ห้องตรงข้ามผมมันนักเลง - *** แจ้งข่าวรีไรท์ *** อัพตอนพิเศษ!!! (4/11/61)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ห้องตรงข้ามผมมันนักเลง - *** แจ้งข่าวรีไรท์ *** อัพตอนพิเศษ!!! (4/11/61)  (อ่าน 79244 ครั้ง)

ออฟไลน์ ก่อนเหมันต์

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 84
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-2
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ

เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
   
เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฎทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17




เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเว็บไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเว็บไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-11-2018 13:21:29 โดย ก่อนเหมันต์ »

ออฟไลน์ ก่อนเหมันต์

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 84
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-2
*** แจ้งข่าว ***

เรื่อง ห้องตรงข้ามผมมันนักเลง ได้มีการรีไรท์ใหม่ทั้งหมด เพื่อความสมบูรณ์มากขึ้นของเนื้อหา
ซึ่งอาจจะมีการเพิ่มฉากหรือตอนต่างๆ เข้าไปใหม่ในเนื้อเรื่องด้วย
ทั้งนี้ทั้งนั้นผู้อ่านสามารถติดตามฉบับรีไรท์ได้ที่เว็บไซต์ DEK-D แล้วก็ readAwrite

DD: https://is.gd/Xzjh44
rAw: https://is.gd/V2K12U








คำโปรย...

"ผมอยู่ของผมดีๆ ก็โดนผู้ชายห้องตรงข้ามมาหาเรื่องเฉยเลย เจอกันครั้งแรกมันก็ด่าผมตุ๊ดซะแล้ว มันหาว่าผมอ่อยมัน หาว่าผมแอบซื้อโจ๊กไปแขวนไว้หน้าห้องมัน โถๆๆ ลำพังผมจะซื้อกินเองยังคิดแล้วคิดอีก เพราะยุคนี้ประหยัดอะไรได้ก็ต้องประหยัด รัดเข็มขัดไว้ก่อนเป็นดีที่สุด

สุดท้ายเป็นไงล่ะ เสียหน้าจนได้ไหมล่ะมึง เมื่อรู้ว่าเจ้าของโจ๊กนั้นจริงๆ แล้วเป็นของผู้หญิงอีกห้องหนึ่ง ที่แอบชอบมัน เหตุการณ์ในครั้งนั้นทำให้ผมเหม็นขี้หน้ามันไปเลย แต่ยิ่งเกลียดก็เหมือนยิ่งได้เจอ เมื่อผมซึ่งเป็นคนเดียวของสำนักพิมพ์ที่ทำคอลัมน์เกี่ยวกับกีฬา เคราะห์ซ้ำกรรมซัดเจ้านายบังคับให้ผมต้องมาสัมภาษณ์มันอีก ไม่ทำก็ไม่ได้ เพื่องาน เพื่อเงิน

ผมมารู้ทีหลังว่ามันชื่อ ธัน ชื่อเหมือนผมเป๊ะ แต่ผมเรียกมันว่าธันวาปากหมาหลังจากนั้นเป็นต้นมา เป็นโค้ชกีฬาเทควันโดควบคู่ไปกับการเรียนปีสุดท้ายในมหา'ลัย มิน่า ถึงได้กร่างนัก แต่ถามว่าผมกลัวมันไหมที่รู้แบบนั้น ก็เฉยๆ นะ เพราะผมก็นักกีฬาคาราเต้สายดำเหมือนกัน..."



โดย... ก่อนเหมันต์


สารบัญ : บทนำ-บทที่ 3 หน้าแรก, บทที่ 4, บทที่ 5, บทที่ 6, บทที่ 7, บทที่ 8, บทที่ 9, บทที่ 10, บทที่ 11, บทที่ 12, บทที่ 13, บทที่ 14, บทที่ 15, บทที่ 16, บทที่ 17, บทที่ 18, บทที่ 19, บทที่ 20, บทที่ 21, บทที่ 22, บทที่ 23, บทที่ 24 And บทที่ 25, ตอนพิเศษ





==================================================


บทนำ



ธันธเนศเปิดประตูห้องน้ำพร้อมกับควันโขมงไล่หลังเขาออกมา ประหนึ่งมีใครจุดไฟเผาอะไรข้างในนั้น การได้อาบน้ำอุ่นที่ร้อนจนแทบจะลอกหนังได้หลังจากการทำงานที่เพลียร่างมาทั้งวัน มันช่างผ่อนคลายเสียจริงๆ

หลังแต่งตัวเสร็จ ขณะที่หนุ่มนักหนังสือพิมพ์หน้าใสวัยยี่สิบห้าหมาดๆ กำลังประโคมครีมทาผิวตามแบบฉบับหนุ่มเจ้าสำอางอยู่นั้น เสียงเคาะประตูประหนึ่งจะพังเข้ามาให้ได้ก็ดังขึ้น

               

 “ใครว่ะ” เขาพึมพำก่อนจะปรี่ไปที่ประตู

ร้อยวันพันปีไม่เคยมีใครมาเคาะห้องเขาโดยพลการ ถ้าเป็นเพื่อนก็จะบอกกล่าวกันก่อนอยู่แล้ว

 

ธันธเนศกระชากประตูเปิดออกหมายจะว่าเสียให้เข็ดที่เคาะประตูได้ไร้มารยาทแบบนี้ แต่ก็ต้องชะงัก เมื่อเห็นบุคคลที่ยืนจังก้าอยู่ตรงหน้า

หนุ่มร่างสูงตัวเหม็นเหงื่อ ในเสื้อกีฬาแขนกุดกับกางเกงกีฬาขายาวสีขาวที่เขาพอจะรู้ว่าใส่สำหรับกีฬาอะไร ยืนถมึงทึงหน้าตาเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน จ้องเขาประหนึ่งจะกินเลือดกินเนื้อ ก่อนมือข้างที่ถือถุงใส่บางอย่างจะชูขึ้นจนสิ่งที่อยู่ในถุงเกือบชนหน้าอันหล่อเหลาของเขา

“ของคุณใช่ไหม” เสียงที่บ่งบอกถึงอารมณ์ไม่พอใจถามขึ้น

“หึ ไม่ใช่อ่ะ” เขาส่ายหัว

“จะไม่ใช่ได้ยังไง กูถามยาม เขาบอกว่าเห็นมึงถือโจ๊กเหี้ยนี้ขึ้นมาทุกวันเลย” เสียงของคนตัวสูงเริ่มดังขึ้นด้วยอารมณ์

“อ้าวเฮ้ย พูดดีๆ ดิ”

“ทำไมกูต้องพูดดีกับตุ๊ดอย่างมึงด้วย”

เท่านั้นแหละ คนอารมณ์ร้อนอย่างธันธเนศมีหรือจะยอม

“ตุ๊ดพ่อมึงสิ หลงตัวเองนะไอ้สัด อย่าว่าแต่โจ๊กเลย อ้วกกูก็ไม่ให้มึงแดกให้เสียเวลาหรอก”

“อ้าว ไอ้เหี้ยนี่”

ร่างสูงที่ยืนอยู่ด้านนอกไม่พูดเปล่า มือหนึ่งกำคอเสื้อของเขาไว้แน่น จนร่างที่เล็กกว่าอย่างเขาต้องเขย่งขึ้นตามแรงยก ถุงโจ๊กถูกทิ้งลง ก่อนมือข้างนั้นจะง้างหมัดหมายฟาดเข้าที่หน้าเขาเสียให้ได้

“หยุด! หยุด! หยุดเดี๋ยวนี้เลยครับ” เสียงตะโกนห้ามดังมาแต่ไกล รปภ. นายหนึ่งวิ่งอย่างไม่คิดชีวิตมาที่เขาทั้งคู่ที่กำลังจะวางมวยกัน

“มีเรื่องอะไรกันค่อยๆ พูดค่อยจาดิน้อง” เจ้าหน้าที่วัยกลางคนทั้งพูดทั้งหอบ

ธันธเนศผลักอกคนที่สูงกว่าออกอย่างแรงจนดังตุบ

 

“พี่พามันไปดูกล้องวงจรปิดดิ” ธันธเนศกล่าวกับเจ้าหน้าที่คนนั้น “จะได้รู้ว่าใครที่ตาบอดเอาโจ๊กมาให้แม่ง มันหาว่าผมเป็นคนทำ”

ร่างสูงยังไม่มีทีท่าจะจะจบเมื่อคำพูดของธันธเนศยังฟังไม่เข้าหูอยู่ เขาปรี่เข้ามาทันที แต่รปภ.ก็ขวางเอาไว้ได้

“เฮ้ยพอๆ ไอ้น้อง ไปดูกล้องกับพี่ ป่ะๆ” เขาเสนอทางเลือก

               
หนุ่มร่างสูงยังคงยืนมองเขาตาขวางอยู่อย่างนั้น ก่อนจะตัดสินใจเดินตามแรงดึงของรปภ. คนนั้นไปในที่สุด

 

“อย่าลืมมาขอโทษกูด้วยแล้วกัน” ธันธเนศตะโกนไล่หลัง

“เออ!”

คนที่ถูกท้าทายหันกลับมาตะคอกกลับ

“มองเหี้ยอะไรกัน” ก่อนจะหันกลับไปตวาดไทยมุงทั้งหลายที่โผล่หน้าออกมาจากห้องตัวเอง เพราะเสียงทะเลาะกันระหว่างคนทั้งสองนั้นดังลั่นชั้น จนคนเหล่านั้นรีบผลุบหายเข้าไปในห้องแทบจะพร้อมๆ กัน

 
คนเหี้ยอะไร อารมณ์ฉุนเฉียวเป็นบ้า

 
ธันธเนศคิด ก่อนจะปิดประตูลงอย่างหัวเสีย



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-11-2018 13:19:56 โดย ก่อนเหมันต์ »

ออฟไลน์ unicorncolour

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1006
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
บวกเป็ด  o13

น่ารัก  :hao3:

ตาม ตาม ตาม  :hao6:

ออฟไลน์ NuNam

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1226
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-3
รอตามนะจ้ะ ^^

ออฟไลน์ FeaRes

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 738
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2

ออฟไลน์ เจ้าชายหมูตอน

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 44
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ชอบแนวนี้มาก แบบพระเอกกวนตีน
กับนายเอกใสๆ เถียงกันไปมาพระเอกกับมาหลงนายเอก ชอบๆครับ รีบมาต่อนะครับ

ออฟไลน์ Bradly

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 200
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1
ติดตามค่ะ  :mew1:

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
ทะเลาะกันแบบนี้เขาว่าลูกจะดกนะคุณ~

ออฟไลน์ rockiidixon666

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-3
แค่เปิดเรื่องก็ชอบแล้วว  :3123:

ออฟไลน์ ก่อนเหมันต์

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 84
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-2
1
โค้ชปากร้ายกับนายยมราช



หลังจากที่เรียนจบด้านวิทยาศาสตร์การกีฬามา ธันธเนศกลับไม่อยากทำงานในแวดวงกีฬาเสียอย่างนั้น ด้วยความสามารถทางการใช้ภาษาไทยและเป็นคนอารมณ์ศิลปิน เจ้าสำบัดสำนวน และไม่ชอบงานอะไรที่มันใช้แรงมากนัก เขาจึงมาทำงานเป็นนักหนังสือพิมพ์ให้กับหนังสือพิมพ์เล็กๆ แห่งหนึ่ง โดยเขียนคอลัมน์เกี่ยวกับกีฬาเป็นหลัก เนื่องจากเรียนจบด้านการกีฬามา และเขาดันเป็นเพียงคนเดียวที่ทำเรื่องนี้ได้ดีที่สุด แม้จะเพิ่งเริ่มงานได้ไม่นาน

เพิ่งผ่านมาไม่ถึงปีสำหรับการทำงานที่นี่ ชีวิตของธันธเนศไม่ได้หวือหวาอะไรมาก เพื่อนสนิทก็มีอยู่เพียงไม่กี่คน ที่ต่างคนต่างแยกย้ายกันไปทำงานมีครอบครัวกันหมด จึงทำให้นานๆ ถึงจะกลับมาเจอกันสักครั้ง ตื่นเช้ามาเขาก็ไปทำงาน กว่าจะกลับมาถึงห้องก็มืดค่ำ จึงทำให้เขาไม่มีแรงมาคิดทำอย่างอื่นนอกจาก กิน นอน ไปทำงาน วันหยุดก็นอนอืดอยู่ที่ห้อง มีแค่นี้จริงๆ

 

จนในวันนี้ วันที่เขาใช้ชีวิตปกติเช่นทุกวัน แต่จู่ๆ ก็มีบางอย่างเขามากวนชีวิตเขาให้ขุ่นเล่นๆ เสียอย่างนั้น เมื่อมีผู้ชายคนหนึ่งมาหาว่าเขาไปให้ท่าด้วยการแอบซื้อโจ๊กไปแขนไว้ที่หน้าห้อง ซึ่งหนุ่มคนนั้นก็คือห้องตรงข้ามเขานั่นเอง ผู้ที่เขาไม่เคยพบหน้ามาก่อนด้วยซ้ำ อีกฝ่ายมาด้วยอารมณ์ไม่พอใจอย่างสุดขีด เหมือนเก็บกดมาจากไหน เขาก็เป็นคนความอดทนต่ำ อารมณ์ร้อนมาแต่ไหนแต่ไร การวิวาทจึงเกิดขึ้นได้อย่างง่ายดาย

 

หลังเรื่องราวกวนใจจบหลัง เพราะความเหนื่อยล้าทั้งสมองและแรงกาย ทำให้ธันธเนศหลับไปทันทีที่หัวถึงหมอน โดยไม่ได้เก็บเรื่องบ้าบอที่เพิ่งเกิดขึ้นมาใส่หัวให้เสียเวลา

 

 

“เฮ้ยธัน”

“ว่าไงพี่”

“ช่วงนี้เราดูดรอปๆ ว่ะ” จรัญ บก. หนุ่มใหญ่สวมแว่นสายตาหนาเตอะเดินถือถ้วยกาแฟมายืนข้างเขา

“ยังไงอะ”

“ก็ช่วงนี้ยอดขายลดลง  กระแสส่วนใหญ่หาว่าข่าวเราส่วนมากก็อปมาจากอินเตอร์เน็ตกับโชเชี่ยลมีเดีย”

“ก็อปกับผีดิพี่ ก็เห็นอยู่ว่าผมนั่งเขียนจนหลังขดหลังแข็งทุกวัน”

“ก็โลกโชเชียลอะมึง ก็รู้อยู่ว่าใครจุดประกายอะไร แม่งก็ตามกันไปเป็นพรวน มึงไปดูในเพจของเราดิ คนด่าเพียบ โดยเฉพาะข่าวกีฬา”

“ช่างแม่ง ผมบริสุทธิ์ใจ” เขาพูดหน้าตาไม่สนโลก ก่อนจะหันกลับไปสนใจงานตรงหน้าต่อ

“เหยยย มึงจะมามัวนั่งพูดว่าช่างแม่งไม่ได้ ข่าวที่มึงลงมันก็ไม่น่าสนใจส่วนหนึ่งเปล่าว่ะ เอางี้ดิ”

“อะไรของพี่อีก”

“เราก็เล่นข่าวที่มันดูมีอะไรสิ ไม่ใช่ข่าวความเป็นไปของกีฬาแบบทั่วๆ ไปอ่ะ”

“ก็ถ้าคนอ่านไม่เสพข่าวความเป็นไปของกีฬารายวันจะมีอะไรอีกวะพี่”

“อืม...” บรรณาธิการหนุ่มที่เริ่มมีผมขาวแซมผมดำขึ้นมาบ้างนิ่งคิด “ลองเขียนเกี่ยวกับชีวิตของนักกีฬาด้วยดีม่ะ แบบใส่ดราม่านิดๆ จากดินสู่ดาว หรือสู้ชีวิตอะไรอย่างนี้ แบบที่จะสร้างแรงบันดาลใจให้เยาวชนไรประมาณเนี่ย”

“เหอะ ไม่พ้นดราม่า” เขาทำเสียงปลงตก ก่อนจะหันหนีอีกครั้ง

“ไม่รู้ล่ะ ถ้ายอดขายไม่ดีขึ้น กูจะโทษมึงคนเดียว เป็นเพราะคอลัมน์กีฬามึงดึงข่าวอื่นดิ่งลงไปด้วย”

“เอ๊าพี่ ไหงงี้ว่ะ”

“ไม่รู้ล่ะ” จรัญลุกออกไปพร้อมกับท่าทางอ้อนบาทา ด้วยคำพูดที่เป็นทำนองเพลงแสดงถึงความเหนือกว่า “หม่าย รู้ ล๊าาา”

ธันธเนศขว้างปากกาลงบนโต๊ะ ก่อนจะยกมือสองข้างขึ้นขยำหน้าขยำตาตัวเองอย่างไม่สบอารมณ์

 

 

“เฮ้ยยยยย ดูสิใครมา”

ชายหนุ่มที่ดูอายุสูงกว่าเขาไม่กี่ปีพูดขึ้นด้วยสีหน้าตื่นเต้น เมื่อมองเห็นธันธเนศเดินคอตกเข้าในยิมคาราเต้

ก่อนที่อีกสองคนในนั้นจะเดินมาสมทบ

“ลมอะไรหอบมาถึงนี่ได้ล่ะพ่อหนุ่ม”

“ลมตดมั้ง”

“สีหน้าดูไม่ค่อยดีเลยนะเพื่อน” อีกคนยังไม่วายหยุดใช้น้ำเสียงหยอกเย้า

แต่ธันธเนศผู้มีสีหน้าเบื่อโลกก็หาได้สนใจไม่ ยังคงตั้งหน้าตั้งตาเปลี่ยนชุดตัวเองไป

 

ธัญธเนศคือหนึ่งในคาราเต้รุ่นแรกของยิมนี้ ซึ่งตอนนี้ก็เหลืออยู่เพียงไม่กี่คนที่ยังคงมาซ้อมอยู่อย่างสม่ำเสมอ หรือนานๆ ทีเหมือนเขา ซึ่งล้วนแล้วแต่ก็เป็นนักกีฬาสายดำกันหมดแล้ว ต่างกันที่ดั้ง ในบรรดารุ่นแรกสี่คนที่เหลืออยู่ ธัญธเนศยังคงมีดั้งน้อยสุด เพราะเขาไม่ค่อยมาซ้อมสักเท่าไหร่ ตั้งแต่ช่วงปลายของการเรียนมหาวิทยาลัย

“เออนี่ มีน้องใหม่ไฟแรงเพิ่งจะได้เลื่อนสายดำมาหมาดๆ ไหนมึงลองกับน้องเขาหน่อยสิ ไอ้แก่สนิมเกรอะอย่างมึงกับน้องใหม่ใครจะเจ๋งกว่า”

“มาดิ” เขาพูดน้ำเสียงเรียบเฉยขณะวอร์มอัพร่างกาย

“เฮ้ยไอ้ตี๋ เดี๋ยววันนี้มึงช่วยเป็นคู่ซ้อมให้พี่ธันเขาหน่อยนะ แต่มึงอย่ารุนแรงกับพี่เขานักนะ นานๆ มาที กระดูกกระเดี๊ยวก็ไม่ค่อยจะดี”

“รู้ดีนะมึงเชี้ยกล้วย”

การซ้อมดำเนินไปเช่นปกติ หลังจากการวอร์มอัพร่างกาย ก็มีการซ้อมท่าเบสิกเพื่อคงความรู้และความคล่องตัวในท่วงท่าต่างๆ ก่อนจะแยกย้ายกันไปซ้อมในท่วงท่าจำเพาะของแต่ละลำดับขั้นตามความรู้ความสามารถในสายสีนั้นๆ และจบลงด้วยการจับคู่ซ้อมการต่อสู้ เพื่อให้พร้อมเสมอสำหรับการแข่งขันที่มีมาอยู่เสมอ

และคู่แรกในวันนี้นั้นก็คือธันธเนศและน้องรุ่นหลังเขาที่เขาเรียกกันว่าไอ้ตี๋นั่นเอง

บางคนก็แยกย้ายกันไปจับคู่ซ้อม แต่สายตาส่วนมากรอชมคู่โหดของวันนี้ เป็นที่เลื่องลือในยิมและรุ่นน้องรุ่นหลังๆ ว่า ธันธเนศนั้นคือ ‘ยมราช’ ของยิมดีๆ นี่เอง

เสียงให้สัญญาณการเริ่มต่อสู้ดังขึ้น หลังการทำความเคารพคู่ต่อสู้จบลง ทุกคนจับจ้องไปที่กลางสนาม ทั้งคู่ยังอยู่ระหว่างการตั้งการ์ดเพื่อหยั่งเชิงคู่ต่อสู้ และหาจังหวะที่จะเข้าไปทำคะแนน ไม่นานหลังจากนั้นเสียงตุบตับก็ตามมาเป็นจังหวะ แต่เพียงชั่วพริบตาเดียวร่างๆ หนึ่งก็กระเด็นก้นจ้ำเบ้าลงบนพื้นยิมเสียงดังสนั่น

เด็กหนุ่มที่ชื่อตี๋นอนบิดตัวอยู่บนพื้น พร้อมกับเสียงซี้ดปากของคนอื่นๆ ที่ยินอยู่รอบสนาม เพื่อนของธันธเนศคนหนึ่งยกมือขึ้นกำขมับ ธันธเนศที่ตั้งการ์ดรออยู่กวักมือเรียกตี๋ให้ลุกขึ้น เมื่อถูกท้าทาย อีกฝ่ายจึงจำใจลุกขึ้นแม้จะยังจุกอยู่ การต่อสู้เริ่มอีกครั้ง เสียงดังตุบตับยังคงดังขึ้นอยู่เป็นระยะ แต่ถ้ามองดีๆ จะเห็นว่าคนที่อายุน้อยกว่ากำลังโดนรัวหมัดใส่อยู่ไม่ได้ขาด

“เฮ้ยไอ้ตี๋ สู้หน่อยดิว่ะ” เสียงหนึ่งดังขึ้น

แต่ทันทีที่ตี๋เข้าไปใกล้ ท่อนขาเรียวยาวของธันธเนศก็ฟาดเข้าที่อกเขาอย่างจัง

“ไอ้ธัน เบาหน่อย น้องแม่งตับแตกแล้วมั้งน่ะ กระดูกพังขึ้นมามึงรับผิดชอบพ่อแม่เขาไหวเหรอ” เสียงที่พยายามทำลายสมาธิหาได้เข้าหูธันธเนศไม่ ขณะที่ตี๋ตั้งตัวได้จากการโดนเตะเข้าอย่างจัง เขาก็หันกลับมาเพื่อหมายเอาคืน แต่

เปรี้ยง!

นั่นคือเสียงสุดท้ายที่ก้องอยู่ในหูของตี๋หลังจากบาทาอรหันต์ฟาดเข้าที่ใบหน้าอย่างจัง

ร่างที่นอนกองหมดสภาพถูกหามออกมานอกสนาม

 

“มึงจริงจังไปเปล่าว่ะธัน”

“เอ้า ก็มึงบอกเองไม่ใช่เหรอว่าน้องใหม่ไฟแรง”

“แต่มันรุ่นน้องมึงนะ”

“เออๆ กูขอโทษ”

“มึงเป็นอะไรมาหรือเปล่า สีหน้ามึงดูไม่ค่อยสบอารมณ์เลย”

ผู้ถูกถามยกขวดน้ำออกจากปาก

“เปล่า”

เขาตอบหน้าตาเฉยก่อนจะหันเปลี่ยนเสื้อผ้าออก

มือหนาๆ ของคนที่อยู่ข้างๆ ตบไหล่เขาเบาๆ ก่อนจะเดินไปดูเด็กหนุ่มที่สะบักสะบอมอยู่อีกมุมหนึ่ง

 

 

“อ้าวเฮ้ย ตั้งใจกันหน่อยเว้ย อีกไม่กี่วันก็ต้องลงแข่งแล้ว มัวอ้อแอ้แบบนี้ระวังโดนหามออกจากสนาม” เสียงดุตะโกนขึ้นดังก้องโรงยิมในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง

“ไอ้ต้น มึงทำอะไร ส่ายก้นเป็นผู้หญิงเลย ท่าทางให้มันแมนๆ หน่อย มึงคิดว่ามึงซ้อมบัลเล่ต์อยู่หรือไง” เด็กชายวัยมัธยมต้นผู้เป็นเจ้าของชื่อหันมาค้อน

“มองอะไร หรือมึงจะปั่นจิ้งหรีด ซ้อมไป”

เสียงเด็กหญิงที่อยู่ใกล้กันหัวเราะคิกคักอย่างชอบใจ

“เงียบ!” ผู้ถูกว่าตะโกนปรามด้วยเสียงทรงพลัง “ครูธันอ่ะ ว่าแต่ต้น เราทำอะไรก็ผิดไปหมด” ก่อนจะหันไปพึมพำตัดพ้อกับคู่ซ้อม ท่าทีตุ้งติ้งของลูกศิษย์ทำเอาธันวาส่ายหัวอย่างปลงตก

 

“ครูธันๆ ไอ้จอมมันตีกับพี่นิดหน่อยอยู่หลังโรมยิม”

“ห๊ะ!”

เด็กชายวัยประถมวิ่งหน้าตื่นมาที่ชายหนุ่มร่างสูงที่ยืนอยู่ในชุดเทควันโด สิ่งที่ได้ยินทำเอาธันวาถึงกับอึ้ง

 

“เฮ้ยหยุด มึงหยุดเลยนะไอ้จอม”

เขาตะโกนขึ้นขณะตรงปรี่ไปที่เด็กหญิงกับเด็กชายกำลังวางมวยกันอย่างไม่มีใครยอมใคร

“กูบอกให้พวกมึงหยุด!” เจ้าของน้ำเสียงเด็ดขาดชี้ไปที่มวยวัยเยาว์ เมื่อไม่เห็นทีท่าว่าทั้งคู่จะหยุด

 

“ทีนี้ไหนบอกครูสิว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้น”

ผู้เป็นครูนั่งกอดอกมองเด็กหญิงกับเด็กชายวัยใกล้เคียงกันยืนก้มหน้าอยู่ตรงหน้า

“คนอื่นมองอะไร! แยกย้ายกันไปซ้อม” พลางตะโกนเสียงแข็ง

“ก็ไอ้จอมมันล้อชื่อแม่หนู”

“มึงก็ล้อชื่อพ่อกูก่อน” เด็กชายที่เหมือนจะอายุน้อยกว่าอยู่หน่อยนึงเถียงคอเป็นเอ็น

“มึงล้อก่อน” ฝ่ายหญิงไม่พูดเปล่า ยื่นมือไปผลักไหล่ของอีกฝ่าย

“เอาล่ะ พอๆ”

เด็กชายที่เพิ่งโดนผลักไหล่ยังมีทีท่าว่าจะไม่ยอมง่ายๆ

“กูบอกให้พอ!”

เสียงดังทำเอาเด็กตัวปัญหาทั้งสองสะดุ้งโหยง ก่อนจะหันกลับมายืนก้มหน้าสงบเสงี่ยมอีกครั้ง

“จอม ข้อปฏิบัติข้อหนึ่งว่าไง”

“เอ่อ...” เขานิ่งคิด “ให้ความเคารพผู้อาวุโสครับ”

“อืม นิดหน่อย”

“คะ”

“บทบัญญัติเทควันโดข้อสองกับข้อสี่ว่าไง”

“ข้อสอง เคารพพ่อแม่ ครูอาจารย์และผู้มีพระคุณ ส่วนข้อสี่อย่าทำร้ายผู้อื่น โดยไม่จำเป็น”

“อืม ทีนี้ รู้ไหมว่าตัวเองทำอะไรผิด”

ทั้งสองยังคงเงียบ

“รู้ไหม!?”

เสียงที่ดังขึ้นทำเอาเด็กน้อยทั้งสองสะดุ้งโหยง

“หนูเอาชื่อพ่อของจอมมาล้อเล่นค่ะ แล้วก็ทำร้ายจอมด้วย”

“ดี”

เขานิ่งฟังอีกคนบ้าง

“เอ่อ... ผมทำร้ายพี่นิดหน่อย แล้วก็ล้อชื่อแม่เขาด้วยครับ”

“ก็รู้นี่ แต่ทำไมถึงทำ”

ทั้งสองยังคงนิ่งเงียบ สีหน้าเริ่มมีแววแห่งการสำนึกผิด

“อยู่ด้วยกันทุกวัน เหมือนพี่น้องกัน ยังจะกัดกันเป็นหมา กฎที่ท่องกันทุกวัน เป็นนกแก้วนกขุนทอง เข้าหูซ้ายทะลุหูขวา”

เขาตักเตือนเสียงจริงจัง

“เอาล่ะ ผิดก็ว่าไปตามผิด ยังไงครูก็ต้องบอกเรื่องนี้ให้ทั้งพ่อแม่ของจอมแล้วก็นิดหน่อยรู้ สำหรับวันนี้ ยิมก็จะปิดแล้ว ก่อนกลับไปวิ่งรอบสนามสามรอบ พร้อมกับท่องบทบัญญัติเทควันโดและข้อปฏิบัติของนักเรียนไปด้วย ทั้งไทยทั้งอังกฤษ ห้ามหยุด เข้าใจไหม?”

“ถามว่าเข้าใจไหม!

“เข้าใจครับ/ค่ะ”

 

 

“เฮ้ยธัน ไปหาไรแดกกัน” เจนจพเพื่อนหนุ่มของเขาพูดขึ้น

“ไม่อ่ะ กูง่วงแล้ว เพลีย”

“อะไรของมึงว่ะ นานๆ มึงจะโผล่หน้ามาให้พวกกูเห็นที” อณวุฒิเพื่อนร่างหมีของเขาเสริม

“ไว้วันหลัง เดี๋ยวกูจะมาบ่อยๆ”

“กูก็เห็นมึงพูดงี้ตลอดแหละ”

“เอาน่า กูไปล่ะ บาย”

“ไม่บาย มึงอ่ะไม่สบาย ไป เดี๋ยวพวกกูพาไปแดกเหล้าต่อ”

“เหล้าเหี้ยไร พรุ่งนี้กูทำงานเช้า”

“เอออออ ไอ้คนมีการมีงานทำ พวกกูไม่มีเลย”

“พอๆ กูขี้เกียจต่อล้อต่อเถียงกับพวกมึงแล้ว สิ้นเปลืองเวลาชีวิต กูกลับละ”

สามหนุ่มยืนมองธันธเนศเดินออกไปจนลับสายตาในความมืด

“กูว่ามันมันกำลังมีปัญหามึงว่าไหมไอ้แจ้ไอ้กล้วย” เจ้าของยิมคาราเต้หนุ่มพูดขึ้น หลังจากที่เดินมาสมทบ

“มันคงคิดว่ามันจะปิดความรู้สึกพวกผมได้อะพี่ คบกันมาตั้งแต่อนุบาล แค่อ้าปากก็เห็นขี้ฟันกัน”

“ขี้ฟันพ่อง” เจนจพตบหัวเพื่อนดังป้าบ “ลิ้นไก่”

“เออ ลิ้นไก่นั่นแหละ”

“เฮ้ยพี่ พี่คนนั้นเขาชื่ออะไรนะ” ทั้งสามหันไปยังเสียงปริศนาที่ดังขึ้นจากทางด้านหลัง

“ชื่อธัน ยังไม่รู้จักยมราชแห่งยิมเราสินะ” อณวุฒิหัวเราะตบท้าย เมื่อเห็นสภาพรุ่นน้องที่เพิ่งย้ายยิมมาใหม่ๆ พ่วงกับการเพิ่งเปลี่ยนขั้นสายจากสีน้ำตาลมาเป็นสีดำสดๆ ร้อนๆ

“พอได้ยินมาบ้าง แต่ไม่คิดว่าพี่เขาจะโหดขนาดนี้ ทำไมพี่เขาไม่ลงแข่งทีมชาติไปเลยล่ะ เก่งขนาดนี้ อนาคตน่าจะสวย”

“มึงไปดูเหรียญห้องมันสิ ใส่ลังเบียร์ลังหนึ่งไม่รู้จะพอเปล่า แต่แค่อารมณ์มันไม่เหมือนชาวบ้านเขา เป็นทีมชาติต้องมีวินัย ไอ้นี่มันผีเข้าผีออก สังกัดทีมชาติไม่ได้หรอก” เจนจพเล่า

 

ราชวุฒิ หรือ ตี๋ เด็กหนุ่มวัยมัธยมยืนฟังพร้อมกับแอบยิ้มน้อยๆ ไปด้วย นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นธันธเนศ แต่ก็เป็นครั้งแรกที่เขาโดนยำเละขนาดนี้เช่นกัน หลังจากที่เปลี่ยนยิมมาเพราะย้ายเข้ามาเรียนในกรุงเทพฯ แต่ช่างเป็นการโดนทำร้ายร่างกายที่มีความสุขแบบบอกไม่ถูก


... ก่อนเหมันต์ ...
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-04-2018 09:54:51 โดย ก่อนเหมันต์ »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ analogue

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 670
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-3

ออฟไลน์ ▶August5th◀

  • it was fate
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2218
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +184/-2
รอติดตาม น่าสนุกนะเรื่องนี้
อ่านแค่บทนำก็สนุกแล้ว

ออฟไลน์ pktherabbit

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 212
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
Opposite เป็น adj. ไม่แน่ใจว่าชื่อเรื่องเขียนอย่างนี้ไม่น่าถูกหรือเปล่า
ควรเป็น The opposite room ก็พอรึเปล่า หรือถ้าจะใช้ชื่อตามนี้จริงๆ ก็ควรเป็น The room is opposite my room
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-02-2018 22:14:34 โดย pktherabbit »

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
รออยู่นะจ๊ะ

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ตามมมมมม สนุกกกกกก  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

ธัน กับ ธันวาปากหมา ยังไงๆ

ธันวาปากหมานี่ด่วนสรุปซะจริง คิดได้ไง
แถมยังมาโวยวายใส่ธัน ห้องตรงกันข้ามว่ามาอ่อยตัวเอง
แสดงว่าปกติมีปู้จายมาอ่อยบ่อยๆสินะ

แต่ตี๋ ที่โดนพายุอารมณ์ความเครียดของธันใส่ซะสลบ
ท่าทางจะชอบธันซะและ
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Kelvin Degree

  • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
น่าติดตามครับผม,,,

ออฟไลน์ ก่อนเหมันต์

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 84
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-2
2
วางมวย



“ผมเอาข้าวผัดกล่องหนึ่งครับ”

“ใส่แค่ผัก ไม่เนื้อเหมือนเดิมนะครับ” ชายเจ้าของร้านกล่าวขึ้นด้วยท่าทีเป็นกันเอง

“ครับ”

ธันธเนศสั่งข้าวในร้านอาหารตามสั่งร้านประจำภายในคอนโด แล้วเดินมานั่งรอที่โต๊ะเล็กๆ ที่ว่างอยู่ โดยไม่ได้สนใจมองคนอื่นภายในร้าน จากนั้นก็ก้มหน้าก้มตาเขี่ยโทรศัพท์ไปเรื่อยเปื่อย เหมือนที่เคยทำเป็นปกติของมนุษย์ผู้ไม่สนโลก

 

“ข้าวผัดได้แล้วครับ” เสียงเจ้าของร้านเอ่ยขึ้นไม่นานหลังจากนั้น เขาจึงกดปิดหน้าจอแล้วลุกขึ้นไปจ่ายเงิน

จังหวะนั้นเองสายตาเขาก็ไปสะดุดเข้ากับร่างๆ หนึ่งที่นั่งกินข้าวเงียบๆ คนเดียวอยู่ตรงข้ามโต๊ะที่เขานั่งรออยู่เมื่อกี้ และที่สำคัญ ธันธเนศไม่รู้เลยว่าเขานั่งประชันหน้ากับอีกฝ่ายมานานเท่าไหร่แล้ว แต่น่าจะนานอยู่พอสมควร เพราะข้าวในจานนั้นถูกกินจนเกลี้ยงแล้ว

ปกติเขาไม่เคยเห็นหน้าผู้ชายคนนี้มาก่อนเลยกับเวลาร่วมห้าปีที่เข้ายายเข้ามาอยู่ที่นี่ แต่พอเจอกันครั้งแรกเมื่อวาน ครั้งที่สองก็ตามมาในวันถัดมาขนาดนี้ นี่สินะ ที่เขาบอกว่ายิ่งเกลียดยิ่งต้องได้เจอ

สายตาที่หลบลงมองต่ำทันทีที่ธันธเนศหันไปเห็น นั่นหมายความว่าอีกฝ่ายก็สังเกตเห็นเขาเช่นกัน แต่คงอายที่โวยวายไปเมื่อวานเลยไม่กล้าสู้หน้าเขา

“นี่ครับเงิน ” ธันธเนศรีบจ่ายเงินแล้วคว้าถุงข้าวเดินออกมาทันที โดยที่หลังจากแว๊บนั้น เขาก็ไม่มองไปยังตรงนั้นอีกเลย

เขาเบะปากหลังจากเดินพ้นประตูร้านออกมา

 

เมื่อลิฟต์เปิดออก ธันธเนศก็ก้าวออกมา ก่อนจะเดินตรงไปที่ห้องของตัวเองทันที พร้อมกับเสียงลิฟต์อีกตัวเปิดตามมาติดๆ แล้วตามด้วยฝีเท้าคู่หนึ่งเดินออกมา แต่เขาก็ไม่ได้ใส่ใจหันไปมองแต่อย่างใด

 

ประตูห้องของเขาปิดลง ชายหนุ่มหันหลังพิงประตู ก่อนจะผ่อนลมหายใจเบาๆ

ขออย่าให้ได้พบได้เจอกับแม่งอีกเลย ยิ่งเห็นยิ่งเหม็นขี้หน้ายิ่งกว่าขี้หมาติดรองเท้า คนห่าไรจะด่าว่าควายยังสงสารควายเลย

นั่นคือสิ่งที่เขาก่นด่าอยู่ในใจ ขณะเดียวกันก็มีเสียงปิดประตูดังมาจากห้องตรงข้ามเขา ธัญธเนศผละออกมาจากประตูห้องด้วยความรวดเร็ว

 

 

เช้าตรู่ของวันใหม่ ชายหนุ่มนักหนังสือพิมพ์ตื่นขึ้นมาด้วยความงัวเงีย หลังจากที่นาฬิกาปลุกดังขึ้นพร้อมกันสามที่ จากโทรศัพท์เครื่องเก่าที่หลังตู้เย็น จากนาฬิกาตั้งโต๊ะดิจิตอลข้างหัวเตียง และจากโทรศัพท์เครื่องใหม่ที่ข้างหมอน

ความขี้เซาไม่เข้าใครออกใคร จนแอบกลัวว่าวันหนึ่งจะโดนข้างห้องมาด่าเรื่องเสียงนาฬิกาปลุกดังทะลุไปห้องเขาสักวัน

“โอยยย” ชายหนุ่มโอดครวญ ก่อนจะขยี้หัวเพื่อปลุกให้ตัวเองตื่นอีกรอบแล้วลุกเดินไปปิดนาฬิกาปลุกทีละอันอย่างใจเย็น

 

เมื่อคืนเหมือนฝันว่ามีคนมาเคาะห้องด้วยนี่หว่า

ความคิดบางอย่างผุดขึ้นมาในหัวขณะกำลังจะเดินไปเข้าห้องน้ำ แต่ระหว่างที่เอื้อมมือไปจับลูกบิดประตูห้องน้ำที่อยู่เยื้องกับประตูเข้าห้องนั้น หางตาเขาก็ไปสะดุดกับกระดาษโน้ตแผ่นเล็กๆ ที่สอดอยู่ใต้ประตู

‘กลัวกูหรอ ถึงไม่กล้าเปิด’

ข้อความสั้นๆ ที่ยืนยันว่าเสียงเคาะประตูที่ได้ยินนั้นไม่ใช่ในฝันแต่อย่างใด

กระดาษแผ่นเล็กถูกขยำด้วยหมัดที่กำแน่น ก่อนจะถูกโยนลงชักโครกแล้วกด

คนสันดานไม่ดี จะมาขอโทษทั้งทีก็ยังมิวายปากหมา

 

“วันนี้หน้าตาดูไม่สดใสเลยนะไอ้น้อง” บรรณาธิการหนุ่มใหญ่เดินมาหยุดที่ข้างโต๊ะเขาพร้อมกับถ้วยกาแฟที่ถืออยู่ในมือเช่นเดิม

“อือ”

“เป็นไงบ้าง ได้ไอเดียอะไรใหม่หรือยัง”

“ยังพี่”

“โห่ ไรแว้ ช้าแบบนี้จะทันกินไหม”

“ใจเย็นดิพี่ เพิ่งคุยกันเมื่อวานเองไม่ใช่หรอ”

“อ่ะๆ กูให้เวลามึงอาทิตย์หนึ่ง”

“เออๆ แล้วไม่มีงานมีการทำเหรอพี่ นี่มันก็ถึงเวลางานแล้วนะ”

คำพูดไร้ซึ่งความขามเกรงในบุคคลที่อยู่สูงกว่าของธันธเนศทำเอาหนุ่มใหญ่ถึงกับสะอึก แต่ก็มิอาจโต้เถียงเพราะสิ่งที่อีกฝ่ายพูดก็ไม่ผิด และเขาก็ชินเสียแล้วในนิสัยแบบนี้ของผู้เป็นพนักงานรุ่นน้อง ความเถรตรง และไม่สนโลก

“อารมณ์ไม่ดีนะมึงเนี่ย กูรู้” หนุ่มใหญ่ทิ้งท้ายก่อนจะเดินจากไป

 

เวลาผ่านมาจนบ่ายแล้ว ในหัวของธันธเนศยังคงวนเวียนอยู่กับไอเดียใหม่ที่จะเอามาเขียน แต่คิดยังไงก็คิดไม่ออก

“นอกจากข่าวกีฬารายวันแล้วมันยังจะเขียนห่าไรได้อีกว่ะ” เขาจิ๊ปากอย่างไม่สบอารมณ์

“เด็กน้อยจากสลัมที่มีความสามารถพิเศษทางด้านกีฬาจนได้เป็นทีมชาติงี้เหรอ เชยฉิบหาย” เขาพึมพำ “ประเด็นคือ แล้วกูจะไปหาคนพวกนี้ได้ที่ไหนวะเนี่ย”

“แม่งโว้ยยยย” เขาระเบิดเสียงตะโกนออกมาทำลายความเงียบจนเพื่อนร่วมงานในห้องนั้นต้องเงยหน้าขึ้นมามองด้วยความตกใจ

จรัญส่ายหัวโงนๆ อย่างเหนื่อยใจ

 

 

“เอานี่”

“อะไรอีกพี่”

“กูเห็นสภาพมึงแล้ว ไม่น่าจะรอด กูเลยลองหามาให้ดูเป็นตัวอย่างก่อนงานหนึ่ง”

ธันธเนศหยิบกระดาษตรงหน้าขึ้นมาอ่าน

“ธันวา ชาติพยัคฆ์ ชื่อเล่นชื่อ ธัน อายุ 21 ปี เรียนอยู่ชั้นปีที่ 5 สาขาวิชาพลศึกษา มหาวิทยาลัยดังในกรุงเทพฯ สูง 189 หนัก 85 ปัจจุบันเป็นโค้ชกีฬาเทควันโดควบคู่ไปกับการเรียนปีสุดท้ายในมหาวิทยาลัย บลาๆๆ”

เขาวางกระดาษลง ก่อนจะเงยหน้ามองผู้ที่ยืนค้ำโต๊ะอยู่

“คือไรพี่”

“คนนี้แหละที่พี่จะให้มึงไปสัมภาษณ์มาลงคอลัมน์ หลานพี่เอง น่าจะเป็นแรงบันดาลให้ใครหลายๆ คนได้ โดยเฉพาะเด็กรุ่นใหม่” มือหนาเอื้อมมาตบหลังเขาป้อยๆ

“เท่าที่อ่านประวัติดู ก็ไม่ได้มีอะไรพิเศษนะพี่”

“เอาน๊า คนแรกลองดูก่อน ยังไม่ต้องพิเศษอะไรมาก แต่มันเก่งนะ เป็นโค้ชกีฬาได้ตั้งแต่อายุยังน้อย แถมยังติดทีมชาติด้วย”

“เหอะ โคตรรสปอยล์ญาติตัวเองเลยว่ะ” เขาปัดมือบนไหล่ แหงนมองหน้าคนที่นั่งค้ำหัวอยู่บนโต๊ะทำงาน “ว่าแต่จะให้ไปสัมภาษณ์เมื่อไหร่”

“เอาน่า ดีกว่ามึงหาใครไม่ได้เลยไหมล่ะ พี่ขอไวที่สุด ให้ไม่เกินอาทิตย์หนึ่งอ่ะ ระหว่างนี้มึงก็เขียนข่าวกีฬารายวันไปก่อน”

“เดี๋ยวพี่ แล้วไอ้เด็กคนที่ว่านี่มันอยู่ที่ไหน อะไรยังไง ผมจะติดต่อได้ยังไง”

“ข้างล่างมีเบอร์กับอีเมล์ติดต่อ แหกตาดู”

“อ่อ โทษ”

 

 

หลังเลิกงานกว่าธันธเนศจะหลุดพ้นจากรถติดมาถึงได้ก็ปาไปมืดค่ำ เขาเดินหอบร่างที่ไม่ต่างกับซอมบี้ลากขาตัวเองไปตามทางเดินแคบๆ

โทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงของเขาที่ปิดเสียงไว้สั่นครืดๆ เขาหยุดเดินก่อนจะ

ปึ๊ก!

ร่างของใครบางคนชนเขาเข้าอย่างจังจากทางด้านหลัง ธันธเนศสะดุ้งสุดตัวก่อนจะหันขวับ

“มึงคิดว่าถนนนี้มีมึงเดินอยู่คนเดียวหรือไง”

เอาแล้ว

อริเจ้าเก่าเจ้าเดิม

“ใครจะไปตรัสรู้ว่ามีคนเดินตามมา กูไม่ได้มีตาหลัง มึงมีตาหน้าทำไมไม่แหกดู” เรื่องโน้ตกวนตีนที่เขาเห็นเมื่อเช้ากลับมาจุดประกายเพิ่มความโกรธอีกครั้ง หลังจากที่เขาพยายามลืมมันไปแล้ว

“ทำไม หรือมึงจะเอา”

“เออ ทำไม มึงจะทำอะไรกู”

“ไอ้เหี้ยนี่วอนแล้วมึง” ร่างสูงกระชากคอเสื้อธันธเนศมากำไว้ พร้อมกับกัดฟันกรอด มือหนึ่งกำหมัดแน่น

“เอาเดะ มึงต่อยกูดิ” เขาพยักพเยิดหน้าท้าทาย

แม้จะตัวเล็กกว่า แต่ก็หาได้มีท่าทียำเกรงในตัวของอีกฝ่าย ทำให้หนุ่มร่างสูงกว่าเลือดพุ่งกระฉูดขึ้นหน้าด้วยความโกรธ ตามมาด้วยเสียงขบกรามดังกรอด

ตุบ!

หมัดหนักซัดเข้าที่ข้างแก้มธันธเนศอย่างจัง เขาถึงกับหน้าหัน

ผู้ถูกกระทำก่อนควันออกหัว เมื่อตั้งหลักได้ เขาก็กระโดดขาคู่เอาบาทาคู่ใจถีบเข้าที่หน้าอกอีกฝ่ายจนถลาล้มไปไม่เป็นท่าเหมือนกัน

“เห้ยหยุด!”

“ไอ้ธันหยุด!”


 

สองหนุ่มผู้บังเอิญมาเห็นเหตุการณ์พอดิบพอดีวิ่งหน้าตั้งมาดึงผู้ก่อเหตุทั้งสองออกห่างกันทันที

“พอไอ้น้องพอ” อณวุฒิยื้อหนุ่มหนุ่มร่างสูงไว้สุดชีวิต ด้วยแรงที่สูสี

“ไอ้ธัน พอๆ” เจนจพดึงแขนธันธเนศไว้

“มึงเป็นเหี้ยอะไรมากป่ะ เดินชนกูเองแล้วเสือกหัวร้อน” เขาตะโกนว่าอย่างโมโห ก่อนจะยกมือขึ้นเช็ดเลือดที่ซึมออกมาจากขอบปาก ดวงตาแข็งกร้าว

ร่างสูงเบือนหน้าหนี ก่อนจะสะบัดตัวออกจากการเกาะเกี่ยวของอณวุฒิ แล้วข่มอารมณ์เดินออกไป

 

 

“มันเรื่องอะไรกันวะไอ้ธัน ถึงขึ้นต้องลงไม้ลงมือกันเลยเหรอ” เจนจพถามขึ้นด้วยสีหน้าเป็นกังวล

“โอ๊ย เบาๆ”

อณวุฒิยกสำลีเช็ดแผลออกห่างหลังจากที่อีกฝ่ายร้องขึ้น

“ไม่รู้แม่ง แค่เดินชนกันแค่นั้นเอง”

“แค่เนี้ย?” หนุ่มอวบย่นคิ้ว

“กูว่ามันต้องมีไรมากกว่านั้น ไม่งั้นมันไม่ต่อยมึงจนเลือดกลบปากขนาดนี้หรอก”

“อันที่จริงก็เพิ่งมีปัญหากันไป มันหาว่ากูไปอ่อยมัน”

“มึงทำจริงหรือเปล่าล่ะ”

“เดี๋ยวมึงจะโดนอีกคนไอ้กล้วย”

“เค้าหยอก”

“ยามพามันไปดูกล้องแล้ว คงเจ็บใจแล้วก็เสียหน้าน่ะแหละที่รู้ว่ากูไม่ใช่คนทำ เลยไม่ชอบหน้ากูไปเลย”

“คนสมัยนี้มันเป็นอะไรกันไหมด เอะอะใช้กำลัง”

“มีแค่มันแหละที่สันดานแบบนี้ ทำตัวเป็นนักเลงหัวไม้ ที่บ้านแม่งเลี้ยงมาด้วยลำแข้งหรือเปล่าไม่รู้”

“มันคงเห็นมึงตัวเล็กกว่าด้วยมั้งกูว่า เลยกร่างใหญ่” เจนจพออกความเห็น

“หึ เป็นไงล่ะ เจอส้นตีนกูไป ขอให้แม่งช้ำในตาย” ธันธเนศแช่ง

“รู้จักยมราชตีนควายอย่างเพื่อนกูน้อยไป” อณวุฒิเสริม

“ควายเตี่ยมึงสิ เดี๋ยวปั้ด” เขาพูดพลางออกท่า

อีกฝ่ายเอียงตัวหลบ

“ว่าแต่พวกมึงสองตัวมาหากูทำไมเนี่ย ไอ้แจ้โทรมาหนิ แต่กูยังไม่ได้รับดันมีเรื่องซะก่อน”

“ว่าจะชวนมึงไปแดกข้าว มันมีร้านเนื้อย่างมาเปิดใหม่ มีบุฟเฟ่ต์เบียร์สดด้วยนะมึง” เจนจพพูดสีหน้าเชิญชวน

“มึงก็รู้ว่าช่วงนี้กูงดเนื้อรับเบญจเพส”

“มึงก็ไปแดกผักแดกเต้าหู้ไง อย่างอื่นที่ไม่ใช่เนื้อเยอะแยะ แดกเบียร์ด้วยก็ได้ มึงไม่ได้งดแอลกอฮอล์หนิ แค่มึงไปเป็นเพื่อนพวกกูก็พอ”

“พวกมึงไปกันสองคนไม่ได้หรอ”

“ถ้าพวกกูจะไปกันสองคนกูจะมาหามึงไหมไอ้ธัน ไปเหอะน๊า กูอุตส่าห์มาชวนถึงที่”

ผู้ถูกชวนนิ่งคิด ก่อนจะถอนหายใจอย่างจำใจ

“เออๆ ไปก็ไว้วะ”

 

ในร้านเนื้อย่างสไตล์เกาหลีที่กว้างขวางและเพิ่งจะเปิดให้บริการได้ไม่ถึงสัปดาห์ แต่กระนั้นผู้คนก็แน่นขนัดร้าน มีเหลือว่างอยู่เพียงไม่กี่โต๊ะ

ในเตาที่ควันจากการย่างเนื้อฟุ้งกระจาย เจนจพกับอณวุฒิเจ้าเนื้อกำลังกินเนื้อย่างสลับกับยกเบียร์สดขึ้นดื่มอย่างเอร็ดอร่อย ในขณะที่ธันธเนศนั่งเขี่ยผักต้มในถ้วยของเขา สายตาบ่งบอกถึงใจที่ลอยไปถึงไหนต่อไหน

“แล้วมึงจะหยุดกินเนื้อถึงเมื่อไหร่วะไอ้ธัน” เจนจพถามขึ้นเมื่อเห็นท่าทีเบื่อหน่ายโลกของผู้เป็นเพื่อน

“ก็จนพ้น 25 อ่ะ หรืออาจจะตลอดชีวิต”

“เออมึงนี่ก็พิลึกคนเข้าทุกวัน”

“เฮ้ยธัน! ไม่คิดว่าจะเจอมึงที่นี่ มาชนแก้วหน่อย” เสียงปริศนาดังขึ้นข้างๆ เขา ดึงสายตาทั้งสามคู่ให้เงยขึ้นไปมอง

“อ้าวพี่รัญ”

จรัญหัวหน้างานเขานั่นเอง

“กูเห็นมึงนั่งอยู่นานแล้ว เลยเดินมาทักทายซะหน่อย”

เพราะคนเยอะเลยทำให้เขาไม่ทันได้สังเกตเห็นอีกฝ่าย

“มาพี่ ชนๆ – อ้อนี่ เพื่อนผมเอง แจ้กับกล้วย”

“หวัดดีคร้าบบ” สองหนุ่มกล่าวทักทายพลางยกมือขึ้นไหว้เหนือหัวป้อยๆ แล้วยกแก้วขึ้นชนกับอีกฝ่ายที่ยืนอยู่

“เออๆ หวัดดี”

“แล้วนี่พี่มากับใคร”

“อ๋อ มากับหลาน คนที่พี่จะให้มึงไปสัมภาษณ์ลงคอลัมน์ไง โน้นนั่งอยู่ตรงโน้น”

ทั้งสามมองตามนิ้วชี้ของหนุ่มใหญ่ไปยังโต๊ะที่อยู่ไกลออกไป คนๆ หนึ่งนั่งหันหลังอยู่

“เดี๋ยวพี่ไปเรียกมันมาทักทายหน่อย รู้จักกันไว้ เดี๋ยวทำงานด้วยกันจะได้ง่ายขึ้น”

จรัญพูดจบก็เดินออกไป

 

“หัวหน้างานมึงหรอ” เจนจพถาม หลังจากที่แผ่นหลังหนาลับตาไปในฝูงชน

“อือ”

“ยังดูหนุ่มอยู่เลย”

“หนุ่มห่าไร มึงดูผมบนหัวเขาดิ ขาวจนจะหมดอยู่แล้ว”

อณวุฒิที่กำลังเคี้ยวอย่างเอร็ดอร่อยแทบสำลัก

“เฮ้ย สีผมไม่ใช่ตัววัดอายุเสมอไป กูหมายถึงหน้าตาเขายังเด็กอยู่เลย อายุเท่าไหร่แล้ววะ”

“มึงจะสนใจพี่เขาทำไมวะ”

“เออไอ้แจ้ มึงจะสนใจพี่เขาทำไมหนักหนา” อณวุฒิเสริม

“เอ๊า กูก็แค่อยากรู้”

“สามสิบต้นๆ ยังโสดนะ เผื่อมึงสนใจ”

“พ่อมึงสิ” เจนจพหน้าแดงก่ำ “กูแค่ถาม”

 

“นี่หลานพี่ ชื่อธัน” ไม่นานก็มีเสียงหนึ่งแทรกขึ้นอีกครั้ง

ทั้งสามเงยขึ้นมองผู้มาใหม่ตามเสียงกล่าวแนะนำ

ฉิบหาย!

ธันธเนศรู้สึกว่าอยากได้ผ้าคลุมล่องหนมากที่สุดก็คงจะเป็นตอนนี้

“เชี้ยแล้วววว...” อณวุฒิเผลออุทานออกมาเบาๆ เนื้อย่างที่คีบไว้ในมือร่วงลงบนพื้นโต๊ะ เจนจพต้องหันไปกระทุ้งเอวเพื่อนเบาๆ เพื่อเตือนถึงสิ่งที่เพื่อนหลุดปากออกมา

ร่างสูงที่ยืนอยู่ข้างจรัญไม่แม้แต่จะมองมาที่เขาทั้งสาม ธันธเนศมองใบหน้าหยิ่งผยองที่เชิดสูงพร้อมกับอาการคันบาทาขึ้นมาในบัดดล

“กูเพิ่งสังเกตเห็น ปากมึงไปโดนไรมาว่ะธัน” บรรณาธิการหนุ่มเอ่ยถาม

“อ๋อ โดนหมาแถวคอนโดกัดมาน่ะ”

คนไว้ท่าที่ยืนอยู่ใกล้ๆ ถึงขั้นสำลักน้ำลายตัวเอง

“เออๆ ไม่เป็นอะไรมากก็ดีแล้ว - เออธัน นี่คือธันธเนศ คนที่น้าบอกไว้ว่าจะมาสัมภาษณ์เราน่ะ แล้วนี่เพื่อนๆ พี่ธันเขา ไหว้พี่เขาหน่อย” จรัญแนะ

ชายหนุ่มยกมือไหว้ใบหน้าซังกะตายเหมือนกำลังโดนปืนจี้บังคับ ก่อนจะเดินกลับไปแบบไม่แม้แต่จะสนใจร่ำลา

“มันเป็นไรของมันว่ะไอ้นี่” จรัญทำหน้างง “เออ งั้นพี่ไปล่ะ เจอกันพรุ่งนี้เว้ยธัน” ก่อนจะกล่าวลา

“เออพี่ เจอกัน”

ทั้งสองคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามเขาหันมามองหน้าด้วยสีหน้าเห็นใจ

“ชื่อเหมือนกันด้วยสัด” อณวุฒิพูดขึ้น

“แล้วกูเห็นหัวหน้ามึงบอกว่าอะไร มึงต้องทำงานกับไอ้นั่นเหรอ”

“เออดิสัด”

“หล่อนะ หล่อมาก แต่ถ่อยฉิบหาย ยิ่งเห็นท่าทางมันเมื่อกี้นะ แม่งโคตรอ้อนตีน”

“แล้วมึงเอาไง จะเข้าหน้ากันติดเหรอ” เจนจพถามขึ้น

“กูไม่ทำ ยังไงกูก็ไม่ทำ ให้คนอื่นทำไป”

“เออ อย่าไปยุ่งกับมันเลย คนเหี้ยไร หน้าตาไม่น่าคบหา” อณวุฒิเข้าข้างเพื่อน

“แล้วมันมีอะไรดีทำไมต้องไปสัมภาษณ์มันมาลงคอลัมน์” เจนจพถามขึ้นอีกครั้ง

“มันเป็นโค้ชเทควันโด แต่อายุแค่ 21 ยังเรียนอยู่ด้วย”

“ห๊า!!” สองเพื่อนหนุ่มอุทานขึ้นพร้อมกัน “21?!”

“เออ”

“งั้นมันก็ปีนเกลียวมึงอ่ะดิ มึงแก่กว่ามันตั้งหลายปี”

“เรื่องปีนเกลียวกูไม่สนหรอก ที่กูสนคือ ทำไมต้องเอาคนนิสัยทรามแบบนั้นมาลงคอลัมน์ในส่วนของกูด้วย กูไม่เข้าใจพี่รัญแม่งเลยจริงๆ”

“เดี๋ยวๆๆ” อณวุฒิทำท่าทางเหมือนนึกบางอย่างขึ้นมาได้

“ชื่อธันเหมือนกัน เป็นนักกีฬาต่อสู้มือฉกาจด้วยกันทั้งคู่ กูรู้แล้วไอ้เด็กธันนี่แหละคือเคราะห์ใหญ่ของเบญจเพสมึงเลยธัญธเนศเอ้ย”

“ถ้ายังอยากแดกต่อก็แดกไปเงียบๆ ไอ้กล้วย” เขาปราม

แล้วเสียงโทรศัพท์ของเจนจพก็ดังขึ้นขัดจังหวะพอดี

“เออๆ เข้ามาเลย เพิ่งเริ่มกิน นั่งอยู่โต๊ะหลังป้ายร้านใหญ่ๆ เนี่ย - เออๆ” เขากดวาง

“ใครว่ะแจ้”

“ไอ้ตี๋ เด็กที่มึงให้มันกินยำตีนไปวันนั้นแหละ มันอยากมาเจอมึง”

“เจอกู?”

“เออ”

 

เด็กหนุ่มวัยมัธยม ที่ยังคงสวมกางเกงนักเรียนขาสั้นสีดำกับเสื้อยืดสีขาวเดินเข้ามา

“หวัดดีครับพี่” สายตากรุ้มกริ่มส่งให้ธันธเนศทันทีที่มาถึงก่อนจะนั่งลงที่ว่างข้างๆ เขา

ราชวุฒิเป็นเด็กวัยมัธยมที่ตัวสูงมาก สูงกว่าเขาเป็นไหนๆ ผิวขาวเกลี้ยงเกลาตามแบบฉบับเด็กหนุ่มเชื้อสายจีน อีกทั้งเป็นเพราะเล่นกีฬาเลยทำให้รูปร่างเขาเริ่มมีมัดกล้ามที่ชัดเจนในทุกสัดส่วน บวกกับหน้าตาที่หล่อเหลาไม่เบาจึงทำให้สาวๆ โต๊ะข้างๆ มองตามกันตาเป็นมัน

 

“เอ้าๆ อย่ามัวแต่จ้องพี่เขา กินๆ” อณวุฒิบอก

ธันธเนศรีบหันไปมองผู้ที่นั่งอยู่ข้างๆ เมื่อได้ยินดังนั้น เด็กหนุ่มหลบตาพร้อมกับยิ้มน้อยๆ อย่างเขินๆ

เชี้ยไรของมึง เขาคิดพร้อมกับค่อยๆ ขยับตัวออกห่างพอจะไม่ให้เป็นที่สังเกต

“พี่ตี๋!!!”

ทั้งสี่คนหันไปยังเสียงใสของเด็กสาวในชุดนักเรียนสองคนที่ยืนม้วนอยู่ใกล้ๆ กับโทรศัพท์มือถือที่มีเคสฟูฟ่องประหนึ่งขนมสายไหมในมือคนหนึ่ง

“ครับ” เด็กหนุ่มตอบแบบงงๆ

“หนูเป็นรุ่นน้องพี่ที่โรงเรียนนะ ไม่คิดเลยว่าจะได้เจอพี่ที่นี่ ขอถ่ายรูปคู่หน่อยได้ไหมคะ”

“เอ่อ...” ราชวุฒิทำหน้าลังเล ก่อนจะหันมาหาธันธเนศที่นั่งอยู่ข้างๆ “พี่ธันอนุญาตไหมครับ”

“เกี่ยวเหี้ยไรกับพี่ละครับน้อง มึงจะถ่ายก็ถ่ายไปดิ เอ้อไอ้นี่” สายตาเฉยเมยกล่าวขึ้น ก่อนที่หนุ่มน้อยหน้าใสจะหันกลับไปกล่าวตกลงกับสาวสวยรุ่นน้องที่ยืนหน้าสลอนรออยู่อย่างจดจ่อ

 

“พี่ธันไม่กินเนื้อเหรอครับ” เด็กหนุ่มหันมามองจานตรงหน้าธันธเนศที่เขียวเหมือนชามอาหารกระต่าย

“อือ”

“มา งั้นเดี๋ยวผมต้มผักให้พี่เอง”

“กูไม่ได้เป็นง่อย ย่างกินเองมึงไป” เขาขัด

แม้จะโดนหนุ่มรุ่นพี่ปราม แต่เด็กหนุ่มหน้าตี๋ก็มิวายตักผักตักสิ่งที่ธันธเนศพอจะกินได้ใส่จานให้เขาอยู่เป็นระยะๆ จนธันธเนศขี้เกียจจะขัด เลยปล่อยเลยตามเลย

 

“เอาไหนมึงบอกกูว่ามีเรื่องจะคุยกับไอ้ธันมัน ไหนเล่ามาสิ” อณวุฒิถามขึ้นหลังทุกคนอิ่มและนั่งรอให้ท้องที่ตึงจากทั้งเบียร์และเนื้อย่างมันยุบลงสักหน่อยก่อน

ธันธเนศหันไปมองเด็กหนุ่มผู้ใสซื่อข้างๆ

“ผมชอบไลน์การเล่นของพี่ธันมากเลยอ่ะครับ ช่วยโค้ชส่วนตัวให้ผมหน่อยได้ไหม ผมอยากเก่งแบบพี่บ้าง”

“ที่ยิมก็มีพี่เอกสอนอยู่ไง จะมีใครเก่งเท่าพี่เอกอีก เขาเป็นถึงอดีตทีมชาติ พ่อเขาก็เป็นคาราเต้ต้นตำรับมาจากญี่ปุ่น”

“แต่ผมชอบเทคนิคการเล่นของพี่ธันด้วย รู้สึกว่ามันมีอะไร อนาคตผมอยากจะลองคัดตัวทีมชาติ อยากจะให้พี่สอนเพิ่มเติมจากครูเอกแบบตัวต่อตัวได้ไหมครับ”

“โอย กูไม่มีเวลาหรอก”

“เอาวันที่พี่ว่างก็ได้ วันที่พี่ไปยิมอะ นะครับ นะๆๆ”

“ไอ้นี่แม่งตื้อว่ะ”

“เอาน่าไอ้ธัน น้องมันอุตส่าห์ขอขนาดนี้แล้ว มึงก็ช่วยๆ น้องมันหน่อย ใครใช้ให้มึงเก่งเกินคน” เจนจพเสริม

“นะครับ นะๆๆ”

ชายหนุ่มหน้าตาเบื่อโลกถอนหายใจอย่างรำคาญ

“เออ ดูก่อน”

“ขอบคุณครับ พี่ธันน่ารักที่สุดเลย” ท่าทางดีใจกับแววตาที่มีความทะเล้นแฝงอยู่ทำเอาธันธเนศเริ่มเกร็ง

“น้อยๆ หน่อย เดี๋ยวกูจัดให้สมใจอยาก”

 

“อ้าวพี่ จะกลับแล้วเหรอครับ”  เจนจพกล่าวขึ้นเมื่อจรัญกับผู้เป็นหลานชายเดินมาหยุดที่ข้างโต๊ะ

“ใช่ๆ ไว้ว่างๆ นัดดริ้งกันหน่อยดีกว่า เห็นหน่วยก้านพวกมึงแล้วดูน่าร่วมวงดี”

ทั้งสี่คนยกมือไหว้อำลา หนุ่มใหญ่ยิ้มให้ก่อนเดินออกไป

 

“แดกเด็กระวังคุกนะเว้ย...”

ขณะเดียวกันธันธเนศจะไปสะดุดกับประโยคกระแทกกระทั้นเบาๆ จากใครบางคนลอยมาเข้าหู ขณะที่คนๆ นั้นเดินผ่านไป

“เสือก” เขาพูดขึ้นอย่างห้ามปากไม่อยู่

“มึงด่าใคร” อณวุฒิที่นั่งอยู่ตรงข้ามร้อนตัว

“เปล่า ด่าควายแถวนี้น่ะ”

“ผมไม่โง่นะพี่” เด็กหนุ่มหน้าตี๋ที่นั่งอยู่ข้างๆ แก้

“ร้อนตัวก็รับไป”


... ก่อนเหมันต์ ...

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-04-2018 09:55:40 โดย ก่อนเหมันต์ »

ออฟไลน์ lovenine

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 250
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
มันส์ แน่นอน ติดตามๆ  :hao3: :katai2-1:

ออฟไลน์ Kelvin Degree

  • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
เอาละสิ. วานนี้ บันเทิงแน่นอน,,,

ออฟไลน์ rockiidixon666

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-3
มันนนส์  :z1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ singalone

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 381
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-2
มวยถูกคู่เลยค่าาาา 5555555555 สนุกมากค่ะ ชอบๆ

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
เอาแล้วคู่นี้เจอกันทีไรกัดกันเป็นหมาเลย555

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
งานนี้มีต่อยจูบ ๆ แน่นวล
 :hao6:

ออฟไลน์ kunt

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 702
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +42/-1
" หล่อนะ หล่อมาก แต่ถ่อยฉิบหาย ยิ่งเห็นท่าทางมันเมื่อกี้นะ แม่งโคตรอ้อนตีน " บางทีความหล่อก็ไม่จำเป็นกับชีวิตนะ เฮียธันต้องจัดการแบบจัดหนักๆ 5555

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19
 :katai2-1:

 
ชอบๆๆๆๆ

ออฟไลน์ jinutlove

  • ไม่คิดที่จะรัก
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 76
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
 :mew1:ชอบเรื่องนี้

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4198
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

ออฟไลน์ ♥lvl♀‘O’Deal2♥

  • หานิยายถูกใจยากจัง!
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2665
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +176/-4

ออฟไลน์ nunda

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3004
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-2
นักกีฬาก็น่าสนใจนะเนี่ย ^^

ออฟไลน์ ก่อนเหมันต์

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 84
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-2
3
ยิ่งเกลียดยิ่งเจอ



กว่าจะแยกย้ายกันกลับหลังจากไปเดินเล่นย่อยเนื้อย่างที่ตลาดนัดแถวรัชดาก็ปาไปเกือบเที่ยงคืน ความเหนื่อยล้าบวกกับเวลาที่เลยเวลาหลับนอนปกติมามากแล้ว ทำให้ธันธเนศลากสังขารกลับมาที่ห้องด้วยอาการอ่อนระโหยโรยแรง

ชายหนุ่มพยายามเสียบลูกกุญแจอยู่นานสองนานกว่าจะเข้าล็อก ประตูของเขาถูกผลักเปิดออกพร้อมๆ กับเสียงประตูห้องที่อยู่ด้านหลังเขาตอนนี้ ธันธเนศไม่สนใจจะหันไปมอง แต่ขณะที่กำลังก้าวขาเข้าไปในห้องของเขานั่นเอง

“จะมาขอสัมภาษณ์ผมเหรอ”

เขาหยุด แต่ก็ทำหูทวนลมคิดเสียว่าเสียงที่ดังขึ้นจากทางด้านหลังไม่เกี่ยวกับเขา ก่อนจะตัดสินใจก้าวต่อ

“กล้าหรือเปล่า...” น้ำเสียงยืดยาวกวนโอ๊ยไม่ยอมหยุดแค่นั้น

เขาหยุดอีกครั้ง หันกลับไปมองคนที่กำลังตอแยอยู่ตอนนี้ ร่างสูงในเสื้อยืดบางๆ กับกางเกงนอนขายาวยืนกอดอกพิงขอบประตูอยู่ สีหน้ายั่วยุกวนเบื้องล่าง

หนังตาที่ใกล้จะปิดเต็มทนทำให้ธันธเนศตัดสินใจไม่ต่อล้อต่อเถียง เขาก้าวต่อเข้ามาในห้อง ทำท่าจะแง้มประตูปิด

“ไม่กล้านี่หมาเลยนะเว้ย” เสียงพูดเยาะเย้ยกวนอารมณ์ยังไม่ยอมหยุดง่ายๆ

แต่เขาก็หาได้สนใจเสียงนกเสียงกานั่นไม่ ถึงกระนั้นก่อนประตูจะปิดลง เขาก็ได้ยื่นมือออกไปชูนิ้วกลางฝากไว้ให้อีกฝ่ายหนึ่งครั้งเพื่อเป็นการตอบโต้ครั้งสุดท้ายของวันนี้

 

สรรพนาม ‘กู มึง’ ที่เคยได้ยินจากปากของอีกฝ่ายนั้นหายไป อาจจะเป็นเพราะรู้ว่าเขานั้นไม่ใช่รุ่นราวคราวเดียวกับตนเองแล้ว ถึงนิสัยจะนักเลงแค่ไหน แต่การศึกษาในระดับนี้แล้วก็น่าจะหล่อหลอมถึงการให้เกียรติผู้ที่อาวุโสกว่าอยู่บ้าง

 

 

“เอาล่ะ วันนี้ก็พอแค่นี้แล้วกันครับ”

เสียงสุดท้ายของการประชุมในวันนี้เป็นสัญญาณบอกว่าพนักงานทุกคนจะเป็นอิสระจากหน้าที่ในวันนี้แล้ว

ธันธเนศเดินลากเท้าออกมาจากตึกที่ทำงาน พร้อมกับหูสองข้างที่มีเสียงเพลงจากหูฟังดังบดบังเสียงรบกวนต่างๆ จากภายนอก

ในความมืดของช่วงแรกค่ำ ชายหนุ่มเดินก้มหน้าก้มตาออกมา จนมีมือของใครบางคนมาคว้าเข้าที่แขนของเขาจากทางด้านหลัง ชายหนุ่มหันขวับด้วยสัญชาตญาณที่ต้องระแวดระวังตนเองจากสิ่งรอบข้าง หมัดหนักกระทุ้งเข้าที่หน้าอกเจ้าของมือปริศนาอย่างจัง

เจ้าของร่างสูงในชุดนักเรียนมอปลายยืนก้มตัวมือกุมหน้าอกใบหน้าเหยเก

“เฮ้ยขอโทษ” เมื่อเห็นว่าคนๆ นั้นเป็นใคร เขาก็รีบกล่าวขอโทษด้วยความรู้สึกผิด ก่อนจะเดินไปเก็บกระเป๋านักเรียนลีบๆ ที่วางอยู่บนพื้นใกล้ๆ ขึ้นมา

“ผมโง่เองแหละ ที่เข้าทางด้านหลังพี่แบบนี้ ทั้งที่รู้ว่าพี่เป็นยังไง” เสียงติดขัดจากอาการจุกอกค่อยๆ พูดขึ้น

“มาไม่ให้ซุ่มให้เสียงเองนี่หว่า” กระเป๋าถูกส่งคืนเจ้าของ

เมื่อมองจากตัวย่อชื่อโรงเรียนที่ปักอยู่บนอกเสื้อ เขาก็พอจะรู้แล้วว่าเด็กหนุ่มคนนี้ถ่อมาไกลแค่ไหน

“ก็พี่ใส่หูฟัง ผมเรียกเท่าไหร่พี่ก็ไม่ได้ยิน”

“เออๆ โทษที มาตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้วมืดขนาดนี้แล้วทำไมยังไม่กลับบ้านกลับช่อง”

ชุดนักเรียนที่ยังคงเต็มยศ มีเพียงชายเสื้อที่ถูกปล่อยออกมาจากขอบกางเกงเพื่อความคล่องตัวบ่งบอกว่าอีกฝ่ายยังคงเถลไถลอยู่ข้างนอกนี่หลังจากเลิกเรียนมา

“เลิกเรียนแล้วผมก็มารอพี่ที่นี่เลย”

“ห๊า? โรงเรียนมึงเลิกกี่โมง”

“สี่โมงเย็น แต่ผมอยู่ติวกับเพื่อนต่อถึงห้าโมง”

“แต่นี่มันสามทุ่มแล้วนะ อยู่แถวนี้มาตลอดเลยเหรอ”

“อืม ก็พี่ไม่ออกมาสักที” เด็กหนุ่มทำหน้ามุ่ย

“แล้วใครใช้ให้มึงมารอ”

“ก็พี่สัญญากับผมว่าพี่จะช่วยโค้ชคาราเต้ให้ผมนี่หน่า”

“โอย ช่วงนี้กูยุ่ง ไว้ว่างๆ ก่อน มึงรีบหรอ”

“ไม่รีบหรอก”

“เหรอ นึกว่ารีบ”

“ผมแค่อยากเจอหน้าพี่ต่างหาก” เสียงพึมพำเหมือนตัดพ้อเบาๆ แทรกกับเสียงจอแจจากรอบข้าง

“อะไรนะ”

“เปล๊า” เสียงสูงดังขึ้น สายตาหันมองไปทางอื่นเหมือนหลบเลี่ยงบางอย่าง “ผมยังไม่อยากกลับอะ หิวด้วย” เด็กหนุ่มทำท่าลูบท้อง

“หิวก็ไปหาไรกินดิ มีเงินไหม ยืมกูก่อนเปล่า” เขาพูดพลางทำท่าควักเงินจากกระเป๋าก่อนมือหนาของผู้ที่อยู่ข้างๆ จะยื่นมารั้งไว้

“ไหนๆ วันนี้ก็ไม่ไปยิมแล้ว งั้นเราไปหาอะไรกินกันไหม” ใบหน้ามุ่ยร่าเริงขึ้น

“ไม่อ่ะ วันนี้กูเหนื่อย อยากกลับไปพัก มึงก็ควรจะกลับไปนอนนะ พรุ่งนี้ต้องไปเรียนไม่ใช่เหรอ”

“ไม่เอาอะ ผมไม่ชอบกินข้าวคนเดียว ไปเป็นเพื่อนผมหน่อยนะ เดี๋ยวผมเลี้ยงเอง”

“ไอ้ตี๋!” เขาหันมองตาขวาง “ทำตัวเหมือนเด็ก น่ารำคาญ”

“ไม่รู้ล่ะ พี่จะด่าว่าอะไรผมก็ได้ แต่ต้องไปกินข้าวเป็นเพื่อนผม ไม่งั้นผมจะตามพี่ไปที่ห้อง” แววตาเจ้าเล่ห์แวบขึ้นในดวงตาไร้เดียงสา

“เห้ย” ธันธเนศค้อนมองคนสูงกว่า “เดี๋ยวปั้ดถีบ” เขาพูดพลางออกอาวุธ แต่อีกฝ่ายกระโดดหลบอย่างว่องไว พร้อมกับรอยยิ้มท้าทาย

 

ด้วยลูกตื้อของเด็กหนุ่มวัยมัธยม บวกกับที่เขายังไม่มีอาหารเย็นตกถึงท้อง ทำให้ทั้งคู่ไปจบที่ร้านหมี่เกี๊ยวใกล้ๆ คอนโดของธันธเนศในที่สุด เพราะถ้าไม่อย่างนั้นเด็กหนุ่มก็คงได้เดินตามเขาไปถึงห้องจริงๆ แน่

“พี่ไม่กินเนื้อไม่ใช่เหรอ ผมรู้จักร้านอาหารมังสวิรัติร้านหนึ่ง...”

“ไม่ต้องอ่ะ กูเขี่ยได้ ไม่ได้เคร่งอะไรขนาดนั้น”

“ใจบุญจัง ผมอยากมีแฟนใจบุญแบบพี่บ้างจัง”

“หาดิ ในโรงเรียนมึงไม่มีเลยสักคนเหรอ สาวมังสวิรัติ ถ้ามึงจะหาคงไม่ยากมั้ง เห็นมีคนตามมากรี๊ดทุกหนทุกแห่งขนาดนั้น” ชายหนุ่มพูดพลางเขี่ยโทรศัพท์ในมือ ไม่สนใจสายตาหวานเยิ้มที่จ้องไม่กระพริบตรงหน้า

มันไม่ใช่แบบนั้นน่ะสิครับ

 

เมื่อบะหมี่ร้อนๆ ในถ้วยถูกยกมาเสิร์ฟ ด้วยความหิวราชวุฒิจึงรีบคีบมันเข้าปากอย่างมูมมาม พร้อมกับเสียงสูดสาดของเส้นที่เคล้าไปด้วยน้ำซุป ขณะเคี้ยวก็มองหนุ่มนักหนังสือพิมพ์ที่ละเมียดละไมกินแค่เส้นหมี่กับกวางตุ้งในถ้วย

“อ่ะ” เส้นหมี่และผักในถ้วยของเด็กหนุ่มถูกคีบมาใส่ถ้วยของเขา

“เอามาให้กูทำไม มึงก็กินของมึงไปดิ”

“ผมกลัวพี่ไม่อิ่ม”

“มึงนี่มัน” เมื่อเห็นสภาพอีกฝ่ายที่ดูหิวโซแต่ก็มิวายทำตัวใจกว้าง ธันธเนศส่ายหัวก่อนจะคีบเกี๊ยวในถ้วยของเขาเองส่งคืนให้อีกฝ่ายเป็นการแลกเปลี่ยน “เดี๋ยวกูสั่งให้อีกชาม กูจ่ายเอง แล้วก็ไม่ต้องใจดีคีบมาให้กูแล้ว แดกเองมึงไป”

เขาพูดพลางลุกขึ้นเดินไปยังรถเข็นที่มีชายวัยกลางคนกำลังลวกบะหมี่อย่างขะมักเขม้นอยู่

ราชวุฒินั่งมองร่างนั้นไม่ละสายตา

ภายนอกดูแข็งกระด้าง แต่ใจโคตรดี

เขายิ้มออกมาด้วยสายตาอิ่มสุข

 


“แป๊ะ หมี่หยกพิเศษหมูแดงชามหนึ่ง”

“อ้าว อาธัน ทำไมวันนี้มาซะมืดค่ำ” ชายเจ้าของร้านกล่าวทักทายลูกค้ารายใหม่อย่างคุ้นเคย

“เพิ่งซ้อมให้เด็กๆ เสร็จน่ะครับ ยีนส์เอาไรครับ เดี๋ยวพี่สั่งให้” เขาตอบชายวัยกลางคน ก่อนจะหันไปถามหญิงสาวหน้าหวานที่ยืนอยู่ใกล้ๆ

“แป๊ะคะ ยีนส์เอาหมี่เกี๊ยวไม่ใส่ผักชามหนึ่งค่ะ”

ชายเจ้าของร้านส่งสายตามองหนุ่มร่างสูงตรงหน้าอย่างมีเลศนัย แทนคำตอบรับ ทำเอาธันวาอ้ำอึ้งไปไม่เป็น

“แป๊ะอย่าลืมนะ ของน้องเขาไม่ใส่ผัก”

“เออน๊า อั๊วไม่ได้หูหนวกสักหน่อย ไปนั่งไปๆ มีโต๊ะว่างอยู่ตรงโน้นน่ะ”

สองคนเดินตามที่ชายเจ้าของร้านแนะไปยังโต๊ะที่ว่างอยู่เพียงโต๊ะเดียวพอดิบพอดี ถัดจากโต๊ะที่มีเด็กหนุ่มนักเรียนมอปลายหน้าตาหล่อเหลาคนหนึ่งนั่งอยู่ กับใครบางคน

 

“ตี๋” เสียงปริศนาดังขึ้น

“อ้าวพี่ยีนส์”

ธันธเนศที่กำลังก้มหน้าก้มตากินบะหมี่เงยหน้าขึ้นมอง แต่แล้วก็แทบคายทิ้งเมื่อเงยหน้าขึ้นเห็นสายตาของคนบางคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามมองผ่านไหล่ราชวุฒิมายังเขาพอดิบพอดี

จะมีสักวันไหมที่จะได้ไม่ต้องเจอหน้าไอ้หมอนี่

แม้จะเห็นว่าอีกฝ่ายมองอยู่ แต่เขาก็ทำเป็นไม่สนใจ ทำเหมือนเจ้าของสายตาคมคู่นั้นเป็นอากาศธาตุไป แล้วมุ่งความสนใจไปยังสาวสวยที่ยืนอยู่ข้างโต๊ะแทน

“พี่ยีนส์มาทำอะไรแถวนี้อะครับ”

“อ๋อ พี่พักอยู่คอนโดตรงนี้น่ะ แล้วตี๋ล่ะ”

“ผมตั้งใจมาหาไรกินกับพี่เขาน่ะครับ”

หญิงสาวมองมายังเขา “หวัดดีค่ะพี่ชื่อ...”

“อ้อ ผมชื่อธันครับ สวัสดีครับ”

“เป็นไรกับตี๋หรอคะ”

“เป็นรุ่นพี่ที่ชมรมกีฬาน่ะครับ”

“พี่ธันครับ นี่พี่ยีนส์ บ้านเราอยู่ติดกันน่ะ”

“ครับ ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ”

“ค่ะ” เธอยิ้มรับด้วยสายตาหวานหยาดเยิ้ม

“แล้วช่วงนี้พี่ยีนส์ไม่กลับบ้านบ้างเหรอครับ ไม่ค่อยเห็นอยู่บ้านเลย”

“เนี้ย พี่ว่าจะกลับวันนี้แหละ กินนี่เสร็จก็กะจะกลับไปที่บ้านเลย”

ธันธเนศจ้องมองหญิงสาวตรงหน้าอยู่ครู่หนึ่ง และไม่ผิดแน่กับคนที่เขาเคยเห็นว่าแอบเอาโจ๊กไปแขวนไว้ห้องตรงข้ามเขา จะว่าไปเธอก็เป็นผู้หญิงในอุดมคติของผู้ชายโดยส่วนใหญ่เลยก็ว่าได้ ผิวขาวเนียน ตากลมโต ปากนิดจมูกหน่อย หน้าหวาน ตัวบาง มิน่าธันวาจอมยโสถึงได้ยอมลงเอยกับเธอเอาเสียง่ายๆ

 

“เดี๋ยวกูไม่เอาน้ำ มึงเอาอะไร”

“เดี๋ยวผมไปเอาให้ พี่นั่งนี่แหละ”

“ไม่ต้อง จะเอาไร”

“งั้นผมเอาโค้กแล้วกันครับ”

ชายหนุ่มพยักหน้ารับก่อนจะเดินไปที่ตู้แช่ภายในร้าน มือเรียวยื่นไปหยิบกระป๋องเครื่องดื่มสีแดงที่อยู่ชั้นบนสุด ก่อนจะชะงัก

“พรากผู้เยาว์”

เขารู้ได้ทันทีว่านั้นเป็นเสียงของใคร ธันธเนศถอนหายใจ ก่อนจะหันกลับ แต่ก็พบว่าร่างนั้นกำลังทำตัวเป็นกำแพงสูงกั้นทางออกของเขา

“หลีกดิ” เขาพูดเสียงเบาข่มอารมณ์หงุดหงิดที่อาจประทุขึ้น

“ทำไม อายเหรอ ที่ผมรู้ว่าชอบผู้ชาย”

“ไม่อยากมีเรื่องตอนนี้ หลีก”

“ทำไมต้องเป็นเด็กมัธยม” น้ำเสียงกับสีหน้ายั่วยุอารมณ์ทำให้ธันธเนศอยากจะเอากระป๋องน้ำอัดลมยัดปากนั้นเสียให้เข็ด

เขาจิ๊ปากอย่างหมดไม่สบอารมณ์ แต่แล้วก็นึกหนทางที่ดีกว่าการเอาแรงเข้าแลก เขาชะโงกไปมองยังหญิงสาวที่นั่งอยู่ด้านหลังราชวุฒิ

 “หึ ไม่ต่างกัน” เขาเบ้ปาก “สาวเจ้าของโจ๊ก... ทำเป็นรังเกียจโจ๊กนั่นจะเป็นจะตาย สุดท้าย อะไรน๊ากลืนน้ำลายตัวเอง”

“นี่คุณ!”

“ทำไม พอคนอื่นพูดแทงใจดำบ้าง เปราะบางรับไม่ได้เหรอ เก่งให้เหมือนปากดิ” เอาเลิกคิ้วท้าทาย “ถอยเว้ย จะเดิน” ก่อนจะอาศัยจังหวะที่อีกฝ่ายไขว้เขวแทรกตัวออกมาอย่างแรงจนร่างสูงเซไปไม่เป็นท่า

 

“มีอะไรหรือเปล่าครับ นั่นใช่พี่คนที่เราเจอที่ร้านเนื้อย่างวันนั้นหรือเปล่า”

“สนใจไรมัน คนประสาท”

 

 

หลังร่ำลากับรุ่นน้องหนุ่มเป็นที่เรียบร้อย ธันธเนศก็เดินกลับเข้ามาในคอนโด เขาก้าวเข้าไปในลิฟต์แคบๆก่อนจะหันกลับมากดชั้นที่เขาอยู่ แล้วตามด้วยปุ่มปิดประตู ขณะลิฟต์กำลังจะปิดสนิทแต่แล้วก็มีมือหนึ่งสอดเข้ามา ทำให้ประตูเลื่อนเปิดออกอีกครั้งโดยอัตโนมัติ

ไม่ใช่ใครที่ไหน อริตรงข้ามห้องเขานั่นเอง ธันธเนศรัวกดปุ่มปิดลิฟต์เพื่อที่จะได้รอดพ้นจากการต้องอยู่ร่วมกันกับอีกฝ่ายในลิฟต์แคบๆ นี้ แต่ดูเหมือนผู้ที่มาทีหลังก็ไม่ยอมเหมือนกัน ร่างสูงแทรกตัวผ่านประตูลิฟต์เข้ามาอย่างรวดเร็ว จนกระทบกับประตูลิฟต์ดังโครมคราม

เขารีบขยับหลบไปยืนอีกมุมหนึ่งของลิฟต์ก่อนจะโดนชนเอา

ประตูลิฟต์ปิดลง

 

“แล้งน้ำใจ” เสียงพึมพำตัดพ้อแบบลอยๆ ดังขึ้น ทำให้ธันธเนศหันขวับไปยังคนที่ยืนอยู่ข้างๆ ตากลมโตแหงนมองใบหน้านั้น

 “อ๋อไอ้เหี้ยนัดใช่ไหมพี่ มันแล้งน้ำใจแบบนั้นแหละ...” ร่างสูงทำเป็นยืนยิ้มร่ากับโทรศัพท์ข้างหู ทั้งที่ธันธเนศเห็นคาตาว่าโทรศัพท์เพิ่งจะถูกยกขึ้นแนบหูหลังจากที่ประโยคก่อนหน้านี่แว่วมาด้วยซ้ำ

ปากแม่งอ้อนยาแดง

 

เวลาที่ผ่านไปด้วยความเงียบในลิฟต์ที่มีแค่คนสองคนที่ไม่กินเส้นกันนี้ กว่าลิฟต์จะเลื่อนผ่านขึ้นไปแต่ละชั้น ธันธเนศรู้สึกว่ามันช่างเป็นเวลายาวนานแสนนาน 

ขณะที่ตัวเลขดิจิตอลบอกว่าลิฟต์เพิ่งขึ้นถึงชั้นสี่นั้น ไฟสีส้มที่ส่องสว่างภายในลิฟต์ที่กระพริบขึ้นหนึ่งครั้ง เขาแหงนมองพร้อมกับใจตุ๊มๆ ต่อมๆ ลิฟต์เลื่อนขึ้นสู่ชั้นห้า ชั้นหก และ

ครืด!

มีเสียงปริศนาดังขึ้น พร้อมกับแสงไฟในลิฟต์ที่หรี่ลงจนมองเห็นเพียงลางๆ

“เส็งเคร็งฉิบหาย” หนุ่มร่างสูงที่ยืนอยู่ข้างเขาสบถขึ้นอย่างหัวเสีย

เมื่อธันธเนศตั้งสติได้จึงเอื้อมมือไปกดปุ่มฉุกเฉินตรงหน้า แล้วรอ เวลาผ่านทุกอย่างยังคงเงียบ เขาเงี่ยหูฟังภายนอก ไร้ซึ่งความเคลื่อนไหวใดๆ  การกระหน่ำกดปุ่มสัญญาณจึงตามมา

“เหย พอแล้ว”

ธันธเนศไม่ฟังเสียงปรามของคนข้างหลัง รัวกดปุ่มที่ว่าอย่างบ้าคลั่ง

“เดี๋ยวมันก็พังหรอก ได้ติดกันอยู่ที่นี่ทั้งคืนพอดี”

เขาหยุด แต่ด้วยความใจร้อนของเขาจึงหันไปแงะประตูลิฟต์ต่อ

“ทำอะไร”

“เรื่องของผม”

“ในนี้อากาศมันน้อย ยิ่งออกแรงยิ่งต้องใช้ออกซิเจนเยอะ เป็นลมเป็นแล้งไปไม่รู้ด้วยนะ”

“แม่งโว้ย รปภ.หายหัวไปไหนหมดวะ” เขาใช้กำปั้นทุบที่ประตูอย่างไม่สบอารมณ์

 

“มา นั่ง” ร่างสูงพูดพลางตบแปะๆ บนพื้นลิฟต์

“นั่งเพื่อ?”

“เขาบอกอากาศมันจะอยู่ต่ำ”

“รู้ได้ไง”

“ไม่รู้ ได้ยินมา”

คำแนะนำอีกฝ่ายไม่ได้นำพาคนหัวดื้ออย่างธันธเนศสักเท่าไหร่ ยิ่งเป็นคำแนะนำจากคนแบบนี้ด้วยแล้ว ยิ่งไม่มีทางที่เขาจะทำตามให้เสียศักดิ์ศรี ชายหนุ่มเอนหลังยืนพิงผนังลิฟต์ กอดอกรอความช่วยเหลือจากด้านนอกอย่างใจจดจ่อ

 

“ขอโทษนะเรื่องโจ๊กวันนั้น”

...

“ก็เผื่อวันนี้เป็นวันตายของเรา จะได้ไม่มีอะไรติดค้างกันอีก ชาติหน้าจะได้ไม่ต้องเกิดมาเจอกัน” หนุ่มร่างสูงที่นั่งอยู่พูดขึ้น

“เชิญตายไปคนเดียวเถอะ”

“หึ” คนที่นั่งอยู่หัวเราะในลำคอ “ตีนหนักดีเหมือนกันนะเรา”

...

“เคยเรียนศิลปะต่อสู้มาเหรอ”

“เปล่า แค่สัญชาตญาณ เวลามีหมาจะมากัด จะยืนนิ่งๆ ให้มันกัดป่ะล่ะ”

“เฮ้อ” ร่างสูงถอนหายใจหนักช้าๆ ก่อนจะลุกขึ้น แล้วย่างสามขุมเข้ามาใกล้ “คำก็หมา สองคำก็หมา” พลางล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกง

ในบรรยากาศลับตาคนและอึมครึมแบบนี้ สายตาอีกฝ่ายซ่อนไว้ด้วยความอำมหิตกับรอยยิ้มที่ดูเยือกเย็น ทำเอาธันธเนศเริ่มหวั่นๆ อยู่เหมือนกัน ในที่แคบๆ แบบนี้ ดูจากขนาดตัว แม้เขาจะเชี่ยวชาญการต่อสู้แค่ไหน ถ้าเกิดอีกฝ่ายมีอาวุธ เขาก็เป็นแค่ที่เสียบมีดหรือเป้าดีๆ นี่เอง

ธันธเนศขยับตัวลีบติดผนังลิฟต์ ขณะที่ร่างสูงก้าวมาหยุดตรงหน้า มือหนาทุบลงบนผนังข้างหัวเขาเสียงดัง มืออีกข้างที่ล้วงอยู่ในกระเป๋าชักออกมาพร้อมกับยาดม

“เอา เห็นหน้าซีดๆ”

...



... ก่อนเหมันต์ ...

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-04-2018 09:56:35 โดย ก่อนเหมันต์ »

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด