Shadows ที่ 14 เพื่อนคนใหม่
ผมเดินมาตามทางเดินเรื่อยๆ ก้มหน้าหลบเสียงซุบซิบก่นด่าที่ดังขึ้นตลอดเวลาที่ผมเดินผ่าน ผมชินแล้วกับอะไรแบบนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างผมรู้ดีอยู่แก่ใจ ผมไม่จำเป็นต้องตอบโต้อะไร เพราะผมบริสุทธิ์
ซิน นายอยู่ไหนกันนะ ผมอยากให้นายอยู่ข้างๆ ผมตอนนี้เหลือเกิน
"เธอ"
ผมเงยหน้าขึ้นอีกครั้งตามเสียงเรียก และก็พบว่าคนที่ขวางผมอยู่นั้นไม่ใช่ใคร แต่เป็นอาจารย์นาธัส
"สวัสดีครับอาจารย์ คราวก่อนต้องขอโทษจริงๆ ที่ต้องรีบกลับ" ผมยิ้มให้อาจารย์ ผมลืมไปได้ยังไงกัน ว่านอกจากซินแล้ว ก็ยังมีอีกคนที่ผมสามารถพูดคุยได้
"ฉันมีเรื่องอยากคุยกับเธอ" อาจารย์เดินเข้ามาใกล้ผมอีกนิด วันนี้อาจารย์ก็ยังคงเท่เหมือนเดิม แต่ดูเหมือนพวกคุณหมอมากกว่าจริงๆ นะ
"ครับ เรื่องอะไรเหรอครับ" ผมเลิกคิ้วสงสัย
"ช่วงนี้ฉันยุ่งมาก เธอพอจะแวะมาช่วยฉันที่ห้องทำงานได้ไหม ไม่นานหรอก ฉันมีค่าจ้างให้" ผมยิ้มให้อาจารย์
"พูดอะไรกันครับ ผมจะไปช่วยแน่นอน ไม่ต้องจ้างหรอกครับ" ผมยิ้มกว้างขึ้นไปอีก เป็นคนแปลกๆ ที่ใจดีจริงๆ สินะ
"งั้นเหรอ ขอบใจนะ" อาจารย์จ้องมองผมด้วยสีหน้าเรียบๆ
"แต่ว่าวันนี้ไม่ได้นะครับ ผมต้องไปธุระ"
"พรุ่งนี้ก็ได้" ผมพยักหน้าตอบรับอาจารย์
"งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ เดี๋ยวจะเข้าเรียนสาย" ผมพูดและทำท่าจะเดินออกมา
"ไวท์" ผมหันไปมองอาจารย์ที่เรียกผมเอาไว้อีกครั้งด้วยความสงสัย
"หนังสือนั่น เป็นของเธอหรือเปล่า" ผมขมวดคิ้วและมองไปตามสายตาของอาจารย์ และก็พบว่ามีหนังสือเล่มหนึ่งตกอยู่ใกล้ๆ ขาของผมจริงๆ
ผมจ้องมองหนังสือเล่มนั้น พลางก้มลงหยิบมันขึ้นมา มันเป็นหนังสือปกสีดำที่มีสภาพเก่าและกระดาษเป็นสีเหลือง
"คือ ไม่ใช่ของผมนะครับ" ผมพลิกหนังสือไปมาและพลิกดูด้านในลวกๆ มันแปลกมากขึ้นไปอีก เพราะว่ามันไม่ใช่ภาษาที่ผมเคยเห็น และทุกหน้าก็เหมือนกับถูกเขียนด้วยลายมือหวัดๆ ทั้งเล่ม
"งั้นเหรอ งั้นก็เก็บเอาไว้ก่อน แล้วค่อยคืนเจ้าของละกัน" อาจารย์พูดบอกผม และก่อนที่ผมจะทันได้ปฏิเสธ อาจารย์ก็หายไปอย่างรวดเร็ว
ผมเดินต่อมายังห้องเรียนของผม และก็ต้องมองหาซินไปทั่วด้วยความแปลกใจ ซินหายไปไหนกันนะ นี่ก็ถึงเวลาเรียนแล้ว หรือจะไม่สบายกัน
วันนี้ก็ยังคงเป็นห้องสโลบขนาดใหญ่ แต่คนละห้องกับที่แล้วๆ มา ที่นี่เป็นเหมือนกับห้องฉายภาพยนต์ที่มีเบาะนั่งสบายและค่อนข้างมืด
ผมเลือกที่นั่งกลางๆ ที่ไม่ห่างจากคนอื่นเท่าไหร่นัก ถึงจะต้องอดทนกับคำนินทาแต่ก็ดีกว่านั่งอยู่คนเดียวและถูกผีหลอก
แต่ผมที่นั่งอยู่นั้นก็ถูกกลุ่มบุคคลที่ไม่ต้องบอกว่าใครมายุ่งวุ่นวายอีกแล้ว และดูเหมือนจะหนักขึ้นทุกที
"วันนี้ก็ดูดีจังเลยนะ" เต้ยเดินมานั่งข้างๆ ผมและเท้าคางจ้องมองผมตาเยิ้ม
"เมียมึงสงสัยโดนแกล้งมาว่ะ ที่คอมีรอยแดงๆ ด้วย" แมนที่นั่งลงอีกด้านของผมกำลังยื่นหน้าเข้ามาเพ่งดูคอผมใกล้ๆ ผมรีบเอามือลูบที่คอตัวเองและก็พบว่ารู้สึกเจ็บนิดๆ น่าจะเพราะก้อนหิน
"มึงก็ทายาให้มันดิ" ต้องที่นั่งข้างหลังผมก็ชะโงกหน้ามาแกล้งผมด้วย
"อย่าแกล้งนักสิวะ กูอยากจีบไวท์ดีๆ นะโว้ย" เต้ยพูดกับเพื่อนด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย ทำเอาทั้งสองคนหัวเราะลั่น
"แล้วเพื่อนตุ๊ดของมึงไปไหนวะ"
"ผมไม่รู้" ผมพูดเสียงเบาอย่างเศร้าสร้อย
"ปล่อยมันไปดีแล้ว ดูสภาพมันก็คิดแล้วว่าไม่น่าจะจริงใจหรอก ป่านนี้ไปกกสาวไหนแล้วมั้ง" ต้องพูดและทั้งสองคนก็พยักหน้าเห็นด้วย
ผมอยากจะหายไปจากที่นี่ตอนนี้ ยิ่งได้ยินแบบนั้น ผมก็เริ่มที่จะคิดเหมือนกัน ว่าซินคงจะเบื่อที่จะเล่นเป็นเพื่อนของผมแล้ว
หลังจากชั่วโมงเรียนจบลง ซินนั้นก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะมาเลยสักนิด ผมรู้สึกว่าผมควรจะหาเงินซื้อโทรศัพท์มือถือสักเครื่อง เพื่อติดต่อหาซินในเวลาที่ผมต้องการ
ผมมองดูคนสามคนที่กำลังคุยกันโดยมีผมนั่งอยู่ตรงกลาง แบบนี้ก็คงจะดีมั้ง ถึงพวกนี้จะชอบแกล้งผม แต่ก็ยอมเข้ามาคุยกับผมดีๆ บ้างเหมือนกัน
"ตอนบ่ายไม่มีเรียนแล้ว เราไปเที่ยวกันไหม" เต้ยพูดถามผมเบาๆ ด้วยหน้าเปื้อนยิ้ม ผมมองหน้าคนที่จ้องมองผม เป็นคนที่ขาวและตาตี่มากๆ ถ้านายไม่ชอบแกล้งผม ผมก็อยากจะชมว่านายก็ดูดีเหมือนกัน
"ผมต้องไปช่วยงานอาจารย์" ผมพูดและทำท่าเก็บกระเป๋า วันนี้คาบบ่ายอาจารย์ที่สอนขอยกเลิกคลาส ทำให้ผมมีเวลาว่างก่อนที่จะไปงานศพตอนเย็น
"โธ่ เสียดายจัง" เต้ยพูดและทำหน้าเศร้า
"ขอโทษนะ แต่เอาไว้วันหลังละกัน" ถ้าพวกนายเลิกแกล้งผมละก็นะ
ผมพูดและเดินออกมาจากห้อง เดินไปยังทางเดินเล็กๆ ทางเดิมที่ผมเคยมา ผมชอบบรรยากาศร่มรื่นของที่นี่ ลมเย็นๆ ที่พัดโชยมาทำให้รู้สึกดีและชื่นใจ
ไม่นานนัก ผมก็มาหยุดยืนอยู่ที่หน้าประตูห้องของอาจารย์นาธัส ตอนนี้อาจารย์จะอยู่ไหมนะ
"เข้ามา"
ผมที่ไม่ทันจะเคาะประตู อาจารย์ก็ส่งเสียงออกมาให้ได้ยินก่อนซะงั้น หรือว่าจะมีกล้องวงจรปิดกันนะ ผมมองไปรอบๆ บันไดแคบๆ และก็พบว่ามันว่างเปล่า
ผมเปิดประตู และเดินเข้ามาด้วยรอยยิ้ม อาจารย์นาธัสกำลังนั่งอยู่ที่โซฟา พลางยกชาขึ้นจิบด้วยท่าทีสบายๆ
"นั่งสิ" อาจารย์วางแก้วชาลงและเรียกผมเข้าไปหา
ผมค่อยๆ เดินมาและนั่งลงใกล้ๆ อาจารย์พลางมองไปรอบๆ ห้องทำงานที่อบอวนไปด้วยกลิ่นไม้หอมๆ และหนังสือเก่าๆ
"อาจารย์มีอะไรให้ผมช่วยเหรอครับ พอดีตอนบ่ายผมว่าง" ผมรับถ้วยชาจากอาจารย์มาจิบ มันหอมและทำให้ผมรู้สึกผ่อนคลาย
"เธอ ช่วงนี้มีปัญหาอะไรหรือเปล่า" อาจารย์ถามผมด้วยน้ำเสียงจริงจัง
ผมวางถ้วยชาลงพลางคิด ว่าผมควรจะปรึกษาอาจารย์ดีไหม
"คือ อาจารย์ได้ยินที่เขาพูดกันไหมครับ เรื่อง..."
"ที่มีคนตายน่ะเหรอ" ผมพยักหน้าและลูบถ้วยชาอย่างเหม่อลอย
"ผมไม่เข้าใจเลย มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ปกติคนเราเวลาฆ่าตัวตาย เราจะกลัวความตายไหมครับ ทำไมพี่เขาถึงทำท่าเหมือนไม่อยากตาย ทำไมถึงเลือกวิธีที่โหดร้ายแบบนั้น" ผมพูดด้วยความเศร้าสร้อย "ผมอยู่ตรงนั้น แต่ก็ทำอะไรไม่ได้สักอย่าง ได้แต่นั่งมองความตายตรงหน้า"
"เธอไม่ได้ทำอะไรผิด" ผมเงยหน้าขึ้นจากถ้วยชาและมองอาจารย์ที่กำลังจ้องมองผมเช่นกัน
"เธอก็แค่ อยู่ผิดที่ ผิดเวลา" ผมยิ้มให้อาจารย์ อาจารย์ก็พูดเหมือนกับซิน ที่บอกว่าผมไม่ได้ทำอะไรผิด ซึ่งผมดีใจมาก
"แต่ผมสงสัยอยู่อย่าง ก่อนพี่เขาจะฆ่าตัวตาย พี่เขาพูดอะไรแปลกๆ บอกผมว่า นอกจากพวกวิญญาณแล้ว ยังมีสิ่งที่เหนือกว่า" ผมมองหน้าอาจารย์ที่กำลังเลิกคิ้วขึ้นน้อยๆ
"ที่เขาพูดเรื่องนี้ขึ้นมา อาจารย์คิดว่ามันจะเกี่ยวข้องกันไหมครับ และอะไรกันที่มีอำนาจ และน่ากลัวกว่าผีพวกนั้น" ผมพูดเบาๆ และคิดไม่ตกกับเรื่องนี้
"ไวท์ เธอเชื่อเรื่อง โลกหลังความตายหรือเปล่า" อาจารย์พูดด้วยเสียงแผ่วเบา และผมรู้สึกขนลุกขึ้นทันที
"อาจารย์หมายถึง สวรรค์ และนรกเหรอครับ"
"ใช่ และเธอรู้หรือเปล่าว่า มีอะไรอยู่ในสถานที่แห่งนั้น" ผมส่ายหน้าน้อยๆ
"ยมทูต กับเทวดา พวกนั้นหรือเปล่าครับ" ผมพูดด้วยความไม่แน่ใจ แต่ทำเอาอาจารย์หัวเราะเบาๆ ออกมา
"ถ้าเป็นตามความเชื่อของประเทศนี้ละก็ อาจจะเรียกได้แบบนั้น แต่ความจริงน่ะ ไม่ใช่หรอก" ผมยิ่งขมวดคิ้วไปใหญ่ด้วยความสงสัย
"ไวท์ เธออยากมีทุกสิ่งทุกอย่าง อยากจะได้ทุกสิ่งที่ปรารถนาไหม" อาจารย์ถามผมด้วยใบหน้าจริงจัง
"ทุกคนก็ต้องอยากได้สิ่งเหล่านั้น แน่นอนอยู่แล้วครับ" ผมพูดตอบ
"แล้วถ้าต้องแลก กับวิญญาณของเธอล่ะ" ผมเริ่มมีสีหน้าที่ตกใจกับคำพูดนั้น
"ไม่ครับ" ผมตอบทันทีอย่างไม่ต้องคิด
"หึหึ ดีมาก" อาจารย์ยิ้มและยกชาขึ้นจิบ
"อาจารย์ อยากจะบอกผมว่า ที่พี่เจ้าของคลับต้องตาย เพราะเรื่องนี้ อย่างนั้นเหรอครับ" ผมเริ่มจะกลัวคำตอบนั้นเสียแล้ว
"ฉันจะไปรู้ได้ยังไงกัน" ผมคลายคิ้วที่ขมวดออก นั่นสินะ อาจารย์จะรู้ได้ยังไงกันล่ะ แต่ผมที่มองหน้าอาจารย์นั้นกลับเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าอาจารย์รู้หรือไม่รู้กันแน่
"ไม่รู้แหละครับ แต่ผมไม่มีวันยกวิญญาณของผมให้ภูตผีปิศาจหรืออะไรทำนองนั้นแน่ๆ" ผมพูดอย่างหนักแน่น
"บางที ถึงเธอจะไม่คิดยกให้แต่มันก็มีวิธีที่จะได้มันมา" อาจารย์พูดและยิ้มน้อยๆ มองผม
"ได้ยังไงกันครับ" ผมถามด้วยความตกใจ
"แล้วฉันจะไปรู้ได้ยังไงกันล่ะ" อาจารย์พูดและส่งยิ้มกวนๆ ให้ผม โธ่ แล้วพูดเหมือนรู้ทำไมกันละครับ
"ถ้าผมมีเรื่องสงสัย ผมจะถามอาจารย์ได้ไหมครับ เรื่องพวกนี้ผมไม่กล้าคุยกับใครเลย" ผมพูดอย่างหงอยๆ
"ด้วยความยินดี" ผมยิ้มให้อาจารย์ที่ยิ้มน้อยๆ กลับมาเช่นกัน
"มีอีกเรื่องนึงที่ผมสงสัย" ผมพูดขึ้นทันทีที่นึกได้
"อาจารย์ รู้จักซินได้ยังเหรอครับ ทำไมคราวที่แล้วที่มา ผมรู้สึกเหมือนกับว่าทั้งสองคนรู้จักกันมาก่อน" ผมมองอาจารย์ที่ทำหน้าเคร่งขึ้นทันทีที่ผมพูดถึงซิน
"อย่าไว้ใจหมอนั่น" อาจารย์พูดขึ้นเบาๆ แต่กลับดูเคร่งเครียด
"ทำไมละครับ ซินดีกับผม"
"หมอนั่นดีกับเธอจริงๆ งั้นเหรอ" อาจารย์ถามผม ซึ่งมันทำให้ผมคิดจริงๆ ว่า ซินนั้นทำดีอะไรกับผมบ้างนะ
ซินไม่เคยช่วยผมเวลาที่ผมถูกรังแก ซินชอบหายไปบ่อยๆ โดยไม่บอกผม ซินอยากให้ผมแก้แค้นพวกที่แกล้งผม ซินจูบผู้หญิงคนอื่นต่อหน้าผม ซินกอดผม และพยายามจะจูบผม...
เอ่อ พอคิดมาถึงช่วงหลังๆ ทำไมมันถึงดูแปลกๆ ยังไงก็ไม่รู้ จริงๆ แล้ว ซินก็ไม่ได้ดีกับผมมากมาย แต่ผมกลับ หยุดคิดถึงซินไม่ได้... ผมคิดถึงซินอีกแล้ว
"ซิน...เป็นเพื่อนคนแรกของผม" ผมพูดและทำหน้าหงอยตามเดิม
"งั้น ให้ฉันเป็นเพื่อนเธอด้วยดีไหม มีสองน่าจะดีกว่าหนึ่ง" ผมตาโตทันทีที่อาจารย์พูดแบบนั้น
"อาจารย์!" ผมยิ้มกว้าง คว้ามืออาจารย์และจับไว้อย่างรวดเร็ว
"พูดจริงๆ เหรอครับ" ผมยิ้มกว้างอย่างดีใจ
"มีเพื่อนเป็นคนแก่นี่ต้องดีใจขนาดนั้นเลยเหรอ" อาจารย์หัวเราะน้อยๆ อย่างใจดี ผมรู้สึกว่าอาจารย์ยิ้มบ่อยเวลาคุยกับผม ทั้งๆ ที่ภายนอกนั้นดูเคร่งขรึมและเจ้าระเบียบมาก
"ไม่แก่สักหน่อย อาจารย์ดูหนุ่มและหล่อมากๆ ครับ" ผมพูดด้วยสีหน้าจริงจัง
"งั้นเหรอ ถ้าอย่างนั้น ฉันกับซินของเธอ ใครหล่อกว่ากัน" หลังจากได้ยินคำถามนั้นแล้ว ผมถึงกับไปไม่เป็นเลยทีเดียว
"คือ..." ผมไม่กล้าตอบอ่ะ
"ผมหล่อที่สุดละกันครับ" ผมพูดตอบพลางยิ้มกว้าง ทำให้อาจารย์หัวเราะออกมาอย่างจริงจัง
พวกเราหัวเราะและคุยกันอีกหลายเรื่อง ผมว่า วันนี้ก็ไม่ได้เลวร้ายเท่าไหร่นะ ผมได้เพื่อนเพิ่มอีกคนแล้ว
ผมคงจะไม่ต้อง โดดเดี่ยวอีกแล้วใช่ไหมนะ