# How to read [....เนื้อหา.... ] :: เนื้อหาในช่องแบบนี้ คือ แชทคุยกันนะคะ ไม่เห็นหน้า
ตอนที่ 11
' J is J '
[ อาจารย์ยังไม่ปล่อย มึงหายไปไหนของมึง ไอ้สัดอาฟ เข้าห้องน้ำ ? ] ข้อความที่ถูกส่งเข้ามาผมชายตาอ่านก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปมองถนนตรงหน้าเพราะกำลังขับถนนและอยู่ในทางตรงที่กำลังเบียดเสียดจนไม่สามารถหยิบมือถือขึ้นมาตอบได้
“ กูตอบให้มั้ย " คนที่นั่งข้างๆบอก ตอนที่เห็นท่าทางที่อยากจะหยิบมือถือขึ้นมาตอบของผม เราที่หันมาสบตากัน ผมยกยิ้ม
“ เสือก คิดเรื่องแฟนเก่ามึงไปเถอะ ยืนจับมือกันแน่น ถ้ากูไม่กดแตร คงไม่ปล่อยหรอกมั้ง " สายตาเรียวหันมามองผมด้วยหางตา มันที่ถอนหายใจออกมาก่อนจะหันกลับไปมองถนนข้างหน้า
ไม่รู้ว่าเป็นผมมากกว่ารึเปล่าที่ต้องรู้สึกหงุดหงิด กับการขับรถมารับอีกคนแล้วเห็นภาพที่ไม่อยากจะเห็นพวกนั้น เมดที่กำลังยืนจับมือกับแฟนเก่าที่กำลังส่งสายตาเว้าวอนให้มันเต็มที่ มือที่จับกันไว้แน่น ผมเกลียดช่วงเวลาที่ตัวผมไม่รู้อะไรเลยแบบนี้ เกลียดที่ใจตัวเองมันต้องคาดเดาทุกอย่างไปมั่วซั่ว แล้วก็เป็นตัวเองที่หงุดหงิดซะเอง แต่ถึงอย่างงั้นก็ต้องทำเป็นไม่รู้สึกอะไร ไม่ได้หึง ไม่ได้คิดมาก ทั้งๆที่ไม่ใช่เลย " มันเข้ามาพูดว่าอะไร "
“ เสือก " ทำทีเป็นยกยิ้มขำท่าทางหงุดหงิดของมัน อีกคนก็หันมามอง " ขำเหี้ยอะไรของมึง ไม่มีเหี้ยอะไรตลก ไอ้สัด "
“ แล้วมึงเป็นเหี้ยอะไร กูพูดความจริงแค่นี้ยั๊วะเหรอ "
“ ไม่มั้งไอ้เหี้ย " อีกคนหันมาเถียงสีหน้าโกรธๆ แต่ยิ่งดูก็ยิ่งตลก มันเหมือนลูกแมว ไม่ก็พวกลูกหมาพันธุ์จิ้งจอกที่กำลังหันมาขู่ผมด้วยท่าทางที่คิดว่าจะทำให้กลัว แต่เปล่าเลย กลับกัน มันยิ่งทำให้ผมรู้สึกว่า ' น่ารักวะ มึงแม่งน่าแกล้ง '
" พูดตรงใจแค่นี้ต้องยั๊วะด้วย " บอกมันแบบนั้นก่อนจะหันกลับไปมองถนนตรงหน้าตามเดิม ผมถามคำถามที่อยากจะรู้ " แล้วไง จะคืนดีกันเมื่อไหร่ "
“ ตรงใจเหี้ยอะไร ปากมึงอะหูรูดมีซะบ้างนะอาฟ พูดอะไรแคร์ใจกูด้วยไอ้สัด กูโง่ก็จริง แต่กูไม่ได้โง่ขนาดจะกลับไปรักกับคนแบบนั้น เออ ยังรักอยู่แล้วไงวะ ก็มันเคยรักมาก ถ้ากูตัดรักมันได้ง่ายๆ เหมือนตัดกระดาษ กูคงตัดมันไปนานแล้วสัด! ไม่ต้องมาร้องไห้ ไม่ต้องเจ็บปวดกับมันเหมือนอย่างที่เป็นอยู่ตอนนี้หรอก กูก็อยากจะมีความสุขเหมือนกัน " เสียงตะโกนที่ดังออกมาจากอีกคนที่เหมือนอัดอั้นอยู่นาน " มึงไม่รู้หรอก ว่าก่อนมึงมากูปฎิเสธมันไปกี่ครั้ง กูบอกมันตั้งกี่ทีว่าให้เลิกยุ่งกับกู แต่ไอ้เหี้ยนั่นมันไม่ฟังเลย กูอยากให้มันเลิกยุ่งกับกูเหมือนกัน กูเกลียดมัน กูไม่อยากจะให้มันมาแตะต้องตัวกูด้วยซ้ำไป "
" แล้วร้องไห้ทำไม " ผมหันไปบอกอีกคนก็นิ่งไป มันพิงหลังกับแบะรถแล้วหันไปทางอื่น เมดเช็ดน้ำตาที่เปื้อนแก้มของมันด้วยท่าทางหงุดหงิด " ขี้แง "
" กูร้องไห้เพราะแค้นคำพูดมึงนั่นแหละไอ้สัด! " เมดบอก " มึงแม่ง ปากเหี้ย กูไม่ได้อยากจะกลับไปรักกับมันสักหน่อย แล้วกูจะไม่กลับไปด้วย ต่อให้ตายก็ไม่ไป " สีหน้าจริงจังที่หันมามองผมด้วยตาขวางๆ ริมฝีปากสีสวยนั่นเม้มเข้าหากัน " ถามจริงๆเถอะ มึงเห็นกูเป็นคนแบบนั้นเหรอวะ "
" แบบไหน "
" แบบที่เห็นแฟนตัวเองมีอะไรกับเพื่อนตัวเองต่อหน้าต่อตาก็ยังให้อภัยแฟน แล้วกลับไปคบกันอย่างมีความสุขได้โดยไม่คิดอะไร "
" ไม่รู้สิ "
" กูไม่ได้โง่ขนาดนั้น " มันหันมาบอกผม แววตาโกรธๆที่หันมาจ้องกันไม่วางตา ถึงจะไม่ใช่ความรู้สึกที่เข้ากันกับอีกฝ่ายเท่าไหร่ แต่ยอมรับว่าสบายใจขึ้นมาเยอะที่ได้ฟังมันพูดอะไรแบบนั้นด้วยความหนักแน่นว่า... ‘ ยังไงก็ไม่กลับไป ’
" ก็ดีที่ไม่ได้โง่ " ผมบอก " แล้วไงต่อ มันมาง้อมึงเหมือนเดิม แล้วมึงปฎิเสธมันยังไง "
" เสือก " พิงหลังรถด้วยท่าทางที่ยังหงุดหงิดไม่หาย มันที่ถอนหายใจออกมาก่อนจะอ่อนข้อเล่าให้ฟัง ตอนที่เห็นว่าผมเองก็เงียบไป " ก็บอกไปอย่างที่มึงให้บอก "
“ บอกว่า "
“ กูคบกับมึงแล้ว กูไม่อยากจะให้มึงเข้าใจผิด " ประโยคสั้นๆที่ทำให้ผมรู้สึกอยากจะยิ้มขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ ทำทีหันไปอีกฝั่งของรถ ผมยิ้มออกมาแล้วก็ยิ่งยิ้มกว้างขึ้นเมื่อมันพูดต่อ " แล้วตอนนั้นมึงก็ขับรถมาถึงพอดี มึงกดแตร บินมันตกใจมือที่จับกูอยู่เลยแบบหลวมขึ้นมาหน่อย กูแม่งได้จังหวะก็สะบัดออกมาเลย แล้วก็บอกมันไปด้วยนะว่า กูไปนะ แฟนมารับแล้ว "
" อื้ม " พยักหน้ารับมันอีกคนก็เหล่มอง
" เป็นไรอะมึง หันไปมองนอกหน้าต่างตั้งนานแล้ว "
" เสือก " ปั้นหน้านิ่งหันไปบอกมัน อีกคนก็ทำหน้าไม่ชอบใจใส่ เมดถอนหายใจออกมาก่อนจะพิจารณาหน้าตาของผม " มองอะไร "
" ไอ้บินมันบอกกูด้วยนะ ตอนที่กูบอกว่าคบกับมึงอะ มันบอกกูว่า มึงคงแค่เอากูแล้วทิ้ง คนอย่างมึงไม่รักใครจริง "
“ เหรอ.. มันรู้จักกูดีกว่าตัวกูเองซะอีก กูยังไม่คิดว่ากูเป็นแบบนั้นเลย " ผมหันไปบอกอีกคนก่อนจะยกยิ้ม
“ กูก็ไม่คิดว่ามึงเป็นแบบนั้นเหมือนกัน " เมดบอกผมก็หันไปมองมันนิ่งๆ “ คนปากแบบมึง น่าจะโดนทิ้งมากกว่าทิ้งเค้า "
