( จบแล้ว ) Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษ: up! 31-12-62} #หน้า 58
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ( จบแล้ว ) Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษ: up! 31-12-62} #หน้า 58  (อ่าน 482376 ครั้ง)

ออฟไลน์ เสพศิลป์

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 277
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
เมกหน้าสงสาร ควรไห้คนพวกนั้ยรู้สึกแย่เหมือนเมดบ้างทั้ง ไอพีช เพื่อนสนิทที่แย่งไป แลัะพวกเพื่อที่ช่วยกันปิด นี้ไไม่ไช่เพื่อที่ดีเลยสักนิด


ออฟไลน์ magic-moon

  • magKapleVE
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 495
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-2
    • Freedom of meetups, no obligations
สนุกกกกกกกกกกกก

ออฟไลน์ rockiidixon666

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-3
หนุกมากค่ะ ติดตามตอนต่อไปนะคะ เมดน่าสงสาร สัดพี่ซึนสุดๆ ชาวแก๊งฮามาก 5555

ออฟไลน์ nevergoodbye

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1240
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-2
มาแอบติดตามพระเอกซึนเดเระ  :hao7:

ออฟไลน์ shoi_toei

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-26
อ่าน 2 ที่เลยเดี๋ยวไม่คลู

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
คนไม่คิดอะไร ไม่ได้ชอบเค้าไม่ทำขนาดนี้นะเว้ยพี่ฮาฟ :hao3: น้องเดย์จ๊ะถ้าเรียกสัดทุกคำก็ไม่ต้องต่อท้ายว่าพี่หรอก55555

ออฟไลน์ patwo

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 989
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +932/-27
# How to read [....เนื้อหา.... ] :: เนื้อหาในช่องแบบนี้ คือ แชทคุยกันนะคะ ไม่เห็นหน้า


ตอนที่ 6

 

" แล้ว นี่มันเป็นบริการดูแลจาก throw up ด้วยเหรอ "

 

" คงงั้น "

 

' นี่กู กำลังทำอะไรอยู่วะ " ผมถามตัวเองออกไปตอนที่ตอบคนนั่งอยู่ข้างๆกันไปแบบนั้น ไอ้คำพูดที่เหมือนจะห่วงใยหรือจีบอะไรพวกนั้น กูพูดออกไปทำไมวะ ทั้งๆที่แค่ก็อยากจะรู้เฉยๆว่าเรื่องจริงๆที่อีกฝ่ายถูกนอกใจนั่นเป็นยังไงก็เท่านั้น

 

   ใบหน้าขาวเม้มริมฝีปากตัวเอง เมดที่เหลือบมองผมนิดหน่อย ในสถานการณ์ที่ไม่รู้จะพูดอะไรแบบนั้น เสียงหัวเราะที่ฟังให้ดีก็รู้ว่าแกล้งทำก็ดังขึ้น

 

“ ฮ่าๆ ไม่เป็นไรหรอกคุณอาฟ พรุ่งนี้ผมไปเองก็ได้ ไม่ได้ลำบากอะไรหรอก "

 

“ พูดอะไรก็ทำตาม " ผมหันไปบอก " จะคุยเรื่องการทำงานใน throw up ให้ฟังด้วย "

 

“ แต่มันเช้ามากเลยนะ ผมเรียนแปดโมงครึ่ง แล้วตอนนี้มันก็ .. “ อีกคนหยิบมือถือตัวเองขึ้นมาเปิดหน้าจอ " จะตีสี่แล้วอะ กว่าจะถึงคอนโดผม แล้วคุณก็กลับที่พักคุณ ตีแบบเลทๆ ก็อาจจะเกือบ ตีห้าหรือหกโมงเช้าแล้วนะ "

 

“ แล้วยังไง ฉันเองก็มีเรียนเช้าเหมือนกัน อีกอย่างจะเอาเวลาไหนคุย เรียนเช้าเรียนบ่าย เย็นก็ต้องไปทำงาน "

 

“ อ่า นั่นสินะครับ งั้นทางมือถือ "

 

“ ขี้เกียจพิมพ์ " ผมบอกอีกคนสั้นๆ ก่อนจะหันไปมองหน้าที่เหมือนกำลังพยายามจะบอกปฎิเสธ " ทำไมต้องปฎิเสธวะ คือที่มาเพราะมีธุระ ไม่มีธุระก็ไม่มาหรอก ไม่ได้อยากจะมาเลยด้วย ฉันก็อยากจะนอนเหมือนกัน ถ้าไม่คุยเรื่องงานช่วงกลางวันจะเอาเวลาที่ไหนมาคุย ตอนทำงานเหรอ ? “

 

“ ก็ ไม่ใช่อย่างงั้น ผมแค่อยากจะให้คุณได้นอนพักผ่อนต่างหาก นี่ทางไปคอนโดผมก็โคตรไกล "

 

“ แล้วเสือกไปอยู่ไกลอะไรขนาดนั้น นายเรียนแถวนี้ไม่ใช่เหรอแล้วทำไมไปอยู่คอนโดแถวฝั่งธน บ้ารึเปล่า "

 

“ ก็ใช่ผมเรียนแถวสามย่าน จริงๆ ก็อยู่ใกล้มหาลัยนั่นแหละ แต่ว่า..”

 

“ แต่อะไร "

 

“ ก็คอนโดที่อยู่นั่นแหละ ที่แฟนผมพาเพื่อนผมไปแอบกกเวลาผมไม่อยู่มาเกือบสี่ปี เตียงนั่นก็ด้วย ผมเลยย้ายออกมาตั้งแต่วันเกิดเรื่องแล้ว ย้ายไปอยู่ห้องน้องชายที่เรียนม.ปลายอยู่แถวนั้น "

 

“ แล้วทำไมไม่หาใหม่ " ผมถามอีกคนก็ถอนหายใจออกมา

 

“ ช่วงนี้มีอะไรหลายๆเรื่องน่ะ มันเลยไม่ได้ไปหาใหม่ "

 

    ต่างคนต่างก็เงียบไปตอนที่ผมได้รับคำตอบนั้น บนถนนที่รถไม่ติดอย่างช่วงกลางวันช่วยให้ผมขับรถมาถึงที่หมายเร็วกว่าที่คิด คอนโดของอีกคนไม่ได้ไกลจากรถไฟฟ้าเท่าไหร่แค่ต้องเดินออกมาจากซอยสักหน่อย ผมจอดรถใต้คอนโดตอนที่หันไปหาคนข้างๆ เมดขยับตัวตอนที่ปลดเอาเข็มขัดนิรภัยออก อีกฝ่ายก็ก้มหน้าลงมาให้ก่อนจะยิ้ม

 

" ขอบคุณนะครับคุณอาฟที่มาส่ง "

 

" อื้ม แล้ว..”

 

" แล้ว ? “ อีกฝ่ายเอียงหน้าถาม

 

" หมายถึงเรื่องพรุ่งนี้ "

 

“ ผมเรียนแปดโมงครึ่งน่ะ ถ้าไปด้วยรถยนต์คงเดินทางจากนี่เข้าไปในเมืองเป็นชั่วโมงแน่ ยิ่งเช้าๆอีก เอาแบบนี้มั้ย เดี๋ยวผมนั่งรถไฟฟ้าไปเจอคุณแล้วเราก็.. "

 

“ เรื่องนั้นฉันจะตัดสินใจเอง ลงไปได้แล้ว "

 

“ อ่า โอเคครับ งั้นเจอกันวันพรุ่งนี้ "

 

“ อื้ม "

........................................................................

 

 

   มองรถที่ขับมาส่งแล่นออกไปจากพื้นที่จอดรถใต้คอนโดด้วยความเร็ว ผมถอนหายใจออกมาด้วยความเหนื่อยกับการต้องรับมือนิสัยเสียๆของคนตรงหน้า แต่เอาเถอะมันคงไม่มีอะไรแย่ไปกว่านี้แล้ว พลิกหน้าจอมือถือขึ้นมาดูเวลาที่ตอนนี้ก็บอกเวลาตีห้ากว่าๆแล้ว

 

" เยี่ยม ไม่ต้องนอนมัน " กว่าจะขึ้นไปบนห้องอาบน้ำเสร็จ ก็คงหกโมงเช้าแล้ว และเดี๋ยวพอเจ็ดโมงก็ต้องเตรียมตัวไปเรียน 

" เมื่อไหร่แม่งจะผ่านอะไรแย่ๆ แบบนี้ไปสักทีวะ น่าเบื่อ " เงยหน้าขึ้นไปบนฟ้าที่ไม่ได้มืดมาก ผมสงสัยเหมือนกันนะ ว่าท่านคนที่ขีดโชคชะตาให้มนุษย์อยู่บนนั้น สนุกมากนักรึไงที่ได้แกล้งคนอย่างผม

 

 

' BIN '

[ เมด บินขอโทษ กลับมาคุยกับบินก่อนได้มั้ย นะครับ นะ  ]

[ รับโทรศัพท์บินหน่อยนะเมด บินอยากคุยกับเมดนะ ]

[ เมดครับ เมด บินขอโทษ ]

 

   เปิดแชทเข้าไปอ่านข้อความพวกนั้น ก่อนจะกดลบแชททิ้งไป สายโทรศัพท์ที่โทรเข้ามาต่อเนื่องแบบน่ารำคาญจนคุณอาฟยังสั่งให้ปิดสั่นตลอดทั้งวันนี้ ก็เป็นของผู้ชายคนนั้นแล้วก็เพื่อนรักที่พร้อมใจกันหักหลังผมทั้งสิ้น

 

   หัวใจที่แสนว่างเปล่าของผม ในวันที่เปิดประตูเข้าไปในคอนโดของตัวเองด้วยความรีบร้อน หลังจากรู้ว่าหนังสือที่ต้องใช้ในคาบเย็นของวันนี้ถูกลืมไว้ในห้อง มันนานนับนาทีได้มั้ง ในตอนที่ผมหยุดชะงักอยู่กับกองเสื้อผ้าที่วางไว้เรี่ยราดในห้อง มันเป็นชุดของคนสองคนอย่างไม่ต้องสงสัย ผมไม่ได้สนใจหนังสือที่ลืมไว้อีกต่อไป ขาที่ค่อยๆเดินไปตามทางเสื้อผ้าพวกนั้นในใจของผมภาวนาว่าอย่าให้เป็นอย่างที่คิด

 

แต่พระเจ้ากลับไม่ได้ฟังขอร้องของผมเลย

 

   ปลายทางที่เห็นคือประตูห้องที่เปิดแง้มเอาไว้ วินาทีที่เอื้อมมือผลักมันเปิดออกกว้าง  ภาพที่เห็นก็เหมือนกับสองคนตรงหน้าเหนี่ยวไกลปืนยิงอัดเข้ามาใส่หัวใจผมอย่างจัง

 

   ทุกอย่างมันนิ่งค้าง ฉากจูบที่ออกรสกับการสอดใส่ที่กำลังมีความสุข คนนึงเป็นผู้ชายคนแรกที่ผมรัก และอีกคนคือเพื่อนรักที่สนิทกันมาตั้งแต่เด็ก

 

' พวกมึง ' เสียงเบาๆที่แทบจะไม่ได้ยิน น้ำตาที่ไหลอาบแก้มของผมช็อคจนทำได้แต่นิ่งไปแบบนั้น สายตาของเพื่อนรักหันมาเห็นผมก่อน มันผลักแฟนผมออกด้วยแรงทั้งหมดที่มีแล้วพอร่างสูงหันมาเห็นผม ความตกใจนั้นก็ทำให้ร่างทั้งสองผละออกจากกัน

 

   ส่วนกลางที่ตั้งชันของเค้าถูกดึงออกจากช่องหลังของเพื่อนผม แฟนของผมเบิกตากว้างด้วยความตกใจ เค้าดึงตัวเองขึ้นจากที่นอนทั้งร่างเปลือยเปล่าที่มีเพียงถุงยางอนามัยติดอยู่ที่ปลายส่วนกลางนั้น มือที่กำลังจะเอื้อมมาจับมือผม เอ่ยเสียงที่ก็ยังเหมือนเดิม เสียงของคนที่ผมคิดมาตลอด ว่าเรารักกันมากและจะอยู่ด้วยกันตลอดไป

 

' เมด.. มันไม่ได้เป็นอย่างที่เมดเห็นนะ ' ผมไม่ได้ตอบอะไร น้ำตาที่ไหลออกมาไม่ขาด ถอยหลังเดินออกไปจากห้องนั้นด้วยความช็อคจนไม่รู้ว่าจะพูดออกมาเป็นคำพูดไหน มือมันสั่น ขาก็สั่น มองดูหน้าของคนที่พยายามจะเดินเข้ามาหา ฟังคำพูดที่บอกซ้ำๆว่า ไม่ได้เป็นอย่างที่เห็น สลับกับส่วนกลางของเค้าที่ตั้งชัน เพื่อนของเราที่ร่างกายเปลือยเปล่านั่งอยู่บนเตียงด้วยสีหน้าตกใจ และเสื้อผ้าที่กระจัดกระจายเต็มห้อง

 

   สะบัดมือที่กำลังเอื้อมมือมาจับ ผมรังเกียจสัมผัสพวกนั้นจนอยากจะอ้วกออกมา ในวินาทีนั้นรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะเป็นบ้า ผมเอื้อมมือไปจิกผมตัวเองกำมันแน่นราวกับจะถามว่า ‘ นี่ใช่ความฝันรึเปล่า ’ แต่ความเจ็บปวดที่กำลังได้รับมันบอกกับผมแค่ว่า ' ไม่ใช่ นี่คือความจริง '

 

    ผมหันหลังวิ่งออกมาไม่ได้สนเลยว่าอะไรคือของสำคัญที่ตั้งใจจะไปเอา ทุกอย่างตอนนั้นมันไม่มีอะไรที่สำคัญอีกแล้ว ทุกอย่างมันว่างเปล่า ชีวิตของผมมันก็ว่างเปล่า ในตอนที่นั่งร้องไห้อยู่ตรงทางหนีไฟอย่างไม่รู้จะไปไหน มือถือที่สั่นขึ้นมาเป็นสายโทรเข้าจากเพื่อนร่วมกลุ่มที่ก็สนิทกันมาตั้งแต่ม.ต้น สนิทพอๆกับคนที่กำลังเอาอยู่กับแฟนผม เราทั้งสามคนเรียนคณะเดียวกัน

 

' มึง ก่อนจะเข้ามาซื้อชาไข่มุกให้กูด้วยสิแก้วนึง '

 

' มึง..' ผมพูดออกไปสั้นๆ พร้อมกับเสียงสะอื้นที่แทบจะพูดออกเป็นภาษาไม่ได้

 

' เมด มึงเป็นอะไรวะ '

 

' บิน บิน มึงไอ้บินมัน '

 

' เมด มึงเกิดอะไรขึ้น ใจเย็นๆ  เมด มึงอยู่ไหน เกิดอะไรขึ้น ไอ้บินมันทำไม เมด เมด ' เสียงที่เอ่ยเรียกผมซ้ำๆในตอนที่เอาแต่ร้องไห้อยู่แบบนั้น ผมกำลังพูดไม่ออก ปากที่แข็งไปหมดทำได้แค่เพียงก้มหน้าร้องไห้อยู่แบบนั้น ' เมด เชี้ยมึงเป็นอะไรวะ มึงอยู่ไหน กูจะไปหา '

 

' มึง บินมันเอากับไอ้ยีนส์อยู่ในห้องกู '

 

' เชี้ย ' อีกฝ่ายหลุดสถบออกมา ' แล้วนี่มึงอยู่ไหน มึงอยู่ไหนตอนนี้ '

 

' อยู่ที่คอนโด อึก ฮือๆ ตรงบันไดหนีไฟ จิง กู อึก กูไม่รู้จะทำยังไง มึง อึก กู..'

 

' ใจเย็นๆ ใจเย็นๆนะมึง ค่อยๆตั้งสติ กูเข้าใจว่ามันทำใจได้ยาก แต่มันเกิดขึ้นแล้วก็ตั้งสติก่อน ก็ดีที่รู้ตอนนี้ ดีกว่ารู้ช้ากว่านี้นะ '

 

' เดี๋ยว ' ผมขมวดคิ้วกับคำพูดของเพื่อนจนต้องเอ่ยตัดประโยคของมันไป ' จิง..มึงรู้เรื่องนี้อยู่แล้วเหรอ ' ปลายสายที่เงียบไป หัวใจของผมตอนนั้นเหมือนถูกกระชากให้หลุดออกไปอีกครั้ง เพราะเห็นว่าอีกคนไม่ได้ตกใจอะไรมากมายเลยสงสัย ทั้งๆที่มันควรเป็นคำกร่อนด่าตามนิสัย แต่เปล่าเลย อีกฝ่ายตั้งสติได้เร็วเหมือนรู้อยู่แล้ว ก็เลยบอกให้ใจเย็นๆ   ' จิง..มึงรู้ มึงรู้อยู่แล้วเหรอ '

 

' เมด คือ .. กูขอโทษ ' อีกคนบอกผมก็ได้แต่นิ่ง น้ำตาที่ไหลออกมาผมไม่รู้ต้องรู้สึกอะไรแล้วในตอนนี้ เสียใจจนไม่รู้จะเสียใจยังไงแล้ว แฟนหักหลัง เพื่อนหักหลัง ส่วนเพื่อนอีกคนก็รู้มาตลอดแต่ไม่เคยบอกความจริงเลย ' กูอยากจะบอกมึงนะ แต่ยีนส์มันขอกูไว้ว่ามันจะพยายามเลิกกับไอ้บิน จริงๆมันพยายามเลิกมาตั้งแต่ม.6 แล้ว แต่ว่า.. '

 

' ตั้งแต่ม.6 ' ผมทวนคำพูดของอีกคน ' มันเอากันลับหลังกูมาตั้งแต่ม.6 ตั้งแต่ที่กูเริ่มคบกับบิน '

 

' อื้ม '

 

' แล้วมึงก็รู้มาตลอดใช่มั้ยจิง แต่มึงไม่เคยบอกกูเลย ' ผมเอ่ยถามอีกคนทั้งน้ำตา มันก็เจ็บมากอยู่แล้วที่เห็นแฟนนอกใจ แต่ที่เจ็บยิ่งกว่าคือคนที่มันไปเอาเป็นเพื่อนที่ผมรักมากที่สุด เจ็บที่ตลอดมาผมเป็นแค่คนโง่ๆคนนึงที่ถูกทุกคนหลอกมาตลอด 

' พวกมึงเห็นกูเป็นเพื่อนเปล่าวะ กูยังเพื่อนพวกมึงเปล่าวะ "

 

' เมด '

 

' ทำไมมึงทำกับกูแบบนี้วะ กูทำอะไรให้พวกมึงเหรอ กูไม่ใช่เพื่อนที่ดีเหรอ ตลอดเวลาพวกมึงเกลียดอะไรกูรึเปล่า ทำไมถึงทำกับกูแบบนี้ อึก ทำไม อึก ทำกับกูแบบนี้วะมึง กูผิดอะไรอะ กูผิดอะไรอะมึง '

 

' เมด กูขอโทษมึง กูขอโทษจริงๆ ก็กูไม่อยากจะให้มึงเสียใจไง แล้วไอ้ยีนส์ก็บอกว่ามันจะเลิกให้มึง กูเลยไม่ได้บอก เมด.. ' ได้แต่ร้องไห้ออกมาตอนที่ฟังคำพูดของคนที่ได้ชื่อว่าเพื่อน เพิ่งรู้ว่าตัวเองไม่เคยมีใครเลย เพิ่งรู้วันนี้เองว่าตัวผมมีแค่ตัวผมเท่านั้น แฟนก็ใช้ร่วมกับเพื่อนมาตลอด ส่วนเพื่อนที่คิดว่าน่าไว้ใจที่สุด ก็ไม่ใช่อย่างที่คิด เหมือนสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างไปพร้อมกันหมดในวันเดียว ทั้งแฟนแล้วก็เพื่อน ' เมด มึงจะโกรธพวกกูก็ได้ แต่ช่วยฟังเหตุผลของพวกกูก่อนได้มั้ย ช่วยฟังพวกกูก่อน '

 

   ผมกดวางสายโทรศัพท์ ไม่มีอะไรต้องฟังอีกแล้ว ทุกอย่างมันชัดยิ่งกว่าคำอธิบายใดๆ ผมพาตัวเองเดินออกไปจากตึกคอนโด ไม่ได้สนใจสายตาหลายสายตาที่หันมามองตัวผมที่กำลังร้องไห้

 

น้ำตาที่ไหลออกมา น่าแปลกที่ต่อให้มันไหลออกมามากมายแค่ไหนก็ไม่สามารถลบความเสียใจที่กำลังรู้สึกได้ และดูเหมือนว่าไม่ว่าจะทำยังไง มันก็คงไม่มีวันลบออก

 

“ พี่เมด นั่งร้องไห้คนเดียวอีกแล้ว " เสียงทักที่ทำให้สติของผมที่กำลังคิดถึงเรื่องเจ็บปวดพวกนั้นกลับมาสู่ปัจจุบันอีกครั้ง ยกมือปาดน้ำตาที่ไหลออกมาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ ก่อนจะหันไปมองต้นเสียงที่ดังออกมาจากห้องนอน เป็นเสียงของน้องชายตัวดีที่ก็คงเพิ่งตื่นนอน ร่างเล็กที่ค่อนไปทางผอม ใบหน้าน่ารักยิ้มตาหยีเดินตรงเข้ามาก่อนจะก้มลงกอดผมจากด้านหลังโซฟา " ไหนมาให้วิวกอดหน่อย กอดๆ "

 

   ผมเผลอยิ้มออกมากับท่าทางอ้อนๆของน้องชาย ' วิว ' เป็นลูกติดของแม่เลี้ยงผม ตอนที่พ่อแต่งงานใหม่ผมอายุได้หกขวบ มันไม่ใช่งานแต่งที่ยิ่งใหญ่อะไร เป็นงานแต่งเล็กๆที่บอกถึงความสัมพันธ์ของคนสองคน ในตอนนั้นผมที่ตอนนั้นเป็นลูกคนเดียวก็ได้น้องชายต่างพ่อต่างแม่ที่อายุเพียงแค่สามขวบมาเป็นเพื่อนเล่น ด้วยความที่ต่างเป็นเด็กอยากมีเพื่อนเล่นแล้วก็ลูกคนเดียวด้วยกันทั้งคู่ เราก็เลยเข้ากันได้ง่ายมากๆ เรียกว่าสนิทเหมือนเป็นพี่น้องที่คลานตามกันมาเลยด้วยซ้ำ

 

   แล้วในวันที่ผมเสียใจที่สุดในชีวิต คนแรกที่ผมคิดถึงก็คือมัน น้ำตาที่ไหลออกมามากมายในตอนนั้น หลังจากที่ผมเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง  วิวไม่ได้พูดอะไรแต่กลับเอื้อมมือมากอดผมไว้แน่น น้ำตาที่ไหลออกมาของมันผมมีน้องชายคนนี้ที่ยังอยู่ข้างๆเป็นเพื่อนแล้วคอยยกมือขึ้นเช็ดให้ตลอด ในตอนนั้นผมเอง ก็คิดแค่ว่า ' ขอบคุณที่ยังมีครอบครัวดีๆอยู่ข้างๆ '

 

“ แล้วนี่ยังไม่อาบน้ำอีกเหรอวะ เดี๋ยวก็ไปโรงเรียนไม่ทันหรอก "

 

“ ม.6 แล้ว จะเข้าสายแค่ไหนก็ได้เฟ้ย " อีกคนว่าก่อนจะยักคิ้วให้ผมแล้วก็เดินไปในห้องครัว " แล้วเป็นไงบ้างอะ ไปทำงานที่ผับ โอเคมั้ย "

 

“ อื้ม ไม่รู้วะ " ผมบอกอีกคนก็กำลังกินน้ำชะงักไปทันที

 

" อะไรวะ ทำไมไม่รู้อะ นี่ไปทำงานมาจริงๆดิ "

 

“ ก็ไปทำงานมาจริงๆ "

 

“ นี่ถ้าเป็นวิวนะ อย่างหวังว่าจะไปทำงานให้ คนแบบไอ้เจ้าของรถนิสสันนั่น มันต้องได้ขึ้นโรงขึ้นศาล แต่ยังโชคดีที่เจอพี่เมด " ผมหลุดยิ้มออกมาตอนที่อีกคนพูดขึ้นมาแบบนั้น

 

“ นิสสันอะไร นั่น GTR นะเว้ย "

 

“ เหมือนกันนั่นแหละ ผลิตภายใต้บริษัทนิสสัน แม่งก็คือนิสสัน " มันว่าด้วยสีหน้าหงุดหงิด " คิดแล้วแค้น นี่ก็ไม่รู้จะไปยอมมันทำไม "

 

“ ไม่อยากจะไปมีเรื่องไง ไม่มีแรงจะไปสู้รบอะไรกับใครแล้ว แค่พอคิดว่าต้องไปนั่งอธิบาย พ่อกับแม่ให้เข้าใจอีก คือมันแบบ แค่คิดก็เหนื่อยแล้ววะ เลย เออ ไปทำๆมันเถอะ แค่เด็กเสิร์ฟ ห้าเดือนเอง “

 

“ พี่นี่แม่งก็ซวยเนอะ เป็นคนที่ซวยซ้ำซวยซ่้อน ซอยซ่อนเงื่อนสุดๆ "

 

“ อื้ม นี่เจ้าของผับแม่งก็ต้องมาส่ง เพราะล้อรถโดนปล่อยยางสี่ล้อเลย ต้องฝากไว้กับยามที่ผับ "

 

“ ห๊ะ ? เอาจริงดิ " ผมพยักหน้ารับ อีกคนก็ถอนหายใจออกมาพลางเกาหัวเซ็งๆ " ต้องเสียเงินค่าช่างอีกอะดิ "

 

“ โชคดีหน่อยที่เจ้าของผับจะจ่ายให้ เหมือนว่ามันอยู่ในความดูแลของเค้า เพราะเกิดขึ้นในพื้นที่ผับของเค้า "

 

“ เหรอวะ " ยักคิ้วให้อีกฝ่ายที่ก็พยักหน้ารับ " ถึงจะแปลกๆไปหน่อยแต่ว่าก็ช่างเถอะ ไม่ต้องเสียเงินก็ดีแล้ว "

 

“ เออ แต่ว่ากูก็ไม่ได้ไปเป็นเด็กเสิร์ฟหรอกนะ ไปเป็นพนักงานบัญชีแทนอะ "

 

“ อ้าว ทำไมอะ "

 

“ ไปทำแก้วเหล้าเค้าแตกเหยียบโหล ทำผู้จัดการร้านหงุดหงิด แถมยังทำขวดเหล้าแพงๆแตกอีก ก็เลยโดนย้ายไปทำบัญชีเพราะเรียนมา "

 

“ โอ๊ย พี่กู " มันถอนหายใจออกมายิ้มๆ " แต่ก็ดีอะพี่เมดเก่งเรื่องตัวเลขอยู่แล้ว  อีกอย่างถ้าขืนให้ทำเสิร์ฟต่อไป ผับนั่นแม่งต้องล้มละลายแน่ๆ "

 

“ ว่าไป "

 

" พูดความจริงเลยเถอะ " น้องชายตัวดีบอก “ เออนี่ วิวเอาเรื่องผับนั่นไปเล่าให้เพื่อนฟัง เพื่อนบอกว่าเป็นผับที่ดังมากเลยนะ เจ้าของอะ อายุยังน้อยอยู่เลย แถมยังหล่อด้วย จริงเหรอวะ "

 

“ ก็.. หล่อมั้ง "

 

" ทำไมต้องมีมั้งวะ "

 

" คือมันอาจจะหล่อสำหรับคนอื่นไง  แต่พี่ว่าเค้าก็หล่อแบบธรรมดา ไม่ได้หล่อมากๆแบบที่ใครๆเค้าว่ากันหรอก "

" ไม่เป็กงี้เหรอ "

 

" คงงั้น " ผมว่ายิ้มๆ ตอนที่คิดถึงหน้าคนที่มาส่งกันเมื่อเช้า จะว่าไงดีวะ ก็หล่อมั้ง แต่บางทีกูก็อยากจะซัดหมัดใส่สักทีเพราะปากเหี้ยๆของมัน เลยรู้สึกว่า ขี้เก็กไม่เห็นจะหล่อ

 

" ตัวเองหล่อกว่าว่างั้น " ทำมือเก็กเท่ห์ที่ปลายคางก่อนจะยักคิ้วให้อีกฝ่าย  " มั่นหน้ามากพี่กู แต่ว่าพี่เมดก็หล่อละนะ พี่ชายวิวหล่อสุดอะ "

 

" ไม่มีตังค์จะให้ ทำงานจ่ายหนี้ไม่มีเงินเดือน " ผมแซวอีกคนก็ทำหน้าฟึดฟัดใส่

 

" ชมจากใจเว้ย " วิวว่าก่อนจะถอนหายใจ " นี่ก็อยากจะเห็นตัวจริงเค้าสักครั้งนะ คือพี่เมดรู้มั้ยว่า ตอนที่วิวไปเล่าเพื่อนอะ คือเพื่อนแบบ เฮ้ย!จริงดิๆ กูอยากไปผับนั่นมากเลย ถ้าอายุกูถึง ผับนั่นจะเป็นที่แรกที่กูจะไป แล้วพวกมันก็คุยกับถึงเจ้าของผับกันเยอะแยะ ชื่ออะไรแล้วนะ "

 

“ อาฟ "

 

“ ทำไมชื่ออาฟวะ แปลกๆ "

 

“ น่าจะมาจากคำว่า AFTER ชื่อไลน์เค้ามันเขียนว่างั้น "

 

“ อ๋อออออออ อยากเห็นวะ มีรูปมั้ย หน้าไลน์ไง เอามาดูหน่อย " วิวเอื้อมมือมาเขย่าตัวผม ที่ก็หยิบมือถือขึ้นมาแล้วส่งภาพหน้าจอของอีกคนไปให้ดู " หล่อสัด นี่ตัวจริงเหมือนในรูปนี่มั้ย "

 

" ก็เหมือน แต่ยกเว้นปากนะ ปากแม่งโคตรไม่ดีเลย เป็นพวกชอบพูดแบบไม่มีหูรูด " วิวหัวเราะก่อนจะยิ้มกว้าง

 

" คนแบบที่พี่เกลียดเลยเนอะ " ผมยกยิ้มก่อนจะยักคิ้วให้มัน " วิวว่าเค้าก็หล่อนะ แบบ เท่ๆคลูๆ ส่วนพี่เมดก็หล่อแบบน่ารักๆ " เอื้อมมือมาจับแก้มผมก่อนจะดึงขึ้นลง " ไปอาบน้ำละ เดี๋ยวพี่เมดจะได้อาบอีก แล้วจะได้นอนพักผ่อน "

 

" เออวิว วันนี้กูจะไปเรียนแล้วนะ " คนที่กำลังจะเดินเข้าไปในห้องหยุดชะงัก วิวหันมามองผมด้วยสายตาเป็นห่วง

 

“ พี่เมด จะโอเคเหรอ ให้วิวไปเป็นเพื่อนมั้ย "

 

“ กูโอเค มึงไปเรียนเถอะ "

 

“ วิวไม่อยากให้พี่เจอหน้าพวกแม่งอีก ไม่ว่าจะใครทั้งนั้น ตอนนี้ไอ้เหี้ยนั่นก็คงไปรอจะเจอพี่อยู่ทุกวันเพื่อจะขอคืนดีด้วยคำพูดงี่เง่าให้พี่ใจอ่อน ส่วนเพื่อนเหี้ยๆของพี่ก็เหมือนกัน " มันบอกด้วยสายตาหงุดหงิดก่อนจะถอนหายใจออกมา

 

" แต่ยังไงกูก็ต้องไปเรียน ใกล้จบแล้ว เดี๋ยวเรียนไม่ทันเพื่อน "

 

" แล้วทำไมแม่งต้องมาอยู่มหาลัยเดียวกันกับพี่ด้วยวะ เพื่อนเหี้ยๆพวกนั้นแม่งก็เสือกคณะเดียวกันอีก  "

 

“ เอาน่า เราหนีมันไม่ได้ตลอดหรอก อีกอย่างตอนนี้พี่ก็พอทำใจได้แล้ว "

 

“ ทำใจได้กับผีอะไรละ เมื่อกี้ยังนั่งร้องไห้อยู่เลย " ผมถอนหายใจออกมา เราต่างก็เงียบให้กัน " เออ วิวไปอาบน้ำก่อนแล้วกัน พี่จะได้เข้าไปอาบแล้วไปเรียนอีก "

 

“ อื้ม "

 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-03-2018 10:35:59 โดย patwo »

ออฟไลน์ patwo

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 989
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +932/-27
จัดการเรื่องส่วนตัวของตัวเองเรียบร้อย ตอนที่นั่งไดร์ทผมอยู่ที่หน้ากระจก ผมมองตัวเองที่หน้าตาจัดเข้าขั้นว่าโทรม ตั้งแต่วันนั้นผมก็นอนไม่หลับอีกเลย กลายเป็นคนที่ต้องกินยานอนหลับมันถึงจะหลับ เมื่อคืนก็ไปทำงานจนไม่ได้นอน สภาพร่างกายตอนนี้ เอาจริงๆ ไม่อยากจะพาไปให้ใครเห็นเลย โดยเฉพาะคนพวกนั้น

 

   ไม่อยากจะให้เค้าเห็นว่า สิ่งที่พวกเค้าทำมันทำให้ผมกลายเป็นแบบนี้ ไม่อยากจะให้เค้าเข้าใจว่าเค้านั่นสำคัญสำหรับผม ไม่อยากดูน่าสงสาร หรือน่าสมเพช แต่อยากจะให้เข้าใจว่า ผมไม่ได้แคร์ ต่อใจแตกสลายไปแล้ว แต่นั่นก็ไม่เป็นไร ถึงในโลกของผมจะไม่เหลือใคร ผมก็ยังมีตัวผม

 

" ทาแป้งสักหน่อยดีกว่าวะ " อย่างน้อยก็ปิดรอยคล้ำใต้ตาสักนิด ทาแป้งให้หอมๆ แล้วฉีดน้ำหอมกลิ่นอ่อนๆ

 

' AFTER '

 

[ อยู่ไหน ] ข้อความสั้นๆจากเจ้านายที่ส่งมา ผมมองดูมันก่อนจะดูเวลาที่ตอนนี้บอกเวลาใกล้จะเจ็ดโมงเช้า

 

[ อยู่ที่ห้อง นัดเจอกันที่ไหนดีครับ ]

 

[ ลงมาข้างล่าง ] เค้าบอกผมก็ขมวดคิ้ว

 

[ คุณอยู่ข้างล่างคอนโดผมแล้วเหรอ ]

 

[ อื้ม ให้เวลาอีก 5 นาที ]

 

[ อ่าา ครับ โอเค ] ส่งข้อความตอบไปตามมารยาทแต่ทว่าในใจกลับสถบออกมาด้วยความตกใจว่า 'ไอ้เชี้ยยยยยยยย' ผมรีบคว้าเอากุญแจห้อง มือถือ หนังสือและทุกอย่างที่คิดว่าสำคัญกวาดใส่ลงไปในกระเป๋าเป้ของตัวเอง

 

   วิ่งออกมาจากห้องด้วยความรวดเร็ว แน่นอนว่าถ้าไปสายกว่าสิบนาทีที่อีกคนบอกไว้ นอกจากจะไม่คอยแล้ว บางทีคนแบบนั้นอาจจะเอามาคิดเป็นเงินด้วยซ้ำ แค่รถรอยขูดแค่นั้นยังเหยียบแสน ค่าน้ำมันที่ต้องมานั่งคอยกันก็คงไม่ให้ฟรีแน่ๆ

 

   ก๊อก ก๊อก ก๊อก

 

   เคาะกระจกรถที่มาคอยกันตั้งแต่เช้า ยิ้มแห้งๆให้คนขับที่หันมามองด้วยใบหน้าเรียบเฉย เอาจริงๆ ที่อยากจะบอกคือ ให้กูนั่งบีทีเอสไปเองยังสบายใจกว่ามานั่งในรถที่คนขับเดาไม่ออกมาอยู่ในอารมณ์ไหน มันอยากจะมารับกันจริงๆมั้ย หรืออะไรยังไง มองหน้าตาหล่อเหลาที่ไม่ได้นอน ก็อดเผลอยิ้มแห้งๆออกมาไม่ได้

 

“ ดูท่าทางว่ายังไม่ได้นอนเลยใช่มั้ย "

 

“ รู้ได้ไง " อีกคนถามก่อนจะขับรถออกไปจากใต้คอนโดของผม

 

" ทำไมจะไม่รู้ ขนาดผมยังไม่ได้นอนเลย

 

" แล้วทำไมยังไม่นอน " สีหน้าหงุดหงิดที่หันมาถามก่อนจะคลายคิ้วที่ขมวดกัน ตอนที่นึกขึ้นได้ว่าไม่ควรแสดงสีเป็นห่วงอะไรผมขนาดนั้น " โดดงานไม่ได้นะบอกไว้ก่อน "

 

" ไม่กล้าโดดหรอก ขืนโดดคุณก็มากระชากหัวผมจากคอนโดพอดี "

 

" ฉันใจร้ายขนาดนั้นเลย " ไม่อยากจะบอกว่า มาก มึงใจร้ายตั้งแต่เก็บค่าซ่อมสีรถที่กูทำรถมึงรอยเหยียบแสนแล้วจะบอกให้ " แล้วทำไมยังไม่นอน "

 

“ มันนอนได้ที่ไหนละ เรียนเช้าขนาดนี้ ขืนหลับไปก็ต้องตื่นขึ้นมาภายในสามสิบนาทีอยู่ดี แบบนั้นก็ขี้เกียจจะหลับแล้วละ ค่อยนอนทีเดียวแล้วกัน พรุ่งนี้ไม่มีเรียน กลับมาจากทำงานก็ค่อยนอนยาวๆไปเลย "  ผมบอกอีกคนก็พยักหน้ารับ " ว่าแต่ผม คุณเถอะ ยังไม่ได้นอนใช่มั้ย "

 

“ ทำไมถึงคิดว่าฉันยังไม่ได้นอน "

 

“ แล้วคุณจะเอาเวลาไหนไปนอนละ มาส่งผมถึงที่นี่ก็เกือบจะตีห้าอยู่แล้ว กว่าจะกลับไปถึงคอนโดคุณอีกละ ตีเวลาง่ายๆ ก็แบบ อาจจะถึงคอนโดสักหกโมงเช้า แล้วตอนนี้คุณก็มาอยู่ตรงนี้ตอนเจ็ดโมง แค่กลับไปอาบน้ำแล้วออกมายังไม่รู้จะทันรึเปล่าเลย "

 

" รู้ดี " เค้าบอกสั้นๆ ก่อนภายในรถนั่นจะเงียบไปแล้วหลงเหลือไว้แค่ความอึดอัดของคนสองคนกับเสียงเพลงเบาๆที่เปิดคลอเพื่อไม่ให้เงียบเกิน

 

 

' jing '

 

[ เมด วันนี้จะมาเรียนรึเปล่า อาจารย์เริ่มถามหามึงแล้วนะ ] ผมพลิกหน้าจอมือถือที่วางอยู่บนตักขึ้นมาดู ตัวอย่างข้อความที่ปรากฏขึ้นมาบนหน้าจอทำให้ผมนิ่งไป [ กูรู้ ว่ามึงโกรธกูที่ไม่ยอมบอกมึงเรื่องนั้น กูเองก็ขอโทษที่ไม่ได้บอกมึง แต่ที่กูไม่บอกกูก็มีเหตุผลของกูนะเมด ]

 

“ เสียงไลน์มึงนี่ ดังน่ารำคาญตลอดเลยนะ " ผมหันไปมองคนขับรถที่เอ่ยขึ้นมา ความตกใจที่ทำให้ผมเผลอไปเปิดอ่านก่อนจะกดปิดเสียงแชทของเพื่อนตัวเองไป

 

 [อ่านแล้วก็ตอบกูหน่อยเมด กูเสียใจจริงๆ มึงอย่าเป็นแบบนี้เลย เราคบกันมาตั้งนาน อย่ามาเลิกคบกันเพราะเรื่องแค่นี้สิวะ ]

 

" นี่ คุณอาฟ "

 

" อะไร "

 

" ผมถามอะไรหน่อยสิ " สายตาที่กำลังมองข้อความของเพื่อนที่อยู่บนหน้าจอก่อนจะหันไปหาอีกคน  “ การที่เพื่อนผมแอบมาคบ มาเอากับแฟนผม ตลอดสี่ปี ส่วนเพื่อนอีกคนก็กุมความลับไว้ไม่ยอมบอกกัน เป็นเรื่องแค่นี้เองเหรอ "

 

" ถามทำไม "

 

" ก็แค่เพื่อนที่เป็นคนกลาง คนที่รู้เรื่องมาตลอดแต่ไม่ยอมบอกผม เค้าส่งไลน์มาบอกว่า ให้คุยกับเค้าหน่อย เค้าบอกให้ผมอย่าเลิกคบเค้าเพราะเรื่องแค่นี้ เลยงงนิดหน่อยว่า การที่เพื่อนแอบปิดบังให้เพื่อนอีกคนแอบมาเอากับแฟนเราตลอดสี่ปี เป็นเรื่องที่บอกว่าเรื่องแค่นี้ได้อย่างงั้นเหรอ "

 

" เรื่องที่ไม่ใช่เรื่องของเขา ก็มักเป็นเรื่องแค่นี้ " ผมถอนหายใจออกมา ตอนที่ได้รับคำตอบ ยิ้มให้อีกคนที่ก็เหลือบมามองกันพอดี

 

“ นั่นสินะ ก็มันไม่ใช่เรื่องของเค้า มันเลยเป็นเรื่องแค่นี้ แต่เพราะมันเป็นเรื่องของเรา สำหรับเราก็เลยไม่ใช่เรื่องแค่นี้ "

 

[ กูรู้ว่ามึงอ่านอยู่เมด ] ข้อความที่หน้าจอเด้งขึ้นมา [ จริงๆ กูอยากจะบอก อยากจะอธิบายมึงต่อหน้า แต่ในเมื่อมึงไม่เปิดโอกาสให้กู กูก็จะบอกมึงในไลน์เลยแล้วกัน ไอ้บินกับไอ้ยีนส์มันเริ่มแอบมีอะไรกันตั้งแต่ตอนเรียนจบม.หกแล้ว ตอนแรกมีอะไรเพราะพวกมันเมากันทั้งคู่ มึงยังจำวันเรียนจบที่เราไปเลี้ยงกันที่บ้านไอ้ยีนส์ได้ใช่มั้ยละ ตอนนั้นกูกับมึงกลับก่อน แล้วก็นั่นแหละมันสองคนก็มีอะไรกัน แต่หลังๆก็เริ่มไม่ใช่ ยีนส์มันเองก็เสียใจ มันพยายามจะเลิกยุ่งกับบินแล้วมึง พยายามไม่ยุ่ง แต่บินมันก็.. ]

 

[ พูดตรงๆเลยแล้วกัน เออนั่นแหละ มันก็คงติดใจไอ้ยีนส์มันเลยไม่pv,ปล่อย ไอ้ยีนส์ก็ด้วยมันก็ชอบไอ้บิน กูเองก็เตือน ก็บอกมันตลอด กูอยากจะบอกมึงนะ ไม่ใช่ไม่อยากจะบอกแต่กลัวมึงเสียใจ กูไม่อยากจะให้มึงเสียใจ เลยพยายามจะดึงไอ้ยีนส์ออกมาจากไอ้บิน แต่ว่า กูดึงมันออกมาไม่ได้ ยีนส์มันถลำลึกเกินไปแล้ว มันสองคนไม่ได้ตั้งใจจะทำมึงเสียใจเลยเว้ย แต่ความรู้สึกอะมึง มันห้ามยากไง จนสุดท้ายมึงก็รู้ กูขอโทษ ขอโทษจริงๆ นี่ไอ้ยีนส์เอง มันก็บอกว่ามันจะไม่ยุ่งกับไอ้บินอีก ขอให้มึงกลับมารักกับไอ้บินเหมือนเดิมถ้าทำได้ มันก็ไม่อยากจะทำลายชีวิตมึง มันก็รู้ว่ามึงรักบินมาก เพราะบินแม่งเป็นรักแรกของมึง ส่วนมันเองหลังจบปีสี่จะไม่มาให้มึงเห็นหน้าอีก เมด อ่านอยู่ตลอด ก็ตอบหน่อยสิวะ ]

 

[ ก็เหี้ยดี ] ผมตัดสินใจพิมพ์ตอบกลับไป

 

[ บนเตียงในห้องนอนที่กูคิดว่า กูใช้อยู่กับไอ้บินสองคน แต่เปล่าเลยตลอดสี่ปีบนเตียงนั่นมีไอ้เชี้ยยีนส์ด้วย ยีนส์เพื่อนรักของกู มีอะไรกับแฟนกูในห้องนอนของกู มันทำได้ไงวะ ทั้งๆที่บนหัวเตียงกู ก็มีภาพกู เพื่อนของมันกับผู้ชายที่มันกำลังเอาอยู่วางไว้ด้วยซ้ำ ] ผมยกยิ้มสมเพชตัวเองตอนที่พิมพ์ออกมา

 

 [ จิง มึงบอกกับกูว่า มึงไม่อยากจะให้กูเสียใจกับเรื่องนี้ งั้นกูขอถาม แล้วกูรู้ตอนนี้กูไม่เสียใจเหรอ กูรู้ตอนนี้กูก็ยิ่งเสียใจ เพราะมันสี่ปี สี่ปีเลยนะมึง ที่กูยอมเป็นควายให้พวกมึงจูงอะ ถามจริงเถอะ ตอนที่กูเสียใจร้องไห้เรื่องบินเหมือนจะมีคนอื่นแต่ไม่รู้ว่าใคร ตอนที่พวกมึงปลอบกู มึงคิดอะไรในใจกันอยู่เหรอวะ คิดว่า เออ อีโง่ กูนี่แหละที่เอากับผัวมึงอยู่ คิดสมเพชกูอยู่รึเปล่า พวกมึงที่บอกกูว่าไม่มีอะไรบินมันก็เป็นคนบ๊อปๆคนนึงที่มีคนเข้ามาเยอะแยะ อย่าคิดมาก ตอนนั้นไม่ได้พูดให้กูสบายใจหรอกใช่มั้ย แค่พูดเพื่อให้กูเลิกสนใจเพราะไม่งั้นความลับของไอ้ยีนส์กับไอ้บินมันจะแตกถูกมั้ย ]

 

[ เมด กูเป็นคนกลางมันก็ยาก กูก็พยายามแล้วที่จะเป็นเพื่อนที่ดีกับมึงทั้งคู่ ]

 

[ มึงไม่เคยเป็นเพื่อนกูจิง มึงเป็นแค่เพื่อนของไอ้ยีนส์ เพราะเพื่อนกันจริงๆ เค้าจะไม่ทำร้ายกันหรอกมึง แต่วันนี้มึงสองคนรุมกันทำร้ายกู กูเจ็บมากนะ เจ็บกว่าเรื่องของบินอีก นั่นก็เพราะตลอดมา พวกมึงเป็นคนที่กูไว้ใจแล้วคิดว่าเป็นเพื่อนตายของกู ]

 

[ เมด กูขอโทษ ]

 

[ พอแล้วมึง เลิกยุ่งกับกู กูไม่มีเพื่อนแบบพวกมึง แล้วกูก็ไม่มีไอ้บินเป็นแฟนด้วย ]

 

[ เมด ]

 

[ ถ้าต่อจากนี้กูต้องมีเพื่อนแบบพวกมึงหรือมีไอ้บินเป็นแฟน กูขออยู่คนเดียวดีกว่า แม้ว่าจะมีแค่พวกมึงอยู่แค่นี้ในโลก กูก็ขอไม่มีเพื่อนเลยตลอดชีวิตดีกว่า กูไม่เสียดายหรอก เพื่อนแบบพวกมึงน่ะ เพราะถ้ามีแล้วเหี้ยขนาดนี้ กูว่าไม่มีดีกว่า ]

 

[ เมด พวกกูขอโทษ ]

 

[ เก็บไว้เถอะ  คำขอโทษแม่งไม่มีความหมายอะไรทั้งนั้น เพราะพวกมึงฆ่ากูให้ตายไปแล้วทั้งเป็น ]

 

   ผมกดปิดมือถือ ตอนที่หันออกไปนอกหน้าต่างแล้วน้ำตามันไหลออกมา ผมเองก็เคยคิดว่าเมื่อไหร่จะหยุดร้องไห้กับเรื่องนี้ได้สักที ทุกครั้งที่หลับตาลงภาพเหตุการณ์ที่ไม่อยากจะจำพวกนั้นจะฉายซ้ำไปซ้ำมา สลับกับภาพความสุข ทั้งตอนที่หัวเราะเสียงดังมากๆกับเพื่อนในตอนที่ทำเรื่องบ้าๆที่โรงเรียน แม้แต่ตอนที่โดนสารภาพรักครั้งแรกแล้วมีพวกมันยืนยินดีอยู่ข้างหลัง ครบรอบปีแรกของเราที่จัดกันเรียบๆในห้องนอนเพราะอีกฝ่ายดันลืม วาเลนไทน์ที่ถูกเซอร์ไฟส์ด้วยดอกไม้ช่อใหญ่ ความสุขเหล่านั้น เพิ่งรู้วันนี้ว่าแฝงไปด้วยความหลอกลวงทั้งสิ้น เบื้องหลังของความสุขพวกนั้น คือเพื่อนกับแฟนที่หักหลังผมอยู่ตลอด

 

" ไม่เบื่อตัวเองรึไง ที่เอาแต่นั่งร้องไห้อยู่แบบนั้น " เสียงทุ้มที่ทักขึ้น ทำให้ผมที่กำลังคิดอะไรไร้สาระดึงสติกลับมา เอื้อมมือขึ้นเช็ดน้ำตาตัวเองลวกๆ

 

" เออ คุณอาฟ ผมจะถามเรื่องรถน่ะ รถของผม ตกลงว่า.. " ฝ่ามือที่กำลังจับพวงมาลัยรถผละออกมาเช็ดน้ำตาที่เปื้อนแก้มให้

 

" มาเรียน ไม่ได้มางานศพ " เค้าบอกก่อนจะหันกลับไปมองข้างหน้า ผมรู้ว่าอีกคนกำลังจะให้กำลังใจกันและบอกเป็นนัยว่า ' อย่าร้องไห้ ' มันไม่ใช่ความรู้สึกที่ทำกันง่ายๆ ผมรู้ทั้งหมดว่าควรทำอะไร ต้องเข็มแข็ง ต้องทำเป็นไม่แคร์ แต่มันไม่ได้ง่ายอย่างงั้น

 

   ไฟเขียวฉายขึ้นมาแล้ว อีกไม่กี่นาทีรถก็จะเลี้ยวเข้าไปในมหาลัย ร่างสูงที่ขับรถเข้าไปด้านใน ระหว่างทางที่กำลังจะถึงนั้น อาฟหันมาบอกผม  " อย่าให้ใครมามองว่ามึงน่าสมเพช เรื่องมันเหี้ยจนทำให้มึงอยากตายก็จริง แต่จำไว้ ต่อหน้าพวกมัน มึงต้องไม่ตายและมึง ต้องไม่แคร์ "

 

..............................................................

 

เช็ดน้ำตาให้เค้ากี่ครั้งแล้ว ไหนบอกสิ #เหล่คนขับรถที่ยังไม่ได้นอน

ในส่วนของพาสเมด ที่มีแต่ความดราม่าของชีวิตที่โคตรจะเคราะห์ซ้ำกรรมซัดอย่างหนักหน่วง

เนื้อหาเรื่องนี้ หนมอยากจะเขียนให้พื้นฐานของเรื่องมันแน่นหน่อย ไม่รู้ว่าแน่นไปจนมีแต่น้ำมั้ย

ตอนนี้เลยจะเป็นเรื่องราวคนในชีวิตน้องเมดบ้าง ซึ่งก็มีพี่อาฟ ที่ปากหนักมากเหมือนเดิม ส่วน เจเดย์อัยย์ ไม่ได้จ่ายค่าตัวค่ะ เลยไม่ได้ออก ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ รอก่อนนะคะ ใจเย็นๆ เรื่อยๆ มาเรียงๆ

นิยายรายละเอียดทางความรู้สึกเยอะมาก เลยต้องค่อยๆเขียนทีละตัวอย่างใจเย็น

ส่วนนี้ ก็ทางไปนิยายแชท จอยลดา : http://www.joylada.com/story/5a8bfb6e007ee30001162ca6

เจอกันตอนหน้า ค่าาาาาา

ฝากแท็ก #ผับชั้นสาม ด้วยนะคะ

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์จ้า


ออฟไลน์ patwo

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 989
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +932/-27
# How to read [....เนื้อหา.... ] :: เนื้อหาในช่องแบบนี้ คือ แชทคุยกันนะคะ ไม่เห็นหน้า

 

ตอนที่ 7

 

“ ถึงละ " เสียงทุ้มพูดขึ้น ตอนจอดรถลงที่หน้าคณะบัญชีของผม เหลือบมองเค้าที่ก็หันมามองกัน ท่าทางที่ดูไม่ได้อยากจะลงไปของผม ชวนให้อีกคนถอนหายใจออกมา " ที่พูดไปเมื่อกี้ไม่ได้เข้าหูเลยรึไง "

 

" ก็เข้า " ผมบอก แต่ก็อยากจะเถียงไปเหมือนกันว่ามันไม่ได้ทำได้ง่ายขนาดนั้นไง แต่ก็เหมือนอีกคนบอกผมเองก็อยากจะทำแบบนั้น ตอนนี้เหมือนจะตายยังไง แต่ต่อหน้าคนพวกนั้น ผมต้องไม่ตายและต้องไม่แคร์  " นี่ คุณอาฟเรียนกี่โมง "

 

" ถามทำไม "

 

" เข้าไปกินอะไรกันก่อนมั้ย อาหารที่โรงอาหารผม อร่อยมากเลยนะ "

 

" ไม่อยากจะลงไปคนเดียว " เค้าถาม ผมก็ส่ายหน้า

 

" เปล่าเลย แค่อยากจะเลี้ยงข้าวคุณน่ะ แบบว่าก็อุตส่าห์มาส่ง แถมเมื่อคืนก็ยังไปส่งที่คอนโดอีกไง "

 

" ตอแหลไม่เนียน " เค้าบอกผมก็เม้มริมฝีปากก่อนจะถอนหายใจออกมา พยักหน้ารับจำยอมอีกคน

 

" คุณไปเป็นเพื่อนผมหน่อยสิ นะ ผมกลัวว่าเพื่อนจะดักรออยู่น่ะ "

 

" ถ้ามันดักรอ ก็เดินผ่านมันไปไม่ต้องสนใจ ทำเหมือนไม่มีใครอยู่ตรงนั้น " เค้าบอกผมก็พยักหน้ารับเข้าใจ สูดลมหายใจเข้าไปในปอด ท่าทางว่าอีกคนจะไม่ลงไปหรอก ก็แน่ละ ไม่ใช่กงการอะไรของเค้าเลยสักนิดนี่หว่า เอาวะ! ยังไงก็ต้องเผชิญหน้ากับมันนั่นละ มีอยู่ทางเดียวแล้ว ผมนั่งทำใจอยู่ประมานห้านาที สูดลมหายใจเข้าปอดแล้วผ่อนมันออกมาเบาๆ มือที่กำลังจะเอื้อมไปปลดเข็มขัดนิรภัย เครื่องยนต์ของรถก็ดับลง พร้อมคนข้างๆที่ก็ปลดเข็มขัดนิรภัยเช่นกัน " หวังว่าจะมีโจ๊กให้กินนะ "

 

" มีนะ อร่อยด้วย ผมก็ชอบกินโจ๊กร้านนี้ เดี๋ยวผมเลี้ยงคุณอาฟเอง "  เผลอยิ้มออกมาให้อีกคนด้วยความดีใจที่จะมีเพื่อนเดินลงไปด้วยกัน ใบหน้าคมที่ยกยิ้มขึ้นมา ในช่วงเวลาสั้นๆนั้นผมรู้สึกว่า ' แม่งก็..ไม่ได้แย่นี่หว่า มีความใจดีอยู่กับเค้าเหมือนกัน '

 

            ก้าวขาเดินผ่านหน้าคณะ สายตาของผมมองไปรอบๆก่อนจะผ่อนลมหายใจออกมาตอนที่ไม่เจอใครที่ไม่อยากเจอ เราเดินตรงเข้าไปในโรงอาหาร แวะที่ร้านขายโจ๊กก่อนที่ผมเอ่ยสั่งโจ๊กหมูพิเศษหมูสองถ้วย  หันไปมองไปรอบๆระหว่างรออาหารที่สั่งก่อนจะพบว่ามีหลายสายตาหันมองมาทางผม แต่คิดว่าไม่น่าจะใช่  คงเป็นคนข้างๆมากกว่า

 

" คุณอาฟนี่ก็ดังเหมือนกันนะ "

 

" ยังไง " เงยหน้าจากโทรศัพท์ขึ้นมาถามผม สายตาคมที่มองกันผมยกยิ้มก่อนจะมองไปรอบๆ เพื่อบอกคำตอบ

 

" มีแต่คนมองคุณเต็มไปหมดเลย "  เค้ากวาดสายตาไปมองตามที่ผมบอก การกระทำที่ทำให้ผู้หญิงหลายคนยิ้มกว้างโปรยเสน่ห์ให้แบบไม่ขาดสาย  ไหล่ที่ยกขึ้นเหมือนจะบอกว่า นี่ก็เรื่องธรรมดา ทำให้ผมถอนหายใจก่อนจะหันไปมองทางอื่นแล้วแบะปากน้อยๆกับความมั่นหน้าของอีกคน

 

" แล้วนี่เรียนกี่โมง "

 

" แปดโมงครึ่งอะ " ผมบอกก่อนจะดึงมือถือขึ้นมาดูเวลา " ก็อีกครึ่งชั่วโมง เวลาเหลือๆ "

 

" โจ๊กสองถ้วยได้แล้วค่ะ " คนขายยื่นโจ๊กมาให้แล้วตอนที่กำลังยื่นเงินไปจ่าย คนข้างๆก็จ่ายตัดหน้าไปก่อน

 

" เฮ้ย คุณอาฟไม่ต้องผมจ่ายเอง "

 

" จะแลกแบงค์ "

 

" แลกแบงค์อะไรยื่นใบร้อย " ผมบอกอีกคนก็เลิกคิ้ว ก่อนจะรับเงินทอนจากแม่ค้า

 

" งั้นเหรอ " เค้าว่าก่อนจะเดินถือโจ๊กไปนั่งลงที่โต๊ะที่ว่าง

 

“ กวนส้นตีน " พูดเบาๆกับตัวเองก่อนจะถอนหายใจแล้วเดินตามอีกคนไปนั่งลงตรงกันข้าม “ แล้วคุณอาฟจะกินน้ำอะไร เดี๋ยวผมไปซื้อให้ " สายตาที่กวาดไปมองรอบโรงอาหาร ก่อนจะหันมาบอก

 

“ ไม่มีกาแฟร้านแบบในคาเฟ่เหรอวะ "

 

“ อื้ม ถ้าในโรงอาหารก็ไม่มีหรอก มีแต่กาแฟชงสำเร็จแก้วยี่สิบบาท " ผมบอกอีกคนก็พยักหน้ารับ

 

“ งั้นเอาน้ำเปล่า "

 

“ โอเค " เดินไปซื้อน้ำเปล่ามาให้อีกคน ตอนที่นั่งลงตรงหน้าอีกคนก็กำลังตักโจ๊กขึ้นกินพอดี  " เป็นไง อร่อยมั้ย พอกินได้เปล่า "

 

“ ยังไม่ทันจะเคี้ยว "

 

“ โอเค " ผมพยักหน้ารับขึ้นลง ถ้าไม่ติดว่าเป็นเจ้านายแถมมันเป็นเค้าเองที่อยากจะให้อีกคนมานั่งกินข้าวเป็นเพื่อน แน่นอนว่าเอ่ยปากด่าไปแล้ว ส้นตีน กูถามดีๆ กวนตีนชิบหาย แถมมารยาททางการพูดโคตรไม่มี หย่นตัวลงนั่งตรงกันข้าม เปิดฝาขวดน้ำก่อนจะใส่หลอดดูดลงไป นั่งมองอีกคนเคี้ยวไปเรื่อยๆ

 

“ อร่อยดี "

 

“ ใช่มั้ย " ผมตักข้าวขึ้นกินบ้าง รสชาติไม่ได้ดีมากหรอกก็รสชาติอาหารตามมหาลัยทั่วไป แต่ดูเหมือนว่าคนตรงหน้าคงจะกินแต่อาหารหรูๆ ดูจากการสั่งกาแฟเมื่อกี้ก็พอรู้ ' ไม่มีกาแฟแบบในคาเฟ่เหรอวะ ' ผมแบะปากน้อยๆตอนที่คิดถึงประโยคเมื่อกี้ของอีกคน ท่าทางจะไม่เคยกินกาแฟเก้วยี่สิบบาท " เออนี่คุณอาฟ "

 

" ไม่ได้อยู่ในเวลางาน จะเรียกทำไมคุณอาฟ รำคาญ เรียกอาฟเฉยๆ ไม่ได้ไง "

 

" อ้าว เรียกให้เกียรติก็ไม่ชอบนะคนเรา เออแปลกดี "

 

" มันน่ารำคาญ " เค้าเงยหน้าขึ้นมาย้ำ " เรียกอาฟเฉยๆพอ อายุเราเท่ากัน "

 

" เหรอ ? คุณเรียนปีสี่เหรอ " ตาโตตกใจทำทีเป็นไม่รู้ " ผมคิดว่าคุณทำงานแล้วซะอีก หน้าตาคุณบอกอย่างงั้น "

 

" กำลังกวนตีนกูใช่มั้ย "

 

" ขอโทษครับ " ผมก้มหน้าลงก่อนจะยิ้มให้เค้า " งั้น อาฟแล้วรถผมจะเอายังไง " เว้นเสียงไปตอนที่พูดกับอีกคนตรงหน้าแบบนั้น " แปลกๆอะ อาฟแล้วรถเมดจะเอายังไง ยังแปลกมั้ย คิดว่าไง "

 

" คิดว่ามึงกำลังกวนตีนกูอยู่รึเปล่า " มันบอกก่อนจะส่ายหน้า " สะดวกจะพูดมึงกูมากกว่า ก็พูดออกมา "

 

" ได้เหรอไอ้สัดอาฟ "

 

" หึ " มือที่กำลังจะโจ๊กขึ้นกินชะงักสายตาที่เอาแต่มองผมด้วยแววตายิ้มๆ " ไอ้เหี้ยนี่ "

 

“ แล้วตกลงรถกูจะทำยังไงอะ "

 

“ เดี๋ยวจัดการเรียกช่างไปทำให้ " คนตรงหน้าบอก ผมก็พยักหน้ารับเข้าใจ ดีเหมือนกันไม่ต้องเสียเงินเอง แล้วก็ไม่ต้องทำเองด้วย สบายใจ

 

" ว่าแต่ใน throw up น่ะ มีสต๊าฟแค่นั้นเองเหรอ แบบว่า แค่พี่ซองผู้จัดการ พี่แบล็คหัวหน้าการ์ด น้องเดย์น้องอัยย์ทำบาร์ เจทำ PR แล้วก็ผมทำบัญชี มีแค่นี้เองเหรอ "

 

" แล้วจะให้มีอะไรเยอะแยะ ผับก็แค่นั้น "

 

" ทำไมไม่คิดว่าแค่นั้นเลยวะ " ผมขมวดคิ้วมองอีกคน มันเป็นผับขนาดกลางที่ดูเหมือนต้องมีหน่วยงานที่ทำอะไรเป็นจริงเป็นจังมากกว่านั้นรึเปล่าวะ " แล้วใครทำฝ่ายสต๊อกละ "

 

" ต้องมีเหรอ ? ขาดอะไรก็ไปเอาดิ "

 

" ห๊ะ ? “ หลุดปากสถบออกมาอีกคนก็ยกคิ้ว " อย่างงั้นก็ได้เหรอ ไม่กลัวเหล้าหายรึไง "

 

" แค่ขวดสองขวดไม่ใช่รึไง อีกอย่างทำงานกันเป็นครอบครัวอยู่แล้ว จะกลัวอะไร "

 

" รายได้ของผับเดือนนึงเท่าไหร่ "

 

" ก็คงสัก..”

 

" เอาเดือนที่แล้วก็ได้ ขอตัวเลขที่มันเป็นตัวเลขตรงๆ ตามจริง "

 

" จำไม่ได้ "

 

" จำไม่ได้ได้ไง นี่รายได้นะ "

 

" เข้าเท่าไหร่ก็ใช้เท่านั้นนั่นแหละ ถามทำไมเยอะแยะ น่ารำคาญ "

 

" น่ารำคาญอะไรวะ นี่มันสิ่งที่มึงต้องรู้นะ รายได้เท่าไหร่ก็ไม่รู้ งั้นรายรับรายจ่าย แม่งก็มั่วกันหมดอะดิ ถามจริงๆเถอะ นี่ทำให้มันอยู่รอดมาได้ยังไง ไม่เป็นระบบขนาดนี้ " งุนงงกับท่านเจ้าของผับตรงหน้า ตามที่รู้มาผับนั่นติดอันดับ ผับ top 5 ในย่านนั้นด้วยซ้ำ แต่ทำไมเหมือนแม่งไม่มีระบบอะไรทั้งนั้น แค่ทำไปวันๆ พอครบเดือนนึงก็จ่ายเงินลูกน้อง เหลือเท่าไหร่เป็นของเจ้าของ รายจ่ายรายรับในร้านวุ่นวายไปหมด เมื่อวานตอนทำบัญชีให้ก็เหมือนกัน อ้างอิงจากเดือนเก่าๆแทบไม่ได้ ต้องมานั่งทำใหม่ทุกอย่าง ตั้งแต่ทำตารางไฟล์งานบัญชีของร้าน ค่าใช้จ่ายอะไรก็มั่วซั่ว ค่าเหล้ายี่ห้อเดียวกัน จำนวนซื้อเท่ากันแต่ราคาไม่เคยตรงกันเลย เป็นการทำเอกสารที่โคตรขอไปทีเหมือนจำได้คร่าวๆ ก็ใส่ๆลงไป  " นี่ถามจริง ว่าเรียนคณะอะไร "

 

" บริหาร "

 

" แล้วทำไมไม่จัดระบบให้มันดีกว่านี้ มึงน่าจะรู้ดีที่สุดนะ ว่าระบบในการทำงาน มันสำคัญ "

 

" เป็นเมียรึไง บ่นจัง " อีกคนที่เงยหน้าขึ้นมาจากถ้วยโจ๊กที่กำลังกินอยู่ คำพูดที่ชวนให้ผมนิ่งไป ก่อนที่คนตรงหน้าจะถอนหายใจออกมา " ก็กำลังทำอยู่ แต่มันยังไม่เข้าที่ throw up มันโตเร็วเกินไป กูยังตั้งตัวไม่ทัน "

 

" ไม่ได้ตั้งใจจะ ทำตั้งแต่ทีแรกเหรอวะ "

 

" อื้ม " เค้ายักคิ้วให้ผม " ตอนแรกทำเพราะแค่อยากจะได้รถแล้วเลิก แต่มันดังขึ้นมาแล้วไง เลิกก็เสียดาย เงินทั้งนั้น "

 

" แต่ถ้ายังไม่วางระบบให้ดี ได้เลิกเร็วๆนี้แน่ เพราะแม่งคงเจ๊ง "

 

“ เอาตีนกูนาบปากมึงสักทีดีมั้ยเมด "  เค้าถาม ผมก็ทำเป็นไม่สนใจ ก้มหน้ากินอาหารตรงหน้า ไม่อยากจะบอกว่าดวงมึงดีเท่านั้นแหละที่มันยังอยู่ได้มาถึงทุกวันนี้โดยไม่เจ๊งไปก่อน " งั้นมึงจัดระบบด้วยสิ "

 

“ กูน่ะเหรอ " ผมชี้มือเข้าหาตัวอง " มึงจ้างกูกี่ตำแหน่งวะ บัญชีก็ให้ทำ นี่ก็ให้ทำระบบอีก "

 

“ ติดหนี้กู มีสิทธิ์พูดเหี้ยอะไรด้วยเหรอ ใช้ให้ทำอะไรก็ทำ ทำให้สมกับที่สร้างหนี้ไว้ให้กู ค่าเหล้า ค่าแก้วเมื่อวานกูยังไม่ได้คิดเลยนะ "

 

" กูทำดีอยู่แล้ว ไม่ต้องห่วงหรอก สมกับที่มึงจ้างกูด้วยเงินเดือน หมื่นนึงนั่นแหละ " อีกฝ่ายยกยิ้มกับคำพูดประชดของผม

 

" ทำระบบด้วย เริ่มทำวันนี้เลย "

 

" เออ ส้นตีน ใช้กูเหมือนให้เงินกูสองหมื่นสามหมื่น "

 

" ติดหนี้ ก็ไม่ต้องบ่น ใช้อะไรก็ทำไป " คนตรงหน้าว่ายิ้มๆ อาฟมันเป็นคนประเภทที่ถ้าทำให้คนพูดด้วยอารมณ์เสียได้ แล้วจะมีความสุขรึไงวะ แต่ถ้าเป็นแบบนั้นก็คิดว่าเข้าท่าอยู่ ก็ตอนนี้โคตรหมั่นไส้หน้ามันจนไม่อยากจะมองแล้ว กลัวอดใจไม่ไหวยกโจ๊กราดหัว แต่ยังไงก็ต้องทนทำงานกับมันอีกหลายเดือน ผมก็เลยเลือกจะนั่งกินโจ๊กตรงหน้าไปเรื่อยๆจนหมดแล้วยกน้ำในขวดขึ้นกินก่อนจะหยิบลูกอมในกระเป๋าออกมา แล้วตามมารยาทนั้น

 

" เอามั้ย " ยื่นไปให้อีกคนที่ก็เอื้อมมือมารับไปเม็ดนึง ส่วนผมก็กินเม็ดนึง เป็นลูกอมรสมะนาวสอดไส้เกลือที่ผมชอบ

 

" ลูกอมเหี้ยไรวะ โคตรเปรี้ยว เชี้ย เสือกเค็มอีก "

 

" ไม่อร่อยเหรอวะ อร่อยออก " ผมบอก อีกคนก็ทำหน้าแย่ใส่

 

" รสชาติส้นตีน "

 

" เคยกิน ? “ ผมยกคิ้วถามอีกคนก็ทำหน้านิ่งใส่ ส่งยิ้มหวานๆไปให้เค้าก่อนจะมองเหลือบไปทางอื่น แล้วก้มลงมองเวลาที่ฉายอยู่ที่หน้าจอมือถือ ผมลุกขึ้นเอาจานตัวเองกับอีกคนไปเก็บก่อนจะเดินกลับมาหาอาฟก็ลุกขึ้นพอดี  เราเดินออกไปจากโรงอาหารคุยไปตามทางที่ก็ไม่ได้สนใจใครที่มองมา

 

" แล้วมึงเลิกเรียนกี่โมง "

 

" ประมานสิบเอ็ดโมงครึ่งก็เลิกแล้ว แต่มีเรียนคาบบ่ายต่อ "

 

“ อื้ม "

 

“ แล้วมึงอะ " ผมที่หันไปถามคนข้างๆ แต่ยังไม่ทันจะได้รับคำตอบอะไร เสียงที่ไม่คาดคิดว่าจะได้ยินก็ดังขึ้น

 

“ เมด ..” ผมหันไปตามเสียงที่คุ้นเคยนั้น ผู้ชายที่ทรยศผมไปเอากับเพื่อนสนิทยืนอยู่ข้างหน้า ใบหน้าหล่อเหลาของมันยังคงเหมือนเดิม หุ่นสูงที่สมเป็นนักบาสมหาวิทยาลัยเดินตรงเข้ามาใกล้เรื่อยๆ

 

ในแววตาดีใจและเสียใจของอีกคนที่มองมาทางผม ขาที่อยากจะถอยหลังวิ่งหนีออกไป แต่ผมก็แค่สูดลมหายใจเข้าไปแล้วบอกตัวเองในตอนนั้นว่า ' อย่าหนีเมด เผชิญกับมันซะ เพราะถ้ามึงหนี มึงก็ต้องหนีไปตลอด '

 

“ หยุดอยู่ตรงนั้นแหละ มีอะไร " ถามออกไปด้วยถ้อยเสียงที่พยายามทำให้ธรรมดามากที่สุด ก็อย่างที่คนข้างๆเคยบอก ถึงข้างในมันอาจจะเจ็บจนอยากจะตายจริงๆ แต่ต่อหน้าคนพวกนี้ก็ต้องไม่ตายและต้องไม่แคร์

 

“ อยากคุยด้วย บินอยากจะคุยเรื่องของเรากับเมดนะ "

 

“ กูไม่มีอะไรจะคุย กูต้องรีบไปเรียนแล้ว " บอกเค้าแค่นั้น แต่อีกคนก็เดินเข้ามาแล้วคว้ามือผมไว้

 

“ แต่บินมี แล้วเมดต้องคุยกับบิน " หันไปสบสายตาเรียวที่เปลี่ยนเป็นเว้าวอนผม ครั้งนึงผมเคยแพ้สายตาแบบนี้ไม่ว่าจะมองมากี่ทีใจก็อ่อนยวบไปหมด แล้วผมก็แพ้เสมอกับคำพูดหวานๆติดอ้อนของเค้า " นะครับเมด ไปคุยกับบินก่อนนะ นะครับนะ บินอยากจะคุยกับเมดนะ อยากคุยเรื่องของเรา บินไม่อยากจะให้มันจบลงแบบนี้ บินรักเมดนะ รักมากๆ มองตาบินสิ เมดรู้นี่ ว่าสายตาบินมันไม่เคยโกหกเมด "

 

            สบสายตาอีกคนเหมือนอย่างวันเดิมที่เคยทำ ทุกอย่างที่เคยทำให้แพ้พ่ายแล้วยอมหลงอยู่ในคำว่ารักแต่ปากของเค้ามาตลอดหลายปี ผมมองมันลึกลงไป คิดถึงคำว่ารักที่อีกคนพูดออกมา สลับสับเปลี่ยนกับการกระทำในวันนั้นของตัวเค้า มันอาจจะจริงที่ผมเคยแพ้  แต่ครั้งนี้มันจะไม่ใช่อย่างงั้น ผมจะไม่แพ้อีก จะไม่แพ้ผู้ชายคนนี้อีก

 

“ พอแล้ว ไม่ต้องมอง " มือหนาของอาฟ เอื้อมมากอดคอก่อนจะปิดตาผมไว้ แรงดันที่ดึงให้ตัวผมซบลงที่ตัวมัน

 

" ไอ้อาฟ " บินเอ่ยเรียกอีกคน ผมที่ตอนนั้นถูกปิดตาอยู่แบบนั้น " มึงมายุ่งอะไรกับแฟนกู "

 

" แฟนเก่า " เค้าบอกสั้นๆ อีกฝ่ายก็ขมวดคิ้ว

 

" กูยังไม่ได้เลิกกับเมด "

 

" เราเลิกกันแล้ว " ผมเถียงพลางดึงมือที่ปิดตาผมอยู่ลง แล้วข่มใจแข็งสบสายตาคนตรงหน้าอีกครั้ง " เราเลิกกันแล้วบิน กูเลิกกับมึงแล้ว เราไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกัน "

 

" เมด แต่.. “ อีกฝ่ายเว้นเสียงด้วยสายตาเว้าวอนเช่นเดิม “ เมดยังไม่ได้ฟังคำอธิบายอะไรจากบินเลยนะ เมด.."

 

" ไม่ต้องฟังหรอก ทุกอย่างมันชัดเจนอยู่แล้ว อย่าพยายามโกหก หรือ หลอกลวงอะไรกูอีกเลย พอได้แล้ว สงสารกูเถอะบิน ปล่อยกูไปได้แล้ว เพราะกูปล่อยมึงแล้ว ปล่อยให้มึงไปเอากับไอ้ยีนส์เพื่อนกูแบบไม่ต้องแอบคบแอบเอากันอีก "

 

" นี่ ฟังนะ กูเลิกกับยีนส์แล้ว กูตัดขาดกับยีนส์แล้วจริงๆ เพราะกูรักมึงเมด กูเสียใครก็ได้แต่กูเสียมึงไม่ได้เมด "

 

" ถ้ารู้ว่าเสียไม่ได้ทำไมตอนแรกไม่รักษาไว้ให้ดี " ผมถามอีกคนก็นิ่ง " มึงเลือกให้มันเป็นแบบนี้เอง แล้ววันนี้จะมาพูดอะไรอีก ไม่ใช่มึงแอบเอากันครั้งแรก แต่มึงหลอกกูมาตลอดสี่ปี สี่ปีเลยนะบิน มึงหลอกกูมาตลอดสี่ปีเลยนะ แล้วถ้าวันนั้นกูไม่ไปเห็นเองกับตา มึงก็ยังหลอกกูแล้วยังเอากับมันแบบนั้นเหมือนเดิมใช่มั้ย งั้นมึงจะหลอกกูไปกี่ปีละ จะถึงสิบปี หรือจะหลอกกูตลอดไปเลย "

 

" เมด..”

 

" พอเถอะ กูไม่อยากจะพูดอะไรแล้ว " ผมบอกก่อนจะหันมาบอกอีกคน " ไปเถอะอาฟ "

 

" มึงเป็นอะไรกับไอ้อาฟวะ " ขาที่กำลังเดินออกไปชวนให้เราทั้งคู่นิ่งไป คนข้างๆผมหันไปมองอีกฝ่ายก่อนจะส่งยกยิ้มมุมปากไปให้ ความหมายที่แปลไปได้สองแง่สามง่ามแบบนั้น ผมก็เลยออกตัวเพราะไม่อยากจะให้อีกคนถูกลากเข้ามาเกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้

 

“ ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับมึง "

 

“ เพราะแบบนี้สินะ มึงถึงไม่ฟังอะไรกูเลย ใช่สิ กูไม่ใช่ไอ้อาฟเจ้าของ throw up นี่นะ จะเอาอะไรไปสู้มัน " อีกฝ่ายยกยิ้มมองเราด้วยสายตาเหยียดๆ " แต่มันไม่เร็วไปหน่อยเหรอเมด นี่ทะเลาะกันไม่ถึงสองอาทิตย์เลยนะ หรือว่าแอบคบกันมาก่อนหน้านี้แล้ว "

 

“ กูไม่ใช่มึง! “ ผมตะโกนบอกกลับไปด้วยความโกรธ " นอกใจกูแล้ว! ไปเอาเพื่อนกูมาทำเมียแล้ว! หลอกกูแล้ว! ยังมากล่าวหา คิดว่ากูเป็นแบบเดียวกับมึงอีกเหรอ ทำไมมึงถึงเหี้ยได้ถึงขนาดนี้วะ " ผมถามมัน " คนอย่างกู ถ้ากูรัก ต่อให้มึงไม่มีอะไรกูก็รัก แล้วต่อให้คนที่รวยมากๆหรือดีกว่ามึงล้านเท่ามารัก กูก็จะรักแค่มึง ก็ลองคิดดูว่าก่อนหน้านี้มึงเป็นแฟนที่เหี้ย กูยังรักมึงเลยบิน กูยังทน ยังพยายามปรับตัวเพื่ออยู่กับมึงเลย “

 

“ เมด “

 

“ อย่าเอาตัวกูไปเปรียบเทียบกับคนอย่างมึง ที่แอบเอากับเพื่อนกูลับหลังกูมาตลอดสี่ปี "

 

" เมด ฟังบินก่อน " มือหนาที่เอื้อมมือจับมือผมที่ก็สะบัดออกทันทีเหมือนโดนของร้อน บินชะงักไปสักพักก่อนจะสบตาผม " ถามจริง กูหวงมึงนะ อาฟไม่ใช่แฟนมึงใช่มั้ย "

 

“ ถ้าใช่ ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับมึง เราเลิกกันแล้ว กูจะคบกับใครใหม่ มันก็เรื่องของกู " ผมบอกอีกคนแบบนั้น แต่ดูเหมือนว่าบินจะไม่ใช่คนที่เข้าใจอะไรง่ายๆ

 

“ กูไม่เชื่อ มึงรักกูมากเมด มึงจะตัดใจจากกูได้ไง มึง.."

 

" รำคาญวะ " อาฟพูดขึ้น ก่อนจะดึงมือผมที่ยืนอยู่ข้างๆ ให้เข้ามาใกล้ ร่างที่เอียงเข้าไปหาเค้าตามแรงดึงนั้น ใบหน้าคมก้มลงมาจูบริมฝีปากผมที่ก็เบิกตาขึ้นด้วยความตกใจ ลิ้นที่กำลังแทรกเข้ามาเป็นลำดับ ผมเม้มริมฝีปากไว้แน่นแล้วหลับตาลงด้วยความกลัวว่ามันจะเข้ามาจริงๆ แต่ทว่าอาฟกลับผละจูบนั่นออก ก่อนจะหันไปมองแฟนเก่าของผมที่กำลังยืนมองอยู่ด้วยสายตาที่ตกใจไม่ต่างกัน " มึงยังสงสัยอะไรอีกมั้ย ถ้ายังสงสัยอยู่ กูจะได้จูบแบบดูดดื่มกว่านี้ให้มึงดูอีกที "

 

            ทุกอย่างเงียบแม้แต่ผมก็ยังได้แต่ยืนอึ้งอยู่แบบนั้นไม่ขยับตัวไปไหน ริมฝีปากที่เม้มเข้าหากันสนิท หัวใจเต้นแรงราวกับมันแทบจะหลุดออกมา ในตอนนั้นเองมือหนาของคนที่จูบผมกลับคว้าข้อมือผมให้เดินออกมาจากตรงนั้น เค้าปลดล็อครถของตัวเองก่อนจะดันผมให้เข้าไปนั่งในรถ แล้วตัวเค้าก็เดินกลับไปนั่งตรงที่คนขับ วินาทีที่ยังพูดอะไรออกมาไม่ได้สักคำ รถที่ผมนั่งอยู่ก็ถูกขับออกไป

 

ออฟไลน์ patwo

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 989
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +932/-27


' VView '

 

[ พี่เมด เป็นยังไงบ้าง เจอไอ้พวกเหี้ยนั่นมั้ย] ผมพลิกหน้าจอโทรศัพท์ขึ้นมาดูในขณะที่ตอนนี้ภายในรถกำลังเต็มไปด้วยความเงียบ ปิดเสียงโทรศัพท์เป็นอย่างแรกเพราะคิดว่าการแจ้งเตือนคงทำให้คนขับเดือดอีกแน่นอน แล้วตอนนี้ก็ไม่ใช่เวลาที่ผมอยากจะให้เค้าหันหน้ามาคุยกับผมสักเท่าไหร่ น้องชายตัวดีเป็นคนส่งแชทเข้ามา วิวมันคงคอยถามอยู่นานแล้วเพราะมันก็คงอยากจะรู้ว่าวันนี้ผมจะต้องเจอกับอะไรบ้าง

 

[ เจอบิน]

 

[ ว่าละ แล้วเป็นไง นี่อยู่ไหน อย่าบอกนะว่าไปกับมัน ]

 

[ เปล่าไป แต่ก็ไม่ได้ไปเรียน ]

 

[ อ้าว ยังไงวะ ]

 

[ แล้วนี่ทำไมไม่ตั้งใจเรียนวะ ] ผมแกล้งถามน้องชายตัวเองออกนอกเรื่อง เอาจริงๆ ก็ไม่อยากจะคุยเรื่องนี้สักเท่าไหร่ หน้ายังไม่หายร้อนเลย ในรถนี้แม่งก็โคตรจะอึดอัดจนแทบจะหายใจไม่ออกอยู่แล้ว

 

[ โอ๊ยยยยยย ช่างมันก่อนเถอะน่า วิวเป็นห่วงพี่เนี้ย ไม่มีอารมณ์จะเรียนหรอก เล่ามาก่อน  ]

 

[ ก็มามหาลัยกับอาฟ เจ้านายที่ผับ ]

 

[ เค้ามารับที่คอนโดเราเหรอ ]

 

[ อื้ม แล้วเมื่อเช้ากูไม่ได้บอกมึงเหรอ ]

 

[ ไม่อะ ] อีกคนบอกผมก็ขมวดคิ้วตัวเอง [ แล้วไงต่อ ]

 

[ เออ ก็มามหาลัยแล้วก่อนจะแยกกับไอ้อาฟ บินก็เข้ามาหา เหมือนก็คงมารออยู่แล้วอะ ]

 

[ แล้วมันว่าไง ]

 

[ ก็ขอคืนดี บินมันบอกว่ามันรักกู มันผิดไปแล้ว ตอนนี้มันเลิกกับยีนส์แล้ว อยากจะให้กูกลับไปคบกับมันเหมือนเดิม ]

 

[ แล้วแม่งก็มองพี่ด้วยสายตาอ้อนๆ พูดหวานๆด้วยใช่มั้ย ตามสันดาน ]

 

[ อื้ม ]

 

[ แล้วยังไงต่อ ]

 

[ กูก็บอกปฎิเสธไป ]

 

[ ดี นี่ไม่ได้ใจอ่อนเหมือนอย่างทุกทีใช่มั้ย ]

 

[ ไม่ ] ผมบอก [ กูจะใจอ่อนได้ไงวิว มันไม่ใช่เรื่องที่จะให้อภัยกันได้เปล่าวะ คือมันไม่ใช่เพิ่งเกิดขึ้น ไม่ใช่ครั้งแรก คือต่อให้ครั้งแรกก็ก็รับไม่ได้ แล้วนี่คือมันหลอกกูมาสี่ปี สี่ปีเลยนะเว้ยที่มันแอบเอากันอะ มันเอากันไปกี่ครั้งแล้วก็ไม่รู้  นี่ไม่รู้ว่า ที่บอกกูว่าจะกลับบ้านไปหาแม่บ่อยๆ คือไปหาแม่จริงๆ หรือแอบไปเที่ยวกับไอ้ยีนส์กันแน่ ]

 

[ เยี่ยม ]

 

[ กูอาจจะเคยโง่วิว แต่กูโง่นั่นเพราะกูรัก แล้วกูก็คิดว่ามันเป็นเรื่องที่กูให้อภัยมันได้ หลายๆเรื่องที่เราเข้ากันไม่ได้ กูเคยคิดว่าเราปรับกันได้ถ้าเรารักกัน มันอาจจะชอบกินเหล้า เมาหัวราน้ำแล้วอ้วกใส่กู หรือนิสัยที่ชอบเอาแต่ใจกับกูบังคับกู ตอนนั้นกูทนได้เพราะกูคิดว่า เออ ความรักมันก็ต้องปรับแล้วมันก็รักกูไม่ใช่ไม่รัก มันมีข้อเสียก็จริง แต่มันก็มีข้อดี ]

 

[ นั่นคือเลียเก่ง ] วิวบอก [ พูดหวานสุดๆ ขี้อ้อนสัดๆ เลียจนหน้าแข้งพี่อะเนียนไปหมดละ ความเลีย ความอวย แต่จริงๆแม่งพอโมโหนะ ก็ด่ากราดไปหมด ทำลายข้าวของอีก ดีแค่ไหนมันไม่ถีบพี่อะยังแค่ผลัก พี่นี่ก็ทนจัง รัก รัก อยู่นั่น กูละรำคาญ เอาจริงๆ วิวเคยคิดว่าพี่โง่อะพี่เมด ]

 

[ เออ แต่กูก็โง่จริงๆ ]

 

[ พี่ทำตัวเหมือนเป็นคนใช้มันอะ พอมันไปค่ายกีฬา ก็จัดเสื้อผ้าให้ พี่ทำกับข้าวไม่เป็น ก็ยังตื่นมาหาของให้กินให้มันทุกเช้า ไอ้สัดนั่นก็โคตรเรื่องมาก มีนี่จะกินนู้น นี่ก็คอยเอาใจหาให้สิ พอเมากลับมาอ้วกใส่ห้องพี่แม่งก็เช็ด หงุดหงิดกับใครทำลายข้าวของสุดท้ายพี่ก็เก็บ ถามจริงๆเถอะ มันมีอะไรดีวะ ]

 

[ ก็มันเป็นรักครั้งแรกไง ] ผมบอกอีกคนไปสั้นๆ [ บินพูดกับกูเสมอว่า มันจะเปลี่ยนเพื่อกู มันจะทำให้รักของเราดีขึ้น มันเป็นคนช่างพูด ช่างเอาใจ แล้วมึงก็รู้ว่ากูชอบคนขี้อ้อนแล้วบินที่เป็นแบบนั้น กูจะไปไหนรอดวะ ก็เชื่อไปตามลมปากมันนั่นแหละ สัญญาว่าจะทำกับกูให้ดี แต่สุดท้ายพอโมโหแม่งก็เหมือนเดิม ลืมไปหมดในสิ่งที่พูด ที่สัญญา ]

 

[ ไม่รู้วะ ไม่เคยมีความรัก ฟังไปแม่งก็ไม่เข้าใจหรอกว่าทำไมพี่ถึงรักมันขนาดนั้น ทั้งๆที่มันไม่มีข้อดีอะไรเลย แต่สำหรับวิวนะพี่เมด  ความรักอะมันคือเรื่องของคนสองคนที่แม่งต้องปรับเข้าหากันทั้งสองฝ่ายเพื่อให้รักมันเดินต่อไปรึเปล่าวะ มันคือการประคับประคองกันไม่ใช่เหรอ แต่ความรักของพี่กับไอ้เหี้ยนั่นอะ มันแค่เหมือนพี่เปิดประตูบ้านออกไปข้างนอกครั้งแรก แล้วพี่เจอมันอะ มันหลอกทำดีกับพี่ พี่ก็เลยคิดว่า เนี้ยอะ ดีแล้ว ทั้งๆที่มันอาจจะมีคนที่ดีกว่านี้เว้ย แต่พี่กลับไม่มองอะ ยึดติดอยู่แต่กับมันด้วยคำว่ารัก พยายามเปลี่ยนตัวเองให้ยอมรับในตัวมันได้ แล้วมันอะ เคยพยายามจริงๆแบบไม่ใช่แค่ลมปากเปลี่ยนตัวเองเพื่อพี่บ้างมั้ยวะ ]

 

[ เฉียบสัด น้องกู ]

 

[ ไม่รู้อะ ตลอดเวลาที่พี่คบกับมันมา พี่อาจจะมองเห็นข้อดีของมัน มันที่ชอบเข้ามาอ้อนพี่ ตอนพี่กลับมาจากมหาลัยเหนื่อยๆป้อนนู้นป้อนนี่ให้พี่กิน เล่นมุกกากๆ ทำตัวเหมือนลูกหมาลูกแมว แต่วิวไม่เห็นว่าแม่งจะเป็นข้อดีอะไรเลย มันก็แค่คนเลียเก่งคนนึงเท่านั้นเอง ]

 

[ อื้ม ]

 

[ เพราะนิสัยจริงๆที่เหี้ยมากๆ อย่างปลิ้นเก่ง บอกมีซ้อมแต่จริงๆไปแดกเหล้า พาหญิงไปเลี้ยง แต่พออยู่กับพี่กูแค่ค่าข้าวเกินร้อยนึงแม่งก็ต้องแชร์แล้ว บางทีก็ให้พี่ออกให้ก่อน ถามจริงเคยได้คืนปะ เกาะพี่กินยังกับปลิง ทุเรศ!  อย่างเรื่องเอาแต่ใจก็ด้วย หงุดหงิดแล้วอารมณ์ร้อนนั่นก็ด้วย ยังจำตอนที่มันบอกให้พี่รอกินข้าวกับมันแล้วพี่หิวเลยไปกินก่อนได้มั้ย สุดท้ายแม่งก็โกรธเป็นฝืนเป็นไฟ ที่มันผลักพี่ชนประตูอะ วิวยังจำได้นะ แขนเขียวเลย สุดท้ายแม่งก็มาอ้อนๆเลียๆแล้วบอกว่าแพ้เกมส์หงุดหงิดเลยเผลอไป ส้นตีน มึงเผลอได้รุนแรงมาก แล้วหนักสุดก็เรื่องนี้ วิวไม่พูดแล้วกัน พูดไปพี่เมดก็ร้องไห้อีก ]

 

[ ไม่ร้องแล้วเว้ย ]

 

[ ไม่ต้องมาตอแหล นี่วิวน้องชายพี่ วิวรู้หมดแหละ ไม่เห็นก็รู้ ว่าตอนที่มันเข้ามาหา ใจพี่แม่งก็คงสั่นไปหมด ยิ่งตอนมันอ้อนๆ พี่ก็คงบอกตัวเองให้ใจแข็งเข้าไว้ มีความรักอะมีได้นะพี่เมด แต่อย่าลืมรักตัวเองด้วย อย่าปล่อยให้ใครเข้ามาทำร้ายใจตัวเองซ้ำๆ พ่ออะ เกิดพี่เมดมา เค้ายังไม่เคยตีพี่เมดเลยนะ พ่อไม่เคยด่าพี่เมดแรงๆด้วยซ้ำ แม่ก็ด้วย วิวก็ด้วย แล้วมันเป็นใครอะพี่ พี่ถึงปล่อยให้มันมาทำร้ายพี่ซ้ำๆอะ พอได้แล้ว เริ่มต้นชีวิตใหม่เถอะ อย่ากลับไปหามันนะ ]

 

            ผมยิ้มออกมากับข้อความนั้นของน้องชายต่างพ่อต่างแม่ของตัวเอง ความเป็นห่วงและความเจ็บแทนกันที่สื่อออกมาผ่านตัวอักษรพวกนั้น เรื่องราวที่เตือนสติให้ผมรู้ว่า ' เลิกโง่ได้แล้วเมด มึงโง่มานานเกินไปแล้ว ' สิ่งที่น้องชายของผมพูดมันจริงทุกคำ มันเป็นอย่างงั้น ผมที่ยึดติดกับคำว่า ' รักครั้งแรก ไม่อยากจะเปลี่ยนแฟนอยากจะรักใครคนเดียวไปตลอด ' เหมือนในนิยายที่เคยได้อ่าน

 

            ผมเลยเลือกที่จะอดทนและพยายามเปลี่ยนแปลง เปลี่ยนให้ตัวเองเข้าใจในสิ่งที่อีกฝ่ายเป็น แต่ก็ลืมไปว่า ความรักไม่ใช่การทนอยู่หรือเปลี่ยนแปลงตัวเองอยู่ฝ่ายเดียว มันคือคนทั้งคู่ที่เปลี่ยนแปลงตัวเองไปพร้อมๆกัน เปลี่ยนในส่วนที่พอทำได้ เปลี่ยนเพื่อให้เข้ากันกับอีกคนไม่ใช่การเปลี่ยนทั้งหมดจนไม่เหลือความเป็นตัวเองอยู่เลย เพราะคนเรายังไงก็ต้องมีอีกส่วนที่เป็นตัวตนหลงเหลือไว้อยู่ และความเป็นตัวตนตรงนั้น สำหรับความรัก มันคือเรื่องที่ ต่อให้เราจะไม่ชอบส่วนนั้นของเค้ายังไง เราก็ยังรัก และ ชอบเค้าในแบบนั้นอยู่ดี

 

            แต่สำหรับบินมันไม่ใช่ บินไม่เคยเปลี่ยนแปลงเพื่อผม แม้จะมีหลายครั้งที่ผมเคยขอให้มันเปลี่ยนก็ตาม ‘ ใจเย็นลงกว่านี้ได้มั้ย ? ‘ ‘ ลดความเอาแต่ใจลงหน่อยเถอะ ?’  ‘กินเหล้าให้มันน้อยหน่อยนะ ‘ หรือแม้แต่ ‘ ผู้หญิงคนนั้นเค้าชอบมึง ไม่ยุ่งกับเค้าได้มั้ย ‘ แต่บินไม่เคยฟังเลย ไม่เคยทำได้จริงอย่างที่ขอ แม้จะพูดออกมาว่า ‘ ได้ บินจะทำให้เมดนะ ‘ แต่นั่นมันก็ไม่เคยเกิดขึ้นจริง จนสุดท้ายก็เป็นฝ่ายผมเองที่เปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อยอมรับเรื่องเหล่านั้น ด้วยความรู้สึกว่า ‘ ก็รักมาตั้งนานแล้วนี่ ไม่อยากจะเลิก‘ แล้ววันนี้ผมก็รู้สึก ว่าการกระทำนั้น  ช่างเป็นความคิดที่สิ้นคิดสิ้นดี

 

[ วิว กูไม่กลับไปหรอก ไม่กลับไปจริงๆ สัญญาเลย ]

 

[ เออ ทำให้ได้อย่างที่พูดด้วย แล้วนี่ตกลงอยู่ไหน เล่าจบยังวะ ทำไมเราออกนอกเรื่องไปเยอะมากขนาดนี้ ]

 

[ เค้าเรียกซีนน้ำตา ]

 

[ อย่ามาทำเป็นเล่น เล่ามา แล้วไงต่อ มันเข้ามาหาพี่เมด พูดอ้อนๆขอคืนดีด้วยปากห้อยๆกับหน้าส้นตีนของมันแล้วยังไงต่อ ] หลุดหัวเราะคำพูดของน้องชายตัวเองก่อนจะถอนหายใจออกมาตอนที่คิดถึงเรื่องราวหลังจากนั้น รู้สึกไม่ค่อยอยากจะเล่าเลยวะไม่รู้ทำไม

 

[ คือ ก็พูดกันอยู่นานอะ มันไม่ยอมเข้าใจสักที แล้วคราวนี้มันก็ใช้ไม้ตายของมัน บอกให้กูสบตามัน แล้วจะรู้ว่ามันรักกูแค่ไหน ]

 

[ สัด ขออนุญาติแบะปากแล้วมองบน ]

 

[ แล้วคราวนี้อาฟมันก็เอามือมาปิดตากูแล้วก็บอกว่า พอแล้วไม่ต้องมอง ]

 

[ เดี๋ยวววววววววว ทำไมมันดูแปลกๆ ฟิวหนังเกาหลีอย่างงั้นอะ เค้าปิดตาพี่เหรอ เชี้ย เพื่ออะไรอะ หรือเค้าชอบพี่เมด ]

 

[ มึงจะบ้า เพิ่งเจอกันแค่วันเดียว ] ผมพิมพ์เถียงอีกคน [ แต่ที่กูสงสัย อาฟแม่งรู้จักบินได้ไงวะ เพราะอยู่ๆพอมันเห็นอาฟ มันก็ทักขึ้นมาเลยว่า อาฟ ]

 

[ โหย พี่เมดสายเมาสายผับเค้าก็รู้จักพี่อาฟกันทั้งนั้นอะ นั่นมันเจ้าของ throw up นะเว้ย ]

 

[ ก็อาจจะอย่างงั้นมั้ง ]

 

[ ถ้าอยากจะให้ชัวร์พี่ก็ถามเค้าสิ แล้วไงต่อเล่าๆ  เหมือนกำลังจะถึงไคลแม็กซ์ ] แม่นยังกับตาเห็นน้องกู ผมคิดขึ้นตอนที่เห็นข้อความของมัน

 

[ เออ มันก็ถามอาฟว่ามายุ่งไรกับกูแฟนมัน แล้วอาฟก็เถียงไปว่าแฟนเก่า ]

 

[ สัด พี่เค้าได้  ]

 

[ บินก็เถียงว่ายังไม่ได้เลิก กูตอนนั้นก็เถียงออกไปเหมือนกันว่าเลิกกันแล้ว คราวนี้แม่งก็เถียงกันอีก คือมึงก็รู้ว่า บินมันเป็นคนวอแวเข้าใจยาก แล้วยิ่งกูไม่ฟังแบบนี้ก็ยิ่งสลัดหลุดยาก กูเลยบอกปัดๆไป แล้วหันไปชวนไอ้อาฟ ไปที่อื่น คราวนี้มันก็พูดแบบดูถูกกูเลยนะ ว่ากูจะไปกับไอ้อาฟแล้วนิ รายนั้นมันเจ้าของผับ ไม่เหมือนมัน เท่านั้นแหละ กูก็หันไปด่ามันเลย แล้วแม่งก็วนกลับมาถามกูแบบจริงจังว่า กูไม่ได้เป็นแฟนอาฟใช่มั้ย กูก็เลยตอบว่า ไม่เกี่ยวอะไรกับมัน เราเลิกกันแล้ว คราวนี้มันก็ยังเถียงต่อว่ามันหวงกู ]

 

[ โอ๊ยยยยย อีเหี้ยนี่ก็วอแวเนอะ สัด กูอยากจะเอาน้ำซุปกระดูกหมูที่ร้านป้าขายข้าวมันไก่ที่โรงอาหารไปสาดหน้ามัน ไอ้เหี้ย ]

 

[ อื้ม แล้วอาฟแม่งที่ยืนอยู่ตรงนั้นก็บอกว่า รำคาญวะ จากนั้น มันก็ดึงกูไปจูบ ]

 

[ ห๊ะ ? เดี๋ยวนะ จูบ จุ๊บๆ kiss อะนะ ]

 

[ อื้ม " ผมตอบสั้นๆ " จูบเสร็จก็หันไปบอกไอ้บินด้วยว่า ยังสงสัยอะไรอีกมั้ย ถ้ายังสงสัยอยู่ กูจะได้จูบแบบดูดดื่มกว่านี้ให้มึงดูอีกที ]

 

[ ไอ้เหี้ยยยยยยยยย พีคสัดๆ ]  คนอ่านพิมพ์มาแบบนั้น ผมก็ถอนหายใจออกมาตอนที่นึกถึง อื้ม พีคสัดๆจริงๆ [ กูไม่รู้จะพิมพ์อะไรเลยพี่เมด คือในใจมันก็แบบ รู้สึกสะใจสัดที่พี่เค้าตอบแบบนั้น แต่อีกใจคือ งง ทำไมต้องมาจูบอะ เค้าชอบพี่เปล่าวะ ]

 

[ คงไม่หรอก คงจะตัดความรำคาญไอ้บินมันมั้ง ก็แม่งโคตรวอแวอะ ]

 

[ นี่กำลังคิดแง่บวกกับตัวเองอยู่เปล่าวะ ] น้องชายผมบอก [ แบบพี่ไม่ได้คิดอะไรกับเค้า ไม่ชอบเค้า เลยพยายามบอกตัวเองว่า เค้าไม่ได้ชอบเราหรอก ]

 

[ ไม่ๆ กูคิดว่าแบบนั้นจริงๆ อาฟมันเป็นพวกขี้รำคาญอะ มารยาทไม่มีด้วย มันคงจูบกูตัดรำคาญไปมากกว่า ]

 

[ แล้วตอนนั้นรู้สึกยังไง ]

 

[ ช็อคดิ ทำอะไรไม่ถูกเลย คือทั้งขาทั้งแขนเกร็งไปหมด มาได้สติก็ตอนที่มันจะเอาลิ้นสอดเข้ามานี่แหละ กูนี่เม้มปากแน่นสัด โคตรเหี้ย ]

 

[ เฮ้ย ทำไมเค้าจะจูบแบบเอาลิ้นเข้ามาด้วยวะ ถ้าไม่คิดอะไร ]

 

[ ไม่รู้มัน แล้วนี่มันก็ลากกูขึ้นรถมากับมันอีกเนี้ย เลยไม่ได้เข้าเรียนตอนเช้าเลย ] หันไปเหลือบมองคนที่นั่งอยู่ข้างกัน อาฟยังคงขับรถตรงไปยังทางข้างหน้าแบบที่ไม่ได้หันมาสนใจผมเลยสักนิด

 

[ เอ้า แล้วนี่นั่งอยู่ในรถกับเค้าเหรอ ]

 

[ เออ ไปไหนก็ไม่รู้ด้วย ขับตรงไปอย่างเดียวเลย ]

 

[ ถามสิวะ จะพาไปไหน ] วิวบอก

 

[ ใครจะไปกล้าคุยกับมัน มันเพิ่งจูบกูนะ ]

 

[ โอ๊ยยยยย แล้วถ้ามันเอามึงไปขายจะทำยังไง อีพี่บ้า ]

 

[ มันไม่พากูไปขายหรอก อย่างกูขายไปก็ไม่ได้ราคา แต่ไม่อยู่ตรงนั้นก็ดี ขี้เกียจเถียงต่อ รำคาญมัน ]

 

[ แต่คิดในแง่ดี วิวว่าแบบนี้ก็ดีแล้วนะ คนอย่างไอ้เชี้ยนั่นมันต้องให้เห็นเป็นภาพถึงจะเข้าใจ อย่างน้อยตอนนี้ก็ทำให้ไอ้เชี้ยบินมันคิดไปแล้วว่าพี่เป็นแฟนพี่อาฟ แล้วมันก็จะไม่มายุ่งกับพี่อีก ]

 

[ ขอให้เป็นอย่างงั้น แม้กูจะไม่คิดอย่างงั้น ] ผมรู้จักบินดี คนอย่างมันไม่จบลงแค่นี้หรอก [ กูเสียจูบไปแล้วมันต้องได้อะไรกลับมาบ้าง ไม่ใช่เสียไปฟรีๆ ]

 

[ นี่เป็นจูบของคนอื่นที่ไม่ใช่แฟนครั้งแรกเลยใช่มั้ย ]

 

[ อื้ม ] ถอนหายใจออกมาตอนที่สมองคิดอะไรหยุมหยิมพวกนั้น คือแค่จูบนิดหน่อย คนบางคนก็คงไม่ใส่ใจ แต่สำหรับผมบางทีมันก็รู้สึกว่า ถ้าไม่ได้เป็นอะไรกันก็ไม่ควรจูบมั้ยวะ เป็นเหตุการณ์ที่โคตรไม่ทันตั้งตัว

 

            พยายามจะคิดในแง่ดีอย่างที่คิดที่บอกไอ้วิวไป แล้วก็พยายามคิดว่าเสียไปแล้วเอาคืนกลับมาไม่ได้ อย่าเอามาเป็นประเด็น แต่แม่งก็อดไม่ได้เลยที่จะหงุดหงิด  ถึงจะรำคาญไอ้เชี้ยบินยังไงแม่งก็ไม่มีสิทธิ์มาจูบกันเปล่าวะ โคตรเหี้ยเลยสัด แล้วกูต้องมานั่งเกร็งด้วยอีก ทั้งๆที่กูเป็นคนเสียหายแท้ๆ ส้นตีน

 

[ พี่เมด วิวว่าอยู่กับพี่อาฟระวังตัวไว้บ้างก็ดีนะ เพื่อนวิวบอกว่า เค้าแม่งก็เชี่ยวใช่เล่น พริตตี้กับดีเจสวยๆ เวลาไปทำงานที่ throw up ถ้าเค้าถูกใจ เค้าก็พาไปนอนด้วยเลยนะ ดูจากที่เค้าจูบพี่แล้วจะแลกลิ้นกันเลยทีเดียว แม่งคงเซียนมาก นี่ถ้าพี่ตั้งสติไม่ได้ ต้องโดนจูบแบบดีสคิสแน่ ]

 

[ เออ จะระวังตัว แต่เค้าคงไม่มาชอบกูหรอก อีกอย่างกูไม่ชอบคนแบบนี้ด้วย มึงก็รู้ กูแพ้คนพูดหวานแล้วก็ช่างเอาใจ ให้ดีไม่รำคาญเวลากูอยากจะกอด อยากจะวอแว ]

 

[ พูดแบบนี้ ร้อยทั้งร้อย สุดท้ายก็ไปเป็นเมียเค้า ]

 

[ งั้นกูคงเป็นคนที่กรรมหนามาก ชีวิตเจอเรื่องหนักขนาดนี้พระเจ้ายังไม่พอใจอีก พระเจ้าคงเกลียดกูมาก ]

 

[ ทำบุญ 9 วัดเอาไม่อยู่แล้ว ไป 99 วัดเลย ]

 

[ กูก็ว่างั้น แต่ฟิวไอ้สัดอาฟ เหมาะกับผู้หญิงแซ่บๆไฮโซๆ อะไรแบบนี้มากกว่า คนที่จะปลอกลอกแต่เงินของมันอะ หวังแค่สมบัติอะไรแบบนั้น ]

 

[ ดูเหมือนพี่กูจะเกลียดเค้ามาก ]

 

[ เออ ชอบทำหน้านิ่งใส่กู คำพูดก็เหี้ยไม่มีหูรูดใดๆ ยังไม่นับความกวนส้นตีนของมันที่ทำให้กูต้องแอบด่าแบบผู้ดีไปหลายที นี่ก็ยังใช้งานกูหนักอีก ทำเหมือนกูไปชนรถมันจนซ่อมไม่ได้แล้วอะ รอยเท่าแมวข่วน ]

 

[ แมวแม่งข่วนแรงม๊ากกกก ] ไอ้วิวบอก [ แต่ไม่ชอบมากๆแบบนี้ ระวังไว้นะ ไม่เคยได้ยินเหรอพี่เมด คนบางคนอาจจะเข้ามาเพื่อแหกกฏทุกข้อของเราก็ได้ ]

 

[ ไม่เคยอะ ] แล้วก็ไม่คิดด้วยว่าจะมี ตอนนี้อยากจะหยุดเรื่องรักๆใคร่ๆ อะไรแบบนี้สักพัก ไม่อยากจะไว้ใจใครอีกแล้ว

 

[ งั้นก็ฟังไว้แล้วกัน วิวไปเรียนก่อนละ ตกลงเค้าพาพี่ไปไหน บอกวิวด้วยนะ ]

 

[ อื้ม ถ้ามันพากูออกไป แม่สายเมื่อไหร่ เดี๋ยวโทรไป ]

 

[ อะ กวนส้นตีนกูละอีพี่เมด ] ผมยิ้มผ่านหน้าจอโทรศัพท์ [ งั้นแสดงว่าตอนนี้โอเคแล้ว งั้นวิวไปเรียนก่อน แล้วก็ มีอีกอย่างที่อยากจะบอก คือ.. วิวรักพี่เมดนะ  รักมากๆเลย ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น พี่เมดมีวิวอยู่นะ ]

 

[ อื้ม เหมือนกัน พี่ก็รักวิว ขอบคุณนะ ที่อยู่ข้างๆกันมาตลอด ]

 

[ ก็เราเป็นพี่น้องกันนิ ]

 

[ ใช่ เราเป็นครอบครัวเดียวกัน ] รอยยิ้มกว้างของผมที่ส่งผ่านหน้าจอไป คงไม่ต่างอะไรจากอีกคน ครอบครัวเราอาจจะไม่เหมือนคนอื่น คนที่ต่างพ่อ ต่างแม่ มาอยู่เป็นครอบครัวเดียวกัน หลายคนเคยพูดว่า เวลาเรามีปัญหาเราจะมองเห็นคนข้างตัวเราได้ชัดขึ้น แล้วผมก็เป็นหนึ่งในนั้น ตอนนี้ผมเห็นคนข้างตัวชัดขึ้น อย่างน้อยก็เห็นว่า ใครที่ดีแล้วก็ใครที่ร้าย

 

 

..........................................................................

ในช่วงเวลาแย่ๆ เจอคนแย่ๆ แต่ว่า มันก็ยังมีคนที่ดีๆอยู่ อยากจะให้มองรอบข้างตัวเรานั้นให้ดี

นั่นคือใจความสำคัญที่อยากจะสื่อออกไป และที่อยากจะสื่อก็คือ มันไม่มีใครที่โง่เพราะรักหรอก เมดก็แค่คนคนนึงที่ก็แค่เคยรักใครสักอย่างสุดหัวใจ แต่มันคนที่เค้าให้ใจไป มันไม่เห็นค่าความรู้สึกของเค้าเท่านั้นเอง

ไม่เป็นไรนะลูก #หอมหัวหนูเมด

ตอนหน้าเจอกับพี่อาฟ และ เดอะแก้งค์ของเค้าที่ตอนนี้จ่ายค่าตัวแล้วเรียบร้อย

ปอลอ อยากให้พี่อาฟกระชากมาจูบมาก นี่ชอบตั้งแต่ปิดตาเค้าไว้ แล้วบอกไม่ต้องมองแล้ว ไม่อยากจะให้เค้าเสียใจชั่ยมั่ยชั่ย

ตรงนี้คือทางไป จอยลดา :  http://www.joylada.com/story/5a8bfb6e007ee30001162ca6

รักนะ เลิฟยู

ฝากแท็ก #ผับชั้นสาม ด้วยนะคะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 4 :: 26-2-61}
« ตอบ #39 เมื่อ: 17-03-2018 10:39:30 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ patwo

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 989
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +932/-27
# How to read [....เนื้อหา.... ] :: เนื้อหาในช่องแบบนี้ คือ แชทคุยกันนะคะ ไม่เห็นหน้า

 

ตอนที่ 8


“ จะนั่งยิ้มบ้ากับมือถืออีกนานมั้ย " ผมเอ่ยถามอีกคนในรถที่เงียบแทบไม่มีเสียงใด รอยยิ้มที่ปรากฏขึ้นบนใบหน้านั้นบอกกับผมว่าความอึดอัด หรือแม้แต่ความเศร้าคงหายไปจากความรู้สึกของคนที่แทบจะร้องไห้อยู่แล้วตอนที่เห็นไอ้บิน แฟนเก่ามันเดินเข้ามาหา

 

            ความเข้มแข็งที่เอ่ยคำพูดจาแข็งกระด้างนั่นออกไป ผมรู้สึกว่ามันไม่ได้เป็นแบบนั้น แต่อีกคนกำลังพยายาม พยายามทำเหมือนว่าไม่รู้สึกอะไร แล้วในวินาทีที่เหมือนว่าอีกฝ่ายยังคงตามตื้อไม่เลิก แล้วอีกคนก็ดูท่าทางจะทนไม่ไหว ความรู้สึกนึกคิดที่แยกเรื่องที่ควรทำไม่ควรทำของผมมันก็ขาดลงไป มือที่ดึงเค้าเข้ามาจูบ วินาทีที่สัมผัสริมฝีปากที่นุ่มนวลนั้น ผมอยากจะกดลงไปให้แรงกว่านั้นและผมก็อยากจะสัมผัสให้มันลึกซึ้งกว่านี้

 

            ไม่ได้รู้สึกแย่อะไร กับการทำให้ใครเข้าใจผิด เรื่องที่เราเป็นแฟนกันหรืออาจจะมีความสัมพันธ์อะไรสักอย่างที่ลึกซึ้ง ในทางกลับกันผมคิดว่านั่นดีแล้ว เราจะได้มีเรื่องอะไรสักอย่างไว้คุยกันต่อ

 

“ แล้วนี่เราจะไปไหนกัน "

 

“ ไม่รู้ "

 

“ อ้าว..” อีกฝ่ายสบถก่อนจะหันมามองผม ตอนที่หันไปมองกลับอีกคนก็นิ่งไป ริมฝีปากนั้นที่เม้มเข้าหากันเบาๆ เมดหันไปมองข้างหน้าต่างก่อนจะกลืนน้ำลายลงไปในคอด้วยท่าทีที่ดูเหมือนคนทำตัวไม่ถูก แก้มแดงๆที่ทำให้ผมหลุดยิ้มเพราะรู้เหตุผลดีว่าทำไมถึงเป็นแบบนั้น

 

" หรือจะกลับไปเรียน ให้ไอ้เหี้ยนั่นมันมาวอแวอีก "

 

" ตอนนี้คงไม่ละ แต่คิดว่าคาบเย็นน่าจะเข้าไป " อีกคนบอกก่อนจะหันมามองผม " มึง.. รู้จักกับบินด้วยเหรอ "

“ ถามทำไม "

 

“ ก็กูแค่เห็นว่ามันทักมึง ตอนที่หันมาเห็นมึง ก็เลยคิดว่าน่าจะรู้จักกัน "

 

" เคยอยู่โรงเรียนเรียนกันมาก่อน "

 

" ห๊ะ ? “ แววตาที่เบิกกว้างขึ้นด้วยความตกใจ ท่าทางที่ดูสนใจแบบนั้นทำให้ผมหันออกไปมองถนนตรงทางข้างหน้าแม้กำลังติดไฟแดง " มึงเคยอยู่โรงเรียนเดียวกับบินเหรอ ? “

 

" อื้ม "

 

" กูก็อยู่โรงเรียนตรงกันข้ามมันนะ "

 

" กูไม่รู้จักมึง "

 

" สัด " เมดบอกก่อนจะทำขมวดคิ้วแล้วมองผมด้วยสายตาหงุดหงิด " กูออกจะดัง "

 

" ดังยังไง ? ในทางไหน ? แต่หน้าตาเหมือนไอ้ตี๋ขายโจ๊กแบบนี้ คงไม่น่าจะดังเรื่องหน้าตาหรอกมั้ง "

 

" มึงว่าอะไรนะ มึงบอกว่ากูหน้าเหมือนไอ้ตี๋ขายโจ๊กเหรอสัด " มันชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง แววตาที่เอาเรื่องของมัน ดูไปดูมาเหมือนแมวตัวเล็กๆที่กำลังฉีกเขี้ยวแล้วเอามือกวักไปกวักมาอยู่แถวหน้าร้านอาหารญี่ปุ่น ไม่ได้รู้สึกว่าน่ากลัวอะไรสักนิด

 

" ลองส่องกระจกดูสิ " ดึงที่บังแดดลงมาให้อีกคนดู มือนั่นก็ดึงมันขึ้นไปทันที

 

" กูไม่เหมือนไอ้สัด! ส้นตีน ปากมึงนี่ "

 

" พูดถูก ก็ยั๊วะอีก "

 

" แม่ง..” มันดันหลังตัวเองนั่งพิงเบาะด้วยความไม่สบอารมณ์อยู่หลายนาที " แต่มึงอยู่โรงเรียนเดียวกับบิน มึงจะไม่รู้จักกูได้ไงอะ ก็ตอนนั้นอะ..” มันที่เม้มริมฝีปากตัวเองไปเพราะไม่อยากจะพูดอะไรที่มากกว่านั้น ถ้าให้เดาคงจะบอกว่า ก็ตอนนั้นเรื่องของมันที่คบกับไอ้บินดังไปทั่ว ผมจะไม่รู้ได้ยังไง

 

" กูไม่ใช่คนขี้เสือก "

 

" ยังไม่ทันจะบอกเลยว่าเรื่องอะไร " อีกคนหันมาเหล่ เมดที่ถอนหายใจออกมา ผมรู้ว่ามันคงรู้ ว่าผมรู้เรื่องราวรักในอดีตที่สุดแสนจะโรแมนติกของมันดี เรื่องดังขนาดนั้นต่อให้เป็นคนไม่สนใจอะไรก็คงรู้ " รู้แล้วก็น่าจะล้อออกมาตามสันดานมึงนะ ทำไมไม่ทำวะ "

 

" รู้เหรอ ว่ากูสันดานยังไง "

 

“ ดูจากฝีปากไร้หูรูดของมึงก็พอจะเดาได้ " เมดเงียบไปตอนที่หันไปมองนอกหน้าต่างรถ มันถอนหายใจออกมา " แต่ยังไงก็ขอบคุณที่ไม่พูดถึงมันให้กูรู้สึกเจ็บนะมึง "

 

            ทุกอย่างเงียบไป  มันผ่านมาหลายนาทีแล้วที่ไม่มีเสียงสนทนาระหว่างเรา มีเพียงแค่เสียงรถรอบข้างที่ดังทะลุเข้ามาในรถของเราที่มีแต่ความเงียบ ผมนั่งมองใบหน้าที่กำลังร้องไห้นั่นผ่านกระจกที่สะท้อน มันไม่ใช่การร้องไห้ที่สะอึกสะอื้นอะไร มีเพียงแค่น้ำตาที่ไหลออกมาจากตาช้าๆ น่าแปลก ปกติผมคงรู้สึกว่า คนแบบนี้มันน่ารำคาญ ก็แค่คนคนเดียวจะมาร้องไห้ทำไมนักหนาวะ เสียดายน้ำตา เรื่องที่มึงถูกทั้งเพื่อนทั้งแฟนหักหลัง ก็คิดให้มันแง่ดีสิวะ ว่าก็ดีแค่ไหนแล้วที่มึงยังรู้ตัวไม่โง่จมปรักไปนานกว่านี้

 

            แต่เพราะความเสียใจนั่นมันไม่ใช่ของผม ผมไม่เคยถูกหักหลัง ไม่เคยมีแฟนที่แอบไปเอากับเพื่อนสนิทร่วมสี่ปี ผมไม่เคยมีประสบการณ์เหี้ยๆอะไรแบบนั้น เพราะงั้นบางทีการที่มันร้องไห้ออกมาแบบนี้ อาจจะเป็นวิธีที่ดีที่สุดแล้วก็ได้

 

            ก็คนเราไม่ได้ร้องไห้เพราะแค่เสียใจอย่างเดียว บางทีน้ำตาที่ไหลออกมาพวกนั้น คือเพราะมันกำลังพยายามลืม พยายามลบ และพยายามเข้มแข็งให้ได้มากที่สุด  ซึ่งตัวผมที่มองมันอยู่จากมุมนี้ คงทำได้แค่นั่งอยู่ข้างๆ แล้วปล่อยให้มันร้องไห้เงียบๆไปอย่างงั้น แต่ก็ยังมีสิ่งที่ผมอยากรู้ ในตอนที่นั่งมองมันอยู่ตอนนี้ก็คือ ' ไอ้บินมันทนเห็นมึงร้องไห้ได้ยังไงกันวะ แม่ง โคตรเก่งเลย '

 

 

 ' Throw UP ' Staff  ได้เปลี่ยนชื่อกลุ่มเป็น o- o group

 

 

[ สัด ใครเปลี่ยนชื่อกรุ๊ปวะ ส้นตีนนน ขอยาวกว่านี้ไม่ได้เหรอไง ] ไอ้เจทักเข้ามาในกลุ่ม ตอนที่ผมติดไฟแดงอยู่ที่แยกหนึ่งแล้วดูท่าทางว่าอีกนานกว่าสัญญาณไฟเขียวจะปรากฏขึ้น

 

[ กูเองพี่เจ อยากจะได้ยาวใหญ่กว่านี้เหมือนกันจะได้เหมาะกับพวกเรา แต่แม่งกูหาไม่ได้วะ ใช้ๆไปก่อนนะ คิดว่าตอนยังไม่แข็ง ] ไอ้อัยย์ว่า

 

[ แล้วทำไมต้องเป็นอะไรเหี้ยๆแบบนี้ด้วยวะ  ]

 

[ มันดูเหมือนเป็นเรื่องที่เราสนใจที่สุดอะผมว่า ]

 

[ จริงๆ กูอยากจะตั้งว่า พอนดอริง ]

 

[ ทำไมวะ ]

 

[ ไม่น่าถาม ก็ชีวิตพวกเราแม่งเหมือนมีแต่เรื่อง porn porn ]

 

[ เออพูดถึงเรื่องนี้ วันก่อนครับ เพื่อนไปญี่ปุ่นครับ เพื่อนซื้อหนัง AV มาฝากครับ ]

 

[ ยังไงครับ ]

 

[ ดีครับ จะแบ่งบุญ ไอ้เชี้ยเดย์ยังไม่มามึงเอาไปก่อนเลยครับสัดพี่เจ ]

 

[ ขอรีวิวเรื่องด้วยครับ เห็นแบบนี้กูเลือกครับ กูไม่ดูทุกเรื่อง ]

 

[ มีสองเรื่องอะ เท่าที่กูจับใจความได้ เรื่องนึงแม่งลูกสะใภ้เอากับพ่อตา แล้วพ่อตาก็ไปนัดเพื่อนมาเอาด้วย รุมๆกัน แต่ไม่ปล้ำนะมึง ผู้หญิงสมยอม เล่นดีมากกูนี่แบบ ขึ้นไปหลายรอบ ]

 

[ เออ น่าสนใจ อีกเรื่องๆ ]

 

[ อีกเรื่องนวดน้ำมัน มึงเอ้ยย พี่เจ กูนี่แม่ง อยากลองแบบนั้นสักที เด็ดทั้งสอง ]

 

[ เอาทั้งสอง อีกสองวันกูหยุด กูจะนอนดูยาวๆ ]

 

[ พวกมึง ] ผมพิมพ์เข้าไปในไลน์กลุ่ม ท่ามกลางสองคนนั่นที่กำลังถกเถียงกันเรื่องไร้สาระ ถ้าเดาไม่ผิดคนที่อ่านคงกำลังขมวดคิ้วงงๆกับคำพูดจริงจังของผมที่ทักพวกมันไปก่อน

 

[ อะ พอตั้งใจจะอ่าน ก็หายเงียบเลยไอ้เฮีย ] ไอ้เจว่า [ มีไรครับ ]

 

[ สัด โคตรตกใจ เฮียทักว่าพวกมึง กูนี่ใจหล่นเลยอะ มือไม้สั่นไปหมด เรื่องสำคัญแน่ๆ ] ไอ้อัยย์เสริม

 

[ เออ กูเข้าใจอยู่  ไอ้สัดอาฟไม่ค่อยเข้ามาไลน์กรุ๊ปแล้วบอก พวกมึง ด้วยไง ตอบก็ตอบเลย ]

 

[ ใช่ไง คือรู้สึกเลยอะ ว่ามีเรื่องแล้ว มีเรื่องแล้ว น้องสั่นกลัวไปหมด ]

 

[ พวกมึงพล่ามจบยัง ] ผมถามพวกมันที่ชักชวนกันออกนอกเรื่อง

 

[ อะๆ จบแล้วครับ ว่าไงครับ เชิญเฮียอาฟว่ามาได้เลยครับ ]

 

[ ทำยังไงให้คนหายเศร้าวะ ]

 

[ ห๊ะ ? ] ไอ้เจพิมพ์ตอบกลับมา

 

[ งงเลยกู ] ไอ้อัยย์เสริมตาม [ แล้วใครเศร้าอะ เฮียอ๋อ เศร้าเรื่องไรอะ ถ้าเฮียเศร้าก็ไปตีหญิงดิวะ แค่นั้นก็หายแล้ว ]

 

[ ไม่ใช่กู ]

 

[ อ้าว งั้นใครอะ ]

 

[ เสือก ถามก็แค่ตอบ ] ผมว่า

 

[ ตอบแบบนี้ หญิงแน่ๆ ทำไมอะ เฮียมึงไปทำหญิงที่ไหนเศร้าวะ แต่ปกติเฮียไม่แคร์ไม่ใช่เหรอ ว่าเค้าจะรู้สึกยังไง ]

[ กูไม่ได้ทำ แล้วนี่ก็ไม่ใช่ผู้หญิงด้วย ]

 

[ อ้าว อะไรวะ กูชักงงละมึงไอ้สัดอาฟ ] ไอ้เจว่า [ ไม่ใช่ผู้หญิง งั้นก็ผู้ชาย ]

 

[ อื้ม ]

 

[ ผู้ชายที่ว่า คือผู้ชายที่สัดพี่ไปยืนจูบเค้าหน้าคณะบัญชีที่มหาลัยแห่งหนึ่งเปล่าน้าาาา ] ไอ้เดย์น้องชายผมทักขึ้นมาในไลน์ ก่อนจะส่งสติกเกอร์กวนตีนมาให้

 

[ เดี๋ยวๆ เกิดเหี้ยไรขึ้นวะ กูงง สัดอาฟนี่มึงไปจูบผู้ชายหน้าคณะบัญชีมาเหรอวะ แล้วไอ้เชี้ยเดย์ นี่มึงอยู่กับมันเหรอวะ ทำไมรู้ ]

 

[ คนที่ไปจูบกับเค้ามันพี่อาฟแห่ง throw up เลยนะเว้ย พวกมึงอย่าลืมไปดิ เพราะงั้นกูอยู่ไหน กูก็ต้องรู้มั้ย ]

 

[ อย่าลีลา บอกมาไอ้สัด ] ไอ้อัยย์บอกเพื่อนมัน

 

[ อะๆ จะบอกบุญพวกมึงแล้วกันนะ วันนี้น้องดรีมน้องคณะบัญชีที่กูเคยคุยด้วย ทักกูมาว่า เห็นเฮียอาฟของเราที่โรงอาหารคณะบัญชี มากับผู้ชายคนนึงเลยถามกูว่า พี่อาฟมีแฟนแล้วเหรอ กูก็งงเว้ย แต่ก็บอกไปตามที่เคยนัดกันว่า ถ้าใครถามว่าแฟนยังให้ตอบไปว่า ยัง ต่อให้มีแล้วก็ให้ตอบว่า ยัง กูก็ตอบไปว่า ยัง น้องก็แบบส่งมาหากูรัวๆเลยว่า พี่อาฟหล่อขึ้นอีกแล้วไม่เจอกันแปปเดียว เนี้ยๆ เย็นนี้จะมาหากูที่ผับ กูก็อะ คืนนี้มีอะไรทำละ เลยคุยต่อ สักพักแม่งมาบอกว่า ไม่มาละ มันบอกกูโกหกมัน ทางนี้ก็งงครับ ไปโกหกไรวะ น้องก็บอกว่า กูโกหกที่บอกว่าพี่อาฟยังไม่มีแฟน เนี้ย พี่อาฟจูบกับผู้ชายที่มาด้วยหน้าตึกมัน แล้วจูงกันขึ้นรถไปแล้ว ]

 

[ เฮ้ยย เดี๋ยวนะ .. ]

 

[ พีคมั้ยละไอ้สัด พี่กู จูบธรรมดาโลกไม่จำ ต้องจูบโชว์ พี่ผมครับ พี่ผม ]

 

[ อะ คราวนี้ก็ตาเฮียอาฟละครับ แถลงการณ์มาเลย ตกลงอะไรยังไง ] ไอ้อัยย์ว่า แต่ไอ้เจดันพูดขึ้นมาก่อน

 

[ แต่เดี๋ยวนะ คณะบัญชีเหรอวะ ]

 

[ พี่เจแม่งเหมือนจะรู้จักวะ ] ไอ้เดย์ว่า [ ใครวะ พี่เจ นี่กูถามน้องดรีมแม่งบอก แม่งไม่รู้จัก เห็นบอกว่า คนขาวๆ ]

 

[ เมด ] ไอ้เจตอบ [ รู้จักอยู่คนเดียวอะ ถ้าผู้ชายแล้วอยู่คณะบัญชีตอนนี้ กูรู้จักแค่เมด ]

 

[ อื้ม เมด ] ผมตอบออกไป ข้อความนั่นถูกอ่านจากทุกคนในกรุ๊ปแต่ที่ไม่มีอะไรตอบกลับมา เหมือนว่าพวกมันกำลังตั้งสติกับข้อความของผมมากกว่า

 

[ ไอ้เหี้ยเอ้ยยย นั่นเมดดด เมดของกูเลยนะไอ้เหี้ยยยย ]  ผ่านไปเกือบนาทีไอ้เจถึงพูดขึ้นมาคนแรก [ ไอ้สัด ซื้อหวยทำไมไม่ถูกแบบนี้บ้างวะ ]

 

[ ไอ้พี่เลว นั่นพี่เมดของกู โอ๊ยยยยยยยยอะไรกันวะเนี้ย มึงจะแย่งคนที่กูหมายตาทุกคนไม่ได้สัดพี่!!! ]

 

[ เชี้ย กูโคตรช็อค อยากจะด่าสัดเฮียสักสามล้านคำ ว่านั่นคือพี่เมดของกู แต่แม่ง พูดเหี้ยไรไม่ออกเลยวะ กูงงอะ อะไรวะ ทำไมเป็นพี่เมดอะ เฮียมึงชอบพี่เมดเหรอ เอาจริงๆ นี่กูอยากรู้ ]

 

[ เปล่า กูไม่ได้ชอบ ] ผมบอก [ แค่มีเรื่องนิดหน่อย กูเลยต้องจูบมัน ไม่ได้ตั้งใจจะจูบ ]

 

[ อย่ามาตอแหลกูไอ้สัดพี่ เหี้ยเรื่องอะไร ทำไมต้องจูบเค้า มึงอยากจะจูบเองมากกว่า สัด ] ไอ้เดย์พูดด้วยอารมณ์หงุดหงิด แต่นั่นก็ทำให้ผมแค่หลุดยกยิ้ม

 

[ แล้วนี่มึงถามมาตอนแรกว่า ทำยังไงให้คนหายเศร้า มึงหมายถึง เมด ] เจว่า

 

[ อื้ม ]

 

[ เชรดโด้ เค้ามีความแคร์ แม้ปากจะบอกว่าไม่คิดอะไร ] ไอ้อัยย์ว่า [ แล้วทำไมพี่เมดของอัยย์ถึงเศร้าวะ ]

 

[ แล้วนี่พี่มึงอยู่ไหน กูจะไปหา กูจะไปกอดปลอบพี่เมดของกูเองจ้า ] ไอ้เดย์ถาม [ สงสารพี่เมดสัด นอกจากเจอเรื่องเหี้ยๆอย่างมาทำรอยบนรถสัดพี่ที่นิสัยเหี้ยมโหดแล้ว ยังเจอคนเหี้ยๆแบบสัดพี่กู จูบอีก อีเหี้ยยยยย พี่เมดของกู ]

 

[ อัยย์จะไปทำอะไรตลกๆให้พี่เมดยิ้ม เฮียมึงอยู่ไหน กูจะไปหา ]

 

[ เรื่องมันยาว ] ผมบอกปัด

 

[ ตอนนี้พวกกูว่าง ]

 

[ ตอนนี้พวกกูว่าง ]

 

[ ตอนนี้พวกกูว่าง และจะว่างเสมอและตลอดไปสำหรับพี่เมด ] แต่เหมือนไอ้เดย์จะฉีกประโยคของคนแรกออกไปแบบหน้าด้านๆ

 

[ สัดเดย์แม่งไม่ใช่วะ ไม่ทีมเดียวกันกับพวกกูเลย ] ไอ้อัยย์ว่า ผมที่กำลังจะพิมพ์ตอบแต่ตอนนั้นคนที่นั่งข้างๆผมก็บอก

 

“ ไฟเขียวแล้วมึง "

 

[ แต่ตอนนี้กูไม่ว่าง ไฟเขียว ] วางมือถือลงข้างตัวก่อนที่เสียงโวยวายในแชทกรุ๊ปจะเตือนออกมาไม่มีหยุด

 

[ ไม่!!! จอดรถ ไอ้สัดพี่ แล้วคุยกับพวกกูให้รู้เรื่อง ]

 

[ พี่เมดของอัยย์ กูอยากจะรู้ว่าพี่เมดเศร้าเรื่องไรอะ พี่เจมึงไม่รู้เหรอวะ เฮียไม่ได้เล่ามึงเหรอ ]

 

[ ให้มันมาเล่าเอง ] ไอ้เจว่า [ กูไม่อยากจะพูด แต่คิดว่าคงเป็นเรื่องนั้นแหละ คิคิ ]

 

[ ไม่บอกบุญพวกกูหน่อยเหรอวะ ]

 

[ สัด กูอยากรู้ ] ไอ้เดย์ว่า [ จอดรถ สัดพี่ ! แล้วเล่ากู ]

 

            ผมปิดหน้าจอมือถือของตัวเอง ตอนนี้ก็ทำได้แค่ขับรถไปเรื่อยๆ ไม่รู้จะไปไหนหรอก ก็มันไม่มีที่ให้ไปในเวลาเช้าๆแบบนี้ แล้วถ้าให้เลือกที่ที่อยากจะไปจริงๆ คงเป็นคอนโด เพราะตอนนี้โคตรอยากจะนอน ง่วงชิบหายเมื่อคืนก็ไม่ได้นอน พอส่งอีกคนเสร็จ ผมก็กลับไปอาบน้ำแล้วก็รีบออกมาเลย เพราะกลัวรถติดแล้วจะทำให้มันเข้าเรียนสาย แต่สุดท้าย แม่งก็ไม่ได้ไปเรียน โคตรส้นตีน

 

“ แล้วมึงไม่ไปเรียนเหรอ " หันไปมองคนข้างๆที่ตั้งคำถามนั่นขึ้นมา คำถามที่ผมเคยโกหกไว้ว่ามีเรียนแต่ความจริงไม่มีอะไรทั้งนั้น  " ไหนบอกมีเรียนเช้า "

 

“ อาจารย์ยกเลิกคลาส  " ผมหันไปบอกอีกคน " ไอ้เจเพิ่งส่งข้อความมาบอก "

 

“ แล้วนี่มึงจะไปไหน "

 

“ ไม่รู้ " ผมบอก " มึงอยากจะไปไหนละ "

 

“ ไม่มีที่ที่อยากไปวะ " เมดบอกก่อนจะถอนหายใจออกมา " รู้แค่ว่าไม่อยากจะกลับไปเรียน แต่ให้กลับไปที่คอนโด กูก็คงนอนไม่หลับอยู่ดี แล้วมึงอยากจะกลับบ้านไปนอนมั้ย ไปทิ้งกูไว้คาเฟ่ไว้ก็ได้นะ แล้วเดี๋ยวถึงเวลากูไปที่ผับเองได้ "

 

" แหกตาดู อีกกี่ชั่วโมงกว่าผับจะเปิด แล้วเวลานี้คาเฟ่ที่ไหนเปิด ส่วนใหญ่มันก็เปิด 10 โมง "

 

" มันก็ต้องมีบ้างที่เปิดเก้าโมงเช้า " อีกคนเถียง  ผมก็ถอนหายใจออกมา ตอนที่มองไปยังทางข้างหน้าอีกนิดก็ถึงคอนโดของผม ความคิดดีๆโผล่ขึ้นมา ผมยกยิ้ม

 

" งั้นไปคอนโดกู "

 

" ห๊ะ ? ไปทำไม "

 

" กูกลับไปนอน ส่วนมึง ถ้าไม่หลับก็ดูทีวีไป มีหนังให้ดูเยอะแยะ หิวก็โทรไปสั่งของมากิน "

 

" แล้วที่คอนโดมึง.. มีใคร อยู่ บ้างวะ " มันถามด้วยท่าทางที่บอกกับผมว่าไม่ค่อยอยากจะไปเท่าไหร่ แต่มันคงลืมไปว่าตัวมันไม่มีสิทธิ์เลือกอะไรอยู่แล้ว

 

" ปกติกูอยู่กับไอ้เดย์ แต่คิดว่ามันไม่น่าจะอยู่ " เมื่อเช้าหลังจากส่งคนข้างๆแล้วขับรถกลับห้องไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ผมไม่เห็นมันอยู่ที่ห้อง เลยคิดว่าคงไปนอนคอนโดกิ๊กสักคนของมันเหมือนอย่างทุกที

 

" อ้าว แล้วน้องเดย์ไปไหน " หันไปมองหน้ามันที่เอ่ยเรียกน้องชายผมแบบนั้น ก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน ว่าทำไมต้องไม่ชอบสรรพนามอะไรพวกนั้นที่อีกคนเอ่ยเรียกด้วย รู้แค่ว่า ฟังทีไรก็หงุดหงิดทุกที จริงๆเรียกไอ้เชี้ยเดย์ก็หรูแล้ว

 

" คงไปนอนกกกิ๊กของมันอยู่ที่ไหนสักที่แหละมั้ง "

 

" อื้ม " อีกคนพยักหน้ารับ

 

" ไม่ต้องกลัวหรอก กูไม่คิดจะปล้ำมึงอยู่แล้ว "

 

" หึ กูมากกว่ามั้ง ที่ต้องกลัว " อีกคนบอกก่อนจะบ่นงึมงำ " จริงๆ กูก็ควรกลัวมึง ตั้งแต่โดนมึงลากไปจูบเมื่อกี้แล้วจะบอกให้ นี่ยังลากกูออกมาแล้วจะพาไปคอนโดมึงอีก แล้วหน้าตามึงแม่งไว้ใจไม่ได้ ไม่รู้ว่ากูจะโดนทำอะไรบ้าง  "

 

" กูได้ยินนะ "

 

" ก็ทำเป็นไม่ได้ยินไปดิวะ "  มันที่หันออกไปนอกหน้าต่าง ทำได้อยากจะเอื้อมมือไปทำอะไรสักอย่างกับมัน หมั่นไส้ไอ้ท่าทางน่ารักแบบนั้นชะมัด กวนส้นตีน

 

            เสี้ยวรถเข้าคอนโด ตรงที่จอดประจำที่ไม่มีรถของไอ้เดย์จอดอยู่ ก็ตามคาดว่าคงเจอมันอีกทีคือช่วงเวลาเข้าผับ ตอนนี้ถ้าไม่เรียนก็คงกำลังนอนอยู่บนเตียงสาวสักคนในสต๊อกของมัน  เดย์กับผมมีสไตส์การใช้ชีวิตเซ็กส์และผู้หญิงต่างกัน มันชอบคบไปเรื่อยๆ มีอะไรกัน ถูกใจก็สานต่อ ใช้กันยาวๆ อาทิตย์นึงคั่วสาวแบบผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนตลอด ส่วนผม ถ้าถูกใจก็มีเซ็กส์ด้วย แล้วจากนั้นก็แยกกัน เป็นแค่ความสัมพันธ์แบบวันไนท์สแตน  ผมไม่ชอบผูกมัดกับใคร

 

“ มึงอยู่คอนโดนี้หรอกเหรอ " อีกคนพูดขึ้นมาตอนที่มองออกไปนอกหน้าต่างรถ

 

“ แล้วมึงเห็นกูจอดรถมั้ย "

 

“ กวนตีน กูก็แค่ถาม มึงแม่งจะตอบเป็นคนสักครั้งได้มั้ยวะ "

 

" แล้วมึงเสือกตั้งคำถามโง่ๆทำไม " ผมหันไปถาม " กูจอดรถใต้คอนโดนี้ทำไม ถ้ากูไม่อยู่คอนโดนี้ เค้าจะให้เข้ามามั้ย แล้วอีกอย่าง กูจะเข้ามาจอดถึงข้างในทำไมถ้าไม่อยู่ที่นี่ คิดว่าจะเข้ามาจอดรถแล้วเดินออกไปเที่ยวที่ห้างข้างๆรึไง "

 

“ อาฟ " อีกคนหันมามองผมก่อนจะยิ้มจางๆ " แค่ตอบว่า อื้ม ไปตามมารยาทของคนชวนคุยมันยากนักเหรอวะ แต่ก็นะ กูลืมไป..ว่ามึงคงไม่มี "

 

“ งั้นลองชวนคุยอีกทีสิ " หันไปยกยิ้มให้อีกคนที่ก็นิ่งไปผมขยับตัวเข้าไปใกล้ ใบหน้าหงุดหงิดกับปากแหลมๆก็เม้มเข้าหากัน

 

“ ไม่ ไอ้สัด "

 

            ประตูของคนข้างๆถูกเปิดแล้วปิดลงด้วยท่าทางไม่สบอารมณ์ ผมที่นั่งยกยิ้มอยู่ในรถหลายนาที ก่อนจะเดินนำอีกคนเข้าไปในคอนโด กดลิฟต์ขึ้นไปบนชั้นห้องของตัวเอง วินาทีที่ปลดล็อคห้องแล้วเปิดประตูให้กว้างออก คนที่เดินตามมาข้างหลังก็ชะงักนิดหน่อย แน่นอนว่า ไม่ได้ตกใจเรื่องความหรูหราของมันหรอก แต่คงเพราะมีกองเสื้อผ้ากับของที่ไม่ได้ใช้วางกระจัดกระจายไปทั่วห้องต่างหาก

 

“ นี่ห้องหรือว่าที่ทิ้งขยะวะ "

 

“ มากไป " ผมหันไปบอกมัน " เข้ามา " สายตาที่มองไปรอบๆเหมือนพิจารณา " ห้องผู้ชายทั่วไปมันก็เป็นแบบนี้ "

 

" ไม่นะ ผู้ชายบางคนไม่ได้ซกมกแบบนี้ อย่าเอาตัวเองไปเป็นไม้บรรทัดของคนอื่นสิวะ " ทุกอย่างเงียบไป ผมที่มองหน้าอีกคนที่ก็หันมาสบตากันพอดี

 

" ปากมึงนี่นะ ”

 

“ หรือว่าไม่จริงวะ กูเป็นผู้ชายเหมือนมึง ห้องกูยังสะอาดกว่านี้เลย " มันมองไปรอบๆอีกครั้ง " สะอาดกว่านี้มากอะ "

 

“ กูจะเข้าไปนอนหน่อย มึงจะเข้าไปนอนด้วยกันมั้ย " คนโดนถามขมวดคิ้วกับคำพูดของผม ยักคิ้วให้มันพร้อมกับยกยิ้มอีกคนก็พึมพำ

 

“ กวนส้นตีน " เมดส่ายหน้าไปมา “ ไม่อะ กูจะนั่งดูหนังอยู่ตรงนั้นแล้วกัน คงนอนไม่หลับหรอก "

 

“ อื้ม "

 

            เดินตรงไปที่ทีวี จัดการหยิบเสื้อผ้าที่กองอยู่บนหน้าโต๊ะแล้วก็โซฟาไปตั้งไว้อีกที หลงเหลือไว้แค่โซฟากับหมอนเข้าชุดของมัน ผมจัดการเปิดทีวี แล้วก็ยื่นรีโมตให้อีกคน

 

" กูจะเข้าไปนอนละ "

 

" อื้ม ฝันดี " หยุดนิ่งมองอีกคนแบบนั้นสักพัก ก็ยอมรับ มันรู้สึกดีกับคำนั้นอย่างประหลาด จนคนที่ถูกมองถามผมด้วยท่าทางงงๆ " มีอะไรรึเปล่า "

 

" เปล่า " พูดตัดจบเรียบร้อย ผมพาตัวเองเดินเข้าห้องนอนก่อนจะส่ายหน้าไปมา

 

            ก็นึกขำตัวเองเหมือนกัน กับแค่คำว่าฝันดีจะอะไรนักหนาวะ คนพูดแม่งก็พูดไปตามมารยาท ส่วนคนฟังทำไมแม่งต้องรู้สึกดีด้วยวะ หรือเพราะว่าไม่ได้ฟังคำพูดนั้นมานานแล้ว อาจจะเป็นอย่างหลัง ผมบอกตัวเองก่อนจะถอนหายใจออกมา นั่นสิ คำว่าฝันดีจากใครสักคน ได้ฟังครั้งล่าสุดตอนไหนกันวะ

 

ออฟไลน์ patwo

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 989
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +932/-27


' J is J '

 

[ เจ ] ผมพิมพ์เข้าไปในไลน์ส่วนตัวของเพื่อนสนิท ในวินาทีที่ยังไม่ทันจะพิมพ์คำถามอะไรออกไปมันก็พิมพ์ตัดหน้าขึ้นมาก่อน

 

[ อะ ก่อนที่มึงจะพิมพ์เหี้ยอะไรใดๆออกมา กูขอถามก่อนว่า มึงไปจูบเมดได้ยังไง ]

 

[ เรื่องมันยาว ]

 

[ กูว่างสัด เล่ามา ]  ถอนหายใจออกมากับความดื้อด้านของเพื่อนตัวเอง ลืมไปว่าไอ้เจเป็นพวกกัดไม่ปล่อย ถ้าแม่งอยากรู้แต่ผมไม่ยอมบอกแม่งก็กัดอยู่อย่างงั้น ไม่ยอมปล่อยจนกว่าจะได้รู้

 

[ กูแค่พาเมดไปส่งที่มหาลัยเมื่อเช้า เพราะรถมันเสีย ]

 

[ คนดีนะสัด ให้เดาว่านี่คงยังไม่ได้นอน ] มันพิมพ์แซวขึ้นมา [ ปกติเฮียอาฟของกู คนที่กูรู้จักเป็นคนใจดีอะไรแบบนี้ด้วยเหรอวะ ]

 

[ จะฟังมั้ย ]

 

[ ฟังครับ ]

 

[ กูก็พามันไปส่ง แล้วเจอไอ้บิน ไอ้บินก็เข้ามาหามัน ขอมันคืนดี พูดวอแวอยู่นั่น กูก็เลยดึงไอ้เมดมาจูบ มันจะได้เลิกพูดวอแวไอ้เมด จบ ]

 

[ สัดอาฟ มึงเป็นคนเล่าเรื่องได้เหี้ยมาก แล้วเสือกจั่วหัวว่าเรื่องยาว ]

 

[ ขี้เกียจเล่า คนเสือกอย่างมึง ]

 

[ แต่ไอ้เชี้ยบินแม่งก็กล้าว่ะ ด้านดี มันคิดได้ไงวะ แม่งไปแอบเอากับเพื่อนเค้าตั้งนาน พอเค้าจับได้ ยังมีหน้ามาขอโทษ ขอคืนดี แล้วเมดมันเป็นยังไงบ้างวะ ]

 

[ ไม่รู้ ตอนนี้ ไม่ดูทีวีก็คงร้องไห้มั้ง ]

 

[ กูถามถึงตอนนั้นดิ แต่เอ๊ะ ? .. นี่มึงอยู่ไหนกัน ]

 

[ คอนโดกู แล้วก็ไม่ต้องคิดเหี้ยๆ ] ผมดักความคิดของคนอย่างมัน [ มันนั่งดูทีวีอยู่ข้างนอก กูอยู่ในห้อง น่ารำคาญ เอาแต่ร้องไห้ ]

 

[ สงสารก็พูดมา ] อีกคนแซว [ แต่โดนผัวนอกใจไปเอากับเพื่อนนะมึง หนำซ้ำยังหลอกกันมาตั้งนาน มันคงไม่เอากันครั้งเดียวหรอกในสี่ปีนั่นอะ มึงจะให้มันไม่เสียใจ ไม่ร้องไห้ ยืดอกเข้มแข็งไม่รู้สึกอะไรเลย คงเป็นไปไม่ได้เปล่าวะ  ไม่ใช่โดนแซงคิวร้านข้าวป้าโรงอาหารสักหน่อย  เมดแม่งใช้ชีวิตปกติได้ก็เก่งแล้ว บางคนโดนแบบนั้นช็อคจนทำเหี้ยไรไม่ถูกแล้วมั้ง ]

 

[ เข้าข้างกันจริงวะ ]

 

[ กูไม่ได้เข้าข้าง กูพูดจริง วันนึงที่มึงรักใครมากๆ แล้วโดนแบบที่เมดโดน กูว่ามึงคงเป่าแม่งทั้งคู่ด้วยปืนลูกซองด้วยซ้ำ ] ผมไม่รู้ว่าตัวเองจะทำแบบที่ไอ้เจว่ามั้ย เพราะไม่เคยรู้สึกรักใครมากๆ ก็เลยเดาไม่ออก ว่าจะเป็นยังไง [ ว่าแต่มึงเถอะ บอกกูเข้าข้าง อย่าคิดว่ากูไม่รู้สัดอาฟ ]

 

[ ทำไม ]

 

[ ที่มึงจูบไอ้เมด เพราะมึงไม่อยากจะให้มันฟังไอ้เหี้ยบินพูดเหี้ยอะไรที่ทำให้เสียใจไปยิ่งกว่านี้แล้วมากกว่า มึงสงสารมัน สารภาพกูมา  สัด ]

 

[ กูไม่ได้คิดอย่างที่มึงพูด ] ผมบอก [ ก็เหมือนที่กูบอก กูรำคาญ พูดเหี้ยอะไรวนไปวนมาอยู่นั่น ]

 

[ เออ ปากแข็งไปเถอะไอ้เหี้ย เอาที่มึงสบายใจ แต่ที่กูจะบอกมึงก็คือ การที่มึงไปจูบเมดแบบนั้น มันทำให้ไอ้บินมันคิดไปได้นะ ว่ามึงกับเมดเป็นแฟนกัน ]

 

[ อยากจะคิดอะไรก็คิด กูไม่ได้สนใจ ]

 

[ ก็มีแต่ได้กับได้สินะ ไอ้สัด เลยไม่สนใจ กั้นคนที่เข้ามาจีบเมดได้เยอะแยะเพราะเค้าคิดว่าเป็นแฟนมึง แต่มึงจะทำเหี้ยอะไรก็ได้จะยังเอากับคนอื่นก็ยังได้ เพราะไม่ได้เป็นแฟนกันจริงๆ  ] ไอ้เจพูดผมก็ยกยิ้มตอนที่อ่าน " แต่ขอเตือนมึงไว้อย่าง มึงกำลังเอาตัวเองเข้าไปปกป้องไอ้เมดนะรู้มั้ย ]

 

[ กูไม่ได้คิดอะไรแบบนั้น ก็บอกมึงอยู่ว่าแค่รำคาญ ]

 

[ เออ กูรู้ว่ามึงต้องพิมพ์แบบนี้แหละ ไอ้สัดอาฟ แต่กูก็แค่อยากจะบอกมึงไว้ ว่าถ้าเค้ากลับไปรักกัน คนที่หมาคือมึงนะ อย่าปล่อยให้ไอ้เชี้ยบินมาเหยียบหน้ามึงได้  ]

 

[ ก็ถ้ามันโง่ ]

 

[ ในความรักไม่มีใครฉลาดหรอกมึง ถ้าแค่อยากจะรัก คนเรามันยอมโง่กันทั้งนั้น ] เจว่าผมก็ถอนหายใจออกมา จริงอย่างที่มันพูดไม่มีผิด ผมก็รู้ดีว่ามันเป็นยังไง คนเรามันทำได้ทุกอย่างเพราะรู้สึกรัก รู้สึกชอบ ตอนนี้ผมเข้าใจมันดี [ แล้วตอนนั้นเมดมันเป็นไง ตอนที่ไอ้บินเข้ามาง้อ ท่าทางจะกลับไปคืนดีมั้ย ]

 

[ มันปฎิเสธ  ทำเป็นเข้มแข็งไม่สนใจแต่กูว่าเหมือนพยายามมากกว่า เวลานั่งคนเดียวเผลอๆ แม่งก็ร้องไห้ ]

 

[ ก็ดีแล้วสัด อย่าไปแสดงความอ่อนแอต่อหน้าคนแบบนั้น ถ้ากูเป็นเมด กูจะต่อยแม่งสักที แฟนเหี้ยอะไรโคตรส้นตีน ]

 

[ เออมึง ช่วยจัดการเรียกช่างไปซ่อมรถเมดที่ผับด้วยนะ ]

 

[ โอเคได้ไม่มีปัญหา สำหรับน้องเมดพี่เจได้ทั้งนั้นจ้า ] อีกฝ่ายตอบตกลงก่อนที่ผมจะพิมพ์คำถามที่ผมตั้งใจจะพิมพ์ไปถามตั้งแต่แรก

 

[ แล้วตกลงมันมีวิธีไหนที่ทำให้คนอารมณ์ดีขึ้นบ้างวะ ] ข้อความที่เด้งขึ้นว่าอ่าน แต่กลับไม่มีข้อความตอบกลับมา ถ้าให้เดาจากความเป็นเพื่อนที่คบกันมานาน ไอ้เจแม่งคงกำลังยกยิ้มกับข้อความของผมที่มันได้อ่าน และมันคงกำลังคิดคำพูดกวนตีนอะไรสักอย่างส่งมาให้ผม

 

[ ไอ้อาฟ กูว่าเมดนี่โคตรน่ารำคาญเลยวะ มันน่ารำคาญสุดๆสำหรับมึงเลย ] ประโยคประชดของมันที่พิมพ์ขึ้นมาก่อนจะตบด้วยประโยคคำถาม [  แต่กูสงสัยอยู่อย่าง คนเราแม่ง จะใส่ใจความรู้สึกของคนที่เรารำคาญด้วยเหรอวะ  ]

 

[ สัด กวนส้นตีน ]                         

                                                              ........................................................

 

ว่าไงคุณ.. ปกติ คนเค้าใส่ใจเรื่องของคนที่ตัวเองรำคาญแล้วเหรออออออ

ถ้าเราไม่รักไม่ชอบเค้า เราจะสนใจเค้ามั้ย... ก็อยากจะให้พี่อาฟเก็บคำพูดนี้ไปครุ่นคีสสส สักนิดนึง

 

จริงๆ มีคนแอบมาถามด้วยว่าทำไมเมดยังเสียใจทั้งๆที่ บินทำกับตัวเองแบบนั้น ทำไมยังร้องไห้

คือในมุมมองของเรา เราแค่คิดว่า คบกันมาสี่ปี เหี้ยยังไงก็รักมาตลอด วันนี้มันเหี้ยมากๆ จนเราทนไม่ไหว ตัดใจจากมันออกมา ด้วยเหตุการณ์ที่แม้แต่ตัวเรายังไม่คาดคิดว่ามันจะเกิดขึ้น

เมดที่ร้องไห้อยู่แบบนี้ มันไม่ได้เสียใจแค่ตัวบินไง มันมีเรื่องเพื่อนด้วยที่คบกับมาตั้งแต่เด็กด้วย  อยากให้เข้าใจตัวน้องนิดนึง ยังไงน้องก็ต้องใช้เวลา แผลยังใหม่เนอะ

แต่เมดก็ไมได้จมหรอก ดูตอนเถียงกับอาฟสิ  แค่เวลาเหงาๆ อยู่คนเดียวเงียบๆ ก็คิดขึ้นมาตามประสาคนมีเรื่องเสียใจไง ทุกคนเคยเป็นน่า เรารู้ จริงมั้ยละ

 

ฝากแท็ก #ผับชั้นสาม ด้วยนะคะ

เจอกันตอนหน้า จะเขียนให้ยาวกว่าเดิม ..  :katai2-1: :mew3: :mew3: :mew3: :mew3:

ออฟไลน์ winndy

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1129
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-3
ขำตอนอาฟกับเมดเถียงกัน กวนมาก

ออฟไลน์ villevia

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 19
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
เมดกับอาฟคือคนที่ไม่ใช่สเป็คของกันและกัน ตรงข้ามกันแต่เราคิดว่าเหมาะสมกันแน่ๆ สงสารเมดมาก เพื่อนกับแฟนโคตรเชี่ย เข้าใจเลยเป็นเราเราก็เลิกคบทุกคน โคตรแค้นแทน 4ปีมันเกินไปจริงๆ คนรักกันคงไม่ทำแบบนี้

เกลียดความซึนของอาฟ5555 อยากให้เค้ารักกันเร็วๆ~

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ catka12

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 578
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
 o13

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
อาฟช่วยหาวิธีปลอบใจเมดด้วยนะ  :z3:

ออฟไลน์ onlyplease

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
พี่อาฟ เอาพี่เมดมาเป็นเมียให้ได้นะ
#พี่อาฟคนซึน2018   :mew1:

ไรท์ มาต่อไวๆ ขอ 10 ตอน รวด!!!  o13

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
เมดนี่คือน่ารำคาญสำหรับอาฟมากกกกกก ถ้ารักเมื่อไหร่คืออุ้มไว้แนบอกตลอดใช่มะ :hao3: จะซึนเพื่อใคร?

ออฟไลน์ veevee

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 120
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
คนไม่คิดอะไร เค้าไม่สนใจ กันขนาดนั้นนะอาฟ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 6 - 8 :: 17-3-61}
« ตอบ #49 เมื่อ: 18-03-2018 08:36:27 »





ออฟไลน์ shoi_toei

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-26
สงสารเมด แฟนเลว ไม่เจ็บเท่าเพื่อนแม่งเชี่ยกับเราทั้ง ๆ ที่คิดว่ามันคือเพื่อนสนิท

เป็นเรานี้ฟิวขาดกระทืบเลยมั้ง ดีแล้วเมดเลิกคบพวกแม่งไป

ออฟไลน์ rockiidixon666

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-3
พี่อาฟคนซึนน

ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
ชอบแก็งค์นีจังมีความฮาความจริงใจในกลุ่มเพื่อน
ฮาฟ - นิสัยขวานผ่าซากกวนส้นมาก
บิน - ปากหวานก้นเปรี้ยว
เมด - มองอาฟใหม่เถอะอาจดูเจ้าชู้
          แต่รักเดียวใจเดียวน้า

สนุกมากติดตามค่ะ o13

ออฟไลน์ patwo

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 989
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +932/-27
# How to read [....เนื้อหา.... ] :: เนื้อหาในช่องแบบนี้ คือ แชทคุยกันนะคะ ไม่เห็นหน้า
 

ตอนที่ 9

[ แล้วตกลงว่ามันมีวิธีไหนที่ทำให้คนอารมณ์ดีขึ้นบ้างวะ ]

[ ทำยังไงให้เมดอารมณ์ดีขึ้นวะ พิมพ์แบบนี้ ] ถอนหายใจออกมาตอนที่นอนลงเตียงของตัวเอง กับประโยคของเพื่อนที่ก็เหมือนยังจะแซวอยู่แต่เรื่องไร้สาระพวกนั้น [ มึงชอบเมดแล้วไอ้สัดอาฟ ]

[ อย่ามาไร้สาระ ] ผมบอก [ กูแค่..]

[ รำคาญญญญญญญญญญ ] ไอ้เจบอกขัดขึ้นมา [ เออ โอเค กูเก็ต กูเข้าใจมากๆ ]

[ สัด ]

[ งั้นกูจะถามอะไรมึงหน่อย แต่นี่ไม่ใช่เรื่องของกูนะ เรื่องเพื่อนกู มึงว่า คนเราแม่ง จะพยายามทำให้คนอื่นมีความสุขทำไมวะ ถ้าไม่ได้รู้สึกพิเศษกับคนคนนั้น คนเรามันแคร์ความรู้สึกของคนที่มาทำรถตัวเองเป็นรอยขนาดนั้นเลยเหรอวะ แต่อันนี้กูถามความเห็นมึงเฉยๆนะ ไม่ได้พูดว่าเป็นมึงเลยสักนิดเดียว เป็นเรื่องของเพื่อนกูน่ะ ]

[ กวนตีน ]

[ ด่าแล้วก็ตอบให้กูเข้าใจที กูอยากรู้ มึงว่าเพื่อนกูคิดยังไง ]

[ ทำไมต้องหาคำตอบวะว่ารู้สึกอะไร มึงอยากจะทำอะไรให้เค้า มึงก็แค่ทำ ]

[ สัด อะ ยอม ]

[ แล้วมึงจะตอบคำถามกูได้ยัง ] ผมถามมันก่อนจะถอนหายใจออกมา ปรึกษาเหี้ยไรไม่ได้เคยได้ความ ไอ้เพื่อนเวร

[ อื้ม คนอกหัก ยังไงแม่งก็เศร้าอยู่แล้วเปล่าวะ ถึงมึงจะทำยังไง เมดมันก็ลืมความเศร้าไปได้แค่แปปเดียวเท่านั้นแหละ สุดท้ายมันก็กลับมาเสียใจเหมือนเดิม ]

[ แค่แปปเดียวก็ได้ ]

[ สัดอาฟ ] ผมไม่รู้ว่าตอนนี้ไอ้เจกำลังรู้สึกยังไงกับเรื่องของผม ไม่รู้ว่ามันกำลังทำหน้าแบบไหนตอนที่ได้อ่านข้อความนั้น จะกำลังยกยิ้มกับความน่าสมเพชของความรู้สึกผม หรือกำลังรู้สึกสงสารที่ตัวผมมาทำอะไรแบบนี้อยู่กันแน่

[ กูพิมพ์ผิดแชท ]

[ ไม่เนียน ] มันว่า [ รำคาญเนอะ แหมมมม กูนี่อยากเป็นคนที่มึงรำคาญบ้างจุงเบยอ่า โดนใส่ใจกว่าคนที่มึงไม่รำคาญไปอี๊กกก ]

[ เข้าเรื่อง ]

[ เบื่อมึงวะ แซวเหี้ยอะไรไม่เคยยอมรับ ปากนี่ถ่วงหินทั้งโลกไว้เหรอวะ หักสัด ] ผมถามหายใจกับข้อความของมัน [ ซึนเดเระเกิ๊น พ่อพระเอกตูนปุ่น อีทาเคชิของกู ]

[ เจ ]

[ โอเคๆ เข้าเรื่องเนอะ เดี๋ยวตีนโผล่ทางสาย น้องกลัว ]

[ อื้ม ] กว่าจะได้เข้าเรื่อง ผมคิด

[ กูว่า แค่ชวนทำอะไรให้มันไม่ว่างก็พอได้มั้ง กวนตีนมันดิ เรื่องถนัดมึงนิ ]

[ กูไม่ใช่คนกวนตีน ]

[ กล้าที่พูดนะสัด ] อ่านคำพูดของไอ้เจ ผมยกยิ้มขึ้นมา อาจจะกวนตีนนิดหน่อยมั้ง คนนอกห้องแม่งก็ชอบบอกว่างั้น [ ไม่งั้นมึงก็ชวนเค้าคุยสิ แต่ก็ยากอีกสำหรับมึง เอางี้ จับมันปล้ำมั้ย มึงคุยด้วยร่างกายเก่งนิ ]

[ สัด แล้วมีอะไรอีก ]

[ ที่กูเคยทำกับกิ๊กกู ก็พาไปดูหนัง กินเค้ก ก็ทำในสิ่งที่เค้าชอบ สิ่งที่เค้ามีความสุข แต่ถ้ามึงไม่รู้ มึงก็ลองถามเค้าดู ว่าเค้าชอบอะไร]

[ ถามให้หน่อย ]

[ Kละ มึงจะให้กูเข้าไลน์กลุ่ม แอดไลน์เค้าแล้วถาม เมด เมดชอบทำอะไรเหรอ ไลฟ์สไตส์มีอะไรบ้าง เมดมันจะงงมั้ยว่าทำไมอยู่ๆ กูไปถาม ]

[ ก็จริง ]

[ เออ เอานี่ไปอ่าน กูเห็นคนแชร์ในเฟส เผื่อช่วยมึงได้ ] ภาพที่ถูกส่งมา เป็นภาพที่มีข้อความเขียนเป็นหัวข้ออยู่ด้านบนว่า ' 10 กิจกรรมทำเพื่อรับมือ เมื่อรู้สึกแย่ '  [ กูว่านะ อย่างเมดแม่งต้อง แดก ไม่ก็ดูหนังคลายเครียดอะ อย่างอื่นแม่ง ดูทำยากไป อย่างเพลงคลายเครียดเงี้ย วันก่อนยังร้องไห้เพราะเพลงอยู่เลย ไม่น่าจะเวิร์ค ]

[ อื้ม ]

[ ก็ไปลองดูนะจ๊ะ ว่ามีวิธีไหนช่วยได้บ้าง ]

[ กูไม่ได้ช่วย ทำไมกูต้องช่วยมัน ]

[ เออๆ ก็แล้วแต่มึงจะหลอกตัวเองเถอะ ไม่ช่วยก็ไม่ช่วย ไอ้ที่รบเร้าถามหาวิธีจากกูนี่ ถามไปงั้นๆ รำคาญลูกกระตาเวลาเค้าร้องไห้ เออ กูรู้มึงจะพูดงี้ กูจะไม่เถียงมึงแล้ว เถียงไปก็เสียดายเวลาชีวิตวะ สัด ]

[ ดี ] ผมบอกก่อนจะคิดเรื่องอะไรขึ้นมาได้ [แล้วเจ กูจะบอกอะไรอย่าง ห้ามเอาเรื่องของเมด ไปบอกไอ้เดย์ไอ้อัยย์ ไม่ต้องไปเล่า เรื่องที่มันโดนแฟนกับเพื่อนสนิทหักหลังนะ ลืมๆมันไป ทำเป็นไม่รู้ไปเลยก็ได้ ]

[ ขอเหตุผล ? ]

[ เพื่อ ? ]

[ เพื่อที่กูต้องไปรบรากับไอ้พวกขี้เสือกสองตัวนั้นที่ยังคงรบเร้าให้กูบอกอยู่ตลอดไง ไอ้สัด ]

[ เรื่องน่าสมเพชแบบนั้น ไม่มีความจำเป็นอะไรที่พวกมันต้องรู้หรอก อีกอย่าง เมดไม่จำเป็นต้องดูน่าสมเพชในสายตาใคร ]

[ อื้ม  เข้าใจละ ]

   วางมือถือลงข้างตัว ผมหลับตาลงก่อนจะถอนหายใจออกมา สีดำมืดยามหลับตาปรากฏภาพโซฟาหน้าทีวีที่สมองสั่งการให้คิด ให้จินตนการถึงใครบางคนที่ตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าจะทำอะไรอยู่ อาจจะดูหนังสักเรื่องที่อยู่ในช่องโปรแกรมที่ผมซื้อไว้ดูตอนเบื่อๆ ไม่ก็อาจจะแค่เปิดมันทิ้งไว้แล้วตัวเองก็เอาแต่ร้องไห้

   ความเสียใจนั่น แม่ง มีมากเท่าไหร่กันวะ มันถึงได้ล้นออกมาอยู่ตลอด ทั้งๆที่ไม่ใช่คนขี้แงที่ดูเหมือนจะร้องไห้ง่ายๆ ขนาดนั้น แต่ตอนนี้แค่สภาวะรอบข้างเงียบเมื่อไหร่ คนคนนั้นก็พร้อมจะจมลงไปสู่ความเศร้าเสมอ จมลงทั้งๆที่พยายามดึงตัวเองให้อยู่เหนือความรู้สึกพวกนั้น

" คิดเหี้ยอะไรอยู่วะกู " ลืมตาขึ้นมาบ่นกับตัวเอง ภาพฉายขึ้นเป็นฉากๆตั้งแต่ที่เค้าเคยยิ้ม จนถึงตอนที่เจอไอ้เหี้ยนั่น ท่าทางเฉยเมยที่ดูเข้มแข็ง แต่ตาเรียวกลับสั่นไปมา ไม่ได้เข้มแข็งอะไรมากนักหรอก ยังรักอยู่เต็มหัวใจนั่นแหละ ก็เลยทำได้แค่ร้องไห้เงียบๆ ตอนที่แค่คิดถึงเรื่องบัดซบพวกนั้น

" น่ารำคาญ "  ผมถอนหายใจออกมา ไม่ใช่คนข้างนอกนั่นหรอก .. ความรู้สึกของผมที่เอาแต่คิดถึงมันนี่แหละ ที่น่ารำคาญ

.....................................................

   เผลอหลับไปราวชั่วโมง ตอนที่ลืมตาขึ้นมาผมเอียงคอปลุกตัวเองซ้ายทีขวาทีแบบที่ทำอยู่ประจำ ก่อนจะลุกขึ้นจากเตียงไปเปิดประตูห้อง สอดส่องสายตาไปที่โซฟาหน้าทีวี แล้วพบว่าคนที่บอกกับผมก่อนหน้านี้ว่า ' กูคงนอนไม่หลับหรอก ' กลับหลับสนิทอยู่บนโซฟาตัวใหญ่

   ปล่อยมือจากกลอนประตูเบาๆ ก้าวขาออกมาจากหน้าห้องนอนที่ตัวเองยืนจนต้องใช้คำว่า ย่อง ผมมาหยุดอยู่ที่หน้าโซฟาตัวนั้น ก้มลงมองใบหน้าที่เหมือนไอ้ตี๋ขายโจ๊ก แพขนตายาว ริมฝีปากแหลมๆสีชมพูปิดสนิท รวมถึงจมูกโด่งที่เสริมให้ทุกอย่างบนนั้นดูดี แต่ที่ชวนให้ยกยิ้มคงจะเป็นแก้มกลมๆที่บี้อยู่กับหมอน

“ น่ารัก " เผลอพูดออกมาแบบไม่ตั้งใจ ตอนที่รู้สึกแบบนั้นผมรีบดึงตัวเองขึ้นยืนเหมือนเดิม หุบยิ้มที่กำลังมีความสุขด้วยเรื่องแปลกๆ นั่นลง " กูแม่ง ต้องบ้าไปแล้วแน่ "

   เฮือก!!

   เสียงลมหายใจที่ดังหลุดออกมาเพราะฝันร้าย ผมสะดุ้งนิดหน่อยตอนร่างที่นอนอยู่ตรงหน้า อยู่ๆก็ลุกขึ้นมาแบบรวดเร็ว ลมหายใจที่ผ่อนเข้าออกเร็วๆ แววตาหวาดกลัวหันมามองผมที่ยืนอยู่ ก่อนจะถอนหายใจออกมาพร้อมกับเอามือลูบหน้าลูบตาตัวเอง

" เจอผีในฝันรึไง "

" ในความจริง แม่งก็เจอ " เค้าหันมามองผมก็เลิกคิ้ว

" เผื่อมึงลืม กูเป็นเจ้านายมึงนะ "

" นี่มันนอกเวลางาน " มันตอบกลับก่อนจะเลียริมฝีปากตัวเองแล้วปรับท่านอนให้กลายเป็นนั่งขัดสมาธิอยู่บนโซฟาแทน แผ่นหลังบางพิงลงไปก่อนจะหลับตาลงสักพัก " ขนาดในฝันมันก็ยังตามมาหลอกหลอนกูเลย "

" พูดกับกู ? "

" พูดคนเดียว " มันตอบก่อนจะลืมตาขึ้นมามองหน้าผม ด้วยสายตากวนส้นตีนของคนที่จะไม่มีวันยอมแพ้

“ แล้วฝันถึงอะไร " หลุดถามออกไปด้วยความอยากรู้ เมดมองหน้าผมอยู่สักพักมันก็ตอบ

“ ฝันเห็นไอ้เหี้ยสองตัวนั้นมีอะไรกัน " มันพูดเสียงเบาๆ " ฝันเห็นภาพตอนที่กูเข้าไปเห็นพวกมัน มึงรู้อะไรมั้ย ตั้งแต่วันนั้นกูฝันเห็นมันมาตลอดเลย "

“ ลุกขึ้น กูจะออกไปหาอะไรกิน " สายตาที่กำลังมองตาม มันที่ถอนหายใจออกมาก่อนจะบ่นเบาๆตามประสา

“ นี่ไม่ได้ฟังกูพูดเลยรึไงวะ "

“ จะไปมั้ยไม่งั้นกูจะไปคนเดียว ลุกขึ้นมา "

“ ไปสิ แปปนึงขอไปเข้าห้องน้ำหน่อย " เมดว่า มันที่ลุกขึ้นจากที่นั่งวิ่งไปใช้ห้องน้ำที่อยู่ในห้องผม แผ่นหลังที่หายลับไปในห้อง ผมถอนหายใจออกมา

' หยุดคิดเรื่องไอ้เหี้ยนั่นสักทีเถอะน่า '

   ขับรถออกจากคอนโด ผมแวะเข้าไปในร้านอาหารที่คนข้างๆรีเควสออกมาเองว่าอยากจะไป หลังจากที่ผมถามว่าจะกินอะไร เมดก็เลือกร้านอาหารที่เรานัดเจอกันครั้งแรก ไม่มีเหตุผลอะไรเป็นพิเศษ แค่บอกว่าอยากจะกิน ผมขับตรงไปที่ร้าน แล้วเลี้ยวเข้าไปจอดที่ลานจอดรถตรงหน้าร้าน ไม่ได้ตามใจเพราะเห็นว่ามันกำลังเศร้า แค่ไม่รู้จะกินอะไรก็เท่านั้น

" มึงจะกินอะไร " เราที่เปิดเมนูอาหารดูกันแบบเงียบๆ ก่อนอีกฝ่ายจะถามขึ้น ผมเหลือบตาจากเมนูอาหารขึ้นมองก่อนจะยกยิ้ม

" จะเสือก หรือ จะชวนคุย จะได้ตอบถูก "

“ กวนตีน " มันว่ายิ้มๆ " กูชวนคุย "

“ สปาเก็ตตี้คาโบนาร่ามั้ง แล้วก็ คาราเมลมัคคิอาโต้ "

“ กินเหมือนครั้งที่แล้วเลย "

" จำได้ด้วย " ผมถามอีกคนที่ก็ยักคิ้วตอบรับ แต่ตาก็ยังมองเมนูตรงหน้าไม่ละสายตาไปไหน

" ใครแม่งจะจำไม่ได้วะ ตอนนั้นกูโคตรตื่นเต้น เป็นครั้งแรกเลยนะ ที่กูขับรถไปทำรอยไว้บนรถคนอื่น แถมถูกเรียกเงินตั้งเยอะ ตอนนั้นนะกูเตรียมคำจะพูดอ้อนวอนมึงไว้เป็นร้อยล้านคำ แต่แม่งก็ไม่ได้ผล "

" หึ แล้วใครจะปล่อยให้มันได้ผลว่ะ " ผมเผลอยกยิ้มขึ้นมาก่อนจะพูดเบาๆ ตอนที่มองปากแหลมๆที่ก็พูดบ่นออกมาเรื่อยๆ
" อาฟ มึงกินไก่คาราเกะมั้ย เครปก็น่ากินวะ "

" จะกินก็สั่งมา สั่งคาโบกับน้ำให้กูด้วย "

" โอเค " มันที่พยักหน้ารับหงึกหงักเข้าใจ ยกมือเรียกพนักงานมาก่อนจะสั่งอาหาร นิ้วที่จิ้มไปบนเมนู ผมเห็นมันสั่งสเต็กอกไก่ เครปคาราเมลอะไรสักอย่างที่ชื่อโคตรยาว ไก่คาราเกะที่ชวนผมกิน ก่อนจะสั่งเมนูของผมเป็นอันเสร็จ เราเงียบกันอยู่สักพักก่อนเมดจะเป็นฝ่ายชวนผมคุย " มาคุยกันเรื่องงานใน throw up มั้ย "

" งานอะไร " ผมถามมันในตอนที่พนักงานเอาน้ำที่สั่งไว้มาเสิร์ฟ เมดหยิบช็อคโกเล็ตเย็นขึ้นกิน

" ก็งานใน throw up ตอนไงนี้ มึงบอกจะให้กูทำระบบใหม่ แต่กูยังไม่รู้เลยว่าต้องเริ่มจากจุดไหน ปกติในผับแม่งต้องมีตำแหน่งอะไรบ้างวะ " มันที่ทำท่านึก " เจ้าของก็มึง บาร์ก็น้องเดย์น้องอัยย์ การ์ดก็พี่แบล็ค คุณเจเป็นพีอาร์แล้วก็ฝ่ายดนตรี พี่ซองเป็นผู้จัดการ แล้วใครเป็น รองผู้จัดการละ "

“ ไม่มี "

“ ฝ่ายจัดซื้อละ "

“ ไม่มี "

“ ที่นี่มีหัวหน้าครัวมั้ย แบบว่าในครัว ใครทำวะ "

“ มีอยู่สามคน จำชื่อไม่ได้ มึงต้องไปถามไอ้เจ " คำตอบของผมทำให้อีกฝ่ายกรอกตามองขึ้นไปด้านบนก่อนจะถอนหายใจออกมา

“ โทษนะ.. นี่เจ้าของจริงๆเหรอวะ "

“ กวนตีนนะมึงอะ "

“ มึงไม่รู้อะไรสักอย่าง นู้นก็ไม่มี นี่ก็ไม่มี ตำแหน่งสำคัญๆทั้งนั้นอะ ที่หายไป โคตรไม่เป็นระบบ แม่ง ติดท๊อปห้าผับดังได้ไงวะ กูงง " เหลือบมองมันที่มองผมกลับแบบไม่กลัว " แล้วปกติใครเป็นคนลงของอะ แบบ เหล้ามาส่งใครเป็นคนลง แล้วรู้ได้ไง ว่าเหล้าตัวไหนขาด วันนี้ขายไปเท่าไหร่ อะไรเสียหายบ้าง "

“ ใครว่างคนนั้นก็ไปลง เหล้าแพงๆหน่อยก็ ไอ้เดย์ไอ้อัยย์ ส่วนพี่ซองก็เช็คของก่อนร้านเปิดปกติ กูดีลพวกร้านสำคัญๆไว้หมดแล้ว ขาดอะไร โทรไปเค้าก็มาส่ง "

“ แล้วจ่ายเงินยังไง "

“ จ่ายเป็นเดือนสำหรับบางร้าน จ่ายเป็นบิลสำหรับบางอย่าง ถ้าต้องจ่ายเลยพอมันลงของเสร็จ มันจะโทรมาหากู กูก็โอนเงินไป "

“ แล้วบิล "

“ มันก็เอามาให้ตอนเจอกู " คนตรงหน้าทำหน้านิ่งตอนที่ฟัง มันที่พยักหน้ารับคำตอบของผม

“ แล้วบัญชีที่โอนค่าสินค้า กับรายจ่ายส่วนตัวของมึง มันรวมกันใช่มั้ย "

“ ใช่ "

“ นี่ทำผับมากี่ปีแล้ววะ "

“ กำลังเข้าปีที่สาม "

“ อื้ม กำลังจะเจ๊งตอนปีที่สามนี่แหละ "

“ เอาตีนกูแนบปากสักทีดีมั้ย " ผมบอกมันก่อนจะยกน้ำขึ้นมาดูดแบบไม่ใส่ใจ ในระหว่างนั้นอาหารที่เราสั่งก็เริ่มทยอยมาเสิร์ฟ " เท่าที่กูจำได้ มึงพูดมาสองครั้งแล้วนะ "

“ กูพูดความจริง throw up โคตรไม่เป็นระบบ อย่างพี่ซองแม่งก็พ่วงโคตรหลายตำแหน่ง ถามจริงๆ ถ้ามีปัญหาอะ ใครมันจะรับผิดชอบวะ สมมุติของหาย โดยยักยอก มึงจะจับมือใครดมไม่ได้เลยนะ "

“ มันไม่โดนหรอก “

“ อาฟ มึงไว้ใจใครไม่ได้หรอก “ เมดที่บอกผมด้วยสีหน้าจริงจัง " ต่อให้เป็นเพื่อน คนรัก ไม่ว่าใครก็ไม่น่าไว้ใจทั้งนั้น "
" ประสบการณ์ของมึงสอนมึงแบบนั้น .. แต่ของกูมันไม่ใช่ "

" หรือมึงจะรอให้มันสอนมึงก่อนรึไง กูไม่ได้บอกว่า พี่ซอง พี่แบล็ค เจ น้องเดย์ น้องอัยย์ ไม่ดีไม่น่าไว้ใจ แต่มึง.." คนตรงหน้าเงียบไปสักพัก มันที่ถอนหายใจออกมา " ครั้งนึงกูก็เคยคิดว่า เพื่อนคนที่นอนกับแฟนกูมาตลอดสี่ปี คือเพื่อนแท้ เพื่อนที่จะคอยอยู่ข้างๆกูตลอดไป แล้วครั้งนึงกูก็เคยคิดว่าแฟนกูรักกูคนเดียว แต่มึง.. ทั้งหมดนั่นมันไม่ใช่ การที่ทำให้ผับมันเป็นระบบ มันคือสิ่งที่มึงต้องทำนะ ก่อนที่ผับมึงจะเจ๊งไม่เป็นท่า "

   ในช่วงเวลาที่แววตานั้นคิดเรื่องแสนเศร้านั้นขึ้นมา ก็จริงอย่างที่มันบอก ผมไม่เคยคิดถึงความไม่ไว้ใจ ไม่เคยรู้ด้วยซ้ำว่าเหล้าที่ลงมีกี่ขวด ผมใช้ความไว้ใจ คิดว่า คนที่ทำงานด้วยกันคือคนสนิท ที่ไม่น่าจะโกงกัน แต่ก็อย่างที่อีกคนบอก เพราะมันไม่เคยเกิดขึ้น ก็ใช่ว่ามันจะไม่เกิด ยกตัวอย่างก็เรื่องของตัวมันเอง

“ แล้วยังไง " ผมถามก่อนจะก้มลงกินอาหารตรงหน้า " จะให้เริ่มจากตรงไหน "

“ กูว่ามึงควรแบ่งหน้าที่ให้เรียบร้อยเปล่าวะ แบบหน้าที่ใครหน้าที่มัน ไม่ปนกันแบบนี้ เวลามีปัญหามึงจะได้ถามถูกคน "

" อื้ม "

" อย่างกูก็ทำบัญชี " เมดบอกพลางกินอาหารตรงหน้าไปด้วย " พี่ซอง มึงก็ให้เค้าทำแค่ในร้าน หาผู้ช่วยให้เค้าสักคน ตั้งเป็นรองผู้จัดการ "

“ แล้วมึงจะเอาใคร "

“ มึงก็ลองถามในกรุ๊ปดูสิวะ กูเพิ่งมาทำงานจะไปรู้ได้ไง ว่าใครดี  ถามพี่ซองอะ ว่าเค้าเห็นใครน่าสนใจ ถ้าทุกคนเห็นด้วย มึงก็ตั้งขึ้นมา " ปากที่เคี้ยวอาหารไปพูดไปมันจิ้มไก่คาราเกะมาให้ผม " มึงกินอันนี้โคตรอร่อย "

“ กินไม่หมดใช่มั้ยเลยเอามาให้กู "

“ ไม่ใช่เว้ย อร่อยจริงๆ มึงกิน " จัดการเอามาใส่ในจานให้แบบไม่ได้ร้องขอ มันที่มีความกระตือรือร้นอยู่ในแววตารู้สึกเหมือนไก่เหี้ยนี่อร่อยที่สุดแล้วตั้งแต่เคยได้กินมา ผมจิ้มมันขึ้นมาชิม ก็อร่อยดี แต่ก็ไม่ได้อร่อยขนาดนั้นแม่งก็ไก่ทอดธรรมดา " เป็นไง อร่อยมั้ย "

“ ก็ดี " ผมพูดยิ้มๆเพราะคนถามทำท่าทางน่ารัก

“ แค่ก็ดีเหรอวะ กูว่าโคตรอร่อย " กินเข้าไปอีกชิ้นด้วยท่าทางถูกใจ มันที่ก้มหน้าก้มตากินอยู่แบบนั้นชวนให้ผมยิ้มกว้างออกมาจนได้ " ยิ้มเหี้ยไรวะ "

“ เปล่า " หลบตามันแล้วก้มกินอาหารต่อ " แค่รู้สึกว่า ไอ้คนที่นั่งมองออกไปนอกหน้าต่างรถกูแล้วเอาแต่ร้องไห้ แม่งหายหัวไปไหนแล้ววะ "

   ทุกอย่างเงียบ คนตรงหน้าที่กำลังยิ้มหุบยิ้มลงทันที แล้วนั่นมันก็ทำให้ผมรู้สึกผิดขึ้นมา.. ทั้งๆที่ทำให้ยิ้มได้แล้วแท้ๆแต่เสือกทำให้วนกลับไปคิดเรื่องอีก กูนี่มัน... ส้นตีน

“ ถ้าเลือกได้กูก็ไม่ได้อยากจะคิดถึงมันหรอก แต่บางทีก็แม่งก็หยุดคิดไม่ได้ " อีกคนบอกทั้งๆที่มือกำลังหั่นสเต็กตรงหน้าขึ้นกิน " กูก็ไม่ได้อยากจะร้องไห้ให้คนพรรค์นั้นเหมือนกัน “

“ ง้อ.. “ ขอโทษที่ทำให้รู้สึกไม่ดี ผมคิดแบบนั้น ถึงอย่างงั้นปากมันก็ไม่พูดออกไป “  ไก่นี่ ถ้าอร่อยก็กินเข้าไปให้หมด " จิ้มไก่ไปวางให้มันในจานชิ้นนึง มันที่เงยหน้าขึ้นมาสบตาผม “ ถ้ากินแล้วจะลืม ก็กินเข้าไปให้หมด มึงสั่งมาแล้วกินไม่หมด มึงเจอดีแน่ “

“ กินไม่หมดก็เรื่องของกู ยังไงกูกินกูก็จ่าย “

“ ใครบอกให้มึงจ่าย “ ผมถามคนที่เอาไก่ไปจิ้มซอสแล้วเอาเข้าปาก " ไถ่โทษที่พูดไม่คิด กูจะเลี้ยงเอง "

" รู้งี้สั่งอีกสักสิบอย่างให้หายแค้นที่มึงแม่งพูดหมาๆ "

" สั่งมาอีก กูให้จ่ายเองนะ " ยักคิ้วให้มันอีกคนก็แค่ยิ้มก่อนจะก้มหน้าลงกินข้าวต่อ

เรากินกันไปแบบเงียบๆสักพัก ผมที่กินเสร็จก็แค่นั่งมองไปรอบๆสลับกับคนที่หลังจากกินสเต๊กตรงหน้าพร้อมไก่ทอดเสร็จ ตอนนี้ก็กำลังจัดการเครปคาราเมลที่สั่งด้วยท่าทางอร่อยหลังจากที่ถ่ายภาพสวยๆไปเกือบสิบภาพ

ออฟไลน์ patwo

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 989
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +932/-27

J is J

[ มึง ข้อที่สี่ได้ผลวะ ] ผมส่งข้อความไปหาไอ้เจระหว่างนั่งรออีกคน ปากที่เคี้ยวไม่หยุดมีบ้างที่มันหันมาสบตากับผมแล้วก้มลงมองอาหารตรงหน้า ก่อนจะเบิกตาชวนกิน แต่ผมก็แค่ส่ายหน้า

[ อะไรข้อสี่ได้ผล ]

[ อันนี้ ] ส่งภาพที่มันเคยส่งมาให้ก่อนหน้านี้กลับไป

[ อ้อ ข้อสี่  อาหารจะช่วยเยียวยาอารมณ์ ]

[ อื้ม ]

[ เค้าชอบกินเหรอวะ ]

[ กูว่ามาก ] ผมยิ้มกว้างก่อนจะพิมพ์ [ แดกคนเดียวสามจาน ]

[ บอกเค้านะ ถึงหนูจะแดกดุยังไงพี่ก็เลี้ยงไหว พี่ทำบัตรเครดิตแล้ว พร้อมเป็นหนี้เพื่อเธอ ]

[ ส้นตีน ]

[ อะ หวง ] ไอ้เจแซว [ แต่ไม่หรอก อย่างพี่อาฟกูต้องพูดว่า รำคาญ ]

[ รำคาญมึงอะสัด ] กดออกจากไลน์ของเพื่อน ผมเข้าไปในไลน์ของสต๊าฟผับที่ทำไว้คุยเรื่องงานโดยเฉพาะ

 ' Throw UP ' Staff Serious Ver. '

[ จะตั้งรองหัวหน้าผู้จัดการร้านนะ คิดว่าใครเหมาะสม ] ผมส่งข้อความเข้าไปในไลน์กรุ๊ป เสียงเตือนจากมือถือที่วางอยู่บนโต๊ะของอีกคนดังก็ขึ้น มันเงยหน้ามองหน้าผมก่อนจะปลดล็อคแล้วเข้าไปอ่าน

[ @Song ] เมดที่พิมพ์เข้าไป คนที่เราต้องการให้ตอบก็มาตอบ

[ คุณอาฟจะตั้งรองผู้จัดการเหรอครับ ]

[ อื้ม จะได้เข้ามาช่วยพี่ เมดมันเสนอมาอย่างงั้น ] คนที่ผมพูดถึงเงยหน้าขึ้นจากหน้าจอก่อนจะขมวดคิ้วมองหน้าผม มันที่พูดขึ้นมา

“ แล้วมึงจะไปบอกเค้าทำไมวะ "

[ พี่เมดคงเห็นว่าพี่ซองทำงานหนักเยี่ยงทาส เลยอยากจะหาคนมาแบ่งเบาให้ ความนางฟ้า @minmade รักนะครับ นางฟ้าของน้องเดย์ ] ไอ้เดย์ที่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องเหี้ยอะไรกับเรื่องนี้เข้ามาตอบ  คนที่ถูกพูดถึงนั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ก่อนจะส่ายหน้าไปมา

“ ยิ้มเหี้ยอะไรกับข้อความน้องกู "

“ แล้วทำไมจะยิ้มไม่ได้วะ " เมดเงยหน้าขึ้นถามด้วยหน้างงๆ “ หวงน้องชายเหรอไง “

“ ชอบน้องกูรึไง เห็นยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่นั่น น่ารำคาญ "

“ มึงคิดเหี้ยอะไรของมึงวะ " ผมเงียบไม่ได้ตอบอะไร เราที่ได้แต่จ้องหน้ากันแบบไม่มีใครยอมใคร " กูไม่ใช่คนหลงตัวเองที่จะคิดว่าคนอื่นเค้าชอบกูไปหมดหรอก แล้วที่กูยิ้มก็เพราะเค้าไม่ได้ด่ากู กูก็แค่ยิ้มเอ็นดูน้องมัน ก็มันตลก กูไม่ได้ชอบน้องมึงในแง่เหี้ยๆที่มึงคิดสักนิด "

“ ก็ดี "

“ ใครจะไปอยากเกี่ยวดองกับคนอย่างมึง " ทำทีเป็นพูดเสียงเบาๆแต่ถึงอย่างงั้น ผมก็รู้ว่ามันตั้งใจให้ผมได้ยิน " ประสาทได้แดกเข้าสักวันแน่ "

“ เยอะแยะไป "

“ เพราะคนพวกนั้นไม่ได้มารู้สันดานของคนแบบมึงมากกว่ามั้ง " เมดยักคิ้วให้ผมที่ก็ยกยิ้มขึ้นมาก่อนจะลุกขึ้นจากเก้าอี้ที่นั่ง เดินไปโน้มตัวเข้าหามันที่ก็นั่งนิ่งไม่ได้ขยับไปไหน แววตาท้าทายเมื่อครู่ฉายความกลัวออกมา เอื้อมมือไปจับพนักพิงหลังของโซฟาตัวที่มันนั่ง กั้นร่างนั้นไว้ให้อยู่ในวงแขนของผม

" ยังไง สันดานกูมันเป็นยังไง " ผมถามย้ำมันตอนที่สบตา อีกคนก็หลบไปมองทางอื่น

" ใกล้ไปแล้วมั้งสัด คนมองเยอะแยะ ออกไป " เอามือมาดันอกผมไว้แต่ก็ไม่ได้ดันแรงนักหรอก คนเยอะมันคงไม่กล้าทำอะไรเสียงดัง แต่นั่นไม่ใช่ผม

" เผื่อมึงไม่รู้.. สันดานกูเสียกว่าที่มึงคิด อย่าลองดีให้มาก ปากอะ . “ เอื้อมมือไปจับคางของอีกฝ่ายตอนที่พูดแบบนั้น ผมเอานิ้วโป้งไปลูบปากมัน ก่อนจะยกยิ้มแล้วก้มลงไปกระซิบข้างหู " ระวังไว้หน่อยก็ดี เห็นกูไม่ตอบโต้ ก็อย่าคิดว่าจะพูดอะไรก็ได้ "

กริ๊ก กริ๊ก

" เสียงไลน์ ! “ เมดพูดขึ้นก่อนจะคว้าเอามือถือของตัวเองที่ตั้งอยู่ข้างตัวยกขึ้นให้ผมดู " คน คนในกลุ่มร้านคงตอบมาแล้ว มึงไปอ่านสิ "

" หึ " หัวเราะในลำคอเบาๆ อีกฝ่ายที่กลืนน้ำลายลงไป มันมองผมสลับกับซ้ายขวาเพราะตอนนี้มีแต่คนมองมาทางเรา
" ออกไปได้แล้วไอ้สัด คนมองใหญ่แล้ว เดี๋ยวเค้าก็คิดว่ามึงจะทำอะไรเหี้ยๆ กับกูหรอก "

" หมายถึงอะไร ท่านี้มันเป็นยังไง " ก้มลงมองตัวเอง ทั้งๆที่รู้แต่ผมก็ยังตั้งคำถามกวนตีนอีกคน

" ท่าที่เหมือนจะปล้ำกูกลางร้านไง ไอ้เหี้ยอาฟ ออกไปเว้ย! จะมาค่อมกูไว้ทำไม คนเข้าใจผิดหมดแล้ว "

" ซีเรียสอะไร คนเค้าก็เข้าใจถูกแล้ว " ยกยิ้มบอกมันอีกคนก็ขมวดคิ้วก่อนจะผลักผมให้ออกมานั่งข้างๆมัน เสียงที่พูดรอดไรฟันออกมา

" ไม่ถูกเว้ย ไอ้สัด! “

“ หึ "

“ กลับไปนั่งที่เดิมสิวะ จะมานั่งข้างกูทำไม " คนข้างๆถามพลางขยับตัวเองไปออกห่างจากผม มันที่เหลือบมองมา " มึงแม่งไม่น่าไว้ใจเลยวะ "

“ งั้นเหรอ " ผมพยักหน้ารับ ก่อนจะหยิบเอามือถือที่ตั้งอยู่บนโต๊ะขึ้นมาเปิดหน้าจออีกครั้ง " แต่กูว่ากูน่าไว้ใจกว่าไอ้เชี้ยบินนะ "

“  ทำไมมึงต้องพูดถึงมันอีกแล้ววะ " ลดมือถือที่กำลังถือ เมดหันมาหาเรื่องกัน ผมก็มองกลับ

“ ฟังให้มันชินๆไว้ ยังไงไปมหาลัยก็ต้องโดนถาม ว่าผัวเก่าหายไปไหนแล้ว ไม่ใช่รึไง "

“ มึงแม่ง " มันพิงหลังกับโซฟาด้วยท่าทางหงุดหงิด " เบื่อจะคุยกับคนไร้มารยาทกับมึง พูดเหี้ยอะไร ไม่เคยเข้าหู จัดสรรคำพูดไม่เป็นรึไงวะ ถนอมน้ำใจกันไม่มีเลย สัด "

“ ถนอมทำไม มึงเป็นอะไรกับกู "

“ ลูกหนี้ เพื่อนร่วมงาน ลูกจ้างที่มึงกำลังใช้เหมือนทาสไง " มันหันมามอง ผมก็ยกยิ้มให้มันก่อนจะพยักหน้ารับ " มึงไม่เคยได้ยินรึไงคำที่เค้าพูดว่า งานหนักแต่สภาพแวดล้อมดีมันก็ยังดีกว่างานสบายแต่สภาพแวดล้อมเหี้ยน่ะ ใครมาทำงานก็ให้ใจกับเค้าบ้าง เค้าจะได้อยากจะทำงานแล้วก็อยู่กับเราไปนานๆไง "

" งั้นเหรอ ต้องให้ใจสินะ "  ผมหันไปบอกมันพลางสบสายตาคนที่กำลังพูดด้วย “ เข้าใจละ เดี๋ยวจะให้ใจไปแล้วกัน “

“ แล้วมามองหน้ากูทำไมวะ “

“ ก็กูกำลังพูดอยู่กับมึง “ สายตาที่กำลังสับสนมันเหล่มองผมที่ก็ทำทีเป็นอ่านข้อความในมือถือยิ้มๆ แชทที่ตอนนี้ขึ้นว่าอ่านครบทุกคนแล้ว

 ' Throw UP ' Staff Serious Ver. '

[ พี่เมดคงตกใจคำพูดของไอ้เดย์จนช็อคไปเลยสินะครับ ] ไอ้อัยย์พิมพ์ขึ้นมาก่อนจะหัวเราะต่อท้ายประโยคของตัวเองตอกน้ำเพื่อนสนิทด้วยความสะใจ [ 55555555555555555 พี่เมดไม่เล่นกับมึงนะ เสียใจด้วย ]

[ พี่แค่คุยกับพี่อาฟ แล้วคิดกันขึ้นมาว่า พี่ซองทำงานหนักเกินไปมั้ย ควรมีผู้ช่วยสักคนมั้ย ]

[ นอกจากจะไม่ตบมุขมึงแล้ว เค้ายังพูดเรื่องอื่นด้วยวะ ] ไอ้เจมันพิมพ์ขึ้นไปในแชท [ 555555555555 พี่สงสารเดย์นะลูก ]
[ พวกมึงแม่ง.. ] ไอ้เดย์ว่าด้วยคำพูดงอนๆ [ พี่เมด น้องเดย์โดนรังแก @minmade ]

[ อย่าแกล้งน้องเดย์ เข้าเรื่องๆ @Song พี่ซองสนใจอยากจะตั้งใครมั้ยครับ ]

[ งื้ออออ พี่เมดปกป้องน้องเดย์ พวกมึงอย่าแกล้งกูนะ ]

[ ทำงาน ] ผมพิมพ์ขัดขึ้นไป ตอนที่เหลือบมองคนข้างๆ มันก็เอาแต่ยิ้มมีความสุข สงสัยแม่งจะชอบ เวลาถูกจีบ ส้นตีนอยู่กับกูไม่เห็นยิ้มแบบนี้บ้าง

[ อื้ม พี่สนใจใครบ้างเหรอ ] พี่ซองพิมพ์ขึ้นมา [ ถ้าตามที่ดูตอนนี้ มันก็พอมีคนที่จะเป็นรองผู้จัดการได้อยู่นะ พี่ว่า อินก็โอเคอยู่ มีความรับผิดชอบดี ทำงานเก่งด้วย ส่วนอีกคนก็ซีน มันเข้ากับคนอื่นได้ง่าย งานก็ทำออกมาดีเลยนะ ]

[ เออ ซีนมันเข้ากับคนอื่นได้ง่ายจริง ] ไอ้เจเสริม เอาจริงๆ ผมไม่รู้จักหรอกว่าพวกมันกำลังคุยถึงใคร ผมไม่เคยสนใจเกี่ยวกับพนักงาน สนใจมากที่สุดก็แค่เรื่องบัญชี เอกสารสั่งจ่าย แล้วก็รายรับมากกว่า จะว่าง่ายๆก็สนใจแต่แค่เม็ดเงินของมันก็เท่านั้น

[ แต่ว่าถ้าเอาไอ้ซีนมา คนอื่นจะคิดไงอะ ] พี่แบล็คที่เหมือนซุ่มอ่านอยู่นานทักขึ้นมา [ ไอ้ซีนเพิ่งมาทำงาน แต่ไอ้อินทำมาตั้งแต่ร้านเปิด คือ อันนี้พี่ก็ไม่รู้นะ แต่พูดตามที่เห็น ถ้ามันดีทั้งคู่ทำไมไม่เอาคนมาก่อนละ ประสบการณ์งานมันเยอะกว่า น่าจะจัดการอะไรได้มากกว่ามั้ย ]

[ กูเห็นด้วยกับพี่แบล็ค ] ไอ้เดย์ว่า

[ กูเหมือนกัน ] ไอ้อัยย์เสริม

[ อื้ม พี่ก็เห็นด้วยกับทุกคนนะ คุณอาฟว่ายังไงครับ ]

[ ไม่ต้องไปถามมันหรอกพี่ซอง อย่างมากไอ้สัดอาฟก็คงตอบแค่ว่า แล้วแต่ ] ไอ้เจบอก [ มันไม่รู้จักไอ้อินกับไอ้ซีนหรอก เชื่อกู ]

[ เออ ใช่ ] น้องชายผมเสริม

[ งั้นก็ตั้งเลยนะครับ ผมจะไปบอกน้อง ]

[ อื้ม ] ตอบกลับไปสั้นๆ เป็นการจบบทสนทนาในกลุ่ม เราปิดหน้าจอมือถือพร้อมกันก่อนที่คนนั่งข้างๆผมจะถามขึ้น

“ มึงไม่รู้จักคนชื่ออิน ที่พี่ซองจะตั้งเป็นรองผู้จัดการเหรอวะ " คนนั่งข้างๆ ถามขึ้นมาผมก็แค่ตอบด้วยเสียงเบาๆในคอ

“ อื้ม "

“ วันนี้ลองเข้าร้านเร็ว ไปทำความรู้จักกับทุกคนดูมั้ย " หันไปมองใบหน้าหวานที่หันมามองผมยิ้มๆ

“ ไม่จำเป็น "

“ แต่วันนี้กูต้องเข้าร้านเร็ว กูต้องไปนับสต๊อกเหล้าแล้วเอามาลงบัญชีร้านเป็นฐานข้อมูลไว้ เพราะมันไม่มี " รอยยิ้มกวนส้นตีนที่ส่งมาให้ " เพราะงั้นคุณอาฟก็ช่วยพาไปหน่อยนะ "

“ แล้วนี่มึงจะไปเรียนตอนเย็นมั้ย "

“ คิดว่าคงไป " มันว่าก่อนจะถอนหายใจออกมา " คลาสนี้อาจารย์ดุ กูหยุดไปสองครั้งแล้ว  คงต้องไปแล้ว "

“ อื้ม "

“ แล้วมึงอะ ตอนเย็นมีเรียนมั้ย "

“ มี คิดว่าจะเข้าไปหลังจากส่งมึง "

“ อื้ม " เมดหยิบมือถือที่ตั้งอยู่ที่ตักขึ้นมาดูเวลา มันหันมามองหน้าผม " งั้นไปเลยมั้ย ช่วงเที่ยงๆถนนแถวหน้ามหาลัยกูรถมันจะติด ยังไงเดี๋ยวมึงส่งกูที่รถไฟฟ้าก็ได้ กูเดินต่อเข้าไปเอง  "

“ คิดดูก่อน " ผมบอกมันอีกคนก็ยิ้มกว้าง

“ พูดแบบนี้ แสดงว่าเข้าไปส่งข้างในแน่ๆ "

“ มึงอยากเดิน ? “

“ ไม่อะ " มันส่ายหน้าไปมา " แค่เกรงใจ เพราะความเกรงใจเป็นสมบัติของผู้ดี " เมดเว้นเสียงไปสักพักก่อนจะเอียงหน้ามาถามผม " ว่าแต่ มึงเข้าใจรึเปล่า ว่าผู้ดีเค้าเป็นกันยังไง "

“ กวนตีน เดี๋ยวกูก็ให้ไปเอง "

   ขับรถออกจากร้านหลังจากเช็คบิลเสร็จ แล้วก็อย่างที่บอกค่าอาหารมื้อนี้ผมเป็นคนเลี้ยงมัน หน้าตาของคนถูกเลี้ยงมีความเกรงใจฉายอยู่บนหน้า มันที่รบเร้าพยายามอยากจะแชร์ด้วยการยัดเงินใส่กระเป๋าเสื้อผม

" เอาออกไป " ผมบอกมัน ตอนที่เหล่มองเงินที่อยู่ในกระเป๋าเสื้อตัวเอง

" ไม่เอา เกรงใจ มันแพงมึง หารกันเถอะ " เมดบอก ผมก็ดึงเงินออกจากกระเป๋าแล้ววางไว้บนตักคนข้างๆที่ก็พยายามจะเอามาให้อีก

" ถ้าจะจ่าย จ่ายห้าหมื่นค่าซ่อมสีรถกูมาก่อน ถ้ามึงจ่ายได้ กูจะรับเงินมึง "

" สัด " สบถออกมาแค่นั้น และแน่นอนว่าคนที่พยายามยัดเงินก็หยุดทุกอย่างไว้ทันที เมดเก็บเงินใส่กระเป๋าก่อนจะบ่นอยู่กับตัวเอง " ทีหลังแม่งจะกินสักสี่พันเลยสัด อยากจ่ายดีนัก "

   จอดรถลงที่ลานจอดรถหน้าคณะของอีกคนเหมือนเมื่อเช้าแล้วคนข้างๆ ก็ยังคงถอนหายใจเหมือนอย่างเมื่อเช้าเช่นกัน มันที่หันมาเหลือบมองผม ภายในรถที่เงียบเชียบถ้าให้เดามันคงคิดอยากจะชวนผมลงไปด้วยกัน แต่ที่ไม่พูดออกมา บางทีคงคิดว่า ตัวเองก็ควรเป็นที่พึ่งของตัวเองได้แล้ว เมดสูดลมหายใจเข้าไปเต็มปอด มันที่ผ่อนออกมาเบาๆ

" กูไปนะ เจอกันตอนเย็น ก่อนจะเข้ามารับ มึงส่งไลน์มาก่อนก็ได้ กูจะออกมารอที่หน้าคณะ มึงมาถึงจะได้ไม่ต้องหาที่จอดรถ เราจะได้ไปที่ร้านกันเลย "

" อื้ม " ผมพยักหน้ารับมัน ตอนที่อีกคนเดินออกไป ผมก็ดับเครื่องเครื่องยนต์แล้วเปิดประตูรถเดินออกไปเช่นกัน คนที่เตรียมจะเดินไปก่อนทำหน้างงหันมามองผมที่ก็กดล็อครถ " ไม่ได้จะไปส่ง กูแค่หิวน้ำ เลยจะเข้าไปซื้อ พาไปหน่อย "

" อื้ม " รอยยิ้มที่พยักหน้ารับให้ผม ก็รู้ว่ามันคงรู้ ว่าผมลงมาจากรถทำไม แต่ไม่พูดไม่แซวอะไรออกมานั่นแหละดีแล้ว ผมไม่รู้จะตอบอะไรมัน คำว่า เป็นห่วง หรือแคร์อะไรนั่น ผมไม่อยากยอมรับ  " จะกินอะไร เดี๋ยวพาไปกินที่คาเฟ่ "

" เหมือนเดิม "

" คาราเมลมัคคิอาโต้ " ผมพยักหน้ารับ อีกคนก็ยิ้มกว้าง " เดี๋ยวเลี้ยง ไปกัน "

   คนตรงหน้าเดินนำผมไปที่ร้านคาเฟ่ที่อยู่ไม่ไกลจากคณะของมัน รสชาติกาแฟพอถูไถไม่ได้อร่อยแบบที่ชอบกิน แต่ก็ไม่ได้จัดว่าแย่ เราเดินกลับมาที่คณะของมัน ตอนที่เดินขึ้นไปบนตึกเมดก็หันมาบอก

“ มึงส่งกูแค่นี้แหละ เดี๋ยวกูจะขึ้นลิฟต์ไปเอง "

“ ใครบอกกูมาส่งมึง " ผมบอกก่อนจะดึงกาแฟขึ้นมา " กูมาซื้อกาแฟ "

“ งั้นก็เอาที่มึงสบายใจเถอะ " เมดว่าแบบนั้นมันที่ยิ้มออกมา ก่อนจะมองไปรอบๆแล้วชะงักไปกับบางสิ่งที่เห็น รอยยิ้มนั่นหุบลงเหลือเพียงใบหน้าเฉยชาที่แววตากำลังฉายความเศร้าออกมาอย่างเห็นได้ชัด ความรวดเร็วของความรู้สึกที่เปลี่ยนไปของร่างบาง ไม่ต้องเดาก็คงไม่พ้นไอ้เหี้ยแฟนเก่า ที่ก็คงมาคอยดักเจออยู่ ผมที่คิดแบบนั้นตอนมองตามสายตาอีกคนไป แต่ทว่า มันไม่ใช่อย่างงั้น

   ภาพของผู้ชายร่างสูงอดีตคนรัก กำลังนั่งอยู่ข้างๆเพื่อนสนิทของมัน ผมมั่นใจว่าใช่ เพราะพอจำหน้าเพื่อนของมันที่เคยเห็นสมัยเรียนม.ปลายได้บ้าง หันมองเมดที่มองภาพนั้นด้วยแววตาสั่นไหว มือของคนที่บอกว่ารักมันเมื่อเช้า คนที่พยายามอ้อนวอนขอให้มันกลับไป กำลังกอดคอเพื่อนสนิทของมันที่กำลังนั่งซึมๆนั่นไว้แน่น เพื่อนอีกคนตรงหน้าของมันไม่ได้แสดงความรู้สึกอะไร ราวกับว่าภาพที่เห็นคือเรื่องปกติที่เกิดขึ้น

   รอยยิ้มผุดขึ้นจากใบหน้าของเพื่อนที่หักหลังเมดในเวลาถัดมา ถ้าให้เดาก็คงเป็นฝีมือของคนข้างๆนั่น ที่คงเล่ามุกตลกอะไรสักอย่าง ให้อีกฝ่ายยิ้มได้ แล้ววินาทีต่อมาแขนยาวก็ดึงคนที่ยิ้มจางๆนั้นเข้ามากอดไว้ มันที่ฝังจมูกลงไปบนเรือนผมของคนในอ้อมกอดนั้น

" พอแล้ว ไม่ต้องมอง " ผมเอื้อมมือไปปิดตาอีกคนไว้หลังจากที่ภาพนั้นปรากฏ เลื่อนตัวไปยืนบังภาพพวกนั้นตรงหน้ามัน แล้วในวินาทีต่อมานั้นน้ำตาหยดใสก็ไหลผ่านมือของผม เมดที่กำลังร้องไห้มันเบือนหน้าหนีก่อนจะยกมือขึ้นเช็ดน้ำตานั่นทันทีเพราะคงไม่อยากจะให้มาเห็นความอ่อนแอที่แม้ตัวมันเองก็คงคิดว่าน่าสมเพชเต็มทน

" กูไม่เป็นไร กูโอเค มึงไปเถอะ กูจะขึ้นเรียนแล้ว " เมดหันมาบอกผมแค่นั้น ใบหน้าที่หันมายิ้มให้ผม

   อยากจะบอกมันเหมือนกัน ว่าไม่เป็นไร เชิญอ่อนแอต่อหน้ากูได้ตามสบายเลย เพราะคนเราต่อให้เข้มแข็งแค่ไหน แต่สุดท้ายถ้าเสียใจ ยังไงก็ต้องร้องไห้อยู่แล้ว

" ถ้าโอเค ก็หันไปมองพวกมัน " แววตาสั่นๆที่หันมามองผมที่พูดออกมาแบบนั้น " ถ้ามึงยังไม่กล้ามอง งั้นแสดงว่ามึงยังไม่โอเค "

" กู โอเค " มันยังคงยืนยันแบบนั้น ผมก็เหลือบตาไปมองคนพวกนั้นราวกับท้าชวนให้มันหันไปมองถ้าแน่จริง เมดถอนหายใจออกมามันที่หันไปมอง ภาพที่ทั้งเพื่อนและแฟนเก่าของมันกำลังแสดงความรักกันอย่างมีความสุข

" มองพวกมันไว้ ถ้ามึงยังลืมความเหี้ยที่ไอ้สองคนนั้นทำกับมึงไม่ได้ ก็มองแล้วจำไว้ ว่าตอนนี้มันเจ็บแค่ไหน แล้วต่อไปอย่าให้ใจกับคนแบบนี้อีก  "

“ อาฟ " เมดเอื้อมมือมาจับมือของผมไว้ ฝ่ามือที่กุมมือของผมไว้แน่นราวกับจะระบายความเจ็บปวดทั้งหมดที่มี เจ็บอยู่เหมือนกันกับแรงบีบที่อัดลงมานั้น แต่ผมจะไม่ดึงออก อย่างน้อยมันก็ควรรู้ ว่ายังมีผมยืนอยู่ตรงนี้

" มึงไม่จำเป็นต้องเข้มแข็งตอนที่อยู่กับกู " บอกอีกคนที่ก็หันมาสบตากันอีกครั้ง ในแววตาที่สั่นไหวของมัน " กูจะถามใหม่ มึงโอเคมั้ย "

" อยู่กับกูนะ กูไม่โอเค "

...................................................


พี่อาฟฟฟฟฟ น้องอยากจะเป็นของพี่อาฟจังเลยคะ อยากเป็นคนที่พี่อาฟรำคาญเหมือนน้องเมด
การกระทำที่บอกว่า รัก โดยไม่มีคำว่ารัก ของพี่ #นั่งกรี๊ดคนเดียวที่มุมเสา
ในช่วงเวลาที่เมดเจ็บปวด มันมีผู้ชายนึงที่ปากว่ารำคาญเค้า แต่ก็ยืนอยู่ข้างเค้าอะ ดูแลเค้า ใส่ใจเค้า
อยากมีพี่อาฟเป็นของตัวเองงงง ชอบจนไม่รู้จะพูดยังไงดีแล้ว
สุดท้ายนี้ ฝากแท็ก #ผับชั้นสาม  ในทวิตเตอร์ด้วยนะคะ

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์
และนี่ คือทางไปนิยายแชทจอยลดา : http://www.joylada.com/story/5a8bfb6e007ee30001162ca6
เจอกันตอนหน้าค่ะ


ออฟไลน์ mirage

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 135
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-1
อัยยะ ชอบเรื่องแนวนี้จัง
เมดลองเรียกพี่อาฟซิคะเพื่อคนขี้รำคาญจะปากตรงกับใจสักที 555
สู้เมด อย่ากลับไปเจ็บกับผู้ชายเชี้ยๆ เพื่อนเลวๆ เลย เพื่อนกันจริงคงไม่ทำแบบนี้

ติดตามเด้อ
 :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Gokusan

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +269/-1
คือดีอ่ะ ในความโชคร้ายก็ยังมีโชคดี ที่ได้จบความสัมพันธ์กับเพื่อนกับแฟนแย่ๆ แล้วเจอกลุ่มคนใหม่ๆ เจอคนที่สนใจความรู้สึกเรามากกว่าคนเก่าๆ
รู้สึกโชคดีมากขึ้นที่คนมาใหม่...หล่อด้วยและรวยมาก 555

คนซึนจะปากแข็งไปอีกนานแค่ไหนหนอ อิอิ

ออฟไลน์ Yunatsu

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3650
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +233/-5
อาฟฟฟฟฟฟฟ
แอบชอบเมดมานานแล้วใช่ไม๊
ตอบบบบบบ
แต่อาฟน่ารักอะ ชอบมากก ฮือออออ

ออฟไลน์ shoi_toei

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-26
อื้อหือ อิคนที่บอกรักเมดตอนเช้า กะอิคนที่นั่งกอดคอหอมหัว

กันตอนบ่าย มันคนเดียวกันนิหว่า โอโห คือมุงตอแห-มากค่ะ

โอ้ยยยอยากกระทืบอิ 3 คนนั้น

ออฟไลน์ onlyplease

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
พี่อาฟ จัดพวกแม่งซักทีดิ๊ ทำน้องเมดเจ็บ
อิพวกเชี่ยยยยยยยยยยยย
เพื่อนเหี้ยๆแบบนี้ หนูเมดลืมๆไปเหอะ เสนียดชีวิตมาก
เหมือนผีเน่ากะโลงผุ อิดอกกกกกกกก :z6:  :z6:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด