In The Shadows' เงาหลอน ซ่อนรัก '[YAOI][#47 ปีกสีขาวที่หวนคืน][END](12/8/63)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: In The Shadows' เงาหลอน ซ่อนรัก '[YAOI][#47 ปีกสีขาวที่หวนคืน][END](12/8/63)  (อ่าน 22327 ครั้ง)

ออฟไลน์ Gloomy Sunday

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 408
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +215/-3
    • Fanpage : Gloomy Sunday Tk.
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม


******************************************************************************




In The Shadows ' เงาหลอน ซ่อนรัก '


"ไปเลยไป!!"

"ไอ้ขยะ!"

"แกมันปิศาจ ไปตายซะ!!!"

ผมน้ำตาไหลออกมาช้าๆ ตัวสั่นเทาด้วยความเจ็บปวดจากการถูกก้อนหินปาใส่

ผมจ้องมองเพื่อนๆ ที่ล้อมรอบตัวผมและตะโกนด่าผมด้วยความเกรี้ยวกราด

"มองอะไรของแก ไอ้ขี้โกหก!!"

"ป..ไป ให้พ้น ออกไป" ผมพูดพึมพำและน้ำตาไหลไม่หยุด จ้องมองไปข้างหน้า มองผ่านเพื่อนๆ

ไปยังผู้หญิงที่มีดวงตาสีขาว ผู้หญิงผมยาวที่ยืนอยู่ด้านหลังเพื่อนของผม...

"อ..ออกไปซะ" ผมร้องเสียงแหบแห้ง ทำใจกล้าพยายามไล่สิ่งชั่วร้ายนั้นออกไป

"นี่มึงกล้าไล่กูเหรอ" หนึ่งในเพื่อนร่วมชั้นของผมตะโกนลั่นด้วยความโกรธ

พลั่ก!!

ผมถูกผลักให้ลงไปนอนกับพื้นของสนามเด็กเล่น จนเนื้อตัวมอมแมมไปทั้งแผลและดินทราย

"ไปเถอะ มันบ้า ไอ้ไวท์ ไอ้ปัญญาอ่อน" เด็กคนอื่นๆ ต่างยิ้มขำและชอบใจกับคำด่านั้น

แกร่ก แกร่กๆ

ผมเงยหน้าขึ้นมองคนอีกคนที่ยังไม่ได้เดินไป คนคนนั้นค่อยๆ หันลำคอมาช้าๆ ลำคอที่เหมือนกับกำลังส่งเสียงแปลกๆ ทุกจังหวะที่เคลื่อนไหว

ผมร้องไห้กับภาพที่เห็น รอยยิ้มของสิ่งที่อยู่ตรงหน้า เป็นรอยยิ้มกว้างที่กว้างจนราวกับจะถึงใบหู เป็นรอยยิ้มที่น่าสยดสยอง

รอยยิ้มของผีร้าย...
 


******************************************************************************


          PS. นิยายเรื่องนี้เป็นเพียงจินตนาการของนักเขียนเท่านั้น โปรดใช้จักรยานในการอ่าน หุหุ

          PS. เป็นแนวดราม่า โรแมนติก แฟนตาซี สยองขวัญ ไม่เรทมากค่ะ

          PS. กดถูกใจหรือคอมเม้นเป็นกำลังใจให้นักเขียนบ้างนะคะ ขอบคุณค่ะ
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-08-2020 11:56:01 โดย Gloomy Sunday »

ออฟไลน์ Gloomy Sunday

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 408
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +215/-3
    • Fanpage : Gloomy Sunday Tk.
Shadows ที่ 1 เด็กหนุ่มที่แสนโชคร้าย


ท่ามกลางหมู่ไฟหลากสีที่พาดผ่านต้นไม้สูง โคมไฟสีนวลที่แขวนประดับประดาอยู่ทั่ว

ผมนั่งอยู่ที่ริมฟุตบาธเล็กๆ มองดูผู้คนที่เดินผ่านไปมากันอย่างครื้นเครง มันเป็นบรรยากาศที่ทำให้ผมรู้สึกผ่อนคลาย และสบายใจ

"ดูดิ คนนั้นหล่อเนอะ"

"นั่นมันพี่ไวท์ ปี 2 ไม่ใช่เหรอ"

"เขาว่ากันว่าพี่เขาสติไม่ค่อยปกตินี่"

"ไปชี้เขา เดี๋ยวพี่เขาเล่นของใส่มึงทำไง"

"เสียดายเนอะ หล่อดีอ่ะ ไม่น่าเลย"

ผมก้มมองพื้นพยายามไม่สนใจคำนินทาพวกนั้น และเงยหน้าขึ้นส่งยิ้มให้รุ่นน้องผู้หญิงกลุ่มนั้น

"สวัสดีครับ" ผมยิ้มทักทายอย่างเป็นมิตร ถึงแม้ว่าพวกเธอจะเดินหนีผมไปทันทีก็ตาม

ผมไม่เคยโกรธที่ใครๆ จะมองว่าผมเป็นอย่างไร เพราะมันเป็นสิทธิ์ของเขา เราไม่สามารถห้ามความคิดของคนได้ ผมรู้อยู่แก่ใจ ว่าผมนั้นกำลังทำอะไร

ผมลุกขึ้นช้าๆ หรี่ตามองไปรอบๆ พยายามปรับโฟกัสให้พอมองเห็นทาง และไม่เดินชนอะไรเข้า

ใช่แล้วล่ะ ผมน่ะ เป็นเหมือนคนตาบอด แต่จะพูดแบบนั้นก็ไม่ใช่หรอก จริงๆ ผมแค่สายตาสั้นเท่านั้น ยังพอใช้ชีวิตได้ปกติ ผมมองเห็นสิ่งต่างๆ ชัดเจนภายในระยะแค่มือเอื้อมถึง ถ้าไกลกว่านั้น ผมจะเห็นทุกสิ่งทุกอย่างพร่ามัวไปหมด

ผมเดินไปเรื่อยๆ เพื่อกลับไปยังบ้านของผม ซึ่งถ้าจะเรียกว่าบ้านก็ไม่ค่อยจะถูกนัก ผมเช่าห้องพักเล็กๆ เหนือร้านขายของชำของคุณยาย ท่านใจดีให้ผมเช่าในราคาถูก

นาฬิกาข้อมือของผมตอนนี้ บอกผมว่าใกล้เวลาที่คุณยายจะปิดร้านแล้ว ผมต้องรีบกลับไปช่วยคุณยาย ผมที่นั่งเล่นเพลินจนลืมเวลา ก็รีบเร่งฝีเท้าเดินไปตามทางเพิ่มขึ้นไปอีก

ผมเดินไปเรื่อยๆ และหยุดชะงักที่ปากซอยทางลัด ซึ่งถ้าไปทางนี้ ผมก็จะไปถึงร้านได้อย่างรวดเร็วมากขึ้น แต่ผมก็ไม่อยากผ่านไปทางนี้เท่าไหร่นัก เพราะมันเปลี่ยวและมืดจริงๆ

ผมที่ยืนคิดอยู่สักพัก ก็ตัดสินใจเลี้ยวไปยังทางลัดตรงหน้า และเร่งฝีเท้าอย่างรวดเร็วต่อไป แค่ไม่กี่เสาไฟฟ้าเอง แค่นิดเดียวน่า

พรึบ พรึบ ฟุ่บ

แต่ผมที่กำลังเดินอยู่นั้น อยู่ๆ แสงไฟที่สาดส่องลงมาที่ท้องถนนก็กระพริบและดับวูบลง ผมยืนอยู่ตรงนั้น หยุดเท้าและมองไปรอบๆ ด้วยหัวใจที่เริ่มเต้นรัว

ผมไม่เห็นอะไรทั้งนั้น ไม่มีอะไรทั้งนั้น ผมก้มหน้ามองปลายเท้า พูดพึมพำกับตัวเอง และค่อยๆ ก้าวเดินไปข้างหน้าอีกครั้ง ดวงตาที่พร่ามัวจับจ้องอยู่แต่ปลายเท้าของตัวเองทุกการเคลื่อนไหว

ความเครียด และความกลัว ทำให้ผมเร่งฝีเท้ากึ่งเดินกึ่งวิ่งจนเริ่มหอบหายใจ คงอีกไม่ไกลนักหรอก เพราะผมเหมือนกับเดินมาไกลและนานพอสมควรแล้ว...

หมับ!

ผมสะดุ้งสุดตัวทันทีที่รู้สึกถึงอะไรบางอย่างกำลังดึงผมเอาไว้ไม่ให้ก้าวเดินต่อไป

ผมตัวสั่น หลับตาแน่น ไม่กล้าแม้แต่จะหันหลังกลับ

"พี่คะพี่ ทางไปตลาดไปทางไหนหรอ หนูหลงทางค่ะ" ผมลืมตาขึ้นช้าๆ และหันกลับไปมองตามเสียงเรียกด้วยหัวใจที่เต้นรัวเช่นเดิม เพราะว่าแค่เสียงน่ะ มันไม่รู้หรอกว่าคนจริงหรือเปล่า

แต่เมื่อผมจ้องมองดูดีๆ แล้ว ผมก็ต้องถอนหายใจอย่างโล่งอก เธอเป็นเด็กผู้หญิงน่าจะวัยมัธยมต้นได้ เธอผูกเปียสองข้างและกำลังทำหน้าตาตื่นกลัวมองไปรอบๆ

"ถ้าตลาดน่ะไปทางเดียวกับพี่ มาสิ ไปด้วยกันนะ" ผมยื่นมือไปจับมือของเด็กคนนั้นเอาไว้ เธอพยักหน้าและเดินตามแรงจูงของผม

"พี่ไม่กลัวบ้างหรอ เดินมืดๆ แบบนี้อ่ะ"

"กลัวสิ แต่จำเป็นน่ะ แล้วทีหลังเราก็อย่ามาทางนี้นะ มันอันตราย" ผมรู้สึกอุ่นใจขึ้นที่มีเพื่อนร่วมทางมาด้วย พวกเราเดินไปเรื่อยๆ ฝ่าความมืด ผมไม่ได้พูดอะไรมากนัก จิตใจของผมจดจ่ออยู่กับการออกไปจากที่แห่งนี้ และแล้ว ตรงสุดปลายทางนั่น ผมมองเริ่มมองเห็นแสงไฟ ผมจับมือน้องแน่น และรีบเร่งฝีเท้าขึ้นให้เร็วขึ้นอีก

"ทำไมต้องรีบขนาดนั้นเหรอคะ" อยู่ๆ เธอที่เงียบมาตลอดก็ถามผม

"จะได้ไปถึงไวขึ้นไง"

"พี่ไม่อยากอยู่กับหนูขนาดนั้นเลยเหรอ" ผมเริ่มไม่เข้าใจคำถามของเธอ

"ไม่ใช่แบบนั้น แต่ว่าพี่ต้องรีบไป เดี๋ยวพี่เดินไปส่งเราก็ได้ เราจะไปตรงไหน..."

แต่ผมที่จับมือของเด็กผู้หญิงไว้ ก็รู้สึกถึงความเปียกชื้นบนมือของผม เท้าที่ก้าวอย่างรวดเร็วเริ่มหยุดชะงัก ผมหันหลังไปช้าๆ มองดูเด็กผู้หญิงคนนั้น

แต่ภาพที่ผมเห็นก็ทำให้ผมต้องรีบปล่อยมือ และก้าวถอยหลังอย่างรวดเร็ว

"อ่อก..ก..อั่ก"

ผมอกสั่นขวัญแขวน มองดูเด็กคนนั้นที่กำลังสำลักของเหลวสีแดงออกจากปาก จมูกและตา จนชุดนักเรียนสีขาวนั้นชุ่มไปด้วยสีแดง

"พ..พี่.ค..คะ อยู่กับหนูเถอะ"

ผมน้ำตาไหล และกลับหลังวิ่งอย่างรวดเร็วไปทางแสงไฟตรงหน้า ผมวิ่งสุดฝีเท้า และก็ต้องโล่งใจที่เห็นกลุ่มคนอยู่ตรงหน้า

ผมนั่งลงที่กลุ่มวินมอเตอร์ไซค์ที่กำลังนั่งรวมกลุ่มกินเหล้าอยู่ ร้องไห้กุมหน้าไว้ ตัวสั่นจนคนพวกนั้นตกใจ

"ไอ้หนุ่ม เป็นอะไร โดนปล้นเหรอ"

ผมไม่ได้เป็นอะไร ผมก็แค่...ผมโดดเดี่ยว ผมต้องเผชิญกับเรื่องแบบนี้มานับครั้งไม่ถ้วน

ไม่มีใครเลย ไม่มีใครเลยที่จะเชื่อว่าผมพบเจอกับอะไร

"ไม่มีอะไรครับ ขอโทษนะครับ" ผมที่นั่งสงบสติอารมณ์ตัวเองสักพัก ก็ลุกขึ้นยกมือขอโทษพวกผู้ใหญ่และเดินต่อไป

"ไวท์ลูก กลับมืดจังเลย กินอะไรมาหรือยัง มาเอาขนมไปกินนะลูก" ผมเดินมาถึงหน้าร้านขายของชำของคุณยาย แต่ท่านก็เก็บร้านเรียบร้อยแล้ว ผมมาไม่ทัน...

"ขอโทษนะครับ ผมเลยไม่ได้ช่วยคุณยายเก็บร้าน"

"ไม่เป็นไรลูก เอาขนมไปกินแล้วไปพักซะนะ"

ผมรับขนมที่คุณยายให้และเดินขึ้นมาที่ชั้นสองห้องนอนของผม ซึ่งทางขึ้นนั้นมีบันไดแยกด้านข้าง สามารถขึ้นไปโดยไม่ต้องผ่านเข้าไปในร้านของคุณยาย

ตัวผมสมัยก่อนนั้นอยู่ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่เมื่อโตขึ้น ผมก็หาทุนเรียนเอง ทำงานและย้ายออกมาจากที่นั่น ผมที่ร่อนเร่ไปเรื่อยก็เลยมาเจอคุณยายและขออาศัยอยู่ที่นี่ เพื่อที่จะได้ดูแลท่านไปด้วย

ห้องนอนของผมเป็นห้องสี่เหลี่ยมเล็กๆ ซึ่งภายในห้องมีเพียงของใช้จำเป็น และมีห้องน้ำเล็กๆ อยู่ภายใน

ผมนั่งลงที่ฟูกนอน และหยิบแว่นตามาสวมเพื่อที่จะได้อ่านหนังสือเรียนและทำการบ้าน

ใช่แล้วล่ะ จริงๆ ผมนั้นมีแว่นตาอยู่แต่ก็ไม่ได้ใส่เวลาที่ออกไปข้างนอก ผมคงไม่ต้องบอกเหตุผลใช่ไหมว่าเพราะอะไร ผมจะใช้ชีวิตลำบากมากถ้าหากมองเห็นอะไรที่ชัดเจนเกินไป ผมจึงเลือกที่จะมองโลกอย่างพร่ามัว แต่รู้สึกปลอดภัยมากกว่า



ในรุ่งเช้า ผมแต่งตัวด้วยชุดนักศึกษา และรีบลงจากห้องเพื่อช่วยคุณยายเปิดร้าน กินข้าวเช้ากับคุณยาย ช่วยงานเล็กๆ น้อยๆ และบอกลาคุณยายเพื่อไปเรียน

ผมเดินไปยังถนนสายเมื่อคืนที่ผมเดินผ่าน ถนนที่ผมได้พบกับเด็กผู้หญิงคนนั้น ผมไม่รู้ว่าเธอเป็นใครหรือเป็นอะไรถึงต้องตาย แต่ผมรู้สึกสงสารเธอ ในตอนกลางวันแบบนี้ ถนนสายนี้ยังคงมีคนเดินผ่าน และมีรถวิ่งไปมา ทำให้ผมกล้าที่จะย้อนกลับมาอีก

ผมเปิดกระเป๋า และหยิบแจกันเล็กๆ พร้อมดอกไม้ออกมา วางมันไว้ที่ข้างทางตรงที่ผมได้พบกับเธอ

"ไปสู่สุขคติซะนะ" ผมพูดเบาๆ และเดินจากมา

ผมเดินต่อไปยังหน้าปากซอย โบกรถสองแถว และนั่งต่อไปยังมหาวิทยาลัยของผม

ตัวผมนั้นเรียนอยู่ปีสองคณะมนุษยศาสตร์ ผมไม่มีเพื่อนเลยสักคน ทุกคนมองผมเป็นตัวประหลาด มองผมเป็นปิศาจ ทั้งๆ ที่ผม ไม่เคยทำอะไรให้พวกเขาเลย มันเป็นเรื่องที่น่าเศร้าจริงๆ

เมื่อมาถึงแล้ว ผมรีบลงจากรถและเดินไปตามทางเพื่อไปยังตึกเรียน แต่ผมที่เดินรีบเกินไป ก็เหยียบเชือกรองเท้าตัวเองเข้า

พลั่ก!

ผมเซน้อยๆ ทันทีที่ถูกผลักขณะก้มลงมัดเชือกรองเท้า ผมเงยหน้ามองดูคนที่ทำแบบนั้นกับผม ซึ่งกำลังกอดอกจ้องมองมาแบบกวนประสาท

"ทำไม หรือมึงมีปัญหา" ผมไม่ได้ตอบโต้อะไร และเดินต่อไป คนพวกนี้ไม่ได้มีคนเดียว พวกเขาเรียนเอกเดียวกับผม และต้องเจอกันบ่อยเมื่อเรียนวิชาเดียวกัน

"มึงกล้าทำเมินกูเหรอห๊ะ ไปซื้อของกินให้กูหน่อย กูหิว" ผมหยุดเดินและเผชิญหน้ากับคนเกเรเหล่านั้น

"ผมไม่มีเงิน แล้วเดี๋ยวก็จะเริ่มเรียนแล้วนะ" ผมพยายามเดินหลบแมน และเพื่อนอีกสองคนของเขาที่ชื่อต้อง กับเต้ย ทั้งสามคนมักจะแกล้งผม และคนอื่นๆ ถึงจะไม่ได้แกล้งผมมากนัก แต่ก็ไม่มีใครอยากคุยกับผม หรือคิดจะช่วยผมสักคน

"อย่ามาตอแหล ไอ้ต้อง เอากระเป๋ามันมา" ผมถอยหลังหลบแต่ก็ถูกกระชากกระเป๋าออกไปจากตัว พวกนั้นเทของในกระเป๋าผมจนหล่นกระจายพลางหัวเราะกันอย่างสนุกสนาน

"มีแต่ขยะว่ะ" คนนชื่อเต้ยเตะหนังสือของผมเข้าไปในห้องและเดินเข้ามาหาผมใกล้ๆ

"ล็อกมันไว้ให้หน่อย ต้องค้นตัวว่ะ ฮ่าๆ"

"ผมไม่มีจริงๆ" ผมพยายามขืนตัวออกจากต้องที่ล็อกแขนผมไว้ทั้งสองข้าง และแมนกับเต้ยก็เข้ามาแตะตัวผมและล้วงหากระเป๋าเงิน

"เฮ้ย ล้วงดีๆ นะโว้ย กูเอาแต่เงินนะ ฮ่าๆ" ผมมองคนในห้องที่กำลังมองมาทางผมอย่างสนใจ แต่ก็ไม่มีใครเลยที่อยากจะช่วยผม

"มึงเอาแต่เงินก็เรื่องของมึง แต่กูอยากเอามันด้วยว่ะ" ผมเอี้ยวตัวหลบเต้ยที่บีบแก้มผมและจ้องมองใกล้ๆ

"นักศึกษา ทำอะไรกันน่ะ" เหมือนสวรรค์มาโปรด อาจารย์ประจำวิชาเดินเข้ามา และขยับแว่นมองผมที่ถูกล็อกด้วยความสงสัย

"แค่เล่นกันครับจารย์" แมนขยี้หัวผมและยิ้มแป้น

"วันนี้ย้ายไปเรียนอีกห้องนะ รีบเก็บของแล้วตามอาจารย์มา" อาจารย์พูดเสร็จก็เดินออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว

"รอดไปนะมึง" แมนบอกผมและเดินนำไปกับต้อง

"เดี๋ยวค่อยมาเล่นกันใหม่นะที่รัก" เต้ยตบแก้มผมเบาๆ และวิ่งตามเพื่อนไปอีกที

ผมที่ได้โอกาสก็ก้มลงเก็บหนังสือที่ล่วงอยู่กับพื้น ขณะที่คนอื่นๆ ก็ทยอยกันเดินออกจากห้องจนหมด

ผมคลานไปรอบๆ มองหาปากกา และดินสอที่กลิ้งไปไหนก็ไม่รู้ ผมหรี่ตาที่พร่ามัวให้มันชัดขึ้นเล็กน้อย และคลานต่อไป มองดูใต้เก้าอี้อย่างละเอียด

"นั่นไง" ผมพูดเบาๆ กับตัวเอง และคลานไปอีกนิด ยื่นมือเข้าไปใต้เก้าอี้เพื่อพยายามจะหยิบปากกาสีน้ำเงินที่กลิ้งอยู่

แต่ผมที่กำลังยื่นมือไปนั้นก็ต้องหยุดชะงัก ผมรู้สึกถึงเสียงอื้ออึงในหู และขนทั้งตัวชูชัน แบบนี้อีกแล้ว เป็นแบบนี้อีกแล้ว

ผมหดมือเข้ามา และหมอบลงกับพื้น เสียงคลื่นที่เหมือนกับคลื่นวิทยุที่ไม่มีสถานีดังอยู่ในหูของผม บรรยากาศรอบๆ ตัวค่อยๆ มืดลงทั้งๆ ที่ยังคงเช้าอยู่

ผมตัวสั่นน้อยๆ และหายใจเบาๆ  ให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ผมรู้สึกเหมือนตัวขยับไม่ได้ดั่งใจคิด มันแข็งเกร็งเหมือนกับถูกล็อกเอาไว้

ตึก ตึก ตึก

ผมปิดปากตัวเองทันทีที่ได้ยินเสียงฝีเท้าขึ้นภายในห้อง มันเป็นเสียงที่เหมือนกับคนกำลังเดินช้าๆ

ห้องที่ผมเรียนนั้นเป็นห้องสโลฟขั้นบันได และตอนนี้ผมกำลังคลานอยู่บนพื้นด้านหน้าใกล้ประตู แต่มันกลับมีเสียงฝีเท้าเดินอยู่ที่ชั้นบนซึ่งไม่มีทางเข้า

ผมตัวสั่นมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเสียงนั้นเริ่มดังขึ้นใกล้เข้ามา ผมพยายามขยับตัวและคลานช้าๆ ไปยังประตูที่เปิดอยู่

ผมค่อยๆ คลานหนีเสียงฝีเท้าที่ดังอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล เหลือบมอง และคลานต่ำลงอีกนิด ใกล้แล้ว อีกแค่นิดเดียว ผมก็จะคลานออกไปได้แล้ว

ผมคลานเร็วขึ้นเมื่อผ่านเก้าอี้ตัวสุดท้าย ผมกำลังจะออกจากห้องนี้แล้ว

ปัง!

ผมสะดุ้งสุดตัวทันทีที่ได้ยินประตูปิดเสียงดัง และมีเท้าคู่หนึ่งขวางทางผมอยู่ มันเป็นเท้าสีซีดเผือดจนเป็นสีเทา ผมตัวสั่นก้มหน้าลงกับพื้นไม่กล้าเงยหน้าขึ้นไปมองสิ่งนั้น

"ปะ.ปล่อยผมไปเถอะ ไปใ.ห้พ้น.."

ผมพูดเสียงสั่นเครือและพยายามที่จะไม่ร้องไห้ออกมา ผมหรี่ตามองเท้าคู่นั้นที่ยังคงไม่ไปไหน และใกล้เข้ามามากขึ้น

"ออกไปนะ พอสักที!" ผมเริ่มขึ้นเสียงและก้มลงกุมหัวตัวเอง กัดริมฝีปากจนห้อเลือด

และอยู่ๆ ห้องที่มืดครึ้ม และมีแต่เสียงน่ากลัวก็กลับกลายเป็นเสียงเจี้ยวจ้าวจอแจของนักศึกษาที่เดินผ่านไปมาตามเดิม

"ก็ว่าอยู่ว่าทำไมไม่เดินมาสักที ฮ่าๆ พวกมึงดู มันเริ่มบ้าอีกแล้วว่ะ"

"มึงเสพย์อะไรบอกกูหน่อย กูอยากลองมั่งว่ะ เป็นตุเป็นตะชิบหาย เนื้อใช่มั้ย หรือน้ำแข็งวะ ฮ่าๆ"

ผมที่ตัวสั่นนั้นก็ค่อยๆ เงยหน้าขึ้นตามเสียงของคนที่พูด และมองไปรอบๆ ตัวผม ทุกอย่างกลับกลายเป็นปกติแล้วจริงๆ

ผมค่อยๆ ลุกขึ้น หยิบกระเป๋าและเดินออกไปจากห้อง หลบเสียงหัวเราะอย่างสนุกสนานของคนที่อยู่แถวนั้น

ผมชินแล้วกับอะไรแบบนี้ ถึงพูดอะไรไปก็มีแต่จะทำให้ยิ่งถูกเกลียดมากขึ้นเท่านั้น ผมทำได้แค่ก้มหน้า และฟังคำพูดดูถูกของทุกคน

ผมทำได้แค่อดทนเท่านั้น...

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-04-2020 16:00:40 โดย Gloomy Sunday »

ออฟไลน์ PsYcHo_Kail

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 1
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
:pig4: :L2:
เม้นแรก เอ้ย ไม่ใช่ละ-_-; //น่าติดตาม สู้ๆครับ

ออฟไลน์ ซีเนียร์

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 778
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
ติดตามจ้า  :L2:

ออฟไลน์ Kei

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1

ออฟไลน์ bowbeauty

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 303
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-0
ลุ้นตามมมมม

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
สงสารไวท์นะ

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4825
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
แหม่...เป็นคนแก่ไม่ได้ ถ้าได้เห็นวิญญาณแบบนี้ ขอเป็นเพื่อนไปแล้ว  :กอด1:

ออฟไลน์ Kwangnoi1373

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 4
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
น่าสนุกมากกกกติดตามๆน่าสงสารไวท์อ่ะ มาต่อเร็วๆนะจ้า :z10: :z2:

ออฟไลน์ cocoaharry

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 619
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-2
    • cocoaharry_Demmy Chan_Otaku Y Girl

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ angel_Z4

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 784
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-1

ออฟไลน์ Gloomy Sunday

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 408
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +215/-3
    • Fanpage : Gloomy Sunday Tk.
Shadows ที่ 2 ชายหนุ่มในชุดสีดำ


ผมนั่งอยู่ในห้องเรียนในมุมที่ไม่มีใครนั่ง มองไปรอบๆ ห้องเรียนที่มีแต่คนจับกลุ่มและพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน ไม่ว่าจะเมื่อก่อนหรือตอนนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตของผมก็ดูเงียบเหงาไปหมด ผมเคยสงสัยว่าผมนั้นทำอะไรผิดงั้นเหรอ ชีวิตผมถึงต้องเป็นแบบนี้

ผมค้นกระเป๋าของผม และหยิบแว่นขึ้นมาสวมเอาไว้ ยังไงในเวลาเรียนนั้นแว่นตาก็ยังคงเป็นสิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้

ผมมองภาพสไลด์ที่ฉายอยู่บนจอของห้องสโลฟขนาดใหญ่ และเหลือบมองไปรอบๆ ห้องเรียนด้วยความหวาดวิตก ผมไม่ชอบเวลาที่ต้องใส่แว่นเลย เพราะมันทำให้ผมเห็นสิ่งที่ไม่ควรเห็นชัดเจนมากขึ้น

"นี่ๆ นาย" ผมสะดุ้งสุดตัวทันทีที่ถูกสะกิดจากคนด้านหลัง

"ค.ครับ" ผมหันไปมองคนที่เข้ามาทักด้วยความหวาดระแวง

"ผมยังไม่มีกลุ่มเลย นายมีกลุ่มหรือยัง" ผมขมวดคิ้ว และมองไปยังภาพสไลด์ที่ปรากฎบนหน้าจอห้องเรียนอีกครั้ง บนนั้นมีข้อความประมาณว่าให้จับกลุ่มกันทำงานสองถึงสามคน

ผมหันกลับมามองเด็กหนุ่มที่ชวนผมอีกครั้ง คนคนนี้น่าจะอยู่คณะอื่นที่ลงเรียนวิชานี้เหมือนผมสินะ ผมยิ้มออกมาทันที

นี่นาย ไม่รู้จักผมงั้นเหรอ ผมดีใจที่ยังมีคนไม่รู้หรือไม่เชื่อข่าวลือพวกนั้น

"ผมก็ยังไม่มีกลุ่มเหมือนกัน"

"ผมชื่อเจนะ ทำไมนายถึงมานั่งคนเดียวเหรอ หรือว่าเพื่อนนายไม่มาวันนี้"

"ผม เอ่อคือ ผมไม่ค่อยมีเพื่อนน่ะ" ผมบอกเจและยิ้มออกมาอย่างเศร้าๆ

"เอ๋~ ทำไมล่ะ นายหน้าตาดีมากเลยนะ น่าจะมีเพื่อนเยอะสิ"

"ขอบใจนะ แต่จริงๆ ก็ไม่ขนาดนั้นหรอก" เสียดายที่หน้าตาของผมไม่สามารถช่วยผมให้หายโดดเดี่ยวได้เลยสักนิด มันจึงไร้ค่ามากสำหรับผม

"ยังไงก็เถอะ อยู่ด้วยกันนะ" เจจับมือผมไว้และยิ้มกว้าง

เจเป็นผู้ชายที่ตัวเล็กกว่าผม และดูสดใสร่าเริ่ง วันนี้ในโชคร้ายนั้นก็ยังมีความโชคดีสินะ ผมจะได้มีเพื่อนบ้างสักที

"แล้วตอนหลังเลิกเรียนมีธุระอะไรไหมอ่า อยากชวนไปห้องสมุด ไปหาข้อมูลกันนะ"

"อื้ม ไปสิ ผมว่าง" ผมพูดอย่างดีใจและยิ้มกว้างให้เพื่อนใหม่ของผม

หลังเลิกเรียนนั้น ผมก็ถูกเจดึงมือให้เดินไปตามทางเดินเล็กๆ ที่ทอดไปสู่ห้องสมุดของมหาวิยาลัย แต่มันแปลกมาก เพราะว่าทางนี้มันไม่ใช่ทางไปห้องสมุดนี่นา

"เจ" ผมตัดสินใจเรียกเจที่ยังคงลากผม และเดินอย่างรวดเร็ว

"ใกล้จะถึงแล้ว" เจหันมายิ้มกว้างให้ผม

"ทางนี้มันไม่ใช่ทางไปห้องสมุดนี่นา" ผมระแวงพลางยื้อมือตัวเองไว้ ผมจะระวังตัวเองเสมอในสถานการณ์แปลกๆ แบบนี้

"อันนี้เป็นห้องสมุดเก่าน่ะ แต่ยังเปิดอยู่ ไม่ต้องกลัวเจเคยไปหลายครั้งแล้ว" ผมคลายปมที่คิ้ว และเริ่มก้าวเดินไปอีกครั้ง มหาวิยาลัยนี้ค่อนข้างกว้างมากๆ ยังมีหลายอย่างที่ผมอาจจะยังไม่รู้ก็ได้

ผมเดินตามเจเข้ามาที่อาคารไม้แห่งหนึ่ง มันดูเก่าแก่และร่มรื่น ซ่อนอยู่ในสวนและต้นไม้ที่ปลูกทึบจนปิดบังทางเข้าเล็กๆ

ผมเดินขึ้นไปตามขั้นบันไดไม้ และตามเจเข้าไปในห้องที่มีชั้นหนังสือเรียงรายมากมาย ผมหยิบแว่นมาสวมให้เห็นชัดๆ ที่นี่ดูเป็นที่ที่เหมาะแก่การอ่านหนังสือจริงๆ  และที่ทำให้ผมโล่งใจสุดๆ นั้น ก็เพราะว่า ในห้องสมุดนี้ไม่ได้มีแต่พวกเรา แต่ยังมีนักศึกษาอีกหลายคนที่กำลังยืนเลือกหนังสือ นั่งอ่านตามทางเดินบ้าง บนโต๊ะไม้บ้าง และยังมีบันไดทอดนำขึ้นไปยังชั้นบนอีกด้วย

"เป็นไงล่ะ ที่นี่สงบดีใช่ป่ะ" เจกอดอกดูภูมิใจที่ได้พาผมมา

"ใช่ ดีมากเลย ขอบคุณนะ" ผมพูดและเดินไปตามชั้นหนังสือ มองหาหนังสือที่น่าสนใจ

"เจ มึงพาใครมาน่ะ" ผมหันไปตามเสียงและมองดูเจที่กำลังคุยกับเพื่อนอยู่

"เพื่อนใหม่ในคลาสไง ชื่อไวท์" เจทำท่าแนะนำผมให้กับเพื่อนคนหนึ่งที่ทำหน้าไม่พอใจที่เห็นผม

"มึงมันไอ้โง่เจ" ผมทำหน้าเศร้าทันทีที่เห็นเจถูกเพื่อนด่า

"เอ่อคือ ผมขอตัวหาหนังสือนะ ยังไงได้อะไรแล้วก็ค่อยมาแชร์กันนะเจ" ผมคิดว่าผมควรจะไปดีกว่า ผมชินแล้วกับท่าทางและสายตาแบบนั้น

ผมเดินดูหนังสือที่เรียงรายอยู่บนชั้น ที่นี่มีแต่หนังสือเก่าๆ ที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน ถ้าผมจะขอยืมกลับไปอ่านที่ห้องจะได้ไหมนะ

ผมมองไปรอบๆ เพื่อหาครูบรรณารักษ์หรือคนที่จะทำเรื่องให้ยืมได้ แต่เมื่อเดินหา และมองดูรอบๆ นั้น ก็ไม่เห็นมีจุดให้บริการหรืออะไรเลย หรือว่าจะเป็น ชั้นบนนั่น

ผมมองดูบันไดที่ทอดขึ้นไปด้านบนอีกชั้นและค่อยๆ เดินลัดเลาะชั้นหนังสือ เดินผ่านคนที่นั่งอยู่ตามทางเดิน และขึ้นไปยังบันไดนั้น

แต่ผมที่เดินขึ้นมาก็ต้องแปลกใจ เพราะว่าตรงสุดทางของบันไดนั้น มีประตูบานหนึ่งกั้นอยู่ มันเป็นชั้นที่ไม่อนุญาตให้คนเข้าไปหรือเปล่านะ

ผมขมวดคิ้วจ้องมองดูบานประตูด้วยความสงสัย เพราะว่ามันไม่มีลูกบิดหรืออะไรที่จะทำให้ดึงเปิดได้เลย ผมจึงตัดสินใจเอื้อมมือออกไปเคาะประตูบานนั้นเบาๆ

ก็อกๆ

แอ๊ดดดด~

ทันทีที่ผมเคาะ ประตูก็เปิดออกเบาๆ อย่างน่าขนลุก

ผมเริ่มคิดว่า ผมไม่ควรจะเข้าไปในนั้นยังไงก็ไม่รู้ ผมมีประสบการณ์เลวร้ายต่างๆ มาเยอะ และผมคิดว่าในนั้นอาจจะมีอะไรแปลกๆซ่อนอยู่

"ใคร" ผมสะดุ้งน้อยๆ ทันทีที่ได้ยินเสียงคนด้านใน ผมค่อยๆ แง้มประตูออกช้าๆ กะว่าถ้าเป็นผี ผมจะวิ่งลงบันไดทันทีนั่นแหละนะ

แต่ว่าเมื่อเห็นภายในห้องนั้นก็ต้องเปลี่ยนใจ ผมมองผู้ชายคนหนึ่งที่กำลังยืนอยู่หน้าชั้นวางหนังสือ และมีโต๊ะทำงานตั้งอยู่ตรงกลาง เหมือนกับเป็นห้องทำงาน และผมเผลอไปรบกวนเข้าซะแล้ว

"คือ ผมขอโทษที่มารบกวนนะครับผมคิดว่าด้านบนเป็นห้องสมุด" ผมยังคงยืนอยู่ที่ขั้นบันได ไม่กล้าเดินเข้าไป

"เข้ามาสิ" คนคนนั้นพูดด้วยสีหน้านิ่งเฉย และไม่ได้หันมามองผม

"ไม่เป็นไรดีกว่าครับ ขอโทษอีกครั้งที่มารบกวน"

ผมนั้นเมื่อพูดจบแล้วก็รีบปิดประตูและวิ่งแจ้นลงมาโดยไว  คนคนนั้นแต่งกายด้วยเสื้อเชิ๊ตแขนยาวและกางเกงขายาวดูเป็นทางการ เหมือนกับพวกอาจารย์ ใบหน้านั้นผมมองเห็นไม่ชัดเพราะเห็นแค่ด้านข้าง แต่ก็เห็นว่าคนคนนั้นสวมแว่นกรอบสี่เหลี่ยมอยู่ด้วย ดูเหมือนพวกคุณหมอเลยล่ะ

"มารยาทแย่มากเลยนะ" ผมที่เดินอย่างรวดเร็วผ่านชั้นหนังสือ แต่ก็ต้องหยุดชะงักเพราะถูกดักทางอยู่

เอ๊ะ เดี๋ยวนะ นี่คุณมาอยู่ตรงนี้ได้ยังไงกัน เมื่อกี้ผมยังเห็นอยู่ข้างบนอยู่เลย...

ผมมองผู้ชายใส่แว่นที่ยืนอยู่ตรงหน้า มือข้างหนึ่งของเขาถือหนังสือที่ดูเก่าๆ เอาไว้ ทำหน้าเคร่งขรึมเหมือนไม่พอใจผม

"อาจารย์คะ ก็ว่าทำไมวันนี้ไม่เห็นเลย หนูมีเรื่องอยากปรึกษาค่ะ" ผมทำหน้าประหลาดใจผสมโล่งอก เมื่อมีคนเดินเข้ามาทักผู้ชายใส่แว่นตรงหน้าผม นั่นทำให้สรุปได้ว่า คนคนนี้ไม่มีอะไรแปลกๆ

"เอาไว้วันหลังนะ วันนี้ฉันมีธุระ" ผมมองดูนักศึกษาสาวที่ทำแก้มป่องแต่ก็ยอมเดินจากไปแต่โดยดี

"เอ่อ ขอโทษครับอาจารย์ผมไม่รู้ว่าเป็นห้องของอาจารย์จริงๆ นะครับ" ผมเดินเข้าไปใกล้อาจารย์มากขึ้น และก็ต้องพบว่า อาจารย์เป็นคนที่หน้าตาดีมาก แต่ก็ดูเคร่งขรึมตลอดเวลา

"ฉันเป็นคนดูแลที่นี่ ถ้าเธอสนใจก็แวะมาได้ทุกเมื่อ ตลอดเวลา" อาจารย์พูดพลางขยับแว่นตาบนจมูกของตัวเอง และเดินหันหลังไปจากผม

แค่ได้คุยเพียงผิวเผิน แต่ผมก็รู้สึกว่าอาจารย์ดูลึกลับแต่ก็ใจดี ผมมองตามหลังของอาจารย์ และมองนาฬิกาข้อมือเก่าๆ ของผม ตายล่ะ วันนี้ผมต้องไปทำงานที่ไนท์คลับนี่นา

ผมมองไปตามชั้นหนังสือแต่ก็หาเพื่อนของผมไม่เจอ สงสัยเจจะกลับไปแล้ว ผมจึงตัดสินใจออกมาจากห้องสมุด ซึ่งทางเข้าและทางออกนั้นมันต้องผ่านสวนที่มีต้นไม้สูง และช่างน่ากลัวจริงๆ ในเวลากลางคืน ผมจึงยืนรอคนที่กำลังจะเดินออกไป และเดินตามหลังคนอื่นไปด้วยแบบเนียนๆ

เมื่อออกมาแล้ว ผมรีบไปที่หน้ามหา'ลัยทันที โบกรถสองแถวและวิ่งต่ออีกนิดเพื่อกลับไปที่ห้องของผม เปลี่ยนเสื้อผ้า ช่วยคุณยายปิดร้าน และเตรียมตัวเพื่อออกมาทำงานพาทไทม์ในเวลาสามทุ่มถึงตีสอง

ความเป็นจริงนั้นผมไม่อยากทำงานกลางคืนเลย ผมทั้งกลัวและเหนื่อยใจมาก แต่ผมก็ไม่เคยมีทางเลือกเลยสักนิด ผมจำเป็นต้องใช้เงิน ไม่อย่างนั้นผมก็คงไม่สามารถใช้ชีวิตและเรียนต่อไปได้

"ไวท์ มานี่เร็วๆ วันนี้ช่วยเสิร์ฟอาหารหน่อยนะ พอดีคนไม่พอ" พี่เจ้าของร้านลากคอผมไปทันทีที่เห็นผม ปกติแล้วผมนั้นเป็นแค่เด็กในครัว ที่คอยล้างจานและทำอาหารเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น แต่วันนี้ผมก็เหมือนจะซวยอีกรอบซะแล้ว ผมไม่ถนัดงานที่ต้องพบปะผู้คนเลย

แต่ผมก็คิดอีกแง่หนึ่ง ในคลับตอนกลางคืนที่มีคนเยอะมากมายขนาดนี้ คงไม่น่ากลัวหรอกใช่ไหม มีคนเยอะแยะอยู่ที่นี่และผมน่าจะปลอดภัย

ผมคิดและพยักหน้าตอบรับเจ้าของร้าน ผมไม่กล้าปฏิเสธหรอก ผมกลัวตกงาน ที่นี่เป็นไนท์คลับที่อยู่ห่างจากมหาวิทยาลัยของผมเล็กน้อย ผมกังวลแค่ว่า จะมีคนจำผมได้ไหม

ผมเปลี่ยนยูนิฟอร์มเป็นเสื้อสีขาวแขนยาวและมีโบว์เล็กๆอยู่บนคอเสื้อ ผมมือเย็นเฉียบอย่างหวาดวิตก ผมต้องทำได้ อย่ากลัว ผมบอกตัวเองเบาๆ และเดินออกไปด้านนอกเพื่อดูแลลูกค้า

ด้านในนี้มันช่าง เป็นโลกที่แตกต่างกับที่ผมดำเนินชีวิตโดยสิ้นเชิง ผมมองไปรอบๆ มองสาวๆ ที่กำลังเต้นยักย้ายส่ายเอวไปมา มองหนุ่มๆ ที่กำลังดื่มเหล้าและจ้องมองอาหารตาตรงหน้า ซึ่งในบรรดาผู้คนมากมายนั้น ผมก็สังเกตได้ว่า มีผู้ชายหลายคนที่กำลังมองไปยังผู้ชายด้วยกันเอง และมีหลายคนที่กำลังจ้องมองผมอยู่ด้วย นี่มันน่ากลัวจัง

ผมไม่เคยเข้าใจคนพวกนั้นเลยว่าทำไมผู้ชายเหมือนกันถึงสนใจกันเอง แต่ความรักก็เป็นสิ่งสวยงาม ดังนั้นผมก็คิดว่ามันก็คงไม่ผิดอะไร ผมซึ่งไม่เคยแม้แต่จะมีเพื่อน ความรักจึงแทบจะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้สำหรับผม

"น้องครับ" ผมรีบเดินไปทันทีที่ถูกเรียก และก็ต้องพบว่าทั้งโต๊ะมีแต่ผู้ชายทั้งกลุ่มและดูน่าจะเป็นวัยทำงาน

"พี่ขอเบียร์ 3 ขวด น้ำแข็งโซดา" ผมที่ได้ฟังนั้นก็ก้มลงจุดขยุกขยิกในกระดาษ

"พี่ไม่เคยเห็นน้องเลย มาใหม่เหรอ" ผู้ชายที่แต่งตัวดูดีผมตั้งๆ ถามผมด้วยรอยยิ้ม

"เอ่อ เดี๋ยวผมไปเอาของที่สั่งมาให้นะครับ รอสักครู่" ผมเลี่ยงที่จะพูดมากนัก และก้มตัวอย่างนอบน้อม

"ไอ้เด็กเมื่อกี้โคตรเด็ดเลยว่ะ หิ้วกลับดีไหม"

"ใจเย็นๆ เดี๋ยวขอเบอร์ดิ"

ผมเดินออกมาจากตรงนั้นและยังคงได้ยินสิ่งที่พวกลูกค้าพูด ผมไม่ค่อยเข้าใจเรื่องแบบนี้มากนัก แต่ผมก็คิดว่าผมไม่อยากจะถูกผู้ชายจีบเท่าไหร่ แต่ถ้าเป็นเพื่อนกันผมนั้นจะยินดีและดีใจมากจริงๆ

"อื้ออ ขอโทษ~ค่ะ พอดีกี้เมามากไปหน่อย" ผมตกใจทันทีที่อยู่ๆ ก็ถูกผู้หญิงคนหนึ่งล้มใส่ผม และกอดคอผมไว้แน่น

"เอ่อ ผมไปส่งที่นั่งให้นะครับ" ผมบอกเธอและพยายามแกะแขนออก เพราะผมกลัวว่าคนจะมองเธอไม่ดี เพราะผมนั้นเป็นผู้ชาย

"แหม่ ขายดีนะไอ้น้อง ออกมาจากครัวน่ะดีแล้ว" พี่เจ้าของร้านเดินผ่านมาและแซวผมทันทีที่เห็นผลงาน

ผมคิดว่าอาจเป็นเพราะคนพวกนี้ไม่ได้รู้จักผมจริงๆ พอเห็นหน้าตาของผมก็เลยหลงไปกับมัน ซึ่งจริงๆ ผมก็ดีใจนะ แต่ผมก็รู้ว่าสักวัน เมื่อคนพวกนี้รู้ว่าผมต้องพบเจอกับอะไรบ้าง พวกเขาก็จะค่อยๆ หายไปจากชีวิตของผม เพราะคิดว่าผมนั้นเป็นบ้าหรือสติไม่ดี

ผมเดินไปส่งสาวสวยคนนั้นที่โต๊ะและไม่วายถูกกอดอีกยกใหญ่จากสาวๆ ในกลุ่ม ผมรีบบอกขอโทษและหนีออกมาจัดการออเดอร์ของลูกค้าอีกหลายๆ โต๊ะที่เริ่มไม่พอใจที่ต้องรอนาน วันนี้มันช่างเป็นวันที่แสนวุ่นวายจริงๆ

"ไวท์ เดี๋ยวขึ้นไปยกเก้าอี้มาเสริมหน่อย" พี่ที่เป็นพนักงานอีกคนร้องบอกผม

"อยู่ตรงไหนเหรอครับ"

"เห็นชั้นลอยด้านบนนั้นไหม อยู่แถวนั้นแหละ" ผมเหลือบตาขึ้นไปมองด้านบนตามที่พี่คนนี้บอก

ผมเริ่มหัวใจเต้นรัวอย่างบอกไม่ถูก เพราะตอนนี้ชั้นบนนั้นกำลังปิดปรับปรุงอยู่ และมันมืดมากๆ

"เอ่อ พี่ครับ" ผมยืนอ้ำอึ้งอยู่กับที่ ผมไม่กล้าพูดออกไปเลยว่าผมนั้นกลัวที่จะต้องขึ้นไปบนนั้น

"ยืนทำอะไรล่ะ ลูกค้ารออยู่นะ" ผมกลืนน้ำลายลงคอ และตัดสินใจเดินไปยังบันไดวนเพื่อขึ้นไปบนชั้นลอยนั้น ผมตัวสั่นน้อยๆ ทุกย่างก้าวที่เดินไป

ได้โปรดเถอะ ขอให้ไม่มีอะไรบนนั้นด้วยเถอะ ผมขอเถอะนะ

ผมยกมือขึ้นเหนือหัว ภาวนาต่ออะไรก็ตามที่จะเมตตาผมสักนิด ผมกลัว ผมไม่อยากเจออะไรอีกแล้ว

ผมเริ่มเดินต่อไป สายตามองเท้าตัวเองด้วยกลัวว่าจะสะดุดตกลงมา และกลัวสิ่งที่จะเห็นตรงหน้า ผมขึ้น และขึ้นไปต่อ ก็แค่แปบเดียว รีบหา รีบยกรีบลงมา มันก็เท่านั้น...

ผมคิดแบบนั้นด้วยใจที่กล้าหาญ แต่...เมื่อผมเดินขึ้นไปจนถึงจุดหมายแล้ว ผมก็ต้องขมวดคิ้วอย่างมึนงง ผมมองไปรอบๆ ชั้นลอยที่ถูกเปิดไฟไว้ และโซฟาต่างๆ ก็ถูกจัดเรียงไว้อย่างดีเหมือนกับไม่ได้ปิดปรับปรุง หรือว่าผมจะจำวันผิดกันนะ ด้านบนนี้ปรับปรุงเสร็จแล้วงั้นเหรอ

ผมค่อยๆ เดินช้าๆ เข้าไปด้านใน และก็ต้องสะดุ้งสุดตัวทันทีที่ยู่ๆ ก็มีคนเดินเข้ามานั่งที่โซฟาตรงหน้าผม

ถ้าหากคิดว่าผมเป็นคนที่หน้าตาดีที่สุดแล้วก็คงผิดถนัด คนตรงหน้า ทำให้ผมได้รู้ว่า ผมก็เป็นแค่เพียงคนที่หน้าตาธรรมดาทั่วไปต่างหาก ผมยืนอยู่ตรงนั้น ได้แต่นิ่งอึ้งมองดูคนที่นั่งอยู่ ในที่ที่มีเพียงแสงสว่างรำไรนี้ ไม่ได้ทำให้เขาดูหมองลงได้เลย ผิวกายและใบหน้าขาวตัดกับชุดสีดำทั้งชุด ยิ่งทำให้เขาดูเด่นจนแทบจะเปร่งแสงได้

ผมขมวดคิ้วน้อยๆ มองคนตรงหน้าที่นั่งอยู่อย่างโดดเดี่ยวพลางรินของเหลวสีอำพันลงในแก้ว เอ่อ แล้วใครเป็นคนเอามาเสิร์ฟกันนะ เพราะวันนี้ข้างล่างก็ยุ่งมากๆ แล้วทำไมถึงปล่อยให้แขกนั่งคนเดียวข้างบนแบบนี้กัน

ผมยังคงยืนจ้องมองคนคนนั้นอยู่เงียบๆ ราวกับถูกสะกดเอาไว้ ซึ่งคนคนนั้นก็ดูเหมือนจะไม่ได้สังเกตมองผมเลยสักนิด

ผมคิดว่าแบบนี้ไม่ดีแน่ ผมควรจะเข้าไปถามลูกค้า เผื่อว่าเขาจะต้องการอะไรเพิ่ม

พรึ่บ พรึ่บ

แต่เมื่อผมที่กำลังก้าวเข้าไปก็ต้องหยุดชะงักอีกครั้ง ผมมองดูแสงไฟบนผนังที่กำลังกระพริบ และก็กลับมาสว่างเหมือนเก่า มันอะไรกันนะ หลอดไฟจะเสียงั้นเหรอ แต่เมื่อผมละสายตาจากหลอดไฟมามองคนตรงหน้าอีกครั้ง ผมก็ต้องตัวชาเหมือนกับถูกไฟช็อต

จากตอนแรกที่มีเพียงผู้ชายชุดดำนั่งอยู่ ตอนนี้ ข้างๆ คนคนนั้นกลับมีผู้ชายอีกคนหนึ่งยืนอยู่ และกำลังมองมาที่ผมด้วยแววตาสีแดงที่น่ากลัว

ผมรู้ได้ในทันทีด้วยประสบการณ์ของผม ถึงจะตัวสั่นเล็กน้อย แต่ผมก็ยังพยายามต่อสู้กับความกลัวของตัวเอง

"ออก ป.ไปนะ" ผมพูดตะกุกตะกักและพยายามเดินเข้าไปใกล้อีกนิด ผมไม่สามารถปล่อยให้ผู้คนอยู่ในอันตรายได้ ถึงแม้ผมจะกลัวมากๆ ก็ตาม

และทันทีที่ผมพูดออกไป ชายหนุ่มที่นั่งอยู่นั้นก็หันหน้ามามองผมอย่างรวดเร็ว ด้วยสีหน้าและแววตาที่เหมือนกับกำลังประหลาดใจ

ผมมองคนคนนั้นที่เหมือนกำลังพูดอะไรออกมาแต่ผมก็ไม่ได้ยินมัน แต่ไม่นาน ผู้ชายที่มีดวงตาสีแดงนั้นก็หายไป

"คุณ เป็นอะไรหรือเปล่าครับ" ผมที่เห็นผีร้ายหายไปแล้ว จึงเดินไปหาผู้ชายคนที่นั่งอยู่ และมองไปรอบๆ อีกครั้งด้วยความหวาดระแวง

ผู้ชายตรงหน้าผมกำลังจ้องมองผมด้วยคิ้วที่ขมวดมุ่น และอยู่ดีๆ ก็ยกยิ้มมุมปากพอใจ

"นายเห็นอะไรงั้นเหรอ" ผู้ชายคนนั้นทำให้ผมรู้สึกโล่งใจ ผิดคาดเลยล่ะ ผมคิดว่าจะเป็นคนเงียบๆ และไม่ยอมพูดซะอีก

"คือว่า..." ผมรู้สึกลังเลไม่กล้าพูดออกไปตรงๆ ว่ามันคืออะไร ผมกลัวว่าผมจะถูกต่อว่า และถูกทำร้ายเหมือนที่ผ่านๆ มา

"เมื่อกี้...มีวิญญาณ อยู่ข้างๆ คุณครับ" ผมพูดและหลบสายตาเตรียมพร้อมที่จะถูกต่อว่า

"นายมองเห็นวิญญาณงั้นเหรอ ขอบคุณนะ ฉันก็รู้สึกว่าเหมือนถูกอะไรสักอย่างตามอยู่เหมือนกัน" ผมหันกลับมาจ้องมองคนตรงหน้าและยิ้มออกมาอย่างดีใจ นี่เป็นครั้งแรก ที่ผมเตือนเรื่องแบบนี้ออกไปแล้วผมไม่ถูกด่าหรือถูกหาว่าบ้า

"ฉันชื่อซิน แล้วนายล่ะ ชื่ออะไร" คนตรงหน้ายิ้มและถามชื่อผม

"ผมชื่อไวท์ครับ" ผมยิ้มกว้างอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน

ผมว่า ผมอาจจะได้พบคน ที่ทำให้โลกของผมเปลี่ยนไปแล้วก็ได้...

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-04-2020 16:01:31 โดย Gloomy Sunday »

ออฟไลน์ ซีเนียร์

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 778
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
ซิน นี่คนหรือผีอ่ะ

รอตอนต่อไปจ้า :L2: :z13:

ออฟไลน์ Kei

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
ซินจะมาดีมาร้ายนะ

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4825
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
ทำไมคิดว่าทั้งซินและอีกคนเป็นผีหว่า  :confuse:

ออฟไลน์ cocoaharry

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 619
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-2
    • cocoaharry_Demmy Chan_Otaku Y Girl
อ่านแล้วก็ลุ้นตามว่าที่คุยอยู่นี่คนหรือผี

ออฟไลน์ Gloomy Sunday

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 408
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +215/-3
    • Fanpage : Gloomy Sunday Tk.
Shadows ที่ 3 สิ่งที่ต้องเผชิญ


ผมยังคงอยู่บนชั้นลอยด้านบน คนที่อยู่ตรงหน้าผมนั้นเป็นมิตรต่างกับสีหน้าและท่าทางมาก ผมไม่เคยเจอคนแบบนี้มาก่อน

"นายมานั่งดื่มเป็นเพื่อนหน่อยสิ" ชายหนุ่มตรงหน้าผมนั่งพิงพนักแบบสบายๆ และชวนผมให้นั่งลงด้วยกัน

"เอ่อ ไม่ได้หรอกครับ ผมต้องทำงาน อีกอย่างผมดื่มไม่เป็น"

"ก็แค่ดื่ม มาเถอะ สนุกนะ" ผมทำหน้าลำบากใจเล็กน้อยเมื่อถูกชวน

"ไม่ได้จริงๆ ครับ ขอโทษนะ" ผมก้มหัวลงขอโทษคนตรงหน้าอย่างรู้สึกผิด เขาจะโกรธผมไหมนะ ผมแคร์ทุกคนที่ดีกับผมเสมอ

"งั้นหรอ ไม่เป็นไร"

"คือ แล้วคุณ เอ่อ..."

"ซิน" คนตรงหน้าพูดและวางแก้วลง ผมยิ้มดีใจที่ดูแล้วเขาอยากจะให้ผมเรียกชื่อ เหมือนพวกเราสนิทกันเลย

"คือ ซินขึ้นมาบนนี้ได้ยังไงเหรอ ลงไปนั่งข้างล่างดีกว่าไหม คือบนนี้ผมกลัวว่าซินจะสั่งอะไรไม่ค่อยสะดวกน่ะ" ผมยังคงงงจริงๆ ว่าบนนี้มันเปิดแล้วงั้นเหรอ

"ไม่เป็นไร ฉันไม่ชอบคนเยอะๆ นายไปทำงานเถอะ" ซินพูดและยกแก้วขึ้นดื่มอีก

"งั้น มีอะไรก็เรียกผมได้เลยนะ ผมจะคอยขึ้นมาหา"

"อืม แล้วเจอกันนะ" ผมยิ้มให้ซิน ยกเก้าอี้ที่ตั้งใจมาเอาและเดินลงบันไดไป

เป็นคนที่สุดยอดไปเลยนะ ดูดีจนผมเผลอใจสั่นเลยล่ะ ถ้าได้เป็นเพื่อนกันผมคงจะดีใจมาก และซินก็ดูเป็นมิตรมากจริงๆ

ผมยิ้มและเดินต่อไปหาเพื่อนร่วมงานที่กำลังยืนรออยู่

"ขึ้นไปแค่นี้ไปซะนานเชียว"

"ขอโทษครับ พอดีคุยกับลูกค้าอยู่"

"หะ ข้างบนนั่นอ่านะ มันปิดอยู่นี่ ผีหลอกหรือไง"

"ไม่นะครับ มีคนอยู่ข้างบนนั้นจริงๆ" ผมพูดด้วยความมั่นใจ เพราะซินไม่ใช่ผีแน่ๆ ผมไม่เคยคุยกับผีมาก่อน พวกนั้นน่ะ ไม่คุยกับผมหรอก มีแต่จะหลอกให้ผมกลัว

"เหอะ มาดูนี่" ผมถูกเพื่อนร่วมงานดึงมือให้เดินตามไปอย่างรวดเร็ว

พวกเราเดินผ่านผู้คน และเดินขึ้นบันไดวนเพื่อขึ้นไปบนชั้นลอยนั้นอีกครั้ง

"อย่าหัดเป็นคนขี้โกหก" ผมเดินตามมาเงียบๆ และฟังเสียงบ่นปนด่าของเพื่อนร่วมงานมาตลอดทาง ชีวิตของผมนั้นได้ฟังอะไรแบบนี้มาบ่อย ผมชินแล้วล่ะ

ผมหลับตาภาวนา ขอให้ซินยังอยู่ด้วยเถอะ ขอให้นายเป็นคนด้วยเถอะนะ

และทันทีที่พวกเราขึ้นมาถึงชั้นลอยนั้น ผมค่อยๆ ลืมตาขึ้นช้าๆ ด้วยหัวใจที่เต้นรัว ได้โปรดเถอะ ผมไม่อยากถูกต่อว่าอีกแล้ว

"อ้าว พอดีเลย ขอเหล้าเพิ่มหน่อย" ผมมองคนตรงหน้า ชายหนุ่มที่กำลังยกแก้วขึ้นเหนือศรีษะ ชายหนุ่มชุดดำที่ดูหล่อเหลาราวกับภาพวาด

ผมฉีกยิ้มกว้างออกมาทันที และมองเพื่อนร่วมงานที่ยืนอยู่ข้างๆ ผมด้วยสีหน้าที่งุนงงเป็นที่สุด

"เดี๋ยวนะ คุณขึ้นมาได้ยังไงกัน ตอนนี้ข้างบนนี่ปิดปรับปรุงอยู่นะ" ผมมองเพื่อนร่วมงานของผมที่เดินเข้าไปหาซิน และทำท่าทางไม่พอใจ "ไม่มีทาง เมื่อวานยัง..." เพื่อนร่วมงานของผมยังคงทำหน้าไม่อยากจะเชื่อ

"ไม่รู้นะ แต่ฉันถูกเชิญมาที่นี่ ลองไปถามเจ้าของร้านดูสิ" ซินพูด และยักคิ้วให้ผมด้วยแววตาขี้เล่น

ผมมองเพื่อนร่วมงานของผมที่ฟึดฟัด และเดินปึงปังลงไปชั้นล่าง สงสัยคงจะหัวเสียมาก ที่ไม่มีเรื่องให้ต้องต่อว่าผม เพราะทุกคนมีแต่อยากจะไล่ผมไปจากที่นี่ ไม่มีใครอยากจะอยู่ใกล้ๆ ผมเลย

"นาย เลิกงานกี่โมง" ผมที่มัวแต่ใจลอย พอรู้สึกตัวอีกทีก็พบว่าซินมายืนอยู่ตรงหน้าผมแล้ว เดี๋ยวนะ มาเมื่อไหร่เนี่ย

ผมมองคนตรงหน้าที่ตัวสูงซะเหลือเกิน สูงกว่าผมเป็นคืบเลยล่ะ แล้วก็ตัวหนากว่าผมเยอะ

"ตี 2 ครับ" ซินแค่ยิ้มและเดินวนรอบๆ ตัวผม ทำให้ผมต้องหันตัวตามซินอย่างงงๆ

และอยู่ๆ ผมก็ต้องตัวแข็งทื่อทันทีที่ซินยื่นหน้ามาใกล้ผม และทำท่าดมสูดกลิ่นของผมใกล้ๆ นี่มัน ปกติใช่ไหมนะ

"คือว่า ผมอาบน้ำแล้วนะ" ผมยกแขนขึ้นดมตัวเอง และทำให้ซินหัวเราะออกมาซะยกใหญ่

"ฮ่าๆ อยากได้จริงๆ"

"อ..อยากได้" ผมยิ้มออกมาแบบงงๆ หมายถึงอะไรของเขากันนะ แต่ว่า คงเป็นเรื่องดีใช่ไหม

จนเมื่อเวลาผ่านไป ตอนนี้ผมนั้นเลิกงานแล้ว และซินก็บอกผมว่าจะเดินไปส่ง ซึ่งผมก็ปฏิเสธแน่นอนอยู่แล้ว เกรงใจจะตายชัก แต่ซินก็ยังคงดื้อและเดินตามผมมาเงียบๆ ผมตื่นเต้นมาก ผมไม่เคยเดินกับใครแบบนี้เลย แล้วแบบว่า ซินนั้นหล่อมากๆ ผมแทบกลั้นหายใจเวลาคุยเลยล่ะ

"คือซินเรียนที่ไหนเหรอ" ผมถามคนข้างๆ ที่ไม่ทำอะไรเลยนอกจากเดินจ้องมองผมเหมือนอยากจะกินผมเข้าไป

"เรียนเหรอ เรียนทำไม" ผมขมวดคิ้วงงๆ กับคำตอบนั้น

"แปลว่าไม่ได้เรียนแล้วเหรอ" ผมหยุดเดิน และมองซินด้วยความมึนงง ดูๆ แล้วซินน่าจะอายุใกล้เคียงผมนี่นา

"อ๋อ เรียนสิเรียน" แต่อยู่ดีๆ ซินก็เหมือนจะเข้าใจ ซินพูดออกมาและยิ้มให้ผม จริงๆ มันก็ดีนะที่ซินยิ้มแย้มเสมอ แต่ผมก็แอบคิดอีกว่า มันเป็นรอยยิ้มที่น่ากลัวแปลกๆ ยังไงก็ไม่รู้สิ

"แล้ว ซินเรียนที่ไหนเหรอ" ผมถามด้วยความอยากรู้จริงๆ

"เดี๋ยวก็รู้เอง" ผมขมวดคิ้วอีกครั้ง สงสัยคงไม่อยากบอกละมั้ง แต่ไม่เป็นไร แค่นี้ก็ดีแล้วล่ะ

"งั้น เดี๋ยวเราแยกกันตรงนี้นะ ผมต้องขึ้นรถตรงนี้ ขอบคุณที่เดินมาเป็นเพื่อนนะครับ"

"อืม แล้วเจอกัน" ซินพูดและยิ้มให้ผมด้วยรอยยิ้มเย็นๆ

"ครับ" ผมยิ้มตอบและขึ้นรถแท็กซี่ที่เรียกเอาไว้

แม้จะอยู่บนรถแล้ว แต่ผมก็ยังหันกลับไปและมองออกไปนอกกระจก ซินยังคงยืนอยู่ที่เดิม ยืนนิ่งจ้องมองผม แม้รถจะห่างออกไปมากแล้ว เขาก็ยังคงอยู่ที่เดิม

พวกเราจะได้เจอกันอีกไหมนะ ผมดีใจมากๆ ที่ได้คุยกับคนอื่นแบบนี้ ผมจะได้มีเพื่อนสักที ขอให้พวกเราได้เจอกันอีกด้วยเถอะ ผมยิ้มและภาวนาในใจ

เมื่อรถแล่นมาสักพัก ในที่สุดผมก็กลับถึงบ้านสักที ผมจ่ายเงินและลงจากรถแท็กซี่ ตอนนี้ที่หน้าบ้านของผมเงียบสงัดแทบจะไม่มีรถหรือคนเดินผ่าน ผมนั้นเลิกงานดึกมากๆ และไม่มีรถเป็นของตัวเองจึงต้องขึ้นรถแท็กซี่แบบนี้ล่ะ ถึงจะเปลืองเงินแต่ก็ไม่มีทางเลือก

ผมเดินขึ้นบันไดข้างร้านของคุณยายเพื่อขึ้นไปยังห้องนอนของผมที่ชั้นบน เหนื่อยจังเลยนะ วันนี้ต้องรีบอาบน้ำ และเข้านอนไวๆ

ผมคิดและเดินขึ้นบันไดมาช้าๆ แต่เมื่อผมเดินขึ้นมาจนถึงหน้าประตูห้อง ภาพที่ผมเห็น ก็ทำให้ผมต้องชะงัก

นี่มัน...เกิดอะไรขึ้นกัน

ผมตัวสั่น และก้าวถอยหลังอย่างรวดเร็วพิงผนังหน้าห้อง เข่าอ่อนนั่งลงกับพื้น มองดูประตูห้องนอนของตัวเองตรงหน้า

รอยขูดขีดเป็นแนวยาวหลายรอยปรากฎอยู่บนบานประตู แต่ละรอยชัดเจนว่าถูกกรีดหรือฟันด้วยของมีคมจนนับไม่ถ้วน และไม่เพียงเท่านั้น หยาดของเหลวที่ถูกสาดกระจายเป็นแนวยาวซัดเจนด้วยกลิ่นคาวที่เป็นเอกลักษณ์ ผมรู้ได้ทันทีว่ามันคือสิ่งใด ถึงแม้ว่าตรงนี้จะมืดมาก แต่ของเหลวนั้น ก็เป็นสีแดงแน่นอน

 ผมไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น ผมนั้นไม่เคยสร้างความแค้นให้ใครจนถึงขั้นต้องโดนแบบนี้ ผมจ้องมองรอยกรีดตรงหน้า ทำไมถึงได้เป็นแบบนี้กันนะ และเมื่อได้มองดูที่บานประตูดีๆ แล้ว ผมรู้สึกเหมือนกับรอยพวกนี้ไม่ใช่รอยกรีดที่กรีดลงไปด้วยความไม่ตั้งใจ ผมเอียงคอมองดู รอยกรีดพวกนี้ มันเหมือนกับรูปหรือสัญลักษณ์อะไรสักอย่าง...

นี่ผม กำลังเผชิญกับอะไรกันแน่...
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-04-2020 16:02:11 โดย Gloomy Sunday »

ออฟไลน์ KizzllKizz

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 200
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-1
สรุปแล้วซินมาดีหรือมาร้ายกันแน่ หือ

ออฟไลน์ ซีเนียร์

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 778
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
อ่านแล้วรู้สึกระแวงและหลอนมาก กลัวแทนไวท์เลยเนี่ย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4825
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
ซินด้วยน่ากลัวแฮะ หรือจะเป็นผีหว่า  :ling3:

ออฟไลน์ Gloomy Sunday

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 408
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +215/-3
    • Fanpage : Gloomy Sunday Tk.
Shadows ที่ 4 รอยที่ถูกตีตรา


ผมนอนคลุมโปงอยู่บนฟูกนอนของผม ตอนนี้นั้นเป็นเวลาเกือบเช้าแล้ว แต่ผมก็ยังคงนอนไม่หลับ ใครกันที่ทำแบบนี้ ผมไม่เคยทำอะไรให้ใครเลยจริงๆ ถึงคนส่วนมากจะเกลียดผม หรือกลัวผม แต่ก็ไม่เคยถึงขนาดต้องกลั่นแกล้งกันรุนแรงขนาดนี้

ผมทำความสะอาดประตูห้องผมอยู่หลายชั่วโมงก่อน มันคือเลือดจริงๆ ทั้งกลิ่นคาวและเลือดที่เริ่มกลายสภาพเป็นสีดำ มันทำให้ผมแทบอ้วกออกมา รอยขีดข่วนนั่นอีก ผมต้องใช้โปสเตอร์ขนาดใหญ่แปะทับเอาไว้ เพราะผมกลัวว่าเมื่อคุณยายบังเอิญขึ้นมา มันอาจจะทำให้คุณยายตกใจได้

ผมนอนตัวสั่นกอดตัวเองไว้ คนที่ทำนั้นน่าจะต้องการขู่ผมหรือทำร้ายผม ขณะที่ผมนอนอยู่นี้ อยู่ๆ อาจจะมีคนบุกเข้ามาและฆ่าผมก็ได้

ผมที่คิดแบบนั้นก็น้ำตาไหลออกมาอีกด้วยความเสียใจและความกลัว แล้วถ้ามันไม่ได้ทำร้ายแต่ผม แต่ทำร้ายคุณยายด้วยล่ะ ผมไม่มีทางเลือก ผมทิ้งที่นี่ไปไม่ได้ ผมทิ้งคุณยายไม่ได้

ผมนอนคิดมากอยู่ทั้งคืน และผลอยหลับไปด้วยความอ่อนเพลีย

รุ่งขึ้น ผมที่แทบจะไม่ได้นอน ก็ลงมาช่วยคุณยายเปิดร้านเหมือนทุกวัน และอาบน้ำแต่งตัวเพื่อไปเรียน

ผมมาถึงมหาวิทยาลัยในเวลาไม่นาน ผมเดินไปเรียนที่ห้องเรียนห้องเดิม โดยพยายามหลบสามคนนั้นที่จ้องจะแกล้งผม แต่รู้สึกว่าวันนี้พวกเขาจะไม่ได้สนใจผมเท่าไหร่นัก ผมก็เลยรอดตัวไป

ผมเลือกที่นั่งที่เก้าอี้เดิมๆ แถวบนและแทบจะไร้ผู้คน ผมมองไปรอบๆ เพื่อมองหาเจ ไม่รู้ว่าเมื่อวานเป็นยังไงบ้าง ผมอยากคุยกับเจเรื่องงานกลุ่ม และขอบคุณอีกครั้งเรื่องห้องสมุดที่เจพาผมไป ผมคิดว่าผมจะไปที่นั่นอีกในวันนี้ มันเป็นที่ที่ผมรู้สึกดีที่ได้เข้าไป

ผมไล่สายตาไปเรื่อยๆ และก็พบคนที่กำลังตามหา ผมยิ้มน้อยๆ และลุกขึ้นจากเก้าอี้ เดินเลาะลงไปอีกชั้นหนึ่งเพื่อไปนั่งข้างๆ เจที่นั่งอยู่คนเดียว

"สวัสดี เป็นไงบ้าง" ผมทักเจและนั่งลงข้างๆ แต่เจกลับก้มหน้าก้มตา และไม่พูดตอบผม

"เป็นอะไรหรือเปล่า" ผมมองเจที่ทำสีหน้าไม่สบายใจ

"ขอโทษนะไวท์ แต่ว่าเจมีกลุ่มใหม่แล้ว"

ผมรู้สึกตัวชาน้อยๆ จริงๆ ผมก็เคยคิดไว้อยู่แล้ว ว่าคนอย่างผมน่ะ จะมีเพื่อนได้ด้วยเหรอ นายคงถูกบังคับมาสินะ ผมคงทำอะไรไม่ได้ นอกจากปล่อยให้เพื่อนไป ถ้าเจยังอยู่กับผม เจก็คงจะโดนรังเกียจแบบผม

"งั้นเหรอ ไม่เป็นไรหรอก อย่าคิดมากเลย ผมเข้าใจ" ผมพยายามบังคับเสียงของตัวเองไม่ให้หวั่นไหว ผมชินแล้ว นี่ไม่ใช่ครั้งแรกซะหน่อยที่ผมถูกทิ้งไว้ข้างหลัง

"ขอโทษจริงๆ ไวท์" ผมยิ้มน้อยๆ และลุกขึ้นกลับมานั่งลงที่ที่นั่งของผมตามเดิม

ผมมองเจที่เดินหนีไปนั่งกับกลุ่มเพื่อนด้านหน้า แบบนี้แหละดีแล้ว ผมไม่อยากทำให้เจเดือดร้อนไปด้วย

แต่ผมที่คิดแบบนั้น น้ำตาผมก็ไหลออกมาช้าๆ ด้วยความเสียใจ

นานมาแล้วเมื่อครั้งที่ผมเข้าปีหนึ่งใหม่ๆ ผมนั้นมีผู้คนมากมายที่เข้ามาพูดคุยด้วย และผมเคยเป็นตัวแทนประกวดเดือนของคณะมนุษย์

แต่ในค่ำคืนของการประกวดนั้น ในขณะที่ผมยืนอยู่บนเวทีเพื่อเข้าร่วมการประกวด ผมมองขึ้นไปยังที่นั่งด้านบนของห้องโถงที่จัดงาน และเห็นผู้หญิงคนหนึ่งยืนอยู่บนนั้น ผู้หญิงที่มีใบหน้าสีดำ และลำตัวสีดำ แต่กลับมีดวงตาสีเหลืองที่แสนน่ากลัวกำลังมองมายังผม

ผมตกใจกลัวและพยายามหนีลงจากเวที ผู้คนมากมายต่างเข้ามาหาผมด้วยความเป็นห่วง แต่ผมก็กลัวจนลนลานเกินกว่าจะอยู่ตรงนั้นได้ สายตาของผู้คนเริ่มเปลี่ยนไป ทุกคนคิดว่าผมกำลังเรียกร้องความสนใจ คิดว่าผมเป็นพวกขี้โกหกสร้างเรื่อง ผมเริ่มถูกต่อต้านมาตั้งแต่ตอนนั้น

หลังจากนั้นผมก็ได้ใช้ชีวิตปกติธรรมดาและพยายามไม่สุงสิงกับใคร แต่วันหนึ่งที่ผมกำลังเดินอยู่ในมหา'ลัย ผมก็ได้พบกับผู้หญิงคนหนึ่ง เธอดูอิดโรยและเจ็บป่วย และเมื่อผมเพ่งมองดีๆ ก็พบว่า มีวิญญาณร้ายเกาะติดเธออยู่

ผมที่ไม่อาจปล่อยให้สิ่งเลวร้ายเหล่านั้นอยู่ใกล้พวกมนุษย์ได้ ก็เดินเข้าไปหาเธอ และบอกเธอว่าตัวเธอนั้นกำลังถูกคุกคามจากสิ่งชั่วร้าย

เธอกรีดร้องและร้องไห้อย่างหนักเมื่อได้ยินแบบนั้น ผู้คนรอบตัวผมเริ่มที่จะมองผม และเข้ามาต่อว่าผม หาว่าผมกำลังรังแกเธอ และไม่นานหลังจากนั้น เธอก็เสียชีวิตลง

ข่าวการเสียชีวิตของเธอทำให้ผู้คนในมหา'ลัยนั้นยิ่งเกลียดและกลัวผมมากขึ้น ผมเริ่มถูกกลั่นแกล้งและใช้ชีวิตลำบากเสมอมา จริงๆแล้วสมัยเด็กๆ ผมก็โดนแบบนี้เหมือนกัน ผมทำได้แค่ก้มหน้าต่อไป

ผมพยายามอย่างหนักที่จะไม่ยุ่งเรื่องของคนอื่น ผมเริ่มที่จะถอดแว่นตาและอยู่ในโลกที่แสนมืดมัวของผมต่อไป

ถ้าไม่เห็น ผมก็จะไม่ต้องกังวล ไม่ต้องทุกข์ใจ ผมทำผิดอะไรงั้นเหรอ ผมไม่รู้เลย และเลิกอยากรู้ไปแล้ว

"ฮือๆ น่าสงสารจัง น้องไวท์โดนเพื่อนทิ้งอีกแล้วว่ะ" ผมเช็ดน้ำตาและพยายามไม่สนใจแมนที่กำลังเดินเข้ามาและนั่งลงข้างๆ ผม พร้อมกับเพื่อนสองคนของเขา

"ไวท์ เต้ยพูดจริงๆ นะ ถ้ายอมมาหอเต้ยคืนนี้ เต้ยจะยอมเป็นเพื่อนด้วยนะ" เต้ยพูดและยื่นหน้าเข้ามาใกล้ผมจนผมต้องขยับตัวหนี

"มึงไม่กลัวมันบีบคอมึงหรือไงไอ้เต้ย มันยิ่งบ้าๆ บอๆ อยู่ เผืิ่อตอนมึงกำลังเอามัน มันเกิดคลั่งขึ้นมาทำไง ฮ่าๆๆ" ผมกำปากกาแน่น ผมเป็นผู้ชายนะ ทำไมคนพวกนี้ถึงพูดจาคุกคามผมโดยที่ไม่รู้สึกอะไรเลยสักนิด

"ผมเป็นผู้ชาย ผมไม่ได้ชอบผู้ชาย" ผมพูดและพยายามจะลุกหนีแต่ก็ถูกต้องที่นั่งอยู่ด้านหลังกดไหล่เอาไว้

"เป็นผู้ชายก็โดนได้ มึงไม่เคยได้ยินเหรอ โดนสักทีแล้วมึงจะชอบ เชื่อกู แต่กูไม่เอานะ กูชอบผู้หญิง ฮ่าๆ" ต้องพูดและผลักหัวผมเล่น

"กูก็ไม่ชอบมึงหรอก แต่เพื่อนกูชอบมึง สักวันมึงต้องโดนแน่ๆ เป็นเมียไอ้เต้ยแน่นอน ฮ่าๆ" ผมมองแมนที่กำลังหัวเราะชอบใจ และเหลือบมองไอ้เต้ยที่กำลังมองผมตาเยิ้ม ผมอยากออกไปจากตรงนี้ ผมอยากจะหายไป

"ไอ้สามตัวนั่นถ้าไม่เรียนก็ออกไป" ผมสะดุ้งและจ้องมองไปยังชั้นเรียนด้านหน้า ปกติแล้ววิชานี้ผู้สอนนั้นเป็นอาจารย์ผู้หญิง แต่วันนี้กลับไม่ใช่ และเดี๋ยวนะ คนคนนั้น...

ผมมองอาจารย์ที่ใส่เสื้อเชิ๊ตดูสบายๆ ใส่แว่นกรอบสีเหลี่ยม ถึงจะดูเป็นผู้ใหญ่ แต่อาจารย์ก็ยังคงดูดีสุดๆ ทำเอาพวกผู้หญิงในคลาสส่งเสียงซุบซิบกันอย่างตื่นเต้น

"ไม่ได้ยินหรือไง ใครที่ไม่อยากเรียนก็ออกไปซะ!" อาจารย์พูดเสียงดังขึ้นและจ้องมองสามคนรอบๆ ตัวผมเขม็ง

"แม่ง" ผมมองแมนที่สบถเบาๆ และเดินลงไปนั่งแถวกลางๆ ที่ประจำของเขาตามเดิม

ผมยิ้มน้อยๆ ให้อาจารย์ ขอบคุณนะครับ ผมเพิ่งรู้ว่าอาจารย์ก็ออกมาสอนที่ห้องเรียนด้วย นึกว่าจะเป็นอาจารย์ประจำห้องสมุดเฉยๆ

แต่ผมที่ยิ้มได้ไม่นานก็ต้องทำหน้าเศร้าลงอีก ผมมองเจที่กำลังเหลือบมองผม และหันกลับไปอย่างรวดเร็ว สักวันนึงเราคงจะได้เป็นเพื่อนกันอีกนะ

เมื่อจบคาบเรียน ผมก็รีบเก็บของและเดินลงไปหาอาจารย์อย่างรวดเร็ว ผมรู้สึกว่าภายใต้ใบหน้าที่ดูเคร่งขรึมของอาจารย์นั้น มีความใจดีซ่อนอยู่

"อาจารย์ครับ เมื่อกี้ขอบคุณนะครับ" ผมยืนดักหน้าอาจารย์และส่งยิ้มให้

"ถ้ายังอ่อนแอไม่มีคนคบ สักวันไอ้พวกนั้นมันคงได้ลากเธอไปกินแน่ๆ" ผมหน้าเจื่อนลงทันทีที่ได้ยินแบบนั้น

"ผมก็อยากมีสักคนจริงๆ ครับ" ผมถอนหายใจก้มหน้าลงพื้นแบบเศร้าๆ

"แวะไปที่ห้องสมุดสิ เผื่อจะเจอสักคน" อาจารย์พูดและทำท่าหันหลังจะเดินออกไป

"เอ่อ อาจารย์ ชื่ออะไรเหรอครับ" ผมถามด้วยความสงสัย เพราะเหมือนว่าผมยังไม่รู้อะไรเกี่ยวกับอาจารย์เลย

และทันทีที่ผมถามออกไป อาจารย์ก็เดินหันหลังกลับมาหาผมและ...

"โอ้ยย" ผมกุมหน้าผากตัวเองไว้เพราะถูกดีดเข้าเต็มๆ

"หัดตั้งใจเรียนซะมั่งนะ" อาจารย์พูดและเดินจากไปอย่างรวดเร็ว

ผมยืนอยู่ตรงนั้นถูหน้าผากแดงๆ ของตัวเองและตัดสินใจวิ่งตามอาจารย์ไป

แต่เมื่อผมวิ่งตามออกไปนั้น ผมก็พบว่าอาจารย์ไม่ได้อยู่แถวๆ นี่ซะแล้ว ไวชะมัด เหมือนตอนที่ห้องสมุดนั้นเลย

ผมตัดสินใจเดินไปตามทางเดินเล็กๆ ที่ทอดยาวไปที่ห้องสมุด เหมือนกับว่าแถวๆ นี้นั้นเป็นสวนซะมากกว่า มีม้านั่งเก่าๆ ต้นไม้สูงๆที่แสนร่มรื่น

ผมเดินไปเรื่อยๆ มองหมู่แมกไม้ริมสองฝั่งทางเดิน และตรงไปยังตึกห้องสมุดเก่าที่ผมนั้นได้มาเมื่อวานนี้ ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม แต่แตกต่างตรงที่ คนที่พาผมมานั้นไม่อยากเป็นเพื่อนกับผมอีกแล้ว

ผมเดินผ่านบันไดไม้และตรงไปยังห้องทำงานที่อยู่ลึกด้านใน ขึ้นบันไดไม้ต่ออีกชั้นและหยุดยืนอยู่หน้าประตู

ผมเอื้อมมือออกไปเพื่อที่จะเคาะประตู แต่เมื่อผมกำลังจะเคาะ ประตูก็กลับเปิดออกเองช้าๆ

แอ๊ดดดด~

ผมกลืนน้ำลายลงคอ น่ากลัวแฮะ

"เข้ามาสิ" ผมเหมือนกับเคยได้ยินคำนี้มาก่อน แต่คราวนี้ ผมไม่ได้ปฏิเสธคำเชิญชวนนั้น

ผมดันประตูและก้าวเข้าไปในห้องนั้น เมื่อเข้าไปแล้ว ผมมองไปรอบๆ ห้องทำงานที่ดูแปลกตา แต่ก็น่าสนใจ ที่นี่มีแต่ของที่ดูเก่าแก่และลึกลับน่าค้นหา เหมือนกับตัวของอาจารย์

"นั่งสิ" อาจารย์ทำมือให้ผมนั่งลงที่โซฟาสีแดงเลือดหมูตัวหนึ่ง ที่ตั้งอยู่ข้างๆ ชั้นหนังสือที่วางของแปลกๆ ไว้มากมาย

ผมค่อยๆ เดินมาช้าๆ และนั่งลงตามที่อาจารย์สั่ง

ผมมองอาจารย์ที่วางหนังสือที่ถืออยู่ในมือลงในชั้น และเดินมานั่งลงไขว่ห้างตรงข้ามผม สองมือประสานกันหลวมๆ

"เธอ ชื่อไวท์ใช่ไหม" ผมเลิกคิ้วทันทีอย่างแปลกใจ

"อาจารย์ รู้จักผมด้วยเหรอครับ" ผมยิ้มน้อยๆ อย่างดีใจ

"ที่มหา'ลัยนี้แทบไม่มีใครไม่รู้จักเธอ" ผมหุบยิ้มลงทันที อ๋อ แบบนี้นี่เอง

"อาจารย์ก็คงไม่เชื่อผมเหมือนกันใช่ไหม" ผมพูดอย่างเศร้าๆ

"เห็นฉันเป็นอย่างนั้นเหรอ" อาจารย์พูดและจิบชาอย่างสบายๆ เดี๋ยวนะ ชานั่นมาจากไหนกัน

ผมมองโต๊ะเล็กๆ ตรงหน้าที่มีกาน้ำชาและถ้วยชาเล็กๆ วางอยู่ พลางเหลือบมองอาจารย์ที่กำลังจ้องหน้าผมเหมือนกำลังสงสัยอะไรสักอย่าง

"แล้วตกลง อาจารย์ชื่ออะไรเหรอครับ" ผมถามด้วยความสงสัยจริงๆ และอาจารย์น่าจะบอกไปแล้วในคาบเรียน แต่ผมคงไม่ทันได้ฟัง

ผมมองอาจารย์ที่กำลังชี้นิ้วไปที่โต๊ะทำงานไม้ตัวใหญ่

"นาธัส"

ผมขมวดคิ้วและกลับมามองอาจารย์ที่ยังคงจ้องมองผมอยู่ ชื่อของอาจารย์นั้นแปลกมาก สงสัยเป็นคนต่างชาติละมั้ง

"แปลกใช่ไหมล่ะ" ผมสะดุ้งทันทีที่อาจารย์พูด นี่อาจารย์อ่านใจผมงั้นเหรอ

"ก็นิดหน่อยครับ" ผมมองอาจารย์ที่กำลังยกชาขึ้นจิบอีกแล้ว "เอ่อ ผม..." ผมยื่นแขนออกไป และส่งสายตาเชิงถามว่าผมก็ดื่มด้วยได้ใช่ไหม และอาจารย์ก็พยักหน้าน้อยๆ เป็นเชิงอนุญาต

ผมค่อยๆ ยื่นมือออกไปช้าๆ ที่กาน้ำชาตรงหน้า

หมับ!

ผมสะดุ้งสุดตัวทันทีที่อาจารย์คว้ามือผมเอาไว้และกำลังบีบจนแน่น

"ทำอะไรครับ ผมเจ็บนะ" ผมพูดและพยายามจะยื้อมือกลับมา ผมมองอาจารย์ที่กำลังขมวดคิ้ว และพลิกแขนผมไปมาด้วยความสนใจ

"เธอ ไปทำอะไรมา" ผมหัวใจสั่นไหว อาจารย์หมายถึงอะไรกัน

ผมมองตามสายตาของอาจารย์ และมองที่แขนของผมที่ถูกจับไว้

ผมตัวชา และสั่นน้อยๆ ทันทีที่มองสิ่งที่อยู่บนแขนของผม ความรู้สึกเจ็บปวดแล่นริ้วขึ้นมาทันทีที่เห็นมัน มันเป็นรอยช้ำสีม่วง เป็นรอยที่ผมไม่เข้าใจความหมายหรือที่มาของมัน แต่มันเป็นรอยที่ทำให้ผมหวาดกลัวสุดชีวิต

รอยที่เหมือนกับรอยเลือด บนประตูห้องนอนของผม
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-04-2020 16:02:45 โดย Gloomy Sunday »

ออฟไลน์ Kei

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
อุตส่าดองไว้สองตอนจะอ่านเยอะๆ ไม่ผิดหวังคอดตื่นเต้นเลย แบบชอบแนวเน้.....

โอ๊ยเรื่องที่เกิดขึ้นจะเกี่ยวกับซินป่าวนะ :hao7:

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4825
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
รอยอะไรหว่า ใครเป็นคนทำห๊า  :angry2:

ออฟไลน์ ซีเนียร์

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 778
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0

ออฟไลน์ Gloomy Sunday

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 408
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +215/-3
    • Fanpage : Gloomy Sunday Tk.
Shadows ที่ 5 เพื่อนกัน ตลอดไป


"มีอะไรอยากให้ฉันช่วยหรือเปล่า" ผมละสายตาจากรอยแผลขึ้นมามองอาจารย์ที่กำลังจ้องมองรอยนั้นอยู่

"คือ...ไม่มีอะไรครับ" ผมตัดสินใจว่า ผมไม่ควรพูดอะไรออกไป สิ่งที่ผมกำลังเผชิญ มีแต่จะทำให้อาจารย์เดือดร้อนไปด้วย

"งั้นเหรอ ก็แล้วแต่เธอนะ แต่ถ้ามีอะไร ก็เข้ามาหาฉันละกัน" อาจารย์ปล่อยมือผม และนั่งจิบชาด้วยท่าทีสบายๆ ตามเดิม

ผมนั่งอยู่บนรถสองแถวเพื่อไปทำงานที่ไนท์คลับเหมือนทุกวัน พลางพลิกแขนของผมเพื่อมองดูรอยปริศนานั้นอีกครั้ง ผมไม่เข้าใจเลย ผมนั้นมีประสบการณ์เจอผีมาตลอดทั้งชีวิต แต่อะไรแบบนี้ ผมเพิ่งเคยได้เจอเป็นครั้งแรก ผมควรจะทำยังไงดี ผมไม่รู้เลย

ผมเดินเหมือนผีตายซากเข้าไปที่หลังครัว เพื่อทำงานเหมือนทุกวัน วันนี้ผมคงไม่ต้องออกไปเสิร์ฟแล้วใช่ไหม ในเมื่อพนักงานก็มากันครบแล้ว

ผมยืนล้างจานด้วยความสับสน ผมมีเรื่องมากมายที่ต้องคิด ผมมีแต่ปัญหาอยู่ในหัวใจ ความสุขกับชีวิตของผม มันคงไปด้วยกันไม่ได้อย่างนั้นสินะ

"ผมขอไปเข้าห้องน้ำแปบนึงนะครับ" ผมบอกคุณป้าที่มีหน้าที่ดูแลทุกอย่างในครัวเหมือนกับผม ผมเช็ดมือและเดินออกไปที่ทางเดินด้านนอก ห้องน้ำของที่นี่นั้นไม่มีแยกของพนักงาน ผมจึงต้องเข้าห้องน้ำรวมกับลูกค้า

ผมเดินไปตามทางเดินเล็กๆ ที่ทอดไปสู่ห้องน้ำ ไฟสีเขียวที่ประดับอยู่เป็นจุดๆ ตามทางเดินนี่ทำเอาผมขนลุกชะมัด ถึงผมจะชอบสีเขียวก็เถอะ แต่เขียวแบบสลัวๆ แบบนี้มันดูอึมครึมเกินไป

และวันนี้ก็แปลก ผมเดินเข้าไปในห้องน้ำและก็พบว่าไม่มีใครอยู่เลยสักคน วันนี้ลูกค้าน้อยงั้นเหรอ

ผมเข้าไปทำธุระส่วนตัวในห้องน้ำ และเดินมาที่อ่างล้างหน้า ถอดแว่นออก เปิดน้ำ และวักน้ำเย็นๆ ลูบไล้ไปตามใบหน้าและคอของผม ไม่ว่าวันไหน ผมก็เหนื่อยล้าเหลือเกิน ผมจะต้องมีชีวิตแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหนกันนะ

ผมสวมแว่นพลางยืนมองเงาตัวเองอยู่ในกระจก ใบหน้าที่เศร้าหมองและเหนื่อยล้า...

ผมหรี่ตามองใบหน้าของตัวเองในกระจกอีกครั้ง และยกมือขึ้นทีละข้าง เงาสะท้อนของผมนั้นมันดูแปลกๆ ผมทำหน้าแบบนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่กัน

ผมเริ่มรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่ และคิดว่าผมควรจะรีบออกไปจากตรงนี้ เดี๋ยวนี้

ผมที่คิดแบบนั้นก็รีบเดินออกจากหน้าอ่างล้างหน้าไปยังประตูทางออกอย่างรวดเร็ว

"ฮ่ะๆ"

ผมหยุดชะงักทันทีที่ได้ยินเสียงแปลกๆ ดังมาจากข้างหลัง มันเป็นเสียงเหมือนกับเสียงหัวเราะ ผมตัวแข็งทื่อ ไม่จริงใช่ไหม ไม่เอานะ

ผมเริ่มหายใจเข้าออกแรงขึ้น ผมกำมือแน่นและค่อยๆ เดินต่อไปยังประตูทางออกจากห้องน้ำ ผมกลืนน้ำลายและเหลือบตามองไปข้างหน้าและข้างๆ แต่ผมจะไม่หันกลับไปแน่นอน

ปัง!!

ผมสะดุ้งสุดตัวทันทีที่ประตูห้องน้ำปิดลงเสียงดัง ไม่นะ! ไม่เอาแบบนี้!

ผมวิ่งไปเกาะประตู และทุบมันอย่างแรง

"ใครก็ได้!!! ช่วยด้วย!!!"

"ฮ่าๆๆๆ"

ผมรู้สึกว่าเสียงหัวเราะนั้นดังมากขึ้น และใกล้เข้ามาเรื่อยๆ

ผมได้แต่ตะเกียกตะกายอยู่ที่ประตู ไม่กล้าหันหลังไปมองตามเสียงนั้น

"อย่าทำแบบนี้ ต้องการอะไรกันแน่!!" ผมพูดออกไปอย่างโมโห ผมทั้งกลัวและโกรธสุดๆ ผมเจอแต่เรื่องแบบนี้ไม่หยุดไม่หย่น ให้ผมพักบ้างเถอะ ผมจะบ้าตายอยู่แล้ว

"ฮ่าๆๆๆ ฮ่าๆๆๆ"

ผมกุมหัวตัวเองและหลับตาแน่น เงียบสักที บอกให้เงียบสักที ผมพูดไปมาอยู่ในหัว มันเป็นเสียงหัวเราะของผู้ชาย และเสียงนี้ก็คุ้นมากเหลือเกิน มันเหมือนกับ...

ผมตัดสินใจและค่อยๆ หันหน้าไปช้าๆ ตามเสียงนั้น

ต้องไม่ใช่ เป็นไปไม่ได้ ผมพูดงึมงัมเบาๆ ด้วยความกลัว พลางค่อยๆ เพ่งมองไปข้างหน้า แต่ภาพที่ผมเห็นกลับว่างเปล่า

ผมทำใจกล้า ค่อยๆ เดินกลับเข้าไปในห้องน้ำ ยืนอยู่ตรงกลาง และมองไปตามห้องน้ำย่อยๆ แต่ละห้องที่เปิดประตูทิ้งไว้ แต่มันก็ไม่มีใครอยู่เช่นกัน

ผมถอนหายใจ และค่อยๆ ก้าวถอยหลังจากตรงกลางห้องน้ำ ถอยไปจนหลังพิงชิดติดอ่างน้ำ

"ต้องตาย"

ผมสะดุ้งอีกครั้งด้วยความตกใจ เสียงมันใกล้มาก และสะท้อนผนังไปมาจนเหมือนเสียงสะท้อน และเสียงนี้มันเหมือนกับว่า...

ผมค่อยๆ หันไปมองเงาสะท้อนในกระจกด้วยความหวาดระแวง และเมื่อจ้องมองดูดีๆ นั้น ก็ไม่เห็นมีอะไร มีแต่เงาที่สะท้อนตัวผมอยู่บนนั้น

ผมมองใบหน้าของผมในกระจก ใบหน้าที่กำลัง...

ผมชะงัก และค่อยๆ ก้าวถอยหลังจากกระจกทันที

"อ้ากกกกก" ผมร้องตะโกนและรีบวิ่งไปที่ประตูอีกครั้ง

"ฮ่าๆๆ"

"ช่วยด้วย!!!" ผมร้องไห้และตะโกนใส่ประตู ผมเหลือบไปมองที่กระจกอีกครั้ง ภาพในกระจกก็ยังคงเป็นเช่นเดิม มันเป็นเงาสะท้อนของตัวผมเอง แต่เงาของตัวผมนั้นกลับไม่ใช่ผม ถึงหน้าตาจะเหมือนผม แต่เงานั้นกลับกำลังหัวเราะชอบใจอย่างสนุกสนาน

"ใครก็ได้ ฮือ" ผมตะกุยตะกายอย่างอ่อนล้าและล้มลงกับพื้น ผมหลับตาแน่นขดตัวและร้องไห้อยู่อย่างนั้นอย่างสิ้นหวัง

มันเป็นแบบนี้ได้ยังไง ผมไม่เคยเจออะไรแบบนี้มาก่อน ผมไม่เคยคิดเลยว่าผีจะสามารถเลียนแบบพวกเราได้ด้วย มันทั้งน่ากลัวและทำให้สติของผมกระเจิดกระเจิง

ผมฟุบหน้าลงกับฝ่ามือ และนอนอยู่ตรงนั้น ผมกลัว ผมไม่อยากเจอแบบนี้อีกแล้ว ใครก็ได้ ช่วยผมที

"นาย" ผมได้ยินเสียงเรียกเบาๆ อยู่ใกล้ๆ ผม

"อ.อย่า ไปให้พ้น" ผมยังคงกอดตัวเองไว้แน่น และไม่กล้าเงยหน้าขึ้นไปมอง

"เป็นอะไรไป นี่ซินเอง" ผมที่ได้ยินแบบนั้นก็ค่อยๆ คลายตัวเองลง และเงยหน้ามองคนที่กำลังก้มตัวอยู่เหนือผม

"มีอะไรกัน!" ผมมองพี่เจ้าของร้านที่วิ่งหน้าตาตื่นเข้ามา และมีคนอีกมากมายกำลังลุมล้อมผมอยู่

"จะมีอะไรล่ะพี่ บอกแล้วว่าอย่ารับมันเข้ามา มันหลอนยาอีกละสิ" เพื่อนร่วมงานหลายๆ คน และลูกค้ากำลังมองผมด้วยสีหน้าแตกต่างกันออกไป

ผมไม่ได้เป็นแบบนั้นนะ ผมไม่ได้หลอนยา ไม่ได้เป็นอะไรทั้งนั้น ผมก็แค่...

ผมเช็ดน้ำตา และค่อยๆ ลุกขึ้นเหมือนที่เคยเป็น ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทั้งๆ ที่ผมเพิ่งเผชิญกับความหวาดกลัวที่แสนโหดร้าย และตอนนี้ ความเศร้าและความสิ้นหวังก็กำลังกัดกินหัวใจของผม

"วันนี้ไปพักละกันไวท์ แบบนี้คงทำงานไม่ได้หรอก" พี่เจ้าของร้านส่ายหัวไปมา

"ผมทำได้นะครับ ผมไม่ได้เป็นอะไร" ผมพูดและเดินเข้าไปหาพี่เจ้าของร้านเพื่อขอร้องอ้อนวอน

"ล็อกประตูห้องน้ำเล่น แถมยังเสียงดังโวยวาย ทำให้คนอื่นตกใจกลัวไปหมด นี่เห็นว่าน่าสงสารหรอกนะถึงได้รับมา เฮ้ออ ค่อยมาพรุ่งนี้ละกัน ไปๆ" ผมน้ำตาไหลออกมาช้าๆ ไม่ว่ายังไง ก็ไม่มีใครเชื่อผมสินะ

"ผมเข้าใจแล้วครับ ผมขอโทษครับ" ผมยกมือขึ้นไหว้และค่อยๆ เดินออกไปจากตรงนั้นด้วยหัวใจที่ว่างเปล่า แต่มือของผมก็ถูกจับและดึงเอาไว้

ผมมองตามมือที่เกาะกุมผมไว้นั้นและก็พบว่ามันคือมือของซินนั่นเอง

"ฉันเชื่อนะ" ผมมองหน้าซินที่กำลังยิ้มน้อยๆ ให้ผม

"อย่ายุ่งกับผมเลยครับ ผมมีแต่จะทำให้คุณเดือดร้อน" ผมดึงมือตัวเองออกจากมือของคนตรงหน้า

ผมไม่อยากเสียใจอีกแล้ว ถ้าไม่รู้จัก ผมก็จะไม่เจ็บปวด ผมไม่อยากฟังคำบอกลาจากใครอีกแล้ว สู้ผมไม่มีใครเลยจะดีกว่า วันนี้เป็นเพื่อนกัน แต่วันหน้า นายก็จะทิ้งผมไปเหมือนกับทุกๆ คนที่ผ่านเข้ามา

ผมค่อยๆ เดินไปช้าๆ ไปตามทาง ผมไม่รู้ว่าผมกำลังจะไปที่ไหน ผมรู้แต่ว่า ผมต้องไป ผมต้องออกห่างจากคนใจร้ายพวกนั้น

แต่เสียงฝีเท้าที่ตามมาด้านหลัง ก็ทำให้ผมต้องหันกลับไป

"ทำไมถึงยังตามมาล่ะ" ผมหันไปพูดกับคนที่เดินตามหลังผมตลอดเวลา นายต้องการอะไรกัน

"จะไปไหนเหรอ"

"ผมเป็นคนลวงโลกนะ ผมมันบ้า อย่ายุ่งกับผมเลย" ผมพูดและเดินหนีต่อไปอย่างรวดเร็ว

"ไม่จริงซะหน่อย พวกนั้นมันโง่ต่างหาก" ผมหยุดเดินอีกครั้ง และหันไปมองคนที่พูด

"งั้นนายก็บ้า" ผมพูดและโบกรถแท็กซี่ที่กำลังแล่นเข้ามา

ตายล่ะ ไม่มีตังเลยนี่หว่า ผมที่ขึ้นมานั่งซะแล้ว แต่กลับเพิ่งนึกขึ้นได้ ผมแทบไม่มีเงินเหลือเลย ขนาดไม่ค่อยได้กินข้าวแล้วนะ

แต่ผมที่กำลังนั่งคิดอยู่นั้นก็ถูกดันให้เขยิบเข้าไปข้างในอีก

"ออกรถ" ผมหันไปมองซินที่ขึ้นรถตามผมมาด้วยและนั่งอยู่ข้างๆ ผม

"ไปไหนล่ะครับ" แท็กซี่ถามด้วยใบหน้างงๆ

"บอกทางเขาสิ" ซินพูดและหันมายิ้มให้ผม

ผมถอนหายใจ และมองใบหน้าของคนที่ดูอารมณ์ดีเหลือเกิน นี่นายกำลังสนุกอะไรอยู่งั้นเหรอ

หลังจากนั้นตลอดทาง ผมก็นั่งเงียบและได้แต่ขมวดคิ้วสงสัย ผมมองซินที่กำลังหันมาจ้องมองผมแบบไม่เคยละสายตาไปไหน เป็นคนที่แปลกมากๆ และบางทีก็ดูน่ากลัวนิดๆ ผมไม่รู้เลยว่าคนคนนี้คิดอะไรอยู่

ไม่นานรถก็มาจอดที่หน้าร้านของคุณยาย ผมที่กำลังจะพูดว่าขอยืมเงินซินก่อนได้ไหม แต่ก็ถูกซินตัดหน้าจ่ายไปก่อนแบบที่ไม่ต้องบอกเลยทีเดียว ผมเกรงใจมาก วันหลังต้องใช้คืนให้ได้

"ผมจะคืนให้นะ" ผมพูดทันทีที่ลงมาจากรถ

"ของมันแน่อยู่แล้ว" ซินพูดและฉีกยิ้มกว้าง ก่อนจะเดินขึ้นบันไดด้านข้างไปยังห้องของผม

เอ๊ะ เดี๋ยวนะ นายรู้ได้ยังไงกันว่าทางขึ้นอยู่ตรงนั้น

ผมรีบเดินตามซินที่ขึ้นบันไดไปไวเหลือเกิน เผลอแปบเดียวก็หายไปซะแล้ว ผมรีบวิ่งขึ้นบันได และชนเข้ากับซินที่กำลังยืนอยู่ที่หน้าประตู

"โธ่ซิน ทำไมถึง..."

แต่ผมที่กำลังจะบ่นซินนั้นก็ต้องหยุดชะงัก ผมมองซินที่ยืนตัวตรง และกำลังจ้องมองประตูของผมเขม็ง

ผมขมวดคิ้วมุ่น นายสนใจอะไรงั้นเหรอ หรือว่านายจะรู้ว่ามีอะไรซ่อนอยู่ข้างหลังโปสเตอร์นั้น ผมหัวใจเต้นรัว หรือว่าจะเป็นนาย นายเป็นคนทำงั้นเหรอ

"ภาพนี่ สวยดีนะ" ซินพูด และหันมามองผมด้วยสีหน้าที่แปลกออกไป ไม่ได้ยิ้มเหมือนปกติ

"เอ่อ..อ.อื้อ" ผมคลายความกังวลและความสงสัยลง นี่ผมคิดอะไรอยู่กันนะ ผมเพิ่งเคยพบซินครั้งแรกเมื่อวานนี้เอง จะเป็นซินไปได้ยังไง พวกเราไม่เคยมีความแค้นต่อกัน

"คืนนี้ขออยู่ด้วยนะ" อยู่ดีๆ ซินก็พูดออกมาและทำท่าจะเปิดประตูเข้าไป

ผมตัวแข็งทื่อ คือว่า ห้องผมมันรังหนูมาก ผมอายจะตายอยู่แล้ว นึกอะไรขึ้นมากันนะ ไม่เอาด้วยหรอก

"ไม่ได้ มันแคบ แล้วอีกอย่าง พวกเราเป็นคนแปลกหน้ากันนะ" ผมพูดและดึงแขนซินที่กำลังจะเปิดประตูห้องผม

จริงๆ ผมดีใจมากนะที่ซินดูเหมือนจะอยากเป็นเพื่อนผม แต่ผมนั้นก็กลัวเสียใจอยู่ดี ผมกลัวสักวัน ซินจะทิ้งผมไปเหมือนคนอื่นๆ

"แล้วต้องทำยังไงถึงจะเป็นเพื่อนกัน" ผมมองหน้าซินที่กำลังค่อยๆ ยิ้มให้ผม นายพูดจริงๆ งั้นเหรอ นายไม่ได้ล้อเล่นใช่ไหม

"อ.อยาก เป็นเพื่อน กับผมเหรอ" ผมพูดออกไปเบาๆ อย่างไม่ค่อยแน่ใจนัก

"อยากสิ อยากทุกอย่าง" ซินไม่พูดเปล่าแต่เดินเข้ามาใกล้ผม หน้าของพวกเราอยู่ห่างกันแค่คืบ นี่มันใกล้ไปแล้วนะ

"พูดแล้วนะ... อย่าเปลี่ยนใจนะ" ผมพูดและก้มลงมองพื้น ผมกลัวซินจะเปลี่ยนใจในวินาทีสุดท้าย

"เป็นของซินนะ" ผมชะงักและเงยหน้ามองซินด้วยคิ้วที่ขมวดมุ่น เดี๋ยวนะ ทำไมคำพูดมันฟังดูแปลกๆ ชอบกล

"หมายถึง เป็นเพื่อนกันใช่ไหม" ผมพูดด้วยความไม่แน่ใจ

"ใช่ เป็นเพื่อนกัน ตลอดไป" ซินพูด และทำแววตาระยิบระยับ แต่ผมที่ได้ยินแบบนั้นก็ยิ้มกว้างออกมาอย่างดีใจ

นี่เป็นครั้งแรก ที่มีคนอยากเป็นเพื่อนกับผม...

ชีวิตของผมต่อจากนี้ จะไม่โดดเดี่ยวแล้วใช่ไหม นายจะอยู่ข้างๆ ผม และเชื่อใจผมใช่หรือเปล่า

ผมภาวนา ขอให้เป็นแบบนั้น
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-04-2020 16:03:22 โดย Gloomy Sunday »

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4825
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
ซิน อย่างไง ๆ เราก็ว่านายไว้ใจไม่ได้อ่ะ  :try2:

ออฟไลน์ market

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 5
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-1
ดูอ่อนแอจังเลยอ่าTT  ลองลุกขึ้นมาสู้กับผีบ้างสิหรือเป็นโรคจริงๆ5555555555555555

ออฟไลน์ Kei

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
ซินต้องการอะไรกันแน่

ออฟไลน์ ซีเนียร์

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 778
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด