“ แล้วที่จะถามคือ..”
“ ทำไมไม่ใช้การ์ดนั่น ขอเหี้ยอะไรที่มันดีกว่านี้ ”
“ กูขอน้อยไปเหรอ ? ” เจ้าของวันเกิดหันมาถามด้วยสีหน้าสงสัย “ ทำไมวะ มึงอยากจะให้กูขออะไร ”
“ ขอที่มันมีสาระกล่าวนี้ อาจจะขอให้กูเป็นทาสมึง ทำตามที่สั่งแล้วมึงก็จิกหัวใช้กู ไม่ก็ขอให้กูซื้อของที่มึงอยากจะได้ให้ทั้งหมด”
“ กูว่าที่กูขอมันก็โอเคแล้ว ” เมดยิ้มให้ผม “ กูว่ากูขอเยอะแล้วนะ สำหรับการขอให้มึงเป็นแฟนที่ดี ”
“ มึงทำเหมือนปกติกูเหี้ยมาก ”
“ ไม่เอาน่าอาฟ อย่าให้กูต้องพูดเลย ” มือที่เอื้อมมาจับไหล่ ผมถอนหายใจออกมาอีกคนก็หลุดขำ
“ มึงขอให้กูเป็นแฟนที่ดี เอาใจมึง พูดเพราะๆ ไม่กวนตีน แต่พอกูทำมึงก็บอกไม่เอา มึงอึดอัด แล้วแบบนั้นมันจะคุ้มมั้ย ”
“ ก็ไม่คุ้มหรอก แต่กูไมได้อยากได้อะไรที่มันพิเศษมากกว่านี้แล้วอะมึง ” พิงตัวเองกับรถเมดถอนหายใจออกมา “ คือจะพูดแค่ครั้งเดียวนะ ตั้งใจฟัง ”
“ อื้ม ”
“ การมีมึงอยู่สำหรับกูมันก็พิเศษแล้ว มึงตามใจกูทุกอย่าง ขับรถไปรับไปส่งไม่บ่นเลย อยากได้อะไรมึงก็ซื้อให้ อยากกินอะไรมึงก็พาไป กูเลยไม่รู้ว่าจะอยากได้อะไรอีกก็เท่าที่มีก็พอแล้ว “ เมดก้มลงมองการ์ดที่อยู่ในมือของตัวเอง “ แต่กูชอบของขวัญที่มึงให้กูมากเลยนะ เพราะมันคือสิ่งที่ทำให้กูรู้สึกว่า มึงจะพร้อมทำทุกอย่างให้กูไม่ว่าจะเป็นอะไรทั้งนั้น “ เอื้อมมือมาจับปลายผมของผมที่อยู่ตรงข้างหูเมดยิ้มให้ “ กูไม่ได้อะไรจากมึงเพิ่มหรอกอาฟ ขอให้ที่เป็นอยู่มันเหมือนเดิมไปทุกวันก็พอ ”
“ มึงไปหันพูดคำพูดที่ชวนให้ใจเต้นแรงแบบนี้มากจากไหนวะ ”
“ มึงนั่นแหละพูดบ่อย กูเลยต้องหัดบ้าง ” เมดบอก “ แต่ว่ากูก็คิดอยู่หลายวันมากเลยนะว่าจะขออะไรมึง แต่ว่าคิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออก อยากจะให้เป็นทาสนั่นแหละ แต่พอบอกมึงว่า อาฟพาไปหาวิวหน่อย มึงก็พาไปอยู่แล้ว ไม่เห็นต้องใช้การ์ดเลย หรือจะให้ไม่เป็นตัวเองที่กูแกล้งๆมึง มันก็แค่เอาสนุกอะ เพราะให้จริงจังกูก็ไม่ชอบหรอก ยังไงการที่มึงเป็นมึงสำหรับกูมันก็ดีที่สุดแล้ว ไม่งั้นกูจะชอบเหรอจริงมั้ยละ ”
“ คงงั้น ”
“ แล้วอย่าไปใครบอกนะ ” เมดบอกผมที่ก็ยกคิ้วขึ้นมาด้วยความไม่เข้าใจในรูปประโยคที่มันพูด “ เรื่องนี้รู้แค่เราสองคนพอเข้าใจมั้ย เดี๋ยวคนอื่นเค้ารู้หมดว่ากูแม่ง เห่อแฟน ”
“ นับวันยิ่งร้ายกาจ ” บอกมันแบบนั้นก่อนจะดึงตัวเองเข้าไปหมายจูบมันแต่ทว่าไม่ทัน รถคันหลังดันบีบแตรใส่เสียก่อนจะเราทั้งคู่สะดุ้งขึ้นมาด้วยความตกใจ “ ส้นตีน เสือกไฟเขียวอีก ”
“ จอดข้างทางสิวะ ”
“ คุณยั่วผมเหรอครับ ”
“ ชื่ออารยะใช่มั้ย ถ้าใช่คงเป็นงั้น ” ตีไฟเลี้ยวออกจอดข้างทางผมปลดเข็มขัดนิรภัยขยับเกียร์เข้าไปสู่การจอดนิ่งก่อนจะดึงเบรคมือขึ้นอย่างเร็วจนเมดได้แต่ยิ้มแล้วยกมือขึ้นกันตัวผมที่ก็จูบลงบนริมฝีปากของอีกคนทันทีโดยไม่ต้องพูดอะไรให้มากเป็นความดูดดื่มที่ไม่มีใครยอมใครไม่ว่าจะเป็นรสจูบหรือแม้แต่ฝ่ามืออุ่นที่ลูบไล้ไปบนเรือนกาย
แวะเข้าไปในห้างที่อยู่ไม่ไกลจากผับเท่าไหร่ มันเป็นห้างใหญ่ที่ครั้งก่อนเราเคยมาวิวมากินข้าวด้วยกันที่นี่ ผมจอดรถตรงชั้นของโรงหนัง ซื้อตั๋วหนังที่ผมเองก็ไม่รู้ว่ามันคือเรื่องอะไร แต่เมดบอกว่ามันอยากดูหนังเรื่องนี้มาก เพราะเคยดูมาแล้วตอนที่มันเป็นภาคแรก
“ กูไปซื้อบ๊อปคอร์นแปปนึง มึงจะกินน้ำอะไร ”
“ ไปด้วยกัน ” เดินกอดคอมันเดินมาที่ร้านขายเมดซื้อบ๊อปคอร์นถังกลางแล้วก็น้ำอัดลม
“ กินด้วยกันก็ได้มั้ง เยอะอะ กูคงกินไม่หมดหรอก ” บอกแบบนั้นแต่มือก็ยัดบ๊อปคอร์นเข้าไปด้วยความเร็วแสง หนังยังไม่ทันฉาย ตัวยังไม่ทันเข้าโรง ก็แดกขนาดนี้แล้ว
“ ที่บอกว่ากินด้วยกันกูจะได้กินถึงสามชิ้นมั้ยเมด ”
“ ก็กินเข้าไปตอนนี้สิ ” ยัดบ๊อปคอร์นใส่ปากผมเคี้ยวอีกคนก็ยิ้ม “ ไปดูหนังกันมึง โรงหรูๆ กูตื่นเต้น จะไปดูว่าข้างในเป็นไง ”
“ ถามจริง โรงหนังเข้าไปถึงแถวบ้านเหรอ ”
“ แฟนที่ดีต้องไม่กวนตีนกู มาเร็ว ” ดึงมือผมเข้าไปข้างใน เรานั่งดูหนังฉายจนจบแบบที่ต่างฝ่ายก็ต่างเงียบ ก่อนจะออกมาหาอะไรกินอร่อยๆกันที่ใต้ห้าง ก่อนที่เมดจะชวนผมไปเดินย่อยในความคิดของมัน ส่วนความคิดของผมก็แค่การเดินชอปปิ้งที่ซึ่งส่วนใหญ่ของที่ซื้อก็จะเป็นเสื้อผ้าของผม และแน่นอนว่าทุกถุงที่เรากำลังถือ มันไม่ได้ถามผมสักคำว่าอยากจะใส่รึเปล่า
“ ไปไหนกันดี ”
“ ทำงานสิครับ ” หันไปบอกอีกคนก่อนจะเอื้อมมือไปกอดแล้วดึงเข้ามาใกล้ ผมหอมแก้มมันไปเต็มฟอดด้วยความหมั่นเขี้ยวเพราะวันนี้มันดูมีความสุขทั้งวัน ปากที่พูดไม่หยุดผมชอบมองในเวลานั้น และมีหลายครั้งที่อยากจะเอื้อมมือไปหยิบปากที่ช่างพูดของมัน ไม่ก็จูบสักที แต่ต้องหยุดความคิดเพราะมันไม่ใช่ทีสาธารณะ
“ ทำไมไปเร็วจังวะ แค่สี่โมงเย็นเอง มึงรีบเหรอ ”
“ รีบ กูมีธุระที่ต้องทำ ”
“ ธุระอะไรวะ ”
“ ว่าจะโทรคุยเรื่องเครื่องเติมเบียร์ที่จะเอามาลงไว้ที่เค้าเตอร์บาร์ ” เมดผ่อนลมหายใจออกมาเซ็งๆ ทั้งที่จริงผมก็ไม่ได้มีอะไรแบบนั้นที่ต้องทำหรอก แต่เพราะตอนนี้ทั้งไอ้เจไอ้เดย์ไอ้อัยย์หรือแม้แต่ไอ้วิวกำลังรอเซอร์ไฟส์มันอยู่ที่ผับตังหากเลยต้องพามันไปที่นั่นก่อน
“ ขอกลับก่อนนะครับ ”
“ เออ ก็ได้ แต่ตอนดึกๆ ออกมากินเครปกับหมูตุ๋นกันนะ ”
“ เอาสิ ”
“ โอเค งั้นกลับ ” ชี้นิ้วตรงไปข้างหน้า ผมยิ้มกับท่าทางนั้นของมันจนเผลอนั่งคิดว่า วันนี้คงเป็นวันที่ผมยิ้มเยอะที่สุดแล้วก็ได้ แต่ว่าไม่น่าใช่หรอก ต้องบอกว่าตั้งแต่มีเมดเข้ามา ผมยิ้มจนเหมือนจะเป็นบ้าอยู่ทุกวัน น่าจะถูก
ขับรถเข้ามาจอดในลานจอดรถของผับ ผมส่งข้อความเข้าไปในกลุ่มว่าตอนนี้ผมถึงแล้ว แต่เมดที่หันไปเจอรถของคนที่ไม่ค่อยมาก่อนเวลา มันก็ดูสงสัยไม่น้อย
“ ทำไมวันนี้พวกน้องเดย์กับเจมันเร็วกันจังวะ ”
“ นัดกันมาแดกเหี้ยอะไรกันอีกละมั้ง ” ผมบอกปัดก่อนจะเดินลงไปจากรถ ตามหลังเมดที่ก็เปิดประตูด้านหลังของผับเข้าไปก่อน เดินกันเข้ามาเรื่อยๆตอนที่กำลังจะเลี้ยวเดินขึ้นไปชั้นสามผมก็เรียกมันไว้
“ เมด ”
“ พี่เมด! แฮปปี้เบิร์ดเดย์!!!! ” เสียงที่ดังมาจากด้านในของบาร์ เสียงพุแบบดึงถูกกระชากออก ก่อนเสียงร้องเพลงวันเกิดที่นำโดยน้องชายผมจะดังขึ้นมาเพื่อให้ทุกคนประสานเสียง
“ เชี้ย แม่ง กูก็ว่าทำไมมาผับเร็วเป็นพิเศษ ” เมดหันมามองผมแบบคาดโทษ ก่อนที่วิวน้องชายของมันจะเดินเอาเค้กที่จุดเทียนเท่าอายุวันเกิดมาให้
“ นั่นก็เพราะวิวอยู่ดึกไม่ได้ไง ”
“ มึงมากับเจเหรอ ” เมดถามวิวที่พยักหน้ารับ ตอนนั้นเดย์น้องชายผมมันก็ท้วงขึ้น
“ อธิษฐานแล้วเป่าก่อนพี่เมด เค้กละลายเดี๋ยวมันไม่อร่อย ”
“ อย่าเห็นแก่แดกดิพี่เดย์ ”
“ เอ้า ไอ้เด็กเวรนี่ ”
“ พอๆ อย่าเถียงกัน กูอธิษฐานก่อน ” เจ้าของวันเกิดว่าแบบนั้นก่อนจะหลับตาลงแล้วขอพร
“ ไม่ต้องขออารยะนะ มีแล้ว ” ไอ้อัยย์บอก เราที่ยืนอยู่ตรงนั้นก็หลุดขำ เมดเป่าเทียบทั้งหมดให้ดับลงก่อนเสียงโห่ร้องและปรบมือจะดังขึ้น
“ สุขสันต์วันเกิดนะพี่เมด มีความสุขมากๆ รักพี่เมดมากๆเลยนะ รักที่สุดที่โลกเลย ” วิวกอดพี่ชายตัวเองไว้มันแอบหอมแก้มเมดไปเต็มฟอดก่อนจะยื่นของขวัญให้ “ อันนี้เป็นของขวัญ ลุงกับวิวช่วยกันเลือกแล้วซื้อมาให้ ”
“ บอกพี่เมดด้วยดิว่าเงินพี่เจ 70 เปอร์ ”
“ พี่เดย์ วิวสงสัยว่าพี่เดย์เงียบแล้วจะตายมั้ยอะ ”
“ อย่าทะเลาะกันกูรำคาญ ” เมดบอกก่อนจะรับของขวัญไป “ ขอบใจนะมึง ขอบใจมึงด้วยนะเจ ”
“ ไม่มีปัญหา ” เพื่อนผมบอกก่อนจะยักคิ้วให้เจ้าของวันเกิดอีกที
“ ส่วนอันนี้เป็นของขวัญของน้องเดย์น้องอัยย์ที่ตั้งใจซื้อมาให้พี่เมด มีความสุขมากๆนะครับ ” ของขวัญที่ถูกยื่นมาให้ เมดมันพลิกไปมาด้วยความไม่เชื่อใจก่อนจะเหล่มองไอ้เด็กสองตัวข้างหน้า
“ ของดีน่า ขอให้ไว้ใจ ”
“ ไม่น่าเชื่อถือเลยว่ะ แต่ก็ขอบคุณนะครับ ”
“ อยากได้แบบไอ้เด็กวิวนะ แบบได้หอมอะ แต่เกรงใจ กลัวประตูนรกเปิด ” ไอ้อัยย์บอกก่อนจะหันมาเหล่ผม “ งั้นก็ในจินตนาการแล้วกัน ”
“ มึงไม่หอมแก้มเมดมันหน่อยอะ ” ไอ้เจทัก ทุกคนก็หันมามองผม
“ ต้องเหรอวะ ? ” ผมถามซื่อๆก่อนจะเดินเข้าไปใกล้อีกคน ตอนนั้นไอ้เดย์ไอ้อัยย์ก็ปรบมือเป็นจังหวะ
“ จูบเลย จูบเลย จูบเลย ”
“ อย่านะไอ้สัด ” เมดบอก แต่นั่นก็เหมือนจะช้าเกินไป เพราะผมก้มหน้าลงไปจูบมันแล้วเรียบร้อย
“ โทษทีนะ กูมันพวกหยามไม่ได้ ”
“ นิสัย ”
“ ก็คือว่านี่ก็ยุเล่นๆ แต่นี่คือเอาจริง ” เจเอามือทาบอกก่อนจะเหลือบไปมองทางอื่น
“ กูไม่ได้ขาดทุนทำไมต้องไม่ทำว่ะ ”
“ ชั่วร้ายสมกับที่เป็นอารยะ ” น้องชายผมว่าก่อนที่คนหน้าแดงจะบอกปัดให้เราพูดกันเรื่องอื่น
“ แล้วนี่กินไรกันยัง สั่งอะไรมากินกันมั้ยกูเลี้ยงเอง พิซซ่า KFC หรือจะสั่งไลน์แมน อะไรก็ได้ สั่งเลยเดี๋ยวเลี้ยง ”
“ กินพิซซ่ามั้ยเร็วดี ” วิวบอกทุกคนก็ได้แต่พยักหน้ารับ
“ งั้นวิวสั่งนะ เดี๋ยวพี่เมดเอาของไปเก็บที่รถก่อน เดี๋ยวมา ” เจ้าของวันเกิดที่โดนผมจูบต่อหน้าทุกคนเดินออกไปโดยที่ไม่ชวนผมสักคำ มันเขินจนลืมไปแล้วว่ารถผมมันเปิดไม่ได้ถ้าไม่มีกุญแจกดปลดล็อค
“ เดี๋ยวกูมา ”
“ ฟิล์มดำเปล่า ห่วงใยนะ “ ไอ้เดย์ที่ตะโกนมาเสริมด้วยไอ้อัยย์ที่ก็มีแต่ความคิดเหี้ยๆ อยู่ในสมอง
“ รถสั่นตอนนี้ ชาวบ้านจะแตกตื่นกันนะเฮีย ไม่มีใครคิดว่าผีเข้ารถนะ ”
“ พวกส้นตีน ” ผมบ่นกับตัวเองตอนที่เดินตามหลังอีกคนออกมา เมดยืนนิ่งอยู่ประตูรถผมที่กดล็อครถอีกคนก็หันมามอง “ เอาของมาเห็บที่รถแต่ไม่เรียกเจ้าของรถมาด้วย มึงจะเก็บยังไงกูถามหน่อย ”
“ มึงแม่ง ”
“ อะไร ” เดินเข้าไปยืนใกล้มันก่อนจะเอียงหน้าถามเหมือนไม่รู้เรื่องว่าอีกคนกำลังหมายถึงเรื่องอะไร
“ ไม่อยากจะคุยกับมึงแล้วไอ้เชี้ย ”
“ งั้นนั่งลงหน่อย ” ผมบอกมันก่อนจะเปิดประตูรถฝั่งที่มันนั่งให้
“ มีอะไรวะ ”
“ เขินไม่ใช่เหรอ ก็นั่งพักก่อนไง ก็แค่นั้น ” ผมบอกเมดก็เงยหน้าขึ้นมามองกันอยู่สักพัก “ มึงช่วยหยิบถุงที่อยู่หลังเบาะรถกูขึ้นมาหน่อย ”
“ ถุงอะไร ”
“ ใช้อะไรก็ทำให้เถอะครับ ถามมากจัง ” เมดเอียงตัวลงไปหยิบถุงที่อยู่ด้านหลังเบาะของผมขึ้นมา มันที่กำลังยิ้มตอนที่มองยี่ห้อของถุง เจ้าตัวก็เม้มริมฝีปากแน่น “ ยิ้มอะไร ”
“ ของกูเปล่า ”
“ เปิดดูก่อนว่าอยากได้มั้ย ”
“ มึงแม่งแบบ.. ” คนมีความสุขเริ่มออกออกอาการอยู่ไม่นิ่ง ตอนที่กล่องใหญ่ถูกดึงออกมาเมดเงยหน้ามองผมก่อนที่มันจะเปิดออกแล้วเห็นรองเท้าผ้าใบอยู่ในนั้น รอยยิ้มกว้างที่ปิดไม่มิดมันเงยหน้าขึ้นมาถามผม “ กูถามจริง มึงให้กู ”
ผมไม่ได้ตอบอะไรในสิ่งที่อีกคนถาม สิ่งที่ทำต่อจากนั้นคือผมแค่นั่งย่อตัวลงตรงหน้ามัน ปลดเชือกรองเท้าคู่ที่เมดสวมถอดมันออก ก่อนจะหยิบรองเท้าคู่ที่อยู่ในกล่องนั่นใส่ให้มันแล้วก็ผูกเชือกให้เรียบร้อยทั้งสองข้าง
“ ใส่พอดีมั้ย ”
“ โคตรพอดี ” คนที่ได้รับบอกด้วยรอยยิ้มกว้าง ก่อนจะดึงตัวเองเข้ามากอดผมไว้แน่น “ อาฟ ดีใจมากเลย ไม่คิดว่าจะได้ ชอบมากๆ ชอบรองเท้าคู่นี้มากๆ อยากได้มานานมากแต่คิดว่าชาตินี้คงไมได้ใส่เพราะไม่มีตังค์ซื้อ แต่มึงซื้อให้ อาฟ ดีใจ ดีใจมากๆ พูดไม่ถูกแล้ว ฮือ มึง กูจะร้องไห้ ”
“ ประสาท ” ผมบอกมันก่อนจะเอื้อมมือมาขยี้หัวอีกคนจนยุ่ง
“ แล้วทำไมถึงซื้อรองเท้าให้อะมึง วิวบอกเหรอว่ากูชอบรองเท้า ”
“ วิวบอกด้วยแล้วกูก็คิดด้วย ”
“ คิดว่า ? ”
“ ก็ซื้อรองเท้าให้ มึงจะได้เอาไว้เดินไปด้วยกันกับกู ” ไม่มีคำพูดอะไรจากเจ้าของวันเกิดทั้งนั้น ผมเห็นแค่รอยยิ้มของมันในตอนที่เงยหน้าขึ้นมองใบหน้าน่ารักที่กำลังมีความสุข เมดก้มลงมากอดผม มันหอมแก้มแล้วจูบ จูบที่ค่อนข้างดูดดื่มในแบบของเรา จูบที่บอกทุกความรู้สึกที่ผมมีให้เมด และที่เมดมีให้ผม
คืนนั้นก่อนจะผ่านพ้นวันเกิดของมันไป ภาพสุดท้ายที่เมดอัพในไอจี เป็นภาพที่ผมใส่รองเท้าให้มันพร้อมกับข้อความที่บอกว่า ‘ สุขสันต์วันเกิดนะมินเมด ขอบคุณที่เกิดมาเจอและเดินไปกับคนคนนี้นะ ขอบคุณที่ทำให้มีความสุขมากขนาดนี้ ’ แล้วตอนนั้นผมก็เม้นท์ตอบกลับมันไป ด้วยหัวใจหนึ่งดวง
...............................................................
ก็คือยาวมาก และเพิ่งเสร็จเลยจริงๆ เหมือนวิ่งเข้าโรงเรียนตอนประตูจะปิด
ลากเลือดมาก และ ยาวมาก ยาวจนบอกกับตัวเองว่า พี่อาฟคะ พี่เกิดจากกระบอกไม้ไผ่ได้มั้ย 55555
หยอกกกกก
ตอนนี้อาจจะมีคำผิดเยอะ แน่นอน เพราะเรายังไม่ได้เช็คเลย แต่ถ้ารอเราเช็ค คงพรุ่งนี้เย็น เพราะเป็นคนที่ทำอะไรแบบนี้ค่อนข้างนานเลยลงก่อน แก้ทีหลังละกันเนอะ
สุดท้ายนี้ สุขสันต์วันเกิดอิมเมจของน้องเมด
ฝากแท็ก #ผับชั้นสาม ในทวิตด้วยนะคะ
ขอบคุณมากค่า