" แต่กูไม่คิดว่าปากแบบกูผู้หญิงจะไม่ชอบ เห็นเรียกร้องขอต่อทุกคน" ผมหันไปส่ายหน้าให้มันยิ้มๆเชิงอวด ก่อนจะเอียงหน้าถาม " แล้วมึงคิดว่าไงละ เคยโดนแล้วไม่ใช่เหรอปากกูน่ะ "
" โดนอะไร "
" จูบไง " ผมถาม คนที่ปั้นหน้าโกรธก็แก้มแดงขึ้นมาทันที " เป็นไงตอนนั้น "
" โคตรเหี้ย "
" งั้นเหรอ แต่กูว่าดีออกนะ " สายตาขวางๆหันมามองผม ที่ตอนนี้ก็หันกลับไปมองถนนข้างหน้า " โดยเฉพาะเวลามันจูบลงบนปากของมึง "
" สัด " สถบออกมาแค่นั้นก่อนจะนั่งเงียบไปตลอดทางด้วยใบหน้าที่แดงไปหมด ปากที่บ่นงุบงิบแต่ผมก็ยังได้ยิน " เดี๋ยวกูแม่งจะแดกให้ยับเลย กวนตีนกูนัก "
ขับรถเข้ามาในร้านตามแผนที่ที่คนนั่งข้างหาเอาไว้ ร้านอาหารญี่ปุ่นที่ไม่ได้อยู่ไกลจากผับของเราเท่าไหร่ บรรยากาศโดยรอบที่จัดว่าดูดี ผมเดินลงจากรถพร้อมกับอีกคนที่ก็หันมองไปรอบๆ
" บรรยากาศดีวะ " มันพูดแบบนั้นก่อนจะเดินนำผมเข้าไป หลุดยิ้มอีกครั้งกับท่าทางของมันที่พอเป็นเรื่องกินแล้วจะเปลี่ยนไปทันทีเหมือนความเศร้าก่อนหน้านี้หรือความหงุดหงิดอะไร ก็ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ' แต่ก็ดีเหมือนกัน รับมือง่ายดี '
เดินเข้ามาในร้านที่จัดตกแต่งแบบสบายตาในโทนเรียบๆ เราเลือกที่นั่งเป็นโต๊ะติดหน้าต่าง ก่อนพนักงานจะเอาเมนูมาให้เรา เมนูที่ถูกเปิดไปหน้าแล้วหน้าเล่า เมดก็เงยหน้าขึ้นมองผม " น่ากินไปหมดเลยว่ะ " มันว่าแบบนั้นก่อนจะยิ้มหวานให้ แค่ดูก็รู้ว่ามีแผนชั่ว " อยากกินซูซิกุ้งทอดนี่ "
“ อื้ม "
" ซูซิโรลก็น่าสนใจ " มันพูดลอยๆ " นี่มึงกินซูซิปลาไหลยาวๆ นี่กัน "
“ ไหนบอกจะกินข้าวหน้าปลาไหล "
“ ก็กินซูซิปลาไหลด้วย ข้าวหน้าปลาไหลด้วย ซูซิอย่างอื่นด้วย "
“ อ้วน " ผมพูดดัก อีกคนก็มองหน้านิ่งๆก่อนจะก้มลงดูเมนูแบบไม่ใส่ใจ เหมือนในใจมันพูดว่า ' ฝากไว้ก่อนเถอะมึง เดี๋ยวก่อน ' แต่ผมว่าแผนมันคงไม่พ้นสั่งของแพงๆมาแดกเยอะๆ แล้วสุดท้ายผมจ่าย เพราะผมก็บอกมันไปแล้วว่าจะเลี้ยง
“ กูสั่งละนะ "
“ อื้ม " ตอบรับอีกคน มันก็ยกมือขึ้นเรียกพนักงานให้มารับออเดอร์
“ ข้าวหน้าปลาไหลสองครับ ซูซิปลาไหลแบบนี้สอง ซูซิกุ้งทอด ยำแซลม่อน ไข่หวาน แล้วก็ซูซิรวมเช็ตนี้อีกหนึ่ง " ยิ้มให้พนักงานก่อนจะเปิดหน้าเมนูต่อไป " แล้วก็ ชาเขียวเย็นหนึ่ง " เมดหันไปมามองผมตอนที่ตัวเองสั่งเสร็จ " มึงเอาน้ำอะไร "
“ เหมือนมึงแต่เอาร้อน "
“ ชาเขียวร้อนอีกหนึ่งครับ แค่นี้ "
“ ค่ะ " พนักงานเก็บเมนูไป ผมที่นั่งจ้องหน้ามันที่ยิ้มกวนตีนให้ผม
“ เออ ลืมถามว่ามึงจะเพิ่มอะไรอีกมั้ย " ผมยิ้มกลับให้มัน อยากจะขำออกมากับความคิดเด็กๆของมัน อายุสมองแค่ไหนวะถึงคิดวิธีการแก้แค้นแบบนี้ได้วะ น่าเอ็นดูซะจริง " แต่มึงคงไม่อยากจะเอาอะไรแล้วละเนอะ "
“ หึ " หัวเราะในคอ ก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมากดดู ข้อความไอ้เจเป็นข้อความที่ผมยังไม่ได้ตอบ
' J is J '
[ ออกมาแล้ว ]
[ เชี้ย กว่าจะตอบไอ้สัด ถ้ามึงไปเข้าห้องน้ำกูคงคิดว่ามึงโดนดูดไปพร้อมขี้แล้ว ] อีกฝ่ายว่า [ แล้วนี่รีบออกไปไหนของมึง อีกตั้งครึ่งชั่วโมงกว่าจะเลิกเรียน ]
[ มากินซูซิ ]
[ ไม่เชื่อได้มั้ยสัด เอาคำตอบที่เป็นคำตอบจริงๆ ] ผมเงียบไม่อยากจะตอบมัน [ อะ สัด เงียบ ให้เดามึงไปรับเมด เพราะเมดเลิกเรียนก่อน ]
[ เสือกว่ะ ]
[ งั้นกูส่งข้อความไปถามเมด กูบอกความจริงด้วยเป็นไง ว่ามึงแอบออกไปก่อนเพราะไม่อยากจะให้เมดรอนาน เผื่อเค้าจะประทับใจในตัวมึง ]
[ เสือก ]
[ อะ ด่าอีกทีกูแอดไปบอกเลยนะ ]
[ สัด อย่า ]
[ สรุปว่าจริง ]
[ เออ ไปรับที่มหาลัยแล้วพามากินซูซิอยู่ เดี๋ยวกินเสร็จจะเข้า throw up เลย แล้วมึงอยู่ไหนจะเข้ามาเมื่อไหร่ ]
[ เปลี่ยนเรื่องเก่ง คิดว่าทำดีแล้วเค้าจะชอบรึไง บอกไว้ความดีไม่เข้ากับหน้ามึงสัด ดักปล้ำซะ จะเข้ากันกับหน้าเหี้ยๆของมึง ] ไอ้เจบอกผมก็ยกยิ้ม [ แล้วเมดเป็นไง เจอไอ้เหี้ยบินมั้ยวันนี้ ]
[ เจอ ตอนกูไปรับก็เห็นมายืนง้อกันอยู่ ]
[ หน้าด้านสัด แต่กูว่าแม่งไม่จบแค่นี้แน่ ความรู้สึกกูบอกว่า ไอ้เชี้ยบินไม่น่าจะปล่อยเมดง่ายๆ คนอย่างมันเหมือนพวกเสียหน้าไม่ได้ จำตอนมันทำทีเป็นสนิทกับกูตอนมาผับเราได้มั้ย ขนาดกูทำหน้างงๆ มันยังหน้าด้านเข้ามาตีสนิทเลยสัด กลัวอายสาว แต่ก็นะช่างเถอะ มันไม่ใช่เรื่องของกู ] เผลอนิ่งคิดไปตอนที่อ่านข้อความนั้นก็จริงอย่างที่ไอ้เจพูด ไอ้บินดูเหมือนจะเป็นแบบนั้น แต่สำหรับเรื่องเมด ไม่รู้มันจะเอายังไง จะไปในทิศทางไหน แต่ถ้าให้เดา คงอยากจะกลับมาคบด้วยอีก แล้วก็แอบคบเพื่อนไอ้เมดไปด้วยเหมือนอย่างเดิมที่เคยทำ ดูจากการที่มันเหมือนประคับประคองง้อขอคืนดีทั้งคู่แล้วรู้สึกได้ว่า คงเป็นงั้น [ เออที่ทักมานี่จะบอกเรื่องรถของเมด รถไอ้เมดที่มึงให้กูเรียกช่างให้ โอเคแล้วนะเสร็จแล้ว จะให้ช่างเค้าขับไปไว้ที่ผับเลยมั้ย ]
[ ไว้ที่คอนโดมึงก่อน ]
[ ห๊ะ ? เพื่อออ ไอ้สัด เดี๋ยวๆ กูงง รถเค้ามั้ย แล้วทำไมมึงไม่ให้เค้าไป มันก็ซ่อมเสร็จแล้ว ]
[ กูยังมีเรื่องที่อยากรู้อยู่ ต้องไปส่งเมดอีกวัน ]
[ ไม่ใช่ละไอ้สัดอาฟ กูว่าไม่ใช่จะสืบหรอก มึงแค่อยากจะไปรับไปส่งเค้าก็บอก ]
[ ไม่ใช่ กูแค่ยังมีเรื่องที่จะรู้อยู่ก็แค่นั้น ]
[ อยากรู้เรื่องอะไร กูไปถามให้เอง จะถามมาให้หมดเลยสัด แล้วมึงก็เอารถไปคืนเค้าซะ ]
[ เสือก ]
[ มึงมีอะไรที่ต้องอยากจะรู้อีกสัดอาฟ ไม่มีแล้ว มึงรู้แล้วนี่ว่าไอ้บินเป็นแฟนเมด เรื่องที่อยากรู้ก่อนหน้านั้นว่าเพื่อนคนที่หักหลังมันเป็นใคร มึงเองก็รู้แล้ว คือมันไม่มีเรื่องเหี้ยไรที่มึงต้องรู้แล้วเว้ย ยกเว้น.. มึงอยากจะอยู่กับเค้า ไปรับไปส่งเค้า กินข้าวกับเค้า ดูแลเค้า ] ผมนั่งอ่านข้อความนั้นเงียบๆ ตอนที่เงยหน้าขึ้นมาอาหารที่สั่งก็เริ่มทยอยมาเสิร์ฟ คนตรงหน้าผมยิ้มน้อยยิ้มใหญ่พลางถ่ายภาพอาหารน่ากินพวกนั้น บางทีผมคงคิดอย่างที่ไอ้เจบอก .. ไม่มีอะไรที่อยากรู้แล้ว ตอนนี้ก็แค่อยากอยู่ด้วย [ ยอมรับความจริงกับกูมาสัดอาฟ แล้วกูจะช่วยมึง ]
[ ไม่มีความจริงจะยอมรับอะไรกับมึงทั้งนั้น ไอ้สัด ] ผมบอก [ บอกให้เค้าเอารถมาไว้ที่ผับก็ได้ แล้วค่าใช้จ่ายมึงออกไปก่อน แล้วกูจะโอนให้ทีหลัง ]
[ คิดดีแล้วเหรอครับ คิดใหม่ได้นะไอ้เหี้ยอาฟ ] ไอ้เจถามพร้อมด้วยอิโมจิยกยิ้มกวนตีน [ มึงจะไปอ้างเมดว่าอะไรเรื่องอยากจะไปรับไปส่งเค้าทั้งๆที่เค้ามีรถอยู่แล้ว คนอย่างมึงบอกเค้าตรงๆได้รึไง ว่าอยากจะไปรับไปส่งเค้าน่ะ ]
[ ก็ไม่เห็นยาก ตั้งแต่วันพรุ่งนี้กูจะเอารถเข้าไปทำสีรอบคัน สักสิบห้าวัน แล้วมันต้องรับผิดชอบที่ทำให้กูไม่มีรถขับด้วยการเอารถมันมาให้กูขับ ]
[ แผนเลวสมเป็นสัดอาฟเพื่อนกู ] อีกคนว่า [ แต่ขอขัดนิดนึงนะ ถ้าเอารถไปทำสี แล้วบิลแม่งออกมาว่า ห้าพัน ทุกอย่างก็จบนะ มึงอย่าลืม เมดเป็นคนทำบัญชีของร้าน แล้วมึงก็ใช้บัญชีส่วนตัวร่วมกับบัญชีร้าน ]
[ ยากเหี้ยอะไร เขียนศูนย์เพิ่มเข้าไปสิ มึงจะเอาสักกี่ตัวละ ]
[ ชาติชั่ว ]
[ เจ ] ผมเอ่ยเรียกอีกคนพลางยกยิ้มมองผ่านหน้าจอมือถือไป [ มึงเล่นผิดคนแล้ว ]
[ สัด ] อีกฝ่ายสถบ [ ก็โชคยังดีที่ไอ้เมดเป็นแค่คนธรรมดา นี่ถ้าเป็นหมอหมาหมอแมว แล้วมึงอยากจะเจอเค้า มึงไม่จับแมวไอ้เดย์มาหักขาหักแขนแล้วพาไปหาหมอเพื่อจะได้เจอเค้าเหรอวะ ]
[ กูดูเป็นคนอย่างงั้นเหรอวะ ]
[ เอาเป็นว่า ถ้าเมดเป็นหมอคน มึงคงเอามีดแทงกูเพื่อให้มึงได้พบไอ้เมดแหละกูว่า ]
[ อื้ม คิดได้เองก็ดี ]
[ สัด! กูเพื่อนมึงไอ้เชี้ยอาฟ ว่าแต่นะ.. ยอมรับแล้วเหรอ ว่ากำลังหาเรื่องไปรับไปส่งเค้าน่ะ จีบเค้าอยู่สินะ จีบแบบสไตส์เหี้ยๆของพี่อาฟ ]
[ ประโยคไหนที่กูบอกว่าอย่างงั้น ]
[ ตั้งแต่ให้กูเอารถไปไว้ที่คอนโดกูก่อน แล้วบอกเติมศูนย์ลงไปในบิลแล้วจ้า สัด ]
[ รำคาญมึง ] กดปิดมือถือแล้ววางลงบนโต๊ะ ผมดึงตะเกียบออกจากกันตอนที่กำลังลังเลว่าหยิบกินอะไรเป็นอย่างแรก เมดก็เงยหน้าขึ้นมาบอกผมตอนที่เคี้ยวซูซิเข้าไปคำโต
“ อร่อย " มันว่าแบบนั้นพร้อมกับยิ้มตาหยี เป็นครั้งแรกที่ผมยิ้มออกมาทันทีโดยไม่ทันตั้งตัว แล้วพอได้สติก็ต้องทำทีเป็นเลียปาก กลืนน้ำลายก่อนจะปรับสีหน้าทำเป็นไม่สนใจเหมือนปกติ โชคดีที่อีกฝ่ายไม่เห็นเพราะมัวเอาแต่ก้มหน้ากิน หันไปมองซูซิหน้าตาน่ากินตรงหน้าที่เชื้อเชิญชวนให้ผมสนใจ แต่แปลกอย่าง วันนี้ของน่ากินพวกนั้น มันกลับแพ้ราบคาบให้คนตรงหน้าของผม
คีบซูซิปลาไหลตัวยาวขึ้นมากิน รสชาติถือว่ายอดเยี่ยมตามราคาของมัน ผมตัดเลี่ยนด้วยการชิมยำแซลม่อนสลับกับเมนูอื่นบนโต๊ะไปเรื่อยๆ
“ เมด รถมึงเสร็จแล้วนะ ช่างจะขับเอามาไว้ให้ที่ผับเย็นนี้ "
“ เหรอ อื้ม ขอบคุณมากนะ " คนที่กินข้าวปลาไหลอยู่ตรงหน้าพยักหน้ารับ ท่าทางที่ไม่ได้เดือดร้อนอะไรปากก็เอาแต่เคี้ยวมีความสุขกับอาหารตรงหน้า ผมก็ได้แต่จ้องหน้ามัน " มีไรวะ รถกูมีปัญหาเหรอ "
“ ไม่ทุกข์ร้อนกับอะไรเลยนะ "
“ อ้าว แล้วจะให้ทุกข์ร้อนอะไรวะ ก็มึงบอกมันเสร็จแล้วอะ ที่ผับก็มียามเฝ้าอยู่แล้ว ก็ไม่ต้องมีอะไรน่าหวงมั้ย " อีกคนเอียงหน้าถาม " หรือมึงไม่ไว้ใจยามใน throw up “ ผมยกยิ้มกับคำถามกวนตีนของมัน
“ แล้วอีกอย่างที่จะบอกก็คือ พรุ่งนี้กูจะเอารถเข้าศูนย์ซ่อมนะ "
“ แล้วบอกกูทำไมอะ " ปากที่คีบอาหารเข้าไป นัยย์แววตาก็ยังไม่รับรู้และไม่เข้าใจอะไรทั้งสิ้น ยกเว้นความอร่อยของอาหารตรงหน้า ก่อนจะคิดขึ้นมาได้ด้วยตัวเอง เมดพูดออกมาเสียงเบาๆด้วยรอยยิ้มแห้งๆ " เอาเข้าไปทำสีใหม่สินะ "
“ อื้ม " พยักหน้ารับมันก่อนจะคีบไข่หวานขึ้นมากิน " เพราะงั้นมึงต้องเอารถมึงมาให้กูขับก่อน เพราะกูไม่มีรถขับ "
“ ห๊ะ ? “ อีกคนอ้าปากค้างไปสักพักตอนที่ผมบอก มันที่หุบปากตัวเองพลางขมวดคิ้วมองผม “ แล้ว กูใช้ไรอะ "
“ ไม่เห็นยาก เดี๋ยวกูไปรับ "
“ คือ เดี๋ยวนะกูขออธิบายตัวเองเพื่อความเข้าใจ มึงจะเอารถเข้าไปทำสี แล้วมึงไม่มีรถขับเลยจะเอารถกูไปขับ ซึ่งในระหว่างนี้ มึงก็จะไปรับไปส่งกูอย่างงั้นเหรอ "
“ อื้ม " พยักหน้ารับมัน ก่อนจะหยิบช้อนขึ้นมาตักข้าวหน้าปลาไหลกินบ้าง " ทำไม " ผมถามตอนที่เห็นอีกฝ่ายเงียบไป
“ แค่สงสัยว่ากูต้องรับผิดชอบอะไรแบบนั้นด้วยเหรอวะ "
“ ทำรถกูเป็นรอย เงินก็ไม่มีจ่าย แถมยังติดหนี้กูค่าทำสีรถ ไหนจะทำแก้วร้านกูแตก ทำเหล้าร้านกูแตก "
“ สัด " มันสถบออกมาด้วยท่าทางขัดใจ
“ ยังสงสัยอะไรอีกมั้ย “
" เออๆ ไม่ต้องย้ำหรอก แม่ง จะเอาไปก็เอาไปสิ ขับให้ดีๆแล้วกัน "
“ นี่มึงกำลังบอกใคร บอกตัวเอง ? “ ผมเอียงหน้าถามยิ้มๆ อีกคนก็แค่จิ๊ปาก คนที่แม่งแค่จะจอดรถยังไปฝากรอยไว้กับรถคันข้างๆ มีสิทธิ์มาพูดให้คนอื่นขับดีๆเหรอวะ มึงมากกว่ามั้ยที่ต้องบอกตัวเองว่าให้ขับดีๆ
“ แต่ก็ดีเหมือนกัน กูก็ขี้เกียจขับ เช้าๆรถโคตรติด ขับแล้วโคตรปวดประสาท ปวดขาด้วย “
“ อื้ม ดีเหมือนกัน “ กูก็อยากจะขับไปรับมึงพอดี
' D.DAY '
[ เดย์ ] ผมพิมพ์ลงไปในไลน์ส่วนตัวของน้องชายตัวเอง ที่มันก็เงียบอยู่นานกว่าจะตอบ
[ ว่าไงสัดพี่ ]
[ วันนี้มึงไม่ต้องเอารถมาผับนะ ให้ใครก็ได้ไปรับมึง หรือให้ใครที่บ้านมาส่ง ]
[ เพื่อ ? ] อีกฝ่ายถาม [ แล้วเย็นนี้กูขับรถไรกลับอะ เลิกงานตีสามไม่มีใครไปส่งกูหรอกนะ กูนัดเด็กไว้ด้วยจะไปนอนกับเค้า ]
[ พรุ่งนี้เอา GTR ของกูไปทำสีที่ร้านประจำให้ที กูไม่ว่างไป ] ร้านประจำที่พูด คือร้านของเพื่อนสนิทพ่อ ที่เราใช้บริการกันอยู่ประจำ เป็นคนคุ้นเคยที่ไว้ใจได้ ไปทิ้งไว้เป็นเดือนก็ไม่มีการเปลี่ยนอะไหล่ใดๆ อยากได้สีแบบไหน หรือตกแต่งอะไร กลับออกมาจากร้านก็ถูกใจทุกคัน ตามแบบที่ต้องการ
[ อ้าว จะทำแล้วเหรอวะ ไม่รอให้รอยมันเยอะกว่านี้ละ จะได้ทำทีเดียวคุ้มๆไปเลย ]
[ กูจะทำเลย พอดีมันมีรอยตอนกูไปแข่งรถที่พัทยากับพวกไอ้ซีน อยู่อีกฝั่งนึง ]
[ งั้นก็โอเค แล้วแต่สัดพี่จ้า ]
[ อื้ม จัดการให้ด้วย ] ผมบอกมันแค่นั้น แต่ตอนที่กำลังจะปิดหน้าจอมือถืออีกคนก็ส่งข้อความกลับมา
[ แล้วสัดพี่จะใช้รถอะไรระหว่างนี้ละ ให้กูเอารถจากที่บ้านไปให้มั้ย มึงจะเอาคันไหน กูขับออกไปให้วันนี้เลยแล้วเดี๋ยวขากลับกูขับรถสัดพี่กลับ ]
[ ไม่เอา ]
[ อ้าว แล้วมึงจะใช้อะไร เดินเหรอไอ้สัดพี่ ]
[ ทำไมมึงต้องถามมาก ใช้เหี้ยอะไรก็ทำแค่นั้น ]
[ เรื่องนี้ต้องมีเงี่ยนงำ ] อีกคนพิมพ์มาพร้อมส่งสติกเกอร์เหี้ยๆมาให้ผม [ ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียว บอกกูมาว่ามึงจะใช้รถใครไม่งั้นกูจะเข้าบ้านไปเอา benz e class เปิดประทุนของป๊า ขับไปไว้ที่ผับให้มึงแบบหล่อๆเลยครับ ]
[ เสือกนะสัดเดย์ ]
[ ตอบกูครับสัดพี่ ] มันถามย้ำแล้วก็ดูจากท่าทางแล้ว ไอ้เหี้ยนี้ต้องทำจริงแน่นอน ไอ้เชี้ยเดย์นิสัยคล้ายผมอยู่อย่าง คือชอบเอาชนะ [ ทำสีไม่ใช่สองวันเสร็จ เป็นสิบวัน คนอย่างมึงไม่นั่งเเท็กซี่อยู่แล้ว ไม่เดิน ไม่นั่งรถเมล์ แล้วมึงจะใช้รถอะไร มึงต้องมีรถขับอะ มึงถึงจะไม่เอารถที่บ้านไปใช้ก่อน ]
[ อื้ม กูมี ]
[ แล้วรถใคร ]
[ เมด ]
[ สัด ] น้องชายตัวดีสถบ [ มึงจะไปเอารถพี่เมดมาใช้ทำไมวะ มึงลืมไปเหรอว่าบ้านเรา ป๊าสะสมรถ มึงรถให้เลือกตั้งเยอะจะขับคันไหน ไปลำบากพี่เมดของกูทำไม ส้นตีน ]
[ เมดไม่ใช่ของมึง ] ผมบอกอีกคนก็ส่งสติเกอร์หน้าเศร้ามาให้ ก่อนจะย้ำแสดงความเป็นเจ้าของอีกคนกับมันแบบสั้นๆ [ ของกู ]
[ อูยยยยยยย แคปให้พี่เมดดูแปป ] สติกเกอร์หน้าเหี้ยยังคงถูกส่งอย่างต่อเนื่อง ผมถอนหายใจกับการป่วนประสาทของมัน
[ เลิกกูตีนกู ไอ้น้องเวร ]
[ จีบแบบนี้เมื่อไหร่จะได้เอาเค้าวะสัดพี่ มึงบอกไปเลยแมนๆ ชอบอะ อยากได้ ขอนะ จับปี้แม่ง ถูกใจก็สานต่อ ไม่โอเคก็แยกไป อย่าทำอะไรให้ยากดิวะ ]
[ กูไม่ได้อยากจะแค่เอามัน กูไม่ได้ต้องการแค่นั้น ] ผมบอกมันตามที่คิด แต่ดูเหมือนน้องชายที่แสนฉลาดของผมจะไม่ค่อยเข้าใจอะไรเท่าไหร่
[ มึงยังต้องการอะไรอีก นี่ก็เหลือแค่เอาเค้าแล้ว ที่ยังไม่ได้อะ]
[ รำคาญมึงว่ะเดย์ พูดกับมึงก็เหมือนสีซอให้ควายฟัง สมองมึงมีแต่เรื่องเหี้ยๆ ] ที่ไม่เคยคิดเลยว่ากูจะคิดกับอีกคนแบบคนธรรมดาคนนึง ใช่ว่าผมจะเป็นคนที่เห็นใครชอบ แล้วอยากจะเอาเค้าไปหมด มันก็จริงที่ผมชอบมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกันแบบคืนเดียวจบ มันก็พึ่งพอใจกันทั้งคู่ แล้วยอมรับการมีอะไรกันแบบคืนเดียวที่ไม่ผูกมัดกันด้วยกันทั้งคู่ แล้วใช่ว่ามันจะเป็นเหมือนกันทุกคน คนบางคนก็ไม่อยากจะให้มันผ่านไป แค่คืนเดียว
[ โหหห มึงดีมากเลยดิสัดพี่ เดือนที่แล้วยังคืนเดียวจบ คืนเดียวจากกับสาวไม่ซ้ำหน้าอยู่เลย พระอรหันต์มากมั้ยมึง อารยะ ]
[ รำคาญมึงว่ะ ]
[ รำคาญมึงเหมือนกันอะสัดพี่ อยากได้เค้าก็บอกเค้าไปเลยตรงๆ ชอบก็บอกว่าชอบ อยากก็บอกว่าอยาก ]
[ มึงคิดว่ากูคิดยังไงกับเมด ] ผมย้ำถามความคิดเห็นของอีกคน [ มึงคิดว่ากูอยากจะเอากับมันอย่างเดียวเลย ]
[ ปกติของสัดพี่มึงมั้ยละ มึงก็เป็นของมึงแบบนี้มาตั้งแต่เข้ามหาลัยละนะ กูเลยบอกไง ว่าขอเค้าไปเลย จะได้เอาๆแล้วจบๆไป]
[ กูแค่ไม่อยากให้มันหยุดลงเหมือนทุกที ]
[ แปลกๆ ปกติมึงเป็นคนแบบนี้เหรอวะ ]
[ คงไม่ เอาเป็นว่าตอนนี้กูยังไม่อยากเอามันอย่างที่มึงคิด ]
[ เบื่อจะเถียงคนแบบมึงสัดพี่ พูดตรงๆเหี้ยอะไรไม่เคยได้ อ้อมเขาพระสุเมรุอยู่นั่น ไอ้สัด ปากบอกไม่เอา ไม่ชอบ แน่จริงอย่าให้พี่สะใภ้กูชื่อมินเมดแล้วกัน ]
[ เสือก เรื่องกู มึงอะควาย ไม่เข้าใจกู โง่ ]
[ แล้วทำไมมึงไม่หัดพูดตรงๆวะ แบบนี้ชาตินี้จะจีบเค้าติดมั้ย มึงนั่นแหละควาย ไอ้สัดพี่ ]