Shadows ที่ 22 เพื่อนที่ลาจาก
หลังจากที่ผมอาบน้ำแต่งตัวและลงไปช่วยคุณยายเก็บร้าน ผมมองซินที่ยืนนิ่งๆ ดูผมทำงานเหมือนเดิม
"ไวท์ลูก ช่วงนี้เพื่อนๆ มาหาเราบ่อยนะ" ผมขมวดคิ้วทันทีที่ได้ยินแบบนั้น
"เพื่อน เหรอครับ" ผมถามคุณยายอีกทีเพื่อความแน่ใจ
"เพื่อนสามคนที่เคยมา ยายเห็นเขามาหาเรา แต่ก็ไม่เข้ามา มีเรื่องอะไรกันหรือเปล่า" ผมครุ่นคิด พวกเต้ยงั้นเหรอ มีอะไรกันนะ ผมรู้สึกไม่ค่อยดีเลย
"ไม่มีอะไรหรอกครับคุณยาย" ผมพูดและยิ้มให้คุณยาย
"มีเพื่อนเยอะๆ ดีแล้วลูก พ่อหนุ่ม ยายฝากหลานชายด้วยนะ" คุณยายพูดกับผมอย่างใจดี และหันไปหาซินที่ยืนอยู่หน้าร้าน
"มานี่ๆ มาหายายหน่อย" ผมยิ้มและมองซินที่ยังคงยืนนิ่ง ซินมองหน้าผมเป็นเชิงถาม และค่อยๆ เดินเข้ามาหาคุณยาย
ผมมองคุณยายที่จับมือทั้งสองข้างของซินเอาไว้ และจ้องมองใกล้ๆ
"มืดมาก แต่ก็ยังมีแสงสว่าง" ผมขมวดคิ้วมองคุณยายและซิน ผมไม่เข้าใจในสิ่งที่คุณยายพูด มันหมายความว่ายังไงกันนะ
ซินในตอนนี้นั้นก็กำลังทำหน้าสงสัยเช่นกัน ซินละสายตาจากคุณยายและจ้องมองผม สำหรับผมแล้ว ซินก็ส่องสว่างตลอดเวลานั่นแหละ
หลังจากพวกเราลาคุณยายเพื่อออกมาข้างนอกแล้ว ผมมองเวลาที่ตอนนี้เพิ่งจะหัวค่ำ ยังมีเวลาอีกเยอะก่อนจะไปที่มหา'ลัยเพื่อไปหาอาจารย์นาธัสและเจ
"จะไปไหนกันก่อนดี" ผมพูดและยิ้มให้ซินที่เดินมาข้างๆ และเปิดประตูให้ผมเข้าไปในรถ
"ยายแก่นั่น.." ผมตกใจทันทีที่ได้ยินแบบนั้น
"คุณยายซิน คุณยาย เรียกแบบนั้นไม่ได้นะ" ผมยื่นมือไปตีซินที่กำลังทำคิ้วขมวดอยู่
"คุณยาย" ซินพูดตามผม และมันทำให้ผมยิ้ม ซินนั้นบางทีก็เหมือนกับเด็กๆ ต้องบอกว่าเด็กนิสัยไม่ดีเลยล่ะ
"คุณยายใช่แล้ว ทำไมเหรอ" ผมถามและขมวดคิ้วมองซิน
"ไม่มีอะไร" ซินพูดและเริ่มขับรถออกไป ผมสงสัยจริงๆ ว่าซินอยากจะพูดอะไรกันแน่นะ
ผมนั่งอยู่ในรถ แอบเหลือบมองซินที่ไม่ได้พูดอะไรและกำลังขับรถนิ่งๆ ผมอยากมีช่วงเวลาแบบนี้นานๆ ซินนั้นชอบหายไปอยู่เรื่อย ผมจะต้องใช้เวลาที่มีซินอยู่ให้คุ้มค่าที่สุด
แต่ผมที่มัวแต่มองซินนั้น ก็เพิ่งรู้ตัวว่าซินพาผมมาที่ไหน ซินเปิดประตูรถให้ผม และยืนรอให้ผมก้าวลงไป
ผมมองไปรอบๆ ซอยที่เงียบสงัด มองสายน้ำในยามค่ำคืนที่กำลังสะท้อนแสงของเสาไฟใกล้ๆ ที่นี่ก็คือบาร์ที่ซินชอบมานั่นเอง
"ทำไมถึงพามาที่นี่เหรอ" ผมถามซิน แต่แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน ผมอยากคุยกับโอนเนอร์
"มาเถอะ" ซินไม่ตอบผม และเดินนำหน้าผมเข้าไปเหมือนเก่า
"ยินดีต้อนรับ" ผมยิ้มให้โอนเนอร์ทันทีที่ถูกเอ่ยทัก
"ครับ วันนี้ผมช่วยนะ" ผมพูดและทำท่าจะเข้าไปหาโอนเนอร์ แต่ก็ถูกซินดึงแขนเอาไว้
"ขึ้นไปข้างบนกันเถอะ"
"ไปเถอะ วันนี้ไม่มีอะไรต้องช่วยหรอก" โอนเนอร์พูดอย่างใจดี หนอยซิน ผมเกรงใจนี่นา
พวกเราเดินขึ้นมาด้านบนที่เดิม ที่มีโซฟาหลายชุดตั้งอยู่ เป็นที่เดิมที่ซินชอบนั่ง และแน่นอน แม่สาวสองคนนั้น ก็อยู่ที่นี่ด้วย
ผมเดินตามซินที่เข้าไปนั่งกับสาวๆ พวกนั้น ผมรู้สึกไม่ค่อยดีอีกแล้ว ผมไม่อยากให้ซินอยู่ใกล้ใคร
"ดีใจที่ได้เจอนะไวท์" แม่สาวผมยาวทักผม
ผมและซินนั่งลงตรงข้ามพวกเธอ ผมยิ้มให้พวกเธอ และมองซินที่กำลังรินของเหลวสีอำพันลงในแก้ว ถ้าจะพาผมมาแล้วทำแบบนี้ ผมอยากกลับจริงๆ
"ซิน ไม่ดื่มได้ไหม" ผมพูดบอกซินที่ชะงักมือทันทีและจ้องมองผม
"ไม่เป็นไรหรอกไวท์ วันนี้จะดื่มด้วยกันไหมล่ะ" แม่สาวผมสั้นพูดสนับสนุนซินทันที ผมหน้ามุ่ย พวกเรามีเรื่องที่ต้องไปทำอีกนะ ไม่ได้มาเที่ยวเล่นกันสักหน่อย
"หิวหรือเปล่า" ผมยิ้มทันทีที่ซินวางแก้วลงและไม่ได้ดื่มมันเข้าไป
"ไม่เป็นไร ผมไม่ค่อยหิว"
"ซินเดี๋ยวนี้ไม่ค่อยมาเล่นกับพวกเราเลยนะ" ผมมองสาวผมยาวที่เอื้อมมือมาจับแขนซิน
"มีหลายอย่างที่ต้องทำ" ซินพูดและจ้องมองผม อ๋อเหรอ เพราะแค่นั้นหรือไง
ผมไม่เคยรู้สึกอยากอยู่ตรงนี้นานๆ เลยสักครั้ง ผมว่าผมไปจากตรงนี้ดีกว่า ปล่อยให้ซินสนุกไปเถอะ
"ผมขอตัวลงไปข้างล่างนะ ผมอยากคุยกับโอนเนอร์" ผมพูดและทำท่าจะลุกขึ้น แต่ก็ถูกซินจับมือเอาไว้
"ไวท์ไม่ชอบใจอีกแล้ว" ผมมองซินที่พูดแบบนั้น
"หึงหวงงั้นเหรอ พวกเธอมีความสัมพันธ์ยังไงกัน" ผมหน้าขึ้นสีนิดๆ สาวผมยาวพูดขึ้นด้วยรอยยิ้มอย่างรู้ทัน
"ไม่เคยเห็นซินสนใจ...ใครมากเท่านี้" ผมมองสาวผมสั้นที่จ้องมองผม และตอนแรกนั้นเหมือนจะพูดอะไรมากกว่านี้ แต่ก็เปลี่ยนใจ
ผมเหลือบมองซิน ผมอยากรู้ว่าซินจะตอบยังไง
"ไวท์ไม่เหมือนใคร" ซินพูดและดึงผมให้นั่งลงตามเดิม
"ก็ใช่แหละนะ หลุดมือไปคงเสียดายแย่ แล้วทำไมไม่จัดการสักที ตีตราแล้วไม่ใช่หรือไง" ผมขมวดคิ้วและจ้องมองผู้หญิงผมสั้นที่พูดแบบนั้น
"ตีตราอะไรเหรอ" ผมพูดถามและมองซินอย่างสงสัย
"ไม่มีอะไรหรอก" ซินพูดและจ้องมองผู้หญิงทั้งสองคนตรงหน้าเหมือนกำลังส่งสายตาคุยกัน
"อยากคุยกับโอนเนอร์ก็ไปเถอะ แล้วอีกสักพัก พวกเราไปกัน" ผมที่ได้ยินแบบนั้นก็ลุกขึ้นอีกครั้งทันที มีความลับกันนักนะ ผมไปก็ได้
"งั้น เดี๋ยวเจอกันนะ" ผมบอกซิน และเดินลงไปที่บันได ผมครุ่นคิดถึงคำพูดของผู้หญิงคนนั้น และมองไปทั่วท่อนแขนของผมทั้งสองข้าง
ไม่มี หรือว่าจะเป็นที่อื่น...
ผมหยุดเดิน และเลิกชายเสื้อขึ้นในความมืด แต่ก็ไม่มี ผมอาบน้ำและส่งกระจกดูแล้ว บนตัวของผมไม่มีร่องรอยอะไร ผู้หญิงคนนั้นพูดเรื่องอะไรกันนะ
"หลงทางหรือไง" ผมสะดุ้งทันทีที่เห็นโอนเนอร์ยืนอยู่ตรงหน้าและถือขวดเหล้าในมือ
"เปล่าครับ" ผมเดินตามโอนเนอร์เข้าไปที่บาร์และนั่งลงที่เก้าอี้กลมใกล้ๆ
"คือ ผมถามเรื่องซินอีกได้ไหมครับ" โอนเนอร์ที่ได้ยินแบบนั้นก็ยิ้มให้ผมและยังคงทำงานต่อไป
"ซินนั้นไม่เหมือนใคร เหมือนกับเธอนั่นแหละ เอ...ไม่สิ ก็มีอยู่นะ แต่หายากมาก" ผมขมวดคิ้วอย่างสงสัย หายากงั้นเหรอ
"ผมพิเศษตรงไหนเหรอครับ ซินชอบบอกว่าผมพิเศษ" ผมถามโอนเนอร์อย่างไม่เข้าใจ
"แค่เธอเข้ามาที่นี่ได้ นั่นก็พิเศษแล้วล่ะ" ผมเลิกคิ้วขึ้น และมองไปรอบๆ มองผู้คนที่กำลังคุยกันด้วยเสียงกระซิบ ที่นี่ก็พิเศษงั้นเหรอ
"ซิน แตกต่างจากคนอื่น ยังไงเหรอครับ" ผมนั้นสนใจแต่เรื่องซินเท่านั้น
"ถ้าถามแบบนั้น ก็คงพูดได้แต่เพียงว่า ต้นกำเนิดของซินนั้นแตกต่างจากเกือบทุกคนที่อยู่ที่นี่ เป็นเด็กหลงที่ร้ายกาจเชียวล่ะ"
"ผมไม่ได้หลงทางสักหน่อย" ผมหันไปตามเสียงพูดทันที และก็พบว่าซินกำลังยืนทำหน้าไม่พอใจอยู่ด้านหลังผม
"อย่าเล่าอะไรแปลกๆ ให้ไวท์ฟังเลยครับ นั่นมันไม่จริงเลย" ซินพูดและเดินเข้ามาหาผมใกล้ๆ
"เราไปกันเถอะ ใกล้ถึงเวลาแล้ว" ผมลุกขึ้นจากเก้าอี้และเดินตามซินที่กำลังดึงผมออกไป
"ผมไปก่อนนะครับโอนเนอร์" ผมพูดและก้มหัวเป็นเชิงลา
"ทำไมถึงชอบถามเรื่องของซิน" ซินพูดถามผมขณะที่พาผมออกไปที่รถ
"ผมอยากรู้ ผมอยากรู้ทุกเรื่องเกี่ยวกับซิน" ซินที่ได้ยินแบบนั้น ก็หยุดเท้าลงทันที
"เชื่อเถอะ ไวท์ไม่อยากรู้จริงๆ หรอก อย่าถามคนพวกนั้นอีกเลย"
"ไม่ว่ายังไง ผมก็ชอบซิน" ผมพูดบอกซินที่กำลังเริ่มเดินออกไปอีกครั้ง
"ซิน จะไปที่นั่นจริงๆ เหรอ" ผมสะดุ้งอีกครั้งทันทีที่ได้ยินเสียงอีกเสียงหนึ่งดังขึ้นจากด้านหลัง
"ต้องรีบไป" ผมมองพี่ไวลี่ที่กำลังเดินมาอย่างรวดเร็วและดักหน้าพวกเราไว้
"นายไม่ควรยุ่งกับหมอนั่น" พี่ไวลี่พูดเสียงเครียด
"เอ่อ หวัดดีครับ" ผมเอ่ยทักพี่ไวลี่ที่วันนี้ก็ตัวใหญ่เหมือนเดิมจนน่ากลัว
"สวัสดีหนุ่มน้อย เธอกำลังหาเรื่องให้ซินนะ"
"หยุดพูดเถอะ ก็แค่พาเด็กนั่นออกมา" ผมมองซินกับพี่ไวลี่สลับกัน นี่กำลังพูดเรื่องเจอยู่เหรอ
"เขาเป็นเพื่อนผมครับ" ผมพูดบอกพี่ไวลี่
"หมอนั่นไม่รอดแล้ว ปล่อยเถอะ" ผมตกใจทันทีที่ได้ยินแบบนั้น ผมไม่เข้าใจ อะไรคือไม่รอดกัน
"เดี๋ยวก่อนนะครับ คือเพื่อนผมแค่จะไปหาอาจารย์นาธัสเพื่อรักษาอาการบางอย่างเท่านั้น ผมไม่เห็นว่ามันจะเป็นเรื่องร้ายแรงอะไร" ผมว่าทั้งสองคนนี้ต้องรู้อะไรแน่ๆ ทำไมถึงพูดแบบนั้นกัน
"รีบไปกันเถอะ" ซินเปิดประตูรถให้ผมและดันผมให้เข้าไปนั่งด้านหลัง ผมมองซินที่เข้าไปนั่งที่ที่นั่งคนขับอย่างรีบร้อน และพี่ไวลี่ที่เปิดประตูมานั่งข้างๆ
ผมรู้สึกว่ารถขยับไวมาก มันมากกว่าทุกครั้งที่ผมเคยรู้สึก ผมมองทางด้านหน้าไม่ชัด มันเหมือนกับมีอะไรปกคลุมอยู่ไปทั่ว และกระจกด้านข้างก็เหมือนเดิม มันมีแต่ไอน้ำปิดอยู่จนผมมองไม่เห็นอะไรเลย
"หวังว่าจะยังไม่เริ่มนะ" ผมมองพี่ไวลี่พูดเบาๆ เหมือนกำลังพูดกับตัวเอง
และไม่นานนักรถก็จอดลง ผมมองทั้งสองคนแบบงงงวยนี่ถึงแล้วจริงๆ เหรอ ยังไม่ถึงห้านาทีเลยนะ
"ไวท์อยู่บนนี้ ห้ามลงจากรถเด็ดขาด เข้าใจไหม ห้ามเด็ดขาด" ซินหันมาหาผมและสั่งเสียงเข้ม
"ทำไมล่ะ ผมอยากไปด้วย" นี่พวกเรามาทำอะไรกันแน่
"อยู่นี่เถอะ เดี๋ยวพวกเรากลับมา" พี่ไวลี่พูดและลงจากรถทันที
"ไม่ เดี๋ยวก่อน..." แต่ผมที่จะคัดค้าน ก็ไม่ทันซะแล้ว เพราะซินก็ลงจากรถหายไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน
ผมนั่งอยู่ในรถ รอคอยตามที่ซินสั่ง ผมรู้สึกไม่ค่อยดี มันเป็นความอึดอัดที่แปลกประหลาด ผมมองกระจกหน้ารถที่ตอนนี้พอเห็นแสงไฟจากเสาไฟฟ้าข้างทาง
ที่นี่นั้นคือมหา'ลัยของผมแน่นอน ผมจำตึกด้านหน้านั้นได้ แล้วทำไมกัน ทำไมถึงห้ามผมลงไป
ผมมองประตูรถ และชั่งใจคิดอยู่สักพัก ผมอยากลงไปจริงๆ ทุกคนดูร้อนลนแปลกๆ จนผมไม่สบายใจ
ผมนึกถึงสิ่งที่อาจารย์นาธัสพูด อาจารย์บอกผมถึงเรื่องวิญญาณ อาจารย์นั้นเป็นพวกที่สัมผัสกับสิ่งเหล่านี้เช่นกัน หรือจะมีอะไรมากกว่านั้น ทำไมซินถึงดูไม่อยากเข้าใกล้อาจารย์หรือพูดเหมือนอาจารย์อันตรายกันนะ
ความอยากรู้อยากเห็นของผมมันมีมากขึ้น ผมอดใจที่จะไม่เปิดประตูลงไป แต่ก็ได้ไม่นาน ผมตัดสินใจเอื้อมมือออกไป เพื่อเปิดประตูรถ
"คุณไม่ควรทำแบบนั้น" ผมที่ตอนนี้อยู่ในรถเพียงลำพัง ก็สะดุ้งสุดตัวทันที ผมถอยหลังและหนีสิ่งที่ปรากฎอยู่ข้างๆ ผมตกใจจนแทบช็อค และรีบปิดหน้าทันที
"ออกไปนะ!" ผมมือสั่นเทาด้วยความกลัว เงาดำมืดที่อยู่ข้างๆ ผมตอนนี้นั้นมันคือวิญญาณร้าย มันทำให้ผมขนลุกไปทั้งตัว และกลัวจนตัวสั่น
ผมก้มหน้าและหลับตาแน่น มันใกล้มาก มันจะฆ่าผมงั้นเหรอ ผมจะทำยังไงดี ผมขยับตัวถอยหนีและก้มตัวลงให้ต่ำที่สุดชิดหน้าขา แต่เมื่อกี้เหมือนมันจะพูดกับผมนะ ผมไม่เข้าใจ และตอนนี้มันเงียบไปแล้ว
ผมที่ก้มหน้าอยู่นั้น ก็ตัดสินใจค่อยๆ เงยหน้าขึ้นช้าๆ และเหลือบมองสิ่งที่อยู่ตรงหน้า แต่ก็พบว่ามันหายไปแล้ว
ผมถอยหลังไปชิดประตูอีกด้าน และมองไปมาทั่วรถ นี่มันอะไรกัน วิญญาณนั่น มันมาจากไหน
ครืดดด
ผมสะดุ้งอีกครั้งและถอยหลังหนีออกห่างจากประตูรถ ผมมองกระจกที่เป็นไอน้ำ ผมมองเห็นเงาอะไรบางสิ่งเคลื่อนไหวอยู่ด้านนอก นี่มันอะไรกันอีก ทำไมถึงเป็นแบบนี้ ผมเริ่มนั่งขดตัวอยู่กลางรถ และมองไปรอบๆ กระจกอย่างตื่นกลัว ความหนาวเย็น การคุกคาม ผมรู้ได้ในทันทีว่ารอบๆ รถคันนี้นั้นมีสิ่งชั่วร้ายอยู่มากมาย มันมาจากไหน มันเหมือนกับตั้งใจมาทำร้ายผม แต่ก็ไม่อาจเข้ามาได้ ผมฟังเสียงเล็บที่ขูดขีดกับรถ เสียงทุบ เสียงครวญครางไปมา ผมตัวสั่นเทาและเริ่มคิดว่าผมควรจะออกไป หรือนั่งรอให้พวกมันเข้ามาดี
ใช่แล้ว ผมควรจะหนีไป ผมต้องไปหาซิน เพราะมีพวกมันตัวหนึ่งที่เข้ามาได้ ต่อไปผมต้องถูกพวกมันทำร้ายแน่ๆ
ผมที่คิดแบบนั้นก็ขยับตัวไปที่ประตู และเปิดออกทันที ผมก้าวลงจากรถอย่างรวดเร็ว และออกวิ่งทันทีไปยังตึกด้านหน้าที่มีแสงไฟส่องอยู่ ผมมองรอบๆ ตัวของผมตอนนี้ ผมไม่เข้าใจเลย ที่นี่เป็นมหา'ลัยที่ผมเรียนอยู่แน่นอน แต่ทำไมกัน รอบๆ ตัวที่น่าจะมีคนอยู่กับไร้ร่องรอยของสิ่งมีชีวิต ผมมองไม่เห็นใครเลย ทุกคนหายไปไหนหมด
ผมวิ่งมาสักพัก และคิดว่าคงหนีพวกมันพ้นแล้ว ผมต้องตามหาซินให้เจอ อยู่ไหนกันนะ แต่ก็คงจะเป็นตึกห้องสมุดนั่น
ผมยังคงวิ่งต่อไปเรื่อยๆ ผมรู้สึกแย่ๆ อีกแล้ว ผมมองเสาไฟด้านข้างที่กำลังกระพริบน้อยๆ และดับลง
ผมหยุดเท้าทันทีที่เห็นแบบนั้น ผมค่อยๆ ก้าวถอยหลังช้าๆ ผมรู้สึกกลัวไปหมด ที่นี่เหมือนกับมหา'ลัยร้างที่ไม่มีคนอยู่ ไม่ว่าจะมองไปทางไหน ก็ไร้วี่แววผู้คน
"ฆ่าา"
ผมสะดุ้งทันทีและนั่งลงปิดหูตัวเองไว้ มันใกล้มาก แต่ผมมองไม่เห็นมัน มันอยู่ตรงไหนกัน เสียงกระซิบที่น่ากลัวดังอยู่รอบๆ ตัวผม มันทำให้ผมหลับตาแน่นอีกครั้ง ผมได้แต่สวดภาวนาในใจ ขอให้มันไม่กล้าเข้ามาทำร้ายผมด้วยเถอะ
แต่ผมที่นั่งอยู่นั้น ก็รู้สึกถึงสิ่งแปลกๆ ที่กำลังแตะที่เท้าของผมอยู่ ผมค่อยๆ ลืมตาขึ้น และมองเท้าของผมตอนนี้ที่ถูกสิ่งที่เหมือนกับเส้นผมกำลังรัดอยู่
"ไม่ อย่า" ผมตกใจลุกขึ้นและพยายามดึงเท้าตัวเองออก แต่ผมที่ทำแบบนั้นก็เสียหลักและล้มลงทันที ผมดิ้นและพยายามดึงเท้าตัวเองออกอีกครั้ง ตอนนี้เส้นผมเหล่านั้นกำลังรัดแน่นที่ข้อเท้าผม และเริ่มลามมายังลำตัวและคอของผม
"อย่า ช่วยด้วย! ซิน!" ผมร้องเรียกซิน ผมไม่รู้ว่าใครกำลังทำร้ายผมอยู่ ผมมองไม่เห็นตัวมันเลยสักนิด มันต้องการอะไรจากผมกันแน่
"ไวท์" ผมที่กำลังจะถูกเส้นผมพวกนี้รัดคอ ก็ต้องโล่งอกทันทีที่เห็นว่าซินกำลังวิ่งมา พร้อมพี่ไวลี่ที่มีร่างของเด็กหนุ่มคนหนึ่งอยู่ในอ้อมแขน
"เจเหรอ เจเป็นอะไรไป!" ผมถามอย่างร้อนรนที่เห็นแบบนั้น และตอนนี้ก็ไม่มีอะไรมัดผมอีกแล้ว
ผมรีบลุกขึ้นและวิ่งไปหาเพื่อนทันทีด้วยความตกใจ
"ไอ้พวกชั้นต่ำ" ผมได้ยินเสียงซินสบถเบาๆ และพี่ไวลี่ที่ยังคงอุ้มเจไว้
"รีบไปเถอะ" ซินดึงแขนผมและออกวิ่งไปที่รถอีกครั้ง ผมมองพี่ไวลี่ที่วางเจลงที่เบาะหลัง ผมรีบก้าวขึ้นไปด้านหลังด้วยเพื่อดูเพื่อน ซินขึ้นไปขับรถเหมือนเดิม และพี่ไวลี่ที่ขึ้นมาหลังสุด
"เกิดอะไรขึ้นเหรอครับ อาจารย์ล่ะ" ผมถามอย่างร้อนลนและมองเพื่อนที่ยังคงหลับอยู่
"ไม่ควรทำแบบนี้เลยจริงๆ เด็กนี่เป็นคนของหมอนั่น" ผมไม่เข้าใจพี่ไวลี่ที่กำลังพูดอยู่
"ไม่ใช่อีกแล้ว" ซินพูดเบาๆ ทั้งสองคนเป็นแบบนี้อีกแล้ว ไม่ยอมบอกอะไรผมเลยสักนิด
ผมมองเจที่หน้าซีดเผือด นายไปเจออะไรมากันนะ แล้วอาจารย์ทำสำเร็จหรือเปล่า
ผมเลิกชายเสื้อเจขึ้นและมองตรงจุดที่เคยมีสัญญลักษณ์แปลกๆ แต่ผมที่เพ่งมองไปทั่วนั้น ก็ต้องโล่งใจทันที
หายไปแล้ว สัญญลักษณ์นั่นไม่มีอยู่บนตัวเจแล้ว
"อาจารย์ทำงั้นเหรอ" ผมพูดเบาๆ และสัมผัสตัวเจ
"บอกแล้วใช่ไหมว่าอย่าลงจากรถ" ผมมองซินที่เริ่มดุผมเสียงเข้ม
"พวกมันอยู่รอบๆ รถ ผมก็เลย..."
"ก็ถึงบอกว่าอย่าลงไปไง"
"แต่บนรถก็มี จะให้ทำยังไง" ผมพูดและนึกถึงร่างสีดำที่อยู่ในรถและมันพูดกับผม ใช่ มันพูดกับผม แปลกมาก
"ทำไมเจถึงไม่ฟื้น" ผมพูดและมองดูเจอีกครั้ง
"ฉันจะจัดการเอง" พี่ไวลี่พูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
ไม่นานหลังจากนั้น ผมมองซินที่จอดรถด้วยความสงสัย พวกเราอยู่ไหนกัน แล้วจะทำยังไงต่อดี
"ที่นี่ที่ไหน พวกเราไม่ได้ไปโรงพยาบาลเหรอ" ผมถามซินที่เดินลงจากรถ และมาเปิดประตูให้ผม
"ลงมาซะ ไวลี่จะจัดการต่อเอง" ผมมองซินที่ยื่นมือมาให้ผม
"ไม่ ผมจะอยู่กับเพื่อน" ผมพูดและไม่ยอมลงจากรถ
"ไวท์ ยิ่งช้ายิ่งไม่ทันนะ" ผมมองเจที่ยังคงนอนนิ่ง และตัดสินใจลงจากรถตามที่ซินบอก
ผมมองรถที่แล่นจากไปอย่างรวดเร็ว พี่ไวลี่จะพาเจไปไหนกันนะ แล้วทำไมผมถึงไปด้วยไม่ได้
"ผมควรจะอยู่กับเจ" ซินเอาแต่ยืนนิ่งและจ้องมองผม
"ไวท์ทำอะไรไม่ได้หรอก" ซินพูดและเริ่มจูงมือผมให้เดินตามไป
ผมมองไปรอบๆ ที่นี่อีกครั้ง และก็นึกออกทันทีที่เห็นลิฟต์สีดำ และตึกสูงที่ดูเงียบสงบเหมือนเมื่อครั้งที่ผมเคยมา
"โอนเนอร์อาจช่วยได้" ผมมองซินที่ยังคงเดินและจูงผมไป
"พาไปหาโอนเนอร์เหรอ"
"ใช่ ถ้าทันก็คงไม่เป็นไร" ผมถอนหายใจเล็กน้อย ถ้าเป็นแบบนั้นก็คงไม่เป็นไรจริงๆ
ผมเดินตามซินเข้ามาถึงห้องของซิน ที่นี่ยังคงเหมือนเก่า มันมืดครึ้ม อึมครึมและดูสงบเย็น ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนดำสนิท และกว้างขวาง
"ผมไม่เข้าใจเลย ไม่เข้าใจสักอย่าง" ผมนั่งลงที่โซฟาตัวหนึ่งในโถงนั่งเล่นอย่างอ่อนแรง
"นั่นน่ะดีแล้ว" ซินพูดและนั่งลงข้างๆ ผม ทิ้งตัวลงและหลับตา
"อาจารย์บอกว่าจะช่วยผมกับเจ แล้วทำไมถึงได้เป็นแบบนี้"
"ห้ามเชื่อหมอนั่น ไม่ว่ามันจะพูดอะไร" ซินลืมตาขึ้นและจ้องมองผม
"ผมไม่รู้หรอก ผมไม่รู้จะเชื่อใครดีแล้ว" ผมพูดอย่างเศร้าสร้อย
"ไม่เชื่อซินงั้นเหรอ" ผมมองซินที่ขยับตัวช้าๆ เข้ามาหาผม และลูบแก้มผมอย่างแผ่วเบา
"ผมเชื่อซิน แต่..."
"นั่นน่ะดีมาก ไม่ต้องมีแต่" ซินพูดอย่างแผ่วเบา และค่อยๆ ประทับริมฝีปากลงบนหน้าผากของผมอย่างแผ่วเบา
"เลิกคิดหาคำตอบได้แล้ว ปล่อยให้ซินจัดการทุกอย่าง แล้วพวกเรา จะได้อยู่ด้วยกัน ตลอดไป" ผมพยักหน้าน้อยๆ และเคลื่อนตัวเข้าไปกอดซินเอาไว้
พวกเรากอดกันบนโซฟาสีดำตัวใหญ่ ผมรู้สึกอบอุ่นมาก ผมอยากจะเลิกคิดถึงสิ่งที่ผมกังวลใจ เพราะว่าซินนั้นอบอุ่นมาก และมันต้องไม่ใช่อย่างที่ผมคิด
"ซินจะไม่ทิ้งผมไปใช่ไหม" ผมเงยหน้าขึ้น และจ้องมองคนที่ผมอยากอยู่ด้วยตลอดไป
"ไม่มีวัน" ผมยิ้มให้กับคำตอบนั้น
ผมเงยหน้าขึ้นและตอบรับริมฝีปากที่อบอุ่นของคนข้างๆ พวกเราจูบกันอย่างลึกซึ้งเหมือนที่เคยผ่านมา ผมอยากสัมผัสซินให้มากขึ้นอีกสักนิด ผมหวาดหวั่นในหัวใจ ผมรู้สึกราวกับว่า ถ้าหากผมผละออกจากอ้อมกอดนี้ ทุกสิ่ง อาจจะไม่มีวันเกิดขึ้นอีก
แต่พวกเราที่สัมผัสกันนั้น อยู่ดีๆ ซินก็ผละริมฝีปากออก และทำหน้าเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรอยู่
"มีอะไรงั้นเหรอ" ผมถามซินแผ่วเบา
"ขออภัยครับท่าน" ผมตกใจทันทีที่ได้ยินเสียงอีกเสียงหนึ่งแทรกขึ้นมา ผมมองดูผู้ชายคนหนึ่งที่เดินออกมาจากเงามืด และก้มตัวลงอย่างนอบน้อมตรงหน้าซิน
ผมรีบผละออกจากตัวซิน และถอยออกมานั่งห่างๆ ที่นี่มีคนอยู่กี่คนแน่นะ แล้วแบบนี้จะไม่เห็นทุกอย่างหมดแล้วเหรอ
ผมรู้สึกอายเล็กน้อย และมองชายหนุ่มคนนั้นที่กำลังกระซิบบอกอะไรบางอย่างกับซิน ผมรู้สึกกังวลใจมาก มันจะเป็นเรื่องของเจหรือเปล่านะ
"มีอะไรเหรอ" ผมถามซินที่ยังคงนิ่งเงียบ
"เด็กคนนั้น..." ซินพูดและหยุดพูดไป เด็กงั้นเหรอ หมายถึงเจใช่ไหม
"เขา ตายแล้ว" ผมชะงัก จ้องมองซินอย่างไม่อยากจะเชื่อ ไม่จริง เป็นไปไม่ได้
"ไม่" ผมส่ายหน้าไปมา นี่มันอะไรกัน
"ไม่จริง ตรานั่นหายไปแล้ว เจต้องฟื้นสิ นี่มันเรื่องอะไรกัน!" ผมลุกขึ้น และทำท่าจะเดินออกไปจากห้อง
"ไวท์" ซินลุกขึ้นเดินตามผม และกอดผมเอาไว้
"ผมจะไปหาอาจารย์ มันต้องมีอะไรเข้าใจผิด อาจารย์ช่วยเจได้ ทำไมถึงเป็นแบบนี้" ผมพูดและเริ่มร้องไห้ออกมา
"ห้ามไปหามันอีก มันเป็นคนฆ่าเด็กนั่น" ผมส่ายหน้าไปมา ผมไม่เชื่อ อาจารย์คอยช่วยผม ผมรู้จักอาจารย์ดี
"เป็นไปไม่ได้" ผมพูดและมองซินที่กำลังทำสีหน้าไม่พอใจ
"เชื่อมันมากกว่าซินงั้นเหรอ" ผมร้องไห้ ผมไม่รู้ ผมเสียใจมาก ผมควรจะไปกับเพื่อน ผมไม่น่าปล่อยเจไปคนเดียวเลย
"มาเถอะ" ผมยืนนิ่ง และปล่อยให้ซินกอดผมเอาไว้อีกครั้ง ผมร้องไห้ตัวโยน เจเป็นเพื่อนของผม เป็นเพื่อนที่สำคัญของผม
และผมจะไม่มีวัน ได้เจอเจอีกแล้ว