พิมพ์หน้านี้ - In The Shadows' เงาหลอน ซ่อนรัก '[YAOI][#47 ปีกสีขาวที่หวนคืน][END](12/8/63)

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: Gloomy Sunday ที่ 17-01-2018 14:04:39

หัวข้อ: In The Shadows' เงาหลอน ซ่อนรัก '[YAOI][#47 ปีกสีขาวที่หวนคืน][END](12/8/63)
เริ่มหัวข้อโดย: Gloomy Sunday ที่ 17-01-2018 14:04:39
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม


******************************************************************************




In The Shadows ' เงาหลอน ซ่อนรัก '


"ไปเลยไป!!"

"ไอ้ขยะ!"

"แกมันปิศาจ ไปตายซะ!!!"

ผมน้ำตาไหลออกมาช้าๆ ตัวสั่นเทาด้วยความเจ็บปวดจากการถูกก้อนหินปาใส่

ผมจ้องมองเพื่อนๆ ที่ล้อมรอบตัวผมและตะโกนด่าผมด้วยความเกรี้ยวกราด

"มองอะไรของแก ไอ้ขี้โกหก!!"

"ป..ไป ให้พ้น ออกไป" ผมพูดพึมพำและน้ำตาไหลไม่หยุด จ้องมองไปข้างหน้า มองผ่านเพื่อนๆ

ไปยังผู้หญิงที่มีดวงตาสีขาว ผู้หญิงผมยาวที่ยืนอยู่ด้านหลังเพื่อนของผม...

"อ..ออกไปซะ" ผมร้องเสียงแหบแห้ง ทำใจกล้าพยายามไล่สิ่งชั่วร้ายนั้นออกไป

"นี่มึงกล้าไล่กูเหรอ" หนึ่งในเพื่อนร่วมชั้นของผมตะโกนลั่นด้วยความโกรธ

พลั่ก!!

ผมถูกผลักให้ลงไปนอนกับพื้นของสนามเด็กเล่น จนเนื้อตัวมอมแมมไปทั้งแผลและดินทราย

"ไปเถอะ มันบ้า ไอ้ไวท์ ไอ้ปัญญาอ่อน" เด็กคนอื่นๆ ต่างยิ้มขำและชอบใจกับคำด่านั้น

แกร่ก แกร่กๆ

ผมเงยหน้าขึ้นมองคนอีกคนที่ยังไม่ได้เดินไป คนคนนั้นค่อยๆ หันลำคอมาช้าๆ ลำคอที่เหมือนกับกำลังส่งเสียงแปลกๆ ทุกจังหวะที่เคลื่อนไหว

ผมร้องไห้กับภาพที่เห็น รอยยิ้มของสิ่งที่อยู่ตรงหน้า เป็นรอยยิ้มกว้างที่กว้างจนราวกับจะถึงใบหู เป็นรอยยิ้มที่น่าสยดสยอง

รอยยิ้มของผีร้าย...
 


******************************************************************************


          PS. นิยายเรื่องนี้เป็นเพียงจินตนาการของนักเขียนเท่านั้น โปรดใช้จักรยานในการอ่าน หุหุ

          PS. เป็นแนวดราม่า โรแมนติก แฟนตาซี สยองขวัญ ไม่เรทมากค่ะ

          PS. กดถูกใจหรือคอมเม้นเป็นกำลังใจให้นักเขียนบ้างนะคะ ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: In The Shadows ' เงาหลอน ซ่อนรัก ' [YAOI][NC20+][ บทนำ+ตอนที่1](17/01/18/)
เริ่มหัวข้อโดย: Gloomy Sunday ที่ 17-01-2018 14:08:15
Shadows ที่ 1 เด็กหนุ่มที่แสนโชคร้าย


ท่ามกลางหมู่ไฟหลากสีที่พาดผ่านต้นไม้สูง โคมไฟสีนวลที่แขวนประดับประดาอยู่ทั่ว

ผมนั่งอยู่ที่ริมฟุตบาธเล็กๆ มองดูผู้คนที่เดินผ่านไปมากันอย่างครื้นเครง มันเป็นบรรยากาศที่ทำให้ผมรู้สึกผ่อนคลาย และสบายใจ

"ดูดิ คนนั้นหล่อเนอะ"

"นั่นมันพี่ไวท์ ปี 2 ไม่ใช่เหรอ"

"เขาว่ากันว่าพี่เขาสติไม่ค่อยปกตินี่"

"ไปชี้เขา เดี๋ยวพี่เขาเล่นของใส่มึงทำไง"

"เสียดายเนอะ หล่อดีอ่ะ ไม่น่าเลย"

ผมก้มมองพื้นพยายามไม่สนใจคำนินทาพวกนั้น และเงยหน้าขึ้นส่งยิ้มให้รุ่นน้องผู้หญิงกลุ่มนั้น

"สวัสดีครับ" ผมยิ้มทักทายอย่างเป็นมิตร ถึงแม้ว่าพวกเธอจะเดินหนีผมไปทันทีก็ตาม

ผมไม่เคยโกรธที่ใครๆ จะมองว่าผมเป็นอย่างไร เพราะมันเป็นสิทธิ์ของเขา เราไม่สามารถห้ามความคิดของคนได้ ผมรู้อยู่แก่ใจ ว่าผมนั้นกำลังทำอะไร

ผมลุกขึ้นช้าๆ หรี่ตามองไปรอบๆ พยายามปรับโฟกัสให้พอมองเห็นทาง และไม่เดินชนอะไรเข้า

ใช่แล้วล่ะ ผมน่ะ เป็นเหมือนคนตาบอด แต่จะพูดแบบนั้นก็ไม่ใช่หรอก จริงๆ ผมแค่สายตาสั้นเท่านั้น ยังพอใช้ชีวิตได้ปกติ ผมมองเห็นสิ่งต่างๆ ชัดเจนภายในระยะแค่มือเอื้อมถึง ถ้าไกลกว่านั้น ผมจะเห็นทุกสิ่งทุกอย่างพร่ามัวไปหมด

ผมเดินไปเรื่อยๆ เพื่อกลับไปยังบ้านของผม ซึ่งถ้าจะเรียกว่าบ้านก็ไม่ค่อยจะถูกนัก ผมเช่าห้องพักเล็กๆ เหนือร้านขายของชำของคุณยาย ท่านใจดีให้ผมเช่าในราคาถูก

นาฬิกาข้อมือของผมตอนนี้ บอกผมว่าใกล้เวลาที่คุณยายจะปิดร้านแล้ว ผมต้องรีบกลับไปช่วยคุณยาย ผมที่นั่งเล่นเพลินจนลืมเวลา ก็รีบเร่งฝีเท้าเดินไปตามทางเพิ่มขึ้นไปอีก

ผมเดินไปเรื่อยๆ และหยุดชะงักที่ปากซอยทางลัด ซึ่งถ้าไปทางนี้ ผมก็จะไปถึงร้านได้อย่างรวดเร็วมากขึ้น แต่ผมก็ไม่อยากผ่านไปทางนี้เท่าไหร่นัก เพราะมันเปลี่ยวและมืดจริงๆ

ผมที่ยืนคิดอยู่สักพัก ก็ตัดสินใจเลี้ยวไปยังทางลัดตรงหน้า และเร่งฝีเท้าอย่างรวดเร็วต่อไป แค่ไม่กี่เสาไฟฟ้าเอง แค่นิดเดียวน่า

พรึบ พรึบ ฟุ่บ

แต่ผมที่กำลังเดินอยู่นั้น อยู่ๆ แสงไฟที่สาดส่องลงมาที่ท้องถนนก็กระพริบและดับวูบลง ผมยืนอยู่ตรงนั้น หยุดเท้าและมองไปรอบๆ ด้วยหัวใจที่เริ่มเต้นรัว

ผมไม่เห็นอะไรทั้งนั้น ไม่มีอะไรทั้งนั้น ผมก้มหน้ามองปลายเท้า พูดพึมพำกับตัวเอง และค่อยๆ ก้าวเดินไปข้างหน้าอีกครั้ง ดวงตาที่พร่ามัวจับจ้องอยู่แต่ปลายเท้าของตัวเองทุกการเคลื่อนไหว

ความเครียด และความกลัว ทำให้ผมเร่งฝีเท้ากึ่งเดินกึ่งวิ่งจนเริ่มหอบหายใจ คงอีกไม่ไกลนักหรอก เพราะผมเหมือนกับเดินมาไกลและนานพอสมควรแล้ว...

หมับ!

ผมสะดุ้งสุดตัวทันทีที่รู้สึกถึงอะไรบางอย่างกำลังดึงผมเอาไว้ไม่ให้ก้าวเดินต่อไป

ผมตัวสั่น หลับตาแน่น ไม่กล้าแม้แต่จะหันหลังกลับ

"พี่คะพี่ ทางไปตลาดไปทางไหนหรอ หนูหลงทางค่ะ" ผมลืมตาขึ้นช้าๆ และหันกลับไปมองตามเสียงเรียกด้วยหัวใจที่เต้นรัวเช่นเดิม เพราะว่าแค่เสียงน่ะ มันไม่รู้หรอกว่าคนจริงหรือเปล่า

แต่เมื่อผมจ้องมองดูดีๆ แล้ว ผมก็ต้องถอนหายใจอย่างโล่งอก เธอเป็นเด็กผู้หญิงน่าจะวัยมัธยมต้นได้ เธอผูกเปียสองข้างและกำลังทำหน้าตาตื่นกลัวมองไปรอบๆ

"ถ้าตลาดน่ะไปทางเดียวกับพี่ มาสิ ไปด้วยกันนะ" ผมยื่นมือไปจับมือของเด็กคนนั้นเอาไว้ เธอพยักหน้าและเดินตามแรงจูงของผม

"พี่ไม่กลัวบ้างหรอ เดินมืดๆ แบบนี้อ่ะ"

"กลัวสิ แต่จำเป็นน่ะ แล้วทีหลังเราก็อย่ามาทางนี้นะ มันอันตราย" ผมรู้สึกอุ่นใจขึ้นที่มีเพื่อนร่วมทางมาด้วย พวกเราเดินไปเรื่อยๆ ฝ่าความมืด ผมไม่ได้พูดอะไรมากนัก จิตใจของผมจดจ่ออยู่กับการออกไปจากที่แห่งนี้ และแล้ว ตรงสุดปลายทางนั่น ผมมองเริ่มมองเห็นแสงไฟ ผมจับมือน้องแน่น และรีบเร่งฝีเท้าขึ้นให้เร็วขึ้นอีก

"ทำไมต้องรีบขนาดนั้นเหรอคะ" อยู่ๆ เธอที่เงียบมาตลอดก็ถามผม

"จะได้ไปถึงไวขึ้นไง"

"พี่ไม่อยากอยู่กับหนูขนาดนั้นเลยเหรอ" ผมเริ่มไม่เข้าใจคำถามของเธอ

"ไม่ใช่แบบนั้น แต่ว่าพี่ต้องรีบไป เดี๋ยวพี่เดินไปส่งเราก็ได้ เราจะไปตรงไหน..."

แต่ผมที่จับมือของเด็กผู้หญิงไว้ ก็รู้สึกถึงความเปียกชื้นบนมือของผม เท้าที่ก้าวอย่างรวดเร็วเริ่มหยุดชะงัก ผมหันหลังไปช้าๆ มองดูเด็กผู้หญิงคนนั้น

แต่ภาพที่ผมเห็นก็ทำให้ผมต้องรีบปล่อยมือ และก้าวถอยหลังอย่างรวดเร็ว

"อ่อก..ก..อั่ก"

ผมอกสั่นขวัญแขวน มองดูเด็กคนนั้นที่กำลังสำลักของเหลวสีแดงออกจากปาก จมูกและตา จนชุดนักเรียนสีขาวนั้นชุ่มไปด้วยสีแดง

"พ..พี่.ค..คะ อยู่กับหนูเถอะ"

ผมน้ำตาไหล และกลับหลังวิ่งอย่างรวดเร็วไปทางแสงไฟตรงหน้า ผมวิ่งสุดฝีเท้า และก็ต้องโล่งใจที่เห็นกลุ่มคนอยู่ตรงหน้า

ผมนั่งลงที่กลุ่มวินมอเตอร์ไซค์ที่กำลังนั่งรวมกลุ่มกินเหล้าอยู่ ร้องไห้กุมหน้าไว้ ตัวสั่นจนคนพวกนั้นตกใจ

"ไอ้หนุ่ม เป็นอะไร โดนปล้นเหรอ"

ผมไม่ได้เป็นอะไร ผมก็แค่...ผมโดดเดี่ยว ผมต้องเผชิญกับเรื่องแบบนี้มานับครั้งไม่ถ้วน

ไม่มีใครเลย ไม่มีใครเลยที่จะเชื่อว่าผมพบเจอกับอะไร

"ไม่มีอะไรครับ ขอโทษนะครับ" ผมที่นั่งสงบสติอารมณ์ตัวเองสักพัก ก็ลุกขึ้นยกมือขอโทษพวกผู้ใหญ่และเดินต่อไป

"ไวท์ลูก กลับมืดจังเลย กินอะไรมาหรือยัง มาเอาขนมไปกินนะลูก" ผมเดินมาถึงหน้าร้านขายของชำของคุณยาย แต่ท่านก็เก็บร้านเรียบร้อยแล้ว ผมมาไม่ทัน...

"ขอโทษนะครับ ผมเลยไม่ได้ช่วยคุณยายเก็บร้าน"

"ไม่เป็นไรลูก เอาขนมไปกินแล้วไปพักซะนะ"

ผมรับขนมที่คุณยายให้และเดินขึ้นมาที่ชั้นสองห้องนอนของผม ซึ่งทางขึ้นนั้นมีบันไดแยกด้านข้าง สามารถขึ้นไปโดยไม่ต้องผ่านเข้าไปในร้านของคุณยาย

ตัวผมสมัยก่อนนั้นอยู่ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่เมื่อโตขึ้น ผมก็หาทุนเรียนเอง ทำงานและย้ายออกมาจากที่นั่น ผมที่ร่อนเร่ไปเรื่อยก็เลยมาเจอคุณยายและขออาศัยอยู่ที่นี่ เพื่อที่จะได้ดูแลท่านไปด้วย

ห้องนอนของผมเป็นห้องสี่เหลี่ยมเล็กๆ ซึ่งภายในห้องมีเพียงของใช้จำเป็น และมีห้องน้ำเล็กๆ อยู่ภายใน

ผมนั่งลงที่ฟูกนอน และหยิบแว่นตามาสวมเพื่อที่จะได้อ่านหนังสือเรียนและทำการบ้าน

ใช่แล้วล่ะ จริงๆ ผมนั้นมีแว่นตาอยู่แต่ก็ไม่ได้ใส่เวลาที่ออกไปข้างนอก ผมคงไม่ต้องบอกเหตุผลใช่ไหมว่าเพราะอะไร ผมจะใช้ชีวิตลำบากมากถ้าหากมองเห็นอะไรที่ชัดเจนเกินไป ผมจึงเลือกที่จะมองโลกอย่างพร่ามัว แต่รู้สึกปลอดภัยมากกว่า



ในรุ่งเช้า ผมแต่งตัวด้วยชุดนักศึกษา และรีบลงจากห้องเพื่อช่วยคุณยายเปิดร้าน กินข้าวเช้ากับคุณยาย ช่วยงานเล็กๆ น้อยๆ และบอกลาคุณยายเพื่อไปเรียน

ผมเดินไปยังถนนสายเมื่อคืนที่ผมเดินผ่าน ถนนที่ผมได้พบกับเด็กผู้หญิงคนนั้น ผมไม่รู้ว่าเธอเป็นใครหรือเป็นอะไรถึงต้องตาย แต่ผมรู้สึกสงสารเธอ ในตอนกลางวันแบบนี้ ถนนสายนี้ยังคงมีคนเดินผ่าน และมีรถวิ่งไปมา ทำให้ผมกล้าที่จะย้อนกลับมาอีก

ผมเปิดกระเป๋า และหยิบแจกันเล็กๆ พร้อมดอกไม้ออกมา วางมันไว้ที่ข้างทางตรงที่ผมได้พบกับเธอ

"ไปสู่สุขคติซะนะ" ผมพูดเบาๆ และเดินจากมา

ผมเดินต่อไปยังหน้าปากซอย โบกรถสองแถว และนั่งต่อไปยังมหาวิทยาลัยของผม

ตัวผมนั้นเรียนอยู่ปีสองคณะมนุษยศาสตร์ ผมไม่มีเพื่อนเลยสักคน ทุกคนมองผมเป็นตัวประหลาด มองผมเป็นปิศาจ ทั้งๆ ที่ผม ไม่เคยทำอะไรให้พวกเขาเลย มันเป็นเรื่องที่น่าเศร้าจริงๆ

เมื่อมาถึงแล้ว ผมรีบลงจากรถและเดินไปตามทางเพื่อไปยังตึกเรียน แต่ผมที่เดินรีบเกินไป ก็เหยียบเชือกรองเท้าตัวเองเข้า

พลั่ก!

ผมเซน้อยๆ ทันทีที่ถูกผลักขณะก้มลงมัดเชือกรองเท้า ผมเงยหน้ามองดูคนที่ทำแบบนั้นกับผม ซึ่งกำลังกอดอกจ้องมองมาแบบกวนประสาท

"ทำไม หรือมึงมีปัญหา" ผมไม่ได้ตอบโต้อะไร และเดินต่อไป คนพวกนี้ไม่ได้มีคนเดียว พวกเขาเรียนเอกเดียวกับผม และต้องเจอกันบ่อยเมื่อเรียนวิชาเดียวกัน

"มึงกล้าทำเมินกูเหรอห๊ะ ไปซื้อของกินให้กูหน่อย กูหิว" ผมหยุดเดินและเผชิญหน้ากับคนเกเรเหล่านั้น

"ผมไม่มีเงิน แล้วเดี๋ยวก็จะเริ่มเรียนแล้วนะ" ผมพยายามเดินหลบแมน และเพื่อนอีกสองคนของเขาที่ชื่อต้อง กับเต้ย ทั้งสามคนมักจะแกล้งผม และคนอื่นๆ ถึงจะไม่ได้แกล้งผมมากนัก แต่ก็ไม่มีใครอยากคุยกับผม หรือคิดจะช่วยผมสักคน

"อย่ามาตอแหล ไอ้ต้อง เอากระเป๋ามันมา" ผมถอยหลังหลบแต่ก็ถูกกระชากกระเป๋าออกไปจากตัว พวกนั้นเทของในกระเป๋าผมจนหล่นกระจายพลางหัวเราะกันอย่างสนุกสนาน

"มีแต่ขยะว่ะ" คนนชื่อเต้ยเตะหนังสือของผมเข้าไปในห้องและเดินเข้ามาหาผมใกล้ๆ

"ล็อกมันไว้ให้หน่อย ต้องค้นตัวว่ะ ฮ่าๆ"

"ผมไม่มีจริงๆ" ผมพยายามขืนตัวออกจากต้องที่ล็อกแขนผมไว้ทั้งสองข้าง และแมนกับเต้ยก็เข้ามาแตะตัวผมและล้วงหากระเป๋าเงิน

"เฮ้ย ล้วงดีๆ นะโว้ย กูเอาแต่เงินนะ ฮ่าๆ" ผมมองคนในห้องที่กำลังมองมาทางผมอย่างสนใจ แต่ก็ไม่มีใครเลยที่อยากจะช่วยผม

"มึงเอาแต่เงินก็เรื่องของมึง แต่กูอยากเอามันด้วยว่ะ" ผมเอี้ยวตัวหลบเต้ยที่บีบแก้มผมและจ้องมองใกล้ๆ

"นักศึกษา ทำอะไรกันน่ะ" เหมือนสวรรค์มาโปรด อาจารย์ประจำวิชาเดินเข้ามา และขยับแว่นมองผมที่ถูกล็อกด้วยความสงสัย

"แค่เล่นกันครับจารย์" แมนขยี้หัวผมและยิ้มแป้น

"วันนี้ย้ายไปเรียนอีกห้องนะ รีบเก็บของแล้วตามอาจารย์มา" อาจารย์พูดเสร็จก็เดินออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว

"รอดไปนะมึง" แมนบอกผมและเดินนำไปกับต้อง

"เดี๋ยวค่อยมาเล่นกันใหม่นะที่รัก" เต้ยตบแก้มผมเบาๆ และวิ่งตามเพื่อนไปอีกที

ผมที่ได้โอกาสก็ก้มลงเก็บหนังสือที่ล่วงอยู่กับพื้น ขณะที่คนอื่นๆ ก็ทยอยกันเดินออกจากห้องจนหมด

ผมคลานไปรอบๆ มองหาปากกา และดินสอที่กลิ้งไปไหนก็ไม่รู้ ผมหรี่ตาที่พร่ามัวให้มันชัดขึ้นเล็กน้อย และคลานต่อไป มองดูใต้เก้าอี้อย่างละเอียด

"นั่นไง" ผมพูดเบาๆ กับตัวเอง และคลานไปอีกนิด ยื่นมือเข้าไปใต้เก้าอี้เพื่อพยายามจะหยิบปากกาสีน้ำเงินที่กลิ้งอยู่

แต่ผมที่กำลังยื่นมือไปนั้นก็ต้องหยุดชะงัก ผมรู้สึกถึงเสียงอื้ออึงในหู และขนทั้งตัวชูชัน แบบนี้อีกแล้ว เป็นแบบนี้อีกแล้ว

ผมหดมือเข้ามา และหมอบลงกับพื้น เสียงคลื่นที่เหมือนกับคลื่นวิทยุที่ไม่มีสถานีดังอยู่ในหูของผม บรรยากาศรอบๆ ตัวค่อยๆ มืดลงทั้งๆ ที่ยังคงเช้าอยู่

ผมตัวสั่นน้อยๆ และหายใจเบาๆ  ให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ผมรู้สึกเหมือนตัวขยับไม่ได้ดั่งใจคิด มันแข็งเกร็งเหมือนกับถูกล็อกเอาไว้

ตึก ตึก ตึก

ผมปิดปากตัวเองทันทีที่ได้ยินเสียงฝีเท้าขึ้นภายในห้อง มันเป็นเสียงที่เหมือนกับคนกำลังเดินช้าๆ

ห้องที่ผมเรียนนั้นเป็นห้องสโลฟขั้นบันได และตอนนี้ผมกำลังคลานอยู่บนพื้นด้านหน้าใกล้ประตู แต่มันกลับมีเสียงฝีเท้าเดินอยู่ที่ชั้นบนซึ่งไม่มีทางเข้า

ผมตัวสั่นมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเสียงนั้นเริ่มดังขึ้นใกล้เข้ามา ผมพยายามขยับตัวและคลานช้าๆ ไปยังประตูที่เปิดอยู่

ผมค่อยๆ คลานหนีเสียงฝีเท้าที่ดังอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล เหลือบมอง และคลานต่ำลงอีกนิด ใกล้แล้ว อีกแค่นิดเดียว ผมก็จะคลานออกไปได้แล้ว

ผมคลานเร็วขึ้นเมื่อผ่านเก้าอี้ตัวสุดท้าย ผมกำลังจะออกจากห้องนี้แล้ว

ปัง!

ผมสะดุ้งสุดตัวทันทีที่ได้ยินประตูปิดเสียงดัง และมีเท้าคู่หนึ่งขวางทางผมอยู่ มันเป็นเท้าสีซีดเผือดจนเป็นสีเทา ผมตัวสั่นก้มหน้าลงกับพื้นไม่กล้าเงยหน้าขึ้นไปมองสิ่งนั้น

"ปะ.ปล่อยผมไปเถอะ ไปใ.ห้พ้น.."

ผมพูดเสียงสั่นเครือและพยายามที่จะไม่ร้องไห้ออกมา ผมหรี่ตามองเท้าคู่นั้นที่ยังคงไม่ไปไหน และใกล้เข้ามามากขึ้น

"ออกไปนะ พอสักที!" ผมเริ่มขึ้นเสียงและก้มลงกุมหัวตัวเอง กัดริมฝีปากจนห้อเลือด

และอยู่ๆ ห้องที่มืดครึ้ม และมีแต่เสียงน่ากลัวก็กลับกลายเป็นเสียงเจี้ยวจ้าวจอแจของนักศึกษาที่เดินผ่านไปมาตามเดิม

"ก็ว่าอยู่ว่าทำไมไม่เดินมาสักที ฮ่าๆ พวกมึงดู มันเริ่มบ้าอีกแล้วว่ะ"

"มึงเสพย์อะไรบอกกูหน่อย กูอยากลองมั่งว่ะ เป็นตุเป็นตะชิบหาย เนื้อใช่มั้ย หรือน้ำแข็งวะ ฮ่าๆ"

ผมที่ตัวสั่นนั้นก็ค่อยๆ เงยหน้าขึ้นตามเสียงของคนที่พูด และมองไปรอบๆ ตัวผม ทุกอย่างกลับกลายเป็นปกติแล้วจริงๆ

ผมค่อยๆ ลุกขึ้น หยิบกระเป๋าและเดินออกไปจากห้อง หลบเสียงหัวเราะอย่างสนุกสนานของคนที่อยู่แถวนั้น

ผมชินแล้วกับอะไรแบบนี้ ถึงพูดอะไรไปก็มีแต่จะทำให้ยิ่งถูกเกลียดมากขึ้นเท่านั้น ผมทำได้แค่ก้มหน้า และฟังคำพูดดูถูกของทุกคน

ผมทำได้แค่อดทนเท่านั้น...

หัวข้อ: Re: In The Shadows ' เงาหลอน ซ่อนรัก ' [YAOI][NC20+][ บทนำ+ตอนที่1](17/01/18/)
เริ่มหัวข้อโดย: PsYcHo_Kail ที่ 17-01-2018 15:47:14
:pig4: :L2:
เม้นแรก เอ้ย ไม่ใช่ละ-_-; //น่าติดตาม สู้ๆครับ
หัวข้อ: Re: In The Shadows ' เงาหลอน ซ่อนรัก ' [YAOI][NC20+][ บทนำ+ตอนที่1](17/01/18/)
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 17-01-2018 16:15:48
ติดตามจ้า  :L2:
หัวข้อ: Re: In The Shadows ' เงาหลอน ซ่อนรัก ' [YAOI][NC20+][ บทนำ+ตอนที่1](17/01/18/)
เริ่มหัวข้อโดย: Kei ที่ 17-01-2018 16:20:56
น่าติดตาม
หัวข้อ: Re: In The Shadows ' เงาหลอน ซ่อนรัก ' [YAOI][NC20+][ บทนำ+ตอนที่1](17/01/18/)
เริ่มหัวข้อโดย: bowbeauty ที่ 17-01-2018 17:43:30
ลุ้นตามมมมม
หัวข้อ: Re: In The Shadows ' เงาหลอน ซ่อนรัก ' [YAOI][NC20+][ บทนำ+ตอนที่1](17/01/18/)
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 17-01-2018 19:47:26
สงสารไวท์นะ
หัวข้อ: Re: In The Shadows ' เงาหลอน ซ่อนรัก ' [YAOI][NC20+][ บทนำ+ตอนที่1](17/01/18/)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 17-01-2018 21:15:01
แหม่...เป็นคนแก่ไม่ได้ ถ้าได้เห็นวิญญาณแบบนี้ ขอเป็นเพื่อนไปแล้ว  :กอด1:
หัวข้อ: Re: In The Shadows ' เงาหลอน ซ่อนรัก ' [YAOI][NC20+][ บทนำ+ตอนที่1](17/01/18/)
เริ่มหัวข้อโดย: Kwangnoi1373 ที่ 18-01-2018 14:43:33
น่าสนุกมากกกกติดตามๆน่าสงสารไวท์อ่ะ มาต่อเร็วๆนะจ้า :z10: :z2:
หัวข้อ: Re: In The Shadows ' เงาหลอน ซ่อนรัก ' [YAOI][NC20+][ บทนำ+ตอนที่1](17/01/18/)
เริ่มหัวข้อโดย: cocoaharry ที่ 18-01-2018 18:14:16
รอค่ะ
หัวข้อ: Re: In The Shadows ' เงาหลอน ซ่อนรัก ' [YAOI][NC20+][ บทนำ+ตอนที่1](17/01/18/)
เริ่มหัวข้อโดย: angel_Z4 ที่ 21-01-2018 07:40:59
ลุ้นมาก :katai1:
หัวข้อ: Re: In The Shadows ' เงาหลอน ซ่อนรัก ' [YAOI][NC20+][ บทนำ+ตอนที่1](17/01/18/)
เริ่มหัวข้อโดย: Gloomy Sunday ที่ 21-01-2018 13:59:48
Shadows ที่ 2 ชายหนุ่มในชุดสีดำ


ผมนั่งอยู่ในห้องเรียนในมุมที่ไม่มีใครนั่ง มองไปรอบๆ ห้องเรียนที่มีแต่คนจับกลุ่มและพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน ไม่ว่าจะเมื่อก่อนหรือตอนนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตของผมก็ดูเงียบเหงาไปหมด ผมเคยสงสัยว่าผมนั้นทำอะไรผิดงั้นเหรอ ชีวิตผมถึงต้องเป็นแบบนี้

ผมค้นกระเป๋าของผม และหยิบแว่นขึ้นมาสวมเอาไว้ ยังไงในเวลาเรียนนั้นแว่นตาก็ยังคงเป็นสิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้

ผมมองภาพสไลด์ที่ฉายอยู่บนจอของห้องสโลฟขนาดใหญ่ และเหลือบมองไปรอบๆ ห้องเรียนด้วยความหวาดวิตก ผมไม่ชอบเวลาที่ต้องใส่แว่นเลย เพราะมันทำให้ผมเห็นสิ่งที่ไม่ควรเห็นชัดเจนมากขึ้น

"นี่ๆ นาย" ผมสะดุ้งสุดตัวทันทีที่ถูกสะกิดจากคนด้านหลัง

"ค.ครับ" ผมหันไปมองคนที่เข้ามาทักด้วยความหวาดระแวง

"ผมยังไม่มีกลุ่มเลย นายมีกลุ่มหรือยัง" ผมขมวดคิ้ว และมองไปยังภาพสไลด์ที่ปรากฎบนหน้าจอห้องเรียนอีกครั้ง บนนั้นมีข้อความประมาณว่าให้จับกลุ่มกันทำงานสองถึงสามคน

ผมหันกลับมามองเด็กหนุ่มที่ชวนผมอีกครั้ง คนคนนี้น่าจะอยู่คณะอื่นที่ลงเรียนวิชานี้เหมือนผมสินะ ผมยิ้มออกมาทันที

นี่นาย ไม่รู้จักผมงั้นเหรอ ผมดีใจที่ยังมีคนไม่รู้หรือไม่เชื่อข่าวลือพวกนั้น

"ผมก็ยังไม่มีกลุ่มเหมือนกัน"

"ผมชื่อเจนะ ทำไมนายถึงมานั่งคนเดียวเหรอ หรือว่าเพื่อนนายไม่มาวันนี้"

"ผม เอ่อคือ ผมไม่ค่อยมีเพื่อนน่ะ" ผมบอกเจและยิ้มออกมาอย่างเศร้าๆ

"เอ๋~ ทำไมล่ะ นายหน้าตาดีมากเลยนะ น่าจะมีเพื่อนเยอะสิ"

"ขอบใจนะ แต่จริงๆ ก็ไม่ขนาดนั้นหรอก" เสียดายที่หน้าตาของผมไม่สามารถช่วยผมให้หายโดดเดี่ยวได้เลยสักนิด มันจึงไร้ค่ามากสำหรับผม

"ยังไงก็เถอะ อยู่ด้วยกันนะ" เจจับมือผมไว้และยิ้มกว้าง

เจเป็นผู้ชายที่ตัวเล็กกว่าผม และดูสดใสร่าเริ่ง วันนี้ในโชคร้ายนั้นก็ยังมีความโชคดีสินะ ผมจะได้มีเพื่อนบ้างสักที

"แล้วตอนหลังเลิกเรียนมีธุระอะไรไหมอ่า อยากชวนไปห้องสมุด ไปหาข้อมูลกันนะ"

"อื้ม ไปสิ ผมว่าง" ผมพูดอย่างดีใจและยิ้มกว้างให้เพื่อนใหม่ของผม

หลังเลิกเรียนนั้น ผมก็ถูกเจดึงมือให้เดินไปตามทางเดินเล็กๆ ที่ทอดไปสู่ห้องสมุดของมหาวิยาลัย แต่มันแปลกมาก เพราะว่าทางนี้มันไม่ใช่ทางไปห้องสมุดนี่นา

"เจ" ผมตัดสินใจเรียกเจที่ยังคงลากผม และเดินอย่างรวดเร็ว

"ใกล้จะถึงแล้ว" เจหันมายิ้มกว้างให้ผม

"ทางนี้มันไม่ใช่ทางไปห้องสมุดนี่นา" ผมระแวงพลางยื้อมือตัวเองไว้ ผมจะระวังตัวเองเสมอในสถานการณ์แปลกๆ แบบนี้

"อันนี้เป็นห้องสมุดเก่าน่ะ แต่ยังเปิดอยู่ ไม่ต้องกลัวเจเคยไปหลายครั้งแล้ว" ผมคลายปมที่คิ้ว และเริ่มก้าวเดินไปอีกครั้ง มหาวิยาลัยนี้ค่อนข้างกว้างมากๆ ยังมีหลายอย่างที่ผมอาจจะยังไม่รู้ก็ได้

ผมเดินตามเจเข้ามาที่อาคารไม้แห่งหนึ่ง มันดูเก่าแก่และร่มรื่น ซ่อนอยู่ในสวนและต้นไม้ที่ปลูกทึบจนปิดบังทางเข้าเล็กๆ

ผมเดินขึ้นไปตามขั้นบันไดไม้ และตามเจเข้าไปในห้องที่มีชั้นหนังสือเรียงรายมากมาย ผมหยิบแว่นมาสวมให้เห็นชัดๆ ที่นี่ดูเป็นที่ที่เหมาะแก่การอ่านหนังสือจริงๆ  และที่ทำให้ผมโล่งใจสุดๆ นั้น ก็เพราะว่า ในห้องสมุดนี้ไม่ได้มีแต่พวกเรา แต่ยังมีนักศึกษาอีกหลายคนที่กำลังยืนเลือกหนังสือ นั่งอ่านตามทางเดินบ้าง บนโต๊ะไม้บ้าง และยังมีบันไดทอดนำขึ้นไปยังชั้นบนอีกด้วย

"เป็นไงล่ะ ที่นี่สงบดีใช่ป่ะ" เจกอดอกดูภูมิใจที่ได้พาผมมา

"ใช่ ดีมากเลย ขอบคุณนะ" ผมพูดและเดินไปตามชั้นหนังสือ มองหาหนังสือที่น่าสนใจ

"เจ มึงพาใครมาน่ะ" ผมหันไปตามเสียงและมองดูเจที่กำลังคุยกับเพื่อนอยู่

"เพื่อนใหม่ในคลาสไง ชื่อไวท์" เจทำท่าแนะนำผมให้กับเพื่อนคนหนึ่งที่ทำหน้าไม่พอใจที่เห็นผม

"มึงมันไอ้โง่เจ" ผมทำหน้าเศร้าทันทีที่เห็นเจถูกเพื่อนด่า

"เอ่อคือ ผมขอตัวหาหนังสือนะ ยังไงได้อะไรแล้วก็ค่อยมาแชร์กันนะเจ" ผมคิดว่าผมควรจะไปดีกว่า ผมชินแล้วกับท่าทางและสายตาแบบนั้น

ผมเดินดูหนังสือที่เรียงรายอยู่บนชั้น ที่นี่มีแต่หนังสือเก่าๆ ที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน ถ้าผมจะขอยืมกลับไปอ่านที่ห้องจะได้ไหมนะ

ผมมองไปรอบๆ เพื่อหาครูบรรณารักษ์หรือคนที่จะทำเรื่องให้ยืมได้ แต่เมื่อเดินหา และมองดูรอบๆ นั้น ก็ไม่เห็นมีจุดให้บริการหรืออะไรเลย หรือว่าจะเป็น ชั้นบนนั่น

ผมมองดูบันไดที่ทอดขึ้นไปด้านบนอีกชั้นและค่อยๆ เดินลัดเลาะชั้นหนังสือ เดินผ่านคนที่นั่งอยู่ตามทางเดิน และขึ้นไปยังบันไดนั้น

แต่ผมที่เดินขึ้นมาก็ต้องแปลกใจ เพราะว่าตรงสุดทางของบันไดนั้น มีประตูบานหนึ่งกั้นอยู่ มันเป็นชั้นที่ไม่อนุญาตให้คนเข้าไปหรือเปล่านะ

ผมขมวดคิ้วจ้องมองดูบานประตูด้วยความสงสัย เพราะว่ามันไม่มีลูกบิดหรืออะไรที่จะทำให้ดึงเปิดได้เลย ผมจึงตัดสินใจเอื้อมมือออกไปเคาะประตูบานนั้นเบาๆ

ก็อกๆ

แอ๊ดดดด~

ทันทีที่ผมเคาะ ประตูก็เปิดออกเบาๆ อย่างน่าขนลุก

ผมเริ่มคิดว่า ผมไม่ควรจะเข้าไปในนั้นยังไงก็ไม่รู้ ผมมีประสบการณ์เลวร้ายต่างๆ มาเยอะ และผมคิดว่าในนั้นอาจจะมีอะไรแปลกๆซ่อนอยู่

"ใคร" ผมสะดุ้งน้อยๆ ทันทีที่ได้ยินเสียงคนด้านใน ผมค่อยๆ แง้มประตูออกช้าๆ กะว่าถ้าเป็นผี ผมจะวิ่งลงบันไดทันทีนั่นแหละนะ

แต่ว่าเมื่อเห็นภายในห้องนั้นก็ต้องเปลี่ยนใจ ผมมองผู้ชายคนหนึ่งที่กำลังยืนอยู่หน้าชั้นวางหนังสือ และมีโต๊ะทำงานตั้งอยู่ตรงกลาง เหมือนกับเป็นห้องทำงาน และผมเผลอไปรบกวนเข้าซะแล้ว

"คือ ผมขอโทษที่มารบกวนนะครับผมคิดว่าด้านบนเป็นห้องสมุด" ผมยังคงยืนอยู่ที่ขั้นบันได ไม่กล้าเดินเข้าไป

"เข้ามาสิ" คนคนนั้นพูดด้วยสีหน้านิ่งเฉย และไม่ได้หันมามองผม

"ไม่เป็นไรดีกว่าครับ ขอโทษอีกครั้งที่มารบกวน"

ผมนั้นเมื่อพูดจบแล้วก็รีบปิดประตูและวิ่งแจ้นลงมาโดยไว  คนคนนั้นแต่งกายด้วยเสื้อเชิ๊ตแขนยาวและกางเกงขายาวดูเป็นทางการ เหมือนกับพวกอาจารย์ ใบหน้านั้นผมมองเห็นไม่ชัดเพราะเห็นแค่ด้านข้าง แต่ก็เห็นว่าคนคนนั้นสวมแว่นกรอบสี่เหลี่ยมอยู่ด้วย ดูเหมือนพวกคุณหมอเลยล่ะ

"มารยาทแย่มากเลยนะ" ผมที่เดินอย่างรวดเร็วผ่านชั้นหนังสือ แต่ก็ต้องหยุดชะงักเพราะถูกดักทางอยู่

เอ๊ะ เดี๋ยวนะ นี่คุณมาอยู่ตรงนี้ได้ยังไงกัน เมื่อกี้ผมยังเห็นอยู่ข้างบนอยู่เลย...

ผมมองผู้ชายใส่แว่นที่ยืนอยู่ตรงหน้า มือข้างหนึ่งของเขาถือหนังสือที่ดูเก่าๆ เอาไว้ ทำหน้าเคร่งขรึมเหมือนไม่พอใจผม

"อาจารย์คะ ก็ว่าทำไมวันนี้ไม่เห็นเลย หนูมีเรื่องอยากปรึกษาค่ะ" ผมทำหน้าประหลาดใจผสมโล่งอก เมื่อมีคนเดินเข้ามาทักผู้ชายใส่แว่นตรงหน้าผม นั่นทำให้สรุปได้ว่า คนคนนี้ไม่มีอะไรแปลกๆ

"เอาไว้วันหลังนะ วันนี้ฉันมีธุระ" ผมมองดูนักศึกษาสาวที่ทำแก้มป่องแต่ก็ยอมเดินจากไปแต่โดยดี

"เอ่อ ขอโทษครับอาจารย์ผมไม่รู้ว่าเป็นห้องของอาจารย์จริงๆ นะครับ" ผมเดินเข้าไปใกล้อาจารย์มากขึ้น และก็ต้องพบว่า อาจารย์เป็นคนที่หน้าตาดีมาก แต่ก็ดูเคร่งขรึมตลอดเวลา

"ฉันเป็นคนดูแลที่นี่ ถ้าเธอสนใจก็แวะมาได้ทุกเมื่อ ตลอดเวลา" อาจารย์พูดพลางขยับแว่นตาบนจมูกของตัวเอง และเดินหันหลังไปจากผม

แค่ได้คุยเพียงผิวเผิน แต่ผมก็รู้สึกว่าอาจารย์ดูลึกลับแต่ก็ใจดี ผมมองตามหลังของอาจารย์ และมองนาฬิกาข้อมือเก่าๆ ของผม ตายล่ะ วันนี้ผมต้องไปทำงานที่ไนท์คลับนี่นา

ผมมองไปตามชั้นหนังสือแต่ก็หาเพื่อนของผมไม่เจอ สงสัยเจจะกลับไปแล้ว ผมจึงตัดสินใจออกมาจากห้องสมุด ซึ่งทางเข้าและทางออกนั้นมันต้องผ่านสวนที่มีต้นไม้สูง และช่างน่ากลัวจริงๆ ในเวลากลางคืน ผมจึงยืนรอคนที่กำลังจะเดินออกไป และเดินตามหลังคนอื่นไปด้วยแบบเนียนๆ

เมื่อออกมาแล้ว ผมรีบไปที่หน้ามหา'ลัยทันที โบกรถสองแถวและวิ่งต่ออีกนิดเพื่อกลับไปที่ห้องของผม เปลี่ยนเสื้อผ้า ช่วยคุณยายปิดร้าน และเตรียมตัวเพื่อออกมาทำงานพาทไทม์ในเวลาสามทุ่มถึงตีสอง

ความเป็นจริงนั้นผมไม่อยากทำงานกลางคืนเลย ผมทั้งกลัวและเหนื่อยใจมาก แต่ผมก็ไม่เคยมีทางเลือกเลยสักนิด ผมจำเป็นต้องใช้เงิน ไม่อย่างนั้นผมก็คงไม่สามารถใช้ชีวิตและเรียนต่อไปได้

"ไวท์ มานี่เร็วๆ วันนี้ช่วยเสิร์ฟอาหารหน่อยนะ พอดีคนไม่พอ" พี่เจ้าของร้านลากคอผมไปทันทีที่เห็นผม ปกติแล้วผมนั้นเป็นแค่เด็กในครัว ที่คอยล้างจานและทำอาหารเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น แต่วันนี้ผมก็เหมือนจะซวยอีกรอบซะแล้ว ผมไม่ถนัดงานที่ต้องพบปะผู้คนเลย

แต่ผมก็คิดอีกแง่หนึ่ง ในคลับตอนกลางคืนที่มีคนเยอะมากมายขนาดนี้ คงไม่น่ากลัวหรอกใช่ไหม มีคนเยอะแยะอยู่ที่นี่และผมน่าจะปลอดภัย

ผมคิดและพยักหน้าตอบรับเจ้าของร้าน ผมไม่กล้าปฏิเสธหรอก ผมกลัวตกงาน ที่นี่เป็นไนท์คลับที่อยู่ห่างจากมหาวิทยาลัยของผมเล็กน้อย ผมกังวลแค่ว่า จะมีคนจำผมได้ไหม

ผมเปลี่ยนยูนิฟอร์มเป็นเสื้อสีขาวแขนยาวและมีโบว์เล็กๆอยู่บนคอเสื้อ ผมมือเย็นเฉียบอย่างหวาดวิตก ผมต้องทำได้ อย่ากลัว ผมบอกตัวเองเบาๆ และเดินออกไปด้านนอกเพื่อดูแลลูกค้า

ด้านในนี้มันช่าง เป็นโลกที่แตกต่างกับที่ผมดำเนินชีวิตโดยสิ้นเชิง ผมมองไปรอบๆ มองสาวๆ ที่กำลังเต้นยักย้ายส่ายเอวไปมา มองหนุ่มๆ ที่กำลังดื่มเหล้าและจ้องมองอาหารตาตรงหน้า ซึ่งในบรรดาผู้คนมากมายนั้น ผมก็สังเกตได้ว่า มีผู้ชายหลายคนที่กำลังมองไปยังผู้ชายด้วยกันเอง และมีหลายคนที่กำลังจ้องมองผมอยู่ด้วย นี่มันน่ากลัวจัง

ผมไม่เคยเข้าใจคนพวกนั้นเลยว่าทำไมผู้ชายเหมือนกันถึงสนใจกันเอง แต่ความรักก็เป็นสิ่งสวยงาม ดังนั้นผมก็คิดว่ามันก็คงไม่ผิดอะไร ผมซึ่งไม่เคยแม้แต่จะมีเพื่อน ความรักจึงแทบจะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้สำหรับผม

"น้องครับ" ผมรีบเดินไปทันทีที่ถูกเรียก และก็ต้องพบว่าทั้งโต๊ะมีแต่ผู้ชายทั้งกลุ่มและดูน่าจะเป็นวัยทำงาน

"พี่ขอเบียร์ 3 ขวด น้ำแข็งโซดา" ผมที่ได้ฟังนั้นก็ก้มลงจุดขยุกขยิกในกระดาษ

"พี่ไม่เคยเห็นน้องเลย มาใหม่เหรอ" ผู้ชายที่แต่งตัวดูดีผมตั้งๆ ถามผมด้วยรอยยิ้ม

"เอ่อ เดี๋ยวผมไปเอาของที่สั่งมาให้นะครับ รอสักครู่" ผมเลี่ยงที่จะพูดมากนัก และก้มตัวอย่างนอบน้อม

"ไอ้เด็กเมื่อกี้โคตรเด็ดเลยว่ะ หิ้วกลับดีไหม"

"ใจเย็นๆ เดี๋ยวขอเบอร์ดิ"

ผมเดินออกมาจากตรงนั้นและยังคงได้ยินสิ่งที่พวกลูกค้าพูด ผมไม่ค่อยเข้าใจเรื่องแบบนี้มากนัก แต่ผมก็คิดว่าผมไม่อยากจะถูกผู้ชายจีบเท่าไหร่ แต่ถ้าเป็นเพื่อนกันผมนั้นจะยินดีและดีใจมากจริงๆ

"อื้ออ ขอโทษ~ค่ะ พอดีกี้เมามากไปหน่อย" ผมตกใจทันทีที่อยู่ๆ ก็ถูกผู้หญิงคนหนึ่งล้มใส่ผม และกอดคอผมไว้แน่น

"เอ่อ ผมไปส่งที่นั่งให้นะครับ" ผมบอกเธอและพยายามแกะแขนออก เพราะผมกลัวว่าคนจะมองเธอไม่ดี เพราะผมนั้นเป็นผู้ชาย

"แหม่ ขายดีนะไอ้น้อง ออกมาจากครัวน่ะดีแล้ว" พี่เจ้าของร้านเดินผ่านมาและแซวผมทันทีที่เห็นผลงาน

ผมคิดว่าอาจเป็นเพราะคนพวกนี้ไม่ได้รู้จักผมจริงๆ พอเห็นหน้าตาของผมก็เลยหลงไปกับมัน ซึ่งจริงๆ ผมก็ดีใจนะ แต่ผมก็รู้ว่าสักวัน เมื่อคนพวกนี้รู้ว่าผมต้องพบเจอกับอะไรบ้าง พวกเขาก็จะค่อยๆ หายไปจากชีวิตของผม เพราะคิดว่าผมนั้นเป็นบ้าหรือสติไม่ดี

ผมเดินไปส่งสาวสวยคนนั้นที่โต๊ะและไม่วายถูกกอดอีกยกใหญ่จากสาวๆ ในกลุ่ม ผมรีบบอกขอโทษและหนีออกมาจัดการออเดอร์ของลูกค้าอีกหลายๆ โต๊ะที่เริ่มไม่พอใจที่ต้องรอนาน วันนี้มันช่างเป็นวันที่แสนวุ่นวายจริงๆ

"ไวท์ เดี๋ยวขึ้นไปยกเก้าอี้มาเสริมหน่อย" พี่ที่เป็นพนักงานอีกคนร้องบอกผม

"อยู่ตรงไหนเหรอครับ"

"เห็นชั้นลอยด้านบนนั้นไหม อยู่แถวนั้นแหละ" ผมเหลือบตาขึ้นไปมองด้านบนตามที่พี่คนนี้บอก

ผมเริ่มหัวใจเต้นรัวอย่างบอกไม่ถูก เพราะตอนนี้ชั้นบนนั้นกำลังปิดปรับปรุงอยู่ และมันมืดมากๆ

"เอ่อ พี่ครับ" ผมยืนอ้ำอึ้งอยู่กับที่ ผมไม่กล้าพูดออกไปเลยว่าผมนั้นกลัวที่จะต้องขึ้นไปบนนั้น

"ยืนทำอะไรล่ะ ลูกค้ารออยู่นะ" ผมกลืนน้ำลายลงคอ และตัดสินใจเดินไปยังบันไดวนเพื่อขึ้นไปบนชั้นลอยนั้น ผมตัวสั่นน้อยๆ ทุกย่างก้าวที่เดินไป

ได้โปรดเถอะ ขอให้ไม่มีอะไรบนนั้นด้วยเถอะ ผมขอเถอะนะ

ผมยกมือขึ้นเหนือหัว ภาวนาต่ออะไรก็ตามที่จะเมตตาผมสักนิด ผมกลัว ผมไม่อยากเจออะไรอีกแล้ว

ผมเริ่มเดินต่อไป สายตามองเท้าตัวเองด้วยกลัวว่าจะสะดุดตกลงมา และกลัวสิ่งที่จะเห็นตรงหน้า ผมขึ้น และขึ้นไปต่อ ก็แค่แปบเดียว รีบหา รีบยกรีบลงมา มันก็เท่านั้น...

ผมคิดแบบนั้นด้วยใจที่กล้าหาญ แต่...เมื่อผมเดินขึ้นไปจนถึงจุดหมายแล้ว ผมก็ต้องขมวดคิ้วอย่างมึนงง ผมมองไปรอบๆ ชั้นลอยที่ถูกเปิดไฟไว้ และโซฟาต่างๆ ก็ถูกจัดเรียงไว้อย่างดีเหมือนกับไม่ได้ปิดปรับปรุง หรือว่าผมจะจำวันผิดกันนะ ด้านบนนี้ปรับปรุงเสร็จแล้วงั้นเหรอ

ผมค่อยๆ เดินช้าๆ เข้าไปด้านใน และก็ต้องสะดุ้งสุดตัวทันทีที่ยู่ๆ ก็มีคนเดินเข้ามานั่งที่โซฟาตรงหน้าผม

ถ้าหากคิดว่าผมเป็นคนที่หน้าตาดีที่สุดแล้วก็คงผิดถนัด คนตรงหน้า ทำให้ผมได้รู้ว่า ผมก็เป็นแค่เพียงคนที่หน้าตาธรรมดาทั่วไปต่างหาก ผมยืนอยู่ตรงนั้น ได้แต่นิ่งอึ้งมองดูคนที่นั่งอยู่ ในที่ที่มีเพียงแสงสว่างรำไรนี้ ไม่ได้ทำให้เขาดูหมองลงได้เลย ผิวกายและใบหน้าขาวตัดกับชุดสีดำทั้งชุด ยิ่งทำให้เขาดูเด่นจนแทบจะเปร่งแสงได้

ผมขมวดคิ้วน้อยๆ มองคนตรงหน้าที่นั่งอยู่อย่างโดดเดี่ยวพลางรินของเหลวสีอำพันลงในแก้ว เอ่อ แล้วใครเป็นคนเอามาเสิร์ฟกันนะ เพราะวันนี้ข้างล่างก็ยุ่งมากๆ แล้วทำไมถึงปล่อยให้แขกนั่งคนเดียวข้างบนแบบนี้กัน

ผมยังคงยืนจ้องมองคนคนนั้นอยู่เงียบๆ ราวกับถูกสะกดเอาไว้ ซึ่งคนคนนั้นก็ดูเหมือนจะไม่ได้สังเกตมองผมเลยสักนิด

ผมคิดว่าแบบนี้ไม่ดีแน่ ผมควรจะเข้าไปถามลูกค้า เผื่อว่าเขาจะต้องการอะไรเพิ่ม

พรึ่บ พรึ่บ

แต่เมื่อผมที่กำลังก้าวเข้าไปก็ต้องหยุดชะงักอีกครั้ง ผมมองดูแสงไฟบนผนังที่กำลังกระพริบ และก็กลับมาสว่างเหมือนเก่า มันอะไรกันนะ หลอดไฟจะเสียงั้นเหรอ แต่เมื่อผมละสายตาจากหลอดไฟมามองคนตรงหน้าอีกครั้ง ผมก็ต้องตัวชาเหมือนกับถูกไฟช็อต

จากตอนแรกที่มีเพียงผู้ชายชุดดำนั่งอยู่ ตอนนี้ ข้างๆ คนคนนั้นกลับมีผู้ชายอีกคนหนึ่งยืนอยู่ และกำลังมองมาที่ผมด้วยแววตาสีแดงที่น่ากลัว

ผมรู้ได้ในทันทีด้วยประสบการณ์ของผม ถึงจะตัวสั่นเล็กน้อย แต่ผมก็ยังพยายามต่อสู้กับความกลัวของตัวเอง

"ออก ป.ไปนะ" ผมพูดตะกุกตะกักและพยายามเดินเข้าไปใกล้อีกนิด ผมไม่สามารถปล่อยให้ผู้คนอยู่ในอันตรายได้ ถึงแม้ผมจะกลัวมากๆ ก็ตาม

และทันทีที่ผมพูดออกไป ชายหนุ่มที่นั่งอยู่นั้นก็หันหน้ามามองผมอย่างรวดเร็ว ด้วยสีหน้าและแววตาที่เหมือนกับกำลังประหลาดใจ

ผมมองคนคนนั้นที่เหมือนกำลังพูดอะไรออกมาแต่ผมก็ไม่ได้ยินมัน แต่ไม่นาน ผู้ชายที่มีดวงตาสีแดงนั้นก็หายไป

"คุณ เป็นอะไรหรือเปล่าครับ" ผมที่เห็นผีร้ายหายไปแล้ว จึงเดินไปหาผู้ชายคนที่นั่งอยู่ และมองไปรอบๆ อีกครั้งด้วยความหวาดระแวง

ผู้ชายตรงหน้าผมกำลังจ้องมองผมด้วยคิ้วที่ขมวดมุ่น และอยู่ดีๆ ก็ยกยิ้มมุมปากพอใจ

"นายเห็นอะไรงั้นเหรอ" ผู้ชายคนนั้นทำให้ผมรู้สึกโล่งใจ ผิดคาดเลยล่ะ ผมคิดว่าจะเป็นคนเงียบๆ และไม่ยอมพูดซะอีก

"คือว่า..." ผมรู้สึกลังเลไม่กล้าพูดออกไปตรงๆ ว่ามันคืออะไร ผมกลัวว่าผมจะถูกต่อว่า และถูกทำร้ายเหมือนที่ผ่านๆ มา

"เมื่อกี้...มีวิญญาณ อยู่ข้างๆ คุณครับ" ผมพูดและหลบสายตาเตรียมพร้อมที่จะถูกต่อว่า

"นายมองเห็นวิญญาณงั้นเหรอ ขอบคุณนะ ฉันก็รู้สึกว่าเหมือนถูกอะไรสักอย่างตามอยู่เหมือนกัน" ผมหันกลับมาจ้องมองคนตรงหน้าและยิ้มออกมาอย่างดีใจ นี่เป็นครั้งแรก ที่ผมเตือนเรื่องแบบนี้ออกไปแล้วผมไม่ถูกด่าหรือถูกหาว่าบ้า

"ฉันชื่อซิน แล้วนายล่ะ ชื่ออะไร" คนตรงหน้ายิ้มและถามชื่อผม

"ผมชื่อไวท์ครับ" ผมยิ้มกว้างอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน

ผมว่า ผมอาจจะได้พบคน ที่ทำให้โลกของผมเปลี่ยนไปแล้วก็ได้...

หัวข้อ: Re: In The Shadows ' เงาหลอน ซ่อนรัก ' [YAOI][#2 ชายหนุ่มในชุดสีดำ](21/1/18/)
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 21-01-2018 15:38:40
ซิน นี่คนหรือผีอ่ะ

รอตอนต่อไปจ้า :L2: :z13:
หัวข้อ: Re: In The Shadows ' เงาหลอน ซ่อนรัก ' [YAOI][#2 ชายหนุ่มในชุดสีดำ](21/1/18/)
เริ่มหัวข้อโดย: Kei ที่ 21-01-2018 17:12:40
ซินจะมาดีมาร้ายนะ
หัวข้อ: Re: In The Shadows ' เงาหลอน ซ่อนรัก ' [YAOI][#2 ชายหนุ่มในชุดสีดำ](21/1/18/)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 22-01-2018 01:32:05
ทำไมคิดว่าทั้งซินและอีกคนเป็นผีหว่า  :confuse:
หัวข้อ: Re: In The Shadows ' เงาหลอน ซ่อนรัก ' [YAOI][#2 ชายหนุ่มในชุดสีดำ](21/1/18/)
เริ่มหัวข้อโดย: cocoaharry ที่ 22-01-2018 23:36:24
อ่านแล้วก็ลุ้นตามว่าที่คุยอยู่นี่คนหรือผี
หัวข้อ: Re: In The Shadows ' เงาหลอน ซ่อนรัก ' [YAOI][#2 ชายหนุ่มในชุดสีดำ](21/1/18/)
เริ่มหัวข้อโดย: Gloomy Sunday ที่ 24-01-2018 14:30:43
Shadows ที่ 3 สิ่งที่ต้องเผชิญ


ผมยังคงอยู่บนชั้นลอยด้านบน คนที่อยู่ตรงหน้าผมนั้นเป็นมิตรต่างกับสีหน้าและท่าทางมาก ผมไม่เคยเจอคนแบบนี้มาก่อน

"นายมานั่งดื่มเป็นเพื่อนหน่อยสิ" ชายหนุ่มตรงหน้าผมนั่งพิงพนักแบบสบายๆ และชวนผมให้นั่งลงด้วยกัน

"เอ่อ ไม่ได้หรอกครับ ผมต้องทำงาน อีกอย่างผมดื่มไม่เป็น"

"ก็แค่ดื่ม มาเถอะ สนุกนะ" ผมทำหน้าลำบากใจเล็กน้อยเมื่อถูกชวน

"ไม่ได้จริงๆ ครับ ขอโทษนะ" ผมก้มหัวลงขอโทษคนตรงหน้าอย่างรู้สึกผิด เขาจะโกรธผมไหมนะ ผมแคร์ทุกคนที่ดีกับผมเสมอ

"งั้นหรอ ไม่เป็นไร"

"คือ แล้วคุณ เอ่อ..."

"ซิน" คนตรงหน้าพูดและวางแก้วลง ผมยิ้มดีใจที่ดูแล้วเขาอยากจะให้ผมเรียกชื่อ เหมือนพวกเราสนิทกันเลย

"คือ ซินขึ้นมาบนนี้ได้ยังไงเหรอ ลงไปนั่งข้างล่างดีกว่าไหม คือบนนี้ผมกลัวว่าซินจะสั่งอะไรไม่ค่อยสะดวกน่ะ" ผมยังคงงงจริงๆ ว่าบนนี้มันเปิดแล้วงั้นเหรอ

"ไม่เป็นไร ฉันไม่ชอบคนเยอะๆ นายไปทำงานเถอะ" ซินพูดและยกแก้วขึ้นดื่มอีก

"งั้น มีอะไรก็เรียกผมได้เลยนะ ผมจะคอยขึ้นมาหา"

"อืม แล้วเจอกันนะ" ผมยิ้มให้ซิน ยกเก้าอี้ที่ตั้งใจมาเอาและเดินลงบันไดไป

เป็นคนที่สุดยอดไปเลยนะ ดูดีจนผมเผลอใจสั่นเลยล่ะ ถ้าได้เป็นเพื่อนกันผมคงจะดีใจมาก และซินก็ดูเป็นมิตรมากจริงๆ

ผมยิ้มและเดินต่อไปหาเพื่อนร่วมงานที่กำลังยืนรออยู่

"ขึ้นไปแค่นี้ไปซะนานเชียว"

"ขอโทษครับ พอดีคุยกับลูกค้าอยู่"

"หะ ข้างบนนั่นอ่านะ มันปิดอยู่นี่ ผีหลอกหรือไง"

"ไม่นะครับ มีคนอยู่ข้างบนนั้นจริงๆ" ผมพูดด้วยความมั่นใจ เพราะซินไม่ใช่ผีแน่ๆ ผมไม่เคยคุยกับผีมาก่อน พวกนั้นน่ะ ไม่คุยกับผมหรอก มีแต่จะหลอกให้ผมกลัว

"เหอะ มาดูนี่" ผมถูกเพื่อนร่วมงานดึงมือให้เดินตามไปอย่างรวดเร็ว

พวกเราเดินผ่านผู้คน และเดินขึ้นบันไดวนเพื่อขึ้นไปบนชั้นลอยนั้นอีกครั้ง

"อย่าหัดเป็นคนขี้โกหก" ผมเดินตามมาเงียบๆ และฟังเสียงบ่นปนด่าของเพื่อนร่วมงานมาตลอดทาง ชีวิตของผมนั้นได้ฟังอะไรแบบนี้มาบ่อย ผมชินแล้วล่ะ

ผมหลับตาภาวนา ขอให้ซินยังอยู่ด้วยเถอะ ขอให้นายเป็นคนด้วยเถอะนะ

และทันทีที่พวกเราขึ้นมาถึงชั้นลอยนั้น ผมค่อยๆ ลืมตาขึ้นช้าๆ ด้วยหัวใจที่เต้นรัว ได้โปรดเถอะ ผมไม่อยากถูกต่อว่าอีกแล้ว

"อ้าว พอดีเลย ขอเหล้าเพิ่มหน่อย" ผมมองคนตรงหน้า ชายหนุ่มที่กำลังยกแก้วขึ้นเหนือศรีษะ ชายหนุ่มชุดดำที่ดูหล่อเหลาราวกับภาพวาด

ผมฉีกยิ้มกว้างออกมาทันที และมองเพื่อนร่วมงานที่ยืนอยู่ข้างๆ ผมด้วยสีหน้าที่งุนงงเป็นที่สุด

"เดี๋ยวนะ คุณขึ้นมาได้ยังไงกัน ตอนนี้ข้างบนนี่ปิดปรับปรุงอยู่นะ" ผมมองเพื่อนร่วมงานของผมที่เดินเข้าไปหาซิน และทำท่าทางไม่พอใจ "ไม่มีทาง เมื่อวานยัง..." เพื่อนร่วมงานของผมยังคงทำหน้าไม่อยากจะเชื่อ

"ไม่รู้นะ แต่ฉันถูกเชิญมาที่นี่ ลองไปถามเจ้าของร้านดูสิ" ซินพูด และยักคิ้วให้ผมด้วยแววตาขี้เล่น

ผมมองเพื่อนร่วมงานของผมที่ฟึดฟัด และเดินปึงปังลงไปชั้นล่าง สงสัยคงจะหัวเสียมาก ที่ไม่มีเรื่องให้ต้องต่อว่าผม เพราะทุกคนมีแต่อยากจะไล่ผมไปจากที่นี่ ไม่มีใครอยากจะอยู่ใกล้ๆ ผมเลย

"นาย เลิกงานกี่โมง" ผมที่มัวแต่ใจลอย พอรู้สึกตัวอีกทีก็พบว่าซินมายืนอยู่ตรงหน้าผมแล้ว เดี๋ยวนะ มาเมื่อไหร่เนี่ย

ผมมองคนตรงหน้าที่ตัวสูงซะเหลือเกิน สูงกว่าผมเป็นคืบเลยล่ะ แล้วก็ตัวหนากว่าผมเยอะ

"ตี 2 ครับ" ซินแค่ยิ้มและเดินวนรอบๆ ตัวผม ทำให้ผมต้องหันตัวตามซินอย่างงงๆ

และอยู่ๆ ผมก็ต้องตัวแข็งทื่อทันทีที่ซินยื่นหน้ามาใกล้ผม และทำท่าดมสูดกลิ่นของผมใกล้ๆ นี่มัน ปกติใช่ไหมนะ

"คือว่า ผมอาบน้ำแล้วนะ" ผมยกแขนขึ้นดมตัวเอง และทำให้ซินหัวเราะออกมาซะยกใหญ่

"ฮ่าๆ อยากได้จริงๆ"

"อ..อยากได้" ผมยิ้มออกมาแบบงงๆ หมายถึงอะไรของเขากันนะ แต่ว่า คงเป็นเรื่องดีใช่ไหม

จนเมื่อเวลาผ่านไป ตอนนี้ผมนั้นเลิกงานแล้ว และซินก็บอกผมว่าจะเดินไปส่ง ซึ่งผมก็ปฏิเสธแน่นอนอยู่แล้ว เกรงใจจะตายชัก แต่ซินก็ยังคงดื้อและเดินตามผมมาเงียบๆ ผมตื่นเต้นมาก ผมไม่เคยเดินกับใครแบบนี้เลย แล้วแบบว่า ซินนั้นหล่อมากๆ ผมแทบกลั้นหายใจเวลาคุยเลยล่ะ

"คือซินเรียนที่ไหนเหรอ" ผมถามคนข้างๆ ที่ไม่ทำอะไรเลยนอกจากเดินจ้องมองผมเหมือนอยากจะกินผมเข้าไป

"เรียนเหรอ เรียนทำไม" ผมขมวดคิ้วงงๆ กับคำตอบนั้น

"แปลว่าไม่ได้เรียนแล้วเหรอ" ผมหยุดเดิน และมองซินด้วยความมึนงง ดูๆ แล้วซินน่าจะอายุใกล้เคียงผมนี่นา

"อ๋อ เรียนสิเรียน" แต่อยู่ดีๆ ซินก็เหมือนจะเข้าใจ ซินพูดออกมาและยิ้มให้ผม จริงๆ มันก็ดีนะที่ซินยิ้มแย้มเสมอ แต่ผมก็แอบคิดอีกว่า มันเป็นรอยยิ้มที่น่ากลัวแปลกๆ ยังไงก็ไม่รู้สิ

"แล้ว ซินเรียนที่ไหนเหรอ" ผมถามด้วยความอยากรู้จริงๆ

"เดี๋ยวก็รู้เอง" ผมขมวดคิ้วอีกครั้ง สงสัยคงไม่อยากบอกละมั้ง แต่ไม่เป็นไร แค่นี้ก็ดีแล้วล่ะ

"งั้น เดี๋ยวเราแยกกันตรงนี้นะ ผมต้องขึ้นรถตรงนี้ ขอบคุณที่เดินมาเป็นเพื่อนนะครับ"

"อืม แล้วเจอกัน" ซินพูดและยิ้มให้ผมด้วยรอยยิ้มเย็นๆ

"ครับ" ผมยิ้มตอบและขึ้นรถแท็กซี่ที่เรียกเอาไว้

แม้จะอยู่บนรถแล้ว แต่ผมก็ยังหันกลับไปและมองออกไปนอกกระจก ซินยังคงยืนอยู่ที่เดิม ยืนนิ่งจ้องมองผม แม้รถจะห่างออกไปมากแล้ว เขาก็ยังคงอยู่ที่เดิม

พวกเราจะได้เจอกันอีกไหมนะ ผมดีใจมากๆ ที่ได้คุยกับคนอื่นแบบนี้ ผมจะได้มีเพื่อนสักที ขอให้พวกเราได้เจอกันอีกด้วยเถอะ ผมยิ้มและภาวนาในใจ

เมื่อรถแล่นมาสักพัก ในที่สุดผมก็กลับถึงบ้านสักที ผมจ่ายเงินและลงจากรถแท็กซี่ ตอนนี้ที่หน้าบ้านของผมเงียบสงัดแทบจะไม่มีรถหรือคนเดินผ่าน ผมนั้นเลิกงานดึกมากๆ และไม่มีรถเป็นของตัวเองจึงต้องขึ้นรถแท็กซี่แบบนี้ล่ะ ถึงจะเปลืองเงินแต่ก็ไม่มีทางเลือก

ผมเดินขึ้นบันไดข้างร้านของคุณยายเพื่อขึ้นไปยังห้องนอนของผมที่ชั้นบน เหนื่อยจังเลยนะ วันนี้ต้องรีบอาบน้ำ และเข้านอนไวๆ

ผมคิดและเดินขึ้นบันไดมาช้าๆ แต่เมื่อผมเดินขึ้นมาจนถึงหน้าประตูห้อง ภาพที่ผมเห็น ก็ทำให้ผมต้องชะงัก

นี่มัน...เกิดอะไรขึ้นกัน

ผมตัวสั่น และก้าวถอยหลังอย่างรวดเร็วพิงผนังหน้าห้อง เข่าอ่อนนั่งลงกับพื้น มองดูประตูห้องนอนของตัวเองตรงหน้า

รอยขูดขีดเป็นแนวยาวหลายรอยปรากฎอยู่บนบานประตู แต่ละรอยชัดเจนว่าถูกกรีดหรือฟันด้วยของมีคมจนนับไม่ถ้วน และไม่เพียงเท่านั้น หยาดของเหลวที่ถูกสาดกระจายเป็นแนวยาวซัดเจนด้วยกลิ่นคาวที่เป็นเอกลักษณ์ ผมรู้ได้ทันทีว่ามันคือสิ่งใด ถึงแม้ว่าตรงนี้จะมืดมาก แต่ของเหลวนั้น ก็เป็นสีแดงแน่นอน

 ผมไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น ผมนั้นไม่เคยสร้างความแค้นให้ใครจนถึงขั้นต้องโดนแบบนี้ ผมจ้องมองรอยกรีดตรงหน้า ทำไมถึงได้เป็นแบบนี้กันนะ และเมื่อได้มองดูที่บานประตูดีๆ แล้ว ผมรู้สึกเหมือนกับรอยพวกนี้ไม่ใช่รอยกรีดที่กรีดลงไปด้วยความไม่ตั้งใจ ผมเอียงคอมองดู รอยกรีดพวกนี้ มันเหมือนกับรูปหรือสัญลักษณ์อะไรสักอย่าง...

นี่ผม กำลังเผชิญกับอะไรกันแน่...
หัวข้อ: Re: In The Shadows ' เงาหลอน ซ่อนรัก ' [YAOI][#3 สิ่งที่ต้องเผชิญ](24/1/18/)
เริ่มหัวข้อโดย: KizzllKizz ที่ 24-01-2018 15:23:52
สรุปแล้วซินมาดีหรือมาร้ายกันแน่ หือ
หัวข้อ: Re: In The Shadows ' เงาหลอน ซ่อนรัก ' [YAOI][#3 สิ่งที่ต้องเผชิญ](24/1/18/)
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 24-01-2018 20:16:41
 :L2: :pig4: :pig4: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: In The Shadows ' เงาหลอน ซ่อนรัก ' [YAOI][#3 สิ่งที่ต้องเผชิญ](24/1/18/)
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 24-01-2018 20:24:36
อ่านแล้วรู้สึกระแวงและหลอนมาก กลัวแทนไวท์เลยเนี่ย
หัวข้อ: Re: In The Shadows ' เงาหลอน ซ่อนรัก ' [YAOI][#3 สิ่งที่ต้องเผชิญ](24/1/18/)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 25-01-2018 04:01:03
ซินด้วยน่ากลัวแฮะ หรือจะเป็นผีหว่า  :ling3:
หัวข้อ: Re: In The Shadows ' เงาหลอน ซ่อนรัก ' [YAOI][#3 สิ่งที่ต้องเผชิญ](24/1/18/)
เริ่มหัวข้อโดย: Gloomy Sunday ที่ 25-01-2018 11:53:48
Shadows ที่ 4 รอยที่ถูกตีตรา


ผมนอนคลุมโปงอยู่บนฟูกนอนของผม ตอนนี้นั้นเป็นเวลาเกือบเช้าแล้ว แต่ผมก็ยังคงนอนไม่หลับ ใครกันที่ทำแบบนี้ ผมไม่เคยทำอะไรให้ใครเลยจริงๆ ถึงคนส่วนมากจะเกลียดผม หรือกลัวผม แต่ก็ไม่เคยถึงขนาดต้องกลั่นแกล้งกันรุนแรงขนาดนี้

ผมทำความสะอาดประตูห้องผมอยู่หลายชั่วโมงก่อน มันคือเลือดจริงๆ ทั้งกลิ่นคาวและเลือดที่เริ่มกลายสภาพเป็นสีดำ มันทำให้ผมแทบอ้วกออกมา รอยขีดข่วนนั่นอีก ผมต้องใช้โปสเตอร์ขนาดใหญ่แปะทับเอาไว้ เพราะผมกลัวว่าเมื่อคุณยายบังเอิญขึ้นมา มันอาจจะทำให้คุณยายตกใจได้

ผมนอนตัวสั่นกอดตัวเองไว้ คนที่ทำนั้นน่าจะต้องการขู่ผมหรือทำร้ายผม ขณะที่ผมนอนอยู่นี้ อยู่ๆ อาจจะมีคนบุกเข้ามาและฆ่าผมก็ได้

ผมที่คิดแบบนั้นก็น้ำตาไหลออกมาอีกด้วยความเสียใจและความกลัว แล้วถ้ามันไม่ได้ทำร้ายแต่ผม แต่ทำร้ายคุณยายด้วยล่ะ ผมไม่มีทางเลือก ผมทิ้งที่นี่ไปไม่ได้ ผมทิ้งคุณยายไม่ได้

ผมนอนคิดมากอยู่ทั้งคืน และผลอยหลับไปด้วยความอ่อนเพลีย

รุ่งขึ้น ผมที่แทบจะไม่ได้นอน ก็ลงมาช่วยคุณยายเปิดร้านเหมือนทุกวัน และอาบน้ำแต่งตัวเพื่อไปเรียน

ผมมาถึงมหาวิทยาลัยในเวลาไม่นาน ผมเดินไปเรียนที่ห้องเรียนห้องเดิม โดยพยายามหลบสามคนนั้นที่จ้องจะแกล้งผม แต่รู้สึกว่าวันนี้พวกเขาจะไม่ได้สนใจผมเท่าไหร่นัก ผมก็เลยรอดตัวไป

ผมเลือกที่นั่งที่เก้าอี้เดิมๆ แถวบนและแทบจะไร้ผู้คน ผมมองไปรอบๆ เพื่อมองหาเจ ไม่รู้ว่าเมื่อวานเป็นยังไงบ้าง ผมอยากคุยกับเจเรื่องงานกลุ่ม และขอบคุณอีกครั้งเรื่องห้องสมุดที่เจพาผมไป ผมคิดว่าผมจะไปที่นั่นอีกในวันนี้ มันเป็นที่ที่ผมรู้สึกดีที่ได้เข้าไป

ผมไล่สายตาไปเรื่อยๆ และก็พบคนที่กำลังตามหา ผมยิ้มน้อยๆ และลุกขึ้นจากเก้าอี้ เดินเลาะลงไปอีกชั้นหนึ่งเพื่อไปนั่งข้างๆ เจที่นั่งอยู่คนเดียว

"สวัสดี เป็นไงบ้าง" ผมทักเจและนั่งลงข้างๆ แต่เจกลับก้มหน้าก้มตา และไม่พูดตอบผม

"เป็นอะไรหรือเปล่า" ผมมองเจที่ทำสีหน้าไม่สบายใจ

"ขอโทษนะไวท์ แต่ว่าเจมีกลุ่มใหม่แล้ว"

ผมรู้สึกตัวชาน้อยๆ จริงๆ ผมก็เคยคิดไว้อยู่แล้ว ว่าคนอย่างผมน่ะ จะมีเพื่อนได้ด้วยเหรอ นายคงถูกบังคับมาสินะ ผมคงทำอะไรไม่ได้ นอกจากปล่อยให้เพื่อนไป ถ้าเจยังอยู่กับผม เจก็คงจะโดนรังเกียจแบบผม

"งั้นเหรอ ไม่เป็นไรหรอก อย่าคิดมากเลย ผมเข้าใจ" ผมพยายามบังคับเสียงของตัวเองไม่ให้หวั่นไหว ผมชินแล้ว นี่ไม่ใช่ครั้งแรกซะหน่อยที่ผมถูกทิ้งไว้ข้างหลัง

"ขอโทษจริงๆ ไวท์" ผมยิ้มน้อยๆ และลุกขึ้นกลับมานั่งลงที่ที่นั่งของผมตามเดิม

ผมมองเจที่เดินหนีไปนั่งกับกลุ่มเพื่อนด้านหน้า แบบนี้แหละดีแล้ว ผมไม่อยากทำให้เจเดือดร้อนไปด้วย

แต่ผมที่คิดแบบนั้น น้ำตาผมก็ไหลออกมาช้าๆ ด้วยความเสียใจ

นานมาแล้วเมื่อครั้งที่ผมเข้าปีหนึ่งใหม่ๆ ผมนั้นมีผู้คนมากมายที่เข้ามาพูดคุยด้วย และผมเคยเป็นตัวแทนประกวดเดือนของคณะมนุษย์

แต่ในค่ำคืนของการประกวดนั้น ในขณะที่ผมยืนอยู่บนเวทีเพื่อเข้าร่วมการประกวด ผมมองขึ้นไปยังที่นั่งด้านบนของห้องโถงที่จัดงาน และเห็นผู้หญิงคนหนึ่งยืนอยู่บนนั้น ผู้หญิงที่มีใบหน้าสีดำ และลำตัวสีดำ แต่กลับมีดวงตาสีเหลืองที่แสนน่ากลัวกำลังมองมายังผม

ผมตกใจกลัวและพยายามหนีลงจากเวที ผู้คนมากมายต่างเข้ามาหาผมด้วยความเป็นห่วง แต่ผมก็กลัวจนลนลานเกินกว่าจะอยู่ตรงนั้นได้ สายตาของผู้คนเริ่มเปลี่ยนไป ทุกคนคิดว่าผมกำลังเรียกร้องความสนใจ คิดว่าผมเป็นพวกขี้โกหกสร้างเรื่อง ผมเริ่มถูกต่อต้านมาตั้งแต่ตอนนั้น

หลังจากนั้นผมก็ได้ใช้ชีวิตปกติธรรมดาและพยายามไม่สุงสิงกับใคร แต่วันหนึ่งที่ผมกำลังเดินอยู่ในมหา'ลัย ผมก็ได้พบกับผู้หญิงคนหนึ่ง เธอดูอิดโรยและเจ็บป่วย และเมื่อผมเพ่งมองดีๆ ก็พบว่า มีวิญญาณร้ายเกาะติดเธออยู่

ผมที่ไม่อาจปล่อยให้สิ่งเลวร้ายเหล่านั้นอยู่ใกล้พวกมนุษย์ได้ ก็เดินเข้าไปหาเธอ และบอกเธอว่าตัวเธอนั้นกำลังถูกคุกคามจากสิ่งชั่วร้าย

เธอกรีดร้องและร้องไห้อย่างหนักเมื่อได้ยินแบบนั้น ผู้คนรอบตัวผมเริ่มที่จะมองผม และเข้ามาต่อว่าผม หาว่าผมกำลังรังแกเธอ และไม่นานหลังจากนั้น เธอก็เสียชีวิตลง

ข่าวการเสียชีวิตของเธอทำให้ผู้คนในมหา'ลัยนั้นยิ่งเกลียดและกลัวผมมากขึ้น ผมเริ่มถูกกลั่นแกล้งและใช้ชีวิตลำบากเสมอมา จริงๆแล้วสมัยเด็กๆ ผมก็โดนแบบนี้เหมือนกัน ผมทำได้แค่ก้มหน้าต่อไป

ผมพยายามอย่างหนักที่จะไม่ยุ่งเรื่องของคนอื่น ผมเริ่มที่จะถอดแว่นตาและอยู่ในโลกที่แสนมืดมัวของผมต่อไป

ถ้าไม่เห็น ผมก็จะไม่ต้องกังวล ไม่ต้องทุกข์ใจ ผมทำผิดอะไรงั้นเหรอ ผมไม่รู้เลย และเลิกอยากรู้ไปแล้ว

"ฮือๆ น่าสงสารจัง น้องไวท์โดนเพื่อนทิ้งอีกแล้วว่ะ" ผมเช็ดน้ำตาและพยายามไม่สนใจแมนที่กำลังเดินเข้ามาและนั่งลงข้างๆ ผม พร้อมกับเพื่อนสองคนของเขา

"ไวท์ เต้ยพูดจริงๆ นะ ถ้ายอมมาหอเต้ยคืนนี้ เต้ยจะยอมเป็นเพื่อนด้วยนะ" เต้ยพูดและยื่นหน้าเข้ามาใกล้ผมจนผมต้องขยับตัวหนี

"มึงไม่กลัวมันบีบคอมึงหรือไงไอ้เต้ย มันยิ่งบ้าๆ บอๆ อยู่ เผืิ่อตอนมึงกำลังเอามัน มันเกิดคลั่งขึ้นมาทำไง ฮ่าๆๆ" ผมกำปากกาแน่น ผมเป็นผู้ชายนะ ทำไมคนพวกนี้ถึงพูดจาคุกคามผมโดยที่ไม่รู้สึกอะไรเลยสักนิด

"ผมเป็นผู้ชาย ผมไม่ได้ชอบผู้ชาย" ผมพูดและพยายามจะลุกหนีแต่ก็ถูกต้องที่นั่งอยู่ด้านหลังกดไหล่เอาไว้

"เป็นผู้ชายก็โดนได้ มึงไม่เคยได้ยินเหรอ โดนสักทีแล้วมึงจะชอบ เชื่อกู แต่กูไม่เอานะ กูชอบผู้หญิง ฮ่าๆ" ต้องพูดและผลักหัวผมเล่น

"กูก็ไม่ชอบมึงหรอก แต่เพื่อนกูชอบมึง สักวันมึงต้องโดนแน่ๆ เป็นเมียไอ้เต้ยแน่นอน ฮ่าๆ" ผมมองแมนที่กำลังหัวเราะชอบใจ และเหลือบมองไอ้เต้ยที่กำลังมองผมตาเยิ้ม ผมอยากออกไปจากตรงนี้ ผมอยากจะหายไป

"ไอ้สามตัวนั่นถ้าไม่เรียนก็ออกไป" ผมสะดุ้งและจ้องมองไปยังชั้นเรียนด้านหน้า ปกติแล้ววิชานี้ผู้สอนนั้นเป็นอาจารย์ผู้หญิง แต่วันนี้กลับไม่ใช่ และเดี๋ยวนะ คนคนนั้น...

ผมมองอาจารย์ที่ใส่เสื้อเชิ๊ตดูสบายๆ ใส่แว่นกรอบสีเหลี่ยม ถึงจะดูเป็นผู้ใหญ่ แต่อาจารย์ก็ยังคงดูดีสุดๆ ทำเอาพวกผู้หญิงในคลาสส่งเสียงซุบซิบกันอย่างตื่นเต้น

"ไม่ได้ยินหรือไง ใครที่ไม่อยากเรียนก็ออกไปซะ!" อาจารย์พูดเสียงดังขึ้นและจ้องมองสามคนรอบๆ ตัวผมเขม็ง

"แม่ง" ผมมองแมนที่สบถเบาๆ และเดินลงไปนั่งแถวกลางๆ ที่ประจำของเขาตามเดิม

ผมยิ้มน้อยๆ ให้อาจารย์ ขอบคุณนะครับ ผมเพิ่งรู้ว่าอาจารย์ก็ออกมาสอนที่ห้องเรียนด้วย นึกว่าจะเป็นอาจารย์ประจำห้องสมุดเฉยๆ

แต่ผมที่ยิ้มได้ไม่นานก็ต้องทำหน้าเศร้าลงอีก ผมมองเจที่กำลังเหลือบมองผม และหันกลับไปอย่างรวดเร็ว สักวันนึงเราคงจะได้เป็นเพื่อนกันอีกนะ

เมื่อจบคาบเรียน ผมก็รีบเก็บของและเดินลงไปหาอาจารย์อย่างรวดเร็ว ผมรู้สึกว่าภายใต้ใบหน้าที่ดูเคร่งขรึมของอาจารย์นั้น มีความใจดีซ่อนอยู่

"อาจารย์ครับ เมื่อกี้ขอบคุณนะครับ" ผมยืนดักหน้าอาจารย์และส่งยิ้มให้

"ถ้ายังอ่อนแอไม่มีคนคบ สักวันไอ้พวกนั้นมันคงได้ลากเธอไปกินแน่ๆ" ผมหน้าเจื่อนลงทันทีที่ได้ยินแบบนั้น

"ผมก็อยากมีสักคนจริงๆ ครับ" ผมถอนหายใจก้มหน้าลงพื้นแบบเศร้าๆ

"แวะไปที่ห้องสมุดสิ เผื่อจะเจอสักคน" อาจารย์พูดและทำท่าหันหลังจะเดินออกไป

"เอ่อ อาจารย์ ชื่ออะไรเหรอครับ" ผมถามด้วยความสงสัย เพราะเหมือนว่าผมยังไม่รู้อะไรเกี่ยวกับอาจารย์เลย

และทันทีที่ผมถามออกไป อาจารย์ก็เดินหันหลังกลับมาหาผมและ...

"โอ้ยย" ผมกุมหน้าผากตัวเองไว้เพราะถูกดีดเข้าเต็มๆ

"หัดตั้งใจเรียนซะมั่งนะ" อาจารย์พูดและเดินจากไปอย่างรวดเร็ว

ผมยืนอยู่ตรงนั้นถูหน้าผากแดงๆ ของตัวเองและตัดสินใจวิ่งตามอาจารย์ไป

แต่เมื่อผมวิ่งตามออกไปนั้น ผมก็พบว่าอาจารย์ไม่ได้อยู่แถวๆ นี่ซะแล้ว ไวชะมัด เหมือนตอนที่ห้องสมุดนั้นเลย

ผมตัดสินใจเดินไปตามทางเดินเล็กๆ ที่ทอดยาวไปที่ห้องสมุด เหมือนกับว่าแถวๆ นี้นั้นเป็นสวนซะมากกว่า มีม้านั่งเก่าๆ ต้นไม้สูงๆที่แสนร่มรื่น

ผมเดินไปเรื่อยๆ มองหมู่แมกไม้ริมสองฝั่งทางเดิน และตรงไปยังตึกห้องสมุดเก่าที่ผมนั้นได้มาเมื่อวานนี้ ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม แต่แตกต่างตรงที่ คนที่พาผมมานั้นไม่อยากเป็นเพื่อนกับผมอีกแล้ว

ผมเดินผ่านบันไดไม้และตรงไปยังห้องทำงานที่อยู่ลึกด้านใน ขึ้นบันไดไม้ต่ออีกชั้นและหยุดยืนอยู่หน้าประตู

ผมเอื้อมมือออกไปเพื่อที่จะเคาะประตู แต่เมื่อผมกำลังจะเคาะ ประตูก็กลับเปิดออกเองช้าๆ

แอ๊ดดดด~

ผมกลืนน้ำลายลงคอ น่ากลัวแฮะ

"เข้ามาสิ" ผมเหมือนกับเคยได้ยินคำนี้มาก่อน แต่คราวนี้ ผมไม่ได้ปฏิเสธคำเชิญชวนนั้น

ผมดันประตูและก้าวเข้าไปในห้องนั้น เมื่อเข้าไปแล้ว ผมมองไปรอบๆ ห้องทำงานที่ดูแปลกตา แต่ก็น่าสนใจ ที่นี่มีแต่ของที่ดูเก่าแก่และลึกลับน่าค้นหา เหมือนกับตัวของอาจารย์

"นั่งสิ" อาจารย์ทำมือให้ผมนั่งลงที่โซฟาสีแดงเลือดหมูตัวหนึ่ง ที่ตั้งอยู่ข้างๆ ชั้นหนังสือที่วางของแปลกๆ ไว้มากมาย

ผมค่อยๆ เดินมาช้าๆ และนั่งลงตามที่อาจารย์สั่ง

ผมมองอาจารย์ที่วางหนังสือที่ถืออยู่ในมือลงในชั้น และเดินมานั่งลงไขว่ห้างตรงข้ามผม สองมือประสานกันหลวมๆ

"เธอ ชื่อไวท์ใช่ไหม" ผมเลิกคิ้วทันทีอย่างแปลกใจ

"อาจารย์ รู้จักผมด้วยเหรอครับ" ผมยิ้มน้อยๆ อย่างดีใจ

"ที่มหา'ลัยนี้แทบไม่มีใครไม่รู้จักเธอ" ผมหุบยิ้มลงทันที อ๋อ แบบนี้นี่เอง

"อาจารย์ก็คงไม่เชื่อผมเหมือนกันใช่ไหม" ผมพูดอย่างเศร้าๆ

"เห็นฉันเป็นอย่างนั้นเหรอ" อาจารย์พูดและจิบชาอย่างสบายๆ เดี๋ยวนะ ชานั่นมาจากไหนกัน

ผมมองโต๊ะเล็กๆ ตรงหน้าที่มีกาน้ำชาและถ้วยชาเล็กๆ วางอยู่ พลางเหลือบมองอาจารย์ที่กำลังจ้องหน้าผมเหมือนกำลังสงสัยอะไรสักอย่าง

"แล้วตกลง อาจารย์ชื่ออะไรเหรอครับ" ผมถามด้วยความสงสัยจริงๆ และอาจารย์น่าจะบอกไปแล้วในคาบเรียน แต่ผมคงไม่ทันได้ฟัง

ผมมองอาจารย์ที่กำลังชี้นิ้วไปที่โต๊ะทำงานไม้ตัวใหญ่

"นาธัส"

ผมขมวดคิ้วและกลับมามองอาจารย์ที่ยังคงจ้องมองผมอยู่ ชื่อของอาจารย์นั้นแปลกมาก สงสัยเป็นคนต่างชาติละมั้ง

"แปลกใช่ไหมล่ะ" ผมสะดุ้งทันทีที่อาจารย์พูด นี่อาจารย์อ่านใจผมงั้นเหรอ

"ก็นิดหน่อยครับ" ผมมองอาจารย์ที่กำลังยกชาขึ้นจิบอีกแล้ว "เอ่อ ผม..." ผมยื่นแขนออกไป และส่งสายตาเชิงถามว่าผมก็ดื่มด้วยได้ใช่ไหม และอาจารย์ก็พยักหน้าน้อยๆ เป็นเชิงอนุญาต

ผมค่อยๆ ยื่นมือออกไปช้าๆ ที่กาน้ำชาตรงหน้า

หมับ!

ผมสะดุ้งสุดตัวทันทีที่อาจารย์คว้ามือผมเอาไว้และกำลังบีบจนแน่น

"ทำอะไรครับ ผมเจ็บนะ" ผมพูดและพยายามจะยื้อมือกลับมา ผมมองอาจารย์ที่กำลังขมวดคิ้ว และพลิกแขนผมไปมาด้วยความสนใจ

"เธอ ไปทำอะไรมา" ผมหัวใจสั่นไหว อาจารย์หมายถึงอะไรกัน

ผมมองตามสายตาของอาจารย์ และมองที่แขนของผมที่ถูกจับไว้

ผมตัวชา และสั่นน้อยๆ ทันทีที่มองสิ่งที่อยู่บนแขนของผม ความรู้สึกเจ็บปวดแล่นริ้วขึ้นมาทันทีที่เห็นมัน มันเป็นรอยช้ำสีม่วง เป็นรอยที่ผมไม่เข้าใจความหมายหรือที่มาของมัน แต่มันเป็นรอยที่ทำให้ผมหวาดกลัวสุดชีวิต

รอยที่เหมือนกับรอยเลือด บนประตูห้องนอนของผม
หัวข้อ: Re: In The Shadows ' เงาหลอน ซ่อนรัก ' [YAOI][#4 รอยที่ถูกตีตรา](25/1/18/)
เริ่มหัวข้อโดย: Kei ที่ 25-01-2018 13:25:25
อุตส่าดองไว้สองตอนจะอ่านเยอะๆ ไม่ผิดหวังคอดตื่นเต้นเลย แบบชอบแนวเน้.....

โอ๊ยเรื่องที่เกิดขึ้นจะเกี่ยวกับซินป่าวนะ :hao7:
หัวข้อ: Re: In The Shadows ' เงาหลอน ซ่อนรัก ' [YAOI][#4 รอยที่ถูกตีตรา](25/1/18/)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 26-01-2018 01:14:55
รอยอะไรหว่า ใครเป็นคนทำห๊า  :angry2:
หัวข้อ: Re: In The Shadows ' เงาหลอน ซ่อนรัก ' [YAOI][#4 รอยที่ถูกตีตรา](25/1/18/)
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 26-01-2018 07:52:43
 o22 o22 o22 o22 o22
หัวข้อ: Re: In The Shadows ' เงาหลอน ซ่อนรัก ' [YAOI][#4 รอยที่ถูกตีตรา](25/1/18/)
เริ่มหัวข้อโดย: Gloomy Sunday ที่ 26-01-2018 15:54:16
Shadows ที่ 5 เพื่อนกัน ตลอดไป


"มีอะไรอยากให้ฉันช่วยหรือเปล่า" ผมละสายตาจากรอยแผลขึ้นมามองอาจารย์ที่กำลังจ้องมองรอยนั้นอยู่

"คือ...ไม่มีอะไรครับ" ผมตัดสินใจว่า ผมไม่ควรพูดอะไรออกไป สิ่งที่ผมกำลังเผชิญ มีแต่จะทำให้อาจารย์เดือดร้อนไปด้วย

"งั้นเหรอ ก็แล้วแต่เธอนะ แต่ถ้ามีอะไร ก็เข้ามาหาฉันละกัน" อาจารย์ปล่อยมือผม และนั่งจิบชาด้วยท่าทีสบายๆ ตามเดิม

ผมนั่งอยู่บนรถสองแถวเพื่อไปทำงานที่ไนท์คลับเหมือนทุกวัน พลางพลิกแขนของผมเพื่อมองดูรอยปริศนานั้นอีกครั้ง ผมไม่เข้าใจเลย ผมนั้นมีประสบการณ์เจอผีมาตลอดทั้งชีวิต แต่อะไรแบบนี้ ผมเพิ่งเคยได้เจอเป็นครั้งแรก ผมควรจะทำยังไงดี ผมไม่รู้เลย

ผมเดินเหมือนผีตายซากเข้าไปที่หลังครัว เพื่อทำงานเหมือนทุกวัน วันนี้ผมคงไม่ต้องออกไปเสิร์ฟแล้วใช่ไหม ในเมื่อพนักงานก็มากันครบแล้ว

ผมยืนล้างจานด้วยความสับสน ผมมีเรื่องมากมายที่ต้องคิด ผมมีแต่ปัญหาอยู่ในหัวใจ ความสุขกับชีวิตของผม มันคงไปด้วยกันไม่ได้อย่างนั้นสินะ

"ผมขอไปเข้าห้องน้ำแปบนึงนะครับ" ผมบอกคุณป้าที่มีหน้าที่ดูแลทุกอย่างในครัวเหมือนกับผม ผมเช็ดมือและเดินออกไปที่ทางเดินด้านนอก ห้องน้ำของที่นี่นั้นไม่มีแยกของพนักงาน ผมจึงต้องเข้าห้องน้ำรวมกับลูกค้า

ผมเดินไปตามทางเดินเล็กๆ ที่ทอดไปสู่ห้องน้ำ ไฟสีเขียวที่ประดับอยู่เป็นจุดๆ ตามทางเดินนี่ทำเอาผมขนลุกชะมัด ถึงผมจะชอบสีเขียวก็เถอะ แต่เขียวแบบสลัวๆ แบบนี้มันดูอึมครึมเกินไป

และวันนี้ก็แปลก ผมเดินเข้าไปในห้องน้ำและก็พบว่าไม่มีใครอยู่เลยสักคน วันนี้ลูกค้าน้อยงั้นเหรอ

ผมเข้าไปทำธุระส่วนตัวในห้องน้ำ และเดินมาที่อ่างล้างหน้า ถอดแว่นออก เปิดน้ำ และวักน้ำเย็นๆ ลูบไล้ไปตามใบหน้าและคอของผม ไม่ว่าวันไหน ผมก็เหนื่อยล้าเหลือเกิน ผมจะต้องมีชีวิตแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหนกันนะ

ผมสวมแว่นพลางยืนมองเงาตัวเองอยู่ในกระจก ใบหน้าที่เศร้าหมองและเหนื่อยล้า...

ผมหรี่ตามองใบหน้าของตัวเองในกระจกอีกครั้ง และยกมือขึ้นทีละข้าง เงาสะท้อนของผมนั้นมันดูแปลกๆ ผมทำหน้าแบบนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่กัน

ผมเริ่มรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่ และคิดว่าผมควรจะรีบออกไปจากตรงนี้ เดี๋ยวนี้

ผมที่คิดแบบนั้นก็รีบเดินออกจากหน้าอ่างล้างหน้าไปยังประตูทางออกอย่างรวดเร็ว

"ฮ่ะๆ"

ผมหยุดชะงักทันทีที่ได้ยินเสียงแปลกๆ ดังมาจากข้างหลัง มันเป็นเสียงเหมือนกับเสียงหัวเราะ ผมตัวแข็งทื่อ ไม่จริงใช่ไหม ไม่เอานะ

ผมเริ่มหายใจเข้าออกแรงขึ้น ผมกำมือแน่นและค่อยๆ เดินต่อไปยังประตูทางออกจากห้องน้ำ ผมกลืนน้ำลายและเหลือบตามองไปข้างหน้าและข้างๆ แต่ผมจะไม่หันกลับไปแน่นอน

ปัง!!

ผมสะดุ้งสุดตัวทันทีที่ประตูห้องน้ำปิดลงเสียงดัง ไม่นะ! ไม่เอาแบบนี้!

ผมวิ่งไปเกาะประตู และทุบมันอย่างแรง

"ใครก็ได้!!! ช่วยด้วย!!!"

"ฮ่าๆๆๆ"

ผมรู้สึกว่าเสียงหัวเราะนั้นดังมากขึ้น และใกล้เข้ามาเรื่อยๆ

ผมได้แต่ตะเกียกตะกายอยู่ที่ประตู ไม่กล้าหันหลังไปมองตามเสียงนั้น

"อย่าทำแบบนี้ ต้องการอะไรกันแน่!!" ผมพูดออกไปอย่างโมโห ผมทั้งกลัวและโกรธสุดๆ ผมเจอแต่เรื่องแบบนี้ไม่หยุดไม่หย่น ให้ผมพักบ้างเถอะ ผมจะบ้าตายอยู่แล้ว

"ฮ่าๆๆๆ ฮ่าๆๆๆ"

ผมกุมหัวตัวเองและหลับตาแน่น เงียบสักที บอกให้เงียบสักที ผมพูดไปมาอยู่ในหัว มันเป็นเสียงหัวเราะของผู้ชาย และเสียงนี้ก็คุ้นมากเหลือเกิน มันเหมือนกับ...

ผมตัดสินใจและค่อยๆ หันหน้าไปช้าๆ ตามเสียงนั้น

ต้องไม่ใช่ เป็นไปไม่ได้ ผมพูดงึมงัมเบาๆ ด้วยความกลัว พลางค่อยๆ เพ่งมองไปข้างหน้า แต่ภาพที่ผมเห็นกลับว่างเปล่า

ผมทำใจกล้า ค่อยๆ เดินกลับเข้าไปในห้องน้ำ ยืนอยู่ตรงกลาง และมองไปตามห้องน้ำย่อยๆ แต่ละห้องที่เปิดประตูทิ้งไว้ แต่มันก็ไม่มีใครอยู่เช่นกัน

ผมถอนหายใจ และค่อยๆ ก้าวถอยหลังจากตรงกลางห้องน้ำ ถอยไปจนหลังพิงชิดติดอ่างน้ำ

"ต้องตาย"

ผมสะดุ้งอีกครั้งด้วยความตกใจ เสียงมันใกล้มาก และสะท้อนผนังไปมาจนเหมือนเสียงสะท้อน และเสียงนี้มันเหมือนกับว่า...

ผมค่อยๆ หันไปมองเงาสะท้อนในกระจกด้วยความหวาดระแวง และเมื่อจ้องมองดูดีๆ นั้น ก็ไม่เห็นมีอะไร มีแต่เงาที่สะท้อนตัวผมอยู่บนนั้น

ผมมองใบหน้าของผมในกระจก ใบหน้าที่กำลัง...

ผมชะงัก และค่อยๆ ก้าวถอยหลังจากกระจกทันที

"อ้ากกกกก" ผมร้องตะโกนและรีบวิ่งไปที่ประตูอีกครั้ง

"ฮ่าๆๆ"

"ช่วยด้วย!!!" ผมร้องไห้และตะโกนใส่ประตู ผมเหลือบไปมองที่กระจกอีกครั้ง ภาพในกระจกก็ยังคงเป็นเช่นเดิม มันเป็นเงาสะท้อนของตัวผมเอง แต่เงาของตัวผมนั้นกลับไม่ใช่ผม ถึงหน้าตาจะเหมือนผม แต่เงานั้นกลับกำลังหัวเราะชอบใจอย่างสนุกสนาน

"ใครก็ได้ ฮือ" ผมตะกุยตะกายอย่างอ่อนล้าและล้มลงกับพื้น ผมหลับตาแน่นขดตัวและร้องไห้อยู่อย่างนั้นอย่างสิ้นหวัง

มันเป็นแบบนี้ได้ยังไง ผมไม่เคยเจออะไรแบบนี้มาก่อน ผมไม่เคยคิดเลยว่าผีจะสามารถเลียนแบบพวกเราได้ด้วย มันทั้งน่ากลัวและทำให้สติของผมกระเจิดกระเจิง

ผมฟุบหน้าลงกับฝ่ามือ และนอนอยู่ตรงนั้น ผมกลัว ผมไม่อยากเจอแบบนี้อีกแล้ว ใครก็ได้ ช่วยผมที

"นาย" ผมได้ยินเสียงเรียกเบาๆ อยู่ใกล้ๆ ผม

"อ.อย่า ไปให้พ้น" ผมยังคงกอดตัวเองไว้แน่น และไม่กล้าเงยหน้าขึ้นไปมอง

"เป็นอะไรไป นี่ซินเอง" ผมที่ได้ยินแบบนั้นก็ค่อยๆ คลายตัวเองลง และเงยหน้ามองคนที่กำลังก้มตัวอยู่เหนือผม

"มีอะไรกัน!" ผมมองพี่เจ้าของร้านที่วิ่งหน้าตาตื่นเข้ามา และมีคนอีกมากมายกำลังลุมล้อมผมอยู่

"จะมีอะไรล่ะพี่ บอกแล้วว่าอย่ารับมันเข้ามา มันหลอนยาอีกละสิ" เพื่อนร่วมงานหลายๆ คน และลูกค้ากำลังมองผมด้วยสีหน้าแตกต่างกันออกไป

ผมไม่ได้เป็นแบบนั้นนะ ผมไม่ได้หลอนยา ไม่ได้เป็นอะไรทั้งนั้น ผมก็แค่...

ผมเช็ดน้ำตา และค่อยๆ ลุกขึ้นเหมือนที่เคยเป็น ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทั้งๆ ที่ผมเพิ่งเผชิญกับความหวาดกลัวที่แสนโหดร้าย และตอนนี้ ความเศร้าและความสิ้นหวังก็กำลังกัดกินหัวใจของผม

"วันนี้ไปพักละกันไวท์ แบบนี้คงทำงานไม่ได้หรอก" พี่เจ้าของร้านส่ายหัวไปมา

"ผมทำได้นะครับ ผมไม่ได้เป็นอะไร" ผมพูดและเดินเข้าไปหาพี่เจ้าของร้านเพื่อขอร้องอ้อนวอน

"ล็อกประตูห้องน้ำเล่น แถมยังเสียงดังโวยวาย ทำให้คนอื่นตกใจกลัวไปหมด นี่เห็นว่าน่าสงสารหรอกนะถึงได้รับมา เฮ้ออ ค่อยมาพรุ่งนี้ละกัน ไปๆ" ผมน้ำตาไหลออกมาช้าๆ ไม่ว่ายังไง ก็ไม่มีใครเชื่อผมสินะ

"ผมเข้าใจแล้วครับ ผมขอโทษครับ" ผมยกมือขึ้นไหว้และค่อยๆ เดินออกไปจากตรงนั้นด้วยหัวใจที่ว่างเปล่า แต่มือของผมก็ถูกจับและดึงเอาไว้

ผมมองตามมือที่เกาะกุมผมไว้นั้นและก็พบว่ามันคือมือของซินนั่นเอง

"ฉันเชื่อนะ" ผมมองหน้าซินที่กำลังยิ้มน้อยๆ ให้ผม

"อย่ายุ่งกับผมเลยครับ ผมมีแต่จะทำให้คุณเดือดร้อน" ผมดึงมือตัวเองออกจากมือของคนตรงหน้า

ผมไม่อยากเสียใจอีกแล้ว ถ้าไม่รู้จัก ผมก็จะไม่เจ็บปวด ผมไม่อยากฟังคำบอกลาจากใครอีกแล้ว สู้ผมไม่มีใครเลยจะดีกว่า วันนี้เป็นเพื่อนกัน แต่วันหน้า นายก็จะทิ้งผมไปเหมือนกับทุกๆ คนที่ผ่านเข้ามา

ผมค่อยๆ เดินไปช้าๆ ไปตามทาง ผมไม่รู้ว่าผมกำลังจะไปที่ไหน ผมรู้แต่ว่า ผมต้องไป ผมต้องออกห่างจากคนใจร้ายพวกนั้น

แต่เสียงฝีเท้าที่ตามมาด้านหลัง ก็ทำให้ผมต้องหันกลับไป

"ทำไมถึงยังตามมาล่ะ" ผมหันไปพูดกับคนที่เดินตามหลังผมตลอดเวลา นายต้องการอะไรกัน

"จะไปไหนเหรอ"

"ผมเป็นคนลวงโลกนะ ผมมันบ้า อย่ายุ่งกับผมเลย" ผมพูดและเดินหนีต่อไปอย่างรวดเร็ว

"ไม่จริงซะหน่อย พวกนั้นมันโง่ต่างหาก" ผมหยุดเดินอีกครั้ง และหันไปมองคนที่พูด

"งั้นนายก็บ้า" ผมพูดและโบกรถแท็กซี่ที่กำลังแล่นเข้ามา

ตายล่ะ ไม่มีตังเลยนี่หว่า ผมที่ขึ้นมานั่งซะแล้ว แต่กลับเพิ่งนึกขึ้นได้ ผมแทบไม่มีเงินเหลือเลย ขนาดไม่ค่อยได้กินข้าวแล้วนะ

แต่ผมที่กำลังนั่งคิดอยู่นั้นก็ถูกดันให้เขยิบเข้าไปข้างในอีก

"ออกรถ" ผมหันไปมองซินที่ขึ้นรถตามผมมาด้วยและนั่งอยู่ข้างๆ ผม

"ไปไหนล่ะครับ" แท็กซี่ถามด้วยใบหน้างงๆ

"บอกทางเขาสิ" ซินพูดและหันมายิ้มให้ผม

ผมถอนหายใจ และมองใบหน้าของคนที่ดูอารมณ์ดีเหลือเกิน นี่นายกำลังสนุกอะไรอยู่งั้นเหรอ

หลังจากนั้นตลอดทาง ผมก็นั่งเงียบและได้แต่ขมวดคิ้วสงสัย ผมมองซินที่กำลังหันมาจ้องมองผมแบบไม่เคยละสายตาไปไหน เป็นคนที่แปลกมากๆ และบางทีก็ดูน่ากลัวนิดๆ ผมไม่รู้เลยว่าคนคนนี้คิดอะไรอยู่

ไม่นานรถก็มาจอดที่หน้าร้านของคุณยาย ผมที่กำลังจะพูดว่าขอยืมเงินซินก่อนได้ไหม แต่ก็ถูกซินตัดหน้าจ่ายไปก่อนแบบที่ไม่ต้องบอกเลยทีเดียว ผมเกรงใจมาก วันหลังต้องใช้คืนให้ได้

"ผมจะคืนให้นะ" ผมพูดทันทีที่ลงมาจากรถ

"ของมันแน่อยู่แล้ว" ซินพูดและฉีกยิ้มกว้าง ก่อนจะเดินขึ้นบันไดด้านข้างไปยังห้องของผม

เอ๊ะ เดี๋ยวนะ นายรู้ได้ยังไงกันว่าทางขึ้นอยู่ตรงนั้น

ผมรีบเดินตามซินที่ขึ้นบันไดไปไวเหลือเกิน เผลอแปบเดียวก็หายไปซะแล้ว ผมรีบวิ่งขึ้นบันได และชนเข้ากับซินที่กำลังยืนอยู่ที่หน้าประตู

"โธ่ซิน ทำไมถึง..."

แต่ผมที่กำลังจะบ่นซินนั้นก็ต้องหยุดชะงัก ผมมองซินที่ยืนตัวตรง และกำลังจ้องมองประตูของผมเขม็ง

ผมขมวดคิ้วมุ่น นายสนใจอะไรงั้นเหรอ หรือว่านายจะรู้ว่ามีอะไรซ่อนอยู่ข้างหลังโปสเตอร์นั้น ผมหัวใจเต้นรัว หรือว่าจะเป็นนาย นายเป็นคนทำงั้นเหรอ

"ภาพนี่ สวยดีนะ" ซินพูด และหันมามองผมด้วยสีหน้าที่แปลกออกไป ไม่ได้ยิ้มเหมือนปกติ

"เอ่อ..อ.อื้อ" ผมคลายความกังวลและความสงสัยลง นี่ผมคิดอะไรอยู่กันนะ ผมเพิ่งเคยพบซินครั้งแรกเมื่อวานนี้เอง จะเป็นซินไปได้ยังไง พวกเราไม่เคยมีความแค้นต่อกัน

"คืนนี้ขออยู่ด้วยนะ" อยู่ดีๆ ซินก็พูดออกมาและทำท่าจะเปิดประตูเข้าไป

ผมตัวแข็งทื่อ คือว่า ห้องผมมันรังหนูมาก ผมอายจะตายอยู่แล้ว นึกอะไรขึ้นมากันนะ ไม่เอาด้วยหรอก

"ไม่ได้ มันแคบ แล้วอีกอย่าง พวกเราเป็นคนแปลกหน้ากันนะ" ผมพูดและดึงแขนซินที่กำลังจะเปิดประตูห้องผม

จริงๆ ผมดีใจมากนะที่ซินดูเหมือนจะอยากเป็นเพื่อนผม แต่ผมนั้นก็กลัวเสียใจอยู่ดี ผมกลัวสักวัน ซินจะทิ้งผมไปเหมือนคนอื่นๆ

"แล้วต้องทำยังไงถึงจะเป็นเพื่อนกัน" ผมมองหน้าซินที่กำลังค่อยๆ ยิ้มให้ผม นายพูดจริงๆ งั้นเหรอ นายไม่ได้ล้อเล่นใช่ไหม

"อ.อยาก เป็นเพื่อน กับผมเหรอ" ผมพูดออกไปเบาๆ อย่างไม่ค่อยแน่ใจนัก

"อยากสิ อยากทุกอย่าง" ซินไม่พูดเปล่าแต่เดินเข้ามาใกล้ผม หน้าของพวกเราอยู่ห่างกันแค่คืบ นี่มันใกล้ไปแล้วนะ

"พูดแล้วนะ... อย่าเปลี่ยนใจนะ" ผมพูดและก้มลงมองพื้น ผมกลัวซินจะเปลี่ยนใจในวินาทีสุดท้าย

"เป็นของซินนะ" ผมชะงักและเงยหน้ามองซินด้วยคิ้วที่ขมวดมุ่น เดี๋ยวนะ ทำไมคำพูดมันฟังดูแปลกๆ ชอบกล

"หมายถึง เป็นเพื่อนกันใช่ไหม" ผมพูดด้วยความไม่แน่ใจ

"ใช่ เป็นเพื่อนกัน ตลอดไป" ซินพูด และทำแววตาระยิบระยับ แต่ผมที่ได้ยินแบบนั้นก็ยิ้มกว้างออกมาอย่างดีใจ

นี่เป็นครั้งแรก ที่มีคนอยากเป็นเพื่อนกับผม...

ชีวิตของผมต่อจากนี้ จะไม่โดดเดี่ยวแล้วใช่ไหม นายจะอยู่ข้างๆ ผม และเชื่อใจผมใช่หรือเปล่า

ผมภาวนา ขอให้เป็นแบบนั้น
หัวข้อ: Re: In The Shadows ' เงาหลอน ซ่อนรัก ' [YAOI][#5 เพื่อนกัน ตลอดไป](26/1/18/)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 27-01-2018 02:12:06
ซิน อย่างไง ๆ เราก็ว่านายไว้ใจไม่ได้อ่ะ  :try2:
หัวข้อ: Re: In The Shadows ' เงาหลอน ซ่อนรัก ' [YAOI][#5 เพื่อนกัน ตลอดไป](26/1/18/)
เริ่มหัวข้อโดย: market ที่ 27-01-2018 02:54:37
ดูอ่อนแอจังเลยอ่าTT  ลองลุกขึ้นมาสู้กับผีบ้างสิหรือเป็นโรคจริงๆ5555555555555555
หัวข้อ: Re: In The Shadows ' เงาหลอน ซ่อนรัก ' [YAOI][#5 เพื่อนกัน ตลอดไป](26/1/18/)
เริ่มหัวข้อโดย: Kei ที่ 27-01-2018 12:55:35
ซินต้องการอะไรกันแน่
หัวข้อ: Re: In The Shadows ' เงาหลอน ซ่อนรัก ' [YAOI][#5 เพื่อนกัน ตลอดไป](26/1/18/)
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 27-01-2018 14:39:57
 :L2: :pig4: :pig4: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: In The Shadows ' เงาหลอน ซ่อนรัก ' [YAOI][#5 เพื่อนกัน ตลอดไป](26/1/18/)
เริ่มหัวข้อโดย: Gloomy Sunday ที่ 03-02-2018 13:03:16
Shadows ที่ 6 ขอแค่อยู่เคียงข้าง


ผมยังคงยืนอยู่หน้าประตูห้อง มองซินที่จ้องผมเขม็งกลับมาด้วยความรู้สึกแปลกๆ แต่ยังไงก็เถอะ ผมดีใจมากจริงๆ หวังว่าซินจะไม่ได้มาหลอกเป็นเพื่อนกับผมใช่ไหม แต่ถึงจะทำแบบนั้น แล้วซินจะได้อะไรขึ้นมาล่ะ ก็ผมน่ะ ไม่มีอะไรเลยสักอย่าง

"เอ่อคือ งั้นไว้เจอกันนะ ผมขอตัวก่อน" ผมพูดบอกซินและชี้เข้าไปยังห้องนอนของผม เพื่อจะบอกซินว่าผมจะเข้าห้องพักผ่อนแล้ว ให้เขากลับบ้านไปได้แล้ว ซินคงเข้าใจใช่ไหม

ผมค่อยๆ ไขกุญแจ และเปิดประตูออกพลางเดินเข้าไปข้างใน

"แคบ" ผมสะดุ้งทันที่ที่ได้ยินเสียงซิน เป็นอันชัดเจนว่าซินไม่ได้เข้าใจที่ผมจะสื่อแม้แต่น้อย ผมมองซินที่เดินตามผมเข้ามา เดินไปรอบๆ และมองดูทุกสิ่งในห้องด้วยใบหน้านิ่งๆ

"ซิน พักอยู่ที่ไหนเหรอ" ผมวางกระเป๋าและนั่งลงบนฟูกนอน เอาเถอะ ไหนๆ ก็เข้ามาแล้ว ผมคงไม่กล้าไล่ซินหรอก

"ไกลจากที่นี่" ซินไม่พูดเปล่าแต่กำลังเปิดตู้และรื้อเสื้อผ้าของผม

"ซิน แล้วซินไม่กลับบ้านหรอ ดึกแล้วนะ" ผมคว้าแขนซินและดึงให้มานั่งลงข้างๆ ทำไมถึงซนแบบนี้ แล้วนี่คงไม่คิดจะนอนนี่จริงๆ ใช่ไหม

"ไม่มี" ผมขมวดคิ้วมองซินที่ตอบไม่ตรงคำถาม แต่กำลังงึมงำอะไรแปลกๆ

"ซิน พูดอะไรเหรอ"

"อยู่คนเดียว ไม่กลัวหรือไง" ซินเริ่มยิ้มน้อยๆ อีกครั้งพลางจ้องมองผม

"ที่นี่ไม่มีอะไรหรอก คือ ถ้ามีผมจะรู้น่ะ" ผมพูดเบาๆ ด้วยความมั่นใจ เพราะผมไม่เคยเจอผีหรืออะไรแปลกๆ ภายในห้องนี้

"งั้นเหรอ งั้นก็ ไปก่อนนะ" อยู่ๆ ซินก็ลุกขึ้นและเดินไปที่ประตู อะไรของเขากันนะ เหมือนอยู่ๆ ก็อยากจะเข้ามา แล้วตอนนี้ก็รีบหนีออกไป

"งั้น เดี๋ยวผมเดินไปส่งนะ" ผมทำท่าจะลุกขึ้นตามซิน

"ไม่ต้อง แล้วเจอกัน" ซินหันมาพูดบอกผมและปิดประตูเมื่อเดินออกไปจากห้องแล้ว

ภายในใจลึกๆ ของผมรู้สึกกลัว ผมไม่แน่ใจเลยว่า ผมจะได้พบกับซินอีกไหม ที่ซินบอกว่าอยากเป็นเพื่อนกับผม

นั่นเป็น...เรื่องจริงหรือเปล่า

ผมค่อยๆ ลุกขึ้น และตัดสินใจว่าจะออกไปหาซิน และขอเบอร์มือถือไว้น่าจะดีกว่า

ผมหยิบกระดาษและปากกา พลางเดินไปที่หน้าประตู ผมนั้นไม่มีมือถือ เพราะผมไม่ค่อยมีเงิน และคงไม่มีใครอยากโทรหา ผมเลยไม่ได้เก็บเงินซื้อมัน

ก็อกๆๆ

ผมหยุดชะงักค้างทันทีที่ได้ยินเสียงเคาะประตู สงสัยซินคงจะลืมอะไรแล้วกลับมาใช่ไหม ผมที่คิดแบบนั้น ก็เอื้อมมือออกไปเปิดประตูทันที

"ซิน..." แต่ผมที่คิดว่าจะพบซินอยู่หน้าประตูนั้น กลับมีเพียงความว่างเปล่าที่อยู่ตรงหน้า



ผมตื่นนอนในตอนเช้าด้วยความอ่อนเพลีย ผมเฝ้าแต่หวาดระแวงทั้งคืนเรื่องเสียงเคาะประตูนั่น มันชัดเจนมาก นี่ผมถูกผีหลอกอีกแล้วสินะ

ผมลงมาช่วยคุณยายเปิดร้านเหมือนทุกทีและเดินทางไปยังมหา'ลัยเพราะมีเรียนเช้า วันนี้ก็ยังคงเป็นเหมือนเมื่อวาน วิชาที่ผมต้องเจอกับพวกที่ชอบแกล้งผม มันทำให้ผมไม่อยากที่จะมาเรียน แต่ผมก็ต้องอดทน เพราะว่าผมอยากที่จะเรียนให้จบ เพื่อที่จะได้ทำงานดีๆ สามารถดูแลตัวเองและคุณยายได้

ผมมาถึงห้องเรียน และขึ้นไปนั่งตรงที่ประจำของผม เปิดประเป๋าหยิบหนังสือออกมาเพื่อเตรียมเรียนเหมือนเช่นเคย

"วันนี้ก็หอมเหมือนเดิม" ผมสะดุ้งทันทีที่รู้สึกว่ามีคนเอาหน้ามาใกล้ๆ คอของผม และผมรู้ได้ในทันทีว่าใคร

"เมื่อไหร่จะมาหอเต้ยล่ะ" เต้ยเกาะเก้าอี้ด้านหลังผม และชะโงกหน้าเข้ามาใกล้ๆ ผมรู้สึกอึดอัดมาก แต่ก็ทำอะไรไม่ได้

"ทำเป็นเล่นตัวฉิบหาย อยากมีเพื่อนไม่ใช่เหรอ เพื่อนกูนี่เสนอตัวเป็นยิ่งกว่าเพื่อนเลยนะโว้ย คิดดีๆ" แมนนั่งลงข้างๆ และถีบเก้าอี้ที่ผมนั่ง

"ผมมีเพื่อนแล้ว" ผมพูดเบาๆ และพยายามไม่สนใจพวกเขา

"ถรุยยย ฮ่าๆ ใครจะอยากเป็นเพื่อนมึงว่ะ นอกจาก...ผี" ต้องนั่งลงอีกข้างของผม และกระซิบคำว่าผีข้างๆ หูผม

"ผมมีแล้วจริงๆ" ผมพูดและเก็บหนังสือพยายามจะลุกหนี แต่ก็ถูกจับไหล่เอาไว้

"คนแก่นั่นน่ะ ยายของมึงเหรอ เป็นปอบหรือเปล่าก็ไม่รู้ ฮ่าๆ" ผมตกใจทันทีที่ได้ยินแมนพูดแบบนั้น พวกนี้รู้ได้ยังไงกัน

ผมรู้สึกกลัวมากขึ้นไปอีก ไม่เพียงแต่ผมที่ถูกคุกคาม แบบนี้คุณยายก็อาจจะเดือดร้อนไปด้วยก็ได้

"คุณยายท่านแก่แล้ว อย่าไปยุ่งเลยนะ" ผมพูดกับแมนกึ่งขอร้อง

"งั้นแปลว่า คืนนี้จะมาหาเต้ยที่ห้องเหรอ" เต้ยพูดขึ้นทันทีพลางหัวเราะขำ นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน ผมไปก็มีแต่ไปตาย

"หลบไป" เสียงของผู้ที่มาใหม่ทำให้ทุกคนตกใจ ผมนั้นถึงกับลุกขึ้นยืน หัวใจเต้นแรงอย่างไม่เป็นส่ำ ทำไม ทำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่ได้ ผมดีใจเหลือเกิน ดีใจจนแทบจะร้องไห้ออกมา

"มึงมาจากไหนวะ" ต้องลุกขึ้นหันไปหาซินที่ยืนอยู่ด้วยสีหน้าหาเรื่อง

"ตรงนั้นน่ะ จะเรียนไหมคะนักศึกษา อย่าให้อาจารย์เหลืออดนะ" อาจารย์ประจำวิชาพูดขึ้นทันทีที่เห็นเหมือนนักศึกษากำลังจะมีเรื่องกัน

"เดี๋ยวมึงเจอกูแน่" ต้องพูดกับซินและดึงเพื่อนให้เดินออกไป

ผมยังคงยืนอึ้งตาโตมองซินที่เดินเข้ามานั่งลงข้างๆ ผม

"ม.มาได้ยังไงกัน" ผมยิ้มกว้างมองซินที่ใส่ชุดนักศึกษา กางเกงยีนสีดำ พอมองแบบนี้แล้วก็ดูอายุพอๆ กันจริงๆ

"ก็มาเรียนไง" ซินพูดและยกยิ้มมุมปาก

"ซินย้ายมาเหรอ คณะอะไร" ผมถามด้วยความดีใจ

"เหมือนไวท์นั่นแหละ" ซินเท้าคางจ้องมองผมแบบสบายๆ

"กลางเทอมแบบนี้ แปลกจัง" ผมพูดด้วยความไม่เข้าใจ แต่ว่า ผมดีใจจัง ดีใจที่สุด

"ไม่ดีเหรอ"

"ดีสิ ดีมากเลย" ผมยิ้มกว้าง ผมจะไม่ต้องโดดเดี่ยวอีกแล้ว ผมมีความสุขมากจริงๆ

ผมเหลือบมองเก้าอี้แถวถัดไปที่มีสามคนนั้นนั่งอยู่ ทั้งสามคนดูโกรธแค้นซินมาก ผมจะทำยังไงดีนะ ผมกลัวซินเจ็บตัว

"สามตัวนั่น เพื่อนเหรอ" ซินถามและยังคงจ้องมองผมเหมือนรู้ว่าผมคิดอะไรอยู่

"เปล่า พวกนั้นชอบแกล้งผมน่ะ" ผมพูดและทำหน้าหงอยๆ

"งั้นก็แกล้งมันกลับสิ" ซินยื่นหน้ามาใกล้ผมและพูดเบาๆ

"เขาเป็นคนไม่ดี ก็ใช่ว่าจะต้องเป็นคนไม่ดีตามนี่นา" ผมพูดตอบซินและเอียงตัวหลบจมูกโด่งของซินที่มาใกล้แก้มผมเหลือเกิน มันทำให้ผมรู้สึกร้อนแปลกๆ

"คิดแบบนี้สิ มันทำให้ไวท์เจ็บปวดไม่ใช่เหรอ เพราะงั้น ต้องสั่งสอนมัน ให้มันรู้ว่าถ้ามันทำอะไรที่ไม่ดี มันจะต้องเจอกับอะไร" ซินยังคงพูดต่อไปข้างๆ หูผม

"เรียนเถอะ" ผมยิ้มและจับหน้าซินให้หันไปมองข้างหน้าที่อาจารย์กำลังสอน ซึ่งซินก็จ้องมองไปข้างหน้าสักพัก และไม่นานก็หันกลับมาจ้องผมอีกครั้งตลอดเวลา ทำตัวแบบนี้ตลอดเลย ทำให้ผมรู้สึกประหม่านิดๆ ไม่เข้าใจว่าจะเขินอะไร

ผมมองไปรอบๆ ห้องและสังเกตได้ว่า ผู้คนมากมายภายในห้องเรียนตอนนี้ ต่างแอบเหลือบมองมาที่ผมกับซินอย่างสนใจใคร่รู้ ก็ไม่แปลกหรอกมั้ง เพราะซินน่ะหน้าตาดีสุดๆ ไปเลยนี่นา

ผมกลับมามองคนข้างๆ ผม ซินที่ใส่เสื้อนักศึกษา แต่รองเท้ากลับเป็นบูธสีดำ กำไลข้อมือสีดำเยอะเต็มแขน และเจาะหูอีกด้วย ผมว่าถ้าเดินสวนอาจารย์ใกล้ๆ คงต้องโดนสวดกันมั่งแหละงานนี้ แต่ก็แบบว่า เท่จริงๆ นะ ผมอยากดูดีและมีความมั่นใจแบบนี้บ้างจัง

ไม่นานเมื่อชั่วโมงเรียนสิ้นสุดลง ผมเก็บหนังสือใส่กระเป๋า และมองดูซินที่ยืนบิดขี้เกียจไปมาด้วยท่าทีเบื่อๆ ซินไม่มีกระเป๋าหรือถืออะไรมาสักอย่าง นี่นายมาเรียนแน่หรือเปล่าเนี่ย

"มึงเป็นใคร" ผมที่กำลังจะเดินออกจากเก้าอี้ก็ต้องชะงัก และจ้องมองซินที่ถูกต้องกระชากเสื้ออยู่

"อย่านะ" ผมตกใจและรีบเข้าไปดึงซินออกมาจากมือนั้น ตอนนี้ผู้คนออกไปจากห้องเกือบหมดแล้ว ทำให้คนพวกนี้กล้าเข้ามาหาเรื่องต่ออีก

"ผัวมึงเหรอ" แมนพูดและจ้องหน้าซินเอาเรื่อง

"เปล่า นี่เพื่อนผม" ผมมองซินที่ไม่ได้เปลี่ยนสีหน้าเลยสักนิด ซินยังคงทำสีหน้าเบื่อๆ และมองไปรอบๆ อย่างไม่สนใจคนสามคนนี้

"กวนตีนมากเหรอมึง" เต้ยไม่พอใจท่าทีของซิน เดินเข้ามาหา พลางง้างหมัดมาแต่ไกล

ผั๊วะ!

ผมที่เห็นท่าไม่ดีก็เข้าไปขวางข้างหน้าซินเอาไว้ และก็โดนชกเข้าเต็มๆ ตามคาด ผมกุมแก้มตัวเองไว้หันหน้าตามแรงที่ถูกชก

"เข้ามาขวางทำไมวะ" เต้ยพูดและดึงผมเข้าไปหาเพื่อมองหน้าผมใกล้ๆ แต่ผมก็ยื้อตัวเอาไว้

"ผมไม่เป็นไร พอใจหรือยัง" ผมผลักอกเต้ยออกไป

ซินยืนมองมาที่ผมเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่ได้พูดอะไร หรือคิดจะเข้ามาช่วย

"ไปเหอะ ก็แค่ไอ้หมาขี้แพ้ ถุย" แมนดูถูกซินก่อนจะกอดคอเพื่อนเดินออกไป และต้องที่ยืนจ้องหน้าซินสักพัก ถ่มน้ำลายลงพื้นและเดินตามเพื่อนไป

"เจ็บไหม"

"ผมชินแล้ว" ผมยิ้มให้ซินเพื่อบอกว่าผมไม่เป็นไร

"ทำไมถึงยังยิ้มได้ ไม่อยากเอาคืนบ้างเหรอ" ซินเดินเข้ามาหาผม เข้ามาใกล้และกระซิบที่หูของผม "ถ้าไวท์บอกว่าจะเอาคืน ซินจะช่วย เล่นพวกมันให้หนัก" ไม่รู้ทำไม แต่เสียงของซินราวกับดังกังวานอยู่ในหู และผมก็ไม่ค่อยชอบรอยยิ้มที่ดูน่ากลัวของซินเลย

"ถ้ามัวแต่จองเวรกัน มันก็จะไม่จบสิ้นสักที" ผมไล่เสียงสะท้อนนั้นออกจากหัว และเดินออกมาจากที่นั่ง เดินลงบันไดเพื่อไปยังประตูทางออก

"โกรธเหรอ" ซินถามขึ้นพลางเดินตามมาข้างๆ ผม

"โกรธใครเหรอ คนที่ต่อยผมเหรอ" ผมถามด้วยความสงสัย

"ไม่ใช่" ผมหยุดเดินและขมวดคิ้วมองซิน

"โกรธซินหรือเปล่า" ซินพูดต่อไปด้วยใบหน้านิ่งๆ ผมยิ้มทันทีที่ได้ยินแบบนั้น

"ทำไมจะต้องโกรธด้วยล่ะ ซินเป็นแบบนี้ก็ดีแล้ว ไม่ต้องช่วยผม ไม่ต้องพยายามทำอะไรเพื่อผมทั้งนั้น ขอแค่ไม่ทิ้งผม ขอแค่อยู่ข้างๆ ผมแบบนี้ก็พอ ซินทำได้ไหม" ผมบอกซินด้วยความจริงใจ ผมไม่กลัวเลยที่จะต้องเจ็บปวด ขอแค่ ไม่ทิ้งผมไปไหน อยู่กับผม ขอแค่เพียงอยู่เคียงข้างผมเท่านั้น

"งั้นเหรอ" ผมพยักหน้ายิ้มให้ซินและเดินต่อไป แต่เมื่อเดินห่างมาสักพักนั้น ผมก็พบว่าซินไม่ได้เดินตามมา แต่ยังคงยืนอยู่ที่เดิม เหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง

"ซิน มาเถอะ หาข้าวกินกัน" ผมเดินกลับไปหาซินและดึงแขนให้ซินเดินตามมา

ผมไม่ได้รู้สึกแย่เลยสักนิดที่ถูกต่อยหรือถูกทำร้าย เพราะว่าวันนี้เป็นวันที่ดีจริงๆ เป็นวันที่ผมรู้สึกไม่เหงา ทุกอย่างรอบตัวผมนั้นดูสดใสไปหมด เพราะตอนนี้ผมมีคนอยู่ข้างๆ แล้ว

และผมจะไม่ต้องเดินคนเดียวอีกแล้ว
หัวข้อ: Re: In The Shadows ' เงาหลอน ซ่อนรัก ' [YAOI][#6 ขอแค่อยู่ข้างๆ](3/2/61)
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 03-02-2018 13:32:23
 :L2: :pig4: :pig4: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: In The Shadows ' เงาหลอน ซ่อนรัก ' [YAOI][#6 ขอแค่อยู่ข้างๆ](3/2/61)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 04-02-2018 05:55:12
อย่างไง ก็คงคิดเหมือนเดิมว่าซินแปลก ๆ อ่ะ  :hao3:
หัวข้อ: Re: In The Shadows ' เงาหลอน ซ่อนรัก ' [YAOI][#6 ขอแค่อยู่ข้างๆ](3/2/61)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 04-02-2018 20:16:50
ลึกลับจริง ๆ

ทั้ง อาจารย์นาธัส  และห้องสมุดเก่า

รวมไปถึง ซิน ช่างให้ความรู้สึกประมาณ ยมทูต ยมบาล ไรเทือกนั้น
หัวข้อ: Re: In The Shadows ' เงาหลอน ซ่อนรัก ' [YAOI][#6 ขอแค่อยู่ข้างๆ](3/2/61)
เริ่มหัวข้อโดย: zuu_zaa ที่ 04-02-2018 21:04:32
 o13
หัวข้อ: Re: In The Shadows ' เงาหลอน ซ่อนรัก ' [YAOI][#6 ขอแค่อยู่ข้างๆ](3/2/61)
เริ่มหัวข้อโดย: Gloomy Sunday ที่ 09-02-2018 11:17:37
Shadows ที่ 7 สิ่งที่ต้องตอบแทน


ผมพาซินเดินมายังโรงอาหารของคณะ ปกติแล้วตัวผมนั้นก็ค่อนข้างเป็นจุดสนใจของทุกคนอยู่แล้วในฐานะตัวซวยหรือคนบ้าประจำมหาวิทยาลัย แต่เมื่อมีซินอยู่ข้างๆ พวกเราก็ยิ่งเป็นจุดเด่นไปใหญ่

ผมเหลือบมองคนที่เดินผ่าน คนที่นั่งอยู่ที่โต๊ะ และคนที่กำลังซื้อข้าว ทุกคนต่างหันมามองพวกเราและส่งเสียงซุบซิบกันไม่ขาดสาย บางทีการตัดสินใจพาซินมากินข้าวที่นี่อาจจะผิดสินะ

"คือ ไปกินที่อื่นกันไหม" ผมที่กลัวซินจะอึดอัดก็ถามซินด้วยความเป็นห่วง แต่เมื่อผมมองซินแล้ว ผมก็คิดว่าผมนั้นคิดมากไปเอง เพราะดูซินจะทำตัวสบายๆ มองไปรอบๆ ด้วยสีหน้าเรียบเฉย

"ทำไมล่ะ" ซินที่เมื่อกี้ทำสีหน้าเรียบๆ นั้นก็หันมามองผมด้วยรอยยิ้มที่ซินชอบทำ ผมค่อนข้างแปลกใจเล็กๆ แต่ก็เรื่มจะชินแล้ว ซินดูเป็นคนที่เข้าใจยาก ผมอยากรู้จริงๆ ว่าซินกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่

"ไม่มีอะไร กินนี่แหละ"

"ใครวะ คนหรือเปล่าเนี่ย หล่อโคตร"

"หล่อคนนึง หล่อแต่บ้าอีกคนนึง ฮ่าๆ"

"มึงไปเตือนเขาดิ เขาอาจไม่รู้"

ผมนั่งลงที่โต๊ะว่างๆ ตัวหนึ่งและยิ้มให้คนที่กำลังนินทาพวกเราอยู่

"สวัสดีครับ" ผมพูดทักทายคนที่มองผมอยู่ ผมอยากเป็นมิตรกับทุกคน ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่อยากเป็นมิตรกับผมเลยก็ตาม

"ทำไมถึงพูดดีกับคนที่ไม่ดีกับเราล่ะ" ซินถามและจ้องหน้าผมแบบทุกที

"เพราะว่าเขาก็แค่เข้าใจผิดน่ะสิ ถ้าพวกเราปรับความเข้าใจกันได้ ต่อไปเราก็อาจจะเป็นเพื่อนกันก็ได้" ผมพูดและยิ้มให้ซินอย่างเศร้าๆ

"ทำไมไม่ลองใช้ความเข้าใจผิดนั้น ทำให้ทุกคนกลัวดูล่ะ บางคนอาจจะชอบความสามารถของไวท์ก็ได้" ผมขมวดคิ้วงงๆ

"ความสามารถอะไรเหรอ"

"ไวท์มองเห็นพวกผีไม่ใช่เหรอ ลองใช้ประโยชน์จากพวกมันดูสิ" ผมตกใจทันทีที่ได้ยินแบบนั้น

"แค่เห็นก็เข่าอ่อนแล้วล่ะ ผมไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับพวกนั้น พวกมันมีแต่หลอกให้ผมกลัว อย่าหวังว่าจะคุยกันรู้เรื่องเลย"

"ก็ลองดูสิ ถ้าเราข่มมันได้ มันก็ทำอะไรไม่ได้" ซินยังคงพูดต่อไป และยื่นหน้าเข้ามาจ้องผมใกล้ๆ เหมือนที่ชอบทำ

"ซินก็เห็นพวกมันเหรอ"

"ไม่" คำพูดและสีหน้าของซินดูไม่เข้ากันสักนิด เหมือนกำลังโกหกแบบให้รู้ว่าโกหก แต่ถ้าซินว่าแบบนั้น ผมก็ไม่ควรเซ้าซี้ถาม

"ถ้าซินมองไม่เห็นก็พูดได้สิ ผมเจอมาขนาดนี้ยังทำใจให้ชินไม่ได้เลย"

ผมยิ้มน้อยๆ ทันทีที่พูดจบ นี่เป็นครั้งแรกที่ผมสามารถพูดเรื่องอะไรแบบนี้กับคนอื่นได้อย่างสบายใจ ผมรู้สึกมีความสุขมากจริงๆ แต่ก็กลัวเหลือเกิน ว่าความสุขนี้จะจางหายไปเหมือนดั่งที่ผ่านมา

"ขอบคุณนะ" ซินดูประหลาดใจที่อยู่ๆ ผมก็พูดว่าขอบคุณ แต่ผมก็ไม่สนหรอก ผมเอื้อมมือไปจับมือซินเอาไว้ และจ้องเข้าไปในแววตาของคนตรงหน้า

"คือ ขอโทษนะคะ ตรงนี้มีคนนั่งไหม" ผมตกใจทันทีที่มีผู้หญิงเข้ามาทัก และแน่นอนว่าไม่ได้ทักผม แต่เป็นซิน

ผมมองเธอและมองซินที่ไม่ได้สนใจคนที่มาใหม่แต่ยังคงจ้องมองมือของผม ทำให้ผมนึกได้ว่า ผมควรจะปล่อยมือซินได้แล้ว แต่ผมที่กำลังจะดึงมือออกก็รู้สึกว่าทำไม่ได้ เพราะซินนั้นกำลังกำมือผมกลับ และแน่นมาก

"ซิน" ผมเรียกซินเบาๆ จนซินละสายตาจากมือมามองหน้าผม "เขาถามน่ะ" ผมบอกและชี้ไปยังผู้หญิงที่ยืนอยู่ข้างๆ ซิน

"มีคนนั่งไหมคะ" ผู้หญิงคนนั้นถามอีกครั้งด้วยรอยยิ้มหวาน

"ไม่" ซินพูดและหันมามองผมตามเดิม

"คือ เขาเป็นแบบนี้แหละครับ เชิญครับ" ผมยิ้มให้สาวคนนั้น แต่เธอก็แค่เหลือบมองผมและทำเหมือนไม่ได้ยินสิ่งที่ผมพูด

"พอดีเอมมารอเพื่อนค่ะ โต๊ะอื่นเต็มหมดเลย รบกวนด้วยนะคะ" ผมมองไปรอบๆ โรงอาหารทันทีที่ได้ยินอย่างนั้น และก็พบว่ายังมีหลายโต๊ะที่ยังว่างอยู่

"ไม่เคยเห็นหน้าเลยนะคะ อยู่คณะไหนเหรอ" เธอยังคงพยายามพูดกับซินต่อไป

"พวกเราอยู่คณะมนุษย์ครับ" ผมพูดแทนซินที่ยังคงจ้องมองผมอยู่

"เหรอ" เธอหันมาหาผมและหุบยิ้มทันทีที่มองหน้าผม

จริงๆ ผมนั้นก็รู้ดีว่าทำไมเธอถึงเข้ามาคุยกับซิน เธอคงจะคิดว่าซินหล่อดีสินะ แต่ก็ไม่เป็นไรหรอก แบบนี้ผมจะได้มีเพื่อนเพิ่มขึ้นไปด้วย พวกเธออาจจะกล้าเข้ามาหาผมมากขึ้นก็ได้ นับว่าเป็นเรื่องที่ดีเลยทีเดียว

"ชื่ออะไรเหรอคะ เราชื่อเอมนะ อยู่มนุษย์เหมือนกัน" เธอหันไปคุยกับซินอีกครั้ง ผมว่าเธอพยายามดีนะ และผมไม่เข้าใจซินที่นั่งเงียบเฉยๆ อยู่ได้ทั้งๆ ที่มีคนมาพูดอยู่ใกล้ๆ หูแบบนั้น

"ซิน คุยกับเพื่อนสิ" ผมบอกซิน ที่ยังคงนั่งนิ่งๆ จ้องผมตลอดเวลา

ซินเริ่มหันไปมองผู้หญิงข้างๆ ทันทีที่ผมบอก

"ชื่อซิน เป็นเพื่อนไวท์" ผมยิ้มออกมาทันทีที่ซินพูดจบ รู้สึกดีจังเลยนะ

"ซินเพิ่งย้ายมาใหม่สินะ เลยไม่รู้" เธอพูดกับซินและเหลือบมองผมด้วยหางตา

"เราไปนั่งตรงนั้นกันไหมคะ เดี๋ยวเพื่อนๆ เอมก็มา" เธอพูดชวนซินต่อไปโดยไม่สนว่าผมจะรู้สึกอย่างไรเลยสักนิด

ผมยิ้มอย่างเศร้าๆ ทันทีที่ได้ยินสิ่งที่เธอพูด นั่นสินะ ผมมันคิดง่ายเกินไป คนที่เข้ามาไม่ใช่ว่าจะยอมรับผม และอยู่ตรงนี้กับผมได้ แต่พวกเขาก็แค่อยากจะพาซิน ออกไปจากผมเท่านั้นเอง

"ซิน จะไปก็ได้นะ ผมไม่เป็นไร" ผมพูดและยิ้มให้ซิน พยายามเก็บซ่อนความเสียใจไว้ ผมจะไม่ฉุดรั้งใคร ผมอยากให้ทุกคน มีสิทธิ์ที่จะตัดสินใจด้วยตัวเอง

"ทำไมถึงต้องไป" ซินพูดเสียงเย็นด้วยสีหน้าเรียบๆ และหันไปมองเอมเองเป็นครั้งแรก "ตัวเธอกลิ่นเหมือนหนอนไชศพเลย" ซินพูดต่อไปและหันไปยิ้มให้ผู้หญิงคนนั้นเหมือนว่าคำพูดของเขาที่พูดออกไปเป็นคำชม

"ซิน!" ผมตกใจแทบจะรีบตะครุบปากซินไว้

"ไอ้บ้า คนบ้าสองคนอยู่ด้วยกันได้" เอมร้องแหวและรีบเก็บของเดินหนีไปทันที ผมรู้สึกแย่แทนเธอแต่ก็ไม่รู้จะทำยังไง

"ซิน พูดแบบนั้นไม่ดีเลยนะ" ผมตีมือซินเบาๆ แทนเพราะไม่กล้าทำอะไรมากกว่านั้น

"ทำไม ก็แค่อยากอยู่กับไวท์" ผมหน้าเหวอแต่ก็แอบยิ้มออกมาอย่างดีใจ อารมณ์ตอนนี้มันตีกันมั่วไปหมด

"โอเค รู้แล้ว แต่ว่าต่อไปห้ามพูดแบบนั้นอีกนะ เดี๋ยวผมไปซื้อข้าวให้" ผมพูดพลางลุกขึ้น ดีใจออกนอกหน้าเกินไปหรือเปล่านะ

"ไม่กินหรอก"

"อ่าวงั้นผมไม่กินก็ได้"

"งั้นกิน" ซินพูดและลุกขึ้นจับมือผมเดินไปยังร้านข้าวที่อยู่ใกล้ๆ บางทีผมก็ไม่เข้าใจการกระทำของซินเลย แต่ว่า ไม่เป็นไร ต่อจากนี้เราก็จะค่อยๆ เรียนรู้กันและกัน ผมมีความสุขจัง

แต่ดูหมือนความสุขจะอยู่ได้ไม่นานนัก เมื่อถึงหน้าร้านข้าว ผมล้วงเงินในกระเป๋าด้วยความห่อเหี่ยวในใจ นี่ผมจะอยู่ได้อีกกี่วันกันนะ สงสัยต้องหางานเพิ่มแล้ว

"จะกินอะไรก็กิน จะจ่ายให้" ผมมองซินด้วยความประหลาดใจ นี่ผมถูกอ่านใจอีกแล้วเหรอ

"คือ ไม่ต้องหรอก ผมยังพอมี"

"มีเท่าไหร่" ซินพูดและยิ้มน้อยๆ มองผม

"เอ่องั้น เดี๋ยวคืนให้นะ" ผมรู้สึกผิดลึกๆ บางทีนี่ก็เป็นอีกอุปสรรคของผม ถ้าขืนยังเป็นแบบนี้ต่อไป ผมคงมีแต่จะเอาเปรียบซิน

"ที่บอกว่าจะคืน ไม่ต้องคืนด้วยเงินก็ได้นะ" ผมที่กำลังซึมๆ ก็ถึงกับตื่นทันที

"ถ้าไม่ใช่เงิน แล้วคืนด้วยอะไรเหรอ" ผมถามซินที่กำลังเริ่มยิ้มแบบที่ผมไม่ชอบอีกแล้ว

"วิญญาณ"

หัวข้อ: Re: In The Shadows ' เงาหลอน ซ่อนรัก ' [YAOI][#7 สิ่งที่ต้องตอบแทน](9/2/61)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 09-02-2018 13:32:40
จะใช่อย่างที่คิดไหมน้อ?

รอตอนต่อไป

 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: In The Shadows ' เงาหลอน ซ่อนรัก ' [YAOI][#7 สิ่งที่ต้องตอบแทน](9/2/61)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 12-02-2018 04:59:04
งั้นซินก็ยิ่งกว่าผีนะซินะ เป็นท่านยมฯ หรือเปล่านะ  :hao4:
หัวข้อ: Re: In The Shadows ' เงาหลอน ซ่อนรัก ' [YAOI][#7 สิ่งที่ต้องตอบแทน](9/2/61)
เริ่มหัวข้อโดย: Gloomy Sunday ที่ 12-02-2018 13:35:51
Shadows ที่ 8 ความมืดที่เริ่มก่อตัว


พวกเรายังคงอยู่ที่โรงอาหารของคณะ ผมมองซินที่ไม่ค่อยจะแตะข้าวสักเท่าไหร่ แปลกดีนะ เพราะซินนั้นดูไม่ใช่คนรูปร่างผอม แต่ออกแนวนักกีฬาด้วยซ้ำ สงสัยตอนนี้จะอิ่มละมั้ง

ผมนึกถึงเรื่องเมื่อกี้ที่ซินล้อเล่นกับผม จริงๆ ผมก็ไม่ได้คิดมากเท่าไหร่ แต่ผมแค่กลัว เพราะเรื่องแบบนี้สำหรับผมค่อนข้างจะซีเรียสมาก ผมมองดูซิน สังเกตทุกอย่างเท่าที่จะเป็นไปได้ ซินนั้นไม่ใช่ผีแน่นอน เพราะทุกคนมองเห็นและพยายามเข้ามาทักซินไม่ขาดสาย หรือว่า จะมีสิ่งอื่นที่นอกเหนือจากผี ที่ผมไม่รู้อีกนะ

"เดี๋ยวกินข้าวแล้ว เราไปห้องสมุดกันนะ" ผมมองดูซินที่กำลังเขี่ยข้าวในจานไปมา "ไม่ค่อยหิวเหรอ"

"ไม่ค่อยอยากกินน่ะ" ซินพูดและรวบช้อนส้อมวางในจาน

"งั้นเราไปกันเถอะ ก่อนจะเข้าเรียนต่อ"

"คืนนี้ต้องไปทำงานที่คลับนั้นอีกหรือเปล่า"

"ใช่ ทำไมหรอ" พวกเราคุยกันไปและเริ่มเดินออกไปจากโต๊ะ เพื่อไปยังห้องสมุด

"มีที่อื่นอยากแนะนำ เงินดีกว่านะ"

"จริงเหรอ แต่ว่า ผมเกรงใจพี่เจ้าของร้านน่ะ เค้าอุตส่าห์รับผมทำงาน" ผมคิดมาก เพราะว่าพี่เจ้าของร้านเดิมนั้นใจดีรับผมเข้าทำงาน ทั้งๆ ที่รู้ว่าผมมีชื่อเสียแค่ไหน ผมซาบซึ้งใจมาก และอยากทำงานให้พี่เขาต่อไปถึงเงินจะน้อยนิดก็ตาม

"เหรอ งั้นก็ตามใจ แต่คงได้แค่คืนนี้แหละ" ผมขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ ผมมองหน้าซินที่ยิ้มแปลกๆ และเดินเข้ามาหาผมใกล้ๆ

"ข้าวติดแก้ม" ซินยื่นมือมาลูบแก้มผมเบาๆ ผมมองซินที่ยื่นหน้ามาใกล้ๆ พลางเอี้ยวตัวหลบนิดๆ แบบนี้มันแปลกนะมีผู้ชายด้วยกันที่ไหนเขาทำแบบนี้กันล่ะ

"เอ่อคือ ขอบคุณนะ" ผมดึงมือซินออกจากแก้มผมด้วยใบหน้าร้อนผ่าว แล้วทำไมผมต้องเขินด้วยนะ

"ไปกันเถอะ เดี๋ยวไม่ทัน" ผมดึงมือซินให้เดินตามผมไป ผมอยากพาซินไปอวดอาจารย์ ว่าผมนั้นก็มีเพื่อนแล้วนะ ผมอยากรู้ว่าอาจารย์จะพูด จะทำหน้ายังไง

ผมพาซินเดินมาตามทางเดินเล็กๆ ที่ทอดผ่านสวนร่มรื่น วันนี้ท้องฟ้าแจ่มใส สายลมพัดโชยอ่อนๆ ทำให้รู้สึกเย็นชื่นใจ

ผมมองตรงไปข้างหน้า ผมเกือบจะถึงแล้ว แค่ผ่านประตูรั้วนั้นเข้าไปก็จะเห็นตัวตึกไม้หลังเก่าแล้วล่ะ

"ไวท์" ผมสะดุ้งน้อยๆ และหยุดเท้าทันทีที่ซินส่งเสียงเรียกมาจากด้านหลัง เพราะเสียงของซินนั้นไม่เหมือนปกติ มันทำให้ผมตกใจไม่น้อย

"มีอะไรเหรอ" ผมหันไปมองซินที่กำลังมองไปรอบๆ ด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนไป ซินดูเคร่งเครียด ผมไม่เคยเห็นซินเป็นแบบนี้มาก่อน

"อย่าเข้าไปในนั้น" ซินหันมามองหน้าผม และพูดด้วยน้ำเสียงบังคับ ผมขมวดคิ้วมองซินอย่างไม่เข้าใจ และเดินเข้าไปหาซินที่ยืนอยู่

"ทำไมล่ะ ซินไม่สบาย..."

"ห้ามเข้าไปในนั้น เข้าใจไหม!" แต่ผมที่ยังพูดไม่ทันจะจบก็ต้องตกใจทันที เพราะว่าซินนั้นอยู่ดีๆ ก็คว้ากำแขนของผมทั้งสองข้างจนแน่น และกำลังทำหน้าตาน่ากลัวมองผม

ครืนน!

ผมมองขึ้นไปบนฟ้าที่กำลังมืดลง ลมที่เคยพัดโชยอ่อนๆ บัดนี้กลับกลายเป็นลมพายุที่พัดแรงจนผมแทบจะยืนไม่อยู่ นี่มันอะไรกันนะ

"ผมเจ็บนะ ซินเป็นอะไรไป" ผมนิ่วหน้าตะโกนผ่านลมพายุ และจ้องมองซินที่เหมือนกำลังโมโหอะไรสักอย่าง

แต่คำตอบที่ได้ก็คือความเงียบ ผมมองซินที่กำลังมองตรงไปข้างหน้า ด้วยแววตาที่แน่วแน่ไม่รู้สึกถึงลมที่พัดแรง เหมือนกำลังมองข่มอะไรสักอย่างที่ผมก็มองไม่เห็น

"เหอะ ช่างมันเถอะ" เวลาผ่านไปสักพัก ซินก็พูดออกมาและค่อยๆ ปล่อยแขนผม

ผมมองไปรอบๆ อีกครั้ง เพราะว่าอยู่ดีๆ ลมพายุและท้องฟ้าก็เริ่มแจ่มใสเช่นเคยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

"ซิน" ผมเรียกซินเบาๆ ด้วยความหวาดหวั่น ผมรู้สึกว่านี่มันไม่เหมือนเรื่องธรรมชาติเลยสักนิด

"ไปกันเถอะ อยากเข้าไปไม่ใช่เหรอไง" ซินจับมือผม และดึงให้เดินตามตัวเองไป ผมมองแผ่นหลังของซินที่กำลังเดินนำหน้า ซินมีอะไรอยู่ในใจกันนะ นายจะบอกผมได้หรือเปล่า แบบนี้มันทำให้ผมกลัว

พวกเราเดินมาถึงอาคารไม้หลังเก่า เดินขึ้นบันไดและเข้ามาในห้องสมุด ผมมองไปรอบๆ ทุกๆ อย่างนั้นยังคงเหมือนเดิม ตามมุมและชั้นหนังสือ ยังมีคนกำลังอ่านหนังสืออยู่ทั่วไปหมด แต่ทุกคนก็หยุดทำสิ่งที่ตัวเองกำลังทำทันทีเมื่อเห็นผมกับซินเดินเข้ามา

ผมค่อยๆ ดึงมือตัวเองออกจากมือซินทันทีที่คิดได้ แบบนี้มันแปลกๆ ยังไงไม่รู้ ผู้ชายเขาไม่เดินจับมือกันหรอกนะ

ผมยังคงเดินตามซินที่เดินเงียบๆ นำหน้าผม ซินกำลังเดินไปยังทางขึ้นบันไดที่ทอดนำไปสู่ห้องอาจารย์นาธัส เดี๋ยวนะ ซินรู้ด้วยเหรอว่าอาจารย์อยู่ที่นั่น

ผมเดินตามซินขึ้นมาจนหยุดยืนอยู่หน้าประตูไม้ห้องทำงานของอาจารย์ แต่เมื่อผมกำลังจะยื่นมือออกไปเคาะนั้น

ปึง!!!

ผมสะดุ้งสุดตัวทันที ผมยังไม่ทันจะได้เคาะประตู แต่ประตูก็กลับถูกเปิดออกอย่างแรงจนผมกลัวว่ามันอาจจะพังไปแล้ว

ผมมองอาจารย์ที่วันนี้ไม่ได้ยืนอยู่ที่ชั้นหนังสือเหมือนเก่า แต่กำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน ด้วยใบหน้าที่ เอ่อ ผมเงยหน้ามองซินที่กำลังทำหน้านิ่งๆ นั่นล่ะ ใบหน้าสองคนนี้ กำลังนิ่งเฉยเหมือนกันไม่มีผิด แต่บรรยากาศรอบตัวนั้นผมรู้สึกถึงรังสีอะไรสักอย่าง ทำให้ผมอึดอัดและเหมือนจะหายใจไม่ค่อยออก

"ขออนุญาตครับอาจารย์" ผมพูดและค่อยๆ เดินเข้าไปข้างใน แต่เมื่อมองหันกลับไปหาซิน ก็ยังเห็นว่าซินยังคงยืนอยู่ที่เดิม ผมจึงเดินกลับมาลากซินให้เดินเข้าไปด้วย

"ผมพาเพื่อนมาแนะนำครับ" ผมพูดด้วยใบหน้ามีความสุข พอคิดว่ามีซินอยู่ด้วยผมก็รู้สึกดีจริงๆ

"งั้นเหรอ เพื่อน งั้นเหรอ" ผมคิดไปเองหรือเปล่านะว่าอาจารย์เน้นคำว่าเพื่อนมากๆ เวลาพูด

อาจารย์ค่อยๆ ลุกขึ้นและเดินไปนั่งที่โซฟาข้างๆ พร้อมเรียกพวกเราให้เดินตามไปนั่งด้วย ผมจูงมือซินให้เดินตามมา และนั่งลงข้างๆผม ตรงข้ามอาจารย์

"ซิน นี่อาจารย์..."

"นาธัส" ผมตกใจทันทีที่พูดยังไม่ทันจบซินก็พูดแทรกขึ้นมา แล้วทำไมถึงเรียกอาจารย์ห้วนๆ แบบนั้นนะ

"เอ่อ ซินรู้จักด้วยเหรอ" พูดและหันไปมองซินที่กำลังจ้องอาจารย์เขม็งด้วยแววตาไม่เป็นมิตร สองคนนี้ เขาไปรู้จักกันตอนไหนนะ

"หึ รสนิยมยังโคตรห่วยเหมือนเดิม" ซินพูดพลางมองไปรอบๆ ไม่สนใจสายตาของอาจารย์ที่ดูไม่พอใจมากขึ้น

"ซิน" ผมดึงมือซินให้หันมามองและส่ายหน้าน้อยๆ ให้เห็นว่าไม่ควรทำ ผมไม่ชอบใจเลยที่ซินทำตัวแบบนี้

"ก็อย่างที่เห็น ไวท์เป็นคนของฉัน" ผมเลิกคิ้วขึ้นเมื่อซินพูดต่อและจับมือผมไว้แน่น นี่มันเรื่องอะไรกัน หมายถึง ซินกำลังหมายถึงพวกเราเป็นเพื่อนกันใช่ไหม

ผมมองซินที่อยู่ๆ ก็เริ่มยิ้มอย่างที่ชอบทำพลางกอดคอผมอย่างสนิทสนม ผมเริ่มรู้สึกโล่งอกและดีใจที่ได้ยินแบบนั้น

"มันก็ไม่แน่หรอก ไวท์ไม่ใช่คนโง่" ผมมองอาจารย์ที่ยกยิ้มมุมปาก แบบที่หาได้ยาก พวกเขา ตกลงแล้วกำลังพูดถึงอะไรกัน

"เอ่อ..." ผมเหมือนกับใบ้กิน ผมไม่รู้จะพูดอะไรในสถานการณ์แบบนี้ ผมมองคนทั้งสองคนที่เงียบสงบ แต่รังสีที่แผ่ออกมาราวกับจะฆ่าฟัน

"กลับกันเถอะ เดี๋ยวต้องไปเรียนอีกนี่" ผมตกใจทันทีเพราะอยู่ดีๆ ก็ถูกซินดึงให้ลุกขึ้น

"เดี๋ยวสิ พวกเราเพิ่งมาเองนะ" ผมยื้อแขนของตัวเองไว้ แต่ก็สู้แรงซินไม่ได้เลยสักนิด

"ขอโทษนะครับอาจารย์ แล้วผมจะมาใหม่นะครับ"

ผมรู้สึกเหมือนตัวเองถูกลากออกมาอย่างรวดเร็ว ผมไม่เข้าใจเลย ทั้งสองคนรู้จักกันและไม่ชอบกันสินะ

"ซิน มันเจ็บนะ" ผมดึงแขนตัวเองออกทันทีที่ทำได้

"ไปที่นั่นบ่อยหรือเปล่า" ซินหันมาหาผมและพูดถามเสียงเข้ม

"ก็ไม่กี่รอบเอง ซินมีอะไรเหรอ รู้จักอาจารย์ได้ยังไง" ผมพูดถามด้วยความสงสัย

"ไม่ต้องถาม แค่จำไว้ว่าอย่าไปที่นั่นอีก"

"ไม่ได้หรอก อาจารย์เป็นคนดีนะซิน อาจารย์เคยช่วยผม..." ผมพูดเถียงซินที่เอาแต่ใจเหลือเกิน

หมับ!

แต่ผมก็ต้องตกใจทันที เพราะอยู่ดีๆ ซินก็ยื่นมือออกมาจับที่คอผมอย่างรวดเร็ว

"ซ.ซิน" ผมเรียกซินด้วยความตื่นตระหนกตกใจ มือที่เย็นเฉียบและสีหน้าที่นิ่งเฉยของซินนั้น ทำให้ผมกลัวจนไม่กล้าแม้แต่จะเปร่งเสียงออกมา

ซินจับล็อกคอผมด้วยมือเพียงข้างเดียว และใช้นิ้วไล่ไปตามสันกราม คาง พลิกหน้าผมเหมือนกำลังหาร่องรอยอะไรสักอย่าง

"ขอโทษนะ เจ็บหรือเปล่า เมื่อกี้เหมือนเห็นอะไรมาเกาะน่ะ" ซินเปลี่ยนสีหน้าจากน่ากลัวกลายเป็นยิ้มน้อยๆ และปล่อยมือจากคอผมทันที ผมใจเต้นรัว มองซินที่ยิ้มให้ผมด้วยความไม่เข้าใจ

"ทำให้กลัวหรอ กลัวมากไหม" ซินพูดและยื่นหน้าเข้ามาใกล้ เหมือนกำลังล้อเล่น

"ม.ไม่เป็นไร" ผมพูดและลูบคอตัวเองไปมา ผมยังไม่หายตกใจเลย ทำอะไรของเขากันนะ

ผมมองนาฬิกา ตอนนี้ก็ใกล้จะถึงเวลาเข้าเรียนแล้ว ผมเดินมาเรื่อยๆ มายังตึกเรียน พวกเราสองคนเดินมาเงียบๆ ผมไม่รู้ว่าควรจะถามซินถึงเรื่องของอาจารย์นาธัสอีกไหม เพราะผมกลัวซินจะโกรธผมอีก

"คือซิน..." แต่ผมที่พูดและหันไปมองซินด้านหลัง

ก็พบว่าซินไม่ได้อยู่ตรงนั้นอีกแล้ว

หัวข้อ: Re: In The Shadows ' เงาหลอน ซ่อนรัก ' [YAOI][#8 ความมืดที่เริ่มก่อตัว](12/2/61)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 12-02-2018 14:36:34
รอความจริงกระจ่าง  ต่อไป
หัวข้อ: Re: In The Shadows ' เงาหลอน ซ่อนรัก ' [YAOI][#8 ความมืดที่เริ่มก่อตัว](12/2/61)
เริ่มหัวข้อโดย: suck_love ที่ 12-02-2018 15:19:49
ลึกลับไปหมดเลย ทั้งินทั้งอาจารย์
หัวข้อ: Re: In The Shadows ' เงาหลอน ซ่อนรัก ' [YAOI][#8 ความมืดที่เริ่มก่อตัว](12/2/61)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 13-02-2018 02:22:40
อาจารย์เป็นผี ส่วนซินเป็นท่านยมฯ หรือป่าวนะ  :ruready
หัวข้อ: Re: In The Shadows ' เงาหลอน ซ่อนรัก ' [YAOI][#8 ความมืดที่เริ่มก่อตัว](12/2/61)
เริ่มหัวข้อโดย: Gloomy Sunday ที่ 13-02-2018 14:24:37
Shadows ที่ 9 ความรู้สึกที่ไม่เข้าใจ


ผมเดินมาตามทางเพื่อเข้าเรียนในช่วงบ่ายเพียงลำพัง มันอะไรกันนะ ซินหายไปไหนกัน ทำไมถึงไม่พูดอะไรกับผมเลย ผมรู้สึกเสียใจและกลัวอยู่ลึกๆ ในหัวใจ หรือว่าซินจะโกรธผม และไม่อยากเป็นเพื่อนกับผมแล้วนะ แต่ผมไม่เข้าใจเลย อาจารย์นาธัสทำให้ซินไม่ชอบใจงั้นเหรอ ผมจะทำยังไงดี

ผมเดินมาสักพัก และไม่นานก็ถึงห้องเรียนในวิชาคาบบ่าย ผมนั่งอยู่ในห้องสโลบจดบันทึกและฟังสิ่งที่อาจารย์ประจำวิชากำลังสอน ผมรู้สึกอยากจะร้องไห้ ผมฟังสิ่งที่อาจารย์กำลังพูดไม่รู้เรื่องเลยสักนิด เพราะใจของผมมันไม่ได้อยู่กับการเรียนเลยแม้แต่น้อย ซินอยู่ไหนกันนะ ทำไมถึงทิ้งผมไป

ผมที่สวมแว่นเพื่อเรียนนั้นก็รู้สึกอยากพักสายตาจึงถอดแว่นออกและหลับตาลง ผมรู้สึกโดดเดี่ยวอีกแล้ว นี่มันแค่วันแรกเองนะที่เราอยู่ด้วยกัน แต่ผมก็ทำมันพังซะแล้ว ถ้าเจอซินอีก ผมจะขอโทษซิน ผมไม่อยากให้ซินหายไปเหมือนคนอื่นๆ

ผมลืมตาขึ้นและมองไปหน้าห้องด้วยดวงตาพร่ามัว บนจอมอนิเตอร์กำลังฉายสิ่งต่างๆ ที่ผมกำลังเรียนอยู่ ห้องเรียนรอบๆ จึงปิดไฟมืดสลัวๆ เพื่อให้เห็นได้ชัดขึ้น

แกร่ก

ผมมองแว่นตาของผมที่ร่วงหล่นไปบนพื้น ผมคงเผลอไปปัดมันเข้า ผมขยับตัวทำท่าจะก้มลงเก็บแว่น แต่ผมที่ทำแบบนั้นก็ต้องชะงัก เพราะสายตาของผมดันเผลอไปมองเก้าอี้ริมสุดที่กำลังมีคนนั่งอยู่ ผมมองรอบๆ ตัวผมที่มีคนนั่งอยู่ประปราย ส่วนมากจะนั่งที่หน้าห้องเป็นส่วนใหญ่ และแถวที่ผมนั่งอยู่นั้น มีเพียงผมคนเดียว

ผมหรี่ตามองอีกครั้ง ตรงนั้นมีคนนั่งด้วยเหรอ คงจะเข้ามาทีหลัง ผมขยับตัว มือควานหาแว่นตาที่หล่นอยู่ให้เห็นใกล้ๆ เอาล่ะ ได้แล้ว

ผมจับแว่นเอาไว้ และเงยหน้าขึ้นมาเหมือนเดิม

พรึ่บๆ

"สักครู่นะคะนักศึกษา สงสัยไฟจะตก"

ผมมองไปรอบๆ ทันทีด้วยความตกใจ เพราะว่าทุกอย่างตอนนี้มันมืดไปหมด ผมเช็ดแว่นตาเพื่อจะสวมกลับไปใหม่อีกครั้ง

แต่ผมที่กำลังเช็ดแว่นนั้นก็ต้องตัวแข็งทื่อทันที เพราะว่าข้างๆ ผมตอนแรกที่ว่างเปล่านั้น ตอนนี้กลับมีเงาของคนนั่งอยู่ติดกับผม เมื่อไหร่กันนะ เป็นแบบนี้อีกแล้ว ไม่เอานะ ผมกลัว

ผมตัวสั่นน้อยๆ กำแว่นไว้ในมือ ตัวแข็งทื่อ ไม่กล้าหันไปมอง

"ซ.ซิน ซินอยู่ที่ไหน" ผมพูดเสียงสั่น เรียกเพื่อนเพียงคนเดียวของผม เวลาที่มีซินอยู่ผมก็จะมองแต่ซิน ไม่ได้สนใจสิ่งรอบตัว ทำให้ผมเจอสิ่งน่ากลัวน้อยลง แต่พอไม่มีซินอยู่ใกล้ๆ ผมก็จะเป็นแบบนี้อีกแล้ว ไม่เอาแล้ว ผมไม่อยากอยู่คนเดียว

ผมฟุบหน้าก้มลงกับโต๊ะด้วยความกลัว ผมเอามือกุมหัวตัวเองไว้ และอยู่กับความหวาดหวั่น ผมกลับมาเหมือนเดิมอีกแล้ว และผมคงจะเป็นแบบนี้ไปจนตาย

พรึ่บๆ

"เอาล่ะ ไฟมาแล้ว เราจะมาเรียนกันต่อนะคะ นักศึกษาตรงนั้น นอนในห้องไม่ได้นะคะ เพื่อนช่วยปลุกหน่อย" ผมยังคงฟุบอยู่กับโต๊ะ แสงสว่างรอบๆ ก็ทำให้รู้ว่าไฟติดแล้ว แต่ผมก็ยังไม่กล้าเงยหน้าอยู่ดี

"ไวท์ หลับหรือไง" ผมได้ยินเสียงเรียกเบาๆ จากข้างๆ ผม เป็นเสียงที่ผมคุ้นเคยดี เดี๋ยวนะ นี่มันเสียง...

"ซิน" ผมค่อยๆ เงยหน้าขึ้นอย่างกล้าๆ กลัวๆ สวมแว่นตาและมองให้ชัดๆ อีกที เป็นซินจริงๆ แปลว่าคนที่นั่งข้างๆ ผมตั้งแต่ไฟดับคือซินงั้นเหรอ

"มาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน" ผมพูดด้วยความโล่งใจ ผมดีใจมากจนเผลอจับมือซินเอาไว้

"ก็เรียกหาซินไม่ใช่เหรอ" ซินพูดและยิ้มน้อยๆ เหมือนที่ชอบทำ ผมหน้าขึ้นสีทันทีที่ได้ยินแบบนั้น มันแปลกๆ หรือเปล่านะ แปลว่าซินได้ยินที่ผมเรียกงั้นเหรอ

"ซิน แกล้งผมเหรอ ใจร้ายจัง" ผมพูดงอนๆ และมองซินที่กำลังหัวเราะน้อยๆ

"เห็นอะไรอีกแล้วหรือไง"

"ไม่มีอะไรแล้วล่ะ แล้วเมื่อกลางวันหายไปไหนเหรอ" ผมถามซินด้วยใบหน้าหมองเศร้า ผมไม่อยากให้ซินหายไปแบบนี้เลย

"มีเรื่องด่วนที่ต้องไปทำน่ะ"

"คราวหน้าอย่าหายไปแบบนี้ได้ไหม ถ้าจะไปไหนบอกผมหน่อยนะ" ผมอุ่นใจที่มีซินอยู่ข้างๆ ผมชอบเวลาที่ได้มองเห็นซิน แบบนี้ ปกติหรือเปล่านะ

"ไม่ไปไหนหรอก ไม่ต้องห่วง ไม่ปล่อยไปง่ายๆ หรอก" ซินพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังและยิ้มแบบที่ซินชอบทำ ผมยิ้มให้ซิน คำพูดถึงจะแปลกๆ แต่ว่า ผมก็รู้สึกดีใจเหลือเกิน

หลังเลิกเรียน ผมเดินออกมาจากห้องพร้อมกับซิน และเตรียมตัวที่จะกลับ ผมมองซินที่เดินนำหน้าผม ทุกย่างก้าวที่ได้เคียงข้างกันแบบนี้ มันทำให้ผมมีความสุขจริงๆ การได้มีใครสักคนในชีวิต ก็คงรู้สึกแบบนี้สินะ ขอให้ความรู้สึกนี้คงอยู่ตลอดไปด้วยเถอะ

"ซินเลิกเรียนแล้วจะไปไหนเหรอ"

"อยู่กับไวท์นั่นแหละ" ผมขมวดคิ้วมองซิน หมายความว่าไงกันนะ

"แต่ผมจะกลับห้องนะ เดี๋ยวตอนมืดต้องไปทำงานอีก"

"อยู่ด้วยไม่ได้เหรอ" ซินหยุดเดินและจ้องหน้าผม

"ได้สิ แต่ว่าห้องผมไม่มีอะไรหรอกนะ กลัวซินจะเบื่อเอา"

"ไม่เบื่อหรอก" ผมยิ้มน้อยๆ ถึงจะอายห้องก็เถอะ แต่ถ้าซินว่าแบบนั้นก็คงไม่เป็นไร

พวกเรากลับมาถึงหน้าร้านของคุณยาย ซึ่งตอนนี้ก็เย็นมากแล้ว ผมพาซินเข้ามาในร้านเพื่อที่จะบอกคุณยายว่าผมกลับมาแล้ว

แต่ภาพที่ผมเห็นเบื้องหน้าก็ทำให้ผมต้องตกใจ เพราะว่าคุณยายนั้นไม่ได้อยู่คนเดียว แต่มีคนสามคนอยู่ในร้านด้วย

"อ้าวไวท์กลับมาแล้วเหรอลูก ทำไมไม่มาพร้อมเพื่อนล่ะ"  คุณยายนั่งอยู่ที่เก้าอี้ไม้และทักผมทันทีที่เห็น

"มาช้านะไวท์ พวกเรามารอไวท์นานแล้ว" ผมหน้าเสียทันทีที่เห็นแมน ต้องและเต้ยกำลังกินขนมและนั่งอยู่รอบๆ ตัวคุณยาย

"พวกนายมาทำไม" ผมพูดและเดินเข้าไปหาคุณยายทันที พวกมันทำร้ายคุณยายหรือเปล่านะ แต่เมื่อผมมองดูคุณยายใกล้ๆ ก็พบว่าปกติดี

"คุยกันไปนะ เดี๋ยวยายไปดูขนมในครัวก่อน" คุณยายค่อยๆ ลุกขึ้นโดยมีต้องทำท่าประคองคุณยายและพาไปส่งหลังครัว

"นี่มึงคบกับมันจริงๆ เหรอ ถึงพามาที่บ้านขนาดนี้" แมนพูดหยาบทันทีที่คุณยายเข้าไปหลังครัวแล้ว

"ซินเป็นเพื่อนผม"

"เพื่อน? อย่าพูดให้ขำ ใครจะอยากเป็นเพื่อนมึง กูว่ามันต้องจ้องจะแดกมึงด้วยแน่ๆ" แมนพูดพลางหัวเราะขำๆ และจ้องมองซินที่กำลังยืนทำหน้าเฉยเมยเหมือนเคย

"พูดเรื่องอะไรน่ะ" ผมพูดอย่างเหลืออด ทำไมผมถึงจะต้องมาโดนเรื่องแบบนี้ด้วย เพราะผมอ่อนแองั้นเหรอ แล้วแบบไหนผมถึงจะปลอดภัยล่ะ

"มึงน่ะ เข้าหามันเพราะอะไรวะ มันไม่มีพิษมีภัยดีใช่ไหม ก็แค่เป็นโรคประสาท เผลอๆ ถ้าข่มขืนมัน ถึงมันจะไปบอกใครก็ไม่มีใครเชื่อมันหรอกใช่ไหม" ต้องพูดถามซิน ผมตัวสั่นทันทีที่ได้ยินแบบนั้น ข่มขืนเหรอ นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน

"ไอ้ต้อง มึงหุบปากไป" ผมมองเต้ยที่เดินเข้ามาหาผม

"อย่าไปฟังพวกมันมากเลย แต่ถ้าเป็นไปได้ สมยอมจะดีกว่านะ เต้ยไม่ค่อยชอบใช้กำลัง" เต้ยมองหน้าผมด้วยแววตาหวานเยิ้ม มันทำให้ผมรู้สึกแย่มากๆ

"ไวท์เป็นของฉัน" ผมมองซินที่อยู่ๆ ก็พูดขึ้นมา ทำให้สามคนนั้นทำท่าไม่พอใจและลุกขึ้นเดินเข้าไปล้อมซินไว้

"มึงพูดอะไรของมึง" เต้ยเข้าไปกระชากคอซินทันทีที่พูดจบ

"อย่า" ผมผลักเต้ยและยืนบังซินไว้เหมือนเดิม ผมไม่ยอมให้ซินเจ็บตัวแน่ๆ

"จะปกป้องไอ้ตุ๊ดนี่ไปถึงไหนวะ มึงจะทำอะไรพวกกูได้" แมนพูดและเดินมากระชากคอเสื้อผมแทน

"ไอ้แมน อย่านะโว้ย" เต้ยเดินมาแกะมือเพืิ่อนออกจากตัวผม

"กูไม่ทำเมียมึงหรอกน่า แต่แม่งหมั่นไส้ฉิบหาย" แมนพูดและมองหน้าผมสลับกับซิน

ผมมองซินที่ยังคงทำหน้าเบื่อๆ ที่ต้องอยู่ตรงนี้เหมือนเช่นเคย ดูซินจะไม่กลัวหรือไม่สนใจอะไรเลยมากกว่า

"ก็ดีแล้วมั้ง เมียมึงมีเพื่อนเป็นตุ๊ด มันคงไม่ทำอะไรหรอก" การที่ซินไม่มีปากเสียงหรือไม่สู้กับคนพวกนี้ มันทำให้ซินถูกดูถูกดูแคลนสารพัด แต่ก็เหมือนซินจะไม่แคร์อะไรเลย แบบนี้ก็ดีแล้ว ผมไม่อยากให้ซินเจ็บตัว หรือลดตัวลงไปแปดเปื้อน

"พวกนายกลับไปเถอะ" ผมพูดขอร้อง ผมไม่อยากให้คุณยายมีเรื่องทุกข์ใจ

"อย่าบอกนะว่าชอบมัน" เต้ยพูดและจับต้นแขนผมเอาไว้

"พูดเรื่องอะไรกัน" ผมถามเต้ยด้วยความไม่เข้าใจ

"มันเป็นใคร มันเพิ่งเจอไวท์ไม่กี่วันเองนะ พวกเราเรียนด้วยกันตั้งแต่ปีหนึ่งแล้วนี่" ผมอยากนะพูดเหลือเกินว่าถูกแกล้งตั้งแต่ปีหนึ่งแล้วต่างหาก

"ผมไม่ได้ชอบใครทั้งนั้นแหละ พอสักทีเถอะ" ผมพูดและดึงมือเต้ยออกจากแขน

"งั้นก็แล้วไป"

"อ้าวเด็กๆ มาเร็ว เอาขนมไปกินกันลูก" ทันทีที่เต้ยพูดจบ คุณยายก็ค่อยๆ เดินกลับมาที่หน้าร้านพอดี

ผมเดินไปหาคุณยายและช่วยประคองคุณยายที่เดินเข้ามา และพามานั่งลงที่เก้าอี้

"ขอบคุณครับคุณยาย แต่เพื่อนผมกำลังจะกลับแล้วครับ" ผมยิ้มให้คุณยาย ปกปิดสีหน้าทุกข์ใจไว้

"งั้นก็เอาไปแบ่งๆ กันนะลูก" ผมรับขนมจากคุณยายและยื่นให้พวกคนนิสัยไม่ดีสามคนเพื่อคุณยาย

"งั้นพวกผมไปก่อนนะครับ แล้วจะมาหาใหม่"

"ไวท์ เจอกันที่มอนะ" ผมหลบสายตาเต้ยและมองซินที่จ้องมองผมอยู่

หลังจากนั้น ผมช่วยคุณยายปิดร้านโดยมีซินที่ยืนเฉยๆ ไม่ได้ช่วยอะไรอยู่ข้างๆ เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยแล้วผมก็พาซินขึ้นมาบนห้องของผม

ผมสังเกตเห็นว่าซินจ้องมองประตูของผมด้วยความสนใจอยู่อีกเป็นพัก ก่อนจะยอมเดินตามผมเข้ามาในห้อง

"แคบ" ซินพูดทันทีที่เดินเข้ามา ซินพูดแบบนี้มาสองรอบแล้ว ผมจะงอนแล้วนะ

"ก็แคบไง เคยบอกแล้วนี่" ผมทำหน้าหงอยและนั่งลงกับฟูกด้วยความเหนื่อยอ่อน

"ชอบไอ้คนตัวขาวหน้าตี๋นั่นเหรอ" ผมตกใจเงยหน้ามองซินทันทีที่ได้ยินแบบนั้น หมายถึงเต้ยสินะ

"ไม่" ผมรีบปฏิเสธทันที "ทำไมถึงได้ถามแบบนั้น" ผมพูดต่อด้วยความไม่เข้าใจ

"มันชอบไวท์นี่ใช่ไหม แล้วไวท์ก็ไม่เห็นจะทำอะไรพวกมันที่ชอบแกล้งเลยนี่" ซินนั่งอยู่อีกมุมพิงผนังด้วยท่าทีสบายๆ

"ผมไม่ได้ชอบ ผมแค่ไม่อยากยุ่งด้วย" ผมพูดด้วยเสียงเคร่งเครียด ผมไม่ชอบเลยที่ซินคิดอะไรแบบนี้

"เกลียดผู้ชายด้วยกันเหรอ" ซินทำหน้าเจ้าเล่ห์ยิ้มน้อยๆ เหมือนทุกที

"เปล่า แต่ว่าผม...ไม่รู้" ผมไม่รู้ ขนาดจะมีเพื่อนสักคนยังยากเลย ผมไม่เคยมีความรัก ผมไม่รู้หรอกว่าผมคิดอย่างไรกับผู้ชายด้วยกัน

"อยากลองดูไหม" ผมตกใจทันทีที่ซินลุกขึ้นมาและเดินมานั่งลงตรงหน้าผม

ไอ้ที่บอกว่าลองนี่คือยังไง ผมไม่เข้าใจ ผมถอยหลังชิดผนังทันทีที่ซินยื่นหน้ามาใกล้ๆ ใกล้มากจนผมได้ยินเสียงลมหายใจ

"ค.คือว่า" ผมลนลานทำตัวไม่ถูก ผมจ้องมองซินที่กำลังหัวเราะในลำคอ ใบหน้าขาวสะอาด คิ้วเข้มๆ ที่ตัดกับผิวขาวนั้น ริมฝีปากสีชาดที่หยักสวย ขนาดผมเป็นผู้ชายยังแอบหวั่นไหวเลยล่ะ

"ซ.ซิน ชอบผู้ชายเหรอ" ผมเอียงหน้าหลบซิน และทำตัวลีบติดผนังมากที่สุดเท่าที่จะมากได้

"ฉันชอบมนุษย์" ผมหันหน้ามามองซินทันที ผมได้ยินเสียงเหมือนซินพูดแต่เบาเหมือนเสียงกระซิบ

"เมื่อกี้ ว่ายังไงนะ" ผมขมวดคิ้วถาม แต่ซินก็ไม่ได้ตอบคำถามของผม และเลื่อนหน้าเข้ามาใกล้มากขึ้นไปอีก

ผมวางมือทั้งสองข้างดันอกของซินไว้ เป็นคนที่ตัวใหญ่มาก ผมไม่รู้สึกว่าผมจะดันคนคนนี้ออกไปได้เลย นี่เอาจริงเหรอเนี่ย

"ซิน ไม่เอานะ" ผมก้มหน้างุด รู้สึกถึงผมหายใจร้อนที่เป่ารดข้างคอของผม ผมหน้าร้อนผ่าวทันที และหัวใจเต้นรัว ผมไม่เคยได้ใกล้ใครขนาดนี้เลย มันเป็นความรู้สึกที่แปลกประหลาดเหลือเกิน

"ผ.ผม หยุดเถอะ" ผมพูดเบาๆ และเกร็งตัวหลับตาแน่น มันแปลกมากที่ผมไม่ได้รู้สึกต่อต้านมากนัก อาจจะเป็นเพราะว่าเป็นซินสินะ ถ้าเป็นคนอื่น ผมคงทำทุกทางเพื่อหนีออกไปแล้ว

"ฮ่ะๆ ไวท์ตลกดี" ผมลืมตาขึ้น และมองเห็นซินนั่งพิงผนังอยู่ไกลๆ จ้องมองผมพลางหัวเราะชอบใจ นี่ไปอยู่ตรงนั้นเมื่อไหร่กันเนี่ย ผมก็คิดว่าซินจะ...ผมอายจัง

"ชอบแกล้งผม" ผมพูดและทำหน้าบูด

แต่แบบนี้ก็ดีแล้ว ผมรู้สึกเหมือนว่าเราเป็นเพื่อนกันจริงๆ ซึ่งมันทำให้ผมมีความสุขมาก แต่ไอ้ความรู้สึกลึกๆ ในหัวใจของผมมันคืออะไรกันนะ ตอนที่ซินหายไป ทำไมผมถึงรู้สึกแย่กว่าทุกๆ ครั้งที่ผมต้องเสียเพื่อนไป ถ้าพวกเรายังคงอยู่ด้วยกันแบบนี้ต่อไป

ผมจะได้รู้หรือเปล่านะ
หัวข้อ: Re: In The Shadows ' เงาหลอน ซ่อนรัก ' [YAOI][#9 ความรู้สึกที่ไม่เข้าใจ](13/2/61)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 13-02-2018 16:21:31
ถ้าไม่ใช่ท่านยม  ก็อาจเป็นพวกปีศาจที่บำเพ็ญตบะแก่กล้าก็เป็นได้  555  มโนไปเรื่อย
หัวข้อ: Re: In The Shadows ' เงาหลอน ซ่อนรัก ' [YAOI][#9 ความรู้สึกที่ไม่เข้าใจ](13/2/61)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 14-02-2018 02:13:30
ท่านยมซิน ช่วยจัดการไอ้ 3 ตัวนั้นด้วยนะ  :3125:
หัวข้อ: Re: In The Shadows ' เงาหลอน ซ่อนรัก ' [YAOI][#9 ความรู้สึกที่ไม่เข้าใจ](13/2/61)
เริ่มหัวข้อโดย: oki ที่ 14-02-2018 02:46:22
 :ling1: ซินขี้แกล้งนะเนี่ย
หัวข้อ: Re: In The Shadows ' เงาหลอน ซ่อนรัก ' [YAOI][#9 ความรู้สึกที่ไม่เข้าใจ](13/2/61)
เริ่มหัวข้อโดย: Gloomy Sunday ที่ 21-02-2018 11:08:06
Shadows ที่ 10 สิ่งที่อยู่เหนือความมืดทั้งปวง


ผมยังคงอยู่ในห้องของผม เตรียมตัวที่จะออกไปทำงานที่คลับอีกครั้ง ผมที่เข้าห้องน้ำมาเพื่ออาบน้ำและออกไปเมื่ออาบเสร็จ ก็พบว่าซินนั้นได้หายไปแล้ว โดยที่ไม่บอกผมอีกครั้ง

ผมเดินทางไปยังคลับด้วยความสงสัยในใจ ซินไปไหนของเขาอีกแล้วนะ แต่ถึงจะคิดแบบนั้น ซินก็ต้องมีที่ที่ต้องกลับไปเหมือนกัน จะให้มาตัวติดกับผมทั้งวันทั้งคืนมันคงเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว อย่าทำตัวให้ซินต้องรำคาญจะดีกว่า

"อ้าว มาแล้วเหรอ วันนี้ช่วยเสิร์ฟหน่อยนะ" ทันทีที่เข้ามาที่คลับ ผมก็ถูกรุ่นพี่พนักงานเรียกตัวทันที

"มีอะไรหรือเปล่าครับ" ผมมองสีหน้าของแต่ละคนที่ทำหน้าแปลกๆ เหมือนกำลังมีเรื่องเครียดๆ อะไรสักอย่าง

"ก็พี่โก้น่ะสิ ไม่รู้เป็นอะไร นั่งอยู่ข้างบนชั้นลอยตั้งแต่ก่อนเปิดร้านแล้ว ไม่ยอมพูดยอมจา สงสัยจะไม่สบาย" ผมมองขึ้นไปบนชั้นลอยมืดๆ พี่โก้ก็คือพี่เจ้าของคลับแห่งนี้ ถ้าพี่เขาจะไม่สบายจริงๆ ผมควรจะไปดูพี่เขาสักหน่อย

ผมค่อยๆ เดินขึ้นไปยังบันไดวนที่ทอดขึ้นไปสู่ชั้นสอง มันแปลกมากที่พี่เขาจะมาทำอะไรเงียบๆ คนเดียวแบบนี้ ปกติพี่โก้จะชอบเดินไปมาทั่วร้านเพื่อบริการลูกค้า เพราะพี่เขาเป็นคนอัธยาศัยดี คุยเก่ง และเป็นกันเองกับทุกคน

ผมเดินขึ้นมาเรื่อยๆ จนในที่สุดก็มาถึงชั้นบนจนได้ ผมมองไปด้านหน้า ไปยังโซฟาสีแดงที่มีคนนั่งอยู่ตรงนั้น แต่เดี๋ยวนะ

ผมขยี้ตาน้อยๆ ภายใต้กรอบแว่นหนาเพื่อให้มองเห็นได้ชัดขึ้น เพราะว่าตอนแรกนั้นมันเหมือนกับว่า มีคนสองคนนั่งอยู่ตรงนั้น แต่พอมองดูดีๆ อีกที ก็พบว่ามีเพียงคนคนเดียวที่นั่งอยู่ กำลังยกแก้วสีอำพันขึ้นดื่ม และมองตรงไปข้างหน้าอย่างเหม่อลอย

"พี่ครับ" ผมค่อยๆ เดินตรงไปหาพี่เจ้าของคลับ ที่ยังคงไม่ได้หันมามองผมแต่อย่างใด

"ทำไมถึงมานั่งอยู่คนเดียวละครับ พี่ไม่สบายหรือเปล่า" ผมเดินช้าๆ และเข้าไปนั่งคุกเข่าลงที่พื้น มองดูพี่เขาที่ยังคงไม่สนใจผมอีก

"พี่ครับ" ผมเรียกต่อไป และเหมือนว่าพี่เขาจะได้ยินผมแล้ว

พี่โก้ค่อยๆ หันหน้ามาหาผมช้าๆ ด้วยใบหน้าที่ทำให้ผมต้องตกใจ เพราะว่ามันเป็นใบหน้าของคนที่เหมือนกับไม่ได้นอน ตาดำลึกโหล และดูอิดโรย

"พ..พี่ครับ" ผมค่อยๆ ลุกขึ้นจากพื้นด้วยความตกใจ แต่ก็แค่ยืนออกห่างจากโซฟาเล็กน้อยเท่านั้น

"ไวท์" ผมมองพี่โก้ที่ค่อยๆ วางแก้วเหล้าลงด้วยมืออันสั่นเทา

"ค.ครับ" ผมตอบรับพี่โก้ที่เรียกชื่อผม

"เป็นยังไงบ้าง หายดีแล้วเหรอ" ผมค่อยๆ เดินกลับเข้ามาใกล้ขึ้นอีกนิด ผมนั้นคิดมากไปเองจริงๆ เพราะว่าพี่เขาก็ยังพูดจาปกติดี แต่คงจะเครียดอะไรอยู่เท่านั้น

"ครับ ผมไม่ได้เป็นอะไรครับ"

"เหรอ ก็ดีแล้วนะ"

"พี่ มีอะไรให้ผมช่วยหรือเปล่าครับ" ผมพูดด้วยความเป็นห่วง พี่เจ้าของคลับนั้นมีบุญคุณกับผม ถ้ามีอะไรที่พอจะช่วยได้ ผมก็อยากจะทำเต็มที่

"ไวท์ เรา เชื่อเรื่องผีหรือเปล่า" ผมชะงักทันทีที่ได้ยินแบบนั้น

"หมายความว่ายังไงเหรอครับ ทำไมอยู่ๆ ถึงพูดเรื่องนี้" ผมถามด้วยความสงสัย พี่โก้เริ่มตัวสั่นอีกทั้งๆ ที่อากาศก็ไม่ได้เย็นมากนัก

"ขอโทษนะที่ทำเหมือนไม่เคยเชื่อ แต่จริงๆ แล้ว ฉันรู้ ว่ามันมีอยู่จริง" ผมขยับตัวเข้าไปใกล้พี่โก้อีกนิด ผมอยากรู้ว่าทำไมพี่เขาถึงพูดเรื่องนี้ขึ้นมา พี่อยากจะบอกอะไรผมกันแน่

"มันยังมี สิ่งที่อยู่เหนือกว่าวิญญาณหรือผีสางพวกนั้นอีก มันมีพลังอำนาจ คอยล่อลวงเรา ให้เข้าไปสู่ความมืดมิดของจิตใจ ให้...ทุกอย่างที่เราต้องการ เพื่อ แลกกับ..." ผมขมวดคิ้วด้วยความสงสัยหนักขึ้นไปอีก

"แลกกับอะไร มันคือ อะไรเหรอครับ" ผมถามและตั้งใจฟังสิ่งที่พี่โก้กำลังจะพูด

"มัน..." แต่ผมที่ตั้งใจฟังอยู่นั้น อยู่ๆ พี่โก้ก็เหมือนกำลังจะพูดอะไร แต่ก็ไม่มีเสียงใดๆ เล็ดลอดออกมา ผมมองดูพี่โก้ที่กำลังลืมตาโพรงและทำปากพะงาบๆ ด้วยท่าทางน่ากลัว

"พี่ครับ พี่เป็นอะไรไป" ผมตกใจและรีบเข้าไปเขย่าแขนของพี่เขาทันทีที่เห็นแบบนั้น

"อย่า..เพิ่ง เอาผ.มไป" ผมตกใจมองพี่โก้ ที่อยู่ดีๆ ก็ก้มหน้างุดลงกับอก และเงียบไป

ผมอกสั่นขวัญแขวน ค่อยๆ เอื้อมมือเข้าไปแตะที่ไหล่ของพี่โก้เบาๆ

ครืดดด

ผมได้ยินเสียงอะไรแปลกๆ มันเป็นเสียงเหมือนกับโลหะที่กำลังครูดลากไปกับพื้น

ผมมองหาที่มาของเสียงนั้น และก็ต้องตกใจกับสิ่งที่เห็น ผมมองมือขวาของพี่โก้ที่กำลังกำมีดเล่มหนึ่งอยู่ มันมาจากไหนกันนะ เมื่อกี้ผมยังไม่เห็นเลย

ผมตกใจและค่อยๆ เลื่อนตัวถอยออกจากตรงนั้น พี่โก้ค่อยๆ เงยหน้าที่ก้มลงต่ำขึ้นมาช้าๆ ด้วยแววตาที่แดงก่ำดั่งสีเลือด

ฉึก!

มันเหมือนกับผมกำลังฝันร้าย ของเหลวสีแดงฉานสาดกระเด็นใส่หน้าผมทันทีที่ปลายแหลมของมีดนั้น ปักลงที่ลำคอของคนตรงหน้า มีดที่กระชากออกจากลำคอ ทำให้เลือดพุ่งออกมาสาดกระจายไปทั่วบริเวณ

ผมตัวชาด้วยความช็อค จ้องมองภาพตรงหน้าด้วยความหวาดกลัว

ฉึก! อ่อกก ฉึก!!!

ผมน้ำตาไหลออกมาช้าๆ ผมไม่รู้ว่าสิ่งที่กำลังเปียกอยู่บนใบหน้าของผมนั้นมันคือเลือดหรือหยาดน้ำตากันแน่ ผมจ้องมองคนตรงหน้าที่กำลังแทงปลายมีดลงที่ลำคอของตัวเองหลายครั้งจนเลือดพุ่งไหลนองเต็มไปหมด

มือทั้งสองข้างยังคงกำมีดจนแน่น และแทงอยู่อย่างนั้นจนดวงตาเลื่อนลอยและปากที่กระอักของเหลวสีแดงออกมาอีกมากมายด้วยความทุกข์ทรมาน

ผมกลัวจนตัวสั่นและไม่อาจทำสิ่งใดได้นอกจากนั่งนิ่งค้างอยู่ตรงนั้น สิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้มันช่างหนักหนาเกินกว่าที่ผมจะรับได้ ผมลูบหน้าตัวเองที่ไหลย้อยเหม็นคาวไปด้วยเลือด และรู้สึกว่าทุกสิ่ง กำลังดับวูบลง

"ไวท์"

ผมกระพริบตาน้อยๆ สู้แสงจ้าที่สาดส่องมาจากนอกหน้าต่าง นี่ผม อยู่ที่ไหนกันนะ ผมหันไปมองตามเสียงเรียกนั้นและก็พบว่าซินกำลังจับมือผมเอาไว้ และนั่งอยู่ข้างๆ เตียงของผม

ผมที่เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าก่อนหน้านี้เกิดอะไรขึ้น ก็ลุกพรวดขึ้นทันทีด้วยความหวาดกลัว ผมเริ่มร้องไห้อีกครั้งด้วยความรู้สึกที่ผสมปนเปกันไปหมด ผมเสียใจที่ไม่สามารถช่วยพี่โก้ไว้ได้ และรู้สึกพะอืดพะอมกับกลิ่นคาวเลือดจนแทบอยากจะอ้วกออกมา

นี่มันเรื่ิองอะไรกัน คนแบบพี่โก้นั้น มันเป็นไปไม่ได้ มันดูไม่ปกติ และสิ่งที่พี่เขาพูดก่อนที่จะตาย มันคืออะไรกันแน่ พี่อยากจะบอกอะไรผมกัน

"ไม่เป็นไรแล้วนะ" ผมมองหน้าซินและโผเข้ากอดซินเอาไว้แน่น ผมนั้นกลัวเหลือเกิน เป็นใครก็คงรับไม่ไหวหรอกแบบนี้

"ไม่ต้องกลัว ซินอยู่นี่แล้ว" ซินพูดเบาๆ และลูบหลังผมอย่างปลอบประโลม

ผมหลับตาอยู่ในอ้อมกอดนั้น รู้สึกอบอุ่นไปทั้งร่างกายและหัวใจ ผมรู้สึกดีขึ้นมากจริงๆ ที่มีซินอยู่ข้างๆ

"เมื่อคืนไปไหนมาเหรอ" ผมถามซินเบาๆ

"ไปทำธุระน่ะ ขอโทษนะที่ไม่ได้บอก" ผมพนักหน้าน้อยๆ เพื่อบอกว่าไม่เป็นไร

"ผมไม่เข้าใจเลย ทำไมอยู่ดีๆ พี่เขาถึง..." ผมพูดและเหมือนจะร้องไห้อีกครั้งอย่างปวดใจ

"พี่เขาป่วยน่ะ เดี๋ยวถ้าตำรวจเข้ามาถาม ก็บอกความจริงไปนะ แต่ไม่ต้องห่วง ไวท์จะไม่ถูกสงสัยหรอก เพราะลายนิ้วมือบนมีด มีแต่ของเขาเท่านั้น" ซินพูดและลูบเช็ดน้ำตาให้ผมเบาๆ

"พวกเขาคงจะคิดว่าผมทำ" ผมพูดเบาๆ บอกซิน

"ซินเชื่อไวท์อยู่แล้ว ไวท์ไม่ได้ทำอะไรผิด" ผมจับมือซินแน่นขึ้น ขอบคุณนะ ผมรู้สึกดีขึ้นมากจริงๆ

หลังจากถูกสอบปากคำอยู่นาน ตำรวจก็เหมือนจะจนด้วยหลักฐาน ผมจึงไม่ได้ถูกเป็นผู้ต้องสงสัย ทั้งๆ ที่ผมเป็นคนคนเดียวที่อยู่ในเหตุการณ์นั้น ทุกสิ่งทุกอย่างยังคงติดตาและหลอกหลอนผม ทำให้ผมรู้สึกผิด และเศร้าเสียใจตลอดเวลา

ผมที่ไม่ได้เป็นอะไรมาก ก็ขอกลับบ้านเพื่อกลับมานอนพักที่ห้อง วันนี้ผมคงไม่ได้ไปเรียน และผมก็ไม่อยากอยู่คนเดียว ผมขอให้ซินพาผมกลับ และขอให้อยู่เป็นเพื่อนผม จนกว่าผมจะนอนหลับไป

"ซิน" ผมที่นอนอยู่บนฟูกนั้นก็จับมือซินที่นั่งอยู่ข้างๆ

"ว่าไง" ซินก้มลงพูดกับผมด้วยรอยยิ้มน้อยๆ

"อย่าทิ้งผมไปนะ" ผมพูดและกำมือซินแน่นขึ้นอีกนิด ผมทำแบบนี้มันแปลกหรือเปล่านะ พวกเราเป็นเพื่อนกันใช่ไหม ผมคงไม่ได้ทำอะไรผิดไปนะ

ผมมองซินที่ส่ายหน้าน้อยๆ และค่อยๆ นอนลงข้างๆ ผม

"พวกเราจะอยู่ด้วยกันตลอดไป ไม่ต้องกลัว ไม่ให้หนีไปไหนหรอก" ผมขมวดคิ้วน้อยๆ อย่างไม่ค่อยเข้าใจ ที่ซินพูดคงหมายถึง ซินจะไม่ทิ้งผมไปสินะ

พวกเรานอนจ้องตากันสักพัก ผมรู้สึกว่า เพื่อนกันเขาก็ทำแบบนี้กันสินะ ห่วงใย และอยู่ด้วยกันเสมอ เป็นความรู้สึกที่ดีจริงๆ

"นอนเถอะ" ซินพูดเบาๆ และเกลี่ยไรผมที่แก้มของผม

"ถ้าผมตื่นขึ้นมา ผมจะเจอซินใช่ไหม" ผมพูดเบาๆ ด้วยดวงตาที่หรี่ลง

"แน่นอน"

ผมที่ได้ยินคำตอบนั้นก็อมยิ้มและหลับตาลงอย่างเป็นสุข
หัวข้อ: Re: In The Shadows' เงาหลอน ซ่อนรัก '[Y][#10สิ่งที่อยู่เหนือความมืดทั้งปวง](21/2/61)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 21-02-2018 14:22:47
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: In The Shadows' เงาหลอน ซ่อนรัก '[Y][#10สิ่งที่อยู่เหนือความมืดทั้งปวง](21/2/61)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 22-02-2018 03:08:50
อะไรทำให้ตอนทำถึงขั้นแทงตัวเองจนตาย ทั้ง ๆ ที่ไม่อยากจะตาย  :really2:
หัวข้อ: Re: In The Shadows' เงาหลอน ซ่อนรัก '[Y][#10สิ่งที่อยู่เหนือความมืดทั้งปวง](21/2/61)
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 22-02-2018 12:13:26
 :L2: :pig4: :pig4: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: In The Shadows' เงาหลอน ซ่อนรัก '[Y][#10สิ่งที่อยู่เหนือความมืดทั้งปวง](21/2/61)
เริ่มหัวข้อโดย: Gloomy Sunday ที่ 27-02-2018 10:53:30
Shadows ที่ 11 อ้อมกอดแห่งฝันร้าย


ผมค่อยๆ ลืมตาขึ้นช้าๆ ภายในห้องนอนเล็กๆ ของผม นี่ผมหลับไปนานแค่ไหนกันนะ ผมรู้สึกว่า ตัวผมเริ่มจะอาการดีขึ้นแล้ว การได้พักผ่อนสมองและร่างกายทำให้ผมเริ่มที่จะกลับไปเป็นปกติ

แต่ผมที่นอนมองเพดานอยู่นั้น ก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่า ซินล่ะ ซินอยู่ที่ไหน ผมลุกขึ้นนั่ง พลางหรี่ตามองไปรอบๆ ห้องที่มืดสลัว เพื่อมองหาคนที่ผมอยากจะพบเมื่อยามตื่นนอน

"มองหาใครอยู่เหรอ" ผมหันหน้าไปตามเสียงที่ดังขึ้นด้านหลัง และก็พบว่าซินนั้นไม่ได้ไปไหนจริงๆ แต่นั่งอยู่ที่มุมห้องข้างฟูกที่นอน

ผมยิ้มน้อยๆ ให้ซิน ขอบใจนะที่อยู่เป็นเพื่อนผมตามที่ผมร้องขอ ผมรู้สึกดีใจที่ผมไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวอีกแล้ว

"ขอบคุณนะที่..อึ่กก!" ผมตกใจทันทีที่อยู่ดีๆ ซินก็เคลื่อนตัวเข้ามาหาผมอย่างรวดเร็ว ด้วยสีหน้าแววตาที่เปลี่ยนไปฉับพลัน และยื่นท่อนแขนสีขาวซีดมาบีบที่คอผมอย่างแรงจนผมร้องออกมา

ผมจับมือของซินที่แข็งราวกับคีมเหล็กและพยายามดิ้นให้ตัวเองหลุดออกจากการจับกุมนี้

"ซ.ซิน ท.ทำไม" ผมพยายามเปร่งเสียงและหายใจอย่างสุดกำลัง ทำไมกัน ทำไมถึงทำร้ายผม

"รีบมา อยู่ด้วยกันนะ ไวท์" เสียงของคนตรงหน้าเริ่มแปลกไป กลายเป็นเสียงที่เหมือนดั่งเสียงคำรามที่น่ากลัว  ผมมองภาพตรงหน้าด้วยหัวใจที่แทบหยุดเต้น

ใบหน้าที่แสนหล่อเหลาของซินนั้น ค่อยๆ กลายเป็นสีดำที่เหมือนดั่งมีเปรวเพลิงกำลังลุกไหม้ และดวงตาที่กำลังแปรเปลี่ยนไปเป็นสีแดงฉานที่แสนน่ากลัว

"อย่า!!!" ผมร้องตะโกนออกมาด้วยความกลัว ทันทีที่สิ่งน่ากลัวตรงหน้าเคลื่อนตัวเข้ามาใกล้ ร่างกายของผมก็ร้อนราวกับอยู่ในกองเพลิงของนรกโลกันต์

"ไวท์!"

ผมสะดุ้งสุดตัว ลืมตาขึ้นและผลักคนที่กำลังชะโงกมองผมด้วยความตกใจ ผมคลานไปที่มุมห้อง และกอดตัวเองไว้ด้วยแขนที่สั่นเทา

"ไวท์ เป็นอะไรไป ฝันร้ายเหรอ" ผมค่อยๆ มองไปตามเสียงเรียก และก็พบว่าคนที่เรียกผมอยู่ก็คือซินนั่นเอง

"ซ.ซิน" ผมมองซินด้วยความหวาดหวั่น แต่ก็พบว่าซินกำลังจ้องมองผมและยิ้มน้อยๆ

"เสียใจนะ ฝันร้ายแล้วมาทำร้ายกันซะได้" ซินพูดและค่อยๆ ขยับตัวมาใกล้ผมอีกนิด

ผมมองซินที่ใส่เสื้อเชิ๊ตสีดำตัวเดิม และกำลังหัวเราะขำท่าทางของผม นี่ผมตื่นแล้วจริงๆ ใช่ไหม สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อกี้มันคือความฝันอย่างนั้นเหรอ แต่ว่ามันน่ากลัวและเหมือนจริงมาก มากจนผมเผลอกลัวซินจริงๆ

"ซินจริงๆ เหรอ" ผมพูดถามซินเบาๆ ซึ่งนั่นก็ยิ่งทำให้ซินหัวเราะไปใหญ่

"ไวท์นี่ตลกดีนะ ก็ต้องซินสิ พิสูจน์ก็ได้นะ" ซินพูดและค่อยๆ เคลื่อนตัวเข้ามาหาผมช้าๆ ภาพในความฝันที่ทับซ้อน มันทำให้ผมเกร็งตัวทันทีที่ซินเข้ามาใกล้

ซินขยับตัวเข้ามาช้าๆ และค่อยๆ ดึงตัวผมให้ออกมาจากมุมห้อง พลางอ้าแขนโอบกอดผมเอาไว้

ผมชะงัก และทำตัวแข็งทื่อต่อไปด้วยความตกใจผสมแปลกใจ ไอ้เรื่องแบบนี้น่ะ มันแปลกจริงๆ และผมก็เริ่มที่จะรู้สึกแปลกๆ เหมือนกัน

ผมที่อยู่ในอ้อมกอดของคนตรงหน้านั้น ก็เริ่มที่จะหายกลัวแล้ว ผมแตะเบาๆ ที่ลำตัวของซินที่กำลังกอดผมอยู่

สัมผัสของซิน กลิ่นของซิน นี่เป็นตัวของซิน เป็นสิ่งที่ผมสัมผัสได้ ไม่ใช่สิ่งน่ากลัวที่ผมเห็น ผมแค่เครียดและคิดมากไปเองเท่านั้น

ผมเริ่มหัวใจเต้นไม่เป็นส่ำ หน้าขึ้นสีน้อยๆ และคิดว่าผมควรจะบอกให้ซินปล่อยตัวผมได้แล้ว แต่ผมที่คิดแบบนั้น ก็เลือกที่จะไม่พูดมันออกไป และอยากจะอยู่ในอ้อมกอดนี้ ให้นานขึ้นอีกสักนิดยังดี

แต่ผมที่อยู่ในอ้อมกอดของซินนั้น ก็ต้องขมวดคิ้วน้อยๆ มองดูรอยสักที่คอของซิน จะว่าไปผมก็เพิ่งเห็นมันเป็นครั้งแรก ซินก่อนหน้านี้ มีรอยสักแบบนี้ด้วยเหรอ

ผมค่อยๆ เอื้อมมือไปแตะที่รอยสัก ด้านข้างลำคอของซินเบาๆ มันเป็นรูปที่ผมเหมือนจะเคยเห็นมันมาก่อน มันเหมือนกับเป็นรูปตัวบวก ไม่สิ ไม้กางเขน แต่มันกลับ กลับหัวลง

"จักจี้นะ" ซินพูดและก้มมองผม ยื่นหน้ามาใกล้จนผมต้องขืนตัวไว้

"ปล่อยได้แล้ว" ผมพูดเบาๆ และพยายามทำหน้าเรียบๆ ทั้งที่ในใจเต้นรัว

"เชื่อหรือยัง" ผมพยักหน้าหงึกๆ อย่างว่าง่าย

"ไอ้วิธีพิสูจน์แบบนี้น่ะ เก็บไว้ใช้กับสาวๆ เถอะ" ผมพูดและดันตัวซินออกเบาๆ

ซินไม่ได้พูดอะไรแต่กำลังยิ้มและจ้องมองผมเหมือนทุกที

"คืนนี้ ไปกับซินนะ"

"ไปไหนเหรอ" ผมขมวดคิ้วมองซินด้วยความสงสัย

"หางานให้ไวท์ไง" ผมมองซินที่พูด และยิ้มออกมาด้วยรอยยิ้มที่ผมไม่ค่อยชอบเอาซะเลย

ผมเข้ามาอาบน้ำล้างเนื้อล้างตัวก่อนที่จะเตรียมตัวออกไปข้างนอก ผมในตอนนี้นั้นควรจะทำอะไรต่อไปดีนะ ผมรู้สึกเหมือนชีวิตผมได้เจออะไรแปลกๆ มากขึ้นทุกที การตายของพี่โก้นั้นมันดูไม่เป็นธรรมชาติ ผมสัมผัสได้ถึงความกลัวของพี่เขา ก่อนที่จะตาย ผมกำลังเผชิญอะไรอยู่กันแน่นะ

ผมฟอกสบู่เบาๆ ไปตามร่างกายของผม พลางมองดูเงาตัวเองในกระจก ตอนนี้ร่างกายของผมนั้นผอมเหลือเกิน อาจเป็นเพราะผมเครียดบ่อยและกินข้าวน้อยมาก ถ้าขืนยังเป็นแบบนี้ต่อไป ผมจะต้องล้มป่วยแน่ๆ

ผมฟอกสบู่ไปเรื่อยๆ ไปตามท่อนแขนของผม ผมไม่ค่อยได้สังเกตตัวเองมากนัก แต่เมื่อครั้งที่ไปหาอาจารย์นาธัส ผมก็เพิ่งรู้ตัวว่าบนตัวผมมีตราประหลาดๆ ประทับอยู่ มันอยู่ที่ตรงท้องแขน ผมต้องพลิกดูดีๆ ถึงจะเห็น...

เดี๋ยวก่อน...ไม่ ไม่มี...มันหายไปแล้ว

ผมล้างสบู่และพลิกแขนไปมาดูอีกหลายรอบ และก็พบว่า มันได้หายไปแล้วจริงๆ ผมถอนหายใจอย่างโล่งอก แบบนี้ถือเป็นเรื่องดีสินะ

"อาบนานเกินไปแล้วนะ" ผมสะดุ้งทันทีที่ได้ยินเสียงซินอยู่ใกล้ๆ ซินน่าจะกำลังพิงประตูห้องน้ำของผม

"จะเสร็จแล้วล่ะ" ผมรีบล้างตัวและจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยก่อนจะนุ่งผ้าเช็ดตัวออกไป

ผมออกจากห้องน้ำ เดินเลี่ยงซินที่ยืนขวางหน้าประตู และเลือกหาเสื้อผ้าที่แทบจะมีไม่กี่ตัว

"ที่ที่เราจะไป เป็นที่แบบไหนเหรอ" ผมถามเพื่อที่ผมจะได้แต่งตัวให้เหมาะสม

"ก็แนวๆ บาร์กลางคืนนั่นแหละ ใส่เชิ๊ตสีขาวตัวนี้สิ เหมาะกับไวท์ดีนะ"  ซินพูดและเดินมาเลือกเสื้อให้กับผม

"อีกแล้วเหรอ ผมไม่ค่อยถูกกับที่แบบนั้นเลย" ผมทำหน้าหงอยๆ

"ไม่ต้องกลัว ที่นั่นน่ะ รู้จักซินกันทั้งนั้น ไวท์จะได้ทำงาน และผลตอบแทนก็ดีสุดๆ เลยล่ะ" ผมถอนหายใจ และก็คิดว่า เวลาแบบนี้ผมคงเลือกไม่ได้เท่าไหร่นัก

"แล้วเราจะไปยังไงกันเหรอ" ผมถามพลางสวมเสื้อและซินก็จับมือผมให้ผมยืนนิ่งๆ เพื่อติดกระดุมให้ผม

"เดี๋ยวแต่งตัวเสร็จแล้วลงไปข้างล่าง ซินจะออกไปโทรให้เพื่อนมารับ" ซินพูดและเดินออกไปจากห้อง

ผมถอนหายใจอย่างโล่งอก นึกว่าจะอยู่ช่วยผมใส่กางเกงซะแล้ว

ไม่นานผมที่ทำทุกอย่างเรียบร้อยแล้วก็เดินลงไปเพื่อไปหาซิน และผมที่ลงมาถึงถนนหน้าร้านนั้นก็พบว่าซินกำลังยืนพิงรถคันหนึ่งที่จอดดับเครื่องอยู่

ฟืดดดดด!

ผมสะดุ้งตกใจทันทีที่รู้สึกถึงอะไรแปลกๆ ที่ข้างคอของผม และก็ต้องพบว่า มีคนคนหนึ่งยืนอยู่ที่ด้านหลังและกำลังดมตัวผมอยู่

"ใครน่ะ!" ผมก้าวถอยหลังหนีจากคนแปลกๆ ทันทีด้วยความตกใจ

"ว้าววว สุดยอด ไม่เคยเจออะไรแบบนี้เลย" ผมรีบเดินไปหลบหลังซิน คนที่อยู่ตรงหน้านี้ผมไม่เคยเห็นมาก่อน เขาเป็นเพื่อนซินงั้นเหรอ แต่ความสูงและตัวใหญ่ของเขาก็ทำเอาผมกลัวไปเลย

"สวัสดีหนุ่มน้อย ไม่ต้องกลัว ฉันเป็นเพื่อนของซิน" ผมขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจ หนุ่มน้อยอย่างนั้นเหรอ

"อย่าแกล้งไวท์สิ ไวท์น่ะขี้กลัวจะตาย" ซินพูดและยิ้มให้ผม หนอย ใช่สิ ผมมันขี้ขลาดนี่

"ไปกันเถอะ" ผู้ชายคนนั้นหัวเราะน้อยๆ และขึ้นไปนั่งที่ที่นั่งคนขับ

ผมดึงมือซินที่ทำท่าจะไปนั่งด้านหน้า ให้มานั่งกับผมด้านหลังแทน และซินก็ตามใจผม ยอมขึ้นมาที่ด้านหลัง

"แหม ถูกทำเหมือนเป็นคนขับรถซะแล้ว ใจร้ายจัง" คนน่ากลัวคนนั้นตัดพ้อพลางหัวเราะต่อไป

"ขับไปเถอะ" ผมมองซินที่ออกคำสั่งกับเพื่อนด้วยสีหน้าเรียบๆ

"ซิน แน่ใจแล้วเหรอ" แต่อยู่ดีๆ เพื่อนของซินก็หยุดหัวเราะและถามซินด้วยเสียงเครียดๆ

"อยากจะพิสูจน์อะไรบางอย่าง" ซินพูดตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉยดังเดิม

ผมมองเพื่อนของซิน สลับกับซินด้วยความรู้สึกแปลกๆ และไม่เข้าใจสิ่งที่ทั้งสองคนกำลังพูดเลยสักนิด

ไอ้ที่ที่ผมกำลังจะไปนั้น มันมีอะไรกันแน่นะ
หัวข้อ: Re: In The Shadows' เงาหลอน ซ่อนรัก '[Y][#11 อ้อมกอดแห่งฝันร้าย](27/2/61)
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 27-02-2018 21:50:31
 :hao7:
ยิ่งอ่าน ยิ่งหลอน
หัวข้อ: Re: In The Shadows' เงาหลอน ซ่อนรัก '[Y][#11 อ้อมกอดแห่งฝันร้าย](27/2/61)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 27-02-2018 22:50:47
 :pig4: :pig4: :pig4:

ยังมิอาจคาดเดาได้ 

จะปีศาจที่บำเพ็ญตบะมานานตามแนวนิยายจีน

หรือจะอะไรที่เกี่ยวกับนรกสวรรค์

ก็มิอาจมั่นใจ
หัวข้อ: Re: In The Shadows' เงาหลอน ซ่อนรัก '[Y][#11 อ้อมกอดแห่งฝันร้าย](27/2/61)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 28-02-2018 03:43:10
พิสูจน์เรื่องอะไรหว่า  :confuse:
หัวข้อ: Re: In The Shadows' เงาหลอน ซ่อนรัก '[Y][#11 อ้อมกอดแห่งฝันร้าย](27/2/61)
เริ่มหัวข้อโดย: Gloomy Sunday ที่ 06-03-2018 14:13:30
Shadows ที่ 12 วังวนแห่งความมืด


ผมยังคงนั่งอยู่ภายในรถ เพื่อมุ่งหน้าไปยังสถานที่ที่ซินบอกว่าผมจะสามารถทำงานได้ ผมมองซินที่นั่งนิ่งๆ ข้างๆ ผมด้วยสีหน้าเรียบเฉย และมองไปยังกระจกรถที่ตอนนี้มีไอน้ำเกาะอยู่จนฝ้ามัว ไม่สามารถมองเห็นภายนอกได้ ภายในรถคันนี้ มันทำให้ผมรู้สึกหนาวเย็นยะเยือกไปทั้งร่างกายและจิตใจอย่างบอกไม่ถูก

"ซิน ที่ที่พวกเรากำลังไป มันอยู่ที่ไหนงั้นเหรอ" ผมถามซินด้วยเสียงแผ่วเบา

"เราใกล้จะถึงแล้ว" ผมขมวดคิ้วมองซิน นั่นไม่ใช่คำตอบที่ผมอยากรู้สักหน่อย

และไม่นานนัก รถที่วิ่งมาเงียบๆ ก็หยุดลงและประตูที่เปิดออกทันทีก็ทำให้ผมตกใจ ผมลงมาจากรถเงียบๆ มองไปรอบๆ ด้วยสีหน้าที่ปิดไม่มิดถึงความสงสัย

ที่นี่มันแปลก...

ผมมองไปรอบๆ สถานที่ที่เหมือนกับเป็นซอยเปลี่ยวติดกับท่าเรือ ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดๆ ในสายตาของผม มีแต่เพียงแสงไฟจากโคมไฟที่ส่องสว่างสีนวลอยู่ในความมืดที่เงียบสงัด ผมค่อยๆ ถอดแว่นออกและเช็ดด้วยชายเสื้อของผม และสวมมันอีกทีด้วยความแปลกใจ ที่นี่มันที่ไหนกันนะ

"มาสิ" ผมเดินตามซินและเก็บทุกสิ่งที่สงสัยไว้ในหัวใจก่อน ผมไม่คิดว่าสถานที่แบบนี้จะมีคนเข้ามาใช้บริการหรอกนะ

ผมเงยหน้ามองตึกเก่าๆ ตรงหน้า ตึกที่ดูเหมือนไม่มีอะไร และมีประตูไม้สีแดงปิดอยู่ ผมเดินตามซินที่เปิดประตูเข้าไปช้าๆ

และทันทีที่เข้ามาด้านใน ผมมองทางเดินสีดำที่มีแสงจากเชิงเทียนน้อยๆ ตามทาง ทอดนำไปสู่โถงภายในที่ตบแต่งด้วยสีเลือดหมูและสีดำสลับกัน มีผ้าม่านเก่าๆ ตบแต่งตามผนัง มีบาร์และโต๊ะนั่งดื่มวางเป็นจุดๆ ตะเกียงเล็กๆ บนโต๊ะนั้นกำลังสั่นไหวน้อยๆ ทันทีที่พวกเราเดินผ่าน

ผมตอนแรกที่มองไปรอบๆ บาร์อย่างสนใจตอนนี้กลับต้องก้มหน้าลงกับพื้น เพราะว่าเสียงของคนที่กำลังพูดคุยกันอยู่ตอนนี้นั้นอยู่ดีๆ ก็เงียบสงัด และทุกคนที่อยู่ที่นี่ต่างกำลังจับจ้องมายังผม จนทำให้รู้สึกขนลุกซู่ไปทั้งตัว

"ไวท์" ผมเงยหน้าขึ้นน้อยๆ จ้องมองซินที่กำลังเรียกผมเบาๆ

"ไปที่บาร์กันเถอะ มีคนที่อยากแนะนำให้รู้จัก" ผมพยักหน้าน้อยๆ และเดินตามซินอย่างว่าง่าย หลบสายตาคนในชุดดำหลายคนที่กำลังมองมาเงียบๆ อย่างน่ากลัว

"สวัสดีโอนเนอร์ พาเพื่อนมาฝาก ช่วยหางานให้เขาหน่อยสิ" ผมค่อยๆ เงยหน้ามองคนตรงหน้า ที่กำลังจ้องมองผมอย่างพินิจพิจารณา เป็นชายวัยกลางคนที่มีหนวดสีดำ และมีแววตาแข็งกร้าวที่น่ากลัว

แต่อยู่ดีๆ คนที่กำลังทำสายตาดุดันนั้นก็หัวเราะออกมาเหมือนกับคนแก่ใจดีธรรมดาๆ ทำเอาผมตกใจหมด

"ฮ่าๆ ยอดเยี่ยม ดีเลย กำลังขาดคน" ผมยิ้มออกมาน้อยๆ และมองซินที่กำลังยิ้มให้ผมเช่นกัน

"ตีตราแล้วหรือ"

"น่าเสียดาย"

ผมขมวดคิ้วมองผู้ชายสองคนที่กำลังซุบซิบกันเบาๆ และจ้องมองผมไม่วางตา

"ไวท์" ผมหันมองซินที่กำลังยกแก้วสีอำพันขึ้นจิบ

"วันนี้ก็ดูๆ งานไปก่อนนะ อยู่กับโอนเนอร์ไม่เป็นไร"

"ซิน จะไปไหนงั้นเหรอ" ผมยื่นมือไปจับมือของซินไว้และทำสีหน้าลำบากใจ มันเป็นสถานที่แปลกๆ ที่ผมกลัวเหลือเกินถ้าต้องอยู่คนเดียว

"ไม่ได้ไปไหนหรอก ซินแค่จะไปคุยกับเพื่อนๆ" ซินพูดและยิ้มน้อยๆ มองผม

ผมค่อยๆ ปล่อยมือซินและมองซินที่เดินหายไปด้านหลังเงียบๆ

"เธอ ชื่อไวท์งั้นเหรอ" โอนเนอร์หนวดครึ้มถามผมด้วยรอยยิ้มใจดี

"ครับ" ผมกลืนน้ำลายลงคออย่างฝืดเคือง

"ไม่ต้องเกร็งไป ที่นี่คนกันเองทั้งนั้น" โอนเนอร์พูดบอกผม และเรียกให้ผมเข้าไปด้านหลังเคาน์เตอร์

"ที่นี่ลูกค้าไม่ต้องจ่ายเงิน เธอแค่รินสิ่งที่พวกเขาต้องการดื่มก็พอ" โอนเนอร์บีบไหล่ผมเบาๆ และสอนผม

"ถ้าไม่ต้องจ่ายเงิน แล้วร้านจะได้อะไรเหรอครับ" ผมพูดถามด้วยความสงสัย

"ที่นี่ไม่ได้อยู่ได้เพราะเงินหรอกหนุ่มน้อย"

"เป็นองค์กรหรือสวัสดิการบางอย่างแบบนั้นหรือเปล่าครับ" ผมถามสิ่งที่น่าจะเป็นไปได้

"หัวไวมาก" โอนเนอร์ยิ้มน้อยๆ และตบบ่าผมเบาๆ

"พวกเรามีหน้าที่แค่ให้บริการเท่านั้น อย่าลืมซะล่ะ"

"ครับ" ผมพยักหน้าและมองไปรอบๆ ด้วยความโล่งใจ ทุกอย่างคงไม่ยากเกินกว่าที่ผมจะทำหรอก

"เธอ"

ผมมองตามเสียงเรียกและเดินมาหาคนที่นั่งลงที่เคาน์เตอร์บาร์และประสานมือเท้าคางมองผม เป็นผู้หญิงผมหยิกที่ดูสวยแต่แต่งหน้าประหลาด ริมฝีปากสีแดงของเธอช่างทำให้รอยยิ้มดูน่ากลัว

"เธอเป็นคนของซินงั้นเหรอ" ผมขมวดคิ้วน้อยๆ ให้คำถามนั้น

"ผมเป็นเพื่อนของซินครับ" ผมพูดตอบทันที แต่หลังจากสิ้นเสียงของผมนั้น ทั่วทั้งบาร์ก็มีแต่เสียงหัวเราะดังขึ้น

ทุกคนต่างจ้องมองผม และหัวเราะอย่างขบขันจนทำให้ผมรู้สึกไม่ดีเอาซะเลย

"เขาดีกับเธองั้นเหรอ" ผู้หญิงคนเดิมพูดกับผมและยังคงหัวเราะน้อยๆ อย่างชอบใจ

"ครับ เขาดีกับผมมากๆ" ผมพูดด้วยเสียงแน่วแน่ มีเรื่องอะไรน่าขำกันนะ

"แปลก" หญิงสาวคนนั้นพูดต่อ

"แปลกยังไงเหรอครับ" ผมถามด้วยความสงสัย

"ไม่สิ เธอต่างหากที่แปลก มันเหลือเชื่อจริงๆ" หญิงสาวคนนั้นยื่นมือเข้ามาแตะเบาๆ ที่คางของผม ด้วยเล็บสีแดงที่ยาวจนน่ากลัวของเธอ

"ถ้าเป็นคนอื่น คงตายไปแล้ว" ผมขมวดคิ้วและถอยหลังหนีเล็บมือของเธอ

"ผมไม่เข้าใจ" ผมพูดและมองโอนเนอร์ที่กำลังกระแอมไอเสียงดังอยู่ข้างหลังผม

อะแฮ่ม!

"วันนี้รับอะไรดีมาดาม" ผมหลบทางให้โอนเนอร์ที่เดินมารับหน้าแทนผม

"เหมือนเดิมค่ะ แล้วก็ ยินดีที่ได้รู้จักนะ พ่อหนุ่ม" หญิงสาวคนนั้นยิ้มให้ผม และไม่ได้พูดอะไรต่อ

ผมยืนอยู่ที่นั่นสักพักเพื่อหัดทำงานและรับลูกค้า ผมนั้นเริ่มที่จะทำได้แล้ว เพราะโอนเนอร์ใจดีและสอนผมหลายๆ อย่าง แต่พวกคนที่เข้ามาดื่มนั้น ผมไม่เข้าใจเลย ทำไมคนพวกนั้นถึงจ้องมองผมด้วยความสนใจขนาดนั้น บางคนก็ทำหน้าตาตกตะลึง บางคนก็ทำหน้าตาน่ากลัว แต่คนส่วนมากก็ยิ้มให้ผมอย่างเป็นมิตร

แต่ผมที่ยืนทำงานอยู่นั้นก็เริ่มมองหาซินที่หายไปนานเหลือเกิน ผมรู้สึกเหงาทุกครั้งที่ไม่มีซินอยู่ข้างๆ การที่ได้มีซินเข้ามาในชีวิตนั้น มันทำให้ผมมีความรู้สึกหลากหลาย  ผมอยากรู้จักซินให้มากกว่านี้ และเมื่อคิดถึงซินมากขึ้น ผมก็จะเผลอคิดถึงอ้อมกอดของซินในวันนี้ และมันทำให้ผมรู้สึกดีและหัวใจเต้นผิดจังหวะเลยทีเดียว

ผมมองดูโอนเนอร์ที่กำลังพูดคุยกับลูกค้าและค่อยๆ เดินลัดเลอะออกมาจากเคาน์เตอร์ เดินไปยังด้านหลังที่ซินนั้นหายไป

ผมเปิดผ้าม่านสีแดงเลือดหมูที่ปิดบังประตูไว้ มันเป็นทางเดินยาวลึกที่ช่างมืดเหลือเกิน ด้านหลังนั้นน่าจะเป็นทางเดินไปห้องน้ำสินะ แต่มืดแบบนี้ใครจะกล้าเดินไปกัน

ผมมองไปยังขวามือของประตู และก็เพิ่งเห็นว่ามันมีบันไดทอดขึ้นไปด้านบน คล้ายๆ กับคลับที่ผมเคยทำงานนั่นเอง

ผมเดินขึ้นไปยังบันไดสีดำ มองหยากไย่ที่ปกคลุมเชิงเทียน ทำให้ทางเดินยิ่งดูน่ากลัวเมื่อเปรวเทียนพลิ้วปลิวขยับน้อยๆ และในที่สุด ผมก็เดินขึ้นมาถึงด้านบนจนได้

ผมมองไปตามโซฟาสีดำที่มีกลุ่มคนหลายกลุ่มกำลังนั่งอยู่ แต่มันแปลกตรงที่พวกเขากำลังพูดคุยกันด้วยเสียงกระซิบ แทนที่จะพูดออกมาปกติ นี่มันที่ชุมนุมอะไรกันนะ

ผมมองไปรอบๆ เพื่อมองหาซิน เผื่อว่าซินจะอยู่บนนี้ด้วย และเมื่อผมเห็นคนที่ผมคุ้นตาแล้ว แต่ภาพตรงหน้ากลับทำให้ผมต้องหยุดชะงัก

ผมค่อยๆ ขยับเท้าเดินผ่านผู้คนที่กำลังพูดคุยกันด้วยเสียงกระซิบ ไปยังที่นั่งด้านในที่มีเพื่อนของผมนั่งอยู่ เพื่อนเพียงคนเดียวของผมที่ตอนนี้กำลังโอบกอดผู้หญิงผมยาวสีดำ และอีกด้านก็ยังมีผู้หญิงผมสั้นผิวขาวซีดนั่งอยู่ และกำลังกอดซินเอาไว้พลางจูบซินที่คอที่มีรอยสักนั้น ทั้งสามคนกำลังคลอเครียกันอย่างไม่สนอะไรหรือใครที่อยู่แถวนี้เลย

"อ่าว ไวท์ งานเป็นไงบ้าง" ซินพูดพลางโอบผู้หญิงคนนั้นและหอมแก้มเธออย่างรักใคร่

"ก็ดี" ผมพูดและค่อยๆ เดินมานั่งตรงที่นั่งว่างๆ ตรงหน้าซิน

ผมจ้องมองซินด้วยความไม่เข้าใจ แต่จริงๆ ผมก็เคยคิดอยู่ว่าคนหน้าตาดีแบบซิน ก็คงจะนิสัยแนวๆ นี้สินะ แต่ว่าทำไมกันนะ ผมรู้สึกไม่ชอบใจกับสิ่งที่เห็นเลยสักนิด มันทำให้ผมรู้สึกอ่อนแรงลงอย่างน่าประหลาด

"เธอ หล่อจังเลยนะ" ผู้หญิงผมยาวที่ซินกำลังกอดอยู่นั้น ค่อยๆ เคลื่อนตัวออกจากซินและนั่งลงข้างๆ ผม พลางยื่นมือเขามาลูบที่แก้มผมเบาๆ

ผมมองซินที่กำลังยิ้มน้อยๆ และยกเหล้าขึ้นดื่ม นายชอบอะไรแบบนี้งั้นเหรอ

"ผมก็แค่ คนธรรมดา" ผมพูดและจับมือหล่อนเอาไว้ ไม่ให้แตะตัวผมไปมากกว่านี้

"ใครบอกกัน เธอน่ะ ไม่ใช่อะไรแบบนั้น" ผู้หญิงตรงหน้าเคลื่อนตัวเข้ามาหาผมอีกนิด และยื่นหน้าเข้ามาจนจมูกของเธอนั้นอยู่ใกล้กับแก้มของผมจนรู้สึกแปลกๆ

"ฉันอยากได้เขา ยกให้ฉันเถอะ" หล่อนพูดและหันไปหาซินที่กำลังยิ้มน้อยๆ มองผมเช่นเคย

"เขาเป็นของฉัน" ผมมองซินที่พูดและจ้องมองผมด้วยแววตาที่เหมือนกำลังหัวเราะ

ผมเริ่มรู้สึกขุ่นมัวมากขึ้น ผมไม่ชอบใจ และไม่ชอบคำพูดแนวๆ นี้เลย ผมไม่ใช่ตัวตลกนะซิน

"ผมไม่ใช่ของของใครทั้งนั้น" ผมพูดออกมาอย่างหนักแน่น ด้วยแววตาที่เริ่มแข็งกร้าว จนทำให้คิ้วของซินชิดกันอย่างแปลกใจ

"ไวท์ เป็นอะไรไป" ซินวางแก้วลงและลุกขึ้นมานั่งอีกด้านหนึ่งของผม

"พาผมกลับ ผมอยากกลับ" ผมพูดและลุกขึ้นทันที ผมไม่รู้ว่าทำไมแต่ผมไม่ชอบ ผมไม่อยากอยู่ตรงนี้ต่ออีกสักวินาทีเดียว

"ไวท์ โกรธอะไรกัน" ผมเบือนหน้าหนีคนตรงหน้า

"ผมไม่ได้โกรธ" ผมพูดเบาๆ

"ไวท์ อย่าใจร้ายนักสิ พวกเราเป็นเพื่อนซิน เราก็อยากเป็นเพื่อนไวท์ด้วย" ผู้หญิงผมสั้นลุกขึ้นและดึงผมให้นั่งลงตามเดิม

"ซินเล่าว่าเธอไม่เคยมีเพื่อน น่าสงสารจังเลยนะ ให้พวกเราเป็นเพื่อนเธอเถอะ"

ตอนนี้ซินกลับไปนั่งที่เดิมแล้ว และผู้หญิงทั้งสองคนก็มานั่งข้างๆ ผมแทน

ไม่รู้ว่าทำไม แต่ผมรู้สึกถึงอะไรบางอย่างในแววตาของพวกเธอ มันทำให้ผมไม่เชื่อ ว่าพวกเธอจะคิดแบบนั้นจริงๆ

"ผมไม่เป็นไร" ผมพูดและเริ่มทำใจให้สงบลง

"ไวท์ ดื่มสิ มันจะทำให้เธอรู้สึกดีขึ้น" ผมมองแก้วที่มีของเหลวสีอำพันอยู่ด้านในที่ถูกหยิบยื่นให้ สิ่งนี้น่ะเหรอที่จะทำให้ผมรู้สึกดี

"ผมไม่ดื่มหรอก" ผมพูดและวางแก้วนั้นลงตามเดิม

"เป็นอย่างที่บอกใช่ไหมล่ะ" ซินพูดและส่งสายตาให้ผู้หญิงทั้งสองคนที่กำลังทำสีหน้าขบขัน หมายถึงอะไรกันนะ

"ไวท์นี่ล่ะก็ คิดมากไปได้ คนกินเหล้าใช่จะเป็นคนไม่ดีซะเมื่อไหร่ คนที่ไม่กินเหล้า เป็นคนเลวก็ถมไป" เธอพูดและชูแก้วไปมาตรงหน้าผม

"เธอพูดถูกแล้ว อย่าตัดสินใครด้วยเรื่องนี้เลย แต่ผมก็คิดว่าถ้าเลี่ยงได้ก็ดีนะ มันก็ไม่ได้มีผลดีกับร่างกายเท่าไหร่" ผมพูดและจ้องมองซินที่กำลังจ้องมองผมเช่นกัน

"ไวท์ตลกดี" ผู้หญิงผมยาวเอาคางวางบนไหล่ผมและกอดแขนผมเอาไว้แน่น

"ใช่ไหมล่ะ" ซินพูดพลางหัวเราะน้อยๆ

"อยากได้จริงๆ เลยนะ" ผู้หญิงผมยาวพูดเบาๆ และจ้องมองผมเขม็งจนผมต้องเลื่อนตัวหนี

"อย่าแม้แต่จะคิด" เสียงพูดของซินเหมือนเสียงคำรามขู่

"ล้อเล่นหรอกน่า ฉันคงสู้รบตบมือด้วยไม่ไหวหรอก" ผู้หญิงคนนั้นปล่อยตัวผมและกลับไปนั่งข้างๆ ซินตามเดิม ผมได้แต่ขมวดคิ้วจ้องมองอย่างไม่เข้าใจ พูดเรื่องอะไรกันนะ

และผมก็ต้องเบือนหน้าหนีภาพตรงหน้าด้วยความรู้สึกสับสนข้างในหัวใจ ผู้หญิงผมยาวคนนั้นกำลังโน้มคอซินเข้ามาและบรรจงจูบลงที่ริมฝีปากนั้น

"อยากทำแบบนั้นบ้างไหมล่ะ รู้สึกดีนะ" ผมมองผู้หญิงผมสั้นที่ยังคงนั่งเท้าคางจ้องมองผมด้วยความสนใจ

"ไม่ล่ะ ขอโทษนะ" ผมพูดและเหลือบมองซินด้วยความรู้สึกเศร้าหมองในหัวใจ ทำไมกันนะ

ทำไมผมถึงต้องเศร้าขนาดนี้

หัวข้อ: Re: In The Shadows' เงาหลอน ซ่อนรัก '[Y][#12 วังวนแห่งความมืด](6/3/61)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 06-03-2018 16:02:02
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: In The Shadows' เงาหลอน ซ่อนรัก '[Y][#12 วังวนแห่งความมืด](6/3/61)
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 06-03-2018 17:07:22
o16  o2
หัวข้อ: Re: In The Shadows' เงาหลอน ซ่อนรัก '[Y][#12 วังวนแห่งความมืด](6/3/61)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 07-03-2018 03:17:02
ท่าทางซินคงไม่ใช่ท่านยมฯ แล้วละ ถ้าจะเป็นปิศาจ หรือไม่ก็ซาตานที่หลอกให้คนลุ่มหลงในตัณหาโดยแลกกับวิญญาณหรือเปล่านะ  :confuse:
หัวข้อ: Re: In The Shadows' เงาหลอน ซ่อนรัก '[Y][#12 วังวนแห่งความมืด](6/3/61)
เริ่มหัวข้อโดย: Gloomy Sunday ที่ 07-03-2018 11:53:50
Shadows ที่ 13 ลวงหลอกและล่อลวง


ผมนั้นไม่สมควรที่จะอยู่ตรงนี้อีกต่อไป ผมลุกขึ้นจากที่นั่ง เดินลงไปยังชั้นล่าง ไปยังเคาน์เตอร์ที่ผมทิ้งงานมา ผมไม่อยากอยู่ตรงนั้นต่ออีกแล้ว ผมไม่อยากเห็นอะไรแบบนั้นอีกแล้ว

"ขอโทษที่หายไปนานครับ" ผมพูดขอโทษโอนเนอร์ที่ยืนนิ่งๆ มองลูกค้า หัวใจของผมมันยังคงเต้นอย่างเจ็บปวด ความรู้สึกแบบนี้มันคืออะไรกันนะ แต่ถึงแม้ซินจะทำแบบนั้น ผมก็ยัง...

"ผม...ขอถามได้ไหมครับ...เรื่องของซิน" ผมพูดเบาๆ และไปยืนข้างๆ โอนเนอร์

"ได้สิิ" โอนเนอร์พูดและจ้องมองผม

"ซิน เป็นคนยังไงเหรอครับ" ผมถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง

"เธอคิดว่าเขาเป็นยังไงล่ะ" แทนที่จะตอบ แต่โอนเนอร์กลับถามผมแทน

"ผมไม่รู้ว่าจริงๆ ซินเป็นคนแบบไหน ผมเคยคิดว่ามันไม่สำคัญอะไร ขอแค่ซินอยู่ข้างๆ ผมก็พอ และซินก็ทำแบบนั้น ซินอยู่กับผมเสมอเวลาที่ผมต้องการเขา" ผมพูดและยิ้มออกมาอย่างเศร้าๆ

"ตอนนี้คนที่เธออยากให้อยู่เคียงข้าง กำลังร้อนรนมากเชียวล่ะ" ผมจ้องหน้าโอนเนอร์ด้วยสีหน้าสงสัย

"ซินน่ะเหรอครับ ร้อนรนเรื่องอะไรกัน"

"เหมือนจะเป็นเรื่องยากที่จะทำให้สีขาว ที่ขาวที่สุดนั้นแปดเปื้อนไปด้วยโคลนที่โสมม" ผมขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ

"อะไรที่เป็นสีขาว ก็ต้องเปื้อนง่ายไม่ใช่เหรอครับ" ผมพูดด้วยความฉงน

"ฮ่ะๆ นั่นไม่ใช่กับทุกอย่างที่เป็นสีขาวหรอกนะ...ไวท์ และไม่แน่ว่า สีที่ดำสนิทนั้นเอง อาจค่อยๆ กลายเป็นสีที่สว่างขึ้น" ผมยิ้มน้อยๆ ให้โอนเนอร์ที่กำลังลูบหัวผมเบาๆ ผม ไม่เข้าใจที่โอนเนอร์พูดเลยสักนิด แต่ว่า ก็คงเป็นเรื่องดีใช่ไหม

"ไปกันเถอะ ไวท์" ผมมองซินที่มาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ กำลังจ้องมองหน้าผมสลับกับโอนเนอร์ด้วยสีบึ้งตึงน้อยๆ

"แล้วเจอกันนะครับ ขอบคุณที่สอนผม" ผมบอกลาโอนเนอร์และเดินตามซินที่เดินอย่างรวดเร็วไปยังทางออก

ภายนอกตัวบาร์แห่งนี้ยังคงเป็นเหมือนเดิม มันเหมือนกับท่าเรือมืดๆ และเงียบสงบ ผมเดินไปที่รถที่พวกเรานั่งมาและก็ต้องสงสัยว่าพี่คนตัวสูงที่ขับรถให้พวกเราตอนแรกนั้นหายไปไหนซะแล้ว

ผมขึ้นมานั่งที่เบาะหลังเงียบๆ เช่นเดิม ผมรู้สึกไม่อยากมองหน้าซินตอนนี้

"ไวท์ มานั่งข้างหน้าสิ" ซินที่นั่งลงตรงที่นั่งฝั่งคนขับนั้นก็หันมามองผม

"ขอโทษนะ แต่ผมอยากเอนนอนสักหน่อย" ผมพูดและเอนตัวลงนอนเงียบๆ ไม่ยอมไปตามที่ซินบอก

แต่ผมที่นอนอยู่สักพักนั้น ก็รู้สึกถึงบางสิ่งที่กำลังค่อยๆ กดน้ำหนักลงบนตัวผมช้าๆ ผมตกใจมองซินที่กำลังขยับตัวมาค่อมตัวผม

"คือ..." ผมตกใจดันอกซินไว้และถึงกับพูดไม่ออกเลยทีเดียว

"ตั้งแต่ในร้านแล้ว ไวท์ดูไม่ร่าเริงเลย" ซินยื่นมือมาลูบแก้มผมเบาๆ ด้วยสีหน้าเป็นกังวล

"ผมแค่รู้สึกไม่ค่อยสบาย สงสัยจะยังไม่หาย" ผมหันหน้าหนีมือของซิน หลบสายตาไม่ยอมมองคนตรงหน้า

"หรือไวท์จะไม่ชอบที่นั่น" ซินพูดและทำหน้าเคร่งขรึม

"เปล่า ไม่ใช่แบบนั้น"

"หรือจะไม่ชอบเพื่อนของซิน" ซินพูดต่อและทำสีหน้าสงสัย

"แค่เพื่อนจริงๆ เหรอ ผมมองยังไง ผู้หญิงคนนั้นก็เหมือนแฟนซินมากกว่า" ผมพูดเบาๆ และรู้สึกเกลียดตัวเองที่พูดอะไรแบบนั้น

"แฟน งั้นเหรอ" ซินทวนคำพูดผมและหัวเราะน้อยๆ

"ก็ซิน กับผู้หญิงคนนั้น.จ.จูบกัน" ผมรู้สึกแปลกๆ มันเหมือนกับผมกำลังทำตัวงี่เง่าอยู่ แล้วทำไมผมถึงทำแบบนี้ ทำไมถึงพูดแบบนี้

"งั้นเหรอ แต่ว่าไม่ใช่หรอกนะ" ผมหันมองซินด้วยความแปลกใจ

"ไม่ใช่แล้วทำไมถึง..." ผมถามเสียงเบา

"งั้น...ถ้าซินจูบไวท์ตอนนี้ จะได้ไหม" ซินไม่พูดเปล่าแต่กำลังค่อยๆ ยื่นหน้าเข้ามาใกล้มากขึ้น กดน้ำหนักลงบนตัวผม จนผมตกใจ

ก็อกๆๆ

ผมสะดุ้งตกใจและผลักซินออกจากตัวทันทีที่เห็นคนยืนเกาะกระจกและเคาะเสียงดัง

"เอ่อ คงไม่ได้มารบกวนอะไรใช่ไหม" ผมมองพี่คนที่ขับรถมาให้พวกเราตอนแรก

"ไวลี่" ซินพูดและจ้องมองคนตัวสูงผมตั้งที่ยังคงหัวเราะชอบใจอยู่ เขาชื่อไวลี่งั้นเหรอ คงเป็นคนต่างชาติสินะ

"คือ..ว่า..." ผมขยับตัวนั่งดีๆ และรู้สึกอายมาก แต่ถึงพี่คนนี้จะไม่ได้โผล่มาละก็ ผมก็คิดจะปฏิเสธจูบนี่อยู่แล้ว

"อย่าถือสาเลยไวท์ ซินก็เป็นแบบนี้ประจำอยู่แล้ว ฮ่าๆ" ผมชะงักเล็กน้อยทันทีที่ได้ยินแบบนั้น นั่นสินะ เพราะว่าซินก็คงทำแบบนี้กับคนอื่นไปทั่ว

"พูดมากน่า มาแล้วก็ขับไปส่งที" ซินหันออกไปนอกหน้าต่างอย่างอารมณ์เสีย

ในที่สุดผมก็กลับมาถึงห้องของผม และซินก็ขอตัวกลับไปพร้อมพี่ไวลี่เช่นกัน ผมที่อาบน้ำเตรียมตัวเข้านอน ก็นั่งลงอย่างอ่อนแรง พลางคิดถึงสิ่งที่เพิ่งเกิดไปได้ไม่นาน

ผมนั้นรู้สึกสงสัยในตัวเองมากๆ ว่าผมคิดยังไงกับซินกันแน่ ผมยังไม่ค่อยแน่ใจ อาจจะเป็นเพราะซินนั้นเป็นเพื่อนคนแรกของผม เป็นคนที่ใกล้ชิดผมที่สุดในตอนนี้ จึงอาจทำให้ผมหวั่นไหวลึกๆ ในหัวใจ

แต่ทำไมกันนะ เวลาที่ผมเห็นซินกอดคนอื่นนั้น ผมรู้สึกกลัวเหลือเกินว่าซินจะเห็นคนอื่นสำคัญกว่าผม แบบนี้แปลว่าผมชอบซินใช่ไหม หรือแค่กลัวที่จะต้องโดดเดี่ยวอีกครั้ง กลัวที่จะเสียซินไป



ในวันต่อมา ผมที่ลงจากรถก็เดินเข้ามหาวิทยาลัยเหมือนเช่นเดิมทุกวัน ไม่รู้ว่าซินจะมาหรือยังนะ แต่เดี๋ยวก็คงเจอกันที่ห้องเรียนนั่นแหละ ผมเดินไปเรื่อยๆ ตามเส้นทางที่คุ้นเคย มีรถไม่เยอะนักที่กำลังแล่นผ่านไปมา และผู้คนที่กำลังเดินสวนกัน...

"แก" ผมตกใจทันทีที่อยู่ๆ ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งเข้ามายืนขวางหน้าผม

"ครับ" ผมพูดตอบด้วยคิ้วที่ขมวดมุ่น

"ไม่คิดจะไปงานศพผัวฉันหน่อยเหรอ" ผู้หญิงคนนั้นพูดด้วยแววตาที่เหมือนกับผ่านการร้องไห้มาเป็นเวลานานจนบวมช้ำ และผมรู้ได้ในทันทีจากคำพูดนั้นว่าเธอคือใคร

"ขอโทษครับ แต่ผมจะไปแน่นอน ผมกำลังหาทางจะติดต่อพี่ๆ ที่ทำงานที่ร้านเพื่อถามเขาอยู่เหมือนกัน" ผมรีบตอบด้วยความรู้สึกผิด แต่ผมไม่ได้โกหกหรอกนะ เพราะผมคิดแต่แรกแล้วว่าผมควรจะไป แต่ก็กลัวเหลือเกินถ้าหากจะต้องไปคนเดียว วันนี้จึงคิดว่าจะชวนซินไปถามหาข้อมูล และไปงานศพด้วยกันตอนมืด

ผมมองแววตาที่ดูเกลียดชังผมและเหมือนกับกำลังคิดแค้นเคืองอยู่ในใจ แต่ผมคงจะว่าอะไรพี่เขาไม่ได้ เพราะว่าผมนั้นเป็นคนเดียวที่อยู่ในเหตุการณ์เลวร้ายนั้น

"แกมันปิศาจ แกเป็นคนฆ่าเขา" เธอพูดและน้ำตาไหลออกมาช้าๆ

ผมหัวใจสั่นไหว นั่นสินะ ใครๆ เขาก็คงคิดแบบนั้น ตอนนี้ข่าวความเป็นตัวซวยของผมคงแพร่สะพัดไปมากขึ้นกว่าเดิมแล้ว

"ผมขอโทษที่ช่วยพี่เขาไว้ไม่ได้" ผมพูดและยื่นมือเข้าไปหาหวังเพื่อจะปลอบประโลมคนตรงหน้า

เพี๊ยะ!

หน้าของผมหันน้อยๆ ไปตามแรงที่ถูกตบ ผมตัวสั่นด้วยความเสียใจ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ต้องเจ็บปวด ชีวิตของผม มีแต่ต้องทนรับสิ่งเหล่านี้ไว้

"ถึงตำรวจจะเอาผิดแกไม่ได้ แต่จำเอาไว้ ฉันรู้ว่าแกทำ แกกับพวกภูติผีปิศาจที่แกเลี้ยงเอาไว้ แก ต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้แน่นอน" เธอพูดและจ้องมองผมด้วยความโกรธแค้น

"คืนนี้ ฉันต้องเห็นแกในงาน ไอ้สารเลว" เธอถ่มน้ำลายลงพื้นและเดินจากไปอย่างรวดเร็ว

ผมยืนอยู่ตรงนั้นด้วยหัวใจที่หมองหม่น ก้าวเดินต่อไปเงียบๆ ไปตามทางเดินที่ดูเคว้งคว้างว่างเปล่า

"ได้ยินข่าวไหม เจ้าของร้านที่มันไปทำงานตายสยองเลยนะเว้ย"

"ใครอยู่ใกล้ๆ มันไม่มีใครตายดีสักคน"

"ตัวซวย"

"อย่าไปสบตามัน"

ผมข่มหัวใจให้หยุดสั่น และกำมือแน่นก้าวขาต่อไปด้วยความอ่อนแรง แต่ผมที่เดินอยู่นั้นก็รู้สึกว่าด้านหลังของผมนั้นมันเจ็บ และหัวของผมก็เช่นกัน

ผมมองกลับไปยังทางที่ผมเดินมา และก็พบว่ามีหลายคนกำลังแกล้งปาก้อนหินใส่ผม

ผมสะกดกลั้นความเจ็บปวดเอาไว้ ความจริงนั้นผมไม่ได้เจ็บกายเลยสักนิด แต่หัวใจของผมมันช่างเจ็บปวดเหลือเกิน

ผมก้มตัวลงช้าๆ หยิบก้อนหินก้อนเล็กๆ ที่อยู่ตรงปลายเท้าของผมขึ้นมา

'ขว้างออกไปสิ ขว้างใส่พวกมัน'

ผมขมวดคิ้วจ้องมองก้อนหินในมือ เสียงกระซิบที่แผ่วเบา ดังก้องไปมาอยู่ในโสตประสาทของผม ราวกับเสียงสะท้อนที่บอกให้ผมทำสิ่งที่ควรทำ

'ทำให้พวกมัน เจ็บปวด เหมือนที่นายต้องเจ็บปวด'

ผมมองก้อนหินในมืออย่างเลื่อนลอย และค่อยๆ กำมันเอาไว้แน่น พลางหันไปมองพวกที่แอบตามเสา พวกที่แกล้งผม

'ใช่ มองพวกมัน โกรธแค้นพวกมัน และทำร้ายมัน ทำให้มันเจ็บ'

ผมค่อยๆ ก้าวเดินย้อนกลับไป และกำหินในมือไว้จนแน่น แววตาของผมสั่นน้อยๆ เมื่อหยุดยืนตรงหน้ากลุ่มคนที่ทำให้ผมเจ็บปวด พวกเขายิ้มและเดินออกมาหาผมอย่างหาเรื่องและไม่เกรงกลัวผม

"ทำไม หรือมึงอยากได้ก้อนใหญ่กว่านี้" ผู้ชายผิวคล้ำผลักอกผม และเดินเข้ามาใกล้อย่างหาเรื่อง

'ผลักมันกลับสิ แล้วต่อยมันซะ ทำให้มันรู้ว่านาย ไม่ใช่คนที่จะยอมให้มันรังแก'

มือของผมสั่นน้อยๆ และยังคงจ้องหน้าอันตพาลตรงหน้า ผมกำมือแน่นและเดินไปหาผู้ชายคนนั้นใกล้ขึ้นอีกนิด คนที่ผลักอกผม

"เดี๋ยวนี้มึงกล้า..."

ผมค่อยๆ ยกมือที่กำแน่นขึ้นช้าๆ และ

"อย่าเล่นอะไรอันตรายแบบนี้อีก ผมเจ็บนะ ถ้าโดนแรงๆ อาจจะเลือดออกได้" ผมวางมือลงบนไหล่ของผู้ชายตรงหน้า ที่ตอนนี้กำลังขมวดคิ้วมองผมด้วยความงงงวย

ผมกลับหลังและเดินออกมาจากตรงนั้น มองก้อนหินในมือและโยนมันทิ้งไป

โดยที่ผมไม่ได้รับรู้เลยว่า การกระทำของผมนั้น มันกลับทำให้ใครบางคน

เดือดดาลจนแทบอยากจะลงมือฆ่าผมเลยทีเดียว
หัวข้อ: Re: In The Shadows' เงาหลอน ซ่อนรัก '[Y][#13 ลวงหลอกและล่อลวง](7/3/61)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 07-03-2018 12:14:13
"ขาวที่สุด" ที่โอนเนอร์กล่าวไว้  ก็คงหมาถึง  "ไวท์"  สินะ

ส่วน "ซิน"  น่าจะเป็นพวก "ปีศาจ" ที่กำลังพยายามทำให้  "ขาวที่สุด"  แปดเปื้อนไปด้วย  "กิเลส" หลาย ๆ อย่าง

งั้นมั้ง

 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: In The Shadows' เงาหลอน ซ่อนรัก '[Y][#13 ลวงหลอกและล่อลวง](7/3/61)
เริ่มหัวข้อโดย: myd3ar ที่ 07-03-2018 21:00:06
ซินนี่มาแนวไหนเนี่ย แลไม่น่าไว้ใจเลย
หัวข้อ: Re: In The Shadows' เงาหลอน ซ่อนรัก '[Y][#13 ลวงหลอกและล่อลวง](7/3/61)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 08-03-2018 00:58:49
คิด  ๆ แล้ว ที่น่ากลัวที่สุดคงเป็น ซิน ซินะ  :ling3:
หัวข้อ: Re: In The Shadows' เงาหลอน ซ่อนรัก '[Y][#13 ลวงหลอกและล่อลวง](7/3/61)
เริ่มหัวข้อโดย: Gloomy Sunday ที่ 08-03-2018 11:39:47
Shadows ที่ 14 เพื่อนคนใหม่


ผมเดินมาตามทางเดินเรื่อยๆ ก้มหน้าหลบเสียงซุบซิบก่นด่าที่ดังขึ้นตลอดเวลาที่ผมเดินผ่าน ผมชินแล้วกับอะไรแบบนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างผมรู้ดีอยู่แก่ใจ ผมไม่จำเป็นต้องตอบโต้อะไร เพราะผมบริสุทธิ์

ซิน นายอยู่ไหนกันนะ ผมอยากให้นายอยู่ข้างๆ ผมตอนนี้เหลือเกิน

"เธอ"

ผมเงยหน้าขึ้นอีกครั้งตามเสียงเรียก และก็พบว่าคนที่ขวางผมอยู่นั้นไม่ใช่ใคร แต่เป็นอาจารย์นาธัส

"สวัสดีครับอาจารย์ คราวก่อนต้องขอโทษจริงๆ ที่ต้องรีบกลับ" ผมยิ้มให้อาจารย์ ผมลืมไปได้ยังไงกัน ว่านอกจากซินแล้ว ก็ยังมีอีกคนที่ผมสามารถพูดคุยได้

"ฉันมีเรื่องอยากคุยกับเธอ" อาจารย์เดินเข้ามาใกล้ผมอีกนิด วันนี้อาจารย์ก็ยังคงเท่เหมือนเดิม แต่ดูเหมือนพวกคุณหมอมากกว่าจริงๆ นะ

"ครับ เรื่องอะไรเหรอครับ" ผมเลิกคิ้วสงสัย

"ช่วงนี้ฉันยุ่งมาก เธอพอจะแวะมาช่วยฉันที่ห้องทำงานได้ไหม ไม่นานหรอก ฉันมีค่าจ้างให้" ผมยิ้มให้อาจารย์

"พูดอะไรกันครับ ผมจะไปช่วยแน่นอน ไม่ต้องจ้างหรอกครับ" ผมยิ้มกว้างขึ้นไปอีก เป็นคนแปลกๆ ที่ใจดีจริงๆ สินะ

"งั้นเหรอ ขอบใจนะ" อาจารย์จ้องมองผมด้วยสีหน้าเรียบๆ

"แต่ว่าวันนี้ไม่ได้นะครับ ผมต้องไปธุระ"

"พรุ่งนี้ก็ได้" ผมพยักหน้าตอบรับอาจารย์

"งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ เดี๋ยวจะเข้าเรียนสาย" ผมพูดและทำท่าจะเดินออกมา

"ไวท์" ผมหันไปมองอาจารย์ที่เรียกผมเอาไว้อีกครั้งด้วยความสงสัย

"หนังสือนั่น เป็นของเธอหรือเปล่า" ผมขมวดคิ้วและมองไปตามสายตาของอาจารย์ และก็พบว่ามีหนังสือเล่มหนึ่งตกอยู่ใกล้ๆ ขาของผมจริงๆ

ผมจ้องมองหนังสือเล่มนั้น พลางก้มลงหยิบมันขึ้นมา มันเป็นหนังสือปกสีดำที่มีสภาพเก่าและกระดาษเป็นสีเหลือง

"คือ ไม่ใช่ของผมนะครับ" ผมพลิกหนังสือไปมาและพลิกดูด้านในลวกๆ มันแปลกมากขึ้นไปอีก เพราะว่ามันไม่ใช่ภาษาที่ผมเคยเห็น และทุกหน้าก็เหมือนกับถูกเขียนด้วยลายมือหวัดๆ ทั้งเล่ม

"งั้นเหรอ งั้นก็เก็บเอาไว้ก่อน แล้วค่อยคืนเจ้าของละกัน"  อาจารย์พูดบอกผม และก่อนที่ผมจะทันได้ปฏิเสธ อาจารย์ก็หายไปอย่างรวดเร็ว

ผมเดินต่อมายังห้องเรียนของผม และก็ต้องมองหาซินไปทั่วด้วยความแปลกใจ ซินหายไปไหนกันนะ นี่ก็ถึงเวลาเรียนแล้ว หรือจะไม่สบายกัน

วันนี้ก็ยังคงเป็นห้องสโลบขนาดใหญ่ แต่คนละห้องกับที่แล้วๆ มา ที่นี่เป็นเหมือนกับห้องฉายภาพยนต์ที่มีเบาะนั่งสบายและค่อนข้างมืด

ผมเลือกที่นั่งกลางๆ ที่ไม่ห่างจากคนอื่นเท่าไหร่นัก ถึงจะต้องอดทนกับคำนินทาแต่ก็ดีกว่านั่งอยู่คนเดียวและถูกผีหลอก

แต่ผมที่นั่งอยู่นั้นก็ถูกกลุ่มบุคคลที่ไม่ต้องบอกว่าใครมายุ่งวุ่นวายอีกแล้ว และดูเหมือนจะหนักขึ้นทุกที

"วันนี้ก็ดูดีจังเลยนะ" เต้ยเดินมานั่งข้างๆ ผมและเท้าคางจ้องมองผมตาเยิ้ม

"เมียมึงสงสัยโดนแกล้งมาว่ะ ที่คอมีรอยแดงๆ ด้วย" แมนที่นั่งลงอีกด้านของผมกำลังยื่นหน้าเข้ามาเพ่งดูคอผมใกล้ๆ ผมรีบเอามือลูบที่คอตัวเองและก็พบว่ารู้สึกเจ็บนิดๆ น่าจะเพราะก้อนหิน

"มึงก็ทายาให้มันดิ" ต้องที่นั่งข้างหลังผมก็ชะโงกหน้ามาแกล้งผมด้วย

"อย่าแกล้งนักสิวะ กูอยากจีบไวท์ดีๆ นะโว้ย" เต้ยพูดกับเพื่อนด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย ทำเอาทั้งสองคนหัวเราะลั่น

"แล้วเพื่อนตุ๊ดของมึงไปไหนวะ"

"ผมไม่รู้" ผมพูดเสียงเบาอย่างเศร้าสร้อย

"ปล่อยมันไปดีแล้ว ดูสภาพมันก็คิดแล้วว่าไม่น่าจะจริงใจหรอก ป่านนี้ไปกกสาวไหนแล้วมั้ง" ต้องพูดและทั้งสองคนก็พยักหน้าเห็นด้วย

ผมอยากจะหายไปจากที่นี่ตอนนี้ ยิ่งได้ยินแบบนั้น ผมก็เริ่มที่จะคิดเหมือนกัน ว่าซินคงจะเบื่อที่จะเล่นเป็นเพื่อนของผมแล้ว

หลังจากชั่วโมงเรียนจบลง ซินนั้นก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะมาเลยสักนิด ผมรู้สึกว่าผมควรจะหาเงินซื้อโทรศัพท์มือถือสักเครื่อง เพื่อติดต่อหาซินในเวลาที่ผมต้องการ

ผมมองดูคนสามคนที่กำลังคุยกันโดยมีผมนั่งอยู่ตรงกลาง แบบนี้ก็คงจะดีมั้ง ถึงพวกนี้จะชอบแกล้งผม แต่ก็ยอมเข้ามาคุยกับผมดีๆ บ้างเหมือนกัน

"ตอนบ่ายไม่มีเรียนแล้ว เราไปเที่ยวกันไหม" เต้ยพูดถามผมเบาๆ ด้วยหน้าเปื้อนยิ้ม ผมมองหน้าคนที่จ้องมองผม เป็นคนที่ขาวและตาตี่มากๆ ถ้านายไม่ชอบแกล้งผม ผมก็อยากจะชมว่านายก็ดูดีเหมือนกัน

"ผมต้องไปช่วยงานอาจารย์" ผมพูดและทำท่าเก็บกระเป๋า วันนี้คาบบ่ายอาจารย์ที่สอนขอยกเลิกคลาส ทำให้ผมมีเวลาว่างก่อนที่จะไปงานศพตอนเย็น

"โธ่ เสียดายจัง" เต้ยพูดและทำหน้าเศร้า

"ขอโทษนะ แต่เอาไว้วันหลังละกัน" ถ้าพวกนายเลิกแกล้งผมละก็นะ

ผมพูดและเดินออกมาจากห้อง เดินไปยังทางเดินเล็กๆ ทางเดิมที่ผมเคยมา ผมชอบบรรยากาศร่มรื่นของที่นี่ ลมเย็นๆ ที่พัดโชยมาทำให้รู้สึกดีและชื่นใจ

ไม่นานนัก ผมก็มาหยุดยืนอยู่ที่หน้าประตูห้องของอาจารย์นาธัส ตอนนี้อาจารย์จะอยู่ไหมนะ

"เข้ามา"

ผมที่ไม่ทันจะเคาะประตู อาจารย์ก็ส่งเสียงออกมาให้ได้ยินก่อนซะงั้น หรือว่าจะมีกล้องวงจรปิดกันนะ ผมมองไปรอบๆ บันไดแคบๆ และก็พบว่ามันว่างเปล่า

ผมเปิดประตู และเดินเข้ามาด้วยรอยยิ้ม อาจารย์นาธัสกำลังนั่งอยู่ที่โซฟา พลางยกชาขึ้นจิบด้วยท่าทีสบายๆ

"นั่งสิ" อาจารย์วางแก้วชาลงและเรียกผมเข้าไปหา

ผมค่อยๆ เดินมาและนั่งลงใกล้ๆ อาจารย์พลางมองไปรอบๆ ห้องทำงานที่อบอวนไปด้วยกลิ่นไม้หอมๆ และหนังสือเก่าๆ

"อาจารย์มีอะไรให้ผมช่วยเหรอครับ พอดีตอนบ่ายผมว่าง" ผมรับถ้วยชาจากอาจารย์มาจิบ มันหอมและทำให้ผมรู้สึกผ่อนคลาย

"เธอ ช่วงนี้มีปัญหาอะไรหรือเปล่า" อาจารย์ถามผมด้วยน้ำเสียงจริงจัง

ผมวางถ้วยชาลงพลางคิด ว่าผมควรจะปรึกษาอาจารย์ดีไหม

"คือ อาจารย์ได้ยินที่เขาพูดกันไหมครับ เรื่อง..."

"ที่มีคนตายน่ะเหรอ" ผมพยักหน้าและลูบถ้วยชาอย่างเหม่อลอย

"ผมไม่เข้าใจเลย มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ปกติคนเราเวลาฆ่าตัวตาย เราจะกลัวความตายไหมครับ ทำไมพี่เขาถึงทำท่าเหมือนไม่อยากตาย ทำไมถึงเลือกวิธีที่โหดร้ายแบบนั้น" ผมพูดด้วยความเศร้าสร้อย "ผมอยู่ตรงนั้น แต่ก็ทำอะไรไม่ได้สักอย่าง ได้แต่นั่งมองความตายตรงหน้า"

"เธอไม่ได้ทำอะไรผิด" ผมเงยหน้าขึ้นจากถ้วยชาและมองอาจารย์ที่กำลังจ้องมองผมเช่นกัน

"เธอก็แค่ อยู่ผิดที่ ผิดเวลา" ผมยิ้มให้อาจารย์ อาจารย์ก็พูดเหมือนกับซิน ที่บอกว่าผมไม่ได้ทำอะไรผิด ซึ่งผมดีใจมาก

"แต่ผมสงสัยอยู่อย่าง ก่อนพี่เขาจะฆ่าตัวตาย พี่เขาพูดอะไรแปลกๆ บอกผมว่า นอกจากพวกวิญญาณแล้ว ยังมีสิ่งที่เหนือกว่า" ผมมองหน้าอาจารย์ที่กำลังเลิกคิ้วขึ้นน้อยๆ

"ที่เขาพูดเรื่องนี้ขึ้นมา อาจารย์คิดว่ามันจะเกี่ยวข้องกันไหมครับ และอะไรกันที่มีอำนาจ และน่ากลัวกว่าผีพวกนั้น" ผมพูดเบาๆ และคิดไม่ตกกับเรื่องนี้

"ไวท์ เธอเชื่อเรื่อง โลกหลังความตายหรือเปล่า" อาจารย์พูดด้วยเสียงแผ่วเบา และผมรู้สึกขนลุกขึ้นทันที

"อาจารย์หมายถึง สวรรค์ และนรกเหรอครับ"

"ใช่ และเธอรู้หรือเปล่าว่า มีอะไรอยู่ในสถานที่แห่งนั้น" ผมส่ายหน้าน้อยๆ

"ยมทูต กับเทวดา พวกนั้นหรือเปล่าครับ" ผมพูดด้วยความไม่แน่ใจ แต่ทำเอาอาจารย์หัวเราะเบาๆ ออกมา

"ถ้าเป็นตามความเชื่อของประเทศนี้ละก็ อาจจะเรียกได้แบบนั้น แต่ความจริงน่ะ ไม่ใช่หรอก" ผมยิ่งขมวดคิ้วไปใหญ่ด้วยความสงสัย

"ไวท์ เธออยากมีทุกสิ่งทุกอย่าง อยากจะได้ทุกสิ่งที่ปรารถนาไหม" อาจารย์ถามผมด้วยใบหน้าจริงจัง

"ทุกคนก็ต้องอยากได้สิ่งเหล่านั้น แน่นอนอยู่แล้วครับ" ผมพูดตอบ

"แล้วถ้าต้องแลก กับวิญญาณของเธอล่ะ" ผมเริ่มมีสีหน้าที่ตกใจกับคำพูดนั้น

"ไม่ครับ" ผมตอบทันทีอย่างไม่ต้องคิด

"หึหึ ดีมาก" อาจารย์ยิ้มและยกชาขึ้นจิบ

"อาจารย์ อยากจะบอกผมว่า ที่พี่เจ้าของคลับต้องตาย เพราะเรื่องนี้ อย่างนั้นเหรอครับ" ผมเริ่มจะกลัวคำตอบนั้นเสียแล้ว

"ฉันจะไปรู้ได้ยังไงกัน" ผมคลายคิ้วที่ขมวดออก นั่นสินะ อาจารย์จะรู้ได้ยังไงกันล่ะ แต่ผมที่มองหน้าอาจารย์นั้นกลับเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าอาจารย์รู้หรือไม่รู้กันแน่

"ไม่รู้แหละครับ แต่ผมไม่มีวันยกวิญญาณของผมให้ภูตผีปิศาจหรืออะไรทำนองนั้นแน่ๆ" ผมพูดอย่างหนักแน่น

"บางที ถึงเธอจะไม่คิดยกให้แต่มันก็มีวิธีที่จะได้มันมา" อาจารย์พูดและยิ้มน้อยๆ มองผม

"ได้ยังไงกันครับ" ผมถามด้วยความตกใจ

"แล้วฉันจะไปรู้ได้ยังไงกันล่ะ" อาจารย์พูดและส่งยิ้มกวนๆ ให้ผม โธ่ แล้วพูดเหมือนรู้ทำไมกันละครับ

"ถ้าผมมีเรื่องสงสัย ผมจะถามอาจารย์ได้ไหมครับ เรื่องพวกนี้ผมไม่กล้าคุยกับใครเลย" ผมพูดอย่างหงอยๆ

"ด้วยความยินดี" ผมยิ้มให้อาจารย์ที่ยิ้มน้อยๆ กลับมาเช่นกัน

"มีอีกเรื่องนึงที่ผมสงสัย" ผมพูดขึ้นทันทีที่นึกได้

"อาจารย์ รู้จักซินได้ยังเหรอครับ ทำไมคราวที่แล้วที่มา ผมรู้สึกเหมือนกับว่าทั้งสองคนรู้จักกันมาก่อน" ผมมองอาจารย์ที่ทำหน้าเคร่งขึ้นทันทีที่ผมพูดถึงซิน

"อย่าไว้ใจหมอนั่น" อาจารย์พูดขึ้นเบาๆ แต่กลับดูเคร่งเครียด

"ทำไมละครับ ซินดีกับผม"

"หมอนั่นดีกับเธอจริงๆ งั้นเหรอ" อาจารย์ถามผม ซึ่งมันทำให้ผมคิดจริงๆ ว่า ซินนั้นทำดีอะไรกับผมบ้างนะ

ซินไม่เคยช่วยผมเวลาที่ผมถูกรังแก ซินชอบหายไปบ่อยๆ โดยไม่บอกผม ซินอยากให้ผมแก้แค้นพวกที่แกล้งผม ซินจูบผู้หญิงคนอื่นต่อหน้าผม ซินกอดผม และพยายามจะจูบผม...

เอ่อ พอคิดมาถึงช่วงหลังๆ ทำไมมันถึงดูแปลกๆ ยังไงก็ไม่รู้ จริงๆ แล้ว ซินก็ไม่ได้ดีกับผมมากมาย แต่ผมกลับ หยุดคิดถึงซินไม่ได้... ผมคิดถึงซินอีกแล้ว

"ซิน...เป็นเพื่อนคนแรกของผม" ผมพูดและทำหน้าหงอยตามเดิม

"งั้น ให้ฉันเป็นเพื่อนเธอด้วยดีไหม มีสองน่าจะดีกว่าหนึ่ง" ผมตาโตทันทีที่อาจารย์พูดแบบนั้น

"อาจารย์!" ผมยิ้มกว้าง คว้ามืออาจารย์และจับไว้อย่างรวดเร็ว

"พูดจริงๆ เหรอครับ" ผมยิ้มกว้างอย่างดีใจ

"มีเพื่อนเป็นคนแก่นี่ต้องดีใจขนาดนั้นเลยเหรอ" อาจารย์หัวเราะน้อยๆ อย่างใจดี ผมรู้สึกว่าอาจารย์ยิ้มบ่อยเวลาคุยกับผม ทั้งๆ ที่ภายนอกนั้นดูเคร่งขรึมและเจ้าระเบียบมาก

"ไม่แก่สักหน่อย อาจารย์ดูหนุ่มและหล่อมากๆ ครับ" ผมพูดด้วยสีหน้าจริงจัง

"งั้นเหรอ ถ้าอย่างนั้น ฉันกับซินของเธอ ใครหล่อกว่ากัน" หลังจากได้ยินคำถามนั้นแล้ว ผมถึงกับไปไม่เป็นเลยทีเดียว

"คือ..." ผมไม่กล้าตอบอ่ะ

"ผมหล่อที่สุดละกันครับ" ผมพูดตอบพลางยิ้มกว้าง ทำให้อาจารย์หัวเราะออกมาอย่างจริงจัง

พวกเราหัวเราะและคุยกันอีกหลายเรื่อง ผมว่า วันนี้ก็ไม่ได้เลวร้ายเท่าไหร่นะ ผมได้เพื่อนเพิ่มอีกคนแล้ว

ผมคงจะไม่ต้อง โดดเดี่ยวอีกแล้วใช่ไหมนะ
หัวข้อ: Re: In The Shadows' เงาหลอน ซ่อนรัก '[YAOI][#14 เพื่อนคนใหม่](8/3/61)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 08-03-2018 14:13:20
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: In The Shadows' เงาหลอน ซ่อนรัก '[YAOI][#14 เพื่อนคนใหม่](8/3/61)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 09-03-2018 04:00:46
ท่าเปรียบซินเป็นซาตาน  อาจารย์คงเป็นเทวดาซินะ  :hao4:
หัวข้อ: Re: In The Shadows' เงาหลอน ซ่อนรัก '[YAOI][#14 เพื่อนคนใหม่](8/3/61)
เริ่มหัวข้อโดย: Gloomy Sunday ที่ 19-03-2018 09:29:59
Shadows ที่ 15 ลูกแกะที่หลงรักอสรพิษ


เมื่อเริ่มตกเย็นแล้ว ผมก็ขออนุญาตอาจารย์เพื่อกลับและตรงดิ่งไปที่ไนท์คลับที่ผมเคยทำงานอยู่ ผมนั้นไม่รู้ว่างานศพของพี่โก้อยู่ที่วัดไหน เพราะผมไม่ค่อยสุงสิงหรือรู้จักเพื่อนร่วมงานมากนัก พวกเขาคงจะนัดกันไป แต่ก็ไม่ได้บอกหรือชวนผม

เมื่อผมมาถึงที่ร้าน ผมก็พบว่าที่นี่นั้นปิดอยู่ตามคาด แล้วแบบนี้ผมจะทำยังไงดีนะ

"พ่อหนุ่ม" ผมหันไปมองตามเสียงเรียกและก็พบว่าคนที่เรียกผมนั้นก็คือคุณป้าที่ทำงานในครัวกับผมนั่นเอง

"สวัสดีครับ ผมกะว่าจะมาถาม ว่าเอ่อ พี่โก้เขาอยู่วัดไหนเหรอครับ" ผมที่เจอคนรู้จักแล้วก็รีบถามทันที

"อ๋อ ป้ากำลังจะไปงานเจ้านายพอดี ไปกับป้าก็ได้" ป้าบอกผมและชวนให้ไปด้วยกัน

"ขอบคุณครับ แต่ผมคงขอตามไปทีหลังดีกว่าครับ" ผมพูดและยิ้มน้อยๆ ถ้าไปกับผม คุณป้าอาจจะโดนด่าไปด้วยก็ได้

เมื่อถามชื่อวัดและทางไปเรียบร้อยแล้ว ผมก็ขอตัวคุณป้า และกลับไปที่ห้องก่อน เพื่อไปช่วยคุณยายเก็บร้านไวขึ้น และบอกท่านว่าผมจะกลับดึก และเผื่อว่าซินจะมารอผมที่ห้อง

ผมไม่รู้ว่าทำไม ถึงผมจะสามารถคุยกับอาจารย์นาธัสได้ แต่ใจก็ผมก็ยังคงนึกถึงซินอยู่ ซินนั้นเป็นคนแปลกๆ ที่ดูน่ากลัวหน่อยๆ แต่ผมก็รู้สึกว่าพอมีซินอยู่ใกล้ๆ แล้ว หัวใจของผมมันสงบลง รู้สึกว่าถ้าพวกเราได้พูดคุยกัน เข้าใจกันมากขึ้นอีกสักนิด ก็คงจะดีไม่น้อย

ผมไม่ได้เปลี่ยนชุดและยังคงใส่ชุดนักศึกษาเดินทางไปยังงานศพเพียงลำพัง ผมเลือกที่จะถอดแว่นเก็บใส่กล่องไว้และไปแบบที่มองเห็นทุกอย่างด้วยความเลือนลาง

ใจของผมนั้นกำลังสั่นกลัว ผมไม่ได้กลัวสายตาของทุกคนที่จะจ้องมองผม แต่ผมกลัว ในสิ่งที่ทุกคนมองไม่เห็นมันต่างหาก

ไม่นานนัก ผมก็มายืนอยู่ที่หน้าวัดแห่งหนึ่ง เป็นที่ที่กำลังมีงานศพที่แสนโศกเศร้า ผมมองบรรดาผู้คนในชุดดำที่กำลังทยอยเดินเข้าไปในงานอย่างช้าๆ ด้วยความสงบ

วันนี้บรรยากาศรอบๆ นั้นช่างเย็นนัก ผมมองต้นไม้ใหญ่ที่กำลังปลิวพริ้วตามแรงลม และความมืดที่กำลังโรยตัวลงมาปกคลุมรอบๆ ตัววัด

ผมค่อยๆ เดินเข้าไปช้าๆ ก้มมองลงที่พื้นด้วยหัวใจที่สั่นไหว ผมไม่น่าจะต้องมาที่นี่เลย พี่ไม่น่าที่จะต้องตายจากไป มันเรื่องอะไรกันนะ แต่ผมก็กลัวที่จะรู้คำตอบนั้น ผมกลัวสิ่งที่ทำให้พี่ตัดสินใจแบบนั้น

"มันนั่นไง"

"ยังหน้าด้านมาอีก"

"ให้มันมาแหละดีแล้ว"

"ทำหน้าซื่อตาใส"

ผมเงี่ยหูฟังเสียงก่นด่าตลอดทางเดิน และยกมือไหว้ทุกคนที่อยู่ในสายตา ถึงแม้ว่าผมจะมองไม่ค่อยเห็นก็เถอะ ผมค่อยๆ เดินมาข้างหน้าที่ตั้งโรงศพ และเข้าไปกราบลงที่ตรงด้านหน้านั้น

ผมหรี่ตามองและอธิษฐานขอให้พี่ไปสู่สุขคติ ผมทำได้เพียงเท่านั้น ผมค่อยๆ หันไปรอบๆ บริเวณและก็ต้องถอนหายใจ เพราะทุกสิ่งนั้นยังคงปกติ ผมไม่ได้รู้สึกเหมือนถูกคุกคามใดๆ พี่คงไปที่ที่ดีแล้วจริงๆ

"ไงล่ะ เห็นผัวฉันไหม"

ผมลุกขึ้นและสวัสดีแฟนของพี่โก้ คนที่ตบผมที่มหา'ลัย เธอกำลังใช้ผ้าเช็ดหน้าผืนหนึ่งซับน้ำตา และจ้องมองผมเหมือนอยากจะฆ่าให้ตาย

"ขออภัยที่มาช้าครับ" ผมพูดและก้มหัวลงต่ำ

"อีกไม่นานคนแบบแกก็คงจะหนีไม่พ้นสิ่งที่แกทำหรอก"

"ขอโทษครับ ที่ทำให้คิดแบบนั้น" ผมกล่าวอย่างสุภาพ และค่อยๆ ถอยออกมาจากตรงนั้น หาที่นั่งที่อยู่หลังๆ และนั่งลงด้วยความหมองเศร้า

ผมนั้นไม่ได้โทษใครที่ทำให้ผมเป็นแบบนี้ มันเป็นสิ่งที่เหนือความคิด เหนือการควบคุม ไม่มีใครหรอกที่จะเชื่อคำพูดของผม นอกจากพวกเขาจะรู้จะเห็นด้วยตาตัวเอง

ว่ากันว่าต่อให้อยากจะพบเจอมากแค่ไหน แต่ถ้าคนคนนั้นไม่มีสัมผัส หรือไม่มีทางเชื่อมต่อกับโลกทางนั้นได้ ไม่ว่ายังไง คนคนนั้นก็จะไม่มีวันมองเห็นมัน

ผมนั่งเหม่อฟังเสียงดนตรีไทยที่คลอเบาๆ ไปทั่วงาน และมองพระท่านที่ค่อยๆ ทยอยเข้ามาในที่ที่จัดเตรียมไว้ เพื่อสวดให้แก่ผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว

ผมยกมือขึ้นพนมตามมารยาท ความจริงแล้วผมนั้นไม่ได้นับถือศาสนาอะไร ผมเลิกที่จะพึ่งพิงสิ่งเหล่านั้น เพราะผมได้เคยลองมาหมดแล้วทุกอย่าง เพื่อที่จะทำให้ความกลัวของผมนั้นหายไป แต่มันก็ไม่เคยได้ผลเลย ผมจึงไม่ได้นับถือศาสนา แต่เลือกที่จะปฏิบัติตามคำสอนที่ดีเท่านั้น ถ้าไม่ทำตัวเบียดเบียนผู้อื่น และมีจิตใจที่สะอาดคิดดีทำดีอยู่เสมอ นั่นก็เพียงพอแล้ว

"พี่ครับ" ผมสะดุ้งตกใจทันทีที่ได้ยินเสียงคนเรียกอยู่ใกล้ๆ ทำเอาผมแทบจะลุกพรวดออกจากเก้าอี้เลยทีเดียว

"ค.ครับ" ผมมองเด็กคนหนึ่ง ที่กำลังถือถาดน้ำอยู่ในมือที่ดูไร้เรี่ยวแรง

"รับน้ำไหมครับ" ผมถอนหายใจและพยายามควบคุมอาการสั่นของมือผม

"ไม่ครับ ขอบคุณนะครับ ให้พี่ช่วยไหม" ผมพูดและลุกยืนขึ้น

ตึกๆ

ผมมองขวดน้ำขวดหนึ่งที่ค่อยๆ ไหลลงจากถาดและตกลงพื้น ทำให้เด็กคนนั้นก้มลงมอง แต่ก็คงจะหยิบลำบาก

"เดี๋ยวพี่เก็บให้เอง" ผมพูดและก้มลงเก็บขวดน้ำนั้น

"นี่ครับ..." ผมเงยหน้าขึ้นและยื่นขวดน้ำกลับคืนให้กับ...

ผมยืนอยู่ตรงนั้น มองไปข้างหน้าที่มีแต่ความว่างเปล่า เสียงสวดมนต์และดนตรีไทยเบาๆ ยังคงดังอยู่ แต่ผมที่ค่อยๆ หมุนตัวไปมารอบๆ กลับมีแต่ความว่างเปล่า ผู้คนมากมายได้หายไป มีแต่เพียงเก้าอี้นับร้อย ที่เคยมีคนนั่งอยู่ตรงนั้น

ผมเริ่มสั่นอย่างหวาดกลัว แสงไฟที่ดูสว่างจ้าในตอนแรกนั้น ตอนนี้กลับกระพริบ และดับลงช้าๆ ทีละจุด แต่เหมือนกับเสียงสวดมนต์นั้นกลับดังขึ้นเรื่อยๆ

ผมเริ่มน้ำตาไหล และเดินไปรอบๆ ด้วยความกลัว ทุกคนหายไปไหน นี่ผมกำลังถูกดึงเข้าสู่ความน่ากลัวอีกแล้วใช่ไหม ผมมองไปที่ที่ตั้งโรงศพที่ยังคงอยู่ที่เดิม มองรูปถ่ายของพี่โก้ที่อยู่ในกรอบรูปนั้น ไม่เอานะ อย่าทำแบบนี้เลย ผมไม่เคยคิดร้ายกับพี่

"ช..ชชช.ช่ช่วย" ผมชะงักค้างทันทีที่ได้ยินเสียงแปลกๆ ดังแทรกขึ้นมาจากเสียงสวดมนต์ ผมกุมหัวผมไว้และหลับตาแน่น

พรึ่บๆ

ผมรู้สึกว่าตอนนี้แสงไฟในศาลาได้ดับมืดลงแล้ว เพราะผมที่หรี่ตานิดๆ นั้นไม่ได้เห็นแสงไฟจากที่ใด มีเพียงที่โรงศพ ที่ยังคงมีไฟเล็กๆ เป็นสีๆ ติดอยู่ และเสียงทุกอย่างก็ค่อยๆ เงียบลง

"มันเรื่องอะไรกันแน่ ทำไมพี่ถึง..." ผมพูดงึมงำและยังคงกุมหัวตัวเองไว้ ด้วยความกลัว

"อย่าได้ ขอ.ให้มันช่วย" ผมค่อยๆ ลืมตาขึ้นทันทีที่ได้ยินเสียงเบาๆ ลอยมาตามบรรยากาศที่เงียบสงัด

"เป็นท.าสตลอดไป" ผมลืมตาและกวาดตาไปรอบๆ เสียงนี้ไม่ผิดแน่

"พี่ครับ พี่เป็นอะไรไป ทำไมพี่ถึงทำแบบนั้น" ผมค่อยๆ พูดออกไป นี่เป็นทางเดียวที่ผมจะรู้ได้

ผมมองไปรอบๆ งานศพที่ไร้ผู้คนและมืดสลัว แต่กลับไม่เห็นสิ่งใดในสายตา

"ใครเป็นคนทำพี่" ผมเดินไปรอบๆ และถามออกไป

"ซ...ซา อ้ากกกก" ผมสะดุ้งตกใจทันทีที่ได้ยินเสียงกรีดร้องอย่างทุกข์ทรมาน

"พี่ครับ พี่เป็นอะไร" ผมเดินไปที่หน้าโรงศพอย่างร้อนรน

หมับ!

แต่ผมที่ยืนอยู่นั้นก็รู้สึกถึงแรงบีบที่แขนของผม

"อย่า ปล่อยนะ!!" ผมตกใจล้มลงกับพื้น แต่ก็รู้สึกเหมือนกับความเจ็บปวดนั้นไม่ได้ลดลง แต่มันแปลก เพราะผมไม่ได้เห็นสิ่งใดตรงหน้า แต่ที่แขนกลับมีรอยข่วนสีแดงเป็นแนวยาวปรากฎอยู่

"อย่าาา!!!" ผมกรีดร้องและหลับตาปิดกั้นตัวเองกับสิ่งที่เห็น

"เห็นไหม ว่าเวรกรรมกำลังตามมัน"

"โดนผีที่มันเลี้ยงเล่นงานเอาล่ะสิ"

"บอกแล้วว่ามันบ้า น่ากลัว"

ผมตกใจลนลานตะเกียกตะกายอยู่ที่พื้น หนีผู้คนที่กำลังมุงผม ไปที่มุมเล็กๆ ที่ผนัง

ทุกอย่างรอบๆ ตัวของผมนั้นกลับมาปกติแล้ว ไฟที่ส่องสว่าง ผู้คนมากมายที่รายล้อมอยู่ และ...

"ซิน" ผมค่อยๆ ลุกขึ้นและเดินไปหาซินที่ยืนอยู่ตรงหน้า

"ไปไหนมา ทำไมไม่เห็นบอกอะไรผมเลย" ผมร้องไห้ เพราะตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น และรู้สึกโล่งอกที่เห็นซินอยู่ตรงหน้า

"ซิน" ผมเกาะเสื้อสูทสีดำของซินไว้ แต่ซินกับจ้องมองผมเงียบๆ สีหน้าเหมือนกับไม่พอใจ

"เลือดออกนะ" ซินพูดและจับแขนผมขึ้นมาดู

ผมขมวดคิ้วด้วยความไม่เข้าใจ แต่เมื่อมองเห็นแขนของตัวเองนั้นก็ต้องตกใจอีกรอบ รอยแผลและรอยเล็บนั้นยังคงอยู่ เรื่องเมื่อกี้ มันคือเรื่องจริงสินะ

"กลับกันเถอะ"  ซินพูดและเริ่มดึงผมให้ออกจากงาน

ผมเดินผ่านผู้คนมากมายที่ตะโกนด่าผม และปาสิ่งของใส่ผม ผมไม่รู้ว่าผมทำสิ่งใดให้คนพวกนี้โกรธ ผมในตอนนี้นั้น เจ็บไปทั้งตัวและหัวใจ

ผมนั่งอยู่บนรถของซิน และพิงตัวเอนนอนอย่างหมดเรี่ยวแรง ผมว่า ผมคงใกล้จะเป็นบ้าไปจริงๆ แล้วล่ะ อีกไม่นานนักหรอก

"ยื่นแขนมา" ซินพูดและดึงแขนของผมไป ผมรู้สึกถึงความเปียกและความแสบที่เกิดขึ้น ซินกำลังใส่ยาให้ผม และพันแผลด้วยความเบามือ

"ซินอยู่ที่นั่นได้ยังไง" ผมหันไปมองซินที่ยังคงง่วนอยู่กับแขนของผม

"รู้จักเจ้าของคลับนั้น"

นั่นสินะ ผมลืมไปได้ยังไง เพราะว่าสถานที่แรกที่ผมพบซิน ก็คือที่นั่น

ผมมองมือสีขาวของซินที่กำลังพันแผลให้ผม มือที่เย็นแต่กลับอบอุ่นเสมอเพื่อผมได้สัมผัส แต่ผมที่จ้องมองมือของซินนั้นก็ต้องขมวดคิ้วทันที

รอยสัก เพิ่มขึ้นอีกแล้ว...

ผมมองรอยสักรูปงูสีขาวที่อยู่บนหลังมือข้างหนึ่งของซิน และมองรอยสักรูปไม้กางเขนกลับหัวที่อยู่ข้างๆ คอของซิน ทั้งสองอันมันดู เข้ากันอย่างประหลาด

"แล้ว...วันนี้ไปไหนมาเหรอ" ผมถามขึ้นด้วยความสงสัย

"ก็อยู่ช่วยงานศพนั่นแหละ ขอโทษนะที่ไม่ได้บอก ไม่รู้จะติดต่อไวท์ยังไง" ซินพูดและเริ่มขับรถออกไป "แล้วไวท์ล่ะ วันนี้เป็นไง ไปไหนมา" ซินถามผมต่อ ผมสังเกตว่าซินที่ถามคำถามนี้ เสียงกลับดูเย็นชาและเยือกเย็นกว่าปกติ

"ก็ไปเรียน แล้วก็..." ผมลืมไปเลยว่า ซินไม่ชอบอาจารย์นาธัส แต่ผมก็ไม่อยากโกหกเลย ผมควรจะบอกซิน

"ไปหามันมาใช่ไหม" ซินพูดเสียงเข้มและใบหน้าเริ่มเย็นชาขึ้นอีกครั้ง

"ซิน เขาเป็นอาจารย์นะ พูดแบบนี้ได้ไง" ผมพูดดุซินที่พูดจาไม่สุภาพ

"เคยบอกแล้วไม่ใช่หรือไง ว่าอย่าไป ห้ามไปที่นั่น" ซินเริ่มพูดเสียงดังและเหยียบคันเร่งไวขึ้น

"ไม่มีเหตุผลเลย บอกผมสิ ว่าทำไม" ผมถามซินเสียงเครียด

ซินไม่ตอบคำถามผมและยังคงทำสีหน้าไม่พอใจผมอยู่

"ถ้าเป็นแบบนี้ผมขอไม่ทำตามนะ ซินไม่มีเหตุผล" ผมหันหน้าหนีซิน ผมไม่เข้าใจ ทำไมต้องห้าม ไม่รู้ล่ะ อาจารย์เป็นเพื่อนผม

ผมรู้ว่าซินในตอนนี้โกรธผมมาก ผมดูออกตั้งแต่ที่งานศพแล้วล่ะ แววตาของซินดูเย็นชาและน่ากลัว แต่ซินก็ยังช่วยพาผมออกมาจากที่นั่น

ผมหันกลับไปมองซินที่ยังคงดูเกรี้ยวกราดขับรถเช่นเดิม ผมไม่ชอบแบบนี้เลย ผมไม่อยากให้เราสองคนมีความรู้สึกไม่ดีแบบนี้ต่อกัน

"เอาอย่างนี้ไหม ถ้าคราวหน้าผมจะไปหาอาจารย์ ผมจะพาซินไปด้วยนะ ถ้าซินไม่อยากให้ผมไปคนเดียว ซินก็ต้องอยู่กับผม ห้ามไปไหน" ผมลองยื่นข้อเสนอดู ซึ่งข้อเสนอนี้มันดีกับผมเหลือเกิน

ผมมองดูซินที่ยังคงทำสีหน้าน่ากลัว และไม่ยอมตอบคำถามเหมือนเดิม

"ซิน เกลียดผมแล้วเหรอ เบื่อผมแล้วใช่หรือเปล่า" ผมถามเบาๆ ด้วยความเศร้าใจ และพยายามจะไม่ร้องไห้ออกมา

ผมนั้นทำใจไว้เสมออยู่แล้ว เมื่อมีพบก็ต้องมีพราก มีแต่คนอยากจะจากผมไป เข้ามาและหายไปจนเป็นเรื่องธรรมดา

"หิวหรือเปล่า ไปหาอะไรกินกันไหม" ซินเริ่มมีสีหน้าอ่อนลงและพูดด้วยเสียงที่เหมือนกับกำลังปลอบโยนผม

ผมจ้องมองใบหน้าด้านข้างของซินและยิ้มออกมาอย่างดีใจ

"อื้อ" ผมตอบรับคำชวนนั้นด้วยหัวใจที่เริ่มมีกำลังใจอีกครั้ง

ผมที่ไม่เคยมีใครเข้ามาในชีวิต ไม่เคยมีใครให้ผูกพัน มันยากมากที่จะพบเจอใครสักคน และรักษาคนคนนั้นให้อยู่ข้างๆ เราไปนานๆ ผมไม่อยากจะต้องพรากจาก ไม่อยากใช้ชีวิตโดยไร้ความหมายอีกแล้ว โดยเฉพาะกับซิน

ผมไม่อยากจะอยู่ห่างคนคนนี้เลย
หัวข้อ: Re: In The Shadows' เงาหลอน ซ่อนรัก '[YAOI][#15 ลูกแกะที่หลงรักอสรพิษ](19/3/61)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 19-03-2018 10:11:28
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: In The Shadows' เงาหลอน ซ่อนรัก '[YAOI][#15 ลูกแกะที่หลงรักอสรพิษ](19/3/61)
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 19-03-2018 11:01:31
ซาตานสินะ เคยมีคนพูด ถ้าหากอยากได้ทุกอย่างให้ขายวิญญาณกับซาตาน

เมื่อถึงจุดที่ประสบความสำเร็จ ซาตาน จะขอรับสิ่งแลกเปลี่ยนไป

ซิน ความหมายของชื่อที่แปลว่า บาป รึป่าว ? รอลุ้น เรื่องน่าสนใจมาก

อยากรู้ไวท์จะเลือกอย่างไร จะขายวิญญาณให้ซาตานหรือจะอยู่แบบเดิม


หัวข้อ: Re: In The Shadows' เงาหลอน ซ่อนรัก '[YAOI][#15 ลูกแกะที่หลงรักอสรพิษ](19/3/61)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 20-03-2018 02:29:27
เมื่อไหร่จะมีเพื่อนจริง ๆ เข้ามาให้ชีวิตไวท์นะ สงสารจริง ๆ เลย  :impress3:
หัวข้อ: Re: In The Shadows' เงาหลอน ซ่อนรัก '[YAOI][#15 ลูกแกะที่หลงรักอสรพิษ](19/3/61)
เริ่มหัวข้อโดย: Gloomy Sunday ที่ 23-03-2018 11:35:04
Shadows ที่ 16 หนังสือต้องสาป


ซินพาผมมาที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งริมแม่น้ำในยามค่ำคืน ผมรู้สึกเขินเล็กน้อย ขณะที่เดินเข้ามาในร้าน เพราะว่าส่วนใหญ่คนที่เข้ามาที่นี่นั้น ล้วนแต่เป็นคู่รัก ผมยังไม่เห็นใครที่เป็นผู้ชายสองคนนั่งด้วยกันเลย

"ยังเจ็บอยู่หรือเปล่า" ผมนั่งลงที่โต๊ะวิวสวยข้างระเบียงที่มีดอกไม้สวยๆ ตั้งอยู่ และมองออกไปเห็นแม่น้ำสวยที่ฝั่งตรงข้ามประดับประดาด้วยไฟหลากสี

"ไม่ค่อยแล้วล่ะ" ผมพูดและมองดูซินถอดเสื้อคลุมตัวนอกออก เผยให้เห็นเสื้อเชิ๊ตตัวสีดำข้างในอีกที ซินน่าจะชอบ สีดำสินะ

"สั่งอาหารเถอะ" ซินพูดและเรียกบริกรให้เข้ามารับออเดอร์

"วันนี้ซินจะพาผมไปทำงานที่บาร์นั้นอีกไหม" ผมถามด้วยความสงสัย จริงๆ ผมอยากรู้ว่าที่นั่นมันอยู่ที่ไหนกันแน่ ผมจะได้ไม่ต้องรบกวนให้ซินพาไปส่ง

"จริงๆ ไม่ต้องไปทุกวันก็ได้ วันไหนที่ซินอยากให้ไป ซินจะพาไป" ผมขมวดคิ้วน้อยๆ แบบนั้นจะเรียกว่าทำงานได้ยังไง

"บอกที่อยู่มาแล้วผมไปเองก็ได้นะ" ผมพูดสิ่งที่คิดอยู่ในใจ

"ไม่ได้ ซินต้องไปด้วย"

"ทำไมล่ะ ผมไม่เข้าใจเลย" ผมหน้าบูดขึ้นเล็กน้อย แบบนี้ผมก็อดตายกันพอดี

"ต้องการใช้เงินเหรอ"

"ผมอยากได้มือถือ เอาไว้ เผื่อติดต่อซินน่ะ" ผมยิ้มให้ซินที่เลิกคิ้วขึ้น

"เดี๋ยวหาให้ แล้วค่อยมาใช้หนี้ทีหลัง โอเคไหม" ซินเริ่มตักข้าวให้ผม

"ไม่เอาหรอก ผมเกรงใจ ผมจะเก็บเงินจากที่ทำงาน" ผมพูดและแย่งทัพพีตักข้าวให้ซินบ้าง

"อีกนานแค่ไหนล่ะกว่าจะซื้อได้"

"พูดยังไงก็ไม่" ผมยิ้มและมองซินที่เริ่มเขี่ยข้าวไปมาอีกแล้ว อาหารที่ผมสั่งนั้นมีไม่กี่อย่าง แต่ผมแปลกใจมากที่ตอนนี้มันเต็มโต๊ะเหลือเกิน

"ซินไม่ชอบกินข้าวเหรอ" ผมมองซินที่ดูไม่อยากจะกินเท่าไหร่นัก

"ชอบดื่มมากกว่า" ซินพูดและทำท่าจะวางช้อน

"ไม่ได้นะ ผมเห็นซินดื่มเหล้ามากไปแล้ว กินข้าวเป็นเพื่อนผมหน่อยนะ" ผมพูดพลางตักกับข้าวให้ซิน

ผมมองซินที่ดูลังเลแต่ก็ยอมกินเข้าไปแต่โดยดี บางทีเวลาซินไม่ดื้อก็น่ารักดีนะ แต่ถ้าจะให้พูดจริงๆ ก็คือ ซินไม่ได้มีความน่ารักเลยสักนิด พูดว่าหล่อถึงจะถูก

"อร่อยไหม" ผมถามพลางอมยิ้ม

"แปลกๆ" ผมขมวดคิ้วมองซิน แปลกงั้นเหรอ ไข่เจียวทรงเครื่องเนี่ยนะ

"ผมชอบที่นี่นะ บรรยากาศดี" ผมพูดพลางมองไปรอบๆ "เคยพาสาวมาที่นี่งั้นเหรอ เข้าใจเลือกนะ" ผมพูดต่อพลางตักอาหารกินไปด้วย ความจริงผมไม่อยากถามอะไรแบบนี้เลย รู้สึกเหมือนไม่อยากได้ยินคำตอบ

"ไม่ เคยแต่มาคนเดียว"

"เหรอ แล้วเพื่อนๆ ล่ะ" ผมว่าคนแบบซินคงมีเพื่อนเยอะน่าดู

"เพื่อนไม่ค่อยมีหรอก แต่อย่างอื่นน่ะ เยอะ" ซินพูดพลางยิ้มน้อยๆ อย่างอื่นนั่นหมายถึงอะไรกันนะ

"หมายถึงสาวๆ ใช่ไหม ที่บาร์นั่นก็ตั้งสองคน" ผมพูดด้วยใบหน้าบึ้งตึง

"ดูเหมือนไวท์ไม่พอใจเวลาพูดถึงสองคนนั่นนะ" ซินถามและจ้องมองมา ผมไม่ควรพูดแบบนั้นเลย ผมทำตัวแย่อีกแล้ว

"ป.เปล่า คือ ผมอิจฉาน่ะ ผมไม่เคยมีแฟนหรือใครมาชอบเลย"

"แล้วไอ้ผู้ชายคนนั้นล่ะ" ผมชะงักทันทีที่ซินพูดแบบนั้น หมายถึงเต้ยสินะ

"ผมไม่ได้ชอบเต้ย" ผมพูดด้วยความมั่นใจ

"ไวท์เคยชอบใครหรือเปล่า" ซินถามและดูรอฟังคำตอบอย่างจริงจัง

"คือ..." ผมจ้องเข้าไปในแววตาของคนตรงหน้า จริงๆ ผมก็คิดว่าผมเริ่มที่จะรู้ แต่ไม่อยากพูดออกไปมากกว่า

"ไวท์ยังไม่เคยมีเซ็กส์ใช่ไหม" ผมสำลักน้ำทันทีที่ซินพูดเรื่องนี้ขึ้นมา ผมหน้าขึ้นสีเล็กน้อย ถึงแม้ซินจะเป็นผู้ชาย แต่ผมก็รู้สึกแปลกๆ ถ้าจะต้องพูดเรื่องแบบนี้

"แค่จะเข้าไปคุยยังยากเลย" ผมพูดพลางก้มหน้าจ้องผักกาดตรงหน้า

"กับพวกผู้หญิงน่ะเหรอ"

"กับทุกคนนั่นแหละ" ผมพูดพลางถอนหายใจเบาๆ "ผมก็เป็นมนุษย์คนนึง มีความรู้สึก มีความต้องการ ไม่ได้เป็นหุ่นยนต์หรอกนะ แต่ผมก็คิดว่า ผมจะไม่ทำเป็นเล่นๆ กับใครหรอก ผมจริงจัง ต้องไม่ทำให้ใครเสียหาย" ผมอยากจะเปลี่ยนเรื่องคุยเหลือเกินตอนนี้

"หึ ตลกดีนะ" ผมมองซินที่กำลังหัวเราะเบาๆ

"ตลกยังไงกัน"

"ไวท์น่ะเหรอจะไปทำใครเสียหาย บางที ตัวไวท์เองนั่นแหละ ที่จะเสีย" ซินเท้าคางจ้องมองผมด้วยแววตาแปลกๆ ทำเอาผมขนลุกไปทั้งตัว

"ซิน คนบ้า" ผมพูดเบาๆ ผมไม่เคยพูดแบบนี้กับใครเลยนอกจากซิน นี่เป็นสิ่งที่ทำให้ยิ่งมั่นใจว่า กับซินนั้น พิเศษยิ่งกว่าใคร

ผมมองซินที่กำลังค่อยๆ กินอาหารที่ผมตักให้ ผมยิ้มน้อยๆ และจ้องมองซินไม่วางตา เหมือนเด็กๆ หัดกินข้าวยังไงยังงั้น แปลกดีแฮะ

แต่สายตาของผมนั้นก็เหลือบไปเห็นรอยสักบนมือของซิน รอยสักรูปงูสีขาว บนมือที่ขาวซีด

"รอยสักนั่น..." ผมพูดและจ้องมองมันอย่างตั้งใจ

แต่ซินที่ได้ยินแบบนั้นกลับชะงักนิ่ง และจ้องมองผมแบบแปลกๆ ทันที

"มองเห็นมันด้วยเหรอ" ผมขมวดคิ้วทันทีที่ได้ยินแบบนั้น

"ก็ต้องเห็นสิ แต่ตอนแรกซินไม่มีนี่นา ไปสักมาเพิ่มเหรอ" ผมถามด้วยความสงสัย เอาจริงๆ ที่คอนั่น ตอนแรกก็ไม่มีเหมือนกัน

แต่แทนที่จะตอบคำถาม ซินกลับยื่นมือมาหาผมและจับมือผมเอาไว้แน่น แน่นจนผมยังแปลกใจ

"ไวท์เป็นคนพิเศษ" ผมชะงักทันทีที่ได้ยินแบบนั้น

"ซ.ซิน พูดว่าอะไรนะ" ผมหัวใจเต้นรัว ที่พูดนั่นน่ะ เรื่องจริงงั้นเหรอ ในความหมายแบบไหนกัน

"ไม่เคยเจอใครเหมือนไวท์เลย ซินชอบไวท์มาก ชอบมากจน..." ผมมองซินที่ยิ้ม พลางกำมือผมแน่นขึ้นอีก จนผมเริ่มนิ่วหน้าด้วยความเจ็บ

"ขอบคุณนะ ผมดีใจมากเลย" ผมพูดพลางยิ้มให้ซิน และค่อยๆ แกะมือซินออกจากมือผม เพราะกลัวมือผมจะแหลกซะก่อน ผมจ้องมองซิน ผมอยากจะบอกซินเหลือเกินว่า ผมก็ชอบซินเหมือนกัน แต่ความหมายของคำว่าชอบของเราสองคนนั้น มันอาจจะไม่เหมือนกัน

หลังจากนั้นไม่นานผมก็กลับมาที่ห้อง ผมต้องใช้ความพยายามอยู่นานเพื่อไล่ซินที่พยายามจะเข้ามาในห้องผมกลับไป จริงๆ แล้วผมก็อยากให้ซินอยู่กับผมนะ แต่ก็คิดอีกทีว่า ผมไม่อยากให้ซินอึดอัดกับที่นี่เลย ห้องผมมันเล็กนิดเดียว

ผมคิดถึงคำที่ซินบอกผม ผมเป็นคนพิเศษจริงๆ เหรอ พิเศษแบบไหนกัน ผมว่าผมเป็นพวกประหลาดๆ ที่ดูน่าเบื่อ และน่ากลัวจริงๆ นั่นแหละ เหมือนคนบ้าจริงๆ เลยแฮะ ผมจะทำยังไงดี

ผมที่เข้าไปอาบน้ำและออกมานอนกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่บนฝูก ผมนอนไม่หลับเลย อะไรหลายๆ อย่างในชีวิตผมมันทำให้ผมต้องตื่นตัวอยู่เสมอ เฮ้อ อยากมีชีวิตสงบๆ บ้างจะได้ไหมนะ

แต่ผมที่กำลังกลิ้งไปมานั้นก็เหลือบไปเห็นหนังสือเล่มหนึ่งที่โผล่พ้นออกมาจากกระเป๋าสะพายของผม

ผมค่อยๆ ลุกขึ้นนั่ง และเอื้อมมือไปหยิบมันขึ้นมา ผมมองหนังสือปกสีดำเข้มในมือ พลางลูบมันไปมาด้วยความรู้สึกแปลกๆ ผมรู้สึกเหมือนได้ยินเสียงกระซิบเบาๆ ดังอยู่ในความเงียบสงัด รู้สึกเหมือนขนในตัวผมกำลังลุกชัน

ผมกลืนน้ำลายและค่อยๆ เปิดมันออกช้าๆ ด้วยความสงสัย ไล่มือไปตามตัวอักษรประหลาดๆ ที่เขียนอยู่ในหน้ากระดาษสีเหลืองที่ดูเก่าแก่ ผมค่อยๆ เปิดมันออกทีละหน้า ทีละหน้า ทีละหน้า ทีละหน้า ด้วยแววตาสีดำ

ที่ค่อยๆ เปลี่ยนไปเป็นสีแดงอย่างไม่รู้ตัว...

หัวข้อ: Re: In The Shadows' เงาหลอน ซ่อนรัก '[YAOI][#16 หนังสือต้องสาป](23/3/61)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 23-03-2018 13:17:28
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: In The Shadows' เงาหลอน ซ่อนรัก '[YAOI][#16 หนังสือต้องสาป](23/3/61)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 23-03-2018 15:25:43
สงสัยจะอ่านหนังสือมากไปหน่อย ตาคงจะล้า  คิดในแง่ที่ดีนะ  :hao4:
หัวข้อ: Re: In The Shadows' เงาหลอน ซ่อนรัก '[YAOI][#16 หนังสือต้องสาป](23/3/61)
เริ่มหัวข้อโดย: Gloomy Sunday ที่ 30-03-2018 15:00:47
Shadows ที่ 17 สัญลักษณ์แห่งความมืด


"ไวท์"

ผมสะดุ้งตื่นขึ้น แสงแดดในยามเช้าส่องกระทบดวงตาของผม ทำให้ผมต้องหรี่ตามองไปรอบๆ อย่างงัวเงีย

ผมลุกขึ้นและมองหาเจ้าของเสียงที่ร้องเรียกผมอยู่ แต่ก็น่าแปลก เพราะว่ารอบๆ ตัวผมนั้นกลับว่างเปล่า

ผมค่อยๆ ลุกขึ้นเพื่อเตรียมตัวล้างหน้าอาบน้ำ และลงไปช่วยคุณยายเปิดร้านเหมือนทุกวัน ผมยืนอยู่หน้าอ่างล้างหน้า และเปิดน้ำ วักน้ำขึ้นมาล้างหน้า มองไปในกระจกที่...

ผมที่มองเห็นเงาสะท้อนของตัวเองนั้นก็ต้องถอยหลัง ไปชนกับผนังด้านหลังอย่างแรง นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน

ผมค่อยๆ ยกมือขึ้นลูบหน้าตัวเองเบาๆ และก็พบว่าใบหน้าของผมนั้น มีแต่เลือดสีแดงติดกรังอยู่

ผมมือสั่น และรีบลุกขึ้น วิ่งไปยังด้านล่างของห้อง วิ่งไปหาคุณยายที่ตอนนี้น่าจะตื่นแล้ว ตัวผมนั้นไม่มีบาดแผลอะไร นอกจากรอยข่วนที่ผมโดนเมื่อคืนจากงานศพ แต่เลือดที่ติดอยู่ตามตัวผมตอนนี้นั้น มันเหมือนกับว่า ถ้าใครเป็นเจ้าของเลือดนี่ คนนั้นอาจจะต้องตายก็ได้ และผมก็รู้สึกกลัวขึ้นมาจับใจ ใครล่ะ จะเป็นใครกัน ใครที่อยู่ใกล้ๆ ผม

ผมเดินเข้าไปและเลื่อนประตูเหล็กหน้าร้านขึ้น ภายในร้านเงียบสงัด ตอนนี้นั้นเช้าตรู่แล้ว คุณยายที่น่าจะตื่นแล้ว หายไปไหน ผมเริ่มตัวสั่นน้อยๆ และน้ำตาไหลออกมา ไม่นะ จะเป็นแบบนี้ไม่ได้

"ไวท์ลูก ไปโดนอะไรมา" ผมหันไปตามเสียงเรียก และก็พบว่าคุณยายกำลังเดินมาหาผมด้วยใบหน้าตื่นตกใจ

ผมคุกเข่าลงกับพื้น โล่งใจจนเผลอร้องไห้ออกมาอีกยกใหญ่ ผมกลัวมาก เลือดนี่มันมาจากไหนกัน ผมไม่เข้าใจเลย

ผมเดินทางไปมหา'ลัยด้วยความรู้สึกสับสน เมื่อก่อนนั้นผมได้พบเจอกับพวกวิญญาณ พวกนั้นชอบที่จะหลอกให้ผมกลัว แต่ก็ไม่เคยเลยที่จะทำให้ผมเจ็บตัว แต่รู้สึกหลังๆ มานี้ มันเหมือนกับไม่ใช่ เรื่องน่ากลัวมากมายเกิดขึ้นและมันน่ากลัวกว่าพวกวิญญาณที่ไร้ตัวตน พวกมันทำให้ผมเจ็บได้ และรู้สึกเหมือนผมไม่อาจต้านทานได้เลย

ผมนึกถึงคำพูดของอาจารย์นาธัส สิ่งที่เหนือกว่า วิญญาณ งั้นเหรอ ผมกำลังเผชิญกับสิ่งที่พี่โก้เคยเผชิญสินะ ถ้าไม่ใช่ความเชื่อเรื่องยมทูตแล้วละก็ ถ้าเป็นอย่างนั้น มันจะมีอย่างไหนอีกกันนะ

ผมมองดูนาฬิกาข้อมือเรือนเก่าของผมและพบว่าผมยังพอมีเวลาอีกนิดหน่อย ผมเปลี่ยนทิศทางจากตึกเรียน เลี้ยวไปยังห้องสมุดเก่าที่ผมชอบไป ผมอยากหาข้อมูลเรื่องนี้อย่างจริงจัง ผมจะต้องป้องกันตัวเองจากสิ่งเลวร้ายเหล่านี้ให้ได้ มันจะต้องมีสักทาง

"ไวท์" ผมเดินไปตามทางเดินเล็กๆ ใต้ต้นไม้ แต่ก็ถูกเรียกเอาไว้ซะก่อน และเมื่อพอผมหันไปมองตามเสียงเรียกนั้นผมก็ต้องยิ้มกว้างอย่างดีใจจริงๆ

"เจ" ผมยิ้มให้เจอย่างอ่อนโยน นานแค่ไหนแล้วที่นายทิ้งผมไป แต่ไม่เป็นไรหรอก ผมไม่เคยโกรธใครอยู่แล้ว

ผมมองเจที่ยิ้มแบบหงอยๆ มองผม แบบนี้จะดีเหรอ ถ้าเพื่อนเจอยู่แถวนี้ เจอาจจะโดนดุอีกได้

"ไม่เป็นไรหรอกนะ แค่ทักผมก็ดีใจแล้ว" ผมถอยหลังออกห่างเจที่เดินเข้ามาและแต่เจก็เร่งฝีเท้าเข้ามาเกาะแขนผมเอาไว้

"ไม่เป็นไรหรอกไวท์ ผมอยากคุยด้วย" เจพูดและดึงมือผมให้ออกห่างจากตึกห้องสมุดนั้น

ผมเดินตามเจที่ตัวเล็กกว่าผมมาก ผมมีความสุขจัง ถึงเช้านี้จะมีเรื่องร้ายๆ แต่แบบนี้ก็ถือว่าหายกันไป เพื่อนเก่าของผมอุตส่าห์มาคุยกับผม นี่แหละดีสุดๆ ไปเลย

ผมเดินตามเจมาที่ร้านกาแฟแห่งหนึ่งในมหา'ลัย ที่นี่ดูเงียบสงบและจัดแต่งอย่างสวยงาม ถึงเจ้าของร้านจะมองผมแบบแปลกๆ บ้าง แต่เขาก็ยิ้มแย้มอย่างใจดี และแถมขนมฟรีให้เรา ที่นี่ผมนั้นจะจำเอาไว้ ดูเป็นที่ที่ดีจริงๆ

พวกเราเลือกที่นั่งที่โต๊ะในสุด ลึกสุดและมองไม่เห็นจากด้านนอก ผมมองดูเจที่หน้าซีดๆ และมองไปมองมารอบๆ ตัวอย่างหวาดระแวง

"เจมีเรื่องอะไรไม่สบายใจเหรอ" ผมถามเจเบาๆ ทันทีที่เจก้มลงมองมือตัวเอง

"เจขอโทษเรื่องที่ผ่านมานะ เจไม่อยากทำแบบนั้นเลย แต่ว่า ไม่มีทางเลือก" เจพูดเบาๆ และเงยหน้ามองผม

"อย่าคิดแบบนั้นเลย ผมไม่เป็นไร ตอนนี้ผมก็มีเพื่อนแล้วด้วย เจก็น่าจะเคยเห็น" ผมพูดพลางยิ้มน้อยๆ

"คนตัวสูงๆ หน้าตาดีๆ คนนั้นน่ะเหรอ" เจถามผมเบาๆ

"ใช่ เขาชื่อซิน" ผมอดภูมิใจไม่ได้ที่ผมได้เพื่อนแบบซิน ที่ทั้งเด่นทั้งหล่อ แต่ เอ่อ ผมไม่ได้ชอบซินเพราะซินหล่อสักหน่อย

"เจ...มีเรื่องอยากถาม เพราะว่า ไวท์ มองเห็นพวก ผี ใช่ไหม" ผมหุบยิ้มทันทีที่เจพูดแบบนั้นออกมาด้วยเสียงที่สั่นกลัว

"เจก็เห็นงั้นเหรอ" ผมรีบถามเจด้วยหัวใจที่เต้นรัว เจกำลังลำบากสินะ

"ก็ ไม่เชิง เจกลัว คือเพื่อนของเจ ชวนเจ ให้เข้าลัทธิแปลกๆ" เจพูดและมองไปรอบๆ อย่างหวาดผวา

"ลัทธิอะไรงั้นเหรอ" ผมถามเบาๆ ด้วยความสงสัย นี่จะต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ

"ไวท์ เคยได้ยินไหม เรื่องเกี่ยวกับ ซ.ซานตาน" ซาตาน งั้นเหรอ... คล้ายๆ ยมฑูตหรือเปล่านะ

"ไวท์เคยได้ยิน แต่ไม่รู้รายละเอียดเลย เจช่วยเล่าให้ฟังได้ไหม" ผมถามและมองเจที่พยักหน้าตอบช้าๆ

"เพื่อนเจบอกว่า พวกมันไม่ใช่วิญญาณคนตาย แต่เกิดจากความชั่วร้ายที่ก่อตัวขึ้น แต่ก็มีอีกจำพวกหนึ่งที่แตกต่างออกไป พวกนี้จะเข้มแข็งกว่า และมีอำนาจมากกว่าเพราะถูกเนรเทศลงมาจากสวรรค์และลงมาด้านล่าง พวกมันมีตัวตนอยู่เพื่อล่อลวงมนุษย์ ดึงผู้คนเข้าสู่ด้านมืดของจิตใจ พวกวิชาอาคมต่างๆ ก็อาจจะได้รับอิทธิพลมาจากพวกมัน หากเราร้องขอ และตั้งมันให้เป็นใหญ่ในชีวิต พวกเราก็จะต้องแลกบางสิ่ง หรือสูญเสียทุกๆ อย่างหลังจากที่ได้สิ่งที่ปรารถนา"

ผมที่ได้ฟังดังนั้นก็ชะงักทันที ล่อลวง มอบสิ่งที่ปรารถนา แลกกับบางสิ่ง

"แลกกับวิญญาณงั้นเหรอ" ผมพูดออกมาเบาๆ และเจก็พยักหน้าตอบ นี่มันเหมือนกับที่อาจารย์นาธัสเคยพูด เหนือกว่าวิญญาณงั้นเหรอ มีพลังอำนาจ เรื่องนี้พี่โก้เคยบอกผมก่อนที่จะตาย ทั้งหมดนี่ หมายถึงซาตานงั้นสินะ

"เจเคยเจอพวกมันงั้นเหรอ" ผมคว้ามือเจมาจับไว้และถามอย่างตั้งใจ

"เจไม่รู้ แต่ว่า เผลอลองเข้าร่วมพิธีพร้อมเพื่อนๆ เจ อยากยกเลิก ไม่อยากยุ่งกับพวกมันแล้ว เจจะทำยังไงดี"

"พิธีนั่น ทำยังไงงั้นเหรอ" ผมถามด้วยความสงสัย

"ตอนแรกเจก็ไม่เชื่อ เจเข้าไปในห้องสีแดง เพื่อนๆ กำลังสวดมนต์อะไรสักอย่าง มีสัญลักษณ์แปลกๆ ที่พื้น ที่ผนัง อยู่ทั่วไปหมด"

"สัญญลักษณ์เหรอ" ผมถามพลางมองเจด้วยความเป็นห่วง

เจไม่ได้พูดอะไร แต่กลับค่อยๆ เลิกเสื้อขึ้นช้าๆ เพื่อให้ผมได้มองเห็น ร่องรอยที่เหมือนกับถูกปลายมีดแหลมกรีดลงไปมาจนเกิดรอย สัญญลักษณ์นั้นที่...

ผมเบิกตากว้างด้วยความหวาดหวั่น ผมมองดูสัญญลักษณ์รูปดาวที่มีดวงตาอยู่ด้านใน สัญญลักษณ์ที่ถูกวาดอย่างลวกๆ ทำให้มองออกได้ยาก แต่ผมกลับจำมันได้ขึ้นใจ มันคือสัญญลักษณ์ที่ปรากฎอยู่บนประตูของผม และแขนของผมในคืนที่น่ากลัวนั่น

นี่มันเป็นไปได้ยังไงกันนะ
หัวข้อ: Re: In The Shadows' เงาหลอน ซ่อนรัก '[YAOI][#17 สัญลักษณ์แห่งความมืด](30/3/61)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 30-03-2018 15:14:30
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: In The Shadows' เงาหลอน ซ่อนรัก '[YAOI][#17 สัญลักษณ์แห่งความมืด](30/3/61)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 31-03-2018 03:18:54
มีสัญลักษณ์กันแล้วทั้งคู่ แล้วทั้งคู่จะรอดปลอดภัยไหมเนี่ย  :ling3:
หัวข้อ: Re: In The Shadows' เงาหลอน ซ่อนรัก '[YAOI][#17 สัญลักษณ์แห่งความมืด](30/3/61)
เริ่มหัวข้อโดย: Gloomy Sunday ที่ 09-04-2018 14:06:41
Shadows ที่ 18 บาดแผลที่ถูกซ่อนไว้


ผมออกมาจากร้านกาแฟนั้น เพราะว่าเพื่อนของเจบังเอิญเข้ามาพอดี ผมบอกเจว่าพวกเราจะคุยกันอีก และแยกย้ายจากกัน ผมมองเจที่ดูหวาดระแวง แต่ก็ยังคงไปกับเพื่อนที่มองผมเหมือนไม่ชอบใจผม

นี่มันเรื่องอะไรกันนะ สัญลักษณ์นั่นที่ผมเห็นบนตัวเจ มันเหมือนสัญลักษณ์ที่ผมเคยมี แต่มันจะเป็นไปได้ยังไง ผมไม่เคยเข้าร่วมพิธีบ้าๆ นั่น และไม่เคยคิดจะขายวิญญาณให้ใคร ทำไมมันถึงมาทำแบบนี้บนตัวผมได้

ผมยื่นแขนออกมาและพลิกดูตรงที่ที่เคยมีรอยสัญลักษณ์นั้นอยู่ แต่บัดนี้ได้หายไปแล้ว แปลว่ามันมีทางทำให้หายไปสินะ ผมจะต้องช่วยเจ ไม่อย่างนั้นเจจะต้องตายแบบพี่โก้แน่ๆ

"ไวท์"

ผมสะดุ้งน้อยๆ และมองตามเสียงเรียกนั้น

"ซิน" ผมยิ้มกว้างทันทีที่มองเห็นว่าใครเรียกผมอยู่ ผมรู้สึกดีมากที่วันนี้ซินก็อยู่กับผม นึกว่าจะหายไปไหนซะแล้ว

ผมรีบเดินไปหาซินที่ยืนอยู่ไกลๆ แต่ยิ่งเดินเข้าไปใกล้ ผมก็ยิ่งเห็นชัดว่าซินดูแปลกๆ เหมือนกำลังอ่อนแรง และหน้าซีดเผือดยิ่งกว่าครั้งไหนๆ

"ซิน เป็นอะไรไป ไม่สบายเหรอ" ผมรีบเข้าไปจับแขนซินที่ร้อนดั่งไฟ

"ทำไมถึงหน้าซีดแบบนี้ล่ะ" ผมเอื้อมมือขึ้นไปแตะที่แก้มของซิน แต่ซินก็จับมือผมเอาไว้

"ไม่เป็นไร ไปกันเถอะ"

"วันนี้ลาเถอะ ซินไม่ไหวหรอก" ผมพูดและดึงยื้อแขนซินไว้

"เมื่อคืน ปกติดีไหม" ซินพูดถามผมเบาๆ

"เมื่อคืน ทำไมเหรอ" ผมไม่เข้าใจในสิ่งที่ซินถาม แต่ผมก็นึกขึ้นได้

"คือ ตอนเช้า ผมตื่นขึ้นมาแล้วเห็นเลือดเต็มไปหมด" ผมจับมือซินและเล่าให้ฟังอย่างร้อนรน

"แล้วเจ็บตรงไหนหรือเปล่า" ซินถามและจ้องมองผม

"ผมไม่เป็นไร"

"ขอซินไปห้องไวท์ได้ไหม ซินอยากนอนที่นั่น" ซินพูดเหมือนคนกำลังจะหมดแรง ผมสังเกตว่าซินเหมือนกำลังบาดเจ็บตรงไหนสักที่ แต่ไม่ยอมบอกผม

"ห้องไวท์มันแคบ ไปห้องซินดีกว่าไหม"

"ห้องไวท์นั่นแหละ เถอะนะ" ซินทำแววตาขอร้องผม ซึ่งจะให้ปฏิเสธก็คงไม่ได้

ไม่นานผมก็พาซินนั่งแท็กซี่กลับมาที่ห้องของผม และทันทีที่มาถึง ซินก็ลงจากรถด้วยความรวดเร็ว และเดินขึ้นไปยังห้องนอนของผมโดยที่ไม่รอผมเลย

ผมจ่ายเงินให้แท็กซี่และรีบวิ่งตามซินขึ้นไปด้านบน ซินจะรีบร้อนไปไหนกันนะ ร่างกายก็ดูไม่ค่อยปกติดีซะด้วย

"ซิน เป็นอะไร..." แต่ผมที่เดินขึ้นมาถึงด้านบนแล้วก็ต้องตกใจกับภาพที่เห็น ผมมองซินที่กำลังยืนมองดูกองไฟเล็กๆ ที่กำลังลุกไหม้

"ไฟไหม้นี่ ซิน ออกมาก่อน!" ผมรีบวิ่งเข้าไปดึงซินที่ยืนนิ่งให้ถอยออกมา และวิ่งเข้าไปในห้องน้ำ เพื่อตักน้ำออกมาเพื่อจะดับไฟ แต่เมื่อออกมาจากห้องน้ำ ก็พบว่ากองไฟนั้นได้มอดดับไปแล้ว

ผมมองดูสิ่งที่ถูกไฟเผาใกล้ๆ และก็ต้องพบว่า มันคือหนังสือปกสีดำแปลกๆ เล่มนั้นนั่นเอง

"ซินเป็นอะไรหรือเปล่า" ผมมองดูซินที่ยังคงจ้องมองหนังสือนั่นเขม็ง

"เอามันไปทิ้งซะ" ซินพูดและนอนลงบนฟูกของผม

"อย่าเพิ่งนอนสิ ผมขอปัดที่นอนก่อน" ผมนั่งลงข้างๆ และเก็บของที่เกะกะ เก็บซากหนังสือใส่ถุงขยะ

"ไม่เป็นไร แบบนี้สบายดี" ผมมองดูซินที่นอนนิ่งๆ หัวและปลายเท้าแทบจะชนผนังห้อง แบบนี้จะสบายจริงๆ เหรอ

"จะบอกผมได้หรือยังว่าโดนอะไรมา" ผมนั่งลงข้างๆ ซินและพยายามสังเกตร่างกายที่ซินซ่อนเอาไว้

"ถ้ารู้แล้วจะทำอะไรล่ะ" ซินนอนตะแคงและจ้องมองผม

"ผมเป็นห่วง" ผมพูดเบาๆ และทำหน้าจริงจัง

ผมมองดูซินที่ทำคิ้วขมวดมุ่น และทำหน้าเหมือนกำลังสับสนอะไรสักอย่าง ผมค่อยๆ นอนลงช้าๆ ข้างๆ ซิน ผมไม่รู้ว่าซินคิดอะไร แต่ผมรู้แค่ว่า ผมอยากอยู่ใกล้ๆ

ผมนอนจ้องมองซิน และเริ่มที่จะรู้สึกง่วงแทน ผมบังคับดวงตาให้เปิด แต่มันก็ไม่อาจต้านทานได้เลย

"จะไม่มีใครแย่งไวท์ไปได้"

"คนที่จะฆ่านายได้ มีแค่ฉันเท่านั้น"

"ไวท์ พร้อมจะตายหรือยัง"

ผมค่อยๆ ลืมตาขึ้นช้าๆ ในความมืด นี่ผมนอนไปนานแค่ไหนกันนะ แต่ความรู้สึกนี้มัน อบอุ่น...

แต่ผมที่กำลังงัวเงียนั้นก็ตื่นเต็มตาทันทีที่รู้ว่าผมกำลังนอนอยู่ท่าไหน ผมมองแขนของซินที่กอดรัดผมอยู่ และไม่ว่าผมจะดิ้นแค่ไหน ก็รู้สึกว่ามันช่างไร้ประโยชน์สิ้นดี

ผมเงยหน้ามองซิน ที่ยังคงนอนนิ่งและหายใจสม่ำเสมอ เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นซินกำลังนอนหลับอยู่จริงๆ ผมยิ้มน้อยๆ และตัดสินใจอยู่นิ่งๆ แบบนี้ต่อไป นี่ถ้าเป็นผู้ชายคนอื่นผมคงสู้ขาดใจเลยทีเดียว แต่แบบนี้ก็ชัดเจนแล้วสินะ ว่าผมน่ะชอบซิน ในความหมายแบบนั้นจริงๆ

"ขอโทษที่ขัดจังหวะนะ" ผมที่ไม่รู้เลยว่าในห้องนี้ไม่ได้มีแค่ผมกับซินก็สะดุ้งสุดตัว และผละออกจากอ้อมแขนซินอย่างง่ายดายด้วยความตกใจ แต่ผมที่หันไปมองซินก็พบว่าซินยังคงไม่ตื่น และหลับสนิทตามเดิม

"หลับสนิทในรอบร้อยปี" เสียงผู้ชายคนนั้นยังคงดังในความมืด

"พี่ไวลี่?"

"ช่าย ฉันเอง ขอโทษที่แอบเข้ามา หึหึ"

"ผมเปิดไฟให้ดีไหมครับ" ผมถามเพราะรู้สึกเกรงใจ แต่ก็กลัวแสงจะแยงตาซิน

"ไม่เป็นไร พวกเราชินกับความมืดอยู่แล้ว" ผมขมวดคิ้วงงๆ ความมืด งั้นเหรอ

"พี่รู้หรือเปล่าครับ ว่าทำไมซินถึงเป็นแบบนี้" ผมได้ทีก็ถามสิ่งที่สงสัยออกไป

"เราน่ะ ชอบซินงั้นเหรอ" ผมที่ถามคำถามออกไป กลับถูกถามกลับด้วยคำถามที่ผมไม่คาดคิดซะงั้น

"คือ...เอ่อ" ผมอ้ำอึ้ง ผมไม่รู้ว่าควรจะพูดยังไง

"ฮ่ะๆ เป็นคนที่แปลกดีจริงๆ" พี่ไวลี่หัวเราะต่อไป จนทำให้ผมรู้สึกอายมากๆ

"เพราะชอบผู้ชายใช่ไหมครับ ถึงแปลก" ผมรู้ว่าผมเป็นผู้ชาย การจะชอบผู้ชายด้วยกัน ผมก็ไม่เคยคิดมาก่อน มันแปลกมากๆ สำหรับผมเช่นกัน

"ไม่ใช่แบบนั้นหรอก แต่อยากจะแนะนำไว้อย่าง อย่าคิดชอบไปมากกว่านี้เลย เธอจะต้องเจ็บปวดแสนสาหัส" อยู่ดีๆ พี่เขาก็หยุดหัวเราะและทำเสียงจริงจัง หัวใจของผมถึงกับเต้นผิดจังหวะ

"ทำไมเหรอครับ เพราะอะไรกัน" ผมรู้สึกเศร้าหมอง หรือเพราะว่าผมเป็นผู้ชาย ทำไมการจะรักใครสักคน ถึงต้องเจ็บปวดขนาดนั้น

"ซินน่ะ ถูกสาป จากคนด้านบน..."

"หุบปากซะ" ผมสะดุ้งทันทีที่ได้ยินเสียงซินแทรกขึ้นมา

ซินลุกขึ้นนั่ง และจ้องมองพี่ไวลี่เขม็งด้วยสีหน้าเคร่งเครียด แต่พี่ไวลี่กลับหัวเราะลั่นซะงั้น

"อ้าว ตื่นซะแล้ว โธ่ ไม่พูดหรอกน่า ฮ่าๆ" ผมรู้สึกเสียดายเล็กๆ ที่ไม่ทันได้ฟังเรื่องของซิน แต่ว่าถูกสาปงั้นเหรอ พี่ไวลี่กำลังล้อผมเล่นใช่ไหม

"อย่าไปสนใจเลย พูดแต่เรื่องไร้สาระ"

"ผมอยากรู้เรื่องของซิน" ผมพูดเบาๆ และยิ้มให้ซิน

"ทำไม" ซินจ้องมองผมและถามด้วยสีหน้าเรียบๆ

"ก็ผมไม่รู้อะไรเกี่ยวกับซินเลยนี่นา"

"ไม่จำเป็นหรอก" ซินพูดและลุกขึ้นยืน

"โอนเนอร์อยากเจอซิน" พี่ไวลี่พูดขึ้นและผมก็หูผึ่งทันที

"โอนเนอร์เหรอครับ พาผมไปด้วยนะ" ผมรีบลุกขึ้นและไปเกาะแขนพี่ไวลี่

"ไวท์ด้วยนั่นแหละ" ผมที่ได้ยินแบบนั้นก็ดีใจทันที

"วันนี้ให้ผมเริ่มทำงานเลยนะ ผมอยากทำ" ผมย้ายไปเกาะซินที่กำลังจ้องมองผม

"ก็ได้ ไปกันเถอะ"

"แต่ผมยังไม่ได้เปลี่ยนเสื้อผ้าเลย" ผมมองชุดนักศึกษายับๆ ของผม ไปแบบนี้จะโดนบ่นไหมนะ

"ไม่เป็นไร มาเถอะ" พี่ไวลี่พูดและเดินนำพวกเราออกไป

ผมเดินตามซินและจ้องมองมือสีขาวของซินที่กุมมือผมเอาไว้ ตอนนี้ซินก็ยังคงไม่รู้สินะ ว่าผมคิดยังไง แต่แบบนี้ก็ดีแล้วล่ะ ผมไม่ต้องการอะไรมาก

ขอแค่ยังมีมือคู่นี้เกาะกุมมือของผมเอาไว้ก็พอแล้ว
หัวข้อ: Re: In The Shadows' เงาหลอน ซ่อนรัก '[YAOI][#18 บาดแผลที่ถูกซ่อนไว้](9/3/61)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 09-04-2018 15:24:44
 :pig4: :pig4: :pig4:

ส....

อะไรน้า....

สมาคม,  สมาพันธ์,  สมาชิก  หรือ  สวรรค์?
หัวข้อ: Re: In The Shadows' เงาหลอน ซ่อนรัก '[YAOI][#18 บาดแผลที่ถูกซ่อนไว้](9/3/61)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 09-04-2018 19:40:59
ซิน เป็นใครนะ อยากรู้ๆ  :katai1:
หัวข้อ: Re: In The Shadows' เงาหลอน ซ่อนรัก '[YAOI][#18 บาดแผลที่ถูกซ่อนไว้](9/3/61)
เริ่มหัวข้อโดย: Gloomy Sunday ที่ 18-04-2018 13:41:28
Shadows ที่ 19 รังของซาตาน


ผมนั่งอยู่ในรถเพื่อเดินทางไปที่บาร์ที่ผมเคยไปกับซินครั้งก่อน ผมเหลือบมองซินที่นั่งอยู่ข้างๆ ผม ซินนั้นตอนนี้ใบหน้าขาวซีดยิ่งกว่าเดิม ผมเป็นห่วงซินมาก ผมอยากรู้ว่าซินเป็นอะไรกันแน่ ทำไมถึงไม่บอกอะไรผมบ้างเลย

ไม่นานพวกเราก็มาถึงบาร์แปลกๆ ในซอยเปลี่ยวใกล้ท่าน้ำ ผมเดินเข้าไปตามทางเดินมุ่งสู่โถงตรงกลางที่โอนเนอร์ยืนอยู่ ทุกอย่างนั้นยังคงเหมือนเดิม ผู้คนที่อยู่ที่นี่ ดูลึกลับ และจ้องมองผมไม่วางตา แต่จริงๆ ผมอาจชินแล้วก็ได้กับสายตาแบบนี้ เพราะที่มหา'ลัย ทุกคนก็ชอบจ้องมองผมแบบนี้เช่นกัน

"ไวท์" โอนเนอร์เรียกผมทันทีที่เห็นผม

"สวัสดีครั..." แต่ผมที่ยังไม่ทันพูดจบก็ถูกดึงตัวเข้าไป มือของโอนเนอร์แตะลงที่หน้าผากของผม

ผมลืมตาจ้องมองโอนเนอร์และเหลือบมองซินและพี่ไวลี่ที่ยืนอยู่ข้างๆ

"คำสาปครอบงำโดยสมบูรณ์ มีแค่คนคนนั้นที่ทำได้ขนาดนี้" ผมขมวดคิ้วงงๆ มองโอนเนอร์ที่กำลังพูดอะไรแปลกๆ

"ดื่มนี่ซะ" โอนเนอร์ปล่อยตัวผมและยื่นของเหลวสีแดงแก้วหนึ่งให้

"คือ เรื่องอะไรเหรอครับ ผมดื่มไม่เป็นนะ" ผมพูดและมองของเหลวสีแดงอย่างหวาดระแวง

"ดื่มซะ" ผมมองซินที่หยิบแก้วใบนั้นจากมือโอนเนอร์และยื่นให้ผม ถ้าซินบอกแบบนั้น ผมว่าก็คิดว่าคงจะไม่เป็นไร

ผมเอื้อมมือออกไปจับแก้วนั้นไว้ และยกดื่มขึ้นรวดเดียวด้วยใบหน้าเหย๋เก แต่เอ๊ะ ผมคิดว่ามันจะเป็นเหล้าแรงๆ อะไรแบบนั้นซะอีก แต่รสชาติกลับหวานและอร่อยมาก ผมรู้สึกสดชื่อขึ้นอย่างบอกไม่ถูก และนี่มันเรื่องอะไรกัน ผมมองไปรอบๆ ร้านและรู้สึกว่าสายตาที่พร่าเลือนของผมมันแจ่มชัดขึ้นเอง

"มันจะช่วยเธอหลายๆ อย่าง ยิ่งเป็นเธอ ยิ่งช่วยได้มาก" โอนเนอร์ยิ้มให้ผมอย่างใจดี

"ไวท์ ขึ้นไปนั่งเล่นข้างบนก่อนเถอะ" ผมมองพี่ไวลี่ที่อยู่ๆ ก็ดันหลังผมให้เดินไปหลังร้าน แต่ผมอยากอยู่กับซินนี่นา ผมเดินไปตามแรงดันและเหลียวไปมองซินที่ยังคงจ้องมองผมอยู่

"ซินเป็นอะไรเหรอครับ" ผมถามพี่ไวลี่เสียงเบา

"เหอะ ไม่รู้ตัวจริงๆ สินะ เล่นเอาซินแทบตาย" ผมหยุดเดินทันทีที่ได้ยินแบบนั้น ซิน...จะตาย เพราะผมงั้นเหรอ

"ไม่มีอะไรต้องคิดแล้ว นิ่งไว้แล้วจะดีเอง โอนเนอร์จะช่วยซินให้ดีขึ้น" ถึงจะพูดแบบนั้น แต่ผมก็ยังคงสงสัยมากขึ้นเรื่อยๆ

"ทำไม ทุกคนถึงเลี่ยงที่จะบอกผมตรงๆ" ผมที่มาถึงที่นั่งด้านบนแล้วก็เริ่มถามคำถามอีก ผมมองดูพี่ไวลี่ที่ตัวโต และดูเป็นผู้ใหญ่ หน้าตายิ้มแย้มทั้งๆ ที่ภายนอกน่าเกรงขาม

"ไม่รู้สึกตัวจริงๆ เหรอ ว่าตั้งแต่ที่เธอเจอซิน อะไรๆ ก็ดูจะเปลี่ยนไป"

ตั้งแต่พบซิน ผมก็เจอแต่เรื่องราวแปลกประหลาดที่ผมไม่เข้าใจ เหตุการณ์น่ากลัวเกิดขึ้นมากมาย แต่ก็มีอีกสิ่งหนึ่งเกิดขึ้นเช่นกัน การที่ผมพบซินนั้น ทำให้ผมไม่รู้สึกโดดเดี่ยวอีกต่อไป

"ครับ แต่มันก็ดีกว่าที่จะต้องโดดเดี่ยว ผมควบคุมความกลัวของตัวเองไม่ได้ ถึงจะย้ายไปที่ไหน ทุกคนก็จะคิดว่าผมเป็นตัวประหลาด "

"ต่อไปทุกอย่างอาจจะเลวร้ายลง แต่เธอ ก็เลือกที่จะอยู่ข้างๆ ซินงั้นเหรอ" พี่ไวลี่ถามผมด้วยใบหน้าจริงจัง

"ผมชอบซินมาก ผมอยากรู้จักซินมากกว่านี้"

"ได้ยินแล้วนะซิน" ผมสะดุ้งทันทีที่พี่ไวลี่พูดแบบนั้น

ผมค่อยๆ หันไปมองด้านหลัง และภาวนาไม่ให้มีใครอยู่ตรงนั้น แต่ก็ไม่ทันซะแล้ว ผมมองซินที่กำลังทำหน้านิ่งๆ จ้องมองผม และสักพักก็คลี่ยิ้มออกและเดินลงมานั่งลงข้างๆ

ผมหลบตาซินและมองพี่ไวลี่ที่กำลังหัวเราะชอบใจเสียงดัง พี่ไวลี่ ทำแบบนี้ได้ไง ทำไมไม่บอกกันก่อน

"ที่บอกว่าชอบนี่ ชอบแบบไหนเหรอ" ผมรู้สึกว่าซินที่นั่งข้างๆ นั้นเขยิบเข้ามาใกล้มากขึ้นขณะที่ถาม

"เอ่อ คือ..." ผมก้มหน้าก้มตา ถามกันแบบนี้จะให้ตอบยังไงดีล่ะ

"วันนี้ให้ผมทำงานนะ ผมอยากทำงาน" ผมพูดและลุกพรวดขึ้นจากโซฟา รีบเปลี่ยนเรื่องไปเลยน่าจะดีกว่า

แต่เมื่อผมมองเห็นซินชัดๆ จากแสงไฟ ผมก็ต้องรู้สึกโล่งใจมาก สีหน้าของซินตอนนี้ดูดีขึ้น ไม่ซีดเซียวไร้เลือดเหมือนตอนแรก

"ไปสิ โอนเนอร์รออยู่" ซินพูดบอกผมและยิ้มให้ผม

ผมรู้สึกว่าสายตาและรอยยิ้มของซินดูเปลี่ยนไป เป็นเพราะซินรู้ว่าผมชอบหรือเปล่านะ และแบบนี้จะดีจริงๆ เหรอ

ผมลงบันไดมาที่โถงด้านล่างและเข้าไปหาโอนเนอร์ที่บาร์ ผมมองไปรอบๆ ซึ่งตอนนี้มีคนอยู่เยอะทีเดียว ผมไม่ต้องใช้แว่นอีกแล้ว ผมมองเห็นทุกสิ่งได้ชัดเจนมากขึ้น มันเหมือนกับเวทมนต์ผมคิดว่านั่นใกล้เคียงที่สุดแล้ว

"ไวท์" ผมยิ้มให้โอนเนอร์ที่เรียกผมเข้าไปใกล้ๆ

"ครับ วันนี้ผมขอทำงานนะครับ"

"ยินดีอย่างยิ่ง" โอนเนอร์พูดและยิ้มอย่างใจดี

"น้ำนั่นที่ผมดื่ม มันคือน้ำอะไรเหรอครับ" ผมถามด้วยความสงสัย

"มันคือทุกสิ่งที่เธออยากให้มันเป็น ถ้าเธอมีความเชื่อมากพอ" ผมขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ

"ได้ยังไงกันครับ" ผมทำหน้าประหลาดใจมากๆ

"เหมือนเวทมนต์เลยใช่ไหมล่ะ มันทำให้เธอดีขึ้น นั่นก็เพียงพอแล้ว" โอนเนอร์พูดและยังคงทำงานต่อไป โดยมีผมช่วยหยิบจับ และผมคิดว่าคำตอบนั้นหมายความว่า ผมไม่ควรถามอะไรออกไปอีก

หลังจากเวลาผ่านไปนานพอสมควร ผมคิดว่าตอนนี้น่าจะดึกมากแล้ว ผมจึงขอตัวจากโอนเนอร์ไปยังข้างบนเพื่อบอกซินว่าพวกเราควรจะกลับแล้ว แต่เมื่อผมเดินมาถึงโซฟาตัวเดิม ผมก็ต้องรู้สึกแย่ๆ อีกตามเคย เพราะว่าข้างๆ ซินนั้นมีผู้หญิงนั่งอยู่อีกแล้ว และทัั้งสองคนนั่นก็ยังคงเป็นคนเดิมที่ผมเจอครั้งก่อน

ผมค่อยๆ เดินมานั่งลงตรงข้ามซินและมองสาวสองคนที่กำลังยิ้มให้ผม

"วันนี้ดื่มไหม" สาวผมยาวที่กำลังกอดแขนซินยื่นแก้วมาให้

"วันนี้ก็คงไม่ครับ ผมไม่อยากดื่มเท่าไหร่" ผมพูดตอบอย่างสุภาพ

ผมมองซินที่จ้องมองผมพลางยกแก้วสีอำพันขึ้นดื่ม ที่ผมคิดก่อนหน้านี่มันผิดสินะ นายนั้นก็ยังคงเหมือนเดิม คำว่าชอบของผมมันคงไม่ได้มีความหมายอะไรเลย ซึ่งผมว่านั่นก็ดีเหมือนกัน

"พี่ไวลี่ไปไหนแล้วเหรอ" ผมถามซินที่กำลังรินเหล้าให้สาวผมสั้น

"ถามทำไม" ซินไม่ตอบแต่ถามผมกลับ ผมว่าผมไปอยู่กับพี่ไวลี่ดีกว่า

"ขอโทษนะ แต่ผมว่าผมไปรอที่รถดีกว่า" ผมลุกขึ้น ก้มหัวบอกลาทั้งสองคนและเดินลงไปด้านล่าง ซินอยากทำอะไรก็ทำไปเถอะ ผมไม่ยุ่งหรอก

ผมเดินมาตามทางเดินเพื่อออกมาที่หน้าประตู ไม่รู้ทำไม เมื่อผมออกมาด้านนอกแล้ว ผมกลับรู้สึกสดชื่นยิ่งกว่าเดิม  ด้านในนั้นบรรยากาศและกลิ่นไอต่างๆ ทำให้ผมเคร่งเครียด และกดดัน ถ้าผมจะต้องอยู่ที่นั่นนานๆ ผมคงเป็นบ้าตายแน่ๆ

"เป็นอะไรไป เป็นแบบนี้ทุกทีที่มาที่นี่" แต่ผมที่มาถึงรถนั้นก็พบว่าซินเดินตามผมมาตลอด

"ไม่ใช่หรอก" ผมพูดปฏิเสธ เพราะผมไม่ได้เป็นอะไรจริงๆ

"คืนนี้นอนด้วยได้ไหม" ซินพูดถามผมเสียงเบา แต่ทำเอาผมตกใจมาก

"ห้องผมมันเล็กมาก อย่าลำบากเลย" ผมรีบปฏิเสธ

"วันนี้ก็นอนที่นั่นทั้งวัน ไม่เห็นเป็นไรเลย" ซินพูดและเดินเข้ามาใกล้ผม

"แล้วปกติซินไปนอนที่ไหนล่ะ" แบบนี้ขี้โกงนี่นา ซินไม่เคยพาผมไปห้องซินบ้างเลย ผมมองซินที่นิ่งเงียบไป และก็ค่อยๆ ฉีกยิ้มออกมา

"อยากไปเหรอ" ผมรีบพยักหน้าทันที มีหรือผมจะพลาด

"ต้องมีอะไรแลกเปลี่ยนนะ" ซินพูดและยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์

"อะไร" ผมถามเบาๆ

"ไปถึงก็จะรู้เอง"

ไม่นานพวกเราก็ขับรถออกมาจากซอยนั้น ผมสังเกตว่าพอพวกเราขึ้นมาบนรถ ไอน้ำแปลกๆ ก็จะเริ่มเกาะที่กระจกจนไม่สามารถมองออกไปด้านนอกรถได้ ผมเริ่มกอดตัวเองด้วยความหนาวเย็น มันเป็นแบบนี้เสมอเวลาเดินทางกับซิน

"พี่ไวลี่ล่ะ" ผมถามอย่างสงสัย เพราะว่าปกติพี่เขาจะชอบขับรถให้

"ถามอีกแล้วนะ" ซินถามผมกลับ

"ก็ขามาเขามากับเรานี่นา" ผมก็แค่สงสัย

"หมอนั่นก็ไปเรื่อยแหละ ไม่ต้องไปสนใจ" ซินพูดและทำหน้าไม่ค่อยพอใจนัก

ผมนั่งนิ่งๆ มองดูซินที่ยังคงขับรถต่อไป ผมดีใจมากที่จะได้ไปห้องของซินบ้าง ที่นั่นจะเป็นยังไงกันนะ ผมอยากรู้ ทุกๆ อย่างเกี่ยวกับซิน

"บนนั้น โอนเนอร์ฝากมาให้ วันนี้ทำได้ดีมาก" ผมมองซินที่อยู่ๆ ก็พูดขึ้นมา และเพยิดหน้าไปที่ซองสีดำที่วางไว้บนคอนโซลรถ

ผมหันไปตามสายตาของซิน จ้องมองซองสีดำตรงหน้า และค่อยๆ ยื่นมือไป เปิดซองที่ถูกปิดผนึกนั้นออก และทันทีที่ผมเห็นจำนวนเงินในซองนั้น ผมก็แทบจะขอคืนทันที ผมว่ามันมากเกินไปสำหรับงานที่ทำแค่วันเดียว แถมไม่กี่ชั่วโมงด้วยซ้ำ

"เยอะขนาดนี้ผมรับไว้ไม่ได้หรอก" ผมปิดซองและวางคืนที่เดิม

"เอาไว้ซะ อยากได้มือถือไม่ใช่เหรอ" ซินพูดและยิ้มให้ผม

"แต่ว่า..." ผมยังคงลังเลอยู่

"รับไว้ซะ" ซินเริ่มสั่งผมอีกแล้ว

"ถ้างั้นเดือนนี้ผมไม่รับแล้วนะ ครั้งนี้ครั้งเดียวพอ ฝากขอบคุณโอนเนอร์ด้วยนะซิน" แบบนี้ผมต้องขยันขึ้นแล้วสิ แต่จะติดก็ตรงที่ซินไม่ค่อยจะยอมพาไปนี่ล่ะ

ผมนั่งมากับซินอีกสักพัก และในที่สุดรถก็จอดลง แต่ผมก็ไม่รู้อยู่ดีว่ามันคือที่ไหน เพราะว่าหมอกที่ปกคลุมกระจกรถยังคงครอบคลุมอยู่

"ลงมาสิ" ผมมองซินที่เปิดประตูให้ผมและเรียกให้ผมลงไป

ผมลงจากรถด้วยความตื่นเต้น ที่นี่เป็นที่ที่ซินอาศัยอยู่งั้นเหรอ มันจะเป็นยังไงกันนะ

แต่ทันทีที่ผมลงมาจากรถและมองไปรอบๆ ก็ต้องแปลกใจ ที่นี่เป็นเหมือนลานจอดรถชั้นใต้ดินของที่ไหนสักแห่ง แต่ทั้งลานนั้นกลับว่างเปล่า มีเพียงรถของซินคันเดียวที่จอดอยู่

"ตามมา" ซินพูดบอกผมและเดินนำหน้าไป ผมเดินตามซินเข้าไปในลิฟต์ตัวหนึ่ง ผนังของลิฟต์เป็นกระจกเงาสีดำที่ส่องสะท้อนเราสองคน ผมมองซินที่ยังคงยืนนิ่ง และกดลิฟต์ไปยังปุ่มที่มีเพียงปุ่มเดียวบนผนัง นี่มันแปลกมาก ผมไม่เคยเห็นลิฟท์ที่มีแค่ชั้นเดียวให้กด แต่ระยะเวลาที่พวกเรายืนรอให้ถึงจุดหมายนั้น กลับยาวนานเหลือเกิน

ในที่สุดลิฟต์ก็เปิดออกอย่างช้าๆ ผมก้มลงมองดูพื้นสีดำสนิทและเดินตามซินออกไปยังโถงทางเดินที่เป็นสีดำอีกนั่นแหละ บรรยากาศที่นี่ดูมืดมนยังไงชอบกล เป็นทางเดินยาวๆ ที่ตามผนังติดไฟไว้เป็นจุดๆ ไม่มีห้องอื่น ไม่มีใครเลย ที่นี่มันใช่ที่ที่คนจะอาศัยอยู่แน่เหรอ

ผมมองดูซินที่เดินไปหยุดอยู่ที่ประตูบานหนึ่ง และเปิดเข้าไปทันทีโดยไม่มีกุญแจหรือคีย์การ์ดใดๆ

ผมเดินตามซินเข้ามาในห้องห้องหนึ่ง ทันทีที่ผมก้าวเข้าไป ผมก็ต้องตาลุกวาวทันที ที่นี่มันแปลกมาก ทุกสิ่งล้วนเป็นสีดำสนิท และกว้างใหญ่เกินไปที่จะอยู่คนเดียว โถงรับแขกที่กว้างใหญ่ ไร้ทีวีหรือสิ่งของที่ปกติสมควรจะมี ผมมองโคมไฟรูปร่างแปลกๆ ตามผนังที่ส่องแสงสีนวลและวูบไหวไปมาทำให้สะท้อนเงาแปลกๆ ลงบนพื้น มองขึ้นไปยังบันไดสีดำที่ทอดขึ้นไปยังชั้นลอยด้านบนที่มืดสนิท ผมเดินต่อไปยังกระจกบานใหญ่ที่เป็นผนังห้อง มันเหมือนกับคอนโดหรูที่สามารถมองออกไปดูวิวทิวทัศน์ด้านนอกได้ แต่ที่นี่กลับมีแต่เมฆหมอกไอน้ำ ทำให้ผมไม่สามารถมองเห็นอะไรได้เลย

"เป็นอย่างที่คิดหรือเปล่า" ผมสะดุ้งทันทีที่ซินเดินมาชิดด้านหลังของผมพลางยื่นแก้วน้ำให้

"มันแปลก แต่ผมก็คิดว่ามันเข้ากับซิน" ผมพูดและเอื้อมมือไปแตะที่กระจกบานใหญ่ที่มืดขมุกขมัว

"ไปอาบน้ำสิ เสื้อผ้าจัดไว้ให้แล้ว" ผมดื่มน้ำหวานในแก้วและมองซินที่ทำมือบอกว่าห้องน้ำอยู่ที่ไหน

ผมเดินไปตามที่ซินบอกอย่างว่าง่าย ดันประตูสีดำเรียบสนิทเข้าไป และก็พบว่าห้องน้ำนั้นก็กว้างใหญ่เช่นกัน ผมมองดูเสื้อสีเชิ๊ตสีขาวที่วางอยู่ที่โต๊ะเล็กๆ ในนั้น และกางเกงขายาวสีดำ นี่เป็นสิ่งเดียวที่ผมเห็นว่ามันเป็นสีขาว  มันเด่นชัดยิ่งกว่าทุกสิ่งที่อยู่ที่นี่

ไม่นานนักผมก็อาบน้ำ จัดการตัวเองเรียบร้อย ผมว่าผมแช่น้ำนานเกินไปหน่อย แต่ที่นี่มันช่างแปลกแต่ก็สวยดีจริงๆ น้ำอุ่นและสิ่งของแปลกๆ ในห้องน้ำ ทำให้ผมเสียเวลามากเลยทีเดียว ซินชอบเก็บของแปลกๆ แบบนี้สินะ หลายๆ สิ่งล้วนเป็นเครื่องเงินแวววาว ที่เข้ากับสีดำเหลือเกิน ซินใช้ชีวิตอยู่ที่นี่จริงๆ งั้นเหรอ ช่างดูลึกลับ เหมือนกับตัวของซินเองนั่นแหละ

ผมใส่เสื้อผ้าและออกมาจากห้องน้ำ พลางเดินไปรอบๆ ห้องของซินอย่างสนใจ ทุกอย่างถูกจัดเรียงอย่างเป็นระเบียบเหมือนกับมีคนคอยดูแลอยู่ ความรู้สึกแปลกๆ เข้าถาโถมตัวผม ผมรู้สึกถึงเสียงกระซิบแผ่วเบา และรู้สึกเหมือนกับถูกจ้องมองอยู่ไกลๆ มันคืออะไรกันนะ ตอนแรกยังไม่รู้สึกแบบนี้เลย

"ไวท์" ผมหันไปตามเสียงเรียก และเดินไปตามทางเดินที่มืดสลัว ผ่านโถงรับแขกไปยังทางเดินเล็กๆ ผ่านแนวกระจกที่มืดมัว และในที่สุด ผมก็พบซินกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะยาวข้างกระจกด้านใน มันเป็นเหมือนกับห้องอาหาร ซึ่งมีเคาน์เตอร์บาร์เครื่องดื่มขนาดใหญ่อยู่ข้างๆ

"หิวไหม ซินให้คนเตรียมไว้ให้" ผมมองไปบนโต๊ะและก็พบว่ามีอาหารจัดเตรียมไว้อยู่ มันดูสวยงามหรูหรา และปราณีตจนผมจ้องมองด้วยความสนใจ

ท่ามกลางแสงจากโคมไฟที่พริ้วไหว ผมมองใบหน้าซีกหนึ่งของซินที่ซ่อนอยู่ในเงามืด ที่นี่มันมืดเกินไปหรือเปล่านะ

"ซินไม่ชอบเปิดไฟเหรอ ผมเห็นที่นี่มีแต่โคมไฟแปลกๆ" ผมถามซินและมองไปรอบๆ อย่างสนใจ

"แบบนี้มันสบายตากว่าน่ะ ไม่ชอบเหรอ เปิดไฟให้ก็ได้นะ"

"ไม่ต้องหรอก ผมแค่อยากรู้เฉยๆ น่ะ" ผมพูดและเริ่มลงมือกินอาหารบนโต๊ะ และมองซินที่กำลังจิบไวน์ในมือ

"บ้านซิน ทำธุรกิจอะไรงั้นเหรอ ผมว่าที่นี่ดูแปลกมากเลย คงแพงมากแน่ๆ"

"ไม่มีอะไรพิเศษหรอก อย่าใส่ใจเลย" ซินตอบเลี่ยงคำถามของผม

"อร่อยมากเลย" ผมที่ชิมเนื้อสเต็กในจานก็รู้สึกประทับใจมาก

"งั้นเหรอ ทำดีมาก ลิน" ผมเงยหน้าขึ้นจากจานและมองซินด้วยความแปลกใจ

"เอ่อ ลิน คืออะไรเหรอ" แต่คำตอบของผมนั้นก็กระจ่างในแววตา ผมมองซินที่ดีดนิ้ว และก็มีเด็กชายคนหนึ่งก้าวเข้ามา ผมตกใจมาก ผมลุกขึ้นยืนทันที ผมไม่รู้เลยว่าในมุมมืดนั้นมีคนยืนอยู่ด้วย

"ขอบคุณครับ" ผมมองเด็กชายที่น่าจะอายุไม่เกินสิบสองปี กำลังก้มลงโค้งให้ผม

"ไม่ต้องตกใจไป นี่คนของซินเอง" ซินพูดและจับบ่าเด็กคนนั้นเอาไว้

ผมค่อยๆ นั่งลงที่เดิม ตอนนี้หัวใจของผมกำลังสั่นไหว เด็กขนาดนั้น ทำงานให้ซินงั้นเหรอ

"เอ่อ ลิน มานี่หน่อย" ผมเรียกเด็กคนนั้นให้เดินเข้ามา ผมมองเด็กคนนั้นที่หันไปมองซิน และค่อยๆ เดินเข้ามาหาผม เป็นเด็กที่แต่งตัวเรียบร้อยใส่สูทตัวเล็ก ใบหน้าซีดและดูนิ่งเฉย ไม่ยิ้มแย้มสมวัย

"ฝีมือดีมากเลยนะ ใครหัดให้งั้นเหรอ" ผมยิ้มให้ลินและมองลินที่ดูหวาดระแวงแปลกๆ

"คุณพ่อเป็นคนสอนครับ"

"แล้วตอนนี้คุณพ่อ..."

"ลิน ไปเตรียมของหวานซะ" ผมที่กำลังจะคุยกับเด็กน้อยต่อ ก็ถูกซินขัดซะก่อน

ผมมองดูลินที่สะดุ้งตกใจและรีบเดินออกไปจากโต๊ะทันที

"เขายังเด็กอยู่นะ ทำไมต้องดุด้วยล่ะ" ผมพูดขึ้นทันทีที่เด็กน้อยเดินหายไป

"ทุกคนมีงาน มีหน้าที่ของตัวเอง" ซินพูดและยิ้มให้ผม

"งานอะไรเหรอ" ผมถามด้วยความสงสัย

"ไวท์ก็มีเหมือนกัน" ซินพูดต่อไปด้วยใบหน้าที่ซ่อนอยู่ในเงาเช่นเคย

"ที่ซินพูดว่า ข้อแลกเปลี่ยน คืออะไรงั้นเหรอ" ที่ผมได้มาที่นี่ ผมจะต้องให้อะไรซินกันนะ

"ใจเย็นๆ ไม่ต้องรีบร้อนไปหรอก" ซินพูดและยิ้มน้อยๆ ผมเริ่มรู้สึกแปลกๆ ซะแล้ว

หลังจากอาหารจานหลัก ของหวานที่หนุ่มน้อยลินนำมาเสิร์ฟให้ผมนั้น เป็นเค้กช็อคโกแลตลาวาที่อร่อยสุดๆ ผมประทับใจเด็กน้อยนี่มาก ช่างเป็นคนที่เก่งเกินอายุจริงๆ

"ลิน มากินด้วยกันไหม" ผมเรียกเด็กน้อย ลินดูตกใจที่ผมชวนแบบนั้น

"ม.ไม่ได้หรอกครับ" ผมมองลินที่ตัวสั่นเป็นลูกนก นายกำลังกลัวอะไรงั้นเหรอ

ผมมองดูซินที่นั่งอยู่ในเงามืด ด้วยใบหน้าที่นิ่งเฉย แต่เมื่อเห็นว่าผมมองอยู่ ก็ค่อยๆ ยิ้มให้ผม เป็นนายสินะที่ทำให้เด็กน้อยกลัวขนาดนี้

"ไปนั่งเล่นตรงโน้นกันเถอะ" ผมลุกขึ้นจากโต๊ะอาหารและจูงมือลินให้เดินตามผมมา โดยไม่สนใจคนที่ยังนั่งอยู่ หนอย ชอบรังแกเด็กสินะ นิสัยแบบนี้ต้องแก้ให้หาย

"ลินทำงานอยู่ที่นี่นานแค่ไหนแล้ว" ผมนั่งลงที่โซฟาและดึงให้ลินขึ้นมานั่งด้วย

"ได้โปรดอย่าถามอะไรเลยครับ" ผมขมวดคิ้วมองลินที่มองไปรอบๆ อย่างหวาดระแวง

"ซินใจร้ายกับเรามากเลยเหรอ" ผมถามเสียงเบา แต่ชื่อที่ผมพูดออกมานั้นก็ทำให้เด็กน้อยยิ่งผวาเลยทีเดียว

"ท.ท่านเป็น..." แต่ผมที่มองเด็กน้อยนั้นก็ต้องแปลกใจ เพราะว่าลินเหมือนกำลังพูดอยู่ แต่กลับไม่มีเสียงใดๆ หลุดออกมา

"หมดหน้าที่แล้วก็ไปซะ" ผมมองซินที่ยืนอยู่ด้านหลังด้วยใบหน้าน่ากลัว และลินก็รีบลนลานหนีหายไปในความมืด

"ทำไมถึงทำแบบนั้นล่ะ" ผมไม่พอใจซินที่ดุเด็กน้อยแบบนั้น

"ไม่ทำแบบนี้น่ะไม่ได้หรอก" ซินพูดและนั่งลงข้างๆ ผม

"ผมไม่ชอบแบบนี้เลย" ผมพูดบอกซินที่กำลังจ้องมองผม

"แต่ชอบซินใช่ไหม" ผมชะงักทันทีที่ซินพูดแบบนั้น

"ถึงชอบก็เกลียดได้นะ" ผมพูดและหลบสายตาซิน

"ไม่ได้"

"ทำไม" ผมถามซิน

"เพราะว่าไวท์เป็นของซิน" ผมหน้าขึ้นสีทันทีที่ได้ยินแบบนั้น ที่พูดนั่นน่ะ หมายถึงอะไรกัน

และในทันทีทันใดนั้น ผมรู้สึกถึงความร้อนที่ประกบแนบลงที่ริมฝีปาก ผมลืมตาโพรงอย่างตกใจ คนตรงหน้ารุกจูบผมอย่างรวดเร็ว จับหลังคอของผมไม่ให้ผมได้เคลื่อนไหว และบดริมฝีปากร้อนเข้ามาอย่างไม่ลดละ

ผมตัวแข็งทื่อ ผมไม่เคยทำอะไรแบบนี้มาก่อนและยิ่งไม่ได้ตั้งตัวด้วยแล้ว มันทำให้ผมแทบลืมหายใจเลยทีเดียว

"อ..อื้อ" ผมพยายามดันซินออกไป แต่ก็ไม่สามารถทำได้ ผมเริ่มหลับตาลง ปล่อยให้คนตรงหน้าตักตวงความต้องการ แทรกเรียวลิ้นร้อนเข้ามาในโพรงปากของผมที่เผยอน้อยๆ สัมผัสกับความนุ่มนิ่มที่กำลังแตะรับกัน มันทำให้ผมเริ่มอ่อนลง ผมปล่อยตัวไปตามความต้องการนั้น กลายเป็นเราสองคนจูบกันไปมาบนโซฟาในห้องมืดที่แสนหนาวเย็น ความตกใจแปรเปลี่ยนไปเป็นความต้องการ ผมตอบรับจุมพิตนั้น

จาก เพื่อนคนแรกของผม ผู้ชายที่ผมหลงรัก
หัวข้อ: Re: In The Shadows' เงาหลอน ซ่อนรัก '[YAOI][#19 รังของซาตาน](18/4/61)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 18-04-2018 15:51:19
 :pig4: :pig4: :pig4:

White = สีขาว = บริสุทธิ์

Sin = บาป

ยังคงลึกลับเหมือนเดิม

นี่อาจจะเป็น...เกมที่ฝ่ายด้านมืดจะทำให้ผู้บริสุทธิ์มัวหมอง

มโนล้วน ๆ
หัวข้อ: Re: In The Shadows' เงาหลอน ซ่อนรัก '[YAOI][#19 รังของซาตาน](18/4/61)
เริ่มหัวข้อโดย: buathongfin ที่ 18-04-2018 20:49:18
งูคือสัญลักษณ์อะไรเปล่า
หัวข้อ: Re: In The Shadows' เงาหลอน ซ่อนรัก '[YAOI][#19 รังของซาตาน](18/4/61)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 18-04-2018 21:02:31
ซิน นายลึกลับมากเลย   :ling3:
หัวข้อ: Re: In The Shadows' เงาหลอน ซ่อนรัก '[YAOI][#19 รังของซาตาน](18/4/61)
เริ่มหัวข้อโดย: catka12 ที่ 19-04-2018 12:53:10
 o13  o13  o13 พึ่งเข้ามาอ่านค่ะ.... ตอนนี้ติดมากกกก  :hao7: รอค่ะ  :hao3:
หัวข้อ: Re: In The Shadows' เงาหลอน ซ่อนรัก '[YAOI][#19 รังของซาตาน](18/4/61)
เริ่มหัวข้อโดย: Gloomy Sunday ที่ 03-05-2018 16:21:40
Shadows ที่ 20 หนทางแห่งการช่วยเหลือ


เวลาผ่านไปนานแค่ไหนแล้วผมไม่สามารถบอกได้ แต่พวกเราสองคนนั้นก็ยังคงแลกเปลี่ยนความหวาน ความต้องการของกันและกัน ผมไม่รู้ว่าตอนนี้ผมมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง บนเตียงขนาดใหญ่สีดำสนิท ถูกกดทับอยู่กับผืนผ้าห่มหนา ผมกำเสื้อคนด้านบนไว้และตอบรับรสจูบที่ไม่มีที่ท่าว่าจะจืดจางลง ผมมาทำอะไรที่นี่กันนะ มันเป็นแบบนี้ไปได้ยังไงกัน

"อึก..อย่า" ผมสะดุ้งตัวน้อยๆ ทันทีที่รู้สึกถึงมือที่กำลังลูบไล้ไปตามส่วนต่างๆ ของผมมากขึ้น ผมชอบซินมากก็จริง แต่ผมก็คิดว่าพวกเราควรจะหยุดลงตรงนี้ดีกว่า

"ซิน" ผมหันหน้าหนีริมฝีปากนั้น และดันซินไว้เบาๆ

"ทำไมล่ะ" ซินดูทำหน้าไม่พอใจผม แต่ว่า ผมไม่อยากให้พวกเราทำอะไรไปมากกว่านี้ ตอนนี้มันยังไม่เหมาะเท่าไหร่

"คือ ผมต้องกลับบ้าน" ผมพูดและผลักซินออก นั่งลงที่ขอบเตียงและลุกขึ้นจัดเสื้อผ้าให้เข้าที่ และทันทีที่ทำแบบนั้น ซินก็ลุกขึ้นมาและกอดผมเอาไว้จากด้านหลัง

"เดี๋ยวสิ พอเถอะ" ผมจับแขนซินที่โอบรอบตัวผม

"คืนนี้ อยู่ที่นี่" ซินซบหน้าลงที่คอผมดูอ่อนโยน แต่น้ำเสียงกลับเหมือนเป็นคำสั่ง

"ผมเป็นห่วงคุณยาย" ผมพูดและผละออกจากอ้อมกอดนั้น

"ไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรอก" ซินเริ่มทำหน้ารำคาญใจแบบเดิมอีกแล้ว

"ผมกังวล" ผมดีใจมากที่ซินดูต้องการผม แต่ผมก็รู้สึกว่ามันไม่ใช่ ซินกำลังทำเหมือนผมเป็นผู้หญิงสองคนนั่น

"ที่บอกว่าชอบนั่น โกหกงั้นเหรอ" ผมมองซินที่ทำหน้าสงสัย

"มันไม่ใช่อย่างนั้น แต่ผมไม่ได้มาที่นี่เพื่อทำเรื่องแบบนี้"  ผมไม่อยากให้ซินเข้าใจผมผิดไปเลยจริงๆ

"ไม่เข้าใจ" ซินพูดด้วยใบหน้านิ่งๆ เป็นคนที่ดื้อดึงจริงๆ

"ซิน ผมขอเถอะ นี่ก็น่าจะดึกมากๆ แล้ว พรุ่งนี้ก็มีเรียนนะ" ผมพยายามโน้มน้าวคนตรงหน้าที่กำลังทำหน้าเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่

"กลัวที่นี่งั้นเหรอ" ซินถามผมและเดินเข้ามาหา ผมมองแววตาสีดำสนิทของซิน ริมฝีปากแดงที่ตัดกับใบหน้าที่ขาวซีด ริมฝีปากที่สัมผัสกับผมเนิ่นนาน ผมไม่ได้อยากจากซินไป แต่ผมกลัว ผมอาจจะกลัวจริงๆ นั่นแหละ

"ผมชอบทุกที่ที่มีซินอยู่" ผมตอบตามตรง และมันทำให้คนตรงหน้าเริ่มยิ้มอีกครั้ง

"อีกไม่นาน พวกเราจะได้อยู่ด้วยกัน ซินเฝ้ารอวันนั้น" ซินเดินเข้ามาหาผมใกล้มากขึ้นอีกนิด และก้มลงประทับริมฝีปากลงบนริมฝีปากของผมอย่างแผ่วเบา

ผมก็เฝ้ารอวันนั้นเช่นกัน..

ไม่นานผมก็กลับมาที่ห้องนอนเล็กๆ ของผม ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม ผมต้องใช้เวลาเล็กน้อยเพื่อบอกให้ซินกลับไปพักซะ ผมว่าพอซินรู้ว่าผมชอบตัวเอง ซินก็เริ่มที่จะปฏิบัติกับผมเปลี่ยนไปมากๆ

ผมยังคงไม่แน่ใจว่าซินคิดยังไงกับผมกันแน่ ซินไม่ได้พูดมันออกมา แต่ก็ทำเหมือนผมเป็นคนสำคัญ ผมไม่อยากคิดไปเอง แต่คำพูดนั้นของซินก็ทำให้ผมรู้สึกดีเหลือเกิน คำพูดที่ว่า อยากจะอยู่กับผม อยากให้เราสองคนอยู่ด้วยกัน



รุ่งเช้านั้นก็ยังคงเหมือนเคย ผมลงมาช่วยคุณยายเปิดร้านและนั่งรถเพื่อไปที่มหา'ลัยในตอนสายๆ ผมมองสองข้างทางระหว่างที่นั่งอยู่บนรถ สายตาของผมในตอนนี้นั้นยังคงมองเห็นทุกสิ่งชัดเจนอย่างน่าประหลาด มันเป็นไปได้ยังไงกัน ผมคงจะต้องหาคำตอบเรื่องนี้เพิ่มขึ้นอีกเรื่องหนึ่งซะแล้ว

ผมนั่งมาบนรถกระบะสองแถวสักพัก อีกไม่ไกลเท่าไหร่ ก็จะถึงแล้ว ผมพอจะมองเห็นรั้วของมหาวิทยาลัยที่อยู่ไม่ไกล แต่เมื่อผมมองไล่สายตาไปยังที่นั่งที่อยู่ชิดด้านในสุดนั้น ผมก็ต้องรู้สึกแปลกๆ เพราะว่าไม่ใช่มีเพียงแค่ผมที่นั่งอยู่ แต่บนรถก็กลับมีผู้หญิงอีกคนนั่งอยู่ด้วย

ผมเริ่มขยับตัวกระสับกระส่าย ผมรู้สึกไม่ดีเลย ยิ่งเห็นทุกอย่างได้ชัดแบบนี้ ผมยิ่งรู้สึกว่ามันอันตรายเกินไปสำหรับผม ผมเหลือบมองผู้หญิงคนนั้นที่ก้มหน้าและโยกตัวไปตามแรงที่รถเคลื่อนไป แขนของเธอขาวซีด เส้นผมยาวปกปิดใบหน้า และเส้นผมนั้นก็ดูมันเงา เหมือนกับเปียกปอนไปด้วยหยาดน้ำ

ผมเริ่มค่อยๆ ลุกขึ้นยืนช้าๆ และเกาะราวจับเอาไว้ อีกแค่นิดเดียวเท่านั้น ผมควรจะกดกริ่งและลงจากรถได้แล้ว แต่ทันทีที่ผมเงยหน้าและเอื้อมแขนไปที่กริ่ง มือที่ขาวซีดนั้นก็กำอยู่ที่แขนของผมแล้ว ใบหน้าของเธอที่อยู่ใต้เรือนผมนั้นขยับเข้ามาใกล้ และจ้องมองผมด้วยแววตาสีแดงอาฆาต

ผมตกใจกลัวและกระชากแขนตัวเองออก แต่ก็กดกริ่งได้ทัน แต่เมื่อรถหยุดลงนั้น ผมที่ยืนอยู่ก็รู้สึกว่าตัวผมกำลังลอยหวือหลุดจากตัวรถ เพราะแรงผลักจากวิญญาณสาวตนนั้น

พลั่ก!

ผมตกลงจากรถหลังกระแทกพื้น แขนของผมชาและเจ็บแสบไปหมด ได้ยังไงกัน พวกมันแตะต้องผม ผมมองดูวิญญาณนั้นที่กำลังจางหายไป

"ไวท์ เป็นอะไรหรือเปล่า" ผมค่อยๆ ลุกขึ้นนั่ง และมองดูผู้คนที่กำลังล้อมรอบตัวผม

"ไม่เป็นไรๆ" ผมลุกขึ้นยืนและเดินไปจ่ายเงินค่ารถสองแถว และปัดแขนขาและเสื้อผ้าที่เปื้อนฝุ่นของผม

"หวัดดีเจ" ผมรู้สึกว่ามีมืออีกมือหนึ่งกำลังช่วยปัดฝุ่นให้ผม นั่นก็คือเจนั่นเอง

"พวกมันทำเหรอ" เจถามผมด้วยใบหน้าตื่นกลัว

"ผมเห็นไวท์ลอยหวือขึ้นจากพื้น และอยู่ดีๆ ก็ตกลงมา" เจยังคงพูดต่อไป และผมก็พยักหน้าตอบน้อยๆ

"แบบนี้อันตรายนะ ถ้าเป็นตอนรถวิ่งไวท์จะเป็นยังไง" เจพูดด้วยสีหน้าเป็นห่วง ผมว่ามันแปลกๆ จริงๆ ผมไม่เคยถูกทำร้ายกลางวันแสกๆ แบบนี้ ปกติวิญญาณจะทำร้ายเราไม่ได้ นี่่มันอะไรกัน

"แล้วรอยสัญลักษณ์นั่น ยังอยู่ไหม" ผมถามเจ และเจก็พยักหน้าน้อยๆ อย่างเศร้าสร้อย

"ไม่ต้องห่วง ผมจะหาทางเอง" ผมบอกเจที่สีหน้าเริ่มดีขึ้นอีกครั้ง

"ไปเรียนเถอะ" เจบอกผมและเดินตามผมมาข้างๆ ผมเลิกคิ้วมองเจและมองไปรอบๆ ทันที

"แบบนี้จะดีเหรอ แล้วเพื่อนๆ เจล่ะ" ผมกลัวเจจะถูกเพื่อนๆ ต่อว่าอีก ถ้ามาอยู่ใกล้ๆ ผม

"ช่างมันแล้วล่ะ ผมไม่สนแล้ว" ผมหยุดเดินและมองเจอย่างตั้งใจ

"แบบนั้นจะดีจริงๆ เหรอ" ผมถามเจอีกครั้ง

"ดีสิ จากนี้ไปก็ฝากตัวด้วยนะ" ผมที่ได้ยินแบบนั้นก็ยิ้มกว้างทันที ถึงผมจะรู้สึกอยากให้เจมีเพื่อนเยอะๆ ก็เถอะ แต่แบบนี้ผมก็เหมือนได้เพื่อนเพิ่มขึ้นมาอีกคน ผมได้เจกลับคืนมาแล้ว นี่มันเป็นเรื่องที่ดีจริงๆ

ผมเดินมากับเจ เพราะพวกเราจะต้องเรียนวิชาเดียวกันพอดี ผมมองหาซินไปทั่ว ยังไม่มาอีกเหรอ ไปไหนกันนะ

"ไวท์ นั่นใช่ซินหรือเปล่า" เจดึงแขนผมและชี้ให้มองดูผู้ชายตรงหน้าที่กำลังยืนนิ่งๆ อ่านป้ายประชาสัมพันธ์ของมหา'ลัย

และก็พบว่าเป็นซินจริงๆ ด้วย ผมรีบเดินเข้าไปหาซินและยิ้มกว้างทันที

"มานานหรือยัง" ผมพูดถามซิน แต่ซินก็ไม่ได้ตอบผม แต่กำลังหันมาจ้องมองเจเขม็ง

"เอ่อ ซิน..." ผมเขย่าแขนซินที่กำลังทำตัวแปลกๆ อีกแล้ว ซินจ้องมองเจเขม็งอย่างน่ากลัว จนเจต้องเดินหลบมาซ่อนด้านหลังผม

"ซิน!" ผมเรียกซินอีกครั้งอย่างเคืองๆ ซินกำลังทำเพื่อนกลัวนะ

"ยินดีที่ได้พบ" ซินสีหน้าอ่อนลง และยื่นมือไปหาเจที่กำลังหลบซ่อนอยู่

ผมขมวดคิ้วมองซินอย่างสงสัย นายเป็นคนต่างชาติหรือไง ทำไมต้องจับมือด้วยล่ะ

"เจ ไม่เป็นไรหรอก ยื่นมือมาสิ" ผมที่เห็นแบบนั้น ก็จับมือเจ และจับมือซินให้มือทั้งสองจับกันไว้

จริงๆ ผมไม่ค่อยกล้าสบตาของซินเลย เรื่องเมื่อคืนมันยังคงติดตาฝังอยู่ในสมองอย่างช่วยไม่ได้ ตอนนี้พวกเรายังเป็นเพื่อนกันหรือเปล่านะ ผมอยากรู้จริงๆ ว่าตอนนี้ซินคิดยังไงกับผมกันแน่

พวกเราเข้าเรียนด้วยกันในคาบเช้า ผมสังเกตว่าเจดูเงียบไปแบบแปลกๆ ตั้งแต่เดินมา และดูหวาดระแวงอะไรสักอย่างตลอดเวลาที่นั่งเรียน

"เดี๋ยวผมมานะ ไปเข้าห้องน้ำ" ผมพูดบอกซิน และดึงแขนเจให้เดินตามมาด้วย ผมพาเจออกมาจากห้องเรียน และหยุดยืนอยู่ใกล้ๆ ประตูนั้น

"เจมีอะไรหรือเปล่า" ผมถามเจทันทีที่พ้นสายตาของซิน ผมเป็นห่วงเจ ดูเจไม่ค่อยปกตินัก

"ไวท์เจอซินได้ยังไงเหรอ" เจถามผมและเหลือบมองเข้าไปในห้องอย่างตื่นกลัว

"ที่ไนท์คลับน่ะ" ผมบอกเจ และนึกถึงค่ำคืนนั้นที่ผมพบซินครั้งแรก ซินในชุดสีดำสนิท และวิญญาณร้ายที่อยู่ข้างๆ ซินตอนนั้น

"เมื่อกี้ ตอนที่ซินยื่นมือมา" เจพูดและตัวสั่นน้อยๆ "ผมจับมือซิน และผมรู้สึกแปลกๆ" ผมที่ได้ยินแบบนั้น ก็ดึงแขนเจและพามาให้ห่างจากห้องเรียนมากขึ้นไปอีก

"แปลกยังไงเหรอ" ผมถามด้วยความอยากรู้

"ผมเจ็บปวดที่ตรามาก" เจพูดและเอามือกุมบริเวณที่มีตราสัญลักษณ์ไว้ "เหมือนไฟจะลุกขึ้นมาเลย" ผมนิ่งชะงักไปทันทีที่ได้ยินแบบนั้น

"ไวท์ว่าซินจะเกี่ยวกับเรื่องนี้หรือเปล่า" เจถามผมด้วยสีหน้าลำบากใจ

ผมมองเจ และนึกถึงคำพูดนั้นอย่างจริงจัง ผมที่สัมผัสกับสิ่งเหนือธรรมชาติมาตลอดเวลายาวนาน มันทำให้ความรู้สึกของผมสับสน ไม่ใช่ว่าผมไม่เคยระแวงซิน ผมยังคงจำฝันร้ายในคืนนั้นได้ ซินที่มีดวงตาสีแดง และร่างกายที่กำลังลุกไหม้

ซินไม่เหมือนคนปกติทั่วไป ทำตัวแปลก ใช้ชีวิตแปลกๆ นิสัยแปลก แต่ผมก็มั่นใจว่าซินไม่ใช่วิญญาณของคนตาย เวลาที่ผมสัมผัสซินนั้น มันเหมือนกับซินมีตัวตนจริงๆ เวลาที่ผมได้กอดซิน มันทำให้ผมอบอุ่นไปทั้งตัวและหัวใจ

"ไวท์ชอบซิน" ผมพูดบอกเจที่ตาโตขึ้นทันที

"ชอบ...แบบไหนกัน" เจถามผมแบบไม่อยากจะเชื่อ

"ความรัก" ผมพูดและยิ้มน้อยๆ ให้เจ

"ไวท์ ผมไม่ได้รังเกียจเรื่องแบบนี้หรอกนะ แต่ผมว่าซินอันตราย บรรยากาศรอบๆ ตัวซิน มันทำให้ผม..กลัว" เจพูดและเดินถอยห่างออกไป

"ไวท์เชื่อใจซิน" ผมพูดบอกเจ และพาเจกลับไปที่ห้องเรียนอีกครั้ง

แต่เมื่อผมกลับมาที่ตรงที่นั่งของพวกเรา ผมกลับพบว่า ซินได้หายไปแล้ว

ผมรู้สึกหดหู่และเงียบเหงาทันทีที่ไม่มีซินอยู่ข้างๆ นายหายไปไหนอีกแล้วกันนะ ทำไมถึงไม่ยอมบอกผม ทำไมถึงชอบหนีผมไปอยู่เรื่อย ผมถอนหายใจอย่างเศร้าสร้อย

ผมมานั่งอยู่ที่โรงอาหารกับเจในช่วงพักกลางวัน ผมเหม่อลอยและคิดถึงซินอยู่เสมอ ถ้ารู้แบบนี้ผมจะไม่ยอมอยู่ห่างซินเลยแม้แต่ก้าวเดียว

"พวกเธอ" ผมสะดุ้งน้อยๆ ทันทีที่ได้ยินเสียงทุ้มลึกของคนที่คุ้นเคย

"อาจารย์ สวัสดีครับ" ผมยิ้มกว้างทันทีที่ได้เจอเพื่อนอีกคนของผม ทำเอาลืมความเศร้าเมื่อกี้ไปเลย

"วันนี้หนุ่มหล่อคู่เธอไม่อยู่เหรอ" อาจารย์เดินเข้ามาชิดที่โต๊ะและยิ้มน้อยๆ อย่างใจดี

"ไม่อยู่ครับ แต่มีคนนี้แทน" ผมพูดและยิ้มให้เจที่จ้องมองอาจารย์อยู่เหมือนกัน

"สวัสดีครับอาจารย์" เจทักอาจารย์บ้าง

"ช่วงนี้ไม่เห็นที่ห้องสมุดนะ หายไปไหนงั้นเหรอ" อาจารย์นาธัสพูดถามเจ

"ผม มีเรื่องไม่ดีนิดหน่อย" เจใบหน้าหม่นเศร้าลงทันทีที่ถูกถาม

"อาจารย์นั่งลงก่อนเถอะครับ" ผมลุกขึ้นและเดินไปดึงแขนอาจารย์ให้นั่งลง ตั้งแต่ที่ได้คุยกับอาจารย์ในวันนั้น ผมรู้สึกว่าอาจารย์ใจดีมาก และเป็นคนที่พวกเราปรึกษาได้

"ที่เธอว่ามีเรื่องไม่ดี เรื่องอะไรงั้นเหรอ" อาจารย์ที่นั่งข้างๆ ผมนั้น ก็พูดถามเจทันที

ผมมองเจที่ดูหวาดๆ และไม่ยอมพูดอะไร เจคงจะกลัว และไม่กล้าพูดบอกใครแน่ๆ

"เจ ไม่ต้องกลัวอาจารย์หรอก ผมเคยปรึกษาเรื่องพวกนี้กับอาจารย์" ผมพูดบอกเจ ที่สีหน้าดูคลายความกังวลมากขึ้น

เจเล่าเรื่องที่เคยบอกผมให้อาจารย์ฟัง ผมมองอาจารย์ที่นั่งเงียบและตั้งใจฟังสิ่งที่เจกำลังเล่า ผมนั้นยังคงติดค้างความสงสัยอยู่เรื่องหนึ่ง อาจารย์นาธัสกับซินนั้นต้องรู้จักกันแน่ๆ ทำไมทั้งสองคนถึงดูไม่ชอบกันขนาดนั้นนะ

"สัญลักษณ์ของซาตาน" อาจารย์พูดทันทีหลังจากที่เจพูดจบ และเจก็พยักหน้าแรงๆ หลายที

"ผมก็คิดว่าใช่ครับ ผมไม่เคยรู้เลยว่ามันจะมีจริงๆ" เจพูดอย่างทุกข์ใจ

"แล้วแบบนี้เจจะอันตรายไหมครับ" ผมถามอาจารย์ที่กำลังจ้องมองเจอยู่

"อันตรายมาก เธออาจตายได้ทุกเมื่อถ้าไม่ระวัง" เจตัวสั่นทันทีที่ได้ยินแบบนั้น

"แล้วเราจะทำยังไงดีครับ" ผมถามอาจารย์ด้วยความร้อนใจ

"เธอก็เคยมีมันไม่ใช่เหรอ" อาจารย์ละสายตาจากเจ หันมามองผม และเจก็ดูตื่นตกใจทันที

"ไวท์เคยมีงั้นเหรอ แล้วตอนนี้ล่ะ เป็นยังไงบ้าง" เจลุกพรวดขึ้นจากที่นั่งและเดินมาหาผม

"มันหายไป ได้ยังไงก็ไม่รู้" ผมพูดเบาๆ อย่างไม่เข้าใจ

"ได้ยังไงกัน ช่วยผมด้วยนะ ทำให้มันหายไปที" เจจับมือผมแน่นและเขย่าเบาๆ

"ไวท์กำลังหาวิธีอยู่" ผมพูดบอกเจให้ใจเย็นลง

"ฉันอาจจะช่วยพวกเธอได้" อาจารย์พูดและยิ้มน้อยๆ

"จริงเหรอครับ ช่วยพวกเราด้วยนะ" ผมกับเจยิ้มให้กันอย่างดีใจ

"คืนนี้ไปที่ห้องสมุดหลังเที่ยงคืน" ผมหุบยิ้มลงทันทีที่ได้ยินแบบนั้น

"ค..คือ ทำไมต้องเป็นเวลานั้นเหรอครับ" ผมรู้สึกไม่ดีเลยที่ต้องไปที่แบบนั้นในเวลากลางคืน

"ตรานั่น ฉันอาจช่วยได้ แต่ต้องเป็นเวลานั้นเท่านั้น"

"ครับ ผมจะไป" เจพูดและพยักหน้าตอบรับอาจารย์

ผมรู้สึกไม่ดีกับเรื่องนี้ ผมนั้นเคารพและเชื่อมั่นในตัวอาจารย์ก็จริง แต่ผมก็กลัวเกินกว่าที่จะออกไปข้างนอกตอนดึกขนาดนั้น

แล้วถ้ามีซินไปด้วยล่ะ...นั่นก็อีกเรื่องหนึ่ง แต่ผมมั่นใจเลยว่าซินจะไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้ ผมจะลองขอดูดีไหมนะ

ซินอาจจะเห็นใจและเปลี่ยนใจยอมมากับผมก็ได้
หัวข้อ: Re: In The Shadows' เงาหลอน ซ่อนรัก '[YAOI][#20 หนทางแห่งการช่วยเหลือ](3/5/61)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 03-05-2018 16:34:12
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: In The Shadows' เงาหลอน ซ่อนรัก '[YAOI][#20 หนทางแห่งการช่วยเหลือ](3/5/61)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 04-05-2018 02:51:28
เจจะรอดไหมเนี่ย สาธุ รอดเถอะนะ  :m5:
หัวข้อ: Re: In The Shadows' เงาหลอน ซ่อนรัก '[YAOI][#20 หนทางแห่งการช่วยเหลือ](3/5/61)
เริ่มหัวข้อโดย: Gloomy Sunday ที่ 16-05-2018 16:39:01
Shadows ที่ 21 บุคคลที่พิเศษ


หลังจากที่ผมและเจแยกกับอาจารย์นาธัส ในคาบบ่ายนั้นผมก็ยังคงมีเรียนอยู่ และผมก็ไม่เจอซินอีกเลย ผมรู้สึกแย่มาก ผมอยากติดต่อซิน แต่ก็ทำไม่ได้ เพราะผมยังไม่ได้ซื้อมือถือเลย ถ้าอย่างนั้นผมจะชวนเจไปด้วยกันดีไหมนะหลังเลิกเรียน

แต่ผมที่คิดแบบนั้นก็อยากจะเขกหัวตัวเอง ก็ผมน่ะไม่มีเบอร์เจน่ะสิ แล้วจะติดต่อเจได้ยังไงเพราะเราอยู่คนละคณะกัน

หลังเลิกเรียนนั้น ผมมองหาเจไปทั่วในที่ที่อาจจะเจอ แต่ก็ไม่พบว่าเจอยู่ที่ไหนเลย พวกเราไม่ได้เรียนด้วยกันทุกวิชา แบบนี้ก็แย่หน่อย แถมซินยังมาทิ้งผมไปอีก ผมเคืองจริงๆ

ผมเดินไปเรื่อยๆ ไปตามทางที่คุ้นเคยเพื่อไปที่ห้องสมุดเก่า ที่ซึ่งเจอาจจะไปก็ได้ ผมเดินขึ้นไปตามบันได และเดินหาเจทั่วทั้งซอกชั้นหนังสือ แต่ก็ไม่พบอยู่ดี

"หาเพื่อนเหรอ" ผมตกใจทันทีที่ได้ยินเสียงจากด้านหลัง และเมื่อหันไป ก็ไม่มีใครอื่น นอกจากอาจารย์นาธัส

"ครับ อาจารย์เห็นบ้างไหม พอแยกกันตอนกลางวันก็ไม่เจอเลย" ผมถามด้วยสีหน้าเหนื่อยๆ

"มีอะไรหรือเปล่า" ผมส่ายหน้าน้อยๆ และยิ้มให้อาจารย์

"เปล่าครับ ผมแค่จะชวนเพื่อนไปซื้อของ"

"จะติดรถฉันไปไหม ฉันก็กำลังจะไปซื้อของเหมือนกัน" ผมเลิกคิ้วขึ้นทันที และมองดูอาจารย์ที่รอฟังคำตอบ

"ผมเกรงใจ..."

"ฉันไม่ใช่เพื่อนเธอหรือไง" อาจารย์พูดและยิ้มน้อยๆ ให้ผม

"ไม่ใช่แบบนั้นนะครับ"

"งั้นก็ไปกันเถอะ มีหลายเรื่องที่เธออยากรู้ใช่ไหมล่ะ" ผมคิดในใจ นั่นเป็นเรื่องจริงที่ผมอยากถามอาจารย์ มีหลายสิ่งที่ผมสงสัย และอาจารย์ก็เหมือนจะไม่ค่อยยอมบอกผมตรงๆ

"ครับ" ผมตอบรับ และเดินตามอาจารย์ที่นำหน้าไป

พวกเราเดินมาที่หลังอาคารห้องสมุด ผมเพิ่งรู้นะว่าตรงนี้มีลานจอดรถอยู่ด้วย และรถก็มีจอดอยู่แค่คันเดียว เป็นรถสีดำรุ่นเก่า แต่ไม่ใช่เก่าแบบธรรมดา มันเหมือนรถรุ่นเก่าๆ ที่ดูสวยมาก คันนี้คงหายากและแพงน่าดู

"ขึ้นรถสิ" อาจารย์พูดและเรียกผมที่มัวแต่ยืนอึ้งอยู่ ผมพยักหน้ารับและขึ้นไปนั่งข้างๆ อาจารย์และคาดเข็มขัดเรียบร้อย

ผมมองอาจารย์ที่เอื้อมมือไปเปิดเพลงเบาๆ ภายในรถนั้นดูมืดอึมครึม และก็แปลกดี ต่างกับรถซินที่เป็นสไตล์ใหม่ๆ แต่ก็มีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกัน ผมมองด้านนอกกระจกรถที่ดูเหมือนกำลังมีเมฆฝนก่อตัว ให้ความรู้สึกคล้ายๆ ตอนอยู่กับซินเลยนะ

"เธอคงสงสัย ว่าฉันเป็นใคร" ผมหันไปมองอาจารย์ทันที ใช่แล้วล่ะ นั่นเป็นสิ่งที่ผมอยากรู้ ผมว่าอาจารย์รู้เรื่องพวกนี้มากสุดๆ และอาจารย์ก็ดูเหมือนซ่อนอะไรบางอย่างไว้

รถเคลื่อนออกจากลานจอดช้าๆ ไปตามถนนที่ผมไม่คุ้นชินนัก มันเหมือนทางลัด ทางที่มีแต่ต้นไม้ทั้งสองข้างทาง

"แน่นอนว่าฉันรู้ตั้งแต่แรกว่าเธอ มองเห็นวิญญาณ และฉันก็รู้ว่าเธอเคยมีสัญลักษณ์ของซาตาน แต่ตอนนั้นฉันยังไม่รู้จักเธอ ฉันไม่รู้ว่าเธอตั้งใจมีมันหรือแค่เรื่องบังเอิญ"

"อาจารย์มองเห็นพวกมันไหมครับ พวกวิญญาน" ผมถามด้วยความสงสัย และมีความหวัง

"อย่างตัวที่นั่งอยู่ตรงนั้นใช่ไหม" ผมมองตามนิ้วมือของอาจารย์และก็ต้องสะดุ้งทันทีที่มองไปด้านข้างกระจกรถ

ผมขยับตัวด้วยความกลัว และพยายามไม่จ้องมองวิญญาณตนหนึ่งที่กำลังนั่งอยู่ที่ข้างทาง

"อาจารย์ มองเห็น?" ผมหันมามองอาจาย์ ผมรู้สึกทั้งแปลกใจและดีใจในเวลาเดียวกัน นี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้เจอคนที่รับรู้เรื่องพวกนี้เหมือนกันกับผม มองโลกที่แสนน่ากลัวนี้ด้วยกัน

"ฉันศึกษาเกี่ยวกับด้านนี้"

"อาจารย์ เป็นหมอผีเหรอครับ" ผมถามในสิ่งที่คิดว่าใกล้เคียงที่สุด

"เรียกแบบนั้นแปลกๆ นะ แต่ก็ไม่เชิงละมั้ง" ผมยิ้มออกมาทันที เจอสักทีสินะ คนที่จะช่วยผมได้

"ผมอยากหายครับ ผมไม่อยากเห็นอะไรแบบนี้" ผมพูดและทำหน้าเศร้า

"มันไม่ใช่โรคติดต่อหรอกนะ เธอเกิดมาเพื่อติดต่อกับสิ่งเหล่านั้น" ผมมองอาจารย์อย่างไม่เข้าใจ

"พวกมันมีแต่จะทำร้ายผม มันไม่เคยคุยกับผม" ผมพูดอย่างเศร้าใจ

"เธอเคยลองแล้วเหรอ" ผมส่ายหน้าไปมา

"ผมไม่ไหวหรอกครับ" ผมพูดและกอดตัวเองไว้

"งั้นเหรอ งั้นดูนี่" ผมมองอาจารย์ที่จอดรถข้างทาง ตอนนี้นั่นเริ่มมืดแล้ว และสองข้างทางก็มีเพียงแสงไฟสีส้มที่ส่องสว่างแก่รถที่กำลังวิ่งไปมา

ผมมองอาจารย์ที่นั่งนิ่งด้วยหัวใจที่สั่นไหว ผมรู้สึกว่ากระจกรอบๆ ตัวรถนั้นกำลังมีฝ้าทึบมากขึ้น มากขึ้นเรื่อยๆ ผมขยับตัวด้วยความรู้สึกหวาดระแวง ขนบนร่างกายของผมค่อยๆ ตั้งชันขึ้นเหมือนรับรู้ได้ถึงสิ่งที่กำลังจะมา

"อ.อาจารย์" ผมเสียงสั่นและมองอาจารย์ที่ยังคงนั่งนิ่งๆ ตอนนี้ผมมองไม่เห็นอะไรอีกแล้ว นอกจากไอน้ำที่เกาะอยู่บนกระจก

ตึ้ง! ครืดดด

ผมสะดุ้งสุดตัวทันที ปลดเข็มขัดและขยับตัวไปกอดแขนอาจารย์ไว้ ผมมองกระจกด้านข้างตัวผมที่มีรอยมือลากยาวไปบนไอน้ำนั้น

ผมตัวสั่น และมองรอยเล็บที่ค่อยๆ ปรากฎอยู่บนกระจก รอบๆ รถทั้งคัน

"อาจารย์" ผมเรียกอาจารย์อีกครั้ง แต่อาจารย์ก็ยังคงนั่งนิ่งๆ ด้วยสีหน้าเรียบเฉย

"แกต้องการอะไร" อาจารย์นาธัสเริ่มพูดออกมา ผมขมวดคิ้วด้วยความไม่เข้าใจ นี่อาจารย์กำลังถามใครงั้นเหรอ

"ฆ่าาา" ผมได้ยินเสียงตอบรับแหลมสลับต่ำ เหมือนดั่งคลื่นวิทยุที่ถูกสัญญาณแทรก

ผมก้มตัวลงและเริ่มกอดอาจารย์มากขึ้นไปอีก ผมกลัวมาก ผมไม่เคยชินกับเรื่องพวกนี้สักที ผมอยากออกไปจากตรงนี้

ผมสะดุ้งอีกครั้ง ผมในตอนนี้หลับตาแน่น และรู้สึกว่าผมได้ยินเสียงเหมือนกับภาษาอะไรสักอย่างที่แปลกๆ ลอยมาตามลม ผมเหลือบมองอาจารย์ที่นิ่งเงียบ แล้วเสียงเหล่านั้นมันมาจากไหนกันนะ

เสียงดีดนิ้วดังขึ้น พร้อมๆ กับเสียงเหล่านั้นที่ค่อยๆ จางหายไป และผมรู้สึกหายใจสะดวกขึ้นมากกว่าเดิม ผมค่อยๆ ลืมตาขึ้นช้าๆ และมองไปรอบๆ ตัวรถที่กระจกใส มองเห็นด้านนอกที่กำลังมีรถผ่าน และเสาไฟสีส้มตั้งตระหง่าน

"อย่ากลัว เธอแข็งแกร่งกว่ามันเยอะ" ผมมองอาจารย์ที่กำลังลูบหัวผมเบาๆ และส่งยิ้มให้

ผมรีบขยับตัวกลับมานั่งที่เดิม เพราะตอนแรกนั้นผมกอดอาจารย์แน่นจนคาดว่าอาจารย์น่าจะเกือบขาดอากาศหายใจ

"พูดง่ายแต่ทำยากครับ คลื่นที่พวกมันส่งเข้าสมองของผมมันทำให้ผมกลัว" ผมจ้องมองมือตัวเองที่กำลังสั่นน้อยๆ

"อาจารย์ ทำได้ยังไงกันครับ ไล่มัน" ผมหันไปมองอาจารย์ที่เริ่มขับรถไปต่อ

"ถ้าเธอตั้งสมาธิ และจิตใจไม่หวั่นไหว" ผมมองอาจารย์ที่กำลังยิ้มน้อยๆ

"ผมจะทำได้จริงๆ เหรอครับ" ผมถามด้วยความไม่มั่นใจ

"เธอเป็นคนพิเศษ" ผมจ้องมองอาจารย์ ผมเคยได้ยินคำๆ นี้มาแล้ว ซินบอกผม ว่าผมเป็นคนพิเศษเช่นกัน

"ผมเป็นแค่คนธรรมดา" ผมพูดและหลบสายตาของอาจารย์

"ในสายตาฉัน เธอไม่ใช่แบบนั้น" ผมรู้สึกทำตัวไม่ถูก อาจารย์พูดแบบนี้หมายความว่ายังไงกันนะ

"ขอบคุณครับ" ผมพูดและยิ้มให้อาจารย์

"คือ ผมถามได้ไหม" ผมพูดถามอาจารย์ต่อ

"ว่ามาสิ"

"คืนนี้ อาจารย์จะทำอะไรกับเจเหรอครับ ทำไมต้องเที่ยงคืน" ผมถามอาจารย์ด้วยความสงสัย

"ฉันพูดไม่ได้ แต่ถ้าเธออยากจะรู้ เธอก็ต้องมา" อาจารย์พูดและหันกลับไปขับรถตามเดิม

"อาจารย์ ควบคุมพวกผีได้ ใช่ไหมครับ" ผมถามอาจารย์อีก ในหัวของผมมีแต่ความสงสัย

"ก็คิดว่าได้"

"แล้วซาตานละครับ อาจารย์ทำได้ไหม"

"พวกมันไม่ใช่วิญญาณทั่วไป"

"มันมีพลังอำนาจ ผมรู้ครับ" ผมพูดตอบแทนอาจารย์

"พูดได้เลยว่าไม่อาจต่อต้านได้ ถ้าเธอไม่แข็งแกร่งจริงๆ" ผมตั้งใจฟังสิ่งที่อาจารย์พูด

"ร่างกาย แข็งแกร่งเหรอครับ" ผมถามต่อ

" จิตใจ จิตวิญญาณและความเชื่อมั่น แต่ต่อให้มีสิ่งนั้น เธอก็อาจลุ่มหลงในรูปลักษณ์ของมัน ความเสแสร้ง เสน่หา หรือสิ่งต่างๆ ที่ถูกมันล่อลวง" ผมมองอาจารย์ที่ยิ้มมุมปากเล็กๆ

"สิ่งที่รออยู่ มีแต่ความตายเท่านั้นเหรอครับ"

"เธอจะติดกับดัก และอยู่กับความมืดชั่วนิรันดร์"

ผมจ้องมองออกไปยังข้างทางที่กำลังเคลื่อนผ่าน อยู่กับความมืดชั่วนิรันดร์งั้นเหรอ อยู่ด้วยกันตลอดไป งั้นสินะ

ผมมองนาฬิกาที่บอกเวลาค่ำแล้ว ผมแวะหาคุณยายและขอโทษที่กลับมาช้า ผมเดินขึ้นไปยังห้องนอนของผม

ผมเปิดประตู และเปิดไฟที่ด้านข้าง วันนี้ผมไปซื้อมือถือมาแล้ว ถ้าได้เจอซินอีก ผมจะต้องเอาเบอร์โทรซินมาให้ได้

แต่ผมที่เปิดไฟขึ้นนั้น ก็ต้องถอยหลังทันทีด้วยความตกใจ

"ซิน ทำไมนั่งอยู่มืดๆ แบบนี้ ผมตกใจนะ" ผมมองซินที่นั่งอยู่บนฟูกนอนของผมด้วยสีหน้านิ่งเฉย และมองตรงไปข้างหน้า

"ไปไหนมา" ผมวางกระเป๋าและเดินเข้าไปนั่งข้างๆ ซินทันที

"ผมไปซื้อมือถือมา ดูสิ" ผมพูดพลางหยิบกล่องมือถือใหม่เอี่ยมออกมาชูให้ซินดู

"ไปกับมัน" ซินหันมาช้าๆ จ้องหน้าผมด้วยใบหน้าน่ากลัว ผมลืมนึกไปเลยว่าซินไม่ชอบอาจารย์

"คือ ผมแค่ติดรถอาจารย์ไป..." ผมจ้องมองซินที่ยังคงทำหน้าโกรธผมอยู่ "ซินนั่นแหละไปไหนมา ทำไมถึงทิ้งผมเอาไว้" ผมทำหน้าเคืองเล็กๆ และทำท่าจะลุกขึ้น แต่ก็ถูกซินดึงเอาไว้

"ห้ามไปเจอมันอีก" ผมดึงแขนตัวเองออก และส่ายหน้าไปมา

"เรื่องนี้เราเคยคุยกันแล้ว" ผมจ้องมองซินที่กำลังจ้องมองผมเขม็งเช่นกัน "อาจารย์เป็นเพื่อนผม อ.อื้ออ" ผมตัวแข็งทื่อทันทีที่ซินดึงผมเข้าไปและบดเบียดริมฝีปากเข้ามา ผมดันอกซินไว้แต่ก็ทำได้เพียงแค่นั้น

ผมหลับตาลงและปล่อยให้คนตรงหน้าแทรกลิ้นเข้ามาในโพรงปากอ่อนนุ่ม มือผมกำเสื้อผ้าของซินไว้แน่น และเริ่มตอบรับรสสัมผัสนั้น

ผมไม่อาจต้านทานความรู้สึกนี้ได้เลย ผมชอบซินมาก ผมอยากสัมผัสคนคนนี้ ผมหลับตาพริ้ม รู้สึกถึงร่างกายของพวกเราที่กำลังสัมผัสแนบชิดกันละกัน

ผมค่อยๆ เอนตัวลงช้าๆ ไปตามแรงดัน ซินผละริมฝีปากออกและเริ่มจูบเบาๆ ไปตามซอกคอของผม ไล่ลงและขบเม้มมันจนผมสั่นสะท้านไปทั้งร่างกาย

พวกเรากอดก่ายกันไปมาเหมือนกับไม่อยากพรากจากกัน  มือสอดประสานลูบไล้ไปมาทั่วร่าง ผมกอดคนเบื้องบนไว้และดึงขึ้นมาจูบสัมผัสริมฝีปากร้อนนั้นอีกครั้ง ผมไม่เคยเป็นแบบนี้ นี่คือความลุ่มหลง หรือความรักกันแน่นะ

"ไม่ได้นะ" ผมจับแก้มซินเอาไว้ทันทีที่รู้สึกว่ากางเกงของผมกำลังรุ่ยลง ซินมองผมอย่างไม่เข้าใจ แต่ก็ไม่ได้ทำอะไรมากกว่านั้น

"คุณยายอยู่ข้างล่าง" ผมพูดบอกและดันตัวซินเบาๆ

"คืนนี้ไปที่ห้องของซิน" ผมหน้าแดงขึ้นเล็กๆ ที่ได้ยินแบบนั้น

"ผมไม่ไปหรอก" ผมพูดและขยับตัวออกจากซินที่ยังคงค่อมตัวผมอยู่

"ทำไม" ซินบางทีก็เหมือนเด็กน้อยที่เอาแต่ใจตัวเองมาก สีหน้าของซินนั้นเป็นสีหน้าของคนสงสัย มากกว่าไม่พอใจ

"คืนนี้ผม..." ใช่แล้ว ผมต้องบอกซิน ผมต้องบอกให้ซินมากับผม

"ซิน ผมขอร้องได้ไหม คืนนี้ไปที่ห้องสมุดที่มหา'ลัย..." ผมพูดและจับแขนซินไว้

"ห้ามไปหามัน ได้ยินไหม" ผมก็คิดไว้อยู่แล้วว่าซินคงพูดแบบนี้

"แต่ว่าเจกำลังจะไป ผมต้องไปกับเพื่อน" ผมพูดและลุกออกจากซิน เดินไปหยิบผ้าเช็ดตัว

"อยากตายหรือไง" ผมหันไปมองซินทันทีที่ได้ยินแบบนั้น ตอนนี้ซินกำลังทำหน้าโกรธผมอีกแล้ว

"ซินจะฆ่าผมเหรอ" ผมมองซินและไม่ได้กลัวคำพูดนั้นเลยสักนิด ผมเดินมาอยู่ตรงหน้าซินด้วยสีหน้าจริงจัง

"ฆ่าผมสิ แต่ช่วยเบามือหน่อยนะ ผมไม่อยากเจ็บ" ผมพูดและยิ้มให้ซินที่กำลังทำคิ้วขมวดมุ่น พอเห็นซินเป็นแบบนี้ ผมก็ไม่กลัวซินเลยสักนิด

"ผมชอบซิน" ผมพูดบอกซินเบาๆ และกุมมือซินเอาไว้ ซินไม่ได้พูดอะไร แต่ทำแค่เพียงจ้องมองผมเท่านั้น

"ถ้าซินไม่ให้ผมไป ผมก็จะไม่ไป แต่ผมขอร้องอะไรอย่างได้ไหม ผมเป็นห่วงเพื่อนมาก ผมไม่อยากให้เพื่อนไปคนเดียว" ผมพูดบอกซิน

"หมอนั่นไม่ได้เป็นอะไรอีกแล้ว" ผมขมวดคิ้วทันที่ที่ได้ยินแบบนั้น

"หมายความว่ายังไง"

"บอกหมอนั่นว่าอย่าไป แค่นั้น" ซินพูดเหมือนเป็นเรื่องที่ไม่น่าสนใจจะพูด

"ผมบอกไม่ได้ ผมไม่รู้จะติดต่อเจยังไง" ผมพูดบอกซินด้วยสีหน้าจริงจัง

"จะไปด้วยก็ได้" ผมยิ้มให้ซินทันทีที่ได้ยินแบบนั้น ในที่สุดซินก็ยอมผมแล้ว

"แต่คืนนี้ไวท์ต้องไปกลับไปที่ห้องของซิน" ผมเลิกคิ้วทันทีที่ได้ยินแบบนั้น

"มีข้อต่อรองซะด้วย" ผมพูดและยิ้มน้อยๆ ให้ซิน

"ก็ได้ ขอบคุณนะ" ผมยิ้มและลุกขึ้นเดินเข้าห้องน้ำ ห้องของซินงั้นเหรอ ผมรู้สึกยังไงก็ไม่แน่ใจ ผมนั้นอยากไปแน่นอนอยู่แล้ว ผมอยากรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับซิน แต่ผมที่ไปคราวที่แล้วนั้น ก็แทบจะแบบว่า...

ผมหน้าแดงขึ้นน้อยๆ แล้วคราวนี้ ผมจะรอดกลับมาแบบที่เป็นตัวผมตอนนี้หรือเปล่านะ

นั่นเป็นสิ่งที่ผมไม่มั่นใจเอาซะเลย
หัวข้อ: Re: In The Shadows' เงาหลอน ซ่อนรัก '[YAOI][#21 บุคคลที่พิเศษ](16/5/61)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 16-05-2018 17:48:14
 :pig4: :pig4: :pig4:

ปริศนาก็ยังคงเป็นปริศนา

รอเวลาที่ปริศนาจะกระจ่าง
หัวข้อ: Re: In The Shadows' เงาหลอน ซ่อนรัก '[YAOI][#21 บุคคลที่พิเศษ](16/5/61)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 16-05-2018 18:44:32
เอาล่ะซิ ชักเป็นห่วงเจแล้วซิ  :hao5:
หัวข้อ: Re: In The Shadows' เงาหลอน ซ่อนรัก '[YAOI][#21 บุคคลที่พิเศษ](16/5/61)
เริ่มหัวข้อโดย: ammchun ที่ 16-05-2018 20:56:45
สนุกกกกกกกค่า
หัวข้อ: Re: In The Shadows' เงาหลอน ซ่อนรัก '[YAOI][#21 บุคคลที่พิเศษ](16/5/61)
เริ่มหัวข้อโดย: Gloomy Sunday ที่ 07-06-2018 16:51:19
Shadows ที่ 22 เพื่อนที่ลาจาก


หลังจากที่ผมอาบน้ำแต่งตัวและลงไปช่วยคุณยายเก็บร้าน ผมมองซินที่ยืนนิ่งๆ ดูผมทำงานเหมือนเดิม

"ไวท์ลูก ช่วงนี้เพื่อนๆ มาหาเราบ่อยนะ" ผมขมวดคิ้วทันทีที่ได้ยินแบบนั้น

"เพื่อน เหรอครับ" ผมถามคุณยายอีกทีเพื่อความแน่ใจ

"เพื่อนสามคนที่เคยมา ยายเห็นเขามาหาเรา แต่ก็ไม่เข้ามา มีเรื่องอะไรกันหรือเปล่า" ผมครุ่นคิด พวกเต้ยงั้นเหรอ มีอะไรกันนะ ผมรู้สึกไม่ค่อยดีเลย

"ไม่มีอะไรหรอกครับคุณยาย" ผมพูดและยิ้มให้คุณยาย

"มีเพื่อนเยอะๆ ดีแล้วลูก พ่อหนุ่ม ยายฝากหลานชายด้วยนะ" คุณยายพูดกับผมอย่างใจดี และหันไปหาซินที่ยืนอยู่หน้าร้าน

"มานี่ๆ มาหายายหน่อย" ผมยิ้มและมองซินที่ยังคงยืนนิ่ง ซินมองหน้าผมเป็นเชิงถาม และค่อยๆ เดินเข้ามาหาคุณยาย

ผมมองคุณยายที่จับมือทั้งสองข้างของซินเอาไว้ และจ้องมองใกล้ๆ

"มืดมาก แต่ก็ยังมีแสงสว่าง" ผมขมวดคิ้วมองคุณยายและซิน ผมไม่เข้าใจในสิ่งที่คุณยายพูด มันหมายความว่ายังไงกันนะ

ซินในตอนนี้นั้นก็กำลังทำหน้าสงสัยเช่นกัน ซินละสายตาจากคุณยายและจ้องมองผม สำหรับผมแล้ว ซินก็ส่องสว่างตลอดเวลานั่นแหละ

หลังจากพวกเราลาคุณยายเพื่อออกมาข้างนอกแล้ว ผมมองเวลาที่ตอนนี้เพิ่งจะหัวค่ำ ยังมีเวลาอีกเยอะก่อนจะไปที่มหา'ลัยเพื่อไปหาอาจารย์นาธัสและเจ

"จะไปไหนกันก่อนดี" ผมพูดและยิ้มให้ซินที่เดินมาข้างๆ และเปิดประตูให้ผมเข้าไปในรถ

"ยายแก่นั่น.." ผมตกใจทันทีที่ได้ยินแบบนั้น

"คุณยายซิน คุณยาย เรียกแบบนั้นไม่ได้นะ" ผมยื่นมือไปตีซินที่กำลังทำคิ้วขมวดอยู่

"คุณยาย" ซินพูดตามผม และมันทำให้ผมยิ้ม ซินนั้นบางทีก็เหมือนกับเด็กๆ ต้องบอกว่าเด็กนิสัยไม่ดีเลยล่ะ

"คุณยายใช่แล้ว ทำไมเหรอ" ผมถามและขมวดคิ้วมองซิน

"ไม่มีอะไร" ซินพูดและเริ่มขับรถออกไป ผมสงสัยจริงๆ ว่าซินอยากจะพูดอะไรกันแน่นะ

ผมนั่งอยู่ในรถ แอบเหลือบมองซินที่ไม่ได้พูดอะไรและกำลังขับรถนิ่งๆ ผมอยากมีช่วงเวลาแบบนี้นานๆ ซินนั้นชอบหายไปอยู่เรื่อย ผมจะต้องใช้เวลาที่มีซินอยู่ให้คุ้มค่าที่สุด

แต่ผมที่มัวแต่มองซินนั้น ก็เพิ่งรู้ตัวว่าซินพาผมมาที่ไหน ซินเปิดประตูรถให้ผม และยืนรอให้ผมก้าวลงไป

ผมมองไปรอบๆ ซอยที่เงียบสงัด มองสายน้ำในยามค่ำคืนที่กำลังสะท้อนแสงของเสาไฟใกล้ๆ ที่นี่ก็คือบาร์ที่ซินชอบมานั่นเอง

"ทำไมถึงพามาที่นี่เหรอ" ผมถามซิน แต่แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน ผมอยากคุยกับโอนเนอร์

"มาเถอะ" ซินไม่ตอบผม และเดินนำหน้าผมเข้าไปเหมือนเก่า

"ยินดีต้อนรับ" ผมยิ้มให้โอนเนอร์ทันทีที่ถูกเอ่ยทัก

"ครับ วันนี้ผมช่วยนะ" ผมพูดและทำท่าจะเข้าไปหาโอนเนอร์ แต่ก็ถูกซินดึงแขนเอาไว้

"ขึ้นไปข้างบนกันเถอะ"

"ไปเถอะ วันนี้ไม่มีอะไรต้องช่วยหรอก" โอนเนอร์พูดอย่างใจดี หนอยซิน ผมเกรงใจนี่นา

พวกเราเดินขึ้นมาด้านบนที่เดิม ที่มีโซฟาหลายชุดตั้งอยู่ เป็นที่เดิมที่ซินชอบนั่ง และแน่นอน แม่สาวสองคนนั้น ก็อยู่ที่นี่ด้วย

ผมเดินตามซินที่เข้าไปนั่งกับสาวๆ พวกนั้น ผมรู้สึกไม่ค่อยดีอีกแล้ว ผมไม่อยากให้ซินอยู่ใกล้ใคร

"ดีใจที่ได้เจอนะไวท์" แม่สาวผมยาวทักผม

ผมและซินนั่งลงตรงข้ามพวกเธอ ผมยิ้มให้พวกเธอ และมองซินที่กำลังรินของเหลวสีอำพันลงในแก้ว ถ้าจะพาผมมาแล้วทำแบบนี้ ผมอยากกลับจริงๆ

"ซิน ไม่ดื่มได้ไหม" ผมพูดบอกซินที่ชะงักมือทันทีและจ้องมองผม

"ไม่เป็นไรหรอกไวท์ วันนี้จะดื่มด้วยกันไหมล่ะ" แม่สาวผมสั้นพูดสนับสนุนซินทันที ผมหน้ามุ่ย พวกเรามีเรื่องที่ต้องไปทำอีกนะ ไม่ได้มาเที่ยวเล่นกันสักหน่อย

"หิวหรือเปล่า" ผมยิ้มทันทีที่ซินวางแก้วลงและไม่ได้ดื่มมันเข้าไป

"ไม่เป็นไร ผมไม่ค่อยหิว"

"ซินเดี๋ยวนี้ไม่ค่อยมาเล่นกับพวกเราเลยนะ" ผมมองสาวผมยาวที่เอื้อมมือมาจับแขนซิน

"มีหลายอย่างที่ต้องทำ" ซินพูดและจ้องมองผม อ๋อเหรอ เพราะแค่นั้นหรือไง

ผมไม่เคยรู้สึกอยากอยู่ตรงนี้นานๆ เลยสักครั้ง ผมว่าผมไปจากตรงนี้ดีกว่า ปล่อยให้ซินสนุกไปเถอะ

"ผมขอตัวลงไปข้างล่างนะ ผมอยากคุยกับโอนเนอร์" ผมพูดและทำท่าจะลุกขึ้น แต่ก็ถูกซินจับมือเอาไว้

"ไวท์ไม่ชอบใจอีกแล้ว" ผมมองซินที่พูดแบบนั้น

"หึงหวงงั้นเหรอ พวกเธอมีความสัมพันธ์ยังไงกัน" ผมหน้าขึ้นสีนิดๆ สาวผมยาวพูดขึ้นด้วยรอยยิ้มอย่างรู้ทัน

"ไม่เคยเห็นซินสนใจ...ใครมากเท่านี้" ผมมองสาวผมสั้นที่จ้องมองผม และตอนแรกนั้นเหมือนจะพูดอะไรมากกว่านี้ แต่ก็เปลี่ยนใจ

ผมเหลือบมองซิน ผมอยากรู้ว่าซินจะตอบยังไง

"ไวท์ไม่เหมือนใคร" ซินพูดและดึงผมให้นั่งลงตามเดิม

"ก็ใช่แหละนะ หลุดมือไปคงเสียดายแย่ แล้วทำไมไม่จัดการสักที ตีตราแล้วไม่ใช่หรือไง" ผมขมวดคิ้วและจ้องมองผู้หญิงผมสั้นที่พูดแบบนั้น

"ตีตราอะไรเหรอ" ผมพูดถามและมองซินอย่างสงสัย

"ไม่มีอะไรหรอก" ซินพูดและจ้องมองผู้หญิงทั้งสองคนตรงหน้าเหมือนกำลังส่งสายตาคุยกัน

"อยากคุยกับโอนเนอร์ก็ไปเถอะ แล้วอีกสักพัก พวกเราไปกัน" ผมที่ได้ยินแบบนั้นก็ลุกขึ้นอีกครั้งทันที มีความลับกันนักนะ ผมไปก็ได้

"งั้น เดี๋ยวเจอกันนะ" ผมบอกซิน และเดินลงไปที่บันได ผมครุ่นคิดถึงคำพูดของผู้หญิงคนนั้น และมองไปทั่วท่อนแขนของผมทั้งสองข้าง

ไม่มี หรือว่าจะเป็นที่อื่น...

ผมหยุดเดิน และเลิกชายเสื้อขึ้นในความมืด แต่ก็ไม่มี ผมอาบน้ำและส่งกระจกดูแล้ว บนตัวของผมไม่มีร่องรอยอะไร ผู้หญิงคนนั้นพูดเรื่องอะไรกันนะ

"หลงทางหรือไง" ผมสะดุ้งทันทีที่เห็นโอนเนอร์ยืนอยู่ตรงหน้าและถือขวดเหล้าในมือ

"เปล่าครับ" ผมเดินตามโอนเนอร์เข้าไปที่บาร์และนั่งลงที่เก้าอี้กลมใกล้ๆ

"คือ ผมถามเรื่องซินอีกได้ไหมครับ" โอนเนอร์ที่ได้ยินแบบนั้นก็ยิ้มให้ผมและยังคงทำงานต่อไป

"ซินนั้นไม่เหมือนใคร เหมือนกับเธอนั่นแหละ เอ...ไม่สิ ก็มีอยู่นะ แต่หายากมาก" ผมขมวดคิ้วอย่างสงสัย หายากงั้นเหรอ

"ผมพิเศษตรงไหนเหรอครับ ซินชอบบอกว่าผมพิเศษ" ผมถามโอนเนอร์อย่างไม่เข้าใจ

"แค่เธอเข้ามาที่นี่ได้ นั่นก็พิเศษแล้วล่ะ" ผมเลิกคิ้วขึ้น และมองไปรอบๆ มองผู้คนที่กำลังคุยกันด้วยเสียงกระซิบ ที่นี่ก็พิเศษงั้นเหรอ

"ซิน แตกต่างจากคนอื่น ยังไงเหรอครับ" ผมนั้นสนใจแต่เรื่องซินเท่านั้น

"ถ้าถามแบบนั้น ก็คงพูดได้แต่เพียงว่า ต้นกำเนิดของซินนั้นแตกต่างจากเกือบทุกคนที่อยู่ที่นี่ เป็นเด็กหลงที่ร้ายกาจเชียวล่ะ"

"ผมไม่ได้หลงทางสักหน่อย" ผมหันไปตามเสียงพูดทันที และก็พบว่าซินกำลังยืนทำหน้าไม่พอใจอยู่ด้านหลังผม

"อย่าเล่าอะไรแปลกๆ ให้ไวท์ฟังเลยครับ นั่นมันไม่จริงเลย" ซินพูดและเดินเข้ามาหาผมใกล้ๆ

"เราไปกันเถอะ ใกล้ถึงเวลาแล้ว" ผมลุกขึ้นจากเก้าอี้และเดินตามซินที่กำลังดึงผมออกไป

"ผมไปก่อนนะครับโอนเนอร์" ผมพูดและก้มหัวเป็นเชิงลา

"ทำไมถึงชอบถามเรื่องของซิน" ซินพูดถามผมขณะที่พาผมออกไปที่รถ

"ผมอยากรู้ ผมอยากรู้ทุกเรื่องเกี่ยวกับซิน" ซินที่ได้ยินแบบนั้น ก็หยุดเท้าลงทันที

"เชื่อเถอะ ไวท์ไม่อยากรู้จริงๆ หรอก อย่าถามคนพวกนั้นอีกเลย"

"ไม่ว่ายังไง ผมก็ชอบซิน" ผมพูดบอกซินที่กำลังเริ่มเดินออกไปอีกครั้ง

"ซิน จะไปที่นั่นจริงๆ เหรอ" ผมสะดุ้งอีกครั้งทันทีที่ได้ยินเสียงอีกเสียงหนึ่งดังขึ้นจากด้านหลัง

"ต้องรีบไป" ผมมองพี่ไวลี่ที่กำลังเดินมาอย่างรวดเร็วและดักหน้าพวกเราไว้

"นายไม่ควรยุ่งกับหมอนั่น" พี่ไวลี่พูดเสียงเครียด

"เอ่อ หวัดดีครับ" ผมเอ่ยทักพี่ไวลี่ที่วันนี้ก็ตัวใหญ่เหมือนเดิมจนน่ากลัว

"สวัสดีหนุ่มน้อย เธอกำลังหาเรื่องให้ซินนะ"

"หยุดพูดเถอะ ก็แค่พาเด็กนั่นออกมา" ผมมองซินกับพี่ไวลี่สลับกัน นี่กำลังพูดเรื่องเจอยู่เหรอ

"เขาเป็นเพื่อนผมครับ" ผมพูดบอกพี่ไวลี่

"หมอนั่นไม่รอดแล้ว ปล่อยเถอะ" ผมตกใจทันทีที่ได้ยินแบบนั้น ผมไม่เข้าใจ อะไรคือไม่รอดกัน

"เดี๋ยวก่อนนะครับ คือเพื่อนผมแค่จะไปหาอาจารย์นาธัสเพื่อรักษาอาการบางอย่างเท่านั้น ผมไม่เห็นว่ามันจะเป็นเรื่องร้ายแรงอะไร" ผมว่าทั้งสองคนนี้ต้องรู้อะไรแน่ๆ ทำไมถึงพูดแบบนั้นกัน

"รีบไปกันเถอะ" ซินเปิดประตูรถให้ผมและดันผมให้เข้าไปนั่งด้านหลัง ผมมองซินที่เข้าไปนั่งที่ที่นั่งคนขับอย่างรีบร้อน และพี่ไวลี่ที่เปิดประตูมานั่งข้างๆ

ผมรู้สึกว่ารถขยับไวมาก มันมากกว่าทุกครั้งที่ผมเคยรู้สึก ผมมองทางด้านหน้าไม่ชัด มันเหมือนกับมีอะไรปกคลุมอยู่ไปทั่ว และกระจกด้านข้างก็เหมือนเดิม มันมีแต่ไอน้ำปิดอยู่จนผมมองไม่เห็นอะไรเลย

"หวังว่าจะยังไม่เริ่มนะ" ผมมองพี่ไวลี่พูดเบาๆ เหมือนกำลังพูดกับตัวเอง

และไม่นานนักรถก็จอดลง ผมมองทั้งสองคนแบบงงงวยนี่ถึงแล้วจริงๆ เหรอ ยังไม่ถึงห้านาทีเลยนะ

"ไวท์อยู่บนนี้ ห้ามลงจากรถเด็ดขาด เข้าใจไหม ห้ามเด็ดขาด" ซินหันมาหาผมและสั่งเสียงเข้ม

"ทำไมล่ะ ผมอยากไปด้วย" นี่พวกเรามาทำอะไรกันแน่

"อยู่นี่เถอะ เดี๋ยวพวกเรากลับมา" พี่ไวลี่พูดและลงจากรถทันที

"ไม่ เดี๋ยวก่อน..." แต่ผมที่จะคัดค้าน ก็ไม่ทันซะแล้ว เพราะซินก็ลงจากรถหายไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน

ผมนั่งอยู่ในรถ รอคอยตามที่ซินสั่ง ผมรู้สึกไม่ค่อยดี มันเป็นความอึดอัดที่แปลกประหลาด ผมมองกระจกหน้ารถที่ตอนนี้พอเห็นแสงไฟจากเสาไฟฟ้าข้างทาง

ที่นี่นั้นคือมหา'ลัยของผมแน่นอน ผมจำตึกด้านหน้านั้นได้ แล้วทำไมกัน ทำไมถึงห้ามผมลงไป

ผมมองประตูรถ และชั่งใจคิดอยู่สักพัก ผมอยากลงไปจริงๆ ทุกคนดูร้อนลนแปลกๆ จนผมไม่สบายใจ

ผมนึกถึงสิ่งที่อาจารย์นาธัสพูด อาจารย์บอกผมถึงเรื่องวิญญาณ อาจารย์นั้นเป็นพวกที่สัมผัสกับสิ่งเหล่านี้เช่นกัน หรือจะมีอะไรมากกว่านั้น ทำไมซินถึงดูไม่อยากเข้าใกล้อาจารย์หรือพูดเหมือนอาจารย์อันตรายกันนะ

ความอยากรู้อยากเห็นของผมมันมีมากขึ้น ผมอดใจที่จะไม่เปิดประตูลงไป แต่ก็ได้ไม่นาน ผมตัดสินใจเอื้อมมือออกไป เพื่อเปิดประตูรถ

"คุณไม่ควรทำแบบนั้น" ผมที่ตอนนี้อยู่ในรถเพียงลำพัง ก็สะดุ้งสุดตัวทันที ผมถอยหลังและหนีสิ่งที่ปรากฎอยู่ข้างๆ ผมตกใจจนแทบช็อค และรีบปิดหน้าทันที

"ออกไปนะ!" ผมมือสั่นเทาด้วยความกลัว เงาดำมืดที่อยู่ข้างๆ ผมตอนนี้นั้นมันคือวิญญาณร้าย มันทำให้ผมขนลุกไปทั้งตัว และกลัวจนตัวสั่น

ผมก้มหน้าและหลับตาแน่น มันใกล้มาก มันจะฆ่าผมงั้นเหรอ ผมจะทำยังไงดี ผมขยับตัวถอยหนีและก้มตัวลงให้ต่ำที่สุดชิดหน้าขา แต่เมื่อกี้เหมือนมันจะพูดกับผมนะ ผมไม่เข้าใจ และตอนนี้มันเงียบไปแล้ว

ผมที่ก้มหน้าอยู่นั้น ก็ตัดสินใจค่อยๆ เงยหน้าขึ้นช้าๆ และเหลือบมองสิ่งที่อยู่ตรงหน้า แต่ก็พบว่ามันหายไปแล้ว

ผมถอยหลังไปชิดประตูอีกด้าน และมองไปมาทั่วรถ นี่มันอะไรกัน วิญญาณนั่น มันมาจากไหน

ครืดดด

ผมสะดุ้งอีกครั้งและถอยหลังหนีออกห่างจากประตูรถ ผมมองกระจกที่เป็นไอน้ำ ผมมองเห็นเงาอะไรบางสิ่งเคลื่อนไหวอยู่ด้านนอก นี่มันอะไรกันอีก ทำไมถึงเป็นแบบนี้ ผมเริ่มนั่งขดตัวอยู่กลางรถ และมองไปรอบๆ กระจกอย่างตื่นกลัว ความหนาวเย็น การคุกคาม ผมรู้ได้ในทันทีว่ารอบๆ รถคันนี้นั้นมีสิ่งชั่วร้ายอยู่มากมาย มันมาจากไหน มันเหมือนกับตั้งใจมาทำร้ายผม แต่ก็ไม่อาจเข้ามาได้ ผมฟังเสียงเล็บที่ขูดขีดกับรถ เสียงทุบ เสียงครวญครางไปมา ผมตัวสั่นเทาและเริ่มคิดว่าผมควรจะออกไป หรือนั่งรอให้พวกมันเข้ามาดี

ใช่แล้ว ผมควรจะหนีไป ผมต้องไปหาซิน เพราะมีพวกมันตัวหนึ่งที่เข้ามาได้ ต่อไปผมต้องถูกพวกมันทำร้ายแน่ๆ

ผมที่คิดแบบนั้นก็ขยับตัวไปที่ประตู และเปิดออกทันที ผมก้าวลงจากรถอย่างรวดเร็ว และออกวิ่งทันทีไปยังตึกด้านหน้าที่มีแสงไฟส่องอยู่ ผมมองรอบๆ ตัวของผมตอนนี้ ผมไม่เข้าใจเลย ที่นี่เป็นมหา'ลัยที่ผมเรียนอยู่แน่นอน แต่ทำไมกัน รอบๆ ตัวที่น่าจะมีคนอยู่กับไร้ร่องรอยของสิ่งมีชีวิต ผมมองไม่เห็นใครเลย ทุกคนหายไปไหนหมด

ผมวิ่งมาสักพัก และคิดว่าคงหนีพวกมันพ้นแล้ว ผมต้องตามหาซินให้เจอ อยู่ไหนกันนะ แต่ก็คงจะเป็นตึกห้องสมุดนั่น

ผมยังคงวิ่งต่อไปเรื่อยๆ ผมรู้สึกแย่ๆ อีกแล้ว ผมมองเสาไฟด้านข้างที่กำลังกระพริบน้อยๆ และดับลง

ผมหยุดเท้าทันทีที่เห็นแบบนั้น ผมค่อยๆ ก้าวถอยหลังช้าๆ ผมรู้สึกกลัวไปหมด ที่นี่เหมือนกับมหา'ลัยร้างที่ไม่มีคนอยู่ ไม่ว่าจะมองไปทางไหน ก็ไร้วี่แววผู้คน

"ฆ่าา"

ผมสะดุ้งทันทีและนั่งลงปิดหูตัวเองไว้ มันใกล้มาก แต่ผมมองไม่เห็นมัน มันอยู่ตรงไหนกัน เสียงกระซิบที่น่ากลัวดังอยู่รอบๆ ตัวผม มันทำให้ผมหลับตาแน่นอีกครั้ง ผมได้แต่สวดภาวนาในใจ ขอให้มันไม่กล้าเข้ามาทำร้ายผมด้วยเถอะ

แต่ผมที่นั่งอยู่นั้น ก็รู้สึกถึงสิ่งแปลกๆ ที่กำลังแตะที่เท้าของผมอยู่ ผมค่อยๆ ลืมตาขึ้น และมองเท้าของผมตอนนี้ที่ถูกสิ่งที่เหมือนกับเส้นผมกำลังรัดอยู่

"ไม่ อย่า" ผมตกใจลุกขึ้นและพยายามดึงเท้าตัวเองออก แต่ผมที่ทำแบบนั้นก็เสียหลักและล้มลงทันที ผมดิ้นและพยายามดึงเท้าตัวเองออกอีกครั้ง ตอนนี้เส้นผมเหล่านั้นกำลังรัดแน่นที่ข้อเท้าผม และเริ่มลามมายังลำตัวและคอของผม

"อย่า ช่วยด้วย! ซิน!" ผมร้องเรียกซิน ผมไม่รู้ว่าใครกำลังทำร้ายผมอยู่ ผมมองไม่เห็นตัวมันเลยสักนิด มันต้องการอะไรจากผมกันแน่

"ไวท์" ผมที่กำลังจะถูกเส้นผมพวกนี้รัดคอ ก็ต้องโล่งอกทันทีที่เห็นว่าซินกำลังวิ่งมา พร้อมพี่ไวลี่ที่มีร่างของเด็กหนุ่มคนหนึ่งอยู่ในอ้อมแขน

"เจเหรอ เจเป็นอะไรไป!" ผมถามอย่างร้อนรนที่เห็นแบบนั้น และตอนนี้ก็ไม่มีอะไรมัดผมอีกแล้ว

ผมรีบลุกขึ้นและวิ่งไปหาเพื่อนทันทีด้วยความตกใจ

"ไอ้พวกชั้นต่ำ" ผมได้ยินเสียงซินสบถเบาๆ และพี่ไวลี่ที่ยังคงอุ้มเจไว้

"รีบไปเถอะ" ซินดึงแขนผมและออกวิ่งไปที่รถอีกครั้ง ผมมองพี่ไวลี่ที่วางเจลงที่เบาะหลัง ผมรีบก้าวขึ้นไปด้านหลังด้วยเพื่อดูเพื่อน ซินขึ้นไปขับรถเหมือนเดิม และพี่ไวลี่ที่ขึ้นมาหลังสุด

"เกิดอะไรขึ้นเหรอครับ อาจารย์ล่ะ" ผมถามอย่างร้อนลนและมองเพื่อนที่ยังคงหลับอยู่

"ไม่ควรทำแบบนี้เลยจริงๆ เด็กนี่เป็นคนของหมอนั่น" ผมไม่เข้าใจพี่ไวลี่ที่กำลังพูดอยู่

"ไม่ใช่อีกแล้ว" ซินพูดเบาๆ ทั้งสองคนเป็นแบบนี้อีกแล้ว ไม่ยอมบอกอะไรผมเลยสักนิด

ผมมองเจที่หน้าซีดเผือด นายไปเจออะไรมากันนะ แล้วอาจารย์ทำสำเร็จหรือเปล่า

ผมเลิกชายเสื้อเจขึ้นและมองตรงจุดที่เคยมีสัญญลักษณ์แปลกๆ แต่ผมที่เพ่งมองไปทั่วนั้น ก็ต้องโล่งใจทันที

หายไปแล้ว สัญญลักษณ์นั่นไม่มีอยู่บนตัวเจแล้ว

"อาจารย์ทำงั้นเหรอ" ผมพูดเบาๆ และสัมผัสตัวเจ

"บอกแล้วใช่ไหมว่าอย่าลงจากรถ" ผมมองซินที่เริ่มดุผมเสียงเข้ม

"พวกมันอยู่รอบๆ รถ ผมก็เลย..."

"ก็ถึงบอกว่าอย่าลงไปไง"

"แต่บนรถก็มี จะให้ทำยังไง" ผมพูดและนึกถึงร่างสีดำที่อยู่ในรถและมันพูดกับผม ใช่ มันพูดกับผม แปลกมาก

"ทำไมเจถึงไม่ฟื้น" ผมพูดและมองดูเจอีกครั้ง

"ฉันจะจัดการเอง" พี่ไวลี่พูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

ไม่นานหลังจากนั้น ผมมองซินที่จอดรถด้วยความสงสัย พวกเราอยู่ไหนกัน แล้วจะทำยังไงต่อดี

"ที่นี่ที่ไหน พวกเราไม่ได้ไปโรงพยาบาลเหรอ" ผมถามซินที่เดินลงจากรถ และมาเปิดประตูให้ผม

"ลงมาซะ ไวลี่จะจัดการต่อเอง" ผมมองซินที่ยื่นมือมาให้ผม

"ไม่ ผมจะอยู่กับเพื่อน" ผมพูดและไม่ยอมลงจากรถ

"ไวท์ ยิ่งช้ายิ่งไม่ทันนะ" ผมมองเจที่ยังคงนอนนิ่ง และตัดสินใจลงจากรถตามที่ซินบอก

ผมมองรถที่แล่นจากไปอย่างรวดเร็ว พี่ไวลี่จะพาเจไปไหนกันนะ แล้วทำไมผมถึงไปด้วยไม่ได้

"ผมควรจะอยู่กับเจ" ซินเอาแต่ยืนนิ่งและจ้องมองผม

"ไวท์ทำอะไรไม่ได้หรอก" ซินพูดและเริ่มจูงมือผมให้เดินตามไป

ผมมองไปรอบๆ ที่นี่อีกครั้ง และก็นึกออกทันทีที่เห็นลิฟต์สีดำ และตึกสูงที่ดูเงียบสงบเหมือนเมื่อครั้งที่ผมเคยมา

"โอนเนอร์อาจช่วยได้" ผมมองซินที่ยังคงเดินและจูงผมไป

"พาไปหาโอนเนอร์เหรอ"

"ใช่ ถ้าทันก็คงไม่เป็นไร" ผมถอนหายใจเล็กน้อย ถ้าเป็นแบบนั้นก็คงไม่เป็นไรจริงๆ

ผมเดินตามซินเข้ามาถึงห้องของซิน ที่นี่ยังคงเหมือนเก่า มันมืดครึ้ม อึมครึมและดูสงบเย็น ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนดำสนิท และกว้างขวาง

"ผมไม่เข้าใจเลย ไม่เข้าใจสักอย่าง" ผมนั่งลงที่โซฟาตัวหนึ่งในโถงนั่งเล่นอย่างอ่อนแรง

"นั่นน่ะดีแล้ว" ซินพูดและนั่งลงข้างๆ ผม ทิ้งตัวลงและหลับตา

"อาจารย์บอกว่าจะช่วยผมกับเจ แล้วทำไมถึงได้เป็นแบบนี้"

"ห้ามเชื่อหมอนั่น ไม่ว่ามันจะพูดอะไร" ซินลืมตาขึ้นและจ้องมองผม

"ผมไม่รู้หรอก ผมไม่รู้จะเชื่อใครดีแล้ว" ผมพูดอย่างเศร้าสร้อย

"ไม่เชื่อซินงั้นเหรอ" ผมมองซินที่ขยับตัวช้าๆ เข้ามาหาผม และลูบแก้มผมอย่างแผ่วเบา

"ผมเชื่อซิน แต่..."

"นั่นน่ะดีมาก ไม่ต้องมีแต่" ซินพูดอย่างแผ่วเบา และค่อยๆ ประทับริมฝีปากลงบนหน้าผากของผมอย่างแผ่วเบา

"เลิกคิดหาคำตอบได้แล้ว ปล่อยให้ซินจัดการทุกอย่าง แล้วพวกเรา จะได้อยู่ด้วยกัน ตลอดไป" ผมพยักหน้าน้อยๆ และเคลื่อนตัวเข้าไปกอดซินเอาไว้

พวกเรากอดกันบนโซฟาสีดำตัวใหญ่ ผมรู้สึกอบอุ่นมาก ผมอยากจะเลิกคิดถึงสิ่งที่ผมกังวลใจ เพราะว่าซินนั้นอบอุ่นมาก และมันต้องไม่ใช่อย่างที่ผมคิด

"ซินจะไม่ทิ้งผมไปใช่ไหม" ผมเงยหน้าขึ้น และจ้องมองคนที่ผมอยากอยู่ด้วยตลอดไป

"ไม่มีวัน" ผมยิ้มให้กับคำตอบนั้น

ผมเงยหน้าขึ้นและตอบรับริมฝีปากที่อบอุ่นของคนข้างๆ พวกเราจูบกันอย่างลึกซึ้งเหมือนที่เคยผ่านมา ผมอยากสัมผัสซินให้มากขึ้นอีกสักนิด ผมหวาดหวั่นในหัวใจ ผมรู้สึกราวกับว่า ถ้าหากผมผละออกจากอ้อมกอดนี้ ทุกสิ่ง อาจจะไม่มีวันเกิดขึ้นอีก

แต่พวกเราที่สัมผัสกันนั้น อยู่ดีๆ ซินก็ผละริมฝีปากออก และทำหน้าเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรอยู่

"มีอะไรงั้นเหรอ" ผมถามซินแผ่วเบา

"ขออภัยครับท่าน" ผมตกใจทันทีที่ได้ยินเสียงอีกเสียงหนึ่งแทรกขึ้นมา ผมมองดูผู้ชายคนหนึ่งที่เดินออกมาจากเงามืด และก้มตัวลงอย่างนอบน้อมตรงหน้าซิน

ผมรีบผละออกจากตัวซิน และถอยออกมานั่งห่างๆ ที่นี่มีคนอยู่กี่คนแน่นะ แล้วแบบนี้จะไม่เห็นทุกอย่างหมดแล้วเหรอ

ผมรู้สึกอายเล็กน้อย และมองชายหนุ่มคนนั้นที่กำลังกระซิบบอกอะไรบางอย่างกับซิน ผมรู้สึกกังวลใจมาก มันจะเป็นเรื่องของเจหรือเปล่านะ

"มีอะไรเหรอ" ผมถามซินที่ยังคงนิ่งเงียบ

"เด็กคนนั้น..." ซินพูดและหยุดพูดไป เด็กงั้นเหรอ หมายถึงเจใช่ไหม

"เขา ตายแล้ว" ผมชะงัก จ้องมองซินอย่างไม่อยากจะเชื่อ ไม่จริง เป็นไปไม่ได้

"ไม่" ผมส่ายหน้าไปมา นี่มันอะไรกัน

"ไม่จริง ตรานั่นหายไปแล้ว เจต้องฟื้นสิ นี่มันเรื่องอะไรกัน!" ผมลุกขึ้น และทำท่าจะเดินออกไปจากห้อง

"ไวท์" ซินลุกขึ้นเดินตามผม และกอดผมเอาไว้

"ผมจะไปหาอาจารย์ มันต้องมีอะไรเข้าใจผิด อาจารย์ช่วยเจได้ ทำไมถึงเป็นแบบนี้" ผมพูดและเริ่มร้องไห้ออกมา

"ห้ามไปหามันอีก มันเป็นคนฆ่าเด็กนั่น" ผมส่ายหน้าไปมา ผมไม่เชื่อ อาจารย์คอยช่วยผม ผมรู้จักอาจารย์ดี

"เป็นไปไม่ได้" ผมพูดและมองซินที่กำลังทำสีหน้าไม่พอใจ

"เชื่อมันมากกว่าซินงั้นเหรอ" ผมร้องไห้ ผมไม่รู้ ผมเสียใจมาก ผมควรจะไปกับเพื่อน ผมไม่น่าปล่อยเจไปคนเดียวเลย

"มาเถอะ" ผมยืนนิ่ง และปล่อยให้ซินกอดผมเอาไว้อีกครั้ง ผมร้องไห้ตัวโยน เจเป็นเพื่อนของผม เป็นเพื่อนที่สำคัญของผม

และผมจะไม่มีวัน ได้เจอเจอีกแล้ว
หัวข้อ: Re: In The Shadows' เงาหลอน ซ่อนรัก '[YAOI][#22 เพื่อนที่ลาจาก](7/6/61)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 07-06-2018 18:53:20
หลานเจ  :sad11:
หัวข้อ: Re: In The Shadows' เงาหลอน ซ่อนรัก '[YAOI][#22 เพื่อนที่ลาจาก](7/6/61)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 07-06-2018 22:52:30
 :pig4: :pig4: :pig4:

อย่าว่าแต่ไวท์ไม่เข้าใจเลย

ตรูเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน

555
หัวข้อ: Re: In The Shadows' เงาหลอน ซ่อนรัก '[YAOI][#22 เพื่อนที่ลาจาก](7/6/61)
เริ่มหัวข้อโดย: Gloomy Sunday ที่ 08-06-2018 14:22:57
Shadows ที่ 23 ปิศาจที่แสนเลือดเย็น


ผมตื่นขึ้นอีกครั้งด้วยดวงตาที่แสบและบวมเป่ง เรื่องเมื่อคืนมันคงเป็นแค่ฝันร้ายสินะ ใช่ มันต้องเป็นแค่ฝันแน่ๆ

ผมลุกขึ้นนั่ง มองไปรอบๆ ตัวของผมที่มีแต่ผนังสีขาวเล็กๆ ล้อมรอบตัวผมไว้

ผมยิ้มน้อยๆ ออกมา ที่นี่คือห้องนอนของผม ผมฝันไปจริงๆ สินะ เจยังมีชีวิตอยู่ใช่ไหม ผมดีใจเหลือเกิน

ผมรีบลุกขึ้นอาบน้ำแต่งตัว ผมต้องรีบไปหาเจที่มหา'ลัย ผมต้องได้พบเจแน่ๆ พวกเราจะไปเรียนด้วยกันเหมือนเดิมอย่างที่ผ่านมา

ผมที่แต่งตัวเสร็จแล้ว ก็รีบร้อนลงบันได ผมต้องช่วยคุณยายก่อน แล้วผมจะรีบไป ผมต้องไปเจอเพื่อน และผมต้องไปหาอาจารย์ คนที่ผมจะปรึกษาได้ มีแค่คนคนนั้น

แต่ผมที่เดินเข้าไปหาคุณยายก็ต้องหยุดชะงัก ผมมองแขกคนหนึ่งที่นั่งอยู่กับคุณยาย เป็นคนที่ผมกำลังนึกถึงพอดี แต่ทำไมกันนะ ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้

"ไวท์ลูก อาจารย์เขามารอสักพักแล้ว" ผมค่อยๆ เดินเข้าไปหาอาจารย์นาธัส ผมรู้สึกกล้าๆ กลัวๆ

สิ่งที่ซินพูดเกี่ยวกับอาจารย์นั้น มันทำให้ผมสับสน ผมควรจะเชื่อใครกันแน่ ผมจะทำยังไงดี

"ขอโทษเรื่องเพื่อนของเธอ" ผมชะงักทันทีที่อาจารย์พูดขึ้น เพื่อนงั้นเหรอ

"ฉันจะบอกทุกอย่างที่เธออยากรู้ ตามมาสิ" ผมมองดูอาจารย์ที่กำลังเดินออกไปจากร้าน และขึ้นไปบนรถที่จอดอยู่

ผมยังคงยืนอยู่ที่เดิม ผมไม่ควรตามไปหรือเปล่านะ แต่ที่อาจารย์พูดนั่น มันหมายความว่ายังไง ผมอยากรู้ ชีวิตผมมันมืดมนไม่รู้ทิศทางมานานแล้ว ผมควรจะได้รับรู้ทุกอย่างสักที

ผมบอกลาคุณยาย และตัดสินใจเดินตามอาจารย์ไปที่รถ ผมยืนช่างใจอยู่สักพัก ซินจะโกรธผมไหมนะ แต่ซินก็หายไปอีกแล้ว ซินทิ้งผมเอาไว้อีกแล้ว

"เกิดอะไรขึ้นเหรอครับ" ผมขึ้นมานั่งบนรถข้างๆ อาจารย์และถามสิ่งที่กลัวที่สุดออกไป

"เธอคงฟังอะไรจากปิศาจนั่นมาเยอะเลยสินะ" ผมมองหน้าอาจารย์ ปิศาจงั้นเหรอ

"เกิดอะไรขึ้นกับเจ อาจารย์บอกว่าจะช่วยเขา แล้วทำไมเจถึง..." ผมเงียบชะงัก และเริ่มน้ำตาไหลออกมาอีกแล้ว มันเป็นเรื่องจริงสินะ ผมอยากให้มันเป็นแค่ฝันร้าย

"ฉันพยายามช่วยเขาแล้ว แต่ก็ไม่ทัน พวกมันเอาวิญญาณของเขาไป"

"อาจารย์พูดเรื่องอะไร" ผมถามอาจารย์และกลัวสิ่งที่จะได้ยิน

"เธอเคยสงสัยไหมว่า ซินคืออะไร" ผมเริ่มรู้แล้ว ว่าอาจารย์จะพูดอะไรต่อ

" ซาตาน " ผมพูดเบาๆ ออกมา ผมรู้อยู่แล้ว แต่พยายามหลอกตัวเองว่าไม่ใช่ ซินมีตัวตน และอ้อมกอดของซินนั้นอบอุ่น

"ต..แต่ว่าเมื่อคืน ซินไปช่วย..."

"มันพูดแบบนั้นงั้นเหรอ" ผมไม่เข้าใจเลย ก็เมื่อคืนซินกับพี่ไวลี่ไปช่วยเจ

"มันกำลังล่อลวงเธอ และก็ดูเหมือนจะได้ผลมากซะด้วย"

"ซินไม่มีทางทำแบบนั้น" ผมพูดเบาๆ อย่างไม่เชื่อ

"สิ่งที่เธอคิดเกี่ยวกับตัวมัน หรือความรู้สึกทั้งหมดที่เธอมีให้มัน มันมาจากหมอนั่น มันทำให้เธอคิดว่าเธอรักมัน อย่าให้มันหลอกเธอได้ มันพยายามจะทำให้เธอเป็นของมัน มันจะฆ่าเธออย่างช้าๆ และกลายเป็นทาสชั่วนิรันดร์"

"อยู่ด้วยกันตลอดไปงั้นสินะ" ผมนึกถึงคำพูดของซิน สิ่งที่ซินชอบพูดมาตั้งแต่แรกๆ ที่เราพบกัน ซินอยากฆ่าผมมาตลอด บางทีก็พอดูออก แต่ซินก็ไม่ได้ทำ มันอาจจะมีอะไรผิดพลาดก็ได้

"ผมรักซิน และผมไม่คิดว่าซินบังคับใจผม" ผมมั่นใจ นี่เป็นความรู้สึกของผมเอง

"คนที่เป็นเจ้าของคลับที่เธอเคยทำงาน เธอไม่สงสัยเหรอ ว่าใครฆ่าเขา" ผมหันไปมองอาจารย์อย่างตกใจ ซินน่ะเหรอ จะทำเรื่องโหดร้ายแบบนั้น

"วิญญาณไม่โกหกเธอหรอก เขาพยายามบอกเธอบ้างหรือเปล่า ว่าใครเป็นคนทำ" ผมนึกถึงวันที่ผมไปงานศพวันนั้น พี่โก้พยายามจะบอกอะไรผม และผมคิดว่ามันเป็นไปได้

"พวกมันผูกมัดคนที่ยังมีชีวิต ทำสัญญลักษณ์จองจำ และเมื่อเธอตาย เธอก็จะเป็นของมัน ไม่ต้องยอมรับหรืออะไรทั้งนั้น ขอแค่เธอเชื่อใจมัน และยอมให้มันช่วยเหลือ เธอก็เป็นของมันแล้ว"

"ทำไมถึงเพิ่งบอกผม ทั้งๆ ที่รู้ทุกอย่าง" ผมพูดถามเบาๆ อย่างเจ็บปวดใจ

"บางทีการไม่รู้ก็อาจเป็นการปกป้องเธอได้ดีที่สุด" ผมน้ำตาไหลออกมาช้าๆ ผมไม่รู้เลยว่าผมควรจะทำยังไงต่อจากนี้ ผมรักซิน แต่นั่นคือการลวงหลอกงั้นเหรอ จริงๆ แล้วผมไม่ได้รักซินสินะ แต่ทำไมผมถึงได้รู้สึกเจ็บปวดใจขนาดนี้

ผมแยกตัวออกมาจากอาจารย์นาธัส ผมสับสน ผมอ่อนแรงไปหมด ผมในตอนนี้เหมือนคนกำลังหลงทาง ผมเหมือนกับจะสูญเสียทุกสิ่งไป ผมเสียเจไปแล้ว และผมกำลังจะเสียซินไปงั้นเหรอ

"ไวท์" ผมที่เดินอยู่นั้นก็นิ่งชะงักทันที ผมค่อยๆ หันกลับไปมองคนที่กำลังเรียกผม แต่ไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว ผมมองคนตรงหน้าด้วยความรู้สึกเสียใจ และผิดหวังเหลือเกิน

"เป็นอะไรไป" ซินพูดถามผม และเดินเข้ามาใกล้ "ไปเจอมันมาสินะ มันบอกอะไรมาล่ะ" ผมมองซินที่ทำหน้าโกรธผม นายเป็นคนทำจริงๆ งั้นเหรอ ซินนายฆ่าทุกคนอย่างนั้นเหรอ

"นายควรไปซะ ที่นี่ ไม่ใช่ที่ของนาย" ผมพูดเบาๆ อย่างอ่อนแรงและเดินเลี่ยงซินออกไป

"เชื่อที่มันพูดงั้นเหรอ" ผมหยุดเท้าและหันกลับไปมองซินที่กำลังทำหน้าโกรธจัด

"ทำไมนายถึงฆ่าพี่โก้" ผมพูดถามซินที่จ้องมองผมเงียบๆ อย่างน่ากลัว

บอกมาสิว่าซินไม่ได้ทำ ได้โปรด มันไม่ใช่นายใช่ไหม ที่เอาชีวิตคนอื่นด้วยความโหดร้ายแบบนั้น

"วิญญาณมันเป็นของฉัน" หัวใจของผมจมดิ่งลงในความผิดหวัง ผมหัวเราะเบาๆ ให้กับสิ่งที่ได้ยิน ผมมันโง่เอง คนที่ผมเชื่อใจที่สุด คนที่บอกผม ปลอบโยนผมวันนั้น ทั้งหมดมันเป็นแค่เรื่องโกหก นายฆ่าเขาอย่างเลือดเย็น และหลอกลวงผมเสมอมา

"นี่สินะ ตัวตนที่แท้จริงของนาย ปิศาจ" ผมพูดและเดินต่อไป พยายามไม่สนใจคนที่ยืนอยู่ด้านหลัง ผมพยายามจะไม่ร้องไห้ออกมา ทำไมต้องเป็นซินด้วย ตอนนี้ผมไม่เหลือใครอีกแล้ว

แต่ผมที่กำลังเดินหนีซินต่อไปนั้น ด้านหน้าของผม ก็ปรากฎร่างของซินขึ้นอีกครั้งจากเงามืด ผมจ้องมองซิน นายไม่จำเป็นต้องทำตัวเป็นมนุษย์อีกแล้วสินะ นายเป็นปิศาจไปแล้วจริงๆ

ซินจ้องมองผมและเดินดิ่งเข้ามาด้วยใบหน้าเกรี้ยวกราด ผมยืนนิ่งจ้องมองคนตรงหน้า ที่ตอนนี้ยื่นมือเข้ามาและบีบคอผมเอาไว้

"นายก็เป็นของฉันเหมือนกัน" ผมจ้องมองซินที่ดวงตาเริ่มเปลี่ยนไป นี่คือสิ่งที่นายปรารถนามาตลอดใช่ไหม

ผมค่อยๆ เลื่อนมือขึ้นมาจับแขนซินเอาไว้ด้วยแววตาที่ไม่เกรงกลัวสิ่งใดอีกแล้ว

"เอาสิ ฆ่าผม แล้วพวกเรา จะได้อยู่ด้วยกันตลอดไปไง" ผมพูดและยิ้มน้อยๆ ผมเหมือนกับสิ้นสติไปแล้วที่กำลังท้าทายคนตรงหน้าอยู่

ผมจ้องมองซินที่นิ่งเงียบ ในชั่วเสี้ยววินาทีหนึ่งนั้น ผมเหมือนได้เห็นแววตาที่แสนเศร้าของซิน ก่อนที่ร่างกายของซินจะจางหายไปราวกับสายลม

ผมเช็ดน้ำตาที่เริ่มรินไหลอีกครั้ง ทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตของผมนับจากนี้ มันมีแต่เพียง ความว่างเปล่าเท่านั้น

ผมกลับมาใช้ชีวิตเหมือนเก่า อยู่ตัวคนเดียวในโลกที่แสนกว้างใหญ่นี้ ผมไม่สนใจสายตาของผู้คนที่กำลังจ้องมองผม ราวกับผมเป็นสิ่งที่น่าขยะแขยง และมันรุนแรงยิ่งกว่าครั้งไหนๆ

"คนที่อยู่กับมันวันนั้น ตายแล้วนะ"

"มันเป็นปิศาจของแท้"

"น่ากลัวชิบ ทำไมมันถึงไม่ตายไปด้วยสักที"

ผมเดินเงียบๆ ไปตามทางเดิน ถูกขว้างปาแก้วน้ำ สิ่งของ และก้อนหิน แต่ก็ไม่เป็นไรหรอก นี่ล่ะชีวิตของผม ความเจ็บปวดเหล่านี้มันด้อยค่ามาก หากเทียบกับสิ่งที่ผมต้องสูญเสียไป

ผมเข้าห้องเรียนและนั่งลงที่เก้าอี้ตัวเดิมหลังห้อง ที่นั่งด้านข้างของผมตอนนี้ไม่มีใครอีกแล้ว ผมไม่เหลือใครอีกแล้ว

"ไวท์ ไม่เป็นไรนะ" ผมเหม่อลอยมองคนที่เข้ามานั่งข้างๆ ผม

"ถ้าพวกนายไม่อยากตายไปด้วย ก็อยู่ห่างๆ ผมเถอะ" ผมพูดบอกเต้ยที่กำลังจ้องมองผมใกล้ๆ

"น่ากลัวตายแหละมึง ทำเป็นปากดี" แมนนั่งลงอีกข้างนึงของผม และพูดล้อเลียนผม

"นี่มึงฆ่าไอ้หงิมนั่นจริงเหรอวะ แม่งโหดดีว่ะ" ต้องนั้นก็ร่วมผสมโรงด้วย

"เต้ยไม่เชื่อหรอกว่าไวท์ทำ ใช่ไหม ไวท์ไม่รู้เรื่องหรอกใช่หรือเปล่า" ผมมองเต้ย ยังมีคนเชื่อแบบนั้นอยู่จริงๆ เหรอ

"ผมไม่ได้ทำ" ผมพูดเบาๆ บอกคนข้างๆ ที่ดูเหมือนจะเชื่อผม

"แน่อยู่แล้วแหละ อย่าไปฟังคนพวกนั้นเลย" ผมรู้สึกดีขึ้นเล็กน้อยที่ได้ยินแบบนั้น

"อยู่กับพวกเรา แล้วเต้ยจะปกป้องไวท์เอง" ผมไม่รู้ว่าผมควรจะตอบว่ายังไง แต่แบบนี้ก็อาจจะดีกว่าที่จะต้องอยู่คนเดียวงั้นสินะ

ช่วงพักกลางวัน ผมเดินมากับทั้งสามคนที่กำลังคุยกันอยู่รอบๆ ตัวผม ผมนั้นไม่มีทางเลือกอีกแล้ว ผมไม่อยากเดียวดาย ผมคิดถึงซินเหลือเกิน

"กินอะไรกันดี เดี๋ยวเต้ยเลี้ยงนะ" ผมมองเต้ยที่กำลังยื่นหน้ามาหาผมและถามด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

"ผมไม่ค่อยหิว" ผมพูดบอกเพื่อน

"แหม่ ทีกับเมียมึงเลี้ยงนะ แล้วพวกกูละวะ" ผมรู้สึกแย่เล็กๆ ที่ได้ยินทั้งสามคนนั้นคุยกัน เมียงั้นเหรอ ผมไม่ใช่เมียใครสักหน่อย

ผมมองทั้งสามคนที่แยกย้ายกันออกไปซื้อข้าว ผมนั่งเงียบๆ ก้มลงมองโต๊ะไม้ ผมรู้ว่าทุกคนกำลังจ้องมองผมและสาปแช่งผมอยู่ นั่นเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ ผมอาจเป็นคนฆ่าเจจริงๆ ก็ได้ เพราะถ้าผมอยู่กับเจละก็ คงไม่เกิดเรื่องแบบนี้

ผมละสายตาจากพื้น ค่อยๆ เหลือบมองไปรอบๆ โรงอาหารที่มากมายไปด้วยผู้คน และก็เป็นอย่างที่ผมคิด ทุกคนกำลังส่งสายตาอาฆาตมาที่ผมพร้อมซุบซิบกันเสียงดัง ผมอยากจะหายไปซะ ผมไม่น่ามาอยู่ที่นี่เลยจริงๆ

แต่ผมที่กำลังมองไปรอบๆ นั้น ก็ต้องตกใจทันทีที่เห็นว่าใครนั่งอยู่ตรงหน้าผม ในโต๊ะที่ไกลออกไป

ผมมองซินที่นั่งอยู่ตรงนั้น ท่ามกลางผู้คนที่ไม่มีใครสนใจไม่สิ อาจจะมองไม่เห็นมากกว่า ซินจ้องมองผมด้วยแววตาโกรธเคือง ซินในตอนนี้สวมชุดสีดำทั้งชุด หมอกและควันบางๆ ลอยอยู่รอบๆ ตัวของซิน และดูเหมือนท้องฟ้าก็เริ่มมืดครึ้มลงด้วย

"นาย เป็นของฉัน" ผมได้ยินเสียงกระซิบที่เหมือนกับลอยผ่านมากับสายผม เสียงกระซิบนั้นยังคงดังสะท้อนไปมาอยู่ในหัวของผม มันมาจากซินสินะ

"ไวท์ ได้แล้วนะ มากินกัน" ผมสะดุ้งทันทีที่เต้ยวางจานข้าวลงตรงหน้าผม

"คือ...ผมไม่..."

"กินเถอะ ผอมจะแย่อยู่แล้ว หน้าก็ซีดไปหมด" ผมหันหน้าหลบมือของเต้ยที่กำลังแตะแก้มผม

"ข..ขอบใจนะ" ผมพูดและมองไปยังที่ที่ซินเคยนั่งอยู่อีกครั้ง แต่ซินก็หายไปแล้ว

"เย็นนี้ไปนั่งเล่นที่บ้านเต้ยไหม" ผมมองเต้ยที่ยังคงพยายามชวนผมคุย

"คือ ผมต้องอยู่กับคุณยาย" ผมพยายามเลี่ยง ผมยังไว้ใจคนพวกนี้ไม่ได้ และผมไม่อยากไปไหนทั้งนั้น

ผมมองแมนและต้องที่กำลังหัวเราะ และเหมือนกำลังส่งสายตาแบบรู้กัน

"ไม่เป็นไรหรอก แต่ถ้าอยากไปก็บอกนะ หรือไม่ก็ พวกเราจะไปหา" ผมรู้สึกไม่ดีเลยสักนิดที่ได้ยินแบบนั้น

"คุณยายบอกว่าพวกนาย มาที่ร้าน" ผมพูดเป็นเชิงถามออกไป

"อ๋อ แค่ผ่านไปน่ะ ไม่มีอะไรหรอก" ผมถอนหายใจน้อยๆ คงไม่มีอะไรสินะ

ผมกินอะไรไม่ลง ผมยังคงรู้สึกอยากร้องไห้อยู่ตลอดเวลา ผมอยากไปหาเจ ตอนนี้นายอยู่ที่ไหนกันนะ วิญญาณของนาย อยู่กับซินจริงๆ งั้นเหรอ

ผมเหม่อลอย และเขี่ยข้าวในจานไปมา ผมมองดูเต้ยที่นั่งตรงข้ามผมและกำลังกินข้าวอยู่ แมนนั่งข้างๆ ผม และตรงข้ามก็เป็นต้อง และ...

ผมสะดุ้งตกใจและชะงักค้างทันที ผมมองสิ่งที่ยืนอยู่ด้านหลังเต้ย มันคือวิญญาณร้าย นี่มันกลางวันแสกๆ และท่ามกลางผู้คน

"ไวท์ เป็นอะไรไป ทำหน้าเหมือนเห็นผี" เต้ยจ้องมองผมและถามอยากแปลกใจ

"ป.เปล่า" ผมก้มหน้าลงไม่ยอมสบตาสิ่งนั้น ถ้าผมไม่สนใจมัน เดี๋ยวมันก็คงไปเอง

แต่ผมที่คิดแบบนั้น และรอเวลาสักพัก ผมค่อยๆ เงยหน้าขึ้นไปมองอีกครั้ง และก็พบว่า มันยังคงยืนอยู่ที่เดิม พลางจ้องมองผมเขม็ง

"คือ เดี๋ยวผมขอตัวก่อนนะ ผมจะไปห้องสมุด" ผมว่าผมรีบไปดีกว่า ผมต้องไปหาอาจารย์

"เอางั้นเหรอ แล้วเจอกันนะไวท์" ผมพยักหน้าให้เต้ยและรีบเก็บกระเป๋า เดินหนีผีร้ายตัวนั้น

ผมเร่งฝีเท้า และรีบเดินต่อไป มันยังตามมาไหมนะ วิญญาณผู้ชายคนนั้น แต่เดี๋ยวนะ วิญญาณนั่น ผมรู้สึกเหมือนเคยเห็นที่ไหน ผมหยุดเท้า และค่อยๆ หันกลับไปมองที่เดิม ที่ผมเดินจากมา

และเมื่อทำอย่างนั้น ผมก็ต้องตกใจก้าวถอยหลังอีกหลายก้าว เพราะตอนนี้ ผีตัวนั่น ก็ยังคงยืนอยู่ตรงหน้าผม และจ้องมองผมเงียบๆ เหมือนเดิม

"นาย..ต้องการอะไร" ผมพูด และคิดว่าไม่คุยน่าจะดีกว่า เพราะมันคงไม่คุยกับผมหรอก

ผมหันกลับและกึ่งเดินกึ่งวิ่งต่อไป แต่ความรู้สึกของผมตอนนี้นั้นมันบอกผมว่า ผีตัวนี้ยังคงตามผมมา

ผมคิด ขณะที่เดินก้าวเท้า พยายามเดินผ่านฝูงคนเยอะๆ ถึงคนพวกนั้นจะมองผมแบบรังเกียจ แต่ก็ดีกว่าเดินกับผีสองคน

และผมที่เดินอยู่นั้นก็หยุดเท้าลงอีกครั้ง ผมค่อยๆ หันกลับไปมองวิญญาณที่เหมือนกับกลุ่มควันสีดำ ที่ยังคงตามผมอยู่

ผมนึกออกแล้ว วิญญาณนี่คือตัวเดียวกับที่พูดกับผมในรถเมื่อคืน

"ทำไมถึงตามผม ต้องการอะไร" ผมตัดสินใจใส่ความกล้าเข้าไปในหัวใจ และถามสิ่งที่ยังคงตามผมมา

แต่ผมที่พูดออกไปนั้น ก็รู้สึกว่าเสียเวลาจริงๆ อย่างที่คิดเพราะเขานั้นก็ทำแค่จ้องมองผม และไม่ยอมพูดอะไรเลย

"ไวท์" ผมสะดุ้งอีกครั้งที่มีคนจับไหล่ผมเอาไว้จากด้านหลัง และผมก็ต้องถอนหายใจทันทีที่รู้ว่าเป็นใคร

"อาจารย์" ผมเดินเข้าไปหาอาจารย์นาธัสและหลบด้านหลังทันที ผมมองไปยังที่เดิมที่เคยมีผีตัวนั้นอยู่ แต่ตอนนี้มันกลับหายไปแล้ว

"เมื่อกี้มีผีตามผมมา" ผมพูดบอกอาจารย์

"ภูตรับใช้" ผมขมวดคิ้วมองอาจารย์ที่พูดเสียงเบา ทำให้ผมไม่รู้ว่าอาจารย์พูดอะไร

"เธอเป็นยังไงบ้าง ปิศาจนั่นมันมากวนเธออีกไหม" ผมหลบสายตาของอาจารย์ ปิศาจงั้นเหรอ ผมรู้สึกไม่ค่อยดีที่ได้ยินแบบนั้น และแน่นอนว่าผมเจอซิน ผมควรจะบอกหรือเปล่านะ

"ไม่ครับ" ผมพูดบอกอาจารย์

"ช่วงนี้เธอควรอยู่ใกล้ๆ ฉันไว้" อาจารย์พูดและเดินนำผมไปตามทางเดิน

"ผู้คนอาจคิดทำร้ายเธอ และปิศาจนั่นด้วย"

"ซิน เป็นปิศาจจริงๆ งั้นเหรอครับ" ผมพูดเบาๆ ถามอาจารย์ ผมจะไม่มีวันรักซินได้จริงๆ เหรอ

"มันฆ่าคนยังไงเธอลืมแล้วเหรอ ความโหดเหี้ยมและอมหิตของมันไม่ธรรมดา เป็นพวกชอบฆ่าเพื่อความสะใจ" ผมรู้สึกเศร้า ซินที่เคยอยู่ข้างๆ ผมนั้นถึงจะดูเย็นชา แต่ก็อบอุ่นเสมอ ซินกลายเป็นปิศาจไปแล้ว นั้นเป็นเรื่องที่ผมเสียใจที่สุด

"อาจารย์รู้ตั้งแต่แรกเลยใช่ไหมครับ ว่าซินไม่เหมือนคนทั่วไป" ผมเคยสงสัยมาตลอดว่าทำไมซินกับอาจารย์ถึงไม่ถูกกัน มันเป็นเพราะแบบนี้เองสินะ

"หมอนั่นเลื่องชื่อในหมู่ซาตานด้วยกัน" ผมขมวดคิ้วทันทีที่ได้ยินแบบนั้น ซาตานด้วยกัน อย่างนั้นเหรอ

"อาจารย์ รู้จักซาตานตนอื่นเหรอครับ" ผมถามอย่างสงสัย

"แล้วเรื่องสัญญลักษณ์ที่ปรากฎบนตัวเจ นั่นเป็นสัญญลักษณ์ของซินงั้นเหรอครับ สัญญลักษณ์ของซาตาน" ผมถามต่อ ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนแต่เป็นสิ่งที่ยากจะเข้าใจ แต่ผมรู้สึกว่ามันแปลก มันเหมือนกับมีสิ่งที่ผมมองพลาดไป

"เธอมีคำถามมากมาย และฉันจะค่อยๆ บอกให้เธอรู้ ใจเย็นๆ วันนี้เธอเจอมามากแล้ว พักก่อนเถอะ" อาจารย์จับไหล่ผมและส่งยิ้มให้อย่างอ่อนโยน นั่นสินะ ผมเหนื่อยเหลือเกิน ผมท้อแท้สิ้นหวัง และว่างเปล่า

"ถ้าเธอกลัว เธอจะมาอยู่กับฉันสักพักก็ได้นะ" ผมยิ้มให้อาจารย์ที่พูดแบบนั้น

"ขอบคุณครับ แต่ไม่ได้หรอกครับ ผมเป็นห่วงคุณยาย" ผมรู้สึกดีที่อาจารย์เป็นห่วงผม แต่ผมก็ไม่สามารถทิ้งคุณยายได้

"ถ้าอย่างนั้น เก็บนี่ไว้ อย่าให้ห่างจากตัว" ผมมองสิ่งของที่อาจารย์ยื่นให้ผม มันเป็นเหมือนเชือกสีดำหนาเส้นหนึ่ง และมันทำให้ผมรู้สึกแปลกๆ

"มันจะช่วยอะไรเหรอครับ" ผมถามอาจารย์อย่างสงสัย

"ช่วยได้เยอะเลยล่ะ" อาจารย์พูดและยิ้มน้อยๆ ให้ผม

ผมมองเชือกเส้นนั้น มันคือสิ่งที่จะช่วยคุ้มกันผมงั้นเหรอ แต่ทำไมกันนะ ผมที่ไม่เคยได้รับของสิ่งนี้ แต่กลับรู้สึกคุ้นเคยกับความรู้สึกของมันอย่างน่าประหลาด มันเหมือนกับผมเคยมีมัน และใช้งานมันมาก่อน

และผมรู้สึกไม่ดีเอาซะเลย

หัวข้อ: Re: In The Shadows' เงาหลอน ซ่อนรัก '[YAOI][#23 ปิศาจที่แสนเลือดเย็น](8/6/61)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 08-06-2018 17:21:15
 :pig4: :pig4: :pig4:

อ่อย......

ปริศนามาเรื่อย ๆ เลย
หัวข้อ: Re: In The Shadows' เงาหลอน ซ่อนรัก '[YAOI][#23 ปิศาจที่แสนเลือดเย็น](8/6/61)
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 08-06-2018 17:51:17
เชือกดำปริศนารอลุ้นตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: In The Shadows' เงาหลอน ซ่อนรัก '[YAOI][#23 ปิศาจที่แสนเลือดเย็น](8/6/61)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 08-06-2018 17:54:44
ปมเยอะเกิน แต่ชอบอ่ะ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: In The Shadows' เงาหลอน ซ่อนรัก '[YAOI][#23 ปิศาจที่แสนเลือดเย็น](8/6/61)
เริ่มหัวข้อโดย: ammchun ที่ 08-06-2018 22:55:31
ไม่งงนะ แต่ไม่เข้าใจมากๆค่ะ :ling2: :ling2:  :ling2:
หัวข้อ: Re: In The Shadows' เงาหลอน ซ่อนรัก '[YAOI][#23 ปิศาจที่แสนเลือดเย็น](8/6/61)
เริ่มหัวข้อโดย: Gloomy Sunday ที่ 04-07-2018 13:22:43
Shadows ที่ 24 เงามืดที่อยู่ไม่ห่าง


ผมกลับจากมหา'ลัยด้วยความรู้สึกเปลี่ยวเหงา จ้องมองหน้าจอมือถือที่ว่างเปล่า ผมซื้อมันมาทำไมกันนะ เพราะว่าคนที่ผมอยากโทรหานั้น เขาไม่อยู่ข้างๆ ผมอีกแล้ว พวกเราไม่ได้อยู่ในโลกเดียวกัน มันเป็นไปไม่ได้ นอกจาก...

แต่ผมที่คิดถึงเรื่องร้ายๆ อยู่ในหัวนั้น ก็ส่ายหน้าเบาๆ ผมทำไม่ได้ ผมยังมีคุณยายอยู่ ท่านคงจะเสียใจมาก ถ้าผมคิดอะไรโง่ๆ แบบนั้น ผมยังมีชีวิต ผมยังคงต้องอยู่บนโลกใบนี้ ทำสิ่งที่ตัวเองควรต้องทำ ไม่ใช่หนีปัญหา และสร้างความเสียใจให้คนอื่น ถึงแม้ว่าคนคนนั้นจะมีแค่คนเดียวก็ตาม

ผมเดินต่อไป และคิดถึงเรื่องงานพิเศษ ผมนั้นต้องหางานทำอีกแล้ว ผมไม่สามารถกลับไปช่วยงานโอนเนอร์ได้อีก ในเมื่อซินนั้นจากผมไปแล้ว และผมไม่เคยไปที่นั่นด้วยตัวเอง ผมน่าจะฉุกใจคิดแต่แรกแล้วว่าที่นั่นมันแปลก มันไม่เหมือนที่ที่มนุษย์เขาจะไปกัน

ผมเดินมาบนถนน เดินด้วยเท้า เพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายลงอีกนิด มองแสงไฟสีส้มสองข้างทางที่ยังคงส่องสว่าง มีบ้านเรือน มีรถรามากมายอยู่บนท้องถนนเป็นเพื่อน ผมจะเริ่มต้นจากที่ไหนดีนะ ที่ที่จะทำให้ผมลืมทุกๆ อย่าง ทุกอย่างที่ทำให้ผมจมอยู่กับความผิดหวังและเศร้าเสียใจ

"ไอ้หนู ระวัง!"

โครม!!!

แต่ผมที่เดินอยู่นั้น อยู่ดีๆ ก็รู้สึกถึงแรงผลักจากด้านหลัง ผมถูกผลักและล้มลงกับพื้นอย่างแรงท่ามกลางเสียงกรีดร้องอย่างตื่นตกใจจากผู้คนรอบด้าน

ผมนั่งอยู่กับพื้น หันมองด้านหลังของผมที่มีรถคันหนึ่งพุ่งชนเสาไฟฟ้า ผมมองผู้ชายคนขับรถที่นั่งอยู่ในรถที่พังยับ ผู้ชายคนนั้นมีเลือดไหลนองออกจากหัว และแขนที่หักงอผิดมุม

ผมหัวใจสั่นสะท้าน ตัวผมนั้นอยู่ห่างจากตัวรถเพียงนิดเดียวเท่านั้น ถ้าไม่มีคนผลักผมออกจากตรงนั้นละก็ คนที่ตายอีกคนคงจะเป็นผมที่ถูกชนอัดก็อปปี้ไปด้วย

แต่ว่า ใครกันนะที่ผลักผม...

ผมที่เพิ่งคิดได้ก็รีบหันมองหาบุคคลคนนั้น ช่วงเสี้ยววินาทีแห่งชีวิต คนคนนั้นรู้ได้ยังไงว่าผมกำลังอยู่ในอันตราย

"น้องเป็นอะไรหรือเปล่า" ผมมองคนหลายคนที่มุงรอบตัวผมและช่วยดึงผมให้ลุกขึ้น

"ผมไม่เป็นไร ขอบคุณครับ..."

"สติดีมากเลยนะไอ้น้อง โดดหลบแบบเส้นยาแดงเลย" ผมขมวดคิ้วน้อยๆ ทันทีที่ได้ยินแบบนั้น กระโดดหลบเหรอ ไม่ใช่แน่ๆ ผมถูกผลัก และแรงมากด้วย

และผมที่ลุกขึ้นยืนนั้นสายตาก็เหลือบไปเห็นบางสิ่งที่กำลังจ้องมองผม และค่อยๆ เลือนหายไปกับสายลม

ผมจ้องมองตรงที่ที่ร่างสีดำนั้นเลือนหายไป นี่มันเรื่องอะไรกัน วิญญาณนั่น มันน่าจะเป็นตัวเดียวกับที่ผมเจอในรถคืนนั้น และเจอที่โรงอาหารในวันนี้ ผมรู้สึกคุ้นมากว่าผมเคยเห็นมันมาก่อนหน้านั้น มันคือใคร เป็นตัวอะไร และต้องการอะไรกันแน่

ผมที่เริ่มรู้สึกกลัวกับสิ่งต่างๆ รอบตัว ก็เริ่มหนีออกจากฝูงชนและเร่งฝีเท้าเพื่อกลับบ้าน ผมวิ่งสลับเดินไปตามท้องถนน ผมไม่รู้ว่าชีวิตผมกำลังเผชิญกับอะไรอีก ทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้กับผมเสมอ ผมจะเป็นบ้าตายอยู่แล้ว

ผมวิ่งช้าๆ ไปตามซอยที่ผมคุ้นเคย ผมก็แค่อยากมีชีวิตปกติ มีเพื่อนมีครอบครัวที่รักผม ทำไมผมถึงเป็นอย่างคนอื่นบ้างไม่ได้ ทำไมผมถึงต้องเกิดมาเป็นแบบนี้ด้วย

เพล้ง!

เอาอีกแล้ว ผมสะดุดก้อนหินก้อนหนึ่ง ที่อยู่ดีๆ ก็กลิ้งเข้ามาทำให้ผมเหยียบมันเข้าและลื่นล้มลงไปกับพื้นถนน

ผมมองด้านหน้าตัวผมที่มีกระถางต้นไม้ต้นหนึ่งล่วงแตกกระจายอยู่ ถ้าผมไม่ลื่นล้มลงก่อนละก็ กระถางต้นไม้นั่น คงจะล่วงลงมาใส่ผมแทนที่จะเป็นถนนแน่นอน

นี่มันไม่ปกติแล้ว มีใครสักคนกำลังจะฆ่าผม และก็มีคนที่เหมือนกับกำลังช่วยผมด้วยอีกเช่นกัน นั่นคือสิ่งที่ชัดเจนที่สุดในตอนนี้...

ผมกลับมาถึงบ้านของผม ร้านของคุณยาย ผมนั้นเนื้อตัวมอมแมมไปหมดเพราะล้มลงกับพื้นถึงสองครั้ง ผมนั่งลงที่มุมห้องและกอดตัวเองไว้ในความมืด ผมนั้นไม่ได้กำลังร้องไห้ ผมไม่ได้กำลังหวาดกลัวสิ่งใด ผมทำแค่เพียงหายใจเข้าออกและเหม่อมองความมืดมนตรงหน้า ไม่มีอะไรน่ากลัวสำหรับผมอีกแล้ว ไม่มีอะไรมืดมนไปกว่าชีวิตของผมตอนนี้อีกแล้ว

ผมลืมตาขึ้นช้าๆ ในความมืด นี่ผมเผลอหลับไปงั้นเหรอ ผมรู้สึกเวียนหัวอยากอาเจียน ผมอาจจะไม่สบาย ผมเหนื่อยและคิดมากเกินไป ผมเหนื่อยเหลือเกิน

ผมค่อยๆ ลุกขึ้นนั่งช้าๆ พยายามมองหาสิ่งที่จะบอกเวลาให้กับผมได้ในความมืด ผมควานมือไปรอบๆ ตัวเพื่อหาโทรศัพท์มือถือของผม และในที่สุดผมก็เจอจนได้ ผมเอื้อมมือออกไปและหยิบโทรศัพท์มือถือเครื่องสีดำตรงหน้าขึ้นมาและเปิดไฟหน้าจอขึ้น

แต่ทันทีที่มีแสงส่องสว่างจากหน้าจอนั้น ผมก็ต้องรีบขยับตัวถอยหลังไปชิดผนังอย่างรวดเร็ว ผมตัวสั่นและจ้องมองคนตรงหน้า ที่เข้ามานั่งชิดผมตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้

ผมก้มหน้าและเหลือบมองคนที่นั่งอยู่ในความมืด คนคนนั้น คือคนคนเดิมที่ผมรักและคิดถึงเหลือเกิน แต่ไม่อาจอยู่ใกล้ได้อีกแล้ว

ผมหลบสายตาซินที่นั่งเงียบๆ และจ้องมองมาที่ผม ทำไมกัน ทำไมนายถึงยังมาหาผมอีก นายไม่ได้โกรธหรือเกลียดผมแล้วเหรอ ที่ผมบอกให้นายไป

แต่ผมที่นั่งก้มหน้ากอดเข่าอยู่นั้นก็พลันนึกขึ้นได้ถึงสิ่งต่างๆ ที่ผมพบเจอมาในวันนี้ ผมค่อยๆ เงยหน้ามองคนตรงหน้า แบบนี้เองสินะ นายต้องการให้มันเป็นแบบนี้เสมอมาไม่ใช่เหรอ และนายเกือบทำมันสำเร็จ

"นายจะไม่ได้ตัวผมไปง่ายๆ หรอก" ผมกัดฟันพูดเบาๆ ต่อสู้กับความกลัวตรงหน้า แค่เพียงซินเอื้อมมือออกมาสักนิด และบีบคอผมเอาไว้ ผมก็คงจะตายลงทันทีอย่างที่ซินต้องการ แต่การทำแบบนั้น มันจะสนุกอะไรล่ะใช่ไหม

ซินต้องการทรมานผม ให้ตายลงช้าๆ ด้วยความสะใจ นั่นคือสิ่งที่ซินคงกำลังทำ

ซินนั้นไม่ได้พูดอะไร แต่กำลังจ้องมองผมด้วยสีหน้าที่แปลกออกไป ผมรู้สึกถึงความสับสนและความเศร้าในแววตานั้น อย่านะ อย่าหลงไปกับปิศาจตัวนี้ ซินก็แค่บังคับจิตใจผม ทำให้ผมยอมใจอ่อนลง

"ทิ้งสิ่งที่หมอนั่นให้มาซะ" ผมขมวดคิ้วทันทีที่ได้ยินสิ่งที่ซินพูด

"นายจะหลอกอะไรผมอีก" ผมพูดเบาๆ และพยายามจะไม่สนใจในสิ่งที่ซินพูด

"ไปซะ ผมไม่อยากเห็นนาย" ผมก้มหน้าลงกับเข่าและกอดตัวเองไว้ ผมไม่อยากเห็นซินอีกแล้ว เพราะมันทำให้ผมลืมไม่ได้ ผมทรมานหัวใจเหลือเกิน

ผมหลับตาปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาช้าๆ สิ่งที่ทำให้ชีวิตของผมตอนนี้จมดิ่งลงในความมืดนั้น ก็คือการที่ผมต้องสูญเสียซินไป ผมรักซิน ผมอยากให้ซินอยู่ข้างๆ ผม แต่มันก็ไม่มีทางอีกแล้ว นอกจากผมจะต้องตายไปตามความต้องการของซิน และอยู่เป็นทาสซินตลอดไป

ผมร้องไห้เงียบๆ อยู่คนเดียวสักพัก ผมอ่อนแอเหลือเกิน ผมไม่เคยเข้มแข็งได้เลยสักครั้ง ผมเหมือนคนที่ไม่น่าจะมีแรงหรือมีชีวิตอยู่ได้ ผมแทบไม่รู้จักรอยยิ้มหรือความสุขจนกระทั่งได้พบกับซิน และทั้งหมดนั่นก็ได้จากผมไปแล้ว ไปพร้อมๆ กับซิน คนที่ผมให้ใจมากที่สุด คนที่ผมอยากจะรัก และอยู่ด้วยตลอดไป

ผมค่อยๆ เงยหน้าขึ้นช้าๆ ผมรู้สึกว่าสัมผัสของซินได้หายไปแล้ว ผมมองพื้นที่ที่ซินเคยนั่งอยู่ ตอนนี้มันว่างเปล่าแล้วจริงๆ ผมไม่รู้ว่าผมจะได้เจอซินอีกไหม แต่แบบนี้คงดีแล้ว พวกเราไม่ควรยุ่งเกี่ยวกันอีก ไม่ว่าด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม



ในรุ่งเช้านั้น ผมลงมาช่วยคุณยายเปิดร้านเหมือนทุกวัน ผมยิ้มให้คุณยายอย่างเหนื่อยล้า ผมต้องยิ้มให้ได้เพื่อให้คุณยายสบายใจ ถึงในหัวใจของผม มันจะมีแต่ความทุกข์ระทมก็ตาม

"เมื่อคืน เพื่อนเรามาหายายนะ" ผมที่กำลังจะกลับขึ้นไปด้านบนก็หันกลับมาอีกครั้ง

"เพื่อน คนไหนเหรอครับ" ผมเดินกลับมาหาคุณยายและนั่งลงถามคุณยายใกล้ๆ

"พ่อหนุ่มที่แสงจ้านั่น" ผมขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ แสง งั้นเหรอ

"คุณยาย หมายถึงคนหล่อๆ หรือเปล่าครับ หล่อแบบมีออร่าอะไรแบบนั้น" ผมพูดและยิ้มน้อยๆ

"ยิ่งเจอยิ่งเจิดจ้ามากขึ้นเรื่อยๆ เป็นคนที่ดีนะ" ผมมองคุณยายที่ยิ้มอย่างใจดี คุณยายนั้นชอบพูดจาแปลกๆ แบบนี้ล่ะ แต่แกก็อายุมากแล้ว คงจะหูตาฝ้าฟาง

"คนคนนั้นไม่ดีหรอกครับ ก็แค่หน้าตาดีอย่างเดียว" ผมไม่อยากพูดถึงวีรกรรมการฆ่าอันโหดเหี้ยมของซิน ถ้าพูดไปคุณยายคงหัวใจวาย

"ทุกอย่างมันไม่มีอะไรแน่นอนหรอกลูก ไวท์เป็นคนดี ไวท์ต้องเชื่อมั่นในส่วนที่ดีของเขานะลูก ส่วนสิ่งที่ไม่ดี ก็ต้องห้ามปรามเขา" ผมยิ้มให้คุณยาย ผมจะไปสั่งสอนซาตานได้ยังไงกันละครับ

"ครับคุณยาย แล้วเขามาหาคุณยายทำไมเหรอครับ" ผมถามคุณยาย ผมไม่เข้าใจว่าทำไมซินถึงมาหาคุณยาย

"เขาบอกว่า ใกล้ถึงเวลาแล้ว" ผมขมวดคิ้วมองคุณยายที่กำลังยิ้มอย่างมีความสุข แต่ผมกลับรู้สึกไม่ดีเลยสักนิด

ผมกลับขึ้นมาบนห้องนอนของผมและอาบน้ำแต่งตัว เตรียมตัวไปมหา'ลัย แต่จริงๆ วันนี้ผมไม่มีเรียนหรอก ผมแค่ไม่มีที่จะไป ผมคิดว่าผมอยากจะไปหาอาจารย์ ไปหาคนคนเดียวที่ยังคงเหลืออยู่ คนที่ผมพอจะพึ่งพิงได้

และพอคิดถึงอาจารย์นาธัส ผมก็นึกขึ้นได้ถึงเชือกเส้นสีดำเส้นนั้น ผมค่อยๆ นั่งลงเปิดประเป๋าของผมและดึงหนังสือเล่มหนึ่งขึ้นมา เปิดไปที่หน้ากระดาษที่ผมได้สอดเชือกเส้นนั้นไว้

ผมมองดูเชือกสีดำที่อยู่กึ่งกลางหนังสือ และดึงมันออกมามองดูใกล้ๆ ถ้าอาจารย์บอกว่ามันช่วยได้ละก็ ผมควรจะพกมันไว้ ให้ใกล้มากกว่านี้

ผมดึงเชือกเส้นนั้นออกจากหนังสือและผูกลงที่ข้อมือของตัวเอง แบบนี้น่าจะดีกว่า เพราะถ้าเก็บที่อื่น มันคงจะหล่นหายไปเข้าสักวัน

ผมหยิบกระเป๋าขึ้นมาสะพายที่ไหล่ และลุกขึ้นเดินเพื่อไปที่ประตู ผมยื่นมือไปจับลูกบิดประตู และเปิดออกด้วยความเคยชิน

แต่ทันทีที่ผมเปิดประตูและกำลังจะก้าวออกไปนั้น ผมก็ต้องชะงักเท้าทันทีและถอยหลังออกไปอีกหลายก้าว เอาอีกแล้ว มันมาอีกแล้ว นี่มันอะไรกัน

ผมยืนแนบหลังชิดกับผนังห้อง และมองดูเงาสีดำที่กำลังยืนขวางผมอยู่หน้าประตู ผมเจอวิญญาณร้ายตัวนี้บ่อยมาก จนผมเริ่มที่จะรู้สึกชินนิดๆ ซะแล้ว ผมค่อยๆ ขยับตัวออกจากผนัง และจ้องมองเงาดำตรงหน้าที่เป็นรูปร่างผู้ชาย แต่ไม่สามารถมองเห็นใบหน้าได้ชัด ผมมองแววตาสีแดงจางๆ ที่จ้องมองผม มันทำให้ผมรู้สึกขนลุกแปลกๆ แต่ก็ไม่รู้สึกถึงความคุกคามใดๆ เป็นเหมือนกับควันที่ล่องลอยไป และไม่มีตัวตน

"น..นายเป็นใคร" ผมพูดอย่างสงบ และยืนประจันหน้ากับสิ่งตรงหน้า

ผมกลืนน้ำลายลงคอและข่มอารมณ์ความกลัวของตัวเองไว้ อาจารย์เคยบอกว่า ถ้าผมจิตใจเข้มแข็ง ผมก็อาจจะชนะมันได้

แต่ผมที่ถามออกไปนั้น คำตอบที่ได้ก็มีแต่ความเงียบ แต่ผมจำได้ว่ามันเคยพูดกับผมนะ มันแปลกดี เพราะผมแทบไม่เคยคุยกับวิญญาณมาก่อน

ผมคิดว่าผมคงเสียเวลาเปล่า ผมกำสายกระเป๋าของผมแน่น และก้มหน้าตั้งสมาธิอยู่สักพัก ผมมองปลายเท้าของตัวเอง และตัดสินใจก้าวเดินออกไป

ผมหลับตาลงทันทีที่เดินเข้าไปใกล้วิญญาณตนนั้น ผมกลั้นหายใจเดินอย่างรวดเร็วลงบันได ผมว่าผมน่าจะเดินผ่านวิญญาณตนนั้นไปแล้ว ผมคิดว่าโอเคแล้วล่ะ

แต่ผมที่เดินหลับตานั้นก็รู้สึกว่าตัวผมกำลังจะหล่นลงไป ผมก้าวพลาดตรงขั้นบันไดที่สอง และรู้สึกว่าตัวผมกำลังจะกระแทกลงที่พื้น แต่ผมที่เตรียมใจพร้อมรับความเจ็บปวดนั้นก็รู้สึกว่ามันแปลก ทำไมตอนนี้ตัวผมถึงยังไม่แตะพื้นกันนะ และผมก็ไม่รู้สึกอะไรเลย

ผมค่อยๆ ลืมตาขึ้นช้าๆ และก็ต้องตกใจมาก ผมมองพื้นบันไดและพื้นปูนที่อยู่ด้านล่าง ตัวผมนั้นกำลังลอยอยู่เหนือพื้นและค่อยๆ เคลื่อนลงช้าๆ เท้าค่อยๆ แตะลงกับพื้นอย่างมั่นคง นี่มันเรื่องอะไรกัน

ผมหันกลับไปมองด้านบนของบันได และก็พบว่าวิญญาณตนนั้นยังคงจ้องมองผมอยู่ และค่อยๆ จางหายไปเหมือนกับควัน

ผีนั่นช่วยผมไว้งั้นเหรอ มันจะเป็นไปได้ยังไงกัน เรื่องนี้มัน เป็นเรื่องที่เหลือเชื่อมากจริงๆ
หัวข้อ: Re: In The Shadows' เงาหลอน ซ่อนรัก '[YAOI][#24 เงามืดที่อยู่ไม่ห่าง](4/7/61)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 04-07-2018 15:18:04
แปลก งง แต่ชอบอ่ะ  :hao3:
หัวข้อ: Re: In The Shadows' เงาหลอน ซ่อนรัก '[YAOI][#24 เงามืดที่อยู่ไม่ห่าง](4/7/61)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 07-07-2018 10:34:24
 :pig4: :pig4: :pig4:

ซิน...มีสองบุคลิก?

หรือมีทั้งฝ่ายดีฝ่ายไม่ดีในตัว  การกระทำแต่ละอย่างที่เกิดขึ้น ก็ขึ้นอยู่กับว่าขณะนั้นฝ่ายไหนออกมาสำแดงเดช?
หัวข้อ: Re: In The Shadows' เงาหลอน ซ่อนรัก '[YAOI][#24 เงามืดที่อยู่ไม่ห่าง](4/7/61)
เริ่มหัวข้อโดย: Pawana ที่ 16-07-2018 15:01:03
สงสัยอาจารย์เป็นซาตานอะ.     เชือกดำคือความซวย.  เริ่มปล่อยของบ้างแว้ว.  ปล่อยมาเยอะๆนะเร้าตัวละครดี.    รอจร่าาาา
หัวข้อ: Re: In The Shadows' เงาหลอน ซ่อนรัก '[YAOI][#24 เงามืดที่อยู่ไม่ห่าง](4/7/61)
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 16-07-2018 21:37:30
 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: In The Shadows' เงาหลอน ซ่อนรัก '[YAOI][#24 เงามืดที่อยู่ไม่ห่าง](4/7/61)
เริ่มหัวข้อโดย: Gloomy Sunday ที่ 20-07-2018 19:47:19
Shadows ที่ 25 ค่ำคืนแห่งการนองเลือด


ผมเดินทางมาที่ตึกเก่าห้องสมุดหลังเดิม ทุกย่างก้าวที่ผมเดินเข้ามานั้น มันทำให้ผมหวนนึกถึงคนคนแรกที่พาผมมาที่นี่ ผมเจ็บปวดข้างในหัวใจ เจนั้นเป็นคนดีและไม่ควรจะต้องมีชะตากรรมเลวร้ายแบบนี้เลย ผมอยากเจอเจอีกสักครั้ง มันจะเป็นไปได้ไหมนะ

"ไวท์" ผมสะดุ้งทันทีที่ได้ยินเสียงๆ หนึ่งดังกังวาลอยู่ในหัวของผม

ผมหันไปรอบๆ ตัวและมองหาเจ้าของเสียงนั้น ผมหัวใจสั่นไหว เสียงนี้มัน... อยู่ที่นี่งั้นเหรอ ทำไมกัน

"เจ!!" ผมหันรีหันขวางและร้องเรียกเพื่อนเสียงดัง

"เจ นายอยู่ที่ไหน!!" ผมยังคงตะโกนเสียงดัง ออกมาให้เห็นทีเถอะ แล้วบอกผมว่าเกิดอะไรขึ้น

แต่ผมที่หันไปหันมามองหาเพื่อนนั้นก็สะดุ้งอีกครั้งทันทีที่รู้สึกถึงมือที่จับอยู่บนบ่าของผม

ผมหัวใจเต้นรัว ถึงจะเป็นเพื่อน แต่ก็ไม่ใช่คนอีกแล้วเช่นกัน ผมค่อยๆ หันไปช้าๆ ความกลัวของผมมันมีน้อยกว่าความเป็นห่วงและความสงสัย

แต่ทันทีที่ผมหันไปนั้น ผมก็ต้องขมวดคิ้วน้อยๆ ทันทีที่เห็นว่าคนตรงหน้าผมคือใคร

"อาจารย์" ผมรู้สึกทั้งตกใจและก็สงสัยเล็กน้อย เพราะว่าเมื่อกี้นั้น ผมไม่เห็นใครเลยจริงๆ ที่เดินเข้ามา

"เธอกำลังเรียกเพื่อนงั้นเหรอ" อาจารย์ถามผมด้วยสีหน้านิ่งๆ แบบปกติ

"ครับ ผมได้ยินเสียงของเจ" ผมบอกอาจารย์ด้วยความไม่เข้าใจ ทำไมกันนะ ผมรู้สึกไม่ค่อยดีเลย

"เธออาจจะคิดถึงเพื่อนมากเกินไป" ผมไม่คิดว่าเป็นอย่างนั้น ผมมั่นใจว่าผมสัมผัสได้ถึงจิตวิญญาณของเพื่อน

"เหรอครับ" ผมยังคงมีความสงสัย แต่ถ้าอาจารย์พูดแบบนั้นละก็ มันก็อาจจะเป็นไปได้

"มาหาฉันงั้นเหรอ"

"ครับ ช่วงนี้มีแต่เรื่องแปลกๆ เกิดขึ้นกับผม" ผมพูดและรู้สึกแย่จริงๆ กับเรื่องนี้

"ผมรู้สึกเหมือนมีคนกำลังจะฆ่าผม และก็มีผีตัวนึงคอยช่วยผมอยู่"

"เธอคิดว่าใครอยากจะฆ่าเธอ" อาจารย์ถามขึ้นและนำผมให้เดินตามไปช้าๆ ไปยังตึกห้องสมุดนั้น

"ซิน...ซินพยายามจะฆ่าผม ตั้งแต่แรกแล้ว" ผมพูดและรู้สึกอยากจะร้องไห้ออกมา

ในหัวใจของผมนั้นมันกำลังสับสน ผมนั้นยังคงลืมซินไม่ได้ ผมควรจะตายไปเพื่อจะได้อยู่กับซินหรือเปล่านะ แต่อีกฝากหนึ่งของจิตวิญญาณของผมนั้น มันร้องเตือนผมว่า ผมไม่ควรทำแบบนั้น ซินจะใช้ประโยชน์จากผมเหมือนกับดวงวิญญาณดวงอื่นๆ และปิศาจแบบซินนั้น มีแต่ความปลิ้นปล้อนหลอกลวง และไร้ซึ่งความรักในหัวใจ

"เธอคิดถูกแล้ว ทำดีมากที่ไล่มันออกไป" ผมมองอาจารย์ที่หันมายกยิ้มมุมปากและเดินต่อไป

"ลืมมันไปซะ ถ้าเธอยังคงยึดติดกับความรู้สึกรักหลอกๆ นั่น เธอจะไม่มีวันหนีมันพ้น เธอจะเป็นทาสมัน ไม่ว่าจะยังคงตื่น หรือตายไปแล้วก็ตาม" ผมส่ายหน้าช้าๆ อย่างอ่อนแรง

"ผมทำไม่ได้" ผมพูดด้วยเสียงแหบแห้งและเจ็บปวด การจะให้ลืมคนที่รักนั้น มันจะต้องทำยังไงกัน ทุกลมหายใจของผมนั้น มันเฝ้าคิดถึงแต่คนคนนั้น คนที่ทำให้ผมทั้งกลัวและดีใจเหลือเกินที่ได้พบ

"ฉันเคยบอกเธอว่ายังไง เธอไม่ได้รักมัน เธอแค่คิด ว่าเธอรักมัน" อาจารย์พาผมขึ้นมาถึงห้องทำงานของอาจารย์ พวกเรานั่งลงที่โซฟาตัวเดิม ผมมองมือของอาจารย์ที่กุมมือผมเอาไว้ ผมรู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย แต่มันก็ไม่ได้ทำให้ผมอบอุ่นขึ้นเลย ไม่เหมือนกับซิน ไม่เหมือนเลย

ผมนั่งคุยนั่งปรึกษากับอาจารย์อีกสักพัก และกลับออกมาจากห้องทำงานของอาจารย์ ในตอนนี้นั้น สิ่งต่อไปที่ผมควรจะต้องทำก็คือ หางานทำสักที่ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะไปที่ไหน ผมนั้นมีชื่อเสียงแย่ๆ แผ่กระจายเป็นวงกว้างทั่วทั้งมหา'ลัย ผมคงทำงานแถวๆ นี้ไม่ได้ ทุกคนเกลียดผมและมองผมเหมือนเป็นตัวซวยสำหรับพวกเขา ผมควรจะต้องไปให้ไกลจากที่นี่ ถ้าคิดจะทำงานหรืออยู่แบบสงบสุข

"ไวท์" แต่ผมที่กำลังเดินอยู่นั้นก็ถูกเรียกโดยคนที่ผมไม่อยากเจอเท่าไหร่

"มาทำอะไร หรือลงวิชาอื่นไว้เหรอ" ผมมองเต้ยที่รีบเดินมาหาผมและชวนคุยด้วยรอยยิ้ม

"ผมแค่มาหาอาจารย์" ผมพูดและทำท่าจะเดินต่อไป แต่ก็ถูกดึงมือเอาไว้

"คือ ผมมีธุระต้องไปทำ" ผมยื้อมือตัวเองออกจากการเกาะกุมของคนตรงหน้า ถึงผมจะชอบซินที่เป็นผู้ชาย แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะชอบผู้ชายทุกคนหรอกนะ แบบนี้มันทำให้ผมรู้สึกแย่

"เต้ยอยู่คนเดียว เห็นไหม ไอ้สองตัวนั่นไม่ได้อยู่ด้วยสักหน่อย อย่าใจร้ายนักสิ" ผมมองเต้ยที่ทำหน้าเศร้าๆ แต่ที่เต้ยพูดนั้นก็จริง ผมอาจจะใจร้ายเกินไปถ้าพยายามจะหนี

"ผมกำลังหางานทำ" ผมลองพูดบอกเต้ยดู เผื่อเต้ยจะรู้จักที่ที่ผมสามารถทำงานได้

"อยากช่วยงานเต้ยไหม แต่ต้องทำที่หอเต้ยนะ" ผมที่ได้ยินแบบนั้นก็คิดว่า ผมควรจะไปดีกว่า เต้ยนั้นก็ชอบพูดแต่แบบนี้ คิดกับผมแบบไม่ปกติเลยสักนิด

"ผมอยากทำพวกร้านอาหารหรือร้านกาแฟมากกว่า" ผมพูดเลี่ยงๆ และก้มหน้าหลบสายตาของคนตรงหน้า

"รู้นะว่าไวท์คิดอะไร ฮ่ะๆ ไม่ต้องกลัว แค่เขียนงานเฉยๆ น่ะ เต้ยเลือกลงวิชาภาษาจีนด้วย แต่ขี้เกียจเขียนอ่ะ" ผมที่ได้ยินแบบนั้นก็รู้สึกโล่งใจน้อยๆ นึกว่าจะให้ทำอะไรแปลกๆ ซะอีก

"แต่งานนั่นเต้ยควรจะทำเองนะ มันเป็นการฝึกน่ะ" ผมที่อยากได้เงิน แต่ก็รู้สึกว่าแบบนี้มันเป็นเรื่องที่ไม่ควร ก็เกิดการลังเลในใจ

"ไวท์ ไม่เคยลอกการบ้านเพื่อนหรือไง" เต้ยพูดและหัวเราะขำ ผมส่ายหน้าน้อยๆ ให้เต้ย เพราะผมไม่เคยมีเพื่อนให้ลอกต่างหากล่ะ

"เหลือเชื่อจริงๆ นะเนี่ย แต่ก็โอเค ถ้างั้นก็ช่วยพิมพ์งานให้หน่อย เดี๋ยวเอาโน๊ตบุ๊คให้ แล้วไม่ต้องห่วง อันนี้งานของที่บ้านนะ ค่าจ้างงาม" ผมที่ได้ยินแบบนั้นก็คิดว่างานนี้ผมน่าจะทำได้ ดีกว่าไม่ได้อะไรเลยละกัน

"งั้นไปกัน เต้ยเอาโน๊ตบุ๊คไว้ที่ห้อง" เต้ยพูดและจับยึดมือผมดึงให้เดินตามไป ผมที่เห็นแบบนั้นก็พยายามดึงมือตัวเองออกทันที แต่ก็ไม่เป็นผล นี่ตกลงจะช่วยผมหรือจะแกล้งผมกันแน่ ยิ่งผมดึงเต้ยก็ยิ่งจะตรึงมือผมเอาไว้แน่น ผมอาจจะคิดสั้นไปจริงๆ ที่มากับคนคนนี้

"โอ้ยย อะไรวะ"

แต่ผมที่เดินตามเต้ยนั้น อยู่ดีๆ เต้ยก็ปล่อยมือออกจากผมและกุมจมูกตัวเองไว้

"เป็นอะไรหรือเปล่า" ผมรีบเดินไปจ้องมองใบหน้าของเต้ย ที่ตอนนี้มีเลือดไหลออกจากจมูก เยอะมากและมากขึ้นเรื่อยๆ และดูน่ากลัวมาก

"ผมมีทิชชู่ เต้ยมานั่งนี่ก่อนเถอะ" ผมดึงมือเต้ยให้เดินตามมาและนั่งลงที่โต๊ะใกล้ๆ

"อาจจะเพราะอากาศร้อน เลือดกำเดาก็เลยไหล" ผมพูดและมองเต้ยที่สีหน้าไม่ดีนัก

"ไม่เคยเป็นแบบนี้เลย ไม่เคยเลือดกำเดาไหล" ผมขมวดคิ้วทันทีที่ได้ยินแบบนั้น

"รู้สึกแย่จัง รู้สึกเหมือนมีอะไรสักอย่างกำลังเข้ามา" ผมมองใบหน้าของเต้ยที่กำลังซีดลงเรื่อยๆ และหรี่ตามองภาพตรงหน้าให้ชัดๆ ผมมองอะไรบางอย่างคล้ายๆ กับไอสีดำที่กำลังระเหยเข้าไปสู่จมูกของเพื่อน นั่นมัน อะไรกัน มันมาได้ยังไง

และผมที่มองหาต้นตอของไอดำนั้น ดวงตาของผมก็ค่อยๆ เบิกกว้างขึ้นอย่างตื่นตกใจ ผมค่อยๆ ลุกขึ้นจากที่นั่ง มองดูวิญญาณตนนั้น เงาดำที่คอยติดตามตัวผม มันกำลังยืนอยู่ข้างๆ ตัวเต้ย จ้องมองเต้ยใกล้ๆ และปล่อยไอดำทะมึนเข้าไปในตัวเต้ย ทำให้เต้ยเหมือนจะสำลักและเลือดก็ยังคงไหลออกมา

"อย่านะ" ผมพูดเบาๆ และจ้องมองเงาดำนั้น ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป เต้ยคงต้องตายแน่ๆ แต่ผมจะทำยังไงดี จะบอกมันให้หยุดได้ยังไง

ผมที่คิดว่ารอช้าไม่ได้แล้ว ก็รวบรวมความกล้า เดินเข้าไปใกล้เพื่อนอีกครั้งและจับมือให้เต้ยลุกขึ้นและเดินหนีออกมาจากตรงนั้นอย่างรวดเร็ว

"รีบไปกันเถอะ" เต้ยทำสีหน้างงๆ แต่ก็เดินตามผมมา

ผมพาเต้ยรีบเร่งเดินไป และโบกแท็กซี่ที่แล่นผ่านมาพอดี ผมส่งเต้ยเข้าไปในรถ และบอกคนขับว่าให้พาเต้ยไปโรงพยาบาล แต่ผมก็ไม่ได้ขึ้นไปด้วย เพราะถ้าผมขึ้นไปบนรถนั้น บางที เต้ยอาจจะอาการหนักกว่านี้ก็ได้

ผมยืนมองรถแท็กซี่ที่ขับออกไป แบบนี้คงจะดีกว่า ถ้านายอยู่ห่างจากผม นายก็จะปลอดภัย

ผมคิดและเหลือบสายตามองสิ่งที่ยังคงปรากฎอยู่ข้างๆ ผม เงาดำที่แปลกประหลาด วิญญาณที่ผมนึกไม่ออกว่าคือใคร และทำไม นายถึงได้มาอยู่ตรงนี้ นายเป็นตัวอะไร และทำแบบนี้เพื่ออะไรกันแน่

ผมกลับมาจากที่มหา'ลัยด้วยท่าทีเหงาๆ งานที่จะได้ทำก็คงไม่ได้ทำแล้ว เงินที่มีอยู่ติดตัวก็เหลืออยู่น้อยนิดเหลือเกิน ผมมองโทรศัพท์มือถือในมือผม ผมควรจะขายมันทิ้งไปซะ เพราะว่ายังไงผมก็คงไม่ได้ใช้มัน ไม่มีใครให้ผมโทรหาอีกแล้ว

Rrrr Rrrr

แต่ผมที่จ้องมองหน้าจอมือถือนั้น อยู่ดีๆ แสงไฟก็ส่องสว่างขึ้นมา ผมหัวใจเต้นอย่างตื่นตกใจ และจ้องมองหมายเลขบนหน้าจอนั้น แต่ก็ไม่มีเลขใดๆ ปรากฎออกมา ผมขมวดคิ้วน้อยๆ และช่างใจว่าจะรับดีไหม แต่จะรับก็คงไม่เป็นไร อาจเป็นใครโทรผิดมาก็ได้

"ฮ.ฮัลโหลครับ" ผมกดรับสายนั้นและกรอกเสียงลงไปเบาๆ เป็นใครกันนะ คนที่โทรหาผมตอนนี้

แต่ผมที่รอให้อีกฝ่ายหนึ่งพูด ก็กลับไม่มีเสียงใดๆ เล็ดลอดออกมา ผมกดโทรศัพท์แนบหูมากขึ้น และกรอกเสียงลงไปอีก แต่ก็เหมือนเดิม ไม่มีใครพูดตอบกลับมาเลย

ผมกดวางสายด้วยหัวใจที่เปลี่ยวเหงาเช่นเคย แต่ผมก็ไม่ได้รู้เลยว่า คนที่โทรหาผมนั้น ยังคงยืนอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล อยู่ในเงามืด ที่ที่ไม่มีใครสังเกตเห็นนั่นเอง

ผมนอนจ้องมองเพดานในคืนที่เงียบสงัด ผมเฝ้าแต่คิดถึงสิ่งต่างๆ ที่ผมฝันอยากจะเป็น ผมฝัน ผมอยากจะมีชีวิตอยู่ที่ไหนสักแห่ง ล้อมรอบไปด้วยผู้คนที่รักผมและห่วงใยผม โลกที่ผมจะไม่ได้มองเห็นสิ่งน่ากลัว โลกที่มีแต่ความสว่าง ไม่ใช่ความมืดที่ผมได้เห็นในปัจจุบัน

ผมนึกภาพฝัน และคอยเผลอแต่จะคิดถึงคนคนนั้น ผมนึกถึงใบหน้าของซินที่เข้ามาใกล้ และสัมผัสผมด้วยริมฝีปากสีชาดนั่น ผมหลับตาลงคิดถึงสัมผัสของซินที่โอบกอดรอบตัวผม มันช่างเหมือนเมื่อวานนี้เองที่เราสองคนยังไงนอนกอดกัน ผมจะลืมได้ยังไงในเมื่อหัวใจยังโหยหาขนาดนี้ ผมจะต้องทำยังไงดี

"กำลังคิดเรื่องไม่ดีอยู่สินะ" ผมที่ได้ยินเสียงแปลกปลอมนั้นก็รีบลุกขึ้นทันทีด้วยความตกใจ แต่ผมก็พลาดซะแล้ว

ผมชะงักและมองภาพเคลื่อนไหวตรงหน้า ผมที่กำลังจะร้องตะโกนออกไปก็ทำไม่ได้ในทันที ผมดิ้นรนพยายามแกะมือที่ปิดปากของผมไว้และกำลังโอบรัดตัวผมอย่างแน่นหนา

ผมนั้นก็เป็นผู้ชายเช่นกันและไม่ได้ตัวเล็กเท่าไหร่ ผมศอกเข้าที่คนด้านหลังอย่างจังจนมันร้องเสียงดังและเผลอปล่อยมือออกจากผม

ผมลุกขึ้นและรีบไปที่ประตู มีแค่คนเดียว ผมคงรอดได้ ผมต้องรอด ผมเป็นห่วงคุณยาย ผมต้องลงไปดูคุณยายก่อน

แต่ผมที่กำลังจะออกจากประตูนั้น ผมก็ต้องล้มลงกับพื้นและกุมท้องตัวเองไว้ ผมถูกต่อยเข้าที่ท้องแบบจังๆ จากคนที่เพิ่งเดินเข้ามาทางประตู ผมล้มลงตัวงอและพยายามกระเถิบตัวเองให้ห่างจากเงาคนสามคน ซึ่งตอนนี้ผมไม่ต้องเดาอีกแล้วว่าเป็นใคร

"แม่ง ฤทธิ์เยอะชิบหาย จุกเลยกู" ผมมองคนที่กำลังพูดอยู่ คนคนนี้คือแมน ผมจำเสียงได้ และคนที่ต่อยผมก็คือต้อง ที่กำลังเดินเข้ามาใกล้ผมและจิกหัวผมให้เงยหน้าขึ้น

"พวกมึงนี่จะเบาๆ หน่อยไม่ได้หรือไงวะ เดี๋ยวยายแก่นั่นตื่นขึ้นมาเป็นเรื่องอีก" ผมมองเต้ยที่ยังคงถือทิชชู่ไว้ในมือ ผมไม่น่าช่วยคนคนนี้เลย ไม่น่าเลยจริงๆ

"ตื่นก็ทำให้หลับ คนแก่จะตายวันตายรุ่งอยู่แล้ว" ผมที่ได้ยินแบบนั้นก็ตะเกียกตะกายทันที คุณยายเป็นคนเดียวที่ยังเหลืออยู่สำหรับผม เป็นคนเดียวที่ผมต้องปกป้องให้ได้

"อย่า อย่าทำคุณยาย" ผมพูดและคลานเข้าไปหาเต้ย ได้โปรดฟังผมด้วยเถอะ ผมยอมทั้งนั้นถ้าเพื่อให้คุณยายปลอดภัย

เต้ยที่เห็นผมคลานไปจับที่ขานั้นก็ย่อตัวลงจ้องมองผมด้วยรอยยิ้ม เต้ยยื่นมือเข้ามาแตะใบหน้าของผมเบาๆ และจ้องมองด้วยความหลงไหล

"แปลว่าจะยอมใช่ไหม" เต้ยถามผมและยื่นหน้าเข้ามาใกล้ ผมขยับตัวหนีเล็กน้อย แต่ก็ถูกบีบเข้าที่แก้มไม่ให้ถอยหนีไปได้

"เต้ย อย่าทำแบบนี้เลย" ผมพูดและจับข้อมือเต้ยเอาไว้ ผมมองแววตาของคนตรงหน้า ที่ดูสับสนเล็กน้อยแต่ก็กลับมาทำสีหน้ายิ้มกวนอีก

"กับไอ้ซินนั่น คงไม่พูดแบบนี้ใช่ไหม"

"ซินไปแล้ว ผมไม่ได้เจอซินอีกแล้ว" ผมพูดและจ้องมองเต้ยที่ขมวดคิ้วอย่างลังเล

"มาขนาดนี้เลยนะ มึงจะใจอ่อนถึงไหน" ผมมองดูคนอีกสองคนที่ยืนอยู่และเริ่มพูดอย่างไม่พอใจ

"มึงสองตัวออกไป" เต้ยที่่ไล่เพื่อนทั้งสองคนออกไป และยังคงจ้องมองผมอยู่

ผมจ้องมองที่ใบหน้าของเต้ยในความมืด ตัวของผมนั้นเริ่มสั่นน้อยๆ และมากขึ้นเรื่อยๆ ผมรู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่มันน่าสะพรึงกลัว แรงกดดันมหาศาลกำลังใกล้เข้ามา ผมนั้นไม่ได้กลัวคนตรงหน้ามากกว่าสิ่งที่ผมรู้สึก ผมกำลังกลัวสิ่งที่ไม่อยากให้เกิดขึ้นต่างหาก

"รีบหนีไปซะ" ผมพูดด้วยเสียงอันสั่นกลัว และจับไหล่เต้ยไว้ "รีบไปก่อน ตอนนี้ยังทัน"

"ทำไม ไอ้ซินเหรอ ให้มันมาสิ แต่มันคงผ่านไอ้สองตัวหน้าห้องไม่ได้หรอก" เต้ยพูดและยิ้มน้อยๆ พลางดันผมให้ค่อยๆ นอนลงบนฝูก

ผมควรจะทำยังไงดี ผมนั้นอยากจะผลักคนคนนี้ออกไป แต่ผมก็รู้ดีว่า ผมคงไปไม่รอด เพราะอีกสองคนที่อยู่หน้าห้องคงไม่ปล่อยให้ผมทำแบบนั้น

ผมหลับตาลงและปล่อยให้น้ำตาไหลลงมาช้าๆ ชีวิตผมนั้นมันก็แค่นี้แหละ ผมเจอเรื่องเลวร้ายมาเยอะแล้ว ถ้าจะเจออีกครั้ง มันก็ไม่แปลกอะไร

ผมหันหน้าหนีใบหน้าของคนที่ทาบทับตัวผม และรู้สึกถึงสัมผัสเบาๆ ที่ลำคอ ผมอยากร้องตะโกนและดิ้นรนขัดขืน ผมขยะแขยงสัมผัสที่ร่างกายนี้ ผมเกลียด เกลียดชีวิตของตัวเอง ผมอยากจะเข้มแข็งให้มากกว่านี้ แต่จะทำอย่างนั้นเพื่ออะไร ชีวิตของผมมันไม่มีอะไรเลย ที่ผมอยากสู้เพื่อมัน

ผมมองเต้ยที่ปลดกระดุมเสื้อของผมจนหมด และดันตัวผมให้พลิกตัวคว่ำลง ผมนอนคว่ำหน้าลงกับพื้น ฝืนกล้ำกลืนฝืนน้ำตาเอาไว้ และพยายามขัดขืนน้อยๆ ทำทุกอย่างให้ตัวเองถูกกลืนกินช้าที่สุด

"รอยสักสวยดีนะ" ผมชะงักน้อยๆ และลืมตาขึ้นทันทีที่ได้ยินแบบนั้น รอยสักเหรอ หมายถึงอะไรกัน

ผมรู้สึกถึงสัมผัสที่แผ่นหลังตรงช่วงสะบัก เต้ยนั้นกำลังใช้มือลูบช้าๆ และจ้องมองรอยที่ปรากฎขึ้นมาของผม ผมนั้นอยากจะเห็นมาก ว่าสิ่งที่เต้ยพูดนั้นคืออะไร ผมที่อาบน้ำทุกวันแต่ก็ไม่ทันได้สังเกตเห็น อาจเป็นเพราะมันอยู่ในที่ที่มองเห็นได้ยากก็ได้

"รูปอะไร มันแปลกๆ งู งั้นเหรอ" ผมที่เอี้ยวตัวเหลือบมองเต้ยนั้นก็รู้สึกว่านี่อาจจะเป็นโอกาส ผมอยากจะลองดูสักครั้ง ผมอาจจะสะบักสะบอม แต่ก็อาจจะหนีไปได้

ผมใช้จังหวะที่เต้ยก้มหัวลงนั้น กระแทกหัวด้านหลังของผมเขากับหน้าของเต้ยอย่างแรง ผมมองเต้ยที่ร้องโอดโอยและกุมจมูกที่มีเลือดไหล และรีบลุกขึ้นวิ่งไปที่ประตูที่ยังคงปิดสนิท ผมจับลูกบิดประตูหมุนพยายามเปิดล็อคและกระชากออกอย่างแรง แต่ผมที่ทำแบบนั้นก็ไม่อาจทำอะไรต่อไป ประตูถูกดึงล็อคจากด้านนอก ไม่มีทางให้หนีอีกแล้ว นอกจาก...

"ไม่อยากให้ช้ำเลยนะ ไม่อยากจริงๆ!" ผมที่มัวแต่มองลูกบิดประตูนั้นก็ถูกตีเข้าที่หัวเต็มๆ ผมล้มลงกับพื้นกระพริบตาไล่ของเหลวสีแดงที่กำลังค่อยๆ ไหลออกมา ผมค่อยๆ ดันตัวเองขึ้นกุมหัวตัวเองไว้และคลานช้าๆ ไปที่หน้าต่างที่เปิดเอาไว้ นี่แหละคือสิ่งที่ผมได้รับ ถ้าผมพยายามจะฝืนชะตาตัวเอง

ตึ้งงง ตึง!

แต่ผมที่คลานอยู่บนพื้นนั้น ก็หยุดชะงักทันทีที่ได้ยินเสียงดังมาจากด้านนอกประตู เสียงนั้นดังขึ้นไม่กี่ครั้ง และเงียบลงเพียงชั่วเสี้ยววินาที

ผมมองแสงที่ลอดผ่านช่องประตูด้านล่างออกมา แสงนั้นกำลังกระพริบถี่ๆ และดับลง ทำให้ห้องอยู่ในความมืดมิดอีกครั้ง

"อะไรวะ ไอ้แมน ไอ้ต้อง มีอะไร!" เต้ยนั้นนั่งอยู่ข้างๆ ตัวผมและกดที่ลำคอผมเอาไว้ ผมมองใบหน้าของเต้ยที่จมูกมีเลือดไหลและสีหน้ากำลังวิตกกังวล

"มึงเรียกใครมา!" เต้ยหันมาตะโกนใส่ผมและออกแรงที่บีบรอบคอผม

ผมจับมือของเต้ยที่กำรอบคอผมไว้ และพยายามอ้าปากหายใจ ผมเหมือนกำลังจะตาย ดวงตาของผมเริ่มมืดลง ผมตะเกียกตะกายพยายามสูดหาอากาศแต่ก็ทำได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ผมกำลังจะไปแล้ว... ซิน จะยังรอผมอยู่หรือเปล่านะ

แอ๊ดดดดด

เสียงประตูค่อยๆ เปิดออกช้าๆ ผมรู้สึกว่าแรงบีบที่คอของผมกำลังอ่อนลง ผมรีบสูดลมหายใจเข้าลึกๆ และคลานหนีไปช้าๆ ที่มุมห้อง

ผมนั่งขดตัวอยู่ในมุมมืด และตัวสั่นน้อยๆ อย่างอ่อนแรง มองคนสองคนที่เดินเข้ามาในห้อง ผมคงตายแน่ และตายอย่างทรมานซะด้วย ทั้งสองคนคงเข้ามาช่วยกัน ทำให้ผมไม่อาจต่อต้านอีกต่อไป

ผมคิดและกอดตัวเองไว้ แต่ถึงผมจะต้องตายไป ก็คงไม่มีใครเดือดร้อนอะไร ทุกคนก็แค่ดำเนินชีวิตต่อไปในโลกที่ไม่มีคนน่ารำคาญแบบผมอีกแล้ว

แต่ผมที่จ้องมองไปยังคนสองคนที่เข้ามานั้น ผมรู้สึกว่ามันแปลก ผมมองใบหน้าของทั้งสองคนที่ก้มลงมองพื้นซ่อนอยู่ในเงามืด ทำให้มองไม่เห็นได้ชัด ว่าทั้งสองคนกำลังทำสีหน้าแบบไหนอยู่

ผมมองดูเต้ยที่ลุกขึ้นและเดินเข้าไปหาเพื่อนช้าๆ ใบหน้าของเต้ยเต็มไปด้วยความสงสัย และไม่เข้าใจเช่นกัน

"พวกมึง บอกให้เฝ้าข้างนอกไว้ไง แต่ก็ดี เข้ามาก็ดี ช่วยกูจัดการมันหน่อย" เต้ยพูดและหันหน้ามามองผมด้วยใบหน้าเหี้ยมเกรียม ผมขยับตัวถอยหลังมากขึ้นอีกนิดด้วยความกลัว ผมมองคนสองคนที่ขยับเข้ามาอีกนิดจากประตูและ...

ตุบ!

ผมที่มองภาพตรงหน้านั้นก็แทบจะกรีดร้องออกมาสุดเสียง ผมมองคนสองคนที่กองลงไปกับพื้น พร้อมไฟในห้องที่สว่างจ้าขึ้น ผมตะเกียกตะกายถอยหลังหนีเลือดสีแดงที่ไหลออกมาจากสองคนนั่นอย่างรวดเร็ว ทั้งสองดวงตาเปิดค้างและเลือดไหลออกทั้งตาจมูกและปาก ทั้งสองคนตายแล้ว และตายอย่างน่าอนาถ

"เหมือนมีใครพูดถึง" ผมร้องไห้และมองซินที่เดินเข้ามาเหยียบเท้าข้างหนึ่งลงที่ร่างของสองคนนั่น ซินแต่งกายด้วยชุดสีดำตั้งแต่หัวจรดเท้า และมีดวงตาสีแดงน่ากลัว ใบหน้าของซินเปื้อนยิ้มแต่ก็ดูเกรี้ยวกราดยิ่งกว่าครั้งไหนๆ ค่ำคืนนี้คงไม่ได้มีเพียงสองศพเท่านั้น ผมได้แต่ภาวนา และบอกตัวเองว่าผมต้องหยุดซินให้ได้

ผมไม่อยากให้ซิน ทำผิดไปมากกว่านี้อีกแล้ว

หัวข้อ: Re: In The Shadows' เงาหลอน ซ่อนรัก '[YAOI][#25 ค่ำคืนแห่งการนองเลือด](20/7/61)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 20-07-2018 20:36:37
จัดการเลย ซิน  :hao3:
หัวข้อ: Re: In The Shadows' เงาหลอน ซ่อนรัก '[YAOI][#25 ค่ำคืนแห่งการนองเลือด](20/7/61)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 20-07-2018 22:26:23
 :pig4: :pig4: :pig4:

โอย.......

ลึกลับ  คาดเดาไม่ถูก ว่าตัวละครไหนดี  ตัวละครไหนชั่ว

แต่...วิญญาณที่คอยอยู่ข้าง ๆ ตลอดเวลานั้น ดีแน่นอน

แต่ก็นะ...โลกนี้มันไม่มีขาวสนิทดำสนิทหรอก  มันก็มีแต่สีเทา 

เพียงแค่จะเทาเข้มเทาอ่อนขนาดไหนนั่นแหละ
หัวข้อ: Re: In The Shadows' เงาหลอน ซ่อนรัก '[YAOI][#25 ค่ำคืนแห่งการนองเลือด](20/7/61)
เริ่มหัวข้อโดย: Gloomy Sunday ที่ 09-08-2018 17:02:53
Shadows ที่ 26 ร่างกายที่ถูกครอบงำ


ผมยังคงจ้องมองซินที่ย่างเท้าเข้ามาด้วยรอยยิ้ม ซินนั้นเหมือนกำลังมีความสุขกับสิ่งที่ตัวเองทำ เป็นความโหดร้ายที่ผมเคยเห็นมันมาแล้ว และมันก็ได้เกิดขึ้นอีกครั้ง และคนที่ต้องสังเวยชีวิตนั้น ก็เป็นคนที่อยู่รอบๆ ตัวผมอีกแล้ว

"อ.ไอ้แมน อ..ไอ้ต้อง..." เต้ยในตอนนี้นั้นได้อึ้งชะงักและจ้องมองเพื่อนด้วยสายตาไม่อยากจะเชื่อ ผมไม่กล้ามองสองคนนั่นที่ลมหายใจได้หมดลงแล้ว ผมคลื่นไส้กับภาพที่เห็น มันน่ากลัวจนผมได้แต่ตัวสั่นและซ่อนอยู่ในมุมห้อง ในมุมที่หวังจะไม่มีใครสนใจ

"ม.มึงเป็นใครกันแน่" เต้ยพูดด้วยเสียงที่เริ่มสั่นเครือ แววตาเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจและหวาดระแวง

"คนตาย พูดได้ด้วยเหรอ" ผมมองซินที่พูดและหัวเราะชอบใจ พลางค่อยๆ เดินเข้ามาใกล้เต้ยมากขึ้น

"ย.หยุดเถอะ พอเถอะซิน" ผมตัดสินใจพูดออกไป ขณะที่ซินยังคงก้าวเข้ามา

ซินที่กำลังจ้องมองเต้ยนั้นก็ละสายตามาจ้องมองผมทันที ผมไม่แน่ใจว่าซินในตอนนี้จะฟังผมไหม หรือแค่อยากจะฆ่าผมไปพร้อมๆ กับทุกคน

"อ่อนแอ โง่เขลา" ซินพูดและจ้องมองผมเขม็ง ก็อย่างที่นายพูดนั่นแหละ ผมก็เป็นแบบนั้นจริงๆ

"มึงเป็นปิศาจหรือไง" เต้ยที่เงียบฟังนั้นตอนนี้คงรู้สึกไร้สิ้นหนทาง ผมมองเต้ยที่ดูใจกล้าทั้งๆ ที่กลัว และจ้องมองซินด้วยแววตาที่แสนแค้นเคือง

"อย่าเต้ย ทำอะไรไม่ได้หรอก!" ผมพูดและมองเต้ยด้วยความตกใจ เพราะว่าเต้ยนั้น ตอนนี้กำลังเดินเข้าไปหาซิน เหมือนอยากจะลองสู้กับซิน แต่นั่นน่ะ มันไม่มีประโยชน์อะไร

"กูจะฆ่ามึง อย่าคิดว่ามึงทำได้คน...อั่ก" ผมมองเต้ยที่เดินเข้าไปง้างหมัดใส่ซิน และก็แน่นอน

ผมมองเต้ยที่เท้าค่อยๆ ลอยจากพื้น ซินนั้นกำคอเต้ยแน่นด้วยท่าทีสบายๆ เหมือนกับกำลังบีบสัตว์เลี้ยงเล็กๆ ให้ตายคามือ

"ไม่! ซิน อย่า!" ผมที่เห็นภาพนั้นก็ลนลานรีบคลานออกมาจากมุมห้อง ผมคลานอย่างเชื่องช้ากุมหัวที่เลือดไหลและท้องที่บาดเจ็บ ผมเจ็บเหลือเกิน แต่ก็ไม่เท่ากับความเจ็บปวดในหัวใจ

"อะไร ปกป้องคนที่ทำร้ายตัวเองเหรอ" ซินพูดและจ้องมองผมด้วยแววตาเกรี้ยวกราด

"ผมขอเถอะ อย่า" ผมพูดและเริ่มร้องไห้ มองเต้ยที่ดิ้นทุรนทุรายเพราะเริ่มขาดอากาศหายใจ

"จะขี้แพ้ อ่อนแอไปถึงเมื่อไหร่" ซินพูดและมองผมด้วยความไม่เข้าใจ

"ผมยอมเป็นคนขี้แพ้ ถ้าจะต้องทำเรื่องเลวๆ เหมือนกับที่นายกำลังทำ" ผมพูดและจ้องมองซิน นายกับผมพวกเราอยู่คนละโลกกัน แม้แต่ความคิดก็ไม่อาจเข้ากันได้ พวกเราไม่มีสิ่งไหนที่จะสามารถ ทำให้อยู่ร่วมกันได้

"ถ้างั้น ก็เตรียมตัวสำหรับความเจ็บปวด"

กร้อบ!

"ไม่!!!" ผมมองเต้ยที่หยุดดิ้นรนและแน่นิ่งไป ผมมองร่างของเต้ยที่หล่นลงกระแทกพื้น นี่สินะ สิ่งที่นายต้องการ ฆ่าคน ทำเรื่องเลวทราม ผมไม่อาจหยุดยั้งปิศาจตัวนี้ได้เลย

"ผมเกลียดนาย" ผมพูดและจ้องมองซินด้วยน้ำตาที่เอ่อล้นออกมา ซินที่อยู่เคียงข้างผมนั้นตอนนี้คงไม่มีอีกแล้ว

ผมนั่งอยู่ที่พื้นจ้องมองซินที่กำลังเดินเข้ามาหาผมด้วยแววตามุ่งร้าย ผมในตอนนี้นั้นมีแต่ความเสียใจและผิดหวัง ผมผิดหวังในตัวเอง และผิดหวังจากคนที่ผมนั้นให้ใจเสมอมา

ผมก้มลงมองพื้นรอเวลาที่ตัวเองจะเป็นรายต่อไป ซินคงจะฆ่าผม ในเมื่อที่ผ่านๆ มาก็พยายามจะฆ่าผมอยู่แล้ว และนั่นก็คงจะดีแล้ว ผมในตอนนี้ ไม่กลัวอีกแล้ว

ผมนั่งอยู่ในความมืดเตรียมตอบรับความตายที่กำลังจะเผชิญ ผมจะไปอยู่ที่ไหนงั้นเหรอ อาจจะที่นั่น ในห้องนอนสีดำที่แสนเย็นยะเยือก ลิน พวกเราจะได้เจอกันแล้วใช่ไหม

ผมเริ่มตัวสั่นน้อยๆ ทันทีที่ซินย่อตัวลงข้างหน้าผม จ้องมองผม และยื่นมือเข้ามาใกล้ ผมค่อยๆ หลับตาลงช้าๆ ความตายคงไม่น่ากลัวเท่าความเดียวดายของผมอีกแล้ว คุณยายครับ ยกโทษให้ผมด้วยนะ ผมกำลังจะจากโลกนี้ไปแล้ว ตลอดกาล

แต่ผมที่หลับตาเตรียมรับความเจ็บปวดนั้นก็ต้องขมวดคิ้วทันที เพราะแทนที่ผมจะรู้สึกเจ็บปวดหรือทรมาน ผมกลับรู้สึกถึงสัมผัสแผ่วเบาที่ข้างแก้ม เป็นความอบอุ่นที่ผมคุ้นชิน เหมือนที่ผมเคยได้รับมันมาจากคนตรงหน้า เมื่อครั้งที่พวกเรายังคงอยู่เคียงข้างกันและกัน

ผมค่อยๆ ลืมตาขึ้นช้าๆ จ้องมองซิน แต่ภาพตรงหน้าที่เห็น ก็ทำให้ผมยิ่งแปลกใจ ผมไม่เข้าใจเลย ทำไมนายถึงได้มองผมด้วยแววตาแบบนั้น ทำไมนาย ถึงได้เศร้าขนาดนั้น

"ซิน" ผมมองซิน และเลื่อนมือขึ้นไปจับมือของซินที่กำลังแตะแก้มของผม

ผมนั้นเป็นคนอ่อนแอ และโง่เขลาอย่างที่ซินบอก และสิ่งที่ทำให้ผมอ่อนแอที่สุดก็คือ คนตรงหน้า

ที่ไม่ว่าจะใจร้ายเพียงใด โหดร้ายแค่ไหน แต่หัวใจของผมมันก็ยังคงคิดถึงแต่คนคนนี้เสมอ ถึงแม้จะพยายามลบเลือนสักเพียงใด ก็ไม่อาจทำได้เลยสักเสี้ยววินาที

ผมจ้องมองซินและยังคงกุมมือนั้นเอาไว้ จะเป็นไปไม่ได้เลยเหรอที่ซินจะหยุดทำเรื่องพวกนี้ สีดำ จะกลายเป็นสีขาวไม่ได้เลยเหรอ เส้นทางของพวกเรา จะไม่มีวันบรรจบกันตลอดไปใช่ไหม

แต่ผมที่กำลังกุมมือของซินนั้นก็ต้องต้องใจทันที ผมมองซินที่จู่ๆ สีหน้าก็ซีดลงอย่างรวดเร็วและที่จมูกนั้นก็มีเลือดค่อยๆ ไหลออกมา

"ซิน!" ผมที่เห็นแบบนั้นก็ยิ่งจับมือซินแน่นขึ้น ผมไม่เข้าใจ นี่มันเกิดอะไรขึ้น

"เอามัน..ออกไปซะ เชือก..." ผมไม่เข้าใจ ผมมองซินที่ดูทรมานแต่ก็พยายามบอกอะไรบางอย่างกับผมต่อไป

"อย่า...ให้มันครอบงำ" ซินยังคงพูดต่อและประคองใบหน้าของผมเอาไว้

ผมมองภาพตรงหน้า ผมมองซินที่เขย่าตัวผมและร้องตะโกนบอกอะไรสักอย่าง แต่ผมกลับ ทำอะไรไม่ได้ ผมมองใบหน้าของซินที่เป็นสีแดง ไม่สิ โลกทั้งโลกกำลังเป็นสีแดง และนั่นคือสิ่งสุดท้ายที่ผมได้เห็น

"ไวท์ลูก ตื่นแล้วเหรอ" ผมค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้นช้าๆ ด้วยหัวที่ปวดร้าวไปหมด ผมมองสิ่งต่างๆ รอบตัวด้วยดวงตาที่หรี่ลง แสงจากดวงอาทิตย์ที่ส่องเข้ามาทำให้ผมแสบตาและรู้สึกร้อนอยู่ภายใน นี่มันอะไรกัน ผมอยู่ในห้องตัวเองสินะ แล้วมันเกิดเรื่องอะไร...

แต่ผมที่นึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืนได้นั้นก็ลุกพรวดขึ้นทันที คนตาย มีคนตาย และซิน ซินเป็นอะไรไป ผมเป็นอะไร

"ไวท์ลูก ไม่สบายหรือเปล่า ยายเห็นไม่ลงมาก็เลยขึ้นมาดู" ผมหัวใจเต้นแรงและมองไปรอบๆ อย่างตื่นตกใจ เป็นไปได้ยังไงกัน ทุกอย่างว่างเปล่า หัวของผม ร่างกายผม

ผมคิดและจับลูบตัวและหัวของตัวเองไปมา ไม่มี ไม่มีรอยแผล ไม่มีอะไรผิดปกติ นี่มันเรื่องอะไรกัน

แต่ผมที่มองไปรอบๆ นั้นก็ต้องตกใจอีกครั้งทันที ในห้องของผมตอนนี้ไม่มีศพของทั้งสามคน และร่างกายของผมก็ปกติดี แต่สิ่งที่ผิดปกติก็คือ มีคนคนนึงยืนอยู่ที่มุมห้องด้วยสีหน้าที่นิ่งและน่ากลัว

"ผ.ผม รู้สึกไม่ค่อยดี แต่ไม่เป็นไรครับ นอนพักก็คงหายแล้ว" ผมพูดบอกให้คุณยายสบายใจ และเหลือบมองพี่ไวลี่ที่ยังคงยืนกอดอกอยู่

"ถ้ามีอะไรเรียกยายนะลูก เดี๋ยวกลางวันยายเอาข้าวมาให้" ผมขอบคุณคุณยายและมองคุณยายที่ออกจากห้องของผมไป ผมกุมหัวตัวเองไว้และมองพี่ไวลี่ที่ค่อยๆ เดินเข้ามา

"เธอไม่ควรจะมีชีวิตอยู่ได้นานขนาดนี้เลยจริงๆ" พี่ไวลี่พูดขึ้นทันทีและจ้องมองผมด้วยสีหน้าไม่พอใจ

"เกิดอะไรขึ้น เมื่อคืนผม..."

"สามคนนั้นแน่นอนตายแล้ว ฉันเอาพวกมันไปไว้ที่อื่นเอง" ผมมองพี่ไวลี่ที่พูดและนั่งลงตรงหน้าผม นั่นสินะ มันเหมือนจริงเกินจะเป็นความฝัน

"ซิน" ผมพูดเบาๆ และมองพี่ไวลี่ที่ทำหน้าเข้มขึ้นทันที

"นี่เป็นครั้งที่ 2 ที่เธอพยายามจะฆ่าซิน" ผมที่ได้ยินแบบนั้นก็ตกใจทันที ผมน่ะเหรอ เป็นไปไม่ได้

"พี่พูดเรื่องอะไรกัน" ผมพูดและทำสีหน้าตกใจ

"ตัวเธอกับสิ่งของเลวร้ายนั่นมันมีพลังมากรู้ไหม ซินที่ว่าแข็งแกร่งยังแทบเอาตัวไม่รอด" พี่ไวลี่พูดและถอนหายใจยาวเหยียด

"สิ่งของ สิ่งไหน มันคืออะไร" ผมพูดและมองพี่ไวลี่ที่ส่ายหัวไปมา

"มีอะไรในตัวเธอที่หายไป" พี่ไวลี่พูดด้วยสีหน้าเครียดๆ

"นี่ถ้าไม่ติดว่าซินสั่งไว้ ฉันอยากจะพูดจริงๆ ว่าเธอกำลังยุ่งอยู่กับอะไร"

"บอกผมเถอะครับ ผมโง่เกินไปที่จะรู้ว่าผมทำอะไร" ผมพูดและรู้สึกแย่มากกับทุกสิ่ง

"ครั้งแรก รู้สึกจะเป็น หนังสือ และครั้งนี้มันอยู่ที่ข้อมือของเธอ เธอได้มันมาจากไหน เธอนี่ไม่เคยระวังตัวเองเลยนะ ถึงถูกมันควบคุมได้ขนาดนี้" ผมที่ได้ยินแบบนั้นก็มองที่ข้อมือของผมทันที หายไปแล้ว เชือกสีดำเส้นนั้นมันหายไปแล้ว

"ของนี่อาจารย์ให้เพื่อคุ้มครองผม" ผมพูดและคิดถึงสิ่งที่อาจารย์พูด อาจารย์คอยช่วยผมเสมอ

"อาจารย์เหรอ ฮ่าๆๆ เฮ้อออ" ผมมองพี่ไวลี่ที่หัวเราะเสียงดังพลางถอนหายใจยาวเหยียด และอยู่ดีๆ ก็เงียบเสียงไป

"ไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจซินเลยสักนิด ทำไมไม่รีบลงมือซะ มีโอกาสตั้งมากมาย จะรอให้มันแย่ง รอให้มันทำลายไปหรือไง" ผมมองพี่ไวลี่ที่เหมือนกำลังพูดอยู่กับตัวเอง และเหลือบมองผมทันทีที่หยุดพูด

"ขอโทษนะ แต่ว่า..." ผมชะงัก จ้องมองพี่ไวลี่ที่อยู่ดีๆ ก็เปลี่ยนสีหน้าและจ้องมองผมด้วยแววตาน่ากลัว จิตอาฆาตของคนตรงหน้านั้นรุนแรงมาก และมากขึ้นเรื่อยๆ

แต่ว่า ผมนั้นก็ไม่ได้รู้สึกกลัวเลยสักนิด ผมยิ้มน้อยๆ ให้พี่ไวลี่ ผมนั้นก็รอที่จะให้ซินทำแบบนี้ แต่ก็ดูเหมือนซินจะกำลังรออะไรบางอย่าง ซึ่งผมก็ไม่รู้เหมือนกัน

"ถ้าพี่ฆ่าผม...ผมจะได้เจอซินใช่ไหมครับ บอกผมที ว่าวิญญาณของผม เป็นของซิน" ผมพูดและจ้องมองพี่ไวลี่ที่ชะงักมือนิ่งค้างไว้และค่อยๆ ลดมือลง

"ฉันก็คิดแบบนั้น แต่ดูเหมือนซินจะไม่ได้คิดแบบเดียวกัน เพราะไม่อย่างนั้น เธอคงจะตายไปนานแล้ว" ผมขมวดคิ้วมองพี่ไวลี่ด้วยความไม่เข้าใจ

"แต่ว่าที่หลังของผม มีตราสัญลักษณ์ของซิน" ผมพูดบอกพี่ไวลี่

"ตรานั่นหายไปได้ วิญญาณของเธอถูกทำลายได้ ต่อให้เธอจะเป็นของซินก็ตาม" ผมมองพี่ไวลี่ ถูกทำลายวิญาณงั้นเหรอ หมายถึงต่อให้ตายไป จิตวิญญาณก็จะสลายไปใช่หรือเปล่านะ

"ช่วยพาผม ไปหาซินได้ไหม" ผมพูดและหวังจริงๆ ว่าซินจะไม่เป็นอะไร

"สถานที่นั้น มีแค่ซิน ที่จะพาเธอไปได้"

"ไวท์ลูก กินข้าวแล้วกินยาซะนะ" ผมชะงักและจ้องมองคุณยายที่เดินเข้ามาพร้อมถาดอาหารที่วางตรงหน้าผม

"ไม่ต้องลำบากขึ้นมาหรอกครับ ผมไม่ได้เป็นอะไรมาก" ผมพูดและเหลือบมองพี่ไวลี่ที่หายไปแล้ว

"เมื่อคืน คุณยายได้ยินเสียงอะไรแปลกๆ ไหมครับ" ผมหันมาหาคุณยายและถามต่อด้วยความสงสัย เมื่อคืนนั้นมีเสียงดังมาก แต่คุณยายก็ดูจะไม่เอะใจอะไร

"เมื่อคืนยายรู้สึกง่วงมากๆ ก็เลยนอนแต่หัวค่ำเลยลูก" ผมขมวดคิ้วทันทีที่ได้ยินแบบนั้น วางยางั้นเหรอ พวกนั้นทำสินะ

"ผมขอโทษนะครับ" ผมพูดและรู้สึกผิดเหลือเกิน ผมเป็นต้นเหตุของทั้งหมด ทุกๆ อย่าง

"พูดอะไรแบบนั้นละลูก ขอโทษยายทำไม" คุณยายพูดและเข้ามากอดผม ลูบหัวผมอย่างรักใคร่

"คุณยาย จะอยู่กับผมไปนานๆ ใช่ไหมครับ" ผมพูดและกอดคุณยาย ผมนั้นชีวิตไม่มีใครเลย ผมมีแค่คุณยายที่เหลืออยู่เป็นคนสุดท้าย

"ไม่มีใครไปไหนหรอกลูก ถ้าคนคนนั้นยังอยู่ในหัวใจของเรา เกิดแก่เจ็บตายเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ อย่าให้มันมาบั่นทอนความเข้มแข็งในหัวใจของเราเลย" คุณยายพูดและลูบหัวผมเบาๆ ในความทุกข์อันแสนสาหัสของผม สิ่งที่ยังยึดเหนี่ยวหัวใจของผมให้ยังเต้นต่อไปได้ ก็คือผมรู้ว่ายังมีคนที่รักและหวังดีกับผมอยู่ ผมมีคุณยาย

เป็นผู้มีพระคุณคนสุดท้ายของผม

​​
หัวข้อ: Re: In The Shadows' เงาหลอน ซ่อนรัก '[YAOI][#26 ร่างกายที่ถูกครอบงำ](9/8/61)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 09-08-2018 18:31:53
ใครดี ใครร้ายกันแน่ ระหว่างซินกับอาจารย์  :hao4:
หัวข้อ: Re: In The Shadows' เงาหลอน ซ่อนรัก '[YAOI][#26 ร่างกายที่ถูกครอบงำ](9/8/61)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 10-08-2018 08:39:07
 :pig4: :pig4: :pig4:

ในมุมมองแต่ฝ่ายตรงข้าม ก็ย่อมบอกว่าอีกฝ่ายตรงข้ามเลวเสมอ

แล้วสรุปว่า เมื่อไรกันจึงจะรู้สักทีว่า  ฝ่ายซินหรือฝ่าย อ.นาธัส  ที่เป็นฝ่ายดีกัน
หัวข้อ: Re: In The Shadows' เงาหลอน ซ่อนรัก '[YAOI][#26 ร่างกายที่ถูกครอบงำ](9/8/61)
เริ่มหัวข้อโดย: Gloomy Sunday ที่ 27-08-2018 15:01:33
Shadows ที่ 27 สถานที่ที่ไม่อาจเข้าไป


ข่าวการตายของทั้งสามคนนั้นถือเป็นหัวข้อที่กำลังโด่งดังและออกข่าวทุกช่องอยู่ตอนนี้ ทั้งสามถูกพบไกลออกไปจากที่นี่หลายกิโลเมตรในสภาพที่ไม่สามารถบอกได้ถึงสาเหตุของการเสียชีวิต

ผมไปที่มหา'ลัยในวันต่อมา และก็เหมือนเช่นเดิม ผู้คนมากมายต่างซุบซิบและจับจ้องมาที่ผม เพราะทั้งสามคนนั้นเคยมาป้วนเปี้ยนวนเวียนอยู่รอบตัวผม โดยเฉพาะเต้ยที่มีคนเห็นพวกเราทั้งสองคนอยู่ด้วยกัน

แต่ก็น่าแปลก ไม่มีตำรวจมาที่บ้านเลย ทั้งๆ ที่น่าจะมีคนเห็นสามคนนั่นมาที่บ้านผมเป็นครั้งสุดท้ายและหายไป แต่ผมก็คิดอีกทีว่า ทั้งสามคนอาจจะแอบมาแบบไม่ให้ใครรู้ ทำให้ไม่มีพยานรู้เห็นเลยสักคนนอกจากผม แต่ผมนั้นก็ทำอะไรไม่ได้ จะพูดจะบอกใครยังไงก็คงไม่มีคนเชื่อ นั่นเป็นสิ่งที่ผมรู้ดีกว่าใคร

ผมมองดูผู้คนในมหา'ลัยตอนนี้ ทุกคนดูหวาดระแวงในตัวผมมากขึ้น บางคนถึงขั้นรีบเดินหนีผมและยังคงมีการขว้างปาสิ่งของใส่ผมบ้าง แต่ผมก็ชินชาแล้วและอยู่ของผมเงียบๆ ตัวคนเดียวเหมือนดั่งทุกวัน ผมไม่ต้องการใครอีกแล้ว ที่จะอยู่เคียงข้างผม เพราะว่าจุดจบนั้นก็คงเหมือนๆ กัน คือการตายจาก ไม่มีใครอยู่ข้างๆ ผมและมีชีวิตรอดต่อไป

"อยากตามก็ตาม อยากทำอะไรก็ทำเถอะ" ผมพูดเบาๆ และเหลือบตามองผีตัวเดิมที่คอยติดตามผม มันมาอีกแล้ว แต่ทำไมกันนะ คืนที่สามคนนั้นมาทำร้ายผม ทำไมมันถึงหายไป

ผมนั่งอยู่ใต้ร่มไม้ข้างตึกเรียน วิชาต่อไปนั้นจะเริ่มขึ้นในอีกสองชั่วโมง ผมที่ไม่รู้จะไปไหนก็ได้แต่นั่งถอดถอนใจอยู่คนเดียว ผมในตอนนี้เหมือนมีชีวิตอยู่ไปวันๆ หายใจทิ้งไปวันๆ ทำไมทุกอย่างในชีวิตผมมันถึงเป็นแบบนี้กันนะ ผมอยากจะร้องไห้จริงๆ

"ถ้าตายแล้ว จะรู้สึกยังไงกันนะ" ผมพูดและเหลือบตามองผีตัวนั้นอีกครั้ง ผมพยายามเพ่งมองใบหน้าของมัน แต่ก็ทำไม่ได้ เพราะร่างกายนั้นเป็นเหมือนกับหมอกควันสีดำจางๆ และไร้ตัวตน

"ดูสิ มันคุยกับใครก็ไม่รู้ น่ากลัว"

"อย่าไปมอง เดี๋ยวมึงก็เป็นศพต่อไป"

ผมหลบสายตาคนที่กำลังต่อว่านินทาผม พวกเขาไม่รู้ ไม่รู้เลยว่าผมต้องเผชิญกับอะไร ถ้าผมเป็นพวกเขา ผมก็คงจะกลัวตัวผม การกลัวสิ่งที่ไม่รู้และมองไม่เห็น นั่นไม่แปลกอะไร

"ถ้าอยากบอกอะไรผมก็พูดเลยนะ" ผมพูดเบาๆ และไม่ได้จ้องมองสิ่งนั้น แต่ผมก็คิดอีกว่า นี่มันไร้ประโยชน์มาก ผมเหงาถึงขนาดคุยกับผีแล้วเหรอ ผมน่าจะอาการหนักจริงๆ

จ๊อกกก~

ผมที่นั่งอยู่นั้นก็รู้สึกปวดท้องหิวข้าวเหลือเกิน ผมไม่มีเงินเหลืออีกแล้ว นี่เป็นอีกปัญหาของผม จะทำยังไงดีนะ ผมควรจะทำยังไงดี

"ไวท์" ผมมองตามเสียงเรียกที่ดังขึ้นข้างตัว และก็ต้องยิ้มทันที นี่ผมลืมไปได้ยังไงกันนะว่ายังมีคนที่หวังดีกับผมอยู่

"ครับอาจารย์" ผมพูดและลุกขึ้นยืนทักทายอาจารย์นาธัส

"นั่งทำอะไร พอดีฉันจะไปที่โรงอาหาร จะไปด้วยกันไหม" ผมที่ได้ยินแบบนั้นก็ยิ้มทันที แต่ผมไม่มีเงินนี่นา

"ฉันเลี้ยงเอง" อาจารย์มองผมและยิ้มน้อยๆ อย่างรู้ทัน

"คือ..." แต่ถึงผมจะไม่มีเงินนั้น ผมก็ยังเกรงใจอาจารย์อยู่ดี

"มาเถอะ แล้วค่อยไปช่วยงานฉันละกัน" ผมที่ได้ยินแบบนั้นก็ยิ้มและตัดสินใจเดินไปกับอาจารย์ ผมมีเรื่องอยากถามอาจารย์อีก มีหลายเรื่องที่ผมไม่สบายใจ

"ขอโทษนะครับ เคยบอกว่าจะไปช่วยแต่ก็ไม่ค่อยได้ไปเลย" ผมพูดและเดินตามอาจารย์ไปตามทางเดิน อาจารย์เดินนำผมไปที่โรงอาหารของคณะใกล้ๆ และพาผมนั่งลงในที่ที่ไม่ค่อยมีใครเดินผ่าน

"ไม่เป็นไร เธอกำลังมีเรื่องหนักใจอีกใช่ไหม เล่าให้ฉันฟังสิ" อาจารย์พูดและส่งยิ้มให้ผมอย่างใจดี และนั่นเป็นเหตุผลหลักที่ผมตามอาจารย์มา

"อาจารย์ รู้เรื่อง 3 คนนั้น ใช่ไหมครับ" ผมพูดและสีหน้าก็หม่นลงทันที

"หมอนั่นเป็นคนฆ่าสินะ" ผมพยักหน้าช้าๆ เมื่อไหร่ที่ผมนึกถึงความโหดร้ายของซิน ผมก็อยากร้องไห้ทุกที

แต่ผมที่กำลังหมองเศร้านั้นก็นึกขึ้นได้ถึงสิ่งที่พี่ไวลี่พูด พี่ไวลี่ก็ไม่ชอบอาจารย์นาธัสงั้นเหรอ ทำไมกันนะ

"เชือกสีดำที่อาจารย์เคยให้ผม" ผมพูดและจ้องมองอาจารย์

"มันได้ผลดีใช่ไหม" อาจารย์พูดและยิ้มแบบพึงพอใจ

"มันคืออะไรเหรอครับ ทำไมผมถึงไม่รู้ตัวเลยว่ามันเกิดอะไรขึ้นหลังจากที่ซินแตะต้องมัน" ผมถามอาจารย์ด้วยความไม่เข้าใจ

"มันก็แค่เครื่องรางที่มีพลัง และยิ่งอยู่ในมือของเธอที่มีพลัง มันก็เลยได้ผลดีมาก ก็เท่านั้น" อาจารย์พูดเหมือนมันเป็นสิ่งที่ปกติสามัญทั่วไป แต่ผมกลับไม่รู้สึกดีด้วยเลย

"แต่มันทำให้ซิน..." ผมพูดและทำหน้าเศร้ายิ่งกว่าเดิม

"เธอทำสิ่งที่ควรแล้ว หมอนั่นมันชั่วร้ายมากกว่าเธอจะจินตการได้ อย่าใจอ่อน ไม่อย่างนั้นเธอจะถูกมันหลอกได้อีก" อาจารย์พูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง และจับไหล่ผมเบาๆ

ผมจ้องมองอาจารย์ สิ่งที่ผมทำมันดีแล้วจริงๆ เหรอ ผมทำร้ายซิน ผมทำให้ซินต้องเจ็บปวด และมันทำให้ผมเจ็บปวดไปด้วย

แต่ผมที่กำลังนึกอะไรไปเรื่อยๆ นั้น ก็นึกขึ้นได้ถึงบางสิ่งที่ผมควรจะถามอาจารย์ มันเป็นเรื่องแปลกมาก เหมือนกับไม่ใช่เรื่องบังเอิญเลยจริงๆ

"อาจารย์ จำหนังสือที่ผมเคยเจอมันได้ไหมครับ" ผมจ้องมองอาจารย์และถามด้วยความสงสัย หนังสือนั่น ผมเจอมันที่พื้น และเก็บมันเอาไว้ จนวันนึงที่ผมตื่นขึ้นและมีเลือดเต็มตัวผมไปหมด และผมเพิ่งได้รู้ว่า เลือดนั้นเป็นของใคร มันคือเลือดของซิน ผมทำร้ายซิน โดยที่ไม่รู้ตัวเลย

"หนังสือเล่มไหนกัน บางทีฉันก็หลงๆ ลืมๆ ไปบ้าง" ผมมองอาจารย์ที่พูดและขมวดคิ้วสงสัย

"ผมเจอหนังสือเล่มหนึ่ง มันมีอำนาจ เหมือนกับเครื่องรางที่อาจารย์ให้ผม" ผมพูดและจ้องมองอาจารย์ที่กำลังเลิกคิ้วขึ้นน้อยๆ

"มันก็แค่เรื่องบังเอิญ มีหลายๆ สิ่งบนโลกนี้ที่มีพลังอำนาจในตัวเอง และเธอก็แค่ ได้รับมันมาก็เท่านั้น" ผมขมวดคิ้วมุ่น จะบอกว่าผมบังเอิญได้รับมันมาเพื่อทำร้ายซินงั้นเหรอ อะไรมันจะเหมาะเจาะปานนั้น

"อาจารย์..."

"หิวไม่ใช่เหรอ ไปสั่งข้าวมาสิ" ผมที่กำลังจะพูดอะไรออกไปนั้น ก็ถูกอาจารย์ขัดเข้าซะก่อน ผมรู้สึกไม่สบายใจเลย มันเหมือนกับมีอะไรบางอย่างไม่ถูกต้อง แต่ผมก็นึกมันไม่ออก ผมพลาดอะไรไปหรือเปล่านะ

"ครับ ผมสั่งข้าวให้นะ" ผมพูดบอกอาจารย์และลุกขึ้นจากโต๊ะ จริงๆ แล้วยังมีอีกเรื่องหนึ่งที่ผมอยากจะถาม แต่ผมก็คิดอีกทีว่าผมไม่ควรจะพูดออกไป เรื่องสัญลักษณ์ของซินที่อยู่บนตัวผม อาจารย์จะพูดว่ายังไงกันนะถ้ารู้ว่ามันอยู่บนตัวผม และผมไม่อยากให้มันจางหายไป

หลังจากที่กินข้าวเสร็จนั้น ผมก็ขอแยกตัวจากอาจารย์เพื่อไปเรียนต่อ และตอนเย็นผมก็รับปากว่าจะไปช่วยงานอาจารย์ที่ห้องทำงาน ผมนั้นคิดว่าผมจะไปหางานทำต่อหลังจากที่ไปช่วยอาจารย์แล้ว แต่ผมจะไปที่ไหนดีนะ มีที่ไหนที่อยากให้ผมทำงานบ้าง

"ขอโทษนะ ตรงนั้นว่างไหม" ผมที่นั่งจดเลคเชอร์อยู่ในคาบเรียนนั้น ก็ชะงักทันทีที่มีคนกำลังคุยกับผม ผมมองไปรอบๆ และมองผู้หญิงคนหนึ่งที่กำลังจ้องมองผมอยู่

"ไม่ว่างครับ" ผมพูดออกไปด้วยใจที่หมองหม่น ผู้หญิงคนนี้ผมไม่คุ้นหน้าเลย เธออาจจะเพิ่งย้ายเข้ามาเรียนเลยไม่รู้ว่าไม่ควรเข้าใกล้ผม ซึ่งนั่นถูกต้องแล้ว ผมไม่อยากให้เธอต้องมีจุดจบเหมือนกับคนอื่นๆ เพราะฉะนั้น ผมต้องปล่อยเธอไป

"แต่ข้างๆ นายก็ว่างไม่ใช่เหรอ จะมีไม่ว่างก็แค่..." ผมขมวดคิ้วทันทีที่ได้ยินแบบนั้น อันที่จริงรอบๆ ตัวผมนั้นว่างทั้งหมด ไม่มีใครกล้ามานั่งกับผมที่นั่งอยู่คนเดียวด้านหลังหรอก

ผมขมวดคิ้วและมองตามสายตาของเธอที่มองเลยไปด้านหลังของผมเหมือนกำลังจ้องมองอะไรบางอย่าง นี่อย่าบอกนะว่า...

ผมหันไปมองด้านหลังของผมทันทีด้วยความสงสัย และก็ต้องสะดุ้งตกใจ โธ่ ผีตัวนั้นอีกแล้ว มันยืนอยู่หลังเก้าอี้ของผมตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ

"คุณ เห็นด้วยเหรอ" ผมรีบหันกลับไปมองและพูดกับผูหญิงตรงหน้าด้วยความตกใจ และเธอก็พยักหน้าให้ผมน้อยๆ

"จริงๆ เราคิดว่ามีหลายคนที่เห็นนะ แต่ไม่มีใครอยากถูกคิดว่าผิดปกติไปด้วยน่ะ" เธอพูดและนั่งลงข้างๆ ผม

ผมเหลือบสายตาไปมองคนอื่นๆ ในคลาสที่แอบหันมามองพวกเรา ผมก็เคยคิดแบบเธอนั่นแหละ แต่พวกเขาก็ไม่เคยแสดงตัวว่าเห็น หรือช่วยผมเลยสักคน

"พวกเขาทำถูกแล้ว คนบ้าน่ะ มีแค่ผมคนเดียวก็เกินพอ" ผมพูดและยิ้มอย่างเศร้าๆ

"ชื่อฟ่างนะ" ผมมองฟ่างที่พูดและนั่งลงข้างๆ ผม เธอดูเป็นผู้หญิงปกติ น่ารักดีในระดับหนึ่ง และดูมีความมั่นใจเต็มเปี่ยม

"ผม..."

"ไวท์ ชื่อสมกับตัวเลย" ผมที่ไม่ทันได้บอกเธอก็รู้ซะก่อน

"ผมนี่ดังขนาดไหนกันนะ" ผมพูดเล่นๆ และยิ้มให้เธอ

"สมัยประถม ฟ่างก็เป็นเหมือนกับไวท์ ไม่มีใครอยากเข้าใกล้ ไม่มีใครเชื่อ ว่าพวกเราเห็นอะไร" ผมมองฟ่างที่หุบยิ้มและเล่าเรื่องราวของตัวเอง

"ฟ่างเพิ่งย้ายเข้ามาที่นี่กลางเทอม คุณพ่อกับคุณแม่ท่านต้องย้ายงานไปเรื่อยๆ น่ะ พอเข้ามาก็ได้ยินคนพวกนั้นคุยกัน ทุกคนคุยกันถึงเรื่องของไวท์ ฟ่างก็เลย มาหาไวท์" ผมที่ได้ฟังแบบนั้นก็ยิ้มทันที

"ขอบคุณนะ แต่ผมคิดว่าฟ่างอยู่ห่างๆ ผมน่าจะดีกว่าจริงๆ สิ่งที่ฟ่างเจอ กับสิ่งที่ผมเจอ มันต่างกัน" ผมพูดบอกเธอ แค่เธอมีน้ำใจให้ผมก็มากเกินพอแล้ว

"มีอะไรมากกว่าที่เห็นงั้นเหรอ" ฟ่างพูดเบาๆ ถามผมด้วยสีหน้าเป็นกังวล

"ฟ่างเห็นข้างหลังผม ชัดแค่ไหน" ผมพูดและทำมือชี้ไปด้านหลัง

"เป็นเงาดำ ที่มีดวงตาสีแดง แต่ไม่มีจิตมุ่งร้ายใดๆ" ผมที่ได้ฟังแบบนั้นก็เลิกคิ้วน้อยๆ ด้วยความแปลกใจ

"ถูกใช่ไหมล่ะ" ฟ่างพูดและยิ้มให้ผม

"ฟ่างไม่กลัวเหรอ" ผมถามเธอที่กำลังส่ายหน้าไปมา

"พวกมันอ่อนแอกว่าพวกเรา" เธอพูดด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม

"แต่ก็มีบางสิ่ง ที่เข้มแข็งกว่าเรามาก" ผมพูดและฟ่างก็ดูสนใจมากๆ

"นี่อย่าบอกนะว่า..." ฟ่างดูจะเข้าใจเรื่องพวกนี้ดีมากๆ ผมแทบจะไม่ได้พูดอะไรก็ดูเหมือนเธอจะเข้าใจ

"แค่คิดก็ตัวสั่นแล้ว" ผมพยักหน้าให้เธอที่กำลังทำท่าตัวสั่นจริงๆ

"ฟ่างไม่มีพลังพอจะมองเห็นพวกนั้น ไม่มีใครที่อยากจะเห็นพวกมัน และถ้าได้เห็น ก็ไม่มีใครที่จะมีชีวิตรอด"

"ผมถึงบอกว่า ฟ่างควรออกห่างจากผมซะ" ผมพูดและยิ้มอย่างเศร้าๆ

"ไวท์บูชาพวกนั้นเหรอ" ผมส่ายหน้าทันที ผมไม่เคยคิดจะบูชาซินเลย ไม่ใช่แบบนั้น

"ผมแค่บังเอิญ เจอเขา"

"เขาเป็นยังไงงั้นเหรอ" ฟ่างถามผมด้วยความสนใจ

"ถ้าฟ่างได้เห็น ฟ่างจะไม่เชื่อเลยว่ามีคนที่ดูดีขนาดนี้อยู่ด้วย" ผมพูดและนึกถึงซิน ซินนั้นโดดเด่นกว่าใคร เป็นซาตานที่มีรูปลักษณ์ราวเทพบุตร หรือว่านั่นจะเป็นแค่รูปลักษณ์ที่นายเอาไว้หลอกคนอื่นกันนะ

"เขาเคยดีกับผมมาก ผมที่ไม่มีใคร มีแต่ซิน ที่อยู่ข้างๆ ผม" ผมพูดและเริ่มรู้สึกว่า ผมไม่ควรพูดอะไรมากกว่านี้

"เพิ่งรู้นะว่ามีแบบที่ใจดีแบบนี้ด้วย สนิทกันมากเลยเหรอ" ผมมองฟ่างที่กำลังยิ้มและดูสนใจเต็มที่

"คือ ไม่ได้ใจดีอะไรหรอก ขอโทษนะ ผมไม่ค่อยได้คุยกับใคร เลยอาจจะพูดมากไปหน่อย" ผมพูดและคิดว่าผมไม่น่าพูดเรื่องของซินเลย

"ไม่เลย ฟ่างชอบเรื่องพวกนี้ ฟ่างอยากเห็นจัง เขาไม่น่ากลัวใช่ไหม บอกให้เขาปรากฎตัวได้หรือเปล่า" ฟ่างพูดและทำสีหน้าตื่นเต้น

"อย่าดีกว่า ผมไม่อยาก...เจอเขา" ผมพูดด้วยสีหน้าหมองเศร้า เมื่อไหร่ที่คิดถึงซิน ผมก็มักจะเจ็บปวดในหัวใจเสมอ ผมอยากจะลืม ลืมทุกอย่างระหว่างเรา

หลังเรียนเลิกเรียนนั้น ผมบอกฟ่างที่เดินตามผมว่ามีธุระและขอแยกตัวออกมา ผมรู้สึกดีใจจริงๆ ที่ฟ่างเข้ามาคุยกับผม แต่ก็คงเป็นแค่ช่วงเวลาสั้นๆ ผมไม่อยากจะต้องเสียใครไปอีกแล้ว ไม่เอาอีกแล้ว

ผมเดินไปตามทางเดินในมหา'ลัยไปสู่เส้นทางที่ผมคุ้นชิน ตึกห้องสมุดเก่านั้นตอนนี้ก็ยังดูลึกลับเหลือเกินจนผมคิดว่ามันอาจจะไม่มีอยู่จริง ผมทั้งชอบและกลัวบรรยากาศรอบๆ ตัวของผมตอนนี้ หมู่ต้นไม้ใหญ่ที่ตั้งสูงสองฝั่งทางเดิน กิ่งก้านของมันกำลังปริวพริ้วไหวน้อยๆ ตามแรงลม มันช่างเป็นบรรยากาศที่ชวนขนลุกซะจริง

ผมยังคงเดินต่อไปเรื่อยๆ ผมรับปากอาจารย์ไว้ ว่าผมจะมาช่วยงานอาจารย์ในตอนเย็น ซึ่งป่านนี้ก็น่าจะรอผมอยู่ที่ห้องแล้ว ผมควรเร่งฝีเท้ามากขึ้นอีก

"อย่าเข้าไป"

แต่ผมที่กำลังรีบเร่งเดินนั้นก็ต้องชะงักเท้าทันที ผมหันมองรอบๆ ตัวและเงี่ยหูฟังเสียงอะไรบางอย่าง มันเป็นเสียงที่แผ่วเบาราวเสียงกระซิบที่ลอยมาตามสายลม

"ใครน่ะ" ผมยังคงหันมองรอบๆ ตัวอย่างหวาดหวั่น เอาอีกแล้ว ทำไมถึงมีอะไรแปลกๆ ทุกทีที่ผมมาที่นี่

ผมเดินต่อไป และมองรอบๆ ตัวไปด้วยอย่างตื่นตระหนก ผมเริ่มเดินเร็วขึ้นและเร็วขึ้นเรื่อยๆ แต่ไม่ว่าผมจะเดินต่อไปไกลแค่ไหน สิ่งต่างๆ รอบตัวของผมมันกลับยังคงเป็นเช่นเดิม เป็นทางเดินที่ทอดยาวและมีต้นไม้ปกคลุมจนมืดครึ้ม ทางเดินที่ผมกำลังเดินอยู่นี้ เหมือนกับมันไร้ที่สิ้นสุดใดๆ

ผมเริ่มหัวใจเต้นรัวด้วยความกลัว ที่นี่มันอะไรกัน มันเกิดอะไรขึ้น ลมที่พัดโชยอ่อนในตอนแรกนั้น บัดนี้กลับเริ่มแรงขึ้นและท้องฟ้าที่เคยสว่างก็กลับมืดลงฉับพลัน ผมเริ่มใช้มือป้องสายตาบังลมพายุนั้นไว้ และเพ่งมองทางเดินด้วยหัวใจที่สั่นกลัว ทำไมทุกเรื่องที่แสนเลวร้ายต้องเกิดขึ้นกับผม ทำไมถึงต้องเป็นผม ทำไมผมจะต้องทนทุกข์ทรมานกับเรื่องพวกนี้ พอสักทีได้ไหม

ผมคิดและเริ่มกัดฟันเดินลุยเข้าไปตามทางเดินต่อไป มันจะต้องมีทางออก ใครก็ได้ ช่วยผมที ช่วยนำทางผมออกไปที

และผมที่หรี่ตาเดินฝ่าแรงลมพายุนั้น ก็เริ่มมองเห็นอะไรบางสิ่งอยู่ข้างหน้า ผมมองเงาดำที่ยืนอยู่ไม่ไกลไม่ไกลจากตัวผม มันกำลังยืนอยู่และจ้องมองมาที่ผมเหมือนที่ชอบทำ

"ทางนี้" ผมมองมันที่กำลังเรียกผม ไอหมอกควันสีดำนั้นกำลังพัดแรงและไร้ทิศทาง แต่ก็ยังคงอยู่ในสภาพเช่นเดิมราวกับฝืนไว้

ผมที่ได้ยินแบบนั้นก็ออกวิ่งไปหาสิ่งนั้นทันที ในตอนนี้ไม่มีทางเลือกอีกแล้ว มีเพียงสิ่งนี้สิ่งเดียวที่นำทางผม และราวกับคอยช่วยผมเสมอมา

ผมคิดและวิ่งออกไปยื่นมือไปหาเงาสีดำนั้น และทุกอย่างก็วูบไหวและดับลงฉับพลัน

"ไวท์ลูก ยืนทำอะไรตรงนั้น" ผมสะดุ้งน้อยๆ ทันทีที่ลืมตาขึ้นและพบว่าภาพตรงหน้าคือภาพที่ผมคุ้นเคย นี่ผมมาที่นี่ได้ยังไงกันนะ เมื่อกี้ผมยัง...

"อ่อ ครับ คือผมเพิ่งกลับมา" ผมพูดและยิ้มให้คุณยายพลางเหลือบตามองเจ้าผีตัวนั้นที่ยังคงยืนอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลตัวผม นายเป็นคนพาผมกลับมาสินะ

แต่ว่า มันเกิดอะไรขึ้นกัน ผมไม่เข้าใจเลย

หัวข้อ: Re: In The Shadows' เงาหลอน ซ่อนรัก '[YAOI][#27 สถานที่ที่ไม่อาจเข้าไป](27/8/61)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 27-08-2018 21:16:57
 :pig4: :pig4: :pig4:

อย่าว่าแต่ไวท์เลย   ข้าพเจ้าก็ไม่เข้าใจ

เมื่อไรหนอจะเข้าใจ?  สรุปใครดีใครร้าย?

แต่.....เป็นไปได้ว่า  "เทา ๆ"  ทั้งนั้น
หัวข้อ: Re: In The Shadows' เงาหลอน ซ่อนรัก '[YAOI][#27 สถานที่ที่ไม่อาจเข้าไป](27/8/61)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 28-08-2018 02:11:36
ตกลงอะไรที่ดีกับไวท์จริงๆ อาจารย์  ซิน ผีตัวนั้น หรือจะเป็นฟ่าง เพื่อนคนใหม่ เดาไม่ออกเลยแฮะ  :hao4:
หัวข้อ: Re: In The Shadows' เงาหลอน ซ่อนรัก '[YAOI][#27 สถานที่ที่ไม่อาจเข้าไป](27/8/61)
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 28-08-2018 19:55:03
ขอบคุณครับ +1 ให้นะครับ :a2:
หัวข้อ: Re: In The Shadows' เงาหลอน ซ่อนรัก '[YAOI][#27 สถานที่ที่ไม่อาจเข้าไป](27/8/61)
เริ่มหัวข้อโดย: Gloomy Sunday ที่ 29-08-2018 11:34:18
Shadows ที่ 28 เปลวเทียนดวงสุดท้าย


หลังจากที่หายตัวกลับมานั้น ผมพยายามหลายครั้งที่จะสื่อสารกับผีที่คอยติดตามผม แต่ก็ไม่มีสัญญาณตอบรับใดๆ เช่นเดิม ผมไม่เข้าใจ นี่เป็นเวทมนต์งั้นเหรอ มันเหลือเชื่อมากที่ผมกลับมาที่นี่ ทั้งๆ ที่เมื่อกี้ ผมยังยืนอยู่ที่มหา'ลัยอยู่เลย

ผมจ้องมองผีตัวนั้น และมันก็เหมือนกับกำลังจ้องมองผมอยู่เช่นกัน จ้องมองดูผม ว่าผมกำลังทำอะไร แต่ก็มีบางช่วงที่ผมไม่เห็นตัวมันเหมือนกัน อย่างเช่นตอนที่ซินปรากฎตัว และตอนที่ผมอยู่กับอาจารย์นาธัส

Rrrr Rrrr

แต่ผมที่กำลังนั่งจ้องตากับผีนั้นก็สะดุ้งทันทีที่มีโทรศัพท์ดังขึ้น ยังมีคนโทรหาผมด้วยเหรอ เบอร์แปลกๆ อีกแล้ว

"ฮัลโหล" ผมรับสายและแนบหูลงรอฟังเสียงด้วยความสงสัย

"วันนี้ไม่ว่างเข้ามาใช่ไหม" ผมขมวดคิ้วน้อยๆ ฟังเสียงทุ้มต่ำนั้นและก็นึกออกทันทีว่าใคร

"อาจารย์ ผมขอโทษครับ พอดีเกิดเรื่องนิดหน่อย" ผมรีบพูดขอโทษอาจารย์ เพราะอยู่ดีๆ ผมก็หายไปอีกแบบนี้เกรงใจอาจารย์จัง

"เดี๋ยวผมจะหาเวลาเข้าไปอีกครับ ขอโทษด้วยจริงๆ ครับ" ผมรีบพูดต่อ แต่อาจารย์ก็เงียบเสียงไปพักใหญ่ๆ นี่กำลังไม่พอใจผมหรือเปล่านะ

"ไม่เป็นไร พักผ่อนเถอะ" อาจารย์พูดและตัดสายไป ผมถอนหายใจยาวเหยียด ผมรู้สึกแย่อีกแล้ว พรุ่งนี้ผมควรจะเข้าไปหาอาจารย์ดีหรือเปล่านะ แต่ผมก็เริ่มกลัวเหลือเกินที่จะเข้าไป กลัวว่าจะมีอะไรแปลกๆ เหมือนวันนี้อีก

ก็อกๆๆ

ผมที่เพิ่งวางสายจากอาจารย์นั้นก็ต้องสะดุ้งอีกครั้งทันที ผมมองประตูห้องนอนของผมที่มีเสียงเคาะดังขึ้น อาจจะเป็นคุณยาย หรือเปล่านะ

ผมมองผีที่ยืนอยู่ที่มุมห้อง มันไม่ได้หายไปและกำลังจ้องมองผมอยู่ คงไม่ใช่พวกแปลกๆ หรอกมั้งแบบนี้

ผมคิดและลุกขึ้นเดินไปที่ประตูห้อง ประสบการณ์ชีวิตของผมนั้น ทำให้ผมค่อนข้างระวังตัวและหวาดระแวงทุกๆ อย่างอยู่เสมอ หวังว่าจะไม่มีเรื่องแปลกๆ อีกนะ

ผมคิด และตัดสินใจเปิดประตูออกไป และผมก็ต้องชะงักทันทีที่เห็นคนสองคนยืนอยู่ เป็นคุณตำรวจที่ใส่ชุดเต็มยศตั้งแต่หัวจรดเท้า

"ขอโทษนะครับ ขออนุญาตสอบถามข้อมูลนิดหน่อย" คุณตำรวจหนุ่มคนหนึ่งถอดหมวกออกและถามผมด้วยความสุภาพ

"ค.ครับ" ผมพยายามยิ้มออกมาและทำตัวให้เป็นธรรมชาติ ผมนั้นไม่ได้เป็นคนฆ่าทั้งสามคนนั่นก็จริง แต่ก็พูดไม่ได้ว่าไม่มีส่วนรู้เห็นในเหตุการณ์ ผมควรจะพูดอะไรดี

"น้องรู้ข่าวใช่ไหม เรื่องเพื่อนน้อง" ผมพยักหน้าช้าๆ

"มีคนให้การว่าทั้งสามคนสนิทกับเรา พอจะรู้อะไรบ้างไหม"

"พวกเราไม่ได้สนิทกันครับ แต่ก็เคยคุยกันบ้าง" ผมพูดความจริง สามคนนั่นคอยแต่จะแกล้งผม แบบนั้นจะเรียกว่าสนิทได้ยังไง

"ขอเข้าไปได้ไหม" คุณตำรวจอีกคนหนึ่งพูดขึ้น และเดินเข้ามาโดยที่ผมยังไม่ได้บอกอะไร

"อยู่คนเดียวเหรอ" ผมเหลือบตามองผีตัวนั้นที่ยังคงยืนอยู่ แบบนี้จะเรียกคนเดียวได้ไหมนะ

"ครับ คุณยายอยู่ข้างล่าง" ผมพูดและมองดูคุณตำรวจที่สำรวจรอบห้องเล็กๆ ของผม

"มีแฟนหรือยังเรา หล่อนะ" คุณตำรวจที่ดูหนุ่มๆ ถามผมและยิ้มให้ผม

"ไม่มีหรอกครับ ขอบคุณครับ" ผมพูดและยิ้มแหยๆ ผมก็ได้แค่นี้แหละ หล่อเสียของใช่ไหมล่ะ

ผมมองคุณตำรวจที่เดินรอบๆ อีกครั้งและแอบกระซิบคุยกัน ผมว่าตัวผมคงจะไม่ถูกสงสัยใช่ไหม ผมตัวคนเดียวกับผู้ชายตัวใหญ่กว่าผมสามคน ห้องผมก็ไม่มีร่องรอยอะไร ตัวผมก็เช่นกัน ผมคงจะไม่ถูกจับหรอกใช่ไหม หรือผมควรบอกว่ามันเกิดอะไรขึ้นดี

"คดีที่คลับนั่น เด็กนี่ก็อยู่ด้วย"

ผมหัวใจเต้นรัวทันที ผมมองคุณตำรวจที่กำลังคุยกันเบาๆ และเหลือบสายตามองผม มันก็น่าสงสัยจริงๆ ใช่ไหม เป็นผมก็คงสงสัยล่ะนะ

"เดี๋ยวไปคุยกับคุณยายข้างล่างก่อน" ผมมองคุณตำรวจคนหนึ่งเดินออกไปจากห้อง แต่ก็ยังมีอีกคนหนึ่งที่ยังคงยืนอยู่และจ้องมองผมเงียบๆ แบบแปลกๆ

"เล่นยาหรือเปล่า" ผมสะดุ้งทันทีที่อยู่ดีๆ คุณตำรวจก็พูดขึ้นด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนไป และเดินสาวเท้าเข้ามาหาผมอย่างรวดเร็ว

"ผมไม่ได้เล่นครับ" ผมพูดและหลบมือของตำรวจนั้นทันที

"อยู่นิ่งๆ" ผมหยุดนิ่งทันทีและถอยหลังไปชิดผนัง ผมมองคุณตำรวจที่เดินเข้ามาชิดตัวผมและคลำไปทั่วตัวผมแบบแปลกๆ ผมไม่ชอบเลย รู้สึกไม่ดีเลย

แกร่กๆ

เสียงที่ดังขึ้นด้านหลังทำให้มือของคุณตำรวจชะงักไป ผมมองข้ามไหล่ของคนตรงหน้า และแอบส่ายหัวช้าๆ เพื่อส่งสัญญาณไปด้านหลัง ผีตัวนั้นมันเอาอีกแล้ว มันกำลังยืนถือแจกันเล็กๆ ของผมในมือ และจ้องมองมาด้วยสีหน้านิ่งๆ ที่ดูน่ากลัว

อย่า

ผมพยายามส่งสายตาบอกว่าไม่ เพราะถ้าหากมีอะไรแปลกๆ เกิดขึ้นละก็ ผมก็จะยิ่งถูกสงสัยหนักขึ้นไปอีก

เพล้ง!

"อะไรวะ" ผมมองคุณตำรวจที่หันไปมองหน้าต่างของผมที่ตอนนี้กระจกแตกเป็นรูโหว่ ผมแอบถอนหายใจเล็กๆ ดีนะที่มันปาแจกันนั้นออกไป ไม่ใช่ปามาที่หัวตำรวจนี่

คุณตำรวจนั่นหันกลับมามองผมด้วยคิ้วที่ขมวดเป็นปมและเดินไปที่หน้าต่าง มองลงไปข้างล่างด้วยความแปลกใจและรีบเดินออกไปจากห้องในเวลาต่อมา

"ขอบใจนะ" ผมพูดกับเงาดำในห้องและนั่งลงอย่างเหนื่อยอ่อน ไม่เอาแล้วนะอะไรแบบนี้ หัวใจจะวายเอา

หลังจากที่คุณตำรวจกลับไปแล้ว ผมก็ลงมาช่วยคุณยายปิดร้านเหมือนทุกที และถามคุณยายถึงเรื่องตำรวจพวกนั้น คุณยายก็บอกแค่ว่า เขามาถามอะไรทั่วๆ ไป ซึ่งคุณยายก็ไม่ได้พูดอะไร เพราะไม่ได้รู้จักสามคนนั้นมาก เพียงแค่เคยให้ขนมตอนที่เจอกันไม่กี่ครั้งเท่านั้น

"ขอโทษนะครับคุณยาย" ผมพูดขึ้นหลังจากที่ปิดร้านเสร็จและเดินมานั่งลงข้างๆ คุณยายและกอดแขนท่านเอาไว้

"ชอบพูดแบบนี้อยู่เรื่อย ขอโทษยายบ่อยไปแล้วนะ" คุณยายพูดและหัวเราะเบาๆ ประสาคนแก่

"ผมมีแต่จะทำให้คุณยายเดือดร้อน" ผมพูดและมองคุณยายที่ค่อยๆ ลุกขึ้นจากที่นั่ง

"ไวท์ไม่เคยทำแบบนั้นลูก อย่าคิดแบบนั้นเลย" ผมเดินตามคุณยายไปที่หลังบ้านและมองคุณยายที่เปิดหม้อข้าวที่กำลังอุ่นเอาไว้

"กินข้าวเป็นเพื่อนยายหน่อยนะ ไวท์ไม่ได้กินข้าวกับยายนานแล้ว" คุณยายพูดและยื่นจานให้ผม ซึ่งผมก็รีบช่วยยกรับมา

"ขอบคุณครับ ผมคิดถึงกับข้าวฝีมือคุณยายอยู่พอดี" ผมพูดและช่วยคุณยายเตรียมหม้อถ้วยชามอาหาร และพาคุณยายไปนั่งที่โต๊ะเล็กๆ หน้าบ้าน

"เดี๋ยวถ้าผมได้งานแล้ว ผมจะซื้อของอร่อยมาฝากคุณยายนะครับ" ผมพูดและช่วยตักข้าวให้คุณยาย จริงๆ ที่ผมไม่ค่อยทานข้าวกับคุณยายนั้นเพราะว่าผมเกรงใจท่านต่างหาก ผมไม่อยากให้ท่านมีภาระต้องหาข้าวให้ผมแทนที่จะเก็บไว้กินเองคนเดียวได้หลายๆ มื้อ

"ขยันๆ ไม่อดตายหรอกลูก ถ้าเหนื่อยก็มาหายาย ที่นี่เป็นบ้านของไวท์ ไม่ต้องเกรงใจ" ผมยิ้มให้คุณยาย ตั้งแต่ที่ผมได้พบคุณยาย ชีวิตของผมก็เหมือนกับได้ที่พักพิง พระคุณอันเหลือล้นนี้ ผมไม่รู้ว่าจะตอบแทนทั้งหมดได้ยังไง

"ขอบคุณครับ ถ้าไม่มีคุณยาย ผมก็ไม่รู้ว่าชีวิตของผมจะเป็นยังไง" ผมพูดจากใจจริง ผมนั้นเป็นเด็กกำพร้าที่เหมือนกับไร้ตัวตนมาตั้งแต่เล็กๆ ชีวิตของผมนั้นไม่เคยมีใครเลย ไม่มีคนรักหรืออยากดูแลผม เป็นตัวซวยที่ใครๆ ก็อยากขับไล่ออกไป ครอบครัวนั้นเป็นยังไง เพื่อน ความรัก สิ่งเหล่านั้นเหมือนไม่ได้เกิดมาเพื่อคนอย่างผม คนแปลกประหลาดแบบผม คนที่ถูกสาป ถูกทำให้เหมือน ตายทั้งเป็น

"ถึงไม่มียาย ไวท์ก็จะได้พบที่ของไวท์ เชื่อยายสิ มันแค่ยังไม่ถึงเวลา" ผมมองคุณยายที่ยิ้มอย่างอ่อนโยน ผมจะรอวันนั้นครับ วันที่คงไม่มีวันเป็นจริง

หลังจากทานข้าวและช่วยคุณยายเก็บกวาด ผมก็กลับขึ้นมาที่ห้องและทิ้งตัวลงนอนด้วยรอยยิ้มที่มีอยู่บนใบหน้า ชีวิตถึงแสนจะมืดมน แต่เปลวเทียนดวงเล็กๆ ตรงนี้ ก็ยังคงสว่างและไม่มอดดับไป ชีวิตผมยังต้องดำเนินไปอีกไกล แค่มีที่ให้กลับมา แค่นี้ก็ดีเกินพอแล้ว

ในรุ่งเช้าของวันถัดมา ผมก็ยังคงไปที่มหา'ลัยเหมือนทุกๆ วัน แต่วันนี้นั้นโชคดีเหลือเกินที่อาจารย์ยกเลิกคลาสเรียน ผมคิดและลังเลในใจขณะที่ก้าวเดินไปมาอยู่หน้าคณะ ผมควรจะไปหาอาจารย์นาธัส ผมต้องไปบอกขอโทษอาจารย์เรื่องเมื่อวาน แต่ผมในตอนนี้ก็รู้สึกแปลกๆ เหมือนกำลังกลัวที่จะเดินไปที่ตึกห้องสมุดนั้น

"จ๊ะเอ๋ ไวท์" แต่ผมที่เดินไปมาอยู่นั้นก็สะดุ้งทันทีที่โดนจี้เข้าที่เอว และจะมีใครอีกที่ทำแบบนี้

"ฟ่าง ตกใจหมดเลย" ผมพูดและจ้องมองฟ่างที่ส่งยิ้มหวาน

"วันนี้ไม่ให้หนีหรอก อยากคุยด้วยอ่ะ" ฟ่างพูดและยืนดักหน้าผม

"ผมขอเถอะ ที่พูดเพราะว่า..."

"ขอบคุณมากเลยยยยย ที่เป็นห่วง" ฟ่างพูดดักผมและไม่ยอมให้ผมเดินหนีไป

"นี่ นายน่ะ เจ้านายใจร้ายจังเลยนะ" ผมขมวดคิ้วน้อยๆ ทันทีที่ฟ่างพูดต่อ ฟ่างนั้นเหมือนไม่ได้พูดกับผม แต่กำลังพูดกับด้านหลังของผม

และทันทีที่ผมหันไปนั้นก็เหมือนเดิม ผีตัวเดิมๆ ที่ผมพยายามคุยด้วยอยู่ทุกวัน

"ไม่ใช่เจ้านาย ไม่รู้จักกัน" ผมพูดและถอนหายใจน้อยๆ

"อ้าว ก็เห็นตามตลอดเลยนะ" ฟ่างพูดและขมวดคิ้วสงสัย

"ไม่รู้เหมือนกัน เพราะมันไม่ยอมพูดกับผม" ผมพูดและนั่งลงที่ที่นั่งใกล้ๆ

"เหรอๆ ถ้างั้น...ขอมือหน่อยสิ" ฟ่างเดินตามมานั่งข้างๆ ผมและยื่นมือมาจับมือผมเอาไว้

"ทำอะไรเหรอ" ผมถามฟ่างที่กำลังยิ้ม

"เป็นความสามารถเฉพาะตัว หึหึ" ฟ่างพูดและหลับตาลงทันที

ผมมองฟ่าง ฟ่างนั้นดูเป็นผู้หญิงปกติและเป็นมิตรเหลือเกิน ถ้าเราได้เป็นเพื่อนกันก็คงจะดี ผมอยากเป็นเพื่อนกับเธอ แต่ผมทำไม่ได้ ผมไม่อยากเห็นร่างของเธอที่ไร้ลมหายใจ แค่คิด ก็ทำให้ผมเจ็บปวดแล้ว

"ปก...ป้อง...คำสั่ง" ผมที่จ้องมองฟ่างอยู่นั้นก็ต้องสะดุ้งทันที ฟ่างที่หลับตานิ่งในตอนแรก อยู่ดีๆ ก็พูดขึ้นด้วยเสียงที่เปลี่ยนไปพลางค่อยๆ ลืมตาขึ้น และเหลือกมองขึ้นไปบนท้องฟ้า แต่ดวงตาของฟ่างนั้นกลับเป็นสีดำและดูน่ากลัวจนผมได้แต่ชะงักและถอยหลังออกไป

"ฟ.ฟ่าง" ผมเรียกฟ่างที่ยังคงเหลือกตามองไปด้านบน ผมมองฟ่างและมองไอสีขาวที่ค่อยๆ ลอยออกมาจากตัวเธอ และไอนั้นก็รวมเป็นบางสิ่งที่อยู่เหนือหัวของเธอ มันเริ่มเป็นรูปร่างและทำให้ผมแทบหยุดหายใจ

"เฮ้อออ มองไม่เห็นเลยอ่ะ ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ" ผมที่กำลังชะงักจ้องมองสิ่งตรงหน้านั้น ฟ่างก็กลับมาเป็นปกติและส่งยิ้มให้ผมเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

"ตกใจใช่ไหม ฟ่างไม่รู้เหมือนกันว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่ฟ่างมองเห็นอะไรบางอย่างเวลาทำแบบนี้น่ะ ดูดวงแม่นมาก" ฟ่างพูดและยิ้มให้ผมแบบอวดๆ

"ฟ่างมี พี่น้องฝาแฝด อะไรแบบนี้หรือเปล่า" ผมพูดเบาๆ ด้วยความไม่แน่ใจ และจ้องมองฟ่างที่ใบหน้าเริ่มหุบยิ้มลงทันที ด้วยแววตาสั่นระริก

"ว่ายังไงนะ" สีหน้าของฟ่างนั้นดูสับสนและร้อนรน หยาดน้ำตาค่อยๆ ไหลออกมาจากดวงตาช้าๆ พลางจับแขนของผมไว้แน่น

"เห็นเหรอ อยู่ไหน อยู่ที่ไหน บอกที" ฟ่างเขย่าตัวผมและเริ่มร้องไห้ออกมา ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่สิ่งนี้คงทำให้ฟ่างเสียใจมาก

"เธอไม่เคยไปไหนจากฟ่างเลย" ผมพูดและมองฟ่างที่ทำท่าเหมือนกับกำลังหมดแรง

"แต่พี่ไม่เคยมาเลย ไม่ว่าฟ่างจะเรียกหาแค่ไหน" ฟ่างพูดราวกับพูดอยู่กับตัวเองและยังคงน้ำตาไหลออกมา ผมจับไหล่ฟ่างไว้และบีบเบาๆ อย่างปลอบประโลม

"อาจมีเหตุผลอะไรสักอย่าง แต่พี่ของฟ่างเขาดูมีความสุขดีนะ" ผมพูดบอกฟ่าง ผมนั้นได้เห็นวิญญาณฝาแฝดของฟ่าง ตอนที่เธอกำลังใช้พลังของตัวเอง เธอคงไม่รู้ว่าพลังเหล่านั้นมาจากไหน ที่จริงแล้ว เป็นเพราะพี่สาวของฟ่างที่เป็นคนบอกเธอ ช่างเป็นความสัมพันธ์ที่น่าอิจฉาจริงๆ

"ขอบคุณมากไวท์ ดีใจจริงๆ ที่เจอไวท์" ฟ่างพูดเบาๆ และยิ้มให้ผมทั้งน้ำตา

"พี่ฟางช่วยฟ่างเอาไว้เมื่อ 2 ปีก่อน" ฟ่างเช็ดน้ำตาและเริ่มพูดเล่าเรื่องของตัวเอง

"เป็นเพราะฟ่าง พี่ฟางถึงต้องตาย พี่จมน้ำตายต่อหน้าฟ่าง" ฟ่างพูดและเริ่มร้องไห้อีกครั้ง

"ฟ่างพยายามเรียกหาพี่ แต่พี่ก็ไม่เคยปรากฎตัวเลย ไม่รู้เพราะอะไร ทั้งๆ ที่ฟ่างก็มองเห็นวิญญาณได้" ฟ่างพูดอย่างไม่เข้าใจ

"ผมก็ไม่ค่อยรู้หรอก แต่เห็นตอนฟ่างกำลังจับมือผม ผมเห็นเขาออกมาอยู่ข้างๆ ฟ่าง" ผมพูดตามที่เห็นและตอนนี้ผมก็ไม่เห็นพี่สาวของฟ่างแล้ว

"แบบนี้นี่เอง" ฟ่างพูดกับตัวเองและยิ้มน้อยๆ

"ยังไงก็ขอบคุณนะ ถ้าไม่ได้เจอไวท์ ป่านนี้ฟ่างก็คงไม่รู้" ฟ่างพูดและส่งยิ้มให้ผม

"คนที่เป็นแบบไวท์ จะมีสักกี่คนกันนะ เป็นคนที่พิเศษจริงๆ" ผมที่ได้ยินแบบนั้นก็รู้สึกไม่ดีทันที เพราะมีคนเคยบอกผมเอาไว้แบบนั้นเหมือนกัน บอกว่าผมเป็นคนพิเศษ

"ผมไม่ใช่คนพิเศษอะไรหรอก อย่าพูดแบบนั้นเลย" ผมพูดและยิ้มอย่างเศร้าๆ

"อ่อ แล้วก็ คนที่เห็นแบบผมน่ะ ยังมีนะ" ผมบอกฟ่าง ผมนึกถึงอาจารย์นาธัส อาจารย์นั้นมองเห็นทุกสิ่งเหมือนกัน ผมคิดว่าใช่แน่ๆ

"จริงเหรอ ใครกัน" ฟ่างในตอนนี้นั้นกำลังทำสีหน้าอยากรู้เต็มที่ และเลิกร้องไห้แล้ว ผมค่อยรู้สึกสบายใจหน่อย

"อาจารย์..."

แต่ผมที่กำลังจะพูดออกไปนั้นสายตาก็บังเอิญเห็นอาจารย์ที่กำลังเดินมาพอดี ผมรีบลุกขึ้นและเตรียมทักอาจารย์ที่เดินอยู่ไกลๆ

"อะไรเหรอ คนที่บอกเหรอ" ฟ่างที่เห็นผมยืนนั้นก็ลุกขึ้นตามทันที

"ใช่ นั่นไง อาจารย์นาธัส" ผมพูดและยังคงมองอาจารย์ที่เดินใกล้เข้ามา

ฟ่างที่อยู่ข้างๆ ผมนั้นก็หันมองตามผมด้วยความสนใจทันที

"ไหนอ่ะ ไม่เห็นใครเลย" ผมขมวดคิ้วน้อยๆ และมองฟ่างที่กำลังชะเง้อคอมองไปด้านหน้าเหมือนกับไม่เห็นอาจารย์ที่เดินอยู่จริงๆ

"ล้อเล่นใช่ไหม" ผมพูดและมองฟ่างที่ยังคงพยายามมองหาอยู่

"ทำอะไรกันเหรอ" ผมหันไปที่ต้นตอของเสียงทันที อาจารย์นาธัสนั้นเดินมายืนอยู่ตรงหน้าผม และฟ่างด้วยสีหน้าเรียบๆ แบบเก่า ผมเหลือบมองฟ่างที่ตอนนี้กำลังมองอาจารย์อยู่เช่นกัน แต่ก็เป็นสีหน้าที่แสดงออกว่าประหลาดใจเหลือเกิน

"อาจารย์...เดินมาจากทางไหนกัน" ฟ่างพูดและขมวดคิ้วน้อยๆ จ้องมองอาจารย์ด้วยความแปลกใจ

"ก็เดินมาเห็นๆ อยู่" ผมพูดและคิดว่าฟ่างคงจะแกล้งผมแน่ๆ

"เธอคงต้องไปตัดแว่น" อาจารย์พูดและมองฟ่างอย่างพินิจพิจารณา คงเพราะไม่เคยเห็นสินะ

"คือ ฟ่างเขาเพิ่งย้ายมาน่ะครับ อาจารย์คงไม่เคยเห็น" ผมพูดและมองฟ่างเป็นเชิงให้แนะนำตัว

"ชื่อฟ่างค่ะ ไวท์เล่าเรื่องของอาจารย์ให้ฟังอยู่พอดี" ฟ่างพูดและยิ้มแหยๆ ให้อาจารย์

"งั้นเหรอ เรื่องดีๆ ใช่ไหม" อาจารย์พูดและเปลี่ยนมามองผม

"ก็ต้องเรื่องดีๆ สิครับ มีเรื่องที่อาจารย์ไม่ดีที่ไหนกัน" ผมรีบพูดก่อนที่อาจารย์จะเข้าใจผิด

"หล่อเนอะ"

ฟ่างที่อยู่ข้างๆ ผมนั้นไม่ได้เกรงใจอาจารย์เลยสักนิด และกำลังป้องปากกระซิบข้างๆ หูผมอยู่ ให้ตายสิ

"อยากไปกินข้าวกันไหม" อาจารย์พูดถามผมและทำเป็นไม่สนใจฟ่าง

"คือ เมื่อวานอาจารย์ก็เลี้ยงผมแล้ว" ผมพูดแบบเกรงใจ

"วันนี้ไวท์จะอยู่กับหนูค่ะ" ฟ่างพูดและรีบกอดแขนผมอย่างรวดเร็วจนผมได้แต่ยืนงง

"เหรอ แต่เธอคงได้ยินเรื่องไวท์มาแล้วใช่ไหม และไวท์ เธอควรจะเตือนเพื่อนบ้างนะ คงไม่อยากให้เกิดเรื่องเหมือนเจใช่ไหม" ผมชะงักจ้องมองอาจารย์ทันที ผมมองอาจารย์ที่พูดเรื่องนี้ขึ้นมาและดูอารมณ์เสียหน่อยๆ ผมรู้สึกไม่ดีเลย ทำไมถึงพูดแบบนั้น อาจารย์ดูแปลกไปหรือเปล่านะ

"ครับ ผมเข้าใจดี" ผมพูดและทำหน้าหมองเศร้า

"หนูไม่กลัวหรอกค่ะ พี่ของหนูคอยปกป้องหนูอยู่" ผมมองฟ่างที่อยู่ๆ ก็พูดขึ้นมาอย่างมั่นใจ และมันทำให้ผมเริ่มยิ้มได้

"งั้นเหรอ ก็ดี" อาจารย์พูดและยิ้มน้อยๆ

"งั้นฉันไปก่อนนะ มีอะไรก็โทรมาละกัน" อาจารย์พูดกับผมพลางจ้องมองฟ่าง และเดินจากไป

"วิญญาณชั้นต่ำ"

ผมมองตามหลังอาจารย์ที่เดินจากไป และได้ยินเสียงอะไรบางอย่าง แต่ก็ไม่ชัดนัก ทำไมอาจารย์ถึงดูอารมณ์เสียกันนะ ผมทำอะไรไม่ดีหรือเปล่า

"ไวท์" ผมมองฟ่างที่กำลังทำสีหน้าแปลกๆ และจ้องมองผม

"อาจารย์นั่น คนแน่เหรอ" ผมตกใจทันทีที่ได้ยินแบบนั้น

"คนสิฟ่าง อาจารย์ช่วยผมหลายอย่าง แถมหลายๆ คนก็มองเห็นนะ" ผมพูดและเริ่มไม่มั่นใจในความคิดของตัวเอง เพราะว่าซินนั้นก็ไม่ใช่คน แต่ทุกคนก็มองเห็นซินได้เช่นกัน มันยังไงกันแน่นะ

"ในหัวฟ่างตอนมองหน้าอาจารย์นั่น มันเหมือนกับจะระเบิดออกมา ข้างในตัวฟ่าง เหมือนกำลังปั่นป่วน บางทีพี่อาจจะอยากบอกอะไร" ฟ่างพูดและกำเสื้อตัวเองไว้

"แต่เขาคอยช่วยผม..." ผมพูดอย่างไม่แน่ใจ และพยายามนึกถึงสิ่งต่างๆ ระหว่างผมกับอาจารย์

"ก็หวังแบบนั้นนะ แต่ดูน่ากลัวยังไงไม่รู้ ขนลุกไปหมด" ฟ่างพูดและลูบแขนตัวเองไปมา

"แต่เมื่อกี้ฟ่างยังบอกว่าหล่ออยู่เลยนี่" ผมพูดและไม่เข้าใจฟ่างจริงๆ

"ก็หล่อจริงๆ แต่น่ากลัวไง" ฟ่างพูดและยิ้มเจ้าเล่ห์

"แล้วที่ฟ่างบอกว่าพี่ของฟ่างอาจอยากบอกอะไร" ผมนึกขึ้นได้ ผมว่านั่นเป็นความคิดที่ดีทีเดียว แต่การพูดกับวิญญาณนั้น ผมก็ไม่ชินสักที

"ใช่ๆ ลองกันไหม แล้วถามพี่ฟางด้วยว่าเป็นยังไงบ้าง สบายดีไหม ถามให้ฟ่างหน่อย" ฟ่างพูดและเขย่าตัวผมไปมา

"จริงๆ ผมกลัวนะ ฟ่างน่ากลัวมากเลยเวลาทำแบบนั้น" ผมนึกถึงฟ่างตอนที่เอ่อ เหมือนกำลังเข้าทรง มันน่ากลัวสุดๆ ไปเลย

"เหรอ ขอโทษนะ แต่ฟ่างอยากรู้จริงๆ อ่า" ฟ่างพูดและดึงผมให้นั่งลง

"ตรงนี้เลยเหรอ ไม่เอาดีกว่าคนเยอะ" ผมพูดและลุกขึ้นทันที

"โธ่ น้าๆ แปบเดียวเอง เดี๋ยวเลี้ยงชาบูชุดใหญ่เลย นะๆ" ฟ่างพูดและพยายามดึงผมให้นั่งลงตามเดิม ผมไม่ได้เห็นแก่กินซะหน่อย จริงๆ นะ

ผมเหลือบมองคนที่เดินผ่านไปมา และนั่งลงอีกครั้ง ผมมองฟ่างที่ยิ้มและจับมือผม เอาล่ะ กล้าๆ ไว้ มันไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้น

ผมมองฟ่างที่ค่อยๆ หลับตาลงด้วยหัวใจที่เต้นรัว ดีจังเลยนะความสามารถแบบนี้ แถมฟ่างยังดูภูมิใจในตัวเองสุดๆ ถ้าผมกล้าพูดกับพี่สาวฟ่าง ต่อไปผมอาจจะกลัวผีน้อยลงก็ได้

แต่ผมที่นั่งรออยู่สักพัก ก็เริ่มรู้สึกว่าทำไมคราวนี้ถึงนานกว่าครั้งก่อน ฟ่างยังคงหลับตานิ่ง ไม่ได้ลืมตา ไม่ได้พูดอะไรแปลกๆ ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย

"ทำไมกันนะ" ผมมองฟ่างที่ขมวดคิ้วและลืมตาขึ้นช้าๆ

"มีอะไรเหรอ"

"อยู่ๆ ก็ทำไม่ได้ เพราะอะไรกัน" ฟ่างดูงุนงงสับสนและไม่เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น

"ไม่เคยเป็นแบบนี้เลยเหรอ" ผมถามฟ่าง

"ไม่เลย พี่ฟางเป็นอะไรไปนะ"

"ไม่เป็นไร รอเวลาอีกสักพักค่อยลองใหม่ก็ได้" ผมพูดบอกฟ่างให้สบายใจ

"อาจจะเหนื่อยละมั้ง" ฟ่างพูดอย่างไม่แน่ใจ และยังคงขมวดคิ้วอยู่

"เราไปที่อื่นกันดีไหม นี่ก็จะเที่ยงแล้ว" ผมลองชวนฟ่าง

"อื้อ ไปกินข้าวกัน" ฟ่างดูคลายความกังวลมากขึ้น และดึงผมออกเดินไปจากตรงนั้น

แต่พวกเราทั้งสองคนก็ไม่ได้รับรู้เลยว่า ยังมีคนอีกคนที่ยังไม่ได้ไปไหนและกำลังจ้องมองกดดันเหล่าวิญญาณทั้งหลาย

ไม่ให้ได้โผล่ออกมาในระยะเวลานั้น

หัวข้อ: Re: In The Shadows' เงาหลอน ซ่อนรัก '[YAOI][#28 เปรวเทียนดวงสุดท้าย](29/8/61)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 29-08-2018 12:27:22
 :pig4: :pig4: :pig4:

จะเกือบ 30 ตอนแล้ว  ปริศนาก็ยังเป็นปริศนา

อาจารย์นาธัสเป็นอะไรกันแน่?

ซินเป็นอะไกันแน่?
หัวข้อ: Re: In The Shadows' เงาหลอน ซ่อนรัก '[YAOI][#28 เปรวเทียนดวงสุดท้าย](29/8/61)
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 29-08-2018 17:30:51
ไวท์เชื่อคนง่ายไปนะ จนน่ารำคาญอะ อ.นั่นก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลย แค่พูดละก็ให้ของบ้าบอมา ให้มาก็มีแต่เรื่อง ยังจะบอกว่าช่วยอีก ส่วนคนที่ช่วยจริงๆแบบซินนี่ดันมองว่าเค้าร้าย ที่ฆ่าก็เพราะช่วยรึป่าว งงในความคิดมาก แต่ยังไงก็เหอะ ไม่ดีทั้งคู่อะ
หัวข้อ: Re: In The Shadows' เงาหลอน ซ่อนรัก '[YAOI][#28 เปรวเทียนดวงสุดท้าย](29/8/61)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 30-08-2018 01:53:05
ดูแล้วไมน่าเชื่อถือเลยสักกะคน  :ling3:
หัวข้อ: Re: In The Shadows' เงาหลอน ซ่อนรัก '[YAOI][#28 เปลวเทียนดวงสุดท้าย](29/8/61)
เริ่มหัวข้อโดย: Gloomy Sunday ที่ 17-09-2018 15:11:30
Shadows ที่ 29 เปลวเทียนที่มอดดับลง


ผมกับฟ่างนั้นค่อนข้างคุยกันถูกคอ เพราะพวกเรามีอะไรที่คล้ายๆ กันอยู่ แต่ที่ตรงกันข้ามสุดๆ ก็คงจะเป็น ความช่างพูดของเธอที่มากล้นซะเหลือเกิน มันจะไม่เป็นไรจริงๆ เหรอ ที่ผมจะมีเพื่อน มีคนที่เข้าใจผมแบบนี้

"ไวท์หางานทำอยู่เหรอ" ฟ่างถามผมหลังซัดก๋วยเตี๋ยวไปสามชามได้

"ใช่ ช่วงนี้ค่อนข้างลำบากน่ะ" ผมบอกฟ่างถึงเรื่องที่ผมตกงาน และมักไม่มีใครอยากให้ผมทำงานด้วย

"ไปร้านคนรู้จักฟ่างไหม อยู่ใกล้ๆ นี่เอง" ฟ่างพูดและทำหน้าตื่นเต้น

"แถวมหา'ลัยนี้ไม่มีใครอยากให้ผมทำงานหรอก" ผมทำหน้าหงอยๆ

"เฮ้ย ไม่ลองแล้วจะรู้ได้ไง ไปๆ รีบไป" ฟ่างยกน้ำขึ้นดื่มและวิ่งไปยัดตังให้ป้าเจ้าของร้าน และวิ่งกลับมาลากผมไปอย่างรวดเร็ว เป็นคนแบบนี้จริงๆ นะเนี่ย แต่อยู่ด้วยก็สนุกดี

ผมมองฟ่างที่เดินไปด้วยพูดไปด้วยไม่หยุด แบบนี้เหมือนเลยนะ เหมือนกับเจเลยล่ะ ผมคิดถึงเพื่อน ที่ไม่สามารถเจอกันได้อีกแล้ว มันเป็นอะไรที่น่าเศร้ามาก

ไม่นานนักผมก็มายืนอยู่ที่หน้าร้านกาแฟเล็กๆ แห่งหนึ่ง แต่ว่าเดี๋ยวนะ ที่นี่...ผมเคยมากับเจ

ผมมองดูฟ่างที่วิ่งเข้าไปที่เคาน์เตอร์และพูดคุยกับผู้ชายคนหนึ่ง ตัวสูง หน้าตาดี อายุน่าจะมากกว่าพวกเราไม่เท่าไหร่ และคงจะเป็นเจ้าของร้าน ผมรีบก้มหน้ามองพื้น เขาคงจำผมได้ และไม่อยากให้ผมทำงานด้วยแน่ๆ

"ไวท์ ยืนทำอะไร มานี่สิ" ฟ่างเรียกและวิ่งมาลากผมให้เดินเข้าไป ผมหลบสายตาของลูกค้าที่กำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะ มีหลายๆ คนจ้องมองผมและกระซิบกระซาบกัน ก็แบบนี้แหละนะ ผมถึงไม่อยากทำงานแถวๆ นี้

"พ่อรูปหล่อคนดังนี่เอง" ผมที่ได้ยินแบบนั้นก็เงยหน้าขึ้นทันที และมองเจ้าของร้านที่กำลังส่งยิ้มให้

"ตกลงรับนะพี่ ไวท์ขยันและนิสัยดีมากกก" ผมมองฟ่างที่เขย่าแขนพี่เจ้าของร้านจนหัวสั่นหัวคลอน สนิทกันขนาดไหนนะ

"ถ้าฟ่างพูดแบบนั้นพี่จะทำอะไรได้" ผมที่ได้ยินแบบนั้นก็รู้สึกดีใจมาก ทำไมถึงง่ายจังนะ ผมคิดว่าจะถูกปฏิเสธซะแล้ว

"พี่ชื่อเบลล์นะ จริงๆ ชื่อยาวกว่านี้ แต่เรียกเบลล์นี่แหละ" ผมมองพี่เจ้าของร้านที่กำลังแนะนำตัวด้วยสีหน้าอมยิ้ม ไม่รู้ทำไม แต่ดูเหมือนพี่เขาจะไม่ได้มีความสงสัยอะไรในตัวของผมเลย เหมือนกับว่า รู้จักผมอยู่แล้ว

"ติดหนี้ฟ่างนะ" ฟ่างเดินเข้ามาพูดกับผมใกล้ๆ ด้วยใบหน้ากวนๆ

"ฟ่าง รู้จักพี่เขาได้ยังไง" ผมถามอย่างอยากรู้ และนั่งลงที่โต๊ะใกล้ๆ ยิ่งมองดูพี่เบลล์แล้ว ผมก็คิดว่าพี่เขามีสายตามองผมที่แปลกอยู่ดี

"นั่นสิ ทำไมกันนะ" คำถามของผมทำให้ฟ่างเริ่มนิ่งเงียบและทำท่าครุ่นคิดอย่างจริง "ทำไมกันนะ ทำไมถึงจำไม่ได้..." ผมที่เห็นเพื่อนเริ่มเครียด ก็คิดว่าน่าจะพอแล้วดีกว่า

"ไม่เป็นไรไม่ต้องคิดแล้ว ขอบคุณจริงๆ นะ" ผมพูดและยิ้มให้ฟ่าง

"มันแปลกๆ แต่ว่า อืมช่างเถอะ เทียบไม่ได้กับเรื่องที่ไวท์บอกฟ่าง ไวท์เป็นคนช่วยฟ่างก่อน" ฟ่างพูดและทำสีหน้าจริงจัง

"ไม่เป็นไร ถึงจะกลัว แต่ก็จะลองคุยให้อีกนะ" ผมพูดถึงเรื่องวิญญาณของพี่สาวฟ่าง ถ้าผมทำอะไรให้เพื่อนได้บ้าง ผมก็จะทำ

"โอเค งั้นตอนนี้...กินก่อน" ฟ่างพูดและลุกขึ้นจากที่นั่งพลางวิ่งไปวนรอบๆ ตู้ขนม และพี่เบลล์ก็หยิบเค้กให้พวกเราหลายชิ้นมาก แถมฟรีอีกต่างหาก วันนี้นี่ถือว่าเป็นวันดีสินะ ถ้าหากว่าทุกๆ วันของผมมีความสุขแบบนี้ อีกไม่นาน ผมก็คงจะลืมซินได้สินะ

แต่ถึงจะคิดแบบนั้น ตอนนี้ผมก็นึกถึงซินอีกแล้ว...

หลังจากที่กินขนมและคุยเล่นกันอยู่หลายชั่วโมง ผมลองเดินดูรอบๆ ร้านและช่วยพี่เบลล์หยิบจับงานเล็กๆ น้อยๆ บ้าง นี่มันเหมือนที่ผมเคยคิดไว้เลย ผมอยากทำงานในร้านกาแฟแบบนี้ กลิ่นขนมปังหอมๆ กลิ่นกาแฟที่ชวนให้ลิ้มลอง นี่ผมไม่ได้กำลังฝันไปใช่ไหมที่จะได้ทำงานที่ผมอยากทำ

"พร้อมเมื่อไหร่ก็มาได้เลยนะ" พี่เบลล์บอกผมหลังจากที่ชงนมอุ่นๆ มาให้ผมดื่มอีกแล้ว

"ขอบคุณมากเลยครับ แต่พี่ก็รู้เรื่องผมดีใช่ไหมครับ ผมกลัวนิดหน่อย ว่าลูกค้าอาจจะไม่ชอบใจที่เห็นผมที่นี่" ผมพูดด้วยใจจริง ผมอยากบอกเรื่องที่ผมกังวลใจ

"แต่เราไม่ได้ทำเรื่องไม่ดีจริงๆ ใช่ไหมล่ะ เพราะงั้น อย่าคิดมากเลย" ผมยกมือขอบคุณพี่เขาอีกครั้ง ผมดีใจจริงๆ ที่ยังมีคนเชื่อผมอยู่ ในความมืดนั้นก็ยังคงมีแสงสว่างหลงเหลืออยู่บ้าง ซึ่งแค่นี้ก็ดีเหลือเกินแล้วสำหรับคนอย่างผม

หลังจากแยกตัวจากฟ่างที่ร้านกาแฟนั้น ผมหอบหิ้วขนมกล่องใหญ่มาด้วย เพื่อหวังทีิ่จะให้คุณยายได้ลองชิมดู เพราะมันอร่อยมากจริงๆ

ผมนั่งรถกลับและยิ้มแย้มตลอดเวลา พรุ่งนี้ผมจะได้เริ่มต้นใหม่ มีเพื่อนใหม่ นี่เป็นโอกาสที่ผมจะได้ลืมเรื่องร้ายๆ ออกจากหัวใจสักที

แต่ผมที่นั่งอยู่บนรถสองแถวเพื่อกลับบ้านนั้น ก็มองเห็นรถคันใหญ่สีแดงหลายคันวิ่งผ่านไป ผมขมวดคิ้วและมองรถเหล่านั้นที่กำลังมุ่งหน้าแซงไปอย่างไม่ลดละ คงจะมีไฟไหม้แถวๆ นี้ แต่นี่ก็มืดแล้วนะ ผมเป็นห่วงบ้านที่ประสบเหตุนั้นจริงๆ คงจะกำลังลำบากน่าดู

ผมนั่งรถมาอีกสักพัก และกดกริ่งเพื่อลงที่หน้าถนนใหญ่ ผมมองรถสีแดงที่ผ่านหน้าผมไป และมันเลี้ยวเข้าไปในซอยใกล้ๆ กับที่ผมยืนอยู่

ผมมองรถคันนั้นและเริ่มเดินเข้าไปตามทางที่ผมคุ้นชิน ผมมองชาวบ้านหลายคนที่เดินออกมาจากบ้านและมุงคุยกันด้วยสีหน้าเคร่งเครียด รถสีแดงคันใหญ่ยังคงวิ่งตามกันเข้ามาและความโกลาหลก็เริ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ทุกขณะ

ผมถือกล่องขนมไว้ในมือพลางก้าวเดินต่อไป ผมเดินไป เดินไปด้วยหัวใจที่เริ่มเต้นถี่ขึ้นเรื่อยๆ ผมเดินผ่านบ้านเรือนที่ผมคุ้นเคย ผ่านหัวมุมที่ผมรู้ว่าอีกไม่กี่อึดใจผมก็จะถึงบ้านแล้ว บ้านของผม บ้านของคุณยาย...

ราวกับทุกอย่าง กำลังเคลื่อนผ่านไปช้าๆ แววตาของผมในตอนนี้นั้นร้อนระอุราวกับเพลิงที่กำลังลุกไหม้ ผมมองภาพตรงหน้า มองกองเพลิงขนาดใหญ่ที่กำลังพรากทุกสิ่งในชีวิตผมไป

ในหูของผมไม่ได้ยินสิ่งใด ผมมองดูผู้คนที่วิ่งไปมาและส่งเสียงร้องอย่างโกลาหล เท้าของผมค่อยๆ ขยับ ก้าวเดินไปช้าๆ ที่หน้าบ้านหลังนั้น บ้านที่กำลังลุกไหม้ บ้านของผมที่กำลังลุกเป็นไฟ

"คุณยาย" ผมพูดเบาๆ และปล่อยกล่องขนมให้ร่วงหล่นลงที่พื้น ผมออกแรงวิ่ง วิ่งเข้าไปยังกองเพลิงร้อนแรงที่กำลังลุกไหม้

ไม่จริง ไม่ได้ เป็นไปไม่ได้ ทำไมกัน ได้โปรดเถอะ แค่เพียงสิ่งนี้ ขอแค่เรื่องนี้ไม่ได้เหรอ ผมไม่เหลือใครอีกแล้ว  ไม่มีอีกแล้วจริงๆ อย่าพรากไป อย่า!!!

แต่ผมที่วิ่งเข้าไปนั้นก็ถูกสะกัดเอาไว้อย่างรวดเร็ว ผมเริ่มร้องไห้ และพยายามตะกุยตะกายเข้าไปยังกองเพลิงนั้น ภาพทุกอย่างราวกับช้าลงนับแสนล้านวินาที ผมกับคนอีกหลายคนกำลังยื้อแย่งผลักกันเพื่อล็อกตัวผมเอาไว้ ผมทำได้แค่เพียงยื่นมือเข้าไป ยื่นไปยังที่ที่ผมไม่อาจเอื้อมถึง ไม่ว่าผมจะพูดอะไร ร้องไห้หรือร้องตะโกนแค่ไหน มันก็ไม่มีประโยชน์อีกแล้ว

จากไปแล้ว ทุกสิ่ง หายไปแล้ว...



ผมลืมตาตื่นขึ้นช้าๆ ในที่ที่ผมไม่อาจรู้ได้ว่าคือที่ไหน สมองของผมมันตื้อตึง ไม่อยากรับรู้สิ่งใด

ผมหมดเรี่ยวแรง ราวกับเบื่อที่จะหายใจ ผมนอนนิ่งเดียวดาย จ้องมองเพดานสีดำมืด แต่กลิ่นอายนี้ สัมผัสนี้ผมรู้สึก คุ้นเคย...

"ลุกขึ้นทานอาหารเถอะครับ" ผมคิ้วกระตุกน้อยๆ นี่ผมกำลังฝันอยู่สินะ เป็นฝันร้าย ฝันที่ร้ายที่สุด ทุกสิ่งไม่ได้เกิดขึ้น มันไม่ได้เกิดขึ้น

"ลุกเถอะครับ ท่านกำลังคอย" ผมค่อยๆ หันหน้าไปหาคนที่กำลังร้องเรียกผม เด็กนั่น ใครกัน ไม่สิ นี่มัน...

ผมลุกขึ้นทันทีและมองไปรอบๆ ตัวอีกครั้ง ห้องนอนสีดำที่กว้างใหญ่ เตียงที่แสนเย็นยะเยือก โคมไฟ เชิงเทียน ทุกอย่างล้วนเป็นสีดำสลับกับเครื่องเงิน ที่นี่คือที่ของซิน รังของปิศาจ

ผมคิดและค่อยๆ ลุกขึ้น ผมมองลินที่ยังคงเหมือนเดิม ใบหน้าซีดที่ดูตื่นกลัวง่าย ผมมาอยู่ที่นี่จริงๆ ที่ที่ผมเคยฝันถึง ที่ที่พวกเรา เคยจะได้อยู่ด้วยกัน

ผมเดินตามลินไปตามทางเดินมืด เพื่อไปยังห้องที่ผมเคยไปเมื่อครั้งที่เคยมา ความมืดและความเงียบยังคงเดิม แต่สมองของผมตอนนี้นั้นไม่ได้สนใจสิ่งรอบตัวเลยสักนิด ผมอยากไป อยากพบคนคนนั้น ผมไม่อยากจะทนอีกต่อไปแล้ว

ผมเร่งฝีเท้าแซงหน้าลินและผลักประตูขวามือเข้าไปอย่างแรง ผมมองดูโต๊ะอาหารตัวยาวตัวเดิม และมองคนคนเดิมที่นั่งประสานมือไว้บนตัก คนใจร้ายที่ร้ายยิ่งกว่าปิศาจใดๆ

"นายมัน ปิศาจ" ผมกัดฟันพูดและยืนจ้องมองซินที่ค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมองผม "ในกองเพลิงนั่น นายใช่ไหม" ผมพูดและนึกย้อนถึงตอนที่ผมพยายามจะวิ่งเข้าไป

ผมเห็นเขา ผมเห็นคนยืนอยู่ตรงนั้น ในเปลวเพลิงที่กำลังลุกไหม้ และผมจำได้ดี ว่าคนคนนั้นคือใคร

"ทำไม" ผมพูดและเริ่มน้ำตาไหลออกมาพลางเดินเข้าไปหาซินอย่างไม่เกรงกลัว "ทำไมถึงฆ่าคุณยาย ทำไม" ผมดึงคอเสื้อของซินและเขย่าเบาๆ อย่างอ่อนแรง

"ท่านไม่ได้..."

"ลิน ใครสั่งให้พูด" ซินพูดบอกลินแต่สายตายังคงจ้องมองผมด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า

"ยินดีต้อนรับ" ซินพูดต่อและยังคงยิ้มอย่างชั่วร้าย

"ยินดีงั้นเหรอ ถึงตาย ผมก็ไม่อยู่ที่นี่หรอก" ผมพูดอย่างท้าทาย ผมยังคงรู้สึกถึงหัวใจของผมที่ยังคงเต้นอยู่ ผมยังไม่ตาย ผมยังมีชีวิต แต่กลับถูกพาตัวมาที่นี่

"นั่งลงสิ" ซินผายมือให้ผมนั่งลงอย่างไม่สนใจสิ่งที่ผมพูด

"พาผมกลับไป" ผมพูดอย่างแน่วแน่ พอกันทีกับคนแบบนี้

"ลิน ยกอาหารมาสิ" ซินนั้นไม่ได้ฟังผมสักนิด แต่กำลังสั่งลินเหมือนที่เคยทำ

"นั่งลง" ผมไม่สนคำสั่งของซิน ผมหันหลังและเดินอย่างรวดเร็วไปที่ประตู ผมจะหาทางออกไปเอง ถึงจะไม่รู้อะไรเลยก็เถอะ

"อั่ก น.ท่าน"

แต่ผมที่กำลังจับลูกบิดประตูนั้นก็ได้ยินเสียงแปลกๆ ดังมาจากด้านหลัง ผมหันกลับไปมองโต๊ะยาวนั้น มองซินที่กำลัง...

"ไม่นะ อย่า" ผมที่เห็นภาพตรงหน้าก็รีบวิ่งกลับมาทันที ผมมองซินที่ใช้มือกำรอบคอของลินเด็กชายตัวน้อยจนลอยขึ้นจากพื้น ทำไมถึงเป็นคนสกปรกแบบนี้

"นั่ง ลง"  ซินพูดและปล่อยลินลง ผมรีบวิ่งไปจับลินไว้และดึงมาดูด้วยความเป็นห่วง

"ไม่เป็นไรนะ" ผมพูดถามลินที่กำลังหวาดกลัว

"มันตายซ้ำไม่ได้หรอก" ซินยกไวน์ในมือขึ้นจิบ ผมตวัดสายตามองซินด้วยความโกรธ แต่ก็ยอมนั่งลงตามที่ถูกสั่ง ผมกำมือแน่น อยากร้องไห้แต่ก็ร้องไม่ออก ผมเจ็บปวดเหลือเกิน เกินกว่าจะร้องไห้อีกแล้ว

"กินซะ" ผมนั่งนิ่งด้วยหัวใจที่ปวดร้าว ผมนึกถึงภาพบ้านของผมที่อยู่ในกองเพลิง นึกถึงคุณยายที่ทุกข์ทรมาน ทำไม ทำไมเรื่องแบบนี้ถึงเกิดขึ้นด้วย

ผมคิด และเหลือบตามองซินที่ยังคงนั่งนิ่งและจ้องมองผม ถ้านายต้องการทรมานผมละก็ นายก็สมใจแล้วล่ะ ผมไม่เหลืออะไรอีกแล้ว หมดสิ้นทุกอย่างแล้ว

ผมทำตามที่ซินสั่ง ผมค่อยๆ กินข้าวจนหมดจานและเดินอย่างไร้เรี่ยวแรงไปยังห้องนอนเดิม ผมนั้นเป็นแค่มนุษย์ตัวเล็กๆ ไร้ค่า ผมจะทำอะไรได้ ผมมันไร้ค่า ชีวิตของผมมันไม่มีอะไรเลย

"ทำไมถึงไม่ฆ่าผมสักที" ผมพูดเบาๆ พลางมองออกไปยังกระจกใสที่แสนขุ่นมัวตรงหน้า ตอนนี้ผมไม่ได้มองเห็นแค่หมอกไอที่คอยปิดบังอีกแล้ว ผมกำลังมองออกไปยังท้องฟ้าด้านนอกที่มีพายุก่อตัวอยู่ตลอดเวลา สายฝนและสายฟ้าฟาดที่กำลังสาดซัดลงสู้ตึกรามบ้านช่องด้านล่าง มันเหมือนกับผมกำลังอยู่คนละโลก ไม่มีที่ที่ผมควรอยู่อีกแล้ว

"ทำไมถึงอยากตายขนาดนั้น อยากอยู่ด้วยกันเร็วๆ งั้นเหรอ" ซินยืนอยู่ด้านหลังผมและพูดเหมือนกำลังขบขัน

"ผมอยาก หายไปตลอดกาล ไร้ตัวตน ในที่ใดๆ" ผมพูดและรู้สึกว่าซินนั้นเงียบลงทันที

"ไวท์" ผมไม่ได้หันไปมองซินที่กำลังเรียกผม ผมไม่อยากมองคนที่ทำลายชีวิตผม

"ผมเคยคิดถึงที่นี่ เคยคิด ว่าพวกเรา จะได้อยู่ด้วยกันตลอดไป แต่ตอนนี้ ผมไม่อยากทำแบบนั้นอีกแล้ว" ผมหันกลับไปมองซินที่ยืนนิ่งอยู่ด้านหลัง

"ได้โปรด ปล่อยผมไปเถอะ ช่วยปลดปล่อยผมที" ผมพูดขอร้องซิน ผมมองซินที่ใบหน้าซ่อนอยู่ในเงามืด ผมไม่รู้ว่าซินกำลังทำสีหน้าแบบไหน แต่มันก็ไม่สำคัญอีกแล้ว

"นายเป็นของฉัน" ผมมองซินที่นิ่งเงียบไปสักพัก และค่อยๆ เดินเข้ามาหาผม

"อย่าร้องขอเรื่องที่ไร้ประโยชน์" ซินพูดและเดินมาหยุดยืนตรงหน้าผมด้วยแววตาที่ดูหม่นหมอง ผมรู้อยู่แล้วล่ะ ผมนั้นไม่เคยมีสิทธิ์ตัดสินใจอะไรอยู่แล้ว

หยาดน้ำใสค่อยๆ หลั่งรินออกมาจากดวงตา ผมค่อยๆ หันหลังกลับไปยังกระจกใสนั้น จ้องมองไปยังความมืดและเมฆฝนเบื้องหน้า ชีวิตของผมมันก็มีเท่านี้แหละ ผมไม่เคยทำอะไรได้เลยจริงๆ

แต่ผมที่ยืนอยู่นั้นก็นึกถึงคนอีกคนหนึ่งที่คอยช่วยผม คนคนนั้นจะได้ยินผมหรือเปล่านะ ถ้าผมร้องเรียกออกไป

"อาจารย์ นาธัส" ผมพูดเบาๆ กับกระจกใสบานใหญ่ พูดลอยๆ อย่างไม่ได้ตั้งใจอะไร

"อาจารย์ นาธัส" ผมพูดอีกครั้งและมองท้องฟ้าด้านนอกที่พายุเหมือนกำลังรุนแรงขึ้น และมากขึ้นเรื่อยๆ

"อย่า เรียก  หา มัน" ผมตกใจทันทีที่รู้สึกถึงความเจ็บที่ไหล่ของผม ซินนั้นได้ยินคำพูดของผมและรีบเข้ามาดึงผม กระชากผมให้ล้มลงกับพื้น

ผมเงยหน้ามองซิน ดวงตาที่เคยเป็นสีดำนั้น ตอนนี้กำลังกลายเป็นสีแดงลุกขึ้นราวกับไฟ และผมก็ตั้งชั้นขึ้น ราวกับโดนลมปะทะ

"อาจารย์ช่วยผมด้วย" ผมพูดและไม่สนใจซินที่กำลังโกรธมากขึ้น ซินยื่นมือมาข้างหน้าทั้งๆ ที่ยังไม่ได้แตะตัวผม แต่ก็ทำให้ตัวของผมลอยขึ้นและติดตรึงอยู่กับกระจก ผมมองซินที่ตอนนี้โกนธจนตัวเริ่มกลายเป็นสีแดงตามดวงตานั้น

"มันจะทำลายนายไวท์ จะโง่ไปถึงไหน ปิศาจที่แท้จริงก็คือมัน หยุดเรียกหามันสักที!" ซินพูดใส่ผมด้วยความโกรธ จนเสียงของซินเปลี่ยนไปราวกับปิศาจ

"ไม่ นายนั่นแหละ..ป.ปิศาจ" ผมนั้นไม่ได้กลัวเลยสักนิด ตอนนี้ไม่มีสิ่งไหนที่ผมจะต้องกลัวอีกแล้วแม้กระทั่งความตาย ผมเจ็บปวดทรมานมามากเกินพอจนไร้ความรู้สึกใดๆ อีกแล้ว นายน่ะ ทำอะไรผมไม่ได้อีกแล้วซิน หลอกผมไม่ได้อีกแล้ว

"อาจารย์นาธัส" ผมพูดต่อด้วยแววตาท้าทาย ไม่สนใจซินที่โกรธจนแทบจะลุกเป็นไฟ

"อย่า" ซินพูดเบาๆ และตัวผมก็ค่อยๆ เคลื่อนเข้าไปหามือของซินช้าๆ ผมยังคงมีสีหน้าแน่วแน่ และไม่กลัวที่จะต้องตายคามือซิน ผมไม่กล้วหรอก และผมจะพูดอีกครั้ง

"นาธั...อื้อ" แต่ผมที่กำลังจะพูดชื่อของอาจารย์นั้นก็ไม่อาจเปร่งเสียงได้อีกต่อไป

ซินดึงตัวผมและประกบริมฝีปากเข้ามาอย่างรวดเร็วจนผมได้แต่ตกใจ หลังของผมแนบลงกับประจกบานใหญ่ และถูกประกบจูบอยู่อย่างนั้นจนแทบขาดใจ

"ม.ไม่.อื้อ อย่า"

ริมฝีปากของผมร้อนรุนแรงราวกับจะลุกไหม้ ร่างกายถูกรัดตรึงจากปิศาจร้าย ด้วยความแข็งแกร่งจนกระดิกตัวไม่ได้ ผมนั้นทำอะไรไม่ได้เลยสักนิดนอกจากจะปล่อยให้คนตรงหน้าฉกชิงทุกอย่างไป ทุกสิ่งทุกอย่าง แม้กระทั่ง ร่างกาย และหัวใจ

คนตรงหน้าโอบรัดร่างกายของผมและตรึงผมช้าๆ เคลื่อนไหวให้ล้มลงที่เตียงขนาดใหญ่ นี่คือสิ่งที่ผมเคยคิด เป็นสิ่งที่ผมเคยอยากจะทำ ผมอยากสัมผัสซิน ซินที่ผมรัก ซินที่ผมเฝ้าคิดถึง แต่ทำไมกันนะ ผมควรจะดีใจไม่ใช่เหรอ แต่ทำไม น้ำตาถึงรินไหลออกมามากมายขนาดนี้

ผมไม่ได้ขัดขืนอะไร ผมตอบรับรสสัมผัสของคนตรงหน้าที่เริ่มปลดเปลื้องเสื้อผ้าของผมและของตัวเองออกช้าๆ พวกเรากอดรัดบดเบียดร่างกายเข้าหากัน แต่ความรู้สึกดีๆ ของผมนั้นมันไม่มีอีกแล้ว มีแต่เพียงร่างกายที่เป็นเหมือนกับเปลือกที่ว่างเปล่า ตอบรับความต้องการของคนตรงหน้า ด้วยหัวใจที่ว่างเปล่า

ร่างกายของพวกเราเริ่มสอดประสานกันในความมืด ผมบิดเร้าร่างกายและเม้มปากสะกดกลั้นความรู้สึกทุกอย่างเอาไว้ มือจิกทึ้งร่างกายร้อนของคนด้านบนที่กำลังขยับตัวเคลื่อนไหวอย่างช้าๆ

หัวของผมตื้อตันพลางจ้องมองเพดานกว้าง ร่างกายถูกกอดรัดราวกับจะถูกกลืนกินไปกับความมืด ผมอ้าปากหอบหายใจด้วยน้ำตาที่ไหลริน ความเจ็บปวดผสมปนเปไปกับรสสัมผัสที่ถูกกระตุ้น ผมปลดปล่อยหยาดน้ำออกจากร่างกายด้วยความรู้สึกที่ไม่อาจสะกัดกลั้นได้ เรี่ยวแรงที่ไม่มีอยู่แล้วก็ยิ่งกลับถดถอยลงไป

ผมปล่อยให้คนด้านบนทำทุกอย่างตามอำเภอใจ ปล่อยให้ร่างกายของคนด้านบนบดเบียดความต้องการเข้ามาและกอดจูบผมเอาไว้ ผมไม่รู้ว่าทำไมอ้อมกอดที่ดูเหมือนจะรุนแรงนี้ กลับรู้สึกอบอุ่น นายกำลังหลอกผมอีกแล้วใช่ไหม แต่ผมจะไม่หลงกลอีกแล้ว เชิญทำทุกอย่างตามที่นายต้องการ แต่ยังไงผมก็จะไป ไปให้ไกลจากความปวดร้าวนี้

ไปจากนายตลอดกาล...

หัวข้อ: Re: In The Shadows' เงาหลอน ซ่อนรัก '[YAOI][#29 เปลวเทียนที่มอดดับลง[NC18+](17/9/61)
เริ่มหัวข้อโดย: Margarita ที่ 17-09-2018 17:31:19
ตอนแรกก็เข้าใจไวท์นะ เพราะซินก็ไม่พูดอะไรจริงๆ แต่ดูจากสถานการณ์แล้วคิดว่าต่อให้พูดก็คงไม่เชื่อ
ตอนที่ยังดีๆกันบอกไม่ให้เข้าใกล้ อ. ก็ไม่เชื่อ นี่มีคนเตือนก็ยังไม่เชื่อ
แล้วเรื่องซินนี่คือมีคนพูดบ่อยมาก สะกิดบ่อยมาก ว่าไวท์อะจะทำให้ซินลำบาก
ไวท์ก็ไม่เอะใจอะไรเลยสักนิด ไม่คิดหาคำตอบด้วยซ้ำไป ทีอิ อ. เชื่อมันหมดเลย เรียกหามันด้วย น่าตีจริงๆ
สรุปคือเหมือนไวท์ทำให้ซินซวยไปด้วยจริงๆนั่นแหละ
แล้วไอ้ที่ฆ่าอิเพื่อนเลวสามตัวนั่นจะให้ทำไง คือมันจะทำร้ายแกปะ เขาช่วยไม่ใช่เรอะ
กรี๊สสส อินมากค่ะ รอตอนต่อไปนะ ถ้าไวท์ยังไม่หายเด๋อจะแช่งให้ตายแล้ว โมโหววว
หัวข้อ: Re: In The Shadows' เงาหลอน ซ่อนรัก '[YAOI][#29 เปลวเทียนที่มอดดับลง[NC18+](17/9/61)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 17-09-2018 20:20:53
สงสารคุณยาย  :sad11:
หัวข้อ: Re: In The Shadows' เงาหลอน ซ่อนรัก '[YAOI][#29 เปลวเทียนที่มอดดับลง[NC18+](17/9/61)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 18-09-2018 20:08:17
 :pig4: :pig4: :pig4:

เป็นเรื่องแรกที่สามสิบตอนแล้วแต่เรื่องราวยังไม่กระจ่างสักทีว่าใครดีใครร้าย  เพราะทุกอย่างที่รับรู้มาจากความคิดประสบการณ์ของไวท์คนเดียว
หัวข้อ: Re: In The Shadows' เงาหลอน ซ่อนรัก '[YAOI][#29 เปลวเทียนที่มอดดับลง[NC18+](17/9/61)
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 19-09-2018 06:39:32
 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: In The Shadows' เงาหลอน ซ่อนรัก '[YAOI][#29 เปลวเทียนที่มอดดับลง[NC18+](17/9/61)
เริ่มหัวข้อโดย: Gloomy Sunday ที่ 20-09-2018 11:32:41
Shadows ที่ 30 ปิศาจที่แท้จริง


ผมลืมตาขึ้นอีกครั้ง ในสถานที่ที่เปลี่ยนแปลงไปอีกแล้ว สัมผัสจางๆ จากร่างกายของผม ยังคงไม่จางหาย มันเหมือนกับความฝัน ความฝันของพวกเราที่ได้อยู่ด้วยกัน และมันก็จบลงเพียงชั่วอึดใจ

"ไวท์" ผมเลื่อนสายตามองไปยังคนที่กำลังเรียกผม พี่เบลล์งั้นเหรอ ทำไมถึงเป็นที่นี่...

"ผมมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงครับ" ผมพูดเบาๆ อย่างคนอ่อนแรง มองดูตัวเองที่นอนอยู่บนเก้าอี้บุนวมตัวยาวของร้านกาแฟ

ซินปล่อยผมงั้นเหรอ หึ ไม่สมกับเป็นซินเลยนะ

"เรื่องนั้นพี่ไม่รู้หรอก ยังไงก็พักก่อนเถอะ"

"ขอบคุณนะครับ แต่ไม่มีอะไรครับ ขอโทษที่รบกวนจริงๆ" ผมลุกขึ้นยืนด้วยขาที่อ่อนแรง ผมจะต้องไปแล้ว ผมต้องไปหาคุณยาย

"ไวท์" พี่เบลล์เรียกผมที่กำลังค่อยๆ เดินออกจากร้านเอาไว้ "บางที สิ่งที่ไวท์เชื่อ มันอาจจะไม่จริงก็ได้นะ" ผมหันกลับไปมองพี่เบลล์และส่งยิ้มให้อย่างอ่อนแรง

"ผมไม่รู้ว่าพี่พูดถึงอะไร แต่...ผมเชื่อในสิ่งที่ผมเห็น" ผมพูดและก้มหัวขอบคุณพี่เขาอีกครั้ง ก่อนจะออกมาจากร้าน

ในตอนนี้นั้นผมเหนื่อยล้าเหลือเกิน แค่เพียงยิ้ม แค่เพียงเปร่งเสียง แค่เพียงหายใจ ผมรู้สึกปวดร้าว ไร้สิ้นกำลัง เหมือนกับทุกสิ่งกำลังสูญสลาย

ผมเดินไปช้าๆ เดินไปเรื่อยๆ เป็นเวลานาน ถึงแม้ในสมองไม่ได้คิด แต่เท้าของผมก็ยังคงเดินต่อไปยังที่เดิมๆ ที่ที่มีความหมายสำหรับผม

ผมยืนมองภาพผืนดินที่เคยมีบ้านมีร้านค้าตั้งอยู่ แต่บัดนี้เหลือแต่เพียงเศษซากความทรงจำ ซากปลักหักพังที่ถูกเพลิงไหม้ ที่นี่เป็นบ้านของผม เป็นที่ที่ผมรู้สึกอุ่นใจ เป็นที่สุดท้าย มีคนสุดท้ายที่ผมรัก และทุกสิ่งก็ได้จากไป จากไปแล้วตลอดกาล

ผมเดินเท้าจากที่นั่นไปยังโรงพยาบาลใกล้ๆ ที่นำศพของคุณยายไปเก็บไว้ ผมไม่ได้ร้องไห้ ในขณะที่นั่งลงข้างๆ ร่างของคุณยายที่มีผ้าคลุมเอาไว้ ความเจ็บปวด ความสูญเสียในชีวิตผม มันมีมากเกินพอแล้ว น้ำตามันไม่ได้ช่วยให้ผมได้คุณยายกลับคืนมา ผมไม่อยากร้องไห้ ผมไม่อยากให้ท่านต้องเห็นผมทุกข์ใจ

"ไม่ต้องห่วงนะครับ ผมคงตามไปอีกไม่นาน" ผมพูดและเลื่อนมือไปแตะเบาๆ ที่ร่างไร้วิญญาณของผู้มีพระคุณ หลับให้สบายนะครับ ขอบคุณที่ช่วยคนอย่างผม คนที่ไม่เคยมีใคร และต่อไปนี้ ก็ไม่มีอีกต่อไป

"ไวท์" ผมยังคงนั่งนิ่งอยู่ตรงนั้นไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปกี่ชั่วโมงแล้ว และไม่ได้สนใจเสียงเรียกที่ดังอยู่ข้างๆ ผม

"เสียใจด้วยนะ" ผมค่อยๆ เงยหน้ามองคนที่ยืนอยู่ข้างๆ ผม เป็นคนที่ผมเรียกหา คนที่ทำให้ซินโกรธเคืองยิ่งกว่าใครๆ

"ผมไม่เป็นไร" ผมพูดและเหม่อมองออกไปตามเดิม

"ขอบคุณที่เรียกหาฉัน" ผมขมวดคิ้วน้อยๆ ทันทีที่ได้ยินแบบนั้น

"อาจารย์ ได้ยินด้วยเหรอ" ผมถามอาจารย์ที่กำลังนั่งลงข้างๆ

"แน่นอน ฉันอยู่ทุกที่ที่เธอต้องการ" อาจารย์พูดและยิ้มน้อยๆ

"ขอบคุณครับ" ผมพูดเบาๆ และมองอาจารย์ที่จ้องมองผม

"พรุ่งนี้ฉันจะจัดการเรื่องคุณยายของเธอเอง วันนี้เธอไปกับฉัน อยู่กับฉัน" ผมมองอาจารย์ที่พูดอย่างใจดี

"ขอบคุณครับ แต่ผม..."

"อย่าปฏิเสธฉันเลย เธออยากให้ฉันช่วยไม่ใช่เหรอ" ผมรู้สึกแปลกๆ ทันทีทีี่อาจารย์พูดแบบนั้น

"ครับ" ผมตอบรับอาจารย์ ทางเลือกของผมนั้นน้อยนิด ไม่ใช่สิ มันไม่มีเลยต่างหาก

หลังจากที่ผมนั่งเฝ้ามองร่างที่ไร้วิญญาณของคุณยายอยู่หลายชั่วโมง ผมก็ตัดสินใจเดินตามอาจารย์ไป เพื่อพักผ่อน เพื่อสงบจิตใจ ในหัวใจของผมตอนนี้มันปวดร้าวเหลือเกิน ผมเหมือนกับกำลังตายลงช้าๆ ด้วยความเจ็บปวดที่กัดกินหัวใจ

อาจารย์พาผมขึ้นรถ และออกเดินทางไปยังสถานที่เดิมที่ผมเคยมา ผมเพิ่งรู้ ว่าอาจารย์นั้นพักอยู่ที่ตึกห้องสมุดนั้นงั้นเหรอ คิดว่าอาจารย์จะมีบ้านที่แยกออกจากที่นี่ซะอีก พวกเรานั้นไม่ได้คุยกัน ผมเฝ้าแต่มองออกไปนอกกระจกอย่างเลื่อนลอย พรุ่งนี้ ผมจะพาคุณยายไปสถานที่ที่คุณยายน่าจะชอบ ผมจะพาคุณยายกลับสู่ผืนดิน เพราะคุณยายเคยบอกผมเอาไว้เมื่อนานมาแล้ว ขอแค่นำท่านไปฝังในที่ที่ร่มเย็นก็พอ

ไม่นานนักพวกเราก็มาถึงที่หมาย ผมลงจากรถและเดินตามอาจารย์เข้าไปยังเส้นทางเดิมที่ผมเคยเดินผ่าน ทางเดิมที่มืดครึ้มไปด้วยต้นไม้สองข้างทาง ผมเริ่มกอดตัวเองไว้ บรรยากาศที่แสนเย็นเยือกเริ่มเกิดขึ้นอีกครั้ง และลมที่พัดเบาๆ ก็เริ่มโหมแรงขึ้นมา

"อาจารย์ครับ" ผมเริ่มเรียกอาจารย์ที่เดินนำหน้าผม อาจารย์เดินนิ่งๆ เหมือนไม่รู้สึกสะทกสะท้านใดๆ ในสายลมแรงนี้

"ทำไมถึงเป็นแบบนี้ทุกทีที่ผมมาที่นี่" ผมเริ่มตะโกนถามอาจารย์ และใช้แขนกันกระแสลมไว้

"มีคนไม่อยากให้เธอมาที่นี่" อาจารย์ยังคงเดินอย่างสบายๆ และหันมาหาผม

"ซิน งั้นเหรอ" ผมพูดอย่างไม่ค่อยแน่ใจ

"มาเถอะ ถ้าเธอปรารถนาที่จะเข้าไป มันก็พาเธอกลับไปไม่ได้หรอก" อาจารย์พูดและจับมือผมไว้แน่น ให้ก้าวเดินต่อไปข้างหน้าพร้อมกัน

ซินงั้นเหรอ ทำไมถึงพยายามทำแบบนี้อีก พวกเราขาดกันแล้วใช่ไหม ทำไมถึงไม่ปล่อยผมไปสักที

ผมคิดและเริ่มเจ็บปวดในหัวใจอีกครั้ง ผมพยามลบภาพของซินออกไปจากหัว ลบทุกสิ่งที่เคยเกิดขึ้นระหว่างเรา หยุดเถอะ พอสักที ผมไม่ต้องการนายอีกแล้ว

ผมหลับตาลงปล่อยให้น้ำตาไหลรินออกมา เดินตามแรงจูงของคนด้านหน้า ที่กำลังพาผมไป พาไปยังที่ปลอดภัย

"มาสิ" ผมลืมตาขึ้นอีกครั้ง และพบว่าตัวเองกำลังยืนอยู่หน้าบันไดของตึกห้องสมุดหลังเก่า ผมเดินตามอาจารย์ที่นำหน้าไปอีกครั้งด้วยหัวใจที่เหนื่อยล้า

ที่นี่ในยามนี้นั้นปิดแล้ว ไม่มีนักศึกษาคนไหน มีแต่เพียงชั้นหนังสือเก่าๆ ทางเดินที่มืดสลัวเล็กน้อย และกลิ่นของหนังสือที่เคยทำให้ผมรู้สึกผ่อนคลาย แต่ทำไมตอนนี้มันถึง เหมือนกับมีกลิ่นสาป กลิ่นที่ทำให้ผมรู้สึกกลัวอยู่ภายใน

ผมเดินตามอาจารย์ต่อไป ไปยังชั้นลอยที่อยู่ด้านบนซึ่งเป็นห้องทำงานของอาจารย์ ผมรู้สึกแปลกๆ ทุกย่างก้าวที่เดิน เหมือนกับมีคนกำลังจ้องมองผมอยู่ ทำไมผมถึงรู้สึกกลัวขนาดนี้

"ยินดีต้อนรับ" อาจารย์เปิดประตูห้องทำงานเข้าไปและทำมือให้ผมเดินเข้ามา ผมรีบเดินและรีบปิดประตูทันที และนั่งลงที่โซฟาตัวเดิมที่ผมเคยนั่ง

"อาจารย์ นอนที่นี่เหรอครับ" ผมถามและมองไปรอบๆ ห้องทำงานของอาจารย์ ทุกอย่างที่นี่ยังคงเหมือนเก่า ชั้นหนังสือ ข้าวของแปลกๆ และโต๊ะทำงานตัวใหญ่ที่ตั้งอยู่

"เห็นห้องนั้นไหม" อาจารย์ชงชาให้ผมพลางมองไปที่ประตูด้านขวาที่ผมไม่เคยเห็นมันมาก่อน ผมขมวดคิ้วอย่างสงสัยและอาจารย์ก็คงรู้ได้

"เธอไม่เคยสนใจมันต่างหาก จริงๆ มันมีอยู่นานแล้วนะ" อาจารย์พูดและยื่นชาร้อนๆ ให้ผม

"ร.เหรอครับ" ผมถือชาไว้ในมือและตัดสินใจวางมันลงบนโต๊ะด้านหน้า

"คือ ผมรู้สึกอยากล้างหน้าล้างตาจังเลยครับ ง่วงแล้วด้วย" ผมพูดและมองอาจารย์ที่กำลังจ้องมองผมเขม็ง

"จะอาบน้ำด้วยก็ได้นะ เสื้อผ้าฉันมีเปลี่ยนให้" อาจารย์มองเสื้อสีขาวของผม ชุดนี้ซินให้ผมมา มันเป็นของซิน

"ครับ"

"ถ้าอย่างนั้นก็ตามฉันมา" ผมพยักหน้าให้อาจารย์ และลุกขึ้นเดินตามอาจารย์ไปยังบานประตูสีดำทางขวามือ ผมกำมือแน่นอย่างตื่นกลัว ทำไมผมถึงรู้สึกอึดอัดแบบนี้นะ ทำไมถึงรู้สึกอย่างวิ่งออกไปจากที่นี่ขนาดนี้

ประตูถูกเปิดออกช้าๆ ผมได้กลิ่นไอของไม้เก่าๆ และมองทางเดินตรงหน้าที่มืดสลัวจนแทบจะไม่น่าเดินเข้าไป ตึกห้องสมุดนี้มันกว้างใหญ่ขนาดนี้เลยเหรอ ที่นี่เหมือนกับเป็นที่ที่แยกออกจากตัวตึกนั่น แต่ยังคงบรรยากาศอึมครึมแบบเดิม ผมเดินตามอาจารย์ที่นำหน้าไป ผ่านกรอบรูปเก่าๆ หลายบานที่อยู่บนผนัง ประตูไม้ที่ถูกปิดไว้หลายห้องที่ผมเดินผ่าน มันทำให้รู้สึกเหมือนมีอะไรอยู่ในนั้น ที่นี่เป็นตึกไม้ที่น่ากลัวที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็นมา

"อยู่ตรงมุมนั้น ถ้าเสร็จแล้วก็ออกมาหาฉันที่ห้องทำงานแล้วกัน" อาจารย์มองผมด้วยรอยยิ้มและทำมือให้ผมเดินต่อไป

ผมกลืนน้ำลายลงคอและเดินต่อไปตามที่อาจารย์บอก ผมมองประตูบานสีเขียวเก่าๆ ที่ถูกปิดไว้ และค่อยๆ เปิดเข้าไปช้าๆ  แล้วห้องนอนผมคือห้องไหนกันนะ ลองถามอาจารย์ดูก่อนละกัน

แต่ผมที่คิดแบบนั้นก็หันหลังกลับไปทันที แต่ผมที่คิดว่าจะเจออาจารย์นั้นก็ต้องหยุดชะงัก ทางเดินที่ค่อนข้างยาวตรงหน้านั้นไม่มีใครอยู่ หายไปไวจัง หรือจะเข้าไปในห้องข้างๆ กันนะ

ผมยืนมึนอยู่สักพักและตัดสินใจเข้าไปในห้องน้ำ ผมถอนหายใจอย่างโล่งอก อย่างน้อยในนี้ก็ไม่ค่อยดูน่ากลัวเท่าไหร่ เป็นห้องน้ำที่ไม่เล็กและไม่ใหญ่มาก พื้นกระเบื้อง และกระจกเงาขนาดใหญ่ มีอ่างอาบน้ำด้วย แบบนี้ค่อยยังชั่วหน่อย

ผมค่อยๆ ถอดเสื้อผ้าออกช้าๆ และมองชุดเสื้อเชิ๊ตสีดำที่วางอยู่ที่หน้ากระจก คล้ายกันเลยนะ แต่กลับเป็นสีที่ตรงกันข้ามกัน

ผมที่ถอดเสื้อผ้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็เปิดน้ำและลงไปแช่ในอ่างนั้น ผมนั่งอย่างเหม่อลอยและพิงคอเข้ากับผนังเย็นๆ พลางคิดถึงคนที่ทำให้ผมต้องมาอยู่ที่นี่ ทุกอย่างก็เพราะนาย พรากทุกสิ่งจากผมไป ทั้งคนสำคัญ และหัวใจของผม พรากไปและทำลายมันจนแหลกละเอียด ทำไมถึงไม่ฆ่าผมสักที

ผมคิดและก้มหน้าร้องไห้อย่างปวดร้าว ผมอดทนทุกอย่างเสมอมา ทำเหมือนเข้มแข็งทั้งๆ ที่อ่อนแอเหลือเกิน ผมแทบหมดเรี่ยวแรงที่จะหายใจ ผมเจ็บปวดทรมาน ผมอยากหายไปเหลือเกิน ไปในที่ที่ผมจะไม่รู้สึกใดๆ อีก

แกร่กๆ

แต่ผมที่นั่งร้องไห้อยู่ในอ่างนั้นก็ได้ยินเสียงแปลกๆ ที่ชั้นวางหน้ากระจก ผมเกาะขอบอ่างน้ำและค่อยๆ เคลื่อนตัวเข้าไปมองดูตรงแถวที่ได้ยินเสียงนั้น ผมมองดูขวดแชมพูเล็กๆ ที่ตกลงมาจากชั้น และของเหลวในขวดนั้นกำลังไหลออกมา ไหลออกมาจนเจิ่งนองที่พื้น

ครืดดด

และผมที่นั่งในอ่างน้ำนั้นก็ต้องสะดุ้งอีกครั้ง ผมได้ยินเสียงแปลกๆ ที่ดังขึ้นตรงใกล้ๆ กับที่เดิม ผมเริ่มเคลื่อนตัวจากขอบอ่างนั้น ถอยหลังออก และมองดวงไฟสีส้มในห้องน้ำที่กำลังเริ่มกระพริบ และทำให้ผมหน้ามืดไปหมด

"อะไร ไม่นะ" ผมเริ่มหวาดกลัวและปิดหูตัวเองไว้ เสียงแปลกๆ ยังคงดังต่อเนื่องและดังต่อไปเรื่อยๆ จนไฟที่กระพริบนั้นค่อยๆ ติดสว่างดังเดิม และทุกอย่างก็พลันสงบลง

ผมเงยหน้าจ้องมองดวงไฟบนเพดาน ไปแล้วเหรอ ไม่มีอะไรแล้วใช่ไหม

ผมคิดและค่อยๆ กวาดตามองไปรอบๆ ห้องน้ำอีกครั้ง และทันทีที่ผมมองไปที่กระจกนั้น ผมก็ต้องตัวแข็งทื่อทันที ผมรีบลุกขึ้นจากอ่างน้ำและนั่งลงหลบมุมอยู่ใกล้ๆ ประตู ผมมองของเหลวสีแดงที่กำลังเปรอะอยู่บนบานกระจก นั่นมันอะไรกัน ผมต้องรีบออกไป ผมต้องไปหาอาจารย์

ผมตัวสั่นและรีบลุกขึ้นใส่เสื้อผ้าชุดเดิม ที่นี่เป็นที่พักของอาจารย์นะ ทำไมถึงยังมีผีพวกนี้ได้ พวกมันต้องการอะไร ทำไมถึงมาแกล้งให้ผมกลัวอีกแล้ว

แต่ผมที่กำลังติดกระดุมเสื้อเชิ๊ตนั้นก็ต้องชะงักอีกครั้ง ผมขมวดคิ้วน้อยๆ และค่อยๆ หันไปมองที่บนกระจกบานใหญ่ตรงหน้าใหม่ ทำไมผมถึงรู้สึกคุ้นๆ กับรอยเลือดบนกระจกนั่น มันเป็นเหมือนกับรูปภาพแปลกๆ ที่ผมเคยเห็น ผมเคยเห็นมันเมื่อนานมาแล้ว

ผมค่อยๆ เดินเข้าไปช้าๆ ไปยังกระจกที่ยังคงมีรอยเลือดไหลเป็นทางยาวอยู่บนนั้น ผมค่อยๆ เอื้อมมือออกไป และแตะลงที่ตรานั่น ถึงจะดูยุ่งเหยิง แต่ก็ยังคงมองออก ผมมองรูปภาพบนบานกระจกด้วยแววตาสั่นระริก และมองท่อนแขนของผมที่กำลังมีรอยจางๆ กำลังปรากฎขึ้นและมันทำให้ผมแทบหยุดหายใจ

"เป็นไปได้ยังไงกัน ไม่นะ ออกไปนะ" ผมพูดด้วยเสียงที่สั่นกลัว และพยายามขูดเนื้อที่แขนของตัวเองจนเป็นรอยแดง ผมมองสัญลักษณ์คล้ายๆ รูปดาวห้าแฉกที่แสนยุ่งเหยิงและมีดวงตาอยู่บนนั้น มันเป็นสัญลักษณ์แรกที่ปรากฎบนบานประตูของผมเมื่อนานมาแล้ว และเคยปรากฎบนแขนของผมและหายไปแล้วเช่นกัน ทำไมมันถึงกลับมา เพราะอะไรกัน

ผมมองรอยเลือดบนบานกระจกและมองรอยสัญลักษณ์ที่อยู่บนแขนของผม มันคือตราเดียวกัน ทำไม ใครกันที่ทำแบบนี้ และใครกันที่กำลังพยายามบอกผม

"ไวท์"

ผมสะดุ้งอีกครั้งทันทีที่ได้ยินเสียงแปลกๆ ที่ข้างหู ความตกใจทำให้ผมถอยรูดลงไปที่มุมห้องอีกครั้ง พลางมองไปรอบๆ อย่างหวาดระแวง

"ว.ไวท์"

แต่ผมที่ได้ยินเสียงขาดๆ หายๆ นั่นก็ต้องลุกขึ้นใหม่อีกครั้งทันที เจ เสียงเจงั้นเหรอ ทำไม ทำไมถึงอยู่ที่นี่

"เจ" ผมเรียกเพื่อนที่เหมือนกำลังจะพูดกับผม เจงั้นเหรอ อยู่ที่นี่จริงๆ สินะ ผมเคยได้ยินเสียงนายครั้งหนึ่ง และก็ใช่จริงๆ

แต่ความคิดของผมที่กำลังดีใจนั้นก็พลันหยุดลง เสียงของเจ ที่นี่ตึกห้องสมุด ที่ของอาจารย์นาธัส

ผมเริ่มคิดและหันมองรอยเลือดบนกระจกเงาอีกครั้ง ตราสัญลักษณ์นี้ก็เคยอยู่บนตัวเจเช่นกัน ผมค่อยๆ ถกเสื้อเชิ๊ตและหันหลังเข้าหากระจก ผมมองเงาสะท้อนด้านหลังของผม และมันทำให้ผมแทบทรุดลงทันที

สัญลักษณ์ของซินนั้นกำลังจางลงและจางลงเรื่อยๆ ในขณะที่แขนของผม สัญลักษณ์หนึ่งกำลังชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่นะ ไม่จริง

ก็อกๆๆๆ

ผมสะดุ้งทันทีและถอยหลังเข้าไปชิดผนังห้องน้ำด้วยความสั่นสะท้านไปทั้งตัว ผมมันโง่ ผมมันเป็นไอ้โง่

ซาตานไม่ได้มีแค่ซิน แต่คนที่ผมกำลังอยู่ด้วยนั้น คือคนที่หลอกลวงผม และทำให้ผมทำร้ายซิน ตั้งแต่ต้น ตั้งแต่แรก มันก็หมายเอาชีวิตผมมาตลอด

"ยังไม่เสร็จอีกเหรอ" ผมฟังเสียงของอาจารย์ที่กำลังพูดกับผม คำพูดนั้นยังคงเหมือนเดิม เป็นอาจารย์คนเดิมเหมือนอย่างที่เป็นมา

"มีอะไรหรือเปล่า ฉันเข้าไปนะ" เสียงของอาจารย์ฟังดูเยือกเย็น และประตูก็กำลังสั่นอย่างแรง

"ย..อย่าเข้ามา" ผมพยายามสะกดเสียงเอาไว้ไม่ให้สั่นกลัว และยังคงนั่งอยู่อย่างนั้น

"ไวท์ มีอะไร แบบนี้ฉันต้องเข้าไปนะ" อาจารย์พูดและไม่ฟังคำพูดของผมอีกแล้ว ผมมองประตูที่ค่อยๆ เปิดออก และมองอาจารย์ที่ยืนอยู่หน้าประตู ด้วยสีหน้าที่ดูเป็นห่วง

"ผ.ผมแค่เป็นลมในอ่าง" ผมพูดและพยายามลุกขึ้นด้วยเรี่ยวแรงทั้งหมดที่มี ผมมองไปที่บานกระจกอีกครั้ง ในตอนนี้รอยเลือดและทุกๆ อย่างกลับเป็นเหมือนเดิมแล้ว หายไปแล้ว

"ไม่เป็นไรนะ" อาจารย์ยื่นมือมาจับไหล่ผมและพาเดินออกไป

ผมกลั้นหายใจอย่างหวาดกลัว พลางเดินตามแรงที่อาจารย์กอดไหล่ผมเอาไว้ ผมต้องนิ่ง ผมต้องหนีออกไปแบบที่อาจารย์ไม่รู้ตัว แต่ผมจะทำยังไง ผมควรทำยังไงดี สำหรับผมแล้ว แม้ซินจะโหดร้ายแค่ไหน แต่ผมก็ไม่เคยรู้สึกกลัวเท่านี้เลย บรรยากาศรอบๆ ตัวอาจารย์นั้นดูอึมครึมและน่ากลัวกว่า เป็นแรงกดดันที่ทำเอาผมแทบคลั่ง

"นั่งลง และเล่าให้ฉันฟังสิ" อาจารย์จับไหล่ผมให้นั่งลงและนั่งลงตรงข้าม

ผมมองอาจารย์ที่ยื่นแก้วชาให้ผม และผมก็รับมันมาด้วยมือที่สั่นเทา

"ผมอยากกลับ ให้ผมกลับ ได้ไหมครับ" ผมพูดและจ้องมองอาจารย์ ผมไม่อยากจะเชื่อเลย ทำไมถึงเป็นแบบนี้

"เธอกำลังถูกหลอกอีกแล้วนะ เธอไม่เชื่อฉันอีกแล้วเหรอ" ผมมองอาจารย์ที่เริ่มทำหน้าสลดลงและเอื้อมมือมาจับที่มือผมช้าๆ อาจารย์เหมือนกับรู้ทุกอย่างที่ผมคิดอยู่ในใจ

"อาจารย์จะบอกว่า ผมถูกซินหลอกอีกแล้วเหรอครับ" ผมมองอาจารย์ที่ทำหน้าเหมือนสิ่งที่ผมพูดนั้นถูกต้องแล้ว

"ความพยายามของมันร้ายกาจมาก และมันเกือบหลอกเธอสำเร็จแล้ว" อาจารย์ที่ทำสีหน้าจริงจัง แต่คนที่ร้ายกาจจริงๆ น่ะ ก็คือคุณต่างหาก คอยแต่บอกว่าซินหลอกผม ให้ผมเชื่อ และผมก็เชื่อมาตลอด

"ถ้าอย่างนั้น..." ผมรวบรวมกล้า ถึงจะกลัว แต่ผมก็ต้องรู้ให้ได้ ว่าความคิดของผมมันถูกต้อง "อาจารย์ช่วยถอดเสื้อ ให้ผมดูได้ไหม" ผมตัดสินใจและคิดว่าไม่ว่าอาจารย์จะพูดอะไร ถ้าผมได้เห็น ความจริงทุกอย่างจะปรากฎออกมา

ผมมองสีหน้าของอาจารย์ที่เริ่มเปลี่ยนไป อาจารย์จ้องมองผมนิ่งๆ เหมือนไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่ได้ยิน

"เธอคิดว่าฉัน เป็นพวกเดียวกับมันงั้นเหรอ" อาจารย์พูดและมองผมด้วยสีหน้าที่ดูผิดหวังเหลือเกิน

"ผมแค่อยากแน่ใจ ผมขอร้อง" ผมมองอาจารย์ที่ก้มหน้าลงมองพื้น ถ้าผมพลาด ผมจะกราบขอโทษอาจารย์เดี๋ยวนี้ แต่ถ้าไม่ ผมก็อาจจะไม่ได้มีชีวิตรอดต่อไป

อาจารย์ยังคงก้มมองพื้นด้วยสีหน้าที่ดูผิดหวัง แต่ทว่า ริมฝีปากบางของอาจารย์กลับเริ่มปรากฎรอยยิ้มขึ้นทีละน้อย และสุดท้าย ก็หัวเราะออกมาด้วยใบหน้าและรอยยิ้มที่ดูราวกับวิปริต

"เพื่อนโง่ๆ ของเธอนี่มันแสบจริงๆ"

และในที่สุด ผมนั้นก็ทายถูก...

ผมมองคนตรงหน้าที่ค่อยๆ เงยหน้าขึ้นช้าๆ ด้วยแววตาที่เปลี่ยนแปลงไป ดวงตาสีน้ำตาลของอาจารย์กลายเป็นสีแดงราวกับเพลิงกำลังลุกไหม้ เสื้อเชิ๊ตสีขาวที่ดูเรียบร้อยของอาจารย์นั้น ในตอนนี้กำลังค่อยๆ ถูกเผาไหม้หายไป

ผมมองชั่วเสี้ยวนาทีก่อนที่ร่างกายของอาจารย์จะถูกปกคลุมด้วยชุดสีดำ รอยสัญลักษณ์บนอกนั่น เป็นรอยเดียวกับบนแขนของผมที่ปรากฎอยู่ตอนนี้ ปีกสีดำที่กางออกอย่างน่าเกรงขาม และกระพือแรงจนสิ่งต่างๆ รอบข้างร่วงกราวและแตกกระจายลงมา

ผมลุกขึ้น ถอยหลังไปติดประตูด้วยหัวใจที่อ่อนล้า นี่ล่ะชะตาชีวิตของผม มีแต่พวกปิศาจล้อมรอบ มีแต่สิ่งที่ทำให้ชีวิตผมต้องพบเจอแต่เรื่องโหดร้าย เรื่องที่ทำให้ผมเหมือนตายทั้งเป็น

"นานแค่ไหนแล้วนะ ที่ไม่ได้เจอคนแบบเธอ" ผมมองปิศาจตรงหน้าที่กำลังนั่งอยู่ที่เดิมด้วยใบหน้าที่เรียบเฉยแบบปกติ

"คนแบบเธอ ควรอยู่กับฉัน ไม่ใช่ซาตานจอมปลอมแบบมัน" ผมขมวดคิ้วน้อยๆ และยังคงสั่นกลัวทุกคำพูดของคนตรงหน้า ซาตานปลอมงั้นเหรอ

"ถ้ามันได้เธอไป ฉันก็แค่ต้องทำลายวิญญาณของเธอ ถึงจะน่าเสียดาย แต่ก็ดีกว่าต้องพ่ายแพ้"

"คุณเองสินะ ที่คอยตามฆ่าผม" ตอนนี้แน่ชัดแล้ว ไม่ต้องหาคำตอบอีกแล้ว

"เธอเป็นคนที่ทำให้ฉันสนุกมาก ฉันมีความสุขมากตอนที่เธอแทงไอ้ซาตานปลอมนั่นจนมันเลือดท่วมไปทั้งตัว ฮ่าๆๆ" ผมแทบหมดแรงตอนที่ได้ยินแบบนั้น การครอบงำที่ผมเคยได้ยินนั่นสินะ ผมทำร้ายซินจนเป็นแบบนั้น แต่ว่า ซิน...ก็ไม่เคยโกรธผมเลย

"ฉันจะทำทุกอย่าง เพื่อให้เธอกับมัน ไม่มีวันบรรจบกัน เธอจะเป็นดวงวิญญาณชั้นดีที่จะอยู่เคียงข้างฉันตราบชั่วนิจนิรันดร์" ผมมองปิศาจตรงหน้าที่กำลังทำหน้าชอบใจกับความคิดตัวเอง

แต่ยังมีอีกสิ่งที่ผมสงสัย คุณยาย...อาจจะไม่ใช่ซินที่ฆ่าคุณยาย

"คุณเป็นคนฆ่าคุณยายของผมด้วยใช่ไหม" ผมพูดและหวังเป็นอย่างยิ่งว่าคำตอบนั้น...

"หึ ฉันไม่สนใจวิญญาณยายแก่นั่น แน่นอนว่าไม่ใช่ฉัน" หัวใจของผมในตอนนี้กลับมาเต้นช้าลงตามเดิม น้ำตาของผมค่อยๆ ไหลออกมาช้าๆ ก็ยังคงเป็นนายงั้นเหรอ คนที่ฆ่าคุณยาย บางทีความชั่วร้ายของอาจารย์นั้นก็ยังคงไม่เท่ากับสิ่งที่ซินทำ ผมรับไม่ไหวจริงๆ

"คุณบอกว่า คุณทำลายวิญญาณได้ใช่ไหม" ผมพูดและร้องไห้เบาๆ จ้องมองคนตรงหน้าที่ยังคงจ้องมองผมอยู่

"คุณช่วยผมได้ไหม" ผมพูดและน้ำตาก็ยังคงรินไหลออกมาด้วยความเจ็บปวด "ทำลายผม...ทำให้ผม...หายไปตลอดกาล"

"ตามที่เธอต้องการ"

ในชั่วเวลาที่ราวกับแสนยาวนาน ผมมองอาจารย์นาธัสที่ค่อยๆ เคลื่อนตัวช้าๆ เข้ามาหาผมด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า ผมกำลังจะหายไปแล้วใช่ไหม ในโลกที่แสนโหดร้ายนี้

ผมกำลังจะได้หยุดพัก ผมกำลังจะจากโลกนี้ไปแล้ว จากไปตลอดกาล
หัวข้อ: Re: In The Shadows' เงาหลอน ซ่อนรัก '[YAOI][#30 ปิศาจที่แท้จริง](20/9/61)
เริ่มหัวข้อโดย: Margarita ที่ 20-09-2018 11:51:55
เดี๋ยวซินต้องมีเอี่ยวมาช่วยไม่ทางใดก็ทางหนึ่งอีกแน่เลย
ไวท์นี่มัน...
อุตส่าห์รู้อะไรเพิ่มขึ้นมา รู้แล้วว่ามันเลว ยังจะเชื่อมันอีก
โอยยย ขัดใจ นี่ถามซินสักคำยังเนี่ยว่าฆ่ายายเหรอ
แล้วแต่เลยย อยากหายไปก็ไปเลย แล้วแต่!!
หัวข้อ: Re: In The Shadows' เงาหลอน ซ่อนรัก '[YAOI][#30 ปิศาจที่แท้จริง](20/9/61)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 20-09-2018 22:54:06
 :pig4: :pig4: :pig4:

ง่า...ค้างคา

ต้องไปรอลุ้นต่อในตอนหน้า
หัวข้อ: Re: In The Shadows' เงาหลอน ซ่อนรัก '[YAOI][#30 ปิศาจที่แท้จริง](20/9/61)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 21-09-2018 03:43:22
น่ากลัวแฮะ อาจารย์เริ่มออกลายแล้วหรอ  :ling3:
หัวข้อ: Re: In The Shadows' เงาหลอน ซ่อนรัก '[YAOI][#30 ปิศาจที่แท้จริง](20/9/61)
เริ่มหัวข้อโดย: Gloomy Sunday ที่ 22-09-2018 13:19:42
Shadows ที่ 31 Fallen Angels


ร่างกายของผมเหมือนกลับกำลังล่องลอยไป สายลมอุ่นๆ และแสงสว่างในดวงตาของผม ทำให้หัวใจของผมสงบลง แต่ความอบอุ่นนั้น ก็เพียงชั่วเสี้ยววินาทีเท่านั้น ลมหายใจของผมเริ่มติดขัดและความเจ็บปวดทรมานก็เริ่มกัดกินหัวใจ

ในหัวของผมมีแต่เสียงกรีดร้อง เสียงคนที่ต้องตายอย่างทุกข์ทรมาน เสียงขอร้องอ้อนวอนนับพัน ไม่สินับล้าน ทุกคนหวาดกลัว ทุกคนสิ้นหวัง ทุกอย่างดำดิ่งลงสู่ความมืด และร่างกายของผม ก็เริ่มร้อนรนราวกับลุกเป็นไฟ

"ไวท์!" ผมเหมือนกำลังถูกดึงอย่างแรง เสียงกรีดร้องในหัวค่อยๆ จางหายไป และดวงตาของผมก็เริ่มกลับมาสะท้อนแสงจ้าดั่งเช่นเดิม

ผมเริ่มได้สติ และเริ่มรู้ตัวว่าตัวเองกำลังวิ่งอยู่ ผมอยู่ที่ไหนกันนะ ที่นี่มันที่ไหน และผมที่มองไปรอบๆ และมองคนที่กำลังจูงมือผมวิ่งนั้นก็ต้องตกใจทันที

ผมมองเจที่กำลังลากผมไปตามทางเดินที่มืดสนิท เป็นไปได้ยังไงกัน นี่ผมตายแล้วหรือกำลังฝันไปใช่ไหม

"คงอีกไม่นาน มันก็จะเจอเราแล้ว" เจพูดและทำสีหน้าร้อนรน ผมมองเจที่ตัวซีดเผือด เป็นเจจริงๆ ด้วย ผมดีใจเหลือเกิน

"เจ" ผมเรียกเพื่อน ขณะที่พวกเรายังคงวิ่งไปข้างหน้า

"ผมขอโทษ ผมขอโทษที่ช่วยเจไว้ไม่ได้" ผมพูดและร้องไห้ออกมาอีกครั้ง ผมอึดอัดอยู่ในหัวใจมากมายเหลือเกิน ผมอยากขอโทษเพื่อน เป็นเพราะผม เจถึงได้ตายไป

เจพาผมวิ่งต่อไปอีกสักพัก และหยุดเท้าลง ดึงผมให้หมอบลงที่ข้างทาง

"อย่าโทษตัวเองเลยไวท์ ผมไม่เคยคิดแบบนั้นเลย" เจพูดและจับมือผมเอาไว้แน่น

"หนีไปให้ได้ ผมไม่อยากให้ไวท์เป็นเหมือนผม" เจพูดด้วยสีหน้าเศร้าใจ

"แต่ผมก็แค่ต้องการหายไป"

"มันหลอกไวท์ มันจะทำให้ไวท์กลายเป็นทาสมัน" เจพูดและเขย่าตัวผมเบาๆ เป็นอย่างนั้นเองเหรอ ผมนี่มันโง่ซ้ำซ้อนจริงๆ

"ผมต้านไม่ไหวอีกแล้ว พลังของมันแข็งแกร่งเกินไป" เจพูดและใบหน้าก็ซีดลงมากกว่าเดิม

"ขอร้องล่ะ อีกแค่นิด..."

"กำลังเล่นสนุกกันอยู่เหรอ" แต่ผมกับเจที่นั่งอยู่นั้นก็ต้องตกใจทันทีที่มีใบหน้าโผล่มาจากด้านหลัง ผมลนลานหนีออกจากพุ่มไม้นั้นและมองเจที่กำลังลอยขึ้นจากพื้นด้วยความทรมาน

"น.หนีไป" ผมมองเจที่ดิ้นทุรนทุรายและพยายามบอกให้ผมหนี ผมส่ายหน้าไปมา ผมไม่ไป ผมไปไม่ได้ เห็นแบบนี้ผมจะทิ้งเพื่อนได้ยังไง

"ปล่อยเจเถอะครับ!" ผมร้องบอกอาจารย์ด้วยน้ำตา ผมมองเพื่อนที่ดิ้นรนราวกับจะขาดใจ และผมนั้นก็เจ็บยิ่งกว่า

"ม.มีแค่.ซิน ที่จะ ช่วย" ผมมองเจที่ยังคงพยายามพูดและอาจารย์นาธัสก็ดูจะโกรธยิ่งกว่าเดิมเมื่อได้ยินสิ่งที่เจพูดออกมา

"ไม่มีใครหนีจากฉันได้!" อาจารย์พูดด้วยความโกรธและออกแรงบีบมากขึ้นจนใบหน้าของเจกลายเป็นสีเทาและผมได้แต่ร้องไห้ ร้องตะโกนขอร้องให้อาจารย์หยุด ผมควรจะต้องทำยังไงดี จะหยุดเรื่องนี้ยังไงดี

"ใครก็ได้ ได้โปรด" ผมร้องไห้และมองร่างของเจที่แน่นิ่งไป ผมขอโทษ ผมขอโทษจริงๆ ผมมันทำอะไรไม่ได้เลย

"ทางนี้"

แต่ผมที่กำลังร้องไห้นั้นก็ได้ยินเสียงที่ก้องกังวานอยู่ในหัว ผมเช็ดน้ำตาที่อาบดวงตาจนฝ้ามัวและมองเข้าไปที่พุ่มไม้ มองเงาสีดำที่กำลังกระพือไหว เหมือนกับใกล้จะจางหายไปตลอดเวลา ผมหันกลับไปมองเพื่อนเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่จะตัดใจวิ่งสุดกำลังไปที่พุ่มไม้นั้น

ในห้วงเวลาที่เหมือนกับถูกบิดเบือนไป ผมรู้สึกล่องลอยอีกครั้งและครั้งนี้ไม่ได้ดูยาวนานเหมือนเก่า ผมหลับตา และปล่อยให้สัมผัสอบอุ่นราวกับกระแสลมพัดผมให้ล่องลอยไป ผมรู้สึกว่าเท้าของผมกำลังแตะลงพื้น และกลิ่นอายนี้ ความรู้สึกนี้ ทำไมผมถึงดูคุ้นเคยเหลือเกิน

ผมค่อยๆ ลืมตาขึ้นช้าๆ ในห้องที่มืดสลัว ผมค่อยๆ ปรับโฟกัสและขมวดคิ้วน้อยๆ จ้องมองไปรอบๆ ตัวด้วยหัวใจที่สั่นไหว ที่นี่ ห้องนอนสีดำ เตียงสีดำ เครื่องเงิน กระจกใสและลมพายุที่ด้านนอก ทำไมผมถึง....

"ทำไมถึงพามาที่นี่" ผมเงี่ยหูฟังเสียง เสียงนั้นเป็นเสียงที่ผมคุ้นเคยดี เป็นเสียงของคนที่ผมเคยรักหมดหัวใจ

"ขออภัยครับท่าน แต่ท่านสั่งให้ผม..."

"พาไปที่อื่น" ผมมองซินที่นั่งอยู่ที่โซฟาตัวใหญ่ และกำลังสั่งคนของตัวเอง คนคนนั้น...

ผมค่อยๆ น้ำตาไหลออกมาช้าๆ ผมมองผู้ชายคนหนึ่งที่ก้มหัวอยู่ข้างๆ ซิน และมีเงาสีดำจางๆ รอบๆ ตัว ผู้ชายคนนั้นมีดวงตาสีแดงจางๆ และผมจำได้ทันทีว่าคนคนนั้นก็คือคนที่คอยติดตามผม คำสั่งงั้นเหรอ เป็นคนของนายงั้นเหรอ

และภาพความทรงจำเก่าๆ ของผมก็เริ่มแทรกซึมเข้ามา ผมจำได้แล้วในคืนที่ผมพบซินครั้งแรก ผมเจอซินที่ชั้นลอยของไนท์คลับแห่งนั้น ซินที่นั่งอยู่ที่โซฟา และมีวิญาณสีดำติดตามอยู่ข้างๆ เป็นนายนี่เอง ผมถึงได้คุ้นเหลือเกิน แต่ก็นึกไม่ออกสักที

ผมค่อยๆ เดินเข้าไปช้าๆ ไปยังที่ที่ซินนั่งอยู่ ผมมองซินที่สีหน้าเลื่อนลอยและไม่ได้หันมามองผม ผมไม่รู้ว่าผมควรพูดอะไร ผมได้แต่ร้องไห้เงียบๆ และมองคนที่คอยอยู่เคียงข้างผม ตอนนี้ซินเปลี่ยนไปแล้ว ซินเลือกที่จะไม่สนใจผม ซึ่งนั่นผมก็คิดว่าสมควรแล้ว ดีที่สุดแล้ว

"ทำไมถึงไม่เคยบอกผมเลย" ผมพูดกับซินที่ยังคงไม่ได้หันมามองผม ทำไมถึงเก็บเงียบมาจนถึงป่านนี้ เรื่องอาจารย์นาธัส ทำไมถึงปล่อยให้คนคนนั้นหลอกลวงผมได้ขนาดนี้

"ไม่บอกงั้นเหรอ" ซินพูดขึ้นและหัวเราะในลำคอ แต่เสียงหัวเราะนั้นดูเจ็บปวดเหลือเกิน "เพราะไวท์ ไม่เคยเชื่อต่างหาก..." คำพูดของซินนั่นแผ่วเบาราวกับจะร้องไห้ ซินลุกขึ้นยืนช้าๆ เดินไปที่กระจกใสบานใหญ่ มองออกไปที่ด้านนอกด้วยสีหน้าที่หมองเศร้า

"ไม่มีทางเลือกมากนัก ยิ่งรู้ไว มันก็ยิ่งตามล่าไวขึ้น บางที แม้แต่ฉัน ก็ไม่อาจปกป้องใครไว้ได้"

ผมเดินตามซินไปใกล้ๆ ใบหน้าของซินในตอนนี้นั้นดูเหนื่อยล้าเหลือเกิน ไม่เหมือนคนที่เคยมีพลังเปี่ยมล้นดั่งเช่นเคย

"ผมจะไม่ขอโทษหรอกนะ กับสิ่งที่เกิดขึ้น ยังไงนาย เพราะสิ่งที่นายทำกับผู้คนและคุณยาย...ยังไงนายก็คือปิศาจเหมือนกัน ปิศาจที่เลวที่สุด" ผมพูดด้วยเสียงที่สั่นเครือ ผมนั้นเข้าใจซินผิดไปเรื่ิองของเจ และซินก็เคยเตือนผมเรื่องอาจารย์นาธัสหลายครั้ง แต่ยังไง นายก็เป็นคนฆ่าคุณยาย ผมยกโทษให้นายไม่ได้หรอก

"ไปซะ" ผมน้ำตาไหลอีกครั้งที่ได้ยินซินพูดแบบนั้น ผมสะกดกลั้นความเสียใจเอาไว้และฝืนกล้ำกลืนมันลงไป ในหัวใจของผมมันปวดร้าวเหลือเกิน ไม่มีอะไรเหลืออยู่อีกแล้ว ไม่ว่าในโลกนี้หรือโลกไหน ทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตของผมมันสูญสลายไปแล้ว



ผมไม่รู้ว่าผมยังคงมีเวลาเหลืออีกเท่าไหร่บนโลกใบนี้ แต่ช่วงเวลาที่ผมเหลือนั้น ผมอยากใช้มันที่นี่ คอยมองดูหลุมศพของครอบครัวคนสุดท้ายที่ผมรัก คนที่ได้จากผมไปแล้วตลอดกาล

"คุณยายครับ ที่นี่สงบและก็อากาศดีมากใช่ไหมครับ ผมหวังว่าคุณยายคงจะชอบนะครับ" ผมพูดและวางดอกไม้ที่ผมหาได้เอาไว้บนหลุมศพนั้น

ต่อหน้าคุณยาย ผมต้องยิ้มเข้าไว้ ผมไม่รู้ว่าตอนนี้ท่านอยู่ไหนแล้ว ทำไมคุณยายถึงไม่ออกมาทักทายผมเลย แต่ผมก็รู้ว่าทำไม เพราะปิศาจนั่นใช่ไหม เขาไม่ให้คุณยายออกมาหาผมงั้นเหรอ ใจร้ายจังเลยนะ แต่ไม่เป็นไร เพราะผมกำลังจะไปแล้ว แต่ก็ไม่รู้ว่าจะได้ไปที่เดียวกับคุณยายไหม แต่ถ้าให้เลือกได้ ผมก็อยากที่จะหายไป ไม่ได้รับรู้อะไรอีกเลย ก็คงดี

หลังจากพูดคุยกับหลุมศพของคุณยาย ผมเดินไปตามถนนที่ทอดยาว ไม่สนใจไอร้อนของแสงแดดที่กำลังแผดเผาผิวของผม เดินไปเรื่อยๆ อย่างไร้จุดหมาย ผมไม่มีบ้านอีกแล้ว ไม่มีที่ไหนบนโลกที่ผมควรจะไป แต่ก็ไม่เป็นไร เพราะมันคงไม่จำเป็นอีกแล้ว

ผมเดินไปเรื่อยๆ และมองท่อนแขนของผมที่รอยสัญลักษณ์นั่นจางลงอีกครั้ง และผมก็รู้อีกว่า ที่ด้านหลังของผมนั้นก็ยังคงมีสัญลักษณ์ของซินอยู่เช่นกัน แล้วแบบนี้ ผมจะไปที่ไหนกันนะ ผมไม่รู้เลย และเหนื่อยมากเกินพอที่จะรับรู้อีกแล้ว

ผมมองถนนที่รถวิ่งผ่านไปมาวุ่นวาย มองดูผู้คนที่เริ่มมีให้เห็นเมื่อผมเดินมาไกลมากมายเหลือเกิน ทุกคนต่างใช้ชีวิต ขวนขวาย ที่จะอยู่บนโลกนี้ต่อไป พวกเขามีจุดหมาย มีบ้าน มีครอบครัว มีคนที่จะยิ้มให้เขา มีคนที่ดีใจที่เจอเขา และทั้งหมดนั่น มันไม่ใช่ผมเลย

ผมมีชีวิตอยู่มาถึงตอนนี้ได้ยังไงกันนะ บางทีผมก็สับสนเหลือเกิน มันน่าจะถึงเวลาแล้ว ที่ผมจะไปจากโลกนี้ ไปเป็นทาส หรือดีที่สุด ก็คือหายไป หมดเรื่องราวที่อยู่ในหัวใจ ไม่ต้องเจ็บปวดอีกต่อไป

ผมคิดและหยุดเท้าลง มองไปยังรถที่วิ่งผ่านไปมาอยู่บนถนน มันคงจะเจ็บแค่แปบเดียวเท่านั้น ผมคงยังไม่ทันจะรู้สึกอะไร และทุกอย่างก็คงดับวูบไป

ผมคิดและเริ่มก้าวเท้าช้าๆ ค่อยๆ เดินออกไปที่ท้องถนน ผมขอโทษนะครับ ผมคงจะทำให้รถคันหนึ่งต้องเดือดร้อน แต่ตอนนี้ผมห้ามตัวเองไม่ได้อีกแล้ว เท้าของผมมันยังคงก้าวเดินไปไม่หยุด เพื่อมุ่งสู่ความตายตรงหน้า มันถึงเวลาสำหรับผมแล้ว ผมกำลังจะถูกปลดปล่อยแล้ว

แต่ผมที่กำลังเดินออกไปนั้นก็พลันเห็นเด็กน้อยคนหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลจากผม กำลังวิ่งออกไปที่ท้องถนนเช่นกัน ผมที่เห็นแบบนั้นสัญชาตญาณมันบอกให้ผมวิ่งออกไป เพื่อปกป้องเด็กน้อยคนนั้น ผมลืมเรื่องที่ผมกำลังทำและวิ่งออกไปสุดแรง ยื่นมือออกไปหาเด็กน้อยที่กำลังเงยหน้ามองผีเสื้อ ที่กำลังบินออกไป

ราวกับโลกกำลังหมุนอย่างช้าๆ ผมวิ่งไปข้างหน้าและผลักเด็กน้อยคนนั้นให้พ้นทางออกไปจากท้องถนน ในชั่วเสี้ยววินาทีของชีวิต ดวงตาของผมหันมองเห็นรถคันใหญ่ที่กำลังวิ่งตรงเข้ามา นั่นสินะ นี่แหละสิ่งที่ผมกำลังรออยู่ ผมเคลื่อนไหวช้าๆ และหลับตาลง ผมกำลังจะไปแล้ว ไปในที่ที่ไกลแสนไกล เวลาของผมมันจบลงแล้ว ผมจะไม่ต้อง เจ็บปวดอีกต่อไปแล้ว

ปรี๊นนนนน!

เสียงที่ดังเข้ามาในโสตประสาทของผมกำลังดังกึกก้องต่อไป ผมรอช่วงเวลาที่รถจะประทะเข้ากับร่างกายของผม รอช่วงเวลาที่ผมจะได้หลับไหล แต่ทำไมกันนะ ความอบอุ่นนี้มันคืออะไร ทำไมหัวใจของผม ถึงยังคงเต้นอยู่

ผมที่สงสัยนั้นก็ลืมตาขึ้นช้าๆ ผมหยีตาและใช้แขนบังแสงที่เจิดจ้าตรงหน้า ที่นี่มันอะไรกัน แสงอะไรทำไมถึง...

ปีกสีขาวที่ขาวยิ่งกว่าสีใดๆ บนโลกนี้ ผมมองดูใบหน้าที่แสนคุ้นเคย มองดูคนที่กำลังโอบอุ้มผมเอาไว้แนบกาย มองดูคนที่บอกให้ผมออกไปจากชีวิต ทำไมกัน ทำไมนายถึง...

"ทำไม" ผมพูดเบาๆ และจ้องมองซินที่ทำสีหน้าหมองเศร้าเหลือเกิน ปีกสีขาวที่ห่อหุ้มตัวพวกเราไว้ มันช่างอบอุ่นเหมือนกับแสงแดดในยามเช้า แสงที่ทำให้รู้สึกอบอุ่นไปถึงหัวใจ

"ทำไมถึงไม่ฆ่าผม ทำไมถึงไม่ปล่อย ให้ผมไป" ผมพูดเบาๆ และน้ำตาก็เริ่มไหลรินออกมา

ผมจ้องมองซิน ถ้าปล่อยให้ผมตาย พวกเราก็จะได้เจอกันไม่ใช่เหรอ ผมต้องเป็นทาสนายไม่ใช่เหรอ แต่ว่านายก็คงไม่ต้องการผมแล้วใช่ไหม พวกเรา ไม่มีวันได้อยู่ด้วยกันใช่ไหม

ผมคิดและเริ่มน้ำตาไหลออกมาอาบสองแก้ม ผมนั้นทุกข์ทรมานเหลือเกิน ผมเหนื่อยล้า ผมแทบไม่อยากหายใจต่อไป ทำไมถึงไม่ปล่อยให้ผมไปสักที ผมพอแล้วกับโลกใบนี้

"ไม่ได้...ให้ไปไม่ได้" ซินพูดและจ้องมองผมด้วยแววตาแสนเศร้า

"เพราะว่าไวท์ อาจจะไม่ได้ลงไป ที่ขุมไฟนั่น แต่กลับขึ้นไปข้างบน ไปในที่ที่ฉันตามไปไม่ได้" ซินยังคงพูดต่อด้วยแววตาที่เหมือนกับกำลังจะร้องไห้ ผมไม่รู้ว่าผมควรรู้สึกยังไง ผมนั้นเจ็บปวดเกินกว่าที่จะรับรู้ถึงความรู้สึกที่นายมีให้อีกแล้ว

"ผมก็แค่อยากใช้ชีวิตเหมือนคนทั่วไป มีคนที่รักผม มีคนที่บอกว่าผมทำดีแล้ว มีบ้านให้กลับไป ผมทำผิดอะไรงั้นเหรอ ทำไมผมถึงมีจุดจบแบบนี้ ผมไมชีวิตผมถึงได้เป็นแบบนี้" ผมพูดและจ้องมองไปบนท้องฟ้ากว้าง ผมนั้นไม่ได้อยากจากโลกนี้ไป แต่โลกนี้ต่างหากที่อยากให้ผมไปให้ไกล

"ได้โปรด ปล่อยผมไป ช่วยผม เป็นครั้งสุดท้าย"

"โลกนี้ทำให้ไวท์เจ็บปวดงั้นเหรอ" ซินถามผมด้วยเสียงอันแผ่วเบา

"ช่วยทำให้ทุกอย่าง หายไปที" ผมพูดบอกซิน ผมหลับตาลงช้าๆ และหวังว่าซินจะตอบรับคำขอของผม

"ลาก่อนไวท์ ลาก่อน" ผมรู้สึกถึงสัมผัสแผ่วเบาที่หน้าผากของผม ความอบอุ่นแผ่ซ่าน และผมรู้สึกราวกับอยู่บนสวรรค์ ผมกำลังไปแล้วจริงๆ ใช่ไหม ขอบคุณนะ ขอบคุณที่อยู่เคียงข้างผมเสมอมา

ผมปล่อยตัวและหัวใจให้สงบนิ่งผ่อนคลาย ผมหลับตาพริ้ม ผมรู้สึกเหมือนทุกสิ่งทุกอย่างกำลังเปลี่ยนแปลงไป ผมจะไม่ต้องร้องไห้อีกแล้วใช่ไหม ผมรู้สึกดีมาก อย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน ความฝันและความหวังของผมเป็นจริงแล้วใช่ไหม



"คนไข้ยังคงอ่อนเพลียค่ะ แต่พักผ่อนอีกนิดก็คงฟื้นแล้ว" ผมกระพริบตาไล่แสงจ้า นี่ผมยังคงไม่ได้ไปไหนเหรอ ซินยังคงส่องแสงและทำให้ผมแสบตาสินะ แต่ว่าทำไม เสียงรอบๆ ตัวผมถึงไม่คุ้นเลย ผมอยู่ที่ไหนกันนะ ทำไมถึงรู้สึก เวียนหัว

"พื้นแล้วค่ะคุณพ่อ พี่เขาพื้นแล้ว" ผมค่อยๆ ลืมตาขึ้นช้าๆ มองแสงไฟจากเพดานที่ส่องสว่างอยู่ ไม่ใช่ปีกของซินงั้นเหรอ ที่นี่ที่ไหน

ผมค่อยๆ ขยับตัวช้าๆ และมองคนที่อยู่รอบๆ ตัวผม นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันนะ ผมหลับไปนานแค่ไหนแล้ว

"ค่อยๆ ลุกนะ เจ็บตรงไหนหรือเปล่า" ผมขยับตัวลุกขึ้นนั่ง และทุกคนรอบๆ เตียงก็กรูกันเข้ามา ผมงงงวยไปหมด คนพวกนี้เป็นใครกัน

ผมพยายามเพ่งมองใบหน้าของแต่ละคน เป็นผู้หญิง ผู้ชาย และเด็กตัวเล็กสองคน แต่ทำไมทุกคนถึง...

ผมหรี่ตามองทุกคน และรีบแตะต้องใบหน้าของตัวเองด้วยความตกใจ ทำไม ทำไมตาของผมถึงมองไม่ชัด ทำไมถึงกลับไปเป็นแบบเดิม เหมือนตอนที่ผมสายตาสั้น

"ขอบคุณมากเลยนะที่ช่วยลูกแม่ไว้" ผมมองผู้หญิงคนหนึ่งที่กำลังจับมือผมและน้ำตาอาบสองแก้ม ช่วยงั้นเหรอ หมายถึงเด็กน้อยนั่นใช่ไหม

ผมมองเด็กน้อยที่กำลังเกาะขาพ่อของตัวเองและกำลังจ้องมองผมแบบเขินๆ ผมรู้สึกโล่งใจ ปลอดภัยสินะ ทันเวลาพอดี

"ไม่รู้จะตอบแทนได้ยังไงจริงๆ" คุณแม่ของเด็กน้อยนั้นยังคงจับมือผมเอาไว้และยิ้มอย่างใจดีทั้งน้ำตา

"ไม่เป็นไรครับ ผมก็แค่ บังเอิญช่วยเอาไว้ได้" ผมพูดและยิ้มน้อยๆ

"รถคันนั้นวิ่งมาอย่างเร็วเลยนะ แล้วก็พวกเราทุกคนก็เห็นเธอวิ่งเข้าไป และรถก็น่าจะชนเต็มๆ แต่เธอกลับไม่มีแม้แต่รอยช้ำ" คุณแม่ของเด็กน้อยพูดและมองตัวผมด้วยสีหน้าประหลาดใจ ใช่แล้วล่ะ ผมไม่ได้เป็นอะไร ก็เพราะซิน ช่วยผมเอาไว้

ในช่วงเวลาที่ผมพูดคุยกับซินนั้น มันเหมือนกับเวลาได้หยุดนิ่งลง ผมมองเห็นคนรอบๆ ตัว เคลื่อนไหวช้าลงราวแสนล้านวินาที และนั่นทำให้คนพวกนั้นมองไม่เห็นพวกเราเลยสักนิดเดียว แล้วตอนนี้ นายไปอยู่ไหนกันนะ

"ขนนกกกก" ผมมองเด็กน้อยที่กำลังชี้มือมาที่ผมและทำสีหน้าตื่นเต้น ผมมองตามสายตาของเด็กน้อย และเพิ่งรู้ตัวว่า ผมกำลังกำอะไรอยู่ในมือ

"มันคืออะไรงั้นเหรอ" คุณพ่อของเด็กน้อยนั้นถามผมและจ้องมองสิ่งที่อยู่ในมือผมด้วยความสนใจ

ผมมองขนที่เหมือนกับขนนกสีขาวบริสุทธิ์ในมือผม ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ ขนเส้นนี้เป็นของของซิน ซาตานที่มีปีกสีขาวงั้นเหรอ นายลงมาจากสวรรค์จริงๆ สินะ ทูตสวรรค์ที่ตกจากสวรรค์

"มันเป็น ของสำคัญของผม" ผมพูดและกอดขนนกนั้นไว้แนบอก ผมนึกถึงใบหน้าของซิน ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความโศกเศร้า ทำไมนายถึงได้ทำสีหน้าแบบนั้น

ทำไมนายถึงได้บอกลาผม ทำไมนายถึงไม่ทำให้ผม หายไป
หัวข้อ: Re: In The Shadows' เงาหลอน ซ่อนรัก '[YAOI][#31 Fallen Angels](22/9/61)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 22-09-2018 15:30:47
  :pig4: :pig4: :pig4:

ซิน  คือ  เทวดาตกสวรรค์ที่ถูกส่งไปอยู่ในนรก?

คือ... ลูซีเฟอร์?
หัวข้อ: Re: In The Shadows' เงาหลอน ซ่อนรัก '[YAOI][#31 Fallen Angels](22/9/61)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 23-09-2018 02:43:46
น่าสงสารทั้งไวท์ ทั้งเจเลย  :sad11:
หัวข้อ: Re: In The Shadows' เงาหลอน ซ่อนรัก '[YAOI][#31 Fallen Angels](22/9/61)
เริ่มหัวข้อโดย: Gloomy Sunday ที่ 24-09-2018 17:06:21
Shadows ที่ 32 พรจากซาตาน


หลังจากที่ทุกคนกลับไปแล้ว ผมรู้สึกแปลกนิดๆ เพราะทุกคนนั้นดีกับผมมากเหลือเกิน ผมที่ไม่เคยมีใครใส่ใจ ก็เลยทำตัวไม่ถูก และรู้สึกเกรงใจเสมอ พวกท่านบอกผมว่าพรุ่งนี้จะมาใหม่ ให้ผมนอนพักรักษาตัวอยู่ที่นี่ก่อน ซึ่งไม่ว่าผมจะปฏิเสธแค่ไหน แต่ก็ไม่เป็นผลเลย เอาเป็นว่า ผมจะลองอยู่ที่นี่สักคืน แล้วพรุ่งนี้ ค่อยคิดว่าจะทำยังไงต่อไปก็แล้วกัน

ผมมองไปรอบๆ ห้องสีขาว มองทีวีที่อยู่ปลายเตียง และมองข้าวของต่างๆ ที่อยู่ในห้อง ครอบครัวนี้คงจะรวยมากถึงให้ผมมาอยู่ในห้องดีๆ แบบนี้ ทั้งๆ ที่ผมก็แค่อ่อนเพลียเท่านั้น แล้วผมจะต้องทำยังไง ถึงจะชดใช้ค่าห้องนี้ได้กัน

แกร่ก

ผมนอนอยู่ในห้อง มองขวดยาเล็กๆ ที่กำลังกลิ้งและไหลเข้าไปที่ใต้เตียง ผมนั้นเพิ่งรู้ตัว และเริ่มดึงผ้าห่มคลุมตัวเองไว้ให้มากขึ้น ที่นี่คือโรงพยาบาล ที่นี่คือที่ที่มีแต่วิญญาณ เป็นสถานที่สุดท้ายที่ผมอยากอยู่

ผมคิดและเริ่มสั่นกลัวมากขึ้นเรื่อยๆ ผมควรจะทำยังไงดี หรือจะหนีไปตอนนี้หรือนั่งรอให้พวกมันมาหาผมกัน แต่ผมที่คิดแบบนั้น ก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่า แล้วผม จะไปที่ไหนกันล่ะ

ผมคิดและเริ่มขยับตัวลงจากเตียงช้าๆ พลางดึงสายน้ำเกลือที่ข้อมือของผม และค่อยๆ เปิดประตูห้องออกไป

ผมเดินและคอยมองพยาบาลที่กำลังนั่งอยู่ในห้อง และก้มเดินหลบเลี่ยงที่นั่นออกมา ผมก็แค่อยากออกไปจากที่นี่ ไปในที่ที่มีคนพลุกพล่าน ไปในที่ที่จะมีคนอยู่เป็นเพื่อน

ผมคิดและยังคงเดินต่อไปเรื่อยๆ ประสบการณ์ของผมกับโรงพยาบาลนั้นทำให้ผมขาสั่นและอ่อนแรง ไม่ว่าจะมองไปที่ไหน ผมก็มักแต่จะเจอกับสิ่งที่น่ากลัว ผมเดินอย่างรวดเร็วและก้มลงมองเท้าของตัวเองตลอดเวลา ขอให้ไม่มีเถอะ ขอให้ผมไม่เจออะไรด้วยเถอะ

"คุณมาจากห้องไหนคะ"

แต่ผมที่กำลังรีบเร่งออกจากตึกนั้นก็ถูกพบเข้าจนได้ ผมสะดุ้งและมองพยาบาลคนหนึ่งที่จับไหล่ผมเอาไว้

"คนไข้ VIP ไม่ใช่เหรอ ตายแล้ว" ผมมองพยาบาลอีกคนที่เข้ามามองผมใกล้ๆ และทำสีหน้าตกใจ

"ขอโทษครับ แต่ผมอยากเข้าห้องน้ำ" ผมพูดและพยายามมองแต่สองคนนี้เท่านั้น

"ในห้องก็มีนะคะ กรุณากลับไปเถอะค่ะ" ผมในตอนนี้นั้นกำลังถูกจับแขน และดันเบาๆ ให้เดินกลับไป

ผมได้แต่ตัวสั่น จะทำยังไงดี ผมไม่อยากอยู่คนเดียว แต่ก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดยังไงให้ทั้งสองคนเข้าใจ

"พี่ครับ ผมขอร้อง ผมยังไม่อยากกลับห้อง" ผมขืนตัวเองไว้และทำสีหน้าขอร้องจริงจัง

"มีอะไรหรือเปล่าคะ" พยาบาลสาวมองผมด้วยสีหน้าเป็นกังวล ผมไม่อยากทำให้คนอื่นไม่สบายใจเลย แต่ผมก็กลัวเหลือเกินจริงๆ

"ไวท์" และก็เหมือนสวรรค์มาโปรด ผมมองเพื่อนคนเดียวของผมที่กำลังวิ่งมาด้วยใบหน้าตื่นตระหนก

"เจ็บตรงไหนหรือเปล่า ขอโทษที่มาช้า" ฟ่างพูดและทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ และผมดีใจเหลือเกิน

"ช่วยผมหน่อย" ผมพูดและมองฟ่าง หวังว่าฟ่างจะเข้าใจ

"ไปกันเถอะ ตรงนี้...เยอะมากเลย" ฟ่างพูดและเหลือบมองไปรอบๆ ตัวอย่างหวาดระแวง และจับมือผมแน่นให้เดินไปด้วยกัน

ผมขมวดคิ้วน้อยๆ และจ้องมองฟ่าง เมื่อกี้ฟ่างพูดว่าอะไรกันนะ หมายความว่ายังไงกัน

พวกเราเข้ามาในห้องของผมและฟ่างก็ปิดประตูทันที ผมกลับขึ้นเตียงและมองฟ่างที่กำลังเดินไปรอบๆ ห้องเหมือนกำลังไล่อะไรสักอย่างและเดินมานั่งลงที่เก้าอี้ข้างๆ เตียง

"ฟ่างรู้เรื่องทุกอย่างแล้วนะ ทำไมถึงไม่บอกฟ่างเลย" ฟ่างนั่งอยู่ที่ข้างเตียงของผมและทำสีหน้าเศร้าหมองเหลือเกิน

"ผมรบกวนฟ่างไม่ได้หรอก มันเป็นปัญหาที่ผมควรจะแก้ไขด้วยตัวเอง" ผมพูดและมองฟ่างที่ดูหมองเศร้ามากขึ้นไปอีก

"เรื่องคุณยายของไวท์ ฟ่างรู้ว่าไวท์รู้สึกยังไง การสูญเสียใครสักคนที่เรารัก ความเจ็บปวดนั้น ฟ่างรู้จักดี" ฟ่างพูดและน้ำตาก็ไหลออกมาช้าๆ

"ขอบคุณมากนะ" ผมพูดและยิ้มอย่างเศร้าๆ ให้ฟ่าง ผมเริ่มรู้สึกดีขึ้น รู้สึกดีใจ ที่อย่างน้อยผมก็ยังมีเพื่อนอยู่ ไม่ได้อยู่คนเดียวเพียงลำพังอย่างที่ผมคิด แต่ถึงแบบนั้น ผมก็รบกวนฟ่างมากไม่ได้หรอก

"มันเกิดขึ้นได้ยังไงเหรอ ขอโทษนะ แต่ถ้าไวท์ยังไม่อยากพูดถึง..."

"ซิน เป็นคนฆ่าคุณยาย" ผมพูดเบาๆ และพยายามห้ามน้ำตาไม่ให้รินไหลออกมา

"ซิน คนที่ไวท์เคยเล่าให้ฟังเหรอ" ผมพยักหน้าน้อยๆ

"ทำไมกัน ทำไมเขาถึงทำแบบนั้น"

"ผมไม่รู้ แต่ผมเห็นเขาอยู่ที่นั่น ในวันที่คุณยายตาย" ผมพูดและนึกถึงแผ่นหลังของซินในกองเพลิง ทำไมนายถึงอยู่ที่นั่น แล้วถ้านายไม่ได้ฆ่าคุณยาย ทำไมถึงไม่ช่วยท่านกัน ทำไมนายถึงช่วยผม ช่วยแค่ผมเพียงคนเดียว

"ซินคงสำคัญกับไวท์มากใช่ไหม" ฟ่างพูดและยื่นมือมาจับมือผมช้าๆ อย่างปลอบโยน ซินนั้นสำคัญกับผมงั้นเหรอ มันไม่ใช่แค่นั้นหรอก หลังจากที่ผมได้พบซิน โลกของผมก็เปลี่ยนไป

"ผม...รักเขา" ผมพูดและก็ไม่อาจห้ามน้ำตาไม่ให้ไหลออกมาได้ ผมรักซินมากเหลือเกินผมถึงต้องเจ็บปวดขนาดนี้

"ฟ่างเข้าใจแล้ว อย่าพูดอีกเลย" ฟ่างพูดและลุกขึ้นลูบหลังผมช้าๆ ผมก้มหน้าร้องไห้กับฝ่ามือของผม แค่คิดถึงซิน ผมก็ไม่สามารถกลั้นน้ำตาได้เลย

"ผมอยากหายไป ผมบอกซิน ขอร้อง ให้ซิน ปลดปล่อยผม" ผมพูดและมองฟ่างที่ร้องไห้เป็นเพื่อนผม

"ผมไม่เหลืออะไรอีกแล้ว แต่ซิน ก็ไม่ยอมทำตามที่ผมขอ" ผมพูดต่อไปด้วยความเศร้าเสียใจ

"ไวท์ อย่าพูดแบบนั้นสิ อย่างน้อยก็มีฟ่างนะ" ผมจ้องมองฟ่าง คำพูดนั้นช่างมีความหมายกับผมมาก แต่ผมในตอนนี้นั่นก็อ่อนแอเกินไปจริงๆ

"ขอบคุณนะ ขอบคุณมากจริงๆ" ผมพูดและรู้สึกดีขึ้น ที่ได้ระบายสิ่งที่อยู่ในใจออกมา

"แล้วไวท์ได้เจอคุณยายไหม ลองเรียกหาท่านดูหรือเปล่า" ฟ่างพูดและผมก็คิดทันที ผมนั้นไม่เคยเห็นคุณยายเลย ไม่ว่าจะที่ไหน หรือตอนไหน ท่านอยู่ไหนกันนะ

"ลองถามพี่ฟางดูดีกว่า เผื่อพี่จะบอกอะไรได้บ้าง" ฟ่างพูดพลางขยับตัวนั่งหันหน้าเข้าหาผมและจับมือทั้งสองข้างของผมไว้

"คือ จริงๆ ไม่ต้อง..."

"เถอะนะ ลองดู" ฟ่างพูด และหลับตาลงทันที

ผมมองฟ่าง และเริ่มรู้สึกกระสับกระส่ายเล็กน้อย เพราะไม่ว่าเมื่อไหร่ ผมก็รู้สึกกลัวนิดๆ เสมอเมื่อฟ่างทำแบบนี้ และก็ในทันที ผมมองฟ่างที่ค่อยๆ ลืมตาขึ้นจ้องมองบนเพดาน ผมเริ่มขยับถอยหลังออกไปเล็กน้อย และรอสิ่งที่จะปรากฎออกมา

"แสง...จากข้างบน"

ผมขมวดคิ้วน้อยๆ และจ้องมองฟ่างที่พูดอะไรบางอย่างออกมา แต่ว่าทำไมกันนะ ฝาแฝดของฟ่าง หายไปไหนกัน

ผมจ้องมองฟ่าง และมองไปรอบๆ ตัวด้วยความสงสัย หรือบางทีก็ไม่ต้องออกมางั้นเหรอ ทำไมผมถึงรู้สึกว่า แบบนี้มันแปลก

"ว่าไงไวท์ พี่พูดอะไรบ้าง" ผมมองฟ่างที่กลับมาเป็นปกติและกำลังเขย่าแขนผมไปมาด้วยความอยากรู้

"ผม...ไม่เข้าใจเลย" ผมพูดและเริ่มรู้สึกไม่สบายใจ นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันนะ ทำไมผมถึง...

"ไวท์...ไม่เห็นพี่ฟางแล้วเหรอ" ฟ่างพูดและทำสีหน้าไม่เข้าใจพอๆ กับผม

"ผมมองไม่เห็นอะไรเลย" ผมพูดบอกฟ่าง หรือพี่ของฟ่างจะไม่ยอมออกมาเหมือนครั้งก่อน

"ไวท์ ในห้องนี้ มีวิญญาณกี่ตนงั้นเหรอ" ฟ่างมองผม และค่อยๆ พูดถามผมช้าๆ

ผมขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ และมองไปรอบๆ ห้องนอนกว้าง ห้องนอนที่ว่างเปล่า

"ก็มีแต่ผม กับฟ่าง..." ผมพูดและมองฟ่างที่กำลังปิดปากของตัวเองด้วยความตื่นตระหนก

"มี อย่างอื่น อยู่ด้วยงั้นเหรอ" ผมพูดและมองฟ่างที่ค่อยๆ พยักหน้าช้าๆ

ผมนั่่งอยู่บนเตียง ตัวชาราวกับไร้เรี่ยวแรง หยาดน้ำตาเริ่มหลั่งรินออกมาอีกครั้ง และครั้งนี้ ผมคงไม่อาจหยุดมันได้อีกแล้ว

ผมตัวสั่น และรีบลงจากเตียง เดินไปที่ห้องน้ำที่มีกระจกบานใหญ่ติดอยู่ ผมมือสั่นและรีบถอดเสื้อสีฟ้าที่คลุมตัวผมออก ผมถอดมันอย่างรวดเร็วด้วยมือที่สั่น เร็วจนรู้สึกถึงเชือกที่บาดลำคอ แต่ผมก็ไม่สนใจ ผมอยากรู้ ผมต้องการเห็น

และทันทีที่ผมได้เห็นแผ่นหลังของตัวเองที่สะท้อนอยู่ในกระจกนั้น ผมก็แทบที่จะหมดเรี่ยวแรงที่จะยืน ผมค่อยๆ ล้มตัวลงที่พื้นห้องน้ำช้าๆ น้ำตาที่หลั่งรินนั้น ก็ยังคงไหลออกมา ด้วยความรู้สึกที่เหมือนกับหัวใจได้หายไปแล้ว

แผ่นหลังของผมในตอนนี้ มันว่างเปล่า ตราสัญลักษณ์ที่ติดตัวผมอยู่เสมอนั้น ได้เลือนหายไปแล้ว หายไป พร้อมๆกับคนที่ประทับมัน คนที่มอบมันไว้กับผม

"โลกนี้ทำให้ไวท์ เจ็บปวดอย่างนั้นเหรอ"

"ลาก่อนไวท์ ลาก่อน"

ผมค่อยๆ ร้องไห้ออกมาด้วยเสียงสะอื้น มาถึงตอนนี่ผมถึงได้เข้าใจ ซินนั้นได้ทำตามสิ่งที่ผมขอไว้แล้ว ซินปลดปล่อยผม ออกจากโลกที่แสนน่ากลัว ปลดปล่อยผมจากความโหดร้าย แทนที่จะลบตัวผม ซินกลับลบทุกสิ่งที่ทุกที่ทำให้ผมต้องเจ็บปวด ลบทุกสิ่งที่ทำให้ผมหวาดกลัว และทุกสิ่งนั้น

รวมถึงการที่ผม จะไม่ได้พบซินอีกตลอดไป



ซิน

ความรัก คืออะไรงั้นเหรอ ผมเคยรู้จักมัน แต่ก็ได้ลืมเลือนมันไปแล้ว พระบิดา ทำไมท่านถึงใจร้ายกับผม ท่านลบเลือนมันไปจากหัวใจของผม และขับไล่ผมลงมาจากความสว่าง ลงมาสู่ความมืดมิด

นี่เป็นบททดสอบของท่าน หรืออยากลงโทษผมกันแน่ แต่ไม่เป็นไร ถ้าหากท่านได้ตัดสินใจแล้ว ผมก็จะขอหันหลังให้แก่ท่าน ผมจะเป็นสิ่งชั่วร้ายอย่างที่ท่านตั้งใจ ผมจะฆ่าและล่อลวงมนุษย์ ผมจะไม่มีวันคืนกลับสู่ท้องฟ้าอีกแล้ว

ผมเกลียดปีกสีขาวของผม มันยังคงส่องแสงสว่างและนำทางดวงวิญญาณบางดวงขึ้นสู่ท้องฟ้า ทั้งๆ ที่ผมไม่มีโอกาสนั้นอีกแล้ว ผมถูกสาปให้ลืมแสงสว่าง ก้มหน้าลงต่ำ จ้องมองแต่พวกปิศาจชั่วร้าย จนนานวัน ผมก็เริ่มกลายเป็นพวกมัน

แต่วันหนึ่ง หลังจากที่ใช้ชีวิตอยู่ในความมืดมน ผมไม่เคยเห็นแสงสว่างใดๆ ทุกสิ่งในแววตาล้วนมืดบอด พระอาทิตย์ที่ส่องแสงจ้าในยามเช้า แสงแดดที่ทอประกายกับผืนน้ำ ผมมองไม่เห็นมันอีกแล้ว ไม่ว่าจะพยายามสักเพียงไหน

จนกระทั่งผมได้พบคนคนหนึ่ง ในดวงตาที่แสนมืดมนของผมก็เริ่มเปลี่ยนไป เด็กมนุษย์นั้นช่างอ่อนแอเหลือเกิน อ่อนแอและโง่เขลา แต่ทว่า หัวใจกลับขาวบริสุทธิ์ยิ่งกว่าแสงอรุณใดๆ แบบนี้น่าสนุก ผมจะทำให้มันแปดเปื้อน จะฉุดรั้ง จะดึงดันให้มันกลายเป็นสีดำที่ดำมืดยิ่งกว่าโคลนตมใดๆ

ไวท์ นายเป็นของฉัน ฉันจะสอนให้นายได้รู้ว่า ความดีที่แสนโง่เง่าของนาย มันจะทำร้ายตัวนายเอง นายจะต้องจมดิ่งลงสู่ความมืดพร้อมกันฉัน และพวกเรา จะได้อยู่ด้วยกันตลอดไป

น้ำตา งั้นเหรอ หยาดน้ำนั้นทำให้หัวใจของนายเริ่มหม่นหมอง ทำไมนายถึงไม่สู้ล่ะ ทำให้คนชั่วพวกนั้นรู้ว่านายนั้นอยู่สูงกว่าพวกมันนัก ทำไมถึงเป็นคนน่าโมโหขนาดนี้ ทำไมนายถึงได้อ่อนแอขนาดนี้ ฉันอยากจะฆ่านายซะเดี๋ยวนี้แล้วพานายไปในที่ไกลแสนไกล ที่ที่นายจะมีแต่รอยยิ้มและภาคภูมิใจในความแข็งแกร่งของตัวเอง

แต่ทำไมกันนะ ทำไมนายถึงเลือกที่จะยอมแพ้ และทำให้หัวใจของนายอ่อนแอลง ไม่สิ นายน่ะแข็งแกร่ง ฉันรู้ว่านายเข้มแข็งยิ่งกว่ามนุษย์คนใดในโลกนี้ ทำไมกันนะ ทำไมผมถึงต้องเฝ้ามองดู ทำไมถึงอยากอยู่ข้างกาย ความรู้สึกนี้ช่างคุ้นนัก เหมือนกับสิ่งที่เคยลืมเลือนไป เริ่มกลับเข้ามาควบคุมจิตใจ

นาธัส ไม่ว่าแกจะเป็นปิศาจที่แข็งแกร่งเพียงไหน ต่อให้แกจะทำให้ไวท์โกรธหรือเกลียดฉันมากเพียงใด ฉันก็จะไม่มีวันให้แกแตะต้องไวท์ วิญญาณและหัวใจของไวท์เป็นของฉัน แต่ความรู้สึกนี้มันคืออะไรกัน ผมควรจะต้องฆ่าไวท์ แต่พอยื่นมือออกไป แววตาของไวท์ก็ทำให้ต้องหยุดชะงักลง

กลัว กลัวเหลือเกิน เพราะถ้าหากว่าที่ที่ไวท์จะไป ไม่ใช่ที่ของผมล่ะ ถ้าหากพระบิดาพรากไวท์ไป นำไวท์ขึ้นไปสู่บนท้องฟ้านั้น ผมก็จะไม่มีวันได้พบไวท์อีกแล้ว ผมจะไม่ได้เห็นสีหน้าและแววตาของไวท์อีกแล้ว

ผมทำไม่ได้ ผมยังคงปรารถนา เพียงแค่เห็นรอยยิ้มนั้น รอยยิ้มที่ส่องสว่างนั่น แสงอบอุ่นดั่งท้องฟ้านั้น ขอให้ผม ได้เห็นมันนานขึ้นอีกสักนิดได้ไหม

ได้โปรดเถิด พระบิดา ได้โปรด อย่าพลากไวท์ไป จากผมเลย

"โลกนี้ทำให้ไวท์เจ็บปวดอย่างนั้นเหรอ" ผมเปร่งเสียงออกไปด้วยความปวดร้าว เจ็บปวดยิ่งกว่าครั้งไหนๆ ในชีวิต การร่วงหล่นจากสวรรค์นั้น ก็ยังไม่เท่ากับสิ่งที่ผมจะทำให้ไวท์ต่อจากนี้

"ลาก่อนไวท์ ลาก่อน" ความฝันของนาย ฉันจะมอบมันให้ ต่อไปนี้นายจะไม่ต้องร้องไห้อีกแล้ว ลาก่อนไวท์ แสงสว่างของฉัน ฉันรักนาย รักด้วยหัวใจทั้งหมดที่ฉันมี

ขอบคุณ ที่ทำให้ฉัน จดจำความรู้สึกนี้ได้อีกครั้ง...



ไวท์

ผมยังคงมองออกไปยังท้องฟ้าที่เป็นสีเทา สายฝนที่เทลงมา ทำให้หัวใจของผมรู้สึกเปลี่ยวเหงา หยาดน้ำใสที่ไหลรินอยู่ที่นอกกระจก หยาดน้ำตาที่ไหลรินออกจากดวงตาของผม ในตอนนี้ ผมเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่า อย่างไหนที่มากกว่ากัน ผมไม่เคยหยุดร้องไห้ ไม่เคยหยุดความโศกเศร้านี้ได้เลย ผมไม่อยากคิดเลยว่า โลกของผมนั้น ไม่มีซินอยู่อีกแล้ว ไม่อาจเจอกันได้อีกแล้ว

"ไวท์ กินอะไรหน่อยนะ นี่ก็ 2 วันแล้ว" ผมหันมองเพื่อนที่นั่งลงที่ข้างเตียงของผมสองวันงั้นเหรอ เพิ่งผ่านไปแค่สองวันเท่านั้น แต่สำหรับผม มันยาวนานราวกับชั่วนิรันดร์

"เมื่อเช้าคุณอากับคุณน้า แล้วก็เด็กๆ มาเยี่ยมไวท์ด้วยนะ พวกท่านใจดี หวังดีกับไวท์นะ เด็กๆ ก็ชอบไวท์มากด้วย ฟ่างอยากให้ไวท์คุยกับพวกท่านบ้าง"

"ผมยังรู้สึกไม่ค่อยดีเลย ผมขอโทษนะ แต่ว่าครั้งหน้า ผมจะลองดู" ผมพูดและรู้สึกผิดน้อยๆ ผมนั้นอ่อนแอเหลือเกิน ผมแกล้งหลับตลอดเวลาที่พวกท่านมา ทำไมถึงได้เป็นคนแบบนี้นะ ผมนี่มันแย่จริงๆ

"พวกท่านเข้าใจไวท์นะ ท่านรู้ทุกอย่างหมดแล้ว ขอโทษนะ ที่ฟ่างเล่าให้พวกเขาฟัง"

"ไม่เป็นไร แต่ผมขอได้ไหม อย่าพูดเรื่องที่ผมเคยเจอ เอ่อ พวก..."

"ฟ่างไม่ได้พูดหรอก แต่คิดว่าท่านรู้นะ" ฟ่างพูดและยิ้มน้อยๆ แต่ผมไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่

"เอาล่ะ กินข้าวกัน"

ฟ่างพูดและจัดการเตรียมอาหารให้ผม ซึ่งครั้งนี้ผมก็ยอมนั่งลงกินข้าวบ้าง แต่ก็กินได้ไม่เยอะเท่าไหร่ ในหัวใจของผมมันยังคงหม่นหมองนัก ผมคิดถึงซิน ผมอยากถามซินถึงเรื่องราวต่างๆ แต่ผมก็ไม่มีโอกาสนั่นอีกแล้ว จะมีทางไหน ที่ทำให้พวกเราได้พบกันอีกนะ

"อร่อยไหม"

"อื้ม แต่จริงๆ ผมว่ามันจืดนะ" ผมยิ้มให้ฟ่างที่ดึงผมออกจากความเศร้า ช่วงเวลาแบบนี้ การมีเพื่อนนั้นดีจริงๆ

แต่ผมที่กินข้าวอยู่นั้น ก็รู้สึกว่าฟ่างกำลังจ้องมองผมแปลกๆ มีอะไรกันนะ

"อยากถามอะไรผมเหรอ" ผมถามเพื่อนที่ดูลำบากใจที่จะพูดอะไรออกมา

"ไม่อยากให้ไวท์คิดมากเลย แต่ก็อดเป็นห่วงไม่ได้จริงๆ"

"มีอะไรก็พูดเถอะ ถ้าเป็นฟ่างผมบอกได้ทุกเรื่องเลย" ผมพูดและยิ้มให้เพื่อน

"ไวท์จำ อาจารย์คนนั้นได้ไหม คนที่ไวท์เคยแนะนำ..."

"ฟ่าง ฟ่างเจอเขาเหรอ ที่ไหน เมื่อไหร่" ผมพูดและเริ่มสำลักข้าวทันที ผมหัวใจสั่น ผมสงสัยมาตลอดว่าทำไมเขาถึงหายไป ตามความเป็นจริงเขาควรจะตามล่าผมและมาถึงตัวผมนานแล้ว

"ใจเย็นๆ ไวท์ สรุปแล้วเป็นอย่างที่คิดใช่ไหม" ผมพยักหน้าน้อยๆ และเริ่มสั่นกลัวถึงขั้วหัวใจ

"ผมมองไม่เห็นเขาอีกแล้ว ไม่ว่าเขาจะตั้งใจให้ทุกคนเห็น" ผมพูดและพยายามสงบใจลง ถึงผมจะไม่เห็นเขา แต่พลังของเขาก็น่าจะทำร้ายผมได้

"จะทำยังไงดี" ฟ่างพูดและเริ่มลุกขึ้นจับมือผมเอาไว้

"เจอเขาที่ไหน" ผมพูดและจ้องมองฟ่าง

"ที่ข้างล่าง เมื่อวาน ฟ่างเห็นเขาเดินไปเดินมาที่หน้าตึก แต่ไม่ได้ขึ้นมานะ เหมือนเขาพยายามจะขึ้น แต่ก็ไม่ได้ขึ้นมา เกือบจะเข้าไปทักแล้วเชียว"

"ออกห่างจากเขาให้มากที่สุด" ผมพูดบอกฟ่าง

"ซาตานของจริงเลยใช่ไหม ถึงว่า บรรยากาศน่ากลัวมาก แล้วแบบนี้ไวท์จะทำยังไง" ฟ่างพูดและตัวสั่นไปมา

"แต่ฟ่างบอกเขาขึ้นไม่ได้" ผมพูดถามฟ่างอีกครั้ง

"ใช่ เห็นเขาคุยกับพยาบาลด้วยนะ"

"ซิน ซินน่าจะทำให้เขาเข้าใกล้ผมไม่ได้" ผมพูดและรู้สึกอยากร้องไห้อีกครั้ง

"แต่ทำไม ซินถึงไม่ปรากฎตัวให้ฟ่างเห็นบ้างเลย"

"ผมก็สงสัยเหมือนกัน"

ผมคิดจริงๆ ว่าเพราะอะไร ถึงผมจะไม่สามารถมองเห็นสิ่งใดๆ ได้อีกแล้ว แต่ระดับซาตานนั้น ถ้าจะปรากฎตัว มนุษย์ก็สามารถเห็นได้ด้วยพลังของพวกมัน แต่ทำไมซินถึงไม่ปรากฎตัวบ้าง ถึงผมจะมองไม่เห็น แต่ฟ่างก็น่าจะเห็นได้

ทำไมนายถึงหายไปกันนะ ช่วยบอกผมที
หัวข้อ: Re: In The Shadows' เงาหลอน ซ่อนรัก '[YAOI][#32 พรจากซาตาน](24/9/61)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 25-09-2018 02:43:17
ยิ่งอ่าน ยิ่งเดาทางไม่ออกแฮะ นี่ก็คิด ๆ อยู่ว่าฟ่างจะดีหรือจะร้าย  :hao4:
หัวข้อ: Re: In The Shadows' เงาหลอน ซ่อนรัก '[YAOI][#32 พรจากซาตาน](24/9/61)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 26-09-2018 00:11:18
 :pig4: :pig4: :pig4:

เทวดาตกสวรรค์ กับ ....
หัวข้อ: Re: In The Shadows' เงาหลอน ซ่อนรัก '[YAOI][#32 พรจากซาตาน](24/9/61)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 26-09-2018 08:52:20

เทวดาตกสวรรค์ กับ ซาตานตัวพ่อ    o22 o22 o22
หัวข้อ: Re: In The Shadows' เงาหลอน ซ่อนรัก '[YAOI][#32 พรจากซาตาน](24/9/61)
เริ่มหัวข้อโดย: Gloomy Sunday ที่ 17-10-2018 11:34:34
Shadows ที่ 33 ครอบครัว


ผมยังคงอยู่บนเตียง ในห้องสีขาวที่แสนเย็นเยือก มีเพียงเสียงเครื่องปรับอากาศที่ทำงานเบาๆ ในห้องที่เกือบจะเงียบสงัด ตัวผมในตอนนี้ถึงจะยังคงหวั่นๆ กับเรื่องของอาจารย์นาธัสที่ฟ่างบอก แต่จนถึงตอนนี้ ผมก็ยังคงไม่รู้สึกว่าพวกเราถูกคุกคามแต่อย่างใด ราวกับถูกปกป้องเอาไว้ โดยใครบางคน ซึ่งคนคนนั้น ผมเชื่อว่าคือซิน...

ผมนั้นคิดถึงเรื่องราวต่างๆ หลายสิ่งที่เกิดขึ้น พลางมองดูขนนกสีขาวสะอาดที่อยู่ในมือ ผมคิดถึงซิน ไม่รู้ว่าป่านนี้นายไปอยู่ที่ไหนแล้ว กำลังทำอะไรอยู่ ทำไมนายถึงได้ทำแบบนี้ ทำไมถึงช่วยผม มีหลายสิ่งที่ซินทำให้ผมสับสนเหลือเกิน ถ้าหากนายยังอยู่ตรงนี้ ก็ช่วยบอกผมทีได้ไหม ว่าสิ่งที่นายพูดในตอนนั้น มันหมายความว่านายรู้สึกกับผม แบบเดียวกับที่ผมรู้สึกกับนายใช่ไหม...

ผมคิดถึงซินและเริ่มหลับตาลงช้าๆ ปล่อยให้น้ำตาค่อยๆ หลั่งรินออกมาอีก ผมจะไม่ได้พบซินอีกแล้วจริงๆ เหรอ นายทิ้งผมไปแล้วจริงๆ ใช่ไหม แล้วเรื่องคุณยายล่ะ ทำไมนายถึงไม่พูดอะไรเลย ทำไมถึงหายไปแบบนี้ ผมอยากเจอนาย อีกสักครั้ง ออกมาหาผมทีได้ไหม...

ผมคิดและปล่อยให้ร่างกายเข้าสู่ห้วงนิทรา ผมยังคงกอดขนนกสีขาวไว้แนบออก และปล่อยให้ความคิดถึง ล่องลอยไป ไปยังคงที่ไม่อาจพบเจอได้อีกแล้ว

แสงแดดที่ส่องประกายในช่วงเที่ยงนี้ มันช่างเป็นแสงสีส้มที่ส่องสว่างอย่างอบอุ่น ผมเพิ่งรู้ตัวว่าผมนั่งอยู่ในร้านกาแฟแห่งหนึ่งที่ดูคุ้นตา มีต้นไม้สวยประดับไปทั่ว รอบๆ ตัวผมนั้น มีแต่ผู้คนที่กำลังส่งยิ้มและพูดคุยกันเบาๆ อยู่ทั่วทุกมุมของร้าน

กระถางดอกไม้เล็กๆ ที่วางอยู่บนโต๊ะ ผูกโบว์และมีกลิ่นหอม ผมจ้องมองมันและก้มลงไปสูดกลิ่นที่ดอกไม้นั้น ผมรู้สึกดีจริงๆ บรรยากาศรอบตัวของผมมันช่างอบอุ่น สดใส ราวกับ อยู่บนสรวงสวรรค์

"มันสวยมากเลยใช่ไหมจ๊ะ" ผมสะดุ้งน้อยๆ ทันทีที่มีเสียงหนึ่งดังขึ้นตรงหน้า ผมค่อยๆ เงยหน้าขึ้นนั่งตัวตรง และจ้องมองคนที่เอ่ยทักผม

"เอ่อ ครับ มันสวยและก็หอมมาก" ผมพูดและมองผู้หญิงตรงหน้าที่นั่งอยู่ตรงข้ามผม เธอเป็นใครกันนะ ผมรู้สึกคุ้นๆ แต่ก็นึกไม่ออก

"คุณ เอ่อ..."

ผมจ้องมองผู้หญิงสวยตรงหน้าที่กำลังส่งยิ้มให้ผม เธอเป็นผู้หญิงที่สวยมาก น่าจะอายุไม่เกินสามสิบปี เธอส่งยิ้มและมองผม เหมือนกับเธอรู้จักผม มันทำให้ผมรู้สึกประหม่าและทำตัวไม่ถูกเลยทีเดียว

"ไวท์" ผมชะงักน้อยๆ ทันทีที่ผู้หญิงตรงหน้าเอ่ยชื่อของผม และยื่นมือมาจับมือของผมไว้ ผมขมวดคิ้วน้อยๆ อย่างไม่เข้าใจ เธอรู้จักผมงั้นเหรอ ทำไมผมถึงนึกไม่ออกนะ มันเหมือนมีอะไรแปลกๆ ความรู้สึกแปลกๆ ที่เกิดขึ้นนี้คืออะไรกัน

ผมเริ่มละสายตาจากคนตรงหน้า มองสิ่งต่างๆ รอบๆ ตัวผม ทุกอย่างมันดูแปลกเกินไป มันสวยงามเกินกว่าที่ควรจะเป็น ทุกสิ่งมันเหมือนกับไม่มีอยู่จริง...

"คุณเป็นใครเหรอครับ" ผมพูดถามคนที่กำลังจ้องมองผม รอยยิ้มของเธอนั้นช่างดูอ่อนโยนและใจดี แต่แววตาของเธอกลับกำลังสั่นไหวน้อยๆ อยู่ภายใน

"ไม่ต้องร้องไห้อีกแล้วนะลูก" ผมขมวดคิ้วน้อยๆ จ้องมองเธอ ผมไม่เข้าใจเลยว่าเธอกำลังพูดถึงอะไร

"หมายถึง...ผมเหรอ" ผมพูดถามเธอที่กำลังยิ้มและน้ำตาค่อยๆ ไหลออกมา

"รักษาความดีของลูกไว้ แล้วสักวัน ลูกจะได้พบคนที่ลูกคิดถึงเขาทั้งหัวใจ" ผมจ้องมองเธอด้วยหัวใจที่เริ่มสั่นไหว คนที่ผมคิดถึงงั้นเหรอ

"คุณเป็นใคร" ผมพูดด้วยเสียงที่เริ่มสั่นน้อยๆ พลางลุกขึ้นจากเก้าอี้ พยายามนึกว่าเธอคือใคร

"คุณเป็นใครกัน ผมจะได้พบซินอีกใช่ไหม" ผมพูดและน้ำตาก็เริ่มไหลออกมา

แต่แล้ว แสงสว่างที่ส่องประกายรอบๆ ตัวของพวกเราก็ดูเด่นชัดขึ้น จนราวกับทุกสิ่งกำลังล่องลอยและจางหายไป ผมพยายามจับยึดมือของพวกเราไว้ พยายามอย่างยิ่งที่จะไม่ให้แยกจากกัน

"ทุกอย่างถึงเวลาของมันแล้ว ไม่ใช่ความผิดของเขา ใช้ชีวิตให้มีความสุข ขอให้ไวท์ มีความสุขนะลูก"

ผมมองรอยยิ้มที่ส่องประกายของเธอ ร่างกายของผมถูกไออุ่นดึงเข้าสู่อ้อมกอดของคนตรงหน้า ผมถูกโอบกอดไว้ในอ้อมแขน เป็นอ้อมกอดที่ผมรู้สึก คุ้นเคยเหลือเกิน ผมตอบรับอ้อมกอดนั้นด้วยน้ำตาที่หลั่งรินออกมา เหมือนกับหัวใจที่แสนเจ็บปวดของผม กำลังถูกปลดปล่อยจากความเศร้า เป็นความอบอุ่นที่ทำให้ผมมีความสุขจริงๆ




"คนไข้ตื่นพอดีเลยค่ะ"

ผมลืมตาตื่นขึ้นในแสงสว่างของเช้าวันใหม่ ในห้องนอนเดิมของผม ห้องสีขาวที่หนาวเย็น

ผมค่อยๆ ลุกขึ้นช้าๆ และมองคนหลายคนที่ยืนอยู่รอบๆ เตียงของผม ครอบครัวที่ผมช่วยเหลือเด็กน้อยเอาไว้

ผมนึกถึงความฝันเมื่อกี้ มันช่าง เหมือนจริงเหลือเกิน ร่างกายของผมราวกับยังคงถูกโอบกอดไว้ มันทำให้หัวใจของผม ผ่อนคลายลง

"เป็นยังไงบ้าง รู้สึกดีขึ้นแล้วหรือยัง" ผมมองหัวหน้าครอบครัวของบ้านนี้ที่กำลังส่งยิ้มให้ผมอย่างอ่อนโยน ผมรู้สึกผิดนิดๆ ที่เอาแต่หลบเลี่ยงไม่ค่อยคุยกับพวกเขา ทั้งๆ ที่พวกเขาใจดีกับผมขนาดนี้

"ผมหายดีแล้วครับ" ผมยิ้มน้อยๆ มองเด็กชายที่กำลังกอดแขนคุณพ่อเอาไว้แน่น และเด็กหญิงที่โตขึ้นมาหน่อย กำลังกอดแขนของคุณแม่ไว้เช่นกัน

"เดี๋ยวช่วงบ่ายนี้ก็เตรียมเก็บของกันเถอะ ยังมีอะไรที่เราต้องทำอีกเยอะเลย" ผมขมวดคิ้วทันทีที่ได้ยินแบบนั้น

"วันนี้เราต้องออกจากที่นี่แล้วนะ" ผมมองคุณแม่ของเด็กน้อยที่พูดบอกผม ออกจากที่นี่งั้นเหรอ แล้วผมจะ กลับไปที่ไหน...

ผมได้แต่คิด และก้มหน้าจ้องมองปลายเท้าอย่างหงอยเหงา ในตอนนี้นั้นผมไม่มีอะไรเลย ไม่มีเงิน ไม่มีบ้าน ไม่มีที่ให้กลับอีกแล้ว โลกใบนี้มันช่างเคว้งคว้างว่างเปล่าสำหรับผมจริงๆ

"คือ ผมจะรีบเตรียมตัวครับ ยิ่งอยู่นานก็ยิ่งเสียค่าใช้จ่ายมาก" ผมพูดพลางฝืนยิ้มน้อยๆ ขยับตัวลงจากเตียงทันทีด้วยความเกรงใจ

"เธอโอเคแล้วจริงๆ ใช่ไหม พวกเราหวังว่าจะไม่ได้เป็นการเร่งเธอนะ"

"ผมไม่เป็นไรจริงๆ ครับ ขอบคุณมากๆ นะครับ" ผมพูดและมองหากระเป๋าของผม กระเป๋าเสื้อผ้า ที่มีเพียงเสื้อผ้าเพียงชุดเดียว

"คือ..." ผมที่เพิ่งนึกอะไรขึ้นได้ ก็ช่างใจว่าจะขอพวกเขาดีไหม ผมหันไปมองทุกๆ คนที่จ้องมองผมอยู่ ถ้าเพียงแค่นี้ คงจะไม่เป็นไรหรอกมั้ง

"คุณจะช่วย พาผมไปส่งที่บ้าน ได้ไหมครับ" ผมพูดและหลบสายตาของทุกคนเล็กน้อย สถานที่ที่ผมจะกลับไป ก็มีแต่ที่นั่นเท่านั้น ถึงมันจะไม่เหลืออะไรแล้วก็ตาม

"บ้านของเธอ หลังที่ไฟไหม้นั่นเหรอ" คุณแม่ของเด็กน้อยถามผม

"ครับ" ผมพูดและยิ้มอย่างเศร้าใจ

"แต่ว่าที่นั่นไม่มีอะไรแล้วนะ"

"ครับ ผมรู้ แต่ว่าผมยังไม่รู้ว่าจะไปที่ไหนดี ผมก็เลย..." ผมพูดอึกอัก และมองทุกคนที่กำลังจ้องมองผม แต่ว่าทำไมกันนะ ทุกคนกลับกำลังอมยิ้ม ทุกคนกำลังยิ้มจริงๆ ผมพูดอะไรแปลกๆ ออกไปงั้นเหรอ

"ขอโทษที่ไม่บอกเธอตั้งแต่ทีแรกนะ เอาจริงๆ พวกเราอยากบอกเรื่องนี้กับเธอตั้งแต่วันแรกแล้ว" ผมมองดูครอบครัวตรงหน้าที่ยิ้มให้ผม

"ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เธอคือครอบครัวของเรา ฉันกับภรรยา คือพ่อแม่ของเธอนะ"

ราวกับเสียงต่างๆ เบาลงชั่วขณะ ผมชะงักน้อยๆ กับสิ่งที่ได้ยิน และเริ่มคิดว่า ผมอาจคิดไปเอง หูแว่วไปเองหรือเปล่านะ

"เก็บข้าวของแล้วกลับบ้านกันเถอะ"

ผมมองรอยยิ้มของคู่สามีภรรยาตรงหน้า ผมได้แต่ยืนอึ้งอยู่ตรงนั้น มองทุกๆ คนด้วยการรับรู้ที่ช้าลงกว่าเก่า เมื่อกี้ เขาพูดว่ายังไงกันนะ บ้าน และ พ่อกับแม่... คำๆ นี้ ผมไม่เคยรู้เลยว่าเป็นยังไงมาทั้งชีวิต

"พี่ชายฮับ" ผมมองเด็กชายตัวน้อยที่ผละออกจากแขนของคุณพ่อ เดินมาจับมือของผมไว้และเงยหน้ามองผมด้วยแววตาไร้เดียงสานั้น

"ผ.ผม..." หัวใจของผมสั่นไหว น้ำตาค่อยๆ รินไหลออกมาด้วยความรู้สึกที่ไม่เคยมีมาก่อน ถ้าหากว่านี่เป็นความฝันละก็ มันก็ช่าง เป็นฝันที่แสนสุขเหลือเกิน

"พี่ชาย...ร้องไห้" ผมมองเด็กน้อยที่กำลังทำหน้าจะร้องไห้ตามผม ภาพที่ผมเห็น มันทำให้ผมเริ่มยิ้มและย่อตัวลงเช็ดน้ำตาที่เริ่มไหลอาบแก้มนิ่มนั้น

"พี่ชายไม่ร้องไห้นะคะ" เด็กหญิงอีกคนเดินเข้ามาหาผมและกอดแขนของผมไว้อีกข้าง ทั้งสองคนช่างเป็นเด็กดีเหลือเกิน

"เป็นผม...จะดีจริงๆ เหรอครับ" ผมยังคงน้ำตาไหลและเงยหน้าจ้องมองคู่สามีภรรยาที่กำลังส่งยิ้มอย่างอบอุ่น

"ช่วยพ่อกับแม่ ดูแลน้องๆ ด้วยนะ"

คำพูดที่มีค่ามากมายเหล่านี้มันทำให้หัวใจที่เหมือนกับตายไปแล้วของผมกลับมามีชีวิต ผมกอดเด็กน้อยทั้งสองคนเอาไว้ และเริ่มร้องไห้ออกมาอีกครั้ง ผมดีใจ ดีใจเหลือเกิน สิ่งเหล่านี้มันเคยเป็นแค่ความฝันลมๆ แล้งๆ ของผม แต่บัดนี้ ผมมีแล้ว มีครอบครัว มีบ้าน มีที่ที่ให้กลับไป

แต่รอยยิ้มของผมนั้น ก็เริิ่มจางลงน้อยๆ เพราะว่าในส่วนที่ลึกที่สุดในหัวใจของผมกำลังนึกถึงคนคนนึง คนที่ต่อชีวิตให้แก่ผม คนที่ปลุกผมออกจากฝันร้าย ฝันร้ายที่แสนยาวนาน สิ่งเหล่านี้ เป็นของขวัญจากซิน

หลังจากออกมาจากโรงพยาบาลนั้น ผมกับครอบครัวใหม่ของผม พวกเขาดีกับผมมาก คุณพ่อ เอ่อ กับคุณแม่ พวกท่านพาผมให้ไปเลือกซื้อเสื้อผ้าใหม่ ข้าวของเครื่องใช้ใหม่สำหรับผม มันเป็นความรู้สึกแปลกใหม่ ผมนั้นไม่เคยได้มีโอกาสแบบนี้เลย ทุกอย่างยังคงเป็นเหมือนดั่งความฝัน ครอบครัวงั้นเหรอ คนอย่างผม เหมาะแล้วเหรอ ที่จะมีความสุขแบบนี้

"พี่ชายยย อุ้มน้อนเครปหน่อยฮะ" ผมจูงมือเด็กน้อยและก็ถูกอ้อนเข้าอีกแล้ว ขณะที่พวกเราเดินอยู่ในห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่

"ไม่ได้นะเครป พี่ไวท์จะหนักเอา" เด็กหญิงที่จูงมือผมอีกด้านกำลังดุน้องชาย

"พี่เค้กใจย้ายเนอะ" ผมยิ้มและย่อตัวลงมองเด็กๆ ทั้งสองที่กำลังทำหน้างอ น้องเครปนั้นเป็นเด็กชายตัวน้อยอายุห้าขวบ ส่วนเค้กก็กำลังเรียนอยู่ชั้นประถมสี่ในตอนนี้ ผมมองเหล่าน้องๆ ของผมที่กำลังงอแงใส่กัน

"พี่อุ้มได้ทั้งสองคนเลยนะ" ผมพูดและเจ้าเครปก็ทำตาโตทันทีพลางกระโดดเกาะผม อื้อหือพอเป็นแบบนี้ก็หนักใช้ได้เลยแฮะ

"อย่าตามใจเครปมากสิคะ" น้องเค้กพูดพลางทำหน้างอ

"เค้กอยากขี่หลังพี่ไหมคะ" ผมถามน้องขณะที่กอดเจ้าเครปตัวเล็กไว้

"ไม่เอาหรอกค่ะ พี่ไวท์ไม่ไหวหรอก"

"มาเถอะ มาลองกัน" ผมพูดและยิ้มให้น้องสาวของผม ซึ่งเค้กก็เริ่มยิ้มและเดินมากอดคอผมพยายามจะไต่หลังผมจริงๆ เธอนั้นก็คงอยากจะเล่นกับผมแต่ก็ยังเกรงใจอยู่นั่นแหละ

"เดี๋ยวๆ เกาะดีๆ สิ พี่จักจี้นะ" ผมที่มีเด็กๆ เกาะทั้งหน้าและหลังก็พยายามลุกขึ้นจากพื้น แต่เจ้าตัวแสบด้านหน้าที่เกาะผมก็เริ่มแผลงฤทธิ์ซะแล้ว ผมรู้สึกเหมือนกำลังถูกเด็กๆ ลุมแกล้ง พวกเราหัวเราะเล่นกันเป็นเด็กๆ ไม่ได้สนใจผู้คนที่เริ่มมองพวกเราด้วยรอยยิ้ม

ในค่ำคืนนั้น ผมนอนมองเพดานห้องนอนของผมในบ้านหลังใหม่ คุณพ่อและคุณแม่ท่านคุยกับผม จัดงานเลี้ยงเล็กๆ ให้ผม คุณพ่อนั้นบอกผมว่าท่านทำงานในมหา'ลัยที่ผมเรียนอยู่ มันเป็นความบังเอิญที่ทำให้ผมตกใจ และดีใจมากที่ท่านไม่ได้เชื่อเรื่องที่ทุกคนคิดว่าผมเป็น ท่านมองดูผมและเชื่อในสิ่งที่ผมทำ สิ่งนี้มันมีความหมายมากเหลือเกิน ผมไม่รู้ว่าจะพูดขอบคุณได้มากแค่ไหนกับทุกสิ่งทุกอย่างที่ผมได้รับนี้

ผมยิ้มอย่างมีความสุขท่ามกลางครอบครัวของผม ครอบครัว ที่ทั้งชีวิตของผมเฝ้าฝันถึง วันนี้ความฝันของผมมันเป็นจริงแล้ว สิ่งเลวร้ายที่ผ่านมานั้นมันเหมือนกับไม่เคยเกิดขึ้นเลย แต่ทำไมกันนะ รอยยิ้มที่ผมยิ้มออกมา มันยังคงไม่ได้เป็นรอยยิ้มที่กลั่นออกมาจากหัวใจจริงๆ ในส่วนที่ลึกที่สุดในหัวใจของผมมันกำลังร้องไห้ ร้องไห้หาคนคนนั้น คนที่ผมคิดถึงสุดหัวใจ

"ไวท์ เป็นไงบ้าง"

ในวันแรกที่ผมกลับมาเรียน แน่นอนว่าคนแรกที่เข้ามาทักผมนั้นก็คือเพื่อนคนเดียวของผม ฟ่างดูสีหน้าเป็นกังวัลเมื่อเข้ามาทักผม ซึ่งผมก็ทำเพียงยิ้มตอบรับความหวังดีนั้น

"ออกมาเมื่อวาน"

"ไม่เห็นบอกกันเลย เมื่อวานฟ่างโทรหาก็ไม่รับ ไปหาที่โรงพยาบาลก็ไม่เจอ งอนนะเนี่ย" ฟ่างพูดอย่างน้อยใจยาวเหยียด ซึ่งผมลืมไปเลยว่าผมต้องบอกฟ่าง

"ขอโทษนะ แต่เมื่อวานยุ่งมากๆ เลย มีหลายเรื่องที่ต้องทำเลยลืมนึกไป" ผมพูดด้วยสีหน้าที่รู้สึกผิดจริงๆ

"แล้วไวท์ไปนอนที่ไหนมา" ฟ่างถามผมด้วยใบหน้าที่เศร้ากว่าเดิม แต่ผมกลับยิ้มน้อยๆ ให้เพื่อน

"คือ..." ผมอึกอัก ไม่รู้จะพูดว่ายังไงดี มันเป็นเรื่องที่ผมก็ไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นมาก่อน เหมือนกับฝันไปเลย

"ถ้าไม่มีที่นอนบอกนะ ฟ่างจะช่วย" ผมยิ้มให้เพื่อนมากกว่าเดิม นี่ก็เป็นความสุขหนึ่งของผม เธอเป็นคนดีจริงๆ

"คือ ครอบครัวที่ผมช่วยลูกชายเขาไว้ พวกเขา..." ผมพูดและมองฟ่างที่เริ่มทำสีหน้าเหมือนกับรู้ได้ว่าผมกำลังจะพูดอะไร

"ไวท์" ฟ่างพูดชื่อผมเบาๆ และน้ำตาไหลออกมา ผมจับมือเพื่อนเอาไว้ ผมสมควรได้รับสิ่งเหล่านี้จริงๆ งั้นเหรอ ผมก็ไม่อาจบอกได้ แต่ผมนั้นมีความสุขมาก มีความสุขจริงๆ

"ผ่านเรื่องร้ายๆ ไปสักทีนะไวท์" ผมยิ้มให้คำพูดนั้นของเธอ แต่คงเป็นรอยยิ้มที่ไม่ได้ดูมีความสุขเท่าไหร่ ในหัวใจของผมในตอนนี้ วกกลับมาคิดถึงคนคนนั้นอีกแล้ว คนคนเดียวที่ไม่เคยลบเลือนจากหัวใจ

"นาย กำลังจะไปที่ห้องสโลปใช่ไหม อาจารย์งดสอนนะ" ผมที่กำลังคุยกับฟ่างนั้นก็สะดุ้งน้อยๆ ทันทีที่มีคนเดินเข้ามาหาผม และ...พูดกับผม

"เอ่อ..." ผมอึ้งน้อยๆ และมองผู้ชายสองคนที่ผมจำได้ว่าเรียนวิชาเลือกเดียวกัน

"อย่าเดินไปเลยเสียเวลา ไปละ"

"ครับ ขอบคุณ..." ผมพูดแบบงงๆ และมองสองคนนั้นที่เดินไปอีกทาง

ผมหันกลับมามองฟ่างที่กำลังยิ้มให้ผม นี่มันเรื่องอะไรกัน ปกติแล้ว ไม่มีคนอยากคุยกับผมสักคน ทุกคนมองผมด้วยสายตาเหยียดหยาม แต่วันนี้มันแปลก แปลกมาก

"ไปร้านกาแฟกันไหม" ผมมองฟ่างและเลิกคิ้วน้อยๆ

"ร้านกาแฟที่ไวท์บอกจะไปทำงานไง" อ๋อ ผมนึกออกแล้ว และหวังว่าพี่เขาจะยังอยากให้ผมทำงานที่ร้านอยู่นะ

ผมและฟ่างเดินเท้าไปที่ร้านกาแฟนั้น ซึ่งพวกเราก็มาถึงในเวลาไม่นาน และทุกอย่างก็ยังคงเดิม กลิ่นหอมของขนมปังและบรรยากาศที่ดูอบอุ่นเย็นสบาย ผมมองไปรอบๆ ร้าน แต่บางสิ่งก็ทำให้ผมหยุดชะงักน้อยๆ ที่นี่ทำไมดึงดูคุ้นตาจังเลยนะ ไม่สิ ผมนึกออกแล้ว ที่นี่มันคล้ายกับ...ร้านกาแฟที่ผมเห็นในความฝัน ที่ผมเจอ ผู้หญิงคนนั้น

"ไง พ่อหนุ่มคนดัง แถมตอนนี้ดังกว่าเก่าอีกนะ" ผมหลุดจากภวังค์และมองพี่เบลล์ที่เข้ามาจับบ่าทักทาย คนดังงั้นเหรอ ก็คงดังเรื่องแย่ๆ อีกตามเคย

"พี่รู้เรื่องอะไรมาเหรอคะ บอกฟ่างมาสิ" ฟ่างที่ได้ยินแบบนั้นก็ดูสนใจมาก และเขย่าตัวพี่เบลล์จนหน้าสั่น

"ใจเย็นๆ เรื่องดีๆ ทั้งนั้น นั่งเลยๆ พี่เลี้ยง" พี่เบลล์ขยิบตาให้ผมและฟ่าง และจับให้พวกเรานั่งลง

"พี่เลี้ยงพวกเราเยอะไปแล้วนะครับ ผมอยากทำงานให้บ้าง" ผมทำสีหน้าลำบากใจ ครั้งก่อนที่มาพี่เขาก็ให้พวกเรากินเยอะมาก และ...ตอนนั้น ตอนที่ผมออกมาจากที่ของซิน ซินก็ทิ้งผมเอาไว้ที่นี่ ผมตื่นขึ้น ที่ร้านแห่งนี้...ทำไมกันนะ

ผมขมวดคิ้วน้อยๆ และจ้องมองพี่เบลล์ที่กำลังส่งยิ้มหวาน เป็นชายหนุ่มตัวสูงที่หน้าตาหล่อเหล่า ผิวขาวสะอาดสะอ้าน และดูเป็นคนอารมณ์ดี ผมมองทุกๆ คนที่นั่งอยู่ในร้านตอนนี้ บอกตรงๆ ว่าไม่มีใครดูดีเท่าพี่เขาได้เลยล่ะ ราวกับ มีแสงประหลาดๆ รอบๆ ตัว

"จ้องขนาดนี้พี่ก็เขินแย่สิ" ผมที่ได้ยินแบบนั้นก็หลบสายตาทันที แต่เมื่อผมเหลือบมองพี่เขาต่อนั้น ผมกลับได้เห็นชั่ววินาทีที่พี่เขาทำสีหน้าหมองเศร้า และก็กลับมายิ้มกว้างเหมือนเก่า

"จะทำงานก็ได้นะ แต่ขออนุญาตคุณพ่อหรือยัง ท่านอธิการคงไม่อยากให้ลูกชายทำงานหนักๆ หรอกมั้ง" ผมมองพี่เจ้าของร้านที่พูดต่อไปและต้องอึ้งน้อยๆ อธิการ..

"เดี๋ยวๆๆ พี่ อธิการบดีเหรอ" ฟ่างที่ได้ยินเหมือนผมนั้นก็เด้งจากเก้าอี้ทันที ดูตกใจกว่าผมเยอะเลย

"ใช่สิ ท่านก็เคยมาทานกาแฟที่นี่นะ ใจดี และเป็นคนดีมาก ยังไงก็ดูแลครอบครัวใหม่ดีๆ นะ"

"ไวท์ นี่ไม่รู้เลยเหรอว่าคุณพ่อท่านเป็นอธิการบดีของมหา'ลัยนี้อ่ะ" ฟ่างหันมาตาโตใส่ผม

"คือ ผมเพิ่งย้ายเข้าบ้านเมื่อวานเอง ผมไม่กล้าถามอะไรมาก รู้แค่ว่าท่านทำงาน ในมหา'ลัย" เมื่อเช้าผมก็นั่งรถมากับท่านด้วย ก็ถึงว่า ทำไมดูไม่เหมือนพวกอาจารย์เลย

"ไวท์ ฮือออ โชคดีมากเลย" ฟ่างทำหน้าดีใจมากๆ และเขย่ามือผมไปมา ซึ่งมันทำให้ผมยิ้มได้ แต่จริงๆ แล้ว ไม่ว่าพวกท่านจะทำงานอะไร หรือมีฐานะยากจนแค่ไหน ครอบครัว ก็คือครอบครัว ผมยินดีเสมอที่จะดูแลพวกเขา หากพวกเขา ต้องการคนอย่างผม

"อื้อ" ผมยิ้มให้ฟ่างและหัวเราะท่าทางของเพื่อน ขอบคุณนะ ขอบคุณมากจริงๆ

"เอ้านี่! ชุดใหญ่จัมโบ้เลย" ผมมองพี่เบลล์ที่ยกบิงซูชุดใหญ่มาวางตรงหน้าผม เอาอีกแล้วไง แบบนี้ต่อไปผมไม่กล้ามาแล้วนะเนี่ย

"โห อันนี้พี่ก็เลี้ยงเหรอคะ ใจดีจัง" ฟ่างยิ้มกว้างและจ้องมองสตอเบอรี่ลูกใหญ่ด้วยดวงตาเป็นประกาย

"ไม่ใช่หรอก" ผมและฟ่างมองพี่เบลล์ที่บอกปฏิเสธซะงั้น

"เอ้า ก็เห็นยกมาให้ โธ่" ฟ่างพูดและทำหน้างอ

"มีคนเขาสั่งให้ไวท์" ผมและฟ่างมองหน้ากันด้วยสีหน้างงๆ เดี๋ยวนะ ให้ผมเหรอ

"ใคร เหรอครับ" ผมว่านี่ต้องเป็นเรื่องเข้าใจผิดกันแน่ๆ

"คือ เราเองแหละ" ผมที่กำลังถามพี่เบลล์นั้น อยู่ๆ สาวสวยคนหนึ่งก็เดินเข้ามา และนั่งลงที่เก้าอี้ข้างๆ ผม และทันทีที่ผมมองหน้าเธอนั้น ผมก็นึกขึ้นได้ทันที ว่าเธอคือคนที่เคยแกล้งผม และมองผมด้วยสีหน้าแย่ๆ มาก่อน

"อยากขอโทษ เรื่องที่แล้วๆ มานะ" เธอพูดด้วยสีหน้าที่ดูจริงใจ และไม่ได้หลบสายตาผม

"คือผมไม่ได้คิดอะไรเลย จริงๆ นะ ไม่เคยเลย" ผมพูดบอกเธอ ผมนั้นถึงจะต้องโดดเดี่ยวอยู่เสมอ แต่ผมก็ไม่เคยถือโทษโกรธใครเลย ทุกอย่าง มันเป็นเพราะตัวผมเอง

"อื้อ ก็พอดูออกล่ะ"

"ขอบคุณ มากเลยนะ" ผมมองหน้าเธอ ผมดีใจนะ ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่แบบนี้ มันทำให้ผมรู้สึกดีใจจริงๆ

"ท่านอธิการ ท่านเคยช่วยเหลือเราน่ะ และวันก่อน ท่านก็ เชิญนักศึกษาหลายๆ คนเข้าฟังสิ่งที่ท่านอยากจะบอก" ผมมองหญิงสาวข้างๆ ผม และตั้งใจฟังสิ่งที่เธอกำลังจะบอก

"นายช่วยลูกท่านไว้ใช่ไหม และตอนนี้นายก็เป็นลูกบุญธรรมของท่าน ท่านเป็นคนดีมาก นักศึกษาหลายๆ คนที่มีปัญหา ถ้าเข้าไปปรึกษาท่าน ท่านก็จะช่วยเสมอ และพอเป็นแบบนี้ พอท่านพูดถึงนาย พูดถึงสิ่งที่นายทำ ท่านขอร้องพวกเรา ให้มองนายใหม่" พอฟังมาถึงตรงนี้ ผมนั้นรู้สึกอยากจะกลับไปกราบท่านสักล้านครั้ง ขอบคุณนะครับ ที่เชื่อคนอย่างผม และทำให้ทุกคน มองผมด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป

"ขอโทษจริงๆ นะ เรายังเป็นเพื่อนกันได้ใช่ไหม" ผมยิ้มให้คำพูดนั้นของเธอ คำพูดที่มีความหมายเหลือเกินสำหรับคนที่ไม่ค่อยมีเพื่อนแบบผม

"ได้สิ ถ้างั้นก็ กินด้วยกันนะ" ผมยิ้มให้เธอ และยื่นช้อนด้ามยาวให้เธอ

"ได้เลย" เธอรับช้อนจากมือผมและยิ้มให้ผม

พวกเราร่วมกันกินขนมหวานด้วยกัน และคุยกันอีกหลายเรื่อง ฟ่างนั้นเป็นคนที่เข้ากับคนง่าย พอคุยไปคุยมา ก็กลายเป็นผมนั่งฟังสาวๆ เขาเม้าท์มอยเรื่องต่างๆ กัน บรรยากาศแบบนี้ ดีจังเลยนะ ในชีวิตของผม สิ่งดีๆ เหล่านี้กำลังเกิดขึ้น และมากขึ้นเรื่อยๆ ขอบคุณครับ ทุกๆ สิ่ง ไม่ว่าจะเป็นคุณยายที่เมตตาเลี้ยงผมมา ขอบคุณ คุณพ่อคุณแม่ที่ให้โอกาสรับคนอย่างคนเข้ามาเป็นครอบครัว และ คนที่ผมควรจะขอบคุณมากที่สุด...

ซิน ผมคิดถึงนาย คิดถึงเหลือเกิน

หัวข้อ: Re: In The Shadows' เงาหลอน ซ่อนรัก '[YAOI][#33 ครอบครัว](17/10/61)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 17-10-2018 18:12:57
คุณยายใช่ไหม ที่มาหาไวท์  :กอด1:
หัวข้อ: Re: In The Shadows' เงาหลอน ซ่อนรัก '[YAOI][#33 ครอบครัว](17/10/61)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 17-10-2018 19:03:04
 :pig4: :pig4: :pig4:

คิดเหมือนเม้นบนเลย  ผู้หญิงอายุราว 30 ที่ไวท์เจอในฝัน น่าจะเป็นคุณยายที่เสียในกองเพลิงนั่น
หัวข้อ: Re: In The Shadows' เงาหลอน ซ่อนรัก '[YAOI][#33 ครอบครัว](17/10/61)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 17-10-2018 20:21:29
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: In The Shadows' เงาหลอน ซ่อนรัก '[YAOI][#33 ครอบครัว](17/10/61)
เริ่มหัวข้อโดย: fahdekkom ที่ 18-10-2018 08:46:50
สงสารไวท์ คิดถึงคุณยายด้วย หลังจากนี้จะมีแต่เรื่องดีๆแล้วสินะ
หัวข้อ: Re: In The Shadows' เงาหลอน ซ่อนรัก '[YAOI][#33 ครอบครัว](17/10/61)
เริ่มหัวข้อโดย: Gloomy Sunday ที่ 05-11-2018 15:33:04
Shadows ที่ 34 สิ่งที่เหลือในกองไฟ


ช่วงเวลาที่ดีๆ เหล่านี้ทำให้หัวใจที่บาดเจ็บของผมทุเลาลง สายตาที่แสนเย็นชาจากทุกคนนั้น ตอนนี้ถึงจะมีอยู่บ้าง แต่ก็ลดน้อยลงไปแล้ว ผมสัมผัสได้ถึงสายตาของหลายๆ คนที่มองมาและมันไม่เหมือนเดิม ขอบคุณนะครับคุณพ่อ

"พี่ชายฮับ"

ผมที่กำลังดื่มด่ำกับบรรยากาศที่หาได้ยากนั้นก็สะดุ้งน้อยๆ ทันทีที่มีเด็กน้อยตาแป๋วมาเกาะที่แขนผม

"เครปอยากกิงมั่ง" ผมยิ้มทันทีที่เห็นว่าใครมาเกาะและอ้อนผม ว่าแต่ มาได้ยังไงกันนะ

"ว่าไงจ๊ะน้องเครป มาได้ยังไงเนี่ย ตอนอยู่โรง'บาลก็ไม่ให้พี่หอมเลย" ฟ่างที่เห็นเด็กน้อยก็ยิ้มและรีบมาคุกเข่ากอดน้องทันที เพิ่งรู้นะว่าชอบเด็กด้วย แต่ปฏิกิริยาที่น้องเครปเห็นฟ่างนั้นกลับไม่เป็นอย่างที่คิด ผมมองน้องชายแสนน่ารักของผมที่ดิ้นหลุดจากฟ่าง และมาเกาะแขนผมแน่น พร้อมทำหน้าเหมือนอยากร้องไห้เต็มแก่

"โธ่ น้องเครปจ๋า พี่ฟ่างมีขนมน้า" ฟ่างทำหน้างอและพยายามล่อเด็กน้อยด้วยขนม

"พี่ฟ่างเป็นเพื่อนพี่ชายเองครับ ไม่มีอะไรต้องกลัวน้า" ผมพูดและลูบหัวเด็กน้อยอย่างเอ็นดู

"น้องค่อนข้างจะกลัวคนแปลกหน้าน่ะ ขอโทษด้วยนะสาวน้อย" ผมมองคนอีกคนที่เดิมตามเข้ามาทีหลังและก็ต้องลุกขึ้นยกมือไหว้ทันที

"คุณ เอ่อ..." ผมอึกอักเล็กน้อย การเป็นครอบครัวใหม่ทำให้ผมยังไม่ค่อยชินและรู้สึกไม่กล้าที่จะพูดถ้อยคำที่ดูสนิทนัก

"คุณพ่อ" ผมยิ้มให้กับคำพูดของคนตรงหน้า ท่านช่างเป็นคนที่ใจดีจริงๆ

"น้องเครปชอบทานเค้กที่นี่มาก แล้วก็ดีนะที่เจอเรา จะได้กลับบ้านพร้อมกัน"

"ครับ" ผมตอบรับด้วยรอยยิ้ม และก็เพิ่งคิดขึ้นได้ว่าผมมีเรื่องอยากจะขอท่าน

"คือ ผมมีเรื่องนึง อยากจะขอครับ" ผมรีบพูดและมองพี่เบลล์ที่กำลังยิ้มน้อยๆ เหมือนรู้ทัน

"ว่ามาสิ เอาเลย" คุณพ่อทำสีหน้ายิ้มๆ และรอฟังคำขอจากผม

"ผม ขอทำงานที่นี่ได้ไหมครับ" ผมพูดและจ้องมองคุณพ่อที่กำลังเลิกคิ้วขึ้นเหมือนใช้ความคิด

"ถ้าจะทำเพราะต้องการจ่ายค่าตอบแทนอะไรแบบนั้น บอกเลยว่าไม่อนุญาต" คุณพ่อพูดและมองผมเหมือนเดาใจผม ซึ่งตอนแรกผมนึกว่าท่านจะอนุญาตแบบง่ายๆ ซะอีก

"ผมแค่อยากทำงานครับ ผมอยากจะช่วยแบ่งเบาบ้าง อย่างน้อยก็แค่ค่าอาหารของผม"

"ถ้าคุณแม่ได้ยินคงเสียใจนะ อาหารที่บ้านไม่อร่อยเหรอ"

"ไม่ใช่ครับ ผมไม่ได้หมายความแบบนั้น" ผมรีบตอบและคุณพ่อก็หัวเราะน้อยๆ ทันที

"จริงๆ เราอยากทำอะไรพ่อก็ไม่ได้ห้ามหรอกนะ แต่ไม่อยากให้คิดเหมือนพวกเราเป็นคนอื่น การที่พ่อรับเราเข้ามาในครอบครัว ก็เพื่อให้เราเป็นครอบครัวจริงๆ ดูแล เกื้อหนุนกันเป็นเรื่องธรรมดา อย่าคิดมากเลยนะ" หัวใจของผมมันรู้สึกพองโตด้วยความดีใจ คำพูดเหล่านั้น สำหรับผมแล้ว มันมีค่าเหลือเกิน

"ไวท์เป็นคนดีค่ะ ไม่แปลกที่จะคิดอะไรแบบนี้เลย" ผมมองฟ่างที่อยู่ๆ ก็พูดขึ้นและกอดคอผม อยู่ๆ อะไรของเขาอีกนะ

"ขอบคุณที่เป็นเพื่อนที่ดีของเขานะ ดูแลเขาด้วย"

"แน่นอนค่ะ ไวท์เนี่ย เพื่อนรักหนูเลย" ฟ่างพูดอย่างมั่นใจและยิ่งกอดคอผมแน่น จะพูดมากไปแล้วนะฟ่าง  แต่ก็ ขอบคุณนะ ผมมีความสุขมากจริงๆ



ในเช้าของวันหยุด ผมตื่นนอนขึ้นด้วยความรู้สึกที่ยังคงแปลกใหม่เช่นเคย บ้านหลังใหญ่นี้ ช่างใหญ่โตและสวยงาม แต่ลึกๆ ในหัวใจของผมนั้น ผมยังคงคิดถึงห้องนอนเล็กๆ ของผม บ้านหลังน้อยที่มีคุณย้ายอยู่ที่ชั้นล่าง

เวลานี้ถ้าเป็นเมื่อก่อน ผมก็คงจะลงไปช่วยคุณยายเปิดร้าน ช่วยจัดของเล็กๆ น้อย และกินขนมที่คุณยายชอบให้

ความทรงจำเหล่านั้น มันทำให้น้ำตาของผมคอยแต่จะไหลออกมา ทำไมกันนะ ทำไมคุณยายถึงจากผมไป อย่างน้อย ผมก็อยากบอกลาคุณยาย ทำไม เพราะอะไรกันซิน

"พี่ชายฮะ" ผมที่นั่งอยู่บนเตียงนั้นก็รีบเช็ดน้ำตาเล็กๆ และอุ้มเจ้าตัวน้อยขึ้นมาบนเตียง เด็กน้อยทั้งสองนั้นบุกเข้ามาในห้องนอนของผม และจ้องมองผมเหมือนอยากจะอ้อนด้วยอีกคน

"วันนี้ทำไมตื่นเช้ากันเหรอ" ผมพูดถามน้องๆ ทั้งสองคน เพราะปกติเด็กๆ ไม่น่าจะตื่นกันไวขนาดนี้ในวันหยุด

"วันนี้คุณพ่อบอกจะพาไปเที่ยวค่ะ" ผมเลิกคิ้วขึ้นน้อยๆ ทันทีที่น้องเค้กพูดบอกผม เมื่อวานก็ไม่เห็นคุณพ่อจะพูดอะไรนะ

"ไปที่ไหนเหรอคะ" ผมพูดกับน้องเค้กที่กำลังดึงแก้มน้องชายเล่น

"คุณพ่อไม่ได้บอกว่าไปที่ไหนค่ะ"

"ทะเล น้อนอยากไปทะเล" ผมมองเจ้าตัวเล็กที่ดูตื่นเต้นขึ้นมาเมื่อนึกถึงทะเลสีฟ้า

"งั้นพวกเราไปเตรียมตัวกัน เครปอยากอาบน้ำกับพี่ชายไหมครับ" ผมดึงเจ้าแก้มนุ่มเข้ามาและหอมแรงๆ สักฟอด

"น้องเค้กด้วยนะคะ" น้องเค้กพูดและเขย่าแขนผมอย่างจริงจัง

"ทำไมมากวนพี่เขาแบบนี้ละลูก แล้วเค้ก เป็นสาวเป็นนางจะอาบน้ำกับพี่เขาไม่ได้แล้วนะลูก" ผมมองคุณแม่ที่เดินมายืนอยู่หน้าประตู คงจะได้ยินเรื่องที่พวกเราพูดกันเมื่อกี้

"โธ่ หนูยังเป็นเด็กอยู่เลยค่ะ" ผมมองน้องๆ อย่างลำบากใจ ผมไม่น่าพูดแบบนั้นเลย ลืมนึกถึงน้องเค้กที่เป็นผู้หญิงไป

"เอาล่ะตัดปัญหา มาอาบกับแม่ให้หมดเลย ห้ามกวนใจพี่เขา" ผมมองคุณแม่ที่เท้าเอวและทำหน้าดุแบบหลอกๆ ทำให้เด็กๆ โอดครวญกันระงม

"รีบไปอาบน้ำแล้วลงมาทานข้าวนะ วันนี้ต้องเดินทางกัน" คุณแม่เดินเข้ามาอุ้มเจ้าเครปเอาไว้ และบอกผมด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน

"ครับ" ผมตอบรับคุณแม่และมองทุกๆ คนเดินออกจากห้อง

ไปเที่ยวงั้นเหรอ คำๆ นี้ไม่ค่อยมีอยู่ในหัวของผมนัก แต่มันก็ทำให้นึกถึง ความทรงจำครั้งหนึ่งเมื่อนานมาแล้ว ตอนที่คุณยายท่านพาผมไป ไปในที่ที่ร่มเย็นนั้น และตอนนี้ คุณยายก็อยู่ที่นั่นแล้ว คุณยายครับ...

"มาเลยจ้า รีบทานกัน" หลังจากที่ผมหยุดคิด และจัดการตัวเองเรียบร้อยทุกอย่าง ผมรีบลงมาที่ชั้นล่างซึ่งทุกคนกำลังนั่งทานข้าวกันอยู่ที่โต๊ะตัวยาว

"ขอโทษนะครับ ผมช้าไปหน่อย" ผมพูดและนั่งลงที่หัวโต๊ะตรงข้ามคุณพ่อ พลางขอบคุณคุณแม่บ้านที่รินน้ำให้

"ไม่เป็นไรหรอก พวกเราก็เพิ่งมานั่งกันไม่นาน"

"พี่ชายฮะ น้อนเครปอยากนั่งตรงนี้" ผมที่กำลังคุยกับคุณพ่อนั้นน้องเครปก็เดินมาหาผมและชี้ที่ตัก

"ไม่ได้นะครับ กวนพี่เขาอีกแล้ว" คุณแม่ส่งเสียงดุน้องเครป แต่ผมนั้นก็จับตัวน้องและอุ้มขึ้นนั่งตักทันที น่ารักแบบนี้ผมปฏิเสธไม่ลงหรอก

"ไม่เป็นไรครับถ้าน้องอยากนั่งตรงนี้" ผมพูดและหยิบจานข้าวของน้องมาป้อนให้ด้วย

"สองพี่น้องคู่นี้ห่างกันไม่ได้เลย" คุณพ่อพูดและมองมาทางพวกเราด้วยรอยยิ้ม ซึ่งคำพูดนั้นทำให้ผมยิ้มกว้างเช่นกัน

"น้องเค้กก็ชอบพี่ไวท์นะคะ" น้องเค้กพูดและยิ้มให้ผม ซึ่งทำให้ผมยิ่งหุบยิ้มไม่ได้เลย

"พี่ก็ชอบ ทุกๆ คนเลย ขอบคุณนะครับ" ช่วงเวลาแบบนี้ ผมจะจดจำไว้ ในหัวใจอีกนานแสนนาน

ตอนนี้พวกเราได้ออกมาจากที่บ้านแล้ว ผมแต่งตัวสบายๆ ขึ้นรถตู้ของบ้าน และนั่งอยู่ที่ด้านในสุดกับน้องๆ พวกเราร้องเพลงกัน เล่นกันจนเหนื่อย และในที่สุด เจ้าตัวเล็กก็หลับไปอยู่บนตักของผม ช่างไร้เดียงสาซะจริง

แต่ผมที่จ้องมองใบหน้าของน้องยามหลับนั้นก็พลันนึกถึงตัวเองในวัยเด็ก การนอนในอ้อมกอดของคนที่รักเรา มันเป็นยังไงงั้นเหรอ ตอนนั้นผมไม่เคยได้รับรู้เลย มีเพียงผืนผ้าสีขาวและหมอนเก่าๆ หนึ่งใบ มันช่างเหน็บหนาว และอ้างว้างสุดหัวใจ ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้านั้น มันไม่เคยน่าอยู่เลยสำหรับผม มีแต่ความทรงจำที่น่าเศร้า การกลั่นแกล้ง ความเดียวดายนั้นผมรู้ดียิ่งกว่าใคร แต่วันหนึ่งผมก็ได้พบกับความอบอุ่นเป็นครั้งแรก คนที่ยื่นมือเข้ามา ดึงผมออกจากขุมนรกนั้น

คุณยายครับ ผมคิดถึงคุณยาย...

"คุณพ่อคุณแม่ครับ" ผมที่คิดอะไรออกนั้น ก็อยากที่จะขออนุญาตทั้งสองคนอีกครั้ง เพราะตอนนี้พวกท่านคือผู้ปกครองของผม

"ว่าไงจ๊ะ ถ้าเมื่อยก็ส่งน้องมาให้แม่นะ" ผมยิ้มน้อยๆ และส่ายหัวเป็นเชิงว่าผมไม่เป็นไร

"คือไม่ใช่เรื่องน้องหรอกครับ แต่ผมมีเรื่องอยากจะขออีกน่ะครับ"

"ถ้าจะขอทำงานอีกที่ พ่อไม่อนุญาตนะ" ผมที่ยังไม่ทันจะพูดอะไร คุณพ่อก็พูดขึ้นเป็นเชิงล้อเล่น

"เรื่องอะไรกันคะ คุณให้ลูกทำงานเหรอ" คุณแม่ที่ได้ยินแบบนั้นก็ทำสีหน้าแปลกใจทันที

"ทำไมละจ๊ะ ต้องการใช้เงินทำอะไรหรือเปล่า อยากได้อะไรก็บอกได้เลยนะ" คุณแม่ดูท่าทางเป็นห่วงผม ซึ่งนั่นทำให้ผมดีใจมาก

"ผมแค่อยากทำงานร้านกาแฟครับ ผมชอบที่แบบนั้น" ผมพูดและหวังเป็นอย่างยิ่งกว่าจะไม่ทำให้พวกท่านไม่สบายใจ

"ถ้างั้นก็ตามใจเถอะจ๊ะ แต่ถ้าเหนื่อย ก็พักนะลูก ไวท์ลำบากมามากแล้ว แม่ไม่อยากให้ไวท์เหนื่อยเกินไป" ผมที่ได้ยินแบบนั้นก็รู้สึกตื้นตันมากกับทุกสิ่งที่ผมได้รับตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้ก้าวเข้ามาในครอบครัวนี้

"ขอบคุณครับ" ผมพูดและยิ้มอย่างดีใจ

"แล้วที่เราบอกว่ามีเรื่องจะขอ เรื่องอะไรอีกล่ะ" คุณพ่อพูดถามผม ซึ่งพอกลับมาคุยเรื่องนี้ ก็ทำให้ผมหุบยิ้มลงน้อยๆ

"คือผม...อยากกลับไปที่บ้านเก่าครับ ที่นั่น อาจจะยังมีอะไรเหลืออยู่บ้าง" ผมพูดและยิ้มอย่างเศร้าๆ อย่างน้อย สิ่งของเล็กๆ ของคุณยายก็ยังดี เพื่อระลึกถึงท่าน

"แต่ที่นั่น คงไม่มีอะไรเหลือแล้วล่ะ" ผมมองคุณพ่อที่พูดและทำหน้าหมองเศร้าลงเหมือนกับผม ไม่มีแล้วงั้นเหรอ แต่มันอาจจะไม่เป็นอย่างนั้นก็ได้

"แต่ถ้าเราอยากจะไปจริงๆ พ่อจะพาไป" คุณพ่อรีบพูดต่อ เมื่อเห็นสีหน้าไม่สบายใจของผม

"ขอบคุณครับ" ยังไงท่านก็ใจดีจริงๆ

และไม่นานนัก รถตู้ที่แล่นอยู่นั้น ก็ค่อยๆ เลี่ยงออกจากถนนเส้นใหญ่ๆ มุ่งตรงไปสู่ถนนสายเล็กๆ ที่ทอดยาวไปสู่สถานที่่ที่ผมค่อนข้างคุ้นตา ผมมองออกไปที่หน้าต่างด้านข้าง มองต้นไม้สองข้างทางที่เลื่อนผ่านไปมา และเริ่มขมวดคิ้วมากขึ้น

"ที่นี่..." ผมพูดและหันกลับไปมองคุณพ่อคุณแม่ที่กำลังหันมามองผมเช่นกัน พวกท่านส่งยิ้มให้ผม เป็นรอยยิ้มที่อบอุ่น และออนโยนจริงๆ

ในที่สุด รถที่พวกเรานั่งมานั้นก็จอดลงเงียบๆ ที่ใต้ต้นไม้ต้นใหญ่ ผมแตะแก้มน้องทั้งสองเบาๆ เพื่อปลุกให้ตื่นขึ้น และจูงมือเด็กน้อยทั้งสอง พาลงจากรถ เดินช้าๆ ผ่านต้นไม้ใหญ่ที่แสนร่มรื่น

ที่ดินตรงนี้ เป็นที่ที่คุณยายท่านซื้อเอาไว้ เป็นสถานที่ที่ท่านเคยหวังว่าจะมาใช้ชีวิตกับคนรักของท่านเมื่อสมัยยังสาว แต่ท่านก็ไม่เคยทำสิ่งที่หวังนั้นได้ เพราะคนคนนั้น คนที่ท่านรัก ได้จากไปด้วยโรคร้าย นี่เป็นเรื่องเดียวที่คุณยายเคยบอกผม เป็นเรื่องน่าเศร้าสำหรับคนที่มีแต่รอยยิ้มแบบคุณยาย

และตอนนี้ ผมพาท่านมาพักที่นี่อย่างที่ท่านเคยหวังไว้แล้ว ได้อยู่เคียงคู่กับคนที่ท่านรัก เป็นที่ที่ท่าน เคยพาผมมาเมื่อนานมาแล้ว

ผมปล่อยมือจากน้องๆ ทั้งสอง และค่อยๆ เดินไปข้างหน้า ไปตรงเนินดินเล็กๆ ที่มีดอกไม้แห้งๆ วางไว้ เป็นช่อดอกไม้ที่ผมเอามาให้ท่านเมื่อครั้งก่อน ผมคุกเข่าแตะมือลงที่เนินนั้นด้วยน้ำตาที่เอ่อคลอในดวงตา คุณพ่อและคุณแม่ เดินตามผมมาเงียบๆ และยืนทำท่าไว้อาลัยแก่คนที่จากไป

"ผมมาหาคุณยายอีกแล้วนะ" ผมพูดด้วยเสียงที่สั่นไหวและพยายามฝืนยิ้มอย่างเช่นเคย

"คุณยาย ไม่ต้องเป็นห่วงผมแล้วนะ ตอนนี้ผมไม่เป็นไรแล้วครับ" ผมพูดและหันไปมองครอบครัวของผมที่กำลังส่งยิ้มอ่อนโยนมาให้ และไม่ว่ายังไง คุณยายจะอยู่ในหัวใจของผมตลอดไป

"ผมคิดถึงคุณยายครับ" ผมหันกลับมาอีกครั้ง และมองเนินดินตรงหน้าอย่างเศร้าใจ คุณยายไปอยู่ที่ไหนกันครับ ผมอยากพบคุณยายอีกสักครั้ง แต่มันคงเป็นไปไม่ได้อีกแล้ว ผมพยายามกล้ำกลืนฝืนน้ำตาเอาไว้

ผมยังคงนั่งอยู่ตรงนั้น พูดเบาๆ กับคุณยายที่ไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน ผมสามารถอยู่ที่นี่ได้ทั้งวัน แต่ว่าวันนี้ผมคงจะทำแบบนั้นไม่ได้ แล้วผมจะมาหาใหม่นะครับ

ผมคิดและค่อยๆ ลุกขึ้นช้าๆ แต่เมื่อผมหันกลับไปที่คุณพ่อนั้น ผมก็พบว่าท่านเดินมายืนอยู่ที่ด้านหลังผมแล้ว

"ที่พ่อบอกว่าที่นั่นคงไม่มีอะไรเหลืออยู่แล้ว เพราะว่าพ่อไปที่นั่นมาแล้ว และพบแค่สิ่งนี้เท่านั้น" ผมจ้องมองคุณพ่อและค่อยๆ ก้มมองสิ่งที่คุณพ่อยื่นส่งมาให้

และทันทีที่ผมมองเห็นสิ่งนั้น หยาดน้ำตาที่ผมเฝ้าแต่เก็บมันไว้ ก็ไหลเอ่อจนล้นออกมา ผมยื่นมืออันสั่นเทา ยื่นไปหยิบสิ่งที่อยู่ในมือนั้น และจ้องมองมัน จ้องมองรูปถ่ายของผู้หญิงในวัยประมาณสามสิบปีกำลังส่งยิ้มให้กับผม อย่างสวยงาม เป็นรอยยิ้มที่ผมจำได้ ผมจำคุณได้แล้ว

"คุณยายครับ" ผมพูดและปล่อยให้น้ำตาหยดลงที่รูปถ่ายเก่าๆ ใบนั้น

คุณยายมาหาผมแล้ว แต่ผมไม่รู้อะไรเอาซะเลย นั่นไม่ใช่ความฝัน มันคือความจริง คุณยายท่านได้ไปในที่ที่สวยงาม ราวกับสรวงสวรรค์...

และทันทีที่ผมนึกถึงคำนั้น ภาพอีกภาพในความทรงจำของผมก็แทรกเข้ามา ใบหน้าของซินที่ดูปวดร้าว ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความผิดหวังและเสียใจ ผมได้ทำผิดไปแล้ว ซินไม่ได้ฆ่าคุณยาย แต่พาคุณยาย ไปสู่ที่ที่คุณยายสมควรจะไป

น้ำตาของผมที่ค่อยๆ ไหลรินนั้น ในตอนนี้กลับค่อยๆ ไหลออกมาไม่หยุด ผมไม่อาจสะกัดกลั้นความเสียใจได้อีกแล้ว ผมคุกเข่าลงกับพื้น กอดรูปถ่ายผู้มีพระคุณของผมไว้ และร้องไห้สะอึกสะอื้นจากหัวใจ

ขอเพียงแค่อีกสักครั้งได้ไหม ขอให้ผม ได้พบนายอีกสักครั้ง...
หัวข้อ: Re: In The Shadows' เงาหลอน ซ่อนรัก '[YAOI][#34 สิ่งที่เหลือในกองไฟ](5/11/61)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 05-11-2018 18:33:47
 ซิน  ไวท์  :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: In The Shadows' เงาหลอน ซ่อนรัก '[YAOI][#34 สิ่งที่เหลือในกองไฟ](5/11/61)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 05-11-2018 18:43:37
สุข แต่ยังไม่สมหวัง สู้ต่อไปลูก  :กอด1:
หัวข้อ: Re: In The Shadows' เงาหลอน ซ่อนรัก '[YAOI][#34 สิ่งที่เหลือในกองไฟ](5/11/61)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 05-11-2018 21:41:23
 :pig4: :pig4: :pig4:

ครอบครัวใหม่ที่อบอุ่น  กับคนในความทรงจำ

น่ายินดีและน่าสงสารไปพร้อม ๆ กัน
หัวข้อ: Re: In The Shadows' เงาหลอน ซ่อนรัก '[YAOI][#34 สิ่งที่เหลือในกองไฟ](5/11/61)
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 06-11-2018 11:03:31
อ่านไปน้ำตาไหลไป :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: In The Shadows' เงาหลอน ซ่อนรัก '[YAOI][#34 สิ่งที่เหลือในกองไฟ](5/11/61)
เริ่มหัวข้อโดย: snoopyme ที่ 06-11-2018 20:35:32
เพิ่งเคยอ่านครั้งแรก อ่านรวดเดียวจนถึงตอนล่าสุดเลย โอ้ยยยยย สงสารซินมาก แล้วเขาจะได้รักกันสมหวังไหมเนี่ย ไวท์ก็สงสารนะ แต่กว่าจะรู้ความจริงแต่ละเรื่องก็ทำเอาคนอื่นเดือดร้อนก่อนตลอด แต่ก็นะ เพราะไม่มีใครบอกความจริงกันตรงๆสักที เอาเป็นว่าเอาใจช่วยทุกฝ่าย อยากรุ้แล้วว่าต่อไปจะเป็นยังไง สนุกมากจ้าาาา เอาใจช่วยคนเขียนมาต่อไวๆนะ :z3: :katai2-1: :hao5: :katai4: :ling1:
หัวข้อ: Re: In The Shadows' เงาหลอน ซ่อนรัก '[YAOI][#34 สิ่งที่เหลือในกองไฟ](5/11/61)
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 07-11-2018 09:13:04
ขอบคุณครับ +1 ให้นะครับ :katai3:
หัวข้อ: Re: In The Shadows' เงาหลอน ซ่อนรัก '[YAOI][#34 สิ่งที่เหลือในกองไฟ](5/11/61)
เริ่มหัวข้อโดย: Gloomy Sunday ที่ 28-11-2018 17:10:40
Shadows ที่ 35 โลกที่ไร้สีสัน


ช่วงเวลาที่ผมได้ใช้ชีวิตอยู่ตอนนี้ มันช่างอบอุ่นและทำให้หัวใจสงบลง แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่ผมจ้องมองขึ้นไปยังท้องฟ้าไกล หัวใจของผมก็หม่นหมองลงทุกครั้ง

ไม่มีอีกแล้ว จะไม่ได้...พบกันอีกแล้ว

เวลาที่คิดแบบนี้ หัวใจของผมมันช่างเจ็บปวดเหลือเกิน โลกที่ไม่มีซินอยู่ มันช่างว่างเปล่า และไร้ซึ่งสีสันใดๆ

"ไวท์ทำหน้าแบบนี้อีกแล้ว" ผมละสายตาจากท้องฟ้ากว้าง หันมองเพื่อนของผมที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม พวกเรามานั่งทานข้าวกันที่ใต้ร่มไม้ข้างโรงอาหาร เป็นสถานที่ที่ร่มรื่นและสวยงาม

"คิดถึงแฟนอยู่เหรอไวท์ ไม่เห็นเอามาเปิดตัวให้ดูมั่งเลย"

"ห๊ะ ไวท์มีแฟนด้วยเหรอ แบบนี้สาวๆ หลายคนคงอกหักแย่" ผมยิ้มอย่างอ่อนโยนให้เพื่อนที่เรียนด้วยกันกับผม ตอนนี้มีเพื่อนๆ อีกสองสามคนมานั่งทานข้าวด้วย ทำให้บรรยากาศรอบๆ ตัวผมยิ่งครึกครื้น ไม่เงียบเหงาเหมือนเก่า แต่เพื่อนที่สนิทกับผมจริงๆ ก็มีเพียงแค่ฟ่างเท่านั้น มีเพียงฟ่างคนเดียวที่รู้ว่าผมกำลังคิดถึงใคร

"แฟนไวท์น่ะ น่าตาดีมากกกกก"

"พอเถอะฟ่าง พูดอะไรน่ะ" ผมยิ้มน้อยๆ และมองเพื่อนที่กำลังพยายามทำให้ผมรู้สึกดีขึ้น

"เคยเห็นเหรอฟ่าง เป็นคนยังไงเหรอ" ผู้คนต่างสนใจในสิ่งที่ฟ่างพูด

"เปล่าอ่ะ แค่มโน" ฟ่างพูดและหัวเราะขำตัวเอง ยังเป็นคนที่ร่าเริงเกินเหตุเช่นเคย

แกร่ก!

ผมที่มองเพื่อนๆ กำลังคุยกันนั้น มือก็เผลอปัดช้อนร่วงหล่นลงไปใต้โต๊ะจนได้ ผมมองช้อนนั้นที่ร่วงอยู่ข้างๆ ขาโต๊ะ เดี๋ยวนี้ซุ่มซ่ามขึ้น ผมใจลอย เหม่อลอยบ่อยมากเกินไป ต้องตั้งสติ ตั้งสมาธิกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้ามากกว่านี้ ไม่อย่างนั้นผมคงจะไม่ได้มีชีวิตยืนยาวแน่ๆ

"ถ้าจะพูดถึงความบริสุทธิ์ ในกลุ่มนี้คงไม่แคล้วจะเป็นไวท์แน่ๆ ใสๆ ไร้พิษภัย" ผมที่กำลังจ้องช้อนนั้นก็เหลือบตาไปมองเพื่อนๆ ที่กำลังคุยกันถึงเรื่องอะไรสักอย่าง ซึ่งนั่นกำลังพูดถึงผมสินะ ผมดูเป็นอย่างนั้นจริงๆ ใช่ไหม

"เห็นด้วย ถ้าเทียบกับแกนะ" ผมมองกลุ่มสาวๆ ที่หัวเราะแซวกันเล่น และส่งยิ้มมาให้

"คือ...ผมไม่ได้ บริสุทธิ์ อย่างที่ทุกคนคิดหรอกนะ" ผมพูดและยิ้มน้อยๆ ดูปฏิกิริยาของทุกคนที่ดูจะชะงักทันที นี่ผมพูดอะไรผิดไปหรือเปล่านะ แต่ว่า ผมไม่อยากให้ทุกคนมองผมเป็นคนที่เพรียบพร้อมเรียบร้อยปานนั้น

"ไวท์!" ผมมองฟ่างที่ตาโตขึ้นทันที และถึงกับลุกพรวดขึ้นมา ดูตกใจมากกว่าคนอื่นทีเดียว

"เล่ามาเลยนะ ทำไมไม่เห็นเคยบอก" ผมหัวเราะฟ่างที่รีบมาเกาะแกะด้วยดวงตาเป็นประกาย นี่ตื่นเต้นอะไรน่ะ คิดไปไหนแล้วนั่น แต่มันก็ เรื่องจริงละนะ

"กับซินเหรอ" ฟ่างพูดเบาๆ และยิ้มกวนผม นี่เรากำลังพูดถึงเรื่องแบบนั้นจริงๆ ใช่ไหม ฟ่างพูดชื่อซินเบาๆ และนั่งเบียดผมให้ชิดกว่าเก่า "นึกว่าแค่ชอบกันเฉยๆ ซะอีก ร้ายนะ" ผมอดยิ้มไม่ได้ถึงความทะเล้นของเพื่อน มันไม่ใช่เรื่องที่จะเล่าเป็นฉากๆ ได้หรอกนะ ทะลึ่งจริงๆ เลยคนเรา

แต่ผมที่หวนคิดถึงเรื่ิองราวในคืนนั้น ใบหน้าของผมก็เริ่มหุบยิ้มทันที ทุกสิ่งเกิดขึ้นเพราะความโศกเศร้า ความรักที่ผสมผสานกับความเจ็บปวดทรมาน ร่างกายของพวกเราที่เชื่อมต่อกันด้วยความผิดหวังและเสียใจ

"ไวท์" ผมหลุดออกจากความหม่นหมองนั้น และมองเพื่อนที่กำลังเรียกผมเบาๆ

"ขอโทษนะที่เสียมารยาท คงเป็นช่วงเวลาที่เจ็บปวดใช่ไหม" ผมส่ายหน้าน้อยๆ ให้กับความคิดนั้น

"ถึงจะเจ็บปวด แต่มันคุ้มค่า" ผมพูดและยิ้มให้เพื่อน พยายามทำตัวให้ดูเข้มแข็ง ทั้งๆ ที่ผมอ่อนแอเหลือเกินกับเรื่องราวเหล่านี้ เรื่องราวของซิน

หลังจากพวกเรายังคงนั่งเล่นกันอีกสักพัก เพื่อนๆ คนอื่นๆ ก็ขอตัวแยกย้ายกันออกไป ผมและฟ่างตัดสินใจที่จะไปที่ร้านกาแฟหลังมอ ที่ที่ผมต้องไปทำงานพิเศษ ซึ่งวันนี้จะเป็นวันแรกที่ผมได้เข้าไปทำงานที่ร้านแบบจริงๆ จังๆ พี่เบลล์เจ้าของร้านนั้นใจดีมาก และบอกผมว่าจะมาเริ่มวันไหนก็ได้ตามที่ผมต้องการ

"วันนี้น้องเครปจะมาไหมน้า คิดถึงจัง" ฟ่างพูดและดึงผมให้ลุกขึ้นจากเก้าอี้ไม้ตัวยาว ผมเก็บกระเป๋า และเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าผมทำช้อนหล่นใต้โต๊ะ ผมต้องนำพวกจานข้าวนี้ไปเก็บในที่ของมัน

ผมคิด และก้มลงไปใต้โต๊ะ ตรงที่ที่จำได้ว่าช้อนนั้นหล่นอยู่ ผมหรี่ตามองเล็กน้อย ผมในตอนนี้ใส่คอนแทคเลนส์แล้ว มองเห็นชัดมากขึ้นแล้ว แต่ว่า ช้อนมันหายไป... หายไปได้ยังไงกัน

"อะไรเหรอไวท์ ให้ช่วยไหม" ฟ่างเริ่มเดินกลับเข้ามาใกล้ผม และทำสีหน้าสงสัย

"คือผมทำช้อนหล่น แต่..."

"หล่นอะไรไวท์ ก็นั่นไง อยู่ในจาน" ผมที่ได้ยินแบบนั้นก็รีบกลับขึ้นมามองจานข้าวของตัวเองทันที และก็พบว่าช้อนที่ผมกำลังมองหานั้น วางอยู่คู่กับส้อมในจานข้าว

"มีอะไรเหรอไวท์" ฟ่างที่ถือจานเปล่ารอนั้น ก็ยิ่งขมวดคิ้วไปใหญ่ที่เห็นสีหน้าผมกำลังแปลกใจ

"ไม่มีอะไร ไปกันเถอะ" ผมพูดและยกจานนั้นขึ้น นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เรื่องแบบนี้เกิดขึ้น ผมสังเกตความผิดปกติเหล่านี้ได้ตั้งแต่ที่ผมนอนอยู่ในโรงพยาบาล มันเกิดขึ้นทุกวัน วันละเล็กวันละน้อย จนผมเริ่มที่จะเปลี่ยนความคิด ที่คิดว่าทุกสิ่งนั้นเป็นเพราะผมคิดไปเอง มันอาจจะมีอะไรที่มากกว่านั้น แต่ผมก็ไม่อาจรู้ได้เลยในตอนนี้

ไม่นานหลังจากเดินออกมาจากมหา'ลัย พวกเราก็มาถึงร้านกาแฟที่อบอวนไปด้วยกลิ่นหอมอ่อนๆ ของกาแฟและขนมปัง ผมมองดูฟ่างที่วิ่งไปเกาะตู้ขนมด้วยความเคยชิน เพิ่งกินข้าวมาแท้ๆ ไม่รู้เอากระเพาะไหนใส่กันนะ

"ผู้หญิงน่ะ เขามักจะมีกระเพาะของหวานไว้สำรอง"

ผมสะดุ้งน้อยๆ ทันทีที่พี่เบลล์เจ้าของร้านพูดใส่ผมเบาๆ ที่ข้างหู

"สวัสดีครับพี่" ผมพูดอย่างตกใจและถอยหลังห่างออกมา มองดูพี่เบลล์ที่กำลังหัวเราะเบาๆ

"พี่ อ่านใจได้หรือไงครับ" ผมมองพี่เบลล์ที่ดึงมือผมไปที่เคาน์เตอร์ และยื่นผ้ากันเปื้อนสีน้ำตาลเข้มมาให้

"แค่เดาน่ะ" พี่เบลล์พูดและยิ้มอย่างกวนๆ

"เอาล่ะ อย่างแรกที่จะให้ไวท์ทำก็คือ เอานมสดกับชีสเค้กนี้ไปเสิร์ฟโต๊ะริมหน้าต่างนั่น โอเคไหม" ผมรีบผูกผ้ากันเปื้อนไว้ที่เอว และพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม

"ผมอยากชงเครื่องดื่มเป็นจังเลยครับ" ผมพูดและรับถาดที่ได้รับมา ถือมั่นคงในมือ

"ค่อยๆ นะ พี่สอนหมดนั่นล่ะ"

"ครับ" ผมยิ้มและเดินไปที่โต๊ะริมหน้าต่างสวย ตรงที่เห็นวิวกระถางต้นไม้สีเขียวสลับกับดอกไม้สีขาว ผมเกร็งเล็กน้อยทันทีที่เดินมาถึงโต๊ะนั้น และค่อยๆ วางแก้วนมสดกับขนมลงไป

ผมแอบเหลือบมองลูกค้าที่นั่งอยู่ที่โต๊ะ เป็นผู้ชายใส่ชุดสูทดูเป็นทางการ กำลังเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง หน้าตาเหมือนกับพวกดาราเลยล่ะ และจะว่าแปลกก็แปลกนะ ถ้าเป็นคนอื่นคงคิดว่าเขาจะสั่งกาแฟแน่ๆ คนเรามักมองคนที่ภายนอก ทั้งๆ ที่ไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วเขาเป็นคนยังไง

"ของที่สั่งได้รับครบถ้วนนะครับ" ผมพูดและยิ้มให้กับลูกค้าที่ละสายตาจากกระถางต้นไม้มาจ้องมองผมแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา

"เอ่อ นมสดของร้านเราเป็นนมสดแท้ 100% เลยนะครับ ถ้าจะรับเพิ่ม ก็เรียกได้เลยนะครับ" หลังจากที่ผมพูดจบ คิ้วข้างหนึ่งของเขายกขึ้นอย่างแปลกใจ ผมพูดอะไรผิดไปหรือเปล่านะ

"เราเป็นพนักงานใหม่เหรอ ไม่คุ้นหน้าเลย" ผมรู้สึกโล่งอกเล็กน้อยที่ลูกค้าเริ่มคุยกับผม

"ครับ"

"งั้นเหรอ น่าสนใจนะ ถ้าเป็นคนอื่นคงจะทำสีหน้าแบบว่า อย่างไอ้หมอนี่เนี่ยนะ ดื่มนม มันควรจะเป็นกาแฟดำสิ อะไรแบบนั้น" ผมยิ้มทันทีที่ได้ยินแบบนั้น ดูแล้วเขาก็ไม่ได้เป็นคนน่ากลัวหรือสุขุมแบบที่เห็นเลย ดูจะช่างพูดและใจดีด้วยซ้ำ

"ก็คุณ ดูเท่มากเลย มันก็ไม่แปลกที่พวกเขาจะคิดแบบนั้น" ผมพูดและไม่รู้เลยว่าคนที่ได้ยินนั้นคิดไปไหนถึงไหนแล้ว

"ฉัน เท่จริงๆ เหรอ" ลูกค้าตรงหน้าของผมพูดพลางดึงชุดสูทของตัวเองจัดแจงให้ดูดียิ่งขึ้น

"ใช่ครับ" ผมนั้นก็แค่ พูดตามความจริงเท่านั้น

"นั่งก่อนไหม เดี๋ยวฉันเลี้ยงเอง" คนตรงหน้าพูดและทำท่ากลั้นขำ ซึ่งนั่นทำให้ผมเผลอยิ้มตามไปด้วย

"ขอบคุณครับ แต่ผมยังต้องทำงานต่อ เอาไว้ คราวหน้าละกันครับ" ผมพูดพลางยิ้มน้อยๆ และถอยหลังออกมาอย่างนอบน้อม แต่ก็ยังพอมองเห็นว่าคนคนนั้นยังคงจ้องมอง และส่งยิ้มให้ผม ก่อนที่จะหันกลับไปสนใจดอกไม้สวยข้างนอกตามเดิม

"หล่อโครต หนุ่มวัยทำงานเนี่ยดี๊ดีเนอะ โสดหรือเปล่าน้า" ผมถอนหายใจน้อยๆ ทันทีที่ได้ยินเสียงฟ่างพูดเบาๆ ที่ข้างหู ขณะที่ปากก็ยังคงเคี้ยวโดนัทไปด้วย

"ถามเขาสิ" ผมพูดและทำท่าจะเดินไปที่เคาเตอร์ แต่ก็ถูกเพื่อนดึงแขนเอาไว้

"ดูเขาจะปิ๊งไวท์น้า ทำไมเสน่ห์แรงแบบนี้ห๊า" คนพูดไม่พูดเปล่า แต่หยิกเข้าที่แขนผมด้วยความหมั่นไส้

"มั่วแล้วฟ่าง ผมเป็นผู้ชายนะ" ผมพูดและลูบแขนตัวเองไปมา

"หึ ไม่คุยด้วยแล้ว งอนแล้ว ไปกินต่อดีกว่า" ฟ่างพูดและสะบัดบ๊อบไปนั่งลงที่เดิม ดูเขาสิ เฮ้อ

ผมดูความเรียบร้อยภายในร้านและเดินเสิร์ฟเครื่องดื่มและขนมอีกหลายออเดอร์ ทุกอย่างยังคงเป็นไปอย่างเรียบง่าย และผมรู้สึกสนุกกับงานที่ได้รับมอบหมายมาก ผมแอบยืนมองพี่แป้ง พนักงานพาสไทม์อีกคนของร้านที่กำลังชงเครื่องดื่มต่างๆ อย่างสนใจ ถ้าหากผมเรียนจบจากที่นี่แล้ว ผมนั้นฝันอยากมีร้านแบบนี้เป็นของตัวเองสักร้าน มันจะมีวันนั้นหรือเปล่านะ

"ไวท์ เดี๋ยวช่วยไปหยิบถุงกระดาษมาเพิ่มหน่อยนะ"

"ครับ" ผมรับคำสั่งจากพี่อีกคนและก็รีบเดินไปที่หลังร้านทันที

ผมเดินมาเรื่อยๆ เดินไปตามทางเดินที่แคบลงและเต็มไปด้วยข้าวของ ผมชอบการตกแต่งของที่นี่มาก ทุกอย่างถูกตกแต่งและจัดวางอย่างลงตัว ชั้นวางของสีขาวที่ตัดกับต้นไม้สีเขียวสลับกันไป มันดูสดชื่น และสบายตาดีจริงๆ

"อันตรายมาก มันเข้าใกล้มากขึ้นทุกที"

แต่ผมที่เดินมาถึงด้านหน้าห้องเก็บอุปกรณ์นั้นก็ต้องหยุดชะงัก ผมมองประตูห้องอุปกรณ์ที่เปิดแง้มไว้ และจำได้ว่าเสียงนี้ เป็นเสียงของพี่เบลล์เจ้าของร้าน แต่ว่าผมไม่ควรเสียมารยาทแอบฟัง ผมควรจะออกไปจากตรงนี้ก่อน รอให้พี่เขาคุยธุระให้เสร็จ แล้วจึงจะเข้าไปได้

ผมคิดและหันหลังเตรียมพร้อมที่จะเดินไปยังห้องข้างๆ ที่ที่อาจจะมีถุงกระดาษเก็บสำรองไว้

"ครอบครัวของเขา อาจจะตายทั้งหมด"

แต่ผมที่กำลังจะเดินออกไปนั้นก็หยุดชะงักอีกทันที ผมหันหลังกลับไปยังห้องตรงหน้า มองไปยังบานประตูที่ขาวที่เปิดแง้มเอาไว้ด้วยหัวใจที่สั่นไหว

ตาย...งั้นเหรอ เรื่องอะไรกัน พี่กำลังพูดถึงใครกัน

"อ้าวไวท์ ว่าไง เข้ามาหาอะไรเหรอ" ผมยังคงนิ่งชะงัก และมองพี่เบลล์เจ้าของร้านที่โผล่ออกมาแทบจะทันทีด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้มปกติ

"พี่...คุยกับใครเหรอครับ" ผมนั้นรู้สึกไม่สบายใจ และอยากรู้ถึงความหมายของบทสนทนานั้น แต่ทันทีที่ผมพูดคำถามนี้ออกไป พี่เบลล์ก็ดูจะทำหน้างงๆ และก็เริ่มหัวเราะน้อยๆ ทันที

"ได้ยินที่พี่พูดเหรอ" พี่เบลล์พูดถามผม และชี้ให้ดูถึงสิ่งที่อยู่ในหูของตัวเอง เป็นเหมือนกับสมอลทอร์ค หรือเครื่องมือสื่อสารไร้สายอะไรสักอย่าง

"พี่คุยกับเพื่อนเรื่องหนังเมื่อคืนน่ะ สนุกสุดๆ เลยนะ เป็นแนวสืบสวนฆาตกรรม ถ้าสนใจพี่แนะนำได้นะ" ผมรู้สึกโล่งใจนิดๆ พี่เบลล์เจ้าของร้านเดินมาหาผมและกอดคอผมไว้ พลางพาเดินให้ออกไปจากด้านหลังร้านด้วยกัน

ผมเดินไป พลางคิดถึงสิ่งที่พี่เบลล์พูด เป็นเรื่องหนังอย่างนั้นเองสินะ ตกใจหมดเลย นึกว่าเป็นเรื่องอันตรายอะไรซะอีก ผมลูบอกตัวเองไปมาเบาๆ เหมือนกำลังเรียกขวัญกำลังใจ มันฟังดูน่ากลัวมาก ถ้ามันเกิดขึ้นจริงๆ

"เอ๊ะ เมื่อกี้เราจะมาเอาอะไรนะ" เหมือนเพิ่งจะนึกขึ้นได้พี่เบลล์ถามผมและส่งยิ้มให้

"อ๋อ ถุงกระดาษครับ" ผมที่คิดอะไรเพลินๆ นั้น ก็เกือบลืมไปแล้วเช่นกัน

"เดี๋ยวพี่เอาไปให้ เราไปดูข้างนอกเถอะ" พี่เบลล์พูด และดันตัวผมให้เดินออกไปหน้าร้าน

"เดี๋ยวผมไปเอาเองก็ได้นะครับ"

"เราไม่รู้หรอกมันอยู่ตรงไหน เดี๋ยวพี่หยิบเอง เราไปช่วยพี่แป้งข้างหน้าเถอะ" พี่เบลล์ยืนยันที่จะไปเอง ซึ่งผมก็คงจะขัดไม่ได้

"ครับ" ผมตอบรับพี่เบลล์ และเดินออกจากตรงนั้น มุ่งตรงไปยังหน้าร้าน พลางแวะเดินไปหาฟ่าง ที่กำลังนั่งอยู่ที่เดิมข้างกระถางต้นไม้ใบสวย

"ฟ่าง กลับก่อนก็ได้นะ ผมคงจะอยู่ช่วยปิดร้าน..." ผมพูดและมองเพื่อนที่ก้มหน้าก้มตาอยู่เงียบๆ

"ฟ่าง ได้ยินผมไหม" ผมเรียกเพื่อน และเริ่มขมวดคิ้วน้อยๆ อย่างแปลกใจ พลางเดินไปชิดที่โต๊ะนั้นมากขึ้นและมองฟ่างที่ก้มหน้าอยู่เหนือ ถ้วยชา...

ผมมองเพื่อนและเริ่มรู้สึกถึงอะไรบางอย่าง ถ้วยชางั้นเหรอ... มันเป็นชาที่ผมได้กลิ่น และรู้สึกว่าคุ้นเคยเหลือเกิน และมันแปลกมาก สำหรับเพื่อนของผมที่ชอบทานและดื่มแต่ของหวาน

"ฟ.ฟ่าง..." ผมร้องเรียกเพื่อนอีกครั้งด้วยความรู้สึกหวาดหวั่นในหัวใจ ผมค่อยๆ เอื้อมมือออกไปที่ไหล่ของเพื่อน ที่ยังคงก้มหน้าอยู่เหนือถ้วยชานั้น หลับอยู่เหรอ แบบนี้ผมกลัวนะ

"อ้าว ไวท์ มีไรเหรอ" แต่ผมที่ยื่นมือออกไปนั้นก็ต้องสะดุ้งทันที เพราะอยู่ดีๆ ฟ่างก็เงยหน้าขึ้น ดึงสายหูฟังออกจากหู และหันมายิ้มให้ผมเหมือนอย่างปกติ

"เป็นอะไรไวท์ ตกใจอะไร" ฟ่างยิ้มขำสีหน้าของผม

"ป.เปล่า ไม่มีอะไร" ผมพูดและยังคงรู้สึกได้ถึงหัวใจที่เต้นแรงอยู่ในอก ผมนั้นมองไม่เห็นสิ่งลี้ลับหรืออะไรแปลกๆ อีกแล้ว ยังต้องกลัวอะไรอีก

"เออเฮ้ย นี่กี่โมงแล้วเนี่ย วันนี้ฟ่างมีนัดกับคุณแม่ งั้นฟ่างไปก่อนนะ ฝากลาพี่เบลล์ด้วย" ฟ่างพูดและรีบลุกขึ้นอย่างรีบร้อน แต่ก็ไม่ลืมที่จะหันมาโบกมือให้ผมก่อนออกจากร้าน

ผมโบกมือลาฟ่าง และส่งยิ้มให้เพื่อนดั่งเช่นเคย ด้วยหัวใจที่หวังว่า ขออย่าให้มีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นด้วยเถิด
หัวข้อ: Re: In The Shadows' เงาหลอน ซ่อนรัก '[YAOI][#35 โลกที่ไร้สีสัน](28/11/61)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 28-11-2018 18:09:30
แปลกๆ  นะร้านนี้  :hao4:
หัวข้อ: Re: In The Shadows' เงาหลอน ซ่อนรัก '[YAOI][#35 โลกที่ไร้สีสัน](28/11/61)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 28-11-2018 20:50:36
 :pig4: :pig4: :pig4:

เหมือนจะได้กลิ่นตุ ๆ ไม่ค่อยดีอ่ะ

ป.ล. อย่าทำร้ายครอบครัวใหม่ของไวท์เลยนะ
หัวข้อ: Re: In The Shadows' เงาหลอน ซ่อนรัก '[YAOI][#35 โลกที่ไร้สีสัน](28/11/61)
เริ่มหัวข้อโดย: mimirose ที่ 29-11-2018 08:54:04
โอ๊ย อะไรอ่ะอยากรู้จังว่าไวน์อ่ะจะทำยังไงต่อไป
หัวข้อ: Re: In The Shadows' เงาหลอน ซ่อนรัก '[YAOI][#35 โลกที่ไร้สีสัน](28/11/61)
เริ่มหัวข้อโดย: Nekosama ที่ 29-11-2018 13:17:36
พี่เบลล์เป็นคนของซินใช่มั้ยอะ ร้านนี้ดูแปลกๆมาก ขออย่าให้มีไรด้วยเถอะ .....
หัวข้อ: Re: In The Shadows' เงาหลอน ซ่อนรัก '[YAOI][#35 โลกที่ไร้สีสัน](28/11/61)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 22-12-2018 21:52:27
 :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: In The Shadows' เงาหลอน ซ่อนรัก '[YAOI][#35 โลกที่ไร้สีสัน](28/11/61)
เริ่มหัวข้อโดย: JanTi ที่ 23-12-2018 22:39:13
 :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: In The Shadows' เงาหลอน ซ่อนรัก '[YAOI][#35 โลกที่ไร้สีสัน](28/11/61)
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 23-12-2018 23:37:48
 :call: :z13: :call:
หัวข้อ: Re: In The Shadows' เงาหลอน ซ่อนรัก '[YAOI][#35 โลกที่ไร้สีสัน](28/11/61)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 13-01-2019 20:44:40
 :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: In The Shadows' เงาหลอน ซ่อนรัก '[YAOI][#35 โลกที่ไร้สีสัน](28/11/61)
เริ่มหัวข้อโดย: Gloomy Sunday ที่ 23-02-2019 14:52:03
Shadows ที่ 36 คำลวงของซาตาน


ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงเย็นนั้น ยังคงทำให้ผมรู้สึกไม่สบายใจ มันเป็นความรู้สึกที่แปลกประหลาด มันเหมือนกับมีอะไรบางสิ่ง บางสิ่งที่เลวร้ายก่อตัวอยู่ใกล้ๆ ความอึดอัด กลิ่นอายที่ทำให้กระวนกระวายใจ ผมจะทำยังไงดีนะ ผมไม่มีใครให้พึ่งอีกแล้ว ไม่มีอีกแล้ว

"พี่ชายฮับ" ผมสะดุ้งน้อยๆ ทันทีที่รู้สึกถึงแรงดึงเบาๆ ที่กางเกงนอน และก็พบว่าเจ้าเครปตัวน้อยกำลังเกาะขาของผมอยู่

"ว่าไง ทำไมยังไม่นอน ไม่ง่วงเหรอครับ" ผมอุ้มน้องขึ้นมาและจับนั่งลงที่ตัก หอมหัวทุยๆ น้อยๆ นั้นอย่างรักใคร่

"น้อนเครปอยากฟังนิทาน" เจ้าตัวน้อยหันคอเล็กๆ มองผมด้วยแววตาออดอ้อน แล้วแบบนี้ผมจะปฏิเสธได้ยังไงล่ะ

"งั้น เรื่องเดียวน้า ฟังจบแล้วต้องนอนนะครับ" ผมพูดและมองน้องชายที่พยักหน้าหงึกหงักอยากกระตือรือร้น

น้องเครปรีบคลานต้วมเตี้ยมลงจากเตียงและวิ่งดุ๊กดิ๊กไปที่ตู้หนังสือที่มีหนังสือวางเรียงราย ผมจัดตู้เล็กๆ ตู้หนึ่งให้เต็มไปด้วยนิทานของโปรดเจ้าตัวเล็ก ซึ่งผมนั้นก็อ่านให้น้องฟังเป็นประจำ แถมยังมีถุงมือที่เป็นตัวสัตว์น่ารักๆ ประกอบฉากอีกด้วย ผมนี่ก็ลงทุนเหมือนกันนะ

ผมเลื่อนตัวจากเตียงเปิดตู้ลิ้นชักข้างๆ ที่ผมชอบเก็บอุปกรณ์เล่านิทานไว้ ดึงถุงมือตุ๊กตาน่ารักๆ หลายตัวออกมาเตรียมพร้อม ซึ่งตอนนี้ก็เหลือแค่รอเจ้าตัวเล็กเลือกหนังสือนิทานเสร็จเท่านั้น

"เอาล่ะ พี่พร้อมแล้วน้า น้องเครปเลือก..." ผมสวมถุงมือไว้ในมือด้วยรอยยิ้ม และหันไปมองน้องเครปที่กำลัง...

ผมหัวใจสั่นไหว มองน้องชายด้วยความรู้สึกที่ยากจะบรรยาย น้องเครปยืนอยู่ตรงนั้น ข้างตู้หนังสือ และกำลังเงยหน้ามองอะไรบางสิ่งที่อยู่มุมห้อง น้องเครปกอดหนังสือนิทานเล่มใหญ่ไว้ และยังคงจ้องมองค้างอยู่อย่างนั้น

"เครป" ผมตัดสินใจข่มความกลัวเอาไว้ และลงจากเตียงอย่างรวดเร็ว ผมลงไป คุกเข่าจับแขนน้องไว้ และหันใบหน้าของน้องให้มามองหน้าผม

"ม.มีอะไรเหรอ" ผมถามน้อง ด้วยน้ำเสียงที่สะกดความหวาดหวั่น พลางเหลือบตามองในมุมที่ว่างเปล่า ความกลัวและหวาดระแวงของผมนั้นไม่ธรรมดา ผมที่เคยเจอเรื่องแบบนี้มานับไม่ถ้วน ผมไม่อยากให้น้องต้องเป็นอันตราย หรือเดินตามรอยเท้าของผม

น้องเครปไม่ได้ตอบผม แต่จ้องมองผมด้วยแววตาใสๆ ไร้เดียงสาเหมือนเช่นเคย

"น้อนเครปอยากฟังเรื่องนี้ฮะ" ผมมองน้องที่ยื่นหนังสือในมือให้ผมด้วยรอยยิ้มหวาน ผมคงคิดมากเกินไปสินะ คงคิดมากเกินไปจริงๆ



ในค่ำคืนที่ชวนให้หลับไหล เปลือกตาของผมสั่นเบาๆ ด้วยความรู้สึกอึดอัด ราวกับถูกกดให้ดำดิ่งลงสู่สายน้ำเย็นที่ไหลเชี่ยว ดวงตาที่ปิดสนิทค่อยๆ ลืมขึ้นช้าๆ เพดานที่มืดสลัว ค่อยๆ แจ่มชัดในสายตา

เสียงหวีดหวิวที่ดังขึ้นเบาๆ ราวเสียงกระซิบ ทำเอาขนทั้งร่างของผมตั้งชัน ผมค่อยๆ ยันกายขึ้นช้าๆ หันมองผ้าม่านสีขาวที่กำลังเคลื่อนไหวตามแรงลม

พายุ งั้นเหรอ...

ผมขมวดคิ้วน้อยๆ นึกถึงเรื่องราวในช่วงหัวค่ำที่ผ่านมา ก่อนที่ผมจะนอนหลับไป ผมกำลังเล่านิทานให้เครป น้องชายของผมฟัง...

และทันทีที่นึกขึ้นได้ ผมรีบมองไปที่ข้างลำตัวของผม มองหาน้องชายตัวเล็กที่หลับไปก่อนที่ผมจะเล่านิทานจบ  แต่ว่าตอนนี้สายตาของผมนั้นมองเห็นแต่เพียงความว่างเปล่า น้องคงจะเดินกลับไปที่ห้องนอนของตัวเองแล้ว หรือคุณแม่มาพากลับไปแน่ๆ

ผมคิด ก่อนจะทำท่าเอนตัวเตรียมพร้อมที่จะนอนหลับตาอีกครั้ง

ครืนนนนน เปรี้ยง!

เสียงที่ดังแทรกผ่านลมหวีดหวิว ทำเอาผมสะดุ้งตัวน้อยๆ ด้วยความตกใจ สายตามองดูบานหน้าต่างและผ้าม่านที่กำลังส่ายไหวไปมา

เปรี้ยง!

และก็อีกครั้ง เสียงที่ดังก้องสะท้อนไปทั้งผืนฟ้า ม่านสีขาวเริ่มชุ่มเปียกไปด้วยหยดน้ำพร่างพราว ผมลุกขึ้นจากที่นอน สองเท้าก้าวเดินไปยังหน้าต่าง ยื่นมือออกไป หวังไขว่คว้าบานหน้าต่างที่กำลังกระพือไหวนั้นให้ปิดลง สะกัดกั้นลมฝนที่กำลังบ้าคลั่ง

เปรี้ยง!

และก็อีกครั้ง แสงสีขาวที่กระพริบไหว ตามมาด้วยเสียงที่ดั่งสนั่น ผมหันหน้าเอียงหลบแสงสีขาวนั่น สองมือมั่นจับไว้ที่หน้าต่าง เพียงออกแรงดึง ทุกอย่างก็คงจะค่อยๆ สงบลง

แสงสว่างจากฝากฟ้าที่กระพริบอยู่ด้านนอกนั้นอีกครั้ง สาดส่องเพียงชั่วเสี้ยววินาทีก่อนจะมืดดับลง ผมเริ่มสังเกตเห็นความผิดปกติบางอย่าง ใบหน้าของผมค่อยๆ มองต่ำลง มองไปยังพื้นห้อง พื้นที่เปียกปอนไปด้วยละอองหยาดฝน

หัวใจที่เคยสงบนิ่งอยู่ในอกนั้น ตอนนี้กลับค่อยๆ เคลื่อนไหวราวกับจะบ้าคลั่ง แสงสว่างจากฟากฟ้ายังคงกระพริบถี่ สาดส่องให้เห็นถึงพื้นไม้สีอ่อนที่ถูกย้อมไปด้วยสีของของเหลวที่หยดลง และถูกทำให้ขาดช่วงเป็นทางยาว

ผมยืนอยู่ตรงนั้น ด้วยหัวใจที่ถูกยึดตรึงอยู่ในห้วงแห่งความหวาดกลัว ผมเริ่มขยับเท้าที่แสนหนักอึ้ง เดินช้าๆ ไปตามรอยที่ถูกทิ้งไว้ ตัวของผมสั่นเทา ขบฟันแน่น ภาวนาขอให้สิ่งที่ผมกำลังคิด ขอให้มันไม่ได้เกิดขึ้น

รอยเลือดที่ยังคงทอดยาวอยู่เบื้องหน้า ทำให้น้ำตาของผมเริ่มปริ่มไหลออกมา ไม่ว่าอะไร หรือใครที่ถูกทำให้เลือดไหลออกมามากมายขนาดนี้ คงจะต้องเจ็บปวดมาก คงจะต้อง ทุกข์ทรมาน ทรมานจนแทบขาดใจ

แต่ผมที่เดินตามรอยเลือดนี้ ก็เริ่มหยุดชะงักลงที่หน้าประตูห้องนอน ผมค่อยๆ คุกเข่าลง มองดูรอยเลือดตรงหน้าที่ลักษณะของมัน ค่อยๆ เปลี่ยนแปลงไป

นี่ไม่ใช่รอยเลือดที่คนเจ็บพยายามเดินไปตามทางอีกแล้ว มันคือรอยลาก มีใครบางคน ลากคนที่กำลังเจ็บไปบนพื้น ใครกัน ใครที่จะทำเรื่องโหดร้ายแบบนั้น

"ค.คุณพ่อ ต้องบอกคุณพ่อ" ผมหลบเลี่ยงรอยเลือดบนพื้น วิ่งสุดกำลังไปตามระเบียงทางเดินที่ทอดยาว หักเลี้ยวที่มุมขวา ห้องทำงานที่คุณพ่อชอบนั่งอยู่ดึกดื่นค่อนคืน

ผมยืนนิ่งอยู่หน้าประตูไม้สีเข้ม เบี่ยงสายตาหลบหลีกความเป็นจริงที่บอกว่า รอยเลือดบนพื้นนั้นลากยาวมาจนถึงที่นี่ และสิ้นสุดที่ห้องนี้

ผมกัดริมฝีปากไว้ด้วยน้ำตาที่เริ่มอาบนองทั้งใบหน้า ยื่นมือช้าๆ ผลักบานประตูใหญ่ที่ค่อยๆ เปิดออกทันที

ภายในห้องทำงานที่มืดสลัว ผมไม่ได้สนใจชั้นหนังสือสูงที่ตั้งตระหง่านอยู่ทั่วทุกด้านของผนัง สายตาของผมจ้องมองอย่างสั่นไหว ไปยังโต๊ะทำงานตรงกลาง เป็นโต๊ะทำงานไม้โอ๊กขัดมัน เป็นโต๊ะทำงานที่ทำให้ทั้งห้องดูอบอุ่นเมื่อต้องแสงของตะวัน

ผมค่อยๆ ก้าวเดินเข้าไปช้าๆ ด้วยหัวใจที่เต้นรัวราวกับจะหลุดออกมาจากอก เงามืดจากชั้นหนังสือ ทำให้ดวงตาของผมต้องเพ่งมองไปยังโต๊ะทำงานตรงกลางห้องมากขึ้น และแน่นอน คนที่ผมกำลังตามหา ท่านกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะนั้น บนเก้าอี้บุนวมตัวใหญ่ เก้าอี้ที่ท่านรัก

"ค.คุณพ่อครับ" ผมมองไปยังเงาของคนที่นั่งอยู่ พลางร้องเรียกออกไปด้วยเสียงที่สั่นเครือ

ผมกลั้นใจ เดินต่อไปข้างหน้าด้วยขาที่สั่นและอ่อนแรง ผมเริ่มร้องไห้มากขึ้น เมื่อก้าวเดินมาหยุดยืนอยู่ที่ข้างเก้าอี้ ข้างๆ คุณพ่อที่นั่งอยู่แต่กลับก้มหน้าลงต่ำ ราวกับว่าไม่รู้สึกถึงการมาของผม

อาจจะหลับ คุณพ่อคงจะกำลังหลับ ผมเฝ้าแต่คิดและบอกตัวเองแบบนั้น บอกตัวเองให้มีความกล้ามากขึ้นเพื่อที่จะแตะตัวของคุณพ่อ เขย่าแขนของคุณพ่อ ด้วยความหวังว่าคนตรงหน้าจะลืมตาขึ้น มองผม และส่งยิ้มให้ผมเหมือนเช่นเคย

แต่ความคิดของผมนั้น มันก็แค่การหลอกตัวเอง

แรงขยับเพียงนิดที่ผมส่งถึงร่างกายคนตรงหน้า ทำให้ร่างทั้งร่างที่นั่งอยู่อย่างไม่มั่นคง ไถลล้ม ลื่นหล่นลงจากเก้าอี้

ร่างทั้งร่างของผมสั่นเทา ดวงตาเบิกกว้าง ถอยหลังออกไปสามก้าวด้วยความรู้สึกที่ตกใจสุดขีด

"คุณพ่อ!!!" ผมร้องตะโกนออกไปสุดเสียงและตั้งสติวิ่งเข้าไปหาคุณพ่ออีกครั้ง

น้ำตาที่หลั่งรินทำให้ดวงตาของผมแสบบวมปวดร้าว ผมร้องเรียกคุณพ่อพลางเขย่าท่านหลายครั้ง แต่ดวงตาของท่านก็ยังคงปิดสนิท ไม่มีแม้แต่เสียงของลมหายใจ

มือทั้งสองข้างของผมชุ่มโชกไปด้วยของเหลวสีแดง หยาดเลือดยังคงรินไหลออกจากร่างของท่าน และต้นตอที่ทำให้ผมเสียบุคคลที่ผมรักไปอีกครั้งก็คือ มีดเล่มหนึ่งที่ยังคงฝังลึกอยู่ที่ด้านหลังของท่าน

ใครกัน ใครที่ทำเรื่องแบบนี้!

"เพราะตัวเธอเองนั่นแหละ" เสียงกระซิบที่ข้างหูทำเอาผมสะดุ้งสุดตัว พลางกระเสือกกระสนลุกขึ้นเพื่อจะหนีสุดชีวิต ผมออกวิ่ง วิ่งออกจากห้องทำงานของคุณพ่อ สองมือปิดหูที่ได้ยินเสียงหัวเราะอย่างสะใจดังออกมาจากห้องนั้น

ไม่! ทำไมถึงอยู่ที่นี่ เสียงนั่น! เสียงของอาจารย์นาธัส

ผมวิ่งอย่างร้อนรนมุ่งหน้าไปยังห้องนอนของคนอีกคนที่ผมเคารพรัก ผมต้องพาพวกเขาไป ต้องหนีไปจากที่นี่ ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป

ตึง!

"คุณแม่! คุณพ่อเขา..." เสียงบานประตูที่ถูกผลักออกยังคงส่งเสียงดังสะท้อน ผมได้แต่ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น ไม่อาจเปร่งถ้อยคำใดๆ ออกจากปากมากกว่านี้

ดวงตาโตเต็มล้นไปด้วยหยาดน้ำตา ผมสำลัก ลำสักหยาดน้ำตาและสะอื้นร่ำไห้อย่างอ่อนระโหย แขนขาอ่อนแรง แทบทรุดลงที่หน้าประตู

ร่างของผู้หญิงที่แสนใจดีแกว่งไกวไปตามสายลมแรง เชือกที่ผูกรั้งลำคอระหง ดวงตาของเธอเบิกค้างไว้ฉายแววตื่นตระหนกสุดชีวิตก่อนที่จะขาดสิ้นลมหายใจ

ทุกอย่าง...เป็นเพราะผม เพราะผมเข้ามาในชีวิตของพวกเขา ชีวิตที่แสนจะสงบสุข ผมเป็นคนทำลายทุกสิ่ง ผมมันใฝ่สูงเกินตัว ที่อยากจะมีชีวิต มีครอบครัว ได้รับความรักเหมือนคนอื่นเขา แต่สิ่งสุดท้ายที่ผมตอบแทน ตอบแทนความรักของพวกเขาก็คือ...ความตาย

ผมหมดสิ้นเรี่ยวแรง คุกเข่าลงต่อหน้าคนอีกคนที่ผมเคารพรัก หมดสิ้นแล้วทุกอย่าง ครอบครัวที่คอยเจือจุน บ้าน...ที่ผมสามารถกลับไป

กรี๊ดดดด!!

เสียงกรีดร้องที่แทรกผ่านลมฝนนั้น ทำให้ผมหลุดออกจากภวังค์แห่งความเศร้าโศกเสียใจ

เสียงนั่น ใช่แล้ว ผมในตอนนี้ยังไม่ได้สูญเสียทุกคนไป ผมยังคงมีน้องๆ ของผม และผมต้องปกป้องพวกเขาไว้ให้ได้

ไวกว่าความคิด ผมลุกขึ้นจากพื้นและออกวิ่งไปยังต้นตอของเสียงกรีดร้อง ผมสามารถทำทุกสิ่ง ทุกสิ่งทุกอย่างเพียงเพื่อช่วยให้เด็กๆ ทั้งสองปลอดภัย ขอให้ทันเถอะ ขอให้ผมช่วยพวกเขาไว้ได้

ผมวิ่งและผลักประตูทุกบานเพื่อหาน้องๆ ที่อาจจะหลบซ่อนตัวอยู่ แต่ไม่รู้ทำไม ทางเดินบนระเบียงในวันนี้มันดูเหมือนจะยาวไกลมากกว่าปกติ ผมวิ่งและวิ่งไปมาทั่วทั้งบริเวณ หอบหายใจและเหงื่อไหลโทรมกาย สิ่งต่างๆ รอบตัว ดูมืดมนสับสน ทางเดินที่เต็มไปด้วยรอยเลือด บานประตูที่ถูกมีดกรีดเป็นทางยาว ผ้าม่านที่ขาดรุ่ยร่วงหล่น ทุกสิ่งเปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือ ราวกับอยู่ในมิติที่อยู่ตรงข้ามกับความเป็นจริง

"พี่ไวท์ กรี๊ดดดด!!" เสียงกรีดร้องที่ดังขึ้นมาอีกครั้ง ทำให้ผมออกวิ่งสุดแรง และผลักบานประตูห้องนอนของเค้กออกไป

ผมเข้ามาในห้อง มองดูภาพอันน่าหวาดหวั่นที่ปรากฎขึ้นมาในสายตา ผมส่ายหัวไปมาแรงๆ และยื่นมือออกไป หวังจะห้ามคนที่อยู่ตรงหน้า ให้หยุดยั้งสิ่งที่กำลังจะทำ

"อย่า!! ผมขอร้อง ได้โปรด" ผมพูดด้วยน้ำเสียงกึ่งสะอื้น มองดูแววตาที่หวาดกลัวของน้องสาว เธอกำลังลอยคว้างอยู่ในอากาศข้างหน้าต่าง เตรียมพร้อมที่จะถูกโยนออกไปสู่พื้นดินด้านล่าง พลังอำนาจของซาตานร้ายตรงหน้า กำลังบีบคอเธอให้ดิ้นพล่าน หมุนวนอย่างไร้ทางสู้

ผมคุกเข่าลงอีกครั้ง ร้องไห้อ้อนวอนบุคคลที่ผมคุ้นเคยดี อาจารย์นาธัสที่ปกติจะชอบทำหน้านิ่งเฉย ตอนนี้กำลังยิ้มมุมปากเหมือนสิ่งต่างๆ ตรงหน้าทำให้เปรมปรีเหลือเกิน

"ไวท์เอ๋ย ไวท์ ได้เจอกันสักที" ผมเม้มปากแน่น มองดูปิศาจตรงหน้าที่กำลังเดินไปมาด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม

"คุณทำแบบนี้ทำไม" ผมพูดพลางปล่อยให้น้ำตาไหลลงอาบแก้ม ทั้งกลัว ทั้งเกลียด สับสนชิงชัง ผมอยากจะฆ่ามัน ฆ่ามันให้ทรมานเหมือนกับที่มันทำกับคุณพ่อคุณแม่

"สีหน้าดีมาก เริ่มคิดอยากฆ่าคนขึ้นมาแล้วใช่ไหม"

"ไม่ใช่คน!" ผมพูดและมองดูปิศาจตรงหน้า กัดฟันกำหมัดแน่น แต่สายตาที่เหลือบมองเห็นน้องสาวที่ยังคงลอยคว้างอยู่ก็ทำให้ผมเริ่มอ่อนแอลง ผมก้มหัวลงช้าๆ แนบหน้าผากลงกับพื้น

"ผมขอเถอะ! ถ้าคุณแค้นผม ก็ฆ่าผมเถอะ แค่ผมคนเดียว!" ผมพูดด้วยความสัตย์จริง ผมไม่กลัวเลยที่จะต้องตายแทนเด็กๆ พวกนี้ เด็กๆ ที่ไม่ได้มีความผิดอะไรเลย

"เธอนี่ ไม่เคยเปลี่ยนไปเลยนะ" ผมยังคงก้มหน้าลงกับพื้น เงียบฟังสิ่งที่ปิศาจตรงหน้ากำลังพูด

"เธอคิด ว่าที่ฉันมายืนอยู่ตรงนี้ เพราะฉันแค้นเธองั้นเหรอ"

"คุณยังต้องการอะไรอีก ผมไม่มีอะไรอีกแล้ว ไม่มีอีกแล้ว" ผมพูดและหวังอย่างยิ่งว่าคนตรงหน้าจะเข้าใจ ผมไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว ผมเป็นแค่เพียงเด็กหนุ่มธรรมดาๆ ที่อยากมีชีวิตปกติเหมือนคนอื่นเขา

แต่ผมที่คิดมาถึงตอนนี้ ก็เริ่มตระหนักถึงบางสิ่ง...

ซินทำให้ผมเป็นคนธรรมดา ใช่ ทำให้ผมมองไม่เห็นสิ่งต่างๆ ที่น่ากลัว

แต่ว่า...แล้วทำไมกัน ตรงหน้าผมคืออาจารย์นาธัส ซาตานที่แสนชั่วร้าย จอมหลอกลวง...

"คิดออกแล้วหรือยัง" ผมค่อยๆ เงยหน้าขึ้นช้าๆ จ้องมองคนที่อยู่ยืนอยู่ตรงหน้า

"เหตุผล ว่าทำไม ฉันถึงได้มายืนอยู่ตรงนี้ ตรงหน้าเธอ" คำพูดของอาจารย์นาธัสนั้น ทำให้ผมส่ายหัวน้อยๆ ผมไม่เข้าใจ หมายความว่ายังไง ทำไมผมถึงมองเห็นปิศาจร้ายนี่ได้

แต่ความคิดและความสงสัยของผม ทำให้อาจารย์ยกยิ้มมุมปากมากขึ้นอีกนิด

"เพราะหมอนั่น ทอดทิ้งเธอแล้ว" อาจารย์นาธัสก้มตัวลงน้อยๆ ยิ้มอย่างพอใจกับใบหน้าสับสนของผม

ไม่จริง ซินปกป้องผม ปกป้องผมเสมอมา...

"คุณโกหก" ผมพูดและเหลือบสายตาที่แน่วแน่จ้องมองปิศาจร้ายตรงหน้า ไม่ว่าคุณจะพูดอะไร มันก็ไม่มีผลอะไรอีกแล้ว ผมเชื่อซิน แม้จะต้องตาย ผมก็ยังเชื่อใจเขา ผมเคยผิดพลาดมาครั้งหนึ่งแล้ว และผมจะไม่พลาดอีกต่อไป

"งั้นเหรอ งั้นมาลองดูกันไหม ลองดูว่ามันจะปกป้อง มนุษย์ที่มันแสนรักได้ไหม"

"กรี๊ดดดดด!! พี่ไวท์!!"

สิ้นสุดคำพูดนั้น ร่างบางของเด็กสาวที่ลอยออกไปด้านนอกหน้าต่างก็ถูกปล่อยให้ร่วงหล่นลง ผมดีดตัว ก้าวขาลุกขึ้นอย่างสุดแรง เพียงหวังว่าสักนิด แค่เพียงสักนิด ผมอาจจะยังสามารถคว้ามือของเธอไว้ได้

ราวกับโลกค่อยๆ หมุนวนช้าลง ผมทันได้เห็นสีหน้าที่หวาดกลัวของเธอเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่ร่างของเธอนั้น จะกระแทกลงกับพื้น ดวงตาเปิดค้าง และเลือดที่สาดกระเด็นไปทั่ว

ม่ายยยยยยยย!!!



"ไวท์! ไวท์ลูก เป็นอะไรไป!" ผมลืมตาตื่นขึ้นด้วยตัวที่สั่นเทา ลำตัวของผมถูกคุณพ่อล็อกกอดเอาไว้ และคุณแม่ที่ยืนอยู่ข้างๆ ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้

"พี่ฮะ" ผมตัวสั่นเทา ดิ้นหนีจากอ้อมแขนนั้น ส่ายสายตามองน้องชายที่กำลังร้องไห้ตกใจ และน้องสาวที่มีสภาพไม่ต่างกัน

"ไม่เป็นไรลูก ไม่เป็นไรนะ แค่ฝันร้ายเท่านั้น" ร่างกายของผมแข็งเกร็ง น้ำตาเอ่อล้นอยู่ในดวงตานั้น

มันไม่ใช่...ความฝัน

ทุกสิ่ง...กำลังจะเกิดขึ้น

ผมรู้ว่ามันจะเกิดขึ้น และทุกคนที่ผมรัก...จะต้องตาย

"ผ.ผมขอ.โทษ" ผมพูดด้วยเสียงสั่นเทาพลางหมุนตัววิ่งห่างออกจากครอบครัวของผม วิ่งออกจากห้องทั้งๆ ที่ไม่ได้ใส่รองเท้า วิ่งออกจากบ้าน วิ่งหนีห่างจากผู้คนที่ผมรัก เพียงเพื่อหวังจะปกป้อง ปกป้อง ให้พวกเขา ได้มีลมหายใจต่อไป

ให้พวกเขา...ทิ้งผมไป
หัวข้อ: Re: In The Shadows' เงาหลอน ซ่อนรัก '[YAOI][#36 คำลวงของซาตาน](23/02/62)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 23-02-2019 15:40:31
กลับมาแล้ว หายไปนานเลยนิ  :hao3:
หัวข้อ: Re: In The Shadows' เงาหลอน ซ่อนรัก '[YAOI][#36 คำลวงของซาตาน](23/02/62)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 23-02-2019 17:14:09
 :pig4: :pig4: :pig4:

welcome back

กลับมาพร้อมกับปมปริศนาอีกแล้ว

ปมเก่า ๆ ก็ยังไม่เข้าใจเลย  มีปมใหม่มาอีกแล้ว

สรุปว่า...นี่คือฝัน  แล้วฝันนี้จะเป็นจริงดังที่ไวท์เข้าใจไปเองหรือไม่?

หัวข้อ: Re: In The Shadows' เงาหลอน ซ่อนรัก '[YAOI][#36 คำลวงของซาตาน](23/02/62)
เริ่มหัวข้อโดย: Gloomy Sunday ที่ 07-05-2019 10:51:40
Shadows ที่ 37 คำขอครั้งสุดท้าย


ผมวิ่งออกห่างจากผู้คนที่ผมรัก ด้วยหัวใจที่แสนเจ็บปวด จุดหมายปลายทางข้างหน้านั้นช่างว่างเปล่าและมืดมนสับสน ผมไม่มีที่ไหนให้ไปอีกแล้ว ไม่มีอีกแล้ว

ถึงแม้จะเป็นช่วงเวลาเช่าตรู่ แต่ท้องฟ้าในยามนี้กลับดูมืดมนเหมือนดั่งภายในหัวใจของผม สองเท้าเปลือยเปล่าเริ่มเจ็บแปลบ ดวงตาที่เอ่อพร่าไปด้วยหยาดน้ำตา สายลมเย็นปะทะที่ใบหน้า หยาดฝนเริ่มโรยรินลงมา ทำให้ร่างทั้งร่างเริ่มเปียกปอน

เสียงผู้คนรอบด้านไม่ได้ทำให้ผมหยุดฝีเท้าลง หูที่อื้ออึงไม่สามารถรับรู้ถึงสิ่งที่พวกเขาจะสื่อได้ ในหัวใจของผมในตอนนี้ ต้องการเพียงจากไปให้ไกล ไกลที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

ปรี๊นนนน!!

ไฟหน้าที่ส่องแสงกระทบกับหยาดฝนฉ่ำ ผมเพียงแค่มองเห็นมันชั่วพริบตาเท่านั้น ก่อนที่ทุกอย่าง จะมืดดับลง

ในความเวิ้งว้างอันดูว่างเปล่า บนยอดตึกสูงที่ท้องฟ้ามีแต่เมฆที่ดูมืดดำ แสงวาบจากสายฟ้าที่พาดผ่านก้อนเมฆนั้น ทำให้หัวใจของผมกระตุกวูบ ที่นี่คือที่ไหนกันนะ มันดูเปลี่ยวเหงาอ้างว้าง

"ไวท์" ในอกของผมกระตุกวูบราวกับถูกสายฟ้าฟาด ผมรีบหันหลัง ดวงตาจ้องมองคนที่เอ่ยเรียกผม น้ำตาเริ่มเอ่อรินไหล

"ซิน" ผมเปร่งเสียงร้องเรียกคนที่คิดถึงสุดหัวใจ บนใบหน้าที่เคยมีแต่ความเจ้าเล่ห์เย็นชา บัดนี้ มีเพียงรอยยิ้มจางๆ เหมือนดั่งคนที่เหนื่อยล้า อ่อนแรงราวกับจะสลายหายไป

"ซิน!" ผมเร่งฝีเท้า โผไปข้างหน้า สัมผัสความอบอุ่น กลิ่นอายที่ผมไม่มีวันลืม

"ผมดีใจเหลือเกิน" ผมพูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นไหว เปร่งออกมาจากหัวใจที่แสนเจ็บปวด ไม่มีสิ่งไหนที่ผมปรารถนาไปมากกว่านี้อีกแล้ว ต่อให้ผมต้องตาย ถ้าได้อยู่ตรงนี้ ในอ้อมกอดนี้ มันก็ถือว่าคุ้มค่าที่สุดแล้ว

"ซินหายไปไหน ผมคิดถึงซิน" ผมละล่ำละลักน้ำตาริน

"ขอโทษ ที่ยังคงทำให้เจ็บปวด" เสียงนั้นทำให้ผมเงยหน้าขึ้น จ้องมองดวงหน้าที่ผมเฝ้าแต่หลับตาฝันถึงทุกคืน

"ไม่" ผมส่ายหน้าไปมา ดวงตาที่แสนเศร้าของซิน ทำให้ผมเจ็บปวดเหลือเกิน

"โลกที่ไม่มีซินอยู่ต่างหาก ที่ทำให้ผมเจ็บปวด"

ก่อนหน้านี้ ผมยอมแลกทุกสิ่ง ทุกสิ่งทุกอย่างเพียงเพื่อจบความหวาดกลัว พร้อมที่จะตาย เพื่อละทิ้งชีวิตที่คิดว่าไม่เหลืออะไรอีกแล้ว

แต่มาถึงตอนนี้ ผมก็เพิ่งได้รู้ว่า นับจากวันที่ผมต้องเสียซินไป ผมมันอ่อนแอ เห็นแก่ตัว นี่คือความผิดพลาด เป็นความสิ้นหวังและปวดร้าวที่สุดในชีวิตของผม

ผมจ้องมองรอยยิ้มที่ผุดขึ้นบนริมฝีปากนั้น ซินละสายตาจากผม มองออกไปยังท้องฟ้าเบื้องบน หยาดฝนเย็นฉ่ำเริ่มโปรยปรายลงมา

"อีกไม่นาน ความสุขที่แท้จริง จะมาถึง" ผมไม่เข้าใจ ซินพูดพึมพำกับท้องฟ้า เหมือนกำลังอ้อนวอนอธิษฐาน ซินพูดถึงอะไรกัน ผมจะเป็นแบบนั้นได้ยังไง

"พระบิดา ได้โปรด ฟังคำขอสุดท้ายนี้ของข้า..." เสียงกระซิบจากคนที่รัก เริ่มแผ่วเบา และผมไม่อาจเข้าใจความหมายนั้นได้ ท้องฟ้าเบื้องบนแปรปรวนราวกับกำลังบ้าคลั่ง สายฝนที่สาดเทลงมา ทำให้ดวงตาของผมเริ่มฝ้ามัว

"ซิน" ผมเอื้อมมือไขว่คว้าคนตรงหน้า ความรู้สึกบางอย่างกำลังบอกผมว่า ผมกำลังจะเสียซินไปอีกครั้ง ความสุขอะไรนั่น มันเป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้ถ้าไม่มีซินอยู่!

"ซ.ซิน" ผมลำล่ำละลัก กอดคนตรงหน้าไว้แน่น

"ผมรักซิน" ผมพูดทั้งน้ำตา เหมือนกับว่า ผมจะไม่มีโอกาสได้พูดอีกแล้ว

"รัก ที่มากกว่า..." เสียงของซินดังกังวาน พร้อมๆ กับความอ่อนโยนที่ประทับลงบนริมฝีปากของผม เป็นความรู้สึกที่ผมจะจดจำไว้ตลอดกาล



"ไวท์! ไวท์ลูก!!"

ผมลืมตาขึ้นอีกครั้งด้วยหัวใจที่เหมือนถูกกระชากออกจากอก ดวงตาของผมเบิกโพรง มองดูผู้คนที่รายล้อม และผมในตอนนี้ อยู่ในอ้อมกอดของคนคนหนึ่ง อ้อมกอดที่ผมไม่คุ้นเคย

"ไวท์ ลูกไม่เป็นไรแล้วนะ" ผมมึนงง หันมองไปรอบๆ อย่างลูกแมวที่ตื่นกลัว

"คุณเป็นใคร" คำพูดแรกที่ผมเปร่งออกมาทำเอาทุกๆ คนที่ได้ยิน หน้าซีดเผือดอย่างตื่นตกใจ

"ไวท์ลูก จำพ่อแม่ไม่ได้เหรอ" ผมมองดูชายวัยกลางคนที่กำมือผมไว้แน่น และมองดูเด็กๆ ทั้งสองและคุณแม่

"เปล่าครับ ผมจำได้" ผมขมวดคิ้วและมองเครปกับเค้ก น้องๆ ของผมทั้งสองที่ดวงตาแดงก่ำ และคุณแม่ที่ถอนหายใจอย่างโล่งอก

"ที่ผมสงสัยก็คือ คุณ..." ผมมองผู้ชายที่นั่งอยู่ใกล้ชิดผมมากที่สุด คนที่เมื่อกี้ กอดผมเอาไว้

"เราน่ะเป็นคนดึงฉันไปกอดนะ" ผมที่ได้ยินแบบนั้นก็นึกออกทันที ผมกอดคนคนนี้ไว้ คงเพราะคิดว่าเป็นซิน...

ผมมองพิจารณาคนตรงหน้าอีกครั้ง เขาเป็นผู้ชายใส่สูท ใบหน้าของเขา ผมรู้สึกเหมือนเคยพบเห็นมาก่อน

"คุณ ที่ผมเจอที่ร้านกาแฟ..."

"ฟังแบบนี้ผมก็เบาใจแล้วครับอาจารย์ ต้องกราบขอโทษจริงๆ ผมจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทุกอย่างเอง"

"ขอบใจมาก แต่ไม่ต้องหรอก เห็นไวท์ไม่เป็นอะไรมากก็ดีที่สุดแล้ว" คุณพ่อพูดกับผู้ชายคนนั้น

"นี่คุณตะวัน เป็นศิษย์เก่าของพ่อเอง เป็นคนพาไวท์มาส่งที่โรงพยาบาล"

"ขอโทษด้วยนะครับ" ผมพูดและก้มหัวขอโทษจากใจจริง เพราะความจริงเป็นความผิดผมเอง ที่วิ่งออกไปแบบนั้น

"ไม่เป็นไร แล้วทำไมถึงได้พรวดพราดออกมาแบบนั้น กำลังจะรีบไปไหนเหรอ" คำถามนี้ทำให้ผมนึกถึงความฝันที่แสนน่ากลัว ความจริงแล้วผมไม่ควรอยู่ที่นี่เลย ถ้าคุณพ่อคุณแม่เป็นอะไรขึ้นมา มันก็คือความผิดของผม จะทำยังไงดีนะ ผมจะหนีไปอีกดีไหม

"เอาล่ะ อย่าเพิ่งถามอะไรมากนักเลย ให้ไวท์พักผ่อนเถอะ เขาต้องนอนพักให้มากๆ" ผมยิ้มน้อยๆ ขอบคุณคุณพ่อ ท่านช่างใจดีเหลือเกินที่ไม่คาดคั้นขอคำตอบ แต่แบบนี้ผมจะหนีไปจากท่านอีกได้ยังไง ถึงผมจะไม่อยากให้ทุกคนเป็นอันตราย แต่ก็ไม่อยากให้พวกเขาเสียใจเช่นกัน

"พี่ชายฮะ เจ็บไหมฮะ"  เครปจับมือผม จ้องมองผมด้วยดวงตากลมใสที่เอ่อล้นไปด้วยน้ำตา

"พี่ไวท์ อย่าหนีพวกเราไปไหนอีกนะคะ"

"ขอโทษที่ทำให้เป็นห่วงนะ" ผมลูบหัวน้องๆ ทั้งสอง ผมหวังเหลือเกินว่าจะไม่มีเรื่องร้ายๆ เกิดขึ้นกับพวกเขา



ในเช้าวันต่อมา ผมยังคงนอนอยู่ที่โรงพยาบาลเพื่อดูอาการ ผมถูกรถชน แต่บาดแผลก็มีเพียงรอยถลอกฟกช้ำเท่านั้น ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงมาก ซึ่งพรุ่งนี้ ผมก็น่าจะออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว

"ไวท์!" เสียงเรียกของคนคนหนึ่งที่เพิ่งเข้ามา ทำให้ผมต้องผุดรอยยิ้มเล็กๆ เธอเป็นเพื่อนของผมเอง เพื่อนสนิทเพียงหนึ่งเดียว

"เป็นอะไรมากหรือเปล่า!" สีหน้าที่ดูวิตกกังวลของฟ่าง ทำให้ผมรู้สึกอบอุ่นจริงๆ

"ผมไม่เป็นไรฟ่าง ใจเย็นๆ"

"แฟนน่ารักดีนะ" เสียงที่ดังแทรกขึ้น ทำให้ฟ่างสะดุ้งตกใจและหันไปมองบุคคลที่กำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่มุมห้อง ตอนนี้คุณพ่อออกไปทำงาน คุณแม่ก็กลับไปจัดเตรียมเสื้อผ้าให้ผม น้องๆ ก็ไปเรียน ผมก็เลยมีแค่คนคนนั้น คนที่ขับรถชนผมอยู่เป็นเพื่อน

"ใครอ่ะไวท์" ฟ่างย่นคิ้วและมองชายหนุ่มคนนั้นอย่างงงๆ

"คนรู้จักของคุณพ่อน่ะ"

"หวัดดีค่ะ ชื่อฟ่าง เป็นเพื่อนไวท์ค่ะ" ฟ่างพูดแนะนำตัว แต่ก็ยังคงทำหน้างงอยู่

"ฉันขับรถชนแฟนเธอน่ะสาวน้อย" เหมือนกับรู้ว่าฟ่างกำลังสงสัย ผู้ชายคนนั้นก็พูดโพล่งออกมาทันที

"อ๋อ ที่แท้คุณนั่นเองที่ทำให้เพื่อนหนูต้องเจ็บตัว!" สีหน้าของฟ่างเปลี่ยนไป และทำท่าจะเดินสาวเท้าเข้าไปหาคนคนนั้น ซึ่งดีว่าผมคว้ามือเธอไว้ได้ทัน

"ฟ่างเดี๋ยว นี่ความผิดผมเอง ผมเดินไม่ระวังเอง อย่าโทษพี่เขาเลย" ผมรีบอธิบายทันทีให้เพื่อนเข้าใจ

"ชิ ก็ได้ แต่ไวท์นะไวท์ นอนโรงพยาบาลถี่ไปแล้วนะ" ฟ่างเปลี่ยนเป้าหมายมาดึงแก้มผมแทนแล้ว

"ขอโทษนะที่ทำให้เป็นห่วงอีกแล้ว"

"แล้วคราวนี้มีอะไรอีกหรือเปล่า ทำไมถึงเดินให้รถชนได้" ฟ่างนั่งลงที่ข้างๆ และถามผมด้วยสีหน้าเป็นห่วงจริงๆ

"ผม..." สิ่งที่ฟ่างพูดนั้นทำให้ผมใช้ความคิด ผมจะบอกฟ่างดีไหมนะ จะทำให้ฟ่างต้องเดือดร้อนไปด้วยหรือเปล่า

"แต่ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว ฟ่างมีขนมมาด้วย กินกันเหอะ" ผมพยักหน้าตอบรับ และมองดูเพื่อนที่กำลังแกะกล่องที่ใส่ขนมมา

"ไวท์นะไวท์ พอได้ยินข่าวฟ่างนี่ใจหายเลย" ฟ่างยังคงบ่นเบาๆ พลางเริ่มกินเค้กที่น่าอร่อย ผมรู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย เมื่อมีฟ่างอยู่ใกล้ๆ

"กินสิ" ฟ่างพูดต่อพลางตักหลายคำเข้าปาก นั่นทำให้ผมยิ้มทันที แต่เมื่อมองฟ่างดีๆ แล้ว ผมก็คิดว่า มีอะไรแปลกๆ ไปนะ บนใบหน้าของเธอ

"ฟ่างไม่ค่อยสบายหรือเปล่า" ผมพูดถามเพื่อนที่กำลังดูดนิ้วที่เปื้อนเค้ก

"อะไรเหรอ" ฟ่างเลิกคิ้วถาม

"ขอบตาฟ่างดูคล้ำๆ เหมือนคนอดนอนน่ะ"

"ต.ตายแล้ว จริงเหรอ!" พอผมบอกแบบนั้น ฟ่างก็หากระจกและส่องดูทันที

"เหมือนหมีแพนด้า" คำพูดนั้นทำให้ฟ่างชะงักจากกระจกและหันควับมาที่ผมทันที

"เดี๋ยวเถอะ!" ฟ่างดุผมและทำหน้างอนๆ ทำเอาผมงงไปเลย ผมรีบส่ายหน้าไปมา ผมน่ะไม่ได้พูดอะไรเลยนะ ผมยกมือขึ้นและชี้ช้าๆ ไปยังคงที่ทำท่าอ่านหนังสืออยู่

"เอาล่ะ ไม่อยู่เป็นก้างดีกว่า" และเหมือนจะรู้สึกถึงรังสีอาฆาต ผู้ชายคนนั้นรีบลุกขึ้น ส่งยิ้มกวนๆ และเดินออกไปจากห้องอย่างรวดเร็ว

"ตาลุงนั่น หน้าตาดีซะเปล่า ปากเสียชะมัด" ฟ่างดูฟึดฟัดแต่ก็นั่งลงจิ้มเค้กเข้าปากอย่างรวดเร็ว

"ผมว่าเขาอายุไม่มากเท่าไหร่หรอก เรียกลุงก็เกินไป" ผมยิ้มให้ฟ่างและตักขนมเข้าปากบ้าง

"เหอะ ไม่สนหรอก แต่ว่าหน้าคุ้นๆ นะ เหมือนเคยเจอที่ไหน" ฟ่างพูดและทำท่านึกอยู่ในใจ

"ที่ร้านพี่เบลล์ไง" พอผมพูดแบบนั้น ฟ่างก็ทำหน้านึกอยู่สักพักเลยทีเดียว

"อ๋อ คนนั้นเองที่ปิ๊งไวท์"

"บ้าน่ะฟ่าง ไม่ใช่แล้ว เขาแค่รับผิดชอบที่ชนผม และผมก็ไม่ได้ชอบเขานะ" ผมพูดอย่างงอนๆ ที่ฟ่างแซวผมไม่เข้าเรื่อง

"อื้อ เข้าใจแล้ว หัวใจของไวท์...ยังไงก็เป็นซินสินะ" คำพูดของฟ่างทำให้ผมหุบยิ้มลง

"ขอโทษนะไวท์" ฟ่างเหมือนจะเพิ่งรู้ตัวว่าพูดอะไรออกมา เธอรีบกุมมือผมเอาไว้อย่างปลอบโยน

"เมื่อวาน...ผมฝันถึงซินด้วยนะ" ผมพูดและยิ้มให้เพื่อน เพื่อบอกว่าผมไม่เป็นไร

"ผมได้เจอเขาอีกครั้ง นานเหลือเกินที่พวกเราไม่ได้เจอกัน" ผมพูดต่อไป ผมตัดสินใจจะระบายมันออกมา

"แล้วซิน บอกอะไรไวท์บ้างไหม" คำพูดของฟ่างทำให้ผมนึกย้อนไป

"ซินบอกผมว่า ผมจะได้พบความสุขที่แท้จริง" เมื่อพูดมาถึงตรงนี้ หยาดน้ำตาของผมก็เริ่มไหลออกมา "แต่ว่า เรื่องนั้นน่ะมันไม่จริงหรอก" ผมพูดต่อและจ้องมองนัยน์ตาของเพื่อน

"โลกที่ไม่มีซินอีกแล้ว ผมจะมีวันที่มีความสุขได้ยังไง"

ผมพูดออกไปด้วยหัวใจที่แสนปวดร้าว ไม่สามารถนึกถึงความสุข ในโลกที่ไม่มีซินอยู่ข้างๆ อีกแล้ว

หัวข้อ: Re: In The Shadows' เงาหลอน ซ่อนรัก '[YAOI][#37 อยู่ด้วยกันเสมอ](7/5/62)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 07-05-2019 22:25:25
 :pig4: :pig4: :pig4:

จนถึงตอนนี้  ข้าพเจ้าก็ยังวิเคราะห์ไม่ถูกว่าซินคือใครอ่ะ  แย่จัง
หัวข้อ: Re: In The Shadows' เงาหลอน ซ่อนรัก '[YAOI][#37 อยู่ด้วยกันเสมอ](7/5/62)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 07-05-2019 22:59:07
คงได้เจอกับซินตอนฝันเท่านั้น หรือป่าวนะ  :hao4:
หัวข้อ: Re: In The Shadows' เงาหลอน ซ่อนรัก '[YAOI][#37 อยู่ด้วยกันเสมอ](7/5/62)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 08-05-2019 07:11:54
เย้ๆ .... มาต่อแล้ว   :katai2-1:
ตะวัน ยังไงๆ   :really2:
หัวข้อ: Re: In The Shadows' เงาหลอน ซ่อนรัก '[YAOI][#37 อยู่ด้วยกันเสมอ](7/5/62)
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 08-05-2019 17:21:38
 :hao7:


 :L2: :pig4: :pig4: :pig4: :L2:

 o13
หัวข้อ: Re: In The Shadows' เงาหลอน ซ่อนรัก '[YAOI][#37 อยู่ด้วยกันเสมอ](7/5/62)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 05-08-2019 01:39:22
 :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: In The Shadows' เงาหลอน ซ่อนรัก '[YAOI][#37 อยู่ด้วยกันเสมอ](7/5/62)
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 12-08-2019 08:26:32
ขอให้ไวท์มีความสุขกับครอบครัว อย่างแท้จริง เพี้ยงๆ
หัวข้อ: Re: In The Shadows' เงาหลอน ซ่อนรัก '[YAOI][#37 อยู่ด้วยกันเสมอ](7/5/62)
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 12-08-2019 14:46:11
รออ่านตอนต่อไปนะค่ะ
หัวข้อ: Re: In The Shadows' เงาหลอน ซ่อนรัก '[YAOI][#37 อยู่ด้วยกันเสมอ](7/5/62)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 26-08-2019 22:20:03
 :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: In The Shadows' เงาหลอน ซ่อนรัก '[YAOI][#37 อยู่ด้วยกันเสมอ](7/5/62)
เริ่มหัวข้อโดย: Gloomy Sunday ที่ 07-09-2019 10:36:57
Shadows ที่ 38 หัวใจที่อ้างว้าง


จากที่คิดว่าจะได้กลับในตอนเช้า ตอนนี้เวลาก็เลยผ่านมาได้สามวันแล้ว ผมพยายามบอกทุกคนว่าผมไม่ได้เป็นอะไร และอยากจะกลับบ้าน แต่ทุกคนก็ดูจะเป็นห่วงผมมากเกินไป และยืนยันให้ผมพักผ่อนอยู่ที่นี่ให้นานเท่าที่จะเป็นไปได้

 ผมยังคงคิดถึงฝันร้ายในคืนนั้น และไม่อาจคิดได้เลยว่าผมจะต้องทำยังไงต่อไป ผมไม่มีที่พึ่งที่จะให้คำปรึกษาในเรื่องแบบนี้ได้เลย จะบอกฟ่าง ผมก็กลัวว่าฟ่างจะเดือดร้อนไปด้วย

 "เราน่ะ เหม่อแบบนี้ทุกวัน แล้วจะพูดว่าปกติได้เหรอ" เสียงที่พูดขึ้นทำให้ผมหลุดจากความวิตกกังวล ผมมองพี่ตะวันที่นั่งลงที่ข้างหน้าต่าง แกะอมยิ้มในมือด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

 "พี่ไม่ต้องมาเฝ้าผมทุกวันก็ได้นะครับ ผมไม่ได้เป็นอะไรจริงๆ" ผมค่อนข้างที่จะชินกับคนตรงหน้าแล้ว ไม่ว่ายังไงก็ห้ามไม่ให้พี่เขามาเยี่ยมผมไม่ได้

 "รู้ไหมว่า ฉันน่ะอ่านใจคนเก่งมากเลยนะ"

 "เหรอครับ" ผมส่งยิ้มจางๆ

 "ไม่อยากให้ฉันเดาเหรอ" ผมส่ายหัวไปมา ผมไม่อยากให้พี่เขาคิดว่าผมเป็นบ้าไปมากกว่านี้ต่างหาก

 "มีคนกำลังจ้องทำร้ายไวท์ใช่ไหม" ผมที่มองเอื่อยๆ ไปที่หน้าต่างก็หันกลับไปมองคนพูดทันที ถ้าจะซ่อนอะไรไป ตอนนี้ก็คงไม่ทันแล้ว เพราะว่าสีหน้าของผมมันบ่งบอกว่าเป็นแบบนั้น

 "ฉันช่วยได้นะ ถ้าต้องการ" ผมส่ายหน้าอีกครั้ง

 "มัน ไม่ใช่อะไรที่เข้าใจง่ายแบบนั้นหรอกครับ" ผมก้มหน้าลงด้วยความหม่นหมอง เวลาที่เดินไปทุกๆ วินาทีทำให้ผมรู้สึกหวาดหวั่น ท้อแท้และสิ้นหวัง

 "งั้นเหรอ"

ผมคิดว่าพี่ตะวันจะถามอะไรผมมากกว่านี้ แต่ว่าความจริงกลับไม่ใช่ พี่เขาเพียงแค่มองผมและนั่งลงอยู่ที่เดิมของเขา แต่ไม่รู้ทำไม แค่นี้ผมก็รู้สึกอุ่นใจแล้ว

 "ดูสิ ฝนตกแล้วนะ" ผมมองคนในชุดสูทที่ยื่นแขนออกไปรับน้ำฝนเย็นฉ่ำโดยที่ไม่ห่วงว่าแขนเสื้อของตัวเองจะเปียกเลยสักนิด ผมเริ่มรู้สึกดีขึ้นและมองคนที่โตแต่ตัวเล่นน้ำฝนต่อไป



 ในรุ่งเช้าของวันถัดไป ผมตื่นนอนด้วยเสียงเจื้อยแจ้วของน้องๆ ที่มารับผมออกจากโรงพยาบาล ผมส่งยิ้มให้ครอบครัว ในที่สุดผมก็ได้รับอนุญาตให้กลับบ้านแล้ว ผมพยายามทำตัวให้ดูสดใสแข็งแรงมากที่สุด แต่หัวใจลึกๆ ก็ยังคงกลัว ผมกลัวที่จะต้องสูญเสียพวกเขาไป

 "กลับบ้านเราเถอะนะ" ผมมองคุณพ่อกับคุณแม่ที่ยื่นมือมาแตะผมเบาๆ ผมพยักหน้าและส่งยิ้มให้พวกท่าน จะมีอะไรที่จะดีไปกว่าการได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากัน

 "แหม ดีนะที่ผมมาทัน" ผมละสายตาจากคุณพ่อและคุณแม่ มองไปยังผู้ที่เดินเข้ามาใหม่ ซึ่งไม่มีใคร นอกจากพี่ตะวันที่มาแทบจะทุกวัน

 "อ้าว มาก็ดีแล้ว วันนี้มีงานเลี้ยงต้อนรับไวท์ออกจากโรงพยาบาล มา ไปกินด้วยกัน" คุณพ่อชวนพี่ตะวันด้วยรอยยิ้ม แต่เดี๋ยวนะงานเลี้ยงงั้นเหรอ

 "ไม่ต้องจัดอะไรแบบนั้นหรอกครับ" ผมรู้สึกอึ้งน้อยๆ มันไม่ได้จำเป็นอะไรเลย ผมเกรงใจมาก

 "งานเลี้ยงงงง น้อนเครปอยากกิงไก่ทอดเย้อๆ" ผมมองเจ้าตัวน้อยที่ดูตื่นเต้นเกินเหตุ แบบนี้จะห้ามก็คงไม่ได้ผลแล้วล่ะ

 และเมื่อพวกเรามาถึงด้านหน้าโรงพยาบาล พี่ตะวันก็ต้อนผมให้ขึ้นรถเขาซะอย่างนั้น ซึ่งคุณพ่อก็ไม่ได้ว่าอะไร เพราะยังไงก็ไปยังจุดหมายปลายทางเดียวกัน

 เมื่อพวกเราขึ้นรถเรียบร้อย ก็เดินทางขับตามกันไป ซึ่งผมรู้สึกดีใจที่เด็กๆ ร้องงอแงจะตามผมมาที่รถคันนี้ ทำให้ตอนนี้ผมนั่งอยู่ที่เบาะหน้า โดยมีเด็กๆ ร้องเพลงอยู่ที่เบาะหลัง ทำให้บรรยากาศครื้นเครงเลยทีเดียว

 "พี่ไวท์ ห้ามป่วยอีกนะคะ เค้กเหงาจะตาย" น้องสาวของผมชะโงกหน้ามาบ่นด้วยรอยยิ้ม เข้าคู่กับเจ้าเครปตัวแสบ

 "ช่ายๆ น้อนเครปเหงา น้อนอยากฟังนิทานก่อนนอน" เจ้าเด็กน้อยยื่นแก้มป่องๆ ลอดผ่านที่นั่งมา ทำเอาผมต้องบีบแก้มยุ้ยๆ นั้น

 "ขอโทษครับ เดี๋ยวคืนนี้พี่เล่าให้ฟังนะ" ผมพูดและหันไปจับน้องให้นั่งดีๆ ถ้ารถเบรกกะทันหันอาจจะ...

 เอี๊ยดดด!

 และเมื่อคิดแบบนั้น เหตุการณ์ที่คาดคิดก็เกิดขึ้นทันที แรงกระชากจากเบรกที่ถูกเหยียบลงกะทันหันทำให้ตัวผมถูกเหวี่ยงเล็กน้อยและกระแทกเข้ากับเบาะพนักที่ผมพิงอยู่ ผมนั้นไม่เป็นไรเพราะคาดเข็มขัดนิรภัย แต่ก็รีบหันไปมองเด็กๆ ที่ล้มกลิ้งไม่เป็นท่าอยู่ที่เบาะหลัง

 "เป็นอะไรไหม ไม่เป็นไรนะ!" ผมรีบจับน้องๆ ให้กลับมานั่งปกติ แต่ใบหน้าของผมก็ถูกอีกคนจับไว้และถามด้วยคำถามเดียวกัน

 ผมชะงักเล็กน้อยที่เห็นใบหน้าพี่ตะวันเข้ามาใกล้ สีหน้าดูเป็นห่วงและไม่สบายใจ แต่ทำเอาผมรู้สึกแปลกๆ ยังไงก็ไม่รู้

 "เอ่อ ผมไม่เป็นไรครับ" ผมจับมือของคนข้างๆ ออกจากใบหน้าและกลับมานั่งปกติตามเดิม

 "แบบนี้อีกแล้ว" ผมมองพี่ตะวันที่ถอนหายใจยาวเหยียดและลงจากรถไป และสักครู่หนึ่งก็ขึ้นมาใหม่

"มีอะไรไม่รู้ตัดหน้าน่ะ ช่วงนี้เจอแต่แบบนี้ประสาทจะกิน" ผมที่ได้ฟังคำบ่นก็รู้สึกผิดขึ้นมา เพราะผมก็เป็นหนึ่งในสิ่งที่ตัดหน้าพี่เขา

 "ขอโทษครับ" และคำพูดผมก็ทำเอาพี่ตะวันเปลี่ยนสีหน้า พี่เขาหันมาทำคิ้วขมวดใส่ผม และสักพักก็หัวเราะใส่

 "ยกเว้นเราไว้คนนึง" พี่ตะวันพูดและยังคงหัวเราะชอบใจ แต่ผมไม่เข้าใจความหมายของพี่เขาเลย

 "ฝนฝน น้อนเครปชอบฝน" รถได้เคลื่อนต่อไปช้าๆ พร้อมๆ กับหยาดฝนที่เย็นชุ่มฉ่ำตกกระทบ

 ผมเอื้อมมือออกไปยังกระจกที่เริ่มขุ่นฝ้ามัว ไอละอองความเย็น บรรยากาศที่ราวกับเงียบสงัดลง ทุกๆ สิ่งทำให้ผมนึกถึงช่วงเวลาเก่าๆ ช่วงเวลาที่ผมจดจำไม่มีวันลืม

 ผมค่อยๆ หันหน้าไปช้าๆ จ้องมองคนที่กำลังขับรถอยู่ตอนนี้ ภาพจากในอดีต ภาพจากหัวใจที่ไม่เคยลืมกำลังสะท้อนภาพชายหนุ่มในชุดดำที่มีแววตาที่แสนเย็นชา แต่ไม่ว่าเมื่อไหร่ ผมก็หลงรักแววตาคู่นั้น รอยยิ้มจากริมฝีปากนั้น...

 "ไวท์" ผมสะดุ้งตัวน้อยๆ เมื่อถูกปลุกให้หลุดจากภวังค์ ใบหน้าที่ผมแสนคิดถึง แปรเปลี่ยนไปเป็นใบหน้าของพี่ตะวันที่เข้ามาใกล้

 "ขอโทษนะที่หล่อเกินไป" ผมถอนหายใจเล็กน้อยและเหลือบมองเด็กๆ ที่กำลังหัวเราะคิกคักกับคำพูดของผู้ใหญ่หลงตัวเอง ผมเพิ่งรู้ตัวว่าตอนนี้พวกเรามาถึงที่บ้านแล้ว ช่วงเวลาที่ผมคิดถึงซิน มันช่างยาวนาน นานจนเหมือนชั่วนิรันดร์

 งานเลี้ยงเล็กๆ และเรียบง่ายถูกจัดขึ้นที่สวนหลังบ้านของพวกเรา ความอบอุ่นที่ทุกคนมีให้ ทำให้หัวใจที่บอบช้ำของผมเสมือนกลับได้รับการเยียวยา ชีวิตของผมที่สามารถเดินมาในจุดนี้ได้ ก็ดีเกินพอแล้ว

 เวลาเดินหมุนเวียนผ่านไป ตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว ถึงเวลาที่พวกเราจะต้องพักผ่อน ผมมองดูพี่ตะวันที่ยังคงคุยกับคุณพ่ออย่างออกรสในฐานะศิษย์อาจารย์ที่ไม่ได้คุยกันมานาน แต่ดึกดื่นขนาดนี้แล้ว ผมก็อดเป็นห่วงไม่ได้จริงๆ ถ้าพี่เขาต้องขับรถกลับในเวลาแบบนี้

 "ไหนๆ ก็ไหนๆ คืนนี้ก็ค้างที่นี่แล้วกัน" ผมที่ได้ยินคุณพ่อพูดแบบนั้นก็แอบโล่งใจ แต่ไม่รู้ทำไมพี่เขาต้องหันมามองผมด้วยนะ

 "เราไปนอนกันดีกว่า" ผมจับมือเจ้าเครปตัวน้อยทำไม่สนใจสายตาแปลกๆ ที่ถูกพี่ตะวันมองมา แต่ผมนั้นไม่ได้รู้สึกว่าถูกคุกคามหรอกนะ เพราะหลายวันที่ผ่านมา ทำให้ผมรู้ว่า ความจริงแล้วพี่เขาเป็นคนดีคนหนึ่งเลยล่ะ

 หลังจากอ่านนิทานก่อนนอนให้เจ้าตัวน้อยฟัง ไม่นานเครปก็หลับปุ๋ย ผมค่อยๆ อุ้มน้องจากที่นอนของผม พาไปยังห้องนอนที่ไม่ไกลออกไป ผมค่อยๆ วางเครปลงบนที่นอนอุ่นข้างๆ เค้กที่นอนหลับอยู่ หอมแก้มยุ้ยๆ หอมๆ ของเจ้าเด็กน้อย และหันหลังเพื่อจะกลับไปยังห้องนอนของตัวเอง

 "ไวท์" ขณะที่เท้าของผมจะก้าวออกจากห้อง เสียงๆ หนึ่งก็ดังขึ้นเรียกผมเอาไว้ ผมชะงักเท้าและต้องขมวดคิ้วอย่างฉงนทันที เพราะว่าเสียงนี้เป็นเสียงของเด็กผู้หญิง เป็นเสียงของเค้ก

 ผมค่อยๆ หันไปตามเสียงเรียก การมาของผมบางทีอาจทำให้น้องเผลอตื่นขึ้นมา...

 แต่ผมที่คิดแบบนั้นและหันกลับไปมองก็แทบจะทรุดลงไปทันที ภาพตรงหน้าทำให้ขาของผมเริ่มชาและหัวใจเต้นรัวไม่เป็นส่ำ เค้กที่ผมยาวสยายอยู่ในชุดกระโปรงสีขาว ขาของน้องลอยอยู่เหนือเตียงนอน ใบหน้าของเธอยังคงหลับไหล แต่แขนกลับกางออกราวกับถูกแขวนไว้ในอากาศ

 หัวใจของผมทั้งตื่นกลัวแต่ก็เป็นห่วงน้องเหลือเกิน ผมยั้งตัวเองไม่ให้ถอยหนี และค่อยๆ ขยับเดินเข้าไปหาเธอ ผมทิ้งน้องเอาไว้แบบนี้ไม่ได้ ผมทำไม่ได้

 "ค.ใคร ต้องการอะไร" ผมถามด้วยความหวาดหวั่น ผมกลัวเหลือเกินว่าจะเป็นนาธัส ปิศาจร้ายตนนั้น

 "มีความสุขดีสินะ" เสียงที่เคยเป็นของเค้กบัดนี้กลายเป็นเสียงของปิศาจ การพูดที่ราวกับคำรามเสียงต่ำ ทำให้ผมยิ่งตกใจกลัว

 "ไม่ใช่นะ" ผมส่ายหน้าปฏิเสธ ผมในสภาพแบบนี้เหรอที่จะมีความสุขได้

 "ทำไมกันซิน ทำไมถึงต้องทำเพื่อเด็กนี่ขนาดนี้" แต่คำพูดของปิศาจหลังจากนั้นก็ทำให้ผมต้องชะงัก จากความกลัวที่ไหลแล่นทั่วร่าง ตอนนี้กลับหายไปราวกับปลิดทิ้ง ผมก้าวเดินอย่างรวดเร็วจนแทบจะกระโจนใส่ร่างของน้องสาว จับขาของเธอราวกับเป็นลูกโป่งที่กำลังจะหลุดลอยไป

"พี่...ไวลี่ ใช่ไหม" ผมพูดออกมาอย่างตื่นเต้นและเริ่มเขย่าตัวน้องเบาๆ ด้วยความดีใจ ผมสงสัย ผมอยากรู้ และคนที่อยู่ในร่างน้องตอนนี้ก็คือคนที่อยู่ข้างกายซินมากที่สุด

 "ซ.ซิน ซินละครับ" ผมพยายามกลั้นน้ำตาไว้ มือสั่นเทาด้วยความดีใจ "พี่รู้ไหมเขาอยู่ที่ไหน ผมจะเจอเขาได้ที่ไหน" ตอนนี้ร่างของเค้กลอยต่ำและนั่งลงที่เตียง ทำให้ผมคุยกับพี่ไวลี่ในร่างน้องได้ถนัดขึ้น

 "ฉันไม่รู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน ฉันสัมผัสพลังของเขาไม่ได้" เสียงของพี่ไวลี่น่ากลัวและกดต่ำ ราวกับกำลังโกรธเคืองผมอยู่

 "งั้นเหรอ" หัวใจของผมราวกับหมดเรี่ยวแรงอ่อนล้า แม้แต่พี่ไวลี่ ก็ยังไม่รู้งั้นเหรอ...

 "ฉันรู้แค่ว่า ตอนนี้เขาอ่อนแอมาก และทุกอย่างเป็นเพราะเธอ" ผมที่ได้ฟังถ้อยคำนั้น หัวใจก็ยิ่งจมดิ่งลงสู่ความสิ้นหวัง

 "ใช่ ผมรู้" ผมพูดอย่างอ่อนแรง ทุกๆ คน ต่างพูดว่าเป็นเพราะผม และนั่นมันก็เป็นเรื่องจริง ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นเพราะผมมีตัวตน และถึงผมจะพยายามหายไป ผมก็ยังคงทำให้หลายคนเดือดร้อนมากขึ้นไปอีก

 ทำไมผมถึงเกิดมากันนะ ผมมันคือหายนะที่มีชีวิต เป็นคนที่ทำให้คนอื่นเจ็บปวดอยู่เรื่อยไป

 "นั่นมันไม่จริงหรอก" ผมสะดุ้งน้อยๆ เมื่อรู้สึกถึงความอบอุ่นที่บนหลังมือ เสียงกระซิบจากส่วนที่ลึกที่สุด ดังสะท้อนไปมาในหูของผม ราวกับมีคนบอกมันใกล้ๆ

 น้ำตาของผมค่อยๆ ไหลออกมาช้าๆ พร้อมกับร่างของน้องสาวที่เอนอิงซบผมอย่างอ่อนแรง

 พี่ไวลี่จากไปแล้ว ผมก็เป็นคนทำให้พี่ต้องเสียเพื่อนไปใช่ไหม เป็นผมอีกแล้ว เป็นผมทุกครั้งที่ทำให้ทุกคนต้องเจ็บปวด

 "ไวท์" ผมยังคงกอดน้องสาวเอาไว้และต้องตกใจเล็กน้อยที่มีมือมาแตะที่ไหล่

 "เป็นอะไรหรือเปล่า"

 "ผม ผมไม่เป็นไร" ผมเช็ดน้ำตาลวกๆ และวางน้องลงที่เตียง ห่มผ้าให้พวกเขา และเดินนำพี่ตะวันออกไป

 ตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว ทางเดินต่างๆ ในบ้านก็มีเพียงดวงไฟไม่กี่ดวงที่เปิดเอาไว้ พี่ตะวันยังคงเดินตามผม แต่พี่เขากลับเงียบมากกว่าปกติ ทำให้ผมยิ่งรู้สึกว้าวุ่นในใจ แต่ก็ต้องพยายามทำตัวให้ปกติตามเดิม

 "ผมอ่านนิทานให้พวกเด็กๆ ฟัง ก็แบบว่า ปกติน่ะครับ" ผมที่ไม่รู้จะพูดอะไรก็พูดออกมาส่งๆ และส่งยิ้มให้คนที่เดินตามหลัง พี่ตะวันตอนนี้ปล่อยปอยผมลงมา และใส่ชุดนอน ทำให้พี่เขาดูเด็กมาก เป็นภาพแปลกตาที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน

 "งั้นเหรอ" คนเดินตามดูจะไม่ได้ถามมากอย่างที่คิด พอเป็นแบบนี้ ผมก็รู้สึกสบายใจขึ้นมา

 พวกเราไม่ได้เดินตรงไปที่ห้องนอน แต่แวะไปที่ระเบียงด้านหลังของบ้าน เป็นระเบียงกว้างที่มีเก้าอี้ มีกระถางต้นไม้ เป็นมุมที่บรรยากาศดี เหมาะที่จะพักผ่อนหัวใจ

 "พี่ว่าที่นี่เป็นยังไงบ้าง พี่ชอบไหม" ผมพูดและยังคงยิ้ม แต่มันคงเป็นรอยยิ้มที่ดูไม่ได้เอาซะเลย เพราะพี่ตะวันไม่ได้ยิ้มตามผม สีหน้าของพี่เขาดูจริงจังและนิ่งเงียบ เหมือนกับกำลังจ้องมองผม มองลึกไปถึงข้างในหัวใจ

 "ผมเพิ่งมาอยู่บ้านนี้ได้ไม่นาน แต่ว่าทุกคนก็ดีกับผมมากๆ ผมชอบบ้านหลังนี้ ผมรักทุกคนที่อยู่ที่นี่ ผม..."

 "ที่พยายามอยู่ เหนื่อยมากไหม" คำพูดที่ได้ยินก็เป็นเพียงคำถามที่แสนธรรมดา แต่ไม่รู้ว่าทำไม เมื่อผมได้ยินมัน ตัวผมในตอนนี้กลับเริ่มสั่นเบาๆ ไปทั้งร่าง น้ำตาที่ผมอดทนไว้ค่อยๆ ไหลออกมา ราวกลับมีคนปลดสวิตส์มัน

 ผมพูดไม่ออก มันเป็นความอ้างว้างเดียวดายที่อยู่ในหัวใจของผม ไม่เคยมีใครเลยที่จะเข้าใจความเจ็บปวดที่ผมต้องเก็บมันไว้ในใจ ความหวาดกลัว ความสิ้นหวังยังคงเกาะกินอยู่ภายใน ทุกนาที ทุกเสี้ยวความรู้สึก

 ผมอยากตายๆ ไปซะ เผื่อว่าทุกสิ่งเลวร้ายจะจบลงตรงนี้ แต่ว่าถ้าทำแบบนั้น แล้วซินที่เสียสละเพื่อผมล่ะ แล้วทุกคนที่พยายามให้ผมอยู่กับพวกเขาล่ะ พวกเขาไม่ควรจะต้องมาเสียใจ เพราะผมอีกแล้ว

 หยาดน้ำตาของผม ถูกปลอบโยนจากคนที่ไม่ได้ถามสิ่งใดต่อ คนตรงหน้าดึงผมเข้าไปในอ้อมแขนที่แสนอบอุ่น ขอบคุณที่อยู่เป็นเพื่อน ถึงแม้พี่จะไม่ได้เข้าใจ หรือรู้เรื่องใดๆ เลย แต่ว่าความใจดีของพี่ ก็มีค่ามาก สำหรับคนที่ทุกข์ทรมานจากความหวาดกลัวอย่างผม ขอบคุณจริงๆ
หัวข้อ: Re: In The Shadows' เงาหลอน ซ่อนรัก '[YAOI][#38 หัวใจที่อ้างว้าง](7/9/62)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 07-09-2019 11:01:11
 :pig4: :pig4: :pig4:

 :pig2: back and  :pig4: for information
หัวข้อ: Re: In The Shadows' เงาหลอน ซ่อนรัก '[YAOI][#38 หัวใจที่อ้างว้าง](7/9/62)
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 07-09-2019 19:22:27
 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: In The Shadows' เงาหลอน ซ่อนรัก '[YAOI][#38 หัวใจที่อ้างว้าง](7/9/62)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 07-09-2019 23:36:45
ถ้าหลานคนแต่งจะแต่งนิยายให้อ่านแบบงง ๆ เราก็จะตามอ่านแบบงง ๆ เหมือนเดิม  o18
หัวข้อ: Re: In The Shadows' เงาหลอน ซ่อนรัก '[YAOI][#38 หัวใจที่อ้างว้าง](7/9/62)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 06-11-2019 11:18:35
 :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: In The Shadows' เงาหลอน ซ่อนรัก '[YAOI][#38 หัวใจที่อ้างว้าง](7/9/62)
เริ่มหัวข้อโดย: Gloomy Sunday ที่ 13-04-2020 16:45:08
Shadows ที่ 39 ความมืดและแสงสว่าง


หัวใจที่อ่อนล้าเหมือนกำลังได้หยุดพัก ถึงแม้จะผ่านมาอีกหลายวันแล้ว แต่คนที่คอยอยู่เคียงข้างผมก็ยังคงไม่ไปไหน

 วันนี้ ผมได้กลับมาเรียนแล้ว และคนที่มารับผมกับฟ่างกลับก็คือคนที่ดีกับผมเหลือเกินคนนั้น

 "ฝนตกไม่หยุดเลยเนอะ หลายวันแล้วนะ" ฟ่างที่นั่งอยู่ที่เบาะหลังกับผมก็เริ่มบ่นด้วยเสียงงึมงำ

 "นั่นสิ แต่ก็ทำให้รู้สึกสดชื่นดีนะ"

 "มองโลกในแง่บวกเกินไปอีกแล้วไวท์" ฟ่างดูไม่เห็นด้วยกับผม สีหน้าของเธอดูหมองลง และเหนื่อยล้ากว่าที่เคย

 "ฟ่าง ยังไม่สบายอยู่เหรอ" ผมจ้องมองเธอชัดๆ และถามเพื่อนด้วยความเป็นห่วง นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมถามเธอ แต่ทุกครั้ง เธอก็ดูเหมือนจะไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ

 "ม.ไม่นะ ฟ่างก็ปกติดี จริงนะๆ" เธอดูอึกอักไปชั่วขณะ ผมสังเกตว่าเธอดูแปลกไปจริงๆ

 "หาหมอไหม เดี๋ยวไปส่งก็ได้นะ" คนที่กำลังขับรถหันมาถามพวกเรา พี่ตะวัน มักจะใจดีกับพวกเราและเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของผม มันก็รู้สึกดีนะ แต่ก็รู้สึกเกรงใจมากด้วย ผมไม่มีอะไรเลยที่จะตอบแทนความแสนดีนี้

 "ไม่ต้องหรอกค่ะ ฟ่างอยากกินขนมร้านพี่เบลล์มากกว่า"

 "ฟ่าง ขนมน่ะกินเมื่อไหร่ก็ได้ อย่าดื้อเลยนะ"

 "ก็ฟ่างไม่เป็นไรจริงๆ นี่นา"

 "ตรวจเสร็จแล้วค่อยไปกินก็ยังไม่สายนะ" ผมยิ้มให้พี่ตะวันที่ช่วยเกลี้ยกล่อมอีกแรง

 "นะฟ่าง ไม่นานหรอก"

 "งืมมม ก็ได้" ผมยิ้มให้คำตอบของเพื่อน ยิ้มให้พี่ตะวันที่เปลี่ยนทิศทางมุ่งหน้าไปยังโรงพยาบาลใกล้มหา'ลัย

 สายฝนยังคงตกกระทบหน้าต่างอยู่ด้านนอก และไม่นานรถก็จอดลงที่ลานจอด พวกเราค่อยๆ ลงจากรถ กางร่ม และเดินฉิวไปที่ตัวอาคารสีขาวขนาดใหญ่

 ฟ่างบอกให้ผมและพี่ตะวันรออยู่ที่โถงด้านหน้า มีมุมเล็กๆ มีเก้าอี้โซฟาสบายๆ ให้พวกเราได้นั่งรอกัน

 "ดีจังเลยนะ ที่ฟ่างมีเพื่อนที่คอยเป็นห่วงแบบไวท์" ผมที่นั่งอยู่กับพี่ตะวันก็ถูกพูดชมเข้า ซึ่งผมก็รีบส่ายหน้าน้อยๆ ปฏิเสธทันที

 "ไม่ใช่ครับ กลับกันเลย ผมต่างหากที่โชคดี" ความทรงจำเกี่ยวกับฟ่างทำให้ผมยิ้มออกมาอย่างมีความสุข ในชีวิตของผม มีไม่กี่ครั้งที่จะมีคนอยากเป็นเพื่อนด้วย และที่สำคัญที่สุดคือความจริงใจของฟ่างที่มีให้ผม เธอเป็นคนไม่กี่คน ที่เชื่อในตัวผม เข้าใจในสิ่งที่ผมเป็น

 สายลมที่ด้านนอกพัดโชย ทำให้ต้นไม้พลิ้วไหวตามแรง สายฝนที่เริ่มตกลงมานั้น มองดูเย็นชุ่มฉ่ำไม่ขาดสาย ผมเดินเข้าไปช้าๆ ยื่นมือแตะกระจกใส ดูสายน้ำเย็นที่ค่อยๆ ไหลผ่านลงสู่เบื้องล่าง

 "วันนี้ ผนก็ตกอีกแล้ว" ไม่รู้ทำไม ถึงแม้ว่าความเย็นชุ่มฉ่ำนี้จะเป็นสิ่งที่ผมชอบ แต่ในหัวใจกลับหม่นหมอง หงอยเหงา เศร้าสร้อย

 "ว่ากันว่า เทวดาร้องไห้เป็นสายฝนนะ"

 คำพูดของคนด้านหลังนั้นทำให้มือของผมหยุดชะงัก ภาพของคนคนหนึ่งผุดขึ้นอย่างเด่นชัดในความทรงจำ

 ปีกสีขาวของคนที่ผมแสนคิดถึง ใบหน้าของซิน ที่หยาดน้ำตาค่อยๆ หลั่งรินไหลออกมา

 "ไวท์ เป็นอะไรหรือเปล่า" คนด้านหลังที่เห็นสีไม่ดีของผม ก็รีบเดินเข้ามา จับตัวผมพยุงไว้

 "พี่ตะวัน" ผมที่เพิ่งได้รับรู้ถึงเหตุผลของสายฝนนั้น ก็ตัดสินใจอย่างแน่วแน่ที่จะพูดเรื่องสำคัญออกไป ให้กับคนที่กำลังตั้งใจฟัง

 "ขอบคุณนะครับที่คอยช่วยผม อยู่ข้างๆ ผม"

 "พูดเรื่องอะไรน่ะ ทำไมอยู่ๆ ก็..."

 "พี่ชอบผมใช่ไหม" คำพูดของผมทำให้พี่ตะวันหยุดชะงัก คนที่ดีแบบนี้ คนที่ผมไม่อยากทำให้เสียใจ แต่ว่ามันก็เป็นไปไม่ได้

 "ใช่" ผมยิ้มอย่างอ่อนโยนให้กับคำพูดนั้น ถ้าหากว่าผมได้พบพี่ ก่อนหน้านี้ ก่อนที่เรื่องราวเลวร้ายทั้งหมดจะผ่านเข้ามา ก่อนที่หัวใจของผมจะเป็นของซิน บางที บางทีคนที่ผมอยากฝากหัวใจ คงอาจจะเป็นพี่ก็ได้

 "ขอโทษนะครับ"

 "พี่รู้อยู่แล้วล่ะ เขาคนนั้น คงเป็นคนที่สำคัญมาก" ผมยิ้มน้อยๆ กับคำพูดนั้น "แต่ไม่ว่ายังไง ถ้าเวลาไหนที่เราต้องการ จะมีพี่อยู่ตรงนี้เสมอ"

 "ขอบคุณครับ แล้วก็...ขอโทษจริงๆ" ผมบอกพี่ตะวันด้วยใบหน้าหมองเศร้า แต่พี่เขาก็ทำเพียงแค่ยิ้ม พลางลูบหัวผมเบาๆ อย่างอ่อนโยน

 "อย่ามัวแต่ขอโทษเลย ดูนั่นสิ สายรุ้ง ขึ้นแล้วนะ"

 ผมมองตามมือของคนข้างๆ ที่ชี้ออกไปด้านนอก ท้องฟ้าที่เคยดูมืดครึ้ม บัดนี้ทอแสงสีส้มสว่างตา สายรุ้งเจ็ดสี ปรากฎชัดบนฟากฟ้า มันช่างเป็นภาพ ที่งดงามจริงๆ



 หลังจากที่ฟ่างตรวจร่างกายเสร็จเรียบร้อย พี่ตะวันผู้แสนใจดีก็พาพวกเรามาส่งที่ร้านกาแฟของพี่เบลล์

 ผมถามฟ่างถึงเรื่องผลของการตรวจร่างกาย และฟ่างก็บอกว่าทุกอย่างโอเค ไม่มีอะไรผิดปกติ เพียงแต่เธอพักผ่อนน้อยเท่านั้น ซึ่งเมื่อได้ยินแบบนี้ ผมก็รู้สึกโล่งใจมาก

 เมื่อกินขนมและดื่มเครื่องดื่มที่พี่เบลล์ยกมาให้หมดแล้ว ผมก็เริ่มที่จะหยิบจับทำงานช่วยพี่เบลล์ ผมมองดูฟ่างและพี่ตะวันที่นั่งคุยเล่นกันสักพัก และพี่ตะวันก็ต้องขอกลับก่อนด้วยเรื่องของงาน

"ขอโทษนะที่ไม่ได้ไปส่งที่บ้าน" พี่ตะวันบอกผมด้วยรอยยิ้ม และไม่ลืมที่จะยื่นมือมาขยี้หัวผม

 "ไม่เป็นไรครับ แล้วก็..."

 "คำว่าขอโทษน่ะ ไม่อยากฟังแล้ว" พี่ตะวันดีดหน้าปากผมเบาๆ และเดินไปด้วยรอยยิ้มสว่างไสว "พรุ่งนี้จะไปรับนะ ในฐานะ...พี่ชาย" คำพูดนั้นทำให้ผมยิ้มได้ ผมรู้สึกดีขึ้น ที่ผมไม่ได้สูญเสียคนดีๆ แบบนี้ไป รอบๆ ตัวของผมตอนนี้ มีแต่คนที่ดีกับผมจริงๆ

 "อะแฮ่ม ตัดเงินเดือนดีไหมเนี่ย" ผมตกใจทันทีที่ได้ยินเสียงจากด้านหลัง พี่เบลล์ยืนกอดอกยิ้มให้ผมแบบมีเลศนัยมองมา

 "ทำไมถึงจะตัดละครับ ผมยังไม่ได้ทำอะไรเลย"

 "ก็...หมั่นไส้ส่วนตัว" พี่เบลล์ยักไหล่พลางเดินหนีเข้าไปในร้าน ผมไม่ค่อยเข้าใจเลยแฮะ

 "ห้ามแกล้งไวท์นะคะ" เหมือนฟ่างที่นั่งอยู่จะได้ยิน เธอส่งเสียงใสและเดินเข้ามากอดคอผมทันทีเพื่อปกป้อง

 "จ้าๆ ไม่แกล้ง แต่ว่าตอนนี้ ไปช่วยพี่ยกของที่หลังร้านก่อน" พี่เบลล์ไม่พูดเปล่าแต่เดินเข้ามาและดึงแขนผม แกล้งแหย่ฟ่างเหมือนกำลังยื้อแย่งตัวผม

 "ไม่ได้ค่ะ ห้ามแย่งไวท์ไปน้า" ผมเริ่มหัวเราะและมองทั้งสองคนที่ทำตัวเหมือนเด็ก

 "ฟ่าง พอเถอะ ผมต้องไปทำงานต่อนะ" ผมบอกฟ่างและหมุนตัวหลบมือของเธอ

 "ต้องแบบนี้ ถึงจะคุ้มค่าจ้าง..." พี่เบลล์ได้ทีก็คว้าตัวผมไว้ แต่ว่าไม่รู้ทำไม เมื่อมือของพี่เบลล์และฟ่างแตะต้องโดนกัน พี่เบลล์ในตอนนี้หยุดชะงัก และทำสีหน้าน่ากลัวแปลกๆ

 "พี่เบลล์" ผมเรียกพี่เบลล์ที่ยังคงจ้องมองฟ่าง ผมไม่เคยเห็นพี่เขามีสีหน้าแบบนี้เลย

 "อ๋อ โทษที สงสัยไฟฟ้าสถิตย์ละมั้ง" พี่เบลล์ลูบมือตัวเองไปมา แต่ก็ยังคงจ้องมองฟ่าง

 "วันนี้ได้ข่าวว่าไปตรวจร่างกายมาเหรอ แล้วเป็นไง" ฟ่างดูมึนๆ งงๆ กับปฏิกิริยาของพี่เบลล์เช่นกัน ผมจึงคิดว่าผมควรจะตอบแทนเธอ

 "ใช่ครับ ปกติดี แค่พักผ่อนน้อย"

 "เหรอ เธอนอนไม่หลับมากี่วันแล้ว" พี่เบลล์ยังคงทำสีหน้าจริงจัง

 "เธอหลงๆ ลืมๆ ไม่รู้ว่าตัวกำลังทำอะไร อยู่ที่ไหนหรือเปล่า" ผมมองเพื่อนที่เริ่มดูตื่นตกใจกับคำถาม เธอถอยหลังหนีจากพี่เบลล์ด้วยสีหน้าที่ดูซีดลง

 "ฟ่าง" ผมเรียกเพื่อนและดึงมือเธอเอาไว้ แต่เธอก็ดูตื่นกลัวมากขึ้น

 "พี่เบลล์ เดี๋ยวก่อนครับ นี่มันเรื่องอะไรกัน" ผมตัดสินใจปกป้องเพื่อนจากเจ้านายของผม ดึงเพื่อนให้มาหลบข้างหลัง

 "ทำไมเธอถึงไม่บอกเรื่องนี้กับไวท์ล่ะ เธอก็น่าจะรู้ว่าเธอกำลังเผชิญกับอะไร" พี่เบลล์เหมือนไม่ได้พูดกับผม แต่กำลังพูดกับฟ่างที่อยู่ด้านหลัง

 "ฟ่าง"

 "ไม่นะ ฟ่างควบคุมมันได้" ผมหันไปมองเพื่อน ฟ่างหลับตาแน่นดูไม่เป็นตัวของตัวเอง

 "เธอคุมมันไม่ได้หรอก มันมีอำนาจเหนือเธอ"

 "ไม่" ฟ่างเริ่มพูดเบาๆ กับตัวเองพลางถอยหลังออกไปไกล ผมมองเธอสลับกับพี่เบลล์ที่เริ่มบอกขอโทษลูกค้าและเชิญให้ทุกคนออกจากร้าน

 ความรู้สึกเก่าๆ ความกลัว ทำให้หัวใจเริ่มเต้นรัว อย่าบอกนะว่า ในตัวของฟ่างนั้น

 "กล้ามากที่เข้ามาในเขตแดนนี้" พี่เบลล์ปิดประตูร้านและหันกลับมาพูดด้วยเสียงแข็งกร้าว แต่ด้วยสัญชาติญาณของผมที่ต้องการปกป้องเพื่อน มันทำให้ผมก้าวเข้าไปบดบังตัวเพื่อนอีกครั้ง

 "เดี๋ยวก่อนครับ นี่อาจเป็นเรื่องเข้าใจผิดก็ได้"

 "จริงๆ นายก็สงสัยอยู่ไม่ใช่เหรอ ไวท์ นายรู้จักมันดีกว่าใคร" พี่เบลล์ยังคงมีท่าทีสบายๆ ยืนอยู่ตรงหน้า

 "รู้จักดี...พี่พูดถึงใคร"

 "ถอยไป"

 "ไม่ เดี๋ยวก่อน ถ้าพี่คิดผิดล่ะ" ผมยังคงลังเล ผมเป็นห่วงฟ่าง ผมไม่รู้ว่าพี่เขาคิดจะทำอะไร

 "อย่างที่ซินบอก นายนี่มัน..." ชื่อของคนที่ไม่คิดว่าจะได้ยินกลับออกมาจากคนที่ใกล้ชิด ผมที่ยืนแน่วแน่อยู่ตรงหน้าเพื่อนนั้น สองขาค่อยๆ ก้าวออกไป และจับลงที่เสื้อของคนตรงหน้า

 "พี่เป็นใคร รู้จักซินได้ยังไง"

 "นายคิดว่าบนโลกนี้มีแต่ซาตานเหรอ"

 หลังคำพูดของพี่เบลล์ มีดในครัวหลายเล่มก็ลอยฉิวขึ้นจากเคาน์เตอร์และพุ่งตรงมายังร่างกายของผม แต่ว่าการกระทำนั้นก็ไร้ผล เพราะว่าเพียงพี่เขาสบัดมือเล็กน้อย อาวุธเหล่านั้นก็ร่วงกราวลงบนพื้น

 ผมตกใจรีบหันกลับไปมองต้นตอของรังสีอาฆาตนั้น และก็ต้องพบว่า ตอนนี้ฟ่าง ไม่ใช่ฟ่างอีกแล้ว

 "อีกนิดเดียว แค่นิดเดียว"

 "ฟ่าง" ผมเรียกเพื่อนเสียงสั่น ภาพตรงหน้าทำให้ผมทั้งกลัวและเสียใจ ตอนนี้ใบหน้าของฟ่างเป็นเงาดำริ้วๆ ดวงตาสีแดง และปากที่มีแต่เขี้ยว เป็นปิศาจที่น่ากลัวยิ่งกว่าที่เคยพบเห็นมา

 "มันอาจจะไม่ได้นิดเดียวแบบที่แกคิดก็ได้ หลงตัวเองเกินไปไหม" พี่เบลล์ดูไม่ได้กลัวเลยแม้แต่น้อย แต่กำลังเหมือนโกรธมากกว่า

"เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับแก ไวท์เป็นของฉัน" เสียงคำรามต่ำที่ฟังยากจากร่างของฟ่าง ทำให้รู้ว่านั่นไม่ใช่เพื่อนของผมอีกแล้ว ผมเหนื่อยเหลือเกิน ทำไมถึงไม่ยอมแพ้ไปสักที

 "ผมไม่ใช่ของคุณ ไม่เคยเป็น" ผมพูดอย่างหนักแน่น ทั้งโกรธทั้งกลัว ทั้งเป็นห่วงเพื่อน แต่ก็รู้สึกเบาใจลงเมื่ออยู่กับพี่เบลล์

 "ได้ยินไหม ยังจะหน้าด้านไปไหน ทำไมต้องยึดติดเด็กคนนี้ขนาดนั้น"

 "ไวท์ มากับฉันเถอะ หมอนั่นช่วยเธอไม่ได้หรอก" ปิศาจตรงหน้าเมินคำถามของพี่เบลล์และจ้องมองผม แววตาและใบหน้ากลับสู่ปกติเช่นเดิม เป็นฟ่างที่ผมรู้จักดี

 "ไวท์ พี่รู้ว่าเราไม่ได้โง่ ปิดหูปิดตาไว้ อย่าให้มันหลอกได้"  พี่เบลล์อยู่ข้างๆ และคอยบอกผม

 "ไวท์ ฉันจะเตือนอีกครั้ง หมอนั่นช่วยเธอไม่ได้ ไม่มีใครช่วยเธอได้ อยากให้เพื่อน อยากให้ครอบครัวต้องเจ็บปวด อยากให้พวกเขาตายงั้นเหรอ" คำพูดที่ทำให้หัวใจของผมสั่นไหว ดังมาจากปิศาจร้ายที่สิงอยู่ในร่างเพื่อนที่แสนสำคัญของผม

 งั้นเหรอ มันคงเป็นแบบนั้นจริงๆ ใช่ไหม ถ้าหากผม ยอมแพ้ตอนนี้ ทุกคนก็จะอยู่กันได้อย่างมีความสุข

 "ไวท์!" พี่เบลล์เริ่มเสียงดังขึ้นเมื่อขาของผมเริ่มก้าวเดินไปตรงหน้า

 ผมไม่รู้ ตัวผมนั้นมีอะไรถึงทำให้ปิศาจตนนี้ต้องการผมนัก ดวงตาของผมราวกับเริ่มมองไม่เห็นสิ่งใด ขาของผมค่อยๆ ก้าวเดินไปตรงหน้า ผมควบคุมตัวเองไม่ได้...

 "อย่างนั้นแหละไวท์ เด็กดี เธอเป็นคนที่ฉันต้องการมากกว่าใคร" รอยยิ้มผุดขึ้นบนใบหน้าสวยของฟ่าง ผมยิ้มให้เธอ เดินเข้าไปหาเธอ เพื่อนของผม เพื่อนรัก...

 "ตั้งสติซะ! คิดว่าซิน ต้องการแบบนี้งั้นเหรอ" คำพูดหนึ่งจากพี่เบลล์ทำให้ขาของผมหยุดชะงัก ชื่อนี้มีความหมาย มีอิทธิพลต่อผมมากมายนัก "นายกำลังดูถูกซิน สิ่งที่ซิน ตั้งใจทำเพื่อนาย"

 ไม่ ไม่มีทาง ผมไม่มีทางทำแบบนั้น

 "หึ ซินงั้นเหรอ ไอ้ซาตานจอมปลอมนั่นมันทำอะไรให้เธองั้นเหรอ ไหนล่ะ ถ้ามันรักและปกป้องเธอนักหนา แล้วไหนล่ะ มันอยู่ที่ไหน" คำพูดของปิศาจตรงหน้าทำให้น้ำตาของผมไหลรินออกมา นั่นสินะ ทำไมล่ะ ทำไมซินถึงจากผมไป ทำไมถึงไม่อยู่เคียงข้างผม

 "ไวท์ นายไม่เชื่อในตัวซินงั้นเหรอ" พี่เบลล์ถามผมเสียงเรียบ ใบหน้าของฟ่างที่ดูนิ่งสงบ เริ่มกลับมาเป็นปิศาจร้ายอีกครั้ง

 "อย่าโง่ไปหน่อยเลย ไอ้ปิศาจนั่นมันไม่มีทางทำอะไรได้ ตัวตนของมันสวรรค์ชังนรกก็ไม่เหลียวแล" เสียงคำรามด้วยความโกรธของปิศาจร้ายทำให้ข้าวของในร้านสั่นสะเทือน ท้องฟ้าด้านนอกแปรปรวนราวกับมีพายุ ถึงแม้จะได้ยินคำพูดบาดใจนั่น แต่ก็ไม่ทำให้ผม หวั่นไหวอีกแล้ว

 "ที่แกพูดน่ะผิดแล้ว ซินมีค่ามากกว่านั้น ซินปกป้องผม จากปิศาจชั้นต่ำอย่างแกได้" คำพูดของผมทำให้ปิศาจนาธัสแทบคลั่ง ผมเจ็บปวดที่ต้องเห็นร่างของเพื่อนถูกครอบงำ แต่ว่า ผมจะยอมแพ้ไม่ได้ เพื่อซิน เพื่อคนคนเดียวที่ผมเชื่อหมดใจ

 "ถ้าอย่างนั้นไวท์ ความโง่ของเธอ ทำให้ทุกคนต้องตาย!" เสียงและแรงอาฆาตทำให้กระจกทุกบานในร้านแตกกระจาย แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น ผมก็ยังยืนหยัดอย่างมั่นคง

ผมจะไม่กลัว เพราะผมเชื่อว่าซิน จะต้องปกป้องผมได้แน่ เหมือนที่เป็นมาเสมอ

*****************************************************

หลังจากที่ห่างหายไปนานกว่า 7 เดือนตอนนี้นักเขียนกลับมาอัพเรื่องนี้แล้วนะคะ ใครลืมเนื้อเรื่องก็อ่านทวนใหม่ตั้งแต่ต้นได้ค่ะ

ต้องกราบขออภัยที่ให้รอนานนะคะ ส่วนใครที่รอเรื่องนี้ในแบบรูปเล่ม ก็ขอให้รอฟังข่าวต่อไปน้า มีแน่นอนค่ะ!!
หัวข้อ: Re: In The Shadows' เงาหลอน ซ่อนรัก '[YAOI][#39 ความมืดและแสงสว่าง](13/4/63)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 13-04-2020 21:03:12
 :pig4: :pig4: :pig4:

 :pig2: back
หัวข้อ: Re: In The Shadows' เงาหลอน ซ่อนรัก '[YAOI][#39 ความมืดและแสงสว่าง](13/4/63)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 14-04-2020 00:10:37
หนูฟางคนเดิมไปไหนแล้วล่ะ หรือหนูฟางไม่เคยมีอยู่จริง  :hao4:
หัวข้อ: Re: In The Shadows' เงาหลอน ซ่อนรัก '[YAOI][#39 ความมืดและแสงสว่าง](13/4/63)
เริ่มหัวข้อโดย: nightsza ที่ 14-04-2020 00:55:29
รอซินกลับมาหาไวท์นะ
หัวข้อ: Re: In The Shadows' เงาหลอน ซ่อนรัก '[YAOI][#39 ความมืดและแสงสว่าง](13/4/63)
เริ่มหัวข้อโดย: Gloomy Sunday ที่ 23-04-2020 10:20:59
Shadows ที่ 40 คนที่ไม่อาจแตะต้อง


ตลอดชีวิตของผม ทุกเวลา ทุกนาที มีแต่ความหวาดกลัว และสิ้นหวัง ผมโดดเดี่ยวอ้างว้าง เจ็บปวดกับผู้คนรอบข้าง ผมได้แต่ใช้ชีวิต เดินไปข้างหน้าด้วยรอยยิ้ม รอยยิ้มที่ซ่อนความเจ็บปวดเอาไว้ ได้แต่คิด ทำไม ผมถึงต้องเป็นคนที่โชคร้ายขนาดนี้ ทำไมผมจะต้องทุกข์ทรมานขนาดนี้

 แต่แล้ววันหนึ่ง ผมก็ได้พบกับคนคนหนึ่ง ถึงแม้ว่าเขาจะดูเย็นชา และโหดร้ายแค่ไหน แต่ว่าเขาก็อยู่เคียงข้างผมเสมอ เป็นครั้งแรกในชีวิต ที่ผมไม่รู้สึกโดดเดี่ยว หัวใจที่เคยแห้งแล้ง กลับมามีชีวิตอีกครั้ง

 ผมหลับตาลง ให้หัวใจอยู่ในห้วงคำนึงถึง คนคนนั้น ซิน คนที่ผมคิดถึงสุดหัวใจ และผมจะไม่กลัว อะไรอีกต่อไป

 เสียงดังสนั่นที่ก้องกังวานรอบตัวนั้น ไม่ได้ทำให้หัวใจของผมหวาดกลัวแม้แต่น้อย ความรู้สึกของลมที่พัดไหว เคลื่อนผ่านไปมาอยู่รอบๆ ตัว

 ผมไม่รู้ ว่าอะไรกำลังจะเกิดขึ้น รู้แต่เพียงว่าเสียงคำรามด้วยความโกรธของปิศาจนาธัสยังคงดังอยู่รอบๆ ตัวผม และเสียงหัวเราะเย้ยหยันของพี่เบลล์ก็ทำเอาผมประหลาดใจ

 "ไวท์ เจ้าโง่ไวท์ พูดออกมาสิว่ายอมแพ้" เสียงของปิศาจยังคงดังไปมากังวานในหู เหมือนกำลังกล่อมผมให้คล้อยตาม "อยากให้ทุกคนตายจริงๆ เหรอ แกมันตัวอับโชค เป็นเพราะแกทุกคนถึงต้องตาย รวมทั้งซิน!"

 "เหอะ คนที่โง่น่าจะเป็นแกมากกว่ามั้ง" เสียงของพี่เบลล์ดังอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลนัก เหมือนกำลังยั่วโมโหปิศาจเต็มที่ จนถึงตอนนี้ ผมก็ยังไม่แน่ใจว่าพี่เขาคือใครกันแน่

 "เอาสิ อยากทำอะไรเด็กคนนั้นก็เชิญสิ เห็นไหมล่ะ ว่าไม่ทำอะไร แค่ยืนดูเฉยๆ"

 "หึ ที่แกทำนั่นถูกแล้ว พวกทูตสวรรค์ขี้ขลาดมีให้เห็นถมไป" ทูตสวรรค์...งั้นเหรอ

 ในที่สุดผมก็รู้ว่าพี่เบลล์คือใคร ที่พี่พูดว่าไม่ได้มีแค่ซาตานอยู่บนโลก เพราะแบบนี้เองสินะ

 คำพูดถากถางของปิศาจทำเพียงเรียกเสียงหัวเราะในลำคอให้พี่เบลล์เท่านั้น ผมไม่เข้าใจ ทำไมพี่เขาถึงยังคงดูนิ่งเฉยกับการกระทำที่เหิมเกริมของปิศาจนาธัสขนาดนั้น

 "แกกำลังขำอะไร" ความไม่พอใจชัดเจนในน้ำเสียงคำรามของปิศาจ ผมยังคงหลับตายืนนิ่งๆ แต่ก็รอฟังทุกสิ่งที่ทั้งสองกำลังพูด

 "ขำความมั่นใจโง่ๆ ของปิศาจอย่างแกไง"

 "หึ งั้นเหรอ งั้นก็ได้ ไวท์ หมดเวลาของแกแล้ว" สิ้นเสียงคำรามนั้นลมวูบหนึ่งก็พัดไหวอย่างรุนแรงทำเอาตัวผมแทบจะลอยขึ้นจากพื้น เสียงที่ดังก้องราวกับเสียงฟ้าผ่าดังสนั่นจนทำให้หูของผมเจ็บแปลบ แต่ว่า...

 หลังจากสิ้นเสียงนั้น หลังจากลมพัดแผ่วลง ความเงียบก็เข้าครอบงำ

 มันเกิดอะไรขึ้นกันนะ หรือว่าผมได้ตายไปแล้ว ความรู้สึกที่ได้ตายไปแล้ว ทำไมถึงกลายเป็นความว่างเปล่า ผมไม่รู้สึก ไม่มีความเจ็บปวดอะไรทั้งนั้น

 "ไม่จริง..."

 น้ำเสียงที่ดูผิดหวังของปิศาจตรงหน้า ทำให้ผมค่อยๆ ลืมตาขึ้นช้าๆ

 กรงเล็บที่แผ่ยาวน่ากลัวทรงพลังยื่นอยู่ไม่ห่างจากใบหน้าของผมมากนัก แต่ทว่า ไม่สามารถยื่นเข้ามาได้มากกว่านี้

 "ไม่! ม้ายยยย!!"

 ไม่ว่ากรงเล็บหรือพลังอำนาจมากมายแค่ไหน เมื่ออยู่ตรงหน้าผมตอนนี้ ก็ราวกับเลยผ่านออกไป ไม่สามารถส่งผลใดๆ ได้

 "นี่มัน เรื่องอะไรกัน" แม้แต่ผมก็ต้องประหลาดใจอย่างที่สุด ผมมองปิศาจตรงหน้าที่เริ่มบ้าคลั่งทำลายข้าวของและมองพี่เบลล์ที่สีหน้าดูพึงพอใจยิ่งนัก

 "คิดว่าสิ่งที่ซินทำ มีแค่เพียงลบล้างพลังของนายเหรอ" พี่เบลล์พูดและค่อยๆ เดินเข้ามาหาผม ทุกถ้อยคำที่พี่เบลล์กำลังพูด ทำให้หัวใจของผม สั่นสะท้านมากขึ้นทุกที

 "ไม่ใช่เลย นายกำลังดูถูกซินมากเกินไป ซินที่หันหลังให้ความสว่างและจมอยู่ในความมืดมานานนับร้อยปี สละพลังทุกอย่างเพื่อกดพลังของนายเอาไว้ ไม่ให้นายต้องเจ็บปวด"

 "ไม่จริง มันก็ทำได้นั้น แต่มันไม่มีทางห้ามไม่ให้ฉันแตะต้องไวท์ได้" เสียงสั่นเครือของปิศาจ แสดงความไม่พอใจอย่างยิ่ง เขายังคงจ้องมองมาที่ผม และเอื้อมมือไขว่คว้าได้แต่เพียงความว่างเปล่า

 "ใช่ ซินห้ามแกไม่ให้แตะต้องไวท์ไม่ได้หรอก แต่..." พี่เบลล์หยุดพูดและชี้มือไปที่ท้องฟ้า

 "มีเพียงผู้เดียวที่ทำได้ และซิน ขอร้องเขาผู้นั้น..."

 "ไม่!!" ผมตกใจที่ปิศาจนาธัสส่งเสียงร้องอย่างเกรี้ยวกราดจนพื้นห้องสั่นสะเทือน ความสิ้นหวังแผ่ซ่านอยู่ในน้ำเสียงของเขา ราวกับหมดสิ้นแล้วทุกสิ่ง

 "ท่านทอดทิ้งมันแล้ว ไม่มีทีที่ท่านจะช่วยมัน!"

 "แกเข้าใจผิดแล้วซาตาน การหวนคืนสู่แสงสว่างของซิน เป็นเรื่องที่ท่านยินดียิ่งกว่าใคร" ผมที่ได้ยินแบบนั้นก็เข้าไปจับแขนพี่เบลล์ไว้ ผมเริ่มยิ้มอย่างดีใจ

 "ซิน ซินตอนนี้อยู่ที่บนฟ้างั้นเหรอครับ แปลว่าผมยังพบซินได้ใช่ไหม พี่ช่วย พาซินมา..."

"ทำไม่ได้หรอก" รอยยิ้มที่เคยมีเริ่มจางหาย ผมไม่เข้าใจ ในหัวใจรู้สึกวูบไหว ความหวัง ถูกดับไปอีกครั้ง

 "เขาใกล้จะจากไปโดยสมบูรณ์แล้ว ทุกสิ่งที่เขาทำเพื่อนาย มีราคาที่ต้องจ่าย"

 หูของผมราวกับไม่อยากรับรู้เรื่องราวเหล่านี้ ผมไม่อยากรับรู้ ไม่อยากได้ยินว่าผมจะไม่มีวันได้พบซินอีกแล้ว

 "ฉันก็แค่ อยากให้เธออยู่เคียงข้าง" เสียงแผ่วเบาที่ดังอยู่ตรงหน้าทำให้ผมเงยหน้าขึ้น ความเจ็บปวดในหัวใจทำให้น้ำตาของผมไหลออกมาช้าๆ อย่างทุกข์ระทม

 ตรงหน้าผมนั้น ตอนนี้ไม่ได้มีปิศาจร้ายอีกแล้ว ผมมองเห็นอาจารย์นาธัส คนที่เคยดูสง่างามและน่าเชื่อถืออยู่เสมอ เป็นคนที่ผมเคยเชื่อและพึ่งพาได้

 ตอนนี้ คนที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้านี้ ดูไม่เหมือนที่ผ่านมา เป็นแค่เพียงผู้ใหญ่คนหนึ่ง ที่ดูหมดสิ้นทุกอย่างในชีวิต

 "ไวท์ ถ้าเธออยู่กับฉัน เธอก็ไม่ต้องกลัวสิ่งใดอีกเหมือนกัน ฉันทำทุกอย่าง เพื่อปกป้องเธอได้เช่นกัน"

 ผมมองคนตรงหน้าที่พูดจาสวยหรูนั่น แต่ว่าผมไม่เคยลืม ไม่เคยลืมสิ่งที่ผมได้เผชิญ ความเจ็บปวดทุกสิ่ง มันเริ่มมาจากปิศาจตนนี้

 "คืนเจมาให้ผมสิ" ผมยิ้มเยาะคำลวงนั่น คุณไม่มีวันหลอกผมได้อีกแล้ว

 "อยู่เคียงข้างคุณงั้นเหรอ ทุกสิ่งที่คุณทำกับผม เพียงเพื่อให้ผมอยู่กับคุณงั้นเหรอ" ผมพูดและหัวเราะอย่างเศร้าสร้อย "ตลอดชีวิต ผมไม่เคยทำร้ายใครเลย ไม่เลย ผมกลัวที่จะทำให้คนอื่นต้องเป็นทุกข์หรือเสียใจเพราะผม แต่ว่า...ช่วยหายไปจากชีวิตผมเถอะ ผมไม่ต้องการคุณ ผมไม่ต้องการเห็นคุณอีก"

 ไม่มีคำพูดใดๆ อีกจากคนตรงหน้า ผมพูดอย่างแน่วแน่ด้วยหัวใจที่ปวดร้าว จ้องมองสีหน้าแววตาของคนที่กำลังยื่นมือมาหา ผมเคยตอบรับมือนั้นที่ลูบหัวผมอย่างอ่อนโยนและแผ่วเบา แต่ว่า ไม่มีอีกแล้ว คุณเป็นสิ่งที่ผมจะลบเลือนหายไปจากความทรงจำตลอดกาล

 มือนั้นได้เลือนผ่านไป ไม่สามารถแตะต้องผมได้ แสงวูบหนึ่งทำให้ตาของผมพร่าเลือน และต่อมาผมก็พบว่าร่างของฟ่าง เพื่อนของผมนอนหลับตาอยู่ตรงนั้น

 "ฟ่าง" ผมรีบเข้าไปหาเพื่อน สีหน้าของเธอดูซีดเซียวแต่ก็ยังคงมีลมหายใจ ผมรู้สึกโล่งใจเล็กๆ เมื่อพยุงเธอขึ้น และเมื่อเงยหน้ามองพี่เบลล์ที่อยู่ด้านหลัง สิ่งต่างๆ รอบตัวก็ทำให้ผมแปลกใจอีกครั้ง

 ทุกสิ่ง ข้าวของ กระจกที่แตกกระจายอยู่ที่พื้น บัดนี้กลับกลายเป็นปกติเหมือนดังเดิม ผมมองผู้คนที่เดินผ่านหน้าร้านเหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น นี่มันเป็นเรื่องอัศจรรย์จริงๆ

 "พาไปนอนพักข้างบนก่อนเถอะ เธอแค่อ่อนแรง" พี่เบลล์แย่งตัวฟ่างไปจากผม อุ้มเธอขึ้นจากพื้นอย่างง่ายดาย และนำเธอไปยังห้องพักชั้นสอง เป็นที่ที่ผมคิดว่าเป็นที่พักของพี่เบลล์

 "เขา ไปแล้วใช่ไหมครับ" ผมยืนอยู่ที่ประตู มองดูมือของพี่เบลล์ที่แตะต้องตัวฟ่าง และสีหน้าของเธอก็เริ่มกลับมาดีขึ้น

 "การเป็นที่รักในหมู่ซาตานนี่มันฝันร้ายชัดๆ เลยใช่ไหม" พี่เบลล์หันมาหรี่ตามองผมและยิ้มให้ผมเหมือนกับเป็นเรื่องล้อเล่น ซึ่งผมไม่ได้รู้สึกสนุกด้วยเลยสักนิด

 "ผม ไม่ได้ต้องการให้ทุกอย่างเป็นแบบนี้"

 "แน่ล่ะ ใครจะต้องการ แม้แต่ความตายก็ยังไม่น่ากลัวเท่าการเอาตัวไปผูกติดกับโลกของปิศาจ"

 "ผมไม่กลัวหรอก ถ้าเป็นโลกของซิน" ผมพูดเบาๆ ไม่ได้หวังให้พี่เบลล์ได้ยิน แต่ก็ผิดถนัด

 "ไวท์ นายรู้ไหมว่า ความจริงแล้วฉันคือใคร" พี่เบลล์ปล่อยมือจากฟ่างและลุกขึ้นมองผมนิ่งๆ

 "คุณคือทูตสวรรค์" คำตอบของผมทำให้พี่เบลล์ยิ้มมุมปาก ปีกที่ขาวสะอาดของเขากางออกและกระพือไหวเพียงครั้งเดียว ทำให้เท้าของผมแทบลอยจากพื้นอีกครั้ง

 "ถูกต้อง ถ้าซาตานคือสีดำ ฉันก็คือสีขาว" ผมรู้สิ่งที่พี่เบลล์พูดดี เทวดากับซาตาน เป็นสิ่งที่ตรงกันข้าม แต่ว่า...

 "กำลังสงสัยเรื่องของซินใช่ไหม" ราวกับถูกอ่านใจ ผมพยักหน้าน้อยๆ ให้พี่เบลล์ ตอนนี้ผมรู้สึกเกรงๆ พี่เขาเล็กน้อย เหมือนกับว่าผมเคยรู้จักพี่เขา แต่ความจริงแล้วกลับไม่รู้อะไรเลย

 "ครับ มีเรื่องที่ผมไม่เข้าใจ ผมรู้ว่าซินเป็นซาตาน แต่ว่า ปีกนั้น ปีกของซิน เป็นสีขาว..."

 "ซิน เป็นสิ่งที่คาบเกี่ยวระหว่างความมืดและความสว่าง เพราะว่าเมื่อนานมาแล้ว เขาก็เคยเป็นพวกเรา เป็นทูตที่ถึงจะไม่มีไมตรีมากนัก แต่ก็อ่อนโยนยิ่งกว่าใคร" พี่เบลล์เริ่มเล่าเรื่องและนั่งลงบนเตียง

 "จนวันนึง เขาทำให้พระบิดาต้องผิดหวัง จากความหัวรั้นและไม่เชื่อฟัง ซินถูกขับไล่ลงมาจากบนนั้น ฤทธิ์อำนาจทุกอย่างก็ยังคงเป็นของเขา แต่ก็ถูกสาป ให้หลงลืมความรู้สึกดั้งเดิมของเขา ทำให้เขาลืมความอ่อนโยน และความรัก" พอเล่ามาถึงตรงนี้ พี่เบลล์ก็เรียกให้ผมให้เข้าไปใกล้ จ้องมองใบหน้าของผมอย่างพินิจพิจารณา

"ไวท์ นายเป็นคนดึงเขากลับมา ทำให้เขาที่ละทิ้งหนทางสว่าง กลับคืนสู่ที่ที่เขาควรอยู่อีกครั้ง"

 "ผมอยากเจอเขา" ผมพูดออกไปด้วยเสียงที่แห้งเหือด น้ำตาที่กักเก็บเอาไว้คอยแต่จะเอ่อล้นออกมาด้วยความหวัง "ขอแค่อีกสักครั้ง ให้ผมทำอะไรก็ได้"

 สีหน้าแววตาของพี่เบลล์ในตอนนี้นั้นเริ่มที่จะหม่นลงอีกครั้ง มันไม่มีทางเลยงั้นเหรอที่ผมจะได้พบซิน

 "ไวท์" แรงบีบที่มือเหมือนกำลังปลอบโยน ผมมองพี่เบลล์ที่ทำสีหน้าเจ็บปวด ผมไม่เคยเห็นพี่เขาเป็นแบบนี้มาก่อน

 "ไวท์ ฟังให้ดีๆ นะ...ซิน ไม่เคยออกห่างจากไวท์..."
หัวข้อ: Re: In The Shadows' เงาหลอน ซ่อนรัก '[YAOI][#40 คนที่ไม่อาจแตะต้อง](23/4/63)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 23-04-2020 13:12:59
 :pig4: :pig4: :pig4:

ซินไม่เคยออกห่างจากไวท์

แสดงว่า.....ซินอยู่ในร่างไวท์?
หัวข้อ: Re: In The Shadows' เงาหลอน ซ่อนรัก '[YAOI][#40 คนที่ไม่อาจแตะต้อง](23/4/63)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 24-04-2020 00:44:12
อยู่ไม่ห่าง แต่ก็ไม่ใกล้ และไม่ไกล  :really2:
หัวข้อ: Re: In The Shadows' เงาหลอน ซ่อนรัก '[YAOI][#40 คนที่ไม่อาจแตะต้อง](23/4/63)
เริ่มหัวข้อโดย: Gloomy Sunday ที่ 05-05-2020 22:27:39
Shadows ที่ 41 รัก จนเกินกว่าจะรัก


ถ้อยคำที่ผมได้ฟังนั้น ถ้อยคำที่บอกว่าซินไม่เคยไปไหน ทำให้หัวใจของผม ทั้งยินดีและเจ็บปวดในเวลาเดียวกัน

 ผมปล่อยมือจากพี่เบลล์ มองไปรอบๆ ห้องนอนสีอ่อนที่มีลมพัดโชยเข้ามา หยาดน้ำตาสายหนึ่งไหลรินออกมาจากดวงตาใส ผมกำอกเสื้อด้านซ้ายด้วยแข้งขาที่อ่อนแรง ความเจ็บปวดทำให้ผมกระอักสำลักสะอื้นไห้

 ไม่มี ไม่เห็น ผมมองไม่เห็นซินเลย

 แต่ความเจ็บปวดของผมนี้ คงเทียบไม่ได้เลยกับซิน ที่ต้องจ้องมองคนที่รักที่เสียใจร้องไห้ครั้งแล้วครั้งเล่า โดยที่ไม่อาจซับน้ำตาให้ได้ ทำได้เพียงจ้องมองอยู่ในมุมมุมหนึ่ง ไม่อาจสัมผัส ไม่อาจมอบไออุ่นใดๆ ทำได้เพียงเฝ้ามอง และบอกรักผ่านสายลมแผ่วเบา

 "ซิน" ผมร้องไห้ และเอื้อมมือไขว่คว้ากลางอากาศที่ว่างเปล่าตรงหน้า เพียงแค่หวังว่า ไออุ่นตรงหน้านี้ จะเป็นของคนที่ผมคิดถึงเหลือเกิน



 ในความมืดที่เงียบสงัด ผมค่อยๆ ลืมตาขึ้นช้าๆ ผมไม่รู้ว่าทำไมผมถึงมาอยู่ตรงนี้ สิ่งที่สุดท้ายที่ผมเห็น ที่ผมอยู่ ก็คือร้านของพี่เบลล์

ผมมองรอบๆ ตัวของผมที่ยังคงมืดสนิท ความมืดนี้ไม่ใช่ความมืดที่ธรรมดาทั่วไป ผมยกมือตัวเองขึ้นช้าๆ และจ้องมองมัน แต่ว่า มันก็มืดเกินกว่าจะมองเห็นได้

 ราวกับ...ตาของผม มันไม่เห็นอะไรอีกแล้ว

 พรึ่บ...

 แต่ทันทีที่ผมคิดแบบนั้น แสงเทียน แท่งหนึ่ง ก็จุดติดขึ้น ท่ามกลางความมืด

 แสงสีนวลที่ส่องประกายเล็กๆ นั้น ค่อยๆ แจ่มชัดขึ้นมาในสายตา ค่อยๆ ใกล้เข้ามา ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ และเมื่อเห็นว่าใครเป็นคนถือมันเข้ามานั้น ผมก็แทบจะไม่เชื่อสายตาตัวเอง

 "โอนเนอร์" ผมที่นั่งอยู่ที่เก้าอี้ทรงสูงก็ลุกขึ้นทันที ใบหน้าของผู้ชายวัยกลางคนเด่นชัดจากแสงเทียน รอยยิ้มของโอนเนอร์ค่อยๆ ผุดขึ้นบนใบหน้าอย่างใจดีเหมือนเก่า

 "คิดว่าเราจะไม่ได้พบกันอีกแล้วซะอีก" โอนเนอร์พูดกับผมและวางเทียนลงตรงหน้า ผมยังคงมึนงง มองโอนเนอร์และมองไปรอบๆ แต่ก็ยังไม่สามารถมองอะไรได้อยู่ดี

 "ทำไม ผมถึงมาอยู่ที่นี่ ทำไมผมถึงเห็นโอนเนอร์" ผมรีบถามในสิ่งที่สงสัย ไม่ใช่ว่าผม มองไม่เห็นโลกทางนั้นแล้วหรอกเหรอ

 "แน่นอนว่าเธอมองเห็นฉัน เพราะว่าฉัน ก็เหมือนกับเธอไงล่ะ" ผมขมวดคิ้วน้อยๆ ทันทีที่ได้ยินแบบนั้น

 "คุณ เป็นคนงั้นเหรอ" คำถามของผมเรียกเสียงหัวเราะเบาๆ จากชายตรงหน้า

 "เธอคิดว่าฉันเป็นอะไรล่ะ"

 "ผม...ไม่รู้ครับ" ผมตอบอย่างซื่อๆ มองดูแก้วใบหนึ่งในมือของโอนเนอร์ ที่ถูกรินของเหลวสีแดงลงภายใน

 "แล้วเธออยากรู้ไหม ว่าทำไมเธอถึงมาอยู่ตรงนี้" ผมพยักหน้าให้กับคำพูดนั้น เพราะนั่นเป็นสิ่งที่ผมอยากรู้ที่สุด

 "เพราะว่าเธอปรารถนามัน เพราะว่าเธอแสวงหามัน" ผมไม่เข้าใจ ผมปรารถนาที่จะมาที่นี่งั้นเหรอ

 "ความช่วยเหลือเล็กๆ จากทูตสวรรค์นั่น ทำเอาเขาสูญพลังไปมาก ที่นี่ ไม่ใช่ที่ที่คนบนฟ้าจะเข้ามาได้ เขาทำแค่เพียง มาส่งเท่านั้น"

 "พี่เบลล์ งั้นเหรอครับ" ผมถามโอนเนอร์ ที่กำลังส่งยิ้มอย่างใจดี

 "เธอนี่ไม่ธรรมดาจริงๆ แต่ละคนที่อยู่ข้างๆ เธอ ล้วนแต่เป็นคนที่สุดยอด" คำพูดของโอนเนอร์ทำให้ผมหม่นเศร้า จะมีประโยชน์อะไร ถ้าคนที่สุดยอดพวกนั้น ไม่ใช่ซิน คนที่ผมอยากให้อยู่เคียงข้างยิ่งกว่าใคร

 "จะมีประโยชน์อะไรที่ผมมาที่นี่ ในเมื่อ ผมไม่สามารถ พบซินได้อีกแล้ว แม้แต่จะมองสิ่งต่างๆ รอบตัวผม ก็ยังทำไม่ได้เลย"

 "เธอคิดว่าเธอ สูญเสียอะไรไปงั้นเหรอ"

 "ผมสูญเสียทุกสิ่ง ทุกสิ่งที่ทำให้ผมมีความสุข"

 "เธอคงยึดติดกับเขามากเกินไปแล้ว สิ่งที่เขาทำเพื่อเธอ เธอจำมันไม่ได้เหรอ ว่าเพราะอะไร" คำพูดของโอนเนอร์ทำให้ผมนึกย้อนกลับไป

 ผมเองที่ร้องขอชีวิตที่ปกติทั่วไป เป็นผมเอง ที่บอก ที่ขอร้องให้ซินต้องจากไป...

 น้ำตาหยาดหนึ่งไหลลงมาจากดวงตา ผมร้องไห้ ร้องไห้ และยังคงร้องไห้ ติดอยู่กับความโศกเศร้าผิดหวัง ความสุขที่แท้จริงที่ซินพูดนั้น ผมจะได้สัมผัสมัน ได้ยังไงกัน

 "ดื่มนี่สิ" ผมมองแก้วที่มีของเหลวใสสีแดง แสงของมันนวลละมุนเมื่อต้องกับแสงเทียน ในหัวของผมว่างเปล่า ผมค่อยๆ ยื่นมือออกไป และหยิบมันขึ้นมา จ่อขอบแก้วนั้นจรดริมฝีปาก และค่อยๆ ดื่มมันเข้าไป

 ผมไม่ได้รับรู้รสชาติของมัน ทุกสิ่งทุกอย่างมันขมขื่นสิ้นหวัง ผมหลับตา ปล่อยให้ของเหลวนั่นค่อยๆ ไหลผ่านลำคอเข้าไป กล้ำกลืน ฝืนน้ำตาเอาไว้

 "หึ เด็กนั่น ยังไม่ตายอีกเหรอ"

 "นาธัส ก็ไม่แน่เท่าไหร่"

 อยู่ๆ หูของผมก็เหมือนกับถูกเปิดสวิตซ์ สิ่งต่างๆ รอบตัว เสียงพูดคุย เสียงซุบซิบ ดังขึ้นรอบๆ ตัวอย่างน่าประหลาด

ผมค่อยๆ ลืมตาขึ้นช้าๆ มือที่ถือแก้วเปล่านั้นกลับกำแน่นด้วยความรู้สึกที่หลั่งไหลเข้ามาดั่งสายฝน

 ผมเบิกตากว้าง มองรอบๆ ตัวผมที่บัดนี้ ไม่ได้มีแต่เพียงความมืดอีกแล้ว ผนังที่มีเชิงเทียน โต๊ะไม้และเก้าอี้ที่เข้าชุด ผู้คน... ไม่ใช่ พวกนี้ ไม่ใช่คน...

 ผมตกใจลุกขึ้นจากเก้าอี้ มือที่ถือแก้วนั้น เผลอปล่อยมันร่วงหล่นสู่พื้นจนแตกกระจาย

 "ผ..ผม..." ผมตกใจแทบจะล้มลง แต่มือของโอนเนอร์ก็จับผมเอาไว้ได้ทัน

 "เป็นไปได้ยังไง" ผมมองโอนเนอร์ที่กำลังยิ้ม เหล่าซาตานรอบๆ ตัวผม ต่างจ้องมองมาอย่างอยากรู้

 "หรือว่า..." ผมมองแก้วไวน์ที่แตกกระจายอยู่ที่พื้น ความทรงจำเก่า ผุดแล่นริ้วราวกับภาพฉาย

 ผมเคยดื่มน้ำนี้มาแล้ว และตอนนั้น มันทำให้ดวงตาของผม ไม่ต้องสวมแว่นอีกต่อไป ใช่ น้ำนี้ ทำให้ผม...

 "เธอทำมันไม่ได้ ถ้าไม่มีความเชื่อมากพอ และฤทธิ์ของมันก็เพียงชั่วคราวเท่านั้น" โอนเนอร์พูดบอกผมด้วยรอยยิ้ม

 "ขอบคุณครับ ขอบคุณ..."

 "แทบไม่เหลือเวลาอีกแล้ว รีบไปซะ"

 คำพูดนั้นเหมือนเป็นสัญญาณบางสิ่ง ผมมองโอนเนอร์ และมองไปที่ด้านบน มองคนคนหนึ่งที่กำลังจ้องมองผม ทำให้หัวใจเต้นโลดด้วยความดีใจ

 "พี่ไวลี่" ผมเรียกพี่ไวลี่อย่างตื่นเต้นและวิ่งไปที่ด้านบนของบาร์อย่างเอาเป็นเอาตาย ไม่สนใจเสียงขู่เบาๆ ของบรรดาปิศาจในร่างคน

 ผมวิ่งและวิ่งข้ามบันไดทีละสามขั้น ไม่นานนัก ผมก็ขึ้นมายังชั้นสอง ที่นี่ยังคงเหมือนเดิม มีโซฟาที่นั่งสบาย มีผู้หญิงสองคนที่ยังคงอยู่เหมือนเดิม แต่ทว่า...

 "โง่หรือไง คิดว่าซินอยู่ที่นี่งั้นเหรอ" คำพูดของพี่ไวลี่ทำให้เท้าของผมหยุดชะงัก รอยยิ้มที่เคยมี เหือดหายไปจากใบหน้า ไม่มี ที่นี่ไม่มีซินอยู่

 ทำไมล่ะ ถึงแม้ว่าผมจะมองเห็น แต่ว่า ผมก็ยังไม่พบซิน

 "ยืนบื้อทำอะไร ซินในตอนนี้ไม่ใช่พวกเราอีกแล้ว ก็รู้ไม่ใช่เหรอ" คำพูดที่แฝงไปด้วยความผิดหวังของพี่ไวลี่ ราวกับตบปลุกผมให้ฟื้นคืนสติ

 ทำไมพี่เบลล์ถึงไม่เข้ามาที่นี่ เพราะว่ามันไม่ใช่สถานที่สำหรับเขา และซิน...

 ขาของผมเริ่มก้าวอีกครั้ง ผมวิ่งกลับหลัง วิ่งลงบันไดกระโจนจนเกือบล้มลง แต่ว่า ไม่มีอะไรหยุดผมได้ ไม่มี...

 ความมืดจากด้านนอก ไม่สามารถทำอะไรกับแสงสว่างรอบๆ ตัวของคนคนนั้นได้

 ทุกฝีก้าวที่ผมวิ่งออกไป เรือนร่างที่ดูคุ้นตา ปรากฏขึ้นช้าๆ และค่อยๆ เด่นชัด

 ชุดสีดำ ที่ดำสนิท ใบหน้าที่ขาวซีด และเคยเย็นชา แต่ทว่า ตอนนี้ ใบหน้านั้น กำลังยิ้มจางๆ

 มันเป็นภาพ ที่ผมเฝ้าคิดถึง เป็นเหมือนดั่งความฝันที่สวยงามที่สุด

 ผมวิ่งอย่างสุดแรง และโถมเข้าหาร่างกายนั้น กอดแน่น และฝังใบหน้าลงที่อกที่แสนอบอุ่นที่สุด

 "ซิน" ผมกอดซินแน่นอย่างโหยหา กอดแน่นราวกับกลัวว่าคนตรงหน้าจะระเหิดหายไป ผมเรียกซินซ้ำไปซ้ำมา สูดกลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์ จดจำช่วงเวลาที่ผมเฝ้ารอ

 "ผมคิดถึงซิน ซิน ซิน"

 "อื้ม อยู่นี่แล้ว อยู่ข้างๆ เสมอ" เสียงของซินแผ่วเบา ยังคงเรียบง่าย แต่ทว่า ทำให้ผมน้ำตาไหลออกมาอย่างสุดจะกลั้น

 "ผมขอโทษ" ผมร้องไห้ คำคำนี้ผมก็อยากจะพูดอีกแสนล้านครั้ง ทุกสิ่งที่ซินทำเพื่อผม มันทำให้ซินต้องสูญเสียทุกอย่าง

 "ไม่อยากได้ยินคำนี้" ผมเงยหน้ามองซิน ใบหน้าที่ดูอ่อนล้านั้นกำลังยิ้ม เป็นยิ้มที่อ่อนโยนที่สุดเท่าที่ผมเคยได้เห็น

 "ไปตรงนั้นกันเถอะ" ซินจับมือผมให้เดินตาม ผมมองแผ่นหลังกว้างของซิน มือของพวกเราผสานกันอย่างลึกซึ้ง ผมยกมือนั้นขึ้นแนบใบหน้าของผม ให้ผมได้สัมผัสซินมากที่สุดเท่าที่จะมากได้

 ที่ด้านหน้าไม่ไกลจากบาร์นั้น ท่าเรือที่ดูเงียบสงบ ผืนน้ำกว้างไกลสุดลูกหูลูกตา สะพานไม้ที่ทอดยาวออกไป ท้องฟ้าที่เป็นสีหม่น ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดๆ อยู่ที่นี่

 มีแต่เพียงพวกเรา นั่งลงที่เก้าอี้ไม้ตัวยาว พิงอิงแอบกัน ผมกอดซินเอาไว้ ราวกับจะไม่พรากจาก ไม่มีคำพูดอะไรมากมายจากซิน เหมือนกับว่า ซินกำลังเก็บเกี่ยวช่วงเวลาเหล่านี้เอาไว้เช่นกัน

 "ตอนนั้น ในความฝัน เป็นซินจริงๆ ใช่ไหม" ผมเอ่ยถามอย่างแผ่วเบา ผมรู้สึกถึงมือของซินที่กระชับกุมมือผมแน่นขึ้น

 "เพราะว่าทำได้แค่นั้น"

 "ผมดีใจ ผมคิดถึงซิน ไม่ว่าจะทำอะไร ผมก็ไม่เคยลืมซินได้เลย"

 "นั่น ไม่ทำให้ไวท์เจ็บปวดหรอกเหรอ"

 "ถึงจะเจ็บปวด แต่ผมก็ยังอยาก จะคิดถึงซินต่อไป"

 "ไวท์ มีความสุขไหม"

คำถามของซิน ทำให้ผมค่อยๆ เงยหน้าขึ้น ใบหน้าของซินยังคงดูดีเหมือนเช่นเดิม แต่ปากที่เป็นสีชาดตอนนี้กลับซูบซีดลง ผมค่อยๆ ใช้มือข้างที่ว่าง เลื่อนมือแตะช้าๆ ลงบนริมฝีปากนั้น มองดูซินที่หลับตาลงและจับมือของผมเอาไว้ ผมอยากแตะต้องซิน มากเท่าที่จะสามารถทำได้

"ผมมีความสุข ถ้ามีซินอยู่ข้างๆ ต่อจากนี้ อย่าไปไหนเลยนะ ทำเพื่อผม อีกสักครั้งได้ไหม" คำขอที่เอาแต่ใจนี้ ตามมาด้วยหยาดน้ำตาที่ิรินไหล

 "อยู่ด้วยกันเถอะนะ ถึงผมจะต้องกลับมาเห็นสิ่งน่ากลัว ผมก็จะไม่กลัวอีกแล้ว" ถ้อยคำขอร้องอ้อนวอนส่งผ่านเสียงที่สั่นเครือ ผมฝังหน้าลงกับคอของซิน ปล่อยให้ซินกอดไหล่ที่สั่นเทาของผมเอาไว้

 "พวกเขา บอกว่าเหลือเวลาอีกไม่มาก บอกว่าซินจะจากไป นั่นไม่จริงใช่ไหม ซินจะไม่ไปไหนใช่ไหม ซินอยู่กับผมตลอดเวลา ซินจะไม่มีวันห่างจากผมใช่ไหม"

 "แต่โลกใบนี้ มีแต่จะทำให้ไวท์เจ็บปวด"

 "ไม่ ไม่อีกแล้ว ผมยอมแล้ว ไม่ว่าจะต้องเจอกับอะไร ผมจะไม่กลัว ผมจะอดทน ผมจะเข้มแข็ง เพราะงั้น ซิน อยู่ด้วยกันเถอะนะ"

 "ขอบคุณนะ..." ซินพูด และประทับจุมพิตที่แสนอ่อนโยนลงที่หน้าผากของผม หัวใจของผมพองโตด้วยความดีใจ

 "แต่ว่า เส้นทางของไวท์ ถูกกำหนดไว้แล้ว" ผมขมวดคิ้วด้วยความไม่เข้าใจ มองซินที่กำลังยิ้มแบบเศร้าๆ

 "ใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ ให้คุ้มค่าที่สุด ต่อจากนี้ ไวท์จะได้มีความสุข อย่างที่ไวท์ไม่เคยรู้สึกมาก่อน มีชีวิต อย่างคนทั่วไป เหมือนที่ฝันไว้"

 "ซิน..." ผมน้ำตาไหล จ้องมองซิน "ผมจะมีซินใช่ไหม"

 "แน่นอน ถึงไม่อยู่ในความทรงจำ แต่ก็คง จะอยู่สักแห่งในหัวใจ"

 "ไม่...ผมไม่เข้าใจ"

 "ไวท์ ขอบคุณนะ ที่ทำให้จำความรู้สึกนี้ได้"

 "..."

 "รัก รักจนเกินกว่าจะรัก"

 จุมพิตที่แสนอ่อนโยนประทับที่ริมฝีปาก ผมหลับตาลง ถึงจะไม่เข้าใจในสิ่งที่ซินบอก แต่ว่าคำว่ารักนั้น ได้สลักลึกลงในหัวใจของผม สลักลึก ฝังไว้ จะไม่มีวันลืม ว่าผมนั้น ก็รัก รักซินมากที่สุด รักจนไม่อาจรักใครได้อีก

 "ผมรักซิน รัก ผมรักซิน ผมรักซิน...ซิน รักซิน...ผมรัก...รัก...ใครกันนะ"
หัวข้อ: Re: In The Shadows' เงาหลอน ซ่อนรัก '[YAOI][#41 รัก จนเกินกว่าจะรัก](5/5/63)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 05-05-2020 22:44:18
 :pig4: :pig4: :pig4:

สรุปแล้ว  ไวท์เป็นอะไร  ที่บอกว่าเป็นประเภทเดียวกับโอนเนอร์?

เป็นมนุษย์ที่มีสัมผัสพิเศษมองเห็นภูติผีปิศาจงั้นสินะ
หัวข้อ: Re: In The Shadows' เงาหลอน ซ่อนรัก '[YAOI][#41 รัก จนเกินกว่าจะรัก](5/5/63)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 05-05-2020 23:24:53
เจอกันครั้งนี้ ครั้งหน้าจะได้เจอกันอีกไหมหนอ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: In The Shadows' เงาหลอน ซ่อนรัก '[YAOI][#41 รัก จนเกินกว่าจะรัก](5/5/63)
เริ่มหัวข้อโดย: Gloomy Sunday ที่ 18-05-2020 10:58:50
Shadows ที่ 42 ความสุขที่เคยใฝ่ฝัน


แสงของดวงตะวันที่ส่องประกายเข้ามาในดวงตา ทำให้ผมกะพริบตาช้าๆ ไล่แสงนั้น

"ตื่นแล้วเหรอ หลับยาวเลยนะ ฝันดีหรือไง" ผมลุกขึ้นอย่างงัวเงียขึ้นจากพื้น มองสิ่งต่างๆ รอบๆ ตัวและมองฟ่างที่นอนอยู่บนเตียง

"ครับ ก็น่าจะ..." ผมขมวดคิ้วให้กับคำถามนั้น ฝันงั้นเหรอ เรื่องอะไรกันนะ

"คงได้เจอซินแล้วใช่ไหม" พี่เบลล์พูดกับผม ด้วยที่รอยยิ้มสว่างไสว

"ซิน...คือใครเหรอครับ" ผมถามพี่เบลล์ที่สีหน้าค่อยๆ หุบยิ้มลง ผมไม่เข้าใจเลย ทำไม พี่เขาถึงได้ทำหน้าเศร้าขนาดนั้นกันนะ



ไม่รู้ว่าทำไม แต่ในหัวของผมหลังจากวันนั้น มันรู้สึก...ว่างเปล่า ปลอดโปร่ง ราวกับไม่เคยมีเรื่องทุกข์ใจใดๆ ในชีวิต แต่ว่า...ทำไมกันนะ ในหัวใจ มันเหมือนกับ มีหลุมลึก เหมือนกับมีอะไรสักอย่างที่ขาดหายไป

 "ไวท์"

 เสียงเรียกจากด้านหลัง ทำให้ผมต้องหันกลับไป ตอนนี้ ผมอยู่ในห้องเรียนรวม ซึ่งผมจองเก้าอี้ไว้ให้เพื่อนสนิทได้นั่งข้างกัน ผมมองฟ่าง ที่ค่อยๆ เดินเข้ามาหาผมและนั่งลง

 "เป็นยังบ้าง ดีขึ้นแล้วใช่ไหม" ผมถามเธอ เพราะว่าเมื่อสองวันก่อน อยู่ๆ เธอก็เป็นลมล้มลงไปที่ร้านของพี่เบลล์

 "ไวท์" ผมขมวดคิ้ว ไม่รู้ทำไมเธอถึงได้ทำหน้าไม่สบายใจ

 "อะไรเหรอ"

 "วันก่อนนั่น ตกลงมันเกิดอะไรขึ้นเหรอ" ผมขมวดคิ้วทันทีที่ได้ยินคำถาม

 "ฟ่างลืมไปแล้วเหรอ ก็ฟ่าง อยู่ๆ ก็เป็นลมล้มลงไป ผมตกใจมากเลยนะ" ผมมองเธอที่ดูทำหน้าเหมือนไม่เชื่อ

 "แต่ว่า ฟ่างจำได้ว่า..." เธอดูสับสน จนผมสับสนตามไปด้วย ผมพยายามนึกภาพเรื่องของวันนั้น แต่ก็จำได้เพียงว่า เธอเป็นลมล้มลงไป และผมกับพี่เบลล์ก็พาเธอไปพักผ่อนข้างบน มันก็เท่านั้นนี่

 "ไวท์ ฟ่างขอโทษนะ จริงๆ ฟ่างก็พอรู้ตัวอยู่ แต่ว่าไม่อยากให้ไวท์เป็นกังวล ก็เลยไม่บอกว่า ฟ่างผิดปกติไป ฟ่างรู้ว่าเขาอยู่ข้างใน ฟ่างพยายามไล่เขาออกไป"

 "ฟ่าง ผมว่าฟ่างยังไม่หายนะเนี่ย พูดอะไรน่ะ เขาที่ไหน ใครอยู่ในฟ่าง ผมกลัวนะ อย่าล้อเล่นสิ"

 "ไวท์..."

 "วันนี้ฟ่างเรียกชื่อผมหลายรอบแล้วนะ แกล้งผมใช่ไหม" ผมไม่เข้าใจ ฟ่างมองหน้าผมและส่ายหัวช้าๆ ไปมา

 "ซิน ซินเป็นใครสำหรับไวท์" ผมมองเพื่อนที่ตั้งคำถามอย่างจริงจัง ซินงั้นเหรอ...พี่เบลล์ก็เคยพูดถึงชื่อนี้

 "ซิน เป็นใครงั้นเหรอ" ผมมองน้ำตาหยาดหนึ่งที่ไหนออกมาจากดวงตาของเพื่อน

 "ฟ่าง เป็นอะไรไป"

 "ไวท์ ไม่ตลกเลยนะ"

 "ไม่ตลกอะไร" ผมถามเธอที่นิ่งเงียบไป ผมมองดูเธอที่ร้องไห้เงียบๆ ผมไม่เข้าใจ ทำไมเธอถึงได้ดูเศร้าขนาดนั้น คำว่าซินเนี่ย หมายถึงอะไรกัน

 "ผม ทำให้ฟ่างเสียใจเหรอ"

 "ไม่ไวท์ ไม่เลย" ผมสบายใจขึ้นเมื่อเธอเริ่มยิ้มและกุมมือผมเอาไว้ "บางที นี่อาจเป็นเรื่องดีก็ได้" ผมมองเธอที่ส่งยิ้มให้ผม เรื่องดีงั้นเหรอ การที่ผมลืมอะไรบางอย่างไป มันคือเรื่องดีอย่างนั้นเหรอ

 "วันนี้ไวท์จะไปร้านพี่เบลล์ไหม"

 ฟ่างถามผมขณะที่พวกเราออกจากตึกเรียนรวมในเวลากลางวัน พวกเราเดินผ่านทางเดินเล็กๆ ไปหาที่ทานข้าวกัน

 "อ่อ ผมลืมบอกไป วันนี้ผมกับที่บ้านจะไปทานอาหารเย็นกันข้างนอก ฟ่างไปด้วยกันนะ พี่ตะวันก็ไป ผมอยากให้ฟ่างไปด้วย" ผมหยุดเดินและอ้อนเพื่อน ผมอยากให้ทุกคนที่ผมแคร์อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากัน



 เมื่อถึงเวลาเย็น ผมแวะไปหาพี่เบลล์เพื่อช่วยงานเล็กน้อย ก่อนที่จะขอตัวไปทานอาหารกับครอบครัว

 ตลอดเวลาที่อยู่ที่ร้านนั้น ผมสังเกตว่าฟ่างและพี่เบลล์คุยกันตลอดเวลาด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก แต่ก็มักจะส่งยิ้มให้ผมเมื่อเห็นว่าผมมองอยู่

 "มาไวท์ ฟ่างช่วย" เธอส่งยิ้มให้ผมและเดินเข้ามาใกล้

 "ไม่ต้องหรอก จีบกันต่อก็ได้ ผมไม่ว่านะ"

 "โธ่ไวท์ พูดอะไรน่ะ"

 "ทำไมเดี๋ยวนี้หวงเพื่อนด้วยเหรอ หรือว่า..." พี่เบลล์ได้ทีเข้ามาผสมโรง แต่ว่าเมื่อได้ยินพี่เบลล์พูดแบบนั้น ภายในหัวใจของผมก็รู้สึกต่อต้านอย่างรุนแรง

 "ไม่ครับ ผมดีใจถ้าฟ่างจะได้แฟนดีๆ แบบพี่" ผมเผลอพูดไปอย่างรวดเร็วจนทั้งสองคนตกใจ "คือ ไม่ใช่ว่าผมรังเกียจฟ่างนะ แต่...คือผม..." ผมหัวใจเต้นเร็วจนเผลอกำเสื้อเอาไว้

 "ไวท์ ใจเย็นๆ ไม่มีใครว่าอะไรเลยนะ" ผมไม่รู้ทำไม แต่ว่าหัวใจของผมมันเหมือนกับรับไม่ได้กับเรื่องที่ว่า จะมีใคร ที่ผมจะรัก

"พี่จะบอกว่า เย็นนี้เดี๋ยวพี่ไปด้วย" พี่เบลล์ลูบหลังผมและเอาไม่กวาดออกจากมือผม "ตะวันก็เพื่อนพี่ มันชวนน่ะ"

 "อ่อครับ ดีเลย" ผมเริ่มรู้สึกดีขึ้นมาก และเมื่อเก็บกวาดปิดร้านกันสักพัก คนที่พวกเรารอก็มาถึง

 "พี่ชายฮะ" ผมมองคนที่เข้ามาเกาะขาผมแน่น เครป เค้ก และคุณพ่อคุณแม่ ไม่ใช่แค่นั้น พี่ตะวัน ทุกคนเข้ามากันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา

 ผมล้างมือล้างไม้และมาอุ้มน้องชายตัวน้อย แถมยังมีน้องสาวที่เกาะแขนแน่นอีก

 "พี่ไวท์ พวกเรานั่งด้วยกันนะคะ"

 "เค้ก อย่าไปกวนตอนพี่เขาทำงานสิลูก"

 "ไม่เป็นครับ เรียบร้อยแล้ว พวกเราไปกันเถอะ" ผมบอกคุณพ่อคุณแม่ และอุ้มน้องตามพวกท่านออกไป

 "ไปรถพี่..."

 "ไวท์ไปนั่งคันโน้นเดี๋ยวพี่ไปกับเจ้านี่เอง" พี่เบลล์เข้ามาขัดพี่ตะวันและผลักผมให้ไปที่รถของคุณพ่อ ผมยิ้มให้ทั้งสองที่ดูกำลังเขม่นกัน ผมรู้ว่าพี่ตะวันชอบผม และดีกับผมมาก แต่ว่าผมก็ เคยบอกพี่เขาแล้วว่า...ว่าอะไรกันนะ

 "ไวท์ ขึ้นรถสิลูก" ผมเดินตามคุณแม่และขึ้นรถพร้อมๆ กับน้องๆ ที่เกาะผมแจ ผมมองเห็นฟ่างแยกไปกับรถของพี่ตะวัน แบบนี้ก็เหมือนกับว่ารถคันนี้ มีแต่ผมและครอบครัวของผม

 "วันนี้เป็นยังไง เรียนสนุกไหมเด็กๆ" คุณพ่อที่ไม่ค่อยมีเวลาทานอาหารพร้อมหน้า วันนี้พวกเราอยู่กันครบ ผมมีความสุขมาก ผมจับให้เครปนั่งบนตักและกอดน้องไว้หลวมๆ

 "สนุกค่า แต่ว่าที่โรงเรียนอาหารไม่อร่อยเลยเบื่อมาก"

 "เหรอ เดี๋ยววันหลังพี่ทำข้าวกล่องไปไว้ทานกลางวันให้นะ"

 "จริงเหรอคะพี่ไวท์ รักพี่ไวท์มากเลย" ผมยิ้มกว้างเมื่อน้องบอกรัก

 "ไม่เอาลูก พี่ไวท์เขาทำงานกลับมาก็เหนื่อยแล้ว ยังจะต้องมาตื่นเช้าทำให้หนูอีก"

 "ไม่เป็นไรครับคุณแม่ ผมทำได้ เดี๋ยวทำของโปรดให้เครปด้วยดีไหม" ผมก้มลงมาคุยกับน้องชายตัวเล็ก แต่ว่าไม่รู้ทำไม อยู่ดีๆ เจ้าเครปก็ทำหน้างอเหมือนคิดอะไรอยู่

 "เป็นอะไรไปครับ ไปโรงเรียนไม่สนุกเหรอ" ผมคุยกับน้องชาย ซึ่งเครปก็พยักหน้าทันที ผมขมวดคิ้ว และเหลือบมองคุณพ่อกับคุณแม่ที่มองหน้ากันอย่างไม่สบายใจเช่นกัน

 "ไหนบอกพี่ไวท์สิ ว่าทำไมเครปถึงไม่อยากไปโรงเรียนเหรอครับ" ผมถามน้อง ซึ่งเครปก็หันมากอดผมเอาไว้และพูดเสียงเบาๆ

 "ที่โรงเรียน...มีแต่คนน่ากลัว" ผมตกใจทันทีที่ได้ยิน

 "น่ากลัวเหรอ แบบนี้ไม่ดีแน่ คุณพ่อคุณแม่ครับ โรงเรียนของน้องเนี่ย เป็นแบบนี้อันตรายนะครับ" ไม่รู้ทำไม ผมมองคุณพ่อที่ถอนหายใจ

 "ที่โรงเรียนไหนก็เหมือนกันลูก พวกเรา ก็ทำได้แค่ให้เครปเข้มแข็ง และเมื่อเขาโตขึ้น เรื่องพวกนี้ก็คงจะเบาลงไป" ผมไม่เข้าใจ ทำไมคุณพ่อคุณแม่ถึงพูดอะไรแบบนี้

 "ไหนบอกพี่สิว่า คนน่ากลัวพวกนั้นเป็นยังไง พี่ชายจะไปจัดการให้เอง" ผมก้มลงถามน้อง

 "ทำอะไรไม่ได้ฮะ" ผมก้มลงฟังน้องใกล้ๆ จนใบหน้าพวกเราแนบกัน ผมขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ และไม่สบายใจมากขึ้น

 "ต้องได้สิ พี่..."

 "พวกนั้น เป็นผีฮะ" ผมชะงักทันทีที่ได้ยิน และไม่รู้ทำไม ผมเริ่มหัวเราะออกมาเบาๆ และลูบหัวเล็กๆ ของน้อง

 "เครป ฟังพี่ชายนะ ผีมีจริงซะที่ไหน" และไม่รู้ว่าทำไม เมื่อผมพบได้พูดคำนี้ออกไป ทุกคนในบ้าน ถึงมองผมเหมือนกับ ผมไม่ใช่ผมอีกต่อไป



 เวลาร่วงเลยผ่านไปหลายเดือนแล้ว ผมในตอนนี้กำลังเรียนอยู่ในชั้นปีที่สูงขึ้น ผมใช้เวลาชีวิตส่วนใหญ่ไปกับการเรียน ใช่ชีวิตทั่วไป อยู่กับเพื่อนที่มีเพิ่มมากขึ้นทุกวัน

 ในตอนเย็น ผมก็ยังคงทำงานอยู่ที่ร้านของพี่เบลล์ที่เป็นเหมือนพี่ชายอีกคนหนึ่งของผม การได้ใช้เวลาทำในสิ่งที่ตัวเองชอบ ผมรู้สึกมีความสุขมาก และเหมือนกับได้ใช้ชีวิตคุ้มค่าที่สุด ซึ่งที่สิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตของผมก็คือ ครอบครัว บ้านที่แสนอบอุ่ม ที่ที่ผมได้พักพิง

ผมไม่ได้ตัวคนเดียวอีกแล้ว ทุกคนที่รายล้อมผมนั้น ทุกคนมีแต่ความรัก มีแต่ความหวังดีเสมอ ผมที่เกิดมานี้ รู้สึกว่าตัวเองช่างโชคดีเหลือเกิน ถึงแม้ว่าที่ผ่านมา จะต้องพบเจอกับความยากลำบากไปบ้าง แต่ว่า ช่วงชีวิตหลังจากนี้ ผมจะไม่ต้องร้องไห้อีกแล้ว

 "ไวท์ลูก อะไรก็ดีทุกอย่าง ทั้งหน้าตา นิสัย การเรียน ทำอาหารก็เก่ง แต่ว่าทำไมกันล่ะลูก ห้องเราถึงรกขนาดนี้"

 ผมที่นั่งเล่นดินน้ำมันกับเครปก็ถูกคุณแม่ที่แอบมองดุเข้าซะแล้ว

 "โธ่คุณแม่ จริงๆ ผมก็เก็บทุกวันนะครับ แต่ว่าแค่เก็บไม่ละเอียดเอง"

 "แม่เข้าใจ ก็เจ้าเครปชอบเอาขยะมาเพิ่มให้ไวท์ทุกวันด้วย"

 "ม่ายจริงเลยฮะ น้อนเครปแค่ให้ของเล่นพี่ชายนะ" ผมหัวเราะและอุ้มน้องมานั่งบนตัก

"น้องชายที่แสนดีแบบนี้หาที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว" พูดแล้วก็หอมแก้มน้องฟอดใหญ่ ซึ่งเจ้าตัวเล็กดูจะชอบใจมาก

 "เอาล่ะๆ ยังไงก็เก็บกวาดซะหน่อย เดี๋ยวพรุ่งนี้แม่จ้างแม่บ้านมาให้ จะเอาอะไรไว้ จะทิ้งอะไรก็บอกเขาละกัน"

 "จริงๆ ไม่เป็นไรก็ได้นะครับ เดี๋ยวไวท์เก็บเอง"

 "ไม่เป็นไรลูก แม่จะให้เขาทำทุกห้องนั่นแหละ"

 "ครับ ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวผมช่วยเขาเอง"

 "แม่จ้างเขานะลูก"

 "งั้นก็จ้างไวท์แถมด้วยสิครับ"

 "ได้เลย"

 "ผมล้อเล่นน่ะ ห้ามให้ผมจริงๆ นะ" ผมหัวเราะ ตอนนี้พวกเราครอบครัวต่างสนิทกันอย่างแน่นแฟ้น เหมือนกับความฝันเลยนะ ผมที่ไม่เคยนึกภาพของครอบครัวออก ตอนนี้กลับกลมกลืนไปกับชีวิตที่แสนสุข ผมคิด ว่าผมไม่อาจมีความสุขไปมากกว่านี้อีกแล้ว นี่เป็นชีวิตที่ผมใฝ่ฝัน ผมใฝ่ฝันหาความสุขนี้มาตลอด

แต่ทว่า...ไม่รู้ทำไม เวลาที่คิดว่าตัวเองมีความสุขขนาดนี้ ส่วนลึกภายในจิตใจของผม มันกลับร่ำร้องว่า ผมนั้น...เคยมีความสุขมากกว่านี้

ความสุข ที่ได้อยู่เคียงข้าง กับใครสักคน...
หัวข้อ: Re: In The Shadows' เงาหลอน ซ่อนรัก '[YAOI][#42 ความสุขที่เคยใฝ่ฝัน](18/5/63)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 18-05-2020 17:52:48
 :pig4: :pig4: :pig4:

ครอบครัวไวท์  น่าจะเป็นครอบครัวที่ทุกคนมีสัมผัสพิเศษ เห็นสิ่งลี้ลับกันทุกคนสินะ
หัวข้อ: Re: In The Shadows' เงาหลอน ซ่อนรัก '[YAOI][#42 ความสุขที่เคยใฝ่ฝัน](18/5/63)
เริ่มหัวข้อโดย: Gloomy Sunday ที่ 02-06-2020 08:55:20
Shadows ที่ 43 สิ่งที่ไม่อาจลืมเลือน


 ในเช้าวันอาทิตย์ที่แสนสดใส ผมตื่นนอนแต่เช้า ทำอาหารเช้าจัดเตรียมให้กับครอบครัวที่แสนน่ารักของผม วันนี้ผมทำแกงจืดเต้าหู้สาหร่าย ไข่เจียวหมูสับ และไก่ทอดของโปรดของเจ้าเครป

    วันอาทิตย์เป็นวันที่ผมชอบมาก เพราะพวกเราทุกคนจะได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากัน โดยปกติเมื่อทานข้าวเสร็จ คุณพ่อก็จะไปทำงานที่ห้องทำงานของท่าน คุณแม่ก็จะทำงานอดิเรกอย่างงานปักเย็บต่างๆ ซึ่งผมก็เคยไปเรียนรู้กับท่านบ้าง แต่ว่าก็ไม่ไหวเอาซะเลย ผมกับงานเย็บปักถักร้อย สงสัยคงเคยเป็นศัตรูกันมาก่อน

    และเมื่อถึงเวลาบ่าย ผมก็จะนั่งดูการ์ตูนกับน้องๆ บ้าง เล่นเกมส์ด้วยกันบ้าง ฟังเพลงกับเค้ก เลือกชุดน่ารักๆ ออกความคิดเห็นเกี่ยวกับวงนักร้องที่เธอชอบ

    และบางอาทิตย์พวกเราก็จะออกไปเที่ยวด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นห้างสรรพสินค้า พิพิธภัณฑ์ น้ำตก ภูเขา หรือทะเล

    ช่วงเวลาที่แสนสุขเหล่านี้ ช่วงเวลาที่พวกเราได้ใช้ชีวิตร่วมกัน ผมอยากจะเก็บรักษามันไว้ตลอดไป จะอีกกี่สิบปีต่อจากนี้ ผมก็จะรักและดูแลครอบครัวของผมให้มีความสุขตลอดไป

    "ไวท์ลูก คุณป้านวลเขากำลังจัดห้องเราอยู่นะ ไปดูสิลูก เผื่ออยากให้ป้าเขาทำอะไรให้เพิ่มหรือเปล่า"

    "อ่อครับ" ผมเมื่อช่วยคุณแม่ปักดอกไม้ในแจกันแล้วก็เดินกลับไปที่ห้องตามที่คุณแม่บอก

    ห้องของผมอยู่ไม่ไกลกันมาก ห้องแต่ละห้องของสมาชิกในครอบครัวต่างเรียงกันเป็นลำดับ บ้านไม้หลังใหญ่นี้ทั้งสงบและร่มเย็น ผมกำลังคิดว่าจะทาสีด้านนอกให้เป็นสีเขียวอ่อนดีไหมนะ จะได้ดูสบายตามากขึ้น...

    เพล้ง!

    เสียงของที่ตกแตกในห้องทำให้ผมตกใจเล็กๆ ผมเร่งฝีเท้าไปที่ห้องของผม ซึ่งเมื่อผลักประตูเข้าไป ก็เห็นว่าในมือของป้านวลคนทำความสะอาดกำลังถือเศษแก้วในมือ

    "ขอโทษค่ะ ขอโทษ ป้าไม่ระวังจนข้าวของเสียหาย"

    "ไม่เป็นไรครับ ไม่เป็นไร คุณป้าบาดเจ็บหรือเปล่า" ผมมองเศษแก้วในมือของคุณป้า และก็ต้องขมวดคิ้วน้อยๆ เมื่อเห็นรูปทรงที่แปลกประหลาดของมัน

    "ไม่ใช่ แก้วน้ำใช่ไหมครับ" ผมถามอย่างสงสัย เพราะว่ามันเป็นโครงแก้วสี่เหลี่ยม ที่ผมจำไม่ได้ว่าเคยมีมันอยู่ในห้อง

    "ไม่ใช่ค่ะ มันเป็นกล่องแก้วเก็บของเอาไว้ อ่ะ นั่น คือ ขอโทษจริงๆ ค่ะ..." ผมมองตามมือของเธอที่กำลังชี้สิ่งสิ่งหนึ่งที่กำลังลอยอยู่ในอากาศ พัดปลิวตามสายลมอ่อน

    ในหัวของผมนั้นว่างเปล่า ผมมองขนนกสีขาวที่กำลังล่องลอยไป และเริ่มไกลออกไป

    ผมยังคงยืนอยู่ตรงนั้น สายลมอีกละลอก เริ่มพัดแรงขึ้น ส่งให้เจ้าขนนกนั้น เริ่มหลุดลอยออกไปจากหน้าต่าง ลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า ที่มีแดดสดใส

    มันก็แค่ ขนนกเส้นหนึ่งที่มีสีขาวสะอาด ความขาวของมันดูราวกับจะส่องแสง ถึงมันจะพัดออกไป ไปในที่ที่ไกลแสนไกล มันก็คงไม่เป็นไร มันก็แค่...ขนนก

    ผมคิดแบบนั้น ขณะที่มองมันหลุดลอยไป แต่ว่า ทำไมกันล่ะ เท้าของผมเริ่มไม่มั่นคง ผมเริ่มที่จะก้าวออกไป ตัวของผมสั่นสะท้านและน้ำตาก็เริ่มไหลริน

    ผมปีนหน้าต่าง ไม่สนว่าที่นี่คือชั้นสองของบ้าน สายตาของผมไม่เคยละจากขนนกสีขาวเส้นนั้น ผมปีนและร่วงหล่นลงที่พื้น ท่ามกลางเสียงกรีดร้องของป้าแม่บ้าน ถึงแม้ว่าผมจะรู้สึกว่าข้อเท้าของผมจะหัก แต่ว่า สายของผมก็ยังคงมอง ยังมองตามขนนกเส้นนั้น ที่กำลังลอยไปตามสายลมเอื่อย

    ผมค่อยๆ ลากขาข้างที่เจ็บ กึ่งเดินกึ่งวิ่งอย่างรวดเร็ว ตามมันออกไป ผมไม่ได้สนใจผู้คนที่กำลังมองผม มองบาดแผลตามตัวผม

    ผมไม่รู้ ว่าทำไมผมจะต้องทำขนาดนี้ แต่ว่า ไม่ได้ ผมเสียมันไปไม่ได้ ได้โปรด อย่า ผมต้องเอามันกลับมา

    สายลมยังคงพัดราวกับจะแกล้ง ความเจ็บปวดก็ดูเหมือนจะเจ็บจนชา ผมออกแรงวิ่งตามขนนกเส้นนั้น และเมื่อมีโอกาสที่มันลอยต่ำลง ผมกระโดดสุดแรง เพื่อคว้ามันเอาไว้

    แรงเฮือกสุดท้าย ในที่สุด ผมก็ได้มันกลับคืนมา ไม่รู้ทำไม ผมนอนอยู่ตรงนั้น บนพื้นหินที่ร้อน บนดินที่โสมม แต่ว่าผมไม่ได้สนใจสิ่งใด ผมกอดมันเอาไว้แนบอก ร้องไห้ ราวกับกลัวจะสูญเสียมันไปอีกครั้ง



    "ไวท์" เสียงเรียกที่ทำให้ผมลืมตาตื่น ก็คือฟ่าง เพื่อนของผม เธอกำลังร้องไห้ และข้างๆ เธอนั้น ก็คือพี่เบลล์ ที่นิ่งเงียบไม่ได้พูดอะไร

    "ไวท์ ไม่เป็นไรแล้วนะ" ฟ่างลูบหัวผม ผมจ้องมองเธอ ผมไม่เข้าใจ เธอพูดถึงอะไร

    และเมื่อมองเธอ ผมก็เพิ่งสังเกตสิ่งที่ผมถืออยู่ในมือ ผมเริ่มเข้าใจมากขึ้น ผมมองขนนกสีขาวสะอาดในมือของผม ถึงแม้ว่ามือผมจะสกปรกสักแค่ไหน แต่มัน ก็ไม่เคยแปดเปื้อน

   "ทำไม ถึงได้ตามขนนั่น อย่างเอาเป็นเอาตาย" คนที่ได้แต่นิ่งเงียบ ตอนนี้เริ่มถามคำถามกับผม

    ผมมองขนเส้นนั้นในมือ และมองครุ่นคิด ผมพยายามคิด ว่าทำไม คิด ว่าผมได้มันมาจากไหน คิดและคิด

    ปวดหัว ผมเริ่มกุมหัวตัวเองไว้ด้วยมือที่สั่นเทา ไม่ว่าจะพยายามแค่ไหน ผมก็คิดอะไรไม่ออกเลย

    "บางที พระบิดาก็ทรงใจร้ายเหลือเกิน" เสียงพึมพำของพี่เบลล์ผมได้ยินไม่ชัดนัก และฟ่างก็ดูจะร้องไห้มากขึ้น

    "ทำไม ถึงร้องไห้" ผมถามเธอ มองดูเธอที่เจ็บปวดราวกับใจสลาย

    "อย่าถามเธอเลย เธอก็แค่ ร้องไห้แทนคนคนนึง"

    "คนคนนึง..." ผมทวนคำของพี่เบลล์ ด้วยหัวใจที่ว่างเปล่า คนคนนั้นคงจะเจ็บปวดมากใช่ไหม เขาคงแสดงออกมาไม่ได้ใช่ไหม มันถึงทำให้เธอ ร้องไห้เพื่อเขาขนาดนั้น

    "พักผ่อนเถอะ" พี่เบลล์บอกผมและพาฟ่างออกไปจากห้อง

    หัวของผมกลับมาว่างเปล่าอีกครั้ง แม้แต่หัวใจ ก็ว่างเปล่าเช่นกัน



    5 ปีผ่านไป

    ถึงแม้เวลาจะล่วงเลยผ่านมานานแล้ว แต่ว่าหลังจากวันนั้น ผมก็ไม่เคยปล่อยให้ขนนกเส้นนี้ออกห่างจากตัวผมแม้เพียงเสี้ยววินาที

    มันกลับกลายเป็น สิ่งที่เป็นเหมือนหัวใจของผม ไม่ว่าจะทำอะไร ที่ไหน เมื่อไหร่ ผมก็จะพกมันติดตัวไว้เสมอ และทุกคนรอบข้าง ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรกับผมในเรื่องนี้

    ผมก็ยังคงใช้ชีวิตเหมือนเก่า มีความสุข มีแต่สิ่งที่ทำให้ผมมีรอยยิ้ม มองดูครอบครัว มองดูน้องๆ ที่เริ่มโตขึ้น มองดูตัวเอง ที่เรียนจบ และเปิดร้านกาแฟเล็กๆ ร้านหนึ่ง อย่างที่เคยใฝ่ฝัน

    ผมนั่งจิบกาแฟแก้วเล็ก ในมุมของร้านที่ผมชอบที่สุด มองดูก้อนเมฆสีขาวด้านนอก ที่ค่อยๆ ลอยเอื่อยผ่านไปช้าๆ ในมือถือหนังสือเล่มโปรดเล่มหนึ่ง ซึ่งผมเป็นคนแต่งมันขึ้นมา

    ชีวิตของผมนั้น ไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว นอกจากความสุขที่ผมมีในทุกๆ วัน ได้นั่งมองท้องฟ้า ได้ใช้ชีวิตอ่านหนังสือเล่มโปรดของตัวเอง มองดูสีของท้องฟ้าที่เปลี่ยนไปตามกาลเวลา

    "ไวท์"

    เสียงเรียกที่ผมคุ้นเคยดี ผมมองคนที่เข้ามาด้วยรอยยิ้มสดใส

    "ว่าไงฟ่าง มาได้ไงเนี่ย" ผมรีบลุกขึ้นจากเก้าอี้ตัวโปรดและไปพาเธอเข้ามานั่งใกล้ๆ

    "ก็แวะมาหา คิดถึง"

    "คิดถึงเหมือนกัน ว่าจะโทรหาอยู่"

    "เชอะ อย่ามาพูดหน่อยเลย แล้วเป็นไง ธุรกิจไปได้สวยเลยนี่ ลูกค้าแน่นมาก"

    "ก็เรื่อยๆ แหละฟ่าง"

    "แม่ขา หนูอยากกิงหนม" ผมที่คุยกับฟ่างก็เพิ่งสังเกตเห็นว่ามีสาวน้อยน่ารักคนหนึ่งเกาะแขนเธออยู่ ผมยิ้มกว้างทันทีที่เห็นแบบนั้น

    "ว่าไงคะสาวน้อย อยากทานอะไรบอกได้เลยนะคะ" ผมดึงมือน้อยๆ ของเธอและอุ้มเธอขึ้นนั่งบนตัก

    สาวน้อยคนนี้คือลูกสาวของฟ่าง เธอแต่งงานทันทีเมื่อเรียนจบกับชายหนุ่มที่เป็นรุ่นพี่ซึ่งคบกันเมื่อตอนเรียนปีสุดท้าย

    นี่ก็เป็นอีกสิ่งที่ผมมีความสุขเหลือเกิน ผมหอมมือน้อยๆ ของเธอ เธอเป็นสิ่งที่พิเศษเหมือนสวรรค์ประทานให้ ฟ่างเป็นทั้งเพือนที่แสนดีของผม และเป็นแม่ที่แสนดี มีครอบครัวที่อบอุ่น ผมมีความสุขมากมายเหลือเกิน ถึงแม้ว่า ผมจะไม่มีใคร ที่เป็นคู่ชีวิตของผม...

    "ไวท์ ไม่เหงาใช่ไหม" ฟ่างจับมือผมเอาไว้ และถามผมด้วยใบหน้าที่ผมเคยเห็นมาไม่รู้กี่ครั้ง

    "ไม่เลย ผมมีความสุขดี"

    "ฟ่าง อธิษฐาน ทุกวันเลยรู้ไหม" ผมยิ้มให้เธอ ที่พูดแบบนั้น

    "อธิษฐานว่าอะไรเหรอ"

    "ขอให้ไวท์ มีความสุขที่แท้จริง ขอให้ไวท์ ได้เจอคนที่ไวท์เฝ้ารอ"

    "ขอบคุณนะ" ถึงผมไม่รู้ว่าเธอหมายถึงใคร แต่ผมก็รู้สึกตื้นตันในหัวใจ

    "ไวท์ ฟ่างเชื่อ คนที่ดีแบบไวท์ ไวท์จะต้องได้เจอเขา เขาต้องรอไวท์อยู่เสมอแน่ๆ"

    ผมจับมือเธอ และยิ้มให้เธอ ขอบคุณเธอที่คอยอยู่เคียงข้าง เป็นเพื่อนที่ดีเสมอมา

    "อืมมม แล้วฟ่างทานอะไรมาหรือยัง ออกไปหาอะไรทานกันไหม"

    "อื้อ จริงๆ แล้วมีเรื่องอยากรบกวนน่ะ"

    "ว่าไง เรื่องอะไรก็ได้เลย"

    "ไวท์ก็น่ารักแบบนี้เสมอแหละ" ผมหัวเราะกับคำชมของเธอ "คือ ฟ่างหาเนอสเซอรี่ให้ข้าวหอมอยู่น่ะ แล้ววันนี้พ่อเขาก็ติดงาน เลยอยากให้ไวท์ไปเป็นเพื่อน"

    "ได้เลย"

    "แต่งานในร้านไวท์ก็ยุ่งมากๆ เลยไม่ใช่เหรอ ฟ่างเกรงใจนะเนี่ย"

    "ไม่หรอก น้องๆ ในร้านเก่งทุกคน" ผมพูดและลูกน้องในร้านทุกคนก็ยิ้มแป้นให้ นี่แหละ ผมคัดมาเป็นพิเศษทุกคน

    "ก็แน่ล่ะ ทุกคนเขาหลงเจ้าของร้านกันขนาดไหนไม่รู้หรือไง"

    "ฟ่าง นั่นมันไม่จริงเลย" ผมหัวเราะให้คำพูดนั้น แต่ว่า หรือว่าจะใช่

    "ซื่อยังไงก็ซื่ออย่างนั้นเพื่อนฉัน"

    "ป่ะ พวกเราไปกัน" ผมอุ้มข้าวหอมที่ถือโดนัทน้ำตาลในมือและพากันออกไป

    ผมขับรถให้ฟ่าง พาเธอมาในที่ที่ผมจริงๆ ก็ไม่ค่อยรู้มากนัก แต่ว่าพี่เบลล์แนะนำมา ว่าแถวนี้มีเนอสเซอรี่เยอะ และคนดูแลเด็กก็เก่งกันทุกคน

   ผมหาที่จอดไม่ใกล้ไม่ไกลนัก อุ้มข้าวหอมและพาฟ่างเดินไปตามทาง เมื่อเจอเนอสเซอรี่ที่หนึ่ง พวกเราก็พากันเข้าไปถามข้อมูล เพื่อประกอบการตัดสินใจ

    พวกเราแวะหนึ่งที่ เดินไปอีกหนึ่งที่ แวะทานข้าวที่ร้านใกล้ๆ และเดินไปอีกที่หนึ่งเป็นที่สุดท้าย ที่นี่เข้ามาในซอยค่อนข้างลึก แต่ว่าก็ร่มรื่นเหลือเกิน

    ผมชอบบรรยากาศแบบนี้ ผมเดินไป เงยหน้ามองท้องฟ้าไป ฟ่างที่อุ้มข้าวหอมเดินตามมาก็ได้แต่หัวเราะท่าทีของผมที่ดูราวกับเด็กน้อย ที่กำลังมีความสุขกับสิ่งที่ทำ

    ผมกางแขนกว้าง สูดกลิ่นไอของต้นไม้ใบหญ้า หลับตา สัมผัสสายลมเย็นที่พัดอยู่รอบตัว แต่ทว่าสายลมที่โชยอ่อน อยู่ๆ ก็ฟัดกระโชกขึ้นหนึ่งครั้ง ผมชะงักยกแขนขึ้นเพื่อบังดวงตาไม่ให้รับฝุ่นเข้าไป แต่เมื่อทำแบบนั้น ผมก็เพิ่งรู้ตัว ว่าสิ่งสำคัญที่ผมพกติดตัวไว้ กำลังหลุดร่วงออกจากกระเป๋า แรงลม ส่งให้สิ่งนั้นลอยขึ้นไปในอากาศ

    และทันทีที่ได้เห็น ว่าผมอาจจะสูญเสียมันไปอีกครั้ง ผมเอื้อมมือสุดแขนไขว่คว้ามันในอากาศ ถึงแม้ลมจะไม่ได้แรงมากนัก แต่หัวใจในอกของผมก็ราวกับสั่นไหวอย่างรุนแรง

    ผมออกวิ่ง และวิ่งตามมันไป ไม่อาจปล่อยให้หลุดลอยไปจากสายตา อยู่ไม่ไกลแล้ว ผมเอื้อมมือออกไป มันอยู่ห่างจากมือของผมแค่เพียง...

    แต่เมื่อมือของผมกำลังจะคว้ามันเอาไว้ได้ มือมือหนึ่งที่สูงกว่า ก็คว้ามันเอาไว้ก่อนผม

    มือเรียวที่ขาวสะอาด ผมค่อยๆ มองไล่จากมือนั้น ลงมายังเสื้อสีดำแขนยาว ผมตัดสั้นที่สะท้อนแสงสีน้ำตาลดูอ่อนนุ่ม ใบหน้าที่ขาวสะอาด สัดส่วนทุกสิ่งบนใบหน้านั้น ทำให้คนที่ได้เห็นคงแทบจะหยุดหายใจ รูปร่างสูง ขายาว แววตาสีเข้มที่เรียบเฉยแต่แฝงไปด้วยความอ่อนโยน

    มันเหมือนกับม้วนหนังที่ถูกกรอกลับหลังอย่างรวดเร็ว จนสมองของผมแทบจะรับไม่ไหว

    เลือดสีแดงสดค่อยๆ ไหลออกมาจากโพรงจมูก ขณะที่ภาพทุกอย่างไหลรวมพลั่งพลูออกมาราวกับน้ำเชี่ยว

    "ไวท์ จะโง่ไปถึงไหน"

    "ไวท์ คือคนพิเศษ"

    "ขอบคุณ ที่ทำให้จดจำความรู้สึกนี้ได้"

    "รัก รักจนเกินกว่าจะรัก"

    หยาดน้ำตาไหลออกจากดวงตา ราวกับน้ำในมหาสมุทรที่ถูกเก็บกักเอาไว้ ความเจ็บปวด ความสิ้นหวัง การรอคอย ทุกอย่างระเบิดไหลพรั่งพรูออกมา

    ผมจ้องมองใบหน้าที่ผมแสนคิดถึง คิดถึงยิ่งกว่าสิ่งใดในชีวิต ทั้งชีวิต และหัวใจที่ยังคงเต้นอยู่ ในทุกๆ อย่างของผม มีแต่คนคนนี้สลักไว้

    น้ำตายังไหลออกมาเหมือนกับไม่มีวันที่จะเหือดหาย ตัวของผมเริ่มสั่น สายตาไม่อาจให้คราดจากภาพตรงหน้า ทิวทัศน์ที่ผมได้เห็น แม้จะต้องตาย ผมก็ไม่มีอะไร ต้องติดค้าง

    "ของคุณ" คนตรงหน้าสีหน้าดูเป็นกังวล เขายื่นขนนกสีขาวนั้นให้ผม เดินเข้ามาใกล้ "คุณไม่สบาย เลือดไหล"

    ดวงตาของผมยังคงไม่อาจละจากใบหน้านั้น ขณะที่เขาค่อยๆ ประคองจับตัว พยุงให้สามารถเดินได้

    "ไวท์!" ฟ่างอุ้มลูกวิ่งตามผมมา และเมื่อเห็นอาการของผม เธอก็ยิ่งเป็นห่วง "ไวท์ เป็นอะไรไป ทำไมเป็นแบบนี้"

    "สามีของคุณคงจะไม่สบาย ผมจะพาเขาเข้าไปพักก่อน"

    "เขาไม่ใช่สามีของฉันค่ะ เขา..." ฟ่างที่มัวแต่มองผม ในตอนนี้เพิ่งจะสังเกตเห็นคนที่ช่วยผมเอาไว้ เธอเบิกตาโพลง มองคนที่ช่วยผม สลับกับมองใบหน้าของผม

    "ใช่เขา ใช่ไหม" ฟ่างพูดเบาๆ น้ำตาไหลอาบแก้ม ผมพยักหน้าให้เธอช้าๆ ผมยังคงสั่นไปทั้งตัว ผมทั้งดีใจ และปวดใจเหลือเกิน

    ซินนั้น จำผมไม่ได้เลย แม้แต่นิดเดียว...
หัวข้อ: Re: In The Shadows' เงาหลอน ซ่อนรัก '[YAOI][#43 สิ่งที่ไม่อาจลืมเลือน](2/6/63)
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 02-06-2020 09:11:41
 :pig4:
 o13
หัวข้อ: Re: In The Shadows' เงาหลอน ซ่อนรัก '[YAOI][#43 สิ่งที่ไม่อาจลืมเลือน](2/6/63)
เริ่มหัวข้อโดย: PsapBBBB ที่ 02-06-2020 13:41:14
ซินที่ มาจาก sin ที่แปลว่าบาปใช่ป่ะเพราะทุกอย่างที่ทำเหมือนหมายถึงแบบนั้นทั้ง พูดให้ไวท์แก้แค้น เอากิเลสเรื่องผู้หญิงมาล่อลวงให้ไวท์เกิดกิเลสแบะเหมือนที่โอนเนอร์พูดเป็นนัยยะเรื่องขาว-ดำ เอาหละไวท์บททดสอบเยอะเหลือเกินชีวิตสู้ๆนะลูก แม่จะคอยอยู่ข้างๆหนูนะ
หัวข้อ: Re: In The Shadows' เงาหลอน ซ่อนรัก '[YAOI][#43 สิ่งที่ไม่อาจลืมเลือน](2/6/63)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 02-06-2020 17:27:52
 :pig4: :pig4: :pig4:

ได้เจอซินสักทีนะ

ว่าแต่...คนที่เจอเนี่ยไม่ใช่รุ่นน้องรุ่นหลานนะ 555
หัวข้อ: Re: In The Shadows' เงาหลอน ซ่อนรัก '[YAOI][#43 สิ่งที่ไม่อาจลืมเลือน](2/6/63)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 03-06-2020 00:49:09
ได้ป่ะกันแล้ว จะต่อกันติดไหมเอ่ย  :hao4:
หัวข้อ: Re: In The Shadows' เงาหลอน ซ่อนรัก '[YAOI][#43 สิ่งที่ไม่อาจลืมเลือน](2/6/63)
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 04-06-2020 21:43:59
 :L2: :L2:  :L2:
หัวข้อ: Re: In The Shadows' เงาหลอน ซ่อนรัก '[YAOI][#43 สิ่งที่ไม่อาจลืมเลือน](2/6/63)
เริ่มหัวข้อโดย: Gloomy Sunday ที่ 15-06-2020 10:27:12
Shadows ที่ 44 คนที่คิดถึง สุดหัวใจ


ในตอนนี้นั้น หัวใจของผมก็ยังคงเต้นรัวอยู่ในอก ผมนั่งพักอยู่ในเนอสเซอรี่แห่งหนึ่ง โดยมีซินที่นั่งอยู่ข้างๆ ถือผ้าขนหนูผืนเล็กเอาไว้ในมือ คอยเช็ดซับใบหน้าของผมที่คอยแต่จะมีน้ำตาไหลตลอดเวลา

 นานแค่ไหนกันนะที่ผมลืมเลือนซินออกไปจากความทรงจำ นี่เป็นสิ่งที่โหดร้ายที่สุดที่ผมเคยได้รับ ทำไมล่ะซิน ถึงแม้ว่าผมจะมีความสุขเมื่อจดจำซินไม่ได้ แต่ถึงจะเป็นแบบนั้น ผมก็ไม่อยากที่จะลืม ผมอยากจดจำคนที่ผมรักเอาไว้ ตราบชั่วชีวิต

 "ขอบคุณมากๆ นะคะ คุณเป็นคุณครูอยู่ที่นี่เหรอคะ" ฟ่างช่วยถามในสิ่งที่ผมสงสัย ผมมองซินไม่เคยละสายตา มองดูผ้ากันเปื้อนสีสดใสที่ตัดกับเสื้อสีดำ ซินในตอนนี้ยังคงมีรูปร่างหน้าตาคงเดิม ไม่เปลี่ยนไปเลย คงมีแต่ผมที่ตัวสูงใหญ่ขึ้น แต่ก็ยังคงสูงไม่เท่าซินอยู่ดี

 "ครับ"

 "ตั้งแต่เมื่อไหร่เหรอคะ" ซินดูงงๆ พูดน้อย แต่ก็ยอมบอกง่ายๆ

 "ประมาณ 2 ปี" สองปีงั้นเหรอ ผมอยากจะร้องไห้อีกครั้ง ทำไมกันนะ ทำไมผมถึงไม่มาที่นี่ให้เร็วกว่านี้ แต่ว่า ผมก็ไม่มั่นใจเลย ว่าผมจะจำซินได้ไหม

 "ซิน" จากที่นิ่งเงียบมานาน ผมเอ่ยเรียกซินเบาๆ จ้องมองแววตาที่ดูวูบไหวของคนตรงหน้า

 คิดถึง คิดถึงเหลือเกิน ผมอยากจะกอดซินเอาไว้ ให้แน่นที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ว่า...ซินในตอนนี้นั้น ผมไม่อาจแตะต้องอีกแล้ว

 "รู้จักผม?" ซินทำหน้าสงสัยและมองผมสลับกับฟ่าง

 "คือ ขอโทษที่ทำให้ตกใจนะครับ แค่บังเอิญ คุณคล้ายคนคนนึงที่เรารู้จัก" ผมพยายามฝืนยิ้มและหยิบผ้าขนหนูจากมือซินมาซับใบหน้าตนเอง ผมจะต้องไม่ทำให้ซินไม่สบายใจ แค่นี้ แค่เพียงได้พบกันอีกครั้ง ผมก็ไม่ต้องการอะไรแล้ว

 "ชื่อก็เหมือนกันเหรอ" ซินถามคำถาม แต่ผมก็ไม่อาจตอบได้ ผมจ้องมองซิน ใบหน้าที่ดูสงสัยนั้นผมอยากที่จะสัมผัส ริมฝีปากสีชาด ที่กลับมาสดใส

 "นั่นสิ บังเอิญมากเลย" ผมพยายามกลั้นน้ำตา และยิ้มแย้มแจ่มใส

 "คนคนนั้น คงสำคัญกับคุณมาก" คำพูดนี้ ช่างมีอิทธิพลมากนัก ผมกัดริมฝีปาก ไม่อาจกล้ำกลืนฝืนน้ำตาไว้ได้

 "ขอโทษนะครับ แต่ว่า ผม...ขอจับมือคุณ...ได้ไหม" ตอบแทนคำขอนั้น มือที่แสนอบอุ่นของซินก็ค่อยๆ ยื่นเข้ามาช้าๆ ผมไม่รีรอ จับมือนั้นไว้ ประสานจับไว้แน่น แนบแก้มด้วยความคิดถึงสุดหัวใจ

 ไม่รู้ว่านานแค่ไหน ผมรู้แค่เพียงผมมีความสุขเหลือเกิน ความคิดถึงของผมมันมากมาย เต็มหัวใจ ความอบอุ่นที่ผมแสนคิดถึง ตอนนี้รู้สึกราวกับคืนย้อนไปดังวันวาน ผมสามารถอยู่อย่างนี้ได้อีกนานแสนนาน อยากอยู่ในอ้อมกอดนี้ อยากกอดเอาไว้แบบนี้...

 ผมค่อยๆ ลืมตาขึ้นช้าๆ มองภาพตรงหน้าที่เป็นประตูบานหนึ่งปิดสนิท ผมกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนพื้นห้อง รอบๆ ตัวมีแต่ของเล่นกระจัดกระจาย และเมื่อสังเกตว่าตัวเองไม่ได้อยู่คนเดียวนั้น ผมก็ตกใจจนแทบจะลุกขึ้นจากพื้น

 ผมมองตัวเองที่กอดซินแน่นทั้งๆ ที่นั่งหลับ อิงซบไหล่หนา จับมือประสานแน่น และที่น่าอายที่สุดก็คือ ซินลืมตามองผมนิ่งๆ ทำไมผมถึงหลับไปได้กันนะ

 "คือ ผมหลับไปนานหรือยัง ขอโทษนะ" ผมปล่อยมือจากซิน มองซินที่กำลังถอนหายใจเบาๆ "ทำไมถึง อยู่ตรงนี้ล่ะ"

 "คุณไม่ปล่อยมือผมตั้งแต่บ่ายแล้ว" ซินพูดและลุกขึ้นยืน ขยับตัวเหมือนตะคริวกินทั้งตัว

 "ขอโทษครับ แล้ว เพื่อนผมล่ะ"

 "กลับไปตั้งนานแล้ว เขาบอกว่าฝากด้วย" ฟ่างนะฟ่าง ผมคาดโทษเพื่อนเอาไว้ แต่ว่าทำไมถึงรู้งานดีขนาดนี้

 ผมเริ่มยิ้มได้ ผมลุกขึ้นตามซิน มองดูซินที่กำลังบิดร่างกายไปมา ผมยังคงไม่อาจละสายตาไปได้ เพียงแค่มอง ผมก็รู้สึกอบอุ่นไปทั้งหัวใจ

 "ก็ไม่รู้นะว่าเหมือนขนาดไหน แต่ว่าถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป ผมก็คงถูกกินแน่ๆ" ซินหรี่ตามองผมที่หลบสายตาทันที ผมอมยิ้มในความมืด ตอนนี้ในห้องมืดสลัวเพราะไม่ได้เปิดไฟ เริ่มพูดจาเหมือนซินมากขึ้นทุกทีแล้ว

 "ขอโทษนะ"

 "ไม่อยากได้ยินคำนี้" ผมชะงักทันทีที่ได้ยินถ้อยคำเหล่านั้น เหมือนเมื่อวานนี้เอง ที่ซินพูดคำคำนี้กับผม ก่อนที่ผมจะลืมซินไป

 ไม่ ไม่นะ ผมจะไม่มีวันลืมซินอีก...

 ความกลัวว่าสูญเสียซินไปอีกของผมมันมากมายนัก ผมเผลอตัวคว้ามือซินมาจับไว้แน่นอีกครั้ง ผมไม่ยอม ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ผมจะไม่มีวันยอมให้ซินไปอีก

 "แบบนี้คงห่างกันไม่ได้แล้วมั้ง" ผมได้ยินเสียงซินพูดพึมพำ แต่ก็ยอมให้ผมจับมือเอาไว้

"เอาล่ะ ฟังนะ" ซินก้มตัวลงเล็กน้อย จ้องมองผมใกล้ๆ เหมือนกำลังปลอบโยน "ไม่ไปไหนหรอก แต่ว่า ขอทำงานก่อนได้ไหม ต้องเก็บของเล่นพวกนี้เข้าที่ก่อนน่ะ" ผมมองซินที่ไม่ได้ทำหน้าตาเหนื่อยหน่าย แต่กำลังมองเหมือนผมเป็นเด็กคนหนึ่งที่กำลังติดครูพี่เลี้ยง

 ผมพยักหน้าน้อยๆ และยอมปล่อยมือที่กุมไว้ช้าๆ ผมถอยหลังให้ห่างจากซินเล็กน้อย ซินดูพอใจและยิ้มมุมปากเล็กๆ ก่อนที่จะค่อยๆ ก้มลงเก็บของ

 ผมยืนดูอยู่สักพัก และคิดว่าไม่ได้ ผมเป็นภาระให้ซิน ทำให้ซินกลับบ้านช้า เพราะฉะนั้น ผมต้องช่วย

 ผมก้มลงเก็บของเล่นที่บนพื้นตามซิน สองคนช่วยกันเก็บ ไม่นานนัก ห้องทั้งห้องก็โล่ง สะอาดเรียบร้อย

 ผมมองซินที่จัดการทุกอย่างเรียบร้อย และกำลังเอื้อมแขนไปข้างหลังเพื่อจะถอดผ้ากันเปื้อนผืนยาวออก

 "ผม ผมช่วยนะ" ผมที่เห็นว่าซินดูลำบาก ก็ค่อยๆ เดินเข้าไปช้าๆ ยืนอยู่ตรงหน้าซิน และเอื้อมแขนไปด้านหลัง แกะปมเชือก

 ผมไม่ได้รู้ตัวเลย ว่าการกระทำของผมนั้น มันทำให้พวกเราแนบชิดกันมากแค่ไหน ซินมองดูผมอยู่เงียบๆ ผมหัวใจเต้นรัว มันเหมือนกับวันวาน ตอนที่ผมเพิ่งรู้ตัวว่า ผมหลงรักซิน

 "ออกแล้ว" ผมแกะปมออกเรียบร้อย ซินก้มตัวลงให้ผมได้เอาผ้าที่คล้องคออยู่ออก ผมเริ่มรู้สึกเขินเล็กๆ ที่พวกเราอยู่ใกล้กันมาก และเมื่อมองซิน ผมก็เพิ่งรู้ว่าซินกำลังมองผมอยู่เช่นกัน ด้วยระยะของใบหน้า ที่ห่างกันแค่คืบเดียว

 "เอ่อ คือ..." ผมหน้าเริ่มขึ้นสี หัวใจเต้นไม่เป็นส่ำ ผมอยากจะกอดซินไว้เหลือเกิน แต่ว่าผมในตอนนี้ เป็นคนแปลกหน้า สำหรับซิน

 "ให้ไปส่งที่บ้านด้วยไหม" คำพูดของซินทำให้ผมได้สติเลิกคิดอะไรมากมาย ผมถอยห่างจากซิน ก้มหัวขอโทษซินที่ทำให้ลำบาก

 "ไม่เป็นไร เดี๋ยวผมโบกแท็กซี่กลับเอง ขอบคุณ ที่ช่วยดูแลนะครับ" ในใจนั้นกำลังต่อต้านอย่างรุนแรงกับคำพูดของตัวเอง ผมไม่อยากไปเลย ผมไม่อยากอยู่ห่างจากซิน แต่ว่า ถ้าหากทำแบบนั้นแล้ว ผมอาจทำให้ซินลำบากใจแทน

 และก็คงเพราะสีหน้าที่หม่นหมองของผม ซินจ้องมองผมตลอดเวลาเมื่อผมบอกลา และค่อยๆ เดินออกจากห้อง ผ่านตัวอาคาร โดยมีซินเดินตามหลัง

 ผมคอยแต่จะหันกลับไป จ้องมองใบหน้านั้น และรีบหันกลับมา กลัวว่าซินจะรำคาญใจ

 เมื่อเดินมาถึงหน้าเนอสเซอรี่ ผมหันไปตั้งใจมองซินอีกครั้ง ด้วยสีหน้าที่หม่นหมองยิ่งเก่า ผมกลัว ผมกลัวเหลือเกินว่าถ้าหากผมไปแล้ว ผมจะ...

 "กลับดีๆ แล้วก็ดูแลตัวเองด้วย" คำพูดของซินทำให้ผมยิ้มได้

 "ผมจะมาพบคุณอีก ได้ไหม..."

 "ผมอยู่ตรงนี้เสมอ ไม่เคยไปไหนไกล"



 ในค่ำคืนนี้ ท้องฟ้าช่างสวยงาม ดวงดาวที่ส่องแสงระยิบระยับก็ดูจะสว่างสดใสยิ่งกว่าคืนไหนๆ ผมนั่งอยู่บนรถเพื่อเดินทางกลับบ้าน ด้วยหัวใจที่เต้นอยู่ด้วยความรัก การมีความรัก มีคนให้คิดถึง มันช่างเป็นช่วงเวลาที่ดีเหลือเกิน

 "พี่ไวท์ ทำไมกลับดึกจังคะ"

 "พี่ชาย วันนี้เครปนอนด้วยนะ" ผมยิ้มอย่างอารมณ์ดีเมื่อน้องๆ ทั้งสองคนรีบลุมเข้ามาเกาะผมยกใหญ่ ตอนนี้เค้กเป็นสาวแล้ว ส่วนเจ้าเครปก็ยังเป็นเจ้าตัวเล็กเหมือนเดิม ถึงจะโตขึ้นแล้วก็เถอะ ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน ทั้งสองคน ก็ยังคงเป็นเด็กน้อยของผมเสมอ

 "ได้สิ วันนี้มานอนดูหนังห้องพี่"

 "เค้กด้วยน้าพี่ไวท์"

 "จ้าๆ แต่เดี๋ยวพี่ไปอาบน้ำก่อนนะ"

 ผมกอดคอน้องๆ เข้าไปในบ้าน และรีบจัดการอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อที่จะมานั่งดูหนังกับน้องในห้อง

 บนโซฟาที่ตัวไม่ใหญ่นัก ผมนั่งกับน้องๆ และดูหนังกัน เมื่อเปิดได้ไม่นานนัก เค้กก็หลับพิงผมไปซะแล้ว ทำให้ตอนนี้ เหลือแค่เพียงผมกับเจ้าเครปตัวเล็ก

 ผมมองน้องและนึกถึงคำพูดของตัวเองเมื่อหลายปีก่อน ความเจ็บปวดทิ่มแทงเข้ามาในหัวใจของผม เครปนั้นก็เป็นเหมือนกับผมสมัยเด็กๆ ในหัวใจของเขา มีแต่ความกลัว ดีกว่าผมก็เพียงแค่ มีครอบครัวที่คอยปลอบใจ

 "เครป" ผมเรียกน้องเบาๆ เครปเงยหน้ามองผมด้วยรอยยิ้ม ผมลูบหัวน้องอย่างเอ็นดู จับให้น้องนั่งตักและกอดเอาไว้แน่นๆ

 "พี่ชาย เครปจักกี้นะ" เจ้าตัวเล็กดิ้นขลุกขลักด้วยความไม่เข้าใจ ว่าผมกอดเขาทำไม

 "พี่ขอโทษนะ" ผมพูดบอกน้อง ซึ่งเครปก็เพียงเอียงคอมองผมด้วยความสงสัย "จำไว้นะ ถ้าวันไหนที่เครปเจอสิ่งที่ทำให้เครปกลัว มาหาพี่นะ บอกพี่ แล้วพี่จะทำลายมันเอง" ผมบอกน้อง และเครปก็เริ่มเปลี่ยนสีหน้าเมื่อเข้าใจในสิ่งที่ผมพูด

 "ผม จะบอกพี่ฮะ เครปไม่กลัวถ้ามีพี่ชายอยู่" ผมกอดน้องไว้ ผมเข้าใจเรื่องแบบนี้ดีกว่าใครๆ ถึงแม้ผมจะไม่สามารถมองเห็นมันได้อีกแล้ว แต่ผมก็ยังคงอยากจะสู้ เป็นกำลังใจให้น้อง

เมื่อดึกมากแล้ว ผมอุ้มพาน้องๆ ที่สลบหลับใหลกลับไปยังห้องนอนของตัวเอง ผมหอมแก้มน้องๆ ห่มผ้า จัดแจงท่าทางให้พวกเขาสบายที่สุด ก่อนจะออกมาจากห้อง เพื่อเตรียมตัวเข้านอน

 "ไวท์" เสียงเรียกของคุณแม่ ทำให้ผมหันกลับไป ผมยิ้มให้คุณแม่ และเดินเข้ามาหาท่าน

 "ดึกแล้วนะครับ ทำไมยังไม่นอน"

 "แน่ะ เรียนแบบแม่เหรอเด็กคนนี้" คุณแม่ยกมือขึ้นจะตีผม ซึ่งผมก็ได้ทีเข้าไปกอดคุณแม่ไว้

 "เป็นหนุ่มขนาดนี้ยังอ้อนแม่เก่งอีกนะ"

 "ก็เพราะผมมีคุณแม่แค่คนเดียว"

 "อารมณ์ดีแบบนี้ มีเรื่องดีๆ เหรอจ๊ะ" ดูเหมือนผมจะไม่สามารถปิดพวกท่านได้ ใช่ครับ ผมพบเรื่องดี เป็นเรื่องที่ดีที่สุดในชีวิตของผม "แววตาของลูก เหมือนกลับไปเมื่อ 5 ปีก่อน"

 เมื่อได้ยินแบบนั้น ผมปล่อยมือจากคุณแม่ ลงมานั่งกับพื้นและกราบที่เท้าของแม่

 "ขอบคุณครับที่เลี้ยงดูผมมาอย่างดี ตลอดเวลาที่ผ่านมา ไม่ว่าผมจะเปลี่ยนไปแค่ไหน สร้างปัญหาให้มากแค่ไหน"

 ผมมีความสุขจริงๆ ที่ได้อยู่ที่นี่ ที่บ้านหลังนี้ มีคุณพ่อคุณแม่ ที่คอยห่วงใย

 "แค่ใช้ชีวิตให้ดี ใช้ชีวิตให้มีความสุข ดูแลแม่ ดูแลน้องๆ พ่อแม่ก็ไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว"

 คนที่เข้ามาจับตัวผมให้ลุกขึ้นนั้นก็คือคุณพ่อ ผมยกมือไหว้ท่านอีกคน ท่านเป็นผู้ให้ชีวิตใหม่แก่ผม

 "คนที่โชคดี ไม่ได้มีแค่ไวท์ แต่เป็นพวกเราที่ได้หนูมาเป็นลูก" ผมน้ำตาไหลและสวมกอดผู้มีพระคุณทั้งสองไว้

ขอบคุณ ขอบคุณทุกสิ่งที่ทำให้ผม ได้พบกับพวกเขา และผมจะปกป้องครอบครัวของผม ด้วยชีวิตของผม
หัวข้อ: Re: In The Shadows' เงาหลอน ซ่อนรัก '[YAOI][#44 คนที่คิดถึง สุดหัวใจ](15/6/63)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 15-06-2020 10:50:20
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: In The Shadows' เงาหลอน ซ่อนรัก '[YAOI][#44 คนที่คิดถึง สุดหัวใจ](15/6/63)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 15-06-2020 22:11:21
อกโล่งไปหมดเลย ปัญหาเคลียร์หมดแล้ว  :z2:
หัวข้อ: Re: In The Shadows' เงาหลอน ซ่อนรัก '[YAOI][#44 คนที่คิดถึง สุดหัวใจ](15/6/63)
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 18-06-2020 20:52:31
 o13
หัวข้อ: Re: In The Shadows' เงาหลอน ซ่อนรัก '[YAOI][#44 คนที่คิดถึง สุดหัวใจ](15/6/63)
เริ่มหัวข้อโดย: Gloomy Sunday ที่ 25-06-2020 12:14:32
Shadows ที่ 45 อ้อมกอดที่แสนคิดถึง


ในรุ่งเช้าของวันใหม่ ผมรีบตื่นแต่เช้าด้วยหัวใจที่เต้นรัว แค่เพียงคิดว่าจะได้พบหน้าของซิน หัวใจของผมก็ไม่ไหวเอาเสียเลย

 คิดถึง คิดถึงเหลือเกิน ไม่รู้ว่าตอนนี้ ซินจะทำอะไรอยู่กันนะ

 ผมออกจากบ้าน เดินทางไปที่ร้านกาแฟ แต่ว่า ไม่ใช่ร้านของผมหรอกนะ ผมเดินทางไปอีกที่หนึ่ง เป็นทีที่ผมควรจะไปเป็นที่แรกเมื่อความทรงจำได้กลับมา

 "อ้าว ไปไงมาไง เจ้าของร้านคู่แข่ง..."

 "พี่เบลล์" ผมเดินอย่างรวดเร็วเข้าไปถึงตัวพี่เบลล์และจับแขนพี่เขาไว้แน่น

 "กลับมาแล้วสินะ" พี่เบลล์ยิ้มอย่างคนที่รู้ทุกอย่าง ผมหน้างอและทุบพี่เบลล์เบาๆ ที่อก ไม่ว่าเมื่อไหร่คนคนนี้ก็ไม่เปลี่ยนไปเลยสักนิด และผมรู้แล้วว่าทำไม

 ก็เหมือนกับซินนั่นล่ะ เป็นคนบนฟ้า ไม่ใช่มนุษย์ที่จะเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา

 "พี่รู้มาตลอด" ผมพูดอย่างน้อยใจ มองพี่เบลล์ที่ยิ้มสดใสเช่นเดิม

 "พี่ขอโทษ"

 "ไม่หรอก ไม่ใช่ความผิดของพี่เลย" ผมยิ้มให้พี่เบลล์ ผมจำสีหน้าของพี่เบลล์ได้ดี ตอนที่พี่เขาถามผมถึงเรื่องของซิน แต่ผมนั้น ได้ลืมซินไปแล้ว สีหน้าที่แสนสงสารของพี่ ยังคงฝังลึกในความทรงจำของผม

 "พี่เบลล์ ผมเจอซินแล้วนะ" ผมพูดบอกพี่เบลล์และน้ำตาไหลออกมา ผมมีความสุขเหลือเกิน ที่ในที่สุด ผมก็ได้เจอ คนที่รักที่สุดแล้ว

 "ดีใจด้วยนะ มันเป็นสิ่งที่ถูกลิขิตไว้แล้ว ไม่ต้อง ร้องไห้แล้วนะ"

 "ครับ" ถึงพี่เบลล์จะพูดแบบนั้น แต่ผมยัก็ยังคงร้องไห้อยู่ดี ด้วยน้ำตาแห่งความสุข "แต่ว่า เขาจำผมไม่ได้เลย"

 "แต่ไวท์ ก็อยู่ข้างๆ เขาได้ ใช่ไหม" ผมพยักหน้าให้กับความคิดนั้น

 "อยู่ข้างๆ เขา ทำให้เขามีความสุข ตอบแทนที่เขาทำทุกอย่างเพื่อเรา รู้ไหม" คำพูดของพี่เบลล์ทำให้ผมร้องไห้ออกมาอีก ผมรู้ ช่วงเวลาที่ผมเสียใจ ซินนั้นก็ไม่ต่างจากผม ซินเจ็บปวด ไม่เคยน้อยไปกว่าผมเลย ถ้ามีสิ่งไหนที่ผมทำเพื่อเขาได้ ผมยินดีจะทำทุกอย่าง ทุกอย่างของผม เป็นของซิน

 เสียงกริ่งที่ประตู ทำให้รู้ว่ามีคนเข้ามาในร้าน ผมมองผู้ที่มาใหม่ และก็ต้องยิ้มกว้าง ผมมองฟ่างที่เดินเข้ามาจูงมือลูกสาวที่น่ารัก

 เธอโผเข้ากอดผมและพี่เบลล์ ช่วงเวลานี้ ผมช่างมีความสุข ไม่รู้ว่าผมพูดคำนี้ไปกี่ครั้งแล้ว แต่ผมก็ยังมีความสุขอยู่ดี

 "ขอบคุณนะ ขอบคุณทุกคนจริงๆ" ผมบอกคนทั้งสอง ที่อยู่กับผมเสมอ เป็นกำลังใจ เป็นที่พักพิง

 "เอาล่ะ อย่ามัวมาพูดกันอยู่เลย" ฟ่างปล่อยพวกเรา และยิ้มอย่างสดใส "ข้าวหอม ได้เนอสเซอรี่แล้วและต้องการให้คุณน้าไวท์ไปส่ง"

 ผมยิ้มให้กับรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของฟ่าง แต่ว่า ขอบคุณนะ ช่างรู้ใจกันจริงๆ

 "ส่งให้ถึงมือคุณครูพี่เลี้ยงเลยนะ คุณครูที่หล่อที่สุดคนนั้น" ฟ่างพูดกับผมเมื่อผมเตรียมจะขับรถออกไป ทำเอาผมแทบหุบยิ้มไม่ลง

 ผมขับรถออกไปด้วยหัวใจที่พองโต เวลาช่างผ่านไปอย่างรวดเร็ว เมื่อหัวใจของเรากำลังมีความสุข ใช้เวลาไม่นานนัก ในที่สุด ผมก็จอดรถลงในลานจอด ที่ด้านข้างเนอสเซอรี่ที่สงบร่มเย็น

 ผมจูงมือหลานรักและเดินเข้ามาที่ตัวอาคารเรียน มีเด็กๆ มากมายวิ่งเล่นกันอยู่ในสวน มีเครื่องเล่นน่ารักๆ หลายเครื่อง และ...

 ผมยิ้มกว้างทันทีที่เห็นคนที่ผมแสนคิดถึงยืนอยู่ มีเด็กๆ มากมายล้อมรอบตัวครูพี่เลี้ยงคนนั้น รอยยิ้มเล็กๆ บนใบหน้าที่ดูเรียบเฉย ผมรู้ได้ทันทีว่าเขากำลังมีความสุข

 ซิน กับเด็กๆ ถ้าเป็นเมื่อก่อน ผมคงไม่มีทางเชื่อเรื่องแบบนี้เด็ดขาด แต่ว่าเมื่อเห็นแบบนี้ สิ่งที่ไม่เคยคาดคิด ก็เกิดขึ้นจริงๆ

 และก็เหมือนการมาของผมจะถูกพบเข้าซะแล้ว ผมหลบตาซินเมื่อถูกมองมา และก้มหน้าก้มตาจูงมือหลานสาว หายใจเข้าออกช้าๆ และพาเธอไปส่งให้กับคุณครูพี่ซิน

 "อยู่นี่ทำตัวดีๆ นะคะ เดี๋ยวตอนเย็น ก็กลับกับน้านะ"

 "ค่ะ" น้องข้าวหอมรับคำผมอย่างว่าง่ายและวิ่งไปเล่นกับเพื่อน

 "เอ่อ สวัสดีครับ" ซินไม่ได้พูดอะไรจนทำให้ผมรู้สึกประหม่า ผมที่ไม่รู้จะเริ่มพูดคำไหนก็ทักทายแบบเห่ยๆ ไปซะได้

 "เมื่อคืน ฝันดีไหม" ผมเงยหน้ามองซิน ฝันดีงั้นเหรอ...

 ผมอมยิ้มเล็กๆ มันเป็นมากกว่าความฝัน เป็นฝันที่เป็นจริง

 "ฝันดีที่สุด" ผมยิ้มให้ซิน ยิ้มกว้างอย่างที่ไม่เคยทำมาทั้งชีวิต

 ผมใช้เวลาช่วงเช้า เฝ้ามองดูซินที่เป็นพี่เลี้ยงให้เด็กๆ สอนวาดภาพระบายสี ผมถือโอกาส นั่งมองอยู่เงียบๆ ในมุมห้องมุมหนึ่ง

 ผมเก็บ ทุกความทรงจำล้ำค่าเหล่านี้เอาไว้ ผมจะไม่มีวันลืม ไม่ลืมรอยยิ้มนั้น ไม่มีวันลืมคนตรงหน้าอีก

 "พี่ฮับ พี่ฮับ" ผมหลุดจากภวังค์ทันทีที่มีเจ้าตัวเล็กคนหนึ่งเขย่าขาผมไปมา ผมยิ้มอย่างใจดี และก้มลงฟังเสียงของน้องที่เหมือนมีอะไรอยากบอกผม

"คุงครูพี่ซิงบอกว่า ให้มาช่วยกานวาดฮะ" ผมชะงัก และมองตามนิ้วเล็กๆ ของน้องที่กำลังชี้ไปที่คุณครูซิน ผมหน้าแดงและเผลอหลบสายตา ซินกำลังกอดอกและจ้องมองผมเงียบๆ ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน

 ผมค่อยๆ ลุกขึ้น เดินตามแรงจูงของเด็กน้อย ผมนั่งลงที่เก้าอี้เล็กๆ ที่มีเด็กๆ ล้อมรอบและหยิบสีเทียนมาช่วยเด็กๆ วาดภาพ

 ผมยิ้มและเหลือบมองคุณครูที่เดินมานั่งลงข้างๆ ซินนั่งลงและจับมือเด็กน้อยวาดรูปผีเสื้อตัวใหญ่ ผมแอบมองทุกการกระทำนั้น ผมไม่อาจ หุบยิ้มลงได้

 สายตาของเราทั้งสอง คอยแต่จะประสานกัน ผมมีความสุข ผมไม่อาจละสายตาไปจากดวงตาสีเข้มนั้น ผมคิดถึง คิดถึงเหลือเกิน

 "พี่ชายฮับ ร้องไห้ทำไม" ผมสะดุ้งน้อยๆ เมื่อมีมือเล็กๆ แตะลงที่ข้างแก้ม ผมรีบเช็ดน้ำตาและบอกเจ้าตัวน้อยว่าไม่เป็นไร แต่ว่าทุกอย่างนั้นก็อยู่ในสายตาของซิน ที่จ้องมองอยู่ตลอดเช่นกัน

 "เดี๋ยวมานะ" ผมบอกเด็กๆ และบอกซิน พลางรีบเดินออกจากห้อง ผมมานั้งอยู่ด้านหลังอาคาร นั่งลงและกอดตัวเองไว้ ไม่รู้ทำไม อยู่ๆ ผมก็อยากร้องไห้ออกมา ผมร้องไห้จนตัวสั่น ร้องไห้เหมือนกับจะไม่ได้ร้องไห้อีกต่อไปแล้ว

 "ร้องไห้ขนาดนั้น จะไม่สบายเอานะ"

 ผมค่อยๆ เงยหน้าขึ้น ตามเสียงของคนที่อยู่ตรงหน้า ถึงแม้ว่าดวงตาจะมีแต่หยาดน้ำตา แต่ว่า ผมก็ยิ้มกว้างออกมา

 ผมมองซิน ที่นั่งอยู่ตรงหน้าผม พร้อมๆ กับยื่นผ้าเช็ดหน้าสีขาวมาให้

 "ถ้าไม่ว่าอะไร...อยากให้กอดไหม" ผมที่รับผ้าเช็ดหน้ามาก็ต้องชะงัก ซินจ้องมองผมและค่อยๆ ลุกขึ้น อ้าแขน เหมือนกับอยากให้ผมเข้าไปกอด

 ไม่มีอะไรที่ต้องตัดสินใจ ผมลุกขึ้น ไม่สนใจผ้าเช็ดหน้าที่ตกลงสู่พื้น โผเข้าสู่อ้อมกอดที่ผมใฝ่ฝัน อ้อมกอดที่ผมแสนคิดถึง ผมร้องไห้อีกครั้ง กอดคนตรงหน้าให้แน่นมากที่สุด สูดดมกลิ่นไอที่ผมแสนคิดถึง

 ซิน ผมรักซิน ผมรักคนคนนี้ รัก จนไม่อาจรักใครได้มากกว่านี้อีกแล้ว



 ช่วงเวลาที่ผมได้จ้องมองซิน มันช่างเป็นช่วงเวลาที่แสนมีความสุข หลังจากยืนกอดกันนานกว่าชั่วโมง ในที่สุดผมก็ถูกพาให้กลับมานั่งอยู่ในห้องเรียน ที่มีแต่เด็กๆ ที่แสนน่ารัก

 ไม่มีคราบน้ำตาบนใบหน้าของผมอีกแล้ว ซินจัดการเช็ดมัน อยู่เนิ่นนานสองนานอยู่ที่ห้องน้ำด้านหลัง ผมเริ่มรู้สึกว่าผมมาสร้างปัญหาให้ซิน แต่ว่า ผมก็ไม่สามารถหุบยิ้มได้เลย เมื่อได้รู้ว่า ซินนั้นอ่อนโยนแค่ไหน

 ในช่วงบ่ายนั้น ผมมองเด็กๆ ที่จัดแจงลากที่นอนเลือกนอนใกล้เพื่อน นอนในที่ที่ตัวเองต้องการ ผมช่วยเด็กๆ ปูผ้าและอ่านนิทานให้เด็กๆ ที่ดื้อไม่ยอมนอน และในที่สุด ตอนนี้ทุกคนก็หลับใหลอยู่ในห้วงนิทรา ผมเริ่มที่จะชอบบรรยากาศแบบนี้ การได้อยู่ท่ามกลางเด็กๆ ที่น่ารัก และผู้ใหญ่บางคน ที่น่ารักยิ่งกว่า...

 ผมแอบเหลือบมองซินที่กำลังฮัมเพลงเบาๆ กล่อมเด็กหญิงตัวน้อย พร้อมกับตบก้นกล่อมนอน นี่ก็เป็นอีกสิ่งที่ผมรีบเมมเก็บใส่ความทรงจำไว้

 และก็เหมือนซินจะสังเกตเห็นเด็กโข่งคนนี้ ซินหยุดฮัมเพลง และยกมือกวักเรียกผมให้เข้าไปใกล้ๆ

 ผมทำหน้ามึนๆ ค่อยๆ เดินเข้ามาใกล้ซินและนั้งลงข้างๆ

 "นอนลงสิ" ซินทำมือให้ผมนอนลงในฟูกเล็กๆ ที่วางอยู่ข้างๆ เด็กหญิงตัวเล็ก ผมหน้าขึ้นสีขึ้นเล็กน้อย และส่ายหัวไปมาด้วยความอาย

 "จะนอนลงดีๆ หรือให้จับกดลงไป" ผมตาโตมองซินที่มุมปากยกยิ้มขึ้นเล็กๆ ผมยิ้มให้ซินและยอมนอนลงอย่างว่าง่าย

 ซินขยับตัวใกล้ผมและเด็กน้อยมากขึ้น พร้อมกับฮัมเพลงอีกครั้ง กล่อมให้พวกเราหลับฝันดี

 ผมอมยิ้มและหลับตาลง หยาดน้ำตาเล็กๆ แห่งความสุขไหลลงมาอย่างไม่อาจกลั้นได้ มือที่แสนอบอุ่นของซินค่อยๆ ลูบที่หัวของผม ลูบเบาๆ อย่างถนุถนอม

 ผมถือโอกาสที่มือของซินสัมผัสตัวผม ผมดึงมือนั้น ดึงแขนของคนรักมากอดไว้ ผมกอดของซินไว้แน่น ลูบผิวสัมผัสที่อบอุ่นนั้นเบาๆ

 "ผมรักซิน" ผมพูดเบาๆ และกอดแขนของเขาเอาไว้ ผมจะปกป้องคนคนนี้ ด้วยความรักทั้งหมดของผม



 ช่วงเวลาที่มีความสุข มักจะผ่านไปไวเสมอ เมื่อผมลืมตาตื่นขึ้นอีกครั้ง ก็พบว่าผมเป็นคนเดียวที่นอนอยู่ที่พื้นห้อง ผมรีบลุกขึ้นด้วยใบหน้าที่เป็นสีแดงระเรื่อ มองซินที่กำลังยืนส่งเด็กๆ ที่หน้าประตู

 "ข้าวหอมลูก คุณแม่มาแล้วค่ะ" แม้ได้ยินแค่เสียง แต่ผมก็จำได้ดี ผมค่อยๆ ลุกขึ้นและเดินไปข้างๆ ซิน มองดูฟ่างที่อุ้มน้องข้าวหอม ใบหน้าของเธอยิ้มกริ่มมองผมกับซิน

 "สงสัยต้องเซ้งร้านกาแฟมาเปิดเนอสเซอรี่แล้วมั้ง"

 "ฟ่างงง" ผมเรียกเพื่อนและอยากจะตีสักทีจริงๆ ผมยิ้มและหลบสายตาของซินที่มองมา ฟ่างนะฟ่างแซวกันได้

 "แล้ว จะกลับด้วยกันไหม" ฟ่างถามผม และมองผมสลับกับซินต่อ

 "เอ่อ..." ผมมองซิน แต่ว่าซินก็ไม่ได้พูดอะไร วันนี้ผมรบกวนซินมามากแล้ว ผมว่า ผมควรจะกลับ...

 "ไม่เป็นไร เดี๋ยวผมไปส่งเอง" คำพูดของซินทำเอาผมหุบยิ้มแทบไม่ลง และฟ่างก็ยิ่งยิ้มได้ใจไปใหญ่

 "ได้ งั้นฟ่างเอารถกลับนะ ไปละ ฝากดูแลเพื่อนด้วยนะคะ"

 "ฟ่างงงอ่า" ผมงอนแล้วนะ แซวอีกแล้ว ผมยิ้มให้เพื่อน และยังคงหลบสายตาของซินที่มองผม ในหัวใจนั้นเต้นรัวด้วยความดีใจ ซินรั้งผมเอาไว้ แค่นี้ผมก็ราวกับติดปีกแล้ว

 ครืนน!

 เมื่อส่งเด็กๆ ครบทุกคนแล้ว ท้องฟ้า ก็เริ่มส่งเสียงร้องเบาๆ พร้อมๆ กับลมที่เริ่มพัดแรงขึ้น

 ผมกับซินเข้ามาช่วยกันเก็บของเล่นในห้อง เก็บกวาด ให้ทุกอย่างเรียบร้อย ผมมองหน้าต่างที่เริ่มมีฝนตกลงมาเบาๆ บรรยากาศรอบๆ เริ่มมืดลงอย่างรวดเร็ว

 ผมมองซินที่เริ่มถอดผ้ากันเปื้อน และผมก็เหมือนเดิม รีบเข้าไปช่วยซิน ค่อยๆ แก้ปม และถอดออก

 หัวใจของผมยังคงเต้นแรงเหมือนเดิมเมื่ออยู่ใกล้ๆ ซิน และสายตา แววตาของคนตรงหน้า ที่ถึงแม้ไม่พูดอะไร แต่ก็ทำให้หวั่นไหวเหลือเกิน ผมไม่รู้ว่า สำหรับซินแล้ว ผมยังเป็นคนแปลกหน้าอยู่ไหม แต่ว่าถ้าหากซินจะคิดแบบนั้น ก็คงไม่แปลก เพราะเมื่อวานนี่เอง ที่ผมได้พบซิน เป็นครั้งแรกหลังจากที่เราจากกัน

 ผมมองตามสายตาของซิน ที่เริ่มเปลี่ยนไปมองสายฝนด้านนอก ซินยืนอยู่เนิ่นนาน มองสายฝนที่เริ่มตกแรงขึ้น จนผมแทบจะมองไม่เห็นด้านนอก

 "ไปกันเถอะ" ผมตกใจที่อยู่ดีๆ ซินก็จับมือผม และพาให้วิ่งออกไปฝ่าสายฝน

 ซินไม่บอกผมด้วยซ้ำว่ากำลังจะพาผมไปที่ไหน แต่ว่า ไม่ว่าจะเป็นสายฝน หรือบึงไฟ ถ้าหากซินอยากพาผมไปด้วยแล้ว ไม่ว่าจะเป็นที่ไหน ผมก็จะตามไป
หัวข้อ: Re: In The Shadows' เงาหลอน ซ่อนรัก '[YAOI][#45 อ้อมกอดที่แสนคิดถึง](25/6/63)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 25-06-2020 15:38:57
 :pig4: :pig4: :pig4:

งุย ๆ แม้ซินจะจำอะไรไม่ได้  แต่ความรู้สึกต่าง ๆ มันคงไม่เปลี่ยนแปลงหรือสูญหายไป 

ทำอะไรแล้วมีความสุขก็ทำมันไปสินะ  ซิน
หัวข้อ: Re: In The Shadows' เงาหลอน ซ่อนรัก '[YAOI][#45 อ้อมกอดที่แสนคิดถึง](25/6/63)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 26-06-2020 01:22:03
ไปกันด้วยดีแล้ว ถึงซินจะจำไม่ได้ก็เถอะนะ   :L1:
หัวข้อ: Re: In The Shadows' เงาหลอน ซ่อนรัก '[YAOI][#45 อ้อมกอดที่แสนคิดถึง](25/6/63)
เริ่มหัวข้อโดย: Gloomy Sunday ที่ 09-07-2020 12:39:36
Shadows ที่ 46 อยู่เคียงข้างเสมอ


ผมวิ่งตามซิน ด้วยเสื้อผ้าที่เริ่มเปียกปอน มองแผ่นหลังของซิน ที่เปียกปอนไม่ต่างจากผม

แต่ว่า พวกเราทั้งสองคนก็ยังคงมีแต่รอยยิ้ม ผมยิ้มอย่างมีความสุข วิ่งไปตามเส้นทางที่สายฝนตกกระหน่ำ ผ่านร่มไม้ที่เป็นสีเขียว มีสายฝนตกเป็นละอองให้ยิ่งเย็นชื่นใจ

 และเมื่อวิ่งมาอีกไม่นานนัก ซินก็พาผมเข้าไปยังบ้านหลังเล็กหลังหนึ่ง เป็นบ้านชั้นเดียวที่แสนร่มรื่น

 "ซิน อยู่ที่นี่เหรอ" ผมมองซินที่เปิดประตูรั้วเข้าไป มีชิงช้าอยู่ที่ใต้ต้นไม้หน้าบ้าน ดูน่ารักเข้ากับบ้าน

 "เข้ามาก่อน เดี๋ยวจะไม่สบาย" ซินเปิดประตูบ้านและหยิบผ้าขนหนูผืนใหญ่มาคลุมหัวของผมไว้ จับผมนั่งลงที่ระเบียงเล็กๆ หลบฝน และเช็ดผมให้อย่างแผ่วเบา

 ผมยิ้มหน้าแดง มองฝนที่เริ่มซาลง ดวงตะวันสีส้มฉายแสงนวลสวย สวยงาม ราวกับบ้านหลังนี้เป็นสวรรค์บนดิน

 ผมนั่งกอดเข่า เงยหน้ามองซินที่กำลังเช็ดผมให้ผมอย่างขะมักเขม้น ไม่ว่าจะมองมุมนี้ หรือมุมไหน ซินก็ยังคงสมกับเป็นซิน เป็นคนที่ผมหลงรัก ทุกสิ่งที่เป็นซิน ทำให้ผมไม่อาจละสายตาไปได้

 "ทำตัวเหมือนแมว" ซินพูดเบาๆ และยิ้มมุมปาก ผมหัวเราะเบาๆ และพลิกตัวแย่งผ้าในมือซิน จัดการ เช็ดผมให้ซินบ้าง

 ผมขยับตัวดีๆ และค่อยๆ ละเมียดเช็ดผมให้ซิน ผมสีน้ำตาลเข้มสลวยเส้นเล็ก ตัดกับผิวที่ขาวจนซีดของซิน ริมฝีปากสีชาดที่หยักสวย จมูกที่โด่งเป็นสัน รับกับคิ้วเรียวเข้ม

 "ผมคิดถึงซิน คิดถึงเหลือเกิน" ผมพูดเบาๆ และค่อยๆ ก้มลงจุมพิตเบาๆ ที่บนหน้าผาก ผ่านผืนผ้าเช็ดตัวนั้น

ผมกอดซินไว้ ผ่านผ้าเช็ดตัวผืนนั้น กอดให้นานที่สุดให้เท่ากับความคิดถึงทั้งหมดที่มีในหัวใจของผม ซิน ผมรักซินมากเหลือเกิน ผมอยากใช้ชีวิตที่เหลือต่อจากนี้ โดยมีซินเคียงข้าง ผมอยากจะตื่นนอนทุกๆ เช้า โดยเห็นใบหน้าของซินเป็นคนแรก

"ผมรัก ผมรักซินเหลือเกิน"

 ไม่รู้ว่าคนที่ได้ฟังคิดเช่นไร แต่ว่าเมื่อผมได้พูดออกไปนั้น คนตรงหน้าผม ก็ค่อยๆ ดึงผ้าเช็ดตัวที่คลุมอยู่ออก ผมจ้องมองแววตาของซินที่จ้องมองมาที่ผม พวกเราจ้องมองกัน ไม่รู้ว่านานแค่ไหน

 และก่อนที่จะทันได้รู้สึกตัว พวกเราก็ราวกับจะดึงดูดเข้าหากัน

 ซินแตะที่ข้างแก้มของผมและค่อยๆ ฉุดดึงให้ริมฝีปากของพวกเราผสานกัน ผมไม่ได้ปฏิเสธใดๆ ความคิดถึง ความปรารถนาต่อกันและกัน ความรักที่ผมมีให้อย่างสุดหัวใจ

 เสื้อผ้าที่เปียกปอนของพวกเรา ถูกถอดออกอย่างลวกๆ หลังของผมแตะลงสู่ผืนผ้านุ่ม ริมฝีปากแนบสนิท ดูดดึงกันไปมาด้วยความอ่อนโยน

 หยาดน้ำตาหลั่งรินด้วยความสุข พวกเรากอดก่ายกันไว้ด้วยความรู้สึกเต็มตื้นในหัวใจ หัวใจและร่างกายที่ถูกเติมเต็ม ถึงแม้ว่าจะเจ็บอยู่บ้าง แต่ผมก็กลับมีความสุขเหลือเกิน

 ผมกอดก่ายร่างกายของคนที่รักไว้ พวกเราแนบสนิทจนราวกับเป็นหนึ่งเดียวกัน เมื่อนานมาแล้ว เมื่อครั้งนั้น พวกเรากอดกัน สัมผัสกันด้วยความโกรธและไม่เข้าใจ แต่ว่าไม่ใช่อีกแล้ว

 วันนี้ พวกเราเป็นหนึ่งเดียวกัน ด้วยความรัก เป็นการมอบความรัก เติมเต็มให้กันและกัน ผมไม่เสียใจเลย ที่ผมได้รักซิน และมอบทุกอย่างให้กับซิน คนที่ผมรักหมดหัวใจ



 เป็นเวลาเกือบเช้าแล้ว ที่ผมกับซิน ยังคงนอนกอดก่ายกันไว้ อยู่ในกองผ้าห่มที่แสนอบอุ่น ผมมองดูซินที่ยังคงหลับใหล ยื่นมือแตะเบาๆ ที่ข้างแก้ม ไล้ปลายจมูกโด่งสวย และก้มลงจูบเบาๆ ที่ปลายจมูกนั้น

 ไม่ว่าจะให้พูดสักกี่หน ผมก็ยังคงพูดได้ว่า ผมมีความสุขเหลือเกิน ในที่สุดผมก็เข้าใจแล้วว่า ความสุขที่แท้จริงที่ซินพูดถึงนั้นเป็นเช่นไร ตอนนี้ ผมพบมันแล้ว ซิน คือความสุขที่แท้จริงของผม

 "ขอโทษ..." ผมขมวดคิ้วน้อยๆ มองซินที่ค่อยๆ ลืมตาขึ้น พวกเรานอนจับมือกันแน่น จ้องมองกันและกัน

 "ขอโทษ ที่จำไม่ได้" ผมยิ้มออกมาทันทีที่ซินพูดจบ คำว่าขอโทษนั้น ไม่เหมาะกับซินเลย ซินไม่มีอะไรที่ต้องขอโทษผม มีแต่ผม ที่สมควรพูดคำนั้น

 "จำแค่ว่า ผมรักซินก็พอ" ผมพูดเบาๆ และขยับไปจุมพิตเบาๆ บนเปลือกตาของคนรัก

 ไม่ว่าซินจะจำผมได้ไหม มันก็ไม่สำคัญอีกแล้ว ขอแค่เพียง ซินอยู่ตรงนี้ ข้างๆ ผม ตลอดไป



 หลังจากออกจากบ้านของซิน ผมก็มีอีกหลายที่ที่ผมอยากพาซินไป ซินลางานสักพักตามที่ผมขอ และพวกเราก็พากันไปในที่ที่หนึ่ง ผมอยากพาซิน ไปพบทุกคนที่ผมแคร์

 "ว่าไงเจ้าของร้านคู่แข่ง..." ผมหัวเราะเบาๆ เมื่อพี่เบลล์โผล่หน้ามาต้อนรับผมและเห็นคนที่ยืนอยู่ด้านหลังผมเข้า

 ซินยืนนิ่งๆ มองดูพี่เบลล์ด้วยใบหน้าเรียบเฉย แต่พี่เบลล์กลับยิ้มกว้างและเข้าไปดึงแขนซิน ให้ตามเข้าไป

 "ยินดีต้อนรับ น้องชาย" ซินนั่งลงตามที่พี่เบลล์บอก วันนี้ฟ่างก็มาที่นี่ด้วย เธออมยิ้มมีความสุขตลอดเวลาที่มองผมกับซิน

 "สมกับที่มาจากสวรรค์" ผมอมยิ้มมองฟ่างที่มองซินและพูดอย่างเคลิ้มฝัน "แต่ก็นะ คิดว่าทูตสวรรค์จะหน้าตาดีทุกคนซะอีก" ฟ่างพูดและสะบัดสายตาไปฟาดฟันพี่เบลล์

 ผมเผลอหัวเราะออกมา การได้มองทั้งสองคนเถียงกันเป็นความสุขอีกอย่างหนึ่งของผม

 "เหอะ สาวๆ ที่มากินก็แอบมองพี่ทั้งนั้น"

 "เพราะพี่ชอบให้เขากินฟรีต่างหาก"

 "ไม่ใช่เลย เพราะพี่หล่อต่างหาก แต่ก็นะ อย่างซินเนี่ยเขาเป็นลูกรัก ถูกปั้นมาอย่างตั้งใจเชียวล่ะ"

 "ลูกรัก...ทูต..." ผมมองซินที่ทำหน้าสงสัย ผมยื่นมือไปกุมมือของเขาเอาไว้ และส่งยิ้มให้บอกว่าไม่เป็นไร

 "สงสัยของหวานเนี่ย ไม่ต้องแล้วล่ะ"

 "เนอะ" ผมยิ้มให้คนทั้งสองที่เอาแต่แซวผม แต่ว่า ไม่เป็นไรหรอก ขอแค่ทุกคนมีความสุขก็พอแล้ว

และอีกสถานที่หนึ่งที่ผมอยากให้ซินได้เห็น ที่นี่ เป็นที่ที่ผมใฝ่ฝัน เป็นสถานที่ที่มีคนที่ห่วงใยผมมากที่สุดรวมตัวกัน

 ผมจับมือซิน พาเดินเข้ามา ผ่านรั้วบ้านสีขาว ผ่านหมู่ต้นไม้หลายต้นที่ออกดอกบานสะพรั่ง ร่วงโรยพัดไหวตามแรงลม ผมกระชับมือซินแน่นและเปิดประตูไม้บานใหญ่ ก้าวเข้ายังไปตัวบ้านที่ตอนนี้สมาชิกอยู่กันพร้อมหน้า

 "มาแล้วเจ้าตัวดี หายไปไหนมาทั้งคืน รู้ไหมว่าแม่..." ผมยิ้มให้คุณแม่ที่เมื่อมองเห็นคนด้านหลังผมก็หยุดพูดไป

 คุณพ่อที่เดินเข้ามาทีหลังนั้น มองผมสลับกับซิน มองมือพวกเราสองคนที่กุมกันไว้

 รอยยิ้มปรากฏชัดบนใบหน้าของคนทั้งสอง ผมรู้ ผมรู้ว่าทุกคนจะไม่รังเกียจพวกเรา คุณพ่อคุณแม่ที่แสนดีของผม พวกท่าน จะเข้าใจความรักของพวกเรายิ่งกว่าใคร

 "เป็นคนที่ลูกคิดถึงเขามาตลอดใช่ไหม"

 "นี่สินะ ลูกของแม่ถึงมีความสุขขนาดนี้" ผมยิ้มและพยักหน้าให้คุณแม่

 "ยินดีต้องรับนะ"

 "ขอบคุณครับ"

 "พี่ไวท์ พี่ไวท์มาแล้ววว" ผมได้ยินเสียงของเค้กดังมาแต่ไกล วันนี้ความจริงแล้วเป็นวันธรรมดาที่ทุกคนไม่น่าจะอยู่บ้าน แต่ว่า ก็อยู่กันพร้อม ผมรู้สึกผิดนิดๆ ที่ทำให้ทุกคนเป็นห่วง แต่ว่า ผมก็กลับมาแล้ว พร้อมกับคนสำคัญของผม

 "พี่ไวท์ หายไป..." และก็อีกคน เค้กวิ่งมาเกาะแขนผมและเมื่อมองเห็นซิน เธอก็ถึงกับอึ้งชะงัก และหน้าเปลี่ยนสีทันที เธอรีบปล่อยผมและแอบไปซ่อนด้านหลังคุณแม่ ท่าทางเขินอาย

 "ใช่คนหรือเปล่าคะ ละ..หล่อเกินไปแล้ว"

 "เดี๋ยวเถอะเด็กคนนี้ เสียมารยาทนะ" ผมหัวเราะน้อยๆ มองน้องสาว

 "ไม่เป็นไรครับคุณแม่ แล้ว...น้องเครปละครับ"

 "ยังหลับอยู่เลยลูก เอาล่ะ เข้ามานั่งกันเถอะ อย่ามัวยืนคุยกันเลย"

 "งั้นเดี๋ยวผมพาซินขึ้นไปที่ห้องนะครับ"

 "จ้า ขาดเหลืออะไรก็บอกนะ" รอยยิ้มของคุณพ่อคุณแม่ทำเอาผมเริ่มเขิน ผมจูงมือซินเดินขึ้นไปยังบันไดเพื่อขึ้นไปชั้นสองของบ้าน

 "เป็นครอบครัวที่ดีนะ" ซินที่เงียบมาตลอดอยู่ๆ ก็พูดขึ้นมา ผมดึงซินให้เข้ามาในห้องนอนของผม และกอดซินเอาไว้ ผมไม่อยากให้เวลาสักนาทีของเราสองคนต้องสูญเปล่า

 "ทุกอย่าง เป็นเพราะซิน" ผมพูดบอกซิน ถ้าหากวันนั้น ผมไม่ได้ซินช่วยเอาไว้ ผมก็คงไม่ได้อยู่บนโลกใบนี้อีกแล้ว

 "ขอโทษ" ผมเงยหน้ามองซินที่สีหน้าดูหม่นหมอง ผมลูบแก้มของซินเบาๆ ให้คลายความกังวล โน้มใบหน้าของซินให้เข้ามาใกล้ แนบหน้าผากเข้าหากัน

 "ไม่ใช่แค่ซินที่ไม่ชอบให้ผมพูดคำนี้จริงๆ"

 "อยากได้ยินคำไหนล่ะ" ผมยิ้มให้กับคำถามของซิน

 "คำที่ซินอยากพูด คำไหนผมก็อยากฟังทั้งนั้น"

 "ไม่จริงสักหน่อย" ผมหัวเราะ ดวงตาของซินกำลังยิ้ม ผมมีความสุข จนอยากจะร้องไห้อีกแล้ว

 "พี่ชายย" ผมสะดุ้งทันทีที่อยู่ๆ ขากางเกงก็ถูกดึง ผมรีบผละออกจากซินและหน้าแดงน้อยๆ

 ไม่รู้ว่าเครปมาตั้งแต่เมื่อไหร่ เห็นอะไรไปมากแค่ไหนแล้วนะ

 "มานี่เลย ทำไมมาแล้วไม่เรียกพี่แต่แรกครับ" ผมนั่งลงและดึงเจ้าตัวแสบเข้ามาหอมแรงๆ หลายฟอด โทษฐานที่ทำให้ตกใจ

 "พี่ชายหายไป เครปคิดถึง"

 "ขอโทษน้า พี่ชายก็คิดถึงเครปน้า นอนแทบไม่หลับเลย" ผมอ้อนน้อง และก็ได้ยินเสียงหัวเราะหึหึ จากคนที่ยืนมองอยู่

 ผมหน้าแดง ผมไม่ได้ล้อเล่นสักหน่อย ผมนอนไม่ค่อยหลับจริงๆ บางทีอาจต้องเรียกว่า ไม่ได้นอนมากกว่า

 "เอ่อ...น้องเครป คนนี้..." ผมอึกอัก ไม่แน่ใจว่าจะแนะนำซินให้น้องชายฟังว่ายังไง เพราะว่าเครปนั้นยังเด็กเหลือเกินที่จะรู้อะไรแบบนี้

 แต่ว่าเมื่อผมมองหน้าน้อง ผมก็ต้องรู้สึกประหลาดใจ เพราะว่าตอนนี้ เครปกำลังจ้องมองใบหน้าของซิน และค่อยๆ เดินช้าๆ เข้าไปจับมือซินเอาไว้

 ผมค่อยๆ ลุกขึ้น นี่มันเป็นเรื่องที่ประหลาดมาก เครปเป็นเด็กขี้อายและกลัวคนแปลกหน้ามาก แต่ว่า...

 "พี่ชาย วันนี้ก็มาหาพี่ชายของเครปเหรอครับ" ผมมองน้องที่กำลังเงยหน้าพูดกับซิน น้ำตาหยาดใหม่เอ่อล้นและค่อยๆ ไหลออกมาจากดวงตาของผม

 ผมมองซิน ถ้อยคำที่พี่เบลล์เคยบอกผม ว่าซินนั้นไม่เคยอยู่ห่างผมมันดังก้องกังวานอยู่ในหัวใจ ถึงแม้ว่าตอนนั้น ผมจะมองไม่เห็นซินอีกแล้ว แต่ว่าซินก็ไม่เคยไปไหนเลย คอยติดตาม เฝ้ามองผม ผมที่ไม่สามารถมองเห็นโลกแห่งความตายได้อีกแล้ว

 ผมมองซินที่ค่อยๆ นั่งลงและลูบหัวเครปด้วยความอ่อนโยน เป็นซินจริงๆ สินะ ที่อยู่ตรงนั้น ในวันที่ผมมองเห็นน้อง มองใครสักคนที่อยู่มุมห้อง

 เป็นซิน และเป็นซินเสมอมา...

 ผมไม่อาจ รักใครได้มากเท่าซินอีกแล้ว
หัวข้อ: Re: In The Shadows' เงาหลอน ซ่อนรัก '[YAOI][#46 อยู่เคียงข้างเสมอ](9/7/63)
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 09-07-2020 19:12:44
 :กอด1:
 :3123:
หัวข้อ: Re: In The Shadows' เงาหลอน ซ่อนรัก '[YAOI][#46 อยู่เคียงข้างเสมอ](9/7/63)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 10-07-2020 23:08:00
เล่นเอาหลอนเลย น้องเครปเห็นคนเดียวด้วยอ่ะ  :sad3:
หัวข้อ: Re: In The Shadows' เงาหลอน ซ่อนรัก '[YAOI][#46 อยู่เคียงข้างเสมอ](9/7/63)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 11-07-2020 19:47:26
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: In The Shadows' เงาหลอน ซ่อนรัก '[YAOI][#46 อยู่เคียงข้างเสมอ](9/7/63)
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 12-07-2020 07:33:12
 o13
หัวข้อ: Re: In The Shadows' เงาหลอน ซ่อนรัก '[YAOI][#46 อยู่เคียงข้างเสมอ](9/7/63)
เริ่มหัวข้อโดย: Gloomy Sunday ที่ 12-08-2020 11:53:22
Shadows ที่ 47 ปีกสีขาวที่หวนคืน


เป็นเวลาหลายวันแล้วที่ผมพาซินมาอยู่ที่นี่ ผมถามซินว่าทำไมซินถึงได้มาเป็นครูพี่เลี้ยงที่เนอสเซอรี่แห่งนั้น แต่ว่าแม้แต่ซินเอง ก็ไม่สามารถตอบได้อย่างชัดเจน ตัวเขานั้น ไม่มีความทรงจำอะไรเลย เขาจำได้เพียงแค่ ตัวเองชื่อซิน

เขาตื่นขึ้นที่บ้านหลังนั้น และไม่รู้ว่าตัวเองควรจะทำอะไรต่อไป เขาจึงได้พบกับสถานที่ที่มีเด็กๆ และตัดสินใจเริ่มทำงานที่นั่น โดยความช่วยเหลือของผู้ใหญ่ที่อยู่ในละแวกนั้น

เมื่อได้ฟังเรื่องราวของซิน ผมก็ยิ่งแน่ใจว่า ซินได้ถูกทำให้ลืมเลือนทุกอย่างเหมือนกับผม และปล่อยเขา ให้ใช้ชีวิตในแบบมนุษย์ทั่วไป

ไม่มีอำนาจ สามารถเจ็บได้ มีอารมณ์ความรู้สึกทุกอย่างเหมือนกับพวกเรา พี่เบลล์เองก็ไม่สามารถแก้ไขได้ พี่เขาบอกแค่เพียงว่า ซินกำลังชดใช้โทษของเขา เป็นสิ่งที่ซินได้รับเพราะการทำผิดมาตลอดเมื่อครั้งที่ถูกสาปให้เป็นซาตาน

ผมอาบน้ำให้ซิน พวกเราอาบน้ำด้วยกันในอ่างใบใหญ่ ผมมองดูร่างกายของซินที่ขาวสะอาด ไม่มีร่องรอยของคำสาปใดๆ อีกแล้ว ผมจำได้ดี ซินเคยมีรอยสักอยู่ที่คอและมือ แต่ว่าตอนนี้ไม่มีอีกแล้ว เป็นหลักฐานได้อย่างดีว่า ซินไม่ได้ถูกสาปอีกแล้ว

 ผมทั้งดีใจ ทั้งสงสารซิน การที่ต้องใช้ชีวิตเหมือนมนุษย์ทั่วไป สำหรับคนที่เป็นเหมือนดั่งเทพ บางทีมันอาจจะยากลำบากก็ได้ แต่ว่า ผมจะคอยอยู่ข้างๆ เขา ไม่ให้เขาต้องโดดเดี่ยว ในโลกที่ไม่คุ้นเคยนี้

 "มองจนน้ำจะเดือดแล้ว" ซินพูดแบบนี้ ก่อนจะมุดน้ำจนมองเห็นแค่เพียงดวงตาเท่านั้น

 ผมหน้าขึ้นสีระเรื่อ ไม่ว่าเมื่อไหร่ ผมก็ยังคงไม่อาจละสายตาจากซินไปได้

 ซินที่เสียความทรงจำไปนั้น เหมือนกับความคิด อารมณ์และความรู้สึกของเขาเป็นเด็กลงไปมาก แต่ว่า ก็แค่บางเวลาเท่านั้นแหละนะ เพราะว่ามีหลายครั้ง ที่อยู่ดีๆ ซินก็กลายเป็นเสือตัวใหญ่

 "เดี๋ยวซิน จับตรงไหนน่ะ" ซินมุดน้ำแต่ว่ามือนั้นก็ไม่อยู่สุขเลย ผมหัวเราะและจับมือปลาหมึกของซินไว้ จะเสียงดังมากไปก็ไม่ได้ เพราะว่าตอนนี้ พวกเราอยู่กันที่บ้านของผม

 "เดี๋ยวก่อนซิน" ผมตีซินที่ดึงตัวผมเข้าไปและสวมกอดจากด้านหลัง ผมหน้าขึ้นสีแดงอย่างชัดเจน หัวใจเต้นแรงอยู่ในอก

 ซินกอดผมและหลับตาลง แนบแก้มเนียนลงที่ข้างแก้มของผม ให้พวกเราทั้งสองใกล้ชิดกัน ผมกอดแขนซินเอาไว้ หลับตาลงด้วยรอยยิ้ม

 ช่วงเวลาที่พวกเราได้อยู่ด้วยกันแบบนี้ ได้ใช้ชีวิตอย่างปกติด้วยกัน มันเป็นเหมือนภาพที่ผมฝันมาตลอดชีวิต

 "ผมรักซิน" ผมพูดเบาๆ และจุมพิตเบาๆ ลงที่แก้มขาวนั้น มองซินที่ค่อยๆ ลืมตา ซินใช้มือเกลี่ยเบาๆ ที่แก้มของผม ไล่ลงมาที่ริมฝีปาก

 "ถ้าจำได้แล้ว พวกเราจะยังเหมือนเดิมอยู่ไหม จะทำให้เจ็บปวดอีกหรือเปล่า" คำถามของซินแฝงไปด้วยความหม่นหมองในแววตา ราวกับมีความกลัวอยู่ในหัวใจของเขา

 ผมยิ้มและพลิกตัวขึ้นมากอดซินเอาไว้ พวกเรานอนกอดกันอยู่ในอ่างน้ำขนาดใหญ่ ผมแนบร่างกายกอดก่ายคนที่ผมรัก ลูบแขนซินเบาๆ อย่างปลอบประโลม

 "ไม่ว่าจะต้องเจ็บปวดอีกมากมายแค่ไหน ผมก็จะไม่มีวัน ให้พวกเราต้องพรากจากกันอีก"

 "สัญญาได้ไหม" ผมยิ้มให้กับคำขอของซิน ผมยกนิ้วก้อยขึ้นมาและเกี่ยวกับนิ้วก้อยของซินไว้แน่น

 "สัญญา ด้วยทุกสิ่งที่ผมมี"

 จุมพิตที่อ่อนโยน แนบสนิทและแสนเนิ่นนาน ความอบอุ่น ความรัก ความรู้สึกที่พวกเรามีให้กัน เป็นเหมือนพันธนาการ ยึดเหนี่ยวพวกเราไว้ ไม่ให้พรากจากกัน



8 เดือนผ่านไป

 เป็นเวลาแปดเดือนมาแล้ว ที่พวกเราใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน ซินเหมือนกับกลายเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัวของพวกเรา

 ซินย้ายเข้ามาอยู่ด้วยกันกับผม ช่วยงานร้านกาแฟที่ผมสร้าง กิจการร้านของพวกเราขายดีมากขึ้นเรื่อยๆ ผมเฝ้ามองซินที่ตั้งใจทำงานทุกอย่าง ไม่ว่าจะอบขนม ชงกาแฟ และต้อนรับลูกค้า ผมไม่เคยหุบยิ้มลงได้เลย ทุกวันที่มีซินอยู่ด้วยนั้น ทำให้ผมมีความสุขจนเต็มล้นหัวใจ

 ผมไม่เคย เล่าให้ซินฟัง ว่าก่อนหน้านี้ ชีวิตของเขาเป็นเช่นไร และซินนั้นก็ไม่เคยถาม ผมรู้สึกว่าภายในจิตใจลึกๆ ของเขา มีความกลัวเรื่องราวที่เคยเกิดขึ้น ว่ามันอาจเป็นความทรงจำที่ทำให้สองเราต้องเจ็บปวด เขาเลือก ที่จะลืมสิ่งที่เลวร้ายเหล่านั้น

 แต่ทว่า มีอยู่เพียงเรื่องเดียวเท่านั้นที่เขาอยากรู้

 เขาอยากรู้...ว่าก่อนที่เขาจะลืมทุกสิ่งไปนั้น

 เขา...รักผมมากแค่ไหน



 "เกือบจะปีนึงแล้วนะ ถ้ามีลูกได้ป่านนี้คงวิ่งกันให้พล่านแล้วมั้ง"

 "เดี๋ยวเถอะ พอเลยนะพี่เบลล์ คุณพ่อคุณแม่ก็อยู่นะ"

 เสียงหัวเราะท่ามกลางงานเลี้ยงฉลองวันเกิดของผม ตอนนี้ ผมอายุครบยี่สิบห้าปีแล้ว แต่ทุกสิ่งก็ยังคงเหมือนเดิม ยังคงมีความรัก ให้กับคนคนเดิม

 "เรื่องเด็กๆ น่ะเอาไว้ทีหลัง จะจัดงานแต่งเมื่อไหร่ดี เอาอันนี้ก่อน" นี่เป็นคำพูดของคุณแม่ ที่ทำผมเขินจนหน้าแดง มองซินที่ยิ้มมุมปากเล็กๆ เหลือบมองผมอยู่เช่นกัน

 "ต้องแบบนี้ค่ะคุณแม่ จะข้ามขั้นได้ยังไง" ฟ่างได้ทีก็ช่วยเสริม น่าตีจริงๆ เพื่อนคนนี้

 "รู้สึกจะข้ามขั้นไปไกลแล้วสิไม่ว่า"

 "พี่เบลล์" ผมส่งเสียงดุพี่เบลล์ด้วยใบหน้าที่แดงจัดยิ่งกว่า "ไม่เอาล่ะ ไม่อยู่ตรงนี้ดีกว่า เดี๋ยวไปเอาขนมเพิ่มให้นะ" ผมบอกทุกคนและลุกขึ้นเดินเข้าไปในบ้าน งานเลี้ยงเล็กๆ ของพวกเราจัดขึ้นในสวน โดยมีเพียงสมาชิกในครอบครัวและคนสนิทเท่านั้นที่ได้รับเชิญ

 แต่มีอยู่คนหนึ่งที่ผมรู้สึกสงสารมาก พี่ตะวันยังคงดีกับผมมาก ถึงแม้จะรู้ว่าผมได้เจอคนที่คิดถึงแล้ว

 ผมเดินเข้ามาในครัวและรินผสมน้ำหวานลงในเหยือกใสใบใหญ่

"ทำอะไร" การที่อยู่ๆ ก็ถูกจู่โจมเข้าที่ด้านหลัง ทำให้ผมตกใจและแทบเผลอทำเหยือกตกแตก

 ผมหันไปหาซินที่เดินตามมาเงียบๆ ในความมืด และตีแขนไปทีสองทีด้วยความเคืองเล็กๆ

 "ทำไมไม่ส่งเสียงแต่แรกล่ะซิน ผมตกใจนะ"

 "ขวัญอ่อน" ซินกอดผมจากด้านหลังและเริ่มมองผมผสมน้ำหวานต่อ

 "อื้อ ขอโทษนะที่ขวัญอ่อน" ผมพูดแบบงอนๆ แต่ก็อมยิ้ม ซินที่เห็นแบบนั้นก็หอมแก้มผม ทำให้ผมรู้สึกดีขึ้น

 "แบบนี้แหละดีแล้ว" ผมหันไปเลิกคิ้วเล็กๆ

 "ทำไมถึงดีล่ะ"

 "ไวท์ที่ไม่กลัวอะไร ก็ไม่น่าแกล้งน่ะสิ" ผมพ่นลมหายใจเบาๆ

 "ซิน คนใจร้าย" ผมแกล้งพูดและมองซินที่มีสีหน้าหม่นลงไปเล็กๆ "ซิน ผมไม่ได้ตั้งใจจะว่า..."

 "สุขสันต์ วันเกิดนะ" ผมมองซินที่ได้โอกาส ก็ผูกข้อมือเส้นหนึ่งที่ข้อมือของผม

 ผมมองข้อมือเส้นนั้น ด้วยแววตาที่สั่นระริก หัวใจพองโตไปด้วยความสุข นี่เป็นของขวัญชิ้นแรกที่ผมได้รับจากซิน

 จากซิน...คนที่ผมรักที่สุดในหัวใจ

 "ไม่รู้ว่า จะชอบไหม...."

 แทนคำตอบนั้น ผมกอดซินไว้แน่น ซบหน้าลงที่อ้อมอกอันแสนอบอุ่น นี่เป็นของขวัญที่มีค่าสำหรับผมมาก ซินนั้นมีค่ากับชีวิตของผมมากเหลือเกิน

 "ขอโทษนะ ที่ไม่มีวันพิเศษ ให้ไวท์ได้ฉลอง" ผมยิ้มทั้งน้ำตา และโน้มจับใบหน้าของซินให้เข้ามาใกล้

 "ทุกๆ วันที่มีซินอยู่ คือวันพิเศษสำหรับผม อยู่ด้วยกัน ตลอดไปนะซิน" ผมกอดซินไว้อีกครั้ง ให้ความรักของผม ส่งไปถึงคนตรงหน้าให้มากที่สุด

 "อยากจำให้ได้ ว่าเคยรักไวท์มากแค่ไหน ยังจะมากกว่าตอนนี้ได้ไหม" ซินพูดเบาๆ และก้มลงหอมที่หน้าผากของผม

 นี่เป็นคำบอกรักจากซิน ผมดีใจมาก มากจนไม่อาจกลั้นน้ำตาเอาไว้ พวกเรากุมมือกัน กอดและจูบกัน แสดงออกทุกอย่าง ให้รู้ว่าพวกเรารักกันมากแค่ไหน

 ผมอยากบอกเขา ว่ามันไม่สำคัญเลย ว่าซินคนไหนที่รักผมมากกว่ากัน ไม่สำคัญ เท่าพวกเราอยู่ด้วยกันตรงนี้

 หลังจากอยู่ในครัวกันนานเกินไป ผมก็พาซินกลับไปที่สวนของบ้าน ที่ที่ทุกคนกำลังรออยู่ ผมนั่งอยู่ข้างๆ ซิน จับมือซินเอาไว้ มองดูผู้คนที่ผมรัก กำลังพูดคุยและเล่นกันอย่างสนุกสนาน

 ในช่วงดึกนั้น พวกเราซื้อพลุและไฟเย็นมาเล่นกัน ผมพาน้องๆ ของผมมานั่งที่ใต้ต้นไม้ และจุดไฟเย็น ส่งมันให้เด็กๆ ได้ถือเล่น

 ผมมองคุณพ่อคุณแม่ที่กำลังอิงซบกันมองดูดวงจันทร์บนท้องฟ้า มองดูพี่เบลล์ที่แอบจุดไฟเย็นด้วยพลังตัวเอง มองดูฟ่างที่ชี้ให้ข้าวหอมมองดูพลุสีสวยอันใหญ่ที่กำลังพุ่งขึ้นฟ้า

 ผมมีความสุข มองดูเหล่าไฟสีสวยที่แตกกระจายบนท้องฟ้าและเลือนหายไป เหลือแต่เพียงหมู่ดวงดาว ที่ส่องแสงเป็นประกายระยิบระยับอยู่บนนั้น

 ผมเงยหน้ามองดู ดวงดาวดวงหนึ่งที่กำลังส่องแสงแรงกล้าที่สุด มันสวยงามและผมอยากจะได้ดูมันกับคนที่ผมรัก และตอนนี้ ผมก็มีโอกาสนั้นแล้ว

 ผมละสายตาจากหมู่ดวงดาว และมองไปที่ด้านหลัง ที่ที่คิดว่าคนที่ผมรักจะยืนอยู่ตรงนั้น...

 แต่ว่ามันก็ไม่เป็นเช่นนั้น

 ซิน...หายไป

 หัวใจของผมราวกับมีหลุมที่ลึกและสูบทุกอย่างให้หายไป ความสุข รอยยิ้ม ทุกสิ่งเหมือนกำลังแตกสลาย

 ผมเริ่มน้ำตาไหล ลนลาน และออกวิ่งตามหา ผมมองหาทุกที่ที่คิดว่าซินน่าจะอยู่ วิ่งลัดเลาะไปตามต้นไม้ วิ่งออกจากสวน ไปที่ตัวบ้าน

 ผมเริ่มตัวสั่น ความทรงจำเลวร้ายทุกอย่างไหลเข้ามาในหัวใจจนผมแทบสำลัก

 ผมขาดซินไม่ได้ พวกเราไม่เคยออกห่างจากกัน อย่าไป อย่าหายไปไหนอีก หัวใจผมมันรับไม่ไหวอีกแล้วหากต้องเสียซินไป

 ผมเริ่มร้องไห้มากขึ้น และตามหาคนที่เป็นเหมือนดั่งชีวิตและลมหายใจของผม

 เพล้ง!

 เสียงแก้วที่แตกกระจาย ดังมาจากด้านบน ผมรีบเปลี่ยนเป้าหมายและวิ่งอย่างสุดแรงไปตามเสียงนั้น ผมวิ่งขึ้นบันไดทีละสามขั้น และวิ่งไปหยุดยืนอยู่ที่หน้าประตูห้องนอนของผมที่เปิดกว้างเอาไว้

 แสงสว่างที่สว่างจนผมไม่อาจลืมตาขึ้นได้ถนัด กำลังปะทุระเบิดออก ผมยกแขนขึ้น ปกป้องดวงตาที่มองเห็นแต่แสงจ้า หรี่ตามองดูสิ่งสิ่งหนึ่ง ที่กำลังลอยอยู่ในอากาศ

 ขนนกสีขาวที่ขาวบริสุทธิ์ กำลังเปล่งแสงแรงกล้า และตรงหน้าขนนกนั้น คนที่กำลังลอยอยู่ในห้วงแห่งพลังนั่น...

 ผมน้ำตาไหลโล่งใจทรุดลงกับพื้น มองดูขนนกที่ส่องแสงสว่างไสว ค่อยๆ แตกออกเหมือนกับหิ่งห้อยนับล้าน

 ผมมองดูมันค่อยๆ ลอยอยู่ในอากาศและรวมตัวกันลอยเข้าสู่ร่างกายของผู้เป็นนายของมัน

 และจากนาทีนั้น ปีกสีขาวที่สว่างยิ่งกว่าแสงตะวัน กางออกแผ่ขยายไปในอากาศ เงามืดที่เคยปกคลุมคนคนนี้ ไม่มีอีกต่อไปแล้ว

 ทูตสวรรค์ที่สง่างามที่สุด ค่อยๆ ลืมตาขึ้น ซินหันมองผมด้วยน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม เท้าของซินค่อยๆ แตะลงที่พื้นอย่างแผ่วเบาดุจขนนกที่ลอยสู่พื้น

 ผมมองซินที่แววตาของเขา กลับไปเป็นเหมือนดั่งวันวาน วันวานที่พวกเราได้พบ ได้ต่อสู้กับทุกสิ่งทุกอย่างด้วยกัน และรู้ว่ารักกันหมดหัวใจ

 "ไวท์" ซินโผเข้าหาผมและกอดเอาไว้แน่นจนพวกเราล่องลอยไปด้วยกัน โอบกอดกันด้วยความคิดถึงสุดหัวใจ

 "จำได้แล้ว ว่ารักมากแค่ไหน"

 ผมร้องไห้ด้วยความดีใจกับคำพูดนั้น

 ซิน...ได้กลับมาแล้ว

 และพวกเรา จะไม่พรากจากกันอีกแล้ว...





THE END
หัวข้อ: Re: In The Shadows' เงาหลอน ซ่อนรัก '[YAOI][#47 ปีกสีขาวที่หวนคืน][END](12/8/63)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 12-08-2020 13:33:21
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: In The Shadows' เงาหลอน ซ่อนรัก '[YAOI][#47 ปีกสีขาวที่หวนคืน][END](12/8/63)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 12-08-2020 22:20:49
จบดี ๆ ไม่ได้หรือไง ทำไวท์เสียน้ำตาอีกนะ่  :กอด1:
หัวข้อ: Re: In The Shadows' เงาหลอน ซ่อนรัก '[YAOI][#47 ปีกสีขาวที่หวนคืน][END](12/8/63)
เริ่มหัวข้อโดย: FaX ที่ 19-08-2020 18:05:16
ใดๆก็คือ  ไวท์สมชื่อมาก ไม่เคยโกรธใครเลย คือแบบนสยเอกในอุคติอะ ซินก็คือรักแบบไม่พูด ชอบทำ ปกป้องมากกว่า เคมีมันเข้ากั๊นเข้ากัน อ่านทุกตอน คือน่าติดตามมาก วางโทรสับไม่ลงเลย เดาเนื้อเร่่แง จนตัวเองงง โดนไรท์หลอก 55 ขอบคุณนิยายดีๆที่นำมาให้แ่านมากๆเลยงับ เป็นกำลังใจให้ไรท์ ♥️♥️❤️