ตอนที่ 35
[ ถึงแล้วนะพี่เมด ] ข้อความจากน้องชายเด้งขึ้นมาบนหน้าจอโทรศัพท์มือถือของผม ตอนเหลือบสายตาหันไปมองหน้าจอที่ปลดล๊อคผมก็กดเข้าไปตอบมัน
[ ทำไมส่งข้อความมาตอบช้าจังเลยว่ะ ไอ้เจถึงเป็นชาติแล้วนะ ] ประโยคที่ส่งไปขึ้นว่าอ่านแล้ว แต่กลับไม่มีข้อความตอบกลับมา ผมเผลอยิ้มเพราะคิดถึงท่าทางตกประหม่าของอีกฝ่ายออก
ก็ใช่ว่าไม่รู้ ว่าตอนนี้เจกับวิวอยู่ในสถานะความสัมพันธ์แบบไหน แต่ผมก็แค่ไม่อยากจะเข้าไปยุ่งกับชีวิตของวิวมากมายจนกลายเป็นความอึดอัด
ผมพอรู้ว่าช่วงวันหยุดมันจะมาอยู่กับเจ ใช้ชีวิตแบบไปเรียนพิเศษตอนเช้า หลังเลิกเรียนเจก็มารับแล้วก็ไปกินข้าวด้วยกัน ค้างคืนจนหมดช่วงวันหยุด ผมเคยลองถามวิวดูแล้วเหมือนกัน ถึงคำจำกัดความแต่น้องชายก็บอกแค่ว่า ‘ รอสอบเข้าให้ได้ก่อน ชีวิตไม่วุ่นวายเมื่อไหร่ก็ค่อยเลื่อนสถานะกันอีกที ’ แต่ผมว่านั่นก็แค่ข้ออ้างนึงของที่เคยมีวันไนท์ด้วยกันมาแต่พอจะขยับสถานะมาเป็นแฟนเลยแบบที่ไม่ได้จีบ มันก็รู้สึกแปลกต่อกันก็เท่านั้น เพราะสิ่งที่มันสองคนเป็นอยู่ ก็ไม่ต่างอะไรแบบที่ผมกับอาฟกำลังเป็น
[ พี่เจถึงผับนานเป็นชาติแล้วเหรอ ]
[ มันไปเร็วมาเร็วจนกูรู้เลยว่า มึงแม่งนอนคอนโดมัน ]
[ ไอ้สัดนี่ กูก็บอกแล้วว่าให้แวะที่อื่นก่อน ]
[ มันมีธุระต้องคุยกับอาฟ เรื่องเครื่องเติมเบียร์ นี่ก็ให้กูโทรเรียกช่างมาดูเรียบร้อยแล้วว่าจะติดตั้งตรงไหน ] อธิบายน้องชายตัวเองไปก่อนจะส่งสติกเกอร์เหล่มองแบบจับผิดไปให้ [ นี่คิดจะโกหกพี่อีกแล้วเหรอครับน้องวิว ]
[ บ้า พี่มึงก็คิดมาก ไม่ได้จะโกหก ]
[ แต่ถ้าไม่ทักก็คือไม่พูดเนอะ ]
[ แงงงงง ก็กลัวพี่เมดจะว่าน้องแรดที่มานอนบ้านผู้ชายทั้งที่ไม่ได้เป็นอะไรกัน ]
[ กูว่ามันก็แฟน แต่มึงแค่ยังไม่อยากจะยอมรับสถานะกับตัวเองก็แค่นั้น ]
[ จะว่างั้นก็ได้ ไม่เถียงหรอก ]
[ แล้วงั้นทำไมไม่เป็นแฟนกันไปเลย มึงโอเคเหรอกูถามหน่อย โอเคกับการไม่มีสถานะจริงๆเหรอวะ ]
[ เอาตรงๆคือ กูพูดให้ตัวกูดูดีไปแบบนั้นแหละไอ้เรื่องที่บอกว่า ขอโฟกัสเรื่องเรียนก่อน ทั้งๆที่จริงอะพี่เมด กูแค่กลัวว่าพี่เจมันจะรับนิสัยจริงๆกูไม่ได้ไง เลยแบบ เออ งั้นมาลองคบแบบไม่มีสถานะกันก่อนดีกว่า ]
[ อย่างงั้นนี่เอง ]
[ กูเป็นคนเอาแต่ใจไง กูรู้ตัวแหละ มันอาจจะไม่หนักขนาดไม่มีเหตุผลเหี้ยอะไรเลยก็จริง แต่กูก็พูดกับมันแล้วนะ ว่ากูไม่ใช่คนนิสัยดีแบบพี่เมด คืออย่ามาคาดหวังว่ากูจะแบบ น่ารักเรียบร้อยแบบพี่มึงเพราะมันจะไม่ได้อะไรแบบนั้นเด็ดขาด ]
[ มึงอย่าพูดเหมือนกูเรียบร้อย กูไม่ได้เรียบร้อยขนาดนั้น ]
[ ยั๊วะอีกพี่กู ]
[ คือบางทีกูแค่ไม่เหมือนคนอื่น นั่นหมายความว่ากูเรียบร้อยเหรอวะ ไม่ใช่มั้ง ] เอาเข้าจริงก็ไม่ชอบเลย ไม่ชอบเวลาได้ยินใครๆบอกว่าผมเรียบร้อย หรือไม่ก็นิสัยเหมือนผู้หญิง อะไรทำนองนั้น
ผู้ชายในโลกนี้ไม่มีแบบเดียว มันมีผู้ชายที่ไม่กินเหล้า ไม่สูบบุหรี่ ไม่ชอบเที่ยวหญิง ไม่ชอบเข้าผับ ชอบอยู่บ้าน อ่านหนังสือ ดูหนัง ฟังเพลง ชอบดูแลคนอื่น และผมก็แค่เป็นแบบแค่คนนึงในผู้ชายประเภทนั้นก็เท่านั้น ไม่ได้เป็นคนเรียบร้อยแบบที่ใครๆต่างยกยอกันเกิดเหตุ
[ คนพูดมันก็เอาตัวเองเป็นบรรทัดฐานไง อย่างพี่เดย์ที่มันบอกว่า พี่มึงเหมือนต้นแบบเจ้าหญิงดิสนี่ย์ทุกตัวในโลก นั่นก็เพราะว่าไอ้เหี้ยพี่เดย์มันไม่ได้เป็นแบบมึงไง แล้วคนรอบข้างมัน พี่อาฟ ไอ้ลุง พี่อัยย์ แม้แต่เพื่อนมันก็ไม่ได้เป็นแบบมึง ขนาดกูก็ยังไม่เป็นเลย พี่เดย์แล้วก็คนอื่นๆมันก็เลยรู้สึกว่ามึงอะดีมากๆ เข้าใจมั้ย ]
[ เข้าใจก็ได้ ]
[ อย่าซีเรียสกับแค่ใครแซวว่าเป็นคนดีสิว่ะพี่เมด แค่สังคมที่มึงอยู่ไม่มีใครเหมือนมึงก็เท่านั้น มึงเลยเป็นคนดีสำหรับพวกมันมากๆ แล้วคือจะให้เค้ารู้สึกว่ามึงเหี้ยได้ไง ก็มึงไม่เหี้ยอะ ]
[ กูแค่รู้สึกว่ามันพูดเหมือนกูดีมากแบบ ไม่มีจริงในโลก ทั้งๆที่จริงกูกวนตีนไอ้อาฟจะตายห่าแต่ก็แค่ทำตอนอยู่ด้วยกันสองคนก็แค่นั้น ]
[ ก็มึงใส่หน้ากากหาพวกแม่งอะ พวกแม่งก็ต้องหาว่ามึงดีอะดิ ]
[ เดี๋ยววว นี่ด่ากู ]
[ หยอกกกกก ] หลุดยิ้มกับสติกเกอร์น่ารักที่ส่งมา ก่อนที่วิวจะพิมพ์ต่อ [ นั่นแหละ เรื่องของกู สุดท้ายมันก็แค่คนคนนึงที่เอาแต่ใจ แล้วกูก็ไม่อยากจะเจ็บมากกับการที่กูทุ่มเทความรู้สึกไปให้มัน เราเลยตกลงกันว่า ช่วงนี้คบกันไปก่อนแบบไม่มีสถานะนี่แหละ คบกันแบบเป็นตัวเองให้สุดทั้งพี่เจทั้งวิว จะได้รู้ว่าไปด้วยกันได้มั้ย ]
[ อื้ม ]
[ แต่ก็นะ ข้อเสียของมันคือ ความรักเป็นอะไรที่พอเริ่มให้แล้วเราจะกำหนดไม่ได้ว่า พอแล้ว ให้เท่านี้พอ มันเป็นอะไรที่พอเปิดใจแล้ว เราก็จะให้เค้าไปหมดเลยอย่างไม่มีที่สิ้นสุด จนกูรู้สึกว่าถ้าถึงวันนั้นที่อะไรมันลงตัว แล้วกูมานั่งคุยกับพี่เจเรื่องสถานะ ถ้าสุดท้ายกลายเป็นว่า พี่เจบอกว่าไปด้วยกันกับกูไม่ได้ ตอนนั้นกูจะทำยังไงวะ ต้องเสียใจมากแน่ แล้วจะโทษใครก็ไม่ได้ด้วยนะ เพราะตัดสินใจเองว่าจะไม่มีสถานะ ]
[ มันก็มีทั้งดีทั้งเสียในทุกการตัดสินใจนั่นแหละมึงอย่าไปคิดมาก เพราะต่อให้มึงคบกับมันเป็นแฟน วันนึงเจมันรับนิสัยไม่ได้หรือมีคนใหม่ มันก็บอกเลิกมึงอยู่ดี เอาแค่วันนี้ก็พอ แก้ไขได้ก็แก้ไข ไม่เป็นตัวเองมากไปก็บอก ก็แค่นั้น ]
[ เป็นคำสอนจากคนที่จัดการพี่อาฟเตอร์ เจ้าของผับ throw up อยู่หมัดเปล่าวะ ]
[ ประสาท ] ส่ายหน้าคำแซวของน้องก่อนจะถอนหายใจยิ้มๆ
[ มึงควรไปออกหนังสือ สิ้นลายคาสโนว่าอะพี่เมด ]
[ เอาจริงๆมั้ย ตั้งแต่กูคบกับอาฟมา กูไม่เคยคิดว่ามันเป็นแบบที่ใครๆพูดถึงมันเลย ]
[ หมายความว่าไงวะ ]
[ อาฟ เหมือนโชคร้ายที่คนภายบอก ตัดสินทุกอย่างของมันจากรูปลักษณ์อย่างเดียวอะมึง คือเป็นเจ้าของผับดัง ขับรถหรู ทำตัวหยิ่งๆ คนส่วนใหญ่เลยมองว่า ไอ้เชี้ยนี้ต้องฟันผู้หญิงเก่ง เจ้าชู้ แล้วก็นิสัยเหี้ยแน่นอน ซึ่งตอนแรกที่กูรู้จักมัน กูก็คิดแบบนั้นแหละ ]
[ อ้าว 555555555555 ]
[ ก็รูปลักษณ์มันได้อะมึง มึงมองหน้ามันดิ เอาแบบไม่รู้จัก ไม่ได้คุย ใครๆก็มองว่ามันแบบนั้นกันทั้งนั้น ]
[ ก็จริง เพื่อนวิวยังบอกว่าเค้าเจ้าชู้มาก ซึ่งไม่รู้ไปเอามาจากไหนเหมือนกัน ]
[ ใช่มั้ยละ ]
[ แล้วที่บอกว่าไม่เหมือนอย่างที่คิดนี่คือ ]
[ มันไม่ใช่คนแบบที่ใครๆตัดสินมันเลยอะ สาวๆที่เข้ามาหามัน ก็เป็นคนที่เสนอตัวให้มันก่อน มันที่ตอนนั้นไม่ผูกมัดกับใครก็ไม่แปลกรึเปล่าวะที่จะสนองกลับไป... หรือกูจะคิดเข้าข้างแฟนกูมากเกินไป ]
[ 555555555555 อีพี่เมดแม่ง ]
[ คือกูว่ามันไม่แฟร์เท่าไหร่ไง จะมาบอกว่า พวกมีอะไรกับใครแบบวันไนท์คือคนเจ้าชู้ คนไม่ดี เพราะวันไนท์มันคือการตกลงกันของคนสองฝ่ายแล้วว่าจะเอากันแบบไม่ผูกมัด ซึ่งมันก็ไม่ได้เกิดจากการบังคับเปล่าวะ แต่ถ้ามันมีกูอยู่แล้วมันนอกใจกูไปเอากับคนอื่นไปทั่ว อันนั้นมันก็เริ่มจะเหี้ยละถูกมั้ย ]
[ ก็ถูก จากที่กูเคยผ่านมา มันก็คือการเอากันด้วยความพึงพอใจของคนทั้งสองฝ่ายนั่นแหละ ส่วนถ้าใครติดใจแล้วอยากจะเอาต่ออันนั้นก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ ถ้าอีกคนจะไม่เล่นด้วย เพราะกฎของวันไนท์คือ ไม่ผูกมัด แต่นั่นแหละ พอมีใครคนนึงเจ็บ อีกฝ่ายที่ไม่เจ็บแม่งก็เหี้ยเสมอ โคตรไม่ยุติธรรม ทั้งๆที่มึงแม่งก็ไม่รักษากฎก่อน วันไนท์ใครเค้ารักกัน โดนเอาแล้วถูกใจอยากจะสานต่อ แต่พอเค้าไม่เล่นด้วยแล้วโวยวายว่าอีกฝ่ายเหี้ย มึงนั่นแหละที่เหี้ย ]
[ มึงดูอิน ]
[ 5555555555 ก็มันจริงอะพี่เมด คือถ้าใช้สมองใคร่ครวญสักนิดจะเข้าใจว่าวันไนท์คืออะไร มันไม่ได้เลวร้ายอะ มันไม่ดูเห็นแก่ตัวไปหน่อยเหรอวะ ที่คนสองคนจะเริ่มต้นมีอะไรกันแบบไม่ผูกมัด แต่สุดท้ายคนคนนึงต้องมาผิด เพียงเพราะแค่ไปทำให้อีกคนถูกใจในเซ็กส์ หน้าตา ความรวย อยากจะจับทำผัวจริงๆ แต่เค้าไม่ได้ชอบเลยปฎิเสธ แบบนั้นพออีกฝ่ายเสียใจ ร้องไห้ ก็มาบอกว่าเค้าเจ้าชู้ ไม่ดี ฮัลโหลลล ก็มึงบอกเค้าจะเป็นแค่วันไนท์มั้ย ไม่ได้บอกว่าจะมาคบกัน ไอ้สัด ]
[ ก็จริงของมึง แสดงว่ากูไมได้เข้าข้างแฟนกูถูกมั้ย ]
[ ไม่อะ มึงก็คิดถูกแล้วว่าพี่อาฟมันก็ไม่ได้ผิดอะไร แต่คือต้องเข้าใจอะ พี่อาฟมันรวย สาวคนไหนที่เข้ามาคุยกับมันแล้ว มันคุยด้วย หรือตอบตกลงขึ้นห้องกันได้ มันก็มีความหวังแล้วเปล่าวะ ว่า พี่อาฟก็เริ่มสนใจ ]
[ คงจริง เพราะมันเป็นคนที่ถ้าไม่สนใจ มันก็ไม่ชายตามองเลย ]
[ แล้วยังไงต่อ ที่พี่เมดบอกว่าเค้าไม่เหมือนอย่างที่คิด ]
[ คือมึงรุ้มั้ยว่าอาฟเป็นคนโรแมนติกมากเลยนะ ทุกวันนี้เวลามันตื่นนอนก่อนกู ก็จะหอมแก้มกูทุกเช้าเลยแบบไม่ให้กูรู้ตัวด้วยนะ เพราะมันเขิน ]
[ กูถามจริง ]
[ เออ จริงๆ แล้วมันเป็นคนที่ตามใจกูมาก แบบ อยากจะกินอะไรก็แค่บอก มันก็จะพาไป ไม่เรื่องมาก ไม่ขี้บ่นด้วย แล้วเป็นคนที่แบบใส่ใจกูทุกเรื่องอะ แม้จะเป็นเรื่องเล็กๆอาฟมันก็ใส่ใจ ]
[ นั่นเพราะว่าเป็นพี่เมดไง ] วิวบอก [ ก็เค้าชอบพี่เมด เค้าก็ทุ่มเทให้พี่เมดทั้งหมดอะ ให้หมดทุกอย่างที่เค้ามี ]
[ อื้ม อาฟก็เป็นแบบนั้นจริงๆ จนบางทีกูรุ้สึกว่า อาฟคนที่กูรู้จักเป็นคนละคนกับที่คนอื่นรู้จักด้วยซ้ำ ]
อาฟที่ใครๆรู้จัก คือผู้ชายที่นั่งกินเหล้าเงียบๆ อยู่ที่มุมนึงของบาร์ในผับ เค้ามักจะยิ้มบ้างกับเพื่อนสนิทที่นั่งข้างๆ แต่นั่นก็เป็นแค่การยกยิ้มเท่ห์ๆ ที่มีให้กลับคนสนิทเท่านั้น แต่ถ้าไม่ใช่คนสนิทด้วยก็แทบจะไม่ชายตาหันไปมองเลยด้วยซ้ำ ส่วนอาฟคนที่ผมรู้จักมันคือคนที่ทั้งใจดี อบอุ่น แต่ก็กวนตีน แล้วก็ชอบแกล้ง คนที่มีหลายมุมมองแต่ทุกมุมมองนั้นถูกประกอบขึ้นมาจากตัวผมในแต่ละช่วงเวลาที่เราอยู่ด้วยกัน
[ กูถามจริงพี่เมด คือที่มานั่งอวดให้ฟังนี่ มีความสุขเพราะแฟนซื้อรองเท้าให้ปะ ]
[ ไม่เว้ย กูแค่มานั่งคิดๆ แล้วแบบไม่รู้จะอวดใครเลยพูดกับมึง มันดีกับกูอะมึง ดีมากๆ แล้วพอรู้สึกว่า ในสิ่งที่มันทำ มันทำให้กูคนเดียว มันก็เป็นอะไรที่กูรู้สึกว่า นี่กูไปเสียเวลากับไอ้เหี้ยบินทำไมตั้งสี่ปี ทำไมกูไม่ขับรถชน ชนรถแม่งตั้งแต่ตอนที่กูหัดขับรถตอนม.หกว่ะ หรือว่าทำไมเราไม่เจอกันตอนกูอยู่ม.ปลายเลย ทำไมกูต้องมาเจอไอ้เชี้ยบิน ทำไมกูต้องมาเสียใจก่อนถึงจะมาเจออาฟ ]
[ คงเพราะชาติที่แล้วมึงไปทำอะไรไอ้เหี้ยบินเหี้ยยีนส์ไว้ไง ชาตินี้เลยต้องมาใช้กรรม นี่ใช้หมดแล้ว ก็ได้เจอพี่อาฟละ ]
[ มาใช้กรรมที่ติดไอ้อาฟไว้ต่อ ]
[ ไอ้สัด 5555555555 ไหนบอกแฟนดี ]
[ ก็ดี แต่มันยังไม่เห็นกันทุกด้านไง คือมันก็มีแหละสิ่งที่ทำให้กูรู้สึกว่า หงุดหงิดบ้างเพราอาฟเป็นคนสุดทุกอย่างสำหรับกูอะ ]
[ ยังไงวะ สุดทุกอย่าง ]
[ กับกูคือมันแบบ อบอุ่นที่สุด ใจดีที่สุด แต่ยังไม่เคยเห็นมุมที่มันโกรธที่สุด หึงที่สุดไง ขนาดเรื่องความปากหมาของมันที่กูได้รับทุกวันนี้ยังไม่ใช่ที่สุดเลย มันยังหมากว่านี้ได้อีกกูมั่นใจ ]
[ พี่มึงแม่ง 5555555555 ] วิวหัวเราะผมก็หลุดขำตามเลขห้าที่อีกคนแสดงอารมณ์ออกมา
[ แสดงว่าพี่มึงก็ยังไม่รู้ว่าอะไรที่รับไม่ได้คืออะไร เพราะยังมาไม่ถึงแต่สรุปโดยรวมตอนนี้คือดีมาก ]
[ ใช่ ] ผมยิ้มตอนที่พิมพ์ตอบน้องชาย [ แต่กูก็คิดว่าช่างมันเถอะ เวลามันจะเป็นเครื่องพิสูจน์เองอะ ว่าไปกันได้มั้ย ]
[ ถ้ารักกันมากพอ มันก็พยายามจนรักกันได้นั่นแหละ ดูอย่างพี่เมดตอนรักไอ้บินดิ ใครจะด่าว่าโง่ จะโดนทำเหี้ยๆเท่าไหร่ มึงก็ยังรัก ยังรับตัวเพื่อมันได้อะ ]
[ ก็จริงของมึง ] ผมตอบรับน้อง [ แต่กูไม่ขออะไรแบบนั้นแล้วนะ ขอคนดีๆในชีวิตกูหน่อย คนที่อยู่ด้วยแล้วสบายใจอะ ]
[ มันคงไม่มีใครเหี้ยถึงขั้นนั้นแล้วมั้ย ก็ถ้าพี่อาฟมันเหี้ยเหมือนไอ้สัดบิน มึงก็ไม่ต้องมีใครแล้วพี่เมดชาตินี้ อยู่คนเดียวไปเถอะ ]
[ กูก็คิดแบบนั้น ]
[ เอาจริงๆ คนเรามันมีทั้งดีทั้งเสียแหละ มันต้องดูไปนานๆทั้งนั้น ตอนนี้มึงแฮปปี้กับมันนั่นก็ดีแล้ว ก็อยู่กับมันไป เหมือนที่พี่เมดบอกวิวไง อะไรไม่ใช่ก็ปรับ ปรับไม่ได้หรืออึดอัด ก็บอก ]
[ อื้ม แบบนั้น ]
[ แล้วกูถามหน่อย ]
[ ว่า ]
[ พี่เดย์พี่อัยย์มันซื้อกล่องถุงยางให้มึงจริงๆเหรอวะ ] ผมถอนหายใจออกมาตอนเห็นคำถามของน้องชายตัวเอง
[ จริง ] ตอบออกไปแบบนั้น นึกแล้วอยากจะเอากล่องของขวัญไปเขกหัวไอ้เด็กพวกนั้นสักอย่างสามที คิดไงซื้ออะไรแบบนั้นมาให้
[ พี่มันคงคิดว่า ซื้อของที่ได้ใช้ดีที่สุด ]
[ ไอ้วิว... ]
[ 55555555555555 ก็มันจริง แล้วถามหน่อย มึงมีอะไรกับพี่อาฟแล้วถูกมั้ย ] ผมเงียบไปตอนที่หน้าถาม ทำทีไปเหลือบมองทางอื่นทั้งๆที่ตอนนี้ก็นั่งอยู่ในห้องทำงานคนเดียว รู้สึกเขินยังไงก็ไม่รู้ที่ต้องตอบว่า ใช่ [ เงียบ แสดงว่ามีแล้ว ]
[ เออ ก็มีแล้ว ]
[ แล้วเป็นไง รีวิวหน่อย ]
[ คือวิว เรื่องแบบนี้กูต้องรีวิวด้วยเหรอไอ้น้องเวร ไม่ได้ไปกินข้าวร้านหรูไงมึง ]
[ 555555 ก็อยากรู้อะ ว่าคนแบบพี่อาฟจะเป็นไง ]
[ ก็สมเป็นอาฟเตอร์ อารยะ อะมึง ]
[ จำกัดความได้เท่ห์มากพี่กู ] หลุดขำออกมาตอนที่ได้อ่าน วิวก็แซว [ ก็ถ้าไม่รู้ว่าพี่มันเป็นคนมีมุมอบอุ่น คงคิดว่า พี่มันร้อนแรงมาก โซ่แซ่กุญแจมือ ตีตูดไปเอากันไป ]
[ ไอ้สัด ไม่ขนาดนั้นเว้ย แต่มันก็อบอุ่นแหละ ]
[ มีความสุขใช่มั้ยตอนนั้น ]
[ มากๆ ] พิมพ์ข้อความนั้นแล้วนิ่งมองอยู่สักพัก ผมเผลอคิดถึงช่วงเวลาอบอุ่นพวกนั้น ช่วงเวลาที่เราโอบกอดกันและกันไว้ มันไม่ได้เรียกว่าความสุขอย่างเดียว มันเป็นอะไรที่มากกว่านั้น โดยที่ไม่สามารถจำกัดความได้ด้วยประโยคใดประโยคนึง [ กูไม่เคยรู้สึกเลยว่าเซ็กส์แม่งคือสิ่งที่ดี มันคือสิ่งที่กูเกลียดอะมึงเข้าใจมั้ย จนคืนนั้นที่กูมีอะไรอาฟ แล้วพอตื่นขึ้นมา กูก็รู้สึกเลยว่า เซ็กส์มันดีจังว่ะ แล้วนั่นก็เพราะอาฟ ที่ทำให้กูรู้สึกอย่างงั้น ]
[ เล่ากูๆ อยากฟังงงง ]
[ อื้ม มากเลย กูชอบตอนที่อาฟจับมือกูขึ้นมาจูบ ชอบตอนที่มันมองตากัน ชอบทุกๆอย่างที่มันทำให้กูในคืนนั้น ชอบจนเข้าใจเลยว่า ทำไมคนบางคนถึงมองว่าเซ็กส์ดี เข้าใจเลยว่าการที่ใครบอกว่ามีความสุขจากเซ็กส์มันคืออะไร แล้วที่ผ่านมาสำหรับกูมันไม่ใช่เซ็กส์เลย นั่นแค่การติดสัตว์ ]
[ แรงงงงงง ] วิวบอกผมก็ยิ้มออกมาตอนที่มองข้อความนั้นแล้วก็ได้แต่หวนคิดถึงชีวิตเก่าๆของตัวเองที่เคยทนอยู่ในสภาพแย่ๆ แล้วยิ่งคิดเท่าไหร่มันก็ยิ่งเกลียดตัวเองเข้าไปทุกครั้ง เหมือนผมตั้งคำถามกับตัวเองซ้ำๆว่า ‘ ตอนนั้นทนไปทำไม ’ ทั้งๆที่มันเป็นอดีตที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้แล้วก็เถอะ [ แล้วถามได้มั้ย ]
[ ถามว่า ]
[ พี่มึงมีอะไรกับพี่อาฟมากี่ครั้งแล้ววะ ]
[ สองครั้ง ] ตอบออกไปตามตรง เพราะทั้งสองครั้งก็เป็นอะไรที่ยังอยู่ในความรู้สึกของผม เป็นอะไรที่อบอุ่นแต่ก็ร้อนแรงจนลืมไม่ลงกันเลย [ ครั้งแรกแล้วก็ หลังจากที่อาฟฟื้นไข้ ]
[ งั้นครั้งนี้ก็สาม ]
[ ไอ้น้องเวร ] ผมพิมพ์ด่าอีกคนที่ก็ส่งสติกเกอร์หัวเราะมาให้ [ ไปอ่านหนังสือได้แล้วไป กูจะทำงานแล้วเดี๋ยวไม่เสร็จ ]
[ 555555555555 โอเค คุยกันนะ ]
[ มีอะไรบอกพี่เมดนะวิว บอกได้ทุกเรื่องนั่นแหละ กูไม่ว่ามึงหรอก เพราะกูรู้ดีอยู่แล้วว่าน้องกูเป็นยังไง ]
[ ครับผม รักพี่เมดนะ สุขสันต์วันเกิดอีกที เสื้อนั่นใส่ด้วยนะ ถึงมันจะไม่แพงเท่ารองเท้าที่ใส่อยู่ก็เถอะ ]
[ แซวจริงเว้ย ใส่แน่นอน เพราะกูชอบมากกกกกกกกก ] ลากเสียงยาวในท้ายประโยคที่พิมพ์ ก่อนสติกเกอร์น่ารักของวิวจะส่งมาปิดท้ายบทสนทนานั่นลง