร่วมห้องแล้วอาจถูกแกล้งจนไร้ที่ยืนเสียก็ได้

ดำยังเด็ก สิรินต้องการให้ดำเรียนรู้ความเป็นจริงของสังคมมนุษย์ในปัจจุบันมากกว่านี้ แล้วจึงประกาศให้ใครต่อใครรับรู้ ตอนนี้ขอเพียงคนที่เชื่อใจได้ก่อนเท่านั้น...แม้เขาจะไม่ปกปิดความหึงหวงเลยก็เถอะ

ทางด้านดำตอนนี้กำลังมีความสุขมากๆ ที่ทำให้เต็มเชื่อคำพูดของเขาได้ มือยื่นกระป๋องโคล่าให้ขมิ้นทั้งที่ยังหุบยิ้มไม่ได้

"ขมิ้นโคล่าซู่ซ่าอร่อย" ขมิ้นหน้าแดงเล็กน้อย เธอเขินอายที่ดำยิ้มหวานให้ ดำน่ารักไม่เหมือนผู้ชายคนอื่นๆ ที่ชอบทำหน้าตาน่ากลัว บรรยากาศก็ชวนเข้าหามากกว่า ขมิ้นถูกใจดำตั้งแต่แรกเจอจึงอยากจะสนิทสนมด้วยและหวังว่าจะสานต่อความสัมพันธ์ให้ใกล้ชิดมากขึ้น

รูปร่างหน้าตา บรรยากาศที่ดำแสดงออกมาล้วนน่าทะนุถนอม แต่กลับล้มเต็มได้ แข็งแกร่งไม่สมกับภาพที่เห็น นั่นแหละที่ทำให้ขมิ้นมั่นใจในความรู้สึกของตนมากขึ้น ส่วนข่าวลือของเต็มกับดำนั้นเธอไม่สนใจแม้แต่น้อย

"ขอบใจนะ"

"กูชอบโคล่า ให้ขมิ้นกินน้ำแดงไปละกัน" เต็มรีบคว้ากระป๋องโคล่าจากมือของดำ แล้วยื่นน้ำแดงไปให้ขมิ้นแทน ก่อนที่มือของทั้งคู่จะแตะกัน ดูก็รู้ว่าขมิ้นคิดจะใช้โอกาสนี้จับมือดำ ถ้าผู้ใหญ่น่ากลัวคนนั้นออกมาเห็นเข้าต้องไม่ดีแน่ๆ

ไม่รอให้ใครทักท้วงได้ เต็มเปิดกระป๋องโคล่าดื่มจนหมดไปกว่าครึ่งแล้วนั่งลงบนโซฟา ยกโน๊ตบุ๊คด้านหน้าลิลินมาวางไว้บนตักตัวเองเสร็จสรรพ

"ดำมานี่มา เดี๋ยวกูสอนใช้เวิร์ด ให้พวกผู้หญิงสอนไม่ทันกินกันพอดี พวกเธอก็หาข้อมูลไปละกัน ของแบบนั้นเรากับดำคงไม่ไหว รายงานได้เละกันพอดี" เต็มหาข้ออ้างที่ฟังขึ้นมาบอกกล่าวแก่เพื่อนทั้งสอง กับเขาที่รู้ความเป็นไปของดำกับผู้ปกครองคงพอเอาตัวรอดได้ อย่าให้ความหึงหวงไปลงที่ผู้หญิง 2 คนนั้นเลย

ดำว่าง่ายขึ้นไปนั่งข้างเต็มทันที เขาไม่เคยใช้คอมพิวเตอร์มาก่อนเพราะไม่น่าสนใจเท่าทีวีจอใหญ่ในห้องนั่งเล่น

สิรินมองการกระทำของเต็มตั้งแต่ต้นจนจบ ถึงการกระทำเหมือนหวงดำ แต่สีหน้าเหล่านั้นบ่งบอกว่าไม่ได้หวงไว้เป็นของตนเอง ดูออกตัวกันไว้ให้เขาเสียด้วยซ้ำ

อาจจะดีกว่าที่คิด เขาคงวางใจในตัวเต็มได้...หรือถ้าตุกติกทีหลังค่อยจัดการก็ไม่สาย

"ของว่างเสร็จแล้ว พักกันก่อนเถอะ" คนที่ขยับก่อนใครคงไม่พ้นดำ เจ้าตัวเข้าไปช่วยยกถาดจากมือสิริน ดวงตาแวววาวสำรวจ

ไอ้ดำต้องเลือกอันที่เยอะที่สุด!

วันนั้นการทำรายงานผ่านไปด้วยดี สิรินสั่งอาหารเย็นมาเลี้ยงเพื่อนๆ ของดำเสียอิ่มแปล้แล้วจึงได้แยกกันกลับไป ในตอนแรกสิรินจะไปส่ง แต่เด็กทั้งสามกลับปฏิเสธ รวมทั้งออกปากว่าไม่ต้องลงไปส่งด้านล่าง พวกเขาจึงยืนส่งอยู่หน้าห้องเท่านั้น

"เต็ม ที่โรงเรียนฉันฝากดำด้วยนะ" สิรินเอ่ยขึ้นก่อนที่เต็มจะหันหลังเดินตามลิลินกับขมิ้นไป เด็กหนุ่มที่ไม่คิดว่าสิรินจะเอ่ยอะไรแบบนี้กับตนได้แต่ชะงักงัน ยืนเรียบเรียงความคิดอยู่ครู่หนึ่งถึงเข้าใจ

ผ่านด้านแล้วสินะ รู้สึกเหมือนผ่านด่านโหดมาได้เสียอย่างนั้น คู่แข่งแปลกๆ กับผู้ปกครองแปลกๆ คู่นี้ เอาแน่เอานอนไม่ได้เลยจริงๆ

"ครับ" เต็มตอบรับสบตาสิรินนิ่ง ดวงตาน่ากลัวตอนนั้นหายไปแล้ว มีเพียงความเย็นชาที่คงอยู่ ถ้าไม่ใช่กับดำคงไม่มีทางเผยแววตาอบอุ่นสินะ คนคนนี้

หลังจากเต็มหายไปลับตา สิรินถึงปิดประตูห้อง

"เป็นเพื่อนที่ดีนะ เด็กคนนั้น" มือเรียวยกขึ้นขยี้ผมคนตัวเล็กเบาๆ ดำก็ยิ้มตาหยีตอบรับ ถึงจะไม่เข้าใจที่สิรินกับเต็มคุยกันเมื่อครู่ก็เถอะ

ฝากไอ้ดำทำไม ไอ้ดำมีอะไรให้ฝาก ไม่เข้าใจเลย

"ครับ เต็มเป็นคู่แข่ง แล้วก็ก็เป็นเพื่อนที่ดีของไอ้ดำล่ะ"

"เพราะแบบนั้นถึงเล่าเรื่องของเราให้ฟังเหรอ" สิรินเปิดปากถาม ไม่ต้องเคร่งเครียดเค้นเอาคำตอบ แค่ถามอย่างเป็นธรรมชาติเท่านั้น เขาเชื่อว่าดำไม่คิดจะปิดบังเขาอย่างแน่นอน

"อื้อๆ เต็มเชื่อใจได้ ถึงบางทีจะไม่ค่อยเชื่อที่ไอ้ดำเล่าก็เถอะ แต่ไม่เอาไปพูดไม่ดีแน่นอนครับ ไอ้ดำรับประกันเลย" ดำยกมือขึ้นตบอกยืนยัน ถึงเต็มจะปากไม่ดี แต่เรื่องให้ร้ายคนอื่นไม่มีแน่...ถ้าไม่รวมที่เจอกันครั้งแรกล่ะนะ ดังนั้นไม่ควรบอกคุณสินจะดีกว่า

"ถ้าอย่างนั้นฉันก็วางใจ ทิว น่าน ก้อง พวกเราก็เริ่มต้นกันไม่ดีนักเหมือนกัน หึหึ" คิดถึงครั้งแรกที่เจอกันแล้วก็ได้แต่ฉงนว่าพวกเขาสนิทกันเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใด ทั้งที่ทะเลาะกันตั้งแต่แรกเจอแบบนั้น

ดำเล่าให้ฟังแล้วว่าพวกเขามีเรื่องกันตั้งแต่วันแรก จนกระทั่งโดดเรียนด้วยกันตอนนั้นก็ยังไม่ชอบขี้หน้ากันอยู่ แต่หลังจากนั้นก็ไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยๆ เสียอย่างนั้น ต้องยอมรับว่าสิรินไม่พอใจเวลาดำพูดถึงเต็ม แต่พอได้เห็นวันนี้แล้วถึงรู้ว่าเต็มช่วยกันดำจากคนที่เข้าหาเท่านั้น

เจ้าตัวเล็กของเขาน่ารักขนาดนี้ คงจะมีคนเข้าหาไม่น้อย ฝากเต็มดูแลในช่วงที่เขาไม่อาจเข้าไปยุ่งได้ คงสบายใจขึ้นไม่น้อย

ถึงถ้าหากเต็มคิดไม่ซื้อขึ้นมา ก็ถือว่าจะได้กำจัดศัตรูเพียงแค่คนเดียวเท่านั้น...

"จริงเหรอครับ แต่คุณทิว คุณน่าน คุณก้อง เป็นคนดีมากเลยน้า"

"อืม ก็เพราะอะไรหลายๆ อย่างที่ผ่านกันมานั่นแหละ...ไปอาบน้ำให้สดชื่นเถอะ วันนี้ได้เรียนอะไรใหม่ๆ คงเหนื่อยแย่ ไม่ต้องช่วยฉันเก็บของก็ได้" สิรินยิ้มน้อยๆ เอ่ยเพียงเท่านั้นแล้วจึงไล่เจ้าตัวเล็กที่ตาเริ่มจะปิดแล้วไปอาบน้ำ

ดำไม่ยอมเดินไปเสียที เหมือนคิดอะไรอยู่ในใจ มองตามแผ่นหลังแข็งแกร่งที่เดินไปเก็บโน๊ตบุ๊คบนโต๊ะอย่างครุ่นคิด ยิ่งพอนึกถึงประสบการณ์ครั้งก่อนก็หน้าแดงขึ้นมาเสียดื้อๆ

ถ้าไอ้ดำขอ คุณสินจะว่าไอ้ดำเป็นเด็กลามกอีกรึเปล่านะ แต่ว่า...มันผ่านมาเป็นอาทิตย์แล้วนะ

ร่างกายขยับเร็วกว่าความคิด ดำดึงชายเสื้อด้านหลังสิรินเอาไว้ ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นสบตาคนที่โตกว่า

"คะ คุณสินอาบน้ำกับไอ้ดำอีกได้รึเปล่าครับ" หลังจากรวบรวมความกล้าสยบความเขินอายเอาไว้ ดำก็เงยหน้าสบตาคนตัวโตที่มองมาด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ

สิรินไม่ตอบ อมยิ้มน้อยๆ กับท่าทางของเด็กดื้อ วางโน๊ตบุ๊คลงที่เดิมก่อนจะรวบตัวดำเข้ามากอด มอบจูบอันเร่าร้อนตอบแทนความกล้าหาญของคนตรงหน้า

ดำอ่อนระทวยในอ้อมกอด ไม่ว่าจะจุ๊บๆ กี่ครั้งดำก็ถูกสูบเรี่ยวแรงออกไปหมดทุกที ต้องกอดคนตัวโตเป็นหลักพยุงอยู่เช่นนี้

"หวังอะไรอยู่...เจ้าเด็กลามก"

ฟุ่บ

ดำซุกหน้าลงกับอกกว้าง เขาโดนรู้ทันเสียแล้ว

"หึหึ" ไม่รอให้ดำเอ่ยอะไรอีกสิรินก็ช้อนตัวคนตัวเล็กขึ้นอุ้ม พาเดินไปห้องอาบน้ำอย่างไม่ขัดต่อความต้องการของดำ...และตัวเขาเอง

อ่างอาบน้ำกว้างพอที่จะเข้าไปแช่ได้ทั้งสองคนอย่างสบายๆ แต่ดำกลับเลือกนั่งพิงอกของคนตัวโตเอาไว้ อยู่ภายในอ้อมกอดของสิรินอย่างคุ้นเคย ร่างกายเปลือยเปล่าก็สัมผัสกันโดยไร้สิ่งใดปิดกั้น

"คุณสิน ไอ้ดำ-"

"ชู่ ไม่ต้องพูดแล้ว ฉันรู้" จะไม่ให้รู้ได้อย่างไรในเมื่อคนที่สอนสิ่งนี้ให้ดำคือเขาเอง ดำน่ารัก ถูกเขาชักนำเอาง่ายๆ ทั้งยังบอกความต้องการของตนโดนไม่ปกปิด แม้จะเขินอายเพียงใดก็ตาม เขาก็ไม่ควรจะเอาเปรียบอีกฝ่ายมากเกินไป

มือฉ่ำน้ำลูบไล้สัมผัสร่างกายเรียบเนียนของเด็กวัยกำลังโต ทั้งที่ควรจะเย็นชื่นด้วยเพราะแช่อยู่ในน้ำ แต่ร่างกายของดำกลับร้อนวูบวาบเสียทุกครั้งที่ถูกสัมผัส

"คุณสิน อื้อ" ส่วนล่างถูกกระตุ้นเพียงแรกสัมผัส ดำไม่รู้ว่าควรวางมือไว้ที่ใดจึงเอี่ยวตัวช่วงบนไปกอดคอสิรินเอาไว้ เวลาร่างกายสัมผัสกันมันรู้สึกดี

ดวงตาฉ่ำปรือเพราะแรงปรารถนานั้นทำให้สิรินอดใจไม่ไหว ริมฝีปากประกบ ลิ้นร้อนแลกสัมผัสกันครั้งแล้วครั้งเล่า ส่วนมือก็ทำหน้าที่ได้เป็นอย่างดี มอบสัมผัสนุ่มนวลเชื่องช้า ก่อนก็เพิ่มความเร็วมากขึ้นตามความต้องการของร่างกายเล็กๆ ที่กำลังสั่นเทาอยู่นี้

"อ่า คุณสิน ไอ้ดำไม่ไหว" ดำผละจูบออกมา ร่างกายกระตุกครั้งแล้วครั้งเล่าเพราะใกล้ถึงจุดสูงสุดเต็มที เสียงหวานสะท้อนก้องห้องน้ำ กระตุ้นสิรินมากขึ้นไปอีก เขาไม่ยอมปล่อยให้ดำได้พัก ดึงดำมาจูบอีกครั้ง เป็นเวลาเดียวกับที่ร่างกายของดำทนไม่ไหวอีกต่อไป

แฮ่กๆ

เสียงหอบหายใจดังขึ้นอย่างต่อเนื่องหลังจากที่สิรินยอมปล่อยริมฝีปากเล็กที่เริ่มบวมแดง ดำตาปรือฉ่ำน้ำ เขาเอาแต่ใจตัวเองเหลือเกิน ไปก่อนอีกจนได้

"คุณสินไอ้ดำช่วย" แผ่นหลังของเขายังสัมผัสได้ถึงความแข็งขืน รู้ดีว่ามันทรมานถ้าปล่อยไว้เช่นนี้

ไม่อยากเป็นเหมือนครั้งก่อนที่ทั้งเขิน ทั้งหมดแรงจนสลบไป ปล่อยให้คุณสินทรมาน วันนี้แหละไอ้ดำจะแก้ตัว!

"หึหึ แน่ใจนะ" สิรินกระซิบข้างหูของคนที่หน้ายังไม่ลดสีแดงลง ดำไม่ตอบแต่พยักหน้ายืนยันในคำพูดของตนเอง อะไรที่ตัดสินใจแล้วคนอย่างดำต้องทำให้ได้

สิรินจับดำพลิกตัวเข้าหาจนร่างกายด้านหน้าสัมผัสกันไปเสียทุกส่วน แนบชิด เร่าร้อน ปลดปล่อยให้ซึ่งกันและกันจนพึงพอใจ กว่าการอาบน้ำครั้งนี้จะจบลง ดำก็แช่น้ำจนมือแห้งเหี่ยวเสียแล้ว

ถึงอย่านั้นมันก็เป็นการอาบน้ำแบบที่ดำชอบที่สุดเลย

ไอ้ดำยอมเป็นเด็กลามกทุกครั้งก็ได้!






โปรดติดตามตอนต่อไป...

___________________________________

สวัสดีค่ะ ตะตอนนี้ยังนับเป็นวันนี้ที่ว่าอยู่ไหมคะ หลับอีกแล้วค่ะ

หลับประมาณเที่ยงคืนตื่นตี 2 นี่ควรนอนต่อมั๊ยคะ จะเช้าแล้ว แง T^T

ตอนนี้มาเซอร์วิสให้ก่อน เพราะตอนหน้าจะเข้าสู่ช่วงสุดท้ายแล้ว

ปมครอบครัวคุณสินที่ปูไว้จะได้ฤกษ์แก้แล้วค่ะ

กลัวจะหาช่วงใส่เซอร์วิสไม่ได้ (ฮ่าๆ)

ขอบคุณทุกคอมเมนท์นะคะ กรีนจะพยายามตอบ

แต่ถ้าไม่ครบทุกคนอย่าโกรธกันน้า

ขอบอกไว้ตรงนี้เลยค่ะ ว่าทุกคอมเมนท์กรีนอ่านทั้งหมด อ่านจนตัวลอยแต่ไม่รู้จะตอบอะไรจริงๆ

มันมีผลกับจิตใจและความขยันของกรีนมากๆ (ฮ่าๆ)

ขอขอบคุณทุกคำติชม และข้อความที่อินไปกับเนื้อเรื่อง อ่านทีไรกรีนตัวลอยทุกทีเลย

สุดท้ายนี้ก็ขอบอกว่า...ตอนหน้ากรีนอาจจะลงพร้อมข่าวดีค่ะ (ขออุ๊บไว้ก่อน)

เอ็นดูน้องดำกับคุณสินด้วยนะคะ แล้วเจอกันจ้า
หัวข้อ: Re: = P A Y = เปย์ข้าด้วยบุฟเฟ่ต์สิ [เปย์ครั้งที่ 14] 21.05.2018
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 21-05-2018 04:55:49
เปื่อยแล้วล่ะตัวนะ แช่น้ำนาน ๆ มันเปลืองน้ำรู้ไหม มีอะไรก็.......โน้น เตียง ใช้ให้ถูกวัตถุประสงค์ด้วย  :m16:
หัวข้อ: Re: = P A Y = เปย์ข้าด้วยบุฟเฟ่ต์สิ [เปย์ครั้งที่ 14] 21.05.2018
เริ่มหัวข้อโดย: WaterProof ที่ 21-05-2018 15:46:28
 :hao6: งุ้ยยยย
หัวข้อ: Re: = P A Y = เปย์ข้าด้วยบุฟเฟ่ต์สิ [เปย์ครั้งที่ 14] 21.05.2018
เริ่มหัวข้อโดย: Mayana ที่ 21-05-2018 22:22:39
 :jul1:
หัวข้อ: Re: = P A Y = เปย์ข้าด้วยบุฟเฟ่ต์สิ [เปย์ครั้งที่ 14] 21.05.2018
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 22-05-2018 00:48:55
ดำอ่าาา  :-[
หัวข้อ: Re: = P A Y = เปย์ข้าด้วยบุฟเฟ่ต์สิ [เปย์ครั้งที่ 14] 21.05.2018
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 22-05-2018 10:41:59
 :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: = P A Y = เปย์ข้าด้วยบุฟเฟ่ต์สิ [เปย์ครั้งที่ 14] 21.05.2018
เริ่มหัวข้อโดย: yanisa0801448037 ที่ 22-05-2018 13:10:31
อร้ายยยยยย ดำเขินหน้าแตก แต่คนอ่านเขินตัวแตกเลยจร้าาาา  มาคอนเซปน้องเสนอพี่สนอง อรั้ยยย รอวนไปค่ะ
หัวข้อ: Re: = P A Y = เปย์ข้าด้วยบุฟเฟ่ต์สิ [เปย์ครั้งที่ 14] 21.05.2018
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 23-05-2018 00:24:53
อยู่ในอ่างดำคงเซ็กซี่น่าดู :pighaun:
หัวข้อ: เปย์ครั้งที่ 15
เริ่มหัวข้อโดย: GreenHead(หัวเขียว) ที่ 29-05-2018 17:07:30
เปย์ครั้งที่ 15

ฝากเนื้อฝากตัว

‘มอบตัวให้ดูแล หรืออุปการะของผู้อื่น ฝากกายก็ว่า’


ผู้คนคละคลั่งท่ามกลางอากาศร้อนอบอ้าว เหงื่อไหลท่วมกายแต่กระนั้นก็ไม่อาจลดทอนความสุขของเหล่านิสิตจบใหม่ได้แม้แต่น้อย รอยยิ้มประดับบนใบหน้าไม่ว่าจะเป็นผู้ที่ประสบความสำเร็จ หรือผู้ที่มาร่วมยินดีกับคนสำคัญของพวกเขา

เวลา 4 ปีที่พากเพียร ในที่สุดก็ผ่านก้าวที่ยากลำบากมาได้ ดังเหล่าลูกนกที่พร้อมโบยบินออกสู่โลกกว้าง

สิรินเองก็เป็นหนึ่งในนั้น แม้เวลาที่ผันผ่านจะทำให้ใกล้วันคล้ายวันเกิดปีที่ 23 ของเขาไปทุกทีก็ตาม ปฏิเสธไม่ได้จริงๆ ว่าเวลามีคนคอยอยู่เคียงข้าง ร่วมยินดีกับความสำเร็จนั้น มันมีความสุขจนไม่อาจปกปิดแววตาที่ฉายชัดถึงความสุขล้นปรี่นี้ได้แม้แต่น้อย

กำหนดการถูกเลื่อนออกไปเล็กน้อยแต่ก็ดำเนินการแล้วเสร็จก่อนฟ้ามืด เพราะเป็นช่วงหน้าร้อนทำให้แสงยังคงมีพอให้ถ่ายรูปเก็บไว้เป็นความทรงจำจนวินาทีสุดท้าย

เวลานี้หน้าหอประชุมใหญ่ของมหาวิทยาลัยจึงเต็มไปด้วยผู้คนมากหน้าหลายตารวมตัวกันอยู่เพื่อร่วมยินดีกับคนสำคัญของตน รวมทั้งพวกนักข่าวที่รอจับจ้องหาข่าวตาเป็นมัน คนดัง ทายาทนักธุรกิจชื่อดัง ล้วนแล้วน่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง พวกเขาคาดหวังให้มีภาพเด็ดสักภาพในหลายร้อยภาพที่กดถ่ายไปนั้นก็เพียงพอแล้ว

“คุณสิน” ดำตะโกนเรียกสิรินจากด้านหลัง เพราะความโดดเด่นของคนตัวสูง ไม่ยากเลยที่ดำจะหาตัวของสิรินพบได้ง่ายดายเช่นนี้

แรงกอดที่โถมใส่ไม่ได้ทำให้สิรินเซล้มแต่อย่างใด เขาตั้งหลักได้ตั้งแต่ได้ยินเสียงเจื้อยแจ้วของคนตัวเล็กดังขึ้นแล้ว รอยยิ้มแห่งความยินดีฉายชัดที่ริมฝีปาก แม้ไม่ใช่ยิ้มที่กว้าง แต่มันก็เต็มไปด้วยความสุขไม่อาจปิดบัง การมีคนคอยยินดีกับเขามีความสุขเช่นนี้เอง

“ว่าไงหือ” สิรินจับมือของดำออกเล็กน้อย ก่อนจะหันหน้ากลับไปมอง พร้อมจับแขนดำให้กอดเขาเช่นเดิม เพิ่มเติมเป็นเขากอดดำกลับได้แล้วเท่านั้น

“ยินดีด้วยครับ ไอ้ดำดีใจ” คนตัวเล็กกระชับอ้อมกอดแน่น เงยหน้าสบตายิ้มกว้าง ดำมีความสุขยิ่งกว่าเวลาตัวเขาเองทำอะไรสำเร็จเสียอีก

“ขอบคุณครับเจ้าตัวเล็ก” สิรินลูบหัวให้รางวัล ดำก็ขยับหัวถูไถฝ่ามืออย่างมีความสุข คลอเคลียกันโดยไม่สนใจผู้คนรอบข้างแม้แต่น้อย

“ไอ้ดำมีของขวัญให้คุณสินด้วย” ดำเอ่ยขึ้นทั้งที่ยังหลับตาพริ้มไปกับสัมผัสอบอุ่น

“จริงเหรอ ไหน จะให้อะไร ฮึ” สิรินถามด้วยความแปลกใจ เด็กน้อยของเขาไปแอบเตรียมของขวัญตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ

“ฮี่ๆ ความลับครับ ไอ้ดำให้ที่บ้าน ปะป๋าบอกว่าเดี๋ยวทำหาย” ความจริงอยากจะเอามาให้เลยด้วยซ้ำ แต่พอคิดว่าอาจจะหายไปได้ก็ยอมรับฟังแต่โดยดี พวกเขาอยู่ด้วยกัน กลับแล้วค่อยให้ก็ยังไม่สาย

“เดี๋ยวนี้หัดมีความลับเหรอ หือ” แรงที่หัวหนักขึ้นอย่างมันเขี้ยว ดูสิหัวเราะมีความสุขเสียอีกที่เห็นเขาตอบรับแบบนี้ หัวเราะจนไม่เห็นดวงตาอีกแล้ว

“อะแฮ่มๆ เอ้า! พวกเราขัดความสุขคู่นี้หน่อยเร็วววว” วันนำขบวนรุ่นน้องมาล้อมรอบสิรินเอาไว้ เรื่องอะไรจะยอมเสียเงินคนเดียว อีกทั้งดูนั่น บรรยากาศสีชมพูมุ้งมิ้งทำเหมือนโลกนี้มีแค่เราสองคนดูแล้วขัดหูขัดตาเกินไป ต้องจัดการให้หมด

ดำมองภาพเหล่าคนที่กำลังร้องเพลงด้วยความบ้าคลั่งอย่างระแวงเพียงครู่ เมื่อเห็นว่าพวกเขาเพียงเข้ามาร่วมยินดีด้วย ทั้งยังดูน่าสนุกอีกดำจึงร้องตามบ้าง รู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้างมั่วไปหมด แม้ผละตัวออกมาหลังจากถูกขัดจังหวะ แต่มือของทั้งคู่ก็ยังจับกันแน่น ไม่ยอมออกห่างจากกันง่ายๆ

การบูมจบลงพร้อมความถูกอกถูกใจของวัน จากนั้นตัวแทนรุ่นน้องที่ดูคุ้นหน้าคุ้นตา กล้าพูดคุยกับสิรินก็เดินถือกล่องเข้าไปหา

“ยินดีที่เรียนจบครับ...ระดับพี่สินแล้วของแบงก์เทาๆ จะเป็นบุญกับรุ่นน้องตาดำๆ มากครับ” ดำฟังคำพูดแล้วก็งง จึงกระตุกมือสิรินอย่างอยากรู้อยากเห็น

สิรินไม่ตอบอะไร เพียงยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์ก่อนจะดันดำมาอยู่ด้านหน้าเผชิญหน้ากับดลที่ถือกล่องเอาไว้

“ดำเราต้องตอบแทนที่พวกเขาร้องเพลงยินดีเมื่อครู่ แต่ฉันไม่ได้หยิบกระเป๋าเงินมา ดำเอาเงินใส่ให้ฉันก่อนได้ไหม” ดำไม่เข้าใจมากนักแต่คิดว่ามันคงเป็นธรรมเนียมของโลกนี้ ทั้งเป็นคำพูดของสิรินอีกจะไม่ให้เชื่อฟังได้อย่างไร

ดลเห็นแววดวงซวยมาแต่ไกล จะเล่นกับใครไม่เล่นมาเล่นกับคนอย่างรุ่นพี่สิริน ถ้าได้น้อยจะไปไถพี่วันอีกรอบคอยดู

ดำหยิบกระเป๋าใส่เงินที่ห้อยคอเอาไว้ขึ้นมา จ้องมองเงินสารพัดสีในกระเป๋าอย่างครุ่นคิด

‘เอาใบไหนดีนะ ให้มากไม่ดีแน่เดี๋ยวเงินไอ้ดำหมด ถึงซื้อของขวัญไปแล้วแต่ไอ้ดำจะพาคุณสินไปกินของอร่อยด้วย แต่ให้น้อยก็ไม่ดีเหมือนกันมีกันตั้งหลายคนเดี๋ยวแบ่งกันไม่พอ งืมๆ เอาใบไหนดีน้า’

ดำคิดไม่ตก จ้องเงินในกระเป๋าจนคิ้วขมวด แต่เมื่อได้ยินเสียงร้องเพลงเหมือนเมื่อครู่ก็หันไปมอง ถึงเข้าใจว่าพวกเขาไม่ได้รับเงินแค่จากสิรินคนเดียว จึงยิ้มออกมาด้วยความยินดี

สิรินมองการกระทำของดำ กับใบหน้าที่เริ่มซีดของรุ่นน้องอย่างถูกใจ ถ้าดำไม่อยู่ตรงนี้เขาคงให้ไปจบๆ เพราะอย่างไรดลก็เป็นรุ่นน้องที่เขาให้ความสนิทอยู่บ้าง อยู่ในขั้นที่มากกว่าคนรู้จักหนึ่งขั้น แต่ไม่ได้สนิทสนมเหมือนเพื่อนทั้งสาม แค่ไม่ได้รู้สึกแย่ที่ต้องพูดคุยด้วย

ดำเลือกหยิบแบงก์สีน้ำเงินที่เหลืออยู่ใบเดียวในกระเป๋า ถือว่าไม่ได้น้อยที่สุด แต่ก็ไม่อยากให้มากกว่านี้

สิรินมองจนพอใจจึงได้ยกมือขึ้นลูบหัวดำก่อนที่คนตัวเล็กจะใส่เงินลงในกล่อง

“ให้สีเทาไปเถอะ เดี๋ยวฉันคืนให้ 2 ใบ” ดำชะงักมือลังเล ส่งสายตาถามว่าให้จริงเหรอ ถึงจะได้คืนมาเป็น 2 เท่า แต่ก็เสียดายอยู่ดี เงินนี่เป็นเงินที่สิรินกับมาร์โก้ให้เวลาไปโรงเรียน ดำเก็บเอาไว้เป็นอย่างดี เพราะไม่เคยใช้หมดเลยสักครั้ง อีกทั้งสิรินกับมาร์โก้ยังให้เกินความจำเป็นอีก ไม่แปลกที่ดำจะมีเงินเก็บมากขนาดนี้

มือเล็กยอมเคลื่อนกลับ เปลี่ยนเป็นแบงก์สีเทาตามที่สิรินบอก แม้จะเม้มปากแน่น หักห้ามใจไม่ให้เสียดายก็ตาม

เหล่ารุ่นน้องยิ้มกว้าง ตอนแรกคิดว่าจะถูกมองด้วยสายตาเย็นชาแล้วเดินหนีเสียอีก อย่างที่พี่วันบอก ถ้าไปบูมตอนที่เด็กคนนี้อยู่ต้องได้แบงก์สีเทามาอย่างแน่นอน ถึงจะถูกเล่นเสียจนนึกค่อนขอดวันไปเสียหลายรอบ แต่มันก็สำเร็จจนได้ คงต้องขอโทษวันทีหลัง

ดลรับเงินมาแต่ยังไม่ขยับไปไหนไกล ในบรรดารุ่นของเขา ตอนนี้คงมีแค่เขาคนเดียวที่กล้าคุยเล่นกับสิริน ก็ช่วยไม่ได้มีลุงรหัสดีมีชัยไปกว่าครึ่ง

“พี่ทิวอยู่ไหนหรือครับ ผมหาไม่เจอ จะไปไถเงินสัก 2-3 พันซะหน่อย ฮ่าๆ” ดลเป็นหลายรหัสของทิว ที่ดูเหมือนจะสนิทกับทิวยิ่งกว่าน้องรหัสของเจ้านั่นเสียอีก

“ไปถามเจ้าพวกนั้นดูสิ” ดลมองตามสายตาสิรินถึงเห็นรุ่นพี่ในกลุ่มนี้อีก 2 คน ที่ดูไม่ค่อยจะชอบเขานักยืนอยู่ แต่ก็ไร้วี่แววของคนที่ตามหาอย่างสิ้นเชิง

“มะ ไม่ดีกว่าครับ ผมยังอยากเรียนจบแบบครบ 32 ขอตัวก่อนนะคร้าบ” ไม่ต้องรอให้ถูกแกล้งไปมากกว่านี้ ดลก็วิ่งจู๊ดหายไปในฝูงชนทันที ปล่อยให้เพื่อนต้องวิ่งตามไปแบบนั้น ช่วยไม่ได้กล่องเงินสำคัญที่สุด

“ฮ่าๆ พวกมึงก็รุมแกล้งมัน ไอ้ทิวไม่โกรธมันแล้วไม่ใช่เหรอวะ” วันเดินเข้ามาหาหลังจากที่รุ่นน้องวิ่งหายไปลับตา เรื่องนั้นก็ผ่านมาเป็นปีแล้ว ดูท่าดลจะโดนชำระความไม่จบเสียที

“ก็เปล่า แต่ไอ้พวกนั้นคงไม่จบง่ายๆ ...ก็นะถ้าเกิดกับพวกมันคงไม่เท่าไหร่ แต่ไปแตะคนสำคัญของพวกมันเอง” สิรินคิดว่ามันเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ แม้ดลจะไม่ใช่สาเหตุทั้งหมด แต่ก็เป็นหนึ่งในองค์ประกอบความผิดนั้นอยู่ดี

ตัวเขาเองก็เข้าใจน่านกับก้องดี เพราะถ้ามันเกิดขึ้นกับดำเขาคงทำลายคนที่เกี่ยวข้องจนไม่เหลือซากต่อให้เจ้าตัวบอกว่าไม่ติดใจเอาเรื่องก็ตาม พวกเขาเป็นเพื่อนสนิทกัน แต่กับคนทั้งสามมันลึกซึ้งยิ่งกว่านั้น

“เฮ้อ เอาเถอะกูไม่คิดจะเข้าไปยุ่งอยู่แล้ว ยังไงก็ขอตัวก่อน ที่บ้านก็คงมารอ...แล้วเจอกันนะดำ” สิรินพยักหน้าตอบรับ ส่วนกับก็ยกมือไหวเหมือนทุกครั้ง ก่อนวันจะเดินหายไป เรื่องนั้นมีคนรู้เรื่องอยู่เพียงไม่กี่คน ซึ่งวันก็เป็นหนึ่งในนั้น

“กลับบ้านกันเถอะครับ ปะป๊ารอที่รถแล้ว” ดำกระตุกมือสิรินเบาๆ เขาไม่อยากให้สิรินคิดมาก ดำก็รู้เรื่องนั้นเพราะสิรินเล่าให้ฟัง ถึงจะไม่เคยเจอดลก็ตาม แต่ดูแล้วดลไม่ใช่คนไม่ดี แล้วสิรินเองก็ดูไม่โกรธนัก ดำจึงพอเดาได้ว่าดลไม่ใช่คนที่ทำร้ายทิว เป็นเพียงคนที่เกี่ยวข้องเท่านั้น

“อืม...กลับกันฉันอยากได้ของขวัญจะแย่แล้ว” สิรินก้มลงมามองดำด้วยรอยยิ้ม เขาคงเผลอทำให้ดำเป็นห่วงอีกแล้ว เจ้าตัวเล็กยิ่งจับความรู้สึกเขาได้เร็วอยู่ด้วย

ก่อนไปก็หันกลับไปมองด้านหลัง ทิวโผล่หน้าออกมาจากระหว่างกลางของก้องกับน่านพอดี สองคนนั้นคงบังทิวไว้ไม่ยอมให้ได้เจอดลง่ายๆ ทิวก็ดูหัวเสียแต่ก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี

ก้องกับน่านดูไม่สะทกสะท้านกับสายตามองค้อนเหล่านั้น ยังคงจับไว้แน่นไม่ให้ทิวเดินหนีไปไหน วันนี้เป็นวันสำคัญอีกวันหนึ่งของพวกเขา จึงตกลงกันไว้แล้วว่าจะแยกกันกลับไปใช้เวลาส่วนตัว พรุ่งนี้ค่อยนัดไปฉลองด้วยกัน ดังนั้นแล้วพวกเขาจึงเพียงโบกมือทักทายกันเล็กน้อยแล้วแยกกันกลับไป

มาร์โก้รออยู่ที่รถ เพราะไม่ถูกกับอากาศร้อนเท่าไหร่นัก อีกทั้งวันซ้อมก็ไปถ่ายรูปมาเรียบร้อยแล้วจึงไม่ต้องไปเบียดเสียดกับคนอื่นให้มากความ พอดำกับสิรินมาถึงก็ขับรถออกสู่ถนนใหญ่ วันนี้สิรินบอกให้มาร์โก้พักไม่ต้องทำอาหาร เพียงเตรียมของรอพรุ่งนี้ที่ทิว น่าน และก้อง เข้ามาฉลองพร้อมกันก็เพียงพอ วันนี้พวกเขาเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว ทั้งตื่นแต่เช้า กว่าจะได้กลับก็เย็น มื้อเย็นจึงเพียงแวะกินระหว่างทางกลับเท่านั้น

พักหลังๆ มาร์โก้ไปกลับระหว่างไทยกับอเมริกาบ่อยครั้ง เพราะคิดถึงดำ อยากอยู่ไทยถาวรใจจะขาดแต่ยังไม่อาจวางมือได้ ยิ่งใกล้ถึงเวลาสำคัญเช่นนี้ยิ่งเป็นช่วงซุ่มเสี่ยง เขาจึงกลับไทยได้ไม่นานนัก

หลังทานอาหารค่ำในร้านไทยบรรยากาศดีร้านหนึ่ง มาร์โก้ก็ขับรถกลับที่พัก พอมาถึงมาร์โก้แยกเข้าครัวอยากใช้เวลาที่มีอยู่เตรียมของสำหรับฉลองในวันพรุ่งนี้ ส่วนสิรินเข้าไปอาบน้ำชำระร่างกายให้หายเหนื่อย ดำจึงมีเวลาไปหยิบของขวัญมาเตรียมไว้

หลังจากนี้สิรินต้องไปฝึกงานที่บริษัทจนกว่าจะถึงวันเกิดอายุ 23 ปี จึงจะได้รับการแต่งตั้งเป็นประธานบริษัทอย่างเป็นทางการ เสื้อผ้าชุดใหม่จึงเรียงไว้เต็มตู้ ดำหยิบกางเกงสแล็คสีดำ เสื้อเชิ้ตสีขาว และเนกไทออกมาอย่างละหนึ่งชิ้น

เดินออกจากห้องแต่งตัวแล้ววางชุดลงบนเตียง กอดอกยืนมองผลงานตัวเองอย่างพอใจ

‘จะรอให้ถึงวันทำงานไอ้ดำรอไม่ไหว อยากให้ตอนนี้เลย เอาแบบนี้แหละ ไอ้ดำฉลาดจริงๆ ฮี่ๆ’


แกร๊ก

“ทำอะไรอยู่หรือ” สิรินได้ยินเสียงกุกกักค้นตู้เสื้อผ้าตั้งแต่อยู่ในห้องน้ำ จึงเดินออกมาดูทั้งยังแต่งตัวไม่เสร็จ มีเพียงผ้าพันช่วงล่างอยู่เท่านั้น พอออกมาก็เห็นดำยิ้มพอใจอยู่ข้างเตียง เจ้าตัวเล็กดูตกใจเล็กน้อย ก่อนจะซ่อนกล่องของขวัญเล็กๆ เท่าฝ่ามือไปไว้ด้านหลัง

“ระ รอให้ของขวัญคุณสินครับ” ตกลงจะปิดบังหรือจะเฉลย ดูท่าทางแล้วคงอยากให้เต็มที แต่ก็อยากเซอร์ไพร์เขา นับว่ายังอดทนไม่ดีพอ...น่ารักเกินไปแล้ว

“นั่นชุดของฉันนี่ จะให้ฉันใส่ชุดนี้เหรอ” สิรินช่วย เดี๋ยวดำจะทำไม่สำเร็จ เวลาได้รับของขวัญจากคนสำคัญ ไม่ว่าจะอย่างไรก็รู้สึกดีไม่ใช่เหรอ

“ครับ ใส่ก่อนไอ้ดำให้ของขวัญค่อยถอดออก ให้ไอ้ดำรอตอนคุณสินใส่เอง รอไม่ไหวหรอกครับ” ดำสารภาพ จะให้ยกเหตุผลอะไรมาอ้างก็คิดไม่ออก ขอบอกตรงๆ ไปเลยดีกว่า

สิรินพยักหน้าแล้วหยิบกางเกงขึ้นมาใส่ เขาเช็ดตัวก่อนออกมาแล้ว เพราะไม่อยากให้พื้นห้องเปียก ไหนๆ ก็เช็ดตัวแล้วก็เลยใส่กางเกงในเรียบร้อย เวลานี้จึงไม่ต้องยุ่งยากเดินเข้าห้องแต่งตัวไปอีก

หลังจากนั่งลงบนเตียงสิรินก็หยิบเสื้อเชิ้ตสีขาวมาใส่ แต่ก่อนจะติดกระดุมเม็ดแรกริมฝีปากฉายรอยยิ้มเจ้าเล่ห์เล็กน้อย หันไปมองคนที่ยืนลุ้นอยู่ไม่ไกล แล้วอาศัยจังหวะที่ดำมองมาอย่างแปลกใจดึงคนตัวเล็กเข้ามาอยู่ในอ้อมกอด ด้วยเพราะสิรินนั่งอยู่ทำให้ดำเสียหลักล้มนั่งลงบนตักพอดิบพอดี

“ช่วยฉันใส่เสื้อ ดำจะได้ให้ของขวัญฉันเร็วขึ้น...ดีไหม” เขาเอ่ยบอกคนที่ยังทำหน้าเหลอหลางุนงงกับสิ้นที่เกิดขึ้น รอยยิ้มอบอุ่นของสิรินทำให้ดำว่าง่าย พยักหัวหงึกหงักแล้วนำกล่องของขวัญวางไว้ด้านข้าง ก้มหน้าก้มตาติดกระดุมเสื้ออย่างตั้งใจ

สิรินมองใบหน้าของคนตัวเล็กด้วยความเอ็นดู กอดกระชับแขนให้แน่นขึ้นอีกเล็กน้อย สูดดมความหอมจากผมนุ่มนิ่มที่อยู่ใกล้จมูกจนพอใจ

“เสร็จแล้วครับ” ดำเงยหน้าขึ้น ใบหน้าของพวกเขาห่างกันเพียงเสี้ยวเท่านั้น ความเขินอายตีตื้นขั้นมาจนใบหน้าขึ้นสีแดงระเรื่อ ไม่ว่าจะนานเท่าใดเขาก็ไม่ชินเสียที ใบหน้าหล่อเหลากับสายตาอบอุ่นคู่นั้นยากเกินไปที่จะปรับอารมณ์ให้เป็นปกติได้

“ผูกเนกไทเป็นไหม” สิรินอยากฟัดคนตรงหน้าใจจะขาดแต่ก็อดใจไว้ เดี๋ยวดำสติหลุดลืมว่าจะต้องทำอะไรต่อไป

“เป็นครับ ไอ้ดำฝึกมาแล้ว ปะป๋าสอนให้ ไอ้ดำตั้งใจเรียนอยากผูกเนกไทให้คุณสิน” ว่าจบก็หยิบเนกไทมาผูกให้สิริน แม้ดูเงอะงะอยู่บ้างแต่ก็ผูกจนเสร็จ ออกมาสวยงามตามที่ฝึกมา

“เป็นครับ ไอ้ดำฝึกมาแล้ว ปะป๋าสอนให้ ไอ้ดำตั้งใจเรียนอยากผูกเนกไทให้คุณสิน” ว่าจบก็หยิบเนกไทมาผูกให้สิริน แม้ดูเงอะงะอยู่บ้างแต่ก็ผูกจนเสร็จ ออกมาสวยงามตามที่ฝึกมา

ดำหยิบกล่องขึ้นมาเปิด ในที่สุดก็ได้ทำสิ่งที่ต้องการเสียที ของขวัญที่สิรินจะต้องนำติดตัวไปทุกวัน คิดอยู่หลายตลบในที่สุดดำก็คิดออก

“หึหึ” สิรินมองของขวัญในกล่องแล้วหัวเราะเบาๆ อย่างที่คิดเอาไว้ความคิดของเจ้าจอมตะกละไม่เคยพ้นเรื่องกินอยู่แล้ว

ที่หนีบเนกไทสีเงินทำจากทองคำขาว ถูกออกแบบอย่างเรียบง่าย เล็กกะทัดรัดเพื่อไม่ให้กลบความโดดเด่นของส่วนปลายที่ประดับด้วยจี้รูปจานสปาเก็ตตี้!

จี้สีทองเด่นตัดกับสีขาวของตัวหนีบ ลวดลายคมชัดนูนสาย รายละเอียดจานสปาเก็ตตี้ครบถ้วน ถ้ามองไกลๆ อาจเห็นเป็นดอกไม้ดอกเล็กๆ แต่กับสิรินที่อยู่ใกล้เพียงเท่านี้มองออกได้อย่างไม่ยากเย็นว่ามันคืออะไร

“ชอบไหมครับ ไอ้ดำเป็นคนคิดเองล่ะ ถึงคนที่ไปสั่งทำมาคือปะป๋าก็เถอะ ไอ้ดำเป็นคนจ่ายเงินด้วย เก็บเงินจากค่าขนม...ไอ้ดำเก่งไหมครับ” ดำรีบอวด ยิ่งสิรินลูบหัวให้รางวัลอีกรอบก็ยิ่งดีใจ

ดูเหมือนคุณสินจะชอบล่ะ ก็สปาเก็ตตี้เป็นอาหารจานแรกที่คุณสินทำให้กิน ทำให้เส้นแข็งๆ นั่นอร่อยจนไอ้ดำตั้งให้เป็นของโปรด อาหารจานนี้แหละเหมาะจะเป็นของขวัญที่สุด

ตอนที่เลือกของขวัญดำกับมาร์โก้ช่วยกันคิดอยู่หลายวัน จนกระทั่งในทีวีฉายละครเรื่องหนึ่ง ภาพที่ผู้หญิงช่วยใส่เนกไทให้คนรักดูอบอุ่นเอามากๆ ดำจึงคิดอยากจะทำแบบนั้นขึ้นมา พอไปปรึกษามาร์โก้ มาร์โก้กลับเสนอให้เป็นที่หนีบเนกไทแทนจะได้ใส่ทุกวัน ไม่เหมือนเนกไทที่ต้องเปลี่ยนบ่อยๆ

พอไปเดินเลือกซื้อก็ไม่ถูกใจดำเสียที เขาอยากได้รูปแบบที่ทำให้สิรินคิดถึงเขาเวลามอง ดำเริ่มรู้สึกถึงความหึงหวงโดยธรรมชาติ ซึ่งดูเหมือนเจ้าตัวจะไม่รู้ตัวแม้แต่น้อย

สุดท้ายมาร์โก้ก็เลยบอกว่าเราไปสั่งทำดีกว่า พอรู้ว่าสั่งทำได้ดำก็คิดแล้วคิดอีก ยิ่งพอคิดถึงคำเรียกของสิริน

‘เจ้าจอมตะกละ’

ดำก็คิดว่าของกินนี่ล่ะ ทำให้สิรินคิดถึงเขามากที่สุด

“ชอบ ชอบมาก...ใส่ให้ฉันสิ” สิรินไม่ได้สนใจราคาแม้ว่าจะรู้ว่ามันแพงหูฉี่แน่ๆ มาร์โก้คงเพิ่มเงินไปไม่น้อย แต่ก็ยกความชอบให้ดำทั้งหมด ชักจะตามใจกันเกินไปแล้ว ถึงอย่างนั้นคงต้องขอบคุณเสียมากกว่า ของขวัญจากคนสำคัญทั้งสอง มีค่ามากกว่าสิ่งใด

“ครับ” ดำใส่ที่หนีบเนกไทไปบนเนกไทที่เขาผูกให้เองกลับมือ หัวใจพองโตยิ่งกว่าเดิม

มีความสุขจัง ไอ้ดำได้ทำตามที่ตั้งใจไว้ทั้งหมดเลย

"ขอบคุณครับ" เสียงทุ้มนุ่มลึกกระซิบข้างหู อ้อมกอดกระชับแน่น จากนั้นเคลื่อนริมฝีปากขึ้นจรดหน้าผาก จูบขอบคุณคนสำคัญของเขา

ดำเองก็กอดสิรินแน่น สัมผัสอบอุ่นเริ่มจากหน้าผาก เปลือกตา จมูก และริมฝีปาก เวลานี้เหมือนร่างกายของเขาถูกห่อหุ้มไปด้วยความอบอุ่น รับสัมผัสเหล่านั้นด้วยความเต็มใจ

ริมฝีปากของสิรินยังไม่ละออกจากปากเล็กๆ นั่น ยังคงคลอเคลีย โลมเลียตามความต้องการที่มากขึ้น ดำรู้สึกได้ถึงความต้องการนั้น คนตัวเล็กเปิดปากรับ จูบตอบตามความเคยชิน พวกเขาจูบกันมานับครั้งไม่ถ้วน ดำเรียนรู้ครั้งแล้วครั้งเล่าจนตามจังหวะของสิรินทัน เวลานี้ลิ้นที่สัมผัสกันจึงร้อนแรงมากขึ้น ไม่ใช่สิรินที่รังแกดำฝ่ายเดียวอีกแล้ว

ร่างกายเล็กบดเบียด เขากำลังต้องการ มือที่โอบกอดร่างกายสิรินอยู่ก็ลูบไล้เอาแต่ใจ

กล้ามเนื้อแข็งจัง ตัวก็โตมาก สมส่วนสุดๆ ไอ้ดำชอบร่างกายคุณสินที่สุด

สิรินเองก็ใช่ว่าจะนิ่งเฉย มือเรียวลูบไล้แผ่นหลังผ่านเนื้อผ้า แต่มันยังไม่พอ เขาต้องการมากกว่านี้ อยากสัมผัสดำมากขึ้น แม้รู้ว่าตัวเองจะทรมานหากต้องหยุดเมื่อถึงเวลานั้น แต่สิรินก็ยังทำต่อไป

มือแทรกผ่านเนื้อผ้า สัมผัสร่างกายนุ่มนิ่มบอบบางของคนตัวเล็ก ผ่านมาหนึ่งปีแล้ว ดำกลับแทบไม่โตขึ้นเลย เพียงไม่ผอมแห้งเช่นแต่ก่อนแล้วเท่านั้น ร่างกายเล็กจึงนุ่มขึ้น เต็มไม้เต็มมือขึ้น ไม่ต้องกลัวจะหักถ้าสัมผัสแรงๆ เหมือนแต่ก่อน

"อา คุณ...สิน อืม" แม้จะตามจังหวะของสิรินทัน แต่ดำก็มีขีดจำกัด เขาเหนื่อยจนหายใจไม่ทันแล้ว

"แฮ่กๆ ๆ " ริมฝีปากเล็กบวมเปล่ง หอบอากาศเข้าปอดด้วยความหอบเหนื่อย ไม่ว่าจะกี่ครั้งเขาก็ทนไม่ได้จนจบทุกทีสิน่า

"ดำ" ดำเงยหน้าตามเสียงเรียกก็ถูกฉกชิมริมฝีปากอีกครั้ง สุดท้ายเขาก็ถูกรังแกอีกจนได้ ความร้อนแรงมากกว่าทุกครั้ง ด้วยความรู้สึกที่ถาโถมเข้ามาไม่หยุด ความอดทนแทบจะขาดสะบั้น

ดำเคลิบเคลิ้มไปกับจังหวะหนักหน่วงของลิ้นร้อน พยายามใช้ทุกสิ่งที่เรียนรู้มาจนหมดเปลือก แต่ดูเหมือนว่าวันนี้จะยังไม่มากพอ รู้สึกอีกครั้งแผ่นหลังเล็กก็สัมผัสกับเตียงนุ่มเสียแล้ว

สิรินยอมปล่อยริมฝีปากดำเป็นอิสระ เวลานี้เขาคร่อมอยู่บนตัว จดจ้องคนตัวเล็กด้วยความต้องการอันล้นปรี่ บอกตัวเองว่าไม่เป็นไร มากกว่าเขาก็ยังหยุดได้ เหมือนทุกครั้ง ไม่เป็นไร...

ถึงกระนั้นร่างกายก็ไม่อาจหยุดได้ มือเรียวดึงกางเกงขาสั้นเสมอเข่าที่ดำสวมอยู่ลงพร้อมกางเกงชั้นในตัวเล็ก มืออีกข้างหนึ่งก็ถอดเสื้อด้วยความชำนาญ เพียงไม่กี่ลมหายใจดำก็เปลือยเปล่าเสียแล้ว

ดำมองทุกการกระทำด้วยหัวใจเต้นแรง ลุ้นระทึกไปกับทุกการขยับของคนที่โตกว่า นานๆ ครั้งสิรินถึงยอมสัมผัสดำเช่นนี้ พวกเขาต่างช่วยกันปลดปล่อย สัมผัสร่างกาย และส่วนอ่อนไหวจนความสุขทะลักออกมาครั้งแล้วครั้งเล่า และครั้งนี้แววตาของสิรินเหมือนสะกดความต้องการได้ไม่มิด ดำถึงได้ตื่นเต้นยิ่งกว่าทุกครั้ง

“คุณสิน...คุณสินก็ถอดเสื้อด้วยสิครับ ไอ้ดำอยากมอง อยากสัมผัสร่างกายคุณสินบ้าง” ดวงตากลมโตแหงนมอง ทั้งที่ใบหน้าแดงก่ำ จะกี่ครั้งที่บอกความต้องการของตัวเอง ดำก็ยังห้ามเลือดที่สูบฉีดจนใบหน้าแดงก่ำเช่นนี้ไม่ได้

“หึหึ...ดำเป็นคนใส่ก็ถอดให้ฉันสิ” สิรินยกยิ้มแพรวพราว ลูบไล้หน้าท้องแบนราบ เพิ่มความเสียวซ่านให้คนด้านล่างมากขึ้น และเมื่อได้รับคำอนุญาตดำก็เอื้อมมือไปถอดเนกไทที่เขาเป็นคนผูกเองด้วยมือที่สั่นเทา

ตื่นเต้นจัง ตื่นเต้นกว่าตอนที่ผูกให้อีก ไอ้ดำเป็นอะไรนะ อึก

เนกไทถูกถอดออกช้าๆ เพราะดำต้องบังคับมือไม่ให้สั่นไปมากกว่านี้ เดี๋ยวจะเสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์ แต่ยิ่งถูกจับจ้องจากสิริน เขาก็ยิ่งสั่นเทา จนต้องเม้มริมฝีปากแน่น

ไอ้ดำต้องถอดให้ได้!

หัวข้อ: เปย์ครั้งที่ 15[2]
เริ่มหัวข้อโดย: GreenHead(หัวเขียว) ที่ 29-05-2018 17:08:11
ในที่สุดดำก็ถอดเนกไทสำเร็จ แต่ปราการต่อไปคือเสื้อเชิ้ตที่เต็มไปด้วยกระดุม มันยากยิ่งกว่าเมื่อครู่เสียอีก ยิ่งมือสัมผัสโดนร่างกายที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อของคนตรงหน้าดำยิ่งตื่นเต้น ไม่คิดเลยว่าเพียงแค่ช่วยสิรินถอดเสื้อ ส่วนอ่อนไหวของเขาจะกระตุกครั้งแล้วครั้งเล่าตามแรงอารมณ์เช่นนี้

อยากจะหนีบขาเข้ามาชิดซ่อนส่วนน่าอายเอาไว้ แต่กลับถูกร่างกายใหญ่โตขวางกลั้น สิรินมองขาเรียวที่พยายามหนีบเข้าหากันด้วยพอใจ ไม่ต้องใช้หัวคิดให้มากมาย เวลานี้ร่างกายจะตอบสนองด้วยสัญชาตญาณอันมีติดตัวมาของมนุษย์

ไม่รอให้ซ่อนไปมากกว่านี้ สีรินจับขาดำแยกออก จ้องมองส่วนอ่อนไหวที่กำลังสั่นระริก เหมือนต้องการปลดปล่อยเต็มที ใช้มือสัมผัสเบาๆ ส่วนนั้นก็ยิ่งสั่นสะท้านมากขึ้นไปอีก

“อืม คุณสิน” ดำถูกแกล้งอีกแล้ว แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะยังเหลือกระดุมอีกเม็ดที่ยังแกะไม่ออก จึงได้แต่ส่งเสียงออดอ้อนด้วยความต้องการที่ท่วมท้น

แกะยากเกินไปแล้วนะ มือไอ้ดำก็สั่นจัง ทำไมถึงได้ตื่นตัวขนาดนี้ งื้อ ควบคุมตัวเองไม่อยู่แล้ว

“ฉู่ ถอดให้เสร็จสิ แล้วฉันจะให้รางวัล” สิรินกลืนน้ำลายลงคออย่างอดกลั้น เขาทั้งอยากสัมผัสทั้งอยากแกล้งคนตัวเล็ก ทำให้ยังพออดทนอยู่ได้บ้าง เวลาดำอ้อนมันน่ารักกว่าไม่ใช่หรือ

“คุณสิน อื้อ ขี้แกล้ง” ดำน้ำตาคลอด้วยความอัดอั้น สัมผัสบางเบาที่เหมือนหยอกล้อส่วนอ่อนไหวของเขาเช่นนั้นมันช่างไม่พอเอาเสียเลย เขาอยากได้มากกว่านี้ สัมผัสที่ทำให้ปลดปล่อยออกจากความทรมาน

“ไม่อยากให้ฉันแกล้งก็รีบถอดสิ ไม่อยากได้รางวัลหรือ หือ” สิรินยังคงเย้าหยอก จากที่สัมผัสเพียงส่วนอ่อนไหวมืออีกข้างก็บีบคั้นสะโพกอย่างเร่งเร้าให้คนตัวเล็กทำหน้าที่ของตนให้เสร็จเสียที

“เสร็จแล้วครับ คุณสิน อื้อ อา คุณสิน” ไม่ต้องรอให้ดำร้องขอ เพราะคนที่รอจังหวะอยู่ก้มลงใช้ปากครอบครองส่วนอ่อนไหวสีหวานที่ไม่โตขึ้นจากแต่ก่อน จนดำได้แค่ครางตอบรับสัมผัสนั้นด้วยความรู้สึกเสียวซ่าน มือเล็กที่ไม่รู้ว่าควรวางไว้ที่ใดก็จิกลงบนที่นอนแน่น

สิรินดูดดึงส่วนอ่อนไหวที่เข้ามาในปากได้จนหมดยิ่งเพิ่มความเสียวซ่านให้ดำมากขึ้น ทั้งตวัดลิ้นเลียเป็นจังหวะ ขยับหัวขึ้นลงโลมเลียตั้งแต่โคนจรดปลาย แล้วกดจูบย้ำที่ส่วนหัวอยู่เช่นนี้ ในที่สุดอารมณ์ของดำก็ถึงจุดสูงสุด ปลดปล่อยน้ำสีขาวข้นออกมาจนเต็มปาก แต่สิรินก็ไม่ได้คายทิ้ง เขากลืนมันลงคอจนหมด ไม่คิดรังเกียจแม้แต่น้อย

“หวาน” สิรินพูดขึ้นพร้อมกับใช้นิ้วเกลี่ยน้ำตาที่ไหลซึมออกด้วยความสุขของคนตัวเล็ก ดำหอบหายใจเร็วยิ่งกว่าถูกจูบเสียอีก มันรู้สึกดีเหมือนลอยได้เลย

“ไอ้ดำอยากทำบ้าง คุณสินสอนไอ้ดำได้ไหมครับ” ดำมองสิรินไล่ตั้งแต่ดวงตาที่เวลานี้เต็มไปด้วยความปรารถนาราวกับไม่ใช่คนอบอุ่นคนเดิม ริมฝีปากที่พึ่งทำเรื่องน่าอายให้เขา ลูกกระเดือกกลมโตน่ากัด อกแกร่งได้รูป ไหนจะร่างกายที่ขึ้นรอน 6 ลูกกระเพื่อมไปมาด้วยความอดกลั้น และ...ส่วนที่นูนจนแทบทะลุกางเกงออกมา

“ไม่ ฉันอยากทำอย่างอื่นมากกว่า” สิรินปฏิเสธ เพราะเขากลัวเหลือเกินว่าจะหยุดตัวเองให้สัมผัสดำเพียงภายนอกไม่ได้ สำหรับเขายังมองว่าดำเป็นเด็ก เด็กขนาดที่หากเขาทำอะไรลงไปจะกลายเป็นพรากผู้เยาว์ ทั้งยังกลัวว่าร่างกายเล็กๆ นี้จะรับไม่ไหวจนกลัวที่จะทำในครั้งต่อๆ ไป...เขายังต้องรอ

ดำยู่ปากด้วยความไม่พอใจเล็กน้อย สิรินทำแบบนี้ให้เขามา 3 ครั้งแล้ว แต่กลับไม่ยอมให้ดำทำให้เสียที มันรู้สึกดีมาก ภายในปากทั้งนุ่มทั้งอุ่นจนมือเทียบไม่ติด ไม่เข้าใจเลยว่าเพราะอะไร ดำอยากทำให้สิรินรู้สึกดีบ้าง

สิรินยิ้มแล้วส่ายหัวน้อยๆ ก่อนจะก้มลงจูบปากดำด้วยความมันเขี้ยว แลกสัมผัสกันจนส่วนล่างของดำค่อยๆ โปร่งพองขึ้นมาอีกครั้ง จากริมฝีปากเป็นปลายคาง ต่อด้วยลำคอเล็กสีน้ำผึ้ง แผ่นออกแบนราบที่ประดับด้วยตุ่มไตสีหวาน

เขาละเลงลิ้นโลมเลียยอดอดเล็กเสียจนเปียกชุ่ม ทั้งดูทั้งกัดจนได้รับเสียงครางกระเส่าเป็นการตอบแทน ส่วนมือทั้งสองข้างก็ยกขาเรียวเล็กให้มาประกบติดกัน พาดไว้ที่ไหล่ซ้ายทั้งคู่ โดยมีส่วนใหญ่โตของเขาซึ่งถูกปล่อยออกมารับอากาศอยู่ตรงกึ่งกลาง

ส่วนอ่อนไหวของพวกเขาสัมผัสกันแนบชิด ทั้งขายังหนีบแน่น เมื่อได้ตำแหน่งที่ต้องการสิรินก็ลองขยับช้าๆ หลังจากที่ละจากยอดอกก็ยืดตัวขึ้นมองคนเบื้องล่างอย่างเต็มตา

“ปล่อยอีกรอบนะเด็กดี” สิรินเอ่ยกับดำด้วยน้ำเสียงของผู้ใหญ่กล่อมเด็ก จรดจูบลงบนท่อนขาเรียวที่พาดไหล่อยู่ เมื่อเห็นว่าดำพยักหน้าตอบรับทั้งที่ยังหอบเหนื่อย ก็เริ่มขยับช่วงล่างด้วยแรงอารมณ์อีกครั้ง

“คุณสิน อื้อ ดี ไอ้ดำ อืม รู้สึกดี อา” ดำมองช่วงล่างของตัวเองที่กำลังแนบชิดกับส่วนใหญ่ตัวของคนตัวสูง เป็นครั้งแรกที่สิรินสัมผัสเขาแบบนี้ มันรู้สึกดีกว่าที่คิดเอาไว้มากทีเดียว

เสียงหอบหายใจประสาน สิรินครางในลำคอเบาๆ ส่วนดำอดกลั้นไม่ไหว ปล่อยตัวไปตามอารมณ์ครางเสียงหวานตอบรับสัมผัสครั้งแล้วครั้งเล่าจนพวกเขาปลดปล่อยออกมาพร้อมๆ กัน

“แฮ่กๆ” สิรินปล่อยขาดำเป็นอิสระ หยุดมือที่กำลังขย้ำบั้นท้ายนุ่มนิ่มด้วยความเสียดาย สั่งตัวเองให้อดกลั้น หยุดการกระทำที่จะรังแกดำไปมากกว่านี้

“ไปอาบน้ำกันเถอะ” สิรินลุกยืนแล้วยื่นมือไปให้แต่ดำกลับส่ายหน้าปฏิเสธ คนตัวเล็กพยุงตัวเองนั่งครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ก่อนจะพยักหน้าหงึกหงักกับตัวเอง เป็นอันว่าตกลงกับตัวเองได้แล้ว

“คุณสินทำตามที่คุณสินต้องการก็ได้นะครับ...ไอ้ดำไม่อยากให้คุณสินทรมาน” ใช่แล้วทุกครั้งที่พวกเขาสัมผัสกัน สิรินเหมือนจะอดกลั้นความปรารถนาบางอย่างอยู่เสมอ แววตากับการกระทำสวนทางกันอย่างสิ้นเชิง ดำไม่อยากให้สิรินทรมานคนเดียว ทั้งที่เขามีความสุขมากขนาดนี้

ไอ้ดำอยากให้คุณสินมีความสุขจนถึงที่สุดบ้าง

“รู้รึเปล่าว่าพูดอะไรออกมา” สิรินนั่งลงบนเตียงแล้วลูบแก้มคนตัวเล็กเบาๆ เขาไม่อยากเอาเปรียบเด็กน้อยของเขา ถึงได้อดกลั้นอยู่เช่นนี้

“ไอ้ดำรู้ว่าไอ้ดำพูดอะไร ถึงจะไม่รู้ว่าจากนี้จะเกิดอะไรขึ้น แต่ไอ้ดำเต็มใจทำทุกอย่างที่คุณสินต้องการ นะครับ ทำเถอะนะ” ดำจับมือสิรินเอาไว้ ส่งสายตาจริงจังไปให้ ไม่ว่าสิรินจะทำอะไร เขาก็ไม่คิดจะถอยหนีเด็ดขาด

“รู้รึเปล่าว่าสิ่งที่ฉันจะทำ ถ้าคนนอกรู้เข้า ฉันจะติดคุกเชียวนะ”

“ไม่ติดหรอกครับ ไอ้ดำไม่บอก ให้รู้แค่คนที่เชื่อใจเหมือนเดิม” ดำยืนยันโดยไม่มีความลังเล เขาเชื่อใจสิรินมากกว่าตัวเองเสียอีก เชื่อว่าสิรินจะไม่ทำอะไรที่เป็นการทำร้ายเขาอย่างแน่นอน

“ฉันจะทำตรงนี้” คนตัวโตดึงดำเข้ามากอด ลูบมือลงไปบนแผ่นหลังเลื่อนต่ำลงจนถึงช่องทางคับแคบที่กระตุกเล็กน้อยเมื่อถูกเขาสัมผัส

“อะ ไอ้ดำ ไอ้ดำยอมครับ” ดำตกใจอยู่บ้าง แต่ก็หลับหูหลับตาตอบรับ ความต้องการที่อยากให้สิรินมีความสุขมีมากกว่าความกลัวกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับร่างกายนี้

“ดำ...ขอบคุณที่เชื่อใจฉัน” สิรินจรดจูบลงไปบนหน้าผากดำอีกครั้ง ไม่ว่าจะตอนไหนดำก็ไม่คิดจะปกปิดความรู้สึกตัวเองเลยสักครั้ง อยากทำอะไรก็พูดออกมาตรงๆ ต่างจากเขามากเหลือเกิน คนที่เตรียมใจยังไม่พอคงมีแค่เขาล่ะมัง

ดำสบตาสิรินก่อนจะพูดสิ่งที่นึกขึ้นมาได้

“ฝากเนื้อ ฝากตัว แล้วก็...ฝากร่างกายนี้ด้วยนะครับ” คนที่ได้ยินชะงักงันก่อนจะยิ้มออกมาอย่างไม่ปิดบัง

“เด็กดื้อ ไปจำคำพูดพวกนี้มาจากไหน” นี่ตั้งใจยั่วเขาอยู่ใช่รึเปล่า ดูสิ พูดทั้งที่ใบหน้าแดงก่ำ กับน้ำตาซึมนิดๆ ที่หางตาบ่งบอกความเขินอายแบบนี้ แปลว่าเข้าใจสินะว่าพูดอะไรออกมา

“ไอ้ดำดูในทีวี วะ เวลาจะทำอะไรกันต้องพูดแบบนี้ไม่ใช่เหรอครับ” ดำยังกดไปดูซีรี่ย์ช่องเดิม แม้เปลี่ยนเรื่องใหม่เรื่อยๆ แต่ทุกครั้งที่ทำอะไรกันด้วยร่างกายเปลือยเปล่า ขยับตัวแบบที่ดำไม่รู้ว่ากำลังทำอะไร คนที่โดนกอดก็จะพูดแบบนี้

ไอ้ดำจำได้ ถึงตอนนั้นไม่รู้ว่าทำอะไร แต่พอคุณสินบอกไอ้ดำก็เข้าใจแล้ว

“หึหึ พูดได้ ฉันชอบ...ช่างเลือกมาใช้จริงนะ เด็กขี้ยั่ว” คำว่าด้วยความเอ็นดูคำใหม่ที่ดำได้รับทำให้เจ้าตัวส่ายหน้าปฏิเสธ

ไอ้ดำยั่วตอนไหน!

ไม่รอให้ดำอธิบายอะไร สิรินก็ผลักดำเบาๆ ให้ลงไปนอนในตำแหน่งเดิม เอื้อมมือไปที่หัวเตียงแล้วหยิบเจลหล่อลื่นที่เผลอซื้อไว้ออกมา ทั้งที่คิดว่าจะรอดำเรียนจบมอปลายแต่ตอนที่ซื้อของเขากลับหยิบมาเพราะคิดถึงดำเสียได้

ดำถูกจับแยกขาออกกว้าง เผยช่องทางสีหวานกำลังขมิบไปมาเหมือนคาดหวังอะไรบางอย่าง สิรินชโลมเจลลงไปบนมือตัวเอง แล้วลูบไล้ช่องทางสีหวานจนเปียกชุ่ม

“คุณสิน เย็นจัง” ความเย็นกระตุ้นอารมณ์ดำไม่น้อย ทั้งที่ปลดปล่อยมาแล้วสองรอบ แต่ส่วนอ่อนไหวเล็กๆ นั่นก็เริ่มตื่นตัวอีกครั้ง

เมื่อเห็นว่าร่างกายของดำตอบรับ สิรินก็สอดแทรกนิ้วชี้เขาไปในช่องทางคับแคบ พร้อมยื่นมืออีกข้างไปกระตุ้นส่วนอ่อนไหวด้านหน้า ปลุกอารมณ์ให้ดำหายเกร็งจนนิ้วของเขาใส่เข้าไปไม่ได้แบบนี้

“ชู่ อย่าเกร็งเด็กดี หายใจเข้าลึกๆ นั่นแหละ แบบนั้น” ดำจิกเท้าลงบนที่นอนแน่น เพราะไม่เคยได้รับสัมผัสเช่นนี้ ภายในใจจึงรู้สึกกลัวขึ้นมาเล็กน้อยอย่างห้ามไม่อยู่ แต่เมื่อได้รับสัมผัสด้านหน้า กับคำพูดอ่อนโยนของสิริน ดำก็ทำตามอย่างเชื่อฟัง เพียงไม่นานนิ้วแรกก็เข้าไปจนสุด

“คุณสิน จูบ จูบไอ้ดำ” ปฏิเสธไม่ได้ว่าดำกำลังต้องการที่ยึดเหนี่ยว เพราะเกิดความกลัวขึ้นมาเล็กๆ จึงเรียกร้องสัมผัสจากคนตรงหน้ามากขึ้นๆ

สิรินตอบรับ ก้มลงจูบริมฝีปากบวมแดงเพื่อดึงความสนใจ พร้อมกับขยับนิ้วแรกเบาๆ ตามด้วยนิ้วที่สอง และนิ้วที่สามจนครบถ้วน

ทั้งริมฝีปาก ส่วนอ่อนไหวด้านหน้า และช่องทางสีหวาน เต็มไปด้วยสัมผัสของคนตัวโต ดำเคลิบเคลิ้มกับความวาบหวิวที่ถาโถมเข้ามามากมายกว่าครั้งไหนๆ พอสิรินปล่อยริมฝีปากออกก็ครางกระเส่าอย่างห้ามไม่อยู่

การเตรียมพร้อมผ่านไปเกือบหนึ่งชั่วโมง ดำปลดปล่อยไปถึง 2 ครั้ง เพราะสิรินต้องการเตรียมพร้อมให้ดำมากที่สุด ไม่อยากให้ช่องทางเล็กอักเสบหรือฉีกขาด เขาอดทนกัดฟันจนเส้นเลือดบนขมับเต้นตุบๆ

“คุ คุณสิน อืม อยากทำอะไรไอ้ดำทำเลยครับ ไม่ต้องอดทนแล้ว” ดำเห็นคนที่ตัวเองรักต้องทรมานก็ทนไม่ไหว สัญชาตญาณร้องบอกว่ามันมีอะไรที่มากกว่านี้ ต้องทำให้มากกว่านี้

“ดำถ้าเจ็บก็บอกฉันนะ...แต่ถ้าฉันหยุดตัวเองไม่ได้จะต่อยฉันก็ได้” สิรินรู้ดีว่าเส้นความอดทนของเขาขาดลงแล้ว ยิ่งถ้าได้สอดใส่ส่วนอ่อนไหวเข้าไปเขาอาจจะไม่อาจหยุดตัวเองได้อีก

“ไม่ต่อย ไอ้ดำไม่ต่อย” ดำสะบัดหน้าไปมาเพื่อยืนยันคำพูดของตัวเอง ถึงคุณสินทำไอ้ดำเจ็บ ไอ้ดำก็ไม่คิดจะทำร้ายคุณสินเด็ดขาด

“เด็กน้อยของฉัน...เธอเป็นของฉัน” สิรินก้มจูบเปลือกตาคนตัวเล็กอย่างแผ่วเบา ด้านล่างก็ค่อยๆ จับส่วนแข็งขืนของตนสอดแทรกเข้าไปในตัวดำช้าๆ พอเห็นดำสะดุ้งจากสัมผัสนั้นก็จูบปากปลอบประโลมถ่ายทอดความรู้สึกโหยหาเพื่อให้ดำสบายใจมากขึ้น

“เด็กน้อยของฉัน...เธอเป็นของฉัน” สิรินก้มจูบเปลือกตาคนตัวเล็กอย่างแผ่วเบา ด้านล่างก็ค่อยๆ จับส่วนแข็งขืนของตนสอดแทรกเข้าไปในตัวดำช้าๆ พอเห็นดำสะดุ้งจากสัมผัสนั้นก็จูบปากปลอบประโลมถ่ายทอดความรู้สึกโหยหาเพื่อให้ดำสบายใจมากขึ้น

“ดำฉันจะขยับแล้วนะ”

“ครับ ครับ อื้อ อะ อ๊า” เสียงขยับกายกระทบกันครั้งแล้วครั้งเล่า เสียงหอบหายในสอดผสานกลบเสียงเครื่องปรับอากาศเสียหมดสิ้น ความสุขล้นทะลักเมื่อได้ทำอย่างที่ใจต้องการ ไม่ต้องอดทนอีกแล้ว เด็กน้อยของเขากลายเป็นของเขาทั้งตัวทั้งหัวใจแล้ว

ทั้งตัว ทั้งใจ ทั้งร่างกายที่ฝากมา ขอสัญญาว่าจะดูแลเป็นอย่างดี

“ดำ ดำ อืม ฉันรักดำนะ” คำบอกรักที่ได้ยินครั้งแรกทำให้ดำน้ำตาคลอ ถึงการแสดงออกทั้งหมดของสิรินจะชัดเจนในเรื่องนี้ แต่เมื่อได้ยินความรู้สึกออกจากปากจริงๆ แล้วกลับรู้มีความสุขจนกลั้นน้ำตาไว้ไม่ได้

“อา ฮึก ฮือ ไอ้ดำ ไอ้ดำก็รักคุณสินครับ” ดำบอกบ้าง เสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นดังสลับกับเสียงครางแห่งความเสียวซ่านลั่นห้อง ความรู้สึกลุกโชน ร่างกายตอบรับ กลืนกินซึ่งกันและกันอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลงง่ายๆ

ยิ่งมีความสุขช่องทางคับแคบยิ่งรัดแน่น แทงร้อนที่สอดแทรกอยู่ก็ใหญ่ขึ้นไปอีก สิรินเองก็ดีใจไม่แพ้กันที่ได้ยินคำบอกรักจากดำ ไม่ว่าจะครั้งไหน คำบอกรักของดำมีค่าเสมอ

กระแทกกระทั้นจนร่างกายโยกคอน โอบกอดจรดจูบดูดดื่ม เหนื่อยหอบยิ่งกว่าวิ่งออกกำลัง ในที่สุดพวกเขาก็ใกล้ถึงจุดหมาย

“พร้อมกัน พร้อมกันนะดำ ซีด อื้ม” ร่างกายใหญ่โตขยับเร็วขึ้นตามแรงปรารถนาที่กำลังจะถึงฝั่ง โอบกอดร่างกาย บีบคั้นสะโพกเล็กแน่น

“ครับๆ อะอ๊า” น้ำสีขาวขุ่นของดำเปรอะหน้าท้องของเขาและสิริน ส่วนสิรินขยับกายอีก สองสามครั้งก็ปลดปล่อยในตัวดำตามมาติด

สิรินล้มตัวนอนลงข้างๆ ก่อนจะดึงตัวดำเข้ามากอด ลูบไล้ร่องรอยที่ทิ้งไว้บนร่างกายสีน้ำผึ้งอย่างพอใจ ดำเป็นของเขาอย่างสมบูรณ์แล้ว

“ขอบคุณครับเด็กน้อยของฉัน” ตามด้วยจูบส่งผ่านความรักที่เริ่มจากหน้าผาก เลื่อนลงไปยังเปลือกตา แก้มที่ยังขึ้นสีแดงระเรื่อ และจรดจูบริมฝีปากอย่างแผ่วเบา ไม่ได้ล่วงล้ำไปมากกว่านั้น

“ไอ้ดำมีความสุข” ดำยิ้มกว้าง ไม่เห็นจะรู้สึกแย่ หรือน่ากลัวเลย ถึงจะทรมานในช่วงแรก แต่พอหลังจากนั้นเขาก็มีความสุขจนไม่อาจบรรยายได้

“ฉันก็มีความสุข ดำเป็นคนรักของฉันแล้วนะ” สิรินสบตาแล้วยิ้มกว้างไม่ต่างกัน วันนี้มีความสุขจนไม่อาจเก็บรอยยิ้มไว้ได้อีกแล้ว เด็กน้อยของเขาทั้งน่ารัก ทั้งซื่อตรง และยังกล้าหาญ มีความกล้ายิ่งกว่าเขาเสียอีก

เขาชักจะตกหลุมรักดำมากขึ้นไปทุกที คงไม่อาจปีนขึ้นจากหลุมที่ตั้งใจกระโดดลงไปเองได้...ไม่สิเขาไม่คิดจะปีนขึ้นไปเลยต่างหาก

“ครับ คุณสินก็เป็นคนรักของไอ้ดำแล้วนะ ฮี่ๆ”





โปรดติดตามตอนต่อไป...



_______________________________________________________

มาแล้วค่า มาช้าเพราะ NC ยาวๆ

ถือเป็นฉากที่ยากมากสำหรับกรีน ครั้งนี้แต่งครั้งที่ 2 แล้วไม่รู้ว่าจะพัฒนาขึ้นบ้างรึเปล่า

แต่ไม่ว่าจะครั้งแรกหรือครั้งนี้ แต่งไปก็เขินไปอยู่ดี ฮ่าๆ ...ทั้งที่อ่านได้สบายๆ แท้ๆ เลย

ออกมาเป็นยังไงบ้างก็ติชมกันได้นะคะ จะได้เอาไว้ไปแก้ไขในตอนต่อๆ ไป

เซอร์วิสก่อน ตอนหน้าจะเครียดจริงๆ แล้วนะ!


#Talk ตัวโตๆ

แจ้งข่าวดีค้า นิยายเรื่องนี้จะได้จัดทำเป็นรูปเล่มให้ได้เก็บกัน ตอนที่เปลี่ยนหัวเรื่องบอกเลยมือสั่นมาก ไม่คิดว่านิยายตัวเองจะมีวันนี้ ถือว่าเป็นรางวัลสำหรับความพยายามของกรีนที่มีมาตลอด ดีใจจนหุบยิ้มไม่ได้ไปหลายวันเลยค่ะ

ขอบคุณทุกคนที่ติดตาม คอยอ่านคอยให้กำลังใจมาตลอด ความสำเร็จครั้งนี้ก็เพราะมีคนเข้ามาอ่าน เข้ามาชอบนิยายที่กรีนเขียนด้วย รวมทั้งสำนักพิมพ์ที่ให้โอกาสนักเขียนหน้าใหม่อย่างกรีน ขอบคุณมากจริงๆ ค่ะ

ใครรักใครชอบน้องดำกับคุณสิน ก็เก็บเงินรอได้เลยนะคะ

ขอฝากนิยายเรื่องนี้อีกครั้งค่า
หัวข้อ: Re: = P A Y = เปย์ข้าด้วยบุฟเฟ่ต์สิ [เปย์ครั้งที่ 15] 29.05.2018
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 29-05-2018 18:55:01
ฟินอ่ะ  :heaven
หัวข้อ: Re: = P A Y = เปย์ข้าด้วยบุฟเฟ่ต์สิ [เปย์ครั้งที่ 15] 29.05.2018
เริ่มหัวข้อโดย: Mayana ที่ 30-05-2018 17:22:02
 :haun4: :haun4:
หัวข้อ: Re: = P A Y = เปย์ข้าด้วยบุฟเฟ่ต์สิ [เปย์ครั้งที่ 15] 29.05.2018
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 31-05-2018 02:59:35
ฟินได้เลือด :haun4:
หัวข้อ: Re: = P A Y = เปย์ข้าด้วยบุฟเฟ่ต์สิ [เปย์ครั้งที่ 15] 29.05.2018
เริ่มหัวข้อโดย: ammchun ที่ 31-05-2018 22:04:22
ดำโดนกินเรียบร้อยยยยยย :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: = P A Y = เปย์ข้าด้วยบุฟเฟ่ต์สิ [เปย์ครั้งที่ 15] 29.05.2018
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 01-06-2018 08:54:21
น้องดำน่ารักสุด ๆ
หัวข้อ: Re: = P A Y = เปย์ข้าด้วยบุฟเฟ่ต์สิ [เปย์ครั้งที่ 15] 29.05.2018
เริ่มหัวข้อโดย: yanisa0801448037 ที่ 01-06-2018 22:10:55
 :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1:อร้ายยยย  :z3: :z3: :z3: :z3: :z3:เขินเป็นบ้าเป็นหลัง ดำลูกกกกกกก :jul1: :jul1: :jul1: :jul1: :jul1: NCไรท์เตอร์คือแบบ.............. ภาพก้อมาไรงี้ ขอบคุณี่เขียนให้อ่านนะคะ รอตอนต่อไปอยู่คร้าาาา(ลุ้นว่าคุณสินจะไปทั่วฮ่องกงป่าว55555)
หัวข้อ: Re: = P A Y = เปย์ข้าด้วยบุฟเฟ่ต์สิ [เปย์ครั้งที่ 15] 29.05.2018
เริ่มหัวข้อโดย: พัดลม ที่ 02-06-2018 10:02:57
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: = P A Y = เปย์ข้าด้วยบุฟเฟ่ต์สิ [เปย์ครั้งที่ 15] 29.05.2018
เริ่มหัวข้อโดย: dukdikdukdik ที่ 02-06-2018 18:35:22
น้องดำน่าร้ากกกกก  :hao7:
หัวข้อ: Re: = P A Y = เปย์ข้าด้วยบุฟเฟ่ต์สิ [เปย์ครั้งที่ 15] 29.05.2018
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 07-06-2018 22:26:21
 :mc4: :man1: :mc4:

 :กอด1: :L1: :pig4: :pig4: :pig4: :L1: :กอด1:


 o13
หัวข้อ: เปย์ครั้งที่ 16 [1]
เริ่มหัวข้อโดย: GreenHead(หัวเขียว) ที่ 10-06-2018 23:21:00
เปย์ครั้งที่ 16

น้ำลอดใต้ทราย

‘การกระทำบางสิ่งบางอย่างที่เป็นไปอย่างลับๆ ไม่มีผู้รู้เห็น’

ฉู่...

ฉ่า...

เสียงเนื้อดังฉู่ฉ่าบนเตาที่กำลังร้อนได้ที่ เรียกน้ำลายคนที่จดจ้องรอกินอยู่ได้อย่างไม่ยากเย็น ยิ่งกลิ่นหอมคละเคล้าของซอสบนตัวเนื้อยิ่งเรียกความอยากอาหารของพวกเขาได้มากยิ่งขึ้น

บนเตาย่างบาร์บีคิวทรงกระบอกแบบผ่าครึ่งบรรจุด้วยถ่านไม้อยู่ด้านใน เวลานี้มีเนื้อเสียบไม้วางอยู่อย่างหลากหลาย ทั้งแบบเนื้อติดมันที่เสียบบนไม้จนแทบไม่เหลือพื้นที่สำหรับจับ ทั้งกระดูกซี่โครงที่เชื่อมกันยาววางอยู่หลายชิ้น ทั้งแบบบาร์บีคิวที่สอดแทรกไว้ทั้งพริกหยวกสีเขียว แดง มะเขือเทศ และสับประรสสีเหลืองสด ยิ่งเพิ่มซอสบาร์บีคิวสูตรลับของมาร์โก้ลงไปด้วยแล้วนับว่า เป็นอาหารที่เหมาะแก่การเลี้ยงฉลองเป็นอย่างยิ่ง

“ปะป๋าสุกรึยังครับ ไอ้ดำหิว อึก” ดำพูดทั้งยังกลืนน้ำลายที่ไหลออกมาครั้งแล้วครั้งเล่า ผู้ที่ได้รับผลจากอาหารน่ากินเหล่านี้มากที่สุดคงหนีไม่พ้นดำ น้ำลายไหลก็แล้ว ท้องร้องก็แล้ว ก็ดูท่าว่าเนื้อย่างบนเตาจะไม่สุกเสียที

เหมือนเวลาจะผ่านไปยาวนานแต่ความจริงหลังจากที่ไฟร้อนจนนำเนื้อที่หมักจนเสร็จวางไว้ด้านบนก็ผ่านมายังไม่ถึง 2 นาทีเสียด้วยซ้ำ

“มาแล้วๆ รอหน่อยเจ้าตัวกินจุ ไม่คิดจะรอพี่ชายสุดหล่อคนนี้เลยรึไง” เสียงมาก่อนตัวจะถึง แต่ด้วยคำพูดไม่อายปากเช่นนี้คงหนีไม่พ้นทิวเจ้าเก่า เขาเดินเข้ามาพร้อมกับกล่องพลาสติกใบใหญ่ และตามติดด้วยน่านกับก้องที่ยกกล่องตามมาไม่ต่างกัน

“บู้ ก็ไอ้ดำไม่ไหวแล้ว ท้องร้องจ๊อกๆ ว่าแต่พวกคุณทิวยกอะไรมาครับ” ดำแก้ตัวก่อนจะพุ่งความสนใจไปกล่องพลาสติกใบใหญ่ แต่ทิวกลับลอยหน้าลอยตา ผิวปากสบายอารมณ์ไม่ยอมไขข้อข้องใจให้ดำ ใบหน้าดูมีความสุขสุดๆ ที่กวนประสาทผู้คนสำเร็จ

“เฮ้อ เลิกแกล้งน้องได้แล้ว เอากล่องไปวางเลย ไม่หนักรึไง” น่านอดที่จะบ่นออกมาไม่ได้ สองคนนี้เล่นกันเป็นเด็กๆ ไม่เปลี่ยนเลย ทั้งที่อายุห่างกันหลายปีแท้ๆ ดูทำหน้าทะเล้นเข้าสิ สักวันโดนดำอัดเข้าคงบ่นไม่ได้

“ครับๆ คุณน่านครับ” ถึงอย่างไรก็ไม่เลิกนิสัยกวนประสาท นอกจากคำตอบรับที่แฝงความล้อเลียนอยู่ในนั้นแล้วทิวยังหันมาแลบลิ้นให้น่านหนึ่งที จึงค่อยยกกล่องเข้าไปวางที่โต๊ะ

“กลับมาเร็วดีนี่ ทางนี้เตรียมของเสร็จพอดีเลย” สิรินเดินออกมาจากตัวบ้านก็เห็นเพื่อนๆ ของเขากลับมาถึงพอดีจึงเอ่ยทักขึ้น ทั้งที่ไปกันสามคนแต่กลับได้ยินเสียงแค่สองคนอีกตามเคย ส่วนก้องที่ตามเข้ามาทีหลังเอาหัวซุกลงบนกล่องพลาสติกจนแทบจะหลับท่านั้นอยู่แล้ว เหมาะสมกับฉายาก้องง่วงเสียจริงๆ

แต่ก็ไม่รู้ว่าหลับจริงหลับปลอม เพราะเมื่อทิวเอาของมาวางไว้บนโต๊ะ ก้องก็เดินตามเอามาวางอย่างรู้หน้าที่ แล้วยื่นมือไปขยี้หัวทิวเสียจนผมเสียทรง คงจะหมั่นไส้เจ้าตัวกวนไม่ต่างจากน่านแม้แต่น้อย

วันนี้พวกเขานัดกันมาเลี้ยงฉลองที่บ้านเช่าของคนทั้งสาม สิรินอยู่ที่คอนโดของตัวเอง แต่เพื่อนๆ ของเขากลับเช่าบ้านอยู่ด้วยกัน ทั้งที่มีกำลังทรัพย์เพียงพอสำหรับซื้อบ้านเป็นของตัวเอง แต่กลับยืนยันเสียงหนักแน่นว่าจะอยู่แบบนี้ มันเป็นเหตุผลส่วนตัวที่เขาเองก็ไม่คิดจะสอดมือเข้าไปยุ่มย่าม

บ้านสองชั้น ด้านล่างสร้างด้วยปูน ด้านบนเป็นไม้ มีครัวเล็กๆ ที่ต่อเติมออกมาด้านหลังติดกับลานกว้างด้านหลังบ้าน ซึ่งเหมาะสำหรับกินเลี้ยงกลางแจ้งเช่นนี้เป็นอย่างยิ่ง

“ไหนได้อะไรมาบ้าง” มาร์โก้ละสายตาจากหน้าเตาหลังจากพลิกกลับไม้ย่างไปอีกด้าน ดำเองก็สนใจ รีบวิ่งจู๊ดเข้าไปดูกล่องพลาสติกใกล้ๆ อย่างรวดเร็ว

ทิวเปิดกล่องพลาสติกด้านหน้า ไอเย็นของน้ำแข็งก็กระจายออกมาจนทำให้ดำที่ชะโงกดูใกล้กว่าใครรู้สึกหนาวไปทั้งใบหน้า

“ว้าว กุ้ง กุ้ง ตัวโตล่ะ” ในกล่องพลาสติกบรรจุไว้ด้วยกุ้งจนเต็มกล่อง ดำตาโตอย่างตื่นเต้น

นอกจากเนื้อย่างของปะป๋า วันนี้ไอ้ดำจะได้กินกุ้งด้วยล่ะ ว้าวๆ

“ไม่ใช่แค่กุ้งนะ ยังมีกั้ง หมึก หอยนางรม แล้วก็ของทะเลอีกหลายอย่างเลยล่ะ สดๆ ทั้งนั้น ก้องกับน่านออกไปยกอีก 2 กล่องเข้ามาแล้ว วันนี้กินเต็มที่เลย ฮ่าๆ ๆ” ทิวพูดอวดอย่างภูมิใจ วันนี้พวกเขาทั้งสามได้รับหน้าที่ไปซื้อของทะเลจากหาดที่อยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ มากนัก

ออกจากบ้านไปช่วงสายถึงได้กลับมาเวลานี้ ส่วนพวกสิรินก็ได้เข้ามาเตรียมเตา กับของสดจำพวกเนื้อ ไม่ว่าจะเป็นเนื้อหมู เนื้อไก่ รออยู่ก่อนแล้ว งานฉลองจึงมีขึ้นช่วงเกือบๆ บ่ายสามโมงพอดิบพอดี

กุญแจบ้านก็ไม่ต้องห่วง เพราะนอกจากพวกเขาทั้งสามจะมีกุญแจคอนโดของสิรินแล้ว สิรินเองก็มีกุญแจบ้านของพวกเขาไม่ต่างกัน เพื่อความสะดวกอะไรหลายๆ อย่างเช่นตอนนี้

“ดีๆ สินรับช่วงต่อย่างเนื้อให้เจ้าตัวเล็กกินไปก่อนนะ ส่วนทิวจะเข้าไปช่วยฉันเตรียมของหรือจะให้เจ้าพวกนั้นไปช่วยแทน” เพราะของทะเลที่ได้มาสดๆ ต้องเตรียมให้สะอาด และเหมาะกับปิ้งย่างเสียก่อนจึงจะได้รสชาติที่ดีขึ้น มาร์โก้จึงขันอาสาที่จะทำหน้าที่นี้ แต่ก็ต้องการลูกมือไปช่วยหยิบจับของอีกสักคน

“ผมไปเอง พวกนั้นปล่อยให้ผมเฝ้าของที่รถแล้วหายหัวไปซื้อกันเอง ให้พวกมันพักเถอะครับ” ว่าแล้วทิวก็ตามมาร์โก้เข้าไปด้านในครัวที่ต่อเติมออกมาเพื่อทำอาหารทานกันเองโดยเฉพาะ

รอบแรกให้ไปช่วยเลือกก็จริงแต่พอเอาของมาเก็บ กลับถูกบังคับให้นั่งเฝ้าของที่วางไว้ในรถ โดยให้เหตุผลว่าถ้าไม่เปิดแอร์ในรถเอาไว้เดี๋ยวน้ำแข็งละลายเร็ว ของที่ซื้อมาจะเสีย พอจะเถียงเสียหน่อยว่าใช้เวลาไม่ได้มากขนาดนั้นก็ถูกมองด้วยสายตาแกมบังคับจนขัดไม่ได้ ให้ตายเถอะ เจ้าพวกบ้านั่น สุดท้ายเขาก็ต้องเปิดแอร์นั่งรอในรถจนได้

คนที่ว่างที่สุดไม่ใช่ทิวแต่เป็นเจ้าตัวเล็กของบ้าน ที่ตอนนี้ได้แต่เดินตามสิรินต้อยๆ ไปนั่งรอบนเก้าอี้ข้างเตา จดจ้องรอให้เนื้อบนเตาสุกเร็วๆ พรางเช็ดน้ำลายที่ไหลออกมาจากปากครั้งแล้วครั้งเล่า ดวงตาเป็นรูปเนื้อจนไม่สนใจอย่างอื่นแล้ว

สิรินย่างเนื้อบนเตา สลับกับหันมามองดำแล้วยิ้มเอ็นดู ตั้งแต่มาถึงก็เอาแต่เดินตาม ไม่ว่าจะเป็นตอนเขาจุดไฟ หรือช่วยมาร์โก้เตรียมของเพิ่มในครัว มีบ้างที่ดำออกปากช่วย สิรินจึงให้ช่วยเพียงยกของเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น สภาพครัวเละเทะยังคงติดตา ไม่อาจวางใจให้ช่วยเตรียมของสดได้จริงๆ ถึงมาร์โก้จะหมักหมู กับซอสไว้แล้ว แต่ก็ยังต้องเตรียมเนื้อกับผักสด จะอย่างไรก็หมักทั้งไม้เอาไว้ตั้งแต่เมื่อวานไม่ได้

อีกทั้งที่สิรินไม่ยอมให้ดำช่วยยกของหนักจำพวกเตา เพราะเขาห่วงร่างกายของคนตัวเล็กไม่น้อย เมื่อคืนเขารังแกดำไปเสียสองรอบเพราะอดใจที่จะหยุดแค่รอบเดียวไม่ไหว ยังดีที่จิตสำนึกยังฉุดรั้งเอาไว้ บวกกับสภาพที่พร้อมหลับทุกเวลาของดำ ทำให้เขาหยุดตัวเองได้ ไม่เช่นนั้นแล้ว ไม่แน่ว่างานฉลองวันนี้อาจจะต้องเลื่อนไปก่อนก็ได้

เขาพาดำไปอาบน้ำล้างตัวแล้วพากลับมานอน แต่เจ้าตัวกลับบ่นหิว จากที่ตั้งใจจะนอนกกกอดกันถึงเช้า จึงกลายเป็นพวกเขาต้องมานั่งทานข้าวด้วยกันเสียได้ อีกทั้งเพราะสภาพดำในตอนนั้นทำให้มาร์โก้ส่งสายตาตำหนิเขาระหว่างทำอาหารให้ไม่น้อยเลย

นั่นสินะ รังแกลูกรักของมาร์โก้ไปเสียขนาดนั้น

ถึงคืนนั้นดำจะเดินอย่างทุลักทุเลอยู่บ้างแต่พอเช้ามากลับวิ่งเริงร่าได้ตามปกติ ร่างกายฟื้นฟูเร็วเกินคาด ทั้งยังกินจุเพิ่มขึ้นอีก คงเพราะต้องชดเชยพลังงานที่เสียไป เขาจึงพอวางใจได้บ้าง ไม่ต้องเลื่อนกำหนดการออกไปอย่างที่คิดไว้ เพียงระวังไม่ให้ดำทำอะไรหนักเกินไปเท่านั้น

“คุณสินหอมมากเลยครับ ยังไม่สุกอีกเหรอ” ดำมองตาละห้อย เนื้อย่างที่เปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลอมเหลืองยิ่งดูน่ากิน เขาจึงส่งสายตาออดอ้อนไปให้สิรินโดยไม่รู้ตัว

“ใกล้แล้ว รออีกนิดนะ” สิรินอยากยกมือขึ้นไปลูบผมนุ่มนิ่มของดำใจจะขาด แต่มือของเขาเปื้อนเสียขนาดนี้จึงได้แต่ส่งยิ้มละมุนกลับไปเท่านั้น

“ถะ ถ้าอย่างนั้นไอ้ดำไปหยิบจานมาให้นะครับ” ว่าจบก็วิ่งหายเข้าไปในครัวอีกคน สิรินได้แค่มองใบหูที่แดงก่ำแล้วหัวเรอะหึหึอย่างพึงพอใจ เจ้าตัวเล็กของเขาดูจะเข้าใจความรู้สึกของตัวเองมากขึ้นอีกขั้นแล้ว

ส่วนดำนั้นหลับหูหลับตาวิ่งสุดกำลัง ยังไม่เข้าใจแม้แต่น้อยว่าทำไมอุณหภูมิบนใบหน้ากับหัวใจของเขาถึงได้เต้นแรงแบบนี้

‘ไอ้ดำเป็นอะไรไป หรือว่า หรือว่าไอ้ดำอาย เหมือนที่เห็นในทีวี ต้องใช่แน่ๆ แต่เป็นเพราะอะไรล่ะ แค่คุณสินยิ้ม ยิ้มเหมือนทุกครั้งแท้ๆ

รู้แล้ว เพราะเมื่อคืนคุณสินก็ยิ้มแบบนั้น... ตอนที่ ตอนที่ อ้าก! ไอ้ดำสลัดภาพเมื่อคืนออกไปไม่ได้’


ดำสะบัดหัวไปมาพยายามไล่ความคิดลามกของตัวเองออกไป เพราะได้รับสัมผัสที่มีความสุขกว่าทุกครั้ง ทำให้ดำเห็นภาพเหล่านั้นวนในหัวครั้งแล้วครั้งเล่า

ไม่ว่าจะมองนิ้ว มองปาก มองรอยยิ้มของสิริน ดำก็ยิ่งควบคุมความคิดตัวเองไม่ได้

ไอ้ดำเป็นเด็กลามกอย่างที่คุณสินว่าจริงๆ ด้วย!

มาร์โก้กับทิวมองภาพดำเอาหัวโขกประตูอยู่ด้วยความงุนงง หลังจากวิ่งเข้ามาในครัวดำก็ยกมือปิดหน้าพึมพำอะไรอยู่คนเดียว ผ่านไปสักพักก็หันไปเอาหัวโขกประตูไม่พูดไม่จาอะไรเลย

“ดำเป็นอะไร” ทิวส่งเสียงทัก กลัวว่าดำจะทำร้ายตัวเองจนสิรินโกรธขึ้นมา

ดำสะดุ้งตกใจ เหมือนว่าก่อนหน้านี้ลืมไปเสียสนิทว่ามีคนอยู่ในครัวถึงสองคน จึงได้แต่หันหน้ามายิ้มแหะๆ ลูบหน้าลูบตาให้อุณหภูมิบนหน้าลดลงได้บ้างก็ยังดี

“ไอ้ดำ ไอ้ดำ อ๊ะ คิดออกแล้ว ไอ้ดำมาเอาจานไปใส่เนื้อย่างครับ” จากลูบหน้าก็เกาหัวแกร็กๆ พยายามนึกว่าตัวเองเข้ามาในครัวทำไม

“อ้าว จานก็วางไว้ด้านนอกไม่ใช่เหรอ” ทิวยังคงซักฟอกต่อ ใบหน้าที่ยังมีสีแดงอยู่ กับท่าทางแปลกๆ ของดำนั่นต้องมีอะไรอยู่เบื้องหลังแน่ๆ น่าสนุกสุดๆ ไปเลย

“ไอ้ดำ...ไอ้ดำลืม- “

“ใจเย็นๆ นั่งพักให้ใจเย็นลงก่อนก็ได้ ทิวก็อย่าไปแกล้งดำเลย เจ้าตัวเล็กคงกำลังสับสน” มาร์โก้ห้ามทัพ เพราะรู้ดีว่าเกิดอะไรขึ้น หลังจากที่ผ่านเรื่องราวลึกซึ้งมาแล้วความรู้สึกมักจะไหลทะลักออกมาเช่นนี้ ยิ่งดำเป็นเด็ก และพึ่งเกิดเรื่องเช่นนี้เป็นครั้งแรก ย่อมจัดการความรู้สึกยากเป็นธรรมดา

ดำขอบคุณมาร์โก้ ก่อนจะยืนสงบสติตัวเองอีกเล็กน้อย โดยมีทิวเดินไปเดินมาวนรอบตัวดำอย่างสำรวจ และจากมุมมองด้านบนด้วยขนาดตัวที่สูงกว่า เขาจึงเห็นร่องรอยตามตัวของดำผ่านคอเสื้อ ซึ่งไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเป็นรอยอะไร

หึหึ นึกว่าจะอดทนจนดำเรียนจบ ตบะแตกแล้วเรอะ ฮ่าๆ ๆ

ทิวกระหยิ่มยิ้มย่อง มีเรื่องให้ล้อเจ้าคนหน้าตายแล้ว มีความสุขจริงจริ๊ง

ส่วนดำที่ไม่รู้ว่าทิวคิดอะไรอยู่ก็วิ่งออกไปด้านนอกหลังจากสงบใจได้แล้ว เพียงแต่ลืมไปหมดสิ้นเช่นกันว่าตัวเองต้องมาหยิบจานออกไป ซึ่งสิรินก็ไม่ได้ทักท้วง เขารู้ดีว่าดำคงเขินอายจากเรื่องเมื่อคืนไม่น้อย และเขาก็พอใจจะให้เป็นเช่นนั้น

บาร์บีคิววางบนจานกว่า 10 ไม้ โดยมีดำนั่งมองน้ำลายไหลเยิ้ม เสียงโครกครากดังอย่างต่อเนื่อง บ่งบอกว่าตอนนี้เขาแทบทนต่อไปไม่ไหวแล้ว เวลานี้ความคิดจึงยึดติดแค่กับของกินเท่านั้น

“กินได้เลย” เมื่อสิรินเอ่ยปากอนุญาต ดำก็ลงมือจ้วงอย่างไม่เกรงใจ





********************************50%**********************************

แอบแวะมาแปะค้า

อีกครึ่งขอพรุ่งนี้น้า

กรีนหายไปเพราะเป็นช่วงเขียนไม่ไปจริงๆ

ตอนหน้าเตรียมฉลองปาร์ตี้กัน

แล้วเจอกันจ้า
หัวข้อ: Re: = P A Y = เปย์ข้าด้วยบุฟเฟ่ต์สิ [เปย์ครั้งที่ 16 >50%<] 10.06.2018
เริ่มหัวข้อโดย: ammchun ที่ 11-06-2018 01:13:35
ดำน่ารักกกกกก :mew1:
หัวข้อ: Re: = P A Y = เปย์ข้าด้วยบุฟเฟ่ต์สิ [เปย์ครั้งที่ 16 >50%<] 10.06.2018
เริ่มหัวข้อโดย: Meen2495 ที่ 11-06-2018 01:23:36
ไม่มีตอนไหนที่ดำไม่ตกหลุม ที่คุณสินลวงด้วยของกิน
ส่วนคนอ่าน อ่านแล้วก็หิวตามทู๊กกกกเมนู :ling1:
หัวข้อ: Re: = P A Y = เปย์ข้าด้วยบุฟเฟ่ต์สิ [เปย์ครั้งที่ 16 >50%<] 10.06.2018
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 11-06-2018 02:06:03
เขินหรือไม่เขิน ดำก็กินได้ตลอดอยู่ดี  :hao3:
หัวข้อ: Re: = P A Y = เปย์ข้าด้วยบุฟเฟ่ต์สิ [เปย์ครั้งที่ 16 >50%<] 10.06.2018
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 11-06-2018 08:38:49
ดำเขินได้น่ารักมากอ่ะ
หัวข้อ: Re: = P A Y = เปย์ข้าด้วยบุฟเฟ่ต์สิ [เปย์ครั้งที่ 16 >50%<] 10.06.2018
เริ่มหัวข้อโดย: kokoro ที่ 11-06-2018 09:10:35
ดำเป็นความสดใสให้กับคนรอบๆตัวจริงๆ
อยู่กับใครก็ต้องเอ็นดู
หัวข้อ: Re: = P A Y = เปย์ข้าด้วยบุฟเฟ่ต์สิ [เปย์ครั้งที่ 16 >50%<] 10.06.2018
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 11-06-2018 09:11:14
 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: = P A Y = เปย์ข้าด้วยบุฟเฟ่ต์สิ [เปย์ครั้งที่ 16 >50%<] 10.06.2018
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 11-06-2018 13:44:05
ติดตามจ้า ชอบดำจังเลย
หัวข้อ: เปย์ครั้งที่ 16 [2]
เริ่มหัวข้อโดย: GreenHead(หัวเขียว) ที่ 12-06-2018 10:37:53
เปย์ครั้งที่  16 (ต่อ)

กลิ่นหอมซอสที่ทาบนตัวเนื้อยิ่งเย้ายวนมากขึ้นเมื่อเข้ามาอยู่ในระยะใกล้ขนาดนี้ ก่อนจะกินดำก็อดใจไม่ไหวที่จะยกขึ้นมาสูดดมเข้าเต็มปอด

อา หอมมาก สดชื่น ความสดชื่นของธรรมชาติก็ไม่รู้สึกพอใจขนาดนี้ ทั้งหอมทั้งน่ากิน แถมยัง อึก ต้องอร่อยมากแน่ๆ กินล่ะนะคร้าบบบ

กัดเข้าไปคำแรกก็ได้รสอร่อยดังที่คาด ไม่ว่าจะหมู หรือซอสล้วนแล้วแต่เข้ากันจนหยุดกินไม่ได้ ยิ่งปิ้งด้วยเตาถ่าน ความหอมของถ่านไม้ยิ่งช่วยอบอวลจนกลายเป็นเมนูสุดพิเศษ ทั้งรสชาติ ทั้งความหอมล้วนเพิ่มขึ้นในแบบที่เตาไฟฟ้าไม่อาจเทียบได้

หมูนุ่มมาก อันนี้คือหมูที่ปะป๋าหมักไว้ตั้งแต่เมื่อคืนสินะ รสซอสที่ออกเผ็ดนิดๆ คืออะไร ไม่ใช่เผ็ดแบบพริก แต่แผ่ซ่านออกมานิดๆ ทุกครั้งที่เคี้ยว เข้ากับเนยที่ทาลงไปก่อนทาซอสได้เป็นอย่างดี บาร์บิคิวสุดยอด!

ส่วนพริกสีเขียวแดงพวกนี้ก็หวานไม่เหมือนพริกเลย ทั้งที่เมล็ดออกจะใหญ่โตแท้ๆ ยิ่งกินมะเขือเทศตามเข้าไปรสชาติในปากก็ยิ่งสดชื่น แถมท้ายด้วยสับประรสสีเหลืองรสเปรี้ยวอมหวานก็เพิ่มความอยากอาหารได้เป็นอย่างดี

จะให้ไอ้ดำกินอีกกี่ไม้ก็ไหว!

ดำดื่มด่ำกับการกินบาร์บีคิวกว่า 10 ไม้บนจานจนหมดเกลี้ยง เป็นเวลาเดียวกับที่อาหารทะเลเตรียมพร้อมเสร็จสรรพ ปาร์ตี้จริงๆ จะเริ่มต้นต่อจากนี้

พวกเขานั่งล้อมโต๊ะไม้ตัวยาว บนโต๊ะเพิ่มหม้อสุกี้ไฟฟ้าขึ้นมาอีกตัว สำหรับใครที่รอย่างไม่ไหวก็ต้มรอไปพลางๆ ก่อน ซึ่งดำก็หยิบของลงหม้อก่อนใครอีกตามเคย ถือคติกินสองเตาดีกว่าเตาเดียว กินไม่อั้นจุใจ

ส่วนหน้าเตาก็สับเปลี่ยนเป็นน่านกับมาร์โก้ที่เอาปลาขึ้นย่างอย่างตั้งใจ ปลาทับทิมย่างเกลือ นำเกลือโรยบนเกล็ดปลาย่างทั้งตัว โดยเพิ่มรสชาติจากตะไคร้ ใบมะกรูด หันฝอย และขาดไม่ได้คือใบเตยที่ช่วยเพิ่มความหอมหวานของเนื้อปลาได้เป็นอย่างดี

ผักที่ทิวนำออกมาวางบนโต๊ะ มีทั้งผักกาดหอม ผักกาดขาว ผักชีไทย ผักชีฝรั่ง สะระแหน่ ใบโหระพา และใบชะพลู ล้วนแล้วแต่เป็นเครื่องเคียงสำหรับเมี่ยงปลาเผาทั้งสิ้น

ใช่แล้ว เมนูนอกจากปิ้งย่างธรรมดาแล้ว ก็ยังมีปิ้งย่างพร้อมเครื่องเคียงตามมาอีก ส่วนน้ำจิ้มก็ไม่ต้องห่วง ไม่ว่าจะสูตรหวาน หรือซีฟู้ดก็เตรียมพร้อม มาร์โก้ผู้ครบเครื่องขอแค่บอกล่วงหน้าก็เตรียมพร้อมไว้ทั้งหมดอยู่แล้ว

ดำเงยหน้าจากการแทะซี่โครงหมูชิ้นโต หลังจากได้กลิ่นหอมอบอวลของเนื้อปลา แต่ภาพปลาที่มีเกลือทาจนทั่วกับเกล็ดไหม้ๆ ก็ทำให้ดำแปลกใจ

หอมมากแต่ทำไมสภาพเป็นแบบนั้นล่ะ กินได้ด้วยเหรอ

ดำได้แต่ส่งสายตาถามสิรินที่นั่งอยู่ข้างๆ ซึ่งคนตัวโตกำลังแกะกุ้งให้เขาอยู่

“ปลาเผาน่ะ ถึงจะเป็นอย่างนั้นแต่ข้างในกินได้” สิรินตอบอย่างรู้ใจ ดำก็ยังคงคิดภาพไม่ออกอยู่ดี ปลาที่เขาย่างกินไม่เคยไหม้ขนาดนี้ ปกติออกเหลืองๆ ก็กินได้แล้วแท้ๆ ดำไม่เข้าใจเลยจนคิ้วหนาขมวดมุ่นอย่างจนปัญญา

“โถ่ๆ ไม่รู้จักของดีซะแล้ว ของโปรดพี่เลยไอ้น้อง รับรองจะติดใจ” ทิวเอ่ยแทรกพร้อมกับยักคิ้วข้างเดียวอย่างอวดๆ ก่อนมุมปากจะกระตุกยิกๆ เมื่อนึกถึงภาพก่อนหน้านี้

“ว่าแต่เรื่องติดใจ...สงสัยคนแถวนี้ก็คงติดใจน้ำหวานจากดอกทานตะวันซะแล้วล่ะมั้ง ว่าไหม” สิรินหันขวับจดจ้องใบหน้าตัวกวนของกลุ่ม ส่งสายตาน้ำภูเขาน้ำแข็งองศาติดลบไปให้ดังจะแช่เข็งเจ้าคนปากมากให้หุบปากลงเสียบ้าง

“เอ๊ะ ดอกทานตะวันมีน้ำหวานด้วยเหรอครับ” ดำกะพริบตาปริบๆ อย่างใสซื่อ นึกว่าจะมีแค่เมล็ดที่กินได้ ดอกทานตะวันมีน้ำหวานให้กินด้วยเหรอ

“นั่นสินะ น้ำหวานน่ะ หึหึ มันก็ออกมาจากข้างล่างไง” ตัวกวนยังสนุกในการพูดจากำกวมกับคนตามไม่ทัน ทั้งยักคิ้วหลิ่วตาส่งให้คนที่ตามทันจนแทบจะฆ่าเขาอยู่รอมร่อ

“ไอ้ดำก็คิดไม่ออกอยู่ดี" ตอนนี้ในสมองของดำตีกันวุ่นวายไปหมด เขาเคยเห็นดอกทานตะวันแค่ในทีวีเท่านั้น จะคิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออก

"ทำไมดำไม่ลองถามคุณสินของดำดูล่ะ...มันรู้ดีที่สุดเลยล่ะ หึหึ" ทิวหัวเราะชั่วร้ายหลังจากโยนขี้กองเบ้อเริ่มไปลงที่หัวสิรินได้สำเร็จ เอาล่ะเรามาดูกันว่าคุณชายน้ำแข็งจะตอบเจ้าดอกทานตะวันของเขาอย่างไร

ดำพยักหน้าหงึกหงักเห็นด้วยกับคำพูดของทิว อย่าหวังว่าจะค้านคำที่ว่าสิรินเป็นของเขา

คุณสินของไอ้ดำเก่งที่สุดอยู่แล้ว คำถามแค่นี้ไม่ยากเกินไปหลอก ไอ้ดำก็โง่นั่งคิดเองตั้งนาน

"คุณสินครับดอกทานตะวันมีน้ำหวานด้วยเหรอ" ตกลงกับตัวเองเสร็จสรรพก็เอ่ยปากถามออกไปตรงๆ พร้อมสงสายตาอยากรู้อยากเห็นออกไปอย่างไม่ปิดบัง สิรินก็หันไปส่งสายตาคาดโทษทิวอีกรอบก่อนจะยกจานออกจากตรงหน้าดำ จึงค่อยก้มลงกระซิบข้างหูคนตัวเล็ก

จากนั้นดำก็หน้าแดงขึ้นเรื่อยๆ แล้วก็...

โป๊ก!

เสียงหน้าผากฟาดกับโต๊ะดังลั่น เรียกสายตาของคนทั้งหมดให้มองไปที่จุดเดียว ตอนนี้ดำแนบหัวลงไปกับโต๊ะด้านหน้า มองจากมุมบนเห็นหลังคอแดงก่ำลามไปถึงใบหูและคาดว่าใบหน้าส่วนที่มองไม่เห็นนั้นคงมีสภาพไม่ต่างกัน โชคดีที่สิรินรู้ล่วงหน้ายกจานเนื้อย่างออก ไม่เช่นนั้นวันนี้คงได้เห็นหน้าคนคลุกเนื้อย่างแน่ๆ

คนถูกแกล้งยกยิ้มมุมปากอย่างคนที่เหนือกว่า เรียกความโมโหของตัวกวนได้เป็นอย่างดี ทิวได้แต่เข่นเขี้ยวในใจ

ตกลงเขาแกล้งเจ้าคนหน้าตาย หรือแกล้งดำกันแน่!

ส่วนคนที่รับเคราะห์แทนนั้นตอนนี้หูอื้อไปหมดแล้ว แม้แต่เรื่องกินยังเข้าไม่ถึง

‘ดอกทานตะวันของฉันก็คือดำ ส่วนน้ำหวานจากดำก็...น้ำที่ฉันกินเมื่อคืนไง แถมยังติดใจมากๆ ด้วย’

น้ำที่ฉันกินเมื่อคืนไง แถมยังติดใจมากๆ ด้วย

น้ำที่ฉันกินเมื่อคืนไง แถมยังติดใจมากๆ ด้วย

น้ำที่ฉันกินเมื่อคืนไง แถมยังติดใจมากๆ ด้วย

น้ำที่ฉันกินเมื่อคืนไง แถมยังติดใจมากๆ ด้วย

น้ำที่ฉันกินเมื่อคืนไง แถมยังติดใจมากๆ ด้วย

ภายในหัวดำมีเสียงสิรินก้องกังวานครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลงง่ายๆ หัวใจก็ยิ่งสูบฉีดเลือด เรียกสีแดงไปกระจุกบนใบหน้ามากขึ้นไปอีก เวลานี้อะไรดำก็ไม่สนแล้ว แค่จัดการกับความเขินอายที่ปะทุขึ้นมา ก็แทบไม่กล้าขยับตัว ทั้งเสียงทั้งภาพจัดเต็มเกินไป

เป็นครั้งแรกที่ไอ้ดำรู้สึกจนตรอกทำอะไรไม่ถูกขนาดนี้...น้ำของหวานของไอ้ดำ อ้าก! คุณสินร้ายกาจเกินไปแล้วนะ

คนขี้แกล้ง!


ดำโอดครวญว่าสิรินในใจไปเสียหลายตลบ แต่ไม่ว่าอย่างไรคำพูดแสนน่าอายก็ยังคงดังก้องไม่จางหาย

“ปลาเผาแสนอร่อยมาแล้วนะ เลิกเขินได้แล้วเจ้าตัวเล็ก มากินอาหารฝีมือปะป๋าเร็ว” หลังจากมองประเมินด้วยสายตา มาร์โก้ก็พอรู้คร่าวๆ แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น จะว่าเอ็นดูก็เอ็นดู แต่ก็ไม่อยากให้ลูกชายตัวน้อยหมดอารมณ์กินอาหารมื้ออร่อย เพราะความอายตีตื้นจนอิ่มไปเสียก่อน

“ฉันไม่แกล้งแล้ว เงยหน้าขึ้นมากินเถอะ หึหึ” สิรินออกปากช่วยอีกแรง ถึงคิดว่าดำเป็นแบบนี้น่ารัก แต่รอยยิ้มกว้างเวลากินของอร่อยเขาก็ชอบไม่ต่างกัน

ดำไม่ได้ยกหัวขึ้นทันที เขาเอียงหน้ามองสิรินเล็กน้อยเหมือนชั่งใจว่าจะไม่แกล้งเขาแล้ว รอยยิ้มอบอุ่นทำให้หน้าแดงขึ้นอีกก็จริงแต่ก็วางใจได้ แถมความหอมของปลาอบอวลด้วยกลิ่นสมุนไพรยังยั่วน้ำลายเป็นอย่างยิ่ง สุดท้ายจึงได้ยอมกลับมานั่งเตรียมพร้อมกินทั้งที่หน้ายังแดงปลั่งเสียอย่างนั้น

สุดท้ายการแกล้งของทิวจึงจบด้วยประการฉะนี้...

สิรินก็ยกมือขยี้หัวอย่างมันเขี้ยวเจ้าหมาน้อยพร้อมกับที่คนอื่นๆ หัวเราะอย่างมีความสุข บรรยากาศสังสรรค์จึงกลับมาได้อีกครั้ง

ปลาที่เกล็ดไหม้เป็นสีดำถูกวางไว้ตรงหน้า ทิวผู้ถูกหมายหัวจากเด็กน้อยคนเดียวของงานจึงลงมือใช้มีดกรีดหนังปลาเปิดออกจนเผยเนื้อสีขาวน่าลิ้มลอง เพื่อเอาใจดำเสียเล็กน้อย จะว่าผลลัพธ์ที่ดำโดนสิรินแกล้งเพราะเขาเริ่มเองคงไม่ผิดนัก

“ว้าว คุณทิวๆ ไม่ไหมเลย แถมยังหอมมาก” สายตาแง่งอนกลายเป็นประกายวิบวับ เมื่อได้เห็นเนื้อปลาที่น่ากินกว่าที่ตัวเองเคยทำ ยิ่งสมุนไพรให้ความหอมที่มาร์โก้ยัดลงในท้องขับกลิ่นคาวปลาออกไปจนหมด จึงเหลือเพียงกลิ่นหอมของเนื้อปลาคละเคล้ากับสมุนไพรเท่านั้น

“พี่ชายสุดหล่อจะสอนเคล็ดลับความอร่อยให้ มาๆ” ทิวยังคงทำหน้าที่ของตัวเองต่อไป ตอนนี้ใบหน้าของดำถึงได้ไม่มีรอยริ้วสีแดงให้เห็นแล้ว ดำเองก็ทำตามอย่างว่าง่าย

ฉีกผัดกาดหอมพอดีมือ วางบรรดาเครื่องเคียงลงไป ไม่ว่าจะขนมจีนหรือผักนานาชนิดที่เรียงรายอยู่อย่าละเล็กละน้อย ตามด้วยเนื้อปลา และน้ำจิ้มหวานสูตรสำหรับปลาเผา

จากนั้นก็ห่อผักด้านล่างให้ปิดของด้านในจนหมด แล้วจึงยัดเข้าปากไปทั้งคำ

สัมผัสแรกคือความสดของผักแต่ละชนิดที่มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเองสอดแทรกผสมผสานกันได้อย่างลงตัว ตามด้วยเนื้อปลาหวานอร่อยด้วยกลวิธีการย่างที่คงเหลือน้ำหวานที่ไหลเยิ้มออกมาเอาไว้ภายในเพิ่มความกลมกล่อมของเนื้อปลาได้มากขึ้น

น้ำจิ้มให้รสของมะขามและน้ำตาลเด่นชัด แต่ก็ไม่ได้รู้สึกเปรี้ยวหรือหวานจนเกินไป กลับกลมกล่อมด้วยถั่วลิสงเป็นตัวชูโรง ยิ่งเคี้ยวให้น้ำจิ้มไหลวนไปจนส่วนถึงของขนมจีน รสชาติของมันก็ยิ่งเด่นชัดขึ้น เพิ่มความอร่อยของอาหารคำนี้ได้มากเกินบรรยาย เรียกได้ว่าเป็นอาหารที่กินคำเดียวได้หลายรสสัมผัส อุดมไปด้วยสารอาหารอย่างครบถ้วน ทั้งที่รสชาติอร่อยจนหยุดกินไม่ได้

ดำจับแก้มที่ปล่องด้วยภายในมีเมี่ยงปลาเผาคำโตจนเหมือนแก้มปลาทอง ยกมือจับแก้มช่วยนวดจนเคี้ยวได้สำเร็จ เขาหลับตาพริ้มรับรสสัมผัสที่ไม่เคยกินมากก่อน โดยมีสิรินนั่งมองอย่างเอ็นดู

อย่างที่คิดเวลาดำกินอย่างมีความสุข เขาชอบมากกว่าสิ่งใด

หลังจากกลืนเมี่ยงปลาเผาคำโตลงคอ ดำก็รีบห่อคำตัวไปอย่างคล่องแคล่ว ประหนึ่งว่าตัวเองกินมาแล้วหลายต่อหลายครั้ง เรียนรู้การกินอย่างรวดเร็ว คงเป็นพรสวรรค์ของดำไปเสียแล้ว...

“คุณสินครับ ไอ้ดำป้อน อร่อยมากกก” แต่คำต่อไปดำกลับยื่นมาตรงหน้าสิริน ดำยังคงเป็นดำ เวลาเขากินของอร่อยก็อยากให้คนสำคัญได้กินด้วย

สิรินยิ้มกว้างก่อนจะอ้าปากรับเมี่ยงปลาเผาคำโต แล้วให้รางวัลเช่นทุกครั้ง ลูบผมนุ่มนิ่มอย่างเอ็นดู ส่วนคนได้รับก็ยิ้มรับอย่างมีความสุข ตั้งหน้าตั้งตาห่อคำต่อไป และต่อๆ ไป สลับตัวเองกินบ้าง สิรินกินบ้าง จนปลาตัวนั้นหมดไปอย่างรวดเร็ว

ดำเป็นเสียอย่างนี้จะไม่ให้เขารักได้อย่างไร

หลังจากปลาเผาตัวแรกก็ตามมาด้วยตัวที่สองตัวที่สามตามลำดับ ผู้ชาย 6 คน ใครว่ากินกันได้น้อยๆ ถึงกระเพาะดำจะใหญ่กว่าใคร แต่ปริมาณการกินของผู้ชายทั่วไปก็มากมายอยู่ดี

ทั้งบาร์บีคิว กุ้งเผา หมึกย่าง กั้งย่าง หอยย่าง หอยอบชีส และสุกี้ในหม้อต้มก็หมดลงอย่างรวดเร็ว งานปาร์ตี้ฉลองเรียนจบมีไปจนถึงดึกดื่น เปิดเพลงเบาๆ ขับกล่อมเพิ่มอรรถรสในการกิน ยิ่งเพลิดเพลินจนลืมเวลาไปเสียหมดสิ้น

รอยยิ้มบนใบหน้าของทุกคนล้วนมีความสุข แม้ว่าไม่ใช่งานปาร์ตี้เลิศหรู แต่กลับเต็มไปด้วยความสุขเช่นนี้เอง...

:::::
หลังจากงานปาร์ตี้เลี้ยงฉลองพวกเขาต่างต้องเดินหน้าทำหน้าที่ของตนเอง ดำไปเรียนโดยมีเต็มคอยเป็นไม้กันหมาสิรินจึงพอวางใจได้ เพราะเขาต้องเข้ามาฝึกงานในบริษัทเพื่อรองรับตำแหน่งประธานที่จะมาถึงในวัดเกิดปีที่ 23 ของเขา

ด้วยเขาไม่ได้จบบริหารโดยตรง ทำให้คณะกรรมการที่ไม่เห็นด้วยบางส่วน ทำการเสนอให้เขาต้องฝึกงานอย่างหนัก มีเอกสารต้องอ่านมากมาย ทั้งยังต้องตัดสินใจในโครงการเล็กๆ บางโครงการเพื่อพิสูจน์ความสามารถของตัวเอง

สิรินรู้ดีว่าอาสุชาติไม่มีทางที่จะให้เขาทำโปรเจคใหญ่เพื่อให้เป็นที่ยอมรับอย่างแน่นอนงานที่ถูกโยนมาจึงมีเพียงงานยิบย่อยเพียงเท่านั้น ยิ่งได้คณะกรรมการที่สนับสนุนฝ่ายนั้นช่วยเหลือด้วยแล้ว เรียกได้ว่าตอนนี้สิรินแทบจะไม่มีที่ยืนในตำแหน่งประธานแม้แต่น้อย คนพวกนั้นพยายามหาทางคัดค้านจนวินาทีสุดท้าย

ซึ่งสิรินเองก็ไม่ได้ยื่นมือเข้าไปยุ่งเกี่ยวอะไรให้มาก ปล่อยให้กระแสเหล่านั้นไหลวนไป เก็บเกี่ยวข้อมูลผู้ที่ตั้งตัวเป็นศัตรูของตนอย่างรอบคอบ ทำตัวเป็นเด็กว่าง่ายคนหนึ่งเท่านั้น

แกร๊ก

“ขออนุญาตครับ” ดนัยเดินเข้ามาพร้อมแฟ้มเอกสาร ส่วนสิรินที่นั่งอ่านเอกสารอยู่บนโต๊ะก็ไม่ได้ขยับตัว หรือออกปากพูดอะไร เพราะเขาเป็นคนอนุญาตให้ดนัยเข้าออกห้องนี้ได้โดยไม่ต้องขออนุญาตเอง

“ตอนนี้คณะกรรมการที่เคารพคุณสุทินและสนับสนุนคุณสินกำลังโดนกดดันอย่างหนักครับ มีบางคนถูกข่มขู่ในเรื่องส่วนตัว บางคนถูกขัดขวางการทำงาน ยิ่งใกล้วันรับตำแหน่งการกดดันยิ่งหนักขึ้น คาดว่าหนักสุดอาจจะโดนไล่ออกโดยที่ไม่มีความผิดครับ” ดนัยรายงานอย่างรู้หน้าที่ เขาทำงานกับสิรินมาจนรู้ว่าเวลาใดเจ้านายของเขาให้พูด เวลาใดไม่ให้พูด หรือแสดงออกเช่นใด

“หึ สกปรกสมเป็นคุณอาจริงๆ ...ฉันคงต้องเข้าไปพบพวกเขาหน่อยแล้ว ช่วยนัดเวลากับสถานที่ให้หน่อยก็แล้วกัน” คนที่ทนอยู่ได้มาถึงตอนนี้สิรินล้วนรู้สึกขอบคุณจากใจ พวกเขาร่วมสร้างบริษัทนี้มาพร้อมๆ กับคุณพ่อทั้งยังหนักแน่นไม่ไหวเอนไปเข้าข้างคนชั่วร้ายอย่างอาสุชาตินับว่ามีใจซื่อสัตย์ไม่น้อย ไม่เหมือนคณะกรรมการอีกฝั่งที่หันไปหาความโลภอย่างง่ายดาย ลืมผู้มีพระคุณเสียหมดสิ้น

“ผมคิดเอาไว้แล้ว...เพราะฉะนั้นนี่คือกำหนดการนัดหมายครับ” ดนัยยังคงทำงานได้ดีตามแบบเลขาสุดเนี้ยบ เขาเดาใจสิรินได้ดี สิรินจึงชอบที่จะทำงานร่วมกับเขา

“ดี ขอบคุณมาก”

“ด้วยความยินดีครับ” หลังกล่าวจบดนัยก็วางแฟ้มกำหนดการไว้บนโต๊ะทำงานก่อนจะขอตัวกลับออกไป สิรินจึงได้เปิดดูรายชื่อที่ถูกคัดแยกระหว่างฝ่ายเขากับฝ่ายอาสุชาติอย่างชัดเจน พร้อมกำหนดการและสถานที่นัดหมายในการพูดคุยครั้งนี้

เขาต้องทำให้คณะกรรมการเหล่านั้นวางใจและเชื่อมั่น ไม่เช่นนั้นแล้วช่วงเวลาต่อจากนี้อาจจะมีคนถูกกดดันจนเปลี่ยนฝั่งไปอีกก็ได้ หรือไม่แน่อาจจะมีใครถูกทำร้ายลับหลังจนไม่อาจกลับมาทำงานได้อีก

และอีกหนึ่งอย่างที่เขาต้องทำคือการพิสูจน์คนเหล่านั้นด้วยตาของเขาเอง...เพื่อจะได้ยื่นมือเข้าช่วยเหลือได้อย่างวางใจ ต้องรับประกันความปลอดภัยให้คนเหล่านั้นจนถึงที่สุด เหมือนกับพ่อของเขาที่ดูแลพนักงานไม่ต่างกับเครือญาติ

มือที่อยู่ในงามมืดของเขา จะร้ายกาจแพ้อาสุชาติได้อย่างไร

ช่วงเวลาลับเขี้ยวเล็บกำลังจะจบลงแล้ว

อีกไม่นานนักหรอก...



โปรดติดตามตอนต่อไป

--------------------------------------------------------------

สวัสดีค้า มาแล้วๆ ๆ ๆ

คุณสินร้ายกาจว่าไหม คุคุ ขนาดทิวยังไม่รอด ฮ่าๆ

ใกล้จบแล้ว และกรีนคิดว่าการเขียนนิยายจบเนี่ยยากมากจริงๆ นะคะ

จะเข้าประเด็นตั้งแต่ 2 ตอนก่อน พึ่งเขียนเข้าได้ แหะๆ

เอาล่ะ ไปเครียดตอนหน้าดีกว่า (เครียดจริงรึเปล่านะ)

ขอบคุณทุกคอมเม้นท์น้า กรีนก็หลงน้องดำมากกกกกก

แล้วเจอกันจ้า
หัวข้อ: Re: = P A Y = เปย์ข้าด้วยบุฟเฟ่ต์สิ [เปย์ครั้งที่ 16 >100%<] 12.06.2018
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 12-06-2018 11:56:52
คุณสินสู้ๆ
หัวข้อ: Re: = P A Y = เปย์ข้าด้วยบุฟเฟ่ต์สิ [เปย์ครั้งที่ 16 >100%<] 12.06.2018
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 12-06-2018 11:57:31
ดำกินอะไรก็อร่อย คนพี่ชอบแกล้งน้อง
รอพี่สิรินยึดอำนาจคืน
หัวข้อ: Re: = P A Y = เปย์ข้าด้วยบุฟเฟ่ต์สิ [เปย์ครั้งที่ 16 >100%<] 12.06.2018
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 12-06-2018 12:22:52
สู้ๆนะเด็กๆ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: = P A Y = เปย์ข้าด้วยบุฟเฟ่ต์สิ [เปย์ครั้งที่ 16 >100%<] 12.06.2018
เริ่มหัวข้อโดย: Meen2495 ที่ 12-06-2018 12:46:23
เจอเมนูปลาเผาตอน 5 ทุ่ม...เข้าไป
สงสัยได้เข้านอนพร้อมท้องร้องจ๊อก ๆ แน่ :hao5:
หัวข้อ: Re: = P A Y = เปย์ข้าด้วยบุฟเฟ่ต์สิ [เปย์ครั้งที่ 16 >100%<] 12.06.2018
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 12-06-2018 14:21:06
หิวเมี่ยงปลาเผาเลย
หัวข้อ: Re: = P A Y = เปย์ข้าด้วยบุฟเฟ่ต์สิ [เปย์ครั้งที่ 16 >100%<] 12.06.2018
เริ่มหัวข้อโดย: Mayana ที่ 13-06-2018 09:54:58
ครือ.. ตอนนี้ทำให้หิว อยากกินปลาเผามากก  :hao5:
หัวข้อ: เปย์ครั้งที่ 17
เริ่มหัวข้อโดย: GreenHead(หัวเขียว) ที่ 01-07-2018 06:32:34

เปย์ครั้งที่ ๑๗
{ครึ่งแรก}

หยิบมือเดียว

‘จำนวนน้อยมาก เช่น มีทหารแค่หยิบมือเดียวจะไปรบกับใครเขาได้’



“ดำ ดำ ตื่นได้แล้ว ได้เวลากินข้าวเที่ยงแล้วนะ ลุกขึ้นมากินก่อนเดี๋ยวปวดท้อง” เสียงทุ้มต่ำอันแสนคุ้นเคย ปลุกคนตัวเล็กที่ยังนอนหลับพริ้มอยู่บนเตียงให้ตื่นขึ้น แม้จะผ่านเวลาอาหารเช้าจนถึงเวลาเที่ยงวันแล้วก็ตาม

ด้วยเพราะต้องทำโครงงานเตรียมพร้อมสำหรับเปิด Open House ให้นักเรียนมัธยมต้นได้เข้าชมประกอบการตัดสินใจในการสอบเข้า ทำให้นักเรียนชั้น ม.5 ต้องทำงานอย่างหนักแม้พึ่งผ่านพ้นช่วงสอบปลายภาคมาก็ตาม หลังเร่งทำโครงงานหามรุ่งหามค่ำเสียหลายวัน และร่วมจัดกิจกรรมที่โรงเรียนจนเสร็จเรียบร้อย พวกเขาก็ได้รับอิสระในการพักผ่อนช่วงปิดเทอมอย่างเต็มที่

อย่างแรกที่ดำอยากทำคือการนอน ชดเชยให้กับเวลานอนที่สูญเสียไป แม้บ่อยครั้งที่ท้อแท้จะถูกเติมกำลังใจด้วยของอร่อย แต่ก็ไม่อาจรับความอร่อยได้อย่างเต็มที่ เพราะร่างกายมีส่วนที่สึกหรอไป ดังนั้นแล้วดำตั้งใจว่า

จะนอน นอน นอน เพื่อให้ร่างกายแข็งแรง มีแรงกิน กิน กิน กินได้อย่างเต็มที่!

ด้วยความตั้งมั่นอันแรงกล้าต่อการกิน บวกกับสภาพร่อแร่จากการอดหลับอดนอนเสียหลายวัน สุดท้ายจึงจบลงด้วยการพลาดอาหารเช้าไปเช่นนี้

พรึ่บ!

“เที่ยงแล้วเหรอครับ ไม่นะ ไม่ๆ เมื่อวานไอ้ดำนอนตั้งแต่ดวงอาทิตย์ยังไม่กลับไปนอนด้วยซ้ำ ทำไมถึงตื่นสายขนาดนี้ โถ่ ไอ้ดำกินชดเชยสองมื้อตอนนี้ได้ไหมครับ” คำว่ากินข้าวกระตุ้นให้สมองของดำได้เป็นอย่างดี ยิ่งประมวลผลเสร็จสรรพว่าตนตื่นไม่ทันข้าวเช้าทั้งที่นอนเสียแต่หัววัน ทำให้ดำตื่นเต็มตาลุกขึ้นนั่ง หันมาออดอ้อนคนมาปลุกทันที

“หึหึ จอมตะกละ ไปอาบน้ำก่อน อยากกินอะไรก็กินได้เต็มที่” สิรินอนุญาต ดำก็ตอบรับครับๆ ยิ้มร่า แล้วก็รีบวิ่งแจ้นเข้าห้องน้ำ

“ว้าก! คุณสิน คุณสิน ที่นี่ไม่ใช่ห้องเรานี่นา ไอ้ดำอยู่ที่ไหนครับ” กว่าจะรู้สึกตัววิ่งหน้าตื่นออกมาจากห้องน้ำ ก็แทบจะแก้ผ้าเสร็จเสียแล้ว ดำจึงวิ่งออกมาด้วยสภาพกางเกงในตัวเดียว

“หึหึ กว่าจะรู้สึกตัวนะ ฉันนึกว่าต้องออกไปกินข้าวสักมื้อก่อนเสียอีก” อย่างที่ว่า ดำนั้นคิดเพียงเรื่องกินกับเรื่องสิรินเป็นหลัก ยิ่งพอท้องว่างสมองก็ไม่แล่น สภาพคนที่ตื่นมาเจื้อยแจ้วทั้งที่ยังไม่รู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงรอบด้าน ทั้งน่ารักน่าขำ เสียจนสิรินต้องปั้นหน้านิ่งกลั้นขำไม่ยอมบอกให้อีกฝ่ายรู้สึกตัวจนถึงตอนนี้

ก็ช่วยไม่ได้ เวลาดำมึนๆ เช่นนี้ก็น่ารักไม่น้อย

“โถ่ ไอ้ดำฉลาดรู้ก่อนกินข้าวอยู่แล้ว ว่าแต่ที่นี่ที่ไหนครับ” ดำโอ้อย่างไม่อายปาก อย่างไรเขาก็รู้สึกตัวก่อนกินข้าว ถือว่าทำได้ดีกว่าที่สิรินคิดไว้ อย่างไรนั่นก็คำชมอยู่แล้ว

“หึหึ นั่นสินะ แต่ถ้าอยากรู้ก็ไปอาบน้ำแล้วออกไปพร้อมกัน หรือว่า...ต้องให้ฉันจับกินสักรอบก่อนดีล่ะ” สิรินไล่สายตาบนร่างที่เหลือเพียงกางเกงในปกปิดส่วนอ่อนไหวเพียงชิ้นเดียว ราวหมาป่าที่จ้องจับกินลูกแกะตัวอ้วนที่ขุนจนอิ่มหมีพีมัน

ดำหน้าแดงระเรื่อ พักหลังมานี้เขาได้เรียนรู้ความรู้สึกหลากหลายแบบ จนสมองแล่นทันร่างกาย รู้ว่าตนกำลังอยู่ในอาการเช่นไร

“อะ ไอ้ดำกินข้าวก่อนได้ไหมครับจะได้มีแรง คุณสินจะได้ทำเยอะๆ ตอนนี้ไอ้ดำทั้งเหม็น ทั้งเพลีย สัญญาว่าจะให้กินเต็มที่เลย” แต่ดำก็ยังคงเป็นดำ ต่อให้อายจนแทบแทรกแผ่นดินหนีก็ยังกล่าวทุกคำออกมาด้วยใบหน้าที่แดงก่ำเช่นทุกครั้งไป

สิรินยกยิ้มพอใจชั่วครู่ก่อนจะย่างสามขุมเข้าไปหาด้วยใบหน้าเรียบเฉย พาให้ดำหลับตาแน่น คิดว่าตนไม่รอดแน่ๆ แต่ก็ไม่คิดจะขยับหนีไปไหน อย่างไรเขาก็ตามใจสิรินอยู่แล้ว ไม่มีสักครั้งที่ปฏิเสธ รวมทั้งมีบ่อยครั้งที่เขาเป็นคนพุ่งเข้าใส่เองเสียด้วยซ้ำไป

ก็ช่วยไม่ได้ ไอ้ดำชอบสัมผัสของคุณสิน จนกลายเป็นเด็กจอมลามกสุดๆ เลยล่ะ!

จุ๊บ

“ไปอาบน้ำได้แล้ว ก่อนที่ฉันจะอดใจไม่ไหว” ริมฝีปากสัมผัสหน้าผากเกลี้ยงเกลาก่อนจะยื่นมือไปขยี้ผมนุ่มนิ่มเสียจนไม่เหลือเคล้าเดิม เขาจะรังแกดำได้อย่างไรทั้งที่เจ้าตัวเล็กแทบไม่มีแรงขนาดนี้ เอาไว้กินอิ่มแล้วค่อยจัดการก็ไม่สาย

“ครับๆ” ดำยิ้มแฉ่งอารมณ์ดีก่อนจะวิ่งเข้าห้องน้ำไป สิรินได้แต่มองตามด้วยรอยยิ้ม ต่อให้เหนื่อยขนาดไหนดำก็ยังคงสดใสเช่นนี้เสมอ

รอไม่นานดำก็ออกมาจากห้องน้ำสวมชุดที่สิรินเตรียมไว้เสียเรียบร้อย เป็นเสื้อยืดแขนยาวกับกางเกงขาสั้นเลยเข่าขึ้นมาเล็กน้อย ดูเข้ากับเด็กน้อยของเขาเป็นอย่างยิ่ง

คนทั้งสองเดินออกมาจากห้องก็เจอ ทิว น่าน ก้อง รออยู่ก่อนแล้ว มีดนัยเพิ่มขึ้นมาอีกคนทำให้ดำมองอย่างแปลกใจ เพราะเขาเจอดนัยเพียงแค่เวลาเข้าไปบริษัทกับสิรินเท่านั้น จะเดาอย่างไรก็เดาไม่ออกว่าตนอยู่ที่ใด ดำจึงรีบเดินตามไปอย่างว่าง่าย

ห้องเรียงรายสองฝั่งทางเดินให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในโรงแรม ซึ่งเพื่อนๆ ของสิรินเองก็พักอยู่ห้องถัดไป เดินไปอีกไม่ไกลก็สังเกตเห็นบันไดอยู่กึ่งกลางของชั้นนี้ใช้สำหรับขึ้นไปด้านบน ซึ่งด้านบนก็เจอเข้ากับห้องที่เรียงรายอยู่อีกชั้นหนึ่งไม่ต่างจากชั้นที่พวกเขาใช้พักแม้แต่น้อย เพียงแค่มีพื้นที่ครึ่งเดียวเท่านั้นทำให้ห้องพักมีจำนวนน้อยกว่า และข้างบันไดของชั้นนี้ยังมีประตูบานใหญ่อยู่ข้างๆ อีกบานหนึ่ง

เพียงเปิดออกสายลมก็ปะทะหน้าพร้อมไอเค็มของทะเล ดำคอยๆ ลืมตาที่หลับลงเมื่อครู่ขึ้นสำรวจรอบด้านก่อนใบหน้าจะฉายแววตื่นตะลึง

"คุณสิน คุณสินดูสิ ทะเลล่ะ ทะเล ว้าวๆ น้ำสีครามเหมือนที่เคยเห็นในทีวีเลย แถมยัง แถมยัง ไอ้นี่ถึงจะใหญ่จนไม่น่าเชื่อแต่มันคือเรือใช่ไหมครับ" ดำกระโดดโลดเต้น มองสำรวจอย่างสนใจ

ด้านหน้าเหมือนระเบียงกว้างคาดว่าจะเป็นตำแหน่งหัวเรือ มีสระว่ายน้ำอยู่ตรงกลาง รอบด้านมีเก้าอี้คล้ายเก้าอีกชายหาดเพียงแต่เป็นไม้และร่มตั้งวางไว้ไม่ต่างจากสระว่ายน้ำเคลื่อนที่เลย เพราะมีพื้นที่แค่ส่วนหัวเรือทำให้มันไม่ได้มีขนาดใหญ่มาก แต่ก็พอเหมาะให้พักผ่อนแช่น้ำชมวิวทะเลสบายอารมณ์

ในสระว่ายน้ำตอนนี้ยังไม่มีใครใช้ แต่ในร่มก็มีคนกว่า 10 คน กำลังจับกลุ่มพูดคุยอย่างออกรสออกชาติ ทางกราบเรือเองก็มีคนยืนมองวิวทะเลอยู่ไม่ต่างกัน ถึงแดดจะร้อนแต่ได้ลมทะเลช่วยปัดเป่าความร้อน ดังนั้นแม้จะยังเป็นช่วงกลางวันก็ทำให้คนออกมาดื่มด่ำบรรยากาศรื่นรมย์นี้ไม่น้อยเลย

“ไปกินข้าวกันก่อนเดี๋ยวฉันพาไปเดินสำรวจ...ตกลงไหม” สิรินพูดกับคนตัวเล็กที่ตื่นเต้นจนแทบจะวิ่งไปรอบๆ เสียให้ได้ เอาของกินมาล่อเล็กน้อยดำก็ตอบรับว่าง่ายเดินตามหลังเขาไปต้อยๆ แล้ว เลี้ยงง่ายเสียจริงๆ

ขึ้นบันไดไปอีกชั้นก็เจอเข้ากับห้องโถงกว้าง มีเวทีอยู่ด้านในฝั่งท้ายเรือ ที่ตอนนี้ดูเหมือนกำลังจัดเตรียมงานอะไรบางอย่าง นอกจากเวทีที่เด่นสะดุดตาก็คือโต๊ะสำหรับนั่งทานอาหารหรูหราวางเรียงรายอยู่ ทั้งโต๊ะ ทั้งเก้าอี้ล้วนคลุมด้วยผ้าสีครีมนวลละมุนเหมาะแก่การเฉลิมฉลองเป็นอย่างยิ่ง

เวลานี้เป็นเวลาอาหารกลางวันทำให้มีคนจับจองโต๊ะอยู่ไม่น้อยเลย พวกเขาจึงเลือกนั่งโต๊ะที่อยู่ห่างจากคนเหล่านั้น เพราะต้องการความเป็นส่วนตัว ไม่นานก็มีพนักงานเข้ามาบริการ เมนูมื้อเที่ยงมีไม่มากนัก เป็นฟูลคอร์สอาหารฝรั่งเศส 5 คอร์ส พวกเขาเลือกสั่งคอร์สที่ตนสนใจแล้วพนักงานก็เดินกลับเข้าไปส่งออเดอร์ให้กับครัวที่อยู่ในห้องด้านหลังเวที

ดำฮำเพลงรออาหารชื่อแปลกๆ ที่ได้ยินอย่างอารมณ์ดี กว่าจะคิดได้ว่าตนสงสัยใคร่รู้ว่าถูกพามาที่นี่ได้อย่างไรก็ผ่านไปหลายอึดใจทีเดียว

“อ๊ะ ไอ้ดำมาที่นี่ได้ยังไงครับเนี่ย” คำถามของเขาทำให้คนอื่นๆ อมยิ้ม ดูการตอบสนองที่ช้าสุดๆ นั่น โดนเรือกับอาหารดึงความสนใจไปหมดจนพึ่งจะรู้ตัว มันน่าเอ็นดูเสียจนกลั้นขำแทบไม่อยู่เชียวล่ะ

“อุ๊บ ฮ่าๆ ๆ ตกลงหัวไวแค่เรื่องกินสินะ” สุดท้ายทิวก็หลุดขำเป็นคนแรก จะเก๊กหน้าขรึมได้อย่างไรถ้ามีเจ้าเด็กประหลาดคอยทำให้อารมณ์ดีขนาดนี้

“ไม่ใช่นะ เรื่องคุณสินไอ้ดำก็รู้” ดำเถียง ไม่ยอมให้ทิวสบประมาทง่ายๆ กว่าสงครามน้ำลายของเพื่อนต่างวัยจะจบลงอาหารก็มาเสิร์ฟพอดี ประเด็นที่จะถามจึงตกไป โดนอาหารบนโต๊ะแย่งความสนใจจนหมดแล้ว

ถ้าโดนลักพาตัวไปจะรู้สึกตัวไหมล่ะนี่...

Aperitif (อาเปคริติฟ) อาหารเรียกน้ำย่อย เป็นน้ำสีส้มอมน้ำตาลวางล่อตาล่อใจให้ดำสงสัยใคร่รู้ กลิ่นน้ำองุ่นกับสมุนไพรเล็กน้อยทำให้ดำสูดดมอย่างสนใจ จากนั้นก็กระดกเข้าปากอย่างสมใจ

รสขององุ่นถูกใจดำไม่น้อย ยิ่งมีรสหอมหวานจากการบ่มช่วยดึกรสชาติให้ละมุนลิ้นยิ่งทำให้ดำอยากลิ้มลองมากขึ้นไปอีก

“ขออีกๆ” ดำเรียกร้องทันทีหลังจากวางแก้วลง

“ไม่ได้มันมีแอลกอฮอล์แค่นั้นก็พอแล้ว” แต่ก็ถูกสั่งห้ามจากคนตัวโต ถ้าอยู่ที่บ้านเขาคงให้ดำกินจนกว่าจะพอใจ แต่สำหรับที่นี่นั้นพวกเขาจะวางใจถึงขั้นนั้นไม่ได้

ดำทำปากยื่นแต่ก็ยอมรับคำบอกกล่าวของสิริน ปลอบใจตัวเองเสร็จสรรพว่าเดี๋ยวค่อยขอให้ปะป๋าทำให้กินก็ได้

จานต่อไป Entree (อองเทร่) อาหารจานเปิดตัว ซึ่งเป็นเทอร์รีนสีเขียวครีม ดำเห็นแล้วก็ได้แต่จินตนาการไปว่ามันต้องเป็นรสผักแน่นอน ยิ่งมองไปทางจานของทิวที่เป็นเหมือนขนมปังแผ่นสีน้ำตาลพันด้วยเบคอนด้วยแล้วดำยิ่งอยากขอเปลี่ยนคอร์ส

ทำไมคุณสินไม่เตือนไอ้ดำเลย โถ่ มันต้องขมแน่ๆ เลย

ดำค้อนสิรินในใจแต่กลับทำหน้าตาน่าสงสาร มองจานของคนอื่นที ของตัวเองทีอย่างตัดใจกินไม่ได้ เพราะเขาสั่งตามสิรินจึงได้แต่ทำใจกินมันลงไป หลังจากนั่งทำใจได้ก็ใช้มีดตัดเป็นชิ้นเล็กๆ แล้วใช้ส้อมจิ้มเข้าปาก สเต็ปเดียวกับสิรินไม่มีผิดเพี้ยน

เพราะทั้งมีด ช้อน ส้อม หลากหลายแบบที่วางเรียงไว้บนโต๊ะ ทำให้ดำไม่รู้ว่าควรใช้อันไหนก่อน เขาจึงจับจ้องการกระทำของสิรินทุกการเคลื่อนไหว สิรินเองก็ไม่ได้บอกสอนอะไร ถือว่าให้ดำเรียนรู้ด้วยตนเอง เขาไม่ค่อยได้กินอาหารเช่นนี้บ่อยนัก แล้วดำก็เรียนรู้เรื่องกินเร็วกว่าใคร ค่อยๆ ให้เล่นสนุกไปแบบนี้ก็ได้ นั่งจับจ้องใบหน้าที่เปลี่ยนไปเรื่อยๆ นั่นเจริญอาหารกว่าเป็นไหนๆ

หลังเทอร์รีนสีเขียวอยู่ในปากดำก็ต้องตกใจกับรสชาติที่กระจายออกมา รีบเคี้ยวรับรสอย่างสนใจ มูสผักที่เนียนนุ่มหวานจนแทบละลายในปาก รสชาติแฝงที่อยู่ข้างในก็เข้มขึ้นเรื่อยๆ ทุกครั้งที่เคี้ยว

ตับ รสแบบนี้ ตับสินะ แต่ว่า แต่ว่า ไม่ขมเลย แถมยังไม่ได้กลิ่นอีกทำให้ไอ้ดำไม่รู้ว่ามีด้วย งื้อ อร่อยจัง รสผักกับตับเข้ากันสุดๆ ไม่เหมือนตับไก่ หรือจะเป็นตับเป็ดนะ ไอ้ดำเคยกินมันไม่มีรสขมเหมือนตับไก่ ต้องใช่แน่ๆ คุณสินเก่งที่สุดเลือกของอร่อยแบบนี้ออกมาได้ ไอ้ดำขอโทษที่ว่าคุณสินครับ!

ไม่รอให้เสียเวลาดำจิ้มเทอร์รีนชิ้นพอดีคำเข้าปากอย่างไม่ลังเล แต่มันมีเพียงแค่ 3 ชิ้นเท่านั้น ดำขอเพิ่มแต่ถูกบอกให้รออาหารจานต่อไป จึงได้แต่ตัดพ้ออยู่คนเดียว

โถ่ จานตั้งใหญ่ ใส่มาแค่ตรงกลาง 3 ชิ้นเอง ยังไม่ถึงเสี้ยวกระเพาะไอ้ดำด้วยซ้ำ คอยดูนะกลับไปจะให้ปะป๋าทำให้กินเยอะๆ เลย ไอ้ดำไม่ง้อหรอก เชอะ

สุดท้ายไม่ว่าจานไหนๆ ก็ไม่เยอะพอสำหรับดำ ทำให้ดำหน้าตาเปลี่ยนไปมาทั้งหน้ายิ้มดีใจ ทั้งหน้าบูดบึ้งสลับไปมาจนอาหารเสิร์ฟจบคอร์ส ทั้งหมด 17 เมนู เรียกความเอ็นดูจากคนรอบข้างได้อีกมากโข จนบางครั้งสิรินยังหยุดมือไม่ให้ยื่นไปบีบแก้มพองลมนั่นไม่ได้

และเป็นไปตามคาดอาหารเพียงเท่านี้ไม่อาจหยุดความหิวของดำที่ต้องการกินชดเชยมื้อเช้าที่พลาดไปได้ สุดท้ายก็ตามมาด้วยคอร์สที่สองคอร์สที่สามจนพอใจ

“กินเยอะขนาดนี้ คืนนี้มีงานเลี้ยงเป็นอาหารแบบบุฟเฟต์ด้วยจะกินไหวเหรอฮึ” สิรินแกล้งเย้าขณะกำลังเดินกลับไปยังบริเวณสระว่ายน้ำหัวเรือ

“เอ๋ งานเลี้ยง หรือว่าวันเกิดคุณสิน...ไอ้ดำถูกพามาไม่ได้เอาของขวัญมาด้วยล่ะ ไม่เป็นไรๆ ไอ้ดำให้ทีหลัง แล้วก็บุฟเฟต์ๆ ไอ้ดำกินไหวอยู่แล้ว” สมองดำประมวลผลออกมาทีละเรื่อง เขาไม่มีทางลืมวันคล้ายวันเกิดสิรินอยู่แล้ว ทำให้ชนะเรื่องกินไปได้เล็กน้อย แต่พอตกลงกับตัวเองได้ก็ถูกเรื่องกินดึงความสนใจกลับมาอีกครั้ง

บุฟเฟต์เชียวนะ บุฟเฟต์ของอร่อยกินไม่อั้น แค่คิดน้ำลายก็ไหลแล้ว ซู้ด บุฟเฟต์บันไซ!

ดำยกมือเช็ดน้ำลายที่ไหลอย่างห้ามไม่อยู่ จนคนรอบด้านหัวเราะตามอย่างห้ามไม่อยู่ จนกลายเป็นจุดสนใจเสียได้ และอาจจะเพราะพวกเขาใช้เวลากินนานทีเดียว ตอนนี้ทางส่วนหัวเรือถึงได้มีคนจับจองมากขึ้นอีกเยอะทีเดียว แต่ก็ไม่มีใครกล้าเข้ามาทักทาย เพียงส่งสายตาเชื้อเชิญให้เท่านั้น

“ผมขอตัวไปจัดการธุระก่อนนะครับ เชิญท่านประธานกับเพื่อนๆ พักผ่อนให้เต็มที่...แล้วเจอกันนะดำ” ดนัยออกปากขอตัวไปก่อน ไม่ลืมที่จะกล่าวลาดำด้วยคำพูดเป็นกันเองเหมือนที่ตกลงกันไว้ หลังจากทุกคนตอบรับ เขาก็เดินตามลูกเรือตัวใหญ่คนหนึ่งไป

หากไม่สังเกตก็คงคิดว่าแค่เดินไปทางเดียวกัน แต่หากสังเกตให้ดีจะเห็นว่าดนัยเอ่ยขอตัวหลังจากสบตากับลูกเรือคนเมื่อครู่รวมทั้งสิรินด้วย

“ฝากด้วยนะ หลังจากนี้ผมจะอนุญาตให้คุณลาพักร้อนได้”

“ขอบคุณครับท่านประธาน” เขาเน้นย้ำตำแหน่งที่สิรินกำลังจะได้รับโดยไม่รู้สึกตะขิดตะขวงใจกลับภูมิใจที่ได้ทำงานให้เสียอีก หลังหันกลับมาสบตาอย่างรู้กันแล้วจึงเดินจากไป

“คืนนี้แล้วสินะ อามึงจะก็ช่างวางแผน” วันเกิดปีนี้พวกเขาต่างรู้ว่าจะเกิดเรื่องวุ่นวายขึ้น เพราะโอกาสลงมือมีเพียงแค่วันนี้เท่านั้น พรุ่งนี้กลับเข้าฝั่งก็จะถึงเวลาดำเนินการอย่างเป็นทางการ ซึ่งไม่ว่าจะอาสุชาติ หรือสิรินก็ไม่อยากให้มันเกิดขึ้น

สุชาติไม่อยากให้สิรินรับตำแหน่งประธาน สิรินเองก็ยังไม่อยากรับมาทั้งที่ยังเหลือปัญหาไว้มากมาย ซึ่งอาจจะโดนบีบออกเมื่อไหร่ไม่ทราบ ดังนั้นแล้วจึงต้องสะสางให้เรียบร้อยแล้วจึงรับเอาบริษัทคืนมาอย่างภาคภูมิใจ



******************************50%**************************

กลับมาแล้วค่ะ ขอโทษที่หายไปนานเลย

พอดีกรีนขบปัญหาของการปิดฉากสุดท้ายไม่แตกซักที

เคลียร์อย่างหนึ่งได้ก็เหลืออีกอย่าง จริงๆ ตอนนี้ก็เหลืออีกอย่างที่ตัดสินใจยังไม่ได้

ก็เลยคิดว่าเคลียร์ได้ 2-3 อย่างละ เหลืออันเดียวเองเดี๋ยวค่อยเคลียร์ระหว่างแต่งก็ได้

ปลอบใจกันไป ฮ่าๆ

แต่มาแต่งเอาเมื่อวานเย็นๆ หลังเลิกงานก็ได้เท่านี้ล่ะเนาะ

เอาไว้มาต่อเย็นนี้ไม่ก็พรุ่งนี้จ้า

แล้วเจอกันน้า
หัวข้อ: Re: = P A Y = เปย์ข้าด้วยบุฟเฟ่ต์สิ [เปย์ครั้งที่ 17 >50%<] 01.07.2018
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 01-07-2018 07:50:38
ดำมาแล้ว เรื่องกินเรื่องใหญ่จริงๆ
มันกำลังจะเริ่มแล้ว
หัวข้อ: Re: = P A Y = เปย์ข้าด้วยบุฟเฟ่ต์สิ [เปย์ครั้งที่ 17 >50%<] 01.07.2018
เริ่มหัวข้อโดย: meteexp ที่ 01-07-2018 09:37:22
งื้ออออออออ เกือบลืม :hao7:
หัวข้อ: Re: = P A Y = เปย์ข้าด้วยบุฟเฟ่ต์สิ [เปย์ครั้งที่ 17 >50%<] 01.07.2018
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 01-07-2018 10:01:40
สิรินจะจัดการคุณอายังไงอ่ะ
หัวข้อ: Re: = P A Y = เปย์ข้าด้วยบุฟเฟ่ต์สิ [เปย์ครั้งที่ 17 >50%<] 01.07.2018
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 01-07-2018 12:01:46
เย็นนี้ดำจะได้กินมื้อใหญ่อีกแล้วนะ อิจฉาจังเลย  :hao3:
หัวข้อ: Re: = P A Y = เปย์ข้าด้วยบุฟเฟ่ต์สิ [เปย์ครั้งที่ 17 >50%<] 01.07.2018
เริ่มหัวข้อโดย: Mayana ที่ 01-07-2018 17:57:54
ป๊ะป๋าเตรียมของสดของแห้งให้พร้อมเลยคร่า ... น้องดำมีรายการของกินที่อยากเกินเพียบค่ะ ณ จุดนี้  :laugh: :laugh:
หัวข้อ: เปย์ครั้งที่ 17 [2]
เริ่มหัวข้อโดย: GreenHead(หัวเขียว) ที่ 03-07-2018 12:52:31


เปย์ครั้งที่ ๑๗ [๒]


ช่วงเวลาที่ต้องรอมื้อค่ำไม่น่าเบื่ออย่างที่คิด เพราะดำได้วิ่งเล่นสำรวจเรือจนทั่วทั้งลำ และยังได้ตื่นตาตื่นใจกับบรรยากาศแสนสดชื่นของลมทะเล ได้มองทิวทัศน์ที่เปลี่ยนไปเรื่อยๆ เมื่อเรือเคลื่อนไปข้างหน้า แล้วยังได้มองเจ้าปลาที่แหวกว่ายขึ้นมาให้ได้เห็นอยู่เป็นระยะ

เรือซุปเปอร์ยอร์ชแสนหรูหรามีความยาวถึง 88 เมตร มีห้องพักภายในเรือถึง 15 ห้อง สำหรับรองรับผู้โดยสารมากกว่า 30 คน ซึ่งภายในเรือลำนี้มีแขกที่มาร่วมงานทั้งหมด 36 คน แม้ห้องไม่กว้างขวางแต่ก็ไม่ต่างจากห้องพักภายในโรงแรมเลย

งานวันคล้ายวันเกิดสุดพิเศษนี้คนที่ดำเนินการทั้งหมดคืออาสุชาติ ผู้มาร่วมงานเป็นบุคคลสำคัญในวงการธุรกิจของบริษัทที่อย่างไรก็ขาดไม่ได้ 2-3 ครอบครัว ญาติๆ ของสิริน และบรรดาคณะกรรมการของบริษัทบางส่วน รวมทั้งนักข่าว 3 คนที่ได้รับอนุญาตให้ตามมาทำข่าวได้

งานนี้เน้นความเป็นส่วนตัวและการพักผ่อนหย่อนใจ ใช้เวลาตั้งแต่เช้าวันนี้ และกลับเข้าฝั่งเย็นของวันพรุ่งนี้ เป็นกำหนดการระยะสั้นก่อนกลับไปบริหารงานบริษัท รวมทั้งยังต้องกลับไปแต่งตั้งสิรินให้เป็นประธานบริษัทอย่างเป็นทางการ

ดำวิ่งสำรวจเสียทุกชั้น ตั้งแต่ชั้นล่างที่พวกเขาเข้าพัก ซึ่งมีห้องเรียงรายอยู 10 ห้อง และชั้นบนที่มีอีก 5 ห้อง เป็นชั้นที่เชื่อมต่อออกมาถึงระเบียงซึ่งมีสระว่ายน้ำให้ลอยคลออย่างสบายอารมณ์ ยิ่งได้เดินตามเส้นทางกราบเรือด้านข้างไปก็เจอเข้ากับห้องฟิตเนตอยู่ท้ายเรืออีกห้อง

ภายในไม่มีคนใช้งาน สามสหายของสิรินจึงขอแยกตัวออกกำลังกายอยู่ที่นี่ ส่วนดำกับสิรินก็ยังคงเดินสำรวจต่อไป ซึ่งชั้นถัดมาก็เป็นโถงที่พวกเขาขึ้นมาทานอาหารเมื่อครู่ ชั้นนี้จัดเป็นโถงขนาดใหญ่มีไว้สำหรับจัดงานเลี้ยงโดยเฉพาะ หลังจากหมดเวลาทานอาหารเที่ยง ภายในห้องก็เริ่มตกแต่งจัดวางของสำหรับงานเลี้ยงคืนนี้อย่างรวดเร็ว

ห้องที่ดำให้ความสนใจสุดๆ คงหนีไม่พ้นห้องครัวที่อยู่ด้านหลัง มีพ่อครัวแม่ครัวกว่า 10 ชีวิตกำลังเตรียมวัตถุดิบสำหรับงานเลี้ยงอย่างคึกคัก ดำมองบรรดาของเหล่านั้นแล้วก็ได้แต่จินตนาการถึงรสชาติจนน้ำลายไหล ลำบากสิรินต้องลากออกมากลัวว่าเจ้าตัวเล็กจะกระโดดเข้าไปตะครุบของกินเสียตอนนี้

เดินขึ้นไปอีกชั้นก็ถึงห้องควบคุมเรือ มีกัปตันคอยขับเรือและลูกทีมอีก 2 คน พวกเขาทักทายสิรินกับดำแล้วแนะนำให้ลองขึ้นไปรับลมบนดาดฟ้าเรือ ได้ยินว่าวิวสายกว่าด้านล่างและบรรยากาศก็ดีกว่าดำจึงไม่รอช้าดึงแขนสิรินขึ้นไปอย่างตื่นเต้นทันที

ดำตื่นเต้นกับวิวสุดลูกหูลูกตาเหมือนทะเลไร้ซึ่งจุดสิ้นสุด เรียกให้สิรินดูด้วยเสียงดังเจื้อยแจ้ว สิรินโอบดำจากด้านหลังก่อนจะก้มลมหอมแก้มอย่างรักใคร่ แม้จะอันตรายเพราะอาสุชาติวางแผนจะฆ่าเขา แต่ก็ไม่อาจจะปฏิเสธได้เช่นกันว่าเขาชอบบรรยากาศเช่นนี้ไม่น้อย

“เอาไว้หลังจากเสร็จเรื่องครั้งนี้แล้วฉันจะพาดำมาเที่ยวหลายๆ วันดีไหม” เขากระชับอ้อมกอดแน่นก่อนจะเอ่ยถามพร้อมกับก้มลงสูดดมผมหอมกรุ่น

“ดีครับ ไอ้ดำอยากเที่ยว ไอ้ดำชอบมากๆ สัญญาแล้วนะครับ” ดำขืนตัวหันมามองสิริน แล้วยกนิ้วก้อยขอคำสัญญา

“ครับ สัญญา จะพามาเที่ยวแน่นอน” คนตัวโตก็ไม่เกี่ยงกับการสัญญาแสนน่ารักเช่นนี้ ยกนิ้วก้อยขึ้นมาเกี่ยวเอาไว้พร้อมยิ้มอบอุ่น เรียบร้อยยิ้มแฉ่งของคนตรงหน้าให้กว้างยิ่งขึ้น

หลังจากชมวิวรับลมจนพอใจก็กลับไปพักผ่อน ใกล้ถึงกำหนดการค่อยตื่นขึ้นมาอาบน้ำก็ไม่สาย ดำหลับปุ๋ยเหมือนไม่ทุกร้อน แต่ก็ให้สิรินรับปากว่าจะไม่ทำอะไรที่เสี่ยงอันตราย และยืนยันหนักแน่นว่าจะปกป้องสิรินเอง

ดวงตาที่ฉายชัดถึงคำกล่าวนั้นทำให้สิรินรู้สึกอบอุ่น เขาเล่าเรื่องทุกอย่างให้ดำฟังแล้ว ทั้งที่ตั้งใจว่าจะไม่ให้เข้ามาเสี่ยงอันตราย แต่เขาก็ไม่อาจปล่อยให้ดำนั่งรอเป็นห่วงอยู่ที่บ้านได้

เพราะรู้ว่าถ้าบอกเช่นนั้น ดำก็จะขอตื้อมาจนได้ไม่ว่าเขาจะโกรธเพียงใดก็ตามมาจนได้ หรือถ้าแอบมา ปล่อยดำไว้ที่ห้อง เขาก็กลัวว่าเจ้าเด็กดื้อของเขาจะหาทางทำอะไรพิเรนทร์ๆ เข้า ถึงต้องพามาด้วยเช่นนี้

คืนนี้อาสุชาติวางแผนจะฆ่าเขา จะใช้วิธีไหนทางนี้ก็เป็นฝ่ายเสียเปรียบ ยิ่งวันนี้ได้เดินสำรวจจนทั่วจึงได้เห็นพวกพนักงานบนเรือหลายสิบคนที่ไม่คุ้นตา ไม่มีในข้อมูลที่เขาได้มาก่อนหน้านี้ก็อดที่จะเคร่งเครียดไม่ได้

สิรินคิดถึงความเป็นไปได้หลายๆ แบบ แต่จะอย่างไรเรื่องที่คนของเขามีน้อยกว่าก็ไม่อาจปฏิเสธได้ คนที่แทรกแซงเข้ามาได้มีไม่ถึงสิบคนเสียด้วยซ้ำ ถึงรวมเขาและเพื่อนๆ เข้าไปก็มีแค่ 13 คนเท่านั้น ถ้าจะให้ใช้กำลังเข้าสู้ต่อให้เก่งเพียงใดโอกาสชนะก็มีน้อยนิดอยู่ดี

ติ๊ด!

“มาร์โก้ทางนั้นเรียบร้อยรึเปล่า” สิรินยกหูโทรศัพท์โทรออกเพียงชั่วครู่ปลายสายก็รับ เขาไม่รอให้ทางนั้นตอบกลับรีบกรอกเสียงลงไปทันที

“มือระดับไหนแล้ว ทุกอย่างเรียบร้อย” มาร์โก้ตอบกลับอย่างมั่นใจ แม้เป็นห่วงลูกๆ ของเขาไม่น้อย แต่จะมาทำให้กังวลไปด้วยได้อย่างไร

“ดี...ฝากด้วยนะครับ” หลังวางสายจากมาร์โก้สิรินก็ทบทวนข้อมูลที่มีอยู่ แม้ลูกเรือบางส่วนถูกสับเปลี่ยน แต่ก็ยังเหลือคนที่มีข้อมูลอยู่บ้าง อย่างเช่นกัปตันกับลูกทีมนั่น

แต่ถึงจะคิดทบทวนมากเพียงใดสิรินก็ไม่มีทางรู้เลยว่า อาสุชาติจะเลือกเส้นทางที่เลือดเย็นถึงเพียงนั้น...



งานเลี้ยงเริ่มขึ้นในเวลา 19.00 น. มีเพลงบรรเลงสดเบาๆ จากบนเวทีรอให้แขกเข้ามาร่วมงานอย่างพร้อมหน้า บรรดาแขกผู้ใหญ่เข้ามาทักทายสิรินไม่ขาดสายเนื่องจากเป็นเจ้าของงานในวันนี้ สิรินจึงให้ทิวพาดำไปหาของกินก่อนไม่อยากให้คนตัวเล็กต้องรอจนท้องกิ่ว

“สุขสันต์วันเกิดแล้วก็ยินดีด้วยนะสิริน หลานเหมือนพ่อจริงๆ ถ้าเจ้านั่นได้เห็นคงมีความสุขมากแน่ๆ” คนที่เข้ามาทักทายมีญาติของเขารวมอยู่ด้วย เช่นชายที่ดูอายุราวๆ 50 ปีคนนี้เป็นน้าของพ่อ หรือก็คือน้อยชายของคุณย่าของสิริน ซึ่งไม่ค่อยได้เจอกันนัก อาสุชาติเชิญคนมาร่วมงานได้มากทีเดียว สังเกตแล้วก็มีญาติทางฝั่งพ่ออยู่หลายคน

“ขอบคุณครับ คุณปู่เล็ก” ถึงแม้จะไม่ค่อยได้พบหน้า แต่สิรินก็ไม่ได้เย็นชา เพราะมองออกว่าคำแสดงความยินดีเหล่านี้มาจากใจจริง เพราะปู่กับย่าเสียไปนานมากแล้ว ทั้งอาสุชาติยังส่งให้เขาเข้าเรียนโรงเรียนประจำ การพบปะญาติพี่น้องจึงห่วงหายมานาน คงเป็นอีกความต้องการหนึ่งของชายคนนั้นที่ต้องการกันเขาออกจากคนรู้จัก หรือพร้อมจะให้ความช่วยเหลือเหล่านั้น

“หลานปู่ก็มาหลายคนนะไปนั่งด้วยกันสิเดี๋ยวจะแนะนำให้รู้จัก” สิรินตอบรับแล้วเดินตามไปอย่างว่าง่าย ให้เวลากับปู่เล็กซึ่งเป็นญาติคนสำคัญ คนที่ตั้งใจจะเข้ามาคุยจะได้ล่าถอยไป เขาไม่ได้ชอบบรรยากาศงานเลี้ยงมากนัก ถึงจะพอยกยิ้มน้อยๆ ให้ได้ แต่จะให้ทำเช่นนี้จนจบงานเขาทำไม่ได้อย่างแน่นอน

ยิ่งบรรดานักธุรกิจหอบหิ้วลูกสาวหรือหลานสาวมาด้วยแล้วนั้นเข้ายิ่งไม่อยากพูดคุยด้วยนานเกินไป เลี่ยงการถูกจับคู่อย่างเห็นได้ชัด

ปู่เล็กพาลูกชายคนโตกับหลานสาวหลานชายที่อายุเท่าดำมาอีก 2 คน ผู้หญิงคนพี่นั้นนั่งเงียบขรึมเกินอายุ ส่วนผู้ชายคนน้องพูดน้ำไหลไฟดับดูปลาบปลื้มสิรินที่ประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อยแบบสุดขั้ว ดูแตกต่างกันมากทีเดียว

“พี่สินสุดยอดไปเลยครับ ผมอยากเรียนวิศวะมากเลยล่ะ เอาไว้ผมเรียนจบแล้วรับผมเข้าทำงานที่บริษัทบ้างนะ”

“สอบเข้าให้คิดก่อนเจ้าฟ้า” ปู่เล็กสวนขึ้น หลานคนนี้หัวดีแต่ทำตัวเกเรไม่น้อยคะแนนถึงได้ไม่โดดเด่นอะไรเลย

“ปู่! สายฟ้าครับสายฟ้า เรียกฟ้ามันเหมือนผู้หญิงอะไม่เอา” โดนว่าไปแบบนั้นไม่วายสายฟ้ายังหันไปงอแงกับปู่ ดูสนิทสนมจนสิรินยังรู้สึกอิจฉาในใจ ถ้าครอบครัวของเราอยู่พร้อมหน้าพร้อมตารักใคร่กลมเกลียวกันเช่นบ้างก็คงดี

“จิ้ม” เสียงที่มาพร้อมกับสัมผัสอ่อนนุ่มที่แก้มทำให้สิรินตกใจ หลุดจากอารมณ์เมื่อครู่แล้วหันไปมองต้นเหตุของการกระทำเมื่อครู่

“ดำ” คนตัวเล็กยิ้มแฉ่งทั้งยังไม่ลดนิ้วที่ใช้จิ้มแก้มของเขาลง

“ไอ้ดำเอามาให้ชิม อร่อยมากครับ” ดำยกอีกมือที่ถือจานใบเล็กไปให้ ก่อนจะหยิบขึ้นป้อนคนตัวโตอย่างเอาใจ มาการองสีหวานถูกงับเข้าปากอย่างง่ายดาย ความหวานทำให้อารมณ์ดีขึ้นทั้งยังได้คนป้อนดีสิรินถึงได้เผลอยิ้มกว้างออกมาในที่สุด

“อร่อย” กล่าวชมสักหน่อยแล้วลูบหัวให้รางวัลเช่นเคย กลายเป็นโลกของเราสองคนไปซะแล้ว ดำดีใจที่สิรินอารมณ์ดี ก่อนหน้านี้ที่มองมาเขาสังเกตเห็นความหดหู่เล็กๆ ได้จากร่างสูง ถึงได้ตรงดิ่งมาหาโดยไม่ฟังเสียงห้ามใคร

“อะแฮ่ม! ใครน่ะแนะนำให้ปู่รู้จักบ้างสิ” ปูเล็กกล่าวแทรก นานมากทีเดียวที่เขาไม่ได้เจอสิริน แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังจำเจ้าเด็กน้อยที่ชอบพูดชอบคุย ยิ้มดีใจกับเรื่องเล็กๆ ได้ เมื่อครู่ที่ได้คุยถึงตระหนักได้ว่าหลายชายคนเดิมของเขาเปลี่ยนไปกลายเป็นคนยิ้มยากเย็นชาไปเสียแล้ว พอได้เห็นสิรินยิ้มเช่นนี้ถึงได้รู้สึกสนใจคนที่เข้ามามากขึ้น

“เด็กคนนี้คือดำ เป็น...” สิรินหยุดคิด เขาไม่อยากบอกคนนอกเพราะเป็นห่วงอนาคตดำ เลือกที่จะบอกคนสนิทเท่านั้น อยากรอให้ดำเรียนจบมัธยมปลายเสียก่อน ปกติจึงแนะนำว่าเป็นน้องชาย แต่ที่ได้สัมผัสครอบครัวของปู่เล็กเมื่อครู่ทำให้สิรินลังเล ไม่อยากปิดบังญาติๆ ที่ห่วงใยเขานับเขาเป็นคนในครอบครัวเช่นนี้

ทั้งยังห่วงความรู้สึกดำ ก่อนหน้านี้เขาไม่ได้พบญาติมากนัก เจอแค่เพื่อนหรือคนรู้จัก จะแนะนำเช่นนั้นมันก็ไม่ได้รู้สึกแย่นัก แต่ญาติกับคนรู้จักต่างกัน ยิ่งเป็นคนที่นับญาติกับเขาด้วยใจจริงเช่นนี้ เขากลัวดำจะน้อยใจ หรืออาจจะรู้สึกแย่ก็เป็นได้

ดำมองดูสิรินที่หยุดชะงักไป จึงเอ่ยปากบอกเอง เสียงของพวกเขาจึงสวนกันขึ้นมาพอดี

“เป็นคนรักครับ”

“เป็นน้องชายครับ เอ๊ะ!” ดำแทบไม่เชื่อหูตัวเอง หันไปมองหน้าสิรินด้วยความแปลกใจ

“หือ ตกลงไปอะไรกัน” ปู่เล็กมึนงงไม่น้อยจึงถามซ้ำ พร้อมๆ กับดำที่สงสายตาถามอย่างแปลกใจ

คุณสินให้บอกแค่คนที่ไว้ใจได้ไม่ใช่เหรอครับ คนพวกนี้เชื่อใจได้เหรอ

สิรินดึงดำเข้ามากอด โอบไหล่เล็กๆ นั่นไว้ ก้มมาสบตายืนยันคำตอบของตัวเอง ริมฝีปากประดับรอยยิ้มเอ็นดูน้อยๆ กับท่าทางเป็นห่วงสถานการณ์แบบสุดๆ เช่นนี้ ก่อนจะเงยหน้าไปสบตาปู่เล็กด้วยสายตาจริงจัง

“ดำเป็นคนรักของผมครับ” หลังสิ้นเสียงนั้นดำก็หลับตาแน่น ดีใจไหม ดำบอกได้ว่าดีใจ ทุกครั้งที่สิรินแนะนำว่าเขาคือคนรัก ดำแทบจะลอยได้ หัวใจพองโตจนแทบบ้า แต่ก็เข้าใจได้ว่ามีผลลัพธ์อยู่ 2 แบบที่ตามมา

ดำเรียนรู้โลกในยุคนี้ได้ 2 ปีแล้ว เขาเห็นเหตุการณ์มากมาย ไม่ว่าจะในจอทีวี หรือชีวิตจริง ที่เจอกับตัวเองก็มี ใครว่ามีแค่สิรินที่ห่วงอนาคตดำกลัวจะถูกประณามด่าทอหรือกีดกันจากสังคมที่พวกเขาอยู่ ดำเองก็ไม่ต่างกัน เพราะมีเต็มเป็นไม้กันหมา จึงมีคนเข้าใจผิดว่าพวกเขาคบกันอยู่มากทีเดียว มีทั้งพวกที่รับได้และรับไม่ได้ บางคนถึงกลับตะโกนด่าไม่เกรงกลัว แน่นอนว่าอย่างเต็มกับดำแล้วก็จัดการจนคนสะพรึงกลัวมันก็จบ

แต่สิรินแตกต่าง สังคมของเขากว้างใหญ่กว่านั้น ผู้คนที่คอยหาผลประโยชน์จากความผิดพลาดของอีกคนนั้นน่ากลัวกว่าที่คิดมากนัก ดำเชื่อว่าสิรินไม่มีทางหันหลังให้เขาเพื่อกลบคำประณาม ดีไม่ดีคงยืดอกรับความรับผิดชอบทั้งหมดไว้ ไม่ยอมให้ใครว่ามาถึงดำได้ และนั่นเป็นสิ่งที่ดำไม่อยากให้เกิดขึ้นที่สุด

คนรักกันอยู่ด้วยกันควรมีความสุขไม่ใช่หรือ ถ้าต้องคอยรับมือคนรอบข้างที่มุ่งร้ายอยู่ตลอดเวลาจะมีความสุขได้อย่างไร จะบอกว่าให้ปิดหูปิดตาไม่สนใจมันเป็นไปได้หรือ ในเมื่อภาระที่สิรินต้องแบกรับหนักหนาถึงเพียงนี้ ตำแหน่งที่ไม่มั่นคง บริษัทที่ยังต้องสนใจผู้ร่วมหุ้นและการลงทุนกับบริษัทอื่น ล้วนต้องคบค้าสมาคม

รอให้ดำจบมัธยมปลาย ดำรู้ดีว่าคำนั้นไม่ใช่เพียงแค่รอให้เขาเรียนจบจริงๆ มันเป็นช่วงเวลาที่สิรินทำให้ตำแหน่งและบริษัทคงตัวด้วย

แม้เปิดตัวก็ไม่ถูกสั่นคลอนตำแหน่งยังคงบริหารงานได้เช่นเดิม

แม้เปิดตัวก็ไม่ต้องหวั่นเรื่องคนที่อยากถอนหุ้นหรือหันหลังไม่ร่วมลงทุน นั่นต่างหากคือคำสัญญาที่สิรินจะทำให้ได้

กับสังคมที่ยังต้องอิงอาศัยกันนั้นเราไม่อาจตัดขาดคนรอบตัวได้ ดังนั้นแล้วถ้าอยากทำเช่นนั้นเราก็แค่ทำให้ทุกคนขาดเราไม่ได้นั้นก็พอ...ยิ่งใหญ่จนใครก็อยากร่วมงานด้วย สิ่งที่สิรินต้องทำให้สำเร็จก่อนดำจะเรียนจบ เขาสัญญาไว้เช่นนั้น

ดำจ้องมองเหล่าคนตรงหน้าที่ดูตกใจนิ่งเงียบไป จนคนที่เอ่ยปากถามเดินเข้ามา ยืนมืออันสั่นเทามาจับมือเขากับสิรินเอาไว้ แล้วจึงยิ้มอย่างอ่อนโยนพร้อมกล่าวความรู้สึกออกมาจากใจจริง

“หือ น่ารักดี คงจะเป็นเด็กดีด้วยสินะ ฝากสินด้วยล่ะ ปู่ดีใจที่สินยังยิ้มแย้มอบอุ่นเหมือนวัยเด็ก ถึงปู่จะไม่ค่อยได้เจอแต่ก็พอรู้ว่าสุชาติคงดูแลสินไม่ดีเหมือนสุทินอีกทั้ง...เจ้านั่นเปลี่ยนไปมากทีเดียว เห็นแบบนี้ปู่ก็วางใจได้ว่าสินจะมีความสุข

จะคบใครก็ได้ ขอแค่เป็นคนดีก็พอ มาร์โก้ที่เลี้ยงดูสินจนถึงตอนนี้พิสูจน์ให้ปู่เห็นแล้วว่า ความรักไม่เกี่ยวกับเพศเลย ถ้ามีโอกาสก็นัดเจอให้ปู่บ้างนะ....ปู่อยากจะขอโทษที่เคยคัดค้านไม่ให้สุทินกับมาร์โก้คบกัน ตอนนั้นหูตาของปู่มันเก่าค่ำครึจริงๆ” ดวงตาของปู่น้อยสะท้อนความดีใจอย่างไม่ปิดบัง และเมื่อพูดถึงมาร์โก้นั้นปู่น้อยก็รู้สึกผิดมากจริงๆ

ตอนนั้นทุกคนต่างคัดค้านจนสุทินแทบตัดขาดจากที่บ้าน ยังดีที่ตอนนั้นย่าใจอ่อนกล่อมจนทุกคนยอมลงให้ อนุญาตให้ทั้งคู่อยู่ด้วยกัน เพียงแต่ห้ามเปิดเผยให้คนภายนอกรู้เด็ดขาด ซึ่งสิรินเองก็ไม่อยากให้เรื่องเช่นนั้นเกิดขึ้นกับดำเหมือนกัน

“ขอบคุณครับ ผมจะบอกให้” สิรินหันไปยิ้มกับดำพร้อมกุมมือคนตัวเล็กแน่นในฝ่ามือเหี่ยวย่นที่กุมมือพวกเขาประกบกันอยู่ เขารู้สึกดีมากที่เลือกบอกความจริง อบอุ่นเหมือนครอบครัวขยายใหญ่ขึ้นอีกขั้น มันมีความสุขมากจริงๆ

“ไอ้ดำก็ขอบคุณครับ ไอ้ดำเป็นเด็กดี จะทำให้คุณสินยิ้มเยอะๆ เลย ฮี่ๆ”

“ฮ่าๆ ดีๆ ร่าเริงจริงๆ เอ้า มาทำความรู้จักกับหลานปู่มา จะได้เป็นเพื่อนกัน” ดำหันมาส่งสายตาขออนุญาต สิรินผงกหัวตอบรับถึงได้เดินตามแรงจูงของปู่น้อยไป ภาพนั้นก็อยู่ในสายตาของคนแก่จนได้แต่คิดว่าดีจริงๆ ที่รักใคร่กันเช่นนี้

ดำเข้ากับคนได้ง่ายหากรู้สึกว่าเป็นคนดี ไม่นานจึงได้เข้ากับสายฟ้าเป็นปี่เป็นขลุ่ย ยกยอโอ้อวดสิรินเสียใหญ่โต จนคนถูกพูดถึงได้แต่ส่วนหน้าอย่างจนใจ เอาเถอะถือว่าดำมีเพื่อนเล่นที่เข้ากันได้สุดๆ แล้ว สายฟ้าก็ดูไม่มีท่าทีไม่ดีด้วย จะให้คิดว่าเป็นเต็มคนที่สองก็ได้

“รักมากสินะ หือ” ปู่น้อยเอ่ยขึ้นหลังจากพวกเขานั่งลงคุยกัน สิรินก็แอบมองดำอยู่หลายครั้งจนคนแก่เอ่ยแซวออกไป

“ครับ รักมาก ดำเป็นแสงสว่างในชีวิตของผม...ที่ขาดไปไม่ได้อย่างเด็ดขาด”



โปรดติดตามตอนต่อไป...



++++++++++++++++++++++++++++++++

อร๊าย เปิดตัวหลายสะใภ้ค่ะ

ฉากกินตอนหน้าน้า
หัวข้อ: Re: = P A Y = เปย์ข้าด้วยบุฟเฟ่ต์สิ [เปย์ครั้งที่ 17 >100%<] 03.07.2018
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 03-07-2018 13:39:28
ดำ สดใสตลอด แม้สถานการณ์จะเริ่มแล้ว
หัวข้อ: Re: = P A Y = เปย์ข้าด้วยบุฟเฟ่ต์สิ [เปย์ครั้งที่ 17 >100%<] 03.07.2018
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 03-07-2018 15:44:48
หลังจากนี้จะมีอะไรเกิดขึ้นนะ  :hao4:
หัวข้อ: Re: = P A Y = เปย์ข้าด้วยบุฟเฟ่ต์สิ [เปย์ครั้งที่ 17 >100%<] 03.07.2018
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 03-07-2018 16:13:58
เอ๊ะ!! นี่งานเปิดตัวหลานสะใภ้รึเปล่านะ 555
หัวข้อ: Re: = P A Y = เปย์ข้าด้วยบุฟเฟ่ต์สิ [เปย์ครั้งที่ 17 >100%<] 03.07.2018
เริ่มหัวข้อโดย: Mayana ที่ 04-07-2018 22:26:38
คุณสิน #คนจริง2018   o13
หัวข้อ: เปย์ครั้งที่ 18
เริ่มหัวข้อโดย: GreenHead(หัวเขียว) ที่ 19-09-2018 18:53:37

เปย์ครั้งที่  ๑๘

หน้าสิ่วหน้าขวาน

‘การอยู่ในช่วงวิกฤต อันตราย มีเหตุการณ์ไม่น่าไว้วางใจ’



งานเลี้ยงผ่านพ้นช่วงกล่าวขอบคุณแขกผู้มีเกียรติบนเวทีไปอย่างเรียบง่าย ไม่มีการเป่าเค้กเพราะสิรินทัดทานไปก่อนแล้ว งานนี้จึงเพียงแจกเค้กให้ผู้ที่ต้องการจะทานเท่านั้น แน่นอนว่าในจำนวนนั้นต้องมีส่วนของดำกว่าครึ่ง เจ้าตัวเล็กหอบเค้กหลากหลายรสชาติไปวางไว้บนโต๊ะ โดยมีเพื่อนใหม่คอยช่วยยกกลับมา เพราะเค้กถูกตัดแบ่งเป็นก้อนทรงสามเหลี่ยมเล็กๆ วางไว้บนโต๊ะในมุมของหวาน ใครต้องการรสใดก็หยิบได้ตามใจชอบ จะหยิบเท่าใดก็ไม่มีใครทัดทาน

สิรินเดินกลับมาถึงโต๊ะก็ได้แต่ส่ายหัวให้กับความตะกละของคนตัวเล็ก ยังดีที่เลือกหยิบมาอย่างละ 2-3 ชิ้น คงยังจำข้อห้ามตอนกินบุฟเฟต์ได้ เขาจึงทำเพียงแกล้งเย้าเล็กน้อยเท่านั้น

"ตักมาเยอะเชียว ถ้ากินไม่หมดอาหารชุดใหญ่คงต้องอดแน่นอน หึหึ" ดำเหมือนพึ่งนึกได้ จับจ้องมองไปยังมุมอาหารคาวที่กำลังทยอยวางส่วนของงานเลี้ยงเพิ่มเติม แม้มีกลิ่นน้ำหอมรบกวนประสาทรับกลิ่นไปบ้าง แต่ดำก็ได้กลิ่นหอมของความอร่อยได้เป็นอย่างดี

"อะ ไอ้ดำเอามาแบ่งทุกคนไงครับ คุณสินมากินกับไอ้ดำเร็วๆ " กล่าวพร้อมลากเก้าอี้ออกมาตบเบาๆ เชื้อเชิญให้สิรินนั่ง

"หึหึ เรื่องกินเก่งจริงนะเจ้าตัวเล็ก" สิรินลูบหัวอย่างเคยชิน ดำก็ยิ้มร่ารับคำชมอย่างไม่รู้สึกตะขิดตะขวงใจ

คุณสินชมด้วยล่ะ ไอ้ดำเก่งอยู่แล้ว!

คนร่วมโต๊ะอมยิ้มกับท่าทางน่าเอ็นดูของดำ ทั้งยิ้มร่า ทั้งหัวเราะอย่างมีความสุข ใครอยู่ใกล้ก็ใจละลายไปตามๆ กัน โดยเฉพาะกับสิรินแล้วจะรักมากมายขนาดนี้ก็ไม่แปลกอะไร

ปกติดำจะไม่กินของหวานก่อนของคาว แต่วันนี้กลับกินอย่างไม่สนใจ จะบอกว่าเค้กอร่อยคงไม่ผิด แต่มันก็ไม่ใช่เพียงแค่นั้น ทั้งบรรยากาศ ทั้งผู้ร่วมโต๊ะ ต่างช่วยทำให้เจริญอาหารมากขึ้น และถ้ายิ่งมีมาร์โก้กับเต็มอยู่ด้วยดำคงมีความสุขมากกว่านี้ มาร์โก้เป็นปะป๋า ส่วนเต็มเป็นเพื่อนที่ไว้ใจ ดำจึงขอให้สิรินจัดงานเลี้ยงที่เชิญผู้ร่วมโต๊ะในวันนี้ไปฉลองร่วมกันอีกครั้งแบบส่วนตัว โดยมีมาร์โก้กับเต็มร่วมด้วย สิรินก็ไม่ขัดใจรับปากดำด้วยความยินดี

บรรยากาศอบอุ่นเช่นนี้แม้ในช่วงวิกฤตแต่ก็มีความสุขมากจริงๆ

ในที่สุดดำก็กินเค้กจนหมดโดยให้คนอื่นๆ ช่วยบ้าง ป้อนสิรินบ้าง สุดท้ายก็ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี ได้เวลาของมื้อใหญ่แล้ว ดำลากสิรินเดินไปยังมุมตักอาหารด้วยความรวดเร็ว

อาหารไม่มีบริการเสิร์ฟถึงโต๊ะ เพราะเน้นให้เลือกของกินที่ตัวเองชอบเป็นหลัก แต่ที่มุมตักอาหาร จะมีพนักงานคอยบริการตักให้ และยังมีอาหารแบบที่ทำเมื่อมีคนสั่ง ตั้งเตาแสดงฝีมือสดๆ ได้ทั้งความตื่นเต้น และความสดใหม่ มีแขกมากมายสั่งอาหารเหล่านี้ เพราะถึงแม้อาหารที่พร้อมเสิร์ฟจะอยู่ในหม้ออุ่นอยู่ตลอดเวลา แต่รสชาติไม่ดีเท่าแบบที่ทำสดๆ ร้อนๆ

ดำจ้องสเต็กเนื้อวากิว A5 ตาวาว เสียงเนื้อดังฉู่ฉ่าบนเตาย่างร้อนๆ ช่างเย้ายวนเกินบรรยาย ซอสที่ใช้ทาบนเนื้อชิ้นหนาหอมฟุ้ง กลิ่นสมุนไพรอบอวลไปในอากาศ ยิ่งพอสัมผัสบนกระทะร้อนๆ ยิ่งเพิ่มความรุนแรงของกลิ่นมากขึ้นจนดำแทบจะยับยั้งตัวเองไม่ให้กระโจนเข้าใส่ไม่ไหวแล้ว ยังดีที่อยู่คิวถัดไป บวกกับสิรินจับตัวไว้ ไม่เช่นนั้นดำคงเข้าไปเกาะขอบเตาน้ำลายไหลยืดแล้ว

"กินเค้กไปขนาดนั้นยังหิวอีกเหรอ หือ" สิรินแกล้งเย้า แม้จะแบ่งคนอื่นบ้าง แต่อย่างไรดำก็กินมากกว่าใคร ถึงจะคิดว่าคงไม่อิ่ม แต่ไม่คิดว่าจะอาการหนักขนาดนี้

"หิว ไอ้ดำหิว แถมกลิ่นหอมขนาดนี้ไอ้ดำจะไม่ไหวแล้ว" ถ้าตากลายเป็นรูปเนื้อได้ตาของดำคงกลายสภาพไปนานแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นภายในแววตาก็สะท้อนภาพเนื้อชิ้นโตบนกระทะอย่างไม่วางตา

"ได้แล้วครับคุณหนู เนื้อวากิวแสนอร่อย" พ่อครัวกล่าวกับดำ เพราะเด็กน้อยแสดงออกถึงความอยากกินมากมายจนน่าเอ็นดูที่น้อยนักจะเห็นเวลาจัดงานเช่นนี้ เชฟจึงพูดด้วยรอยยิ้มจริงใจน้ำเสียงก็อบอุ่น

"ไอ้ดำขอสอง ไม่สิ สามเลย" ความโลภมากไม่เคยออกจากความคิดดำเลยจริงๆ ทั้งที่ได้มาหนึ่งจานแล้วยังจะขอเพิ่ม พ่อครัวจึงสบตาขอความเห็นจากสิรินที่ดูท่าจะตัดสินใจแทนคนตัวเล็กได้ พอเห็นว่าสิรินพยักหน้าตกลง เขาจึงลงมือทำจานต่อไปตามประสงค์ของเด็กน้อยจอมตะกละ

และแล้วดำก็ได้สเต็กเนื้อวากิวสมใจอยาก เจ้าตัวเดินกลับโต๊ะอย่างอารมณ์ดี แต่ก่อนจะกลับถึงโต๊ะ สายตาก็ปะทะเข้ากับเจ้ากุ้งตัวใหญ่ยักษ์ที่เคยเห็นในทีวี ทั้งยังคิดมาตลอดว่าอยากจะกินสักครั้ง

สิรินสังเกตเห็นสายตาแวววาวของดำ ที่ตอนนี้มองทั้งจานเนื้อในมือ และล็อปสเตอร์ตัวโตที่กำลังถูกราดด้วยซอสสีขาวนวลโดยฝีมือเชฟอีกคนในมุมโต๊ะที่เยื้องไปอีกฝั่ง

"กลับโต๊ะเถอะ กินสเต็กก่อน เดี๋ยวล็อปสเตอร์ฉันจะไปสั่งมาให้" ได้ยินแบบนั้นดำก็หูกระดิก เงยหน้าขึ้นยิ้มร่าอย่างถูกใจ

"รักคุณสินที่สุดเลยครับ" ดำกล่าวประโยคบอกรักอย่างไม่รู้สึกอาย ทุกครั้งจะบอกจากใจจริง และบอกทุกครั้งที่ดีใจ แต่สิรินก็ไม่เคยเบื่อ เขาชอบคำบอกรักของดำมากที่สุด เพราะมันมาจากใจ ส่งต่อมาด้วยความรู้สึกที่อัดแน่นด้วยความอบอุ่น ดำก็คงเป็นดำ แม้จะเจ้าเล่ห์เรื่องกินไปบ้าง แต่เรื่องเช่นนี้ดำไม่เคยโกหกเลยสักครั้ง

หลังวางสเต็ก 3 จานลงบนโต๊ะ จากดำ 1 จาน และจากสิริน 2 จาน สิรินก็ลูบหัวให้รางวัลก่อนเดินกลับไป ถึงจะอยากนั่งมองเวลาดำกิน แต่ก็ไม่เร่งร้อน กลับมาค่อยมองก็ยังไม่สาย ทั้งยังได้มองมากขึ้นจากอาหารจานต่อไปด้วย

ดำมองตามหลังสิรินที่เดินไปสั่งอาหารให้อย่างมีความสุข ก่อนจะหันกลับมามองเนื้อที่อยู่ตรงหน้า แม้อยากกินมากเพียงไร ดำก็ยังเป็นเช่นเดิม เขานั่งรอคนตัวโตอยู่อย่างนั้น ใครถามว่าทำไมไม่กินก็ตอบง่ายๆ ว่า

รอคุณสินกลับมากินด้วยกัน ไอ้ดำชอบเวลาได้กินข้าวพร้อมคุณสินที่สุด

จากเหตุการณ์ที่แอบหนีเที่ยวจนสิรินหายหน้าต้องกินข้าวคนเดียว ก็ทำให้ดำยึดติดกับการกินข้าวพร้อมสิรินมากขึ้นไปอีก พอตอบเช่นนั้นทุกคนก็ยิ้มอย่างเอ็นดู ไม่ได้ถามหรือแซวอะไรอีก เพียงแค่มองท่าทางอดทนต่อความเย้ายวนจากสเต็กเนื้อวากิวของดำ ทั้งกลั้นขำทั้งมองด้วยสายตาเอ็นดู

ไม่นานสิรินก็กลับมาพร้อมล็อปสเตอร์สองจาน และทั้งสองจานไม่ใช่เมนูเดียวกัน เพียงเป็นอาหารที่ใช้วัตถุดิบหลักเป็นล็อปสเตอร์เท่านั้น กลิ่นหอมชีสเรียกความสนใจของดำจนต้องละสายตาจากสเต็กเนื้อวากิวอย่างช่วยไม่ได้ ทั้งยังมองจนสิรินวางจานอาหารลงบนโต๊ะ

"รอฉันเหรอ เด็กดี" สิรินลูบหัวให้รางวัล ดำก็ออดอ้อนเอาหัวถูไถฝ่ามือใหญ่ด้วยใบหน้าที่มีรอยยิ้ม เพียงแต่รอยยิ้มครั้งนี้มีน้ำลายไหลรดมุมปากเพิ่มขึ้นมา จนสิรินต้องกลั้นหัวเราะเอาไว้แล้วละมือไปหยิบผ้ามาเช็ดปากให้

"กินได้แล้วเจ้าตัวเล็ก ดูสิอดทนจนน้ำลายไหลจะหมดตัวแล้วมั้ง หึหึ" ดำเหมือนได้รับคำอนุญาตพอบอกขอบคุณครับก็ลงมือกินโดยไม่สนใจอะไรอีก ดูท่าจะถึงขีดจำกัดแล้ว

สเต็กเนื้อวากิวชิ้นหนาที่จดจ้องมานานในที่สุดก็ได้ลงมือกิน เพียงมีดสัมผัสก็รู้สึกถึงความนุ่ม มีดจมลึกลงไปจนชิดจานด้วยการออกแรงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น นอกจากคุณภาพของเนื้อแล้ว เทคนิคที่ใช้หมักเนื้อของเชฟระดับโรงแรม 5 ดาวก็ยอดเยี่ยมไม่ต่างกัน

เสียงซู่ซ่าดังขึ้นยามน้ำที่ไหลออกมาจากตัวเนื้อ มีทั้งความนุ่ม ทั้งชุ่มฉ่ำ เป็นจานสเต็กเกรดพรีเมี่ยมอย่างไม่ต้องสงสัย ดำทั้งกลืนน้ำลาย ทั้งมือสั่นเทาเมื่อได้กลิ่นหอมที่กระจายออกมาหลังจากหันเนื้อออกมาพอดีคำ

“คุณสินไอ้ดำกินแล้วนะครับ” ไม่รอให้สิรินเอ่ยอนุญาตดำก็ยัดเนื้อคำโตเข้าปาก แล้วส่งเสียงอู้ๆ ที่บ่งบอกถึงความพอใจออกมา

สุดยอด ตอนหั่นว่านุ่มแล้ว พอเข้าปากแล้วนุ่มกว่า ไม่มีรสคาวของเนื้อ แต่ก็ได้รสเนื้อเต็มปาก ไอ้ดำไม่เคยกินเนื้อที่อร่อยแล้วก็นุ่มขนาดนี้มาก่อน พอเคี้ยวก็มีน้ำหวานจากเนื้อไหลออกมา สามารถเก็บน้ำหวานที่ไหลออกมาไว้จนชุ่มได้ขนาดนี้ ไอ้ดำอยากหิ้วคุณเชฟกลับบ้านจัง ป๊ะป๋าจะทำได้ไหมนะ งื้อ อยากถามปะป๋าจะแย่แล้ว

ดำคิดไปเคี้ยวไปแถมยังหันไปมองเชฟเป็นระยะ หมายมั่นว่าถ้ามาร์โก้ทำออกมาไม่ได้จะให้สิรินจ้างเชฟกลับบ้าน ดำติดใจรสชาติของเนื้อวากิว A5 จนถอนตัวไม่ขึ้นแล้ว ไม่นานก็หมดจาน จากนั้นสิรินก็เปลี่ยนจานให้ เพราะเป็นจานแบบอุ่นร้อนถึงนำมาวางไว้สักพักค่อยๆ กินความร้อนก็ไม่ลดลง

สเต็กชิ้นโตโดนสิรินหันเป็นสี่เหลี่ยมลูกเต๋าไว้หลายคำ ดำก็ใช้ส้อมจิ้มกินอย่างไม่เกรงใจ เขาเคยชินกับการที่สิรินคอยบริการเช่นนี้เสียแล้ว และคาดว่านิสัยนี้แก้อย่างไรก็ไม่หาย ดำติดกับผู้ชายเจ้าเล่ห์จนหนีไม่รอดเสียแล้ว

พอดับความอยากได้เสี้ยวหนึ่งดำก็ยื่นส้อมที่จิ้มเนื้อวากิวไปที่ปากสิริน ไม่ใช่ว่าดำกินแล้วลืมสิรินเสียหน่อย สุดท้ายคนตัวเล็กก็ยังเอาใจคนตัวโตอยู่ไม่ขาด สวีสจนเพื่อนร่วมโต๊ะส่งสายตาอิจฉามาตงิดๆ แล้ว แต่มีหรือสิรินจะสนใจ ส่วนดำนั้นยิ่งไม่รู้ตัว เพราะสายตานั้นไม่ได้มีเจตนาร้าย ก็เลยอยู่ในโลกของเราสองเช่นนั้น คนหนึ่งหั่น คนหนึ่งกินเองบ้าง ป้อนคนหั่นบ้างจนหมดจานที่สอง

สิรินส่งล็อปสเตอร์อบชีสมาแทนจานสเต็ก จานที่สามเอาไว้กินตบท้ายดำจะได้ไม่วิ่งโล่ไปต่อแถมขอเพิ่มมากินตบท้ายอีกจาน ดำก็ว่าง่าย ขอแค่เป็นของอร่อยจานไหนมาก่อนก็ไม่ขัด ยิ่งมองล็อปสเตอร์เนื้อขาวผ่อง โรยด้วยชีสด้านบนดำก็เช็ดน้ำลายแทบไม่ทันแล้ว

“กุ้ง กุ้ง กุ้ง” แถมยังส่งเสียงฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดี ก้มลงดมกลิ่นชีสแสนอร่อยที่เขาชอบอย่างไม่เกรงใจ

“หึหึ แค่ดมมันไม่อิ่มท้องหรอกนะ เอ้า กินได้แล้วครับ” สิรินกล่าวเช่นนั้นแล้วยื่นส้อมที่มีเนื้อล็อปสเตอร์หั่นพอดีคำเสียบอยู่ไห้ดำ เจ้าตัวเล็กก็ไม่รอช้า อ้าปากงับอย่างถูกใจ เคี้ยวจนแก้มตุ่ยเหมือนแฮมสเตอร์ ทั้งยิ้มจนตาหยี ทั้งเคี้ยวไปด้วยน่ารักจนสิรินละสายตาไม่ได้ รีบส่งคำต่อไปให้อย่างเคยชิน เขาชอบใบหน้าเวลาดำกินอย่างมีความสุขที่สุด

“อร่อย หวานฉ่ำ” กลืนแล้วก็ชมเสียหน่อยค่อยอ้าปากรับคำต่อไป

เนื้อกุ้งยักษ์หวานฉ่ำสุดๆ ไปเลย หวานคนละแบบกับเนื้อก่อนหน้านี้ แต่ก็อร่อยเหมือนกัน ไอ้ดำไม่เคยกินกุ้งเต็มปากเต็มคำขนาดนี้มาก่อน ถึงจะเคยกินกุ้งตัวใหญ่จากที่ไปฉลองบ้านคุณทิว แต่อันนี้ใหญ่กว่านั้นอีก ทั้งหอมชีส ทั้งกลิ่นเนยจางๆ กับกลิ่นแปลกๆ เหมือนแอลกอฮอล์...ใส่เหล้าลงไปรึเปล่านะ ป๊ะป๋าก็ใส่ตอนหมักเนื้อ แต่มันรสชาติดีกว่านั้น ไม่รู้ล่ะว่าอะไรแต่อร่อยมากเลย

ไอ้ดำชอบ ทั้งกุ้งทั้งชีสเข้ากันสุดๆ ตอนอบซอสก็ซึมเข้าถึงด้านใน พอมีชีสอยู่ด้านบนยิ่งเข้ากัน ได้เมนูใหม่ให้ป๊ะป๋าทำอีกแล้ว ฮี่ๆ


“คุณสินกุ้งยักษ์จานนั้น” กะพริบตาปริบๆ บ่งบอกว่าอยากชิมจานต่อไปจะแย่แล้ว ทั้งที่คำสุดท้ายพึ่งกลืนไปแท้ๆ อย่างไรจอมตะกละก็เป็นจอมตะกละอยู่วันยังค่ำจริงๆ

แต่สิรินก็ไม่ได้ขัด ยกจานต่อไปมาวางตรงหน้าดำทันที เหมือนจานก่อนหน้านี้ ล็อปสเตอร์ถูกผ่าครึ่ง ทำให้เห็นเนื้อด้านในอย่างชัดเจน จะใช้ช้อนกับส้อมตักขึ้นมากินเลยก็ได้

อา จานนี้มีกลิ่นพริกไทยล่ะ แถมยังมีข้าวกินคู่กันด้วย เป็นข้าวสีเหลืองเหมือนข้าวผัด แต่มองดีๆ แล้วไม่ใช่ ไม่รู้ว่าอะไรแต่ลองกินแล้วรสเหมือนข้าวอบ ไอ้ดำเคยกินครั้งหนึ่งจำได้ ปะป๋าทำให้กิน มันจะแห้งกว่าผัดนัดหน่อย แถมรสชาติกลมกล่อมกว่าด้วย ต่อไปก็กุ้งยักษ์ล่ะ

รสชาติเรียบง่าย ใช้พริกไทยเป็นหลักแล้วก็มีความเค็มนิดๆ ของเนยซึ่งช่วยเน้นรสกลมกล่อมได้ดีกว่าเกลือ เค็มแบบพอดีๆ ไอ้ดำชอบ อู้ แบบไหนก็อร่อย จะชีสจะพริกไทยก็อร่อย กุ้งเนี่ยอร่อยจริงๆ เลยน้า...


หลังจบจานกุ้งดำปิดท้ายด้วยสเต็กเนื้อวากิวตามที่ต้องการ จานอร่อยที่สุดในคืนนี้

หลังจากนั้นผู้คนก็เริ่มเดินออกไปรับลมทะเล บางคนก็ยังดื่มกินอย่างสนุกสนาน ตามหน้าที่ของเจ้าภาพแล้วสิรินควรอยู่จนส่งแขกคนสุดท้าย แต่เขากลับพาดำกลับห้องนอน ไม่ลืมไปลาอาสุชาติ ทั้งให้เหตุผลว่าดำยังเด็กควรนอนแต่หัวค่ำจากนั้นก็กลับห้องตามต้องการ

พวกเขาเข้าไปแช่น้ำด้วยกันเช่นทุกครั้ง แม้อ่างอาบน้ำเล็กไปบ้าง แต่ก็ไม่ใช่อุปสรรคอะไร ดำตัวเล็กก็เลยนั่งบนตักสิรินได้สบาย สนุกกันในห้องน้ำไปหนึ่งรอบเป็นการย่อยอาหาร แล้วจึงออกมาแต่งตัวนอนกอดกัน แบ่งปันความอุบอุ่นเช่นนั้น...

...

ดำหลับสนิทไปแล้ว แต่สิรินกลับตื่นขึ้นมากลางดึก ถึงจะเสียดายความอบอุ่นไปบ้าง แต่คืนนี้ก็ประมาทไม่ได้ เขาต้องระวังตัวให้ดี คืนนี้อาสุชาติคงลงมือแน่

หลังจัดท่านอนห่มผ้าแน่ใจว่าดำหลับสบายก็ออกไปจากห้อง เพราะไม่รู้ว่าอาสุชาติจะลงมือเวลาไหน เขาจึงต้องเตรียมการให้พร้อม ต้องไปสั่งการเป็นครั้งสุดท้าย เขาไม่อยากรบกวนให้ดำตื่น อยากจัดการปัญหาด้วยตนเอง

พอเดินถึงส่วนดาดฟ้าท้ายเรือสิรินก็โทรหาดนัย

“ตู๊ดๆ ๆ ๆ” มีเพียงเสียงดังเช่นนี้ ไม่มีทีท่าว่าอีกฝ่ายจะรับเลยสักนิด

“เกิดอะไรขึ้น...”

ตู้ม!

ไม่รอให้สิรินคาดการณ์ไปมากกว่านี้ เสียงระเบิดก็ดังขึ้น และน่าแปลกที่ไม่มีแม้แต่เสียงใครโวยวายทั้งที่เสียงดังขนาดนี้ ไม่รอช้าเขาวิ่งกลับห้อง น่านกับก้องก็เปิดประตูออกมาเจอเข้าพอดี

“ไอ้สิน ทิวปลุกไม่ตื่น น่าจะโดนวางยา” น่านเปิดปากพูดก่อน สิรินใจไม่ดีไม่ตอบอะไรเพื่อน รีบกลับห้อง หัวใจเต้นตึกตัก เขากำลังกลัว

ปัง!

บนเตียงที่เคยมีคนตัวเล็กนอนอยู่ว่างเปล่า เขาประมาทเกินไป ดำหายไปเสียแล้ว...



***50%***



กลับมาแล้วค่า ขอโทษที่หายไปนะคะ

เขียนไม่ออกอีกแล้ว แหะๆ ขอโทษจริงๆ ค่ะ

แต่ตอนนี้กลับมาจริงๆ แล้วนะ!

กะจะลง 100% แต่พิมพ์ไม่ทัน ต้องไปทำงานแล้วค่ะ

พรุ่งนี้จะมาต่อให้น้า

...ฉากกินส่งท้าย เข้าโค้งสุดท้ายแล้วคงต้องเว้นฉากกินไปก่อน จะมีอีกทีก็ตอนสุดท้ายเลยจ้า ให้เคลียร์ปมที่ปูไว้กันก่อนน้า





หัวข้อ: Re: = P A Y = เปย์ข้าด้วยบุฟเฟ่ต์สิ [เปย์ครั้งที่ 18 >50%<] 19.09.2018
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 19-09-2018 22:16:37
ทำไมร้ายจัง
หัวข้อ: Re: = P A Y = เปย์ข้าด้วยบุฟเฟ่ต์สิ [เปย์ครั้งที่ 18 >50%<] 19.09.2018
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 20-09-2018 04:01:00
หนูดำโดนอุ้มหายไป  :a5:
หัวข้อ: Re: = P A Y = เปย์ข้าด้วยบุฟเฟ่ต์สิ [เปย์ครั้งที่ 18 >50%<] 19.09.2018
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 20-09-2018 14:34:24
ขอบคุณครับ +1 ให้นะครับ :a2: :katai2-1: o13
หัวข้อ: Re: = P A Y = เปย์ข้าด้วยบุฟเฟ่ต์สิ [เปย์ครั้งที่ 18 >50%<] 19.09.2018
เริ่มหัวข้อโดย: Mayana ที่ 24-09-2018 14:39:57
ใครอุ้มน้องงไป  o12
หัวข้อ: เปย์ครั้งที่ 18 [2]
เริ่มหัวข้อโดย: GreenHead(หัวเขียว) ที่ 01-12-2018 18:59:31
เปย์ครั้งที่ ๑๘ {2}


สิรินพยายามควบคุมสติของตนให้คงที่ เพราะรู้ดีว่าหากตนลนลานตอนนี้เรื่องจะยิ่งเลวร้าย คิดถึงสิ่งที่ต้องทำต่อไป คิดถึงความเป็นไปได้ของแต่ละสถานที่ว่าที่ใดเหมาะสมให้อาของเขาควบคุมสถานการณ์ได้ดีที่สุด

จากนั้นกดโทรศัพท์หามาร์โก้แต่ไร้สัญญาณตอบรับ ซึ่งสิรินเองก็หาได้ใส่ใจ เขาสำรวจปืนพกบนสายห้อยปืนข้างเอว ก้มเปิดลิ้นชักหัวเตียงหยิบปืนสำรองที่เอาไว้ให้ดำป้องกันตัว นำปืนกระบอกนั้นมาห้อยไว้อีกฝั่งของเอว ก่อนจะออกไปด้านนอก หน้าห้องมีปู่น้อยเพิ่มขึ้นมาอีกคน แต่ไร้วี่แววคนอื่นๆ

“สินทุกคนหลับกันหมดแล้ว” ได้ฟังดังนั้น กับเสียงที่เงียบเกินกว่าจะเป็นหลังเกิดเหตุระเบิด สิรินก็สันนิษฐานความเป็นไปได้ในหัว ที่แน่ๆ พวกเขาถูกวางยานอนหลับไม่ผิดแน่ แต่ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ถูกรมควันในห้องทุกคนก็ควรสลบหมด แต่ทั้งน่าน ก้อง และปู่น้อยล้วนแต่ปลอดภัย ดังนั้นตัดข้อนี้ออกได้เลย

ในอาหารอย่างนั้นหรือ พวกเขานั่งร่วมโต๊ะก็กินอาหารไม่ได้ต่างกันเท่าไหร่นัก หรืออยู่ที่ปริมาณ ของที่ดำกินเยอะที่สุดคงไม่พ้น

"""เค้ก” ””

สิริน น่าน ก้อง พูดขึ้นมาพร้อมกัน สิรินใส่ใจดำมากที่สุด ส่วนน่านกับก้องนั้นไม่พ้นดูแลทิวเช่นที่ผ่านมา ดังนั้นแล้วในชั่ววินาทีนี้บทสรุปของพวกเขาจึงตรงกัน

พวกเขาไม่ได้แย่งเค้กที่ทั้งสองคนเลือกมา กินเฉพาะเวลาที่ถูกป้อนหรือแบ่งให้ ดังนั้นแล้วปริมาณที่กินเข้าไปนับว่าน้อย ไม่ได้กลืนเอากลืนเอาเป็นหลุมดำเหมือนคนทั้งสอง และแน่นอนว่าพวกเด็กๆ ก็กินเค้กไปไม่น้อย นั่นหมายความว่าพวกเขาก็โดนวางยา เพียงแต่ไม่ได้มากจนทำให้หลับไปเท่านั้น

ปู่น้อยแม้ไม่เข้าใจมากนักในตอนแรก แต่พอคิดถึงความสัมพันธ์ของสินกับสุชาติและผลประโยชน์ของบริษัทหลังจากนี้ก็เข้าใจถึงความเป็นไปได้ของอันตรายที่กำลังเกิดขึ้น รวมทั้งเมื่อได้ยินคำว่าเค้กสมองก็แล่น เพราะเขาไม่ชอบของหวานจึงไม่แตะต้อง แต่หลานๆ กลับกินกันอย่างมีความสุขจึงไม่มีความเห็นต่างใดๆ จากข้อสรุปนี้

“สินกูจะพาทิวไปห้องปู่น้อย ดูแลคนทางนี้เอง พวกมึงไปตามดำเถอะ ทางนี้ไม่ต้องห่วง…ไปกันครับปู่” น่านตัดสินใจอย่ารวดเร็ว ต้องมีคนระวังภัยด้วยไม่เช่นนั้นจะต้องแระแวงด้านหลังอยู่เช่นนี้จะทำอะไรก็ทำได้ไม่เต็มที่

“ขอบใจนะ” สิรินตอบรับอย่างเต็มใจ แม้เขาห่วงดำมากที่สุด แต่กับญาติที่เปิดใจให้จะบอกว่าไม่ใส่ใจเลยก็ไม่ถูกต้องนัก มีความเป็นไปได้สูงที่อาสุชาติจะส่งคนมาฆ่าพวกเขา หรือจับเป็นตัวประกันอีก ซึ่งท้ายสุดสิรินคงเลือกช่วยดำมากที่สุดอยู่ดี จะปล่อยให้พวกเขามาอยู่ในอันตรายเพิ่มไม่ได้

ก้องหันไปกำชับน่านเรื่องทิวอีกเล็กน้อยก่อนจะตามสิรินไป พวกเขามุ่งหน้าไปยังห้องควบคุม ถ้าต้องการควบคุมเรือลำนี้ต้องหนีไม่พ้นห้องนั้นอย่างแน่นอน พวกเขาวิ่งมาถึงชั้นบน ก็พบกับลูกเรือตัวใหญ่ที่ดนัยเดินตามไปเมื่อช่วงกลางวัน

ชายคนนี้ชื่อว่า โจ เป็นคนที่ดนัยเลือกมาด้วยตนเอง เป็นอีกคนที่ทำงานให้สิรินมาอย่างยาวนาน เขาทำงานต่างมือเท้าของดนัย ซึ่งไม่ถนัดในเรื่องการใช้กำลัง และยังอยู่ในที่แจ้ง โจจึงเป็นคนที่ทำงานเบื้องหลังให้ดนัยนั่นเอง

ในงานครั้งนี้เองก็แฝงตัวมาในฐานะลูกเรือด้วยเช่นกัน ดังนั้นจึงน่าแปลกที่เขามากับลูกน้องอีก 4 คน ไร้วี่แววของดนัย

“ดนัยล่ะ” สิรินเอ่ยถามอย่างสงสัย เขาติดต่อดนัยไม่ได้ ในระหว่างเอ่ยปากก็ไม่ได้ลดความเร็วลง พวกเขายังคงวิ่งไปห้องควบคุม โดยมีโจกับลูกน้องวิ่งตามมาด้วย แม้จะบอกว่าเป็นลูกน้องของโจ แต่ความจริงคนเหล่านั้นก็เป็นคนของสิรินที่มอบให้ช่วยงานโจเท่านั้น พวกเขาจึงค่อนข้างเรียบร้อยเมื่ออยู่กับสิริน ปล่อยให้โจเป็นคนตอบคำถามอย่างรู้หน้าที่

“ผมติดต่อไม่ได้เหมือนกัน ไปเช็คที่ห้องแล้วแต่ไร้วี่แวว ตอนนี้สั่งให้ลูกน้องส่วนหนึ่งออกไปตามหา…คิดว่ามีโอกาสจะโดนฆ่าปิดปากไปแล้วครับ” น้ำเสียงของโจแม้เหมือนจะใจเย็น แต่กลับแฝงไว้ด้วยความวิตกกังวล ความเป็นห่วงฉายชัดอยู่ในน้ำเสียงนั้น ความจริงคงอยากไปตามหาด้วยตัวเอง แต่ติดที่ตนเป็นหัวหน้าจึงต้องมาคุ้มกันสิรินแทน

สิรินพยักหน้ารับรู้ แล้ววิ่งต่อ เรื่องดนัยคงฝากฝังไว้กับลูกน้องเท่านั้น ตอนนี้เรื่องความปลอดภัยของดำสำคัญที่สุด

เพียงไม่นานพวกเขาก็วิ่งมาถึง สิรินไม่ได้ใจร้อนถึงขั้นเปิดเข้าไปโดยไม่เตรียมตัว เขาสั่งให้โจกับลูกน้องแยกออกไปยืนสองฝั่งของประตู เขากับก้องก็ทำเช่นนั้น เพื่อป้องกันหากโดนยิงสวนมาหลังเปิดประตู เพราะประตูเป็นเหล็กทำให้ยิ่งกระสุนผ่านออกมาไม่ได้ แต่เมื่อเปิดออกก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง

พวกเขาหยิบปืนขึ้นมาเตรียมพร้อม ทุกคนต่างพกอาวุธของตัวเอง ทำให้ง่ายขึ้นในการเตรียมพร้อมต่อสู้ โจเปิดประตูอย่างรู้หน้าที่ แต่กระนั้นก็ไร้เสียงปืนดังขึ้น ในห้องดูเงียบเชียบผิดปกติ ก่อนจะชะโงกหน้าเข้าไปดู เสียงของคนคุ้ยเคยก็ดังขึ้น

“ว่าอย่างไรหลานรัก จะไปหลบอยู่ทำไมออกมาคุยกับอาก่อนสิ…เดี๋ยวอีกสักพักก็ไม่ได้คุยแล้ว หึหึ” เสียงนั้นเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน เพราะเขารู้ดีว่าสิรินเตรียมรับมือเอาไว้แล้ว แต่กลับตกม้าตายง่ายๆ เพียงเพราะเด็กของตนถูกจับไปเช่นนี้

สิรินได้ยินเสียงนั้นก็เดินเข้ามาในห้อง เขาหาได้มองไปที่อาสุชาติ แต่กลับมองไปยังเด็กชายคนหนึ่งที่ถูกวางไว้บนเก้าอี้ โดยมีชายอีกคนยืนเอาปืนจ่อไว้ที่หัว ทั้งยังมีสายตาโลมเลียอย่างเห็นได้ชัด สิรินได้แต่กัดฟันโกรธ เขาต้องสู้กับตัวเองอย่างหนักเพื่อไม่ให้ตนเข้าไปกระชากดำกลับมา

“วางแผนได้เยี่ยมดีนะครับ สร้างสถานการณ์ชื่นมื่น ชวนกระทั่งปู่น้อยกับหลานๆ มาเพื่อให้ผมคลายการป้องกันลง วางยานอนหลับในปริมาณน้อยนิด เพื่อไม่ให้ใครรู้สึกตัว วางระเบิด ฆ่าปิดปากกัปตันที่พาเรือออกมาไกลถึงน่านน้ำสากลอย่างเงียบๆ ให้เหมือนการบุกปล้นเรือท่องเที่ยวที่ไร้การระมัดระวังตัว ยิ่งอยู่ในน่านน้ำสากลที่ไม่ว่าประเทศใดก็เข้ามาได้แล้ว ขอบเขตการหาตัวคนร้ายก็จะยิ่งกว้างขึ้น ผมล่ะนับถืออามากจริงๆ แต่คิดจริงๆ เหรอว่าผมจะไม่รู้เรื่องนั้นจนยอมมาด้วยง่ายๆ แบบนี้” สิรินกวาดตามมองไปทั่วห้อง มีร่างไร้วิญญาณนั่งอยู่บนเก้าอี้สองร่าง กัปตันเรือกับผู้ช่วยถูกยิงกระสุนเจาะกะโหลกตายคาที่

ต่อจากนี้คงตั้งใจฆ่าเขาให้ตาย อพยพคนที่ยังพอมีประโยชน์ลงเรือลี้ภัยแล้วทำการจมเรือลำนี้ทิ้ง สร้างสถานการณ์กลับขึ้นฝั่งเหมือนตนโชคดีที่ยังรอด ทั้งยังสามารถซื้อใจคนที่ถูกช่วยให้พ้นวิกฤต เสียงคัดค้านการรับช่วงต่อบริษัทคงเบาบางลงไปอีก เรียกได้ว่ายิงปืนนัดเดียวได้นกหลายตัวทีเดียว สมแล้วที่วางแผนมาอย่างยาวนานเช่นนี้ จบโดยที่ตนถูกเห็นชอบว่าเป็นผู้ที่สมควรแล้วที่ยังมีชีวิตรอดนั่นเอง

“แน่นอน กับเด็กที่เกิดหลังฉันเป็นสิบปีอย่างแก ต่อให้ฉลาดอย่างไรก็ตามเกมฉันไม่ทันอยู่ดี แกล้งโง่มากๆ สุดท้ายก็โง่จริง…เหมือนพ่อแกไง ฮ่าๆ ๆ” ต่อให้สิรินคาดเดาแผนการทั้งหมดได้ สุชาติก็หาได้สะทกสะท้าน สำหรับเขาดีเสียอีกที่เข้าใจทุกอย่างง่ายๆ เช่นนี้ ทั้งยังมั่นใจว่ารับมือได้จนกระโจนเข้ามาในกับดักด้วยตนเองเช่นนี้ จะไม่ให้เขามั่นใจได้อย่างไร

“ถ้าอาจะคิดแบบนั้นก็ตามสบายเถอะครับ แต่ผมไม่อยากเสียเวลาแล้ว”

“โอ๊ย! ปล่อยกูนะเว้ย!” สิ้นคำบอกกล่าวของสิริน เสียงของสน ลูกชายของสุชาติที่กำลังใช้ปืนจ่อหัวดำ ทั้งยังใช้มือที่ว่างอยู่ลูบไล้แก้มสีน้ำผึ้งโดยไม่ระวังตัวอยู่ก็ร้องขึ้น เขาโดนลูกน้องข้างกายใช้มือสับปืนตกแล้วจับบิดแขนกดลงกับพื้น เพียงชั่วพริบตาคนที่โดนจับตัวประกันก็เป็นฝ่ายสุชาติแทน

คนที่เคลื่อนไหวไม่ได้มีเพียงคนเดียว ลูกน้องที่ยืนอยู่แปดคน เคลื่อนไหวสามคน คนหนึ่งจับตัวสนกดลงกับพื้น อีกคนคุ้มกันด้านหลังไม่ให้ลูกสมุนที่เหลือของสุชาติกรูกันเข้ามาเล่นงานพร้อมกัน ส่วนอีกคนยกปืนจ่อหัวสุชาติอยู่ด้านหลังพอดิบพอดี

สุชาติเกิดอาการลนลานแต่ก็ไม่กล้าขยับตัว เพราะขณะที่สบดวงตาของสิรินอยู่นี้ บ่งบอกว่าอีกฝ่ายเอาจริง ถ้าเขาขยับแม้แต่น้อย ลูกสมุนที่เลี้ยงไม่เชื่องของตนคงได้ลั่นไกอย่างแน่นอน

“พวกเลี้ยงไม่เชื่อง” สุชาติกัดฟันด้วยความโกรธ สถานการณ์กลับตาลปัตรเพราะถูกทรยศแท้ๆ

“ไม่ใช่หรอกครับอา พวกเขาภักดีสุดๆ ต่างหาก ใช่ไหม” สิรินเผยรอยยิ้มมุมปาก สุชาติก็คาดเดาได้ทันที ไม่ใช่ว่าลูกสมุนของตนทรยศ แต่พวกมันไม่ใช่คนของตนตั้งแต่แรกต่างหาก สามปี คนเหล่านี้ทำงานสกปรกให้เขาถึงสามปี จะอย่างไรก็ไม่คาดคิดว่าจะทรยศ ซื้อความเชื่อใจจากเขาได้จนแทบหมดใจ เรื่องที่เป็นความลับหลายๆ เรื่องถูกบอกกล่าว…เพราะเช่นนี้เอง สิรินจึงมั่นใจจนกล้ากระโดดลงมาในกับดักนี้

สิ่งที่ได้รับรู้ทำให้สุชาติเจ็บใจยิ่งกว่าสิ่งใด คนมีฝีมือที่ตนไว้วางใจกลับไม่ใช่คนของตนตั้งแต่แรก เสียงก่นด่าของสนดังขึ้น ด่าสาดเสียเทเสียอย่างไม่ไว้หน้า แต่ก็ถูกคนของสิรินจับบิดแขนจนร้องโอดโอย

ผิดกับอาสุชาติที่นิ่งเงียบ ก้มหน้าเหมือนยอมแพ้ มือสองข้างกำเข้าหากันแน่นจนเกิดเป็นเส้นเลือดปูดโปน บ่งบอกว่าเจ้าตัวอดกลั้นมากเพียงใด

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า…” เสียงหัวเราะดังก้อง เสียงนั้นแฝงด้วยความเจ็บใจ เย้ยหยัน ลงท้ายด้วยความสะใจ จนพวกสิรินอดที่จะหวั่นวิตกไม่ได้ แม้สถานการณ์พวกเขาจะเหนือกว่า แต่ทุกคนก็กระชับปืนในมือแน่น พร้อมลั่นไกตลอดเวลา

“ยอดเยี่ยม ยอดเยี่ยมจริงๆ ฉันไม่เคยสงสัยพวกมันเลย ไม่เคยเลยจริงๆ เรื่องจิตใจภักดีของพวกมันคนของฉันเองคงเทียบไม่ติด เลือกคนได้ดี…” สุชาติกล่าวทั้งที่ใบหน้ายังคงประดับรอยยิ้มของคนดีเช่นที่ผ่านมา ใบหน้าที่สวมทับไว้ด้วยหน้ากาก

‘คุณอาที่แสนดี’

สิรินหาได้กล่าวโต้ตอบ ตอนนี้ใจของเขาอยู่ที่ร่างเล็กๆ ของดำที่หลับพริ้มโดยไม่รับรู้อะไรอยู่บนเก้าอี้ พวกเขาทั้งสองฝั่งยังคุมเชิงกันอยู่จึงยังไม่มีจังหวะเข้าไปประชิดตัว

อาสุชาติยังไม่สั่งลูกน้องให้วางปืนลง หากก้าวเข้าไปสุ่มสี่สุ่มห้า สุชาติจะสั่งให้ใครสละชีวิตก็ไม่อาจทราบ ดูอย่างคนบนเรือลำนี้ กว่าครึ่งถูกกำหนดให้จมหายลงไปใต้ทะเลลึกโดยไม่รู้สึกตัวเสียด้วยซ้ำ

เสียงฝีเท้าด้านนอกบ่งบอกว่ามีคนตามมาสมทบไม่น้อย ไม่ทราบว่าเป็นคนของฝ่ายใด เพราะคนของสิรินส่วนหนึ่งแบ่งไปตามหาดนัยถ้าไม่เจอคงตามมา ส่วนคนของสุชาตินั้นถูกแบ่งไปสร้างสถานการณ์ช่วยเหลือคนสำคัญหนีจากเรือที่กำลังถูกโจรบุก และปลอมเป็นโจรเพื่อฆ่าคนที่ไม่หลับไปจากการถูกวางยาทั้งที่กำหนดให้ตายภายในเรือลำนี้ ถ้าหากเสร็จเรื่องคงไม่แปลกที่จะมารายงานผล

ความสนใจของพวกเขาจึงถูกเบนไปที่ประตูโดยอัตโนมัติ เพียงชั่วอึดใจคนเหล่านั้นก็วิ่งมาถึง

“พวกเราครับ” โจส่งเสียงบอก เพราะหันไปมองเต็มตา ส่วนสิรินเพียงแบ่งประสาทรับรู้ระวังภัยเท่านั้น ไม่ได้หันไปมองตรงๆ จึงเห็นทีหลังโจ

มีคนมาเพิ่มสิบคน ทำให้ห้องนี้ดูคับแคบขึ้นทันตา แต่สิรินก็ยังคงจดจ้องอาสุชาติที่ยังมีสีหน้าไม่ยี่หระกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น

“แล้วก็…” รอยยิ้มฉายชัดในดวงตา สิรินเข้าใจได้ก่อนคำกล่าวต่อไปจะตามมาเสียอีก

“เลวได้ใจจริงๆ”

ปัง ปัง ปัง

ปืนดังขึ้นสามนัดแทบจะพร้อมๆ กัน 3 ใน 10 คนที่เข้ามาในห้องล้มลงกับพื้น เลือดสีแดงไหลนอง พวกเขาจดจ้องเพื่อนร่วมทีมที่ยกปืนยิงตนด้วยสายตาไม่เข้าใจ ก่อนจะกลายเป็นเจ็บแค้นเมื่อสมองประมวลผลได้...7 คนที่เหลือ เป็นสายของสุชาติ พวกเขาถูกหักหลังเสียแล้ว

ปัง

“อ้าก” ไม่ถึงอึดใจต่อจากนั้น เสี้ยววินาทีที่ทุกคนอยู่ในสภาพตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ปืนก็ดังขึ้นอีกหนึ่งนัด พร้อมกันนั้นมือที่ถือปืนจ่อหัวสุชาติอยู่ก็ขาดกระเด็น กระสุนถูกยิงจากกลุ่มคนที่มาเพิ่ม

แกร๊ก

ปืนอีกหนึ่งกระบอกยกขึ้นชนท้ายทอยของสิรินเบาๆ เขาถูกปืนจี้หัวจากด้านหลัง ส่วนอาสุชาติกลับหลุดพ้นจากวิถีกระสุนแล้ว

“หยุด ถ้าขยับพวกมึงคงรู้ว่าจะเกิดอะไร” โจกล่าวเช่นนั้น ใช่แล้ว คนที่ใช้ปืนจี้หัวสิรินอยู่ตอนนี้คือโจนั่นเอง

“เป็นอย่างไรบ้างหลานรัก ความรู้สึกที่ถูกทรยศ ไม่ต่างห่วงๆ โจไม่ใช่คนของอาตั้งแต่แรก เพราะฉะนั้นเชิญลิ้มรสการถูกทรยศให้เต็มที่ได้เลย ฮ่าๆ ๆ” เพราะเสียงข่มขู่ของโจ และสภาพที่สิรินตกเป็นตัวประกัน ทำให้คนที่เหลือไม่กล้าบุ่มบ่าม จากที่ยกปืนขึ้นจะยิงสุชาติก็หยุดลง

อาสุชาติจึงได้อิสระกลับมา เขาเดินไปหยิบปืนที่ล่วงหล่นเมื่อครู่ แล้วยกขึ้นยิงเจ้าของปืนที่นอนกุมมืออยู่

ปัง ปัง

กระสุนสองนัดซ้อน ทำให้ร่างนั้นไม่ต้องเจ็บปวดทรมานอีก แต่ยังไม่พอใจ ตอนนี้สถานการณ์กลับมาเป็นเขาเหนือกว่าแล้ว ความโกรธเกลียดก็พอกเท่าทวีคูณ

ยิงให้ตายมันธรรมดาเกินไป เขาต้องการวิธีฆ่าที่ทรมานยิ่งกว่า

เป็นการส่งท้ายหลานชายที่น่ารักให้เป็นเจอพ่อใน

…นรก





โปรดติดตามตอนต่อไป...

____________________________________________

แจ้งอีกครั้งสำหรับใครที่ยังไม่เข้าไปอ่านในเพจหรือทวิตเตอร์ค่ะ

แจ้ง ณ วันที่ 21 พฤศจิกายน 2561 เวลา16.41 น.

สวัสดีค้าา ยังจำกันได้มั๊ยเอ่ย

กลับมาพร้อมดำดำที่น่ารักค่ะ เห็นด้วยกับกรีนมั๊ย น่ารักมากเลยเนาะ โดนใจสุดๆ

การ์ดภาพกรีนสั่งทำมา คิดว่าจะให้ สนพ.ช่วยแจกตอนที่มีงานหนังสือ (ซักงาน) สำหรับโปรโมทเล่ม ภาพด้านหลังก็น่ารักนะ หุหุ

ส่วนพวงกุญแจดำดำใส่หูหมายังไม่คุยกับ สนพ. ถ้าผ่านอาจเป็นของแถมรอบพรีค่ะ แต่ถ้าไม่กรีนจะขอ สนพ. เอามาเปิดให้จองแยก (จริงๆ ทำมือทีละตัว ค่อนข้างช้า มีเปอร์เซ็นผ่านต่ำมาก)

คิดเรื่องของแถมก่อนเรื่องจบอีกแล้ว แหะๆ

จริงๆ ที่กรีนยังไม่ลงต่อ เพราะว่าตอนจบยังไม่ลงตัวค่ะ กรีนอยากเขียนให้จบก่อนแล้วทะยอยลง จะได้แก้สะดวกๆ ด้วยประสบการณ์ที่น้อยนิดในการเขียนจบเล่ม ทำให้การแก้บทสรุปจนจบสำหรับกรีนยากมากๆ ไม่อยากลงแล้วไปตามแก้แล้วแก้อีก ขอกรีนเขียนจบก่อนนะคะ กำลังเร่งสปรีด พยายามจบภายในเดือนนี้ ช่วยรอก่อนนะคะ อย่าทิ้งดำดำน้าา

#กรีน #Pay #คุณสินเปย์ไอ้ดำ


(https://www.img.in.th/images/5d530019a3f2a1e07b0e4ce830c498c5.jpg)



***

แจ้ง ณ วันที่ 25 พฤศจิกายน 2561 เวลา11.02 น.

ย่อง ย่อง ย่อง...

เอามาแปะให้ช่วยตกใจค่ะ พี่เอา 17 ตอนแรกไปจัดหน้าคร่าวๆ ก่อนส่ง สนพ. ให้ ต้องเปลี่ยนจาก A4 เป็น A5 ดูความเยอะของหน้านั่นสิ

(เรื่องหลักน่าจะจบที่ตอน 25 ไม่รวมตอนพิเศษ) คิดจากตรงนี้ นี่ขนาดยังไม่จบนะ ถ้าจบคงปาไป 400 กว่าๆ

เขียนอะไรเยอะแยะเนี่ยเรา คิดว่าตัวเองเขียน ราวๆ 4,000-6,000 คำ เพราะใช้นับจำนวนหน้า (ฟอนด์ 14 ตอนละ 10 หน้า) แต่คือพอนั่งรวมตอนถึงรู้ว่า 4,000 คำนั้นมีแค่ตอนแรก ที่เหลือ 5,000 อัพ บางตอนขึ้นถึง 6,900 คำ เลยทีเดียว

กรีนทำอะไรลงไปปปปป มันจะหยุดที่เล่มเดียวจบอยู่มั๊ยนี่

#กรีน #Pay #เปย์ข้าด้วยบุฟเฟต์สิ #คุณสินเปย์ไอ้ดำ

น้องชู (ครีม) : Nanoya Posung ❤️
(https://www.img.in.th/images/4c8a1afb058f5746563926684a5d721d.jpg)




ตอนนี้เหลือตอนหลัก 3 ตอน กับตอนพิเศษ 5 ตอน
ซึ่งตอนแรกกรีนจะเขียนให้จบตอนหลักในเดือนพฤศจิกายน  แต่ไม่ทันค่ะ
ก็เลยตัดสินใจลงต่อให้ก่อน กรีนไม่ลงนานมากแล้วจริงๆ

สุดท้ายขอบคุณนักอ่านที่น่ารักทุกท่าน ที่ยังรอกรีนค่ะ

ขอบคุณมากจริงๆนะคะ

​​​​​​​ :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: = P A Y = เปย์ข้าด้วยบุฟเฟ่ต์สิ [เปย์ครั้งที่ 18] 01.12.2018
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 01-12-2018 19:21:10
รอดำน้อย ตื่นก่อนเถอะ  o18
หัวข้อ: Re: = P A Y = เปย์ข้าด้วยบุฟเฟ่ต์สิ [เปย์ครั้งที่ 18] 01.12.2018
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 01-12-2018 20:23:41
เลี้ยงใครเชื่องบ้าง​  ดำต​ื่นมาช่วยสิรินเร็ว
หัวข้อ: Re: = P A Y = เปย์ข้าด้วยบุฟเฟ่ต์สิ [เปย์ครั้งที่ 18] 01.12.2018
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 01-12-2018 21:23:56
กำลังเข้มข้น    :pig4:    :3123:
หัวข้อ: Re: = P A Y = เปย์ข้าด้วยบุฟเฟ่ต์สิ [เปย์ครั้งที่ 18] 01.12.2018
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 02-12-2018 03:25:09
หักหลังกันไปมา :hao5:
หัวข้อ: Re: = P A Y = เปย์ข้าด้วยบุฟเฟ่ต์สิ [เปย์ครั้งที่ 18] 01.12.2018
เริ่มหัวข้อโดย: Meen2495 ที่ 02-12-2018 05:05:52
หายไปนานเลยนะคะ ..
ถึง ณ วันนี้ แม้จะยังพอจำได้คร่าว ๆ
แต่อ่านตอนล่าสุดแล้ว พบว่า...ต่ออารมณ์ไม่ติดค่ะ 555+

เอาไว้ประกาศ END เมื่อไหร่ ค่อยกลับมาย้อนอ่านใหม่ละกันนะคะ
เพราะยังไงก็ยัง "ชอบ" กระเพาะหลุมดำ ของเจ้าเด็กข้ามยุคค่ะ
หัวข้อ: เปย์ครั้งที่ 19
เริ่มหัวข้อโดย: GreenHead(หัวเขียว) ที่ 18-04-2019 14:57:02
เปย์ครั้งที่ ๑๙

น้ำน้อยแพ้ไฟ

‘ผู้ที่มีพละกำลังหรืออำนาจน้อยก็ย่อมจะแพ้ ผู้ที่มีพละกำลังหรืออำนาจมากกว่า’



เวลานี้สิรินกับก้องถูกควบคุมตัวไปยังท้ายเรือชั้นบนสุด โดยมีโจกับพวกถือปืนเดินตามมาติดๆ รั้งท้ายด้วยสุชาติ และสนที่อุ้มดำตามมาด้วย

ท้องฟ้ามืดครึ้ม เมฆบดบังแสงจันทร์จนหมดสิ้น สายลมพัดรุนแรงเสียดผิดจนรู้สึกเจ็บ คลื่นในท้องทะเลก็ใหญ่ขึ้นทีละน้อย บ่งบอกว่าพายุกำลังจะมาในอีกไม่ช้า

สิรินรู้อยู่ก่อนแล้วว่าเรือลำนี้ถูกสั่งให้ล่องออกนอกเส้นทาง ตามข้อมูลที่สายข่าวส่งมา กัปตันเรือถูกจ้างด้วยเงินไม่น้อยเพื่อขับเรือไปยังเขตอันมีพายุก่อตัวเช่นนี้ แม้พายุจะลูกไม่ใหญ่นักจนถึงขั้นต้องเฝ้าระวัง แต่มันก็มากพอหากเรือลำนี้เกิดระเบิดสูญเสียการควบคุมไม่ต่างจากซากเรือเละๆ ลำหนึ่ง

กัปตันเรือคงคิดว่าเสี่ยงแต่ก็คุ้ม ทั้งคนจ้างวานยังวางแผนหนีเอาไว้แล้วเสียอีก กัปตันผู้โง่เขลาสุดท้ายก็ถูกฆ่าปิดปากก่อนจะได้กลับไปเสวยสุขดังที่หวังไว้

เพราะเดินอยู่หน้าสุดทุกคนจึงไม่ทันสังเกตเห็นประกายในดวงตาของเขา วาบผ่านเพียงชั่วเสี้ยววินาทีก็กลับมาเรียบนิ่งอีกครั้ง แผนแรกไม่เป็นไปตามที่หวัง ทั้งยังลากดำเข้ามาเสี่ยงถือว่าผิดพลาดอย่างร้ายแรง เขามั่นใจในตัวเองจนเกินไป มั่นใจว่าจะกันดำออกจากแผนการครั้งนี้ของอาสุชาติได้

ถ้าเขาระวังให้มากกว่านี้ล่ะก็คงไม่เกิดเรื่องขึ้น เพราะไม่อยากทิ้งดำไว้คนเดียว กลัวว่าอาสุชาติจะหาทางจัดการหลังฆ่าเขาสำเร็จ หรือจะให้ไปอยู่ในที่ปลอดภัยชั่วคราวก็กลัวอารู้เรื่องเข้าแล้วส่งคนตามล่า ทั้งยังเชื่อมั่นในตัวเองมากเกินไปว่าต่อให้มาด้วยกันเขาก็ปกป้องดำได้ ผลลัพธ์จึงย่ำแย่เช่นนี้

แต่อย่างไรแผนการก็ไม่อาจหยุดยั้ง เปลี่ยนเป็นแผนสำรอง เพียงเพิ่มเงื่อนไขอย่าให้สนพาดำไปด้วย จะทำอะไรบุ่มบ่ามอีกไม่ได้ การกระทำก่อนหน้าก็เพื่อทำให้คนของอาซึ่งซ่อนอยู่เผยตัวออกมา ตามที่คาดไว้มีคนที่เขาไม่รู้อยู่หลายคน อาสุชาติขี้ระแวง แม้เป็นคนสนิทก็ยากที่จะเผยแผนการทั้งหมดให้รู้ ไม่ว่าจะเป็นคนหรือเรื่องยิบย่อยอย่างตำแหน่งระเบิด คาดว่าคนที่วางคงถูกฆ่าตายเรียบร้อยแล้ว

ด้วยนิสัยนี้ของอาสุชาติ อาควรจะหนีออกไปจากเรือตั้งแต่ปิดปากกัปตันเรือเสร็จ โดยไม่สนใจดำเสียด้วยซ้ำ คาดว่าคนที่หว่านล้อมจนอาสุชาติรั้งอยู่เช่นนี้ได้คงมีเพียงสนลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของเขาอย่างสน ซึ่งนิสัยต่างจากพ่อโดยสิ้นเชิง ทั้งหัวรั้น ทั้งอวดดี ทั้งชอบเอาชนะ ไร้ความระวังตัว

เมื่อรู้ว่าดำสำคัญกับสิริน ทั้งยังอยากเห็นสิรินทรมานก่อนตาย ไม่ใช่เพียงรอดูอยู่ห่างๆ แต่กระทำด้วยมือของตนเอง จึงรีบคว้าโอกาสนี้ไว้ โน้มน้าวจนสุชาติยอมใช้เวลาที่เหลืออยู่ทรมานสิรินก่อนตาย

ทั้งสุชาติยังเจ็บใจที่คนสนิทของตนกลายเป็นคนของสิรินเสียได้ เขาโกรธเกรี้ยวจนละทิ้งความรอบคอบอย่างที่ควรจะเป็น ทุกอย่างจึงเป็นไปตามที่สนต้องการ

“คุณเตรียมการมาดี” หลังหยุดยืนชิดขอบระเบียงสิรินก็หันกลับมาเผชิญหน้ากับสุชาติ แม้จะต้องสบตากับปลายกระบอกปืนในมือโจก็ตาม เขารู้ดีว่าลูกสมุนเหล่านี้ไม่มีทางลั่นไกรปืนหากเจ้านายไม่สั่ง หรือตกอยู่ในอันตราย ดังนั้นช่วงเวลานี้สิรินต้องดึงความสนใจมาที่ตน เขาไม่อยากให้ความสนใจมุ่งไปยังเด็กน้อยที่หลับอยู่ในอ้อมแขนสน

โจกัดฟันแน่นแล้วขยับปากพูดไร้เสียง ก่อนจะหมุนกระบอกปืนคว่ำลงใช้สันปืนกระแทกท้องจนสิรินแทบทรุดลงไปกับพื้น

“หยุด ฉันอยากรู้ว่ามันยังจะพูดอะไรอีก” โจหยุดหมัดที่กำลังจะปล่อยออกไปอีกครั้งตามคำสั่งของสุชาติ แล้วเดินกลับไปยืนด้านหลัง ให้สุชาติได้เผชิญหน้ากับสิรินตามที่ต้องการ

“โถ่ พ่อจะไปคุยกับมันทำไม มันก็แค่กำลังดึงความสนใจเพราะกลัวผมจะปู้ยี่ปู้ยำเจ้าเด็กตัวนุ่มนิ่มต่อหน้ามันเท่านั้นแหละ” สนไม่ใช่คนโง่ เพียงแค่ชอบทำอะไรโดยไม่คิดอย่างถี่ถ้วน ชอบคิดว่าตนฉลาดกว่าใครๆ นั่นทำให้กลายเป็นคนน่ารังเกียจ

"ไม่อยากเห็นนักใช่ไหม หึ เชิญดูให้เต็มตา" หลังจากหันมาพูดกับสิน สนก็อุ้มดำไปวางบนเก้าอี้นอนที่วางอยู่ไม่ไกล ก่อนเริ่มซุกไซ้ซอกคอสูดดมกลิ่นหอมอ่อนๆ ประจำตัวของเด็กหนุ่ม มือก็ขย้ำขยี้ไปตามร่างกายอย่างหยาบโลน

"หยุดนะ! " เหมือนสติขาดผึ่ง สมองที่ปกติคิดอย่างรอบคอบไม่อาจยับยั้งความโกรธได้อีกต่อไป สิรินทะยานตัวไปด้านหน้าหมายจะกระชากตัวสนออกจากร่างเล็กๆ นั่น สมุนของสุชาติก็หาได้อยู่เฉยพวกเขากรูกันเข้ามาจับสิรินไว้ ออกหมัดกันอย่างชุลมุนวุ่นวาย พวกมันยังไม่ได้รับคำสั่งให้ฆ่า จึงไม่มีใครกล้าลั่นไกรปืน

"อืม ทั้งหอมทั้งนุ่มเข้าใจเลยว่าทำไมมึงถึงได้หลงขนาดนี้ แบบนี้คงไม่เบื่อไปอีกนาน" เสียงของสนดังมากพอที่สิรินจะได้ยิน เพราะเขาตั้งใจให้เป็นเช่นนั้น ต้องการตอกย้ำให้สิรินเจ็บปวด เขาสังเกตมานานแล้วว่า ความสัมพันธ์ของคนทั้งสองไม่ธรรมดา เมื่อเห็นสิรินดิ้นรนยิ่งตอกย้ำได้ดียิ่งขึ้น มันช่างสะใจเสียเหลือเกิน

ปากพร่ำพูด มือขยับไม่หยุด ดังหยอกเย้าให้คนดิ้นตายต่อภาพที่เห็น ทุกอย่างเป็นไปตามที่สนต้องการ สิรินกำลังดิ้นรนอย่างสุดกำลังเพื่อช่วยดำ สำหรับสิรินแล้วดำสำคัญยิ่งกว่าชีวิต เขาไม่ต้องใช้สมองคิดให้มากมาย รู้เพียงว่าหัวใจปวดร้าวเมื่อเห็นภาพตำตาตรงหน้า

ร่างกายเคลื่อนไหวตามสัญชาตญาณ เขาไม่คิดปิดบังอีกต่อไป ทักษะทั้งหมดที่เรียนกับมาร์โก้แสดงออกมาจนหมดสิ้น ลูกสมุนไม่อาจแตะตัวสิรินได้อีกต่อไป ความเร็ว ความแรงของหมัดล้วนแข็งกร้าว ราวกับผ่านการต่อสู้มานับไม่ถ้วน

คนแล้วคนเล่าล้มลง ในที่สุดก็มาถึงตัวสน แรงกระชากพร้อมหมัดหนักๆ พาให้ร่างใหญ่ไม่แพ้กันนั้นล้มไปกองอยู่กับพื้น ตามด้วยร่างของสิรินซึ่งลงไปคร่อมร่างนั้นไว้แล้วกระหน่ำปล่อยหมัดอย่างไม่รู้จากเหน็ดเหนื่อย สิรินบ้าเลือดไปเสียแล้ว

“ตายๆ ๆ ๆ” ปากก็พร่ำร้องอย่างโกรธเกรี้ยว ดูท่าว่าจะไม่มีทางหยุดลงง่ายๆ สุชาติเห็นดังนั้นก็ร้อนใจ หลุดออกจากความตกตะลึง คุมสติให้นิ่งก่อนขยับปากเตรียมสั่งการให้ยิงก่อนสนจะตายไปเสียก่อน

แต่กลับมีคนเร็วกว่า ขาหนักๆ ของโจเตะเข้าที่ลำคอของสิรินอย่างจัง จนร่างนั้นปลิวตามแรงล้มไปกองกับพื้น

“จับไว้!” โจสั่งการ ก่อนคนที่ถูกซัดเมื่อครู่จะกรูกันเข้ามาล็อกร่างนั้นไว้ไม่ให้แผลงฤทธิ์ได้อีก สิรินมองโจตาขวางอย่างไม่พอใจ แต่หากสายตาที่มองมากลับนิ่งสนิทไร้คลื่นอารมณ์ จนเขาได้สติขึ้นมา

เมื่อเห็นว่าโจควบคุมสถานการณ์ได้แล้ว สุชาติจึงออกคำสั่งให้ลูกสมุนเข้าไปพยุงตัวสนขึ้นเท่านั้น หาได้สั่งยิงดังที่คิดเมื่อครู่ เพราะเขาไม่อยากให้ร่างของสิรินมีร่องรอยกระสุน ซึ่งเหมือนจงใจปล้นเพราะถูกจ้างวานให้ฆ่าเป้าหมาย ซึ่งอาจถูกนักข่าวจับประเด็นมาโจมตีเขาให้เสื่อมเสียชื่อเสียง และเป็นอุปสรรคต่อการรับตำแหน่งอย่างขาวสะอาดดังที่วางแผนไว้

ทั้งยังคงกังวลว่ามาร์โก้จะตามสืบเรื่องนี้จนพบเบาะแส ใช้เป็นเครื่องมือในการแก้แค้น สุชาติจึงต้องการให้สิรินตายเหมือนเป็นอุบัติเหตุ โดยถูกระเบิดหรือไม่ก็จมน้ำตายเพราะเรือล่ม ดังนั้นแล้วหากหลีกเลี่ยงได้เขาก็อยากหลีกเลี่ยงให้ถึงที่สุด

ส่วนการทำร้ายร่างกายนั้นยังพอปกปิดได้ เพราะกว่าจะหาร่างเจอ คงตรวจสอบอะไรได้ยากแล้ว เขาจึงยอมให้ลูกชายได้เล่นสนุกอย่างที่เห็น

“มึง ไอ้สิน!” แต่สนหาได้ใจเย็นเช่นพ่อของตน หลังตั้งสติได้ก็เข้าไปอัดหมัดใส่สิรินด้วยความคั่งแค้น รอบนี้สิรินหาได้ขัดขืน มุมปากกลับแสยะยิ้มพึงพอใจ

เพียงเท่านี้ก็ดึงความสนใจจากดำได้แล้ว เขายอมเจ็บตัวดีกว่าให้สนแตะต้องเจ้าตัวเล็กของเขา

หมัดแล้วหมัดเล่า สนระบายความเจ็บปวดทั้งกายใจอย่างไม่หยุดยั้ง สิรินพยุงกายแทบใหม่อยู่ ยังดีที่มีลูกสมุนสองคนรั้งตัวไว้คนละข้าง ไม่เช่นนั้นแล้วเขาคงได้ลงไปนอนอยู่บนพื้น

“หยุดเดี๋ยวนี้!” ก้องไม่อาจทนมองได้อีก เขาทำตามแผนที่วางไว้จึงยอมอยู่เฉย แต่หากตอนนี้สถานการณ์เกินกว่าที่จะทนรับได้ บัดนี้เจ้าง่วงประจำกลุ่มจึงสะบัดคราบนั้นทิ้งจนหมดสิ้น

น้ำเสียง บรรยากาศ ล้วนทรงพลัง สะกดทุกคนชะงักอย่างไม่อาจควบคุม บรรยากาศเช่นนี้สุชาติเกลียดที่สุด มันเป็นดังสิ่งที่บ่งบอกว่าคนเหล่านี้เกิดมาเพื่ออยู่บนจุดสูงสุดเหนือคนอื่นๆ ดังพ่อของเขา สุทิน ไม่เว้นแม้แต่สิริน หลานชายที่ทำตัวดังไร้ความสามารถ แต่หากไม่อาจกลบฝังบรรยากาศเช่นนี้ลงได้

สิ่งที่เขาไม่อาจมี...

“หึ ลูกชายคนโตของเจ้าสัวเกริกเกียรติผู้ไร้ความสามารถในที่สุดก็เผยเขี้ยวเล็บอย่างนั้นสินะ สมแล้วที่เป็นเพื่อนกับเจ้าสินได้ นี่ถ้าให้เดาเพื่อนอีก 2 คนก็คงไม่ต่างกัน เหมือนสัตว์ป่าซึ่งเฝ้าลับเขี้ยวเล็บเพื่อทวงคืนสิ่งที่ควรเป็นของตัวเอง...แต่น่าเสียดายที่ต้องมาตายพร้อมหลานโง่ๆ ของฉัน ช่างสูญเปล่าจริงๆ ฮ่าๆ ๆ ๆ ๆ” สุชาติกล่าวอย่างสะใจ เขารู้มาตลอดว่าหลานชายแอบทำบางอย่าง แม้รู้ตัวช้าไปบ้างแต่ก็วางแผนรับมือเป็นอย่างดี

ทำให้เขาคิดมาตลอดว่าเพื่อนๆ ของหลานชายเองก็ไม่น่าใช่อยากที่ตาเห็น เพราะทุกคนล้วนมีที่มาไม่ธรรมดา ทั้งยังมีจุดเชื่อมโยงไม่ต่างกัน ในที่สุดวันนี้ทุกอย่างก็เผยออกมา ซึ่งมันยิ่งทำให้เขาพอใจ ได้ทำลายความพยายามทั้งหมดของเด็กหนุ่มถึง 4 คน จะไม่ให้เขาพอใจได้อย่างไร

“อย่างที่คิด คุณเป็นคนฉลาด ทั้งยังรอบคอบ แต่ไม่คิดว่าสิ่งที่ทำอยู่นี่เปล่าประโยชน์บางหรือครับ คุณฆ่ากัปตันไปแล้ว ทำให้ไร้คนนำทาง ทั้งยังไม่รู้ว่าพายุที่ก่อตัวจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ถึงคุณจะคำนวณเวลาระเบิดได้ แต่มั่นใจแล้วอย่างนั้นหรือว่าธรรมชาติเป็นสิ่งที่แน่นอนเช่นนั้น ไม่แน่ว่า คุณอาจจะตายพร้อมกับเราก็ได้...ใครกันแน่โง่เขลา” ก้องพูดมากกว่าที่เคย ทั้งคำพูดยังจี้ถึงจุดอ่อนของแผนการนี้ จนสุชาติได้สติ เขาคิดทบทวนสิ่งที่ก้องพูดอย่างรวดเร็ว และพบว่ามันเป็นเช่นนั้นจริงๆ

“ความจริงถ้าคุณมั่นใจในแผนการของตัวเองมากนัก คิดว่ามันสมบูรณ์แบบ ทำไมถึงยังทำลายมันด้วยตนเองเล่า คุณสามารถนั่งเรือออกไปยังจุดปลอดภัยได้อย่างง่ายดายและแน่นอน ทั้งยังสามารถนั่งจิบไวท์มองเราตายอย่างทรมานได้ด้วยซ้ำ” คำพูดคล้ายนอบน้อม แต่น้ำเสียงแข็งกร้าวอย่างเห็นได้ชัด ใบหน้าก็ไร้อารมณ์ดังไม่แยแสต่อคำพูดของสุชาติแม้ได้น้อย

“เหอะ แค่นั้นมันไม่สะใจโว้ย! กูต้องทรมานมันด้วยตัวเองถึงจะสะใจ ไอ้เด็กนั่นกูยังไม่เอาก็ได้ แต่ขออัดมันให้หายแค้นก่อนเถอะ แค่นี้ยังไม่สาสมกับความเกลียดชังตลอด 10 ปีที่ผ่านมา” พูดจบสนก็ต่อยสิรินไปอีกหลายหมัด ก้องขยับตัวหมายจะจัดการคนที่จับตัวเองไว้ แต่หากเห็นสัญญาณบอกให้อยู่เฉยของสิรินเสียก่อนเขาจึงแสร้งขัดขืนเล็กน้อยเท่านั้น แม้จะไม่พอใจนักก็ตาม

“พอแล้ว” สุชาติคิดอย่างถี่ถ้วนแล้วจึงห้ามสน ทั้งยังส่งสายตาห้ามปราม ลูกชายตัวดีจึงได้แต่หยุดการกระทำอย่างไม่พอใจ ถอยออกมาให้พ่อเข้าไปยืนตรงหน้าสิรินแทน

“ฉันยอมรับว่าแกฉลาดกว่าพ่อของแก แต่สำหรับฉันแกยังเด็กมาก แผนการทั้งหมดนั่นคิดว่าฉันคนนี้คิดไม่ถึงอย่างนั้นเรอะ หึ อ่อนเกินไปแล้วหลานรัก” สุชาติคิดจะถอยไปยังพื้นที่ปลอดภัย แต่หากทำตามที่ก้องพูดทันทีก็เหมือนขี้ขลาดตาขาว จึงทำเหมือนใจเย็น คิดจะเข้ามาเยอะเย้ยสิรินเล็กน้อยแล้วจึงจากไป ตามเวลาที่กัปตันเรือบอกไว้เกี่ยวกับพายุ และเวลาของระเบิดที่วางไว้ คำนวณเรื่องเพิ่มความปลอดภัยอีกเล็กน้อย จะกล่าวกับหลานชายอีกสองสามประโยชน์ก็หาได้เสี่ยงเกินไป

“แค่กๆ” เพียงจะตอบกลับ อาการบอกช้ำก็ทำให้สิรินไอเสียตัวโยน เลือดกระเด็นออกมาไม่น้อย

“คิดไม่ผิด อาอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้จริงๆ” แม้จะอยากให้สุชาติจากไปเร็วๆ แต่เรื่องนี้ก็ไม่อาจเมินเฉย เพราะเขาอาจจะได้รับหลักฐานชั้นดี ตอนที่พ่อเสียชีวิต สิรินยังเด็กเกินกว่าจะหาหลักฐานใดๆ ทั้งมาร์โก้ยังถูกกันออกไปจนแทบไม่อาจแทรกแซง ที่ยังคงช่วยเหลือสุทินได้ก็นับว่ามีความสามารถมากแล้ว ทำให้ไม่อาจหาหลักฐานเอาผิดสุชาติได้

“หึหึ ฮ่าๆ ๆ ใช่แล้ว แกพึ่งจะรู้รึไง ไหนๆ แกก็กำลังจะตายแล้ว ฉันจะบอกให้เอาบุญจะได้ไปช่วยปลอบใจกันในนรก ฉันเอง ฉันเป็นคนวางแผนฆ่าไอ้สุทิน รู้อะไรไหมมันโง่จนวินาทีสุดท้าย บอกว่าโชคดีที่ฉันรอดมาได้ ฮ่าๆ ๆ ไม่มีอะไรจะสะใจมากไปกว่านี้อีกแล้ว ได้แก้แค้นคนที่แย่งทุกอย่างไปจากฉัน ได้แย่งชิงทุกอย่างกลับมาจนหมดสิ้น ได้เห็นหน้าเป็นห่วงโง่ๆ นั่นก่อนตาย มันสะใจที่สุดในชีวิตเลยล่ะหลานรัก” คำกล่าวนั้นเต็มไปด้วยอารมณ์หลากหลาย ทั้งสะใจ ทั้งเคียดแค้น ปะปนไปด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจต่อบุพการี

สุทินเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ มีรถบรรทุกพุ่งชนขณะขับรถไปดูงานที่กำลังมีปัญหา วันนั้นการก่อสร้างโรงแรมแห่งหนึ่งเกิดอุบัติเหตุทำให้คนเสียชีวิตหลายสิบคน ทั้งยังเป็นงานที่ร่วมมือกับคู่ค้ารายใหญ่ แม้ว่าตอนนั้นเขาจะอยู่ที่โรงพยาบาล รอดูอาการของพ่อซึ่งพลัดตกบันไดก็ตาม

เขารู้สึกร้อนรนกับสิ่งที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะหน้าที่ประธานหรือลูกล้วนสำคัญ สุทินไม่อาจละทิ้งทั้งสองอย่าง แต่เมื่อนึกถึงคำสั่งของพ่อแล้วสุทินจึงตัดสินใจไปแก้ปัญหาเรื่องบริษัท สุชาติขอตามไปด้วย แต่สุทินห้ามน้องชายเอาไว้ ฝากฝังให้ดูแลพ่อแล้วส่งข่าวบอกเขาด้วย

หลังจากนั้นก็เป็นไปตามที่สุชาติต้องการ เพียงแต่สุทินไม่ได้ตายในทันที เขาถูกยื้อชีวิตอย่างถึงที่สุด แต่หากไร้ความหวัง ขณะนั้นทำได้เพียงยื้อชีวิตให้ได้สั่งเสียเล็กน้อยเท่านั้น

‘ดีจริงๆ ที่นายไม่ได้ขึ้นรถมาด้วย ดีจริงๆ ที่นายไม่ตายสุชาติ’ นั่นเป็นคำกล่าวสุดท้ายพร้อมรอยยิ้มก่อนสุทินจะสิ้นใจ ท่ามกลางเสียงร้องไห้ สุชาติกลับเผยรอยยิ้มเย้ยหยันต่อร่างไร้ลมหายใจ

“คุณก็แค่โลภมาก เวลานั้นถ้าคุณเรียนจบ ตำแหน่งรองประธาน หรือหัวหน้าสาขาใหญ่ที่อเมริการอคุณอยู่แท้ๆ คุณยังคิดเรื่องชั่วๆ พวกนี้ได้อีก”

“แกจะไปรู้อะไร! คนที่ควรได้ตำแหน่งประธานคือฉันคนนี้ ฉันเข้าไปฝึกงานที่บริษัทตั้งแต่อายุยังไม่ถึง 15 ปี มันแค่กลับจากต่างประเทศ แค่อายุมากกว่าไม่กี่ปี พ่อก็ยกทุกอย่างให้มัน ทุกอย่างที่ควรจะเป็นของฉัน” เพียงแค่ได้ฟัง สุชาติก็ถูกกระตุ้นด้วยความทรงจำในอดีต เขาคับข้องใจต่อสิ่งที่พ่อทำเป็นอย่างยิ่ง ทั้งที่เขาอยู่ข้างกายพ่อมาตลอด แต่กลับถูกคนที่อาศัยอยู่ต่างประเทศตั้งแต่เด็กแย่งชิงทุกอย่างไป

“คนที่ไม่รู้อะไรคือคุณ พ่อของผมก็เริ่มต้นพิสูจน์ตัวเองในอายุไม่ต่างกัน ต้องบอกว่าก่อนคุณเสียด้วยซ้ำ เพราะพ่อถูกเลี้ยงมาแบบคนอเมริกา อายุเพียง 9 ขวบ ก็ได้รับเงินก้อนหนึ่งไปบริหารจัดการ ลงทุนในตลาดหุ้น พออายุ 15 ก็เข้าไปฝึกงานที่บริษัทตามที่ปู่กำหนดไว้

ใช้เวลาไม่กี่ปีก็ไต่เต้าจากตำแหน่งเล็กๆ จนกลายเป็นหัวหน้าสาขา ทั้งยังทำกำไรเพิ่มขึ้นกว่าสองหมื่นล้าน ปู่จึงยอมรับให้กลับมารับตำแหน่งประธานที่นี่” สิรินรู้เรื่องทั้งหมดจากมาร์โก้ เพราะคนทั้งสองรู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก แม้หลังจากสุทินแต่งงานมาร์โก้จะช้ำใจจนไม่โผล่หน้ามาให้เห็นก็ตาม นั่นทำให้มาร์โก้รู้เรื่องหลายๆ อย่างของสุทินเป็นอย่างดี

“สาขาอเมริกาบริหารยากแค่ไหนคุณอาน่าจะเข้าใจใช่ไหมล่ะครับ...ก็คุณทำจนแทบจะเจ๊งอยู่รอมร่อ” ข้อมูลเหล่านี้เองก็หาได้ไม่ยาก เพราะอย่างไรเส้นสายของสิรินส่วนมากก็อยู่ที่อเมริกา แม้ว่าอาสุชาติจะพยายามปกปิดเรื่องนี้เพียงใดก็ตาม

“แก!” ไร้คำโต้แย้ง เมื่อทุกอย่างเป็นไปตามคำกล่าวของสิรินจริงๆ มีข้อมูลมากมายที่สิรินรับรู้ กระทั่งเรื่องที่สุชาติกำลังสารภาพอยู่ เพียงแต่เขาไม่มีหลักฐานที่แน่ชัดเท่านั้น จะมีใครเชื่อว่าลูกชายคนดีทำให้พ่อเกิดอุบัติเหตุพลัดตกบันไดเพื่อทำให้แผนการของตนราบรื่น ส่วนคนขับรถก็ถูกฆ่าปิดปาก ข้อสันนิษฐานต่างๆ จึงจมหายไปกับอดีต

จุดเริ่มต้นนั้นจะกล่าวว่ามาจากปู่ก็คงไม่ผิดนัก ปู่พบรักกับย่าเมื่อครั้งที่ไปดูแลสาขาอเมริกา ทั้งสองรักกันมากจึงแต่งงานกัน เวลานั้นปู่ตามใจภรรยายิ่ง ยอมเลี้ยงสุทินที่อเมริกาตามคำขอหญิงสาวร้องขอ

จนกระทั่งย่าเสียชีวิตลง ปู่เศร้าเสียใจจนไม่อาจทนอยู่อเมริกาได้อีก เพียงแต่เมื่อกลับมายังประเทศไทย สุทินนั้นไม่อาจปรับตัวได้จนต้องเข้าโรงพยาบาลอยู่หลายครั้ง ญาติฝั่งแม่ที่อเมริกาทนไม่ไหวจึงขอพาสุทินกลับไปเลี้ยงที่นั่น

ปู่คิดว่าต้องใช้เวลาทำใจให้ได้แล้วจึงกลับไป แต่หากเวลานั้นเขาได้พบกับย่าสมรแม่ของสุชาติ หญิงสาวที่เข้ามาเยียวยาหัวใจ เพราะเธอจิตใจดี รักสุทินเหมือนลูกแท้ๆ ทำให้ปู่เปิดใจอีกครั้ง ทั้งตอนนั้นพี่ชายคนโตเสียชีวิต ปู่ไม่อาจกลับไปยังอเมริกา เขาต้องสืบทอดตำแหน่งประธานบริษัท สุทินเองก็กำลังเรียนหนังสือ มีอนาคตที่สดใส ปู่กับย่าสมรจึงตกลงกันไปเยี่ยมสุทินบ่อยๆ แทน

จนกระทั่งสุชาติเกิดมา แต่น้องชายคนนี้กลับไม่ได้นิสัยของแม่มาแม้แต่น้อย เขาคิดว่าสุทินแย่งความรักจากแม่ไป ทั้งที่ไม่ใช่ลูกแท้ๆ อคติเริ่มมากขึ้นคิดว่า ทั้งสมบัติ ทั้งอำนาจที่ควรจะเป็นของตนกลับกลายเป็นของสุทินไปเสียทั้งหมด

สุชาติเข้าไปฝึกงานตั้งแต่จบมัธยมต้น เขาเริ่มงานในตำแหน่งเล็กๆ ตามที่ปู่กำหนดไว้ เพียงแต่สุชาตินั้นถือตัวว่าตนคือลูกชายเจ้าของบริษัท เขารักสบาย ทั้งฉลาดแกมโกง ใช้เงินปูฐานอำนาจใช้คนอื่นทำงานแทน แล้วอ้างว่าเป็นผลงานของตน ซึ่งไม่ใกล้เคียงกับคำว่าฝึกงานแม้แต่น้อย

เขาคิดว่าปู่ไม่รู้ แต่จริงๆ ปู่รู้ทุกอย่าง แค่ปล่อยให้สุชาติได้ทำตามใจ การกระทำของลูกชายล้วนถูกจับตามองทุกฝีก้าว ไม่ว่าจะเป็นฝั่งสุทินหรือสุชาติก็ตาม ซึ่งการกระทำของสุชาติไม่ใช่ว่าไร้ความสามารถ เพียงไม่เหมาะกับตำแหน่งประธานเท่านั้น

ปู่มีนิสัยเสียอยู่ข้อหนึ่งนั่นคือไม่พูด แต่จะกระทำอย่างเด็ดขาดแทน สุชาติจึงรู้สึกเหมือนถูกแย่งชิงทุกอย่างไป ความจริงปูใจดีกับสุชาติมากกว่าเสียด้วยซ้ำ เพราะหากเทียบกันแล้ว สาขาที่ไทยฐานมั่นคงกว่า การบริหารย่อมง่ายกว่ามาก

ซึ่งสาขาอเมริกามี 1 สาขาใหญ่ กับ 2 สาขาย่อย กว่าสุทินจะปีนป่ายจนถึงจุดที่ทำกำไรให้บริษัทก็ยากจนเลือดตาแทบกระเด็น ด้วยอัตราการแข่งขันที่สูงกว่า และตลาดที่โตกว่าอย่างอเมริกา หากเทียบกันแล้วสุทินโดนทดสอบหนักกว่าอย่างเห็นได้ชัด

เวลานั้นสุชาติก็ทราบ แต่หากดวงตามืดบอด เขาเชื่อว่าถ้าปู่ให้โอกาส เขาเองก็ทำได้อย่างสุทิน จนกระทั่งได้รับรู้ความจริงจากสภาพปัจจุบันซึ่งยากจะยอมรับได้ สาขาอเมริกายอดตก กำไรติดลบจนยากจะแก้วิกฤต

“หึ จี้ใจดำจนเถียงไม่ออกเลยหรือครับ”

“ไอ้เด็กเวร!”

ปัง!

ปึก

กระสุนจากกระบอกปืนในมือสุชาติ เจาะเข้าที่ต้นขาของสิรินจนร่างนั้นไม่อาจทรงตัวได้อีก เข่ากระแทกพื้นอย่างไม่ทันตั้งตัว การกระทำนี้บ่งบอกว่าสิรินไม่ได้พูดผิดแม้แต่น้อย

“อย่าคิดว่าแกจะได้ตายดี จับมันมัดไว้ ฉันต้องมั่นใจว่ามันไม่มีทางรอด!” แม้จะโกรธจนเลือดขึ้นหน้าคิดอยากจะทรมานสิรินก่อนจากไป แต่เวลาก็กระชั้นชิดเข้ามาทุกที





-TBC-



แอบกลับมาเงียบๆ แหะๆ

สารภาพนิดนึงนะคะ (จะเรียกแก้ตัวก็ได้)

ตอนนี้คือแก้หลายรอบมากกกกกก แบบว่าเขียนจนจบฉากบนเรือแล้วก็มาเอะใจจุดนั้นทีจุดนี้ที จนกลับมาแก้แล้วแก้อีก เพราะกรีนไม่เคยเขียนนิยายให้จบ (เรื่องนี้เรื่องแรก) พอต้องมาปิดปมหลายๆ อย่างทำให้หลุดไปบ้างค่ะ

คือ พยายามแก้ให้ตัวเองคิดว่าดีที่สุด ก็เลยวนๆ เขียน บางทีก็ตันบ้าง

หลายคนคงสงสัยว่าทำไมเคยบอกว่าจบแล้ว

จริงๆ คือจบแล้วค่ะ แต่พอกลับไปอ่านใหม่ทั้งเรื่องมันมีจุดที่หลุด แน่นอนใหญ่ๆ ก็ฉากบนเรือนี่แหละ ซึ่งพอแก้แล้ว มันก็ทำให้ต้องแก้ตอนต่อๆ ไปด้วย

ส่วนที่ลงตอนนี้คือมั่นใจแล้วถึงลงให้อ่าน ขอโทษนะคะที่ทำให้รอนาน

แล้วก็ขอบคุณทุกคนที่ยังรอ กรีนจะตั้งใจเขียนให้ออกมาดีที่สุดเท่าที่จะทำได้นะคะ

ขอบคุณมากจริงๆ ค่ะ





หัวข้อ: Re: = P A Y = เปย์ข้าด้วยบุฟเฟ่ต์สิ [เปย์ครั้งที่ 19] 18.04.2019
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 18-04-2019 22:34:08
มาร์โก้อยู่ไหนนนนนนนนนนนน  :katai1:
หัวข้อ: Re: = P A Y = เปย์ข้าด้วยบุฟเฟ่ต์สิ [เปย์ครั้งที่ 19] 18.04.2019
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 19-04-2019 02:13:49
รอติดตามจ้า
หัวข้อ: เปย์ครั้งที่ 20 [1]
เริ่มหัวข้อโดย: GreenHead(หัวเขียว) ที่ 20-04-2019 19:54:48
เปย์ครั้งที่ 20

‘เสือในร่างสมัน’

คนร้ายที่แฝงมาอยู่ในร่างคนดี ทำเป็นคนดี

ตู้ม!

ระเบิดลูกล่าสุดดังจากหัวเรือ สุชาติทบทวนอย่างรวดเร็วว่าจุดต่อไปคือจุดใด คนที่รู้ตำแหน่งระเบิดปัจจุบันมีเพียงสุชาติ เขาฆ่าคนวางระเบิดทิ้งไปแล้ว ทั้งยังเผาแผนผังจนหมดสิ้น เพราะระแวงว่าจุดวางระเบิดจะหลุดออกไปซึ่งอาจทำให้สิรินหาทางรอดออกไปได้จนเป็นภัยต่อตัวเอง

ลูกสมุนแยกย้ายกันทำหน้าที่ ทั้งหาเชือกทั้งระวังภัยให้เจ้านาย มีเพียง 4 คนคอยควบคุมตัวสิรินกับก้องไว้ไม่ให้คิดขัดขืนอีก

ร่างกายสิรินแทบหมดสภาพ หัวเข่าทั้งสองข้างจรดพื้น สองแขนถูกตรึงไว้โดยชาย 2 คนที่ยืนอยู่ ทั้งยังถูกกดไหล่เอาไว้ไม่ให้ลุกขึ้นต่อต้าน ส่วนก้องถูกจับโดยชายตัวโตหนึ่งคน และชายอีกคนใช้ปืนขู่ไม่ให้ขยับ สภาพของเขาก็ยังคงไร้รอยขีดข่วน แต่หากไม่อาจกลับไปอยู่ในสภาพง่วงเหงาหาวนอนเช่นเดิมได้ ถ้าทำเช่นนั้นอาสุชาติจะสงสัย เขาจึงยังคงบรรยากาศคุณชายผู้สูงศักดิ์เอาไว้

สถานการณ์สงบลงอีกครั้ง แต่ใจสิรินก็ยังคงเป็นห่วงดำ เจ้าตัวเล็กไม่มีท่าจะตื่น ส่วนสนกำลังถกเถียงกับสุชาติ จากเหตุที่เขาจะพาดำลงเรือลี้ภัยไปด้วย ซึ่งอาสุชาติไม่เห็นด้วย

สิรินสบตากับก้อง ถ้าดำจะถูกพาไปจริงๆ อย่างไรเขาก็ไม่อาจอยู่เฉย ทางเลือกเดียวคือพาดำกระโดดลงทะเล เสี่ยงให้อาสุชาติระแวงเล็กน้อย ซึ่งมีเปอร์เซ็นต์ที่เขาจะตายมากกว่ารอด คงพอทำให้อาสุชาติวางใจได้

ระหว่างนั้นทุกฝ่ายต่างมีแผนในใจ บรรยากาศจึงดูสงบลง แต่หากเวลานี้ดำกลับถูกรบกวนอย่างหนัก

‘ดำ ตื่นๆ ตื่นได้แล้ว ได้โปรดลุกขึ้นมาช่วยสินด้วยเถอะนะ ขอร้องล่ะดำ ฉันสื่อสารได้แค่กับเธอคนเดียวเท่านั้น ดำ ดำ ดำ’

เสียงนั้นเต็มไปด้วยความกระวนกระวายอย่างเห็นได้ชัด ทั้งยังดังก้องรบกวนการนอนเป็นอย่างยิ่ง ดำจึงบิดตัวหนีด้วยความรำคาญ แต่เสียงนั้นกลับไม่ยอมหายไป ดังว่ามันดังอยู่ภายในหัวของเขาเอง

“หึ เจ้าลูกตัวดี ยังไม่ยอมอีกรึไง พวกแกจับตัวเจ้าสนแล้วตามฉันมาซะ!” สุชาติขบเขี้ยวเมื่อพูดอย่างไรสนยังยืนกรานจะพาเด็กของสิรินไปด้วย เขาจึงหันไปสั่งให้ลูกสมุนจับตัวสนตามไปแทน แต่สนก็ขัดขืน เพราะรู้ดีว่าคนพวกนี้อย่างไรก็ไม่อาจใช้ความรุนแรงกับเขาได้มากนัก

‘ดำเร็วเข้า! ตื่นๆ จะไม่ทันแล้วนะ เหลือเวลาไม่มากแล้ว!’

เสียงนี้กระวนกระวายยิ่งขึ้น เมื่อทุกอย่างต้องแข่งกับเวลา คนไปหาเชือกกลับมาแล้ว หากสิรินโดนมัดอีกก็จะยิ่งเสียเวลา คนที่รู้จุดวางระเบิดนอกจากสุชาติก็มีเจ้าของเสียงนี้ ทั้งยังรู้ว่ามือวางระเบิดคนนั้นวางยาสุชาติเอาไว้ในกรณีที่ตนโดนฆ่าตาย ซึ่งบังเอิญว่าเป็นจุดนี้อย่างพอดิบพอดี

“พ่อก็แค่เจ้าเด็กนี่คนเดียวเองจะไปยุ่งยากอะไร มันไม่มีปัญญาเล่นงานเราหรอกน่า ถ้าใช้เสร็จแล้วผมจะฆ่าทิ้งเอง ไม่ปล่อยให้เป็นปัญหาในภายหลังแน่นอน” สนโต้แย้งออกไปเช่นนั้นแล้วสะบัดแขนให้หลุดจากการจับกุมของสมุน เขาเดินไปยังร่างของดำโดยไม่ฟังคำทัดทานของใครอีก

สิรินมองสนเข้าไปอุ้มดำ ก็สบตากับก้อง ร่างกายเขาไม่อาจฝืนได้มากนัก การช่วยเหลือดำจึงต้องให้ก้องลงมือช่วยเสียเป็นส่วนใหญ่

‘ดำ ดำ เจ้าเด็กดื้อตื่นเดี๋ยวนี้เลยนะจะไม่ทันแล้ว ถ้ายังชักช้าอยู่แบบนี้จะไม่มีใครรอดสักคน!’

‘อื้อ ไอ้ดำเด็กดี’

‘ถ้าเป็นเด็กดีก็ตื่นเร็วเข้า’

บทสนทนานี้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ก่อนที่สิรินกับก้องจะเริ่มขยับตัวเสียด้วยซ้ำ

“ฮึ่ย ไอ้ลูกบ้า จะทำอะไรก็ทำ แล้วรีบตามมา” เหมือนเป็นสัญชาตญาณ ใจสุชาติร้อนรนดังมีไฟแผดเผา ระแวงว่าแผนการของเขากำลังเกิดความผิดพลาด ทำให้เจ้าตัวอยากออกไปจากบริเวณนี้ให้เร็วที่สุด ไม่แน่ว่าจุดนี้

กำลังจะระเบิดก่อนเวลา!

‘ดำ ระเบิดจะทำงานแล้ว!’

ผั๊วะ

สิ้นคำพูดนั้น ดำก็ซัดหมัดหนักๆ ไปยังใบหน้าของสนที่กำลังอุ้มเขาขึ้นจากเก้าอี้จนเสียการทรงตัว ก่อนจะล่วงจากอ้อมแขนก็แถมเท้าหนักๆ ไปอีกหนึ่งข้าง เข้าที่คออย่างพอดิบพอดี

ร่างกายขยับก่อนความคิด ดำใช้แขนดันพื้นสปริงตัวลุกขึ้นยืนก่อนร่างจะกระแทกพื้นเข้าอย่างจัง สลัดคาบเด็กน้อยขี้เซาเมื่อครู่เสียจนหมดสิ้น

“ดำ” สิรินส่งเสียงเรียกด้วยความตกตะลึงปนดีใจไม่น้อย เมื่อครู่เขากำลังจะดึงความสนใจให้ก้องได้มีโอกาสเข้าไปช่วยดำ แต่กลับถูกเด็กน้อยดึงสติให้หยุดชะงักก่อนจะได้ลงมือเสียอีก

ดำเบิกตาโพลงเมื่อเห็นว่าร่างกายของสิรินสะบักสะบอมเพียงใด ทั้งรอยช้ำบนใบหน้า ทั้งเสื้อผ้ายับย่นบ่างบ่งว่าโดนซ้อมมาอย่างหนัก ไหนจะรอยเลือดบนขาที่ไหลนองพื้นจนเป็นสีแดงฉาน

“คุณสิน!” ความโกรธถาโถม ดำมองสำรวจรอบกายจนได้คำตอบ เขารู้แผนการครั้งนี้ดี ตามที่ตกลงไว้คือเขาต้องไปซ่อนตัวหลังเกิดเหตุการณ์วุ่นวาย แต่เมื่อเห็นตนอยู่ในที่เกิดเหตุเช่นนี้ต่อให้โง่เพียงใดก็รู้ว่าตัวเองเป็นต้นเหตุให้สิรินต้องเสี่ยงอันตรายจนมีสภาพเช่นนี้

‘ดำตอนนี้อย่าพึ่งโทษตัวเอง เราต้องพาสินออกจากที่นี่’

เสียงในหัวดังขึ้นเรียกสติของดำ แต่เด็กน้อยเช่นเขาไม่อาจกดข่มความโกรธเหล่านี้ไว้ได้ มีเพียงต้องระบายออกเท่านั้น ดำหยุดสายตากับร่างของสน ซึ่งกำลังพยายามลุกขึ้นมาหลังถูกเตะก้านคอ ไม่รอให้อีกฝ่ายตั้งตัวเท้าเล็กๆ แต่หากไม่เบากระทืบระบายความโกรธไปเสียหลายครั้ง ก่อนจะตวัดสายตาต่อไปยังคนที่จับสิรินอยู่

ใครบังอาจทำร้ายคุณสิน ไอ้ดำจะกระทืบให้ตายคาตีน!

“คุณสิน คุณก้องหนีเร็วเข้าตรงนี้กำลังจะระเบิด!” ดำเชื่อเจ้าของเสียงในหัว เพราะภาพเบื้องหลังการวางระเบิดฉายชัด ดังว่าเป็นความทรงจำของตนเอง และรู้ดีว่าตอนนี้คุณสินกำลังใช้แผนสำรอง ซึ่งต้องทำให้สุชาติจากไปด้วยความมั่นใจว่าเขาตายแน่ๆ ดำจึงต้องรีบเตือนพวกเขาว่าจะอยู่ตรงจุดนี้นานกว่านี้ไม่ได้แล้ว

“ดำหลบไปทางขวา” สิ้นเสียงเตือน ดำก็กระโดดหลบไปทางขวาตามคำสั่งอย่างเชื่อฟัง เพราะว่าเสียงนั้นคือเสียงของสิริน

ปัง!

กระสุนฝังลงพื้นจุดที่ดำยืนอยู่เมื่อครู่พอดิบพอดี สุชาติทั้งโกรธทั้งลนลาน เขาเดินออกไปหลังพูดกับสนจบ แต่หากหันกลับมาอีกครั้งกลับเจอภาพลูกชายลงไปนอนบนพื้นอย่างหมดสภาพ ไหนจะคำพูดของดำอีก ดังตอกย้ำว่าสิ่งที่เขากลัวกำลังจะเกิดขึ้น

เพราะมัวแต่หลงมัวเมากับชัยชนะ และเชื่อในความสมบูรณ์แบบของแผนการ เขาจึงลืมคิดไปว่ามือวางระเบิดอาจจะเล่นตุกติกก็ได้ ทั้งคำกล่าวเตือนยังมาจากเด็กที่ไม่น่ารู้อะไรยิ่งสร้างความฉงน คิดระแวงว่ามือวางระเบิดกับดำอาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องกันไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง

ระเบิดที่วางไว้คล้ายแบบสุ่ม ซึ่งทำงานสลับจุดระเบิดไปเรื่อยๆ ไม่เชื่อมต่อกันไปทางเดียว ทั้งยังไม่ใช่แบบเชื่อมโยงที่เมื่อลูกนี้ระเบิดลูกที่ใกล้กันก็จะระเบิดต่อ ทำให้ระเบิดบนเรือไม่อาจคาดเดาวงจรลำดับของการระเบิดได้ นั่นจึงทำให้สุชาติกล้าที่จะอยู่เล่นสนุกต่ออีกนิด เพราะอย่างไรเขาก็รู้เวลากับจุดวางระเบิดที่แน่ชัดเพียงคนเดียว จะหลบเลี่ยงจุดระเบิด หรือหนีออกจากเรือก็ไม่ยากเย็น

ทั้งยังจงใจพาสิรินมายังบริเวณนี้ เพราะจะหลอกให้สิรินตายใจยอมอยู่ที่นี่เพื่อรอความตาย โดยปลูกฝังไปว่าจุดนี้ไม่มีระเบิดตนจึงกล้ามายืนอยู่ ณ ตรงนี้ ซึ่งมันสมบูรณ์แบบไปอีกขั้น หากไม่ถูกมือวางระเบิดเล่นตุกติก และเขาก็เริ่มระแวงเมื่อก้องเอ่ยเตือนเรื่องพายุด้วย เหมือนพอระแวงก็ระแวงไปด้วยกันเสียหมดทุกอย่าง

“ไปพาเจ้าสนมาแล้วออกไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้!” สุชาติจงใจยิงดำ จะโดนหรือไม่โดนก็ล้วนช่วยให้คนของตนพาสนหนีออกมาง่ายขึ้น เวลานี้เขาจึงไม่สนใจสิรินอีก รีบจ้ำอ้าวออกไปอย่างว่องไว เหลือไว้เพียงลูกสมุน 4 คนซึ่งยังต้องทำตามคำสั่งให้เรียบร้อย

ดำเองก็หาได้สนใจสุชาติเช่นกัน ตอนนี้เสียงในหัวเร่งเขาอย่างหนัก เจ้าตัวเล็กจึงมุ่งเป้าไปช่วยสิรินแทน ในตอนนั้นสิรินกับก้องเองก็หาได้อยู่เฉย ฝั่งก้องไม่ยากเย็น เขาออกแรงเพียงเล็กน้อยก็จัดการสมุนทั้งสองได้

ส่วนสิรินกลับทุลักทุเลไม่น้อย เขาออกแรงขัดขืนจนหลุดจากการจับกุม แต่หากร่างกายไม่อำนวย จนไม่อาจลุกหนีจากจุดนั้นได้

“ย้าก!” เหตุการณ์เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ไวยิ่งกว่าเสียง เท้าของดำก็ปะทะเข้าที่หน้าของหนึ่งในสองคนนั้นอย่างจัง จนเป็นเหตุให้เสียหลักตกทะเลไป เพราะยังไม่ทันตั้งตัว มัวแต่พุ่งความสนใจไปรับมือสิรินเมื่อครู่ ทั้งยังอยู่ติดระเบียงอีก เพียงถูกแรงถีบของดำก็ทำให้ตกลงไปอย่างง่ายดาย

ส่วนดำก็พลิกตัวหมุนกลางอากาศลงพื้นอย่างสวยงาม ไม่รอให้ใครตื่นจากความตะลึง ดำซัดหมัดเข้าที่ท้องชายอีกคนอย่างรวดเร็ว เมื่ออีกฝ่ายงอตัวจนสูงเท่าๆ กันดำก็อาศัยกอดคอตีเข่าไปเสียหลายครั้ง ก่อนจะผลักเจ้าคนหมดสภาพนั่นลงทะเลไปอีกคน

‘โดด!’

เสียงนั้นดังขึ้นอีก ดำเข้าใจทันทีว่าจะหมดเวลาแล้ว เจ้าตัวรีบเข้าไปช่วยสิรินซึ่งกำลังลุกขึ้นยืน ด้วยตัวที่เล็กกว่ามากทำให้ไม่อาจกระโดดลงไปพร้อมกันได้ ดำจึงตัดสินใจผลักสิรินลงไปก่อน ตั้งใจว่าหลังกระโดดตามลงไปแล้วค่อยช่วยพยุงสิรินในน้ำ อย่างไรจากสภาพแล้วสิรินคงว่ายน้ำไม่ถนัดนัก

ติ๊ด ติ๊ด

ระเบิดนับถอยหลังเหลือ 3 วินาที ก้องเห็นว่าสิรินถูกผลักลงไปแล้วเขาจึงกระโดดตาม ดำก็ตามไปติดๆ แต่หากถูกสมุนที่ก้องจัดการเมื่อครู่ดึงขาไว้

‘เร็วเข้า!’

“โถ่! คนกำลังรีบๆ ปล่อยนะ” แถมเท้าอีกข้างแล้วรีบกระโดดตามลงไป

ติ๊ด ตี๊ดดดดด ตู้ม!!!!!!!!!

เพราะร่างของดำยังล่วงลงไปไม่ไกล จึงถูกแรงระเบิดกระแทก จนแทบหมดสติ

เมื่อร่างตกลงในน้ำ ร่างกายจึงไม่อาจขยับว่ายน้ำได้ทัน ทั้งความง่วงจากยา ทั้งอาการบาดเจ็บจากระเบิด สติของเจ้าตัวเล็กจึงค่อยๆ เลือนราง

‘ดำ ดำ ดำ อย่าหลับนะ!’

ก่อนสติดับวูบ เขาพบกับเจ้าของเสียงนี้ เป็นใบหน้าที่แสนคุ้นเคย เพราะเขาเห็นในรูปบนหัวเตียงของสิรินทุกคืน...

+++++50%+++++

ดำ น้องงงงงงงงง
หัวข้อ: Re: = P A Y = เปย์ข้าด้วยบุฟเฟ่ต์สิ [เปย์ครั้งที่ 20 -1-] 20.04.2019
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 20-04-2019 23:21:25
เสียงในหัวน้องดำเป็นเสียงใครนะ หลวงตาอ่ะป่าว  :m28:
หัวข้อ: Re: = P A Y = เปย์ข้าด้วยบุฟเฟ่ต์สิ [เปย์ครั้งที่ 20 -1-] 20.04.2019
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 21-04-2019 02:47:34
เสียงพ่อของสิรินแน่ๆ
หัวข้อ: เปย์ครั้งที่ 20 [2]
เริ่มหัวข้อโดย: GreenHead(หัวเขียว) ที่ 23-04-2019 20:09:38
เปย์ครั้งที่ 20
 [ครึ่งหลัง]


เสียงระเบิดดังกลบเสียงเรือที่กำลังแล่นมาอีกฟากหนึ่งของทะเล เพราะอยู่ไกลออกไปทำให้มองเห็นได้ยาก ความมืดกลืนกินเสียจนหมดสิ้น

ใต้ผืนน้ำก้องกับสิรินคว้าหยิบถังออกซิเจนขนาดจิ๋วออกมาจากกระเป๋าลับในกางเกงซึ่งเตรียมเอาไว้สำหรับกรณีนี้อยู่ก่อนแล้ว ตามด้วยไฟฉายแบบกันน้ำใช้สอดส่องผ่านความมืดในท้องทะเล

สิรินรีบค้นหาดำ แม้เจ้าตัวเล็กเคยโอ้อวดว่าเป็นแชมป์ว่ายน้ำประจำคลอง แต่หากเวลานี้เขาอยู่ในทะเลย่อมแตกต่างกัน ทั้งสภาพน้ำ ทั้งความแรงของคลื่นอันไม่มีทางเกิดขึ้นในคลอง เขาจึงไม่อาจวางใจได้

ก้องเองก็ช่วยหาอีกแรง เสียงระเบิดเมื่อครู่ทำให้เขากังวล ดำกระโดดลงมาหลังเขาเสียอีก ไม่แน่ว่าอาจถูกระเบิดเข้า ทั้งสองจึงช่วยกันหาร่างเล็กอย่างไม่รอช้าไม่นานก็พบร่างแน่นิ่งของดำ สิรินรีบเข้าไปพยุงตัวไว้พบว่าดำหมดสติไปเสียแล้ว ยังดีที่ใต้น้ำสงบกว่าที่คิด ร่างของดำจึงยังไม่ถูกคลื่นซัดหายไปไกล

เจ้าของร่างหมดสติ ออกซิเจนอีกถังจึงไร้ประโยชน์ ดำไม่อาจหายใจทางปากด้วยตนเอง คิดได้ดังนั้นสิรินก็ช่วยดำหายใจ สูดเอาออกซิเจนไว้แล้วใช้ริมฝีปากเย็นยะเยือกเพราะอุณหภูมิของน้ำประกบจูบ ถ่ายทอดลมหายใจเข้าไปทางริมฝีปาก ผลัดทำอยู่เช่นนั้นจนกระทั่งเสียงด้านบนสงบลง พวกเขาจึงลอยขึ้นเหนือน้ำ

ระเบิดรอบเมื่อครู่สงบลงไปแล้ว บริเวณที่พวกเขาอยู่พังเป็นแนวยาว หากไม่ได้คำเตือนของดำพวกเขาคงไม่อาจมีชีวิตรอด ส่วนคนบนเรือต้องช่วยอพยพคนออกมาโดยเร็ว ไม่เช่นนั้นคงมีการตายเพิ่มมากขึ้น ไม่รู้ว่าเวลานี้พวกปู่เล็กเป็นเช่นไร คาดว่าระเบิดรอบต่อไปคงตามมาอีกไม่ช้า

สิรินส่งสัญญาณเป็นรหัสผ่านโทรศัพท์ให้มาร์โก้ตั้งแต่อยู่ในห้องพัก ดูจากระยะทางแล้วอีกไม่นานคงมาถึง พวกเขาจึงได้แต่ลอยคลอรอเรือมารับเท่านั้น เวลานี้อาสุชาติเองก็เร่งรีบจากไป หากใช้เรือเล็กค่อยๆ ถ่ายเทคนคงยากจะสังเกตเห็น ทั้งควันทั้งระเบิดต่างช่วยอำพรางได้เป็นอย่างดี

เขาห่วงคนในอ้อมแขนมากกว่าสิ่งใด ดำยังมีลมหายใจ แต่หากไม่ได้สติ จากคำบอกเล่าของก้อง สิรินเองก็คิดว่าดำสลบไปเพราะแรงระเบิด โชคดีที่คนตัวเล็กสวมเสื้อผ้าแขนขายาวหนานุ่มเนื่องจากทนลมทะเลไม่ไหว ทั้งสนยังไม่ได้ถอดชุดออกไป จึงช่วยป้องกันร่างนี้เอาไว้ทำให้ไม่มีแผลจนเลือดไหลออกมา คาดว่าคงมีเพียงอาการบอบช้ำภายในเท่านั้น

อาการร้อนใจถาโถม สิรินกอดดำแน่นขึ้นอีกร่างเล็กเย็นเฉียบเสียจนน่าใจหาย ยิ่งคิดอยากเร่งเวลาให้เร็วขึ้นมาร์โกจะได้มาถึงเสียที แล้วมาร์โกก็ไม่ทำให้ผิดหวัง เรือยอชต์ขนาดเล็กลำหนึ่งขับเข้ามาใกล้ อาศัยเรือลำใหญ่บังไว้ ในตำแหน่งตรงข้ามกับทางที่สุดชาติใช้หนี บนเรือลำนั้นมีชายชาวอเมริการ่างใหญ่โบกมือมาให้

มาร์โก้ดีใจที่สิรินรอด แต่หากเข้ามาใกล้มองเห็นลูกชายอีกคนในอ้อมแขนสิรินใบหน้าก็ซีดเซียวอย่างตกตะลึง เร่งคนขับเรือให้เพิ่มความเร็วขึ้นอีก

"รีบพาขึ้นมาเร็วเข้า หมอรีบมาดูอาการ ดำเป็นอะไรไป" มาร์โก้รีบออกคำสั่ง บนเรือมีคนอยู่ 5 คน มีมาร์โก้ สมุนทำหน้าที่ขับเรือ 1 คน หมอสองคน และคนคุ้มกันติดอาวุธอีก 2 คน

หมอแยกกันดูอาการของสิรินกับดำ สิรินมีอาการช้ำในจากการถูกซ้อม และแผลถูกยิงโชคดีที่ไม่ถูกจุดสำคัญ ส่วนดำสลบเพราะยานอนหลับและถูกแรงระเบิดกระแทก คาดว่าอีกไม่นานคงฟื้น คนบนเรือจึงสบายใจมากขึ้น

"ไม่รู้ว่าดำรู้เรื่องระเบิดได้อย่างไร แต่พวกเราก็รอดชีวิตได้เพราะดำ คราวนี้ผมประมาทเกินไป ทั้งเรื่องดำ ทั้งเรื่องระเบิด คิดไปว่าอาสุชาติคงไม่ยอมเข้าไปยังที่อันตรายเช่นนั้นจึงวางใจ คาดคิดไปเองว่าจุดนั้นปลอดภัย ขอโทษนะครับ ดำก็เลยต้องเจ็บตัวแบบนี้" สิรินกล่าวกับมาร์โก้อย่างรู้สึกผิด

“ดำไม่ได้เป็นอะไรร้ายแรง สินไม่จำเป็นต้องโทษตัวเอง แค่จำเอาไว้เป็นบทเรียนก็พอ อย่างไรเราก็คิดกันอยู่แล้วว่าแผนนี้เสี่ยงมากเพียงใด เราไม่รู้เรื่องคนของสุชาติ ทั้งไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรแทรกซ้อนขึ้นมา แค่รอดมาได้ครบสามสิบสองฉันก็ดีใจมากแล้ว” แผนการครั้งนี้ไม่ใช่เรียบง่ายอย่างที่ตาเห็น เพราะหวังผลมากมาย สิ่งที่พวกเขาต้องการมากจนไม่อาจวางแผนแบบธรรมดาได้

ความจริงมาร์โก้อยากใช้คนของเขาฆ่าสุชาติเสียให้รู้แล้วรู้รอด แต่หากก็เพียงแค่เปลี่ยนศัตรูคนใหม่เท่านั้น เพราะมีคนอยากเข้ามาฮุบบริษัทมากมาย หรือหาหลักฐานเอาผิดสุชาติทางกฎหมายก็ใช่ว่าสุชาติจะไร้เส้นสาย ชายคนนั้นมีนิสัยหวาดระแวงทำให้ระวังตัวแจ ทั้งยังวางแผนเผื่อพลาดหลายอย่าง พวกเขาจึงต้องกำจัดให้หมดสิ้น

จากนั้นก็มีเรืออีกตามมา บนเรือมีคนของสิรินอยู่หลายคน พวกเขาจะทำหน้าที่ปลดระเบิดบางส่วน และถ่ายเทคนไปยังจุดปลอดภัยบนเรือก่อน เพื่อรอเรืออพยพซึ่งต้องรอให้สุชาติไปไกลจนไม่อาจมองเห็นพวกเขาได้จึงจะนำมาจอดเทียบพาคนหนีไปได้

“แบ่งคนไปห้องพักลูกเรือกับห้องหมายเลข 5 พาพวกเขาแยกมาที่นี่ก่อน ส่วนคนอื่นๆ ทำตามแผนเดิม”

“เยสเซอร์!” หลังได้รับคำสั่งของสิรินพวกเขาก็พาดบันไดขึ้นไปบนเรือบริเวณที่ถูกระเบิดจนขอบระเบียงถูกทำลายแล้วปีนขึ้นไป จากนั้นแยกย้ายกันทำหน้าที่อย่างคล่องแคล่ว ไม่นานก็นำน่านที่กำลังอุ้มทิวเอาไว้ ปู่เล็กที่กำลังอุ้มหลานสาว ส่วนคนที่เหลือหน่วยพิเศษของสิรินช่วยอุ้มตามมา

“สินนี่มันอะไรกัน” ปู่เล็กถามด้วยความสงสัย ก่อนหน้านี้เพราะมัวแต่ห่วงหลานๆ ทำให้ไม่ได้ถามอะไรน่าน พอมีคนแต่งชุดแปลกๆ ทั้งยังติดอาวุธเข้าไปก็ตกใจจนเกือบยิงอีกฝ่ายยังดีที่น่านห้ามไว้ จึงได้รู้ว่าพวกเขาได้รับความช่วยเหลือแล้ว

“นั่งก่อนครับ ตอนนี้ทุกคนปลอดภัยแล้ว ผมขอจัดการเรื่องทุกอย่างให้เรียบร้อยแล้วจะเล่าให้ฟังนะครับ” ปู่เล็กจึงไม่เอ่ยถามอีก เขารู้ดีว่าเวลานี้ไม่ใช่เวลามานั่งอธิบาย ถึงจะบอกว่าปลอดภัยแต่หากบนเรือยังวุ่นวาย ผู้คนมากมายกำลังแตกตื่นตกใจ ทั้งยังมีคนอีกมากโดนยานอนหลับจนหนีไม่ทันจนได้รับบาดเจ็บจากโจรร้าย

“รายงานมา” หลังพวกปู่น้อยหลบฉากไปนั่งอยู่ด้านหนึ่งสิรินก็กล่าวกับหัวหน้าหน่วยพิเศษ

“เหลือคนบนเรือ 12 คน ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บจากระเบิด เพราะระเบิดถูกติดตั้งไว้ในจุดที่ไม่เด่นสะดุดเพื่อไม่ให้ใครเห็น ทำให้ไม่มีการวางระเบิดในห้องพัก มีเพียงผู้บาดเจ็บจากการถูกยิง 5 คน ส่วนอีก 7 คนเพียงหลับไปเท่านั้น ตอนนี้ได้ย้ายทุกคนไปยังจุดปลอดภัย และหน่วยแพทย์ได้ปฐมพยาบาลผู้บาดเจ็บแล้วครับ” ผู้ถูกถามรายงานสถานการณ์ผู้บาดเจ็บอย่างกระชับตามแบบมืออาชีพ

“ระเบิดล่ะ”

“ตอนนี้กำลังเก็บกู้ เหลืออีก 3 จุดที่ยังไม่ระเบิดครับ” สิรินพยักหน้าอย่างพึงพอใจ สถานการณ์ถูกคลี่คลายแล้ว

จากคน 36 คน หักลบพวกเขา 5 คน เหลือ 31 คน แยกปู่เล็กกับหลานๆ เหลือ 27 คน ตอนนี้คนบนเรือเหลือ 12 คน นอกจากอาสุชาติกับสนแล้ว หมายความว่ามีคนไปกับอาสุชาติ 13 คนด้วยกัน

“ตรวจเช็ครายชื่อคนที่เหลืออยู่แล้วมารายงานฉัน”

“รับทราบครับ” จากนั้นหัวหน้าหน่วยก็แยกออกไปทำงานตามคำสั่ง

“คุณสินช่วยบอกให้เขาวางผมลงเถอะครับ” ดนัยกล่าวขึ้นเมื่อได้โอกาส ตอนนี้ตัวเขาถูกห่อเป็นก้อนกลมอยู่ภายในผ้าห่มผืนหนา สภาพเหนื่อยล้าใบหน้าซีดเซียว ถูกอุ้มมาโดยชายตัวใหญ่คนหนึ่ง

“อืม พาดนัยไปนั่งบนเก้าอี้ แล้วหาเสื้อผ้ามาให้ใส่ด้วย” ชายคนนั้นก็ทำตามคำสั่งแต่โดยดี ทั้งที่ก่อนหน้านี้ดนัยบอกอย่างไรก็ไม่ยอมฟังแท้ๆ

“สภาพดูไม่ได้เลยนะ” ไม่ต้องถามก็คาดเดาไม่ยากว่าโดนอะไรมา เมื่อผ้าขยับเปิดตรงช่วงคอหลังจากนั่งตัวตรง ผิวสีขาวซีดของคนไม่ค่อยโดนแดดมีรอยสีกุหลาบฝากเอาไว้มากมาย ทั้งรอยจูบรอยกัด เจ้าตัวคงผ่านศึกหนักมาไม่น้อย

“อย่าพูดถึงเลยครับ ผมไม่อยากนึกถึง อยากจะฆ่าคนเปล่าๆ” ดนัยกัดฟันข่มความโกรธที่พุ่งปรี๊ดทุกครั้งเวลาคิดถึงเหตุการณ์ในห้องพักลูกเรือ ถึงมันจะช่วยให้เขารอดมาได้ แต่ก็เจ็บใจไม่น้อย ตัวเขาแม้จะเคยนอนกับผู้ชายก่อนก็ใช่ว่าจะแข็งแรงเช่นสมัยก่อน เวลานี้ร่างกายปวดร้าวเสียจนไร้แรงยืน

“หึหึ เข้าใจแล้ว พวกเรากลับกันก่อนเถอะ เหลืองานอีกมากที่ต้องทำ” หลังจากนั้นพวกเขาก็แยกกันพักผ่อน ก้องเข้าไปช่วยน่านดูแล้วทิว ปู่เล็กพาลูกชายกับหลานๆ ไปพักผ่อน คิดว่าคืนนี้ทุกคนเหนื่อยมามากแล้ว ถ้าจะถามสิ่งใดรอพรุ่งนี้ยังไม่สาย

ส่วนสิรินกับดำถูกย้ายไปไว้ห้องเดียวกัน เจ้าตัวเล็กยังไม่มีทีท่าจะตื่นทำให้สิรินไม่ยอมพักผ่อน เขาเฝ้าอยู่เช่นนั้นจนเผลอฟุบหลับข้างเตียง

มาร์โก้สั่งการให้เรือลำที่ทุกคนพักผ่อนกลับขึ้นฝั่งไปก่อน ส่วนเขาอยู่จัดการส่วนที่เหลือ ค่ำคืนนั้นทุกอย่างก็ผ่านไปได้ด้วยดี



ฝั่งอาสุชาติ หลังลงเรือเล็กหนีออกมา ก็รีบออกเรือกลับเข้าฝั่ง มองเรือลำใหญ่จนแน่ใจแล้วหันมาแสร้งปลอบขวัญคนบนเรืออย่างแนบเนียน คนที่รอดมาได้ถูกกำหนดไว้แล้ว มีทั้งคนของเขาและไม่ใช่ เพราะหากเป็นคนของเขาทั้งหมดจะตกเป็นที่สงสัยได้

บนเรือลำนี้จึงมีเป้าหมายที่เขาต้องการร่วมธุรกิจอยู่ด้วย ทั้งประธานบริษัทยักษ์ใหญ่ ทั้งคนสำคัญทางการเมือง เขาต้องการสร้างบุญคุณให้คนเหล่านี้ และต้องการให้เป็นพยานของเหตุการณ์ในคืนนี้ด้วย

ดังนั้นจึงแบ่งคนของตนเป็น 2 ฝ่าย ให้กลายเป็นสลัดกับผู้ช่วยเหลือคนเหล่านี้และครอบครัวหนีออกมา ซึ่งเป็นการยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวอย่างแท้จริง แม้วุ่นวายและต้นทุนสูงก็นับว่าคุ้มค่า

ส่วนพวกโจรสลัดก็หนีลงเรืออีกลำแล้วหายไปในความมืด ทำให้เหมือนปล้นเสร็จ ระเบิดเรือแล้วหายไป ซึ่งคนเหล่านี้สุชาติวางแผนที่จะฆ่าปิดปากในภายหลัง

เรือที่สุชาติใช้หนีเป็นเรือยอชต์ขนาดเล็กจึงสามารถขับได้เร็ว ไม่นานก็ออกจากเขตพายุ ส่วนเส้นทางนั้นเขาสั่งให้กัปตันเรือตั้งให้เป็นแบบอัตโนมัติตั้งแต่ต้น พวกเขาจึงรอดออกมาอย่างปลอดภัยตามแผนที่วางไว้

คนบนเรือมีทั้งตื่นตระหนกจริงและแสร้งตื่นตระหนกตลอดเส้นทางจึงมีเพียงเสียงปลอบโยนให้กำลังใจกันและกันเท่านั้น หวังเพียงให้เรือพาพวกเขากลับขึ้นฝั่งได้อย่างปลอดภัย

สุชาติแอบยิ้มกริ่มอย่างพึงพอใจ ทุกอย่างเป็นไปตามแผน แม้มีข้อผิดพลาดเรื่องระเบิดเล็กน้อยก็หาได้หยุดแผนการของเขาได้ นับว่าโชคชะตาเข้าข้างเขาอย่างแท้จริง กลับไปนอกจากดำเนินแผนการต่อไปแล้วคงต้องดื่มฉลองเสียหน่อย

หึหึ ในที่สุดทุกอย่างก็กลายเป็นของฉันอย่างแท้จริง

ลาก่อน...หลานรัก



-TBC-

เจอกันตอนหน้านะคะ
หัวข้อ: Re: = P A Y = เปย์ข้าด้วยบุฟเฟ่ต์สิ [เปย์ครั้งที่ 20] 23.04.2019
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 23-04-2019 22:00:45
นับเวลาถอยหลังสู่ความตายได้แล้ว สุชาติ  :hao3:
หัวข้อ: Re: = P A Y = เปย์ข้าด้วยบุฟเฟ่ต์สิ [เปย์ครั้งที่ 20] 23.04.2019
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 24-04-2019 05:12:10
รอความวิบัติอยู่นะ หึๆๆ
หัวข้อ: Re: = P A Y = เปย์ข้าด้วยบุฟเฟ่ต์สิ [เปย์ครั้งที่ 20] 23.04.2019
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 01-05-2019 23:01:07
เล่นกับใครไม่เล่นนะสุชาติ  :hao3:
หัวข้อ: Re: = P A Y = เปย์ข้าด้วยบุฟเฟ่ต์สิ [เปย์ครั้งที่ 20] 23.04.2019
เริ่มหัวข้อโดย: Mayana ที่ 04-05-2019 09:07:22
 o18
หัวข้อ: Re: = P A Y = เปย์ข้าด้วยบุฟเฟ่ต์สิ [เปย์ครั้งที่ 20] 23.04.2019
เริ่มหัวข้อโดย: เลยร์มุจา ที่ 06-05-2019 14:32:45
หิวเมื่อไหร่ก็แวะมา เซเว่น อีเลฟเว่น  :mew2: o13
หัวข้อ: Re: = P A Y = เปย์ข้าด้วยบุฟเฟ่ต์สิ [เปย์ครั้งที่ 20] 23.04.2019
เริ่มหัวข้อโดย: เลยร์มุจา ที่ 08-05-2019 13:54:03
ติดตามอยู่นาาาาาาาา      :mew1:มาต่อเร็วๆนะคะ :mew6:
หัวข้อ: เปย์ครั้งที่ 21
เริ่มหัวข้อโดย: GreenHead(หัวเขียว) ที่ 08-07-2019 15:34:48
เปย์ครั้งที่ 21

‘ราชรถมาเกย’

การได้โชค ลาภมาโดยไม่รู้ตัวหรือไม่นึกไม่ฝันมาก่อน ได้มาโดยที่ไม่ต้องขวนขวาย



“ว่าที่ประธานบริษัท AMP DEVELOPMENT COMPANY LIMITED จมทะเลก่อนเข้ารับตำแหน่ง”

“ผู้ก่อการร้ายบุกปล้นเรือกลางงานฉลองวันเกิดก่อนรับตำแหน่ง ว่าที่ประธานดับอนาถกลางทะเล”

“เร่งค้นหาซากเรือหวังผู้รอดชีวิต ญาติร่ำให้ ผู้สูญหายกว่า 20 ชีวิต หวั่นเรือถูกพายุพัดเข้าสู่น่านน้ำประเทศเพื่อนบ้าน”

“สุชาติอาลัยหลานรักจบชีวิตกลางทะเล แถลงข่าววันพฤหัสที่จะถึงนี้!!!! ...อ่านต่อ…”



หน้าข่าวออนไลน์ของหนังสือพิมพ์หลายฉบับเร่งพาดหัวข่าวตั้งแต่ได้รับข้อมูล เพื่อแย่งชิงความได้เปรียบจากสำนักข่าวอื่นๆ

ทั้งยังลงพื้นที่รอคอยความเคลื่อนไหวพร้อมกับเจ้าหน้าที่ผู้เตรียมพร้อมช่วยเหลือผู้ประสบภัยตั้งแต่ได้รับข่าวจากกัปตันเรือซึ่งหาโอกาสแจ้งมาตั้งแต่ถูกโจรสลัดบุกขึ้นเรือ ก่อนเรือจะถูกทำลายจนสูญเสียการควบคุมมุ่งสู่เขตเกิดพายุลูกหนึ่ง

ศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยเรือล่มฯ เร่งดำเนินการออกค้นหาจากพิกัดที่ได้รับล่าสุดก่อนเรือขาดการติดต่อไป ใช้เวลาค้นหาอยู่หลายชั่วโมงในที่สุดก็พบผู้รอดชีวิตกลุ่มแรก แน่นอนว่าเป็นกลุ่มของสุชาตินั่นเอง

“ยังมีคนอยู่บนเรือ สินกับปู่เล็ก ได้โปรด...ได้โปรดช่วยพวกเขากลับมาด้วย” สุชาติอ้อนวอนเจ้าหน้าที่ด้วยความเศร้าสลด นักข่าวที่เห็นเหตุการณ์เร่งเก็บภาพข่าวเด็ดในทันที

ผู้รอดชีวิตเหล่านี้ต่างสติหลุดหวาดกลัวเกินกว่าจะคิดไตร่ตรองสิ่งได บ้างร่ำไห้ บ้างพยายามบอกเล่าเหตุการณ์แต่น้ำเสียงสับสนจนยากจะฟังเข้าใจ เจ้าหน้าที่รีบกันนักข่าวออกจากพวกเขาเกรงว่านานกว่านี้จะเป็นผลแย่ต่อผู้รอดชีวิต และยังต้องให้แพทย์ตรวจร่างกาย จึงคุ้มครองพวกเขาไปยังพื้นที่ปลอดภัยจากคนนอก

หลังจากให้เวลาพวกเขาจนควบคุมสติได้เจ้าหน้าที่ก็เริ่มสอบถามข้อมูล เพราะเมื่อมนุษย์รู้สึกว่าตนปลอดภัยก็จะค่อยๆ คลายความกังวลลงเอง ทุกอย่างจึงต้องใช้เวลาเช่นนี้

ส่วนทางนักข่าวเมื่อถูกตัดขาดข่าวสารก็นำข้อมูลที่พอมีอยู่เล็กน้อยไปตีความเสียใหญ่โตจนเกิดพาดหัวข่าวอันอุกอาจเช่นนั้น เจ้าหน้าที่ยิ่งถูกกดดันมากขึ้น เพราะผู้คนต่างอยากทราบรายชื่อผู้สูญหาย

แต่การค้นหาท่ามกลางพายุย่อมเป็นไปอย่างยากลำบาก ต้องฝาฟันทั้งความมืด ทั้งคลื่นลมอันรุนแรง ไหนจะฝนฟ้าอันน่าหวาดหวั่นที่ไม่รู้ว่าจะผ่าลงมาเมื่อใด บดบังวิสัยทัศน์เสียจนแทบสูญเสียทิศทางการค้นหา เรือมุ่งไปข้างหน้าช้าเพราะต้องระมัดระวัง สุดท้ายจึงต้องหยุดการค้นหาชั่วคราว ไม่เช่นนั้นคนที่เอาชีวิตไปทิ้งคงเป็นเจ้าหน้าที่เอง

ญาติของผู้สูญหายต่างกดดันหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แต่ก็ยังคงไร้ผล เมื่อเป็นเพียงบีบให้เจ้าหน้าที่ออกไปค้นหาเท่านั้น หากไม่พบก็ทำได้เพียงภาวนาให้พวกเขารอด รอคอยความช่วยเหลือหลังพายุสงบลง

และภาวนาไม่ให้เรือล่องผ่านน่านน้ำสากลไปยังน่านน้ำของประเทศเพื่อนบ้าน ไม่เช่นนั้นขอบเขตการค้นหาก็จะกว้างขึ้นอีก ทั้งยังต้องดำเนินการหลายอย่าง จนอาจเกิดความล่าช้าก่อยจะลงมือค้นหาได้ ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นไม่แน่ว่าจะได้กลับมาเพียงซากศพ





ตลอด 1 สัปดาห์ข่าวพัดโหมเมื่อไม่อาจหาซากเรือพบ แม้ว่าในน่านน้ำสากลจะค้นหาเป็นบริเวณกว้างจากตำแหน่งล่าสุดของเรือแล้วก็ตาม

กระแสสังคมยิ่งเลวร้ายลง ผู้เกี่ยวข้องล้วนถูกจับโยงว่าใครได้ประโยชน์ใครเสียประโยชน์บ้างจากเหตุการณ์นี้ ทั้งยังคาดเดาไปว่าอาจจะมีบางคนอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์นี้

สุชาติโดนกระแสสังคมไม่น้อย แต่ก็ยังมีผู้คนส่วนหนึ่งออกมาปกป้องต่อต้านกระแสอันเลวร้ายเอาไว้ แถมยังมีมากกว่าฝั่งว่าร้ายเสียอีก สุชาติจึงไม่ได้กดดันอะไรมากนัก เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาสุชาติล้วนดีต่อสิริน ไม่ว่าจะเป็นการศึกษา หรือตำแหน่งในบริษัท

ตั้งแต่สุทินพ่อของสิรินเสียชีวิต สุชาติก็ให้สิรินเรียนในโรงเรียนอันดับท็อปของประเทศ เรื่องเงินไม่ให้ขาดดูแลไม่ต่างกับลูกของตัวเอง พอขึ้นมหาวิทยาลัยก็ไม่บังคับปล่อยให้เลือกเส้นทางได้เต็มที่กล่าวเพียงว่าการบริหารไม่จำเป็นต้องเรียนในมหาวิทยาลัย สิรินจึงได้เข้ามาฝึกงานในบริษัท ตำแหน่งก็สูงเสียจนน่าอิจฉา อายุเพียง 18 ปีก็เป็นถึงรองประธานบริษัท เป็นชายหนุ่มที่ใครๆ ต่างใฝ่หา สุชาติไม่สนกระทั่งเสียงคัดค้านของพ่อซึ่งเป็นอดีตประธานบริษัทคนก่อนแม้แต่น้อย

เขาตามใจสิรินเสียจนลูกชายของตนอย่าง ‘สน’ ยังอิจฉา ใครๆ ต่างก็ทราบดีว่าสนพยายามแข่งขันกับสิรินมาแต่ไหนแต่ไร จึงมีน้อยคนนักที่จะสงสัยในตัวสุชาติ ก็แม้กระทั่งลูกชายของตนยังอิจฉาความรักที่มีให้ คนนอกอย่างพวกเขายังจะเคลือบแคลงสิ่งใดอีก

นอกจากกระแสข่าวก็มีหลักฐานหลุดมาด้วยเช่นกัน มีคนรวบรวมคลิปของสุชาติหลายๆ คลิปเข้าไว้ด้วยกัน ซึ่งเป็นคลิปรวมคำถามจากนักข่าวและคนในแวดวงเดียวกันเวลาถามถึงอนาคตของบริษัท คำตอบล้วนเป็นไปในแนวทางเดิมเสมอ

“อนาคตของบริษัทมีหลานชายของผมเป็นคนสืบทอดครับ สิรินจะเข้ามารับตำแหน่งประธานบริษัทเมื่ออายุ 23 ปี ตามพินัยกรรมของพี่ชาย”

ทั้งท่าทาง ทั้งคำพูดล้วนแฝงด้วยความภาคภูมิใจ คลิปนี้จึงช่วยอุดปากนักเลงคีย์บอร์ดไปเสียหลายคน

นอกจากนี้หากถามถึงผู้ที่สูญเสียมากที่สุดล้วนเป็นสุชาติ ไม่เพียงสิรินยังมีครอบครัวของปู่เล็กซึ่งไม่พบผู้รอดชีวิตเช่นเดียวกัน และสนลูกชายของสุชาติเวลานี้ก็รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลเนื่องจากได้รับบาดเจ็บจากการปะทะกับคนร้าย ได้ยินว่ากระดูกหักหลายจุดทีเดียว

ส่วนผู้รอดชีวิตนั้นไม่ใช่ว่าเป็นผู้สนับสนุนสุชาติไปเสียทั้งหมด ยังมีนักการเมืองหัวแข็งผู้ตั้งแง่กับสุชาติ และอดีตคู่ค้าของบริษัทซึ่งถอนตัวออกไปตั้งสุทินเสียชีวิต พวกเขาเป็นเป้าหมายในการชักจูงของสุชาติในครั้งนี้ และยังเป็นพยานของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้อย่างดี เพราะผู้คนต่างทราบว่าพวกเขาไม่มีทางเข้าข้างสุชาติอย่างแน่นอน

หลังจากสถานการณ์คงตัวก็ถึงกำหนดการแถลงข่าว พวกเขาย่อมเป็นตัวละครหลักในฉากนี้ตามที่สุชาติวางแผนไว้

สื่อมวลชนเข้าร่วมการแถลงข่าวอย่างคับคั่งบริเวณห้องโถงใหญ่ภายในโรงแรมในเครือบริษัท AMP DEVELOPMENT COMPANY LIMITED อันใช้เป็นสถานที่จัดงานในครั้งนี้

งานเริ่มต้นจากพิธีกรกล่าวเปิดงานก่อนจะส่งให้ตัวแทนทั้งสี่คนเริ่มแถลงข่าว คุณประหยัดนักการเมืองหัวแข็งซึ่งเป็นเพื่อนเก่าเพื่อนแก่ของอดีตประธานบริษัทหรือก็คือพ่อของสุชาติ เขาอาวุโสที่สุดในบรรดาตัวแทนทั้งหมด จึงได้เป็นคนที่ได้เริ่มพูดก่อน

“เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทุกคนคงพอทราบกันบ้างแล้ว ผมเองก็คงเล่าอะไรไม่ได้มากเพราะอาจทำให้เสียรูปคดี วันนี้ผมจึงจะบอกเพียงคร่าวๆ เพื่อให้รับรู้ไปในทางเดียวกันเท่านั้น

วันนั้นพวกเราปาร์ตี้วันเกิดกันปกติ จนกระทั่งมืดพวกเราแยกย้ายกันเข้านอน ผมไม่ชินกับการนอนบนเรือเลยลุกขึ้นมาเดินข้างนอก ไม่คิดว่าอยู่ดีๆ จะไปเจอเจ้าพวกสารเลวนั่น ดีที่ผู้คุ้มกันไหวตัวทันพาผมหนีได้ทันตอนนั้นคิดจะไปเตือนเจ้าเล็กกับคนอื่นๆ แต่ตัวเองก็แทบเอาตัวไม่รอดผู้คุ้มกันถูกฆ่าต้องหนีหัวซุกหัวซุนไปทางหัวเรือ คิดว่าจะไม่รอดซะแล้วแต่สุชาติก็มาช่วยเอาไว้

ผมเห็นสุชาติมาตั้งแต่แบเบาะ รู้นิสัยใจคอเจ้าตัวเป็นอย่างดี แต่ก่อนผมคิดว่าสุชาติไม่เหมาะกับตำแหน่งประธานบริษัทเพราะขี้ระแวงเกินเหตุ เกรงว่าบริษัทจะไม่ก้าวหน้าไปไหนเพราะความกลัวที่จะเสี่ยง ไม่กล้าได้กล้าเสีย มาวันนี้ผมรู้สึกเสียใจเป็นอย่างยิ่งครับ

ภาพในวันนั้นยังติดตาแม้จะไม่ได้ลงมือแต่ก็ยืนสังการอย่างองอาจ สั่งผู้คุ้มกันให้แยกกันออกไปช่วยเหลือคนอื่นๆ อย่างกระชับฉับไว หลังจากนำทางผมไปยังเรือสำรองแล้วยังขอตัวไปดูสถานการณ์ด้วยตัวเองอีก ห่วงคนอื่นเสียจนผมยังอดนับถือไม่ได้

จะบอกว่าผม ไม่สิ ที่ทุกคนรอดชีวิตมาได้เพราะสุชาติก็ไม่ผิดนัก เสียดาย...ที่ต้องสูญเสียมากกว่าใคร” คุณประหยัดเล่าชัดถ่อยชัดคำ เขาทั้งรู้สึกผิดทั้งอยากขอบคุณสุชาติ

หลังเขากล่าจบก็ถึงคู่สามีภรรยาอดีตคู่ค้าของบริษัท ตอนนี้ยังไม่เปิดโอกาสให้ซักถาม นักข่าวจึงก้มหน้าก้มตาจดข้อสงสัยกันยิกๆ รอเวลาแทบไม่ไหวแล้ว

“พวกเราเองก็ได้คุณสุชาติช่วยไว้ครับ ตอนนั้นภรรยาของผมปลุกอย่างไรก็ไม่ตื่น คิดว่าต้องเกิดเหตุร้ายแล้วก็เกิดขึ้นจริงๆ หลังจากได้ยินเสียงระเบิดคนของคุณสุชาติก็เข้ามาช่วยพาผมกับภรรยา เสียงปืนไล่หลังพวกเรามา คนที่ช่วยเราก็ถูกยิงบาดเจ็บ แต่ก็พาเราไปถึงเรือจนได้ ในนั้นมีคุณประหยัดกับคนที่คุณสุชาติทิ้งไว้คุ้มกัน กว่าจะได้เจอกับคุณสุชาติพวกเขาก็สะบักสะบอมกลับมาแล้ว ต้องขอบคุณจริงๆ ที่ช่วยให้ภรรยากับลูกชายตัวน้อยในท้องรอดมาได้”

สองสามีภรรยาคู่นี้แต่เดิมสนิทสนมกับสุทิน จึงไม่ค่อยชอบสุชาตินัก หลังจากสุทินเสียชีวิตจึงแยกตัวออกไปไม่ร่วมธุรกิจกันอีก เพราะพอจะรับรู้วีรกรรมของสุชาติอยู่บ้าง แต่ตอนนี้ต้องยอมรับแล้วว่าเมื่อคนเราโตขึ้นย่อมต้องปรับตัวกับสังคม สุชาติคงจะเป็นส่วนหนึ่งที่เสียใจเรื่องพี่ชายจนแก้ไขตัวเองใหม่อย่างแน่นอน หลังจากนี้คงต้องพิจารณาการร่วมงานอีกครั้งหนึ่ง

เรียกได้ว่าการวางแผนของสุชาติได้ผลมากทีเดียว แม้คุณประหยัดจะออกนอกแผนไปบ้างแต่สุดท้ายก็คุมสถานการณ์ได้ ดีที่บริเวณนั้นไม่มีคน เมื่อติดกระบอกเก็บเสียงทุกอย่างจึงราบรื่น ส่วนกับคู่สามีภรรยานั่นเกิดขึ้นหลังจากเหตุระเบิดสุชาติจึงใช้เพียงลูกน้องสร้างสถานการณ์เท่านั้น

เรียกได้ว่าใช้วิธีการนี้รวบรวมผู้ต้องการให้รอดชีวิต ส่วนตัวเองก็เข้าไปปลิดชีวิตกัปตันเรือและเล่นสนุกกับหลานชายจนพอใจ เขาไม่กลัวว่าใครจะมาเห็น เพราะให้คนคุมเส้นทางไว้หมดแล้ว น่าเจ็บใจเพียงระเบิดลูกนั้น ถ้าไม่ได้เจ้าเด็กนั่นบอกไม่แน่ว่าเขาเองก็อาจจะไม่รอดเช่นกัน แปลว่าสวรรค์มีตาเข้าข้างเขาจนแผนสำเร็จเช่นนี้

“อย่าขอบคุณผมเลยครับ มันเป็นหน้าที่ เพราะอย่างไรคนที่จัดงานเลี้ยงก็เป็นผม เพราะไม่สอบประวัติลูกเรือก่อนจึงเกิดเหตุการณ์เช่นนี้” สุชาติปฏิเสธคำขอบคุณด้วยความหมองเศร้า ตลอดหลายวันที่ผ่านมาพวกเขาต่างรู้ว่าสุชาติวิ่งเต้นมากเพียงใดเพื่อช่วยหลานชาย

“วันนี้ผมไม่ขอพูดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่จะขอฟ้องบริษัทล่องเรือยอช์ตข้อหารับอาชญากรเข้าทำงาน เอกสารฉบับนี้เป็นประวัติกัปตันเรือ เขาเคยคิดคุกข้อหาค้ายาเสพติด ทั้งในอดีตยังมีชื่อในหมู่ชาวประมงเรื่องการปล้นเรือหาปลา ก่อนที่จะเรียนจบจนได้ทำงานในปัจจุบัน

ผมอยากทราบว่าคุณแน่ใจได้อย่างไรว่าเขาจะไม่มีหนทางติดต่อกับผู้ก่อการร้ายพวกนั้น ในเมื่อเคยเป็นโจร กล้ารับคนแบบนี้ทำงานได้อย่างไร กล้าให้พวกเราเสี่ยงชีวิตได้อย่างไร พวกคุณ...

ชดเชยชีวิตหลานๆ และอาของผมได้หรือ!!! ” นักข่าวฮือฮากับข่าวที่ได้รับ ซูมกล้องไปยังเอกสารในมือสุชาติ พวกเขาคิดว่าจะได้เห็นเหตุการณ์ดราม่าของอาหลาน ไม่คิดว่าจะได้รับข้อมูลสำคัญเช่นนี้ อย่างที่ว่าความเสียใจแปรเปลี่ยนเป็นความโกรธเกรี้ยว บริษัทล่องเรือต้องรับความโกรธนี้ไปอย่างไม่อาจเลี่ยง

สุชาติโกรธเสียจนน้ำตาไหล พิธีกรเห็นว่าสุชาติคงต้องใช้เวลาสงบสติอารมณ์จึงเบี่ยงประเด็นมาถามความเห็นของคุณประหยัดกับคู่สามีภรรยาถึงการฟ้องร้องครั้งนี้แทน

พวกเขาบอกว่าพึ่งรู้ข้อมูลเช่นกัน เพราะไม่คิดว่าตัวกัปตันที่เป็นคนแจ้งข่าวจะเป็นผู้ร้ายเสียเอง ถ้าไม่ได้ข้อมูลของสุชาติพวกเขาคงหูหนวกตาบอดคิดว่าพวกเขาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกัน

นักข่าวเริ่มไม่อยู่สุข เริ่มคุยกันเสียงดังขึ้นเรื่อยๆ พิธีกรจึงหันไปมองตัวแทนทั้ง 4 เห็นว่าพวกเขากลับมาเป็นปกติแล้วจึงประกาศให้นักข่าวเริ่มถามคำถามได้

นักข่าวต่างแย่งกันยกมือถาม หวังว่าตนจะถูกคนบนเวทีเลือกให้ถามเป็นคนแรก พิธีกรพิจารณาแล้วจึงเลือกขึ้นมาหนึ่งคน เป็นช่องที่ยืนฝั่งสุชาติ เพื่อให้เริ่มจากคำถามเบาๆ ก่อน

“ขอถามคุณสุชาติ คุณรู้ได้อย่างไรครับว่ามีผู้ก่อการร้ายบุกปล้นเรือก่อนที่ระเบิดจะดังจนสามารถช่วยคนได้มากมายขนาดนี้” นักข่าวถามคำถามที่เอื้อประโยชน์ให้สุชาติเล็กน้อย เน้นย้ำว่าสุชาติเป็นผู้ช่วยเหลือคนอื่นๆ ให้รอดชีวิต

“ครับ วันนั้นบอดี้การ์ดของผมมาแจ้งว่ามีแขกบางคนหลับไปแล้วปลุกไม่ตื่น ผมร้อนใจมากกลัวว่าจะเกิดเหตุการณ์ถึงชีวิตจึงเดินไปยังห้องกัปตัน คิดจะไปบอกให้กลับหัวเรือมุ่งหน้าขึ้นฝั่งพาผู้ป่วยไปหาหมอ แต่ว่ายังไปไม่ถึงก็เจอกับพวกมันเสียก่อน ดีที่ผมมีบอร์ดี้การ์ดจึงจัดการพวกมันได้ หลักจากนั้นก็เรียกรวมพลแล้วก็ไปเจอคุณประหยัดนั่นแหละครับ” หลังจากนั้นนักข่าวก็ผลัดกันถามมากมาย

“จากที่ฟังมาหมายความว่าคนบนเรือถูกวางยาหรือครับ แล้วทำไมบางคนถึงรอดมาได้”

“จากที่พิจารณาคาดว่ามียานอนหลับในอาหาร เพราะเป็นแบบเลือกทานได้ทุกคนจึงมีของที่กินไม่กินต่างกัน”

“ทำไมช่วยคนได้มากมายขนาดนี้แต่กลับช่วยหลานชายไม่ได้คะ”

“ผมไปถึงห้องแล้วแต่หาตัวสินไม่เจอครับ คิดว่าน่าจะออกไปหลังได้ยินเสียงระเบิด เพราะเส้นทางถูกทำลายพวกเราจึงต้องกลับ หวังเพียงว่าจะไปเจอกันบนเรือ แต่ระหว่างพวกเราปะทะกับคนร้าย สนก็บาดเจ็บสาหัส พวกมันตามมาถึงเรือ จึงเลี่ยงไม่ได้ที่จะหนีออกมาก่อน...ถ้าตอนนั้นผมหาสินต่อล่ะก็คงไม่เป็นแบบนี้”

“คุณสงสัยกัปตันเรือตั้งแต่ตอนไหนคะ”

“หลังคิดทบบทวนแล้วผมก็จำได้ว่าคนร้ายสองคนแรกที่เจอเดินมาจากทางห้องกัปตัน แล้วที่แจ้งมาคือโจรบุกปล้นจนเรือหลุดเข้าไปยังเขตพายุ ซึ่งตอนนั้นยังไม่เข้าไปในเขตพายุครับผมจำได้ จึงได้เริ่มตรวจสอบประวัติกัปตันเรือ”

“ตำแหน่งประธานบริษัทจะเป็นอย่างไรต่อครับ”

“ตอนนี้ผมยังไม่อยากพูดถึงครับ ตัวผมยังคงดำรงตำแหน่งรักษาการประธานบริษัทไปก่อน ผมยังหวังว่าสินจะกลับมา ถ้าพบศพแล้วถึงจะพิจารณาเรื่องนี้อีกครั้ง”

คำถามมากมายถาโถม ส่วนมากเน้นย้ำไปที่สุชาติ มีทั้งเชิดเฉือน มีทั้งเห็นใจ มีทั้งคำถามเกี่ยวกับอนาคต ซึ่งสุชาติก็ยิ้มในใจเมื่อสองสามีภรรยาบอกว่าจะกลับมาร่วมงานกับบริษัทตน

ทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่น สุชาติยังไม่รีบร้อนเพราะไม่อยากตกเป็นเป้าสงสัย จะตำแหน่งไหนเขาก็เป็นคนควบคุมบริษัท จะรออีกสักนิดก็ไม่ได้ยุ่งยากแต่อย่างใด





“ถ้าใครมาเห็นตอนนี้คงอยากเอาหัวทุบซีเมนต์ โทษฐานที่โง่เกินไปนะครับพ่อ ฮ่าๆ ๆ ” สนกล่าวขึ้นเสียงดัง ก่อนยกไวน์ขึ้นจิบอย่างอารมณ์ดี แม้จะเจ็บแปร๊บๆ บนใบหน้าก็ตาม

สองพ่อลูกฉลองกันเงียบๆ ในห้องส่วนตัว จิบไวน์ชมวิว ลิ้มรสชัยชนะของตนอย่างพึงพอใจ

“หึ คนพวกนี้ชักจูงง่าย ออกแรงตีหน้าเศร้าเพียงเล็กน้อยก็ติดกับซะแล้ว แต่ก็ดีอะไรๆ จะได้ง่ายขึ้น รอเวลาอีกสักหน่อยทุกอย่างก็จะกลายเป็นของเราอย่างสมบูรณ์”

“ถ้าไม่ติดว่าพ่อปล่อยข่าวว่า ผมโดนเล่นงานปางตายนะจะออกไปฉลองให้ถึงเช้าเลย ฮ่าๆ ๆ ๆ ” สนโดนดำเล่นงานหนักไม่น้อย แต่มีเพียงกระดูกแขนเท่านั้นที่ร้าว ส่วนอื่นไม่ได้หักเหมือนข่าวที่คนรับรู้ หลังผ่านมาหนึ่งสัปดาห์จึงลุกขึ้นมาใช้ชีวิตได้อย่างปกติ ข่าวนั้นเป็นเพียงข่าวที่สุชาติปล่อยออกไปให้น่าสงสารเท่านั้น

นอกจากนี้ผู้คนภายนอกต่างคิดว่าสนอยู่ในโรงพยาบาล ความจริงสุชาติทำเพื่อหลอกตาผู้คน แล้วพาสนมาพักยังห้องส่วนตัวในคอนโดหรูแถบชานเมือง ทั้งเพื่อเรียกคะแนนสงสาร และกันลูกชายออกจากแผนการกลัวว่าจะเผยพิรุธให้ใครจับได้

เมื่อสนกล่าวเช่นนั้นสุชาติจึงเพียงยิ้ม คิดในใจว่า ตนคิดถูกแล้วจริงๆ ที่วางแผนให้สนออกจากแผนการชั่วคราวจนกว่าเรื่องทุกอย่างจะเงียบลง





เวลาผ่านเลยไปทีมค้นหาก็ยังหาซากเรือไม่พบ ในที่สุดทางประเทศเพื่อนบ้านเองก็ให้ความช่วยเหลือส่งทีมค้นหามาช่วยส่วนหนึ่ง คาดว่าไม่นานคนหาพบ ญาติผู้สูญหายต่างมีความหวังขึ้นมาบ้างแล้ว

แต่สุชาติหาได้สนใจ เพราะมีสิ่งที่น่าสนใจยิ่งกว่าคือบริษัทยักษ์ใหญ่ของอเมริกาติดต่อขอร่วมลงทุนกับบริษัทเพื่อสร้างรีสอร์ทแบบครบวงจรในไทย สุชาติดีใจจนเนื้อเต้น ในที่สุดก็ตกปลาตัวใหญ่ได้เสียที เช่นนี้แล้วสาขาอเมริกาเองก็คงจะมีคนสนใจร่วมลงทุนมากขึ้นจนผ่านเส้นแดงไปได้อย่างแน่นอน

วันนี้เป็นวันนัดเจรจาดังกล่าวสุชาติเตรียมสถานที่ดีที่สุด และอาหารที่ดีที่สุดไว้รองรับแขกรายนี้ สนเองก็ติดตามไปด้วย สุชาติหวังให้ลูกชายได้เชื่อมสัมพันธ์กับบริษัทยักษ์ใหญ่ต่อไปในอนาคต

“Hello,Mr.Hawking. I'm Suchard. Come from AMP Development Company Limited. Nice to meet you.” สุชาติลุกขึ้นยืนกล่าวทักทายเมื่อแขกคนสำคัญมาถึงสถานที่นัดพบ พร้อมจับมือกับอีกฝ่ายตามมารยาทของคนอเมริกา

“Nice to meet you too, Mr.Suchard. ผมกำลังฝึกพูดภาษาไทย เราคุยเป็นภาษาไทยดีกว่าครับ” ฮอว์กิง ชายหนุ่มเจ้าของตาสีฟ้าหัวสีเหลืองแบบคนตะวันตกกล่าวทักทายกลับอย่างเป็นกันเอง แม้พวกเขาจะเจอหน้ากันครั้งแรกแต่ไม่ใช่คนแปลกหน้า เพราะติดต่อกันผ่านเลขามาได้พักหนึ่งแล้ว

“โอ้ ยอดเยี่ยมไปเลยครับ เช่นนั้นเรานั่งกันก่อนดีกว่า” ฮอว์กิงกับเลขานั่งลงบนเก้าอี้ ก่อนสุชาติกับสนจะนั่งลงบนเก้าอี้ที่ว่างอยู่ โดยมีเลขาของเขายืนคอยจดรายละเอียดอยู่ด้านหลัง

“ทางนี้คือคุณแซนรี่ครับเธอเป็นคนที่ติดต่อกับบริษัทของคุณก่อนหน้านี้”

“สวัสดีค่ะ” แซนรี่เป็นลูกครึ่งจึงมีเคล้าโครงแบบชาวเอเชียไม่น้อย แม้จะเป็นเพียงเลขาแต่สุชาติก็ไม่อาจละเลยได้ ดูได้จากที่เธอได้นั่งร่วมโต๊ะทานอาหารค่ำมื้อนี้

“สวัสดีครับคุณแซนรี่ ผมยินดีเป็นอย่างยิ่งที่บริษัทยักษ์ใหญ่เช่นนี้สนใจบริษัทของเรา ผมขอแนะนำลูกชายคนเดียวของผมให้รู้จัก สน ครับ” สนไม่ทำให้ผิดหวัง ส่งสายตากรุ่มกริ่มให้เลขาสาวแสนสวย หลังจากเก็บตัวมานานเขาก็ได้รับอิสระอีกครั้ง แถมพ่อยังเปิดทางให้เองจะไม่รับความหวังดีนี้ได้อย่างไร

“เรามาทานอาหารเย็นกันก่อนดีกว่านะครับ แล้วค่อยคุยเรื่องธุรกิจ มื้อนี้ผมมีอาหารมาให้ลิ้มลองหลายอย่าง”

“ผมไม่เคยทานอาหารไทย น่าสนใจดี ชักรอไม่ไหวแล้วสิ” หลังตอบรับคำชวน พวกเขาก็ใช้เวลาทานอาหารไปไม่น้อย สุชาติได้รับคำชมครั้งแล้วครั้งเล่าก็แทบเก็บอาการไม่อยู่ การลงทุนครั้งใหญ่ช่างง่ายดายจนอยากจะหัวเราะดังๆ โอ้อวดให้คนรับทั้งโลกได้รับรู้เสียจริง

การเจรจาธุรกิจเป็นไปอย่างราบรื่น ข้อเสนอต่างๆ ถูกยกขึ้นมาประชุมในบอร์ดบริหารนับตั้งแต่ได้รับการติดต่อมา จึงตระเตรียมข้อเสนอต่างๆ มาพร้อม เมื่อทุกอย่างเป็นไปตามที่ตกลงไว้ก็เซ็นสัญญากันเรียบร้อยก่อนสุชาติจะส่งข้อมูลให้นักข่าว

เพราะมิสเตอร์ฮอว์กิงไม่ต้องการแถลงข่าวในตอนนี้ พวกเขาจึงตกลงกันให้จัดงานพร้อมกันทีเดียวในวันเปิดรีสอร์ท ซึ่งสุชาติเองก็ไม่ขัดข้อง เพียงแต่ต้องการกระจายข่าวใหญ่ในตอนนี้เท่านั้น

ใครๆ ต่างก็รู้ว่า บริษัท สติกมา (Stigma) บริษัทยักษ์ใหญ่ในอเมริกา เป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์มีพื้นที่รวมกว่า 110 ล้านตารางฟุตในสหรัฐฯ ซึ่งบริษัทนี้ตั้งก่อตั้งเริ่มแรกจากการรวบรวมบริษัทอสังหาริมทรัพย์รายย่อยเข้าด้วยกัน กลายเป็นบริษัทในเครือสติกมา โดยมีสำนักงานใหญ่อยู่ในแคลิฟอร์เนีย ทั้งประธานบริษัทยังลึกลับเสียจนไม่อาจเข้าถึงได้ มีเพียงตัวแทนอย่าง มิสเตอร์ฮอว์กิง ดำเนินการแทนเท่านั้น

และแน่นอนว่าหากมิสเตอร์ฮอว์กิงให้เกียรติมาเจรจาเองเช่นนี้ บริษัทของเขาย่อมได้รับชื่อเสียงมากขึ้นไปอีก

หลังนัดวันประชุมร่วมกันกับบริษัทเพื่อเริ่มงานในครั้งนี้ มิสเตอร์ฮอว์กิงก็ขอตัวกลับ สุชาติกับสนจึงอยู่ฉลองต่ออีกสักหน่อย สนแม้จะเสียดายอยู่บ้างที่วันนี้ไม่อาจสานสัมพันธ์เลขาสาวเป็นการส่วนตัว แต่เมื่อคิดว่ายังมีเวลาอีกเยอะจึงไม่ขัดข้องที่จะฉลองความสำเร็จเป็นเพื่อนพ่อ ดูอย่างไรเธอก็สนใจเขาไม่น้อย ปลากินเบ็ดแล้วทิ้งไว้อีกหน่อยก็ยังไม่สาย





ภายในรถสีดำเรียบหรู ปลาน้อยของสนกำลังนั่งใช้แอลกอร์ฮอล์ล้างมืออย่างเอาเป็นเอาตาย

“พอๆ เดี๋ยวมือก็ได้เปื่อยก่อนพอดี” ฮอว์กิงห้ามอย่างไม่จริงจังนัก ริมฝีปากก็เผยรอยยิ้มขบขัน

“นายไม่ใช่คนโดนนี่จะมาเข้าใจอะไร ฮึ๊ย ขยะแขยง” แซนรี่เถียงอย่างไม่เห็นหัวเจ้านาย

“ฮ่าๆ ๆ เอาน่าๆ เดี๋ยวฉันเลี้ยงมื้อใหญ่ให้สมกับที่อดทนเล่นละครจนจบงาน” ชายหนุ่มก็หาได้ถือสา แถมเสนอเลี้ยงปลอบใจอีกต่างหาก จะทำอย่างไรได้ในเมื่อพวกเขาเป็นเพื่อนกันมานาน การวางตัวในตำแหน่งนั้นเอาไว้ทำเพียงต่อหน้าคนภายนอกเท่านั้น

“แน่นอน! ถ้านายไม่เลี้ยงนะ อย่าหวังว่ารอบหน้าฉันจะยอมให้มันแตะเนื้อต้องตัว ดูสายตานั่นสิแทบจะกินฉันเข้าไปทั้งตัวแล้ว อยากจะอัดให้เละ ถ้าไม่ใช่เพื่องานนะ จะจัดให้ตาบอดเลย”

“เอาดีๆ ว่าเพื่องานหรือเพื่ออะไร หือ” ฮอว์กิงไม่พลาดที่จะเปิดโปรงเธอ จนแซนรี่ส่งเสียงอย่างไม่พอใจ

“ชิ ยอมรับก็ได้ ถ้าไม่ใช่ว่ามาสเตอร์สัญญาว่าจะยอมให้เจอมายฮันนี่สุดน่ารักนะฉันไม่ยอมเปลืองตัวขนาดนี้หรอก”

“ฮ่าๆ ๆ ๆ นี่เธอตื้อขอสำเร็จจนได้สินะ” แซนรี่บ่นเรื่องนี้มาพักใหญ่เมื่อมาสเตอร์ผู้เย็นชาของพวกเขาแสดงมุมอบอุ่นออกมาเวลาพูดถึงเด็กชายตัวน้อยคนหนึ่ง ตอนที่รู้แทบจะจองไฟล์บินมาไทยเสียเดี๋ยวนั้น แต่ก็โดนเสียงทรงอำนาจห้ามเอาไว้

แต่ก็นะพลังความอยากรู้อยากเห็นของแซนรี่ใช่จะมอดลงง่ายๆ ในที่สุดก็ต่อลองสำเร็จจนได้

เฮ้อ ชักปวดหัวแทนมาสเตอร์ซะแล้วสิเรา...



-TBC-



สวัสดีค่ะ กรีนกลับมาแล้ววววว

ขอโทษด้วยจริงๆ ค่ะที่หายไปนานเลย

แต่คราวนี้กลับมาพร้อมข่าวดีนะคะ

นั่นคืออออ กรีนส่งต้นฉบับให้สำนักพิมพ์เรียบร้อยแล้วจ้า

รอลุ้นกันได้เลยนะคะว่าน้องดำจะออกมาเป็นเล่มเมื่อไหร่

กรีนก็รอข่าวดีเหมือนกัน ฮ่าๆ ๆ ๆ



ฝากอีกนิด ถ้าแจ้งเตือนขึ้นบ่อยก็ขอโทษล่วงหน้าด้วยนะคะ พอดีมีจุดที่กรีนรีไรท์ก่อนส่งไปหลายจุด เดี๋ยวจะลงฉบับรีไรท์ตั้งแต่ตอนแรกเลย ขอรบกวนหน่อยน้า

ส่วนตอนต่อๆ ไปกรีนก็จะลงให้อ่านจนจบเลยจ้า ไม่ต้องกังวลกันน้า

ขอบคุณค่า


หัวข้อ: Re: = P A Y = เปย์ข้าด้วยบุฟเฟ่ต์สิ [เปย์ครั้งที่ 21] 08.07.2019
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 09-07-2019 00:21:42
รอดูหน้าคนดีของสังคมโดนกระชากหน้ากาก มาเร็ว  ๆ เด้อ  o18
หัวข้อ: Re: = P A Y = เปย์ข้าด้วยบุฟเฟ่ต์สิ [เปย์ครั้งที่ 21] 08.07.2019
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 09-07-2019 02:17:08
รีบๆจัดการสุชาติสักที
หัวข้อ: เปย์ครั้งที่ 22
เริ่มหัวข้อโดย: GreenHead(หัวเขียว) ที่ 09-07-2019 21:51:57
เปย์ครั้งที่ 22

‘จนด้วยเกล้า’

จนปัญญา หมดปัญญาที่จะคิด คิดไม่ออก ไม่รู้จะทำอย่างไร



“สิน อาหารเย็นเสร็จแล้วพักกินข้าวก่อนเถอะ” มาร์โก้เรียกเจ้าของร่างสูงที่นั่งอยู่ท่ามกลางคอมพิวเตอร์ซึ่งบนจอเต็มไปด้วยกราฟต่างๆ มากมาย ทั้งกราฟที่เป็นปัจจุบัน และกราฟสถิติเก่าๆ เพื่อใช้เปรียบเทียบข้อมูล บางจอเป็นข้อมูลข่าวสารจากทั่วโลก บางจอเป็นข้อมูลบริษัทต่างๆ หรือกระทั่งประวัติส่วนตัวของนักธุรกิจ ซึ่งเป็นข้อมูลสำคัญในการเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นระดับโลก

สิรินเคยชินกับการรับข้อมูลพร้อมกันเช่นนี้ เพียงแต่ไม่ควรจะเป็นการนั่งทำงานตลอดเวลาเช่นปัจจุบัน ถ้ามาร์โก้ไม่บังคับให้นอน ไม่แน่ว่าเจ้าตัวคงนั่งอยู่เช่นนั้นจนลืมเวลา

“ถ้า...ถ้าผมไม่ทำแบบนี้คงสติแตกไปนานแล้ว คุณน่าจะเข้าใจผมที่สุดไม่ใช่หรือ” สิรินกล่าวตอบมาร์โก้โดยที่มือยังขยับไม่หยุดเช่นนั้น

“เข้าใจสิ เพราะเข้าใจถึงไม่อยากให้สินมานั่งทรมานตัวเองแบบนี้” ดวงตาสีฟ้าหลับลงซ่อนความเจ็บปวด แม้ผ่านมานานเพียงใดเขาก็ไม่อาจลืมวันที่สูญเสียสุทินไปได้ เข้าใจดีว่าวันที่รู้นั่นตัวเองคุ้มคลั่งเพียงใด กว่าจะกลับมายืนได้อีกครั้งก็เกือบจะสูญเสียคนสำคัญอีกคนไปเสียแล้ว มาร์โก้จึงไม่อยากให้สิรินเสียใจภายหลัง ถ้าตอนนั้นเขาช่วยสิรินให้ได้เร็วกว่านี้ เด็กชายตัวน้อยคงไม่แปรเปลี่ยนเป็นคนเย็นชาเช่นปัจจุบัน

“...” ไร้คำตอบกลับ สิรินจัดการงานตรงหน้าจนเรียบร้อยก็ยอมลุกออกจากที่นั่ง เพียงแต่เขาไม่ได้เดินไปยังห้องครัว กลับขึ้นลิฟต์ไปชั้นบนสุด จุดหมายคือเตียงขนาดใหญ่ซึ่งตั้งอยู่ในส่วนของห้องนอน

ทิวเห็นเพื่อนเข้ามาในห้องก็รู้ตัวว่าตนไม่ควรยืนอยู่ด้านในจึงหลบออกไปให้สิรินได้ใช้เวลาส่วนตัว

“ดำ” ร่างของเด็กชายตัวเล็กผิวสีน้ำผึ้งนอนแน่นิ่งบนเตียงกว้าง สิ่งที่ยืนยันว่าเจ้าตัวเพียงหลับไปมีเพียงแรงกระเพื่อมเบาๆ ของหน้าอกเวลาหายใจเท่านั้น

ตั้งวันนั้นดำก็ไม่ฟื้นขึ้นมาอีกเลย แม้ว่าจะผ่านไปนานเพียงใด ไม่ว่าจะใช้วิธีใดก็ตาม หมอทุกคนที่เข้ามาตรวจล้วนยืนยันว่าดำเหมือนหลับไปเฉยๆ ไม่มีสิ่งใดผิดปกตินอกจากนี้

สิรินไม่เข้าใจ เป็นเรื่องที่เขาไม่อาจทำความเข้าใจได้

ทำไมกัน...

ทำไมดำยังไม่ฟื้น!

เรื่องของดำยากจนการทำงานเมื่อครู่เทียบไม่ติด

เพื่อไม่ให้ตัวเองสติแตกสิรินจึงทำงาน ทำงานให้หนัก ทำงานเพื่อให้สติยังคงอยู่ ทำสิ่งที่ควรกระทำ ทั้งที่หัวใจกำลังแตกสลาย...

“ฟื้นขึ้นมาสิดำ ฉันขาดเธอไปไม่ได้...ได้โปรด” น้ำตาที่เหือดแห้งมานานไหลออกมาหยดแล้วหยดเล่า เขากุมมือเล็กๆ ของดำเอาไว้เพื่อยืนยันว่าเจ้าตัวเล็กยังคงอยู่ ปลอบใจว่าตนยังมีหวัง ภาวนาให้ปาฏิหาริย์เกิดขึ้นอีกครั้ง...

“จำได้ไหมว่าดำสัญญาอะไรไว้...เธอสัญญาว่าจะแสดงความยินดีกับฉันเป็นคนแรกไม่ใช่หรือ หือ แผนการใกล้จะสำเร็จแล้ว อย่าลืมสัญญาของเรา รีบฟื้นขึ้นมาให้ทันนะ...เจ้าตัวเล็กสุดที่รักของฉัน”





ภายในเส้นทางที่ช่วงเวลามาบรรจบ วิญญาณดวงหนึ่งกำลังลอยเคว้งคว้างอย่างไม่รู้ทิศทาง จะลอยไปทางใดก็เหมือนมีแรงบางอย่างสะท้อนให้เขากลับมาจุดเดิมทุกครั้งไป

“ไอ้ดำอยู่ไหนนะ ทำไมไม่มีใครเลย คุณสิน! ปะป๋า! หลวงตา! ได้ยินไอ้ดำไหม” วิญญาณดวงน้อยกระวนกระวายเขาไม่รู้ว่าเวลาผ่านมานานเท่าใดแล้ว ทั้งยังมองไม่เห็นใคร มีเพียงทางแยกสีขาวแตกแขนงออกไปมากมายจนนับไม่ถ้วนรอบตัวเท่านั้น

“ดำ”

“ใครน่ะ ไอ้ดำอยู่นี่ ไอ้ดำไปไหนไม่ได้ ช่วยไอ้ดำด้วย ไอ้ดำอยากเจอคุณสิน” เสียงเรียกแหบพร่าพาให้ดำตื่นตัว ทั้งตื่นเต้นทั้งดีใจ ในที่สุดดำก็เจอคนอื่นแล้ว

“จินตนาการถึงร่างกายตัวเอง แล้วเธอจะขยับได้อิสระมากขึ้น”

“อื้อ” ดำรับคำอย่างว่าง่าย วิญญาณดวงจิ๋วค่อยๆ ขยายใหญ่ขึ้นจนกลายเป็นร่างเดิมของดำ เมื่อร่างกายครบถ้วน ประสาทสัมผัสก็กลับมาจนครบ จากที่เห็นว่าเส้นทางสีขาวยาวไกลก็พบว่าแต่ละเส้นทางมีม่านใสๆ ปิดอยู่

‘มิน่าล่ะ ไอ้ถึงโดนดีดกลับ ม่านพวกนั้นน่าจะสะท้อนเวลาเข้าไปชน โห ไอ้ดำฉลาดอีกแล้ว ฮ่าๆ ๆ ๆ ’

ดำมัวแต่ชมตัวเองจนลืมสังเกตวิญญาณอีกดวงที่ยืนอยู่ข้างหลัง วิญญาณดวงนั้นมองร่างเล็กจ้อยด้วยสายตาแฝงความอบอุ่น

“ขอบใจเธอมากนะดำที่ช่วยสิน” ความสนใจทั้งหมดถูกฉุดดึง ดำหมุนตัวกลับมามองด้วยความว่องไว

“อ๊ะ ไอ้ดำคิดออกแล้ว เสียงที่ไอ้ดำได้ยินบนเรือนี่เอง...เรื่องช่วยคุณสินเป็นหน้าที่ไอ้ดำอยู่แล้วไม่ต้องขอบใจหรอกครับ แค่นี้สบายมาก ไอ้ดำเจ๋งอยู่แล้ว” ว่าจบก็ยิ้มร่าตามแบบฉบับตัวเอง จนคนมองอดที่จะยิ้มตามไม่ได้

“ยังไงฉันต้องขอบใจดำ ทั้งเรื่องนั้นแล้วก็ที่ช่วยทำให้สินกับมาร์โกยิ้มได้อีกครั้ง ฉันเฝ้ามองมาโดยตลอด ทั้งเจ็บปวดทั้งทรมาน ในที่สุดคำภาวนาก็เป็นผล สวรรค์ส่งดำมาให้แท้ๆ ชีวิตคนที่ฉันรักถึงกลับมามีความสุขอีกครั้ง จะขอบคุณกี่ครั้งก็คงไม่พอ ขอบคุณนะดำ ขอบคุณมากจริงๆ ” สุทินกอดดำโดยไม่ทันตั้งตัว สมองน้อยๆ พยายามประมวลผลแต่ก็ไม่ได้ผลักออก เพราะรู้สึกอบอุ่นเหมือนเวลากอดกับมาร์โก้

“ไอ้ดำ...คิดออกแล้ว คุณคือพ่อของคุณสิน คนรักของปะป๋า ใช่ไหมครับ ไอ้ดำเคยไปหาที่วัดแล้วก็เห็นรูปบนหัวเตียงด้วย” กอดอยู่นานในที่สุดดำก็นึกออก เพราะว่าสุทินไม่ค่อยเหมือนสิรินเท่าไหร่นัก เจ้าตัวมีดวงตาสีฟ้าเหมือนแม่ ผมสีน้ำตาลอ่อน ทั้งยังดูตัวเล็กลงถนัดตาหากเทียบกับลูกชาย ภาพที่ดำเห็นก็เป็นสีขาวดำ ทำให้ต้องใช้เวลากว่าจะนึกออก

จะว่าไปแล้วก่อนสลบไปก็เหมือนมีภาพรูปใบนั้นฉายชัดเข้ามาในหัว ทำไมถึงลืมไปอีกได้นะ หรือว่าเขาติดอยู่ที่นี่นานจนสมองเลอะเลือน

ไม่นะ ไอ้ดำไม่อยากลืมคุณสิน!

“ใช่แล้ว ฉันชื่อ สุทิน ยินดีที่ได้พบนะดำ” สุทินปล่อยดำออกจากอ้อมแขนแล้วแนะนำตัวพร้อมรอยยิ้ม นอกจากรูปลักษณ์ภายนอก คงมีนิสัยนี่ล่ะที่แตกต่าง สุทินยิ้มง่าย ส่วนสิรินก่อนเจอดำก็ยิ้มยากเสียยิ่งกว่ายากทีเดียว

“พ่อคุณสินตายแล้ว ถ้าอย่างนั้น...อะ อะ อะ ไอ้ดำก็ตายแล้วน่ะสิ” ดำชี้หน้าตัวเอง ถามสุทินเพื่อยืนยันคำตอบ ปากก็อ้ากว้างอย่างตกตะลึง เรื่องลืมกลายเป็นเรื่องเล็กไปในทันที เมื่อความจริงตีหน้าเข้าอย่างจัง

“เอ ตายรึยังนะ” ยิ่งถูกหยอกล้อเช่นนี้ ดำก็ยิ่งซีด ในที่สุดขาก็หมดแรง นั่งจุ้มปุกลงบนพื้นอย่างไร้เรี่ยวแรง

...ไอ้ดำจะไม่ได้เจอคุณสินอีกแล้ว ไม่เอานะ!

“อา ฉันล้อเล่นๆ ลุกขึ้นมาเถอะ ขอโทษด้วยไม่คิดว่าเธอจะช็อกขนาดนี้ ดำยังไม่ตายไม่ต้องห่วง” สุทินกระวีกระวาด เข้าไปช่วยพยุงดำลุกขึ้น เขาไม่คิดว่าแค่หยอกล้อเล็กน้อยจะทำให้ดำเป็นได้ขนาดนี้ เขากลายเป็นผีนิสัยเสียไปซะแล้ว

“จริงนะครับ ไอ้ดำยังไม่ตาย ไอ้ดำยังเจอคุณสินได้ ไม่หลอกไอ้ดำแล้วนะ” ดำเขย่าแขนสุทินด้วยความดีใจ ใบหน้าก็เปลี่ยนเป็นฉีกยิ้มกว้างอย่างรวดเร็ว แววตาไร้ซึ่งความโกรธใดๆ เล่นเอาสุทินต้องด่าตัวเองแทนเมื่อเล่นอะไรไม่รู้เรื่อง เจ้าตัวน้อยใสซื่อขนาดนี้เขายังจะกล้าแกล้งได้ลงอีก เลวจริงๆ

“อืม จะได้เจอหรือไม่ได้เจอคงอยู่ที่ดำเลือกแล้วล่ะ”

“หมายความว่ายังไงเหรอครับ” ความจริงจังของสุทินพาให้ดำจริงจังตามไปด้วย สัญชาตญาณบอกว่ากำลังจะมีเรื่องสำคัญเกิดขึ้น ดำจึงยืนนิ่งตั้งใจฟัง

“สถานที่แห่งนี้เรียกว่าทางแยกแห่งกาลเวลา ความหมายของมันก็คือ ที่ที่กาลเวลามาบรรจบกัน นั่นหมายความว่าถ้าอยู่ตรงจุดนี้ ดำสามารถเลือกได้ว่าจะกลับไปสู่ช่วงเวลาเดิมที่จากมา หรือกลับไปหาสิน และฉันก็รู้เส้นทางทั้งสองสาย ถ้าดำต้องการก็จะพาไปส่ง ถือว่าเป็นการตอบแทน รวมทั้งแทนคำขอโทษที่ดึงเข้ามาสู่เรื่องอันตรายจนเกือบถูกฆ่าตายแบบนี้

เอาล่ะดำ...เลือกสิ” เส้นทางเหล่านี้หากว่าวิญญาณไม่เคยผ่านเลยสักครั้งจะไม่สามารถผ่านไปได้ แต่เดิมดำหลุดรอดผ่านเส้นทางนี้ทั้งร่างกาย ทำให้มิติปิดกั้นไม่อาจรองรับแรงกระแทกไหวจนปริแตก ประกอบกับช่วงนั้นเส้นทางแห่งนี้ไร้ผู้เฝ้ามองกว่าจะรู้ตัวก็สายไปเสียแล้ว

ความปรารถนาของวิญญาณหากแรงกล้ามากพอก็จะยิ่งกลัดกร่อนมิติปิดกั้นจึงต้องมีผู้เฝ้ามองคอยซ่อมแซมและแก้ปัญหาต่างๆ อยู่เสมอ เมื่อขาดผู้เฝ้ามองทำให้ความปรารถนาของวิญญาณคนตายกับคนเป็นเชื่อมต่อกัน จนเกิดเหตุไม่คาดฝันดังเช่นที่เห็นนี้

สุทินรอคอยเงียบๆ เฝ้ามองเจ้าตัวเล็กแสดงออกถึงความสับสน ไม่ดุด่า ไม่ตัดเตือน ไม่กระทั่งโน้มน้าว เขารู้ดีว่าคนเรานั้นโลภมาก เมื่อมีสองสิ่งที่อยากได้ก็จะตัดสินใจยากเสมอ

ฝั่งหนึ่งคือหลวงตาอันเปรียบดังพ่อแท้ๆ ซึ่งชุบเลี้ยงมาแต่เล็ก อีกฝั่งหนึ่งคือคนที่รักหมดหัวใจ เลือกฝั่งหนึ่งก็กลัวจะไม่ได้พบอีกฝั่งหนึ่ง จะไม่ให้เลือกยากได้อย่างไร

เขาไม่ได้อยากทำเรื่องใจร้ายเช่นนี้ แต่หากไม่ตัดบ่วงของดำทิ้ง วิญญาณของดำก็จะหลุดเข้ามาที่นี่ทุกครั้งเมื่อเกิดเหตุอันตรายถึงชีวิต และอาจหาทางกลับไม่ได้ ร่างกายไร้วิญญาณดังนอนหลับไปเช่นนั้นจนกว่าจะสิ้นอายุขัย สุทินไม่อยากทำร้ายลูกชาย แต่ไม่อาจให้สิรินเผชิญเหตุการณ์เช่นนี้ครั้งแล้วครั้งเล่า

และเขาต้องการชดเชยให้แก่ดำ หากว่าดำเลือกกลับไปอยู่กับหลวงตาเขาก็ไม่คิดจะลังเลส่งดำกลับไป เพราะสถานที่แห่งนั้นคือช่วงเวลาจริงๆ ของเจ้าตัวซึ่งมีชีวิตอยู่มาตั้งแต่เกิด เขาที่ทำให้ดำพลัดพรากจากคนสำคัญจึงรู้สึกผิดบาปไม่น้อย

ในตอนนั้นคิดเพียงว่าหากเติมเต็มความปรารถนาของดำได้ก็คงสามารถชดเชยให้เด็กชายคนหนึ่งสำเร็จ แต่เมื่อได้เห็นดำร้องไห้ด้วยความเจ็บปวดของการสูญเสีย เขารู้ว่าตนคิดผิด ไม่ว่าใครที่สูญเสียคนสำคัญย่อมต้องเจ็บปวดจนไม่อาจชดเชยด้วยปัจจัยภายนอกได้

ย้อนกลับไปในช่วงก่อนที่ดำจะข้ามมิติมาเจอสิริน เป็นช่วงที่มิติปิดกั้นเปราะบางที่สุด สุทินได้ยินเสียงความปรารถนาที่บริสุทธิ์สายหนึ่ง

‘นี่ไอ้ดำจะตายอนาถแบบนี้ใช่ไหม ฮือ ฮือ อยากกินข้าว อยากกินหมู อยากกินเนื้อ อยากกินไก่ อยากกินจนน้ำลายไหลในน้ำแล้ว ขอให้ไอ้ดำได้กินจนท้องจะแตกบ้างเถอะ

ถ้าไอ้ดำรอดจะทำบุญให้เจ้ากรรมนายเวรเยอะๆ เลยนะครับ ขอไอ้ดำกินข้าวเถอะนะ’


ในตอนนั้นสุทินหลุดขำเสียงดังอย่างไม่มีมานาน ได้แต่คิดว่า คนอะไรกำลังจะตายแท้ๆ ยังคิดถึงแต่เรื่องกินอีก

ในเวลาเดียวกันเสียงความปรารถนาของลูกชายก็เข้ามาในหัว

‘พ่อครับ ผมรู้สึกว่างเปล่าเหมือนรูที่กลวงโบ๋ เป็นเพียงหุ่นที่มีลมหายใจ ไม่รู้ว่าหลังทุกอย่างจบลงแล้วผมจะยังมีอะไรเหลืออยู่ ผมมีมาร์โก้เป็นคนสำคัญแต่ก็ยังคงว่างเปล่า ถ้าทำเพื่อมาร์โก้ได้แล้วผมควรจะทำอะไรต่อไม่รู้เลยจริงๆ

ความสุขในชีวิตที่พ่อพูดถึงคืออะไรกันนะ...ผมจะสามารถมีความสุขได้จริงหรือ...มันช่างว่างเปล่าเหลือเกิน’


ความเศร้า ความเดียวดาย ความมืดกำลังกัดกินลูกชายให้ตายทั้งเป็น เสียงหัวเราะเงียบลงกลายเป็นความทุกข์ทรมาน สงสารสิรินจับใจ ในตอนนั้นเองคิดว่า ถ้าลูกชายมีแสงสว่างในชีวิตล่ะก็ ไม่แน่ว่าอาจถูกเติมเต็มจนมีความสุขก็ได้

เหมือนการตัดสินใจชั่ววูบสุทินนั่งคุกเข่ายกมือไหวภาวนา ขอให้ความปรารถนาของคนทั้งสองเชื่อมต่อกัน จนก่อตัวกลายเป็นปาฏิหาริย์ ขอให้ลูกชายของเขามีความสุขด้วยเทอญ

ไม่คาดว่าเส้นทางจะบิดเบี้ยวจนเกิดการผันผวน ดำหลุดเข้ามาในช่วงเวลาของสิรินในตอนนั้นเอง ทุกอย่างเป็นใจเสียจนสุทินยังตื่นตะลึง แต่ไม่นานก็ความคุมสติได้ นั่งภาวนาต่อไป ให้ดำฟื้นจากความตาย ต้องรีบคว้าโอกาสหายากนี้เอาไว้ ไม่เช่นนั้นจะต้องเสียใจทีหลังแน่ๆ

ได้โปรดขอให้ทุกอยากสำเร็จด้วยเถอะ...

“ไอ้ดำ ไอ้ดำรักคุณสิน แต่ก็รักหลวงตา ไอ้ดำ ไอ้ดำเลือกไม่ได้ ฮึก” ในที่สุดน้ำตาสีใสก็หยดอาบแก้ม สำหรับดำแล้วเขาไม่อยากสูญเสียใครเลยสักคน สับสนจนแทบบ้าคลั่ง ถ้าขาดใครคนใดคนหนึ่งชีวิตของดำก็ขาดหายไปเช่นกัน

“เฮ้อ ถ้าฉันไม่ช่วยอะไรเลยคงดูเป็นผู้ใหญ่ใจร้าย มาสิ ตามมา ฉันจะพาไปดู” ดำไม่ค่อยเข้าใจนัก แต่ก็รู้ว่ายังไม่ต้องเลือกจึงยื่นมาไปจับมือสุทินเอาไว้เดินตามไปต้อยๆ ไม่ถามแม้แต่น้อยว่าจะพาไปดูสิ่งใด

“ดำ” ภาพของสิรินฉายชัดตรงหน้า ดำจะวิ่งเข้าไปหาแต่ถูกดึงไว้

“คุณสิน คุณสิน ไอ้ดำอยากไปหาคุณสิน” สุทินยอมพาเดินไปแต่หากเห็นคนบนเตียงก็ตกตะลึง

‘ทำไมไอ้ดำอยู่ตรงนั้นอีกคนล่ะ แล้วทำไม...คุณสินถึงร้องไห้’

“อย่าร้องเลยนะครับไอ้ดำอยู่ตรงนี้” ดำยื่นมือไปหมายจะเช็ดน้ำตาให้คนตัวโตซึ่งนั่งอยู่ข้างเตียง แต่หากไม่อาจสัมผัสได้ มือเขาทะลุผ่านไปคว้าได้เพียงความว่างเปล่า

“ทำไม”

“เพราะตอนนี้เราอยู่คนละโลก ไปเถอะเธอยังต้องไปต่อ” สุทินไม่อาจทนมองภาพตรงหน้าได้ เขาจึงหันหลังเดินจากไปเงียบๆ คนหนึ่งไม่หลับไม่นอนเฝ้ามองร่างแน่นิ่งบนเตียง ส่วนอีกคนส่งสายตาเจ็บปวดมาให้ ต่อให้เขาผ่านโลกมามากเพียงใจก็แทบทนใจแข็งอยู่ไม่ได้

“ไอ้ดำอยากไปหาคุณสิน อยากกอด อยากเช็ดน้ำตา ฮึก...อยากเห็นคุณสินยิ้ม ไม่ใช่เศร้าเสียใจอยู่แบบนี้” ดำร้องไห้เหมือนเขื่อนแตก

คุณสินเจ็บปวด ไอ้ดำก็เจ็บหัวใจมากๆ เลย

“เดี๋ยวรอก่อนสิครับ ฮึก รอไอ้ดำด้วย” เมื่อสุทินเดินไปไม่รอดำก็เริ่มลังเล เขารู้ดีว่าอยู่ตรงนี้ไม่ช่วยอะไร คนที่ช่วยเขาได้มีเพียงสุทิน สุดท้ายจึงตัดสินใจวิ่งตามสุทินไป

ช่วยพาไอ้ดำกลับไปหาคุณสินด้วยนะครับ!

“หลวงตาไปหาหมอเถอะครับ เดี๋ยวก็หน้ามืดล้มลงไปอีก ไปให้หมอตรวจจะได้รู้ว่าเป็นอะไร” เสียงเด็กชายอันแสนคุ้นเคยดังขึ้น ดำจึงหันมองรอบข้าง วิสัยทัศเปลี่ยนไป ตอนนี้พวกเขาอยู่ในกุฏิของหลวงตา

“ข้าไม่เป็นอะไร เอ็งไปทำงานเถอะ”

“ไม่มีทางไม่เป็นอะไรได้หรอก หลวงตาล้มมา 3 รอบแล้วนะ ไปหาหมอกัน” เด็กชายตัวน้อยยังตื้อไม่หยุด สำหรับเด็กวัดอย่างพวกเขาหลวงตาไม่ต่างจากพ่อแท้ๆ จะไม่ให้ห่วงได้อย่างไร

“เอ็งนี่นะ ข้ารู้ตัวเองดี บนโลกนี้ไม่มีอะไรเที่ยงแท้หรอก...ไปไป ไปกวดลานวัด ถูพื้น ล้างห้องน้ำ แล้วก็...”

“ครับๆ ๆ ๆ เข้าใจแล้ว ไปแล้วคร้าบบบ” ถึงจะไม่เข้าใจนักแต่พอโดนหลวงตาตีหน้ายักษ์ใส่ก็วิ่งหายจ้อยไปดังกลัวว่าจะโดนใช้มากกว่านี้

“ฮ่าๆ ๆ ไอ้พวกเด็กดื้อเอ๊ย เฮ้อ ตัวก็โตขึ้นแต่นิสัยยังเด็กเหมือนเดิม” หลวงตานอนลงนิ่งๆ หวนคิดถึงเจ้าเด็กแต่ละคนที่ถูกพามาทิ้งไว้ที่วัด ตอนนี้ก็โตกันหมดแล้ว คงหมดห่วงไปได้

“อุก แค่กๆ ” ไม่นานก็ไอไม่หยุด จนต้องยกกระโถนขึ้นมาคายเลือดทิ้ง

“ใกล้แล้วสินะ ข้าแก่มากแล้วจริงๆ ถึงเวลาต้องละสังขารแล้ว” ลิขิตของสวรรค์ไม่อาจฝืน มนุษย์นั้นไม่ว่าใครก็ไม่อาจหนีจากความตายพ้น หลวงตาก็ยอมรับเรื่องนี้ได้มานานแล้ว จึงไม่อยากฝืนยื้อให้เสียเวลาเปล่า การจากโลกนี้ไปอย่างสงบนับว่าเป็นความหวังสูดสุดแล้ว

“ละ หลวงตา หลวงตาหมายความว่ายังไง หลวงตาฟังไอ้แดงแล้วยอมไปหาหมอสิ หลวงตาได้ยินไอ้ดำไหม หลวงตา! หลวงตา! ” ดำพยายามเข้าไปเขย่าตัวหลวงตาแต่ไม่ว่าจะพยายามไขว่คว้าเพียงใดก็ไม่อาจแตะต้อง

“ฮึก หลวงตา ไปหาหมอนะไอ้ดำขอร้อง ฮึก ฮือ หลวงตา” หลังมองอยู่นานดำก็เข้าใจสถานการณ์ หลวงตากำลังจะตาย ดำทำใจยอดรับไม่ได้จริงๆ เหมือนเรื่องของสิรินปลิวหาย ในหัวคิดถึงแต่หลวงตาที่อยู่เบื้องหน้า ความเจ็บปวดซ้อนทับกันไปครั้งแล้วครั้งเล่า

“ฉันจะให้เวลาเธอเลือกดำ ไม่ว่าเธอจะเลือกอะไรฉันก็จะช่วยเธอเอง” สุทินค้นพบวิธีพาดำกลับไปทั้งร่างกาย โดยใช้วิญญาณของตนขับเคลื่อนให้ร่างไร้วิญาณตกลงไปในน้ำอีกครั้ง แม้มันจะทำให้วิญญาณของเขาแหลกสลายก็นับว่าคุ้มค่ากับสิ่งตอบแทน

เพราะช่วงเวลาหนึ่งดำสอนให้สิรินรู้ถึงความสุขอย่างแท้จริง...

“ไอ้ดำ...ไม่รู้...ไม่รู้เลยจริงๆ ” สุทินปล่อยให้ดำได้ใช้เวลาขบคิดด้วยตนเอง เขาหลบออกไปเงียบๆ แล้วทอดสายตามองร่างคุดคู้กอดเข่าแน่นอย่างคนทำอะไรไม่ถูกของดำเท่านั้น

ฉันจะรอนะดำ...

ไม่ว่าจะตัดสินใจแบบไหนก็ตาม...







-TBC-



เอาดำดำมาหย่อนให้แล้วค่า//สงสารน้อง...

เจอกันตอนหน้าน้า
หัวข้อ: Re: = P A Y = เปย์ข้าด้วยบุฟเฟ่ต์สิ [เปย์ครั้งที่ 22] 09.07.2019
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 09-07-2019 23:02:03
บอกไปเลยดำ ว่าจะกลับไปอยู่กับคุณสิน แต่ขอไปเยี่ยมหลวงตาก่อน  o18
หัวข้อ: Re: = P A Y = เปย์ข้าด้วยบุฟเฟ่ต์สิ [เปย์ครั้งที่ 22] 09.07.2019
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 10-07-2019 00:02:29
ตอนนี้เศร้าจัง :hao5:
หัวข้อ: Re: = P A Y = เปย์ข้าด้วยบุฟเฟ่ต์สิ [เปย์ครั้งที่ 22] 09.07.2019
เริ่มหัวข้อโดย: meteexp ที่ 10-07-2019 02:06:48
รอครับ
หัวข้อ: เปย์ครั้งที่ 23
เริ่มหัวข้อโดย: GreenHead(หัวเขียว) ที่ 11-07-2019 20:10:07
เปย์ครั้งที่ 23

‘คลื่นใต้น้ำ’

เหตุการณ์ที่กรุ่นอยู่ภายใน แต่ภายนอกดูเสมือนสงบเรียบร้อย



ในที่สุดการค้นหาก็ประสบความสำเร็จ พบซากเรือใต้ทะเลลึก จึงเข้าสู่ส่วนของการสำรวจซากเรือทันที ซึ่งตลอดสองสัปดาห์ที่ผ่านมาเหล่าญาติพี่น้องผู้สูญหายก็ทำใจยอมรับการสูญเสียได้

ข่าวจากที่เงียบหายก็กลับมาร้อนแรงอีกครั้ง ผู้คนต่างให้ความสนใจยกเว้นแต่เพียงสุชาติ เวลานี้ตัวเขากำลังมีความสุขจนไม่อาจบรรยาย งานของบริษัทสติกมานับว่าราบรื่น ทั้งสองสามีภรรยาคู่นั้นก็กลับมาร่วมลงทุนกับเขาอีกครั้ง เรียกได้ว่าเวลานี้บริษัทของเขาประสบความสำเร็จอย่างไม่เคยมีมาก่อนเลยทีเดียว

สามีภรรยาคู่นั้นคือ คุณปรเมศ และคุณหฤทัย เป็นเจ้าของโรงแรมระดับ 5 ดาว ซึ่งมีสาขาอยู่ในจังหวัดท่องเที่ยวของประเทศ ทั้ง กรุงเทพฯ เชียงใหม่ พัทยา และภูเก็ต รวมถึงต่างประเทศด้วย เรียกได้ว่าหากได้ร่วมงานกัน บริษัทของเขาก็จะเติบโตมากขึ้นไปอีกในธุรกิจโรงแรม ทั้งในและต่างประเทศ

โปรเจคครั้งนี้คือการสร้างโรงแรมแห่งใหม่ในจีนแผ่นดินใหญ่ ซึ่งเป็นดังตลาดแห่งใหม่ ให้บริษัทของเขาได้มีโอกาสตีแผ่ชื่อเสียงในจีน สุชาติจึงรีบคว้าไว้อย่างไม่ลังเล

หลังผ่านพ้นอุปสรรคชิ้นใหญ่ดูเหมือนโชคชะตาดีขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งคนขี้ระแวงอย่างสุชาติยังไม่ทันระวังตัว

อันว่าหลังผ่านวิกฤตคนเรามักระวังตัวน้อยลงเสมอ สุชาติเองก็ไม่มีข้อยกเว้น

เวลานี้บริษัสติกมากลายเป็นผู้ถือหุ้นของบริษัท AMP เรียบร้อยแล้ว ด้วยจำนวนหุ้นถึง 12% ซึ่งตลอดหลายปีมานี้สุชาติค่อยๆ ซื้อหุ้นคืนจากหุ้นส่วนรายย่อย ทำให้หุ้นจาก 10% เท่ากับพ่อของตน พุ่งทะยานไปถึง 22% ห่างกับหุ้นของสิรินเพียง 2% เท่านั้น

ก่อนจัดการสินในวันคล้ายวันเกิด หุ้นในบริษัทแบ่งออกเป็น

สิริน 30%

สุชาติ 22%

ปู่ของสิริน 10%

และหุ้นส่วนรายย่อยอีก 38%

ซึ่งสิรินรับหุ้นต่อมาจากสุทินผู้เป็นประธานบริษัท แม้จะยังไม่อาจดำรงตำแหน่งประธาน แต่หากชื่อก็ถูกปรับเปลี่ยนมานานมากแล้ว ส่วนสุชาติเองเมื่อมุ่งหวังตำแหน่งประธานจึงต้องมีหุ้นเทียบเท่าหรือมากกว่าสิริน ในระหว่างที่ควบคุมสิรินไว้ในกำมือก็ค่อยๆ กำจัดคนที่ซื่อสัตย์กับสุทินออกไป พร้อมกันกว้านซื้อหุ้นเหล่านั้นจากพวกเขา คนมากมายถูกบีบจนไร้ที่ยืน หุ้นก็ไม่ได้มากมายจึงยอมถอยดีกว่าล่มจม มีเพียงผู้ถือหุ้นบางส่วนเท่านั้นที่กำจัดอย่างไรก็ไม่ได้ สุดท้ายจึงต้องปล่อยจมทะเลไปเกือบหมด ระหว่างที่ครอบครัวของคนเหล่านั้นจมกับความเศร้าก็ลงมือช่วงชิงหุ้นเหล่านั้นมาเป็นของตน

ในปัจจุบันรายชื่อผู้ถือหุ้นจึงเปลี่ยนเป็น

สิริน 30%

สุชาติ 30%

สติกมา 12%

ปู่ 10%

และผู้ถือหุ้นรายย่อยอีก 18%

แน่นอนว่าผู้ถือหุ้นรายย่อยเหล่านั้นย่อมเป็นคนถือหางสุชาติทั้งสิ้น พร้อมที่จะขายหุ้นให้สุชาติทุกเมื่อ หากพ่อของตนยื่นมือเข้าช่วยเหลือสิริน หรือตรึงหุ้นของผู้ไร้ชีวิตไม่ยอมปล่อยให้เขาครอบครองง่ายๆ สุชาติก็สามารถใช้ข้ออ้างเรื่องจำนวนหุ้นที่มากกว่าส่วนขอสิรินในการครองตำแหน่งประธานบริษัทได้อย่างง่ายดาย

ความพยายามตลอดหลายปีมานี้นับว่าได้รับการตอบแทนอย่างน่าพอใจจริงๆ

หลังสิรินตายไปหุ้นส่วนของสิรินก็ต้องกลายเป็นของสุชาติ ซึ่งพ่อของเขาต้องเห็นด้วยอย่างแน่นอน เพื่อไม่ให้บริษัทตกอยู่ในมือของคนอื่น พ่อของเขาคงไม่อาจเข้ามาทำงานได้อีก ส่วนญาติคนอื่นๆ ก็แทบจะไม่เหลือ เพราะครอบครัวของปู่เล็กเขาก็กำจัดไปเรียบร้อยแล้ว

สุชาติวางแผนทุกอย่างโดยคำนึกถึงผู้ได้ประโยชน์ทั้งหมดแล้วหาทางกำจัดไม่ให้เหลือ ในงานจึงจงใจเชิญปู่เล็กกับลูกชายมาร่วมงาน เรียกได้ว่ายิงปืนนัดเดียวได้นกหลายตัว

จะมีใครฉลาดได้เท่าเขาอีก...





ในที่สุดเวลาก็ผ่านเลยไปถึงหนึ่งเดือน การกู้ซากเรือเสร็จสิ้น ภายในไร้ผู้รอดชีวิต มีเพียงร่างไร้วิญญาณรอการชันสูตรเท่านั้น เพราะแช่อยู่นานเกือบหนึ่งเดือนเต็ม ทำให้ร่างกายเน่าเปื่อยเสียจนไม่อาจระบุชื่อเจ้าของร่างได้

อีกทั้งจำนวนศพยังไม่สอดคล้องกับจำนวนผู้สูญหาย ทีมค้นหาจึงต้องทำงานต่อไป

ถึงตอนนี้ สุชาติร้อนใจเป็นอย่างยิ่ง เมื่อศพของหลานชายหาไม่พบจึงไม่สามารถยืนยันการตายได้ หุ้นในส่วนนี้จึงไม่อาจแตะต้อง

ในตอนแรกอยากให้ทุกอย่างล่าช้าเพื่อกลับฝังเบาะแสทั้งมวล แต่ตอนนี้กลับต้องการให้เจ้าหน้าที่รีบทำงาน เพื่อผลประโยชน์ของเขาเอง

ยิ่งความสัมพันธ์กับสติกมาดีขึ้นมากเพียงใดเขายิ่งต้องการตำแหน่งประธานมากขึ้นเท่านั้น เพราะต้องการเป็นประธานผู้ประสบความสำเร็จมากที่สุด มีคนยกย่องสรรเสริญ เงินก็ไหลเข้ากระเป๋ามากมายมหาศาลใครบ้างจะไม่ต้องการ

ส่วนการสร้างโรงแรมที่จีนก็เป็นไปอย่างราบรื่น หลังตกลงสัญญาก็นำเสนอแปลนไปกว่า 20 แบบ ในที่สุดก็ได้เริ่มงาน วัสดุอุปกรณ์ก็ใช้ของคุณภาพดีที่สุดส่งจากไทย รวมทั้งวัสดุสั่งตรงจากอเมริกา

สินค้าล็อตใหญ่ถูกลงทุนด้วยเงินมหาศาล แต่หากเทียบกับกำไรและผลพลอยได้แล้วนับว่าคุ้มเสียยิ่งกว่าคุ้ม

ติ๊ด ติ๊ด

แกร็ก

“มีอะไร” สุชาติรับโทรศัพท์ของเลขาหน้าห้องอย่างหัวเสีย คิดจะลงโทษสักเล็กน้อยทั้งที่เขาสั่งเอาไว้แล้วว่าวันนี้ไม่ต้องการพบปะกับใคร แต่สิ่งที่ได้ฟังกลับทำให้ความคิดนี้ถูกหยุดไว้ เพราะส่งที่ได้ยินน่าตกใจยิ่งกว่า

“คุณปกรณ์ขอพบครับ แจ้งว่าเกิดปัญหาด้านการขนส่งของจากอเมริกาไปจีน”

“ให้เข้ามา” ความหวาดระแวงก่อตัว มันเป็นเรื่องที่ห้ามเกิดปัญหาโดยเด็ดขาด เพราะเป็นการกลับมาร่วมงานกันอีกครั้งตั้งแต่ฝ่ายนั้นตีตัวออกห่างนับแต่สุทินตาย ทั้งยังเป็นโอกาสของการเปิดตลาดในจีน เขาจะปล่อยให้เรื่องผิดพลาดขึ้นไม่ได้

อีกทั้งเพื่อซื้อความเชื่อใจกลับมาเขาจึงยอมจ่ายเงินออกไปเป็นจำนวนมหาศาล ไม่กลัวความเสี่ยงที่เกิดขึ้น เพื่อแลกกับความสัมพันธ์อันยืนยาวนับว่าการลงทุนคุ้มค่ามิใช่หรือ

“ขออนุญาตครับ” ปกรณ์เป็นหัวหน้าแผนกต่างประเทศ ซึ่งประสานงานกับสาขาอเมริกาให้เป็นตัวแทนซื้อขายวัสดุส่งไปยังจีน เห็นเจ้านายหน้าตาเรียบนิ่งก็อดที่จะเหงื่อตกไม่ได้

“มีอะไรว่ามา”

“ครับ นี่เป็นเอกสารที่ส่งอีเมลมาจากสาขาอเมริกาครับ” ปกรณ์วางแฟ้มลงเพื่อเป็นหลักฐานยืนยันสิ่งที่ตนพูด

“ทางนั้นแจ้งมาว่า วัสดุที่เราสั่งไปผลิตไม่ทันครับ เนื่องจากระหว่างที่เราเจรจามีบริษัทอีกเจ้าหนึ่งเข้ามาทำสัญญาซื้อขายวัสดุจำนวนมหาศาล ทำให้ผู้ผลิตไม่อาจผลิตสินค้าของเราได้ทัน ตอนนี้กำลังเจรจาขอยืดระยะเวลาผลิตเป็นอีกหนึ่งเดือน โดยอ้างว่าระหว่างทำสัญญาทางเราขอปรับเปลี่ยนสัญญาจนไม่อาจกำหนดวันที่แน่นอนได้

เมื่อบริษัทอีกแห่งหนึ่งเข้ามาตกลงทำสัญญาเสร็จภายในหนึ่งวัน อีกทั้งชัดเจนในกำหนดการ จึงได้รับอนุมัติก่อน ตอนนี้สัญญาของทางเราจึงต้องเป็นฝ่ายปรับเปลี่ยนครับ” ด้วยเพราะสาขาอเมริกาอยู่ในช่วงวิกฤติ ทำให้ผู้บริหารสาขาต้องการลดค่าใช้จ่ายให้มากที่สุด จึงพยายามต่อรองราคาอยู่หลายครั้ง จนล่าสุดทำสำเร็จจึงแจ้งมาว่าทางนั้นตอบตกลงและทำสัญญาในวันนี้

แน่นอนว่ากำหนดการต่างๆ ยังไม่นิ่งจึงแจ้งมายังบริษัทแม่เพื่อขอคำยืนยันก่อนแล้วเขียนจึงเขียนลงในสัญญา ทำให้ผู้ผลิตยังไม่ทราบกำหนดการที่แน่นอนดังที่กล่าวอ้าง เมื่อถึงเวลาทำสัญญาก็เกิดปัญหาต้องเจรจารอบใหม่ดังที่แจ้งมา ทำให้ต้องยืดระยะเวลาการจัดส่งมากขึ้นไปอีก

“หนึ่งเดือน แล้วกำหนดส่งจะยืดไปแค่ไหน อีกทั้งระยะเวลาขนส่งอีก คุณก็รู้ว่านั่นเป็นวัสดุลงพื้นของการสร้าง หากเราไม่ได้มาก็ไม่อาจเริ่มต้นก่อสร้าง ผมบอกให้ใช้งบประมาณได้อย่างเต็มที่แล้วพวกคุณมัวทำอะไรอยู่การเจรจาถึงยืดออกมานานขนาดนี้! ” สุชาติรู้สึกโกรธเป็นอย่างยิ่ง ทุกอย่างกำลังไปได้สวยกลับต้องหยุดชะงักลงด้วยเหตุผลเช่นนี้

“ตอนนี้ทางนั้นกำลังติดต่อผู้ผลิตอื่นอยู่ครับ ซึ่งเป็นคู่แข่งกับผู้ผลิตเดิม สินค้าใกล้เคียงกันมากสามารถใช้ทนแทนกันได้ ตอนนี้ผมเร่งไปแล้วคาดว่าวันนี้น่าจะได้ข้อสรุปครับ” ปกรณ์เตรียมแก้ปัญหามาแล้ว ใครๆ ต่างรู้ว่าหากต้องการเอาตัวรอดกับคนอย่างสุชาติต้องหาทางแก้ปัญหามาก่อนแล้วจึงแจ้ง ไม่เช่นนั้นอาจถูกลงโทษหนักถึงขั้นไล่ออก เมื่อแก้ปัญหาได้ทุกอย่างก็จะเบาลง

“หึ ขอให้มันสำเร็จก็แล้วกัน ถ้ามีความคืบหน้าแล้วก็มาแจ้งฉัน เชิญ” หลังเชิญปกรณ์ออกไปสุชาติก็อ่านเอกสารซึ่งวางอยู่บนโต๊ะ น่าเสียดายที่สัญญายังไม่เรียบร้อยเพวกเขาจึงไม่อาจฟ้องร้องสิ่งใดได้ ได้แต่ยอมรับสภาพที่เกิดขึ้น

สุชาตินั่งรอแล้วรอเล่าในที่สุดก็ได้รับแจ้งจากปกรณ์ ดีที่วันนี้เย็นแล้วแต่ทางอเมริกากลับเป็นช่วงเช้า จึงดำเนินการได้อย่างรวดเร็ว ความดีใจแปรเปลี่ยนเป็นโกรธเกรี้ยวเมื่อข่าวที่ได้รับไม่น่าพอใจเป็นอย่างยิ่ง

“พวกคุณทำงานกันอย่างไรถึงได้ไม่สำเร็จสักอย่าง เสร็จงานนี้ฉันจะไปจัดการสาขานั่นด้วยตัวเอง พิจารณาตัวเองว่าทำอะไรผิดพลาด ออกไปได้แล้ว”

“ครับ” ปกรณ์รีบหลบจากสถานการณ์ตรงหน้า นับวันสุชาติยิ่งเผยธาตุแท้ เขาไม่ต้องการแก้ปัญหาใดๆ อยากนั่งสบายๆ รอเงินเข้ากระเป๋าเท่านั้น พวกพนักงานระดับล่างจึงถูกกดดันอย่างหนักเพื่อแก้ปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น ทั้งที่บางครั้งมันไม่ควรจะเป็นการแก้ปัญหาในขอบเขตของพนักงานเลย

แกร๊ก

“นัดคุณปรเมศให้ฉันด่วน! ” สุชาติสั่งงานเลขาหน้าห้องแล้วนั่งลงอย่างหัวเสีย การร่วมงานกันครั้งแรกไม่ควรเกิดปัญหาเช่นนี้

เลขาทำงานอย่างรวดเร็ว กำหนดการคืออีก 2 วันข้างหน้า รอคุณปรเมศกลับจากจีน สุชาติได้ยินเช่นนั้นก็ยิ่งร้อนใจ ทางนั้นเตรียมพร้อมหมดแล้วยิ่งกดดันให้พวกเขาต้องดำเนินการให้ทันตามที่กำหนด ไม่แน่ว่าการเจรจาขอเลื่อนเวลาอาจออกมาไม่สวยงามนัก ซึ่งเขาต้องทำมันให้สำเร็จ ไม่เช่นนั้นความน่าเชื่อถือกับสติกมาก็จะลดลงการเหตุการณ์ในครั้งนี้ด้วย

เป็นไปดังคาดปรเมศไม่พอใจอย่างยิ่ง เพราะเตรียมการเปิดโรงแรมไว้แล้ว แม้สุชาติรับปากว่าจะเสร็จทันกำหนดการก็ไม่อาจหยุดความไม่พอใจไว้ได้ ครั้งจะขอเปลี่ยนวัสดุใหม่เป็นของจากไทยหรือจีนเอง ปรเมศก็ไม่ยอม เพราะเขาถือว่าบริษัท AMP ผิดสัญญา

การเจรจาที่ไม่ลงตัวทำให้ปรเมศยกเลิกสัญญากับบริษัท อีกทั้งเรียกค่าเสียหายจากการผิดสัญญาไม่อาจเริ่มงานได้ทันตามที่กำหนด สุชาติแทบเสียศูนย์ ไม่คิดว่าการกลับมาร่วมงานกันจะต้องพบกับวิกฤตเช่นนี้ แต่ไม่ว่าจะทำอย่างไรปรเมศก็ไม่มีทีท่าว่าจะใจอ่อนแม้แต่น้อย

ข่าวกระพือทั่วทั้งวงการ ผู้ถือหุ้นรายย่อยจากที่คิดว่าหากถือหางสุชาติตนย่อมต้องได้รับกำไรมหาศาลเริ่มหวั่นใจ อยากรีบขายหุ้นทิ้งเพราะบริษัทขาดทุนย่อยยับจากเหตุการณ์นี้ อีกทั้งยังเสียชื่อเสียงจนลูกค้ายกเลิกไปเสียหลายคน คาดว่าอย่างไรไตรมาตรปีนี้ก็ไม่อาจคว้าไว้ได้

เจอวิกฤตครั้งนี้นับว่าใหญ่หลวงนัก ทั้งเงินลงทุนกับวัสดุในไทย ทั้งค่าใช้จ่ายของกำลังคน ทั้งยังมีค่าเสียหายที่อีกฝ่ายเรียกร้อง หากต้องจ่ายไป อีกทั้งยังมาถูกถอนหุ้นอีก เรียกว่าบริษัทแทบล้มเลยทีเดียว ถ้าหากว่าบริษัทสติกมายกเลิกงานลงทุนไปด้วยอีก บริษัทนี้คงไม่สามารถคงสถานการณ์ได้อีก

สุชาติสั่งให้สนสืบข่าวจากแซนรี่ซึ่งกำลังเดตกันอยู่ อีกทั้งยังให้กล่อมแซนรี่ช่วยเป่าหูฮอว์กิงอย่าถอนหุ้นออกจากบริษัท และอย่าได้ยกเลิกการก่อสร้างรีสอร์ทที่ทำอยู่ในปัจจุบัน ไม่เช่นนั้นจะไร้ทางพยุงบริษัทนี้ไว้จนล้มละลายในที่สุด

สนทำสำเร็จ ไม่นานฮอว์กิงก็เข้ามาพบกับสุชาติ นอกจากไม่ยกเลิกสัญญาแล้วฮอว์กิงยังยินดีช่วยเหลือบริษัท ซื้อหุ้นจากผู้ถือหุ้นรายย่อยที่ต้องการถอนตัวเอาไว้ทั้งหมด อีกทั้งยังจ่ายเงินส่วนที่เหลือหลังงานเสร็จมาให้ก่อนเพื่อช่วยกู้วิกฤติให้กับบริษัท

การช่วยเหลือนี้ทำให้สุชาติรู้สึกว่าตนโชคดีอย่างมาก แม้จะรู้สึกกังวลใจเรื่องจำนวนหุ้นที่เพิ่มขึ้นอยู่บ้าง แต่เมื่อคิดว่าอีกไม่นานหุ้นส่วนของสิรินก็จะกลายเป็นของตนก็ทำใจยอมรับได้

ซึ่งระหว่างถูกฟ้องร้อง หุ้นส่วนหาย ผู้ลงทุนก็หาย อีกทั้งยังถูกยกเลิกจากคู่ค้าอีกมากมาย ทำให้บริษัทต้องใช้เวลาฟื้นตัว ปกติเมื่อสาขาใดสาขาหนึ่งระส่ำระสายก็จะได้รับการช่วยเหลือจากสาขาอื่น แต่ว่าเวลานี้สาขาอเมริกาก็ขาดทุนย่อยยับ สุชาติจึงแทบไร้ทางออก ด้วยสถานการณ์ตอนนี้กู้ธนาคารไม่ผ่านแน่ๆ ส่วนเงินส่วนตัวก็ต้องขายทรัพย์สินบางส่วนออกไป ซึ่งไม่อาจทำใจยอมรับได้ เขาไม่ยอมตกต่ำอย่างเด็ดขาด

ส่วนพ่อหลังจากทะเลาะกันเรื่องเลี้ยงดูสิริน พวกเขาก็แทบตัดขาดกันโดยสิ้นเชิง ชายคนนั้นหากตัดสินใจแล้วก็ไม่มีทางเปลี่ยนใจ ถ้ายื่นมือเข้ามาช่วยก็ต้องมีข้อแลกเปลี่ยนที่สมน้ำสมเนื้อกันแน่ๆ

ครั้งนี้สุชาติจึงยอมรับความช่วยเหลือจากฮอว์กิงอย่างเต็มใจ แม้จะระแวงกลัวถูกฮุบบริษัทไปบ้างก็ตาม ซึ่งเขาก็ต้องเตรียมพร้อมป้องกันปัญหานี้เช่นกัน นักธุรกิจนั้นล้วนเกี่ยวข้องกันเพื่อผลประโยชน์ของตนทั้งนั้น ไม่มีใครช่วยเหลือคนอื่นโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน

ปัจจุบันหุ้นของบริษัทเปลี่ยนเป็น

สุชาติ 30%

ปู่ 10%

สิริน 30%

Stigma 26%

หุ้นส่วนรายย่อย 4%

มีคนสละเรือหนีไปจนแทบหมดสิ้น ทำให้ปัจจุบันสติกมาได้ครอบครองหุ้นเกือบเทียบเท่าสุชาติแล้ว ที่สุชาติยังคงวางใจอยู่ได้เพราะ 4% ที่เหลือคือหุ้นของตนในนามของคนอื่น เขาสร้างไว้เพื่อเป็นแผนสำรอง อีกทั้งหุ้นของสิรินเองเมื่อตรวจสอบว่าสิรินเสียชีวิต ผู้ที่รับมาได้ย่อมเป็นเขาที่เลี้ยงดูสิรินมาหากว่าไม่ได้เขียนพินัยกรรมไว้

จะอย่างไรเขาก็ต้องผ่านพ้นวิกฤตครั้งนี้ไปให้ได้!





ทางฝั่งสิริน วันนี้เป็นวันเสาร์เขาว่างทั้งวันจึงทำกิจวัตรที่คุ้นเคยคือนั่งเฝ้ามองเจ้าเด็กน้อยขี้เซาอยู่ข้างเตียง รอคอยว่าเมื่อไหร่กันเด็กน้อยของเขาจะยอมตื่นขึ้นมาเสียที

ไม่มีใครเข้ามาห้าม เพราะเข้าใจดีว่าดำเป็นดังแสงสว่างของสิริน หากจะให้เจ้าตัวทำใจยอมรับการสูญเสียต้องใช้เวลา และพวกเขาเองก็หวังว่าดำจะฟื้นขึ้นมาในสักวัน มันเป็นสิ่งที่พยุงให้สิรินเดินหน้าต่อ

“ดำ รู้ไหมว่าฉันหัดทำไอศกรีมแล้วนะ ประเทศไทยร้อนมาก หน้าร้อนเหมาะกับของเย็นๆ แบบนี้ แล้วก็ถ้าเอาไปวางบนแพนเค้กก็อร่อยมากเหมือนกัน รีบตื่นขึ้นมานะดำ...ฉันรอที่จะได้ทำให้ดำกิน” นอกจากงานที่ต้องทำ สิรินก็ขอให้มาร์โก้สอนทำอาหาร และทุกวันก็จะมาเล่าความคืบหน้าให้ดำฟังเสมอ

สิ่งเหล่านี้กลายเป็นกิจวัตรประจำวันของเขา ทุกวันต้องมานั่งข้างเตียงแล้วเล่าสิ่งที่ทำวันนั้นๆ ให้ฟัง ยิ่งถึงช่วงของการทำอาหาร สิรินจะเล่าละเอียดเป็นพิเศษ เขาเตรียมอาหารมากมาย รอวันที่จะทำให้เจ้าตัวเล็กกิน

รีบตื่นขึ้นมานะ เดี๋ยวเมนูจะเยอะจนทานไม่ไหว...ก็สิรินตั้งใจว่าจะทำอาหารทั้งหมดฉลองในวันที่ดำฟื้นนี่นา

ก๊อกๆ

“คุณสินครับมีโทรศัพท์ถึงคุณ” ประตูเปิดเข้ามาด้วยมือของบอร์ดี้การ์ด สิรินจึงเดินไปรับมาก่อนเดินออกไปคุยที่ระเบียง

“ครับ”

“ผมสบายดี คุณลุงล่ะครับ” ถึงใจจะไม่ได้สบายอย่างที่ปากพูด แต่เขาก็ไม่ได้หมดอาลัยตายอยาก เพราะดำยังอยู่ตรงนี้ อยู่ข้างๆ เขา

“ผมยืนยันคำเดิม แผนการจะสำเร็จหรือล้มเหลวผมจะชดเชยค่าเสียหายทั้งหมดให้เอง” สายตาของสิรินจับจ้องร่างบนเตียงไม่วางตา แสงแดดสาดส่องผ่านกระจก กระทบลงบนร่างสีน้ำผึ้ง ชวนให้หวนระลึกถึงการปลุกเจ้าคนขี้เซาให้ตื่นไปโรงเรียนทุกเช้า

“พวกเราตกลงกันแล้วนะครับว่าผมจะจ่ายค่าเสียหายทั้งหมด คุณลุงจะมายกผลประโยชน์ให้ผมแบบนี้ผมก็ลำบากใจนะครับ” เสียงของปลายสายทำให้สิรินชะงัก เขาปฏิเสธทันควัน จนฝ่ายนั้นได้แต่ถอนหายใจ

“ครึ่งเดียวก็ไม่ได้ครับ” การต่อรองยังคงดำเนินต่อ แต่สิรินไม่ใช่คนใจอ่อน จึงไม่ยอมลดราวาศอกให้อีกฝ่ายง่ายๆ

“ถ้าคุณลุงยังดื้อผมจะฟ้องคุณป้าแล้วนะครับ” สุดท้ายการขู่ก็ได้ผลมากที่สุด สิรินคิดถึงสามีภรรยาคู่นี้แล้วก็รู้สึกอิจฉาขึ้นมา การได้ครองคู่กับคนที่รัก ได้ใช้ชีวิตจวบจนถึงบั้นปลายชีวิต คงมีความสุขอย่างหาที่สุดไม่ได้

“ขอบคุณมากจริงๆ ครับที่ให้ความร่วมมือ” น้ำเสียงตรงนี้อ่อนลงเล็กน้อย เขารู้สึกของคุณจากใจ ไม่ใช่หวังเพียงผลประโยชน์

“ได้ครับ ผมรับปาก” สุดท้ายจึงยอมรับปากหาเวลาไปทานข้าวด้วย ถ้าจะดีก็อยากพาดำไปอวด เอาคืนข้อหาที่ทำให้เขารู้สึกอิจฉา สิรินหวังให้เป็นเช่นนั้น...

“แล้วเจอกันครับ ครับ ครับ” หลังวางสายสิรินก็ยืนจ้องมองดำต่อไปเงียบๆ เช่นนั้น ดังว่าถ้าเขารอเช่นนี้ไม่นานดำต้องตื่นขึ้นมาอย่างแน่นอน

“ฉันกำลังจะปิดฉากสุดท้ายแล้วนะดำ ถ้าเธอยังช้าจะผิดสัญญาเอานะ อย่ากลายเป็นเด็กดื้อจอมโกหกสิ รีบตื่นขึ้นมาทำตามสัญญาเร็วๆ เข้า ทุกอย่างกำลังจะจบลงแล้ว”





-TBC-



ใกล้จบแล้ว เจอกันตอนหน้าค่า
หัวข้อ: Re: = P A Y = เปย์ข้าด้วยบุฟเฟ่ต์สิ [เปย์ครั้งที่ 23] 11.07.2019
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 12-07-2019 00:09:47
รอไอ้ดำก่อนเด้อ คุณสิน  ไอ้ดำขอลาไปเยี่ยมหลวงตาแป้ป  :hao3:
หัวข้อ: Re: = P A Y = เปย์ข้าด้วยบุฟเฟ่ต์สิ [เปย์ครั้งที่ 23] 11.07.2019
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 12-07-2019 01:03:24
จะจัดการสุชาติด้วยวิธีไหนดีนะ
หัวข้อ: Re: = P A Y = เปย์ข้าด้วยบุฟเฟ่ต์สิ [เปย์ครั้งที่ 23] 11.07.2019
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 12-07-2019 05:56:44
 :pig4:
 :3123:
หัวข้อ: เปย์ครั้งที่ 24
เริ่มหัวข้อโดย: GreenHead(หัวเขียว) ที่ 13-07-2019 22:44:16
เปย์ครั้งที่ 24

‘หว่านพืชหวังผล’

ให้ผลประโยชน์แก่ผู้อื่นเพื่อหวังผลตอบแทน



“เชิญครับ” ฮอว์กิงกับแซนรี่ก้าวขึ้นรถตามคำเชิญของบอร์ดี้การ์ดตัวโต วันนี้พวกเขาต้องเข้าร่วมงานซึ่งถูกจัดขึ้นเพื่อประกาศการร่วมงานระหว่างบริษัทสติกมาและ บริษัท AMP Development Company Limited อย่างเป็นทางการ ซึ่งตอนแรกได้ตกลงกันว่าจะจัดพร้อมกับเปิดตัวรีสอร์ทแห่งใหม่ แต่ว่าบริษัท AMP เกิดวิกฤตเสียก่อนจึงต้องจัดงานเพื่อกอบกู้ชื่อเสียงของบริษัทกลับคืนมา โดยงานนี้จะประกาศเรื่องที่บริษัทสติกมาได้เข้ามาเป็นหุ้นส่วนรายใหญ่ของบริษัทเรียบร้อยแล้ว

ซึ่งชื่อเสียงของสติกมาจะทำให้บริษัทกลับมามั่นคงอีกครั้ง และด้วยข่าวลือที่ปล่อยออกไปก่อนหน้านี้ ภายในงานคงคับคั่งไปด้วยนักธุรกิจมากมายอย่างแน่นอน

“ยินดีที่ได้พบครับ มาสเตอร์” ภายในรถมีคนนั่งรออยู่ก่อนแล้ว เป็นเจ้านายของพวกเขานั่นเอง

“ในที่สุดก็ได้เจอกันนะคะมาสเตอร์ เฮ้อ ต้องระวังตัวทุกฝีเก้าแบบนี้ในที่สุดก็จบลงซะที” แซนรี่บ่นออกมาอย่างไม่เกรงใจ เพราะตั้งแต่มาถึงประเทศไทยพวกเขาก็ไม่อาจพบเจอกันได้จนกว่าทุกอย่างจะพร้อม ทำให้สิ่งที่หวังไว้ก่อนมาแทบจะหายไปกับสายลม

“อืม วันนี้ได้เวลาปิดฉากแล้ว” ฮอว์กิงกับเซนรี่ยิ้มด้วยความยินดี แต่เมื่อเห็นเจ้านายยิ้มไม่ถึงตาก็เป็นห่วงอยู่ไม่น้อย ถ้าจบงานนี้แล้วเจ้านายของเขาจะเดินไปยังทิศทางใดต่อก็ไม่อาจคาดเดา

ตั้งแต่เจอกันครั้งแรกจนถึงตอนนี้ก็ผ่านมา 7 ปีแล้ว จากหนุ่มน้อยผู้มองโลกอย่างเย็นชา วันหนึ่งกลับแผ่รังสีความอบอุ่นออกมา พวกเขาดีใจมากเมื่อเห็น เพราะนับถือมาสเตอร์มานาน เวลานี้เห็นว่าความอบอุ่นหายไป ความเย็นชากลับมาแทนที่ก็อดรู้สึกเสียดายไม่ได้

หลังส่งคนทั้งสองลงรถหน้างาน รถก็ขับหายไปอีกด้านหนึ่ง พวกเขาต้องแยกกันทำหน้าที่ ทุกอย่างเตรียมพร้อมไว้หมดแล้ว

งานถูกจัดขึ้นในโรงแรมแห่งหนึ่ง ซึ่งมีพื้นที่กว้างขวาง ตึกหลักสูงตระหง่าน ระหว่างช่วงตึกมีสะพานเชื่อมไปยังตึกรองอีกสองตึกซึ่งมีขนาดเล็กกว่า เป็นโรงแรมที่รองรับการจัดงานเลี้ยงโดยเฉพาะ ซึ่งแต่ละชั้นจะถูกออกแบบให้มีลักษณะเฉพาะตัวแยกกันอย่างชัดเจน ให้ผู้เช่าสถานที่ได้ดื่มด่ำกับบรรยากาศที่ตนชอบมากที่สุด อีกทั้งยังมีพนังงานคอยบริการในส่วนงานเลี้ยงด้วย โดยพวกเขาจะแต่งตัวให้เข้ากับชั้นที่ตนดูแล้วอยู่ เรียกได้ว่าเป็นสถานที่อันสะดวกสบายทั้งยังน่าประทับใจสำหรับจัดงานเลี้ยงเลยทีเดียว

ห้องที่พวกเขาเลือกเป็นแบบโรงละคร เป็นห้องแบบสองชั้น ด้านล่วงเป็นโถงกว้าง ให้เหล่านักแสดงได้ร้องเล่นเต้นรำสร้างความสำราญให้แก่แขกผู้มีเกียรติ มีบันไดทอดยาวปูด้วยพรมสีแดงสดขึ้นไปยังชั้นบนสำหรับให้ผู้มาร่วมงานได้มีโอกาสลงไปเต้นรำ

ชั้นสองมีโต๊ะอาหารเรียงราย สำหรับแขกผู้มีเกียรติในค่ำคืนนี้ ระยะห่างจากระเบียงชั้นสองไม่กว้างนัก แต่คอบคุมพื้นที่สามด้านที่เหลือ

ซึ่งพวกนักข่าวไม่ได้รับอนุญาตให้ขึ้นไปด้านบน รวมทั้งผู้ที่มาโดยไม่ได้รับเชิญจะถูกแยกให้อยู่เพียงด้านล่าง ชั้นสองของงานจึงให้ความรู้สึกเป็นส่วนตัว หากไม่ประสงค์ให้สัมภาษณ์ก็ห้ามลงไปเพียงเท่านั้น

อาหารถูกจัดวางไว้ทั้งสามด้านสำหรับให้แขกเดินไปตักได้สะดวก ส่วนเครื่องดื่มมีบริกรคอยเดินให้บริการ งานจึงให้บรรยากาศสบายๆ ไม่ต้องวิตกกังวลว่าจะต้องรายล้อมด้วยความวุ่นวาย

ที่ชั้นล่าง เวทีสำหรับนักดนตรีถูกยกขึ้นสูงจากพื้นเล็กน้อย ตั้งอยู่ตรงข้ามกับบันใดขึ้นชั้นสอง พวกเขากำลังบรรเลงเพลงสบายๆ เวลานี้ผู้คนเริ่มทยอยเข้ามาในงานแล้ว

เวลานี้สุชาติก็กำลังเดินทักทายแขกที่มาร่วมงาน มีคนมากมายเข้ามาถามพูดคุยด้วย หวังว่าจะได้ผูกมิตรกับบริษัทสติกมาบ้าง เขายิ้มเยอะในใจ ตอนที่เขาล้มคนพวกนี้กลับตีตัวออกห่าง มาเวลานี้กลับทำตัวสนิทชิดเชื้อ จะมองอย่างไรก็รู้ว่ามีเจตนาแอบแฝง

ในตอนแรกคนเหล่านี้คิดว่าเมื่อบริษัท AMP Development Company Limited วิกฤติ สติกมาเองก็ต้องถอนตัวเช่นเดียวกัน เมื่อความน่าเชื่อถือหมดลง บริษัทยักษ์ใหญ่เช่นนั้นมีหรือว่าจะเสียดายเงินเพียงเท่านั้น คงไม่พ้นสะบัดก้นหนีไม่ต่างกัน ทีนี้สุชาติจะยังคงหาทางออกใดๆ ได้อีก บริษัทที่สืบทอดมารุ่นสู้รุ่นย่อมจบลงเพียงเท่านี้

ไม่คาดคิดว่าสติกมานั้นกลับไม่ยกเลิกสัญญา กลับยินดีจ่ายเงินส่วนที่เหลือให้ก่อน อีกทั้งยังจัดงานเช่นนี้เพื่อช่วยกอบกู้ชื่อเสียงของบริษัท อยากรู้จริงๆ ว่าคนพวกนี้ใช้วิธีใดจึงดึงความช่วยเหลือจากบริษัทยักษ์ใหญ่มาได้

คนที่รู้คงมีเพียงสุชาติ เขาตบรางวัลให้ลูกชายไปไม่น้อย ช่วยเกลี่ยกล่อมจนแม่เลขาสาวเป่าหูเจ้านายให้ แน่ว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่คงไม่ใช่เพียงเจ้านายลูกน้อง แม้จะเสี่ยงอยู่บ้างแต่จากผลตอบรับแล้วคงต้องหาทางแก้ไขทีหลัง พวกเขาต้องแก้ปัญหาตรงหน้าก่อน

แสงแฟล็ตสว่างวูบวาบเมื่อดาวเด่นของงานเดินเข้ามาในงาน ฮอว์กิง ผู้นั่งในตำแหน่งรองประธานบริษัทสติกมา ซึ่งออกหน้าในงานสังคมแทนประธานของตนเรื่อยมา ใบหน้าของเขาจึงเป็นที่รู้จักกันดี ด้วยความหนุ่ม และความหล่อ ไหนจะหน้าที่การงาน หญิงสาวคนไหนบ้างจะไม่ใฝ่หา

เขาอยู่ในชุดสูทสีขาวอันช่วยขับให้ผมสีทองกับดวงตาสีฟ้าโดดเด่นยิ่งขึ้นราวกับเทพบุตรลงมาจุติยังโลกมนุษย์ และหากฮอว์กิงเป็นเทพบุตร หญิงสาวที่ตามมาคงเป็นปีศาจสาวแสนสวยซึ่งพร้อมจะล่อลวงเหล่าท่านชายให้ขายวิญญาณให้กับเธอ

เธอคือ แซนรี่ เลขาสาวคนสนิท ซึ่งตามทำงานกับฮอว์กิงตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท เธออยู่ในชุดเดรสยาวสีแดง ตัดกับผมยาวสีดำระต้นคอ เพิ่มเสน่ห์ให้คอยาวระหงส์อย่างลงตัว

นักข่าวกรูกันเข้าไปหา การ์ดของงานรีบเข้ามาขวางไว้ เกรงว่าจะทำให้บุคคลสำคัญของงานได้รับบาดเจ็บ นักข่าวพยายามถามถึงประเด็นที่ถกเถียงอยู่ เซนรี่จึงตอบกลับแทนฮอว์กิงว่าหลังเปิดงานอย่างเป็นทางการแล้ว พวกเขาจะได้รับทราบอย่างพร้อมเพียงกัน จากนั้นก็เดินขึ้นไปชั้นบน เพื่อพูดคุยกับสุชาติก่อน

พวกนักธุรกิจมองอย่างดูท่าที หวังใจว่าสุชาติจะแนะนำพวกเขาให้กับฮอว์กิงเป็นคนแรก เพราะตามมารยาทแล้ว สุชาติผู้เป็นเจ้าของงานต้องเป็นฝ่ายแนะนำพวกเขาให้ฮอว์กิงรู้จัก ไม่สามารถตีเนียนเข้าไปพูดคุยเองได้ พวกเขาต่างต้องรักษาหน้าตาของตนไว้ เก็บความอยากของตนลึกลงภายใน จะแสดงออกว่าอยากร่วมงานจนตัวสั่นไม่ได้ ถ้าเป็นเช่นนั้นเวลาต่อรองธุรกิจพวกเขาจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบ

สุดท้ายพวกเขาก็ได้แต่ผิดหวัง สาปแช่งสุชาติในใจ เมื่อสุชาติทำเพียงขอตัวออกไปพูดคุยกับฮอว์กิงตามลำพัง แน่นอนว่าสนก็ผละออกจากสาวๆ ตั้งแต่เห็นแซนรี่ เวลานี้เขาต้องรักษาความสัมพันธ์เอาไว้ให้ดี ไม่เช่นนั้นคงสูญเสียอำนาจทางสังคมไปแน่

หลังทักทายกันเรียบร้อย สุชาติก็สั่งให้เลขาไปสั่งให้พิธีกรเริ่มงาน

“สวัสดีครับแขกผู้มีเกียรติทุกท่าน ยินดีต้อนรับเข้าสู่งานในค่ำคืนนี้ และเมื่อบุคคลสำคัญมาครบแล้ว ก็ถึงเวลาเปิดงานอย่างเป็นทางการ ขอเชิญท่านสุชาติ รักษาการประธานบริษัท AMP Development Company Limited ขึ้นมากล่าวเปิดงานในครั้งนี้ เชิญเลขครับ” แสงจากสปอตไลท์ส่องไปกลางห้องโถงในตำแหน่งที่พิธีกรยืนอยู่ ซึ่งถูกใช้แทนเวทีในค่ำคืนนี้ และเมื่อกล่าวเชิญสุชาติแสงก็ส่องไปยังตำแหน่งที่สุชาติยืนอยู่ ทั้งยังเคลื่อนไหวตามสุชาติทุกย่างก้าว จนเขาหยุดลงกลางบันใดพอดิบพอดี

บรรยากาศของงานดังว่ากำลังมีละครเวทีแสดงอยู่ โดยมีพวกเขาเป็นผู้ชมการแสดงในครั้งนี้

“สวัสดีครับทุกท่าน ขอบคุณเป็นอย่างยิ่งที่มาร่วมงานในวันนี้ ผมคาดว่าทุกท่านคงพอจะทราบจุดประสงค์ของงานไปบ้างแล้ว จึงไม่อยากรบกวนเวลารื่นเริงให้มากนัก จึงขอกล่าวเปิดงานแต่เพียงเท่านี้

เรามาคุยกับแขกคนสำคัญของงานดีกว่า ขอเชิญคุณฮอร์กิง รองประธานบริษัทสติกมาด้านนี้เลยครับ” เสียงปรบมือกระหึ่ม เมื่อแสงพาดไปยังร่างของฮอว์กิง ไม่อาจไม่ยอมรับว่าพวกเขารู้สึกดังเช่นสุชาติกล่าว พวกเขาอยากพูดคุยกับฮอว์กิงใจจะขาด หากเปิดงานว่าเป็นแขกคนสำคัญแล้วอย่างไรก็ไม่อาจปฏิเสธการทักทายของพวกเขาได้

เพียงเข้าไปแสดงความยินดี ก็สามารถพูดคุยได้อย่างเป็นธรรมชาติแล้ว!

“สวัสดีครับ ผม ฮอว์กิง รูเว็น เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้พบกับทุกท่านในวันนี้ อย่างที่พวกท่านทราบว่าเราได้ร่วมทำธุรกิจกับบริษัท AMP มาได้พักหนึ่งแล้ว วันนี้จึงอยากจะประกาศอย่างเป็นทางการให้พวกท่านได้ทราบอย่างทั่วถึง และวันนี้ก็มีเรื่องสำคัญยิ่งกว่าอยากจะประกาศให้ทราบ” เมื่อฮอว์กิงเว้นจังหวะ ทำให้คนในงานเริ่มส่งเสียงพูดคุยกันด้วยความสงสัย

มีข่าวที่สำคัญกว่านั้นด้วยหรือ พวกเขารู้เพียงว่างานนี้จัดขึ้นเพื่อประกาศเรื่องการร่วมธุรกิจอย่างเป็นทางการ เพื่อกอบกู้ชื่อเสียงของบริษัท AMP Development Company Limited เท่านั้นเอง

จังหวะนั้นเพลงก็บรรเลงขึ้น เรียกความสนใจกลับมาอยู่ที่ตัวฮอว์กิงอีกครั้ง ผู้คนในงานจึงเงียบเสียง รอฟังอย่างตั้งใจ

“บริษัทสติกมาได้เข้าเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัท AMP เรียบร้อยแล้วครับ” เพียงประโยคเดียวงานก็ตกอยู่ในความวุ่นวาย แสงแฟลชสว่างวาบครั้งแล้วครั้งเล่า ผู้คนในงานต่างปรบมือ ทั้งยังหันไปพูดคุยชื่นชมกับคนข้างๆ ทั้งที่ในใจริษยาจนแทบเผาสุชาติให้มอดไหม้

การประกาศเรื่องในครั้งนี้ทำให้เหล่าผู้ถอนตัวจากบริษัท AMP แทบกระอักเลือด พวกเขาถือหางสุชาติมานานเพราะหวังให้ได้รับผลประโยชน์อันมหาศาลเช่นนี้ เมื่อบริษัทวิกฤตพวกเขาจึงรีบสละเรือทิ้ง ถอนหุ้น ถอยออกห่างบริษัทให้มากที่สุด

ไม่คาดคิดว่าเวลาผ่านไปยังไม่ถึงไหน สุชาติก็สามารถทำให้บริษัทขึ้นมาผงาดอีกครั้งอย่างง่ายดายเช่นนี้ ฮอว์กิงควรยกเลิกสัญญาแล้วเลือกบริษัทอื่นโดยไม่สนใจค่าเสียหายใดสิ นั่นเป็นสิ่งที่ควรจะเป็น

“อีก 2 เดือนข้างหน้าจะมีงานเปิดตัวรีสอร์ทครบวงจร พร้อมด้วยเทคโนโลยีอันสะดวกสบาย หวังว่าพากท่านจะไปร่วมงานอีกครั้ง แน่นอนว่าผมจะจัดให้ยิ่งใหญ่ยิ่งกว่านี้แน่นอน ขอเรียนเชิญทุกท่านล่วงหน้า ขอบคุณครับ” ตีเหล็กต้องตีตอนร้อนๆ ฮอว์กิงประกาศเชิญชวนแขกอีกครั้ง การลงทุนทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไม่ว่าจะเป็นที่ใด ก็ต้องฝ่าฟันอุปสรรคไม่ต่างกัน ดังนั้นแล้วหากมีผลประโยชน์ให้ฉกฉวยก็ฉกฉวยอย่างเหมาะสม

“ผมรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมงานกับสติกมา ทั้งยังได้คุณเข้ามาเป็นหุ้นส่วน บริษัทของเราต้องประสบความสำเร็จอย่างล้นหลามแน่นอนครับ” สุชาติยื่นมือออกไป ฮอว์กิงก็ตอบรับ พวกเขาทั้งสองต่างแสดงความยินดีแก่กันและกัน แม้รอยยิ้มของฮอว์กิงจะดูลึกลับสักเล็กน้อยก็ตาม

“เพื่อเป็นการฉลองความสำเร็จของทั้งสองบริษัท ของเชิญแขกผู้มีเกียรติทุกท่านรื่นรมย์กับงานให้เต็มที่ พวกเรามาแบ่งปันความสุขร่วมกันเถอะครับ” สุชาติจิกกัดเล็กน้อย เขาคิดว่าเหตุการณ์เช่นนี้ก็ดีไปอีกแบบ พวกที่ร่วมมือกับเขาเพียงเพื่อฉกฉวยผลประโยชน์ก็หมดไป ตัดคนหารผลประโยชน์ให้น้อยลง เขาก็ได้รับค่าตอบแทนมากยิ่งขึ้น จะไม่ให้พอใจได้อย่างไร

“เพื่อแสดงความยินดีกับ AMP Development Company Limited และสติกมา ขอให้แขกผู้มีเกียรติทุกท่านกยแก้วขึ้นมาไชโยพร้อมกันครับ หนึ่ง สอง สาม!

ไชโย!! ” พิธีกรรับไม้ต่ออย่างไหลลื่น แขกในงานส่งเสียงดังแสดงความยินดีความสำเร็จในครั้งนี้อย่างพร้อมเพียงกัน

สุชาติก้มหัวขอบคุณอย่างพึงพอใจ แล้วคิดจะก้าวขึ้นบันไดกลับไปยังโต๊ะของตน แต่กลับถูกหยุดไว้ด้วยเสียงของฮอว์กิง

“ช่วยรอซักครู่ครับคุณสุชาติ” น้ำเสียงดูสุภาพ สุชาติกลับรู้สึกดังว่ามีสิ่งชั่วร้ายแอบแฝงอยู่ เขาจึงหยุดเดินแล้วหันกลับมามอง ตอนนี้เขายืนอยู่สูงกว่าฮอว์กิงเล็กน้อย แต่กลับรู้สึกว่าตนโดนข่มขวัญ เป็นฝ่ายเสียเปรียบต่ออีกฝ่าย

“ยังมีอีกหนึ่งเรื่องที่ผมต้องการจะบอก ไม่สิ มีคนคนหนึ่งอยากจะพบคุณ คาดว่าผู้มาร่วมงานทั้งหลายคงอยากเจอไม่ต่างกัน” คนในงานต่างเงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจ หัวใจเต้นโครมคราม ลุ้นระทึกว่าจะใช่คนที่พวกเขาคิดหรือไม่

“เอาล่ะครับ เรามาเข้าสู่ช่วงสำคัญกันเลยดีกว่า...” จะบอกว่าเรื่องเมื่อคู่ยังไม่ใช่เรื่องสำคัญเช่นนั้นหรือ ชายคนนี้กำลังคิดจะทำอะไร ทั้งสุชาติ สน และผู้ร่วมงานทั้งหลายต่างคิดเช่นนั้น

บรรยากาศกดดันขึ้นทันตา แม้แต่นักข่าวยังเครียดเกร็ง เตรียมพร้อมกดชัตเตอร์ หวังว่าจะเป็นอย่างที่ตนคิด ถ้าเป็นเช่นนั้นไม่เพียงทำผลงานเข้าตาเจ้านาย ข่าวของพวกเขาอาจจะดังไปถึงระดับโลก

บุคคลที่มีตัวตนอันลึกลับ ไม่ออกสื่อ รู้จักกันเพียงในวงธุรกิจบางส่วนเท่านั้น นักข่าวมากมายต่างต้องการสัมภาษณ์เขา หรือจะเล็กน้อยเพียงภาพแอบถ่ายก็ยังดี แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่สามารถหาออกมาได้

วันนี้ ในเวลานี้ พวกเขาอาจจะได้ภาพบุคคลที่ว่านั่น!

“ขอในแนะนำให้ทุกคนได้รู้จักอีกครั้ง...” บรรยากาศเงียบเชียบ มีเพียงเสียงเพลงที่บรรเลงตามบรรยากาศอันเปลี่ยนไป ดังเพิ่มความระทึกใจให้มากขึ้น

แขกในงานบางคนถึงขั้นอยากเขาไปเขย่าคอฮอว์กิงแล้วพูดใส่หน้าว่า จะมัวเว้นจังหวะอยู่ทำไม รีบๆ คายออกมาเร็วเข้า!

“ประธานบริษัทสติกมา...

‘ซิกมา’ ครับ”

เสียงดังกระหึ่มยิ่งกว่าการปรากฏตัวของฮอว์กิง ทั้งเสียงปรบมือ ทั้งเสียงโห่ร้องด้วยความยินดี นักข่าวก็กดชัตเตอร์ตามการชี้มือของฮอว์กิงตั้งแต่ยังมองไม่เห็นซิกมาเสียด้วยซ้ำ

พวกเขาห้ามพลาดแม้แต่ช็อตเดียว!!!

แสงสปอร์ตไลท์มืดลง ก่อนจะสาดส่องลงไปยังจุดเดียวกัน ดังว่าได้ซักซ้อมกันมาอย่างนับไม่ถ้วน ผู้คงต่างจับจ้อง พวกเขาตื่นเต้นยินดี ต่างกับสุชาติที่เย็นเหยียบจนถึงหัวใจ คนเหล่านั้นไม่เห็นสายตาของฮอว์กิง ชายคนนี้มองเขาดังผู้ชนะ เหมือนเหยื่อที่โง่เขลา เดินเข้าไปในกับดักด้วยขาของตัวเอง

ชายคนนี้กำลังทำอะไร?

คำถามนี้ได้รับคำตอบในเวลาต่อมา เมื่อแสงแฟลชจากกล้องหยุดลงก็มองเห็นได้ชัด ภาพตรงหน้าทำให้เขาตกตะลึงจะแทบหยุดหายใจ แม้แต่ผู้ร่วมงานก็แทบไม่เชื่อสายตาของตนเช่นกัน

“สิน” เสียงของสุชาติเบาหวิว ตกใจจนสมองกลายเป็นสีขาวโพลน ว่างเปล่าไร้ความคิดใดๆ แต่เพียงครู่เดียวเท่านั้น ในเวลาต่อมากลับถาโถมด้วยความคิดที่เลวร้ายต่างต่างนานา เขาเป็นคนหวาดระแวง ดังนั้นเมื่อประสบกับเหตุการณ์ไม่คาดฝันจึงเห็นจุดจบของตนก่อนเสมอ และนั่นทำให้สุชาติตกลงในบ่วงของสิรินเข้าเต็มเปา

หากจมจ่อมอยู่กับความคิดติดลบ สมองก็จะทำงานได้ไม่เต็มที่ การแสดงออกทางสีหน้า อารมณ์ความรู้สึก แม้แต่ความนึกคิดในการแก้ปัญหาก็จะแย่ลงหลายส่วน นั่นเป็นสาเหตุที่สิรินเลือกเปิดตัวต่อหน้าคนมากมาย ต้องการให้สุชาติรู้สึกหวาดกลัวว่าความจริงจะถูกเปิดเผยต่อหน้าประชาชน ทั้งยังกำหนดขอบเขตของการแก้ปัญหาให้แคบลง

เมื่อเผชิญกับคนรอบข้าง อีกทั้งนักข่าว นอกจากหาข้อแก้ตัวกับเขาแล้ว สุชาติยังต้องคำนึงถึงคนเหล่านี้ด้วย ถ้าเจอกันในที่ลับไม่พ้นสุชาติหาทางฆ่าปิดปาก หรืออาจเกิดการต่อสู้ขึ้น แต่เมื่ออยู่ในที่แจ้ง เขาย่อมต้องคำนึงถึงภาพลักษณ์ของตน ไม่อาจกระทำการอุกอาจเช่นนั้นได้

“ยินดีที่ได้พบทุกท่านครับ คาดว่าพวกท่านคงรู้จักกันอยู่แล้ว ไม่ว่าจะในนามของ สิริน หรือ...

ซิกมา”

“ไม่จริง แกโกหก! ” สนตะโกนค้าน เขาเดินเขาหาสิรินอย่างโกรธแค้น ความรู้สึกมากมายจุกอกจนแทบหายใจไม่ออก แต่บอร์ดี้การ์ดของสิรินกลับจับเขาเอาไว้ ไม่อนุญาตให้แตะต้องเจ้านายอย่างเด็ดขาด

แน่นอนว่าคนในงานย่อมสังเกตเห็น รอบตัวสิรินรายล้อมไปด้วยบอร์ดี้การ์ดตัวใหญ่สวมสูท ดูจากรูปลักษณ์แล้วก็รู้ว่าเป็นชาวตะวันตกทั้งสิ้น ไม่ว่าจะผิวขาวหรือผิวดำ สิ่งเหล่านี้ดังช่วงยืนยันว่าเขาคือ ซิกมา ชายผู้มีอิทธิพลทั้งในตลาดหุ้น และธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของอเมริกาได้เป็นอย่างดี

“ไม่พบกันนานเลยนะสน แล้วก็...อาสุชาติ ทั้งสองคนสบายดีนะครับ” รอยยิ้มหลังคำทักทายดังมีดที่กรีดแทน สุชาติมีความเยือกเย็นมากกว่าสน จึงยังไม่เอ่ยสิ่งใดออกไป เขาต้องเรียบเรียงทุกอย่างก่อนที่จะกล่าวสิ่งใด ไม่เช่นนั้นมันจะไม่ต่างกับการขุดหลุมฝังตัวเอง

“อาสบายดี ไม่คิดว่าหลานจะแอบไปทำอะไรแบบนี้ คิดไม่ถึงจริงๆ ” เขาอยากจะถามว่าสิรินรอดมาได้อย่างไร แต่กระนั้นหากถามไปคำตอบที่ได้รับอาจจะฆ่าเขาจนไม่อาจแก้ตัวได้

“มึง มึงรอดมาได้ยังไงวะ ห๊ะ! ไอ้สิน มึงควรที่จะตา-”

“หุบปาก! ” สุชาติตะโกนห้าม จดจ้องลูกชายด้วยสายตาน่ากลัว เกือบไปแล้ว ถ้าพูดออกมาพวกนักข่าวต้องเอาไปตีความเอาแน่ๆ ว่าเขาวางแผนฆ่าสิริน

“สินรอดมาได้อาก็ดีใจ รู้ไหมว่าอาเป็นห่วงหลานแค่ไหน นั่งสวดมนต์ทุกคืนให้หลานรอด ดีจริงๆ แต่ว่า...แล้วคนอื่นล่ะ ไม่ใช่ว่าสินเอาตัวรอดมาแค่คนเดียวหรอกใช่ไหม” ไม่เพียงตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จ ทุกถ่อยคำของสุชาติยังจงใจลากสิรินลงไปคลุกในน้ำคลำด้วยกัน

เขาคิดว่าสิรินคงเตรียมแผนอะไรบางอย่างรับมือเขาไว้ อาจจะซ่อนถังออกซิเจน หรือเตรียมคนช่วยเหลือ ซึ่งสุชาติคิดว่าสิรินไม่มีทางช่วยเหลือทุกคนได้ ในเมื่อพวกเขาตกเรือลงไปแล้วจึงรอด จะไปช่วยเหลือคนบนเรือได้อย่างไร หรือต่อให้มีเรือมาช่วยจริงก็ต้องใช้เรือลำใหญ่พอควร มันจะเล็ดลอดสายตาเขาไปได้อย่างไร ในเมื่อวันนั้นเขาใช้กล้องส่องทางไกลมองดูจนแน่ใจแล้วว่าไม่พบเห็นเรือลำอื่น

อีกทั้งหากเป็นเรือเล็กที่สามารถใช้จุดบอดสายตาเล็กลอดผ่านเข้าไปได้ สุชาติก็คิดว่าคนที่รอดน่าจะมีแค่พวกสิรินเท่านั้น การช่วยเหลือเรือที่กำลังระเบิด จำเป็นต้องใช้กำลังคนและเรืออพยพขนาดใหญ่

ซึ่งสุชาติไม่รู้เลยว่า สิรินเพียงให้ย้ายคนไปไว้ยังจุดปลอดภัยบนเรือ รอให้เรือลำใหญ่มาถึงเท่านั้น ซึ่งเวลาดังกล่าวเรือที่สุชาตินั่งกลับก็หายลับตาไปเสียแล้ว

“อยากรู้หรือครับว่าผมรอดมาได้อย่างไร อืม เรื่องนั้นเอาไว้ทีหลังดีกว่า วันนี้เป็นงานของอาทั้งทีทำไม่เราไม่มาทำอะไรที่ตื่นเต้นกว่านี้ล่ะครับ

วันนี้ผมมีของขวัญสุดพิเศษมาให้...สำหรับอาโดยเฉพาะเลยนะ” สิรินไม่คิดจะลงไปเล่นกับสุชาติ เขาไม่อยากเสียเวลามากไปกว่านี้ ต้องทำทุกอย่างในจบแล้วรีบไปบอกข่าวดีกับดำ เขาไม่อยากให้ค่ากับคนอย่างสุชาติไปมากกว่านี้อีกแล้ว

เพียงเท่านั้นเสียงดนตรีก็เงียบลง พวกเขาทำตามคำสั่งของผู้จ้างที่แท้จริง แน่นอนว่าผู้ที่เตรียมสถานที่แห่งนี้คือแซนรี่ เธอจึงคิดว่าการปิดฉากครั้งนี้ควรเป็นละครเวทีอันยิ่งใหญ่และน่าประทับใจ ทั้งสถานที่ การดำเนินงาน แสงสีเสียง เธอจะทำให้มาสเตอร์โดดเด่นที่สุด มันควรจะเป็นฉากจบอันสมบูรณ์แบบ

ต่อจากนั้นเสียงจากลำโพงก็ดังขึ้นรอบทิศ เป็นการเปิดตัวฉากจบอันยิ่งใหญ่ ฉากที่ตัวร้ายไม่อาจหนีรอดจากจุดจบของตน

ไม่ว่าจะใช้วิธีไหนก็ตาม...





-TBC-

เหลืออีก 2 ตอนจบจ้า

ใกล้แล้วๆ เจอกันตอนหน้าค่า

หัวข้อ: Re: = P A Y = เปย์ข้าด้วยบุฟเฟ่ต์สิ [เปย์ครั้งที่ 24] 13.07.2019
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 14-07-2019 00:25:09
ขึ้นคาน ตอนนี้รู้สึกแบบนี้จริง ขึ้นคาน  :m16:
หัวข้อ: Re: = P A Y = เปย์ข้าด้วยบุฟเฟ่ต์สิ [เปย์ครั้งที่ 24] 13.07.2019
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 14-07-2019 03:59:20
ลุ้นๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: = P A Y = เปย์ข้าด้วยบุฟเฟ่ต์สิ [เปย์ครั้งที่ 24] 13.07.2019
เริ่มหัวข้อโดย: Chucream.nabi ที่ 14-07-2019 07:42:53
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: เปย์ครั้งที่ 25
เริ่มหัวข้อโดย: GreenHead(หัวเขียว) ที่ 16-07-2019 21:39:41
เปย์ครั้งที่ 25

‘สิ้นไส้สิ้นพุง’

การเปิดเผยจนหมดสิ้นไม่มีอะไรเหลือ



“อย่างที่คิด คุณเป็นคนฉลาด ทั้งยังรอบคอบ แต่ไม่คิดว่าสิ่งที่ทำอยู่นี่เปล่าประโยชน์บ้างหรือครับ คุณฆ่ากัปตันไปแล้ว ทำให้ไร้คนนำทาง ทั้งยังไม่รู้ว่าพายุที่ก่อตัวจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ถึงคุณจะคำนวณเวลาระเบิดได้ แต่มั่นใจแล้วอย่างนั้นหรือว่าธรรมชาติเป็นสิ่งที่แน่นอนเช่นนั้น ไม่แน่ว่า คุณอาจจะตายพร้อมกับเราก็ได้...ใครกันแน่โง่เขลา”

เพียงได้ฟังเสียงสุชาติก็รู้ทันทีว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อไป ทั้งยังคาดเดาได้ว่าเวลานั้นเขาได้เสียท่าสิรินจนตกเข้าสู่หลุมพรางของอีกฝ่ายเต็มเปา พูดในสิ่งที่ใช้เป็นหลักฐานมัดตัวตนเองได้เป็นอย่างดี

“ความจริงถ้าคุณมั่นใจในแผนการของตัวเองมากนัก คิดว่ามันสมบูรณ์แบบ ทำไมถึงยังทำลายมันด้วยตนเองเล่า คุณสามารถนั่งเรือออกไปยังจุดปลอดภัยได้อย่างง่ายดายและแน่นอน ทั้งยังสามารถนั่งจิบไวท์มองเราตายอย่างทรมานได้ด้วยซ้ำ”

“ปิด ปิดมันเดี๋ยวนี้! ” สุชาติสติแตกอย่างห้ามไม่อยู่ เมื่อคิดว่าสิ่งที่ตนพยายามมาทั้งหมดกำลังจะสูญสิ้นไป

ผู้คนในงานต่างให้ความสนใจกับเสียงที่ดังขึ้น ทั้งยังงุนงงสงสัย เพราะเสียงที่ได้ยินไม่ใช่เสียงของสุชาติหรือสิริน แม้จะกล่าวกับสุชาติทั้งยังสามารถเชื่อมโยงไปถึงเหตุการณ์ในค่ำคืนที่เกิดเหตุร้าย ก็ยังไม่ได้โยงมัน 100% สุชาติรู้จึงต้องรีบหยุดไว้ก่อนที่ประโยคต่อจะตามมา

เพราะเขาดื่มด่ำกับความสุขในคืนนั้นเสมอจึงจดจำได้ทุกเหตุการณ์ ทุกคำพูด ทุกการกระทำ รู้ดีว่าต่อไปจะเป็นคำกล่าวของใคร

“ไม่ได้ยินรึไง ปิดมันซะ! ” ไม่ว่าจะโวยวายมากเพียงใดเสียงนั้นก็หาได้หยุดลง

“เหอะ แค่นั้นมันไม่สะใจโว้ย! กูต้องทรมานมันด้วยตัวเองถึงจะสะใจ ไอ้เด็กนั่นกูยังไม่เอาก็ได้ แต่ขออัดมันให้หายแค้นก่อนเถอะ แค่นี้ยังไม่สาสมกับความเกลียดชังตลอด 10 ปีที่ผ่านมา”

คนในงานเริ่มฮือฮา เพราะจดจำเสียงนี้ได้ดี ส่วนเจ้าของเสียงนั้นเวลานี้หยุดดิ้นรนขัดขืนจะเข้าไปจัดการสิรินแล้ว สนหน้าซีดด้วยความหวาดกลัว

“พอแล้ว”

“ฉันยอมรับว่าแกฉลาดกว่าพ่อของแก แต่สำหรับฉันแกยังเด็กมาก แผนการทั้งหมดนั่นคิดว่าฉันคนนี้คิดไม่ถึงอย่างนั้นเรอะ หึ อ่อนเกินไปแล้วหลานรัก”

ต่อมาเป็นเสียงสุชาติทำให้คนในงานยิ่งแตกตื่น เพราะมันฉีกภาพลักษณ์ของเขาโดยสิ้นเชิง

“ไม่ได้ยินรึไงวะว่าพ่อกูบอกให้หยุด! ” สนได้สติก็กระวนกระวาย แม้จำได้บ้างไม่ได้บ้างว่าวันพูดอะไรไป แต่อย่างไรคงไม่ใช่เรื่องดีแน่ เพราะวันนั้นเขาคิดว่าอย่างไรสินก็คงไม่รอดจึงไม่คิดปิดบังความรู้สึกของตน

“แค่กๆ ”

“คิดไม่ผิด อาอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้จริงๆ ”


ยิ่งได้ยินยิ่งตอกย้ำ สนพยายามสะบัดตัวหนีบอร์ดี้การ์ดตัวโตหวังจะเข้าไปปิดมันด้วยตนเอง แต่ก็ไร้ผล คนที่มีแต่เข้าฟิตเนตจะไปสู้คนลงภาคสนามจริงได้อย่างไร

ส่วนสุชาติมองหาทางหนีทีไล่ ทำให้พึ่งสังเกตเห็นว่าพวกเขาโดนล้อมไว้เสียแล้ว สิรินดึงจุดสนใจเอาไว้ที่ตน ส่วนคนของเขาก็ค่อยๆ ทยอยเดินเข้ามาทางประตูด้านหลัง ทำให้สุชาติหนีไม่ทัน ทั้งยังเข้าไปขัดขวางไม่ได้ดังเช่นตอนนี้

“หึหึ ฮ่าๆ ๆ ใช่แล้ว แกพึ่งจะรู้รึไง ไหนๆ แกก็กำลังจะตายแล้ว ฉันจะบอกให้เอาบุญจะได้ไปช่วยปลอบใจกันในนรก ฉันเอง ฉันเป็นคนวางแผนฆ่าไอ้สุทิน รู้อะไรไหมมันโง่จนวินาทีสุดท้าย บอกว่าโชคดีที่ฉันรอดมาได้ ฮ่าๆ ๆ ไม่มีอะไรจะสะใจมากไปกว่านี้อีกแล้ว ได้แก้แค้นคนที่แย่งทุกอย่างไปจากฉัน ได้แย่งชิงทุกอย่างกลับมาจนหมดสิ้น ได้เห็นหน้าเป็นห่วงโง่ๆ นั่นก่อนตาย มันสะใจที่สุดในชีวิตเลยล่ะหลานรัก”

เกิดเสียงดังในงานอีกครั้งเมื่อชื่อไม่คาดฝันปรากฏขึ้น ในวงการธุรกิจอสังหาริมทรัพย์นี้พวกเขาย่อมเคยร่วมงานกับสุทิน อดีตประธานบริษัท ผู้มีพรสวรรค์เต็มเปี่ยม พิสูจน์ความสามารถของตนตั้งแต่เยาว์วัยจนสามารถพาบริษัทประสบความสำเร็จอย่างมหาศาล ซึ่งในใจผู้คนส่วนใหญ่ต่างเคยเปรียบเทียบสองพี่น้องต่างมารดาว่ามีฝีมือต่างกันมากน้อยเพียงใด

สุทินทำผลประโยชน์ไว้ให้บริษัทมากมาย จนบริษัทขยายใหญ่โตเช่นในปัจจุบัน ทั้งขยายพื้นที่บริษัท ทั้งขยายสาขาจนโด่งดังไปทั่วประเทศ เมื่อเทียบกับสุชาติแล้ว เขาเพียงบริหารทุกสิ่งต่อจากพี่ชาย ไม่มีส่วนไหนเพิ่มเติมจนต้องทึ่ง เพียงเดินไปตามรากฐานนี้เท่านั้น

คิดแล้วก็น่าเสียดายที่ต้องจบชีวิตตั้งแต่ยังหนุ่ม แล้วนี่จะบอกว่าไม่ใช่อุบัติเหตุแต่เป็นการวางแผนฆ่าอย่างจงใจเช่นนั้นหรือ ช่างอุกอาจเหลือเกิน ผ่านไปเป็นสิบปีก็ไม่มีใครจับได้ จะเรียกว่าพรสวรรค์ของคนน้องเช่นนั้นหรือ...

“คุณก็แค่โลภมาก เวลานั้นถ้าคุณเรียนจบ ตำแหน่งรองประธาน หรือหัวหน้าสาขาใหญ่ที่อเมริการอคุณอยู่แท้ๆ คุณยังคิดเรื่องชั่วๆ พวกนี้ได้อีก

เสียงสิรินดังขึ้นอีก หลายคนจึงออกจากห้วงความคิดเมื่อครู่ ซึ่งพยายามระลึกความหลัง เพื่อหาความเป็นไปได้ของคำกล่าวเหล่านี้

“แกจะไปรู้อะไร! คนที่ควรได้ตำแหน่งประธานคือฉันคนนี้ ฉันเข้าไปฝึกงานที่บริษัทตั้งแต่อายุยังไม่ถึง 15 ปี มันแค่กลับจากต่างประเทศ แค่อายุมากกว่าไม่กี่ปี พ่อก็ยกทุกอย่างให้มัน ทุกอย่างที่ควรจะเป็นของฉัน”

ความเห็นแก่ตัว ความเอาแต่ได้ ดื้อรั้นเสียจนใครก็ห้ามไม่อยู่ จะว่าไปแล้วในครั้งสุชาติยังเด็กพวกเขาบางคนก็เคยพบสุชาติซึ่งมีนิสัยเช่นนั้น เผลอคิดว่าเปลี่ยนนิสัยจนดีขึ้น ที่แท้เล่นละครตบตากันหรอกหรือ

“คนที่ไม่รู้อะไรคือคุณ พ่อของผมก็เริ่มต้นพิสูจน์ตัวเองในอายุไม่ต่างกัน ต้องบอกว่าก่อนคุณเสียด้วยซ้ำ เพราะพ่อถูกเลี้ยงมาแบบคนอเมริกา อายุเพียง 9 ขวบ ก็ได้รับเงินก้อนหนึ่งไปบริหารจัดการ ลงทุนในตลาดหุ้น พออายุ 15 ก็เข้าไปฝึกงานที่บริษัทตามที่ปู่กำหนดไว้

ใช้เวลาไม่กี่ปีก็ไต่เต้าจากตำแหน่งเล็กๆ จนกลายเป็นหัวหน้าสาขา ทั้งยังทำกำไรเพิ่มขึ้นหลายพันล้าน ปู่จึงยอมรับให้กลับมารับตำแหน่งประธานที่นี่”


เสียงวิพากษ์วิจารณ์ดังขึ้นอีก ความจริงเหล่านี้มีเพียงบางคนที่รู้เท่านั้น จึงเกิดการยืนยันซักถามกันไปมาจนได้คำตอบ

ส่วนสิรินก็มองสุชาติด้วยรอยยิ้มเย็นเหยียบ จนสุชาติไม่อาจกล่าวสิ่งใดออกไปได้อีก สถานการณ์ย่ำแย่จนเกินจะรับไหว เขาตกหลุมพรางเข้าเต็มเปาเสียแล้ว สุชาติใกล้สติแตกเต็มที

“สาขาอเมริกาบริหารยากแค่ไหนคุณอาน่าจะเข้าใจใช่ไหมล่ะครับ...ก็คุณทำจนแทบจะเจ๊งอยู่รอมร่อ”

“แก! ”

“หึ จี้ใจดำจนเถียงไม่ออกเลยหรือครับ”


“ไอ้เด็กเวร! ”

ปัง!

ปึก


“อย่าคิดว่าแกจะได้ตายดี จับมันมัดไว้ ฉันต้องมั่นใจว่ามันไม่มีทางรอด!

“แก! ” สุชาติกัดฟันโกรธ พยายามเค้นสมองแก้สถานการณ์ แต่ด้วยความกดดันอันมหาศาลสมองจำทำงานช้ากว่าที่เคย

“ไอ้คนสารเลว แกทำกับพี่แล้วก็หลานตัวเองเช่นนี้ได้อย่างไร”

“ใช่ๆ กล้าปั้นหน้าเป็นคนดีทั้งที่เลวขนาดนี้ ชั่วช้าจริงๆ ”

“ไปตายซะไอ้สารเลว! ”

เสียงด่าทอดังขึ้นหลังฟังจบ เหล่าคนที่ทั้งเคย และไม่เคยรู้จักกับสุทินต่างตะโดนด่าทอ ดีที่ยังไม่มีการขว้างปาข้าวของ สุชาติจึงไม่ถูกทำร้ายร่างกาย แต่หากเสียงของคนรอบข้างที่เขารักษามาตลอดหลายปีกลับถูกพลิกกลับในเพียงชั่วเวลาไม่กี่นาที ทำให้เขาเจ็บปวดจนแทบกระอีกเลือด

เสียงด่าทอไม่ควรเป็นของเขา วันนี้เป็นวันที่เขาต้องได้รับคำอวยพรสิ ทำไมถึงเป็นเช่นนี้ เขาพลาดตั้งแต่ตรงไหนกัน!

“หุบปาก! หุบปาก! หุบปาก! พวกแกไม่มีสิทธ์มาว่าฉัน ทั้งที่ตัวเองก็เลวทรามไม่ต่างกัน ใครบ้างที่ไม่ทำเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง ใครกันที่เป็นคนดีไม่เคยทำร้ายใคร เพราะฉะนั้นอย่ายุ่งกับเรื่องของฉัน! ” สุชาติสติแตกอย่างแท้จริง เขาไม่สนใจใครหน้าไหนอีกแล้ว สิ่งที่เขาต้องทำวันนี้มีเพียงรักษาผลประโยชน์ของตนให้ได้มากที่สุดเท่านั้น

“แต่พวกฉันไม่เคยฆ่าพี่น้อง ไม่ได้ใจดำอำมหิตเหมือนแก! ”

“ใช่ๆ เป็นพี่น้องกันแท้ๆ ทุเรศที่สุด! ”

การถกเถียงจากแขกในงานยังดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง สิรินมองอย่างพอใจ เข้าไม่ได้เข้าข้างคนนอก เพียงแต่ต้องขอบคุณพวกเขาที่ทำให้สุชาติขาดสติได้เสียที

เมื่อเห็นว่าสถานการณ์เหมาะจะลงมือแล้วสิรินก็ส่งสัญญาณให้นักดนตรีบรรเลงเปียโนกลบเสียงด่าทอของทั้งสองฝ่าย

“ผมมีเรื่องสำคัญจะคุยกับอา รบกวนอยู่ในความสงบด้วยนะครับ” เพียงเท่านั้นความสนใจก็กลับมาอยู่ที่สิริน สุชาติยิ่งโกรธเกรี้ยว ทั้งที่งานนี้จัดเพื่อเขา เหตุใดสิรินจึงสั่งนั่นนี่ได้เล่า นั่นหมายความว่าหลานชายตัวดีวางแผนมาตั้งแต่ต้น ทั้งหมด ทั้งหมดนั่นคือแผนของสิริน

“แก! คิดว่าทำแบบนี้แล้วจะได้ทุกอย่างคืนรึไง บอกไว้ก่อนนะว่าคลิปเสียงนั่นฉันไม่ยอมรับ หลักฐานที่ไม่รู้ว่าใช่ของจริงรึเปล่าแบบนั้นใช้ดำเนินคดีไม่ได้หรอก ถ้าจะเอาอย่างนั้นก็ไปสู้ในชั้นศาล” มีหรือคนอย่างสุชาติจะยอมแพ้ง่ายๆ ถ้าไม่ยอมรับซะอย่างเขาก็สามารถยื้อคดีต่อไปได้ จะหาทางออกต่อไปก็ยังไม่สาย

“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงไปครับอา พักเรื่องนี้ไว้ก่อน เรามาคุยเรื่องธุรกิจกันก่อนดีกว่า” เวลานี้ในสายตาทุกคนสิรินเปลี่ยนไปมาก ในอดีตพวกเขาต่างคิดว่าสิรินนั้นไร้ซึ่งความรู้สึกของผู้มีอำนาจ ทั้งยังไร้ความสามารถ ได้โอกาสนั่งในตำแหน่งของรองประธานแท้ๆ กลับไม่มีผลงานเป็นชิ้นเป็นอัน เกาะสุชาติกินไปวันวันเท่านั้น

ในตอนนั้นเมื่อคิดว่าสิรินได้ขึ้นไปประธานก็รู้สึกว่าอีกไม่นานบริษัทนี้คงล้มในมือ ให้พวกเขาไปรุมกินรุมทึ้งจนพอใจ แต่เมื่อได้รู้ความจริงก็แทบไม่เชื่อหูตัวเอง ทั้งบรรยากาศรอบตัวสิรินยังผิดแปลกไป ดังผู้ที่อยู่สูงกว่ามองพวกเขาซึ่งอยู่เบื้องล่าง ดังผู้ล่ามองเหยื่อแสนอ่อนแอ บางคนถึงกับแข้งขาสั่น โดยเฉพาะผู้ที่เคยกดข่มสิรินเมื่อครั้งที่เจอหน้ากัน พวกเขาทำผิดพลาดครั้งใหญ่เสียแล้ว

“แกจะคุยอะไร” สุชาติถามด้วยความหวาดระแวง เขาเข้าใจทุกอย่างดี ตอนนี้ถ้าสิรินรวมหุ้นเข้ากับสติกมาก็ไม่จำเป็นต้องใช้เสียงโหวตของคณะกรรมการ เพราะหุ้นของพวกเขาจะไม่เท่ากันอีกต่อไป

“แกคิดว่าใช้วิธีนี้แล้วจะบีบให้ฉันยอมแพ้ได้รึไง ฉันยังมีส่วนในบริษัท แกอย่าคิดว่าจะอยู่อย่างสงบสุข” ยิ่งรู้ยิ่งสติแตก ตอนนี้สุชาติคิดจนหัวแทบแตกก็ไม่สามารถหาทางออกได้ เวลา ตอนนี้เขาต้องการแค่เวลาเท่านั้น ถ้ามีเวลาคนอย่างเขามีหรือจะแก้ปัญหาพวกนี้ไม่ได้

“หึหึ อานี่ฉลาดจริงๆ นะครับ เข้าใจอะไรง่ายดี ผมมีทางออกมากมายรู้ไหมครับ ทั้งชื่อผมเป็นประธานบริษัทโดยชอบธรรม หรือจะเป็นรวมหุ้นที่อาว่า ถึงจริงๆ ผมจะไม่คิดที่จะทำก็เถอะ เพราะผมไม่อยากรวมสองบริษัทเข้าด้วยกันเท่าไหร่นัก บริษัทนี้เป็นบริษัทที่พ่อรัก ผมไม่อยากให้มันกลายเป็นส่วนหนึ่งของบริษัทอื่น ต่อให้นั่นเป็นบริษัทของผมเอง” สิรินยังคงความเหนือกว่าเอาไว้ แผนการทุกอย่างเตรียมการไว้พร้อมแล้ว

“ถ้าอย่างนั้นก็ก็ปล่อยบริษัทนี้ให้ฉันดูแล แกจะโลภมากไปทำไม ในเมื่อที่นี่มันควรจะเป็นของฉันตั้งแต่แรก! ” ช่างเป็นการโต้เถียงที่ไร้เหตุผล ใครกันแน่ที่แย่งบริษัทนี้มาจากเด็กวัย 12 ปี อย่างหน้าด้านๆ ไม่ใช่เพราะความโลภหลอกหรือ มีคนมากมายถามคำถามนี้ในใจ

“ผมก็อยากจะทำแบบนั้นนะครับ ถ้าอาไม่ได้ฆ่าพ่อผม” ดวงตาแดงก่ำเล็กน้อยอย่างยากจะให้ใครได้เห็น เรื่องนี้เป็นเรื่องเดียวที่ไม่อาจอภัยให้สุชาติได้

“มันเป็นอุบัติเหตุต่างหาก วันนั้นถ้าฉันนั่งรถไปด้วยฉันก็ตาย วันนั้นปู่ของแกก็เข้าโรงพยาบาล ถ้าไม่ได้ฉันบริษัทจะอยู่รอดมาถึงตอนนี้อย่างนั้นเรอะ แกควรสำนึกบุญคุณฉันถึงจะถูก! ” เสียงตะโกนก้อง สุชาติหาข้อแก้ตัวให้ตนได้ในที่สุด เขากำจัดหลักฐานไปหมดแล้ว อีกทั้งเรื่องผ่านมาเป็น 10 จะไปหาตัวคนขับรถบรรทุกมาจากที่ใด คลิปเสียงนั่นเขายังหาข้ออ้างได้

สุชาติมั่นใจว่าตนรอบครอบพอ ใครที่ควรกำจัด สิ่งใดที่ควรทำ เขาทำจนหมดสิ้นแล้ว

“แค่นี้มันก็มากพอที่แกจะหยุด ถ้าไม่คิดจะรวมหุ้นของสติกมา ฉันกับแกก็มีอำนาจในบริษัทเท่าเทียมกัน ถ้าให้คณะผู้บริหารโหวตฉันต้องชนะแน่ แกยังคิดว่าจะทำอะไรได้อีก” สุชาติพยายามยืดตัวตรง มองสิรินดังตนมีข้อต่อสู้มากกว่า

“ผมบอกแล้วหรือครับว่ามีแค่นั้น หึหึ

อาลืมไปรึเปล่า ถ้าผมถอนหุ้นออก ยกเลิกการสร้างรีสอร์ท...บริษัทนี้จะเป็นอย่างไร”

“แกไม่กล้าหรอก” สิ้นเสียงสิริน สุชาติก็ตะโกนกลับไปโดยไม่คิด เขาไม่คิดว่าสิรินจะกล้าทำลายบริษัทจึงไม่เคยคิดถึงข้อนี้แม้แต่น้อย

“คิดแบบนั้นจริงๆ หรือ หึหึ ผมน่ะกล้าทำทุกอย่างเพื่อทำลายอาอยู่แล้วล่ะครับ รู้ไหม” น้ำเสียงสิรินยังราบเรียบ ดังว่าเขาไม่รู้สึกถึงสิ่งที่ตนกล่าวแม้แต่น้อย

คนรอบข้างก็ใจหายวาบ ไม่คิดว่าลูกชายของสุทินซึ่งมอบชีวิตให้บริษัท จะกล้าทำลายทุกสิ่งที่พอของตนสร้างมา ใครต่างก็รู้ว่าสุทินทุ่มเทให้บริษัทนี้มากมายเพียงใด ความสำเร็จก็มีมากกว่าใครทั้งหมด จะบอกว่าสิ่งเหล่านั้นจะถูกลูกชายทำลายอย่างนั้นหรือ บ้าเกินไปแล้ว

“แก แก แก แกก็บอกเองว่าบริษัทนี้เป็นบริษัทที่พ่อแกรัก! ” แม้แต่สุชาติยังใจหาย เขาเคยคิดว่าประโยคนี้ไม่มีทางออกจากปากสิริน แต่น้ำเสียงรายเรียบดังไม่ยี่ระต่อสิ่งใดนั้นทำให้จิตสำนึกเขาเชื่อไปกว่าครึ่ง

“อืม...ถ้าแลกบริษัทกับการแก้แค้นให้พ่อ ผมว่าก็คู่ควร ไม่ใช่หรือครับ” รอยยิ้มเหยียบเย็น แววตาท้าทาย สุชาติแทบขาอ่อนไปกองกับพื้น ยังดีที่ฝืนตัวเอาไว้ได้ สายตาแบบนั้น บรรยากาศเช่นนั้น เขาเคยได้รับทั้งจากพ่อ และสุทิน สายตาที่ไม่อาจต่อต้านได้

เขาเกลียดมัน!

“มันโกหก พ่ออย่าไปเชื่อ มันทำขนาดนี้ไม่มีทางวางมือทำลายบริษัทลงง่ายๆ หรอก ไอ้ชั่ว มึงวางแผนมานานแค่ไหนแล้ว มึงจงใจทำร้ายกูกับพ่อใช่ไหมถึงได้ใส่ร้ายกันแบบนี้” สนเห็นพ่อของตนหน้าซีดก็หมายจะกู้สถานการณ์ แม้โดนบอดี้การ์ดตัวใหญ่จับล็อกตัวอยู่ก็หาได้เกรงกลัว

“หึหึ ฮ่าๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ” สิรินหัวเราะก้องงาน ดังคำกล่าวนั้นน่าขันเป็นอย่างยิ่ง แต่ถึงแม้จะหัวเราะ แต่ใบหน้ากลับยังคงเรียบเฉย แล้วยิ้มให้สนกับสุชาติ

คงได้เวลาปิดฉากแล้ว

(ต่อ)
หัวข้อ: เปย์ครั้งที่ 25 (2)
เริ่มหัวข้อโดย: GreenHead(หัวเขียว) ที่ 16-07-2019 21:41:15
“อืม ใส่ร้ายสินะ” สิรินพยักหน้าให้ก้องที่อยู่ตรงประตูทางเข้าเบาๆ จากนั้นพวกเขาก็เปิดประตูออก ตำรวจกรูกันเข้ามาในงาน พวกเขาได้รับหลักฐานบางส่วนไป จึงพร้อมปฏิบัติงานมารอชมหลักฐานที่เหลือพร้อมคนอื่นๆ ในงานตามคำขอของสิริน ซึ่งพวกเขาติดต่อกันมาสักพักแล้ว

“อาสุชาติครับ” เสียงของสิรินปลุกให้สุชาติตื่นจากภวังค์ เขากำลังตื่นตะลึกกับสิ่งที่เกิดขึ้น พร้อมทั้งพยายามคิดหาทางออก แต่ก็...ไม่มี ไม่มีเลยสักทางเดียว

“ผมมีบางคนอยากจะให้แนะนำให้อาได้รู้จัก...อีกครั้ง” ไร้เสียงตอบรับใดๆ มีเพียงสายตาแห่งความหวาดกลัวเท่านั้นที่มองสบมา สิรินรู้สึกพอใจเป็นอย่างยิ่ง

“เขาเป็นคนสำคัญในงานครั้งนี้ และเป็นคนที่ผมไว้ใจมากๆ คนหนึ่ง อารู้จักคนคนนี้ดีเลยละครับ” สิ้นเสียงสิรินไฟในห้องก็มืดลง สุชาติยิ่งหวาดกลัวมากขึ้น เขาคิดถึงใบหน้าคนสนิทของตนทีละคนๆ ใครกันเป็นหนอนบ่อนใส่ ไม่ใช่ว่าเขาทั้งพิสูจน์พวกนั้นทุกคนแล้วหรือไร

พร้อมๆ กับไฟที่สว่างขึ้น สุชาติก็คิดออก มีคนคนนึงไม่ใช่หรือ คนที่ไม่ใช่คนของเขาตั้งแต่ต้น แต่หากถูกซื้อด้วยเงิน และอำนาจอันมหาศาล ชายที่มองสิรินอย่างไร้เยื่อใยทั้งที่เป็นนายเก่าของตน มันพาให้เขาคิดไปว่าคนคนนั้นจงรักภักดีต่อเขาเป็นอย่างยิ่ง

‘โจ’

“โจ” คำตอบในใจดังขึ้นพร้อมๆ กับเสียงของสิริน สปอร์ตไลท์สว่างวาบทอประกายรอบตัวของชายสองคน เป็นคนที่คุ้นหน้าคุ้นตาทุกคนเป็นอย่างยิ่ง

คนหนึ่งอยู่คอยอยู่รับใช้สิริน เป็นคนประสานงานระหว่างเขากับบริษัท ซึ่งบางคนคิดว่าคนคนนี้ควรนั่งในตำแหน่งรองประธานมากกว่าสิรินเสียอีก

อีกคนหากใครเคยพบสุชาติหลังเหตุการณ์เรือล่ม ก็จะเจอคนคนนี้ตามมาด้วยเสียทุกครั้ง เป็นบอดี้การ์ดส่วนตัวของสุชาติ และหนึ่งในผู้รอดชีวิตจากเหตุการณ์เรือล่มครั้งนั้นด้วย

ดนัยควงแขนโจเดินท่ามกลางห้องโถงปูพรมสีแดง พวกเขาใส่สูทสีดำแบบเดียวกัน พาให้ผู้คนรู้สึกว่าพวกเขากลมกลืนกันเป็นอย่างยิ่ง

“มึงไอ้โจ ไอ้ชั่ว ไอ้เลว พวกมึงวางแผนหลอกกู” สนเดือดดานเมื่อคิดว่าพวกตนโดนสามเขามาโดยตลอด และเมื่อยิ่งคิดกลับไป วันนั้นที่เขากับพ่อเชื่อโจหมดใจ คงเป็นเหตุการณ์บนเรือ เจ้านั่นต้องใจแข็งขนาดไหนถึงกลับกล้าทำร้ายเจ้านายของตน

แต่สุชาติกลับคิดต่าง พอคิดกลับไปแล้ว โจยิงคนของสิรินก็จริง แต่ใครเล่าได้ตรวจสอบ เวลานั้นอยู่ในช่วงสถานการณ์บีบบังคับใครก็ไม่อาจตรวจสอบอะไรได้ นั่นหมายความว่าพวกนั้นเพียงแค่ถูกยิงจุดไม่สำคัญแล้วแกล้งตายเท่านั้น

ไหนจะเหตุการณ์ที่สิรินต่อปากต่อคำกับเขา โจก็เข้าไปลงมือก่อนเขาจะได้ลงมือ ถ้าตอนนั้นไม่ใช่แค่ลงมือแทนเจ้านาย แต่ปกป้องเจ้านายโดยลงมือเลี่ยงสุดสำคัญเล่า แล้วก็ในตอนนั้น ตอนที่เขากำลังจะสั่งยิงสิริน โจก็เข้าไปจัดการก่อนอีก

เมื่อทุกอย่างประกอบเข้าด้วยกันสุชาติก็ตาสว่าง โจไม่ได้ปกป้องพวกเขา แต่ปกป้องสิรินต่างหาก ชายคนนี้เล่นละครได้อย่างแนบเนียนจนเขาไม่ทันได้เอะใจ ทั้งยังใจแข็งไม่แสดงอาการใดๆ ตอนที่สิรินโดนซ้อม เป็นลูกน้องที่ทำงานได้เพอร์เฟคอย่างยิ่ง

ทำไมเขาไม่มีลูกน้องแบบนี้บ้างนะ...สวรรค์จะเข้าข้างสิรินมากเกินไปแล้ว

“ผมเป็นคนของคุณสิน พวกคุณก็รู้อยู่แกใจไม่ใช่หรือครับ...ความจริงถ้าอยากได้คนอย่างผมก็ง่ายดายมาก เพียงแต่ผมไม่ได้สนใจเงินทอง ลาภยศชื่อเสียงเท่านั้นเอง” โจตอบสน เขาไม่เคยบอกคนทั้งสองเลยสักนิดว่าต้องการสิ่งที่สุชาติเสนอมา เพียงแค่รับไว้ตามสมควร คนพวกนั้นเข้าใจไปเองทั้งนั้น

“เลิกพูดเล่นได้แล้ว ส่งหลักฐานที่ได้มาให้คุณสินสิ” ดนัยดุโจเล็กน้อย เมื่อนิสัยเก่าๆ กำลังออกลาย โจชอบปั่นหัวคนอื่น ทำให้สนุกกับการทำงานครั้งนี้เอามากๆ คนแม้แต่เขายังโดนไม่น้อย

“ครับๆ ” โจยอมฟังคำสั่ง ทำให้สนแปลกใจ

“เฮ้ ไม่ใช่ว่าแกข่มขืนมันบนเรือรึไง ทำไมถึงยังปองดองกันอีก” เพียงเท่านั้นเสียงฮือฮาของคนในงานก็ดังขึ้น จนดนัยเองยังคิ้วกระตุก ให้ตายเถอะอย่าพูดถึงเหตุการณ์คืนนั้นได้ไหม

ส่วนโจมีหรือจะสลด เขายังคงเดินไปข้างหน้า เดินผ่านสุชาติขึ้นบันไดไปชั้นบน แล้วยื่นเอกสารทั้งหมดให้กับสิริน

“ขอบคุณที่ตั้งใจทำงาน” สิรินรับเปิดดูอย่างพอใจ

“ผมไม่ต้องการคำขอบคุณหรอกครับ ขอแค่วันหยุดหนึ่งเดือนสำหรับผมกับดนัยก็พอ” โจนอบน้อมกับสิรินยิ่ง แต่กระนั้นก็ยังกล้าขอวันหยุดของตน

“ได้สิ อยากไปทีไหนก็บอกแซนรี่ได้เลย เดี๋ยวเธอจัดการให้” แซนรี่ได้ยินชื่อของตนก็โค้งหัวรับอย่างเต็มใจ

“ขอบคุณครับ...ฝากด้วยนะครับ” โจของคุณสิรินแล้วหันไปคุยกับแซนรี่ โดยไม่สนสีหน้าคัดค้านของดนัยที่อยู่ด้านล่าง

เมื่อได้ยินคำสนทนาเหล่านี้ก็ไม่ต้องคาดเดาให้ยาก มันชัดเจนอยู่แล้วไม่ใช่หรือ

“แก แกจะบอกว่าต้องการวันหยุดไปสวีทกับไอ้เกย์แก่ๆ นี่มากกว่าเงินที่พ่อกูให้เหรอวะ” มีเพียงสนที่กล้ากล่าวออกมา

“ไม่ใช่หรอกครับคุณสน เพียงแต่...ถ้าดนัยเลือกฝั่งไหนผมก็เลือกฝั่งนั้นเท่านั้นเอง” โจกล่าวสบายๆ เขาไม่กลัวคำต่อว่าของสังคมแม้แต่น้อย ขอเพียงได้อยู่เคียงข้างดนัยก็เพียงพอแล้ว

ความจริงโจเป็นเด็กไม่มีที่ไป เขาหนีออกจากบ้านตั้งแต่เรียนจบ ม.ต้น เพราะที่บ้านมีปัญหา จากนั้นก็เร่ร่อนไปเรื่อยๆ ทั้งขโมย เล่นยา สารพัดการดิ้นรน จนกระทั่งเขาได้เจอกับดนัย ซึ่งรับเขามาเลี้ยงหลังจากถูกเขาขโมยเป๋า

โจไม่เข้าใจดนัยแม้แต่น้อย เขาไม่เคยรู้จักความรัก ทำให้ค่อยๆ ปรับตัวจนดนัยกลายมาเป็นคนสำคัญที่สุดในชีวิตตั้งแต่เมื่อใดไม่ทราบ และเขาก็ได้รู้ว่าตนคล้ายกับน้องชายของดนัยจึงค่อยๆ ทำลายกำแพง จนในที่สุดก็วางแผนจับดนัยกินสำเร็จ

แม้ผ่านอุปสรรคมามากมายในที่สุดโจก็ได้ดนัยมาครอบครอง ทั้งชีวิตเขาจึงมอบให้ดนัย ไม่ว่าอีกฝ่ายจะต้องการให้เขาทำสิ่งใดก็ตาม

ส่วนเหตุการณ์ที่สนพูดถึงนั้นเป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า เพราะสนอยู่ด้วยตอนจับดนัยมัดไว้ในห้องพักลูกเรือ และยังออกความเห็นให้พวกเขาเล่นสนุกกับดนัย จงใจพิสูจน์ความภักดีของพวกเขา คิดว่าหากเป็นคนของสิรินคงไม่กล้าทำร้ายดนัยแน่นอน

เวลานั้นโจจึงเสนอตัวเป็นคนแรก บอกว่าสนใจดนัยมานานแล้วขอระบายความรู้สึกก่อนฆ่าทิ้ง เพื่อพิสูจน์ และสนองความต้องการของตัวเอง เล่นบทขืนใจดนัยก็สนุกไม่เลว จึงทำไปเสียหลายรอบเพื่อถ่วงเวลา ทั้งยังติดใจเสียจนใส่สุดแรง ดนัยจึงหมดสภาพดังเช่นที่สิรินเห็นนั่นเอง

ส่วนที่อยู่ของดนัยก็ขยับปากบอกสิรินแบบไร้เสียง ตอนเข้าไปชกสั่งสอนสิรินไม่ให้กล้าต่อปากต่อคำกับสุชาตินั่นเอง

เรียกได้ว่าโจมีแต่ได้กับได้ มีกำไรมากกว่าใครเลยทีเดียว แค่ให้เล่นละครต่ออีกหน่อย เพื่อหาหลักฐานที่เหลืออยู่ จึงราบรื่นเช่นนี้เอง

“คุณตำรวจครับ นี่เป็นหลักฐานที่เหลืออยู่ ทั้งยักยอกเงินบริษัท บีบบังคับหุ้นส่วน และ...หลักฐานการจ้างวานคนขับรถบรรทุกในคืนที่ฆ่าพ่อของผม

ฝากจัดการที่เหลือต่อด้วยนะครับ” เมื่อสุชาติไว้วางใจโจ โจก็สามารถเข้าถึงข้อมูลได้มากขึ้น เขาจึงสามารถหาหลักฐานทั้งหมดมาได้อย่างง่ายดาย ทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่ว่าสิรินจะใช้วิธีใดก็ไม่อาจหาเบาะแสได้แท้ๆ

“ครับ ไปรับหลักฐานมา...ขอเชิญคุณสุชาติกับลูกชายไปที่โรงพักด้วยนะครับ รวมทั้งคนที่เกี่ยวข้องด้วย” แน่นอนว่าคนที่มีส่วนได้ส่วนเสียกับสุชาติทั้งหมดก็โดนไม่ต่างกัน โชคดีที่สุชาติได้เตรียมหลักฐานเอาไว้เล่นงานพวกเขา หากว่าคนเหล่านั้นคิดหักหลัก เป็นหลักฐานที่ใช้รวบตัวพวกเขาทั้งหมดได้เป็นอย่างดี ซึ่งสิรินได้มอบให้กรมตำรวจตั้งแต่ก่อนหน้านี้

ส่วนที่เขาต้องดึงเวลามาถึงตอนนี้ย่อมมีเหตุผล หากลงมือก่อนอายุ 23 ปี เขาก็ยังไม่มีสิทธิ์ขึ้นเป็นประธาน ในตอนนั้นจะเป็นเพียงการเปลี่ยนมือเป็นญาติคนอื่นซึ่งไม่แน่ว่าจะเหมือนสุชาติเท่านั้น อีกทั้งยังอาจจะไม่มีหัวคิดจนทำให้บริษัทล้มละลาย จึงต้องรอเวลาก่อน

ส่วนที่ต้องใช้วิธีแผนซ้อนแผนเสียวุ่นวายก็เพื่อหาหลักฐานเหล่านี้ และปิดทางรอดของสุชาติ ทั้งเรื่องบริษัทและคดีความ สิรินดึงบริษัทสติกมาเข้ามาเพื่อกำจัดหมากเล็กหมากน้อยของสุชาติ เพื่อไม่ให้ใช้ใครแทรกแซงเข้ามาได้อีก พร้อมกับกำจัดพวกถ่วงความเจริญให้ออกไป ล้างระบบในบริษัทใหม่ให้สะอาดเอี่ยม จึงจะเป็นความสบายใจสูงสุด

อีกทั้งเขายังกระจ่างว่าใครบ้างที่เป็นคนของสุชาติ ซึ่งแน่นอนว่าถ้าใช้ชื่อของตนคนเหล่านี้คงไม่ยอมสละหุ้นทิ้ง เกาะไว้เหนียวแน่นเพื่อช่วยสุชาติ ดังนั้นการใช้ชื่อเสียงของสติกมาจึงสำคัญเช่นนี้เอง

“แก! ตายซะ! อย่าเข้ามานะเว้ย ไม่อย่างนั้นกูยิงจริงๆ ด้วย” สุชาติตัดสินใจยกปืนขึ้นมาข่มขู่ เขาเล็งปืนไปที่สิริน แต่หากถูกบอร์ดี้การ์ดขวางไว้ งานเกิดชุลมุนต่างคนต่างหนีตาย

สนอาศัยจังหวะวุ่นวายสะบัดตัวจนหลุด แล้วหลบหนี หาช่องว่างชักปืนขึ้นมาหมายจะยิงสิริน

“มึงต้องตาย ไอ้สิน! ”

ปัง!

ปัง!

“อ้ากกกกกกก” เสียงปืนพร้อมกับเสียงร้องโหยหวนของสนดังขึ้น ปืนตกพื้น ส่วนมือของสนมีเลือดไหลนอง ส่วนกระสุนอีกนัดเฉียดตัวสิรินไปเล็กน้อย

“อย่าหันปืนไปทางมาสเตอร์สิเจ้าโง่” แซนรี่กล่าวขึ้นอย่างหัวเสีย หมดเวลาที่ต้องอดทนให้เจ้าบ้านี่ลวนลามแล้ว ขอเอาคืนบ้างเถอะ

“ขอบใจแซนรี่” สิรินกล่าวกลับแซนรี่ แต่เจ้าตัวกลับขมวดคิ้วไม่ตอบรับคำขอบใจ

“ไม่ต้องขอบใจหรอกค่ะ ดิฉันแค่ไม่อยากให้มาสเตอร์แปดเปื้อนเท่านั้น แล้วก็เบนสายตายไปยังกระบอกปืนข้างตัวสิริน

ถึงพวกเขาจะมีใบอนุญาตพกปืน ทั้งยังอ้างได้ว่าป้องกันตัว แต่มันไม่ดีต่อภาพลักษณ์ของสิริน พวกเขาจึงเข้าไปบังสิรินไว้ไม่ให้นักข่าว หรือคนรอบข้างเห็น สิรินรู้ถึงความหวังดีของพวกเขา จึงเก็บปืนเอาไว้เช่นเดิม ปล่อยให้ตำรวจเคลียร์สถานการณ์ เวลานี้ทั้งสุชาติ ทั้งสนนอนราบไปกับพื้นอย่างหมดสภาพเรียบร้อยแล้ว

สุชาติโดนยิงโดยตำรวจ เพื่อปกป้องประชาชนรอบด้านซึ่งกำลังวิ่งกันอย่างโกลาหล อีกทั้งยังชี้กระบอกปืนใส่ตำรวจ ทำให้พวกเขาสามารถทำได้

หลังตำรวจคุมตัวผู้ต้องหาจากไป ทุกอย่างก็กลับเข้าสู่ความสงบ แขกเหรื่อเตรียมตัวกลับ แต่สิรินกลับเอ่ยหยุดพวกเขาเอาไว้

“วันนี้ขอโทษด้วยที่ทำให้ทุกท่านต้องเจอเรื่องเลวร้าย ซึ่งเกิดจากครอบครัวของผม วันนี้จึงขอชดเชยให้พวกท่าน ได้เขาพักฟรีในรีสอร์ทของสติกมาหลังสร้างเสร็จ ครอบครัวละ 1 เดือน ไม่จำกัดจำนวนคน” มีหลายคนฮือฮากับคำประกาศนี้

ใครบ้างไม่รู้ว่ารีสอร์ทที่ว่าหมายถึงรีสอร์ทครบวงจร ทั้งยังอำนวยความสะดวกด้วยเทคโนโลยีสุดทันสมัย ซึ่งบริษัทสติกมากำลังสร้างอยู่ในปัจจุบัน พวกเขาแม้หวาดกลัวกับเหตุการณ์เมื่อครู่ ก็ไม่อาจระงับความดีใจไว้ได้ ใบหน้าพวกเขาจึงแช่มชื่นขึ้นทันตา

แต่ก็ยังมีบางคนโศกเศร้า พวกเขาคือครอบครัวของผู้สูญเสีย เพราะแค่อาหลานแย่งบริษัทกันกลับลากคนไปตายมากมาย จะให้พวกเขายอมรับได้อย่างไร บางคนถึงขั้นเครียดแค้น คิดหาทางทำลายสิรินกับสุชาติให้พินาศย่อยยับ

“และยังมีอีก 1 เซอร์ไพร์สำหรับคำคืนนี้ครับ ขอเชิญคนที่อยู่ด้านนอกเขามาได้เลยครับ”

ปึก!

ประตูเปิดออก พร้อมกับคนมากมายเดินเข้ามา มีทั้งสภาพปกติ ทั้งใส่เฝือกที่แขนขา แต่พวกเขาก็มีชีวิตรอดกลับมา

“พ่อ! ”

“คุณคะ”

“ฮึก ฮืออออ ขอบคุณ ขอบคุณจริงๆ ”

เสียงร้องไห้ดังระงม ทุกคนต่างรู้สึกขอบคุณจากใจ ไม่กล่าวโทษสิ่งใดอีก แผนการชั่วร้ายก็ล้มเลิกจนหมดสิ้น บางคนถึงขั้นขอโทษที่คิดทำเรื่องเลวทรามกับผู้มีพระคุณ

ความจริงพวกเขาไม่ควรโทษสิริน คนผิดคือสุชาติ ยิ่งได้ฟังทุกอย่างจากปากผู้รอดชีวิต พวกเขายิ่งเข้าใจสิรินมากขึ้น นักข่าวพยายามเข้าไปสัมภาษณ์เสียวุ่นวาย

สองสามีภรรยา ปรเมศกับหฤทัย เข้ามาหาสิริน ทั้งสองยิ้มให้อย่างมีความสุข หลานชายของพวกเขาโตถึงขั้นนี้แล้ว สุทินต้องมีความสุขมากแน่ๆ

“ขอบคุณคุณลุงคุณป้ามากนะครับที่ให้ความร่วมมือ แผนการนี้จึงจบลงอย่างสมบูรณ์” สิรินกล่าวขอบคุณคนทั้งสองอีกครั้ง ทั้งที่ไม่ได้ติดต่อกันมานาน แต่พอขอความช่วยเหลือคนทั้งสองกลับไม่ถามสิ่งใด ตกลงช่วยเขาทันที พวกเขาดีกับสิรินยิ่งกว่าญาติแท้ๆ เสียอีก

“ยินดีช่วยหลานชายสุดหล่ออยู่แล้วล่ะ อย่าลืมนัดทานข้าวของเราก็พอ” หฤทัยตอบสิริน พวกเขาได้รับบัตรเชิญจากสุชาติ ตอนสิรินบอกก็ยังไม่แน่ใจว่าพวกเขาจะใช่เป้าหมายแน่หรือ สุดท้ายก็ใช่จริงๆ

หลังเล่นละครสานสัมพันธ์กับสุชาติ ก็เพียงยกเลิกงานเมื่อฝ่ายนั้นขอเลื่อนงานออกไป ดูก็รู้ว่าสิรินต้องทำอะไรบางอย่างลงไป ทั้งยังจะจ่ายค่าเสียหายให้พวกเขาจากการยกเลิกงานครั้งนี้อีก พอพวกเขาจะไม่รับก็บอกว่าอยู่ในข้อตกลงเสียอย่างนั้น ข้อนี้ช่างเหมือนสุทินจนพวกเขารู้สึกผิดที่ไม่ยื่นมือเข้ามาช่วยตั้งแต่แรก จึงอยากชดเชยหลายๆ สิ่งให้หลานชายคนนี้

สิรินให้สัญญาอีกครั้งก่อนกล่าวลาพวกเขา แล้วจึงเดินทางกลับ เวลานี้ใจเขาลอบไปถึงห้องเรียบร้อยแล้ว

“ฉันทำตามสัญญาแล้วนะดำ...เธออย่าผิดสัญญาซะล่ะ

ฉันขอร้อง”





-TBC-



มาแล้วค่า

ช่วงนี้กรีนกลับต่างจังหวัด แล้วก็ช่วยน้องย้ายของเข้าหอ วุ่นๆ หน่อยนะคะ

พอดีน้องกรีนเข้ามหาลัยแล้ว ต้องเตรียมของหลายอย่างเลย

เหลือตอนสุดท้าย อาจจะได้ลงช้าหน่อยน้า

หัวข้อ: Re: = P A Y = เปย์ข้าด้วยบุฟเฟ่ต์สิ [เปย์ครั้งที่ 25] 16.07.2019
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 17-07-2019 00:31:08
ถ้าไม่ติดว่าหนูดำไปเยี่ยมหลวงตานะ งานคงสนุกมากกว่านี้แน่ ๆ  :laugh:
หัวข้อ: Re: = P A Y = เปย์ข้าด้วยบุฟเฟ่ต์สิ [เปย์ครั้งที่ 25] 16.07.2019
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 17-07-2019 04:14:38
หนูดำรีบๆฟื้นนะ
หัวข้อ: Re: = P A Y = เปย์ข้าด้วยบุฟเฟ่ต์สิ [เปย์ครั้งที่ 25] 16.07.2019
เริ่มหัวข้อโดย: เลยร์มุจา ที่ 18-07-2019 11:14:38
รออออออ    ลุ้นอยู่นะคะ  :mew2:
หัวข้อ: เปย์ครั้งที่ 26 (END)
เริ่มหัวข้อโดย: GreenHead(หัวเขียว) ที่ 21-07-2019 19:12:02
เปย์ครั้งที่ 26

‘ตกล่องปล่องชิ้น’

ตัดสินใจที่จะร่วมมือหรือร่วมชีวิตด้วย



เสียงหัวใจเต้นโครมคราม ยิ่งรถแล่นใกล้ถึงล็อบบี้มากเพียงใด สิรินยิ่งไม่อาจทำใจให้สงบลงได้ เขาทิ้งความสุขุมเมื่อยามจัดการสุชาติไปเสียหมดสิ้น

ความรู้สึกปะปนกันไปหมด ทั้งอยากเจอทั้งไม่อยากเจอในเวลาเดียวกัน เขาไม่อยากห่างจากเจ้าตัวเล็กแม้เสี้ยวสินาที แต่ก็กลัวว่ากลับไปแล้วดำจะไม่ฟื้นขึ้นมาตามที่หวัง หัวใจบีบรัดเสียจนแน่นในอก เขากำลังกลัวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

สิรินไม่เคยกลัวการรอคอยยกเว้นครั้งนี้ วันแล้ววันเล่า วันแล้ววันเล่า ไม่ว่าจะผ่านไปนานเท่าใดดำก็ไม่ขยับตัวแม้แต่น้อย อีกทั้งหมอยังไม่อาจวินิจฉัยโรคของดำได้ ทำให้เขากลัว กลัวว่าดำจะหายไปอย่างไม่ทราบสาเหตุดังที่ดำโผล่มา

เพราะการมาของดำนั้นน่าอัศจรรย์ การจากไปจึงน่ากลัวและคาดไม่ถึงยิ่งกว่า ทุกครั้งที่ห่างกัน สิรินกลัวเหลือเกินว่ากลับไปแล้วจะไม่เห็นร่างที่นอนบนเตียงนั้น

“ถึงแล้วครับ” คนขับรถเอ่ย สิรินจึงต้องออกจากภวังค์ความคิด ทุกก้าวขณะเดินเข้าไปนั้นช่างหนักอึ้ง รู้สึกว่าลิฟต์เลื่อนเร็วกว่าทุกครั้ง แม้อยากหยุดลงตรงนี้ แต่เขาก็อยากเจอหน้าคนตัวเล็กเสียเหลือเกิน ขายาวจึงยังคงก้าวไปไม่หยุด

กลัวแต่ก็อยากเจอ...

สิรินเดินเขาไปในห้อง เขาหยุดอยู่หน้าห้องนอนเพื่อเตรียมใจครู่หนึ่งแล้วจึงตัดสินใจหมุนลูกบิดประตู หัวใจเต้นโครมครามเสียยิ่งกว่าทุกครั้ง

เขากำลังคาดหวัง คาดหวังเหมือนคนโง่คนหนึ่ง ไม่ใช่สิรินนักธุรกิจอัจฉริยะ ไม่ใช่เจ้าของบริษัทสติกมา แต่คือ ผู้ชายคนหนึ่งที่หวังให้คนรักของตนตื่นขึ้นมาจากความฝัน

หวังอย่างผู้ชายธรรมดาคนหนึ่งซึ่งตกอยู่ในห้วงรัก

หวังให้หัวใจของเขากลับคืนมา

หวังให้ดวงอาทิตย์ยิ้มแฉ่งให้เช่นเคย

หวังให้เด็กชายตัวน้อยกลับมาอยู่ข้างๆ เขา...อีกครั้ง

“ดำ! ” ว่างเปล่า บนเตียงว่างเปล่า ไร้ซึ่งร่างของคนที่ควรอยู่ เวลานี้สมองสิรินอื้ออึง ไม่อาจทำใจให้มีสติได้อีก เขากำลังคิดถึงสิ่งที่เลวร้ายที่สุด

“ดำ ดำ ดำ! ดำตอบฉันสิ เธออยู่ที่ไหน” สิรินวิ่งไปเปิดประตูระเบียง ตู้เสื้อผ้า กระทั่งลิ้นชักที่ดูอย่างไรก็ไม่อาจเข้าไปหลบได้ ตะโกนเรียกดำสุดเสียง เขากำลังสติแตก

“ดำ” สิรินพึมพำเสียงเบา เขาพยายามควบคุมสติของตนเอง คิดสิ คิดว่าดำจะไปที่ใดได้บ้าง

เขาพึ่งรู้ว่าตัวเองเวลาขาดสติโง่เง่าเพียงใด ประตูห้องน้ำยังไม่แม้กระทั่งเปิดดูทั้งที่บานใหญ่ล่อตาล่อใจออกขนาดนั้น นี่ล่ะหนอความขาดสติของมนุษย์ สิ่งที่อยู่ใกล้ตัวกลับคิดไม่ถึง

แต่หากการทำใจเปิดประตูห้องน้ำช่างยากเย็น สิรินยืนเผชิญกับประตูห้องน้ำแล้วกลับไม่กล้าเปิดมันออก ในห้องนี้ ห้องน้ำเป็นจุดสุดท้ายแล้วที่เข้าไปซ่อนตัวได้

ในที่สุดเขาก็ยกมือขึ้นจับบานประตู เตรียมตัวเลื่อนบานประตูให้เปิดออก แต่ประตูกลับเปิดก่อนที่เขาจะออกแรงขยับมัน

ครืดดดดดด

“คุณสิน” ภาพตรงหน้าทำให้สิรินชะงักค้าง มือหยุดอยู่ที่เดิมโดยไม่ได้ดึงออก ภาพตรงหน้าจะบอกว่าอย่างไรดี

ตกตะลึง? ดีใจ? มีความสุข? คาดไม่ถึง? หรือจะเป็นแค่...ความฝัน

“คุณสิน คุณสินครับ คุณสิน ไอ้ดำเอง คุณสินเป็นอะไร” เจ้าคนยิ้มแฉ่งงุนงง จึงยกขึ้นมาโบกตรงหน้าสิริน เรียกสติของอีกฝ่ายให้กลับมา

“ดำ ดำ ดำ! ”

“หวาๆ ไอ้ดำจั๊กจี้ ฮ่าๆ ๆ ๆ คุณสิน คุณสิน ฮ่าๆ ๆ ๆ ” สิรินจับตัวดำหมุนซ้ายหมุนขวา ลูบตั้งตั้งใบหน้า ลำคอ แขน ช่วงตัว ลงไปถึงสะโพก ดำจึงดิ้นเร่าๆ เขากำลังจั๊กจี้กับสัมผัสของสิริน

“ดำ...ในที่สุดเธอก็กลับมา” หลังสำรวจจนพอใจ สิรินก็ดึงคนตัวเล็กเข้ามากอด ดำตกใจเล็กน้อย แต่พอเข้าใจความรู้สึกของสิริน ผสมกับความอบอุ่นแสนคิดถึง เขาจึงกอดตอบสิรินเสียโดยดี ซึมซับอ้อมกอดที่ห่างหายไปนานอีกครั้ง

“ไอ้ดำคิดถึงคุณสิน” ดำรู้สึกเช่นนั้น ตลอดเวลาตั้งแต่ล่องลอยในห้วงเวลาตามลำพัง กระทั่งเจอสุทิน จนการตัดสินใจของเขา เวลาช่างยาวนานเสียจนคิดว่าผ่านไปนับแรมปี

“ฉันก็คิดถึงดำ” พวกเขากอดกัน กอดอยู่เช่นนั้นโดยไม่ขยับไปไหน ถ่ายทอดความรู้สึก ทั้งคิดถึง โหยหา ห่วงหาอาวรณ์ ความสุข ความทุกข์ตลอดเวลาที่ผ่านมา ส่งต่อความรู้สึกอย่างไม่บิดบัง แบ่งปันอย่างเท่าเทียม หลอมรวมความรู้สึกหลากหลายเป็นหนึ่งเดียวกันจนไม่สามารถแยกจากกันได้อีก...ชั่วชีวิต



“ทำไมถึงเข้าไปอยู่ในห้องน้ำ” หลังกอดกันจนพอใจสิรินก็คลายอ้อมกอด เขาถามสิ่งที่ตนค้างคาใจในทันที เพียงแค่เห็นดำหายไป ความสุขุมของเขาก็หายไปหมดสิ้น จะมีใครทำให้สิรินกระวนกระวายได้เช่นนี้อีกนอกจากดำ

“ไอ้ดำนอนหลับมานาน กลัวเหม็นก็เลยเข้าไปอาบน้ำครับ กำลังล้างตัวอยู่ก็ได้ยินเสียงคุณสิน ไอ้ดำหาผ้าเช็ดตัวไม่เจอก็เลยออกมาช้า แหะๆ ” หลังจากตื่นนอนดำก็รีบวิ่งเข้าห้องน้ำ เขาจำได้ว่าวันนี้เป็นวันที่สิรินจะจัดการเผด็จศึกอาสุชาติ ดำจึงอยากอาบน้ำตัวหอมๆ มารอรับ ไม่คาดว่าสิรินจะกลับมาเสียก่อน พอจะรีบออกมาก็ดันหาผ้าเช็ดตัวไม่เจอ จนต้องไปหยิบชุดเดิมมาใส่พรางๆ ไปก่อน

ช่วยไม่ได้นี่นา ห้องนี้ไม่ใช่ห้องที่คอนโด ไอ้ดำไม่รู้ว่าของวางอยู่ตรงไหนบ้าง ถ้าเป็นคอนโดล่ะก็รับรองไม่พลาดแน่นอน ไอ้ดำซะอย่าง

“อืม เหม็นจริงๆ ด้วย” สิรินหอมแก้มดำไปหนึ่งฟอด แล้วพึมพำออกมาเบาๆ ดำก็ก็หน้าแดงจนถึงหู ทั้งอายทั้งโกรธ ไม่รู้ว่าควรจะตอบโต้อย่างไร

“เราไปอาบน้ำกันเถอะ ฮึบ” ว่าจบก็อุ้มดำขึ้น เดินตัวปลิวเข้าห้องน้ำโดยไม่สนหน้าเหวอๆ ของอีกฝ่าย

ไม่นานน้ำอุ่นๆ ก็พร้อม พวกเขาลงไปแช่พร้อมกัน โดยมีดำนั่งซ้อนอยู่ด้านหน้าเช่นเคย สิรินกอดเอวดำเข้ามาแนบชิดร่างกายของเขา แล้วก้มหน้าลงซุกหลังคอเล็กๆ ด้านหน้า

“มีอะไรจะเล่าให้ฉันฟังรึเปล่า” เสียงของสิรินแผ่วเบา แต่หากกระซิบที่ข้างหูทำให้ดำขนลุกซู่ด้วยความวาบหวิว พวกเขาห่างกันมาเป็นเดือน เมื่อสัมผัสร่างกายอีกฝ่าย จะบอกว่าไม่รู้สึกอะไรคงเป็นการโกหก

“คุณสินจุ๊บๆ ไอ้ดำก่อน” มีหรือคนตัวเล็กจะยอมเขินอายคนเดียว ไม่เพียงหลบหนี ดำกลับหันหน้าเข้าหาสิริน

ไอ้ดำแปรงฟันแล้ว จุ๊บๆ ได้

“หึหึ รับคำสั่งครับ เจ้าตัวเล็ก” จูบครั้งนี้เป็นไปอย่างช้าๆ ค่อยๆ ละเมียดชิมอย่างแสนเสียดาย สัมผัสจากภายนอกก่อนสอดสิ้นเข้าไปภายใน จากนั้นพายุจูบก็โหมกระหน่ำ ลิ้นของคนทั้งสองตวัดรุกไล่กันไปมา ดูดดึงอีกฝ่ายอย่างไม่มีใครยอมใคร พวกเขาต่างโหยหาสัมผัสของอีกฝ่าย เมื่อได้เริ่มแล้วจึงไม่อาจหยุดลงได้ง่ายๆ สุดท้ายดำจึงหมดแรงหลับตาพริ้มซบอกของสิริน

นอนอยู่บนเตียงมานาน ร่างกายยังไม่กลับมาแข็งแรงเหมือนเก่า สุดท้ายดำจึงเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ไป

“เอาล่ะเล่าได้แล้วก่อนที่ฉันจะอดใจไม่ไหว” สิรินรู้สึกว่าดำมีเรื่องที่ต้องการบอกเขา และจากคำพูดเหมือนว่าดำจะรู้ว่าตัวเองหลับไปนานเท่าใด อีกทั้งยังไม่แตกตื่นเมื่อตื่นขึ้นมาในห้องอันไม่ใช่สถานที่อันคุ้นเคย นั่นหมายความว่าดำต้องรู้สิ่งนี้อยู่ก่อนแล้ว

ดำจับแขนของสิรินที่กำลังกอดเอวตนไว้แน่น ตัวก็เอนลงซบไหล่อันแข็งแกร่ง หลับตาลงแล้วค่อยๆ เล่าสิ่งที่เกิดขึ้น ตั้งแต่เหตุการณ์บนเรือ เสียงที่ปลุกเขาตื่น การล่องลอยในมิติเวลา กระทั่งพบสุทิน

“อย่างนั้นเอง พ่อเป็นคนช่วยพวกเราเอาไว้สินะ” สิรินตกใจเมื่อได้ยิน แต่เขาก็ค่อยๆ ปรับสภาพจิตใจได้เมื่อดำกุมมือเขาแน่น

“พ่อคุณสินตอนนี้มีความสุขมากครับ เพราะว่าไอ้ดำอยู่ที่นี่ ตอนกลับมาก็ร้องไห้ขอบคุณไอ้ดำใหญ่เลย สมแล้วที่คุณสินกับปะป๋ารักก็พ่อคุณสินเป็นคนดีมากๆ เลยนี่ครับ” รอยยิ้มของดำทำให้ทุกอย่างบรรเทาลง

“อืม แน่นอน พ่อน่ะถึงเป็นนักธุรกิจแต่ก็เป็นคนดีจนเกินไป” สิรินยิ้มขื่น เพราะเช่นนั้นจึงเชื่อใจอาสุชาติจนเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น

“ถึงแบบนั้นไอ้ดำก็ชอบพ่อคุณสินพอๆ กับปะป๋าเลยนะ” ดำรู้สึกได้ว่าสิรินเศร้าลงเขาจึงยืนยันความรู้สึกของตัวเอง หวังว่าสิรินจะดีขึ้น

“นั่นสินะ ถึงเป็นแบบนั้นก็รักมากๆ เลยล่ะ” รอยยิ้มของสิรินทำให้ดำใจชื้น

ไอ้ดำทำตามสัญญาเห็นไหมครับ คุณสินกำลังมีความสุขล่ะ

จากนั้นดำก็เริ่มเล่าต่อถึงเหตุการณ์ที่ตนต้องตัดสินใจ สิรินยังรู้สึกตกใจ เมื่อพ่อของตนทำเช่นนั้น ให้ดำเลือกตัวเลือกที่ยากถึงเพียงนี้

“ขอบคุณนะดำ ขอบคุณที่เลือกฉัน” แม้จะเห็นแก่ตัว สิรินก็หาได้ละอายใจ เขายอมรับว่าตนเป็นคนเห็นแก่ตัว เพื่อให้ได้ดำมาครอบครองต่อให้ต้องแลกด้วยสิ่งก็ยอม

“แหะๆ ความจริงแล้ว มันเป็นแบบนี้ครับ” ดำยกมือขึ้นเกาแก้มอย่างอายๆ แล้วเริ่มเล่าให้สิรินฟัง



เวลานั้นดำนั่งก้มหน้าคุดคู้ลงกับเข่า ความลังเล ความเจ็บปวด ความรู้สึกผิดปนเปกันไปหมด ใครมองก็ต้องรู้สึกว่าน่าสงสารยิ่ง ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าใด ดำก็ไม่สามารถเลือกได้เสียที จนกระทั่ง

โป๊ก!

“โอ๊ย! เจ็บๆ ๆ ไอ้ดำเจ็บ” ดำจับหัวแล้วนอนกลิ้งไปกับพื้น แต่ความรู้สึกเวลาโดนเขกกระบานนั้นแสนคุ้นเคยจนต้องกลั้นเจ็บแล้วหันขึ้นมอง

“หลวงตา! ” ภาพตรงหน้าไม่ต้องให้บรรยาย เพราะเวลานี้ดำประมวลผลไม่ทัน ทำไมอยู่ๆ หลวงตาถึงมาอยู่ที่นี่ล่ะ

“เออ ข้าเอง ลุกขึ้นมานั่งคุกเข่าฟังข้าสอนเดี๋ยวนี้” คำสั่งเฉียบขาดทำให้ร่างกายดำเหมือนสปริง เด้งดึ๋งลุกขึ้นมานั่งคุกเข่าก้มหน้าอย่างเรียบร้อย

“คราวก่อนที่เจอกันข้าบอกเอ็งว่าอะไรจำได้ไหม ข้าบอกว่าทางนั้นต้องการเอ็งมากกว่าข้า แล้วยังจะมานั่งลังเลอะไรอยู่อีก” ในตอนที่ดำกลับไปยังวัดทำนบครั้งแรก หลวงตาขอพระพุทธองศ์ให้ได้เจอลูกชายคนนี้อีกครั้ง คิดว่าถ้าได้บอกแล้วดำจะสามารถตัดห่วงทางนี้ไปได้ ยอมใช้ชีวิตอย่างมีความสุขในที่แห่งนั้น เพราะความสุขของท่านคือการได้เห็นลูกชายทั้งหลายเติบโตขึ้นอย่างมีความสุข ไม่จำเป็นต้องอยู่เคียงข้าง แค่มีความสุขก็พอ...

“ก็หลวงตา- “

“ไม่ต้องเถียง ฟังข้า เอ็งลองคิดดู ถ้าข้าตายแล้วเอ็งจะทำอะไรต่อไป อยู่กับข้าก็อยู่ได้ไม่นานในเมื่อข้าละสังขารแล้ว ข้าไปอย่างสงบมีสิ่งใดให้น่าห่วงกัน อีกอย่างข้าก็ยังมีน้องๆ เอ็งคอยดูแล

แต่ทางนู้นน่ะมีเอ็งเป็นแสงสว่างในชีวิตแค่คนเดียวที่ไม่อาจหาใครมาแทนที่ได้ เอ็งไม่จำเป็นต้องลังเล ข้าไม่โกรธเลยสักนิด ดีใจเสียอีกที่เอ็งมีความสุข

เข้าใจนะดำ แค่ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข แค่นั้นข้าก็ตายตาหลับแล้ว” มือเหี่ยวย่นลูบหัวดำเบาๆ ดำเป็นลูกชายคนแรกที่รับเข้ามาเลี้ยง เป็นคนที่ไม่คิดอะไรมากมาย ใช้ชีวิตอย่างซื่อตรงและบริสุทธิ์ ทำให้กังวลอยู่เสมอว่าหากตนจากไปแล้วดำจะเป็นเช่นไร

ตอนที่ดำหายไป ตนพยายามตามหา นั่งมองผ่านนิมิต เมื่อเห็นว่ามีคนที่ดูแลดำได้จึงวางใจ ฝากฝังดำไว้กับสิริน สำหรับพ่ออย่างตนแล้วเพียงเห็นลูกชายมีความสุขก็พอใจ

“ฮึก ฮึก หลวงตา ไอ้ดำรักหลวงตา ฮือออออ” ดำลุกขึ้นกอดหลวงตาแน่น ดำเข้าใจในสิ่งที่หลวงตาพูด แต่เมื่อคิดว่าจะไม่ได้พบอีกแล้วก็อดที่จะเศร้าเสียใจไม่ได้ หลวงตาเข้าใจจึงปล่อยให้ดำกอดแล้วร้องไห้เช่นนั้นจนกว่าจะพอใจ

“ไป กลับไปได้แล้ว ข้าเองก็ต้องละสังขารแล้ว” หลวงตาลูบหัวเจ้าคนที่ยังสะอึกสะอื้น แล้วยิ้มอย่างมีความสุข แค่ความรู้สึกที่มอบให้ก็รู้สึกอบอุ่นมากเพียงพอแล้ว

“ครับ ฮึก ไอ้ดำ ไอ้ดำจะทำบุญให้หลวงตาเยอะๆ นะครับ” ดำยอมบอกลาหลวงตา สุทินก็เดินกลับมาแล้วก้มลงกราบหลวงตา

“ขอบพระคุณมากจริงๆ ครับ” สุทินไม่รู้ว่าจะกล่าวสิ่งใดได้อีกนอกจากคำนี้ ทั้งที่ทุกสิ่งเกิดจากความเห็นแก่ตัวของตน พวกเขากลับเต็มใจมอบให้

“โยมเป็นคนดี เพียงแค่มีห่วงจึงไปเกิดไม่ได้ ถ้าหมดห่วงแล้วคงตามอาตมาไปในไม่ช้า จงมองลูกชายมีความสุขจนกว่าจะพอใจเสียเถอะ” สุทินก้มลงกราบอย่างซาบซึ้งใจอีกครั้ง น้ำตาก็ไหลอาบแก้ม แม้จะเตรียมใจไว้แล้วหากดำไม่กลับไปหาสิริน แต่เมื่อหลวงตายอมถอดวิญญาณมาเกลี่ยกล่อมดำให้ เขาจึงสำนักบุญคุณของหลวงตาเป็นอย่างยิ่ง

หลังจากนั้นสุทินกับดำก็กล่าวลาหลวงตา แล้วไปหาสิริน สุทินอธิบายสถานการณ์ของสิรินให้ดำฟังจนหมดระหว่างพาเดินกลับไปยังประตู ก่อนดำจะเดินผ่านประตูก็ขอดำกอดแล้วกล่าวขอบคุณทั้งน้ำตา

“ขอบใจเธอมากจริงๆ ดำ ฝากสินด้วยนะ” สุทินยิ้มให้ดำ เจ้าตัวเล็กรู้สึกว่ารอยยิ้มช่างเหมือนสิรินเหลือเกินจึงยิ้มตอบดังที่ชอบยิ้มให้สิริน

“ไอ้ดำจะปกป้องรอยยิ้มคุณสินเองครับ ไอ้ดำสัญญา”



“ขอบคุณนะดำ” สิรินได้ฟังก็ตกใจทั้งยังซาบซึ้งใจ ไม่คิดว่าแม้แต่หลวงตาเองก็ส่งเสริมให้ดำมาอยู่กับเขา

ขอโทษ แล้วก็ขอบคุณมากครับ ผมสัญญาว่าจะดูแลดำให้มีความสุข...ตลอดชีวิต

สิรินมองไปด้านบน ดังว่าให้สัญญาต่อท้องฟ้า ถึงหลวงตาที่อยู่บนสวรรค์ เขาจะไม่มีวันทำให้ดำต้องเสียใจเป็นอันขาด

“ฉันรักดำนะ”

“ไอ้ดำก็รักคุณสินที่สุดเลยครับ” ดำหันมากอดสิรินแล้วยิ้มอย่างเคย เป็นดังดวงอาทิตย์ที่ส่องสว่างในชีวิตของสิริน

ความรู้สึกของพวกเขาต่างถ่ายทอดผ่านคำพูดและการกระทำ ทั้งหมดทั้งมวลเพื่อคนตรงหน้าแค่คนเดียว

และตลอดไป...



หลังอาบน้ำแต่งตัวก็ถึงเวลาอาหาร วันนี้เป็นงานฉลองเล็กๆ สำหรับพวกเขาทั้งสอง คนอื่นๆ รู้ว่าดำฟื้นแล้วจึงปล่อยให้พวกเขาได้ใช้เวลาส่วนตัว งานฉลองใหญ่เลื่อนไปวันหลังก็ยังไม่สาย

มื้อนี้มีอาหารที่ดำคิดถึงมากมาย ทั้งสปาเก็ตตี้ ข้าวผัดกุ้ง แพนเค้ก แล้วก็ของอื่นๆ ซึ่งทั้งหมดล้วนเป็นฝีมือของสิริน โดยมีดำเป็นลูกมือ ตลอดเวลาที่ผ่านมาสิรินตั้งใจเรียนทำอาหารจากมาร์โก ปริมาณของที่ทำจึงเพิ่มมากขึ้นจนน่าตกใจ

“คุณสินเก่งที่สุดเลย” ดำพูดเช่นนี้ทุกครั้งที่เห็นอาหารจานใหม่ ช่วงเวลาอันแสนมีค่าดำเนินต่อไปจนกระทั่งมื้ออาหารจบลง

สิรินกับดำจึงมานั่งย่อยอาหารบนโซฟาซึ่งหันหน้าออกไปทางระเบียงอันมีกระจกมองเห็นทิวทัศน์อันสวยงานด้านนอก โดยมีดำนั่งลงบนตักของสิริน โยกไปโยกมาอย่างมีความสุข หัวใจของพวกเขาเต็มอิ่มอย่างที่ไม่เคยเป็นมานาน

ปัญหาทุกอย่างถูกแก้ไข ความรู้สึกตกค้างก็สะสางจนหมดสิ้น เวลานี้จึงไม่ต้องแบกสิ่งใดไว้ สำหรับพวกเขาแล้ว เวลานี้จึงมีความสุขยิ่งกว่าครั้งไหนๆ

“คุณสินครับ” ดำหันมานั่งค่อมบนตักสิรินแทน ยกแขนขึ้นกอดคอสิรินเอาไว้กันตก ทำให้ตอนนี้พวกเขาหันหน้าเข้าหากันพอดิบพอดี

“หือ” สิรินกอดเอวเล็กๆ นั้นไว้ด้วยมือข้างเดียว ส่วนอีกข้างก็ยกขึ้นไปเกลี่ยแก้มนุ่มนิ่ม

“ยินดีด้วยนะครับ” ตามด้วยรอยยิ้มที่แผ่ไปถึงดวงตากลมโตคู่เดิม

ไอ้ดำยังจำคำสัญญาได้

“ขอบคุณ ขอบคุณที่รักษาสัญญา ขอบคุณที่กลับมาหาฉัน ขอบคุณที่เข้ามาในชีวิตของฉัน ขอบคุณ ขอบคุณมากจริงๆ ” คำเพียงคำเดียวที่บรรยายความรู้สึกได้มากมาย ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าใดความรู้สึกก็มีแต่จะมากขึ้นไม่เคยลดลงแม้แต่น้อย

“ไอ้ดำก็ขอบคุณคุณสินที่ดูแลไอ้ดำ ให้ความรักกับไอ้ดำ เลี้ยงของอร่อยไอ้ดำเยอะแยะเลยด้วย ไอ้ดำมีความสุขมากๆ เลยครับ” ดำเองก็ดีใจที่ได้เจอสิริน ขอบคุณที่วันนั้นเข้าไปช่วยสิรินเอาไว้ ขอบคุณที่สิรินพาเขากลับมา ขอบคุณที่เลี้ยงอาหารอร่อยๆ ทั้งหมด

“ชอบมากเลยสินะของอร่อย”

“ครับชอบมากกกก โดยเฉพาะบุฟเฟต์อร่อยที่สุดเลย” ดำรีบตอบ บุฟเฟต์นั้นทั้งอร่อยและกินได้ไม่อั้นเขาชอบที่สุดเลย

“ชอบมากกว่าฉันอีกหรือ หือ” สิรินแกล้งดำเล็กน้อย เจ้าตัวเล็กก็หน้าเหวอ พยายามคิดหาคำตอบ เขารู้ดีว่าทั้งสองอย่างไม่เกี่ยวข้องกัน จึงเพียงแหย่ดำเล่นเท่านั้น ส่วนสำหรับดำแล้วเขากลัวว่าถ้าตอบผิดไปสิรินจะเสียใจจึงพยายามหาคำตอบที่ดีที่สุด

“ไอ้ดำ ไอ้ดำชอบบุฟเฟต์ แต่รักคุณสินที่สุดเลยครับ”

“ฮ่าๆ ๆ ๆ ” คำตอบของดำทำให้สิรินหัวเราะออกมาเสียงดัง ดำตกใจในตอนแรก แต่เมื่อเห็นสิรินขำไปยิ้มไป ก็ยิ้มตามอย่างมีความสุข

คำตอบของไอ้ดำทำให้คุณสินมีความสุขล่ะ

“ฉันเองก็รักดำที่สุดเหมือนกัน” จากนั้นพวกเขาก็สบตากันนิ่ง ถ่ายทอดความรู้สึกออกมาจากใจ แล้วค่อยๆ ขยับใบหน้าเขาหากันเลื่อยๆ จนกระทั่งลมหายใจกลายเป็นหนึ่งเดียวกัน สัมผัสริมฝีปากเพียงแผ่วเบาเพื่อซึมซับความรู้สึกทั้งหมด

กลายเป็นของกันและกัน...ชั่วนิรันดร์



-END-

จบไปแล้วนะค้า

น้องดำกับคุณสินของเรา

ใครรักใครชอบก็รอเล่มกันด้วยน้า

ฝากด้วยค่า
หัวข้อ: Re: = P A Y = เปย์ข้าด้วยบุฟเฟ่ต์สิ [เปย์ครั้งที่ 26] 21.07.2019 -END-
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 22-07-2019 00:05:53
บอกแล้วว่าดำแวะไปเยี่ยมหลวงตา ปะกันแล้ว ก็ขอให้อยู่เย็นเป็นสุขเด้อเด็ก ๆ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: = P A Y = เปย์ข้าด้วยบุฟเฟ่ต์สิ [เปย์ครั้งที่ 26] 21.07.2019 -END-
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 22-07-2019 02:37:59
ในหัวใจของดำก้มีแต่บุฟเฟ่ต์กับคุณสิน นี่แหละ555
หัวข้อ: Re: = P A Y = เปย์ข้าด้วยบุฟเฟ่ต์สิ [เปย์ครั้งที่ 26] 21.07.2019 -END-
เริ่มหัวข้อโดย: meteexp ที่ 22-07-2019 14:59:40
เศร้าอ่ะ
หัวข้อ: Re: = P A Y = เปย์ข้าด้วยบุฟเฟ่ต์สิ [เปย์ครั้งที่ 26] 21.07.2019 -END-
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 22-07-2019 16:09:26
 :L2: ขอบคุณสำหรับนิยายสนุกๆ มันส์มาก ชื่อเรื่องกะเข้ามาอ่านแล้วจะฮาๆ ขำๆ แต่จริงๆ ครบรส และประทับใจในความรัก
ในแต่ละรูปแบบ ขอบคุณมากจริงๆ ค่ะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: = P A Y = เปย์ข้าด้วยบุฟเฟ่ต์สิ [เปย์ครั้งที่ 26] 21.07.2019 -END-
เริ่มหัวข้อโดย: songsa1234 ที่ 25-07-2019 19:31:30
น่ารักมากกกก
เอ็นดูดำมากๆ ฮื่อออออ :impress2:
หัวข้อ: Re: = P A Y = เปย์ข้าด้วยบุฟเฟ่ต์สิ [เปย์ครั้งที่ 26] 21.07.2019 -END-
เริ่มหัวข้อโดย: มนุษย์บิน ที่ 26-07-2019 01:33:22
ดำเอ็งมันน่ารักมากจริงๆ ฮือออออยากเป็นคุณสินอยากเปย์น้องงงงง
หัวข้อ: Re: = P A Y = เปย์ข้าด้วยบุฟเฟ่ต์สิ [เปย์ครั้งที่ 26] 21.07.2019 -END-
เริ่มหัวข้อโดย: cass-meyz ที่ 27-07-2019 07:26:47
ดำน่ารักกกกกกกกก
คุณสินคือดี เราอยากได้คนเปย์แบบคุณสิน
 :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Talk
เริ่มหัวข้อโดย: GreenHead(หัวเขียว) ที่ 27-07-2019 07:31:07
Talk

สวัสดีค่ะ หลังจากน้องดำจบไปก็ยังไม่ได้พูดคุยกันเลยนะคะ

ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณทุกคนที่ติดตามกันมาจนจบค่ะ ถึงจะไม่ค่อยได้ตอบคอมเมนท์แต่กรีนก็อ่านทุกข้อความน้า

ขอบคุณมากจริงๆค่ะ เป็นกำลังใจที่ดีมากๆเลย

แล้วก็สำหรับต้นฉบับที่ส่งไป กรีนเขียนตอนพิเศษประมาณ 4 ตอนกว่าๆ (เพราะตอนที่ 5 สั้นนิดเดียว55)

เดี๋ยวเอาไว้ถ้าสำนักพิมพ์แจ้งเรื่องกำหนดการแล้วกรีนจะเอาตัวอย่างตอนพิเศษมาแปะให้นะคะ

ชื่อตอนพิเศษ

1.วันวันดำทำอะไรเยอะแยะ

2.สามแสบ

3.วันฟรีๆของดำ

4.Family Party

5. -----(ยังไม่บอกดีกว่า55)

รอลุ้นกันได้เลยนะคะว่าจะออกมาเป็นแบบไหน พอจะเดาออกกันรึเปล่า แต่กรีนรับรองว่าน้องดำกับคุณสินของเราต้องน่ารักมาก
อย่างแน่นอนค้า

ใครอยากได้น้องไปครอบครองเก็บเงินรอได้เลยน้า

อ๊ะ! แล้วก็ กรีนจะลงฉบับรีไรท์ตั้งแต่ตอนแรกใหม่นะคะ มีเนื้อหาบางส่วนที่กรีนเปลี่ยนเพื่อให้มันสมบูรณ์มากขึ้น ใครอยากลอง
อ่านใหม่ก็เข้ามาอ่านได้น้า ตอนไหนรีไรท์แล้ว กรีนจะใส่คำว่ารีไรท์หลังชื่อตอนจ้า

ขอบคุณทุกคนอีกครั้งค่า

หัวข้อ: Re: = P A Y = เปย์ข้าด้วยบุฟเฟ่ต์สิ [เปย์ครั้งที่ 26] 21.07.2019 -END-
เริ่มหัวข้อโดย: tookta ที่ 04-08-2019 01:20:12
ขอบคุณนะคะ
มีความอิจฉาดำสุดๆ มีคุณสินเป็นของตัวเอง
เปย์ทุกอย่างจริงๆ สุดท้ายก็ผ่านพ้นสิ่งต่างๆ ไปได้
หัวข้อ: Re: = P A Y = เปย์ข้าด้วยบุฟเฟ่ต์สิ [เปย์ครั้งที่ 26] 21.07.2019 -END-
เริ่มหัวข้อโดย: Mayana ที่ 12-08-2019 20:08:51
จบแล้ววว ... สนุกมากกกกก
 o13 o13 o13 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: = P A Y = เปย์ข้าด้วยบุฟเฟ่ต์สิ [เปย์ครั้งที่ 26] 21.07.2019 -END-
เริ่มหัวข้อโดย: mellowshroom ที่ 13-08-2019 21:35:42
น้องดำ น่ารักมากกกกกก
อ่านแล้วหิวตลอดเลย อยากกินกับน้องอ่าา
เนื้อเรื่องดี อ่านแล้วไม่ขัด สนุกมากกกกก
ขอบคุณคนเขียนมากๆน้าาา
หัวข้อ: Re: = P A Y = เปย์ข้าด้วยบุฟเฟ่ต์สิ [เปย์ครั้งที่ 26] 21.07.2019 -END-
เริ่มหัวข้อโดย: phusandao ที่ 03-09-2019 19:02:25
น่ารักมาก :impress2:
หัวข้อ: Re: = P A Y = เปย์ข้าด้วยบุฟเฟ่ต์สิ [เปย์ครั้งที่ 26] 21.07.2019 -END-
เริ่มหัวข้อโดย: Gatjang_naka ที่ 05-09-2019 22:10:15
ดำน่ารัก กินตุ้ยๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ###END### = P A Y = เปย์ข้าด้วยบุฟเฟ่ต์สิ [เปย์ครั้งที่ ๔ รีไรท์] 01/11/62
เริ่มหัวข้อโดย: แมลงมีพิษชนิดหนึ่ง ที่ 02-11-2019 09:15:41
ดูจากชื่อเรื่องนึกว่าจะแนวคอมเมดี้ แต่ที่ไหนได้เรื่องหนักมาก ใหญ่มาก อลังการมาก
หัวข้อ: Re: ###END### = P A Y = เปย์ข้าด้วยบุฟเฟ่ต์สิ [เปย์ครั้งที่ ๔ รีไรท์] 01/11/62
เริ่มหัวข้อโดย: airicha ที่ 04-11-2019 11:36:31
เด็กดำน่ารักมากกกก
เห็นน้องกินแล้ว อยากกินตามทุกอย่างงงงง
เนื้อเรื่องสนุกมากเลยค่ะ
ขอบคุณนิยายดีๆสนุกๆค่ะ
หัวข้อ: Re: ###END### = P A Y = เปย์ข้าด้วยบุฟเฟ่ต์สิ [เปย์ครั้งที่ ๔ รีไรท์] 01/11/62
เริ่มหัวข้อโดย: Bb nale ที่ 05-11-2019 17:54:52
ขอบคุณคนเขียนมากๆด้วยเหมือนกัน เรื่องนี้คืออบอุ่นและน่ารักมากถึงจะมีตัวร้ายแต่ก็ฝ่าอุปสรรคไปด้วยกัน รู้สึกรักหลวงตาไปเลยเอฟซีคุณสุทินด้วย คู่โจกับคุณดนัยก็น่ารัก5555555
หัวข้อ: Re: ###END### = P A Y = เปย์ข้าด้วยบุฟเฟ่ต์สิ [เปย์ครั้งที่ ๔ รีไรท์] 01/11/62
เริ่มหัวข้อโดย: q.tr ที่ 11-03-2020 19:01:56
อ่านไปก็หิวไป เอ็นดูน้องดำมาก น้องน่ารัก  :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ###END### = P A Y = เปย์ข้าด้วยบุฟเฟ่ต์สิ [เปย์ครั้งที่ ๔ รีไรท์] 01/11/62
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 15-04-2020 09:49:20
 :pig4:
หัวข้อ: แจ้งกำหนดการวางจำหน่าย
เริ่มหัวข้อโดย: GreenHead(หัวเขียว) ที่ 14-04-2021 23:28:43
แจ้งกำหนดการวางจำหน่าย

สวัสดีค่ะ กรีนกลับมาแล้ว พร้อมกับข่าวดี!
นิยายเรื่อง PAY ข้าด้วยบุฟเฟต์สิ ได้ตีพิมพ์กับสำนักพิมพ์ Bookish House

รอบ Pre-Sale วันที่ 09-15 เมษายน 2564
(ต้องขอโทษด้วยค่ะที่แจ้งกระชั้นชิดมาก ๆ เพราะตอนแรกมีกำหนดวางขายช่วงงานสัปดาห์หนังสือ)

ลิ้งค์สั่งซื้อ >>> http://www.bookishhouse.com/p/107

ราคาปก 450 บาท ลดเหลือ 427 บาท

ของแถม - ที่คั่นพลาสติกใส 1 อัน
*ของแถมพิเศษจากนักเขียน โฟโต้การ์ด (จำนวนจำกัด)
จัดส่งสิ้นเดือนเมษายน

แต่!!! ถ้าใครไม่ทันพรุ่งนี้ยังมีรอบไปรค่ะ
วันที่ 15-23 พฤษภาคม 2564
จัดส่งต้นเดือนมิถุนายน
โปรเดียวกับงานหนังสือค่ะ

แล้วก็! มี E-Book ด้วยนะคะ ใครไม่ชอบเก็บเล่มรอ E-Book ได้น้าา มีเซอร์ไพร์พิเศษด้วยจ้า


ขอบคุณนักอ่านทุกท่านที่ให้การสนับสนุน ถ้าไม่มีทุกคนกรีนอาจจะไม่มีกำลังใจเขียนน้องดำจนได้ทำรูปเล่มแบบนี้
และขอขอบคุณที่อุดหนุนด้วยนะคะ :กอด1: