ห้องตรงข้ามผมมันนักเลง - *** แจ้งข่าวรีไรท์ *** อัพตอนพิเศษ!!! (4/11/61)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ห้องตรงข้ามผมมันนักเลง - *** แจ้งข่าวรีไรท์ *** อัพตอนพิเศษ!!! (4/11/61)  (อ่าน 79556 ครั้ง)

ออฟไลน์ ก่อนเหมันต์

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 84
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-2
6
สัมภาษณ์



ธันธเนศถอยหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะตัดสินใจเคาะประตูห้องๆ หนึ่งที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากห้องเข้ามากนัก แค่ตรงข้ามกัน หลังจากที่ยืนทำใจอยู่นานสองนาน

ไม่นานหลังจากเสียงเคาะเบามือดังขึ้น ก็มีเสียงของความเคลื่อนไหวภายในห้องนั้นอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่ประตูบานหนาหนักจะเปิดออก ร่างสูงยืนค้ำขอบบนประตูที่ความสูงไล่เลี่ยกันมองหนุ่มนักหนังสือพิมพ์ยืนห่อไหล่อยู่ด้านนอก ก่อนที่รอยยิ้มที่ดูไม่น่ายินดีนักของเจ้าของห้องจะปรากฏขึ้น

“หวัดดี” คนในห้องกล่าวทักทายพร้อมรอยยิ้มที่ดูยังไงก็ไม่น่ายินดี

“อือ” อีกฝ่ายกล่าวตอบ

...

“จะให้เข้าไปไหมสรุป”

“อ้อ เชิญจ้าคุณนักข่าว” แม้จะกล่าวเชิญชวนแต่ร่างหนาก็ยังคงยืนขวางอยู่อย่างนั้น ธันธเนศจึงเดินแทรกเข้าไปอย่างรำคาญ

มันจะได้จบๆ ไปเสียที

เมื่อผ่านประตูเข้าไป ภาพแรกตรงหน้าคือมุมรับแขกที่มีโซฟาเรียบๆ แต่ดูมีราคากับโต๊ะตัวเตี้ยที่รูปทรงแปลกตาตัวหนึ่ง บนพนักพิงของโซฟามีกางเกงที่น่าจะผ่านการใช้งานมาแล้วสองสามตัวพาดอยู่ ธันธเนศหยุดยืนอยู่ตรงนั้น

ก่อนที่เจ้าของห้องที่เหมือนจะรู้ตัวแล้ว เดินแซงเขาเข้ามาแล้วรวบกางเกงสามตัวนั้นก่อนจะถือมันมาเหวี่ยงลงบนที่นอน

ธันธเนศยืนตัวแข็งทื่อเมื่อบางอย่างลอยละลิ่วออกมาจากเจ้าสามตัวนั้นลงมากองลงตรงหน้าเขาพอดิบพอดี

กางเกงใน!

แม้จะเป็นกางเกงในชาย แต่มันก็ไม่ใช่ของเขา และที่สำคัญ มันต้องผ่านใช้งานมาแล้วแน่ๆ เพราะคราบบนนั้นที่เด่นสะดุดตามันบอกสถานะของตัวมันเอง

“เชิญนั่งเลยครับ ผมเคลียร์ให้ละ”

“แน่ใจ?”

ธันธเนศพูดพลางเหลือบลงมองสิ่งที่กองอยู่ตรงหน้าเขาตอนนี้

“กางเกงใน” เจ้าของห้องผู้ไม่ได้มีสีหน้าทุกร้อนหรือเขินอายกล่าวขึ้น

“อือ เห็นเป็นหมวกเหรอ เก็บดิ”

ร่างสูงก้มลงคว้าเจ้าสิ่งนั้นก่อนจะโยนมันลอยละลิ่วไปในตะกร้าผ้าที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลได้อย่างแม่นยำ ประหนึ่งว่าทำมันอยู่ตลอด

“จะดื่มอะไรไหม เดี๋ยวผมเอาให้”

“ไม่อะ มาเริ่มเลยดีกว่า เสียเวลาทำมาหากิน”

“จะรีบไปไหน วันนี้คุณต้องอยู่กับผมทั้งวัน”

“หมายความว่าไง”

“ก็หมายความตามที่พูดแหละ”

“ผมยังมีงานที่รออยู่อีกนับไม่ถ้วน เวลาของผมกับคุณที่นี่คือสัมภาษณ์จบก็แยกย้าย สองชั่วโมงก็น่าจะเกินพอแล้ว ทั้งวงทั้งวันอะไรไร้สาระ”

ผู้เป็นเจ้าของหาได้สนใจสิ่งที่เขาพูดไม่ แต่กลับก้าวอาดๆ ไปที่ครัว ก่อนจะจับนู่นวางนี่อย่างใจเย็น

ธันธเนศนั่งมองอย่างไม่สบอารมณ์ แต่ก็ต้องกัดฟันข่มมันไว้อย่างสุดชีวิต เพราะคำว่างานเพียงอย่างเดียว เดี๋ยวมันก็จบ

เสียงช้อนกระทบกับแก้วเซรามิกดังขึ้นหลังจากนั้น ขณะเดียวกันธันธเนศก็กวาดสายตาไปทั่วห้องเพื่อฆ่าเวลารอตัวปัญหาให้พร้อมเสียที

จะว่าไปแม้จะเป็นเพียงห้องพักของนักศึกษาตัวคนเดียวที่เหมือนจะอยู่อย่างง่ายๆ ข้าวของถูกวางไว้ในที่ๆ หยิบจับใช้ง่ายมากกว่าจะจัดวางอย่างเป็นระเบียบ แต่ภายใต้สิ่งเหล่านั้นมันก็มีบางอย่างที่บ่งบอกตัวตนของเจ้าของห้องได้เป็นอย่างดี

สภาพห้องโดยรวมถูกตกแต่งในแบบของผู้ชายลุยๆ ความเรียบง่าย สบายๆ ของใช้ที่มีเพียงสิ่งที่จำเป็นต่อชีวิตเท่านั้น

 

เวลานานสองนาน ก่อนที่แก้วใส่เครื่องดื่มร้อนๆ จะถูกนำมาวางลงตรงหน้า เสียงก้นแก้วกระทบกับกระจกดึงความสนใจเขามายังคนที่อยู่ตรงหน้าแทน

ร่างสูงหย่อนก้นลงนั่งลงบนโซฟาที่อยู่ตรงกันข้าม

“น้ารัญโทรมาบอกผมว่า สัมภาษณ์เสร็จ คุณต้องพาผมไปเลี้ยงข้าวตอบแทน ไม่ต้องกลับเข้าไปที่บริษัทแล้ว”

ลูกน้องคงไม่สำคัญเท่าหลานชายสินะ มีเรื่องอะไรเลยข้ามหน้าข้ามตาเขาไปเสียได้

“ผมชงกาแฟมาให้” ธันวาชี้มาที่แก้วตรงหน้า “สุดฝีมือเลยนะ”

ธันธเนศเหลือบมอง แต่ก็ไม่พูดอะไร เขาจะชี้โพรงให้กระรอก ด้วยการแสดงจุดอ่อนเรื่องแพ้คาเฟอีนให้ศัตรูรู้ไม่ได้เด็ดขาด

นักหนังสือพิมพ์หนุ่มเอื้อมมือไปเปิดสวิตซ์เครื่องอัดเสียง ก่อนจะจับปากกาเตรียมจดลงในสมุดโน้ตเล่มเล็กๆ ที่มีคำถามคร่าวๆ จดไว้อยู่ก่อนแล้ว

“แนะนำตัวหน่อยครับ”

“ชื่อจริงชื่อธันวา ชาติพยัคฆ์ ชื่อเล่นชื่อธัน อายุ 21 ตอนนี้เรียนปีห้า สาขาวิชาพลศึกษา ตอนนี้เป็นโค้ชเทควันโด้ให้ยิมแห่งหนึ่งอยู่”

“เริ่มเล่นเทควันโดตั้งแต่เมื่อไหร่”

“ตั้งแต่ห้าขวบ เล่นทุกวันหยุด หลังๆ ก็เล่นทุกวันหลังเลิกเรียนด้วย จากนั้นก็เริ่มลงสนามแข่ง แข่งครั้งแรกตอนแปดขวบ จากนั้นก็ลงสนามมาเรื่อยๆ จนมาติดทีมชาติตอนอายุ 15 แล้วก็ได้เหรียญทองเทควันโดเยาวชนชิงแชมป์ประเทศไทยเลย อายุ16 ได้เหรียญทองเทควันโดชิงแชมป์ประเทศไทย แล้วก็แข่งมาเรื่อยๆ ทั้งระดับประเทศและนานาชาติ ชนะบ้างแพ้บ้าง”

“ส่วนใหญ่ชนะหรือแพ้”

“คิดว่าไง”

“ผมสัมภาษณ์คุณอยู่นะ”

“ชนะดิ ระดับนี้”

“แล้วระดับนานาชาติได้รางวัลอะไรบ้าง”

“ครั้งแรกตอนอายุ 18 ได้เหรียญทอง เทควันโดชิงแชมป์โลกที่ประเทศเดนมาร์ก จากนั้นก็แข่งมาเรื่อยๆ เคยได้เหรียญเงินแค่ครั้งเดียว ที่เหลือ ทองหมด”

แหวะ ขี้โม้ฉิบหาย

ใบหน้านิ่งสะกดกั้นสิ่งที่อยู่ในใจ

“แล้วเริ่มเป็นโค้ชตั้งแต่เมื่อไหร่”

“ตอนเรียนปีสี่น่ะ อดีตโค้ชผมเขาจะย้ายกลับไปเกาหลี เลยหาคนมาสอนแทน เขาเลยเห็นว่าผมพอที่จะดูแลแทนเขาได้ เขาเลยขอให้ผมมารับหน้าที่นี้”

“ตอนนี้ออกจากทีมชาติเรียบร้อยแล้ว?”

“ประมาณนั้น”

“แรงบันดาลคือไร”

“ไม่มีแรงบันดาลใจอะไรทั้งนั้น พ่อผมเห็นว่าตอนเด็กๆ ผมดูอ่อนแอ ใครแกล้งก็ไม่สู้ ยอมเขาไปเสียหมด เลยบังคับให้ผมเรียนไว้เพื่อป้องกันตัว แต่พอเรียนไปเรื่อยๆ ก็รู้สึกว่ามันไม่ได้แย่ ยิ่งอยู่กับมันยิ่งผูกพัน จากจำใจเรียนก็กลายเป็นอยากเรียน อยากเล่นทุกวัน”

“ใช้เวลานานเท่าไหร่ ถึงคิดว่าตัวเองมาถึงจุดที่เก่งแล้ว ฝีมือไม่ธรรมดาแล้ว”

“ก็คงเป็นตอนได้เหรียญทองเหรียญแรกตอนแปดขวบ”

“อื้อหื้ม” ผู้สัมภาษณ์เบะปากพยักหน้าโงนๆ เชิงชื่นชมผู้ถูกสัมภาษณ์ เหรียญทองเหรียญแรกที่เขาได้ก็ตอนแปดขวบเช่นกัน

“อะไรทำให้คุณคิดว่าคุณมีดีกว่าคนอื่นในเรื่องความสามารถของกีฬาเทควันโด”

ผู้ถูกถามถึงขั้นเงยหน้าสบตานักหนังสือพิมพ์หนุ่ม มันเป็นคำถามที่ทำให้จุกอกได้เหมือนกัน ยิ่งถ้าตอบได้ไม่ดี ความสามารถที่เขามีก็ดูไร้ความหมายกับผู้ที่อยู่ตรงหน้าไปโดยปริยาย

“เอ่อ...”

ผู้ที่ดูฝีปากกล้าและมีทีท่าที่ดูมั่นใจในตอนแรก ดูสับสนไปชั่วขณะ

“คงเป็นเพราะผมใช้มันเป็นแรงผลักดันให้ผมก้าวไปข้างหน้า หลังจากที่ผมเริ่มเล่นมันได้ไม่นาน พ่อของผมก็เสีย โดยที่ผมไม่มีโอกาสได้ทำอะไรเพื่อเขาบ้างเลย แต่มีเพียงสิ่งเดียวที่ผมพอจะเชื่อว่า ถ้าผมยืนหยัดทำมันต่อไป และถ้าหากทำมันได้ดี หากพ่อยังอยู่คงจะภูมิใจในตัวผมไม่น้อย นั่นก็คือเทควันโด ผมซ้อมมันอย่างหนัก ใช้เวลาที่มีค่าทุกวินาทีเพื่อทุ่มเทให้กับมัน จนในที่สุดก็มาถึงจุดที่สูงที่สุดคือการได้ติดทีมชาติ ได้เป็นตัวแทนประเทศ หลังจากผ่านพ้นจุดๆ นั้นมา ผมก็ยังไม่ละทิ้งมัน ผมใช้ความสามารถที่มีอยู่ทั้งหมดส่งต่อให้คนอื่น แม้มันอาจจะไม่ได้มากเท่าคนอื่นๆ แต่ผมก็มอบให้ทั้งหมดที่มี ให้เขาได้มีโอกาสทำตามความสามารถของเขา ให้ได้ไปถึงจุดที่สูงที่สุดเหมือนที่ผมเคยเป็น ซึ่งบางคนก็ไม่ได้มีโอกาสที่ดีเหมือนผม ส่วนหนึ่งก็อาจจะเป็นเพราะเรื่องของฐานะทางการเงินของที่บ้าน ผมก็สอนให้เขาฟรี ทุกครั้งที่อยู่กับพวกเขาผมก็เฝ้าบอกเสมอว่า อย่าคิดแค่ว่ามันเป็นกีฬา อย่าคิดแค่ว่าตัวเองเรียนไปก็เพื่อทำตามใจของใครบางคน คิดเสียว่ามันคือหนทางสู่โอกาส ถ้าเราทำได้ คนที่ภูมิใจไม่ใช่แค่เรา บางคนไม่มีโอกาสเหมือนคุณด้วยซ้ำ เพราะฉะนั้นอย่าทำมันเพียงเพราะความจำใจ แต่จงทำมันให้เป็นที่จดจำแก่ใจ” ผู้ถูกสัมภาษณ์มือสองข้างประสานกัน สีหน้ามุ่งมั่นแสดงออกถึงความจริงใจในสิ่งที่พูดออกมา

สิ่งที่ธันธเนศเพิ่งจะได้ยิน ทำให้เขาแทบอยากจะถอนมุมมองที่เคยมีต่อชายหนุ่มคนนี้ทิ้งไปทั้งหมดแล้วเริ่มมองเขาในมุมใหม่ แต่ก็นั่นแหละ สิ่งที่พูดออกมาใครๆ ก็พูดได้ เพื่อให้ตัวเองดูดี การกระทำต่างหากที่ยังต้องดูกันยาวๆ

 “พ่อคุณคงภูมิใจน่าดู เอาล่ะ” หนุ่มผู้สัมภาษณ์ก้มมองตัวหนังสือยึกยือสีน้ำเงินตรงหน้าตัก ก่อนจะถอนหายใจอีกเฮือกหนึ่ง “ต่อไปเป็นเรื่องส่วนตัวบ้างนะ” มันเป็นสิ่งที่เขาไม่เคยคิดอยากจะถาม แต่งานเขาจะไม่เสร็จสมบูรณ์หากเขาไม่ทำตามใจบรรณาธิการหนุ่มใหญ่

“การเรียนเป็นไงบ้าง”

“ก็ถือว่าดีนะ เรื่อยๆ”

“เกรด?”

“สามกลางๆ ”

“มุมมองความรัก”

“ถามจริง?”

“ผมทำตามหน้าที่ น้าคุณเป็นคนตั้งคำถามพวกนี้”

“อ๋อ อย่างนี้นี่เอง นึกว่า...”

“อะไร”

“เปล๊า” สีหน้ามีเลศนัยตอบเสียงสูง เขาผ่อนลมหายใจ สีหน้าจริงจังขึ้น “ผมเชื่อว่ารักเป็นเรื่องของเวลา ไม่ใช่เรื่องฉาบฉวยหรือเล่นๆ ความรักคือการเอาใจใส่กัน ดูแลกัน อยู่เคียงข้างกันและกันเสมอไม่ทอดทิ้งกันแม้ในยามลำบาก”

แหม่ ไอ้เด็กคนนี้นี่ไม่ธรรมดาจริงๆ โว้ย แม้ภายนอกจะดูไม่จริงจังกับอะไรเลย แถมดูโมโหร้าย ขวานผ่าซาก กระโชกโฮกฮาก แข็งกระด้าง ไม่สนใจใคร แต่ลึกๆ แล้วก็มีความคิดที่เป็นผู้ใหญ่อยู่พอสมควร

“สุดท้ายแล้ว ก่อนถ่ายรูปประกอบ สเปคอะ”

“สเปคผมเหรอ”

“อืม” เขาตอบเสียงในลำคอ

“ผมชอบคนที่อายุมากกว่าแต่ไม่ถึงกับแก่ ดูแลตัวเองได้ ลุยๆ ไม่ง๊องแง๊ง หน้าหวาน ตาโต ตัวเล็กกว่าผม และที่สำคัญรักผมและไม่ทอดทิ้งผมแค่นั้นก็เพียงพอ”

ธันธเนศก้มหน้าจดยิกๆ โดยพยายามไม่มองหน้าคู่สนทนาที่น้ำเสียงแปลกไปจนน่าขนลุก

 

 

หลังจากที่จบสิ้นการสัมภาษณ์โค้ชหนุ่มเพื่อไปลงในหนังสือพิมพ์ แต่ก็ยังเหลือเวลาอีกนานกว่าจะถึงมื้อค่ำที่เขาต้องทำตามข้อเสนอของสองน้าหลาน ธันธเนศเลยขอกลับไปเคลียร์งานค้างที่บริษัทก่อน และค่อยกลับมาทานอาหารเย็นตามที่ได้ตกปากรับคำไว้

               

“เฮ้ยธัน”

ธันธเนศที่มัวแต่จดจ้องอยู่กับหน้าจอคอมฯ จนลืมดูเวลาไปเสียสนิทตอบรับอีกฝ่ายโดยไม่มองหน้าด้วยซ้ำ

“มึงต้องไปกินข้าวกับธันวามันไม่ใช่เหรอ”

“รู้แล้วน่าพี่ อีกแปบเดียว”

“แปบเดียวอะไรมึง ไม่ต้องแล้ว นี่มันจะทุ่มหนึ่งแล้ว ไปๆ เดี๋ยวน้องมันรอ”

“โธ่ ถ้าไม่ใช่หลานตัวเอง จะเป็นห่วงเป็นใยเขาขนาดนี้ไหมเนี่ย”

“เอ๊ะมึงนี่มันยังไง พี่แค่อยากให้มึงเป็นคนรักษาคำพูด”

หนุ่มนักหนังสือพิมพ์มิวายเลียนคำอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงยั่วอารมณ์ “เออๆ ไปก็ได้ว่ะ”

เขาลุกขึ้นดันเก้าอี้ที่นั่งอยู่อย่างแรงจนไปกระทุ้งกับคนที่ยืนอยู่ข้างหลัง ก่อนจะคว้ากระเป๋าคู่ใจแล้วเดินออกไป

บรรณาธิการหนุ่มใหญ่มองตามอย่างหมดอาลัยตายอยากในนิสัยประจำตัวของผู้เป็นลูกน้อง

               

 

“แหม่ นึกว่าจะเบี้ยวผมแล้วซะอีก”

น้ำเสียงของคนที่รอยังคงสดใสอยู่ พร้อมกับสีหน้ากวนเบื้องล่างเช่นเดิม

มีเพียงเสียงถอนหายใจเบาๆ แทนคำตอบ ใบหน้าเรียบเฉยไม่แม้แต่จะมองคนที่เพิ่งลุกขึ้นจากขอบบ่อน้ำพุตรงหน้าตึกทำงาน

“ทำหน้าให้มันดีๆ หน่อย”

“แค่ไปกินข้าวต้องร่าเริงแค่ไหนกันเชียว”

“นี่ถามจริง ในหัวเคยคิดอยากจะพูดกับผมดีๆ สักคำบ้างไหม”

ย้อนแย้งตัวเองไปดิ เจอกันครั้งแรกใครกันที่ทำท่าเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อเขาให้ได้

               

“พี่ธัน” เสียงปริศนาดังขึ้นทำให้สองหนุ่มที่กำลังเดินตามกันต้อยๆ ออกไปหันควับมายังเสียงเรียก ธันธเนศนั้นรู้ดีว่านั่นคือเสียงของใคร

เด็กหนุ่มในชุดกางเกงนักเรียนขาสั้นกับเสื้อยืดสะพายกระเป๋ากีฬายืนนิ่งอยู่ตรงนั้น

“อ้าว ว่าไงตี๋”

“พี่จะไปไหน วันนี้พี่บอกว่าจะไปซ้อมให้ผมไม่ใช่เหรอ”

“เออว่ะ กูลืมบอกไป โทษที วันนี้มีธุระน่ะ” เขามองมายังธันวาที่ยืนอยู่ข้างๆ

ใบหน้านิ่งเริ่มแสดงออกถึงความไม่พอใจ ราชวุฒิเป็นเพียงเด็กหนุ่มวัยมัธยม ที่คิดอะไรอยู่ก็แสดงออกมาตรงๆ ไม่อ้อมค้อม ไม่ซับซ้อนเหมือนผู้ใหญ่

“แต่พี่นัดกับผมก่อน”

“เอ๊า ก็...”

“หมายความว่าไง ซ้อมอะไร” หนุ่มนักเทควันโดที่ยืนอยู่ข้างๆ เริ่มสงสัยในบางอย่างหลังจากที่เงียบฟังอยู่ตลอดการสนทนา

“พี่ใช่ไหมที่มาแย่งพี่ธันไป ธุระอะไรสำคัญแค่ไหน ยังไงพี่ธันเขาก็นัดกับผมก่อน”

“เห้ยไอ้น้อง พูดงี้ก็สวยดิ”

คนอย่างธันวามีหรือจะพูดเปล่า ร่างสูงผลีผลามตรงมาทางเด็กหนุ่มทันที ธันธเนศเห็นท่าไม่ดีจึงคว้าแขนอีกฝ่ายไว้

“กูขอโทษ ไว้พรุ่งนี้วันเสาร์กูหยุดงาน มึงก็ไม่มีเรียน จะซ้อมให้มึงทั้งวันยังได้”

“นี่คุณเป็นโค้ชกีฬาเหรอ” ธันวาถามด้วยสีหน้าประหลาดใจสุดชีวิต ความเจ็บจากฝ่าเท้ากระทบหน้าอกวันนั้นเจ็บแปลบขึ้นมาในทันตา

“มันไม่สำคัญ มันสำคัญที่พี่ไม่รักษาคำพูด” เด็กหนุ่มพูดเสียงสั่นก่อนจะหันหน้าเดินออกไปทันที

“ตี๋ เดี๋ยวดิ” เขาทำท่าจะเดินตามแต่คนที่ยืนอยู่ข้างๆ คว้าสายกระเป๋าเขาไว้

“ไม่ต้องตามไป”

“เด็กมันโกรธผม คุณเห็นไหม” สีหน้าต่อว่าที่อีกฝ่ายทำให้เขาผิดสัญญา

“เอาน่า เด็กโกรธแปบเดียวมันก็ลืม”

“ความรู้สึกบางความรู้สึกเสียไปแล้วมันกลับมาเป็นเหมือนเดิมไม่ได้หรอกนะ”

“แล้วความรู้สึกผมล่ะ”

...

แม้อีกฝ่ายจะปล่อยแล้วก็ตาม แต่ธันธเนศก็เดินต่อไม่ไหวเมื่อได้ยินดังนั้น

 

 

ธันวานั่งมองสีหน้าซังกะตายตรงหน้าเป็นระยะ ในร้านข้าวต้มชื่อดังที่ตนเองเป็นคนเสนอ

“ยังไม่บอกผมเลยนะว่าเป็นโค้ชกีฬาหรือเปล่า”

“เปล่า ก็แค่สอนให้เด็กมันน่ะ”

“แล้วเล่นกีฬาอะไร”

“คาราเต้”

“กูว่าแล้ว” ผู้ฟังตบโต๊ะดังปัง “ตีนหนักแถมคล่องขนาดนั้น คนธรรมดาทำไม่ได้หรอก ไหนบอกว่าไม่เคยเรียนต่อสู้”

“แล้วจะอยากรู้ไปเพื่ออะไร”

“ก็แค่ถามดู”

ข้าวต้มปลาร้อนๆ กลิ่นหอมฉุยถูกยกมาเสิร์ฟตัดช่วงการสนทนา

“น้องครับ พี่ขอถ้วยเปล่าหน่อย”

 

ธันวานั่งมองอีกฝ่ายค่อยๆ ใช้ช้อนตักปลาออกทีละชิ้นๆ อย่างบรรจงไว้ในถ้วยแบ่งเล็กๆ ที่ขอมา

“ไม่กินเหรอ”

“อือ”

“งั้นเอามาให้ผม เสียของ”

ชายหนุ่มยกถ้วยที่มีเนื้อปลาเทลงไปในถ้วยตัวเองอย่างไม่มีทีท่าว่าจะรังเกียจหรือคิดเยอะ

“ยังไม่หมด”

“ตักมาใส่ถ้วยผมเลย” เขาพูดพลางผลักถ้วยเล็กๆ ที่ว่างเปล่านั้นออกห่าง ก่อนจะลงมือซดข้ามต้มอย่างไม่กลัวมันจะลวกปากเอา

“ชอบกินข้าวต้มเหรอ”

“อือ ผมว่ามันย่อยง่ายดี ไม่หนักท้อง ไม่ใช่แค่ข้าวต้มนะ โจ๊กก็ชอบ ทีแรกก็เฉยๆ แต่เพราะยีนส์เอามาให้ทุกวันก็กลายเป็นว่าชอบกินซะงั้น”

 

 

“เออ ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ถามไรหน่อยดิ”

“ถ้าตอบได้ก็จะตอบ”

“คบกับเจ้าของโจ๊กคนนั้นมานานแค่ไหนแล้ว”

“ใครบอกคุณว่าผมคบกับยีนส์เขา”

“เอา ก็เห็นไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยๆ”

“แหมะ ทำเป็นไม่สนใจ จริงๆ ก็แอบมองอยู่ตลอดนี่เอง”

“มันเด่นชัดขนาดนี้ต้องแอบมองด้วยเหรอ”

“ใช่เร๊อออออ”

“เออ งั้นกินต่อไปเถอะ ไม่ต้องตอบหรอก”

“ผมไม่ได้ชอบน้องเขาหรอก แค่รู้สึกดีที่เขาคอยเทคแคร์อยู่ตลอด ยีนส์เขาเป็นรุ่นน้องที่มหา’ลัย เขาเป็นดาวคณะ ส่วนผมเป็นรุ่นพี่เดือนคณะ เลยต้องร่วมกิจกรรมด้วยกันตลอด เลยได้ไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยๆ”

“งี้มันก็เหมือนให้ความหวังเขาหรือเปล่า”

“ผมเคยพูดไปกับยีนส์เขาไปตรงๆ แล้ว ว่าผมยังไม่อยากคบใคร”

“แล้วรู้จักกันขนาดนี้ ทำไมถึงต้องแอบเอาโจ๊กมาให้ด้วยว่ะ ทำไมไม่ให้กันตรงๆ เลย”

“ก็ตอนแรกน้องเขาเขินผมไง”

“คนซวยก็เลยเป็นกู”

“โอ๋ย แค้นฝังหุ่น”

“เออดิ ถ้าโดนต่อยก็คือโดนต่อยฟรีปะวะ”

“เอาน่า ขอโทษษษ”

รอยยิ้มที่ดูจริงใจปรากฏขึ้น เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นมัน หลังจากที่เมื่อก่อนเจอกันทีไรเป็นต้องแยกเขี้ยวยิงฟันใส่กันทุกที แต่ก็นั่นแหละ นี่อาจเป็นแผนการอย่างใดอย่างหนึ่งของศัตรูเขาจะหลวมตัวเชื่อไม่ได้เด็ดขาด

 

 

“นึกยังไงถึงมาญาติดีกับผม”

“ยังไง”

“ก็ที่ทำอยู่นี่ไง”

“ก็...” สายตาไม่นิ่งบ่งบอกว่าผู้ถูกถามเหมือนอ้ำอึ้งเพราะเขินอายที่จะพูดออกมา “เรื่องที่ผมท้องร่วงเกือบตายวันนั้น”

เมื่อได้ยินดังนั้นธันธเนศก็แทบกลืนช้อนลงไปทั้งคัน ถ้าไม่ใช่เพระความผิดเขา เขาก็คงไม่มีห่วงดูดำดูดีขนาดนั้นหรอก

“ทั้งที่ผมรู้นะว่าเป็นฝีมือคุณ”

เท่านั้นแหละ เสียงสำลักน้ำข้าวต้มก็ดังขึ้นทันที

 

 

นักหนังสือพิมพ์หนุ่มเดินกลับเข้ามาในคอนโดเงียบๆ หลังจากที่ธันวาขอแยกตัวไปช่วยแม่ของเขาปิดร้าน เขารู้สึกสบายใจอย่างบอกไม่ถูก หลังจากที่รู้ว่าพรุ่งนี้คือวันหยุด แม้ยังไงเขาก็ต้องทำงานที่ค้างอยู่ให้เสร็จ แต่อย่างน้อยมันก็คือวันที่ได้พักผ่อนสมอง พักผ่อนจากหลายๆ สิ่งหลายๆ อย่างที่รบกวนสายตาและจิตใจ ซึ่งเขาหวังว่าอย่างนั้น

ความเงียบถูกทำลายลงด้วยเสียงโทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกง

“ธันธเนศครับ”

“พี่คือพี่ธันที่อยู่ยิมเดียวกับราชวุฒิใช่ไหมครับ”

“ใช่ ใครพูดครับ”

“พี่ ผมเป็นเพื่อนของตี๋มันนะครับ ตอนนี้พี่ว่างหรือเปล่า ผมมีเรื่องอยากรบกวนพี่หน่อย”

 

 

ธันธเนศยืนมองเด็กหนุ่มที่เมามายไม่ได้สติท่ามกลางผองเพื่อนวัยรุ่นทั้งหญิงและชายที่มีสีหน้าจนปัญญาจะจัดการกับตัวปัญหาตรงหน้านี้แล้ว

ดวงตาที่หลับพริ้ม กับปากที่พะงาบๆ เหมือนอยากจะพูดอะไร แต่ก็ฟังไม่ได้ศัพท์ เพราะสติที่แทบไม่มีเหลือ ใบหน้าใสซุกอยู่บนไหล่ของเพื่อนอีกคนที่ยังปกติดี หน้าอกหนาภายใต้เสื้อยืดผืนบางสั่นอยู่เป็นระยะจากอาการสะอึก

 

“อ้าว พี่คือพี่ธันใช่ไหมครับ”

“เออใช่ พี่เอง”

“พี่ช่วยผมหน่อย เพื่อนผมมันเป็นห่าอะไรก็ไม่รู้ อยู่ๆ ก็อยากจะเมา แต่กินไปได้ไม่ถึงสองแก้วก็น็อก แล้วก็โวยวายเรียกหาแต่พี่ บอกว่าจะไม่ยอมกลับถ้าพี่ไม่มารับมัน ผมเลยเอาโทรศัพท์มันมาค้นหาเบอร์พี่จนเจอ”

ชายหนุ่มเท้าสะเอวมองก่อนจะส่ายหัวอย่างระอา เป็นเพียงเด็กมัธยม แต่ริอาจยุ่งเกี่ยวกับอบายมุข ได้สติเมื่อไหร่ เห็นทีต้องเทศน์กันยาวๆ เรื่องนี้คงต้องถึงผู้ปกครองด้วย

“แล้วทำไมไม่พาเพื่อนกลับบ้านละครับน้อง”

“ทีแรกผมก็ว่าจะไปส่งมันที่บ้านแหละครับ แต่มันไม่ยอมลูกเดียว”

“เป็นงั้นไป แล้วบ้านมันอยู่ที่ไหน เดี๋ยวพี่ไปส่งมันเองก็ได้”

 

หลังจากรู้ที่อยู่เสร็จสรรพ ธันธเนศก็พยุงร่างไร้สติออกมาจากร้านเหล้า โดยมีเพื่อนๆ ตัวต้นปัญหาคอยช่วยจนถึงประตูแท็กซี่

 

 

“ฮื้อ มึงนี่มัน” เขาส่ายหัวเบาๆ ก่อนจะเอานิ้วเขี่ยผมที่ปิดหน้าผากออกให้ได้รับลมแอร์เย็นๆ ในรถได้อย่างเต็มที่

“น้องชายเหรอครับ” คนขับแท็กซี่เอ่ยขึ้นด้วยภาษาที่ติดสำเนียงถิ่นอีสาน

“อ้อ เอ่อ...ครับ น้องครับ”

“ทำตัวอย่างนี้พ่อแม่ไม่ว่าเหรอ”

“พ่อแม่อยู่ต่างจังหวัดน่ะครับ อาจจะไม่ค่อยได้มีเวลามาใส่ใจสักเท่าไหร่”

“อ๋อ อย่างนี้นี่เอง คุณก็เป็นพี่ชายที่ประเสริฐเนาะ คอยตามเช็ดตามล้างให้ถึงที่ เอ๊ะ หรือแอบพาน้องออกมาเที่ยวซะเอง”

“เปล่าพี่ ผมไม่ค่อยดื่มหรอก”

 

 

แท็กซี่จอดลงหน้ารั้วบ้านหลังหนึ่ง ซึ่งเป็นทาวน์โฮมสองชั้นทรงโมเดิร์นใหม่เอี่ยม อยู่ไม่ไกลจากโรงเรียนที่ราชวุฒิเรียนสักเท่าไหร่นัก

“ถ้าตามที่อยู่ก็หลังนี้แหละครับ” คนขับแท็กซี่หันกลับมาบอกเขา

“ครับผม” เขาตอบ ก่อนจะควักเงินจ่ายตามตัวเลขดิจิตอลสีแดงที่ปรากฏอยู่ตรงหน้ารถ “นี่ครับ ไม่ต้องทอน”

 

 

พรุ่งนี้เป็นวันแรกของวันหยุดสุดสัปดาห์ที่เธอไม่มีเรียน ลักขณาจึงกลับมาบ้านหลังจากเรียนคาบสุดท้ายของวันศุกร์เสร็จ หลังทานมื้อค่ำกันอย่างพร้อมหน้ากับพ่อแม่และน้องชาย เธอก็อาบน้ำแล้วออกมานั่งเล่นที่ชิงช้าในสวนหน้าบ้าน ก่อนที่จะมีไฟจากรถคันหนึ่งสาดมาปะทะเข้าที่ตาของเธอ มันจอดลงตรงหน้าบ้านที่อยู่ติดกัน

ตี๋เหรอ?

เธอคิดก่อนจะวิ่งมาหยุดอยู่หน้ารั้วบ้านของตัวเอง หวังทักทายอีกฝ่าย แต่ก็ต้องชะงักเมื่อเห็นว่าคนที่ก้าวออกมาคนแรกไม่ใช่ราชวุฒิ แต่เป็นธันธเนศ

เธอเบี่ยงตัวหลบเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายเห็น หนุ่มรุ่นพี่หน้าตาหล่อเหลาก้าวออกมาพร้อมกับดึงกระเป๋ากีฬาใบโตออกมาสะพายไว้ ก่อนจะโน้มตัวลงไปดึงร่างไร้สติที่เธอรู้จักดีออกมาจากรถอย่างทุลักทุเล

เธอไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่เด็กหนุ่มตัวคนเดียวที่ห่างบ้านมาเรียนในกรุงเทพฯ ในสภาพที่ไร้สติสตัง กับชายหนุ่มอายุมากกว่าด้วยท่าทีมีลับลมคมใน มันทำให้เธออดไม่ได้ที่จะคิดไปในทางที่ไม่ดี ลักขณายกมือถือขึ้นมากดบันทึกเหตุการณ์ทั้งหมดตั้งแต่หน้าประตูรั้วจนทั้งคู่หายเข้าไปในบ้านไว้ พร้อมกับใจที่เต้นตุบๆ ดุจกลองสะบัดชัย

 

 

เมื่อรู้ว่าไม่มีคนอื่นอยู่ในบ้านเลย ธันธเนศจึงตัดสินใจค้นหากุญแจออกมาเปิดประตู แล้วพยุงเด็กหนุ่มวัยมัธยมที่ตัวโตกว่าเข้าไปในบ้านด้วยความทุลักทุเลพอสมควร ก่อนจะทิ้งร่างที่หนักอึ้งลงบนโซฟาในห้องรับแขกชั้นล่าง

 

“มึงนี่มันภาระจริงๆ เลย” เขานั่งปาดเหงื่ออยู่ข้างๆ มองร่างหลับสนิทที่หายใจแผ่วอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะลุกเดินเข้าไปทางหลังบ้านที่คิดว่าน่าจะเป็นครัว

เขาเปิดไฟ เพื่อมองหาสิ่งที่ต้องการ

 

ภาชนะใส่น้ำไว้เกือบเต็มถูกยกมาวางลงข้างๆ ตัวเด็กหนุ่ม เขารื้อหาผ้าขนหนูในกระเป๋ากีฬานั้น ก่อนจะหยิบมันออกมาชุบน้ำแล้วเช็ดตัวให้เด็กขี้เมา เมื่อเช็ดตัวเสร็จเขาก็เดินไปเปิดแอร์ทิ้งไว้ แล้วจัดการกับทุกสิ่งที่เอาออกมาใช้ไว้ในที่ๆ มันควรอยู่ ก่อนจะไล่ปิดไฟจนครบทุกดวง แล้วเปิดประตูเพื่อที่จะกลับ

ก่อนประตูบ้านจะปิดลง นักหนังสือพิมพ์หนุ่มก็ต้องหยุดชะงักงันอยู่อย่างนั้น เมื่อคำพูดบางอย่างที่ดังออกมาจากปากคนที่นอนแผ่หลาไร้สติอยู่ดันมาเข้าหูเขาพอดิบพอดี มันเป็นเสียงเพ้อพกที่บอกเรื่องราวบางอย่างได้อย่างชัดเจน



เวลาผ่านไปชั่วขณะ ธันธเนศพยายามดึงตัวเองออกจากภวังค์นั้น ก่อนจะปิดประตูอย่างเบามือ แล้วเดินหายไปในความมืด


... ก่อนเหมันต์ ...

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-04-2018 10:02:33 โดย ก่อนเหมันต์ »

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19
 :hao4:

คบเด็กก็จะประมาณนี้

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7
ตัดฉับขนาดนี้  :z3: :z3: :z3:

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
คบเด็กก็ประมาณนี้แหละ555

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
เด็กมักจะน้อยใจเก่งนะ อย่าทำดีเกินไปจนเด็กเกิดเข้าใจผิด
 :เฮ้อ: :เฮ้อ:

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
อ้าววว ค้างเลย

ออฟไลน์ Kelvin Degree

  • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
คือตัดไปนะ ตั้งรับไม่ทัน 555

ออฟไลน์ analogue

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 665
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-3
โหวตเป็ด +1 เป็นกำลังให้คนเขียนครับ

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ธันธเนศ เสน่ห์แรง  :mew1: :mew1: :mew1:
หนุ่มๆมารุมรักแล้ว 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-03-2018 21:16:28 โดย ♥►MAGNOLIA◄♥ »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ angel_Z4

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 783
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-1
ตี๋น้อย หนูพูดอะไรไปลูก

ออฟไลน์ TachibanaRain

  • มาโกโตะเทนชิ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-3
ตี๋นี่ตกลงคบเป็นแฟนกับพี่ธัญแล้วเหรอเราจำไม่ได้อะ แต่ถ้ายังตี๋ก็ไม่ควรทำตัวแบบนี้นะเอาแต่ใจตัวเองไม่ฟังอะไรเลย คบกันไปก็ไม่รอดหรอกคงทะเลาะกันวันเว้นวันอะ ส่วนธันวาตอนนี้ดีขึ้นมาหน่อยไม่น่าหมั่นไส้เหมือนตอนที่แล้วและดูเหมือนจะหลงพี่ธันอีกคนแล้วมั้งเนี่ย แล้วคนที่ชื่อลักขณานี่ใครอะคนที่แอบชอบตี๋เหรอ ถ่ายคลิปไว้ไม่ใช่เอาไปสร้างความเดือดร้อนให้พี่ธัญอีกนะ

ออฟไลน์ บูมเบส

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1740
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-4
ค้างคาใจมากเลย

ออฟไลน์ Trystan

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 67
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
โถ่ น้องตี๋ลูก สู้ๆนะพี่เป็นกำลังใจให้ ถึงมันจะเป็นไปไม่ได้ก็เถอะ :hao5:

ออฟไลน์ ก่อนเหมันต์

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 84
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-2
7
ใครคนนั้น


“ไปไหนมา” เสียงของใครบางคนดังขึ้นขณะที่ธันธเนศกำลังเปิดประตูห้องของตัวเอง

ร่างสูงเดินดุ่มๆ ตรงมาในโถงทางเดิน สีหน้าคลางแคลง

“ธุระนิดหน่อยน่ะ”

“ธุระอะไร”

คนที่ยืนเปิดประตูค้างอยู่จ้องมองอีกฝ่ายที่ยิงคำถามไม่หยุดหย่อนแทนคำตอบให้รู้ว่ากำลังล้ำเส้นความเป็นส่วนตัวมากเกินไป

“โทษที ก็ดึกแล้วเพิ่งเห็นกลับมา”

“ก็เหมือนกันนี่”

“อ้อ...” สายตาที่เคยสงสัยแปรเปลี่ยนเป็นลอกแลกมีเลศนัย “ผมออกไปเดินเล่นแถวนี้มาน่ะ”

“อือ ดึกแล้ว ไงก็ ฝันดี”

 

ประตูปิดลง ลมหายใจฟอดใหญ่ถูกพ่นออกมาจากปากของนักหนังสือพิมพ์หนุ่มราวกับว่ากำลังปลดปล่อยเรื่องราวที่สุมอยู่ในอกมากมายออกมา แต่เสียงละเมอนั้นยังคงวนเวียนอยู่ในหัว

มือเรียวเอื้อมไปยังสวิตซ์ไฟที่ริมผนังข้างประตู

แกร๊ก

ไฟที่เคยติดขึ้นทันทีเมื่อเปิดสวิทซ์ แต่บัดนี้ห้องยังคงมืดสนิท

แกร๊ก แกร๊ก

“หลอดไฟขาดเหรอ” เจ้าของห้องพึมพำ

เขายืนนิ่งพิงประตูห้องอยู่พักหนึ่งพลางคิดหาหนทาง

นี่ก็ดึกมากแล้ว ร้านสะดวกซื้อในคอนโดคงมีหลอดไฟขายนะ

คิดจบ เขาก็เปิดประตูกลับออกไปอีกครั้ง โดยที่ไม่คาดคิดว่าเสียงเปิดประตูที่สุดแสนจะเบามือจะทำให้คนที่อยู่ห้องตรงข้ามได้ยินด้วย

“ดึกแล้ว จะไปไหนอีกเหรอ”

“ไฟเสียน่ะ จะไปซื้อหลอดมาเปลี่ยนหน่อย”

“เฮ้ย ไม่ต้องๆ ของผมมี เอาของผมไปสิ”

พอบทจะดี ก็ดีจนน่าใจหาย

แต่ก็ดี จะได้ไม่ต้องหอบร่างที่เพลียแรงลงไปถึงข้างล่างอีก

“งั้นขอยืมก่อนแล้ว เดี๋ยวซื้อมาคืน”

พอเขาพูดจบร่างสูงก็ผลุบหายเขาไปในห้องทันที กลับออกมาพร้อมกล่องหลอดไฟในมือ

“เปลี่ยนเป็นไหม มา ผมเปลี่ยนให้”

“ไม่ต้องหรอก เปลี่ยนได้”

“เอาน่า เดี๋ยวผมเปลี่ยนให้”

จะว่าไป เก้าอี้ในห้องเขาที่มีอยู่บวกกับความสูงของตัวเขาแล้ว ก็ฉิวเฉียดเกินไปที่จะเปลี่ยนหลอดไฟบนเพดานห้องได้อย่างคล่องตัว ขณะที่ความสูงของธันวาน่าจะเป็นผลกว่า ในเมื่ออีกฝ่ายเสนอตัวมาแล้ว ก็สนองน้ำใจหน่อยแล้วกัน

ธันธเนศเปิดไฟฉายจากมือถือส่องสว่างให้ร่างสูงที่กำลังตั้งหน้าตั้งตาเปลี่ยนหลอดไฟอย่างเอาจริงเอาจัง

“ไปหาเด็กมาเหรอ”

“เด็กอะไร”

“ก็เด็กตี๋ของคุณไง”

“อือ มันเมาน่ะ เพื่อนน้องเขาเลยโทรมาบอกให้ช่วยพากลับบ้าน”

“คนอื่นไม่มีแล้วเหรอ”

“ตี๋อยู่ที่นี่ตัวคนเดียวน่ะ พ่อแม่อยู่ต่างจังหวัด อีกอย่างคงหนัก เพื่อนเลยจนปัญญาจริงๆ”

“งั้นขอถามอะไรหน่อยดิ”

“อืม”

“คุณกับเด็กนั่นเป็นอะไรกัน”

“เฮย เยอะไปเปล่า”

“ทีคุณยังถามถึงความสัมพันธ์ของผมกับยีนส์ได้เลย”

เออ ก็จริง ชายหนุ่มที่อยู่ข้างล่างยกนิ้วขึ้นขยี้จมูก

“ก็เป็นรุ่นพี่คาราเต้มันเฉยๆ”

“จริงเหรอ”

“เออดิ คิดไรเยอะวะ คนไม่ได้เสน่หาอะไรกับผู้ชายสักหน่อย”

“ให้ผมบอกอะไรไหม”

“อะไร”

“ผมว่าเด็กมันไม่ได้คิดกับคุณแบบที่คุณคิดหรอก”

คำพูดของธันวามันสอดคล้องกับอะไรบางอย่างที่เขาเพิ่งได้ยินมา แต่เขาพยายามที่จะไม่เก็บมันมาใส่ใจ ทำเหมือนว่าไม่เคยได้ยินสิ่งเหล่านั้นมาก่อนเลย

“เสร็จแล้ว ลองไปเปิดดู”

 

ไฟสว่างพรึบขึ้น ร่างสูงกระโดดลงมาจากเก้าอี้ ปัดมือแปะๆ

“ผมกลับไปนอนละ”

นักเทควันโดหนุ่มพูดพลางเดินดุ่มๆ ออกไปที่ประตู

“ไงก็...ขอบใจนะ”

ร่างนั้นค้อนกลับมาเหลียวมองเชิงรับรู้ เมื่อเจ้าของห้องกล่าวขอบคุณ ก่อนจะเดินออกไปที่ห้องของตัวเอง

 

เช้าวันหยุดที่เขากะว่าจะนอนตื่นสายๆ สักหน่อยก็ต้องสิ้นสุดลงเมื่อเสียงโทรศัพท์สั่นครืดคราดอยู่ข้างหู

มือเรียวไขว่คว้าหาโทรศัพท์เจ้ากรรมไปทั่วบริเวณ

 

“หวัดดีครับ” เสียงงัวเงียดังขึ้น หนังตาหนาหนักยังคงปิดอยู่

...

“ไปเอาเบอร์ผมมาจากไหน เมื่อไหร่จะเลิกยุ่งกับผมสักที!” ดวงตาที่ขี้เกียจลืม บัดนี้สว่างโล่เมื่อได้ยินเสียงปลายสาย

สีหน้าไม่สบอารมณ์กดวางสายในทันทีที่รู้ว่าคู่สนทนาคือใคร

เขาเอามือถูหน้าตาพร้อมกับสูดหายใจดังอย่างหัวเสีย ความง่วงหายเป็นปลิดทิ้ง คิ้วหนาย่นเข้าหากันดวงตาเหม่อลอยมองเพดาน

แผลที่กำลังจะสมาน และแล้วมันก็ถูกสะกิดออกจนเลือดซิบอีกครั้ง เพดานห้องที่เคยว่างเปล่าบัดนี้มีเรื่องราวบางอย่างปรากฏขึ้นเหมือนภาพฉายวิดิทัศน์

 

‘ “ผมรักคุณนะ ผมจะทำให้ที่บ้านคุณยอมรับความสัมพันธ์ของเราให้ได้”

 

“ฉันบอกแกกี่ครั้งแล้วว่าอย่าไปยุ่งกับให้หมอนั่น เป็นผู้ชายดีๆ ไม่ชอบ ชอบอะไรแบบนี้เหรอ แล้วฉันกับแม่แกจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน”


“ทำไม! ทำไมลูกเลวๆ อย่างแกมันต้องหาเรื่องปวดหัวมาให้ฉันได้ตลอด ถ้าไม่มีปัญญาจะคิดเอง ก็ดูพี่สาวแกเป็นตัวอย่างสิ เป็นฝาแฝดกันแต่ทำไมนิสัยมันถึงได้ต่างกันขนาดนี้...”

 

“ธัน พี่ท้อง”

“กับใคร”

“พี่กล้า”

“...” ’


เขาพยายามสลัดเรื่องราวเหล่านั้นออกจากหัว ร่างบางพลิกตัวนอนคว่ำ ดึงหมอนขึ้นมากดทับหัวไว้เพื่อบิดกั้นจากเสียงกวนใจจากอดีตเหล่านั้น

 

 

ราชวุฒิงัวเงียปรือตาตื่นหลังจากแสดงแดดจ้ากำลังโลมเลียไปหน้าใส เขาดีดตัวลุกขึ้น พร้อมกับคำถามในหัวว่ามันเกิดอะไรขึ้น ทำไมเขาถึงได้มานอนอยู่ตรงนี้ แล้วสิ่งสุดท้ายที่เขาจำได้คือ เมื่อคืนเขาไปดื่มเหล้ากับเพื่อน

เสียงกดออดหน้าบ้านดังขึ้น เด็กหนุ่มเขย่าหัวที่หนักอึ้งเพื่อตั้งตัวก่อนจะลุกขึ้นยืน

 

ใบหน้าสดใสของใครบางคนกำลังส่งยิ้มให้เขาอยู่หน้าประตูรั้วบ้านที่สูงเพียงอก

เด็กหนุ่มที่รุ่นราวคราวเดียวกับเขา และเขาก็คุ้นหน้าคุ้นตาดี เพราะอีกฝ่ายคือน้องชายของลักขณาพี่สาวข้างบ้านนั่นเอง แถมยังเรียนอยู่ที่เดียวกัน ระดับชั้นเดียวกัน เพียงแค่คนละห้องแค่นั้น

 

“อ้าวยอห์น มีไร มาหาเราแต่เช้า”

“ยอห์นเห็นว่าสายแล้ว แต่ไม่เห็นตี๋ออกมาสักที ปกติวันหยุดจะเห็นตื่นเช้าออกมาวิ่งไม่ใช่เหรอ”

“อ๋อ วันนี้ตื่นสายนะ”

“ไม่สบายหรือเปล่า” ใบหน้าใสแสดงออกถึงความเป็นห่วงเป็นใย เมื่อมองเห็นสีหน้าไม่สู้ดีของเจ้าของบ้าน ที่มือหนึ่งยังคงกำหัว

“เปล่าๆ แค่นอนเยอะไปหน่อย”

“อะนี่ ยอห์นไปหน้าปากซอยมา เลยซื้อขนมกับน้ำปั่นมาฝาก”

ร่างสูงเดินอาดๆ มาจากประตูบ้านมารับของที่อีกฝ่ายรอยื่นให้อยู่

“ไม่เห็นต้องซื้อมาเลย เปลืองเงินเปล่าๆ ”

“ไม่เปลืองหรอก ยอห์นเต็มใจ”

“ไงก็แต๊งกิ้ว แล้วนี่พี่ยีนส์อยู่บ้านหรือเปล่า”

“พี่ยีนส์เหรอ อืม... เห็นบอกว่านัดเพื่อนที่สยามตั้งแต่เช้าแล้ว”

“อ๋อๆ”

“แล้ววันนี้ตี๋จะไปไหนหรือเปล่า หรือต้องไปซ้อม”

“วันนี้คงไม่ รู้สึกเพลียๆ”

“งั้นยอห์นจะไปซ้อมว่ายน้ำ ไปเป็นเพื่อนหน่อยได้ไหม”

เด็กหนุ่มข้างในรั้วทำท่านิ่งคิด ก่อนที่ความรู้สึกหนักหน่วงในสมองจะบังคับให้เขาปฏิเสธออกไป

เด็กหนุ่มข้างบ้านได้แต่ก้มหน้ายอมรับความต้องการของอีกฝ่าย แม้ใจอยากให้อีกฝ่ายตกลงแค่ไหนก็ตาม ก่อนจะกลับไปควบจักรยานราคาแพงที่จอดรออยู่กลับเข้าไปในบ้านตนเอง

 

ยอห์น หรือ ลักษินันท์ น้องชายวัยมัธยมปลายของลักขณา หรือยีนส์ ที่รั้วบ้านติดกับราชวุฒิ อีกทั้งยังเรียนโรงเรียนเดียวกันในระดับชั้นเดียวกัน เพียงแค่คนละห้องเรียนก็เท่านั้น ลักษินันท์เจอราชวุฒิครั้งแรกเมื่อราวปีก่อน ที่เด็กหนุ่มย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านใหม่หลังนี้ หลังจากที่ครอบครับเขาก็เพิ่งย้ายเข้ามาได้ไม่ถึงสัปดาห์เช่นกัน แม้จะเพิ่งเจอกัน แต่ลักษินันท์เองกลับถูกชะตากับราชวุฒิตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็น

และถึงแม้จะอยู่ใกล้กันแค่นี้ ก็ไม่บ่อยนักที่ทั้งคู่จะได้พบปะหรือสนทนากัน เมื่ออยู่โรงเรียนก็ต่างฝ่ายต่างอยู่กับกลุ่มเพื่อนของตัวเอง นานทีเดินสวนกันก็ทักทายกันตามประสา พอกลับมาบ้าน ราชวุฒิก็ไม่ค่อยอยู่บ้านเพราะต้องออกไปซ้อมคาราเต้อยู่แทบทุกวี่วัน วันหยุดยาวก็มักจะกลับไปหาพ่อแม่ที่ต่างจังหวัด แต่เด็กหนุ่มข้างบ้านหน้าตาน่ารักน่าชังคนนี้ก็มิวายต้องหาโอกาสเจออีกฝ่ายให้ได้อยู่เสมอ ทุกครั้งที่มีโอกาสตรงกัน ก็จะหาเรื่องชวนราชวุฒิไปนั่นไปนี่ด้วยอยู่เรื่อยไป แม้โดยส่วนใหญ่จะถูกปฏิเสธก็เถอะ

 

หลังจากอาบน้ำอาบท่าเสร็จ ยังไม่ทันที่จะได้เช็ดตัวให้แห้ง ราชวุฒิก็ต้องกูลีกูจอออกมายังโทรศัพท์ที่ถูกวางทิ้งไว้ตรงโต๊ะในห้องรับแขกก็ดังขึ้นตั้งแต่เพิ่งจะเริ่มอาบน้ำจนตอนนี้ก็ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดหย่อน

“เออ ว่าไงห่าบอส”

“เป็นไงบ้าง ฟื้นแล้วเหรอ นึกว่าไหลตายไปแล้วซะอีก”

“เชี่ยบอส ปากอ้อนยาแดงนะมึง เออดิ ที่คุยกับมึงอยู่เนี่ย ผีมั้ง”

“แหมๆๆ ปากดี กูละอยากจะอัดคลิปเมื่อคืนไว้เสียเหลือเกิน เหล้าแก้วสองยังไม่หมดก็สิ้นสติซะแล้ว”

“ก็กูเคยแดกเหล้าที่ไหน ครั้งแรกมันก็ต้องแบบนี้ทุกคนปะวะ”

“จ้า พ่อคออ่อน เออนี่ไอ้ตี๋ กูถามมึงจริงๆ เถอะ มึงเฮิร์ทเหี้ยไรนักหนาวะ ถึงขั้นขอให้พวกกูพาไปแดกเหล้ามืดๆ ค่ำๆ ปกติรักสุขภาพ แอลกอฮอล์ไม่แตะ”

ผู้ถูกถามอ้ำอึ้ง “ก็...”

“ก็อะไร อันแหนะ อย่าบอกนะว่า เพราะไอ้หน้าหวานห้องคิงนั่นน่ะ”

“มึงจะบ้าเหรอไอ้บอส เกี่ยวไรกับเขา กูก็แค่มีอารมณ์อยากลองทำอะไรแบบนั้นดูบ้าง”

“จ้า พ่อติสท์แตก อย่าให้กูรู้นะว่ามึงอกหักรักครุฑตุ๊ดเมิน”

“แป๊ะมึงสิ เออ แล้วเมื่อคืนใครมาส่งกูวะ จำอะไรไม่ได้เลย”

“ให้เดา”

“รักกู ห่วงกู ก็คงมีแค่มึงกับไอ้บาส ใช่ไหมล่ะเพื่อน”

“ผิด!!! ว่ะฮ่าๆๆ คนๆ นั้นก็คือ...” ปลายสายทำเสียงเหมือนรายการเกมส์โชว์ที่กำลังจะถึงตอนเฉลยคำถามชิงเงินล้าน

“เหี้ยอะไรมึงเนี่ย”

“ไม่ตื่นเต้นหน่อยเหรอ”

“ไม่โว้ย”

“พี่ที่ยิมมึงอะ พี่ธันอะไรสักอย่าง กูเห็นพอเมาแล้วแหกปากเรียกหาแต่เขา มึงนี่ทำตัวแปลกเข้าทุกวัน อย่าบอกนะว่าเพื่อนกูกำลังอินเลิฟกับ... ฮึ้ย! เชี่ยตี๋ มึงชอบผู้ชายเหรอ!?!”

คนต้นสายชะงัก

“เหี้ยไรมึงเนี่ย ไร้สาระ แค่นี้ ขี้เกียจคุยแล้ว”

“เอ๊า-”

ตู้ดๆๆๆ
 

ราชวุฒิปล่อยโทรศัพท์ลงบนโซฟา มือไม้อ่อนแรง เมื่อรู้ว่าเมื่อคืนตนเองเผลอทำอะไรลงไปบ้าง สุดท้ายก็มิวายเป็นภาระให้ธันธเนศจนได้ เด็กหนุ่มได้แต่ยกกำปั้นขึ้นเขกหัวตัวเองสองสามทีอย่างรู้สึกผิด

 

 

วันหยุดสุดสัปดาห์มันช่างผ่านไปไวเหมือนโกหก

“ธันๆๆ”

“ว่าไงพี่”

“ได้ผลว่ะ ในแฟนเพจของหนังสือพิมพ์มีคนพูดถึงสกู๊ปกีฬาเต็มไปหมดเลย”

“เหรอ”

“ก็เออดิ เอานี่ เอาไปดู”

บรรณาธิการหนุ่มยื่นโทรศัพท์ของเขาที่เปิดหน้าจอที่มีความคิดเห็นของคนมากมายในนั้น

นักหนังสือพิมพ์หนุ่มใช้นิ้วโป้งเลื่อนดูด้วยใบหน้านิ่งเฉย

“อือ เอาคืนไป” เขายัดโทรศัพท์กลับคืนใส่มือให้ บก. หนุ่มใหญ่ที่ใบหน้าร่าเริงกำลังหดลง

“ไม่ดีใจเหรอวะ”

“เฉยๆ แต่ละความเห็น พูดถึงแต่หนังหน้าหลานพี่ ว่าหล่ออย่างนั้นหล่ออย่างนี้ ไม่เห็นพูดถึงเนื้อข่าวเนื้อหาที่ผมอุตส่าห์บากหน้าไปสัมภาษณ์แล้วประดิดประดอยคำเขียนออกมาเลย รู้งี้แค่ไปหานักกีฬาหล่อๆ แล้วถ่ายรูปมาลง ไม่ต้องเขียนข่าวอะไรให้เสียเวลา ง่ายกว่าไหมพี่”

“โอ๋ๆ มีคนงอนว่ะ”

“งอนกับผีดิ เสียเวลาผมปะละ กลับไปเขียนข่าวรายวันแบบเดิมยังดูมีคุณค่ากว่าอีก”

“เอาน่า อย่างน้อยเรตติ้งเราก็ดีขึ้น คนก็จะได้รู้จักเรามากขึ้นไง”

แม้จรัญจะชักแม่น้ำทั้งห้ามาปลอบประโลมยังไง ก็มิอาจดึงอารมณ์ของธันธเนศกลับมาได้ ใบหน้านิ่งจดจ้องอยู่กับงานตรงหน้า โดยไม่สนใจเขาอีกตามเคย

“แล้วพี่จะต้องทำยังไงมึงถึงจะอารมณ์ดี หึ” มืออุ่นสัมผัสเข้าที่ไหล่คนที่นั่งอยู่ สายตาที่อ่อนโยนมองเขาเหมือนพ่อที่กำลังมองลูก

“ไม่ต้องทำอะไร กลับไปทำงานของพี่ ให้ผมทำงานของผม โอเค๊” มือที่แตะอยู่ที่ไหล่แทบจะยกออกจากบ่าแทบไม่ทันเมื่อได้ยินดังนั้น หนุ่มใหญ่ได้แต่เดินก้มหน้างุดๆ กลับไปตามคำขอ

 

 

วันนี้ธันธเนศไม่ปล่อยให้เวลาล่วงเลยไปเช่นทุกครั้ง เมื่อได้เวลาเลิกงาน เขาก็เดินดุ่มๆ กลับออกมาพร้อมกับหูฟังคู่ใจเช่นทุกครั้ง แต่แล้วก็ต้องหยุดฝีเท้าลงในทันที เมื่อมีใครบางคนก้าวออกขวางตรงหน้าเขา

“มาทำไม หาผมเจอได้ไง” เขาพูดกับคนที่ยืนประชันหน้าอยู่ด้วยน้ำเสียงสั่น ดวงตาบ่งบอกถึงความตื่นตกใจ ก่อนจะรีบเบี่ยงตัวหลบ แล้วเดินอ้อมคนที่ยืนจังก้าอยู่ตรงหน้าออกไปอย่างรวดเร็ว

“ธัน ธัน รอพี่ก่อน” ร่างสูงวิ่งเหยาะๆ ตามมาติดๆ เพื่อที่จะดักคนที่กำลังตั้งหน้าตั้งตาเดินหนีไว้ “พี่แค่อยากจะคุยกับเรา”

“ผมไม่มีอะไรจะคุย” เขาทำท่าจะก้าวขาต่อ แต่มือหนาก็คว้าแขนเขาไว้ในทันที ดวงตากลมโตหันมาจ้องคนที่กำลังถูกเนื้อต้องตัวโดยไม่ได้รับอนุญาตอย่างเอาผิด

“พี่ขอคุยด้วยหน่อยนะ แปบเดียว ไปคุยในรถพี่”

“ไม่”

“หรือจะคุยตรงนี้ แต่ถึงยังไงพี่ก็ไม่ปล่อยเราง่ายๆ แน่เอาสิ ถ้าไม่อายคนก็ลองดู”

ธันธเนศกราดตามองสายตาหลายคู่ที่เดินขวักไขว่ไปมาทั่วบริเวณ ซึ่งบัดนี้ดูท่าจะช้าลง และดวงตาหลายคู่กำลังจับจ้องมายังเขาทั้งคู่ที่กำลังจับมือถือแขนกันอย่างสงสัยใคร่รู้

 

รถหรูราคาหลักสิบล้านจอดอยู่ในลานจอดรถของตึกที่ทำงานของเขา ซึ่งในรถคันนั้นมีเพียงเขาและชายปริศนาคนดังกล่าวเพียงสองต่อสอง ธันธเนศไม่อาจหันไปมองใบหน้านั้นได้ ตั้งแต่เจอกันจนตอนนี้

“พี่อยากจะขอโทษ”

“เคยพูดมันไปแล้วนิ”

“แต่ธันไม่เคยรับคำขอโทษจากพี่เลย”

“แล้วไง สำคัญด้วยเหรอ”

“สำคัญสิ ธันสำคัญกับพี่เสมอแหละ”

“ไม่ขยะแขยงตัวเองบ้างเหรอ ที่พูดอะไรแบบนี้ออกมา”

“หื้ออออ” เจ้าของรถผ่อนลมหายใจยาวเพื่อสะกดกลั้นอารมณ์

“กลับไปหาเมียหาลูกซะเถอะ”

“ธัน” มือหนาที่เคยวางอยู่นิ่งๆ หลังพวงมาลัยบัดนี้ได้เอื้อมมาวางอยู่บนขาของเขา เสียงอ่อนเสียงหวานนั้นมันทำให้เขาแทบอยากจะอาเจียนออกมาให้หมดไส้หมดพุง “ไม่รักพี่แล้วเหรอ”

ธันธเนศไม่รอช้าที่จะปัดมือปลาหมึกนั้นออกห่าง

“ไม่เคารพเมียกับลูก ก็เคารพตัวเองเถอะนะ”

“เขาไม่รู้สักหน่อย”

“กล้าพูดแบบนี้ออกมาได้ยังไง รู้ไหมว่าพี่ทำตัวน่าสะอิดสะเอียนแค่ไหนตอนนี้” นักหนังสือพิมพ์เสียงแข็งอย่างโกรธจัด “ผมไม่มีอะไรจะคุยกับพี่แล้ว” ก่อนจะเปิดประตูออกไปให้พ้นๆ จากที่อโคจรนี้

 

เสียงปิดประตูรถดังก้องในลานจอดรถใต้อาคาร ดึงความสนใจของใครบางคนที่เพิ่งจะดับเครื่องยนต์รถของตนเองได้อย่างพอดิบพอดี หนุ่มนักศึกษาในรถเก๋งสีขาวที่เตรียมตัวจะออกจากรถมองร่างๆ หนึ่งที่กำลังสาวเท้าฉับๆเหมือนกับว่าหนีจากบางสิ่งอยู่

ธันธเนศ!

ขณะเดียวกันรถคันหรูสีกรมท่าก็ออกตัวมาอย่างรวดเร็วแล้วหักเลี้ยวเข้าขวางร่างที่กำลังปรี่ไปอีกทางนั้นไว้ ชายแปลกหน้าเปิดประตูออกมา ก่อนจะตรงไปยืนขวางธันธเนศที่สีหน้ากำลังตื่นกลัวนั้น สองมือหนาคว้าเข้าที่ไหล่บางก่อนกระชากเข้าหาตัว พร้อมกับท่าทีขัดขืนอย่างรุนแรงของผู้ถูกกระทำ

ธันวาไม่รอช้า ดีดตัวออกจากรถปรี่ไปยังคนทั้งสองทันที

เฮ้ย! ทำอะไร” เขาชี้นิ้วไปที่ชายคนนั้น ก่อนที่ตาขวางคู่นั้นจะหันมาประจันหน้านักศึกษาหนุ่ม

“มึงเสือกอะไร” อีกฝ่ายหันมาตะคอกกลับ

เออ นั่นสิ เขาเสือกอะไร แต่คนอย่างเขาไม่มีวันเสียหรอกที่จะปล่อยให้คนรู้จักที่ดูท่าทางเหมือนกำลังตกที่นั่งลำบากเผชิญชะตากรรมอยู่เพียงคนเดียวหรอก

“กูรู้จักธันธเนศ แล้วมึงจะทำอะไรเขา” เขาตอบเสียงดัง สองเท้ายังคงก้าวตรงไปข้างหน้า

“เรื่องของคนสองคน มึงไม่เกี่ยว”

“กูจะเกี่ยว”

“มึงก้าวเข้ามาอีกก้าวหนึ่ง แล้วจะหาว่ากูไม่เตือน”

“เออ นี่ไง กูก้าวอยู่นี่ไง”

“ธันๆ หยุด”

ธันธเนศที่เพิ่งนึกได้ว่าถ้าหากเรื่องแดงขึ้นมา ความลับที่เก็บซ่อนมาแสนนานระหว่างเขากับคนไม่กี่คนจะถูกเปิดเผยให้คนนอกรับรู้ แล้วทีนี้จะไม่ใช่แค่เรื่องเล็กๆ อีกต่อไปแน่

เขาวิ่งตรงมายังร่างสูงที่ยืนหน้าตาเอาเรื่องอยู่ ก่อนจะดึงแขนออกไป แต่คนที่ถูกหยามหน้ามีหรือจะยืนเปล่า มือหนาคว้าแขนของธันธเนศแล้วกระชากกลับไปอย่างแรง เมื่อเห็นว่าคนที่อยู่ข้างๆ ถูกดึงกลับไป นักเทควันโดหนุ่มก็หมุนตัวกลับไปสาวหมัดใส่คนๆ นั้นทันที

ชายคนนั้นเซไปไม่เป็นท่า คาดไม่ถึงแรงของอีกฝ่าย เมื่อตั้งตัวได้ชายผู้นั้นก็ทำท่าจะสวนกลับ แต่มือที่กำหมัดแน่นของคนที่นำง้างรออยู่แล้ว เขาจึงต้องจำใจหยุด เพราะดูจากท่าทางและแรงแล้วยังไงก็แพ้แน่ สายตาดุเดือดชี้หน้าธันวาอย่างเจ้าคิดเจ้าแค้น ก่อนจะตัดสินใจเดินกลับไปที่รถของตนเอง

ทั้งสองยืนมองใบหน้าที่มีเลือดซึมอยู่ข้างปากบึ่งรถออกไปอย่างหัวเสีย ก่อนที่ใครคนหนึ่งจะถอนหายใจอย่างโล่งอก

“ปกติไม่ใช่แบบนี้นี่” ร่างสูงในชุดนักศึกษาถามขึ้น

ร่างบางปาดเหงื่อก่อนจะหันไปมองใบหน้านั้น

“ถ้าเป็นคนอื่นคงเละคาตีนคุณไปแล้ว ทำไมครั้งนี้ถึงได้ยอมนัก ไอ้หมอนั่นใครกันแน่”

ธันธเนศหลบตา ก้มมองต่ำ

ธันวาไม่เคยคาดคิดว่าอีกฝ่ายจะอ่อนแอได้ถึงเพียงนี้เลย แต่ครั้งนี้กลับไม่เป็นอย่างที่เขาคิด ธันธเนศมีมุมอีกมุมหนึ่ง ที่ในแววตามีเพียงความอ่อนแอและหวาดกลัว

“ไม่อยากพูดก็ไม่เป็นไร แต่แน่ใจนะว่าเขาจะไม่ย้อนกลับมาทำอะไรคุณอีก”

“คงไม่แล้วล่ะ”

“แล้วจะไปไหน กลับเหรอ”

“อือ เพิ่งเลิกงาน”

“กลับกับผมไหม ผมมารับน้ารัญไปทานข้าวกับแม่ที่บ้าน เดี๋ยวผมไปส่งก็ได้”

“ไม่เป็นไร ขอบใจมาก”

“แน่ใจเหรอว่าจะกลับเอง”

“อืมๆ ไม่เป็นไร”

 

“เฮ้ย”

คนที่กำลังเดินห่างออกไปหันกลับมามองแบบไม่เต็มหน้า

“ถ้าคนๆ นั้นกลับมาอีกสัญญากับผมได้ไหมว่าจะสู้เขา”

ไร้ซึ่งเสียงตอบรับ คนที่หยุดฟังก้าวต่อเมื่อเขาพูดจบ


๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐


ไรเตอร์ทอล์คคคคคค : ตั้งแต่เปิดเรื่องมาก็ยังไม่ได้ทอล์คอะไรเลย อยากจิมากระซิบว่า เนื้อเรื่องก็ดำเนินมาถึงตอนที่เจ็ดแล้วโน๊ะ ตอนนี้มีตัวละครลับโผล่มาด้วย อยากจะบอกว่าตัวละครตัวนี้มีผลต่อการดำเนินชีวิตของพี่ธันธเนศเราในระดับหนึ่งเลย อยากจะรู้ว่าคนๆ นี้จะมาในรูปแบบไหนก็ติดตามกันต่อไปได้เลย

และไรท์จะมาขอบคุณสำหรับทุกความเห็นและกดเป็ด มันเป็นกำลังใจอย่างหนึ่งที่เป็นแรงผลักดันให้ไรท์หน้าใหม่คนนี้อยากจะเขียนต่อไปเรื่อยๆ ไม่เหนื่อย ไม่พัก และอาจจะมีหลายคนที่สงสัยใคร่รู้กับชื่อเรื่องภาษาอังกฤษ ที่อาจจะเป็นที่กังขาให้ใครหลายๆ คน แต่ไรท์ขอสารภาพตรงนี้ว่าไรท์ศึกษาในพี่กู๋แล้ว สามารถใช้ชื่อนี้ได้ และไม่ผิดความหมายนาจา เพราะมีผลงานเขียนภาษาอังกฤษที่ใช้ชื่อนี้เช่นกัน แต่ไรท์ไม่ได้ลอกเขามาเน้อ แค่บังเอิญเหมือนกันเฉยๆ ผลงานนั้นเป็นนิยายแนวอื่น ยังไงก็ขอบใจสำหรับใครที่แนะนำมาในเรื่องหลักไวยากรณ์

สุดท้าย ไรท์อยากจะไล่ตอบทุกคอมเม้นเลยแหละ แต่ก็ดูท่าจิไม่หวายเจงๆ แต่สาบานว่าอ่านทุกเม้านะแจ๊ะ

รักคนอ่าน จุ๊ฟๆ



... ก่อนเหมันต์ ...

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-04-2018 10:03:26 โดย ก่อนเหมันต์ »

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
เก่งมาจากไหน ก็แพ้หัวใจอย่างเธอ
คนที่มีอิทธิพลต่อหัวใจ ยังไงก็หวั่นไหว
เข้าใจตรงจุดนี้ของธันนะ ซึ่งอีกคนก็มองออก

ทำไมขายดีอย่างนี้นะใครๆ ก็มาชอบ ลึกๆ เราอิจฉาธันมากกกกก
 o18 o18 o18

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

แฟนเก่าโผล่มา  เผลอ ๆ แฟนเก่านั้นอาจเป็นสามีของฝาแฝดธันก็ได้ 

เอ...ว่าแต่ฝาแฝดที่กล่าวมาคือฝาแฝดของธันหรือฝาแฝดของตัวละครปริศนาหว่า?

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
บุคคลปริศนาคือพี่่กล้า แน่นอน

ออฟไลน์ GOD_get

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 1
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0

ออฟไลน์ บูมเบส

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1740
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-4
ไอ้ผผู้ชายคนนั้นเป็นใครไม่รู้แต่หน้าดานมากมีลูกมีเมียแล้วนะเว้ย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ บูมเบส

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1740
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-4
ไอ้ผผู้ชายคนนั้นเป็นใครไม่รู้แต่หน้าดานมากมีลูกมีเมียแล้วนะเว้ย

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
.............
แฟนเก่าโผล่มา  เผลอ ๆ แฟนเก่านั้นอาจเป็นสามีของฝาแฝดธันก็ได้ 

เอ...ว่าแต่ฝาแฝดที่กล่าวมาคือฝาแฝดของธันหรือฝาแฝดของตัวละครปริศนาหว่า?

สงสัยเหมือนกัน   :hao3:
ว่าแต่แม่ธัน เลืิอกรักลูกด้วยเหรอ  :really2: :really2: :really2:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ nunda

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3004
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-2
แฟนเก่านิสัยไม่ดีเลย!!

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ angel_Z4

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 783
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-1
แหนะ พ่อแม่รังแกฉันอีกแว้ว เริ่มไม่แปลกใจแล้วว่าทำไมธันถึงเบื่อที่จะรับสายพ่อแม่...

ออฟไลน์ Kelvin Degree

  • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
ตกลงพี่สาวแย่งไปงี้หรอ??

ออฟไลน์ suck_love

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 780
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
จะธันหรือตี๋ก็เด็กกว่าหมดเลย
 
ยกเว้นน้ารัญ 5555555555555555

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

ออฟไลน์ analogue

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 665
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-3
เย้ๆ ตอนนี้มาเร็ว
โหวตเป็ด +1 ให้ครับ
เดี๋ยวโหวตให้ทุกตอน

ตี๋-ยอร์น


แฟนเก่าธัญโผล่มาซ่ะงั้น
ธัญรีบจัดการด่วนๆ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด