' AFTER '
[ ถึงแล้ว ] ข้อความสั้นๆที่ผมกดเข้าไปอ่าน ก่อนจะตอบ
[ อื้ม ] อีกฝ่ายนึงอ่าน แล้วทุกอย่างก็เงียบไป ก็อย่างที่รู้อาฟไม่ใช่คนชอบชวนคุยอะไร ผมเงยหน้าขึ้นไปบนกระดานที่กำลังฉายสไลด์ของเนื้อหาที่ก็มีอยู่ในเอกสารที่แจก มือที่ถือปากกาขีดๆเขียนๆไปเรื่อย จนในที่สุดก็จำใจยกมือถือขึ้นชวนอีกคนคุย [ มึงทำไรวะ ]
[ ตั้งใจเรียน ]
[ กูไม่เชื่อได้มั้ย ]
[ กวนตีน ] อีกคนบอกผมก็หลุดยิ้มออกมา นึกหน้ามันออกเลยว่าตอนที่พิมพ์ข้อความนี้จะทำหน้าแบบไหนอยู่ [ ไปตั้งใจเรียน ]
[ อาจารย์สอนเหี้ยอะไรก็ไม่รู้ กูไม่รู้เรื่องเลย ตามไม่ทันวะ ขาดไปสองอาทิตย์ โง่เลยกู ]
[ อย่าโง่หลายเรื่อง ] มันบอก [ จอดรถก็โง่ ให้เค้าสวมเขาก็โง่ นี่มึงยังจะเรียนโง่อีกเหรอ ]
[ K ]
[ ไม่มีเหรอ ] มันถามกลับมา ผมก็ได้แต่กัดฟันอยู่ในใจ เหี้ยเอ้ยยย ถ้าทำได้อยากจะตะโกนออกไปตอนนี้เลยว่า ' ไอ้สัด! กวนตีนกูอีกแล้วนะ '
[ มีเว้ย ใหญ่กว่ามึงอะ ]
[ ไม่น่าเชื่อ ต้องพิสูจน์ ]
[ กวนตีน ] ผมพิมพ์ตอบกลับไปอย่างไม่รู้จะพูดอะไร อยู่ๆจะหื่นก็หื่นไอ้สัด ตามอารมณ์ไม่ทัน [ มึง เย็นนี้กินไรดี ]
[ ตอนเที่ยงที่กินไป ย่อยแล้วเหรอ ]
[ เออ เริ่มละ ] กัดฟันในใจตอนที่พิมพ์ คล้ายๆจะโดนด่าเป็นนัยๆว่าแดกเยอะ ยังไงอย่างงั้น [ อยากกินบะหมี่กระดูกอ่อนหมูตุ๋น ]
[ ไปหาร้านมา ]
[ จะพาไป ? ]
[ หรือมึงจะไปเอง ]
[ แล้วรถกูเสร็จรึยัง กูไปเองก็ได้ ]
[ มันอาจจะได้ตอนมึงเข้างานแล้ว ] อีกคนบอกผมก็ขมวดคิ้ว
[ หลังหกโมงเหรอ ตอนนั้นช่างเค้าไม่เลิกงานไปแล้วเหรอวะ ]
[ ไม่รู้ ช่างมันว่ามาแบบนั้น ] พยักหน้ารับกับข้อความที่ถูกส่งมา คิดปลงๆว่า จะยังไงก็ช่างเถอะ ไม่ต้องเสียค่าช่าง ไม่ต้องจัดการเอง ยังไงก็ได้อยู่แล้ว อีกอย่างมีคนมารับมาส่ง ถึงจะปากหมาหน่อยๆก็เถอะวะ แต่ก็ไม่แย่มากหรอก พอทนได้ [ บะหมี่หมูตุ๋นอะไรของมึง ไปหาร้านมา ]
[ มึงจะพาไป ? ]
[ ถามอีกที ไปเอง ] มันบอกผมก็หลุดยิ้มออกมากับคนขี้ยั๊วะ [ เอาร้านไม่ไกลจากผับ เย็นๆรถติด ]
[ โอเค กลัวแล้วจ้า เดี๋ยวกูหาไว้ ] ข้อความที่ขึ้นว่าอ่าน บทสนทนาจบลงตรงนั้นผมเหลือบมองกระดานดำอีกครั้งก่อนจะก้มหน้าลงมองหน้าจอมือถือตัวเอง [ มึง เลิกเรียนกี่โมงวะ ]
[ นี่มึงไม่มีเรียนรึไง ถึงส่งข้อความมากวนกูไม่หยุด ไปตั้งใจเรียน ]
[ อื้ม ] ท่าทางจะรำคาญแล้วว่ะ ผมคิดแบบนั้นตอนที่ตอบมันออกไปสั้นๆ ถอนหายใจออกมาก่อนจะเปิดเมล์อ่านชีสที่สองอาทิตย์ก่อนไม่ได้มาเรียนเพื่อฆ่าเวลา แต่ยังไม่ทันจะโหลดขึ้นมาอ่าน ข้อความจากคนที่ดูเหมือนรำคาญเมื่อครู่ก็ส่งเข้ามา
[ เป็นอะไร ]
[ เปล่า ]
[ ให้ตอบอีกที ]
[ ก็.. ตอนเข้ามานั่งเรียน ไอ้จิงกับไอ้ยีนส์มันเข้ามานั่งด้วย พอกูย้ายไปนั่งตรงอื่น ไอ้ยีนส์ก็ส่งข้อความมาหา มันบอกว่าขอโทษ ]
[ งั้นเหรอ ]
[ อื้ม ] ถอนหายใจออกมา [ กูเซ็งนิดหน่อยอะมึง แต่ช่างมัน มึงเรียนเถอะ ]
[ ไอ้เด็กขี้ฟ้อง เอาเรื่องมาฟ้องก็ฟ้องให้จบ ] อาฟส่งข้อความตอบกลับมา
[ สัด กูไม่ได้ฟ้องสักหน่อยเล่าให้ฟังเฉยๆ แล้วนี่มึงจะไม่เรียนแล้วรึไง เลียนแบบกูเหรอวะ หรืออยากจะเสือกเรื่องกู เดี๋ยวโง่นะถ้าไม่เรียนน่ะ ]
[ ขอให้มึงรู้สึกเหี้ยแบบนี้ไปทั้งวัน ]
[ มึงแม่ง ทำไมต้องแช่งวะ ] ผมพิมพ์บอกมัน [ แล้วมึงรู้ได้ไง ว่ากูกำลังรู้สึกเหี้ยอยู่ ]
[ ถ้าไม่โง่ ก็พอรู้ อย่าลีลา จะฟ้องอะไร ก็ฟ้องมา ขี้ฟ้อง ]
[ กูเซ็งวะ มันกล้าส่งข้อความมาขอโทษกูได้ไงวะมึง คือกูก็เข้าใจว่าทำผิดต้องขอโทษ แต่เรื่องที่มันทำกับกู เป็นเรื่องที่ ถ้าเป็นกู กูคงไม่กล้าจะพูดอะไรหรอก บางทีกูดรอปเรียนไปแล้วไม่กล้าสู้หน้า แต่มันแม่ง..ไม่ละอายบ้างเหรอวะ ที่ยังกล้ามาขอโทษกู ขอให้กูยกโทษให้เพื่อนอีกคนที่ก็รุมหัวกันหลอกกู งงวะ งงความหน้าด้านของมัน มันคิดว่ากูจะให้อภัยพวกมันกับเรื่องนี้ได้จริงๆเหรอวะ มันทำเหมือนเรื่องที่เกิดขึ้น กูแค่ถูกแย่งดินสอกดไปใช้แบบไม่ขออะ ]
[ อื้ม ] คำตอบสั้นๆของคนที่อ่านข้อความผมอยู่ คิดผิดจริงๆ ที่บอกมัน รู้งี้ส่งข้อความไปหาไอ้วิวน่าจะดีกว่า เพราะรายนั้นไม่น่าจะมาส่งแค่คำว่า ' อื้ม ' แต่ต้องได้รวมหัวกันด่าแบบเมามันส์แน่นอน [ ตกลงบะหมี่หมูตุ๋นจะกินร้านไหน ]
[ มึงแม่ง.. เหี้ยว่ะ ] ถอนหายใจออกมากับการเปลื่ยนเรื่องที่โคตรรวดเร็วของมัน แล้วจะให้เล่าทำไมวะสัด ถ้าไม่มีความเห็นเหี้ยตอบกลับมา [ กูยังไม่ได้หา ]
[ ถ้ามีเวลาว่างมา มานั่งเซ็ง ก็ไปหา ] อาฟบอก [ จะได้เลิกคิดเรื่องเหี้ยๆนี่ ตอนกูไม่อยู่ด้วยสักที ] คนแบบนี้นี่มัน.. ผมเผลอยิ้มออกมาตอนที่อ่านข้อความนั้น บางทีคนอย่างมันคงอยากจะให้เล่าเพื่อให้ผมปลดความรู้สึกเหี้ยๆนั่นออกไปก็แค่นั้น ก่อนจะหาเรื่องอื่นมาให้คิด ก็อย่างที่มันบอก จะได้เลิกคิดเรื่องเหี้ยๆ นั่นสักที
[ อื้ม งั้นกูไปหาก่อนนะ ] ตอบมันไปสั้นๆ ก่อนจะกดออกจากหน้าจอแล้วหันไปพิมพ์ค้นหาของที่อยากจะกินในช่วงเย็นนี้ ' บะหมี่หมูตุ๋นอร่อยๆ ' [ มึง มันไม่มีร้านที่กูอยากจะกินเลยวะ แต่ค้นไปค้นมา เจอร้านข้าวหน้าปลาไหล ]
[ อื้ม จะกินข้าวหน้าปลาไหลแทน ]
[ มึงกินมั้ย ]
[ กิน ] มันตอบสั้นๆ ผมก็ส่งลิงค์ไปให้มันดู แต่อีกฝ่ายก็ตอบกลับมาแค่ [ มึงเลือก ]
[ มันมีหลายร้านมาก น่ากินทุกร้านเลย มึงช่วยกันเลือกหน่อย ]
[ ไม่ ขี้เกียจ มึงเลือกกูเลี้ยง ] ขมวดคิ้วมองข้อความของมันอยู่สักพัก ยังไม่ทันจะพูดอะไรอีกคนก็ส่งข้อความขยายประโยคแรกมา [ กูจ่ายเพราะมึงเป็นคนเลือกแล้ว ไม่มีอะไร ]
[ อื้ม ก็ยังไม่ได้ว่าอะไร ] ผมบอก [ เอาจริงๆ นี่ถ้าไม่ติดว่า มึงชอบบอกว่ารำคาญกูบ่อยๆ กูคงคิดว่า มึงพยายามหาเรื่องมาเลี้ยงข้าวกูแบบพวกคนกำลังขอจีบ ]
[ อื้ม ] อีกคนตอบมาสั้นๆ ตอนนั้นผมก็นิ่งเหลือบมองซ้ายขวาทั้งๆที่ไม่มีอะไร เดาอะไรไม่ออกกับความหมายของข้อความนั้น คือปกติมันควรจะพูดว่า ' กวนตีน ไม่ก็ มึงบ้าเหรอ ' อะไรทำนองนั้นรึเปล่า แต่ทำไมแม่งมาแค่นั้นวะ ทำไมแม่งมาเหมือนคำตอบรับ
ผมเม้มริมฝีปากตัวเองดูคำพูดของอีกคนผ่านหน้าจออยู่นาน มันขึ้นมาอ่านแล้วและผมต้องตอบ แต่ก็ไม่รู้จะตอบอะไรออกไปดี ข้อความนั่นชวนให้ใบ้กินไปเลย ‘ ไอ้สัดอาฟ มึงนะมึง แกล้งแน่ๆ ’ สมองที่กำลังคิด ผมออกจากหน้าจอก่อนจะเห็นหน้าเน็ตร้านอาหารที่เปิดค้างอยู่
[ แล้วตกลงจะกินร้านไหน ร้านใกล้ผับมันแพง แต่ไกลออกไปหน่อย ก็ถูกกว่า ] ผมเปลี่ยนเรื่องกลับเข้ามาคุยเรื่องอาหารต่อ
[ เอาร้านใกล้ผับ ]
[ กูจะแชร์โลเคชั่นไปนะ ] ผมพิมพ์บอกมันแต่อีกฝ่ายกลับพิมพ์สวนขึ้นมาก่อน
[ ไม่ต้อง ยังไงก็ต้องไปด้วยกันอยู่แล้ว ]
[ อ่า ก็จริง ] พยักหน้ารับมันทั้งๆที่อีกฝ่ายก็คงไม่ได้เห็น อยู่ๆก็กลายเป็นว่าไม่รู้จะตอบหรือชวนคุยอะไรออกไปอีก
ผมดึงหน้าจอแชทของตัวเองลงมา อ่านข้อความที่ตัวเองพิมพ์แซวอีกคนไปขำๆ เรื่องที่มันเลี้ยงข้าวบ่อยๆ จนเหมือนคนมาจีบกัน มองคำตอบ ' อื้ม ' สั้นๆนั้นอยู่สักพัก ท้องที่ปั่นป่วนไปหมดเพราะรู้สึกหน้าร้อนขึ้นมากะทันหัน ในส่วนลึกมากๆมันบอกกับผมว่า ' หรือมันจะชอบมึง ' แต่ถึงอย่างงั้นผมก็ยิ้มเยาะตัวเองก่อนจะส่ายหน้า
“ ไม่มีทาง เป็นไปไม่ได้ คนอย่างไอ้สัดอาฟ มากสุดก็แค่แกล้งเท่านั้นแหละ กวนส้นตีน " กดปิดหน้าจอมือถือตัวเอง แต่ยังไม่ทันจะคว่ำหน้าจอลงบนโต๊ะ เสียงไลน์ของคนที่กำลังคุยกันอยู่ก็ทักขึ้นมาอีก
[ วันนี้เลิกกี่โมง ]
[ บ่ายสามครึ่ง มึงอะ ]
[ เสือก ]
[ อ้าว ไอ้สัดถามดีๆ เดี๋ยวโดนต่อย ]
[ กูจะไปรับไม่เกินสี่โมง เตรียมตัวไว้ ถึงแล้วจะไลน์ไป ]
[ โอเค แต่ไลน์มาตอนติดไฟแดงหน้ามหาลัยนะ เดี๋ยวกูออกไปยืนรอ ไม่ต้องพิมพ์ไปขับไป อันตราย ]
[ อื้ม ]
[ รีบมานะอาฟ กูไม่อยากอยู่นาน ]
[ ครับ รู้อยู่แล้ว ]
ยิ้มให้กับข้อความที่เห็น ผมปิดหน้าจอมือถือลงอีกครั้งก่อนจะหันไปมองกระดานที่ตอนนี้ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าอาจารย์พูดอะไรไปถึงไหน แต่ช่างมันแล้วกัน เพราะถ้าจะแค่มานั่งอ่านสไลด์ให้ฟังก็ค่อยกลับไปอ่านเองก็ได้ ผมลุกขึ้นจากเก้าอี้ตอนที่อาจารย์ปล่อยเลิก หันหลังเดินออกไปจากห้องในตอนที่เพื่อนสองคนก็ยืนขึ้นพอดี ไอ้จิงที่ทำทีจะเดินมาหาผม แต่ทว่าผมก็เบี่ยงหลบมันออกไปก่อน
' AFTER '
[ เลิกแล้วนะ กำลังเดินลงไป ]
[ กำลังไป รอก่อน รถติด ]
[ โอเค เดี๋ยวไปรอนั่งหน้าคณะนะ ] ผมพิมพ์ตอบมันก่อนจะใช้บันไดเดินลงแทนการรอลิฟต์ เพราะถ้าขืนรอมีหวังต้องคุยกับไอ้สองคนนั้นแบบเลี่ยงไม่ได้แน่
มองหาที่นั่งหน้าคณะที่ว่างแต่ยังไม่ทันจะเจอก็เจอเข้ากับคนที่ไม่อยากจะเจอเสียก่อน บิน แฟนเก่าผมเดินตรงเข้ามาหา สีหน้าเว้าวอนของมันแตกต่างจากเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนที่มันนั่งยิ้มมีความสุขอยู่กับเพื่อนผม
" เมด " ผมถอนหายใจออกมาตอนที่มันเอ่ยเรียกชื่อ มองไปทางอื่นอย่างไม่อยากจะสนใจแต่อีกฝ่ายก็เอื้อมมือมาจับมือของผม
" ปล่อย " สะบัดมือนั้นให้หลุดออก ผมจ้องหน้ามันด้วยสายตาไม่ชอบใจ " อย่ามายุ่งกับกู "
" เมด บินแค่อยากจะคุยเรื่องของเรา เปิดโอกาสให้บินหน่อยไม่ได้เหรอวะ โทรไปก็ไม่รับ ไลน์ก็ไม่ตอบ เจอหน้าก็ไม่พูด แล้วแบบนี้บินจะอธิบายให้เมดฟังได้ไง ว่าเรื่องมันเป็นมายังไง "
" มึงจะอธิบายอะไรวะ พูดมาเลยว่าจะตอแหลอะไรให้กูฟัง " ผมบอก " ทำไมมึงนอนกับเพื่อนกูมาตลอดสี่ปี ถ้ามึงจะอธิบายเรื่องนี้แล้วบอกว่า มึงแค่เผลอไป งั้นก็ไม่ต้อง คนเราไม่เผลอนานถึงสี่ปีหรอก แล้วอีกอย่างเมื่อตอนเที่ยงที่ผ่านมา มึงก็คงไม่ได้เผลอ "
" ไม่ใช่แบบนั้น ไม่ได้จะอธิบายแบบนั้น ขอโทษ " มันที่จับมือผมอีกครั้งแต่คราวนี้กลับจับไว้แน่นกว่าเดิม " ขอโทษจริงๆ แต่บินรู้แล้วว่าบินรักเมดมากแค่ไหน อย่าทำแบบนี้เลย ฟังกันก่อนสิ เราคบกันมาตั้งนาน เมดจะไม่ฟังอะไรบินเลยเหรอวะ "
" มันไม่มีอะไรต้องฟัง ทุกอย่างชัดเจนแล้ว มันอธิบายทุกอย่างแล้วด้วยซ้ำ " ผมบอกก่อนจะถอนหายใจรำคาญออกมา " มึงพอเถอะบิน กลับไปอยู่กับไอ้ยีนส์ หรือจะไปตายที่ไหนก็ไป แล้วไม่ต้องมายุ่งกับกูอีก กูปล่อยมึงแล้ว มึงก็ควรปล่อยกู "
" เมด..” สายตาอ้อนวอนที่ส่งมา เจ็บขนาดนั้นแต่ทำไมหัวใจมันยังสั่นกับสายตานั่นอยู่ได้วะ ทำไมวะ ทำไมไม่จำ ว่ากี่ครั้งแล้วที่ไอ้เหี้ยนี่มันทำให้เจ็บปวด อย่าอ่อนแอทุกทีสิว่ะ จำไว้สิมึง ไอ้เหี้ยนี่ไงที่มันทำให้มึงเจ็บจนเจียนตายอยู่แล้ว
" อย่ามายุ่งกับกู กูไม่อยากจะให้ใครเข้าใจผิด เราไม่ได้เป็นอะไรกันแล้ว " สะบัดมือออกจากมือของมันแต่เหมือนอีกฝ่ายจะยังดึงดันไม่เลิก เหมือนที่ไอ้อาฟบอกไม่มีผิดเลย ทำไมมันถึงเดาเก่งได้ถึงขนาดนั้น
“ ไอ้อาฟใช่มั้ย คนที่มึงไม่อยากจะให้เข้าใจผิด มึงคบกับไอ้อาฟใช่มั้ยเมด "
“ ใช่ " ผมบอกมัน " กูคบกับอาฟ แล้วเลิกยุ่งกับกู กูไม่อยากจะให้อาฟเข้าใจผิด "
“ เมด..” ท่าทางที่ดูตกใจของมัน ก็จริงอยู่ที่ตลอดมาผมเคยรักแค่มันคนเดียว อดทนมาตลอดไม่ว่าคนตรงหน้านี้จะเป็นยังไง ต่อให้เรื่องที่ขัดใจร้อยล้านพันเรื่องผมก็ทนได้ นั่นเพราะผมคิดมาตลอดว่า ผมรักมัน และอยากจะรักมันเป็นคนสุดท้าย แล้วนั่นก็เป็นความคิดที่โง่ที่สุดในชีวิตของผมแล้ว " ฟังนะ คนอย่างไอ้อาฟรักใครไม่เป็นหรอก คนอย่างมันหวังแค่จะหลอกฟันมึงก็เท่านั้น "
“ งั้นถ้าเป็นอย่างงั้นก็ไม่เป็นไร ยังไงก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่กูโดนหลอก " ผมจ้องหน้ามันก่อนจะยกยิ้ม " ไม่มีอะไรเหี้ยไปกว่าการโดนสวมเขาจากมึงแล้วก็ยีนส์ มาตลอดสี่ปีหรอกบิน "
ปี๊น! เสียงแตรรถที่ทำให้เราสองคนหันไปมอง รถคันหรูของอาฟ ที่เห็นแล้วก็รู้สึกว่ามันเป็นรถที่เท่ห์มากๆก็วันนี้แหละ
“ เมด “ ผมสะบัดมือมันออกอีกครั้ง ก่อนจะยกยิ้มให้
" ไปนะ แฟนกูมารับแล้ว "
...........................................................
ก็มีความห่วงใยกันเบาๆ จากประโยคธรรมดาทั่วไป ที่มองไม่ธรรมดา
พี่อาฟก็หยอดหน้านิ่งเหลือเกิน น้องละยอมใจ ตอนนี้ดูเหมือนไม่ค่อยมีอะไรเท่าไหร่
เพราตอนเขียนหนมเขียนรวมกับตอนที่ 11 แล้วเอามาแบ่งเป็นสองตอนเอานะคะ ซึ่งตอนที่ 10 มันตัดตรงนี้ดีสุด
ฮ่าๆๆๆๆ เห็นใจน้องด้วยนะคะ น้องขออภัยนิดนึงงง
ส่วนนี้คือ ทางไปนิยายแชท เจ้าค่ะ
http://www.joylada.com/story/5a8bfb6e007ee30001162ca6เจอกันตอนหน้า ฝากแท็ก #ผับชั้นสาม ด้วยนะคะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์จ้า