In The Shadows' เงาหลอน ซ่อนรัก '[YAOI][#47 ปีกสีขาวที่หวนคืน][END](12/8/63)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: In The Shadows' เงาหลอน ซ่อนรัก '[YAOI][#47 ปีกสีขาวที่หวนคืน][END](12/8/63)  (อ่าน 22326 ครั้ง)

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4825
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
เจอกันครั้งนี้ ครั้งหน้าจะได้เจอกันอีกไหมหนอ  :กอด1:

ออฟไลน์ Gloomy Sunday

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 408
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +215/-3
    • Fanpage : Gloomy Sunday Tk.
Shadows ที่ 42 ความสุขที่เคยใฝ่ฝัน


แสงของดวงตะวันที่ส่องประกายเข้ามาในดวงตา ทำให้ผมกะพริบตาช้าๆ ไล่แสงนั้น

"ตื่นแล้วเหรอ หลับยาวเลยนะ ฝันดีหรือไง" ผมลุกขึ้นอย่างงัวเงียขึ้นจากพื้น มองสิ่งต่างๆ รอบๆ ตัวและมองฟ่างที่นอนอยู่บนเตียง

"ครับ ก็น่าจะ..." ผมขมวดคิ้วให้กับคำถามนั้น ฝันงั้นเหรอ เรื่องอะไรกันนะ

"คงได้เจอซินแล้วใช่ไหม" พี่เบลล์พูดกับผม ด้วยที่รอยยิ้มสว่างไสว

"ซิน...คือใครเหรอครับ" ผมถามพี่เบลล์ที่สีหน้าค่อยๆ หุบยิ้มลง ผมไม่เข้าใจเลย ทำไม พี่เขาถึงได้ทำหน้าเศร้าขนาดนั้นกันนะ



ไม่รู้ว่าทำไม แต่ในหัวของผมหลังจากวันนั้น มันรู้สึก...ว่างเปล่า ปลอดโปร่ง ราวกับไม่เคยมีเรื่องทุกข์ใจใดๆ ในชีวิต แต่ว่า...ทำไมกันนะ ในหัวใจ มันเหมือนกับ มีหลุมลึก เหมือนกับมีอะไรสักอย่างที่ขาดหายไป

 "ไวท์"

 เสียงเรียกจากด้านหลัง ทำให้ผมต้องหันกลับไป ตอนนี้ ผมอยู่ในห้องเรียนรวม ซึ่งผมจองเก้าอี้ไว้ให้เพื่อนสนิทได้นั่งข้างกัน ผมมองฟ่าง ที่ค่อยๆ เดินเข้ามาหาผมและนั่งลง

 "เป็นยังบ้าง ดีขึ้นแล้วใช่ไหม" ผมถามเธอ เพราะว่าเมื่อสองวันก่อน อยู่ๆ เธอก็เป็นลมล้มลงไปที่ร้านของพี่เบลล์

 "ไวท์" ผมขมวดคิ้ว ไม่รู้ทำไมเธอถึงได้ทำหน้าไม่สบายใจ

 "อะไรเหรอ"

 "วันก่อนนั่น ตกลงมันเกิดอะไรขึ้นเหรอ" ผมขมวดคิ้วทันทีที่ได้ยินคำถาม

 "ฟ่างลืมไปแล้วเหรอ ก็ฟ่าง อยู่ๆ ก็เป็นลมล้มลงไป ผมตกใจมากเลยนะ" ผมมองเธอที่ดูทำหน้าเหมือนไม่เชื่อ

 "แต่ว่า ฟ่างจำได้ว่า..." เธอดูสับสน จนผมสับสนตามไปด้วย ผมพยายามนึกภาพเรื่องของวันนั้น แต่ก็จำได้เพียงว่า เธอเป็นลมล้มลงไป และผมกับพี่เบลล์ก็พาเธอไปพักผ่อนข้างบน มันก็เท่านั้นนี่

 "ไวท์ ฟ่างขอโทษนะ จริงๆ ฟ่างก็พอรู้ตัวอยู่ แต่ว่าไม่อยากให้ไวท์เป็นกังวล ก็เลยไม่บอกว่า ฟ่างผิดปกติไป ฟ่างรู้ว่าเขาอยู่ข้างใน ฟ่างพยายามไล่เขาออกไป"

 "ฟ่าง ผมว่าฟ่างยังไม่หายนะเนี่ย พูดอะไรน่ะ เขาที่ไหน ใครอยู่ในฟ่าง ผมกลัวนะ อย่าล้อเล่นสิ"

 "ไวท์..."

 "วันนี้ฟ่างเรียกชื่อผมหลายรอบแล้วนะ แกล้งผมใช่ไหม" ผมไม่เข้าใจ ฟ่างมองหน้าผมและส่ายหัวช้าๆ ไปมา

 "ซิน ซินเป็นใครสำหรับไวท์" ผมมองเพื่อนที่ตั้งคำถามอย่างจริงจัง ซินงั้นเหรอ...พี่เบลล์ก็เคยพูดถึงชื่อนี้

 "ซิน เป็นใครงั้นเหรอ" ผมมองน้ำตาหยาดหนึ่งที่ไหนออกมาจากดวงตาของเพื่อน

 "ฟ่าง เป็นอะไรไป"

 "ไวท์ ไม่ตลกเลยนะ"

 "ไม่ตลกอะไร" ผมถามเธอที่นิ่งเงียบไป ผมมองดูเธอที่ร้องไห้เงียบๆ ผมไม่เข้าใจ ทำไมเธอถึงได้ดูเศร้าขนาดนั้น คำว่าซินเนี่ย หมายถึงอะไรกัน

 "ผม ทำให้ฟ่างเสียใจเหรอ"

 "ไม่ไวท์ ไม่เลย" ผมสบายใจขึ้นเมื่อเธอเริ่มยิ้มและกุมมือผมเอาไว้ "บางที นี่อาจเป็นเรื่องดีก็ได้" ผมมองเธอที่ส่งยิ้มให้ผม เรื่องดีงั้นเหรอ การที่ผมลืมอะไรบางอย่างไป มันคือเรื่องดีอย่างนั้นเหรอ

 "วันนี้ไวท์จะไปร้านพี่เบลล์ไหม"

 ฟ่างถามผมขณะที่พวกเราออกจากตึกเรียนรวมในเวลากลางวัน พวกเราเดินผ่านทางเดินเล็กๆ ไปหาที่ทานข้าวกัน

 "อ่อ ผมลืมบอกไป วันนี้ผมกับที่บ้านจะไปทานอาหารเย็นกันข้างนอก ฟ่างไปด้วยกันนะ พี่ตะวันก็ไป ผมอยากให้ฟ่างไปด้วย" ผมหยุดเดินและอ้อนเพื่อน ผมอยากให้ทุกคนที่ผมแคร์อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากัน



 เมื่อถึงเวลาเย็น ผมแวะไปหาพี่เบลล์เพื่อช่วยงานเล็กน้อย ก่อนที่จะขอตัวไปทานอาหารกับครอบครัว

 ตลอดเวลาที่อยู่ที่ร้านนั้น ผมสังเกตว่าฟ่างและพี่เบลล์คุยกันตลอดเวลาด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก แต่ก็มักจะส่งยิ้มให้ผมเมื่อเห็นว่าผมมองอยู่

 "มาไวท์ ฟ่างช่วย" เธอส่งยิ้มให้ผมและเดินเข้ามาใกล้

 "ไม่ต้องหรอก จีบกันต่อก็ได้ ผมไม่ว่านะ"

 "โธ่ไวท์ พูดอะไรน่ะ"

 "ทำไมเดี๋ยวนี้หวงเพื่อนด้วยเหรอ หรือว่า..." พี่เบลล์ได้ทีเข้ามาผสมโรง แต่ว่าเมื่อได้ยินพี่เบลล์พูดแบบนั้น ภายในหัวใจของผมก็รู้สึกต่อต้านอย่างรุนแรง

 "ไม่ครับ ผมดีใจถ้าฟ่างจะได้แฟนดีๆ แบบพี่" ผมเผลอพูดไปอย่างรวดเร็วจนทั้งสองคนตกใจ "คือ ไม่ใช่ว่าผมรังเกียจฟ่างนะ แต่...คือผม..." ผมหัวใจเต้นเร็วจนเผลอกำเสื้อเอาไว้

 "ไวท์ ใจเย็นๆ ไม่มีใครว่าอะไรเลยนะ" ผมไม่รู้ทำไม แต่ว่าหัวใจของผมมันเหมือนกับรับไม่ได้กับเรื่องที่ว่า จะมีใคร ที่ผมจะรัก

"พี่จะบอกว่า เย็นนี้เดี๋ยวพี่ไปด้วย" พี่เบลล์ลูบหลังผมและเอาไม่กวาดออกจากมือผม "ตะวันก็เพื่อนพี่ มันชวนน่ะ"

 "อ่อครับ ดีเลย" ผมเริ่มรู้สึกดีขึ้นมาก และเมื่อเก็บกวาดปิดร้านกันสักพัก คนที่พวกเรารอก็มาถึง

 "พี่ชายฮะ" ผมมองคนที่เข้ามาเกาะขาผมแน่น เครป เค้ก และคุณพ่อคุณแม่ ไม่ใช่แค่นั้น พี่ตะวัน ทุกคนเข้ามากันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา

 ผมล้างมือล้างไม้และมาอุ้มน้องชายตัวน้อย แถมยังมีน้องสาวที่เกาะแขนแน่นอีก

 "พี่ไวท์ พวกเรานั่งด้วยกันนะคะ"

 "เค้ก อย่าไปกวนตอนพี่เขาทำงานสิลูก"

 "ไม่เป็นครับ เรียบร้อยแล้ว พวกเราไปกันเถอะ" ผมบอกคุณพ่อคุณแม่ และอุ้มน้องตามพวกท่านออกไป

 "ไปรถพี่..."

 "ไวท์ไปนั่งคันโน้นเดี๋ยวพี่ไปกับเจ้านี่เอง" พี่เบลล์เข้ามาขัดพี่ตะวันและผลักผมให้ไปที่รถของคุณพ่อ ผมยิ้มให้ทั้งสองที่ดูกำลังเขม่นกัน ผมรู้ว่าพี่ตะวันชอบผม และดีกับผมมาก แต่ว่าผมก็ เคยบอกพี่เขาแล้วว่า...ว่าอะไรกันนะ

 "ไวท์ ขึ้นรถสิลูก" ผมเดินตามคุณแม่และขึ้นรถพร้อมๆ กับน้องๆ ที่เกาะผมแจ ผมมองเห็นฟ่างแยกไปกับรถของพี่ตะวัน แบบนี้ก็เหมือนกับว่ารถคันนี้ มีแต่ผมและครอบครัวของผม

 "วันนี้เป็นยังไง เรียนสนุกไหมเด็กๆ" คุณพ่อที่ไม่ค่อยมีเวลาทานอาหารพร้อมหน้า วันนี้พวกเราอยู่กันครบ ผมมีความสุขมาก ผมจับให้เครปนั่งบนตักและกอดน้องไว้หลวมๆ

 "สนุกค่า แต่ว่าที่โรงเรียนอาหารไม่อร่อยเลยเบื่อมาก"

 "เหรอ เดี๋ยววันหลังพี่ทำข้าวกล่องไปไว้ทานกลางวันให้นะ"

 "จริงเหรอคะพี่ไวท์ รักพี่ไวท์มากเลย" ผมยิ้มกว้างเมื่อน้องบอกรัก

 "ไม่เอาลูก พี่ไวท์เขาทำงานกลับมาก็เหนื่อยแล้ว ยังจะต้องมาตื่นเช้าทำให้หนูอีก"

 "ไม่เป็นไรครับคุณแม่ ผมทำได้ เดี๋ยวทำของโปรดให้เครปด้วยดีไหม" ผมก้มลงมาคุยกับน้องชายตัวเล็ก แต่ว่าไม่รู้ทำไม อยู่ดีๆ เจ้าเครปก็ทำหน้างอเหมือนคิดอะไรอยู่

 "เป็นอะไรไปครับ ไปโรงเรียนไม่สนุกเหรอ" ผมคุยกับน้องชาย ซึ่งเครปก็พยักหน้าทันที ผมขมวดคิ้ว และเหลือบมองคุณพ่อกับคุณแม่ที่มองหน้ากันอย่างไม่สบายใจเช่นกัน

 "ไหนบอกพี่ไวท์สิ ว่าทำไมเครปถึงไม่อยากไปโรงเรียนเหรอครับ" ผมถามน้อง ซึ่งเครปก็หันมากอดผมเอาไว้และพูดเสียงเบาๆ

 "ที่โรงเรียน...มีแต่คนน่ากลัว" ผมตกใจทันทีที่ได้ยิน

 "น่ากลัวเหรอ แบบนี้ไม่ดีแน่ คุณพ่อคุณแม่ครับ โรงเรียนของน้องเนี่ย เป็นแบบนี้อันตรายนะครับ" ไม่รู้ทำไม ผมมองคุณพ่อที่ถอนหายใจ

 "ที่โรงเรียนไหนก็เหมือนกันลูก พวกเรา ก็ทำได้แค่ให้เครปเข้มแข็ง และเมื่อเขาโตขึ้น เรื่องพวกนี้ก็คงจะเบาลงไป" ผมไม่เข้าใจ ทำไมคุณพ่อคุณแม่ถึงพูดอะไรแบบนี้

 "ไหนบอกพี่สิว่า คนน่ากลัวพวกนั้นเป็นยังไง พี่ชายจะไปจัดการให้เอง" ผมก้มลงถามน้อง

 "ทำอะไรไม่ได้ฮะ" ผมก้มลงฟังน้องใกล้ๆ จนใบหน้าพวกเราแนบกัน ผมขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ และไม่สบายใจมากขึ้น

 "ต้องได้สิ พี่..."

 "พวกนั้น เป็นผีฮะ" ผมชะงักทันทีที่ได้ยิน และไม่รู้ทำไม ผมเริ่มหัวเราะออกมาเบาๆ และลูบหัวเล็กๆ ของน้อง

 "เครป ฟังพี่ชายนะ ผีมีจริงซะที่ไหน" และไม่รู้ว่าทำไม เมื่อผมพบได้พูดคำนี้ออกไป ทุกคนในบ้าน ถึงมองผมเหมือนกับ ผมไม่ใช่ผมอีกต่อไป



 เวลาร่วงเลยผ่านไปหลายเดือนแล้ว ผมในตอนนี้กำลังเรียนอยู่ในชั้นปีที่สูงขึ้น ผมใช้เวลาชีวิตส่วนใหญ่ไปกับการเรียน ใช่ชีวิตทั่วไป อยู่กับเพื่อนที่มีเพิ่มมากขึ้นทุกวัน

 ในตอนเย็น ผมก็ยังคงทำงานอยู่ที่ร้านของพี่เบลล์ที่เป็นเหมือนพี่ชายอีกคนหนึ่งของผม การได้ใช้เวลาทำในสิ่งที่ตัวเองชอบ ผมรู้สึกมีความสุขมาก และเหมือนกับได้ใช้ชีวิตคุ้มค่าที่สุด ซึ่งที่สิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตของผมก็คือ ครอบครัว บ้านที่แสนอบอุ่ม ที่ที่ผมได้พักพิง

ผมไม่ได้ตัวคนเดียวอีกแล้ว ทุกคนที่รายล้อมผมนั้น ทุกคนมีแต่ความรัก มีแต่ความหวังดีเสมอ ผมที่เกิดมานี้ รู้สึกว่าตัวเองช่างโชคดีเหลือเกิน ถึงแม้ว่าที่ผ่านมา จะต้องพบเจอกับความยากลำบากไปบ้าง แต่ว่า ช่วงชีวิตหลังจากนี้ ผมจะไม่ต้องร้องไห้อีกแล้ว

 "ไวท์ลูก อะไรก็ดีทุกอย่าง ทั้งหน้าตา นิสัย การเรียน ทำอาหารก็เก่ง แต่ว่าทำไมกันล่ะลูก ห้องเราถึงรกขนาดนี้"

 ผมที่นั่งเล่นดินน้ำมันกับเครปก็ถูกคุณแม่ที่แอบมองดุเข้าซะแล้ว

 "โธ่คุณแม่ จริงๆ ผมก็เก็บทุกวันนะครับ แต่ว่าแค่เก็บไม่ละเอียดเอง"

 "แม่เข้าใจ ก็เจ้าเครปชอบเอาขยะมาเพิ่มให้ไวท์ทุกวันด้วย"

 "ม่ายจริงเลยฮะ น้อนเครปแค่ให้ของเล่นพี่ชายนะ" ผมหัวเราะและอุ้มน้องมานั่งบนตัก

"น้องชายที่แสนดีแบบนี้หาที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว" พูดแล้วก็หอมแก้มน้องฟอดใหญ่ ซึ่งเจ้าตัวเล็กดูจะชอบใจมาก

 "เอาล่ะๆ ยังไงก็เก็บกวาดซะหน่อย เดี๋ยวพรุ่งนี้แม่จ้างแม่บ้านมาให้ จะเอาอะไรไว้ จะทิ้งอะไรก็บอกเขาละกัน"

 "จริงๆ ไม่เป็นไรก็ได้นะครับ เดี๋ยวไวท์เก็บเอง"

 "ไม่เป็นไรลูก แม่จะให้เขาทำทุกห้องนั่นแหละ"

 "ครับ ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวผมช่วยเขาเอง"

 "แม่จ้างเขานะลูก"

 "งั้นก็จ้างไวท์แถมด้วยสิครับ"

 "ได้เลย"

 "ผมล้อเล่นน่ะ ห้ามให้ผมจริงๆ นะ" ผมหัวเราะ ตอนนี้พวกเราครอบครัวต่างสนิทกันอย่างแน่นแฟ้น เหมือนกับความฝันเลยนะ ผมที่ไม่เคยนึกภาพของครอบครัวออก ตอนนี้กลับกลมกลืนไปกับชีวิตที่แสนสุข ผมคิด ว่าผมไม่อาจมีความสุขไปมากกว่านี้อีกแล้ว นี่เป็นชีวิตที่ผมใฝ่ฝัน ผมใฝ่ฝันหาความสุขนี้มาตลอด

แต่ทว่า...ไม่รู้ทำไม เวลาที่คิดว่าตัวเองมีความสุขขนาดนี้ ส่วนลึกภายในจิตใจของผม มันกลับร่ำร้องว่า ผมนั้น...เคยมีความสุขมากกว่านี้

ความสุข ที่ได้อยู่เคียงข้าง กับใครสักคน...

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

ครอบครัวไวท์  น่าจะเป็นครอบครัวที่ทุกคนมีสัมผัสพิเศษ เห็นสิ่งลี้ลับกันทุกคนสินะ

ออฟไลน์ Gloomy Sunday

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 408
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +215/-3
    • Fanpage : Gloomy Sunday Tk.
Shadows ที่ 43 สิ่งที่ไม่อาจลืมเลือน


 ในเช้าวันอาทิตย์ที่แสนสดใส ผมตื่นนอนแต่เช้า ทำอาหารเช้าจัดเตรียมให้กับครอบครัวที่แสนน่ารักของผม วันนี้ผมทำแกงจืดเต้าหู้สาหร่าย ไข่เจียวหมูสับ และไก่ทอดของโปรดของเจ้าเครป

    วันอาทิตย์เป็นวันที่ผมชอบมาก เพราะพวกเราทุกคนจะได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากัน โดยปกติเมื่อทานข้าวเสร็จ คุณพ่อก็จะไปทำงานที่ห้องทำงานของท่าน คุณแม่ก็จะทำงานอดิเรกอย่างงานปักเย็บต่างๆ ซึ่งผมก็เคยไปเรียนรู้กับท่านบ้าง แต่ว่าก็ไม่ไหวเอาซะเลย ผมกับงานเย็บปักถักร้อย สงสัยคงเคยเป็นศัตรูกันมาก่อน

    และเมื่อถึงเวลาบ่าย ผมก็จะนั่งดูการ์ตูนกับน้องๆ บ้าง เล่นเกมส์ด้วยกันบ้าง ฟังเพลงกับเค้ก เลือกชุดน่ารักๆ ออกความคิดเห็นเกี่ยวกับวงนักร้องที่เธอชอบ

    และบางอาทิตย์พวกเราก็จะออกไปเที่ยวด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นห้างสรรพสินค้า พิพิธภัณฑ์ น้ำตก ภูเขา หรือทะเล

    ช่วงเวลาที่แสนสุขเหล่านี้ ช่วงเวลาที่พวกเราได้ใช้ชีวิตร่วมกัน ผมอยากจะเก็บรักษามันไว้ตลอดไป จะอีกกี่สิบปีต่อจากนี้ ผมก็จะรักและดูแลครอบครัวของผมให้มีความสุขตลอดไป

    "ไวท์ลูก คุณป้านวลเขากำลังจัดห้องเราอยู่นะ ไปดูสิลูก เผื่ออยากให้ป้าเขาทำอะไรให้เพิ่มหรือเปล่า"

    "อ่อครับ" ผมเมื่อช่วยคุณแม่ปักดอกไม้ในแจกันแล้วก็เดินกลับไปที่ห้องตามที่คุณแม่บอก

    ห้องของผมอยู่ไม่ไกลกันมาก ห้องแต่ละห้องของสมาชิกในครอบครัวต่างเรียงกันเป็นลำดับ บ้านไม้หลังใหญ่นี้ทั้งสงบและร่มเย็น ผมกำลังคิดว่าจะทาสีด้านนอกให้เป็นสีเขียวอ่อนดีไหมนะ จะได้ดูสบายตามากขึ้น...

    เพล้ง!

    เสียงของที่ตกแตกในห้องทำให้ผมตกใจเล็กๆ ผมเร่งฝีเท้าไปที่ห้องของผม ซึ่งเมื่อผลักประตูเข้าไป ก็เห็นว่าในมือของป้านวลคนทำความสะอาดกำลังถือเศษแก้วในมือ

    "ขอโทษค่ะ ขอโทษ ป้าไม่ระวังจนข้าวของเสียหาย"

    "ไม่เป็นไรครับ ไม่เป็นไร คุณป้าบาดเจ็บหรือเปล่า" ผมมองเศษแก้วในมือของคุณป้า และก็ต้องขมวดคิ้วน้อยๆ เมื่อเห็นรูปทรงที่แปลกประหลาดของมัน

    "ไม่ใช่ แก้วน้ำใช่ไหมครับ" ผมถามอย่างสงสัย เพราะว่ามันเป็นโครงแก้วสี่เหลี่ยม ที่ผมจำไม่ได้ว่าเคยมีมันอยู่ในห้อง

    "ไม่ใช่ค่ะ มันเป็นกล่องแก้วเก็บของเอาไว้ อ่ะ นั่น คือ ขอโทษจริงๆ ค่ะ..." ผมมองตามมือของเธอที่กำลังชี้สิ่งสิ่งหนึ่งที่กำลังลอยอยู่ในอากาศ พัดปลิวตามสายลมอ่อน

    ในหัวของผมนั้นว่างเปล่า ผมมองขนนกสีขาวที่กำลังล่องลอยไป และเริ่มไกลออกไป

    ผมยังคงยืนอยู่ตรงนั้น สายลมอีกละลอก เริ่มพัดแรงขึ้น ส่งให้เจ้าขนนกนั้น เริ่มหลุดลอยออกไปจากหน้าต่าง ลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า ที่มีแดดสดใส

    มันก็แค่ ขนนกเส้นหนึ่งที่มีสีขาวสะอาด ความขาวของมันดูราวกับจะส่องแสง ถึงมันจะพัดออกไป ไปในที่ที่ไกลแสนไกล มันก็คงไม่เป็นไร มันก็แค่...ขนนก

    ผมคิดแบบนั้น ขณะที่มองมันหลุดลอยไป แต่ว่า ทำไมกันล่ะ เท้าของผมเริ่มไม่มั่นคง ผมเริ่มที่จะก้าวออกไป ตัวของผมสั่นสะท้านและน้ำตาก็เริ่มไหลริน

    ผมปีนหน้าต่าง ไม่สนว่าที่นี่คือชั้นสองของบ้าน สายตาของผมไม่เคยละจากขนนกสีขาวเส้นนั้น ผมปีนและร่วงหล่นลงที่พื้น ท่ามกลางเสียงกรีดร้องของป้าแม่บ้าน ถึงแม้ว่าผมจะรู้สึกว่าข้อเท้าของผมจะหัก แต่ว่า สายของผมก็ยังคงมอง ยังมองตามขนนกเส้นนั้น ที่กำลังลอยไปตามสายลมเอื่อย

    ผมค่อยๆ ลากขาข้างที่เจ็บ กึ่งเดินกึ่งวิ่งอย่างรวดเร็ว ตามมันออกไป ผมไม่ได้สนใจผู้คนที่กำลังมองผม มองบาดแผลตามตัวผม

    ผมไม่รู้ ว่าทำไมผมจะต้องทำขนาดนี้ แต่ว่า ไม่ได้ ผมเสียมันไปไม่ได้ ได้โปรด อย่า ผมต้องเอามันกลับมา

    สายลมยังคงพัดราวกับจะแกล้ง ความเจ็บปวดก็ดูเหมือนจะเจ็บจนชา ผมออกแรงวิ่งตามขนนกเส้นนั้น และเมื่อมีโอกาสที่มันลอยต่ำลง ผมกระโดดสุดแรง เพื่อคว้ามันเอาไว้

    แรงเฮือกสุดท้าย ในที่สุด ผมก็ได้มันกลับคืนมา ไม่รู้ทำไม ผมนอนอยู่ตรงนั้น บนพื้นหินที่ร้อน บนดินที่โสมม แต่ว่าผมไม่ได้สนใจสิ่งใด ผมกอดมันเอาไว้แนบอก ร้องไห้ ราวกับกลัวจะสูญเสียมันไปอีกครั้ง



    "ไวท์" เสียงเรียกที่ทำให้ผมลืมตาตื่น ก็คือฟ่าง เพื่อนของผม เธอกำลังร้องไห้ และข้างๆ เธอนั้น ก็คือพี่เบลล์ ที่นิ่งเงียบไม่ได้พูดอะไร

    "ไวท์ ไม่เป็นไรแล้วนะ" ฟ่างลูบหัวผม ผมจ้องมองเธอ ผมไม่เข้าใจ เธอพูดถึงอะไร

    และเมื่อมองเธอ ผมก็เพิ่งสังเกตสิ่งที่ผมถืออยู่ในมือ ผมเริ่มเข้าใจมากขึ้น ผมมองขนนกสีขาวสะอาดในมือของผม ถึงแม้ว่ามือผมจะสกปรกสักแค่ไหน แต่มัน ก็ไม่เคยแปดเปื้อน

   "ทำไม ถึงได้ตามขนนั่น อย่างเอาเป็นเอาตาย" คนที่ได้แต่นิ่งเงียบ ตอนนี้เริ่มถามคำถามกับผม

    ผมมองขนเส้นนั้นในมือ และมองครุ่นคิด ผมพยายามคิด ว่าทำไม คิด ว่าผมได้มันมาจากไหน คิดและคิด

    ปวดหัว ผมเริ่มกุมหัวตัวเองไว้ด้วยมือที่สั่นเทา ไม่ว่าจะพยายามแค่ไหน ผมก็คิดอะไรไม่ออกเลย

    "บางที พระบิดาก็ทรงใจร้ายเหลือเกิน" เสียงพึมพำของพี่เบลล์ผมได้ยินไม่ชัดนัก และฟ่างก็ดูจะร้องไห้มากขึ้น

    "ทำไม ถึงร้องไห้" ผมถามเธอ มองดูเธอที่เจ็บปวดราวกับใจสลาย

    "อย่าถามเธอเลย เธอก็แค่ ร้องไห้แทนคนคนนึง"

    "คนคนนึง..." ผมทวนคำของพี่เบลล์ ด้วยหัวใจที่ว่างเปล่า คนคนนั้นคงจะเจ็บปวดมากใช่ไหม เขาคงแสดงออกมาไม่ได้ใช่ไหม มันถึงทำให้เธอ ร้องไห้เพื่อเขาขนาดนั้น

    "พักผ่อนเถอะ" พี่เบลล์บอกผมและพาฟ่างออกไปจากห้อง

    หัวของผมกลับมาว่างเปล่าอีกครั้ง แม้แต่หัวใจ ก็ว่างเปล่าเช่นกัน



    5 ปีผ่านไป

    ถึงแม้เวลาจะล่วงเลยผ่านมานานแล้ว แต่ว่าหลังจากวันนั้น ผมก็ไม่เคยปล่อยให้ขนนกเส้นนี้ออกห่างจากตัวผมแม้เพียงเสี้ยววินาที

    มันกลับกลายเป็น สิ่งที่เป็นเหมือนหัวใจของผม ไม่ว่าจะทำอะไร ที่ไหน เมื่อไหร่ ผมก็จะพกมันติดตัวไว้เสมอ และทุกคนรอบข้าง ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรกับผมในเรื่องนี้

    ผมก็ยังคงใช้ชีวิตเหมือนเก่า มีความสุข มีแต่สิ่งที่ทำให้ผมมีรอยยิ้ม มองดูครอบครัว มองดูน้องๆ ที่เริ่มโตขึ้น มองดูตัวเอง ที่เรียนจบ และเปิดร้านกาแฟเล็กๆ ร้านหนึ่ง อย่างที่เคยใฝ่ฝัน

    ผมนั่งจิบกาแฟแก้วเล็ก ในมุมของร้านที่ผมชอบที่สุด มองดูก้อนเมฆสีขาวด้านนอก ที่ค่อยๆ ลอยเอื่อยผ่านไปช้าๆ ในมือถือหนังสือเล่มโปรดเล่มหนึ่ง ซึ่งผมเป็นคนแต่งมันขึ้นมา

    ชีวิตของผมนั้น ไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว นอกจากความสุขที่ผมมีในทุกๆ วัน ได้นั่งมองท้องฟ้า ได้ใช้ชีวิตอ่านหนังสือเล่มโปรดของตัวเอง มองดูสีของท้องฟ้าที่เปลี่ยนไปตามกาลเวลา

    "ไวท์"

    เสียงเรียกที่ผมคุ้นเคยดี ผมมองคนที่เข้ามาด้วยรอยยิ้มสดใส

    "ว่าไงฟ่าง มาได้ไงเนี่ย" ผมรีบลุกขึ้นจากเก้าอี้ตัวโปรดและไปพาเธอเข้ามานั่งใกล้ๆ

    "ก็แวะมาหา คิดถึง"

    "คิดถึงเหมือนกัน ว่าจะโทรหาอยู่"

    "เชอะ อย่ามาพูดหน่อยเลย แล้วเป็นไง ธุรกิจไปได้สวยเลยนี่ ลูกค้าแน่นมาก"

    "ก็เรื่อยๆ แหละฟ่าง"

    "แม่ขา หนูอยากกิงหนม" ผมที่คุยกับฟ่างก็เพิ่งสังเกตเห็นว่ามีสาวน้อยน่ารักคนหนึ่งเกาะแขนเธออยู่ ผมยิ้มกว้างทันทีที่เห็นแบบนั้น

    "ว่าไงคะสาวน้อย อยากทานอะไรบอกได้เลยนะคะ" ผมดึงมือน้อยๆ ของเธอและอุ้มเธอขึ้นนั่งบนตัก

    สาวน้อยคนนี้คือลูกสาวของฟ่าง เธอแต่งงานทันทีเมื่อเรียนจบกับชายหนุ่มที่เป็นรุ่นพี่ซึ่งคบกันเมื่อตอนเรียนปีสุดท้าย

    นี่ก็เป็นอีกสิ่งที่ผมมีความสุขเหลือเกิน ผมหอมมือน้อยๆ ของเธอ เธอเป็นสิ่งที่พิเศษเหมือนสวรรค์ประทานให้ ฟ่างเป็นทั้งเพือนที่แสนดีของผม และเป็นแม่ที่แสนดี มีครอบครัวที่อบอุ่น ผมมีความสุขมากมายเหลือเกิน ถึงแม้ว่า ผมจะไม่มีใคร ที่เป็นคู่ชีวิตของผม...

    "ไวท์ ไม่เหงาใช่ไหม" ฟ่างจับมือผมเอาไว้ และถามผมด้วยใบหน้าที่ผมเคยเห็นมาไม่รู้กี่ครั้ง

    "ไม่เลย ผมมีความสุขดี"

    "ฟ่าง อธิษฐาน ทุกวันเลยรู้ไหม" ผมยิ้มให้เธอ ที่พูดแบบนั้น

    "อธิษฐานว่าอะไรเหรอ"

    "ขอให้ไวท์ มีความสุขที่แท้จริง ขอให้ไวท์ ได้เจอคนที่ไวท์เฝ้ารอ"

    "ขอบคุณนะ" ถึงผมไม่รู้ว่าเธอหมายถึงใคร แต่ผมก็รู้สึกตื้นตันในหัวใจ

    "ไวท์ ฟ่างเชื่อ คนที่ดีแบบไวท์ ไวท์จะต้องได้เจอเขา เขาต้องรอไวท์อยู่เสมอแน่ๆ"

    ผมจับมือเธอ และยิ้มให้เธอ ขอบคุณเธอที่คอยอยู่เคียงข้าง เป็นเพื่อนที่ดีเสมอมา

    "อืมมม แล้วฟ่างทานอะไรมาหรือยัง ออกไปหาอะไรทานกันไหม"

    "อื้อ จริงๆ แล้วมีเรื่องอยากรบกวนน่ะ"

    "ว่าไง เรื่องอะไรก็ได้เลย"

    "ไวท์ก็น่ารักแบบนี้เสมอแหละ" ผมหัวเราะกับคำชมของเธอ "คือ ฟ่างหาเนอสเซอรี่ให้ข้าวหอมอยู่น่ะ แล้ววันนี้พ่อเขาก็ติดงาน เลยอยากให้ไวท์ไปเป็นเพื่อน"

    "ได้เลย"

    "แต่งานในร้านไวท์ก็ยุ่งมากๆ เลยไม่ใช่เหรอ ฟ่างเกรงใจนะเนี่ย"

    "ไม่หรอก น้องๆ ในร้านเก่งทุกคน" ผมพูดและลูกน้องในร้านทุกคนก็ยิ้มแป้นให้ นี่แหละ ผมคัดมาเป็นพิเศษทุกคน

    "ก็แน่ล่ะ ทุกคนเขาหลงเจ้าของร้านกันขนาดไหนไม่รู้หรือไง"

    "ฟ่าง นั่นมันไม่จริงเลย" ผมหัวเราะให้คำพูดนั้น แต่ว่า หรือว่าจะใช่

    "ซื่อยังไงก็ซื่ออย่างนั้นเพื่อนฉัน"

    "ป่ะ พวกเราไปกัน" ผมอุ้มข้าวหอมที่ถือโดนัทน้ำตาลในมือและพากันออกไป

    ผมขับรถให้ฟ่าง พาเธอมาในที่ที่ผมจริงๆ ก็ไม่ค่อยรู้มากนัก แต่ว่าพี่เบลล์แนะนำมา ว่าแถวนี้มีเนอสเซอรี่เยอะ และคนดูแลเด็กก็เก่งกันทุกคน

   ผมหาที่จอดไม่ใกล้ไม่ไกลนัก อุ้มข้าวหอมและพาฟ่างเดินไปตามทาง เมื่อเจอเนอสเซอรี่ที่หนึ่ง พวกเราก็พากันเข้าไปถามข้อมูล เพื่อประกอบการตัดสินใจ

    พวกเราแวะหนึ่งที่ เดินไปอีกหนึ่งที่ แวะทานข้าวที่ร้านใกล้ๆ และเดินไปอีกที่หนึ่งเป็นที่สุดท้าย ที่นี่เข้ามาในซอยค่อนข้างลึก แต่ว่าก็ร่มรื่นเหลือเกิน

    ผมชอบบรรยากาศแบบนี้ ผมเดินไป เงยหน้ามองท้องฟ้าไป ฟ่างที่อุ้มข้าวหอมเดินตามมาก็ได้แต่หัวเราะท่าทีของผมที่ดูราวกับเด็กน้อย ที่กำลังมีความสุขกับสิ่งที่ทำ

    ผมกางแขนกว้าง สูดกลิ่นไอของต้นไม้ใบหญ้า หลับตา สัมผัสสายลมเย็นที่พัดอยู่รอบตัว แต่ทว่าสายลมที่โชยอ่อน อยู่ๆ ก็ฟัดกระโชกขึ้นหนึ่งครั้ง ผมชะงักยกแขนขึ้นเพื่อบังดวงตาไม่ให้รับฝุ่นเข้าไป แต่เมื่อทำแบบนั้น ผมก็เพิ่งรู้ตัว ว่าสิ่งสำคัญที่ผมพกติดตัวไว้ กำลังหลุดร่วงออกจากกระเป๋า แรงลม ส่งให้สิ่งนั้นลอยขึ้นไปในอากาศ

    และทันทีที่ได้เห็น ว่าผมอาจจะสูญเสียมันไปอีกครั้ง ผมเอื้อมมือสุดแขนไขว่คว้ามันในอากาศ ถึงแม้ลมจะไม่ได้แรงมากนัก แต่หัวใจในอกของผมก็ราวกับสั่นไหวอย่างรุนแรง

    ผมออกวิ่ง และวิ่งตามมันไป ไม่อาจปล่อยให้หลุดลอยไปจากสายตา อยู่ไม่ไกลแล้ว ผมเอื้อมมือออกไป มันอยู่ห่างจากมือของผมแค่เพียง...

    แต่เมื่อมือของผมกำลังจะคว้ามันเอาไว้ได้ มือมือหนึ่งที่สูงกว่า ก็คว้ามันเอาไว้ก่อนผม

    มือเรียวที่ขาวสะอาด ผมค่อยๆ มองไล่จากมือนั้น ลงมายังเสื้อสีดำแขนยาว ผมตัดสั้นที่สะท้อนแสงสีน้ำตาลดูอ่อนนุ่ม ใบหน้าที่ขาวสะอาด สัดส่วนทุกสิ่งบนใบหน้านั้น ทำให้คนที่ได้เห็นคงแทบจะหยุดหายใจ รูปร่างสูง ขายาว แววตาสีเข้มที่เรียบเฉยแต่แฝงไปด้วยความอ่อนโยน

    มันเหมือนกับม้วนหนังที่ถูกกรอกลับหลังอย่างรวดเร็ว จนสมองของผมแทบจะรับไม่ไหว

    เลือดสีแดงสดค่อยๆ ไหลออกมาจากโพรงจมูก ขณะที่ภาพทุกอย่างไหลรวมพลั่งพลูออกมาราวกับน้ำเชี่ยว

    "ไวท์ จะโง่ไปถึงไหน"

    "ไวท์ คือคนพิเศษ"

    "ขอบคุณ ที่ทำให้จดจำความรู้สึกนี้ได้"

    "รัก รักจนเกินกว่าจะรัก"

    หยาดน้ำตาไหลออกจากดวงตา ราวกับน้ำในมหาสมุทรที่ถูกเก็บกักเอาไว้ ความเจ็บปวด ความสิ้นหวัง การรอคอย ทุกอย่างระเบิดไหลพรั่งพรูออกมา

    ผมจ้องมองใบหน้าที่ผมแสนคิดถึง คิดถึงยิ่งกว่าสิ่งใดในชีวิต ทั้งชีวิต และหัวใจที่ยังคงเต้นอยู่ ในทุกๆ อย่างของผม มีแต่คนคนนี้สลักไว้

    น้ำตายังไหลออกมาเหมือนกับไม่มีวันที่จะเหือดหาย ตัวของผมเริ่มสั่น สายตาไม่อาจให้คราดจากภาพตรงหน้า ทิวทัศน์ที่ผมได้เห็น แม้จะต้องตาย ผมก็ไม่มีอะไร ต้องติดค้าง

    "ของคุณ" คนตรงหน้าสีหน้าดูเป็นกังวล เขายื่นขนนกสีขาวนั้นให้ผม เดินเข้ามาใกล้ "คุณไม่สบาย เลือดไหล"

    ดวงตาของผมยังคงไม่อาจละจากใบหน้านั้น ขณะที่เขาค่อยๆ ประคองจับตัว พยุงให้สามารถเดินได้

    "ไวท์!" ฟ่างอุ้มลูกวิ่งตามผมมา และเมื่อเห็นอาการของผม เธอก็ยิ่งเป็นห่วง "ไวท์ เป็นอะไรไป ทำไมเป็นแบบนี้"

    "สามีของคุณคงจะไม่สบาย ผมจะพาเขาเข้าไปพักก่อน"

    "เขาไม่ใช่สามีของฉันค่ะ เขา..." ฟ่างที่มัวแต่มองผม ในตอนนี้เพิ่งจะสังเกตเห็นคนที่ช่วยผมเอาไว้ เธอเบิกตาโพลง มองคนที่ช่วยผม สลับกับมองใบหน้าของผม

    "ใช่เขา ใช่ไหม" ฟ่างพูดเบาๆ น้ำตาไหลอาบแก้ม ผมพยักหน้าให้เธอช้าๆ ผมยังคงสั่นไปทั้งตัว ผมทั้งดีใจ และปวดใจเหลือเกิน

    ซินนั้น จำผมไม่ได้เลย แม้แต่นิดเดียว...

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ PsapBBBB

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 13
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ซินที่ มาจาก sin ที่แปลว่าบาปใช่ป่ะเพราะทุกอย่างที่ทำเหมือนหมายถึงแบบนั้นทั้ง พูดให้ไวท์แก้แค้น เอากิเลสเรื่องผู้หญิงมาล่อลวงให้ไวท์เกิดกิเลสแบะเหมือนที่โอนเนอร์พูดเป็นนัยยะเรื่องขาว-ดำ เอาหละไวท์บททดสอบเยอะเหลือเกินชีวิตสู้ๆนะลูก แม่จะคอยอยู่ข้างๆหนูนะ

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

ได้เจอซินสักทีนะ

ว่าแต่...คนที่เจอเนี่ยไม่ใช่รุ่นน้องรุ่นหลานนะ 555

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4825
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
ได้ป่ะกันแล้ว จะต่อกันติดไหมเอ่ย  :hao4:

ออฟไลน์ ซีเนียร์

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 778
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0

ออฟไลน์ Gloomy Sunday

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 408
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +215/-3
    • Fanpage : Gloomy Sunday Tk.
Shadows ที่ 44 คนที่คิดถึง สุดหัวใจ


ในตอนนี้นั้น หัวใจของผมก็ยังคงเต้นรัวอยู่ในอก ผมนั่งพักอยู่ในเนอสเซอรี่แห่งหนึ่ง โดยมีซินที่นั่งอยู่ข้างๆ ถือผ้าขนหนูผืนเล็กเอาไว้ในมือ คอยเช็ดซับใบหน้าของผมที่คอยแต่จะมีน้ำตาไหลตลอดเวลา

 นานแค่ไหนกันนะที่ผมลืมเลือนซินออกไปจากความทรงจำ นี่เป็นสิ่งที่โหดร้ายที่สุดที่ผมเคยได้รับ ทำไมล่ะซิน ถึงแม้ว่าผมจะมีความสุขเมื่อจดจำซินไม่ได้ แต่ถึงจะเป็นแบบนั้น ผมก็ไม่อยากที่จะลืม ผมอยากจดจำคนที่ผมรักเอาไว้ ตราบชั่วชีวิต

 "ขอบคุณมากๆ นะคะ คุณเป็นคุณครูอยู่ที่นี่เหรอคะ" ฟ่างช่วยถามในสิ่งที่ผมสงสัย ผมมองซินไม่เคยละสายตา มองดูผ้ากันเปื้อนสีสดใสที่ตัดกับเสื้อสีดำ ซินในตอนนี้ยังคงมีรูปร่างหน้าตาคงเดิม ไม่เปลี่ยนไปเลย คงมีแต่ผมที่ตัวสูงใหญ่ขึ้น แต่ก็ยังคงสูงไม่เท่าซินอยู่ดี

 "ครับ"

 "ตั้งแต่เมื่อไหร่เหรอคะ" ซินดูงงๆ พูดน้อย แต่ก็ยอมบอกง่ายๆ

 "ประมาณ 2 ปี" สองปีงั้นเหรอ ผมอยากจะร้องไห้อีกครั้ง ทำไมกันนะ ทำไมผมถึงไม่มาที่นี่ให้เร็วกว่านี้ แต่ว่า ผมก็ไม่มั่นใจเลย ว่าผมจะจำซินได้ไหม

 "ซิน" จากที่นิ่งเงียบมานาน ผมเอ่ยเรียกซินเบาๆ จ้องมองแววตาที่ดูวูบไหวของคนตรงหน้า

 คิดถึง คิดถึงเหลือเกิน ผมอยากจะกอดซินเอาไว้ ให้แน่นที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ว่า...ซินในตอนนี้นั้น ผมไม่อาจแตะต้องอีกแล้ว

 "รู้จักผม?" ซินทำหน้าสงสัยและมองผมสลับกับฟ่าง

 "คือ ขอโทษที่ทำให้ตกใจนะครับ แค่บังเอิญ คุณคล้ายคนคนนึงที่เรารู้จัก" ผมพยายามฝืนยิ้มและหยิบผ้าขนหนูจากมือซินมาซับใบหน้าตนเอง ผมจะต้องไม่ทำให้ซินไม่สบายใจ แค่นี้ แค่เพียงได้พบกันอีกครั้ง ผมก็ไม่ต้องการอะไรแล้ว

 "ชื่อก็เหมือนกันเหรอ" ซินถามคำถาม แต่ผมก็ไม่อาจตอบได้ ผมจ้องมองซิน ใบหน้าที่ดูสงสัยนั้นผมอยากที่จะสัมผัส ริมฝีปากสีชาด ที่กลับมาสดใส

 "นั่นสิ บังเอิญมากเลย" ผมพยายามกลั้นน้ำตา และยิ้มแย้มแจ่มใส

 "คนคนนั้น คงสำคัญกับคุณมาก" คำพูดนี้ ช่างมีอิทธิพลมากนัก ผมกัดริมฝีปาก ไม่อาจกล้ำกลืนฝืนน้ำตาไว้ได้

 "ขอโทษนะครับ แต่ว่า ผม...ขอจับมือคุณ...ได้ไหม" ตอบแทนคำขอนั้น มือที่แสนอบอุ่นของซินก็ค่อยๆ ยื่นเข้ามาช้าๆ ผมไม่รีรอ จับมือนั้นไว้ ประสานจับไว้แน่น แนบแก้มด้วยความคิดถึงสุดหัวใจ

 ไม่รู้ว่านานแค่ไหน ผมรู้แค่เพียงผมมีความสุขเหลือเกิน ความคิดถึงของผมมันมากมาย เต็มหัวใจ ความอบอุ่นที่ผมแสนคิดถึง ตอนนี้รู้สึกราวกับคืนย้อนไปดังวันวาน ผมสามารถอยู่อย่างนี้ได้อีกนานแสนนาน อยากอยู่ในอ้อมกอดนี้ อยากกอดเอาไว้แบบนี้...

 ผมค่อยๆ ลืมตาขึ้นช้าๆ มองภาพตรงหน้าที่เป็นประตูบานหนึ่งปิดสนิท ผมกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนพื้นห้อง รอบๆ ตัวมีแต่ของเล่นกระจัดกระจาย และเมื่อสังเกตว่าตัวเองไม่ได้อยู่คนเดียวนั้น ผมก็ตกใจจนแทบจะลุกขึ้นจากพื้น

 ผมมองตัวเองที่กอดซินแน่นทั้งๆ ที่นั่งหลับ อิงซบไหล่หนา จับมือประสานแน่น และที่น่าอายที่สุดก็คือ ซินลืมตามองผมนิ่งๆ ทำไมผมถึงหลับไปได้กันนะ

 "คือ ผมหลับไปนานหรือยัง ขอโทษนะ" ผมปล่อยมือจากซิน มองซินที่กำลังถอนหายใจเบาๆ "ทำไมถึง อยู่ตรงนี้ล่ะ"

 "คุณไม่ปล่อยมือผมตั้งแต่บ่ายแล้ว" ซินพูดและลุกขึ้นยืน ขยับตัวเหมือนตะคริวกินทั้งตัว

 "ขอโทษครับ แล้ว เพื่อนผมล่ะ"

 "กลับไปตั้งนานแล้ว เขาบอกว่าฝากด้วย" ฟ่างนะฟ่าง ผมคาดโทษเพื่อนเอาไว้ แต่ว่าทำไมถึงรู้งานดีขนาดนี้

 ผมเริ่มยิ้มได้ ผมลุกขึ้นตามซิน มองดูซินที่กำลังบิดร่างกายไปมา ผมยังคงไม่อาจละสายตาไปได้ เพียงแค่มอง ผมก็รู้สึกอบอุ่นไปทั้งหัวใจ

 "ก็ไม่รู้นะว่าเหมือนขนาดไหน แต่ว่าถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป ผมก็คงถูกกินแน่ๆ" ซินหรี่ตามองผมที่หลบสายตาทันที ผมอมยิ้มในความมืด ตอนนี้ในห้องมืดสลัวเพราะไม่ได้เปิดไฟ เริ่มพูดจาเหมือนซินมากขึ้นทุกทีแล้ว

 "ขอโทษนะ"

 "ไม่อยากได้ยินคำนี้" ผมชะงักทันทีที่ได้ยินถ้อยคำเหล่านั้น เหมือนเมื่อวานนี้เอง ที่ซินพูดคำคำนี้กับผม ก่อนที่ผมจะลืมซินไป

 ไม่ ไม่นะ ผมจะไม่มีวันลืมซินอีก...

 ความกลัวว่าสูญเสียซินไปอีกของผมมันมากมายนัก ผมเผลอตัวคว้ามือซินมาจับไว้แน่นอีกครั้ง ผมไม่ยอม ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ผมจะไม่มีวันยอมให้ซินไปอีก

 "แบบนี้คงห่างกันไม่ได้แล้วมั้ง" ผมได้ยินเสียงซินพูดพึมพำ แต่ก็ยอมให้ผมจับมือเอาไว้

"เอาล่ะ ฟังนะ" ซินก้มตัวลงเล็กน้อย จ้องมองผมใกล้ๆ เหมือนกำลังปลอบโยน "ไม่ไปไหนหรอก แต่ว่า ขอทำงานก่อนได้ไหม ต้องเก็บของเล่นพวกนี้เข้าที่ก่อนน่ะ" ผมมองซินที่ไม่ได้ทำหน้าตาเหนื่อยหน่าย แต่กำลังมองเหมือนผมเป็นเด็กคนหนึ่งที่กำลังติดครูพี่เลี้ยง

 ผมพยักหน้าน้อยๆ และยอมปล่อยมือที่กุมไว้ช้าๆ ผมถอยหลังให้ห่างจากซินเล็กน้อย ซินดูพอใจและยิ้มมุมปากเล็กๆ ก่อนที่จะค่อยๆ ก้มลงเก็บของ

 ผมยืนดูอยู่สักพัก และคิดว่าไม่ได้ ผมเป็นภาระให้ซิน ทำให้ซินกลับบ้านช้า เพราะฉะนั้น ผมต้องช่วย

 ผมก้มลงเก็บของเล่นที่บนพื้นตามซิน สองคนช่วยกันเก็บ ไม่นานนัก ห้องทั้งห้องก็โล่ง สะอาดเรียบร้อย

 ผมมองซินที่จัดการทุกอย่างเรียบร้อย และกำลังเอื้อมแขนไปข้างหลังเพื่อจะถอดผ้ากันเปื้อนผืนยาวออก

 "ผม ผมช่วยนะ" ผมที่เห็นว่าซินดูลำบาก ก็ค่อยๆ เดินเข้าไปช้าๆ ยืนอยู่ตรงหน้าซิน และเอื้อมแขนไปด้านหลัง แกะปมเชือก

 ผมไม่ได้รู้ตัวเลย ว่าการกระทำของผมนั้น มันทำให้พวกเราแนบชิดกันมากแค่ไหน ซินมองดูผมอยู่เงียบๆ ผมหัวใจเต้นรัว มันเหมือนกับวันวาน ตอนที่ผมเพิ่งรู้ตัวว่า ผมหลงรักซิน

 "ออกแล้ว" ผมแกะปมออกเรียบร้อย ซินก้มตัวลงให้ผมได้เอาผ้าที่คล้องคออยู่ออก ผมเริ่มรู้สึกเขินเล็กๆ ที่พวกเราอยู่ใกล้กันมาก และเมื่อมองซิน ผมก็เพิ่งรู้ว่าซินกำลังมองผมอยู่เช่นกัน ด้วยระยะของใบหน้า ที่ห่างกันแค่คืบเดียว

 "เอ่อ คือ..." ผมหน้าเริ่มขึ้นสี หัวใจเต้นไม่เป็นส่ำ ผมอยากจะกอดซินไว้เหลือเกิน แต่ว่าผมในตอนนี้ เป็นคนแปลกหน้า สำหรับซิน

 "ให้ไปส่งที่บ้านด้วยไหม" คำพูดของซินทำให้ผมได้สติเลิกคิดอะไรมากมาย ผมถอยห่างจากซิน ก้มหัวขอโทษซินที่ทำให้ลำบาก

 "ไม่เป็นไร เดี๋ยวผมโบกแท็กซี่กลับเอง ขอบคุณ ที่ช่วยดูแลนะครับ" ในใจนั้นกำลังต่อต้านอย่างรุนแรงกับคำพูดของตัวเอง ผมไม่อยากไปเลย ผมไม่อยากอยู่ห่างจากซิน แต่ว่า ถ้าหากทำแบบนั้นแล้ว ผมอาจทำให้ซินลำบากใจแทน

 และก็คงเพราะสีหน้าที่หม่นหมองของผม ซินจ้องมองผมตลอดเวลาเมื่อผมบอกลา และค่อยๆ เดินออกจากห้อง ผ่านตัวอาคาร โดยมีซินเดินตามหลัง

 ผมคอยแต่จะหันกลับไป จ้องมองใบหน้านั้น และรีบหันกลับมา กลัวว่าซินจะรำคาญใจ

 เมื่อเดินมาถึงหน้าเนอสเซอรี่ ผมหันไปตั้งใจมองซินอีกครั้ง ด้วยสีหน้าที่หม่นหมองยิ่งเก่า ผมกลัว ผมกลัวเหลือเกินว่าถ้าหากผมไปแล้ว ผมจะ...

 "กลับดีๆ แล้วก็ดูแลตัวเองด้วย" คำพูดของซินทำให้ผมยิ้มได้

 "ผมจะมาพบคุณอีก ได้ไหม..."

 "ผมอยู่ตรงนี้เสมอ ไม่เคยไปไหนไกล"



 ในค่ำคืนนี้ ท้องฟ้าช่างสวยงาม ดวงดาวที่ส่องแสงระยิบระยับก็ดูจะสว่างสดใสยิ่งกว่าคืนไหนๆ ผมนั่งอยู่บนรถเพื่อเดินทางกลับบ้าน ด้วยหัวใจที่เต้นอยู่ด้วยความรัก การมีความรัก มีคนให้คิดถึง มันช่างเป็นช่วงเวลาที่ดีเหลือเกิน

 "พี่ไวท์ ทำไมกลับดึกจังคะ"

 "พี่ชาย วันนี้เครปนอนด้วยนะ" ผมยิ้มอย่างอารมณ์ดีเมื่อน้องๆ ทั้งสองคนรีบลุมเข้ามาเกาะผมยกใหญ่ ตอนนี้เค้กเป็นสาวแล้ว ส่วนเจ้าเครปก็ยังเป็นเจ้าตัวเล็กเหมือนเดิม ถึงจะโตขึ้นแล้วก็เถอะ ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน ทั้งสองคน ก็ยังคงเป็นเด็กน้อยของผมเสมอ

 "ได้สิ วันนี้มานอนดูหนังห้องพี่"

 "เค้กด้วยน้าพี่ไวท์"

 "จ้าๆ แต่เดี๋ยวพี่ไปอาบน้ำก่อนนะ"

 ผมกอดคอน้องๆ เข้าไปในบ้าน และรีบจัดการอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อที่จะมานั่งดูหนังกับน้องในห้อง

 บนโซฟาที่ตัวไม่ใหญ่นัก ผมนั่งกับน้องๆ และดูหนังกัน เมื่อเปิดได้ไม่นานนัก เค้กก็หลับพิงผมไปซะแล้ว ทำให้ตอนนี้ เหลือแค่เพียงผมกับเจ้าเครปตัวเล็ก

 ผมมองน้องและนึกถึงคำพูดของตัวเองเมื่อหลายปีก่อน ความเจ็บปวดทิ่มแทงเข้ามาในหัวใจของผม เครปนั้นก็เป็นเหมือนกับผมสมัยเด็กๆ ในหัวใจของเขา มีแต่ความกลัว ดีกว่าผมก็เพียงแค่ มีครอบครัวที่คอยปลอบใจ

 "เครป" ผมเรียกน้องเบาๆ เครปเงยหน้ามองผมด้วยรอยยิ้ม ผมลูบหัวน้องอย่างเอ็นดู จับให้น้องนั่งตักและกอดเอาไว้แน่นๆ

 "พี่ชาย เครปจักกี้นะ" เจ้าตัวเล็กดิ้นขลุกขลักด้วยความไม่เข้าใจ ว่าผมกอดเขาทำไม

 "พี่ขอโทษนะ" ผมพูดบอกน้อง ซึ่งเครปก็เพียงเอียงคอมองผมด้วยความสงสัย "จำไว้นะ ถ้าวันไหนที่เครปเจอสิ่งที่ทำให้เครปกลัว มาหาพี่นะ บอกพี่ แล้วพี่จะทำลายมันเอง" ผมบอกน้อง และเครปก็เริ่มเปลี่ยนสีหน้าเมื่อเข้าใจในสิ่งที่ผมพูด

 "ผม จะบอกพี่ฮะ เครปไม่กลัวถ้ามีพี่ชายอยู่" ผมกอดน้องไว้ ผมเข้าใจเรื่องแบบนี้ดีกว่าใครๆ ถึงแม้ผมจะไม่สามารถมองเห็นมันได้อีกแล้ว แต่ผมก็ยังคงอยากจะสู้ เป็นกำลังใจให้น้อง

เมื่อดึกมากแล้ว ผมอุ้มพาน้องๆ ที่สลบหลับใหลกลับไปยังห้องนอนของตัวเอง ผมหอมแก้มน้องๆ ห่มผ้า จัดแจงท่าทางให้พวกเขาสบายที่สุด ก่อนจะออกมาจากห้อง เพื่อเตรียมตัวเข้านอน

 "ไวท์" เสียงเรียกของคุณแม่ ทำให้ผมหันกลับไป ผมยิ้มให้คุณแม่ และเดินเข้ามาหาท่าน

 "ดึกแล้วนะครับ ทำไมยังไม่นอน"

 "แน่ะ เรียนแบบแม่เหรอเด็กคนนี้" คุณแม่ยกมือขึ้นจะตีผม ซึ่งผมก็ได้ทีเข้าไปกอดคุณแม่ไว้

 "เป็นหนุ่มขนาดนี้ยังอ้อนแม่เก่งอีกนะ"

 "ก็เพราะผมมีคุณแม่แค่คนเดียว"

 "อารมณ์ดีแบบนี้ มีเรื่องดีๆ เหรอจ๊ะ" ดูเหมือนผมจะไม่สามารถปิดพวกท่านได้ ใช่ครับ ผมพบเรื่องดี เป็นเรื่องที่ดีที่สุดในชีวิตของผม "แววตาของลูก เหมือนกลับไปเมื่อ 5 ปีก่อน"

 เมื่อได้ยินแบบนั้น ผมปล่อยมือจากคุณแม่ ลงมานั่งกับพื้นและกราบที่เท้าของแม่

 "ขอบคุณครับที่เลี้ยงดูผมมาอย่างดี ตลอดเวลาที่ผ่านมา ไม่ว่าผมจะเปลี่ยนไปแค่ไหน สร้างปัญหาให้มากแค่ไหน"

 ผมมีความสุขจริงๆ ที่ได้อยู่ที่นี่ ที่บ้านหลังนี้ มีคุณพ่อคุณแม่ ที่คอยห่วงใย

 "แค่ใช้ชีวิตให้ดี ใช้ชีวิตให้มีความสุข ดูแลแม่ ดูแลน้องๆ พ่อแม่ก็ไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว"

 คนที่เข้ามาจับตัวผมให้ลุกขึ้นนั้นก็คือคุณพ่อ ผมยกมือไหว้ท่านอีกคน ท่านเป็นผู้ให้ชีวิตใหม่แก่ผม

 "คนที่โชคดี ไม่ได้มีแค่ไวท์ แต่เป็นพวกเราที่ได้หนูมาเป็นลูก" ผมน้ำตาไหลและสวมกอดผู้มีพระคุณทั้งสองไว้

ขอบคุณ ขอบคุณทุกสิ่งที่ทำให้ผม ได้พบกับพวกเขา และผมจะปกป้องครอบครัวของผม ด้วยชีวิตของผม

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4825
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
อกโล่งไปหมดเลย ปัญหาเคลียร์หมดแล้ว  :z2:

ออฟไลน์ p_phai

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2302
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +154/-6

ออฟไลน์ Gloomy Sunday

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 408
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +215/-3
    • Fanpage : Gloomy Sunday Tk.
Shadows ที่ 45 อ้อมกอดที่แสนคิดถึง


ในรุ่งเช้าของวันใหม่ ผมรีบตื่นแต่เช้าด้วยหัวใจที่เต้นรัว แค่เพียงคิดว่าจะได้พบหน้าของซิน หัวใจของผมก็ไม่ไหวเอาเสียเลย

 คิดถึง คิดถึงเหลือเกิน ไม่รู้ว่าตอนนี้ ซินจะทำอะไรอยู่กันนะ

 ผมออกจากบ้าน เดินทางไปที่ร้านกาแฟ แต่ว่า ไม่ใช่ร้านของผมหรอกนะ ผมเดินทางไปอีกที่หนึ่ง เป็นทีที่ผมควรจะไปเป็นที่แรกเมื่อความทรงจำได้กลับมา

 "อ้าว ไปไงมาไง เจ้าของร้านคู่แข่ง..."

 "พี่เบลล์" ผมเดินอย่างรวดเร็วเข้าไปถึงตัวพี่เบลล์และจับแขนพี่เขาไว้แน่น

 "กลับมาแล้วสินะ" พี่เบลล์ยิ้มอย่างคนที่รู้ทุกอย่าง ผมหน้างอและทุบพี่เบลล์เบาๆ ที่อก ไม่ว่าเมื่อไหร่คนคนนี้ก็ไม่เปลี่ยนไปเลยสักนิด และผมรู้แล้วว่าทำไม

 ก็เหมือนกับซินนั่นล่ะ เป็นคนบนฟ้า ไม่ใช่มนุษย์ที่จะเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา

 "พี่รู้มาตลอด" ผมพูดอย่างน้อยใจ มองพี่เบลล์ที่ยิ้มสดใสเช่นเดิม

 "พี่ขอโทษ"

 "ไม่หรอก ไม่ใช่ความผิดของพี่เลย" ผมยิ้มให้พี่เบลล์ ผมจำสีหน้าของพี่เบลล์ได้ดี ตอนที่พี่เขาถามผมถึงเรื่องของซิน แต่ผมนั้น ได้ลืมซินไปแล้ว สีหน้าที่แสนสงสารของพี่ ยังคงฝังลึกในความทรงจำของผม

 "พี่เบลล์ ผมเจอซินแล้วนะ" ผมพูดบอกพี่เบลล์และน้ำตาไหลออกมา ผมมีความสุขเหลือเกิน ที่ในที่สุด ผมก็ได้เจอ คนที่รักที่สุดแล้ว

 "ดีใจด้วยนะ มันเป็นสิ่งที่ถูกลิขิตไว้แล้ว ไม่ต้อง ร้องไห้แล้วนะ"

 "ครับ" ถึงพี่เบลล์จะพูดแบบนั้น แต่ผมยัก็ยังคงร้องไห้อยู่ดี ด้วยน้ำตาแห่งความสุข "แต่ว่า เขาจำผมไม่ได้เลย"

 "แต่ไวท์ ก็อยู่ข้างๆ เขาได้ ใช่ไหม" ผมพยักหน้าให้กับความคิดนั้น

 "อยู่ข้างๆ เขา ทำให้เขามีความสุข ตอบแทนที่เขาทำทุกอย่างเพื่อเรา รู้ไหม" คำพูดของพี่เบลล์ทำให้ผมร้องไห้ออกมาอีก ผมรู้ ช่วงเวลาที่ผมเสียใจ ซินนั้นก็ไม่ต่างจากผม ซินเจ็บปวด ไม่เคยน้อยไปกว่าผมเลย ถ้ามีสิ่งไหนที่ผมทำเพื่อเขาได้ ผมยินดีจะทำทุกอย่าง ทุกอย่างของผม เป็นของซิน

 เสียงกริ่งที่ประตู ทำให้รู้ว่ามีคนเข้ามาในร้าน ผมมองผู้ที่มาใหม่ และก็ต้องยิ้มกว้าง ผมมองฟ่างที่เดินเข้ามาจูงมือลูกสาวที่น่ารัก

 เธอโผเข้ากอดผมและพี่เบลล์ ช่วงเวลานี้ ผมช่างมีความสุข ไม่รู้ว่าผมพูดคำนี้ไปกี่ครั้งแล้ว แต่ผมก็ยังมีความสุขอยู่ดี

 "ขอบคุณนะ ขอบคุณทุกคนจริงๆ" ผมบอกคนทั้งสอง ที่อยู่กับผมเสมอ เป็นกำลังใจ เป็นที่พักพิง

 "เอาล่ะ อย่ามัวมาพูดกันอยู่เลย" ฟ่างปล่อยพวกเรา และยิ้มอย่างสดใส "ข้าวหอม ได้เนอสเซอรี่แล้วและต้องการให้คุณน้าไวท์ไปส่ง"

 ผมยิ้มให้กับรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของฟ่าง แต่ว่า ขอบคุณนะ ช่างรู้ใจกันจริงๆ

 "ส่งให้ถึงมือคุณครูพี่เลี้ยงเลยนะ คุณครูที่หล่อที่สุดคนนั้น" ฟ่างพูดกับผมเมื่อผมเตรียมจะขับรถออกไป ทำเอาผมแทบหุบยิ้มไม่ลง

 ผมขับรถออกไปด้วยหัวใจที่พองโต เวลาช่างผ่านไปอย่างรวดเร็ว เมื่อหัวใจของเรากำลังมีความสุข ใช้เวลาไม่นานนัก ในที่สุด ผมก็จอดรถลงในลานจอด ที่ด้านข้างเนอสเซอรี่ที่สงบร่มเย็น

 ผมจูงมือหลานรักและเดินเข้ามาที่ตัวอาคารเรียน มีเด็กๆ มากมายวิ่งเล่นกันอยู่ในสวน มีเครื่องเล่นน่ารักๆ หลายเครื่อง และ...

 ผมยิ้มกว้างทันทีที่เห็นคนที่ผมแสนคิดถึงยืนอยู่ มีเด็กๆ มากมายล้อมรอบตัวครูพี่เลี้ยงคนนั้น รอยยิ้มเล็กๆ บนใบหน้าที่ดูเรียบเฉย ผมรู้ได้ทันทีว่าเขากำลังมีความสุข

 ซิน กับเด็กๆ ถ้าเป็นเมื่อก่อน ผมคงไม่มีทางเชื่อเรื่องแบบนี้เด็ดขาด แต่ว่าเมื่อเห็นแบบนี้ สิ่งที่ไม่เคยคาดคิด ก็เกิดขึ้นจริงๆ

 และก็เหมือนการมาของผมจะถูกพบเข้าซะแล้ว ผมหลบตาซินเมื่อถูกมองมา และก้มหน้าก้มตาจูงมือหลานสาว หายใจเข้าออกช้าๆ และพาเธอไปส่งให้กับคุณครูพี่ซิน

 "อยู่นี่ทำตัวดีๆ นะคะ เดี๋ยวตอนเย็น ก็กลับกับน้านะ"

 "ค่ะ" น้องข้าวหอมรับคำผมอย่างว่าง่ายและวิ่งไปเล่นกับเพื่อน

 "เอ่อ สวัสดีครับ" ซินไม่ได้พูดอะไรจนทำให้ผมรู้สึกประหม่า ผมที่ไม่รู้จะเริ่มพูดคำไหนก็ทักทายแบบเห่ยๆ ไปซะได้

 "เมื่อคืน ฝันดีไหม" ผมเงยหน้ามองซิน ฝันดีงั้นเหรอ...

 ผมอมยิ้มเล็กๆ มันเป็นมากกว่าความฝัน เป็นฝันที่เป็นจริง

 "ฝันดีที่สุด" ผมยิ้มให้ซิน ยิ้มกว้างอย่างที่ไม่เคยทำมาทั้งชีวิต

 ผมใช้เวลาช่วงเช้า เฝ้ามองดูซินที่เป็นพี่เลี้ยงให้เด็กๆ สอนวาดภาพระบายสี ผมถือโอกาส นั่งมองอยู่เงียบๆ ในมุมห้องมุมหนึ่ง

 ผมเก็บ ทุกความทรงจำล้ำค่าเหล่านี้เอาไว้ ผมจะไม่มีวันลืม ไม่ลืมรอยยิ้มนั้น ไม่มีวันลืมคนตรงหน้าอีก

 "พี่ฮับ พี่ฮับ" ผมหลุดจากภวังค์ทันทีที่มีเจ้าตัวเล็กคนหนึ่งเขย่าขาผมไปมา ผมยิ้มอย่างใจดี และก้มลงฟังเสียงของน้องที่เหมือนมีอะไรอยากบอกผม

"คุงครูพี่ซิงบอกว่า ให้มาช่วยกานวาดฮะ" ผมชะงัก และมองตามนิ้วเล็กๆ ของน้องที่กำลังชี้ไปที่คุณครูซิน ผมหน้าแดงและเผลอหลบสายตา ซินกำลังกอดอกและจ้องมองผมเงียบๆ ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน

 ผมค่อยๆ ลุกขึ้น เดินตามแรงจูงของเด็กน้อย ผมนั่งลงที่เก้าอี้เล็กๆ ที่มีเด็กๆ ล้อมรอบและหยิบสีเทียนมาช่วยเด็กๆ วาดภาพ

 ผมยิ้มและเหลือบมองคุณครูที่เดินมานั่งลงข้างๆ ซินนั่งลงและจับมือเด็กน้อยวาดรูปผีเสื้อตัวใหญ่ ผมแอบมองทุกการกระทำนั้น ผมไม่อาจ หุบยิ้มลงได้

 สายตาของเราทั้งสอง คอยแต่จะประสานกัน ผมมีความสุข ผมไม่อาจละสายตาไปจากดวงตาสีเข้มนั้น ผมคิดถึง คิดถึงเหลือเกิน

 "พี่ชายฮับ ร้องไห้ทำไม" ผมสะดุ้งน้อยๆ เมื่อมีมือเล็กๆ แตะลงที่ข้างแก้ม ผมรีบเช็ดน้ำตาและบอกเจ้าตัวน้อยว่าไม่เป็นไร แต่ว่าทุกอย่างนั้นก็อยู่ในสายตาของซิน ที่จ้องมองอยู่ตลอดเช่นกัน

 "เดี๋ยวมานะ" ผมบอกเด็กๆ และบอกซิน พลางรีบเดินออกจากห้อง ผมมานั้งอยู่ด้านหลังอาคาร นั่งลงและกอดตัวเองไว้ ไม่รู้ทำไม อยู่ๆ ผมก็อยากร้องไห้ออกมา ผมร้องไห้จนตัวสั่น ร้องไห้เหมือนกับจะไม่ได้ร้องไห้อีกต่อไปแล้ว

 "ร้องไห้ขนาดนั้น จะไม่สบายเอานะ"

 ผมค่อยๆ เงยหน้าขึ้น ตามเสียงของคนที่อยู่ตรงหน้า ถึงแม้ว่าดวงตาจะมีแต่หยาดน้ำตา แต่ว่า ผมก็ยิ้มกว้างออกมา

 ผมมองซิน ที่นั่งอยู่ตรงหน้าผม พร้อมๆ กับยื่นผ้าเช็ดหน้าสีขาวมาให้

 "ถ้าไม่ว่าอะไร...อยากให้กอดไหม" ผมที่รับผ้าเช็ดหน้ามาก็ต้องชะงัก ซินจ้องมองผมและค่อยๆ ลุกขึ้น อ้าแขน เหมือนกับอยากให้ผมเข้าไปกอด

 ไม่มีอะไรที่ต้องตัดสินใจ ผมลุกขึ้น ไม่สนใจผ้าเช็ดหน้าที่ตกลงสู่พื้น โผเข้าสู่อ้อมกอดที่ผมใฝ่ฝัน อ้อมกอดที่ผมแสนคิดถึง ผมร้องไห้อีกครั้ง กอดคนตรงหน้าให้แน่นมากที่สุด สูดดมกลิ่นไอที่ผมแสนคิดถึง

 ซิน ผมรักซิน ผมรักคนคนนี้ รัก จนไม่อาจรักใครได้มากกว่านี้อีกแล้ว



 ช่วงเวลาที่ผมได้จ้องมองซิน มันช่างเป็นช่วงเวลาที่แสนมีความสุข หลังจากยืนกอดกันนานกว่าชั่วโมง ในที่สุดผมก็ถูกพาให้กลับมานั่งอยู่ในห้องเรียน ที่มีแต่เด็กๆ ที่แสนน่ารัก

 ไม่มีคราบน้ำตาบนใบหน้าของผมอีกแล้ว ซินจัดการเช็ดมัน อยู่เนิ่นนานสองนานอยู่ที่ห้องน้ำด้านหลัง ผมเริ่มรู้สึกว่าผมมาสร้างปัญหาให้ซิน แต่ว่า ผมก็ไม่สามารถหุบยิ้มได้เลย เมื่อได้รู้ว่า ซินนั้นอ่อนโยนแค่ไหน

 ในช่วงบ่ายนั้น ผมมองเด็กๆ ที่จัดแจงลากที่นอนเลือกนอนใกล้เพื่อน นอนในที่ที่ตัวเองต้องการ ผมช่วยเด็กๆ ปูผ้าและอ่านนิทานให้เด็กๆ ที่ดื้อไม่ยอมนอน และในที่สุด ตอนนี้ทุกคนก็หลับใหลอยู่ในห้วงนิทรา ผมเริ่มที่จะชอบบรรยากาศแบบนี้ การได้อยู่ท่ามกลางเด็กๆ ที่น่ารัก และผู้ใหญ่บางคน ที่น่ารักยิ่งกว่า...

 ผมแอบเหลือบมองซินที่กำลังฮัมเพลงเบาๆ กล่อมเด็กหญิงตัวน้อย พร้อมกับตบก้นกล่อมนอน นี่ก็เป็นอีกสิ่งที่ผมรีบเมมเก็บใส่ความทรงจำไว้

 และก็เหมือนซินจะสังเกตเห็นเด็กโข่งคนนี้ ซินหยุดฮัมเพลง และยกมือกวักเรียกผมให้เข้าไปใกล้ๆ

 ผมทำหน้ามึนๆ ค่อยๆ เดินเข้ามาใกล้ซินและนั้งลงข้างๆ

 "นอนลงสิ" ซินทำมือให้ผมนอนลงในฟูกเล็กๆ ที่วางอยู่ข้างๆ เด็กหญิงตัวเล็ก ผมหน้าขึ้นสีขึ้นเล็กน้อย และส่ายหัวไปมาด้วยความอาย

 "จะนอนลงดีๆ หรือให้จับกดลงไป" ผมตาโตมองซินที่มุมปากยกยิ้มขึ้นเล็กๆ ผมยิ้มให้ซินและยอมนอนลงอย่างว่าง่าย

 ซินขยับตัวใกล้ผมและเด็กน้อยมากขึ้น พร้อมกับฮัมเพลงอีกครั้ง กล่อมให้พวกเราหลับฝันดี

 ผมอมยิ้มและหลับตาลง หยาดน้ำตาเล็กๆ แห่งความสุขไหลลงมาอย่างไม่อาจกลั้นได้ มือที่แสนอบอุ่นของซินค่อยๆ ลูบที่หัวของผม ลูบเบาๆ อย่างถนุถนอม

 ผมถือโอกาสที่มือของซินสัมผัสตัวผม ผมดึงมือนั้น ดึงแขนของคนรักมากอดไว้ ผมกอดของซินไว้แน่น ลูบผิวสัมผัสที่อบอุ่นนั้นเบาๆ

 "ผมรักซิน" ผมพูดเบาๆ และกอดแขนของเขาเอาไว้ ผมจะปกป้องคนคนนี้ ด้วยความรักทั้งหมดของผม



 ช่วงเวลาที่มีความสุข มักจะผ่านไปไวเสมอ เมื่อผมลืมตาตื่นขึ้นอีกครั้ง ก็พบว่าผมเป็นคนเดียวที่นอนอยู่ที่พื้นห้อง ผมรีบลุกขึ้นด้วยใบหน้าที่เป็นสีแดงระเรื่อ มองซินที่กำลังยืนส่งเด็กๆ ที่หน้าประตู

 "ข้าวหอมลูก คุณแม่มาแล้วค่ะ" แม้ได้ยินแค่เสียง แต่ผมก็จำได้ดี ผมค่อยๆ ลุกขึ้นและเดินไปข้างๆ ซิน มองดูฟ่างที่อุ้มน้องข้าวหอม ใบหน้าของเธอยิ้มกริ่มมองผมกับซิน

 "สงสัยต้องเซ้งร้านกาแฟมาเปิดเนอสเซอรี่แล้วมั้ง"

 "ฟ่างงง" ผมเรียกเพื่อนและอยากจะตีสักทีจริงๆ ผมยิ้มและหลบสายตาของซินที่มองมา ฟ่างนะฟ่างแซวกันได้

 "แล้ว จะกลับด้วยกันไหม" ฟ่างถามผม และมองผมสลับกับซินต่อ

 "เอ่อ..." ผมมองซิน แต่ว่าซินก็ไม่ได้พูดอะไร วันนี้ผมรบกวนซินมามากแล้ว ผมว่า ผมควรจะกลับ...

 "ไม่เป็นไร เดี๋ยวผมไปส่งเอง" คำพูดของซินทำเอาผมหุบยิ้มแทบไม่ลง และฟ่างก็ยิ่งยิ้มได้ใจไปใหญ่

 "ได้ งั้นฟ่างเอารถกลับนะ ไปละ ฝากดูแลเพื่อนด้วยนะคะ"

 "ฟ่างงงอ่า" ผมงอนแล้วนะ แซวอีกแล้ว ผมยิ้มให้เพื่อน และยังคงหลบสายตาของซินที่มองผม ในหัวใจนั้นเต้นรัวด้วยความดีใจ ซินรั้งผมเอาไว้ แค่นี้ผมก็ราวกับติดปีกแล้ว

 ครืนน!

 เมื่อส่งเด็กๆ ครบทุกคนแล้ว ท้องฟ้า ก็เริ่มส่งเสียงร้องเบาๆ พร้อมๆ กับลมที่เริ่มพัดแรงขึ้น

 ผมกับซินเข้ามาช่วยกันเก็บของเล่นในห้อง เก็บกวาด ให้ทุกอย่างเรียบร้อย ผมมองหน้าต่างที่เริ่มมีฝนตกลงมาเบาๆ บรรยากาศรอบๆ เริ่มมืดลงอย่างรวดเร็ว

 ผมมองซินที่เริ่มถอดผ้ากันเปื้อน และผมก็เหมือนเดิม รีบเข้าไปช่วยซิน ค่อยๆ แก้ปม และถอดออก

 หัวใจของผมยังคงเต้นแรงเหมือนเดิมเมื่ออยู่ใกล้ๆ ซิน และสายตา แววตาของคนตรงหน้า ที่ถึงแม้ไม่พูดอะไร แต่ก็ทำให้หวั่นไหวเหลือเกิน ผมไม่รู้ว่า สำหรับซินแล้ว ผมยังเป็นคนแปลกหน้าอยู่ไหม แต่ว่าถ้าหากซินจะคิดแบบนั้น ก็คงไม่แปลก เพราะเมื่อวานนี่เอง ที่ผมได้พบซิน เป็นครั้งแรกหลังจากที่เราจากกัน

 ผมมองตามสายตาของซิน ที่เริ่มเปลี่ยนไปมองสายฝนด้านนอก ซินยืนอยู่เนิ่นนาน มองสายฝนที่เริ่มตกแรงขึ้น จนผมแทบจะมองไม่เห็นด้านนอก

 "ไปกันเถอะ" ผมตกใจที่อยู่ดีๆ ซินก็จับมือผม และพาให้วิ่งออกไปฝ่าสายฝน

 ซินไม่บอกผมด้วยซ้ำว่ากำลังจะพาผมไปที่ไหน แต่ว่า ไม่ว่าจะเป็นสายฝน หรือบึงไฟ ถ้าหากซินอยากพาผมไปด้วยแล้ว ไม่ว่าจะเป็นที่ไหน ผมก็จะตามไป

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

งุย ๆ แม้ซินจะจำอะไรไม่ได้  แต่ความรู้สึกต่าง ๆ มันคงไม่เปลี่ยนแปลงหรือสูญหายไป 

ทำอะไรแล้วมีความสุขก็ทำมันไปสินะ  ซิน

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4825
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
ไปกันด้วยดีแล้ว ถึงซินจะจำไม่ได้ก็เถอะนะ   :L1:

ออฟไลน์ Gloomy Sunday

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 408
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +215/-3
    • Fanpage : Gloomy Sunday Tk.
Shadows ที่ 46 อยู่เคียงข้างเสมอ


ผมวิ่งตามซิน ด้วยเสื้อผ้าที่เริ่มเปียกปอน มองแผ่นหลังของซิน ที่เปียกปอนไม่ต่างจากผม

แต่ว่า พวกเราทั้งสองคนก็ยังคงมีแต่รอยยิ้ม ผมยิ้มอย่างมีความสุข วิ่งไปตามเส้นทางที่สายฝนตกกระหน่ำ ผ่านร่มไม้ที่เป็นสีเขียว มีสายฝนตกเป็นละอองให้ยิ่งเย็นชื่นใจ

 และเมื่อวิ่งมาอีกไม่นานนัก ซินก็พาผมเข้าไปยังบ้านหลังเล็กหลังหนึ่ง เป็นบ้านชั้นเดียวที่แสนร่มรื่น

 "ซิน อยู่ที่นี่เหรอ" ผมมองซินที่เปิดประตูรั้วเข้าไป มีชิงช้าอยู่ที่ใต้ต้นไม้หน้าบ้าน ดูน่ารักเข้ากับบ้าน

 "เข้ามาก่อน เดี๋ยวจะไม่สบาย" ซินเปิดประตูบ้านและหยิบผ้าขนหนูผืนใหญ่มาคลุมหัวของผมไว้ จับผมนั่งลงที่ระเบียงเล็กๆ หลบฝน และเช็ดผมให้อย่างแผ่วเบา

 ผมยิ้มหน้าแดง มองฝนที่เริ่มซาลง ดวงตะวันสีส้มฉายแสงนวลสวย สวยงาม ราวกับบ้านหลังนี้เป็นสวรรค์บนดิน

 ผมนั่งกอดเข่า เงยหน้ามองซินที่กำลังเช็ดผมให้ผมอย่างขะมักเขม้น ไม่ว่าจะมองมุมนี้ หรือมุมไหน ซินก็ยังคงสมกับเป็นซิน เป็นคนที่ผมหลงรัก ทุกสิ่งที่เป็นซิน ทำให้ผมไม่อาจละสายตาไปได้

 "ทำตัวเหมือนแมว" ซินพูดเบาๆ และยิ้มมุมปาก ผมหัวเราะเบาๆ และพลิกตัวแย่งผ้าในมือซิน จัดการ เช็ดผมให้ซินบ้าง

 ผมขยับตัวดีๆ และค่อยๆ ละเมียดเช็ดผมให้ซิน ผมสีน้ำตาลเข้มสลวยเส้นเล็ก ตัดกับผิวที่ขาวจนซีดของซิน ริมฝีปากสีชาดที่หยักสวย จมูกที่โด่งเป็นสัน รับกับคิ้วเรียวเข้ม

 "ผมคิดถึงซิน คิดถึงเหลือเกิน" ผมพูดเบาๆ และค่อยๆ ก้มลงจุมพิตเบาๆ ที่บนหน้าผาก ผ่านผืนผ้าเช็ดตัวนั้น

ผมกอดซินไว้ ผ่านผ้าเช็ดตัวผืนนั้น กอดให้นานที่สุดให้เท่ากับความคิดถึงทั้งหมดที่มีในหัวใจของผม ซิน ผมรักซินมากเหลือเกิน ผมอยากใช้ชีวิตที่เหลือต่อจากนี้ โดยมีซินเคียงข้าง ผมอยากจะตื่นนอนทุกๆ เช้า โดยเห็นใบหน้าของซินเป็นคนแรก

"ผมรัก ผมรักซินเหลือเกิน"

 ไม่รู้ว่าคนที่ได้ฟังคิดเช่นไร แต่ว่าเมื่อผมได้พูดออกไปนั้น คนตรงหน้าผม ก็ค่อยๆ ดึงผ้าเช็ดตัวที่คลุมอยู่ออก ผมจ้องมองแววตาของซินที่จ้องมองมาที่ผม พวกเราจ้องมองกัน ไม่รู้ว่านานแค่ไหน

 และก่อนที่จะทันได้รู้สึกตัว พวกเราก็ราวกับจะดึงดูดเข้าหากัน

 ซินแตะที่ข้างแก้มของผมและค่อยๆ ฉุดดึงให้ริมฝีปากของพวกเราผสานกัน ผมไม่ได้ปฏิเสธใดๆ ความคิดถึง ความปรารถนาต่อกันและกัน ความรักที่ผมมีให้อย่างสุดหัวใจ

 เสื้อผ้าที่เปียกปอนของพวกเรา ถูกถอดออกอย่างลวกๆ หลังของผมแตะลงสู่ผืนผ้านุ่ม ริมฝีปากแนบสนิท ดูดดึงกันไปมาด้วยความอ่อนโยน

 หยาดน้ำตาหลั่งรินด้วยความสุข พวกเรากอดก่ายกันไว้ด้วยความรู้สึกเต็มตื้นในหัวใจ หัวใจและร่างกายที่ถูกเติมเต็ม ถึงแม้ว่าจะเจ็บอยู่บ้าง แต่ผมก็กลับมีความสุขเหลือเกิน

 ผมกอดก่ายร่างกายของคนที่รักไว้ พวกเราแนบสนิทจนราวกับเป็นหนึ่งเดียวกัน เมื่อนานมาแล้ว เมื่อครั้งนั้น พวกเรากอดกัน สัมผัสกันด้วยความโกรธและไม่เข้าใจ แต่ว่าไม่ใช่อีกแล้ว

 วันนี้ พวกเราเป็นหนึ่งเดียวกัน ด้วยความรัก เป็นการมอบความรัก เติมเต็มให้กันและกัน ผมไม่เสียใจเลย ที่ผมได้รักซิน และมอบทุกอย่างให้กับซิน คนที่ผมรักหมดหัวใจ



 เป็นเวลาเกือบเช้าแล้ว ที่ผมกับซิน ยังคงนอนกอดก่ายกันไว้ อยู่ในกองผ้าห่มที่แสนอบอุ่น ผมมองดูซินที่ยังคงหลับใหล ยื่นมือแตะเบาๆ ที่ข้างแก้ม ไล้ปลายจมูกโด่งสวย และก้มลงจูบเบาๆ ที่ปลายจมูกนั้น

 ไม่ว่าจะให้พูดสักกี่หน ผมก็ยังคงพูดได้ว่า ผมมีความสุขเหลือเกิน ในที่สุดผมก็เข้าใจแล้วว่า ความสุขที่แท้จริงที่ซินพูดถึงนั้นเป็นเช่นไร ตอนนี้ ผมพบมันแล้ว ซิน คือความสุขที่แท้จริงของผม

 "ขอโทษ..." ผมขมวดคิ้วน้อยๆ มองซินที่ค่อยๆ ลืมตาขึ้น พวกเรานอนจับมือกันแน่น จ้องมองกันและกัน

 "ขอโทษ ที่จำไม่ได้" ผมยิ้มออกมาทันทีที่ซินพูดจบ คำว่าขอโทษนั้น ไม่เหมาะกับซินเลย ซินไม่มีอะไรที่ต้องขอโทษผม มีแต่ผม ที่สมควรพูดคำนั้น

 "จำแค่ว่า ผมรักซินก็พอ" ผมพูดเบาๆ และขยับไปจุมพิตเบาๆ บนเปลือกตาของคนรัก

 ไม่ว่าซินจะจำผมได้ไหม มันก็ไม่สำคัญอีกแล้ว ขอแค่เพียง ซินอยู่ตรงนี้ ข้างๆ ผม ตลอดไป



 หลังจากออกจากบ้านของซิน ผมก็มีอีกหลายที่ที่ผมอยากพาซินไป ซินลางานสักพักตามที่ผมขอ และพวกเราก็พากันไปในที่ที่หนึ่ง ผมอยากพาซิน ไปพบทุกคนที่ผมแคร์

 "ว่าไงเจ้าของร้านคู่แข่ง..." ผมหัวเราะเบาๆ เมื่อพี่เบลล์โผล่หน้ามาต้อนรับผมและเห็นคนที่ยืนอยู่ด้านหลังผมเข้า

 ซินยืนนิ่งๆ มองดูพี่เบลล์ด้วยใบหน้าเรียบเฉย แต่พี่เบลล์กลับยิ้มกว้างและเข้าไปดึงแขนซิน ให้ตามเข้าไป

 "ยินดีต้อนรับ น้องชาย" ซินนั่งลงตามที่พี่เบลล์บอก วันนี้ฟ่างก็มาที่นี่ด้วย เธออมยิ้มมีความสุขตลอดเวลาที่มองผมกับซิน

 "สมกับที่มาจากสวรรค์" ผมอมยิ้มมองฟ่างที่มองซินและพูดอย่างเคลิ้มฝัน "แต่ก็นะ คิดว่าทูตสวรรค์จะหน้าตาดีทุกคนซะอีก" ฟ่างพูดและสะบัดสายตาไปฟาดฟันพี่เบลล์

 ผมเผลอหัวเราะออกมา การได้มองทั้งสองคนเถียงกันเป็นความสุขอีกอย่างหนึ่งของผม

 "เหอะ สาวๆ ที่มากินก็แอบมองพี่ทั้งนั้น"

 "เพราะพี่ชอบให้เขากินฟรีต่างหาก"

 "ไม่ใช่เลย เพราะพี่หล่อต่างหาก แต่ก็นะ อย่างซินเนี่ยเขาเป็นลูกรัก ถูกปั้นมาอย่างตั้งใจเชียวล่ะ"

 "ลูกรัก...ทูต..." ผมมองซินที่ทำหน้าสงสัย ผมยื่นมือไปกุมมือของเขาเอาไว้ และส่งยิ้มให้บอกว่าไม่เป็นไร

 "สงสัยของหวานเนี่ย ไม่ต้องแล้วล่ะ"

 "เนอะ" ผมยิ้มให้คนทั้งสองที่เอาแต่แซวผม แต่ว่า ไม่เป็นไรหรอก ขอแค่ทุกคนมีความสุขก็พอแล้ว

และอีกสถานที่หนึ่งที่ผมอยากให้ซินได้เห็น ที่นี่ เป็นที่ที่ผมใฝ่ฝัน เป็นสถานที่ที่มีคนที่ห่วงใยผมมากที่สุดรวมตัวกัน

 ผมจับมือซิน พาเดินเข้ามา ผ่านรั้วบ้านสีขาว ผ่านหมู่ต้นไม้หลายต้นที่ออกดอกบานสะพรั่ง ร่วงโรยพัดไหวตามแรงลม ผมกระชับมือซินแน่นและเปิดประตูไม้บานใหญ่ ก้าวเข้ายังไปตัวบ้านที่ตอนนี้สมาชิกอยู่กันพร้อมหน้า

 "มาแล้วเจ้าตัวดี หายไปไหนมาทั้งคืน รู้ไหมว่าแม่..." ผมยิ้มให้คุณแม่ที่เมื่อมองเห็นคนด้านหลังผมก็หยุดพูดไป

 คุณพ่อที่เดินเข้ามาทีหลังนั้น มองผมสลับกับซิน มองมือพวกเราสองคนที่กุมกันไว้

 รอยยิ้มปรากฏชัดบนใบหน้าของคนทั้งสอง ผมรู้ ผมรู้ว่าทุกคนจะไม่รังเกียจพวกเรา คุณพ่อคุณแม่ที่แสนดีของผม พวกท่าน จะเข้าใจความรักของพวกเรายิ่งกว่าใคร

 "เป็นคนที่ลูกคิดถึงเขามาตลอดใช่ไหม"

 "นี่สินะ ลูกของแม่ถึงมีความสุขขนาดนี้" ผมยิ้มและพยักหน้าให้คุณแม่

 "ยินดีต้องรับนะ"

 "ขอบคุณครับ"

 "พี่ไวท์ พี่ไวท์มาแล้ววว" ผมได้ยินเสียงของเค้กดังมาแต่ไกล วันนี้ความจริงแล้วเป็นวันธรรมดาที่ทุกคนไม่น่าจะอยู่บ้าน แต่ว่า ก็อยู่กันพร้อม ผมรู้สึกผิดนิดๆ ที่ทำให้ทุกคนเป็นห่วง แต่ว่า ผมก็กลับมาแล้ว พร้อมกับคนสำคัญของผม

 "พี่ไวท์ หายไป..." และก็อีกคน เค้กวิ่งมาเกาะแขนผมและเมื่อมองเห็นซิน เธอก็ถึงกับอึ้งชะงัก และหน้าเปลี่ยนสีทันที เธอรีบปล่อยผมและแอบไปซ่อนด้านหลังคุณแม่ ท่าทางเขินอาย

 "ใช่คนหรือเปล่าคะ ละ..หล่อเกินไปแล้ว"

 "เดี๋ยวเถอะเด็กคนนี้ เสียมารยาทนะ" ผมหัวเราะน้อยๆ มองน้องสาว

 "ไม่เป็นไรครับคุณแม่ แล้ว...น้องเครปละครับ"

 "ยังหลับอยู่เลยลูก เอาล่ะ เข้ามานั่งกันเถอะ อย่ามัวยืนคุยกันเลย"

 "งั้นเดี๋ยวผมพาซินขึ้นไปที่ห้องนะครับ"

 "จ้า ขาดเหลืออะไรก็บอกนะ" รอยยิ้มของคุณพ่อคุณแม่ทำเอาผมเริ่มเขิน ผมจูงมือซินเดินขึ้นไปยังบันไดเพื่อขึ้นไปชั้นสองของบ้าน

 "เป็นครอบครัวที่ดีนะ" ซินที่เงียบมาตลอดอยู่ๆ ก็พูดขึ้นมา ผมดึงซินให้เข้ามาในห้องนอนของผม และกอดซินเอาไว้ ผมไม่อยากให้เวลาสักนาทีของเราสองคนต้องสูญเปล่า

 "ทุกอย่าง เป็นเพราะซิน" ผมพูดบอกซิน ถ้าหากวันนั้น ผมไม่ได้ซินช่วยเอาไว้ ผมก็คงไม่ได้อยู่บนโลกใบนี้อีกแล้ว

 "ขอโทษ" ผมเงยหน้ามองซินที่สีหน้าดูหม่นหมอง ผมลูบแก้มของซินเบาๆ ให้คลายความกังวล โน้มใบหน้าของซินให้เข้ามาใกล้ แนบหน้าผากเข้าหากัน

 "ไม่ใช่แค่ซินที่ไม่ชอบให้ผมพูดคำนี้จริงๆ"

 "อยากได้ยินคำไหนล่ะ" ผมยิ้มให้กับคำถามของซิน

 "คำที่ซินอยากพูด คำไหนผมก็อยากฟังทั้งนั้น"

 "ไม่จริงสักหน่อย" ผมหัวเราะ ดวงตาของซินกำลังยิ้ม ผมมีความสุข จนอยากจะร้องไห้อีกแล้ว

 "พี่ชายย" ผมสะดุ้งทันทีที่อยู่ๆ ขากางเกงก็ถูกดึง ผมรีบผละออกจากซินและหน้าแดงน้อยๆ

 ไม่รู้ว่าเครปมาตั้งแต่เมื่อไหร่ เห็นอะไรไปมากแค่ไหนแล้วนะ

 "มานี่เลย ทำไมมาแล้วไม่เรียกพี่แต่แรกครับ" ผมนั่งลงและดึงเจ้าตัวแสบเข้ามาหอมแรงๆ หลายฟอด โทษฐานที่ทำให้ตกใจ

 "พี่ชายหายไป เครปคิดถึง"

 "ขอโทษน้า พี่ชายก็คิดถึงเครปน้า นอนแทบไม่หลับเลย" ผมอ้อนน้อง และก็ได้ยินเสียงหัวเราะหึหึ จากคนที่ยืนมองอยู่

 ผมหน้าแดง ผมไม่ได้ล้อเล่นสักหน่อย ผมนอนไม่ค่อยหลับจริงๆ บางทีอาจต้องเรียกว่า ไม่ได้นอนมากกว่า

 "เอ่อ...น้องเครป คนนี้..." ผมอึกอัก ไม่แน่ใจว่าจะแนะนำซินให้น้องชายฟังว่ายังไง เพราะว่าเครปนั้นยังเด็กเหลือเกินที่จะรู้อะไรแบบนี้

 แต่ว่าเมื่อผมมองหน้าน้อง ผมก็ต้องรู้สึกประหลาดใจ เพราะว่าตอนนี้ เครปกำลังจ้องมองใบหน้าของซิน และค่อยๆ เดินช้าๆ เข้าไปจับมือซินเอาไว้

 ผมค่อยๆ ลุกขึ้น นี่มันเป็นเรื่องที่ประหลาดมาก เครปเป็นเด็กขี้อายและกลัวคนแปลกหน้ามาก แต่ว่า...

 "พี่ชาย วันนี้ก็มาหาพี่ชายของเครปเหรอครับ" ผมมองน้องที่กำลังเงยหน้าพูดกับซิน น้ำตาหยาดใหม่เอ่อล้นและค่อยๆ ไหลออกมาจากดวงตาของผม

 ผมมองซิน ถ้อยคำที่พี่เบลล์เคยบอกผม ว่าซินนั้นไม่เคยอยู่ห่างผมมันดังก้องกังวานอยู่ในหัวใจ ถึงแม้ว่าตอนนั้น ผมจะมองไม่เห็นซินอีกแล้ว แต่ว่าซินก็ไม่เคยไปไหนเลย คอยติดตาม เฝ้ามองผม ผมที่ไม่สามารถมองเห็นโลกแห่งความตายได้อีกแล้ว

 ผมมองซินที่ค่อยๆ นั่งลงและลูบหัวเครปด้วยความอ่อนโยน เป็นซินจริงๆ สินะ ที่อยู่ตรงนั้น ในวันที่ผมมองเห็นน้อง มองใครสักคนที่อยู่มุมห้อง

 เป็นซิน และเป็นซินเสมอมา...

 ผมไม่อาจ รักใครได้มากเท่าซินอีกแล้ว

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4825
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
เล่นเอาหลอนเลย น้องเครปเห็นคนเดียวด้วยอ่ะ  :sad3:

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ p_phai

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2302
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +154/-6

ออฟไลน์ Gloomy Sunday

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 408
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +215/-3
    • Fanpage : Gloomy Sunday Tk.
Shadows ที่ 47 ปีกสีขาวที่หวนคืน


เป็นเวลาหลายวันแล้วที่ผมพาซินมาอยู่ที่นี่ ผมถามซินว่าทำไมซินถึงได้มาเป็นครูพี่เลี้ยงที่เนอสเซอรี่แห่งนั้น แต่ว่าแม้แต่ซินเอง ก็ไม่สามารถตอบได้อย่างชัดเจน ตัวเขานั้น ไม่มีความทรงจำอะไรเลย เขาจำได้เพียงแค่ ตัวเองชื่อซิน

เขาตื่นขึ้นที่บ้านหลังนั้น และไม่รู้ว่าตัวเองควรจะทำอะไรต่อไป เขาจึงได้พบกับสถานที่ที่มีเด็กๆ และตัดสินใจเริ่มทำงานที่นั่น โดยความช่วยเหลือของผู้ใหญ่ที่อยู่ในละแวกนั้น

เมื่อได้ฟังเรื่องราวของซิน ผมก็ยิ่งแน่ใจว่า ซินได้ถูกทำให้ลืมเลือนทุกอย่างเหมือนกับผม และปล่อยเขา ให้ใช้ชีวิตในแบบมนุษย์ทั่วไป

ไม่มีอำนาจ สามารถเจ็บได้ มีอารมณ์ความรู้สึกทุกอย่างเหมือนกับพวกเรา พี่เบลล์เองก็ไม่สามารถแก้ไขได้ พี่เขาบอกแค่เพียงว่า ซินกำลังชดใช้โทษของเขา เป็นสิ่งที่ซินได้รับเพราะการทำผิดมาตลอดเมื่อครั้งที่ถูกสาปให้เป็นซาตาน

ผมอาบน้ำให้ซิน พวกเราอาบน้ำด้วยกันในอ่างใบใหญ่ ผมมองดูร่างกายของซินที่ขาวสะอาด ไม่มีร่องรอยของคำสาปใดๆ อีกแล้ว ผมจำได้ดี ซินเคยมีรอยสักอยู่ที่คอและมือ แต่ว่าตอนนี้ไม่มีอีกแล้ว เป็นหลักฐานได้อย่างดีว่า ซินไม่ได้ถูกสาปอีกแล้ว

 ผมทั้งดีใจ ทั้งสงสารซิน การที่ต้องใช้ชีวิตเหมือนมนุษย์ทั่วไป สำหรับคนที่เป็นเหมือนดั่งเทพ บางทีมันอาจจะยากลำบากก็ได้ แต่ว่า ผมจะคอยอยู่ข้างๆ เขา ไม่ให้เขาต้องโดดเดี่ยว ในโลกที่ไม่คุ้นเคยนี้

 "มองจนน้ำจะเดือดแล้ว" ซินพูดแบบนี้ ก่อนจะมุดน้ำจนมองเห็นแค่เพียงดวงตาเท่านั้น

 ผมหน้าขึ้นสีระเรื่อ ไม่ว่าเมื่อไหร่ ผมก็ยังคงไม่อาจละสายตาจากซินไปได้

 ซินที่เสียความทรงจำไปนั้น เหมือนกับความคิด อารมณ์และความรู้สึกของเขาเป็นเด็กลงไปมาก แต่ว่า ก็แค่บางเวลาเท่านั้นแหละนะ เพราะว่ามีหลายครั้ง ที่อยู่ดีๆ ซินก็กลายเป็นเสือตัวใหญ่

 "เดี๋ยวซิน จับตรงไหนน่ะ" ซินมุดน้ำแต่ว่ามือนั้นก็ไม่อยู่สุขเลย ผมหัวเราะและจับมือปลาหมึกของซินไว้ จะเสียงดังมากไปก็ไม่ได้ เพราะว่าตอนนี้ พวกเราอยู่กันที่บ้านของผม

 "เดี๋ยวก่อนซิน" ผมตีซินที่ดึงตัวผมเข้าไปและสวมกอดจากด้านหลัง ผมหน้าขึ้นสีแดงอย่างชัดเจน หัวใจเต้นแรงอยู่ในอก

 ซินกอดผมและหลับตาลง แนบแก้มเนียนลงที่ข้างแก้มของผม ให้พวกเราทั้งสองใกล้ชิดกัน ผมกอดแขนซินเอาไว้ หลับตาลงด้วยรอยยิ้ม

 ช่วงเวลาที่พวกเราได้อยู่ด้วยกันแบบนี้ ได้ใช้ชีวิตอย่างปกติด้วยกัน มันเป็นเหมือนภาพที่ผมฝันมาตลอดชีวิต

 "ผมรักซิน" ผมพูดเบาๆ และจุมพิตเบาๆ ลงที่แก้มขาวนั้น มองซินที่ค่อยๆ ลืมตา ซินใช้มือเกลี่ยเบาๆ ที่แก้มของผม ไล่ลงมาที่ริมฝีปาก

 "ถ้าจำได้แล้ว พวกเราจะยังเหมือนเดิมอยู่ไหม จะทำให้เจ็บปวดอีกหรือเปล่า" คำถามของซินแฝงไปด้วยความหม่นหมองในแววตา ราวกับมีความกลัวอยู่ในหัวใจของเขา

 ผมยิ้มและพลิกตัวขึ้นมากอดซินเอาไว้ พวกเรานอนกอดกันอยู่ในอ่างน้ำขนาดใหญ่ ผมแนบร่างกายกอดก่ายคนที่ผมรัก ลูบแขนซินเบาๆ อย่างปลอบประโลม

 "ไม่ว่าจะต้องเจ็บปวดอีกมากมายแค่ไหน ผมก็จะไม่มีวัน ให้พวกเราต้องพรากจากกันอีก"

 "สัญญาได้ไหม" ผมยิ้มให้กับคำขอของซิน ผมยกนิ้วก้อยขึ้นมาและเกี่ยวกับนิ้วก้อยของซินไว้แน่น

 "สัญญา ด้วยทุกสิ่งที่ผมมี"

 จุมพิตที่อ่อนโยน แนบสนิทและแสนเนิ่นนาน ความอบอุ่น ความรัก ความรู้สึกที่พวกเรามีให้กัน เป็นเหมือนพันธนาการ ยึดเหนี่ยวพวกเราไว้ ไม่ให้พรากจากกัน



8 เดือนผ่านไป

 เป็นเวลาแปดเดือนมาแล้ว ที่พวกเราใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน ซินเหมือนกับกลายเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัวของพวกเรา

 ซินย้ายเข้ามาอยู่ด้วยกันกับผม ช่วยงานร้านกาแฟที่ผมสร้าง กิจการร้านของพวกเราขายดีมากขึ้นเรื่อยๆ ผมเฝ้ามองซินที่ตั้งใจทำงานทุกอย่าง ไม่ว่าจะอบขนม ชงกาแฟ และต้อนรับลูกค้า ผมไม่เคยหุบยิ้มลงได้เลย ทุกวันที่มีซินอยู่ด้วยนั้น ทำให้ผมมีความสุขจนเต็มล้นหัวใจ

 ผมไม่เคย เล่าให้ซินฟัง ว่าก่อนหน้านี้ ชีวิตของเขาเป็นเช่นไร และซินนั้นก็ไม่เคยถาม ผมรู้สึกว่าภายในจิตใจลึกๆ ของเขา มีความกลัวเรื่องราวที่เคยเกิดขึ้น ว่ามันอาจเป็นความทรงจำที่ทำให้สองเราต้องเจ็บปวด เขาเลือก ที่จะลืมสิ่งที่เลวร้ายเหล่านั้น

 แต่ทว่า มีอยู่เพียงเรื่องเดียวเท่านั้นที่เขาอยากรู้

 เขาอยากรู้...ว่าก่อนที่เขาจะลืมทุกสิ่งไปนั้น

 เขา...รักผมมากแค่ไหน



 "เกือบจะปีนึงแล้วนะ ถ้ามีลูกได้ป่านนี้คงวิ่งกันให้พล่านแล้วมั้ง"

 "เดี๋ยวเถอะ พอเลยนะพี่เบลล์ คุณพ่อคุณแม่ก็อยู่นะ"

 เสียงหัวเราะท่ามกลางงานเลี้ยงฉลองวันเกิดของผม ตอนนี้ ผมอายุครบยี่สิบห้าปีแล้ว แต่ทุกสิ่งก็ยังคงเหมือนเดิม ยังคงมีความรัก ให้กับคนคนเดิม

 "เรื่องเด็กๆ น่ะเอาไว้ทีหลัง จะจัดงานแต่งเมื่อไหร่ดี เอาอันนี้ก่อน" นี่เป็นคำพูดของคุณแม่ ที่ทำผมเขินจนหน้าแดง มองซินที่ยิ้มมุมปากเล็กๆ เหลือบมองผมอยู่เช่นกัน

 "ต้องแบบนี้ค่ะคุณแม่ จะข้ามขั้นได้ยังไง" ฟ่างได้ทีก็ช่วยเสริม น่าตีจริงๆ เพื่อนคนนี้

 "รู้สึกจะข้ามขั้นไปไกลแล้วสิไม่ว่า"

 "พี่เบลล์" ผมส่งเสียงดุพี่เบลล์ด้วยใบหน้าที่แดงจัดยิ่งกว่า "ไม่เอาล่ะ ไม่อยู่ตรงนี้ดีกว่า เดี๋ยวไปเอาขนมเพิ่มให้นะ" ผมบอกทุกคนและลุกขึ้นเดินเข้าไปในบ้าน งานเลี้ยงเล็กๆ ของพวกเราจัดขึ้นในสวน โดยมีเพียงสมาชิกในครอบครัวและคนสนิทเท่านั้นที่ได้รับเชิญ

 แต่มีอยู่คนหนึ่งที่ผมรู้สึกสงสารมาก พี่ตะวันยังคงดีกับผมมาก ถึงแม้จะรู้ว่าผมได้เจอคนที่คิดถึงแล้ว

 ผมเดินเข้ามาในครัวและรินผสมน้ำหวานลงในเหยือกใสใบใหญ่

"ทำอะไร" การที่อยู่ๆ ก็ถูกจู่โจมเข้าที่ด้านหลัง ทำให้ผมตกใจและแทบเผลอทำเหยือกตกแตก

 ผมหันไปหาซินที่เดินตามมาเงียบๆ ในความมืด และตีแขนไปทีสองทีด้วยความเคืองเล็กๆ

 "ทำไมไม่ส่งเสียงแต่แรกล่ะซิน ผมตกใจนะ"

 "ขวัญอ่อน" ซินกอดผมจากด้านหลังและเริ่มมองผมผสมน้ำหวานต่อ

 "อื้อ ขอโทษนะที่ขวัญอ่อน" ผมพูดแบบงอนๆ แต่ก็อมยิ้ม ซินที่เห็นแบบนั้นก็หอมแก้มผม ทำให้ผมรู้สึกดีขึ้น

 "แบบนี้แหละดีแล้ว" ผมหันไปเลิกคิ้วเล็กๆ

 "ทำไมถึงดีล่ะ"

 "ไวท์ที่ไม่กลัวอะไร ก็ไม่น่าแกล้งน่ะสิ" ผมพ่นลมหายใจเบาๆ

 "ซิน คนใจร้าย" ผมแกล้งพูดและมองซินที่มีสีหน้าหม่นลงไปเล็กๆ "ซิน ผมไม่ได้ตั้งใจจะว่า..."

 "สุขสันต์ วันเกิดนะ" ผมมองซินที่ได้โอกาส ก็ผูกข้อมือเส้นหนึ่งที่ข้อมือของผม

 ผมมองข้อมือเส้นนั้น ด้วยแววตาที่สั่นระริก หัวใจพองโตไปด้วยความสุข นี่เป็นของขวัญชิ้นแรกที่ผมได้รับจากซิน

 จากซิน...คนที่ผมรักที่สุดในหัวใจ

 "ไม่รู้ว่า จะชอบไหม...."

 แทนคำตอบนั้น ผมกอดซินไว้แน่น ซบหน้าลงที่อ้อมอกอันแสนอบอุ่น นี่เป็นของขวัญที่มีค่าสำหรับผมมาก ซินนั้นมีค่ากับชีวิตของผมมากเหลือเกิน

 "ขอโทษนะ ที่ไม่มีวันพิเศษ ให้ไวท์ได้ฉลอง" ผมยิ้มทั้งน้ำตา และโน้มจับใบหน้าของซินให้เข้ามาใกล้

 "ทุกๆ วันที่มีซินอยู่ คือวันพิเศษสำหรับผม อยู่ด้วยกัน ตลอดไปนะซิน" ผมกอดซินไว้อีกครั้ง ให้ความรักของผม ส่งไปถึงคนตรงหน้าให้มากที่สุด

 "อยากจำให้ได้ ว่าเคยรักไวท์มากแค่ไหน ยังจะมากกว่าตอนนี้ได้ไหม" ซินพูดเบาๆ และก้มลงหอมที่หน้าผากของผม

 นี่เป็นคำบอกรักจากซิน ผมดีใจมาก มากจนไม่อาจกลั้นน้ำตาเอาไว้ พวกเรากุมมือกัน กอดและจูบกัน แสดงออกทุกอย่าง ให้รู้ว่าพวกเรารักกันมากแค่ไหน

 ผมอยากบอกเขา ว่ามันไม่สำคัญเลย ว่าซินคนไหนที่รักผมมากกว่ากัน ไม่สำคัญ เท่าพวกเราอยู่ด้วยกันตรงนี้

 หลังจากอยู่ในครัวกันนานเกินไป ผมก็พาซินกลับไปที่สวนของบ้าน ที่ที่ทุกคนกำลังรออยู่ ผมนั่งอยู่ข้างๆ ซิน จับมือซินเอาไว้ มองดูผู้คนที่ผมรัก กำลังพูดคุยและเล่นกันอย่างสนุกสนาน

 ในช่วงดึกนั้น พวกเราซื้อพลุและไฟเย็นมาเล่นกัน ผมพาน้องๆ ของผมมานั่งที่ใต้ต้นไม้ และจุดไฟเย็น ส่งมันให้เด็กๆ ได้ถือเล่น

 ผมมองคุณพ่อคุณแม่ที่กำลังอิงซบกันมองดูดวงจันทร์บนท้องฟ้า มองดูพี่เบลล์ที่แอบจุดไฟเย็นด้วยพลังตัวเอง มองดูฟ่างที่ชี้ให้ข้าวหอมมองดูพลุสีสวยอันใหญ่ที่กำลังพุ่งขึ้นฟ้า

 ผมมีความสุข มองดูเหล่าไฟสีสวยที่แตกกระจายบนท้องฟ้าและเลือนหายไป เหลือแต่เพียงหมู่ดวงดาว ที่ส่องแสงเป็นประกายระยิบระยับอยู่บนนั้น

 ผมเงยหน้ามองดู ดวงดาวดวงหนึ่งที่กำลังส่องแสงแรงกล้าที่สุด มันสวยงามและผมอยากจะได้ดูมันกับคนที่ผมรัก และตอนนี้ ผมก็มีโอกาสนั้นแล้ว

 ผมละสายตาจากหมู่ดวงดาว และมองไปที่ด้านหลัง ที่ที่คิดว่าคนที่ผมรักจะยืนอยู่ตรงนั้น...

 แต่ว่ามันก็ไม่เป็นเช่นนั้น

 ซิน...หายไป

 หัวใจของผมราวกับมีหลุมที่ลึกและสูบทุกอย่างให้หายไป ความสุข รอยยิ้ม ทุกสิ่งเหมือนกำลังแตกสลาย

 ผมเริ่มน้ำตาไหล ลนลาน และออกวิ่งตามหา ผมมองหาทุกที่ที่คิดว่าซินน่าจะอยู่ วิ่งลัดเลาะไปตามต้นไม้ วิ่งออกจากสวน ไปที่ตัวบ้าน

 ผมเริ่มตัวสั่น ความทรงจำเลวร้ายทุกอย่างไหลเข้ามาในหัวใจจนผมแทบสำลัก

 ผมขาดซินไม่ได้ พวกเราไม่เคยออกห่างจากกัน อย่าไป อย่าหายไปไหนอีก หัวใจผมมันรับไม่ไหวอีกแล้วหากต้องเสียซินไป

 ผมเริ่มร้องไห้มากขึ้น และตามหาคนที่เป็นเหมือนดั่งชีวิตและลมหายใจของผม

 เพล้ง!

 เสียงแก้วที่แตกกระจาย ดังมาจากด้านบน ผมรีบเปลี่ยนเป้าหมายและวิ่งอย่างสุดแรงไปตามเสียงนั้น ผมวิ่งขึ้นบันไดทีละสามขั้น และวิ่งไปหยุดยืนอยู่ที่หน้าประตูห้องนอนของผมที่เปิดกว้างเอาไว้

 แสงสว่างที่สว่างจนผมไม่อาจลืมตาขึ้นได้ถนัด กำลังปะทุระเบิดออก ผมยกแขนขึ้น ปกป้องดวงตาที่มองเห็นแต่แสงจ้า หรี่ตามองดูสิ่งสิ่งหนึ่ง ที่กำลังลอยอยู่ในอากาศ

 ขนนกสีขาวที่ขาวบริสุทธิ์ กำลังเปล่งแสงแรงกล้า และตรงหน้าขนนกนั้น คนที่กำลังลอยอยู่ในห้วงแห่งพลังนั่น...

 ผมน้ำตาไหลโล่งใจทรุดลงกับพื้น มองดูขนนกที่ส่องแสงสว่างไสว ค่อยๆ แตกออกเหมือนกับหิ่งห้อยนับล้าน

 ผมมองดูมันค่อยๆ ลอยอยู่ในอากาศและรวมตัวกันลอยเข้าสู่ร่างกายของผู้เป็นนายของมัน

 และจากนาทีนั้น ปีกสีขาวที่สว่างยิ่งกว่าแสงตะวัน กางออกแผ่ขยายไปในอากาศ เงามืดที่เคยปกคลุมคนคนนี้ ไม่มีอีกต่อไปแล้ว

 ทูตสวรรค์ที่สง่างามที่สุด ค่อยๆ ลืมตาขึ้น ซินหันมองผมด้วยน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม เท้าของซินค่อยๆ แตะลงที่พื้นอย่างแผ่วเบาดุจขนนกที่ลอยสู่พื้น

 ผมมองซินที่แววตาของเขา กลับไปเป็นเหมือนดั่งวันวาน วันวานที่พวกเราได้พบ ได้ต่อสู้กับทุกสิ่งทุกอย่างด้วยกัน และรู้ว่ารักกันหมดหัวใจ

 "ไวท์" ซินโผเข้าหาผมและกอดเอาไว้แน่นจนพวกเราล่องลอยไปด้วยกัน โอบกอดกันด้วยความคิดถึงสุดหัวใจ

 "จำได้แล้ว ว่ารักมากแค่ไหน"

 ผมร้องไห้ด้วยความดีใจกับคำพูดนั้น

 ซิน...ได้กลับมาแล้ว

 และพวกเรา จะไม่พรากจากกันอีกแล้ว...





THE END

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4825
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
จบดี ๆ ไม่ได้หรือไง ทำไวท์เสียน้ำตาอีกนะ่  :กอด1:

ออฟไลน์ FaX

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 42
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ใดๆก็คือ  ไวท์สมชื่อมาก ไม่เคยโกรธใครเลย คือแบบนสยเอกในอุคติอะ ซินก็คือรักแบบไม่พูด ชอบทำ ปกป้องมากกว่า เคมีมันเข้ากั๊นเข้ากัน อ่านทุกตอน คือน่าติดตามมาก วางโทรสับไม่ลงเลย เดาเนื้อเร่่แง จนตัวเองงง โดนไรท์หลอก 55 ขอบคุณนิยายดีๆที่นำมาให้แ่านมากๆเลยงับ เป็นกำลังใจให้ไรท์ ♥️♥️❤️

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด