เปย์ครั้งที่ 21
‘ราชรถมาเกย’
การได้โชค ลาภมาโดยไม่รู้ตัวหรือไม่นึกไม่ฝันมาก่อน ได้มาโดยที่ไม่ต้องขวนขวาย
“ว่าที่ประธานบริษัท AMP DEVELOPMENT COMPANY LIMITED จมทะเลก่อนเข้ารับตำแหน่ง”
“ผู้ก่อการร้ายบุกปล้นเรือกลางงานฉลองวันเกิดก่อนรับตำแหน่ง ว่าที่ประธานดับอนาถกลางทะเล”
“เร่งค้นหาซากเรือหวังผู้รอดชีวิต ญาติร่ำให้ ผู้สูญหายกว่า 20 ชีวิต หวั่นเรือถูกพายุพัดเข้าสู่น่านน้ำประเทศเพื่อนบ้าน”
“สุชาติอาลัยหลานรักจบชีวิตกลางทะเล แถลงข่าววันพฤหัสที่จะถึงนี้!!!! ...อ่านต่อ…”
หน้าข่าวออนไลน์ของหนังสือพิมพ์หลายฉบับเร่งพาดหัวข่าวตั้งแต่ได้รับข้อมูล เพื่อแย่งชิงความได้เปรียบจากสำนักข่าวอื่นๆ
ทั้งยังลงพื้นที่รอคอยความเคลื่อนไหวพร้อมกับเจ้าหน้าที่ผู้เตรียมพร้อมช่วยเหลือผู้ประสบภัยตั้งแต่ได้รับข่าวจากกัปตันเรือซึ่งหาโอกาสแจ้งมาตั้งแต่ถูกโจรสลัดบุกขึ้นเรือ ก่อนเรือจะถูกทำลายจนสูญเสียการควบคุมมุ่งสู่เขตเกิดพายุลูกหนึ่ง
ศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยเรือล่มฯ เร่งดำเนินการออกค้นหาจากพิกัดที่ได้รับล่าสุดก่อนเรือขาดการติดต่อไป ใช้เวลาค้นหาอยู่หลายชั่วโมงในที่สุดก็พบผู้รอดชีวิตกลุ่มแรก แน่นอนว่าเป็นกลุ่มของสุชาตินั่นเอง
“ยังมีคนอยู่บนเรือ สินกับปู่เล็ก ได้โปรด...ได้โปรดช่วยพวกเขากลับมาด้วย” สุชาติอ้อนวอนเจ้าหน้าที่ด้วยความเศร้าสลด นักข่าวที่เห็นเหตุการณ์เร่งเก็บภาพข่าวเด็ดในทันที
ผู้รอดชีวิตเหล่านี้ต่างสติหลุดหวาดกลัวเกินกว่าจะคิดไตร่ตรองสิ่งได บ้างร่ำไห้ บ้างพยายามบอกเล่าเหตุการณ์แต่น้ำเสียงสับสนจนยากจะฟังเข้าใจ เจ้าหน้าที่รีบกันนักข่าวออกจากพวกเขาเกรงว่านานกว่านี้จะเป็นผลแย่ต่อผู้รอดชีวิต และยังต้องให้แพทย์ตรวจร่างกาย จึงคุ้มครองพวกเขาไปยังพื้นที่ปลอดภัยจากคนนอก
หลังจากให้เวลาพวกเขาจนควบคุมสติได้เจ้าหน้าที่ก็เริ่มสอบถามข้อมูล เพราะเมื่อมนุษย์รู้สึกว่าตนปลอดภัยก็จะค่อยๆ คลายความกังวลลงเอง ทุกอย่างจึงต้องใช้เวลาเช่นนี้
ส่วนทางนักข่าวเมื่อถูกตัดขาดข่าวสารก็นำข้อมูลที่พอมีอยู่เล็กน้อยไปตีความเสียใหญ่โตจนเกิดพาดหัวข่าวอันอุกอาจเช่นนั้น เจ้าหน้าที่ยิ่งถูกกดดันมากขึ้น เพราะผู้คนต่างอยากทราบรายชื่อผู้สูญหาย
แต่การค้นหาท่ามกลางพายุย่อมเป็นไปอย่างยากลำบาก ต้องฝาฟันทั้งความมืด ทั้งคลื่นลมอันรุนแรง ไหนจะฝนฟ้าอันน่าหวาดหวั่นที่ไม่รู้ว่าจะผ่าลงมาเมื่อใด บดบังวิสัยทัศน์เสียจนแทบสูญเสียทิศทางการค้นหา เรือมุ่งไปข้างหน้าช้าเพราะต้องระมัดระวัง สุดท้ายจึงต้องหยุดการค้นหาชั่วคราว ไม่เช่นนั้นคนที่เอาชีวิตไปทิ้งคงเป็นเจ้าหน้าที่เอง
ญาติของผู้สูญหายต่างกดดันหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แต่ก็ยังคงไร้ผล เมื่อเป็นเพียงบีบให้เจ้าหน้าที่ออกไปค้นหาเท่านั้น หากไม่พบก็ทำได้เพียงภาวนาให้พวกเขารอด รอคอยความช่วยเหลือหลังพายุสงบลง
และภาวนาไม่ให้เรือล่องผ่านน่านน้ำสากลไปยังน่านน้ำของประเทศเพื่อนบ้าน ไม่เช่นนั้นขอบเขตการค้นหาก็จะกว้างขึ้นอีก ทั้งยังต้องดำเนินการหลายอย่าง จนอาจเกิดความล่าช้าก่อยจะลงมือค้นหาได้ ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นไม่แน่ว่าจะได้กลับมาเพียงซากศพ
ตลอด 1 สัปดาห์ข่าวพัดโหมเมื่อไม่อาจหาซากเรือพบ แม้ว่าในน่านน้ำสากลจะค้นหาเป็นบริเวณกว้างจากตำแหน่งล่าสุดของเรือแล้วก็ตาม
กระแสสังคมยิ่งเลวร้ายลง ผู้เกี่ยวข้องล้วนถูกจับโยงว่าใครได้ประโยชน์ใครเสียประโยชน์บ้างจากเหตุการณ์นี้ ทั้งยังคาดเดาไปว่าอาจจะมีบางคนอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์นี้
สุชาติโดนกระแสสังคมไม่น้อย แต่ก็ยังมีผู้คนส่วนหนึ่งออกมาปกป้องต่อต้านกระแสอันเลวร้ายเอาไว้ แถมยังมีมากกว่าฝั่งว่าร้ายเสียอีก สุชาติจึงไม่ได้กดดันอะไรมากนัก เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาสุชาติล้วนดีต่อสิริน ไม่ว่าจะเป็นการศึกษา หรือตำแหน่งในบริษัท
ตั้งแต่สุทินพ่อของสิรินเสียชีวิต สุชาติก็ให้สิรินเรียนในโรงเรียนอันดับท็อปของประเทศ เรื่องเงินไม่ให้ขาดดูแลไม่ต่างกับลูกของตัวเอง พอขึ้นมหาวิทยาลัยก็ไม่บังคับปล่อยให้เลือกเส้นทางได้เต็มที่กล่าวเพียงว่าการบริหารไม่จำเป็นต้องเรียนในมหาวิทยาลัย สิรินจึงได้เข้ามาฝึกงานในบริษัท ตำแหน่งก็สูงเสียจนน่าอิจฉา อายุเพียง 18 ปีก็เป็นถึงรองประธานบริษัท เป็นชายหนุ่มที่ใครๆ ต่างใฝ่หา สุชาติไม่สนกระทั่งเสียงคัดค้านของพ่อซึ่งเป็นอดีตประธานบริษัทคนก่อนแม้แต่น้อย
เขาตามใจสิรินเสียจนลูกชายของตนอย่าง ‘สน’ ยังอิจฉา ใครๆ ต่างก็ทราบดีว่าสนพยายามแข่งขันกับสิรินมาแต่ไหนแต่ไร จึงมีน้อยคนนักที่จะสงสัยในตัวสุชาติ ก็แม้กระทั่งลูกชายของตนยังอิจฉาความรักที่มีให้ คนนอกอย่างพวกเขายังจะเคลือบแคลงสิ่งใดอีก
นอกจากกระแสข่าวก็มีหลักฐานหลุดมาด้วยเช่นกัน มีคนรวบรวมคลิปของสุชาติหลายๆ คลิปเข้าไว้ด้วยกัน ซึ่งเป็นคลิปรวมคำถามจากนักข่าวและคนในแวดวงเดียวกันเวลาถามถึงอนาคตของบริษัท คำตอบล้วนเป็นไปในแนวทางเดิมเสมอ
“อนาคตของบริษัทมีหลานชายของผมเป็นคนสืบทอดครับ สิรินจะเข้ามารับตำแหน่งประธานบริษัทเมื่ออายุ 23 ปี ตามพินัยกรรมของพี่ชาย”
ทั้งท่าทาง ทั้งคำพูดล้วนแฝงด้วยความภาคภูมิใจ คลิปนี้จึงช่วยอุดปากนักเลงคีย์บอร์ดไปเสียหลายคน
นอกจากนี้หากถามถึงผู้ที่สูญเสียมากที่สุดล้วนเป็นสุชาติ ไม่เพียงสิรินยังมีครอบครัวของปู่เล็กซึ่งไม่พบผู้รอดชีวิตเช่นเดียวกัน และสนลูกชายของสุชาติเวลานี้ก็รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลเนื่องจากได้รับบาดเจ็บจากการปะทะกับคนร้าย ได้ยินว่ากระดูกหักหลายจุดทีเดียว
ส่วนผู้รอดชีวิตนั้นไม่ใช่ว่าเป็นผู้สนับสนุนสุชาติไปเสียทั้งหมด ยังมีนักการเมืองหัวแข็งผู้ตั้งแง่กับสุชาติ และอดีตคู่ค้าของบริษัทซึ่งถอนตัวออกไปตั้งสุทินเสียชีวิต พวกเขาเป็นเป้าหมายในการชักจูงของสุชาติในครั้งนี้ และยังเป็นพยานของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้อย่างดี เพราะผู้คนต่างทราบว่าพวกเขาไม่มีทางเข้าข้างสุชาติอย่างแน่นอน
หลังจากสถานการณ์คงตัวก็ถึงกำหนดการแถลงข่าว พวกเขาย่อมเป็นตัวละครหลักในฉากนี้ตามที่สุชาติวางแผนไว้
สื่อมวลชนเข้าร่วมการแถลงข่าวอย่างคับคั่งบริเวณห้องโถงใหญ่ภายในโรงแรมในเครือบริษัท AMP DEVELOPMENT COMPANY LIMITED อันใช้เป็นสถานที่จัดงานในครั้งนี้
งานเริ่มต้นจากพิธีกรกล่าวเปิดงานก่อนจะส่งให้ตัวแทนทั้งสี่คนเริ่มแถลงข่าว คุณประหยัดนักการเมืองหัวแข็งซึ่งเป็นเพื่อนเก่าเพื่อนแก่ของอดีตประธานบริษัทหรือก็คือพ่อของสุชาติ เขาอาวุโสที่สุดในบรรดาตัวแทนทั้งหมด จึงได้เป็นคนที่ได้เริ่มพูดก่อน
“เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทุกคนคงพอทราบกันบ้างแล้ว ผมเองก็คงเล่าอะไรไม่ได้มากเพราะอาจทำให้เสียรูปคดี วันนี้ผมจึงจะบอกเพียงคร่าวๆ เพื่อให้รับรู้ไปในทางเดียวกันเท่านั้น
วันนั้นพวกเราปาร์ตี้วันเกิดกันปกติ จนกระทั่งมืดพวกเราแยกย้ายกันเข้านอน ผมไม่ชินกับการนอนบนเรือเลยลุกขึ้นมาเดินข้างนอก ไม่คิดว่าอยู่ดีๆ จะไปเจอเจ้าพวกสารเลวนั่น ดีที่ผู้คุ้มกันไหวตัวทันพาผมหนีได้ทันตอนนั้นคิดจะไปเตือนเจ้าเล็กกับคนอื่นๆ แต่ตัวเองก็แทบเอาตัวไม่รอดผู้คุ้มกันถูกฆ่าต้องหนีหัวซุกหัวซุนไปทางหัวเรือ คิดว่าจะไม่รอดซะแล้วแต่สุชาติก็มาช่วยเอาไว้
ผมเห็นสุชาติมาตั้งแต่แบเบาะ รู้นิสัยใจคอเจ้าตัวเป็นอย่างดี แต่ก่อนผมคิดว่าสุชาติไม่เหมาะกับตำแหน่งประธานบริษัทเพราะขี้ระแวงเกินเหตุ เกรงว่าบริษัทจะไม่ก้าวหน้าไปไหนเพราะความกลัวที่จะเสี่ยง ไม่กล้าได้กล้าเสีย มาวันนี้ผมรู้สึกเสียใจเป็นอย่างยิ่งครับ
ภาพในวันนั้นยังติดตาแม้จะไม่ได้ลงมือแต่ก็ยืนสังการอย่างองอาจ สั่งผู้คุ้มกันให้แยกกันออกไปช่วยเหลือคนอื่นๆ อย่างกระชับฉับไว หลังจากนำทางผมไปยังเรือสำรองแล้วยังขอตัวไปดูสถานการณ์ด้วยตัวเองอีก ห่วงคนอื่นเสียจนผมยังอดนับถือไม่ได้
จะบอกว่าผม ไม่สิ ที่ทุกคนรอดชีวิตมาได้เพราะสุชาติก็ไม่ผิดนัก เสียดาย...ที่ต้องสูญเสียมากกว่าใคร” คุณประหยัดเล่าชัดถ่อยชัดคำ เขาทั้งรู้สึกผิดทั้งอยากขอบคุณสุชาติ
หลังเขากล่าจบก็ถึงคู่สามีภรรยาอดีตคู่ค้าของบริษัท ตอนนี้ยังไม่เปิดโอกาสให้ซักถาม นักข่าวจึงก้มหน้าก้มตาจดข้อสงสัยกันยิกๆ รอเวลาแทบไม่ไหวแล้ว
“พวกเราเองก็ได้คุณสุชาติช่วยไว้ครับ ตอนนั้นภรรยาของผมปลุกอย่างไรก็ไม่ตื่น คิดว่าต้องเกิดเหตุร้ายแล้วก็เกิดขึ้นจริงๆ หลังจากได้ยินเสียงระเบิดคนของคุณสุชาติก็เข้ามาช่วยพาผมกับภรรยา เสียงปืนไล่หลังพวกเรามา คนที่ช่วยเราก็ถูกยิงบาดเจ็บ แต่ก็พาเราไปถึงเรือจนได้ ในนั้นมีคุณประหยัดกับคนที่คุณสุชาติทิ้งไว้คุ้มกัน กว่าจะได้เจอกับคุณสุชาติพวกเขาก็สะบักสะบอมกลับมาแล้ว ต้องขอบคุณจริงๆ ที่ช่วยให้ภรรยากับลูกชายตัวน้อยในท้องรอดมาได้”
สองสามีภรรยาคู่นี้แต่เดิมสนิทสนมกับสุทิน จึงไม่ค่อยชอบสุชาตินัก หลังจากสุทินเสียชีวิตจึงแยกตัวออกไปไม่ร่วมธุรกิจกันอีก เพราะพอจะรับรู้วีรกรรมของสุชาติอยู่บ้าง แต่ตอนนี้ต้องยอมรับแล้วว่าเมื่อคนเราโตขึ้นย่อมต้องปรับตัวกับสังคม สุชาติคงจะเป็นส่วนหนึ่งที่เสียใจเรื่องพี่ชายจนแก้ไขตัวเองใหม่อย่างแน่นอน หลังจากนี้คงต้องพิจารณาการร่วมงานอีกครั้งหนึ่ง
เรียกได้ว่าการวางแผนของสุชาติได้ผลมากทีเดียว แม้คุณประหยัดจะออกนอกแผนไปบ้างแต่สุดท้ายก็คุมสถานการณ์ได้ ดีที่บริเวณนั้นไม่มีคน เมื่อติดกระบอกเก็บเสียงทุกอย่างจึงราบรื่น ส่วนกับคู่สามีภรรยานั่นเกิดขึ้นหลังจากเหตุระเบิดสุชาติจึงใช้เพียงลูกน้องสร้างสถานการณ์เท่านั้น
เรียกได้ว่าใช้วิธีการนี้รวบรวมผู้ต้องการให้รอดชีวิต ส่วนตัวเองก็เข้าไปปลิดชีวิตกัปตันเรือและเล่นสนุกกับหลานชายจนพอใจ เขาไม่กลัวว่าใครจะมาเห็น เพราะให้คนคุมเส้นทางไว้หมดแล้ว น่าเจ็บใจเพียงระเบิดลูกนั้น ถ้าไม่ได้เจ้าเด็กนั่นบอกไม่แน่ว่าเขาเองก็อาจจะไม่รอดเช่นกัน แปลว่าสวรรค์มีตาเข้าข้างเขาจนแผนสำเร็จเช่นนี้
“อย่าขอบคุณผมเลยครับ มันเป็นหน้าที่ เพราะอย่างไรคนที่จัดงานเลี้ยงก็เป็นผม เพราะไม่สอบประวัติลูกเรือก่อนจึงเกิดเหตุการณ์เช่นนี้” สุชาติปฏิเสธคำขอบคุณด้วยความหมองเศร้า ตลอดหลายวันที่ผ่านมาพวกเขาต่างรู้ว่าสุชาติวิ่งเต้นมากเพียงใดเพื่อช่วยหลานชาย
“วันนี้ผมไม่ขอพูดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่จะขอฟ้องบริษัทล่องเรือยอช์ตข้อหารับอาชญากรเข้าทำงาน เอกสารฉบับนี้เป็นประวัติกัปตันเรือ เขาเคยคิดคุกข้อหาค้ายาเสพติด ทั้งในอดีตยังมีชื่อในหมู่ชาวประมงเรื่องการปล้นเรือหาปลา ก่อนที่จะเรียนจบจนได้ทำงานในปัจจุบัน
ผมอยากทราบว่าคุณแน่ใจได้อย่างไรว่าเขาจะไม่มีหนทางติดต่อกับผู้ก่อการร้ายพวกนั้น ในเมื่อเคยเป็นโจร กล้ารับคนแบบนี้ทำงานได้อย่างไร กล้าให้พวกเราเสี่ยงชีวิตได้อย่างไร พวกคุณ...
ชดเชยชีวิตหลานๆ และอาของผมได้หรือ!!! ” นักข่าวฮือฮากับข่าวที่ได้รับ ซูมกล้องไปยังเอกสารในมือสุชาติ พวกเขาคิดว่าจะได้เห็นเหตุการณ์ดราม่าของอาหลาน ไม่คิดว่าจะได้รับข้อมูลสำคัญเช่นนี้ อย่างที่ว่าความเสียใจแปรเปลี่ยนเป็นความโกรธเกรี้ยว บริษัทล่องเรือต้องรับความโกรธนี้ไปอย่างไม่อาจเลี่ยง
สุชาติโกรธเสียจนน้ำตาไหล พิธีกรเห็นว่าสุชาติคงต้องใช้เวลาสงบสติอารมณ์จึงเบี่ยงประเด็นมาถามความเห็นของคุณประหยัดกับคู่สามีภรรยาถึงการฟ้องร้องครั้งนี้แทน
พวกเขาบอกว่าพึ่งรู้ข้อมูลเช่นกัน เพราะไม่คิดว่าตัวกัปตันที่เป็นคนแจ้งข่าวจะเป็นผู้ร้ายเสียเอง ถ้าไม่ได้ข้อมูลของสุชาติพวกเขาคงหูหนวกตาบอดคิดว่าพวกเขาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกัน
นักข่าวเริ่มไม่อยู่สุข เริ่มคุยกันเสียงดังขึ้นเรื่อยๆ พิธีกรจึงหันไปมองตัวแทนทั้ง 4 เห็นว่าพวกเขากลับมาเป็นปกติแล้วจึงประกาศให้นักข่าวเริ่มถามคำถามได้
นักข่าวต่างแย่งกันยกมือถาม หวังว่าตนจะถูกคนบนเวทีเลือกให้ถามเป็นคนแรก พิธีกรพิจารณาแล้วจึงเลือกขึ้นมาหนึ่งคน เป็นช่องที่ยืนฝั่งสุชาติ เพื่อให้เริ่มจากคำถามเบาๆ ก่อน
“ขอถามคุณสุชาติ คุณรู้ได้อย่างไรครับว่ามีผู้ก่อการร้ายบุกปล้นเรือก่อนที่ระเบิดจะดังจนสามารถช่วยคนได้มากมายขนาดนี้” นักข่าวถามคำถามที่เอื้อประโยชน์ให้สุชาติเล็กน้อย เน้นย้ำว่าสุชาติเป็นผู้ช่วยเหลือคนอื่นๆ ให้รอดชีวิต
“ครับ วันนั้นบอดี้การ์ดของผมมาแจ้งว่ามีแขกบางคนหลับไปแล้วปลุกไม่ตื่น ผมร้อนใจมากกลัวว่าจะเกิดเหตุการณ์ถึงชีวิตจึงเดินไปยังห้องกัปตัน คิดจะไปบอกให้กลับหัวเรือมุ่งหน้าขึ้นฝั่งพาผู้ป่วยไปหาหมอ แต่ว่ายังไปไม่ถึงก็เจอกับพวกมันเสียก่อน ดีที่ผมมีบอร์ดี้การ์ดจึงจัดการพวกมันได้ หลักจากนั้นก็เรียกรวมพลแล้วก็ไปเจอคุณประหยัดนั่นแหละครับ” หลังจากนั้นนักข่าวก็ผลัดกันถามมากมาย
“จากที่ฟังมาหมายความว่าคนบนเรือถูกวางยาหรือครับ แล้วทำไมบางคนถึงรอดมาได้”
“จากที่พิจารณาคาดว่ามียานอนหลับในอาหาร เพราะเป็นแบบเลือกทานได้ทุกคนจึงมีของที่กินไม่กินต่างกัน”
“ทำไมช่วยคนได้มากมายขนาดนี้แต่กลับช่วยหลานชายไม่ได้คะ”
“ผมไปถึงห้องแล้วแต่หาตัวสินไม่เจอครับ คิดว่าน่าจะออกไปหลังได้ยินเสียงระเบิด เพราะเส้นทางถูกทำลายพวกเราจึงต้องกลับ หวังเพียงว่าจะไปเจอกันบนเรือ แต่ระหว่างพวกเราปะทะกับคนร้าย สนก็บาดเจ็บสาหัส พวกมันตามมาถึงเรือ จึงเลี่ยงไม่ได้ที่จะหนีออกมาก่อน...ถ้าตอนนั้นผมหาสินต่อล่ะก็คงไม่เป็นแบบนี้”
“คุณสงสัยกัปตันเรือตั้งแต่ตอนไหนคะ”
“หลังคิดทบบทวนแล้วผมก็จำได้ว่าคนร้ายสองคนแรกที่เจอเดินมาจากทางห้องกัปตัน แล้วที่แจ้งมาคือโจรบุกปล้นจนเรือหลุดเข้าไปยังเขตพายุ ซึ่งตอนนั้นยังไม่เข้าไปในเขตพายุครับผมจำได้ จึงได้เริ่มตรวจสอบประวัติกัปตันเรือ”
“ตำแหน่งประธานบริษัทจะเป็นอย่างไรต่อครับ”
“ตอนนี้ผมยังไม่อยากพูดถึงครับ ตัวผมยังคงดำรงตำแหน่งรักษาการประธานบริษัทไปก่อน ผมยังหวังว่าสินจะกลับมา ถ้าพบศพแล้วถึงจะพิจารณาเรื่องนี้อีกครั้ง”
คำถามมากมายถาโถม ส่วนมากเน้นย้ำไปที่สุชาติ มีทั้งเชิดเฉือน มีทั้งเห็นใจ มีทั้งคำถามเกี่ยวกับอนาคต ซึ่งสุชาติก็ยิ้มในใจเมื่อสองสามีภรรยาบอกว่าจะกลับมาร่วมงานกับบริษัทตน
ทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่น สุชาติยังไม่รีบร้อนเพราะไม่อยากตกเป็นเป้าสงสัย จะตำแหน่งไหนเขาก็เป็นคนควบคุมบริษัท จะรออีกสักนิดก็ไม่ได้ยุ่งยากแต่อย่างใด
“ถ้าใครมาเห็นตอนนี้คงอยากเอาหัวทุบซีเมนต์ โทษฐานที่โง่เกินไปนะครับพ่อ ฮ่าๆ ๆ ” สนกล่าวขึ้นเสียงดัง ก่อนยกไวน์ขึ้นจิบอย่างอารมณ์ดี แม้จะเจ็บแปร๊บๆ บนใบหน้าก็ตาม
สองพ่อลูกฉลองกันเงียบๆ ในห้องส่วนตัว จิบไวน์ชมวิว ลิ้มรสชัยชนะของตนอย่างพึงพอใจ
“หึ คนพวกนี้ชักจูงง่าย ออกแรงตีหน้าเศร้าเพียงเล็กน้อยก็ติดกับซะแล้ว แต่ก็ดีอะไรๆ จะได้ง่ายขึ้น รอเวลาอีกสักหน่อยทุกอย่างก็จะกลายเป็นของเราอย่างสมบูรณ์”
“ถ้าไม่ติดว่าพ่อปล่อยข่าวว่า ผมโดนเล่นงานปางตายนะจะออกไปฉลองให้ถึงเช้าเลย ฮ่าๆ ๆ ๆ ” สนโดนดำเล่นงานหนักไม่น้อย แต่มีเพียงกระดูกแขนเท่านั้นที่ร้าว ส่วนอื่นไม่ได้หักเหมือนข่าวที่คนรับรู้ หลังผ่านมาหนึ่งสัปดาห์จึงลุกขึ้นมาใช้ชีวิตได้อย่างปกติ ข่าวนั้นเป็นเพียงข่าวที่สุชาติปล่อยออกไปให้น่าสงสารเท่านั้น
นอกจากนี้ผู้คนภายนอกต่างคิดว่าสนอยู่ในโรงพยาบาล ความจริงสุชาติทำเพื่อหลอกตาผู้คน แล้วพาสนมาพักยังห้องส่วนตัวในคอนโดหรูแถบชานเมือง ทั้งเพื่อเรียกคะแนนสงสาร และกันลูกชายออกจากแผนการกลัวว่าจะเผยพิรุธให้ใครจับได้
เมื่อสนกล่าวเช่นนั้นสุชาติจึงเพียงยิ้ม คิดในใจว่า ตนคิดถูกแล้วจริงๆ ที่วางแผนให้สนออกจากแผนการชั่วคราวจนกว่าเรื่องทุกอย่างจะเงียบลง
เวลาผ่านเลยไปทีมค้นหาก็ยังหาซากเรือไม่พบ ในที่สุดทางประเทศเพื่อนบ้านเองก็ให้ความช่วยเหลือส่งทีมค้นหามาช่วยส่วนหนึ่ง คาดว่าไม่นานคนหาพบ ญาติผู้สูญหายต่างมีความหวังขึ้นมาบ้างแล้ว
แต่สุชาติหาได้สนใจ เพราะมีสิ่งที่น่าสนใจยิ่งกว่าคือบริษัทยักษ์ใหญ่ของอเมริกาติดต่อขอร่วมลงทุนกับบริษัทเพื่อสร้างรีสอร์ทแบบครบวงจรในไทย สุชาติดีใจจนเนื้อเต้น ในที่สุดก็ตกปลาตัวใหญ่ได้เสียที เช่นนี้แล้วสาขาอเมริกาเองก็คงจะมีคนสนใจร่วมลงทุนมากขึ้นจนผ่านเส้นแดงไปได้อย่างแน่นอน
วันนี้เป็นวันนัดเจรจาดังกล่าวสุชาติเตรียมสถานที่ดีที่สุด และอาหารที่ดีที่สุดไว้รองรับแขกรายนี้ สนเองก็ติดตามไปด้วย สุชาติหวังให้ลูกชายได้เชื่อมสัมพันธ์กับบริษัทยักษ์ใหญ่ต่อไปในอนาคต
“Hello,Mr.Hawking. I'm Suchard. Come from AMP Development Company Limited. Nice to meet you.” สุชาติลุกขึ้นยืนกล่าวทักทายเมื่อแขกคนสำคัญมาถึงสถานที่นัดพบ พร้อมจับมือกับอีกฝ่ายตามมารยาทของคนอเมริกา
“Nice to meet you too, Mr.Suchard. ผมกำลังฝึกพูดภาษาไทย เราคุยเป็นภาษาไทยดีกว่าครับ” ฮอว์กิง ชายหนุ่มเจ้าของตาสีฟ้าหัวสีเหลืองแบบคนตะวันตกกล่าวทักทายกลับอย่างเป็นกันเอง แม้พวกเขาจะเจอหน้ากันครั้งแรกแต่ไม่ใช่คนแปลกหน้า เพราะติดต่อกันผ่านเลขามาได้พักหนึ่งแล้ว
“โอ้ ยอดเยี่ยมไปเลยครับ เช่นนั้นเรานั่งกันก่อนดีกว่า” ฮอว์กิงกับเลขานั่งลงบนเก้าอี้ ก่อนสุชาติกับสนจะนั่งลงบนเก้าอี้ที่ว่างอยู่ โดยมีเลขาของเขายืนคอยจดรายละเอียดอยู่ด้านหลัง
“ทางนี้คือคุณแซนรี่ครับเธอเป็นคนที่ติดต่อกับบริษัทของคุณก่อนหน้านี้”
“สวัสดีค่ะ” แซนรี่เป็นลูกครึ่งจึงมีเคล้าโครงแบบชาวเอเชียไม่น้อย แม้จะเป็นเพียงเลขาแต่สุชาติก็ไม่อาจละเลยได้ ดูได้จากที่เธอได้นั่งร่วมโต๊ะทานอาหารค่ำมื้อนี้
“สวัสดีครับคุณแซนรี่ ผมยินดีเป็นอย่างยิ่งที่บริษัทยักษ์ใหญ่เช่นนี้สนใจบริษัทของเรา ผมขอแนะนำลูกชายคนเดียวของผมให้รู้จัก สน ครับ” สนไม่ทำให้ผิดหวัง ส่งสายตากรุ่มกริ่มให้เลขาสาวแสนสวย หลังจากเก็บตัวมานานเขาก็ได้รับอิสระอีกครั้ง แถมพ่อยังเปิดทางให้เองจะไม่รับความหวังดีนี้ได้อย่างไร
“เรามาทานอาหารเย็นกันก่อนดีกว่านะครับ แล้วค่อยคุยเรื่องธุรกิจ มื้อนี้ผมมีอาหารมาให้ลิ้มลองหลายอย่าง”
“ผมไม่เคยทานอาหารไทย น่าสนใจดี ชักรอไม่ไหวแล้วสิ” หลังตอบรับคำชวน พวกเขาก็ใช้เวลาทานอาหารไปไม่น้อย สุชาติได้รับคำชมครั้งแล้วครั้งเล่าก็แทบเก็บอาการไม่อยู่ การลงทุนครั้งใหญ่ช่างง่ายดายจนอยากจะหัวเราะดังๆ โอ้อวดให้คนรับทั้งโลกได้รับรู้เสียจริง
การเจรจาธุรกิจเป็นไปอย่างราบรื่น ข้อเสนอต่างๆ ถูกยกขึ้นมาประชุมในบอร์ดบริหารนับตั้งแต่ได้รับการติดต่อมา จึงตระเตรียมข้อเสนอต่างๆ มาพร้อม เมื่อทุกอย่างเป็นไปตามที่ตกลงไว้ก็เซ็นสัญญากันเรียบร้อยก่อนสุชาติจะส่งข้อมูลให้นักข่าว
เพราะมิสเตอร์ฮอว์กิงไม่ต้องการแถลงข่าวในตอนนี้ พวกเขาจึงตกลงกันให้จัดงานพร้อมกันทีเดียวในวันเปิดรีสอร์ท ซึ่งสุชาติเองก็ไม่ขัดข้อง เพียงแต่ต้องการกระจายข่าวใหญ่ในตอนนี้เท่านั้น
ใครๆ ต่างก็รู้ว่า บริษัท สติกมา (Stigma) บริษัทยักษ์ใหญ่ในอเมริกา เป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์มีพื้นที่รวมกว่า 110 ล้านตารางฟุตในสหรัฐฯ ซึ่งบริษัทนี้ตั้งก่อตั้งเริ่มแรกจากการรวบรวมบริษัทอสังหาริมทรัพย์รายย่อยเข้าด้วยกัน กลายเป็นบริษัทในเครือสติกมา โดยมีสำนักงานใหญ่อยู่ในแคลิฟอร์เนีย ทั้งประธานบริษัทยังลึกลับเสียจนไม่อาจเข้าถึงได้ มีเพียงตัวแทนอย่าง มิสเตอร์ฮอว์กิง ดำเนินการแทนเท่านั้น
และแน่นอนว่าหากมิสเตอร์ฮอว์กิงให้เกียรติมาเจรจาเองเช่นนี้ บริษัทของเขาย่อมได้รับชื่อเสียงมากขึ้นไปอีก
หลังนัดวันประชุมร่วมกันกับบริษัทเพื่อเริ่มงานในครั้งนี้ มิสเตอร์ฮอว์กิงก็ขอตัวกลับ สุชาติกับสนจึงอยู่ฉลองต่ออีกสักหน่อย สนแม้จะเสียดายอยู่บ้างที่วันนี้ไม่อาจสานสัมพันธ์เลขาสาวเป็นการส่วนตัว แต่เมื่อคิดว่ายังมีเวลาอีกเยอะจึงไม่ขัดข้องที่จะฉลองความสำเร็จเป็นเพื่อนพ่อ ดูอย่างไรเธอก็สนใจเขาไม่น้อย ปลากินเบ็ดแล้วทิ้งไว้อีกหน่อยก็ยังไม่สาย
ภายในรถสีดำเรียบหรู ปลาน้อยของสนกำลังนั่งใช้แอลกอร์ฮอล์ล้างมืออย่างเอาเป็นเอาตาย
“พอๆ เดี๋ยวมือก็ได้เปื่อยก่อนพอดี” ฮอว์กิงห้ามอย่างไม่จริงจังนัก ริมฝีปากก็เผยรอยยิ้มขบขัน
“นายไม่ใช่คนโดนนี่จะมาเข้าใจอะไร ฮึ๊ย ขยะแขยง” แซนรี่เถียงอย่างไม่เห็นหัวเจ้านาย
“ฮ่าๆ ๆ เอาน่าๆ เดี๋ยวฉันเลี้ยงมื้อใหญ่ให้สมกับที่อดทนเล่นละครจนจบงาน” ชายหนุ่มก็หาได้ถือสา แถมเสนอเลี้ยงปลอบใจอีกต่างหาก จะทำอย่างไรได้ในเมื่อพวกเขาเป็นเพื่อนกันมานาน การวางตัวในตำแหน่งนั้นเอาไว้ทำเพียงต่อหน้าคนภายนอกเท่านั้น
“แน่นอน! ถ้านายไม่เลี้ยงนะ อย่าหวังว่ารอบหน้าฉันจะยอมให้มันแตะเนื้อต้องตัว ดูสายตานั่นสิแทบจะกินฉันเข้าไปทั้งตัวแล้ว อยากจะอัดให้เละ ถ้าไม่ใช่เพื่องานนะ จะจัดให้ตาบอดเลย”
“เอาดีๆ ว่าเพื่องานหรือเพื่ออะไร หือ” ฮอว์กิงไม่พลาดที่จะเปิดโปรงเธอ จนแซนรี่ส่งเสียงอย่างไม่พอใจ
“ชิ ยอมรับก็ได้ ถ้าไม่ใช่ว่ามาสเตอร์สัญญาว่าจะยอมให้เจอมายฮันนี่สุดน่ารักนะฉันไม่ยอมเปลืองตัวขนาดนี้หรอก”
“ฮ่าๆ ๆ ๆ นี่เธอตื้อขอสำเร็จจนได้สินะ” แซนรี่บ่นเรื่องนี้มาพักใหญ่เมื่อมาสเตอร์ผู้เย็นชาของพวกเขาแสดงมุมอบอุ่นออกมาเวลาพูดถึงเด็กชายตัวน้อยคนหนึ่ง ตอนที่รู้แทบจะจองไฟล์บินมาไทยเสียเดี๋ยวนั้น แต่ก็โดนเสียงทรงอำนาจห้ามเอาไว้
แต่ก็นะพลังความอยากรู้อยากเห็นของแซนรี่ใช่จะมอดลงง่ายๆ ในที่สุดก็ต่อลองสำเร็จจนได้
เฮ้อ ชักปวดหัวแทนมาสเตอร์ซะแล้วสิเรา...
-TBC-
สวัสดีค่ะ กรีนกลับมาแล้ววววว
ขอโทษด้วยจริงๆ ค่ะที่หายไปนานเลย
แต่คราวนี้กลับมาพร้อมข่าวดีนะคะ
นั่นคืออออ กรีนส่งต้นฉบับให้สำนักพิมพ์เรียบร้อยแล้วจ้า
รอลุ้นกันได้เลยนะคะว่าน้องดำจะออกมาเป็นเล่มเมื่อไหร่
กรีนก็รอข่าวดีเหมือนกัน ฮ่าๆ ๆ ๆ
ฝากอีกนิด ถ้าแจ้งเตือนขึ้นบ่อยก็ขอโทษล่วงหน้าด้วยนะคะ พอดีมีจุดที่กรีนรีไรท์ก่อนส่งไปหลายจุด เดี๋ยวจะลงฉบับรีไรท์ตั้งแต่ตอนแรกเลย ขอรบกวนหน่อยน้า
ส่วนตอนต่อๆ ไปกรีนก็จะลงให้อ่านจนจบเลยจ้า ไม่ต้องกังวลกันน้า
ขอบคุณค่า