Chapter 41
กิจ’s Partที่ตึกภาควิชาอุตสาหการ คณะวิศวกรรมศาสตร์
ผมกำลังเดินผิวปากอย่างอารมณ์ดีเข้ามาในห้องเรียน หลังจากที่แวะส่งกันต์มันเข้าเรียนไปเรียบร้อยแล้ว ผมเดินเข้ามานั่งยังบริเวณหลังห้องอันเป็นที่ประจำของกลุ่มผม ซึ่งตอนนี้ก็มากันครบทีมแล้ว
“ เป็นไรมึง วันนี้ดูอารมณ์ดีเป็นพิเศษเลยนะ “
ไอ้บิวที่นั่งข้างๆ ผมปิดชีทเรียนที่มันกำลังอ่านอยู่ พร้อมกับหันหน้ามาถามผมทันที เมื่อเห็นท่าทีของผมในตอนนี้ ซึ่งต่างไปจากหลายๆ วันที่ผ่านมา
“ เปล๊า... “
ผมตอบไปพร้อมกับเลิกคิ้วส่งให้ด้วย จนมันถึงกับทำหน้าแหยงๆ สวนกลับมาทันที
“ เสียงสูงก็เป็นด้วยเหรอวะมึงอะ.. ห๊ะไอ้กิจ... “
ไอ้พีที่นั่งข้างหน้าไอ้บิวหันหลังกลับมาถาม จากนั้นพวกมันทั้งสามตัวต่างก็พากันจ้องหน้าผมอย่างสงสัย พร้อมกับสายตาที่คาดคั้นส่งมาให้
ผมได้แต่ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ก่อนจะคว้าเอาการ์ตูนเล่มใหม่ที่อยู่ในมือไอ้คิมมาอ่านโดยไม่ได้ขออนุญาต พร้อมทั้งผิวปากเล่นไปด้วย ซึ่งไอ้คิมมันก็โวยวายด่าผมขึ้นมาทันที แต่ผมสนใจที่ไหนล่ะครับ
ว่าแต่... วันนี้ผมดูอารมณ์ดีจนออกนอกหน้าขนาดนี้เชียวเหรอ…
“ เออมึงไอ้กิจ... น้องฮานะที่มึงให้กูไปส่งเมื่อวานนี้อะ ไม่ธรรมดาเลยนะเว้ย “
จู่ๆ ไอ้บิวก็พูดขึ้นมาครับ ซึ่งเรื่องนี้ผมเองก็พอจะรู้อยู่แล้วล่ะ
“ อืม... “
ผมขานรับในลำคอไปแค่นั้น ก่อนจะพลิกการ์ตูนไปหน้าต่อไปอย่างไม่ได้สนใจ
“ ทำไมวะไอ้บิว “
ไอ้พีถามต่อ
“ ก็เมื่อคืนตอนที่กูไปส่งน้องเขาน่ะ แม่งสารพัดจะอ่อยกูเลย นี่กูเห็นว่าคั่วอยู่กับไอ้กิจนะเว้ย กูถึงได้ไม่อะไร “
“ เดี๋ยวนะ.. เกี่ยวอะไรกับกู กูบอกแล้วไงว่าคนนี้กูไม่ยุ่ง ไอ้คิมโน่น.... แม่งเสือกมายัดเยียดให้กับกู “
ผมรีบแก้ต่างไปครับ ย้ำพวกมันบ่อยๆ จะได้ชัดเจนกันไปสักที
“ ถ้ามึงไม่เอา... นั้นกูขอสานต่อนะ “
แล้วเสียงไอ้คนที่ชักนำเธอคนนั้นเข้ามาก็พูดสวนขึ้น นี่คุณมึงยังคบกับเพื่อนเขาอยู่นะเว้ย ไอ้คิม...ไอ้เลว
“ แล้วแต่มึงเหอะ... แต่นี่มึงยังคบกับลูกพีชอยู่ไม่ใช่เหรอวะ ระวังจะไปทำให้เพื่อนเขาแตกคอกันเองนะเว้ย “
“ เออ...กูรู้น่า... กับลูกพีชเดี๋ยวกูก็จะเลิกแล้วเนี่ย... ไม่เกินสัปดาห์นี้หรอก “
“ ไอ้เลว!!! “
แล้วพวกผม 3 คนก็ด่ามันขึ้นพร้อมกันทันที มีอย่างที่ไหนละครับ เลิกกับคนนึงแล้วไปคบกับอีกคนนึงที่อยู่ในกลุ่มเดียวกัน แถมยังในเวลาไล่เลี่ยกันแบบนี้อีก...
“ เดี๋ยวก่อน...!!!! ไอ้พีกับไอ้บิวอะด่ากูได้ แต่มึงไอ้กิจ.. ช่างกล้านะ... เมื่อก่อนมึงอะยิ่งกว่ากูอีก สัด!! “
“ กูเลิกแล้ว!!! เดี๋ยวนี้กูเป็นคนดีตามหารักแท้แล้วเว้ย “
“ เหรอ... “
สัดคิม... อย่ามาทำสายตาและน้ำเสียงแบบนี้นะเว้ย
“ ถ้างั้น.. เกียร์ที่มึงเก็บไว้...? ก็ใกล้จะมีเจ้าของแล้วดิ “
ไอ้บิวถามขึ้นมาครับ... ซึ่งผมก็ไม่ได้ตอบอะไรกลับไป ได้แต่ยิ้มเล็กๆ ที่มุมปากขึ้นมาก็เท่านั้น
“ เออ.. ส่วนเรื่องฮานะ มึงจะยังไงก็ช่าง แต่อย่าให้มาวุ่นวายอะไรกับกูอีกนะ “
ผมชี้หน้าไอ้คิมย้ำมันไปอีกรอบครับ
“ เออ...กูรู้แล้ว... ที่กูช่วยดันก็เพราะลูกพีชเขาขอให้กูช่วยเพื่อนเขาก็แค่นั้น แล้วกูก็เห็นว่าช่วงนี้มึงจืดไปหน่อย กูก็เลยอยากหาผู้หญิงมาให้ แต่ถ้ามึงไม่ชอบ... กูก็จะไม่ยุ่งแล้ว “
ดีมาก.... ผมจะได้สบายตัวสักที บอกตรงๆ นะ ถ้าผมไม่ชอบใคร ผมจะรำคาญมากกับคนที่มาตามตื๊อผมไม่เลิกแบบนี้
.......................
ตลอดช่วงเช้าที่ผ่านมา นอกจากไอ้บิวแล้ว กลุ่มผมก็ไม่มีใครที่จะสนใจฟังอาจารย์พูดเลยสักคนเดียว ไม่ว่าจะเป็นไอ้พีที่นั่งเท้าคางสัปหงก ไอ้คิมที่เลื่อนดูภาพสาวๆ ในเพจอะไรของมันไปเรื่อย ส่วนผมเองก็กำลังอ่านการ์ตูนที่แย่งจากไอ้คิมมาเมื่อเช้าจนเกือบจะจบแล้วในตอนนี้ แต่ถึงจะเห็นอย่างนี้นะครับ สุดท้ายพวกผมก็เอาตัวกันรอดทุกคนอยู่ดีนั่นแหละ แม้ว่าบางคนอย่างไอ้พีกับไอ้คิมจะต้องหัวฟูทุกครั้งเวลาที่สอบก็ตาม
“ เชร็ดดดด... ไอ้กิจมึงดูนี่ “
ไอ้คิมมันอุทานขึ้นมาเบาๆ เพราะไม่อยากจะโดนอาจารย์ดุ ก่อนจะหันหลังมาหาผมพร้อมกับเอาโทรศัพท์ยื่นมาให้ ผมรับมาก่อนจะปรายตามองไปอย่างเบื่อๆ เพราะรู้ว่ามันคงจะเอารูปสาวๆ น่ารักๆ ที่ไหนสักคนมาให้ดูอีกเหมือนเคย
แต่ทว่า... คราวนี้มันไม่ใช่
ผมเบิกตาโพรงขึ้นมาทันที เมื่อภาพที่เห็นตรงหน้า เป็นภาพของกันต์ที่กำลังฟุบหลับอยู่ในร้านกาแฟ โดยที่ข้างๆ มีไอ้น้องธันกำลังนั่งจ้องมันตาเยิ้มอยู่ พร้อมกับแคปชั่นที่ว่า “ คู่จิ้นคู่ใหม่... “
ผมเลื่อนดูภาพต่อไปเรื่อยๆ อีกเกือบ 10 ภาพ ซึ่งก็เป็นภาพที่สองคนนั้นอยู่ด้วยกันทั้งในร้านกาแฟ และที่สนามบาสเมื่อวานนี้ แต่จากหลายๆ ภาพที่เห็นไอ้น้องธันมันมองกันต์แล้ว บอกได้คำเดียวเลยละครับว่า ไอ้น้องธันมันต้องชอบกันต์แน่ๆ
ผมปิดหนังสือการ์ตูนลงทันที เพราะไม่มีอารมณ์จะอ่านต่อแล้ว อย่างนี้ชักไม่ได้การซะแล้วล่ะครับ...
ถ้าไอ้น้องธันนั่นมันทำสำเร็จขึ้นมาจริงๆ ล่ะก็... ผมคงต้องเสียกันต์มันไปอย่างแน่นอน
จะให้แววตา สีหน้าและสัมผัสเหล่านั้นไปเป็นของคนอื่นได้ยังไงกัน... ใครจะยอม....
นี่มันคนในปกครองของผมนะ...
ยังไงผมก็ต้องขัดขวางให้ถึงที่สุด...
.........................................
กันต์’s Partที่ห้อง Lab ภาควิชาเคมี
“ เออมึงไอ้กันต์... พี่ฮานะนั่นน่ะ ตกลงยังไงวะกับพี่กิจ... “
จู่ๆ ไอ้แน๊คมันก็ถามขึ้นมา ขณะที่ผมกับไอ้เจมส์กำลังช่วยกันทำความสะอาดอุปกรณ์ที่ใช้ทำการทดลองเมื่อสักครู่นี้อยู่
“ อะไรยังไง... กูไม่เข้าใจ “
“ ก็กูหมายถึงว่า เป็นคนที่พี่เขากำลังคบอยู่ตอนนี้รึเปล่าวะ “
“ ไม่รู้ดิ มึงก็ไปถามพี่เขาเองสิวะ “
ผมบอกไปแค่นั้น เพราะจะว่าไป... ลึกๆ แล้ว ผมเองก็ยังไม่ค่อยแน่ใจเลยกับสิ่งที่พี่เขาพูดมาเมื่อคืนนี้สักเท่าไหร่ ถ้าไม่ใช่เพราะน้ำเสียงและแววตาคู่นั้นละก็... ผมคงจะไม่เชื่ออย่างแน่นอน ถ้าเทียบกับสิ่งที่ผมได้ยินจากปากของเพื่อนพี่ฮานะที่ร้านอาหารเมื่อวานนี้.. แต่ว่า.. ผมก็อยากจะลองเชื่อใจพี่เขาดูอีกสักครั้งนะครับ
“ ใครจะกล้าวะ ยิ่งเป็นพี่กิจด้วยแล้ว ก็มีแต่มึงเท่านั้นแหละที่ทำได้ “
“ อะไร... ไอ้เจมส์นี่... น้องรหัสพี่เขาเลย มึงอยากได้ข้อมูลอะไรมึงก็ถามมันนี่.. ไม่ใช่กู “
ผมปัดภาระไปให้ยังคนข้างๆ ครับ
“ ถึงกูจะเป็นน้องรหัส แต่พี่เขาดูแลมึงดีกว่ากูซะอีก อย่าให้กูต้องพูดนะ... “
ดูแลดีตรงไหน ใครจะรู้ละครับว่าเบื้องหลังผมกับพี่เขาทะเลาะกันมาตั้งกี่ครั้ง
“ ใช่... มึงอะไปสืบมาเลยไอ้กันต์ ว่าตกลงมันยังไงกันแน่ เพราะกูอยากรู้ว่าสุดท้ายแล้วเกียร์ทองมันจะเป็นของใคร “
แล้วไอ้แน๊คมันก็มอบหมายงานที่ผมเองก็อยากจะรู้เหมือนกันมาให้ เพียงแต่... ผมคงจะไม่ทำตามมันหรอกครับ... ว่าแต่... เมื่อกี้มันพูดเรื่องอะไรนะ... เกียร์ทองอะไร...?
“ เดี๋ยวนะมึงไอ้แน๊ค อะไรคือเกียร์ทองวะ “
“ เอ๊า.. นี่มึงอยู่กับพี่เขาประสาอะไร ถึงไม่รู้เรื่องสำคัญแบบนี้ “
“ คืออะไร.. กูไม่เข้าใจ “
ผมพูดจบทั้งไอ้เจมส์และไอ้เรย์ต่างก็เสนอหน้าอยากรู้อยากเห็นเข้าเหมือนกัน ซึ่งนั่นก็แปลว่าคงจะไม่ใช่มีแค่ผมคนเดียวแล้วละครับที่ยังไม่รู้
“ ก็เกียร์ทองไง นี่พวกมึงไม่เคยได้ยินเรื่องเล่าของคณะเรารึไงวะ “
มันพูดจบพวกผมทั้งสามคนต่างก็พากันส่ายหน้าขึ้นมาพร้อมกันทันที
“ ก็... อย่าที่พวกมึงรู้กันไง ว่าสัญลักษณ์แทนใจของพวกเราชาววิศวะก็คือเกียร์ ซึ่งพวกเรามักจะเอาไปให้กับสาวที่เราชอบ แต่ว่า... ตั้งแต่ที่มีพี่กิจเข้ามาเรียนที่นี่อะ ทุกคนต่างก็อยากรู้ว่าใครกันที่จะได้เป็นเจ้าของเกียร์ของพี่เขา ซึ่งจนถึงทุกวันนี้ ก็ยังไม่มีใครเลยที่ได้.. แต่ที่เด็ดไปกว่านั้นก็คือ มันมีเรื่องเล่ากันว่า... พี่กิจอะสั่งทำเกียร์ขึ้นมาเองเป็นพิเศษ ไม่ใช่เกียร์ทองเหลืองอย่างที่พวกเราจะได้กันหรอกนะ... แต่เป็นทอง กูหมายถึงทองคำจริงๆ นะเว้ย... แต่ก็ยังไม่เคยมีใครได้เห็นหรอกนะ มันเลยเป็นแค่เรื่องเล่าที่มีมูลความจริงมาจากคนวงในอะ “
กูว่ามึงเหมาะที่จะไปเป็นนักข่าวมากกว่าวิศวกรนะไอ้แน๊ค... แม่งรู้ซะทุกเรื่องเลย... แต่จะว่าไป เรื่องนี้ผมเองก็ยังไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยนะครับ มันจะมีจริงอย่างที่ว่ามาเหรอ หรือบางที... อาจจะเป็นแค่เรื่องเล่าจริงๆ ก็ได้
“ เชร็ดดดด เท่ห์ว่ะพี่กิจกู “
ไอ้เรย์มันว่ามาตาเป็นประกายครับ เพราะถึงไงสำหรับมันแล้ว พี่กิจก็ยังคงเป็นไอดอลของมันอยู่ดีนั่นแหละ ถึงมันจะชอบบ่นถึงความโหดของพี่กิจตอนอยู่ที่ชมรมให้พวกผมฟังอยู่บ่อยๆ ก็เถอะ
“ ข่าวลือรึเปล่าก็ไม่รู้... “
ผมพูดออกไปอย่างเซ็งๆ ครับ เพราะถึงไงผมก็คงจะไม่มีสิทธิ์ได้ใส่ของแบบนั้นหรอก ถ้ามันจะมีอยู่จริง... อย่างนั้นแล้ว... สู้ให้มันไม่มีจริงเลยซะยังจะดีกว่า หากต้องเห็นใครได้มันไป ผมคงจะรู้สึกแย่น่าดู
“ แต่ก็ไม่แน่นะ เพราะกูเหมือนเคยจะได้ยินพี่เอ็กซ์พูดมาผ่านๆ อยู่เหมือนกัน “
ไอ้เจมส์เสริมขึ้นมาบ้าง...
“ แต่กูว่านะ... พี่ฮานะแม่ง.. ไม่เหมาะกับพี่กิจเลยว่ะ ถึงจะสวยก็เถอะ แต่ทัศนะคติพี่แกแม่งแย่ว่ะ อย่างตอนที่พี่เขาแขวะมึงเมื่อวานนี้ไง “
ไอ้แน๊คพูดจบ คนอื่นๆ ก็พากันพยักหน้าเห็นด้วยตาม
…………………….
4 โมงเย็น
“ เดี๋ยวมึงไปไหนต่อวะ “
ไอ้เรย์มันถามผมขึ้นมาขณะที่เรากำลังเก็บของใส่กระเป๋าหลังเลิกเรียนครับ
“ กลับห้อง ไม่รู้จะไปไหนว่ะ เดี๋ยวไปนั่งรอไอ้ธันมันที่ใต้ตึกอะ มันไลน์มาบอกว่าใกล้เลิกละ จะได้กลับพร้อมกัน “
ผมตอบไปเพราะวันนี้ไม่มีซ้อมที่ชมรมครับ เบื่อๆ ด้วยแหละ กลับห้องเลยดีกว่า ส่วนไอ้เรย์มันต้องไปซ้อมบาสต่อ ไม่รู้ชมรมนี้มันจะขยันซ้อมอะไรกันนักหนา แต่ถึงมันจะซ้อมหนัก เดี๋ยวนี้แม่งก็ไม่บ่นแล้วล่ะครับ ก็เล่นมีแพรไปนั่งให้กำลังใจอยู่ข้างสนามทุกวันเลยแบบนี้...
เห้อ... อิจฉาคนมีแฟนจัง... พอมองดูตัวเองแล้ว.... ก็ได้แต่ถอนหายใจครับ รักแรกแท้ๆ... ยังลืมไม่ได้เลยเนี่ย...
“ ไปดูหนังกับพวกกูมั้ย “
ไอ้เจมส์ชวนมาครับ แต่ผมก็ปฏิเสธไป ไม่ค่อยมีอารมณ์บันเทิงสักเท่าไหร่เลยครับช่วงนี้ กลับห้องอะดีที่สุดแล้วผมว่า
หลังจากที่แยกกับทุกคนแล้ว ผมก็มานั่งเล่นโทรศัพท์รอไอ้ธันที่ม้านั่งยาวใต้ตึกครับ ไม่นานก็เห็นมันเดินหล่อมาแต่ไกลพร้อมกับแพร
“ รอนานมั้ย “ มันทักขึ้น
“ ไม่อะ.. “
“ นั้นเดี่ยวเราไปหาเรย์ก่อนนะ ไว้เจอกันนะทั้งสองคน “
พอแพรแยกตัวไป ผมก็เตรียมจะลุกขึ้นจากโต๊ะเพื่อเตรียมตัวกลับครับ แต่พอมองไปรอบๆ แล้ว ไม่รู้ว่าผมคิดไปเองหรือว่ามันผิดปกติจริงๆ ที่เห็นหลายๆ คนจับจ้องมาที่พวกเรามากกว่าปกติ แถมบางคนยังเหมือนจะซุบซิบอะไรกันอีกด้วย
“ แฮ่ม!!! “
แล้วจู่ๆ เสียงกระแอมที่คุ้นหูก็ดังขึ้นมาจากทางด้านหลัง
ไอ้ธันยกมือไหว้พี่กิจ ซึ่งพี่เขาก็รับไว้ด้วยสีหน้าแปลกๆ ก่อนจะพูดขึ้นกับผม
“ เลิกแล้วใช่มั้ย “
“ เอ่อ.. เลิกแล้วครับ ทำไมเหรอพี่ “
ผมทำหน้างงถามกลับไป เพราะปกติก็ไม่เคยเห็นจะมาถามอะไรแบบนี้เลย
“ นั้นปะ “
“ ไปไหน... “
“ ธุระ.... “
“ ธุระอะไร ผมไม่เห็นจะรู้เรื่องเลย แล้วพี่ไม่ต้องไปซ้อมบาสเหรอ “
พี่กิจถือวิสาสะเดินมาจับมือผมและกำลังจะลากไปครับ แต่ผมรั้งเอาไว้ก่อน
“ ก็มีธุระไง... ไม่ซ้อม... แล้วเราก็ต้องไปกับพี่ด้วย “
“ เห้ย...อะไร... ผมกำลังจะกลับห้องกับไอ้ธันมันอยู่เนี่ย “
“ กลับกับพี่... จะไปรบกวนคนอื่นเขาทำไม... ส่วนน้อง...กลับไปก่อนได้เลยนะ “
แล้วพี่กิจก็ไม่ฟังอะไรอีก เดินลากผมออกไปทันที ทิ้งให้ไอ้ธันได้แต่ยืนทำหน้างงอยู่ตรงนั้น
...............
ภายในรถ
“ ธุระอะไรอะพี่ ผมไม่เห็นจะรู้เรื่องเลย แล้วทำไมผมถึงต้องไปด้วยล่ะ “
ผมเริ่มโวยวายขึ้นมาครับ พี่กิจเลยเหลือบตามามองผมเล็กน้อยพร้อมกับรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่มุมปาก ก่อนจะตอบมาด้วยน้ำเสียงสบายๆ
“ ก็ไปกินข้าวเย็นไง... “
“ อ้าวเห้ย!! “
สายไปแล้วล่ะครับกว่าที่จะรู้ว่าถูกหลอก... เมื่อพี่กิจเหยียบคันเร่งออกรถไปแล้วในตอนนี้...
นี่มันแกล้งกันชัดๆ เลยนี่หว่า.... ไอ้พี่บ้า!!!!
......................
มื้อนี้พี่กิจพามาร้านอาหารหรูบนตึกสูงครับ และดูเหมือนว่าพี่เขาจะจองโต๊ะเอาไว้แล้วด้วย เมื่อบริกรเดินนำเราไปยังโต๊ะตรงริมระเบียงสำหรับสองที่กับวิวดีๆ ที่มองออกไปได้กว้างเกินกว่า 180 องศา
ท่ามกลางผู้คนที่ดูท่าทางจะมีฐานะจากการแต่งตัวที่ดูภูมิฐาน คงจะมีเพียงแค่เราสองคนเท่านั้นแหละครับที่ใส่ชุดนักศึกษาธรรมดาๆ ไม่สิ... อีพี่กิจหนักกว่าผมอีก เพราะใส่แค่เสื้อยืดพอดีตัวสีดำกับกางเกงยีนส์เพียงเท่านั้น (เพราะถอดช็อปออกไปพาดไว้ที่เบาะรถ)
พี่กิจสั่งอาหารนู่นนี่นั่นอย่างชำชาญผิดกับผมที่ดูจะเกร็งๆ กับร้านอาหารหรูๆ แบบนี้ ซึ่งหลังจากที่บริกรออกไปพร้อมกับเมนูแล้ว ผมก็เอ่ยถามกับพี่กิจที่กำลังนั่งมองไปไกลๆ ยังวิวด้านข้างขึ้นมาทันที
“ ทำไมพี่ต้องลากผมมาด้วยล่ะ... อีกอย่าง...จะมาร้านหรูๆ แบบนี้ ทำไมไม่บอกกันก่อน “
“ ก็พี่ต้องมาดูงานให้พ่อ แต่นี่แวะมากินข้าวกันก่อนไง “
“ งานไรอะ ทำไมต้องมาถึงที่นี่ด้วย “
“ ก็โรงแรมที่อยู่ด้านล่างนี่ไง แต่พี่อยากพาเรามาเปลี่ยนบรรยากาศบ้าง เลยพามากินที่ร้านด้านบนนี้ดีกว่า “
“ จริงๆ ไม่ต้องสิ้นเปลืองก็ได้... ผมอะกินอะไรก็ได้อยู่แล้ว “
“ ก็รู้.... แต่นานๆ ทีพี่ก็อยากให้เราได้เปลี่ยนบรรยากาศบ้างไง ไม่ชอบเหรอ... แล้วอีกอย่าง ช่วงนี้เราสองคนก็ไม่ค่อยได้ไปไหนมาไหนด้วยกันเลยนะ... “
เห้อ... เห็นสีหน้าและน้ำเสียงแบบนี้ของพี่เขาแล้ว... แบบนี้เมื่อไหร่ผมถึงจะตัดใจได้ละเนี่ย ไม่แปลกใจเลยที่ทำไมถึงได้มีแต่คนมาชอบ เพราะถึงแม้ว่าพี่เขาจะไม่ได้รวยล้นฟ้าขนาดนี้ แต่ด้วยหน้าตา บุคลิกภาพและการดูแลเอาใจใส่ มันก็ไม่ใช่เรื่องยากเลยที่จะทำให้คนมาหลงใหลได้ง่ายๆ แบบนี้
“ ทำไมยังต้องมาทำดีกับผมอีกล่ะ ทั้งๆ ที่พี่ก็รู้ว่าผม.... คิดยังไง “
“ แล้วไง... ไม่ชอบเหรอที่พี่ทำดีด้วย... หรือเราชอบแบบซาดิสต์... ห๊ะ... “
ทำหน้าอย่างนี้ถามมา มันหมายความว่าไงห๊ะ ไอ้... ไอ้หื่น ไอ้บ้ากาม ไอ้...
“ โรคจิต ใครจะไปคิดอะไรแบบนั้น “
“ นี่ๆ รู้เหรอว่าพี่หมายถึงเรื่องอะไร ใครกันแน่ที่หมกมุ่น “
“ ... ชิส์ “
อยากจะด่านะครับเมื่อเห็นท่าทียั่วโมโหและสีหน้ากวนบาทาของพี่เขาในตอนนี้ แต่ก็ด่าไม่ออก คือไม่รู้จะด่าอะไรดี
อาหารน่ากินถูกทยอยเสริฟมาทีละอย่าง พร้อมกับไวน์ที่ผมพึ่งจะลองกินเป็นครั้งแรก ซึ่งรสชาติมันก็แปลกๆ ดีนะครับ แต่พอกินไปเรื่อยๆ มันก็... เริ่มอร่อยดีแฮะ....
“ แล้วนี่พี่กิจต้องทำงานอะไรให้ที่บ้านบ้างอะ “
“ จริงๆ ก็เกือบทุกอย่างนั่นแหละ ต้องเข้าใจระบบงาน ต้องเริ่มสร้างความน่าเชื่อถือของตัวเองให้กับองกร และอีกหลายอย่าง ทำไงได้ล่ะ...ก็มันไม่มีทางเลือกนี่ แต่เราเองก็โตแล้วด้วย... 20 กว่าแล้ว ถึงเวลาต้องเริ่มปรับตัวเข้าสู่วัยทำงานได้แล้วล่ะ แถมธุรกิจที่บ้านก็มีตั้งเยอะ ถ้าไม่เริ่มซะตั้งแต่ตอนนี้ ต่อไปมันก็จะลำบาก “
“ เหนื่อยแย่เลยดิแบบนี้ แค่เรื่องเรียนก็หนักมากพอแล้ว “
“ ก็ใช่นะ.. แต่พี่เก่งไง แค่นี้จิ๊บๆ “
“ แหวะ... คนอะไรชมตัวเองก็เป็น “
“ ก็ถ้าพี่ไม่ชมตัวเองแล้ว...เราจะชมพี่รึไง “
อย่ามาทำตาเยิ้มใส่ผมนะ ผมไม่ใช่สาวๆ ของพี่สักหน่อย
“ บ้าดิ ไม่มีทาง “
พูดจบผมก็เสหันไปมองยังนอกระเบียงทันที ทำตัวไม่ถูกเลยครับเวลาเจอสายตาแบบนี้ของพี่เขา
“ เอ๊า... นี่เรา... ไม่ชอบพี่แล้วเหรอ “
“ แคกๆ!! “
ผมถึงกับสำลักขึ้นมาทันที ก่อนจะหันกลับมามองยังคนตรงหน้า
“ อะไรของพี่เนี่ย... อย่ามาแกล้งผมอย่างนี้นะ ผมไม่ชอบ... “
ก็รู้อยู่ว่าผมรู้สึกยังไง ยังจะมาพูดแบบนี้อีก โหดร้ายเกินไปแล้ว ไอ้คน.... บ้า....
พูดจบพี่เขาก็ยิ้มขำผมครับ ก่อนจะจิบไวน์ตรงหน้าต่อ
บรรยากาศพลบค่ำตอนนี้มันดีมากเลยครับ เป็นครั้งแรกที่ผมได้เห็นกรุงเทพฯในมุมที่สูงขนาดนี้ แสงไฟที่เริ่มสว่างไสวยามราตรีในเมืองใหญ่ เมื่อมองจากมุมนี้... มันก็สวยดีเหมือนกันนะครับ...
ดูจากท่าทีของพี่กิจแล้ว... แม้พี่เขาจะไม่ได้รับรักผมตอบกลับมาก็ตาม แต่อย่างน้อย... พี่เขาก็ไม่ได้รังเกียจผมเลย... แถมดูจะเอาใจใส่และพยายามจะทำให้เรากลับมาเป็นเหมือนเดิมกันอีกครั้ง....
กลับมาเป็นพี่น้องกันเหมือนเดิม...
แต่ขอเวลาผมอีกสักหน่อยนะครับ ถ้าผมทำใจได้แล้ว... เราจะกลับมาเป็นพี่น้องกันเหมือนเดิม..
...........................................